รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]  (อ่าน 559035 ครั้ง)

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
แปปนึงนะ ขออกไปซื้อข้าวแปปนึงเด๋วกลับมาแปะค่ะ

ไม่น่าเกินครึ่งชั่วโมงนะ

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
แง้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

คุณคนโพสสับขาหลอก แบร่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
รีบกลับมาแปะนะคร้า หงิงๆ

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
ไม่ต้องรีบทานนะ เดี๋ยวข้าวติดคอ

แต่ไว ๆ หน่อยก็ดี     o18   o18

ออฟไลน์ matame

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-1
คนเขียนเดียวกันกับเรื่อง ทะเลใช่ไหมอ่ะ (รักพลิคล็อค ล็อคคอรัก)

อยากอ่านเรื่องนี้ต่อมากๆเลย มีออกเป็นเล่มบ้างไหมอ่ะ

ส่วนเรื่องนี้ก็หนุกมาก

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3

รักจัง....ตอนที่4.2


ไอ้มิคถอนหายใจแรงเหมือนอึดอัดขัดข้องแต่ทั้งมือทั้งแขนที่กวาดผมเข้าไปไว้กับตัวกลับยังล็อคไว้อย่างแน่นหนา เป็นอาการประหลาดที่ทำให้ผมที่โดนล็อคอยู่ตั้งแต่ต้นคอถึงแก้มก้นเกิดอาการประหลาดตามไปด้วย ประหลาดประแล่มเพราะดันรู้สึกว่าความกระชับรอบตัวมันผ่อนคลาย ไม่รู้สึกอึดอัด ไม่อยากหาทางหนี เป็นความรู้สึกที่หนักแน่นเสียจนต้องตวัดมืออีกข้างขึ้นกอดคออีกฝ่ายไว้เช่นกัน

ทันทีที่โดนคว้าคอ ไอ้มิคสะดุ้งเหมือนโดนไฟช็อตแล้วเบนหน้ามาทำมุมอยู่แถวหูผมก่อนพึมพำอะไรบางอย่างที่จับใจความได้ว่า ‘อย่าทำอย่างนี้ อย่าทำอีก’ สองประโยคสั้นๆที่ทำเอาชะงัก สองประโยคที่ฟังมาแล้วตีความไม่ออกจนต้องถามกลับด้วยเสียงพึมพำงึมงำไม่ผิดกัน

คำตอบที่ได้คือสายตาเข้มๆที่ดึงให้ต้องเงยขึ้นไปหา สายตาคมกับคิ้วขมวดมุ่นและริมฝีปากร้อนระอุที่แนบลงมาอีกครั้ง ผิดแต่ครั้งนี้เจ้าของปากไม่ได้ฉกวูบหรือทำอาการเอาปากมากระแทกแบบรวดเร็วว่องไวเหมือนเมื่อแรกเริ่ม ไอ้มิคมองตาผมนิ่งตั้งแต่ตอนโน้มหน้าลงมาและแม้ว่าตอนนี้ลิ้นร้อนๆของมันกำลังกวาดเข้ามาในปากผมอย่างไม่เร่งร้อน ตาสีน้ำตาลอ่อนจางก็ยังจ้องมาไม่ลดละ

เป็นผมที่ต้องกระพริบตาถี่แล้วหลับตาปี๋เพราะความปั่นป่วนที่มวนอยู่ในท้องน้อยกำลังฟุ้งกระจาย ผมหลับตาหนีเพราะคิดว่าสาเหตุที่ทำให้รู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่ในท้องคือตาคมๆที่จ้องเหมือนจะให้ทะลุไปถึงไหนๆ แต่การปิดตาไม่มองยิ่งทำให้ความรู้สึกมันแปลกจนต้องแอ่นตัวเข้าหาอีกคนที่ยืนอยู่ชิดติดกันเหมือนว่ายิ่งชิดยิ่งสนิทเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่เพียงพอ

ไอ้มิคที่โดนผมตะกายคว้าตอบสนองด้วยการครางเสียงต่ำแล้วกวัดลิ้นเกี่ยวจนได้ลิ้นผมเข้าไปในปากพร้อมกับความเหนียวลื่น ก่อนกระชากเสื้อที่ใส่อยู่เหวี่ยงลงพื้นแล้วสอดแขนเข้ามาใต้รักแร้ รั้งให้ผมเกยขึ้นไปอยู่บนตัว ต้นขาในยีนส์สีซีดสอดเข้ามาหว่างกลางพร้อมกับคว้าขาข้างหนึ่งของผมเข้าไปเกี่ยวบั้นเอว

ไม่ต้องลืมตามองก็รู้ว่าท่าทางของเราสองตอนนี้มันล่อแหลมล่อเป้า เตรียมจะได้เสียแทงเสียกันขนาดไหน แต่สติผมที่ตะเหลิดเปิดเปิงไปแล้วไม่สั่งให้ทำอะไรเลยนอกจากทำตัวว่าง่าย เกี่ยวขาเข้าเอวอีกฝ่ายแล้วขยับถูไถเอาความคับแน่นเบียดบี้เข้าไปกับความแข็งขืนที่แม้ว่าจะมียีนส์เนื้อหนาขวางกั้นก็ยังรู้ได้ถึงความเต็มแน่น

ผมกำลังมีอารมณ์ อารมณ์ที่พีคยิ่งกว่าตอนดูฝรั่งกับสาวในจอทีวี อารมณ์ที่เกิดจากการกวัดรัดเกี่ยวอยู่กับผู้ชายที่เรียกได้ว่าเพื่อนสนิท กับไอ้มิคที่ทำให้ความเป็นเหตุเป็นผลมันจางหาย ทำให้ความผิดชอบชั่วดีเลือนลาง ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นเรื่องที่ไม่อยู่ในความสนใจเพียงเพราะลิ้นร้อนชื้นที่ดูดดึงไม่ปล่อย ปากร้อนผ่าวที่ไม่เคยละไปไหนและมือร้อนเป็นไฟที่ไล่เฟ้นตั้งแต่แนวกรามลงมาตามข้อกระดูก ทุกสัมผัสทุกความรู้สึกที่ทำให้ผมแน่ใจว่าเพื่อนสนิทคนนี้ก็กำลังตกอยู่ในอารมณ์ไม่ต่างกัน

ไอ้มิคเด้งเอวใส่ผมตอบรับทุกจังหวะเสียดสี มือหนาที่คลำหนักๆไปทั่วร่างตอนนี้เลื่อนมาหยุดอยู่ที่ขอบกางเกงลิงพร้อมการคลึงเคล้า บีบแล้วคลายคลายแล้วบีบอยู่แถวนั้นเหมือนเป็นการลดความเครียดทางอารมณ์ที่พร้อมปะทุเป็นประทัดอยู่ทุกนาที ส่วนผมบอกได้คำเดียวว่าอารมณ์มันเด้งถึงยอด นำหน้าจังหวะชะลอไปถึงไหนต่อไหนจนกลับกลายเป็นฝ่ายไล่ตามปี้โป้ในปากอีกฝ่ายซะเองโดยไม่รู้ตัว

อาการหน้ามืดเพราะอารมณ์ดำกฤษณาขึ้นหน้ามันคงเป็นอย่างนี้ ใช่ มันต้องเป็นอย่างนี้แน่ๆ เพราะไม่งั้นคนอย่างไอ้กิมที่ไม่เคยมีความคิดจะชวนเพื่อนมาเล่นจ้ำจี้จ้ำไชกันให้เป็นจ้ำๆ คงไม่ถึงกับเอาปากตบปากไอ้มิคแล้วกระชากปีโป้อุณหภูมิสูงของฝ่ายตรงข้ามเข้ามาในปากตัวเองชนิดไม่สนใจน้ำลายที่ย้อยออกมาหยดยืดอยู่ปลายคาง

ผมหลับหูหลับตาจดจ่ออยู่กับลิ้นร้อนๆที่แม้ว่าจะตวัดเกี่ยวกันอยู่ก็ยังสามารถกวาดจากกระพุ้งแก้มไปถึงเพดานเหงือก เรียกความเสียวให้พุ่งสูงได้ไม่ยากเย็น ความเสียวซ่านที่อัดอยู่เต็มปากมาพร้อมความคันในหัวใจ คันยิบๆว่าทำไมคู่กรณีผมมันถึงได้ใช้ปากใช้ลิ้นได้ขั้นเทพปานนี้ มันไปฝึกไปซ้อมกับใครหน้าไหนมานักหรือ แล้วตอนที่มันฝึกมันซ้อมอยู่นั้นมันจะรู้สึกเหมือนยืนอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้าเหมือนกับผมตอนนี้ไหมวะ

อาการคันทำให้ผมเริ่มป่ายมือไปมาบนตัวอีกฝ่ายหวังกระชากเรตติ้ง ป่ายลงไปปัดลงมาพรืดเดียวถึงซิปกางเกงยีนส์แล้วรูดด้วยแรงไม่มากไม่น้อยแต่เล่นเอาเจ้าของกางเกงหลุดครางเสียงต่ำ ได้ยินมาหนึ่งเสียงครางมือไม้มันเลยสั่น ตบวูบเข้าไปกลางซิบอ้าๆแล้วต้องสะดุ้งเนื่องจากขนาดและความแข็งที่ปะทะนั้นเกินบรรยาย

ความใหญ่โตแข็งแน่นที่จับอยู่กับมือทำให้อารมณ์อยากกระชากเรตติ้งหายวับไปกับหัว ผมรู้สึกเหมือนว่าของที่อยู่ในมือมีแรงดึงดูดมหาศาล ทั้งดึงทั้งดูดให้ต้องกดไว้มั่นๆแล้วสูดหายใจเข้ามาสุดปอดสุดหลอดลมก่อนขยับนวดท่อนลำที่กำเกือบไม่มิด แต่ทันทีที่มือผมเริ่มคลึงคู่กรณีมันกลับทำสิ่งไม่คาดคิดจนต้องสละอาการเคลิ้มแล้วเหลือกตาขึ้นมอง

มือไอ้มิคกดมาที่ลูกกระเดือกผมในจังหวะเดียวกับปากที่ดึงออกไปอย่างเร็วจนเกิดเสียง และมือผมบนไส้อั่วยักษ์ก็ถูกยึดไว้แน่นหนา แรงกดที่ลำคอบอกให้รู้ว่าคนกดต้องการให้หยุดทุกกิจกรรมที่ทำอยู่ แรงตะปบที่ข้อมือทำให้รู้สึกเหมือนว่าสวรรค์ชั้นฟ้าที่เหยียบอยู่ถล่มครืนเดียว ไม่เหลือแม้แต่ซาก

หน้าหล่อๆที่ผมกระตุกตาดำขึ้นมองยังคงกดปิดจนเปลือกตายับย่น คิ้วเข้มขมวดมุ่นยิ่งกว่าเหตุการณ์ก่อนหน้า ไอ้มิคที่ดึงปากหนีแต่หน้าผากยังโขกติดอยู่กับผมมีสีหน้ายุ่งเหยิงที่แทบจะเรียกได้ว่าเหยเก สีหน้าที่ผมไม่เคยได้เห็นมาก่อน

ไอ้มิคหลับตาแน่น หอบหายใจจนกล้ามอกกระเพื่อมอยู่ชั่วครู่ก่อนลืมตามามองกันด้วยสีหน้าที่ทำให้ผมต้องนิ่งสนิท นิ่งไปทั้งตัวได้โดยไม่ต้องมีมือบนคอบนแขน สายตาเข้มขุ่นเหมือนเจ็บปวดกับสีหน้าบูดเบี้ยวส่งตรงมาพร้อมอาการหอบเหนื่อยที่ทำเอาผมชะงักจนลืมแม้กระทั่งจะหอบหายใจ แล้วคนที่จ้องกันเหมือนโดนผมกระทำย่ำยี ทำให้เจ็บปวดจนหนักหนาก็พูดประโยคที่ยังไม่อาจตีความได้ออกมาด้วยเสียงแหบต่ำไม่คุ้นหู ประโยคที่ว่า ‘หยุดทำแบบนี้กับกู หยุดซะที’

ไอ้มิคจ้องผมไม่กระพริบพร้อมเพิ่มแรงกดย้ำที่ช่วงคอเหมือนเป็นการย้ำความเข้าใจ แต่ผมที่หาคำแปลยังไงก็ไม่เจอได้แต่ยืนนิ่งด้วยคิ้วที่เริ่มขมวด ‘มึงจะเอายังไงกับกูไอ้มิค จะให้กูหยุดอะไร? อย่าทำอะไร? ทำไมไม่บอกมาชัดๆ’ คำถามที่เกิดขึ้นในใจ แต่ปากที่กระตุกตอบออกไปกลายเป็นคนละอย่าง ผมจ้องตาที่อยู่ใกล้จนขนตาละเส้นแล้วตอบมันไปง่ายๆว่า ‘ได้ กูจะไม่ทำอีก’ ทำเรื่องอะไรยังไงไม่รู้แต่ถ้ามึงจะเลิกทำหน้าอย่างนี้กูตอบให้ได้

แต่คำตอบเออออห่อหมกของผมกลับทำให้อีกฝ่ายเม้มปากจนขึ้นเส้น ตาขุ่นเข้มที่จ้องมากลับส่งแววเจ็บปวดยิ่งกว่า ไอ้มิคส่ายหน้าแรงเหมือนไม่ยอมรับในคำตอบ มือหนาบนคอผมละไปเหมือนโดนของแสลงพร้อมกับความร้อนจากตัวอีกฝ่ายที่จางหาย ไอ้มิคถอยห่างจากผมไปหลายก้าว

“มึงเห็นกูเป็นอะไร” คำถามที่เหมือนไม่ต้องการคำตอบ เพราะเสียงขื่นๆที่ส่งตามมา

“เพราะกูอยู่กับมึงตรงนี้ กูที่สองตามีแต่มึง ตามติดเหมือนหมาตามเจ้าของ… แล้วเจ้าของมันก็ไม่เคยเห็นแม้แต่หัว”

คำถามคำตัดพ้อของไอ้มิคยิ่งทำเอาผมจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่ามันเรื่องอะไร ผมทำอะไรไปตอนไหน ไอ้คนที่ยังดีๆกันอยู่ตอนบอกลากันในห้องเปลี่ยนเสื้อเมื่อบ่ายถึงได้กลายเป็นแบบนี้

“กูไม่รู้ว่ามึงพูดเรื่องอะไร” จนใจจนได้แต่เอ่ยปากถาม

“อยู่ดีๆเป็นอะไรไปไอ้มิค”

“ก็เป็นกูที่พึ่งรู้ไงว่าตัวเองมันน่ารำคาญ พึ่งรู้ว่าถึงจะทุ่มให้ไปแค่ไหนมันก็ไม่เคยมีค่า ไม่ว่ายังไงมึงก็ไม่เคยมองมาที่กู” เสียงไอ้มิคแหบและพร่าจนผมรู้สึกว่าลำคอตัวเองเริ่มตีบตัน

“กู… มองมึงอยู่”

“… มองที่กูแล้วเห็นเป็นใคร” ไอ้มิคเงียบไปอึดใจเหมือนว่าสิ่งที่กำลังจะออกจากปาก ต้องรีดเร้นเค้นออกมา

“ตอนที่มึงมีอารมณ์ ที่คว้ากูเข้าไปหา มึงเห็นกูเป็นใครกันไอ้กิม”

“…………”

คำถามที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินทำให้ผมยืนนิ่งเบิ่งตามองคนถามด้วยความไม่เชื่อ เป็นครู่กว่าจะควานหาเสียงตัวเองเจอ

“กู… จะเห็นมึงเป็นใคร…” กูต้องเห็นมึงเป็นใครหรือไง

“มึงไม่สนใจ มึงรำคาญ กูทนได้ แต่หยุดมองผ่านกูเป็นคนอื่นเสียที” สีหน้าไอ้มิคเหยเกแต่กลับเป็นขอบตาผมที่ร้อนขึ้นมา

“มึงมองผ่านกูที่ซื่อสัตย์กับมึงยิ่งกว่าหมา มองให้เป็นคนอื่นที่มันไม่มีใจ ไม่ว่าหมาตัวนี้จะนั่งเฝ้ายืนเฝ้าไว้แค่ไหน พอมันไม่อยู่มึงก็ไปทันที… สำหรับมึงกูมันก็แค่คนที่ไม่น่าอยู่ให้เห็นหัวใช่ไหมไอ้กิม”

“พูดเรื่องอะไรของมึงไอ้มิค กูไม่เคยเห็นมึงเป็นใครแล้วก็ไม่เคยคิดว่ามึงเป็นหมาตามก้น มึงเป็นเพื่อน… เป็นคนที่กูคิดว่าดีแล้วที่ได้มาเจอ”

“… เพื่อน”

ไอ้มิคส่ายหน้าแรง หัวเราะออกมาเสียงขื่น

“รู้อะไรไหมไอ้กิม ตลอดเวลาที่คบกันมากูไม่เคยเห็นมึงเป็นเพื่อน ไม่เคยคิดแค่เพื่อน แต่เพราะไม่อยากเสียมึงไปกูทำได้ กูตีหน้าซื่อเป็นเพื่อนกับมึงได้ทั้งที่ในนี้” ไอ้มิคตบฝ่ามือเข้าอกตัวเองไม่ยั้งแรง

“ในนี้มันเจ็บ เจ็บอย่างที่กูไม่เคยคิด แล้ววันหนึ่งมันก็ชา วันที่ไอ้เบอร์สี่นั่นหลุดออกมาจากปากมึง… ถ้าชอบมันได้แล้วกูล่ะ กูที่อยู่ข้างๆ เฝ้ามึงอยู่ทุกวันทำไมมึงมองไม่เห็น”

“… มึงอยู่กับกู แต่คบผู้หญิงทีละสาม กูไม่ได้มีตาเป็นผีนะโว้ยจะได้มองทะลุใจใครต่อใคร แล้วกูก็ไม่ได้ชอบผู้ชายตั้งแต่เกิด” ผมตอบออกไปเสียงไม่ค่อยมั่นคงเนื่องจากโดนอารมณ์หนักๆเน้นๆของอีกฝ่ายตีใส่

“จริงอยู่กูรู้สึกดีๆกับหนึ่ง… แต่หลังจากตกลงกับมึงกูก็ไม่เคยเข้าไปยุ่งอะไรกับมัน”

“ก็เพราะไม้กันหมามันอยู่นี่!” ไอ้มิคตบอกตัวเองอย่างแรง

“แต่พอกูไม่อยู่มึงก็ไปนั่งเฝ้ามันจนได้” เสียงเข้มขุ่นที่ลอยมาเป็นเหมือนหมัดไม่มีรูปร่าง อัดเข้ามาเต็มหน้าจนมึนงง

“แค่ไม่กี่ชั่วโมงที่กูไม่อยู่ มึงคงดูมันจนอิ่ม มีความสุขจนเก็บมาฝันได้เลยใช่ไหม”

“………….”

ความเงียบของผมก็คงเป็นเหมือนกำปั้นหนักๆที่ทุบเข้าใส่อีกฝ่ายหนักหนาไม่แพ้กัน ไอ้มิคละสายตาที่จ้องผมอยู่ลงมองพื้น พยักหน้าหนักๆกับอะไรซักอย่างโดยไม่มีคำพูด แล้วก้าวผ่านผมไปยังประตูเหมือนหมดความสนใจ

“กูไม่รู้ว่ามึงไปได้ยินอะไรมาจากไหน แต่กูไม่ได้ไปเฝ้าใครมา” ผมบอกแล้วเอื้อมคว้าผ้าขนหนูบนราวมาพันรอบเอว นึกอุจาดตัวเองที่ยืนเป็นนายแบบโฆษณากางเกงในอยู่ได้ตั้งนาน

ผ้าขนหนูขนไม่ลื่นแต่ขมวดไม่เข้าปมจนอยากเขวี้ยงลงพื้น “กูเห็นมึงเป็นมึง ไม่เคยอยากมองให้เป็นใคร แต่ถ้ามึงจะคิดจะฟังเสียงในหัวตัวเองอยู่อย่างนั้น กูคงทำอะไรไม่ได้” ปมผ้าตวัดเข้าขอบพร้อมประตูที่เปิดออกด้วยมือผม

ความเย็นของแอร์ที่ก้าวออกมาปะทะทำให้หงุดหงิดอย่างไม่มีเหตุผล หงุดหงิดงุ่นง่านจนต้องยกตีนกระทืบรีโมทท์ ปิดภาพในจอทีวี แล้วถึงเห็นว่าไอ้อ่ำไม่อยู่ให้เห็นหัว แต่ผมเองก็ไม่อยู่ในอารมณ์จะเห็นใคร กวาดเสื้อผ้าที่ยังมีมาม่าวางรวมอยู่ครบถ้วนได้ก็ก้าวออกจากห้องโดยไม่สนใจอะไรอีก แม้จะเห็นจากหางตาว่าร่างสูงใหญ่ที่ยืนนิ่งอยู่เป็นนานก้าวยาวๆตามมา

อากาศหน้าประตูห้องร้อนอบอ้าวจนต้องเขวี้ยงกางเกงทิ้งหลังล้วงเจอกุญแจ แล้วเตะอัดไปเต็มตีนเมื่อประตูที่ไขอยู่ไม่ยอมเปิดในครั้งเดียว มือผมแหย่ลูกกุญแจเข้ารูอีกหลายครั้งพร้อมคำสบถที่หลุดออกจากปาก แล้วยื่นมือไปผลักอกคนข้างหลังทันทีที่อีกมือที่ใหญ่กว่ายื่นมาเหมือนจะช่วย

แรงผลักไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายเซไปไหนแต่ก็มีผลให้มือที่ยื่นมาชะงักค้าง ค้างนิ่งและเงียบสนิทจนกุญแจไขลงล็อคและประตูถูกถีบเปิด ผมเขวี้ยงกุญแจทั้งพวงลงพื้นด้วยความหงุดหงิดที่ไม่ยอมหายไปจากหัวก่อนก้าวเข้าห้อง อุณหภูมิอุ่นๆที่แทบจะแนบอยู่ติดหลังบอกให้รู้ว่ามีคนก้าวตามมาแบบไม่ทิ้งระยะ

ผมไม่ได้หันกลับแต่เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า กระชากเสื้อยืดตัวโคร่งออกจากราวเพื่อไปยัดใส่มือคนที่ก้าวตามมา ผมยัดเสื้อใส่มือไอ้มิคในขณะที่ตัวเองยังมีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวรอบเอว ไอ้มิคเหมือนจะรับรู้อาการผม มันรู้ความหมายของเสื้อที่ถูกยัดเยียดให้แต่ก็เลือกที่จะยืนนิ่งไม่ยอมรับ

“กลับบ้าน”

ผมกระทุ้งเสื้อใส่อีกฝ่ายเป็นการย้ำ แต่ไอ้มิคกลับไม่มีทีท่าจะขยับ ร่างสูงใหญ่ในยีนส์สีซีดยืนก้มหน้า ทุกส่วนของร่างกายนิ่งสนิทแม้แต่มือจะดันเสื้อออกยังไม่ยกขึ้นมา

ท่าทางหงอๆเหมือนเด็กจะโดนทิ้งที่พนันร้อยเอาพันว่าไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหน ทำให้แรงในมือผมลดลงโดยอัตโนมัติพร้อมความหงุดหงิดที่เหมือนจะเลือนไปบางส่วน แต่แรงอัดจากหมัดไม่มีรูปร่างยังคงฝากความมึนไว้กับสมองไม่จืดจาง

ไอ้มิคถูก ที่ว่าบางครั้งผมรำคาญการตามติดชนิดแฝดสยามของมัน แต่ผมแน่ใจว่าไม่มีสักครั้งที่ตัวเองจะหลุดปากด่าใส่หรือออกอาการฟาดหัวฟาดหางเอากับคนที่เดินเบียดไหล่อยู่ทุกค่ำเช้า แม้จะอารมณ์เสียจนบางครั้งอยากดีดมันไปห่างๆแต่ขาผมไม่เคยขยับ เพราะรู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายหยิบยื่นจนถึงขั้นยัดเยียดให้มา มาจากความจริงใจจริงจังแบบทุ่มทั้งตัวของผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายคนที่ไม่มีความจำเป็นแม้เพียงเศษเสี้ยวที่จะต้องมาตามเอาใจ มาเดินบังหน้าบังหลังทำตัวล่ำใหญ่ปิดบังสายตาผมเวลาเดินผ่านสนามกีฬา เพราะผู้ชายคนนี้มีดีมากกว่าผมเป็นไหนๆ

ผมเข้าใจดีว่าสิ่งที่ได้รับมีค่ามหาศาล มีค่าเกินกว่าจะทำร้ายน้ำใจกัน ความรู้สึกแน่นๆของไอ้มิคก่อร่างสร้างรูปเข้ามาในจิตใจผม ก่อเป็นรูปเป็นร่างที่แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนแต่ก็ปักฐานเข้ามาไว้อย่างมั่นคง ฐานที่มีมือของผมช่วยลงดินก่ออิฐไปโดยไม่รู้ตัว แต่ดูเหมือนว่าแรงและความรู้สึกของผมจะไม่เคยได้ล่วงล้ำเข้าไปในใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

วันหนึ่งหลังเปิดปากบอกความรู้สึก ไอ้มิคขอผมด้วยสีหน้าจริงจัง ขอไม่ให้เก็บมันไว้เป็นเบอร์รอง เบอร์สองต่อจากใคร ในระหว่างที่ความรู้สึกยังไม่ลงตัวขอให้ผมเลิกคิดเรื่องใครอื่นจนกว่าจะแน่ใจว่ายังไงก็เปลี่ยนจากความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนมาเป็นมากกว่านั้นกับมันไม่ได้ ขอให้ถึงวันนั้นก่อนแล้วค่อยเบนสายตาไปหาใคร

คำขอกึ่งบังคับที่ผมแน่ใจว่าตอบกลับไปอย่างชัดเจน ตอบด้วยเสียงเข้มๆเน้นความจริงใจว่าตกลง ได้ กูจะมองแต่มึงที่เดินอยู่ข้างๆ เอาให้ตาเขตาเหล่กันไปข้าง วันนั้นคนที่นั่งหน้าเคร่งอยู่ข้างผมเปิดยิ้มกว้าง ยิ้มจากริมฝีปากถึงดวงตา รอยยิ้มที่ผมยังจำได้ถึงวันนี้ วันที่ดูเหมือนว่าคำสัญญาของผมในวันนั้นไม่เคยเกิดขึ้น ไม่เคยมีอยู่ในใจอีกฝ่าย ยิ้มระยับที่ทำให้หมัดไม่มีรูปร่างมันหนักหนาสาหัสจนซวนเซ

“กูขอล่ะ กลับไปซะ”

“…………” ไอ้มิคยังคงยึดเอาความนิ่งเป็นการตอบรับ

“…………”

ผมที่กำลังเสียศูนย์ทางอารมณ์ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าศูนย์แตก ทำได้ทางเดียวคือโยนเสื้อที่อีกฝ่ายไม่ยอมรับลงเตียง หันไปเปิดตู้หาเสื้อยืดคอย้วยกับกางเกงบอลมาเปลี่ยน ก้มเก็บพวงกุญแจแล้วก้าวยาวๆไปทางประตู

“กิม”

เสียงและสัมผัสที่ดึงให้ต้องหันไปตามแรง ไอ้มิคคว้าแขนผมไว้ด้วยท่าทางที่เหมือนไม่กล้าทำอะไรมากกว่านั้น สีหน้าที่เงยมามองกันบอกชัดว่ากำลังทำตัวไม่ถูก

“ถ้ายังไงมึงก็จะอยู่ กูจะไปนอนห้องไอ้อ่ำ”

ผมจ้องตาอีกฝ่ายนิ่ง เป็นการจ้องหน้าอย่างที่ไม่เคยทำ ผมไม่เคยเป็นแบบนี้กับคนตรงหน้าเพราะไม่เคยได้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีความเชื่อถือให้กันเหมือนวันนี้

“ขอโทษ” ไอ้มิคว่าออกมาอย่างนั้น คำเดียวสั้นๆ

คำสั้นๆกับสีหน้าที่ทำให้คนตรงหน้าผมในตอนนี้ไม่ใช้ไอ้มิคโหดเลวดี ผู้ชายเจ้าของคำนิยามโหดเถื่อนแต่บทจะดีก็เล่นเอาใจละลายจนสาวพากันมาหลงจมหัว แต่เป็นไอ้มิคคนที่ต้องพูดไทยปนอังกฤษด้วยสำเนียงเสียงภาษาไทยตกๆหล่นๆจนโดนล้อ จนพาลให้มีเรื่องต่อยตีกับฝ่ายตรงข้าม ทั้งๆที่รู้ว่าต้องโดนรุม แต่ไอ้เด็กหน้าขาวตาสีจางที่โผล่มาเป็นของแปลกประจำตำบลก็กระโดดเข้าใส่แก็งเด็กประจำหมู่บ้านอย่างไม่มีเกรงกลัว

ผมที่ผ่านไปเห็นการตะลุมบอนของแปดต่อหนึ่งโดยบังเอิญเลยกระโดดเข้าร่วมด้วยความไวของตีนที่มีมากกว่าสมอง ตอนนั้นยังไม่เห็นด้วยซ้ำว่าไอ้ที่สู้ไม่ถอยอยู่กลางวงเป็นใคร เหตุการณ์นี้ทำให้ผมได้เพื่อนใหม่ที่แปลกตาไปหมดตั้งแต่สีผิวสีตาสีผมแม้กระทั่งชื่อจะใช้เรียก เพื่อนใหม่ชื่อดอมินิค แปลกประหลาดจนออกเสียงไม่ถูกอยู่เป็นเดือน

เพื่อนใหม่ที่ผมไปสอยมาได้จากวงตะลุมบอนค่อนข้างเงียบขรึมเมื่อเล่นกันแรกๆ เงียบนิ่งไม่ค่อยพูดผิดจากเด็กทุกคนที่เคยเจอ ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ถนัดภาษาไทย พูดมาพูดไปคุยยังไงก็คงไม่รู้เรื่อง แต่แล้ววันหนึ่งก็ได้ไปเห็น ถึงจะมีฝรั่งตาน้ำข้าวให้พูดจาภาษาเดียวกันไอ้มิคก็ยังคงนิ่งเฉย ผมเลยสรุปเอาเองว่าเพื่อนใหม่คนนี้คงไม่ชอบพูด เลยได้ทีเหมาการคุยมาเป็นหน้าที่ตัวเอง มันเงียบผมคุย มันนิ่งผมยิ่งโม้ ขนาดโดนเดินหนีก็ยังตามไปนั่งฝอยอยู่ข้างๆ

ที่จริงแล้วผมเองไม่ใช่เด็กช่างพูด อยู่บ้านอยู่โรงเรียนมีเพื่อนพ้องมากมายนับไม่ถ้วนแต่ก็พูดมากพูดน้อยไปตามอารมณ์ แต่พอมาเจอไอ้มิคผมกลับกลายเป็นคนพูดไม่หยุด ชวนพูดชวนคุยจนบางครั้งคนข้างๆถึงกับส่ายหน้าว่าข้าหน่าย แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าต้องคุยต่อไป เหมือนเป็นการชดเชยความเงียบที่อีกฝ่ายสร้างขึ้น

แล้วจากที่นิ่งๆเงียบๆ ไอ้มิคก็เปิดปากปล่อยสำเนียงเพี้ยนๆประจำตัว ส่งภาษาไทยบูดๆเบี้ยวๆ ตอบรับเรื่องที่ผมสรรหามาคุยไม่รู้จักหยุด ภาษาไทยสำเนียงแปร่ง จากที่ได้ยินวันละไม่กี่คำก็กลายมาเป็นสิ่งคุ้นหูพร้อมๆกับดวงตาสีอ่อนจางที่จ้องตรงมา

เพื่อนใหม่ที่เข้ากันได้ดีจนทำเอาผมละเลยเพื่อนเก่า เลิกการรวมแก็งเด็กเล็กเด็กใหญ่ แล้วหันไปยิงนกตกปลาว่ายน้ำคลองกับไอ้มิคชนิดไม่มีวันหยุดราชการ ไปหามันที่บ้าน ลากมันมาบ้าน เรียกว่าตั้งแต่ตื่นเช้าจนถึงเวลาข้าวเย็นผมหนีบตัวเองติดอยู่กับอีกฝ่ายเหมือนปาท่องโก๋ คนที่โดนผมหนีบก็ออกอาการยินยอมพร้อมใจ ถอดเสื้อกระโดดน้ำคลองแข่งกับผมอยู่ทุกวี่วัน

จนแล้ววันหนึ่งก็มีเรื่องให้ขัดใจ เราทะเลาะกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่หนีบตัวติดกันอยู่เป็นเดือน ผมโกรธถึงขั้นผลักอกอีกฝ่ายแล้ววิ่งหนีกลับบ้าน ถามว่าทะเลาะเรื่องอะไร มาถึงตอนนี้นึกยังไงก็ไม่ออก แต่สิ่งที่ติดตาอยู่ไม่เคยลืมคือสีหน้าของคนที่โดนผมผลักจนล้มก้นจ้ำเบ้า ไอ้มิคในตอนนี้มีสีหน้าเหมือนตอนนั้นไม่ผิดเพี้ยน

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
“ไม่เป็นไรเว้ย กูไม่ได้โกรธ” ปากผมว่าไปอย่างนั้นแล้วดึงแขนขืนมา “แต่ไม่อยากคุยกับมึงตอนนี้”

“ก่อนมานี่กูแวะเข้าคณะไปเอาของ เจอไอ้โอ้… มันบอกว่ามึงไปหา”

“เออ กูไป แล้วไง?” ผมถามกลับแล้วถึงนึกได้ถึงความหมายของอีกฝ่าย

“กูไปเอาหนังที่ยืมมันไว้ เจอกันหน้าโรงช้างไม่ถึงห้านาที กูไม่ได้เข้าไปข้างใน ไม่ได้ไปทำอะไรอย่างที่มึงคิด”

“… ขอโทษ กูมันบ้า” ไอ้มิคบอกพลางขยับย่นระยะ

“ได้ยินว่ามึงไปโรงช้าง กูก็มองไม่เห็นอะไรแล้ว… กูมันบ้าไปเอง ขอโทษที่ไม่เชื่อ” ท้ายประโยคมาพร้อมมือที่ยื่นมาคว้า ดึงให้เอนเข้าไปหา

ผมขืนตัว ยกมือขึ้นดันอกอีกฝ่ายแล้วก้าวถอยหลัง การตอบสนองที่ทำให้เจ้าของมือสาวท้าวตามมาทันที “บอกแล้วว่าไม่ได้โกรธ… มึงกลับไปก่อนเหอะ”

“ถ้าไม่โกรธก็เลิกไล่ เลิกมองกูอย่างนี้ แล้วหันมาคุยกันดีๆได้ไหมกิม”

แววตัดพ้อส่งมาทั้งแววตาและน้ำเสียง มือที่ยื่นมาบ่งบอกชัดเจนว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะถอยแม้แต่น้อย

“กูไม่ได้โกรธมึง” ผมถอนหายใจแรง คว้ามือที่ยื่นมาไว้ซะเอง

“แต่กูเสียใจ เศร้าสาด จิตตกเหี้ยๆ คุยอะไรกับใครตอนนี้ไม่รู้เรื่องทั้งนั้น” ว่าแล้วตบหลังมืออีกฝ่ายเป็นการย้ำ

“ถ้ายังคิดจะคบหากัน ก็ช่วยกลับไปเหอะ”

ผมปล่อยมือร้อนๆที่จับอยู่แล้วหันหลังกลับ เดินไปที่เตียง ก้มคว้าเสื้อแล้วโลกมันก็โคลง โลกโคลงเคลงที่มาพร้อมคำสบถไทยปนอังกฤษดังชิดติดหู รู้ตัวอีกทีหน้าก็คว่ำดมกลิ่นตัวเองอยู่กับผ้าปูเตียงเช่นเดียวกับทั้งตัวที่โดนไอ้มิคก้าวขึ้นคร่อมจนแอ่นไปทั้งหลัง

“เฮ้ย?! ทำอะไรวะ!!”

ผมตะโกนอู้อี้อยู่กับเสื้อในมือ ต้องใช้ความพยายามเข้าขั้นนาทีกว่าจะตะเกียดตะกายงัดแขนตัวเองออกจากใต้ตัวได้ และในระหว่างที่ผมป่ายมือวาดขาประหนึ่งฝึกว่ายน้ำแบบแห้ง พยายามเอาตัวรอดจากสถานการณ์การตกเป็นเบี้ยล่าง ไอ้คนที่นั่งทับกันอยู่ทั้งตัวมันก็ช่างนิ่งสนิทจนเดาใจเดาอารมณ์กันไม่ถูก

“ไอ้มิค! ลุกออกไปนะโว้ย กูหายใจไม่ออก!”

ผมแหงนหน้าคางติดเตียงสูดอากาศ พยายามพลิกตัวหนีแรงกดทับ แต่โดนมือหนักๆกดเข้ามาที่หลังคอแบบทีเดียวหมดแรงดิ้น ยังดีที่ไอ้เถื่อนบนหลังผมไม่ได้กะจะเล่นกันให้ตายคาเตียง ไอ้มิคขยับตัวลุกแบบแกล้งให้กำลังใจกันแล้วเปลี่ยนจากนั่งทับหลังเป็นทิ้งตัว ประกบลงมาตามความยาว แนบสนิทชิดกันไปตั้งแต่แผ่นหลังแผ่นอกถึงก้นกบผม หน้าท้องมัน

แขนล่ำๆสอดเข้ามาใต้คางเล่นเอาตาเหลือก นึกว่าได้ลองแน่แล้วกู หนุมานหน้าแหงน ดีที่มือที่สอดมาเปลี่ยนทิศจากการตวัดไปล็อคคอดึงเป็นวาดลงไปกดอกกุมใจผมไว้แทน ผมรู้อยู่เสมอว่าไอ้มิคมันเถื่อนถึก มีกำลังกายกำลังใจแข็งแกร่งกว่าผมหลายเท่า แต่ไม่เคยมีวันไหนที่จะตระหนักได้ว่าเราสองนั้นมันกระดูกห่างเบอร์กันจนนับไม่ถูกเท่าวันนี้ ความตระหนักที่ทำให้ผมหยุดฟรีสไตล์ทั้งขาทั้งแขนแล้วนอนแบ็บ ประหนึ่งเป็นจิ้งจกโดนประกบอยู่ในกล้วย

พอผมเลิกทำการเอาตัวรอด นอนแน่นิ่งทั้งตัวทั้งปาก แรงที่กดทับลงมาก็เหมือนจะลดลงไปบางส่วน ไอ้มิคใช้แขนอีกข้างรับน้ำหนักตัวเองอยู่ชิดติดหน้าแหงนๆของผม ในสายตาที่ได้แต่มองตรงไปยังหัวเตียง มีท่อนแขนล่ำๆกับกำปั้นโตๆที่กำจนเส้นเลือดปูดโปน เป็นภาพที่เห็นแล้วน้ำลายลื่นไหลลงคอดังเอิ๊ก หรือว่าเจ้าของมือมันจะอารมณ์ขาดกับอาการศูนย์แตกของผมจนถึงขั้นหูอื้อตาลาย มันถึงได้ทำอะไรผิดความคาดหมาย ผิดกาละเทศะปานนี้

“ขอโทษ”

เสียงเข้มๆพร้อมปลายจมูกที่ซุกลงหลังกกหู ลมหายใจอุ่นร้อนข้างแก้มกับคำขอโทษที่พึมพำซ้ำๆ พฤติกรรมที่แสนจะขัดแย้งกันเองของไอ้มิค จะโหดจะอ่อนขัดกันให้มั่วจนเล่นเอาผมต่อบทไม่ถูก ได้แต่สูดหายใจลึกพลางนับอัตราการเต้นของหัวใจที่โดนเกาะกุม

“ขอโทษที่ทำให้เสียใจ ขอโทษที่กูมันบ้า” แผ่นอกที่แนบอยู่ชิดติดหลังให้ความรู้สึกร้อนจนแทบไหม้แต่กลับเงียบสงบ ว่างเปล่า จนน่าใจหาย “ขอโทษ… ที่… รัก”

“รัก… มากขนาดนี้”

คำขอโทษแผ่วเบา ที่ทำให้ต้องใช้แรงทั้งหมด ตะเกียดตะกาย ดิ้นรนเพื่อหันไปเผชิญหน้า เพื่อหันไปมองตาอีกคู่ มองเอาไว้ด้วยขอบตาร้อนผ่าวเฉียบพลัน

“ขอโทษ ที่กูรักมึงเกินไป”

ตาสีอ่อนที่จ้องตรงมาดูจืดจางกว่าครั้งไหนด้วยม่านน้ำที่ปิดเคลือบ ถึงอย่างนั้นไอ้มิคก็ยังคงจ้องเขม็งตรงมา จ้องเหมือนจะให้ทะลุเข้ามาในหัวใจที่หดลีบไปแล้วของผม แล้วเพียงหนึ่งกระพริบหยดน้ำก็ร่วงหล่น หยดน้ำเม็ดเล็กๆที่ตกกระทบผิวหน้า ความเย็นชื้นที่ทำให้แขนผมบิดผิดท่าขึ้นไปคว้าคออีกฝ่ายมาซุกไว้แนบไหล่

ไอ้มิคยอมให้ผมกดหัวไว้กับบ่า ไม่มีเสียงสะอื้นไม่มีอาการฟูมฟาย คนที่ผมกอดเอาไว้ด้วยสองแขนบิดเบี้ยวเพียงแต่สูดหายใจลึกแล้วปล่อยให้น้ำตาหลั่งริน การพยายามอดกลั้นที่รับรู้ได้กับความเปียกชื้นบนไหล่เสื้อทำให้ความหนักอึ้งในใจผมแตกกระจาย

ความเสียใจก่อนหน้า ความเศร้าที่รู้ว่าไม่เป็นที่เชื่อถือในน้ำใจ ความหงุดหงิดที่ทำให้อยากแยกสถานที่ แยกเวลา กันอีกฝ่ายออกไปให้ห่าง แตกกระจายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยจนมองแทบไม่เห็น ความเย็นชื้นจากน้ำเพียงหยดเดียวบนผิวหน้าที่ยังไม่จางหาย เรียกให้ก้อนอะไรซักอย่างพุ่งขึ้นมาจุกอยู่ในอก จุกจนหายใจไม่ออก จนต้องกระชับสองแขน กอดอีกคนไว้สุดกำลัง

“ไม่เอาน่า… ไม่แมนเลยมึง”

พึมพำไม่ดังไปกว่ากระซิบใส่อีกฝ่ายแต่กลับเป็นผมเองที่มองไม่เห็นอะไรอื่นนอกจากม่านน้ำในตาตัวที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นภาพเบลอๆ และแม้ว่าจะกรพริบตาสักกี่ครั้ง เมื่อลืมตาขึ้นมาใหม่สิ่งที่เห็นก็ยังคงพร่ามัว

“ที่ยิงหนังสติ็กอันนั้น ยังอยู่กับมึง” ผมขยับตัว พลิกมานอนในท่าที่ไม่ต้องทรมานสังขารตน ท่าที่จะโกยคนบนตัวไว้ได้เต็มวงสวิงยิ่งขึ้น

“…………”

“หนังสติ๊กเก่าๆทำไมมึงถึงอยากได้ ที่เมืองนอกมีนกให้ยิงด้วยเหรอวะ”

คำถามประหลาดหลงสถานการณ์ของผมทำให้ไอ้มิคถึงกับผงกหัวขึ้นมอง ตาแดงก่ำหม่นแสงจ้องตรงมาอย่างให้รู้ว่างง เป็นไงล่ะเมื่อกี้เล่นซะกูไปไม่ถูก ถึงจะดราม่ากระจายอยู่แต่มาเจอของไอ้กิมบ้างเป็นไง

“ตอนไปบ้านมึงครั้งแรก กูนึกว่ามองผิด ไม่คิดว่าจะได้เห็นงานฝีมือตัวเองตกทอดมาถึงป่านนี้ มึงนี่รักษาของดีผิดกับหน้าตาเนอะ” ว่าแล้วกดหัวที่เงยขึ้นมากลับเข้าที่

“ตอนเห็นง่ามไม้ดำๆกับหนังยางเปื่อยๆ กูคิดว่า เฮ้ย ไอ้นี่มันคิดอะไรกับเราเปล่าวะ เก็บของแทนตัวกันไว้เป็นสิบปี แต่ตอนนั้นแม่งคบหญิงอยู่สอง กูเลยว่าคงไม่ใช่”

“แต่มันประทับใจว่ะ ซึ้งโคตร… กูดีใจที่มึงเห็นค่ากับแค่ของเล่นเด็กที่ได้ไป ถึงขนาดตั้งใจไว้เลยว่าจะให้ความสำคัญกับทุกอย่างกลับไป ไม่ให้แพ้กัน”

มาถึงตอนนี้ไอ้มิคไม่ยอมนอนนิ่งซบไหล่ ปล่อยผมเป็นฝ่ายพูดอะไรไม่รู้เรื่องอยู่ฝ่ายเดียว คนที่ผมยังกอดเอาไว้ไม่ปล่อยยกแขนขึ้นชันเตียง คร่อมวงลงมาล้อมซ้ายขวา เอาหน้าผากอุ่นๆแนบมาชนกันพร้อมสายตาที่จ้องตรงมา

“ตั้งแต่วันที่มึงบอกว่าคิดกับกูเกินเพื่อน ถึงวันนั้นจะตอบอะไรให้ไม่ได้ แต่กูก็เลิกใส่ใจใครต่อใครแล้วคิดเรื่องมึงอย่างจริงจัง… กูเห็นค่าของสิ่งที่ได้มา ไม่ใช่ไม่เห็นความสำคัญ”

“… ขอโทษ” คำขอโทษหลุดออกจากปากไอ้มิคเหมือนมันอ่านใจผมได้

“ขอโทษที่เอาแต่งี่เง่า เอาแต่ระแวง… ขอโทษที่มองไม่เห็นใจกิม”

“เออ ทีหลังก็หัดรู้ซะมั่งว่ากูน่ะซื่อสัตย์ตัวพ่อ จริงใจตัวพี่ มีอะไรก็ถามกันก่อน อย่าพึ่งดราม่านำหน้ากูไป”

ผมว่าแก้เก้อเพราะตาอีกคู่ที่กระพริบละขนตากันอยู่ เกิดอาการระยิบระยับ มองกันมาประหนึ่งว่าเจอคำตอบ เยส ไอดู

“ลุกไปได้แล้ว เหม็นมาม่าโว้ย”

ผมว่าพลางเบี่ยงหลบปากแดงๆที่ก้มลงมาได้อย่างเฉียดฉิว ปากไอ้มิคเลยจุ๊บเข้ากับโหนกแก้มเค็มๆเข้าเต็มรัก เต็มแก้มเต็มเค็มจนเจ้าของปากเกิดอาการเอ๋อ เปิดจังหวะให้ผมแจกหนุมานถวายเข่าเข้าเต็มๆซิกซ์แพ็ค กำจัดคนที่คร่อมกันอยู่ไม่รู้เลิกออกจากตัว แล้วกระโจนพรวดเดียวลงมาข้างเตียง ยืนมองไอ้มิคที่หลุดอุทาน เฮ้ย! มาเต็มคำ

เมื่อกี้ทำกูค้างเติ่งเป็นติ่ง แถมเป็นการค้างแบบฝ่อฝีบหีบเหี่ยวในเสี้ยววินาที ตอนนี้คิดจะมาเล่นกันให้เคลิ้ม คิดจะปั่นอารมณ์คนอื่นให้ลุกๆลีบๆตามใจตัวก็ไปหาปีโป้มาดูดแก้ขัดไปก่อนแล้วกันนะเพื่อน

คนได้รับแจกเข่าแบบไม่ทันตั้งตัวมองหน้าผมแบบพยายามให้เห็นว่าเคือง แต่ตากลับพราวระยับและเหมือนจะมีรอยขันอยู่จางๆ จนผมที่กะยืนยิ้มเย้ยต้องเป็นฝ่ายหลุดคำด่า ด่าจริงด่าแถมไปหลายคำแล้วหลบลี้หนีหน้าไอ้คนหน้าไม่อายด้วยการจ้ำพรวดๆเข้าห้องน้ำมา เห็นจากหางตาว่าไอ้มิคทิ้งตัวนอนหงาย มือกุมท้องแต่ปากยิ้มกว้าง สุดท้ายคือเสียงหัวเราะทุ้มๆที่ตามเข้ามาบาดหูกันถึงหน้าโถฉี่



โปรดติดตามตอนต่อไป

==========================================================================

แฮ่ๆ  โทษทีค่ะ ช้าไปหน่อย

ใช่ค่ะ ผู้แต่งคนเดียวกับที่แต่งเรื่องทะเลค่ะ  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2010 23:32:04 โดย DraCo_SLa13 »

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
เข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมกิมน้อย(กร้ากกกกกกกกกกส์)ถึงได้ "อารมณ์ไม่ดี?"


..........มาม่าลวกพุง ถูกจู่โจมแล้วทิ้งค้าง เข้าใจผิดไม่ไว้ใจ
สุดท้าย.......น้องกิมเขินนนนนนนนนนนนนนนนนนน โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ heefever

  • 영원히 그대만 사랑해
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
ตอนนี้ยังมีต่อใช่มั้ยคะ

เพราะมันยังดูค้างๆ คาอยู่เลย

 :กอด1:

ออฟไลน์ raintear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
เรื่องนี้น่ารักอ่าาา ถูกใจมากมาย  o13 อ่านตอนแรกก็นึกว่าเบอร์สี่เป็นพระเอกซะอีก
แต่พออ่านไปเรื่อยๆ เจอเฮียมิคเข้า โอ้วววววว ไอ่เบอร์สี่ เอ็งไปไกลๆเลย ไม่สนแล้ววว 555
ชอบเรื่องนี้นะ แบบพัฒนาความสัมพันธ์กันไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เด็ก (ถึงแม้ไอ่กิมมันจะไม่รู้ตัวตอนเด็กก็เหอะ)
ชอบเฮียมิคมากมาย อยากเจอคนแบบนี้บ้างจัง :)

 :bye2:

lasom

  • บุคคลทั่วไป
สุโค่ยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ลุ้นชิบ
งอลกัน ง้อกันได้แบบ :m11:พิสูจน์ได้อีกอย่าง
ว่ารักยังไงก็มาจากความผูกพัน คิดเหมือนรีบน
ตอนแรกนึกว่าเบอร์สี่เป็นพระเอก เจอพี่ดอมินิกปาขวดเข้าไป
เค้าเปลี่ยนใจแทบไม่ทัน เถื่อนๆอ่ะเค้าชอบบบบบบ :laugh:
รอ รอ รอ รอ รอ รอ รอ more please :m13:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
เอ่อ
ดีๆเว่ย
กิมเนี่ย
อยู่เรื่อยเลยนะ

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
น่ารักมากค่ะ เรื่องนี้ อ่านแล้ว ยิ้มทั้งน้ำตาเลย
ซึ้ง

ออฟไลน์ Nabee

  • 너만 사랑해~♥
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-3


ตอนนี้อารมณ์ประมาณว่า...ยิ้มทั้งที่คิ้วขมวด...นี่ตูท่าจะบ้า - -"


อ่านไปก็เครียดไป เด่วยิ้มเด่วเครียด...ชักทำตัวไม่ถูก

สงสัยอ่านเรื่องนี้มาก ๆ คนข้าง ๆ ถ้าจะว่าเค้าเป็นบ้าเข้าสักวัน

เฮ้ออออออออ อ อออ...กิมเอ๊ยยยย...ไม่เคยรู้เลยใช่มั้ยเนี่ย...ว่าตัวเองหน่ะแหล่ะ

ที่ทำำใ้ห้มิคเค้ารักซะหัวปักหัวปรำซะขนาดนี้หน่ะ...แต่ถึงจะรู้ช้าไป ก็ไ่ม่สายที่จะยอมรับใจตัวเองนะจ๊ะ...คริคริ XD

ออฟไลน์ sin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0
เรื่องนี้น่ารักมาก

อ่านแล้วขำ ยิ้มได้ทั้งเรื่อง ให้ตาย น้องกิม น่ารัก มิคโครตเท่ห์


ออฟไลน์ i1_to*pp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +683/-5

ตอนแรกคิดว่าเบอร์สี่เป็นพระเอกเหมือนกัน

เจอมิคเข้าไป ชอบแบบนี้จัง    :m11:

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1
 นึกว่าจะได้ใช้อีโมนี้ :m25:

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
«ตอบ #76 เมื่อ30-08-2010 22:27:31 »


รักจัง.........ตอนที่5


ตัดกลับมาสู่สถานการณ์ปัจจุบัน ณ โรงอาหารท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ของนักศึกษาตอนบ่ายสี่ รอบโต๊ะกินข้าวที่นั่งกันอยู่นับได้แปดชีวิตไม่ขาดไม่เกิน บวกอีกหนึ่งที่พึ่งโผล่มายืนหล่อไม่เกรงใจเพื่อนฝูง ค้ำหัวกดไหล่อยู่แนบชิดติดหลังผม

ไอ้มิค เจ้าของเสียงหัวเราะบาดหูหน้าโถฉี่ ไอ้มิคที่ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องแม้เจ้าของห้องจะออกปากไล่ถึงขั้นแจกฝ่าตีนอรหันต์ ไอ้คนอาศัยที่นอนหล่อเป็นพระอินทร์ สีหน้าบ่งบอกถึงความสุขสงบสยบแล้วซึ่งทางโลกขณะที่เจ้าของห้องอย่างผมนอนตาค้าง หลับไม่ลงเพราะมัวแต่ซ่อมศูนย์ตัวเองอยู่ไม่รู้เลิก

ไอ้มิคที่ทำเป็นตัวลีบอยู่อีกฟากหมอนข้าง แล้วแอบเนียนก่ายขาก่อนแล้วค่อยวาดแขน กวาดหมอนทิ้งระหว่างส่งเสียงหายใจสม่ำเสมอ ไอ้บ้าที่ม้วนผมเข้าไปอยู่ใต้ตัวได้เนียนเหลือเชื่อ แล้วก็หายหัวไปได้เนียนกว่าเมื่อเจ้าตัวต้องการ

ผมที่ถูกยัดเยียดบทไส้กรอกในขนมโตเกียวสิ้นสติไปตอนหมาข้างหอหอนบอกเวลาว่าตีสี่ นอนอึดอัดขัดข้องขยับได้แต่หัว ตื่นมาอีกทีตอนหมาตัวเดิมเห่าไล่รถขายแตงโมงเสียงขรม เสียงหมาเสียงแม่ค้าและเสียงเพลงชาติจากห้องไอ้อ่ำบอกให้รู้ว่าขณะนี้เวลาแปดนาฬิกา ผมงัวเงียตื่นมาเพื่อที่จะพบว่าสามารถกางแขนแหกขาได้เต็มเตียงเนื่องจากที่ข้างๆมันว่างเปล่า ไอ้มิคหายหัวไปแล้วอย่างไร้ร่องรอย

นอนไม่พอ คอเคล็ด เจ็บหลังแล้วแม่งยังไปก่อนกูตื่นเหมือนเสี่ยเขี่ยสาว กึ่ม บอกได้คำเดียวว่าอารมณ์นี้มันเรียกกึ่ม

“อารมณ์ไม่ดี?”

ไอ้มิคก้มมาถามแล้วไม่ยอมเงยกลับ หน้าหล่อจัดที่จ่อเข้ามาแทบจะชิดหน้าผมเป็นการแสดงความใกล้ชิดที่ออกจะชิดใกล้เกิดพอดี จนคนรอบข้างที่นั่งล้อมอยู่รอบโต๊ะ ชะงักการสนทนาแล้วเหล่ตามาแอบมอง

ไม่รู้ว่าหล่อเขาไม่เห็นอาการเพื่อนหรือเห็นแล้วแต่ไม่สนใจ มือร้อนๆบนไหล่ผมจึงถูกยกขึ้นมาเช็ดปากกันด้วยปลายนิ้ว คาดว่าไอ้มิคที่ก้มลงมาโคลสอัพกันในระยะเห็นรูขุมขนบนใบหน้า คงเจอะซีกหัวถั่วงอก รากผักชี เม็ดพริก เม็ดน้ำตาลที่ไม่ละลายหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ผมพึ่งยกซดก่อนมันมา แปะติดอยู่กับหน้าผมแบบที่อีกเจ็ดชีวิตรอบโต๊ะแม่งตาบอดมองกันไม่เห็นอยู่เป็นนาน

นิ้วโป้งแข็งๆปาดผ่านริมฝีปากล่างไปแบบไม่เร่งรีบ แล้วคนปาดก็เช็ดสิ่งที่กวาดไปกับกางเกงตัวเองแบบหน้าตาเฉย ปล่อยคนโดนปาดอย่างผมนั่งอ้าปากค้าง ฟังเสียงช้อนหล่นกระทบจานดังแกร้งมาจากหลายทิศทาง

“อิ่มยัง”

เจ้าพ่อขโมยซีนตัวจริงเสียงจริงเอ่ยเหมือนจะอันเชิญให้ลุก หน้าหล่อแบบโหดเถื่อนยังคงจ้องผมอยู่พร้อมยิ้มจางติดริมฝีปาก ยิ้มที่ทำให้ชีสซีร็อกกับสมุดเล็คเชอร์ของผมถูกส่งต่อๆกันมาจากหัวโต๊ะจนมาตกอยู่บนตัก ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ช่วยนัมเบอร์วันรู้แต่ว่าเหล่ตามองไปอีกที รอบโต๊ะมันก็ยกมือขึ้นโบกบ้ายบายกันมาตาไม่กระพริบ รู้โดยไม่ต้องมีองค์ ลุกเดินตามตูดไอ้มิคไปเมื่อไหร่ รับรองสะเก็ดดาวกันกระจาย

“สาดมิค คนยังไม่ได้แดกจะอิ่มได้ไง”

ผมว่าแล้วคว้าน้ำแข็งใสก้นชามของไอ้จั๋วมาจ้วงกินแบบหน้าด้านๆ สถานการณ์นี้กูจะไม่ยอมลุกจากโต๊ะเด็ดขาด กูจะไม่ยอมตกเป็นสะเก็ดดาว

ความรักตัวกลัวเพื่อนนินทาที่ผนึกเข้ากับอาการกึ่มคนข้างหลัง ทำให้ไอ้กิมจ้อกลายเป็นอีกิมจั๋ว จะเสียงสูงหน้าเชิด โด่งตูดเอาสีข้างเข้าไถจนกางเกงในสึก

“ไอ้ตะกละ ผักชียังติดอยู่เต็มฟันหน้า พูดออกมาได้ว่ายังไม่ได้แดก” ไอ้โยมเป็นคนแรกที่จะมาพิสูจน์บทอีกิมจั๋วกับผม

“กูหมายถึงของหวาน ไอ้ควาย” แทบจะควักลิปแดงมาทาปากกันทีเดียว

“จะกินอะไร เดี๋ยวไปซื้อ”

ไอ้มิคขโมยซีนคืนแบบทีเดียวหัวไอ้โยมหาย สายตารอบวงจ้องกลับมาที่คนข้างหลังผมเหมือนเห็นผี ไอ้มิคคนนั้นที่เทคแคร์ใครอย่างนี้หาดูได้ยากส์ยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลพิเศษ

ผมเองยังต้องแหงนหน้า เหลือกตามองคนถามที่ยืดตัวขึ้นเต็มความสูงแล้วก้มหน้าลงมายิ้ม ไม่ใช่ว่าไอ้มิคไม่เคยซื้ออะไรมาให้กิน ของหวานของคาวมีมาจ่อถึงปากไม่เคยขาด แต่เป็นการหิ้วมาฝากหรือขับรถไปกินด้วยกันที่ร้าน ไม่ใช่การขันอาสา ออกปากเป็นบริกร วิ่งซื้อวิ่งเสิร์ฟถึงที่แบบนี้

“กูเอาถั่วแปบถุง ไอ้อ่อนมึงเอาไร”

ไอ้จั๋วตอบข้ามหัวผมไปหาคนถาม ไม่รู้แกล้งซื่อหรือเพราะหมั่นไส้ ฟังจากน้ำเสียงแล้วคาดว่าจะเป็นอย่างหลัง แล้วก็ได้รับการตอบรับจากว่าที่บริกรกิตติมศักดิ์เป็นมือที่ยื่นเยื้องๆไปตบหัวคนสั่งดังป๊าบ

“ลามปามแล้วมึง” ไอ้มิคว่า

“อ้าว ก็กูเห็นมึงขันอาสา” ไอ้จั๋วเงยหน้าขึ้นโวย “คบเพื่อนมันต้องให้เท่าเทียม อย่ามาเลือกที่รักมักที่ชังอย่างนี้สิโว้ย”

“กูอยากกินหลายอย่าง อยากกินแม่งหมดโรงอาหาร”

ผมรีบสอดปากต่อประโยคหลังไอ้จั๋ว กลัวเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดคนนี้คนนั้นคนนู้นจะต่อความยาวสาวความยืดเรื่องรักเพื่อนไม่เท่าเทียมจนกลายเป็นทีซีสคณะ

“มึงจะไปไหน นำหน้าไปก่อนโลด เดี๋ยวกูอยู่ระวังหลังให้”

“หลังไอ้มิคมีอะไร ทำไมต้องให้มึงเป็นบอดี้การ์ด… อะนั่นนั่นแน่!” หญิงเล็กโยมโผล่หัวขึ้นมาอีกครั้ง

“หรือมึงลงยันต์ สักตุ๊กตุ่นตุ๊กตา ดีดหัวน้ำมันพรายใส่หลังมันไว้” ดูท่าวันนี้มันจะต้องจิกหัวตบกับอีกิมจั๋วให้ได้

“ปากคนหรือปากหมาวะไอ้โยม มนต์ดำของขลังเขาไม่ให้เอามาเผย พูดไปเดี๋ยวของมันเสื่อม” ไอ้อ่อนที่เงียบอยู่นานกลายร่างเป็นภัยใกล้ตัวผมชนิดติดสีข้าง

“อีกอย่าง ไอ้กิมมันไม่ทำของใส่ไอ้มิคหรอก มันมีตัวจริงอยู่แล้ว พวกมึงแค่ไม่รู้เท่านั้น” อ้าวเว้ยเฮ้ย! มึงจะชักศึกเข้าบ้านกูทำไมเนี่ย หาเรื่องให้พระเอกเดือนร้อนแล้วไอ้อ่อน

“เหรอๆ แล้วตัวจริงกูนี่มันใคร?” ผมรีบเนียนผันตัวเป็นบุรุษที่สามพลางยกมือตะปบมือร้อนๆบนไหล่ที่เริ่มออกแรงบีบนวด คลายเคล็ดขัดยอกพอเป็นกระสัย

“มันจะใคร้” ไอ้อ่อนทำเสียงสูง “วันก่อนเห็นเดินไปส่งถึงป้ายรถเมลล์” หือ?

“อ๋อ น้องแก้ม” นึกออกแล้วต้องหันไปโบกหัวคนข้างๆซะที โทษฐานทำให้ตกอกตกใจ “หลานรหัสกู เด็กไอ้โอ้มัน ไม่รู้จริงแล้วอย่ามาปั่น”

พูดมาได้ถึงตรงนี้ไอ้คนที่ทำตัวเป็นหมอนวดติดอยู่กับไหล่ผมก็เรียกร้องความสนใจ ดึงไหล่เอน เรียกให้ต้องเงยขึ้นไปหา

“หิว” ไอ้มิคเอ่ยมาคำเดียวสั้นๆด้วยหน้าที่ยังมีรอยยิ้มจางๆ แล้วต่อประโยคเมื่อเห็นผมเลิกคิ้วแสดงอาการฉงน

“ยังไม่ได้กินข้าวเลย”

ประโยคบอกเล่าที่ถ้าเอาไปพูดกับคนอื่นเขาคงรีบก้มช้อนก้นแล้วพาไปป้อนข้าวให้ถึงปาก แต่พอดีคนฟังเป็นผมในภาคไม่ปกติ อารมณ์กึ่มมันที่หายไปทั้งเช้าโดยไม่มีการบอกกล่าว แล้วโผล่มาหล่อไม่ลดระดับทำให้ไอ้กิมเกิดอาการรวน

“หิวก็ไปหาแดก หรือต้องให้กูไปหาซื้อมาให้”

ว่าไปอย่างนั้นแล้วก้มหน้าหนี ไม่สนใจคนข้างหลังว่าจะหุบยิ้มแยกเขี้ยว ก้มลงมาขบหัวกิมจั๋วให้สมองไหลอะไรยังไง ก้มมาคว้าน้ำลำไยไอ้อ่อนดูดเสียโฮกใหญ่ๆ ยังไม่ทันจะได้วางถ้วยลงกับโต๊ะมือร้อนๆบนไหล่ก็หลุดหาย แล้วลมเย็นๆก็โชยปะทะแผ่นหลังเมื่อคนที่ยืนแนบชิดติดอยู่ก้าวจากไป

ผมไม่ได้หันไปมองว่าอีกฝ่ายก้าวไปทางไหน ไม่ได้เงยหัวขึ้นฟังด้วยซ้ำเมื่อไอ้โยมตะโกนถามไอ้มิคถึงที่มาที่ไป เพราะเดาเอาไว้ในใจได้ คนอย่างไอ้มิคไม่เคยง้อใคร และถึงจะทำให้เพื่อนเห็นผีโดยการมายืนง้อไอ้กิมอยู่หลายนาที แต่เจอไอ้กิมจ้อทำตัวเป็นอีกิมจั๋วอย่างนี้ รับรองได้ว่าไอ้มิคต้องสะบัดก้นหนี ปิดการง้อแบบหนึ่งไม่มีสองแล้วเปิดตูดหายแบบหมดความสนใจ

ผมยกแก้วน้ำลำไยที่ยังไม่ทันวางขึ้นดูดอีกครั้ง ครั้งนี้เอาให้ความเย็นจากน้ำแข็งในแก้วมันจี๊ดจากปากขึ้นไปถึงกบาล จี๊ดชนิดปวดขมับเหมือนเด็กตะกละดูดสเลอปี้ เผื่อว่าหน้าเฉยๆกับตาตกๆของใครบางคนที่แอบเห็นจะหายไปจากหัว

“เฮ่ย น้ำกู อยากกินขนาดนั้นลุกไปซื้อมาเองปะ แล้วนั่นเสียงมือถือมึงเปล่าวะ” ได้ยินเสียงไอ้อ่อนแว่วๆพลางแก้วลำไยที่ถูกแย่งไปจากมือ

มือถือที่ไอ้อ่อนว่าเงียบสนิทอยู่ในกระเป๋ากางเกง ล้วงออกมาดูว่าใครมันหูแว่วก็เจอกับแม็สเซ็สที่รอให้เปิดอ่าน ชื่อเจ้าของข้อความที่เด้งใส่ตาทำเอาต้องเบี่ยงหลบไอ้อ่อนที่ชะโงกเข้ามาอย่างต้องการมีส่วนร่วม

‘กลัวแล้วครับ โกรธกันเรื่องอะไร’

ถ้าไม่เคยเห็นหน้าคนส่งต้องนึกภาพชายหนุ่มผู้แสนดีส่งข้อความมาถึงนางสาวไทย ผมที่เห็นหน้าไอ้มิคอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอ่านแล้วยังเกิดอาการนะจังงังกับอาการสุภาพทางข้อความถึงขนาดนิ่งตอบไม่ถูก

‘เมื่อเช้าต้องไปรับคนที่สนามบิน ออกมาก่อน ขอโทษ’

ข้อความสองมาแบบไม่เว้นระยะห่าง เหมือนไอ้มิคจะจับไต๋เดาอาการกิมจั๋วของผมได้

คำอธิบายสั้นๆช่วยลดอาการกึ่มได้กึ่งหนึ่ง ผมปิดมือถือแล้วหันไปคว้าขวดน้ำตัวเองมาดูด พลางคิดในใจว่าหลังเตะบอลเสร็จค่อยโทรไปง้อมันคืน ถึงตอนนี้จะไม่กึ่มเท่าตอนแรกแต่บอกตรงๆว่าเสียงหัวเราะหน้าโถฉี่ยังเล่นเอาทำหน้าไม่ค่อยจะเถิก

มือถือบนโต๊ะสั่นเบาๆ หน้าจอบอกว่ามีอีกหนึ่งข้อความพึ่งมาถึง ผมเปิดออกอ่านแล้วต้องเงยหน้ามองไปรอบทิศ ข้อความที่เหมือนคนส่งเห็นท่าทางของผมได้ชัดเจน

‘อย่าเมินกัน please’

ห่างไปสองโต๊ะด้านหลัง ร่างรวมสายตาของสาวๆในโรงอาหารนั่งทอดแขนอยู่กับเข่า มือถืออยู่ในมือแต่เจ้าของไม่ได้ก้มมอง ไอ้มิคจ้องมาทางโต๊ะผม จะให้ถูกต้องว่าจ้องมาที่ผมแบบระบุตัวคนร้าย สีหน้าที่มองมาไม่มีรอยยิ้มแต่ก็ไม่บึ้งตึง หน้าเฉยๆเหมือนยามปกติ หากแต่สายตาหนึ่งคู่บนใบหน้านั้นทำให้ผมต้องหันกลับ คว้าปึกชีสบนตักแล้วบอกลาเพื่อนฝูง ก้าวข้ามเก้าอี้ยาวตรงไปหาคนที่มองอยู่

“หิวแล้วมานั่งทำอะไรตรงนี้”

ผมว่าพลางยื่นมือไปขยี้หัวเกรียนๆที่ต่ำกว่าของอีกฝ่าย กดหัวไอ้มิคให้ก้มลงจากการมอง ก้มลงจนสายตาที่มองมาละจากไป

“ทำอะไรอยู่ทั้งวัน ข้าวมื้อสองมื้อถึงไม่มีเวลากิน”

ไอ้มิคยอมให้ขยี้หัวอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีท่าทีจะปัดป้องจนผมต้องเป็นฝ่ายหยุดมือแล้วชักกลับมาไว้ข้างตัว คนโดนผมเล่นของสูงอยู่เป็นครู่เงยหน้าขึ้นมามองกันอีกครั้งด้วยสายตายากบรรยาย

“เก็บท้องไว้ ไม่อยากกินคนเดียว”

คำตอบไอ้มิคเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปอย่างล่องลอย ความคิดผมตอนนี้บอกได้คำเดียวว่ามีแต่หน้าเปื้อนยิ้มกับตาสีจางทอแสงอ่อนที่เงยมามองกัน สีหน้ากับสายตาที่แค่มองก็รู้ว่าไม่มีความไม่พอใจแม้เพียงเศษเสี้ยว เหมือนว่าไม่ว่าผมจะทำอะไรให้ คนที่มองมาก็จะไม่มีทางโกรธกัน เป็นสีหน้ากับสายตาที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ร้ายข้ามแดน เป็นคนเลวทำพระเอกมันช้ำอยู่ฝ่ายเดียว

“เออ ไม่เห็นหน้ากูนี่แดกข้าวไม่ลง เห็นกูเป็นผงชูรสรึไง”

ว่าไปอย่างนั้นแล้วยกมือเสยผมกลบเกลื่อนอาการ เสยเข้าไปแรงๆไล่ความอ่อนที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจ เห็นหน้าไอ้มิคอย่างนี้ทีไรไอ้กิมเป็นต้องใจอ่อนให้มันทุกทีไปสิน่า

ไอ้มิคภาคอยากให้เพื่อนเห็นผี ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้ววาดแขนเข้ามาพันไหล่ผม ออกแรงดันเอื่อยๆให้ออกเดิน

“สงสัยจะใช่ กาแฟเมื่อเช้าจืดเป็นน้ำล้างถ้วย เพราะไม่ได้เห็นหน้ากิมนี่เอง”

“สาด คนนะเว้ยไม่ใช่น้ำตาลอ้อย จะได้ทำให้กาแฟมึงมีรสชาติ” ว่าพลางกระทุ้งศอกแน่นๆเข้าพุงคนข้างๆไปซะที หมั่นไส้มันครับ คนอะไรโดนด่ายังมาทำเป็นยิ้ม



โปรดติดตามตอนต่อไป

=========================================================================

คนแปะเหนื่อยจิตจ๊า วันนี้

หลับวิชาสำคัญทั้งคาบ ตื่นปุ๊ป จารย์บอกคาบหน้า ควิซนะหนูๆ :a5: :m15: เหอะๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-08-2010 22:33:14 โดย DraCo_SLa13 »

lasom

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
«ตอบ #77 เมื่อ30-08-2010 22:49:09 »

หยอดทุกเม็ดเลยนะหนูมิค :o8:
ไปทำไรมาถึงได้หลับในห้องอ่ะ :z13:

ออฟไลน์ Nabee

  • 너만 사랑해~♥
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-3
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
«ตอบ #78 เมื่อ30-08-2010 23:00:26 »



ชีวิตนี้จะคนอย่างมิคเจอมั้ยเนี่ย - -?????

อ๊ากกกกกกกกกกก ก ก ก  กกก...ทั้งเทคแคร์ดูแลกันขนาดนี้

เอาตำแหน่งพระเอกแห่งปีไปเลยมั้ย...คริคริ

เล่นหยอดซะคนอ่านยังเขิลอ่ะ...แล้วอย่างนี้กิมจะไม่ใจอ่อนก็ให้มันรู้ไป

กิมเองก็กึ่มได้น่ารักน่าหยิกจริง ๆ...แต่ฟอร์มจัดไปก็ไม่ดีนะกิม

เรื่องบางเรื่องมันก็ควรมีขีดจำกัดนะจ๊ะ...งุงิงุงิ~*

Killua

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
«ตอบ #79 เมื่อ31-08-2010 00:04:45 »

เฮ้อ อยากได้มิคเป็นแฟนซะเอง :laugh:
แต่กิมเชื่อเถอะคบมิค ดีกว่าคบน้องไฝน้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
« ตอบ #79 เมื่อ: 31-08-2010 00:04:45 »





ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
«ตอบ #80 เมื่อ31-08-2010 01:47:43 »

หวานมากกกกกกกก

ออฟไลน์ didi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1000
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-8
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
«ตอบ #81 เมื่อ31-08-2010 03:15:58 »

Erste mall habe ich heute gelesen. ich fand dass ist sehr gut.
vielen dank, warte ich auf nächte teil :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
«ตอบ #82 เมื่อ31-08-2010 06:25:12 »

รัก(มิค)จัง
 :o8:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
«ตอบ #83 เมื่อ31-08-2010 06:53:36 »

โหๆๆๆๆๆมิคหวานยิ่งกว่าน้ำตาลอีกรู้ตัวมั้ย :L1: :L1:

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
«ตอบ #84 เมื่อ31-08-2010 07:16:56 »

+ 1 นะครับ
(เอ่อ...บวก 10 เลยได้มั้ยครับ)


โอยป๋ามิค ขอลอกเทคนิคการง้อไปใช้มั่งนะ
สุดยอดครับป๋า
เฮียกิมครับบอกๆเค้าไปสิว่าเฮียงอนเรื่องอะไร
5555+


ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
«ตอบ #85 เมื่อ31-08-2010 07:34:44 »

กิมน่านักอะ แต่มืคน่ารักมากๆ แพ้ทางคนแบบนี้ แอร๊ยยย  :o8:
แค่ควิซ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ทำได้อยุ่แล้วแหละเนอะ สู้ๆ :L2:

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
«ตอบ #86 เมื่อ31-08-2010 07:55:26 »

ตายๆๆๆๆๆ ปลื้มทั้งคู่
มิคจ๋าาาาาาาาาา กิมมมมมมมมมมจ๋าาาาาาาาาา

น่ารักเกิ๊นนนนนนนนนนนนนนนน

"เก็บท้องไว้ ไม่อยากกินคนเดียว" >////////////<

ออฟไลน์ heefever

  • 영원히 그대만 사랑해
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
«ตอบ #87 เมื่อ31-08-2010 07:58:21 »

มิคคคคคคค ตอนนี้ได้ใจไปเต็มๆ เลย :L1:

มิคน่ารักเนอะ

หนูกิมอย่างอนนานนะจ๊ะ ก็รู้อยู่ว่ามิคมันไม่เคยง้อใคร

ผลัดกันง้อ ผลัดกันงอน ก็น่ารักดีนะ  :man1:


 :กอด1:

NUKWUN

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
«ตอบ #88 เมื่อ31-08-2010 08:46:30 »

ตอนแรนึกว่าไอ้คนที่กิมแอบมองบ่อยๆจะเป็นพระเอกซะอีก
นะเนี่ย

ออฟไลน์ i1_to*pp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +683/-5
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
«ตอบ #89 เมื่อ31-08-2010 10:06:06 »


มิคน่ารักที่สุด   :o8:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด