-2-
มื้อค่ำของวันนั้นค่อนข้างครึกครื้นเนื่องจากมีคนร่วมโต๊ะอาหารเพิ่มอีกสองคน บทสนทนาอย่างถูกคอระหว่างคู่หูต่างวัยอย่างปฐวีและภูมินทร์ทำเอาอีกสองหนุ่มที่ร่วมโต๊ะด้วยไม่มีโอกาสเอ่ยแทรก
“เอ่อ…เข้าใจนะว่ามีเรื่องคุยกันเยอะ แต่กับข้าวจะเย็นหมดแล้วนะ”
เรวัตรเอ่ยแทรกเมื่อเห็นว่าทั้งคู่ไม่มีทีท่าจะหยุดบทสนทนาเลย
ภูมินทร์หันมาส่งยิ้มกว้างให้ผู้เป็นอาก่อนจะตักข้าวเข้าปากและไม่ลืมที่จะตักกับข้าวเผื่อบรรดาอาๆทุกคนอย่างเอาใจ
“อาวัตร…วันนี้มีน้ำพริกอ่องของโปรดของอาวัตรด้วยนะ”
เด็กหนุ่มเอ่ยก่อนจะตักน้ำพริกประจำภูมิภาคใส่ใบผักกาดขาวและห่อพอดีคำก่อนจะส่งให้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
เรวัตรเหลือบสายตามองเพื่อนทั้งสองคนพลางทำท่าละล้าละลังราวกับตัดสินใจไม่ถูก
แต่เมื่อคิดได้ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือไปรับแทนที่จะอ้าปากรับเหมือนทุกครั้งที่เคยร่วมโต๊ะกันสองคน ท่าทางที่เปลี่ยนไปของผู้เป็นอาทำให้เด็กหนุ่มงุนงงสงสัยเป็นยิ่งนัก
และก็ได้แต่แอบซ่อนความน้อยใจไว้เมื่อผู้เป็นอาดูเหมือนพยายามจะเว้นระยะห่างออกไป
“น้องมินทร์ เดี๋ยวอาวีไปยกเค้กส้มมาให้นะครับ”
ปฐวีเอ่ยเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มรวบช้อนและยกน้ำขึ้นดื่ม
ทันทีที่ยกเค้กส้มที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ๆมาถึงโต๊ะ ชายหนุ่มร่างโปร่งก็ตัดแบ่งใส่จานซึ่งชิ้นใหญ่ที่สุดก็ไม่พ้นของภูมินทร์ ตามด้วยของเรวัตร
“ฉันไม่กิน ไม่ต้องเผื่อ”
เสียงทุ้มของนภดลเอ่ยดังขึ้นก่อนที่ปฐวีจะตัดเค้กชิ้นต่อไป
“โทษทีนะ วีลืมไปว่าดลไม่ชอบของหวาน”
ปฐวีหน้าเจื่อนลงแต่ก็ปรับสีหน้าเป็นสดใสได้ภายในพริบตา
“อร่อยไหมครับ น้องมินทร์”
“อาวี เค้กส้มของอาวีหาใครเทียบไม่ได้เลยจริงๆ ถ้าอาวีเปิดร้านนะ มินทร์จะเหมาร้านอาวีทุกวันเลย”
ปฐวีหัวเราะให้กับความน่ารัก น่าเอ็นดูของเด็กหนุ่ม
“เปลี่ยนจากเปิดร้านมาอยู่ที่นี่ ทำเค้กส้มให้น้องมินทร์กินทุกวันเลยดีไหม”
“ดีครับ อาวี”
“อาว่าแล้วว่าน้องมินทร์คงไม่ขัด แต่ดูเหมือนบางคนจะไม่ค่อยเต็มใจนะถ้าหากอาจะมาอยู่ที่นี่ตลอด”
ปฐวีเอ่ยกระทบกระเทียบบางคนที่คอยเงี่ยหูฟังบทสนทนาโดยตลอด
“อาดลเหรอครับ”
“ไม่หรอก รายนั้นเขาอยากให้อาออกไปจากชีวิตเขาจะตายไป”
ปฐวีเผลอตอบออกไปแต่แล้วก็ต้องรีบเปลี่ยนเรื่องจึงหัวเราะกลบเกลื่อน
“กินเค้กกันต่อดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปเก็บส้มกันดีไหม”
“อะแฮ่ม…จะไปไหน ทำอะไรช่วยถามความเห็นของเจ้าของไร่หน่อยได้ไหมครับท่านผู้มาขออาศัย”
เรวัตรเอ่ยแซวเมื่อเห็นว่าผู้เป็นเพื่อนทำอะไรตามใจยิ่งกว่าอยู่บ้านของตัวเอง
“อาวี อาวัตรได้ยินด้วยแหละครับ นั่งห่างออกไปตั้งไกล ผมนึกว่าคนอายุเยอะเขาจะไม่ค่อยได้ยินอะไรเสียอีก”
“เดี๋ยวเถอะมินทร์”
เรวัตรลุกขึ้นพรวด ภูมินทร์ก็กระโดดหลบไปอยู่ด้านหลังของปฐวีพลางแสร้งว่ากลัวเสียเต็มประดา
“อาวี ดูอาวัตรสิ”
“ถ้าคิดจะแกล้งน้องมินทร์ล่ะก็…นายตายแน่”
ปฐวีถือมีดตัดเค้กขึ้นมาแกว่งกลางอากาศเป็นการขู่
“เล่นของมีคมตอนกลางคืนมันอันตรายนะ เดี๋ยวผีผลักหรอก”
“ผมว่าเราเก็บครัวกันดีกว่านะครับ อาดล ออกไปเดินเล่นคนหนึ่งแล้ว อาวีไปพักเถอะครับ เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง”
ภูมินทร์เอ่ยขัดเมื่อเห็นว่าขืนปล่อยให้ทั้งคู่ต่อล้อต่อเถียงกันต่อไปคงจะยืดยาวกว่านี้
“ให้เราช่วยดีกว่านะ”
ปฐวีเอ่ยอาสาแต่เรวัตรก็ส่ายหัวปฎิเสธ
“นายไปพักเถอะ เดินทางมาไกล พรุ่งนี้จะไปเก็บส้มนี่รีบไปอาบน้ำนอนไป”
“แต่…”
“ไปเถอะน่า ไม่ต้องเกรงใจ”
เรวัตรเอ่ยบอก
หลังจากที่ปฐวีเดินลับสายตาไปแล้วนั้น ชายร่างสูงก็เก็บจานที่วางอยู่บนโต๊ะ
“อาวัตรไม่ต้องทำหรอก เดี๋ยวมินทร์ทำเอง”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวอาช่วยเอง”
“ตามใจครับ”
ภูมินทร์หันมาส่งยิ้มกว้างแต่ท่าทีที่ตอบรับของอีกฝ่ายกลับเป็นการเบือนหน้ามองไปทางอื่น เด็กหนุ่มไม่ยอมปล่อยให้เป็นเช่นนั้นอีกต่อไปจึงเดินเข้าไปเพื่อจะขอคำอธิบาย
“อาวัตร…”
“มีอะไรเหรอ”
เรวัตรเอ่ยก่อนจะก้มหน้าก้มตาเก็บจาน
“อาวัตร…มองหน้ามินทร์เดี๋ยวนี้”
เด็กหนุ่มเข้าไปกระชากจานที่อีกฝ่ายถือ
“อาวัตรเป็นอะไร โกรธมินทร์เหรอ”
“เปล่า อาจะโกรธมินทร์เรื่องอะไร”
“แล้วทำไมอาวัตรถึงทำท่าทีเปลี่ยนไปล่ะ”
“มินทร์ บางทีผู้ใหญ่ก็มีเรื่องที่ต้องคิดนะ เด็กอย่างเราไม่เข้าใจหรอก”
“อาวัตร มินทร์โตแล้วนะ”
“งั้นมินทร์ควรจะมีเหตุผลให้มากกว่านี้”
“เหตุผลแบบอาวัตรน่ะเหรอ มินทร์ไม่เข้าใจหรอก”
“มินทร์!!!”
เรวัตรตะโกนเรียกชื่อเด็กหนุ่มดังลั่นจนตกใจจึงเผลอปล่อยจานกระเบื้องร่วงหล่นลงสู่พื้นแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
นัยน์ตาโตสีอ่อนซึ่งได้เชื้อมาจากผู้เป็นแม่วาววับด้วยหยาดน้ำตาก่อนมันจะรินลงมาต้องผิวแก้มแต่เด็กหนุ่มก็ปาดมันทิ้งอย่างไม่ใส่ใจและทรุดตัวนั่งลงเก็บเศษจานกระเบื้อง
ยังไม่ทันที่มือเรียวจะได้สัมผัสกับเศษแหลมคมมือใหญ่ก็เข้าไปรองรับไว้เสียก่อน
“มินทร์…อาขอโทษ…”
เพียงแค่เรวัตรเอ่ยขอโทษด้วยเสียงแผ่วเบา หยาดน้ำตาก็พร่างพรูอาบแก้ม ชายร่างสูงจึงกุมมือเด็กหนุ่มและพามานั่งที่โซฟา เด็กหนุ่มนั่งร้องไห้จนตัวโยนทำให้เขาจำต้องกอดปลอบประโลม
มือเรียวไม่มีสักครั้งที่จะผลักไส มีแต่รีบไขว่คว้าไว้
แต่เขากลับเอ่ยทำคำทำร้ายหัวใจดวงน้อยให้ต้องเจ็บช้ำ
“อาขอโทษนะ เด็กดีของอา…”
“อาวัตรรู้นี่ ว่าเวลาง้อต้องทำยังไง”
เด็กหนุ่มเอ่ยกับแผนอกกว้างของอีกฝ่าย
เรวัตรคลี่ยิ้มอ่อนโยนก่อนจะช้อนใบหน้าอ่อนวัยขึ้นมาพิจารณา ดวงตาคู่โตแดงก่ำ แพขนตาหนาชุ่มด้วยหยาดน้ำใสทั้งน่าสงสารและน่าเอ็นดู ใบหน้าคมเข้มโน้มเข้าไปใกล้ก่อนจะแนบริมฝีปากลงบนผิวแก้มนุ่มเจือกลิ่นแป้งเด็ก
“หายแล้วนะครับ”
ภูมินทร์ยิ้มกว้างทั้งคราบน้ำตาก่อนจะกอดคนที่เป็นเสมือนทุกอย่างในชีวิตไว้แน่น
“อาวัตร อย่าทำให้มินทร์เสียใจอีกนะครับ”
ชายหนุ่มอึกอักไม่กล้าตอบรับอย่างเต็มปากแต่ก็พยักหน้ารับไว้ เพราะเขาไม่รู้ว่าวันต่อไปในอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าหากภูมินทร์รู้ความจริงว่าอาคนนี้หลงรัก “ศศิ” คนรักของพี่ชายมากเสียจนคิดจะแย่งชิง หากภูมินทร์รู้ความจริงว่าอาคนนี้ไม่ได้แสนดีอย่างที่ตัวเองคิด
วันนั้นภูมินทร์จะเสียใจมากขนาดไหน โดยที่ตนเหตุทั้งหมดคือเขา
แล้วจะยังกล้าสัญญาได้เต็มปากอีกเหรอว่าจะไม่มีวัน
ทำให้เสียใจอีก…
2BCon…
(ติดตามตอนต่อไปด้วยนะคับ ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นต์นะคับ
ดีใจมากๆ อ่อ...ลืมบอกไปไรท์เตอร์ชื่อ ไนท์นะคับ >.< วันนี้เพิ่งเริ่มกินเจวันแรก ยังไงก็ชวนเพื่อนๆกินเจกันเยอะๆนะคับ แล้วก็จะเอานิยายมาลงวันเว้นวันนะคับเพราะว่าต้องแต่งไปลงไป ^^ ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคับ...
)