แหะๆเกือบเดือนพอดีเลย เค้าจะย้ายนิยายเราไปห้องไม่จบมั้ยเนี่ย
มาต่อกันคะ ถ้าไม่สิ้นลมไปก่อน ต้องมาต่อให้จบซิน่า
*************************
ทำไมพี่ต้องมาจูบผมด้วย? เขาก็อยากถาม
แล้วผมจะตายเพราะจูบของพี่มั้ย? เขาก็อยากถาม
พี่จะเลิกจูบผมเมื่อไหร่ ผมจะเป็นลม เอิ้กก.....
“เหลิมๆๆ เป็นอะไรน่ะ เหลิม....” เสียงพี่ตั้งดังแว่วๆมาไกลๆ หรือว่าเขาจะเป็นลมไปจริงๆ เอิ้กกก.....
เขารู้สึกตัวหลังจากนั้นไม่นานนัก กะพริบตาอย่างมึนงง ไม่เห็นมีใครอยู่ในห้องแล้ว หันมองไปรอบๆ เขายังคงนอนอยู่ที่โซฟา
ก้มหน้าดูสภาพตัวเองเสื้อผ้ายังอยู่ครบ ลูบหน้าตาเนื้อตัว ปกติดี
เผลอเป่าลมออกจากปากอย่างโล่งอก 'Safe! ยังปลอดภัยดีเว้ย'
ความคิดแรกที่วิ่งเข้ามาคือ ‘นี่เราเป็นลมไปจริงๆเหรอวะ ให้ตายห่า...กูจะเอาหน้าไปไว้ไหน’
รีบหลับตาก่อนเว้ย ขอคิดต่อนิดนึง ขอเรียกใจและกายที่ถอดร่างหนีไปกลับมาให้ครบก่อน
ความคิดต่อมา ‘เราควรลืมตา หรือแกล้งหลับต่อดี เอาไงดีวะ ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก’
เหมือนมีเสียงนาฬิกาจับเวลาดังอยู่ข้างหูให้รีบตัดสินใจ แต่เขาไม่แน่ใจว่าคิดนานได้แค่ไหน
ถึงแม้จะไม่มีใครคอยจับเวลาจริงๆ เขาก็ไม่อยากให้สถานการณ์คาบลูกคาบดอกมันยืดเยื้อไปนานนัก
ตอนนี้พี่ตั้งพิกัดอยู่ตรงไหน ข้างหน้า ข้างๆ ตัวเขาหรือไกลๆ กันแน่
โอ๊ยย...สับสนชีวิต ไอ้ความรู้สึกเนียนนุ่ม หวานละมุน หยุ่นๆ เหมือนมาชเมลโลเวลาที่พี่ตั้งจูบ มันคืออะไรกันแน่
คิดแล้วเขาก็ร้อนหน้าวูบวาบไปหมด ปากคอแห้งผากจนเผลอเอาลิ้นเลียปากจนได้
“ฟื้นแล้วเหรอเหลิม หึหึ ” ตายอ่า...เสียงพี่ตั้งดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล นี่เขาต้องทำอะไรสักอย่างแล้วใช่มั้ย เอาไงดี
ใครจะช่วยเขาได้...โว้ยยย...เขารู้ได้เลยว่าพี่ตั้งเดินเข้ามาใกล้แล้วเสียงพื้นเอี๊ยดอ๊าดมันบอก
“เหลิมไม่ต้องแกล้งทำเป็นหลับเลย พี่รู้นะว่าเราตื่นแล้ว” เสียงที่ได้ยินชัดเจน ดังราวกับเจ้าของเสียงมายืนอยู่ต่อหน้า
แต่พี่ตั้งรู้ได้ไงว่าเขาตื่น จะรู้ดีไปหน่อยละพ่อคุณ
คนที่โดนถามในใจเหมือนจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ พี่ตั้งตอบคำถามเขาได้อย่างแม่นยำ
“ทำไมพี่จะไม่รู้ล่ะ เปลือกตาเรายุกยิกๆ คิ้วก็ขมวด ปากก็เม้ม ให้โง่แค่ไหนก็ดูออก
เหลิมนี่เล่นละครไม่เก่งเลยนะ ใครก็จับไต๋ได้หมด เลิกเหอะไม่รุ่งหรอก”
นอกจากจะตอบคำถามเขาได้หมด ยังจับผิดได้แม่น ยั่วโมโห พูดจาจิกกัดทั้งที่ไม่ใช่ไก่ จนเขาทนไม่ไหวต้องตื่นมาโวย
“พอเลย มีโอกาสไม่ได้ พี่เป็นต้องผสมโรงกัดผมตลอด ชาติที่แล้วเค้าเลี้ยงพี่ด้วยน้ำตาลรึไง กัดเก่งยังกับหมา อุ๊บส์...”
เขาเผลอพูดออกไป ถึงแม้ท้ายประโยคเขาจะพูดเบา แล้วรีบปิดปากตัวเองไม่ให้หมากระโดดออกไปอีกได้ทัน
แต่เท่าที่รู้จักกันมาหนึ่งอาทิตย์ พี่ตั้งไม่ใช่คนหูตึง ต้องได้ยินแน่ๆ เขาเริ่มกลัว พี่ตั้งจะโกรธรึเปล่าว้า
เขาหลับตาปี๋เตรียมใจรับคำดุจากพี่ตั้ง แต่เสียงที่ได้ยืนกลับไม่ใช่เสียงของคนที่โกรธเป็นเสียงหัวเราะดังๆ แทนขึ้นมา
“คงงั้นมั้ง แต่ก็สมกันดีกับปากแอบหมาของเหลิม ใช่มั้ยล่ะ”
เขาลืมตาแทบไม่ทัน แต่ไม่มีแรงจะลุกไปฉะพี่ตั้งตัวต่อตัว ได้แต่ทำตาเขียวใส่ เดี๋ยวนี้มีย้อนนะพี่ตั้ง
ใครว่าพี่ตั้งเป็นคนใสซื่อเขาขอเถียงหัวชนฝา คนแบบนี้ไม่ธรรมดาแน่ๆ วาจาไม่เข้ากับหน้าตาเลย
จ้องคนยืนยิ้มยั่วนานๆเขาถึงเห็นว่าตอนนี้พี่ตั้งสวมเสื้อยืดเก่าๆของเขา แต่แปลกที่ว่าปกติเขาใส่เสื้อตัวนี้จะกลายเป็นไอ้เหลิมคนทำสวน
แต่พอพี่ตั้งใส่มันกลับกลายเป็นพี่ตั้งที่ดูสบายๆในเสื้อลำลอง คนเรามันผิดกันตรงสง่าราศรีนี่เอง เหอะๆ
พี่ตั้งยิ้มเขินเมื่อเห็นเขาจ้องที่เสื้อ “พี่ขอโทษนะที่ถือวิสาสะเข้าไปเอาเสื้อเหลิมมาใส่ เสื้อพี่ยังไม่แห้ง”
เขาส่ายหน้า ไม่เป็นไร “ใส่ไปแล้วนี่ มาขอโทษทำไม” ทำเป็นมีมารยาท ทีอย่างนี้ทำมาพูดดี
พี่ตั้งไม่ถือสาน้ำเสียงกวนตีนของเขา ยังยิ้มได้ “เหลิมนี่ประหยัดนะ มีเสื้อไม่กี่ตัวเอง แถมแต่ละตัวคงใช้มานาน”
เอิ่ม...พี่ประชดหรือพี่จริงใจ ไม่บอกมาเลยล่ะว่าเสื้อทั้งน้อยทั้งเก่า พูดตรงๆให้มันแทงใจไปเลยดีกว่ามาพูดอ้อมไปมาเป็นงูแบบนี้ ยังไงพี่ก็กัดเขาอยู่ดี
“คนมันไม่มีกะตัง มีเสื้อใส่ไม่ให้อุจาดก็พอแล้ว ใส่เสื้อคนอื่นแล้วยังมาวิจารณ์อีก ไม่พอใจใส่ก็ถอดมา”
เขากำลังอารมณ์ดีๆ มาทำให้หงุดหงิดอีกจนได้
พี่ตั้งหัวเราะ “เหลิมนี่แปลกนะวันๆนึง หลายอารมณ์จนพี่ตามไม่ถูก เป็นพวกอารมณ์แปรปรวน แต่ไม่เป็นไรพี่รับได้” พี่ตั้งพูดเหมือนปลง
“พี่จะมารับอะไรได้ รับได้ไม่ได้ ผมก็เป็นแบบนี้แหละ จะทำไม” พี่นั่นแหละไม่รู้ตัวว่าเป็นคนมาทำให้เขาอารมณ์แปรปรวนอย่างกับผู้หญิงวัยทอง
เขาทำท่าจะลุกแต่พี่ตั้งกลับดันให้เขานั่งต่อแล้วนั่งลงข้างๆ “เหลิมเป็นอะไรอีก ก่อนหน้านี้ยังดูว่าง่ายอยู่เลย” พี่ตั้งยิ้มกริ่ม
“ผมไปว่าง่ายตรง...” พอนึกออกแล้วว่าพี่ตั้งหมายถึงอะไร เสียงที่กำลังโวยก็ลดเบาลงจนเกือบกระซิบไปเองด้วยความอาย “...ตรงไหนกัน...”
“ก็ตอนที่พี่จู....” ก่อนที่พี่ตั้งจะพูดจบเขารีบเอามืออุดปากพี่ตั้งๆไว้ “ไม่ต้อง ไม่ต้องแล้ว ไม่ต้องพูด”
เขารีบหันหน้าหนีพี่ตั้ง โกรธด้วยอายด้วย หรือจะแกล้งเป็นลมไปอีกรอบดีวะ คิดไม่ตก เอาไงดี
แค่โดนกระทำนิดหน่อยแล้วดันเป็นลมไปซึ่งๆหน้าก็ทำเอาเสียงรังวัดไปหลายขุมแล้ว
ถ้าเกิดหลุดอาการอะไรออกมาอีกมีหวัง ไม่ต้องผุดต้องเกิดกันอีก
“ทำไมพี่ยังไม่กลับล่ะ ใส่เสื้อผมไปก่อนก็ได้ แล้วค่อยเอามาคืนทีหลัง” เขาไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองหน้าพี่ตั้งเต็มๆตา
แค่จะพูดด้วยน้ำเสียงปกติก็ยังยาก ฟังแล้วเหมือนไม่ใช่เขาพูดเลย
“คอเหลิมเป็นอะไร คอเคล็ดเหรอ ไหนพี่ดูซิ” พี่ตั้งไม่รอเขาตอบว่าไม่ได้เป็นอะไรเลย กลับเอามือจับหน้าเขาหันมาจ้องตาพี่ตั้ง
“เฮ้ยยย...” เขาร้องได้แค่นั้นเองเพราะไม่ทันตั้งตัว เลยทำคอแข็งค้างไว้ไม่ทัน
พี่ตั้งยิ้มเมื่อเขารีบหลบตา “คอไม่เคล็ด แต่สงสัยตามีปัญหา หรือว่าตาส่อนมองหน้าพี่ตรงๆไม่ได้ หึหึ”
“พี่ตั้งงงง...” ทำไมยั่วโมโหเขาได้มากขนาดนี้ ถ้าขย้ำพี่ตั้งได้คงทำไปแล้ว
พี่ตั้งหัวเราะ ไม่สนใจน้ำเสียงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันของเขา “ตาดีแล้วนี่ แต่เหลิมปวดฟันเหรอ แยกเขี้ยวทำไม หึหึ”
พี่ตั้งไม่ยอมให้เขาเถียง กลับก้มหน้าลงมาแต่คราวนี้เขาไม่ไว้ใจพี่ตั้งอีกต่อไปรีบเอามือปิดปากตัวเองเอาไว้กัดฟันพูด “อย่านะ”
“เหลิม...เป็นอะไรพี่ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
พี่ตั้งหัวเราะอีกครั้ง พอยั่วโมโหคนอื่นได้ทำท่าจะอารมณ์ดีเกินไปแล้ว“พี่ไม่ต้องมาพูดเลย ผมไม่ไว้ใจพี่แล้ว”
เขาพูดเสร็จหันหลังจะรีบเดินหนีไม่อยากพูดอะไรอีก เพราะไม่รู้ด้วยว่าควรหรือไม่ควรพูดอะไรดี ยังคิดอะไรไม่ออกจริงๆ
นายเฉลิมฉลองที่กล้าคิดกล้าพูดทุกอย่างกลับกลายเป็นคนใบ้ เขาอยากจะหัวเราะเยาะตัวเองดังๆก็ยังหัวเราะไม่ออก
แต่เขาก้าวไปได้ไม่ไกลพี่ตั้งกลับรั้งมือเขาไว้ ก่อนที่จะมาหยุดยืนตรงหน้า ทำหน้าขึงขังถามย้ำเสียงจริงจัง “เหลิมอยากเคลียร์อะไรกับพี่มั้ย”
เขาเบือนหน้าหนีพี่ตั้ง แต่ก็ยังอยากจะตอบ “ไม่อยาก ไม่มีอะไรต้องเคลียร์ ผมไม่ใช่พลอย แล้วพี่ก็ไม่ใช่โดมด้วย”
มีหน้าไปเล่นมุกอีกนะกู แต่พี่ตั้งไม่ใจเลย กลับตอบมาว่า“หา..อะไรนะ พลอยอะไรโดมอะไร เหลิมพูดอะไรพี่ไม่เข้าใจ”
หมดกันมุกสดๆที่อุตส่าห์คิดได้ เริ่มหงุดหงิดเพราะมุกแป่ก “เออๆ ช่างมันไม่รู้เรื่องก็ช่าง แต่ผมไม่มีอะไรต้องเคลียร์พี่รู้แค่นี้ก็พอ”
เขาแกะมือพี่ตั้งออกจะเดินเข้าห้อง ทำเหมือนไม่สนใจทั้งที่หัวใจเต้นแรงยังกลับเจอพี่ตั้งมาร้องเพลงพี่เบิร์ด
Love you too much ,so much , very much ให้ฟัง
“เหลิมจะมาทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้ได้ยังไง หรือว่านี่มันเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญอะไรสำหรับเหลิม”
พี่ตั้งคงอยากมีเรื่องเลยมาชวนเขาทะเลาะ มาทำน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจใส่เขา ทั้งที่เขาเป็นผู้ถูกกระทำแท้ๆ
ได้เลย...อยากได้เรื่องเดี๋ยวจัดให้ ชักอารมณ์ขึ้นมาบ้าง
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องไม่สำคัญ แต่เป็นเรื่องที่ผมไม่เข้าใจมากกว่า ว่าพี่มาทำแบบนี้กับผมทำไม ที่ผมไม่พูดก็เพราะผมอยากคิดเองก่อน
พี่อย่ามาเอาความคิดตัวเองมาตัดสินว่าผมจะคิดยังไง พี่จะมารู้ความคิดผมได้ยังไง”
“ถ้างั้นทำไมเหลิมไม่ถามพี่ จะไปคิดเองได้ยังไงว่าพี่คิดยังไงถึงทำแบบนั้น เหลิมจะมารู้ความคิดพี่ได้ด้วยรึไง”
พี่ตั้งมีย้อน ลอกที่เขาพูดมาเลยทั้งดุ้นไม่สร้างสรรค์ด้วยตัวเองบ้าง
พี่ตั้งจับมือเขาขึ้นมาอีกครั้ง สบตาเขานิ่ง น้ำเสียงที่พูดอ่อนแรง “พี่ก็ยืนอยู่ตรงนี้ทำไมเหลิมไม่ถาม”
น้ำเสียงพี่ตั้งเบาก็จริงแต่มันกลับดังเข้ามาถึงใจเขา นั่นสิ ทำไมเขาไม่ถาม มันไม่ใช่นิสัยเขาเลย
แต่เขาก็ตอบพี่ตั้งไปแทบจะทันที “ก็เพราะผมกลัว”
เขารู้สึกเหมือนโดนกดดัน มันเครียดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว น้ำเสียงของเขาแปลกไปเหมือนไม่ใช่ตัวเอง
เขาระเบิดความอัดอั้นใจออกไป “ผมกลัวว่าที่พี่คิดมันจะไม่ใช่อย่างที่ผมคิด แล้วผมก็ไม่รู้ว่าผมจะรับคำตอบจากพี่ตั้งได้รึเปล่า”
“แล้วเหลิมคิดอะไร บอกพี่ได้มั้ย” เสียงพี่ตั้งทำให้เขาสงบขึ้นอย่างประหลาด
เขาเงยหน้าสบตาพี่ตั้งอีกครั้ง “ผมพูดไม่ได้”
เอามือทุบหน้าอกเบาๆ “มันอยู่ในนี้ ผมบรรยายไม่ได้ว่ามันคืออะไร”
***************************
คนญี่ปุ่นสู้ๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ