ขอโทษทีจ๊า วันนี้มาช้า เนทหอเน่ามาก
รักจัง.........ตอนที่7
แปดนาฬิกาตรง เวลาเคลื่อนขบวน รถตู้สิบหกที่นั่งหรูหราไฮโซจนอยากขอผ้ามาปูรองก้น เนื่องด้วยยีนส์ที่ใส่ติดตูดเป็นตัวเดียวกับเมื่อวานและเมื่อวานซืน
“ขนมไหมคะ? อะ ของพี่มิคต้องนี่”
น้องมินท์น้องสาวครึ่งสายเลือดไอ้มิคหันมาจากเบาะหน้าแล้วยื่นขนมยี่ห้อนอกให้พี่ชายตัว ก่อนหันมาทางผมอย่างมีอัธยาศัย “พี่กิมกินอะไรดี มี…”
“ไม่เป็นไรมินท์ พวกพี่ไม่หิว”
ไอ้มิคตอบตัดหน้าก่อนน้องมินท์จะได้สาธยายรายการขนม ผมที่กำลังจะเอ่ยปากขอตัวเลือกหนึ่งเลยต้องหุบปากกินลมเข้าไปแทน
“Me. I’m starving!” สำเนียงเสียงเจ้าของภาษาตะโกนข้ามหัวมาจากเบาะหลัง ก่อนมือยาวๆขาวๆแบบเผือกจะยื่นเฉียดหูไปคว้าตัวเลือกหนึ่งที่ผมหมายตา “Have some milk?”
ฟังจากคำถามหานมดื่มคาดว่าคนพูดคือน้องชายครึ่งสายเลือดของไอ้มิค มิกาเอลอายุสิบแปด ฝรั่งหัวทองที่ดื่มนมแทนน้ำแต่เสือกเตี้ยกว่าผมที่นิยมน้ำขมแทนน้ำเปล่า เจอกันครั้งแรกเมื่อเย็นวานตอนผมถูกลากตัวมาค้างบ้านไอ้มิคเพื่อบังคับไปหัวหินกับบ้านมัน พอได้เห็นผู้ร่วมทริปทั้งหลายแล้วต้องตั้งชื่อให้ทริปนี้ว่า หัวหินอินเตอร์
หัวหินอินเตอร์ในรถตู้สิบหกที่นั่งนับเบ็ดเสร็จได้สิบสี่ชีวิตไม่ขาดไม่เกิน คนขับรถ ป้าแม่บ้านกับเด็กรับใช้ ซึ่งเป็นหลักฐานมีชีวิตว่าบ้านเขาไฮโซของแท้ แม่ไอ้มิค ป้าไอ้มิคกับลูกสาวครึ่งเกาหลี น้องมินท์กับเพื่อน ไอ้มิค ผม มิกาเอลกับเพื่อนต่างสัญชาติ ญี่ปุ่นอังกฤษหนึ่ง อิตาลี่อเมริกันหนึ่ง ตบท้ายด้วยช็อคโกแลต ลาบาดอร์ แม้แต่หมายังไม่ใช่สัญชาติไทย
ไอ้มิคได้ยินชื่อกรุปทัวร์จากปากผมมันก็ว่าผมก็มาไม่ผิดกลุ่ม เนื่องจากมีเชื้อพอเป็นหัวหินอินเตอร์กับเขาได้ เชื้อจีนฮกเกี๊ยนจากฝั่งอาม่า
นั่งฟังเสียงภาษาไทยจากสาวๆด้านหน้ากับเสียงฟุดฟิดฟอไฟจากวัยรุ่นด้านหลังที่คุยกันได้ออกรสออกชาติเหมือนเขาอยู่กันในสตูดิโอส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าน้ำลายในปากมันออกจะเปรี้ยวๆเตรียมจะบูด ต้องหาทางเปิดปากคุยกับใครเขาบ้าง แต่ตัวเลือกหนึ่งเดียวของผมในขณะนี้กลับจดจ่ออยู่กับหนังสือภาษาประหลาดในมือจนไม่น่าสะกิดมาฝอย
จะชะโงกหัวไปร่วมเมาท์ด้านหน้าก็โดนกีดกันทางเพศด้วยหัวข้อสนทนา ไอ้จะกลับหลังหันเอาหน้าละอ่อนไปร่วมวงเด็กสิบเจ็ดสิบแปดก็ติดตรงว่าฟังไม่ค่อยจะออกเนื่องจากฝรั่งนำเข้ากลุ่มนี้มันคุยกันด้วยการแร็ฟ
ด้วยเหตุนี้ก็เลยต้องควักเอ็มพีสามสี่ห้าขึ้นเสียบหูแล้วนั่งเฉียงๆหันหน้าเข้าหน้าต่าง ถ้ามีแว่นดำคาดปิดตาอีกหนึ่งต้องบอกว่าพระเอกกำลังถ่ายทำมิวสิคไม่ผิดเพี้ยน ฟังเพลงไปเพลินๆนั่งหล่อไปพลางๆตาดำก็ชักจะหาจุดโฟกัสไม่เจอ ต้องเขยิบเอียงซ้ายเอาไหล่พิงคนข้างๆกันเพื่อนร่วมทริปแตกตื่น
เนื่องจากไอ้กิมหลับบนรถทีไรเป็นต้องสัปหงกเอาหัวโขกหน้าต่างเป็นจังหวะจะโคนแทบทุกครั้ง โขกเอาจริงไม่โขกเล่นถึงขนาดโดนไอ้จั๋วถ่ายคลิปมาแบล็คเมลล์กันมาแล้วเมื่อครั้งไปรับน้องเมื่อต้นปี เห็นตัวเองในคลิปแล้วอยากปฏิเสธเสียงแข็งๆว่าไอ้นี่ไม่ใช่กู ใครมันจะสัปหงกได้น่าหัวแตกคอหักขนาดนี้ ทู่เรศเกือบถึงขั้นรับไม่ได้ แต่จนด้วยหลักฐานภาพเคลื่อนไหว ไม่ใช่โฟโต้ช็อปตัดหัวแปะเลยต้องก้มหน้ารับอย่างจำใจ
“ง่วงแล้ว?”
เสียงทุ้มๆถามทะลุห้าสาววันเดอร์เกิลล์มาก่อนไหล่ผมจะโยกเนื่องจากเจ้าของคำถามขยับที่พิง ยกแขนขึ้นวาดวงกวาดกันเข้าไปซบต้นคอ
ครึ่งหน้าด้านซ้ายผมแนบอยู่ติดไหปลาร้ากึ่งกล้ามเนื้อหน้าอกแน่นๆ ขณะที่ไหล่ขวากลายเป็นที่พาดแขนให้ไอ้มิค เข้าล็อคพอดีเด๊ะเหมือนจิ๊กซอเข้าคู่ ถ้าผมเบี่ยงตัวซักยี่สิบองศาแล้วยกแขนขึ้นพาดพุงอีกฝ่าย ซีนนี้ต้องไม่พ้นพจน์ อานนท์กำกับการแสดง แต่เนื่องจากผมยังไม่อยากหันไปบอกมันว่าเพื่อนกูรักมึงว่ะ เลยทำตัวแข็งแล้วเด้งหนีก่อนจะมีคนไทยข้างหน้าหรือฝรั่งข้างหลังมองลอดช่องเบาะมาเห็น งานนี้ถ้ามีพยานรู้เห็นมันจะยิ่งใหญ่บานปลายยิ่งกว่าคลิปหัวโขกกระจกจากไอ้จั๋วจนตั้งรับไม่ไหว
ผมเด้งดึ๋งออกจากอกไอ้มิคแล้วตีตัวออกห่าง หันเข้าพิงตัวรถตาเหลือกไม่กล้าหลับ ไอ้มิคที่โดนผมขัดบทเงยหน้ามามองกันแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ผมตอบกลับด้วยการหรี่ตาจับสังเกตซึ่งๆหน้าว่าไอ้นี่มันทำมึนปากไม่ว่ามือก็ถึงกับแฟนอีกแล้วหรืออย่างไร แต่หน้างงๆที่แสดงว่างงจริงของอีกฝ่ายทำให้ผมต้องเป็นฝ่ายงงตามมันไป
ไอ้มิคมองมาหน้าซื่อ ตาสีจางใสแจ๋วจริงใจ เหมือนว่าการให้ผมซบอกนอนเป็นเรื่องไม่ผิดแผก เป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆก็ทำ เหมือนมันเป็นหนุ่มแล้วผมเป็นสาว เอียงคอซบไหล่กันได้เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่กระดาก ไม่ต้องแคร์สายตาใคร
“ไม่ถนัด พิงไหล่ได้เปล่า”
ผมว่าแล้วทิ้งไหล่เข้าพิงอีกฝ่ายกลบเกลื่อนอาการงงในตัวเองและตัวมัน เดี๋ยวซ่อนตาดำซักพักคงคิดออก
ไอ้มิคไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่ยิ้มแล้วขยับนั่งให้ผมพิงได้ถนัดถนี่ คว้าแจ็กเก็ตข้างๆส่งมาให้ห่มกันแอร์ยี่สิบองศาก่อนก้มไปหาหนังสือในมืออีกครั้ง ปล่อยผมไปเฝ้าพระอินทร์ตามกำลังศรัทธา
-------------------------------------
สรุปว่าทริปนี้ไอ้กิมเริ่มต้นด้วยการหลับเป็นตายมาตลอดทาง หลับลึกขนาดว่าตื่นมาอีกทีจากพิงไหล่หลายเป็นซบอกเข้าซอกรักแร้คนข้างๆ เสียงเพลงข้างหูถูกดึงออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่าอุ่นสบายจนไม่แม้แต่จะฝัน แต่แล้วตาหรี่ๆกลับต้องแหกเปิดเมื่อกวาดไปเจอสายตาหนึ่งคู่จ้องเขม็งตรงมา
“หลับสบายไหมพี่กิม”
ตองเพื่อนมินท์จากเบาะหน้ากลับหลังหันมาถามไถ่ ดูจากสายตาและตัวที่เอี้ยวมาคาดว่าจะไม่ใช่การบังเอิญ
“พี่มิคนี่ดีจัง นั่งให้พิงไม่มีบ่น” พูดจบแล้วยังนิ่งไม่มีทีท่าว่าจะขยับตามเพื่อนที่ทยอยลงรถ
สายตาน้องเหมือนจะรอให้ผมเปิดปาก แต่ก่อนจะได้เด้งตัวออกหรือตอบแก้เก้อ มือไอ้มิคก็วาดเข้ามาเต็มหน้าเต็มตาแล้วลูบหน้าผากลูบแก้มกันเหมือนจะช่วยไล่อาการง่วงงุน
“แวะกินข้าวก่อน เดี๋ยวค่อยนอนต่อ” เสียงทุ้มๆบอกอยู่ข้างหูเหมือนกล่อมเด็ก แต่ตัวคนบอกกลับไม่ขยับมากไปกว่านั้น
“เฮ้ย โทษทีว่ะ เมื่อยเปล่าเนี่ย”
ผมถามพลางดันตัวออก พึ่งจะเห็นว่าในรถนั้นโล่งโจ้งเหลืออยู่แต่เราสามคน หัวหินอินเตอร์คนอื่นๆเริ่มชักแถวเดินเข้าร้านอาหารกันไปแล้ว น้องตองจากเบาะหน้ามองท่าไอ้มิคแล้วทิ้งหางตามาทางผมก่อนขยับลุกลงจากรถไป งานนี้รู้ได้โดยไม่ต้องเดา ศัตรูใจกำเหนิดเกิดมาอีกหนึ่ง
“นิดหน่อย” ไอ้มิคตอบคำถามผมพลางทำท่าบีบไหล่ข้างที่โดนซบก่อนยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วทำการอุกอาจแนบปากลงมาไวปานวอก รวดเร็วเสียจนเบี่ยงหลบไม่ทัน โดนไปหนึ่งจ๊วบเต็มๆริมฝีปาก “แก้เมื่อย”
ฉกจูบกันไปแล้วแทนที่จะขยับถอยหนีกำปั้นกระตุกใส่หน้า ไอ้มิคกลับยังเอนค้างอยู่อย่างนั้น คาดว่าสิ่งที่ทำให้อีกฝ่ายไม่ถอยหนีคือหน้าอึ้ง ทึ่ง เหวอของผม เหวอแตกจนนิ่งสนิทอยู่ชิดหน้าต่างด้วยความไม่คาดคิดว่าเพื่อนจะเล่นกันซึ่งๆหน้าอย่างนี้ กว่าจะดึงสติมาใช้อ้าปากด่าได้ก็ตอนที่โดนคว้าคอเข้าไปคลุกวงใน ได้ยินเสียงคลิ๊กเหมือนประตูโดนดึงปิดพร้อมปากร้อนๆปากเดิมแนบลงมาพึมพัมอะไรซักอย่างอยู่ชิดติดปากผม
เสียงเข้มๆที่ได้ยินอยู่ชิดติดหน้าหายเข้าไปในปากในคอผมเมื่อคนพูดใช้เทคนิคเฉพาะตัวเอาปากเปิดปากกันแล้วส่งลิ้นร้อนๆเข้ามากวาดไล่ตั้งแต่เพดานเหงือกยันกระพุ้งแก้ม ก่อนลัดเลาะมาตามแนวฟันแล้วเกี่ยวเข้ากับลิ้นผมที่หดหนีไปถึงติ่งลิ้นไก่
ลิ้นโดนเกี่ยวไปพร้อมอาการเสียววาบไล่ขึ้นมาตามไขสันหลัง ความเย็นฉ่ำในรถที่ถูกดับเครื่องโดนแทนที่ด้วยความร้อนไต่ระดับแบบรวดเร็วจนรู้สึกว่าหูเริ่มอื้อตาเริ่มลาย ต้องงัดแม่ไม้มวยกูชกไหล่ฝ่ายตรงข้ามไปเต็มๆหมัด ไอ้มิคแก้ทางด้วยการเอาตัวล่ำๆข่มลงมาปิดระยะปล่อยมวยแล้วตั้งหน้าตั้งตาดูดดึงทั้งลิ้นทั้งปาก ประหนึ่งจะสูบวิญญาณผมให้ออกจากร่างผ่านการจูบ
หมดทางต่อต้านขัดขืนทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ได้แต่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้เพื่อนหาความสุขความสำราญอย่างสมยอม เรียกว่าปล่อยให้อีกฝ่ายเล่นให้อิ่มเดี๋ยวมันคงหยุดไปเอง ไอ้มิคเหมือนรับรู้อาการปล่อยเนื้อปล่อยตัวของผมเลยแจกรางวัลด้วยการปล่อยปากให้เวลาสูดอากาศห้าวินาทีก่อนเริ่มยกกันใหม่แบบเร้าใจกว่าเดิม นอกจากปากประกบปากแล้วมือไม้ยังป่ายมาให้วุ่น ป่ายหนักๆลงมาบนหลังเหมือนเจ้าของมือต้องการใช้การเค้นคลึงผ่อนอารมณ์แรง แล้วจากคลึงผ่านเนื้อผ้ามือร้อนๆก็วาดวูบเข้ามาถึงเนื้อแท้แบบไม่มีการขอความเห็น
แรงคลึงมือลากไล่จากแผ่นหลังลงมาแถวชายโครงก่อนนิ้วโป้งหนักๆจะนวดขึ้นมาอยู่ใต้ราวนม ไอ้มิคนวดวนอยู่อย่างนั้นจนร่างกายผมเริ่มออกอาการประหลาด รู้สึกร้อนวูบวาบจนใจสั่นระรัว และทันทีที่ฝ่ามือสากๆคลึงขึ้นมากุมอยู่บนอกซ้าย เพียงแค่หนึ่งแรงบี้ที่กดลงมาบนติ่งเนื้อ ผมก็ถึงกับต้องสะบัดหน้าแหงนคอขึ้นสูดอากาศเฮือกใหญ่ แล้วส่งเสียงหอบหายใจเหมือนสาวญี่ปุ่นในแผ่นผีซีดีโป้ให้หลุดออกจากปากไปแบบห้ามไม่อยู่
สิ่งที่ตามมาหลังเสียงร้องติดเรทคือมือร้อนๆที่ยื่นมาคว้ากันเข้าไปทั้งตัว ไอ้มิคตวัดแขนรัดมาทีเดียวเล่นเอาตัวอ่อนไร้กระดูกในยามนี้ของผมเกยขึ้นไปคร่อมมันอยู่ทั้งตัก อาการกอดรัดแน่นหนากับหน้าอีกฝ่ายที่ฝังมาหอบหายใจอยู่ชิดติดซอกคอ บอกให้รู้ว่าไอ้มิคกำลังพยายามข่มอารมณ์แรงๆของตัวเองให้กลับเข้าที่ แต่แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นอกที่เต้นตีกันอยู่บอกให้รู้ได้รางๆว่าการผ่อนอารมณ์กันจุดนี้ให้ไปลุ้นถูกหวยยกชุดยังง่ายซะกว่า
แม้ว่าตัวเองยังแทบเอาไม่รอดแต่เห็นอาการเพื่อนแล้วบอกได้คำเดียวว่าถ้าไม่หาทางช่วยงานนี้เดี๋ยวมีเฮ เฮจากวงศาขนาญาติเขาที่เดินมาตามคนหายในรถตู้ปิดตาย เกิดเปิดผ่างมาเจออาการหืดหอบหน้ามืดหน้าแดงแถมนั่งทับตักกันอยู่อย่างนี้ ร้อยเอาร้อยสิบ รู้แน่ๆว่าพจน์ อานนท์กำกับการแสดง คิดได้อย่างนี้แล้วต้องบังคับแขนเปลี้ยๆ ง้างขึ้นกลางอากาศแล้วทิ้งวงแบบกำมือเป็นหมัด อัดใส่หลังคนที่ยังรัดไม่ยอมปล่อยไปดังเปรี้ยง ติดๆกัน
“โอ้ย พอแล้ว พอแล้วครับ”
โดนไปสามทุบไอ้มิคค่อยทำอารมณ์ได้ ปากอุ่นๆแถวซอกคอผมปล่อยเสียงร้องโอดโอยแบบโอเวอร์แอ็กติ้งมาแทนเสียงสูดหายใจ แต่ถึงปากว่ามาอย่างนั้นแต่เสียงยังติดจะพร่า จนต้องง้างมือทุบไปอีกเปรี้ยงไล่เชื้อ
“สาดมิค คืนนี้กูไม่นอนห้องเดียวกับมึงแน่ๆ”
ผมว่าพลางผลักอีกฝ่ายออกห่างแล้วกระถดก้นลงนั่งเบาะ สูดหายใจลึกอยู่หลายทีลดอาการใจสั่น
“คนอะไรวะ หื่นมันได้ทุกที่ อย่างนี้อยู่ใกล้แม่งไม่ได้แล้ว”
ด่าต่อหน้าแล้วต้องรีบชิ่ง ผมผลักไอ้มิคที่นั่งขวางทาง เบียดมันออกมากระชากประตูรถเปิดแล้วพรวดพราดลงมาด้วยความเร็วสูง ออกจากรถตู้ติดฟิมล์ทึบมาเจอแดดเปรี้ยงแยงตาแล้วต้องรีบก้าวเร็วๆเข้าร้านอาหาร ไม่ต้องกวาดตานานก็เจอน้องมินท์กำลังชูมือโบกหยอยๆบอกทิศทางของโต๊ะหัวหินอินเตอร์ ผมเลยรีบจ้ำเข้าไปสมทบแบบไม่เหลียวหลัง ใครจะเดินตามมาหรือยังนั่งทำอารมณ์อยู่ในรถยังไงช่างหัวเผือกหัวมัน นาทีนี้ขอไปอยู่ท่ามกลางผู้คนให้จิตใจสงบก่อนเป็นดี
“ทำอะไรกันอยู่ช้าจัง พวกเราสั่งอาหารเผื่อไปแล้วนะ… เอ๊ะ แล้วพี่มิคล่ะคะ” น้องมินท์ยิงคำถามทันทีที่ผมทิ้งก้นนั่ง น้องมินท์ถามแต่สายตาอีกหลายคู่หันมาช่วยกันรอฟังคำตอบ
“… พอดีหาของอยู่น่ะ… ไอ้มิคเดี๋ยวก็มา”
ตอบประหยัดถ้อยประหยัดคำแล้วทำเป็นยกน้ำขึ้นจิบจบการสนทนา คนถามและคนรอฟังทั้งหลายก็เหมือนจะไม่ติดใจสงสัยหันกลับไปส่งเสียงคุยกันจ้อกแจ้กตามเดิม
ไม่กี่นาทีจากนั้นไอ้มิคก็เดินเข้าร้านมาด้วยมาดนายแบบตามสไตล์ ถึงจะอยู่ในเสื้อยืดกับกางเกงสามส่วนแถมหนีบรองเท้าแตะ มันก็ยังเรียกเสียงฮือฮาจากคนในร้านได้ชนิดฝรั่งนำเข้าอีกสามนายต้องเหนียม อย่าว่าแต่สาวโต๊ะอื่นขนาดสาวโต๊ะผมที่เป็นน้องเป็นญาติมันยังหันมองกันคอแทบหัก
ขนาดตองเพื่อนมินท์ที่เห็นบรรยากาศประหลาดประแหล่มระหว่างเพื่อนพี่ชายกับพี่ชายเพื่อนไปแล้วในรถยังโดนความดูดีของไอ้มิคกระแทกเข้าเบ้าตาจนเหมือนจะลืมเลือนทุกอย่าง เพราะน้องกำลังชูมือโบกบอกทิศทางอย่างสุดกำลัง เป็นท่ายืดแขนยาวกันท่าสาวโต๊ะอื่นที่ให้ผลชะงัดนัก
-------------------------------------------------------------------------
ไอ้มิคเดินตามมือสาวเข้ามาถึงโต๊ะแล้วยกยิ้มมุมปากทักทายไปถ้วนทั่วก่อนหยุดนิ่งไม่ยอมทิ้งก้นนั่งจนมินท์ต้องดึงมือพี่ชายให้นั่งลงที่ว่างข้างๆตัว ผมที่ทำมึนแย่งที่คนลุกไปเข้าห้องน้ำนั่งอยู่กลางระหว่างมิกาเอลกับแอนนาสาวครึ่งเกาหลี ตำแหน่งตรงข้ามเยื้องจากที่ไอ้มิคนั่งมาสองตัวเก้าอี้
ต้องขอโทษฮิโรชิตัวแทนญี่ปุ่นอังกฤษที่เดินมาเจอลุกเสียม้าเลยต้องหย่อนก้นลงที่ว่างข้างไอ้มิคไปแบบงงๆ แต่ที่ผมทำอย่างนี้ก็เพื่อประโยชน์สุขของหัวหินอินเตอร์เป็นใหญ่และความหมั่นไส้ไอ้คนหื่นไม่เลือกสถานที่เป็นส่วนน้อย ว่าไม่ได้นะครับ เกิดมื้อนี้มีอาหารสุกดิบปนมาให้กินเดี๋ยวเหตุการณ์เหมือนร้านซูชิ ณ มาบุญครองจะซ้ำรอยให้วงแตก ขนาดในรถตู้จอดสนิทมันยังคึกขึ้นมาได้
นั่งทำมึนทำเมินสายตาจากอีกฝากโต๊ะไปไม่เท่าไหร่อาหารมื้อแรกของวันก็เริ่มทยอยนำเสิร์ฟ ตอนแรกอารมณ์หิวไม่มีเนื่องจากโดนอารมณ์สมยอมแซงเสียมิด แต่พอเห็นข้าวผัดปูควันฉุย ปลานึ่งมะนาวเดือดปุดๆ หอยลายตัวอวบผัดน้ำพริกเผา กุ้งอบวุ้นเส้นและอาหารทะเลผ่านกรรมวิธีต่างๆที่วางให้เลือกอยู่ตรงหน้าแล้วต่อมน้ำลายก็เริ่มผลิตจนกลืนลงท้องแทบไม่ทัน นาทีนี้สองตาผมเห็นแต่ตัวกุ้งและก้ามปูแบบไม่ต้องทำมึน หน้าไอ้มิคที่จ้องกันอยู่ตั้งแต่หย่อนก้นนั่งหายไปจากความนึกคิดชั่วคราว
“หิวอะไรขนาดนั้น”
เสียงคุ้นๆจากเก้าอี้ตัวข้างๆเล่นเอาแทบสำลักข้าวผัดปู มิกาเอลนักร้องแร็พเปลี่ยนเป็นดอมินิคตั้งแต่เมื่อไหร่ใครช่วยบอก
ไอ้มิคที่ไม่รู้ว่าใช้เทคนิคอะไรสับตัวกับน้องชายแล้วโผล่มานั่งอยู่ข้างผมเอื้อมตักกุ้งจากหม้อดินกุ้งอบวุ้นเส้นมาหย่อนให้ริมจานแถมด้วยก้ามปูแกะแล้วหนึ่งก้ามก่อนหันไปตักข้าวกินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ปลาไม่ค่อยเผ็ด สั่งใหม่ไหม” คาดว่าคือปลานึ่งมะนาวแต่ไอ้ที่ถามว่าสั่งใหม่ไหมนี่ถามใคร เหล่มองเจ้าของคำถามแล้วคิดว่าคนตอบคงต้องเป็นผม
“ไม่เผ็ดก็ถูกแล้วฝรั่งแทบทั้งโต๊ะ” ที่ถูกคือฝรั่งมือแค่สาม แต่คนไทยครึ่งๆกลางๆที่เหลือมองหน้าแล้วคิดว่ากินเผ็ดไม่น่ารอด ยิ่งคนข้างๆผมเห็นหล่อเข้มอย่างนี้แต่จอดมาแล้วด้วยพริกไทยในโจ้ก
“อยากกินเผ็ดนัก เอานี่ พริกน้ำปลา”
ไอ้มิคมองถ้วยน้ำปลาที่ถูกเลื่อนไปข้างจานก่อนส่ายหน้าเบาๆเหมือนขำ มันคงรู้ว่าผมเข้าใจคำถามเพราะคนกินเผ็ดชนิดอีสานยังถอยคือไอ้กิม ถ้าสั่งใหม่จะสั่งมาให้ใครถ้าไม่ใช่ผม แต่ผมก็รวนมันกลับด้วยว่าหัวนมยังแข็งตัวไม่เลิก เห็นหน้ายิ้มๆที่มองมาแล้วหัวคิ้วกระตุก กำลังจะเอ่ยปากหาเรื่องว่ายิ้มทำไมเวลากินข้าวก็พอดีกับเสียงเอ็ดอึงจากหัวโต๊ะดังมาตัดหน้า
ปากผมหุบไปแล้วแต่ตายังจ้องอยู่ที่หน้าไอ้มิค หน้าหล่อๆยิ้มขำเหล่ตามองไปทางหัวโต๊ะก่อนเปลี่ยนเป็นนิ่งขึงแล้วกลายเป็นดุเอี้ยๆได้ในเวลาไม่ถึงนาทีทำให้ผมต้องสะบัดหัวเอี้ยวตัวไปมองตาม แล้วก็กลายเป็นผมเองที่ต้องนิ่ง อึ้ง เหวอเป็นรอบที่สองของวัน
ที่หัวโต๊ะแม่กับป้าไอ้มิคกำลังทักทายคนกลุ่มหนึ่งอยู่อย่างออกรส เสียงทักทายสารทุกข์สุขดิบ กล่าวไหว้รับไหว้กันให้วุ่นจนคนบนโต๊ะต้องหยุดกินกันชั่วคราว ผมไม่ได้รู้จักอะไรกับใครเขาแต่ก็ยกมือไหว้ค้างไปด้วยอารมณ์ที่ยังเหวอแบบกู่ไม่กลับ ต้นเหตุอาการอึ้งจนปากอ้าของผมไม่ใช้คุณป้าวัยกลางคนที่ท่าทางเหมือนคุณหญิงคุณนาย ไม่ใช่สาวๆสองสามคนที่ยืนอยู่หลังคุณป้า แต่เป็นร่างสูงใหญ่ของผู้ชายคนเดียวในกลุ่มที่มีผิวขาวจัดกับไฝใต้ตา
ถึงจะอึ้งปากอ้าหุบไม่ลงอยู่อย่างนี้ ถึงจะไม่ได้เห็นมาแล้วร่วมเดือนแต่คนที่โผล่มายืนอยู่หัวโต๊ะตอนนี้คือเบอร์สี่อดีตจัมโบ้เจ็ทที่ไอ้กิมไปนั่งแหงนคอมองอยู่เป็นปีไม่ผิดแน่
“ตาหนึ่งมาดูแลแม่กับน้อง แล้วก็ขับรถมาให้ด้วย… อ๊ะนั่นหนูมินท์ ไม่ได้เจอแป็บเดียวโตเป็นสาวสวยแล้วนะจ๊ะ”
“สาวๆเดี๋ยวนี้เขาโตเร็ว หนูสองของคุณพี่ก็โตขึ้นมากเลย… ไหว้พระเถอะจ๊ะ ว่าแต่หนูยังจำพี่มิคได้ไหม นั่นไง พี่มิคนั่งอยู่นู่น”
“แหม บังเอิญอะไรอย่างนี้ก็ไม่รู้ เมืองไทยออกกว้างยังมาเจอกันแบบนี้ได้ ดีจริงๆ… นั่งโต๊ะเดียวกันเลยดีกว่านะ จะได้คุยกันให้หายคิดถึง”
“ดีจ่ะดี เอ้าตาหนึ่งยายสองไปนั่งฝั่งนู้นคุยกับเพื่อนๆไป๊ แถวนี้คนแก่เขาจะเมาท์กัน”
นั่งกันอยู่เต็มโต๊ะแต่โดนทักออกชื่อแค่สอง มองท่าทางการหัวเราะของคุณแม่คุณป้ากับประโยคไล่ลูกสาวลูกชายมานั่งแทรกคนอื่นอย่างนี้แล้วฟันธงได้ว่างานนี้ไม่น่าจะเป็นการบังเอิญ แม้จะไม่รู้ว่าสองบ้านนี้เขารู้จักมักจี่กันขนาดไหน แต่คาดว่าจุดนัดพบ ณ ร้านอาหารนี้เป็นการเตี็ยมกันมาจากฝั่งผู้สูงอายุ เดาไม่ยากว่าคนที่โดนออกชื่อไปคือเป้าหมาย แหม ฉลาดจริงผม ไม่เสียแรงที่ดูละครไทยมานาน แต่ท่าทางอดีตขวัญใจไอ้กิมดูจะไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่างานนี้จะโดนเอาถุงคลุมมาชนสาว ส่วนไอ้มิคที่นั่งอยู่ชิดติดกันนี่มองไม่ออกว่ารู้ตัวหรือปล่อยตัวอย่างไร
บริกรกุลีกุจอเอาโต๊ะมาต่อให้อีกตัวตามคำเรียกร้อง เห็นการต่อโต๊ะแล้วก็งงว่าอดีตจัมโบ้เจ็ทของผมกับน้องสองและเพื่อนสาวจะเข้ามาแทรกฝั่งวัยรุ่นตามคำสั่งแม่ได้อย่างไรเพราะโต๊ะที่ยกมาต่อมันอยู่ฝั่งหัว หรือต้องให้พวกผมที่นั่งเรียงกันอยู่ก่อนขยับก้นเลื่อนเก้าอี้ เว้นช่องระหว่างน้องมินท์กับไอ้มิคให้
“มิค ตามิคย้ายมานั่งนี่ได้ไหมลูก มาช่วยเป็นเพื่อนคุยกับน้องเขา… เอ้าแล้วตาหนึ่งไปนั่งนู่นสิจ๊ะจะได้คุยกับยายมินท์ ไม่ได้เจอกันนานแล้วไม่ใช่หรือ” ป๊าด แทงหวยให้มันถูกอย่างนี้สิวะ
แผนครั้งนี้ท่าจะเตรียมกันมาอย่างเหนียวแน่น แม้แต่จังหวะนั่งยังไม่ยอมให้พลาดแต่คุณแม่คงคิดตกไปเล็กน้อยที่ปล่อยให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนชวนเพื่อนมาร่วมทริป เหล่หน้าเคร่งขรึมที่นั่งอยู่ถัดกันแล้วบอกได้เลยว่าไอ้มิคมันจะปักหลักอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน ไม่ใช่ว่าโดนสเน่ห์ยาแฝดไอ้กิมจนลุกไม่ขึ้น ถ้างานนี้ไม่มีผมมันก็คงย้ายก้นไปนั่งคุยกับสาวเพื่อแม่สบายใจไป แต่ในเมื่อมีผมและมีหนึ่ง ร้อยเอาร้อยยี่ไอ้มิคต้องนั่งคุมความประพฤติไอ้กิมอยู่อย่างนี้ชนิดเหลียวซ้ายเป็นซ้ายขวาเป็นขวา
“ไม่เป็นไรครับแม่ พวกคุณป้านั่งรถมาไกลคงเหนื่อย ผมไม่กวนระหว่างทานจะดีกว่า”
ไอ้มิคตอบไปเรียบๆแบบจบประเด็น ฟังแล้วแม่งโคตรสุภาพบุรุษ แต่พอหันมาเจอผมที่มองอยู่หน้าเรียบๆนี่เปลี่ยนเป็นเหี๊ยมเหี้ยมได้ในทันที
“กูยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ มึงชวนกูมาเอง กูไม่รู้เรื่องนะเว้ย” ผมกระซิบแก้ตัวใส่หน้าเหี๊ยมเหี้ยมของอีกฝ่าย อารมณ์นี้เรียกอารามร้อนตัวคงไม่ผิดเท่าไหร่
“ก็ดีแล้ว” ไอ้มิคตอบมาสั้นๆก่อนวางปูอีกก้ามลงบนจานผม
“กิมไม่มองใครหรอก นอกจากกู”
เป็นประโยคบอกเล่าหลงตัวเองที่เข้ากันได้ดีเหลือกับหน้าตาคนพูด ตาไอ้มิคจ้องอยู่กับตาผมก่อนหลุบลงมองมาที่ปาก เห็นสายตาสื่อความนัยกับมือที่ยื่นมาใกล้แล้วต้องรีบชักกะตุกทิ้งหลังลงที่พิงเพิ่มระยะห่าง อาหารมื้อนี้มันมีอะไรดิบวะ! พูดกันอยู่ดีๆเพื่อนออกอาการอีกแล้ว แต่ไอ้มิคที่ชะงักเพราะท่าเอาตัวรอดของผมกลับเปิดยิ้มขำก่อนเฉลย
“ข้าวติดปาก”
“…………”
ขวัญเอ้ยขวัญมานะลูก
โปรดติดตามตอนต่อไป
======================================================================
เหอๆๆๆ รัก มิค ที่ซู๊ดด ชอบพระเอกฝรั่งเพราะงี๊แหละ สถานท่งสถานที่ อย่าได้แคร์ 555+