ตอนที่ 30
เช้าวันใหม่ อิทธิกับอาทีไปเรียนหนังสือตามปกติ โดยมีลุงไกรเป็นคนขับรถไปส่งเช่นเดิม ชายชราบอกคงส่งได้เพียงแค่ช่วงแรก ต่อไปสองหนุ่มคงต้องนั่งรถรับส่งไปกันเอง เพราะตนคงต้องเอารถไปคืนที่ไร่ดังเดิม อาทีกับอิทธิยอมเข้าใจและรับสภาพที่จะต้องออกไปเรียนแต่เช้ามืดเพื่อให้ทันเข้าเรียน อิทธินั่นไม่เท่าไหร่เพราะการลำบากเพียงนี้เด็กหนุ่มทนได้ แต่กับอีกคนนี่สิ เด็กหนุ่มอดห่วงและเห็นใจไม่ได้เลยที่ชีวิตต้องพลิกผันมาลำบากกับตน
“มึงไม่น่ามาลำบากกับกูแบบนี้เลยนะอาที” หนุ่มน้อยเอ่ยบอกออกไป แม้ความคิดในหัวตอนนี้จะใช้เจ้าตัวเป็นตัวเล่นเกมทวงแค้นคืนให้กับมารดา แต่เขาจะทำเช่นนั้นก็ต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่าศัตรูเท่านั้น วันวานเขาเคยรักเคยซึ้งใจเพื่อนคนนี้ยังไงวันนี้เขาก็ยังเป็นอย่างนั้น
“มึงทนได้กูก็ทนได้ไอ้อิท แค่นี้เรื่องจิ๊บๆ” อาทีเอ่ยบอกให้เพื่อนสบายใจตอนที่โดนอีกฝ่ายแสดงความห่วงใยให้เห็น สองคนจึงเดินคู่กันเข้าไปในโรงเรียน พลางคาดเดากันว่าวันนี้อาทิตย์จะมาดักพบหรือไม่
“มากูก็ไม่กลัวหรอก พี่อาทิตย์เขาคงไม่กล้าทำอะไรกูต่อหน้าที่สาธารณะ” อาทีเอ่ยขึ้นในตอนหนึ่งเมื่อเชื่อว่าระหว่างมารดากับพี่ชาย หากนับในเรื่องความมีเหตุผล พี่ชายตนมีมากกว่ามารดาตนหลายเท่าอยู่ อย่างมากฝ่ายนั้นก็คงจะแค่เอ่ยปากอบรมและชักชวนให้กลับไร่เท่านั้น ซึ่งมันคงเป็นไปได้ยาก เพราะหนุ่มน้อยหนักแน่นแล้วว่าตราบใดที่ป้าของตนไม่ฟื้นก็จะไม่มีทางย่างกรายกลับเข้าไปที่ไร่นั้นอีก
*************************************************************************
ภายในโรงเรียนตอนเสียงสัญญาณการเข้าเรียนยังไม่ดัง ส้มนั่งหน้าง้ำอยู่เพียงลำพัง หล่อนเพิ่งรู้เมื่อเช้านี้เองว่าอาทีหายตัวไปจากไร่ ขัดใจนักที่เห็นบิดาและพี่ชายแสดงอาการยินดีกันออกนอกหน้า มีตอนหนึ่งที่หล่อนได้ยินพี่ชายเอ่ยว่าจะทำให้อาทีหายไปจากไร่อย่างตลอดกาลแล้วหัวเราะเสียงดังจนน่ากลัว หล่อนคิดว่าพี่ชายคงมีแผนร้ายจึงต่อว่าและเอ่ยห้ามการกระทำใดๆ ที่ส่งผลร้ายตนคนที่ตนนึกชอบ หล่อนกับพี่ชายจึงทะเลาะกันลั่นเรือนก่อนที่บิดาจะมาห้าม ที่สุดหล่อนก็มานั่งหน้าง้ำอยู่แบบนี้
เวลาผ่านไปสักพักคิดว่าสัญญาณน่าจะดังแล้ว สาวน้อยจึงลุกเดินหนีไปจากที่นั่งอยู่ เดินไปสองสามก้าวก็ต้องชะงักหยุดเมื่อสายตาแลเห็นคนที่พี่ชายตนคิดทำร้ายเดินมากับอีกคนที่หล่อนไม่ชอบหน้า
“พี่อาที พี่อาทีมาโรงเรียนด้วย” หล่อนเอ่ยขึ้นอย่างยินดี รอยยิ้มร่าปรากฏให้เห็นบนใบหน้าที่เคยง้ำ ไม่รอช้า หล่อนรีบเดินฉับๆ ไปยังร่างที่สายตาจ้องมองทันที พอไปถึงก็รีบถลันชนอิทธิให้ถอยห่าวจากร่างของคนที่หล่อนนึกรัก
“โอ้ย!” อิทธิร้องออกมาด้วยความเจ็บในตอนที่โดนชนเพราะร่างกายที่โดนทำร้ายยังบอบช้ำอยู่
“เป็นอะไรยะ แค่นี้ทำสำออย ผู้ชายหรือเปล่า” ส้มเอ่ยแขวะ ก่อนจะเกาะแขนอาทีออดอ้อน
“พี่อาทีไปอยู่ไหนมาคะ ส้มล่ะใจหายกลัวว่าเราจะไม่เจอกันอีก”
“ปล่อยฉันส้ม” อาทีเอ่ยสั่ง ไม่อยากพูดสุภาพแล้วกับน้องสาวอันธพาล ในใจตอนนี้นึกห่วงอาการเพื่อนรักเพียงอย่างเดียว
อิทธิยืนมองอาทีที่พยายามแกะแขนส้มออกในตอนที่หายเจ็บแล้ว ระอานักที่เห็นส้มไม่ยอมปล่อย ผู้หญิงคนนี้เป็นน้องสาวนายสินเป็นลูกสาวนายศร ก็เท่ากับว่าหล่อนเป็นศัตรูเขาด้วยเช่นกัน ถึงเวลาแล้วสิที่เขาจะใช้อาทีกรีดใจมันเล่น หนุ่มน้อยยิ้มร้ายออกมาในตอนคิดได้ ผลดีผลร้ายที่จะเกิดขึ้นตามมาตอนนี้ไม่นึกสนทั้งนั้น ขอเพียงให้เขาทำให้บุตรสาวนายศรร้อนรนเล่นได้มันก็สมใจแล้ว
“ปล่อยอาทีส้ม” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นเสียงนิ่งตอนที่เดินเข้ามาประกบร่างเพื่อนรักได้ ส้มมองสบสายตา รู้สึกสะท้านใจอยู่บ้างกับแววตาที่ตนไม่เคยได้รับจากคนเอ่ย แววตาอิทธิตอนนี้มันดูดุดันและเยาะหยันจนหล่อนไม่อาจทราบได้ว่าเจ้าตัวกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน แต่อิทธิจะมาไม้ไหนก็ช่าง หล่อนเกาะแขนคนที่หล่อนนึกรักนึกชอบได้แล้ว เรื่องอะไรหล่อนจะปล่อยง่ายๆ ล่ะ
“ปล่อยไม่ปล่อยแล้วแกมายุ่งอะไรด้วย” สาวน้อยแว้ดกลับไปใส่หน้าคนที่ทำหล่อนสะท้านเล็ก อิทธิยิ้มหยันที่มุมปากแล้วค่อยๆ ยกมือขึ้นแกะมือของส้มออกจากแขนเพื่อนรัก
“แอร๊ยยส์ เรื่องอะไรแกมาถูกเนื้อต้องตัวฉันไอ้อิทธิ” ส้มทำท่าสะบัดสะบิ้ง ตอนเนื้อตัวโดนจับจากมือเด็กหนุ่ม อิทธิไม่แยแส จัดการแกะมือของสาวน้อยสะดิ้งออกจากแขนเพื่อนตนได้สำเร็จก็จัดการเหวี่ยงทิ้งทันที แล้วเอ่ยสั่งออกมาดุๆ
“อย่ามายุ่งกับอาทีอีก ฉันขอสั่ง”
อาทีหันมองหน้าเพื่อนรัก ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นเจ้าตัวออกปากสั่งส้มแบบนี้ นี่มันอะไรกัน
“นี่มันอะไรกัน ทำไมฉันจะยุ่งกับพี่อาทีไม่ได้” ส้มเอ่ยถามในสิ่งที่สงสัย อิทธินิ่งสักพักตัดสินใจเอ่ยออกมาในที่สุด
“อาทีไม่ชอบเธอหรือผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น พยายามเท่าไหร่เธอก็ทำไม่สำเร็จหรอก”
อาทีตัวชาในสิ่งที่ได้ยิน เอ่ยถามเพื่อนทันควัน
“นี่ นี่มันอะไรวะไอ้อิท”
“นั่นสิ แกหมายความว่าไง” ส้มเอ่ยถามอีก ใบหน้าเด็กสาวซีดเผือดในคำตอบที่ได้รับ
“ผู้ชายที่ไม่ชอบผู้หญิงเขาเรียกว่าอะไรล่ะ เธออย่าโง่ไปหน่อยเลยส้ม”
“มะ ไม่จริงอ่ะ แกโกหก แกโกหก ไม่จริงใช่มั้ยคะพี่อาที” ส้มหันไปเอ่ยถามคนที่โดนกล่าวหา อาทีกำลังอึ้งมึนในคำพูดของเพื่อนจึงได้แต่ยืนตัวแข็ง อิทธิเห็นอาการรู้สึกผิดอยู่หรอก แต่เมื่อได้เริ่มต้นแล้วจะให้ถอยกลับคงไม่ใช่ เด็กหนุ่มเห็นเพื่อนขยับปากคล้ายจะเอ่ยอะไร เป็นไปได้มากว่าเจ้าตัวอาจจะปฏิเสธไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองกล่าวหา ไม่ได้เด็ดขาด เขาจะยอมให้อาทีมาฉีกหน้าเขาต่อหน้าศัตรูให้เขาต้องกลายเป็นคนแพ้ตั้งแต่เริ่มต้นไม่ได้ คิดได้เช่นนั้นหนุ่มน้อยจึงตัดสินใจทำในสิ่งที่สะท้านใจยิ่งกว่าด้วยการหันไปใช้ริมฝีปากประกบจูบกับคนที่กำลังอ้าปากต่อหน้าต่อตาของคนที่ยืนดูอยู่
“กรี๊ดดดดดดดดดดด! ไม่จริง ไม่จริง ไม่จริ๊ง!” ส้มออกอาการรับไม่ได้กับสิ่งที่เห็น หล่อนส่ายหน้าไปหานัยน์ตาล่องลอยมองหน้าสองหนุ่มตรงหน้าสลับกัน ในสมองคิดทบทวนถึงความสนิทสนมที่ทั้งสองเคยมีให้กันตลอดมา ภาพเหล่านั้นมันสนับสนุนคำพูดของอิทธิเต็มเหยียด อิทธิเห็นอาการนั่นเริ่มจับความรู้สึกว่าสาวน้อยคงเริ่มใจสลายบ้างแล้วจึงรีบทับถมทันที
“ทำใจซะนะส้ม คงรู้แล้วสินะว่าที่ผ่านมาพยายามโปรยเสน่ห์ให้ไอ้อาทีขนาดไหน แต่ทำยังไงก็ไม่สำเร็จ ฉันไม่อยากสมเพชเธอนะ แต่มันอดไม่ได้จริงๆ ขอตัวนะ ไปเถอะอาที” หนุ่มน้อยยังคงเล่นละครต่อด้วยการเลื่อนมือลงไปกุมมือคนที่ยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ข้างๆ แล้วจูงเดินผ่านหน้าอีกคนที่ยืนช๊อกไร้เรี่ยวแรงตรงหน้า จะให้จากไปเฉยๆ ก็ดูกระไรอยู่ ไหนๆ ก็เล่นบทร้ายแล้วก็ขอให้มันถึงที่สุดแล้วกัน ตอนเดินถึงร่างส้มหนุ่มน้อยจึงตั้งใจชนเจ้าตัวเต็มแรงจนร่างบางกระเด็นล้มลงริมทาง
ส้มกรี๊ดลั่นในตอนโดนแกล้งชนจนร่างล้มกระแทกพื้น หล่อนมองตามร่างคนแกล้งอย่างอาฆาตแค้น
“ไอ้อิทธิ บังอาจประกาศการเป็นศัตรูกับฉันเหรอ คอยดูฉันจะให้พี่ชายกับพ่อฉันทำให้แกไม่มีโอกาสมาเยาะหยันฉันแบบนี้อีก”
เอ่ยอาฆาตเสร็จหล่อนก็ทุบดินทุบหญ้าอย่างขัดใจ นึกถึงภาพในวันวานต่างๆ ที่หล่อนเคยหว่านเสน่ห์สาวเพื่อหวังมัดใจเด็กหนุ่มอย่างหลานเจ้าของไร่ ไม่นึกเลยว่าสิ่งที่หล่อนทำมันจะเป็นสิ่งที่น่าตลกและน่าสมเพชได้ขนาดนี้
“แอร๊ยยยส์ ฉันไม่ยอม ฉันไม่ยอม เรื่องนี้จะต้องถึงหูคุณจิตร มันจะต้องถึงหูคุณจิตร ในเมื่อฉันไม่ได้พี่อาที ก็อย่าหวังว่าแกจะเป็นคนได้ไอ้อิทธิ”
สาวน้อยออกอาการโวยวายอีก ความรู้สึกต่างๆ มันถาโถมหล่อนไปหมดในตอนนี้ ทั้งสมเพชตัวเอง ทั้งอาฆาตแค้นอิทธิ ทั้งโกรธเคืองอาที นี่หล่อนต้องทำยังไงถึงจะหายร้อนรุ่ม หล่อนต้องทำยังไง กรี๊ดดดดดดดดดด!
*********************************************************************
“โกรธกูเหรออาที ไม่พูดไม่จาเลย” อิทธิเอ่ยถามคนข้างกายในตอนที่เดินคู่กันมาแต่ฝ่ายนั้นยังไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรออกมาเลย เอาแต่นิ่งเงียบมาตลอดทาง ซึ่งมันก็สร้างความอึดอัดใจให้ไม่น้อย
“มึงคิดดีแล้วเหรอที่ทำแบบนี้” อาทียอมเอ่ยประโยคแรกออกมา ไม่ได้โกรธเพื่อนเลยสักนิดกับสิ่งที่เจ้าตัวทำ แต่ที่เงียบเพราะนึกเป็นห่วงเจ้าตัวต่างหากที่การแสดงตัวเป็นศัตรูกับบุตรสาวอันธพาลแบบนั้น ก็เท่ากับเป็นการจุดเชื้อไฟในการราวีเพิ่มขึ้นอีกครั้ง หนุ่มน้อยเชื่อเหลือเกินว่าส้มจะต้องนำความคับแค้นใจไปบอกพี่ชายและบิดา ซ้ำร้ายมารดาตนน่าจะเป็นหนึ่งคนที่รับรู้เรื่องนี้ และหากจะพ่วงพี่ชายด้วยอีกคนก็ไม่น่าจะแปลกเลย
“มึงก็เห็นนี่อาทีว่ากูกับแม่นางต้องโดนย่ำยีขนาดไหน ถึงเวลาแล้วล่ะที่กูจะต้องทำให้คนที่มันทำกูกับแม่กูเจ็บปวดได้ร้อนรนบ้าง กูขอโทษนะโว้ยที่ต้องใช้มึงมาช่วยสร้างความวุ่นวายใจให้พวกมัน” อิทธิเอ่ยบอก อาทีได้ฟังแล้วถอนหายใจถาม
“พวกมันที่ว่านี่คือแม่กูด้วยหรือเปล่า”
อิทธิมองจ้องหน้าหนุ่มน้อย เข้าใจว่าเจ้าตัวน่าจะห่วงมารดาอยู่แหละถึงถามแบบนี้ แต่เขาไม่อาจละเว้นแรงแค้นครั้งนี้ได้จริงๆ จิตราร้ายใส่เขาและมารดามามาก หากเขาจะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ละเว้นการราวีคืนบ้างมันอาจจะเป็นสิ่งที่ถูกในสายตาและความคิดของใครหลายคนที่ไม่นึกชอบการจองเวรกันและกัน แต่ก็นั่นล่ะคนกลุ่มนั้นไม่ได้มาเผชิญตากรรมอย่างเขาก็อาจจะพูดได้ ลองมาสัมผัสกับสถาณการณ์ที่มารดาต้องโดนจิกกระชากเส้นผมจนระบมไปทั้งหนังศีรษะ ลองมาเห็นมารดาโดนตบตีจนเป็นชอกช้ำไม่เว้นแต่ละวัน ลองมาเห็นน้ำตาและคำอ้อนวอนพร้อมคำกราบไหว้ของมารดาที่เสียไปแต่ไร้ซึ่งความปราณีจากเหล่าอันธพาลเช่นเขาแล้วคนกลุ่มนั้นยังจะพูดว่าปล่อยไปเถอะ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรเขาก็จะยอมสรรเสริญว่าเป็นคนดี แต่สำหรับเขาแล้วเมื่อเป็นคนดีแล้วโดนแต่คนชั่วมันรังแกอยู่ร่ำไป ถึงคราวร้ายมันก็ต้องร้ายบ้างล่ะ
“กูไม่มีทางเลือก” อิทธิบอกอย่างเด็ดเดี่ยว เข้าใจว่ามันคงสร้างความลำบากใจให้เพื่อนรักซึ่งเป็นบุตรชายของศัตรู แต่แล้วสิ่งที่เจ้าตัวเอ่ยกลับมากลับสร้างความซึ้งใจให้อีก
“กูเข้าใจและกูก็เห็นใจมึงไอ้อิท เอาเป็นว่ากูจะหลับหูหลับตาเรื่องนี้ก็แล้วกัน กูเชื่อว่ามึงคงไม่กะเอาให้แม่กูถึงตายหรอก แต่เรื่องที่มึงทำเมื่อครู่หากรู้ถึงหูแม่กู ท่านอาจจะร้อนรนสมใจมึงนะโว้ย แต่กับคนอื่น พวกเขาจะไม่สมเพชเราสองคนเหรอวะ”
ประโยคท้ายอาทีพูดให้น่าคิด อิทธินิ่งสักพักแล้วเอ่ยออกมาตามความเชื่อของตัวเอง
“ยัยส้มทั้งชอบทั้งหลงมึง ยัยนั่นไม่ทำร้ายมึงโดยการเอาเรื่องนี้ไปโพทะนาบอกใครให้มึงได้อายหรอก อย่างมากก็คงจะแค่ใส่ไฟกูฝ่ายเดียวแหละ ซึ่งกูก็ไม่สนแล้วล่ะว่าตอนนี้ใครจะมองกูยังไง กูขอแค่ให้กูได้ระบายแค้นที่มันสุมในอกกูตอนนี้ออกไปบ้างก็พอแล้ว เพราะมึงก็รู้ว่ากูกับแม่คงไม่อยู่ที่นี่แล้ว หลังเรียนจบกูกับแม่ก็คงไปไกลจากที่นี่เกินกว่าที่ใครจะตามไปสมเพชหรืออะไรกูได้”
“กูไม่คิดว่าทุกอย่างมันจะง่ายดังที่มึงคิดน่ะสิอิท เปรียบไปตอนนี้มึงก็แค่เด็กตัวเล็กๆ แค่คนดียว มึงจะสู้รบปรบมือกับแม่กู นายศร นายสินกับสมุนได้ขนาดไหนกัน เผลอๆ พ่วงพี่ชายกูขึ้นมาอีกคน กูว่าตอนนี้มันอยู่นิ่งๆ แล้วตั้งหลักก่อนดีมั้ยวะ รอให้มึงโตหรือพร้อมกว่านี้หน่อยแล้วค่อยกลับมาระบายแค้นมันไม่ดีกว่าเหรอวะ” อาทียังคงเตือนสติอีก แต่คนที่มีเพียงความแค้นสุมในอกหรือจะฟัง
“กูไม่รออะไรแล้วทั้งนั้นอาที กูจะสู้เท่าที่กูสู้ได้ ก่อนกูจะตาย หรือจะไปจากที่นี่ ทุกคนที่มันย่ำยีกูกับแม่ต้องได้ลิ้มรสความเจ็บปวดทั้งกายและใจอย่างที่กูกับแม่กูโดน”
อิทธิตอบกลับอย่างหนักแน่น เข้าใจว่าเพื่อนห่วง แต่มันถึงที่สุดแล้วจริงๆ กับแรงแค้นที่สุมในอกตั้งแต่โดนรังแกหนแรกจนปัจจุบัน หากไม่ได้ระบายออกเสียบ้าง แม้ว่าชีวิตที่เหลืออยู่จะสงบสุขแต่จิตใจเขามันไม่มีวันสุขใจแน่หากว่าไม่ได้สนองกลับในสิ่งที่เหล่าอันธพาลควรได้รับ
*************************************************************************************
สิ่งที่อิทธิคาดเดาไว้เรื่องของส้มไม่ผิดเพี้ยนไปแม้แต่นิด เพราะสาวน้อยมากจริตรายนี้นำเรื่องที่หล่อนเห็นและรับไม่ได้กลับไปรายงานจิตราและอาทิตย์ทันทีที่กลับถึงไร่ แน่ล่ะ หล่อนรักหล่อนหลงอาทีหล่อนจึงไม่ได้บอกสองแม่ลูกว่าเจ้าตัวเป็นอย่างที่อิทธิกล่าวหา แต่หล่อนกลับโยนเชื้อไฟเพื่อเผาร่างอิทธิให้ไหม้เป็นจุลด้วยการบอกว่าอิทธินั่นแหละคือคนที่วิปริตผิดเพศตามเกาะตามแกะอาทีถึงขั้นจูบปากจูบคอแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของให้หล่อนเห็น ที่จริงการเล่าความแบบนี้ก็ถือว่าหล่อนฉลาดพอตัว เพราะหากหล่อนมาบอกกับจิตราว่าบุตรชายคนเล็กของเจ้าตัวเป็นอย่างที่หล่อนให้ร้ายอิทธิหล่อนก็อาจจะโดนจิตรากระโดดแหกอกเอาง่ายๆ เพราะตามนิสัย จิตรามักจะร้ายใส่ได้กับทุกคนที่มาเอ่ยถ้อยคำในเชิงให้ร้ายบุตรชายของตน ฉะนั้นแล้วการที่หล่อนให้ร้ายอิทธิเพียงคนเดียวก็เท่ากับว่าหล่อนปูทางให้ตัวเองมีค่ามีราคาให้หญิงร้ายผู้นี้มองเห็นความดีอยู่บ้างนั่นเอง
และก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อจิตราออกอาการร้อนรุ่มสั่งให้บุตรชายคนโตไปจัดการแยกตัวอิทธิออกจากบุตรชายคนเล็กของหล่อนในวันรุ่งขึ้นให้ได้ก่อนที่ไอ้ลูกขี้ข้านั่นจะทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงใส่บุตรชายหล่อนมากไปกว่าการจูบปากจูบคอ ด้านอาทิตย์ก็ยินดีอยู่บ้างที่เห็นสติมารดากลับมานึกห่วงนึกหวงน้องชายตนอย่างแต่ก่อนแล้ว แต่สิ่งที่ออกจากปากของส้มชายหนุ่มก็ยังไม่อยากปักใจเชื่อนัก เป็นไปได้เหรอว่าคนที่รักศักดิ์รักศรี มีทิฐิอย่างรุนแรงอย่างอิทธิจะทำอะไรที่เสี่ยงต่อการโดนสมเพชแบบนั้น จำได้ว่าเจ้าตัวเคยขัดขวางตัวเองสุดใจขาดตอนที่ได้ขู่ว่าจะบอกเรื่องที่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันต่อหน้าแม่นางวันนั้น หรือนายนั่นกำลังคิดอะไรอยู่
“ไว้พรุ่งนี้ผมจะไปครับ” ชายหนุ่มเอ่ยตอบมารดา นึกอยากเผชิญหน้ากับอิทธิอยู่น้อยซะเมื่อไหร่ล่ะ
โปรดติดตามตอนต่อไป