ไม่กล้าแก้ตัวเลยค่ะ จะพยายามเขียนให้จบนะ แหะๆ
****************
“แล้วเหลิมคิดอะไร บอกพี่ได้มั้ย” เสียงพี่ตั้งทำให้เขาสงบขึ้นอย่างประหลาด
เขาเงยหน้าสบตาพี่ตั้งอีกครั้ง “ผมพูดไม่ได้”
เอามือทุบหน้าอกเบาๆ “มันอยู่ในนี้ ผมบรรยายไม่ได้ว่ามันคืออะไร”ทุบไปแล้วถึงจะเบายังไงมันก็เผลอแรงไปตามอารมณ์ มันต้องแรงบ้างไม่งั้นมันไม่ได้ฟิล สุดท้ายเจ็บตัวเองอยู่ดี พี่ตั้งคว้ามือเขาเอาไว้ ทำตาดุใส่ “ทุบไปทำไม เดี๋ยวเจ็บใจ”
เขากำลังจะสวนกลับว่า ‘พี่มายุ่งอะไรด้วย นี่มันตัวของผม ใจก็ของผม ถึงเจ็บก็ไม่เกี่ยวกับใคร’
แต่ยังไม่ทันได้พูด พี่ตั้งก็พูดเจือรอยยิ้มกวนใจเล็กๆ “เดี๋ยวพี่จะเจ็บไปด้วย...เพราะพี่อยู่ในนั้น”
ถึงจะฟังแบบเข้าหูซ้ายออกหูขวาแล้วเอคโคกลับมาหูซ้ายอีกรอบ ผ่านก้านสมองแบบเฉี่ยวๆ
ใช้สติปัญญาที่มีอยู่เจือจางก็พอเข้าใจลางๆ ว่าไอ้คำพูดน้ำเน่าที่พี่ตั้งกำลังบอกเขาคือ ‘ใจของเขามีพี่ตั้งเดินเล่น นั่งเล่น เผลอๆนอนเล่นอยู่’
เขาอ้าปากค้าง เลือดสูบฉีดจนตัวชาไปทั้งร่าง พูดต่อไปไม่ออก ไม่อยากจะยอมรับกับตัวเองว่าที่พี่ตั้งพูดเป็นนัยมันคือความจริง อายจนคิดคำพูดเถียงกลับไม่เป็น
พี่ตั้งจูงมือเขาไปนั่งที่โซฟา เขาเดินตามไปอย่างว่าง่าย ยังคงไร้คำพูด มีแต่เสียงนุ่มนวลของพี่ตั้งที่ดังอยู่ในหู
“ถ้ามันพูดยากนัก เหลิมไม่ต้องบรรยายออกมาก็ได้ แค่ยอมรับกับตัวเองเท่านั้น ว่าพี่อยู่ในใจเหลิมบ้างหรือเปล่า”
เขาอยากบอกว่า...มันใช่เลย แต่มันแค่นั้นหรือ แค่พี่มาอยู่ในใจผม แค่นี้ก็ทำให้ผมว้าวุ่นใจขนาดนี้
“แล้วเหลิมค่อยคิดต่อว่า เหลิมมีความสุขดีใช่มั้ย เหลิมยินดีที่มีพี่อยู่ด้วยข้างๆ เหลิมอย่าโกหกใจตัวเองก็แล้วกัน”
อะไรกันคือ...ความสุข ที่พี่ตั้งให้เขาถามใจตัวเอง
ดีใจ...เมื่อเห็นพี่ตั้งมารับแล้วพาไปเลี้ยง
กิน...ของทุกอย่างที่พี่ตั้งซื้อมาจนหมด
ชอบ...รูปถ่ายฟรีที่พี่ตั้งเอามาให้
หรือว่าชอบ...ที่พี่ตั้งมีน้องสาวสวยน่ารัก
ถ้าทั้งหมดคือความสุขเขาก็ยินดีที่มีพี่ตั้งเข้ามาในชีวิต
มันไม่ใช่เพราะว่าเขาชอบของฟรี ไม่เลย ไม่ใช่เห็นแก่กิน
ไม่ใช่ว่าเขาเจ้าชู้
แต่เขารู้ว่ามันมีมากกว่านั้น ไอ้อาการฉีกปากยิ้มโดยไม่รู้ตัวเมื่อพี่ตั้งโทรมา หัวใจเต้นแปลกๆ เมื่อพี่ตั้งพูดดีด้วย
หรืออาการเป็นลมเมื่อพี่ตั้งจูบ...นั่นนับเป็นความสุขด้วยรึเปล่า
เขาคงจะอยู่ในโหมดเงียบนานไปหน่อยเพราะกำลังใช้สมองมากกว่าปกติ พี่ตั้งเริ่มสงสัย “เหลิมจะไม่พูดอะไรบ้างเหรอ”
เขาเหลือบตามองพี่ตั้ง ตอบไปอย่างรำคาญที่พี่ตั้งมาขัดจังหวะความคิด “ก็บอกแล้วไงว่าบรรยายไม่ได้ กำลังคิดอยู่”
พี่ตั้งส่ายหน้า “จะคิดอะไรนักหนา รักพี่ไปแล้วก็บอกมาตรงๆ”
เขาหันไปมองหน้าพี่ตั้งอย่างขัดใจ แต่เจ้าตัวกลับยิ้มเผล่ให้ พี่พูดอะไรวะ...มันแทงใจดังฉึก อยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ ก็กลัวพี่ตั้งจะตกใจ เขาเลยร้องได้แค่ “เฮ่ย...”
คำพูดต่อมาถึงแม้จะโวยวาย ก็ช่างยากเย็นเหมือนคนพูดติดอ่าง น่าสมเพชสิ้นดี
“ทะๆ ทำไม...ทำไมพี่คิดเข้าข้างตัวเอง หลงตัวเองแบบนั้น ผมไปแสดงออกอะไรกับพี่รึไง”
เขาร้อนทั้งหูและใบหน้า กูจะตายเพราะความดันขึ้นมั้ยนี่ เขาแน่ใจว่าเขาสงวนท่าทีมาตลอด ไม่เคยไปทำตาหวานใส่พี่ตั้งแม้แต่น้อย ถ้าไอ้การที่เขาพูดจาเอะอะโวยวายอยู่เรื่อยๆ คือการแสดงออกว่าเขารักพี่ตั้ง มาตรฐานของพี่ตั้งคงประหลาดที่สุด
พี่ตั้งยิ้มมุมปาก “งั้นทำไมเหลิมต้องเป็นลมด้วย” เอามือมาเขี่ยหัวไหล่เขาเล่น ก่อนพูดต่อด้วยประโยคที่ทำให้เขาต้องกัดปากตัวเองที่ไม่รักดี “ตอนที่พี่จูบเหลิม เป็นลมทำไม”
ทั้งน้ำเสียงยั่วเย้าและแววตาของพี่ตั้งทำให้เขาใจสั่น พี่ตั้งยังคงเขี่ยไหล่เขาต่อ จนเขาต้องปัดมือออก จะเขี่ยทำไมนักหนา
“กะ ก็ผมตกใจ เป็นปฏิกิริยาของมนุษย์เวลาตกใจ ก็แค่นั้น พี่อย่ามามั่ว” ตอนนั้นเขาตกใจจริงๆไม่ได้แก้ตัวเลย
พี่ตั้งถอนหายใจ “เหลิมจะแถไปมาแบบนี้ไม่ได้นะ ทำไมไม่พูดกันตรงๆ”
เขาหน้าง้ำ กัดปาก ไม่ได้แถ แค่ไถลเถลือก พี่ตั้งเองก็ไม่บอกว่ารัก แล้วทำไมเขาต้องบอก พี่ตั้งกำลังขุดหลุมพรางอะไรรึเปล่า ถ้าเขาบอกว่ารักแล้วพี่ตั้งหัวเราะเยาะ หรือบอกว่าล้อเล่นล่ะ เขาจะเอาหน้าไปไว้ไหน แค่เอาไว้บนหัวยังไม่สมควรเลย เขาคิดวนเวียนอยู่ในสมอง จนรู้สึกว่ายิ่งคิดยิ่งโง่ หน้านิ่วคิ้วขมวด ปั่นป่วนในท้อง
เขาได้ยินเสียงพี่ตั้งหัวเราะเบาๆ ก่อนที่พี่ตั้งจะเอามือกดหัวเขามาพิงไหล่ ลูบหัวเขา
“เหลิมไม่ต้องเครียด ไม่ต้องพูดแล้ว พี่พูดเอง แล้วเหลิม คิดตามด้วยนะ อย่าฟังแล้วผ่านหัว ผ่านหูไป”
เขาปล่อยลมออกจากปากอย่างโล่งอก อย่างนี้ง่ายกว่าเป็นไหนๆ แต่เหมือนโดนหลอกด่าอีกแล้ว ว่าไม่ค่อยคิด พี่ก็พูดเองเสียแต่แรกก็หมดเรื่อง
“ตั้งแต่วันที่พี่พบกับเหลิมวันแรก พี่ก็หลงรักเหลิมทันที”
เขาตาโต เงยหน้าขึ้นมองพี่ตั้ง พี่ตั้งยิ้มให้แล้วพูดต่อด้วยเสียงนุ่มนวลเหมือนกำลังอ่านหนังสือให้เขาฟัง ว่าแต่ว่า….ที่พูดมาพี่โกหกรึเปล่า
“พี่ขำท่าทีแปลกๆของเหลิม สนุกกับการที่ได้คุยกับเหลิม” เขาขยับปากอยากถามว่าพี่ตั้งกำลังชม...หรือด่า พี่เห็นผู้ชายครั้งแรกก็ชอบไปแล้ว เป็นพวกใจง่ายนี่ แต่พี่ตั้งเอานิ้วปิดปากเขาไว้เป็นสัญญาณว่าไม่ต้องพูด
“พี่ไม่เคยจีบใครนะ แต่พี่ยอมรับว่าวันนั้นพี่ตัดสินใจที่จะจีบเหลิม พี่อยากรู้จักเหลิมให้มากกว่านี้
พี่อยากพิสูจน์ว่าที่พี่ชอบเหลิมมันไม่ใช่เรื่องโง่ๆ ที่พี่คิดผิด”
เขาอยากบอกว่าพี่คิดผิด มันเป็นเรื่องโง่จริงๆ ด้วย แต่ลึกๆ เขากลับดีใจ อย่างน้อยก็มีคนหลงผิดมาชอบเขาล่ะวะ ถึงแม้จะเป็นผู้ชายก็เถอะน่า
“ตอนที่เราอยู่ด้วยกัน พี่สนุกกับการได้ใช้เวลากับเหลิมมากขึ้น ถึงแม้เหลิมจะมีอะไรแปลกๆที่พี่คาดไม่ถึงเสมอ อย่างเช่นเรื่องที่เหลิมยอมไปนอนเฝ้าไข้พี่ ทั้งที่เราเพิ่งรู้จักกันไม่กี่วัน พี่ก็แค่ลองใจนะ แต่เพราะเหลิมเป็นคนมีน้ำใจ ถึงปากกับใจไม่ตรงกันเท่าไหร่”
พูดจบอยู่ๆพี่ตั้งก็หัวเราะดังๆ ระเบิดขึ้นมา เหมือนขำกับตัวเอง พี่ตั้งหัวเราะจนหน้าแดง ไม่ยอมหยุดจนเขาทนไม่ไหว
“พี่ขำอะไรนักหนา หัวเราะอย่างกับคนบ้า”
พี่ตั้งยังพูดไปหัวเราะไป “ ฮ่าๆ พี่เกือบพูดไปแล้วว่าเหลิมปากหมา แต่ใจไม่หมา แต่ดีที่คิดได้ไม่พูด เลยขำตัวเอง”
เขากัดปากทำตาเขียวโดยอัตโนมัติ กัดฟันพูด ชี้หน้าพี่ตั้ง “พี่พูดไปแล้ว มะกี้”
พี่ตั้งสะดุ้ง “อ้าว เออ ลืม พูดไปแล้วจริงๆด้วย ฮ่าๆๆ ” แล้วพี่ตั้งก็เอามือกดท้อง ขำไม่หยุด นานจนเขาเริ่มโมโห
”ถ้าพี่จะหัวเราะแบบนี้ ก็ไม่ต้องพูดแล้ว จะเอายังไงก็ว่ามา มีช่องทีไรหลอกด่าผมเรื่อย”
พี่ตั้งหยุดหัวเราะทันทีแต่ยังมียิ้มกริ่มที่มุมปาก พูดช้าๆชัดๆ “ดีมากเลย ที่เหลิมถามแบบนี้”
พี่ตั้งหยุดพูด จ้องตาเขาเขม็ง ทำเอาเขาแทบหยุดหายใจไปด้วย “เหลิมเป็นแฟนกับพี่นะ เหลิมก็ชอบพี่นี่”
เขาอึ้งไปกับคำพูดตรง ง่ายๆ ของพี่ตั้ง พี่พูดอย่างกับสั่งก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก ไม่งอก ไม่ตับ แต่สำหรับเขามันไม่ง่ายเลย ทำเอาเงียบไปพักใหญ่ พยายามคิดก่อนพูด ก่อนตอบไป
“ง่ายๆแบบนี้เลยเหรอพี่ ผมไม่เคยมีแฟน(เป็นผู้ชาย) ไม่เอา มีแฟนไม่เป็น”
“เดี๋ยวก็เป็นเอง พี่สอนให้” พี่ตั้งแค่พูด แต่เขาสิดันไปมองปากพี่ตั้งแล้วก็คิดไปไกล ทำเอาเลือดสูบฉีดแรงจนหน้าร้อนผ่าว
ถ้าพี่ตั้งยังมาคาดคั้น นัวเนีย วนเวียน หว่านเสน่ห์ อยู่ใกล้ๆแบบนี้สติสตังที่ไม่ค่อยมีของเค้าคงคิดอะไรไม่ออก เขาไม่อยากสรุปอะไรตอนนี้ ถึงแม้พี่ตั้งไม่ได้ขอเขาแต่งงานเหมือนคู่รักทั่วไป แต่แค่คบเป็นแฟนกับพี่ตั้งก็นับเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดในชีวิต ของคนที่ไม่เคยมีแฟนแบบเขาแล้ว
“ผมขอเวลาหน่อยนะพี่ ผมขอคิดอะไรดูก่อน เรื่องมันไม่ง่ายแบบนั้น”
มันก็ต้องมีลีลาบ้างอะไรบ้าง เขาไม่ใช่คนใจง่ายสักหน่อย เขากลืนน้ำลายรอพี่ตั้งตอบ อดจะกลัวไม่ได้ว่าพี่ตั้งจะถอนสมอเผ่นแน่บไปแล้วไปลับเลยรึเปล่า ช่วงเวลารอคอยช่างยาวนานจนเขาเหนื่อยทั้งที่ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาที
พี่ตั้งถอนหายใจเบาๆ สีหน้าครุ่นคิด มองหน้าเขานิ่งๆ ก่อนพยักหน้าหงึกหงัก “ก็ได้ พี่ไม่รีบหรอก พี่รู้ว่ายังไง เหลิมก็รักพี่ไปแล้วแน่ๆ รอแค่ว่าเหลิมกล้ายอมรับกับตัวเองเท่านั้นเอง”
พี่ตั้งมั่นใจอะไรขนาดนั้น เขาไปทำสัญญาณอะไรส่งให้พี่ตั้งโดยไม่รู้ตัวรึเปล่า พี่ตั้งลุกขึ้นทันที ทำเอาเขาสะดุ้ง แหงนหน้าถามตาใส เหมือนเสียดาย “พี่จะกลับแล้วเหรอ?”
พี่ตั้งยิ้ม “ก็เหลิมบอกพี่เองว่าขอเวลา พี่ก็เลยจะกลับให้เหลิมได้คิดไง พี่อยู่แล้วเหลิมจะคิดออกเหรอ เดี๋ยวก็เอาแต่มองพี่ สมองทึบคิดอะไรไม่ออกกันพอดี”
เขาหลับตาทำใจ หลอกด่าเขาอีกแล้วนะไอ้พี่ตั้ง พี่ตั้งจับหัวเขาเขย่า “พี่ไปก่อนนะเหลิม” คงคิดว่าจะเขย่าสมองเขาให้เข้าที่เข้าทาง แต่มันยากหน่อยนะพี่ ในหัวเขามันมีแต่น้ำ เนื้อสมองน้อยกว่าปกติเลยชอบคิดอะไรโง่ๆ แบบนั้นล่ะ
เขาเดินตามไปส่งพี่ตั้งที่ประตู นึกดีใจจะได้พักผ่อนเสียที แล้วอยู่ๆ พี่ตั้งก็หยุดเดินหันหน้ามาเมื่อถึงหน้าประตู เขากำลังคิดอะไรเพลินๆหยุดเท้าที่ก้าวตามไม่ทัน ตัวชนกับพี่ตั้งไปตรงๆ เหมือนส่งตัวเองเข้าไปในอ้อมกอดพี่ตั้งโดยไม่ได้ตั้งใจอ่อย สาบานต่อหน้าประตูได้
พอหายจากตกใจ เขาขยับขาก้าวถอยหลังเพื่อยืนให้มั่นคงขึ้น แต่อ้อมแขนของพี่ตั้งกลับรั้งตัวเขาไว้ มันใกล้เกินไปอีกแล้วนะพี่ เขาก้มหน้างุดมองลอดคอพี่ตั้งไป ไม่กล้ามองหน้าพี่ตั้งตรงๆ เอามือดันหน้าอกพี่ตั้ง อยากเพิ่มช่องว่างระหว่างกันอีกหน่อย ใกล้กันขนาดนี้เขาคิดอะไรไม่ออกจริงๆ สมองที่มีอยู่น้อยนิดมันกลับเหมือนไม่มี แต่แขนพี่ตั้งแข็งแรงกว่าที่เขาคิด พี่ตั้งไม่พูดอะไรเลย ได้ยินแต่เสียงลมหายใจแผ่วเบาข้างหู
“กอดผมทำไมพี่ ผมไม่ล้มแล้ว ปล่อยได้แล้ว ฮ่าๆ” กัดฟันพูดไป หัวเราะไป ถึงแม้จะไม่ขำ ก็เอาไอ้มุกขำแป๊กนี่ล่ะกลบเกลื่อนไป
แทนที่จะปล่อยอย่างที่เขาขอ แต่แขนพี่ตั้งรั้งตัวเข้ามาชิดขึ้นกว่าเดิมอีก จนเหมือนตัวเราแนบติดกันเป็นปาท่องโก๋
“พี่ขอกอดเหลิมสักนาทีนะ”
เขาอยากให้นาทีนั้นกับพี่ตั้งแต่ก็ยังสงสัย แอบบ่นกับตัวเองเบาๆ “กอดทำไมตั้งหนึ่งนาที”
“เหลิมมองหน้าพี่หน่อยสิ อย่าเอาแต่ก้มหน้างุดแบบนั้น พูดอะไรพี่ได้ยินไม่ชัด” พี่ตั้งก็พูดเบา เขาได้ยินไม่ชัดเหมือนกัน หรือว่าเขากำลังฝันไปอีก
“พี่แน่ใจว่าเหลิมก็รักพี่ เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็น แต่เผื่อไอ้หนึ่งเปอร์เซ็นต์นั้นจะเกิดขึ้น พี่ก็ขอเผื่อความเสียใจไว้โดยการกอดเหลิมมัดจำไว้ก่อน”
หัวใจพี่ตั้งใต้ฝ่ามือเขาเต้นแรงจนสัมผัสได้ เขาเองก็สั่นเหมือนกันแต่สั่นสู้ เขาไม่รู้ว่านานแค่ไหนแต่เมื่อเขาดันตัวออกจากอ้อมแขนพี่ตั้งกลับไม่ยอมปล่อย “ยังไม่ครบนาทีเลย จะรีบไปไหน”
เขาเลยได้แต่ยืนไว้อาลัยตัวเองอย่างสงบเงียบตรงนั้น ไม่มีคำพูดใดๆ อีก แต่ในที่สุดพี่ตั้งก็ปล่อยตัวเขา ก่อนที่พี่ตั้งจะลับสายตาเขาไป พี่ตั้งหันหน้ามามองเขาอีกครั้งก่อนทิ้งคำพูดไว้ให้
“พี่ได้แต่หวังว่าพี่จะได้กอดเหลิมแบบนี้อีกนะ”
ประตูปิดไปแล้ว เขาได้แต่ยืนทำตาปริบๆ ว่าวันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตที่เคยราบเรียบของเขากันแน่ แต่อย่างหนึ่งที่เขาเผลอยอมรับกับตัวเองว่าเขาก็หวังไว้แบบที่พี่ตั้งพูดเหมือนกัน
*************
เจอกันอีกทีเดือนไหนดีหนอ