/
ที่ไปกินข้าวกันก็ไม่มีอะไรมากคับ หนุกหนานดี พี่นัทก็เข้าขากับเพื่อนผมได้ทุกคน แต่ผมว่ามีบางช่วงเค้าชอบหลอกถามเรื่องผมกับเพื่อน พีกับไอ้โจ มันซื่อ+เซ่อ อยู่แล้วอ่ะคับ รู้อะไรก็เล่าเค้าไปหมด แต่ผมเปิดเผยคับ รู้ก็ดี จะได้ไม่ต้องพูดเอง เหอๆๆ
ทีนี้ช่วงประมาณค่ำๆ ผมโทรหาวีเพราะเค้าขับรถกลับ ตจว. คนเดียวอ่ะคับ ก็เลยห่วงนิดนึงตามประสาเพื่อน
แต่พอดีคุยนานไปหน่อย แล้วผมก็ออกมาโทรไกลๆ ด้วย เพราะเสียงเพลงในร้านมันดัง พี่นัทก็เลยมาตาม บอกว่าจะกลับกันแล้ว
“อ้าว... งั้นเดี๋ยวพุไปจ่ายตังค์ก่อน” ผมบอกตอนวางสายจากวี
“จ่ายให้แล้ว ไปขึ้นรถเลย”
“.......อ่าว” ซะงั้น จ่ายให้ทำไมเนี่ย
แต่เค้าไม่ได้รอฟังผมคับ เดินไปที่รถเลย เพื่อนๆ ที่เหลือก็แยกกลับแท็กซี่ เหลือผมกับแบงค์ กลับรถพี่นัทสองคนซะงั้น
ระหว่างทางมาซักระยะ คุยเรื่องอื่นกันอยู่ดีๆ ไอ้แบงค์ดันเปิดประเด็น
“พี่นัทคบกับพุมานานยังคับ?”
เฮ้ย ถามอะไรอย่างนั้นวะ!
“คบตั้งแต่ยังจำความไม่ได้” นี่ก็ตอบกวน
“อ้าว ไม่ได้เจอกันที่ฝึกงานเหรอคับ?” ผมไม่ได้เล่าไอ้แบงค์ตั้งแต่สมัยพุทธกาล... มีข้ามศตวรรษบ้างก็ไม่แปลก
“ก่อนหน้านี้ก็เจอ ทำไมเหรอ?”
“ป่าวครับ ตอนฝึกงานพุเป็นไงบ้าง?”
“ชอบระรานคนอื่น...แถมทำอะไรก็ไม่เป็นซักอย่าง” ไอ้บ้า...! ใส่ร้ายกันชัดๆ ผมก็แค่ถามงานเค้าเองหง่ะ แล้วเค้าก็กวนตีนผม
“ฮ่าๆๆ มันก็ชอบงอแงงี้ล่ะพี่ ไอ้พุมันเรียนเก่งนะ เก่งกว่าผมเยอะ แต่เรื่องพื้นๆ มันไม่ค่อยรู้เรื่อง” ไอ้แบงค์เผาอย่างผู้รู้...
“หึหึ คบกับพี่ไปนานๆ เดี๋ยวก็รู้เอง รับรอง... ซึ้งไปถึงนิพพาน”
“........................”
แหง่ะ เจอประโยคนี้ไปไอ้แบงค์ถึงกับเงียบ
พอไปส่งแบงค์ถึงบ้าน พี่นัทก็ขับรถต่อไปที่บ้านผม ซึ่งอยู่กันคนละโลกเลย
ของผมมันเยอะใช่มะคับ พี่เค้าก็ช่วยแบกเข้ามาให้ถึงข้างใน... และทีนี้ก็ต้องเจอพ่อแม่ผมเด่ะ
“คุณพ่อคุณแม่น้ำพุ สวัสดีครับ” พี่นัทยังสามารถไหว้ได้ ทั้งที่ของเต็มมือ แม่ผมเปิดประตูบ้านให้ถึงกับมองอย่างสงสัย ส่วนพ่อผม...ไม่ไรมากคับ เห็นขนของเยอะ ก็เดินมาช่วยพี่นัทถือเอาไปเก็บ
“แม่-ป๊า นี่พี่นัท พี่ที่ฝึกงานพุนะ เค้ามาส่ง” ผมก็แนะนำไปตามระเบียบ
“ขอบใจมากนะ อุตส่าห์มาส่งน้อง” แม่ผมมองหน้าพี่นัทแบบสงสัยอย่างเห็นได้ชัด
พี่นัทยิ้มประจบเล็กน้อย “ไม่เป็นไรครับ ผมตั้งใจมาส่งอยู่แล้ว” สตอเบอร์รี่จริงๆ
“นี่กินอะไรกันมารึยังล่ะ?” ป๊าผมถามมั่ง
“เรียบร้อยแล้วครับ น้ำพุพาไปเลี้ยง อิ่มเลย” อ้าว... ลืมสนิท ผมไม่ใช่คนจ่ายตังค์ซักหน่อย เดี๋ยวตอนเดินกลับไปส่งต้องรีบคืน
“บ้านอยู่ไหนเหรอคะ?” แม่ผมเริ่มซัก เหมือนตอนเจอเคนครั้งแรกก็ประมาณนี้
“บ้านผมอยู่แถว xxx แต่ผมอยู่คอนโดตรงนี้เองคับ xxx ไม่ไกลเท่าไหร่” ห่ะ? ตอนแรกผมงงนิดหน่อย นึกว่าเค้าแหลแม่ผม
แต่ความจริงพี่นัทมีคอนโดตรงนี้จริงคับ แต่ว่าที่เค้าอยู่ประจำอ่ะ ในเมืองจ๋าเลย เพียงแต่พูดให้ดูว่าอยู่ใกล้บ้านผมที่สุด แม่จะได้ไม่ต้องเกรงใจมาก
คุยกันพอหอมปากหอมคอ พี่นัทก็ขอตัวกลับตามมารยาท
“ไปส่งพี่เค้าไป” แม่ไม่บอกผมก็ไปอยู่และ
พอถึงประตูหน้าบ้าน (แต่ยังไม่ออกจากบ้าน) พี่นัทก็ถาม
“กลิ่นไรวะ หอมๆ” เค้ามองหาที่มา แต่สายตาคงปรับความมืดไม่ทัน เลยยังไม่เห็น
“ดอกไม้อ่ะพี่”
“เออ รู้แล้ว ดอกอะไร?”
“จำปา” ผมหยิบที่ตกลงพื้นขึ้นมาให้เค้าดูอย่างไม่แน่ใจ
“การเวกเว้ย! ปลูกมาตั้งนานยังไม่รู้อีกเหรอวะ” แหง่ะ ถ้ารู้แล้วจะถามทำไม วัดไอคิวเหรอ
“เด็กน้อยเอ๊ย” พี่นัทดึงไหล่ผมมากอด “ตัวเหม็นอีกต่างหาก” อ้าว... -*-
พอดีหน้าบ้านผมมันไม่ค่อยสว่างอ่ะคับ รถบังอีก เลยไม่ต้องกลัวพ่อแม่จะเห็น
“เหม็นก็กอดอยู่ได้” ผมบอกเค้า หน้าแนบอยู่กับไหล่ ได้กลิ่นน้ำหอมสุดคุ้นโชยมาอ่อนๆ ดมแล้วสบายจมูกดี
“แบ่งเอาความหอมพี่ไป... กลิ่นคนอื่นติดมาจนแทบจะอ้วกอยู่แล้วรู้ป่ะ” พี่นัทพูดและผมขำ
“รู้ได้ไง?”
“กลิ่นไม่เหมือนเจ้าของ” พูดยังกะตรูเป็นหมา แต่เค้าเช็คได้จากกลิ่นนี่ล่ะคับอย่างนึง
“ไม่กลัวพ่อแม่พุเห็นเหรอ?” ผมเงยหน้าถาม
“พี่ว่าแม่เอ็งรู้แล้ว” พูดจบเค้าก็จูบปากผมซะงั้น “โชว์ว่าที่แม่ยาย จะได้รู้ว่าลูกเขยใจถึง”
“ตลก แม่อาจไม่ว่า แต่พ่อพุโหดนะ แล้วพ่อก็ไม่รู้ว่าพุเป็นด้วย”
“รีบบอกดิ พ่อเอ็งจะได้มีเวลาทำใจตอนเราหนีออกไปอยู่ด้วยกัน” และจาหนีทำไม???
“...................” ยิ่งพูดผมยิ่งไปไม่เป็นนะนี่
แต่เค้าก็ปากดีอย่างงี้แต่แรกอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะใช้คำพูดแบบไหน ในแต่ละสถานการณ์เท่านั้น
“กลับละ” พี่นัทว่างั้นและจูบแก้มผมอีกที
“รางวัลที่เรียนจบ”
“แค่เนี้ยย ไม่ลงทุน”
“ลงทุนความรักเว้ย เคยได้ยินป่ะ?”
“ม่ายอ่ะ” -*-
“เดี๋ยววันรับฯจริง จัดให้ชุดใหญ่ แต่วันนี้ซ้อมไว้ก่อน”
“แค่เนี้ยย”
“อย่าโลภๆ” พี่นัทตบหน้าผากผมเบาๆ
“แค่เนี้ยยย วันนี้วันซ้อมใหญ่นะ” ผมยิ้มพูดกวนตีนใส่มั่ง พี่นัทคงรู้สึกว่าโดนท้าเลยจับเข้าที่แขนผม
“งั้นมานี่”
อ้าวซะงั้น เฮ้ยยยย จะพาไปไหน (รีบพาไปเลย หุหุ) พี่นัทดึงผมไปข้างบ้าน แถวๆ ใต้ต้นไม้ให้ห่างจากประตูหน้าบ้านมาหน่อยคนที่ผ่านในซอยจะได้มองไม่เห็น แล้วทีนี้เค้าก็จัดให้สมกับเป็นวันซ้อมใหญ่เลยคับ
อ๊ากกกส์... แทบจะยืนไม่ไหว เล่นเอาสติแตกกระเจิงไปหมด
“นี่แค่ซ้อมนะ ยังไม่เอาจริง” พี่นัทพูดไปด้วยไซร้หลังคอกับใบหูไปด้วย ขนลุกมากคับ
“อืออ” เค้าจูบแลกลิ้นอีกทีก็ปล่อย
“พอละ เดี๋ยวเด็กใจแตก” เฮอ.... รอดตาย แต่รู้สึกตัวเองหน้าร้อนสุดๆ ใจก็เต้นแรง เพราะผมไม่ได้จูบใครมานานแล้ว
พอเราสองคนกลับไปที่เดิมหน้าประตูบ้าน ผมก็เห็นแววตาพี่นัท ...มันต่างจากเดิมไปเล็กน้อย
แบบ.... คนมีอารมณ์ (มั้ง) ถึงจะแค่นิดเดียวแต่ก็เห็นหง่ะ ส่วนผม...โดนไปเต็มๆ คงไม่ต้องบอกว่าจากนี้ต้องไปทำอะไรต่อ
“ตอบคำถามแม่ให้ดีๆ นะเว้ย” พี่นัทพูดเหมือนรู้ว่าแม่ผมจะถามงั้นล่ะ
“วันจริงรีบมาด้วย” ผมบอก
“เออ เดี๋ยวไปรอเลย” พูดจบเค้าเอานิ้วจิ้มๆ ตรงปากตัวเอง
“น้ำลายเปื้อน เช็ดด้วย” แหง่ะ เขินเลย
“เช็ดให้หน่อยดิ”
“เช็ดด้วยปากเอาไหม? แต่แม่เอ็งมองอยู่นะ”
เฮ่ย!!! ผมรีบวิ่งไปชะเง้อมองตรงหน้าต่าง... แต่ก็ไม่เห็นอะไรคับ
ไอ้นี่... แกล้งอีกแล้ว
และพอผมกลับเข้าบ้านหลังจากร่ำลากับพี่นัทแบบดูดดื่มกันเรียบร้อย แม่ผมก็เริ่มต้น...ซัก! ทันที
ผมก็เล่าไปตามจริงล่ะคับ (แต่ไม่บอกว่าไปทำอะไรกันมา)
“ไหนว่าไอ้ซีมันดีนักหนา ทำไมแกเลิกกับมันอีกแล้ว? นี่ฉันเดาล่วงหน้าไว้เลย ถ้าแกเป็นแฟนกับไอ้พี่นัทอะไรนี่ เชื่อขนมกินได้เลยนะเดี๋ยวก็เลิกกันอีก!”
โห เล่นอวยพรกันแบบนี้เครียดเลย แค่ปกติผมก็ไม่กล้ามีแฟนจะแย่แล้ว... แต่ที่แม่พูดก็ทำให้ผมได้คิดจริงๆ ล่ะคับว่าผมไม่เคยคบใครได้นานเลย
นอกจากเคนคนเดียว...
/
ก่อนวันรับจริงแบงค์ก็มาค้างเหมือนเดิม แต่ปัญหามันติดอยู่นิดนึงคับ แม่ผมอ่ะดิ ให้ไปตัดผมใหม่ ให้ดูเรียบร้อยกว่านี้ ตัดไปตัดมา มันสั้นมากเห็นตุ้มหู แม่ก็ให้ถอดออก แต่ประเด็นคือมันแกะยังไงก็แกะไม่ออก
“โอ้ยยย แบงค์ๆๆๆ เบาๆๆ กูเจ็บหูว้อยยย” ใครแกะก็ไม่ออกคับ พยายามกันอยู่นานแล้ว
“ทำไมมันดึงยากงี้วะสัส วงแม่งก็เสือกเล็กนิดเดียวอีก”
“ทิ้งไว้งี้ได้มะวะ กูเจ็บบ” น้ำตาเล็ดละเนี่ย
“ไม่ได้ๆ เค้าไม่ให้ใส่เครื่องประดับ ถ้ามีคนตรวจเจอไงมึงก็ต้องถอดก่อนรับฯ อยู่ดี”
“ก็มันแกะไม่ออกอ่า หูกูระบมเลย” ไอ้แบงค์เดินไปหยิบกรรไกรตรงแถวโต๊ะหนังสือ เสร็จแล้วก็ตรงดิ่งมาที่หูผม
“มึงระวังๆ นะ กูกลัวหูฉีก” พอนึกออกคับ ว่าจะเป็นไงต่อไปเพราะต่างหูผมเป็นพลาสติกน่าจะตัดออกได้
“กูระวังให้ มึงอยู่เฉยๆ” ไอ้แบงค์ปัดมือผมออก มันใช้ความพยายามอยู่นานโข จนในที่สุด...
“โอ๊ย!!” ผมรีบเอามือจับหูเพราะมันเจ็บจี๊ดขึ้นมา
“เฮ้ยๆๆ ออกแล้ว” ไอ้แบงค์ดีใจใหญ่ โชว์ผลงานให้ดู แต่หูผมเลือดทะลักโชกเลย
“แบงค์เลือดออกอ่ะ”
“เฮ้ย! ชิบ-หาย” ไอ้แบงค์หน้าซีด ยืนอึ้งไปแป้บนึงพอเห็นสภาพ
“พุ...กูขอโทษ เจ็บไหม?”
“เจ็บดิ”
“ขอโทษๆ กรรไกรมันแฉลบโดนหน่อยนึงว่ะ” ไม่หน่อยอ่ะ ผมรีบไปหยิบสำลีมาห้ามเลือด
ส่วนไอ้แบงค์ยืนอึ้ง ทำไรไม่ถูก
“พุ...กู...ขอโทษ กูออกแรงมากไปหน่อย แต่ถ้าไม่กด แม่งก็ไม่ยอมออกสักที ขอโทษนะ”
“เอออ ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็หยุด ขอบใจนะที่เอาออกให้” เหอๆ ปรากฏว่า... ทายาห้ามเลือดไปแล้ว นานมากคับมันก็ยังซึมอยู่
ทีนี้วันรับปริญญาผมเลยต้องมาในสภาพหูมีพลาสเตอร์ ฮ่าๆๆ ตลก + อายมาก แต่พอซักพักก็ต้องเอาออกคับ เพราะมันถ่ายรูปแล้วจะอุบาทว์
ผมไปถึงคณะตอนเช้า ก็เจอพี่นัทมาจริงๆ ด้วยคับ แต่ไม่ค่อยได้คุยกันมาก ผมยุ่ง และพี่นัทก็ต้องไปทำงานต่อด้วย
“ทำกิจกรรมเสร็จแล้วโทรบอกละกัน” ผมเล่าให้เค้าฟังละคับว่ารับฯ เสร็จมันต้องทำอะไรต่อบ้าง พี่นัทเวลาเค้าเป็นเงินเป็นทอง ให้มานั่งรอผมทั้งวันแบบไอ้แบงค์หง่ะ ไม่ได้หรอก
“จะไปแล้วเหรอพี่?” ผมถาม ก็เพราะเค้ามาอ่ะแป้บเดียวเอง
“แล้วจะอยู่ทำไมล่ะ?” พี่นัทย้อน
“อยู่เป็นเพื่อนพุ”
“แล้วรอบตัวเอ็ง ไม่ใช่เพื่อนเหรอวะ?” กวนตีน
“โอเคคับๆ เสร็จแล้วเดี๋ยวโทรหา”
ที่จริงวันนี้ญาติผมมากันหลายคนคับ กิจกรรมก็โคตรเยอะพี่เค้าคงไม่อยากอยู่นานให้ผมต้องมาพะวงด้วย และก่อนไปพี่นัทให้ของขวัญรับปริญญาผม เค้าใส่ถุงสีแดงๆ มา ผมคิดในใจตามเดิม
ไม่สร้อยก็แหวนวะ
แต่ที่ไหนได้....
“อย่าอึ้งๆ รู้จักไหม?” พี่นัทถามยิ้มๆ ผมส่ายหัว
“ ‘พระร่วงหลังทางปืน’ องค์นี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนะเว้ย เก็บไว้บูชาดีๆ นะ”
“......................” ผมมองหน้าเค้าแบบ... ไร้คำบรรยาย คืออึ้งคับ หัวใจหยุดเต้นไปสองวิ
เค้าให้พระหายาก แล้วพระเท่มากกก... ทั้งเท่ทั้งดูขลังเห็นแล้วขนลุกเลย
ผมไม่รู้เค้าคิดยังไงเหมือนกัน แต่น้ำตาผมคลอเลย ไม่รู้ทำไม? งง!!!
/
วันจริงนี่พิธีการเยอะสุดๆ ร้อนกว่าวันซ้อมอีก... กว่าจะได้เข้าห้องประชุมก็เรียกว่าต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างสูง
พอรับเสร็จตอนเย็นๆ ออกมา ก็จะมีน้องในสายรหัสมาพาพวกผมเนี่ยละคับ ไปรวมสายตัวเอง
ตามธรรมเนียมผมต้องอยู่กับสายรหัสเนี่ยละคับ แต่เพื่อนนอกห้องผมมากันวันนี้ พวกไอ้ขันหง่ะ ผมก็รอมันอยู่
ระหว่างถ่ายรูปกับบรรดาน้องๆ ทั้งหลาย ผมเห็นคนๆ นึงคับเดินแหวกฝูงชนเข้ามาใกล้พร้อมช่อดอกไม้
“.........................” ชิบหาย!! มาจริงด้วยว่ะ
จ. คับ เค้ายืนมองผมนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น เหมือนจะให้ผมเดินเข้าไปหาเอง
เหออ ที่จริงไม่อยากไปเลย แต่เล่นกดดันกันงี้ มันอึดอัดเลยต้องแวะไปคุยนิดนึง
“ยุ่งอยู่เหรอ?” พอผมเดินไปหา จ. ก็ยิ้มให้ทันทีคับ
“นิดหน่อย” ผมตอบ
“เรียนจบ งั้นก็มีเวลามากขึ้นแล้วสิ”
“........................” คิดอย่างนั้นเหรอวะ
“อุ้ยลืม มัวแต่ตื่นเต้น” จ.ยื่นช่อดอกไม้ให้ผม... ผมรับไปงั้นๆ เพราะไม่จ๋วย บวกกับผมไม่ได้พิศวาสอะไรในตัวเค้า
“ขอบคุณคับ โทษนะ เราต้องไปรวมสาย”
“ทำไรกันเหรอ?” แหกตาดูสิคับ เอ๊ย ไม่ช่ายย
“ถ่ายรูปสายรหัส”
“น้ำพุ ไปงานแต่งงานพี่สาวเราไหม เดือนหน้านี้อ่ะ โต๊ะจีน.. ไว้จะพาไปเจอแม่เราด้วย”
“เอ่อ... เราไม่อยากกินโต๊ะจีน” ผมไม่รู้จะพูดไงคับ คือ... เคยพูดแรงไปทีนึง เค้าร้องไห้เลยหง่ะ ผมแพ้น้ำตาผญ. ไม่อยากเห็น
“งั้นอยากกินอะไร?” จ. ซักต่อ
“โต๊ะไทยอ่ะ”
“ถ้าอยากกินโต๊ะไทย งั้นไว้งานแต่งเราสองคนแล้วกัน ^ ^”
เอ่อ.... กูไม่ไหวแล้วโว้ยย!!!
“ขอตัวก่อนนะ”
“เดี๋ยวๆๆ ถ่ายรูปด้วยกันก่อนน้ำพุ โทษนะคะ ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย...” จ. รีบยื่นกล้องให้ไผ่ น้องมันก็เลิกคิ้วประมาณว่า.... อะไรของเธออ
ผมโดนลากมาตรงที่จัดซุ้มถ่ายรูป แชะไปสองสามที ก็ยกมือบอกไผ่ให้พอ
“น่ารักดีจัง” จ. รับกล้องคืนและเปิดดูรูปทันที
“อยากเห็นหน้าไปเรื่อยๆ แบบนี้อ่ะ” กรูจะอ้วกก
“ฝันอยู่รึเปล่าครับพี่?” ไอ้น้องไผ่ดูจะรำคาญเหมือนผม ก็เลยถาม
“ฝันก็ไม่ได้หรือไงคะ มีห้ามฝันด้วยเหรอน้ำพุ?” อ้าว ...เป็นกูซะงั้น
“น้ำพุมาตรงนี้หน่อย” ผมขืนตัวไว้นิดนึง เค้าก็ดึงไม่ได้
“ขอคุยส่วนตัวนิดนึง ตรงนี้มันเสียงดัง คนเยอะน่ะ นะ แป้บเดียว” เอาก็เอาวะ จะได้จบๆ กันไป
พอถึงตรงที่คนไม่พลุกพล่าน จ.ก็เริ่มพูดในสิ่งที่ผมไม่อยากได้ยิน
“ทำไมน้ำพุทำหน้าไม่ดีใจเลยล่ะที่เรามา?” ถ้าคุณนึกภาพไม่ออก ก็เรยาเลยคับ
“ไม่เจอกันตั้งนานไม่คิดถึงเราเลยเหรอ? ต้องซักกี่เดือนกี่วันอ่ะ น้ำพุถึงจะเริ่มคิดถึงเรา”
“ใจเย็นคับ” ผมยกมือห้าม
“น้ำพุเข้าใจเราบ้างไหมอ่ะ?”
“เข้าใจคับ แต่...”
“เข้าใจว่าไง น้ำพุคิดว่าเรารู้สึกยังไงล่ะ?”
“จำไม่ได้” ผมเริ่มหงุดหงิดละ
“งั้นเอาใหม่ น้ำพุคิดยังไงกับเรา?”
“ไม่ได้คิดอะไรเลย!!” ผมตอบจริงจังพอๆ กับที่ จ.ถาม หน้าเค้าเสียไปนิดนึง
ทีนี้... ปฏิกิริยาต่อมาคือ.. จ. เริ่มตาแดง จมูกแดงและร้องไห้ออกมา...ซะงั้น
“เราเข้าใจแล้ว ไม่สำคัญว่าน้ำพุจะคิดยังไง แค่นายคิด ไม่ว่าจะเป็นอะไร ยังไงก็ได้ น้องสาวที่ดีเราก็เป็นมาแล้ว จะเป็นเพื่อนที่ดีอีกซักอย่างจะเป็นไรไป” จ. พูดไปร้องไห้สะอึกสะอื้นไป
ผมเองก็ทำไรไม่ถูก จะให้ปลอบก็คงยิ่งแย่กว่าเดิม ตอนนี้คนที่เห็นเหตุการณ์ก็เริ่มมองกันและคับ เพื่อนบางคนยังตะโกนด่าผมเลย ว่าทำ ผญ. ร้องไห้ ไอ้คนใจร้ายยย (แซวเล่นๆ นะคับ)
“น้ำพุ...หวังว่า ถ้าอยู่ๆ เราหายไป ครั้งหน้าถ้าเจอ นายจะบอกโดยที่เราไม่ต้องถามนะ
ว่าคิดถึงกันบ้างรึป่าว?” เหอๆๆ
“ถ้าเปนงั้นจริง ก็ต้องคิดถึงอยู่แล้ว แต่ถ้านานมากๆ ก็อาจจะลืม” ผมพูดไปตามจริง ถึงจะรู้สึกใจแป้วกับน้ำตา แต่ก็อยากให้เค้าตัดใจไปสักที ผมสร้างภาพไม่ไหวละ
“ทำไมเราไม่เป็นแบบนั้นบ้างนะ” จ. พูดแบบเศร้าๆ
“ถ้าเก็บเค้ามาไว้ในใจแล้วทีไร ให้อยากลืมยังงัย ก็ลืมไม่ได้ หรือต่อให้เค้าไม่ดีกับเรายังงัยก็ ร้ายคืนไปไม่ลง” ตอนแรกผมไม่ได้รู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองเท่าไหร่ แต่พอเค้าพูดงี้แล้วก็รู้สึกว่าทำไมกูเลวอย่างงั้นอีกแล้ววะ
มันพูดอะไรไม่ออกอ่ะคับ เหมือนความรู้สึกผิดกำลังทับถมในใจสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ผมคิดไปเองว่าก็ไม่ได้กิ๊กไรกับเค้ามากมายเลย ถือว่าน้อยมากๆ แต่ จ. ก็เป็นไปได้ถึงขนาดนี้
“หดหู่ว่ะ...” ผมบ่นกับไอ้แบงค์ หลังจากทำผญ. ร้องไห้กลับบ้านไปแล้ว
“เค้าตื๊อมึงน่ารำคาญไม่ใช่เหรอวะ เลิกๆ ไปเถอะ”
“อืม ก็คงดีมั้ง แต่กูรู้สึกคุ้นๆ กับที่ จ. พูด..... คือ...... กูนึกถึงเคนว่ะ” ผมว่าความรู้สึกเค้าคงจะคล้ายๆ เคน... ผมเดาเอาอ่ะ แต่ก็เข้าใจได้ในทันทีว่าเหตุผลคืออะไร
“เคน?” ไอ้แบงค์ทวนคำ “เคนอ่ะนะ!? มันเกี่ยวไรด้วยวะ?” ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้น
“ป่าวๆ ไม่เกี่ยวหรอก แบงค์...มึงว่าเคนจะมางานกูมั้ย?” ก็ยังหวังอยู่อ่ะคับ หวังว่า..อยู่ๆ มันจะโผล่มาเหมือนเมื่อก่อน แต่มันเป็นไปได้ยาก
“ป่านนี้ไม่มาแล้วมั้ง” ไอ้แบงค์ว่า
“ถ้ามามันก็ต้องโทรบอกมึงก่อนดิ มาไม่เจอมึง มันก็จั่วลม” อืมม ครับ ไม่มาก็ไม่เป็นไร (แต่จะจำไว้)
ผมเซ็ง สลด และเหนื่อยจิตไปพักนึง พวกไอ้ขันก็มาถึงพร้อมกับเพื่อนในกลุ่มผมอีกสองคน (นอกนั้นติดภารกิจ แต่ก็แชร์กันซื้อของมาให้)
พูดคุยทักทายกันเสร็จแล้ว ไอ้ขันก็พูดมาแบบนึกขึ้นได้
“เออ ไอ้พุ เคนฝากของมาให้”
ผมนึกว่าตัวเองหูแว่วอ่ะคับ เลยหันไปเลิกคิ้วถามมันอีกที
“ใครนะ?”
“เคน แฟนเก่ามึงอ่ะ ฝากกูให้เอาของมาให้มึง มันบอกว่ายินดีด้วยที่เรียนจบแล้ว แล้วก็ขอให้มึงโชคดี เอ้า!” ไอ้ขันหยิบกล่องเล็กๆ ในถุงกระดาษมาให้ผม...
ผมตกใจ เหงื่อแตกเลยคับ อยากเปิดออกดู แต่ก็ไม่กล้า มันสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้
“ม..มึง เจอเคนได้ไงวะ?” ผมใจเต้นแรงมาก ดีใจแบบบอกไม่ถูก กลัวด้วยอีกส่วนหนึ่ง
“นัดเจอกันตรงแถว xxx แต่อยู่ๆ มันบอกว่ามีธุระไปหามึงไม่ได้ ก็เลยฝากของมาให้”
ผมรู้สึกทะแม่งๆ คิดหาเหตุผล ตรรกะว่าเพราะอะไร เคนถึงไม่มาเองทั้งที่นัดพวกไอ้ขันไว้แล้ว
ไม่ทันได้คิดอะไรต่อ ผมก็รีบแกะไอ้กล่องที่เคนให้ผม พอเห็นแล้วขาอ่อน แทบจะเป็นลมเลยคับ
“..ข..ขันๆๆ มึง... เคนไปยัง? เคนไปนานยัง มันยังอยู่ตรงนั้นมั้ย.... ก......กู...ฮึก ....ฮืออ”
“เฮ้ยยย” เพื่อนทุกคนตกใจที่อยู่ๆ ผมก็บ่อน้ำตาแตก พูดไม่เป็นภาษาซะงั้น
“อะไรวะ มึงเป็นอะไรน้ำพุ?”
“เคนไปยัง ตอบกูหน่อย!” ผมจับแขนไอ้ขันให้มันรีบพูด โดยไม่สนใจว่าเพื่อนมันจะถามอะไร
“ไม่รู้ มันจอดรถไว้ตรง xxx แต่ตอนนี้รถติดมาก ไม่รู้มันจะออกไปได้ยัง”
ผมลังเลว่าจะทำยังไงต่อไป ใจนึงไม่กล้า ก้าวขาก็ไม่ออก แล้วมันก็รู้สึกสะเทือนใจที่เห็นของในกล่องมาก
แต่อีกใจนึงก็บอกว่าให้ไป
ให้รีบไปหามัน คือไม่รู้หรอกคับว่าทำไม แต่มันอยากไป และดูเหมือนว่าจะต้องไป
“เดี๋ยวกูมา”
ผมบอกเพื่อนแล้วรีบวิ่งไปตรงที่ขันบอกเลยคับ วิ่งๆ หยุดๆ เหนื่อยมาก แต่กลัวไม่ทัน... วิ่งไปก็คิดไป....ความทรงจำในอดีตมันทำให้ผมน้ำตาไหลไม่หยุด ผมเจ็บและผมเสียใจ ของในกล่องนี้ทำให้ผมรู้ว่ามันไม่เคยลืมผม ไม่เคยลืม...คำพูดที่เคยบอกกับผมเลย
ผมอยากจะบอกเคนเหลือเกินจริงๆ ว่าผมก็ไม่เคยลืมมันเหมือนกัน
/
เรื่องบางอย่างสมองมันคิดไม่ได้อ่ะคับ เอาเป็นว่าผมไม่รู้เหมือนกันวิ่งไปหาเคนทำไม
วิ่งไปก็ใช่ว่าจะได้เจอง่ายๆ มันไม่ง่ายคับ มันยาก แล้วมันก็ไม่เจอ...
รู้สึกตัวเองโง่ งี่เง่า... ขึ้นมาทันที ผมนั่งพักหมดแรงตรงฟุตบาท เสียงอะไรตอนนี้ก็ไม่ดังเท่าเสียงหอบหายใจ........แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก ของตัวเอง
มันหมดอาลัยตายอยากกับความผิดหวังจริงๆ คับ ผมนั่งเหม่อลอยมองของในมือนานเท่าไรไม่รู้ แต่มันคงนานพอที่ไอ้แบงค์จะมาตามอ่ะคับ
“ไอ้พุ มึงมานั่งทำเหี้ยอะไรตรงนี้!?”
“...............” ผมเงยหน้ามองไอ้แบงค์ และบอกมัน
“กูอยากตาย”
ผมพูดแบบไม่คิดอะไรทั้งนั้น ปกติแค่เคยคิด หรือถึงพูด... ก็พูดแบบเล่นๆ แต่คราวนี้... ไม่รู้เหมือนกันคับ
“พูดบ้าๆ!!!” ไอ้แบงค์ตะคอก “ทีหลังอย่าพูดอย่างนี้นะ มันไม่ดี”
“กูก็ไม่ดีอยู่แล้ว”
“มึงเป็นอะไรกันแน่ ไหนบอกกูมาซิ” ไอ้แบงค์ใจเย็นได้อย่างรวดเร็ว แล้วมันก็มานั่งข้างผม
“...................” ผมพูดไม่ออก เพราะถ้าพูดต้องร้องไห้แน่ๆ
“เพื่อนมึงเล่าให้กูฟังแล้ว เคนมาใช่ไหม?” แบงค์ถาม
“อือ แต่กูไม่ได้เจอ” ผมพยายามจะไม่นึกถึง เพราะไม่อยากจะร้องไห้ต่อหน้าเพื่อนแล้ว
“ขอกูดูได้ป่ะ เคนให้อะไรมึง?”
“....................” ผมยื่นให้แบงค์ดู
พอมันเห็นก็มองหน้าผมนิ่ง
“มึงรักมันมั้ยวะ?” แบงค์ถาม
“......................”
“มันรักมึงมากเลยนะ”H
ต้องขออภัยที่ทำให้ทุกคนมึนส์กันถ้วนหน้า น้ำพุ.. มีเพื่อนกับกิ๊กเยอะพอๆ กัน หุหุ
ตอนนี้คาดว่าหลายคนคงเดาออกว่าเคนให้อะไรน้ำพุ
[at] ❃indy❣zaka❃ : คนนี้เค้ามีเทคนิคหลายอย่าง 55
[at] เพื่อนบ้าน : แบงค์แอบปลื้มน้ำพุอ่ะค่ะ น่าจะ.....แบบเพื่อนนะ
[at] โจ๊กกุ้ง : เรื่องยึดติดนี่จริงๆ ปัจจุบันนี้แอนยังตามโมอยู่เลย ฮ่าๆ
[at] meduza : ชยุตน่ารัก คอนเฟิร์ม! เป็นคนนิ่งๆ ไม่ค่อยมีปากมีเสียงดี
[at] Nichdia : เลิกเจ้าชู้แล้วก็จริง แต่แอบมีว้อกแว้กเป็นบางเวลาเหมือนกัน เหอๆ
[at] Wordslinger : แบงค์บอกว่าไม่มีเรื่องให้เล่าอ่ะค้าบ (ไม่จริง ขี้เกียจเขียนเรื่องตัวเองมากกว่า) กับน้ำพุไม่แน่ใจเหมือนกัน บอกแค่ว่าปลื้มๆ ค่ะ
[at] suginosama : กิ๊กบางคนลืมไปแล้วก็มีค่ะ แถมลืมหน้าด้วย ประมาณว่ามีคนมาทัก แล้วงง
[at] nunamicky : ตอนที่แล้วหมดแม็ก ต่อพี่นัทตอนนี้แทนเน้อ
[at] BeeRY : สังเกตจาก FB หรือเปล่าน้อ (รุ่นพี่) เชียร์น้องเคนเช่นกันจ้า
[at] ordkrub : น้ำพุคงไม่กล้ามีกิ๊กไปอีกนานแสนนาน... บวกกับมีบทเรียนไม่น่าพิศมัยอีกบานตะไท
[at] love2y : พี่นัทดูเหมือนจะเป็นพระเอก แต่ไม่รู้จะได้เป็นจริงรึเปล่า (หุหุ อีกแล้ว)
[at] Uonlii_I : มึนส์ค่า... แต่ฟังแบงค์เล่าแล้วอยากแบ่งปันความมึนส์กับทุกคนต่อ 555 เรื่องเทคแคร์ไม่ต้องห่วง พุเองก็เทคแคร์แบงค์เหมือนกัน!