อากาศเริ่มเย็นรักษาสุขภาพนะคะ
*************************
อะไรๆ น่าจะดีขึ้นเมื่อเราหยุดเถียงกันเพราะต่างก็กลัวพี่ตั้งจะโกรธเลยต่างคนต่างกินกันไปเงียบๆ
พี่ตั้นขมุบขมิบปากบ่นแต่ไม่รู้ว่าบ่นอะไรเพราะไม่มีเสียงอะไรออกมา
แต่บรรยากาศที่ไม่พูดอะไรเลยมันน่าอึดอัดมากจนคนที่ทนไม่ไหวกลับเป็นพี่ตั้งเอง
“เป็นอะไรกัน ทำไมไม่มีใครพูดอะไรเลยล่ะ” พี่ตั้งมองหน้าเขาก่อนที่จะหันไปมองหน้าพี่ตั้นเลิกคิ้วเหมือนถาม
เขาและพี่ตั้นเหลือบตามองหากัน แต่โดยมิได้นัดหมาย
“ไม่มีอะไรอร่อยเลย”
“เผ็ดมาก กินไม่ไหว”
พีตั้งมองหน้าเราสองคนแล้วกลืนน้ำลาย “แล้วทำไมกินเอา กินเอา ทั้งคู่เลยล่ะ”
“ก็พี่ไม่ให้พูด ผมก็กินไปอย่างนั้นแหละ กำลังหิว กินกันตาย”
พอเขาพูดจบ พี่ตั้งหน้าเสีย พูดเสียงอ่อย “พี่ก็เลือกแต่ที่คิดว่าเหลิมจะชอบกินนะ”
พี่ตั้นที่นั่งอยู่ขมวดคิ้วขึ้นมาบ้าง “ทำไมนายซื้อแต่อะไรที่เผ็ดๆ นายก็รู้ว่าเราไม่ชอบกินเผ็ด”
พี่ตั้นกอดอกถามพี่ตั้งเสียงเครียด พี่ตั้งหน้าซีดหนักขึ้นไปอีก “เราบอกคนทำแล้วให้เผ็ดน้อยนะ” ทำเอาเขาเริ่มสงสารพี่ตั้ง
เขาลองเอาส้อมจิ้มยำทะเลมาชิม ก่อนหันไปบอกพี่ตั้น“ก็ไม่เผ็ดนี่ ยำมันก็รสชาติแบบนี้ ถ้าแบบนี้เรียกว่าเผ็ดก็แสดงว่ากินจืดมาก”
เขาเผลอยิ้มหยันขึ้นมา พี่ตั้นหน้าตึงขึ้นมาทันที
“คนไม่กินเผ็ด ไม่ได้แสดงว่ากินจืด แล้วคนกินไม่เผ็ดมันผิดตรงไหน”
เขายักไหล่ “ไม่ได้ว่าผิด ผมไม่ได้พูดสักคำว่าพี่ผิดที่ไม่กินเผ็ด พี่ฟังดีๆหน่อยสิ ผมไม่ใช่คนชอบหาเรื่องนะ”
เขาหันไปพยักพเยิดกับพี่ตั้งหาพวก “ใช่ปะพี่ตั้ง”
ตาพี่ตั้นร้อนเป็นไฟ ถ้ามันเผาคนได้เขาคงไหม้เป็นจุลไปแล้ว
“ใครบอกว่าเหลิมชอบหาเรื่อง พี่ยังไม่ได้ว่าเหลิมเลย เหลิมคงเข้าใจอะไรยากนะ พูดง่ายๆ ก็ไม่เข้าใจ” พี่ตั้นยิ้มเยาะ
เขากัดฟันแน่นแต่ยังไม่รู้จะตอบโต้ยังไงดียังคิดไม่ทัน พี่ตั้งก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
“เดี๋ยวก่อน ตกลงสองคนนี้กินอาหารที่ซื้อมาได้รึเปล่า หรือว่าไม่กิน จะได้กลับ”
พี่ตั้งทำท่าจะลุก อาจจะเริ่มโมโหเขาสองคนอีกครั้งที่ปะทะคารมกันตลอด เขารีบคว้ามือพี่ตั้งไว้ก่อนที่พี่ตั้งจะออกไป
อดสงสัยนิดหน่อยว่าทำไมวันนี้พี่ตั้งหงุดหงิดบ่อยจัง เขาก็เป็นแบบนี้มาตลอดพี่ตั้งน่าจะชิน
หรือว่าพี่ตั้งรำคาญเพื่อนตัวเองมากกว่า ก็น่าอยู่หรอกเรื่องมากขนาดนั้น (ผู้เขียน:มันยังไม่รู้ตัวว่ามันก็ด้วย...เรื่องมากที่สุด)
“กินสิพี่ ทำไมจะไม่กินล่ะ พี่อุตส่าห์ซื้อมาให้ผมกิน ใครกินไม่ได้ ผมกินได้ก็แล้วกัน” เขากอดแขนพี่ตั้งแน่น หันไปย่นจมูกใส่พี่ตั้น
ถ้าพี่ตั้งมาคนเดียวไม่มีเนื้องอกมาแบบนี้อะไรๆคงจะราบรื่นกว่านี้แน่
“เราก็กินได้ อย่างอื่นมีตั้งเยอะแยะ นายซื้อของชอบเรามาเยอะเลยนี่”
พี่ตั้นเดินมาดึงแขนพี่ตั้งให้ไปนั่งข้างๆ เขาต้องจำใจปล่อยพี่ตั้งไปอย่างเสียดาย
แต่พี่ตั้งนั่งตรงข้ามก็ดีเขาจะได้มองหน้าพี่ตั้งชัดๆ หึหึ พี่ตั้งคุยกับพี่ตั้นแต่มองหน้าเขาแล้วหันมายิ้มให้เป็นระยะ แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว
พี่ตั้นชวนพี่ตั้งคุยได้พักหนึ่งก็เริ่มบ่นอีก “ทำไมผักเยอะจัง เหม็นมากเลย”
ไอ้คนเรื่องมาก ในที่สุดก็ทนไม่ไหวล่ะสิ เขาเอาช้อนไปตักกับข้าวมากิน
“ ไหน ผมกินเอง พี่ไม่กินผักอย่างกับเด็กๆแน่ะ หึหึ” ได้ช่องกัดซะที รอจังหวะมานานแล้ว
พี่ตั้นแย้งขึ้นมาอย่างไม่ยอม “ไม่ชอบ ก็คือไม่ชอบ เด็กหรือผู้ใหญ่ ก็มีอะไรที่ชอบและไม่ชอบเหมือนกัน”
“แต่ผู้ใหญ่ รู้เหตุรู้ผลมากกว่าเด็กว่าอะไรดีมีประโยชน์ อะไรไม่ดี เด็กกับผู้ใหญ่เลยไม่เหมือนกัน”
พี่ตั้นกัดฟันแน่น เถียงไม่ออกล่ะสิ เขาคิดว่ายกนี้อาจจะชนะ แต่พี่ตั้งก็ยังเป็นกรรมการห้ามมวยอยู่ดี
“ไม่ใช่หรอกเหลิม ไอ้เรื่องรู้ไม่รู้ กับชอบหรือไม่ชอบ มันไม่จำเป็นต้องไปด้วยกัน
บางทีรู้แต่ไม่ชอบมันก็เยอะ มันเป็นความชอบส่วนตัวของแต่ละคน เราเอาตัวเรามาตัดสินหมดทุกอย่างไม่ได้หรอก”
เขาฟังแล้วก็ยังคิดตามไม่ทัน แต่รู้สึกเหมือนพี่ตั้งจะเข้าข้างเพื่อน ทำเอาอารมณ์เสียขึ้นมาอีกครั้ง
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ไม่กินก็ไม่กิน ผมกินเอง”
เขายกอาหารจานนั้นมาวางตรงหน้าแล้วเริ่มกินอย่างไม่แบ่งใคร หลังจากนั้นพอพี่ตั้นเริ่มบ่นอาหารจานไหนเขาก็เอามากินเองหมดทุกจาน
จนในที่สุดตรงหน้าพี่ตั้งกับพี่ตั้นไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย เพราะพี่ตั้นบ่นไปทุกจาน
พี่ตั้งกับพี่ตั้นไม่มีอะไรจะกิน เลยเริ่มคุยกันสองคนไม่สนใจเขา พี่ตั้งลืมไปรึเปล่าวะว่านั่งหัวโด่อยู่นี่อีกคน
ยิ่งทำให้หงุดหงิดขึ้นไปอีกที่ไม่มีใครคุยด้วย เขากินจนแทบจะอ้วกออกมาแต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนใจไว้
ไหนๆก็ประชดไปแบบนี้แล้ว จะถอยหลังก็เสียฟอร์มแย่ ได้แต่ฟังเพื่อนรักสองคนคุยกันเก็บข้อมูลไปก่อน
พี่ตั้งถามพี่ตั้น “นายไปเดือนหน้าวันไหน ยังขาดอะไรอีกบ้าง”
(พี่ตั้นจะไปไหนล่ะ อยากรู้จริงๆ แต่ไม่อยากถาม เดี๋ยวจะหาว่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน แต่ไปไกลๆก็ดี น่ารำคาญ)
“ไปกลางเดือน ก็ขาดเท่าที่บอกนาย นายจะว่างไปเป็นเพื่อนเราซื้ออีกเมื่อไหร่ล่ะ”
พี่ตั้นตอบแล้วเหลือบมามองหน้าเขา ทั้งที่เขาไม่เกี่ยวด้วยสักหน่อย
เขาเลยต้องรีบก้มหน้าแกล้งกินอย่างไม่สนใจเรื่องที่พี่สองคนคุยกัน ทั้งที่ฟังทุกอย่าง
สรุปได้จากการแอบฟังว่าพี่ตั้นจะไปที่ไหนสักแห่งกลางเดือน ถ้าพี่ตั้นยังไม่ไปนี่เขาต้องทนไปอีกนาน
นี่เพิ่งจะต้นเดือนมิลากพี่ตั้งไปนู่นนี่ด้วยตลอดเหรอ
“วันไหนก็ได้ ขอแค่วันเสาร์อาทิตย์ เราไม่ว่าง” พี่ตั้งหันมายิ้มให้เขา เขาเลยยิ้มตอบทั้งที่ไม่รู้เรื่องว่าพี่ตั้งไม่ว่างเรื่องอะไรกัน
พอหันไปมองพี่ตั้นทำหน้าบึ้งได้อีก อยากถามว่าเป็นอะไรมากมายนักหนาพี่ ท้องผูกก็ไปซื้อมะขามแขกกิน
ถ้ายังไม่ออกอีกก็ไปซื้อที่สวนที่ร้านยาซะอันละไม่ถึงสิบบาท จะมาหน้าบูดสร้างมลพิษทางสายตาให้ชาวบ้านทำไม
“เหลิมไม่ดื่มเบียร์สักหน่อย พี่ไม่คิดเงินหรอก ไม่ต้องกลัว” พี่ตั้นหันมาชวนเขาดื่มเอาดื้อๆ ทำเอาสะดุ้ง
กำลังคิดนินทาอะไรเพลินๆ แต่จะชวนทั้งทีไม่มีพูดดีๆ ต้องมีเหน็บ มีแหนบให้เจ็บจิ๊ดๆ
“ใครว่าผมกลัว ผมไม่ชอบดื่มมากกว่า”
พี่ตั้นหัวเราะแล้วยักไหล่ เขาโคตรเกลียดคนที่ทำอาการแบบนี้ที่สุด ชาติที่แล้วเป็นหุ่นกระบอกรึไง
“สงสัยคออ่อน ก็ดีแล้ว ดื่มไม่ได้ก็อย่าทำเป็นเก่ง เดี๋ยวกินแล้วอ้วก เสียของ” ไอ้พูดแบบนี้แถวบ้าน แถวที่ทำงานเรียกว่าดูถูกขั้นร้ายแรง
“พี่ไม่รู้จักผม อย่ามาพูดตัดสินกันง่ายๆแบบนี้ ผมดื่มก็ได้ ถ้าดื่มมากไป อย่ามาเสียดายเบียร์แล้วกัน”
ไม่รู้ว่าผีบ้าในตัวหรือใครกันแน่ที่ทำให้เขาพูดไปแบบนั้น หลังจากที่เขาดื่มไปสามแก้ว ความรู้สึกในการโต้ตอบก็ช้าลง
สายตาพร่ามัว เสียงพี่ตั้งฟังนุ่มขึ้นเหมือนขยี้ด้วยฟองเบียร์
“เหลิมหน้าแดงมากเลย เมาแล้วเหรอ ดื่มไปนิดเดียวเอง”
เขาเอื้อมมือไปกุมมือพี่ตั้งไว้ อยากจะยิ้ม อยากจะคุยกับพี่ตั้งแค่สองคน
“ยังไม่เมาครับพี่ตั้ง แค่มึนๆ” อืม แอลกอฮอล์ทำให้อยากพูดเพราะกับพี่ตั้งแฮะ
พี่ตั้งดึงมือออกแล้วลุกมาหามานั่งข้างๆ เขา เอามือมาจับหัวไว้แล้วโยกเบาๆ
เขาคว้ามือพี่ตั้งมาแนบแก้ม อยากบอกพี่ว่า ‘อย่าโยกจะอ้วกแล้วพี่’
แต่ปากบอกไปแค่ว่า “อื้อ...พี่ตั้งอย่าแกล้งผม” พี่ตั้งหัวเราะ ลูบหัวเขาอย่างเอ็นดู
“เมาง่ายจริงๆ คออ่อนไม่สมราคาคุยเลย” เสียงใครวะกวนตีนลอยลมมา หันไปมองหน้าคนพูดสักหน่อย
หึหึ ของแปลกน่าเอาไปออกงานวัด หน้าตาดีแต่ปากเสีย เพื่อนปากหมาของพี่ตั้งนี่เอง
เขาลืมตัวชี้หน้าพี่ตั้น “พี่อย่าพูดแบบนี้นะ ดูถูกผม ไหนรินมาเล้ย เอามาอีกแก้ว”
เขายื่นมือสะเปะสะปะออกไปที่พี่ตั้น แต่คว้าได้มาแต่ลม
เสียงพี่ตั้งบ่นพึมพำ “เหลิมเมาแล้วว่ะตั้น นายรอนี่นะเดี๋ยวเราพาเหลิมไปนอนดีกว่า”
เขาไม่ได้ยินเสียงพี่ตั้นตอบว่าอะไร รับรู้แค่แรงเหนี่ยวจากแขนแกร่งของพี่ตั้งที่ดึงตัวเขาลุกขึ้นมาแล้วพยุงกึ่งประคองเขาเดินไปที่ห้องนอน
“ผมยังไม่อยากนอน” เขาประท้วงไปเบาๆทั้งที่ตากำลังจะปิด เสียงพี่ตั้งหัวเราะเบาๆแผ่วๆอยู่ข้างหู
อยากถามว่าขำอะไรนักหนา เมาแต่ไม่ยอมรับมันผิดตรงไหน
พี่ตั้งพาเขานอนลงบนเตียงอย่างนิ่มนวล มันสบายจริงๆเมื่อได้นอนแผ่หลาบนเตียงของเราเอง
พยายามเบิกตาที่กำลังจะหลับเพื่อไม่ให้หลับยังอยากคุยกับพี่ตั้งอยู่
พี่ตั้งนั่งลงข้างเตียงเอามือลูบหน้าเขาอย่างแผ่วเบา เกลี่ยผมที่ปรกใบหน้าออก เราสบตากันนิ่งนาน
เขาจับมือพี่ตั้งไว้ เรื่องที่ยังคาใจหวนกลับขึ้นมาในความคิดอีกครั้ง
“พี่หายโกรธผมแล้วเหรอ”
พี่ตั้งเลิกคิ้วเหมือนจะถาม “เรื่องไหนล่ะ”
เขาสั่นหัวเบาๆ สั่นแรงไม่ได้เดี๋ยวข้างในมันจะพุ่ง “ม่ายย...รู้ ทุกเรื่องมั้ง ผมทำไปแยะ จำไม่หมดว่าเรื่องไหนบ้าง”
พี่ตั้งยิ้มอย่างใจดี “นั่นสิ พี่ก็จำไม่ได้ ลืมไปหมดแล้ว”
เขายิ้มตอบแต่ตาจะหลับ มันหนักจนแทบจะลืมไม่ไหว
แต่ปากยังพอขยับได้ พูดแบบหลับตาก็ได้วะ “ขอบคุณพี่นะ พี่อย่าเพิ่งกลับนะ”
“หืม ขอบคุณเรื่องอะไร ง่วงแล้วก็นอนเถอะ ไว้ค่อยพูดวันหลังก็ได้” พี่ตั้งดึงมือออกเอาผ้ามาห่มให้
หลังจากนั้นเขาก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย ลางเลือนในความรู้สึกว่าแรงกดเบาๆที่แก้มยังอุ่นจนเขาจำได้
เสียงแผ่วเบาของพี่ตั้งยังลอยอยุ่ในความทรงจำ
“ฝันดีนะครับเหลิม”
*******************