ขอโทษเป็นล้านๆครั้งคงไม่พอ ที่ไม่ได้มาต่อนานเลย อยากเปลี่ยนชื่อจากเรื่องชื่อสั้น เป็นเรื่องคิดสั้น ไม่น่าเอามาลงเลยแต่แรก
รู้สึกผิดมากมายที่ทำให้คนอ่านต้องมาค้าง จะพยายามมาลงอีกเรื่อยๆนะคะ จะพยายามให้จบในเดือนสองเดือนนี้ค่ะ
เพราะคงไม่มีเวลาอีกนานเลย ต้องขอโทษอีกครั้งค่ะ
**************************
เขาตื่นมาอย่างไม่ค่อยสบาย ผะอืดผะอมอยากจะอาเจียน ปวดหัวตึบๆมองไปรอบกายไม่มีใครอยู่
ไม่รู้เวลาด้วยว่ากี่โมงแล้ว ผลจากการดื่มเมื่อคืนยังทำให้ท้องไส้ปั่นป่วน เขาทนไม่ไหวต้องล้มตัวลงนอนต่อ
ปวดท้องจนตัวงอ ต้องนอนนิ่งๆ สักพักจนสุดทน โผเผเข้าห้องน้ำล้วงคออาเจียนออกมา
หลังจากสิ่งที่ยัดทะนานกินเข้าไปอย่างไม่บันยะบันยังออกมา ทำให้ค่อยดีขึ้น
อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็มานอนเกลือกกลิ้งอย่างหมดแรง
แต่พอคิดถึงแรงกดที่แก้มเมื่อคืนทำเอาอารมณ์ดียิ้มอยู่คนเดียว
เขาลูบแก้มตัวเองซ้ำๆเพื่อเพิ่มไออุ่นให้แก้มอีกครั้ง แล้วก็พบว่า 'ทำไมแก้มกูสากจังวะ ไม่นิ่มเลย'
สาบานได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่อยากซื้อครีมบ้าบออะไรสักอย่างมาทาหน้า เผื่อความหนาจะได้ลดลงแล้วเปลี่ยนมานุ่มนวลมากขึ้น
ว่าจะนอนต่อสักหน่อยแต่ท้องตัวดีก็ทำท่าจะหิว ออกมานอกห้องตั้งใจจะเก็บกวาดถ้วยชามจากการกินเมื่อคืน
แต่พี่ตั้งจัดการเสียเรียบร้อยไม่มีร่องรอยของมื้อเมื่อคืนเลย จะเปิดตู้เย็นหาของกินเช้านี้ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาพอดี
“เหลิมเหรอ ตื่นแล้วสิ เป็นไงแฮงค์มั้ย” เสียงทักทายร่าเริงของพี่ตั้งทำให้พลอยร่าเริงไปด้วย ทั้งที่ร่างกายไม่เริงร่าเลย
“ใช้ได้เลยพี่ พี่เก็บจานล้างเหรอ ดีจัง” ชมเสียหน่อย พี่ตั้งเป็นพ่อบ้านดีแฮะ เขาเลยสบาย
พี่ตั้งหัวเราะ “ไม่ใช่พี่ทำ ตั้นมันทำ มันว่าไม่อยากให้เหลิมมาว่าลับหลังมันได้” ผิดคาดไปหน่อยแต่ยังไงก็ดีอยู่ดี
“เหรอ พี่ตั้นยังมีนิสัยดีๆ เหลืออยู่มั่งนี่” พี่ตั้งไม่ตอบเห็นด้วยแต่เสียงหัวเราะเบาๆคงเป็นการยอมรับว่าเขาพูดถูกเหมือนกัน
“วันนี้เราไปไหนดี”
อยู่ๆ พี่ตั้งถามขึ้นมาเฉยๆ เขาไม่ทันได้เตรียมใจ เผลอโวยสวนกลับไปตามสันดานเดิมคือโวยไว้ก่อน
“ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย จะให้ไปไหนอีก” ไม่อยากไปไหน จะอ้วกอยู่แล้ว ไม่รู้รึไง
พี่ตั้งคงไม่เข้าใจที่เขาพูดถึงตอบกลับมาว่า “ก็กินสิ แล้วอยากไปไหนบอกพี่มา”
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก เรื่องมันมีอยู่ว่า “ไม่อยากไป อยากนอนมากกว่า” ไม่อยากเสแสร้ง ไม่ไหวจริงๆ
“นอนอีกแล้ว ระวังสันหลังยาวกว่านี้นะ” หลอกด่าอีกแล้วพี่ตั้ง
เสียงพี่ตั้งหัวเราะ แต่เขาอยากอ้วกต้องรีบบอกพี่ตั้งไปว่า “แค่นี้นะพี่ ไม่ไหวแล้ว”
เขาโยนโทรศัพท์ทิ้งแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำอาเจียนออกมาอีกครั้ง แต่ไม่มีอะไรออกมา
ก็แน่ล่ะถ้าออกมาอีกทีคงเป็นลำไส้ทั้งยวง ถ้าจะว่าเมื่อคืนเขาเผลอมองหน้าพี่ตั้งมากไปหน่อยมันก็จริง
แต่เขาไม่ใช่ปลาทองนี่หว่าจะได้มองหน้าใครแล้วท้องได้้
มัวแต่รับสายพี่ตั้งถึงยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่เช้า เพราะพี่ตั้งคนเดียวที่มาเป็นมารคอหอย
แต่พออาเจียนแบบนี้ทำเอากินอะไรไม่ลง ก็เพราะแบบนี้เขาถึงไม่อยากดื่ม
ยอมรับกับตัวเองได้คนเดียวว่าเรามันคออ่อนจริงๆ แต่กับคนอื่นใครจะไปยอมรับง่ายๆล่ะ
เขากลับไปที่เตียงนอนอีกครั้ง หิวก็จริงแต่ไม่มีแรงจะลุก
เขาไม่รู้ว่านอนไปนานแค่ไหน แต่ยังไม่ทันจะหลับไปอีกรอบเสียงโทรของพี่ตั้งก็ดังเข้ามาอีก
เขารับสายอย่างหงุดหงิด ‘มีอะไรกันนักหนา ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะคุยนะเว้ย’
“มีไรพี่ ผมจะนอน” หงุดหงิด หงุดหงิด
“เปิดประตูให้พี่หน่อย” กำลังจะสวนไปว่า ‘มาทำไม’ แต่พี่ตั้งก็พูดขัดขึ้นมาก่อน “พี่ซื้อโจ๊กใส่ไข่มาให้”
อืมมม..ฟังเมนูแล้วไม่ค่อยอยากกิน โจ๊ก มันเป็นอาหารคนป่วย แหวะ
“แต่ถ้าเหลิมไม่ชอบ ถ้าจะเอาหนักๆ พี่มีข้าวมันไก่ กระเพาะปลา อ้อ ถ้าอยากได้เบาๆ กว่าโจ๊ก
พี่มีน้ำเต้าู้หู้เจ้าอร่อยมาเสนอ พร้อมปาท่องโก๋กรอบๆ....”
พี่ตั้งพูดไม่จบเขาก็แล่นไปหน้าประตูแล้ว ทำไมพี่ตั้งชอบคิดว่าเขาเป็นคนเห็นแก่กินไปได้
ซื้อของมาเยอะขนาดนี้ คอยดูนะเจอหน้าเขาจะ....
ฟาดให้เรียบเลย...อยากท้าทายดีนัก
ชั่วโมงหลังจากนั้นเขาแทบไม่ได้พูดอะไรมากนอกจาก
“อืม...อันนี้อร่อย...อันนี้เลี่ยนไป ไม่ไหว...อันนี้วันหลังซื้อมาอีกนะพี่.....”
พี่ตั้งนั่งยิ้มเอามือเท้าคางมองเขากินเงียบๆ ตอบรับคำพูดของเขาเป็นระยะพอให้รู้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียว
“เลี่ยนเหรอแต่ทำไมคนเข้าคิวซื้อเยอะล่ะ” แต่พอเขาตาเขียวใส่ พี่ตั้งก็ยิ้ม
“ อืม...ได้วันหลังไม่ซื้อ”
พอพี่ตั้งทำท่าจะหยิบปาท่องโก๋ในถุงที่เค้ายังไม่ได้กิน เขาลืมตัวดึงถุงออกมาวางห่างออกไป
ทำหน้าดุใส่พี่ตั้งไปทั้งที่ข้าวยังเต็มปาก
พี่ตั้งเอื้อมมือมาขอคืนทำตาละห้อย “พี่กินมั่งสิ พี่ก็หิวนะ”
เขาส่ายหน้า “อ้ายไอ้...อ๋มอางไอ้อ้ายอิมเอย”
พี่ตั้งหัวเราะส่ายหน้าแล้วโยนถุงปาท่องโก๋คืน คงฟังไม่รู้เรื่อง เขารีบกลืนข้าวในปากลงไป
ต้องรีบกินก่อนพี่ตั้งจะมาแย่งกิน กินไปก็ต้องมองไปหน้าพี่ตั้งไป ชักไม่น่าวางใจแฮะ
พอพี่ตั้งหยิบถุงน้ำเต้าหู้ที่วางอยู่ เขารีบวางช้อนมือขวา ส่วนมือซ้ายไม่ว่างกำถุงปาท่องโก๋ไว้
แล้วรีบคว้าถุงน้ำเต้าหู้ที่พี่ตั้งกำลังจะมาแย่งเขากิน...
แต่พี่ตั้งโจรขโมยน้ำเต้าหู้จับมือเขาไว้แล้วหัวเราะขำ รีบแย่งพูด
“พี่ไม่แย่งกินหรอกน่าเหลิม พี่จะรินใส่ถ้วยให้ เหลิมจะได้กินกับปาท่องโก๋ไง”
เขาไม่อยากจะเชื่อ เผลอขมวดคิ้ว พี่ตั้งพยักหน้าให้ ทำหน้าล้อเลียนก่อนย้ำอีกที
“จริงๆ ไม่ได้หลอก ทั้งที่หิวมากเลย”พี่ตั้งพยายามทำหน้าให้เขาสงสาร เอามือลูบท้อง แต่เขาไม่ใจอ่อนหรอก
เมื่อวานก็โดนลุงยามแย่งกินไปที วันนี้ต้องไม่พลาด
เขาตักข้าวมันไก่ที่ไม่ค่อยอร่อยคำสุดท้ายเข้าปาก แล้วรีบกลืนไม่ต้องเคี้ยวให้เสียเวลา
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของน้ำย่อยในกระเพาะมันจัดการเองแล้วกัน แต่มันคงไม่คล่องคอ
ข้าวแทบจะทุกเม็ดพากันไปอุดอยู่ที่คอหอยทำเอาตาเหลือก
พี่ตั้งที่นั่งมองอยู่แทนที่จะเป็นห่วงกลับนั่งขำเอามือกุมท้องไม่ส่งน้ำมาให้
ต้องให้เขากระเสือกกระสนวิ่งไปรินน้ำเอง แทบจะได้ตายหมดลมหายใจก่อนได้กินน้ำเต้าหู้
เขาต้องไปนั่งพักหายใจที่โซฟาสูดออกซิเจนเข้าปอดให้ได้มากๆก่อน
“เอิ้กก...ข้าวติดคอ พี่ตั้งไม่ช่วยเลย ขำอยู่นั่น เป็นบ้าเหรอ หัวเราะไม่มีเหตุผล”
ชักโมโหเว้ย คนจะตายเพราะข้าวติดคอยังมีหน้ามาขำไม่เลิกอยู่ได้
พี่ตั้งยังไม่หยุดขำแต่เดินมายืนอยู่ข้างหน้ายื่นน้ำเต้าหู้ให้ เขาส่งตาขวางไปให้พี่ตั้ง
แต่พี่ตั้งกลับส่งตาหวานกลับมา ทำเอาหวั่นไหวจนต้องเบือนหน้าหลบสายตา
พี่ตั้งลูบหัวเขาอย่างเอ็นดูหรือเช็ดมือก็ไม่รู้ เขาเหลือบตาขึ้นมาดู ทันเห็นรอยยิ้มใจดี
“ช่วยทำไม เหลิมจะได้รู้ว่ารีบกินข้าวแบบนี้มันไม่ดี พี่บอกว่าไม่แย่งก็ไม่เชื่อ พี่บอกอะไรก็เชื่อพี่บ้างไม่ได้เหรอ”
น้ำเสียงอ่อนโยนแบบนี้ แววตาอบอุ่นคู่นี้ที่มองหน้าเขาอยู่ เหมือนละลายอารมณ์ตะกละออกไป
เปลี่ยนมาเป็นโหมดละอาย เอ๊ย...อาย “ก็ผมนึกว่าพี่ล้อเล่น ใครจะไปรู้ล่ะ”
ตอนนี้น้ำเต้าหู้มาอยู่ในมือแล้วแต่... "ไหนปาท่องโก๋ล่ะ”
เขาเหลือบตามองถุงปาท่องโก๋แล้วมองพี่ตั้งอีกครั้ง ไหนๆ พี่จะใช้เซอร์วิสไมน์แล้วก็บริการเพิ่มอีกนิดแล้วกัน
พี่ตั้งส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนเดินไปหยิบถุงปาท่องโก๋มาให้เขา
พี่ตั้งนั่งลงข้างๆ มองเขากินน้ำเต้าหู้อย่างเอร็ดอร่อย มันหอมเข้มข้น อร่อยเหมือนที่ลุงยามบอกจริงๆด้วย
เสียดายที่เมื่อวานพลาดไป เขากำลังจะดื่มจนหมดแก้วก็ได้ยินเสียงร้องเสียมารยาทขึ้นมา
“โครกกกกก....”
ไม่ใกล้ไม่ไกล เสียงของคนนั่งข้างๆ นี่เอง พี่ตั้งยิ้มอายๆ
นาทีนั้นไม่รู้อะไรดลใจ เขาส่งแก้วน้ำเต้าหู้(ที่เหลือ)ให้พี่ตั้ง แถมด้วยปาท่องโก๋อีกข้าง (ที่เหลือ)
แต่พี่ตั้งเหมือนไม่เข้าถึงน้ำใจของเขา ทำสีหน้าสงสัยใคร่รู้ “อิ่มแล้วเหรอ ทำไมไม่กินให้หมด ”
พี่ตั้งดูถูกกันมากเกินไป เขาเสียสละขนาดนี้ยังไม่ซึ้งใจอีก ไม่ได้ตั้งใจจะให้พี่ไปล้างแก้วให้สักหน่อย
“พี่ไม่รับก็ไม่เป็นไร ผมกินต่อเอง” เขาทำท่าจะดึงมือกลับ
แต่พี่ตั้งก็ฉลาดพอสมควร รีบดึงแก้วในมือเขาไป “เหลิมยกให้พี่ ไม่น่าเชื่อ งั้นเอามาสิ ให้แล้วเอาคืนมะรืนนี้ท้องผูกนะ”
เขาหัวเราะบ้าง พี่ตั้งตลกดีไม่รู้ไปเอาสำนวนบ้าๆนี่มาจากไหน พออิ่มแล้ว เรื่องบ้าบอ อะไรก็ทำให้เขาก็ยิ้มได้
พี่ตั้งดื่มจนหมด ถ้าเอาแก้วมาบีบให้น้ำเต้าหู้ออกมาได้คงบีบไปแล้ว
เขาแอบมองพี่ตั้งกินบ้าง ท่าทางแกคงจะหิวจริงๆ กินปาท่องโก๋หมดไปอย่างรวดเร็ว แล้วจู่ๆ พี่ตั้งก็บอกเขาว่า
“อิ่มละ เหลิมไปแต่งตัวสิ ไปข้างนอกกัน”
เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเอง คำพูดชวนแกมสั่งของพี่ตั้งกลับขัดใจเขาขึ้นมา
“พี่บังคับผมเหรอ ก็ผมบอกแล้วว่าวันนี้ไม่อยากไปไหน อยากนอน” ทำไมต้องให้เขาทำอะไรตามใจพี่ตั้งด้วย เขาไม่เข้าใจ
แต่พี่ตั้งก็คงไม่เข้าใจเหมือนกัน “ก็เหลิมอิ่มแล้ว จะมานอนอุดอู้อยู่ทำไม ไปข้างนอกกันเถอะ” น้ำเสียงคนชวนยังมีอารมณ์สนุก
เขาไม่อยากอารมณ์ไม่ดีอีก แต่เขาไม่อยากไป อาการมวนๆในท้องยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่
เขาลุกเดินหนีพี่ตั้งเข้าห้องนอน ก่อนล้มตัวลงนอนอย่างไม่สนใจพี่ตั้งอีก พี่ตั้งเดินตามมาในห้อง
“เหลิม มีเหตุผลหน่อย ไม่อยากไปเพราะอะไร”
ถ้านี่ใครจะเรียกว่าพี่ตั้งเป็นคนมีเหตุผลแต่สำหรับเขามันไม่ใช่ มันก็คือการ ‘เซ้าซี้’ ซึ่งเขาไม่ชอบ
เขาไม่ตอบแต่พลิกตัวนอนหันหลังให้ พี่ตั้งกลับเดินอ้อมเตียงมา แล้วนั่งลง
“เหลิม รังเกียจพี่รึเปล่า” เขาไม่ตอบ ยังอยากอ้วก สงสัยว่าจะกินเร็วเกินไป
เขาหลับตาลง ข่มใจ ข่มอาการ พี่ตั้งเงียบไปนาน ถอนหายใจยาว
“พี่คงทำอะไรตามใจตัวเองมากไป จนเหลิมมองว่าพี่บังคับ” น้ำเสียงพี่ตั้งไม่สนุกอีกต่อไป จนเขาต้องลืมตามอง
“ถ้าเหลิมบอกว่าไม่ชอบพี่เท่านั้น พี่จะไม่มากวนเหลิมอีก”
เขาไม่ชินกับน้ำเสียงแบบนี้ สายตาแบบนี้เลย พี่ตั้งคงเข้าใจผิดแล้วล่ะ แต่ตอนนี้เขาตอบไม่ไหว
ถ้าอ้าปากอีกอาจจะมีอะไรที่ไม่ได้รับเชิญพุ่งออกมา เขาเหงื่อแตกพลั่ก ปวดท้องคลื่นไส้อีกครั้ง
ถ้าดีขึ้นเขาจะตอบพี่ตั้งเองว่า ‘มันไม่ใช่อย่างที่พี่พูด’
มันคงจะนานเกินไป พี่ตั้งลุกไปจนได้ คงรอเขาไม่ไหว
เขาฝืนใจลุกขึ้นตามพี่ตั้งไป เขาน่าจะทำอะไรบ้าง ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก
เขาคว้ามือพี่ตั้งก่อนที่จะออกจากห้องนอนเขาไปได้ทัน “พี่ตั้ง....อ้วกกกกก”
“เหลิม....” เขาไม่รู้ว่าพี่ตั้งจะพูดอะไรต่อ
รู้แต่ว่ากลิ่นข้าวมันไก่ กระเพาะปลา น้ำเต้าหู้ โชยมาปะปนกันอีกครั้ง ผสมด้วยกลิ่นเหม็นเปรี้ยวๆ ตอนนี้เศษอาหารมันเปรอะไปทั้งตัวเขาและพี่ตั้ง
งานเข้าแล้วสิ พี่ตั้งทำตาเหลือกมองหน้าเขาสลับกับมองผลงานของเขาบนตัวเราสองคน
"เอ่อ..."เป็นครั้งแรกที่เขาพูดไม่ออกจริงๆ
*******************
ขอมาสั้นๆก่อนนะคะไว้มาใหม่ รักคนอ่านทุกคน จุฟจุฟ