“ไม่ละลุง ช่างมัน ใจคอไม่ดี ขออยู่เฝ้าตรงนี้ละ” เจ้ารอยมองตาละห้อยไปที่ประตูหน้าห้องฉุกเฉิน
“บ๊ะ! ไอ้นี่ พูดอะไรเป็นลาง” ลุงชัดเองก็ใช่ว่าจะมั่นใจกับอาการของเจ้านาย แต่ก็ฝืนแกล้งดุเจ้าคนตัวดำปลอบใจตัวเอง
“ฉันไม่ได้แช่งนะลุง ฉันแค่อยากเห็นกับตาก่อนว่านายปลอดภัย”
ไอ้รอยที่มองไม่เอาอ่าวในเวลาปกติกลับดูมุ่งมั่นขึ้นมาจนชายสูงวัยต้องยอมนับถือน้ำจิตน้ำใจของมัน
“งั้นแกก็ไปล้างเนื้อล้างตัวเสียหน่อยเถอะวะ ใครเขามาเห็นจะตกใจกันไปใหญ่” ลุงชัดพูดตัดบทแล้วหันมาถามคนนั่งข้างที่นิ่งเงียบจนน่าห่วงอีกคน
“เจ้านัสก็ไปล้างหน้าล้างตาซะไป เพิ่งมาถึงเหมือนกันนี่”
วนัสมองมือตัวเองชั่วอึดใจ ก่อนจะลุกขึ้นตามคำแนะนำของหัวหน้าคนงาน เพราะในใจรู้สึกหนักอึ้งจนอยากจะหาที่สงบรวบรวมสมาธิสักนิดก็ยังดี
ทั้งสองคนจึงเดินตรงไปยังห้องน้ำที่มีไว้บริการผู้มาติดต่อโรงพยาบาล วนัสเข้าไปเปิดก๊อกน้ำข้างๆเจ้ารอยที่กำลังล้างคราบเลือดออกจากตัว สองมือรองน้ำไว้จนเต็มอุ้งมือ ก่อนจะวักน้ำใส่ใบหน้าตัวเอง
“รอย” อยู่ๆร่างโปร่งบางก็เรียกเจ้ารอยขึ้นมาเฉยๆ ทำให้เจ้ารอยที่กำลังล้างตัวชะงัก ค่อยๆเหลือบตามองคนถาม
“ถูกยิงตรงหน้าอกจริงๆเหรอ?”
คำถามที่เจ้ารอยไม่อยากจะตอบซ้ำ เพราะมันเห็นมากับตา ภาพนั้นยังบันทึกติดอยู่ในสมองจนยากจะลบออกไปได้ แม้ยามหลับตาก็ยังเห็น ยังนึกถึง มันนั่งด้านข้าง ร่างอันใหญ่โตของเจ้านายจึงบังร่างมันไว้มิด แถมยังช่วยกดหัวให้มันหมอบลงอีก
ที่มันมายืนอยู่ตรงนี้ได้ ไม่นอนสิ้นใจดาวดิ้นก็เพราะเจ้านายช่วยมันไว้นั่นเอง แต่เจ้านายกลับมาเป็นแบบนี้ จะให้มันทำใจได้ยังไงกัน
กว่าจะพามาถึงโรงพยาบาลได้ก็ใช้เวลาอยู่ เลือดอุ่นๆจากร่างเจ้านายไหลไม่ยอมหยุด ไอ้คนร้ายพวกนั้นก็หนีไปได้อย่างลอยนวล แต่เชื่อเถอะ ไอ้พวกนั้นต้องได้ไปคนละแผลสองแผลกันบ้างละ
แต่...มันก็ยังเจ็บใจที่ตัวเองทำได้แค่นี้ มันอยากจะจับไอ้พวกนั้นมาแล่เนื้อเอาเกลือทา ที่มาทำกับเจ้านายของมันอย่างนี้ เจ้านายที่มันรักของมันสุดหัวใจ
น้ำตาจากลูกผู้ชายชื่อรอย ไหลลงมาเป็นสายแทนคำตอบ
วนัสจึงไม่กล้าจะถามอะไรต่อ และไม่กล้าที่จะคิดอะไรไปมากกว่านี้ แต่ก็ไม่อาจระงับความกลัวไว้ได้
ภาพแต่ละวันๆที่มีภูผาคอยอยู่เคียงข้างจนวันสุดท้ายที่รอยยิ้มนั้นส่งมาพร้อมกับร่องรอยความร้าวรานผ่านวูบวาบเข้าในความคิดคำนึง
อย่า...อย่าจากกันแบบนี้นะ ไม่เอาแบบนี้นะ....คุณภูผา
วนัสที่คิดจะเข้ามาสงบสติอารมณ์กลับผลุนผันเดินออกไป ทิ้งให้เจ้ารอยยืนร้องไห้เพียงลำพัง
ขาเพรียวยาวก้าวกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามทางเดินที่จากมา ถึงแม้เขาจะช่วยอะไรไม่ได้ในตอนนี้ แต่ใจเขาก็ขอวิงวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ภูผาปลอดภัย อย่าได้เป็นอะไรเลย แต่...
ภาพตรงหน้าทำให้หัวใจแทบหยุดเต้น เมื่อเห็นเตียงที่บุรุษพยาบาลเข็นมาหยุดตรงหน้าลุงชัด ผ้าสีขาวที่คลุมตลอดร่างกายใหญ่โตตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำให้วนัสวิ่งถลาไปถึงเตียงอย่างรวดเร็ว
“ไม่! คุณภูผา” ร่างบางพยายามยกมือขึ้นไขว้คว้าร่างตรงหน้าไว้
“นัส!” ลุงชัดรีบเข้าไปคว้าร่างโปร่งบางไว้ก่อนจะเข้าไปดึงทึ้งร่างที่นอนเย็นเฉียบไร้ความอบอุ่น
“นัส หยุด! สงบสติอารมณ์หน่อย”
“ไม่! ลุงปล่อยผม ปล่อย!”
เสียงตะโกนบอกถึงความร้าวรานในหัวใจของผู้กู่ร้อง จนเป็นที่น่าสลดใจแก่ผู้คนรอบข้าง แม้แต่ลุงชัดที่เห็นวนัสมาแต่อ้อนแต่ออกยังต้องรวบร่างที่สั่นเทิ้มเข้ามาโอบกอดไว้แน่น ด้วยกลัวใจคนในอ้อมแขนขึ้นมา
วนัสที่พยายามตะเกียกตะกายให้หลุดพ้นจากการยึดจับของลุงชัดมองร่างที่นอนนิ่งไม่ไหวติงไร้ความรู้สึกของการมีชีวิตผ่านม่านน้ำตาพร่ามัว
“ปล่อย!”
ไม่มีแล้วรอยยิ้มที่คอยปลอบประโลมยามเขาเจ็บช้ำ ไม่มีแล้วคนที่คอยห่วงหาอาทร คอยบอกรักเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แม้เขาจะไม่เคยตอบรับรักเลยสักครั้ง ก็ยังคงจะบอกว่า รัก
ถึงวันนี้เขากลับมาแล้ว เขากลับมาเพื่อบอกรัก เพื่อจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป แต่โอกาสมันไม่มีให้เขาแล้ว...
โอกาสที่ภูผาเคยขอจากเขา แต่เขาสิ ไม่มีโอกาสได้ตอบรับความรู้สึกนั้นอีกแล้ว
วันนี้เขารู้แล้วว่า ไอ้อาการหัวใจแตกสลายมันเป็นยังไง
เขารู้แล้วว่า คำว่าเสียใจที่หลังมันเป็นยังไง
เมื่อตอนที่ยังมีโอกาสทำไม...
ทำไมไม่คว้าเอาไว้ ทำไมไม่พูด ไม่ทำสิ่งดีๆให้แก่กัน จนวันนี้...
เขาได้สูญเสีย..สูญเสียมันไปตลอดกาลแล้ว ทั้งหัวใจตัวเองและหัวใจคนที่รักเขา
TBC
:m15:ตอนหน้าตอนจบค่ะ
เเหะๆๆๆ ตามด้วยตอนพิเศษยาวๆๆๆๆๆๆอีกสามตอนไปนอนนะคะ ราตรีสวัสดิ์