บทที่ 22.
ใครบางคนกำลังนั่งกดโทรศัพท์ของตัวเอง ไล่อ่านข้อความเดิมซ้ำไปมาหลายรอบ แต่ด้วยความที่แบกทิฐิเอาไว้บนบ่าเยอะจัด ในเมื่อลั่นวาจาออกไปแล้วก็ต้องทำตามนั้น ....แต่จริงๆ แล้ว เพราะรอบแรกโทรศัพท์เข้ามาตอนที่ตัวเองลุกไปห้องน้ำแล้วทิ้งมันไว้บนโต๊ะทำงาน พอกลับมาก็พบว่ามีสายเข้า กับข้อความอีกหนึ่งข้อความ
'กำลังเริ่มทาสีอาคารเรียน...สีฟ้า..สวยมากเลยครับ' ข้อความตอนสายของวันทำให้ไม่กล้าโทรกลับเพราะกลัวว่าเจ้าตัวกำลังยุ่งอยู่กับงาน ทำได้แค่กดเบอร์เจ้าตัวค้างเอาไว้แบบนั้นบนหน้าจอ
.
.
'ทานข้าวกลางวันด้วยนะครับ...เป็นห่วงจัง...' ข้อความที่สองตอนบ่ายกว่าๆ ตอนนั้นเจ้าของเครื่องลงไปดูเรื่องสถานที่จัดงานแสดงสินค้า ทั้งการจัดธีมงานและตัวผลิตภัณฑ์ที่จะนำมาจัดแสดง ความยุ่งวุ่นวายเกิดขึ้นเล็กน้อยตอนที่เคลื่อนย้ายเพราะของบางชิ้นตกแตกเสียหายจนต้องเปลี่ยนอันใหม่รับหน้า กว่าจะได้มาอ่านก็ตอนเย็นไปแล้ว
.
.
.
"ลุงตุล ๆ ทานข้าวค่ะ ทานข้าว..." เสียงหลานสาวตัวเล็กวิ่งเข้ามาเขย่าแขนพร้อมกับประโยคซ้ำไปซ้ำมาตามประสาเด็กที่เพิ่งจะหัดพูด
"รับทราบแล้วครับผม น้องมิ้นท์ไปหม่ำๆ ด้วยกันนะ" เด็กหญิงยิ้มรับจนตาหยีพร้อมกับพยักหน้าไปด้วย มองเหมือนตุ๊กตาที่ตั้งระบบอัตโนมัติ
วันนี้ตอนกลับไปที่บ้าน...ทั้งที่อยู่คนเดียวมาจนชิน แต่มาสองวันนี้ที่บ้านหลังเดิมของตัวเองมันเงียบจนวังเวง พอดีกับที่ทางบ้านใหญ่โทรมาชวนให้กลับมากินข้าวบ้านก็เลยตัดสินใจตอบรับไปอย่างไม่ลังเล ได้เล่นกับหลานสาว โดนนายแม่หยิกจิกบ้าง ก็ค่อยลืม...เวลา...ที่เหมือนมันจะผ่านไปช้าเสียเหลือเกินให้เดินเร็วขึ้นมาได้บ้าง
.
.
.
โทรศัพท์ที่ปิดเสียงแล้วตั้งเป็นระบบสั่นเอาไว้ถูกวางทิ้งไว้ที่โต๊ะ เพราะคิดว่ายังไงก็บ้านตัวเอง ให้เหตุผลกับตัวเองที่คืนนี้คงค้างที่นี่เลยว่า..คิดถึงหลานก็คงไม่ผิดหรอกมั้ง
.
.
.
"กินข้าวโว้ย ไอ้วา!!" เสียงตะโกนเรียกของไอ้คุณชายเอิงดังมาจากใต้อาคารเรียน พ้นคืนนี้ไปพวกเราคณะนักศึกษาออกค่ายก็จะได้กลับไปยังถิ่นฐานของแต่ละคน อาคารเรียนหลังเดิมที่ถูกเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอ่อนๆ ดูสดใสยามอยู่ใต้แสงแดด ห้องสมุดที่ถูกต่อเติมชั้นวางหนังสือใหม่ให้ดูเป็นระเบียบ พร้อมกับจัดเอาหนังสือที่พวกนักศึกษาเอามาบริจาคใส่ลงไปด้วย ที่เหลือก็แค่เก็บเคลียร์สถานที่ให้เรียบร้อยซึ่งยังเหลืออยู่อีกไม่มากเพราะชาวบ้านแถวนั้นต่างก็มาช่วยกันเต็มแรง
"ทำหน้ายังกับไม่ได้เข้าห้องน้ำ ปวดอึ๊รึไงวะ" ไม่น่าเชื่อ..ว่านั่นจะเป็นคำถามที่หลุดออกมาจากปากคนที่เรียกตัวเองว่ากุลสตรี!! ไม่ต้องใช้หมอดู...ก็เดาออกได้เลยทีเดียวว่าชาตินี้มันคงได้เป็นกุลสตรีเดียวดายไปอีกนาน ไอ้สองหนุ่มที่กำลังตักข้าวเข้าปากถึงกับสำลักข้าวแทบพุ่ง
"ไอ้หยก!! คนกำลังกินข้าวโว้ย!!"
"เออ..ลืมไปโทษที!!" ด่าไปก็เท่านั้น เพราะยังไงไอ้หยกมันก็คือไอ้หยกที่ยังคงทำหน้าตากวนประสาทได้ทุกสถานการณ์ นี่แหละที่มันอยู่กับกลุ่มผู้หญิงเค้าไม่ได้ ไม่ใช่เพราะมันแปลกแยก แต่มันแตกต่างอย่างชัดเจนและเป็นไปโดยธรรมชาติหาได้แกล้งทำ
"เซ็งว่ะ..!! อยากกลับแล้วอ่ะ" แทนที่จะเดินไปตักข้าวราดแกงมานั่งกินเหมือนคนอื่น วายุกลับเหยียดแขนตัวเองลงไปบนโต๊ะแล้วเอาหัวพาดลงไป ทำยังกับว่าหมดแรงไปแล้วจริงๆ วันนี้ทั้งวันแทบไม่มีเวลาให้หายใจ ตั้งแต่ช่วยทาสี เป็นช่างไม้ แล้วไหนจะพ่อครัวจำเป็นอีก ...ก็ขืนปล่อยให้พวกรุ่นพี่ทำเหมือนเมื่อวาน คงได้กินแค่ปลากระป๋องกับไข่เจียวคั่วเกลือ ชีวิตกรรมกรที่แสนเศร้าจริงๆ
ที่สำคัญไปกว่าอะไรทั้งหมด ไม่มีกำลังใจให้ต่อสู้ชีวิตเลยครับท่าน(ถึงเว่อร์ไปก็สมควร) ไอ้คุณเฮียไม่ยอมรับโทรศัพท์อย่างที่ขู่เอาไว้จริงๆ ทั้งที่ไอ้ไวไวคนนี้พยายามเดินหาคลื่นแทบตายได้วันล่ะครั้ง เพราะติดเอาเวลาไปช่วยงาน ส่วนข้อความที่ส่งกลับไปครั้งล่าสุด ก็ไม่มีข้อความ(ด่า)กลับมาเหมือนเคย...ทั้งเป็นห่วง ทั้งคิดถึง แต่ก็ทำได้แค่มานั่งเซ็งจิตคร่ำครวญให้เพื่อนๆ มันรำคาญเล่นอยู่ตรงนี้เอง
ยังไม่ทันจะได้ลากสังขารไปตักข้าวมารองท้องเพื่อชีวิตของวันพรุ่งนี้ ชามต้มจืดไข่หอมกรุ่นกับข้าวสวยร้อนๆ ก็ถูกยกมาวางตรงหน้า ตอนแรกก็คิดว่ามีเพื่อนผู้ใจดีช่วยสงเคราะห์ให้ แต่ที่ไหนได้กลายเป็นกิ๊ก เพื่อนต่างคณะคนรู้จักของพี่แอล(คนที่เดินชนกันโทรศัพท์กระจายวันแรก)
"เห็นวายุยังไม่ได้ทานข้าว กิ๊กเลยเอามาให้..." ยิ้มหวานนี้...ทำเอาต้องยิ้มตอบกลับอย่างช่วยไม่ได้ ไอ้เพื่อนสามตัวที่นั่งร่วมโต๊ะหันมามองเป็นตาเดียว ที่จริงกิ๊กเป็นคนอัธยาศัยดีแค่นั้นเอง จากบรรดาสาวๆ ชาวคณะที่มาด้วยช่วยกันก็เห็นจะมีกิ๊กนี่แหละที่พอจะช่วยหยิบโน่นนี่ได้มากที่สุดรองจากไอ้หยก นอกนั้นไม่ไปคุยเล่นกับพวกเด็กๆ ก็เลี่ยงไปทำงานเบาๆ กันทั้งหมด
"ขอบคุณครับ" จำต้องเอ่ยขอบคุณ ทั้งที่อาหารตรงหน้าฝีมือตัวเองทั้งนั้น คงมีแต่ข้าวสวยนั่นแหละที่ได้คุณป้าแม่ครัวหุงให้ ด้วยความสงสารกลัวว่านักศึกษาทั้งหมดจะได้กินข้าวดิบหรือไม่ก็ข้าวต้มกัน
"วายุนี่เก่งนะ ทำได้ทุกอย่างเลย นี่อย่าบอกนะว่าอยู่บ้านก็ทำงานบ้านเอง" กิ๊กนั่งลงฝั่งตรงข้ามพร้อมกับชวนคุยอย่างอารมณ์ดี ...จะให้บอกได้ไงว่าทำทุกสิ่งอย่างที่พูดมานั่นแหละหน้าที่ของไอ้ไวไวตอนอยู่บ้านเฮีย
"อืม..เมื่อก่อนเราอยู่กับแม่แค่สองคนน่ะ.." วายุบอกตามความจริง เพราะการช่วยงานบ้านแม่มาตั้งแต่เด็กนี่แหละ ถึงได้เอาตัวรอดมาถึงทุกวันนี้ได้ ยิ่งตอนที่แม่ป่วยเข้า-ออกโรงพยาบาลบางครั้งก็ต้องอยู่คนเดียว ทำทุกอย่างด้วยตัวเองคนเดียว
"โห่...คงลำบากแย่เลยซิ" กิ๊กอุทานเหมือนจะตกใจจริงๆ แต่เสียงกระแอมกระไอที่ดังมาจากคนที่นั่งอยู่ข้างๆ มาจากไอ้หญิงหยกที่นั่งทนฟังอยู่นาน
"แกไม่บอกเค้าไปล่ะวะ ว่าตอนนี้อยู่กับสุดที่รัก เลยอยากเอาใจก็เลยทำกับข้าวให้เค้ากินทุกวัน!!" เวรล่ะครับท่าน!! ไอ้เราก็อุตส่าห์เท้าความไปถึงความหลัง แต่ไอ้นี่มาถึงก็บอกกล่าวไปตามความจริงทุกข้อ เล่นเอากิ๊กมองมาทำตาโตเหมือนไม่เชื่อ...ถึงแม้ว่ามันจะพูดถูกใจจนอยากจับมันมากอดขอบคุณให้กระดูกแหลกก็เถอะ หึหึ
"จะ..จริงหรือวายุ ที่ว่าอยู่กับ...แฟน..." สาวสวยสุดมั่นถึงกับตะกุกตะกักหันมาทำหน้าเหรอหราพูดต่อไม่เป็น
"จริงแท้แน่นอนเลยกิ๊ก เรื่องนี้พวกเรายืนยันได้ แถมเค้าคนนั้นก็ยัง...อุ๊บ!!!" คราวนี้ต้องขอบคุณไอ้คุณป๋าที่มันโดดพุ่งตัวเข้ามาเอามืออุดปากไอ้หยกเอาไว้ ก่อนที่มันจะรั่วไปมากกว่านี้
"คือ..ไอ้หยกมันจะบอกว่า สุดที่รักของไอ้วามันโคตรจะขี้หึงนะครับ ต้องโทรรายงานทุกชั่วโมงด้วย นี่ก็เพราะมากับพวกเราถึงได้ปล่อยให้มาได้"
"ไอ้เอิงก็พูดเกินไป!!" จะว่าเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเลยก็ไม่ใช่.. จะว่าสงสารกิ๊กก็สงสาร แต่ถ้ายังไปทำปฏิเสธก็เหมือนจะให้ความหวัง เดี๋ยวเรื่องมันจะไปกันใหญ่
"เหรอ..น่าอิจฉาเนอะ!!" กิ๊กเองก็เป็นคนฉลาดพอที่จะไม่ทำให้ตัวเองเสียหน้า
คำว่าอิจฉากำกวมที่ทิ้งไว้ให้คิด แล้วก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น ด้วยความที่เจ้าตัวเป็นคนคุยสนุกเรื่องทาสี เรื่องเด็กๆ อีกหลายเรื่องที่ขุดขึ้นมาคุยเรียกเสียงหัวเราะจากคนทั้งกลุ่มให้ลืมเรื่องตอนต้นไปเสียสนิท ก่อนจะขอตัวจากไป...ทิ้งไว้เพียงความสงสัย ว่าเจ้าตัวนั้นอิจฉาใครกันแน่ระหว่างไอ้หนุ่มที่นั่งอยู่ตรงนี้ กับสุดที่รัก(จอมโหด)ที่รออยู่ที่บ้าน
"เกือบไปแล้วไหมล่ะไอ้หยก ความเกือบแตก กลับไปได้โดนฆ่าแน่!!" วายุหันไปดุเพื่อนหญิงที่กำลังทำหน้าบูดเพราะโดนใช้ให้มาล้างจาน เพราะขนาดตอนนี้ยังไม่ได้บอกเรื่องที่ไอ้สามตัวนี่มันรู้เรื่องความสัมพันธ์ที่ยังคลุมเครือ ไอ้ไวไวเองก็ยังไม่รู้ว่าจะโดนจับปาดคอหมกส้วมรึป่าว ถ้าหลุดให้คนนอกรู้เรื่อง..มีหวังฝันคงได้เป็นจริงแน่!!
"เพราะเป็นแกหรอกนะไอ้คุณวา ไม่งั้นไอ้หยกคนนี้ไม่ยอมยกพี่ตุลให้หรอกเหอะ" เวร!! ไอ้นี่มันไปเป็นเจ้าข้าวเจ้าของไอ้คุณเฮียตั้งแต่เมื่อไหร่วะ มีหวงมีห่วงแทนกันอีกต่างหาก ทำยังกับเป็นสายลับๆ ให้ยังงั้นอ่ะ
"ไอ้เพื่อนทรยศ!!" โดนด่าไปดอกหนึ่งมันกลับหันมาแลบลิ้นให้ซะงั้น
"จะฟ้องพี่ตุล!!" ในส่วนลึกของใจแล้ว ไอ้วาอยากจะยุให้มันฟ้องจริงๆ เหอะ ให้ตายซิ อยากรู้เห็นเหมือนกันตอนที่เฮียหึง ...แต่หลังจากนั้นจะโดนเหวี่ยงนี่ซิ อย่าเสี่ยงดีกว่า!!
"รักเดียวใจเดียวเว้ย" วายุทำท่าชูกำปั้นแล้วเอานิ้วหัวแม่มือชี้ที่อกข้างซ้ายของตัวเอง ไอ้เพื่อนหยกทำเบ้ปากเหมือนจะบอกว่าหมั่นไส้ก่อนที่มันจะสะบัดน้ำที่ล้างมือใส่แล้ววิ่งกลับไปหาไอ้สองตัวที่กำลังเล่นกีต้าร์ร้องเพลงอยู่กลางวงล้อมไม่น่าเชื่อว่าคนปากแมวๆอย่างไอ้คุณป๋ามันจะร้องเพลงได้...
♫ ‘คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ ไม่เจอะเจอกันกับฉัน
คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ เหงาใจ
คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ ไม่มีใครให้ทะเลาะ
ไปไหนแล้วไม่มีไหล่ให้เกาะ แล้วเธอคิดถึงใคร’♬ ไอ้วายุโดนเนื้อเพลงสองสามประโยคที่เพื่อนกำลังขับกล่อมกระแทกเข้ากลางใจ...ได้ยินแล้วนึกถึงหน้าใครบางคนลอยมาให้เห็น...
เฮ่อ...คิดถึงเหมือนคนบ้า เหมือนกับความความโหยหาอยากเจอในอดีตมันมากองรวมกัน ณ จุดๆหนึ่ง แค่พอไม่ได้เจอ ไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียงแค่แวบเดียวก็เหมือนจะทนไม่ไหวซะอย่างงั้น...ไอ้คุณเฮียจะเป็นเหมือนกันบ้างไหมหนอ...ว่าแล้วก็ขอลองเสี่ยง...กดโทรออกดูอีกซักรอบ เผื่อจะได้ฟังเสียงด่าก่อนนอนก็ยังดี
วายุเดินเลี่ยงไปทางหลังอาคารเรียนหนึ่งก็เพื่อหาสัญญาณ และหาที่เงียบๆ เผื่อว่าอีกฟากของความคิดถึงจะยอมใจอ่อนกดรับโทรศัพท์บ้าง...นึกเคืองตัวเองที่ไม่น่าไปกล่าวหาว่าไอ้คุณเฮียใจร้าย..ก็เลยเล่นบทร้ายซะสมจริงเชียว กลับไปไอ้ไวไวคนนี้จะจับฟัดให้หายคิดถึงเลยคอยดู!!
แล้วก็เหมือนการรอคอยสิ้นสุดลง เมื่อสัญญาณรอสายนั่งรอลุ้นเงียบลง ด้วยความดีใจแบบสุด ๆ แทบจะกระโดดตัวลอย คนทางนี้ก็เลยรีบกรอกเสียงลงไปทันทีโดยไม่รอให้ทางโน้นได้หาเรื่องวางสายไปเสียก่อน
“เฮีย!!! ใจร้ายอ่ะ ไม่ยอมรับสายผมเลย คิดถึงจะตายอยู่แล้วนะ!!” คำตัดพ้อต่อว่าแบบเด็กงอแงแต่จริงจังจริงใจที่สุด เพราะไม่รู้ว่าจะโดนไอ้คุณเฮียขี้แกล้งตัดสายทิ้งไปเมื่อไหร่
“......” ปลายสายยังคงเงียบกริบ ได้ยินแค่เสียงลมหายใจให้พอรู้ว่าอีกฟากนั้นเป็นสิ่งมีชีวิต
“เฮีย...อย่าใจร้ายกับไอ้ไวไวนักเลยนะครับ..นะ..นะ..”อยากได้ยินแค่เพียงซักคำพูด แม้ว่าจะเป็นคำต่อว่าเหมือนเคยก็ยังดีกว่าเงียบไป...ทำแบบนี้แล้วคนรอฟังเหมือนจะขาดใจตายเสียให้ได้
“.....” ยังเงียบวังเวงจิต ไอ้คุณเฮียงอนอะไรกระผมอ่ะคร้าบบบบบบบบ
“เฮีย...” ทำเสียงอ้อนสุดฤทธิ์ และแล้วการรอคอยก็เหมือนสิ้นสุดลง ไอ้ไวไวจะได้เลิกโดนความคิดถึงทรมานเสียที...
.
.
.
“วายุ...นี่น้าเอง!!” หืม..!!!? แว้กกกกกก!!! เวรกรรมบังเกิด ยิ่งกว่ามหาคลื่นยักษ์สึนามิซัดมาที่หน้าบ้านไอ้ไวไวแล้วครับท่าน
วายุดึงโทรศัพท์ที่แนบหูตัวเองออกมาดู’ไอ้คุณเฮีย’เบอร์ก็ถูกนี่หว่า...แล้วทำไม!!!?...เป็นเสียงของนายแม่ล่ะครับพี่น้อง!!! อ๊ากกกกกกก....ตายๆ....ตายแน่ ๆ งานนี้!!!!
.
.
.
.
===============================
ไอ้คุณเฮียยยยยยย...!!! วางโทรศัพท์ไว้แบบนั้น งานเข้าแล้วนั่นปะไร!!
ยังไม่ทันจะได้สวีท...กลายเป็นกรี๊ดสยองแทน
เอาไว้รอตอนกลับมาค่อยย่องไปแอบดูว่าใครจะงานเข้าก่อนใคร
ป้อล้อ
=======================
ประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง :: สำหรับมิตรรักแฟนคลับของตัวป่วนกะพี่ฟ้า (จาก.."เรื่องรัก...ไม่กล้าบอก")
ตอนนี้รูปเล่ม "สมุดกลอนรักหวานเจื้อย" ได้จัดทำเสร็จแล้วเรียบร้อย
ขออนุญาตแปะโฆษณาเอาไว้ ณ ทีนี้ให้ทุกท่านทราบโดยทั่วกัน ![](http://i620.photobucket.com/albums/tt285/yyza/Emo/12af5eb9.gif)
![](http://i620.photobucket.com/albums/tt285/yyza/test/PP.jpg)
ใครสนใจอย่าลืมพกฆ้อนมาตีตราจอง เพราะเป็น limited edition มีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น นั้น นั้น (จะเอคโค่เพื่อ..?
)
จบการโฆษณา 5555
======================(
อยากได้จริงจัง ต้องรอประมูล หึหึ
) ส่วนหนังสือ"เรื่อง..รักไม่กล้าบอก" คุณนายแอบกระซิบบอกมาว่า "เจอกันไตรมาสแรกของปีหน้า" ![:m26:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/23.gif)