(เรื่องชื่อสั้น) เปลี่ยน 06/12/2011 กลับมาแล้วเพื่อต่อให้จบ (จบแล้วค่ะ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องชื่อสั้น) เปลี่ยน 06/12/2011 กลับมาแล้วเพื่อต่อให้จบ (จบแล้วค่ะ)  (อ่าน 70995 ครั้ง)

ออฟไลน์ n2

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1777
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +113/-4
Re: (เรื่องชื่อสั้น) เปลี่ยน 25/6/2011
«ตอบ #330 เมื่อ28-06-2011 21:49:44 »

อยากอ่านต่อค่ะ
ทำไมตั้นมาพูดแบบนี้ละ :serius2:

so close

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องชื่อสั้น) เปลี่ยน 25/6/2011
«ตอบ #331 เมื่อ30-06-2011 09:55:20 »

 :m31:ฆ่ากันให้ตายดีกว่าค่ะ จบค้างแบบนี้ต้องค้างอีกกี่เดือนล่ะเนี่ย

REDMOON

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องชื่อสั้น) เปลี่ยน 25/6/2011
«ตอบ #332 เมื่อ30-06-2011 15:58:12 »

ตกลงห่วงหรือหวงกันแน่อ่ะพี่ตั้น   :z6:

kong_cup

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องชื่อสั้น) เปลี่ยน 25/6/2011
«ตอบ #333 เมื่อ01-07-2011 23:53:16 »

เหมือนถูกผู้แต่ง ตบหน้ากลางสี่แยก

รีบมาต่อเลยนะ555+

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: (เรื่องชื่อสั้น) เปลี่ยน 02/07/2011
«ตอบ #334 เมื่อ02-07-2011 18:06:12 »

 :z3: เขาไม่เคยตบใครกลางสี่แยกเลยนะ เอิ้กกก มาต่อแล้วค่ะ 
**************************

“เหลิมอย่าตกลงกับตั้งนะ”

เขาถอนหายใจเหลือบตามองหน้าพี่ตั้น ไอ้ที่เรียกว่ามารคอหอยหน้าตาเป็นอย่างนี้นี่เอง ทีแรกก็ว่าจะไม่กินแล้วพี่ตั้นก็มาเรียกให้กิน แต่เกิดเปลี่ยนใจมาขัดคอด้วยไอ้ประโยคที่ทำไม่พูดเสียแต่แรก นึกอยากจะด่าก็เกรงใจ

เหลือบตามองข้าวในช้อน ถ้าเขากินเท่ากับติดสินบนพี่ตั้นรึเปล่า ถ้าอย่างนั้นเขายังไม่กินดีที่สุด คิดจะมาซื้อสิทธิ์กันง่ายๆแบบนี้ได้ยังไง
“นี่เป็นทางเลือก คำสั่ง หรือคำขอร้องกันแน่ พี่พูดมาให้ชัดๆ”

พี่ตั้นเงยหน้ามองเหมือนถามว่าโง่รึยังไงแค่นี้ก็ไม่เข้าใจ “ถูกทุกข้อ จะถือว่าเป็นแบบไหนก็ได้ เพราะเลือกข้อไหนก็ถูกหมด”

เขาได้แต่โมโห ที่พี่ตั้นย้อนมาแบบนี้ เขาถือว่าพี่ตั้นกำลังใช้อำนาจสั่งเขา
“พี่อย่าเอาความคิดพี่มาบอกให้ผมทำตาม ผมเองถึงจะไม่ฉลาดนัก แต่ก็มีความคิด ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งของใคร ”
พี่ตั้งดูจะอึ้งไปเหมือนกันกับคำพูดของเขา งงล่ะสิ คงไม่คิดว่าคนหน้าตาโง่ๆแบบนี้จะรู้จักพูดจาเฉลียวฉลาดได้ หึหึ

“พี่ไม่ได้บังคับเหลิม แต่ถือว่าพี่ขอร้องได้มั้ย พี่รู้ว่าต่อไปมันคงจบไม่สวยแน่ๆ พี่ไม่อยากให้เพื่อนพี่เสียใจ ตั้งมันเป็นคนดีเกินไป ซื่อเกินไป ไม่เหมาะกับเหลิมหรอก”
ถึงพี่ตั้งจะมาแนวใหม่คืออ้อนวอน ขอร้อง แต่ยิ่งฟังก็ยิ่งโมโห เขามันแย่ มันเลวนักรึไง
 “พี่ตั้งดีเกินไปสำหรับผม แสดงว่าเหมาะกับคนดีๆแบบพี่ตั้นงั้นสิ พี่ตั้นกำลังจะบอกผมแบบนั้นรึเปล่า”เขาเริ่มสงสัยว่าพี่ตั้นมีเจตนาแอบแฝง

พี่ตั้นส่ายหน้า ทำมาเป็นตีหน้าเศร้า “พี่รักตั้งแบบเพื่อนจริงๆ มันเป็นคนเดียวที่ไม่เคยโกรธ ไม่เคยโมโหพี่ มันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่พี่มี”
แหงล่ะก็พี่ขี้ป่วน กวนตีน เอาแต่ใจตัวเองขนาดนั้น พี่ตั้งทนได้ยังไงไม่รู้ เขาพยักหน้าเห็นด้วยในข้อนี้ คงไม่มีใครทนพี่ตั้นได้หรอก
“ถ้าพี่รักพี่ตั้นจริงก็ปล่อยให้พี่ตั้งเค้าตัดสินใจเองดีกว่า ผมรู้ว่าผมไม่ใช่คนดีเด่อะไรนัก ออกจะมีนิสัยแย่มากกว่าส่วนดีๆด้วยซ้ำ ก็นิสัยคล้ายๆพี่แหละ มองพี่ทีไรก็เหมือนเห็นตัวเองอยู่ตรงนั้นลางๆ”
พี่ตั้นส่งตาเขียวใส่เขา ได้ยินเสียงกัดฟันกรอดๆ  เขาต้องรีบพูดต่อก่อนที่พี่ตั้นจะสวนกลับ

“แต่ผมก็ไม่ใช่คนเลว ไม่ได้เกิดมาเพื่อหลอกให้ใครมารัก แล้วเฉดหัวทิ้ง ไม่ได้หวังทรัพย์สมบัติใคร รึอยากให้ใครมาเลี้ยง ผมก็ทำมาหากินเองได้ หิวผมก็วิ่งไปซื้อของกินเองได้ ไม่ใช่หมาใช่แมวที่มันต้องรอคนเอาอาหารมาเลี้ยง” หยุดหายใจหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มหน่อย แล้วพูดต่อ
“ไม่ใช่พวกเสื้อดำที่ชอบเอาเอ็ม79 มาไล่ยิงคน ไม่ได้เป็นพวกชอบความพินาศเอาไฟมาไล่เผาบ้านใครเล่นแก้เบื่อ  ผมไม่ใช่อาชญากรนะพี่” พี่ตั้นได้แต่ฟังเขาตาปริบๆ เพราะจะแทรกก็แทรกไม่ทัน

“ผมก็แค่คนธรรมดาที่อยากใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างมีความสุข ถ้าเจอคนดีๆที่เค้าเห็นคุณค่าเรา ผมก็อยากคบไว้ วันหนึ่งพี่ตั้งเกิดเบื่อนิสัยผมขึ้นมา ไม่อยากจะทน ก็ต่างคนต่างไปก็แค่นั้นเอง”
พูดจบไปแล้วก็แปลกใจว่า เขาพูดอะไรยาวๆที่เป็นเรื่องเป็นราวก็ได้ สิ่งที่เขาพูดเหมือนกับบอกตัวเองไปด้วย ว่าถ้าจะมีเหตุผลที่เขาจะคบกับพี่ตั้งหรือไม่มันคืออะไร

“ถ้าพี่ตั้นจะมาห้ามผมไม่ให้คิดแบบนี้ผมคงทำไม่ได้ พี่จะห้ามไม่ให้ผมหรือไม่ให้พี่ตั้งคบใครก็ไม่ได้เหมือนกัน เราต่างโตๆกันแล้ว ผมจะตัดสินใจยังไงมันก็เรื่องของผม”

“แต่พี่ห่วง ตั้งไม่เคยมีแฟน การตัดสินใจของเขาอาจจะไม่ดีพอ” พี่ตั้นที่ดูเป็นคนเชื่อมั่นตัวเอง แต่เมื่อมีเรื่องเพื่อนรักอย่างพี่ตั้ง พี่ตั้นกลับดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด พูดซ้ำๆเหมือนซีดีตกร่องอยู่ได้ว่า ‘ห่วง’ คิดๆแล้วเขาก็บาป ทำให้คนเป็นทุกข์ ทั้งๆที่เขาก็สงสัยว่าใครที่จะมาคบกับเขามันน่าห่วงขนาดนั้นเลยหรือ ออกจะสมเพชตัวเองอยู่เหมือนกัน
หนักใจจนต้องถอนหายใจออกมา “ผมช่วยอะไรพี่ไม่ได้จริงๆ ให้พี่ตั้งตัดสินใจดีกว่าว่าจะคบกับผมแบบไหน ต่อไป หรือยังไง ถ้าพี่ตั้งเลือกผมแล้วผิดหวัง อย่างมากพี่ตั้งก็เลือกคนใหม่ พี่ไม่เคยเหรอ เลือกสส.ไปแล้วมันแย่ มันห่วยไม่เหมือนที่มันพูดหาเสียง เราก็แค่ทนๆ ไปช่วงหนึ่ง แล้วพอถึงเวลาเราก็เลือกใหม่แค่นั้นเอง ผมรู้ว่าพี่ตั้งไม่โง่ คงไม่ทนทู่ซี้อยู่กับผมหรอกถ้าผมมันแย่”

พี่ตั้นทอดตัวลงนั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดแรง ดูผิดหวังที่ภารกิจนี้ไม่สำเร็จอย่างที่หวัง ทั้งที่ลงทุนลากเขามาเลี้ยงข้าวก็แล้ว แต่เรื่องแบบนี้จะมาบังคับกันได้ยังไง เขาไม่ใช่คนพูดยากถึงจะพูดไม่ค่อยรู้เรื่องก็เถอะ แต่ก็ยังมีความคิดเป็นของตัวเองไม่จำเป็นต้องเชื่อใครง่ายๆ
เขาดูเวลาใกล้เข้างานแล้ว เขาคงต้องรีบไป เหลือบมองข้าวในจานที่ยังไม่ได้กินสักคำ ออกจะเสียดาย เสียงท้องไส้โอดครวญกันกับกระเพาะว่าใครเป็นคนผิดที่ทำให้ไม่ได้กิน แล้วอวัยวะทั้งสองก็ลงความเห็นเหมือนกันว่าพี่ตั้นนั่นแหละที่ผิด

“ผมต้องไปแล้ว ขอบคุณพี่ตั้นที่ชวนมาคุย ขอให้พี่เดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ” เขาขยับลุกขึ้นจะหันหลังกลับออกไป แต่พี่ตั้นกลับเรียกไว้เสียงอ่อยๆ
“เหลิมกินข้าวก่อนสิ ไหนๆ สั่งมาแล้ว เสียดาย” น้ำเสียงพี่ตั้นฟังออกว่าเสียดายเงินจริงๆ เขามองหน้าพี่ตั้นแล้วกลับมามามองข้าวอีกครั้ง เหมือนเมล็ดข้างมันตัดพ้อที่เขาตักไปแล้วแต่ไม่ยอมกิน มันกำลังบอกเขาว่าชาวนายากลำบากต้องหลังขดหลังแข็งหลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน แต่เขากลับกินทิ้งกินขว้าง

อืม...กินก็กินวะ คงไม่ถือว่าเขาถูกซื้อสิทธิ์ขายเสียงไป กินด้วยแต่ไม่ทำตามที่บอก เหมือนกับเงินก็เอาแต่กูไม่เลือกจะทำไม อยากให้เองนี่หว่า
“งั้นผมรีบกินรีบไปนะพี่ ขอเสียมารยาท” เขาก้มหน้าก้มตาตักข้าวกินอย่างรวดเร็ว รสชาติเป็นอย่างไรไม่รู้ รู้แต่ว่าหิวมากถึงมากที่สุด มาเอะใจตอนที่มันเงียบผิดปกติ เงยหน้ามาอีกครั้ง พี่ตั้นไม่ได้ทานเลยเอาแต่เขี่ยข้าวในจานเล่น สีหน้าเงียบขรึมหมกมุ่น วุ่นวายใจ

“ทำไมพี่ไม่ทานล่ะ อร่อยพอใช้ได้นะ กินสิ เสียดาย”
พี่ตั้นส่ายหน้า “ขอคิดอะไรอีกหน่อย เหลิมกินเถอะ ไม่ต้องรีบมาก แค่นี้ก็ดูแย่แล้ว คนอื่นเค้าจะนึกว่าตายอดตายอยากมาจากไหน” พี่ตั้นยิ้มเล็กๆ ที่หลอกด่าเขาได้อีก

 ข้าวติดคอ เขาต้องรีบยกน้ำขึ้นดื่มไม่งั้นคงไอสำลักให้ได้อายอีก เขากับพี่ตั้นคงไม่มีใครยอมน้อยหน้าใคร มีโอกาสต้องเอาอีกฝ่ายให้แสบ เขาดูเวลาอีกครั้ง อย่างมากก็วิ่งเข้าสำนักงาน ลดสปีดในการกินหน่อยก็ดีรู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน เข้าช้าไปนิดพี่ไก่คงไม่ว่าเพราะเมื่อเช้าแกดูอารมณ์ดี
ใช้เวลาไม่ถึงนาทีเขาก็จัดการอาหารตรงหน้าจนหมด พี่ตั้งยิ้มเนือยๆ ถามเขาว่า “อร่อยมั้ยเหลิมกินเกลี้ยงเลย ของฟรีแบบนี้”

เขายักไหล่ทำท่าไม่แคร์ “ไม่ค่อยอร่อย  พอกินได้ รสชาติงั้นๆ ไม่ต่างกับข้าวราดแกงในซอยข้างออฟฟิศเท่าไหร่ ที่กินเพราะเสียดายนะ ไม่ได้อยาก แค่เห็นว่าพี่เลี้ยง”

 พี่ตั้นพยักหน้า “ขอให้เหลิมอย่าคิดกับตั้งแบบนั้นแล้วกัน เหลิมไปเถอะเดี๋ยวจะสาย ยังไงก็ลองเอาที่พี่พูดไปคิดตามเหตุผลนานๆนะ ก่อนที่เหลิมจะตัดสินใจอะไรลงไป” ทำปัดมือไล่เขาไปเหมือนรำคาญ  ทำราวกับเขาเป็นแมลงวันถึงต้องมาไล่  ก่อนลุกออกมาเขายกมือไหว้พี่ตั้นพอเป็นพิธี อย่างน้อยเขาก็กินข้าวพี่ตั้นไปแล้วนี่

เขาแยกจากพี่ตั้นมานานแล้วก็จริง แต่ยังติดหูติดใจกับคำพูดประโยคสุดท้ายของพี่ตั้น
อะไรที่พี่ตั้นบอกว่า ‘ขอให้เหลิมอย่าคิดกับตั้งแบบนั้นแล้วกัน‘ คิดยังไงเขาก็ยังไม่เข้าใจ  พี่ตั้นกำลังจะบอกอะไรกับเขา เขามัวแต่คิดวนเวียนอยู่แบบนั้น จนกระทั่ง
 “พี่เหลิม จะไปซื้ออะไรเหรอ บ่ายโมงกว่าแล้วนะ” เสียงน้องจิ๊บเรียกสติเขากลับมา น้องจิ๊บยืนทำสีหน้างุนงง สองมือพะรุงพะรังไปด้วยข้าวของและขนมเต็มทั้งสองมือ แต่ปากน้องจิ๊บยังขยับไม่หยุด “พี่จะไปไหน ขนมหนูซื้อมาให้แล้วนะ ไม่พอเหรอ นี่ไง”น้องจิ๊บยกมือให้เขาดูถุงขนม ไม่ใช่ไม่พอ มันเกินพอเสียด้วยซ้ำ

เขาส่ายหน้า “พอแล้ว จะให้พี่กินเป็นสัปดาห์เหรอ เยอะขนาดนี้ พี่กำลังจะเข้าออฟฟิศไง ไม่ได้จะไปไหน”
น้องจิ๊บขมวดคิ้วมุ่น “นี่มันเลยออฟฟิศมาสามสี่ซอยแล้วนะ พี่อย่ามาโกหกเลย จะอู้งานไปไหนแน่ๆ”
เขาหันมองรอบกาย จริงอย่างที่น้องจิ๊บบอก เขาคิดเพลินจนเดินเลยมาไกลพอสมควร อยากจะถอนหายใจออกมาแรงๆ กับอาการเปิ่นของตัวเอง  ได้แต่เกาหัวแกรกๆ ยิ้มกับกลุ่มน้องๆด้วยความอาย
“พี่คิดอะไรเพลินไปหน่อย เผลอเดินเลย แหะๆ” กลุ่มสาวๆส่งเสียงแซวเขาว่าแก่แล้วอย่างสนุกสนาน
น้องจิ๊บหัวเราะยื่นถุงขนมให้เขา “พี่เหลิมนี่เด๋อด๋าเป็นที่สุด เอาขนมของพี่ไป หนักจะตาย”
“เอ๊ยเอามาให้พี่ทำไม ซื้อมาก็ถือเองสิ” น้องจิ๊บทำปากเบะ ก่อนบอกว่า “มือไม่ว่าง รับไปด่วนเลย”

เขารับทั้งขนมทั้งของในมือน้องจิ๊บมาถือปากก็บ่นพึมพำ “ของๆตัวเองก็เอามาให้พี่ถือทำไมกันล่ะนี่ ไหนว่ามือไม่ว่าง ให้พี่มาถือหมดก็ว่างแล้วนี่ เอาของตัวเองคืนไป” แฟนก็ไม่ใช่ เขาไม่ใช่สุภาพบุรุษที่จะมาถือของให้ผู้หญิงที่ไม่ใช่แฟน
น้องจิ๊บยิ้มกว้างก่อนเอามือมาคล้องแขนเขาอย่างถือสนิท “นี่ไงล่ะ ทำให้มือไม่ว่าง ขอควงคุณพี่เล่นๆสักวันสิ”
 เขาได้แต่ส่ายหน้าในความกล้าของผู้หญิงสมัยนี้ ไม่รู้ว่าจิ๊บอยากควงเล่น หรืออยากหลอกใช้ให้้เขาถือของให้กันแน่

ขณะที่เขากำลังเดินคุยกับน้องๆ จะเข้าตึกไป เสียงของพี่ตั้นดังเรียกเขาขึ้นมาอีก
“เหลิม...พี่รอฟังคำตอบอยู่นะ ตัดสินใจยังไงบอกพี่ด้วย” พี่ตั้นยังไม่ไปไหนยืนรอเขาอยู่นั่นเอง
พี่ตั้นยังทำหน้าหยิ่งแต่ก็ผงกหัวให้เขา และเผื่อแผ่รอยยิ้มไปยังสาวน้อยที่เดินตามเขาเป็นพรวนก่อนมาหยุดที่แขนของน้องจิ๊บที่เกี่ยวอยู่กับแขนเขา พี่ตั้นเงยหน้ามองเขาก่อนยิ้มเยาะให้
“พี่อยากให้เหลิมคิดก็เพื่อความสุขของเหลิมเองนะ”

 พวกสาวๆหันมามองหน้าเขาสลับกับพี่ตั้น สายตาเต็มไปด้วยคำถามและความอยากรู้อยากเห็น เขาตัดปัญหาด้วยการตอบรับพี่ตั้นไปส่งเดช “อืม ไว้ผมจะลองคิดดูแล้วกัน ไปก่อนนะพี่ ได้เวลาเข้างานพอดี”
 เขาผละจากพี่ตั้นมาด้วยความหงุดหงิด เขาไม่ชอบสายตาแบบนั้นเลย ทำไมเขาจะเดาความคิดพี่ตั้นไม่ออก พี่ตั้นคงนึกว่าเขาทำตัวเป็นเพลย์บอยแล้วยังมีหน้าจะไปหลอกพี่ตั้งให้รักอีก เฮ้อ...ทำไมคนหน้าตาดีแบบเขายังต้องมีปัญหาอีกนะ
“พี่....เหลิมมมม..” เขาสะดุ้งตกใจกับเสียงน้องอ้อย “อะอะ...อะไร จะตะโกนเพื่อ?...”
“ก็เรียกพี่แล้วพี่ไม่ตอบนี่ นึกว่าแก่ด้วยหูตึงด้วยเลยต้องตะโกน ไอ้จิ๊บมันตาลอยแล้ว พี่ไปรู้จักผู้ชายหล่อๆคนนี้ได้ยังไง”

เสียงน้องๆ อีกหลายคนต่างแย่งกันถามเรื่องพี่ตั้นจนเขาปวดหู เอาแล้วสิ เสน่ห์พี่ตั้นเกินห้ามใจไม่รู้ใช้โคโลญจน์ยี่ห้ออะไร แต่เขาจะบอกได้ยังไงล่ะว่าพี่ตั้นเป็นเพื่อนของผู้ชายที่ตามจีบเขาอยู่ คงจะงามหน้าพิลึก
“เอ่อ...เอ่อ...อ๋อ...เขามาชวนพี่ไปทำงานด้วย แต่พี่ไม่ไปหรอก ก็แค่นั้น เลิกถามได้แล้ว สายแล้ว”
เขารีบเดินจ้ำอ้าวเข้าลิฟต์ไปก่อนแล้วทำท่าจุ๊ปากเพราะผู้บริหารระดับสูงดันอยู่ในนั้นด้วย ทำให้ทุกคนเงียบกริบเพราะตอนนี้เท่ากับเลยเวลามาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ไม่มีใครกล้าเปิดปากถามอะไรอีก ได้แต่หน้าซีด เพราะตอนนี้กลัวจะโดนหมายหัวจากเจ้านายมากกว่า

หลังจากนั้นต่างคนต่างแยกย้ายกันทำงาน ขนมที่น้องจิ๊บซื้อมาเขาไม่มีเวลากินเลยเพราะเจ้านายเดินตรวจงานไปทั่วออฟฟิศก่อนเข้าไปห้องพี่ไก่ นาทีนี้ขยันกันลืมตาย ไม่มีใครกล้าคุยกับใคร ได้ยินแต่เสียงพลิกกระดาษ เสียงรัวแป้นคอมพิวเตอร์ แม้แต่เสียงลมหายใจยังแทบไม่ได้ยิน เขาจึงได้แต่ตั้งใจทำงานไปเงียบๆจนได้เวลาเลิกงานไม่รู้ตัว
“เหลิมเค้ากลับกันหมดแล้ว ทำไมยังอยู่อีก” เสียงของพี่ไก่ทำเขาสะดุ้ง  ยังไม่ทันที่เขาจะพูดอะไรพี่ไก่ก็ลากเก้าอี้ข้างๆ มานั่ง “ได้ข่าวว่าจะเปลี่ยนงานเหรอ?”
“เฮ้ย ! พี่ไปเอามาจากไหน ใครบอก” ใครปากเสียไปพูดเรื่องแบบนี้
“อ้าว ก็เห็นไอ้จิ๊บมันบอกมีคนมาชวนเปลี่ยนงานไม่ใช่เหรอ” พี่ไก่ทำสีหน้าเรียบนิ่งจนเขาไม่แน่ใจว่าพี่ไก่คิดยังไงกับเรื่องนี้ แต่เรื่องที่เขาพูดไปโดยไม่ได้คิดกลับย้อนมาเป็นเรื่องเสียแล้วสิ
“ก็..มีคนชวนแต่ผมไม่ได้บอกว่าจะไป”

“แต่เท่าที่ฟังเค้าเล่ามา เห็นว่าเค้ายังรอคำตอบของเหลิมอยู่นี่” พี่ไก่คิดอะไรแน่ ถึงไม่ยอมจบ
“ผมไม่เข้าใจว่าพี่อยากให้ผมไปมากรึไง ถึงมาไล่ต้อนผมแบบนี้ พี่ไม่พอใจอะไรผมรึเปล่า” ทำไมช่วงนี้ชีวิตมันวุ่นวายนักหนา หรือจะเป็นเพราะว่าเขาเกิดปีชงแต่ไม่ได้ไปแก้ชงที่วัดจีน
พี่ไก่หัวเราะ “เหลิมหงุดหงิดไปทำไม พี่ก็แค่ถาม ไม่ได้อยากให้เหลิมออก เพียงแต่ช่วงนี้พี่ดูว่าเหลิมเปลี่ยนไป มีหลายอารมณ์ เลยไม่แน่ใจว่าเพราะคิดมากเรื่องเปลี่ยนงานรึเปล่า ไม่ได้คิดจะออกก็แล้วไปสิ ใครจะไปว่าอะไรได้”

ถึงพี่ไก่จะอธิบายแต่เขาก็ยังกรุ่นๆในอารมณ์อยู่ “พี่คิดว่าผมทำงานนี้ไปอย่างงั้นเองเหรอ ผมรักในงานของผม ยังสนุกกับงานของผมอยู่ ไม่ได้คิดทำงานนี้เพราะบังเอิญได้งาน ผม...” เขากำลังจะพล่ามต่อ พี่ไก่รีบยกมือห้ามคงกลัวจะยาว
 “พอแล้วเหลิมพี่รู้แล้ว ไม่ต้องบอกพี่ก็รู้  พี่กลับก่อนดีกว่า เหลิมก็ด้วย กลับซะ พี่ไม่ชอบให้คนทำโอ เจ้านายก็บอกมา เวลางานมาให้ตรงเวลาก็พอแล้วทำให้เต็มที่ ไม่ใช่เข้าเลทแล้วมาทำงานชดเชย หรือพอนายมาก็ทำขยัน ท่านไม่ชอบ”

พี่ไก่เดินออกไปแล้ว แต่ทิ้งระเบิดลูกเล็กๆ เอาไว้ในใจเขา ในสายตาของคนทั่วไปเขาคงเป็นคนที่ทำอะไรไม่จริงจัง ทุกอย่างดูเป็นเล่นไปหมด ทั้งที่เขาตั้งใจทำงานมาตลอด เขาออกจะท้อใจอยู่เล็กๆ ในชั่ววินาทีนั้นเองเขาเกิดความคิดวาบเข้ามาในหัว หรือที่พี่ตั้นพูดเมื่อกลางวันจะมาจากคำพูดของเขาเอง เมื่อเขาพูดถึงรสชาติของข้าวผัดพี่ตั้น

“ไม่ค่อยอร่อย  พอกินได้ รสชาติงั้นๆ ไม่ต่างกับข้าวราดแกงในซอยข้างออฟฟิศเท่าไหร่ ที่กินเพราะเสียดายนะ ไม่ได้อยาก แค่เห็นว่าพี่เลี้ยง”

 พี่ตั้นคงกลัวว่าถ้าเขาจะคบกับพี่ตั้งก็เพราะพี่ตั้งมาจีบเอง แล้วเขาก็คงไม่ได้จริงจังอะไร เห็นพี่ตั้งเป็นเหมือนข้าวผัดฟรีๆ กินเพราะจะทิ้งก็เสียดาย

เขากำมือแน่น ความรู้สึกโกรธพุ่งพล่านอยู่ในกาย เลือดสูบฉีดไปทั่วหน้า โกรธพี่ตั้นที่ดูถูกเขา โกรธพี่ไก่ที่ไม่เคยเชื่อมั่นในตัวลูกน้องเลย โกรธเจ้านายที่ดันเข้าออฟฟิศพร้อมกันกับลูกน้อง โกรธน้องจิ๊บที่พิเรนทร์มาควงแขนเขาตอนที่พี่ตั้นอยู่ โกรธพี่ตั้นที่มาจีบเขาทำไม(วะ)  แล้วที่โกรธที่สุดก็โกรธตัวเอง ทำไมเขาต้องเป็นคนแบบนี้นะ ทำไมและทำไม

เขาจะทำยังไงกับชีวิตของเขาดี เหมือนเขากำลังเดินวนอยู่ในเขาวงกต ที่หาทางออกไม่เจอได้แต่ติดอยู่อย่างนั้น
*********************
พรุ่งนี้อย่าลืมไปเลือกตั้งกันนะคะ เพื่อประเทศชาติของเรา ไม่เลือกคนที่ไม่รัก ไม่รักพรรคที่เราไม่ชอบ  :really2:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: (เรื่องชื่อสั้น) เปลี่ยน 02/07/2011
«ตอบ #335 เมื่อ02-07-2011 21:00:22 »

ยอมรับเหอะว่าตัวเองโง่ นายเหลิม

ไม่ทันคนอื่นเขา

ออฟไลน์ n2

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1777
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +113/-4
Re: (เรื่องชื่อสั้น) เปลี่ยน 02/07/2011
«ตอบ #336 เมื่อ03-07-2011 08:56:33 »

พี่ตั้นมาทำให้เหลิมคิดหนักเลย

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
Re: (เรื่องชื่อสั้น) เปลี่ยน 02/07/2011
«ตอบ #337 เมื่อ03-07-2011 09:31:01 »

ตอนนี้ได้ดูผู้ชายเขาปะทะคารม จิกกัด ประชดประชัน
สนุกดีค่ะ เหลิมงานเข้าหลายเรื่อง

REDMOON

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องชื่อสั้น) เปลี่ยน 02/07/2011
«ตอบ #338 เมื่อ03-07-2011 17:57:19 »

เกิดเป็นเหลิมมีแต่เรื่องต้องคิดหนัก  :laugh:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: (เรื่องชื่อสั้น) เปลี่ยน 02/07/2011
«ตอบ #339 เมื่อ08-07-2011 14:48:14 »

เอายาพารา สักกระปุก สองกระปุก ไหม เหลิม  ดูเหมือนมีแต่เรื่องให้ปวดใจปวดสมอง วิ่งเข้ามาหาแบบไม่หยุดเลยนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (เรื่องชื่อสั้น) เปลี่ยน 02/07/2011
« ตอบ #339 เมื่อ: 08-07-2011 14:48:14 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
Re: (เรื่องชื่อสั้น) เปลี่ยน 02/07/2011
«ตอบ #340 เมื่อ08-07-2011 18:09:24 »

พยายามหานิยายที่พระเอกหรือนายเอกชื่อตั้งอยู่ ที่แท้ก็เรื่องนี้นิเอง   :กอด1:

นิยายหายากมากเรยย อิอิ

รอตอนต่อไปอยู่ค่า

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
สวัสดีวันแม่ค่ะ วันนี้บอกรักแม่ไปรึยังคะ
 ************
 เอาแล้วไง เขานอนไม่หลับ เขานอนลืมตาโพลงอย่างกับใครมาถ่างตาไว้อย่างนี้มาสองชั่วโมงแล้ว
ทั้งๆที่พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงาน บอกกับตัวเองว่าอย่าเพิ่งไปคิดอะไรให้วุ่นวาย
 ให้ร่างกายดีกว่านี้ สมองปรอดโปร่ง  (ซึ่งไม่รู้จะมีวันนั้นรึเปล่า) แล้วค่อยคิดก็ได้
แต่ใจมันก็ดื้อดึงคอยแต่วนเวียนคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย เขาตัดสินใจลุกขึ้นมาอีกครั้งเหลือบดูนาฬิกา
แค่เที่ยงคืน...คนที่เขาพอจะปรึกษาได้คงยังไม่ทันนอน

เสียงโทรศัพท์ดังอยู่นาน ปลายสายไม่ยอมรับเสียที หรือว่าจะนอนไปแล้ว  หรือเขาควรจะรีบวางก่อนที่ปลายทางจะรับสาย
  ไม่อย่างนั้นเขาคงถูกด่าแน่ๆ แต่ก่อนจะวางสายไปเสียงที่คุ้นเคยก็ดังลอดแหวกอากาศขึ้นมา
“ไอ้ลูกบ้า โทรมาทำไมดึกๆดื่นๆ อย่าบอกนะว่าท้องอืดท้องเฟ้ออะไรอีก” เขาได้แต่ยิ้มรับคำทักทายนั้นด้วยความดีใจ

เขาไม่ตอบคำถามแม่ เพราะถือว่านั่นคือคำพูดด้วยความรักของแม่ “แม่นอนแล้วเหรอ ทำไมนอนไว”
“นอนแล้วสิ นี่มันเที่ยงคืนแล้วนะไม่ใช่สามสี่ทุ่ม คนดีๆเค้าก็นอนแล้ว ไม่มีนิสัยแย่ลุกขึ้นมาโทรปลุกคนอื่นแบบนี้”
 แม่ยังอารมณ์ดีเหมือนเคย เหมาะที่สุดที่จะกล่อมให้เขานอนหลับด้วยการคุยกับแม่
“ปกติเห็นแม่ชอบซักผ้าจนตีหนึ่งตีสองนี่ ก็นึกว่าซักทุกวัน ไม่นึกว่าวันนี้จะไม่ซัก”
“ไอ้บ้า ฉันไม่ได้ชอบหมักกางเกงในเหมือนแกนี่ ไม่ต้องมาออกนอกเรื่องเลย ตกลงโทรมามีอะไรเร่งด่วนรึไง” แม่คงอยากนอน แต่อย่าได้หวังเลยว่าจะได้นอนง่ายๆ หึหึ

“แม่... มีเรื่องอยากปรึกษา” พูดจบแล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี ได้แต่เงียบไป จะเริ่มตรงไหนดี
“อืม ว่ามา ให้ไว ง่วงมาก” แม่คงเริ่มรำคาญที่เขาอ้ำๆอึ้งๆ
“แม่ มีคนมาจีบ ทำไงดี”  พูดไปแล้วเขาก็เขิน เผลอเกาขาเกาแขน
แม่เงียบไป คงตกใจที่ลูกแม่จะขายออก “ก็ดีแล้วนี่ เห็นปกติมีแต่คนมาด่า ฮ่าๆๆ” แม่ทำให้เขายิ้มได้อีก ถึงแม้มันจะเสียดแทงใจอยู่ลึกๆ

“แม่ อย่านอกเรื่องสิ นี่ซีเรียสนะไม่งั้นไม่โทรมากวนหรอก” ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญจริงๆเขาไม่อยากไปกวนความสงบสุขของแม่
“ไม่จริง คราวก่อนแกท้องอืด แทนที่จะกินน้อยๆหน่อย แล้วไปซื้ออีโนมากินแกยังโทรมาหาฉันเลย ไร้สาระเป็นที่สุด โตขนาดนี้แล้วไม่รู้จักคิดเอง”
ทำเอาไม่รู้จะพูดอะไรดี คิดได้เองจะโทรมามั้ยล่ะ แม่นะแม่

“ผู้หญิงสมัยนี้ดีแฮะ ชอบใครก็ลุกขึ้นมาจีบเลย ไม่ต้องรอพวกผู้ชายความรู้สึกช้ามาบอกว่ารัก แล้วไงแกไม่ชอบเค้าเหรอ” พอแม่เริ่มมาแบบนี้ เขาค่อยสบช่อง
“ชอบ แต่ว่า...เขาไม่ใช่ผู้หญิงสิแม่ ปัญหามันอยู่ตรงนั้น” เข้าเรื่องซะที
“อ้าว แล้วไม่ใช่ผู้หญิงเค้าเป็นกะเทยรึไง ก็สวยดีนะ กะเทยสมัยนี้สวยกว่าผู้หญิง หน้าอกก็ใหญ่ดีด้วยแกไม่ชอบเหรอ” แม่กำลังเล่นตลกรึเปล่านี่ อยากย้ำอีกทีว่าลูกแม่ซีเรียสนะ แต่กลัวแม่ด่ากลับแบบเดิมอีก

“ไม่ใช่กะเทยนะแม่ พี่เค้าไม่มีนมตู้มๆด้วย นมก็แบนๆแบบเหลิมนี่แหละ” แถมพี่ตั้นยังมีซิกแพคน่าจับอีกต่างห่าง หึหึ คิดแล้วหน้าแดงเว้ย
“อ่อ งั้นแสดงว่าไม่ได้ไปฉีดนมมา แกก็ให้เค้าไปฉีดสิ ไม่มีนมแกคงไม่ชอบหรอก ฉันจำได้ว่าแกชอบคนนมใหญ่ๆ” ท่าทางจะคุยกันไม่รู้เรื่องถ้าเขาไม่บอกแม่ให้ชัดๆไปเลย
“พี่ตั้งไม่ได้เป็นกะเทย แล้วเค้าคงไม่อยากไปทำนมหรอกแม่ ผมดูท่าทางแล้วไม่มีแววอยากเป็นผู้หญิงเลย”
“อะพิโถ งั้นแกมิต้องไปทำนมเองเหรอ ไม่ไหวมั้ง แค่คิดฉันก็รับไม่ได้แล้วหน้าแบบแก แต่มีนม น่ากลัว”
แม่พูดจบเขาอยากหัวเราะ แต่ก็ขำไม่ออก เขาเริ่มลังเล กูคิดถูกรึเปล่าวะที่โทรมาปรึกษาแม่ ความคิดแม่ช่างไปไกลจนเขาตามไม่ทัน

“คุณแม่ขอรับ แม่จะพาออกนอกเรื่องไปไหน เอาอย่างนี้นะผมพูดสรุปๆ แม่ฟังดีๆนะ อย่าเพิ่งแทรกขึ้นมา ไม่งั้นผมไม่พูดละ”
“เออๆ ทำมาเป็นงอน ตกลงเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ เล่ามา”
น้ำเสียงแม่ทำให้เขาใจสงบขึ้น เขาค่อยๆเล่าเรื่องพี่ตั้งให้แม่ฟังตั้งแต่เจอกันครั้งแรก และในวันต่อๆมา ในหนึ่งอาทิตย์ที่เราเจอกัน จนถึงวันนี้ที่พี่ตั้งขอเขาเป็นแฟน แต่เว้นไปนิดเดียวเรื่องที่เราถึงเนื้อถึงตัวกันนิดหน่อย อันนี้ขอเก็บเป็นความลับส่วนตัวดีกว่า ส่วนเรื่องพี่ตั้นเขาก็ไม่อยากเอ่ยถึงเพราะถือว่าเป็นเรื่องรองที่ไม่เกี่ยวกันกับเรื่องนี้ เรื่องพี่ตั้นเป็นเรื่องที่เขาจะต้องจัดการเองมากกว่า แม่ฟังจบแล้วก็เงียบไปพักใหญ่ แม่ไม่ได้แทรกถามอะไรเขาเลยระหว่างที่เขาเล่า แม่คงคิดหนัก

“ปัญหาที่โทรมาวันนี้คืออะไร แกบอกฉันมาก่อน ฉันจะได้ตอบถูก” แม่ถามเขาตรงๆ แต่เขาเริ่มสับสนว่าเขาพูดไม่รู้เรื่องหรือแม่สมองไม่ดี
“ผมไม่แน่ใจว่า ว่า...”
“ว่าอะไร?”
“ว่าผมจะตกลงเป็นแฟนกับพี่เค้าดีมั้ย”
“แกชอบเขาแค่ไหนล่ะ”
“ก็...ชอบ มันรู้สึกดีนะแม่เวลาอยู่กับพี่ตั้ง พี่เค้าอบอุ่น ดูแลผมดี แต่ผมลังเลว่านั่นคือความชอบรึเปล่า”
“แกคิดถึงเขารึเปล่าเวลาแกไม่ได้อยู่กับเขา”
“คิดถึง...” ใช่ เขาคิดถึงพี่ตั้งบ่อยๆทั้งตอนที่หิว และไม่หิว “มากด้วย”
คงไม่มีใครที่เขาจะเปิดใจได้มากขนาดนี้อีกแล้ว ถ้าไม่มีแม่เขาคงอึดอัดใจตาย

“งั้นแกก็คงรักเขา แล้วจะไปลังเลทำไม"น้ำเสียงแม่ไม่ล้อเล่นอีกต่อไป แต่แม่ลืมอะไรไปรึเปล่า
“แม่! แต่พี่ตั้งเป็นผู้ชายนะ จะดีเหรอ" นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้เขาลังเล
“ฮ่าๆ ฉันก็เห็นพวกดาราเค้ามีแฟนเป็นผู้ชายกันเยอะแยะไป แกจะกลัวอะไร"
“แล้วแม่รับได้เหรอ นี่ลูกแม่นะไม่ใช่คนอื่นไม่ใช่ดาราด้วย" เขาไม่เคยตามความคิดแม่ทันเลย ให้ตายเหอะ
“ก็แกเป็นลูกฉันนะสิ ยังไงฉันก็รับได้ ดีซะอีกฉันไม่ต้องไปเสียสินสอดให้แกไปขอเมีย เผลอๆ ฉันจะได้สินสอดมีคนมาขอแกไปเป็นเมียซะด้วยซ้ำ  คนที่ควรจะคิดว่ารับได้หรือไม่คือตัวแกเองต่างหากล่ะ"เสียงแม่หัวเราะเบาๆ ลอดเข้ามาในสาย ไม่รู้แม่คิดไปถึงไหนกัน
“แม่ชอบพูดเล่นเรื่อย นี่ผมจริงจังนะแม่"

เขายังไม่สบายใจอยู่ดี มันเครียดเกินไปสำหรับคนอย่างเขา มันเป็นความขัดแย้งในใจ เกิดมาชาติหนึ่งจนโตเอาป่านนี้ ชิลมาตลอด ทำไมพอได้มีความรักกับเขาบ้าง ทำไมต้องเครียดด้วยวะ เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
“ผมไม่ค่อยแน่ใจ ว่าพี่เค้าจะหลงผิดมาชอบผมได้นานแค่ไหน ไม่รู้เราจะคบกันได้เกินเดือนรึเปล่าด้วย ผมก็นิสัยเลวๆเยอะ กลัวพี่เขาทนไม่ไหว”
“อีกเรื่องที่แม่ต้องคิดนะ แม่จะไม่ได้อุ้มหลาน แล้วผู้สืบสันดานจากผมก็จะไม่มี แม่ทนได้เหรอ แม่จะไม่ได้เป็นย่านะ"

“เออ เรื่องไหนฉันต้องคิดแกไม่ต้องมาบอกหรอก ไม่มีก็ไม่มี มีลูกแบบแกคนเดียวฉันก็จะแย่แล้ว ขืนมีหลานโคลนนิ่งแบบแกมาอีกคน ฉันคงตายก่อนแก่ ไม่ได้เป็นย่าไม่เป็นไร มันก็แค่ตำแหน่ง ฉันไม่ยึดติดหรอก" ราวกับแม่จะพูดกลบเกลื่อนให้เขาสบายใจ แต่ก็เหมือนจะหลงเหลือเส้นใยบางๆ ที่ยังเกาะเกี่ยวความคิดเขาอยู่

“เหลิม ชีวิตคนไม่แน่นอน สนุกกับชีวิตไปดีกว่า คิดอะไรให้มันง่ายขึ้น ไม่ต้องไปเอาความคิดคนอื่นมาเป็นปัญหา ถ้าลูกอยู่กับเค้าแล้วมีความสุข ไม่ตกลงก็โง่แล้ว  จะนานแค่ไหน จะยั่งยืนได้กี่วัน กี่ปี กี่วินาที ถ้าเรามีความสุขมันก็มีค่าแล้ว ถ้าอีกหน่อยเขาทิ้งแก ก็ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตไป”
ฟังแม่พูดท่าจะดี เขารู้สึกมั่นใจขึ้น แต่แล้ว “เรื่องแค่นี้เองใช่ไหม ไม่มีอะไรแล้วนะ ฉันง่วงจะตาย พรุ่งนี้แกก็โทรไปหาแฟนแกซะ บอกโอเคไป ฉันไปนอนแล้วนะ"

ก่อนที่เขาจะทักท้วงอะไร “มะแม่...อะไรวะยังไม่ทันพูดอะไรเลย วางสายไปแล้ว”
เขาวางสายไปอย่างงงๆ แต่คำพูดของแม่ทำให้เขาสงบใจขึ้นได้อย่างประหลาด บางทีคำตอบของแม่ก็คงเป็นคำตอบในใจเขาอยู่แล้ว เพียงแต่อยากหาความมั่นใจจากคนอื่นเท่านั้นเอง เรื่องที่พี่ตั้นพยายามจะให้เขาปฎิเสธพี่ตั้งมันหายไปจากความคิดเขาโดยสิ้นเชิง เขาล้มตัวลงนอนแล้วหลับไปในเวลาไม่กี่นาที
พรุ่งนี้เขามีคำตอบให้พี่ตั้งแล้ว.....

 **********
ขอบคุณที่ยังอ่านค่ะ  :z3:

ออฟไลน์ panpan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2
ตามอ่่านตลอดๆๆๆ แต่ไม่กล้าทวง

ขอบคุณที่มาต่อ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
แม่จ๊าบจริงๆ
ไม่แปลกใจที่เหลิมเป็นแบบนี้

ออฟไลน์ nemonoy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
รอเหลิมโอเคกับพี่ตั้ง ^^ อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆจังค่ะ

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
เบื่ออีเพื่อนพี่ตั้งจริงๆน่ารำคาญมาก เป็นเราจะตบให้

ออฟไลน์ สมุนไพร

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1581
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-3
จิงของแม่เหลิมนะ o13

ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
ไล่อ่านตั้งแต่แรกใหม่อีกรอบ แล้วก็รู้สึกเหมือนเดิมว่าทำไมเหลิมปากเสีย เอาแต่ใจตัวเองอย่างงี้เนี่ย ส่วนที่พี่ตั้นมาเตือน...แอบสงสัยว่าพี่ตั้งมีเบื้องหลังอะไรอย่างอื่นบ้างรึเปล่านะ? เพราะที่ผ่านมารับรู้เรื่องราวผ่านเหลิมตลอด ไม่ค่อยรู้เรื่องพี่ตั้งเลย นอกจากเล่นกล้อง มีน้องสาว 1 คน

REDMOON

  • บุคคลทั่วไป
อิ อิ ชอบแม่เหลิมจังเลย อยู่ด้วยก็มีความสุข แล้วจะรออะไรอีก ไม่ว่าเขาหรือเธอจะเป็นชายหรือหญิงก็ตาม ความรักมันไม่มีขอบเขตไม่แบ่งเพศ ทำตามเสียงหัวใจสิ...

เป็นกำลังใจให้คุณฟางนะคะ  :L2:

รอต่อไป  :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ n2

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1777
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +113/-4
เพิ่งเห็นว่ามาต่อแล้ว 
แม่เหลิมดีจัง
รับลูกได้ทุกอย่าง

ออฟไลน์ n2

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1777
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +113/-4
เข้ามารอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
ไม่เข้าใจพี่ตั้นเลย เหอะๆ ตกลงพี่แกแค่ห่วงพี่ัตั้งจริงๆอะ

ว่าแต่ไรท์เตอร์ไม่น่าตั้งชื่อคล้ายกันเลย พิมพ์ผิดตั้งหลายทีแน่ะ อุๆ

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
 :m23:  ไม่รู้จะขอโทษคนอ่านยังไงดีที่ทิ้งเรื่องนี้ไปนานมากกก แต่ยังไงก็กลับมาต่อให้จบค่ะ อาจจะยาวไปนิดแต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องค้างกันอีกต่อไป ขอบคุณสำหรับคนที่ยังทนรออยู่นะคะ อยากจะขอบคุณเป็นล้านๆครั้งก็คงไม่พอ  :pig4:
*****************************
หลายชั่วโมงแล้วที่เขาไม่ได้คุยกับเหลิม ตั้งแต่นาทีที่ยื่นข้อเสนอให้เหลิมไป จะบอกว่าไม่คาดหวังคำตอบ 'ตกลง' ก็คงเรียกว่าโกหก เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเหลิมพร้อมใจที่จะมาเป็นแฟนของเขา ทั้งที่ตั้นพยายามบอกหลายครั้งหลายหนว่าเหลิมไม่ใช่ 'คนที่ใช่' สำหรับเขา แล้วคนที่ใช่ในความคิดของตั้นมันจำเป็นด้วยหรือที่จะเป็นคนที่ใช่สำหรับเขา
เมื่อคืนตั้นโทรหากลางดึก “วันนี้ไปไหนมาตั้ง”
“ไม่ได้ไปไหน  อยู่กับเหลิมที่บ้าน เหลิมไม่ค่อยสบาย ทำไมเหรอ?” เสียงถอนหายใจของตั้นดังขึ้น เขารู้ว่าเพื่อนไม่ค่อยชอบ
เหลิมเท่าไหร่ แต่จะสำคัญอะไรในเมื่อเขาชอบ
“เราไม่เข้าใจ นายไปหลงใหลอะไรนายนั่น ก่อนหน้านี้เราไม่เคยเห็นนายชอบใคร ทั้งผู้ชายหรือผู้หญิง”
“หึหึ ทำไมล่ะ เราก็มีจิตใจนะ ไม่ได้ตายด้าน จะได้ไม่รู้จักรักใคร แล้วนายไม่มายด์เหรอที่เราชอบผู้ชาย” ตั้นเป็นเพื่อนที่เขาพูดได้ทุกเรื่องอย่างไม่มีกั๊ก ตั้นอาจจะนิสัยแปลกๆ แต่ความเป็นเพื่อนตั้นก็ไม่เป็นรองใคร

“เรื่องนั้นเราไม่แคร์ มันชีวิตของนาย เราไม่มีสิทธิ์ไปบังคับ เราแคร์แค่อยากให้นายได้คนดีๆ  เราให้ความสำคัญตรงนั้นมากกว่า เสียดายที่เรากำลังจะไปแล้ว ไม่มีเวลาเลย” น้ำเสียงตั้นหงุดหงิด เขาก็ไม่รู้ว่าตั้นจะอารมณ์เสียเรื่องอะไร   ทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องของตั้นเลย
“พรุ่งนี้เราเจอกันได้มั้ย นายว่างรึเปล่า”
“พรุ่งนี้...ไม่แน่ใจ แต่ถ้านายอยากเจอเราไปหานายก็ได้” ไหนๆเพื่อนก็จะไปอยู่แล้ว มีอะไรที่เขาพอช่วยได้เขาก็อยากทำ
“นายมาหาเราที่คอนโดนะ เก้าโมงแล้วกัน เพราะเที่ยงเรามีธุระ”
“ได้ ไม่มีปัญหา มีอะไรอีกรึเปล่า เราจะได้นอน”
ตั้นเงียบไป ก่อนจะตอบมาแบบหงุดหงิดอีกครั้ง “ที่จริงมี แต่นายคงไม่อยากคุยกับเรา ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ เราไม่ชอบคุยทางโทรศัพท์” ฟังคำตอบแล้วเขารู้อารมณ์เพื่อนดีเลยไม่อยากซักถามอะไรอีก
“อืม งั้นเจอกัน”
เขาวางสายไปแล้วยังนั่งกอดหมอนนั่งคิดอะไรอีกพักใหญ่ ออกจะตื่นเต้นกับคำตอบของเหลิม อยากจะโทรกลับไปหาแต่ก็ยั้งใจไว้ เหลิมเป็นคนแปลก ถ้าไปเร่งรัดคำตอบมากไปผลอาจไม่ดีอย่างที่หวังก็ได้ เขาคงได้แค่รอและรอให้เหลิมติดต่อกลับมา

แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องลอดแทรกรอยต่อของผืนผ้าม่านเข้ามาปลุกให้เขาตื่นแต่เช้าจนได้ ทั้งที่เขานอนไปได้ไม่กี่ขั่วโมง  เขายืดเหยียดแขนขาก่อนกระเด้งตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉงเข้าห้องน้ำชำระร่างกาย ความรู้สึกบอกตัวเองว่าวันนี้คงมีอะไรดีๆ หวังว่าจะเป็นข่าวดีจากเหลิม คิดแล้วก็เผลอยิ้มคนเดียว มีความรักมันดีแบบนี้นี่เอง
ใช้เวลาไม่นานนักเขาก็อาบน้ำเสร็จเขายังจำได้ว่าวันนี้มีนัดกับตั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ขณะที่เขากำลังแต่งตัว ตามด้วยเสียงใสๆที่มาก่อนตัว “พี่ตั้ง วันนี้ไปส่งตามที่มหาลัยหน่อยนะคะ อ้าว...ตามนึกว่าพี่ตั้งยังไม่ตื่นซะอีก” น้องตามเข้ามาเกาะแขนเอียงคอถามทำหน้าตาน่ารักอย่างประจบ
“ทำไมตื่นเช้าจังคะ นอนไม่หลับเหรอ”
เขาเอียงหัวชนกับศีรษะน้องตามเบาๆ “รู้ดีจริงน้องพี่ นอนไม่ค่อยหลับเลย ไม่รู้เป็นอะไร”
น้องตามหัวเราะกิ๊กก่อนยั่วเย้า “คนกำลังมีฟามร้ากก็แบบนี้แหละ“
เขาจับหัวน้องตามโยกเบาๆ “อื้อ ทำเป็นผู้เชี่ยวชาญความรักไปได้ หรือว่ามีแฟนแล้วไม่บอกพี่ ฮึ”

 น้องตามส่ายหน้าจนผมหน้าม้ากระจาย “ถ้าน้องมีน้องบอกพี่ แต่พี่สิไม่บอกน้อง อย่ามาพูดเลย พูดแล้วงอน” น้องตามปล่อยแขนเขา แล้วมารอเขาแต่งตัวนั่งที่เตียง ถามเสียงใส “พี่ตั้งกับพี่เหลิมไปถึงไหนแล้ว ทำไมไม่บอกน้องบ้าง”
เขาไม่ตอบคำถามแต่เดินไปที่ประตูก่อนหันหน้ามาเรียกน้องสาว  “ไป พี่เสร็จแล้ว วันนี้พี่นัดตั้นไว้ด้วยเก้าโมง เดี๋ยวไปหามันไม่ทัน” เขาออกจากห้องไปแล้วแต่น้องตามกลับไม่ยอมเดินตามมา เขาต้องเปิดเข้าห้องไปอีกรอบ น้องตามยังนั่งหน้าง้ำกอดอกอยู่ที่เตียง
“เอ้า ไม่ออกมาล่ะ ไม่ไปรึไง”
น้องตามส่ายหน้า “พี่ตั้งกวนน้อง ทำไมไม่ตอบตามมา ถามแค่นี้เอง หรือว่าพี่หูตึง เคยได้ยินแต่ความรักทำให้คนตาบอด ไม่เคยได้ยินว่าทำให้หูตึงด้วย”
เขาส่ายหน้ากับคารมของน้องสาวตัวดี “ไม่ใช่ไม่ได้ยินแต่พี่รีบ มีอะไรไปคุยในรถ ไป” เขาต้องเดินมาดึงแขนน้องสาวที่ยังไม่ยอมเชื่อ
“จริงๆนะ ต้องเล่ามานะ” น้องตามทำท่าขมวดคิ้วอย่างไม่แน่ใจ
“เออน่า”

กว่าเขาจะมาถึงมหาวิทยาลัย เขาก็โดนน้องตามคาด คั้น เค้นจนแทบไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกต่อไป ก่อนจะลงจากรถน้องสาวตัวแสบยังหันมาบอกเขาทำสีหน้าจริงจังอีกครั้งว่า
“ถ้าพี่เหลิมเขาไม่รับข้อเสนอพี่ตั้ง พี่ตั้งอย่ายอมแพ้นะคะ คนแบบพี่เหลิมท่ามากจะตาย ต้องตื๊อต่อ ตามเอาใจช่วย แล้วยังไงคืนนี้กลับจากมหาลัย ตามจะรอฟังข่าวดีจากพี่ตั้ง ไปนะคะ บ๊ายบาย พี่ชายสุดหล่อของน้อง”

น้องสาวของเขาสดใสร่าเริงเสมอ เป็นกำลังใจช่วยเขามาตลอด ตามรู้มานานแล้วว่าเขาชอบคนแบบไหนเพราะพยายามหลายครั้งหลายคราวที่จะแนะนำเพื่อนๆมาให้เป็นแฟน แต่เขาก็มีข้ออ้างปฎิเสธไปเสียทุกครั้ง จนในที่สุดน้องตามคาดคั้นถามเหตุผล ทำให้เขาได้รู้ใจตัวเองเป็นครั้งแรกว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่เพราะเพื่อนของน้องสาวมีข้อเสียอย่างที่เขาบอก แต่เป็นเพราะเขาไม่เคยสนใจผู้หญิงมาตั้งแต่ต้น แต่แรกน้องตามตกใจไม่พูดอะไรเลย หายกลับเข้าห้องหลบหน้าหลบตาเขาไปหนึ่งคืนกับหนึ่งวันเต็มๆ ทำเอาเขาจิตตกนอนไม่หลับกังวลกับความจริงที่ตัวเองเพิ่งรับรู้
 แต่หลังจากคืนนั้นน้องก็เข้ามาในห้อง เข้ามากอดแล้วพูดประโยคที่เขาไม่มีวันลืม “น้องขอโทษที่ไม่เข้าใจพี่ตั้ง ต่อนี้ไปน้องจะอยู่เคียงข้างพี่ เพราะยังไงพี่ตั้งก็เป็นพี่ชายที่น้องรักมากที่สุด” เขาจำได้ว่าเขากอดน้องน้ำตาไหล และไม่รู้สึกโดดเดี่ยวกับปัญหานี้อีกต่อไป

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
เขาหยุดคิดเรื่องน้องตามเพราะมาถึงห้องของตั้นพอดี นี่ก็อีกคนที่เขาไม่เคยแคลงใจในความรักฉันเพื่อน แต่เมื่อเขากำลังจะมีความรักเจ้าเพื่อนตัวดีกลับมาทำอารมณ์เสียใส่จนเขาเริ่มระอา ตั้นมาเปิดประตูรับเขาด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า ไม่มีคำพูดต้อนรับอะไร พื้นที่ภายในห้องยังรกไม่เป็นระเบียบเพราะเจ้าของห้องอยู่ในช่วงเก็บของเตรียมตัวจะไปต่างประเทศ ข้าวของวางกระจัดกระจายเกลื่อนไปหมด ทั้งที่เจ้าของห้องเป็นคนเจ้าระเบียบแท้ๆ
“นี่ถ้าเราไม่รู้ว่านี่เป็นห้องนาย เราต้องนึกว่าเราเข้าห้องผิดแน่ๆ ทำไมมันรกขนาดนี้ล่ะตั้น”
ตั้นไม่พูดอะไรเดินกลับไปนั่งเก็บของลงลังกระดาษไปเงียบๆ ผิดวิสัยที่เคย เขาเดินดูรอบๆว่าพอจะช่วยอะไรได้บ้าง แล้วเริ่มเก็บของลงกล่องบ้างแต่เพราะไม่รู้ว่าความต้องการของเจ้าของคืออะไร ทำให้เขาต้องเหลือบตามองเจ้าของห้องเป็นระยะเหมือนส่งคำถามให้ แต่ตั้นก็ยังเฉย
 “เราแยกของแต่ละประเภทแล้วกันนะตั้น แต่เราจดไว้หมดแล้วว่ากล่องไหนมีอะไรบ้าง นายยังไม่ได้รันหมายเลขใช่มั้ย งั้นเราเริ่มที่ลังที่หนึ่งแล้วกันนะ”

ตั้นเหลือบมามองแล้วพยักหน้าให้เป็นการอนุญาต แต่ยังคงไร้ซึ่งคำพูด ความเงียบเป็นสิ่งเดียวที่ตั้นให้อยู่ในห้องนี้ นานจนเขาลืมไปว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว น่าแปลกที่เขาไม่อึดอัดกับช่วงเวลานี้ก็แค่อย่าไปกังวลสนใจกับตั้น ทำงานของเราไปเขาคิดแค่นั้น จนกระทั่ง “นายจำดินสอแท่งนี้ได้รึเปล่า”
เชาเงยหน้ามองตั้นที่มายืนดูเขาเก็บของอยู่ข้างหลัง เขามองตามสายตาตั้นดินสอในมือเขาเป็นดินสอแบบเก่าลายโดเรมอนที่ต้องใช้กบเหลา มันถูกใช้ไปกว่าครึ่งปลายดินสอไม่แหลมอย่างที่ควร เหมือนเจ้าของไม่ได้เหลามาแรมนาน มันเก่าจนแทบจะทิ้งได้โดยไม่เสียดาย เขาดูยังไงก็นึกไม่ออกว่ามันมีความหมายอะไรให้ต้องจำ ก็แค่ดินสอเก่าๆ ในสายตาเขา
“จำไม่ได้ ไอ้นี่ มันมีประวัติด้วยเหรอ หึหึ”
ตั้นนั่งลงข้างหน้าเขาแล้วหยิบดินสอมาจากมือ หันมายิ้มให้  “มีสิ นี่มันของนายไง”
เขามองอีกครั้งอย่างไม่เชื่อ “ดินสอเนี่ยนะ จำไม่ได้เลย ตั้งแต่เมื่อไหร่”

แววตาของตั้นดูมีความสุขเมื่อพูดถึงมัน “มอหก เรายืมของนายมา พอนายขอคืนเราไม่ให้คืน แต่ขอไว้ นายก็ให้” ตั้นยิ้มอีกครั้ง
“แล้ว...ยังไง” เขาเริ่มสงสัยว่ามันมีที่มายังไงที่เขาลืมไปแล้วรึเปล่า
 ตั้นไม่ตอบ หยิบกรรไกรในกล่องขึ้นมาชูอีกอัน “นี่ก็ของนาย”
ตั้นยื่นสมุดโน้ตเล่มเท่าฝ่ามือสีดำค่อนข้างเก่า “นี่ก็ใช่ ขอนายมาตอนปีหนึ่ง เพราะอยากได้เบอร์โทรศัพท์เพื่อนๆ”
เขาได้แต่มองอย่างประหลาดใจ สมุดเล่มนี้เขาจำได้ดีเพราะมีที่อยู่เบอร์โทรศัพท์เพื่อนมอปลายแทบจะทุกคน แต่เขาจำได้ว่าตั้นยืมไปแต่ไม่คืนมากกว่า “ส่วนไอ้นี่ เทปเพลงรวมฮิตที่นายอัดไว้แล้วเราชอบ เราเลยขอนายมา”
เขาเริ่มหยิบของในกล่องหลายๆชิ้นขึ้นมาดูแปดสิบเปอร์เซ็นต์มันเคยเป็นของเขามาก่อนทั้งนั้นแต่ตั้นได้มาต่างกรรมต่างวาระกันไป ไม่น่าเชื่อว่ามันจะมากมายขนาดนี้ เขามองหน้าตั้นแล้วหัวเราะขำ
“ตั้น เราเพิ่งรู้ว่านายเอาของเราไปมากขนาดนี้ ทำไมเราไม่รู้ตัวเลยล่ะ แล้วเก็บไว้ทำไม อย่างไอ้นี่”
เขาหยิบยางลบรูปตัวทีที่ใช้ไปเกือบหมดแทบจะไม่เป็นตัวอักษรอีกต่อไป แต่เขาจำได้ว่ามันเคยเป็นของเขามาก่อน
 “ทำไมไม่ทิ้งไป มิน่าล่ะของนายเลยเก็บไม่เสร็จสักที เล่นเก็บไม่มีโละเลยนี่ ไอ้งก เก็บกระทั่งของๆ เพื่อน”

ตั้นหัวเราะเอามือชกไหล่เขาเบาๆ “เฮ้ย เราไม่ได้งก นายน่าจะรู้ว่าเราไม่ได้เก็บของ แต่เราเก็บความทรงจำต่างหากล่ะ พอหยิบขึ้นมาดูมันมีเรื่องราวทุกชิ้น ให้ได้ยิ้ม ได้นึกถึงตอนนั้น”
“อย่างไอ้ยางลบอันนี้ เรานั่งเถียงกับนายจนเกือบจะทะเลาะกันว่ามันควรเป็นของเรามากกว่า เพราะเราซื้อมาพร้อมๆกันแล้วของเราหายไป ทั้งๆที่เราก็รู้ว่ามันเป็นของนายแต่พอเราดึงดันว่าไม่ใช่ นายก็ให้เรามาง่ายๆ ” เขาพยักหน้าเขาจำได้ว่าให้ตั้นไปเพราะไม่อยากทะเลาะมันก็แค่ยางลบ ยังไงเพื่อนต้องมาก่อนเสมอ

ตั้นส่ายหน้ายิ้มมุมปากเล็กๆ “นายมันก็ชอบใจอ่อนแบบนี้ ชอบยอมเพื่อนทั้งที่มันไม่ถูก ไม่ไหวว่ะ แต่ก็ไอ้นิสัยแบบนี้ยิ่งทำให้เรายิ่งรักนาย” เขามองตั้นทึ่งๆ ไม่น่าเชื่อว่ามันจะคิดละเอียดได้ขนาดนี้
“ก็แหงล่ะ เป็นเพื่อนคนอื่นเห็นนายเอาของเขามามากขนาดนี้ คงเลิกคบกันไปแล้ว ใครจะใจดีเหมือนเรา”
ตั้นหัวเราะอีกครั้งและลุกขึ้น  “ถ้าคราวนี้เราจะขอนายอีก นายจะให้เรารึเปล่า”
เขาแทบจะลุกไม่ขึ้นเพราะเหน็บกิน เลยได้แต่นั่งเหยียดขาอยู่กับที่ให้เลือดเดิน “ขออะไรล่ะ ลองขอมาก่อนสิ อย่าขอน้องสาวแล้วกัน คนนั้นต้องไปขอแม่ หึหึ” เขาพูดเล่นเพราะรู้ว่าตั้นรักน้องตามเหมือนน้องสาวอยู่แล้ว ไม่เคยมองเป็นอื่น
แต่ตั้นไม่ขำเดินกลับมานั่งต่อหน้าเขาอีกครั้งยื่นแก้วน้ำมาให้ สีหน้าจริงจังจนเขากลัว เริ่มไม่อยากรู้ว่าตั้นจะขออะไร

“นายรอเรากลับมาก่อนค่อยคบกับเหลิม รอเราได้มั้ย”

เขาคาดไม่ถึงกับคำขอของตั้นน้ำเสียงตั้นไม่ใช่ล้อเล่น เขายังตั้งสติไม่ถูก “นายอธิบายหน่อย เราไม่เข้าใจ เรื่องเหลิมนี่เหรอที่นายจะขอเรา”
“ใช่ เราไม่แน่ใจในตัวเหลิม ถ้าเราไม่อยู่ เวลามีปัญหาใครจะช่วยนายคิด” ท่าจะบ้าไปกันใหญ่ ตั้นมันคิดอะไรของมัน
“เราห่วงนายนะตั้ง นายใจดีเกินไป เจอคนไม่ดีเค้าก็คิดแต่จะเอาเปรียบ อย่างนายไม่ทันเหลิมหรอก”
เขาเริ่มโมโห ถึงตั้นจะเป็นเพื่อนแต่พูดแบบนี้ก็เหมือนดูถูกสติปัญญาเขาด้วย
“ตั้น นายเจอเหลิมไม่กี่ครั้ง อย่าเอาอคติของตัวเองมาตัดสินสิ”
“เราไม่ได้มีอคติกับใครนะ แต่กับเหลิม เราไม่เห็นด้วย นายอย่าไปคบกับเขาเลย เป็นเพื่อนยังไม่ควรด้วยซ้ำ”

“ตั้น นี่มันเรื่องของเรานะ โอเคนายเป็นเพื่อนรักเรานายขออะไรเราก็ให้ แต่เรื่องนี้มันไม่เหมือนกันนะ  เหลิมไม่ใช่สิ่งของที่นายจะมาบอกให้เราทิ้ง หรือให้เก็บไว้ เราขอตัดสินใจเองดีกว่า” เขาพยายามลุกขึ้นทั้งที่ตะคริวยังกินขา เริ่มอารมณ์กรุ่นๆแต่ยังไม่อยากทะเลาะกับเพื่อน
“เรากลับก่อนนะ นายจะไปเมื่อไหร่บอกเรามาอีกที จะไปส่ง” เขาหันมาบอกตั้นอีกครั้งก่อนจะกลับ ถึงยังไงเขาก็รู้ว่าตั้นพูดเพราะหวังดี 
ตั้นเดินมาส่งเขาที่ประตู หน้าตาไม่สบายใจพูดเสียงอ่อยๆ  “นายไม่โกรธเรานะ”
“อืม ไม่โกรธ”   เขาตบบ่าตั้นยิ้มให้ เขาตอบไปอย่างนั้นเพราะเขาไม่โกรธจริงๆ แค่ไม่เข้าใจความคิดตั้นนิดหน่อย แต่เพื่อนก็ยังเป็นเพื่อน

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
เขาขับรถออกมาจากคอนโดตั้นในขณะที่ใจยังครุ่นคิดเรื่องที่เพื่อนพูดตลอดเวลา กว่าจะรู้ว่าขับไปที่ไหนรถเขาก็มาจอดหน้าที่ทำงานเหลิมโดยไม่รู้ตัว เขานั่งคิดอยู่ครู่ใหญ่ว่าควรจะไปพบเหลิมดีรึเปล่า อีกไม่นานก็จะเที่ยง เขาอยากจะเซอร์ไพรส์เหลิมโดยการมาแบบไม่บอก ถึงแม้จะแหยงๆปากเหลิมอยู่เหมือนกัน แต่ในเมื่อใจอยากพบจะกลัวอะไร เขาตัดสินใจหาร้านอาหารละแวกนั้นนั่งรอฆ่าเวลา เผลอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหลายครั้งก่อนจะวางลง เขาลังเลที่จะโทรหาเหลิมแต่ยังไม่อยากกวนเวลางาน รอให้เที่ยงก่อนดีกว่า แต่แล้วกลับเป็นเหลิมที่ส่งแมสเสจมา ขณะที่เปิดอ่านข้อความเขาตื่นเต้นราวกับกำลังเปิดอ่านจดหมายรัก
"ผมยังไม่อยากเจอพี่ ขอเวลาอีกหน่อยครับ"

อ่านแล้วเขาก็คิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ ค่อนข้างผิดหวังกับข้อความนั้น เขาไม่อยากคาดเดาว่าที่เหลิมส่งข้อความมาแบบนี้จะเป็นสัญญาณในทางดีหรือร้าย แต่ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรเขาก็รอได้ เขานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยสั่งอาหารเที่ยงมากินเพราะยังไม่มีแผนจะไปไหนต่อ
เขาคิดว่าเหลิมอาจจะกลัว และไม่มั่นใจเพราะช่วงเวลาที่รู้จักกันค่อนข้างสั้น บางทีการที่เขากดดันเหลิมมากไปอาจจะไม่ใช่หนทางทีดี เขาควรจะอดทนและรอคอย ทอดเวลาให้ยาวนานกว่านี้จนกว่าเหลิมจะสบายใจในการคบหากับเขา ไม่มีอะไรจะต้องรีบสำหรับสิ่งดีๆที่จะเข้ามาในชีวิต  คิดได้แบบนั้นแล้วเขาเลยเรียกบริกรมาเก็บเงิน เขาไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ในเมื่อเหลิมขอเวลาเขาก็ต้องให้ เขาไม่เคยรู้เลยว่าหลังจากที่เขาเดินออกจากร้านเพื่อนรักของเขากับผู้ชายที่เขากำลังขอความรักกำลังเข้ามาร้านนี้เช่นกัน


วันศุกร์

วันนี้เขาตื่นแต่เช้า อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเลือกสวมใส่เสื้อตัวที่ดีที่สุดที่มีปัญญาซื้อมา บรรจงส่องกระจกหวีผมอย่างตั้งใจ มองหน้าผู้ชายหน้าตาดีที่ส่งยิ้มตอบกลับมา แล้วบอกตัวเองว่า ‘นายหน้าตาไม่เลวนี่ มิน่ามีคนหลงมาชอบ หึหึ’
เขาก้าวไปยืนรอรถเมล์อย่างอารมณ์ดี เช้าๆ แบบนี้คนกรุงเทพฯจำนวนไม่น้อยมายืนออกันเต็มป้ายรถเมล์  ต่างคนต่างไม่สนใจคนที่ยืนอยู่ล้อมรอบ  ราวกับแต่ละคนสร้างเกราะป้องกันตัวไว้ด้วยโลกของตัวเอง ทุกครั้งเขาเองก็ไม่ต่างจากคนเหล่านี้  ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาไม่เคยมองใคร ทุกวินาทีหมกมุ่นครุ่นคิดแต่เรื่องของตัวเอง
แต่วันนี้เขาอารมณ์ดีเหลียวมองไปรอบๆ กาย  สบตากับผู้ชายยืนข้างๆที่หันมาพอดี เขาส่งยิ้มให้ ชายคนนั้นทำหน้าแปลกๆ ก่อนยิ้มตอบมาอย่างเสียไม่ได้แล้วรีบหันหน้ากลับไปทันที

ชายคนนั้นใส่เสื้อยับเหมือนไม่ได้รีด กลิ่นเหล้าโชยมากับลมหายใจ คงเพราะเมื่อคืนหนักไปหน่อย แต่ที่ยังตื่นเช้าไปทำงานได้แสดงว่ามีความรับผิดชอบงานใช้ได้เลยทีเดียว เขาเผลอยิ้มเพราะอดคิดเข้าข้างตัวเอง ว่ายังไงวันนี้เขาก็ดูดีกว่านายเสื้อยับแน่ๆ  ชายคนนั้นหันมามองเขาอีกครั้งเหมือนจะนึกรู้ว่าเขาแอบนินทา แต่ก็ยังส่งยิ้มเล็กๆ มาให้ก่อนก้าวขั้นรถเมล์ไป  เขาคิดกับตัวเองว่าพรุ่งนี้อาจจะได้คุยกัน ไม่แน่เขาอาจจะได้เพื่อนใหม่อีกคนจากป้ายรถเมล์ก็ได้
อย่างน้อยนี่ก็คือสิ่งแรกที่เขาเปลี่ยนไป ก่อนที่เขาจะรู้จักพี่ตั้ง เขาไม่เคยสนใจใคร ไม่สนใจเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม เขาไม่เคยสนใจด้วยซ้ำว่าจะขึ้นรถเมล์ไปทำงานทั้งที่ขี้ตาติดเต็มสองตา  หรือมีคราบยาสีฟันเลอะที่ข้างแก้ม ไม่เคยอายที่ลืมรูดซิบแล้วมีคนเห็น เพราะเขาถือว่าคนเหล่านี้มารอรถเมล์ร่วมกันชั่วระยะเวลาสั้นๆ มาอยู่ใกล้ ยืนชิดกัน จนลมหายใจแทบจะเป็นลมหายใจเดียวกัน แต่ไม่เคยคิดแม้แต่จะสบตาหรือพูดจากัน พอแยกจากกันไปแล้วหน้าตาเป็นยังไง มีตามีจมูกมีหูครบรึเปล่าก็จำไม่ได้ แล้วทำไมเขาต้องแคร์

เขาคิดเล่นๆ ว่าเมื่อก่อนเขาอาจจะเคยเดินผ่านพี่ตั้งที่สวนรถไฟไปหลายครั้ง แต่เขาไม่เคยสนใจ ทั้งที่พี่ตั้งก็เป็นเพื่อนร่วมโลกคนหนึ่ง มันคงเป็นโชคชะตาที่ทำให้คนสองคนจากหลายล้านคนบนโลกใบนี้มารู้จักกันได้ บางทีพี่ตั้งกับเขาอาจจะเหมือนเขากับนายเสื้อยับ เห็นหน้ากันแล้วก็จากกันไปในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่มีอะไรติดค้างใจกัน
 หรืออาจจะไม่ใช่ พี่ตั้งอาจจะสมัครใจหันมายิ้มตอบให้เขาเมื่อเขาส่งยิ้มให้ ทักทายเขา คุยกันทำความรู้จักกัน จนพัฒนาความสัมพันธ์เป็นอย่างอื่น  แต่ถ้าคุยกันแล้วเบื่อหรือไม่ชอบใจขึ้นมา พี่ตั้งก็อาจจะวิ่งหนีขึ้นรถเมล์ไปก็ได้ เรื่องนี้ไม่มีใครคาดเดาได้ คงต้องเป็นเรื่องของอนาคต

 เขาไม่รู้ว่าพี่ตั้งทำให้เขาเปลี่ยน  หรือเขาเปลี่ยนตัวเองโดยเขาไม่รู้ตัว แต่ไม่ว่าจะมาจากเหตุผลใด เขาชอบใจในความเปลี่ยนแปลงนี้ คนบางคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราแม้เพียงเสี้ยววินาทีเดินผ่าน อาจมีผลกับชีวิตของเราทั้งชีวิตก็ได้ 
ผ่านมาหลายวันแล้วตั้งแต่วันที่เขาคุยกับพี่ตั้ง หลังจากวันนั้นพี่ตั้งก็เงียบหายไป  พี่ตั้งเองก็คงต้องใช้เวลาในการคิดเหมือนกัน เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาบอกไปจะทำให้ความรู้สึกของพี่ตั้งที่มีต่อเขาปลี่ยนไปหรือเปล่า แต่นั่นเป็นคำตอบที่เขาเลือกแล้ว ถ้าพี่ตั้งไม่ชอบใจเขาก็คงทำอะไรไม่ได้ต้องยอมรับกับผลของมัน เขาอาจจะเห็นแก่ตัวเกินไป แต่ใครล่ะไม่เห็นแก่ตัว
รถเมล์ที่เขารออยู่มาพอดี เขาหยุดความคิดเกี่ยวกับพี่ตั้งไว้แค่นั้น ไม่ว่าพี่ตั้งจะตัดสินใจแบบไหน วันนี้เขายังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะ ยังไงชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป
   

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
วันเสาร์
เขาใช้เวลาตอนเช้าหมดไปกับการทำความสะอาดบ้าน ซักผ้าไปตามที่เคยทำมาตลอด จะเปลี่ยนไปบ้างก็แค่มีบางเวลาที่เขาคิดถึงคนที่เคยมากวนเขาสองอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาสลัดความคิดถึงให้ออกไปจากใจ แต่ใจไม่รักดีก็วนเวียนคิดถึงแต่วันนั้นวันที่เขานัดพี่ตั้งมาที่บ้าน

“พี่ตั้ง มาหาผมที่บ้านคืนนี้นะครับ ผมอยากคุยด้วย”
“ได้ๆๆ เดี๋ยวพี่ไปหานะ ละ เลอะ เหลิมๆๆหวังว่าพี่จะได้ฟังข่าวดีนะเหลิม” น้ำเสียงพี่ตั้งตื่นเต้นดีใจอย่างออกนอกหน้า เขาทั้งขำ ทั้งหมั่นไส้จนเผลอเหน็บไป
“พี่ตั้ง พี่ไม่ต้องดีใจขนาดนั้นก็ได้ บ้าเหรอ อย่างกับคนพูดติดอ่าง”
“ก็พี่ดีใจ พี่รอโทรศัพท์จากเหลิมตั้งนาน ใจดำมากนะปล่อยให้พี่รอ ไม่รู้หรือไงว่าคนเค้าคิดถึง...” พี่ตั้งเริ่มตัดพ้อ แต่แปลกที่กลับทำเขาหน้าร้อนวูบวาบ เขารีบตัดบทก่อนที่จะต้องฟังมากกว่านี้
“ไว้ค่อยมาบ่นเย็นนี้แล้วกันนะพี่ ผมจะรีบทำงาน ไว้ค่อยคุยกัน”เขาวางสายไปก่อน แล้วรีบทำงานให้เสร็จไวๆ  จะได้เตรียมใจตั้งสติให้คำตอบกับพี่ตั้ง
พี่ตั้งมาถึงไวกว่าที่เขาคิด พอมาถึงที่คอนโดปรากฎว่าพี่ตั้งมานั่งรอที่ล็อบบี้นานแล้ว เขามองเห็นจากไกลๆว่าพี่ตั้งลุกขึ้นอย่างยินดีเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา รอยยิ้มคุ้นเคยที่หายไปนานของพี่ตั้งทำเอาเขาใจสั่น พี่ตั้งที่ไม่ได้เจอหลายวันยังดูดีเหมือนเดิม จะไม่เหมือนเดิมตรงที่ไม่ซื้ออะไรติดไม้ติดมือมาเลย เขาหิวจะแย่เลยทำให้พาลขวางหูขวางตาไปหมด “เหลิม...พี่มารอ...”

เขาเดินเชิดไม่ตอบรับคำทักทายผ่านพี่ตั้งที่ยืนยิ้มค้างรอรับ ไม่แม้แต่จะสบตาตรงๆ  มองจากหางตายังเห็นรอยยิ้มของพี่ตั้งที่ค่อยๆหุบลงอย่างน่าสงสาร พี่ตั้งเดินตามหลังเขามาเงียบๆ แต่คนที่ไม่เงียบกลับเป็นเขา
“ทำไมมาไว ผมกลับมาจากที่ทำงานเหนื่อยๆ ว่าจะพักสักหน่อยค่อยคุยกัน” เขาบ่นพร้อมส่งสายตาดุๆไปให้
“พี่ตื่นเต้น แต่ไม่เป็นไรนะพี่รอได้ เหลิมนอนพักก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่นั่งรอ” เหมือนพี่ตั้งจะไม่สนใจรับรู้อารมณ์ของเขา ยังคงส่งรอยยิ้มใจดีมาให้ เขาอ่อนใจกับความใจดีของพี่ตั้งที่มีให้มากมายกับคนแบบเขา
เขาทิ้งพี่ตั้งไว้ข้างนอกเดินเข้ามาในห้องโดยไม่ได้บอกอะไร  หลบมาอาบน้ำทั้งที่ระดับความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ อาบน้ำไปก็คิดฟุ้งซ่านร้อยแปด  พยายามรวบรวมสติเรียบเรียงความคิดว่าจะพูดกับพี่ตั้งว่าอย่างไรดี ร่ำๆจะเปลี่ยนใจไม่ออกจากห้องน้ำ จนพี่ตั้งมาเคาะเรียก
“เหลิม เมาแล้วอ้วกอีกรึเปล่า เป็นอะไรทำไมอาบนานจัง”
เขาฟังแล้วถอนหายใจอย่างหงุดหงิด คนที่มาขอเป็นแฟนมองเขาเป็นคนยังไงกันแน่ ถึงได้ถามแบบนี้
“กำลังจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ เรียกอยู่ได้” เสียงพี่ตั้งเงียบไปแล้ว รออยู่สักนาทีเขาจึงเปิดประตูออกมาพี่ตั้งยืนกอดอกรออยู่ที่ตรงหน้าทำเอาผงะ
 “เฮ้ย...ตกใจ” รีบเอามือปิดเนื้อตัวที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียว
พี่ตั้งหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางของเขา “จะอายอะไรเหลิม คนกันเอง” เขาเขินจนต้องดันตัวพี่ตั้งออกไปนอกห้อง “ไปเลย ไปรอข้างนอก เข้ามาได้ยังไง”
พี่ตั้งยอมเดินออกไปอย่างว่าง่ายแต่ไม่วายหันมายิ้มยั่ว “ โอเค อย่าลืมว่าพี่รออยู่นะครับ เดี๋ยวเจอกัน”
 
ทั้งๆที่รู้ว่าพี่ตั้งรออยู่แต่เขาก็ยังช้าจนได้ เมื่อเขาเดินออกมาพี่ตั้งไม่ได้นั่งอยู่แล้ว เหลียวมองหารอบห้องแล้วบ่นดังๆ
“อะไรวะ รอแค่นี้ก็ไม่ได้ คนอะไร ไม่อดทนซะเลย”
“พี่อยู่นี่เหลิม ไม่ได้ไปไหน” เสียงจากระเบียงดังขึ้นมา เขาเดินออกไปจึงเห็นว่าพี่ตั้งยืนพิงราวระเบียงอยู่ พี่ตั้งกวักมือเรียกเขาไปใกล้ๆ
“เหลิมมานี่สิ วิวสวยจัง”
เขาเดินออกไปโดยไม่ได้คาดหวังอะไรนัก ปกติเขาจะออกมาที่ระเบียงในตอนกลางวันเพื่อมาตากผ้าเท่านั้น ในยามค่ำคืนเขาไม่เคยคิดจะออกมาให้อาหารยุง แสงไฟแวววามจากบ้านเรือน ตึกสูงอาคารระฟ้าที่เห็นอยู่ไกลๆ จากรถที่วิ่งขวักไขว่อยู่บนถนนก็สวยไปอีกแบบหนึ่ง วิวในเวลากลางคืนเช่นนี้สวยจนเขาประหลาดใจ
“ผมไม่เคยออกมาตอนมืดๆ ไม่ยักรู้ว่าสวยดีเหมือนกันเนอะ”
 พี่ตั้งดึงมือเขาให้มายืนข้างกาย ยิ้มให้เขาก่อนเบนสายตากลับมาที่ภาพทิวทัศน์ตรงหน้า
“เหลิมว่ามั้ย มีอะไรอีกมาก ที่อยู่ใกล้ตัวเราแต่เราไม่เคยมองเห็น”
เขาพยักหน้า เห็นด้วยกับที่พี่ตั้งบอก “จริงของพี่”
“ถ้าเราไม่รู้ บางครั้งก็ต้องมีคนบอกเรา”

เขาหันไปมองหน้าพี่ตั้ง เอาไหล่ไปกระแทกพี่ตั้งเบาๆ “ที่พูดมานี่ พี่จะทวงบุญคุณเหรอ ที่บอกให้ผมมาดูวิวบนระเบียงบ้านผม” ผมส่งยิ้มกวนๆให้พี่ตั้งอีกที
พี่ตั้งส่ายหน้าแล้วหัวเราะ “เหลิมคิดได้ยังไง เหลิมรู้อะไรมั้ย ปากเหลิม เป็นตัวทำลายบรรยากาศชั้นยอดเลย หึหึ”
แปลกที่คราวนี้เขาไม่โกรธพี่ตั้ง แต่ขำจนต้องหัวเราะออกมาดังๆ “พี่กำลังบอกให้ผมรู้อีกเรื่องใช่มะ”
คราวนี้เสียงหัวเราะของเราทั้งคู่ดังประสานกัน ก่อนที่พี่ตั้งจะตอบ “ใช่...”
พี่ตั้งมองหน้าเขานิ่งจนเขานึกว่าพี่ตั้งจะไม่พูดต่อ แต่พี่ตั้งก็ไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดแทรก “ แล้วจากนี้ไปพี่ก็อยากเป็นคนที่คอยบอกเรื่องอื่นอีกมากมายให้เหลิม เหลิมให้คำตอบพี่ได้แล้วรึยัง”
เขาสะดุ้ง อุตส่าห์ลืมไปแล้วว่าคืนนี้เขาเรียกพี่ตั้งมาทำไม เวลาที่เขาถ่วงมานานคงจะสิ้นสุดในตอนนี้

“ผมๆ...เฮ้อ”เขาถอนใจออกมาเฮือกใหญ่มองหน้าพี่ตั้งแล้วพูดไม่ออกเพราะพี่ตั้งยืนจ้องหน้าเขาอยู่ พี่ตั้งคว้ามือเขามาบีบเบาๆ
“ค่อยๆ พูดได้เหลิม พี่รอได้”
แต่เขาสิที่ไม่อยากจะรออะไรอีกแล้ว อะไรที่ไม่สุด ไม่จบ ค้าง คา รอคอย ถ่วง ยืดเยื้อ มันทำให้เขาอึดอัดถึงแม้ที่เอ่ยมาทั้งหมดมันเกิดมาจากตัวเขาเอง เพราะอย่างนั้นเขาจะต้องสรุปเสียที
“ผมพูดได้พี่ตั้ง พี่ฟังผมให้จบนะ อย่าเพิ่งขัด ไม่งั้นสติผมที่ไม่ค่อยสมประกอบมันจะขัดขวางไม่ให้ผมพูดจนจบ พี่สัญญาก่อน”
แววตาของพี่ตั้งเหมือนไม่แน่ใจแต่พี่ตั้งก็พยักหน้า “สัญญา” นี่แหละนิสัยพี่ตั้ง เป็นอีกคนหนึ่งที่เชื่อคนง่าย

เขาสงบใจ หลับตาชั่วครู่ ก่อนตั้งสติ เบือนสายตามองออกไปในความมืด พยามยามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น “ผมคิดไปคิดมาหลายครั้งกับเรื่องของเรา คิดย้อนไปตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน นึกถึงเรื่องราวตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาที่ผมได้ใช้เวลากับพี่ จนถึงวันที่พี่ถามผมว่าจะคบกันดีมั้ย” เขาหันหน้ามาหาพี่ตั้ง เขาเริ่มทำใจได้แล้วจนกล้าที่จะมองหน้าพี่ตั้ง
 “พี่ไม่รู้สึกเหรอ ว่าเรารู้จักกันไม่กี่วันเอง ไม่ถึงสองอาทิตย์เสียด้วยซ้ำ” สีหน้าพี่ตั้งไม่ค่อยดี ทำท่าเหมือนจะเอ่ยพูดอะไร แต่ผมเขาขมวดคิ้วใส่เหมือนห้ามแล้วรีบพูดต่อก่อนที่จะลืมว่าตัวเองตั้งใจอะไรไว้
“ผมไม่ใช่คนใจง่ายนะพี่ ที่รักใครได้ง่ายๆ ใครมาชวนเป็นแฟนก็ตกลงยื่นมือซ้ายให้เค้าสวมแหวนเลย” เขาฝืนหัวเราะเบาๆ ราวกับขำสิ่งที่ตัวเองพูดทั้งที่ในใจผมเครียดมาก แต่พี่ตั้งเองก็คงเครียดไม่น้อย
“ผมไม่ปฏิเสธพี่หรอกว่าผมชอบกับการได้อยู่กับพี่ ผมไม่โกหกด้วยว่าผมไม่ตะกละ ผมไม่งก แต่นี่ล่ะตัวผม ปากก็เสีย นิสัยก็แย่ ไม่เห็นมีอะไรดีสักอย่าง ไม่รู้พี่หลงผิดเป็นชอบได้ยังไง”
“ในเมื่อพี่ให้โอกาสผมเป็นแฟน ผมก็ให้โอกาสพี่ในการดูผมให้นานๆ”

เมื่อเขาพูดจบพี่ตั้งเริ่มมีสีหน้าสงสัย ไม่แน่ใจ ยกกำปั้นขึ้นมาที่ปากตัวเองเหมือนอัดอั้นใจ อยากถาม อยากพูดขัดก็กลัวถูกด่า ทำให้เขาเริ่มรู้ตัวว่าพูดไม่รู้เรื่อง ไม่สามารถสื่อสิ่งที่ตั้งใจจะบอกให้พี่ตั้งได้ ถ้าเขายังพูดวกวนขี่ม้าเลียบค่ายไปแบบนี้ เขาพล่ามทั้งคืนไม่ตรงไปตรงมาก็คงไม่จบ จะเป็นยังไงต่อไปก็คงต้องให้มันเป็น
ก่อนที่พี่ตั้งจะเปลี่ยนใจเอากำปั้นมายัดใส่หน้า “พี่อยากถามอะไรผมใช่มั้ย?”พี่ตั้งพยักหน้าสองสามทียืนยันความตั้งใจ
“แต่ผมไม่ให้พี่พูด ผมจะสรุปเดี๋ยวนี้พี่ใจเย็นๆ” เขายกขาขวาเขี่ยน่องขาข้างซ้ายเพราะยุงเริ่มกัด
 บุคคลิกภาพเขากำลังจะแย่ ต้องรีบพูดต่อ ก่อนที่พี่ตั้งจะเบื่อ เขาสูดลมหายใจลึกๆ พยามยามทำสีหน้าให้นิ่ง
“ในตอนนี้ ผมไม่ขอคบในฐานะแฟนของพี่ ขอแค่เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องมีตำแหน่ง ไม่ต้องมีวาระชัดเจน ไม่กำหนดวันหมดอายุ  พี่ทนไม่ไหวเมื่อไหร่พี่ก็จากไป ให้ความสัมพันธ์ของเรามันไม่มีแบบไปอย่างนี้ เป็นไปเองตามที่มันจะเป็น นี่ล่ะคำตอบของผม”

 พี่ตั้งเลียริมฝีปาก เม้มปากแน่น เพิ่มแรงบีบที่มือผมที่ตอนนี้แฉะไปด้วยเหงื่อ ผมเผลอมองริมฝีปากพี่ตั้งจนเกือบลืมขมวดคำพูดสุดท้ายที่ตั้งใจไว้
“คราวนี้เป็นพี่ที่ต้องให้คำตอบผม ว่าพี่รับคำตอบของผมได้รึเปล่า ถ้าได้เราก็คบกันต่อ ถ้าไม่ได้ พี่อยากจะจากไปผมก็ไม่ว่า ถึงแม้จะแอบเสียดายหน่อยๆ ฮ่าๆ”
ผมฝืนหัวเราะเจื่อนๆ ต่อไปอีกสักพักแต่พี่ตั้งไม่หัวเราะด้วย ยังไม่ตอบอะไรนาน นานจนผมนึกได้
“ผมพูดจบแล้ว พี่จะพูดอะไรมั้ย”
พี่ตั้งส่ายหน้า ยิ้มลังเลกลับมา “พี่ยังมึนๆงงๆ ว่าสุดท้ายแล้วเหลิมตอบพี่ว่ายังไง แล้วพี่กลับต้องตอบคำถามของเหลิมเรื่องอะไร เหลิมพูดอีกทีนะ”พี่ตั้งยิ้มประจบเหมือนเด็กอยากได้ขนมเพิ่มหลังจากที่กินไปแล้วหนึ่งถ้วยเต็มๆ

เขาไม่รู้จะพูดยังไง เริ่มโมโห มันยากมากนะเว้ยให้พูดอะไรแบบนี้ พี่ตั้งทำอย่างนี้ได้ยังไง “ผมไม่พูดแล้ว ผมพูดได้ครั้งเดียว พูดอีกทีก็ไม่เหมือนเดิม ไม่รู้แล้ว พี่อยากไม่ตั้งใจฟังเอง อยากจะตอบอะไรก็ตอบ ที่ผมตอบคืออะไรก็ไปคิดเอาเอง”
เขาดึงมือจากพี่ตั้งรีบเดินกลับเข้าไปในห้อง เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป ยุงกัดทั้งสองขาจนเกาไม่ไหว ต้องยกทั้งสองขาสลับไปมาราวกับกำลังเต้นระบำปลายเท้า
พี่ตั้งเดินตามมาเบลอๆ “งั้น  พี่ขอกลับไปคิดก่อนนะเหลิม ขอไปนึกก่อนว่าเหลิมพูดอะไร มันวนๆแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจ”
เขาเงียบไปเพราะไม่คิดว่าพี่ตั้งจะขอเวลาขึ้นมาบ้าง ออกจะใจเสียขึ้นมา แต่เมื่อพูดไปแล้วก็ต้องเป็นไปตามที่พูด “ตามใจพี่ พี่ได้คำตอบเมื่อไหร่บอกผมแล้วกัน วันนี้พี่กลับไปก่อนเถอะ ขอผมอยู่กับตัวเอง”
เขาคันขามากอยากจะนั่งเกาทั้งสองขาให้มันสะใจแบบไม่ต้องรักษามารยาทอีก
 “เหลิมไม่ได้โกรธพี่นะ” พี่ตั้งพูดเสียงอ่อย
เขาส่ายหน้า ”ไม่หรอก ไปเถอะ ผมขอมีเวลาส่วนตัวหน่อย” ก่อนจะออกไปพี่ตั้งเดินเข้ามาหาเขาอีกครั้งดึงตัวเขามากอด  “ขอบคุณนะเหลิมที่ให้เวลากับพี่”

เขายังจำน้ำเสียงและคำพูดสุดท้ายของพี่ตั้งได้ ราวกับมันดังอยู่ข้างหู “ขอบคุณนะเหลิมที่ให้เวลากับพี่”
เขาทำใจไว้แล้ว ไม่ว่าคำตอบของพี่ตั้งจะเป็นอย่างไร พี่ตั้งก็ได้เปลี่ยนชีวิตเขาไปแล้ว และมันก็ไม่มีวันที่จะเหมือนเดิมได้อีก

 เขาถือตะกร้าผ้าที่ซักเสร็จออกมาที่ระเบียงพร้อมตาก คิดถึงคืนนั้นคืนที่เขาโดนยุงกัดจนขาบวมอยู่หลายวัน วางตะกร้าลงพื้นแล้วยืนเหม่อมองภาพเบื้องหน้าอย่างเหม่อลอยยังไงวันนี้ก็ไม่เหมือนคืนนั้น คืนที่มีพี่ตั้งจับมืออยู่เคียงข้าง เขาเผลอถอนหายใจออกมา
“วู้วๆๆ...” แว่วเสียงดังเอะอะจากเบื้องล่างที่ดังแทรกอากาศขึ้นมา
เขาอดคิดไม่ได้ว่าตอนที่พี่ตั้งรอคำตอบจากเขาพี่ตั้งจะทรมานแบบนี้รึเปล่า กรรมคงตามสนองเขาทันตา
“วู้วๆๆ...” เสียงน่ารำคาญยังแหวกอากาศมาให้เขาเสียอารมณ์ เขากำลังใช้ความคิดใครกลับมาส่งเสียงอย่างไม่เกรงใจใคร บั่นทอนบรรยากาศเงียบสงบในวันหยุดแบบนี้ สายตาเขามองลงมาข้างล่างอ้าปากจะตะโกนด่าต้นเหตุแห่งเสียง
ภาพของชายหนุ่มเบื้องล่างที่กำลังยืนโบกมือขวาไหวๆ มือซ้ายยกบรรดาถุงพะรุงพะรังที่คนสายตาดีอย่างเขาพอมองออกว่ามันคือของกิน เสียงท้องที่ซื่อสัตย์ร้องโครกออกมายืนยันทันทีว่าการรับรู้ของสมองเขาไม่ผิดมันคือของกินแน่ๆ
ชายหนุ่มต้นเหตุเสียง “วู้วๆ” เปิดรอยยิ้มกว้างส่งมาให้เขา ส่งสัญญาณมือยกนิ้วชี้ขึ้นว่ากำลังจะขึ้นมาหา เขาผู้เป็นเจ้าของห้องจะอนุญาตรึเปล่า

ไม่ต้องใช้เวลาคิดให้นาน ริมฝีปากเขาส่งยิ้มที่กว้างกว่ากลับไปแล้วพยักหน้าพร้อมทำมือลูบท้องให้เห็นว่าหิวจะแย่ ชายหนุ่มเบื้องล่างหัวเราะในท่าทางของเขา จนเขาเห็นกระทั่งแววตายินดีคู่นั้นที่ยิ้มด้วย
ก่อนที่ชายหนุ่มคนนั้นจะเดินลับเข้ามาใต้ชายคาตึก เขาตะโกนออกไปดังๆอย่างไม่อายใคร
“พี่ตั้ง!!!!!”
ชายหนุ่มหน้าตาดีคนเดิมเดินออกมาทำหน้างงๆปนประหลาดใจ ตะโกนกลับ “จะเอาอะไรอีกเหรอเหลิม!!!”
เขาส่ายหน้าแรงๆ เพราะกลัวปลายทางเห็นไม่ชัด ตะโกนเหมือนไม่มีใครอยู่ใกล้ๆอีกครั้ง

“เปล่า!!! จะบอกแค่ว่า โคตรคิดถึงพี่เลยยยย.....”

เขาเห็นสีหน้าคนข้างล่างชัดเจน ใบหน้าพี่ตั้งเปลี่ยนเป็นสีแดง ยิ้มอายๆ ก่อนส่งจูบลอยลมมาให้เขา พี่ตั้งส่งคำพูดตอบกลับมา แต่ไม่ได้ตะโกนเหมือนเขาเพราะตอนนี้คนเริ่มชะโงกหน้าออกมาดูกันหลายห้อง เขารีบเดินกลับเข้าห้องบ้างเมื่อข้างห้องเดินออกมาดูทำสีหน้าสอดรู้สอดเห็น  เขาเดินไปเปิดประตูให้พี่ตั้งพร้อมมีรอยยิ้มติดอยู่ที่ริมฝีปาก เมื่อนึกถึงคำพูดที่เขาอ่านปากพี่ตั้งได้ว่า
“แต่พี่โคตรรักเหลิมเลยยยย...”
*******************
ถ้าบอกว่าจบแล้ว จะเชื่อรึเปล่า อิอิ แต่ขอจบแบบนี้จริงๆ ค่ะ เรื่องของคนทั้งคู่จะเป็นอย่างไรต่อไปก็คงแล้วแต่วาสนาของเหลิม กับกรรมเก่าของตั้ง

ขอบคุณที่ยังติดตามอ่าน หรือถ้าหลงเข้ามาอ่านแล้วทนอ่านต่อได้จนจบ ก็ขอขอบคุณเช่นกันค่ะ ถ้ามีโอกาสดีๆงามๆ คงได้มีเวลาเขียนเรื่องใหม่มาให้อ่านกันค่ะ :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2012 19:29:16 โดย M@nfaNG »

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
ตามอ่านอยู่ก็อยากรู้ว่าจะจบยังไง

ตอนจบมันก็ยังมึนๆ อยู่ดี เหมือนคำตอบที่เหลิมให้พี่ตั้ง แบบว่า เก็บเอาไปคิดเองเหอะมึง!!!  :m31:

เรื่องพี่ตั้น ก็ยัง งงๆ สรุบแค่เพื่อนรักกันมาก หรือเพื่อนแอบรักเพื่อน เห็นสะสมของขนาดนั้น :เฮ้อ:

ยังไงก็ขอบคุณมากค่ะ ที่ต่อจนจบ  :pig4:

ออฟไลน์ n2

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1777
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +113/-4
ขอบคุณที่มาต่อจนจบค่ะ :L2:

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
จบแล้วหรอเนี่ย

อยากอ่านตอนพิเศษจังค่ะ พี่ตั้งกับเหลิมยังหวานไม่จุใจเลย

อยากได้ตอนหวานๆมั่งจัง ฮ่าๆๆๆ

ขอบคุณนะคะ ^^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด