รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]  (อ่าน 559023 ครั้ง)

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0




-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เรื่อง รักจังนี้ เป็นผลงาน ของคุณหมี นะค่ะ ได้ขออนุญาตินำมาโพสที่เล้า และได้รับอนุญาติเรียบร้อยแล้วค่ะ :call:

ปล. อยากให้เพื่อนๆในเล้าได้อ่าน เรื่องสนุกๆ ฮาๆ อย่างเราด้วยอ่ะ :o8:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-05-2013 03:13:42 โดย Poes »

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
«ตอบ #1 เมื่อ26-08-2010 02:04:25 »

รักจัง.......ตอนที่1



“ตรงนี้ว่างไหม?”

ผมถามพร้อมวางชามหมี่หมูแดงกับขวดน้ำพลาสติกลงโดยไม่รอคำตอบ ซึ่งคนที่กำลังโจ้สุกี้ไม่เงยหน้าเงยตาก็ได้แต่ผงกหัวขึ้นมองงงๆเพราะแม้ไม่ต้องเหล่ซ้ายขวาหน้าหลังก็เห็นอยู่แล้วว่าโรงอาหารตอนนี้มันโล่งโจ้งจนแทบจะเรียกได้ว่าโล่งเตียน โต๊ะให้เลือกนั่งมีเป็นสิบเป็นร้อย แล้วไอ้นี่เป็นอะไรทำไมต้องมานั่งโต๊ะเดียวกัน แต่คนที่มองมาอย่างสงสัยก็แค่พยักหน้าแล้วก้มลงไปกินสุกี้น้ำของตัวเองตามเดิม

ผมหย่อนก้นนั่งลงฝั่งตรงข้าม เยื้องมาจากอีกฝ่ายกะได้สามช่วงตัว มุมเหมาะเหม็งเฉียงได้องศาพอดีกับการนั่งมองไฝเม็ดเล็กๆใต้ตาคนกำลังคีบวุ้นเส้นเข้าปาก มองเลยจากวุ้นเส้นไปเจอปากหยักเป็นรูปที่แม้ว่าจะกำลังอ้ากว้างซูดเส้นจากตะเกียบก็ยังดูดีไม่มีด่างพร้อยซ้ำยังแดงระเรื่อเสียยิ่งกว่าปากเด็กเล่นเอาคนแอบมองต้องคว้าโพลาลิสมาดูดไล่น้ำลายที่สอมาถึงซอกฟัน

หลังซูดน้ำเปล่าดังโฮกก็ต้องพยายามทำสมาธิบังคับสายตาให้ออกห่างจากวุ้นเส้นส้มๆกับปากแดงๆ ไม่งั้นคงต้องยกขวดน้ำขึ้นราดหน้าดับความกระหายแทนการดูดทีละซื้ดสองซื้ด ละจากปากอิ่มๆมาได้แบบตาแทบเหล่ก็เจอะเข้ากับนิ้วเรียวยาวแต่ดูออกว่าแข็งแรงจากท่าคีบตะเกียบคู่อย่างมั่นคง มือใหญ่แต่ขาวเป็นหยวกดูสะอาดตาเสียจนอยากจะขอวาดดาวห้าแฉกด้วยน้ำก๋วยเตี๋ยวอันเชิญเทพเจ้าตะเกียบมาทำการแลกวิญญาณให้ได้ไปโดนหนีบติดอยู่กับนิ้วอีกฝ่ายสักเวลาหนึ่งช่วงจ้วงสุกี้

เฮ้อ คนอะไรว้า จะหน้าจะหลัง นั่งยืน ใกล้หนึ่งช่วงโต๊ะโรงอาหารหรือไกลถึงกลางสนามบาสก็ช่างน่ามองน่าดูน่าดมน่า… เอิ่ม ขอเวลานอกซักสองวินาที ขอเวลาเก็บอาการหน่อยนะครับ ไม่งั้นบรรยากาศดีๆจะคาวเลือดไปเสียหมด เลือดจากไหน? จากจมูกผมไง กำเดาย้อยมาคาอยู่เป็นติ่งแล้ว

ไม่ได้ล่ะ เวลาดีนาทีทองที่กว่าจะหาโอกาสเข้าถึงพ่อยอดขมองอิ่มของผมคนนี้ได้ชนิดตัวต่อตัวก็ต้องเล็งแล้วเล็งเล่าเฝ้าแต่เล็งอยู่เป็นเดือน เพราะพ่อคุณช่างเป็นที่นิยมประหนึ่งเอเฟเดอะสตาร์ ผู้เข้าชิงหมายเลขเดี่ยวหมายเลขเดียว ไปไหนมาไหนมักมีเพื่อนพ้องน้องพี่เดินตามเป็นพรวน

บ่ายสามยี่สิบนี้ดวงดีบังเอิญมาเจอตัวเป็นๆคนเดียวโดดๆเด้งๆนั่งอยู่กลางโรงอาหาร ผมที่เดินผ่านมาจึงไม่อาจผ่านไปเตะบอลกับพวกไอ้อ่อนได้ตามนัด ต้องเปลี่ยนเส้นทางทำเนียนวกเข้าร้านก๋วยเตี๋ยวซื้อติดมือมาหนึ่งชามทั้งที่พึ่งล่อข้าวคลุกกะปิจนปากหอมไปเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ว่าแล้วก็ต้องใช้ทุกนาทีให้มีค่าจ้องมันเข้าไปทุกส่วนเท่าที่สายตาจะส่งถึง ตรงไหนมองแล้วมองซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้ไม่เป็นไร

ผมก็เลยนั่งมองเพลินไปจากไฝใต้ตาซ้ายเม็ดน้อยๆ ปากแดงขยักเป็นรูปที่ซดทั้งวุ้นเส้นทั้งผักกาดดังโฮกๆไม่กลัวเสียภาพพจน์ ปลายนิ้วมนๆ กับเรียวนิ้วยาวๆ มองย้อนไปย้อนมาจนไล่ไปถึงช่วงตาตวัดหางที่เห็นครั้งใดเป็นได้อ่อนระทวย

“มองอะไร” ไม่พูดเปล่าแต่สุดหล่อของผมกระแทกตะเกียบลงขอบชามดั้งเคร้ง สีหน้าท่าทางบอกได้คำเดียวว่าเข้มยิ่งกว่าแอ็ด คาราบาว

“มองนาย นายหล่อดี” ผมตอบกลับอย่างจริงใจจริงจังจนคนหล่อหลุดมาดพี่แอ็ด เปิดโอกาสให้ผมได้ต่ออย่างคล่องปาก “หวัดดีเราชื่อกิม เรียนวิศวะปีสาม สูงร้อยแปดสิบเป๊ะหนักเจ็ดสิบถ้วน งานอดิเรกเตะบอลกับวิ่งเปรี้ยว ชอบอ่านการ์ตูนจีน นิสัยดีเข้ากับคนง่าย รักหมาแมวแต่ไม่เข้าใกล้เด็ก ไม่ทราบว่าสนใจจะรับคนอย่างกิมไว้เป็นเพื่อนใจสักคนไหมครับ”

ผมจบประโยคแนะนำตัวพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจอวดเขี้ยวซ้ายมหาเสน่ห์ที่ใครเห็นเป็นต้องยิ้มตาม แต่คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามไม่เพียงไม่ยิ้มแต่ยังขมวดคิ้วนิ่วหน้าเหมือนปวดท้องขี้กะทันหัน ก่อนจะลุกขึ้นช้าๆ คว้าชามสุกี้ขึ้นถืออย่างมั่นเหมาะแล้วตอบคำถามผมด้วยสีหน้าจริงใจจริงจังพอกัน

“ไปตายเหอะ ไอ้เวร!”

แหม เข้มได้ที่จริงๆพ่อยอดยาหยีของไอ้กิม


หลังจากที่ต้องหอบแห้วลูกใหญ่กว่ากบาลตัวออกจากโรงอาหารตอนสามโมงจะครึ่ง ผมก็เดินเซๆด้วยว่าหนักไอ้แห้วเหี้ยที่ทูนอยู่บนศรีษะไปเตะบอลแก้ช้ำใจกับพวกไอ้อ่อนตามที่ได้ตกปากรับคำรับพนันกันไว้ ไปถึงปรากฏว่าเจอนักบอลทั้งทีมกูทีมมึงนั่งรูดลูกชิ้นปิ้งกันหน้าสลอนอยู่ขอบสนาม ถามไปตอบมาได้ความว่าพวกมันรอผมอยู่ ถ้าไม่มีไอ้กิมคนนี้มันจะเตะบอลกันไม่ได้ ก็เลยนั่งโด๊ปผงชูรสจากน้ำจิ้มลูกชิ้นรอกันเป็นล่ำเป็นสัน

เห็นน้ำใจพวกพ้องนักหวดนันยางที่หวิดโดนไอ้กิมเบี้ยวเพราะเห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อนแล้วซึ้งแทบต่อมน้ำตาแตก เลยต้องวางแห้วที่ประคองมาตลอดทางไว้ข้างอัฒจันฑ์แล้วแหกขาทำการบริหาร วอร์มร่างกายประหนึ่งจะไปให้ถึงพรีเมียร์ลีค ทั้งที่จริงๆศูนย์ถ่วงไม่ค่อยจะตรงเท่าไหร่เนื่องจากน้ำหนักแห้วที่ไม่ยอมหายไปจากกบาล

วิ่งสับขาหลอกล่อทั้งฝ่ายตรงข้ามและฝ่ายตัวเองกลางแดดเปรี้ยงกันไปชั่วโมงกว่า ผลจบด้วยสองประตูต่อหนึ่ง นอกจากจะได้ตังค์ที่พนันเลี้ยงข้าวต้มกุ้ยมื้อดึกกันไว้แล้วยังได้ของแถมติดมาอีกสองสามอย่าง หนึ่งคือผิวแห้งเกรียมเหมือนไก่ทอดระยะสุดท้าย สองคือได้หม้อสาวกันไปทั่วหน้าและสามสุดท้ายต้องบอกว่าสำหรับผมเป็นพิเศษ นั่นคือได้เวลายกความเศร้าออกจากอกเดาะๆชั่วคราวแล้วไล่เสียบทั้งบอลทั้งคนไปทั้งทุ่งจนเพื่อนทั้งทีมกูทีมมึงเกือบจะยกให้เป็นตัวแถม แถมไว้ข้างสนามไม่ต้องลงมาเล่น

“เป็นห่าอะไรเนี่ยไอ้กิม?! เสียบทีกะเอาให้เป็นง่อยเลยรึไงวะ” ไอ้มิคดาวซัลโวขวัญใจหญิง ถามไม่ถามเปล่าแต่ยกมือใหญ่เท่าใบลานขึ้นตบหัวผมดังป๊าบ ฉากหลังเป็นเพื่อนนักบอลอีกหลายคนที่ท่าทางอยากจะเดินมาต่อคิวเอาถาดตบหัวผมเหมือนไอ้มิค

“เออแม่ง วันนี้ดุจริงนะมึง เมนส์มารึไง” ไอ้อ่อนปล่อยหมาในปากออกมารับลมทุกสิบนาทีเป็นปกติ แต่เป็นผมที่ไม่ปกติ ไม่ยอมปล่อยสัตว์เลื้อยคลานน้อยใหญ่ออกมาสร้างความสนิทสนมกับหมามันเหมือนเคย ได้แต่เก็บปากเก็บคำเดินไปคว้าเป้มาสะพาย ยกแห้วทูนกลับขึ้นหัวแล้วออกเดินดุ่มๆจากมา ทิ้งความสับสนเป็นบ้าเป็นหลังให้เพื่อนเป็นฝูงได้เก็บไปขบคิดขณะขบเม็ดแตงกลางวงเหล้าเย็นนี้

ระหว่างเดินตัวเซๆออกมาจากสนามบอลก็ต้องผ่านตึกช้างที่มีสนามบาสอยู่ภายใน ผมมองลอดช่องลมขนาดใหญ่ สายตาสอดส่ายหาตัวสูงๆของใครคนหนึ่งโดยอัตโนมัติ แล้วก็เจอะเข้ากับยอดยาหยีที่พึ่งขยี้หัวใจกันกำลังยืนคุยอยู่กับสิ่งมีชีวิตเล็กๆขาวๆนุ่งสั้นๆและท่าทางจะหอมไม่เหม็นหืน ที่ไม่น่าจะมาอยู่ในตึกช้างท่ามกลางเหล่านักกีฬาตกมันเป็นโขลงอย่างนี้

สิ่งมีชีวิตเล็กๆยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะท่าทางน่ารักน่าชังเหี้ยๆ แต่จากจุดที่ผมยืนอยู่มันดันเฉียงมาทางด้านหลังแผ่นหลังกำยำจนไม่สามารถเห็นสีหน้าเจ้าของหลังได้ เลยไม่รู้ว่าขณะที่หน้าขาวๆตัวเตี้ยๆขาสั้นๆยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะ อีกคนที่หน้าขาวกินกันไม่ลงแต่สูงสมาร์ทน่องยาวเข่าดีกำลังมีสีหน้าอย่างไร จะเห็นก็แต่ลูกบาสกลมๆที่โดนปั่นติ้วๆอยู่ในมือที่ได้นั่งมองมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน

กำลังคิดจะก้าวหน้าก้าวหลังเปลี่ยนที่หาตำแหน่งที่จะมองเห็นหน้าเห็นไฝได้ ก็โดนมือเล็กๆขาวๆที่ละจากปากตัวของสาวนุ่งสั้นฟาดป๊าบมากลางแสกหน้าจนแห้วบนหัวแทบจะหล่นหลุนๆลงมาทับหัวแม่ตีนเข้าเสียก่อน

เปล่าครับ ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีมือยาวไว้เก็บมะนาวเหมือนแม่นาคแต่อย่างใด แต่ที่ผมรู้สึกเหมือนโดนมือดีตีแสกหน้าก็เพราะหล่อนช่างหาญกล้ายกมือขึ้นตีแขนแน่นกล้ามที่ผมได้แต่มองดังเพี๊ยะแล้วทำเนียนค้างมือไว้บนกล้ามแน่นเสียอย่างนั้น อื้อหือ เห็นแล้วอยากจะเก็บแห้วที่ปลายตีนพร้อมถอดคอนเวอร์ออสตาร์ปาเข้าไปให้วงแตก แต่ด้วยความที่ยังมีสำนึกของปัญญาชนว่าไอ้ที่สวมอยู่ติดตีนนี่หลักพันไม่ใช่หลักสิบหลักร้อยเลยต้องยืนนิ่งๆแล้วใช้การถ่องคาถามือมึงหลุดส่งไปจากระยะไกล

“ไอ้กิม! เป็นไงมาไงมาถึงนี่ มาชวนกูไปแดกเหล้าเหรอ?” เสียงเข้มๆมาเน้นๆอย่างนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้โอ้ ผู้มีคติเรียนเล่นๆกูเน้นกีฬา เลยวนเวียนเป็นผีเฝ้าสนามบาสมาตั้งแต่ปีหนึ่ง

“เปล่า กูกำลังจะกลับหอ ทางผ่านเว้ยทางผ่าน” ปากผมตอบแต่ตายังจิกติดอยู่ที่สองคนในโรงช้างจนไอ้โอ้จับสังเกตได้

“มองอะไรของมึง อ๋อ น้องตินา เฮ่ยๆ ไม่ต้องมองให้เสียเวลา งานนี้ถึงจะเป็นมึงก็คงไปไม่ถึงดาว เห็นไอ้ที่ยืนอยู่ข้างๆนั่นป่ะ” ไอ้โอ้ใช้ปากบุ้ยใบ้ไปยังสูงหล่อหน่อเดียวหน่อนั้นของผม “เสร็จเขาคร้าบ แม่งสาวมานั่งเฝ้าไม่ซ้ำหน้า แต่น้องตินานี่ถี่สุด น่าเสียดายฉิบน่ารักโคตรๆ” ผมพยักหน้าหงึกหงักคล้อยตามที่ไอ้โอ้เพ้อ เออ กูเห็นด้วยน่ารักโคตรๆขนาดนี้ แต่ของกูน่ะอีกคนเว้ยไม่ใช้น้องเตี้ยน่าของมึง

ไอ้โอ้ตั้งท่าจะสาธยายต่อแต่โดนเพื่อนร่วมทีมตะโกนเรียกให้ไปซ้อมเสียก่อนก็เลยต้องจบการนินทาเพื่อนร่วมโรงช้างไว้แค่นั้น ส่วนอีกคนที่ผมจ้องตาเป็นมันก็ได้ฤกษ์ลงสนามไปวิ่งสับขาแย่งลูกโชว์ความเท่ห์ให้น้องเตี้ยน่าได้งัดท่าเชียร์กระโดดตบมือแบบน่ารักเหี้ยๆออกมาเด้งดึ๋งอยู่ข้างคอร์ด

ไอ้ผมเองจะเดินไปนั่งหน้าแป้นข้างสนามจับจ้องทุกอณูการเคลื่อนไหวของเบอร์สี่ในดวงใจตามปกติ ก็ติดที่ไอ้แห้วบนหัวมันยังถ่วงให้เสียศูนย์อยู่ไม่รู้เลิก กลัวว่าถ้ายังฝืนสังขารเข้าไปอยู่ร่วมเป็นมือที่สามเดี๋ยวจะเกิดอาการเอียงกะเท่เร่ เดินเฉียงเอาแห้วไปทุบหัวสาวโดยไม่เจตนา เลยตัดใจหุบธงแฟนพันธ์ุแท้ลงหนึ่งวันแล้วเดินมารอรถเมลล์ที่ป้ายหน้ามอตามเดิม คืนนี้เถอะมึง จะเอาแห้วไปกินแกล้มเหล้า ดูซิว่ามันจะเมาเป็นหมาผิดกับกินแม่โขงแกล้มเม็ดแตงยังไง ฮึ้ย!


------------------------------------------


“พวกมึง พวกมึงลองคิดดูนะ กูนี่น่ะ จะรู้มันไหมวะว่ามันอยากให้ไปด้วย ก็ถามแล้วถามอีกก็เสือกบอกแต่ว่าจะไปกันเอง แล้วทำไมมาโกรธกูงี้วะ แม่ง ผู้หญิงใจร้าย” ไอ้บีที่กระดกน้ำเมาไปแล้วหลายแก้ว ร่ายอย่างคับแข้นในหัวใจที่โดนแฟนงอนสะบัดเพราะไม่ยอมฝืนคำเธอตามติดไปหิ้วของที่จัตรุจักร

“ไม่ต้องคิดมากไอ้บี ไม่อย่างนั้นเขาจะบอกเหรอว่าใจหญิงยากแท้หยั่งถึง” ไอ้อ่อนควักปรัชญามาปลอบใจเพื่อนด้วยเสียงอู้ๆอี้ๆเพราะโดนแม่โขงออนเดอะร็อคขัดจังหวะการหายใจเข้าไปหลายช่วง แต่กลับมีเสียงเออออห่อหมกรับลูกกันเป็นแถว

“ไหนๆก็ไหนๆเว้ย ในเมื่อมึงมาถูกวงแล้ว คืนนี้มึงก็จะได้คำตอบกลับไปว่าต้องทำยังไงน้องส้มถึงจะหายโกรธ สาวถึงจะรักจะหลงชนิดโงหัวไม่ขึ้น!” ไอ้อ่อนเปลี่ยนบทไปเป็นนักขายของอาบังเหมือนมันจะเอาอับดุลถามอะไรตอบได้มาร่วมวง “เพราะคืนนี้เรามีไอ้เสือกิม ไอ้กิมของสาวๆมาเป็นวิจารณญาณ เอ้ย วิทยาทาน ไม่ทราบว่าเพื่อนกิมจะมีคำแนะนำดีๆให้เพื่อนบีไหมครับ?”

จากคำถามที่ไอ้อ่อนส่งมาเล่นเอาสายตารอบวงเหล้านับได้เก้าคู่ส่งมาที่วิทยากรกิมอย่างรอคอย แหม ลูกผู้ชายเราถึงจะเล่นกีฬาเสร็จแล้วแดกเหล้าเหมือนชีวิตนี้ไม่ง้อเพศตรงข้าม แต่ร้อยเอาเก้าสิบห้ามันก็อยากดอมดมกลิ่นดอกไม้กันทั้งนั้น เว้นแต่ตัววิทยากรจำเป็นอย่างผมที่ตอนนี้แยกค่าย ฝักใฝ่อยากขอดอมดมกลิ่นเหงื่อกรุ่นกลิ่นกายของเบอร์สี่เบอร์ในดวงใจดูซักที แต่ในเมื่อเพื่อนกำลังมีปัญหาคาใจ ไอ้กิมก็จะตอบให้ เริ่มด้วยการกัดแห้วมาเคี้ยวให้เต็มปาก กระดกแก้วแอลกอฮอล์เข้มๆในมือให้ลื่นคอหอยแล้วเริ่ม

“ปัญหาข้อนี้ตอบได้ ง่ายมากๆ” ทั้งวงเหล้าเหมือนจะชะงักค้างกับคาถาสาวรักสาวหลงที่กำลังจะออกจากปากผม ดีมันยังไม่ฉีกผ้าปูโต๊ะมาเตรียมจดกัน “เลิกแม่งไปเลย! เลิกไปซะกับผู้หญิงเอาแต่ใจ ตัวก็เตี้ยแค่นี้ยังกล้ามากระโดดตบมือเชียร์ข้างสนาม มีอะไรดีวะกับอีแค่เป็นผู้หญิง! ทีกับคนหล่อๆเท่ห์ๆ จริงใจซะขนาดนี้เสือกบอกให้ไปตาย ไอ้ห่า!!” ผมจบประโยคด้วยการกระแทกแก้วลงกับโต๊ะดังปั่กแล้วลุกเซๆมาเข้าห้องน้ำ ไอ้แห้วเหี้ยนี่ก็กลิ้งหลุนๆตามมาติดๆ

เบื้อหลังที่เดินออกมาเล่นเงียบชิ้งกันไปทั้งวง ก่อนจะได้ยินเสียงไอ้อ่อนแว่วๆมาว่าวันนี้เมนส์ผมมาเลยหลุดๆผิดคอนเซ็ปอย่างที่เห็น แล้วชวนเพื่อนๆที่กำลังก่งก้งก้งเหล้ากันต่ออย่างไม่ติดขัด


“เป็นอะไรของมึงไอ้กิม?” เสียงเข้มๆยิงคำถามทันทีที่ผมเงยหัวขึ้นมาจากน้ำเย็น เหล่ตามองผ่านกระจกส่องหน้าก็เจอะเข้ากับไอ้มิคที่ยืนเป็นยักษ์ปักหลั่นอยู่เบื้องหลัง ท่าทางเพิกเฉยต่อผู้คนรอบข้าง ไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่มองมาอย่างสนใจว่ามันจะมามีเรื่องกันทำไมข้างโถฉี่ นอกร้านในร้านที่ทางออกเยอะแยะ

“อารมณ์ไม่ดีเรื่องอะไรบอกกู เอาแต่แดกเหล้าเดี๋ยวก็เมาเป็นหมา เอ้าๆ” ไอ้มิคยื่นมือมาคว้าไหล่ผมที่เริ่มเฉียงเหมือนสมองบวมครึ่งซีกกะทันหัน ไม่ได้เมานะครับ แต่แห้วบนหัวมันหนักจนเล่นเอาเซ

“ไอ้กิม” พอเห็นผมเงียบไม่ยอมหืออือ มันก็ส่งเสียงเข้มข้นมาเรียกสติ “กูถามว่าเป็นอะไร ถ้าไม่บอกก็ไม่ต้องแดกแล้วเหล้าเนี่ย กลับหอ” พูดไม่พูดเปล่าแต่ใช้กล้ามล่ำๆลากผมให้เซแทดๆออกจากห้องน้ำชาย เอ๊ะ? หรือว่าที่จริงไอ้มิคจะเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของไอ้กิมปลอมตัวมา

“อ้ายมิค” ผมส่งเสียงอู้ๆอี้ๆจากสาเหตุเดียวกับไอ้อ่อนเรียกคนที่กึ่งเดินกึ่งลากกันอยู่เบื้องหน้า “กูเนี่ย มานไม่ดีพอหรือไง? คนอย่างกูเนี่ย! มันน่ารังเกียจถึงกับต้องสาปส่งกันให้ไปตายเลยหรือไงวะ?”

จะด้วยความเมาหรือแห้วเข้าตาไม่อาจรู้ได้ รู้แต่ว่าทั้งเข่าทั้งขาที่ยืนหยัดยืนยงมาได้ตั้งยี่สิบสองปีมันกลับอ่อนเปลี้ยเพลียแรงขึ้นมาดื้อๆ จนถ้าไม่มีมือไอ้มิคดึงอยู่ก็คงได้ทรุดลงไปคำนับฟ้าดินให้เป็นที่แตกตื่นกันไปทั้งร้าน แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะแม้เข่าจะอ่อนปากจะเบี้ยวจนพูดแทบไม่เป็นภาษาคนแต่ก็ยังดึงดันตั้งคำถามเอากับคนที่พยายามเหนี่ยวแขนกันขึ้นไปพาดบ่า

“กูนาเว้ย กูเนี่ย” ปากเบี้ยวไม่พอยังพยายามยกนิ้วชี้ที่เห็นจากสองตาว่าหนึ่งเป็นสองขึ้นจิ้มอกให้รู้ว่ากูนี่ คนนี้ครับ “หน้าด้านไปบอกรักเขามา หน้าด้าน ไม่เจียมตัว รู้ไม่ใช่ไม่รู้ แต่กูรักของกูกูก็อยากบอก แล้วเป็นไง ไอ้เหี้ยกิมเอ้ย ไปตายซะ!”

“ทามไมวะ เพราะเป็นผู้ชายเหมือนกันหรือเพราะเป็นกู เขาถึงรังเกียจขนาดนั้น หา อ้ายมิค มึงตอบกูมาสิ?!” เมาเป็นหมาแต่ยังตั้งคำถามได้รู้เรื่อง แต่สงสัยมนุษย์ที่ยืนอยู่ข้างกันจะไม่เก็ทเสียงเห่าหอนมันถึงได้เงียบกริบไม่หือไม่อือ แถมยังหยุดทุกอณูการเคลื่อนไหวเหมือนโดนแปะแข็งกะทันหัน

แต่คนเมานะครับ ยิ่งขึ้นชื่อว่าเมาเป็นหมา ทุกอย่างรอบตัวจะเป็นยังไงไม่มีสนเพราะห่วงแต่จะพล่ามความในใจ กลัวคนอื่นเขาไม่รู้ว่าเมาแล้วปากมาก มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่โลกมันเอียงกลับหัวกลับหางเพราะโดนไอ้มิคจับอัพไซด์ดาวว์ขึ้นพาดบ่า เล่นเอาต้องหุบปากฉับลงทันใด ไม่ใช่เพราะตกใจอุ๊ยตายว้ายกรี๊ด แต่เพราะกับแกล้มเหล้าเมื่อกี้กับข้าวคลุกกะปิเมื่อบ่ายมันโดนเหวี่ยงจากไส้ตันกระฉอกขึ้นมาจ่ออยู่แถวคอหอย

หือ ไอ้มิคมันมีวิธีจัดการกับคนเมาได้ชะงัดนัก และก่อนที่ผมจะได้มีโอกาสใช้เท้าสะกิดบอกไอ้ถึกที่ตวัดกันขึ้นบ่าเหมือนเป็นจับกังเก่าว่าปล่อยกูลงไปนั่งยองๆขย้อนของเก่าให้เข้าที่ก่อน ไอ้คนที่ทำไหล่ตั้งหลังตรงทั้งที่มีผมหน้าเขียวอยู่คาบ่าก็ออกจ้ำพรวดๆไม่มีจังหวะให้ได้หือได้อือ จะมีทิ้งไว้ก็แต่คำสบถดุเด็ดเผ็ดเดือดจนคนเมายังต้องเหนียมระหว่างก้าวครั้งละวากระเตงกันออกไป



โปรดติดตามตอนต่อไป

ปล สำหรับนักอ่านที่อาจยังจำติ่งทะเลได้ ต้องขออภัยอีกครั้ง แต่เรื่องนี้รับรองจบแน่ค่า

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 :m13: อ่านกันให้สนุกและมีความสุขนะค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-08-2010 02:08:26 โดย DraCo_SLa13 »

ออฟไลน์ しろやま としんや

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +921/-157
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
«ตอบ #2 เมื่อ26-08-2010 02:07:37 »

ชอบมากเลยอ่ะเรื่องนี้ :กอด1:

คิดถึงมิคกะกิมสุดๆ  :กอด1:

เข้ามาเจิมน๊า  :mc4:



อีดิท
มะกี๊กดอีโมผิดตัว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-08-2010 02:15:10 โดย >としんゃ< »

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
«ตอบ #3 เมื่อ26-08-2010 02:16:44 »

รับเรื่องใหม่ด้วย   :mc4::L2:
น่าสนุก

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
«ตอบ #4 เมื่อ26-08-2010 02:19:13 »

มาเจิมด้วยคนจ้า
ชอบกิมกะมิคมากกกกกกก
ดีใจที่มีคนเอามาลงที่นี้
สนุกและน่ารักมากกกก
มาอ่านกันนะคะ

littlerabby

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
«ตอบ #5 เมื่อ26-08-2010 02:21:40 »

คิดถึงเรื่องนี้จัง จำได้ว่าเคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว ยังไงก็จะเป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะ o13

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
«ตอบ #6 เมื่อ26-08-2010 06:51:05 »

ไอ้มิคคงตกใจที่รู้ว่าเพื่อนเป็นเกย์

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
«ตอบ #7 เมื่อ26-08-2010 06:53:47 »

รายงานตัวตามอ่านค่ะ ขอบคุณที่เอามาแปะนะคะ ^o^

ออฟไลน์ Nabee

  • 너만 사랑해~♥
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-3
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
«ตอบ #8 เมื่อ26-08-2010 08:03:42 »




มาลงทะเบียนตามอ่านเรื่องนี้ด้วยคนฮับป๋ม...ขอบคุณสำหรับคนแปะด้วยนะฮะ XD

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
«ตอบ #9 เมื่อ26-08-2010 08:25:33 »

กิม
นายเท่ห์มาก
ขอยกให้เป็นไอดอลของเรา
 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
« ตอบ #9 เมื่อ: 26-08-2010 08:25:33 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
«ตอบ #10 เมื่อ26-08-2010 11:38:24 »

รอมิคกะกิมนะคะ  :-[

zeazaiz

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
«ตอบ #11 เมื่อ26-08-2010 12:01:56 »

 o139ตอนแรกก็สนุกแล้ว กิมฮาดี
รออ่านต่อจ้า

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
«ตอบ #12 เมื่อ27-08-2010 01:47:42 »

รักจัง.......ตอนที่2


“ไงไอ้กิม หน้าเหี่ยวเป็นศพไม่มีญาติเลยนะมึง”

ไอ้อ่อนนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำกลุ่ม เปิดปากทันทีที่เห็นผมเดินเมาแบบค้างๆคาๆต้อนรับวันใหม่เข้าไป

“พูดเนี่ย มองหน้าตัวเองก่อนเหอะไอ้อ่อน” ผมสวนกลับพลางกวาดตามองไปรอบโต๊ะ เพื่อนพ้องน้องพี่ผู้ร่วมเจตนารมย์กันมาทั้งหลายนั่งโงกกันหน้าสลอน

“ไอ้มิคมันยังไม่โผล่หัวมา สงสัยโดนสาวดักอยู่มุมตึก” ไอ้อ่อนต่อเหมือนรู้ หลังจากเห็นผมยืนหัวโด่สแกนเสียรอบโต๊ะ

“แล้วเมื่อคืนมึงกลับไปตอนไหนวะ แดกกันอยู่ดีๆแม่งหาย ไอ้มิคอีกคน ไปไม่มีลามาไม่มีไหว้”

ได้ยินเพื่อนว่ามาอย่างนี้ก็เลยต้องยกมือพนม ไหว้มันไปงามๆเสียทีก่อนแบมือกำแล้วเบิ้ดกระโหลกกันให้สะเทือน แล้วก้าวขาข้ามเก้าอี้ไปเบียดนั่งกับมันอีกคน

“ไอ้เอี้ย! คนยังแฮ้งค์อยู่ตบเข้ามาได้” ไอ้อ่อนผรุสวาทออกมาทั้งน้ำตาปริ่ม ก่อนทำงอนหันหน้าาหนีไปทางอื่น

ปล่อยให้ผมนั่งทำหน้าเหี่ยวเป็นศพไม่มีญาติพลางคิดทวบทวนคำถามที่ว่า เมื่อคืนผมกลับหอไปตอนไหน? กลับไปได้ยังไงโดยยังอยู่ดีครบสามสิบสอง เพราะเมาเป็นหมาขนาดนั้นมันไม่น่าจะกลับไปนอนแผ่สบายบนเตียงได้อย่างรอดปลอดภัยและใสสะอาด ไม่มีกลิ่นเหล้าหรือคราบอ้วกทิ้งไว้เป็นหลักฐานการเปลี่ยนสัญชาติจากคนเป็นหมามาเมื่อคืน จะมีก็แต่ปากเจ่อๆบวมๆเหมือนโดนต่อยด้วยโมเมนตัมไม่มากไม่น้อย แต่พอคลำดูมันก็ไม่เจ็บไม่ปวดนี่หว่า

เอาเป็นว่าเรื่องของเมื่อคืนที่จำได้หลังเหล้าน้ำเปล่าสองหนึ่ง แก้วที่หกกระดกเข้าปากมาก็เป็นเสียงเห่าหอน
ที่ได้ยินอยู่ใกล้ๆประหนึ่งหลุดออกจากปากตัวเอง แต่ว่าหอนเป็นเรื่องเป็นราวอะไรหรือใส่หน้าใครนั้นจำไม่ได้ รู้แต่ว่าตื่นมาเช้านี้โลกมันขยับได้ เอียงซ้ายทีขวาทีให้ได้ทดสอบความสามารถในการทรงตัว ประหลาดแต่ว่ากระโหลกยังอยู่ดีไม่มีปวด อาการเหมือนโดนกรอกแฮ็งค์กันแฮ็งค์ก่อนหลับเป็นตาย

“ไอ้กิม ไอ้เพื่อนโฉด! ไหนเมื่อวานบอกไม่ตั้งวงไง ทำไมหน้าเหี่ยวเป็นตัวกินไก่อย่างนี้ล่ะมึง” ไอ้โอ้ เจ้าพ่อสนามบาสโผล่มาพร้อมคำถามกินใจ

“โทษทีเว้ย ตอนมึงถามกูยังไม่รู้เลยว่าตกเย็นจะต้องไปนั่งแดกเหล้าเป็นเพื่อนไอ้อ่อน” เขวี้ยงขี้ใส่บุรุษที่สามที่กระตุกปากด่ากลับมาได้เร็วทันใจ แต่ผมทำเป็นหูทวนลมเพราะสายตาดันเหลือบไปเห็นหน้าขาวๆปากแดงๆของใครคนหนึ่งที่เดินผ่านมาพร้อมเพื่อนพ้องน้องพี่ตามหน้าตามหลังเป็นฝูง

หน้าขาวๆเคลื่อนเข้ามาในระยะโฟกัสจนเห็นเม็ดไฝใต้ตาแล้วก็เดินหล่อผ่านไปโดยไม่มีการเหลือบแลว่ามีใครหนึ่งคนนั่งมองตาค้างอยู่ตรงนี้ ขณะที่ผมได้แต่เบิ่งตามองตั้งแต่หน้าหล่อๆจนต้องหมุนคอตามแผ่นหลังกำยำใต้เสื้อนิสิต

“เฮ้ย กูบอกแล้วว่าอย่าไปมอง น้องเขาน่ารักก็จริงแต่คิวเต็มแล้วเว้ย” ไอ้โอ้หย่อนก้นลงนั่งฝั่งตรงข้าม คว้าแป็บซี่หนึ่งในสิบบนโต๊ะมาซดโฮกแล้วต่อ

“นู่น เจ้าของคิวมันเดินหล่อสาดนำอยู่หัวขบวนไม่เห็นรึไง”

ไอ้โอ้ใช้ปากที่ยังเคี้ยวน้ำแข็งไม่หมดก้อนบุ้ยใบ้ไปทางสูงยาวเข่าดีของผมที่ตอนนี้หย่อนก้นนั่งถัดไปหลายช่วงโต๊ะ อยากจะตวัดปากตอบมันไปเหมือนกันว่าเห็นอยู่เต็มสองตาเพราะที่กูจ้องตาค้างอยู่เป็นนานสองนานก็มีแต่หล่อสาดของมึงนี่แหละ น้องเตี้ยน่าเตี้ยเกินระดับสายตากู

แต่มันพูดไม่ออกครับ เพราะถึงแม้เป้าหมายจะเคลื่อนไปไกลเกินเอื้อมแต่อาการหัวใจสลายที่โดนความเมากลบทับไปเมื่อคืน ขณะนี้กำลังทะลักทลายเข้ามาสู่สมองการรับรู้ เช่นเดียวกับแห้วเหี้ยเสมือนจริงที่นึกว่ากินแกล้มเหล้าหมดไปแล้วหล่นปุลงมากลางกบาลจนเล่นเอาเซทั้งที่นั่งเบียดอยู่กับไอ้อ่อน

เจ็บที่ใจปวดที่กบาลอย่างนี้ไอ้เรื่องที่ลืมไปหลังน้ำเมาแก้วที่หกก็เลยมีอันได้ฟุ้งขึ้นมาให้ได้สะดุ้ง แต่ยังไม่ทันได้ตบๆความคิดให้เข้าที่เข้าทางว่าสะดุ้งเรื่องอะไรก็โดนมือหนักๆเน้นๆผลักเข้ามาที่หลังหัวแบบเต็มเหนี่ยวจนหน้าแทบโขกโต๊ะ เล่นเอาเสี้ยวหน้าขาวๆที่พยายามชะเง้อคอมองหลุดไปจากสายตาอย่างไม่ทันตั้งตัว เงยหน้าเงยตาขึ้นมาได้ผมก็อ้าปากเตรียมด่ากราดไอ้มือดีที่บังอาจมาเล่นของสูง แต่โดนเสียงเหน่อๆของไอ้อ่อนตัดหน้าไปซะฉิบ

“มาแล้วเหรอคุณชาย นึกว่าวันนี้จะไม่ได้เห็นหน้าเห็นตูดซะแล้ว นู่น น้องน้ำหวานมานั่งรอตั้งแต่ซุ้มโค้กยังไม่เปิด ป่านนี้โดนจีบจนจืดไปแล้วมั้งมึง”

ไอ้อ่อนอ้าปากรายงานเป็นผู้ประกาศข่าวภาคสนามตามเคย แต่ไอ้มิคที่โผล่มายืนหน้านิ่งกลับทำเหมือนเสียงเพื่อนเป็นเสียงนกเสียงกา แล้วยกมือข้างว่างขึ้นผลักหัวผมอีกครั้งด้วยความหนักหน่วงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าครั้งแรก

“เฮ้ย!” ผมรีบร้องเมื่อสะบัดหัวขึ้นมาเห็นไอ้มิคยังยกมือค้างแถมง้างเหมือนสองไม่พอจะขอสาม

“อย่านะมึง กูสู้นะเว้ย!”

ร้องอย่างเดียวไม่พอต้องรีบทะลึ่งพรวดเอาความสูงพอสูสีเข้าสู้ เพราะหน้าตาท่าทางฝ่ายตรงข้ามมันไม่ได้มาเล่นๆ เหมือนมันมาเพื่อตบหัวผมจริงๆจังๆยังไงชอบกล

“ขอบใจมากเพื่อนที่แก้แค้นให้กู แต่มึงตบได้เน้นๆอย่างนี้ทำไมไม่ถอดเก้าพันแปดที่ตีนซ้ายฟาดหัวมันไปเลยวะ” ขนาดไอ้อ่อนยังออกอาการงง

แต่ไอ้มิคยังคงทำเหมือนเสียงเข้มๆของผมกับเสียงเหน่อๆของไอ้อ่อนเป็นเสียงนกเสียงกา ไม่ฟังไม่พูด ยื่นมือพรวดมาคว้าคอผมดังหมับเข้าไปล็อคใต้รักแร้ด้วยความเร็วระดับดาวซัลโวล์ตอนง้างตีนยิงประตู รวดเร็วว่องไวซะจนเจ้าของคออย่างผมลิ้นไก่หาย ลืมร้อง ร้องไม่ออกไปซะอย่างนั้น

“เฮ้ย!? ไอ้มิค! ไอ้ดอมินิค ไอ้มิคนิค!?” งมเจอลิ้นไก่ได้ก็ต้องรีบแหกปากเรียกทั้งชื่อจริงชื่อเล่นของไอ้คนที่ออกแรงเหนี่ยวซ้ายโน้มขวาจนเล่นเอาสะเทือนตั้งแต่หัวถึงหาง

“ปล่อยนะเว้ย เป็นเอี้ยอะไรของมึง กูจะอ้วกแล้ว! เฮ้ย?!!!” หลุดออกมาได้อีกหนึ่งเฮ้ยพร้อมหัวใจเจ้าเอยตกไปอยู่ตาตุ่มเพราะโดนเปลี่ยนท่าโดยไม่มีการบอกล่วงหน้า

จากที่ตกเป็นเบี้ยล่างยืนโก่งโค้งเพราะโดนล็อคคอเข้าใต้รักแร้เขย่าซ้ายขวาหน้าหลังอยู่ดีๆ ใจไอ้กิมก็ต้องหายแว็บเพราะโดนกระชากคอเสื้อจากด้านหลังแบบพรวดเดียวจากค่อมเป็นหงาย เกือบได้ทำสะพานโค้งโชว์กลางมหาวิทยาลัย

“เฮ้ย ใจเย็นๆไอ้มิค โกรธเคืองอะไรไอ้กิม ตีหัวมันให้สลบแล้วลากไปเคลียร์กันที่อื่น มาเล่นกันอย่างนี้ คนเขามองกันทั้งมหาลัยแล้วมึง”

ไอ้อ่อนสอดเข้ามาทั้งเสียงทั้งมือ คว้าแขนผมที่ห้อยโตงเตงให้ลุกขึ้นจากท่าสะพานโค้งกึ่งสะพานหัก แต่กลับต้องชะงักทั้งที่ยังไม่ได้ออกแรงยื้อเพราะโดนไอ้คนสร้างสะพานแผ่รังสีอำมหิตกระแทกเสียหน้าเกือบหงาย

“ดึงไอ้กิมมันขึ้นมานั่งก่อนเหอะ หน้ามันเหลืองเป็นลิงถือลูกท้อบนยาหม่องถ้วยทองแล้วไอ้มิค” ไอ้โอ้ส่งเสียงมาลองเชิงอีกคนหลังจากเห็นท่าไอ้มิคที่ยังคว้าคอผมไว้ไม่ปล่อย ขนาดผมเองที่กำลังมึนๆ ตูดติดดินแต่หน้าผินมองฟ้าอยู่อย่างนี้ยังรู้สึกได้เลยว่าไอ้ที่ยืนค้ำหัวกันอยู่มันไม่อยู่ในอารมณ์เล่นๆมาเรียงๆ แต่มันมาแบบจริงจัง นี่กูไปทำอะไรให้มึงนี่?!

“รักอะไรกูนักหนาเนี่ยเช้านี้ มาถึงก็จับเต้นเลยนะมึง” เหล่หน้าเอ๋อๆที่มองกันอยู่รอบโต๊ะ แต่ไม่มีหน้าไหนกล้ายื่นมือยื่นตีนเข้ามาช่วยก็ต้องช่วยตัวเองให้รอดเป็นยอดดี แม้จะยังไม่รู้ว่าไอ้มิคมันไปกินอะไรผิดสำแดงมาก็ตาม

“เต้นพอแล้วก็ลากกูขึ้นไปนั่งด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวจะขึ้นค่าตัว”

ผมเปลี่ยนโหมดจากจิกหัวเรียกเป็นไถไปข้างๆคูๆพลางเอื้อมมือไปคว้าไหล่แน่นๆจากกรรมพันธุ์นอก ใช้เป็นหลักดึงตัวเองขึ้นจากการตกเป็นเบี้ยล่าง ความคิดชั่วแว็บบอกให้ตวัดขาตวัดตัวทำพลิ้วเอาคืนสักท่าสองท่า แต่พอเห็นตาคมๆดุๆที่จ้องอยู่ไม่กระพริบก็เลยต้องลดละเลิกอาการอาฆาตมาดร้าย ไม่งั้นท่าต่อไปอาจโดนคิงแอ็นเจิ๊กแล้วตามด้วยทุ่มกระแทกวิญญาณ

ยืดขึ้นได้เต็มความสูงไม่เต็มตีนดีผมก็ทิ้งก้นแปะลงกับม้านั่งข้างไอ้อ่อนทันทีเพราะอาการแฮ็งค์ที่ประหลาดใจไปว่าไม่มีกำลังแว่วๆมาเคียงๆ มึนจนปากเริ่มจะเปาะ กำลังจะอ้าสรรเสริญไอ้มิคที่ยังยืนค้ำหัว แต่พลันสบเข้ากับสายตาพิฆาตของมันเข้าเต็มๆจนสันหลังเสียววาบ

“เฮ้ย! จะจ้องทำไมอย่างนั้น กูไปทำอะไรให้มึงเนี่ย หา?!” ไม่ใช่แค่ผมที่ผงะแต่ไอ้อ่อนที่อยู่ใกล้ชิดติดขอบเหตุการณ์ยังออกอาการสะดุ้งพร้อมผมอย่างพร้อมเพรียง

“เออ ดุจริงมึงวันนี้ เดี๋ยวไอ้กิมแม่งก็เครียดจนขนร่วง ที่สำคัญสาวๆมึงมาตามถึงโต๊ะแล้วไอ้มิค” ไอ้โอ้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามออกความเห็นแล้วตามด้วยการบอกกล่าว ฉากหลังเป็นสาวๆทั้งขาวทั้งคล้ำสองสามสวยเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ดูไปเหมือนเธอเดินกันอยู่บนเวทีมีแค็ทวอล์กทั้งที่อยู่ในชุดนักศึกษา เล่นเอาหนุ่มๆทั้งโต๊ะผมและข้างเคียงตาเหล่กันเป็นแถบๆ
ผมเองก็เหล่แต่เหล่เลยสาวไปไม่มากไม่น้อย พอให้เห็นหน้าขาวๆหัวทุยๆที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับอะไรบางอย่างบนโต๊ะโดยไม่มีทีท่าจะเงยหน้ามามองใครเหมือนพวกหน้าหม้อแถวนี้ เห็นแล้วจะดีใจหรือซึมเศร้ายังตัดสินใจไม่ถูก เพราะที่สุดหล่อของผมไม่สนใจจะเหล่สาวคงเพราะที่ว่างข้างๆทั้งซ้ายขวาแถมหน้าอีกหนึ่งมีหน้าแจ่มๆมานั่งประกบอยู่ครบสามมุมมองแล้ว เลยไม่ต้องไปเหล่ตามองหน้าแฉล่มอื่นให้ไกล

เก็กซิมจริงๆไอ้กิม เจอเข้าไปแค่ครึ่งตาเหล่ๆแต่เล่นเอาจุกขึ้นมาถึงลิ้นปี่ แต่จุกได้ไม่ถึงครึ่งนาทีทองก็มีอันต้องหน้าเบี้ยวเพราะโดนไอ้ยักษ์ปักหลั่นที่ปักหลักนิ่งอยู่ตรงหน้าเรียกร้องความสนใจแบบทำเมินไม่ได้

“!?…”

หน้าผมสะบัดตามแรงมือไอ้มิคที่วาดลงมาข้างแก้มชนิดว่าตาเหล่ตาเขกลับเป็นตาดี กะทันหันและเคล็ดขัดยอกจนลืมแหกปากโวยวาย ยิ่งเห็นหน้าตาถมึงทึงปานจะเฉาะกระโหลกดูดเนื้อสมองกันแล้วยิ่งอึ้งทึ่งเสียวจนปากหุบสนิทโดยอัตโนมัติ

ไอ้มิคค้างมือไว้บนแก้มไอ้กิมประหนึ่งเป็นแผ่นรองเมาท์แล้วก้มเอาหน้าหล่อๆที่นาทีนี้ออกแนวเหี้ยมเหี้ยๆเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแทบจะจิ้มลูกกะตา ผมเองได้แต่นั่งรากงอกแล้วเหลือกตาขาวจ้องมันกลับเพราะยังอยู่ในภาวะอึ้งทึ่งเสียว ปล่อยให้มืออุ่นจนร้อนที่แจกลูกตบเรียกวิญญาณลามจากหน้ามาคว้าคอ

“อย่าให้เห็นอีก” เสียงเหี้ยมๆไม่ผิดกับหน้าตามาพร้อมแรงกระชับหนักๆเน้นๆ ณ ทัดดอกไม้

“……………”

ได้ยินเข้าไปสี่คำแต่เล่นเอาผมสับสนทางภาษาขึ้นมากะทันหัน กำลังจะยกมือบอกเพื่อนไม่เข้าใจขอใหม่อีกรอบก็พอดีกับที่เสียงใสๆจากสาวๆดังทักทายมาในระยะประชิด

แต่แทนที่ไอ้มิคจะละความสนใจจากการเขย่าขวัญไอ้กิมแล้วหันไปให้ความสนใจสาวที่อุตส่าห์เดินมาหาถึงที่ มันกลับยิ่งคว้าคอผมจั๋งหนับ ออกแรงบีบพอคลายเคล็ดขัดยอกแต่เล่นเอาต้องยกก้นออกจากม้านั่งลุกขึ้นมายืนข้างเจ้าของมือด้วยความสงบเสงี่ยม ถ้ามัวแต่นั่งเบียดตูดอยู่กับไอ้อ่อนงานนี้อาจมีลูกกระเดือกแตก

ระหว่างกำลังยืนงงอยู่กับที่พลางแอบส่งสายตาสื่อสารหาความในกับไอ้อ่อนไอ้โอ้ ว่าอะไรดลใจให้ไอ้มิคออกมาพะบู้กับไอ้กิมเช่นนี้ คำตอบที่ได้กลับมาดันเป็นสายตาที่สงสัยยิ่งกว่า ยิ่งมองยิ่งงงสับสนทำตัวไม่ถูก ก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงเข้มๆของไอ้คนที่ยังคว้าคอผมอยู่ไม่ปล่อยบอกปัดนัดสาวแบบขวานผ่าซากจนต้องเหล่ตาตามเพื่อนร่วมโต๊ะที่แกล้งทำหูทวนลมแต่ความจริงแอบฟังมันอยู่ทุกพยางค์

“แต่พี่มิคบอกว่าไปได้นี่ แล้วหวานก็บอกทุกคนไปแล้วด้วย ไปเถอะนะ ไม่งั้นหวานต้องเบื่อแย่เลย” น้องน้ำหวานหน้าหวานยิ่งกว่าชื่อ ทำหน้าเศร้ากระชากใจชาย เอ่ยอ้อนไอ้มิคชนิดว่าถ้าเป็นไอ้อ่อนไอ้โอ้และไอ้หน้าหม้อทั้งหลายที่นั่งฟังกันหูไม่กระดิกอยู่แถวนี้และแถวนั้นต้องรีบเก็กเสียงหล่อแล้วตกปากรับคำทันใด

“พี่บอกว่าดูก่อน ไม่ได้บอกว่าจะไป” ไอ้มิคบอกปัดหน้าตาเฉยเล่นเอาสาวหน้าเบ้

“แต่ว่า… ทำไมล่ะคะพี่ก็ว่างนี่นา ไปเถอะนะ” น้ำหวานยังไม่ละความพยายามแม้ว่าหน้าจะเบี้ยวไปเล็กน้อยด้วยความขัดใจ ดูจากท่าทางแล้วคงไม่เคยโดนขัดใจใครเซย์โนใส่หน้ามาก่อน

ความเงียบเกิดขึ้นทันทีที่ประโยคตื้อครั้งที่สองถูกเอ่ยออกมา ผมเหล่มองไอ้มิคก็เห็นว่าคิ้วมันเริ่มขมวดเล็กน้อยบ่งบอกอาการไม่สบอารมณ์ เหล่กลับไปที่สาวเจอสายตาเว้าวอนแกมขอร้องกับยิ้มจางๆที่ส่งมาสู้หน้าเฉยชาของคนตัวสูงกว่า เห็นอย่างนี้ก็ให้นึกไปถึงหน้าตัวเองกับหน้าใครอีกคนกลางโรงอาหารเมื่อวานบ่าย แม้หน้าไอ้มิคหน้าน้องน้ำหวานหน้าผมและหน้าเจ้าของคำแสลงใจจะไม่มีส่วนใดคล้ายคลึงกันไม่ว่าจะตาซ้ายหูขวาหรือริมฝีปากล่าง แต่อาการตาละห้อยกับตาแข็งๆของสองคนนี้ทำให้ผมหวนไปสู่เมื่อวานได้อย่างไม่ต้องบลิ้วอารมณ์ พอนึกแล้วสายตาก็ส่ายไปหาคู่กรณีไม่รู้ตัว แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อสบเข้ากับตาคมๆของคนที่กำลังจะโดนถ้ำมอง

หน้าขาวๆหัวทุยๆที่เมื่อกี้ก้มจดจ่ออยู่กับอะไรบางอย่างบนโต๊ะตอนนี้หันมามองทางโต๊ะผมเสียเต็มตัว รอบข้างอีกหลายโต๊ะก็หันมามองน้องน้ำหวานกับไอ้มิคอย่างสนใจเรื่องชาวบ้านกันเป็นทิวแถวเพราะหนึ่งก็เดือนหนึ่งก็ดาวแถวดาวยังเสียงเริ่มดังหน้าเริ่มเบี้ยว

คนที่ทำอกไอ้กิมเดาะมองมาผ่านๆแบบไม่ได้สนใจจะยุ่งเรื่องรักนักศึกษา มองผ่านมาแล้วคงจะผ่านไปถ้าไม่เหล่มาเห็นสายตาร้องแรงแฝงความนัยของผมเข้าเสียก่อน จากการมองกันนิ่งๆคิ้วไม่มีขมวดแต่ก็ไม่ขยับสายตาไปทางอื่น ทำให้ผมไม่แน่ใจว่าเจ้าของสายตาจำกันได้ไหม จำได้หรือเปล่าว่าเคยมาสวดส่งศพกันไว้สดๆร้อนๆเมื่อวานนี้

เจอหน้าเฉยๆแบบไม่ให้คาดเดาได้ว่ามีความหลังกันหรือไม่อย่างไรแล้วอยากจะเดินเอาหน้าตัวเองไปเสนอให้ดูใกล้ๆเผื่อจะมีการเอ๊ะอะจิจ๊ะแล้วนำพาไปสู่บทสนทนา แต่ยังไม่ทันได้ทำพลิ้วบลิ้วเอาคอออกจากอุ้งมือไอ้มิค ก็มีอันต้องหันขวับกลับมามองคู่ดาวเดือนข้างตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเสียงสบถเป็นภาษาต่างประเทศ คำเดียวสั้นๆแต่เข้าใจกันไปทั้งเมือง ปกติถึงเพื่อนผมจะเถื่อนไปบ้างวันละหลายเวลาแต่ก็ไม่เคยเสียมารยาทกับผู้หญิงยิงเรือที่ไหนนี่หว่า แล้วนี่เหตุไฉนไอ้มิคถึงกับแจกฟักให้น้องน้ำหวานกลางสาธารณชนอย่างนี้

ละจากหน้าหล่อๆตาคมๆของว่าที่หวานใจตัวที่นั่งห่างไปเกือบสิบเมตรกลับมาเกาะติดสถานการณ์ กะกลายเป็นหนึ่งในไทยแอบมุงแต่กลายเป็นต้องผงะเพราะสายตาประชาชี เหล่รอบข้างแล้วสังหรณ์ว่าฟักทั้งดุ้นที่ไอ้มิคพึ่งกระแดะสำเนียงประจำชาติมันออกมาคงไม่ได้กะให้น้องน้ำหวานเอาไปต้มยำทำแกง แต่เป็นไอ้กิมนี่ที่จะโดนฟักฟาดใส่หน้า

“จะมองไปถึงไหน ห่าเอ้ย!!”

แหม สำเนียงเจ้าของภาษา ฟังแว่วๆเหมือนดูหนังมีซาวแทกซ์ แล้วเหมือนคนพูดจะนึกขึ้นได้ว่าพูดอยู่กับกระเหรี่ยงเลยกระดกลิ้นกลับเป็นภาษาไทยขณะจ้องหน้าผมชนิดว่าอีกนิดเดียวมันจะเข้ามาเฉาะหัวกันด้วยมือเปล่า

“ที่พูดกันเมื่อคืนมันอะไร!?”

แต่กระเหรี่ยงกิมที่โดนฟักฟาดใส่หน้ามาทั้งดุ้นเกิดอาการไม่เข้าใจภาษาไทยกะทันหันจากทั้งประโยคคำถามกึ่งบอกเล่าและสายตาคมกริปของเพื่อนเกลอ เมื่อคืน? กูกับมันพูดอะไรกันไปวะ? และสงสัยหน้าผมจะแสดงเจตนารมย์ว่ากูไม่เข้าใจมึงพูดอะไรมากไปหน่อย ไอ้มิคเลยยิ่งสติแตกสบถภาษาบ้านเกิดมาชุดใหญ่

เจอทั้งฟักทั้งบวบ มีแยมบิทแดมอิทท์จ่อติดหน้าในระยะประชิดอย่างนี้แล้วก็ให้นึกไปถึงอารมณ์บิ๊ก ซีนีม่าที่พึ่งดูไปเมื่อหลายคืนก่อน ต่างกันแต่ว่าครั้งนี้ตอนนี้ไม่ได้มีผมนั่งกระดิกตีนซดโค้กดูอยู่เพียงหนึ่ง แต่เพื่อนร่วมมหาลัยทั้งโต๊ะเราโต๊ะเขาโต๊ะข้างๆและน้องน้ำหวานต่างก็เบิกตาชมลูกครึ่งสบถเป็นแรพพ์กันอย่างพร้อมเพรียง

“ไอ้มิค! เบาๆหน่อยโว้ย คนเขามองกันทั้งมหาลัยแล้ว เป็นอะไรของมึงเนี่ย?!” ผมที่ยังโดนคว้าคอไว้ไม่ปล่อย ต้องดึงคออีกฝ่ายมากระซิบเตือนด้วยความเป็นห่วง แต่แทนที่ไอ้มิคจะสำนึกในความดีไอ้กิม มันกลับยื่นอีกมือผ่านหน้าผมไปชนิดแถบเสยจมูกแล้วคว้าขวดแป็บซี่ตรงหน้าไอ้อ่อนมาเขวี้ยงลงพื้นแบบเต็มวงสวิง

เสียงขวดแก้วถูกอัดกระแทกซีเมนต์ดังเพล้งแล้วแตกกระจายเป็นวงกว้างเหมือนจะช่วยลดแรงอารมณ์ของไอ้บ้ามิคไปได้บ้าง แต่อารมณ์ไทยมุงและผู้ชมเกาะขอบสนามอย่างผมอย่างน้องน้ำหวานถึงกับดีดตัวพุ่งปรี๊ด ออกแอ็กติ้งกระโดดเหยงหนีแก้วบาดกับคนบ้ากันอย่างพร้อมเพรียง

น้ำหวานและผองเพื่อนถอยกรูดไปหลายก้าวแล้วหยุดนิ่ง หน้าหวานๆซีดเป็นตูดห่านระหว่างเบิกตาจ้องพี่มิคในดวงใจแบบตกตะลึง ผิดกับผมที่ผงะหลังทีเดียวข้ามฝั่งมาอยู่ข้างไอ้อ่อนแล้วดึงไอ้โอ้ที่เตี้ยกว่ามาขวางหน้าอย่างไม่ห่วงภาพพจน์ความแมนตัวเอง

เรื่องมันเข้มมาถึงตรงนี้อย่าพึ่งคิดว่าไอ้กิมเป็นพวกตาขาวใหญ่กว่าตาดำ ทำไมไม่ลุยกันให้รู้เรื่องไปเสีย ความสูงก็พอฟัดพอเหวี่ยงแม้ไอ้มิคจะมีกล้ามงามๆตามกรรมพันธุ์นอกแต่ไอ้กิมก็ไม่ได้ก็องแก้งหัวไหล่ลีบซี่โครงบานเสียหน่อย กลัวอะไรทำไมต้องไปหลบหลังไอ้โอ้

กลัวครับ ผมยอมรับว่ากลัว เรื่องให้ต่อยกันปากแตกกับเพื่อนกับฝูงเป็นเรื่องที่ผมทำไม่ได้ ถ้าให้ไปกระโดดถีบยอดอกคนอื่นที่ไม่รู้จักแต่มาหาเรื่องกันนั้นตีนไอ้กิมไปก่อนใคร แต่ถ้ากับเพื่อนที่คบหากันมาจนรู้ชื่อพ่อล้อชื่อแม่ได้นั้นอีกเรื่อง จะให้มีเรื่องถึงขั้นลงไม่ลงมือต่อยกันตาเขียวไอ้กิมใจไม่ด้านพอ ยิ่งกับไอ้บ้าตรงหน้าด้วยแล้วบอกได้คำเดียวว่าผมไม่สู้ กว่าจะคบกันมาได้ขนาดนี้ อย่าให้มิตรภาพมันเสียเพราะอารมณ์ชั่ววูบจะดีกว่า
ไอ้มิคที่ยอมปล่อยผมออกจากอุ้งมือละสายตาจากผลงานตัว ยกมือขึ้นเสยผมด้วยท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วหันมาทางผมกับไอ้โอ้ด้วยหน้านิ่งๆ หน้านิ่งแต่สายตาคมกริบจนไอ้โอ้เกิดอาการชักกระตุก สับขาหลอกเปลี่ยนตำแหน่งดันผมมาอยู่หน้าด้วยความเร็วสูง ผมที่กลายเป็นกองหน้าแบบไม่มีเวลาให้ยกมือขอเวลานอกเลยได้แต่เบิกตาขาวจ้องตาคมๆของฝ่ายแดงกลับไป

ไอ้มิคจ้องผม ผมจ้องไอ้มิค นักศึกษาเหยียบร้อยก็ช่วยกันจ้องกันตาไม่กระพริบ ลุ้นระทึกเสียเงียบกันไปทั้งลาน แต่แล้วอยู่ๆไอ้คนสร้างเรื่องกลับก้าวถอยหลังทั้งที่สายตายังจ้องกันอยู่ก่อนจะเบือนหน้าหนีแล้วหันหลังออกเดินไปเฉยๆ

ผมที่ยังปักหลักเป็นกองหน้าไร้สามารถได้แต่กระพริบตาปริบๆ มองตามหลังที่เดินดุ่มๆจากไปด้วยความรู้สึกประหลาด ประหลาดเพราะไม่เคยมีครั้งไหนที่ไอ้มิคจะหันหลังหันตูดให้ไอ้กิมแล้วเดินจากไปดื้อๆ เดินออกไปเหมือนไม่อยากมองหน้า เหมือนว่าไม่มีเรื่องต้องให้คุยกันอีก

ความรู้สึกไม่คุ้นเคยให้รสประหลาดเหลือเชื่อ ประหลาดเสียจนผมปัดมือไอ้อ่อนที่ยื่นมายื้อ ผลักไอ้โอ้ที่ก้าวมาขวางแล้วก้าวเร็วจนเกือบเป็นวิ่งตามคนที่หันหลังจากไป

ผมวิ่งตามไอ้มิคด้วยความร้อนอัดแน่นในอก ความร้อนที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนแต่ทำให้ขาผมก้าวได้เร็วกว่าเดิม ต้องก้าวให้เร็วกว่าเดิม ยิ่งเห็นแผ่นหลังในเสื้อนิสิตห่างออกไปเรื่อยๆความรู้สึกอึดอัดที่มวนอยู่เต็มปอดก็ยิ่งขยายใหญ่โต

ผมตะโกนเรียกคนข้างหน้าให้หยุดให้รอ ไอ้มิคไม่หยุด ไม่แม้แต่จะผ่อนฝีเท้า ที่จริงผมเองต่างหากที่ควรจะหยุดวิ่งหยุดตาม รู้ว่าอีกฝ่ายอารมณ์กำลังขึ้นถ้าตามไปเรื่องจะยิ่งไปกันใหญ่ รู้ทั้งรู้ว่าเวลาไอ้มิคโมโหมันไม่เคยเห็นแก่ใครหน้าไหน แล้วจะวิ่งตามเอาหน้าไปรับหมัดมันหรือไงไอ้กิม? ถึงจะรู้ดีอย่างนี้ก็เถอะ ผมก็ยังวิ่งเต็มฝีเท้าจนระยะห่างร่นเข้าให้ได้ยื่นมือไปถึงไหล่

ผมคว้าไหล่แน่นๆข้างหน้าแทบเป็นกระชาก แรงรั้งทำให้ไอ้มิคหยุดเดินแต่หัวทุยๆของมันกลับยังมองตรงไปข้างหน้า ผมออกแรงดึงแล้วก้าวไปขวางแต่ไอ้มิคกลับหันหนีไปอีกทาง

ท่าทางที่เหมือนไม่อยากมองหน้า เหมือนไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้วเล่นเอาผมรู้สึกหมดแรงเอาดื้อๆ ไอ้ที่คิดว่าต้องคุยกันให้รู้เรื่อง ให้มันรู้กันไปว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกลับหายไปจากหัวเหมือนโดนกดลบถอยหลัง

“… กูขอโทษ” เป็นคำแรกที่หลุดจากปากผม

“เมื่อคืนกูมีเรื่องกับมึงรึไงวะ? กูจำไม่ได้จริงๆ ถ้ายังไงกูขอโทษแล้วกัน”

“… ไอ้มิค” ความเงียบของอีกฝ่ายทำให้ผมยิ่งอ้อมไปดักหน้าแล้วก็ต้องชะงักเมื่อโดนหน้าที่หันหนีหันมาจ้องแบบไม่ให้ตั้งตัว

“มึงจำไม่ได้… กูเองที่มันบ้า” ไอ้มิคพูดเสียงเรียบพลางปัดมือผมออก “…ไม่เป็นไรไอ้กิม” ปากบอกไม่เป็นไรแต่ตาที่สบกันอยู่นี่ไปคนละเรื่อง

สายตาคมๆจากดวงตาสีอ่อนจัดจ้องเขม็งอยู่กับตาผม ชั่วขณะผมรู้สึกเหมือนโดนของแข็งไม่มีรูปร่างตบเข้ามากลางกระโหลก ชั่วขณะที่ตาอีกคู่ที่สบอยู่ออกแวววูบไหวชื้นน้ำ

“เฮ้ย ไอ้มิค!?” ผมโผเข้าไปคว้าคออีกฝ่ายไว้แทบเป็นกระโจนใส่

“กูเอง กูผิดเอง! กูที่มันเมาเป็นหมา… มึงมีอะไรบอกกู บอกมาเลย” เสียงผมสั่นจนตัวเองยังรู้สึก ยิ่งได้ยินเสียงสูดหายใจแรงของคนที่ยืนอยู่ชิดติดกันยิ่งทำเอารู้สึกเหมือนจะยืนไม่อยู่

คบกันมาเป็นสิบปี มีแค่หนเดียวที่คนใจแข็งอย่างไอ้มิคออกอาการอย่างนี้ให้คนใจอ่อนอย่างไอ้กิมเห็น ตอนนั้นผมถือไม้ยิงหนังสติ๊กทำเองในมือซ้าย ถุงตาข่ายใส่นกที่ยิงมาได้สามตัวในมือขวา ปากฉีกยิ้มกว้างขวางพลางยื่นนกที่ยิงได้ให้อีกฝ่ายที่คลุกเล็งนกด้วยกันมาทั้งเช้าแบบใจป้ำ แล้วบอกไปว่าเมื่อวานเห็นปลานิลตัวเป้งที่คลองริมตลิ่ง พรุ่งนี้เจอกันที่เดิมเวลาเดิม ไอ้มิคที่สูงเกินเด็กวัยเดียวกันและดวงตาแปลกสีกว่าทุกคนที่ผมรู้จักในตอนนั้นไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับเอ่ยขอหนังสติ๊กทำเองของผมแทนนกทั้งถุงที่ยื่นอยู่ตรงหน้าด้วยภาษาไทยตกๆหล่นๆกับสำเนียงเพี้ยนๆประจำตัว

ผมส่งหนังสติ๊กให้พร้อมบอกไปว่าให้ยืม มือขาวๆยื่นมารับโดยไม่มีคำตอบว่าจะคืนเมื่อไหร่ ผมก็ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวปากยิ้มพลางจ้อไปเรื่อยเปื่อยจนเดินเคียงกันมาถึงทางแยกที่จะแยกไปบ้านใครบ้านมัน ผมบอกลาทิ้งท้ายไว้ว่าเจอกันพรุ่งนี้ คำพูดติดปากเหมือนทุกครั้งที่เล่นกันเสร็จ แต่อีกฝ่ายกลับจ้องหน้าผมเฉยไม่มีการบอกลาหรือตอบรับเหมือนทุกครั้ง แว็บหนึ่งตาสีแปลกที่ผมชอบมองเวลาเผลอเหมือนจะแดงก่ำรื้นน้ำ แต่เจ้าตัวก็รีบยกมือขยี้อย่างแรงจนผิวขาวจัดแดงเถือกไปทั้งหน้า และก่อนที่ผมจะได้ถามอะไรไอ้มิคก็หันหลังออกวิ่งเสียฝุ่นตลบ หนีไปพร้อมหนังสติ๊กในมือ

วันถัดมาผมคว้าคันเบ็ดทำเองกับอุปกรณ์ตกปลาทั้งหลายแหล่สะพายเต็มบ่าเต็มหลัง ตะโกนบอกแม่ว่าจะไปตกปลากับไอ้มิคแล้วเดินดุ่มๆออกไปรอคนที่นัดไว้ที่เดิม แต่เช้านั้นทั้งเช้าไอ้มิคไม่ได้โผล่มา และผมก็ไม่ได้เห็นมันอีกเลยนับแต่นั้น กว่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ปาเข้าไปจนหมดปิดเทอมใหญ่ เพราะไปวัดกับแม่ถึงได้เจอย่าไอ้มิค ถึงได้รู้ว่าพ่อแม่ไอ้มิคแยกทางกัน ไอ้มิคต้องกลับไปอยู่กับพ่อฝรั่งที่เมืองนอก เมืองนอกเป็นยังไงตอนนั้นผมไม่มีทางรู้ รู้แต่ตามคำผู้ใหญ่บอกว่ามันไกลแสนไกลและนั่นหมายถึงผมกับคนที่กลายมาเป็นเพื่อนเล่นยิงนกตกปลาโดดน้ำคลองกันตลอดสองเดือนครึ่งจะไม่มีวันได้เจอกันอีกแล้ว

“จะให้กูทำยังไงมึงบอก” ผมย้ำคำพร้อมกระชับมือบีบไหล่อีกฝ่าย รู้สึกร้อนรนจนขอบตาร้อน ออกอาการอ่อนแอแบบไม่อายคนที่ยืนอยู่ชิดติดกัน

ไอ้มิคที่ไม่รู้ว่าอารมณ์เย็นลงหรือหมดอารมณ์จะมองหน้าไอ้กิมกลับส่ายหน้าแล้วเกร็งตัว มือขาวๆที่ไม่ได้ผิดไปจากสมัยเด็กนอกจากขนาดและความแกร่งยกขึ้นดันไหล่ผมเป็นเชิงจบเรื่อง เท่านั้นเองผมก็ต่อมน้ำตาแตก

ผมมองหน้าไอ้มิคทั้งน้ำตา มองหน้าหล่อๆของมันที่หันมาชะงักกับอาการหลุดแมนของผม แล้วถามออกไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจที่ท่วมขึ้นมากลบอารมณ์อื่นมิดชิดซ้าย

“กูทำอะไรผิดมากนักหรือไง กูเมาเป็นหมาพูดจาไม่รู้เรื่อง ทำไมมึงต้องโกรธขนาดนี้ กูบอกแล้วไงว่าขอโทษ” ผมร่ายออกไปแบบไม่มีกั๊กอารมณ์พร้อมจ้องอีกฝ่ายเขม็ง ถึงน้ำตาจะย้อยอยู่อย่างนี้แต่จะให้หลบตาทำเป็นกูไม่ได้ร้องนั้นไม่มี

ไอ้มิคยังคงเงียบ ไม่รู้เพราะตกใจกับน้ำตาลูกผู้ชายเพื่อนหรือโมโหจนพูดไม่ออก มองจากสีหน้าาแล้วอารมณ์มันคงก้ำกึ่งอยู่น่าดู

“เมื่อคืน…” ไอ้มิคยกมือขึ้นเสยผมเกรียนๆติดหนังหัวแบบแสนจะมีเอกลักษณ์ สายตาเลื่อนจากหน้าผมไปหยุดอยู่แถวเฟอร์ริกาโม่ที่ปลายตีนตัว ก่อนเงยหน้ามามองกันด้วยสายตาที่ผิดไปจากเดิม ตาคมๆจ้องมาที่ผมเหมือนจะมองกันให้ทะลุก่อนต่อประโยค

“เมื่อคืนมึงบอกว่าได้ ตกลง เราคบกัน”


โปรดติดตามตอนต่อไป

ปล ใจเย็นๆนะค้า ไว้อารมณ์มาปัญญาเกิด ทะเลกับเปรี้ยวใจคงได้มาสานต่อ

แต่ตอนนี้เอาเป็นว่าทำใจสบายๆ มาร่วมลุ้นเรื่องรักนักศึกษากับรักจังไปก่อนดีกั่ว

==========================================================================

คนโพส ก็ยังรอติ่งทะเลอยู่เหมือนกันอ่ะ  ติดใจมากๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-08-2010 01:49:47 โดย DraCo_SLa13 »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่2....(27/08/10)
«ตอบ #13 เมื่อ27-08-2010 02:13:58 »

ถึงว่าไอ้มิคถึงได้น้อยใจเพราะไอ้กิมลืมนี้เอง

ออฟไลน์ tsuyu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่2....(27/08/10)
«ตอบ #14 เมื่อ27-08-2010 10:08:30 »

 o22  กิมพูดแล้วลืม

มิน่า มิค ถึงองค์ลง ขนาดนี้

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่2....(27/08/10)
«ตอบ #15 เมื่อ27-08-2010 11:48:51 »

มิน่าหล่ะ แล้วหนูกิมจะทำไงต่อไปเนี่ยหล่ะ

ออฟไลน์ panari

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่2....(27/08/10)
«ตอบ #16 เมื่อ27-08-2010 15:00:13 »

เพราะความเมาเป็นเหตุ ลุ้นๆ จะเป็นยังไงต่อไป

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่2.....(27/08/10)
«ตอบ #17 เมื่อ27-08-2010 16:30:14 »

โอย อยากจะกรี๊ด
เพื่อนกันตั้งแต่เด็ก ขอหน่อยเหอะ

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

(มาแปะเร็วๆนะคะ ติดแล้วงิ)

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่2.....(27/08/10)
«ตอบ #18 เมื่อ27-08-2010 16:39:14 »

โอย อยากจะกรี๊ด
เพื่อนกันตั้งแต่เด็ก ขอหน่อยเหอะ

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

(มาแปะเร็วๆนะคะ ติดแล้วงิ)

ยิ่งอ่านยิ่งติดค่ะ เรื่องนี้ คนโพสเอาหัวเป็นประกัน  เพราะเป็นมาแล้ว :laugh:

ออฟไลน์ Nabee

  • 너만 사랑해~♥
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-3
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่2.....(27/08/10)
«ตอบ #19 เมื่อ27-08-2010 17:29:02 »



คนแปะฮะ...เค้าค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง >[]<


อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก...เค้าอยากอ่านต่ออ่ะ...คนแปะช่วยมาแปะต่อหน่อยเหอะ T^T

ที่แท้ก็มีความหลังกันนี่เอง...แล้วนี่กิมมี่ของเราไม่รู้เลยเหรอไง ว่าเมื่อคืนพูดอะไรไว้บ้างหน่ะ

ไม่แปลกหรอกที่มิคจะโมโห...ก็เล่นนั่งมองคนอื่นซะตาเยิ้มขนาดนั้น...เฮ้ออออออออ...ไม่รู็จะสงสารใครดี

ระหว่างคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย กะคนที่เอาแต่หึงจนหน้ามืดตามัวแบบนี้ - -"

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่2.....(27/08/10)
« ตอบ #19 เมื่อ: 27-08-2010 17:29:02 »





aim

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่2.....(27/08/10)
«ตอบ #20 เมื่อ27-08-2010 17:36:57 »

สนุกจัง มารอตอนต่อไปนะ อย่าหายไปนานนะ

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่2.....(27/08/10)
«ตอบ #21 เมื่อ27-08-2010 19:22:21 »

กิมเท่ห์ ชอบกิมจัง
สมัครเป็น FC กิม

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที3.....(27/08/10)
«ตอบ #22 เมื่อ27-08-2010 22:31:29 »


รักจัง.......ตอนที่3

“ถ้ากูรู้ว่ามันแฮ็งค์แล้วน่ากลัวขนาดนี้กูจะสั่งไวตามิลล์ให้มันแดกแทนเหล้าล่ะคราวหลัง”

“แต่กูสงสัยว่ะ ปกติแม่งคอแข็งแดกแล้วหายละลายแอลกอฮอล์ กูยังจำได้ตอนรับน้องปีหนึ่งที่พวกพี่เต้แม่งชงแจกๆกะมอมไอ้มิคให้สาวเห็น ที่ไหนได้ตั้งแต่วงเริ่มจนวงแตกไอ้มิคยังนั่งหล่อสาดแดกเอาๆเหมือนแม่งจิบโค้ก ที่เมาหมดสภาพต้องนอนกองอยู่นั่นถึงเช้ากลายเป็นพวกไอ้พี่เต้ทั้งก๊ก แล้วเมื่อคืนมันก็ดื่มไปไม่เท่าไหร่แล้วกลับไปก่อน มันจะมาเมาค้างได้ไงวะ เป็นไปไม่ได้”

“กูว่างานนี้ต้องมีซีเครส”

“เอ้า ทำเป็นเงียบๆ อมขี้ไว้ในปากไม่ดีนะเว้ย เล่าออกมาให้พวกกูร่วมด้วยช่วยฟังซะดีๆ จะเหม็นจะหอมยังไงก็ดีกว่าอมไว้คนเดียว”

“ไอ้ห่าอ่อน มึงช่วยข้ามเรื่องขี้หอมๆไปได้ไหมวะ กูแดกข้าวอยู่ไม่เห็นรึไง… ส่วนมึงก็คายความลับออกมาเร็วๆเข้าอย่ามาทำเป็นเล่นตัว เพื่อนๆอยากเสือกจนไม่เป็นอันกินกันแล้ว”

“……………”

“ไอ้กิม!”

ใครบางคนตะโกนชื่อผมอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลพร้อมตบลงมากลางหลังด้วยแรงไม่มากไม่น้อยแต่เล่นเอาความคิดที่ลอยอยู่ในสากลโลกกลับคืนสู่หัวผมฉับพลัน เป็นการเรียกสติที่ทำให้ต้องรีบกลั้นหายใจพลางกระเดือกเส้นใหญ่ลงคอก่อนจะมีการคายของเคี้ยวแล้วลงไปลอยอยู่ในราดหน้าใหม่อีกครั้ง

“อะไรวะ!?”

ผมโวยทันทีที่เส้นใหญ่ไหลลงไปอยู่ในกระเพาะแล้วสูดอากาศเข้าปอดมาได้แบบปลอดภัย เมื่อกี้มือใครไม่รู้แต่ผมจ้องไอ้อ่อนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเป็นรายแรก ไอ้อ่อนเหมือนรับรู้รังสีอมหิตรีบเลื่อนแก้วน้ำลำไยที่เหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งมาตรงชามราดหน้าแล้วส่ายหน้าบุ้ยปากไปทางไอ้จั๊ว

“โรคจิตเหรอมึง ทำร้ายร่างกายกูตอนกำลังแดกข้าว เกิดกูสำลักเส้นใหญ่ตายเพราะราดหน้าขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ” ผมด่าพลางคว้าน้ำลำไยมาดูดดังโฮก

“จิตใจกูยังดีอยู่ มึงต่างหากที่ไม่มีมารยาท” ไอ้จั๋วตอบมาหน้าตาเฉย “เอาแต่แดกไม่เงยหน้าเงยตา รอบโต๊ะเขารอฟังเรื่องจริงผ่านจออยู่ไม่เห็นหรือไง”

คำบอกเล่าของไอ้จั๊วทำให้ผมต้องเหล่สายตาไปรอบตัวเพื่อจะเจอะเข้ากับสายตาอีกหกคู่จ้องแบบสอดรู้ตอบกลับมา อ้าว นี่ผมมานั่งกินข้าวอยู่กลางวงได้ไงวะ จำได้แต่ว่าเดินตามไอ้อ่อนมาตอนหมดชั่วโมงเรียน

“เรื่องจริงอะไรของมึง”

ผมกลบเกลื่อนทั้งที่รู้ดีว่าเรื่องอะไร แค่เห็นหน้าแต่ละคนที่นั่งล้อมวงจะตีไอ้กิมกันอยู่ก็รู้ หน้าเดิมๆที่ยกกันมาทั้งก๊กจากซุ้มโค้กเมื่อเช้า

“เรื่องจริงที่มึงวิ่งตามไปล้วงมาได้จากไอ้มิค” ไอ้อ่อนตอบพลางยื่นหน้ามากลางโต๊ะ

“ไม่รู้เว้ย” ผมก้มหน้าจ้วงคะน้าเข้าปากแล้วเคี้ยวแรงกว่าปกติ “กูตามมันไม่ทัน”

“โหย ไอ้กิม ตามไม่ทันแต่หายไปทั้งเช้า พวกกูจะเชื่อไหมเนี่ย” ไอ้จั๋วดักเหมือนรู้

“เพื่อนกันโว้ย เห็นกันอยู่หลัดๆมันมาเสียสติไปก็อยากรู้สาเหตุ มึงรู้อะไรบอกพวกกูมาเร็ว” ไม่พูดเปล่าแต่กระทุ้งศอกเร่งผมยิกๆ

ผมทำเมินศอกไอ้จั๋วที่กระแทกอยู่ข้างตัวแล้วจ้วงทั้งเส้นทั้งหมูเข้าปากอีกหลายคำ

“กูไม่รู้อะไรเลย อยากรู้อะไรพวกมึงไปถามมัน เย็นนี้ถ้ามันโผล่มาเตะบอลก็ถามเผื่อกูด้วย อิ่มแล้วปวดขี้”

ว่าเสร็จก็ยกชามราดหน้ากับขวดน้ำแดงที่ยังดูดไปไม่ถึงครึ่งออกจากโต๊ะ ก้าวเร็วๆให้ห่างจากระยะง้างตีนถึงของไอ้จั๋วและผองเพื่อน แล้วกลับสู่โหมดย้ำคิดย้ำทำ เหมือนที่เป็นมาทั้งเช้า ย้ำคิดไปถึงประโยคเดิมประโยคเดียวที่ไอ้มิคปล่อยออกมาอัดใต้ลิ้นปี่ก่อนสะบัดก้นเดินจากไป

ที่จริงแล้วไม่ใช่ว่าผมอยากทำเป็นอมพะนำเก็บความลับคับอกไว้คนเดียว เป็นไปได้อยากแหกปากถามให้ทั่วสาระทิศแล้วยกมือขอตัวช่วยมาตอบปัญหาว่ากูควรทำยังไงในสถานการณ์เพื่อนอยากเล่นเพื่อนของเพื่อนสนิท หากแต่คำถามที่อึดอัดอยู่ในอกมันค่อนข้างยากส์แก่การเอ่ยออกมาให้กระดากปาก กลัวว่าพ่นถามไอ้จั๊วไอ้อ่อนไปแล้วแทนที่จะได้คำตอบมาบรรเทาอาการย้ำคิดย้ำทำ เพื่อนจะตะลึงตึงๆตกเก้าอี้เจ็บไปตามๆกัน

คิดไม่ออกบอกไม่ถูกก็ได้แต่คิดไปถึงตาคมๆของไอ้มิคที่จ้องมาแบบแสนจะจริงใจจริงจังแล้วบอกผัวะออกมาว่าเมื่อคืนผมตกลงคบกับมัน ไอ้มิคไม่พูดอะไรต่อจากนั้นนอกจากมองหน้าผมนิ่ง นิ่งจนผมเองต้องเป็นฝ่ายหลบตา

ความรู้สึกแรกที่เกือบโผล่งออกไปคือคำแก้ตัว แก้ตัวว่าคนมันเมาเป็นหมาพูดอะไรเลอะเทอะจริงบ้างไม่จริงบ้างและที่สำคัญผมจำไม่ได้ แต่สายตานิ่งๆของไอ้มิคที่มองตรงมาทำให้ปากผมปิดสนิท ความเงียบหลังคำบอกเล่าทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยากให้ผมเอ่ยปากรับหรือปฏิเสธ ไอ้มิคเพียงแค่บอกให้รู้ บอกให้รู้ถึงเรื่องที่ผมบอกว่าจำไม่ได้โดยไม่เรียกร้องอะไร

ความนิ่งของไอ้มิคทำให้ผมรู้สึกประหม่า ถ้ามันแหกปากโวยวายทำตัวมึงมาพาโวยเหมือนที่เป็นอยู่เสมอ จับผมเขย่าซ้ายขวาหน้าหลังแล้วตะคอกบอกลูกผู้ชายพูดแแล้วต้องไม่คืนคำหรือทำเสียงเข้มขู่ให้ผมยอมรับเรื่องที่ผ่านมาเมื่อคืน ผมคงไหลไปตามน้ำตามเรื่องได้ง่ายกว่านี้ อาจเออออห่อหมกไปว่าเออตกลงมึงอยากเล่นเพื่อนเดี๋ยวกูเล่นกับมึงแบบขำๆ หรืออาจแหกปากบอกกูไม่รู้เรื่องแล้วทำเป็นโวยวายกลบเกลื่อนตามมันไป แต่สิ่งที่ไอ้มิคหยิบยื่นให้มาคือความเงียบ ความเงียบที่ทำให้เรื่องราวกลับกลายเป็นจริงจัง

ผมคิดไหมว่าเรื่องทั้งหมดเป็นการอำกันเล่น อำกันแรงตามนิสัยเสียๆของผู้ชายห่ามๆ คำตอบคือผมไม่คิด ถึงไอ้มิคจะเถื่อนจะดิบจะขี้แกล้งแบบเดาอารมณ์ไม่ถูกอยู่บ่อยครั้งแต่ก็แน่ใจว่าครั้งนี้ไม่ใช่หนึ่งในนั้น

ผมก้มมองปลายเท้าตัวเองอยู่อึดใจ เป็นอึดใจที่หลายสิ่งหลายอย่างวิ่งวนอยู่ในหัวและสุดท้ายสิ่งที่กำลังจะหลุดออกจากปากก็คงไม่พ้นคำขอโทษ ขอโทษทีกูจำไม่ได้ ขอโทษว่ะกูล้อเล่น โทษทีไอ้มิค หากแต่คำขอโทษที่คิดอยู่มากมายกลับพูดไม่ออกเมื่อเงยมาเจอกับสายตาที่มองตรงมา ตาสีอ่อนจัดจ้องมาเหมือนรู้สิ่งที่ผมคิด เหมือนรู้ว่าผมกำลังจะพูดอะไร ไอ้มิคส่ายหน้าแล้วบอกมาง่ายๆว่า ‘อย่าขอโทษกู’ ก่อนก้าวถอยหลังแล้วเดินจากไป

ปากผมยังหุบสนิทไม่ได้เอ่ยคำขอโทษ ไม่ได้ตะโกนเรียกให้อีกฝ่ายหยุด ได้แต่ยืนบื้อจ้องไอ้มิคที่เดินห่างออกไป มันพูดอะไรไม่ออกเพราะคำว่าอย่าขอโทษ อย่ามาขอโทษ ผมรู้ว่าเรื่องเมื่อคืนมันจริงจังจากท่าทางอีกฝ่ายแต่ไม่รู้เลยว่ามันจริงจังขนาดไหนจนได้ยินคำนี้ คำห้ามที่เหมือนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเกินกว่าจะขอโทษกัน

แล้วคนที่ไม่ยอมให้ผมเอ่ยคำขอโทษก็หายหัวไปทั้งเช้า ปล่อยไอ้กิมคิดมากคิดน้อยคิดไปเรื่อยว่าตกลงเรื่องมันจะเป็นยังไง ถ้าอีกฝ่ายโผล่เอาหน้ามาให้เจอมันจะทำหน้าแบบไหนแล้วผมจะมองหน้ามันยังไงหรือมันจะยังมองหน้าผมอยู่หรือไม่

“อ้าว ไอ้กิม ไม่น่าเชื่อว่ามาเรียนได้”

เสียงแห้งๆลอยผ่านหน้าผมไปแบบไม่เข้าหูแต่สัมผัสหนักๆเน้นๆที่ตบเข้ามากลางหลังที่เดียวที่เดิมกับตอนนั่งกินราดหน้าทำเอาต้องหลุดออกจากโหมดหมกมุ่น ทำไมวันนี้ใครๆถึงอยากทำร้ายร่างกายไอ้กิมกันจัง

“เป็นไงมึง หน้ายังเด้งไม่มีเหี่ยว นับถือๆ แล้วไปไงมาไงถึงได้มาเดินอยู่คนเดียวได้ บอร์ดี้การ์ดหน้าหล่อของมึงหายไปไหน?” ไอ้อ่ำเพื่อนข้างห้องประจำหอโผล่มาด้วยหน้าตาอิ่มเอิบตามปกติ

“บอร์ดี้การ์ดที่ไหน? คนอย่างกูนี่ยังต้องมีบอร์ดี้การ์ดอีกหรือวะ” ผมถามไปตามน้ำแล้วต้องหันไปมองเมื่อไม่มีอาการตอบรับจากคนข้างๆ

“อีกอย่างหน้ากูเนี่ยนวดครีมไข่มุกทุกคืน ถ้าเด้งสู้หน้ามึงไม่ได้ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว”

ผมต่อประโยคทันทีที่เห็นตาตี่ๆของไอ้อ่ำจ้องเขม็งอยู่กับหน้าผม สายตาอย่างนี้ท่าทางอย่างนี้บอกได้คำเดียวว่าไอ้อ่ำกำลังอาการกำเริบ

ไอ้อ่ำที่กำลังจ้องหน้าผมตาไม่กระพริบอยู่นี้ได้ฉายาว่าไอ้สำอางค์อ่ำซึ่งเป็นฉายาที่สมตัวชนิดไม่ต้องมีคำบรรยายอื่น อยู่ข้างห้องกันมาสองปีกว่า ทุกครั้งที่ผมถือวิสาสะเดินเข้าห้องมันไปหยิบยืมข้าวของหรือคุยเล่นไอ้อ่ำต้องมีอะไรอยู่บนหน้าเสมอ ไม่มาร์กกันสิวก็โคลนทะเลแดงเพื่อหน้าขาวตามแต่มันจะไปสืบเสาะแสวงหามาได้

ตอนรู้จักกันแรกๆ ตั้งแต่สมัยยังเป็นนักเรียนมัธยม ไอ้สำอางค์อ่ำพยายามจะล้วงความลับจากผมให้ได้ว่าไอ้กิมใช้ครีมอะไรหน้าถึงได้ขาวใสไร้สิว ตอนนั้นผมไม่รู้ว่ามันจริงจังจริงใจกับเรื่องนี้ชนิดที่เรียกได้ว่าเข้าขั้นจิตเภทเลยตอบไปว่าใช้สบู่นกแก้วล้างหน้า สองอาทิตย์ถัดมาไอ้อ่ำหน้าลอกเหมือนโดนขี้กลากกินสอบถามได้ความว่าเพราะสบู่นกแก้วหอมชื่นใจ

หลายคนเห็นพฤติกรรมรักหล่อของมันแล้วสงสัยถึงกับเอ่ยปากถามทั้งทางตรงทางอ้อมว่าไอ้อ่ำมันแอบสาวหรืออย่างไร คำถามที่ไม่มีใครตอบได้นอกจากเจ้าตัว และเป็นการตอบด้วยการกระทำใช่คำพูด ใครมีหนังดีหนังเด็ดอัดแผ่นมาจากไหนเป็นต้องเห็นหน้าขาวบ้างดำบ้างจากครีมพอกของไอ้อ่ำลอยอยู่ท่ามกลางความมืดแทบทุกครั้ง สรุปว่าไอ้สำอางค์อ่ำไม่ได้อยากสาว มันแค่รักหล่อเกินผู้ชายปกติก็แค่นั้น และขณะนี้มันก็กำลังเช็คสภาพผิวหน้าผมเหมือนทุกครั้งที่อาการกำเริบ

“ฮิฮะ ใต้ตาดำเป็นถุง รูขุมขนขยายขนาดนี้ยังมาปากดี” ไอ้สำอางค์อ่ำยิ้มสะใจกับสภาพผิวหน้าอันมัวหมองของผมก่อนต่อ

“ถึงจะมีบุญเกิดมาหน้าเนียนกว่าตูดแต่ถ้าเมาเป็นหมาอย่างเมื่อคืนบ่อยๆ ระวังเหอะไอ้กิมหน้าจะเหียกเข้าซักวัน” มันว่าอย่างจริงจัง

“แล้วมึงไม่ได้เปิดขวดอยู่กับกูรึไงวะ” ผมงึมงำพลางตวัดแขนพาดไหล่แล้วทิ้งน้ำหนักใส่อีกฝ่าย แบบเต็มตัว ได้ยินเรื่องเมาเป็นหมาแล้วรู้สึกแขนขาหมดแรง

“เฮ่ยๆ อย่ามาทำตัวใกล้ชิดกับกูแบบนี้” ไอ้อ่ำว่าพลางส่ายหน้าล่อกแล่กกวาดตามองไปรอบทิศระหว่างดันผมออกแบบผลักไสไล่ส่ง “แค่เมื่อคืนก็เล่นเอากูหัวใจจะวาย”

“เป็นอะไรของมึง มาเล่นตัวอะไรเอาป่านนี้” ท่าทางไอ้อ่ำเล่นเอาผมต้องกวาดตามองรอบตัวตามมันแล้วเหมือนพึ่งได้ยินประโยคสุดท้ายของเพื่อน

“เมื่อคืนทำไมวะ? กูเมาแล้วไล่ปล้ำมึงรึไง”

“สาด เมื่อคืนกูอยู่ห้องทำโปรเจ็คกับไอ้จุ๊บ ไม่ได้ไปเมาแล้วกลายพันธุ์กับพวกมึง อีกอย่างถ้ามึงหื่นปานนั้นรับรองโดนตีน” ไอ้อ่ำร่ายยาวแต่ไม่มีส่วนไหนตอบมาตรงคำถาม

“แล้วผมทำอะไรให้คุณล่ะครับ คุณอ่ำถึงกับเกือบหัวใจวายตาย” ผมถามพลางยกแขนออกจากอีกฝ่ายที่ขยับหนีไปอีกก้าวทันใด

ไอ้อ่ำหันมาหรี่ตามองผม “ถามจริงเหอะไอ้กิม” มันว่าพลางเขยิบเข้ามาใกล้เหมือนลืมว่าเมื่อกี้พึ่งออกสเต็ปหนีออกด้านข้าง

“มึงกับซี้เทพของมึงเนี่ยมีเบื้องลึกเบื้องหลัง อิอะจิจ๊ะอะไรกันรึเปล่าวะ”

“ใครวะซี้เทพกู แล้วเบื้องหลังเบื้องลึกอะไรของมึง เมากวนอิมปลอมรึไงไอ้อ่ำ” ผมหรี่ตามองกลับแล้วทำเล่นตัวเขยิบหนีมันบ้าง

“เฮ้ย!” ไอ้อ่ำร้องเสียงต่ำเหมือนขัดใจเหลือแสนแล้วขยับตามผมหลังกวาดตาไปรอบด้านเหมือนกลัวใครเห็น

“กูเนี่ยซื่อสัตย์สุจริต ปากไม่โป้งไม่เปาะ มึงไม่ต้องมาทำเป็นดิอินโนเซ็นท์กับกู มีอะไรบอกเพื่อน” มันทำเสียงกระซิบกระซาบ

“งั้นไหนเพื่อนอ่ำช่วยบอกเพื่อนกิมมาหน่อยซิว่าตกลงเมื่อคืนมีอะไร” คิ้วผมเริ่มขมวดประกอบการถาม รู้สึกว่ายิ่งคุยยิ่งไปคนละเรื่อง

“เมื่อคืนซี้เทพมึงผลักกู” ไอ้อ่ำตอบมาหน้าเครียดแล้วรีบต่อเมื่อเจอหน้าที่เครียดกว่าของผม หน้านิ่วคิ้วขมวดของผมที่ตีความได้ว่าตกลงวันนี้กูกับมึงจะคุยกันรู้เรื่องตอนไหน

“กูทำโปรเจ็คอยู่กับไอ้จุ๊บถึงเกือบตีหนึ่ง หิวสาดเลยลงไปหาอะไรแดก ขากลับเจอมึงเมาไม่รู้เรื่องอยู่หน้าทางเข้าหอ นั่งหลับน้ำลายเยิ้มเชียวมึง” ไอ้อ่ำเล่นซะเห็นภาพจนผมเผลอยกมือขึ้นเช็ดปาก

“กูเห็นมึงหลับฟุบอยู่คนเดียว ก็ว่าพวกไอ้อ่อนไอ้บีคงเอาตัวไม่รอดถึงได้เอามึงมาปล่อยหน้าหอ ด้วยความเป็นคนดีกูเลยเดินเข้าไปดู แม่งไอ้กิมเอ้ย สภาพมึงนี่เมาเป็นหมาของแท้ กูเลยต้องทิ้งชานมที่ดูดไปไม่ถึงครึ่งเพื่อมาหิ้วปีกมึง” เล่ามาถึงนี่ได้ไอ้อ่ำทำหน้ามีบุญคุณท่วมหัวผมทีเดียว

“แต่มึงเว้ย!” ไอ้ห่าอ่ำตะโกนพร้อมทำหน้าตาขึงขังแบบตื่นๆออกแอ็กติ้งประกอบการเล่าขึ้นมาแบบไม่มีการเกริ่นเล่นเอาผมสะดุ้งเพราะตามอารมณ์มันไม่ทัน

“ซี้เทพมึงโผล่มาจากไหนไม่รู้ แม่ง! ผลักกูหน้าหงาย เท่านั้นไม่พอยังหันมาจ้องกูเขม็งแล้วบอกว่าอย่ายุ่ง กว่ากูจะหายงงแล้วมองว่ามันเป็นใครแม่งก็หิ้วมึงตัวลอยผ่านไปถึงหน้าลิฟท์แล้ว ปล่อยกูนั่งจมถังขยะอยู่ซะงั้น” ไอ้อ่ำเล่าแบบออกรสเต็มที่ ผมก็ฟังด้วยใจจดจ่อเต็มขั้นจนต้องโพล่งถามออกไปว่าตกลงซี้เทพปริศนานั้นคือใคร

“หูย ตกลงเมาสมองไหลจนจำอะไรไม่ได้เลยใช่ไหมไอ้ตูด” ไอ้อ่ำส่ายหน้าดิ๊กแล้วต่อ

“ใครเล่าวะที่มันติดหนึบอยู่กับมึงทุกวัน โหดๆโฉดๆทำกับคนดีอย่างกูได้ก็มีอยู่คนเดียวนั่นล่ะ เดือนคณะหน้ามนของมึงไง ไอ้มิคน่ะไอ้มิค ทำอย่างกับกูเป็นไอ้หน้าโจรจ้องจะพรากพรรหม์จรรณมึงงั้นแหละ” ไอ้อ่ำโพล่งออกมาแบบแสนจะอัดอั้นตันใจ

ผมนึกภาพตามแล้วอ้าปากจะเถียงแต่เถียงไม่ออก เพราะทุกครั้งที่ไอ้มิคกับไอ้อ่ำเจอกันทีไร อารมณ์เรียบๆของไอ้มิคเป็นต้องกระตุกแบบไม่ให้ใครตั้งตัว แผ่รังสีว่ากูไม่ชอบมึงออกมาเต็มที่ ทั้งที่ไอ้อ่ำก็สำอางค์อยู่ของมันเฉยๆ

“เพราะเมื่อคืน กูถึงค้นพบว่าที่ซี้เทพมึงไม่ชอบขี้หน้ากูไม่ได้เป็นเพราะกูบังอาจไปหล่อทาบรัศมีแต่เป็นเพราะมึงมาสนิทกับกู” ไอ้อ่ำหยุดไปอึดใจแล้วหันมาจ้องหน้าผม

“มันหวงมึง”

“เฮ่ย มันจะมาหวงกูทำไม ใช่ว่ามันจะมีกูเป็นเพื่อนคนเดียวซะเมื่อไหร่ พูดอะไรเลอะเทอะแล้วไอ้อ่ำ” ปากผมกระตุกอัตโนมัติ

ไอ้อ่ำหรี่ตาแล้วเบ้ปาก ตีความได้ว่าอย่ามาทำหน้าซื่อไม่รู้เรื่อง “ไม่ต้องทำเป็นใสซื่อไอ้กิม เพื่อนมึงแสดงอาการโจ่งแจ้งขนาดนั้น ไม่ใช่แต่กับกูกับคนอื่นมันก็เป็น” ไอ้อ่ำหยุดไปพักก่อนต่อ

“กูสังเกตมานานล่ะ เพื่อนแม่งเยอะ แต่เวลาอยู่กับมึงเท่านั้นที่มันจะออกอาการ ยิ่งเมื่อคืนยิ่งชัด ถึงขนาดเอามือเปล่ากับเสื้อตัวรองอ้วกให้มึงนี่ ถ้าไม่มีอะไรยังไงก็จะประเสริฐเกินเพื่อนไปหน่อยแล้ว”

เรื่องเก่าเอามาเล่าใหม่ที่ไอ้อ่ำพึ่งคายออกมาเล่นเอาผมตาโต “อ้วก?”

“เออ มึงนั่นแหละจะมีใครอีก อุตส่าห์ขึ้นลิฟท์ไปได้ถึงหน้าห้อง เสือกหมดความพยายามอ้วกแตกอ้วกแตน ถ้าไม่ได้ซี้เทพมึงรองอ้วกด้วยมือป่านนี้ป้าลำไยได้ด่าไปถึงอากงมึงแล้ว”

คำบอกเล่าของไอ้อ่ำเล่นเอาผมรู้สึกเหมือนโดนเบิ้ดกระโหลกเป็นรอบที่สี่ของวัน อยู่ดีๆภาพนิมิตที่ไม่ได้ติดอยู่ในหัวก็วาบเข้ามาเหมือนวีดีโอกรอซ้ำ อาการพะอืดพะอมจนต้องก้มตัวโก่งคอคายของเก่า มือขาวๆของคนที่ยืนอยู่ชิดติดกันกดหัวผมให้โน้มไปชิดติดแผ่นอก เสื้อยืดสีอ่อนถูกดึงชายทำเป็นที่รองให้อ้วกใส่ ความร้อนจากฝ่ามือที่ลูบอยู่ชิดติดหลังระหว่างยืนนิ่งให้ผมอ้วกใส่เสื้อที่ตัวเองใส่อยู่ ไม่มีคำด่าไม่มีอาการสบถ มีแต่ความอุ่นจากฝ่ามือและแผ่นอกแน่นๆที่ปักหลักให้ผมเอนพิง

“เอ้าถึงกับเงียบ ที่ถามเนี่ยไม่ได้อยากเสือกแต่ถามเพราะเป็นห่วงนะโว้ย เพื่อนมึงก็เหมือนเพื่อนกู มาเขม่นกันอย่างนี้รู้สึกแย่ว่ะ”

ไอ้อ่ำว่าพลางเดินฉีกไปทางซุ้มโค้กที่เกิดเหตุเมื่อเช้า ก่อนหายลับไปกับฝูงนักศึกษามันหันมาล่ำลาว่าเจอกันที่หอ เย็นนี้มีหนังดีพึ่งได้มา

ผมได้แต่พยักหน้าตอบไปตามเรื่อง แต่สมองยังจ้องติดอยู่กับวีดีโอกรอซ้ำที่เล่นอยู่ในหัว จากการอ้วกใส่ตัวคนที่หิ้วปีกกันอยู่เปลี่ยนไปเป็นความเย็นจากผืนผ้าที่รับรู้ได้แบบครึ่งหลับครึ่งตื่น เสียงเข้มคุ้นหูที่บอกให้กินยากันแฮ็งค์กับมืออุ่นร้อนที่ยื่นมาช่วยพยุง หน้าขาวๆตาคมๆท่ามกลางแสงสลัวกับประโยคที่ได้ยินแผ่วเบาแต่กลับชัดเจน

คิดมาได้ถึงตรงนี้หน้าผมก็ไหม้ขึ้นมาเฉียบพลัน เลือดลมสูบฉีดเหมือนโดนจับกรอกเสือสิบเอ็ดตัวกับเหล้าขาว แต่ความจำไหลมาแล้วมันไม่หยุดง่ายๆ หน้าขาวๆที่ผมเห็นอยู่เลือนๆโน้มลงมาใกล้ มือที่ลูบผ้าเย็นผ่านผิวเนื้อเปลี่ยนมาจับหน้าผมให้หันไปหาแล้วเอ่ยย้ำ

‘เห็นรึเปล่า กูอยู่ตรงนี้ อยู่มาตลอด ทำไมยังต้องไปมองใคร’


-----------------------------------------



ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที3.....(27/08/10)
«ตอบ #23 เมื่อ27-08-2010 22:32:45 »

อีกสิบนาทีหกโมง ผมนั่งตากแดดอยู่ข้างอัฒจัณฑ์ดูเพื่อนพ้องนักกีฬาวิ่งเปรี้ยวแย่งบอลกันอุตหลุดอยู่ในสนาม เล่นกันมาจนจะหมดครึ่งแรกก็ยังไม่มีการทำประตูจากฝ่ายไหน ยิ่งมองยิ่งไม่มีสมาธิเพราะตามันพาลแต่จะเหล่ซ้ายขวาหน้าหลัง เหล่หาหน้าคมๆคุ้นๆที่ไม่ยอมโผล่มาร่วมออกกำลังกายกับเพื่อนฝูง

ตั้งแต่ที่หันก้นให้ผมเมื่อเช้า ไอ้มิคก็ทำตัวหายสาบสูญ โดดเรียนตั้งแต่ชั่วโมงแรกยันชั่วโมงสุดท้าย ไอ้อ่อนที่โดนผมทำเบลอใส่หลังราดหน้าโผล่หน้ามารายงานก่อนวิ่งลงไปเตะบอลว่าโทรติดต่อไอ้มิคไม่ได้ พาเอาความสงสัยของแต่ละคนยิ่งพุ่งสูง ส่วนผมนั้นไม่ได้โทรหาอีกฝ่ายแม้แต่หนึ่งมิสคอลเพราะไม่รู้ว่าโทรไปแล้วจะพูดอะไรกันยังไง

กะว่าตกเย็นมาไอ้มิคอาจอารมณ์เย็นลงแล้วเอาหน้ามาให้เห็นแถวสนามบอล เจอหน้ากันแล้วจะเป็นยังไงค่อยว่ากันอีกที แต่หลังจากนั่งส่ายหน้าทำตาล่อกแล่กมาเกือบชั่วโมงก็ยังไม่มีทีท่าว่าเพื่อนกูจะโผล่มา มีแต่สาวๆสาวแล้วสาวเล่าเดินเข้ามาถามหาดาวซันด์โวประจำทีมจนผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพีอาร์ขึ้นมาตะหงิดๆ

“สรุปว่าเย็นนี้แม่งก็ไม่มา ท่าทางจะไม่ใช่เล่นๆแล้วงานนี้” ไอ้อ่อนปาดเหงื่อพลางยกขวดน้ำขึ้นราดหัว

“เซ็งว่ะ ไอ้มิคไม่มาสาวๆก็ไม่มี” อีกเสียงไม่ใกล้ไม่ไกลเอ่ยขึ้นลอยๆพาเอานักหวดลูกหนังอีกหลายชีวิตที่ลากสังขารกันออกมาจากสนามทำหน้าแห้งแล้งไปตามๆกัน

“เหนื่อยฉิบ กี่โมงแล้ววะ ไปหาอะไรแดกกันดีกว่า” ไอ้จั๋วว่าระหว่างเปลี่ยนเสื้อกลางที่แจ้งก่อนหันมาทางผม “มึงเอาไง ไปด้วยกันเปล่า”

ผมก้มดูนาฬิกา ทุ่มสามสิบห้า ถ้าเป็นปกติไอ้กิมต้องส่ายหน้าส่ายหัวแล้วย้ายสังขารชื้นเหงื่อหลังการเตะบอลไปอยู่แถวโรงช้าง เปลี่ยนบทจากนักกีฬาไปเป็นผู้ชมติดขอบสนามบาส นั่งมองหนึ่งในดวงใจจนตาเยิ้มแล้วกลับไปหลับฝันดี แต่ณ เวลานี้บอกตรงๆว่านักกีฬาเบอร์สี่ค่อนข้างจะเลือนๆในความคิดเนื่องจากหน้าใครอีกคนมันคอยแต่จะลอยขึ้นมาแทนที่

ผมพยักหน้าตอบไอ้จั๊วแล้วลากสังขารแห้งเหี่ยวไม่แพ้พลพักนักเตะอีกหลายชีวิตไปหาของกินกระแทกปาก ระหว่างทาง เสียงพูดคุยเฮฮาของเพื่อนฝูงที่ดังอยู่รอบตัวกลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่างจนเดินกันมาถึงร้านข้าว และระหว่างที่นั่งกินข้าวล้อมวงท่ามกลางผู้คนมากมายผมกลับยิ่งรู้สึกว่างเปล่าจนวูบโหวง

แล้วอยู่ดีๆคำตอบที่หันไปเจอโดยไม่คิดก็เล่นเอาต้องชะงักตะเกียบอยู่คาปาก คำตอบที่กลายเป็นหน้าไอ้อ่อนแทนที่จะเป็นหน้าคุ้นๆของใครอีกคนบนเก้าอี้ตัวติดกัน

เก้าอี้ข้างตัวกลางวงข้าว ที่นั่งถัดไปในห้องเล็คเชอร์หรือแม้แต่ข้างสนามบอล บนรถไฟฟ้า ในร้านเหล้า ไม่ว่าที่ไหนๆไม่ว่าเมื่อไหร่ คนที่ผมจะเห็นเมื่อหันไปก็คือหน้าหล่อเว่อร์ของไอ้มิค ไอ้มิคที่มักจะยืนอยู่ชิดติดกันเสมอ

“เป็นอะไรของมึง หน้ากูมีอะไรติดอยู่หรือไง”

ไอ้อ่อนถามแต่ผมไม่ตอบเพราะสิ่งที่ได้ยินอยู่ในหัวกลับเป็นประโยคสั้นๆที่ทวงถามด้วยเสียงเข้มๆกับสายตาคมๆในแสงสลัว

ผมลุกออกจากโต๊ะทันทีที่ตระหนักได้ว่าความว่างเปล่าข้างตัวเกิดจากอะไร ปากบอกไปรอบวงว่าอิ่มแล้วกูกลับก่อนแล้วเดินออกมาโดยไม่รอฟังใคร ในมือกดเบอร์โทรออกเบอร์ล่าสุดแล้วรอฟังเสียงต่อสัญญาณด้วยใจจดจ่อ เสียงต่อสายดังเพียงครั้งเดียวแล้วกลายเป็นระบบฝากข้อความ

ผมตัดสายทิ้งแล้วโทรเข้าอีกเบอร์ เบอร์คอนโดไอ้มิคดังอยู่เป็นนาทีก่อนกลายเป็นระบบฝากข้อความเช่นกัน ผมตัดสายทิ้งแล้วกระโดดขึ้นรถเมลล์คนละสายกับทางไปหอ ถึงไม่รู้ว่าตอนนี้คนที่อยากเจออยู่ส่วนไหนของกรุงเทพแต่ผมขอไปตั้งหลักที่คอนโดมันแล้วกัน ถ้าไอ้มิคไม่อยู่ผมจะรอจนกว่ามันจะกลับ จะรอจนได้เจอหน้าแล้วนั่งลงคุยกันให้รู้เรื่อง


คิดไว้ว่ายังไงก็จะรอจนกว่าจะเจอ แต่หลังจากนั่งหง่าวคาเก้าอี้นวมในล็อบบี้แสนไฮโซมาร่วมสามชั่วโมงไอ้กิมก็หมดลิมิต ห้าทุ่มเข้าไปแล้วไอ้มิคยังไม่มีทีท่าว่าจะโผล่มาแม้แต่เงา พนักงานเฝ้าเคาเตอร์ประจำคอนโดบอกว่าคุณโดมินิคออกไปตั้งแต่เช้าแล้วยังไม่กลับเข้ามา บอกมาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก เหมือนจะพยายามบอกใบ้ว่ารอไปก็เหมือนหายใจทิ้งเปล่าๆปลี้ๆ กลับบ้านกลับช่องไปเหอะน้องเอ้ย

รอจนเหี่ยว ไอ้จะเดินดุ่มๆขึ้นลิฟท์ไปนั่งดูโทรทัศน์รอในห้องก็ทำไม่ได้ กับหน้าเคาเตอร์ปราการด่านแรกไม่มีปัญหาเพราะไอ้มิคเอาหน้าผมมาแนะนำไว้แล้ว แต่ที่มีปัญหาคือการเปิดประตูเข้าห้อง ตอนเจ้าของห้องยื่นการ์ดสำรองให้มาไอ้ผมก็ดันไปส่ายหัวปฏิเสธ เพราะคิดว่ายังไงเวลามาคอนโดสิบแปดล้านนี้ผมก็ต้องติดมากับไอ้มิคอยู่แล้ว ให้มาเองจะมาทำไม หอผมอยู่ใกล้มหาลัยกว่าตั้งเยอะ ด้วยเหตุนี้และเหตุนั้นไอ้กิมก็เลยต้องมานั่งจ้องหน้ากับสาวพีอาร์จนจืดกันไปทั้งคู่

“ไอ้น้อง ไม่ลองโทรไปถามดูล่ะว่าเพื่อนจะกลับเมื่อไหร่ เดี๋ยวก็ได้นั่งอยู่จนรถเมลล์หมดล่ะนั่น” เสียงแหบๆของพี่รปภลอยมาเป็นการแนะนำ

“… ยังไงผมกลับก่อนดีกว่า ถ้าเจ้าของห้องกลับมาฝากพี่บอกให้เขาโทรหาผมหน่อยนะครับ” ผมลุกจากเก้าอี้นวมแล้วยื่นกระดาษจดชื่อกับเบอร์ตัวให้สาวพีอาร์ที่รับไปอ่านออกเสียงเหมือนต้องเช็คพิสูจน์อักษร

ฝากชื่อฝากเบอร์เป็นที่เรียบร้อยหลังนั่งหลังงอรอมากว่าสามชั่วโมง ผมก็หมดอารมณ์นั่งรถเมลล์ทำมิวสิคตอนดึกดื่น ส่ายตาเจอมอเตอร์ไซด์วินได้ก็บอกจุดหมายปลายทางพลางตกลงราคาแล้วคว้าหมวกกันน็อคคลอบถุงพลาสติกมาใส่ติดหัว

ยี่สิบนาทีระทึกใจผ่านไปไอ้กิมก็ได้วาดขาลงจากเบาะยามาฮ่า สี่สิบบาทที่จ่ายไปถือว่าคุ้มทีเดียวกับการเอาหัวใจเราไปออกกำลังกาย ยิ่งตอนเจ้าของยามาฮ่าเลี้ยวแบบทิ้งเข่าปาดหน้าปอออแปด หัวใจไอ้กิมก็ตกวูบไปอยู่ตาตุ่มแล้วกระฉอกกลับมาอัดอยู่แถวลิ้นปี่ด้วยความเร็วพอๆกับตอนโดนทิ้งดิ่งลงจากไวกิ้งที่ดรีมเวิลด์

สะเปะสะปะขึ้นบันไดมาได้ถึงหน้าห้องอารมณ์ระทึกค่อยสงบ ผมแหย่กุญแจไขล็อคพลางคิดหาคำตอบว่าป่านนี้ไอ้มิคอยู่แห่งหนตำบลใดของกรุงเทพ อยู่คนเดียวหรืออยู่กับใคร? ทำอะไรในที่มืดที่แจ้ง? คิดแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวเพราะยิ่งคิดยิ่งมีแต่คำถามไม่มีคำตอบ คำตอบเดียวที่รู้คือมันไม่อยากเจอผม ไม่อยากเห็นหน้ากันก็เลยทำตัวหายสาบสูญอย่างนี้

คิดแล้วเจ็บตับปวดกระเพาะ ไม่รู้จะทำยังไงนอกจากผลักประตูห้องเปิดระบายอารมณ์ สิ่งแรกที่พุ่งกระแทกตาคือความมืด มืดตึดตือและเงียบสงัด ผมถอดรองเท้าด้วยการเหยียบส้นซ้ายทีขวาที เปิดสวิซไฟแล้วเกือบสาวแตกกรี๊ดให้ได้ยินกันไปทั้งตึก ต้นเหตุความตกใจคือไอ้คนที่มานั่งอยู่บนโซฟาข้างเตียงนิ่งๆในห้องคนอื่น นั่งนิ่งๆมืดๆเงียบๆประหนึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตจากอดีต

“ไอ้มิค!?”

ผมโพล่งออกไปแล้วแทบกระโจนใส่อีกฝ่าย ใจเหี่ยวๆตั้งแต่ตอนนั่งหลังงอรอที่คอนโดกลับพองขึ้นอย่างประหลาด แต่ไอ้มิคที่นั่งหันหลังให้ประตูยังคงนิ่งเฉยไม่ขยับ

“ไอ้มิค ทำไมมานั่งอยู่มืดๆไฟเฟยไม่เปิด”

ผมยิงคำถามพลางยื่นมือไปคว้าไหล่อีกฝ่าย เจ้าของไหล่ยอมหันมาไม่เล่นตัวแต่สายตาที่เงยมามองกันบอกได้คำเดียวว่า อ้าวเว้ยเฮ้ย! มันยังดุไม่เลิก ดุเข้มข้นไม่ผิดกับตอนเขวี้ยงขวดโค้กให้เพื่อนนักศึกษาแตกตื่นเมื่อสิบโมงเช้า

“ทำไมพึ่งกลับ”

ไอ้มิคถามมาเข้มๆ เข้มทั้งเสียงและสีหน้าเล่นเอาไอ้กิมต้องเลื่อนตัวเองห่างออกมาสองก้าวโดยอัตโนมัติ และโดยที่ยังไม่ทันจะตอบอะไรไอ้มิคก็พลิกโผจากนั่งนิ่งให้ผมจับบ่ากลายมาเป็นฝ่ายใช้ฝ่ามือพิฆาตคว้าหมับมาที่แขนผม รวดเร็วว่องไวเกินกว่าไอ้กิมจะแปรท่าร่างโต้ตอบได้ทัน

“ถึงไม่มีกู มึงก็ไม่รู้สึกอะไร” เสียงต่ำๆเรียบๆไม่บ่งบอกอารมณ์แต่กลับทำเอาเท้าผมที่กำลังจะก้าวถอยหลังชะงักอยู่กับที่

“ไม่มีกู มึงก็ยังไปนั่งเฝ้ามันได้จนป่านนี้… ทั้งที่กูคิดอยู่แต่เรื่องของมึงอย่างกับคนบ้า”

มือร้อนๆบนแขนผมไม่ได้บีบรัดหรือดึงรั้ง สายตาที่มองมาแม้จะดุไม่ผิดกับเมื่อเช้าแต่พอมองใกล้ๆมันกลับหม่นแสง “สำหรับมึง กูมันก็แค่นี้ใช่ไหมไอ้กิม”

“กูไม่ได้ไปนั่งเฝ้าใคร มึงต่างหากหายหัวไปไหนมา”

ผมทำเสียงเข้มสวนกระแสอารมณ์ตกของคนตรงหน้า ไอ้มิคที่เป็นอย่างนี้ผมไม่เคยเห็นและไม่อยากเห็น ให้มันลุกขึ้นมาฟาดหัวฟาดหางอย่างที่ออกอาการเมื่อเช้ายังดีเสียกว่า อย่างน้อยผมก็รู้ได้ว่ามันกำลังโมโหไม่ใช่เศร้าจนทำเอาใจคนมองกระตุก

“โดดเรียนแม่งทั้งวันบ้านช่องก็ไม่กลับ ปล่อยกูนั่งมองหน้ากับรปภคอนโดมึงจนจะท้องหนุ่มไปทั้งคู่”

“………” ไม่มีการตอบรับจากบุคคลที่ท่านเรียก

“กูเป็นห่วงนะโว้ย” ผมว่าพลางทิ้งก้นลงบนโซฟา

“… มึงไปรอที่คอนโด” ไอ้มิคถามสีหน้าไม่เชื่อถือแต่ตาสีอ่อนที่ผมมองอยู่เหมือนจะไหววูบ

“เออ ก็มึงปิดมือถือหนีหน้ากูไม่ใช่รึไง แล้วตกลงหายไปไหนมา” ผมรีบยั้งปากก่อนจะหลุดอีกคำถามที่ว่า ‘กับใคร’

ไอ้มิคยังคงเงียบก่อนทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวเดียวกัน มือขาวๆยกขึ้นลูบหน้าอย่างแรง มือขาวๆที่แค่มองผมก็รู้สึกได้ถึงความอุ่น ความอุ่นบนแผ่นหลังที่เจ้าของมือหยิบยื่นมาลูบไล่อาการคลื่นเหียน มือขาวๆของผู้ชายที่ไม่ได้ผิดจากมือผมเท่าไหร่แต่กลับให้ความรู้สึกดีเหลือแสน

“ไปทำให้หัวมันเย็น แล้วก็มารอมึง” ไอ้มิคตอบหลังเงียบไปนาน

“แล้วทำไมไม่โทรมา กูจะรู้ไหมว่ามึงมารออยู่นี่”

เสียงผมยังเข้มไม่เลิกแต่ในใจนี่เหลวเป๋ว ทั้งๆที่หันหลังเดินจากไปแบบนั้นแล้วหายตัวไปทั้งวัน ทั้งๆที่ไม่เคยจะง้อใคร แต่มันก็ยังคิดเรื่องของผมจนมานั่งอยู่นี่

“………”

“กูขอโทษที่อ้วกใส่เมื่อคืน แล้วก็ขอบใจ… ที่อยู่เป็นเพื่อน”

“… มึงรู้”

“เออ กูรู้… รู้ว่ามึงอยู่ตรงนี้” ผมว่าพลางตบที่ว่างข้างตัว

“ไม่ว่ากูจะมีสติหรือเมาเป็นหมาอย่างเมื่อคืน มึงก็อยู่ตรงนี้ อยู่มาตลอด”

ประโยคในความคิดหลุดออกจากปากผมพร้อมสายตาคนข้างๆที่หันขวับมามองกันเหมือนเห็นตัวประหลาด

“กูขอโทษที่รู้ตัวช้าไปหน่อย”

“เออ หัวช้าเป็นบ้า” ไอ้มิคว่าพลางเอนตัวพิงมาทางผมหลังจากที่กั๊ก ทิ้งก้นห่างไปถึงอีกมุมโซฟาตั้งแต่หย่อนก้นนั่ง

“แล้วมึงจะยอมให้กูอยู่ข้างๆ ยอมรับกูที่คิดกับมึงมากกว่าเพื่อนได้หรือเปล่า”

ไอ้มิคยิงคำถามเปิดประเด็น หน้าหล่อๆที่อยู่ห่างกันเพียงช่วงไหล่พิงมีแววไม่มั่นใจส่งออกมาให้ผมได้เห็นเป็นครั้งแรกนับแต่คบกันมา

“กู… ไม่รู้ว่ะ”

ถึงผมจะรู้สึกว่างข้างตัวมันว่างเปล่าจนโหวงเหวงเวลาไม่มีไอ้มิคอยู่ด้วย แต่ถ้าให้ถามถึงความรู้สึก ผมไม่เคยคิดอะไรกับมันมากไปกว่ามึงมาพาเฮอย่างที่เป็นอยู่ บอกตรงๆว่าตั้งแต่สร่างเมาแล้วความคิดย้อนกลับจากเมื่อบ่ายจนป่านนี้ ผมยังไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่เรียกได้ว่าเกิดมาเป็นศัตรูกับชายแท้ทั้งโลกในทุกคุณสมบัติและมุมมองอย่างไอ้มิคจะชายตามาแลแล้วเก็บเอาไอ้กิมไปฝัน ยิ่งเห็นหน้าไม่มั่นใจประหนึ่งกำลังขอความรักจากนางสาวไทยแล้วยิ่งตอบไม่ถูก

“ไม่เป็นไร” แต่ไอ้มิคที่จ้องหน้าผมสายตาจริงจังกลับเอ่ยออกมาง่ายๆ

“กูจะรอจนกว่ามึงจะรู้ แต่ระหว่างรออย่าให้เห็นว่าไปมองใคร ไม่งั้น”

มีการทิ้งช่วงเล็กน้อยให้คนคอยฟังอย่างผมได้กลืนน้ำลายดังเอื้อก น้ำลายไหลผ่านลูกกระเดือกพลางคิดไปว่าคราวหน้าขวดแป็บซี่คงหล่นไม่ถึงพื้นเพราะจะมีหน้ามีหัวไอ้กิมเป็นฐานรอง

“ไม่งั้น กูจะเสียใจมาก”

“…………”

กรี๊ด! เล่นไม้นี้แถวบ้านไอ้กิมเรียกชกใต้เข็มขัดนะเว้ยเฮ้ย



โปรดติดตามตอนต่อไป

-------------------------------------------------------------------

ปล.คุณหมี เจ้าของเรื่อง อาจจะเข้ามาดูนะค่ะ  ไงก็ช่วยเม้นท์กันหน่อยคะ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที3.....(27/08/10)
«ตอบ #24 เมื่อ27-08-2010 23:28:55 »

โว๊ววววววว น่ารักจริงจริงพ่อคุณหนูกิมใจอ่อนเถอะอย่าให้เพื่อนมิกซี้เทพเสียใจนะ

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที3.....(27/08/10)
«ตอบ #25 เมื่อ27-08-2010 23:30:02 »

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

"ไม่งั้นกูจะเสียใจมาก"

โอย ตายๆๆๆ ถ้าเราเป็นกิมเรายอมให้หมด เอาไปเลยมิคทั้งตัวทั้งหัวใจ ยกให้แบบคอมพลีทลี่เลยยยยยยยยยยย
(ไม่ไหวแล้ว ปลื้มมากอ้ะ แว้กกกกกกกกก)

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที3.....(27/08/10)
«ตอบ #26 เมื่อ28-08-2010 00:03:58 »


น่ารักมาก น่ารักจริง
ได้ประโยคสุดท้ายของซี้เทพ ..ไม่งั้น กูจะเสียใจมาก... หุหุ

กับชอบเวลาใช้คำว่า..ผม.. แล้วบรรยายความว่าหมายถึง..ไอ้กิม
เขียนสนุก วิธีการเล่าเรื่องก้อเก๋ไปอีกแบบ
รออ่านต่อไปด้วยคนค่า

:L2: :L2:


ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที3.....(27/08/10)
«ตอบ #27 เมื่อ28-08-2010 00:21:23 »

กิมแบบมิคหายากนะอย่าให้หลุดมือล่ะ
กิมออกแนวฮาตลอด :laugh:

ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที3.....(27/08/10)
«ตอบ #28 เมื่อ28-08-2010 01:56:33 »

น่ารักค่ะ :-[ :impress2: :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที3.....(27/08/10)
«ตอบ #29 เมื่อ28-08-2010 02:07:37 »

สนุกอ่ะ อย่าปล่อยนิคให้หลุดมือนะกิม  :oo1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด