บทที่ 21.
ตี๊ด..ตี๊ดดดดด
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานที่นานๆจะดังที เนื่องจากเจ้าของห้องมันไม่ค่อยจะโผล่มาใช้งาน ..นายตุลชำเลืองมองเหมือนจะชั่งใจดูว่ามันจะดังอีกรอบไหม อาจจะมีใครซักคนต่อสายผิด เพราะโดยปกติไม่ค่อยได้ติดต่องานกับใคร ไม่มีเลขาหน้าห้อง ส่วนไอ้คุณเพื่อนบอสมันก็มักจะเข้ามาหาเลยโดยไม่ต้องโทรมาแจ้งล่วงหน้า...
ตี๊ด..ตี๊ดดดดด
"ครับ..." พอเจ้าเครื่องมือสื่อสารมันดังขึ้นอีกรอบ คราวนี้คงไม่ต้องรอไตร่ตรองไว้ก่อน เพราะเจ้าของห้องเอื้อมมือไปคว้าและกรอกเสียงเข้าไปตามสายทันที
"คุณตุลค่ะ มีแขกมาขอพบ..แจ้งชื่อว่าคุณขิมคะ" พอได้ยินเสียงหวานของสาวประชาสัมพันธ์ที่อยู่ข้างล่างรายงาน นายตุลก็ขมวดคิ้วเข้าหากันทันที .....ขิม!!? ไอ้คุณหมอขิมมันมาทำอะไรที่นี่หว่า...!!?
"เชิญขึ้นมาที่ห้องผมได้เลยครับ.."
ไม่นานนักเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ก่อนที่ประตูจะเปิดออกพร้อมกับสาวประชาสัมพันธ์ที่รับหน้าที่เดินนำแขกผู้มีเกียรติมาส่งที่ห้องนายก่อนจะขอตัวออกไปตามมารยาท
"มีธุระอะไรกับผมหรือครับคุณหมอ...?" คำถามที่'แกล้ง'เป็นทางการของเจ้าของห้อง ทำให้คุณหมอที่เพิ่งจะเลื่อนเก้าอี้หย่อนตัวลงนั่งแอบคลี่ยิ้มออกมา
"เด็กน้อยของใครบางคนแถวนี้ มันบอกให้แวะมาดูอาการเฮียมันให้หน่อย แต่ท่าทางสงสัยจะตายยาก..." แม้ว่าจะรู้สึกกระดากปากตอนที่เรียกไอ้เจ้าเด็กโย่งว่าเด็กน้อยอยู่บ้าง แต่หมอขิมก็ยังมีสปิริตแรงกล้าในการกวนประสาทกลับไอ้คุณเพื่อนมาดเยอะตรงหน้าให้มันหลุดหัวเราะออกมาได้
"สงสัยจะเพี้ยน ไอ้คุณหมอขิม!!"
"เออดิ!! ใครจะไปมีความสุขล้นใจเหมือนคนแถวนี้ล่ะวะ!!" คนที่โดนประชดโดยไม่รู้ตัวเหลือบมองเพื่อนหมออย่างแปลกใจ...ใครที่ไหนจะไปมีความสุขล้นใจเหมือนที่มันว่า แล้วดูมันทำหน้าเหมือนไปนั่งมีความสุขอยู่บนหลังมันซะงั้นอ่ะ
"แล้วนี่มีธุระอะไร หรือจะให้โทรเรียกไอ้พิชมาด้วยอีกคนดีไหม..จะได้ครบองค์!!?" องค์ประชุมตัวป่วนทั้งหลายซิไม่ว่า ไอ้พวกนี้ถ้าตามมาครบจริงคงไปจบที่วงเหล้า เคล้านารี แล้วก็รับรองได้เลยว่าไอ้คุณพิชญะต้องโดนคุณภรรยาคนสวยมาลากกลับบ้านหูยานแน่คราวนี้
"ไม่ได้มีธุระอะไร..วายุมันฝากให้แวะมาดู เผื่อเฮียของมันจะป่วยเห็นบอกว่าตัวร้อนๆ แล้วนี่เป็นไงมั้งอ่ะ?" พอได้ยินที่เพื่อนหมอบอก นายตุลก็หมวดคิ้วเข้าหากัน
เพราะชื่อใครบางคนที่หลุดมาให้ได้ยินนั่นแหละ...ไอ้หมีไวไวมันไปสนิทสนมกับไอ้คุณเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงขนาดฝากฝังให้มาดูแลได้!! แล้วไอ้อาการตัวร้อนที่ว่านั่น...ก็ไม่ได้เป็นเพราะอาการป่วย...แต่มันเป็นเพราะใครกันล่ะโว้ย แล้วมันก็แตะที่หน้าอย่างเดียว ทำมาเป็นรู้ดี ถ้าอยู่ตรงหน้าตอนนี้จะเล่นให้น่วม ไอ้เด็กเวร!!!
"ไปสนิทกันตอนไหนเหอะ!!?" เห็นครั้งเดียวตอนที่โทรคุยกันนานกว่าครึ่งชั่วโมงเมื่อคราวก่อน แล้วหลังจากนั้นไอ้สองคนนี่มันยังติดต่อกันอยู่อีกรึ!!
"หืม!!?...หึ หึ" เสียงหัวเราะต่ำในลำคอของหมอขิมที่ทิ้งไว้เป็นปริศนา เพราะไอ้เจ้าตัวมันไม่ยอมพูดตอบมีเพียงสายตาแวววาวที่มองมาเหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง....ที่คนถูกจ้องรู้สึกเหมือนกำลังโดนจับผิด
"หัวเราะแบบนี้..หมายความว่าไงวะ!!?" นายตุลหรี่ตามองไอ้คุณหมอมาดกวน เห็นแล้วอยากเอาปลายดินสอแหลมๆ จิ้มแสกหน้ามันซักทีสองทีด้วยความหมั่นไส้
"ป๊าว!!!? หัวเราะเฉยๆ คนอารมณ์ดีก็ผิดด้วยวุ้ย กลางวันนี้ไปหาอะไรกินกัน ชวนไอ้คุณบอสใหญ่ไปด้วย.." หมอขิมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างเร็วก่อนที่ตัวเองจะงานเข้า จะไม่ให้อารมณ์ดีได้ไง..ไอ้คุณเพื่อนมาดมากมันออกอาการที่หาดูได้ยากออกมาซะขนาดนั้น นี่ถ้าไอ้เด็กโย่งมันรู้เข้าคงได้โดดดีใจตาย...ก็เล่นโดน'หึง'แบบไม่ทันตั้งตัวซะขนาดนั้น..!!
.
.
.
ใช้เวลากว่าค่อนวัน ที่คณะเดินทางของนักศึกษาออกค่ายเดินทางมาถึงสถานที่ออกค่ายที่ว่า เป็นโรงเรียนที่อยู่ทางจังหวัดทางภาคตะวันตกติดกับชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน พอรถเคลื่อนมาจอดสนิทที่ลานกว้างหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง นักศึกษาทั้งหมดต่างก็ช่วยกันขนลำเลียงข้าวของที่จะนำมาบริจาค และอุปกรณ์ที่จำเป็นลงมาจากรถ
อาคารเรียนเก่าสีซีดเพียงหลังเดียวที่ตั้งเด่นอยู่ในพื้นที่ เป็นทั้งห้องเรียน ห้องสมุด ใต้อาคารเรียนปล่อยให้โล่ง ไม่มีผนังกั้น มีโต๊ะกับเก้าอี้ตั้งเอาไว้ คงเอาไว้ใช้แทนห้องอาหารกลางวัน.. อาจารย์ใหญ่และชาวบ้านในละแวกนั้นออกมาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"ทำไมผู้หญิงสวยๆแบบฉันจะต้องมาช่วยพวกแกแบกของด้วยวะคะ!!" ทันทีที่ได้ยินคำถามจากปากไอ้หญิงหยกสาวสวย(เหมือนที่เจ้าตัวบอก) ชายหนุ่มทั้งสามก็แทบจะโยนของทั้งหมดในมือทิ้งลงบนหัวคนพูดทันที
“ช่างกล้า!!!” ไอ้ป๋าไม้ก่อนเลยคนแรก เรื่องปากหมากล้าตายล่ะก็ต้องยกให้มันก่อน ขนาดโดนไอ้หยกตวัดสายตามองเหมือนจะฆ่าให้ตายมันยังยักไหล่ได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
"ไม่เคยเมารถ แต่อยากจะอ้วกแล้วว่ะตอนนี้...!!" วายุแกล้งทำหน้าผะอืดผะอม แต่ดันหันหน้าไปทางเพื่อนสาวคนเดียวที่กำลังแกล้งยืนทำหน้าหงิกงอประชด พลางพยักหน้าให้ดูหมู่มวลรุ่นพี่สาวๆ ที่บอบบางทั้งหลายช่วยกันหยิบยกขนมนมเนยลงมาจากรถ ทั้งที่เป็นงานเบาๆ ก็ยังไม่วายวี้ดว้ายส่งเสียงดังกัน...ไอ้หยกมันคงตั้งใจจะประชดประชันด้วยความหมั่นไส้ไปตามประสาสาวห้าวของมัน
"ถ้าแกเดินไปเงียบๆ จะสวยกว่านี้อีกไอ้หยก" ไอ้คุณชายเอิงยกลังใส่อุปกรณ์ทาสีให้เพื่อนสาวรับไปถือ ส่วนตัวเองกับพวกที่เหลือรับอาสาขนพวกถังสีหนักๆ กับพวกลังหนังสือลงไปเก็บไว้ใต้อาคารเรียน ...
เสียงรุ่นพี่ที่เป็นเหมือนเป็นแม่งานในครั้งนี้ตะโกนบอกจัดตำแหน่งและวางหน้าที่ให้แต่ล่ะคน สาวๆถูกให้งานเบาๆ อย่างเข้าครัวช่วยทำอาหารเลี้ยงเด็กและพวกเดียวกันเอง แต่ก็ยังมีหญิงเดียวที่ยังยืนกรานว่าไม่ขอแบ่งแยกเพศ(ที่จริงเพราะมันทำไม่เป็นเลยต่างหาก) แต่ก่อนที่งานทั้งหมดจะเริ่ม รุ่นพี่ก็ยังใจดีให้ทุกคนได้พักยืดเส้นยืดสายกันก่อน
“ไปโทรศัพท์แป๊บนะ เดี๋ยวมา..!!” วายุแอบกระซิบบอกเพื่อนทั้งสามคนที่พร้อมใจกันเหล่มองมาด้วยหางตาอย่างรู้ทัน
“เบื่อจริ๊ง!! ไอ้พวกไม่โสด!!”
“เบื่อหรืออิจฉาวะไอ้ชายเอิง มันห่างกันนิดเดียวนะเว้ย!!” ชายเอิงหันไปมองไอ้คุณป๋าอย่างเคืองจัด วายุค่อยๆอาศัยจังหวะนั้นหลบเลี่ยงออกมา เกรงว่าขืนช้าอาจมีโดนลากเข้าไปเอี่ยวได้..
ที่นี่ก็ช่างเป็นใจซะเหลือเกิน โทรศัพท์มีสัญญาณไม่เกินสองขีด เดินเลยไปสองก้าวหายเรียบ!! ต้องเดินไปส่องโทรศัพท์ไปด้วยว่าตรงไหนถึงจะลงหลักปักฐานให้พอยืนคุยโทรศัพท์ได้อย่างมีความสุข..แต่ให้ตายเหอะ…หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะมีจริง....!!! เพียงแค่ลมพัดผ่านสัญญาณก็วูบได้ครับท่าน!!...
อ๊ากกกกกกกก....สวรรค์กลั่นแกล้งไอ้ไวไวผู้น่าสงสารครับท่าน!! อุตส่าห์ทนไม่ได้เห็นหน้าตั้งหลายวัน ยังจะไม่ได้ยินแม้แต่เสียง...คงได้ขาดใจตายก่อนกลับล่ะคราวนี้
พลั่ก!!
“อุ้ย!!”
“แว้กกกกก!!!”
ไอ้ไวไวแทบจะโดดม้วนตัวสามตลบไปคว้าเจ้าโทรศัพท์มือถือ ที่ปลิวหวือหลุดจากมือตอนที่เดินไปชนกับใครบางคนเข้า เพราะไม่ได้มองทางมัวแต่จ้องหน้าจอว่าสัญญาณมันจะขึ้นมาตอนไหน แล้วก็พลาด...มือถือเครื่องที่เฮียให้มาลงไปนอนคลุกฝุ่นอยู่บนพื้นเรียบร้อย
“ขอโทษค่ะ!!!” ยังไม่ทันจะได้หันไปขอโทษก่อน เพราะไอ้หมีมันมัวห่วงของ อีกฝ่ายก็ชิงเอ่ยปากเสียก่อน
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ต้องขอโทษด้วย เดินไม่ได้มองทาง...” วายุเกาหัวตัวเองแก้เก้อ เอ่ยปากขอโทษไปตามความจริง ยิ่งจำได้ว่าคนตรงหน้าเป็นรุ่นพี่คนสวยของคณะก็ยิ่งลนลาน กลัวจะโดนรุ่นพี่ผู้ชายที่หมายปองพี่แกมาเห็นเข้าจะได้ซวยกันถ้วนหน้าล่ะคราวนี้
“แล้วมือถือ..เป็นอะไรไหมพังรึป่าว” เมื่อสาวเจ้าเห็นว่ารุ่นน้องตรงหน้าทำท่าเหมือนเสียใจนักหนา ตอนที่วิ่งถลาไปคว้าโทรศัพท์ก็อดถามถึงไม่ได้ แต่พออีกฝ่ายลองกดดูแล้วก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ถึงได้วางใจ
“ไม่พัง!! แถมมีสัญญาณแล้วด้วย ขอบคุณรุ่นพี่มากๆเลยครับ” ตามประสาคนที่เก็บอาการอะไรไม่ค่อยจะอยู่ ดีใจ เสียใจยังไงมันก็แสดงออกทางสีหน้าหมด พอเห็นว่าโทรศัพท์เครื่องสำคัญยังใช้งานได้ วายุก็เลยอดฉีกยิ้มออกมาไม่ได้
“งั้นก็รีบโทรซิ คนทางโน้นคงรอแย่แล้วมั้ง” รุ่นพี่เอ่ยปากแซวอย่างอดไม่ได้
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีซิครับ..” วายุแสร้งถอนหายใจออกมายาวเหยียด ที่หน้าจอยังมีเบอร์ของใครบางคนกดค้างเอาไว้รอแค่กดปุ่มโทรออก...หวังจะได้ยินเสียงของใครบางคนที่คิดถึงขนาดยังไม่ข้ามวัน รอยยิ้มเอ็นดูปรากฏบนใบหน้าของรุ่นพี่ก่อนจะยื่นมือไปตบไหล่รุ่นน้องตัวโตเบาๆ
“ตัวก็โต ทำเป็นใจฝ่อไปได้นะเราโทรไปบอกเค้าว่าคิดถึงซักหน่อยเถอะ..เชื่อพี่..” คนตัวโตที่ว่าเหลือบมองรุ่นพี่ที่ยืนยิ้มให้พร้อมกับยกโทรศัพท์ของตัวเองให้ดู เหมือนจะบอกว่าที่บังเอิญมาเดินชนกันตรงนี้ ก็เพราะมีจุดประสงค์เดียวกัน เพียงแต่ไอ้โย่งคนนี้มันยังไม่ได้เริ่ม
“ครับ..แต่ผมกลัวว่าจะคิดถึงเค้ามากกว่าเดิมนะซิ!!” วายุแกล้งทำหน้าเศร้า รุ่นพี่ตรงหน้าหัวเราะชอบใจพร้อมกับค้อนเข้าให้วงใหญ่ด้วยความหมั่นไส้จัด ก่อนจะขอตัวเดินกลับเข้าไปในอาคารเรียนที่เพื่อนๆน้องๆรวมตัวกันอยู่
วายุกดโทรศัพท์ด้วยใจระทึก...เอาจริงๆจังๆ กลัวจะโดนแกล้งไม่รับเสียมากกว่า เพราะเมื่อเช้าตัวเองดันเล่นเอาไว้เยอะ ได้กำไรเห็นๆ แม้ว่าไอ้ไวไวจะชอบใจที่ตัวเองโดนแกล้งเอาคืนก็เถอะ แต่ในสภาพที่ห่างไกลกันแบบนี้จะคว้าตัวหอมๆอุ่นๆ ที่ไหนมากอดได้ล่ะ แค่คิดก็ทรมานหัวใจจะแย่
“โทรมาทำไม!!? ไอ้หมีโย่ง!!” หูยยยยย...ดูคำทักทายยามรับโทรศัพท์ดิ ไม่ได้มีให้ดีจงดีใจอะไรเลยอ่ะคนเราจะจ๊ะจ๋าซักนิดก็ไม่มี
“...คิดถึง...เหตุผลสมควรไหมอ่ะครับ...!!?” หยอดคำหวานไปแล้วก็กระดากหูตัวเอง แม้ว่าจะเป็นคำที่ส่งตรงมาจากใจไอ้ไวไวก็เหอะ...อึ้งอ่ะดิ!! อยากเห็นหน้าของไอ้คุณเฮียของกระผม ณ ยามนี้จริงๆ
“ไม่ได้!!!....ยังไม่ครบ 24 ชั่วโมง!!!” วายุแทบจะหลุดหัวเราะพรืดออกมาตอนที่ได้ยินข้อห้ามประหลาดๆของไอ้คุณเฮีย
“ใจร้ายเหอะ ผมอ่ะคิดถึงเฮียตลอด 24 ชม. ไม่ได้ยินเสียงเหมือนจะกินข้าวไม่ลง” คำหวานที่หยอดกลับไปหารู้ไม่ว่าทำให้คนฟังแทบกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ แต่ตรงหน้ามีเพื่อนแสนรู้สองคนนั่งจ้องมาด้วยความสนใจใคร่รู้ จนต้องเบือนหน้าไปอีกทาง ก่อนจะลุกออกมาจากโต๊ะกินข้าว เดินออกมาหาที่ยืนหลบมุมในร้านอาหาร
“งั้นก็แสดงว่า..เย็นนี้ก็ไม่ต้องกินข้าว ดีเหมือนกันคนอื่นจะได้กินอิ่ม หึหึ” เสียงหัวเราะต่ำๆที่ได้ยินบ่งบอกให้คนฟังรู้ว่าตัวเองกำลังโดนประชดใส่ แถมคนใจร้ายก็กำลังสนุกและพอใจมากเสียด้วย
“ถ้าให้ผมงดข้าวเย็น..กลับไปจะกินเฮียแทน..!!”
“ว่าไงนะ!!?” วายุอมยิ้มกริ่มแก้มแทบแตก ตอนที่ได้ยินเสียงตะโกนถามมาจากปลายสาย...แค่คิดว่าตอนนี้หน้าตาอีกฝ่ายเป็นยังไงก็มีความสุขจนแทบจะตะโกนออกมาดังๆ แต่เดี๋ยวคนอื่นได้ยินคงจะหาว่าไอ้นี่บ้าแน่
“ผมบอกว่า....คิดถึงเฮีย อยากกลับไปเย็นนี้เลย” จำต้องพูดปดออกไปจนได้ หากไม่อยากหมดลมหายใจไปก่อนวัยอันควรตอนที่กลับไปถึงบ้าน
“เป็นเด็กรึไงเรา!!? แค่นี้ก็ร้องไห้กลับบ้าน” จะว่าเด็กก็คงใช่..ถ้าได้อยู่กับเฮียล่ะก็ไม่ว่าที่ไหน ไอ้ไวไวคนนี้ก็ติดหมดทุกที่นั่นแหละ อยากจะเอาแต่ใจงอแงเป็นเด็กบ้าง..ถ้าหากมันจะทำให้ได้เข้าไปอยู่ในหัวใจเฮียได้
“เออ...ผมฝากให้พี่หมอแวะไปดู เฮียไม่สบายรึเปล่า ทานยาแล้วนอนเร็วๆนะครับ ผมเป็นห่วง...แล้วก็..”
“ไอ้หมีไวไว!!! ใครใช้ให้มาเป็นปรอทวัดไข้ กลับมาเมื่อไหร่...ตายแน่!!” วายุหลุดหัวเราะออกมาตอนที่ได้ยินคำขู่...แสดงว่ายังสบายดีไม่มีปัญหา ขนาดมีแรงอาฆาตขนาดนี้รับรองว่าสามวันที่อยู่ทางนี้คงไม่ต้องเป็นห่วงกังวลเรื่องนั้น
“ฮั่นแน่!! แสดงว่าเฮียก็อยากให้ผมกลับไปเร็วๆใช่ไหมล่ะ คิดถึงผมอ่ะดิ!!”
“ไอ้เด็กเวร...จะไม่รับโทรศัพท์อีกแล้ว!! แค่นี้นะ...!!”
“อ้าว...เฮีย!! เดี๋ยว...อย่าเพิ่ง...”
ตึ๊ด ตึ๊ด ตึ๊ด
งานเข้าไอ้หมีล่ะครับท่าน!! หยอดหวานมากไปจะเป็นภัยถึงตัว...เจอไอ้คุณเฮียเขินหนักเข้าก็ปิดประตูใส่หน้าไอ้ไวไวอย่างไม่ไยดี...ทำไงดีตอนนี้อยากติดปีกบินกลับไปกอดพร้อมกับหอมแก้มอีกซักฟอด แล้วค่อยกลับมาปฏิบัติหน้าที่ทางนี้ต่อ...บอกว่าจะไม่รับโทรศัพท์ ไม่มีทางซะหรอกไอ้คุณเฮีย รู้จักไอ้หมีน้อยไปซะแล้ว!!
.
.
.
ครืด ครืด
หลังจากกดวางโทรศัพท์ไอ้หมีแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะด้วยอาการสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในใจมันพองฟูคับอกแทบกินอะไรไม่ลง ยังไม่ทันจะได้ลงมือจัดการกับของกินตรงหน้าตัวเองต่อ โทรศัพท์เครื่องเดิมมันก็สั่นเตือนว่ามีข้อความเข้า
.
.
.
“คิดถึง..คนใจร้ายที่สุด”==============================
ลงตอนสั้น...เราวิ่งแอบ 5555
กลัวทุกคนคิดถึงไอ้หมีไวไวในป่าใหญ่ กร๊ากกกก
ปั่นมาตาเหลือก...เสร็จพอดีกับงานเลิกซะงั้น หึหึ
ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตาม กอดกันให้อุ่น ๆ
ปล.มีข่าวฝาก..========================================
ประกาศกึ่งเป็นทางการ :: ถึงแฟน ๆ "เรี่องรัก....ไม่กล้าบอก" ทุกท่าน
เนื่องจากกระทู้ "ขอเชิญบริจาคของขวัญเพื่อประมูลสำหรับเทศกาลปีใหม่เล้าเป็ด"
คุณนายนุ่นอยากเข้าร่วมบริจาคกับทางเล้า ของขวัญชิ้นนี้ทำเพียงชิ้นเดียว ไม่มีแจกฟรีที่ไหน หารายได้เข้าเล้าเท่านั้น
ก็เลยจัดทำการ์ดหวานแหววจากพี่ฟ้า เอามาร้อยเป็นพวงกะจะลงประมูล(ซักหน่อย)
แต่ด้วยความที่รูปเล่มยังไม่เสร็จ ก็เลยต้องแวะมาแจ้งข่าวปากเปล่าไปก่อน เอาไว้แปะเสร็จสรรพจะลงแจ้งเป็นทางการอีกที
ขออนุญาตพี่เว็บ ณ ทีนี้ด้วย...เพราะยังไม่ได้เอารายละเอียดไปใส่กระทู้เจ้าค่ะ
=========================================
ไอ้ด้าน้อยวิ่งพลิ้วไปเตรียมตัวทุบโต๊ะประมูลก่อน (ของเค้ายังไม่เสร็จเลยเอ็ง!! )