ตอนที่ 27
จิตราเข้ามาดูอาการของพี่สาวที่โรงพยาบาล บังเอิญมาพบกับนายศรและส้มที่พาสินมารักษาผ่าตัดเอาลูกกระสุนออกจากขา หล่อนจึงต้องรับภาระดูแลค่าใช้จ่ายให้และขอร้องนายศรว่าให้ปิดเรื่องนี้เป็นความลับ อย่าคิดบอกใคร หรือแจ้งตำรวจให้ทำอะไรบุตรชายหล่อน นายศรได้โอกาสรีดไถเงินเกินจำนวนค่ารักษาพยาบาลบุตรชายจึงทำซะ จิตราไม่กล้าขัด เพราะเป็นห่วงอนาคตบุตรชายคนเล็กอยู่เช่นกัน จึงยอมจ่ายๆ ไปตามที่ขอ พอนายศรได้เงินสมใจก็พาบุตรสาวและบุตรชายกลับไปหัวเราะเสียงดังลั่นเรือนที่หลอกไถเอาเงินจิตรามาได้ เรื่องนี้นายศรเองก็ไม่คิดจะแจ้งตำรวจหรือบอกใครอยู่แล้ว การทำอะไรให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายไม่ใช่สันดานของเขา ในเมื่อไอ้เด็กอาทีมันกล้ามาแหย่หนวดเสือขนาดนี้ เสือร้ายตัวนี้ก็พร้อมจะขย้ำมันให้ร่างแหลกเละคามือเช่นกัน
“พ่อ พ่อคงไม่คิดทำอะไรพี่อาทีนะ” ส้มที่ยังไม่รู้ถึงความคิดของบิดาเอ่ยถามขึ้น สินที่ฟังอยู่โมโหน้องสาวที่จนป่านนี้ยังหวังลมๆ แล้งๆ กับไอ้สองพี่น้องนั่นจึงตวาด
“อีส้ม! ให้มันน้อยๆ หน่อยนะมึง หนอยความผิดที่มึงปากโป้งบอกไอ้อาทีว่ากูกับพ่อบุกไปพังเรือนเพื่อนรักมันจนมันคว้าเอาปืนมายิงขากูเนี่ยกูยังไม่คิดบัญชีกับมึงเลยนะอีน้องอกตัญญู”
“เอ๊ะ! พี่สิน อย่ามาว่าฉันแบบนี้นะ ก็ฉันรักของฉันนี่ อะไรที่ทำให้พี่อาทีและพี่อาทิตย์ได้ทำไมฉันจะไม่ทำ” ส้มเอ่ยแย้ง สินถลาจะเข้าตบหน้าสั่งสอนเพราะโมโห แต่นายศรตวาดห้ามไว้
“หยุด! ไอ้สิน เอ็งจะมาตบตีน้องเอ็งทำไม มันอุตส่าห์หยุดเรียนพาเอ็งไปโรงพยาบาล เป็นพี่น้องกันต้องรักกันสิ จะมากัดกันเหมือนหมาทำไม เอ็งน่ะควรจะเก็บแรงไว้เพื่อล้างแค้นดีกว่า จะมาเสียเหงื่อเพราะอีส้มมันเพื่ออะไร”
“ล้างแค้น หมายความว่ายังไงอ่ะพ่อ พ่อจะทำอะไรพี่อาที” ส้มเกาะแขนบิดาเขย่าถามเอาความจริง นายศรรู้ตัวว่าพลั้งปากไปจึงรีบแก้ต่างให้ตัวเอง
“ที่ข้าบอกว่าล้างแค้นข้าหมายถึงการวางแผนเตรียมฮุบไร่นี้โว้ยอีส้ม ข้าไม่ทำอะไรคนที่เอ็งรักเอ็งชอบหรอกน่า”
“จริงๆ นะ” ส้มถามเพื่อความแน่ใจ พอเห็นบิดาพยักหน้ายืนยันก็ออกอาการเบาใจแล้วรีบโผเข้าสวมกอดฝ่ายนั้นเอ่ยบอก
“ไม่ใช่เฉพาะพี่อาทีนะ พี่อาทิตย์ด้วยพ่อก็ห้ามทำอะไร เพราะสองคนนี้ส้มกำลังตัดสินอยู่ว่าเอาใครมาเป็นลูกเขยพอดี”
ทางด้านหลังน้องสาวสินแอบส่ายหน้ากับอาการเพ้อฝันที่ได้ยินอย่างนึกสังเวชใจ เรื่องอะไรเขาจะปล่อยให้ครอบครัวนังจิตรามันเหลือโครตเหง้าไว้ตำตาตำใจ สู้จัดการเสียให้สิ้นซากไม่ดีกว่ารึ
***************************************************************************************
หลังจากเยี่ยมดูอาการจันทร์จวงเสร็จจิตราก็กลับมายังเรือน หล่อนนั่งเคว้งอยู่บนเรือนเพียงลำพัง ดูทุกอย่างรอบกายตอนนี้มันเงียบเหงาไปหมด บ่าวไพร่ที่เคยอยู่เต็มเรือนตอนที่พี่สาวหล่อนอยู่บัดนี้ไม่มีร่างใครย่างกายมาให้หล่อนเห็นเลย จะมาทั้งทีก็ต้องรอให้หล่อนเรียกใช้ หล่อนถามไถ่หาสาวใช้คนสนิทอย่างเพลินพิศก็ได้คำตอบชวนฉุนว่าเจ้าตัวกำลังหายาสมุนไพรประคบประหงมให้รอยบวมตามใบหน้าหายเป็นปกติ จึงไม่สะดวกมารับใช้ชั่วคราว นั่งเคว้งได้สักพักหล่อนก็ตัดสินใจเดินไปยังห้องบุตรชายคนเล็ก คิดเอาว่าจะพบร่างเจ้าตัวนอนหลับพักผ่อนอยู่ แต่พอเปิดประตูเข้าไปห้องนั้นก็ว่างเปล่าไม่มีซึ่งเงาของใคร หล่อนหันมองสำรวจรอบห้อง ห้องที่หล่อนไม่เคยคิดจะเข้ามาเยี่ยมเยียนบุตรชายเลยหากไม่ได้เข้ามาหาเรื่องต่อว่าตบตี ยอมรับว่ารู้สึกเหงาหงอยอย่างพิลึกเมื่อรับรู้ได้ว่าตอนนี้เจ้าตัวหนีหายไปไหนแล้วก็ยังไม่อาจรู้ได้ หล่อนยังไม่ได้ใช้คนงานในไร่ตามหาหรอก เพราะยังหวังว่าบุตรชายจะกลับมาเอง แต่แล้วการที่หล่อนก้าวเข้ามาในห้องนี้แล้วพบกับความว่างเปล่าอารมณ์หดหู่ใจก็เข้าจู่โจมหล่อนไม่น้อย หล่อนหันไปมองภาพถ่ายใบเล็กของบุตรชายที่อยู่ในกรอบรูปไม้สลักลวดลายวิจิตรที่ตั้งอยู่บนหัวเตียง ตัดสินเดินไปนั่งลงบนขอบเตียงแล้วเอื้อมมือไปหยิบมาดู ภาพถ่ายใบนั้นบุตรชายหล่อนกำลังร่าเริงนัก หล่อนไม่รู้ว่าใครเป็นถ่ายภาพนี้ให้เจ้าตัว รู้แต่ว่ามันสามารถสร้างรอยยิ้มบางๆ ให้หล่อนได้ยามจ้องมอง
เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังอยู่ภายนอกห้องทำให้จิตราหยุดสนใจกับภาพบุตรชาย หล่อนวางมันไว้ที่เดิม แล้วลุกเดินออกไปนอกห้องเพื่อไปดูว่าใครมา
“อาที” หล่อนเอ่ยครางชื่อบุตรชายเบาๆ ในตอนเห็นร่างนั้นชะงักหยุดเดินแล้วเงยหน้าขึ้นมองหล่อน ใบหน้าบุตรชายหล่อนตอนนี้ช่างบึ้งตึงนัก โธ่ลูกน้อยของแม่ คงจะโกรธแม่สินะ วันนี้เถอะเราจะได้ปรับความเข้าใจกันนะลูกนะ หล่อนนึกในใจเมื่อคิดอยากจะปรับความเข้าใจกับฝ่ายนั้นจริงๆ สองขาจึงเดินออกมาหาร่างบุตรชายที่ยังยืนจ้องมองหล่อนด้วยสายตาชิงชังอยู่ แปลกจังวันนี้หล่อนไม่รู้สึกโกรธเกลียดแววตานั่นเลยแม้แต่นิด ตรงกันข้ามหล่อนรู้สึกอยากจะดึงร่างนั่นเข้ามากอดมาหอมและเอ่ยขอโทษในสิ่งที่ทำลงไปพร้อมเอ่ยปรับความเข้าใจกันเหลือทน
ร่างบุตรชายเดินถอยหนีช้าๆ แววตาเจ้าตัวยังคงมองมาแบบเย็นชาเช่นเคย หล่อนจึงเผยยิ้มน้อยๆ เพื่อเป็นสัญญาณบอกว่าวันนี้หล่อนไม่ได้ร้ายกาจอย่างคืนนั้นแล้ว แต่รอยยิ้มของหล่อนท่าจะไม่เป็นผลเมื่อร่างบุตรชายหมุนตัวเดินกลับออกไปทางชานเรือนคล้ายไม่อยากสนทนากับหล่อน ร่างนั้นเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นตอนหล่อนเร่งฝีเท้าเดินตาม จนเมื่อเห็นเจ้าตัวกำลังจะลงจากเรือนไปจึงยอมตะโกนบอก
“อาที ฟังแม่ก่อนลูก แม่ขอโทษ” คำพูดของหล่อนได้ผล หล่อนดีใจยิ่งนักที่ร่างบุตรชายยอมยืนนิ่งๆ อยู่ตรงเชิงบันไดก่อนเจ้าตัวจะหันมาส่งยิ้มให้หล่อนจางๆ
จิตรารู้สึกสุขล้นในใจที่ได้รับรอยยิ้มแรกจากบุตรชายคนเล็ก หล่อนรีบเดินตรงไปหาร่างนั้น แต่แล้วก็ใจหายอีกเมื่อเจ้าตัวหมุนตัวพาร่างวิ่งลงบันไดเรือนไป
“อาทีรอแม่ก่อนลูก” หล่อนส่งเสียงเรียกแล้วรีบวิ่งตามไป ใจหายวาบเมื่อไปถึงบันไดร่างของบุตรชายได้อันตรธานหายไปแล้ว ทำไมถึงได้หายไปเร็วแบบนี้ล่ะ หล่อนอดสงสัยไม่ได้ ก่อนจะตกใจจนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงวัตถุบางอย่างตกกระทบพื้นภายในห้องที่หล่อนเดินออกมาเมื่อครู่ ในใจนึกสังหรณ์อะไรบางอย่างจึงรีบวิ่งกลับไปดู ทันทีที่พบวัตถุที่หล่นลงพื้นขนทุกเส้นในร่างกายของหล่อนต่างก็พร้อมใจกันลุกชันอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อวัตถุที่นอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นห้องเป็นกรอบรูปที่ใส่ภาพบุตรชายคนเล็กหล่อนเอาไว้
“ไม่จริง ไม่จริง ไม่จริ๊ง” ร่างหล่อนทรุดลงกับพื้นร้องกรี๊ดโวยวายเมื่อคิดว่าภาพบุตรชายที่หล่อนเห็นเมื่อครู่คงไม่ใช่ร่างที่มาหาแบบที่เป็นมนุษย์ปุถุชน เสียงร้องของหล่อนเรียกให้บ่าวไพร่วิ่งขึ้นมาดูเหตุการณ์ หลายคนต่างเข้าพยุงหล่อนที่กำลังโวยวายคล้ายคนเสียสติ ก่อนจะกรี๊ดลั่นครั้งสุดท้ายแล้วเป็นลมหมดสติไป
จิตรารู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งพบบ่าวไพร่ปรนนิบัติพัดวีอยู่ก็ลุกขึ้นถามคนโน้นทีคนนี้ทีว่าตอนขึ้นมาบนเรือนเดินสวนกับบุตรชายคนเล็กของหล่อนหรือไม่ ทุกคนที่โดนถามต่างส่ายหน้าปฏิเสธและบอกว่า ไม่เห็นเลยว่าบุตรชายนางมาที่นี่ คำตอบเหล่านั้นทำหล่อนปากคอสั่นเพราะทั้งกลัวและทั้งหวาดวิตกไปต่างๆ นานา บอกบ่าวไพร่ว่าห้ามทิ้งให้หล่อนอยู่บนเรือนคนเดียวโดยเด็ดขาด พลางใช้ให้บางส่วนโทรศัพท์ไปแจ้งบุตรชายคนโตของหล่อนให้ขึ้นมาที่นี่ด่วน
******************************************************************************
อาทิตย์ตกใจที่ได้ฟังข่าวร้ายจากคนทางไร่ที่ติดต่อมาบอกว่าป้าของตนเข้าโรงพยาบาลและมารดาของตนหวาดกลัวที่จะอยู่คนเดียว ถามไถ่ว่ามารดาหวาดกลัวอะไรก็ไม่มีใครให้คำตอบได้สักคน สุดท้ายชายหนุ่มจึงหยุดเรียนอีกครั้งเพื่อทางกลับมาดูอาการผู้เป็นป้าและอยู่เป็นเพื่อนมารดาของตน
ทางด้านอิทธิและอาทีหลังจากเดินเที่ยวมุมโน่นมุมนี้ของไร่ก็กลับมายังเรือนที่พัก ไม่ได้เอะใจอะไรที่เห็นญาติของลุงไกรยังคงนั่งสนทนากับแม่นางอยู่ คิดเพียงว่าสองคนคงจะคุยกันถูกคอจึงอยู่คุยกันยาว เพราะเชื่อว่าความนอบน้อมของแม่นางคงจะผูกมิตรกับผู้ที่นำเสบียงมาส่งได้ไม่ยาก
“มาเหนื่อยๆ กินน้ำกินท่าซักหน่อยนะพ่อหนุ่มน้อย” หญิงผู้นั่นยื่นขันน้ำให้อาทีเป็นคนแรก หนุ่มน้อยรับมาดื่มแล้วส่งต่อให้เพื่อนดื่มตาม สุดท้ายอิทธิจึงเป็นคนยื่นขันน้ำคืนให้กับเจ้าของพร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณ อาทีเองก็เช่นกัน แม่นางลอบยิ้มกับภาพความนอบน้อมของเด็กที่ตนรักทั้งสอง เผลอยกมือขึ้นลูบเส้นผมอาทีอย่างลืมตัวด้วยเพราะยังติดตาอยู่กับภาพที่เห็น อิทธิทำหน้าฉงนเมื่อเห็นมารดาตนทำแบบนั้นกับหลานเจ้าของไร่จึงแกล้งแซว
“ลูบหัวผิดคนหรือเปล่าแม่ นั่นมันหัวไอ้อาทีหลานคุณจันทร์นะไม่ใช่ผม”
แม่นางได้สติจึงคิดจะยกมือไหว้ขอโทษหลานชายเจ้านาย แต่แล้วก็ทำไม่ทันเมื่ออาทีรีบคว้ามือไว้แล้วเอ่ยบอก
“แม่นางนี่จะแช่งผมให้ตายเร็วๆ ใช่มั้ยเนี่ย ไหว้ผมจัง”
“อย่าพูดแบบนี้สิคะคุณอาที ฟังดูไม่ดีเลยนะคะ” แม่นางเอ่ยบอกออกมาเมื่อฟังถ้อยคำจากปากหนุ่มน้อยตรงหน้าแล้วรู้สึกไม่สบายใจ
“เด็กมันก็พูดไปอย่างเองแหละแม่นาง อย่าคิดอะไรมากน่า สบายใจเถอะนะ เออ แล้วฉันขอตัวกลับก่อนล่ะ เดี๋ยวจะแวะเอาเสบียงมาส่งให้ใหม่ แรกๆ ก็อย่างนี้ล่ะนะ ต่อไปเดี๋ยวฉันจะให้คนงานมาต่อเติมที่ทางสำหรับทำครัวให้เผื่อแม่นางอยากจะทำกับข้าวกินเองบ้าง”
“แค่นี้ก็เป็นพระคุณแล้วค่ะพี่ดวง” แม่นางยกมือขึ้นไหว้อีกหนึ่งผู้มีพระคุณ ฝ่ายนั้นบอกไม่ต้องไหว้บ่อยๆ หรอก เพราะตนก็เคยตกทุกข์ได้ยากมาก่อน ช่วยๆ เพื่อนมนุษย์ด้วยกันไปได้บุญได้กุศลดี
หญิงชื่อดวงเดินจากไปแล้ว แม่นางจึงหันมาถามหนุ่มน้อยทั้งสองตรงหน้าว่าไปไหนกันมา สองคนเอ่ยรายงานอย่างตื่นเต้นถึงสิ่งใหม่ๆ ผู้คนใหม่ๆ บนไร่แห่งใหม่นี้ให้ฟัง เล่าไปก็แย้งกันอย่างสนุกสนาน มันเป็นภาพที่ทำให้นางรู้สึกดีขึ้นมากจากความหดหู่ในเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ได้พบเจอมา แต่ภาพที่นางเห็นเพื่อนรักบุตรชายไร้ซึ่งศีรษะนี่สิทำให้นางกังวลใจตามมา ขอให้เพียงภาพที่นางตาฝาดทีเถอะ
“แล้วนี่ลุงไกรจะมารับคุณอาทีกี่โมงกันหรือคะ” นึกภาวนาเสร็จแม่นางก็เอ่ยถามขึ้น นึกถึงตอนที่ต้องกลับเรือนอาทีก็มีสีหน้าเรียบเฉยขึ้นมาอีก เอ่ยตอบคำถามอย่างเนือยๆ
“ลุงไกรแกหลบสายตาแม่ได้ตอนนั้นก็คงตอนนั้นแหละครับแม่นาง”
“มึงไม่น่ามาลำบากกับกูและแม่เลยนะอาที” อิทธิเอ่ยบอกเพื่อน เพราะนึกเห็นใจกับการที่เจ้าตัวมาระหกระเหินกับตนและมารดาแบบนี้
“คับที่น่ะมันอยู่ได้แต่คับใจมันอยู่ยากนะโว้ย” อาทีหันมาตอบ สามคนจึงไม่พูดถึงเรื่องนี้กันอีก ได้แต่นั่งมองหน้ากันปลงๆ กับชะตากรรมที่กำลังเผชิญอยู่ร่วมกัน
*******************************************************************************
อาทิตย์กลับถึงไร่ในตอนมืดแล้ว หลังรับคำรายงานจากบ่าวไพร่ของมารดาเสร็จชายหนุ่มก็รีบนั่งเครื่องบินกลับมาเพราะร้อนรนอยากมารับรู้เรื่องราวต่างๆ จนใจจะขาด เสียดายที่ตอนนี้ผู้เป็นบิดาได้ไปดูงานที่ต่างประเทศ ไม่อย่างงั้นตนก็คงจะชวนมาด้วย เพราะฟังจากสิ่งที่บ่าวไพร่รายงานอาการของผู้เป็นมารดาให้ฟังก็น่าเป็นห่วงนัก
ชายหนุ่มขึ้นเรือนได้ก็ตรงไปยังห้องพักมารดาเพื่อดูอาการทันที ภายในนั้นมีหญิงรับใช้นั่งอยู่สองสามนาง ส่วนมารดานั่นกำลังนอนน้ำตาซึมสะอื้นเล็กๆ อยู่บนเตียงนอน ช่างเป็นภาพที่น่าสะเทือนใจนัก นี่มันเกิดอะไรขึ้นตอนที่ตนเดินทางกลับกรุงเทพฯ มารดาตนยังร่าเริงแช่มชื่นดีอยู่ นี่เพียงไม่กี่วันทำไมถึงได้มานอนสะอื้นไห้แบบนี้
“แม่” ชายหนุ่มส่งเสียงเรียกพลางเดินเข้าไปหาร่างมารดา จิตราพอได้ยินเสียงบุตรชายคนโตก็รีบลุกนั่งแล้วโผเข้าซบอกเจ้าตัวสะอื้นไห้หนักตอนที่เจ้าตัวนั่งอยู่บนเตียงด้วยแล้ว หล่อนละล่ำละลักบอกบุตรชายถึงเรื่องที่หล่อนเจอ
“อาทิตย์ น้อง น้อง น้องมาหาแม่ น้องมาหาแม่ มันน่ากลัวอาทิตย์ มันน่ากลัว”
“แม่ใจเย็นๆ นะครับ ค่อยๆ เล่าให้ผมฟังนะครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น” อาทิตย์พยายามปลอบใจก่อนจะสั่งให้สาวใช้ทั้งหมดออกไปนอกห้อง เพื่อที่จะคุยกับมารดาได้สะดวกขึ้น
“ไม่ ไม่ อย่าไปไหนกัน อยู่กันเยอะๆ อยู่กันเยอะๆ ผีไอ้อาทีมันจะได้ไม่มาหลอก” จิตรารีบเอ่ยบอกคล้ายคนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อาทิตย์ตกใจในสิ่งที่ได้ยินจึงรีบถามเอาความ
“แม่ แม่พูดอะไร ไอ้อาทีมันเป็นอะไร ทำไมแม่พูดว่ามันเป็น เอ่อ อย่างนั้น”
“น้องมันมาหลอกแม่ มันมาหลอกแม่ มันอาฆาตแค้นแม่ที่แม่ไปทุบตีด่าทอมัน อาทิตย์ แม่กลัว แม่กลัว อย่าทิ้งแม่ไปไหนนะ อยู่กับแม่ อยู่กับแม่นะอาทิตย์” สติของผู้เป็นมารดายังไม่กลับมาอยู่กับตัว อาทิตย์จึงหันไปถามกับบรรดาสาวใช้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมมารดาตนถึงได้เป็นแบบนี้
“คุณอาทีหายตัวไปค่ะ ป่านนี้ยังไม่กลับมาที่ไร่เลย แต่คุณจิตรบอกว่าเห็นคุณอาทีมาหา มายืนถลึงตาใส่ มาแสยะยิ้มให้ แล้วก็หายไปค่ะ ท่านเลยคิดว่า คุณอาที เอ่อ…” หญิงรับใช้ที่รายงานเรื่องราวไม่กล้าพูดต่อไป แต่เพียงเท่านี้อาทิตย์ก็พอจะเข้าใจเรื่องราวนี้ แต่เรื่องราวก่อนหน้านี้ล่ะ เหตุการณ์ที่ว่าป้าของตนต้องเข้าโรงพยาบาล และน้องชายของตนได้หายตัวไป มันเกิดอะไรขึ้นที่ไร่นี้กันแน่ ชายหนุ่มหันไปถามหญิงรับใช้ในเรื่องนี้ต่อ เพราะตอนนี้สติของมารดายังคงไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนัก ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงอาการกายสะท้านสั่นของเจ้าตัว
“เรื่องที่คุณจันทร์เข้าโรงพยาบาลดิฉันว่าคุณอาทิตย์ถามคุณจิตรเองดีกว่านะคะ ดิฉันคงไม่กล้าเล่าเรื่องราว เดี๋ยวคุณจิตรจะหาว่าดิฉันใส่ความ ส่วนเรื่องที่คุณอาทีหายไป เห็นคนงานในไร่ลือกันว่าค่ำคืนนั้นได้ยินเสียงปืน เลยวิ่งมาแอบซุ่มดู พบว่าเรือนแม่นางโดนทุบทิ้ง ตอนนั้นคุณจิตรกับคุณอาที นายศร นายสิน อิทธิ แม่นาง อยู่ตรงและคนงานชายอีกกลุ่มหนึ่งอยู่กันตรงนั้น อิทธิกับแม่นางและนายสินนั่นเหมือนโดนทำร้าย ส่วนคนถือปืนคือคุณอาที ซึ่งกำลังทะเลาะกับคุณจิตร แล้วสุดท้ายเธอก็พยุงร่างอิทธิและแม่นางหายไปน่ะค่ะ”
หญิงคนเดิมรายงานตามเรื่องราวที่หล่อนได้ฟังมาอีกทีหนึ่งจากการจับกลุ่มสนทนาของเหล่าคนงาน อาทิตย์คิดตามยังรู้สึกงงๆ อยู่เพราะเรื่องราวมันยังไม่ปะติดปะต่อเท่าไหร่ กำลังจะเอ่ยปากถามอีก แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อมารดาผละออกจากร่างตนกระโจนลงจากเตียงแล้วโผเข้าบีบคอหญิงรับใช้ที่เอ่ยเล่าเรื่องราวเมื่อครู่จนเกิดการกรีดร้องกันวุ่นวาย
“อีไพร่ มึงเล่าอะไร มึงใส่ความกูเหรอ มึงกำลังว่ากูทำให้พี่กูเข้าโรงพยาบาลเหรอ มึงว่ากูทำให้ลูกชายกูหนีไปด้วยใช่มั้ย มึงอย่าอยู่เลย กูจะเฉดหัวมึงออกไปจากที่นี่เหมือนที่กูเฉดหัวอีนังแม่นางกับลูกชายมันน่ะแหละ อีอัปรีย์ อีสถุน อีชั่ว อีๆ” จิตราเอ่ยอาละวาดอย่างคนไร้ซึ่งสติจนเป็นที่น่าหวาดกลัวของหญิงรับใช้ทั้งหมด โดยเฉพาะนางที่โดนบีบคอนั่นตกใจจนหน้าซีดตัวสั่น ร้องห่มร้องไห้ออกมาก่อนจะลุกวิ่งหนีไปตอนที่อาทิตย์มาช่วยแกะมือมารดาเจ้าตัวออกจากลำคอได้สำเร็จ
“กรี๊ด! ผีคุณอาที!” เสียงหญิงรับใช้ผู้นั้นกรีดร้องอยู่ตรงชานเรือน พลางเอ่ยเรียกหนึ่งชื่อให้ทุกคนในห้องต้องลุกวิ่งไปมอง พบร่างหญิงรับใช้นางนั้นนอนสลบซบแทบเท้าร่างของอาทีที่กำลังยืนมึนงง
“ไอ้อาที” อาทิตย์เอ่ยครางเรียกชื่อน้องชายในขณะที่หญิงรับใช้สองคนกระโดดกอดกันกลม วิ่งไปหลบกันอยู่มุมห้อง เพราะหลงเชื่อตามคำบอกเล่าของจิตราไปแล้วกว่าครึ่ง ด้านจิตราวิ่งเข้าซบร่างบุตรชายคนโต ร้องไห้โฮละล่ำละลักเอ่ย
“อาทิตย์ บอกน้องหน่อยว่าแม่ขอโทษ แม่ขอโทษ บอกน้องอย่าตามหลอกตามหลอนแม่เลย บอกน้องหน่อยลูก บอกน้องหน่อย”
อาทียืนมองภาพตรงหน้ารู้สึกฉงนหนักขึ้นอื่น นี่มารดาเขาเป็นอะไร ภาพแบบนี้เกิดมาเขาไม่เคยได้เห็น แล้วนั่นพี่ชายเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หนุ่มน้อยหันมองสบตาพี่ชาย อาทิตย์เองเมื่อเห็นแววตาที่น้องชายจ้องมองจึงเอ่ยทัก เพราะไม่ได้หลงเชื่อไปกับคำบอกมารดา
“แกไปไหนมาอาที”
“ขอโทษนะ ผมไม่มีเวลาตอบ ต้องไปเก็บของ” อาทีเอ่ยตอบเสียงแข็ง เลิกสนใจอาการมารดา เพราะคิดกว่าเจ้าตัวคงกำลังเล่นละครออเซาะพี่ชายของตน หนุ่มน้อยมาที่นี่ได้เพราะลุงไกรขับรถไปรับตามสัญญานั่นเอง
“เก็บของ แกจะไปไหน” อาทิตย์เอ่ยถามเสียงดุ จิตราพอเห็นสองพี่น้องสนทนากันจึงเริ่มคลายอาการหวาดกลัว สติหญิงร้ายเริ่มกลับมาเข้ารูปเข้ารอยในตอนที่ได้ยินน้ำเสียงที่มากด้วยทิฐิของบุตรชายคนเล็กที่เอ่ยตอบพี่ชายกลับมาว่า
“ไปให้พ้นจากเรือนนรกนี่ไง ในเมื่อป้าจันทร์ไม่อยู่ มันก็ไม่ใช่ที่ๆ ผมจะอยู่อีกต่อไป”
“ไอ้อาที นี่แกจะโอหังมากไปแล้วนะ แกจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ตราบที่ฉันยังมีลมหายใจอยู่”
เสียงมารดาเอ่ยว่าขึ้นในน้ำเสียงเดิมทำเอาอาทิตย์เกิดอาการประหลาดใจ นี่มารดาของเข้าสติกับมาอยู่กับตัวแล้วหรือ ใจหนึ่งก็ยินดี แต่ใจหนึ่งก็ฉงนเป็นหวาดกลัวว่ามารดาตนจะมีปัญหาทางจิต ส่วนหญิงรับใช้ทั้งสองต่างเมื่อเห็นสถานการณ์แปรเปลี่ยนไปจึงรีบวิ่งไปพยุงร่างอีกหนึ่งหญิงรับใช้ที่นอนสลบอยู่ลงจากเรือนไป
“แม่ แม่หายแล้วเหรอ” อาทิตย์หันมาถามมารดาในตอนที่เหลือเพียงตนกับฝ่ายนั้นและน้องชายที่ยืนสนทนากันอยู่
“แม่ไม่ได้เป็นอะไร ในเมื่อน้องแกยังไม่ตาย แม่ก็ไม่เห็นจะต้องกลัวมัน” จิตราตอบกลับ อาทิตย์เกิดอาการเครียดหนักกับอาการเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของเจ้าตัว แต่อาทีนั้นกลับสนใจแต่คำว่าตายที่ได้ยินจึงเอ่ยถาม
“แม่หมายถึงใครตาย”
“ก็แกน่ะแหละ นรกมันจะมาลากคอแกไปอยู่ด้วยแกรู้ตัวบ้างมั้ย เป็นไงล่ะ บาปกรรมมันมีจริง แกจะยิงแม่แก ยมบาลถึงจะมาเอาตัวแกไปลงโทษ” จิตราว่ากลับ เมื่อจิตใจกลับมาครบสมบูรณ์จึงเริ่มนึกแค้นเคืองถึงเหตุการณ์ที่คิดว่าบุตรชายจะยิงตัวเองจริงๆ
“แม่ แม่พูดอะไรครับ” อาทิตย์เอ่ยถาม ถึงตอนนี้จริตหญิงร้ายจึงเริ่มทำงานดังเดิม หล่อนรีบจุดไฟให้บุตรชายร้อนตามว่าเหตุที่ป้าของเจ้าตัวต้องเข้าโรงพยาบาลก็เพราะรับไม่ได้ที่คนงานที่สนิทอย่างแม่นางนั้นแผลงฤทธิ์ร้ายออกมาให้เห็นด้วยการโกงกินรายได้ของไร่
“ป้าของลูกตามอีแม่นางมาสืบความ มันไม่ยอมรับท่าเดียว ป้าของลูกก็เลยเอาบัญชีออกมาตรวจจนต่อหน้าต่อตามันบอกว่าบัญชีนี้มันชี้ชัดอยู่แล้วว่ามันโกง ให้มันยอมรับซะดีๆ ไม่อย่างนั้นป้าของลูกจะแจ้งตำรวจมาจับมันไปสอบสวนเอง พอมันได้ยินคำว่าตำรวจมันก็เลยโมโหโผล่หางต่อว่าป้าของลูกพลางเข้าทำร้ายจนป้าของลูกต้องช็อกหมดสติไป แล้ววิ่งหนีกลับเรือนคิดจะหอบผ้าหอบผ่อนหนี แม่ก็เลยสั่งให้นายศรและพวกล้อมจับ และพังเรือนมันเพราะแม่แค้นที่มันทำกับป้าของลูกแบบนี้ มันกำลังจะโดนพวกนายศรจับได้ แต่น้องชายของลูกนี้มาช่วยมันไว้ทัน แม่ล่ะเจ็บใจนักที่อธิบายเหตุการณ์อะไรๆ ให้ฟังน้องชายลูกก็ไม่ฟังท่าเดียว มันเชื่อว่าอีแม่นางเป็นคนดี มันเชื่อว่าไอ้อิทธิเป็นคนดี มันหาว่าแม่ร้ายกาจเกินมนุษย์ มันจะยิงแม่ มันจะทำร้ายแม่ แม่ถึงต้องยอมให้มันพาไอ้อีแม่ลูกคู่นั้นหนีไป แต่เมื่อช่วงหัววันวิญญาณมันกลับมาหลอกมาหลอนแม่ มันคงเป็นเวรเป็นกรรมที่มันคิดจะฆ่าแม่น่ะแหละ ท่านยมบาลเลยจะมาเอามันไปชดใช้กรรมในนรก ท่านคงจะมาเตือนให้แม่ทำใจว่าแม่จะต้องสูญเสียมันไป แม่ถึงต้องมาหวาดกลัวอยู่แบบนี้ แต่ตอนนี้มันกลับมาแบบเป็นร่างคนก็ดีแล้ว อาทิตย์สั่งน้องลูกมากราบขอขมาแม่เดี๋ยวนี้ถ้าไม่อยากให้มันโดนท่านยมบาลลากคอมันไปชดใช้บาปกรรมในนรก”
นั่นคือถ้อยคำทั้งหมดที่หล่อนเอ่ยให้บุตรชายคนโตฟัง หล่อนเชื่อเหลือเกินว่าบุตรชายจะเชื่อหล่อน แม้เจ้าตัวจะหันไปถามน้องชายอยู่ก็ตาม
“ที่แม่บอกฉันมันเป็นเรื่องจริงเหรออาที”
“ผมจะไม่เปลืองน้ำลายอธิบายอะไรแล้วทั้งนั้น เพราะผมพูดผมเอ่ยอะไรไปในใจพี่ก็คงเข้าข้างแม่มากกว่าผม ผมคงไม่กล้าบอกว่าแม่โกหกหรอก เพราะเดี๋ยวผมจะบาปหนักอีก กลัวเหลือเกินว่าท่านยมบาลจะมาลากตัวผมไปชดใช้กรรมเร็วขึ้น ขอตัวนะครับ” อาทีเอ่ยตอบอย่างหนักแน่นแกมประชดประชันมารดา เขากำลังจะไปจากที่นี่ ไปใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ไม่เคยให้ร้ายกับเขาแม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะอธิบายอะไร รอให้ป้าของเขาฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่โน้นแหละเขาถึงจะกลับมาที่นี่
หนุ่มน้อยเดินเดินไปทางห้องตัวเองเมื่อเอ่ยจบ จิตรามองตามอย่างนึกโกรธ บุตรชายโอหังคนนี้ของหล่อนจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นตราบใดที่เจ้าตัวไม่ก้มกราบและขอขมาหล่อน
“อาทิตย์ อย่าให้อาทีไปไหนได้เด็ดขาดจนกว่ามันจะมากราบเท้าขอขมาแม่”
หล่อนเอ่ยสั่งบุตรชายคนโตเสียงหนักแน่น อาทิตย์เครียดหนักกับเรื่องราววุ่นวายที่ต้องเผชิญ ชายหนุ่มมองสบตาวาวโรจน์ของมารดาสักพักจึงเดินตามน้องชายไปและเข้าขัดขวางไม่ให้เจ้าตัวเก็บของใส่กระเป๋าได้ง่าย สองคนยื้อแย่งของกันไปมาก่อนจะลามปามเป็นชกต่อยกันในที่สุด ผลัดกันรุกผลัดกันรับจนข้าวของในห้องกระจุยกระจาย สุดท้ายอาทีก็พลาดท่าเสียทีโดนพี่ชายจับมือไพล่หลังหาเชือกมามัดเอาไว้จนสำเร็จ