รอบนี้มาไว
*****************
วันอาทิตย์
วันนี้เขาตื่นสาย ไม่ใช่เพราะปวดเมื่อยจากการประชดชีวิตเลยหักโหมทำงานบ้านมากเกินไป
ไม่อยากโทษว่าเป็นเพราะซอร์ไพรส์ของพี่ตั้ง
ไม่ใช่อาหารทั้งหมดที่พี่ตั้งซื้อมายั่วน้ำลายให้เขาสวาปามไปเกือบทั้งหมดอย่างไม่รู้ตัว
ไม่ใช่ตัวพี่ตั้งที่โผล่มาแบบไม่ให้เตรียมตัวหล่อกันล่วงหน้า
ไม่ใช่เพราะคิดมากที่นุ่งน้อยห่มน้อยโชว์สายตาพี่ตั้งและเพื่อน เพราะอายก็จริงแต่แป๊ปเดียวหลังจากนั้นก็ลืม
แต่เป็นเซอร์ไพรส์ที่สองที่เขาไม่ได้อยากให้มีเลย 'พี่ตั้น' เราสู้กันไปหลายยกจนเช้านี้เขาแทบไม่มีแรงเพราะใช้พลังงานและสมองไปเยอะจนไม่อยากจะตื่นมากกว่า
มันเริ่มจาก พอพี่ตั้นเข้ามาในห้องก็กวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนเอ่ยประโยคแรกออกมา “ห้องน้องเหลิมเล็กไปนะ ดีที่อยู่คนเดียว ไม่งั้นอึดอัดแย่” เขาได้แต่กัดฟันกรอด 'มันมาวิพากษ์วิจารณ์อะไรห้องกู'
“เรากลับไม่คิดแบบนั้น ห้องขนาดนี้ไม่เล็กหรอก กระทัดรัดดีสำหรับหนุ่มโสด ที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแล”เหมือนยกนี้พี่ตั้งจะช่วยไว้
“อืม ก็ยังดีที่สะอาด” โชคดีที่เขาทำความสะอาดบ้านไปครึ่งค่อนวันเลยพอรับแขกได้ ไม่อย่างนั้นได้ขายหน้าแน่ๆ
“ใช่ เหลิมเค้าดูแลทำความสะอาดทุกวันหยุด” พี่ตั้งตอบแทนแล้วหันมายิ้มให้กำลังใจ ดีมากพี่ช่วยผมหน่อย อยากพามาดีนัก แก้ปัญหาให้ด้วยแล้วกัน
ยังได้ยินเสียงพี่ตั้นบ่นพึมพำไม่เลิก “ห้องเล็กขนาดนี้จะนั่งกินกันตรงไหน โต๊ะก็เล็กนิดเดียว...”
เขาต้องอดทน อดกลั้นและอดออม “ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับพี่ตั้ง เชิญตามสบาย”วิจารณ์กันให้พอเลยนะ อย่าให้เขาต้องมานั่งฟังอะไรแบบนี้อีก ขอไปตั้งสติก่อนว่าจะรับมือกับสองคนนี้ยังไงดี ท่าทางเสาร์นี้จะไม่ผ่านไปง่ายๆซะแล้ว
กลับออกมาอย่างรวดเร็วปานวิ่งผ่านน้ำ เพราะไม่อยากปล่อยแขกไว้โดยที่เจ้าของบ้านไม่อยู่
ป่านนี้ห้องพักอันแสนรักของเขามิถูกสับเละกลายเป็นรังหมาไปแล้วเหรอ
“เหลิมมาพอดีเลย เหลิมมีเบียร์มั้ย ตั้นเขาอยากดื่ม”
เขาส่ายหน้า “ผมไม่ชอบดื่ม พี่อยากดื่มทำไมไม่ซื้อมาเองล่ะ” พูดไปแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่า พี่ตั้นที่อยากดื่มไม่ใช่พี่ตั้งนี่หว่า ลืมสร้างภาพกับเพื่อนใหม่ แต่พูดกวนไปแล้ว ช่างมันฉันไม่แคร์ เพื่อนพี่ตั้งไม่ใช่เพื่อนเขาไม่จำเป็นต้องรักษาน้ำใจ
พี่ตั้นมองหน้าเขาเฉยแล้วพยักหน้า “จริงของเหลิม ผมอยากดื่มก็ควรต้องซื้อมาเอง เหมือนตั้งอยากมาหาน้อง”
พี่ตั้นหยุดพูดแล้วยิ้มเยาะในหน้าใส่พี่ตั้ง “ก็ต้องซื้อของกินมาเอง มันคงเป็นกฎของน้องเหลิม” เขาฟังแล้วคันปากยิบอยากด่ากลับ แต่ไม่ทันพี่ตั้งที่พูดแทรกขึ้นมา
“ตั้น พอแล้ว เดี๋ยวเราไปซื้อให้นายเอง เลิกกวนซะที” พี่ตั้งลุกขึ้นเตรียมจะออกไปแต่พี่ตั้นดึงมือไว้
“เราก็พูดไปงั้นเดี๋ยวเราไปเอง นายอยู่กับเจ้าของบ้านเถอะ เดี๋ยวเรามา”
พี่ตั้นเดินออกไปโดยไม่ฟังอะไรอีก เดาอารมณ์ไม่ถูกว่าโมโหหรือเปล่า พอพี่ตั้นออกไปแล้วความสงบสุขก็กลับคืนสู่ชาวโลก เอ๊ยไม่ใช่ ความเงียบก็เข้ามาแทนที่ ก่อนที่พี่ตั้งจะเป็นคนหยุดความเงียบนั้นด้วยเสียงถอนหายใจ พี่ตั้งเดินมาหาเขาแล้วจับมือเขาไว้
“พี่ขอโทษนะที่พาเพื่อนมาโดยไม่บอกเหลิมก่อน” เขาเองก็เกือบพูดขอโทษพี่ตั้งไปแล้วที่พูดไม่ดีกับเพื่อนพี่ตั้ง แต่พอพี่ตั้งพูดออกมาก่อน นิสัยเข้าข้างตัวเองก็กลับมาอีก
“ก็ใช่น่ะสิ พี่ชอบทำอะไรตามใจตัวเองเรื่อยเลย ไม่ถามผมบ้างอะไรบ้าง”
“ก็ถ้าพี่ไม่ทำตามใจตัวเอง พี่จะได้รู้จักเหลิมได้ยังไง” ไอ้พี่ตั้งพูดแปลกๆ คนอะไรพูดไปตายิ้มไป เขาดึงมือออกจากมือพี่ตั้ง แกล้งทำเป็นเดินไปดูข้าวปลาอาหารที่พี่ตั้งซื้อมา อย่างกับจะเลี้ยงคนเป็นสิบ
“ซื้ออะไรมามากขนาดนี้ พี่ซื้อประชดผมเหรอ” พี่ตั้งเดินมาซ้อนอยู่ข้างหลังชะโงกหน้ามองตาม ใกล้จนสัมผัสลมหายใจแผ่วที่ต้นคอ
“ไม่ได้ประชด ก็อยากให้เหลิมกินของอร่อยๆ แต่พี่เลือกไม่ถูกมันน่ากินไปหมด”
พี่ตั้งเอาฝ่ามือร้อนมาจับไหล่เขาไว้ทั้งสองข้าง ทำเอาแทบสะดุ้ง พี่ตั้งพูดเบาเหมือนกระซิบที่ข้างหู “ทำไมถึงคิดว่าพี่ประชด”
“ผะ...ผมนึกว่าพี่คิดแบบพี่ตั้นซะอีก” เขาไม่กล้าพูดดัง รู้สึกว่าตัวเองก็ทำไม่ถูกหลายอย่าง ที่มากที่สุดก็คือเอาหมาออกจากปากไม่หมดสักที พูดอะไรก็ดูแย่ ก่อนที่จะรู้ตัวพี่ตั้งจับไหล่เขาให้หันหน้ากลับมาคุยกัน
“บางเรื่องพี่ก็คิด แต่บางเรื่องพี่ไม่คิด ตอนนี้เหลิมรู้มั้ยล่ะว่าพี่คิดอะไร” พี่ตั้งยิ้มมุมปาก แล้วก็ค้างไว้แบบนั้น แต่ตัวเขาเองยิ้มหรือทำหน้าแบบไหนไปก็ไม่รู้ พี่ตั้งคิดอะไรล่ะจะให้ตอบยังไงถึงจะถูกใจ เขาเบี่ยงตัวออกจากความใกล้ชิดเบือนหน้าหลบสายตาร้อนคู่นั้น มันใกล้เกินไปทำให้เขาทำตัวไม่ถูก
“ผมจะไปรู้ได้ยังไง”
หัวใจเต้นตุ๊บตับ เป็นครั้งแรกที่อยากให้พี่ตั้นรีบกลับมา ขอเวลาตั้งตัวหน่อยเจอทั้งเสียงนุ่ม ทั้งตาวิบวับแบบนี้ใจมันสั่น
“มะ...ไม่รู้ล่ะ แล้วพี่พาพี่ตั้นมาทำไม ผมไม่ได้รู้จักกับเขาสนิมสนมสักหน่อย” แกล้งโวยเปลี่ยนเรื่องไว้ก่อนกลบเกลื่อนความร้อนบนใบหน้า
พี่ตั้งส่ายหน้า “ปกติเหลิมก็เป็นคนตรงนะ แต่พอพี่ถามอะไรแบบนี้ทีไรทำไมชอบเฉไฉเลี่ยงไปมา”
เกลียดคนรู้ทัน แต่ตอนนี้ก็ขอเลี่ยงไปดื้อๆแบบนี้ไว้ก่อน“พี่ตอบผมมาก่อนเดี๋ยวเพื่อนพี่เค้ากลับมา ก็ไม่ต้องรู้เรื่องกันพอดี”
พี่ตั้งหัวเราะ “ก็ได้ๆ เขารู้ว่าพี่นัดกับเหลิมไว้ แต่เขาขอร้องให้พี่ไปเป็นเพื่อนซื้อของแต่เช้า พี่เห็นเหลิมไปทำงานก็เลยกะว่าเดี๋ยวพี่ซื้อของเสร็จเหลิมก็คงเลิกงานพอดีเลยตัดสินใจไปกับตั้น แต่พี่บอกว่ายังไงๆ ตอนเย็นพี่ต้องมาหาเหลิมก่อน ไม่อยากผิดสัญญา เขาก็โอเค แต่อยากมารู้จักเหลิมด้วย ก็แค่นั้น”
พี่ตั้งพูดง่ายๆ “พี่พูดง่ายเหมือนเค้าขอมาบ้านพี่เลยนะ ไม่ถามผมสักคำว่าพร้อมจะรับแขกรึเปล่า” เหมือนตอนที่พี่ตั้งดื้อจะมาบ้านเขาครั้งแรกไม่มีผิด
“พี่ชอบคิดเองตลอดว่าผมจะไม่ว่าอะไร”
พี่ตั้งพยักหน้า “พี่ยอมรับว่าข้อนี้พี่ผิด พี่ขอโทษนะ แต่พี่ก็อยากให้เหลิมรู้จักเพื่อนพี่ เพราะเรายังต้องคบกันอีกนาน ก็อยากให้รู้จักกันไว้”
เขาก็ยังขัดใจอยู่ดี “ทำไมผมต้องรู้จักเพื่อนพี่ด้วย ผมคบพี่ไม่ได้คบเขานี่” เขาตอบไปอย่างกวนๆ
“เหลิมไม่เคยได้ยินสุภาษิตฝรั่งเหรอ Love me Love my dog” พี่ตั้งยิ้ม
แต่เขาหัวเราะ ‘ดีว่ะไอ้พี่ตั้นกลายเป็นหมาไปแล้ว หึหึ’ แต่พอนึกขึ้นได้ถึงความหมายของคำว่า Love me ทำเอาเขินต้องหยุดหัวเราะ ต้องพูดเรื่องรักหมาแทน “ผมรู้ละ แต่ผมแค่รู้จักนะ ไม่อยากจะเลิฟ ปากเสียก็เท่านั้น กวนด้วย พี่ทนเข้าไปได้ยังไง”
พี่ตั้งจูงมือเขาไปนั่งที่โต๊ะ “ก็ไม่แปลก คบคนก็มีหลายอย่าง บางคนก็คบง่ายดีอะไรๆก็ไม่ว่า สบายๆ บางคนก็แบบตั้น ปากเสีย ขี้บ่น จู้ขี้จุกจิก เอาแต่ใจตัวเอง หึหึ อย่าบอกมันนะว่าพี่นินทามัน”
เขาหัวเราะ ชอบจริงๆมีคนผสมโรงด่าคนที่เขาไม่ถูกขี้หน้า แต่นิสัยแบบนี้คุ้นๆ ว่าเหมือนใครนะ แล้วทำไมพี่ตั้งต้องมองหน้าเขาแล้วยิ้มแปลกๆด้วย
“ไม่บอกๆ แล้วไงต่อพี่ ทำไมพี่ยังคบเขา”
“เพราะตั้นมันเป็นคนดี มีน้ำใจ จริงใจกับทุกคน คิดยังไงก็พูดออกมาตรงๆ ไม่หน้าอย่างลับหลังอย่าง”
“แค่เนี้ย” ก็ธรรมดาไม่เห็นจะเลิศเลอตรงไหน
“อีกอย่าง เค้ารักพี่อย่างจริงใจ”น้ำเสียงพี่ตั้งเมื่อพูดถึงเพื่อนรักช่างอ่อนโยน จนเขาอิจฉา
“หืม...รักพี่?” เขาอดแปลกใจไม่ได้ พี่ตั้งหมายความว่ายังไง สีหน้าเขาคงบอกว่าอยากให้พี่ตั้งอธิบายเพิ่มเติมหน่อย พี่ตั้งเลยเล่าต่อ
“เราคบกันมาตั้งแต่เด็ก สนิทกันมาก รู้ใจกันทุกเรื่อง” ยิ่งพี่ตั้งเล่าเขาก็ยิ่งอิจฉา เขารู้ว่าคนแบบเขาที่พี่ตั้งเพิ่งรู้จักได้ไม่ถึงอาทิตย์เทีียบไม่ได้เลยกับเพื่อนแบบพี่ตั้นที่รู้จักกันมานาน
พี่ตั้งกำลังจะเล่าต่อแต่เสียงกริ่งที่ประตูดังขึ้นแสดงว่าพี่ตั้นกลับมาแล้ว พี่ตั้งยิ้มเอื้อมมือมาตบไหล่เขาเบาๆ “ตั้นมาแล้วมั้ง เหลิมก็ทนๆมันหน่อยนะ มันไม่มีอะไรหรอก แค่ปากเสีย แต่ใจไม่มีอะไร” เขาผ่อนลมหายใจฝืนพยักหน้ารับปากพี่ตั้ง เขาคงต้องยึดสุภาษิตที่พี่ตั้งว่า ยังไงก็ลองดูมันไม่มีทางเลือกแล้วนี่
พี่ตั้นเข้ามาในห้องยังไม่ทันนั่ง ก็เริ่มเห่าเอ๊ย...บ่น “บ้านเหลิมห่างไกลความเจริญนะ กว่าผมจะหาร้านเซเว่นเจอต้องออกไปปากซอย ถนนทางเข้าบ้านก็แย่ รถสวนกันไม่ได้ต้องหลบไปมา” เขาอยากหาสำลีมาอุดหูแต่ก็จะดูเสียมารยาท จำใจข่มอารมณ์อธิบายไปตามสภาพด้วยภาษาสุภาพ
“เขาขุดถนนอยู่ครับ ทำท่อระบายน้ำ ผมก็ไม่ได้ใหญ่โตขนาดจะไปเร่งให้เขาทำเสร็จไวๆได้ ส่วนเซเว่นผมก็ไม่มีปัญญาไปบอกให้เขามาตั้งข้างตึก บังเอิญไอ้ผมก็ไม่ชอบบริโภคอะไรดึกๆดื่นๆ เหล้าเบียร์ก็ไม่ชอบ นานๆก็ไปซื้อของเข้าบ้านที่ซุปเปอร์ที ผมเลยไม่รู้ว่ามันไกล ทำพี่ลำบากขนาดนั้น...”เขากำลังจะพูดต่อว่ายังไงพี่ก็คงได้มาบ้านผมหนเดียว พี่จะบ่นหาเตี่ยไปทำไม(วะ) แ่ต่พี่ตั้งรีบแทรกขึ้นมาก่อน
“เลิกพูดเถอะ หิวข้าวจะแย่ มากินข้าวก่อน แต่สงสัยต้องอุ่นใหม่อีกรอบ มันเย็นเพราะรอนายไม่มาสักที”
“ก็บอกอยู่นี่ไงว่ามันไกล ยังจะว่ามาช้าอีก”พี่ตั้นเริ่มมีอารมณ์ยังบ่นพึมพำต่อ แต่พี่ตั้งกลับหัวเราะขำ
พี่ตั้นเลยบ่นต่อไม่หยุด “ซื้อมาตั้งเยอะแยะ ใครจะกินเข้าไปหมด แค่มาเหลิมเค้าก็ดีใจแล้ว นายไม่ต้องเอาใจขนาดนี้ก็ได้”
น่าน...มาแขวะเขาอีก จะบ่นก็บ่นไป ทำไมต้องมาลากเขาไปยุ่งด้วยก็ไม่รู้ ทำเอาเขาทนไม่ไหวต้องสวนกลับ
“อย่างพี่ตั้งเค้าเรียกมีน้ำใจไม่ใช่เอาใจ เค้าจะมาเอาใจผมทำไมเค้าต้องเอาใจพี่สิ ไม่งั้นจะยอมไปกับพี่ตั้นแต่เช้าเหรอ ทั้งที่นัดผมไว้”
พี่ตั้นเงยหน้ามามองเขานิ่งแล้วก้มหน้าจัดอาหารต่อ พูดน้ำเสียงธรรมดาแต่ก็จิกกัดพอแสบๆคันๆ
“ก็อย่างเหลิมว่า ตั้งมันมีน้ำใจเพื่อนขออะไรไม่มีขัด เค้าก็ไม่ได้เอาใจพี่เหมือนกันขนาดธุระพี่ยังไม่เสร็จ ยังต้องรีบมาหา
เหลิมเลย ไม่ยอมไปกับพี่ต่อ อย่างนี้พี่ก็ต้องนึกว่าเอาใจเหลิมสิ” พี่ตั้งส่ายหน้าคงระอากับเพื่อนตัวเอง เดินมาดึงเขากับพี่ตั้งให้นั่งลง
“สองคนนี้ ไม่มีใครยอมใครเลยนะ มากินข้าวก่อนเถอะ จะได้ไม่ต้องพูดไปให้เวียนหัว”
พี่ตั้นคงไม่ยอมจบ “นายก็บอกมาสิว่าใครพูดถูกกว่ากัน เหลิมจะได้สบายใจ” ดูมันมาโยนให้เขาอีก ก็ใครเริ่มก่อน ใครกันแน่ที่จุดชนวน เขาก็อยากรู้ว่าพี่ตั้งคิดยังไง “ใช่พี่ตั้งพูดมาเลยใครถูก”
พี่ตั้งก็คงรำคาญเริ่มพูดเสียงแข็ง “ตั้น เหลิม ไม่มีใครถูกใครผิด เราไม่ได้เอาใจใครทั้งนั้น ไม่ต้องเถียงกัน ทุกอย่างที่ทำก็เอาใจตัวเองเป็นหลัก อย่างไหนทำแล้วมีความสุขก็ทำ เลิกตีรวนกันสักที ถ้าไม่เลิก ไม่กิน ก็กลับ จะเอายังไงเลิกไม่เลิก”
คำตอบของพี่ตั้งทำเอาเงียบกันไปทั้งคู่ เขาเพิ่งเคยเห็นพี่ตั้งในอารมณ์แบบนี้ดุเอาเรื่องแฮะ
เขากับพี่ตั้นพูดเสียงอ่อยๆแทบจะพร้อมกัน “เลิก”
ก่อนที่จะหันหน้ามามองสบตากันเปรี๊ยะๆ ส่งสัญญาณสงบศึกชั่วคราว ราตรีนี้อีกยาวไกล เขาตัดสินใจกินก่อนดีกว่า ท้องอิ่มแล้วคิดอะไรก็ปลอดโปร่ง ใครจะพูดมาแบบไหนเขาไม่เคยกลัวอยู่แล้ว ดีนะเนี่ยที่ยังมีหมาเหลืออยู่ในปาก ยังไงก็เก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉินได้ ที่พี่ตั้งจะให้รักหมาของพี่ตั้งด้วยท่าจะยากเสียแล้ว เพราะหมามันมากัดเขาก่อนแล้วจะรักมันลงได้ยังไง
***********************
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
ปล.เริ่มมึนกับชื่อตั้งชื่อตั้น
ถ้าเขียนผิดขอโทษนะคะ มึนนนนน