-7-
ยามค่ำคืนที่ท้องท้องฟ้าพร่างพราวด้วยแสงสว่างจุดเล็กๆกระจายไปทั่วราวกับเม็ดอัญมณีสูงค่าดาษดื่นอยู่บนผืนผ้ากำมะหยี่
ทำนองเสียงสูงๆต่ำๆของฮาร์โมนิก้าหรือเม้าส์ออแกนดังคลอไปกับเสียงของธรรมชาติ คนที่ได้ยินค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆก่อนจะยืนอมยิ้มเมื่อจับโทนเสียงได้ว่าเป็นเพลงรักหวานซึ้ง
เมื่อเสียงดนตรีเงียบลงก็เห็นริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอ่อนละมุนและใบหน้าคมเข้มก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าทำให้คนที่ลอบมองอยู่นั้นสงสัยเหลือเกินว่าอีกฝ่ายกำลังคิดถึงใครหรืออะไรอยู่กันแน่
“ขอนั่งด้วยนะฮะ”
“ได้สิธาร”
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ย
“เพลงเมื่อกี๊เพราะจังเลยนะฮะ”
อีกฝ่ายไม่ยอมตอบแต่กลับส่งยิ้มให้และใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมสีน้ำตาลเข้มของอิงธารขึ้นทัดหู
“พี่มีความสุขนะที่ได้อยู่ที่นี่”
“ธารก็มีความสุขฮะ ที่มีพี่อยู่ตรงนี้”
“ที่นี่ทำให้พี่ได้พบกับคนๆหนึ่ง เพียงแค่ครั้งแรกที่ได้สบตากันเขาก็ทำให้พี่ได้รู้ว่าเขาคือคนที่ใช่สำหรับพี่”
อิงธารอมยิ้มก่อนจะสบตากับอีกฝ่าย สายลมเย็นพัดผ่านแต่เด็กหนุ่มกลับไม่รู้สึกเหน็บหนาว แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ได้เอ่ยบอกออกมาตรงๆว่าเป็นอิงธาร แต่เด็กหนุ่มก็เชื่อว่าคนที่อีกฝ่ายกำลังพูดถึงคือตนเอง
เช้าวันใหม่เป็นเช้าที่อากาศค่อนข้างจะหนาวเย็นแต่ท้องฟ้ากลับปลอดโปร่ง ทันทีที่ร่างสูงของเรวัตรเดินออกมาจากห้องนอนก็โดนเด็กหนุ่มรวบตัวกอดทันที
“มากอดอาแต่เช้าแบบนี้จะอ้อนเอาอะไร หืม…”
“อาวัตรอ่ะ…มินทร์ไม่ใช่คนเห็นแก่ได้ขนาดนั้นซะหน่อย”
“อาก็แค่ถามดู เห็นเช้าวันอื่นๆก็ไม่เคยมากอดอานี่นา”
“คนแก่ขึ้นอีกปีก็แบบนี้ สุขสันต์วันเกิดนะครับอาวัตรของมินทร์”
เรวัตรทำหน้าเหวอก่อนจะนึกได้ว่าวันนี้เป็นวันที่ตัวเองลืมตาขึ้นมาดูโลกเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว
“อาลืมสนิทเลย”
“ไปอาบน้ำแต่งตัวเลยครับ เดี๋ยวมินทร์จะไปปลุกอาวีกับอาดล วันเกิดอาวัตรทั้งทีต้องไปทำบุญตักบาตรเสียหน่อย”
เด็กหนุ่มเอ่ยก่อนจะดันหลังผู้เป็นอาให้กลับเข้าห้องไป
เมื่อผู้เป็นอาทั้งสามออกมาพร้อมหน้าพร้อมตา เด็กหนุ่มก็ยิ้มแฉ่ง เรวัตรพาทั้งคู่ไปยังตลาดในเมืองเพื่อเลือกซื้อกับข้าวและดอกไม้ เมื่อพระสงฆ์เดินผ่านก็นิมนต์มา
“จับต่อๆกันสิ ชาติหน้าจะได้เกิดมาเจอกันอีก”
เรวัตรเอ่ยติดตลกก่อนจะหันมาบอก เด็กหนุ่มวางมือบนมือของผู้เป็นอาก่อนจะใส่ของคาว ของหวาน เมื่อพระสงฆ์ปิดบาตรทั้งคู่ก็วางดอกกล้วยไม้เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ปฐวีกับนภดลได้แต่มองก่อนจะอมยิ้มให้กับความน่ารักของทั้งคู่
บอกว่าอาหลานคนอื่นคงจะเชื่อหรอกเพราะดูยังไงๆออร่าของคนรักกันมันแผ่ออกมาชัดๆ
“เดี๋ยวเข้าไปในตลาดสดซื้อปลาไปปล่อยกันเถอะครับ”
“อาเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเราก็ธรรมะธรรมโมเหมือนกัน”
“อาดลก็…มินทร์แค่อยากให้อาวัตรทำบุญวันเกิดนี่ครับ ปีอื่นๆอาวัตรไม่ค่อยจะอยู่ ปีนี้เลยถือว่าเป็นกรณีพิเศษ”
“อาวีครับ…อาวีปล่อยปลาบ้างก็ดีนะ มินทร์ว่า”
“อาจะปล่อยปลาอะไรดีล่ะ ปลาไหลทำอะไรจะได้ลื่นไหล ปล่อยเต่าอายุจะยืนขึ้น เอ่อ…อารู้แล้ว ปล่อยหอยขมท่าจะดีสุด ความขื่นขมจะได้หมดไป”
“อาวีกะจะเหมาหมดเลยเหรอครับ ฮ่าๆๆ…แล้วอาดลล่ะครับ”
“มีนกขายไหม ปล่อยนกเผื่อจะได้มีอิสระกับเขาบ้าง”
ภูมินทร์ยิ้มแห้งๆก่อนจะหันไปหาเรวัตรเมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มคุกรุ่นขึ้นมาอีกครา
“อาว่าเราแค่ตักบาตรก็โอเคแล้วล่ะมินทร์ เดี๋ยวกลับไปกรวดน้ำที่บ้าน”
“อาวัตร เย็นนี้เราจัดปาร์ตี้ฉลองงานวันเกิดที่บ้านกันนะครับ”
เรวัตรส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มก่อนจะเดินเข้าไปกอดคอเด็กหนุ่ม ระหว่างที่กำลังจะกลับนั้นก็เจอเข้ากับศิลาและอิงฟ้า
“สวัสดีครับ คุณศิลา ฟ้า”
เรวัตรเอ่ยทักทายทั้งคู่
“มาซื้อของกันเหรอครับ”
ศิลาเอ่ยถาม
“มินทร์พาอาวัตรมาตักบาตรน่ะครับ พอดีวันนี้เป็นวัน…”
ภูมินทร์รีบหุบปากทันทีเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเริ่มทำท่าทีสนอกสนใจ
“วันอะไรเหรอหนูมินทร์”
เด็กหนุ่มแค่นยิ้ม เขาไม่น่าพลาดหลุดปากไปเลย
“วันเกิดผมน่ะครับ”
เรวัตรตอบเมื่อเห็นภูมินทร์เอาแต่อ้ำอึ้ง
“สุขสันต์วันเกิดนะคะวัตร เย็นนี้คงมีปาร์ตี้ฉลองกันสินะคะ ขอฟ้าไปด้วยคนนะคะ”
เธอเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวานก่อนเดินเข้ามาหยุดเคียงข้างชายหนุ่ม
“เอ่อ…ครับ”
ชายหนุ่มต้องเอ่ยตอบรับเพราะถ้าปฏิเสธก็คงจะเป็นการเสียมารยาทและอีกอย่างเขาก็เกรงใจผู้เป็นพ่อของหญิงสาวด้วย
“เชิญคุณศิลา แล้วก็ฝากเชิญน้องธารด้วยนะครับ”
เมื่อตบปากรับคำกันเป็นที่เรียบร้อยต่างฝ่ายต่างก็แยกกันไปโดยนัดหมายกันว่าเย็นนี้จะมารวมตัวกันที่บ้านของเรวัตร
“เป็นอะไรไปครับน้องมินทร์ หน้าบูดเชียว”
ปฐวีเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นใบหน้าอ่อนเยาว์งอง้ำบึ้งตึง
“มินทร์ไม่น่าหลุดปากเรื่องวันเกิดอาวัตรต่อหน้าคุณอิงฟ้าอะไรนั่นเลย”
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวเด็กหนุ่ม
“ทำไมล่ะ”
“มินทร์รู้ว่าคุณอิงฟ้าอะไรนั่นสนใจอาวัตรอยู่ มินทร์ไม่ชอบ ไม่อยากให้อาวัตรสนใจเธอ ไม่อยากให้อาวัตรยิ้มให้ ไม่อยากให้อาวัตรพูดคุยด้วย มินทร์กลัวจะเสียอาวัตรไป”
“อาวัตรเขาให้ความสำคัญกับมินทร์มาเป็นอันดับแรกเสมอ อย่าคิดมากไปเลยนะ เอางี๊…เย็นนี้อาจะสอนเราทำเค้ก เป็นการเซอร์ไพร์วันเกิดดีไหม”
“ดีครับ อาวี”
เด็กหนุ่มเอ่ยก่อนจะกอดแขนของปฐวีแน่น
“มินทร์กับวีหายไปไหนกันนะ ปล่อยให้ข้ากับแกมาจัดสถานที่กันสองคน”
เรวัตรเอ่ยก่อนจะขยับโต๊ะและลากเก้าอี้มาจัดเรียงให้พอดีกับจำนวนคน ซึ่งนภดลก็ปีนเก้าอี้เพื่อเดินสายไฟประดับ
“น้องมินทร์คงซุ่มทำเซอร์ไพร์แกมั้ง เมื่อเช้าข้าเห็นนะ รู้ไหมเขาว่ากันว่ามือใครวางอยู่เหนือกว่าตอนใส่บาตรหรือตอนตัดเค้กแต่งงานล่ะก็คนนั้นจะเป็นใหญ่นะเว้ย ฮ่าๆๆ…”
“ไอ้พวกคิดอกุศล”
“หรือแกไม่คิด กล้าสาบานไหมล่ะไอ้วัตร”
เจออย่างนี้เข้าไปชายหนุ่มถึงกับน้ำท่วมปาก
ไม่นานทางแขกทางฝั่งของไร่อิงดาวก็มาถึง เรวัตรเชื้อเชิญให้ทุกคนนั่งลงทำตัวตามสบายก่อนจะที่แม่บ้านจะเริ่มเสิร์ฟอาหาร
“มินทร์ไปไหนล่ะครับ อาวัตร”
“อาเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่คิดว่าอีกเดี๋ยวก็คงจะมา”
“วัตรคะ ฟ้ามีของขวัญมาให้คุณด้วยค่ะ”
อิงฟ้าเอ่ยก่อนจะส่งกล่องที่ห่อด้วยกระดาษสีฟ้าน้ำทะเลและริบบิ้นสีขาวส่งให้ เรวัตรก็รับมาพร้อมกับเอ่ยคำขอบคุณ แต่ดูเหมือนว่ามือของหญิงสาวจะจงใจสัมผัสลงมือของชายหนุ่มก่อนเธอจะโปรยยิ้มหวานให้
“อ่อ…ผมเอาไวน์มาฝากคุณน่ะ ถ้าไม่รังเกียจเปิดดื่มกันเลยดีกว่า”
ไม่นานเกินรออยู่ๆไฟทั่วทั้งบริเวณก็ดับลงก่อนแสงสว่างจากเทียนเล่มเล็กๆที่ถูกจุดขึ้นจะใกล้เข้ามาก่อนจะปรากฏเงาของผู้ที่เป็นคนถือ
ทันทีที่เห็นเรวัตรก็ต้องนิ่งอึ้ง เส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่เคยยาวประบ่าถูกมัดรวบเป็นหางม้า ปอยผมปลิวไปตามสายลมคลอเคลียกับแก้มใสซึ่งเมื่อต้องกับแสงไฟยิ่งกลับดูระเรื่อ ริมฝีปากที่แย้มยิ้ม ทุกอย่างที่สรรค์สร้างขึ้นเป็นภูมินทร์ช่างคล้ายคลึงกับศศิเหลือเกิน
สายลมที่พัดผ่านโชยกลิ่นน้ำหอมจากตัวเด็กหนุ่มมาทำให้เรวัตรเบิกตากว้าง…ภูมินทร์ไปเอาน้ำหอมกลิ่นนี้มาจากไหน
“อาวัตร…อาวัตรครับ อธิษฐานแล้วเป่าเทียนสิครับ”
เสียงใสๆเรียกให้ชายหนุ่มตื่นจากภวังค์ก่อนที่เรวัตรจะเป่าเทียนจนดับครบทุกเล่ม
เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของทุกๆคนแทบไม่ได้เข้าหูเรวัตรเลยแม้แต่น้อย เมื่อโสตประสาทของเขารับรู้ได้แค่เพียงกลิ่นน้ำหอมกลิ่นนั้น
“วัตรคะ คิดอะไรอยู่คะเหม่อเชียว”
หญิงสาวเอ่ยก่อนจะวางมือลงบนไหล่ของชายหนุ่มแต่แล้วเธอก็ใช้ปลายนิ้วเรียวปาดครีมและแตะเข้าที่แก้มของเรวัตร
“อุ๊ย…ขอโทษนะคะ พอดีตอนอยู่อเมริกา เพื่อนๆเขาทำอย่างนี้กันน่ะค่ะ ฟ้าเลยเคยชิน”
ชายหนุ่มไม่โต้ตอบอะไรแต่กลับส่งยิ้มให้ เพียงแค่นั้นก็แทบจะทำให้เส้นความอดทนของภูมินทร์ขาดผึง
“อาวัตร…”
เด็กหนุ่มเผลอขึ้นเสียงดังก่อนจะกระแทกฝ่ามือลงกับโต๊ะจนทุกคนถึงกับตกตะลึงด้วยความไม่คิดว่าภูมินทร์จะทำได้ถึงเพียงนี้ เมื่อรู้ตัวเด็กหนุ่มจึงกระแทกตัวลงกลับมานั่งที่เดิมและพยายามอดทนอดกลั้นเมื่อเห็นอิงฟ้าทำเป็นเนียนแต๊ะอั๋งผู้เป็นอาอีกหลายต่อหลายครั้ง
เมื่อแขกทางฝั่งของไร่อิงดาวกลับไปปฐวีกับนภดลเมื่อช่วยเคลียร์สถานที่เป็นที่เรียบร้อยที่แยกย้ายกันไปตามห้องพักเหลือก็เพียงเด็กหนุ่มกับผู้เป็นอา
“ทำไมมินทร์ทำกิริยาอย่างนั้น ไม่อายคุณศิลา ฟ้าแล้วก็ธารเลยใช่ไหม”
“มินทร์ไม่ผิดนะอาวัตร มินทร์ไม่ชอบยัยอิงฟ้าอะไรนั่น”
“มินทร์เดี๋ยวนี้ก้าวร้าวใหญ่แล้วนะ”
“อาวัตร…”
“อย่ามาขึ้นเสียงกับอา อีกอย่างไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ อาไม่ชอบกลิ่นน้ำหอม”
“มินทร์ไม่เปลี่ยนและจะไม่ทำอะไรทั้งนั้นด้วย อาวัตรไม่ชอบก็เรื่องของอา”
“อาบอกให้ไปอาบน้ำซะ”
“ไม่…”
สิ้นคำของเด็กหนุ่มชายหนุ่มก็คว้าข้อมือเล็กก่อนจะฉุดร่างโปร่งบางเข้ามาในห้องน้ำและเปิดฝักบัวสุดความแรงของน้ำและสาดไปที่เด็กหนุ่ม ภูมินทร์ทั้งดิ้นทั้งผลักไสฝักบัวจนเรวัตรเองก็เปียกไม่แพ้กัน
“ที่อาวัตรไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมเพราะมันเป็นกลิ่นที่แม่ชอบใช้ใช่ไหม”
“ภูมินทร์”
เด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ร่างสูงใหญ่ก่อนจะเสยผมที่เปียกน้ำขึ้นทัดหูไว้และใช้ท่อนแขนเรียวทั้งสองข้างคล้องคอชายหนุ่มไว้และโน้มลงมาใกล้
“มินทร์ไม่ใช่แม่และมินทร์ก็ไม่ชอบยัยอิงฟ้าอะไรนั่น เพราะมินทร์หวงอาวัตร”
เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะแนบสัมผัสร้อนลงบนริมฝีปากบางก่อนร่างโปร่งบางจะทรุดฮวบเข้าสู่อ้อมกอดของเรวัตร
ภูมินทร์คงทำไปเพราะฤทธิ์ไวน์ที่ใครสักคนคงเอาให้ดื่มและก็ไม่ต่างจากเขาที่โดนแอลกอฮอลล์เข้าครอบงำจนเผลอทำเรื่องบ้าๆลงไป
หรือเขาจะคิดอกุศลอย่างที่นภดลเคยบอกไว้จริงๆ
2BCon…
(อาจจะยาวไปสักหน่อยนะคับ เพราะไนท์จะไม่อยู่ เผื่อทุกๆคนคิดถึง ^^ ปล อย่าเพิ่งกันไปไหนนะคับ จะรีบกลับมาปั่นต่อ...
ขอบคุณนะคับสำหรับทุกคอมเม้นต์
)