บทที่ 19
"ไงวะ!! หายง่อยแล้วรึไอ้วา" คำทักแรกที่ออกมาจากปากคุณเพื่อนสุดเลิฟทันทีที่เจอหน้ากันที่มหาลัย...รู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงเป็นใย...(ตรงไหนเหอะ!!?)
"ยังไม่หายดี แต่ก็โดดเตะก้านคอคนได้ล่ะวะ" ไอ้ชายเอิงวิ่งไปแอบหลังหญิงหยกทันทีที่ได้ยิน..มันคิดว่าไอ้วายุคนนี้จะไม่กล้าทำซินะ หึหึ!! ก็ไม่กล้าจริงแหละ..
"พวกเรามีข่าวดีจะบอกด้วย ในโอกาสที่แกหายป่วย..." วายุยื่นมือไปรับแผ่นกระดาษขนาด a4 ที่หญิงหยกยื่นมาให้อย่างแปลกใจ มันเป็นใบสมัครร่วมโครงการอะไรซักอย่าง ที่ใส่รายละเอียดของนักศึกษาวายุ ลงไปแล้วเรียบร้อย..เหลือก็แค่เซ็นชื่อลงไปเท่านั้น
"ออกค่าย!!?..ได้ไง!!?" ความหมายตามจริงก็คือไอ้วายุคนนี้จะไปออกค่ายได้ยังไง ในเมื่อมีงานพิเศษต้องทำ วันหยุดอยู่บ้านยังแทบจะไม่มีแล้วนี่แม่เจ้า!! ออกค่าย 3 วัน จะไม่ได้กลับบ้านตั้ง 3 วัน ไอ้ไวไวคงได้ขาดใจตายที่ไม่ได้เจอหน้าเฮียแน่ๆ
"ไอ้ชายเอิงมันโทรไปขออนุญาตพี่ตุลให้แล้วเมื่อกี้ไม่ต้องห่วง" โห่..ดูพวกมัน!! เล่นทำงานกันเป็นทีม แล้วดูดิ!! ดันโทรไปถามเฮียแล้วไม่ถามตูข้าซักคำ เฮียก็เหอะ..อนุญาตเร็วมากอ่ะ ไอ้ไวไวยังไม่รู้ตัวซักนิด
"เดี๋ยวนะ!!...ทำไมไอ้เอิงมีเบอร์เฮียอ่ะ!!" ปากกาที่รับมาจากมือเพื่อนไม้ และกำลังจะจรดลงบนกระดาษสมัครไปค่ายโดยไม่มีข้อโต้แย้ง แต่วายุก็ดันฉุกใจคิดขึ้นมาได้หันไปมองหน้าไอ้คุณชายที่กำลังยิ้มกวนไส้อยู่ข้างหลังหญิงหยก
"ไอ้นี่!!ทำเป็นหวง!! พี่ตุลให้มาเองเว้ย" ไอ้เอิงส่งรอยยิ้มกวนประสาทพร้อมกับยักคิ้วให้อีกที...ไปแอบให้เบอร์กันตอนไหน!!! ทำไมไอ้ไวไวไม่รู้เรื่องงงงงงง...เฮียยยยยยย!!! กลับไปค่อยซักฟอก..ซักหลายๆฟอด
ใจหนึ่งก็อยากไปร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ แต่ก็ยังลังเลอยู่อีกหน่อย แล้วอีกอย่างในตอนท้ายของเอกสารยังไงก็ต้องให้ผู้ปกครองเซ็นอนุญาตอีกรอบอยู่ดี วายุกลอกตาไปมาเหมือนคนที่กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนจะพับเจ้ากระดาษตัวปัญหาเก็บใส่กระเป๋าทั้งที่ยังไม่ได้เขียนอะไรลงไป
"อ้าว!! จะไม่ไปเหรอ..?" สาบานได้ว่านั่น..คือประโยคคำถามจากไอ้คุณเพื่อนไม้ ไม่ใช่คำข่มขู่..ล่ะมั้ง!!?
"เก็บเอาไปให้เฮียเซ็นอนุญาต ยังไงก็ต้องส่งพรุ่งนี้อยู่ดี" ต้องใช้เหตุผลเข้าไว้ไอ้วายุ เพราะไอ้พวกนี้มันเล่นทำงานกันเป็นทีมต่อให้เป็นคนป่วยมันก็ไม่มีล่ะเว้นกันหรอก
"อ้าว!! ได้เวลาเรียนวิชาต่อไปแล้วนี่หว่า ไปเถอะเดี๋ยวโดนอาจารย์เขม่นเอา" ไอ้เอิงยกนาฬิกาขึ้นมาดู ก่อนจะพูดตัดบทเปลี่ยนเรื่องให้อย่างเนียนๆ
ปล่อยให้ไอ้คุณป๋ากับหญิงหยกเดินเกี่ยงกันถือของนำไปก่อน ส่วนวายุเหลือบมองเพื่อนอีกคนที่เหลือเหมือนยังมีอะไรอยากถาม แต่ต้องดูทีท่ามันก่อนว่ามันจะกวนประสาทอีกรึป่าว ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากถามสายตาก็เหลือบไปเห็นสมุดสสเกตซ์แบบเล่มเล็กของมันที่เคยถือประจำ ...ไอ้พี่ขิมนี่รวดเร็วได้ดั่งใจจริงๆวุ้ย!!
"เออ!! ได้ข่าวว่าไปลืมของอะไรไว้ที่โรงพยาบาลเหรอวะ พอดีพี่ขิมโทรมาถามอ่ะ" ปกติจะต้องเห็นว่าไอ้คุณชายมันจะต้องหันมายิ้มมุมปากทำท่ากวนประสาทใส่ แต่คราวนี้ไหงมันขมวดคิ้วแล้วหันขวับมามองอย่างเร็ว แถมยังทำสีหน้าแบบว่าเดาไม่ถูกว่ากำลังคิดอะไร
"พี่ขิมไหน...!!?" คราวนี้เป็นวายุที่ขมวดคิ้วเข้าหากันบ้าง หรือจะจำสมุดผิดเล่ม แล้วไอ้คุณพี่หมอนั่นยังไม่ได้รุกเร็วอย่างที่คิด
"ก็คุณหมอคนที่เจอกันที่โรงพยาบาลวันนั้นไง"
"อ้อ!!..อืม!! คุณหมอเค้าเอามาคืนให้ พอดีว่าเพิ่งจะรู้ว่าอยู่หมู่บ้านใกล้ๆกัน" โห่..โลกช่างกลมเสียจริง ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าโชคดีของพี่หมอขิม หรือโชคร้ายของไอ้ชายเอิงกันแน่ เห็นมันทำท่าไม่รู้สึกอะไรแบบนี้แล้วก็ชักจะเห็นใจนิดๆแฮะ
"พี่ขิมเค้าเป็นคนดีเนอะ ยังอุตส่าห์เอามาคืนให้" วายุลองแกล้งแหย่ดู ไอ้คุณชายหันมายิ้มให้แวบหนึ่ง ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองทางอย่างเดิม
"คงไม่เท่าพี่ตุลหรอกมั้ง ทั้งหน้าตาดี พูดก็เพราะ ใจดีอีกต่างหาก"
"เฮ้ย!!! ไม่ได้นะโว้ย คนนี้อ่ะ...!!" รอยยิ้มกวนประสาทที่คุ้นเคยปรากฏบนใบหน้าไอ้คุณชายเอิง ก่อนที่มันจะเปิดปากหัวเราะออกมาจนตัวงอ แล้วไอ้วายุก็เพิ่งจะรู้ว่าดันไปหลงกลมันเข้า
"โธ่!! ไอ้ขี้หวง!! พี่เค้ารู้ตัวรึยังหรอก ทำมาเป็นหวงก้างลับหลังกับเพื่อน ระวังจะโดนคนอื่นคาบไปกิน!!" กรรม!! ความแตกตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนไหนกันวะเนี้ยะ เผลอแสดงตัวออกไปตั้งแต่ตอนไหนทำไมไม่เห็นจะรู้ตัวเลยวะ
"ระ..รู้กันแล้วเหรอ..ทุกคนเลยป่ะ" เมื่อเห็นไอ้ชายเอิงพยักหน้ายืนยันอีกรอบ วายุก็แทบลมจับเข่าอ่อนจนทรุดลงไปนั่ง ...ไม่ใช่อะไร กลัวว่าพวกมันจะรับไม่ได้กับเรื่องแบบนี้ ทั้งที่เพิ่งจะได้เป็นเพื่อนกันไม่นานกลัวว่าจะมองหน้ากันไม่ติด
"ไอ้พวกนั้นน่ะ มันไม่แย่ขนาดเลิกคบเพื่อนได้ด้วยเรื่องแค่นี้หรอก อย่างไอ้หยกก็คงหงุงหงิงไปตามเรื่องที่พี่ตุลมีเจ้าของแล้วก็แค่นั้น" คนพูดยักไหล่พูดล้อเล่นเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา พร้อมกับเอื้อมมือมาตบไหล่ เพราะเท่าที่รู้กันดีว่าไอ้คุณเฮียเปรียบเหมือนชายหนุ่มในฝันของไอ้หยก ก็นะ..เฮียของไอ้ไวไวซะอย่าง ไม่งั้นจะต้องคอยตามหวงแบบนี้รึ
"ขอบใจนะ ที่ยอมเข้าใจ" ความสัมพันธ์แบบนี้ จะหวังอะไรได้อีกนอกจากมีคนเข้าใจ แม้ว่าสังคมใหญ่จะไม่ยอมรับ แต่ขอแค่เพื่อนและครอบครัวที่รักยอมเข้าใจ เพียงแค่นั้นก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว เพราะความสุขในวันข้างหน้าก็สุดแท้แต่สองคน
"เออ!! เพื่อนกันนี่หว่า คิดอะไรมากมายวะ" ไอ้ชายเอิงตบหลังเหมือนจะให้กำลังใจสองสามที สงสัยจะซึมซับนิสัยมือไม้หนักมาจากไอ้หยกแหงๆ ตบมาแต่ล่ะทีเล่นเอาจุก ส่วนรอยยิ้มกวนๆตอนหลังที่มันส่งมาให้ยากจะหาความหมายได้ คิดไปก็ปวดหัว...ใครได้มันไปเป็นแฟนคงต้องปวดกบาลตายเข้าซักวัน
.
.
.
นายตุลเหลือบมองกระดาษที่ถูกยื่นมาตรงหน้าก่อนจะรับมาถือไว้อย่างแปลกใจ แทนที่จะเป็นเอกสารสำคัญที่นักศึกษาทำงานพิเศษเอามาให้เซ็นเหมือนเคย แต่พอลองไล่สายตาอ่านกลับเป็นเอกสารออกค่ายที่เพื่อนของไอ้ไวไวโทรมาขออนุญาตแต่เช้า ส่วนเจ้าตัวมันกำลังนั่งหน้าหงิกเหมือนไปโกรธใครมาซักชาติ
รู้สึกเหมือนมีพวกรับจ้างทวงหนี้ตัวโตๆมานั่งจ้องหน้า เพียงแต่ไม่ได้ใส่แว่นตาดำและไม่ได้ทำหน้าโหด แต่ทำหน้าเหมือนน้องหมีที่อยู่ในกรง กำลังเรียกให้คนที่ผ่านไปมาโยนอาหารไปให้ แทนที่จะกลัวกลับอมยิ้มออกมาซะอย่างงั้น..นี่ล่ะมั้งสาเหตุที่อยู่กับไอ้หมีใหญ่แล้วไม่เคยจะเบื่อเลยซักครั้ง
"จะให้เซ็นตรงไหนล่ะ" แกล้งถามไปแบบนั้นเอง ทั้งที่เห็นอยู่แล้วว่าช่องสำหรับผู้ปกครองยังคงว่างอยู่ พอเห็นหน้าตาแบบนั้นก็เกิดอาการอยากแกล้งต่อขึ้นมา
"เฮียอ่ะ ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ จะไม่ได้เจอหน้าตั้ง 3 วันนะ" ไอ้ไวไวทำเสียงหงุดหงิด เลื่อนเก้าอี้แล้วหย่อนตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม ก่อนจะเอาแขนวางพาดกับโต๊ะแล้วเอาคางวางลงไป ส่งสายตาอ้อนๆมาให้
"ก็แค่ 3 วัน ไปเถอะ...เวลาทำกิจกรรมกับเพื่อนๆก็มีแค่ช่วงเรียนนี่แหละ" เพราะเดี๋ยวอีกหน่อยพอเรียนจบก็ต้องต่างคนต่างทำงาน รับผิดชอบในหน้าที่ของแต่ละคน เวลาว่างก็ไม่ตรงกันอีก แต่แทนที่มันจะฟัง....
"ผมนะ..แค่ชั่วโมงเดียวก็ทนไม่ไหวแล้ว คิดถึงเฮียจะแย่..." คำพูดตรงๆแบบไม่มีอ้อมค้อมเหมือนเคย ทั้งที่น่าจะชินแล้วแท้ๆ แต่ภูมิคุ้มกันกลับไม่ทำงานซะอย่างงั้น เล่นเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะกันเลยทีเดียว นายตุลจำต้องแสร้งขยับแว่นแล้วเบือนหน้าไปมองทางอื่นแทน ไม่งั้นคงได้เขินตายกับคำพูดเลี่ยนๆของไอ้หมีมัน
"ฟุ้งซ่าน!! ถ้าเทอมนี้เกรดตกโดนแน่" นายตุลต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง แต่แทนที่มันจะมีแววสลดไอ้หมีไวไวมันกลับผงกหัวขึ้นมาจากโต๊ะแล้วฉีกยิ้มกว้าง
"แล้วถ้าเกรดไม่ตกล่ะ ผมจะได้รางวัลป่ะ!!"
โป๊ก!!
"โอ๊ย!! ก็เฮียอ่ะ..เริ่มก่อน ยังมาตีผมอีก..ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะขออะไร.." เสียงบ่นหงุงหงิงไม่ให้คนที่นั่งอยู่อีกฟากโต๊ะได้ยิน ไม่กล้าเล่นมากเพราะที่นี่ไม่ใช่บ้าน กลัวว่าหลุดภาพไม่เหมาะสมขึ้นมาอาจจะกระทบถึงงานได้
"ทำมาปากดี ทำให้มันได้ก่อนเถอะ" ถ้าเป็นเมื่อก่อน นายตุลคนนี้อาจจะตกปากรับคำไปแล้ว ถ้า...ไอ้ไวไวมันไม่ใช่หมีเจ้าเล่ห์ที่ชอบกะล่อนไปเรื่อย
"ไอ้ไวไวของเฮีย ไม่ใช่กระจอกนะขอบอก" ไอ้หมีใหญ่ทำเป็นยืดยกมือกอดอกตัวเองแล้วยักคิ้วมาให้ ทำเอาคนมองอดยิ้มแล้วส่ายหัวไปมากับตัวเอง..อดขำกับท่าทีแบบนี้ไม่ได้ซักที ก่อนจะก้มหน้าลงไปเซ็นชื่อในช่องผู้ปกครอง แล้วส่งกระดาษคืน
"เป็นแค่ไอ้ไวไวแท้ๆ ทำมาคุย" โดนว่าแทนที่มันจะสลดมันกลับยิ้มกวนประสาทแทน
"เฮียก็ยอมรับแล้วดิ ว่าผมเป็นของเฮียอ่ะ!! ฮ่าๆ" อ้าวเวร!!! ดันเดินไปเหยียบกับดักไอ้หมีมันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ไม่เห็นจะรู้ตัวเลยเว้ย!! อาการร้อนวูบไปทั้งหน้าแบบนี้จะให้ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์มันรู้ไม่ได้เด็ดขาด
"รู้แล้วก็หัดเชื่อฟังคำสั่งด้วยซิ ไอ้หมีดื้อ!!" วายุกระโดดหลบแฟ้มอันเดิมที่ทำท่าจะฟาดลงมาที่กบาลตัวเองอีกรอบด้วยใบหน้ายิ้มแป้น แม้จะไม่ใช่คำบอกรักที่อยากได้ยินที่สุดในโลกแต่ถ้าเป็นเฮีย..แค่ไม่ปฏิเสธก็ดีมากมายสำหรับหัวใจดวงน้อยๆของไอ้ไวไวคนนี้แล้ว
"ผมก็เชื่อเฮียมาตลอดอ่ะ..เฮียนั่นแหละ...น่าจะเชื่อที่ผมบอกบ้าง" ใจก็อยากจะเชื่ออยู่หรอก เพราะแอบใจอ่อนตอนที่ได้ยินประโยคที่ไอ้หมีมันพูด แต่พอหันไปมองแววตาเจ้าเล่ห์กะล่อนของมันเข้าเหอะ
"ใครมันจะไปเชื่อ ไอ้กะล่อน!!" ขืนลองเชื่อมันซิ...คงได้ถึงขั้นหมดเนื้อหมดตัวแน่ล่ะคราวนี้
วายุยืนหัวเราะชอบใจทั้งที่โดนด่าแต่ก็ยังมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปตามอารมณ์ของคนตรงหน้า ถ้าเป็นที่บ้านล่ะก็..คงได้เข้าไปต้อนให้จนมุมแล้วเอาคืนไอ้สามพันกว่าวันที่ยังติดค้างเอาไว้ที่แก้มซักฟอดสองฟอด ต้องอดใจไว้ก่อน..ไม่งั้นอาจจะโดนโกรธเข้าจริงๆ แล้วก็คงได้ง้อกันยาว
"ผมไปทำงานล่ะครับ เจอกันที่บ้านนะเฮีย" ไอ้หมีกะล่อนที่โดดไปยืนอยู่หน้าประตูทำท่าส่งจูบมาให้ได้น่าหมั่นไส้จนอยากจะหาอะไรปาหัวมันแก้เครียด แต่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้..
"มีธุระที่ไหนต่อรึไง หรือว่าโดนใช้ไปส่งของ" คำตอบที่ได้รับเป็นการส่ายหน้า
"เฮียขี้ลืมอีกแล้ว วันนี้ต้องซื้อของเข้าบ้าน ผมหยิบเงินในลิ้นชักที่บ้านมา..เฮียไม่รู้ตัวเลยเหรอ" โดนเด็กย้อนเข้าให้จนได้...เจ้าของบ้านเลยได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ
"ไปรออยู่ที่เดิม เดี๋ยววนไปรับจะได้กลับด้วยกัน" แม้ว่าปลายเสียงของคำสั่งที่ได้ยินจะฟังดูเหมือนเบื่อหน่าย แต่ไอ้คนที่ยืนฟังก็หาได้สนใจไม่..ใจมันอยากจะพุ่งเข้าใส่เฮียมันใจจะขาด ขนาดว่าเผลอขยำมุมกระดาษที่ตัวเองถือจนเป็นรอยยับ
"แต่...เฮียทำงานมาทั้งวัน น่าจะกลับไปพัก..." ลองแกล้งหยั่งเชิงไปแบบนั้น แต่ส่งสายตาอ้อนสุดฤทธิ์
“เหรอ..เอางั้นก็ได้” อ้าว!!!....ซะงั้นล่ะไอ้คุณฮีย เข้าใจอะไรง่ายไปไหม...ไอ้ไวไวมันแกล้งพูดไปแบบนั้นเองคร้าบบบบบ
“โห่...ไม่ง้อกันซักนิดเลยเหรอ ใจดำชะมัด” เสียงกระเง้ากระงอดที่ได้ยินทำเอาคนฟังแทบจะหลุดขำก๊ากออกมา ก็มันดันทำวางมาดหยิ่งไม่เข้าท่า ไอ้เราก็จัดให้ตามสนองผิดตรงไหน...ทีนี้ทำมางอน ไอ้หมีใหญ่ใจน้อยเอ๊ย!!
“ก็ตามใจ!! อยากกลับด้วยกันหรือเปล่าล่ะ” นายตุลทำเป็นยักไหล่เหมือนไม่สนใจ แต่ที่จริงแล้วกำลังกลั้นหัวเราะไอ้หมีไวไวสุดกำลัง
“เฮียอ่ะ!!” ไอ้คุณเฮียนะ..ทั้งๆที่รู้คำตอบก็ยังแกล้งไอ้ไวไวผู้น่าสงสารอีกเหอะ
ยังไม่ทันจะได้หาเรื่องเอาคืน สายตาก็เหลือบไปเห็นตรงช่องกระจกของประตูว่ากำลังมีบุคคลที่ทุกคนต่างเรียกกันว่าบอสกำลังเดินมาทางนี้ วายุก็เลยกลายเป็นระบบอัตโนมัติเปิดประตูให้ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้ยกมือเคาะประตูเสียด้วยซ้ำ
“อ้าว...มาอยู่นี่เอง แล้วทำไมหน้าตาเป็นแบบนั้น!!?” ด้วยความที่สนิทสนมกันตามประสาผู้ชาย พอคุณบอสพิชหันมาเห็นหน้าคนเปิดประตูก็เลยต้องทักอย่างช่วยไม่ได้..ดันทำหน้าหงิกหงอยเหมือนหมีป่วยซะขนาดนั้น
“เฮียแกล้งผมอ่ะพี่พิช” นายตุลถลึงตามองไอ้เด็กปากมากช่างฟ้อง แต่ไอ้คุณเพื่อนมันกลับเหลือบมองหน้าคนในห้องทั้งสองสลับกันไปมา ก่อนจะหัวเราะลั่นห้องอย่างชอบใจ
“โทษทีไอ้น้อง เรื่องครอบครัว...เค้าห้ามยุ่งว่ะครับ” ไอ้ไวไวทำหน้าหงิกกว่าเดิมเมื่อหาคนมาเข้าข้างตัวเองไม่ได้ ยิ่งเห็นไอ้คุณเฮียยักคิ้วมาให้มันก็ยิ่งทำงอน
“กลับไปทำงานทำการได้แล้วไป มายืนทำหน้าหงอยอยู่ได้” นายตุลแกล้งโบกมือไล่ทั้งที่ยังอมยิ้มชอบใจ คราวนี้เหมือนได้เอาคืนไอ้หมีมันบ้าง หลังจากที่เสียดุลมาแล้วหลายครั้ง
ประตูห้องทำงานถูกกระชากเปิดออก เพราะไอ้คนที่เดินออกไปมันกำลังงอนตุ๊บป่อง ซึ่งดูเหมือนจะไม่เข้ากับหน้าตาซักนิด มองยังไงก็ง้อไม่ลงทำได้แค่นั่งหัวเราะตามหลัง
“สนุกๆ แกล้งน้องมันได้ ทำมามีความสุข ระวังจะโดนเอาคืน!!” ไอ้คุณบอสหันมามองเพื่อนตัวเองที่กำลังนั่งหัวเราะตัวงอด้วยหางตา พอเห็นเพื่อนที่เคยมีแต่มาดเฉยชาหัวเราะออกมาได้ก็ดีใจด้วย แต่พอนึกภาพตอนที่มันโดนเอาคืน พาลจะขำด้วยไม่ออก
“คนอย่างไอ้ตุลไม่เคยกลัวโว้ย!!”
“เออ!! ให้มันจริง ระวังจะขำไม่ออก” ดูจากขนาดตัวยังไงไอ้เด็กนั่นมันก็มีแววชนะเห็นๆ แต่ไอ้คนที่กำลังหัวเราะหันมายักคิ้วให้เพื่อนเหมือนจะยืนยันคำพูดตัวเอง
ยังไม่ทันจะได้คุยต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาโดยไม่มีเสียงเคาะบอกล่วงหน้า ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นไอ้หมีใหญ่ตัวเดิมที่เพียงแต่โผล่หน้าเข้ามา แล้วมองตรงไปยังเฮียของมัน
“ขากลับเฮียไปแวะรับผมด้วยเลย มาช่วยกันถือของด้วยเหอะ!!!” ปัง!! พูดจบมันก็สะบัดบ๊อบ แล้วปิดประตูกลับให้เหมือนเดิม
คนที่แปลกใจที่สุดคงไม่พ้นคุณบอสที่หันกลับมาสบตาเจ้าของห้องที่ยังคงนั่งหัวเราะตัวงอ เพราะแบบนี้เองซินะ ไอ้คุณตุลมันถึงได้มั่นใจตัวเองนักหนา เพราะว่าไอ้หมีใหญ่มันเชื่องกับเจ้าของมันคนเดียวนี่เอง เข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้คุณเพื่อนมันถึงได้ติดใจไอ้เด็กโย่งนี่เหลือเกิน..!!
===============
มาแล้วขอรับท่าน ไวไวจานด่วนสำหรับมื้อเที่ยงวันนี้ ไวไวสะบัดบ๊อบ
หายไปสองสามวันต้องขออภัย มิได้หยุดยาวเหมือนคนอื่น (บอสใจร้ายเนอะ)
สำหรับตอนขัดดอกตอนต่อไป คาดว่าอีกไม่นานนัก
แบบว่าถ้าตอนไหนมาช้า ก็ขัดดอก ข้าง ข้าง ใจไปก่อน 55 (อย่าว่ากันนะ)
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตาม เดี๋ยวไปตามจิ้มแต่ล่ะคนดีกว่า คึคึ
แล้ว