พิมพ์หน้านี้ - รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: DraCo_SLa13 ที่ 26-08-2010 01:57:40

หัวข้อ: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 26-08-2010 01:57:40
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0




-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เรื่อง รักจังนี้ เป็นผลงาน ของคุณหมี นะค่ะ ได้ขออนุญาตินำมาโพสที่เล้า และได้รับอนุญาติเรียบร้อยแล้วค่ะ :call:

ปล. อยากให้เพื่อนๆในเล้าได้อ่าน เรื่องสนุกๆ ฮาๆ อย่างเราด้วยอ่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 26-08-2010 02:04:25
รักจัง.......ตอนที่1



“ตรงนี้ว่างไหม?”

ผมถามพร้อมวางชามหมี่หมูแดงกับขวดน้ำพลาสติกลงโดยไม่รอคำตอบ ซึ่งคนที่กำลังโจ้สุกี้ไม่เงยหน้าเงยตาก็ได้แต่ผงกหัวขึ้นมองงงๆเพราะแม้ไม่ต้องเหล่ซ้ายขวาหน้าหลังก็เห็นอยู่แล้วว่าโรงอาหารตอนนี้มันโล่งโจ้งจนแทบจะเรียกได้ว่าโล่งเตียน โต๊ะให้เลือกนั่งมีเป็นสิบเป็นร้อย แล้วไอ้นี่เป็นอะไรทำไมต้องมานั่งโต๊ะเดียวกัน แต่คนที่มองมาอย่างสงสัยก็แค่พยักหน้าแล้วก้มลงไปกินสุกี้น้ำของตัวเองตามเดิม

ผมหย่อนก้นนั่งลงฝั่งตรงข้าม เยื้องมาจากอีกฝ่ายกะได้สามช่วงตัว มุมเหมาะเหม็งเฉียงได้องศาพอดีกับการนั่งมองไฝเม็ดเล็กๆใต้ตาคนกำลังคีบวุ้นเส้นเข้าปาก มองเลยจากวุ้นเส้นไปเจอปากหยักเป็นรูปที่แม้ว่าจะกำลังอ้ากว้างซูดเส้นจากตะเกียบก็ยังดูดีไม่มีด่างพร้อยซ้ำยังแดงระเรื่อเสียยิ่งกว่าปากเด็กเล่นเอาคนแอบมองต้องคว้าโพลาลิสมาดูดไล่น้ำลายที่สอมาถึงซอกฟัน

หลังซูดน้ำเปล่าดังโฮกก็ต้องพยายามทำสมาธิบังคับสายตาให้ออกห่างจากวุ้นเส้นส้มๆกับปากแดงๆ ไม่งั้นคงต้องยกขวดน้ำขึ้นราดหน้าดับความกระหายแทนการดูดทีละซื้ดสองซื้ด ละจากปากอิ่มๆมาได้แบบตาแทบเหล่ก็เจอะเข้ากับนิ้วเรียวยาวแต่ดูออกว่าแข็งแรงจากท่าคีบตะเกียบคู่อย่างมั่นคง มือใหญ่แต่ขาวเป็นหยวกดูสะอาดตาเสียจนอยากจะขอวาดดาวห้าแฉกด้วยน้ำก๋วยเตี๋ยวอันเชิญเทพเจ้าตะเกียบมาทำการแลกวิญญาณให้ได้ไปโดนหนีบติดอยู่กับนิ้วอีกฝ่ายสักเวลาหนึ่งช่วงจ้วงสุกี้

เฮ้อ คนอะไรว้า จะหน้าจะหลัง นั่งยืน ใกล้หนึ่งช่วงโต๊ะโรงอาหารหรือไกลถึงกลางสนามบาสก็ช่างน่ามองน่าดูน่าดมน่า… เอิ่ม ขอเวลานอกซักสองวินาที ขอเวลาเก็บอาการหน่อยนะครับ ไม่งั้นบรรยากาศดีๆจะคาวเลือดไปเสียหมด เลือดจากไหน? จากจมูกผมไง กำเดาย้อยมาคาอยู่เป็นติ่งแล้ว

ไม่ได้ล่ะ เวลาดีนาทีทองที่กว่าจะหาโอกาสเข้าถึงพ่อยอดขมองอิ่มของผมคนนี้ได้ชนิดตัวต่อตัวก็ต้องเล็งแล้วเล็งเล่าเฝ้าแต่เล็งอยู่เป็นเดือน เพราะพ่อคุณช่างเป็นที่นิยมประหนึ่งเอเฟเดอะสตาร์ ผู้เข้าชิงหมายเลขเดี่ยวหมายเลขเดียว ไปไหนมาไหนมักมีเพื่อนพ้องน้องพี่เดินตามเป็นพรวน

บ่ายสามยี่สิบนี้ดวงดีบังเอิญมาเจอตัวเป็นๆคนเดียวโดดๆเด้งๆนั่งอยู่กลางโรงอาหาร ผมที่เดินผ่านมาจึงไม่อาจผ่านไปเตะบอลกับพวกไอ้อ่อนได้ตามนัด ต้องเปลี่ยนเส้นทางทำเนียนวกเข้าร้านก๋วยเตี๋ยวซื้อติดมือมาหนึ่งชามทั้งที่พึ่งล่อข้าวคลุกกะปิจนปากหอมไปเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ว่าแล้วก็ต้องใช้ทุกนาทีให้มีค่าจ้องมันเข้าไปทุกส่วนเท่าที่สายตาจะส่งถึง ตรงไหนมองแล้วมองซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้ไม่เป็นไร

ผมก็เลยนั่งมองเพลินไปจากไฝใต้ตาซ้ายเม็ดน้อยๆ ปากแดงขยักเป็นรูปที่ซดทั้งวุ้นเส้นทั้งผักกาดดังโฮกๆไม่กลัวเสียภาพพจน์ ปลายนิ้วมนๆ กับเรียวนิ้วยาวๆ มองย้อนไปย้อนมาจนไล่ไปถึงช่วงตาตวัดหางที่เห็นครั้งใดเป็นได้อ่อนระทวย

“มองอะไร” ไม่พูดเปล่าแต่สุดหล่อของผมกระแทกตะเกียบลงขอบชามดั้งเคร้ง สีหน้าท่าทางบอกได้คำเดียวว่าเข้มยิ่งกว่าแอ็ด คาราบาว

“มองนาย นายหล่อดี” ผมตอบกลับอย่างจริงใจจริงจังจนคนหล่อหลุดมาดพี่แอ็ด เปิดโอกาสให้ผมได้ต่ออย่างคล่องปาก “หวัดดีเราชื่อกิม เรียนวิศวะปีสาม สูงร้อยแปดสิบเป๊ะหนักเจ็ดสิบถ้วน งานอดิเรกเตะบอลกับวิ่งเปรี้ยว ชอบอ่านการ์ตูนจีน นิสัยดีเข้ากับคนง่าย รักหมาแมวแต่ไม่เข้าใกล้เด็ก ไม่ทราบว่าสนใจจะรับคนอย่างกิมไว้เป็นเพื่อนใจสักคนไหมครับ”

ผมจบประโยคแนะนำตัวพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจอวดเขี้ยวซ้ายมหาเสน่ห์ที่ใครเห็นเป็นต้องยิ้มตาม แต่คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามไม่เพียงไม่ยิ้มแต่ยังขมวดคิ้วนิ่วหน้าเหมือนปวดท้องขี้กะทันหัน ก่อนจะลุกขึ้นช้าๆ คว้าชามสุกี้ขึ้นถืออย่างมั่นเหมาะแล้วตอบคำถามผมด้วยสีหน้าจริงใจจริงจังพอกัน

“ไปตายเหอะ ไอ้เวร!”

แหม เข้มได้ที่จริงๆพ่อยอดยาหยีของไอ้กิม


หลังจากที่ต้องหอบแห้วลูกใหญ่กว่ากบาลตัวออกจากโรงอาหารตอนสามโมงจะครึ่ง ผมก็เดินเซๆด้วยว่าหนักไอ้แห้วเหี้ยที่ทูนอยู่บนศรีษะไปเตะบอลแก้ช้ำใจกับพวกไอ้อ่อนตามที่ได้ตกปากรับคำรับพนันกันไว้ ไปถึงปรากฏว่าเจอนักบอลทั้งทีมกูทีมมึงนั่งรูดลูกชิ้นปิ้งกันหน้าสลอนอยู่ขอบสนาม ถามไปตอบมาได้ความว่าพวกมันรอผมอยู่ ถ้าไม่มีไอ้กิมคนนี้มันจะเตะบอลกันไม่ได้ ก็เลยนั่งโด๊ปผงชูรสจากน้ำจิ้มลูกชิ้นรอกันเป็นล่ำเป็นสัน

เห็นน้ำใจพวกพ้องนักหวดนันยางที่หวิดโดนไอ้กิมเบี้ยวเพราะเห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อนแล้วซึ้งแทบต่อมน้ำตาแตก เลยต้องวางแห้วที่ประคองมาตลอดทางไว้ข้างอัฒจันฑ์แล้วแหกขาทำการบริหาร วอร์มร่างกายประหนึ่งจะไปให้ถึงพรีเมียร์ลีค ทั้งที่จริงๆศูนย์ถ่วงไม่ค่อยจะตรงเท่าไหร่เนื่องจากน้ำหนักแห้วที่ไม่ยอมหายไปจากกบาล

วิ่งสับขาหลอกล่อทั้งฝ่ายตรงข้ามและฝ่ายตัวเองกลางแดดเปรี้ยงกันไปชั่วโมงกว่า ผลจบด้วยสองประตูต่อหนึ่ง นอกจากจะได้ตังค์ที่พนันเลี้ยงข้าวต้มกุ้ยมื้อดึกกันไว้แล้วยังได้ของแถมติดมาอีกสองสามอย่าง หนึ่งคือผิวแห้งเกรียมเหมือนไก่ทอดระยะสุดท้าย สองคือได้หม้อสาวกันไปทั่วหน้าและสามสุดท้ายต้องบอกว่าสำหรับผมเป็นพิเศษ นั่นคือได้เวลายกความเศร้าออกจากอกเดาะๆชั่วคราวแล้วไล่เสียบทั้งบอลทั้งคนไปทั้งทุ่งจนเพื่อนทั้งทีมกูทีมมึงเกือบจะยกให้เป็นตัวแถม แถมไว้ข้างสนามไม่ต้องลงมาเล่น

“เป็นห่าอะไรเนี่ยไอ้กิม?! เสียบทีกะเอาให้เป็นง่อยเลยรึไงวะ” ไอ้มิคดาวซัลโวขวัญใจหญิง ถามไม่ถามเปล่าแต่ยกมือใหญ่เท่าใบลานขึ้นตบหัวผมดังป๊าบ ฉากหลังเป็นเพื่อนนักบอลอีกหลายคนที่ท่าทางอยากจะเดินมาต่อคิวเอาถาดตบหัวผมเหมือนไอ้มิค

“เออแม่ง วันนี้ดุจริงนะมึง เมนส์มารึไง” ไอ้อ่อนปล่อยหมาในปากออกมารับลมทุกสิบนาทีเป็นปกติ แต่เป็นผมที่ไม่ปกติ ไม่ยอมปล่อยสัตว์เลื้อยคลานน้อยใหญ่ออกมาสร้างความสนิทสนมกับหมามันเหมือนเคย ได้แต่เก็บปากเก็บคำเดินไปคว้าเป้มาสะพาย ยกแห้วทูนกลับขึ้นหัวแล้วออกเดินดุ่มๆจากมา ทิ้งความสับสนเป็นบ้าเป็นหลังให้เพื่อนเป็นฝูงได้เก็บไปขบคิดขณะขบเม็ดแตงกลางวงเหล้าเย็นนี้

ระหว่างเดินตัวเซๆออกมาจากสนามบอลก็ต้องผ่านตึกช้างที่มีสนามบาสอยู่ภายใน ผมมองลอดช่องลมขนาดใหญ่ สายตาสอดส่ายหาตัวสูงๆของใครคนหนึ่งโดยอัตโนมัติ แล้วก็เจอะเข้ากับยอดยาหยีที่พึ่งขยี้หัวใจกันกำลังยืนคุยอยู่กับสิ่งมีชีวิตเล็กๆขาวๆนุ่งสั้นๆและท่าทางจะหอมไม่เหม็นหืน ที่ไม่น่าจะมาอยู่ในตึกช้างท่ามกลางเหล่านักกีฬาตกมันเป็นโขลงอย่างนี้

สิ่งมีชีวิตเล็กๆยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะท่าทางน่ารักน่าชังเหี้ยๆ แต่จากจุดที่ผมยืนอยู่มันดันเฉียงมาทางด้านหลังแผ่นหลังกำยำจนไม่สามารถเห็นสีหน้าเจ้าของหลังได้ เลยไม่รู้ว่าขณะที่หน้าขาวๆตัวเตี้ยๆขาสั้นๆยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะ อีกคนที่หน้าขาวกินกันไม่ลงแต่สูงสมาร์ทน่องยาวเข่าดีกำลังมีสีหน้าอย่างไร จะเห็นก็แต่ลูกบาสกลมๆที่โดนปั่นติ้วๆอยู่ในมือที่ได้นั่งมองมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน

กำลังคิดจะก้าวหน้าก้าวหลังเปลี่ยนที่หาตำแหน่งที่จะมองเห็นหน้าเห็นไฝได้ ก็โดนมือเล็กๆขาวๆที่ละจากปากตัวของสาวนุ่งสั้นฟาดป๊าบมากลางแสกหน้าจนแห้วบนหัวแทบจะหล่นหลุนๆลงมาทับหัวแม่ตีนเข้าเสียก่อน

เปล่าครับ ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีมือยาวไว้เก็บมะนาวเหมือนแม่นาคแต่อย่างใด แต่ที่ผมรู้สึกเหมือนโดนมือดีตีแสกหน้าก็เพราะหล่อนช่างหาญกล้ายกมือขึ้นตีแขนแน่นกล้ามที่ผมได้แต่มองดังเพี๊ยะแล้วทำเนียนค้างมือไว้บนกล้ามแน่นเสียอย่างนั้น อื้อหือ เห็นแล้วอยากจะเก็บแห้วที่ปลายตีนพร้อมถอดคอนเวอร์ออสตาร์ปาเข้าไปให้วงแตก แต่ด้วยความที่ยังมีสำนึกของปัญญาชนว่าไอ้ที่สวมอยู่ติดตีนนี่หลักพันไม่ใช่หลักสิบหลักร้อยเลยต้องยืนนิ่งๆแล้วใช้การถ่องคาถามือมึงหลุดส่งไปจากระยะไกล

“ไอ้กิม! เป็นไงมาไงมาถึงนี่ มาชวนกูไปแดกเหล้าเหรอ?” เสียงเข้มๆมาเน้นๆอย่างนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้โอ้ ผู้มีคติเรียนเล่นๆกูเน้นกีฬา เลยวนเวียนเป็นผีเฝ้าสนามบาสมาตั้งแต่ปีหนึ่ง

“เปล่า กูกำลังจะกลับหอ ทางผ่านเว้ยทางผ่าน” ปากผมตอบแต่ตายังจิกติดอยู่ที่สองคนในโรงช้างจนไอ้โอ้จับสังเกตได้

“มองอะไรของมึง อ๋อ น้องตินา เฮ่ยๆ ไม่ต้องมองให้เสียเวลา งานนี้ถึงจะเป็นมึงก็คงไปไม่ถึงดาว เห็นไอ้ที่ยืนอยู่ข้างๆนั่นป่ะ” ไอ้โอ้ใช้ปากบุ้ยใบ้ไปยังสูงหล่อหน่อเดียวหน่อนั้นของผม “เสร็จเขาคร้าบ แม่งสาวมานั่งเฝ้าไม่ซ้ำหน้า แต่น้องตินานี่ถี่สุด น่าเสียดายฉิบน่ารักโคตรๆ” ผมพยักหน้าหงึกหงักคล้อยตามที่ไอ้โอ้เพ้อ เออ กูเห็นด้วยน่ารักโคตรๆขนาดนี้ แต่ของกูน่ะอีกคนเว้ยไม่ใช้น้องเตี้ยน่าของมึง

ไอ้โอ้ตั้งท่าจะสาธยายต่อแต่โดนเพื่อนร่วมทีมตะโกนเรียกให้ไปซ้อมเสียก่อนก็เลยต้องจบการนินทาเพื่อนร่วมโรงช้างไว้แค่นั้น ส่วนอีกคนที่ผมจ้องตาเป็นมันก็ได้ฤกษ์ลงสนามไปวิ่งสับขาแย่งลูกโชว์ความเท่ห์ให้น้องเตี้ยน่าได้งัดท่าเชียร์กระโดดตบมือแบบน่ารักเหี้ยๆออกมาเด้งดึ๋งอยู่ข้างคอร์ด

ไอ้ผมเองจะเดินไปนั่งหน้าแป้นข้างสนามจับจ้องทุกอณูการเคลื่อนไหวของเบอร์สี่ในดวงใจตามปกติ ก็ติดที่ไอ้แห้วบนหัวมันยังถ่วงให้เสียศูนย์อยู่ไม่รู้เลิก กลัวว่าถ้ายังฝืนสังขารเข้าไปอยู่ร่วมเป็นมือที่สามเดี๋ยวจะเกิดอาการเอียงกะเท่เร่ เดินเฉียงเอาแห้วไปทุบหัวสาวโดยไม่เจตนา เลยตัดใจหุบธงแฟนพันธ์ุแท้ลงหนึ่งวันแล้วเดินมารอรถเมลล์ที่ป้ายหน้ามอตามเดิม คืนนี้เถอะมึง จะเอาแห้วไปกินแกล้มเหล้า ดูซิว่ามันจะเมาเป็นหมาผิดกับกินแม่โขงแกล้มเม็ดแตงยังไง ฮึ้ย!


------------------------------------------


“พวกมึง พวกมึงลองคิดดูนะ กูนี่น่ะ จะรู้มันไหมวะว่ามันอยากให้ไปด้วย ก็ถามแล้วถามอีกก็เสือกบอกแต่ว่าจะไปกันเอง แล้วทำไมมาโกรธกูงี้วะ แม่ง ผู้หญิงใจร้าย” ไอ้บีที่กระดกน้ำเมาไปแล้วหลายแก้ว ร่ายอย่างคับแข้นในหัวใจที่โดนแฟนงอนสะบัดเพราะไม่ยอมฝืนคำเธอตามติดไปหิ้วของที่จัตรุจักร

“ไม่ต้องคิดมากไอ้บี ไม่อย่างนั้นเขาจะบอกเหรอว่าใจหญิงยากแท้หยั่งถึง” ไอ้อ่อนควักปรัชญามาปลอบใจเพื่อนด้วยเสียงอู้ๆอี้ๆเพราะโดนแม่โขงออนเดอะร็อคขัดจังหวะการหายใจเข้าไปหลายช่วง แต่กลับมีเสียงเออออห่อหมกรับลูกกันเป็นแถว

“ไหนๆก็ไหนๆเว้ย ในเมื่อมึงมาถูกวงแล้ว คืนนี้มึงก็จะได้คำตอบกลับไปว่าต้องทำยังไงน้องส้มถึงจะหายโกรธ สาวถึงจะรักจะหลงชนิดโงหัวไม่ขึ้น!” ไอ้อ่อนเปลี่ยนบทไปเป็นนักขายของอาบังเหมือนมันจะเอาอับดุลถามอะไรตอบได้มาร่วมวง “เพราะคืนนี้เรามีไอ้เสือกิม ไอ้กิมของสาวๆมาเป็นวิจารณญาณ เอ้ย วิทยาทาน ไม่ทราบว่าเพื่อนกิมจะมีคำแนะนำดีๆให้เพื่อนบีไหมครับ?”

จากคำถามที่ไอ้อ่อนส่งมาเล่นเอาสายตารอบวงเหล้านับได้เก้าคู่ส่งมาที่วิทยากรกิมอย่างรอคอย แหม ลูกผู้ชายเราถึงจะเล่นกีฬาเสร็จแล้วแดกเหล้าเหมือนชีวิตนี้ไม่ง้อเพศตรงข้าม แต่ร้อยเอาเก้าสิบห้ามันก็อยากดอมดมกลิ่นดอกไม้กันทั้งนั้น เว้นแต่ตัววิทยากรจำเป็นอย่างผมที่ตอนนี้แยกค่าย ฝักใฝ่อยากขอดอมดมกลิ่นเหงื่อกรุ่นกลิ่นกายของเบอร์สี่เบอร์ในดวงใจดูซักที แต่ในเมื่อเพื่อนกำลังมีปัญหาคาใจ ไอ้กิมก็จะตอบให้ เริ่มด้วยการกัดแห้วมาเคี้ยวให้เต็มปาก กระดกแก้วแอลกอฮอล์เข้มๆในมือให้ลื่นคอหอยแล้วเริ่ม

“ปัญหาข้อนี้ตอบได้ ง่ายมากๆ” ทั้งวงเหล้าเหมือนจะชะงักค้างกับคาถาสาวรักสาวหลงที่กำลังจะออกจากปากผม ดีมันยังไม่ฉีกผ้าปูโต๊ะมาเตรียมจดกัน “เลิกแม่งไปเลย! เลิกไปซะกับผู้หญิงเอาแต่ใจ ตัวก็เตี้ยแค่นี้ยังกล้ามากระโดดตบมือเชียร์ข้างสนาม มีอะไรดีวะกับอีแค่เป็นผู้หญิง! ทีกับคนหล่อๆเท่ห์ๆ จริงใจซะขนาดนี้เสือกบอกให้ไปตาย ไอ้ห่า!!” ผมจบประโยคด้วยการกระแทกแก้วลงกับโต๊ะดังปั่กแล้วลุกเซๆมาเข้าห้องน้ำ ไอ้แห้วเหี้ยนี่ก็กลิ้งหลุนๆตามมาติดๆ

เบื้อหลังที่เดินออกมาเล่นเงียบชิ้งกันไปทั้งวง ก่อนจะได้ยินเสียงไอ้อ่อนแว่วๆมาว่าวันนี้เมนส์ผมมาเลยหลุดๆผิดคอนเซ็ปอย่างที่เห็น แล้วชวนเพื่อนๆที่กำลังก่งก้งก้งเหล้ากันต่ออย่างไม่ติดขัด


“เป็นอะไรของมึงไอ้กิม?” เสียงเข้มๆยิงคำถามทันทีที่ผมเงยหัวขึ้นมาจากน้ำเย็น เหล่ตามองผ่านกระจกส่องหน้าก็เจอะเข้ากับไอ้มิคที่ยืนเป็นยักษ์ปักหลั่นอยู่เบื้องหลัง ท่าทางเพิกเฉยต่อผู้คนรอบข้าง ไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่มองมาอย่างสนใจว่ามันจะมามีเรื่องกันทำไมข้างโถฉี่ นอกร้านในร้านที่ทางออกเยอะแยะ

“อารมณ์ไม่ดีเรื่องอะไรบอกกู เอาแต่แดกเหล้าเดี๋ยวก็เมาเป็นหมา เอ้าๆ” ไอ้มิคยื่นมือมาคว้าไหล่ผมที่เริ่มเฉียงเหมือนสมองบวมครึ่งซีกกะทันหัน ไม่ได้เมานะครับ แต่แห้วบนหัวมันหนักจนเล่นเอาเซ

“ไอ้กิม” พอเห็นผมเงียบไม่ยอมหืออือ มันก็ส่งเสียงเข้มข้นมาเรียกสติ “กูถามว่าเป็นอะไร ถ้าไม่บอกก็ไม่ต้องแดกแล้วเหล้าเนี่ย กลับหอ” พูดไม่พูดเปล่าแต่ใช้กล้ามล่ำๆลากผมให้เซแทดๆออกจากห้องน้ำชาย เอ๊ะ? หรือว่าที่จริงไอ้มิคจะเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของไอ้กิมปลอมตัวมา

“อ้ายมิค” ผมส่งเสียงอู้ๆอี้ๆจากสาเหตุเดียวกับไอ้อ่อนเรียกคนที่กึ่งเดินกึ่งลากกันอยู่เบื้องหน้า “กูเนี่ย มานไม่ดีพอหรือไง? คนอย่างกูเนี่ย! มันน่ารังเกียจถึงกับต้องสาปส่งกันให้ไปตายเลยหรือไงวะ?”

จะด้วยความเมาหรือแห้วเข้าตาไม่อาจรู้ได้ รู้แต่ว่าทั้งเข่าทั้งขาที่ยืนหยัดยืนยงมาได้ตั้งยี่สิบสองปีมันกลับอ่อนเปลี้ยเพลียแรงขึ้นมาดื้อๆ จนถ้าไม่มีมือไอ้มิคดึงอยู่ก็คงได้ทรุดลงไปคำนับฟ้าดินให้เป็นที่แตกตื่นกันไปทั้งร้าน แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะแม้เข่าจะอ่อนปากจะเบี้ยวจนพูดแทบไม่เป็นภาษาคนแต่ก็ยังดึงดันตั้งคำถามเอากับคนที่พยายามเหนี่ยวแขนกันขึ้นไปพาดบ่า

“กูนาเว้ย กูเนี่ย” ปากเบี้ยวไม่พอยังพยายามยกนิ้วชี้ที่เห็นจากสองตาว่าหนึ่งเป็นสองขึ้นจิ้มอกให้รู้ว่ากูนี่ คนนี้ครับ “หน้าด้านไปบอกรักเขามา หน้าด้าน ไม่เจียมตัว รู้ไม่ใช่ไม่รู้ แต่กูรักของกูกูก็อยากบอก แล้วเป็นไง ไอ้เหี้ยกิมเอ้ย ไปตายซะ!”

“ทามไมวะ เพราะเป็นผู้ชายเหมือนกันหรือเพราะเป็นกู เขาถึงรังเกียจขนาดนั้น หา อ้ายมิค มึงตอบกูมาสิ?!” เมาเป็นหมาแต่ยังตั้งคำถามได้รู้เรื่อง แต่สงสัยมนุษย์ที่ยืนอยู่ข้างกันจะไม่เก็ทเสียงเห่าหอนมันถึงได้เงียบกริบไม่หือไม่อือ แถมยังหยุดทุกอณูการเคลื่อนไหวเหมือนโดนแปะแข็งกะทันหัน

แต่คนเมานะครับ ยิ่งขึ้นชื่อว่าเมาเป็นหมา ทุกอย่างรอบตัวจะเป็นยังไงไม่มีสนเพราะห่วงแต่จะพล่ามความในใจ กลัวคนอื่นเขาไม่รู้ว่าเมาแล้วปากมาก มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่โลกมันเอียงกลับหัวกลับหางเพราะโดนไอ้มิคจับอัพไซด์ดาวว์ขึ้นพาดบ่า เล่นเอาต้องหุบปากฉับลงทันใด ไม่ใช่เพราะตกใจอุ๊ยตายว้ายกรี๊ด แต่เพราะกับแกล้มเหล้าเมื่อกี้กับข้าวคลุกกะปิเมื่อบ่ายมันโดนเหวี่ยงจากไส้ตันกระฉอกขึ้นมาจ่ออยู่แถวคอหอย

หือ ไอ้มิคมันมีวิธีจัดการกับคนเมาได้ชะงัดนัก และก่อนที่ผมจะได้มีโอกาสใช้เท้าสะกิดบอกไอ้ถึกที่ตวัดกันขึ้นบ่าเหมือนเป็นจับกังเก่าว่าปล่อยกูลงไปนั่งยองๆขย้อนของเก่าให้เข้าที่ก่อน ไอ้คนที่ทำไหล่ตั้งหลังตรงทั้งที่มีผมหน้าเขียวอยู่คาบ่าก็ออกจ้ำพรวดๆไม่มีจังหวะให้ได้หือได้อือ จะมีทิ้งไว้ก็แต่คำสบถดุเด็ดเผ็ดเดือดจนคนเมายังต้องเหนียมระหว่างก้าวครั้งละวากระเตงกันออกไป



โปรดติดตามตอนต่อไป

ปล สำหรับนักอ่านที่อาจยังจำติ่งทะเลได้ ต้องขออภัยอีกครั้ง แต่เรื่องนี้รับรองจบแน่ค่า

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 :m13: อ่านกันให้สนุกและมีความสุขนะค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 26-08-2010 02:07:37
ชอบมากเลยอ่ะเรื่องนี้ :กอด1:

คิดถึงมิคกะกิมสุดๆ  :กอด1:

เข้ามาเจิมน๊า  :mc4:



อีดิท
มะกี๊กดอีโมผิดตัว
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 26-08-2010 02:16:44
รับเรื่องใหม่ด้วย   :mc4::L2:
น่าสนุก
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 26-08-2010 02:19:13
มาเจิมด้วยคนจ้า
ชอบกิมกะมิคมากกกกกกก
ดีใจที่มีคนเอามาลงที่นี้
สนุกและน่ารักมากกกก
มาอ่านกันนะคะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: littlerabby ที่ 26-08-2010 02:21:40
คิดถึงเรื่องนี้จัง จำได้ว่าเคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว ยังไงก็จะเป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะ o13
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 26-08-2010 06:51:05
ไอ้มิคคงตกใจที่รู้ว่าเพื่อนเป็นเกย์
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 26-08-2010 06:53:47
รายงานตัวตามอ่านค่ะ ขอบคุณที่เอามาแปะนะคะ ^o^
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 26-08-2010 08:03:42



มาลงทะเบียนตามอ่านเรื่องนี้ด้วยคนฮับป๋ม...ขอบคุณสำหรับคนแปะด้วยนะฮะ XD
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 26-08-2010 08:25:33
กิม
นายเท่ห์มาก
ขอยกให้เป็นไอดอลของเรา
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 26-08-2010 11:38:24
รอมิคกะกิมนะคะ  :-[
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 26-08-2010 12:01:56
 o139ตอนแรกก็สนุกแล้ว กิมฮาดี
รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่1....(26/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 27-08-2010 01:47:42
รักจัง.......ตอนที่2


“ไงไอ้กิม หน้าเหี่ยวเป็นศพไม่มีญาติเลยนะมึง”

ไอ้อ่อนนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำกลุ่ม เปิดปากทันทีที่เห็นผมเดินเมาแบบค้างๆคาๆต้อนรับวันใหม่เข้าไป

“พูดเนี่ย มองหน้าตัวเองก่อนเหอะไอ้อ่อน” ผมสวนกลับพลางกวาดตามองไปรอบโต๊ะ เพื่อนพ้องน้องพี่ผู้ร่วมเจตนารมย์กันมาทั้งหลายนั่งโงกกันหน้าสลอน

“ไอ้มิคมันยังไม่โผล่หัวมา สงสัยโดนสาวดักอยู่มุมตึก” ไอ้อ่อนต่อเหมือนรู้ หลังจากเห็นผมยืนหัวโด่สแกนเสียรอบโต๊ะ

“แล้วเมื่อคืนมึงกลับไปตอนไหนวะ แดกกันอยู่ดีๆแม่งหาย ไอ้มิคอีกคน ไปไม่มีลามาไม่มีไหว้”

ได้ยินเพื่อนว่ามาอย่างนี้ก็เลยต้องยกมือพนม ไหว้มันไปงามๆเสียทีก่อนแบมือกำแล้วเบิ้ดกระโหลกกันให้สะเทือน แล้วก้าวขาข้ามเก้าอี้ไปเบียดนั่งกับมันอีกคน

“ไอ้เอี้ย! คนยังแฮ้งค์อยู่ตบเข้ามาได้” ไอ้อ่อนผรุสวาทออกมาทั้งน้ำตาปริ่ม ก่อนทำงอนหันหน้าาหนีไปทางอื่น

ปล่อยให้ผมนั่งทำหน้าเหี่ยวเป็นศพไม่มีญาติพลางคิดทวบทวนคำถามที่ว่า เมื่อคืนผมกลับหอไปตอนไหน? กลับไปได้ยังไงโดยยังอยู่ดีครบสามสิบสอง เพราะเมาเป็นหมาขนาดนั้นมันไม่น่าจะกลับไปนอนแผ่สบายบนเตียงได้อย่างรอดปลอดภัยและใสสะอาด ไม่มีกลิ่นเหล้าหรือคราบอ้วกทิ้งไว้เป็นหลักฐานการเปลี่ยนสัญชาติจากคนเป็นหมามาเมื่อคืน จะมีก็แต่ปากเจ่อๆบวมๆเหมือนโดนต่อยด้วยโมเมนตัมไม่มากไม่น้อย แต่พอคลำดูมันก็ไม่เจ็บไม่ปวดนี่หว่า

เอาเป็นว่าเรื่องของเมื่อคืนที่จำได้หลังเหล้าน้ำเปล่าสองหนึ่ง แก้วที่หกกระดกเข้าปากมาก็เป็นเสียงเห่าหอน
ที่ได้ยินอยู่ใกล้ๆประหนึ่งหลุดออกจากปากตัวเอง แต่ว่าหอนเป็นเรื่องเป็นราวอะไรหรือใส่หน้าใครนั้นจำไม่ได้ รู้แต่ว่าตื่นมาเช้านี้โลกมันขยับได้ เอียงซ้ายทีขวาทีให้ได้ทดสอบความสามารถในการทรงตัว ประหลาดแต่ว่ากระโหลกยังอยู่ดีไม่มีปวด อาการเหมือนโดนกรอกแฮ็งค์กันแฮ็งค์ก่อนหลับเป็นตาย

“ไอ้กิม ไอ้เพื่อนโฉด! ไหนเมื่อวานบอกไม่ตั้งวงไง ทำไมหน้าเหี่ยวเป็นตัวกินไก่อย่างนี้ล่ะมึง” ไอ้โอ้ เจ้าพ่อสนามบาสโผล่มาพร้อมคำถามกินใจ

“โทษทีเว้ย ตอนมึงถามกูยังไม่รู้เลยว่าตกเย็นจะต้องไปนั่งแดกเหล้าเป็นเพื่อนไอ้อ่อน” เขวี้ยงขี้ใส่บุรุษที่สามที่กระตุกปากด่ากลับมาได้เร็วทันใจ แต่ผมทำเป็นหูทวนลมเพราะสายตาดันเหลือบไปเห็นหน้าขาวๆปากแดงๆของใครคนหนึ่งที่เดินผ่านมาพร้อมเพื่อนพ้องน้องพี่ตามหน้าตามหลังเป็นฝูง

หน้าขาวๆเคลื่อนเข้ามาในระยะโฟกัสจนเห็นเม็ดไฝใต้ตาแล้วก็เดินหล่อผ่านไปโดยไม่มีการเหลือบแลว่ามีใครหนึ่งคนนั่งมองตาค้างอยู่ตรงนี้ ขณะที่ผมได้แต่เบิ่งตามองตั้งแต่หน้าหล่อๆจนต้องหมุนคอตามแผ่นหลังกำยำใต้เสื้อนิสิต

“เฮ้ย กูบอกแล้วว่าอย่าไปมอง น้องเขาน่ารักก็จริงแต่คิวเต็มแล้วเว้ย” ไอ้โอ้หย่อนก้นลงนั่งฝั่งตรงข้าม คว้าแป็บซี่หนึ่งในสิบบนโต๊ะมาซดโฮกแล้วต่อ

“นู่น เจ้าของคิวมันเดินหล่อสาดนำอยู่หัวขบวนไม่เห็นรึไง”

ไอ้โอ้ใช้ปากที่ยังเคี้ยวน้ำแข็งไม่หมดก้อนบุ้ยใบ้ไปทางสูงยาวเข่าดีของผมที่ตอนนี้หย่อนก้นนั่งถัดไปหลายช่วงโต๊ะ อยากจะตวัดปากตอบมันไปเหมือนกันว่าเห็นอยู่เต็มสองตาเพราะที่กูจ้องตาค้างอยู่เป็นนานสองนานก็มีแต่หล่อสาดของมึงนี่แหละ น้องเตี้ยน่าเตี้ยเกินระดับสายตากู

แต่มันพูดไม่ออกครับ เพราะถึงแม้เป้าหมายจะเคลื่อนไปไกลเกินเอื้อมแต่อาการหัวใจสลายที่โดนความเมากลบทับไปเมื่อคืน ขณะนี้กำลังทะลักทลายเข้ามาสู่สมองการรับรู้ เช่นเดียวกับแห้วเหี้ยเสมือนจริงที่นึกว่ากินแกล้มเหล้าหมดไปแล้วหล่นปุลงมากลางกบาลจนเล่นเอาเซทั้งที่นั่งเบียดอยู่กับไอ้อ่อน

เจ็บที่ใจปวดที่กบาลอย่างนี้ไอ้เรื่องที่ลืมไปหลังน้ำเมาแก้วที่หกก็เลยมีอันได้ฟุ้งขึ้นมาให้ได้สะดุ้ง แต่ยังไม่ทันได้ตบๆความคิดให้เข้าที่เข้าทางว่าสะดุ้งเรื่องอะไรก็โดนมือหนักๆเน้นๆผลักเข้ามาที่หลังหัวแบบเต็มเหนี่ยวจนหน้าแทบโขกโต๊ะ เล่นเอาเสี้ยวหน้าขาวๆที่พยายามชะเง้อคอมองหลุดไปจากสายตาอย่างไม่ทันตั้งตัว เงยหน้าเงยตาขึ้นมาได้ผมก็อ้าปากเตรียมด่ากราดไอ้มือดีที่บังอาจมาเล่นของสูง แต่โดนเสียงเหน่อๆของไอ้อ่อนตัดหน้าไปซะฉิบ

“มาแล้วเหรอคุณชาย นึกว่าวันนี้จะไม่ได้เห็นหน้าเห็นตูดซะแล้ว นู่น น้องน้ำหวานมานั่งรอตั้งแต่ซุ้มโค้กยังไม่เปิด ป่านนี้โดนจีบจนจืดไปแล้วมั้งมึง”

ไอ้อ่อนอ้าปากรายงานเป็นผู้ประกาศข่าวภาคสนามตามเคย แต่ไอ้มิคที่โผล่มายืนหน้านิ่งกลับทำเหมือนเสียงเพื่อนเป็นเสียงนกเสียงกา แล้วยกมือข้างว่างขึ้นผลักหัวผมอีกครั้งด้วยความหนักหน่วงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าครั้งแรก

“เฮ้ย!” ผมรีบร้องเมื่อสะบัดหัวขึ้นมาเห็นไอ้มิคยังยกมือค้างแถมง้างเหมือนสองไม่พอจะขอสาม

“อย่านะมึง กูสู้นะเว้ย!”

ร้องอย่างเดียวไม่พอต้องรีบทะลึ่งพรวดเอาความสูงพอสูสีเข้าสู้ เพราะหน้าตาท่าทางฝ่ายตรงข้ามมันไม่ได้มาเล่นๆ เหมือนมันมาเพื่อตบหัวผมจริงๆจังๆยังไงชอบกล

“ขอบใจมากเพื่อนที่แก้แค้นให้กู แต่มึงตบได้เน้นๆอย่างนี้ทำไมไม่ถอดเก้าพันแปดที่ตีนซ้ายฟาดหัวมันไปเลยวะ” ขนาดไอ้อ่อนยังออกอาการงง

แต่ไอ้มิคยังคงทำเหมือนเสียงเข้มๆของผมกับเสียงเหน่อๆของไอ้อ่อนเป็นเสียงนกเสียงกา ไม่ฟังไม่พูด ยื่นมือพรวดมาคว้าคอผมดังหมับเข้าไปล็อคใต้รักแร้ด้วยความเร็วระดับดาวซัลโวล์ตอนง้างตีนยิงประตู รวดเร็วว่องไวซะจนเจ้าของคออย่างผมลิ้นไก่หาย ลืมร้อง ร้องไม่ออกไปซะอย่างนั้น

“เฮ้ย!? ไอ้มิค! ไอ้ดอมินิค ไอ้มิคนิค!?” งมเจอลิ้นไก่ได้ก็ต้องรีบแหกปากเรียกทั้งชื่อจริงชื่อเล่นของไอ้คนที่ออกแรงเหนี่ยวซ้ายโน้มขวาจนเล่นเอาสะเทือนตั้งแต่หัวถึงหาง

“ปล่อยนะเว้ย เป็นเอี้ยอะไรของมึง กูจะอ้วกแล้ว! เฮ้ย?!!!” หลุดออกมาได้อีกหนึ่งเฮ้ยพร้อมหัวใจเจ้าเอยตกไปอยู่ตาตุ่มเพราะโดนเปลี่ยนท่าโดยไม่มีการบอกล่วงหน้า

จากที่ตกเป็นเบี้ยล่างยืนโก่งโค้งเพราะโดนล็อคคอเข้าใต้รักแร้เขย่าซ้ายขวาหน้าหลังอยู่ดีๆ ใจไอ้กิมก็ต้องหายแว็บเพราะโดนกระชากคอเสื้อจากด้านหลังแบบพรวดเดียวจากค่อมเป็นหงาย เกือบได้ทำสะพานโค้งโชว์กลางมหาวิทยาลัย

“เฮ้ย ใจเย็นๆไอ้มิค โกรธเคืองอะไรไอ้กิม ตีหัวมันให้สลบแล้วลากไปเคลียร์กันที่อื่น มาเล่นกันอย่างนี้ คนเขามองกันทั้งมหาลัยแล้วมึง”

ไอ้อ่อนสอดเข้ามาทั้งเสียงทั้งมือ คว้าแขนผมที่ห้อยโตงเตงให้ลุกขึ้นจากท่าสะพานโค้งกึ่งสะพานหัก แต่กลับต้องชะงักทั้งที่ยังไม่ได้ออกแรงยื้อเพราะโดนไอ้คนสร้างสะพานแผ่รังสีอำมหิตกระแทกเสียหน้าเกือบหงาย

“ดึงไอ้กิมมันขึ้นมานั่งก่อนเหอะ หน้ามันเหลืองเป็นลิงถือลูกท้อบนยาหม่องถ้วยทองแล้วไอ้มิค” ไอ้โอ้ส่งเสียงมาลองเชิงอีกคนหลังจากเห็นท่าไอ้มิคที่ยังคว้าคอผมไว้ไม่ปล่อย ขนาดผมเองที่กำลังมึนๆ ตูดติดดินแต่หน้าผินมองฟ้าอยู่อย่างนี้ยังรู้สึกได้เลยว่าไอ้ที่ยืนค้ำหัวกันอยู่มันไม่อยู่ในอารมณ์เล่นๆมาเรียงๆ แต่มันมาแบบจริงจัง นี่กูไปทำอะไรให้มึงนี่?!

“รักอะไรกูนักหนาเนี่ยเช้านี้ มาถึงก็จับเต้นเลยนะมึง” เหล่หน้าเอ๋อๆที่มองกันอยู่รอบโต๊ะ แต่ไม่มีหน้าไหนกล้ายื่นมือยื่นตีนเข้ามาช่วยก็ต้องช่วยตัวเองให้รอดเป็นยอดดี แม้จะยังไม่รู้ว่าไอ้มิคมันไปกินอะไรผิดสำแดงมาก็ตาม

“เต้นพอแล้วก็ลากกูขึ้นไปนั่งด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวจะขึ้นค่าตัว”

ผมเปลี่ยนโหมดจากจิกหัวเรียกเป็นไถไปข้างๆคูๆพลางเอื้อมมือไปคว้าไหล่แน่นๆจากกรรมพันธุ์นอก ใช้เป็นหลักดึงตัวเองขึ้นจากการตกเป็นเบี้ยล่าง ความคิดชั่วแว็บบอกให้ตวัดขาตวัดตัวทำพลิ้วเอาคืนสักท่าสองท่า แต่พอเห็นตาคมๆดุๆที่จ้องอยู่ไม่กระพริบก็เลยต้องลดละเลิกอาการอาฆาตมาดร้าย ไม่งั้นท่าต่อไปอาจโดนคิงแอ็นเจิ๊กแล้วตามด้วยทุ่มกระแทกวิญญาณ

ยืดขึ้นได้เต็มความสูงไม่เต็มตีนดีผมก็ทิ้งก้นแปะลงกับม้านั่งข้างไอ้อ่อนทันทีเพราะอาการแฮ็งค์ที่ประหลาดใจไปว่าไม่มีกำลังแว่วๆมาเคียงๆ มึนจนปากเริ่มจะเปาะ กำลังจะอ้าสรรเสริญไอ้มิคที่ยังยืนค้ำหัว แต่พลันสบเข้ากับสายตาพิฆาตของมันเข้าเต็มๆจนสันหลังเสียววาบ

“เฮ้ย! จะจ้องทำไมอย่างนั้น กูไปทำอะไรให้มึงเนี่ย หา?!” ไม่ใช่แค่ผมที่ผงะแต่ไอ้อ่อนที่อยู่ใกล้ชิดติดขอบเหตุการณ์ยังออกอาการสะดุ้งพร้อมผมอย่างพร้อมเพรียง

“เออ ดุจริงมึงวันนี้ เดี๋ยวไอ้กิมแม่งก็เครียดจนขนร่วง ที่สำคัญสาวๆมึงมาตามถึงโต๊ะแล้วไอ้มิค” ไอ้โอ้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามออกความเห็นแล้วตามด้วยการบอกกล่าว ฉากหลังเป็นสาวๆทั้งขาวทั้งคล้ำสองสามสวยเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ดูไปเหมือนเธอเดินกันอยู่บนเวทีมีแค็ทวอล์กทั้งที่อยู่ในชุดนักศึกษา เล่นเอาหนุ่มๆทั้งโต๊ะผมและข้างเคียงตาเหล่กันเป็นแถบๆ
ผมเองก็เหล่แต่เหล่เลยสาวไปไม่มากไม่น้อย พอให้เห็นหน้าขาวๆหัวทุยๆที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับอะไรบางอย่างบนโต๊ะโดยไม่มีทีท่าจะเงยหน้ามามองใครเหมือนพวกหน้าหม้อแถวนี้ เห็นแล้วจะดีใจหรือซึมเศร้ายังตัดสินใจไม่ถูก เพราะที่สุดหล่อของผมไม่สนใจจะเหล่สาวคงเพราะที่ว่างข้างๆทั้งซ้ายขวาแถมหน้าอีกหนึ่งมีหน้าแจ่มๆมานั่งประกบอยู่ครบสามมุมมองแล้ว เลยไม่ต้องไปเหล่ตามองหน้าแฉล่มอื่นให้ไกล

เก็กซิมจริงๆไอ้กิม เจอเข้าไปแค่ครึ่งตาเหล่ๆแต่เล่นเอาจุกขึ้นมาถึงลิ้นปี่ แต่จุกได้ไม่ถึงครึ่งนาทีทองก็มีอันต้องหน้าเบี้ยวเพราะโดนไอ้ยักษ์ปักหลั่นที่ปักหลักนิ่งอยู่ตรงหน้าเรียกร้องความสนใจแบบทำเมินไม่ได้

“!?…”

หน้าผมสะบัดตามแรงมือไอ้มิคที่วาดลงมาข้างแก้มชนิดว่าตาเหล่ตาเขกลับเป็นตาดี กะทันหันและเคล็ดขัดยอกจนลืมแหกปากโวยวาย ยิ่งเห็นหน้าตาถมึงทึงปานจะเฉาะกระโหลกดูดเนื้อสมองกันแล้วยิ่งอึ้งทึ่งเสียวจนปากหุบสนิทโดยอัตโนมัติ

ไอ้มิคค้างมือไว้บนแก้มไอ้กิมประหนึ่งเป็นแผ่นรองเมาท์แล้วก้มเอาหน้าหล่อๆที่นาทีนี้ออกแนวเหี้ยมเหี้ยๆเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแทบจะจิ้มลูกกะตา ผมเองได้แต่นั่งรากงอกแล้วเหลือกตาขาวจ้องมันกลับเพราะยังอยู่ในภาวะอึ้งทึ่งเสียว ปล่อยให้มืออุ่นจนร้อนที่แจกลูกตบเรียกวิญญาณลามจากหน้ามาคว้าคอ

“อย่าให้เห็นอีก” เสียงเหี้ยมๆไม่ผิดกับหน้าตามาพร้อมแรงกระชับหนักๆเน้นๆ ณ ทัดดอกไม้

“……………”

ได้ยินเข้าไปสี่คำแต่เล่นเอาผมสับสนทางภาษาขึ้นมากะทันหัน กำลังจะยกมือบอกเพื่อนไม่เข้าใจขอใหม่อีกรอบก็พอดีกับที่เสียงใสๆจากสาวๆดังทักทายมาในระยะประชิด

แต่แทนที่ไอ้มิคจะละความสนใจจากการเขย่าขวัญไอ้กิมแล้วหันไปให้ความสนใจสาวที่อุตส่าห์เดินมาหาถึงที่ มันกลับยิ่งคว้าคอผมจั๋งหนับ ออกแรงบีบพอคลายเคล็ดขัดยอกแต่เล่นเอาต้องยกก้นออกจากม้านั่งลุกขึ้นมายืนข้างเจ้าของมือด้วยความสงบเสงี่ยม ถ้ามัวแต่นั่งเบียดตูดอยู่กับไอ้อ่อนงานนี้อาจมีลูกกระเดือกแตก

ระหว่างกำลังยืนงงอยู่กับที่พลางแอบส่งสายตาสื่อสารหาความในกับไอ้อ่อนไอ้โอ้ ว่าอะไรดลใจให้ไอ้มิคออกมาพะบู้กับไอ้กิมเช่นนี้ คำตอบที่ได้กลับมาดันเป็นสายตาที่สงสัยยิ่งกว่า ยิ่งมองยิ่งงงสับสนทำตัวไม่ถูก ก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงเข้มๆของไอ้คนที่ยังคว้าคอผมอยู่ไม่ปล่อยบอกปัดนัดสาวแบบขวานผ่าซากจนต้องเหล่ตาตามเพื่อนร่วมโต๊ะที่แกล้งทำหูทวนลมแต่ความจริงแอบฟังมันอยู่ทุกพยางค์

“แต่พี่มิคบอกว่าไปได้นี่ แล้วหวานก็บอกทุกคนไปแล้วด้วย ไปเถอะนะ ไม่งั้นหวานต้องเบื่อแย่เลย” น้องน้ำหวานหน้าหวานยิ่งกว่าชื่อ ทำหน้าเศร้ากระชากใจชาย เอ่ยอ้อนไอ้มิคชนิดว่าถ้าเป็นไอ้อ่อนไอ้โอ้และไอ้หน้าหม้อทั้งหลายที่นั่งฟังกันหูไม่กระดิกอยู่แถวนี้และแถวนั้นต้องรีบเก็กเสียงหล่อแล้วตกปากรับคำทันใด

“พี่บอกว่าดูก่อน ไม่ได้บอกว่าจะไป” ไอ้มิคบอกปัดหน้าตาเฉยเล่นเอาสาวหน้าเบ้

“แต่ว่า… ทำไมล่ะคะพี่ก็ว่างนี่นา ไปเถอะนะ” น้ำหวานยังไม่ละความพยายามแม้ว่าหน้าจะเบี้ยวไปเล็กน้อยด้วยความขัดใจ ดูจากท่าทางแล้วคงไม่เคยโดนขัดใจใครเซย์โนใส่หน้ามาก่อน

ความเงียบเกิดขึ้นทันทีที่ประโยคตื้อครั้งที่สองถูกเอ่ยออกมา ผมเหล่มองไอ้มิคก็เห็นว่าคิ้วมันเริ่มขมวดเล็กน้อยบ่งบอกอาการไม่สบอารมณ์ เหล่กลับไปที่สาวเจอสายตาเว้าวอนแกมขอร้องกับยิ้มจางๆที่ส่งมาสู้หน้าเฉยชาของคนตัวสูงกว่า เห็นอย่างนี้ก็ให้นึกไปถึงหน้าตัวเองกับหน้าใครอีกคนกลางโรงอาหารเมื่อวานบ่าย แม้หน้าไอ้มิคหน้าน้องน้ำหวานหน้าผมและหน้าเจ้าของคำแสลงใจจะไม่มีส่วนใดคล้ายคลึงกันไม่ว่าจะตาซ้ายหูขวาหรือริมฝีปากล่าง แต่อาการตาละห้อยกับตาแข็งๆของสองคนนี้ทำให้ผมหวนไปสู่เมื่อวานได้อย่างไม่ต้องบลิ้วอารมณ์ พอนึกแล้วสายตาก็ส่ายไปหาคู่กรณีไม่รู้ตัว แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อสบเข้ากับตาคมๆของคนที่กำลังจะโดนถ้ำมอง

หน้าขาวๆหัวทุยๆที่เมื่อกี้ก้มจดจ่ออยู่กับอะไรบางอย่างบนโต๊ะตอนนี้หันมามองทางโต๊ะผมเสียเต็มตัว รอบข้างอีกหลายโต๊ะก็หันมามองน้องน้ำหวานกับไอ้มิคอย่างสนใจเรื่องชาวบ้านกันเป็นทิวแถวเพราะหนึ่งก็เดือนหนึ่งก็ดาวแถวดาวยังเสียงเริ่มดังหน้าเริ่มเบี้ยว

คนที่ทำอกไอ้กิมเดาะมองมาผ่านๆแบบไม่ได้สนใจจะยุ่งเรื่องรักนักศึกษา มองผ่านมาแล้วคงจะผ่านไปถ้าไม่เหล่มาเห็นสายตาร้องแรงแฝงความนัยของผมเข้าเสียก่อน จากการมองกันนิ่งๆคิ้วไม่มีขมวดแต่ก็ไม่ขยับสายตาไปทางอื่น ทำให้ผมไม่แน่ใจว่าเจ้าของสายตาจำกันได้ไหม จำได้หรือเปล่าว่าเคยมาสวดส่งศพกันไว้สดๆร้อนๆเมื่อวานนี้

เจอหน้าเฉยๆแบบไม่ให้คาดเดาได้ว่ามีความหลังกันหรือไม่อย่างไรแล้วอยากจะเดินเอาหน้าตัวเองไปเสนอให้ดูใกล้ๆเผื่อจะมีการเอ๊ะอะจิจ๊ะแล้วนำพาไปสู่บทสนทนา แต่ยังไม่ทันได้ทำพลิ้วบลิ้วเอาคอออกจากอุ้งมือไอ้มิค ก็มีอันต้องหันขวับกลับมามองคู่ดาวเดือนข้างตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเสียงสบถเป็นภาษาต่างประเทศ คำเดียวสั้นๆแต่เข้าใจกันไปทั้งเมือง ปกติถึงเพื่อนผมจะเถื่อนไปบ้างวันละหลายเวลาแต่ก็ไม่เคยเสียมารยาทกับผู้หญิงยิงเรือที่ไหนนี่หว่า แล้วนี่เหตุไฉนไอ้มิคถึงกับแจกฟักให้น้องน้ำหวานกลางสาธารณชนอย่างนี้

ละจากหน้าหล่อๆตาคมๆของว่าที่หวานใจตัวที่นั่งห่างไปเกือบสิบเมตรกลับมาเกาะติดสถานการณ์ กะกลายเป็นหนึ่งในไทยแอบมุงแต่กลายเป็นต้องผงะเพราะสายตาประชาชี เหล่รอบข้างแล้วสังหรณ์ว่าฟักทั้งดุ้นที่ไอ้มิคพึ่งกระแดะสำเนียงประจำชาติมันออกมาคงไม่ได้กะให้น้องน้ำหวานเอาไปต้มยำทำแกง แต่เป็นไอ้กิมนี่ที่จะโดนฟักฟาดใส่หน้า

“จะมองไปถึงไหน ห่าเอ้ย!!”

แหม สำเนียงเจ้าของภาษา ฟังแว่วๆเหมือนดูหนังมีซาวแทกซ์ แล้วเหมือนคนพูดจะนึกขึ้นได้ว่าพูดอยู่กับกระเหรี่ยงเลยกระดกลิ้นกลับเป็นภาษาไทยขณะจ้องหน้าผมชนิดว่าอีกนิดเดียวมันจะเข้ามาเฉาะหัวกันด้วยมือเปล่า

“ที่พูดกันเมื่อคืนมันอะไร!?”

แต่กระเหรี่ยงกิมที่โดนฟักฟาดใส่หน้ามาทั้งดุ้นเกิดอาการไม่เข้าใจภาษาไทยกะทันหันจากทั้งประโยคคำถามกึ่งบอกเล่าและสายตาคมกริปของเพื่อนเกลอ เมื่อคืน? กูกับมันพูดอะไรกันไปวะ? และสงสัยหน้าผมจะแสดงเจตนารมย์ว่ากูไม่เข้าใจมึงพูดอะไรมากไปหน่อย ไอ้มิคเลยยิ่งสติแตกสบถภาษาบ้านเกิดมาชุดใหญ่

เจอทั้งฟักทั้งบวบ มีแยมบิทแดมอิทท์จ่อติดหน้าในระยะประชิดอย่างนี้แล้วก็ให้นึกไปถึงอารมณ์บิ๊ก ซีนีม่าที่พึ่งดูไปเมื่อหลายคืนก่อน ต่างกันแต่ว่าครั้งนี้ตอนนี้ไม่ได้มีผมนั่งกระดิกตีนซดโค้กดูอยู่เพียงหนึ่ง แต่เพื่อนร่วมมหาลัยทั้งโต๊ะเราโต๊ะเขาโต๊ะข้างๆและน้องน้ำหวานต่างก็เบิกตาชมลูกครึ่งสบถเป็นแรพพ์กันอย่างพร้อมเพรียง

“ไอ้มิค! เบาๆหน่อยโว้ย คนเขามองกันทั้งมหาลัยแล้ว เป็นอะไรของมึงเนี่ย?!” ผมที่ยังโดนคว้าคอไว้ไม่ปล่อย ต้องดึงคออีกฝ่ายมากระซิบเตือนด้วยความเป็นห่วง แต่แทนที่ไอ้มิคจะสำนึกในความดีไอ้กิม มันกลับยื่นอีกมือผ่านหน้าผมไปชนิดแถบเสยจมูกแล้วคว้าขวดแป็บซี่ตรงหน้าไอ้อ่อนมาเขวี้ยงลงพื้นแบบเต็มวงสวิง

เสียงขวดแก้วถูกอัดกระแทกซีเมนต์ดังเพล้งแล้วแตกกระจายเป็นวงกว้างเหมือนจะช่วยลดแรงอารมณ์ของไอ้บ้ามิคไปได้บ้าง แต่อารมณ์ไทยมุงและผู้ชมเกาะขอบสนามอย่างผมอย่างน้องน้ำหวานถึงกับดีดตัวพุ่งปรี๊ด ออกแอ็กติ้งกระโดดเหยงหนีแก้วบาดกับคนบ้ากันอย่างพร้อมเพรียง

น้ำหวานและผองเพื่อนถอยกรูดไปหลายก้าวแล้วหยุดนิ่ง หน้าหวานๆซีดเป็นตูดห่านระหว่างเบิกตาจ้องพี่มิคในดวงใจแบบตกตะลึง ผิดกับผมที่ผงะหลังทีเดียวข้ามฝั่งมาอยู่ข้างไอ้อ่อนแล้วดึงไอ้โอ้ที่เตี้ยกว่ามาขวางหน้าอย่างไม่ห่วงภาพพจน์ความแมนตัวเอง

เรื่องมันเข้มมาถึงตรงนี้อย่าพึ่งคิดว่าไอ้กิมเป็นพวกตาขาวใหญ่กว่าตาดำ ทำไมไม่ลุยกันให้รู้เรื่องไปเสีย ความสูงก็พอฟัดพอเหวี่ยงแม้ไอ้มิคจะมีกล้ามงามๆตามกรรมพันธุ์นอกแต่ไอ้กิมก็ไม่ได้ก็องแก้งหัวไหล่ลีบซี่โครงบานเสียหน่อย กลัวอะไรทำไมต้องไปหลบหลังไอ้โอ้

กลัวครับ ผมยอมรับว่ากลัว เรื่องให้ต่อยกันปากแตกกับเพื่อนกับฝูงเป็นเรื่องที่ผมทำไม่ได้ ถ้าให้ไปกระโดดถีบยอดอกคนอื่นที่ไม่รู้จักแต่มาหาเรื่องกันนั้นตีนไอ้กิมไปก่อนใคร แต่ถ้ากับเพื่อนที่คบหากันมาจนรู้ชื่อพ่อล้อชื่อแม่ได้นั้นอีกเรื่อง จะให้มีเรื่องถึงขั้นลงไม่ลงมือต่อยกันตาเขียวไอ้กิมใจไม่ด้านพอ ยิ่งกับไอ้บ้าตรงหน้าด้วยแล้วบอกได้คำเดียวว่าผมไม่สู้ กว่าจะคบกันมาได้ขนาดนี้ อย่าให้มิตรภาพมันเสียเพราะอารมณ์ชั่ววูบจะดีกว่า
ไอ้มิคที่ยอมปล่อยผมออกจากอุ้งมือละสายตาจากผลงานตัว ยกมือขึ้นเสยผมด้วยท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วหันมาทางผมกับไอ้โอ้ด้วยหน้านิ่งๆ หน้านิ่งแต่สายตาคมกริบจนไอ้โอ้เกิดอาการชักกระตุก สับขาหลอกเปลี่ยนตำแหน่งดันผมมาอยู่หน้าด้วยความเร็วสูง ผมที่กลายเป็นกองหน้าแบบไม่มีเวลาให้ยกมือขอเวลานอกเลยได้แต่เบิกตาขาวจ้องตาคมๆของฝ่ายแดงกลับไป

ไอ้มิคจ้องผม ผมจ้องไอ้มิค นักศึกษาเหยียบร้อยก็ช่วยกันจ้องกันตาไม่กระพริบ ลุ้นระทึกเสียเงียบกันไปทั้งลาน แต่แล้วอยู่ๆไอ้คนสร้างเรื่องกลับก้าวถอยหลังทั้งที่สายตายังจ้องกันอยู่ก่อนจะเบือนหน้าหนีแล้วหันหลังออกเดินไปเฉยๆ

ผมที่ยังปักหลักเป็นกองหน้าไร้สามารถได้แต่กระพริบตาปริบๆ มองตามหลังที่เดินดุ่มๆจากไปด้วยความรู้สึกประหลาด ประหลาดเพราะไม่เคยมีครั้งไหนที่ไอ้มิคจะหันหลังหันตูดให้ไอ้กิมแล้วเดินจากไปดื้อๆ เดินออกไปเหมือนไม่อยากมองหน้า เหมือนว่าไม่มีเรื่องต้องให้คุยกันอีก

ความรู้สึกไม่คุ้นเคยให้รสประหลาดเหลือเชื่อ ประหลาดเสียจนผมปัดมือไอ้อ่อนที่ยื่นมายื้อ ผลักไอ้โอ้ที่ก้าวมาขวางแล้วก้าวเร็วจนเกือบเป็นวิ่งตามคนที่หันหลังจากไป

ผมวิ่งตามไอ้มิคด้วยความร้อนอัดแน่นในอก ความร้อนที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนแต่ทำให้ขาผมก้าวได้เร็วกว่าเดิม ต้องก้าวให้เร็วกว่าเดิม ยิ่งเห็นแผ่นหลังในเสื้อนิสิตห่างออกไปเรื่อยๆความรู้สึกอึดอัดที่มวนอยู่เต็มปอดก็ยิ่งขยายใหญ่โต

ผมตะโกนเรียกคนข้างหน้าให้หยุดให้รอ ไอ้มิคไม่หยุด ไม่แม้แต่จะผ่อนฝีเท้า ที่จริงผมเองต่างหากที่ควรจะหยุดวิ่งหยุดตาม รู้ว่าอีกฝ่ายอารมณ์กำลังขึ้นถ้าตามไปเรื่องจะยิ่งไปกันใหญ่ รู้ทั้งรู้ว่าเวลาไอ้มิคโมโหมันไม่เคยเห็นแก่ใครหน้าไหน แล้วจะวิ่งตามเอาหน้าไปรับหมัดมันหรือไงไอ้กิม? ถึงจะรู้ดีอย่างนี้ก็เถอะ ผมก็ยังวิ่งเต็มฝีเท้าจนระยะห่างร่นเข้าให้ได้ยื่นมือไปถึงไหล่

ผมคว้าไหล่แน่นๆข้างหน้าแทบเป็นกระชาก แรงรั้งทำให้ไอ้มิคหยุดเดินแต่หัวทุยๆของมันกลับยังมองตรงไปข้างหน้า ผมออกแรงดึงแล้วก้าวไปขวางแต่ไอ้มิคกลับหันหนีไปอีกทาง

ท่าทางที่เหมือนไม่อยากมองหน้า เหมือนไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้วเล่นเอาผมรู้สึกหมดแรงเอาดื้อๆ ไอ้ที่คิดว่าต้องคุยกันให้รู้เรื่อง ให้มันรู้กันไปว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกลับหายไปจากหัวเหมือนโดนกดลบถอยหลัง

“… กูขอโทษ” เป็นคำแรกที่หลุดจากปากผม

“เมื่อคืนกูมีเรื่องกับมึงรึไงวะ? กูจำไม่ได้จริงๆ ถ้ายังไงกูขอโทษแล้วกัน”

“… ไอ้มิค” ความเงียบของอีกฝ่ายทำให้ผมยิ่งอ้อมไปดักหน้าแล้วก็ต้องชะงักเมื่อโดนหน้าที่หันหนีหันมาจ้องแบบไม่ให้ตั้งตัว

“มึงจำไม่ได้… กูเองที่มันบ้า” ไอ้มิคพูดเสียงเรียบพลางปัดมือผมออก “…ไม่เป็นไรไอ้กิม” ปากบอกไม่เป็นไรแต่ตาที่สบกันอยู่นี่ไปคนละเรื่อง

สายตาคมๆจากดวงตาสีอ่อนจัดจ้องเขม็งอยู่กับตาผม ชั่วขณะผมรู้สึกเหมือนโดนของแข็งไม่มีรูปร่างตบเข้ามากลางกระโหลก ชั่วขณะที่ตาอีกคู่ที่สบอยู่ออกแวววูบไหวชื้นน้ำ

“เฮ้ย ไอ้มิค!?” ผมโผเข้าไปคว้าคออีกฝ่ายไว้แทบเป็นกระโจนใส่

“กูเอง กูผิดเอง! กูที่มันเมาเป็นหมา… มึงมีอะไรบอกกู บอกมาเลย” เสียงผมสั่นจนตัวเองยังรู้สึก ยิ่งได้ยินเสียงสูดหายใจแรงของคนที่ยืนอยู่ชิดติดกันยิ่งทำเอารู้สึกเหมือนจะยืนไม่อยู่

คบกันมาเป็นสิบปี มีแค่หนเดียวที่คนใจแข็งอย่างไอ้มิคออกอาการอย่างนี้ให้คนใจอ่อนอย่างไอ้กิมเห็น ตอนนั้นผมถือไม้ยิงหนังสติ๊กทำเองในมือซ้าย ถุงตาข่ายใส่นกที่ยิงมาได้สามตัวในมือขวา ปากฉีกยิ้มกว้างขวางพลางยื่นนกที่ยิงได้ให้อีกฝ่ายที่คลุกเล็งนกด้วยกันมาทั้งเช้าแบบใจป้ำ แล้วบอกไปว่าเมื่อวานเห็นปลานิลตัวเป้งที่คลองริมตลิ่ง พรุ่งนี้เจอกันที่เดิมเวลาเดิม ไอ้มิคที่สูงเกินเด็กวัยเดียวกันและดวงตาแปลกสีกว่าทุกคนที่ผมรู้จักในตอนนั้นไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับเอ่ยขอหนังสติ๊กทำเองของผมแทนนกทั้งถุงที่ยื่นอยู่ตรงหน้าด้วยภาษาไทยตกๆหล่นๆกับสำเนียงเพี้ยนๆประจำตัว

ผมส่งหนังสติ๊กให้พร้อมบอกไปว่าให้ยืม มือขาวๆยื่นมารับโดยไม่มีคำตอบว่าจะคืนเมื่อไหร่ ผมก็ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวปากยิ้มพลางจ้อไปเรื่อยเปื่อยจนเดินเคียงกันมาถึงทางแยกที่จะแยกไปบ้านใครบ้านมัน ผมบอกลาทิ้งท้ายไว้ว่าเจอกันพรุ่งนี้ คำพูดติดปากเหมือนทุกครั้งที่เล่นกันเสร็จ แต่อีกฝ่ายกลับจ้องหน้าผมเฉยไม่มีการบอกลาหรือตอบรับเหมือนทุกครั้ง แว็บหนึ่งตาสีแปลกที่ผมชอบมองเวลาเผลอเหมือนจะแดงก่ำรื้นน้ำ แต่เจ้าตัวก็รีบยกมือขยี้อย่างแรงจนผิวขาวจัดแดงเถือกไปทั้งหน้า และก่อนที่ผมจะได้ถามอะไรไอ้มิคก็หันหลังออกวิ่งเสียฝุ่นตลบ หนีไปพร้อมหนังสติ๊กในมือ

วันถัดมาผมคว้าคันเบ็ดทำเองกับอุปกรณ์ตกปลาทั้งหลายแหล่สะพายเต็มบ่าเต็มหลัง ตะโกนบอกแม่ว่าจะไปตกปลากับไอ้มิคแล้วเดินดุ่มๆออกไปรอคนที่นัดไว้ที่เดิม แต่เช้านั้นทั้งเช้าไอ้มิคไม่ได้โผล่มา และผมก็ไม่ได้เห็นมันอีกเลยนับแต่นั้น กว่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ปาเข้าไปจนหมดปิดเทอมใหญ่ เพราะไปวัดกับแม่ถึงได้เจอย่าไอ้มิค ถึงได้รู้ว่าพ่อแม่ไอ้มิคแยกทางกัน ไอ้มิคต้องกลับไปอยู่กับพ่อฝรั่งที่เมืองนอก เมืองนอกเป็นยังไงตอนนั้นผมไม่มีทางรู้ รู้แต่ตามคำผู้ใหญ่บอกว่ามันไกลแสนไกลและนั่นหมายถึงผมกับคนที่กลายมาเป็นเพื่อนเล่นยิงนกตกปลาโดดน้ำคลองกันตลอดสองเดือนครึ่งจะไม่มีวันได้เจอกันอีกแล้ว

“จะให้กูทำยังไงมึงบอก” ผมย้ำคำพร้อมกระชับมือบีบไหล่อีกฝ่าย รู้สึกร้อนรนจนขอบตาร้อน ออกอาการอ่อนแอแบบไม่อายคนที่ยืนอยู่ชิดติดกัน

ไอ้มิคที่ไม่รู้ว่าอารมณ์เย็นลงหรือหมดอารมณ์จะมองหน้าไอ้กิมกลับส่ายหน้าแล้วเกร็งตัว มือขาวๆที่ไม่ได้ผิดไปจากสมัยเด็กนอกจากขนาดและความแกร่งยกขึ้นดันไหล่ผมเป็นเชิงจบเรื่อง เท่านั้นเองผมก็ต่อมน้ำตาแตก

ผมมองหน้าไอ้มิคทั้งน้ำตา มองหน้าหล่อๆของมันที่หันมาชะงักกับอาการหลุดแมนของผม แล้วถามออกไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจที่ท่วมขึ้นมากลบอารมณ์อื่นมิดชิดซ้าย

“กูทำอะไรผิดมากนักหรือไง กูเมาเป็นหมาพูดจาไม่รู้เรื่อง ทำไมมึงต้องโกรธขนาดนี้ กูบอกแล้วไงว่าขอโทษ” ผมร่ายออกไปแบบไม่มีกั๊กอารมณ์พร้อมจ้องอีกฝ่ายเขม็ง ถึงน้ำตาจะย้อยอยู่อย่างนี้แต่จะให้หลบตาทำเป็นกูไม่ได้ร้องนั้นไม่มี

ไอ้มิคยังคงเงียบ ไม่รู้เพราะตกใจกับน้ำตาลูกผู้ชายเพื่อนหรือโมโหจนพูดไม่ออก มองจากสีหน้าาแล้วอารมณ์มันคงก้ำกึ่งอยู่น่าดู

“เมื่อคืน…” ไอ้มิคยกมือขึ้นเสยผมเกรียนๆติดหนังหัวแบบแสนจะมีเอกลักษณ์ สายตาเลื่อนจากหน้าผมไปหยุดอยู่แถวเฟอร์ริกาโม่ที่ปลายตีนตัว ก่อนเงยหน้ามามองกันด้วยสายตาที่ผิดไปจากเดิม ตาคมๆจ้องมาที่ผมเหมือนจะมองกันให้ทะลุก่อนต่อประโยค

“เมื่อคืนมึงบอกว่าได้ ตกลง เราคบกัน”


โปรดติดตามตอนต่อไป

ปล ใจเย็นๆนะค้า ไว้อารมณ์มาปัญญาเกิด ทะเลกับเปรี้ยวใจคงได้มาสานต่อ

แต่ตอนนี้เอาเป็นว่าทำใจสบายๆ มาร่วมลุ้นเรื่องรักนักศึกษากับรักจังไปก่อนดีกั่ว

==========================================================================

คนโพส ก็ยังรอติ่งทะเลอยู่เหมือนกันอ่ะ  ติดใจมากๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่2....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 27-08-2010 02:13:58
ถึงว่าไอ้มิคถึงได้น้อยใจเพราะไอ้กิมลืมนี้เอง
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่2....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 27-08-2010 10:08:30
 o22  กิมพูดแล้วลืม

มิน่า มิค ถึงองค์ลง ขนาดนี้
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่2....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 27-08-2010 11:48:51
มิน่าหล่ะ แล้วหนูกิมจะทำไงต่อไปเนี่ยหล่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่2....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 27-08-2010 15:00:13
เพราะความเมาเป็นเหตุ ลุ้นๆ จะเป็นยังไงต่อไป
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่2.....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 27-08-2010 16:30:14
โอย อยากจะกรี๊ด
เพื่อนกันตั้งแต่เด็ก ขอหน่อยเหอะ

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

(มาแปะเร็วๆนะคะ ติดแล้วงิ)
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่2.....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 27-08-2010 16:39:14
โอย อยากจะกรี๊ด
เพื่อนกันตั้งแต่เด็ก ขอหน่อยเหอะ

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

(มาแปะเร็วๆนะคะ ติดแล้วงิ)

ยิ่งอ่านยิ่งติดค่ะ เรื่องนี้ คนโพสเอาหัวเป็นประกัน  เพราะเป็นมาแล้ว :laugh:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่2.....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 27-08-2010 17:29:02


คนแปะฮะ...เค้าค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง >[]<


อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก...เค้าอยากอ่านต่ออ่ะ...คนแปะช่วยมาแปะต่อหน่อยเหอะ T^T

ที่แท้ก็มีความหลังกันนี่เอง...แล้วนี่กิมมี่ของเราไม่รู้เลยเหรอไง ว่าเมื่อคืนพูดอะไรไว้บ้างหน่ะ

ไม่แปลกหรอกที่มิคจะโมโห...ก็เล่นนั่งมองคนอื่นซะตาเยิ้มขนาดนั้น...เฮ้ออออออออ...ไม่รู็จะสงสารใครดี

ระหว่างคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย กะคนที่เอาแต่หึงจนหน้ามืดตามัวแบบนี้ - -"
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่2.....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: aim ที่ 27-08-2010 17:36:57
สนุกจัง มารอตอนต่อไปนะ อย่าหายไปนานนะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที่2.....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 27-08-2010 19:22:21
กิมเท่ห์ ชอบกิมจัง
สมัครเป็น FC กิม
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที3.....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 27-08-2010 22:31:29

รักจัง.......ตอนที่3

“ถ้ากูรู้ว่ามันแฮ็งค์แล้วน่ากลัวขนาดนี้กูจะสั่งไวตามิลล์ให้มันแดกแทนเหล้าล่ะคราวหลัง”

“แต่กูสงสัยว่ะ ปกติแม่งคอแข็งแดกแล้วหายละลายแอลกอฮอล์ กูยังจำได้ตอนรับน้องปีหนึ่งที่พวกพี่เต้แม่งชงแจกๆกะมอมไอ้มิคให้สาวเห็น ที่ไหนได้ตั้งแต่วงเริ่มจนวงแตกไอ้มิคยังนั่งหล่อสาดแดกเอาๆเหมือนแม่งจิบโค้ก ที่เมาหมดสภาพต้องนอนกองอยู่นั่นถึงเช้ากลายเป็นพวกไอ้พี่เต้ทั้งก๊ก แล้วเมื่อคืนมันก็ดื่มไปไม่เท่าไหร่แล้วกลับไปก่อน มันจะมาเมาค้างได้ไงวะ เป็นไปไม่ได้”

“กูว่างานนี้ต้องมีซีเครส”

“เอ้า ทำเป็นเงียบๆ อมขี้ไว้ในปากไม่ดีนะเว้ย เล่าออกมาให้พวกกูร่วมด้วยช่วยฟังซะดีๆ จะเหม็นจะหอมยังไงก็ดีกว่าอมไว้คนเดียว”

“ไอ้ห่าอ่อน มึงช่วยข้ามเรื่องขี้หอมๆไปได้ไหมวะ กูแดกข้าวอยู่ไม่เห็นรึไง… ส่วนมึงก็คายความลับออกมาเร็วๆเข้าอย่ามาทำเป็นเล่นตัว เพื่อนๆอยากเสือกจนไม่เป็นอันกินกันแล้ว”

“……………”

“ไอ้กิม!”

ใครบางคนตะโกนชื่อผมอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลพร้อมตบลงมากลางหลังด้วยแรงไม่มากไม่น้อยแต่เล่นเอาความคิดที่ลอยอยู่ในสากลโลกกลับคืนสู่หัวผมฉับพลัน เป็นการเรียกสติที่ทำให้ต้องรีบกลั้นหายใจพลางกระเดือกเส้นใหญ่ลงคอก่อนจะมีการคายของเคี้ยวแล้วลงไปลอยอยู่ในราดหน้าใหม่อีกครั้ง

“อะไรวะ!?”

ผมโวยทันทีที่เส้นใหญ่ไหลลงไปอยู่ในกระเพาะแล้วสูดอากาศเข้าปอดมาได้แบบปลอดภัย เมื่อกี้มือใครไม่รู้แต่ผมจ้องไอ้อ่อนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเป็นรายแรก ไอ้อ่อนเหมือนรับรู้รังสีอมหิตรีบเลื่อนแก้วน้ำลำไยที่เหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งมาตรงชามราดหน้าแล้วส่ายหน้าบุ้ยปากไปทางไอ้จั๊ว

“โรคจิตเหรอมึง ทำร้ายร่างกายกูตอนกำลังแดกข้าว เกิดกูสำลักเส้นใหญ่ตายเพราะราดหน้าขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ” ผมด่าพลางคว้าน้ำลำไยมาดูดดังโฮก

“จิตใจกูยังดีอยู่ มึงต่างหากที่ไม่มีมารยาท” ไอ้จั๋วตอบมาหน้าตาเฉย “เอาแต่แดกไม่เงยหน้าเงยตา รอบโต๊ะเขารอฟังเรื่องจริงผ่านจออยู่ไม่เห็นหรือไง”

คำบอกเล่าของไอ้จั๊วทำให้ผมต้องเหล่สายตาไปรอบตัวเพื่อจะเจอะเข้ากับสายตาอีกหกคู่จ้องแบบสอดรู้ตอบกลับมา อ้าว นี่ผมมานั่งกินข้าวอยู่กลางวงได้ไงวะ จำได้แต่ว่าเดินตามไอ้อ่อนมาตอนหมดชั่วโมงเรียน

“เรื่องจริงอะไรของมึง”

ผมกลบเกลื่อนทั้งที่รู้ดีว่าเรื่องอะไร แค่เห็นหน้าแต่ละคนที่นั่งล้อมวงจะตีไอ้กิมกันอยู่ก็รู้ หน้าเดิมๆที่ยกกันมาทั้งก๊กจากซุ้มโค้กเมื่อเช้า

“เรื่องจริงที่มึงวิ่งตามไปล้วงมาได้จากไอ้มิค” ไอ้อ่อนตอบพลางยื่นหน้ามากลางโต๊ะ

“ไม่รู้เว้ย” ผมก้มหน้าจ้วงคะน้าเข้าปากแล้วเคี้ยวแรงกว่าปกติ “กูตามมันไม่ทัน”

“โหย ไอ้กิม ตามไม่ทันแต่หายไปทั้งเช้า พวกกูจะเชื่อไหมเนี่ย” ไอ้จั๋วดักเหมือนรู้

“เพื่อนกันโว้ย เห็นกันอยู่หลัดๆมันมาเสียสติไปก็อยากรู้สาเหตุ มึงรู้อะไรบอกพวกกูมาเร็ว” ไม่พูดเปล่าแต่กระทุ้งศอกเร่งผมยิกๆ

ผมทำเมินศอกไอ้จั๋วที่กระแทกอยู่ข้างตัวแล้วจ้วงทั้งเส้นทั้งหมูเข้าปากอีกหลายคำ

“กูไม่รู้อะไรเลย อยากรู้อะไรพวกมึงไปถามมัน เย็นนี้ถ้ามันโผล่มาเตะบอลก็ถามเผื่อกูด้วย อิ่มแล้วปวดขี้”

ว่าเสร็จก็ยกชามราดหน้ากับขวดน้ำแดงที่ยังดูดไปไม่ถึงครึ่งออกจากโต๊ะ ก้าวเร็วๆให้ห่างจากระยะง้างตีนถึงของไอ้จั๋วและผองเพื่อน แล้วกลับสู่โหมดย้ำคิดย้ำทำ เหมือนที่เป็นมาทั้งเช้า ย้ำคิดไปถึงประโยคเดิมประโยคเดียวที่ไอ้มิคปล่อยออกมาอัดใต้ลิ้นปี่ก่อนสะบัดก้นเดินจากไป

ที่จริงแล้วไม่ใช่ว่าผมอยากทำเป็นอมพะนำเก็บความลับคับอกไว้คนเดียว เป็นไปได้อยากแหกปากถามให้ทั่วสาระทิศแล้วยกมือขอตัวช่วยมาตอบปัญหาว่ากูควรทำยังไงในสถานการณ์เพื่อนอยากเล่นเพื่อนของเพื่อนสนิท หากแต่คำถามที่อึดอัดอยู่ในอกมันค่อนข้างยากส์แก่การเอ่ยออกมาให้กระดากปาก กลัวว่าพ่นถามไอ้จั๊วไอ้อ่อนไปแล้วแทนที่จะได้คำตอบมาบรรเทาอาการย้ำคิดย้ำทำ เพื่อนจะตะลึงตึงๆตกเก้าอี้เจ็บไปตามๆกัน

คิดไม่ออกบอกไม่ถูกก็ได้แต่คิดไปถึงตาคมๆของไอ้มิคที่จ้องมาแบบแสนจะจริงใจจริงจังแล้วบอกผัวะออกมาว่าเมื่อคืนผมตกลงคบกับมัน ไอ้มิคไม่พูดอะไรต่อจากนั้นนอกจากมองหน้าผมนิ่ง นิ่งจนผมเองต้องเป็นฝ่ายหลบตา

ความรู้สึกแรกที่เกือบโผล่งออกไปคือคำแก้ตัว แก้ตัวว่าคนมันเมาเป็นหมาพูดอะไรเลอะเทอะจริงบ้างไม่จริงบ้างและที่สำคัญผมจำไม่ได้ แต่สายตานิ่งๆของไอ้มิคที่มองตรงมาทำให้ปากผมปิดสนิท ความเงียบหลังคำบอกเล่าทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยากให้ผมเอ่ยปากรับหรือปฏิเสธ ไอ้มิคเพียงแค่บอกให้รู้ บอกให้รู้ถึงเรื่องที่ผมบอกว่าจำไม่ได้โดยไม่เรียกร้องอะไร

ความนิ่งของไอ้มิคทำให้ผมรู้สึกประหม่า ถ้ามันแหกปากโวยวายทำตัวมึงมาพาโวยเหมือนที่เป็นอยู่เสมอ จับผมเขย่าซ้ายขวาหน้าหลังแล้วตะคอกบอกลูกผู้ชายพูดแแล้วต้องไม่คืนคำหรือทำเสียงเข้มขู่ให้ผมยอมรับเรื่องที่ผ่านมาเมื่อคืน ผมคงไหลไปตามน้ำตามเรื่องได้ง่ายกว่านี้ อาจเออออห่อหมกไปว่าเออตกลงมึงอยากเล่นเพื่อนเดี๋ยวกูเล่นกับมึงแบบขำๆ หรืออาจแหกปากบอกกูไม่รู้เรื่องแล้วทำเป็นโวยวายกลบเกลื่อนตามมันไป แต่สิ่งที่ไอ้มิคหยิบยื่นให้มาคือความเงียบ ความเงียบที่ทำให้เรื่องราวกลับกลายเป็นจริงจัง

ผมคิดไหมว่าเรื่องทั้งหมดเป็นการอำกันเล่น อำกันแรงตามนิสัยเสียๆของผู้ชายห่ามๆ คำตอบคือผมไม่คิด ถึงไอ้มิคจะเถื่อนจะดิบจะขี้แกล้งแบบเดาอารมณ์ไม่ถูกอยู่บ่อยครั้งแต่ก็แน่ใจว่าครั้งนี้ไม่ใช่หนึ่งในนั้น

ผมก้มมองปลายเท้าตัวเองอยู่อึดใจ เป็นอึดใจที่หลายสิ่งหลายอย่างวิ่งวนอยู่ในหัวและสุดท้ายสิ่งที่กำลังจะหลุดออกจากปากก็คงไม่พ้นคำขอโทษ ขอโทษทีกูจำไม่ได้ ขอโทษว่ะกูล้อเล่น โทษทีไอ้มิค หากแต่คำขอโทษที่คิดอยู่มากมายกลับพูดไม่ออกเมื่อเงยมาเจอกับสายตาที่มองตรงมา ตาสีอ่อนจัดจ้องมาเหมือนรู้สิ่งที่ผมคิด เหมือนรู้ว่าผมกำลังจะพูดอะไร ไอ้มิคส่ายหน้าแล้วบอกมาง่ายๆว่า ‘อย่าขอโทษกู’ ก่อนก้าวถอยหลังแล้วเดินจากไป

ปากผมยังหุบสนิทไม่ได้เอ่ยคำขอโทษ ไม่ได้ตะโกนเรียกให้อีกฝ่ายหยุด ได้แต่ยืนบื้อจ้องไอ้มิคที่เดินห่างออกไป มันพูดอะไรไม่ออกเพราะคำว่าอย่าขอโทษ อย่ามาขอโทษ ผมรู้ว่าเรื่องเมื่อคืนมันจริงจังจากท่าทางอีกฝ่ายแต่ไม่รู้เลยว่ามันจริงจังขนาดไหนจนได้ยินคำนี้ คำห้ามที่เหมือนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเกินกว่าจะขอโทษกัน

แล้วคนที่ไม่ยอมให้ผมเอ่ยคำขอโทษก็หายหัวไปทั้งเช้า ปล่อยไอ้กิมคิดมากคิดน้อยคิดไปเรื่อยว่าตกลงเรื่องมันจะเป็นยังไง ถ้าอีกฝ่ายโผล่เอาหน้ามาให้เจอมันจะทำหน้าแบบไหนแล้วผมจะมองหน้ามันยังไงหรือมันจะยังมองหน้าผมอยู่หรือไม่

“อ้าว ไอ้กิม ไม่น่าเชื่อว่ามาเรียนได้”

เสียงแห้งๆลอยผ่านหน้าผมไปแบบไม่เข้าหูแต่สัมผัสหนักๆเน้นๆที่ตบเข้ามากลางหลังที่เดียวที่เดิมกับตอนนั่งกินราดหน้าทำเอาต้องหลุดออกจากโหมดหมกมุ่น ทำไมวันนี้ใครๆถึงอยากทำร้ายร่างกายไอ้กิมกันจัง

“เป็นไงมึง หน้ายังเด้งไม่มีเหี่ยว นับถือๆ แล้วไปไงมาไงถึงได้มาเดินอยู่คนเดียวได้ บอร์ดี้การ์ดหน้าหล่อของมึงหายไปไหน?” ไอ้อ่ำเพื่อนข้างห้องประจำหอโผล่มาด้วยหน้าตาอิ่มเอิบตามปกติ

“บอร์ดี้การ์ดที่ไหน? คนอย่างกูนี่ยังต้องมีบอร์ดี้การ์ดอีกหรือวะ” ผมถามไปตามน้ำแล้วต้องหันไปมองเมื่อไม่มีอาการตอบรับจากคนข้างๆ

“อีกอย่างหน้ากูเนี่ยนวดครีมไข่มุกทุกคืน ถ้าเด้งสู้หน้ามึงไม่ได้ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว”

ผมต่อประโยคทันทีที่เห็นตาตี่ๆของไอ้อ่ำจ้องเขม็งอยู่กับหน้าผม สายตาอย่างนี้ท่าทางอย่างนี้บอกได้คำเดียวว่าไอ้อ่ำกำลังอาการกำเริบ

ไอ้อ่ำที่กำลังจ้องหน้าผมตาไม่กระพริบอยู่นี้ได้ฉายาว่าไอ้สำอางค์อ่ำซึ่งเป็นฉายาที่สมตัวชนิดไม่ต้องมีคำบรรยายอื่น อยู่ข้างห้องกันมาสองปีกว่า ทุกครั้งที่ผมถือวิสาสะเดินเข้าห้องมันไปหยิบยืมข้าวของหรือคุยเล่นไอ้อ่ำต้องมีอะไรอยู่บนหน้าเสมอ ไม่มาร์กกันสิวก็โคลนทะเลแดงเพื่อหน้าขาวตามแต่มันจะไปสืบเสาะแสวงหามาได้

ตอนรู้จักกันแรกๆ ตั้งแต่สมัยยังเป็นนักเรียนมัธยม ไอ้สำอางค์อ่ำพยายามจะล้วงความลับจากผมให้ได้ว่าไอ้กิมใช้ครีมอะไรหน้าถึงได้ขาวใสไร้สิว ตอนนั้นผมไม่รู้ว่ามันจริงจังจริงใจกับเรื่องนี้ชนิดที่เรียกได้ว่าเข้าขั้นจิตเภทเลยตอบไปว่าใช้สบู่นกแก้วล้างหน้า สองอาทิตย์ถัดมาไอ้อ่ำหน้าลอกเหมือนโดนขี้กลากกินสอบถามได้ความว่าเพราะสบู่นกแก้วหอมชื่นใจ

หลายคนเห็นพฤติกรรมรักหล่อของมันแล้วสงสัยถึงกับเอ่ยปากถามทั้งทางตรงทางอ้อมว่าไอ้อ่ำมันแอบสาวหรืออย่างไร คำถามที่ไม่มีใครตอบได้นอกจากเจ้าตัว และเป็นการตอบด้วยการกระทำใช่คำพูด ใครมีหนังดีหนังเด็ดอัดแผ่นมาจากไหนเป็นต้องเห็นหน้าขาวบ้างดำบ้างจากครีมพอกของไอ้อ่ำลอยอยู่ท่ามกลางความมืดแทบทุกครั้ง สรุปว่าไอ้สำอางค์อ่ำไม่ได้อยากสาว มันแค่รักหล่อเกินผู้ชายปกติก็แค่นั้น และขณะนี้มันก็กำลังเช็คสภาพผิวหน้าผมเหมือนทุกครั้งที่อาการกำเริบ

“ฮิฮะ ใต้ตาดำเป็นถุง รูขุมขนขยายขนาดนี้ยังมาปากดี” ไอ้สำอางค์อ่ำยิ้มสะใจกับสภาพผิวหน้าอันมัวหมองของผมก่อนต่อ

“ถึงจะมีบุญเกิดมาหน้าเนียนกว่าตูดแต่ถ้าเมาเป็นหมาอย่างเมื่อคืนบ่อยๆ ระวังเหอะไอ้กิมหน้าจะเหียกเข้าซักวัน” มันว่าอย่างจริงจัง

“แล้วมึงไม่ได้เปิดขวดอยู่กับกูรึไงวะ” ผมงึมงำพลางตวัดแขนพาดไหล่แล้วทิ้งน้ำหนักใส่อีกฝ่าย แบบเต็มตัว ได้ยินเรื่องเมาเป็นหมาแล้วรู้สึกแขนขาหมดแรง

“เฮ่ยๆ อย่ามาทำตัวใกล้ชิดกับกูแบบนี้” ไอ้อ่ำว่าพลางส่ายหน้าล่อกแล่กกวาดตามองไปรอบทิศระหว่างดันผมออกแบบผลักไสไล่ส่ง “แค่เมื่อคืนก็เล่นเอากูหัวใจจะวาย”

“เป็นอะไรของมึง มาเล่นตัวอะไรเอาป่านนี้” ท่าทางไอ้อ่ำเล่นเอาผมต้องกวาดตามองรอบตัวตามมันแล้วเหมือนพึ่งได้ยินประโยคสุดท้ายของเพื่อน

“เมื่อคืนทำไมวะ? กูเมาแล้วไล่ปล้ำมึงรึไง”

“สาด เมื่อคืนกูอยู่ห้องทำโปรเจ็คกับไอ้จุ๊บ ไม่ได้ไปเมาแล้วกลายพันธุ์กับพวกมึง อีกอย่างถ้ามึงหื่นปานนั้นรับรองโดนตีน” ไอ้อ่ำร่ายยาวแต่ไม่มีส่วนไหนตอบมาตรงคำถาม

“แล้วผมทำอะไรให้คุณล่ะครับ คุณอ่ำถึงกับเกือบหัวใจวายตาย” ผมถามพลางยกแขนออกจากอีกฝ่ายที่ขยับหนีไปอีกก้าวทันใด

ไอ้อ่ำหันมาหรี่ตามองผม “ถามจริงเหอะไอ้กิม” มันว่าพลางเขยิบเข้ามาใกล้เหมือนลืมว่าเมื่อกี้พึ่งออกสเต็ปหนีออกด้านข้าง

“มึงกับซี้เทพของมึงเนี่ยมีเบื้องลึกเบื้องหลัง อิอะจิจ๊ะอะไรกันรึเปล่าวะ”

“ใครวะซี้เทพกู แล้วเบื้องหลังเบื้องลึกอะไรของมึง เมากวนอิมปลอมรึไงไอ้อ่ำ” ผมหรี่ตามองกลับแล้วทำเล่นตัวเขยิบหนีมันบ้าง

“เฮ้ย!” ไอ้อ่ำร้องเสียงต่ำเหมือนขัดใจเหลือแสนแล้วขยับตามผมหลังกวาดตาไปรอบด้านเหมือนกลัวใครเห็น

“กูเนี่ยซื่อสัตย์สุจริต ปากไม่โป้งไม่เปาะ มึงไม่ต้องมาทำเป็นดิอินโนเซ็นท์กับกู มีอะไรบอกเพื่อน” มันทำเสียงกระซิบกระซาบ

“งั้นไหนเพื่อนอ่ำช่วยบอกเพื่อนกิมมาหน่อยซิว่าตกลงเมื่อคืนมีอะไร” คิ้วผมเริ่มขมวดประกอบการถาม รู้สึกว่ายิ่งคุยยิ่งไปคนละเรื่อง

“เมื่อคืนซี้เทพมึงผลักกู” ไอ้อ่ำตอบมาหน้าเครียดแล้วรีบต่อเมื่อเจอหน้าที่เครียดกว่าของผม หน้านิ่วคิ้วขมวดของผมที่ตีความได้ว่าตกลงวันนี้กูกับมึงจะคุยกันรู้เรื่องตอนไหน

“กูทำโปรเจ็คอยู่กับไอ้จุ๊บถึงเกือบตีหนึ่ง หิวสาดเลยลงไปหาอะไรแดก ขากลับเจอมึงเมาไม่รู้เรื่องอยู่หน้าทางเข้าหอ นั่งหลับน้ำลายเยิ้มเชียวมึง” ไอ้อ่ำเล่นซะเห็นภาพจนผมเผลอยกมือขึ้นเช็ดปาก

“กูเห็นมึงหลับฟุบอยู่คนเดียว ก็ว่าพวกไอ้อ่อนไอ้บีคงเอาตัวไม่รอดถึงได้เอามึงมาปล่อยหน้าหอ ด้วยความเป็นคนดีกูเลยเดินเข้าไปดู แม่งไอ้กิมเอ้ย สภาพมึงนี่เมาเป็นหมาของแท้ กูเลยต้องทิ้งชานมที่ดูดไปไม่ถึงครึ่งเพื่อมาหิ้วปีกมึง” เล่ามาถึงนี่ได้ไอ้อ่ำทำหน้ามีบุญคุณท่วมหัวผมทีเดียว

“แต่มึงเว้ย!” ไอ้ห่าอ่ำตะโกนพร้อมทำหน้าตาขึงขังแบบตื่นๆออกแอ็กติ้งประกอบการเล่าขึ้นมาแบบไม่มีการเกริ่นเล่นเอาผมสะดุ้งเพราะตามอารมณ์มันไม่ทัน

“ซี้เทพมึงโผล่มาจากไหนไม่รู้ แม่ง! ผลักกูหน้าหงาย เท่านั้นไม่พอยังหันมาจ้องกูเขม็งแล้วบอกว่าอย่ายุ่ง กว่ากูจะหายงงแล้วมองว่ามันเป็นใครแม่งก็หิ้วมึงตัวลอยผ่านไปถึงหน้าลิฟท์แล้ว ปล่อยกูนั่งจมถังขยะอยู่ซะงั้น” ไอ้อ่ำเล่าแบบออกรสเต็มที่ ผมก็ฟังด้วยใจจดจ่อเต็มขั้นจนต้องโพล่งถามออกไปว่าตกลงซี้เทพปริศนานั้นคือใคร

“หูย ตกลงเมาสมองไหลจนจำอะไรไม่ได้เลยใช่ไหมไอ้ตูด” ไอ้อ่ำส่ายหน้าดิ๊กแล้วต่อ

“ใครเล่าวะที่มันติดหนึบอยู่กับมึงทุกวัน โหดๆโฉดๆทำกับคนดีอย่างกูได้ก็มีอยู่คนเดียวนั่นล่ะ เดือนคณะหน้ามนของมึงไง ไอ้มิคน่ะไอ้มิค ทำอย่างกับกูเป็นไอ้หน้าโจรจ้องจะพรากพรรหม์จรรณมึงงั้นแหละ” ไอ้อ่ำโพล่งออกมาแบบแสนจะอัดอั้นตันใจ

ผมนึกภาพตามแล้วอ้าปากจะเถียงแต่เถียงไม่ออก เพราะทุกครั้งที่ไอ้มิคกับไอ้อ่ำเจอกันทีไร อารมณ์เรียบๆของไอ้มิคเป็นต้องกระตุกแบบไม่ให้ใครตั้งตัว แผ่รังสีว่ากูไม่ชอบมึงออกมาเต็มที่ ทั้งที่ไอ้อ่ำก็สำอางค์อยู่ของมันเฉยๆ

“เพราะเมื่อคืน กูถึงค้นพบว่าที่ซี้เทพมึงไม่ชอบขี้หน้ากูไม่ได้เป็นเพราะกูบังอาจไปหล่อทาบรัศมีแต่เป็นเพราะมึงมาสนิทกับกู” ไอ้อ่ำหยุดไปอึดใจแล้วหันมาจ้องหน้าผม

“มันหวงมึง”

“เฮ่ย มันจะมาหวงกูทำไม ใช่ว่ามันจะมีกูเป็นเพื่อนคนเดียวซะเมื่อไหร่ พูดอะไรเลอะเทอะแล้วไอ้อ่ำ” ปากผมกระตุกอัตโนมัติ

ไอ้อ่ำหรี่ตาแล้วเบ้ปาก ตีความได้ว่าอย่ามาทำหน้าซื่อไม่รู้เรื่อง “ไม่ต้องทำเป็นใสซื่อไอ้กิม เพื่อนมึงแสดงอาการโจ่งแจ้งขนาดนั้น ไม่ใช่แต่กับกูกับคนอื่นมันก็เป็น” ไอ้อ่ำหยุดไปพักก่อนต่อ

“กูสังเกตมานานล่ะ เพื่อนแม่งเยอะ แต่เวลาอยู่กับมึงเท่านั้นที่มันจะออกอาการ ยิ่งเมื่อคืนยิ่งชัด ถึงขนาดเอามือเปล่ากับเสื้อตัวรองอ้วกให้มึงนี่ ถ้าไม่มีอะไรยังไงก็จะประเสริฐเกินเพื่อนไปหน่อยแล้ว”

เรื่องเก่าเอามาเล่าใหม่ที่ไอ้อ่ำพึ่งคายออกมาเล่นเอาผมตาโต “อ้วก?”

“เออ มึงนั่นแหละจะมีใครอีก อุตส่าห์ขึ้นลิฟท์ไปได้ถึงหน้าห้อง เสือกหมดความพยายามอ้วกแตกอ้วกแตน ถ้าไม่ได้ซี้เทพมึงรองอ้วกด้วยมือป่านนี้ป้าลำไยได้ด่าไปถึงอากงมึงแล้ว”

คำบอกเล่าของไอ้อ่ำเล่นเอาผมรู้สึกเหมือนโดนเบิ้ดกระโหลกเป็นรอบที่สี่ของวัน อยู่ดีๆภาพนิมิตที่ไม่ได้ติดอยู่ในหัวก็วาบเข้ามาเหมือนวีดีโอกรอซ้ำ อาการพะอืดพะอมจนต้องก้มตัวโก่งคอคายของเก่า มือขาวๆของคนที่ยืนอยู่ชิดติดกันกดหัวผมให้โน้มไปชิดติดแผ่นอก เสื้อยืดสีอ่อนถูกดึงชายทำเป็นที่รองให้อ้วกใส่ ความร้อนจากฝ่ามือที่ลูบอยู่ชิดติดหลังระหว่างยืนนิ่งให้ผมอ้วกใส่เสื้อที่ตัวเองใส่อยู่ ไม่มีคำด่าไม่มีอาการสบถ มีแต่ความอุ่นจากฝ่ามือและแผ่นอกแน่นๆที่ปักหลักให้ผมเอนพิง

“เอ้าถึงกับเงียบ ที่ถามเนี่ยไม่ได้อยากเสือกแต่ถามเพราะเป็นห่วงนะโว้ย เพื่อนมึงก็เหมือนเพื่อนกู มาเขม่นกันอย่างนี้รู้สึกแย่ว่ะ”

ไอ้อ่ำว่าพลางเดินฉีกไปทางซุ้มโค้กที่เกิดเหตุเมื่อเช้า ก่อนหายลับไปกับฝูงนักศึกษามันหันมาล่ำลาว่าเจอกันที่หอ เย็นนี้มีหนังดีพึ่งได้มา

ผมได้แต่พยักหน้าตอบไปตามเรื่อง แต่สมองยังจ้องติดอยู่กับวีดีโอกรอซ้ำที่เล่นอยู่ในหัว จากการอ้วกใส่ตัวคนที่หิ้วปีกกันอยู่เปลี่ยนไปเป็นความเย็นจากผืนผ้าที่รับรู้ได้แบบครึ่งหลับครึ่งตื่น เสียงเข้มคุ้นหูที่บอกให้กินยากันแฮ็งค์กับมืออุ่นร้อนที่ยื่นมาช่วยพยุง หน้าขาวๆตาคมๆท่ามกลางแสงสลัวกับประโยคที่ได้ยินแผ่วเบาแต่กลับชัดเจน

คิดมาได้ถึงตรงนี้หน้าผมก็ไหม้ขึ้นมาเฉียบพลัน เลือดลมสูบฉีดเหมือนโดนจับกรอกเสือสิบเอ็ดตัวกับเหล้าขาว แต่ความจำไหลมาแล้วมันไม่หยุดง่ายๆ หน้าขาวๆที่ผมเห็นอยู่เลือนๆโน้มลงมาใกล้ มือที่ลูบผ้าเย็นผ่านผิวเนื้อเปลี่ยนมาจับหน้าผมให้หันไปหาแล้วเอ่ยย้ำ

‘เห็นรึเปล่า กูอยู่ตรงนี้ อยู่มาตลอด ทำไมยังต้องไปมองใคร’


-----------------------------------------


หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที3.....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 27-08-2010 22:32:45
อีกสิบนาทีหกโมง ผมนั่งตากแดดอยู่ข้างอัฒจัณฑ์ดูเพื่อนพ้องนักกีฬาวิ่งเปรี้ยวแย่งบอลกันอุตหลุดอยู่ในสนาม เล่นกันมาจนจะหมดครึ่งแรกก็ยังไม่มีการทำประตูจากฝ่ายไหน ยิ่งมองยิ่งไม่มีสมาธิเพราะตามันพาลแต่จะเหล่ซ้ายขวาหน้าหลัง เหล่หาหน้าคมๆคุ้นๆที่ไม่ยอมโผล่มาร่วมออกกำลังกายกับเพื่อนฝูง

ตั้งแต่ที่หันก้นให้ผมเมื่อเช้า ไอ้มิคก็ทำตัวหายสาบสูญ โดดเรียนตั้งแต่ชั่วโมงแรกยันชั่วโมงสุดท้าย ไอ้อ่อนที่โดนผมทำเบลอใส่หลังราดหน้าโผล่หน้ามารายงานก่อนวิ่งลงไปเตะบอลว่าโทรติดต่อไอ้มิคไม่ได้ พาเอาความสงสัยของแต่ละคนยิ่งพุ่งสูง ส่วนผมนั้นไม่ได้โทรหาอีกฝ่ายแม้แต่หนึ่งมิสคอลเพราะไม่รู้ว่าโทรไปแล้วจะพูดอะไรกันยังไง

กะว่าตกเย็นมาไอ้มิคอาจอารมณ์เย็นลงแล้วเอาหน้ามาให้เห็นแถวสนามบอล เจอหน้ากันแล้วจะเป็นยังไงค่อยว่ากันอีกที แต่หลังจากนั่งส่ายหน้าทำตาล่อกแล่กมาเกือบชั่วโมงก็ยังไม่มีทีท่าว่าเพื่อนกูจะโผล่มา มีแต่สาวๆสาวแล้วสาวเล่าเดินเข้ามาถามหาดาวซันด์โวประจำทีมจนผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพีอาร์ขึ้นมาตะหงิดๆ

“สรุปว่าเย็นนี้แม่งก็ไม่มา ท่าทางจะไม่ใช่เล่นๆแล้วงานนี้” ไอ้อ่อนปาดเหงื่อพลางยกขวดน้ำขึ้นราดหัว

“เซ็งว่ะ ไอ้มิคไม่มาสาวๆก็ไม่มี” อีกเสียงไม่ใกล้ไม่ไกลเอ่ยขึ้นลอยๆพาเอานักหวดลูกหนังอีกหลายชีวิตที่ลากสังขารกันออกมาจากสนามทำหน้าแห้งแล้งไปตามๆกัน

“เหนื่อยฉิบ กี่โมงแล้ววะ ไปหาอะไรแดกกันดีกว่า” ไอ้จั๋วว่าระหว่างเปลี่ยนเสื้อกลางที่แจ้งก่อนหันมาทางผม “มึงเอาไง ไปด้วยกันเปล่า”

ผมก้มดูนาฬิกา ทุ่มสามสิบห้า ถ้าเป็นปกติไอ้กิมต้องส่ายหน้าส่ายหัวแล้วย้ายสังขารชื้นเหงื่อหลังการเตะบอลไปอยู่แถวโรงช้าง เปลี่ยนบทจากนักกีฬาไปเป็นผู้ชมติดขอบสนามบาส นั่งมองหนึ่งในดวงใจจนตาเยิ้มแล้วกลับไปหลับฝันดี แต่ณ เวลานี้บอกตรงๆว่านักกีฬาเบอร์สี่ค่อนข้างจะเลือนๆในความคิดเนื่องจากหน้าใครอีกคนมันคอยแต่จะลอยขึ้นมาแทนที่

ผมพยักหน้าตอบไอ้จั๊วแล้วลากสังขารแห้งเหี่ยวไม่แพ้พลพักนักเตะอีกหลายชีวิตไปหาของกินกระแทกปาก ระหว่างทาง เสียงพูดคุยเฮฮาของเพื่อนฝูงที่ดังอยู่รอบตัวกลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่างจนเดินกันมาถึงร้านข้าว และระหว่างที่นั่งกินข้าวล้อมวงท่ามกลางผู้คนมากมายผมกลับยิ่งรู้สึกว่างเปล่าจนวูบโหวง

แล้วอยู่ดีๆคำตอบที่หันไปเจอโดยไม่คิดก็เล่นเอาต้องชะงักตะเกียบอยู่คาปาก คำตอบที่กลายเป็นหน้าไอ้อ่อนแทนที่จะเป็นหน้าคุ้นๆของใครอีกคนบนเก้าอี้ตัวติดกัน

เก้าอี้ข้างตัวกลางวงข้าว ที่นั่งถัดไปในห้องเล็คเชอร์หรือแม้แต่ข้างสนามบอล บนรถไฟฟ้า ในร้านเหล้า ไม่ว่าที่ไหนๆไม่ว่าเมื่อไหร่ คนที่ผมจะเห็นเมื่อหันไปก็คือหน้าหล่อเว่อร์ของไอ้มิค ไอ้มิคที่มักจะยืนอยู่ชิดติดกันเสมอ

“เป็นอะไรของมึง หน้ากูมีอะไรติดอยู่หรือไง”

ไอ้อ่อนถามแต่ผมไม่ตอบเพราะสิ่งที่ได้ยินอยู่ในหัวกลับเป็นประโยคสั้นๆที่ทวงถามด้วยเสียงเข้มๆกับสายตาคมๆในแสงสลัว

ผมลุกออกจากโต๊ะทันทีที่ตระหนักได้ว่าความว่างเปล่าข้างตัวเกิดจากอะไร ปากบอกไปรอบวงว่าอิ่มแล้วกูกลับก่อนแล้วเดินออกมาโดยไม่รอฟังใคร ในมือกดเบอร์โทรออกเบอร์ล่าสุดแล้วรอฟังเสียงต่อสัญญาณด้วยใจจดจ่อ เสียงต่อสายดังเพียงครั้งเดียวแล้วกลายเป็นระบบฝากข้อความ

ผมตัดสายทิ้งแล้วโทรเข้าอีกเบอร์ เบอร์คอนโดไอ้มิคดังอยู่เป็นนาทีก่อนกลายเป็นระบบฝากข้อความเช่นกัน ผมตัดสายทิ้งแล้วกระโดดขึ้นรถเมลล์คนละสายกับทางไปหอ ถึงไม่รู้ว่าตอนนี้คนที่อยากเจออยู่ส่วนไหนของกรุงเทพแต่ผมขอไปตั้งหลักที่คอนโดมันแล้วกัน ถ้าไอ้มิคไม่อยู่ผมจะรอจนกว่ามันจะกลับ จะรอจนได้เจอหน้าแล้วนั่งลงคุยกันให้รู้เรื่อง


คิดไว้ว่ายังไงก็จะรอจนกว่าจะเจอ แต่หลังจากนั่งหง่าวคาเก้าอี้นวมในล็อบบี้แสนไฮโซมาร่วมสามชั่วโมงไอ้กิมก็หมดลิมิต ห้าทุ่มเข้าไปแล้วไอ้มิคยังไม่มีทีท่าว่าจะโผล่มาแม้แต่เงา พนักงานเฝ้าเคาเตอร์ประจำคอนโดบอกว่าคุณโดมินิคออกไปตั้งแต่เช้าแล้วยังไม่กลับเข้ามา บอกมาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก เหมือนจะพยายามบอกใบ้ว่ารอไปก็เหมือนหายใจทิ้งเปล่าๆปลี้ๆ กลับบ้านกลับช่องไปเหอะน้องเอ้ย

รอจนเหี่ยว ไอ้จะเดินดุ่มๆขึ้นลิฟท์ไปนั่งดูโทรทัศน์รอในห้องก็ทำไม่ได้ กับหน้าเคาเตอร์ปราการด่านแรกไม่มีปัญหาเพราะไอ้มิคเอาหน้าผมมาแนะนำไว้แล้ว แต่ที่มีปัญหาคือการเปิดประตูเข้าห้อง ตอนเจ้าของห้องยื่นการ์ดสำรองให้มาไอ้ผมก็ดันไปส่ายหัวปฏิเสธ เพราะคิดว่ายังไงเวลามาคอนโดสิบแปดล้านนี้ผมก็ต้องติดมากับไอ้มิคอยู่แล้ว ให้มาเองจะมาทำไม หอผมอยู่ใกล้มหาลัยกว่าตั้งเยอะ ด้วยเหตุนี้และเหตุนั้นไอ้กิมก็เลยต้องมานั่งจ้องหน้ากับสาวพีอาร์จนจืดกันไปทั้งคู่

“ไอ้น้อง ไม่ลองโทรไปถามดูล่ะว่าเพื่อนจะกลับเมื่อไหร่ เดี๋ยวก็ได้นั่งอยู่จนรถเมลล์หมดล่ะนั่น” เสียงแหบๆของพี่รปภลอยมาเป็นการแนะนำ

“… ยังไงผมกลับก่อนดีกว่า ถ้าเจ้าของห้องกลับมาฝากพี่บอกให้เขาโทรหาผมหน่อยนะครับ” ผมลุกจากเก้าอี้นวมแล้วยื่นกระดาษจดชื่อกับเบอร์ตัวให้สาวพีอาร์ที่รับไปอ่านออกเสียงเหมือนต้องเช็คพิสูจน์อักษร

ฝากชื่อฝากเบอร์เป็นที่เรียบร้อยหลังนั่งหลังงอรอมากว่าสามชั่วโมง ผมก็หมดอารมณ์นั่งรถเมลล์ทำมิวสิคตอนดึกดื่น ส่ายตาเจอมอเตอร์ไซด์วินได้ก็บอกจุดหมายปลายทางพลางตกลงราคาแล้วคว้าหมวกกันน็อคคลอบถุงพลาสติกมาใส่ติดหัว

ยี่สิบนาทีระทึกใจผ่านไปไอ้กิมก็ได้วาดขาลงจากเบาะยามาฮ่า สี่สิบบาทที่จ่ายไปถือว่าคุ้มทีเดียวกับการเอาหัวใจเราไปออกกำลังกาย ยิ่งตอนเจ้าของยามาฮ่าเลี้ยวแบบทิ้งเข่าปาดหน้าปอออแปด หัวใจไอ้กิมก็ตกวูบไปอยู่ตาตุ่มแล้วกระฉอกกลับมาอัดอยู่แถวลิ้นปี่ด้วยความเร็วพอๆกับตอนโดนทิ้งดิ่งลงจากไวกิ้งที่ดรีมเวิลด์

สะเปะสะปะขึ้นบันไดมาได้ถึงหน้าห้องอารมณ์ระทึกค่อยสงบ ผมแหย่กุญแจไขล็อคพลางคิดหาคำตอบว่าป่านนี้ไอ้มิคอยู่แห่งหนตำบลใดของกรุงเทพ อยู่คนเดียวหรืออยู่กับใคร? ทำอะไรในที่มืดที่แจ้ง? คิดแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวเพราะยิ่งคิดยิ่งมีแต่คำถามไม่มีคำตอบ คำตอบเดียวที่รู้คือมันไม่อยากเจอผม ไม่อยากเห็นหน้ากันก็เลยทำตัวหายสาบสูญอย่างนี้

คิดแล้วเจ็บตับปวดกระเพาะ ไม่รู้จะทำยังไงนอกจากผลักประตูห้องเปิดระบายอารมณ์ สิ่งแรกที่พุ่งกระแทกตาคือความมืด มืดตึดตือและเงียบสงัด ผมถอดรองเท้าด้วยการเหยียบส้นซ้ายทีขวาที เปิดสวิซไฟแล้วเกือบสาวแตกกรี๊ดให้ได้ยินกันไปทั้งตึก ต้นเหตุความตกใจคือไอ้คนที่มานั่งอยู่บนโซฟาข้างเตียงนิ่งๆในห้องคนอื่น นั่งนิ่งๆมืดๆเงียบๆประหนึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตจากอดีต

“ไอ้มิค!?”

ผมโพล่งออกไปแล้วแทบกระโจนใส่อีกฝ่าย ใจเหี่ยวๆตั้งแต่ตอนนั่งหลังงอรอที่คอนโดกลับพองขึ้นอย่างประหลาด แต่ไอ้มิคที่นั่งหันหลังให้ประตูยังคงนิ่งเฉยไม่ขยับ

“ไอ้มิค ทำไมมานั่งอยู่มืดๆไฟเฟยไม่เปิด”

ผมยิงคำถามพลางยื่นมือไปคว้าไหล่อีกฝ่าย เจ้าของไหล่ยอมหันมาไม่เล่นตัวแต่สายตาที่เงยมามองกันบอกได้คำเดียวว่า อ้าวเว้ยเฮ้ย! มันยังดุไม่เลิก ดุเข้มข้นไม่ผิดกับตอนเขวี้ยงขวดโค้กให้เพื่อนนักศึกษาแตกตื่นเมื่อสิบโมงเช้า

“ทำไมพึ่งกลับ”

ไอ้มิคถามมาเข้มๆ เข้มทั้งเสียงและสีหน้าเล่นเอาไอ้กิมต้องเลื่อนตัวเองห่างออกมาสองก้าวโดยอัตโนมัติ และโดยที่ยังไม่ทันจะตอบอะไรไอ้มิคก็พลิกโผจากนั่งนิ่งให้ผมจับบ่ากลายมาเป็นฝ่ายใช้ฝ่ามือพิฆาตคว้าหมับมาที่แขนผม รวดเร็วว่องไวเกินกว่าไอ้กิมจะแปรท่าร่างโต้ตอบได้ทัน

“ถึงไม่มีกู มึงก็ไม่รู้สึกอะไร” เสียงต่ำๆเรียบๆไม่บ่งบอกอารมณ์แต่กลับทำเอาเท้าผมที่กำลังจะก้าวถอยหลังชะงักอยู่กับที่

“ไม่มีกู มึงก็ยังไปนั่งเฝ้ามันได้จนป่านนี้… ทั้งที่กูคิดอยู่แต่เรื่องของมึงอย่างกับคนบ้า”

มือร้อนๆบนแขนผมไม่ได้บีบรัดหรือดึงรั้ง สายตาที่มองมาแม้จะดุไม่ผิดกับเมื่อเช้าแต่พอมองใกล้ๆมันกลับหม่นแสง “สำหรับมึง กูมันก็แค่นี้ใช่ไหมไอ้กิม”

“กูไม่ได้ไปนั่งเฝ้าใคร มึงต่างหากหายหัวไปไหนมา”

ผมทำเสียงเข้มสวนกระแสอารมณ์ตกของคนตรงหน้า ไอ้มิคที่เป็นอย่างนี้ผมไม่เคยเห็นและไม่อยากเห็น ให้มันลุกขึ้นมาฟาดหัวฟาดหางอย่างที่ออกอาการเมื่อเช้ายังดีเสียกว่า อย่างน้อยผมก็รู้ได้ว่ามันกำลังโมโหไม่ใช่เศร้าจนทำเอาใจคนมองกระตุก

“โดดเรียนแม่งทั้งวันบ้านช่องก็ไม่กลับ ปล่อยกูนั่งมองหน้ากับรปภคอนโดมึงจนจะท้องหนุ่มไปทั้งคู่”

“………” ไม่มีการตอบรับจากบุคคลที่ท่านเรียก

“กูเป็นห่วงนะโว้ย” ผมว่าพลางทิ้งก้นลงบนโซฟา

“… มึงไปรอที่คอนโด” ไอ้มิคถามสีหน้าไม่เชื่อถือแต่ตาสีอ่อนที่ผมมองอยู่เหมือนจะไหววูบ

“เออ ก็มึงปิดมือถือหนีหน้ากูไม่ใช่รึไง แล้วตกลงหายไปไหนมา” ผมรีบยั้งปากก่อนจะหลุดอีกคำถามที่ว่า ‘กับใคร’

ไอ้มิคยังคงเงียบก่อนทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวเดียวกัน มือขาวๆยกขึ้นลูบหน้าอย่างแรง มือขาวๆที่แค่มองผมก็รู้สึกได้ถึงความอุ่น ความอุ่นบนแผ่นหลังที่เจ้าของมือหยิบยื่นมาลูบไล่อาการคลื่นเหียน มือขาวๆของผู้ชายที่ไม่ได้ผิดจากมือผมเท่าไหร่แต่กลับให้ความรู้สึกดีเหลือแสน

“ไปทำให้หัวมันเย็น แล้วก็มารอมึง” ไอ้มิคตอบหลังเงียบไปนาน

“แล้วทำไมไม่โทรมา กูจะรู้ไหมว่ามึงมารออยู่นี่”

เสียงผมยังเข้มไม่เลิกแต่ในใจนี่เหลวเป๋ว ทั้งๆที่หันหลังเดินจากไปแบบนั้นแล้วหายตัวไปทั้งวัน ทั้งๆที่ไม่เคยจะง้อใคร แต่มันก็ยังคิดเรื่องของผมจนมานั่งอยู่นี่

“………”

“กูขอโทษที่อ้วกใส่เมื่อคืน แล้วก็ขอบใจ… ที่อยู่เป็นเพื่อน”

“… มึงรู้”

“เออ กูรู้… รู้ว่ามึงอยู่ตรงนี้” ผมว่าพลางตบที่ว่างข้างตัว

“ไม่ว่ากูจะมีสติหรือเมาเป็นหมาอย่างเมื่อคืน มึงก็อยู่ตรงนี้ อยู่มาตลอด”

ประโยคในความคิดหลุดออกจากปากผมพร้อมสายตาคนข้างๆที่หันขวับมามองกันเหมือนเห็นตัวประหลาด

“กูขอโทษที่รู้ตัวช้าไปหน่อย”

“เออ หัวช้าเป็นบ้า” ไอ้มิคว่าพลางเอนตัวพิงมาทางผมหลังจากที่กั๊ก ทิ้งก้นห่างไปถึงอีกมุมโซฟาตั้งแต่หย่อนก้นนั่ง

“แล้วมึงจะยอมให้กูอยู่ข้างๆ ยอมรับกูที่คิดกับมึงมากกว่าเพื่อนได้หรือเปล่า”

ไอ้มิคยิงคำถามเปิดประเด็น หน้าหล่อๆที่อยู่ห่างกันเพียงช่วงไหล่พิงมีแววไม่มั่นใจส่งออกมาให้ผมได้เห็นเป็นครั้งแรกนับแต่คบกันมา

“กู… ไม่รู้ว่ะ”

ถึงผมจะรู้สึกว่างข้างตัวมันว่างเปล่าจนโหวงเหวงเวลาไม่มีไอ้มิคอยู่ด้วย แต่ถ้าให้ถามถึงความรู้สึก ผมไม่เคยคิดอะไรกับมันมากไปกว่ามึงมาพาเฮอย่างที่เป็นอยู่ บอกตรงๆว่าตั้งแต่สร่างเมาแล้วความคิดย้อนกลับจากเมื่อบ่ายจนป่านนี้ ผมยังไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่เรียกได้ว่าเกิดมาเป็นศัตรูกับชายแท้ทั้งโลกในทุกคุณสมบัติและมุมมองอย่างไอ้มิคจะชายตามาแลแล้วเก็บเอาไอ้กิมไปฝัน ยิ่งเห็นหน้าไม่มั่นใจประหนึ่งกำลังขอความรักจากนางสาวไทยแล้วยิ่งตอบไม่ถูก

“ไม่เป็นไร” แต่ไอ้มิคที่จ้องหน้าผมสายตาจริงจังกลับเอ่ยออกมาง่ายๆ

“กูจะรอจนกว่ามึงจะรู้ แต่ระหว่างรออย่าให้เห็นว่าไปมองใคร ไม่งั้น”

มีการทิ้งช่วงเล็กน้อยให้คนคอยฟังอย่างผมได้กลืนน้ำลายดังเอื้อก น้ำลายไหลผ่านลูกกระเดือกพลางคิดไปว่าคราวหน้าขวดแป็บซี่คงหล่นไม่ถึงพื้นเพราะจะมีหน้ามีหัวไอ้กิมเป็นฐานรอง

“ไม่งั้น กูจะเสียใจมาก”

“…………”

กรี๊ด! เล่นไม้นี้แถวบ้านไอ้กิมเรียกชกใต้เข็มขัดนะเว้ยเฮ้ย



โปรดติดตามตอนต่อไป

-------------------------------------------------------------------

ปล.คุณหมี เจ้าของเรื่อง อาจจะเข้ามาดูนะค่ะ  ไงก็ช่วยเม้นท์กันหน่อยคะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที3.....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 27-08-2010 23:28:55
โว๊ววววววว น่ารักจริงจริงพ่อคุณหนูกิมใจอ่อนเถอะอย่าให้เพื่อนมิกซี้เทพเสียใจนะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที3.....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 27-08-2010 23:30:02
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

"ไม่งั้นกูจะเสียใจมาก"

โอย ตายๆๆๆ ถ้าเราเป็นกิมเรายอมให้หมด เอาไปเลยมิคทั้งตัวทั้งหัวใจ ยกให้แบบคอมพลีทลี่เลยยยยยยยยยยย
(ไม่ไหวแล้ว ปลื้มมากอ้ะ แว้กกกกกกกกก)
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที3.....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 28-08-2010 00:03:58

น่ารักมาก น่ารักจริง
ได้ประโยคสุดท้ายของซี้เทพ ..ไม่งั้น กูจะเสียใจมาก... หุหุ

กับชอบเวลาใช้คำว่า..ผม.. แล้วบรรยายความว่าหมายถึง..ไอ้กิม
เขียนสนุก วิธีการเล่าเรื่องก้อเก๋ไปอีกแบบ
รออ่านต่อไปด้วยคนค่า
:L2: :L2:

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที3.....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 28-08-2010 00:21:23
กิมแบบมิคหายากนะอย่าให้หลุดมือล่ะ
กิมออกแนวฮาตลอด :laugh:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที3.....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 28-08-2010 01:56:33
น่ารักค่ะ :-[ :impress2: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที3.....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 28-08-2010 02:07:37
สนุกอ่ะ อย่าปล่อยนิคให้หลุดมือนะกิม  :oo1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที3.....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 28-08-2010 03:22:46
มิคได้บอกความรู้สึกของตัวเองแล้วนะกิม  ว่าแต่กิมเหอะจะตอบรับหรือเปล่าละ :L1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที3.....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 28-08-2010 08:35:18
ถ้ากิมรู้ตัวช้าขนาดนี้ มิคก็เอาสูตรลัดจับกดมาใช้เลย :jul3:
ไม่ใช่แล้ว 55 มีของดีอยู่ข้างตัวแบบนี้ ก็ไม่ต้องมองใครที่ไหนแล้วเนอะ  :z1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที3.....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 28-08-2010 10:25:42
เรื่องนี้สนุกจัง มิคกับกิม

ชอบอะ นายเอกดูเอ๋อๆ ดีนะ พวกความรู้สึกช้า

พระเอกก็แนวเถื่อนๆ ชอบอะ



"ไม่งั้นกูจะเสียใจมาก"  << โดนเต็มๆ
เพราะฉะนั้นอย่าทำให้มิคเสียใจนะจ๊ะหนูกิม

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที3.....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 28-08-2010 11:14:00


ได้ข่าวว่าตอนนี้เค้าเครียดกันมาก...แต่ทำไมตูอ่านไปก็หัวเราะไปด้วยฟ่ะ...ไม่เข้าจ๊ายยยย ยย ย ยย...ไม่เข้าใจ =^= b


กิมเอ๊ยยยยยย...จะต้องรอให้เห็นว่ามิคหายไปจริง ๆ ก่อนหรือไง ถึงจะรู้ว่าใจตัวเองต้องการอะไรหน่ะ - -"

เข้าใจว่ามันยากที่จะยอมรับเรื่องนี้...แต่ถ้าลองมองย้อนกลับไปดี ๆ...กิมอาจจะเห็นว่าจริง ๆ ตัวเองก็ขาดมิคไม่ได้เหมือนกันนะ

เค้าว่ากิมเองก็น่าจะประทับใจการกระทำที่ผ่านมาของมิคอยู่เหมือนกันนะ...ทั้งเทคแคร์ดูแลสารพัด

ยิ่งประโยคเด็ดตอนสุดท้าย...ที่ปล่อยออกมาฮุคซ้ายแบบไม่พลาดเป้าเนี่ย...ชนะใจแม่ยกมิคกิมกันถ้วนหน้า

แหมะ...เป็นเราหน่อยไม่ได้...ได้ยินประโยคนี้ คงกระโดดกอดจูบมิคไปแล้ว...กร๊ากกกกกกกกกกกกกก ก ก ก กส์

(โดนแม่ยกมิคกิม กระโดดถีบยอดหน้า -*-)
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที3.....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 28-08-2010 16:31:07
เข้ามาบอกว่า  จะมาแปะ ประมาณ  4ทุ่มนะค่ะ 

ถ้าไม่มีอะไรผิพลาด  คือคนแปะเพิ่งตื่น :laugh:                                                                                                                 
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที3.....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 28-08-2010 19:26:34
กรี๊ดดดดดดดดดดด
มิคน่ารักเวอร์
โคตรปลื้มเลยอ่ะ
 :o8:
ไม่ไหวแล้ว
มาต่อเร็วๆเน้อ (ข้าพเจ้าหลงอ้ายมิคซะแล้ว)
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1.....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 28-08-2010 22:47:34
ตอบที่ PM มาถามนะคะ เรื่องรักจังนี้เป็นชื่อเรื่องตั้งแต่แรกที่คุณหมีแต่งมาค่ะ โพสที่บอร์ด Luscious ค่ะ

คุณหมีแต่งจนจบเรียบร้อยแล้วค่ะ Happy แน่นอน เสพได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวค้างนะคะ






รักจัง.....ตอนที่4.1


“ปุจฉา ควายผอมๆตัวหนึ่งยืนอยู่ริมตลิ่ง มันอยากกินปลา ถามว่ามันจะทำยังไง” คำถามบั่นทอนปัญญาจากไอ้อ่อนดังขึ้นกลางวงข้าวมื้อบ่ายๆ เหมือนเคย

“ควายที่ไหนกินปลา จะถามทั้งทีอย่าทำตัวโง่กว่าคนตอบสิวะ” ไอ้จั๋วตะโกนตอบเป็นคนแรก

“ก็กูบอกว่าควายผอมๆตัวหนึ่ง หมายความว่ามันอดอยากมาแล้วหลายวัน เห็นปลาว่ายอยู่ในน้ำแล้วอยากแดกไม่ได้หรือไง”

“กูว่ามันคงทำตัวให้สมกับเป็นควาย ตัดใจแล้วไปหาหญ้าแดกแทน”

“ไม่ๆ กูว่าแม่งเดินลุยน้ำ ยืนนิ่งๆรอจังหวะแล้วใช้กีบตะปบ ใช่เปล่าไอ้อ่อน?”

“เป็นไปไม่ได้ ควายเนี่ยมันโง่ อยากกินปลาแม่งต้องคิดไม่ออก ได้แต่ยืนโง่อยู่อย่างนั้น”

“ผิดหมดล่ะพวกมึง ควายอยากแดกปลามันก็แค่สั่งลูกสมุนที่เกาะอยู่บนเขา ให้โฉบลงไปเกี่ยวปลาติดตีนมา”

“ที่เกาะอยู่บนเขาควายมันนกเอี้ยงนะเว้ยไม่ใช่พญาอินทรีย์ จะได้เกี่ยวปลาติดอุ้งตีนมาให้มึงกินได้”

“มึงรู้ได้ไงว่านกเอี้ยงจับปลาไม่ได้ บ้านเป็นสวนนกรึไงไอ้โยม ขึ้นชื่อว่านกเหมือนกันเนี่ย แสดงว่าความสามารถมันต้องครือกันล่ะวะ” ไอ้บีไม่ยอมแพ้ พยายามใช้ทฤษฏีตระกูลสัตว์ปีกเข้าข่ม

“เฮ้ยหยุด!” ไอ้อ่อนรีบยกมือทำปรางห้ามญาติก่อนไอ้โยมจะได้อ้าปากเถียง “กูถามเรื่องควายกินปลาไหงแม่งกลายเป็นเรื่องนกได้วะ พวกมึงนี่ ตอบไม่ได้แล้วทำมาเบี่ยงประเด็น แล้วมึงไอ้กิม” ไอ้อ่อนหันมาทางผมสายตาเหยียดหยาม

“เอาแต่นั่งแดกไม่คิดจะมีส่วนร่วมกับเพื่อนกับฝูง ตอบมาว่าควายตัวนี้จะทำยังไง”

ซะงั้น กูนั่งอยู่ของกูดีๆ “ที่กูนั่งเงียบเนี่ยไม่ใช่จะทำตัวแตกแยก แต่กำลังคิดอยู่ว่าต่อไปประเทศไทยคงต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติถึงร้อยละเก้าสิบห้า ดีไม่ดีอาจถึงขั้นต้องเอาเขมรพม่ามาฝึกภาษาไทย” ไอ้อ่อนและรอบโต๊ะถึงกับออกอาการไก่ตาแตกกับคำตอบของผม

“เพราะอนาคตของชาติเองมันดันปัญญาอ่อน เวลาว่างแทนที่จะเอาไว้แดกข้าวหรือไม่ก็ทบทวนบนเรียน ทำอะไรก็ได้ที่มันมีสาระกับชีวิต นี่อะไรของพวกมึง มานั่งตอบปัญหาปัญญาอ่อนกันหน้าเขียวหน้าดำ” ผมร่ายยาว รู้สึกหงุดหงิดบอกไม่ถูก

“ปากดีจริงๆไอ้กิม” ไอ้จั๋วเอ่ยชมผมเป็นรายแรก “แต่ขอโทษ ถึงพวกกูจะทำตัวอ่อนน้อยด้อยปัญญาสนองความวัวความควายของไอ้อ่อน แต่ก็ยังมีความสมดุลย์ในอารมณ์กันอยู่”

“ถูก กูถามคำถามไอคิวต่ำแต่อีคิวนี่เกินมีน” ไอ้อ่อนรับลูกทันควัน

“ไม่เหมือนมึง ทำตัวเป็นคนมีสาระแต่อีคิวต่ำเตี้ยติดดิน หงุดหงิดใครก็ไปลงที่เจ้าตัวมัน อย่ามาแยกเขี้ยวน้ำลายย้อยใส่พวกกู”

ไอ้อ่อนไอ้จั๋วด่ามาได้ตรงประเด็นจนผมถึงกับเถียงไม่ออก ได้แต่ก้มหน้าซดน้ำก๋วยเตี๋ยวแก้ฝืดคอ

“มีอะไรกันว้าไอ้กิม กูเห็นมึงเป็นอย่างนี้มาจะอาทิตย์ ทะเลาะกับไอ้มิคหรือไง” ไอ้อ่อนเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นผมไม่เปิดปากเถียงเหมือนเคย

“เออ กูว่าจะถามตั้งแต่เมื่อเช้าว่าซี้มึงไปไหน ที่แท้พ่อแง่แม่งอน เรื่องของผัวเมียจะตีกันนี่เอง” ไอ้โยมปล่อยสำนวนไทยไม่ดูสถานการณ์ มันคงไม่เห็นว่าหน้าผมที่ก้มเคี้ยวลูกชิ้นหมูอยู่กำลังจะเปลี่ยนเป็นกวนอู

ผมเคี้ยวลูกชิ้นอย่างแรงทิ้งท้ายแล้วยื่นมือข้ามโต๊ะไปตบกระโหลกไอ้โยมดังป้าบก่อนคว้าคอล็อคหัวมันมาตีเป็นกลองพัทลุงอีกชุดใหญ่ พ่อแง่แม่งอนใช่ไหม ใครผัวใครเมียของมึง นี่เอาไปอีกที

“เฮ้ย?!”

คนใต้รักแร้ผมร้องเสียงหลง พยายามสู้ด้วยการก้มตัวลงต่ำ หนีเข้าเขตตัวเองโดยใช้โต๊ะข้าวเป็นตัวคั่น

“ไอ้กิม! พอๆ ปัญญาชนไม่ใช้ความรุนแรงในที่สาธารณะ จะเชือดศัตรูต้องอุ้มไปทำกันเงียบๆ” ได้ยินเสียงไอ้อ่อนแว่วมาว่าอย่างนั้นก่อนแขนผมที่ล็อคคอไอ้โยมอยู่จะถูกดึงจากด้านหลังด้วยแรงไม่มากไม่น้อยแต่เล่นเอาถึงกับเซถอยมาหลายสเต็ป

“…………”

เซแปะเข้ากับอกแน่นๆ หันไปเจอหน้าคุ้นๆตาคมๆแล้วไอ้กิมก็เกิดอาการสะบัดสะบิ้ง ยกมือขึ้นดันตัวเองออกจากคนข้างหลังโดยอัตโนมัติ เป็นผลให้มือร้อนๆบนต้นแขนกระชับแน่นขึ้นทันควัน

ผมพยายามดึงแขนออกโดยไม่ให้เป็นที่สังเกตของเพื่อนฝูง แต่ไอ้อ่อนไอ้จั๋วที่หันมาเจอคนข้างหลังผมก็ดันหันมาให้ความสนใจ ออกอาการทักทายกันจนไอ้กิมออกแอ็กติ้งดึงแขนคืนไม่ได้ สุดท้ายต้องหันไปกระซิบลอดไรฟันว่าปล่อยกูพร้อมจ้องตาไปแบบที่คิดว่าดุที่สุดในชีวิต แรงที่แขนถึงคลายลงให้ผมดึงออกได้ในที่สุด

“หายไปไหนมามึง โผล่มาเอาป่านนี้”

ไอ้บีตะโกมถามข้ามหัวระหว่างผมทิ้งตัวลงนั่งเบียดลงกับไอ้จั๋วไอ้อ่อนตามเดิม ไม่สนใจไอ้มิคที่ยืนอยู่ข้างหลังว่าจะไปหาที่นั่งเอาตรงไหน อารมณ์ขุ่นๆที่ได้ระบายออกกับหัวกลองพัทลุงของไอ้โยมเหมือนจะฟุ้งขึ้นมาอีกครั้ง

“ทีหลังจะไปไหนก็ฝากข่าวมาบอกกันบ้าง พวกกูจะได้ไม่ต้องโดนสาวๆค้อนใส่เวลาตอบเขาไม่ได้ว่ามึงหายหัวไปไหน” ไอ้โยมว่าพลางพยายามเซ็ทหนามบนหัวก่อนจะหันมาทางผมสีหน้าจริงจัง

“เฮ้ย หรือมึงไปเอายาให้ไอ้กิมที่โรงหมอ แม่ง กูว่าแล้ว อาการอย่างนี้เพราะขาดยานี่เอง”

“สาดโยม ยาอะไรของมึง” เขี้ยวผมเริ่มงอกน้ำลายเริ่มย้อยแต่ก่อนจะได้กระโจนไปงับหัวไอ้โยมก็มีอันต้องเกร็งไหล่ขึ้นมาเฉียบพลันเพราะมือร้อนๆที่วางลงมาบนไหล่ ซ้ายและขวา

ไอ้มิคใช้ไหล่ผมเป็นที่พักมือโดยไม่ยอมล่าถอยไปหาที่นั่ง ดูเหมือนว่ามันจะจับคลื่นอารมณ์และอาการทิ้งก้นนั่งไม่สนใจมึงของผมได้ คนข้างหลังผมเลยเล่นไม้นิ่ง ปักหลักยืนอยู่ชิดติดหลังประหนึ่งเป็นร่างประทับพร้อมจะเข้าสิงคนทรงได้ทุกเมื่อ

“อารมณ์ไม่ดี?”

ไอ้มิคทำตัวไม่สนใจเพื่อนฝูงและสถาณการณ์ ก้มลงถามผมเสียงนุ่มพร้อมยิ้มหล่อ เห็นหน้ายิ้มๆกับคำถามเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวจากอีกฝ่ายแล้วผมแทบทิ้งมาดแมน ลุกขึ้นส่ายสะโพกโยกหัวพร้อมออกสเต็ปกระทืบเท้ากลางโรงอาหาร

สงสัยใช่ไหมครับว่าไอ้กิมเป็นบ้าอะไร ขึ้นเรื่องมาก็หงุดหงิดอารมณ์เน่าโดยไม่มีการเกริ่นที่มาที่ไป เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วกับเหตุการณ์ชกใต้เข็มขัด หนึ่งเดือนนับจากวันที่ไอ้มิคสารภาพความในใจกับผม และเป็นหนึ่งเดือนที่ผมรู้สึกว่าโดนคุกคามสิทธิเสรีภาพมากที่สุดตั้งแต่สละคำนำหน้าว่าเด็กชายแลกกับบัตรประชาชนมา โดนจำกัดความเป็นตัวของตัวเองประหนึ่งพม่าอพยพเข้าไทยแบบผิดกฏหมาย มีตำรวจคอยโผล่มาสั่งให้ร้องเพลงไทยเช็คสัญชาติอยู่ทุกหัวถนน

ต้นเหตุความอัดอั้นตันใจ คนริดรอนสิธิเสรีภาพของผมไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นคนที่บอกว่า ‘ไอ้กิมกูจะรอ อย่าไปมองคนอื่นไม่งั้นกูจะเสียใจ’ ไอ้มิค ไอ้มิคที่กลายเป็นเหาฉลาม เดินหน้าถอยหลังเลี้ยวซ้ายหันขวาไม่มีพลาดจังหวะการติดตาม นี่ถ้ามันกระโดดขึ้นมาขี่หลังผมได้เหมือนผีสาวในชัตเตอร์กดติดตายมันคงทำไปแล้ว

ทั้งที่มันบอกเองว่ารอผมได้ ถ้าผมเกิดตาเหล่ตาส่อนมองหลุดทางตรงที่มีมันเดินประกบหน้าอยู่ มันจะเสียใจ แต่การแสดงออกของไอ้มิคกลับตรงกันข้ามกับคำพูดชนิดแปลไทยเป็นขอมให้เขมรฟัง

หนึ่งอาทิตย์เต็มๆที่ผ่านมาเพื่อนซี้ที่อยากหันมาเป็นมากกว่าเพื่อนของผมแปลงร่างเป็นพระเอกช่องเจ็ดแล้วยัดเยียดบทนางเอกช่องสามให้ผมโดยไม่มีการถามความสมัครใจ ไอ้มิคไม่ใช้ศอกใช้ตีน ไม่มึงมาพาโวยกับผมเหมือนก่อน แต่มันจะสวมบทพระเอก พูดจาดี ส่งสายตาหวานและเป็นสุภาพบุรุษโคตรๆจนบุรุษเหมือนกันอย่างผมถึงกับนึกว่าตัวเองง่อยเปลี้ยเสียขาไปแล้วถึงต้องมีคนคอยไปรับไปส่ง คอยเทคแคร์ดูแลกันตั้งแต่แปดโมงเช้ายันห้าทุ่ม จนถึงกับเก็บไปหลอนในฝันว่าตัวเองใส่กระโปรงนักศึกษากับเสื้อนิสิตชายนั่งอยู่บนรถเข็นคนพิการ

ไอ้มิคทำตัวหน้ามือเป็นหลังตีนติดกับผมอยู่ด้วยบทพระเอกแต่ก็เสือกเปลี่ยนเป็นผู้ร้ายข้ามช่องได้ทุกเมื่อที่เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมสถาบันเฉียดเข้ามาทำตัวตีซี้กับผม ขนาดไอ้อ่อนไอ้โอ้ยังต้องคุยห่างๆอย่างห่วงๆกับไอ้กิมโดยไม่รู้สาเหตุ รู้แต่ว่าถ้าเข้ามาในรัศมีนี้จะโดนคนข้างๆผมจับกินตับอย่างสยอง เรียกว่าเพื่อนร่วมคณะร่วมวงฟุตบอลนั้นโดนหางเลขความเป็นผู้ร้ายของไอ้มิคกันไปถ้วนหน้า

เท่านั้นยังไม่พอ ไอ้มิคกลืนน้ำลายตัวเองที่ว่ากูรอได้ซะป่นปี้โดยทำตัวคลุกวงในชนิดปากว่ามือถึงหรือปากไม่ต้องว่ามือมันก็ถึงกับผมทุกครั้งที่มีโอกาส ถึงเนื้อถึงตัวชนิดว่าถ้าไอ้กิมเป็นสาวคงต้องเอาปี๊บคลุมหัวเดินหลีกเลี่ยงการโดนปาหินรุมประชาทัณฑ์จากสาวทั้งมหาลัย

ปากมันที่เคยว่ารอกันได้หันมากระทำย่ำยีกับหน้ากับหัวผมชนิดไม่มีการเกรงใจสายตาประชาชี ผมที่โดนลวนลามทางตรงจากเพื่อนซี้ถึงกับมือกระตุกเสยปลายคางเจ้าของปากไปเต็มหมัดในครั้งแรกๆ แต่ดูท่ามวยผมจะไปกระตุ้นต่อมซาดิสซ์ไอ้มิคเข้าอย่างจัง มันถึงได้ออกอาการจะเอาผมเป็นเมียหนักหน่วงขึ้นทุกวัน เหมือนกับจะใช้กลยุทธ์รวบหัวรวบหาง เจาะไข่แล้วค่อยเอาใจทีหลัง

เรียกว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมาผมต้องคอยระวังตัวอยู่ทุกลมหายใจ ระวังโดนเจาะไข่เป็ด ระวังไม่ให้ตาส่อน ถึงขั้นต้องเลิกเป็นแฟนพันธ์ุแท้ของเบอร์สี่ ณ สนามบาสอย่างที่ทำมาตลอดสี่เดือน เหนื่อยไปหมดทั้งใจกาย แต่ผมก็อุตส่าห์ทนทรหดอดกลั้นเพราะคิดถึงน้ำใจคนข้างๆที่แม้ว่ามันแทบจะกระโดดมานั่งเป็นหัวโขนบนหัวผมอยู่รอมร่อแต่จากสายตาก็มองออกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความจริงใจจริงจัง

แต่แล้วสิ่งที่ทำให้เชือกเส้นน้อยๆในใจผมต้องขาดสะบั้นก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆเมื่อวาน เรื่องที่มีบุคคลที่สามและสี่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างงงๆว่าเหตุไฉนถึงได้เป็นฉะนี้

บุคคลที่สามที่เข้ามาโดนหางเลขมาดผู้ร้ายของไอ้มิคไปเต็มๆในงานนี้คือไอ้อ่ำ ไอ้สำอางค์อ่ำที่อยู่หอห้องติดกับผม ส่วนมือที่สี่ที่ไม่รู้ว่าโผล่มาเกี่ยวข้องได้อย่างไร มาแต่ชื่อที่ถูกพาดพิงถึงแต่เล่นเอาแทบกระอักกันออกมาเป็นเลือดคืออดีตเบอร์สี่ในดวงใจ

เมื่อวานหลังทำตัวเป็นอนาคตของชาติอยู่ประมาณหกชั่วโมงกว่าๆ ก็ได้เวลาออกกายบริหารเป็นหมู่คณะอย่างที่ทำมาตลอดตั้งแต่นอยออก เลือกตัวจริงตัวแถมกันได้เมื่อต้นปี ผมและผองเพื่อนอีกสิบเก้าชีวิตกรูกันลงไปวิ่งเปรี้ยวแย่งบอลกันอย่างเมามันส์อยู่กลางสนามบอลหน้าตึกวิศวะ พวกเราวิ่งสับขาหลอกล่อฝ่ายตรงข้ามและฝ่ายตัวกันอย่างเอาเป็นเอาตายโดยไม่ได้ยินเสียงปอมๆเชียร์จากข้างสนามแม้แต่หนึ่งหวีดร้อง สาเหตุเนื่องมาจากวันนี้คนที่สาวแห่กันมาเชียร์ไม่มาให้เห็นหัว

คนที่สาวแห่กันมานั่งหน้าขาวเชียร์ไม่ต้องเฉลยชื่อก็คงพอรู้ว่าคือดาวซัลโวล์หน้าคมอารมณ์เรียบ ไอ้มิคคนดังนั่งเอง ยิ่งตั้งแต่เหตุการณ์ปาขวดแตกกลางลานโค้กเมื่อเดือนก่อน แฟนคลับไอ้มิคยิ่งเพิ่มจำนวนพรวดๆจนน่าตกใจ ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาว่าเพราะสาวๆเขาแน่ใจว่าตอนนี้ดอมินิคไม่มีตัวจริง เนื่องจากน้องน้ำหวานโดนขวดแป็บซี่ปา ตกกระป๋องไปแล้ว

เล่าลือกันไปได้ผิดความเป็นจริงจนหาทางกลับไม่ถูก แต่ก็ดีแล้วที่คนเข้าใจผิดไปอย่างนั้น การที่ไอ้มิคมาแสดงอาการถูกเนื้อต้องตัว จะเอาเพื่อนที่เดินติดกันอยู่ข้างๆอย่างผมเป็นเมียก็เลยไม่มีใครติดใจสงสัยคิดตามมาทางนี้ สรุปแล้วคือไอ้มิคก็ยังเป็นขวัญใจประชาชีทั่วมหาลัยอยู่ดีไม่มีตก

และสาเหตุที่เย็นนี้ไอ้มิคยอมตีจาก ปล่อยไอ้กิมออกมาวิ่งเริงร่าท่ามกลางเพื่อนพ้องน้องพี่โดยไม่ตามมาคุมก็เพราะมันต้องไปซ้อมเดินแบบการกุศลของสมาคมผู้ประกอบการอะไรซักอย่างที่แม่มันนั่งเก้าอี้ประธานอยู่

ชะชะช่า ได้ยินมาทีแรกถึงกับต้องขอยืนมองหน้ากันนิ่งๆ รู้อยู่ว่าเพื่อนหล่อ เพื่อนรวย แต่ไม่คิดว่าจะไฮโซเป็นเซเรบมีงานการกุศลให้เดินอะไรแบบนี้ แต่ก็ว่านะครับ ลำพังตัวไอ้มิคเองให้มีคนเอาเงินหมื่นเงินแสนมายื่นให้แลกกับการไปเดินหล่อบนพรมแดงพรมเขียวมันก็คงเดินผ่านไปเฉยๆ แต่เนื่องจากงานนี้แม่ขอมา ลูกกตัญญูผิดหน้าตาท่าทางอย่างเพื่อนผมก็เลยต้องทำตัวว่าง่าย ไปซ้อมความเป็นไฮโซกับหมู่ลูกคนมีกะตังค์ตามสังคมเขา

ไอ้มิคจากไปทำหน้าที่ให้วงศ์ตระกูลหลังบังคับคลุกวงในกับผมในห้องเปลี่ยนเสื้อนักบอลไปอย่างหนำใจ ก่อนไปยังทิ้งสายตาดุๆโดยไม่ต้องมีคำพูดว่าระวังสายตาอย่าให้ส่อนแล้วบอกมาอีกประโยคด้วยเสียงทุ้มๆว่าคืนนี้จะมาหาที่ห้องหลังซ้อมเสร็จ อย่าระเห็จหายไปไหน

อุเหม่ เป็นประโยคที่ได้ยินแล้วแข้งขาถึงกับกระตุก ยันไอ้คนที่ยืนค้ำหัวไปเต็มตีนพร้อมเตือนความจำมันไปว่ากูนี่เพื่อนมึง ไม่ใช่อีหนูเสี่ยหรือสาวรายวัน แต่คนอยากทำตัวเป็นเสี่ยกลับไม่สะทกสะท้าน จับขาผมได้พ่อเล่นลูบเนื้อๆเน้นๆตั้งแต่หน้าแข้งถึงขาอ่อน เสยมาซะขนหน้าแข้งลุกเป็นหนาม เล่นเอาผมต้องเป็นฝ่ายออกแอ็กติ้ง กระโดดเหยงหนีมาตั้งหลักหลังไอ้อ่อนที่เดินหนีไปทันทีอย่างรู้คิว


หลังเตะบอลท่ามกลางเสียงเชียร์กันเองระหว่างนักบอลเสร็จ ก็ได้เวลายกพลเข้าร้านอาหารแล้วแยกย้ายกันกลับบ้านกลับหอ ผมเองเข้าห้องมาได้ก็อาบน้ำปะแป้งแล้วนั่งผึ่งแอร์ก่อนเป็นอย่างแรก กำลังจะเปิดแผ่นหนังที่พึ่งได้มา ไอ้อ่ำก็โทรข้ามห้องมาชวนไปดูหนังเด็ดแดนซามูไรกับมันอย่างรู้จังหวะ
ได้ยินคำว่าหนังเด็ดจากปากไอ้อ่ำทีไรให้แปลว่าหนังโป๊หนังเปลือยไว้ก่อนเป็นใช้ได้ ที่จริงตอนนั้นผมไม่ได้มีอารมณ์อยากเห็นนวลเนื้อนมนางของสาวประเทศไหนๆแต่อย่างใด แต่หลังจากโดนไอ้มิคคอยจ้องจะเจาะไข่เป็ดอยู่ทุกวี่ทุกวัน ผมก็เลยต้องรีบตอบรับคำชวนไอ้อ่ำด้วยกลัวว่าจะตายด้านโดยไม่รู้ตัว

ไอ้อ่ำนั่งหื่นรอท่าผมอยู่อย่างที่คิดด้วยหน้าดำเป็นถ่าน สอบถามได้ความว่าวันนี้เป็นมาร์คหน้าเด้งยี่ห้อดังที่มันไปเสาะแสวงหามาได้ก่อนจัดแจงหันไปยัดแผ่นหนังเข้าเครื่อง ทันทีที่ชายกับหญิงบนจอหันหน้ามาให้เห็นผมถึงกับหลุดอุทานออกมาจนไอ้อ่ำสะดุ้ง

ผู้หญิงชาตินี้ยังขาวสวยและตู้มเกินพิกันเหมือนเคยแต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องเบิกตาจ้องจอทีวียี่สิบสี่นิ้วไม่กระพริบก็คือผู้ชายหนึ่งเดียวที่หันหน้ามาให้เห็น ลูกครึ่ง ไม่สิ ฝรั่งที่ละม้ายคล้ายไอ้มิคทั้งรูปร่างหน้าตาจนตอนแรกผมนึกว่าเพื่อนซี้แอบกัดผมซีดแล้วผลันตัวไปเป็นดาราโดยไม่บอกกล่าว แม้ดูดีๆจะเห็นว่าฝรั่งซิกซ์แพ็คในจอทีวีคมเข้มไม่สูสี สูงล่ำไม่เท่าร่างทรงหัวโขนของผม แต่สมองผมนี่
เกิดอาการรวนเรซวนเซไปเสียแล้ว อุตส่าห์หนีมาดูหนังโป๊กับไอ้อ่อนยังโดนร่างเสมือนไอ้มิคตามมาหลอนถึงนี่
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1.....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 28-08-2010 22:49:22
ต่อคร๊าฟ...ยาวจัด
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

นักแสดงในจอออกลีลากันอย่างถึงอกถึงใจเหมือนไม่ใช่การแสดง ทั้งลวดลายทั้งน้ำเสียงและความอึดเล่นเอาคนดูอย่างผมกับไอ้อ่ำต้องกดหยุดไว้ครึ่งเรื่อง พักยกไปต้มมาม่ามาทดแทนเหงื่อและเกลือแร่ที่เสียไประหว่างอาการลุ้น ไอ้อ่ำลุ้นไปขนาดไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าผมเองต้องยกมือขึ้นนวดตา เอนหลังลงพื้นพร้อมคว้าหมอนมาปิดเป้า เพราะรู้สึกจะมองตามความเคลื่อนไหวของพระเอกหนึ่งเดียวในจอมากไปหน่อย

ระหว่างรอมาม่าสามนาทีผมเหลือบมองภาพนิ่งในจอที่นิ่งค้างอยู่ในท่าหวาดเสียวแล้วต้องแอบถอนหายใจยาว ระบายความอึดอัดในปอดและในเป้า กำลังจะลุกไปเข้าห้องน้ำก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ไอ้อ่ำยกมาม่าคัพสองถ้วยออกมาจากครัวโดยใช้สองแขนหนีบน้ำเย็นกับแก้วเปล่าติดมาอีกสองใบ ผมที่วาดขาออกไปโดยไม่ทันมองเลยเหมือนเตะกวาดใส่ขาไอ้อ่ำที่เดินมาด้วยความพยายามให้นิ่งเข้าเต็มๆ

ได้ยินเสียงไอ้อ่ำร้องเฮ้ย! อย่างดัง พร้อมกับความร้อนจากถ้วยมาม่าราดลงมาให้ผมได้ร้องเอ๋ง เอ๋งเดียวดังๆพร้อมทะลึ่งพรวดขึ้นจากพื้น จับชายเสื้อได้ก็ถอดแล้วปาตามด้วยกางเกงขาสามส่วนที่มีมาม่าทั้งถ้วยส่งควันฉุยอยู่กลางเป้า ผมปาเสื้อปากางเกงแล้ววิ่งเป็นชีเปลือยมีกางเกงในแอ็ปเปิ้ลติดตัวอยู่เพียงหนึ่ง พรวดเดียวถึงห้องน้ำ ไอ้อ่ำที่โดนน้ำร้อนราดมือก็วิ่งสี่คูณร้อยกระโดดตัวลอยเข้ามายืนแย่งน้ำฝักบัวกับผมพร้อมส่งเสียงซี๊ดๆกันอย่างพร้อมเพียง

จังหวะนั้นเองที่เรื่องราวมันเกิด จังหวะที่ผมยังคงซี๊ดปากไม่เลิกพร้อมเอาฝักบัวจ่อหน้าท้องที่แดงเป็นเถือก ไม่รู้ว่าไอ้อ่ำมันสำนึกผิดหรืออย่างไร ผมคิดว่ามันคิดจะหันไปคว้ายาสีฟันมาป้ายแผลน้ำร้อนลวกให้แต่ดันคว้าผิดคว้าถูกได้สบู่เหลวล้างหน้าขวดละห้าร้อยของมันมาบีบใส่พุงผมให้ไหลย้อยไปถึงแอ็ปเปิ้ล

ด้วยอารามตกใจหรืออะไรก็แล้วแต่ไอ้อ่ำยังคงมองผิดมองถูกจากสบู่เป็นยาสีฟัน แล้วยื่นมือมาละเลงเหมือนจะช่วยสมานแผลพร้อมซูดปากซี๊ดๆด้วยหน้าเหยเกเหมือนมันต่างหากที่เป็นคนเจ็บ ส่วนผมนี่ถึงขั้นล้มก้นจ้ำเบ้า ปากตะโกนโหวกเหวก พยายามปัดมือไอ้อ่ำที่ละเลงจากหน้าท้องลามมาเกือบถึงของสงวนในกุงเกงลิง

จังหวะนั้นเองที่เรื่องมันเกิดจริงๆ ประตูห้องน้ำที่แง้มอยู่ครึ่งๆกลางๆถูกผลักเปิดกระแทกกำแพงดังเปรี้ยง! เปรี้ยงเดียวชัดๆถนัดหูที่ทำเอาไอ้อ่ำหยุดมือไอ้กิมหยุดปาก แต่หยุดได้ไม่ถึงครึ่งนาทีก็ต้องร้องเสียงหลงหนักกว่าเดิมเมื่อคนที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำกระโจนเข้าใส่ไอ้อ่ำแบบทุ่มทั้งตัวโดยมีหมัดลุ่นๆน้ำหน้ามาทั้งกำปั้น

ไอ้อ่ำเจอเข้าไปหนึ่งหมัดอัดหน้าถึงกับกระเด็นถอยหลังเหมือนฉากบู๊ในหนังเฉินหลง แต่ไอ้มิคที่เข้ามาร่วมเปียกในห้องน้ำแคบๆเหมือนมองไม่เห็นผลจากหมัดตัว สืบเท้าเข้าหาไอ้อ่ำที่ล้มลงไปกองกับพื้นแบบกะซ้ำทั้งมือทั้งเท้าพร้อมสบถเป็นซาวว์แท็คเร็วรัว

เห็นท่าเพื่อนแล้วต้องรีบกระเด้งพรวดจากท่านั่งอ้าซ่าเข้าไปยื้อยุดฉุดกระชากไอ้มิคไว้สุดกำลัง ยังดีที่ไอ้อ่ำไม่ได้สลบเหมือดคาที่ พอเห็นไอ้มิคย่างสามขุมเข้าหาโดยมีผมพยายามยื้ออยู่ข้างหลังมันเลยรีบตะกายลุกพลางตะโกนอธิบายเป็นการใหญ่ ไอ้มิคที่ไม่รู้ว่าฟังรู้เรื่องได้เรื่องไปแค่ไหนหยุดกึกแล้วหันมาคว้าคอผมด้วยความเร็วแสง จังหวะนั้นไอ้อ่ำเหมือนเห็นช่องทาง รีบกระโจนผ่านวงล้อมออกไปไวปานวอก

เพื่อนรอดแล้วแทนที่ไอ้กิมจะได้ถอนหายใจให้โล่งอกกลับต้องเป็นฝ่ายตะเกียดตะกาย อยากวิ่งตีนไม่ติดพื้นตามไอ้อ่ำไปติดๆ แต่เนื่องจากโดนหิ้วอยู่ทั้งคอสิ่งที่ทำได้นอกจากการวิ่งคือนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว ปล่อยให้ประตูห้องน้ำตรงหน้าถูกปิดลงดังเปรี้ยงอีกครั้ง

เหตุการณ์หลังจากนั้นเป็นไปได้ไม่อยากเล่า เป็นไปได้อยากเก็บมันไว้หลังบานประตูจนกว่าจะลงโลงหรือเข้าเมรุเผา แต่ถ้าไม่เล่าอารมณ์มันจะไปไม่ถูก ไหนๆก็ไหนๆไอ้กิมจะยอมกลืนศักดิ์ศรีลูกผู้ชายแล้วเอาเรื่องลับของตัวเองมาคายในที่แจ้ง ว่าประสบการณ์ประกบปากดูดกับผู้ชายด้วยกันแล้วลามปามไปถึงขั้นเกือบโดนรีดน้ำเชื้อออกจากร่างนั้นมันดุเดือดเลือดพล่านปานไฉน

ทันทีที่เหลือเพียงลำพังเราสองท่ามกลางพื้นห้องน้ำเจิ่งนอง ไอ้มิคใช้ฝ่ามือมารบีบบังคับทิศทางให้ผมหันไปหา และทันทีที่สบเข้ากับตาสีอ่อนแต่แววตาเข้มข้นขุ่นขลัก ปากผมก็รีบอ้าแล้วหุบหุบแล้วอ้า อธิบายเรื่องราวชนิดที่เรียกได้ว่าแทบจะทวนประโยคไอ้อ่ำคำต่อคำ

มาถึงตอนนี้นึกย้อนกลับไปแล้วยังงงตัวเองว่าทำไมต้องลนลานแก้ตัวจนลิ้นพันกันขนาดนั้น ถ้าผมเปลี่ยนบททำเสียงเข้มตาคมตะคอกไอ้มิคกลับไปมันจะทำอะไรได้ ตอนนี้คิดได้อย่างนี้แต่ ณ นาทีนั้นผมคิดอะไรไม่ออกนอกจากการทำให้คนที่ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าลดความเกร็งของกล้ามเนื้อแล้วเปลี่ยนสายตามามองกันดีๆ

ไอ้มิคยืนนิ่งเหมือนรับฟังเรื่องราวอยู่เป็นนาทีจนผมค่อยลดอาการเกร็ง แต่แล้วจู่ๆคนที่ยืนเฉยกลับเกร็งมือกระชับคอผมแน่นขึ้นพร้อมปล่อยหมัดฮุคซ้ายมาแบบเต็มวงสวิง ผมที่เห็นจากหางตาว่าหมัดลุ่นๆมันมาลิบๆถึงกับออกแอ็กติ้งเอียงคอ เก็บลูกตาดำแล้วย่อตัวเตรียมลดแรงปะทะรอล่วงหน้า แต่อาการเจ็บที่คิดว่าจะได้มาเต็มๆกลับกลายเป็นอาการจุกเพราะฮุคซ้ายที่เห็นตีวงมากลับกลายเป็นแขนที่วาดมารัดกันเข้าไปทั้งตัว

โดนกวาดไปทั้งตัว กลายเป็นแนบชิดแนบสนิทตั้งแต่หน้าผากยันถุงแอ็ปเปิ้ล กำลังจะอ้าปากเตรียมทักท้วงว่าเฮ้ย มึงปล่อยกู ก็กลับต้องนิ่งสนิทด้วยว่าจิตจะออกจากร่าง สาเหตุคือปากร้อนๆที่ฟาดเพี้ยะลงมาแล้วไม่อยู่นิ่ง ทั้งดูดทั้งดึงพลางจับหน้าผมพลิกซ้ายพลิกขวาเหมือนจะลามเลียไปให้ทั่วทุกพื้นที่สัมผัส ปากร้อนๆของไอ้มิคที่ประกบลงมา ชั่ววินาทีผมรู้สึกเหมือนโดนเหล็กแดงร้อนแนบเข้ามาให้สะดุ้ง ร้อนฉ่า ร้อนผ่าว ร้อนจนรู้สึกเบลอไปชั่วขณะ

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ไอ้มิคเล่นผมถึงขั้นปากกระแทกปาก เล่นกันถึงขั้นเบลอให้หาทางตีโต้ไม่ถูก และทันทีที่เสียงจ๊วบประหลาดจากริมฝีปากล่างส่งผ่านมายังใบหู ผมกลั้นหายใจโดยอัตโนมัติ แล้วพยายามกลอกตาเหลือกๆกลับมามองหน้าอีกฝ่ายที่แปะติดกันอยู่ พยายามจะใช้ภาษาตาสื่อสารให้มันรู้ว่าปากกูมีอยู่แค่นี้มึงจะดูดไปถึงไหน จะเอาให้แก้มให้คางกูหายจ๊วบเข้าไปในปากมึงเลยหรือไง แต่สิ่งที่เห็นจากสองตาถ่างๆคือขนตายาวเป็นแพกับคิ้วที่ขมวดเป็นปม

ไอ้มิคที่บังคับล็อคผมให้กลายสภาพไม่ผิดจากกบเสียบไม้ แขนกางขาถ่างเปิดท้องขาวแปะติดอยู่กับมัน แล้วก้มลงมากระแทกปากกันด้วยสีหน้าที่ไม่สามารถเรียกได้ว่ากำลังมีอารมณ์ จากคิ้วขมวดมุ่นกับแรงมือบนคอบนหน้าผมพร้อมแรงดูดดึงริมฝีปากประหนึ่งจะเล่นกันให้เส้นเลือดฝอยแตก บอกให้รู้ว่าอารมณ์เจ้าของปากที่ร้อนจนแทบไหม้กำลังขุ่นมัวถึงขั้นขุ่นขลัก

กำลังงงว่าทำไมคนกระทำมันกลับหน้านิ่วคิ้วขมวดประหนึ่งว่าเป็นฝ่ายถูกกระทำย่ำยี สงสัยจนอาการเบลอเจือจาง ร่ำๆจะตวัดตีนข้างว่างในน้ำนองที่ตอนนี้ออกอาการเปื่อยขึ้นเสยหน้าแข้งอีกฝ่ายเรียกร้องความสนใจ ก็พอดีกับที่เจ้าของปากดูดมันปล่อยท่าไม้ตาย ยัดเยียดอะไรนิ่มๆคล้ายปีโป้แต่อุ่นชื้นถึงขั้นร้อนแฉะเข้ามาในปากผมแล้วกวาดเรียบตั้งแต่ฟันบนเหงือกลามไปถึงกระพุ้งแก้ม ก่อนจะโน้มหน้าส่งความร้อนชื้นเข้ามาคลุกเคล้าเข้ากับลิ้นผมที่หดไปอยู่แถวลิ้นไก่โดยอัตโนมัติ

รสหวานเย็นๆที่ไหลผ่านลำคอทำให้ผมหลุดจากอาการเบลอจนเซ่อ แล้วตระหนักได้ในนาทีนั้นว่าไอ้ที่กวาดอยู่ทั่วปากกู ไอ้ที่ฉกเข้ามาทั้งรัดทั้งรึงลิ้นให้ดิ้นไม่หลุดคืออวัยวะที่มีชื่อเรียกเดียวกันของอีกฝ่าย

คำว่า ‘ลิ้นของอีกฝ่าย’ ที่ผุดขึ้นมาในหัวเป็นเหมือนคีย์เวิร์ดถอดรหัสปริศนา ไขสัมผัสตั้งแต่หนึ่งถึงห้าของผมให้ลุกฮือขึ้นมาแสดงอาการรับรู้พร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง รูปรสกลิ่นเสียงและอุณหภูมิที่ประดังประเดเข้ามาทำให้เลือดลมมันสูบฉีดตั้งแต่ฝ่าเท้าขึ้นมาถึงหนังหน้าแล้วย้อนกลับไปทำจังหวะระทึกตุ๊บตับ ตุ๊บตับ ตุ๊บตับตุ๊บ อยู่ในถุงแอ็ปเปิ้ล

รู้สึกว่าหน้าร้อนผะผ่าวเหมือนมีใครมาเล่นปิดเปิดไฟฉายอยู่ใต้หนังกำพร้า ขนทั่วตัวลุกฮือโดยเฉพาะแถวต้นคอจนต้องเอนเอาหลังคอไซร้มือร้อนๆที่ประกบติดอยู่แถวทัดดอกไม้ เดาเอาว่าหมาขี้เรื้อนตอนเกิดอารมณ์เสียวเวลาเอาหลังแถกำแพงคงเป็นประมาณนี้ แต่ที่สำคัญ ที่เป็นปัญหายิ่งกว่าหน้าไหม้ๆกับขี้เรื้อนกำเริบคือสิ่งที่อยู่ในถุงแอ็ปเปิ้ลที่กำลังเพิ่มขนาดจากไส้กรอกเป็นไส้อั่ว จากที่หนักไม่กี่ขีดอยู่ในถุงแฟบๆเป็นเพิ่มน้ำหนักจนถุงตุง

นาทีวิกฤตที่ต้องยอมสละลิ้นกู้ชาติ อ้าปากกว้างตามแรงบังคับแล้วปล่อยให้ไอ้คนที่พยายามจะกินลิ้นเราทั้งซดทั้งซูดไปตามใจ แล้วรีดเอาสติสัมปชัญญะมาขยับก้น โด่งตูด โด่งเอาความตุงเต่งถอยหนีการเสียดสีที่จะทำให้เกิดการเสียวซ่านจนหลายอย่างเสี้ยวเสียว

ไม่รู้ว่าไอ้มิครับรู้ถึงการเปลี่ยนท่าทีหรือปากผมอ้าได้ไม่กว้างพอมันถึงได้ก้าวพรวดๆดันผมมาติดกำแพงห้องน้ำทั้งๆที่ปากยังประกบกันอยู่ กำแพงห้องน้ำเย็นๆแปะติดหลังเป็นเสมือนขอบเหบที่ทำให้ขยับไปไหนไม่ได้ อาการโก่งตูดโด่งก้นเลยโดนดันกลับมาแหมะติดอยู่กับโคนขาของไอ้มิคแบบแนบสนิท ซ้ำร้ายมุมการสัมผัสยังน่าหวาดเสียวกว่าเดิมเพราะมีต้นขาแน่นๆสอดมาขยี้ไส้อั่วจนผมหลุดเสียงอุทาน มือไม้ที่แข็งเป็นแขนเทียมมานานยื่นออกไปผลักอีกฝ่ายเต็มแรง

แรงผลักไม่ได้ทำให้ไอ้มิคขยับ เสียงอุทานอู้อี้ก็ถูกกลืนหายไปกับปากกับลิ้นที่แนบอยู่ติดหน้า แต่จะด้วยความแข็งขืนในถุงแอ็ปเปิ้ลที่แทงต้นขาหรืออะไรก็แล้วแต่ ไอ้มิคดึงปากตัวเองออกจากปากผมในที่สุด

ปากร้อนๆหลุดออกไปแต่ส่วนอื่นยังแนบชิด จมูกโด่งเป็นสันแย่งสูดอากาศเข้าปอดอยู่ชิดติดปลายจมูกจนบอกไม่ได้ว่าความร้อนจากลมหายใจที่ปล่อยออกเป็นของใคร กำแพงห้องน้ำที่แนบอยู่ชิดติดหลังนั้นเย็นชื้นแต่อากาศรอบตัวมวนอบจนร้อนระอุ ร้อนจนหน้าผากและปลายจมูกมีหยดเหงื่อที่ก็ไม่แน่ใจอีกเหมือนกันว่าเป็นของฝ่ายไหน

ขนตายาวเป็นแพเปียกหยดเหงื่อกระพริบไม่กี่ครั้งก่อนตาสีอ่อนจางจะลืมขึ้นมาสบกับตาผมเป็นครั้งแรกตั้งแต่เจ้าของตามันหน้ามืดไปเมื่อหลายสิบนาทีก่อน ผมยอมรับว่าชอบแอบมองตาสีแปลกของไอ้มิคแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นในระยะใกล้ชิดที่เรียกได้ว่าชิดใกล้จนเห็นหน้าตัวเองจากนัยย์ตาอีกฝ่าย

ทั้งๆที่น่าจะโกรธ น่าจะยกมือตบหัวทุยๆที่ก้มลงมาอยู่ในระดับสายตาไปแบบไม่ต้องนับโทษฐานเล่นแรงเลยเถิด เลยคำว่าแหย่ เกินคำว่าขอบเขต นาทีนี้ผมต้องโกรธมันแน่อยู่แล้ว แต่เพราะความเงียบที่อีกฝ่ายไม่ปริปาก ความตึงในบรรยากาศที่ลอยอยู่รอบตัว เพราะสายตาที่มองมาทำให้ผมกลับรู้สึกเหมือนเป็นฝ่ายผิด รู้สึกว่าตัวเองต่างหากที่ลุกล้ำล่วงเลยจนขอบเขตถูกทำลาย

ผมกระพริบตาไล่หยดเหงื่อจากหน้าผากหลายครั้งแต่ตาอีกคนที่แทบจะแนบอยู่ติดหน้ากลับไม่เคยขยับหรือวูบไหว แม้ว่าลมหายใจจะหอบสั่นแต่ไอ้มิคกลับจ้องผมด้วยสายตาที่เหมือนกับวันนั้นเมื่อหนึ่งเดือนก่อน วันที่ผมวิ่งไล่ตามเพื่อจะไปยืนนิ่งๆมองเพื่อนที่บอกว่าเพราะผมเมา ผมจำไม่ได้ ไม่เป็นไร สายตาที่ทำให้มือผมบนไหล่อีกฝ่ายออกแรงขยุ้มเนื้อผ้าแล้วกำยึดไว้อย่างนั้นจนรู้สึกถึงความชาของข้อนิ้ว

เพราะจ้องจนล้า เพราะถูกจ้องจนเหนื่อย เพราะไม่รู้จะเอ่ยคำถาม คำด่าหรือคำขอโทษ ผมไม่รู้จริงๆว่าตอนนี้ควรสวมบทไหนเลยหนีเอาดื้อๆด้วยการทิ้งหน้าลงบนไหล่อีกฝ่ายข้างๆผ้ายับย่นในมือตัวเอง การกระทำของผมส่งผลให้เจ้าของไหล่เกร็งตัวขึ้นฉับพลันเหมือนเจอสิ่งแปลกปลอม

ไอ้มิคเกร็งไหล่จนขึ้นมัดกล้าม กล้ามเนื้อแน่นๆให้ความรู้สึกเหมือนไม่ยอมรับ เหมือนไม่อยากให้พักพิง ปฏิกริยาที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอจนหน้าเชิด ตัวเด้งออกจากอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ มีเพียงมือชาๆที่ยังกำไหล่เสื้อไว้อย่างยึดถือกับความรู้สึกเหมือนโดนของมีคมกรีดลงมากลางใจ

ไอ้มิคสบถเสียงต่ำแล้วคว้าหัวผมไปกระแทกหน้าผาก ก่อนขยับเปลี่ยนจากท่าทางคุกคามที่อัดกันติดกำแพงอยู่เมื่อครู่เป็นดึงให้เอนไปทิ้งน้ำหนักทั้งหมดไว้กับตัว อาการขยายของแผ่นอกที่แนบสนิทติดกันอยู่บอกให้รู้ว่าคนที่ยืนเป็นหลักให้ผมเอนพิงกำลังสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่

ไอ้มิคถอนหายใจแรงเหมือนอึดอัดขัดข้องแต่ทั้งมือทั้งแขนที่กวาดผมเข้าไปไว้กับตัวกลับยังล็อคไว้อย่างแน่นหนา เป็นอาการประหลาดที่ทำให้ผมที่โดนล็อคอยู่ตั้งแต่ต้นคอถึงแก้มก้นเกิดอาการประหลาดตามไปด้วย ประหลาดประแล่มเพราะดันรู้สึกว่าความกระชับรอบตัวมันผ่อนคลาย ไม่รู้สึกอึดอัด ไม่อยากหาทางหนี เป็นความรู้สึกที่หนักแน่นเสียจนต้องตวัดมืออีกข้างขึ้นกอดคออีกฝ่ายไว้เช่นกัน



โปรดติดตามตอนต่อไป

ขออภัยที่ตัดจบแบบค้างคา แต่ทั้งตอนนั้นยาวมากค่า เดี๋ยวจะยาวยืดไปซะก่อน

----------------------------------------------------------------------------

ปล.ช่วยเม้นท์หน่อยน๊า
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1.....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 28-08-2010 22:57:56
แปะก่อน
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1.....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 28-08-2010 23:15:55
อรั๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

กรีดร้อง สรุปตอนท้ายกิมก็สมยอมนี่นา แล้วจะมา "อารมณ์ไม่ดี?" ทำไมล่ะจ๊ะ
เขินมากมาย อ่านไปทั้งขำทั้งเขิน โก้ดเหนื่อยเลยค่ะ

ขอบคุณทั้งผู้แต่งและผู้แปะนะคะ (ข้าพเจ้าติดจริงอะไรจริงงิ)
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1.....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 28-08-2010 23:38:27
น่ารักจิงเลย :-[ ชอบพระเอกหื่นๆ  :haun4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1(NC-18).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 28-08-2010 23:56:59
น้องกิมที่น่าสงสาร

น้องมิค ก็อย่าโหดนักดิ      :m20:   :m20:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1(NC-18).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 29-08-2010 00:40:29
แล้วนู๋อารมณ์ไม่ดีเรื่องอะไรหล่ะหนูกิมมมม
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1(NC-18).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 29-08-2010 01:17:57
เย้ๆๆ มีคนเอามาแล้ว เรื่องนี้
รักจังจริงๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1(NC-18).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 29-08-2010 07:31:35
บรรยายความรู้สึกกิมได้สุดยอดมากค่ะคนเขียน
เปรียบเทียบแต่ละอย่างฮาจะบ้าตายแล้วเนี่ย 55555555555555

=) ลงชื่อเป็นแฟนคลับเรื่องนี้ล่ะักันนะคะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1(NC-18).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 29-08-2010 08:34:07
นู๋น้อยกิมคะ ที่เล่ามานี่แค่เกือบจะโดนใช่มั้ย :laugh:
มีงอนด้วยอะคนเรา น่ารักๆๆๆๆ :-[
ขอบคุณค่า รออ่านต่อนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1(NC-18).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 29-08-2010 09:33:51
พระเอกหื่นว่ะค่ะ  :z1:


สรุป ตอนนี้อ่ำน่าสงสารที่สุด :monkeysad:

แต่ถ้าไม่มีอ่ำฉากในห้องน้ำก็คงไม่เกิด รักอ่ำ :man1:


รอๆ  :กอด1:

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1(NC-18).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 29-08-2010 10:06:23
หนุกจัง
มาต่อเร็วๆนะค
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1(NC-18).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 29-08-2010 10:06:42
ฉากกับอ่ำ
คิดทั้งนั้นแหละ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1(NC-18).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 29-08-2010 10:44:33
อ่ำซวยเลย 555

มาถูกจังหวะจริง ๆ นะคุณพี่มิค
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1(NC-18).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: NUKWUN ที่ 29-08-2010 12:33:58
สนุกดี...แต่ งงหน่อยๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1(NC-18).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 29-08-2010 13:04:45
ว่าไงละกิมมาถึงขั้นนี้แล้ว :L1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1(NC-18).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 29-08-2010 13:57:56
กิมเริ่มชอบมิคแล้วอะดิ๊
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1(NC-18).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 29-08-2010 16:00:06


อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก...ทำไมเค้าหุบยิ้มไม่ได้อ่ะ >////////<


กิมก็อ่อนไหวแล้วใช่มั้ยล่ะ...มีเคลิ้มนะมีเคลิ้ม...คริคริ

แหมะ...ที่ไม่พอใจตอนซบครั้งแรก เพราะคิดว่ามิคเค้ารักเกียจชิมิ???

ส่วนมิคเอง...ก็ตื่นเต้นล่ะสิ...ถึงได้เกร็งซะขนาดนั้นอ่ะ...หึหึหึ - -+

ยิ่งอ่านคู่นี้ ยิ่งลุ้นจริง ๆ ว่าเมื่อไหร่กิมจะยอมรับใจตัวเองสักที...มิคเค้าเผยมาหมดตัวหมดใจแล้วนะ

ยอมรับซะทีเถอะนะ...อย่าปล่อยให้คนอ่านลุ้นนานนักดิ...เกร็งจนจะเป็นตะคริวหมดแล้วนะ =^= b
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1(NC-18).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 29-08-2010 16:01:50
มิคนี่ขี้หวงสุดๆ น่ากัวมั๊กๆ

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1(NC-18).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: poem ที่ 29-08-2010 16:57:34
 :o8: มิคหึงได้ร้อนแรงมากกกกกกกกกก



รอตอนต่อไปค่า :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1(NC-18).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 29-08-2010 17:39:53
ตัดฉับซะงั้น :เฮ้อ:
มิคหึงโหด ร้อนแรงอ่ะ แบบนี้อ่ำจะไม่สงสัยเอาหรือ ห้องกิมก็อยู่ใกล้ไม่ใช่เหรอจะได้สะดวกกว่านี้ไง
รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1(NC-18).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 29-08-2010 17:50:52
ว้าวๆๆๆ น่าจะสนุกแฮะเรื่องนี้ พระเอกร้อนแรง ปะทะนายเอกหน้ามึนแถมอึนอีกตะหาก  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1(NC-18).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Killua ที่ 29-08-2010 18:24:57
น่ารักอ่ะ ที่กิมอารมณ์ไม่ดีเนี่ยะ เพราะอะไรอ่ะ อยากรู้ มาต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.1(NC-18).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 29-08-2010 19:06:08
+1 ด้วยคนนะึครับ


ผมอ่าน 2 รอบ
รอบแรกอ่านแล้วงงจริงจัง แต่รู้มันสนุก
คงเพราะวิธีัการเปรียบเทียบน่้ะ
พอมารอบ 2 ผมว่าผมมีอาการปวดแก้ม
เพราะการเปรียบเทียบอีกนั่นแหละ
เป็นตัวของเองสุดๆแล้ว
แล้วก็สนุกจริงๆ

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.2(NC-18 นิ๊ดนึง).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 29-08-2010 22:20:15
แปปนึงนะ ขออกไปซื้อข้าวแปปนึงเด๋วกลับมาแปะค่ะ

ไม่น่าเกินครึ่งชั่วโมงนะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.2(NC-18 นิ๊ดนึง).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 29-08-2010 22:21:37
แง้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

คุณคนโพสสับขาหลอก แบร่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
รีบกลับมาแปะนะคร้า หงิงๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.2(NC-18 นิ๊ดนึง).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 29-08-2010 22:28:01
ไม่ต้องรีบทานนะ เดี๋ยวข้าวติดคอ

แต่ไว ๆ หน่อยก็ดี     o18   o18
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.2(NC-18 นิ๊ดนึง).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 29-08-2010 23:05:52
คนเขียนเดียวกันกับเรื่อง ทะเลใช่ไหมอ่ะ (รักพลิคล็อค ล็อคคอรัก)

อยากอ่านเรื่องนี้ต่อมากๆเลย มีออกเป็นเล่มบ้างไหมอ่ะ

ส่วนเรื่องนี้ก็หนุกมาก
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.2(NC-18 นิ๊ดนึง).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 29-08-2010 23:07:52

รักจัง....ตอนที่4.2


ไอ้มิคถอนหายใจแรงเหมือนอึดอัดขัดข้องแต่ทั้งมือทั้งแขนที่กวาดผมเข้าไปไว้กับตัวกลับยังล็อคไว้อย่างแน่นหนา เป็นอาการประหลาดที่ทำให้ผมที่โดนล็อคอยู่ตั้งแต่ต้นคอถึงแก้มก้นเกิดอาการประหลาดตามไปด้วย ประหลาดประแล่มเพราะดันรู้สึกว่าความกระชับรอบตัวมันผ่อนคลาย ไม่รู้สึกอึดอัด ไม่อยากหาทางหนี เป็นความรู้สึกที่หนักแน่นเสียจนต้องตวัดมืออีกข้างขึ้นกอดคออีกฝ่ายไว้เช่นกัน

ทันทีที่โดนคว้าคอ ไอ้มิคสะดุ้งเหมือนโดนไฟช็อตแล้วเบนหน้ามาทำมุมอยู่แถวหูผมก่อนพึมพำอะไรบางอย่างที่จับใจความได้ว่า ‘อย่าทำอย่างนี้ อย่าทำอีก’ สองประโยคสั้นๆที่ทำเอาชะงัก สองประโยคที่ฟังมาแล้วตีความไม่ออกจนต้องถามกลับด้วยเสียงพึมพำงึมงำไม่ผิดกัน

คำตอบที่ได้คือสายตาเข้มๆที่ดึงให้ต้องเงยขึ้นไปหา สายตาคมกับคิ้วขมวดมุ่นและริมฝีปากร้อนระอุที่แนบลงมาอีกครั้ง ผิดแต่ครั้งนี้เจ้าของปากไม่ได้ฉกวูบหรือทำอาการเอาปากมากระแทกแบบรวดเร็วว่องไวเหมือนเมื่อแรกเริ่ม ไอ้มิคมองตาผมนิ่งตั้งแต่ตอนโน้มหน้าลงมาและแม้ว่าตอนนี้ลิ้นร้อนๆของมันกำลังกวาดเข้ามาในปากผมอย่างไม่เร่งร้อน ตาสีน้ำตาลอ่อนจางก็ยังจ้องมาไม่ลดละ

เป็นผมที่ต้องกระพริบตาถี่แล้วหลับตาปี๋เพราะความปั่นป่วนที่มวนอยู่ในท้องน้อยกำลังฟุ้งกระจาย ผมหลับตาหนีเพราะคิดว่าสาเหตุที่ทำให้รู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่ในท้องคือตาคมๆที่จ้องเหมือนจะให้ทะลุไปถึงไหนๆ แต่การปิดตาไม่มองยิ่งทำให้ความรู้สึกมันแปลกจนต้องแอ่นตัวเข้าหาอีกคนที่ยืนอยู่ชิดติดกันเหมือนว่ายิ่งชิดยิ่งสนิทเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่เพียงพอ

ไอ้มิคที่โดนผมตะกายคว้าตอบสนองด้วยการครางเสียงต่ำแล้วกวัดลิ้นเกี่ยวจนได้ลิ้นผมเข้าไปในปากพร้อมกับความเหนียวลื่น ก่อนกระชากเสื้อที่ใส่อยู่เหวี่ยงลงพื้นแล้วสอดแขนเข้ามาใต้รักแร้ รั้งให้ผมเกยขึ้นไปอยู่บนตัว ต้นขาในยีนส์สีซีดสอดเข้ามาหว่างกลางพร้อมกับคว้าขาข้างหนึ่งของผมเข้าไปเกี่ยวบั้นเอว

ไม่ต้องลืมตามองก็รู้ว่าท่าทางของเราสองตอนนี้มันล่อแหลมล่อเป้า เตรียมจะได้เสียแทงเสียกันขนาดไหน แต่สติผมที่ตะเหลิดเปิดเปิงไปแล้วไม่สั่งให้ทำอะไรเลยนอกจากทำตัวว่าง่าย เกี่ยวขาเข้าเอวอีกฝ่ายแล้วขยับถูไถเอาความคับแน่นเบียดบี้เข้าไปกับความแข็งขืนที่แม้ว่าจะมียีนส์เนื้อหนาขวางกั้นก็ยังรู้ได้ถึงความเต็มแน่น

ผมกำลังมีอารมณ์ อารมณ์ที่พีคยิ่งกว่าตอนดูฝรั่งกับสาวในจอทีวี อารมณ์ที่เกิดจากการกวัดรัดเกี่ยวอยู่กับผู้ชายที่เรียกได้ว่าเพื่อนสนิท กับไอ้มิคที่ทำให้ความเป็นเหตุเป็นผลมันจางหาย ทำให้ความผิดชอบชั่วดีเลือนลาง ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นเรื่องที่ไม่อยู่ในความสนใจเพียงเพราะลิ้นร้อนชื้นที่ดูดดึงไม่ปล่อย ปากร้อนผ่าวที่ไม่เคยละไปไหนและมือร้อนเป็นไฟที่ไล่เฟ้นตั้งแต่แนวกรามลงมาตามข้อกระดูก ทุกสัมผัสทุกความรู้สึกที่ทำให้ผมแน่ใจว่าเพื่อนสนิทคนนี้ก็กำลังตกอยู่ในอารมณ์ไม่ต่างกัน

ไอ้มิคเด้งเอวใส่ผมตอบรับทุกจังหวะเสียดสี มือหนาที่คลำหนักๆไปทั่วร่างตอนนี้เลื่อนมาหยุดอยู่ที่ขอบกางเกงลิงพร้อมการคลึงเคล้า บีบแล้วคลายคลายแล้วบีบอยู่แถวนั้นเหมือนเป็นการลดความเครียดทางอารมณ์ที่พร้อมปะทุเป็นประทัดอยู่ทุกนาที ส่วนผมบอกได้คำเดียวว่าอารมณ์มันเด้งถึงยอด นำหน้าจังหวะชะลอไปถึงไหนต่อไหนจนกลับกลายเป็นฝ่ายไล่ตามปี้โป้ในปากอีกฝ่ายซะเองโดยไม่รู้ตัว

อาการหน้ามืดเพราะอารมณ์ดำกฤษณาขึ้นหน้ามันคงเป็นอย่างนี้ ใช่ มันต้องเป็นอย่างนี้แน่ๆ เพราะไม่งั้นคนอย่างไอ้กิมที่ไม่เคยมีความคิดจะชวนเพื่อนมาเล่นจ้ำจี้จ้ำไชกันให้เป็นจ้ำๆ คงไม่ถึงกับเอาปากตบปากไอ้มิคแล้วกระชากปีโป้อุณหภูมิสูงของฝ่ายตรงข้ามเข้ามาในปากตัวเองชนิดไม่สนใจน้ำลายที่ย้อยออกมาหยดยืดอยู่ปลายคาง

ผมหลับหูหลับตาจดจ่ออยู่กับลิ้นร้อนๆที่แม้ว่าจะตวัดเกี่ยวกันอยู่ก็ยังสามารถกวาดจากกระพุ้งแก้มไปถึงเพดานเหงือก เรียกความเสียวให้พุ่งสูงได้ไม่ยากเย็น ความเสียวซ่านที่อัดอยู่เต็มปากมาพร้อมความคันในหัวใจ คันยิบๆว่าทำไมคู่กรณีผมมันถึงได้ใช้ปากใช้ลิ้นได้ขั้นเทพปานนี้ มันไปฝึกไปซ้อมกับใครหน้าไหนมานักหรือ แล้วตอนที่มันฝึกมันซ้อมอยู่นั้นมันจะรู้สึกเหมือนยืนอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้าเหมือนกับผมตอนนี้ไหมวะ

อาการคันทำให้ผมเริ่มป่ายมือไปมาบนตัวอีกฝ่ายหวังกระชากเรตติ้ง ป่ายลงไปปัดลงมาพรืดเดียวถึงซิปกางเกงยีนส์แล้วรูดด้วยแรงไม่มากไม่น้อยแต่เล่นเอาเจ้าของกางเกงหลุดครางเสียงต่ำ ได้ยินมาหนึ่งเสียงครางมือไม้มันเลยสั่น ตบวูบเข้าไปกลางซิบอ้าๆแล้วต้องสะดุ้งเนื่องจากขนาดและความแข็งที่ปะทะนั้นเกินบรรยาย

ความใหญ่โตแข็งแน่นที่จับอยู่กับมือทำให้อารมณ์อยากกระชากเรตติ้งหายวับไปกับหัว ผมรู้สึกเหมือนว่าของที่อยู่ในมือมีแรงดึงดูดมหาศาล ทั้งดึงทั้งดูดให้ต้องกดไว้มั่นๆแล้วสูดหายใจเข้ามาสุดปอดสุดหลอดลมก่อนขยับนวดท่อนลำที่กำเกือบไม่มิด แต่ทันทีที่มือผมเริ่มคลึงคู่กรณีมันกลับทำสิ่งไม่คาดคิดจนต้องสละอาการเคลิ้มแล้วเหลือกตาขึ้นมอง

มือไอ้มิคกดมาที่ลูกกระเดือกผมในจังหวะเดียวกับปากที่ดึงออกไปอย่างเร็วจนเกิดเสียง และมือผมบนไส้อั่วยักษ์ก็ถูกยึดไว้แน่นหนา แรงกดที่ลำคอบอกให้รู้ว่าคนกดต้องการให้หยุดทุกกิจกรรมที่ทำอยู่ แรงตะปบที่ข้อมือทำให้รู้สึกเหมือนว่าสวรรค์ชั้นฟ้าที่เหยียบอยู่ถล่มครืนเดียว ไม่เหลือแม้แต่ซาก

หน้าหล่อๆที่ผมกระตุกตาดำขึ้นมองยังคงกดปิดจนเปลือกตายับย่น คิ้วเข้มขมวดมุ่นยิ่งกว่าเหตุการณ์ก่อนหน้า ไอ้มิคที่ดึงปากหนีแต่หน้าผากยังโขกติดอยู่กับผมมีสีหน้ายุ่งเหยิงที่แทบจะเรียกได้ว่าเหยเก สีหน้าที่ผมไม่เคยได้เห็นมาก่อน

ไอ้มิคหลับตาแน่น หอบหายใจจนกล้ามอกกระเพื่อมอยู่ชั่วครู่ก่อนลืมตามามองกันด้วยสีหน้าที่ทำให้ผมต้องนิ่งสนิท นิ่งไปทั้งตัวได้โดยไม่ต้องมีมือบนคอบนแขน สายตาเข้มขุ่นเหมือนเจ็บปวดกับสีหน้าบูดเบี้ยวส่งตรงมาพร้อมอาการหอบเหนื่อยที่ทำเอาผมชะงักจนลืมแม้กระทั่งจะหอบหายใจ แล้วคนที่จ้องกันเหมือนโดนผมกระทำย่ำยี ทำให้เจ็บปวดจนหนักหนาก็พูดประโยคที่ยังไม่อาจตีความได้ออกมาด้วยเสียงแหบต่ำไม่คุ้นหู ประโยคที่ว่า ‘หยุดทำแบบนี้กับกู หยุดซะที’

ไอ้มิคจ้องผมไม่กระพริบพร้อมเพิ่มแรงกดย้ำที่ช่วงคอเหมือนเป็นการย้ำความเข้าใจ แต่ผมที่หาคำแปลยังไงก็ไม่เจอได้แต่ยืนนิ่งด้วยคิ้วที่เริ่มขมวด ‘มึงจะเอายังไงกับกูไอ้มิค จะให้กูหยุดอะไร? อย่าทำอะไร? ทำไมไม่บอกมาชัดๆ’ คำถามที่เกิดขึ้นในใจ แต่ปากที่กระตุกตอบออกไปกลายเป็นคนละอย่าง ผมจ้องตาที่อยู่ใกล้จนขนตาละเส้นแล้วตอบมันไปง่ายๆว่า ‘ได้ กูจะไม่ทำอีก’ ทำเรื่องอะไรยังไงไม่รู้แต่ถ้ามึงจะเลิกทำหน้าอย่างนี้กูตอบให้ได้

แต่คำตอบเออออห่อหมกของผมกลับทำให้อีกฝ่ายเม้มปากจนขึ้นเส้น ตาขุ่นเข้มที่จ้องมากลับส่งแววเจ็บปวดยิ่งกว่า ไอ้มิคส่ายหน้าแรงเหมือนไม่ยอมรับในคำตอบ มือหนาบนคอผมละไปเหมือนโดนของแสลงพร้อมกับความร้อนจากตัวอีกฝ่ายที่จางหาย ไอ้มิคถอยห่างจากผมไปหลายก้าว

“มึงเห็นกูเป็นอะไร” คำถามที่เหมือนไม่ต้องการคำตอบ เพราะเสียงขื่นๆที่ส่งตามมา

“เพราะกูอยู่กับมึงตรงนี้ กูที่สองตามีแต่มึง ตามติดเหมือนหมาตามเจ้าของ… แล้วเจ้าของมันก็ไม่เคยเห็นแม้แต่หัว”

คำถามคำตัดพ้อของไอ้มิคยิ่งทำเอาผมจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่ามันเรื่องอะไร ผมทำอะไรไปตอนไหน ไอ้คนที่ยังดีๆกันอยู่ตอนบอกลากันในห้องเปลี่ยนเสื้อเมื่อบ่ายถึงได้กลายเป็นแบบนี้

“กูไม่รู้ว่ามึงพูดเรื่องอะไร” จนใจจนได้แต่เอ่ยปากถาม

“อยู่ดีๆเป็นอะไรไปไอ้มิค”

“ก็เป็นกูที่พึ่งรู้ไงว่าตัวเองมันน่ารำคาญ พึ่งรู้ว่าถึงจะทุ่มให้ไปแค่ไหนมันก็ไม่เคยมีค่า ไม่ว่ายังไงมึงก็ไม่เคยมองมาที่กู” เสียงไอ้มิคแหบและพร่าจนผมรู้สึกว่าลำคอตัวเองเริ่มตีบตัน

“กู… มองมึงอยู่”

“… มองที่กูแล้วเห็นเป็นใคร” ไอ้มิคเงียบไปอึดใจเหมือนว่าสิ่งที่กำลังจะออกจากปาก ต้องรีดเร้นเค้นออกมา

“ตอนที่มึงมีอารมณ์ ที่คว้ากูเข้าไปหา มึงเห็นกูเป็นใครกันไอ้กิม”

“…………”

คำถามที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินทำให้ผมยืนนิ่งเบิ่งตามองคนถามด้วยความไม่เชื่อ เป็นครู่กว่าจะควานหาเสียงตัวเองเจอ

“กู… จะเห็นมึงเป็นใคร…” กูต้องเห็นมึงเป็นใครหรือไง

“มึงไม่สนใจ มึงรำคาญ กูทนได้ แต่หยุดมองผ่านกูเป็นคนอื่นเสียที” สีหน้าไอ้มิคเหยเกแต่กลับเป็นขอบตาผมที่ร้อนขึ้นมา

“มึงมองผ่านกูที่ซื่อสัตย์กับมึงยิ่งกว่าหมา มองให้เป็นคนอื่นที่มันไม่มีใจ ไม่ว่าหมาตัวนี้จะนั่งเฝ้ายืนเฝ้าไว้แค่ไหน พอมันไม่อยู่มึงก็ไปทันที… สำหรับมึงกูมันก็แค่คนที่ไม่น่าอยู่ให้เห็นหัวใช่ไหมไอ้กิม”

“พูดเรื่องอะไรของมึงไอ้มิค กูไม่เคยเห็นมึงเป็นใครแล้วก็ไม่เคยคิดว่ามึงเป็นหมาตามก้น มึงเป็นเพื่อน… เป็นคนที่กูคิดว่าดีแล้วที่ได้มาเจอ”

“… เพื่อน”

ไอ้มิคส่ายหน้าแรง หัวเราะออกมาเสียงขื่น

“รู้อะไรไหมไอ้กิม ตลอดเวลาที่คบกันมากูไม่เคยเห็นมึงเป็นเพื่อน ไม่เคยคิดแค่เพื่อน แต่เพราะไม่อยากเสียมึงไปกูทำได้ กูตีหน้าซื่อเป็นเพื่อนกับมึงได้ทั้งที่ในนี้” ไอ้มิคตบฝ่ามือเข้าอกตัวเองไม่ยั้งแรง

“ในนี้มันเจ็บ เจ็บอย่างที่กูไม่เคยคิด แล้ววันหนึ่งมันก็ชา วันที่ไอ้เบอร์สี่นั่นหลุดออกมาจากปากมึง… ถ้าชอบมันได้แล้วกูล่ะ กูที่อยู่ข้างๆ เฝ้ามึงอยู่ทุกวันทำไมมึงมองไม่เห็น”

“… มึงอยู่กับกู แต่คบผู้หญิงทีละสาม กูไม่ได้มีตาเป็นผีนะโว้ยจะได้มองทะลุใจใครต่อใคร แล้วกูก็ไม่ได้ชอบผู้ชายตั้งแต่เกิด” ผมตอบออกไปเสียงไม่ค่อยมั่นคงเนื่องจากโดนอารมณ์หนักๆเน้นๆของอีกฝ่ายตีใส่

“จริงอยู่กูรู้สึกดีๆกับหนึ่ง… แต่หลังจากตกลงกับมึงกูก็ไม่เคยเข้าไปยุ่งอะไรกับมัน”

“ก็เพราะไม้กันหมามันอยู่นี่!” ไอ้มิคตบอกตัวเองอย่างแรง

“แต่พอกูไม่อยู่มึงก็ไปนั่งเฝ้ามันจนได้” เสียงเข้มขุ่นที่ลอยมาเป็นเหมือนหมัดไม่มีรูปร่าง อัดเข้ามาเต็มหน้าจนมึนงง

“แค่ไม่กี่ชั่วโมงที่กูไม่อยู่ มึงคงดูมันจนอิ่ม มีความสุขจนเก็บมาฝันได้เลยใช่ไหม”

“………….”

ความเงียบของผมก็คงเป็นเหมือนกำปั้นหนักๆที่ทุบเข้าใส่อีกฝ่ายหนักหนาไม่แพ้กัน ไอ้มิคละสายตาที่จ้องผมอยู่ลงมองพื้น พยักหน้าหนักๆกับอะไรซักอย่างโดยไม่มีคำพูด แล้วก้าวผ่านผมไปยังประตูเหมือนหมดความสนใจ

“กูไม่รู้ว่ามึงไปได้ยินอะไรมาจากไหน แต่กูไม่ได้ไปเฝ้าใครมา” ผมบอกแล้วเอื้อมคว้าผ้าขนหนูบนราวมาพันรอบเอว นึกอุจาดตัวเองที่ยืนเป็นนายแบบโฆษณากางเกงในอยู่ได้ตั้งนาน

ผ้าขนหนูขนไม่ลื่นแต่ขมวดไม่เข้าปมจนอยากเขวี้ยงลงพื้น “กูเห็นมึงเป็นมึง ไม่เคยอยากมองให้เป็นใคร แต่ถ้ามึงจะคิดจะฟังเสียงในหัวตัวเองอยู่อย่างนั้น กูคงทำอะไรไม่ได้” ปมผ้าตวัดเข้าขอบพร้อมประตูที่เปิดออกด้วยมือผม

ความเย็นของแอร์ที่ก้าวออกมาปะทะทำให้หงุดหงิดอย่างไม่มีเหตุผล หงุดหงิดงุ่นง่านจนต้องยกตีนกระทืบรีโมทท์ ปิดภาพในจอทีวี แล้วถึงเห็นว่าไอ้อ่ำไม่อยู่ให้เห็นหัว แต่ผมเองก็ไม่อยู่ในอารมณ์จะเห็นใคร กวาดเสื้อผ้าที่ยังมีมาม่าวางรวมอยู่ครบถ้วนได้ก็ก้าวออกจากห้องโดยไม่สนใจอะไรอีก แม้จะเห็นจากหางตาว่าร่างสูงใหญ่ที่ยืนนิ่งอยู่เป็นนานก้าวยาวๆตามมา

อากาศหน้าประตูห้องร้อนอบอ้าวจนต้องเขวี้ยงกางเกงทิ้งหลังล้วงเจอกุญแจ แล้วเตะอัดไปเต็มตีนเมื่อประตูที่ไขอยู่ไม่ยอมเปิดในครั้งเดียว มือผมแหย่ลูกกุญแจเข้ารูอีกหลายครั้งพร้อมคำสบถที่หลุดออกจากปาก แล้วยื่นมือไปผลักอกคนข้างหลังทันทีที่อีกมือที่ใหญ่กว่ายื่นมาเหมือนจะช่วย

แรงผลักไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายเซไปไหนแต่ก็มีผลให้มือที่ยื่นมาชะงักค้าง ค้างนิ่งและเงียบสนิทจนกุญแจไขลงล็อคและประตูถูกถีบเปิด ผมเขวี้ยงกุญแจทั้งพวงลงพื้นด้วยความหงุดหงิดที่ไม่ยอมหายไปจากหัวก่อนก้าวเข้าห้อง อุณหภูมิอุ่นๆที่แทบจะแนบอยู่ติดหลังบอกให้รู้ว่ามีคนก้าวตามมาแบบไม่ทิ้งระยะ

ผมไม่ได้หันกลับแต่เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า กระชากเสื้อยืดตัวโคร่งออกจากราวเพื่อไปยัดใส่มือคนที่ก้าวตามมา ผมยัดเสื้อใส่มือไอ้มิคในขณะที่ตัวเองยังมีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวรอบเอว ไอ้มิคเหมือนจะรับรู้อาการผม มันรู้ความหมายของเสื้อที่ถูกยัดเยียดให้แต่ก็เลือกที่จะยืนนิ่งไม่ยอมรับ

“กลับบ้าน”

ผมกระทุ้งเสื้อใส่อีกฝ่ายเป็นการย้ำ แต่ไอ้มิคกลับไม่มีทีท่าจะขยับ ร่างสูงใหญ่ในยีนส์สีซีดยืนก้มหน้า ทุกส่วนของร่างกายนิ่งสนิทแม้แต่มือจะดันเสื้อออกยังไม่ยกขึ้นมา

ท่าทางหงอๆเหมือนเด็กจะโดนทิ้งที่พนันร้อยเอาพันว่าไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหน ทำให้แรงในมือผมลดลงโดยอัตโนมัติพร้อมความหงุดหงิดที่เหมือนจะเลือนไปบางส่วน แต่แรงอัดจากหมัดไม่มีรูปร่างยังคงฝากความมึนไว้กับสมองไม่จืดจาง

ไอ้มิคถูก ที่ว่าบางครั้งผมรำคาญการตามติดชนิดแฝดสยามของมัน แต่ผมแน่ใจว่าไม่มีสักครั้งที่ตัวเองจะหลุดปากด่าใส่หรือออกอาการฟาดหัวฟาดหางเอากับคนที่เดินเบียดไหล่อยู่ทุกค่ำเช้า แม้จะอารมณ์เสียจนบางครั้งอยากดีดมันไปห่างๆแต่ขาผมไม่เคยขยับ เพราะรู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายหยิบยื่นจนถึงขั้นยัดเยียดให้มา มาจากความจริงใจจริงจังแบบทุ่มทั้งตัวของผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายคนที่ไม่มีความจำเป็นแม้เพียงเศษเสี้ยวที่จะต้องมาตามเอาใจ มาเดินบังหน้าบังหลังทำตัวล่ำใหญ่ปิดบังสายตาผมเวลาเดินผ่านสนามกีฬา เพราะผู้ชายคนนี้มีดีมากกว่าผมเป็นไหนๆ

ผมเข้าใจดีว่าสิ่งที่ได้รับมีค่ามหาศาล มีค่าเกินกว่าจะทำร้ายน้ำใจกัน ความรู้สึกแน่นๆของไอ้มิคก่อร่างสร้างรูปเข้ามาในจิตใจผม ก่อเป็นรูปเป็นร่างที่แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนแต่ก็ปักฐานเข้ามาไว้อย่างมั่นคง ฐานที่มีมือของผมช่วยลงดินก่ออิฐไปโดยไม่รู้ตัว แต่ดูเหมือนว่าแรงและความรู้สึกของผมจะไม่เคยได้ล่วงล้ำเข้าไปในใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

วันหนึ่งหลังเปิดปากบอกความรู้สึก ไอ้มิคขอผมด้วยสีหน้าจริงจัง ขอไม่ให้เก็บมันไว้เป็นเบอร์รอง เบอร์สองต่อจากใคร ในระหว่างที่ความรู้สึกยังไม่ลงตัวขอให้ผมเลิกคิดเรื่องใครอื่นจนกว่าจะแน่ใจว่ายังไงก็เปลี่ยนจากความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนมาเป็นมากกว่านั้นกับมันไม่ได้ ขอให้ถึงวันนั้นก่อนแล้วค่อยเบนสายตาไปหาใคร

คำขอกึ่งบังคับที่ผมแน่ใจว่าตอบกลับไปอย่างชัดเจน ตอบด้วยเสียงเข้มๆเน้นความจริงใจว่าตกลง ได้ กูจะมองแต่มึงที่เดินอยู่ข้างๆ เอาให้ตาเขตาเหล่กันไปข้าง วันนั้นคนที่นั่งหน้าเคร่งอยู่ข้างผมเปิดยิ้มกว้าง ยิ้มจากริมฝีปากถึงดวงตา รอยยิ้มที่ผมยังจำได้ถึงวันนี้ วันที่ดูเหมือนว่าคำสัญญาของผมในวันนั้นไม่เคยเกิดขึ้น ไม่เคยมีอยู่ในใจอีกฝ่าย ยิ้มระยับที่ทำให้หมัดไม่มีรูปร่างมันหนักหนาสาหัสจนซวนเซ

“กูขอล่ะ กลับไปซะ”

“…………” ไอ้มิคยังคงยึดเอาความนิ่งเป็นการตอบรับ

“…………”

ผมที่กำลังเสียศูนย์ทางอารมณ์ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าศูนย์แตก ทำได้ทางเดียวคือโยนเสื้อที่อีกฝ่ายไม่ยอมรับลงเตียง หันไปเปิดตู้หาเสื้อยืดคอย้วยกับกางเกงบอลมาเปลี่ยน ก้มเก็บพวงกุญแจแล้วก้าวยาวๆไปทางประตู

“กิม”

เสียงและสัมผัสที่ดึงให้ต้องหันไปตามแรง ไอ้มิคคว้าแขนผมไว้ด้วยท่าทางที่เหมือนไม่กล้าทำอะไรมากกว่านั้น สีหน้าที่เงยมามองกันบอกชัดว่ากำลังทำตัวไม่ถูก

“ถ้ายังไงมึงก็จะอยู่ กูจะไปนอนห้องไอ้อ่ำ”

ผมจ้องตาอีกฝ่ายนิ่ง เป็นการจ้องหน้าอย่างที่ไม่เคยทำ ผมไม่เคยเป็นแบบนี้กับคนตรงหน้าเพราะไม่เคยได้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีความเชื่อถือให้กันเหมือนวันนี้

“ขอโทษ” ไอ้มิคว่าออกมาอย่างนั้น คำเดียวสั้นๆ

คำสั้นๆกับสีหน้าที่ทำให้คนตรงหน้าผมในตอนนี้ไม่ใช้ไอ้มิคโหดเลวดี ผู้ชายเจ้าของคำนิยามโหดเถื่อนแต่บทจะดีก็เล่นเอาใจละลายจนสาวพากันมาหลงจมหัว แต่เป็นไอ้มิคคนที่ต้องพูดไทยปนอังกฤษด้วยสำเนียงเสียงภาษาไทยตกๆหล่นๆจนโดนล้อ จนพาลให้มีเรื่องต่อยตีกับฝ่ายตรงข้าม ทั้งๆที่รู้ว่าต้องโดนรุม แต่ไอ้เด็กหน้าขาวตาสีจางที่โผล่มาเป็นของแปลกประจำตำบลก็กระโดดเข้าใส่แก็งเด็กประจำหมู่บ้านอย่างไม่มีเกรงกลัว

ผมที่ผ่านไปเห็นการตะลุมบอนของแปดต่อหนึ่งโดยบังเอิญเลยกระโดดเข้าร่วมด้วยความไวของตีนที่มีมากกว่าสมอง ตอนนั้นยังไม่เห็นด้วยซ้ำว่าไอ้ที่สู้ไม่ถอยอยู่กลางวงเป็นใคร เหตุการณ์นี้ทำให้ผมได้เพื่อนใหม่ที่แปลกตาไปหมดตั้งแต่สีผิวสีตาสีผมแม้กระทั่งชื่อจะใช้เรียก เพื่อนใหม่ชื่อดอมินิค แปลกประหลาดจนออกเสียงไม่ถูกอยู่เป็นเดือน

เพื่อนใหม่ที่ผมไปสอยมาได้จากวงตะลุมบอนค่อนข้างเงียบขรึมเมื่อเล่นกันแรกๆ เงียบนิ่งไม่ค่อยพูดผิดจากเด็กทุกคนที่เคยเจอ ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ถนัดภาษาไทย พูดมาพูดไปคุยยังไงก็คงไม่รู้เรื่อง แต่แล้ววันหนึ่งก็ได้ไปเห็น ถึงจะมีฝรั่งตาน้ำข้าวให้พูดจาภาษาเดียวกันไอ้มิคก็ยังคงนิ่งเฉย ผมเลยสรุปเอาเองว่าเพื่อนใหม่คนนี้คงไม่ชอบพูด เลยได้ทีเหมาการคุยมาเป็นหน้าที่ตัวเอง มันเงียบผมคุย มันนิ่งผมยิ่งโม้ ขนาดโดนเดินหนีก็ยังตามไปนั่งฝอยอยู่ข้างๆ

ที่จริงแล้วผมเองไม่ใช่เด็กช่างพูด อยู่บ้านอยู่โรงเรียนมีเพื่อนพ้องมากมายนับไม่ถ้วนแต่ก็พูดมากพูดน้อยไปตามอารมณ์ แต่พอมาเจอไอ้มิคผมกลับกลายเป็นคนพูดไม่หยุด ชวนพูดชวนคุยจนบางครั้งคนข้างๆถึงกับส่ายหน้าว่าข้าหน่าย แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าต้องคุยต่อไป เหมือนเป็นการชดเชยความเงียบที่อีกฝ่ายสร้างขึ้น

แล้วจากที่นิ่งๆเงียบๆ ไอ้มิคก็เปิดปากปล่อยสำเนียงเพี้ยนๆประจำตัว ส่งภาษาไทยบูดๆเบี้ยวๆ ตอบรับเรื่องที่ผมสรรหามาคุยไม่รู้จักหยุด ภาษาไทยสำเนียงแปร่ง จากที่ได้ยินวันละไม่กี่คำก็กลายมาเป็นสิ่งคุ้นหูพร้อมๆกับดวงตาสีอ่อนจางที่จ้องตรงมา

เพื่อนใหม่ที่เข้ากันได้ดีจนทำเอาผมละเลยเพื่อนเก่า เลิกการรวมแก็งเด็กเล็กเด็กใหญ่ แล้วหันไปยิงนกตกปลาว่ายน้ำคลองกับไอ้มิคชนิดไม่มีวันหยุดราชการ ไปหามันที่บ้าน ลากมันมาบ้าน เรียกว่าตั้งแต่ตื่นเช้าจนถึงเวลาข้าวเย็นผมหนีบตัวเองติดอยู่กับอีกฝ่ายเหมือนปาท่องโก๋ คนที่โดนผมหนีบก็ออกอาการยินยอมพร้อมใจ ถอดเสื้อกระโดดน้ำคลองแข่งกับผมอยู่ทุกวี่วัน

จนแล้ววันหนึ่งก็มีเรื่องให้ขัดใจ เราทะเลาะกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่หนีบตัวติดกันอยู่เป็นเดือน ผมโกรธถึงขั้นผลักอกอีกฝ่ายแล้ววิ่งหนีกลับบ้าน ถามว่าทะเลาะเรื่องอะไร มาถึงตอนนี้นึกยังไงก็ไม่ออก แต่สิ่งที่ติดตาอยู่ไม่เคยลืมคือสีหน้าของคนที่โดนผมผลักจนล้มก้นจ้ำเบ้า ไอ้มิคในตอนนี้มีสีหน้าเหมือนตอนนั้นไม่ผิดเพี้ยน
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.2(NC-18 นิ๊ดนึง).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 29-08-2010 23:10:17
“ไม่เป็นไรเว้ย กูไม่ได้โกรธ” ปากผมว่าไปอย่างนั้นแล้วดึงแขนขืนมา “แต่ไม่อยากคุยกับมึงตอนนี้”

“ก่อนมานี่กูแวะเข้าคณะไปเอาของ เจอไอ้โอ้… มันบอกว่ามึงไปหา”

“เออ กูไป แล้วไง?” ผมถามกลับแล้วถึงนึกได้ถึงความหมายของอีกฝ่าย

“กูไปเอาหนังที่ยืมมันไว้ เจอกันหน้าโรงช้างไม่ถึงห้านาที กูไม่ได้เข้าไปข้างใน ไม่ได้ไปทำอะไรอย่างที่มึงคิด”

“… ขอโทษ กูมันบ้า” ไอ้มิคบอกพลางขยับย่นระยะ

“ได้ยินว่ามึงไปโรงช้าง กูก็มองไม่เห็นอะไรแล้ว… กูมันบ้าไปเอง ขอโทษที่ไม่เชื่อ” ท้ายประโยคมาพร้อมมือที่ยื่นมาคว้า ดึงให้เอนเข้าไปหา

ผมขืนตัว ยกมือขึ้นดันอกอีกฝ่ายแล้วก้าวถอยหลัง การตอบสนองที่ทำให้เจ้าของมือสาวท้าวตามมาทันที “บอกแล้วว่าไม่ได้โกรธ… มึงกลับไปก่อนเหอะ”

“ถ้าไม่โกรธก็เลิกไล่ เลิกมองกูอย่างนี้ แล้วหันมาคุยกันดีๆได้ไหมกิม”

แววตัดพ้อส่งมาทั้งแววตาและน้ำเสียง มือที่ยื่นมาบ่งบอกชัดเจนว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะถอยแม้แต่น้อย

“กูไม่ได้โกรธมึง” ผมถอนหายใจแรง คว้ามือที่ยื่นมาไว้ซะเอง

“แต่กูเสียใจ เศร้าสาด จิตตกเหี้ยๆ คุยอะไรกับใครตอนนี้ไม่รู้เรื่องทั้งนั้น” ว่าแล้วตบหลังมืออีกฝ่ายเป็นการย้ำ

“ถ้ายังคิดจะคบหากัน ก็ช่วยกลับไปเหอะ”

ผมปล่อยมือร้อนๆที่จับอยู่แล้วหันหลังกลับ เดินไปที่เตียง ก้มคว้าเสื้อแล้วโลกมันก็โคลง โลกโคลงเคลงที่มาพร้อมคำสบถไทยปนอังกฤษดังชิดติดหู รู้ตัวอีกทีหน้าก็คว่ำดมกลิ่นตัวเองอยู่กับผ้าปูเตียงเช่นเดียวกับทั้งตัวที่โดนไอ้มิคก้าวขึ้นคร่อมจนแอ่นไปทั้งหลัง

“เฮ้ย?! ทำอะไรวะ!!”

ผมตะโกนอู้อี้อยู่กับเสื้อในมือ ต้องใช้ความพยายามเข้าขั้นนาทีกว่าจะตะเกียดตะกายงัดแขนตัวเองออกจากใต้ตัวได้ และในระหว่างที่ผมป่ายมือวาดขาประหนึ่งฝึกว่ายน้ำแบบแห้ง พยายามเอาตัวรอดจากสถานการณ์การตกเป็นเบี้ยล่าง ไอ้คนที่นั่งทับกันอยู่ทั้งตัวมันก็ช่างนิ่งสนิทจนเดาใจเดาอารมณ์กันไม่ถูก

“ไอ้มิค! ลุกออกไปนะโว้ย กูหายใจไม่ออก!”

ผมแหงนหน้าคางติดเตียงสูดอากาศ พยายามพลิกตัวหนีแรงกดทับ แต่โดนมือหนักๆกดเข้ามาที่หลังคอแบบทีเดียวหมดแรงดิ้น ยังดีที่ไอ้เถื่อนบนหลังผมไม่ได้กะจะเล่นกันให้ตายคาเตียง ไอ้มิคขยับตัวลุกแบบแกล้งให้กำลังใจกันแล้วเปลี่ยนจากนั่งทับหลังเป็นทิ้งตัว ประกบลงมาตามความยาว แนบสนิทชิดกันไปตั้งแต่แผ่นหลังแผ่นอกถึงก้นกบผม หน้าท้องมัน

แขนล่ำๆสอดเข้ามาใต้คางเล่นเอาตาเหลือก นึกว่าได้ลองแน่แล้วกู หนุมานหน้าแหงน ดีที่มือที่สอดมาเปลี่ยนทิศจากการตวัดไปล็อคคอดึงเป็นวาดลงไปกดอกกุมใจผมไว้แทน ผมรู้อยู่เสมอว่าไอ้มิคมันเถื่อนถึก มีกำลังกายกำลังใจแข็งแกร่งกว่าผมหลายเท่า แต่ไม่เคยมีวันไหนที่จะตระหนักได้ว่าเราสองนั้นมันกระดูกห่างเบอร์กันจนนับไม่ถูกเท่าวันนี้ ความตระหนักที่ทำให้ผมหยุดฟรีสไตล์ทั้งขาทั้งแขนแล้วนอนแบ็บ ประหนึ่งเป็นจิ้งจกโดนประกบอยู่ในกล้วย

พอผมเลิกทำการเอาตัวรอด นอนแน่นิ่งทั้งตัวทั้งปาก แรงที่กดทับลงมาก็เหมือนจะลดลงไปบางส่วน ไอ้มิคใช้แขนอีกข้างรับน้ำหนักตัวเองอยู่ชิดติดหน้าแหงนๆของผม ในสายตาที่ได้แต่มองตรงไปยังหัวเตียง มีท่อนแขนล่ำๆกับกำปั้นโตๆที่กำจนเส้นเลือดปูดโปน เป็นภาพที่เห็นแล้วน้ำลายลื่นไหลลงคอดังเอิ๊ก หรือว่าเจ้าของมือมันจะอารมณ์ขาดกับอาการศูนย์แตกของผมจนถึงขั้นหูอื้อตาลาย มันถึงได้ทำอะไรผิดความคาดหมาย ผิดกาละเทศะปานนี้

“ขอโทษ”

เสียงเข้มๆพร้อมปลายจมูกที่ซุกลงหลังกกหู ลมหายใจอุ่นร้อนข้างแก้มกับคำขอโทษที่พึมพำซ้ำๆ พฤติกรรมที่แสนจะขัดแย้งกันเองของไอ้มิค จะโหดจะอ่อนขัดกันให้มั่วจนเล่นเอาผมต่อบทไม่ถูก ได้แต่สูดหายใจลึกพลางนับอัตราการเต้นของหัวใจที่โดนเกาะกุม

“ขอโทษที่ทำให้เสียใจ ขอโทษที่กูมันบ้า” แผ่นอกที่แนบอยู่ชิดติดหลังให้ความรู้สึกร้อนจนแทบไหม้แต่กลับเงียบสงบ ว่างเปล่า จนน่าใจหาย “ขอโทษ… ที่… รัก”

“รัก… มากขนาดนี้”

คำขอโทษแผ่วเบา ที่ทำให้ต้องใช้แรงทั้งหมด ตะเกียดตะกาย ดิ้นรนเพื่อหันไปเผชิญหน้า เพื่อหันไปมองตาอีกคู่ มองเอาไว้ด้วยขอบตาร้อนผ่าวเฉียบพลัน

“ขอโทษ ที่กูรักมึงเกินไป”

ตาสีอ่อนที่จ้องตรงมาดูจืดจางกว่าครั้งไหนด้วยม่านน้ำที่ปิดเคลือบ ถึงอย่างนั้นไอ้มิคก็ยังคงจ้องเขม็งตรงมา จ้องเหมือนจะให้ทะลุเข้ามาในหัวใจที่หดลีบไปแล้วของผม แล้วเพียงหนึ่งกระพริบหยดน้ำก็ร่วงหล่น หยดน้ำเม็ดเล็กๆที่ตกกระทบผิวหน้า ความเย็นชื้นที่ทำให้แขนผมบิดผิดท่าขึ้นไปคว้าคออีกฝ่ายมาซุกไว้แนบไหล่

ไอ้มิคยอมให้ผมกดหัวไว้กับบ่า ไม่มีเสียงสะอื้นไม่มีอาการฟูมฟาย คนที่ผมกอดเอาไว้ด้วยสองแขนบิดเบี้ยวเพียงแต่สูดหายใจลึกแล้วปล่อยให้น้ำตาหลั่งริน การพยายามอดกลั้นที่รับรู้ได้กับความเปียกชื้นบนไหล่เสื้อทำให้ความหนักอึ้งในใจผมแตกกระจาย

ความเสียใจก่อนหน้า ความเศร้าที่รู้ว่าไม่เป็นที่เชื่อถือในน้ำใจ ความหงุดหงิดที่ทำให้อยากแยกสถานที่ แยกเวลา กันอีกฝ่ายออกไปให้ห่าง แตกกระจายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยจนมองแทบไม่เห็น ความเย็นชื้นจากน้ำเพียงหยดเดียวบนผิวหน้าที่ยังไม่จางหาย เรียกให้ก้อนอะไรซักอย่างพุ่งขึ้นมาจุกอยู่ในอก จุกจนหายใจไม่ออก จนต้องกระชับสองแขน กอดอีกคนไว้สุดกำลัง

“ไม่เอาน่า… ไม่แมนเลยมึง”

พึมพำไม่ดังไปกว่ากระซิบใส่อีกฝ่ายแต่กลับเป็นผมเองที่มองไม่เห็นอะไรอื่นนอกจากม่านน้ำในตาตัวที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นภาพเบลอๆ และแม้ว่าจะกรพริบตาสักกี่ครั้ง เมื่อลืมตาขึ้นมาใหม่สิ่งที่เห็นก็ยังคงพร่ามัว

“ที่ยิงหนังสติ็กอันนั้น ยังอยู่กับมึง” ผมขยับตัว พลิกมานอนในท่าที่ไม่ต้องทรมานสังขารตน ท่าที่จะโกยคนบนตัวไว้ได้เต็มวงสวิงยิ่งขึ้น

“…………”

“หนังสติ๊กเก่าๆทำไมมึงถึงอยากได้ ที่เมืองนอกมีนกให้ยิงด้วยเหรอวะ”

คำถามประหลาดหลงสถานการณ์ของผมทำให้ไอ้มิคถึงกับผงกหัวขึ้นมอง ตาแดงก่ำหม่นแสงจ้องตรงมาอย่างให้รู้ว่างง เป็นไงล่ะเมื่อกี้เล่นซะกูไปไม่ถูก ถึงจะดราม่ากระจายอยู่แต่มาเจอของไอ้กิมบ้างเป็นไง

“ตอนไปบ้านมึงครั้งแรก กูนึกว่ามองผิด ไม่คิดว่าจะได้เห็นงานฝีมือตัวเองตกทอดมาถึงป่านนี้ มึงนี่รักษาของดีผิดกับหน้าตาเนอะ” ว่าแล้วกดหัวที่เงยขึ้นมากลับเข้าที่

“ตอนเห็นง่ามไม้ดำๆกับหนังยางเปื่อยๆ กูคิดว่า เฮ้ย ไอ้นี่มันคิดอะไรกับเราเปล่าวะ เก็บของแทนตัวกันไว้เป็นสิบปี แต่ตอนนั้นแม่งคบหญิงอยู่สอง กูเลยว่าคงไม่ใช่”

“แต่มันประทับใจว่ะ ซึ้งโคตร… กูดีใจที่มึงเห็นค่ากับแค่ของเล่นเด็กที่ได้ไป ถึงขนาดตั้งใจไว้เลยว่าจะให้ความสำคัญกับทุกอย่างกลับไป ไม่ให้แพ้กัน”

มาถึงตอนนี้ไอ้มิคไม่ยอมนอนนิ่งซบไหล่ ปล่อยผมเป็นฝ่ายพูดอะไรไม่รู้เรื่องอยู่ฝ่ายเดียว คนที่ผมยังกอดเอาไว้ไม่ปล่อยยกแขนขึ้นชันเตียง คร่อมวงลงมาล้อมซ้ายขวา เอาหน้าผากอุ่นๆแนบมาชนกันพร้อมสายตาที่จ้องตรงมา

“ตั้งแต่วันที่มึงบอกว่าคิดกับกูเกินเพื่อน ถึงวันนั้นจะตอบอะไรให้ไม่ได้ แต่กูก็เลิกใส่ใจใครต่อใครแล้วคิดเรื่องมึงอย่างจริงจัง… กูเห็นค่าของสิ่งที่ได้มา ไม่ใช่ไม่เห็นความสำคัญ”

“… ขอโทษ” คำขอโทษหลุดออกจากปากไอ้มิคเหมือนมันอ่านใจผมได้

“ขอโทษที่เอาแต่งี่เง่า เอาแต่ระแวง… ขอโทษที่มองไม่เห็นใจกิม”

“เออ ทีหลังก็หัดรู้ซะมั่งว่ากูน่ะซื่อสัตย์ตัวพ่อ จริงใจตัวพี่ มีอะไรก็ถามกันก่อน อย่าพึ่งดราม่านำหน้ากูไป”

ผมว่าแก้เก้อเพราะตาอีกคู่ที่กระพริบละขนตากันอยู่ เกิดอาการระยิบระยับ มองกันมาประหนึ่งว่าเจอคำตอบ เยส ไอดู

“ลุกไปได้แล้ว เหม็นมาม่าโว้ย”

ผมว่าพลางเบี่ยงหลบปากแดงๆที่ก้มลงมาได้อย่างเฉียดฉิว ปากไอ้มิคเลยจุ๊บเข้ากับโหนกแก้มเค็มๆเข้าเต็มรัก เต็มแก้มเต็มเค็มจนเจ้าของปากเกิดอาการเอ๋อ เปิดจังหวะให้ผมแจกหนุมานถวายเข่าเข้าเต็มๆซิกซ์แพ็ค กำจัดคนที่คร่อมกันอยู่ไม่รู้เลิกออกจากตัว แล้วกระโจนพรวดเดียวลงมาข้างเตียง ยืนมองไอ้มิคที่หลุดอุทาน เฮ้ย! มาเต็มคำ

เมื่อกี้ทำกูค้างเติ่งเป็นติ่ง แถมเป็นการค้างแบบฝ่อฝีบหีบเหี่ยวในเสี้ยววินาที ตอนนี้คิดจะมาเล่นกันให้เคลิ้ม คิดจะปั่นอารมณ์คนอื่นให้ลุกๆลีบๆตามใจตัวก็ไปหาปีโป้มาดูดแก้ขัดไปก่อนแล้วกันนะเพื่อน

คนได้รับแจกเข่าแบบไม่ทันตั้งตัวมองหน้าผมแบบพยายามให้เห็นว่าเคือง แต่ตากลับพราวระยับและเหมือนจะมีรอยขันอยู่จางๆ จนผมที่กะยืนยิ้มเย้ยต้องเป็นฝ่ายหลุดคำด่า ด่าจริงด่าแถมไปหลายคำแล้วหลบลี้หนีหน้าไอ้คนหน้าไม่อายด้วยการจ้ำพรวดๆเข้าห้องน้ำมา เห็นจากหางตาว่าไอ้มิคทิ้งตัวนอนหงาย มือกุมท้องแต่ปากยิ้มกว้าง สุดท้ายคือเสียงหัวเราะทุ้มๆที่ตามเข้ามาบาดหูกันถึงหน้าโถฉี่



โปรดติดตามตอนต่อไป

==========================================================================

แฮ่ๆ  โทษทีค่ะ ช้าไปหน่อย

ใช่ค่ะ ผู้แต่งคนเดียวกับที่แต่งเรื่องทะเลค่ะ  
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.2(NC-18 นิ๊ดนึง).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 29-08-2010 23:32:14
เข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมกิมน้อย(กร้ากกกกกกกกกกส์)ถึงได้ "อารมณ์ไม่ดี?"


..........มาม่าลวกพุง ถูกจู่โจมแล้วทิ้งค้าง เข้าใจผิดไม่ไว้ใจ
สุดท้าย.......น้องกิมเขินนนนนนนนนนนนนนนนนนน โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.2(NC-18 นิ๊ดนึง).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 29-08-2010 23:44:16
ตอนนี้ยังมีต่อใช่มั้ยคะ

เพราะมันยังดูค้างๆ คาอยู่เลย

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.2(NC-18 นิ๊ดนึง).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: raintear ที่ 30-08-2010 00:32:27
เรื่องนี้น่ารักอ่าาา ถูกใจมากมาย  o13 อ่านตอนแรกก็นึกว่าเบอร์สี่เป็นพระเอกซะอีก
แต่พออ่านไปเรื่อยๆ เจอเฮียมิคเข้า โอ้วววววว ไอ่เบอร์สี่ เอ็งไปไกลๆเลย ไม่สนแล้ววว 555
ชอบเรื่องนี้นะ แบบพัฒนาความสัมพันธ์กันไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เด็ก (ถึงแม้ไอ่กิมมันจะไม่รู้ตัวตอนเด็กก็เหอะ)
ชอบเฮียมิคมากมาย อยากเจอคนแบบนี้บ้างจัง :)

 :bye2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.2(NC-18 นิ๊ดนึง).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 30-08-2010 00:53:14
สุโค่ยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ลุ้นชิบ
งอลกัน ง้อกันได้แบบ :m11:พิสูจน์ได้อีกอย่าง
ว่ารักยังไงก็มาจากความผูกพัน คิดเหมือนรีบน
ตอนแรกนึกว่าเบอร์สี่เป็นพระเอก เจอพี่ดอมินิกปาขวดเข้าไป
เค้าเปลี่ยนใจแทบไม่ทัน เถื่อนๆอ่ะเค้าชอบบบบบบ :laugh:
รอ รอ รอ รอ รอ รอ รอ more please :m13:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.2(NC-18 นิ๊ดนึง).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 30-08-2010 06:36:03
เอ่อ
ดีๆเว่ย
กิมเนี่ย
อยู่เรื่อยเลยนะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.2(NC-18 นิ๊ดนึง).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 30-08-2010 09:43:50
น่ารักมากค่ะ เรื่องนี้ อ่านแล้ว ยิ้มทั้งน้ำตาเลย
ซึ้ง
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.2(NC-18 นิ๊ดนึง).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 30-08-2010 11:03:25


ตอนนี้อารมณ์ประมาณว่า...ยิ้มทั้งที่คิ้วขมวด...นี่ตูท่าจะบ้า - -"


อ่านไปก็เครียดไป เด่วยิ้มเด่วเครียด...ชักทำตัวไม่ถูก

สงสัยอ่านเรื่องนี้มาก ๆ คนข้าง ๆ ถ้าจะว่าเค้าเป็นบ้าเข้าสักวัน

เฮ้ออออออออ อ อออ...กิมเอ๊ยยยย...ไม่เคยรู้เลยใช่มั้ยเนี่ย...ว่าตัวเองหน่ะแหล่ะ

ที่ทำำใ้ห้มิคเค้ารักซะหัวปักหัวปรำซะขนาดนี้หน่ะ...แต่ถึงจะรู้ช้าไป ก็ไ่ม่สายที่จะยอมรับใจตัวเองนะจ๊ะ...คริคริ XD
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.2(NC-18 นิ๊ดนึง).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: sin ที่ 30-08-2010 14:57:23
เรื่องนี้น่ารักมาก

อ่านแล้วขำ ยิ้มได้ทั้งเรื่อง ให้ตาย น้องกิม น่ารัก มิคโครตเท่ห์

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.2(NC-18 นิ๊ดนึง).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 30-08-2010 15:07:02

ตอนแรกคิดว่าเบอร์สี่เป็นพระเอกเหมือนกัน

เจอมิคเข้าไป ชอบแบบนี้จัง    :m11:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที4.2(NC-18 นิ๊ดนึง).....(28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 30-08-2010 16:15:10
 นึกว่าจะได้ใช้อีโมนี้ :m25:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 30-08-2010 22:27:31

รักจัง.........ตอนที่5


ตัดกลับมาสู่สถานการณ์ปัจจุบัน ณ โรงอาหารท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ของนักศึกษาตอนบ่ายสี่ รอบโต๊ะกินข้าวที่นั่งกันอยู่นับได้แปดชีวิตไม่ขาดไม่เกิน บวกอีกหนึ่งที่พึ่งโผล่มายืนหล่อไม่เกรงใจเพื่อนฝูง ค้ำหัวกดไหล่อยู่แนบชิดติดหลังผม

ไอ้มิค เจ้าของเสียงหัวเราะบาดหูหน้าโถฉี่ ไอ้มิคที่ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องแม้เจ้าของห้องจะออกปากไล่ถึงขั้นแจกฝ่าตีนอรหันต์ ไอ้คนอาศัยที่นอนหล่อเป็นพระอินทร์ สีหน้าบ่งบอกถึงความสุขสงบสยบแล้วซึ่งทางโลกขณะที่เจ้าของห้องอย่างผมนอนตาค้าง หลับไม่ลงเพราะมัวแต่ซ่อมศูนย์ตัวเองอยู่ไม่รู้เลิก

ไอ้มิคที่ทำเป็นตัวลีบอยู่อีกฟากหมอนข้าง แล้วแอบเนียนก่ายขาก่อนแล้วค่อยวาดแขน กวาดหมอนทิ้งระหว่างส่งเสียงหายใจสม่ำเสมอ ไอ้บ้าที่ม้วนผมเข้าไปอยู่ใต้ตัวได้เนียนเหลือเชื่อ แล้วก็หายหัวไปได้เนียนกว่าเมื่อเจ้าตัวต้องการ

ผมที่ถูกยัดเยียดบทไส้กรอกในขนมโตเกียวสิ้นสติไปตอนหมาข้างหอหอนบอกเวลาว่าตีสี่ นอนอึดอัดขัดข้องขยับได้แต่หัว ตื่นมาอีกทีตอนหมาตัวเดิมเห่าไล่รถขายแตงโมงเสียงขรม เสียงหมาเสียงแม่ค้าและเสียงเพลงชาติจากห้องไอ้อ่ำบอกให้รู้ว่าขณะนี้เวลาแปดนาฬิกา ผมงัวเงียตื่นมาเพื่อที่จะพบว่าสามารถกางแขนแหกขาได้เต็มเตียงเนื่องจากที่ข้างๆมันว่างเปล่า ไอ้มิคหายหัวไปแล้วอย่างไร้ร่องรอย

นอนไม่พอ คอเคล็ด เจ็บหลังแล้วแม่งยังไปก่อนกูตื่นเหมือนเสี่ยเขี่ยสาว กึ่ม บอกได้คำเดียวว่าอารมณ์นี้มันเรียกกึ่ม

“อารมณ์ไม่ดี?”

ไอ้มิคก้มมาถามแล้วไม่ยอมเงยกลับ หน้าหล่อจัดที่จ่อเข้ามาแทบจะชิดหน้าผมเป็นการแสดงความใกล้ชิดที่ออกจะชิดใกล้เกิดพอดี จนคนรอบข้างที่นั่งล้อมอยู่รอบโต๊ะ ชะงักการสนทนาแล้วเหล่ตามาแอบมอง

ไม่รู้ว่าหล่อเขาไม่เห็นอาการเพื่อนหรือเห็นแล้วแต่ไม่สนใจ มือร้อนๆบนไหล่ผมจึงถูกยกขึ้นมาเช็ดปากกันด้วยปลายนิ้ว คาดว่าไอ้มิคที่ก้มลงมาโคลสอัพกันในระยะเห็นรูขุมขนบนใบหน้า คงเจอะซีกหัวถั่วงอก รากผักชี เม็ดพริก เม็ดน้ำตาลที่ไม่ละลายหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ผมพึ่งยกซดก่อนมันมา แปะติดอยู่กับหน้าผมแบบที่อีกเจ็ดชีวิตรอบโต๊ะแม่งตาบอดมองกันไม่เห็นอยู่เป็นนาน

นิ้วโป้งแข็งๆปาดผ่านริมฝีปากล่างไปแบบไม่เร่งรีบ แล้วคนปาดก็เช็ดสิ่งที่กวาดไปกับกางเกงตัวเองแบบหน้าตาเฉย ปล่อยคนโดนปาดอย่างผมนั่งอ้าปากค้าง ฟังเสียงช้อนหล่นกระทบจานดังแกร้งมาจากหลายทิศทาง

“อิ่มยัง”

เจ้าพ่อขโมยซีนตัวจริงเสียงจริงเอ่ยเหมือนจะอันเชิญให้ลุก หน้าหล่อแบบโหดเถื่อนยังคงจ้องผมอยู่พร้อมยิ้มจางติดริมฝีปาก ยิ้มที่ทำให้ชีสซีร็อกกับสมุดเล็คเชอร์ของผมถูกส่งต่อๆกันมาจากหัวโต๊ะจนมาตกอยู่บนตัก ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ช่วยนัมเบอร์วันรู้แต่ว่าเหล่ตามองไปอีกที รอบโต๊ะมันก็ยกมือขึ้นโบกบ้ายบายกันมาตาไม่กระพริบ รู้โดยไม่ต้องมีองค์ ลุกเดินตามตูดไอ้มิคไปเมื่อไหร่ รับรองสะเก็ดดาวกันกระจาย

“สาดมิค คนยังไม่ได้แดกจะอิ่มได้ไง”

ผมว่าแล้วคว้าน้ำแข็งใสก้นชามของไอ้จั๋วมาจ้วงกินแบบหน้าด้านๆ สถานการณ์นี้กูจะไม่ยอมลุกจากโต๊ะเด็ดขาด กูจะไม่ยอมตกเป็นสะเก็ดดาว

ความรักตัวกลัวเพื่อนนินทาที่ผนึกเข้ากับอาการกึ่มคนข้างหลัง ทำให้ไอ้กิมจ้อกลายเป็นอีกิมจั๋ว จะเสียงสูงหน้าเชิด โด่งตูดเอาสีข้างเข้าไถจนกางเกงในสึก

“ไอ้ตะกละ ผักชียังติดอยู่เต็มฟันหน้า พูดออกมาได้ว่ายังไม่ได้แดก” ไอ้โยมเป็นคนแรกที่จะมาพิสูจน์บทอีกิมจั๋วกับผม

“กูหมายถึงของหวาน ไอ้ควาย” แทบจะควักลิปแดงมาทาปากกันทีเดียว

“จะกินอะไร เดี๋ยวไปซื้อ”

ไอ้มิคขโมยซีนคืนแบบทีเดียวหัวไอ้โยมหาย สายตารอบวงจ้องกลับมาที่คนข้างหลังผมเหมือนเห็นผี ไอ้มิคคนนั้นที่เทคแคร์ใครอย่างนี้หาดูได้ยากส์ยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลพิเศษ

ผมเองยังต้องแหงนหน้า เหลือกตามองคนถามที่ยืดตัวขึ้นเต็มความสูงแล้วก้มหน้าลงมายิ้ม ไม่ใช่ว่าไอ้มิคไม่เคยซื้ออะไรมาให้กิน ของหวานของคาวมีมาจ่อถึงปากไม่เคยขาด แต่เป็นการหิ้วมาฝากหรือขับรถไปกินด้วยกันที่ร้าน ไม่ใช่การขันอาสา ออกปากเป็นบริกร วิ่งซื้อวิ่งเสิร์ฟถึงที่แบบนี้

“กูเอาถั่วแปบถุง ไอ้อ่อนมึงเอาไร”

ไอ้จั๋วตอบข้ามหัวผมไปหาคนถาม ไม่รู้แกล้งซื่อหรือเพราะหมั่นไส้ ฟังจากน้ำเสียงแล้วคาดว่าจะเป็นอย่างหลัง แล้วก็ได้รับการตอบรับจากว่าที่บริกรกิตติมศักดิ์เป็นมือที่ยื่นเยื้องๆไปตบหัวคนสั่งดังป๊าบ

“ลามปามแล้วมึง” ไอ้มิคว่า

“อ้าว ก็กูเห็นมึงขันอาสา” ไอ้จั๋วเงยหน้าขึ้นโวย “คบเพื่อนมันต้องให้เท่าเทียม อย่ามาเลือกที่รักมักที่ชังอย่างนี้สิโว้ย”

“กูอยากกินหลายอย่าง อยากกินแม่งหมดโรงอาหาร”

ผมรีบสอดปากต่อประโยคหลังไอ้จั๋ว กลัวเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดคนนี้คนนั้นคนนู้นจะต่อความยาวสาวความยืดเรื่องรักเพื่อนไม่เท่าเทียมจนกลายเป็นทีซีสคณะ

“มึงจะไปไหน นำหน้าไปก่อนโลด เดี๋ยวกูอยู่ระวังหลังให้”

“หลังไอ้มิคมีอะไร ทำไมต้องให้มึงเป็นบอดี้การ์ด… อะนั่นนั่นแน่!” หญิงเล็กโยมโผล่หัวขึ้นมาอีกครั้ง

“หรือมึงลงยันต์ สักตุ๊กตุ่นตุ๊กตา ดีดหัวน้ำมันพรายใส่หลังมันไว้” ดูท่าวันนี้มันจะต้องจิกหัวตบกับอีกิมจั๋วให้ได้

“ปากคนหรือปากหมาวะไอ้โยม มนต์ดำของขลังเขาไม่ให้เอามาเผย พูดไปเดี๋ยวของมันเสื่อม” ไอ้อ่อนที่เงียบอยู่นานกลายร่างเป็นภัยใกล้ตัวผมชนิดติดสีข้าง

“อีกอย่าง ไอ้กิมมันไม่ทำของใส่ไอ้มิคหรอก มันมีตัวจริงอยู่แล้ว พวกมึงแค่ไม่รู้เท่านั้น” อ้าวเว้ยเฮ้ย! มึงจะชักศึกเข้าบ้านกูทำไมเนี่ย หาเรื่องให้พระเอกเดือนร้อนแล้วไอ้อ่อน

“เหรอๆ แล้วตัวจริงกูนี่มันใคร?” ผมรีบเนียนผันตัวเป็นบุรุษที่สามพลางยกมือตะปบมือร้อนๆบนไหล่ที่เริ่มออกแรงบีบนวด คลายเคล็ดขัดยอกพอเป็นกระสัย

“มันจะใคร้” ไอ้อ่อนทำเสียงสูง “วันก่อนเห็นเดินไปส่งถึงป้ายรถเมลล์” หือ?

“อ๋อ น้องแก้ม” นึกออกแล้วต้องหันไปโบกหัวคนข้างๆซะที โทษฐานทำให้ตกอกตกใจ “หลานรหัสกู เด็กไอ้โอ้มัน ไม่รู้จริงแล้วอย่ามาปั่น”

พูดมาได้ถึงตรงนี้ไอ้คนที่ทำตัวเป็นหมอนวดติดอยู่กับไหล่ผมก็เรียกร้องความสนใจ ดึงไหล่เอน เรียกให้ต้องเงยขึ้นไปหา

“หิว” ไอ้มิคเอ่ยมาคำเดียวสั้นๆด้วยหน้าที่ยังมีรอยยิ้มจางๆ แล้วต่อประโยคเมื่อเห็นผมเลิกคิ้วแสดงอาการฉงน

“ยังไม่ได้กินข้าวเลย”

ประโยคบอกเล่าที่ถ้าเอาไปพูดกับคนอื่นเขาคงรีบก้มช้อนก้นแล้วพาไปป้อนข้าวให้ถึงปาก แต่พอดีคนฟังเป็นผมในภาคไม่ปกติ อารมณ์กึ่มมันที่หายไปทั้งเช้าโดยไม่มีการบอกกล่าว แล้วโผล่มาหล่อไม่ลดระดับทำให้ไอ้กิมเกิดอาการรวน

“หิวก็ไปหาแดก หรือต้องให้กูไปหาซื้อมาให้”

ว่าไปอย่างนั้นแล้วก้มหน้าหนี ไม่สนใจคนข้างหลังว่าจะหุบยิ้มแยกเขี้ยว ก้มลงมาขบหัวกิมจั๋วให้สมองไหลอะไรยังไง ก้มมาคว้าน้ำลำไยไอ้อ่อนดูดเสียโฮกใหญ่ๆ ยังไม่ทันจะได้วางถ้วยลงกับโต๊ะมือร้อนๆบนไหล่ก็หลุดหาย แล้วลมเย็นๆก็โชยปะทะแผ่นหลังเมื่อคนที่ยืนแนบชิดติดอยู่ก้าวจากไป

ผมไม่ได้หันไปมองว่าอีกฝ่ายก้าวไปทางไหน ไม่ได้เงยหัวขึ้นฟังด้วยซ้ำเมื่อไอ้โยมตะโกนถามไอ้มิคถึงที่มาที่ไป เพราะเดาเอาไว้ในใจได้ คนอย่างไอ้มิคไม่เคยง้อใคร และถึงจะทำให้เพื่อนเห็นผีโดยการมายืนง้อไอ้กิมอยู่หลายนาที แต่เจอไอ้กิมจ้อทำตัวเป็นอีกิมจั๋วอย่างนี้ รับรองได้ว่าไอ้มิคต้องสะบัดก้นหนี ปิดการง้อแบบหนึ่งไม่มีสองแล้วเปิดตูดหายแบบหมดความสนใจ

ผมยกแก้วน้ำลำไยที่ยังไม่ทันวางขึ้นดูดอีกครั้ง ครั้งนี้เอาให้ความเย็นจากน้ำแข็งในแก้วมันจี๊ดจากปากขึ้นไปถึงกบาล จี๊ดชนิดปวดขมับเหมือนเด็กตะกละดูดสเลอปี้ เผื่อว่าหน้าเฉยๆกับตาตกๆของใครบางคนที่แอบเห็นจะหายไปจากหัว

“เฮ่ย น้ำกู อยากกินขนาดนั้นลุกไปซื้อมาเองปะ แล้วนั่นเสียงมือถือมึงเปล่าวะ” ได้ยินเสียงไอ้อ่อนแว่วๆพลางแก้วลำไยที่ถูกแย่งไปจากมือ

มือถือที่ไอ้อ่อนว่าเงียบสนิทอยู่ในกระเป๋ากางเกง ล้วงออกมาดูว่าใครมันหูแว่วก็เจอกับแม็สเซ็สที่รอให้เปิดอ่าน ชื่อเจ้าของข้อความที่เด้งใส่ตาทำเอาต้องเบี่ยงหลบไอ้อ่อนที่ชะโงกเข้ามาอย่างต้องการมีส่วนร่วม

‘กลัวแล้วครับ โกรธกันเรื่องอะไร’

ถ้าไม่เคยเห็นหน้าคนส่งต้องนึกภาพชายหนุ่มผู้แสนดีส่งข้อความมาถึงนางสาวไทย ผมที่เห็นหน้าไอ้มิคอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอ่านแล้วยังเกิดอาการนะจังงังกับอาการสุภาพทางข้อความถึงขนาดนิ่งตอบไม่ถูก

‘เมื่อเช้าต้องไปรับคนที่สนามบิน ออกมาก่อน ขอโทษ’

ข้อความสองมาแบบไม่เว้นระยะห่าง เหมือนไอ้มิคจะจับไต๋เดาอาการกิมจั๋วของผมได้

คำอธิบายสั้นๆช่วยลดอาการกึ่มได้กึ่งหนึ่ง ผมปิดมือถือแล้วหันไปคว้าขวดน้ำตัวเองมาดูด พลางคิดในใจว่าหลังเตะบอลเสร็จค่อยโทรไปง้อมันคืน ถึงตอนนี้จะไม่กึ่มเท่าตอนแรกแต่บอกตรงๆว่าเสียงหัวเราะหน้าโถฉี่ยังเล่นเอาทำหน้าไม่ค่อยจะเถิก

มือถือบนโต๊ะสั่นเบาๆ หน้าจอบอกว่ามีอีกหนึ่งข้อความพึ่งมาถึง ผมเปิดออกอ่านแล้วต้องเงยหน้ามองไปรอบทิศ ข้อความที่เหมือนคนส่งเห็นท่าทางของผมได้ชัดเจน

‘อย่าเมินกัน please’

ห่างไปสองโต๊ะด้านหลัง ร่างรวมสายตาของสาวๆในโรงอาหารนั่งทอดแขนอยู่กับเข่า มือถืออยู่ในมือแต่เจ้าของไม่ได้ก้มมอง ไอ้มิคจ้องมาทางโต๊ะผม จะให้ถูกต้องว่าจ้องมาที่ผมแบบระบุตัวคนร้าย สีหน้าที่มองมาไม่มีรอยยิ้มแต่ก็ไม่บึ้งตึง หน้าเฉยๆเหมือนยามปกติ หากแต่สายตาหนึ่งคู่บนใบหน้านั้นทำให้ผมต้องหันกลับ คว้าปึกชีสบนตักแล้วบอกลาเพื่อนฝูง ก้าวข้ามเก้าอี้ยาวตรงไปหาคนที่มองอยู่

“หิวแล้วมานั่งทำอะไรตรงนี้”

ผมว่าพลางยื่นมือไปขยี้หัวเกรียนๆที่ต่ำกว่าของอีกฝ่าย กดหัวไอ้มิคให้ก้มลงจากการมอง ก้มลงจนสายตาที่มองมาละจากไป

“ทำอะไรอยู่ทั้งวัน ข้าวมื้อสองมื้อถึงไม่มีเวลากิน”

ไอ้มิคยอมให้ขยี้หัวอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีท่าทีจะปัดป้องจนผมต้องเป็นฝ่ายหยุดมือแล้วชักกลับมาไว้ข้างตัว คนโดนผมเล่นของสูงอยู่เป็นครู่เงยหน้าขึ้นมามองกันอีกครั้งด้วยสายตายากบรรยาย

“เก็บท้องไว้ ไม่อยากกินคนเดียว”

คำตอบไอ้มิคเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปอย่างล่องลอย ความคิดผมตอนนี้บอกได้คำเดียวว่ามีแต่หน้าเปื้อนยิ้มกับตาสีจางทอแสงอ่อนที่เงยมามองกัน สีหน้ากับสายตาที่แค่มองก็รู้ว่าไม่มีความไม่พอใจแม้เพียงเศษเสี้ยว เหมือนว่าไม่ว่าผมจะทำอะไรให้ คนที่มองมาก็จะไม่มีทางโกรธกัน เป็นสีหน้ากับสายตาที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ร้ายข้ามแดน เป็นคนเลวทำพระเอกมันช้ำอยู่ฝ่ายเดียว

“เออ ไม่เห็นหน้ากูนี่แดกข้าวไม่ลง เห็นกูเป็นผงชูรสรึไง”

ว่าไปอย่างนั้นแล้วยกมือเสยผมกลบเกลื่อนอาการ เสยเข้าไปแรงๆไล่ความอ่อนที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจ เห็นหน้าไอ้มิคอย่างนี้ทีไรไอ้กิมเป็นต้องใจอ่อนให้มันทุกทีไปสิน่า

ไอ้มิคภาคอยากให้เพื่อนเห็นผี ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้ววาดแขนเข้ามาพันไหล่ผม ออกแรงดันเอื่อยๆให้ออกเดิน

“สงสัยจะใช่ กาแฟเมื่อเช้าจืดเป็นน้ำล้างถ้วย เพราะไม่ได้เห็นหน้ากิมนี่เอง”

“สาด คนนะเว้ยไม่ใช่น้ำตาลอ้อย จะได้ทำให้กาแฟมึงมีรสชาติ” ว่าพลางกระทุ้งศอกแน่นๆเข้าพุงคนข้างๆไปซะที หมั่นไส้มันครับ คนอะไรโดนด่ายังมาทำเป็นยิ้ม



โปรดติดตามตอนต่อไป

=========================================================================

คนแปะเหนื่อยจิตจ๊า วันนี้

หลับวิชาสำคัญทั้งคาบ ตื่นปุ๊ป จารย์บอกคาบหน้า ควิซนะหนูๆ :a5: :m15: เหอะๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 30-08-2010 22:49:09
หยอดทุกเม็ดเลยนะหนูมิค :o8:
ไปทำไรมาถึงได้หลับในห้องอ่ะ :z13:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 30-08-2010 23:00:26


ชีวิตนี้จะคนอย่างมิคเจอมั้ยเนี่ย - -?????

อ๊ากกกกกกกกกกก ก ก ก  กกก...ทั้งเทคแคร์ดูแลกันขนาดนี้

เอาตำแหน่งพระเอกแห่งปีไปเลยมั้ย...คริคริ

เล่นหยอดซะคนอ่านยังเขิลอ่ะ...แล้วอย่างนี้กิมจะไม่ใจอ่อนก็ให้มันรู้ไป

กิมเองก็กึ่มได้น่ารักน่าหยิกจริง ๆ...แต่ฟอร์มจัดไปก็ไม่ดีนะกิม

เรื่องบางเรื่องมันก็ควรมีขีดจำกัดนะจ๊ะ...งุงิงุงิ~*
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Killua ที่ 31-08-2010 00:04:45
เฮ้อ อยากได้มิคเป็นแฟนซะเอง :laugh:
แต่กิมเชื่อเถอะคบมิค ดีกว่าคบน้องไฝน้า
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 31-08-2010 01:47:43
หวานมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 31-08-2010 03:15:58
Erste mall habe ich heute gelesen. ich fand dass ist sehr gut.
vielen dank, warte ich auf nächte teil :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 31-08-2010 06:25:12
รัก(มิค)จัง
 :o8:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 31-08-2010 06:53:36
โหๆๆๆๆๆมิคหวานยิ่งกว่าน้ำตาลอีกรู้ตัวมั้ย :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 31-08-2010 07:16:56
+ 1 นะครับ
(เอ่อ...บวก 10 เลยได้มั้ยครับ)


โอยป๋ามิค ขอลอกเทคนิคการง้อไปใช้มั่งนะ
สุดยอดครับป๋า
เฮียกิมครับบอกๆเค้าไปสิว่าเฮียงอนเรื่องอะไร
5555+

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 31-08-2010 07:34:44
กิมน่านักอะ แต่มืคน่ารักมากๆ แพ้ทางคนแบบนี้ แอร๊ยยย  :o8:
แค่ควิซ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ทำได้อยุ่แล้วแหละเนอะ สู้ๆ :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 31-08-2010 07:55:26
ตายๆๆๆๆๆ ปลื้มทั้งคู่
มิคจ๋าาาาาาาาาา กิมมมมมมมมมมจ๋าาาาาาาาาา

น่ารักเกิ๊นนนนนนนนนนนนนนนน

"เก็บท้องไว้ ไม่อยากกินคนเดียว" >////////////<
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 31-08-2010 07:58:21
มิคคคคคคค ตอนนี้ได้ใจไปเต็มๆ เลย :L1:

มิคน่ารักเนอะ

หนูกิมอย่างอนนานนะจ๊ะ ก็รู้อยู่ว่ามิคมันไม่เคยง้อใคร

ผลัดกันง้อ ผลัดกันงอน ก็น่ารักดีนะ  :man1:


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: NUKWUN ที่ 31-08-2010 08:46:30
ตอนแรนึกว่าไอ้คนที่กิมแอบมองบ่อยๆจะเป็นพระเอกซะอีก
นะเนี่ย
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 31-08-2010 10:06:06

มิคน่ารักที่สุด   :o8:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 31-08-2010 13:28:12
โอ๊ย อย่างงี้เบอร์สี่คงไม่มีทางมาเอี่ยวแล้วจิใช่ม่ะ

หวานซะมดขึ้น
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 31-08-2010 13:35:26
อ่าแล้งมีเรื่องทะเลไหมค่ะ อยากอ่านเรื่องทะเลมากเลย
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 31-08-2010 13:50:53

ชอบมิคอ่ะ
ประมาณ..ก้อรักอ่ะ รักที่สุด  รักมาก... มันให้ความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เลย  :impress2:

กิมก้อชอบ
แต่เหมือนยังไม่ชัวร์กับความรู้สึก แถมยังไม่รู้จะทำยังไง อิอิ ก้อพ่อมิคเล่นรวบรัดฆ่าตัดตอนนี่นา   :-[

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 31-08-2010 14:03:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 31-08-2010 14:58:04
มะไหร่กิมจะใจอ่อน สงสารมิค หุๆ

อ่า ว่าแต่ เรื่องทะเล มี link มั้ยคะ  :o8: แบบว่าอยากอ่าน  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 31-08-2010 18:19:48
อ่า ว่าแต่ เรื่องทะเล มี link มั้ยคะ  :o8: แบบว่าอยากอ่าน  :monkeysad:

คือว่าคนแปะ ไม่มีลิงค์ เรื่องนั้นเรยอ่ะค่ะ มีแต่ที่เคยเซฟเก็บไว้  เอาไว้อ่านเป็นกำลังใจตอนเครียดๆ

อีกอย่าง เรื่องทะเล (รักพลิกล็อค ล็อกคอรัก) เป็นเรื่องที่คุณหมีแต่งไว้นานมากแล้ว (ตั้งแต่ปี 49) มี 21 ตอนและมันยังไม่จบ คุณหมียังไม่พร้อมที่จะแต่งต่อ

ถ้าเพื่อนๆอยากอ่านก็บอกมาได้นะค่ะ  เด๋วคนแปะ จะไปขออนุญาติ คุณหมี ว่าจะขอเอามาโพสที่เล้าได้มั๊ย
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ฟ้าสดใส ที่ 31-08-2010 19:18:07
ชอบเรื่องนี้จัง     :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที5.....(30/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 31-08-2010 19:19:17
ง้อกันได้น่ารักน่าชังเสียจริง ๆ    :กอด1:   :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที6.....(31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 31-08-2010 23:46:49


รักจัง.........ตอนที่6


“สรุปว่าน้องมึงจะมาอยู่ด้วย?”

ปากผมถามแต่ตาจ่อติดอยู่กับมือขาวๆที่หนีบตะเกียบ คีบส่งก้อนข้าวกับปลาโป๊ะหน้ามาหย่อนลงบนจานใบไม้ของผมแบบไม่ขาดสาย ปลายตะเกียบหย่อนชิ้นปลาแล้วเบี่ยงไปคีบวาซาบิหย่อมน้อยๆแตะซอสถั่วเหลืองหน่อยๆ แล้วปาดกลับมายังเนื้อปลาให้เสร็จสรรพ จากลักษณะอาการ เดาเอาว่าถ้าเคี้ยวแทนแล้วคายออกมาจ่อปากป้อนกันได้ไอ้มิคคงทำไปแล้ว

“เฮ้ย มือไม้กูยังดี ยังไม่ได้เป็นง่อย ไม่ต้องพร้อมใจบริการขนาดนี้ก็ได้ว่ะ”

“เอาน่า ความสุขกู”

คนช่างบริการตอบมาง่ายๆพร้อมยิ้มหล่อจนราศีเพื่อนร่วมโต๊ะต้องมัวหมอง เด็กเสิรฟ์คาดผ้ากันเปื้อนแอ็บแบ้วถึงกับเบรคดังเอี๊ยดเพื่อเติมน้ำให้โต๊ะผมเป็นรอบที่ห้า

“เห็นกูเป็นเณรประจำพรรษารึไง ให้ข้าวให้ปลาแล้วอิ่มบุญ”

ประชดคนร่วมโต๊ะไปดังๆให้น้องเด็กเสิร์ฟร่วมได้ยิน สายตาสงกะสัยยังไงกันโต๊ะนี้จะได้เปลี่ยนทิศไปทางอื่น ไอ้มิคไม่ต่อปากต่อคำแค่เอื้อมไปหนีบสาหร่ายโรยงาในถ้วยหลุมมาหย่อนให้อีกหนึ่งกระจุกแล้วลงมือกินข้าวปลาอาหารของตัวเองไปตามเรื่อง แหม เทคแคร์ดูแลกันอย่างนี้นี่เอง สาวหมวยสาวไทยในและนอกคณะถึงได้อยากมานั่งกินข้าวกับมัน

“พรุ่งนี้ที่บ้านจะไปหัวหิน” ไอ้มิคบอกเล่าเก้าสิบ “ค้างหนึ่งคืน กลับเย็นวันอาทิตย์ ต้อนรับไอ้เด็กผี”

เด็กผีที่โดนพาดพิงถึงคาดว่าจะเป็นน้องชายฝรั่งสายเลือดบริสุทธิ์ชื่อมิกาเอล ที่ไอ้มิคต้องแหกตาผ่ากรุงเทพไปรับมาเมื่อเช้านี้

“ตกลงเด็กผีกลับมาเยี่ยมบ้าน ไม่ได้จะมาสิงคอนโดมึงอยู่” ผมถามด้วยความฉงน ก็ตอนแรกไอ้มิคบอกน้องมันจะมาอยู่ด้วย ก็นึกว่าจะมีฝรั่งแต้ๆมาให้ดูแลอย่างใกล้ชิด

“สิงไม่ได้ เจ้าของห้องไม่อนุญาติ” คำพูดจากปากพี่ชายครึ่งสายเลือด “พอดีช่วงนี้จะอันเชิญเจ้าที่ใหม่มาอยู่ด้วยเลยไม่อยากต้อนรับแขกอื่น”

“เจ้าที่ศาลไหน ศาลเตี้ยเหรอวะ ถ้าศาลแบบนี้กูรู้จักเป็นสิบตีน อยากได้กี่ศาลบอก”

ผมบอกพลางขยับลิ้นไล่บี้ไข่ปลาในปาก หมั่นไส้ฝรั่งแถวนี้แถวโน้น ริอาจจะใช้ความเป็นไทยชักชวนนางสาวไทยเข้าห้อง

เจอไอ้กิมตบมุขร่วงเข้าไปไอ้มิคถึงกับเอ๋อ ต่อมุขตัวเองไม่ถูกแล้วเลยยอมแพ้ง่ายๆด้วยการพลิกลิ้นมาเป็นคนพูดตรงๆ

“ย้ายมาอยู่คอนโดด้วยกัน บ้านไม่ต้องเช่าข้าวไม่ต้องซื้อ มีออฟชั่นรถรับส่งทุกสถานที่ แถมบริการพิเศษ ได้เห็นหน้าแฟนยี่สิบสี่ชั่วโมง อย่างนี้หาที่ไหนได้อีก”

ประโยคสุดท้ายเล่นเอาชาเขียวกลั้วปากเกือบพุ่ง ต้องรีบเก็บอาการด้วยการคว้าสาเกถ้วยตรงข้ามมาฟาดปาก

“แหม ออฟชั่นดีอย่างนี้ใครมันจะไปเล่นตัวอยู่ได้ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จกูไปเก็บเสื้อผ้าใส่ลังเลย ว่าแต่อย่าลืมบอกแม่มึงให้มาขอกูกับพ่อก่อนนะ”

ไอ้มิคหัวเราะขำคำประชดผม ก่อนต่อปากต่อคำให้ยิ่งไปกันใหญ่ “ไม่มีปัญหา เอ้านี่ มัดจำไว้ก่อนเลย” ว่าพร้อมรูดแหวนคล้ำๆประจำนิ้วยื่นมากลางโต๊ะ

“แหวนขนมถุงหรือไงมาให้กันง่ายๆ” ผมหรี่ตาดูถูกพลางผลักมืออีกฝ่ายกลับไป

“เอาไว้มีควายสักสิบ วัวอีกเจ็ด หมูอีกแปดกับไก่ชนอีกคู่ บรรทุกเข้าบ้านนอกให้พ่อกูไว้เลี้ยงเล่นแทนลูกแล้วกูจะไปขออยู่ด้วย”

เจอคำปฏิเสธแบบอ้อมบ้างตรงบ้างของผมเข้าไปเป็นรอบที่สิบกว่าๆนับแต่เอ่ยปากชวนกันมา คนชวนเลยออกอาการเซ็ง ทิ้งตัวพิงพนักแล้วหย่อนแหวนลงกระเป๋าเสื้อ ไอ้มิคจ้องผมนิ่ง สีหน้าบ่งบอกว่าไม่เข้าใจชัดเจน

“ทำไม”

“ก็แล้วทำไมล่ะวะ ต่างคนต่างอยู่ก็ดีอยู่แล้ว จะให้กูย้ายไปทำไมให้ยุ่งยาก” ผมตอบเสียงขรึม กะใช้ความขรึมเข้าสู้ความเข้ม

ไอ้มิคตอบแทนความขรึมด้วยการจ้องมานิ่งๆ นิ่งและนานจนเกือบอึดอัดขัดข้อง สายตาที่มองมาไม่เปิดเผยความรู้สึกนึกคิดซึ่งผิดกับครั้งไหนๆ และก่อนที่ผมจะต้องหลบหนีสายตาด้วยการขอลุกไปฉี่ คนที่จ้องกันจนดูกลายๆคล้ายว่ามันอาฆาตก็ยกมือขึ้นเรียกเช็คบิลด้วยหน้าเรียบเฉย

“ย้ายไปอยู่กับกูมึงไม่ชอบ งั้นกูย้ายเข้าหอมึงเอง” ไอ้มิคว่ามาง่ายๆเหมือนสั่งข้าวผัดไก่ ไก่หมด เอาหมูแทนก็ได้

“ไม่ต้อนรับเว้ย” ผมสวนทันควัน

“ห้องกู ไม่ใช่เอเอฟอคาเดมี่จะได้คัดคนหน้าตาดีเข้าบ้าน คอนโดมึงมีทุกอย่างจะมาลำบากแย่งกันอาบน้ำเย็นที่ห้องกูทำไม”

ผมเสนอความคิดเชิงแตกแยกแล้วแย่งบิลล์ค่าอาหารมาตรวจดูราคา หารสองแล้วควักแบ็งค์ร้อยสี่ใบโป๊ะทับบิลล์เลื่อนไปให้อีกคนที่นั่งกินร่วมกันมา แต่ไอ้มิคกลับเฉย ไม่มองเงินไม่มองบิลล์ มองอยู่แต่หน้าเพื่อนร่วมโต๊ะหนึ่งเดียวอย่างผมด้วยหน้านิ่งๆ นิ่งเดียวกับเมื่อกี้ไม่ผิดเพี้ยนจนผมต้องหลบหนีด้วยการลุกมาเข้าห้องน้ำคั่นเวลา

เข้าห้องน้ำทำธุรกิจธุรการแบบถ่วงเวลาให้ยืดเยื้อ มองหน้าตัวเองในกระจกบานใหญ่ติดผนังแล้วหัดเก็กทำหน้าขรึมแล้วค้างไว้ กะเอาไปสู้กับหน้านิ่งๆที่คาดว่าจะยังรออยู่ข้างนอก แต่ปรากฏว่าเดินออกมาเตะแห้วเสียเต็มตีน

ไอ้มิคยังคงนั่งอยู่ที่เดิม มองเผินๆแทบไม่มีอะไรเปลี่ยน หากแต่คนที่ตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งร้านกลับทำเหมือนอยู่คนเดียวในโลก คนเดียวนิ่งๆท่ามกลางความเงียบ หน้าหล่อเหลาที่เพิ่มความเถื่อนด้วยรอยเคราเขียวตามสันคาง ไม่ได้เรียบเฉย ไม่ได้นิ่งสนิท ไม่ได้มองตรงมาที่ผมหรือที่ใคร

ไอ้มิคก้มหน้าหลุบตามองอะไรบางอย่างในมือ แว็บหนึ่งมุมปากเรียบสนิทยกยิ้ม หากแต่เป็นยิ้มที่ไม่ได้สื่อความหมายถึงความยินดี ยิ้มมุมปากเยอะเย้ยเหมือนเหยียดหยันกับสิ่งที่มองดูจนผมต้องกระตุกขา ขอก้าวเข้าไปชะโงกมองของในมืออีกฝ่ายด้วยคน แล้วก็ได้เห็นเสียเต็มตาว่าของในมือไอ้มิคคือแหวนคล้ำๆที่ถูกผมกล่าวหาว่าเป็นแหวนขนมถุง แหวนคล้ำๆดำๆด่างๆที่เจ้าของมองเย้ยแต่ก็จดจ่อจนไม่แม้แต่จะรับรู้ว่าผมโผล่มายืนค้ำหัว

สีหน้าเหงาๆกับยิ้มที่ไปไม่ถึงตาของไอ้มิคทำให้มือผมยื่นพรวดไปก่อนความคิด

“สวมมา”

“…………”

“ไหนว่าให้กู สวมมาดิ” ผมเร่งพลางใช้อีกมือผลักคนที่ยังนั่งนิ่งเข้าซอกโซฟาแล้วทิ้งก้นนั่งทับที่

“พูดแล้วคืนคำหรือไง ไม่ได้นะเว้ย นิสัยไม่ดี” กูอายนะนี่

ไอ้มิคที่ยังคงคลึงแหวนอยู่รอบนิ้วมองมาเหมือนเห็นไอ้กิมมีเขางอกออกมาจากหัว มองค้างอยู่อย่างนั้นจนผมชักเกิดอาการไม่แน่ใจว่าหรือกูจะเข้ามาผิดบทผิดคิว ที่จริงไอ้มิคอาจไม่ได้เศร้าสลดหดเหี่ยวเหมือนที่ผมแอบส่องเข้าไปเห็น มันอาจแค่ง่วงงุนจากการตื่นเช้าแล้วออกอาการเนือยนอยเท่านั้น

ความเงียบเข้าขั้นนาทีระหว่างผมกับมันเริ่มส่งผลให้มือที่ยื่นไปตู่เอากับอีกฝ่ายต้องชักกลับ รู้สึกเก้กังจนต้องยกมือเดิมเกาท้ายทอยแก้เก้อ กำลังจะปากหมาปากหวานแก้สถานการณ์ก็ต้องหลุดเฮ้ยออกมาคำโตเพราะไอ้คนที่นั่งอยู่ชิดติดกันยื่นมือมาคว้าคอผมเข้าไปล็อคติดเอว

ไอ้มิคจับผมคลุกวงในแบบไม่สนใจสถานที่ หัวผมแนบอยู่กับสีข้างมันแบบไม่ต้องพยายามดิ้นรน น้ำหนักแขนน้ำหนักมือที่ล็อคอยู่รอบคอทำให้ผมยอมสิโราบ ไม่ขัดขืนหรือส่งเสียงสักแอะให้
เป็นที่สนใจของคนรอบร้านมากไปกว่านี้ แล้วเงี่ยหูคอยฟังว่าอีกฝ่ายมันจะเอายังไงกับชีวิตกู ผมยื่นมือไปทิ่มถูกต่อมอะไรของมันหรืออย่างไร อยู่ดีๆถึงได้ออกมาบู้กันกลางร้านอาหารอย่างนี้

แม้ผมจะใช้ท่าร่างนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวแต่ไอ้มิคก็ไม่ผ่อนแรงจากวงแขน ยังคงกระชับคอผมติดสีข้างอยู่อย่างเหนียวแน่น และก่อนที่ผมจะหมดความอดทนเพราะอาการความดันต่ำแล้วตีปีกแจกศอกซ้ายเข้าข้างตัวอีกฝ่าย ไอ้มิคก็เล่นคาถานะจังงังให้ผมนิ่งสนิทยิ่งกว่าเดิมด้วยการแจกสัมผัสอุ่นๆแนบลงมาที่หลังคอแล้วค้างไว้อย่างนั้น ลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่าอยู่แถวกกหูบอกให้รู้ว่าความร้อนที่แนบอยู่ติดต้นคอจะเป็นอะไรอื่นไปไม่ได้นอกจากปากของอีกฝ่าย

อาการตระหนักรู้เกี่ยวกับอวัยวะที่ส่งผ่านความร้อนชื้นอยู่บนหลังคอทำให้ร่างกายเกิดอาการเหมือนเป็นไข้จับสั่น รู้สึกเลือดลมสูบฉีดจนหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วร้อนวาบตั้งแต่กลางฝ่าเท้าฉีดไปถึงหนังหน้าหนังคอ สติสตังค์ยังไม่ทันมาปากร้อนๆแนบผิวก็ลากขึ้นมาอยู่แถวใบหูแล้วส่งภาษาต่างดาวแบบไม่มีซับไทเทอลพึมพันงึมงัมเข้าสู่ระบบการได้ยินที่กลายเป็นอัมพาตไปแล้วของผม

ไอ้มิคส่งภาษาต่างดาวเข้าหูผมแบบไม่ต้องการการโต้ตอบในระยะประชิดชนิดที่เรียกได้ว่าแนบสนิทกันไปตั้งแต่หัวถึงหาง แล้วคว้ามือสวมแหวนเข้ามาก่อนละการกระซิบภาษาอีทีเพื่อเอาปากไปประกบแหวนบนนิ้วแล้วค้างไว้เนิ่นนาน นานจนปีกผมที่หดอยู่ข้างตัวต้องกางตีเข้าสีข้างอีกคนที่แทบจะนั่งคร่อมกันอยู่ กระทุ้งศอกเข้าท้องไอ้มิคเรียกสติทั้งของมันและของผมที่หลุดเข้ามิติพิศวงพิศวาสให้กลับสู่ร้านอาหารญี่ปุ่น ณ มาบุญครองอีกครั้ง

เจอลูกศอกเรียกสติของผมเข้าไปไอ้มิคยังไม่ยอมหูตาสว่าง ยังเอาแต่จะหน้ามืดหน้าดำละปากจากมือมาไล่กินหูเหอผมไม่รู้เลิก เจอเพื่อนกู่ยังไงก็ไม่กลับอย่างนี้ผมเลยต้องขอสวมบทเป็นคนทำลายบรรยากาศเพื่อเห็นแก่หน้าตาและอนาคต กระดกหัวเอากระโหลกแข็งๆเสยปลายคางเจ้าของปากที่สอดมือมางัดหน้าให้หันไปหาเพื่อไล่กินปีโป้ เจอเข้าไปหนึ่งแรงโขกไอ้มิคเหมือนจะได้สติ ชะงักปากชะงักมือเปิดโอกาสให้ผมกระโดดเหยงออกมายืนหอบหายใจอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ

ไม่ต้องกวาดตาดูก็รู้ว่าสายตาประชาชีรอบร้านคงส่งแววสงสัยมันมุดกันไปทำอะไรอยู่ใต้โต๊ะ แต่มาถึงขั้นนี้สิ่งที่ทำได้คือทำเป็นไม่รู้เรื่อง ยกมือเสยผมให้เข้าที่เข้าทางพลางทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเหล่สายตาไปตกอยู่ที่คู่กรณีที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ไอ้มิคยกมือขึ้นลูบหน้าแรงก่อนเงยมองมาทางผมแบบไม่ปิดบังความรู้สึก ตาสีจางไม่ต้องมองให้ลึกก็เห็นได้ว่ายังอยู่ในห้วงพิศวงพิศวาส เด่นชัดแจ่มแจ๋จนขาผมขยับถอยหลังโดยอัตโนมัติ

ไอ้มิคเหมือนรู้ตัวเลยหลุบตาซ่อนอาการ แต่แล้วอยู่ดีๆก็เปิดยิ้มกว้างอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ยิ้มกระจ่างที่ทำเอาหน้าหล่อเถื่อนเปลี่ยนเป็นหล่อเจ้าชาย หล่อเทพชนิดต้องหรี่ตามองกันลำแสงสะท้อนเข้าเบ้าตา กำลังงงว่าเพื่อนเกิดอารมณ์ทางเพศจนธาตุไฟแตกหรืออย่างไรถึงได้เปลี่ยนอารมณ์แล้วยิ้มปล่อยฟีโรโมนส์ออกมาซะล้นทะลักขนาดนี้ เหล่ตาซ้ายขวาเห็นสาวเล็กสาวใหญ่ในร้านมองกันมาเป็นตาเดียว แว่วๆว่าจะได้ยินเสียงฟุบสลบมาจากหลายที่

อดไม่ได้ต้องไล่สายตาตาม สงสัยว่าไอ้มิคเห็นอะไรถึงได้แหกยิ้มจนสาวสลบไปครึ่งค่อนร้าน แล้วก็เจอว่าเป้าสายตาของเราสองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ที่จริงต้องบอกว่าอยู่ใกล้ชิดติดตัวไอ้กิม สายตาไอ้มิคจับอยู่ที่แหวนคล้ำดำด่างบนมือผมนั่นเอง

บรรยากาศแปลกประหลาดให้รสประแล่ม กับยิ้มที่มองไปๆเริ่มสยองมากกว่าสยิวที่ส่งตรงมาทำให้ผมชักมือหลบ ไผล่หลังแอบไว้ไม่ให้โดนมองแล้วเปิดปากฝากคำลาคนที่มาด้วยกันแบบขอเอาตัวรอดเป็นยอดชาย

“จ่ายตังค์ยัง กูไปล่ะนะ”

จบคำด้วยการกระทำ ผมเอื้อมคว้าปึกชีสแล้วหันหลังก้าวไม่เหลียวหน้า แม้ตอนมาจะมาด้วยรถนอกแต่ขากลับรถเมลล์รถไฟอะไรก็ได้ไม่เกี่ยง หากมัวแต่อ้อยอิ่งทิ้งหางตาไปพะวงหลังกลัวจะมาเดินมาบุญครองไม่ได้อีกตลอดชีวิตนี้ ด้วยว่าถูกจับข้อหากระทำอานาจารกลางห้างในฐานะผู้ร่วมกระทำความผิดหมายเลขหนึ่ง สารภาพนำไปก่อนเลยว่าเห็นสายตาเพื่อนแล้วสันหลังมันเสียวซ่าน มือไม้แขนขาพาลจะเป็นง่อยสมยอมนำไปล่วงหน้า แค่โดนจุ๊บหลังคอมาจ๊วบเดียว ป่านนี้อาการไข้ยังไม่ยอมจะหาย

“เดินเร็วจังว้า จะรีบไปไหน”

เสียงทุ้มๆมาพร้อมมือตะปบไหล่ให้ชะลอความเร็ว ไอ้คนแจกไข้มันตามมาทันแล้วครับ

“สาดมิค ไปเดินห่างๆกูเลย” ผมบอกแล้วทำตัวสะบัดสะบิ้ง ปัดแขนบนไหล่ทิ้งดังเพี๊ยะ “แดกปลาดิบๆแล้วหื่นอย่างนี้ ทีหลังกูไม่มากับมึงแล้ว”

“ไม่ได้หื่น แค่อยากแสดงความรัก” ไอ้มิคว่ามาหน้าด้านๆแล้วตวัดแขนมาไว้บนไหล่ผมอีกครั้ง

“อยากให้รู้ว่ารัก”

ประโยคเปิดเผยไม่กลัวคนเดินตามเดินสวนได้ยินเล่นเอาหัวผมกระตุก ต้องหันขวับไปมองหน้าคนพูดเช็คสถานการณ์ ไอ้มิคมองหน้าผมอยู่ ตาสีจางไม่ได้ส่งแววพิศวงพิศวาสหรือสยิวสยองเหมือนที่เป็นอยู่เมื่อครู่ แต่ตาหนึ่งคู่ที่จ้องกันอยู่มีรอยยิ้มส่งตรงมาให้ ยิ้มที่ทำให้คนทั้งมาบุญครองหายวับไปกับอากาศ เช่นเดียวกับความคิดเชิงเหตุผลของผมที่ระเหยออกจากสมอง แล้วปล่อยให้มืออุ่นๆกุมเข้ามาที่มือตัวแบบลืมขัดเขินขัดขืน

ยังดีที่มือมาตามันไป ไอ้มิคปล่อยยิ้มทิ้งท้ายด้วยแรงกระแทกหนักหน่วงไม่ลดละแล้วหันไปทำหน้าที่ผู้นำทางอย่างเป็นทางการ จับจูงผมที่ขอเปลี่ยนร่างจำแลงแปลงเป็นหมา เดินก้มหน้าตามเจ้าของไม่มีเงยเหมือนจะหาที่ฉี่ที่ขี้ไปตลอดทาง

แอบเหลือกตาขึ้นมองคนนำว่ามีสีหน้าท่าทางอย่างไรกับการแสดงความแมนเหนือแมนด้วยการจูงผู้ชายเดินท่ามกลางประชาชี ก็ปรากฏว่าฮียังคงมั่น ย่างก้าวไม่สะดุดสะดุ้ง ไม่หวั่นว่าใครต่อใครจะเหล่ตามองแล้วหันไปซุบซิบนินทา ดูไปเหมือนมันเป็นพระเอกมาถ่ายหนังรักแห่งสยาม ณ มาบุญครอง

มีคนจับมือจูง ใช้ตัวใหญ่ล่ำแหวกทางให้เดิน ขาดก็แต่พรมแดงพรมเหลืองปูให้ย่ำ ผมก็เลยว่าหุบปากแล้วเดินตามไปเงียบๆคงไม่เสียหาย หรืออีกนัยหนึ่งคือหลับหูหลับตาจ้ำไปให้พ้นหน้าผู้คนไปเสียจะดีว่ามายื้อยุดฉุดกระชากแย่งมือกูมือมึงหรือเอ่ยปากสนทนาให้เลยเถิด ไอ้กิมก็เลยปล่อยให้พระเอกเขาแสดงบทอย่างเต็มที่พลางคิดไว้ในใจว่ามาบุญครองนี้อีกปีเราค่อยเจอกัน



โปรดติดตามตอนต่อไป

สั้นกันเห็นๆไม่มีแอบ อีกตอน ฮั่วๆ

========================================================================

อ่านแล้ว เปรี้ยวปาก  คิดถึงทะเลกะเปรี้ยวใจอ่ะ
ออดอ้อนคุณหมี แต่งทะเลต่อเร็วๆน๊า
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที6.....(31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 01-09-2010 00:32:44
มิค สวมแหวนแทนใจละ กิมเมื่อไรจะใจอ่อนจ๊ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที6.....(31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 01-09-2010 00:34:41


แอบน้อยใจแทนมิค...


มิคใช้คำว่า "แฟน" กะกิมแล้ว...แต่กิมยังใช้คำว่า "เพื่อน" กะมิคอยู่เลยอ่ะ

เฮ้ออออออออออออ อ อ อ อออ...เมื่อไหร่จะยอมรับสักทีล่ะกิม...ว่าตัวเองก็ชอบมิคเค้าอยู่เหมือนกันหน่ะ

หรือว่ากิมจะกลัวว่าได้แฟนแล้วจะเสียเพื่อน...แต่เค้าว่านะ...ณ จุดนี้แล้ว...มันก็คือการได้ทั้งแฟนทั้งเพื่อนนั่นแหล่ะ

ได้แบบดับเบิ้ลเลยนะ...คุ้มสุดอ่ะ...คริคริ XD
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที6.....(31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 01-09-2010 00:35:45
น้องชายมิคจะมาอยู่ด้วย
จะมีบทบาทสำคัญอะไรหรืเปล่าหว่า

รอครับ


ตอนนี้มันสั้นมากกกกกกกก :z3:

ตอนหน้าขอยาวๆ กว่านี้นะ

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที6.....(31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 01-09-2010 01:08:10
งืดดดดดดด เคยอ่านแล้ว ชอบมากกกก
รักจัง โคดจิคิดถึงนิยายเรื่องนี้เลย
สนุกมากกกกกกก อ่านกันเยอะๆนะคะ
แล้วจะหลงรักผู้ชายอย่างมิค >_<
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที6.....(31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 01-09-2010 01:17:43
:laugh:

:-[ 

 :a6:

:serius2:

อ่านจบอารมณ์ประมาณนี้เลย
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที6.....(31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 01-09-2010 02:58:20
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที6.....(31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 01-09-2010 03:41:49
มิค  ชายในฝันเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที6.....(31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 01-09-2010 04:50:23
กดไปหนึ่งบวกค่า
(อยากให้มากกว่านี้แต่ระบบไม่อนุญาติ)

แล้วก็อยากฝากขอบคุณคุณหมีด้วยสำหรับเรื่องดีๆ ค่ะ
ชอบไดอะล๊อกของ กิมมากค่ะ อ่านแล้วขำจะตกเตียง XD
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที6.....(31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 01-09-2010 07:11:52
อืมๆๆหวาน :L1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที6.....(31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 01-09-2010 08:25:08
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ไม่ไหวแล้ว มิคกับกิม อย่าน่ารักไปกว่านี้ได้ม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย >/////////<
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที6.....(31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 01-09-2010 09:24:41
^
^

มิคน่ารักมากมาย   :o8:

+1 ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที6.....(31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 01-09-2010 09:55:18
 :-[
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที6.....(31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 01-09-2010 10:41:02
มิคดีขนาดนี้ ไม่มีเซลล์ที่ไหนแล้วนะกิม ใจอ่อนเร็วๆน้า เชียร์ๆๆ จะได้อ่านเอ็นซี
อ้าว ไม่ใช่ๆๆ คนอ่านไม่หื่น :haun4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที6.....(31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 01-09-2010 12:07:36

มิคน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แน่นอนสุดๆ
หาได้ที่ไหนมั่งแบบนี้ ...

กิมมมมม อย่าช้า!!!

จะว่าไป กิมเองแหละที่บรรยายให้มิคน่ารักได้ปานนี้ หุหุ
:o8: :-[ :impress2: :man1:

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที6.....(31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 01-09-2010 17:16:33
มิคน่ารักอ่า กิมอย่าปล่อยให้หลุดมือนะ :m3:

น้องอยากอ่านทะเลอ่ะ คุณหมีจะเขียนต่อไหมคะ
อ่านถึงตอนน้องของทะเลมาหา(ฟ้าคราม?)
ใช่ตอนล่าสุดหรือป่าวคะ นานแล้วอ่า
ปล.พระเอกของคุณหมีนำเข้าเนอะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที6.....(31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 01-09-2010 17:36:37
อยากให้รู้ว่ารัก   


โอ๊ยยยย หวานซะ   :-[ :-[
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที6.....(31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 01-09-2010 22:16:19
 :o8: กิมไม่เอามิค โยนมาทางนี้ เค้าจะรับไว้เอง  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที6.....(31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Killua ที่ 01-09-2010 23:04:25
แหวนคล้ำๆแต่มันอาจจะมีค่าอยู่ในตัวของมันเองก็ได้ จริงป่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที7.....(1/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 01-09-2010 23:14:12
ขอโทษทีจ๊า  วันนี้มาช้า เนทหอเน่ามาก


รักจัง.........ตอนที่7


แปดนาฬิกาตรง เวลาเคลื่อนขบวน รถตู้สิบหกที่นั่งหรูหราไฮโซจนอยากขอผ้ามาปูรองก้น เนื่องด้วยยีนส์ที่ใส่ติดตูดเป็นตัวเดียวกับเมื่อวานและเมื่อวานซืน

“ขนมไหมคะ? อะ ของพี่มิคต้องนี่”

น้องมินท์น้องสาวครึ่งสายเลือดไอ้มิคหันมาจากเบาะหน้าแล้วยื่นขนมยี่ห้อนอกให้พี่ชายตัว ก่อนหันมาทางผมอย่างมีอัธยาศัย “พี่กิมกินอะไรดี มี…”

“ไม่เป็นไรมินท์ พวกพี่ไม่หิว”

ไอ้มิคตอบตัดหน้าก่อนน้องมินท์จะได้สาธยายรายการขนม ผมที่กำลังจะเอ่ยปากขอตัวเลือกหนึ่งเลยต้องหุบปากกินลมเข้าไปแทน

“Me. I’m starving!” สำเนียงเสียงเจ้าของภาษาตะโกนข้ามหัวมาจากเบาะหลัง ก่อนมือยาวๆขาวๆแบบเผือกจะยื่นเฉียดหูไปคว้าตัวเลือกหนึ่งที่ผมหมายตา “Have some milk?”

ฟังจากคำถามหานมดื่มคาดว่าคนพูดคือน้องชายครึ่งสายเลือดของไอ้มิค มิกาเอลอายุสิบแปด ฝรั่งหัวทองที่ดื่มนมแทนน้ำแต่เสือกเตี้ยกว่าผมที่นิยมน้ำขมแทนน้ำเปล่า เจอกันครั้งแรกเมื่อเย็นวานตอนผมถูกลากตัวมาค้างบ้านไอ้มิคเพื่อบังคับไปหัวหินกับบ้านมัน พอได้เห็นผู้ร่วมทริปทั้งหลายแล้วต้องตั้งชื่อให้ทริปนี้ว่า หัวหินอินเตอร์

หัวหินอินเตอร์ในรถตู้สิบหกที่นั่งนับเบ็ดเสร็จได้สิบสี่ชีวิตไม่ขาดไม่เกิน คนขับรถ ป้าแม่บ้านกับเด็กรับใช้ ซึ่งเป็นหลักฐานมีชีวิตว่าบ้านเขาไฮโซของแท้ แม่ไอ้มิค ป้าไอ้มิคกับลูกสาวครึ่งเกาหลี น้องมินท์กับเพื่อน ไอ้มิค ผม มิกาเอลกับเพื่อนต่างสัญชาติ ญี่ปุ่นอังกฤษหนึ่ง อิตาลี่อเมริกันหนึ่ง ตบท้ายด้วยช็อคโกแลต ลาบาดอร์ แม้แต่หมายังไม่ใช่สัญชาติไทย

ไอ้มิคได้ยินชื่อกรุปทัวร์จากปากผมมันก็ว่าผมก็มาไม่ผิดกลุ่ม เนื่องจากมีเชื้อพอเป็นหัวหินอินเตอร์กับเขาได้ เชื้อจีนฮกเกี๊ยนจากฝั่งอาม่า

นั่งฟังเสียงภาษาไทยจากสาวๆด้านหน้ากับเสียงฟุดฟิดฟอไฟจากวัยรุ่นด้านหลังที่คุยกันได้ออกรสออกชาติเหมือนเขาอยู่กันในสตูดิโอส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าน้ำลายในปากมันออกจะเปรี้ยวๆเตรียมจะบูด ต้องหาทางเปิดปากคุยกับใครเขาบ้าง แต่ตัวเลือกหนึ่งเดียวของผมในขณะนี้กลับจดจ่ออยู่กับหนังสือภาษาประหลาดในมือจนไม่น่าสะกิดมาฝอย

จะชะโงกหัวไปร่วมเมาท์ด้านหน้าก็โดนกีดกันทางเพศด้วยหัวข้อสนทนา ไอ้จะกลับหลังหันเอาหน้าละอ่อนไปร่วมวงเด็กสิบเจ็ดสิบแปดก็ติดตรงว่าฟังไม่ค่อยจะออกเนื่องจากฝรั่งนำเข้ากลุ่มนี้มันคุยกันด้วยการแร็ฟ

ด้วยเหตุนี้ก็เลยต้องควักเอ็มพีสามสี่ห้าขึ้นเสียบหูแล้วนั่งเฉียงๆหันหน้าเข้าหน้าต่าง ถ้ามีแว่นดำคาดปิดตาอีกหนึ่งต้องบอกว่าพระเอกกำลังถ่ายทำมิวสิคไม่ผิดเพี้ยน ฟังเพลงไปเพลินๆนั่งหล่อไปพลางๆตาดำก็ชักจะหาจุดโฟกัสไม่เจอ ต้องเขยิบเอียงซ้ายเอาไหล่พิงคนข้างๆกันเพื่อนร่วมทริปแตกตื่น

เนื่องจากไอ้กิมหลับบนรถทีไรเป็นต้องสัปหงกเอาหัวโขกหน้าต่างเป็นจังหวะจะโคนแทบทุกครั้ง โขกเอาจริงไม่โขกเล่นถึงขนาดโดนไอ้จั๋วถ่ายคลิปมาแบล็คเมลล์กันมาแล้วเมื่อครั้งไปรับน้องเมื่อต้นปี เห็นตัวเองในคลิปแล้วอยากปฏิเสธเสียงแข็งๆว่าไอ้นี่ไม่ใช่กู ใครมันจะสัปหงกได้น่าหัวแตกคอหักขนาดนี้ ทู่เรศเกือบถึงขั้นรับไม่ได้ แต่จนด้วยหลักฐานภาพเคลื่อนไหว ไม่ใช่โฟโต้ช็อปตัดหัวแปะเลยต้องก้มหน้ารับอย่างจำใจ

“ง่วงแล้ว?”

เสียงทุ้มๆถามทะลุห้าสาววันเดอร์เกิลล์มาก่อนไหล่ผมจะโยกเนื่องจากเจ้าของคำถามขยับที่พิง ยกแขนขึ้นวาดวงกวาดกันเข้าไปซบต้นคอ

ครึ่งหน้าด้านซ้ายผมแนบอยู่ติดไหปลาร้ากึ่งกล้ามเนื้อหน้าอกแน่นๆ ขณะที่ไหล่ขวากลายเป็นที่พาดแขนให้ไอ้มิค เข้าล็อคพอดีเด๊ะเหมือนจิ๊กซอเข้าคู่ ถ้าผมเบี่ยงตัวซักยี่สิบองศาแล้วยกแขนขึ้นพาดพุงอีกฝ่าย ซีนนี้ต้องไม่พ้นพจน์ อานนท์กำกับการแสดง แต่เนื่องจากผมยังไม่อยากหันไปบอกมันว่าเพื่อนกูรักมึงว่ะ เลยทำตัวแข็งแล้วเด้งหนีก่อนจะมีคนไทยข้างหน้าหรือฝรั่งข้างหลังมองลอดช่องเบาะมาเห็น งานนี้ถ้ามีพยานรู้เห็นมันจะยิ่งใหญ่บานปลายยิ่งกว่าคลิปหัวโขกกระจกจากไอ้จั๋วจนตั้งรับไม่ไหว

ผมเด้งดึ๋งออกจากอกไอ้มิคแล้วตีตัวออกห่าง หันเข้าพิงตัวรถตาเหลือกไม่กล้าหลับ ไอ้มิคที่โดนผมขัดบทเงยหน้ามามองกันแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ผมตอบกลับด้วยการหรี่ตาจับสังเกตซึ่งๆหน้าว่าไอ้นี่มันทำมึนปากไม่ว่ามือก็ถึงกับแฟนอีกแล้วหรืออย่างไร แต่หน้างงๆที่แสดงว่างงจริงของอีกฝ่ายทำให้ผมต้องเป็นฝ่ายงงตามมันไป

ไอ้มิคมองมาหน้าซื่อ ตาสีจางใสแจ๋วจริงใจ เหมือนว่าการให้ผมซบอกนอนเป็นเรื่องไม่ผิดแผก เป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆก็ทำ เหมือนมันเป็นหนุ่มแล้วผมเป็นสาว เอียงคอซบไหล่กันได้เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่กระดาก ไม่ต้องแคร์สายตาใคร

“ไม่ถนัด พิงไหล่ได้เปล่า”

ผมว่าแล้วทิ้งไหล่เข้าพิงอีกฝ่ายกลบเกลื่อนอาการงงในตัวเองและตัวมัน เดี๋ยวซ่อนตาดำซักพักคงคิดออก

ไอ้มิคไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่ยิ้มแล้วขยับนั่งให้ผมพิงได้ถนัดถนี่ คว้าแจ็กเก็ตข้างๆส่งมาให้ห่มกันแอร์ยี่สิบองศาก่อนก้มไปหาหนังสือในมืออีกครั้ง ปล่อยผมไปเฝ้าพระอินทร์ตามกำลังศรัทธา

-------------------------------------

สรุปว่าทริปนี้ไอ้กิมเริ่มต้นด้วยการหลับเป็นตายมาตลอดทาง หลับลึกขนาดว่าตื่นมาอีกทีจากพิงไหล่หลายเป็นซบอกเข้าซอกรักแร้คนข้างๆ เสียงเพลงข้างหูถูกดึงออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่าอุ่นสบายจนไม่แม้แต่จะฝัน แต่แล้วตาหรี่ๆกลับต้องแหกเปิดเมื่อกวาดไปเจอสายตาหนึ่งคู่จ้องเขม็งตรงมา

“หลับสบายไหมพี่กิม”

ตองเพื่อนมินท์จากเบาะหน้ากลับหลังหันมาถามไถ่ ดูจากสายตาและตัวที่เอี้ยวมาคาดว่าจะไม่ใช่การบังเอิญ

“พี่มิคนี่ดีจัง นั่งให้พิงไม่มีบ่น” พูดจบแล้วยังนิ่งไม่มีทีท่าว่าจะขยับตามเพื่อนที่ทยอยลงรถ

สายตาน้องเหมือนจะรอให้ผมเปิดปาก แต่ก่อนจะได้เด้งตัวออกหรือตอบแก้เก้อ มือไอ้มิคก็วาดเข้ามาเต็มหน้าเต็มตาแล้วลูบหน้าผากลูบแก้มกันเหมือนจะช่วยไล่อาการง่วงงุน

“แวะกินข้าวก่อน เดี๋ยวค่อยนอนต่อ” เสียงทุ้มๆบอกอยู่ข้างหูเหมือนกล่อมเด็ก แต่ตัวคนบอกกลับไม่ขยับมากไปกว่านั้น

“เฮ้ย โทษทีว่ะ เมื่อยเปล่าเนี่ย”

ผมถามพลางดันตัวออก พึ่งจะเห็นว่าในรถนั้นโล่งโจ้งเหลืออยู่แต่เราสามคน หัวหินอินเตอร์คนอื่นๆเริ่มชักแถวเดินเข้าร้านอาหารกันไปแล้ว น้องตองจากเบาะหน้ามองท่าไอ้มิคแล้วทิ้งหางตามาทางผมก่อนขยับลุกลงจากรถไป งานนี้รู้ได้โดยไม่ต้องเดา ศัตรูใจกำเหนิดเกิดมาอีกหนึ่ง

“นิดหน่อย” ไอ้มิคตอบคำถามผมพลางทำท่าบีบไหล่ข้างที่โดนซบก่อนยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วทำการอุกอาจแนบปากลงมาไวปานวอก รวดเร็วเสียจนเบี่ยงหลบไม่ทัน โดนไปหนึ่งจ๊วบเต็มๆริมฝีปาก “แก้เมื่อย”

ฉกจูบกันไปแล้วแทนที่จะขยับถอยหนีกำปั้นกระตุกใส่หน้า ไอ้มิคกลับยังเอนค้างอยู่อย่างนั้น คาดว่าสิ่งที่ทำให้อีกฝ่ายไม่ถอยหนีคือหน้าอึ้ง ทึ่ง เหวอของผม เหวอแตกจนนิ่งสนิทอยู่ชิดหน้าต่างด้วยความไม่คาดคิดว่าเพื่อนจะเล่นกันซึ่งๆหน้าอย่างนี้ กว่าจะดึงสติมาใช้อ้าปากด่าได้ก็ตอนที่โดนคว้าคอเข้าไปคลุกวงใน ได้ยินเสียงคลิ๊กเหมือนประตูโดนดึงปิดพร้อมปากร้อนๆปากเดิมแนบลงมาพึมพัมอะไรซักอย่างอยู่ชิดติดปากผม

เสียงเข้มๆที่ได้ยินอยู่ชิดติดหน้าหายเข้าไปในปากในคอผมเมื่อคนพูดใช้เทคนิคเฉพาะตัวเอาปากเปิดปากกันแล้วส่งลิ้นร้อนๆเข้ามากวาดไล่ตั้งแต่เพดานเหงือกยันกระพุ้งแก้ม ก่อนลัดเลาะมาตามแนวฟันแล้วเกี่ยวเข้ากับลิ้นผมที่หดหนีไปถึงติ่งลิ้นไก่

ลิ้นโดนเกี่ยวไปพร้อมอาการเสียววาบไล่ขึ้นมาตามไขสันหลัง ความเย็นฉ่ำในรถที่ถูกดับเครื่องโดนแทนที่ด้วยความร้อนไต่ระดับแบบรวดเร็วจนรู้สึกว่าหูเริ่มอื้อตาเริ่มลาย ต้องงัดแม่ไม้มวยกูชกไหล่ฝ่ายตรงข้ามไปเต็มๆหมัด ไอ้มิคแก้ทางด้วยการเอาตัวล่ำๆข่มลงมาปิดระยะปล่อยมวยแล้วตั้งหน้าตั้งตาดูดดึงทั้งลิ้นทั้งปาก ประหนึ่งจะสูบวิญญาณผมให้ออกจากร่างผ่านการจูบ

หมดทางต่อต้านขัดขืนทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ได้แต่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้เพื่อนหาความสุขความสำราญอย่างสมยอม เรียกว่าปล่อยให้อีกฝ่ายเล่นให้อิ่มเดี๋ยวมันคงหยุดไปเอง ไอ้มิคเหมือนรับรู้อาการปล่อยเนื้อปล่อยตัวของผมเลยแจกรางวัลด้วยการปล่อยปากให้เวลาสูดอากาศห้าวินาทีก่อนเริ่มยกกันใหม่แบบเร้าใจกว่าเดิม นอกจากปากประกบปากแล้วมือไม้ยังป่ายมาให้วุ่น ป่ายหนักๆลงมาบนหลังเหมือนเจ้าของมือต้องการใช้การเค้นคลึงผ่อนอารมณ์แรง แล้วจากคลึงผ่านเนื้อผ้ามือร้อนๆก็วาดวูบเข้ามาถึงเนื้อแท้แบบไม่มีการขอความเห็น

แรงคลึงมือลากไล่จากแผ่นหลังลงมาแถวชายโครงก่อนนิ้วโป้งหนักๆจะนวดขึ้นมาอยู่ใต้ราวนม ไอ้มิคนวดวนอยู่อย่างนั้นจนร่างกายผมเริ่มออกอาการประหลาด รู้สึกร้อนวูบวาบจนใจสั่นระรัว และทันทีที่ฝ่ามือสากๆคลึงขึ้นมากุมอยู่บนอกซ้าย เพียงแค่หนึ่งแรงบี้ที่กดลงมาบนติ่งเนื้อ ผมก็ถึงกับต้องสะบัดหน้าแหงนคอขึ้นสูดอากาศเฮือกใหญ่ แล้วส่งเสียงหอบหายใจเหมือนสาวญี่ปุ่นในแผ่นผีซีดีโป้ให้หลุดออกจากปากไปแบบห้ามไม่อยู่

สิ่งที่ตามมาหลังเสียงร้องติดเรทคือมือร้อนๆที่ยื่นมาคว้ากันเข้าไปทั้งตัว ไอ้มิคตวัดแขนรัดมาทีเดียวเล่นเอาตัวอ่อนไร้กระดูกในยามนี้ของผมเกยขึ้นไปคร่อมมันอยู่ทั้งตัก อาการกอดรัดแน่นหนากับหน้าอีกฝ่ายที่ฝังมาหอบหายใจอยู่ชิดติดซอกคอ บอกให้รู้ว่าไอ้มิคกำลังพยายามข่มอารมณ์แรงๆของตัวเองให้กลับเข้าที่ แต่แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นอกที่เต้นตีกันอยู่บอกให้รู้ได้รางๆว่าการผ่อนอารมณ์กันจุดนี้ให้ไปลุ้นถูกหวยยกชุดยังง่ายซะกว่า

แม้ว่าตัวเองยังแทบเอาไม่รอดแต่เห็นอาการเพื่อนแล้วบอกได้คำเดียวว่าถ้าไม่หาทางช่วยงานนี้เดี๋ยวมีเฮ เฮจากวงศาขนาญาติเขาที่เดินมาตามคนหายในรถตู้ปิดตาย เกิดเปิดผ่างมาเจออาการหืดหอบหน้ามืดหน้าแดงแถมนั่งทับตักกันอยู่อย่างนี้ ร้อยเอาร้อยสิบ รู้แน่ๆว่าพจน์ อานนท์กำกับการแสดง คิดได้อย่างนี้แล้วต้องบังคับแขนเปลี้ยๆ ง้างขึ้นกลางอากาศแล้วทิ้งวงแบบกำมือเป็นหมัด อัดใส่หลังคนที่ยังรัดไม่ยอมปล่อยไปดังเปรี้ยง ติดๆกัน

“โอ้ย พอแล้ว พอแล้วครับ”

โดนไปสามทุบไอ้มิคค่อยทำอารมณ์ได้ ปากอุ่นๆแถวซอกคอผมปล่อยเสียงร้องโอดโอยแบบโอเวอร์แอ็กติ้งมาแทนเสียงสูดหายใจ แต่ถึงปากว่ามาอย่างนั้นแต่เสียงยังติดจะพร่า จนต้องง้างมือทุบไปอีกเปรี้ยงไล่เชื้อ

“สาดมิค คืนนี้กูไม่นอนห้องเดียวกับมึงแน่ๆ”

ผมว่าพลางผลักอีกฝ่ายออกห่างแล้วกระถดก้นลงนั่งเบาะ สูดหายใจลึกอยู่หลายทีลดอาการใจสั่น

“คนอะไรวะ หื่นมันได้ทุกที่ อย่างนี้อยู่ใกล้แม่งไม่ได้แล้ว”

ด่าต่อหน้าแล้วต้องรีบชิ่ง ผมผลักไอ้มิคที่นั่งขวางทาง เบียดมันออกมากระชากประตูรถเปิดแล้วพรวดพราดลงมาด้วยความเร็วสูง ออกจากรถตู้ติดฟิมล์ทึบมาเจอแดดเปรี้ยงแยงตาแล้วต้องรีบก้าวเร็วๆเข้าร้านอาหาร ไม่ต้องกวาดตานานก็เจอน้องมินท์กำลังชูมือโบกหยอยๆบอกทิศทางของโต๊ะหัวหินอินเตอร์ ผมเลยรีบจ้ำเข้าไปสมทบแบบไม่เหลียวหลัง ใครจะเดินตามมาหรือยังนั่งทำอารมณ์อยู่ในรถยังไงช่างหัวเผือกหัวมัน นาทีนี้ขอไปอยู่ท่ามกลางผู้คนให้จิตใจสงบก่อนเป็นดี

“ทำอะไรกันอยู่ช้าจัง พวกเราสั่งอาหารเผื่อไปแล้วนะ… เอ๊ะ แล้วพี่มิคล่ะคะ” น้องมินท์ยิงคำถามทันทีที่ผมทิ้งก้นนั่ง น้องมินท์ถามแต่สายตาอีกหลายคู่หันมาช่วยกันรอฟังคำตอบ

“… พอดีหาของอยู่น่ะ… ไอ้มิคเดี๋ยวก็มา”

ตอบประหยัดถ้อยประหยัดคำแล้วทำเป็นยกน้ำขึ้นจิบจบการสนทนา คนถามและคนรอฟังทั้งหลายก็เหมือนจะไม่ติดใจสงสัยหันกลับไปส่งเสียงคุยกันจ้อกแจ้กตามเดิม

ไม่กี่นาทีจากนั้นไอ้มิคก็เดินเข้าร้านมาด้วยมาดนายแบบตามสไตล์ ถึงจะอยู่ในเสื้อยืดกับกางเกงสามส่วนแถมหนีบรองเท้าแตะ มันก็ยังเรียกเสียงฮือฮาจากคนในร้านได้ชนิดฝรั่งนำเข้าอีกสามนายต้องเหนียม อย่าว่าแต่สาวโต๊ะอื่นขนาดสาวโต๊ะผมที่เป็นน้องเป็นญาติมันยังหันมองกันคอแทบหัก

ขนาดตองเพื่อนมินท์ที่เห็นบรรยากาศประหลาดประแหล่มระหว่างเพื่อนพี่ชายกับพี่ชายเพื่อนไปแล้วในรถยังโดนความดูดีของไอ้มิคกระแทกเข้าเบ้าตาจนเหมือนจะลืมเลือนทุกอย่าง เพราะน้องกำลังชูมือโบกบอกทิศทางอย่างสุดกำลัง เป็นท่ายืดแขนยาวกันท่าสาวโต๊ะอื่นที่ให้ผลชะงัดนัก

-------------------------------------------------------------------------

ไอ้มิคเดินตามมือสาวเข้ามาถึงโต๊ะแล้วยกยิ้มมุมปากทักทายไปถ้วนทั่วก่อนหยุดนิ่งไม่ยอมทิ้งก้นนั่งจนมินท์ต้องดึงมือพี่ชายให้นั่งลงที่ว่างข้างๆตัว ผมที่ทำมึนแย่งที่คนลุกไปเข้าห้องน้ำนั่งอยู่กลางระหว่างมิกาเอลกับแอนนาสาวครึ่งเกาหลี ตำแหน่งตรงข้ามเยื้องจากที่ไอ้มิคนั่งมาสองตัวเก้าอี้

ต้องขอโทษฮิโรชิตัวแทนญี่ปุ่นอังกฤษที่เดินมาเจอลุกเสียม้าเลยต้องหย่อนก้นลงที่ว่างข้างไอ้มิคไปแบบงงๆ แต่ที่ผมทำอย่างนี้ก็เพื่อประโยชน์สุขของหัวหินอินเตอร์เป็นใหญ่และความหมั่นไส้ไอ้คนหื่นไม่เลือกสถานที่เป็นส่วนน้อย ว่าไม่ได้นะครับ เกิดมื้อนี้มีอาหารสุกดิบปนมาให้กินเดี๋ยวเหตุการณ์เหมือนร้านซูชิ ณ มาบุญครองจะซ้ำรอยให้วงแตก ขนาดในรถตู้จอดสนิทมันยังคึกขึ้นมาได้

นั่งทำมึนทำเมินสายตาจากอีกฝากโต๊ะไปไม่เท่าไหร่อาหารมื้อแรกของวันก็เริ่มทยอยนำเสิร์ฟ ตอนแรกอารมณ์หิวไม่มีเนื่องจากโดนอารมณ์สมยอมแซงเสียมิด แต่พอเห็นข้าวผัดปูควันฉุย ปลานึ่งมะนาวเดือดปุดๆ หอยลายตัวอวบผัดน้ำพริกเผา กุ้งอบวุ้นเส้นและอาหารทะเลผ่านกรรมวิธีต่างๆที่วางให้เลือกอยู่ตรงหน้าแล้วต่อมน้ำลายก็เริ่มผลิตจนกลืนลงท้องแทบไม่ทัน นาทีนี้สองตาผมเห็นแต่ตัวกุ้งและก้ามปูแบบไม่ต้องทำมึน หน้าไอ้มิคที่จ้องกันอยู่ตั้งแต่หย่อนก้นนั่งหายไปจากความนึกคิดชั่วคราว

“หิวอะไรขนาดนั้น”

เสียงคุ้นๆจากเก้าอี้ตัวข้างๆเล่นเอาแทบสำลักข้าวผัดปู มิกาเอลนักร้องแร็พเปลี่ยนเป็นดอมินิคตั้งแต่เมื่อไหร่ใครช่วยบอก

ไอ้มิคที่ไม่รู้ว่าใช้เทคนิคอะไรสับตัวกับน้องชายแล้วโผล่มานั่งอยู่ข้างผมเอื้อมตักกุ้งจากหม้อดินกุ้งอบวุ้นเส้นมาหย่อนให้ริมจานแถมด้วยก้ามปูแกะแล้วหนึ่งก้ามก่อนหันไปตักข้าวกินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ปลาไม่ค่อยเผ็ด สั่งใหม่ไหม” คาดว่าคือปลานึ่งมะนาวแต่ไอ้ที่ถามว่าสั่งใหม่ไหมนี่ถามใคร เหล่มองเจ้าของคำถามแล้วคิดว่าคนตอบคงต้องเป็นผม

“ไม่เผ็ดก็ถูกแล้วฝรั่งแทบทั้งโต๊ะ” ที่ถูกคือฝรั่งมือแค่สาม แต่คนไทยครึ่งๆกลางๆที่เหลือมองหน้าแล้วคิดว่ากินเผ็ดไม่น่ารอด ยิ่งคนข้างๆผมเห็นหล่อเข้มอย่างนี้แต่จอดมาแล้วด้วยพริกไทยในโจ้ก

“อยากกินเผ็ดนัก เอานี่ พริกน้ำปลา”

ไอ้มิคมองถ้วยน้ำปลาที่ถูกเลื่อนไปข้างจานก่อนส่ายหน้าเบาๆเหมือนขำ มันคงรู้ว่าผมเข้าใจคำถามเพราะคนกินเผ็ดชนิดอีสานยังถอยคือไอ้กิม ถ้าสั่งใหม่จะสั่งมาให้ใครถ้าไม่ใช่ผม แต่ผมก็รวนมันกลับด้วยว่าหัวนมยังแข็งตัวไม่เลิก เห็นหน้ายิ้มๆที่มองมาแล้วหัวคิ้วกระตุก กำลังจะเอ่ยปากหาเรื่องว่ายิ้มทำไมเวลากินข้าวก็พอดีกับเสียงเอ็ดอึงจากหัวโต๊ะดังมาตัดหน้า

ปากผมหุบไปแล้วแต่ตายังจ้องอยู่ที่หน้าไอ้มิค หน้าหล่อๆยิ้มขำเหล่ตามองไปทางหัวโต๊ะก่อนเปลี่ยนเป็นนิ่งขึงแล้วกลายเป็นดุเอี้ยๆได้ในเวลาไม่ถึงนาทีทำให้ผมต้องสะบัดหัวเอี้ยวตัวไปมองตาม แล้วก็กลายเป็นผมเองที่ต้องนิ่ง อึ้ง เหวอเป็นรอบที่สองของวัน

ที่หัวโต๊ะแม่กับป้าไอ้มิคกำลังทักทายคนกลุ่มหนึ่งอยู่อย่างออกรส เสียงทักทายสารทุกข์สุขดิบ กล่าวไหว้รับไหว้กันให้วุ่นจนคนบนโต๊ะต้องหยุดกินกันชั่วคราว ผมไม่ได้รู้จักอะไรกับใครเขาแต่ก็ยกมือไหว้ค้างไปด้วยอารมณ์ที่ยังเหวอแบบกู่ไม่กลับ ต้นเหตุอาการอึ้งจนปากอ้าของผมไม่ใช้คุณป้าวัยกลางคนที่ท่าทางเหมือนคุณหญิงคุณนาย ไม่ใช่สาวๆสองสามคนที่ยืนอยู่หลังคุณป้า แต่เป็นร่างสูงใหญ่ของผู้ชายคนเดียวในกลุ่มที่มีผิวขาวจัดกับไฝใต้ตา

ถึงจะอึ้งปากอ้าหุบไม่ลงอยู่อย่างนี้ ถึงจะไม่ได้เห็นมาแล้วร่วมเดือนแต่คนที่โผล่มายืนอยู่หัวโต๊ะตอนนี้คือเบอร์สี่อดีตจัมโบ้เจ็ทที่ไอ้กิมไปนั่งแหงนคอมองอยู่เป็นปีไม่ผิดแน่

“ตาหนึ่งมาดูแลแม่กับน้อง แล้วก็ขับรถมาให้ด้วย… อ๊ะนั่นหนูมินท์ ไม่ได้เจอแป็บเดียวโตเป็นสาวสวยแล้วนะจ๊ะ”

“สาวๆเดี๋ยวนี้เขาโตเร็ว หนูสองของคุณพี่ก็โตขึ้นมากเลย… ไหว้พระเถอะจ๊ะ ว่าแต่หนูยังจำพี่มิคได้ไหม นั่นไง พี่มิคนั่งอยู่นู่น”

“แหม บังเอิญอะไรอย่างนี้ก็ไม่รู้ เมืองไทยออกกว้างยังมาเจอกันแบบนี้ได้ ดีจริงๆ… นั่งโต๊ะเดียวกันเลยดีกว่านะ จะได้คุยกันให้หายคิดถึง”

“ดีจ่ะดี เอ้าตาหนึ่งยายสองไปนั่งฝั่งนู้นคุยกับเพื่อนๆไป๊ แถวนี้คนแก่เขาจะเมาท์กัน”

นั่งกันอยู่เต็มโต๊ะแต่โดนทักออกชื่อแค่สอง มองท่าทางการหัวเราะของคุณแม่คุณป้ากับประโยคไล่ลูกสาวลูกชายมานั่งแทรกคนอื่นอย่างนี้แล้วฟันธงได้ว่างานนี้ไม่น่าจะเป็นการบังเอิญ แม้จะไม่รู้ว่าสองบ้านนี้เขารู้จักมักจี่กันขนาดไหน แต่คาดว่าจุดนัดพบ ณ ร้านอาหารนี้เป็นการเตี็ยมกันมาจากฝั่งผู้สูงอายุ เดาไม่ยากว่าคนที่โดนออกชื่อไปคือเป้าหมาย แหม ฉลาดจริงผม ไม่เสียแรงที่ดูละครไทยมานาน แต่ท่าทางอดีตขวัญใจไอ้กิมดูจะไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่างานนี้จะโดนเอาถุงคลุมมาชนสาว ส่วนไอ้มิคที่นั่งอยู่ชิดติดกันนี่มองไม่ออกว่ารู้ตัวหรือปล่อยตัวอย่างไร

บริกรกุลีกุจอเอาโต๊ะมาต่อให้อีกตัวตามคำเรียกร้อง เห็นการต่อโต๊ะแล้วก็งงว่าอดีตจัมโบ้เจ็ทของผมกับน้องสองและเพื่อนสาวจะเข้ามาแทรกฝั่งวัยรุ่นตามคำสั่งแม่ได้อย่างไรเพราะโต๊ะที่ยกมาต่อมันอยู่ฝั่งหัว หรือต้องให้พวกผมที่นั่งเรียงกันอยู่ก่อนขยับก้นเลื่อนเก้าอี้ เว้นช่องระหว่างน้องมินท์กับไอ้มิคให้

“มิค ตามิคย้ายมานั่งนี่ได้ไหมลูก มาช่วยเป็นเพื่อนคุยกับน้องเขา… เอ้าแล้วตาหนึ่งไปนั่งนู่นสิจ๊ะจะได้คุยกับยายมินท์ ไม่ได้เจอกันนานแล้วไม่ใช่หรือ” ป๊าด แทงหวยให้มันถูกอย่างนี้สิวะ

แผนครั้งนี้ท่าจะเตรียมกันมาอย่างเหนียวแน่น แม้แต่จังหวะนั่งยังไม่ยอมให้พลาดแต่คุณแม่คงคิดตกไปเล็กน้อยที่ปล่อยให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนชวนเพื่อนมาร่วมทริป เหล่หน้าเคร่งขรึมที่นั่งอยู่ถัดกันแล้วบอกได้เลยว่าไอ้มิคมันจะปักหลักอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน ไม่ใช่ว่าโดนสเน่ห์ยาแฝดไอ้กิมจนลุกไม่ขึ้น ถ้างานนี้ไม่มีผมมันก็คงย้ายก้นไปนั่งคุยกับสาวเพื่อแม่สบายใจไป แต่ในเมื่อมีผมและมีหนึ่ง ร้อยเอาร้อยยี่ไอ้มิคต้องนั่งคุมความประพฤติไอ้กิมอยู่อย่างนี้ชนิดเหลียวซ้ายเป็นซ้ายขวาเป็นขวา

“ไม่เป็นไรครับแม่ พวกคุณป้านั่งรถมาไกลคงเหนื่อย ผมไม่กวนระหว่างทานจะดีกว่า”

ไอ้มิคตอบไปเรียบๆแบบจบประเด็น ฟังแล้วแม่งโคตรสุภาพบุรุษ แต่พอหันมาเจอผมที่มองอยู่หน้าเรียบๆนี่เปลี่ยนเป็นเหี๊ยมเหี้ยมได้ในทันที

“กูยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ มึงชวนกูมาเอง กูไม่รู้เรื่องนะเว้ย” ผมกระซิบแก้ตัวใส่หน้าเหี๊ยมเหี้ยมของอีกฝ่าย อารมณ์นี้เรียกอารามร้อนตัวคงไม่ผิดเท่าไหร่

“ก็ดีแล้ว” ไอ้มิคตอบมาสั้นๆก่อนวางปูอีกก้ามลงบนจานผม

“กิมไม่มองใครหรอก นอกจากกู”

เป็นประโยคบอกเล่าหลงตัวเองที่เข้ากันได้ดีเหลือกับหน้าตาคนพูด ตาไอ้มิคจ้องอยู่กับตาผมก่อนหลุบลงมองมาที่ปาก เห็นสายตาสื่อความนัยกับมือที่ยื่นมาใกล้แล้วต้องรีบชักกะตุกทิ้งหลังลงที่พิงเพิ่มระยะห่าง อาหารมื้อนี้มันมีอะไรดิบวะ! พูดกันอยู่ดีๆเพื่อนออกอาการอีกแล้ว แต่ไอ้มิคที่ชะงักเพราะท่าเอาตัวรอดของผมกลับเปิดยิ้มขำก่อนเฉลย

“ข้าวติดปาก”

“…………”

ขวัญเอ้ยขวัญมานะลูก


โปรดติดตามตอนต่อไป
======================================================================

เหอๆๆๆ  รัก มิค  ที่ซู๊ดด  ชอบพระเอกฝรั่งเพราะงี๊แหละ  สถานท่งสถานที่ อย่าได้แคร์ 555+
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที7.....(1/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 01-09-2010 23:19:15
มิคน่ารักไปมั้ยเนี่ย ^^
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที7.....(1/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 01-09-2010 23:44:34
มิคอย่าหึงมากน้าๆๆๆๆๆๆๆ.เดี๋ยวเป็นเรื่องอีก.เป็นห่วงกิมมากเลยค่ะ. :z13: :z13:
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที7.....(1/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 01-09-2010 23:49:10
อ่ะ ค่อยมีสีสันหน่อย อยากเห็นมิคหึงหื่น  :haun4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที7.....(1/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 02-09-2010 00:01:06
กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกส์

ดอมินิคคคคคคคคคคค ไอ เลิฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ ยูววววววววววววววววว วู้วววววววววววววววววว


กิมจ๊อเอ๊ย.......ขวัญเอ๊ยขวัญมานะคะลูก เอริ้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที7.....(1/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 02-09-2010 02:59:46
กร๊ากๆ งานเข้าชุดใหญ่ วนกันเป็นงูกินหาง
แต่คนซวยสุดน่าจะเป็นกิม นาทีนี้ไม่รอดแน่ลูกเอ้ย
 :laugh:ผิดไม่ผิดไม่รู้ เหอ ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที7.....(1/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 02-09-2010 08:34:48

“กิมไม่มองใครหรอก นอกจากกู”
โอ๊ยยย ถูก ถูก ถูกใจมาก มั่นใจสุดๆ
มิคน่ารักอ่ะ   :impress2:

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที7.....(1/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 02-09-2010 09:03:25
เบอร์ 4 อิอิ

งานจะเข้ามั้ยละกิมเอ๊ยยย

มิคจะหึงโหดอีกหรือเปล่าน้ออ

รอค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที7.....(1/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 02-09-2010 09:26:34
กิมจ๊อเอ๊ย กิมจ๊อ
เราจะให้กำลังใจนายไงดีวะ
แบบเราเกิดอาการเอนเอียงไปหาเฮียมิคซะแล้ว 555+
ถึงนายจะดูแบ๊วๆ และไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรก็เหอะนะ
แต่ยิ่งผ่านไป เรายิ่งเข้าข้างคนรักจริงอย่างเฮียมิคมากขึ้นเรื่อยๆ ซะแล้ว
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที7.....(1/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 02-09-2010 09:32:03
มิคน่ารักมาก ๆ มุ่งมั่นจริงใจเต็มร้อย
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที7.....(1/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 02-09-2010 09:52:29
+1  โอ๊ยยย สนุกมาก   กำลังจะมันส์เลย  มาต่อเร็ว ๆ นะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที7.....(1/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 02-09-2010 10:17:50

มีเบอร์สี่มาด้วยคาดว่าทริปนี้คงมันส์
งานเข้าแล้วจ้ากิมจ๊อ
 :กอด1: มิค
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที7.....(1/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 02-09-2010 10:36:35
ตอนหน้าระทึกแน่ๆเลย ติดตามๆๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที7.....(1/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: koraorni ที่ 02-09-2010 10:42:36
น้องกิมน่ารักอะ เอ๋อได้ตลอดเวลา
ตอนหน้ามีเลือดตกยางออกแน่แน่
ไหนจะเบอร์ 4 อดีตขวัญใจ
ไหนจะเพื่อนมิคที่กำลังมาแรง
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที7.....(1/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 02-09-2010 11:40:51
ชอบมิคจังประมาณว่ากูรักของกูอะใครจะทำไม :กอด1:
กิมคงชะตาขาดอิตอนที่มีเบอร์สี่มาเพิ่มนี่แหละ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที7.....(1/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 02-09-2010 12:25:14
อย่าหึงบ่อยนะมิก สงสารอากิมอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที7.....(1/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 02-09-2010 13:27:12
มิคแรงได้ไม่แคร์สื่อ  :m20: น่ารักได้อีก
งานงอก!!!เบอร์4กะยัยคุณน้องสองคงไม่มาสร้างความร้าวฉานนะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที7.....(1/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 02-09-2010 13:30:18
แหมๆ  แผนจับคู่ท่าจะไม่ได้ผลนะค่ะคุณแม่

เพราะท่านลูกไม่ชอบชะนี ท่าชอบอนุรักษ์ป่าค่ะ     :z2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที7.....(1/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 02-09-2010 16:45:18
เปิดเผยดีแท้คุณนิก  แต่ในรถตู้ก็เกินไปนะ
แบบว่าเก็บอารมณ์หื่นซักนิดจะดีมาก
ยังมีเด็กและเยาวชน  แอบเฝ้ามองนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที7.....(1/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Killua ที่ 02-09-2010 20:55:16
กิมงานเข้า  :laugh: มิคน่ารักได้อีก นี่ถ้ากิมไม่รักมิคก็ไม่รู้จะรักใครได้อีกแล้ว
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที8.....(2/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 02-09-2010 21:43:09


รักจัง.........ตอนที่8


หลังมื้ออาหารที่ทอดเวลากันเข้าไปเกือบสองชั่วโมง หัวหินอินเตอร์ก็ได้ฤกษ์ชักแถวขึ้นรถเพื่อตรงไปยังบ้านพักริมหาด แต่ครั้งนี้นอกจากรถตู้สิบหกที่นั่งแล้วยังมีแวนสีดำปลาบขับตามหลังมาอีกหนึ่ง แอบได้ยินมาแว่วๆจากหัวโต๊ะว่าคนรวยสองบ้านนี้เขาซื้อบ้านพักตากอากาศไว้ติดกัน เลยชวนกันยุบสมาชิกจากสองกรุ๊ปเป็นหนึ่งคณะ ดื่มกินเที่ยวด้วยกันซะเลย บอกแล้วว่างานนี้เจ้ๆเขาเตี็ยมกันมาอย่างเหนียว

ระหว่างทางจากร้านอาหารขับเรียบทะเลมายังที่พักไม่น่าเกินชั่วโมง แต่คนข้างๆผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ไม่มีความกระจ่างหลังโดนถามกึ่งปรักปรำเกี่ยวกับการปิดปากเงียบว่ารู้จักเบอร์สี่เบอร์นั้นตั้งนานแล้วทำไมไม่บอก ไอ้มิคทำหน้าเข้มตาคมแล้วบอกมาง่ายๆว่าเพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญ ตีความได้ว่าไม่อยู่ในความสนใจ แล้วคนตอบมันก็เปลี่ยนกะมาทอดตัวยาวข้ามหลายเบาะแล้วก่ายหัวมาตกแหมะอยู่บนตักผมเป็นอันจบประเด็น

เห็นท่าทางหลับสบายเป็นทองไม่รู้ร้อนแล้วก็ขี้คร้านจะผลักไสไล่ส่งกันคนครหา ปล่อยเพื่อนกินอิ่มนอนหลับไปอย่างนี้ตื่นขึ้นมาจะได้อารมณ์แจ่ม ไม่มีอะไรมาทำให้ขุ่นข้องหมองใจได้ง่ายๆ ถึงไอ้มิคจะยังมีท่าทีนิ่งเฉยไม่มีแววจะบู้ล้างผลาญหรือดร่าม่านำหน้าใครไป อาการที่แสดงออกออกจะเฉยๆเหมือนดูเชิง ถามว่ามันจะรอดูเชิงใครก็ตอบได้เต็มปากเต็มคำว่าไม่พ้นเชิงผม เลยสรุปเอาเองว่าให้เพื่อนสบายใจสบายกายไว้ก่อนเป็นดี

“พี่กิมกับพี่มิคสนิทกันดีจังเนอะ”

มาอีกแล้วครับน้องตองจากเบาะหน้า น้องหันมาเป็นสักขีพยานได้จังหวะเหมาะเหม็งตอนไอ้มิคซุกหน้าเข้าเป้าผมเป็นการหนีแสงพอดิบพอดี น้องมองเป้าผมมองหัวไอ้มิคแล้วทำหน้าประหลาดก่อนประกาศความเป็นศัตรูอย่างโจ่งแจ้งกว่าเดิม

“ถ้ามินท์ไม่บอกว่าพวกพี่เป็นเพื่อนสนิทกัน ตองต้องคิดว่าพี่สองคนแอ๊บสาวกันแน่ๆ” น้องยิงเปรี้ยงมาตรงประเด็นทั้งสายตาและคำถามเล่นเอาปากผมกระตุกปล่อยหมาไปแบบดึงสายล่ามไม่ทัน

“ไม่ได้สาวครับแล้วก็ไม่ได้แอบด้วย พวกพี่เนี่ยผู้ชายเต็มตัวเพียงแต่ว่าขี้รำคาญผู้หญิงความคิดไม่ดีก็เลยหันมาสนิทกันเองสบายใจกว่า” ตอบไปอย่างนั้นพร้อมยิ้มพิมพ์ใจ ไม่รู้ว่าน้องตกตะลึงยิ้มหนุ่มหรืออะไรถึงได้ตาโตนิ่งค้างแล้วหันหลังกลับไปดื้อๆ

นั่งฟังเพลงพลางลูบหัวไอ้มิคไปซักพักก็มาถึงที่หมาย รถจอดนิ่มๆด้วยฝีมือลุงอ็อดแล้วบรรยากาศก็เปลี่ยนแบบฉับพลัน ทุกคนในรถที่หนังท้องตึงหนังตาหย่อน เก็บปากเก็บคำเก็บตาดำมาตลอดทางตั้งแต่รถออกเปิดปากกันทันที ทุกคนกระฉับกระเฉงลงจากรถ ออกไปยืดบิดขี้เกียจแล้วเฮโลกันขนของเข้าบ้าน ยกเว้นคนบนตักผมที่ตื่นแล้วแต่ไม่ยอมกระฉับกระเฉงตามใคร นอนเอื่อยไม่ยอมลุกแถมมีชวนคุยเหมือนนอนกันอยู่ชายหาด ลำบากผมต้องตบหัวเพื่อนเรียกสติถึงได้ฤกษ์ลงรถไปสูดอากาศริมทะเล

บ้านพักตากอากาศของไอ้มิคกว้างขวางโอ่โถงเหมือนบ้านเช่าไว้ถ่ายทำละคร บ้านไม้สีเทาหลังใหญ่เปิดโล่งไว้รับลมทะเลรอบด้าน ชั้นล่างเป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องอาหารและที่ว่างโล่งขนาดตั้งวงเตะฟุตบอลได้ ข้างนอกมีสวนหย่อมขนาดไม่ย่อมที่ปลูกต้นไม้ไว้ครึ้มอย่างร่มรื่น สภาพบ้านสะอาดเอี่ยมเหมือนมีแม่บ้านปัดกวาดเช็ดถูไม่เว้นวัน

แต่เดี๋ยวก่อนเป้าหมายเราไม่ได้อยู่ที่สภาพบ้านคนอื่นแต่อยู่ที่ห้องหับเอาไว้หลับนอนสำหรับคืนนี้ต่างหาก ถึงไอ้มิคจะมาค้างห้องผม ผมไปค้างคอนโดมัน นอนเตียงเดี่ยวเตียงเดียวกันมานับครั้งไม่ถ้วน แต่สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อก่อนไอ้มิคไม่เคยหน้ามืดขนาดคว้าคอกันจูบได้หน้าตาเฉยทุกที่ทุกเวลา แต่หลังจากสวมแหวนดำๆด่างๆมาแทนใจวันนั้น บอกได้คำเดียวว่าเพื่อนเปลี่ยนไป เพราะงั้นอย่าว่าแต่นอนร่วมเตียง ตอนนี้ให้นอนร่วมห้องเดียวกันยังว่าไม่น่าเสี่ยง

“กูนอนห้องนี้แล้วกัน”

ผมประกาศเจตนารมย์ก่อนวางเป้ลงข้างเตียง เมื่อกี้ไปเดินวนเช็คมาแล้วห้องหับยังเหลืออีกหลาย ไอ้มิคที่เดินตามเข้ามาเหมือนไม่ได้ยินหรืออาจได้ยินแต่ไม่สนใจ เฮียวางกระเป๋าลงข้างตู้เสื้อผ้า ปิดประตูห้องแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปหน้าตาเฉย ปล่อยผมหุบปากกลืนเจตนารมย์พลางเหล่สายตาไปตกที่เตียงกลางห้อง

เห็นผ้าปูเตียงตึงเปะกับขนาดสามคนนอนได้แล้วก็ยังไม่ช่วยให้สันหลังหายเสียว ถึงเตียงจะใหญ่ขนาดไหนแต่ถ้าตกดึกแล้วเพื่อนคึกขึ้นมาไอ้กิมคงไม่พ้นสมยอมนอนนิ่ง ว่าแล้วขอหิ้วเป้ย่องเงียบไปห้องว่างถัดไป ปลอดภัยไว้ก่อนจะดีกั่ว

ระหว่างการอพยพย้ายห้อง เจอสามฝรั่งกับหนึ่งสาวเอ่ยปากชวนกันไปเดินตลาดยามบ่าย แอนนายิ้มหวานท่าทางมีความสุขกับการช็อปที่จะมาถึง แต่ผมส่ายหน้าปฏิเสธเพราะอยากอาบน้ำแล้วแผ่ลงเตียงซักงีบเลยขอรับนัดวอลเล่ย์บอลชายหาดตอนห้าโมงแทน

เข้าห้องมาได้สิ่งแรกที่ทำคือล็อคประตู ไอ้กิมเว่อร์ไปไหมตอบเองก็ได้ว่าเว่อร์ไปหน่อย แต่สารภาพตามตรงว่านอกจากจะกลัวไอ้มิคบุกเข้ามาแล้วที่กลัวยิ่งกว่าคืออารมณ์พาลแต่จะสมยอมเขาอยู่นั่นของตัวเอง บอกตรงๆว่าเห็นตาสีจางขุ่นเข้มแสดงถึงอารมณ์พิศวงพิศวาสขึ้นมาเมื่อไหร่ มื้อไม้ผมก็พาลจะเป็นง่อย กระดูกกระเดี้ยวกลายเป็นวุ้นเมื่อนั้น เห็นหน้าไอ้มิคในอารมณ์นั้นทีไรอารมณ์ผมเป็นต้องเกิดตามไปทู้กที อันนี้ยังไม่นับการแตะสัมผัส ถ้าปากมามือมาเมื่อไหร่ผลเป็นยังไงคงไม่ต้องบอก โดนบี้มาถึงหัวนมยังไม่มีแรงต้านได้แต่ผันตัวไปเป็นนักพากย์เสียงกระเซ่า ส่งเสียงซูดปากเป็นการสู้ แจ่มจริงๆ

คิดแล้วอารมณ์ชักพุ่งพล่านเดี๋ยวจะต้านไม่ไหว ทางทีดีแก้ผ้าโทงๆเข้าไปเอาน้ำเย็นราดหัวให้จิตใจสงบเสียทีจะดีกว่า ผมอาบน้ำฮัมเพลง คาดผ้าเช็ดตัวออกมาเพื่อแหกปากต้อนรับบุคคลไม่พึงประสงค์บนปลายเตียง

“เฮ้ย!? เข้ามาได้ไงวะ” กูล็อคประตูแล้วแน่ๆ พยานออกเพียบ

“ย้ายห้องทำไม”

ไอ้มิคส่งคำถามมาแทนคำตอบแล้วกวาดตาจากหน้าไปยังตัวเปล่าเล่าเปลือยถึงปมผ้าขนหนู ถึงสายตาที่มองมาจะยังเรียบเรื่อยไม่ส่อแววอาเสี่ยมองอีหนูแต่อารามรักตัวกลัวเสียตู๊ดก็ทำให้มือผมกระตุก ปาผ้าขนหนูที่ขยุ้มเช็ดผมใส่หน้าอีกฝ่ายนำไปก่อนทันที

“ก็ห้องมันว่าง… แล้วครูไม่เคยสอนหรือไงว่าก่อนเข้าห้องคนอื่นต้องเคาะ ถ้าห้องมันล็อคต้องรอเขามาเปิด ไม่ใช่เสียบกุญแจผีเข้ามาเองอย่างนี้” ผมร่ายพลางคว้าเสื้อผ้าที่ถอดกองไว้บนเตียงมาสวมแล้วรูดผ้าขนหนูรอบเอวมาเช็ดหัวอีกที

เหล่รอดผ้าดูสถานการณ์ ไอ้มิคนั่งนิ่งไม่มีทีท่าว่าจะต่อปากต่อคำ ผมเงียบมันเงียบห้องก็เลยเงียบจนเกือบอึดอัดขัดข้อง

“ง่วงว่ะ สงสัยเมื่อกี้ตะกละไปหน่อย” เป็นผมที่ต้องเปิดปากในที่สุด

“กูว่าจะนอนซักงีบ… มึงจะไปตลาดป่ะ พวกแอนนาฝากมาชวน… ถ้าไปฝากซื้อมะพร้าวสองทลาย ไอ้อ่อนโทรมาพอรู้ว่าอยู่หัวหินแม่งบอกขอของฝากเป็นมะพร้าว กูถามมันทำไมต้องเป็นมะพร้าว กรุงเทพหาแดกไม่ได้หรือไง มันว่ากรุงเทพน่ะมีมะพร้าว แต่มะพร้าวฟรีๆยังไม่เคยเจอ”

เล่าไปปากเปียกกะให้เพื่อนบันเทิงแต่ไอ้มิคกลับยังเงียบไม่หือไม่อือ ผมเลยทิ้งก้นนั่งแล้วตั้งหน้าตั้งตาเช็ดหัวเช็ดหูพลางยิงรีโมทเปิดทีวีเผื่อเจอรายการตลกมาบันเทิงบรรยากาศ กดรีโมทแก็กๆเปลี่ยนครบทุกช่องแล้วยิงปิดเพราะอีกคนในห้องไม่ยอมมีอารมณ์ร่วม เอาแต่นั่งเงียบกดดันกันต่อไป

ผมเอื้อมมือไปพาดผ้าขนหนูไว้บนพนักเก้าอี้ข้างเตียงแล้วทิ้งตัวลงนอน เหล่คนที่นั่งอยู่ปลายเตียงแล้วอยากยกตีนขึ้นก่ายหน้าผาก ไอ้มิคกำลังไม่พอใจผมรู้ แต่ที่ไม่รู้คือวิธีรับมือกับความเงียบของอีกฝ่าย ทุกทีถ้ามีเรื่องไม่ถูกใจไอ้มิคไม่เคยเก็บเงียบ เป็นต้องโวยต้องเข้มไปก่อนตามที่ถูกเลี้ยงดูมาแบบลูกคุณหนู อยู่ดีๆวันนี้หักมุมมาอย่างนี้ผมก็เลยทำตัวไม่ถูกไปด้วย

กำลังตัดสินใจว่าจะสละการนอนแล้วชวนเพื่อนไปเดินเที่ยวผ่อนอารมณ์หรือเปิดปากปล่อยหมามาเดี่ยวไมโครโฟนแก้สถานการณ์ก็พอดีกับโทรศัพท์ที่โยนไว้กลางเตียงดังขึ้นขัดจังหวะความคิด ชื่อหน้าจอบอกให้รู้ว่าเป็นไอ้อ่อน เห็นแล้วอยากรับหรือเลิกยังตอบไม่ได้

“ว่าไงไอ้อ่อน คิดถึงกูมากหรือไงโทรมากี่ครั้งแล้วมึง” ผมส่งเสียงเนือยนอยเป็นการทักทาย แต่ตาจ้องอยู่ที่แผ่นหลังกว้างในเสื้อยืดขาวสะอาด

“เออคิดถึงมึงว่ะ แต่กูไอ้จั๋ว ไอ้จั๋วที่หล่อกว่าไอ้อ่อนหน่อยน่ะ” ไอ้จั๋วเก็กเสียงเข้มยืนยันคำพูดก่อนต่อ “สาดกิม ไปหัวหินไม่ชวนกู ไม่รู้หรือไงกูอยากเล่นน้ำทะเล”

“กูเองยังมาแบบไม่รู้ตัว… เอาไว้เที่ยวหน้าเดี๋ยวส่งบัตรเชิญ” แผ่นหลังในสายตาผมสะท้อนเหมือนเจ้าของกำลังถอนหายใจ

“งั้นพ้นผิด อย่าลืมซื้อกางเกงเลสีเจ็บๆมาฝากกูตัว ส่วนมะพร้าวไอ้อ่อนไม่ต้องหิ้วมาให้มัน โรงอาหารมีแก้วละสิบ เดี๋ยวให้มันไปซื้อกินเอง” เสียงไอ้จั๋วเข้าหูมาเลือนๆเพราะเตียงที่ยวบขึ้นกับร่างสูงใหญ่ที่ลุกออกไป

“… ได้ แล้วเจอกันวันจันทร์ว่ะ”

คิดว่าตอบไปอย่างนั้นแล้วตัดสาย ผมปิดตา โยนมือถือไปข้างตัว รู้สึกอึดอัดเหมือนสูดอากาศไม่เข้าปอด ไอ้มิคออกไปแล้วอย่างเงียบๆ ไม่แม้แต่จะพูดอะไรซักคำ

คิดๆดูแล้วเรื่องที่เป็นอยู่มันก็ประหลาด ไอ้มิคมีความรู้สึกดีๆที่มากกว่าความเป็นเพื่อนให้ผมจนถึงจุดที่ทำให้เกิดอารมณ์กับผู้ชายด้วยกันได้ ก็ต้องถือว่าเป็นความชอบแบบลึกซึ้งที่มากกว่าแค่ความใคร่เพราะกามอารมณ์ ถามว่าสิ่งที่อีกฝ่ายส่งมาเรียกว่าความรักได้ไหม ผมไม่กล้าตอบ ถึงแม้หลายครั้งเจ้าตัวจะพูดออกมาให้ได้ยินอย่างชัดเจน แต่คำว่ารัก หรือแม้แต่รักมากเกินไป ที่เล่นเอาน้ำตาลูกผู้ชายตกให้เห็นกันมาแล้วก็ไม่ได้ทำให้ผมกล้าจะแน่ใจกับอะไรทั้งนั้น

ผมจะไปกล้ามั่นใจได้ยังไรว่าผู้ชายอย่างไอ้มิคจะมีความรู้สึกที่เรียกได้ว่ารักส่งตรงมาให้ ไอ้มิคในสายตาใครต่อใครหรือแม้แต่กับผมที่เป็นเพื่อนสนิทที่เรียกได้ว่ารู้เช่นเห็นชาติ เห็นข้อดีข้อเสียกันมาหมด ก็ยังเห็นว่าผู้ชายคนนี้สมบูรณ์แบบ สมบูรณ์พร้อม เทียบกับไอ้กิมที่แม้จะมีดีอยู่บ้างแต่ก็จัดอยู่ในประเภทธรรมดาสามัญ เป็นผู้ชายระดับมาตรฐานที่เดินกันเกลื่อนประเทศ และแม้ว่าผมจะโตมาแบบค่อนข้างหลงตัวเอง ไม่เคยมีปมเด่นปมด้อยให้ต้องเดินหลบสายตาใคร และถึงแม้ไม่นับเรื่องเพศที่ดันเกิดมามีเหมือนๆกัน แต่ไม่ว่ายังไงไม่ว่าจะมองมุมไหน ผมก็บกพร่องเกินไปสำหรับความสมบูรณ์พร้อมของอีกฝ่าย

หลายครั้งที่ผมมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า คนที่วันนี้หันกลับมามองกันแล้วเปิดยิ้ม มีเข้มมีหวานให้ได้ใจหายใจสั่น แต่จะอีกกี่วันกี่เดือนกันหรือที่ไอ้มิคจะมองมาและยังมีผมอยู่ในสายตา ไอ้มิคไม่ใช่คนเจ้าชู้ข้อนี้ผมรู้ มันไม่เคยไล่จีบใคร จะให้ถูกต้องว่าไม่น่าจะเคยจีบใครเพราะที่เห็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็คือผู้หญิงเป็นฝ่ายเข้าหา เข้ามาขอคบ ได้คบ สามเดือนสี่เดือนก่อนแยกกันไป ผมไม่รู้ว่าเวลาอยู่กับสาวไอ้มิคจะเข้มจะหวานจะเอ่ยคำชอบบอกคำรักเหมือนที่ทำกับผมไหม เพราะมันจะแยกเรื่องแยกราว แฟนส่วนแฟนเพื่อนส่วนเพื่อนจนกว่าจะเดินตัวปลิวเข้ามาให้ไอ้โยมไอ้จั๋วโห่ว่าโสดไม่สนิทเป็นครั้งที่ร้อย ไอ้มิคไม่เจ้าชู้แต่กลับเบื่อง่ายหน่ายเร็วจนคบใครไม่เคยนาน

ผมไม่เคยรู้มาก่อนจนวันนี้ ว่าความไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ ไม่รู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่จะพลิกโผเปลี่ยนแปลงไปวันไหน จะทำให้หายใจไม่เข้าปอดจนเข้าขั้นอึดอัดทรมาน แม้พยายามข่มตาหลับตามที่ตั้งใจ แต่ความง่วงงุนกลับระเหยหายไปจากหัว พลิกตัวซ้ายขวาหงายหน้าแล้วก็ยังหายใจไม่เข้าปอด สุดท้ายเลยนอนคว่ำ ใช้ความมืดจากการกดหน้าบรรเทาอาการอึดอัดที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน นอนนิ่งๆอยู่อย่างนั้นจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง แล้วก็ต้องสะดุ้งแทบเด้งขึ้นนั่งเมื่อเตียงทั้งหลังยวบลงพร้อมมือที่ยื่นมากวาดกันเข้าไปทั้งตัว

กลิ่นออดิโคโลญจ์คุ้นจมูกกับความอุ่นของร่างกายที่ไม่รู้สึกผิดแผก ทำให้ผมหุบปากที่เกือบแหกให้ได้ยินกันไปทั้งบ้านแล้วนอนนิ่ง เป็นนานคนที่ม้วนผมเข้าไปกกเป็นไข่ก็ยังคงเงียบอยู่ชิดติดหลัง มีเพียงความอุ่นร้อนจากลมหายใจไม่สม่ำเสมอแถวหลังหูที่บอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้หลับไหล

“… มิค”

ผมเรียกทั้งที่ยังหันหลังแล้วก็ได้คำตอบเป็นจมูกโด่งๆที่กดแนบลงมาแถวท้ายทอย

“อยู่อย่างนี้ แค่นี้… ได้รึเปล่า”

“…………”

เป็นคำถามกับความกระชับของวงแขนที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ร้ายสุดถ่อยทำพระเอกชีช้ำเป็นครั้งที่ร้อย ถึงจะไม่แน่ใจเอาเสียเลย ถึงจะหายใจได้ยากเย็นอย่างนี้แต่คำถามจากเสียงแห้งๆที่ไม่ดังไปกว่ากระซิบก็ทำให้ใจผมอ่อนจนเหลว เรื่องที่เวียนวนอยู่ในสมองระเหยหายไปไม่เหลือแม้แต่ควัน

“… ทีหลังจะทำอะไร ถามกูหน่อย กูตกใจนะเว้ย”

“… ครับ”

“…………”

คำตอบรับง่ายๆแต่ฟังยาก ยากเพราะน้ำเสียง เพราะความสุภาพที่ให้ความรู้สึกไม่คุ้นเคย

ไอ้มิคไม่พูดอะไรอีกผมก็พูดอะไรไม่ออก ถึงจะบอกสิ่งที่คิดไปและได้การตอบรับมาแต่ความอึดอัดรอบตัวกลับยังอยู่ ผมสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่แล้วนอนนิ่งปล่อยความคิดให้ล่องลอย เป็นนานบรรยากาศก็ไม่เปลี่ยน แรงกระชับรอบตัวที่ไม่คลายความเกร็งบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายก็คงยังคิดอะไรอยู่ในหัวไม่ผิดไปจากผม

“… อยากกินเฉาก๋วยว่ะ ไปตลาดกันดีกว่าปะ”

ผมชวนพร้อมยันตัวขึ้นนั่ง นอนกันอยู่อย่างนี้เดี๋ยวจะกลายเป็นโรคซึมเศร้าหงอยเหงากันไปทั้งคู่

ไอ้มิคไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ลุกนั่งแล้วยกมือขึ้นลูบหน้าเหมือนจะไล่อาการง่วงงุน แต่สายตาที่ส่งมาเจอกับยิ้มจืดจางกลับแสดงความรู้สึกอื่น สายตาเหงาๆกับยิ้มหงอยๆเหมือนเด็กถูกทิ้งส่งมาแว็บเดียวก่อนเจ้าตัวจะก้มหน้าลงเหมือนไม่มีอะไร

ไอ้มิคลุกขึ้นยืน ก้าวถอยไปจากเตียงท่าทางลังเลก่อนจะยื่นมือมา ถ้าเป็นปกติมือที่ยื่นมาต้องคว้าผมเข้าไปหนีบสีข้างแล้วตวัดขึ้นพาดไหล่เป็นที่พักแขนก่อนดันให้ออกเดินไปไหนต่อไหน แต่มือที่ยื่นมาตอนนี้กลับหยุดรอนิ่งเฉย เหมือนรอให้ผมเอื้อมคว้า เหมือนไม่กล้าล้ำเข้ามามากกว่านั้น

ท่าทางเก้กังกับมือที่หยุดนิ่งทำให้อะไรซักอย่างในใจมันขาด ผมเอื้อมคว้ามือตรงหน้า ดึงตัวเองขึ้นก่อนโถมใส่อีกฝ่ายแบบทิ้งทั้งตัว ไอ้มิคที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับเซถอยไปเกือบก้าวพร้อมคำว่า เฮ้ย ที่หลุดออกมา ผมไม่รอช้าเอื้อมมือประกบหน้าคนที่ยังตั้งตัวไม่ติดลงมาแจกจูบไปเต็มๆหน้าผากแล้วค้างนิ่ง กะจนแน่ใจว่าความรู้สึกมากมายหลายหลากมันซึมลงหน้าผากอีกฝ่ายไปแล้วผะออกไวยิ่งกว่าวอก พร้อมความรู้สึกว่าหน้าเห่อด้วยว่ายางอายแตกกระจาย

“ทีหลังขอแบบเบสิกอย่างนี้ก่อน โรแมนติกซ์ให้กูหน่อย” ปากยังกล้าเกินร้อยกลบเกลื่อนอาการหน้าไหม้

ไอ้มิคยืนนิ่งเหมือนโดนจิ้มด้วยฟอร์มาลีน แล้วก็ทำการบางอย่างที่ทำให้ผมต้องเป็นฝ่ายนะจังงัง ต้องลืมแล้วลืมเลยซึ่งความอายได้แต่กระพริบตาปริบๆมองหน้าขาวๆที่เข้มขึ้นจนแดงเถือกไปถึงหู ไอ้มิคกำลังอาย! ไอ้คนที่โน้มมาดูดปากดูดลิ้นแถมบี้หัวนมคนอื่นได้หน้าตาเฉยกลับมายืนหน้าแดงเหมือนโดนสาดน้ำยาอุทัยด้วยว่าโดนจูบหน้าผากไปจ๊วบเดียว ไม่ไหวจริงๆครับ ทำไมมันน่ารักอย่างนี้ล่ะวะ

ไอ้มิคก็คงงงกับอาการอายขึ้นหน้าของตัวเองถึงกับยกมือเกาท้ายทอยแก้เก้อ เกาไปแกรกๆกรากๆหน้าก็ยังแดงเข้มไม่ลดระดับสี ดูท่าคนไม่เคยอายพอได้อายแล้วจะทำตัวไม่ถูกยิ่งกว่าคนปกติ สุดท้ายเจ้าตัวก็เปิดหัวเราะก่อนกระแอมไอเรียกขวัญกำลังใจและความหน้าด้านให้กลับคืนอยู่พักใหญ่ แต่จนแล้วจนรอดหน้ามันก็ยังแดงแบบกู่ไม่กลับจนผมที่ยืนมองตาค้างเริ่มรู้สึกว่าโดนเชื้ออายแพร่มาติด หน้าจะเขียวจะดำตามเพื่อนอยู่รอมร่อ

“… ไปเหอะ เดี๋ยวตลาดวาย อดกินลอดช่อง”

อ้าวเวร เมื่อกี้ยังอยากกินเฉาก๋วย ไม่เป็นไรคนฟังมันกำลังขวยคงจับไต๋เราไม่ได้ ว่าแล้วต้องก้าวนำแบบแทบจะเขย่งก้าวกระโดดผ่านบานประตู ถึงวันนี้จะโดนรถชนกลางตลาดก็ไม่เป็นไร เพราะได้เห็นของดีเข้าขั้นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกเก็บไว้เต็มเม็มโมรี่แล้วครับ



โปรดติดตามตอนต่อไป
=========================================================================

อร๊ายยยยยยย...มิคเขิลลล  หน้าแดง น่ารักได้อีกอ่ะ บี้หัวนมแก้เขิลอีกซักรอบดิ๊ เค้าชอบ 555+
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที8.....(2/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 02-09-2010 21:57:19

ไม่ไหวจริงๆครับ ทำไมมันน่ารักอย่างนี้ล่ะวะ  
อร๊ายยยย กิม คิดไรอ่ะ ได้ยินนะ เอิ๊ก เอิ๊ก อ๊าก อ๊าก ฮิ้ววววว
:o8: :-[ :impress2: :man1:

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที8.....(2/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 02-09-2010 22:02:15
แหมๆๆๆ ทีงี้ละอาย อิอิ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที8.....(2/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Killua ที่ 02-09-2010 22:10:42
มิคของเจ๊นะร้ากกกกกกกมากกกกกกกกกก  :o8:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที8.....(2/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 02-09-2010 22:15:46
มิคเขิล ฮิ้ววววว   :-[

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที8.....(2/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 02-09-2010 22:17:30
กรี๋ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


น่ารักมากมายยยยยยยยย      :o8:   :o8:    :-[    :-[
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที8.....(2/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 02-09-2010 22:22:23
แยกห้องนอนจริง ๆ เหรอ  กิมจะกลัวมิคขนาดนั้นเชียว
แต่ท่าทางน่าจะกลัวใจตัวเองมากกว่านะ
กลัวอดใจไม่ไหวน่ะ  มิคน่ารักซ๊า

+1 ให้น๊า  ชอบเรื่องนี้มาก  ๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที8.....(2/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 02-09-2010 22:30:10
โอ๊ยย ไม่ไหว เค้าอ่านไปจิกเบาะตบที่นอนไปเพราะความเขิน :-[
สงสารมิคหน่อยๆ เหมือนหมาน้อยตาละห้อยอยากกินเนื้ออันโอชะแต่ไม่กล้าผลีผลาม  :oo1:

อ่ะ หยอด ต่อไป เดี๋ยวกิมก็ใจอ่อน ยอมมอบหัวใจและทอดกายเอง (เป้าหมายของมิค คือสิ่งที่คนอ่านรอดู กิ๊วๆ :-[)
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที8.....(2/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 02-09-2010 22:30:57
 :o8: :o8: :o8:
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที8.....(2/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 02-09-2010 22:31:15
เอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

จรุ๊บบบบบบบบบบบบบบบบเหม่งมิคเรย น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
กิม ทำดีที่สุดค่ะ มิคเขินมากเลยนิ น่ารักนิ
น่ารักก็ต้องรักให้มากๆนะกิมนะ :m1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที8.....(2/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 03-09-2010 01:45:54
อร๊ายยยยยยย...มิคเขิลลล  หน้าแดง น่ารักได้อีกอ่ะ บี้หัวนมแก้เขิลอีกซักรอบดิ๊ เค้าชอบ 555+
:laugh:เห็นด้วยๆๆๆๆๆๆๆ คุณหมีจัดไปอย่าให้เสีย
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที8.....(2/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 03-09-2010 10:11:31


อ๊ากกกกกกกกกกกก ก กกกกกก กกก...ใครก็ได้เอาตูไปเก็บที =^= b

ทำกันถึงขนาดนี้แล้วเนี่ย...ไม่เขิลก็ให้มันรู้กันสิ...งุึงิงุงิ~*


ตอนแรกก็คิดขัดใจอยู่บ้างนะ...ทำไมกิมถึงไม่ยอมใจอ่อนให้มิคสักที

สงสารมิคมาก...เหมือนทำอะไรให้กิมแล้ว แต่กิมไม่สนใจ ไม่แคร์เท่าที่ควร

แต่พอได้มารู้ความรู้สึกของกิมตอนนี้...เค้าก็เลยรู้สึกว่า สิ่งที่มิคควรทำตอนนี้

ก็คือการเปิดใจ และพิสูจน์ให้กิมได้เห็นว่า ตัวเองจริงใจและมั่นคงกะกิมมากขนาดไหน

โดยเฉพาะคำว่า "รัก" ที่มิคพร่ำบอกกิมเสมอ...ว่ามันหนักแน่นและยืนยาวตลอดไปจริงมั้ย???

เค้าว่าถ้ามิคสามารถพิสูํจน์ให้กิมเห็นได้...กิมเองก็คงจะยอมรับและรับมิคเข้ามาเต็มหัวใจแน่ ๆ

เพราะที่เป็นอยู่ทุกวันนี้...เค้าว่ากิมเองก็หวั่นไหวและมีใจให้มิคไม่น้อยอยู่ไ่ม่น้อยแหล่ะ...
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที8.....(2/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 03-09-2010 10:12:13
ละลายแล้ว :m3:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที8.....(2/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 03-09-2010 11:26:54
ฮิ้ววววว     
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที8.....(2/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: koraorni ที่ 03-09-2010 12:30:59
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด
น้องกิมเก่งจริงๆๆทำให้มิคอายได้
เล่นแบบนี้ได้ไงเนี่ยเกิดมิคช๊อคขึ้นมาจะทำไง
ขอแบบนี้บ่อยๆๆแล้วกันนะมิคจะได้ชิน
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที8.....(2/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: darajoy ที่ 03-09-2010 15:56:42
อ่านเรื่องนี้แล้ว

อยากบอกว่าลุ้นมาก

เพี้ยง ขอให้กิมใจอ่อนเร็วๆ เน้อ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที8.....(2/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 03-09-2010 16:18:26
วิ๊ดวิ้ว
หลังจากเอนนเอียงไปเข้าข้างป๋ามิค ณ บัดนี้กลับมาอยู่ฝ่ายเฮียกิมจ๊อดังเดิม
จัดการเลยเฮีย ให้ป๋ามิคอายเยอะๆ คนอ่านชอบ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที8.....(2/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 03-09-2010 20:53:10
อิจฉาจริงๆ น้อ เมื่อไรเราจะมีอย่างนี้มั่งว้า   :เฮ้อ:
กิมใจอ่อนแล้ว  :laugh:
มิคน่ารักจริงๆน้อ  :impress2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 03-09-2010 21:37:14
เอ๊า เร่เข้ามา FC เบอร์ 4 ทั้งหลาย ตอนนี้เค้ามีบทแล้ว


รักจัง.........ตอนที่9


การเดินตลาดหาเฉาก๋วยกินให้บรรยากาศประหลาดประแหล่มเหลือจะกล่าว ตั้งแต่กระโดดลงจากรถที่ลุงอ็อดขับมาส่ง เดินเข้าตลาดผ่านร้านรวงมาได้ครึ่งทาง ผมก็ยังเดินนำโดยมีร่างสูงใหญ่เงียบกริบเดินตามอยู่ข้างหลัง เป็นลำดับการเดินตามเดินนำที่ช่างไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย

ปกติแล้วถ้าไม่เดินอยู่ข้างกันไอ้มิคมักก้าวล้ำนำไปหนึ่งสเต็ปเสมอ ร่างสูงใหญ่กับแผ่นหลังกว้างมักเดินแหวกผู้คนให้ผมเดินตามก่อนหันมาคว้าไหล่กันไปเป็นที่พักแขนแล้วชวนคุยสัพเพเหระ คนที่เดินหล่อไม่เกรงใจคนรอบข้าง ไม่แคร์สายตาเป็นสิบเป็นร้อยที่แอบเหล่แอบมอง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมที่เดินเยื้องหลัง รับรู้ความฮ็อตของเพื่อนจนถึงกับปลงอนิจาอยู่หลายครั้ง เป็นอย่างนั้นจนกลายเป็นความคุ้นชิน

แต่วันนี้ผมกลับเป็นฝ่ายเดินนำ ย่ำพื้นตลาดในรองเท้าแตะเหมือนมาคนเดียว ไอ้มิคที่เดินอยู่ข้างหลังทิ้งระยะห่างหนึ่งช่วงแขนยาวยืดแถมยังปิดปากเงียบสนิทจนเริ่มไม่แน่ใจว่าเพื่อนยังเขินไม่เลิกหรือนึกรังเกียจกันขึ้นมาเฉียบพลัน

“เฉาก๋วยสอง ไม่เอาหวานหนึ่งครับ”

ผมบอกแม่ค้าร้านเฉาก๋วย สั่งไปสองแบบไม่ถามความสมัครใจแล้วยื่นถ้วยแรกไม่หวานให้คนที่เดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆ ไอ้มิครับถ้วยเฉาก๋วยพร้อมยื่นแบงค์ห้าสิบผ่านหน้าผมไปโดยปราศจากคำพูด แถมยังยืนรอให้ผมเป็นฝ่ายออกเดินนำอีกต่างหาก

“ปวดฟัน ปวดขา ปวดขี้?”

ปากผมกระตุกออกไปแบบยั้งไม่อยู่ แม่ค้าเฉาก๋วยถึงกับเหล่มอง คนโดนถามตอบกลับด้วยการส่ายหน้าแล้วเปิดยิ้มจางเหมือนจะเอาใจ เห็นยิ้มเพื่อนแล้วรู้สึกว่าถ้าแผงข้างๆมีทุเรียนหน้าไอ้กิมมีสิทธิ์แหก โทษฐานข่มขู่คุกคามพระเอกของปวงชน

“สาดมิค เป็นอะไรของมึงวะ” ผมด่าแบบลดวอรุ่มเสียง

“เดินตามหลังกูไม่พูดไม่จา ถ้าปวดฟันพูดไม่ได้ ปวดขาขี้เกียจเดินหรือปวดขี้อยากเข้าส้วมก็บอกมาจะได้กลับบ้าน”

เจอบทว้ากอย่างนี้ของผมเข้าไปถ้าเป็นปกติไอ้มิคต้องยื่นมือมาตบหัวไอ้กิมเรียกสติ แต่เนื่องจากวันนี้เหมือนจะไม่ค่อยปกติด้วยกันทั้งคู่ คนตรงหน้าผมเลยได้แต่เปิดยิ้มจางพลางถอนหายใจก่อนเอื้อมมือมาพาดไหล่แล้วดันเอื่อยๆให้ออกเดิน จากหางตาพึ่งเห็นแม่ค้าวางตะบวยตักเฉาก๋วยกลับเข้าที่ หวุดหวิดจะได้ชิมไม้ตักเฉาก๋วยไปแบบเฉียดฉิว

“เดินเงียบไม่ยอมพูดแล้วยังมาถอนหายใจทิ้งใส่กูอีก มีอะไรพูดมาเลยดีกว่า” ผมถามอย่างคนพาล เพราะแม้ขาจะยอมเดินตามแรงดันแต่ปากยังพาไปตามจิตใจที่ไม่สงบ

ไอ้มิคไม่ต่อปากต่อคำแต่ก้มเอาปากมาแนบอยู่กับขมับผม ไม่ใช่การฉกจูบ ไม่ใช่ทำเล่นๆเหมือนปัดผ่าน แต่ปากร้อนๆแนบอยู่กับขมับผมนิ่งนาน อย่างน้อยก็นานเหลือในความรู้สึกผมที่ได้แต่เหลือกตามองคนเดินผ่านสะดุ้งกับฉากเด็ดกลางตลาด

ไอ้มิคที่ทำเหมือนทั้งตลาดมีเพียงเราสองละริมฝีปากไปแบบอ้อยอิ่งแล้วทิ้งสายตามามองกันเหมือนอยู่ในฉากส่งท้ายหนังรักโรแมนติก สองตาพระเอกมืดบอดมองไม่เห็นใครอื่นนอกจากผมที่ยืนเข้าคู่อยู่ตรงหน้า เห็นสายตาพระเอกแล้วรู้สึกเหมือนโดนของ มือไม้ที่กำลังจะยกตบกระโหลกคนหน้าไม่อายพลันอ่อนปวกเปียกจนได้แต่ยืนตาเหลือกตอบรับสถานการณ์

“… ทำยังไงดีกิม”

ไอ้มิคว่ามาเบาๆให้เดาไปได้หลายทางก่อนซบหน้าลงมาบนไหล่ผมเหมือนหมดแรงขึ้นมาดื้อๆ

“What can I do…?” เสียงทุ้มเข้มฟังอู้อี้อยู่ชิดติดไหล่ “to make you mine… just mine alone.”

สำเนียงเสียงต่างชาติจากคนข้างๆทำให้คนพูดเหมือนจะหดเล็กลงกลายเป็นเด็กหน้าขาว ส่วนผมเองกลายเป็นเด็กหน้าคล้ำ ตลาดกลางหัวหินเปลี่ยนเป็นป่าละเมาะเต็มไปด้วยต้นหูกวางสูงใหญ่ แม้จะคุยกันมาแรมเดือนด้วยภาษาไทยตกๆหล่นๆ แต่เมื่อถึงคราวที่สุขจนหน้าขาวเป็นไข่ปอกระบายยิ้มกว้างหรือเวลาขบคิดจนคิ้วขมวดมุ่นแล้วเผลอหลุดปาก สิ่งที่เอ่ยออกมามักเป็นภาษาที่เจ้าตัวใช้มาตั้งแต่เกิด เหมือนเป็นการแสดงความจริงใจ เหมือนต้องการย้ำความจริงจัง

“… ยังจะต้องทำอะไรอีกว้า”

ความรู้สึกฟูๆที่พองอยู่ในอกทำให้ผมหมดความสนใจกับสิ่งรอบข้าง ช่างมันเหอะว่ายืนกันอยู่กลางตลาด ช่างมันว่าใครจะมองแล้วหันไปซุบซิบนินทา นาทีนี้สิ่งที่ผมสนใจมีอย่างเดียว คือทำตัวปากตรงกับใจจนไม่น่าเชื่อว่าออกมาจากปากตัวเอง

“แค่นี้กูก็มองไม่เห็นใคร ยกให้มึงไปทั้งใจตั้งนานแล้ว”

สารภาพว่าอายจนปากแทบเบี้ยวแต่หัวที่เด้งขึ้นมาจากไหล่เหมือนติดสปริงกับตาสีอ่อนจางเบิกกว้างหนึ่งคู่ที่จ้องตรงมาทำให้ผมรู้สึกว่าถึงปากจะเบี้ยวตาจะเหล่ก็คงไม่เป็นไร ผลัดกันอายคนละนิดละหน่อยก็กระชุ่มกระชวยดีเหมือนกัน

“รุ่นนี้มีใบรับประกันแต่ไม่รับเปลี่ยนรับคืน ต้องเอาใจใส่จนกว่าจะหมดอายุใช้งานกันไปข้าง”

ผมกล้อมแกล้มแก้เก้อเพราะไอ้มิคเอาแต่แหกตาจ้องกันโดยไม่มีคำตอบคำโต้หลุดมาจากปาก เอาแต่ยืนจ้องมาตาไม่กระพริบ ลักษณะการมองดูไปออกจะคล้ายตื่นตะลึงมากกว่ายินดีปรีดา มองมาเหมือนเห็นผมมีเขางอกออกมาจากหัวหรือตาผลุบยุบเข้ากระโหลก ท่าทางไม่เหมือนคนได้ยินคำสารภาพรักแม้แต่น้อย

“… เฮ้ย พูดอะไรมั่งดิ”

โดนจ้องจนรู้สึกอึดอัดขัดข้อง กำลังใจเริ่มผันแปรไปเป็นความรู้สึกหน่วงๆในอกเนื่องจากปฏิกริยานอกเหนือความคาดหมาย หรือผมจะตีความภาษาอังกฤษสองประโยคเอียงกะเท่เร่เข้าข้างตัวเองเกินไป

“……………”

“I do.”

“หา?”

“Yes! I do!” ไอ้มิคว่ามาพร้อมเปิดยิ้มกว้างยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ตาสีจางเหมือนจะเข้มขึ้นหลายเฉดจนทำให้หน้าเปื้อนยิ้มดูเคร่งขรึมจริงจัง

“ไม่มีเปลี่ยนไม่มีคืน จะอยู่ตรงนี้” มือข้างที่เคยมีแหวนกระดำกระด่างยกขึ้นตบลงบนบริเวณหัวใจเบาๆ “ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”

“…………”

เป็นการตอบรับคำบอกที่ทำให้คนสารภาพอย่างผมหมดปัญญาตอบสนอง ได้แต่ยืนนิ่งให้ความรู้สึกของตัวเองผสมปนเปไปกับความรู้สึกของอีกฝ่าย นิ่งอึ้งไปนานจนไอ้มิคเข้าใจอาการหมดสมรรถภาพทางความคิดของผม ตาสีจางยังคงมีรอยยิ้มขณะกระชับวงแขนบนไหล่แล้วดันเอื่อยๆให้ออกเดินกันอีกครั้ง

ไอ้มิคเดินกอดไหล่ผมผ่านตลาดผ่านผู้คน ผ่านความรู้สึกที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ในชีวิตนี้ แต่ระหว่างที่แอบเหล่คนที่เดินอยู่ชิดติดกันก็ต้องยอมรับว่าผมได้สัมผัสแล้วกับความรู้สึกนี้ ความรู้สึกคันๆในหัวใจที่เรียกกันว่าความรัก

________________________________

กลับจากตลาดถึงบ้านพักตอนห้าโมงเกือบครึ่งด้วยความรู้สึกฟูๆในอกที่ยังไม่จางหาย ไอ้มิคที่ชวนแวะกินไอติมโบราณกลางตลาดก็มียิ้มมุมปากที่ยังไม่เลอะเลือน เดาเอาว่าเพื่อนก็คงอยู่ในห้วงอารมณ์สีชมพูไม่ผิดกัน ได้เห็นไอ้มิคอารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใสจนหน้าสว่างเหมือนเปร่งแสงได้อย่างนี้ผมก็สุขตามไปด้วย แต่เป็นสุขที่ทำให้ต้องตระเตรียมแผนการไปปรึกษาเรื่องการเสริมหล่อกับไอ้อ่ำทันทีที่กลับถึงกรุงเทพ

ถึงกรุงเทพเมื่อไหร่ต้องไปเคาะห้องไอ้อ่ำให้มันช่วยเล็คเชอร์วิธีการพอกหน้าทาโคลนรวมไปถึงเทคนิคการแต่งเสริมเติมหล่อแปดร้อยเล่มเกวียนแล้วเอามาประยุกต์ใช้อย่างเร่งด่วน ไม่ได้นะครับ จะมามัวนิ่งนอนใจปล่อยไปตามมีตามเกิดอย่างที่ผ่านมาไม่ได้เป็นอันขาด อย่างน้อยหล่อขึ้นอีกนิดน่ามองขึ้นอีกหน่อยคนที่เดินอยู่ชิดติดกันจะได้ไม่เหล่สายตาไปมองใคร ใจเราจะได้ไม่ต้องกระตุกเป็นจังหวะแปลกประหลาดให้บ่อยครั้ง

สายตาคนเดินตลาดโดยเฉพาะสาวๆในร้านไอติมถึงกับทำให้ผมขนลุกซู่ เป็นไปได้อยากโก่งหลังพองขนขู่ให้รู้แล้วรู้รอด สายตาที่เหล่มาตกอยู่ที่คนนั่งกินไอติมโบราณตรงข้ามกับผม เป็นสายตาเสือสิงห์กระทิงสาว มองไอ้มิคเหมือนเจอคู่แท้จากพรมลิขิตบันดาลชักพา สายตาฝันๆที่เห็นแล้วต้องรีบยกมือตบหน้าตัวเองซะที ไม่แน่ใจว่าตาหนึ่งคู่บนใบหน้าเหลือกไปฝันๆเหมือนสาวรอบตัวหรือไม่

ไอ้มิคตกเป็นเป้าสายตาเป้าความสนใจอย่างนี้ไม่ใช่ครั้งแรก จะว่าไปผมก็ชินเสียแล้วเวลาไปไหนมาไหนแล้วเห็นสายตาเสือ แต่วันนี้พอได้มาเห็นว่าคนอื่นมองไอ้มิคยังไง เห็นว่าไอ้มิคเป็นที่ต้องการของตลาดขนาดไหน ถึงคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมจะไม่ได้เหล่สายตาไปตกที่สาวไหนนอกจากไอติมมะม่วงกับหน้าไอ้กิม แต่อยู่ดีๆหัวใจมันก็กระตุกจนต้องรีบจ้วงไอติมกล้วยให้หมดถ้วยแล้วลากอีกฝ่ายออกมาจากร้าน

การที่เห็นคนอื่นมองไอ้มิคแล้วรู้สึกใจกระตุกผิดจังหวะว่าไปอาจเป็นผลจากการเลื่อนฐานะทางความสัมพันธ์ ตอนเป็นเพื่อนถึงจะรู้สึกเกินกว่าเพื่อนแต่ก็ยังมีคำว่าเพื่อนเป็นตัวขวาง แต่ตอนนี้เลื่อนฐานะกันเองจากเพื่อนเป็นแฟนพร้อมความรู้สึกเต็มๆจนล้นเรี่ยราดออกมานอกอก พอเห็นคนอื่นมองแฟนเราด้วยสายตาอยากจะเอาไปเป็นแฟนตัว มันก็เลยเกิดอาการหงุดหงิดงุ่นง่านด้วยความหึงหวงห่วงหา แหม อยู่มาจนป่านนี้พึ่งจะรู้ว่าตัวเองก็ขี้หึงขึ้นมาถึงหัว

การเดินตลาดครั้งนี้ให้อะไรมากมายกว่าที่คิด นอกจากจะได้สารภาพรักกับการตอบรับที่เหมือนว่ายืนกันอยู่บนแท่นปรมาพิธีก่อนเข้าสู่ประตูวิวาห์ ได้รู้ว่าตัวเองเป็นหลิวเตอหัวเวอร์ชั่นผู้ชายข้าใครอย่าคิดแตะ และยังได้มะพร้าวสองทลายกับกางเกงเลสีเจ็บๆอีกแปดตัวมาเป็นของฝากเพื่อนพ้องที่ถูกลืม

เดินหอบของพะรุงพะรังยังไม่ทันพ้นรั้วบ้านก็ได้ยินเสียงเห่าของเดอะร็อค หมาสีน้ำตาลที่มองครั้งแรกนึกว่าวัว ดังแว่วมาจากหลังบ้านตามด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวายไทยปนอังกฤษบ่งบอกว่าวงบอลชายหาดกำลังเมามันส์กันอย่างเต็มที่ ผมวางของไว้รวมๆกับของที่คนอื่นขนซื้อกันมาแล้วหันไปบอกไอ้มิคให้ล่วงหน้าไปโลด เนื่องจากไอ้กิมโดจข้าศึกบุกต้องรีบไปตั้งกองบัญชาการ แล้วหายหัวเข้าห้องตัวเองมาปลดทุกข์ พร้อมเปลี่ยนยีนส์ที่ใส่มาแล้วสองอาทิตย์เป็นกางเกงสามส่วนเหมาะแก่กิจกรรมที่จะไปเข้าร่วม

วอลเล่ย์บอลชายหาดที่ตั้งวงขึงเน็ตกันอยู่หลังบ้านประกอบด้วยสมาชิกข้างละสี่ มิกาเอลกับพลพรรคและน้องมินท์ อีกฝากที่กำลังกระโดดตบจนตัวแอ่นคือน้องตองจากเบาะหน้ากับพรรคพวกจากรถแวนอีกคัน สาบานได้ว่าไม่ได้มีใจเอนเอียงโอนเอนแต่อย่างใด หากแต่สายตามันเหล่ไปก่อนความนึกคิด เหล่ไปเห็นอดีตเบอร์สี่ในดวงใจในเสื้อกล้ามสีชมพูจืดจางกำลังหันไปแปะมือเรียกเสียงเฮจากทีมตัว หน้าหล่อเหลาเหมือนเคยยกยิ้มมุมปากแล้วชูนิ้วโป้งให้ตองมือตบ เท่ห์เหลือหลายแต่ใจผมกลับสงบ รู้สึกเหมือนมองคนๆหนึ่ง ไม่รู้สึกพิเศษเหมือนที่เคยเป็นมา

เสียงเห่าที่ดังอยู่ไม่ไกลเรียกให้หันไปมอง เดอะร็อคตะกุยสี่ขาห้อตามจานร่อนสีส้มแป๋นแล้วกระโดดขึ้นงับด้วยความปราดเปรียวผิดกับขนาดตัว หางสีน้ำตาลไหม้ขนาดเท่าแขนผมแกว่งไกวจนตูดบิดระหว่างวิ่งกลับมาหาเจ้าของ ไอ้มิคตบหัวเดอะร็อคชมเชยระหว่างดึงจานร่อนออกจากปากแล้วตั้งท่าเริ่มเกมส์ใหม่ แต่ครั้งนี้พอเหวี่ยงแขนร่อนจานออกไปแล้วคนขว้างกลับวิ่งแข่งกับหมาตามจานไปด้วย ดูแล้วบอกไม่ได้ว่าใครสนุกกว่ากัน

ผมเดินเข้าไปหย่อนก้นลงพื้นไม่ไกลจากแอนนาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่แถววงวอลเล่ย์ ห่างไปไม่ไกลเหล่าผู้สูงอายุกำลังจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรสใต้เต็นท์ริมหาด แอนนาที่มีหมวกฟางกับแว่นดำกิ๊บเก๋เงยมายิ้มให้หนึ่งทีแล้วก้มไปอ่านหนังสือด้วยท่าทางหมกมุ่นตามเดิม แดดกำลังร่มลมกำลังตก ถึงบรรยากาศจะเรียกไม่ได้ว่าสงบเพราะเสียงนักกีฬาที่เชียร์กันเองโหวกเหวกโวยวายกับเสียงเดอะร็อกเห่ามาเป็นระยะ แต่ลมเย็นๆก็ทำให้ผมอดใจไม่ไหวต้องเอนหลังลงติดทรายแล้วหลับตาไปด้วยความเคลิ้ม

นอนฟังเสียงคนเสียงคลื่นปนกันไปจนสติเริ่มจะหลุดออกจากร่างก็พอดีกับมีอะไรนุ่มๆคลุมลงมาบนหน้าช่วยบังแสง ผมที่ดึงสติกลับมาทันเหล่ลอดผ้าขนหนูออกไปเห็นขาขาวๆของแอนนาเปลี่ยนเป็นขาผู้ชายเลยวาดมือตบไปบนเข่าคนข้างๆเป็นเชิงทักทาย

“หมดแรงแล้วหรือไง” ผมถามโดยไม่ได้ชักมือกลับ

“อากาศดีว่ะ คืนนี้เอาเต็นท์มากางนอนแถวนี้ท่าจะดี นอนกลางดินกินกลางทราย ไม่เคยใช่ไหมล่ะ… แต่ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวพี่กิมดูแลเอง”

คนที่นั่งขัดสมาธอยู่ข้างผมไม่ตอบอะไร คาดว่าเป็นเพราะกำลังดื่มน้ำดับกระหายจากขวดน้ำที่วางกลับมาข้างตัว ผมที่ยังหลับตาลูบเข่าอีกฝ่ายเล่นไปเรื่อยชักจะเคลิ้มขึ้นมาอีกครั้งเลยตะแคงตัวเข้าหามุมมืด กระเถิบขึ้นไปหลบหน้าหลบตาอยู่แถวต้นขาคนข้างๆ รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยว่าจะไม่มีใครมายุ่งกับของๆเรา วางใจจนเริ่มจะปล่อยเสียงกรนที่กลับกลายเป็นเสียงกรี๊ดพร้อมหัวใจที่ตกไปอยู่ตาตุ่ม

โลกมืดๆใต้ผ้าขนหนูข้างซอกขาโดนเหวี่ยงกระเจิงด้วยมือใครบางคนที่ลากตัวผมให้หมุนกลับเหมือนพลิกปลาบนเขียงก่อนหิ้วปีกจนตัวลอยแล้วตวัดกันขึ้นบ่าเหมือนกระสอบข้าวสาร ถึงจะยังไม่เห็นหน้าเห็นตาคนที่แบกกันอยู่แต่คิดไปแล้วว่าต้องเป็นไอ้มิค มากันแค่นี้คนที่จะเล่นแบบนี้กับผมถ้าไม่ใช่ไอ้มิคจะมีใคร แต่เหล่ลอดผ้าที่ยังเกี่ยวติดอยู่ครึ่งหน้า ทำไมไอ้มิคที่นั่งให้ผมซุกหน้าเข้าขายังนิ่งอยู่กับที่ แล้วไอ้คนที่แบกผมขึ้นบ่านี่มันใคร!

ด้วยอารามตกใจที่ไม่รู้ว่าจะโดนแบกไปไหน จากใคร แล้วทำไมไอ้มิคไม่ยื่นมือยื่นตีนเข้ามาแทรกทำให้ผมแหกปากโวยวายประกอบการดิ้นยิ่งกว่าผู้หญิงจะโดนชุดไปข่มขืน เห็นลอดสีข้างคนแบกว่ามันมุ่งหน้าลงทะเล แหงนหัวกลับมาเห็นแว็บๆว่าวงวอลเล่ย์ชะงักการเล่นเพราะเสียงเหมือนคนจะโดนเชือดที่ออกจากปากผม ทุกคนชะงักแต่ไม่มีทีท่าว่าใครจะยื่นมือช่วย แล้วในจังหวะที่ผ้าขนหนูบนหลังหัวไถลลงพื้นหลุดออกไปจากสายตา ปากผมก็อ้าค้างแล้วหุบปิดแทบจะในจังหวะเดียวกัน

คนที่ผมซุกหน้าเข้าขาหามุมมืดยังนั่งอยู่กับที่ สายตาที่มองมามีแววขำก่อนหันไปหาแอนนาที่ทิ้งตัวลงนั่ง คนที่ผมลูบหัวเข่าเล่นอยู่เป็นนานอยู่ในเสื้อกล้ามสีชมพูจางๆ ใบหน้าหล่อเหล่านั้นคุ้นตาแต่ไม่คุ้นใจ หน้าขาวๆของคนที่ผมเคยไปยกธงแฟนพันธ์ุแท้อยู่ติดกันหลายเดือน

ก่อนจะคิดได้ว่าอะไรเป็นอะไรคนที่แบกผมเดินดุ่มๆอยู่ติดบ่าก็ทำการสละร่าง ตวัดผมเข้าแขนก่อนเหวี่ยงกันลงทะเลเกือบจะท่าเดียวกับตอนเขวี้ยงจานร่อนให้เดอะร็อควิ่งไปคาบ ผมรู้สึกได้ว่าลอยหวืออยู่หลายวินาทีก่อนตกกระแทกน้ำแบบท่าไม่สวย ขากางแขนโก่งแถมเอาหน้าลงจอดให้น้ำทะเลทะลักเข้ากกหูมาเต็มเต็ง ยังไม่ทันได้ตะเกียดตะกายหันหัวหันหางให้ถูกทิศถูกที่ก็มีอันได้ทะลึ่งขึ้นมาฮุบอากาศจากมือที่ดึงกันขึ้นมา ก่อนโดนลากออกทะเลไปไกลจนเท้าไม่แตะพื้น

ถึงจะยอมยื่นมือมาช่วยลูบหน้าลูบตาแล้วตบหลังไล่อาการสำลักค็อกแค็ก แต่คนที่ลอยตัวให้ผมเกาะเป็นหลักกลับไม่พูดอะไรซักคำ เดือดร้อนผมต้องรีบกลืนน้ำลายหลายอึกไล่อาการฝาดคอพลางตะแคงหัวไล่น้ำทะเลออกจากหูจะได้มีปากมีเสียงมาพูดกันให้รู้เรื่อง แต่ทันทีที่กระพริบตาหาจุดโฟกัสเจอ ความโกรธความอยากอธิบายกลับโดนกลืนหายลงคอแล้วทำได้เพียงมองตอบสายตาอีกคู่ที่จ้องกันอยู่

เพียงหนึ่งสบตาใจที่พึ่งกลับมาจากตะตุ่มก็เหมือนจะล่วงตุ๋มลงไปอีกครั้ง ขนหัวขนคอพาลจะลุกทั้งที่ยังเปียก เล่นเอาต้องยกมือออกจากไหล่แล้วแอบตีขาหาระยะห่าง ในใจคิดคำนวนอยู่ว่าต้องจ้วงน้ำกี่ครั้งต่อนาทีชีวิตนี้ถึงจะรอดไปขึ้นฝั่งก่อนโดนจับกดน้ำทรมานผู้ต้องหา ได้แต่คิดยังไม่ทันได้ง้างแขนตีวง คนที่จ้องผมด้วยหน้านิ้งนิ่งก็ออกแอ็กชั่นมาก่อนเสียแล้ว

ไอ้มิคเหมือนรู้อาการจะหนีเอาตัวรอดของผม ชิงยื่นมือมาคว้ากันเข้าไปล็อคไหล่ให้ไปไหนไม่รอด วงแขนแข็งๆดันผมให้ลอยตัวอยู่เหนือน้ำแล้วเลื่อนมือลงมาล็อคสะโพก หน้าหล่อเหลาแต่เรียบเฉยอยู่ห่างไปไม่ถึงคืบ เป็นท่าล่อแหลมหมิ่นเหม่จนแทบไม่กล้าหายใจเข้า

“… เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน เรื่องนี้อธิบายได้” ผมรีบกระตุกปากทันทีที่ยังพอมองเห็นโอกาส

“กูนอนอยู่ดีๆแล้วก็มีผ้าโป๊ะลงมา กูนึกว่ามึงถึงได้ลูบได้คลำ เอ้ย ถึงได้เขยิบเข้าไป สาบานเลยเอ้าว่าผิดคน!”

คนฟังยังคงออกอาการนิ่งหลังฟังคำสารภาพ ก่อนใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้เปียกน้ำทะเลจนดูเซ็กซี่เหลือใจจะโน้มเข้ามาใกล้จนสองตาผมไม่เห็นอะไรอื่นนอกจากตาสีจางกับปากสีสดของอีกฝ่าย

“แล้วรู้สึกดีหรือเปล่า”

“หา?”

“ที่ได้ลูบได้จับน่ะ รู้สึกดีไหม”

ไอ้มิคย้ำคำถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยแต่สายตาคมกริบมองมาอย่างเอาเรื่อง

“ถามอะไรวะ ก็ต้องดีสิ” ผมตอบไปตามความสัตย์ก่อนรีบกระตุกปากต่อประโยคเมื่อคนที่วาดแขนล็อคกันอยู่ขมวดคิ้วนิ่วหน้าเตรียมออกอาการเต็มที่

“ก็เข้าใจผิดคิดว่าเป็นใครอีกคน คนที่กูพึ่งสารภาพรักไปหน้าด้านๆแถวร้านเฉาก๊วย”

ว่าไปแล้วต้องแอบหยิกก้นตัวเองใต้น้ำเค็มลดอาการขัดเขิน แต่อีกฝ่ายที่กำลังจะจับไอ้กิมฟาดแทนขวดโค้กถึงกับอึ้งกับมุขเอาตัวรอดของผม ปมคิ้วบนหน้าหล่อเหลาคลายออก ริมฝีปากที่ผมเหล่ตาไปตกอยู่บ่อยครั้งระบายยิ้มไม่มากไม่น้อย แล้วเจ้าของรอยยิ้มก็หรี่ตามองมาอย่างร้าย

“ถึงเข้าใจผิดก็ใช่จะพ้นข้อหา” เสียงทุ้มเข้มมาพร้อมความเย็นของฝ่ามือที่ยื่นมาช่วยปัดหยดน้ำใต้จมูก

“แต่เห็นแก่ปากดีๆ” ว่าพลางกดนิ้วโป้งลงบนปากแล้วคลึงย้ำจนเจ้าของปากอย่างผมแทบจะละลายเหลวเปลวเป็นเนื้อเดียวกับน้ำทะเล

“ครั้งนี้จะยกไว้ก่อน”

ตาที่หรุบลงมองการกระทำของมือตัวเองช่างยั่วเย้าบาดใจจนคนมองตามอย่างผมต้องแอบกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก

“… โห ขอบคุณครับ” ผมแกล้งยกมือไหว้อีกฝ่ายท่วมหัว ต้องกระพริบตาหลายครั้งกว่าจะเรียกสติที่เกือบกระเจิดกระเจิงไปกับนิ้วร้อนๆหนึ่งนิ้วกลับคืนมาได้

“แต่”

คนใจกว้างเหลือบตาขึ้นมาจ้องกันใหม่ หัวแม่โป้งสากๆลากมาคว้าคอผมไว้เหมือนว่าแค่ล็อคก้นล็อคเอวจนตัวติดกันอยู่อย่างนี้ยังไม่หนำใจ

“ถ้ามีให้เห็นอีก…”

ศาลเตี้ยประจำตัวผมเอ่ยค้างไว้แค่นั้นให้ แต่ถึงแม้ปากจะไม่ได้บอกออกมาเป็นคำพูดแต่ทุกส่วนของร่างกายโดยเฉพาะดวงตาสีอ่อนที่ยังมีแววร้ายไม่จืดจางก็บอกได้เป็นอย่างดีว่าถ้ามีเหตุการณ์ทำนองนี้ทำนองนั้นเกิดให้เห็นอีกรับรองว่าไอ้กิมเอ็งตาย ตายแบบศพไม่สวยอีกต่างหาก ฟันธง!



โปรดติดตามตอนต่อไป
=========================================================================

กิมเอ๋ย อย่าจำผิดบ่อยๆละ เดี๋ยวศพไม่สวยจะหาว่าไม่เตือนนะจ๊ะ

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 03-09-2010 21:50:23
อ๊อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย >//////////////<


ไม่ไหวแล้วอ้ะ จะตาย เขิน อื๊ออออออออออออ เขินมาก ช่วยด้วยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


ไดอะลอกนี้อ้ะ......
“… ทำยังไงดีกิม”

ไอ้มิคว่ามาเบาๆให้เดาไปได้หลายทางก่อนซบหน้าลงมาบนไหล่ผมเหมือนหมดแรงขึ้นมาดื้อๆ

“What can I do…?” เสียงทุ้มเข้มฟังอู้อี้อยู่ชิดติดไหล่ “to make you mine… just mine alone.”

“… ยังจะต้องทำอะไรอีกว้า”
“แค่นี้กูก็มองไม่เห็นใคร ยกให้มึงไปทั้งใจตั้งนานแล้ว”
“รุ่นนี้มีใบรับประกันแต่ไม่รับเปลี่ยนรับคืน ต้องเอาใจใส่จนกว่าจะหมดอายุใช้งานกันไปข้าง”
“… เฮ้ย พูดอะไรมั่งดิ”

“……………”

“I do.”
“หา?”
“Yes! I do!” 
“ไม่มีเปลี่ยนไม่มีคืน จะอยู่ตรงนี้.....ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”

“…………”

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Jimmeiiii* ที่ 03-09-2010 21:55:46
ชอบตอนนี้นะ ชอบมากด้วย!!
ยิ่งประโยคตอนบอกรักกกกกกกกกกกกกก,,

 :o8:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 03-09-2010 22:09:08
ทีหลังกิมอย่าลืมอีกนะ :o8:

ถ้าลืมอีก มิคจัดการขั้นเด็ดขาดเลย  :z1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 03-09-2010 22:49:26
หุๆๆๆ บอกรักกันกลางตลาดได้อีกน่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 03-09-2010 23:39:25


ตอนสารภาพรักกันเนี่ย...เล่นเอาคนอ่านจะเป็นบู้ เป็นบี้ เป็นบ้า...แมร่มค่อดจะเขิลลลลลลลลลลล ลลลล (-///////-) b

แล้วไหนจะตอนที่กิมหึงหวงมิคอีก...อ๊ากกกกกกกกกกกก ก ก กกกก...เอามีดมาแทงกันดีกว่ามั้ย...ทำแบบนี้เหมือนฆ่ากันชัด ๆ

จะน่ารักกันไปถึงไหนเนี่ย...เล่นเอาคนอ่านทั้งเคลิ้ม ทั้งเขิลเลย ให้ตายเถอะ...ยิ้มจนปวดแก้มไปหมดแล้วอ่ะ =^= b


่ที่น่าสงสารที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นพ่อหนุ่มเบอร์สี่...ไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่อะไรกับเค้าเลย...ก็ดันโดนกิมลวนลามซะง้าน...กร๊ากกกกก ก ก ก กส์

กิมก็อย่าเผลอ และเข้าใจผิดบ่อยนักนะ...เด่วโดนเจ้าพ่อศาลเตี้ยอย่างมิคจัดการ...แล้วจะหาว่าคนอ่านไม่เตือนไม่ได้นะจ๊ะ...

อยากรู้จังว่าถ้ากลับกรุงเทพกันแล้ว...สองคนนี้จะบอกเรื่องความสัมพันธ์กะเพื่อน ๆ ยังไง...สงสัยจะมีเรื่องสนุก ๆ ฮา ๆ รออยู่แน่ ๆ...คริคริ XD
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 03-09-2010 23:41:22
แบบนี้มิคก็ต้องกอดต้องหอมต้องกด เอ๊ย สัมผัสบ่อยๆหนูกิมจะได้ชินไม่จำเจ้าของผิด
แฟนรึหมาหว่ะ :laugh:มีรอลงอาญาด้วยอิอิ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 03-09-2010 23:47:07

น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกก ทั้งมิคทั้งกิม คู่ที่คู่ควรจริงๆ... :o8:

“What can I do…?” เสียงทุ้มเข้มฟังอู้อี้อยู่ชิดติดไหล่ “to make you mine… just mine alone.”   โอ๊ย!!! ตาย ตาย พ่อมิค  :a6:

“… ยังจะต้องทำอะไรอีกว้า”

ความรู้สึกฟูๆที่พองอยู่ในอกทำให้ผมหมดความสนใจกับสิ่งรอบข้าง ช่างมันเหอะว่ายืนกันอยู่กลางตลาด ช่างมันว่าใครจะมองแล้วหันไปซุบซิบนินทา นาทีนี้สิ่งที่ผมสนใจมีอย่างเดียว คือทำตัวปากตรงกับใจจนไม่น่าเชื่อว่าออกมาจากปากตัวเอง

“แค่นี้กูก็มองไม่เห็นใคร ยกให้มึงไปทั้งใจตั้งนานแล้ว”
 เอร่อ อร๊ายยยยย อายอ่ะ อายแทนกิม  :give2:

นี่อีก
“ไม่มีเปลี่ยนไม่มีคืน จะอยู่ตรงนี้” มือข้างที่เคยมีแหวนกระดำกระด่างยกขึ้นตบลงบนบริเวณหัวใจเบาๆ “ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”  Keep promise นะ  :a1:

การที่เห็นคนอื่นมองไอ้มิคแล้วรู้สึกใจกระตุกผิดจังหวะว่าไปอาจเป็นผลจากการเลื่อนฐานะทางความสัมพันธ์ ตอนเป็นเพื่อนถึงจะรู้สึกเกินกว่าเพื่อนแต่ก็ยังมีคำว่าเพื่อนเป็นตัวขวาง แต่ตอนนี้เลื่อนฐานะกันเองจากเพื่อนเป็นแฟนพร้อมความรู้สึกเต็มๆจนล้นเรี่ยราดออกมานอกอก พอเห็นคนอื่นมองแฟนเราด้วยสายตาอยากจะเอาไปเป็นแฟนตัว มันก็เลยเกิดอาการหงุดหงิดงุ่นง่านด้วยความหึงหวงห่วงหา แหม อยู่มาจนป่านนี้พึ่งจะรู้ว่าตัวเองก็ขี้หึงขึ้นมาถึงหัว .... เปรียบเปรยความสัมพันธ์ได้ดีจัง แต่ที่สำคัญ กิมทั้งหงุดหงิดหึงหวงห่วงหามิค กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

 :-[ :impress2: :man1:


หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที7.....(1/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 03-09-2010 23:50:12
สามพีเลย จัดเลย 555
มิคก็ดี เบอร์สี่ก็ดี ควบสองเลยกิม
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 04-09-2010 00:15:52
ชอบเวลามิคหึงจริง ๆ  มันหึงแรง หึงโหดดีแท้ ๆ หึงทีเรากรี๊ดดดดดที  ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: BossZa ที่ 04-09-2010 00:30:05
     

     เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
 
     เป็นแฟนกันแล้ว

 
   ไอ้กิมมีแฟนโหดต้องเสงี่ยมเจียมตัวนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: sky-cafe ที่ 04-09-2010 00:37:49
ชอบเวลามิคพูดภาษาอังกฤษจังมันโรแมนติคม๊าก มากให้ตายเถอะคะ >///<
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 04-09-2010 07:17:46
 :L1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 04-09-2010 08:31:09
สารภาพรักได้น่ารักมากค่ะ
ชอบหึงโหดแบบนี้จัง -////-

คือมันรุนแรงแต่แอบโรแมนติก
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 04-09-2010 08:53:08
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

บอกรักกันกลางตลาดเลยด้วยยยยย      :-[    :-[




กิมเอ๊ย ถ้ามีผิดตัวอีกล่ะก็    :oo1:     :impress2: 
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 04-09-2010 10:03:33
สารภาพรักแบบกิมกิม น่าร๊ากกกก :-[
แต่ว่าเบอร์ 4 ออกมาจึ๋งนึงเองอะ  :laugh:
ลงโทษกิมเยอะๆเลยดิมิค แบบจับกดๆไรแบบนี้ไง กร๊ากก
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 04-09-2010 10:28:38
เป็นแฟนกันแล้ววว :mc4:

สถานที่บอกรักมันช่างโรแมนติค  :laugh:


แต่ว่าเบอร์ 4 ทำไมถึงไปนั่งให้หนูกิมลูบไล้แบบนั้น
คิดอะไรอยู่เหรอ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 04-09-2010 10:37:42
มิคโหดมากมายอ่า
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 04-09-2010 11:55:32
อร๊ายยยยยยยยยย มิคน่าร้ากกกกกก  :-[

ชอบประโยคนั้นจัง ประโยคเดียวกับที่หลายๆคนชอบ 555 "What can I do to make you mine?" อุๆ

ว่าแต่พี่เบอร์สี่แกไปนั่งนิ่งให้กิบลูบทำไมอะ อย่าบอกนะว่าเปลี่ยนใจ เหอะๆ กิมของมิคนะ ห้ามแย่ง  :fire:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 04-09-2010 13:17:24
ฮิ้วววววววววววววววววววววววววววว
รักกันแล้ววว
กลัวมารผจญเบอร์สี่จังอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 04-09-2010 14:05:45
มิคน่าร๊ากๆๆๆๆๆๆๆ  เขินแทนกิม อ่ะ  อยากได้พุชายแบบนี้
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Jesale ที่ 04-09-2010 15:42:39
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน แต่ขอสมัครเป็นแฟนคลับ
น่ารักมากๆเรื่องนี้ มิคกับกิม สุดยอด อ่านแล้วแอบยิ้มหน้าจอ จนคนทัก ฮะๆๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DewHup ที่ 04-09-2010 17:41:55
 :-[  :-[

อยากให้มีคนมาบอกรักเค้าแบบนี้มั่งเหอะ

โลเคชั่นไม่เกี่ยง....เกี่ยงดีกว่าฟะ เดี๋ยวจะ...เเล้วหมดมู้ด

 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Ayame ที่ 04-09-2010 18:52:00
กรี๊ดดดดด หลงรักมิคกะกิมเข้าอย่างจัง   :-[

หวังว่า นายเบอร์4คงจะไม่เป็นคนที่ทำให้มิคหึงโหดกว่าเดิมนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที9.....(3/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 04-09-2010 19:54:38
อืม...
เบอร์สี่  ยังไงกัน ไปนั่งให้เขาลูบให้เขาซุกนอนเนี่ย!!!
อย่า
งั้นงี้เลยนะ จำผิดได้ไงอ่ะกิมจ๊อ
ป๋ามิคจัดการไปซะ ต่อไปจะได้ไมา่จำผิดอีก
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 04-09-2010 22:07:28
เอ๊า ใครกรี๊ด กะประโยคเด็ดเมื่อตอนที่แล้ว  เร่ เข้ามาๆ


รักจัง.........ตอนที่10

กว่าจะได้รับอนุญาติให้ขึ้นจากน้ำก็ตอนที่ลูกมือป้าแม่บ้านวิ่งมาเรียกทุกคนให้ไปล้อมวงบาร์บีคิว มองลิบๆเห็นวงวอลล์เล่ย์ชายหาดกระโดดตบส่งท้ายแล้วสลายตัวไปตามกลิ่นกุ้งหอยปูปลา ส่วนผมไม่ต้องออกแรงว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งเอง เพราะคนที่ลากคอกันออกมาทำหน้าที่เป็นทุ่นชูชีพให้ผมเกาะคอเกาะไหล่ลอยตัวเข้าฝั่งไปแบบไม่ต้องเสียพลังงาน

ลากกันมาถึงระดับน้ำยืนถึงได้ผมก็สละร่างแล้วโกยอ้าวไม่เหลียวหลัง ปล่อยคนบ้าพลังที่ลากกันออกไปถึงกลางทะเลย่ำทรายตามมาตามที่แรงหล่อยังเหลือ เข้าเขตตัวบ้านได้เห็นหลายคนเริ่มรูดกุ้งรูดหมึกออกจากไม้ทั้งที่หัวยังเต็มไปด้วยทรายก็ต้องรีบก้าวกระโดดขึ้นบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความเร็วสูงเพื่อจะได้มาร่วมวงหมูหมึกกุ้งกับเขาบ้าง

แต่ไอ้มิคที่ไม่รู้ก้าวทันกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่คว้าคอผมไว้ก่อนมือจะทันได้ดันประตูห้องเปิด ปากร้อนๆแนบลงมาเชื่องช้าอย่างไม่กลัวใครมาเห็น ลิ้นอุ่นชื้นยื่นมาเลียริมฝีปากกันอย่างอ้อยอิ่งจนพอใจเขาแล้วเจ้าของปากก็ระบายยิ้มทิ้งท้ายก่อนผละไปเข้าห้องตัวเอง ปล่อยผมยืนมึนกับอารมณ์เสน่หาของอีกฝ่ายค้างอยู่หน้าห้อง ต้องกระพริบตาเรียกสติสตังค์อยู่เป็นนาทีกว่าจะควานมือไม้ไปเปิดประตูห้องเข้าไปเอาน้ำราดหัวราดหางเรียกวิญญาณกลับเข้าร่างได้

อะไรหลายๆอย่างที่เกิดในตลาดและหน้าห้องทำให้ผมใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานกว่าใจคิด กว่าจะได้คว้าเสื้อยืดตัวใหม่มาสวมหัวลงไปร่วมกินบาร์บีคิวกับทุกคน อีกคนที่เป็นผู้ร่วมเหตุการณ์กันมาก็ยืนปิ้งหมึกปิ้งกุ้งอยู่หน้าเตา ข้างกันมีฮิโรชิยืนพลิกไม้เหมือนมืออาชีพ โดยมีตองจากเบาะหน้ากับน้องสองจากรถอีกคันคอยเสียบเนื้อเสียบสับประรดเข้าไม้คอยส่งยื่น ส่วนคนอื่นจับกลุ่มกินกันอยู่เป็นหย่อมๆไม่ใกล้ไม่ไกล

ผมเดินเข้าไปร่วมวงหน้าเตาบาร์บีคิวแล้วยกมือตบหลังคนที่หันมายิ้มทักกันด้วยใบหน้าหล่อเหลาขาวสะอาด ไอ้มิคยังคงหล่อเทพไม่มีร่องรอยว่าพึ่งดำผุดดำว่ายดำเป็นทุ่นให้ผมเกาะอยู่กลางทะเลมาเป็นชั่วโมง ผิดกับผมที่เห็นหน้าตัวเองแว็บๆในกระจกแล้วถึงกับผงะหลัง หน้าซีดปากเหี่ยวตาแดงเป็นปืด มือเปื่อยเท้าเปื่อยหมดสภาพความหล่อไปถึงไหนต่อไหน จนอดสงสัยไม่ได้ว่าหรือไอ้มิคจะมีครีมวิเศษซุกซ่อนไว้ใช้เป็นการส่วนตัว

ฮิโรชิพลิกไม้นี้วางไม้นู้นมือเป็นระวิงเหมือนตกอยู่ในโลกส่วนตัว น้องสองจากรถอีกคันที่ยังไม่ได้คุยกันแม้แต่หนึ่งประโยคสนทนาเงยหน้ามายิ้มตอบการยิ้มกราดจากผม ส่วนตองจากเบาะหน้าปรายตามาตกเหมือนเห็นหัวหลักหัวตอโผล่ขึ้นมาจากพื้นแล้วหันไปชวนไอ้มิคคุยตามเดิม แต่คนโดนชวนคุยกลับหันมาหาผมพร้อมบาร์บีคิวควันฉุยห้าหกไม้ในจานกระดาษ เสียงทุ้มๆส่งมาว่าให้ไปจัดการหาที่นั่งกินก่อนตามสบาย เล่นเอาคนมาที่หลังแต่ได้กินก่อน มาเฉยๆเหมือนมากินแรงคนอื่นอย่างผมต้องรีบกระตุกปากปฏิเสธแทบไม่ทัน

“เอาไปเถอะพี่กิม มีคนย่างให้กินอย่างนี้จะมาเล่นตัวทำไม” ตองจากเบาะหน้าส่งเสียงเจื้อยแจ้วตอบรับคำปฏิเสธของผมทันควัน

“สองกับตองเอาไปดีกว่า หน้าเตามันร้อน เดี๋ยวพี่ทำเอง”

ผมทำหูทวนลมพลางเอื้อมมือไปหยิบไม้จะมาเสียบของสด แต่โดนคนที่ยืนอยู่ก่อนตีมือดังเพี๊ยะ เสียงจากน้ำหนักมือบ่งบอกว่าตีจริงไม่ตีเล่น

“ร้อนก็ยืนมาตั้งนานแล้ว ไม่ต้องมายุ่ง” หากฟังแต่เสียงไม่มองหน้าจะคิดได้ว่าคนพูดกำลังงอนรอให้ผมง้อ เหมือนคนเป็นแฟนเขางอนกัน แต่ถ้าเห็นหน้าเห็นสายตาตองจากเบาะหน้าเหมือนที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้บอกได้คำเดียวว่าชีต้องการประกาศความเป็นศัตรูกันอย่างเปิดเผย

ผมรีบกระทุ้งศอกเข้าเอวไอ้มิคที่กำลังจะเปิดปาก เพราะรู้ดีว่าปากสวยๆของเพื่อนจะเปิดออกมาให้สาวได้หน้าม้านจนมองหน้ากันไม่ติด แต่ก่อนที่ผมจะได้เอ่ยปากตอบโต้ด้วยตัวเอง เสียงแหบห้าวที่ยืนอยู่ตรงข้ามกันก็โพล่งออกมาแก้สถานการณ์ไว้เสียก่อน

“เอ่อ งั้นสองเอาไปนะ… พี่กิมมากินด้วยกันสิ”

น้องสองเอ่ยปากชวนผมเหมือนรู้จักมักจี่กันมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง พร้อมมือที่ยื่นไปรับจานบาร์บีคิวจากไอ้มิค

ผมรีบสอดมือเข้าไปช่วยน้องสองที่แม้จะยังไม่ได้คุยหรือแม้แต่แนะนำตัวแต่รู้สึกถูกชะตากันขึ้นมากะทันหัน รับจานจากมือคนข้างๆแล้วตบไหล่เจ้าของจานไปเบาๆเป็นเชิงว่ากูหายหน้าไปก่อนจะเป็นการดี แล้วเดินตามสาวเจ้าของเสียงแหบห้าวไปที่โต๊ะไม้ริมรั้ว

รอบโต๊ะไม้นั่งล้อมวงกันอยู่สี่ชีวิต หนึ่งพี่ชายสอง สาวหน้าใสตัดผมม้าเต่อที่คาดว่าจะเป็นเพื่อนสนิทน้องสอง มินท์และสตีฟที่กำลังกระดกโค้กให้เกิดเสียง ส่วนมิกาเอลกับแอนนาแอบไปนั่งกินหมึกกินไก่อยู่กับเดอะร็อคที่ถึงขนาดมีจานวางไม้ของตัวเองอยู่ข้างๆ

ผมกวาดตามองแล้วยิ้มกราดไปทั่วหน้าตามประสาคนมีมิตรไมตรีก่อนวางจานลงแถวที่ว่างแล้วทำตัวเป็นสุภาพบุรุษที่นานๆจะได้งัดออกมาใช้ เดินไปยกโค้กยกแป็บซี่มาอีกสามถ้วยพลาสติกเผื่อคนที่อุตส่าห์ชวนกันมาร่วมโต๊ะ แล้วหย่อนก้นนั่งตรงที่เหลือๆซึ่งก็มีไม่มากนักพลางลงมือจัดการหมูหมึกกุ้งไก่ที่ได้รับแจกมาอย่างไม่สนใจจะเข้าร่วมวงสนทนา ปล่อยคนอื่นกินๆคุยๆกันไปโดยผมทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีไม่มีเปิดปากนอกจากการรูดหมูออกจากไม้

กินไปได้สามสี่ไม้จิตใจค่อยสงบ ค่อยมีอารมณ์จะเปิดปากเออออห่อหมกไปตามเพื่อนร่วมโต๊ะระหว่างเหล่สายตาไปอยู่ที่อีกคนที่ยังยืนอยู่หน้าเตา คนที่ผมหันไปมองแทนหน้าเพื่อนร่วมโต๊ะระหว่างคุยกันไปเรื่อยเปื่อยยืนหันหลังมาทางนี้

ไอ้มิคที่ยืนพลิกไม้ปิ้งอยู่ที่เดิมมีสีหน้ายังไงผมไม่เห็น จะเห็นก็แต่หน้าแฉล่มของตองจากเบาะหน้าที่ส่งไม้เสียบของสดให้อีกฝ่ายระหว่างชวนคุยไม่หยุดปาก เสียงเจื้อยแจ้วที่เดี๋ยวพูดเดี๋ยวหัวเราะอยู่ฝ่ายเดียวดังจนได้ยินมาถึงนี่

ถึงจะไม่เห็นว่าไอ้มิคมีสีหน้าแบบไหน หัวเราะไปกับการชวนคุยที่แสนจะออกรสออกชาตินั่นหรือไม่แต่แค่เห็นอาการสาวที่มีต่อแฟนเราแล้วมันก็ให้รู้สึกคันยิบๆในหัวใจ ถ้าเป็นสาวอื่นอาการคันอาจไม่เข้าขั้นกลากเกลื้อนไม่ตะกุยเกาไม่หายขนาดนี้ แต่เนื่องจากเป็นสาวที่ประกาศความเป็นศัตรูหัวใจกันอย่างออกนอกหน้า หัวใจผมเลยคันยิบๆจนถ้าไม่หาอะไรมาแถถูไถคงจะทนไม่ได้

ผมรูดหมึกชิ้นสุดท้ายออกจากไม้ เคี้ยวหมึกที่รูดออกมาแรงเกินความจำเป็นจนรู้สึกปวดกรามหนึบๆ ก่อนลุกออกจากโต๊ะพร้อมจานเปล่ากับโค้กในมือ เดินดุ่มๆเข้าไปหาคนที่ยืนหันหลังให้กันจากสองตาที่เห็น ตองจากเบาะหน้าเหมือนจะชะงักจังหวะการคุยทันทีที่เหลือบมาเห็นผมแต่ยังแกล้งทำเหมือนเห็นหัวหลักหัวตอผุดขึ้นมาจากพื้น ส่งไม้เสียบพริกหยวกพร้อมยิ้มหวานๆให้อีกคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามเหมือนไม่เห็นใคร

ผมเดินเข้าไปซ้อนหลังร่างสูงใหญ่ในเสื้อกล้ามโชว์แขน วางจานเปล่าลงบนขอบกระบะใส่ของสดแล้วเอื้อมมือไปเกี่ยวเอวคนข้างหน้าไว้หลวมๆในลักษณะอาการประมาณเพื่อนสนิท ส่งยิ้มยิงฟันให้หนึ่งสาวหน้าเตาที่เงยมามองกันตาแทบถลน

“อ่ะ เอาน้ำมาให้”

ผมบอกพลางยกโค้กในมือขึ้นให้ถึงปากคนที่หันมา เลื่อนแขนไปพาดไหล่แล้วเกี่ยวนิ้วขึ้นเช็ดเหงื่อข้างแก้มอีกฝ่ายเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ทั้งที่ความจริงแอบเสียวสันหลังอยู่ว่าป้าเขาแม่เขาจะเหล่มาเห็นอาการไอ้กิมลวนลามลูกชายหัวแก้วหัวแหวนหรือไม่

คนที่ผมจ่อโค้กให้ถึงปากก็ช่างเล่นตามบท ไหลตามน้ำถึงขั้นน่าจับแจกตุ๊กตาทอง ไอ้มิคจิบโค้กไปอึกใหญ่แล้วซบทั้งหน้าลงมาบนไหล่ผมเป็นการเช็ดเหงื่อก่อนเงยขึ้นมาบอกขอบอกขอบใจกันเหมือนทั้งลานบ้านนี้มีเพียงเราสอง หัวดำหัวหงอกกลายเป็นหัวหลักหัวตอยิ่งกว่าหัวผมในสายตาตองจากเบาะหน้า เล่นเอาผมเองที่ต้องเป็นฝ่ายร้อนตัว มือไม้กระตุกออกจากไหล่แน่นๆแล้วขยับห่างออกมาเล็กน้อย ยอมรับว่าใจยังไม่ด้านพอ

“มา เดี๋ยวกูทำเอง มึงไปนั่งกินดิ เปลี่ยนกัน”

ผมกระตุกปากบอกไปไม่ค่อยเต็มเสียง หลุดบทแบบหลุดลุ่ยเพราะความร้อนบนหนังหน้า ที่ท่าจะไม่ได้เกิดจากไฟจากเตาปิ้งย่าง

“ดีเลย” คนที่ยังถลึงตามองผมอยู่ไม่เลิกลาร้องออกมาเสียงใสผิดกับหน้าที่เริ่มเบี้ยว แล้วหันไปทางไอ้มิคเต็มตัว “ไปกินกันมั่งดีกว่าค่ะ ตองหิวแล้ว”

“ไปกินเลย”

ไอ้มิคไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองสาว เสียงทุ้มเรียบเฉยเหมือนไม่เห็นว่าที่คนชวนแขวนท้องไม่ยอมไปไหนจนถึงป่านนี้ก็เพื่อรอตัวเอง

คนโดนบอกปัดถึงกับชะงักกับคำปฏิเสธแต่ยังมีไอคิวอีคิวพอที่ไม่ต่อความยาวสาวความยืด คาดว่าคงได้ยินได้ฟังอะไรเกี่ยวกับความขี้รำคาญของพระเอกในดวงใจมาจากเพื่อนอยู่ไม่น้อย ตองจากเบาะหน้าหันมาเขวี้ยงค้อนให้ผมวงเบ่อเริ่มก่อนตบเท้าย่ำทรายห่างไปพร้อมบาร์บีคิวเต็มจาน ตามไปด้วยฮิโรชิที่เหมือนพึ่งหลุดออกจากโลกส่วนตัว

หน้าเตาบาร์บีคิวเหลือแค่ผมกับไอ้มิคที่เริ่มลำเลียงหมูหมึกกุ้งเสียบไม้ย่างลงจากเตามาใส่จานกระดาษ แล้วอยู่ๆคนที่หยิบสับปะรดย่างไม้สุดท้ายออกจากเตาก็หันมาขอโค้กกินอีกคำ ผมส่งถ้วยโค้กให้ไปบริการตัวเองแล้วหันไปหาข้าวของที่จะต้องยก แต่คนที่ยืนอยู่ติดกันกลับเฉย หน้าหล่อเหลาระบายยิ้มระหว่างพยักเพยิดมาที่ถ้วยพลาสติกแล้วยกสองมือของตัวเองที่ถือจานบาร์บีคิวอยู่เต็มให้ดู ใช้ภาษากายบ่งบอกเป็นนัยว่าต้องการบริการโค้กจ่อถึงปากอีกครั้ง

ผมยกถ้วยในมือขึ้นแทบเสยคางอีกฝ่ายด้วยความหมั่นไส้ ไอ้มิคถึงกับผงะก่อนเปิดหัวเราะแล้วก้มลงจิบน้ำแบบถ่วงเวลา ชั่วแว็บหนึ่ง ชั่วขณะที่ตาสีอ่อนจางเงยขึ้นมาสบกับตาผม เพียงไม่กี่วินาทีที่รอยยิ้มในดวงตาสีอ่อนเปิดเผยให้ได้เห็น เป็นชั่วขณะที่ทำให้ผมรู้สึกว่าหัวใจกระตุกอย่างรุนแรง หัวใจกระตุกก่อนตกดิ่งทิ้งตัวหายไปจนหาไม่เจอ

ไม่รู้ว่าผีฟ้าห่าทะเลหรืออะไรดลใจทำให้ความรู้สึกมันเกิด ผมดึงมือกลับมาข้างตัวขณะมองตามแผ่นหลังสูงใหญ่ที่เดินนำออกไป ต้องสั่นหัวแรงๆหลายครั้งให้ความว่างเปล่าที่จู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็วและรุนแรงกระเด็นหายไปจากความคิด ความว่างเปล่าวูบโหวงกับภาพความเฉยชาไม่แยแส

สิ่งที่ไม่อยู่ในความสนใจมีความหมายเทียบเท่าอากาศธาตุในสายตาอีกคู่ เหมือนตองจากเบาะหน้า เหมือนผู้หญิงอีกนับสิบนับร้อยที่โดนตาคมๆคู่นี้มองผ่านเหมือนไม่มีตัวตน ตาคมๆคู่เดียวกันกับที่สะท้อนภาพผมซ้อนออกมากับรอยยิ้ม วันนี้ยังสนใจ ยังมองเห็นกัน แล้วถ้าวันที่เจ้าของสายตามองผ่านผมไปเหมือนหมดความสนใจมาถึง มันจะเป็นยังไง

“เฮ้”

เสียงทักข้างตัวเล่นเอาผมสะดุ้งออกจากโลกส่วนตัวที่เริ่มจะอึมครึม ปากกระตุกทักตอบไปก่อนจะได้กวาดตามองว่าคนทักเป็นใคร

“คืนนี้จะมากางเต็นท์นอนรับลมจริงรึเปล่า” คนถามยื่นมือมาพลิกไม้บนเตา ก่อนต่อเหมือนชวนคุย “ตั้งแต่มายังไม่ได้รู้จักกันเลย เราหนึ่งพี่ชายไอ้สอง”

“… กิมครับ” ผมตอบออกไปโดยอัตโนมัติมากกว่าจะผ่านการประมวลความคิด แล้วก็ได้เห็นอาการเลิกคิ้วจากอีกฝ่าย

“โห สุภาพว่ะ ผมนึกว่าคนกันเอง” คนตรงข้ามผมบอกหน้านิ่งพลางหยิบบาร์บีคิวลงจาน

“ผมมันคนขี้อาย คุยกับใครครั้งแรกต้องสุภาพนำไปก่อน” ผมทำเสียงขรึม “ดูเชิง”

“…………” คนที่นึกว่าโดนดูเชิงถึงกับอึ้งไป

“เฮ้ย ล้อเล่น… ที่จริงเราเคยเห็นนายแล้วที่มหาลัย” ผมว่าพร้อมรอดูปฏิกริยาจากอีกฝ่าย ไม่แน่ใจจนไม่กล้าต่อประโยค

“เราก็ว่าหน้านายดูคุ้นๆ” หนึ่งมองผมตกเป็นนาทีก่อนต่อ “แต่นึกไม่ออกว่าเห็นมากจากไหน”

เป็นคำตอบที่ทำให้หายใจโล่งขึ้นได้อีกหลายระดับ สรุปว่าอีกฝ่ายจำไม่ได้ว่าเคยโดนไอ้กิมเอ่ยปากชวนมาเป็นหวานใจอะไรทำนองนั้น

“จากโรงช้างมั้ง เราเป็นเพื่อนไอ้โอ้” ผมตอบให้พลางย้ำความมั่นใจ “เห็นนายบ่อยๆตอนเล่นบาส”

“เหรอ” หนึ่งยกมือเกาแก้ม “โรงช้างคนเยอะ ยังอุตส่าห์มาคุ้นหน้ากันได้… เอาไว้ถ้ามีแพลนขึ้นภูจะมาชวน จะได้ไปนอนกลางดินกินกลางทรายให้สบายใจ มีกิมไปด้วยคงหายห่วง”

ผมหัวเราะรับคำที่อีกฝ่ายเหมามาจากเมื่อเย็นก่อนตั้งข้อสังเกต “นายดูไม่เหมือนคนชอบเที่ยวป่าเที่ยวเขา”

“ไม่ได้ชอบมากไปกว่าเที่ยวเมือง แต่นานๆทีก็ดี” เสียงเข้มว่ามายิ้มๆ “เปลี่ยนบรรยากาศ”

ผมคุยกับอีกคนที่กลายมาเป็นเพื่อนใหม่อีกสองสามประโยคก่อนหันกลับมาเจอร่างสูงใหญ่ของไอ้มิคยืนอยู่ข้างหลัง ไม่ห่างแต่ก็ไม่ได้ขยับเข้ามาใกล้อย่างที่ควรเป็นทำให้ไม่รู้ว่าหยุดยืนอยู่นานเท่าไหร่ ชั่วแว็บที่เหลือบมาเห็นว่าใครลุกมายืนคุมอยู่ข้างหลังเล่นเอาต้องสูดอากาศเข้าปอดให้เต็มกำลังใจสำหรับการแจกแจงบทสนทนา

ผมหันกลับไปเต็มตัว คาดไว้ว่าต้องเจออาการหรี่ตามองกับใบหน้าบึ้งตึงอาจถึงขั้นเหี้ยมเตรียมข่มขู่ แต่เปล่าเลย คนที่รอให้ผมหันไปหากลับพยายามคลายปมคิ้วก่อนหลุบตาหนีกันไป ร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ไม่ห่างแต่ก็ไม่ได้ขยับเข้ามาใกล้หยุดนิ่งอยู่ที่เดิมก่อนเป็นฝ่ายหมุนตัวเดินจากไปโดยไม่ได้เหลือบแลกลับมาที่ผมแม้แต่น้อย

ปฏิกริยาจากไอ้มิคเป็นอะไรที่ผมไม่เคยคิดว่าจะเจอ เรียกว่าแปลกประหลาดจนได้แต่ยืนมึนเหมือนรากงอกลงไปในทราย ปล่อยให้อีกฝ่ายเดินหายไปกับชายหาดที่ฟ้าเริ่มโรยตัวจนต้องเพ่งตามอง เป็นครู่กว่าสมองจะสั่งให้ก้าวตามแผ่นหลังที่กลายเป็นจุดเล็กๆในสายตา

ผมสาวเท้ายาวจนเกือบเป็นวิ่งตามคนที่เดินเรียบไปตามริมหาด รู้ว่าควรส่งเสียงเรียกแต่ปากกลับง้างไม่ออกจนขัดใจ สุดท้ายพอย่นระยะให้ตามได้โดยไม่ต้องวิ่งก็เปลี่ยนเป็นเดินเรียบหาดตามหลังอีกฝ่ายไปเงียบๆ เสียงคลื่นกระทบฝั่งกับเสียงย่ำเท้าของคนที่เดินอยู่ข้างหน้าทอดเป็นจังหวะกลางแสงสลัว ภาพที่ไอ้มิคหลุบตาหนีเหมือนตัดความสนใจ เหมือนไม่ต้องการมองเห็นกันแทรกตัวมาตามเสียงคลื่นถี่กระชั้นจนผมหมดความอดทน ต้องตะโกนส่งเสียงตัวเองแทรกเข้าไปในบรรยากาศ

“เมื่อยแล้ว จะเดินไปถึงไหนกันหา” ผมทำเสียงเข้มข่มอารมณ์ตัวเอง

“หิวด้วย ป่านนี้บาร์บีคิวคงเหลือแต่ไม้เสียบ โค้กคงเหลือแต่ขวด” ส่งเสียงให้ดังเข้าไปอีก

“… ทำเป็นเมินคิดว่าเท่ห์หรือไง ไม่เท่ห์เลย ห้ามเมินกันนะโว้ย” แต่คนข้างหน้าผมก็ยังเดินไปเรื่อยๆเหมือนไม่ได้ยินเสียงแหกปากโวยวาย

“… บอกว่าอย่าเมินกันไง! หันมาเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้มิค”

ผมโพล่งออกไปเต็มเสียงพร้อมหยุดเดิน และเหมือนว่าคนที่ทำหูทวนลมมาเป็นนานจะจับบางอย่างในน้ำเสียงของผมได้ ไอ้มิคชะงักเท้าแต่ยังไม่ยอมหันกลับมา

“โกรธอะไรก็พูดมา หันหลังเดินดุ่มๆอย่างนี้กูจะรู้ไหม”

ผมตะโกนถามโดยไม่ได้ย่นระยะห่าง แผ่นหลังที่ยังนิ่งเฉยเหมือนจะส่งความหมายให้รอการตัดสินใจ

เสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่ากว่าอีกฝ่ายจะยอมหันมา ไอ้มิคหมุนตัวกลับสองมือซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง เสี้ยวหน้าที่เห็นได้จากแสงจันทร์ยังติดจะเครียดขึงแต่ดวงตาที่ยังหลุบต่ำ ไม่ยอมมองตรงมาทำให้เดาอารมณ์ไม่ได้

“… หึง ใช่ไหมเล่า” ผมทำใจกล้าหน้าด้านเปิดปากกระตุ้นอีกฝ่าย พยายามหาทางหย่อนความตึงของบรรยากาศ “แต่มุขหึงแล้วเดินหนีไม่เหมาะกับมึงเลย น่ารักไปหน่อยเปล่า”

ไอ้มิคไม่ยอมรับมุขหรือต่อคำ ยังคงหลุบตามองพื้นเหมือนใต้ตีนมีอะไรน่าสนใจกว่าหน้าผม จนใจจะเปิดปากเริ่มอะไรใหม่เพราะบรรยากาศรอบตัวคนที่ยืนนิ่งยังขมวดปมไม่ยอมผ่อน แต่เป็นปมที่ผมไม่แน่ใจว่าขมวดอยู่กับอะไร เพราะอีกฝ่ายไม่เคยเป็นแบบนี้ ไอ้มิคที่ผมรู้จักไม่เคยหวงแล้วถอย ไม่เคยเก็บอาการกับการแสดงความรู้สึก

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดที่รู้สึกหดฟีบแล้วก้าวเข้าไปหาอีกคนที่อยู่ไกลออกไปหลายเมตร หลายเมตรที่ห่างที่สุดตั้งแต่รู้จักกันมา หลายเมตรที่กลายเป็นระยะห่าง ที่ไม่เคยมีระหว่างผมกับอีกฝ่าย

“… ไม่อยากมองหน้ากู ขนาดนั้นเลย”

ผมหยุดเท้าตรงหน้าไอ้มิคด้วยความใกล้ที่แทบจะเหยียบหัวแม่ตีนแล้วถามคำถามที่คาใจจนรู้สึกหน่วงในอก เอาหน้าที่อีกฝ่ายไม่อยากมองเสือกเข้าไปแทบโหม่งปลายคาง

“แล้วมองได้รึเปล่า” ร่างสูงใหญ่ที่โดนผมรุกรานยืดแผ่นหลัง สวนคำถามมาแทนคำตอบ

“กูมีสิทธิ์จะมองรึเปล่า”

“…………”

“ยิ้มแบบนั้น” สายตาที่ทิ้งเข้ามาในตาผมไม่ได้มีแววประชดหรือข่มขู่คุกคาม แต่กลับเต็มไปด้วยคำถามเหมือนประโยคที่พูดออกมา

“มีไว้ให้กูมองหรือไง”

“… พูดอะไรของมึง กูก็แค่คุย”

ผมคว้ามือไอ้มิคมากระชับข้างตัว รู้สึกได้ว่าสิ่งที่อยู่ในใจอีกฝ่ายไม่ใช่แค่ความหวง ไม่ตื้นแค่ความหึงเหมือนที่เคยเป็นมา

“คุยไปตามเรื่อง ไม่ใช่ตามใจ” ไอ้มิคไม่ดึงมือหนีแต่ก็ไม่ตอบรับสัมผัส

“… กูก็อยากจะเชื่อ” ปลายนิ้วขาวสะอาดบนมือที่ไม่ได้อยู่ในกำมือผมยกขึ้นเคาะขมับ “ในนี้ มันบอกให้เชื่อ แต่ตรงนี้ ที่นี่ It’s fucking hurt” ฝ่ามือหนาเลื่อนมาหยุดอยู่ตรงตำแหน่งหัวใจตัวเอง

“… แล้วจะให้กูทำยังไง ต้องทำยังไงมึงถึงจะเชื่อว่ากูไม่ได้คิดอะไรกับหนึ่งมันแล้ว” ผมยังกำอีกมือที่ใหญ่กว่าไว้ชิดติดตัว แม้ว่าเจ้าของมือจะไม่มีแก่ใจ

“ต้องให้กูหลบหน้า ทำหยิ่งไม่พูดไม่คุยกันไปเลยใช่ไหม”

ภาพเก่าที่ไม่ต้องย้อนกลับไปให้นานผุดขึ้นในหัว ภาพความขุ่นมัวจนออกปากไล่อีกฝ่ายหลังกวาดกองเสื้อผ้าพร้อมมาม่าออกจากห้องไอ้อ่ำ วันนั้นผมหงุดหงิดถึงขั้นเสียศูนย์เพราะได้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อใจกัน มาวันนี้เรื่องเดิมเหมือนจะย้อนกลับมาใหม่ แต่ไอ้มิคที่เดินหนีกันมา ไอ้มิคที่พยายามคลายปมคิ้วระหว่างยืนหลบหลัง อะไรบางอย่างที่คนตรงหน้าพยายามเก็บซ่อนทำให้ผมยังคงดึงอารมณ์ของตัวเองไม่ให้กลายเป็นอย่างวันวาน

“ถ้าทำให้มึงสบายใจ กูจะไม่คุยกับหนึ่งอีก”

ผมบอกเสียงอ่อน ยอมเป็นฝ่ายเอนไปในอารมณ์ของอีกฝ่าย แต่คนฟังกลับมีสีหน้าเหมือนโดนเตะเจาะยางจนตั้งหลักไม่อยู่ ปมคิ้วกดลึกยิ่งกว่าเดิม

“กูนี่มันน่าสมเพช” ไอ้มิคที่แม้ไม่ได้ดึงมือหนี ไม่ได้ก้าวถอยเพิ่มระยะแต่ใบหน้าหล่อจัดกลับบิดเบี้ยวจนเกือบเหยเก “ต้องให้กิมฝืนใจ… แล้วมันจะนานเท่าไหร่กัน”

“ถ้าหมายถึงเรื่องเลิกคุยกั…”

“อีกนานเท่าไหร่ที่มึงจะยังอยู่ตรงนี้” ไอ้มิคขัดขึ้นก่อนผมจะได้จบประโยค น้ำเสียงทุ้มต่ำฟังแหบแห้ง

“ที่ใจของกิมจะยังอยู่กับกู”

คำถามสั้นๆเปรียบได้กับลิ่มที่ทิ่มมากลางใจ จากความหึงหวงกับคนเพียงหนึ่งคนเหมือนจะเปลี่ยนเป็นความไม่แน่ใจ ลามไปเป็นความไม่มั่นคงในความสัมพันธ์ ทั้งที่วันนี้อีกฝ่ายพึ่งบอกกับผมว่าใจที่ได้ไปจะไม่มีวันเปลี่ยน ไม่มีวันคืน ใบหน้าหล่อเหลาที่ทำให้ตาผมพร่าพรายพึ่งเอ่ยคำมั่นว่าระหว่างเราจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

แล้วทำไมกัน แค่ไม่กี่ชั่วโมงถัดมาทำไมความเคลือบแคลงสงสัยถึงได้หลุดออกมาให้ได้ยิน ทั้งๆที่ผมเองยัดปิดปาก กดความไม่มั่นใจว่าจะเจ็บในวันไหนให้ลึกลงไปจนมองไม่เห็น ทั้งที่ผมแคร์คนตรงหน้าจนไม่อยากเอ่ยถาม ไม่มีวันถามให้คนฟังไม่สบายใจ

“… อาจจะนานกว่ามึงก็ได้ อาจนานจนเลยวันที่มึงอยากได้”

ผมตอบออกไปด้วยเสียงที่ยังคงพยายามให้อ่อน ทั้งที่ในใจมันปั่นป่วนจนอยากตีอกชกหัว อยากตะโกนถามออกไปว่าถามมาได้ยังไงกัน

“อย่าพูดอย่างนี้” ไอ้มิคขัดเสียงเข้ม “อย่าพูด โดยที่ไม่รู้อะไร”

“… ก็แล้วกูต้องรู้อะไรล่ะ! กูไม่รู้หรอกว่าใจมึงคิดยังไงถึงกล้าถามออกมาทั้งที่ไม่กี่ชั่วโมงก่อน มึงพึ่งพูดเองว่าใจกูใจมึงจะไม่มีเปลี่ยนไม่มีคืน มึงเองไม่ใช่หรือที่บอกว่าเราจะมั่นคงไปถึงไหนๆ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” ผมโพล่งออกไปอย่างยั้งไม่อยู่ รู้สึกได้ว่าหัวคิ้วตัวเองขมวดเป็นปมยิ่งกว่าอีกคนที่มองมา

“ถ้ามึงจะหงุดหงิดไม่พอใจเรื่องหนึ่งกูไม่ว่า แต่อย่าเอาเรื่องขี้เล็บอย่างนั้นมาคิดให้ทุกอย่างมันเขว อย่าทำให้สิ่งที่พึ่งเริ่มต้องล้มเพียงเพราะความระแวง ได้ไหมไอ้มิค”

แต่คนตรงหน้าผมกลับเข็งขืน

“มึงไม่เข้าใจ กิม ไม่เข้าใจเลย… ทุกอย่างจากนี้จะไม่มีวันเปลี่ยน เพราะกูจะไม่มีวันยอมให้เปลี่ยน ตอนได้ยินมึงบอกว่าคิดไม่ต่างกัน ใจกูเต้นเหมือนจะหลุดออกมาจากอก เต้นแรงกว่าทุกครั้งตั้งแต่เกิดมาแล้วก็คงไม่มีวันไหนที่มันจะทำงานหนักไปกว่านี้”

“แต่ไม่ใช่ แค่ไม่กี่นาทีก่อนกูก็รู้ว่าหัวใจที่เต้นแรงอยู่ในอกเมื่อบ่ายมันเทียบไม่ได้เลยกับตอนนี้ ตอนที่มึงคุยกับไอ้หนึ่ง มึงยิ้ม มองตรงไปข้างหน้า ดูมีความสุขจนกูกลัว”

ไอ้มิคผ่อนลมหายใจหนัก “กับคนอื่นกูไม่สนใจ แต่กับไอ้หนึ่ง มึงถึงขนาดเมาเป็นหมาเพราะมันมาแล้ว…” สายตาที่มองเข้ามาในตาผมเต็มไปด้วยอารมณ์เดียวกับที่หลุดมาเป็นคำพูด

“กูไม่ได้ระแวง แต่กูกลัว… กลัวจับใจ”

“………….”

“… ไม่ใช่มึงคนเดียว ตั้งแต่ต้นมาแล้ว กูต่างหากที่กลัววันที่มึงจะเปลี่ยนใจ” ผมบอกด้วยอารมณ์ที่ไหววูบอย่างประหลาด

“พอกันเลยว่ะ ถือว่าหายกันได้ไหม”

“………….”

“ถ้ามึงถึงขั้นกลัวเหมือนที่กูกลัวแสดงว่ารักจริง งั้นต่อไปกูจะเลิกกลัวแล้วเอาเวลามาทุ่มทำเสน่ห์ มึงจะได้ไปไหนไม่รอด” ผมก้าวถอยเพิ่มระยะห่าง ปล่อยมืออีกฝ่ายที่จับอยู่นาน

“ส่วนกูยังไงก็ไปไหนไม่รอดอยู่แล้ว แค่มึงเดินดุ่มๆหนีมากูยังแทบน้ำตาเล็ด มึงยังจะต้องกลัวอะไรอีก”

ไอ้มิคตอบรับคำสารภาพซ้ำสองของผมด้วยการเป็นฝ่ายขยับย่นระยะ สองมือที่นิ่งเฉยมาตั้งแต่ต้นยื่นมาคว้าคอกันเข้าไปหา แม้ปมคิ้วยังขมวดไม่คลายแต่ความหวั่นไหวในดวงตาที่จ้องตรงมาผ่อนลงจนรู้สึกได้

“… คนที่ไปไหนไม่รอดจริงๆน่ะยืนอยู่ตรงนี้ แค่กิมมองไปทางอื่น ยิ้มให้คนอื่น กูก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว” คนที่คว้าคอผมไว้กดหน้าผากเข้ามาจนรับรู้ความอุ่นของลมหายใจ

“เราไม่หายกัน ยังไงก็ไม่… So please look only at me. Think only of me.”

ความดื้อดึงในน้ำเสียงที่ได้ยินอยู่ชิดติดลมหายใจทำให้ผมหุบปากแล้วยกแขนขึ้นกอดคนตรงหน้าแทนคำพูด ใช้สองแขนโอบอีกฝ่ายไว้ชิดติดตัวแทนคำตอบ แล้วพยักหน้าแรงๆโขกหน้าผากไอ้มิค ตอบรับคำร้องขอที่ยังคงได้ยินย้ำอยู่ข้างหู คำขอที่ไม่จำเป็นเลย เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ ที่ไหน สองตาผมก็มองไม่เห็นใครอื่นอีกแล้ว



โปรดติดตามตอนต่อไป
=========================================================================

มิค คิดมากอ่ะ สงสารจัง แต่พอกิมปลอบก็นะ อิอิ  ช่วยเมนต์หน่อยนะจ๊ะ อีก 7 ตอนก็จบแล้วนะ

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 04-09-2010 22:24:30
มิคอ่ะ  ขี้หึง จี้ระแวงสุด ๆ เลยอ่ะ  แต่ท่าจะเป็นกับไอ่เอร์สี่นี่คนเดียวล่ะมั๊ง
ส่วนน้องตองก็แรงดีไม่มีตกเลยนะยะ  แหม ๆ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 04-09-2010 22:43:50
มิคคิดมากไปปร่ะ ทีตัวเองหัวเราะกะนังตองล่ะ เริ่มไม่ปลื้มล่ะ  ชิส์
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 04-09-2010 22:49:04

ชอบกิมตรงที่รู้สึกอะไรคิดอะไร แล้วพูดออกมา
ไม่อ้ำๆ อึ้งๆ อม ไม่พูด แต่เก็บไว้ แล้วก่อให้เกิดความเข้าใจผิดหนักเข้าไปอีก
ต่างก้อกลัวจะสูญเสียกันไปแหละ รักกันออก  :กอด1:

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 04-09-2010 22:58:09
Look only at me, think only of me..... :o8:

Such a sweet guy! :impress2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Jimmeiiii* ที่ 04-09-2010 22:59:45
มิคอย่าคิดมากดิ..กิมแสดงออกซะขนาดนั้น แต่ก็นะใจมันหึงไปแล้วห้ามไงได้ว่ะ ?!
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 04-09-2010 23:00:28
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

อยากจะตายๆๆๆๆๆๆ
เผื่อเกิดใหม่ชาติหน้าฉันใดจะมีโอกาสได้มองอยู่ที่คนคนเดียว แล้วคนคนนั้นก็มองมาที่เราคนเดียวเช่นกัน หงิงๆ
ซึ้งโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 04-09-2010 23:16:55
เฮ้อออออ เกือบดรามาแล้วมั้ยหล่ะ

เข้าใจนะว่าหวั่นไหว แต่ควรเชื่อใจมากกว่านี้เซ่

จะเลิกเพราะไอ่ความระเเวงของมิคนี่แหละ ชิชะำไอ่ฝรั่งขี้น้อยใจ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 05-09-2010 01:49:20
ไม่เม้นได้มั้ย ไม่อยากให้จบ(แล้วที่ทำอยู่เรียกว่าอะไรหว่า :laugh:)
ยาวกว่านี้ไม่ได้หรอ แบบกุ๊กกิ๊กกันไรกันอ่ะ ไปเรื่อยๆยังไม่อยากให้จบเลย
รักกันแรกมันก็อย่างี้อ่ะ อารมณ์ยังไม่มันคงพอ สั่นไหวได้ง่าย
เวลาเท่านั้นจะพิสูจน์ทุกสิ่ง :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: HappyMelon ที่ 05-09-2010 01:52:15
มิคขี้ระแวง กับคิดมากจังเลยเน้อ
แต่เพราะรักแหละน๊า เลยเป็นแบบนี้
ต่อจากนี้ก็รักกันให้มากๆนะคร้า
เรื่องเริ่มต้นแล้วอย่ามีดราม่าใส่กันนักเรย
คนอ่านลุ้นไปตามๆกัน ฮ่าๆ
ว่าแต่คืนนี้กิมกับมิค จะอิ๊อ๊ะๆ กันป่าวอ่า หึหึ :z1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: 4life ที่ 05-09-2010 01:55:42
ไอ้มิค ก่อนที่จะหึงคนอื่น
ตูว่า เเกไปเคลียร์กับชะนีกระหายผัวก่อนดีกว่านะ 
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 05-09-2010 09:58:02
ยิ่งรักมากเท่าไหร่

ก็ต้องยิ่งระเเวงมากเท่านั้น
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 05-09-2010 10:39:59
โอ๊ยจะมีศึกชิงกิมไหมเนี้ย
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Ayame ที่ 05-09-2010 10:44:10
กรี๊ดดดด จะจบแล้วเหรอ ยังไม่อยากให้จบเลย  :m15:

มิครู้ตัวมั้ยเนี่ยว่าโดนนังชะนีตองเล็งอยู่ มัวแต่หึงหนูกิมอยู่นั่นแหละ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 05-09-2010 12:05:41
ฮ่วย ระแวงกันไประแวงกันมาอยู่นั่นหล่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: van ที่ 05-09-2010 12:16:52
เชื่อใจกิมเถอะค่ะ.....มิค....
สงสารกิมที่หัวใจจะวายตายเวลามิคหึงแต่ละที...แต่คนอ่านฮา....555+
ขอบคุณคนเขียนนะคะ :L1: จะรอตอนต่อไปคร่าาาาาา..... 
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 05-09-2010 13:04:46

อย่าคิดมาก อย่าระแวงไปเลยมิค

รักกันก็ต้องเชื่อใจกันนะ

+1 ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 05-09-2010 13:13:35
สนุกจังเลยค่ะ :-[
เรื่องนี้รักพระเอกเลยคนเดียว กรี๊ดด ><!~
อีก 7 ตอนจะจบแล้ว เร็วมากๆ
เป็นกำลังให้คนโพสต์ รีบมาต่อนะคะ~
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 05-09-2010 16:23:15
แต่ละคำพูดและแต่ละความคิดโดยเฉพาะมิคอ่านแล้วทำให้ใจละลายได้เลยนะ
หากเชื่อมั่นในรักและมีความมั่นคงระหว่างกันแล้ว ความระแวงและความหึงหวง
คงจะหมดไปได้ ที่มิคหึงและระแวงกิมก็มีเหตุผล แถมมาเจอศัตรูหัวใจตัวเป็น ๆ
อยู่ใกล้ ๆ กิมอีกเป็นใครจะไม่ระแวงและหึงบ้าง จะรออ่านตอนต่อไป น่ารักจัง :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Killua ที่ 05-09-2010 16:35:45
รักมาก ก็ต้อง คิดมาก ระแวงมาก หึงมาก หวงมาก จนต้องกลัวมาก
มิคไม่ต้องกลัวนะลูก ยังไงนู่ก็ต้องได้เป็นพระเอกเรื่องนี้แน่นอน
เจ๊จะเอาของมาเซ่นไรเตอร์ คิคิ
+1 ให้ไรเตอร์ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 05-09-2010 20:44:57
ง่า ทำไงมิคจะเชื่อใจกิมเนี่ย  :เฮ้อ:

อีก 7 ตอนเองเหรอ  o22
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 05-09-2010 21:25:22
ขอชี้แจงอีกรอบเน๊อะ  คือเราไม่ใช่คนเขียนเรื่องนี้นะจ๊ะ เรื่องนี้เป็นผลงานของคุณหมีน๊า

รักจัง.........ตอนที่11

ขณะนี้เวลาห้าทุ่มสิบนาที ผมยกมือถือขึ้นดูชื่อคนโทรแล้วหันไปบอกไอ้มิคเบาๆก่อนลุกออกมาจากวงอินเตอร์สังสรรค์ กดโทรศัพท์รับสายแม่ที่โทรมาเช็คความประพฤติลูกชายระหว่างวันหยุด คุยนู่นนี่นั่น อัพเดทเรื่องทางบ้านและแถวบ้านที่คนโทรมาทำเป็นกิจวัตรแล้วกดวางสาย ก่อนเดินกลับไปเข้าวงไพ่ที่ตั้งกันอยู่แถวตีนบันได

“แทงเสีย แทงเสีย ใครแทงเท่าไหร่เสียมา เจ้ามือไม่มีถอย” เสียงตองมือตบตะโกนเรียกลูกค้าอยู่รอบวง แสดงว่ารอบนี้เจ้เป็นเจ้ามือ

“ม่ายมีเสดแล้ว ขอแลกโหน่ย”

มิกาเอลหันไปหาน้องมินท์ที่นั่งอยู่ด้านซ้ายแล้วยื่นแบ็งค์ยี่สิบไปแลกเหรียญห้าเหรียญบาทกลับมากองที่หน้าตัก

ร่วมทริปกันมาทั้งวันพึ่งจะมาได้ยินภาษาไทยจากน้องชายไอ้มิคเอาก็ในวงไพ่ เขาถึงว่าการพนันเป็นภาษาสากล สามารถง้างปากฝรั่งให้พูดไทยได้และฝรั่งที่พูดไทยไม่ได้อย่างฮิโรชิกับสตีฟก็ยังอุตส่าห์สวมบทเจ้ามือกินรอบวงไปแล้วหลายรอบ มหัศจรรย์เกินจะกล่าว

“โห มือขึ้น บอกแล้วให้แทงตาละสิบไปเลย” ผมนั่งลงเยื้องๆจากไอ้มิค แอบเหล่ไพ่มันแล้วเริ่มข่มขวัญเจ้ามือทันที “เจ้ามือจ่ายชัวร์”

“เสียใจ เอ้า สามเด้ง เปิดเลย” เจ้ามือเหมือนโดนลูกยุผมจิ้ม ปาไพ่เปิดกลางวงทันที

แล้ววงไพ่ก็ดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด ทั้งไทยทั้งฝรั่งไม่มีใครยอมใคร นั่งหน้านิ่วหน้ายิ้มข่มกันเองจนเริ่มไม่แน่ใจว่านี่มันไพ่กระชับมิตรหรือไพ่แห่งศักดิ์ศรีวงตระกูล ขนาดมีการพักเบรคไปเกากีตาร์ให้คึกครึ้น ก็เกาได้เพลงสองเพลงก่อนกลับเข้าวงมานั่งนับเลขกันใหม่ กว่าวงจะแตกได้แยกย้ายกันไปนอนก็ปาเข้าไปเกือบตีหนึ่ง

“… ฝันดีเว้ย” ผมบอกคนที่ยังยืนอยู่ที่หัวบันได มือยื่นไปจับลูกบิดดันประตูเปิด

“ครับ… ฝันดีกิม” ไอ้มิคยกยิ้มจางแล้วหยุดนิ่ง เหมือนจะรอให้ผมเปิดประตูเข้าห้องไป

ผมก้าวเข้าห้อง ความหาสวิตซ์ไฟแล้วดึงประตูปิดโดยไม่ได้หันไปมองอีกฝ่าย ในห้องค่อนข้างเย็นเพราะหน้าต่างที่เปิดรับลม ผ้าเช็ดตัวผืนหนาที่พาดอยู่บนพนักเก้าอี้ข้างเตียงยังออกจะชื้นตอนที่คว้ามันเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเป็นรอบที่สามของวัน

ผมล้มลงบนเตียงตอนที่มือถือบอกเวลาตีหนึ่งครึ่งพอดิบพอดี นอนหงายมองมุ้งคลุมเตียงระโยงระยางแล้วนึกสยองไปถึงหนังผีที่เคยดูตอนเด็กๆ บ้านไม้หลังใหญ่ เตียงมีมุ้งโยงเป็นสาย ตัวเอกตื่นมากลางดึกเพื่อเจอผียืนมองทะลุมุ้งอยู่รอบเตียง ตอนเด็กไปบ้านย่านอนบ้านไม้ทีไรเป็นต้องนึกถึง คืนนี้อยู่ดีๆมานึกได้น่าจะเก็บเอาไปฝันให้มันส์ไปทั้งคืน

ผมพลิกตัวตะแคงเข้าท่าประจำแล้วข่มตาหลับก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เวลาบนมือถือคือตีสองสิบห้า สี่สิบห้านาทีที่นอนไม่หลับกระสับกระส่ายและยังไม่รู้สึกง่วงงุนแม้แต่น้อย ถามว่าทำไมนอนไม่หลับ กลัวผีนอกมุ้งหรืออย่างไร คิดว่าไม่ใช่เพราะจากประสบการณ์ถ้าเกิดอาการกลัวผีเมื่อไหร่ผมเป็นต้องชิงหลับหนีผีไปก่อนเป็นอันดับแรก

คืนนี้นอนไม่หลับไม่ใช่เพราะกลัวผีมายืนรอบเตียงแต่มันรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่ในอก รู้สึกว่าความคิดไม่ค่อยเข้าที่พอๆกับที่รู้สึกว้าวุ่นอยู่ในใจ เป็นอาการประหลาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งที่ป่านนี้คนอื่นคงหลับลึกไปถึงไหนๆโดยเฉพาะคนที่อยู่ห้องติดกันนั่น

ผมลุกออกจากเตียงในที่สุดแล้วเดินไปเปิดประตู ถ้าได้ดื่มน้ำดื่มนมสักแก้วหนังท้องอาจตึงหนังตาอาจหย่อน ว่าแล้วก็รู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาทันใด ผมเปิดประตูออกไปแล้วชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวออกจากห้องเพราะแผ่นหลังของใครคนหนึ่งบนมุมระเบียง เสียงเปิดประตูห้องจากผมก็ทำเอาอีกฝ่ายชะงักไปเช่นกัน

“…………”

“…………”

ไอ้มิคนั่งหมิ่นเหม่อยู่ขอบระเบียง ในมือมีมวนบุหรี่ที่พึ่งยกขึ้นสูบ ข้างตัวมีกระป๋องเบียร์สองสามใบบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวคงนั่งอยู่ตรงนี้มาได้สักพัก

“เฮ้”

เสียงทุ้มต่ำไม่คุ้นหูเอ่ยเป็นเชิงทัก ก่อนมวนบุหรี่จะถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากอีกครั้ง ควันเจือจางที่ถูกปล่อยให้ล่องลอยทำให้บรรยากาศรอบตัวอีกฝ่ายออกจะแปลกตาจนรู้สึกไม่คุ้นเคย นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นไอ้มิคสูบบุหรี่

“… ยังไม่นอน”

ผมถามพร้อมก้าวออกจากห้อง อาการกระสับกระส่ายไม่ได้ลดน้อยถอยลงแต่เหมือนจะเพิ่มมากขึ้นจนรู้สึกตีบตัน

“… คิดอะไรไปเพลินๆ นอนไม่หลับหรือไง” ไอ้มิคเอ่ยประโยคถามมาลอยๆ สายตาสีอ่อนในแสงสลัวมองผ่านออกไปในความมืดนอกระเบียง

“คอมันแห้ง ว่าจะลงไปเอาน้ำ” ปากผมว่าอย่างนั้นแต่กลับยืนนิ่งอยู่กับที่แล้วจ้องมองอีกฝ่ายที่หันหน้าหนีกันไป

“ในห้องมี อยู่ข้างโต๊ะ”

ไอ้มิคยังคงมองอะไรบางอย่างที่ไกลออกไป แต่คงรู้สึกได้ว่าผมยังแน่นิ่งไม่ไหวติง ร่างสูงใหญ่ที่ยิ่งดูใหญ่โตในแสงสลัวเลยลุกขึ้นยืนก่อนก้าวเข้าไปในห้องตัวเองแล้วกลับออกมาพร้อมน้ำหนึ่งขวด

“พรุ่งนี้จะออกกันกี่โมงวะ” ผมยื่นมือไปรับขวดน้ำ สังเกตเห็นความขาวของผิวมือที่ตัดกับแสงจันทร์บนมืออีกฝ่าย

“คงบ่ายๆ” ไอ้มิคตอบพลางนั่งลงที่เดิม มวนบุหรี่ถูกยกขึ้นสูบอีกครั้ง เจ้าของมืออัดควันเข้าปอดเนิ่นนานก่อนขยี้ส่วนที่เหลือลงขอบกระป๋องเบียร์ “ถึงกรุงเทพคงไม่เย็นนัก”

ผมรับคำในคอแล้วมองดูควันสีขาวที่ค่อยๆจางหาย เปลี่ยนเป็นความเงียบที่ไม่คุ้นชินล่องลอยอยู่ในบรรยากาศ ผมไม่ชวนคุยเพิ่ม อีกคนที่นั่งอยู่ก่อนก็ไม่เดือดร้อนจะเริ่มบทสนทนา ไอ้มิคนิ่งเงียบและยังคงทิ้งสายตาอยู่ในความมืด

“… กูไปนอนดีกว่า ดึกเลยเวลานอนมานานแล้ว”

ผมบอกเบาๆแล้วเดินกลับห้อง มือยื่นไปพลักประตูเปิดตอนที่ได้ยินเสียงเรียก

“กิม”

“…………”

เสียงทุ้มต่ำไม่คุ้นหู สายตาสีอ่อนจางในความสลัวที่มองแทบไม่เห็นความรู้สึกจ้องตรงมาที่ผมก่อนเจ้าของจะหลุบตาลงแล้วเงยมาสบกันอีกครั้ง ผมไม่แน่ใจว่าสายตาที่ละหนีกันไปหมายความอย่างไร แต่ดวงตาหนึ่งคู่ที่จ้องกันอยู่ตอนนี้กลับยังคงให้ความรู้สึกไม่คุ้นชิน ไม่คุ้นเคยเหมือนสายตาที่อีกฝ่ายมีให้กันมาเสมอ ไอ้มิคไม่เคยมองผมเหมือนไม่อยากจะเข้าใกล้ เหมือนเข้ามาใกล้ไม่ได้อย่างนี้มาก่อน

“Sweet dream”
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 05-09-2010 21:27:07
ไม่รู้ว่าเพราะเสียงทุ้มต่ำไม่คุ้นหู สายตาไม่คุ้นเคยหรือความว้าวุ่นในอกที่ตีจนเหตุผลทุกอย่างมันกระเจิงที่ทำให้ผมหันหลังให้ประตูแล้วก้าวยาวๆเข้าไปคว้าคอคนที่ยังยืนนิ่ง โน้มต้นคอคนที่รู้สึกคิดถึงจับใจทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้ลงมาแนบริมฝีปาก

คนที่โดนผมถลาเข้าไปหาเกร็งตัวขึ้นฉับพลัน ริมฝีปากที่แนบลงมาแม้จะอุ่นร้อนแต่กลับเย็นชืดในความรู้สึก เหมือนเจ้าของไม่ยินยอม ไม่เต็มใจในการกระทำ ไม่ต้องรอให้นาน ผมเองที่รู้สึกเหมือนหัวใจโดนบีบอัดต้องเป็นฝ่ายดันตัวออกจากความเฉยชาจากคนที่ยืนอยู่ชิดติดกัน แต่แล้วคนที่ยืนนิ่งเหมือนปฏิเสธกลับคว้าคอผมกลับไปหา ปากร้อนๆประกบลงมาอีกครั้งแบบเร็วแรงจนเกือบเซถอย

“กิม”

เสียงทุ้มต่ำเรียกอยู่ชิดติดริมฝีปาก คำเรียกแผ่วเบาแต่หนักหน่วงไปด้วยความรู้สึก ปากอุ่นร้อนพึมพำอะไรบางอย่างที่ผมจับใจความไม่ได้เพราะความสนใจทั้งหมดพุ่งไปอยู่กับปากอีกคู่ที่นวดคลึงอยู่ไม่ห่าง

ทั้งปากทั้งลิ้น ทั้งคำเรียกที่ถาโถมเข้ามาทำให้รู้สึกมึนเมา ผมยกแขนขึ้นกอดคอคนตรงหน้า เบียดตัวเข้าไปให้ใกล้ยิ่งกว่าใกล้ แนบหน้าอกเข้ากับหัวใจอีกดวงพลางพร่ำเรียกชื่ออีกฝ่ายไม่ขาดปากไม่ผิดกัน

เพราะมึนเมากับสัมผัส เพราะท่วมท้นอยู่ในความรู้สึก รู้ตัวอีกทีระเบียงทางเดินก็กลายเป็นเตียงหลังใหญ่กลางห้อง ผมถูกดันลงนอนพร้อมลมหายใจหนักๆ ลมหายใจที่ผสมปนเปจนแยกไม่ออกว่าของผมหรือของคนที่ก้าวขึ้นมาคร่อมทั้งที่ลิ้นยังรัดรึงกันอยู่ในปาก

ไอ้มิคหายใจหอบหนัก ริมฝีปากที่ละออกไปลากไล่จากแก้มมาข้างหู เสียงพึมพำเรียกชื่อยังมีให้ได้ยินระหว่างความอุ่นชื่นลากลงมาดูดดึงอยู่แถวซอกคอ น้ำเสียงที่อีกฝ่ายใช้เรียกหากับแรงมือที่นวดคลึงไปทุกที่กระตุ้นให้ความรู้สึกผมยิ่งกระเจิดกระเจิง ความคิดที่ว่าไอ้มิคก็กำลังคลั่ง กำลังเมามัวอยู่ในความรู้สึกไม่ผิดกันทำให้ผมยิ่งตะเกียดตะกาย แลบลิ้นไปเลียนิ้วมือที่คลึงอยู่รอบริมฝีปาก และเหมือนเจ้าของนิ้วจะพึงใจ เสียงแหบห้าวครางต่ำก่อนสอดทั้งนิ้วเข้ามาให้ดูดดึง

แม้จะคับแน่นไปทั้งปากจนรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกแต่ตอนที่สิ่งที่อมอยู่ถูกดึงออกไปผมก็ถึงกับผวาตามจนผงะขึ้นจากเตียง ยังไม่ทันได้เอ่ยปากทักท้วงเสื้อคอย้วยก็ถูกดึงออกจากตัวพร้อมปากร้อนผ่าวที่แนบลงมาบดเบียดจนคิดอะไรไม่ออก ปลายลิ้นร้อนๆกวาดไปทั่วปากก่อนตวัดเข้ากับลิ้นผมแล้วดูดดึงคลึงเคล้าจนสติกระเจิดกระเจิง

ผมทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง รู้สึกมือไม้แขนขาอ่อนเปลี้ยแต่หัวใจเต้นรัวเหมือนจะหลุดออกมาจากอก ไอ้มิคที่นั่งคร่อมผมอยู่ทั้งตัวไม่ได้ทิ้งตัวตามลงมาแต่ก้มหน้าลงมาบดริมฝีปากแล้วใช้ระยะห่างเป็นที่วาดมือ มือหนาร้อนเป็นไฟบีบเป็นจังหวะเดียวกับลมหายใจหอบหนักอยู่บนต้นแขนผมก่อนจะลากลงมาแถวชายโครงแล้วนวดคลึงหนักๆ

ฝ่ามือไล่ขึ้นมาถึงช่วงอกพร้อมๆกับความหนักของร่างกายที่ทาบทับลงมาปิดระยะห่าง ไอ้มิคทิ้งทั้งตัวลงมาทับแล้วบี้ปลายนิ้วลงบนยอดอกข้างหนึ่งที่เรียกเอาขนทุกเส้นบนตัวผมลุกพรึบพรับ อดไม่ไหวต้องหลุดเสียงครางยิ่งกว่านางเอกหนังเอ็กซ์ในรถตู้เมื่อบ่ายออกไปเต็มคำ ขนาดว่าทั้งปากทั้งลิ้นไม่ว่างเพราะโดนอีกปากที่ร้อนกว่าบดเบียดกินลมหายใจกันอยู่ ผมก็ยังต้องส่งเสียงอู้อี้ด้วยอาการเสียวไปถึงติ่งพรหมจารีให้ผ่านเข้าปากอีกฝ่ายไปหลายคำติดๆกัน

และเหมือนว่าแค่นิ้วจะยังไม่หนำใจ ไอ้มิคดูดลิ้นส่งท้ายจนรู้สึกถึงความเหนียวหนืดที่หยดลงปลายคางในจังหวะที่ปากร้อนผ่านถอนออกไปพร้อมๆกับปลายนิ้วที่ยัดเข้ามาให้ดูดดึง ผมหลับตาอ้าปากฮุบอากาศผ่านซอกนิ้วเพราะรู้สึกว่าแค่จมูกจะเอาชีวิตไม่อยู่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก เกร็งไปหมดตั้งแต่ลิ้นในปากถึงปลายหัวแม่โป้ง เมื่อความร้อนชื้นครอบลงมาดูดดึงอยู่บนติ่งเนื้อ

ลิ้นร้อนๆที่เริ่มต้นดุนดันหัวนมผมเหมือนเจอเม็ดบ๊วยเม็ดก๋วยจี้เรียกความเสียวที่ไม่เคยประสบพบเจอในชีวิตนี้ให้พุ่งจากท้องน้อยขึ้นมาอัดอยู่ในจุดที่โดนดูดจนต้องยกมือขยำขยี้ผมเกรียนๆของคนดูดเป็นการผ่อนความเสียวพร้อมม้วนลิ้นตอบรับสองนิ้วที่ขยับนวดคลึงอยู่ในปากจนหายใจหายคอไม่ทัน

แม้ว่าปากร้อนๆกับลิ้นนุ่มๆจะผะไปแล้วแต่ผมยังรู้สึกถึงความเกร็งของหัวนมตัวเองจนเรียบเรียงลมหายใจไม่ได้ และแม้จะรู้สึกได้ว่าสองก้นกำลังโดนขยำจากมือที่สอดเข้ามาในกางเกง ผมก็ได้แต่หอบหายใจพลางบิดตัวตะแคงหนีปากร้อนผ่าวที่ลากเรื่อยลงมาหยุดอยู่แถวท้องน้อย สองมือเปลี้ยๆออกแรงทั้งดึงทั้งดันหัวทุยๆที่ไต่ระดับดิ่งลงไปเกือบถึงของสงวนที่แม้ว่าปลายลิ้นจะลากอยู่นอกเนื้อผ้าแต่ก็เล่นเอาเลือดลมมันสูบฉีดจนความคิดกระเจิดกระเจิง

ผมงอตัวหนีปากที่ครอบลงมาบนความแข็งขืนแต่ไอ้มิคกลับกดหัวตัวเองตามเข้ามาจนกลายเป็นว่าผมหนีบอีกฝ่ายไว้ในซอกขา มือที่สอดเข้ามาในกางเกงออกแรงบีบนวดหนักหน่วงก่อนเริ่มคว้าขอบกางเกงแล้วรูดลงแทบเป็นกระชาก ไอ้มิคละหน้าออกไปอึดใจเพื่อดึงขอบกางเกงให้พ้นส่วนหน้า

อึดใจเดียว แค่อึดใจที่ผมได้เห็นสีหน้าอีกฝ่าย อึดใจที่ทำให้ต้องกระถดตัวหนีจริงจังแม้ว่าจะยังหอบหายใจจนมือไม้สั่น แต่คนที่ผมผงะหนีกลับรวดเร็วจนน่าในหาย ไอ้มิคคว้าขาผมไว้เต็มมือ ตาสีอ่อนในแสงสลัวเข้มสีจนดูผิดแผก ใบหน้าหล่อเหลาคุ้นตามีสีหน้าที่ผมไม่เคยได้เห็น ผมยอมรับว่าเวลานี้ตอนนี้ผมเองก็โดนอารมณ์กามตีใส่จนใบหน้าเหยเก แต่สีหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ใคร่ของอีกฝ่ายกลับจริงจังเครียดขึงจนดูน่ากลัวมากกว่าจะน่าดีใจ

ถึงจะลุ้นระทึกจนแทบไม่กล้าหายใจแต่ผมก็ไม่ได้ชักขาหนีตอนที่ถูกดึงเข้าไปหา อะไรบางอย่างที่อีกฝ่ายส่งผ่านแรงมือและสายตาออกมาทำให้ผมเลือกที่จะโอนอ่อนผ่อนตามจนถูกดึงเข้าไปอยู่ที่เดิม สายตาไอ้มิคไม่ได้ละไปจากผมแม้ซักวินาทีระหว่างขยับมือออกแรงดึง ผมเองก็จ้องตอบกลับไปอย่างไม่กล้าละสายตา แล้วคนที่ค้ำตระหง่านกันอยู่ก็หลุบเปลือกตาพร้อมยกมือข้างว่างขึ้นลูบหน้าแรงๆเหมือนจะไล่อะไรบางอย่างออกจากหัวก่อนทิ้งตัวลงมาทาบทับพร้อมถอนหายใจหนักหน่วง ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ห่างจากหน้าผมแค่ช่วงลมหายใจ

ไอ้มิคหายใจหอบหนักหลายครั้ง ตาทั้งสองข้างกดปิดด้วยคิ้วขมวดมุ่น มือข้างหนึ่งลูบหลังผมไปมาเหมือนจะปลอบ แรงสะเทือนจากแผ่นอกที่แนบอยู่ชิดติดต้นแขนบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายยังคงต้องเรียบเรียงลมหายใจ

“… กู กูขอโทษ” ผมบอกไม่ดังไปกว่ากระซิบ รู้สึกผิดมหันต์ ทั้งที่เป็นคนเริ่มเรื่องแต่กลับมาปอดแหกเอาตอนนี้

“…แต่กู… ยัง ยังไม่พร้อม”

“…………”

ความนิ่งเงียบจากอีกฝ่ายที่แม้ลมหายใจจะยังไม่เข้าที่ คิ้วเรียวยาวยังขมวดมุ่นแต่ความอบอุ่นจากมือที่ลูบไล่แผ่นหลังกลับอ่อนโยนจนน่าใจหาย ผมต้องกระพริบตาไล่อะไรบางอย่างที่เอ่อขึ้นมาล้นอกแล้วกอบมือลงไปบนความแข็งขึงที่เบียดอยู่กับต้นขา ไอ้มิคถึงกับสะดุ้งแล้วลืมตาขึ้นมอง

“ให้ ให้กูช่วย…”

ผมบอกเป็นเชิงขอแล้วเริ่มขยับมือนวดท่อนเนื้อร้อนผ่าวที่กำได้ไม่มิด ความแข็งขึงใหญ่โตที่สัมผัสได้ผ่านเนื้อผ้าเล่นเอาต้องสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ผมหลับตากลืนน้ำลายก่อนควานหาแรงใจมาช่วยบีบคลึงสิ่งที่อยู่ในมือ แต่ยังไม่ทันได้สอดมือผ่านเนื้อผ้าไอ้มิคกลับกดตัวทิ้งน้ำหนักพร้อมคว้ามือผมให้หยุดอยู่กับที่พร้อมเสียงครางแหบต่ำ

“… กิมคนดี”

เสียงคนพูดแตกพร่าจนรู้สึกได้ถึงแรงอารมณ์ ใบหน้าที่แนบติดอยู่กับหน้าผมลากไล่ขึ้นมาอยู่อยู่แถวข้างแก้มก่อนขยับปากเลาะเล็มใบหู เรียกอาการขนลุกซู่ซ่าให้กลับมาอีกครั้ง ลมหายใจหอบหนักของเราสองคนผสมปนเปจนรู้สึกเหมือนอากาศรอบตัวไม่เพียงพอ

“ไม่… ไม่ต้องทำ” เสียงแหบต่ำวนเวียนอยู่ชิดติดหูก่อนปากร้อนผ่าวจะลากมาแตะปลายลิ้น “นิดเดียว แค่นิดเดียว… Let’s me…”

ดวงตาสีอ่อนกระพริบละขนตาอยู่กับตาผม แม้สีอ่อนจางจะยังคงเข้มขรึมแต่อะไรบางอย่างในแววตา ในน้ำเสียง ในสัมผัสที่แนบอยู่ชิดติดกันก็ทำให้ผมพยักหน้าตอบรับสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยขอ แล้วก็ได้การกดจูบที่อ้อยอิ่งยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เนิ่นนานและหวานล้ำยิ่งกว่าครั้งใดๆเป็นรางวัล

มือร้อนผ่าวที่ขยับนวดอยู่แถวสะโพกเกี่ยวขอบกางเกงทั้งชั้นนอกชั้นในแล้วรูดออกจากขาผมที่พยายามไม่หดหนี ริมฝีปากร้อนเป็นไฟไล้เลียระเรื่อยจากปลายคางลงไปยังท้องน้อยที่เริ่มปั่นป่วนสุดทน จนต้องบิดตัวหนีทั้งมือทั้งปากที่เริ่มจู่โจมต่ำลงมา แต่อีกฝ่ายกลับใช้เป็นจังหวะตวัดต้นขาข้างหนึ่งของผมขึ้นไหล่แล้วซุกหน้าเข้ามาจนปลายจมูกซุกหายเข้ามาในหว่างขา

ผมนอนตะแคง หายใจหอบจนน่ากลัวหัวใจจะหลุดออกมาทางปากระหว่างพาดขาข้างหนึ่งอยู่บนบ่าไอ้มิคในลักษณะชีเปลือยล่อนจ้อน ไม่ต้องเห็นด้วยตาก็รู้ว่าอยู่ในสภาพบัดสีบัดเถลิงขนาดไหน ผ้าผ่อนไม่มีติดตัวแถมยังขี่คออ้าขาโชว์ของสงวนให้ไอ้มิคดูในระยะประชิดติดตา แต่อาการหยุดนิ่ง ไม่เคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้นของไอ้มิคทำให้ผมต้องทำใจกล้าลืมตาขึ้นมองแล้วก็พบว่าหัวใจตัวเองหยุดเต้นไปหลายจังหวะก่อนความร้อนจากท้องน้อยจะพุ่งปรี๊ดมาถึงสมองจนปลายเท้าแทบเป็นตระคริว

“ม มิค… มึง ท ทำ… อื้อ ทำ อะไ… อื้อ…”

ผมหายใจหอบรัว แต่ละคำที่ออกจากปากแทบไม่เป็นภาษากับภาพที่เห็น ภาพที่ไอ้มิคซุกหน้าอยู่หว่างขาผม ทั้งมือทั้งปากหยุดนิ่งแต่ปลายจมูกกลับซุกไซร้อยู่ในกลุ่มขน ใบหน้าได้รูปหันเอียงระหว่างใช้ปลายจมูกโด่งเป็นสันกดแทรกสูดกลิ่นไปทุกที่เหมือนจะดมหาอะไรสักอย่างที่ซ่อนอยู่ในซอกขา

ภาพที่เห็นทำเอาส่วนล่างของผมแทบพร้อมปลดปล่อย รู้สึกถึงความอายที่ฉีดพล่านไปทั้งตัวจนต้องยื่นมือไปดันหัวอีกฝ่ายออกห่าง แต่ไอ้มิคกลับช้อนอีกขาผมขึ้นบ่าแล้วแทรกหน้าเข้ามาลึกไปถึงไหนๆ เสียงสูดหายใจจากปลายจมูกที่กดแนบอยู่ติดผิวเนื้อ ทำให้ผมรู้สึกเหมือนจะคลั่ง แต่อีกฝ่ายเหมือนหลุดอยู่ในโลกส่วนตัว สองมือบนสะโพกผมพยายามจับพลิกเพื่อหามุมที่ยังเข้าไม่ถึง ลมหายใจร้อนผ่าวเป่าแทรกอยู่ทุกอณู

“อื้ออ… ไอ ไอ้บ… อื้อ ไอ้บ้า ม… มิค อย อย่า” ผมพยายามขืนตัวหนีพร้อมยื่นมือไปปิดส่วนที่ถูกรุกรานแทนการดันหัวอีกฝ่ายออกเมื่อไม่เห็นผล “เป เป็นหมา… อึ้ หรอ… หรือไง เฮ้ยยย!”

คำสุดท้ายหลุดออกจากปากพร้อมความรู้สึกที่เหมือนโดนน้ำเย็นสาดโครมเข้ามาทั้งตัว สมองผมตื้นจนไม่มีปัญญาแม้แต่จะคิดปัดป้องเมื่อปลายจมูกอีกฝ่ายทิ่มเข้ามาในจุดที่ไม่เคยคิดว่าจะโดนรุกราน แม้สองหูจะได้ยินเสียงเรียกแตกพร่าอยู่ต่ำลงไป แต่สมองกลับตีความอะไรไม่ออกได้แต่ปล่อยให้ไอ้มิคกระถดตัวลง ปล่อยให้ปลายจมูกโด่งๆบดบี้สูดลมหายใจอยู่กับช่องทางด้านหลัง ปากผมพะงาบอ้า ครางเสียงโซปราโนแห่งความจวนเจียนเกือบจะในจังหวะเดียวกับที่ผวาเฮือก ปลดปล่อยสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในตัวให้ฉีดเป็นสายลงบนผ้าปูที่นอนแบบไม่ทันเตรียมใจ

ผมนอนหอบกระเส่ารู้สึกสะท้านสะเทือนไปทั้งตัว สมองไม่รับรู้อะไรแล้วไม่ว่าจะร่างกายตัวเองหรือคนที่ยังสูดลมหายใจอยู่ในซอกก้น แต่แล้วคนที่ทำให้ผมทะลักล้นได้โดยไม่ต้องแตะต้องท่อนเนื้อก็เลื่อนตัวกลับมาด้านหน้าแล้วครอบปากร้อนผ่าวลงบนไอ้หนูที่อ่อนยวบจากการปลดปล่อยของผม ใช้ริมฝีปากครูดครอบเข้าออกตั้งแต่ส่วนหัวดูดดึงไปถึงปลายโคนครั้งแล้วครั้งเล่า นิ้วมือแข็งแรงนวดคลึงก้อนเนื้อข้างปากจนผมครางไม่เป็นภาษา สิ่งที่อีกฝ่ายดูดดึงอยู่ในปากเริ่มแข็งขึงขึ้นมาอีกครั้ง

แล้วผมก็ต้องสะดุ้งสุดตัวพร้อมหอบหายใจดึงอากาศเท่าที่จะหาได้เข้าปอดเมื่อปากร้อนๆละออกจากท่อนเนื้อปล่อยให้ความเย็นเข้าปะทะความเปียกลื่นจนรู้สึกหนาวเหน็บ ไอ้มิคดุนปลายลิ้นทิ้งท้ายก่อนครอบปากลงบนก้อนเนื้อข้างหนึ่งแล้วอมหายเข้าไปในความร้อนชื้น แรงดูดดึงรุนแรงมหาศาลถาโถมผ่านปลายลิ้นเข้ามาถึงหัวใจ

ผมครางเสียงกระเส่ายิ่งกว่านางเอกหนังเอวีแบบสามพี พลางขยี้ขยำเส้นผมเกรียนๆในมือ ต้นขาขยับเสียดสีซีกหน้าด้านข้างของอีกฝ่ายที่เจ้าตัวก็ตวัดมือไปคลึงเคล้าแก้มก้นอย่างจะช่วยผ่อนอารมณ์

“อื้อ… ม มิค ไม… ไม่ไหว อื้มม… จะ จ จะถึง อื้ออ… อ”

ผมรัวริ้นปากคอสั่นพลางดันหัวทุยๆในมือออกห่างระหว่างจะปลดปล่อย แต่อีกฝ่ายกลับดึงดัน คายก้อนเนื้อออกแล้วครอบทั้งปากลงมารูดรั้งท่อนลำที่แข็งจนเจ็บเหมือนหิวกระหาย ลิ้นร้อนเป็นไฟขยับรัดรึงพร้อมปากที่รูดตอดรัดจนผมหมดแรงขัดขืนต้องแอ่นสะโพกกระแทกเข้าหาความอิ่มเอมก่อนโด่งตัวจนหลังลอยจากที่นอน ฉีดพ่นทุกหยาดหยดเข้าปากอีกฝ่ายที่ยังคงดูดดึงไม่ยอมปล่อยจนกระทั่งทุกสิ่งทุกอย่างแตกกระจาย ลำคอที่ขยับกลืนครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้ผมปลดปล่อยจนกระตุกไปทั้งตัว

ลิ้นร้อนๆยังคงกวาดเลียไปทั่วขณะที่ผมทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดสิ้นแรงกำลังและจิตวิญญาณ ไอ้มิคกวาดลิ้นไล่เลียของเหลวสีขาวขุ่นที่หยดจากปลายคางลงบนต้นขา ตาสีจางหลุบต่ำเหมือนจะตรวจให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดหลงเหลือก่อนเงยขึ้นมาสบกับตาผมที่แม้จะเปิดค้างแต่กลับหาจุดโฟกัสไม่เจอ

แล้วร่างสูงใหญ่ก็เคลื่อนกลับมาทาบทับพร้อมหน้าหล่อๆที่ยังกรุ่นไปด้วยแรงอารมณ์ที่แนบเอาหน้าผากลงมาชิดกันอีกครั้ง ปากสีสดที่ก้มลงมาบวมแดงบ่งบอกกิจกรรมที่พึ่งผ่านพ้น ไม่ต้องนับปลายจมูกโด่งเป็นสันที่แค่มองก็เล่นเอาขนทั้งตัวลุกซู่ซ่าด้วยความขวย ปากนี้จมูกนี้ซอกซอนอยู่กับร่างกายผม ซุกไซร้ไล่บี้ไปถึงไหนๆจนไม่แน่ใจว่าพ้นจากวันนี้ไปจะกล้าเงยหน้ามองเจ้าของปากตรงๆหรือไม่

เจ้าของปากที่ไม่มีท่าทีกระดากอายแม้ซักกระพี้ทิ้งตัวลงนอนหงายแล้วคว้ากันขึ้นไปเกยไว้ทั้งตัว ท่อนแขนแข็งแรงกดทับอยู่รอบหลังพาให้หัวใจที่ยังเต้นกระหน่ำเริ่มแยกไม่ออกว่าจังหวะไหนเป็นของใคร ดวงตาสีจางที่ไม่ยอมละไปมีแววไหววูบเหมือนยังเวียนวนอยู่ในห้วงอารมณ์เล่นเอาผมที่พึ่งจะรีดแรงออกจากตัวไปสองครั้งสองคราเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาอีกครั้ง

แล้วนิ้วเรียวยาวก็ยกขึ้นมาคลึงอยู่บนขอบปาก ปลายนิ้วร้อนๆที่เริ่มนวดมาตามริมฝีปากบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร แต่ดวงตาที่จับจ้องกันอยู่ก็ทำให้ผมรู้สึกกระดากเกินกว่าจะตอบรับเหมือนยามที่เจ้าของมือพุ่งความสนใจอยู่กับสิ่งอื่น

“… กิม คนดี”

เสียงแหบต่ำติดจะพร่ากับแววตาร้องขอเหมือนเป็นตัวกระตุ้นความกล้าให้ผมกลืนความอายลงคอไปพร้อมน้ำลายหนืดเหนียวแล้วแลบลิ้นไปหาปลายนิ้วข้างแก้ม รู้สึกได้ว่าคนที่นอนให้ทับอยู่ทั้งตัวหยุดหายใจไปหนึ่งจังหวะ ก่อนผ่อนลมหายใจหนักๆแล้วขยับมือสอดนิ้วเข้ามาสุดข้อ

จากหนึ่งเป็นสอง จากแช่นิ่งให้ดูดดึงเป็นขยับนวดคลึง ลุกไล่เข้ากับลิ้นผมจนต้องยอมปล่อยหยดน้ำเหนียวลื่นให้ไหลลงปลายคางเพราะยั้งไว้ไม่อยู่ เดาได้ว่าท่าทางน้ำลายยืดย้อยคงไม่น่าดูชมจนต้องเบี่ยงหน้าหนีข้อนิ้วที่ยังกวาดอยู่ในปากแล้วยกมือขึ้นปาดปลายคางแต่คนที่จ้องกันอยู่ทุกการกระทำกลับคว้ามือผมไว้มั่นก่อนโน้มคอกันเข้าไปหา

แม้สองตาจะเห็น แต่อาการใจกระตุกก็ทำเอาลืมสิ้นซึ่งความเป็นเหตุเป็นผลว่าควรจะยกมือดันหน้าอีกฝ่ายที่ยื่นส่งปลายลิ้นมาไล้เลียปลายคาง ลิ้นร้อนๆกวาดความเหนียวลื่นที่ย้อยอยู่ติดคางผมอย่างอ้อยอิ่งทั้งที่มือตัวเองยังนวดพลิกกดลิ้นผมอยู่ภายใน ปล่อยให้น้ำลายที่ยั้งไว้ไม่อยู่ไหลเป็นทางมาตามมุมปากที่ถูกกวาดไปทันทีด้วยปลายลิ้นที่อ้อยอิ่งเหมือนรอคอย

“อ… อื้อ อื้อม… อื้ออ…!”

ผมร้องปะท้วงอู้อี้ผ่านช่องว่างระหว่างนิ้วเท่าที่จะหาได้ แต่ไอ้มิคก็ยังคงละเลียดอยู่แถวปลายคางเหมือนกำลังลิ้มชิมรสอาหารถูกปาก ไม่ใช่การตวัดลิ้นเลียน้ำลายกันไปอย่างนั้น ถึงจะเสียวซ่านจนขนลุกแต่ด้วยความอายยังพอมีทำให้ผมกัดฟันงับนิ้วที่ซอกซอนอยู่ในปากไปเต็มคำ ถึงอย่างนั้นเจ้าของนิ้วกลับไม่สะดุ้งสะเทือนจนหมดปัญญาจะถอยหนีได้แต่ปล่อยให้ลิ้นร้อนๆตวัดเลาะเล็มชิมอะไรไปตามใจ

“กิม คนดี… u taste so good… and you’re mine” เสียงแหบต่ำพึมพำอยู่ละปลายคาง ก่อนปากร้อนผ่าวจะขยับขึ้นมาอยู่ชิดติดปากผม

“Just mine”

คำแสดงความเป็นเจ้าของหายเข้ามาในปากผมพร้อมปลายลิ้นที่เริ่มคุ้นชินส่งมากวาดไปทั่วปากก่อนบดเบียดคลึงเคล้าเรียกอารมณ์ที่ยังไม่ได้กลับเข้าที่แม้ซักวินาทีให้พุ่งกระแทกเพดานอีกครั้ง แต่รสจูบจากปากที่เกี่ยวลิ้นผมเข้าไปหาคราวนี้กลับให้รสชาติไม่เหมือนเคย ความหวานแน่นอนว่าท่วมท้นแต่ก็เจือความเค็มความฝาดจนกลายเป็นรสชาติไม่คุ้นเคย แล้วผมก็ต้องเกร็งหน้าท้องขึ้นมาอีกครั้งเมื่อตระหนักได้ว่าความฝาดในปากอีกฝ่ายนั้นมากจากไหน

ความรู้สึกย้อนกลับไปสู่นาทีที่ได้ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างใส่ปากร้อนผ่าวจนเกร็งกระตุกทำให้ผมเริ่มหูอื้อตาลายป่ายมือแป่ะปะไปตามร่างกายเบื้องล่างพร้อมตะแคงหน้าหามุมที่จะกวาดลิ้นเข้าไปในปากอีกฝ่ายได้มากขึ้น เสียงครางแหบต่ำกับกล้ามเนื้อแข็งเกร็งทำให้มือผมยิ่งออกแรงนวดเฟ้นไปบนแผ่นอก หน้าท้อง ไปทั่วทุกส่วนเท่าที่จะกวาดไปถึง แต่แล้วคนที่เกร็งจนกล้ามเนื้อขึ้นรูปกลับคว้ามือให้หยุดการกระทำแล้วพลิกตัวขึ้นมาเป็นฝ่ายคร่อมก่อนผละปากมาระดมจูบไปทั้งหน้าจนเล่นเอาหายใจหายคอไม่ทันก่อนประกบปากลงมาอีกครั้งแบบหนักหน่วงรุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เป็นจูบที่เรียกร้อง เผ็ดร้อนและดุดันจนต้องหยุดหายใจ

แม้ว่าปากจะเรียกร้องเหมือนหิวกระหายแต่สองมือบนแขนผมกลับยึดนิ่ง กล้ามเนื้อที่ทาบทับแข็งเกร็งไปทุกส่วนโดยเฉพาะความคับแน่นที่แม้จะมีเนื้อผ้าขวางกั้นแต่ก็ขึ้นลำจนโด่งตัวกดสู้อยู่กับหน้าขาผม แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นไอ้มิคกลับไม่พยายามทำอะไรอื่นนอกจากส่งปลายลิ้นมาไล่ลมหายใจผมให้หลุดออกจากปอดไปพร้อมสติสัมปชัญญะ แล้วจากเร่งเร้ารุนแรงก็ค่อยเปลี่ยนเป็นปลายลิ้นที่ขยับหยอกล้ออ้อยอิ่ง เปลี่ยนความร้อนแทบไหม้ให้กลายเป็นหวานล้ำจนต้องทอดถอนใจ

ปากร้อนผ่าวที่แทบจะละลายเป็นเนื้อเดียวกับปากกับหน้าผมผละไปละอยู่ข้างแก้ม สองตาที่กดปิดอยู่ละขนตากันขมวดมุ่นอย่างจะข่มความรู้สึกระหว่างหอบหายใจจนแผ่นอกสะท้อน ผมเองแม้จะโดนทับอยู่ทั้งตัวแต่ยังรู้สึกถึงความสั่นที่แล่นขึ้นมาตามทุกส่วนของร่างกาย หายใจยังไงก็เหมือนไม่เพียงพอจนต้องอ้าปากที่ไม่แน่ใจว่ายังเป็นของตัวอยู่หรือไม่ขึ้นฮุบอากาศอีกทาง

ไอ้มิคที่ยังกดเปลือกตาปิดม้วนผมเข้าไปใกล้ยิ่งกว่าใกล้แล้วป่ายมือดึงผ้าห่มที่ถูกเตะไปอยู่ปลายเตียงกลับมาคลุมรอบเราสอง ท่อนแขนแน่นกล้ามสอดเข้ามาใต้คอก่อนต้นขาหนาหนักจะยกขึ้นมาพาดอยู่บนสะโพกผมเหมือนกอดหมอนข้าง

ผมกระพริบตาหนีดาวระยับที่ระเบิดอยู่ในหัวแล้วหรี่มองแผ่นอกที่กระเพื่อมอยู่ชิดติดหน้า เสื้อสีขาวสะอาดมีกลิ่นเหงื่อจางๆจากอุณหภูมิร่างกาย กลิ่นอ่อนๆที่ชวนให้สูดจมูกดึงกลิ่นเข้าปอดให้มากเท่าที่จะมากได้ กลิ่นอ่อนจางส่งผ่านมาพร้อมอุณหภูมิร่างกายอีกคนทำให้จังหวะการเต้นในอกเริ่มจะรั้งเข้าสู่ภาวะยอมรับได้ ผมหลับตาลงอีกครั้งก่อนยกแขนขึ้นสอดพาดเอวที่แนบอยู่ชิดติดตัว แต่ทันทีที่ผิวเนื้อสัมผัสร่างกาย แม้ไอ้มิคจะยังมีเสื้อมีกางเกงติดตัวอยู่ครบถ้วน แต่อาการเกร็งของกล้ามเนื้อใต้ผืนผ้ากลับยังสัมผัสได้เหมือนไม่มีสิ่งใดขวางกั้น

ร่างกายที่ไม่ผ่อนคลายกับความแข็งขึงที่ยังเต้นตุ๊บอยู่แถวต้นขาเป็นเหมือนอะไรหนักๆกระแทกใส่หัวผมอย่างจัง ผมผ่อนคลาย รู้สึกสบายหายห่วงจนถึงกับเคลิ้มตาปิดเกือบจะเข้าสู่นิทราอยู่ร่อมรอ ในขณะที่อีกฝ่าย อีกคนที่ทำให้ผมได้รับรู้ความสุขจากความใคร่ ได้เติมหลายสิ่งหลายอย่างผ่านการสัมผัสทั้งร้อนแรงทั้งอ่อนหวานยังคงไม่ได้รับการปลดปล่อย คนที่ม้วนผมเข้าไปกอดเหมือนหมดเรื่องหมดราวยังคงเกร็งไปทั้งตัวจนลมหายใจขัด

“… มิค”

“ชู่ว์…” เสียงแหบห้าวกระซิบอยู่ชิดติดขมับ “หลับซะ”

“แต่…”

“ไม่เป็นไรครับ หลับซะ”

แม้เสียงแหบต่ำจะมั่นคงยืนยันคำบอกแต่ความเกร็งที่สัมผัสได้จากความใกล้ชิด ความแข็งขึงของท่อนเนื้อที่ไม่มีทีท่าจะลดขนาดทำให้ผมล้วงมือลงต่ำหวังนวดคลึงท่อนลำที่แนบอยู่ติดต้นขาให้คลายความทรมาน แต่เจ้าของความคับแน่นกลับตะปบมือผมไว้อย่างแน่นหนาแล้วขยับตัวกลับเข้ามาจนไม่เหลือระยะห่าง

“แค่นี้พอ” ดวงตาเข้มแสงจ้องตรงเข้ามาในตาผม ความรู้สึกมากมายหลายหลากในตาอีกคู่วูบไหวจนน่าใจหาย “ตอนนี้ แค่นี้… ก็พอแล้ว”

เสียงที่ยังติดจะพร่ากับสายตาที่จ้องตรงมา ชั่วอึดใจผมเหมือนรับรู้ได้ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการบอก แค่นี้พอ ให้หยุดอยู่แค่นี้พอ ก่อนที่จะหยุดไม่ได้อีกต่อไป…

“หลับซะคนดี” เจ้าของคำบอกยังคงจ้องผมเหมือนบอกมนต์

ผมหลุบสายตา พยักหน้ารับสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ แล้วดันตัวขึ้นให้สูงกว่า ไอ้มิคไม่ได้ขัดขืนตอนถูกดึงให้หนุนแขนไม่แน่นกล้าม ปลายจมูกโด่งเพียงแต่ซุกเข้ามาใกล้พร้อมปล่อยลมหายใจร้อนผ่าวให้รินรดซอกคอก่อนวาดแขนรับน้ำหนักตัวที่ถูกโถมใส่

ผมหนุนหมอนนอนตะแคงมีไอ้มิคหนุนแขนอยู่ชิดติดอก ท่อนแขนแน่นกล้ามพาดอยู่บนเอวผมโดยที่สีข้างเจ้าของแขนก็มีต้นขาผมพาดล็อคอยู่ชิดติดตัว ลมหายใจที่รินรดซอกคอยังคงไม่สงบเหมือนกับที่กล้ามเนื้อหลายส่วนยังเกร็งกระชับ ผมที่เริ่มจะตาสว่างเพราะอะไรหลายๆอย่างทำได้เพียงพึมพำคำขอบใจกับเส้นผมที่ปลายคางแล้วกระชับคนที่กอดอยู่แนบอก หวังให้จมสู่ห้วงนิทราไปด้วยกัน

ชั่วเวลาไม่กี่มากน้อยในความมืดสลัวที่ปล่อยให้หัวใจเต้นกลับเข้าจังหวะ ความรู้สึกอุ่นๆที่ฝุ้งอยู่ในอกทำให้ผมรู้สึกรักคนที่นอนหนุนแขนกันอยู่ขึ้นอีกโข รักจนรู้สึกว่าถ้าเพียงแค่ไอ้มิคจะเอ่ยปากขอ ผมคงให้มันได้ทุกอย่าง และจะไม่มีวันเสียใจกับสิ่งที่ให้ไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม



โปรดติดตามตอนต่อไป
=========================================================================

มิค ค้าง อย่างน่าสงสาร แต่ก็นะ สุภาพบุรุษก็เงี๊ยะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Jimmeiiii* ที่ 05-09-2010 21:31:30
ปาดหน้าเค้กเรียบ!!~ เดี๋ยวมาอ่านนน

,,,,,,,,

อื้มมมมม มิคอ่ะ :pighaun: :jul1:
หนูกิมยอมสิโรราบแล้วหรอจ๊ะ ? :z1: นี้ขนาดแค่ด้านนอกนะถ้าเจอของจริงหละ :haun4:

คนแต่ง แต่งได้เยี่ยมมาก ส่วนคนโพสต์ก็ทำหน้าที่ตัวเองดีมากมาทุกวันไม่ขาดตอน o13
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 05-09-2010 22:06:31
 :jul1: :jul3:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 05-09-2010 22:07:41
อ๊างง :m25: สงสารมิค ค้างๆคา หวังว่าคงจะสมหวังในอีกไม่ช้านะจ๊ะ  :haun4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 05-09-2010 22:08:46

กิม...คนดี ครั้งต่อไปไม่ต้องรอให้มิคขอนะ please please :z3:
let him be yours  :impress2: เป็นของกันและกันเถอะ  :man1:  

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Miyabi ที่ 05-09-2010 22:11:12
 :o8: :o8:
มิคน่ารักสุดๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: raintear ที่ 05-09-2010 22:13:10
สุดยอดคร่าาาาาาาาาาา  :m25:
โหยยยยยย เฮียมิคอ่ะ โคตรสุภาพบุรุษ
เฮียเป็นคนเหนือคนจริง  o13
อีกไม่นานหรอกเฮียมิคคค ไอ่กิมตอนนี้มันเริ่มพร้อมละ ให้เฮียได้ทุกอย่าง
เดี๋ยวเฮียจะได้่มันทั้งกายและใจละ ไม่แน่อาจจะตอนหน้าก็ได้นา เหอเหอ
 o13 ให้เฮียมิคอีกครั้ง ให้ใจไปเต็มร้อยเลยเฮีย
ขอบคุณคุณหมีและคุณคนโพสค่ะ อยากบอกว่าชอบเรื่องนี้มากมาย 55
 :bye2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 05-09-2010 22:20:45
สุภาพบุรุษมากมิค ยังงี้เเล้วกิมจะไปไหนเสีย ^^
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 05-09-2010 22:24:00
สุดยอดอ่ะ ทนได้ไง o22 มิคมันจะดีไปไหนหว่ะ ดีค่อดๆ o13
กิมโชคดีอ่ะ ถ้ามีแบบนี้จริง จะยอมย้ายบ้านตามไปอยู่บ้านข้างๆ
เฝ้าไว้ตั้งแต่เด็กเลย :laugh:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 05-09-2010 22:31:07
คราวหน้าไม่พลาดแน่มิค เอาใจช่วย 555+
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 05-09-2010 22:33:55
มิคโคดสุภาพบุรุษอ่า เริ่ด ตอนหน้าขอแบบเต็มขั้นนะ ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 05-09-2010 22:36:43
อ่านแล้วยิ่งรักมิค  :-[ รู้สึกว่ามิคสุภาพบุรุษมากเลย ตอนหน้าหวังว่ามิคจะสมหวังน้า หุๆ รอลุ้น  :o8:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 05-09-2010 22:45:40
+1 ให้กับความรักของกิมและมิคที่เป็นสุภาพบุรุษมาก :กอด1:
ขอบคนโพสที่นำนิยายน่ารักๆมาให้อ่านคะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 05-09-2010 22:52:12
 :impress2: :-[
"มิค.....คนดี"


เอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย (อ่านไปเขินไปราวกับกำลังสิงร่างกิมคนดี โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 05-09-2010 22:55:57
 :เฮ้อ:สุดๆในอารมณ์
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Killua ที่ 05-09-2010 23:08:09
แล้วมิคจะหลับลงใหมอ่ะ น่าสงสารอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 05-09-2010 23:55:16
กิม...คนดี
อร๊ายยยยยยยยยยยย
 :-[
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 06-09-2010 01:59:03
ไม่ได้อ่านเอ็นซีแล้วอายขนาดนี้มานานแล้วนะเนีย
ลุ้นสุดๆๆๆๆๆ 

มันไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียงอย่างเดียว รู้สึกเหมือนทำให้คนที่รักกันสองคนเข้าใจกันมาขึ้น
เป็นการถ่ายทอดภาษากายที่สุดยอดมากค่ะ
บวกหนึ่งไปเลยค่า
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 06-09-2010 09:08:35

มิคสุภาพบุรุษที่สุด น่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: koraorni ที่ 06-09-2010 13:20:30
อ๊ามิคเป็นคนดีจริงๆๆเลย
น้องกิมไม่รักก็บร้าแล้ว
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 06-09-2010 14:16:40
 :jul1: นี่ขนาดเบาะๆ 
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 06-09-2010 15:51:53
อ๊ายยยยยยยยยยยย  :impress2:
รักพระเอกที่สุดดดด
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 06-09-2010 15:59:44
มิค พ่อสุดหล่อ พ่อแสนดี
พ่อดีเลิศประเสริฐศรี
พ่อพระของน้อง 555 เพ้อเป็นกิมไปได้
ตอนแรกนึกว่า แสนดีอย่างนี้ เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ
จะกินแห้วกองโต

แต่ที่ไหนได้ กิมของเรา ยังมีตา555

สนุกมากๆเลยค่ะ ทั้งคำบรรยายที่ขำมาก
ตอนโหด มัน ฮา นี่สุดจะบรรยาย
ตอนหวานก็นั่งเขินไปด้วย
แถม NC ก็สยิวซะ
จะรอ NC แบบเต็มๆ
ขอบคุณค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 06-09-2010 16:32:19
โหยย มิคอั้นไว้แบบนี้ ไอ่กิมพร้อมเมื่อไหร่โดน non-stop แหงๆ 555+
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 06-09-2010 17:33:19
กลับมาแล้วค่ะหลังจากหายไปนาน
******
"ตอนนี้ แค่นี้… ก็พอแล้ว"
ชอบคำนี้มากๆ มันดูอบอุ่นดีจัง ไม่ใช่บังคับแต่รอให้พร้อมใจทั้งสองฝ่าย
มิคเป็นสุภาพบุรุษสุดๆ กิมเก็บไว้ดีดีนะ แบบนี้จะหาที่ไหนได้อีกเนี้ย
เป็นncที่อ่านแล้วทำน้องเขินมากมาย :-[ แล้วแบบadvanceจะขนาดไหน รอค่ะรอ
ว่าแต่มิคข่มอารมณ์ได้อีกนานแค่ไหนเนี้ย :m12:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 06-09-2010 20:15:44


ชอบเวลาที่มิคเรียกกิมว่า..."กิม คนดี"...ทำเอาคนอ่านคลั่งเป็นบ้าเป็นหลังเลยอ่ะ >//////<


มิคเป็นสุภาพบุรุษมาก ๆ อ่ะ...ถ้าเป็นคนอื่น เค้าว่ามันคงจะดึงดันทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่อยากได้แน่ ๆ

เค้าว่าเอนซีครั้งนี้มันให้อะไรที่มากกว่าอารมณ์ทางกามารมณ์...แต่มันเหมือนจุดเชื่อมความรู้สึกของคนสองคนมากกว่า

ยิ่งอ่านยิ่งเขิล ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกถึงความรู้สึกของทั้งมิคและกิม...แม้ว่าทั้งคู่จะยังไม่ได้ก้าวผ่านเส้นแบ่งจนหลอมรวมเป็นคน ๆ เดียวกัน

แต่แค่นี้เค้าว่ามันก็เป็นตัวพิสูจน์อะไรหลาย ๆ อย่างที่ทั้งคู่คงจะยังคลางแคลงใจกันอยู่...



ยังสติลอารมณ์สงสารมิคนะ...น่าสงสารจริง ๆ พ่อคู้ณณณณ ณณณ...คริคริ XD
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 06-09-2010 20:24:17
หัวเรื่องเปลี่ยน แล้วเนื้อล่ะคะ???



ว่าแต่ horror???????? แว้กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(6/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 06-09-2010 20:47:02
ใจเย็นจ๊า...เนทหลุดอ่ะ


รักจัง.........ตอนที่12

สองทุ่มสิบห้า บนพื้นปูนเย็นเฉียบ ณ ลานวัดประจำตำบลดอนดอกประดู่ บรรยากาศแสนจะเงียบเชียบชวนสยิว ความมืดถูกส่องผ่านด้วยแสงจากดวงจันทร์และไฟจากกระบอกไฟฉายไม่กี่กระบอก นับเวลาได้สองอาทิตย์ถัดจากหัวหินอินเตอร์ หัวหินที่แม้ไม่ใช่เสม็ดแต่ก็เกือบเสร็จจนได้

“เรื่องมันมีอยู่ว่า ผู้หญิงต่างจังหวัดคนหนึ่งเข้ามาทำงานในกรุงเทพ พอช่วงปีใหม่ได้หยุดก็คิดจะกลับไปเยี่ยมบ้าน แต่บ้านมันอยู่ลึกเข้าไปในสวนยาง หรือสวนอะไรสักอย่างนี่แหละกูก็จำไม่ค่อยได้ จำได้แต่ว่าแม่งไกลโคตรๆ จะกลับทีต้องโทรให้คนที่บ้านออกมารับปากทาง”

ไอ้จั๋วเริ่มเรื่องด้วยน้ำเสียงเนิบๆ กะใช้ความสงบสยบเคลื่อนไหวสร้างความสยึมกึ๋ยให้กับความเงียบในบรรยากาศ บลิ้วอารมณ์คนฟังที่ล้อมวงอยู่ร่วมสิบห้าชีวิต

“แต่พอถึงวันกลับเจ๊เสือกตกรถ กลายเป็นว่ากว่าจะไปถึงก็มืดค่ำ เลยเวลาที่บอกคนที่บ้านไปแล้วหลายชั่วโมง”

“เลยไม่มีใครรอ?” ไอ้โยมขัดขึ้นมากลางป้องพร้อมเสียงเคี้ยวฮานามิกรุบกรอบแบบไม่เกรงใจบรรยากาศ

“มึงจะมาเล่าเองเลยไหมไอ้โยม ขัดกูมากี่รอบแล้ว” ไอ้จั๋วทำหน้าเซ็งเหมือนหมดอารมณ์เล่าขึ้นมาทันใด พลางยกโค้กผสมสไปร์ทขึ้นดื่มอั่กๆ

“ก็มึงเล่าช้า กูก็ช่วย แม่งมัวแต่เกริ่นแล้วเมื่อไหร่จะได้เจอวะ ผีมึงน่ะ” ไอ้โยมแสดงเจตนารมย์

“ไอ้ห่า กูเล่าเรื่องผี ไม่ได้ร้องเพลงแร็ฟ จะให้เร็วจนลุกขึ้นขยับตีนเลยหรือยังไง แล้วก็แดกเบาๆหน่อยเสียเรื่องกูหมด” ไอ้จั๋วหันไปด่าแบบขัดใจเล็กน้อยก่อนต่อ

“ตอนนั้นเกือบห้าทุ่ม ต่อรถสองแถวเข้ามาถึงปากทางเข้าบ้านแล้วก็ไม่รู้จะเอายังไงเพราะไม่เห็นใคร สมัยนั้นมือถือยังไม่เกลื่อน อย่างดีก็เพจเจอร์ เลยติดต่อคนที่บ้านไม่ได้”

เล่าประหนึ่งว่าอยู่ร่วมในเหตุการณ์ พาคนฟังพยักหน้ากันหงึกหงัก ขนาดไอ้เดย์ว่าปวดฉี่ยังไม่ยอมลุกไปไหน

“เหลียวซ้ายก็ป่า แลขวาก็สวนยาง มืดก็มืด มองทางยังแทบไม่เห็น แม่งก็เลยตัดสินใจจะเดินตัดป่าเข้าบ้าน แต่แล้วเสือกเหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มๆจากหางตา!” ไอ้จั๋วหยุดนิ่ง ใช้เพียงสายตากวาดไปรอบวง วินาทีระทึกใจว่านี่ผีมึงจะโผล่มาแล้วใช่ไหม!

“ผู้หญิงก็ตกใจ ตะโกนถามไปว่านั่นใคร… ใครน่ะ!?” เอี้ยจั๋วเล่าไม่เล่าเปล่า เสือกตะโกนประกอบแอ็กติ้งให้ได้กรี๊ดรับกันไปรอบวง แล้วตามด้วยเสียงด่าเอี๊ยจั๋วกันงึมงำ

“ไม่มีเสียงตอบ… มีแต่เงาตะคุ่มที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เงาตะคุ่มดำมืดที่ก้าวออกมาจากสวนยาง” หยุดเว้นจังหวะให้คนฟังได้หายใจเข้า

“ปรากฏว่าเป็นคนรู้จักที่อยู่บ้านใกล้ๆกัน”

“ไอ้เวร! กูนึกว่าผีมึงออกแน่แล้วนะหนนี้”

ไอ้โยมอินจัดถึงขนาดปาถุงฮานามิทิ้งไม่ไยดี หลายคนหายใจออกแบบมีเสียงให้รู้ว่าพวกกูก็คาดหวัง แต่ไอ้จั๋วทำหูทวนลม เล่าต่อไปด้วยสีหน้าระทึกอย่างที่เป็นมาตั้งแต่เปิดเรื่อง

“กลายเป็นว่าหน้าที่เห็นลางๆมาเลือนๆกลายเป็นพี่ชายข้างบ้านที่รู้จักกันดี ผู้หญิงก็ถามว่าพี่มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้มืดๆ ผู้ชายก็ตอบว่ามารอ ได้ข่าวว่าจะกลับมาวันนี้ก็เลยมารอ ผู้หญิงก็โล่งอกที่มีเพื่อนเพราะทางเข้าบ้านแม่งก็มืดสาด แล้วก็เลยเริ่มเดินเลาะป่าเข้าหมู่บ้านกัน”

“ระหว่างทางผู้หญิงก็ชวนคุยตามประสาคนเคยสนิท แต่ผู้ชายมันกลับไม่ค่อยคุย ถามคำตอบคำ ถามหลายคำก็ยังตอบคำเดียว เหมือนไม่อยากคุยด้วย แล้วผู้หญิงก็สังเกตเห็นว่าผู้ชายมันเดินกระเพลก ขาขวาติดจะลากไปกับพื้น แขนก็ห้อยเอียงมาข้าง หนำซ้ำเสื้อผ้าหน้าผมก็ออกจะยับยู่ ทีนี้ก็ฉุกใจขึ้นว่าตอนโทรมาจากท่ารถเมื่อเย็นไม่มีใครอยู่บ้านนี่หว่า แล้วไอ้นี่มันไปได้ข่าวมาจากไหนว่ากูจะกลับวันนี้”

โห เรื่องมันไม่ธรรมดา มันมีปมซ้อนซ่อนเงื่อนให้คิดตาม

“ผู้หญิงแม่งก็เริ่มกลัว แต่ไม่กล้าถาม ถึงจะคนเคยรู้จักแต่รู้หน้าใช่จะรู้ใจ แถมซ้ายก็ป่าขวาก็ป่า ก็เลยได้แต่ทำใจดีสู้เสือเดินไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายถึงบ้านค่อยโล่งอก แต่ในบ้านกลับไม่มีใครอยู่ซักคน บ้านร้าง เงียบเชียบ ไอ้คนที่เดินมาด้วยกันก็เงียบสาด ผู้หญิงเลยรีบเดินเข้าบ้าน หันไปบอกขอบอกขอบใจแล้วปิดประตู ผู้ชายมันก็ยืนนิ่งรอให้ผู้หญิงเดินขึ้นบ้านไป”

“จนวันรุ่งขึ้น คนที่บ้านกลับมาก็ตกใจที่เห็นผู้หญิง ถามว่าเดินเข้าบ้านมาได้ยังไงคนเดียวมืดๆค่ำๆ ช่วงนี้มันมีพวกติดยาคอยดักปล้นดักฉุดผู้หญิงไปข่มขืนซุ่มอยู่ตามป่า ผู้หญิงก็ตอบว่าพอดีมีพี่คนนี้ๆเดินมาเป็นเพื่อน เท่านั้น แม่งเงียบกันไปทั้งบ้าน” รวมทั้งไอ้คนเล่า

“บอกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะไอ้คนนี้ที่ผู้หญิงบอกมันโดนพวกติดยารุมกระทืบตายไปตั้งแต่หลายวันก่อน สภาพศพเอน็จอนาจขาหักแขนเบี้ยว ศพถูกหมกทิ้งไว้ในรกในพงแถวๆที่ผู้หญิงลงสองแถวมาเมื่อคืนนั่นล่ะ” ไอ้จั๋วจบการเล่าด้วยการยกโค้กผสมขึ้นจิบแบบทิ้งทวนบรรยากาศ

“ที่ไม่มีใครอยู่บ้านเมื่อคืน เพราะเขาไปงานเผาศพไอ้นี่กัน”

“โห ผีมึง แมนจริง! สุภาพบุรุษโคตร” ไอ้อ่อนที่นั่งอยู่ข้างไอ้บีออกความเห็นหลังจากนั่งฟังไม่ปริปากมานาน

“กูก็นึกว่า แม่ง ผู้หญิงคนนี้เสร็จแหง หัวโกร๋นแน่ๆ นี่ นี่เลย มาฟังเรื่องกูมั่ง เรื่องมันมีอยู่ว่า…”

ไอ้อ่อนดึงความสนใจจากประชากรรอบวงไปที่ตัวเอง แล้วเริ่มการเล่าเรื่องผีด้วยหน้าตาจริงจัง ผมที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากมันเลยต้องรีบหมุนคลื่นตามดีเจอ่อน กำลังเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดกับความมืดของลานวัด ก็ต้องสะดุ้งแทบแหกปากหอนกับเสียงทุ้มๆที่กระซิบมาข้างหู

“อินอะไรขนาดนั้น เดี๋ยวคืนนี้ก็นอนไม่หลับ”

เจ้าของเสียงนั่งซ้อนลงมาข้างหลังผม แล้วดึงให้เอนพิงอกแน่นๆโดยไม่สนใจสายตาไอ้จั๋วที่เหล่มาจากพื้นที่ข้างๆ ดีที่คนอื่นๆยังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องผีของไอ้อ่อน

“มิกาเอลจะกลับพรุ่งนี้” ไอ้มิครายงานผลการคุยโทรศัพท์ที่ลุกไปรับระหว่างเริ่มวงเล่าเรื่องผี

“เลยไม่ได้ไปส่ง”

ผมว่าพลางทิ้งน้ำหลัก เอนเต็มหลังใส่อกแน่นๆที่รองรับ เห็นไอ้จั๋วส่ายหน้าว่าข้าล่ะหน่ายกับพวกเอ็งสองคนก่อนหันกลับไปร่วมฟังเรื่องเล่าระทึกขวัญ

ผมนั่งพิงอกอุ่นๆของไอ้มิคพลางฟังเพื่อนผลัดเปลี่ยนจากผู้ฟังเป็นผู้เล่าเรื่องผีๆไปคนแล้วคนเล่า ปล่อยให้คนที่นั่งซ้อนหลังลูบหัวลูบหางไปตามใจ ไม่ได้แคร์กับสายตาใครที่หันมาเจออาการสนิทชิดเชื้อถึงขั้นน่าสงสัยระหว่างผมกับเดือนวดึงส์คณะ คาดว่าแทบจะทุกคนที่นั่งล้อมวงกันอยู่กลางลานวัดตอนนี้ก็คงจะชินตาชินใจไปแล้วกับความถึงเนื้อถึงตัวระหว่างผมกับไอ้มิค

จะไม่ให้ชินได้ยังไง ในเมื่อเดือนวดึงส์คณะเล่นจับผมคลุกวงในแบบไม่เคยแคร์สายตาใครอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ยิ่งหลังเหตุการณ์หัวหินอินเตอร์ หัวหินที่แม้ไม่ใช่เสม็ดแต่ก็เกือบเสร็จเสียสาว ไอ้มิคยิ่งออกอาการว่าพี่นี้ตีตราจอง ประกาศด้วยการกระทำใช่คำพูด ให้รู้ไปถ้วนทั่วว่าผมเป็นเด็กในคอลโทล

วันนี้มาออกค่ายอาสา สร้างโรงเรียนให้น้องถึงดอนดอกประดู่ ไกลจากกรุงเทพหลายร้อยกิโลกับเพื่อนร่วมค่ายเกือบสี่สิบชีวิต ทั้งรุ่นเดียวกัน รุ่นน้อง รุ่นพี่ บ้างคุ้นหน้าบ้างไม่เคยเห็น ไม่ได้มีเพียงวงเพื่อนอย่างเคยๆ แต่คนที่ตกเป็นเป้าสายตาตั้งแต่รถทัวร์ยังไม่ได้เคลื่อนขบวนก็ทำตัวตามสบาย ดูแลเทคแคร์ไอ้กิมเข้าขั้นจะยกขึ้นทูนไว้บนหัวแบบไม่แคร์สายตาใคร

ผมที่แทบจะเดินตีนไม่ติดพื้นเพราะโดนอุ้มสมเลยต้องไหลตามน้ำตามหัวใจ เลิกเล่นตัวแล้วหันมาตอบรับความเอาใจใส่ให้เขาไปในระดับทัดเทียม ไม่รู้ว่าดีหรือชั่วรู้แต่ว่าวันนี้โดนสาวๆเหล่มาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบห้าคน

ผมรีบฉุดสติออกจากภวังค์แล้วคีบนิ้วหนีบต้นขาไอ้มิคที่ทำมึน ซุกหน้าเข้าคอมาประหนึ่งอยู่ในที่ลับกันสองต่อสอง บิดเนื้อแน่นๆไปจั๋งหนับจนเจ้าของขาออกอาการโอดโอยแบบโอเว่อร์แอ็กติ้งตามสไตล์ ส่งเสียงซูดปากแต่กลับยังฝังหน้าอยู่ที่เดิม

“อูย เจ็บครับ เจ็บ” ไอ้มิคโอดเสียงเบา ก่อนเงยหน้ามาทำตาปิ้งปั้งเรียกความสงสาร

“ใครใช้ให้มาทะลึ่งแถวนี้หา” ผมกระซิบด่าลอดไรฟัน กระพริบตาถี่ๆหนีตาปิ้งๆที่ส่งมา “ไม่อายคนก็อายผีอายพระซะบ้าง อยู่ในวัดนะมึง”

“งั้นไปนอนกันดีกว่า คิดถึงกิมจัง”

คนที่หนีบติดเป็นปาท่องโก๋อยู่กับผมตั้งแต่เช้าว่ามาอย่างนั้น แล้วทำท่าเหมือนจะอุ้มสมกันจริงจังจนต้องแยกเขี้ยวขู่ให้รู้ว่ากูไม่ยอม

“แค็กๆ! แค็ก!” ไอ้จั๋วที่คงทนไม่ไหวกับความหน้าไม่อายของไอ้มิค ไอเสียงดังเหมือนจะบอกให้รู้ว่าพวกกูก็อยู่แถวนี้ “ไอ้เดย์มึงตบหลังให้กูหน่อย แม่ง ขนลุกเหี้ยๆ”

“มากูช่วย”

ไอ้มิควาดขาถีบหลังไอ้จั๋วตามคำขอก่อนไอ้เดย์จะได้รับมุข เจ้าของหลังหันมาเจริญพรพอเป็นพิธีก่อนกระถดก้นหนีไปแทบทับไอ้โยม

แล้ววงทดสอบความกล้าด้วยการเล่าเรื่องผีๆกลางลานวัดอย่างไม่กริ่งเกรงสุภาษิตไทยที่ว่า เข้าป่าอย่าพูดถึงเสือ เข้าวัดอย่าพูดถึงผี ก็ดำเนินต่อไปอีกชั่วโมงกว่าๆ จนได้ยินเสียงหมาหอนรับกันมาแต่ไกลวงถึงได้แตก แตกฮือเหมือนแมงวันตอนขี้โดนไม้เขี่ย แยกย้ายกันไวปานวอกไปเต้นท์ใครเต้นท์มัน เต้นท์สำหรับสามคนนอนก็อัดเข้าไปเป็นห้าเพราะเสียงหมาหอน

ผมมุดหัวเข้าเต้นท์ที่ทำตำหนิไว้ตั้งแต่บ่าย ตามไอ้บีกับไอ้อ่อนไปติดๆโดยลากไอ้มิคที่ดันทำตัวเป็นฝรั่งผิดสถานการณ์ ไม่สนเสียงหมาเห่าหมาหอนตามเข้ามาแบบถูลู่ถูกัง จำได้ว่าเต้นท์นี้ตกลงไว้สามคนนอนแต่ไอ้จั๋วไอ้โยมที่โดนเสียงโก่งคอหอนไล่ กลับวิ่งหัวซุนตามเข้ามาสมทบให้สี่กลายเป็นหก ไอ้โยมที่ก้นแทบจะโด่งออกจากผ้าใบ รูดซิบปิดเต้นท์ด้วยความว่องแล้วล้มตัวลงนอนอยู่แถวปลายตีนเพื่อนฝูง ด้วยอาการนอนนิ่งยิ่งกว่าศพ ประกาศจุดยืนชัดเจนว่าจะไม่ยอมโดนเตะโด่งออกไปนอนเต้นท์อื่นเป็นอันขาด

ไอ้มิคที่ยังแมนไม่เลิกลาและเหมือนจะมีอากาศไม่พอหายใจในเต้นท์สามเหลี่ยมของหกเรา คว้ามือผมที่กำลังเล็งช่องว่างระหว่างผองเพื่อนพอให้เป็นที่ซุกหัวนอนของค่ำคืน มืออุ่นๆกระตุกเบาๆเป็นเชิงชักชวนก่อนเอื้อมอีกมือไปแหวกผ้าใบชั้นใน เหมือนเห็นภาพสโลโมชั่น เต้นท์จะโดนรูดซิบเปิดโดยมีเสียงหมาวัดหมาบ้านโก่งคอหอนให้โหยหวนรับกันเป็นช่วงๆ เคล้าเสียงลมพัดหวีดหวิวแถมให้ยิ่งเร้าใจ

เงาร่างไอ้มิคจากไฟฉายหนึ่งกระบอกช่างถมึงทึงดูกล้าหาญให้สมกับรูปร่างหน้าตาและบทพระเอก แต่ผมที่โดนกระตุกมือชวนขอยอมรับว่าปอดแหกถึงขั้นหมอส่ายหน้าไม่รับเย็บ ชิงทิ้งตัวลงนอนระหว่างไอ้อ่อนไอ้จั๋วแล้วกระตุกมือบอกเจตจำนงค์กับคนกล้า คืนนี้ไม่เหมือนคืนไหน นอนแออัดยัดเยียดกันไว้อย่างนี้จะเป็นการดี

ไอ้มิคที่หันกลับมาตามแรงกระตุกคงเห็นตาขาวผมที่ขยายใหญ่กว่าตาดำ บอกเจตจำนงค์ชัดแจ้งว่าคืนนี้มึงต้องยอมตามกู ทิ้งตัวนอนเบียดไอ้อ่อนหรือไอ้จั๋วมาซะโดยดี เพราะไอ้กิมจะไม่ยอมก้าวขาออกนอกเต้นท์ก่อนฟ้าสางเป็นอันขาด

เงาถมึงถึงเพราะแสงไฟฉายส่ายหน้าให้รู้ว่าข้าหน่ายก่อนทิ้งตัวทับลงมาไม่ยั้งน้ำหนักเหมือนจะช่วยไล่อาการขี้ขลาดให้หลุดออกไปพร้อมอากาศในปอด ก่อนตวัดตัวเปลี่ยนตำแหน่งม้วนผมขึ้นมาเกยอยู่บนตัวอุ่นๆเป็นการประหยัดพื้นที่ใช้สอย

เห็นหวานใจยอมทิ้งความแมนพร้อมความสะดวกสบายกับการแผ่ตัวนอนในเต้นท์ใหม่ ต้องมานอนเหยียดเป็นซุง ติดกันเป็นแผง กระดิกตัวแทบไม่ได้เพราะเห็นแก่ปอดแหกๆของไอ้กิม ผมควานมือไปเลื่อนปุ่มปิดไฟฉาย เหล่ตาเลิ่กหลั่กเห็นว่าอีกสี่คนในเต้นท์ปิดลูกกะตาหนีเสียงหมาหอนไปถึงไหนๆ เลยเหย่งตัวขึ้นจุ๊บอีกฝ่ายในความมืด ตบรางวัลให้พระเอกยอดนิยม คนโดนจุ๊บเหมือนโดนไฟช็อตเกิดอาการชักกะตุก มือไม้ป่ายปะมาให้วุ่น ต้องคีบนิ้วหนีบเนื้อไปหลายทีกว่าอาการชักกะตุกจะทุเลา ได้ปิดตาหลับพร้อมเสียงโซปราโน่ที่ยังหอนรับกันไม่รู้เลิก

--------------------------
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(6/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 06-09-2010 20:47:37
เช้าวันใหม่เริ่มต้นด้วยกลิ่นแกงกะทิที่ลอยมาตามลม ปลุกให้ปลากระป๋องในเต้นท์นู้นเต้นท์นั้นแงะตัวออกมาทีละคนสองคน ส่วนซาดีนท์หกตัวในเต้นท์ผมยังติดกันอยู่เป็นแผงครบถ้วน กวาดตามองแล้วเห็นได้ว่าล้มลงนอนท่าไหนก็ยังอยู่ท่าเดิมกันไม่ผิดเพี้ยน

ผมเหยียดเท้ายันไอ้โยมที่ขดอยู่ปลายตีนเป็นคนแรก แล้วแงะตัวเองออกจากม้วนไส้กรอกที่สละแขนให้หนุนนอนต่างหมอนมาตลอดคืน กวาดมือแปะป่ะไปเจอมือถือใครสักคนเพื่อดูเวลา ยังไม่ทันได้มองว่าเลขหกหรือเลขเจ็ดไอ้บีที่นอนอยู่ขอบเต้นท์ก็เด้งขึ้นนั่งเหมือนโดนของ ซ้ำยังละเมอโวยวายจนคนอื่นสะดุ้งตื่นไปตามๆกัน

ลืมตากันมาได้ เห็นว่าฟ้าสางมีแสงและเงียบเสียงเห่าหอน แต่ละคนก็คลานออกจากเต้นท์ไปแบบไม่อิดออด ไม่มีการล้มตัวลงนอนรอบสองรอบสามด้วยเพราะแน่ใจว่าหากยังอัดกันอยู่ในเต้นท์นานกว่านั้นอาจโดนอัมพฤกอัมพาตรับประทานกันจริงจัง

ออกมายืนบิดขี้เกียจสูดอากาศยามเช้าที่เคล้าไปด้วยกลิ่นแกงไก่ไข่เจียวที่ลอยมาจากโรงทานเฉพาะกิจ พลางฟังเสียงบ่นงึมงำพึมพำที่ดังมาจากทางนู้นทางนี้ทางนั้นเกี่ยวกับอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมัดต่อมัด คนที่คลานตามตูดผมออกมาเปิดหาวด้วยมาดสุดเซ็กซี่ด้วยผมยุ่งๆกับหน้าขาวๆ ไอ้มิคยืดตัวบิดขี้เกียจจนกล้ามขึ้นเป็นมัดๆ เจอท่าสะบัดคอสะบัดไหล่ไล่ความเมื่อยเข้าไปประหนึ่งพรีเซ็นเตอร์โฆษณาฮีรูดอย สาวๆเต้นท์ข้างเคียงถึงกับทิ้งความเป็นกุลสตรี หันมาจ้องหนุ่มกันตาเป็นมันวิบวับ ว่าไม่ได้ครับ ขนาดผู้ชายด้วยกันเห็นแล้วยังต้องหยุดมอง สังเกตได้จากผู้คนอีกหลายเต้นท์ข้างๆ

“ยาสีฟันกูไปไหน ใครเห็นบ้างวะ” ไอ้อ่อนตะโกนถามมาจากในเต้นท์ ก่อนโผล่หัวออกมาด้วยหน้าที่ยับไปข้าง หลักฐานชี้ชัดว่านอนตะแคงข้างเดียวตลอดคืน

“เมื่อคืนใครใช้เป็นคนสุดท้าย ไอ้โยม มึงเอาไว้ไหน”

“สาดอ่อน ถามเอาอะไรกับกู เมื่อคืนกูไม่ได้แปรงฟัน” ไอ้โยมบอกมาหน้าตาเฉย ก่อนเปิดปากหาวอย่างให้รู้ว่านอนไม่พอ

“ท่าจะเป็นกู” ผมว่าพลางมุดเข้าเต้นท์ไปช่วยสืบหาหลอดยาสีฟัน “โห รกอย่างนี้จะไปหาอะไรเจอ เอาอันนี้ไปใช้ก่อนปะ”

ว่าแล้วโยนยาสีฟันของไอ้มิคให้ไอ้อ่อนไปใช้แก้ขัดแล้วเปิดเป้สองใบแถวมุมเต้นท์ค้นแปรงสีฟัน ผ้าขนหนูกับเจลล้างหน้าโยนออกไปให้อีกคนที่ยังยืนเบ่งกล้าม ปล่อยฟีโรโมนส์อยู่ไม่รู้เลิก

ห้องน้ำเฉพาะกิจสามห้องถ้วนที่สร้างขึ้นเมื่อวานมีคนต่อแถวเข้าคิวรอใช้ยาวเป็นหางงู ส่วนมากเป็นผู้หญิงเพราะผู้ชายเกือบทั้งค่ายหาทางสบายโดยการเดินไปตามสุมทุมพุ่มไม้ ไม่ไกลจากเพิงสุขาจากน้ำพักน้ำแรงมีโอ่งดินเผาหลายใบใส่น้ำจนเต็มให้ใช้ล้างหน้าแปรงฟัน ใครใคร่จะนุ่งผ้าขาวม้ามาราดน้ำโชว์ก็มีเพิงสังกะสีสามแผ่นตีเป็นคอกให้ได้เลือกใช้ ผมคนหนึ่งล่ะที่เล็งการอาบน้ำกลางแจ้งในคอกสักกะสีไว้ตั้งแต่ตอกตะปูตีฝาประกบ กะไว้ว่าเย็นๆค่ำๆจะหลบสายตาคนมาตักน้ำราดหัวให้ชื่นใจ


“เมื่อคืนน่ะครับลุงผู้ใหญ่ หมาในวัดหอนกันจนพวกผมแทบไม่ได้นอน”

เสียงฟ้องจากผู้ร่วมเหตุการณ์คนใดคนหนึ่งดังข้ามโต๊ะมาระหว่างกินข้าวเช้าจากฝีมือเมียผู้ใหญ่ที่เกณฑ์ชาวบ้านมาช่วยกันหุงหาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง

“จริงค่ะจริง พูดแล้วยังขนลุกไม่เลิก คืนนี้จะทำยังไงกันดีก็ไม่รู้”

อีกเสียงจากโต๊ะข้างๆร่วมรับเป็นลูกคู่พร้อมท่าทางประกอบ ทำเอาอีกหลายคนพยักหน้าหงึกหงักไปตามๆกัน

“บ้านนอกคอกนามันก็อย่างนี้ ตกดึกหมามันก็หอนไปตามที่เห็น” ลุงผู้ใหญ่หนวดเฟิ้มตอบมาหน้าตาย ตามด้วยเสียงหัวเราะหึๆเป็นปริศนา เล่นเอาวงข้าวจานสังกะสีแทบแตกฮือ

“โอย ลุงว่าอย่างนี้คืนนี้พวกผมยิ่งไม่ต้องหลับต้องนอน” เสียงนี้ดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล ไอ้โยมที่นั่งอยู่ถัดไปไม่กี่ก้น

“นอนกลางดินกินกลางป่าพวกผมไม่ยั่น แต่ให้เจอเหมือนเมื่อคืนนี่สู้ไม่ไหวจริงๆ ลุงผู้ใหญ่มีที่อื่นที่ให้ไปกางเต็นท์กันใหม่ไหมครับ ที่ๆแบบว่าไกลวัดไกลหมาไปอีกหน่อยน่ะ”

“จะว่ามีมันก็มี้” ป้าแย้มเมียลุงผู้ใหญ่ละจากหน้าเตาหุงข้าวเข้ามาช่วยเสนอทางเลือก เล่นเอาทุกคนเมินผู้ใหญ่บ้านหันไปหาแกกันขวับ

“ที่ไหนครับป้า พวกผมไปย้ายตอนนี้เลยได้เปล่า” เสียงถามเร่งกันให้รู้ว่ารีบ กลัวอะไรไม่เท่ากลัวสิ่งที่มองไม่เห็น

“มีที่ไหนวะนังแย้ม จะให้ย้ายไปนอนกลางคันนารึไง คนตั้งขนานนี้” ลุงผู้ใหญ่ถามเมียอย่างคิดไม่ออก

“คันนาข้าวยังไม่ได้เกี่ยวจะไปนอนกันได้ยังไง้ บ้านตาแช่มไงพี่ ที่ทางออกแยะ ไปขอกางผ้าใบนอนแค่นี้มันไม่ว่าหรอก จะดีใจซะด้วยซ้ำ เห็นบ่นอยู่ว่าเหงา”

ป้าแย้มยังคงเป็นคนของประชาชน ไม่ทำให้เหล่านักศึกษาผิดหวัง แต่คนเป็นสามีฟังแล้วกลับทำหน้าประหลาด

“ลุงแช่มที่มาช่วยสอนการมัดเงื่อนเหรอครับ แหม ดีจริง คืนนี้จะได้นอนให้เต็มตาไม่ต้องเกร็งแทบเป็นตระคริว” หลายคนมีท่าทางกระตือรือร้นอย่างเห็นได้ชัด ประสบการณ์โดนหมาหอนให้หลอนแค่คืนเดียวก็เกินพอ

“บ้านไอ้แช่มน่ะนะ” ลุงผู้ใหญ่ทำท่าครุ่นคิด ไม่ยอมตกปากรับคำที่โดนเร่งอยู่ยิกๆ

“มันก็คงไม่ว่า แต่ลุงว่าถ้าพวกคุณอยู่ใกล้พระใกล้เจ้าในวัดอย่างนี้ยังไม่ไหว จะให้ไปนอนหลังบ้านไอ้แช่มคงไม่ได้มั้ง”

“ทำไมไม่ได้เล่าครับลุงผู้ใหญ่” ไอ้โยมขัดอกขัดใจถึงกับยกมือถาม

“ก็ที่ทางแถวนั้นมันป่าช้าทั้งแถบ ถึงหมามันจะไม่เยอะเท่าในวัด แต่มันก็หอนตามที่เห็นไม้แพ้กันล่ะคู๊ณ” ลุงผู้ใหญ่ลูบหนวดตอบมาให้ได้ปิดประเด็น จบการสนทนา


หลังกินข้าวก็ได้เวลาร่วมแรงแข็งขันเป็นกรรมกร ประชากรชาวค่ายจำนวนสามสิบเจ็ดคนกลับเข้าประจำตำแหน่งใครตำแหน่งมัน ลงมือลงแรงทำงานมากกว่าเปิดปากคุยเล่นผิดจากเมื่อวาน ทำงานกันจริงจังจนเหงื่อไหลไคลย้อยเหมือนคนงานก่อนสร้างมากกว่าชาวค่ายอาสา เนื่องจากการประชุมรอบวงจานสังกะสีเมื่อเช้าว่าหกวันห้าคืนที่ตั้งกันมาเร่งให้ลดลงซักคืนก็ยังดี

พวกผมที่ประกอบไปด้วยชายฉกรรจ์หุ่นไม่ไล่เลี่ยแต่ออกจะลดลั่นกันไปเก้าชีวิตอยู่แผนกสร้างส้วมให้น้องโดยมีไอ้มิคเป็นหัวหน้ากลุ่ม ส้วมเฉพาะกิจที่รองรับการใช้งานไปอย่างล้นหลามเมื่อเช้ากับเพิงผ้าขาวม้ากลางแจ้งก็เกิดจากฝีมืออย่างลวกๆแบบลวกแล้วลวกอีกของกลุ่มผมนั่นเอง

ส้วมเพื่อน้องของแท้ตอนนี้ยังมีแต่พื้นที่โล่งๆท้ายโรงเรียนเนื่องจากกลุ่มชายฉกรรจ์เสียเวลาไปหนึ่งวันเต็มในการสร้างส้วมลวกๆเพื่อชาวค่ายกันไปเมื่อวาน วันนี้ถึงพึ่งได้เริ่มส้วมเพื่อน้องของแท้โดยเริ่มจากขนวัสดุอุปกรณ์ทุกอย่างเดินดุ่มๆสวนกันไปมา พื้นที่ตั้งห้องน้ำห้องส้วมอยู่ท้ายแปลน ห่างจากตัวห้องเรียนมาหลายสิบเมตรเพื่อความเป็นสุขลักษณะ การขนไม้ขนดินหินอิฐจึงกินแรงไปไม่ใช่น้อย ดูได้จากหลายคนเริ่มเหงื่อย้อยจวนหยดตั้งแต่ยังไม่ได้ลงมือสร้าง แต่ถึงเสื้อจะแฉะมือจะด้านก็ไม่มีใครปริปากบ่นเพราะรู้ว่าการนอนเบียดเป็นปลากระป๋องไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย

“ไม้แค่นี้พอก่อน เดี๋ยวพวกกูไปขนส้วมมาเอง พวกมึงเริ่มตีไม้วางโครงกันเลย แบบอยู่กับไอ้จั๋ว”

ไอ้มิคที่รับหน้าที่หัวหน้ากลุ่มออกคำสั่งกระจายงานแล้วพาสมาชิกสี่คนเดินกลับไปลุยงานแบกหามที่ต้องตามมาอีกหลายรอบ

“กิมไม่ต้อง ช่วยไปดูที่กองกลางว่าพอจะมีสังกะสีแบ่งมาได้อีกหน่อยไหม ดูท่าหลังคาจะไม่พอ”

หัวหน้ากลุ่มชิงเบรคผมที่จะก้าวตามไปยกส้วม แล้วจ่ายงานเบาไม่ต้องเบ่งกล้ามออกแรงมากมาแทน ได้รับงานมาอย่างนั้นผมก็ได้แต่หันตีนเดินแยกไปอีกทาง ดูท่าว่าถ้าสังกะสีมุงหลังคาสุขาไม่พอคงต้องไปงัดแงะหลังคาจากส้วมเฉพาะกิจเอา

แล้วการสร้างโรงเรียนเพื่อน้องก็ดำเนินไปท่ามกลางเสียงตอกตะปูเลื่อยไม้แว่วปนมากับเสียงพูดคุยเป็นระยะ เป็นบรรยากาศของการลงแรงทำความดีที่ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกี่ครั้งก็ฟังไม่รู้เบื่อ กลุ่มผมที่ระเห็จออกมาทำงานอยู่ไกลจากกลุ่มอื่นประหนึ่งทหารรักษาชายแดนแต่ก็ขุดหลุมไว้วางส้วมวางเสาเป็นการเอ็นเตอร์เทรนกันเองให้คึกคัก ซ้ำยังมีเพลงฟังจากโน้ตบุคต่อลำโพงของไอ้เดย์ที่เอามาเปิดให้ทำงานจนเพลินกันไป

ตกบ่ายกว่าๆก็มีสาววนมาเสิร์ฟน้ำเป็นรอบที่ห้าพร้อมบอกว่าถึงเวลาเติมเสบียง กลุ่มห่างไกลความเจริญอย่างกลุ่มผมเป็นกลุ่มเดียวที่ไม่ได้รับแจกกระติกน้ำไว้ใช้ พอถามไปก็ได้คำตอบมาว่าเอากระติกมาไม่พอ แต่ดูจากจำนวนรอบที่สาวผลัดหน้ากันมาเสิร์ฟน้ำให้ถึงที่แล้วคาดว่ากระติกอาจโดนหมกอยู่ที่ไหนซักที่เพราะหัวหน้ากลุ่มเดือนวดึงส์

ถึงตาขวาผมจะกระตุกถี่ๆเวลาไอ้มิคปาดเหงื่อแล้วสะบัดทิ้งด้วยท่าดาราฮอล์ลิวูดให้สาวแอบกรี๊ดกันไปรอบแล้วรอบเล่า แต่ดูจากสมาชิกรอบตัวที่เหมือนจะหายเหนื่อยทุกสิบห้านาทีที่สาววนมาเสิร์ฟน้ำแล้วก็ต้องถือว่าเพื่อเพื่อนแค่นี้ไอ้กิมจะยอมตะปบตาขวาไว้แน่นๆ

ทำงานกันจนเย็นย่ำ ถึงขนาดว่ากินข้าวเย็นกันแล้วก็ยังกลับมาทำอะไรก็อกๆแก็กๆทำที่จะทำได้เตรียมไว้พรุ่งนี้ เรียกว่าเสียงหอนของหมาให้ผลชะงัดเหลือ กว่าแต่ละคนจะแยกย้ายไปนุ่งผ้าถุง พาดผ้าขาวม้าอาบน้ำก็ปาเข้าไปมืดตึดตื๋ด ต้องถือตะเกียงส่องทางมียามเดินกันไปทีเป็นฝูง แล้วก็มุดหัวเข้าเต็นท์ตอนยังไม่สองทุ่มโดยไม่มีการตั้งวงบลิ้วอารมณ์กันเหมือนเมื่อคืนลองของ

ผมรูดผ้าขาวม้าเปลี่ยนเป็นกางเกงมันนอกเต็นท์แถวสุมทุมพุ่มไม้ เนื่องจากมองซ้ายขวาเหล่หน้าเหล่หลังแล้วไม่เห็นว่ามีสาว จะเห็นก็แต่เงาตะคุ่มของเพศเดียวกันทางนู้นทางนี้ทางนั้นที่กำลังกระทำการผลัดผ้าแปลงร่างดูไม่ผิดกันเท่าไหร่ คาดว่าสาวๆป่านนี้ปะแป้งนั่งเมาท์กันอยู่ในเต็นท์ไปถึงไหนๆคงไม่มีใครโผล่ออกมาดูชีเปลือย

“ไอ้กิมนั่นมึงเปล่าวะ”

เสียงไอ้อ่อนถามมาจากในเต็นท์ เห็นเงามันวูบวาบเหมือนเล่นเปิดปิดไฟฉาย ผมส่งเสียงตอบไปให้รู้ว่ากูเอง

“ถ่านไฟฉายหมด มึงอย่าพึ่งเข้ามา ไปขอถ่านใครมาหน่อยดิ๊” ยังคงมีแต่เสียงส่งมาพร้อมความมืดตึดตื๋อจากในเต็นท์ ผมตอบรับไอ้อ่อนแล้วเกือบแหกปากหอนเริ่มขบวนเมื่อโดนตะปบเข้าที่ไหล่แบบทีเดียวสะดุ้ง

เจ้าของมือที่หันมาเจอนุ่งผ้าขาวม้าตัวเดียว บนหัวมีผ้าขนหนูคลุมมาซะครึ่งหน้า พอเห็นหน้าชัดๆแล้วต้องสถบคำหยาบด่าจริงด่าหลอกไปหลายคำ โทษฐานทำหัวใจกูตกไปอยู่ตาตุ่มแบบไม่ให้เวลาตะปบ

“สาดมิค มาเงียบๆ เกิดกูยั้งปากไม่อยู่หอนออกไปป่านนี้ไม่วิ่งกันป่าราบแล้วเรอะ!”

ผมตบท้ายพร้อมยกมือลูบอกถี่ๆ แต่คนโดนด่ากลับเปิดยิ้มเหมือนเห็นขันก่อนทำการอุกอาจ โน้มหน้าเข้ามาแบบไม่สนใจสัตว์บกสัตว์น้ำที่ผมพึ่งปล่อยออกไปเต็มหน้าเต็นท์

ต้องยอมรับว่าปากร้อนๆคู่นี้มีมนต์ขลังเกินต้านทานไหว ขนาดรู้ตัวว่ายืนกันอยู่ในที่โล่งท่ามกลางมนุษย์อื่นในเต็นท์ข้างเคียงที่พร้อมจะโผล่มาได้ทุกเมื่อ มือไม้ผมก็ยังอ่อนเปลี้ยเหมือนเป็นง่อย หมดแรงออกหมัดออกมวยใส่อีกฝ่ายที่ตวัดลิ้นกวาดเข้ามาทั้งปาก ทำได้แค่โอนอ่อนผ่อนตามแรงคว้าของแขนอีกคู่แล้วหดลิ้นเข้ามาติดลิ้นไก่เป็นการต่อต้านเฮือกสุดท้าย

“Please”

ไอ้มิคที่เหมือนอ่านใจผมได้ ปล่อยไม้เด็ดชกเปรี้ยงมาใต้เข็มขัด

เสียงทุ้มๆติดจะพร่าบ่งบอกอารมณ์ที่ได้ยินทีไรเป็นต้องลดแหลกแจกแถมตามคำขอไปทุกที ไม่ผิดกับคราวนี้ที่ทำให้ผมเปิดปากที่เกร็งสู้อยู่เป็นนาน เปิดให้ริมฝีปากอุ่นๆกับลิ้นร้อนๆซอกซอนเข้ามาได้ถนัดถนี่แล้วปล่อยลิ้นให้อีกฝ่ายเกี่ยวเอาไปกินเป็นปีโป้ได้ตามใจ โดยเหลือตาหนึ่งข้างหรี่เปิดไว้ดูสถานการณ์ เผื่อเต็นท์ไหนผลุบโผล่ขึ้นมาจะได้ดึงกันเข้าสุมทุมพุ่มไม้ทัน

แล้วผมกับชีเปลือยในผ้าขาวม้าผืนเดียวก็อาจจะนัวเนียเนียนัวกันอยู่จนฟ้าสางถ้าไม่เพราะเสียงโซปราโน่คุ้นหูที่เริ่มเปิดวงหอนรับกันมาเป็นช่วงๆ แค่เพียงเสียงหนึ่งเสียงนี้สติสตังค์ผมที่โดนไอ้มิคเป่ามนต์ให้ปลิวหายไปกับอาการพิศวงพิศวาสก็หดวูบกลับร่างด้วยความเร็วเฟอร์รารี่

ทันทีที่หูได้ยินเสียงหมาผมคว้าคอไอ้มิคที่ยังแนบหน้าติดกันอยู่ กดหัวอีกฝ่ายพร้อมหัวตัวเองให้มุดเข้าเต็นท์แบบหมดความสนใจในสิ่งอื่น แล้วทิ้งตัวลงนอนเบียดไอ้อ่อนที่ห่มผ้าขึ้นมาถึงคาง ไม่มีวี่แววจะเปิดตามาเอ่ยถามถึงถ่านไฟฉาย ‘หมามันก็หอนไปตามที่มันเห็น’ เสียงลุงผู้ใหญ่เหมือนจะดังแว่วอยู่ในบรรยากาศ

ไม่ต้องรอให้เสียงลุงแว่วอยู่นานผมก็หลับตาหนีสิ่งไม่พึงประสงค์ ดึงผ้าคลุมขึ้นมาถึงคอพลางท่องพุทโธ ธัมโม สังโข วนไปเวียนมาเป่ารดตัวเองและเพื่อนร่วมเต็นท์พลางนึกนับถือคนที่ยังนั่งเช็ดผมไปแกร็กกรากอย่างไม่กลัวผีสางเทวดา

เป็นครู่กว่าไอ้มิคที่โดนผมกดหัวเข้าเต็นท์ทั้งผ้าขาวม้าจะทิ้งตัวนอนมาชิดติดกัน ผมรีบเปิดโปงผ้าบังคับเอาอีกฝ่ายมาเป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ คว้าหัวชื้นๆให้มาหนุนแขนไม่แน่นกล้ามแล้วตวัดขาพาดซิกซ์แพ็คชนิดล็อคติดตาย

ลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่าเข้าซอกคอกับมือสากๆที่ล้วงเข้ามาลูบอยู่ติดหลังช่วยให้เสียงแว่วๆของลุงผู้ใหญ่แว่วห่างออกไปทีละน้อย แต่เสียงหอนหลอนๆที่ดังไม่มีตกก็ทำให้บรรยากาศไม่น่าไว้วางใจ ต้องป่ายขาวาดแขนยึดคนจิตแข็งไว้มั่นๆ พลางกระถดเอาหลังไปแตะไอ้อ่อนที่ก็เหมือนว่าจะเขยิบมวลเข้าหาไออุ่นของเพื่อนร่วมเต็นท์ไม่แพ้ผม ถึงคืนนี้เต็นท์สามคนนอนจะนอนกันแค่สามคนแต่ความใกล้ชิดเบียดติดก็ไม่ผิดกับหกคนนอนแม้แต่น้อย


โปรดติดตามตอนต่อไป
=========================================================================

พักยกกันดีกว่า ตอนที่แล้วเล่นเอาซะร้อน  ตอนนี้มาหลอนกันแทนดีกว่าเน๊อะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 06-09-2010 21:01:13
อดใจไหว
ช้าๆ
เหลืออีก 7 ตอนใช่มั้ย
NC มันทุกตอนเลย
ชดเชยให้มิคมัน
555 :haun4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 06-09-2010 21:08:59
5555 หลอนจิง ๆด้วย อ่านไปดูซ้ายดูขวาไป
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 06-09-2010 21:13:59
horrorจริงอะไรจริง ลองของดีนัก กร้ากกกกกกกกกกกกกกส์
และนี่คืออีกข้อดีของการมีแฟนฝรั่ง ฮีไม่กลัวผี โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

((ขออีกครั้งเหอะ..... มิค...คนดี กี๊ดดดดดดดดดด))
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 06-09-2010 21:22:00
มิคเอ๊ยยย  หวานไม่แคร์สื่อจริง ๆ

+1 ให้คนโพสต์ด้วย
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 06-09-2010 21:34:37
มิคทำไมถึงได้รักกิมได้มากขนาดนั้น
ว่าแต่มิคหวานไม่แคร์สายตาใครเลย
กิมโชคดีจังที่มีคนรักแบบมิค
ที่สำคัญตอนนี้มิคเป็นที่พึ่งพาได้ไม่กลัวผี :laugh:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Killua ที่ 06-09-2010 21:43:57
อิจฉากิมจังอ่ะ ถ้ากลับจากค่ายแล้ว จะให้มิคจัดหนักรึป่าวอ่ะ สงสารมิค ไม่ได้ปลดปล่อย คิคิ
ปล.ไรเตอร์เขียนไป มองซ้ายมองขวาไปด้วยรึป่าวอ่ะ ฮ่าๆๆ
 :pig4: ไรเตอร์ + โพสเตอร์
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 06-09-2010 21:52:28
ฝากถามคุณหมีหน่อยค่ะว่า อันนี้มันอารมณ์หนายยยยยยย 555 ตอนก่อนบิ้วซะ ตอนนี้ฮาซะงั้น แต่มิคยังเท่แบบยึดมั่นถือมั่น ไม่ยอมเสียฟอร์มบ้างเลย อุๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอ&#
เริ่มหัวข้อโดย: Miyabi ที่ 06-09-2010 21:52:56
หวานแบบหลอนๆ แฮะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: van ที่ 06-09-2010 22:25:21
อยากจะมอบรางวัลแฟนยอดเยี่ยมให้แก่มิคเลยค่ะ
รักหมดทั้งใจแสดงออกชัดเจนและมั่นคงแบบนี้แหละ  o13
ขอบคุณทั้งคนเขียนและคนโพสนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 06-09-2010 22:45:59
หลอนก็หลอน ขําก็ขํา แถมยังมีแอบหวานด้วย
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 06-09-2010 22:46:50
 :L2: รักคนแต่ง

 :กอด1: คนแปะเรื่อง

 :pig4: ขอบคุณอีกครั้งนะจ๊ะที่เอาเรื่องของคุณหมีมาลงให้อ่าน

เราชอบงานคุณหมีมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ตอนอยู่บอร์ดหวานฉ่ำชื่นใจแล้ว อ่านแล้วให้ความรู้สึก อบอุ่น นุ่มนวล โป๊กฮา เริงร่าอยู่ในใจดีจัง :o8: :-[ :L2: :กอด1: :mc4: o13 :z2:


หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 06-09-2010 22:53:32
มิคพระเอกสุภาพบุรุษ No.1 :man1:

กลับจากค่ายก็จัดให้หนักเลยนะมิคนนะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 06-09-2010 23:14:08
นี่หลอนล่ะใช่ป่ะ แล้วทำไมตอนอ่านเค้ายิ้มหว่ะ มิคแมร่งทุกที่ทุกเวลาจริงๆ :-[
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 06-09-2010 23:16:15
รักจัง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 06-09-2010 23:52:12
ไม่กล้าอาบน้ำ T[]T
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 07-09-2010 00:21:54
หลอนปนหวาน :jul3: :jul3:
ชอบมากค่ะ :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(5/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 07-09-2010 01:19:33
หวานไปกลัวไปอ่ะ
เป็นระยะำกำไรล้วนๆ สำหรับมิกเลยนะเนี่ย แต่ก็คงต้องสวดมนต์เหมือนกัน
ไม่ได้กลัวผี แต่กลัวใจตัวเองจับกิมกดกลางค่าย

มุกเล่าเรื่องผีกลางค่ายสุดยอดมาก  กลัวสุดๆ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(6/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 07-09-2010 09:09:02
หมาหอน ก็ยังไม่น่ากลัว
ถ้ามีมิคอยู่ด้วยใช่ไหมกิม

มิคหวานไม่แคร์สื่อจริงๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(6/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 07-09-2010 09:26:17

หวานด้วยหลอนด้วย

รักจังมิค   :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(6/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 07-09-2010 10:25:44
ไม่ไหวจะเคลียร์กับสิ่งลี้ลับนะคะ ไปค่ายทีไร จะเจอของดีทุกที
แต่คนอื่นนะ ไม่ใช่เค้า เค้าไม่อยากเจออออ o22
มิคกับกิมหวานมากจนหมาอิจฉาหรือเปล่า หมามันก็เลยหอน 555
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(6/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: koraorni ที่ 07-09-2010 12:38:29
บรรยากาศสมกะชื่อตอนจริงๆๆ ทั้งหลอนแล้วก้อฮา
แต่กำลังสงสัยว่าตอนสุดท้ายที่หมาหอนนี่
อาจจะเป็นไปได้ว่าหอนน้องกิมของเราซะมากกว่า
หวานจนหมาอิจฉาอะป่าว
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(6/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 07-09-2010 20:19:47


เอิ่มมมมมม มมมมม ม ม ม...กะเรื่องผี ๆ เนี่ย...กะเค้าเนี่ยไม่ค่อยเท่าไหร่นะ

แต่ไอ่อาการหวานไม่แคร์สื่อของมิคเนี่ย...แหมะ...อยากจะดอดไปอยู่เต็นท์ข้าง ๆ ซะจริง...คริคริ

สงสารก็แต่กิมเหอะ...ต้องผวาทั้งผี ทั้งคน...เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มิคจะกระทำการอุกอาจ

เฮ้อออออออ อ อ อ อออ...ไม่สงสารคน ก็สงสารผีสางเทวดาบ้างนะมิคนะ...เด่วเค้าจะเป็นเบาหวานกันไปเสียหมด...กร๊ากกกกกกกก  กก ก ก กกกส์ >/////<
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที12-Horror.....(6/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 07-09-2010 20:34:09
หวานปนหลอน สนุกมาก .....
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 07-09-2010 23:00:11



รักจัง.........ตอนที่13



จากหยาดเหงื่อและแรงงานบวกกับความตั้งใจจริงที่อยากลดลงซักคืนก็ยังดี ทำให้ในที่สุดโรงเรียนเพื่อน้อง ณ หมู่บ้านดอนดอกประดู่ก็สำเร็จเสร็จได้อย่างสวยงามในเวลาห้าวันสี่คืน เป็นการออกค่ายอาสาที่ทำให้รู้กำลังแฝงของนักศึกษาอย่างที่ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน

ถึงจะเร่งมืออยากให้เสร็จกันเร็วไวขนาดว่าตอนสร้างไม่ค่อยจะได้หยุดชื่นชมผลงาน แต่ตอนนี้ที่ทุกอย่างเสร็จสิ้นทุกคนก็อดไม่ได้ ต้องยืนมองผลงานที่สร้างกันมากับมือพลางเอ่ยปากชมกันเองไม่มีหยุด หลังอาหารเช้าของวันที่ห้า

โรงเรียนเพื่อน้องตามแปลนที่วาดกันมา สร้างขึ้นบนที่นาบริจาคครึ่งไร่ ประกอบด้วยสามห้องเรียนที่มีหลังคา โต๊ะเรียน ตู้ใส่หนังสือและกระดานดำใหม่เอี่ยม ด้านหน้ามีแท่นเสาธงพร้อมธงชาติไทยใหม่แกะกล่องปลิวไสว ด้านหลังห่างไปหลายสิบเมตรมีห้องส้วมแบบถูกสุขลักษณะซึ่งมีส้วมใหม่เอี่ยม แยกฝั่งเด็กชายเด็กหญิงฝั่งละหกห้อง แถมภายในห้องเรียนยังหนังสือเรียนหนังสืออ่านเล่นหลายร้อยเล่มใหม่บ้างเก่าบ้างแถมไว้ให้เสร็จสรรพ

ตามที่ลุงผู้ใหญ่บอก หมู่บ้านดอนดอกประดู่มีเด็กๆคละอายุอยู่เกือบร้อย ที่จริงโรงเรียนเก่ามีอยู่แต่สภาพสุดโทรมและห่างไกลหมู่บ้านหลายกิโล พอมีคนบริจาคที่ดินให้ใกล้วัดก็เลยได้โอกาสให้คนมาทำความดีลงแรงสร้างโรงเรียนใหม่เอี่ยมกันขึ้นมา

“ฮะแฮ่ม กระผมผู้ใหญ่บ้านดอนดอกประดู่ ขอเป็นตัวแทนชาวบ้านทุกคนขอบใจพวกคุณมากที่มีน้ำใจมาสร้างโรงเรียนให้หมู่บ้านเล็กๆของเรา”

ลุงผู้ใหญ่กล่าวเสียงดังฟังชัดจากหน้าเสาธง ด้านหลังมีชาวบ้านช่วยกันตบมือเปาะแปะ แต่ละคนหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส โดยเฉพาะเด็กๆที่เริ่มวิ่งสำรวจโรงเรียนใหม่กันอย่างตื่นเต้น

“พวกเราขอสัญญาว่าจะใช้โรงเรียนนี้เป็นที่กระจายความรู้ ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เด็กๆและหมู่บ้าน ขอให้ความดีนี้ส่งให้พวกคุณทุกคนเจริญก้าวหน้ากันถ้วนทั่ว ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้
เป็นคนดีผีคุ้ม ไม่หนีเสือปะจระเข้ ซื้อหวยงดไหนให้เป็นถูก…” ลุงผู้ใหญ่ยิ่งพูดยิ่งมันส์ จนถ้าไม่โดนลูกบ้านแอบสะกิดวันนี้อาจต้องยืนกันถึงเย็น

“ฮะแฮ่ม และเพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจ ทางเราได้ปรึกษากันว่าจะจัดทัวร์ป่าแท้ๆแจกเป็นรางวัล!” โดนสะกิดเข้าไปอีกหลายทีคนพูดถึงนึกได้หันมากระแอมไอบอกพร้อมยิ้มแฉ่ง

“ขอบคุณมากครับลุงผู้ใหญ่ ขอบคุณทุกคนเลยครับ แต่ว่าค่ายอาสาครั้งนี้พวกเรามาด้วยใจไม่ต้องการของตอบแทนหรอกครับ” พี่บี้ประธานค่ายยกมือไหว้กราดเหมือนสสหาเสียง โดยมีลูกค่ายงึมงำสนับสนุน

“ใช่ค่ะ พวกเราแค่เอาแรงมาลง วัสดุอุปกรณ์ทุกอย่างได้รับบริจาคมา แค่น้องๆได้ใช้ประโยชน์จากโรงเรียนนี้พวกเราก็หายเหนื่อยแล้วค่ะ” รองประธานฝ่ายสวัสดิการจัดการเสริมลูกคู่เต็มที่

“โอ้ย ไม่ได้หรอกคู๊ณ” ลุงผู้ใหญ่ส่ายหน้าจนหนวดปลิว “พวกเรารู้ว่าพวกคุณไม่หวังผล แต่ว่าอยากตอบแทนนี่ เล็กๆน้อยๆก็ยังดี ถือว่าเป็นน้ำใจจากชาวบ้าน”

“ทัวร์เดินป่าแท้ๆอย่างนี้ไม่ได้หาง่ายๆ ยิ่งคนกรุงแล้วไม่ต้องพูดถึง หมู่บ้านผมถึงไม่ค่อยมีอะไรแต่ยังดีมีป่าเขาอุดมสมบูรณ์ พวกเราส่วนมากเลี้ยงชีพก็ด้วยการเข้าป่าไปหาผลหมากรากไม้ ไปยิงหมูยิงเก้งมากินมาขาย รับรองเรื่องอย่างนี้คนกรุงอย่างพวกคุณไม่เคยใช่ไหมล่ะ”

ลุงผู้ใหญ่ว่าอย่างออกรส มีการยกปืนอากาศยิงหมูยิงเก้งประหนึ่งระพีไพรวัน เล่นเอาหลายคนเริ่มเอนเอียง คล้อยตามจนพยักหน้าหงึกหงัก

“มีเก้งมีหมูป่าแสดงว่าที่ทางยังสมบูรณ์มาก แล้วอย่างนี้จะไม่อันตรายเหรอครับ เกิดไปเจอเสือเจอหมีจะทำยังไง” ไอ้จั๋วที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากผมส่งเสียงถามอย่างกระตือรือร้น เห็นชัดๆเลยว่าหัวเอียงเข้าข้างลุงผู้ใหญ่นำหน้าไปแล้ว

“ไม่ต้องห่วงๆ พรานที่จะนำพวกคุณไปน่ะมือแข็งตีนแข็ง แกะรอยเก่งเป็นที่หนึ่ง รับรองไม่พาไปวิ่งแข่งกับเสือแน่ๆ ส่วนหมีนี่ผมอยู่มาหลายสิบปีก็ยังไม่เคยเจอนา อีกอย่างเราจะไม่ค้างคืน แค่ออกเดินตอนเช้าเย็นๆก็กลับ รับรองรอดปลอดภัย”

ได้ยินผู้ใหญ่บ้านรับประกันมาแข็งขันอย่างนี้หลายคนก็เริ่มส่งเสียงงึมงำว่าอยากมีส่วนร่วม สุดท้ายเลยให้ลงชื่อใครจะอยู่ๆ ใครจะกลับก่อนกลับ จะได้ไม่ต้องดึงกันไปมาทั้งสองฝ่าย สรุปสุดท้ายว่าคนขอเข้าร่วมทัวร์ป่าแบบแท้ๆชนิดมีผู้ใหญ่บ้านรับประกันว่ารอดปลอดภัยมีสิบเก้าชีวิต ส่วนที่เหลือเตรียมเก็บเต็นท์ขนของกลับบ้านไปตามอัธยาศัย


หลังจากช่วยกันเก็บเต็นท์เก็บขยะเป็นที่เรียบร้อย ตะโกนส่งเพื่อนส่งน้องบนรถทัวร์กลับบ้านไปก่อนก็ได้เวลาสะพายเป้ที่มีห่อข้าวห่อหมูห่อขนมขึ้นหลังแล้วมายืนเรียงกันเป็นแผง เตรียมตะลุยป่าสามัคคี เบ็ดเสร็จได้ฤกษ์ตอนอีกเก้านาทีสิบโมง

“เอ้า ดีๆ มา มารู้จักพรานนำทางกันก่อน” ผู้ใหญ่บ้านที่ยังคงอารมณ์ดีหันไปหาคนที่ยืนอยู่ข้างๆ “นี่พรานเกลี้ยง จะนำทางพวกคุณไปเจอประสบการณ์แปลกใหม่ในครั้งนี้”

ถึงคำพูดจะฟังทะแม่งๆแต่ทุกคนก็ยกมือไหว้พรานเกลี้ยงกันถ้วนหน้า พรานเกลี้ยงที่ดูแล้วสามารถเรียกได้ว่าลุงยิ้มกว้างขวางพลางยกมือรับไหว้แบบท่วมหัว ก่อนหันไปสูบยาเส้นตามเดิม ปล่อยหน้าที่แนะนำบอกกล่าวเป็นของคนข้างๆ

“อย่างที่ผมบอก พรานเกลี้ยงนี่มือแข็งตีนแข็ง ถือเป็นพรานมือหนึ่งของหมู่บ้าน แต่ยังไงในป่าในเขามันก็มีสิ่งที่เราไม่รู้ ถึงจะมีพรานมือฉมังทิ้งรอยตีนให้เดินตาม แต่ยังไงก็ต้องระมัดระวังตัวเองเอาไว้ด้วย นี่ไม่ได้พูดให้ไม่สบายใจนะ แต่บอกกล่าวกันไว้ว่าความประมาทเป็นหนทางแห่งความซวย ถ้าไม่อยากซวยก็ตามตีนพรานเกลี้ยงให้ดีๆ… เอ้า พูดมากไปใช่จะรู้ ยังไงเชิญทุกคนออกเดินทางเลยดีกว่า ขอให้สนุกกันทั่วหน้า!”

คำบอกกล่าวของลุงผู้ใหญ่เล่นเอาหลายคนหน้านิ่วคิ้วขมวด ฟังยังไงก็ทะแม่งแท่งเกินจะยิ้มรับ รู้สึกเหมือนโดนหลอกให้มาตกกระไดพลอยโจรยังไงชอบกล แต่จะกลับลำเพราะคำเตือนตอนนี้ก็ท่าจะไม่ทันเลยได้แต่ก้มหน้า เดินตามรอยตีนลุงเกลี้ยงมุ่งหน้าเข้าป่าไปหาประสบการณ์แปลกใหม่ด้วยหัวใจตุ้มต่อม

ขบวนทัวร์ป่าสามัคคีนำด้วยพรานมือฉมังที่ยังยกยาเส้นขึ้นสูบอยู่ไม่รู้เลิก ถัดจากผู้นำตามด้วยหนุ่มสาวหลายคู่ที่ถือโอกาสชี้ชวนกันชมนกชมไม้กระชับความสัมพันธ์ ถัดมาอีกหน่อยเป็นสาวที่เดินกันเองเป็นคู่ๆแล้วรั้งท้ายด้วยกลุ่มชายโสดหลายระดับอายุ ส่วนกลุ่มผมที่เกาะกันมาทั้งขบวน
เดินอยู่กลางๆออกมาทางท้ายๆ ตบเท้าเรียงสองแกะรอยตีนลุงเกลี้ยงตามไปด้วยความไม่ประมาท

“ไอ้บีมึงมียากันทากมาเปล่าวะ แม่ง รู้งี้เปลี่ยนขายาวมาก็ดี” เสียงไอ้โยมแว่วมาจากข้างหน้า ท่าทางเหมือนเจอทากดักเกาะ

“ไม่มีว่ะ มีแต่แป้งเย็น” ไอ้บีตอบมาให้ได้ยิน แล้วช่วยส่งเสียงถามไปข้างหน้า

“ทำไม โดนทากเข้าหรือไงมึง” ไอ้เดย์หันมาถามเหมือนจะห่วง “เอาน่า ถือว่าทำบุญ”

“บ้าแล้วไอ้เดย์ อย่างไอ้โยมมันต้องเรียกว่าทำบาป ทากแม่งดูดเลือดชั่วๆเข้าไปป่านนี้พากันตายยกรังไปแล้วแน่ๆ” ประโยคนี้แว่วมาจากไอ้จั๋ว

“เอาก.ย.สิบห้าแทนได้เปล่าพี่ พอดีพกมาแต่ก.ย.กันยุง” เสียงนี้แว่วมาจากรุ่นน้องคนใดคนหนึ่ง

ทัวร์ป่าสามัคคีเดินกันมาน่าจะหลายกิโล วัดเอาจากปริมาณเหงื่อของแต่ละคนที่เริ่มซึมจนเสื้อแฉะแต่หน้าตายังเบิกบานแจ่มใส เพราะลุงเกลี้ยงแสดงฝีมือได้สมคำคุย หลังจากอัดยาเส้นเข้าปอดติดต่อกันหลายมวนก็ยอมเปิดปากตอบคำถามของเหล่าสมาชิก เดินไปเจออะไรที่คิดว่าเด็กที่เดินตามอยู่ไม่เคยพบเคยเห็นแกก็เอ่ยปากสอนอย่างออกรส แล้วยังแกะรอยพาไปเจอเก้งแม่ลูกให้ได้ตื่นเต้นกันไปยกใหญ่

ผมที่จิตยังระแวงคำพูดทะแม่งแท่งของลุงผู้ใหญ่บวกกันโดนหลอนจากเสียงหอนมาหลายคืน แรกๆเลยแทบไม่ได้เงยหน้าชมนกชมไม้ชมเถาวัลย์ เอาแต่แกะรอยตีนลุงเกลี้ยงตามคำเตือนไปอย่างขมักเขม้น มาได้เงยคอเห็นฟ้าหันหน้าเห็นดอกไม้ใบหญ้าก็ตอนได้ยินเสียงเหน่อๆของคนนำขบวนสอนนู่นนี่อย่างไม่หวงวิชา ส่วนไอ้มิคที่เดินตามกันมานี่ตะโกนถามคำถามไปแล้วหลายที สีหน้าท่าทางดูแล้วสบายใจเหมือนมาทัวร์ซาฟารี

อาการหวาดระแวงของผมนอกจากจะทำให้สองตาเห็นแต่พรานเกลี้ยงสองหูยังปิดรับสรรพเสียงซะมิด กว่าจะรู้ตัวว่ามีคนย้ายจากหน้ามาท้ายขบวนก็ตอนที่ได้ยินเสียงใสๆหลายเสียงเจื้อยแจ้วอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล พอเหล่ไปเจอที่มาของเสียงปุ๊บตาขวาผมก็เริ่มกระตุกถี่ๆปั๊บ กระตุกแบบตะปบไม่ค่อยจะอยู่ไม่ผิดกับที่เป็นมาสามวันทำงาน เนื่องจากสาวเสิร์ฟนักศึกษาที่วนเวียนมาเสิร์ฟน้ำแปดรอบต่อวันตอนนี้อยู่แถวนี้กันอย่างพร้อมหน้า

เหล่ใกล้ตัวมาอีกหน่อยว่าเป้าหมายสาวมีอาการอย่างไรตอนตอบคำถามคำชวนคุย ก็เห็นว่านิ่งดีไม่มีหลุด สาวชวนคุยกันเจื้อยแจ้วไอ้มิคก็ฟังบ้างตอบบ้างไปตามเรื่อง หัวข้อสนทนาที่ได้ยินโดยไม่ต้องเงี่ยหูฟังเนื่องจากคนที่สาวเดินมาตามก็เดินอยู่เยื้องหลังผมไม่กี่ก้าว บอกให้รู้ว่าคนตอบไม่ได้ใส่ใจจะโปรยเสน่ห์ปล่อยฟีโรโมนส์ แต่ทำไมได้ยินแล้วหัวใจมันกระตุกถี่ๆ รู้สึกแปลกๆเหมือนวันหนึ่งวันนั้นในร้านไอติมโบราณกลางตลาด

ฟังไปฟังมาเสียงลุงเกลี้ยงก็พาลหดหายกลายเป็นเสียงสาว แต่เสียงเข้มๆอีกหนึ่งเสียงกลับยังดังชัดไม่ลดระดับ ฟังไปๆก็ให้รู้สึกอยากปล่อยมือจากตาขวาไปตะปบปิดปาก หยุดเสียงเข้มๆไว้แค่นี้ แต่เนื่องจากสติยังมียังอยู่กับความเป็นจริงเลยทำได้แค่เดินห่างออกมาหน่อย ทิ้งระยะเพิ่มให้เสียงมันเจือจางไปเอง

“เป็นอะไรไอ้กิม เหนื่อยหรือไง หน้าหดเป็นตูดลิงเชียว” เสียงไอ้โอ้แว่วมาให้ได้ยินพร้อมมือหนักๆตบมาบนไหล่ “กินขนมเปล่า ท่าทางจะอีกพักกว่าจะได้หยุดกินข้าว”

ผมมองไอ้โอ้ไอ้โยมแล้วถึงได้รู้ว่าเดินหนีเสียงเข้มๆผ่านใครมาหลายคน แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องไปมองของที่ไอ้โอ้ยื่นมา

“กินเหลือแล้วเอามาให้กู ขอบใจว่ะ” ผมว่าพลางคว้าขนมปังไส้เผือกที่เหลืออยู่ก้นถุงมาใส่ปาก เคี้ยวแรงๆระบายความอึดอัดขัดข้อง

“ของเหลือที่ไหน พูดอย่างนี้เดี๋ยวปั๊ดล้วงออกมาจากปาก” ไอ้โอ้ยัดถุงเปล่าใส่เป้แล้วยกขวดน้ำขึ้นดื่มอั่กๆก่อนส่งต่อมาให้แบบแสนจะมีน้ำใจ แต่พอเห็นท่าเรอลงลูกคอแบบไม่เกรงใจเพื่อนฝูงแล้วผมกับไอ้โยมเลยเกี่ยงกันรับน้ำใจเพื่อนไปตามๆกัน

“แล้วนี่ทำไมมึงมาอยู่ตรงนี้” ไอ้โยมหันหัวซ้ายขวาเหมือนจะหาเป้าหมาย “แฟนฉันไปไหนซะล่ะ”

“แฟนมึงกูว่าคงยังไม่เกิด ดีไม่ดีจะไม่มีวาสนาได้มาจุติ” ผมตอบไปแบบมึนๆ ไอ้โยมยกมือโบกทันใด เสียงป๊าบสะท้อนอยู่ในหัวจนความมึนค่อยจืดจาง

“สาด ถามดีๆเสือกปากเสีย นี่ไอ้มิคปล่อยให้มึงมาเดินน้ำลายย้อย กัดคนไปทั่วได้ยังไงวะ อ๋ออ…”

คำอุทานแสดงความเข้าใจยืดยาวเกินจำเป็นจากปากไอ้โยมเล่นเอาผมชักคันไม้คันมือคันเขี้ยว เกือบกระโดดงับคอคนพูดให้สมกับคำด่า ถ้าไม่เหล่ไปเห็นทิศทางการทิ้งสายตาประกอบการอุทาน

“เจอสาวรุมนี่เอง” ไอ้โยมลากเสียงยาวแล้วต่อด้วยความจริงจังเกินจำเป็น

“ใช้ไม่ได้เลยมึงนี่ แทนที่จะเป่าปากส่งซิกเรียกพวกกูไปช่วยจีบ ดันเดินหนีมาซะได้ เสียของจริงๆ”

“พูดจาดูหน้าตัวเองหน่อย นั่นเขาระดับดาว ให้เป่าจนปากกูจู๋เป็นนกขุนทองก็ยังไม่แน่ว่าจะได้เข้าใกล้”

ผมตอบทำลายความฝันเพื่อนพ้องเบี่ยงประเด็น ตบอกแรงๆพลางดึงสมาธิกลับสู่ลุงเกลี้ยง ก็พอดีกลับที่ลุงยกมือเป็นสัญญาณหยุดขบวน เสียงเหน่อๆส่งมาว่าได้เวลาพักกินข้าวปลาอาหาร

ได้ยินว่าหยุดพักกินข้าวแต่ละคนละคู่ก็กระจายกันหาที่นั่งตามดินตามหญ้าแล้วควักข้าวเหนียวนึ่งกับหมูทอดที่ได้รับแจกมาจากป้าแย้มและคณะเมื่อเช้าขึ้นมาปั้นใส่ปาก ผมเหล่ซ้ายแลขวาแล้วต้องถอนหายใจหลายเฮือกเนื่องจากเสบียงกรังที่นำมาอยู่ในเป้บนหลังไอ้มิค ตกลงกันไว้ว่าเอาเป้เข้าป่ามาใบเดียวเดี๋ยวผลัดกันถือ

ถึงจะถอนหายใจทิ้งไปหลายเฮือกแต่หัวยังหันไม่ไป เป็นไปได้อยากทิ้งก้นนั่งลงข้างไอ้โอ้ไอ้โยมแล้วดึงเศษไม้ใบหญ้ามากินแทนข้าวประชดหัวใจสะออน แต่เนื่องจากชีวิตจริงไม่ใช่นิยายสุดท้ายก็ต้องย่ำทางเก่าเดินไปหาคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ขอแบ่งข้าวปลาอาหาร

ผมกลับหลังหันแล้วต้องผงะถอยเพราะร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่แทบชิดติดหลัง ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามหรือเหล่ซ้ายขวามือแข็งๆก็ยื่นมาดึงให้เดินตามไปทิ้งก้นนั่ง ไอ้มิคปลดเป้ล้วงข้าวล้วงหมูแล้วส่งขวดน้ำมาให้เป็นอย่างแรกพร้อมสายตาเหมือนจะติดใจสงสัย แต่ผมชิงยิ้มตัดหน้าตอบไปก่อนอีกฝ่ายจะได้เปิดปากถามแล้วเปิดน้ำล้างมือล้างหน้าก่อนบิข้าวเหนียวเข้าปากเหมือนหิวโซ

ผมเคี้ยวข้าวเหนียวเคี้ยวหมูพลางมองหน้าอีกคนที่ยกน้ำขึ้นดื่มด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก ไอ้มิคที่หันมาเจอส่งยิ้มมาจางๆก่อนลงมือดึงข้าวเหนียวใส่ปากแล้วชวนคุยเรื่อยเปื่อย ผมยกน้ำขึ้นดื่มไล่อาการฝืดคอที่ไม่แน่ว่าเกิดจากข้าวเหนียวและหมูหรืออย่างอื่นแล้วตอบอือออไปตามเรื่อง ปล่อยอาการใจกระตุกดำเนินต่อไปโดยใช้การเคี้ยวข้าวปิดปากที่ยิ้มไม่ออก

แล้ววงข้าวที่เริ่มต้นกินกันแค่สองก็ขยายขนาดขึ้นจนต้องกระถดก้นดึงห่อข้าวเหนียวหลบ ไอ้โยมไอ้โอ้ไอ้เดย์ที่ตอนแรกยังนั่งห่างไปหลายช่วงตัวตอนนี้ย้ายสังขารตามกลิ่นสาวจนมาอยู่วงเดียวกัน คาดว่าได้กินข้าวแกล้มการหม้อจะทำให้อาหารมีรสชาติขึ้นอีกโข ผู้ชายอีกหลายคนถึงได้เดินมาหย่อนก้นนั่งอยู่แถวนี้ตามสาวเสิร์ฟนักศึกษาที่ยกกันมากินข้าวร่วมกับคนที่นั่งอยู่ข้างผม

ไอ้มิคที่โดนตีวงล้อมยังคงกินข้าวไปตามเรื่องและหันมาดูแลเทคแคร์คนที่นั่งอยู่ติดกันอย่างผมเหมือนเคยๆ เดี๋ยวส่งกระดาษเช็ดมือ เดี๋ยวถามว่ากับพอไหมเอาข้าวอีกรึเปล่า ถึงขนาดบิดขวดน้ำเปิดให้ก่อนยื่นมาจนสี่สาวเกอร์รี่เบอร์รี่ถึงกับข้าวติดคอ ไอ้โยมไอ้โอ้เลยได้โอกาสทำคะเน ชิงเทคแคร์สาวจนแทบจะป้อนข้าวให้ถึงปาก เสียแต่ว่าเกอร์รี่เบอร์รี่ไม่มีตาไว้แลใครนอกจากพากันหรี่ตาเหล่มาทางผมอย่างให้รู้ว่าเคือง แล้วหันไปพูดคุยจ๊ะจ๋ากับเป้าหมายต่ออย่างไม่ท้อถอย

ผมยกน้ำขึ้นดื่มอึกใหญ่ปิดท้ายก่อนผ่อนลมหายใจ ถึงจะเห็นอยู่ว่าไอ้มิคยังเป็นไอ้มิคคนเดิมคนดี เป็นแฟนประเสริฐน่าได้โล่ เป็นผู้ชายแห่งปีทูบีนัมเบอร์วัน ตาไม่เหล่ไม่เข ความประพฤติไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ผมที่นั่งร่วมอยู่ในวงสนทนา ได้เห็นสายตาใครต่อใครที่มองคนข้างๆ ได้รับรู้ความสิเน่หาแบบท่วมท้นล้นหัวอกของใครหลายคน ยังไงมันก็ให้ทำใจไม่ค่อยจะได้ ไม่ว่ายังไงผมก็ยังรู้สึกหวิวโหวงในอกไม่ผิดกับหลายครั้งที่ผ่านมา

กินกันจนจุกก็ได้เวลาลุกขึ้นเดิน ลุงเกลี้ยงเก็บของเข้าย่ามแล้วตะโกนบอกลูกคณะว่าได้เวลาทัวร์ป่าสามัคคีกันต่อ อีกชั่วโมงกว่าๆตามนาฬิกาแก ถ้าไม่เจอสัตว์ให้หยุดส่องเราก็จะเจอน้ำตกขนาดย่อมให้ได้ลงไปจับปลามาย่างเป็นข้าวเย็น พาเอาหลายคนตาใสไปตามๆกัน

ผมเก็บขยะลงถุง สำรวจบริเวณรอบตัวว่าไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ให้รกป่าแล้วก็ออกเดินตามไอ้มิคไอ้เดย์ไปด้วยการคิดใหม่ทำใหม่ ถึงจะยังมีเกอร์รี่เบอร์รี่ร่วมขบวนอยู่ไม่ห่าง ถึงในอกจะยังปั่นป่วนไม่รู้เลิก แต่เนื่องจากจำเลยไม่มีความผิดแม้ซักกะพี้ ผมก็ต้องทำตัวให้ปกติสามัญ ไม่งั้นจะเป็นการไม่แฟร์กับคนที่หยุดรอให้เดินไปทันกัน
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 07-09-2010 23:00:44
เดินมาไม่เท่าไหร่หัวขบวนก็เอะอะโวยวาย แล้วหลบวูบเข้าพุ่มไม้กันไม่บอกไม่กล่าว ท้ายขบวนอย่างพวกผมเลยต้องรีบกระโจนเข้าข้างทางหาซอกหาหลืบเอาตัวรอดกันตัวใครตัวมัน นึกว่าเจอเสือสมิงสิงโต ที่ไหนได้ ลุงเกลี้ยงแกะตามรอยหมู่ป่ามาจนเจอ ซุ่มกันอยู่ครึ่งชั่วโมงถึงได้เห็นหมูสีดำตัวอ้วนพีที่สำคัญมีเคี้ยวโง้งเป็นแง่งถึงสามตัว เสียงสูดอากาศฟืดฟาดจากจมูกหมูพาเอากลุ่มทัวร์สามัคคีเกือบแงะไม่ออกจากที่ซุ่มซ่อน แต่ละคนคงรู้สึกไม่ผิดกันว่าตัวเองจะตกเป็นเหยื่อมากกว่านายพราน

รอจนหมูตัวเท่าวัวนวยนาดผ่านไปถึงได้ผลุบโผล่ออกมาตั้งขบวนกันอีกครั้ง ผมโผล่หัวตามไอ้มิคออกจากพุ่มไม้โดยมีไอ้อ่อนตามออกมาแบบกระเซอะกระเซิง เงยหน้ามาถึงเห็นว่าเป้สะพายยังอยู่บนหลังคนข้างหน้า ที่จริงเห็นอยู่ตลอดแต่เหมือนไม่ได้สังเกต

“เอาเป้มา” ผมบอกพร้อมเอื้อมคว้าเป้บนหลังอีกฝ่ายที่ตกลงไว้ว่าผลัดกันถือ แต่คนสะพายเป้มือแรกกลับเบี่ยงตัวหลบแล้วยื่นขวดน้ำมาแทนที่

“ดื่มหน่อย อากาศร้อน”

ว่าไม่ว่าเปล่ายังยื่นมือมาปาดหน้าผากลูบเหงื่อกันไปจนสะดุ้ง ไม่มีแคร์ว่าที่เดินตามหลังกันมาเป็นพรวน ที่อุตส่าห์ย้ายมวลจากหน้ามาหลังจะเห็นไม่เห็นยังไง

ผมรับขวดน้ำมาดื่มอั่กๆดับความกระหายและอาการสะดุ้ง แล้วยื่นมือไปดึงเป้อีกครั้งแต่ไอ้มิคกลับทำเฉยแล้วเดินเข้ามาชิดไหล่ ก่อนดึงขวดน้ำไปจิบแบบแสนจะเป็นธรรมชาติ

“เอาเป้มาให้กูแบกมั่ง ถอดมาให้ว่องเลย” ผมทำเสียงดุเกินความจำเป็นจนคนฟังยิ้มขำ หน้าขาวๆค่อนข้างแดงจากความร้อน ดูแล้วเซ็กซี่เหลือใจ

“กิมเพื่อนรักไม่อยากกินแรงเพื่อน งั้นกูสละเป้กูให้มึงเอง เอาไปเลย” ไอ้อ่อนที่ไม่รู้ว่าเดินมาชิดติดก้นเมื่อไหร่ แสดงความฉลาดพร้อมเสือกเป้บวมเป่งมากลางวง

“โห ขนอะไรมานักวะ นี่กะมากางเต็นท์ค้างกี่คืนวะไอ้อ่อน”

ผมออกปากวิจารณ์ขนาดเป้ แต่ไม่ยื่นมือไปรับ ถ้าหดขนาดเหลือซักครึ่งไอ้กิมอาจทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีอย่างเพื่อนว่า

“กูก็ว่าอยู่ว่าท่าจะขนมาผิดงาน ไม่รู้ไอ้จั๋วไอ้เดย์มันกลัวอดตายกลางป่าหรือยังไง แม่ง ยัดข้าวมาคนละสองสามถุง ขนมนมเนยไม่นับ” ไอ้อ่อนที่ท่าจะเป็นมือแรกแบกเป้บ่นพึมก่อนเหล่มาทางผมแบบจริงจังจริงใจ

“อะ เอาไปดิ ไม่ต้องเกรงใจ เพื่อเพื่อนกูเสียสละให้ โอ้ย!” คำสุดท้ายหลุดมาเพราะมือผมที่ยื่นไปตบหัว

“สาดอ่อน หาเรื่องจริงๆเลยมึง” ผมชิงด่าก่อนไอ้อ่อนจะได้เงยหน้ามาตอบโต้ แล้วด่าเหน็บแถมไปถึงคนข้างๆยาวยืด

“ไม่เห็นหรือไงว่ากูเนี่ยมืออ่อนตีนอ่อนแทบจะเป็นง่อย แค่ขวดน้ำยังถือไม่ได้นับประสาอะไรกับเป้ทั้งใบ ดีแค่ไหนแล้วที่ยังเดินได้ด้วยสองตีน ไม่ต้องนั่งแคร่ให้คนหามรอบทิศ”

ไอ้อ่อนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มองผมเหมือนเจอคนบ้าแล้วตวัดเป้กลับขึ้นบ่าอย่างหมดความพยายาม ส่วนอีกคนที่ท่าจะรู้ตัวว่าทำดีไม่ได้ดี อุตส่าห์เป็นเจนเทิ่นแมนถือของให้แฟนแต่กลับโดนด่าเลยเกี่ยวเป้ออกจากหลังส่งให้ง่ายๆไม่ปริปาก สายตาที่มองมาตอนยื่นเป้ติดจะหม่นจนผมเกือบตวัดขาเตะตูดตัวเอง แล้วก็นึกอยากให้อีกฝ่ายยื่นมือมาตบหัวกันซักทีแทนการมองมาด้วยสายตาอย่างนี้ งี่เง่าจนทู่เรศเลยผม ทั้งที่ตั้งใจไว้ว่าจะทำตัวปกติแต่สุดท้ายความหงุดหงิดก็รั่วออกมาจนได้

หลังสะพายเป้ขึ้นบ่าความเงียบก็ก่อเกิด ความเงียบระหว่างผมกับคนที่เดินอยู่ข้างๆ ไอ้มิคไม่ชวนคุยเรื่อยเปื่อย ไม่ได้ชี้ชวนดูนู่นนี่ เสี้ยวหน้าหล่อเหลาไม่ได้บึ้งตึงแต่ก็ไม่มีรอยยิ้ม เรียกว่านอกจากตัวต้นเหตุอย่างผมจะโดนกดดันไปเต็มเต็ง สี่สาวเกอร์รี่เบอร์รี่ที่เดินเข้ามาชวนคุยก็โดนหางเลขไปถ้วนหน้า จากที่เมื่อเช้ายังถามมาตอบไป ตอนนี้แม้แต่พยักหน้าตามมารยาทก็ไม่เหลือ ไอ้มิคปิดปากสนิท แสดงออกชัดเจนว่าไม่อยู่ในอารมณ์คุยกับใคร

ผมผ่อนฝีเท้าพลางขบคิดว่าจะเริ่มขอโทษยังไงไม่ให้ดูงี่เง่าหงุดหงิดไปกว่านี้ ยังไม่ทันได้คิดประโยคเริ่มต้นไอ้จั๋วก็เดินย้อนขบวนมาจากข้างหน้า ดึงให้ถลาตามไปดูเห็ดป่าเห็ดดอยหน้าตาประหลาดตามประสาชนกลุ่มน้อยผู้เอ็นดูเห็ดคือมันกับผม

ผมก้าวตามแรงดึงผ่านไอ้มิค เห็นจากหางตาว่าร่างสูงใหญ่เหมือนจะหยุดชะงักก่อนเดินต่อเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร ไอ้จั๋วดึงผมวิ่งมาเกือบถึงหัวขบวน ปากก็พร่ำถ่ายทอดความรู้ที่พึ่งล้วงมาจากลุงเกลี้ยงเกี่ยวกับเห็ดที่ลากมาดูไม่ได้หยุด แล้วอยู่ๆไอ้จั๋วก็เบรคดังเอี๊ยดจนผมที่ถูกลากตามหลังชนเข้ากับมันจนหน้าคะมำไปทั้งคู่

ยังไม่ทันจะได้เงยหน้ามาด่ามาดู เสียงหวีดร้องแหลมสูงชนิดทำลายขวัญกำลังใจก็กรี๊ดแทรกกันเข้ามาเต็มหู ไอ้จั๋วที่ล้มไปก้นจ้ำเบ้าตั้งตัวติดได้ก่อนผม ท่ามกลางเรื่องราวที่เกิดในเสี้ยววินาที ไอ้จั๋วกระโดดผลุงขึ้นยืนในจังหวะเดียวกับเสียงคำรามกึกก้องดังกลบเสียงหวีดร้องของสมาชิกทัวร์ป่าสามัคคี

เรื่องมันเกิดในชั่วพริบตาจนไม่น่าเชื่อ หูผมได้ยินเสียงเสือคำรามสะท้อนเข้ามาถึงขั้วหัวใจ แว็บเดียวที่ไอ้จั๋วหมุนตัวกลับแล้วกระชากผมขึ้นจากพื้น สีเหลืองเกือบส้มกับลายดำขาวของเสือโคร่งตัวเท่าวัวก็ปรากฏแก่สายตาห่างไปไม่กี่เมตร ไม่ต้องรอให้ไอ้จั๋วกระตุกแขนซ้ำผมก็ทะลึ่งพรวดแล้วโกยอ้าวชนิดสุดใจขาดดิ้น ในหูยังได้ยินเสียงคำรามก้องป่า เสียงคนแหกปากกรี๊ดกันสุดปอดอยู่อื้ออึง หางตาเห็นอยู่ไกลๆว่าแถวท้ายขบวนก็มีเสืออีกตัว!

นาทีนี้ขบวนทัวร์แตกกระเจิง แต่ละคนวิ่งกันป่าราบแบบไม่คิดชีวิตเพราะเสียงคำรามไล่หลังที่ดังจากหูเข้ามาถึงใจ เสียงกู่ร้องก้องป่าดังกลบหูจนอยากตีปีกบินให้รู้แล้วรู้รอด ติดที่มีอยู่แค่สองขากับสองตีนเลยได้แต่เกร็งน่องสับขาด้วยอดีนารีนไล่กวดไอ้จั๋วไปติดๆ ได้ยินเสียงตั๊บๆๆของรองเท้าผ้าใบหลายคู่วิ่งตามมาแต่ไม่มีเวลาหันไปดูว่าเป็นใครหน้าไหน เพราะในหัวไม่สั่งการอื่นนอกจากการตีปีกสับขาหนีสัตว์สี่เท้า ประสบการณ์แรกของชีวิต

ห้อกวดกันมาเหมือนจะชิงแชมป์โอลิมปิก ป่าเขาลำนำไพรคดโค้งมีขอนไม้แต่ไม่อาจขวางทางตีนใครได้ ไอ้จั๋ววิ่งตัวปลิวกระโดดข้ามรกข้ามพงด้วยเทคนิคล้ำลึกยิ่งกว่าจาพนมวิ่งตามช้าง ส่วนผมที่วิ่งตามตูดมันอยู่ดึงสติสตังค์กลับมาได้ก่อนเพื่อน พอหูไม่ได้ยินเสียงคำราม สอดส่ายสายตาไม่เห็นเงาเสือเลยค่อยผ่อนฝีเท้าเพื่อเปลี่ยนสมาธิมาดึงอากาศเข้าปอดที่กำลังจะฉีก แล้วแหกปากเฮือกสุดท้ายเรียกไอ้จั๋วที่ยังสับขาหลอกอยู่เบื้องหน้า สุดท้ายแม้แต่ไอ้จั๋วภาคจาพนมก็หมดลิมิต ทิ้งตัวนั่งหอบหายใจเป็นหมาหอบแดดมาตามๆกัน

ถึงแม้จะใช้ทั้งปากทั้งจมูกแต่อากาศเหมือนสูดไม่เข้าปอดจนหัวใจแทบกระฉอกออกมาทางปาก ผมอ้าปากฮุบอากาศอย่างเร่งด่วนพลางกวาดตามองไปรอบตัวเท่าที่จะมีกำลังเหลือ มองให้แน่ใจว่าไอ้ที่เผ่นหนีกันมาไม่ได้เกาะกลุ่มตามมาด้วยก็ค่อยคลายความเกร็งกล้ามเนื้อน่องแล้วแทบจะนอนแผ่ไปกับพื้น แล้วก็ต้องเด้งขึ้นมาเมื่อนึกได้ว่าวิ่งเตลิดเปิดเปิงจนลืมไอ้มิคลืมรอยตีนลุงเกลี้ยงไปเสียสนิทใจ

คนที่วิ่งตามๆกันมามีแค่ห้าจากสิบเก้า ไอ้จั๋ว ไอ้เดย์ ผมและน้องผู้หญิงอีกสอง ทันทีที่นับเลขเสร็จก็ต้องทะลึ่งขึ้นยืนด้วยอดีนารีนก็อกสอง แล้วเริ่มหันรอบตัวมองทะลุป่าหาเพื่อนร่วมทริป หัวใจที่ยังไม่กลับเข้าที่ดีดจังหวะขึ้นมาอีกครั้งด้วยความกลัวที่ต่างจากตอนเริ่มต้นโกย ไอ้มิค ไอ้อ่อน ไอ้โยม ไอ้บี คนอื่นๆอีกเป็นสิบจะหนีเสือได้อย่างพวกผมรึเปล่า

ความร้อนใจทำให้ผมเริ่มป้องปากตะโกนเรียกชื่อ ไอ้เดย์ที่ยังก้มหน้าหอบหายใจกับสองสาวที่เริ่มน้ำตานองต่างช่วยกันตะโกนเรียกเพื่อนไปรอบทิศ ส่วนไอ้จั๋วที่วิ่งป่าราบนำหน้าทุกคนมาตอนนี้แผ่ราบอยู่กับพื้น ยังหาแรงมายืนไม่เจอ

“คงวิ่งกันไปทางอื่น”

ผมบอกอีกสี่คนที่เริ่มหันมามองหน้ากัน หลังจากตะโกนเรียกมาพักใหญ่จนเสียงแห้งก็ยังไม่ได้ยินอะไรอื่นนอกจากเสียงสะท้อนของตัวเอง

“ไม่เป็นไรหรอก… พวกนั้นไม่เป็นไรแน่ ลุงเกลี้ยงก็อยู่” ประโยคย้ำความมั่นใจที่บอกตัวเองมากกว่าจะบอกคนอื่น นาทีนี้ผมอยากเห็นหน้าไอ้มิคจับใจ

“แล้วเราจะทำยังไงกันดี ย้อนกลับไปที่เดิมไหม เผื่อ เผื่อ…” เสียงเจือสะอื้นเอ่ยถามไม่จบประโยค แต่พูดมาแค่นี้ทุกคนก็รู้ รู้แต่ไม่มีใครกล้าคิด

“เดินหากันดีกว่า” ไอ้จั๋วออกความเห็นหลังจากเงียบกันไปเป็นครู่ “เดินหาไปก่อน ดีกว่าไม่ได้ทำอะไร”

“แล้วถ้าหลงขึ้นมาล่ะพี่” เสียงเล็กๆจากน้องผมยาวถามมาเหมือนมีเหตุผล

“โธ่น้อง ตอนนี้ก็เรียกว่าหลงอยู่แล้วล่ะครับ” ไอ้เดย์ตอบได้ฟังชิวๆมากมาย แล้วอยู่ๆก็โพล่งออกมา

“มือถือ! ใครเอามือถือมาบ้าง”

เสียงเรียกหามือถือของไอ้เดย์ทำเอาแต่ละคนเหมือนเห็นแสงแห่งความหวัง รีบตบกระเป๋าค้นเป้กันยกใหญ่ สุดท้ายได้มือถือมาหนึ่งเครื่อง

“นี่ไงๆ! มือถือมะลิ” เจ้าของมือถือชูของในมือให้เห็นกันถ้วนทั่วท่ามกลางเสียงโห่ร้องของอีกสี่คนที่เหลือ ไอ้เดย์ถึงขนาดกำหมัดชกลมวืดวาด

“แล้ว แล้วจะให้โทรหาใครคะ?” มะลิถามสีหน้ามีความหวัง

“191 เลยน้อง” ไอ้จั๋วยกมือตอบเป็นเสียงแรก “เราไม่มีเบอร์ลุงผู้ใหญ่ โทรหาตำรวจแจ้งไปก่อนว่าหลงป่าขอกำลังเสริม”

“เฮ่ย ให้น้องเขาโทรหาเพื่อนที่มาด้วยกันก่อนดีกว่า เช็คดูก่อนว่าเป็นยังไง ไม่แน่อาจอยู่ไม่ไกลจากพวกเรานักหรอก น้องมีเบอร์ใครที่เข้าป่ามาด้วยกันบ้างไหม”

ไอ้เดย์เสนออีกความคิดแล้วหันไปถามมะลิ ซึ่งเจ้าของมือถือก็พยักหน้าอย่างกระตือรือร้น

“ไอ้เดย์ มึงมองดิ มองให้ทั่วๆ นี่มันป่านะโว้ยไม่ใช่สยาม โทรเจอเพื่อนแล้วจะนัดให้มาเจอกันตรงไหน” ไอ้จั๋วแย้งอย่างมีเหตุผล

“แจ้งตำรวจให้มืออาชีพมาช่วยกันหาจะเวิอร์คกว่า”

“กูเห็นด้วย งานนี้นอกจากหลงป่าแล้วยังมีเสือ แจ้งตำรวจให้เขาประสานงานกับเจ้าหน้าที่ พวกลุงผู้ใหญ่จะได้รู้เรื่องด้วย อย่างนี้จะปลอดภัยกว่า” ผมเสนอเข้าไปอีกเสียง

“งั้น 191 เลยนะ” เจ้าของมือถือยกเครื่องขึ้นกด แล้วจากหน้าที่เริ่มสว่างด้วยความหวังก็ดำคล้ำในเสี้ยววินาที

“ไม่ ไม่มี… ไม่มีสัญญาน!” น้องมะลิว้ากออกมาสุดเสียงแล้วเริ่มวิ่งพล่านหาคลื่น “โฮ! มือถือเฮงซวย ทำไมถึงไม่มีคลื่นเล่า โฮ โฮ”

เจ้าของมือถือแห่งความหวังแหกปากร้องไห้ไม่อายใคร พวกผมที่เจอสถานการณ์นี้เข้าไปก็อยากเปิดปากร่วมประสานเสียงตามไปติดๆ สุดท้ายหลังจากเช็คแล้วเช็คอีกว่ามือถือไม่มีคลื่นไม่ว่าจะเหนือใต้ออกตก เลยตัดใจผับแผนขอกำลังเสริมเก็บเข้ากระเป๋า ได้แต่ใช้กำลังตัวเองออกเดินพลางป้องปากเรียกไปให้ก้องป่า

วู้ววววววว ไอ้มิคมึงอยู่ไหน…



โปรดติดตามตอนต่อไป
=========================================================================

 เมื่อวาน Horror มาวันนี้ Adventure ได้อีก
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 07-09-2010 23:17:12
กรรม มิค มิคเอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย
มิคคนดีอยู่ไหน กิมเครียดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

กร้ากกกกกกกกกกกกกส์
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 07-09-2010 23:18:22
เธออยู่ไหนนนนน  ชั้นอยู่นี่  ที่รักมิคจ๋าาาาาา
ฮ่วย  ตัดจบแค่นี้  คนอ่านลุ้นนะเฟ้ยย
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 07-09-2010 23:20:27
มานั่งรอคนโพสเลย
ลุ้นอย่างแรงว่าคืนนี้จะได้อ่านหรือเปล่า
สนุกอย่างที่รอเลย
แต่ก้อค้างด้วยอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Jimmeiiii* ที่ 07-09-2010 23:30:39
 :laugh: หลงป่าซะแล้ว มิคไปไหนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Killua ที่ 07-09-2010 23:36:39
เมื่อวานหนีผี วันนี้หนีเสือ :laugh:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 07-09-2010 23:58:26


รู้สึกว่าช่วงนี้...ชีวิตของกิมจะมีสีสันค่อด ๆ =^= b


หลังจากที่ต้องฟาดฟันกะผีมาถึงสี่คืน...วันนี้กลับต้องมาปะทะกะเสือ

ให้ต้องเสียแรงวิ่งหนีกันป่าแทบราบ...ไอ่สงสารก็สงสารอยู่หรอกนะ

แต่ฮามากไม่ไหวจะทน...โดยเฉพาะเหล่าผองเพื่อนของกิม...ฮาจนท้องเกร็ง น้ำตาเล็ดไปหมดแล้ว

เหมือนตัวเองแย่มาก ๆ...มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น...แต่ใครอ่านแล้วไม่ฮา...เค้าเรียกว่า "ตายด้าน" นะเออ...กร๊ากกกกกกกก ก ก กกส์ XD
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 08-09-2010 00:03:21
ไหนบอกอยู่มาเป็นสิบไม่เคยเจอแล้วนี้มันอะไรกันอ่ะลุง :z6:
 :call:มิคหาหนูกิมเจอเร็วนะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 08-09-2010 00:04:44
ค่ายอาสาแบบผจญภัยสุดๆ เจอทั้งผีทั้งเสือ
ลุงผู้ใหญ่เนี่ยชักยังไงแล้ว หลอกแกล้งเด็กๆหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 08-09-2010 00:41:23
กรรม....หลงป่า กันจนได้...
ถ้าเรื่องจริงนี่ขอบอกว่าน่ากลัวมากๆ  T_____T

มิค...มาช่วยกิมหน่อยเร๊ววว
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 08-09-2010 01:02:29
อยู่เฉยๆอย่าเดินเค้าจะตามหาง่ายกว่านะ :laugh:

แต่มิคคงคลั่งไปแล้วล่ะ ดวงใจหายไปเพราะหนีเสือ  :-[
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: rule ที่ 08-09-2010 01:45:24
มันส์คะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 08-09-2010 05:10:07
สนุกสุดสุด :jul3: :jul3: :jul3:
ขอบคุณค่ะ :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 08-09-2010 07:31:17
 :3123:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 08-09-2010 08:02:19
ค่ายอาสานี้ โคตะระตื่นเต้น

มีทุกสิ่งที่คุณต้องการ

ทั้งผี ทั้งเสือ สนุกกันจนลืมไม่ลงเลยทีเดียว  :sad4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 08-09-2010 08:37:34
พระเอก ขี่ ม้าขาว มาช่วยกิม ด่วน 55
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 08-09-2010 08:40:52

กิมหลงป่าซะแล้ว มิคอยู่ไหนมาช่วยด่วน
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 08-09-2010 10:18:25
อำป่ะคะเนี่ย - -
ช่วยด้วยค่าทุกคนน~ พี่กิมหลงป่าา
พระเอกช่วยด้วย ><!~
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Jesale ที่ 08-09-2010 10:26:28
มิคอยู่ไหน มาหากิมด่วน ปลอบใจด้วยนา
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: koraorni ที่ 08-09-2010 11:04:42
รางวัลตอบแทนแบบนี้ไม่ไหวเหมือนกันนะลุงผู้ใหญ่
หัวใจจะวายเอาได้ เจอหมดทุกอย่างที่บอกเลย
แย่แล้วน้องกิมหลงกะพี่มิคซะแล้ว รีบตามหาด่วน
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 08-09-2010 12:23:23

วู้ววววววว ไอ้มิคมึงอยู่ไหน…  :z13:

 
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 08-09-2010 12:34:07
หลงป่า คงจะดีกว่านี้ถ้ามิคคนดีติดมากับกลุ่มนี้ด้วย
แล้วจะทำยังไรดีล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 08-09-2010 15:50:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: van ที่ 08-09-2010 18:26:34
สนุกสุด o13 ฮาสนั่นป่ากันเลยทีเดียวเชียวค่ะ  ไรท์เตอร์
มิคเอ๊ย....มาตามหากิมด่วนเล๊ยยยยยยยยย
+1 คนโพสและขอบคุณไรท์เตอร์มากค่ะ   :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 08-09-2010 19:43:03
มิคอยู่หนายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


มาช่วยสุดที่รักเร็ว ๆ นะ    :sad4:    :sad4:   :sad4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 08-09-2010 21:11:03
ค่ายนี้มันอะไรกันคะน้องกิม เดี๋ยวผีหลอก เดี๋ยวหลงป่า แล้วจะมีไรอีกหว่า :m20:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 08-09-2010 21:24:22
วันนี้มาต่อมั้ยคะ
มาปูเสื่อรอ  :z2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 08-09-2010 21:46:07


รักจัง.........ตอนที่14


“พักแถวนี้กันก่อนดีกว่า กูว่ายิ่งเดินแม่งยิ่งหลงทิศ”

ไอ้จั๋วทิ้งก้นนั่งข้างโคนต้นไม้ขนาดสามคนโอบ สองสาวมะลิกับนกเล็กปลดเป้ทิ้งไม่ไยดีแล้วนั่งแปะลงกับพื้นแบบหมดสภาพ

“กี่โมงแล้ววะ” ผมถามไอ้เดย์พลางล้วงเป้หาน้ำ รู้สึกเหมือนมีผงแป้งอยู่ในคอ

“ห้าโมงจะครึ่ง นี่เราเดินกันมาเกือบสามชั่วโมงแล้วว่ะ” ไอ้เดย์ตอบสีหน้าเป็นกังวล

“เอายังไงดีวะ อีกไม่นานพระอาทิตย์ก็จะตกแล้ว”

“กูว่าเดินหาอีกหน่อย ถ้ายังไม่เจอทางออกคงต้องหาที่พักก่อนจะมืดจนมองไม่เห็น” ผมเสนอพลางยื่นขวดน้ำให้ไอ้จั๋ว

“เราต้องนอนป่ากันจริงๆหรือนี่” นกเล็กถามเสียงแหบแห้ง สีหน้าแสนจะกล้ำกลืนฝืนทน “ไอ้ลิ แกเอามือถือมาเช็คคลื่นอีกทีดิ”

“แกไม่เห็นหรือไงว่าฉันเช็คมาตลอดทาง คอยดูนะ ออกไปได้ฉันจะเปลี่ยนเบอร์เปลี่ยนค่าย จะไม่ใช้มันแล้วค่ายนี้ เข้าลิฟท์คลื่นตัด เข้าป่าคลื่นหาย!” มะลิบ่นกระปอดกระแปดตอบรับสถานการณ์

แล้วขบวนทัวร์ป่าที่เหลือมาห้าจากสิบเก้าของพวกผมก็ออกเดินอีกครั้งอย่างไม่รู้จะทำอะไรให้ดีไปกว่านั้น เดินย่ำป่าเขียวขจีแบบมองไม่เห็นความเขียวของป่า สิ่งที่เห็นอยู่ตำตาแล้วไปโผล่ในสมองตอนนี้คือต้นไม้หนาทึบที่มองไปทางไหนก็เหมือนๆกันไปหมดกับทางเดินที่มองแล้วคุ้นและไม่คุ้นควบไปในเวลาเดียวกัน นานๆครั้งจะได้ยินเสียงอุทานจากคนนั้นคนนี้ว่าตรงนี้กูจำได้ ใช่แน่ๆ แล้วรีบจ้ำกันพรวดๆเพื่อที่จะกลายเป็นว่าหลงทิศกันไปถึงไหนๆ

ผมเพ่งตามองสภาพรอบตัวพลางเค้นสมองคิดว่าเคยเดินมาทางไหน เคยเห็นอะไรผ่านทางมาบ้าง แต่สิ่งที่ผุดขึ้นในหัวกลับมีแค่แผ่นหลังงอๆของลุงเกลี้ยงผู้นำขบวนกับหน้าหล่อเหลาของใครอีกคน

ป่านนี้ไอ้มิคจะออกจากป่าไปแล้ว หรือยังเดินย่ำหาทางออกอยู่ส่วนไหนผมไม่มีทางรู้ รู้แต่ว่าคนที่โผล่ขึ้นมาในความคิดทุกสองนาทีจะต้องรอดปลอดภัย ไอ้มิคแรงดีไม่มีตกหนำซ้ำช่วงขายังยาวเป็นอันดับหนึ่ง ยังไงก็ต้องวิ่งหนีเสือได้เร็วกว่าพวกผมหลายเท่า เพราะงั้นมันต้องรอดปลอดภัยแน่ๆ

ผมยกน้ำขึ้นจิบอึกเล็กๆพอแค่ให้ดับกระหาย แล้วก็พึ่งนึกได้ว่าสะพายเป้ติดอยู่กับตัว อย่างนี้ก็หมายความว่าถ้าไอ้มิคไม่ได้เกาะติดไปกับลุงเกลี้ยงออกจากป่าไปได้ มันก็ต้องไม่มีน้ำไม่มีของกินระหว่างเดินหลงอยู่ในนี้ เพราะของทุกอย่างอยู่กับผม ผมที่ทำตัวงี่เง่าแย่งเป้มาจากอีกฝ่ายแบบไม่เห็นแก่น้ำใจที่ได้รับ นึกมาได้ถึงตรงนี้แล้วอยากตีอกชกหัวตัวเองให้หน้าหัน ทำไมหนอ ทำไมผมถึงได้ทำตัวไม่น่ารักน่าหยิก ทำตัวน่าเกลียดน่าชังไม่สมกับหัวใจดีๆของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

ผมเหลือบมองท้องฟ้าที่เริ่มจะหม่นอย่างหมายมั่นปั้นมือ ถ้าครั้งนี้รอดไปได้ ต่อไปไอ้กิมจะไม่มีปากมีเสียง จะยอมทำตัวพิกลพิการตอบรับความเป็นสุภาพบุรุษเต็มพิกัดของไอ้มิคอย่างยินยอมพร้อมใจ จะไม่มาคิดเล็กคิดน้อยคิดถึงความเท่าเทียมในความแมน จนคนที่อุตส่าห์เพิ่มขีดความอดทนจากไม่เคยทนใครต้องมารู้สึกไม่ดีเหมือนในวันนี้ สัญญาไว้เลยกับเจ้าป่าเจ้าเขา เพราะงั้นได้โปรดช่วยให้ผมรอดปลอดภัยออกไปเห็นหน้าใครบางคนด้วยเถอะ เพี้ยง!


“กูว่าเราคงต้องหาที่พักกันแล้ววะ” เสียงไอ้เดย์ที่ดังขึ้นข้างตัวเล่นเอาสะดุ้ง ผมกวาดตามองไปรอบๆที่เริ่มมืดอย่างไม่ทันสังเกต

“เกือบทุ่มแล้ว ถึงเดินต่อไปก็คงวนมันอยู่เหมือนเดิม เดี๋ยวจะมืดซะเปล่าๆ” ไอ้เดย์ว่า

หลังจากลงความเห็นได้ห้าเสียงถ้วน ทุกคนเริ่มมองหาที่ๆพอจะยึดไว้เป็นที่พักชั่วค่ำคืน ไอ้จั๋วที่ยืนสำรวจสถานที่แนะนำให้พักแถวต้นไม้ใหญ่กิ่งก้านเยอะ มันว่าเผื่อจะทดลองปีนขึ้นไปนอนบนต้นไม้กันเสือกันหมูป่า แต่หลังจากยืนมองวี่แววการป่ายปีนของเพื่อนแล้วต้องส่ายหน้า ถึงแม้ในทางทฤษฏีว่าด้วยการนอนบนที่สูงหนีสัตว์จะฟังดูปลอดภัยดี แต่ในทางปฏิบัติแล้วเกรงว่าจะคอหักตายก่อนได้ขึ้นไปถึงความสูงที่เหมาะสม

สุดท้ายทำเลที่ถูกเลือกคือที่ราบแอ่งย่อมๆใต้ลม ที่รู้ว่าใต้ลมเพราะพอฟ้ามืดลมก็พัดมาหวีดหวิวจนใจสั่น ไอ้จั๋วที่พึ่งตัดใจจากการชักชวนเพื่อนให้ปีนขึ้นต้นไม้รีบงัดความรู้จากการดูสารคดีนู้นนี้เกี่ยวกับเรื่องเหนือลมส่งกลิ่นใต้ลมแฝงตัวมาเป็นตัวกำหนดทิศการตั้งแคมป์ พอได้ที่ทางที่คาดว่าปลอดภัยพอตัวก็จัดแจงแยกย้ายกันไปหาเศษไม้เศษหญ้าเอามาก่อกองไฟ

“กูเคยดู ไม่อยากหรอก” ไอ้จั๋วว่าระหว่างฉีกหนังสือเพลงที่ติดมากับเป้มะลิอย่างปราฏิหารย์แล้วยัดเข้าไปใต้กองเศษไม้ที่สุมๆกันไว้กองใหญ่ จากนั้นจ่อไฟแช็กให้ไฟติดกระดาษแล้วก้มหน้าเป่าลมอย่างแข็งขัน

ห่างจากกองไม้ที่ยังไม่ยอมติดไฟ มะลิกับนกเล็กเริ่มเทกระเป๋าสำรวจข้าวของ ไอ้เดย์นั่งอยู่ข้างไอ้จั๋วเริ่มก้มหน้าห่อปากช่วยเพื่อนเป่าลมอย่างตั้งใจ ส่วนผมยังพยายามหันซ้ายขวาหน้าหลังมองหาเงามนุษย์ที่มองหามาทั้งวัน แต่จนใจที่ตอนนี้รอบด้านเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีมืด มืดเกือบสนิทชนิดสามารถทำให้เกิดภาพหลอน

“เฮ้ย มึงจะมาเป่าสู้กูทำไมวะไอ้เดย์ นี่ มันต้องมาเป่าทางนี้จะได้เป็นแรงเสริมแรง”

ไอ้จั๋วที่หน้าเริ่มแดงจากการขาดอากาศยังไม่ละความพยายาม ออกแรงเป่าพลางยัดกระดาษเพิ่มจนไฟเริ่มลามติดกิ่งไม้

ผมเทเป้ออกดูของที่พอจะเอามาใช้ประโยชน์ ข้าวเหนียวห่อครึ่ง หมูเค็มครึ่งห่อ ขนมปังไส้เผือกไส้ครีมจากเซเว่นเมื่อหกวันที่แล้ว ส้มสามลูก น้ำขวดครึ่ง ไฟฉายเล็กหนึ่งกระบอก กระดาษทิชชู่ยังไม่ได้ใช้หนึ่งพับ เอ็มพีสาม เศษตังค์นับได้ห้าสิบกว่าบาท ถุงขยะและเด็นทีนไซลินทอลรสสตอร์เบอร์รี่หนึ่งแผง

เสียงโห่ร้องจากไอ้จั๋วไอ้เดย์เรียกให้ผมกับสองสาวต้องตบมือเป่าปากตามไปอย่างยินดี ไฟกองเล็กๆที่เริ่มลามขยายขนาดเหมือนเป็นแสงแห่งความหวัง พาให้ทุกคนค่อยยิ้มออกหลังจากหน้านิ่วคิ้วขมวดกันมาครึ่งค่อนวัน แม้ว่าคืนนี้ต้องนอนกลางดินกินกลางป่าด้วยหัวใจไหวหวั่นแต่อย่างน้อยก็ยังกองไฟไว้ให้พออุ่นใจ

พวกเราขยับก้นเข้าหากองไฟพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย หนึ่งเพราะอากาศที่เริ่มเย็นตัว สองเพราะจินตนาการที่เริ่มเตลิดไปกับความมืดรอบด้าน มาถึงตอนนี้แต่ละคนเริ่มเข้าภาวะตกอยู่ในภวังค์ความคิด ตาจ้องกองไฟปากเคี้ยวอาหารที่แบ่งกันกินโดยไม่มีใครเปิดปากพูดอะไร

จัดการเสบียงกันอย่างกระเหม็ดกระเหม่ ผ่านไปอีกพักใหญ่ก็ยังไม่มีใครเปิดปากหาว คาดว่าประสาทแต่ละคนคงจะตื่นตัวไปยันเช้า ผมเองแน่นอนว่าความคิดล่องลอยผ่านป่าเขาไปตกอยู่ที่ใครอีกคน คนที่เคยเดินอยู่ข้างๆ นั่งอยู่ติดกันไม่เคยห่าง คิดไปเรื่อย มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ไอ้จั๋วกระแซะสีข้างเข้ามานั่งเบียด

“เมื่อเช้าตอนฟังลุงผู้ใหญ่ว่าปาฐกถาก่อนเข้าป่า กูก็ว่ามันทะแม่งๆ” ไอ้จั๋วเปิดปากเป็นคนแรกหลังจากที่นั่งอมขี้ฟันกันมานาน

“ถ้ารู้ว่าประสบการณ์แปลกใหม่ของแกหมายถึงอย่างงี้ หัวเด็ดตีนขาดกูจะลากแกเข้ามาด้วยให้ได้”

“ใช่ๆ หนูก็ว่าอยู่ว่าลุงแกพูดได้น่าคิดเหลือเกิน นี่ป่านนี้ไม่รู้จะรู้รึยังว่าพวกเราติดอยู่ในนี้” นกเล็กรับลูกพลางตบยุงตามตัว

“ก็ได้แต่หวังว่าลุงเกลี้ยงจะออกไปตามคนเข้ามาช่วย” ไอ้เดย์ว่าพลางย้ายก้นมาติดไอ้จั๋ว

“โอ้ยพี่ พูดถึงลุงเกลี้ยงลิยังห่วงอยู่ว่าแกจะมีแรงวิ่งหนีเสือรึเปล่า ตอนเดินยังเห็นเอียงซ้ายเอียงขวามาตลอดทาง”

“โอ้ยน้อง ยังไม่ทันเห็นเสือพี่ก็ไม่เห็นเงาลุงแกแล้ว” ไอ้จั๋วว่าสีหน้ามีอารมณ์ “อย่าว่าแต่วิ่งไหวไม่ไหว นี่ลุงเล่นของล่องหนได้รึเปล่าพี่ยังไม่แน่ใจ ไม่งั้นมีหรือพี่จะไม่วิ่งตามผู้นำ”

“เออ กูก็เอาแต่วิ่งตามมึงเพราะท่าทางแม่งมั่นใจในเส้นทางเหลือเกิน” ไอ้เดย์บอก

“ใช่ๆ หนูเห็นพี่จั๋วหันหลังวิ่งก่อนใครเพื่อนก็นึกว่ามีลุงเกลี้ยงนำ เลยวิ่งตามพี่มานี่แหละ” นกเล็กว่าก่อนไอ้จั๋วจะได้ขยับปาก

“โอ้ยน้องนกเล็กกับไอ้สาดเดย์ คนเราเจอเสือยืนจ้องห่างไปไม่กี่เมตร มึงยังจะมีกระจิตกระใจไปคิดเรื่องทิศทางอีกเรอะ ดีแค่ไหนแล้วที่กูไม่ฉี่แตกมันอยู่ตรงนั้น” ไอ้จั๋วออกปากปกป้องตัวเองอย่างไม่ห่วงความต่างทางเพศ

“เอาน่า คิดซะว่าดีแล้วที่ลุงเกลี้ยงแกว่อง แกออกจากป่าไปได้คนพวกเราก็มีลุ้น พรุ่งนี้คงมีคนจากหมู่บ้านมาช่วย” ผมว่าแบบให้กำลังใจไปถ้วนทั่ว

“ไม่รู้ป่านนี้คนอื่นๆจะเป็นยังไง ยังดีนะเนี่ยที่มีเป้มึงกับของนกเล็ก ไม่งั้นต้องไปเก็บเห็ดเก็บหญ้…!”

ไอ้จั๋วหยุดคำพูดไว้กลางอากาศในจังหวะที่พวกผมสะดุ้งพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง สะดุ้งแล้วแข็งค้างไม่กล้าขยับ เรียกว่าถึงขั้นหยุดหายใจกันไปคนละวิกับเสียงหอนที่โหยหวนยิ่งกว่าสี่คืนที่ผ่านมาแบบขนละขั้น เรียกว่าไอ้ที่ทำให้มุดเข้าเต็นท์ไปนอนเบียดกันอยู่ทุกคืนกลายเป็นเสียงไก่กาไปเลยเมื่อเทียบกับการหอนที่ได้ยินกันอยู่ ณ นาทีนี้

อาการขนหัวลุกเป็นยังไงพวกผมห้าคนบอกได้คำเดียวว่าเป็นอย่างนี้ เป็นอาการระทึกจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นอยู่ในหูเหมือนฉากพีคในหนังสยองขวัญ และถึงจะนั่งติดกันเป็นแผงอยู่อย่างนี้แต่กลับไม่รู้สึกว่ามีเพื่อนพ้องช่วยแชร์ความเสี่ยงแม้แต่น้อย ความคิดที่กระเด้งกระดอนตามจังหวะหัวใจเต้นบอกได้ว่าถ้ามีอะไรโผล่มาก็ตัวใครตัวมันตามกำลังศรัทธา

เสียงหอนช่างยาวนานทรมานความรู้สึก แต่หลังจากเกร็งทุกโสตประสาทอยู่นานจนแน่ใจว่ายังไม่มีอะไรโผล่มาให้วงแตก สองสาวที่นั่งอยู่ห่างออกไปก็ตัดสินใจกระโดดมาเข้ากลุ่ม นกเล็กเหมือนลืมว่าตัวเป็นหญิงเผ่นผลุงทีเดียวแทบจะเกยขึ้นมาอยู่บนตักผม ส่วนไอ้จั๋วไอ้เดย์นี่แน่นอนว่าตอนนี้ติดกันเป็นแฝดสาม

“เว็ทอะมินิท! รอหน่อยๆ อยากรับมากจริงๆ! ขอเวลาหน่อย นิดหนึ่งๆ กำลังนึกคำอยู่ยยยยย!”

อยู่ๆไอ้จั๋วที่เบียดติดอยู่กับผมชนิดก้นเกยกันก็แหกปากออกมาแบบหมดลมหายใจจนแต่ละคนสะดุ้งเฮือก เกือบหัวใจวาย

“เว็ทอะมินิท! รอก่อนๆ อย่าพึ่งรีบวางหู! ฉันจะรีบบอกว่า ไอเลิฟยู เลิฟยู ที่เธอโทรมาาา!!”

“ไอ้ห่าจั๋ว!” ผมสะดุ้งถึงขั้นตีปีกเข้าสีข้างเพื่อน “เป็นอะไรของมึงเนี่ย อยู่ดีๆแหกปากร้องเพลงทำไมหา!?”

“กูร้องเพื่อชาตินะโว้ย! แหกปากออกไป ทำเสียงดังๆเข้าไว้ อะไรๆจะได้ไม่กล้าเข้ามา” ไอ้จั๋วเสือกทำเสียงกระซิบกระซาบระหว่างตอบคำถาม

“จะเอาแต่ใจ! จะเอาแต่ใจ! จะเอาให้เธอไป ใจกะตึก ใจกะตึก ใจกะตัก ใจกะตัก! ยะ ยะ ยะ ยะ อยากเจอ!!” สิ้นคำอธิบาย นกเล็กที่เกยอยู่บนตักผมก็แหกปากผสมโรงทันที

“พี่สาว ครับ! สวัสดี ครับ พี่ครับ! จำน้องชาย คนนี้ ได้ ก่อ จำได้ บ่ได้ ก็บอกมา ล้า ลาาาา!”

“เพียงเธอมาใกล้กัน! ใจมันสั่น สั่น สั่น และค่อนข้างเหงา เกิดอาการวิง วิง! เธอจะรักกันจริงรึเปล่า เวา เวา เวา เวา”

“เจอ กันเมื่อสอง สาม ปี ก่อน! ผม ยังละอ่อน และ ซน แก่น! ฮัก เป๋นพี่สาว บ่ได้เมาเอาเป๋นแฟน! พี่ก็ฮัก ผม เป็น น้องจายยย!”

เจอสองพลังเสียงเน้นความดังไม่เน้นทำนองของนกเล็กกับไอ้จั๋วเข้าไปเล่นเอาบอกไม่ถูกว่าเส้นประสาทจะหย่อนลงหรือขาดผึง แต่ดูจากสีหน้าอินจัดของคนร้องแล้วคิดว่าการแหกปากปลดปล่อยพลังเสียงน่าจะช่วยระบายความกลัวได้หลายส่วน ไอ้เดย์ที่เจอท่อนฮุคไอ้จั๋วซัดเข้าไปครั้งแล้วครั้งเล่าถึงกับงัดคาราบาวขึ้นสู้ ส่วนมะลิกระโดดเข้าเป็นดูโอ่โฟร์มดทันใด

ผมที่ยังมึนจากปฏิกิริยาเพื่อนกว่าจะตั้งสติตัดสินใจคว้ากีต้าร์อากาศมาเกาเป็นเสกโลโซร่วมคอนเสิรติ์ ก็พลันได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่แม้ว่าค่อนข้างแผ่วแต่ดันแว่วมาเข้าหู

“เฮ้ย เงียบก่อน!”

ผมโพล่งออกไปแล้วตระครุบปากไอ้จั๋วไอ้เดย์ไว้มั่น เกิดความเงียบขึ้นทันใด

“อะไรพี่!?” นกเล็กชะงักแล้วรีบกระซิบถาม

“ฟังสิ” ผมกระซิบตอบ “ได้ยินรึเปล่า?”

“… ได้ยินอะไรวะ?”

ไอ้เดย์ที่หน้าซีดเป็นกระดาษดับเบิ้ลเอกระซิบข้ามมาหลังจากเงียบกันไปเกือบนาที

“… นี่ไง เสียงนี่ไง!” ผมย้ำให้อีกสี่คนฟังตาม แต่กลับได้สายตาหวาดระแวงตอบกลับมา

“เสียงอะไรของมึงไอ้กิม กูไม่เห็นได้ยินอะไรเลย” ไอ้จั๋วตอบมาเบายิ่งกว่าเบาโดยมีไอ้เดย์พยักหน้ายืนยัน

“พี่กิมอย่ามาเล่นอย่างนี้นะ! แค่นี้ลิก็ฉี่จะราดอยู่แล้ว” มะลิมองผมเหมือนเห็นผี

ผมที่โดนเพื่อนๆมองมาด้วยสายตาหวาดกลัวเลยเกิดอาการกลัวตัวเองขึ้นมาเฉียบพลัน ทำไมมีแต่กูที่ได้ยิน หรือหูจะแว่ว แต่ถ้าแว่วทำไมมันยังได้ยินอยู่เล่า

“ไอ้กิม… มึง โอเคเปล่าวะ” ไอ้จั๋วกระซิบถามมาด้วยสีหน้าที่พร้อมตีจากทุกเมื่อ

“กูปกติดีโว้ย! นี่ไง! ลองฟังดีๆสิวะ”

“…………”

“…………”

“จริงด้วย!” นกเล็กที่นั่งอยู่ชิดติดผมอุทานออกมาหน้าตาตื่น “มีเสียงจริงๆด้วย! แต่ แต่ เสียงอย่างนี้…”

“เสียงมันทำไม เสียงสัตว์รึเปล่าวะ” ไอ้เดย์สบตาผมเขม็ง ผมส่ายหน้า

“ไม่ ไม่ใช่” นกเล็กตอบเบายิ่งกว่าเบา

“เสียง เหมือน… เสียงคนร้อง”

คำตอบเบายิ่งกว่าเบาของนกเล็กเล่นเอาทุกคนแข็งค้างแม้แต่ตายังไม่กล้ากระพริบ ไอ้จั๋วที่ก้นเบียดติดอยู่กับผมเริ่มขยับขาจะตั้งเป็นท่าเตรียมโกย แล้วทุกคนก็ต้องเงี่ยหูฟังกันแบบกลั้นหายใจ

“……….”

“…… ว…”

“นะโม ตะสะ! อะระหะโต! ภะคะวะโต…” ไอ้จั๋วยกมือไหว้แบบมั่วซั่วทันทีที่เสียงลอยมาตามลม

“…… วูว ไ…”

“… ไ… จั๋… กม…”

“…… ไอ้… กิ…ม วู้ววว…”

ผมทะลึ่งขึ้นยืนก่อนสมองจะสั่งการทันทีที่ได้ยินเสียงกระท่อนกระแท่นลอยมาเหมือนชื่อตัวเองแล้วหันซ้ายขวาหน้าหลังหาที่มาของเสียง

“ทางนี้! วู้วววว!!”

ผมป้องปากตะโกนใส่ความมืดรอบตัวทันทีที่แน่ใจว่าฟังไม่ผิด

“ทางนี้! พวกเราอยู่ตรงนี้!! ไอ้จั๋วเอากิ่งไม้ใส่เพิ่มแล้วเป่าไฟเร็วเข้า!” ผมเตะขาสะกิดไอ้จั๋วที่ยังนั่งตะลึงตาค้าง

“วู้วว! ตรงนี้ๆ พวกเราอยู่ตรงนี้!!” สองสาวที่ตั้งสติได้รีบป้องปากผสานเสียงตะโกนไปรอบตัว

ไอ้เดย์ที่เริ่มได้ยินเสียงเรียกที่แว่วมายัดกิ่งไม้ใส่กองไฟแล้วฉีกปกหนังสือเพลงมาพัดเป็นการใหญ่ ไอ้จั๋วที่หน้ายังซีดหันไปหากองไฟแล้วลงมือสุมเชื้ออย่างแข็งขัน ส่วนผมรับหน้าที่แหกปากตอบเสียงเรียกพลางมองกราดไปในความมืด

เสียงที่ลอยมาตามลมเหมือนจะโหวกเหวกโวยวายใกล้เข้ามามากขึ้น มะลินกเล็กไอ้เดย์ไอ้จั๋วถึงขั้นแหกปากไปพร้อมกระโดดเหยง บ่งบอกว่าตื่นเต้นได้ที่ ส่วนผมตะโกนใส่ความมืดจนเสียงแหบเสียงแห้งเลยทิ้งก้นมาพัดกองไฟให้ควันขโมง เร่งมือพัดยิกๆจนจะเป็นตระคริว กะว่าถึงอีกฝ่ายตามทิศทางจากเสียงไม่เจอยังไงก็น่าจะเห็นควันไฟ

แล้วอยู่ๆเงาคนก็โผล่พรวดมาจากความมืด โผล่มาแบบพรวดเดียวถึงตัวไอ้จั๋วแล้วแทบจะพากันกลิ้งหลุนๆเข้ามาทับกองไฟ ชนเอาผมที่ยังนั่งยองๆกลิ้งโคโร่ตามไปเป็นคนที่สาม เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นรอบด้านพร้อมเสียงโห่ร้องอย่างยินดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

“ไอ้จั๋ว! ไอ้กิม! พวกมึงปลอดภัยใช่ไหม สาด สาด สาด! ทำกูเป็นห่วงแทบแย่”

เสียงไอ้อ่อนแว่วอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แต่ผมที่ยังแอ่นอกติดพื้นไม่สามารถมองเห็นหน้าว่าใครบ้างที่โผล่มาใหม่ เพราะโดนไอ้จั๋วตะแคงข้างอยู่กลางหลัง

“พวกกูต่างหากที่อยากจะด่า พวกมึงหลงไปอยู่แถวไหนกัน พวกกูเดินหาจนขาจะขวิดเสือกไม่มีใครให้เห็นหัว” ไอ้จั๋วที่ยังตะแคงข้างอยู่บนหลังผมออกปากเหมือนด่าแต่น้ำเสียงฟังออกว่าดีใจเหมือนถูกหวยชุด

“แล้วนี่ใครอยู่กับมึงบ้าง” เสียงไอ้จั๋วสะท้อนอยู่บนหลัง

“มีกู ไอ้โยม ไอ้บี ไอ้โอ้ ส้มโอ…” แต่ละชื่อที่หลุดจากปากไอ้อ่อนเล่นเอาผมแทบหมดแรงลุก ปล่อยไอ้จั๋วนั่งทับให้ใจหวิวๆกดแนบอยู่ติดพื้น

แต่แล้วจู่ๆน้ำหนักบนหลังก็หายเหมือนคนนั่งลุกพรวดออกไป ผมที่ยังแอ่นอกติดพื้นค่อยยันแขนล้าๆขึ้นจากดินก่อนจะได้ลุกพรวดขึ้นยืนเพราะความช่วยเหลือของมือที่ยื่นมือมาหิ้วปีก จังหวะที่หันไปเห็นหน้าเจ้าของมือเป็นจังหวะที่ไอ้อ่อนเลือกจะต่อประโยค

“… แล้วก็ไอ้มิค พวกกูหลุดมาหกคนตอนโดนเสือตัวเมียวิ่งไล่…”

ประโยคบอกเล่าของไอ้อ่อนหายวับไปกับอากาศ สิ่งที่สมองและสองตาผมมองเห็นคือหน้าขาวๆเหมือนไข่ปลอกเปลือกกับตาสีจางหนึ่งคู่ที่แสนจะคิดถึง ไอ้มิคยืนห่างออกไปเพียงแค่เอื้อมมือคว้า และโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายขยับ ผมก็โถมเข้าใส่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแบบทุ่มทั้งชีวิตจิตใจจนร่างสูงใหญ่ที่อ้าแขนออกรับเซถอยไปเกือบก้าว

ท่ามกล่างเสียงเอะอะโวยวายตะโกนถามนู่นนี่ของอีกหลายชีวิตที่เหลือ สิ่งที่ผ่านเข้ามาในสมองในความรู้สึกผมมีเพียงลมหายใจอุ่นร้อนกับเสียงทุ้มเข้มที่กระซิบเรียกชื่อกันอยู่ชิดติดหู เสียงเข้มกระซิบแผ่วแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ผิดกับแรงกอดกระชับจนแทบหายใจไม่ออกกับเสียงหัวใจอีกดวงที่สะท้อนอยู่ในอก

ปลายจมูกเย็นเฉียบกับริมฝีปากอุ่นร้อนที่ซุกเข้ามาข้างแก้มทำให้ผมคว้าคออีกฝ่ายเบียดเข้ามาให้ใกล้ยิ่งกว่าใกล้ เห็นอยู่ว่าสายตาสามสาวเริ่มมองมาอย่างติดใจสงสัย แต่นาทีนี้ผมลืมหมดละครับว่าใครเป็นใคร จะรู้จะสงสัยอะไร ขอเพียงได้กระชับอ้อมแขนกอดไอ้มิคตัวเป็นๆไว้แน่นๆ ขอแค่ให้มีคนที่คิดถึงแต่ผมยิ่งกว่าใครคนนี้อยู่ด้วยกันก็พอแล้ว

_____________________ 
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 08-09-2010 21:46:40
“ตอนพวกมึงหันหลังวิ่งกูยังนึกว่าเข้าซุ่มดักดูเก้งดูหมู ที่ไหนได้อยู่ดีๆเสือตัวเท่าควาย แม่ง โผล่มาจากไหนไม่รู้” ไอ้โยมเอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ให้พวกผมห้าชีวิตได้ร่วมรับรู้

ตอนนี้ทุกคนค่อยกลับสู่ความมีสติหลังจากประสาทหดตัวคลายตัวกันมาตั้งครึ่งค่อนคืน ไอ้อ่อนไอ้จั๋วจับกลุ่มนั่งเป็นหย่อมๆรอบกองไฟ แล้วเริ่มแจกจ่ายอาหารแบ่งไปให้คนที่ไม่ยังไม่มีเสบียงตกถึงท้อง กลุ่มไอ้มิคมีเป้ติดหลังไอ้อ่อนแค่ใบเดียวให้แบ่งกันหกชีวิตเพราะงั้นแต่ละคนถึงได้กินข้าวเหนียวเปล่าๆจากเป้ผมกันเหมือนเจออาหารเหลา

“ทีนี้พอกูหันไปเห็นไอ้โอ้ พวกมึงรู้เปล่ามันทำอะไรอยู่” ไอ้โยมยังไม่ยอมให้ใครเข้าแทรก “มันยืนจ้องตากับเสือ! พวกมึงคิดดู นี่ถ้ากูไม่ลากมันออกวิ่งรับรอง แม่ง ได้ทำบุญให้สัตว์สงวนไปแล้ว”

“อ้าว มึงนี่ ก็กูบอกแล้วว่าทำตามตำรา เขาว่าเจอเสืออย่าหันหลังวิ่ง ให้ยืนจ้องตามันนิ่งๆ เดี๋ยวมันก็ไปเอง” ไอ้โอ้ออกปากแก้ตัวพลางโยนกิ่งไม้เข้ากองไฟ

“เจริญจริง ตำราเล่มไหนกลับไปเมื่อไหร่เอาให้กูดูด้วย กูจะได้ตามไปขอดูหน้าคนเขียนมันหน่อย”

ผมส่งน้ำให้ไอ้มิคที่นั่งซ้อนอยู่ติดหลังก่อนทิ้งตัวพิงอกอุ่นๆที่กลายเป็นความคุ้นชินเหมือนการสูดอากาศหายใจ เจ้าของอกจิบน้ำไปเล็กน้อยก่อนเอื้อมมือมาลูบเล่นอยู่แถวสีข้างโดยมีผมขยับตัวให้อย่างสมยอม แม้จะเห็นสายตาหนึ่งคู่ที่ขมวดมองมาจากส้มโอ หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มหลงป่าหกชีวิตที่ดูจากสายตาที่จ้องมาทางนี้แล้วคาดว่าเวลาครึ่งค่อนวันแห่งความกลัว ส้มโอคงเจอเสน่ห์คนข้างหลังผมไปเต็มเปา ตอนนี้สายตาที่มองมาทางผมที่ยกแขนเปิดซี่โครงให้คนเจ้าเสน่ห์ลูบเล่นเลยมีแววไม่ชอบใจชัดเจน

“ก็ได้แต่หวังว่าลุงเกลี้ยงกับพวกที่เหลือคงออกจากป่าไปได้ พรุ่งนี้เช้าคงมีคนมาช่วยเราล่ะ” ไอ้อ่อนที่นั่งเบียดหาความอุ่นอยู่กับไอ้จั๋วไอ้บีบอกอย่างมีความหวัง

“ไม่ต้องห่วงเลยไอ้อ่อน กูจะบอกให้รู้ว่าลุงแกมีสุดยอดวิชา โกยเร็วยิ่งกว่าหนุ่มๆเป็นไหนๆ” ไอ้จั๋วว่า

“เออ ตอนแรกกูว่ากูเห็นหลังแกอยู่ไวๆ แต่วิ่งไปวิ่งมาลุงแกเหมือนเล่นของ แค่กูหันไประวังหลังแว็บเดียว ลุงไปแล้ว หายวับไปเลย” ไอ้บีที่นั่งเงียบมานานเปิดปาก

“งานนี้ออกไปได้ต้องไปยกมือไหว้ลุงผู้ใหญ่ขอเลขซักสองสามตัว” นกเล็กเข้าร่วมอีกเสียง “น้ำคำแกแม่นเหมือนตาเห็น ประสบการณ์แบบนี้ไม่เคยเจอจริงๆด้วย”

“จะสี่ทุ่มแล้ว เอาไง จัดเวรกันนอนดีไหม ต้องคอยดูไว้ไม่ให้ไฟดับ” เงียบกันไปได้พัก ไอ้เดย์ก็ยกนาฬิกาส่องกับกองไฟ

“เออดี ใครง่วงนอนไปก่อนเลย เดี๋ยวกูกับไอ้โยมเฝ้ากะแรกให้เอง” ไอ้โอ้ยกมือออกเสียงเป็นคนแรก

“งั้นซักตีหนึ่งปลุกกูกับไอ้มิคแล้วกัน แล้วตีสี่ค่อยเป็นไอ้จั๋ว” ผมออกความเห็นหลังจากที่เอาแต่นั่งซึมซับความอุ่นมานาน

ไอ้จั๋วพยักหน้าหงึกหงักก่อนหันไปนัดแนะไอ้อ่อนคู่บัดดี้แล้วทิ้งตัวลงนอนก่อนใครเพื่อน ถ้าดูจากอัตราการวิ่งแล้วคาดว่าไอ้จั๋วจะหลับเป็นตายก่อนใครอื่น จากนั้นแต่ละคนก็เริ่มเปิดปากหาวแล้วนั่งบ้างนอนบ้างกลุ่มละสองสามคน เสียงพูดคุยจุกจิกค่อยๆเงียบหายไปกับการหลับไหล โดยมีเสียงไอ้โอ้ไอ้โยม ยามกะแรกคุยกันเบาๆแว่วมา

ผมเองที่ประสาทตื่นตัวมาตั้งแต่บ่ายเปิดปากหาวแล้วขยับออกจากหว่างขาไอ้มิค ถึงจะอุ่นสบายถึงขั้นเปิดตาหลับได้แต่ถ้านั่งกันอยู่ท่านี้คงมีแต่ผมที่ได้ไปเฝ้าพระอินทร์ เพราะอีกคนที่ต้องแอ่นอกให้ผมพิงไม่น่าจะสบายเนื้อสบายตัวเท่าไหร่นัก ทันทีที่ผมขยับคนข้างหลังก็ขยับเช่นกัน

ไอ้มิคเลื่อนตัวเหยียดขาแล้วตบหน้าตักตัวเองปุๆเป็นทำนองให้ล้มลงไปทิ้งหัวนอนตามอัธยาศัย ซ้ำยังปลดเสื้อเชิ๊ตตัวนอกออกมาทำท่าจะคลุมให้กันลม เจ้าตัวที่เหลือแต่เสื้อกล้ามสีอ่อนส่งยิ้มจางติดริมฝีปากมาเป็นการเชิญชวน เห็นทุกการกระทำกับยิ้มใจดีของอีกคนแล้วอยากลุกขึ้นเซิ้งแก้บนมันกลางป่า ชาตินี้ชาติไหนขอให้ได้อย่างนี้ทุกชาติไป แต่ความเป็นจริงที่ทำได้มีแค่ลุกไปนั่งซ้อนหลังพ่อเจ้าประคุณรุนช่อง

“กูขอโทษ”

ผมบอกพลางดึงคนที่เอี้ยวตัวมาหาให้พิงซบอก กระชับแขนกอดอีกฝ่ายที่ออกแนวมึนงง แล้วเอนหน้าทิ้งน้ำหนักให้สมดุล

“เมื่อบ่ายกูโคตรงี่เง่าเลยว่ะ กับแค่เป้ใบเดียว… กูหงุดหงิดไปหน่อย” ผมสารภาพกับคนที่ยอมทิ้งน้ำหนักเข้ามาในอ้อมแขน

“กูรู้ว่าชอบทำตัวงี่เง่าเอาแต่ใจ… มึงอย่าพึ่งเบื่อได้ไหม กูจะพยายามปรับปรุง…”

“ไม่ต้อง” ไอ้มิคที่ทอดตัวพิงอกผมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่คบกันมาหันมามองด้วยสายตาจริงจัง

“กิมไม่มีอะไรต้องปรับปรุง ขอแค่ให้เอาแต่ใจอย่างนี้กับกูคนเดียว อย่าไปทำกับใครก็พอ”

“…………”

“ได้รึเปล่า ห้ามไปทำแบบนี้กับใคร” สายตาที่มองมามีแววร้องขอเป็นจริงเป็นจังจนต้องรีบพยักหน้ารับ

“แล้วหงุดหงิดเรื่องอะไรครับ” คนถามเอี้ยวตัวแล้วเอื้อมมือลอดแขนผมคว้ามารอบเอว หน้าหล่อจัดที่เห็นลางๆจากแสงกองไฟซบอยู่ชิดติดไหล่

“… เรื่องไม่เป็นเรื่อง” ผมตอบ

“เรื่องไม่เป็นเรื่อง งั้นคงบอกกันได้” ไอ้มิคไม่ยอมแพ้

“บอกน่ะได้แต่พอดีว่าลืมไปแล้ว” ผมว่าพลางก้มไปหาปากแดงๆใต้แสงไฟ “พอดีมัวแต่คิดถึงมึงน่ะ เรื่องอื่นลืมไปหมดเลย”

คนที่โดนผมคิดถึงถึงกับหาคำมาต่อไม่เจอ ต้องยอมให้ผมทำการอุกอาจแนบปากลงไปแผ่วๆ ตาสีอ่อนที่มองมาเบิกกว้างแต่พราวระยับยิ่งกว่าดาวบนฟ้ากลางป่า ไอ้มิคจูบตอบมาแผ่วเบาไม่ดุเด็ดเผ็ดร้อนกระชากวิญญาณกันเหมือนอย่างเคย ปากอุ่นๆขยับตอบรับปากผมให้ได้รสหวานๆที่ซึมเข้ามาถึงใจ

ไม่รู้ว่ายามกะแรกไอ้โอ้ไอ้โยมจะเห็นไหมว่าเพื่อนสองคนตรงนี้กำลังมีความรัก หรืออีกนัยหนึ่งคือความรักคับอกถึงขั้นไม่สนใจสถานการณ์และผู้คนรอบข้าง แต่ถึงใครจะเห็นผมก็คงทำอย่างที่ทำอยู่ ผมก็คงเป็นฝ่ายเริ่ม ก้มหน้าไปจูบปากจ๊วบแล้วกระซิบคำว่าฝันดี กระชับแขนดึงคนที่เอนหลังพิงกันให้นอนหลับพักผ่อนอยู่ในอ้อมกอด เป็นไปได้อยากร้องเพลงกล่อมแถมให้สองเพลงรวด เผื่อว่าไอ้มิคจะหลับฝันดี พกผมเข้าไปร่วมในความฝัน

______________________

เช้าวันที่สองของการหลงป่า แม้จะหลับๆตื่นๆกันมาตลอดคืนแต่ด้วยสมาชิกที่เพิ่มขึ้นให้อุ่นใจทุกคนเลยมีแรงมุ่งหน้าเดินไม่ต้องเอาแต่พะวงหลังเหมือนเมื่อวานที่ผ่านมา พวกผมทยอยตื่นไล่ๆกันมาตั้งแต่หกโมง ไม่ต้องล้างหน้าแปรงฟัน แค่ส่งเด็นทีนไซลินทอลรสสตอร์เบอร์รี่ไปให้ถ้วนทั่วเป็นการเริ่มวันใหม่ ยืดเส้นยืดสายแล้วก็ได้เวลาออกเดิน

การเดินสำรวจป่าหาทางออกวันนี้ให้บรรยากาศผิดจากเมื่อวานจนแทบบรรยายไม่ถูก ไอ้มิคที่เดินอยู่ข้างผมสะพายเป้ขึ้นไหล่แล้วยื่นมือมาให้ตั้งแต่ยังไม่เคลื่อนขบวน ผมที่ยืนชูสองแขนบิดขี้เกียจออกจากตัวยังไม่ครบท่าได้แต่กระพริบตามองมือที่ยื่นมาแบบมึนงง เจ้าของมือที่ไม่เคยสนใจอะไรรอบตัวคว้าหมับมาที่มือผมแล้วดึงให้ออกเดินเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาของการจับจูง

ตลอดทางที่เดินกันมาคนข้างๆผมแม้ไม่ได้ชวนคุยอะไรมากมายเนื่องจากนโยบายประหยัดน้ำสองขวดต่อสิบเอ็ดชีวิต แต่สายตาที่หันมามองกันเป็นระยะ มือขาวๆที่ยื่นมาช่วยเช็ดเหงื่อให้พ้นหน้าเป็นพักๆก็ทำให้รู้สึกว่าถึงต้องเดินย่ำเท้าสำรวจป่าต่อไปอีกวันผมก็คงไม่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เพราะความเอื้ออาทรของคนที่เดินจูงมือ

ว่าไปก็ออกจะน้ำเน่าจนสาวอาจเกลียด เพราะขนาดสามสาวมะลิส้มโอนกเล็กยังเดินเรียงหนึ่งไม่มีใครจับจูงใคร จะมีก็แต่สายตาหนึ่งในสามสาวที่ทิ้งมาตกที่คนข้างๆผมเป็นพักๆ ส่วนพวกเพื่อนสนิทมิตรสหายผมที่เดินอยู่หน้าบ้างหลังบ้างคิดว่าพวกมันคงได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเคยชิน

“วู้ววว มีใครอยู่แถวนี้บ้างไหมมมม” ไอ้โอ้ตะโกนใส่ป่าใส่เขารอบข้างพาเอาทุกคนสะดุ้ง

“ลุงเกลี้ยงงง พวกผมอยู่นี่ ลุงอยู่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้นะะะ”

“ไอ้โอ้ อยู่ดีๆเป็นอะไรของมึงวะ!?” ไอ้เดย์ที่เดินอยู่ใกล้สุดตบหลังไอ้โอ้ดังป๊าบ

“โดนแดดส่องหัวจนเบลอหรือไงมึง” ไอ้อ่อนรีบเดินเข้าไปดูสีหน้าเพื่อน “นั่งพักกันหน่อยดีกว่า ไอ้โอ้ไม่ไหวแล้ว”

“อะไรของพวกมึงเนี่ย กูตะโกนหาคนช่วยจะได้เพิ่มโอกาสรอด มาหาว่ากูบ้าแดด” ไอ้โอ้ว๊าก “ถ้าไม่ใช่เพราะกูดันทุรังแหกปากมันอยู่ครึ่งค่อนคืน พวกเราจะได้เจอกันอย่างนี้ไหม”

เพราะประโยคนี้ประโยคเดียวทำให้พวกผมสิบเอ็ดชีวิตเหมือนโดนกระทุ้งด้วยความหวัง ป้องปากตะโกนไปรอบตัวเรียกหาลุงเกลี้ยงกันให้ระงม วันนี้วันที่สองไม่แน่ว่าลุงเกลี้ยงอาจออกไปพาคนในหมู่บ้านมาช่วยกันหาพวกเราอยู่

แต่หลังจากตะโกนกันจนเสียงแหบเสียงแห้ง ก็ยังไม่มีเสียงอะไรลอยตอบมาตามลมจนต้องหยุดขบวนนั่งพักกันใต้ร่มไม้เท่าที่จะหาได้ แล้วเทเป้สามใบออกมาหาเสบียงที่แน่ใจว่าไม่มี สายตาแต่ละคนมองของที่กองอยู่บนพื้นแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงท้องประทังความหิว

“บ่ายกว่าเข้าไปแล้ว ยังไงคงต้องหาของกินกันก่อน” ไอ้มิคที่นั่งอยู่ข้างผมเสนอความเห็น “เมื่อวานกูเห็นดงกล้วย ถ้าเดินย้อนกลับไปคงได้อะไรรองท้อง”

“เออๆ กูก็เห็นเห็ดกินได้ตั้งเยอะ แต่ตอนนั้นไม่มีเวลาสนใจ” ไอ้จั๋วส่งเสียงตอบรับอย่างกระตือรือร้น “แต่เดินย้อนกลับไปเนี่ย มึงจำทางได้เหรอวะ”

“กูว่าดีไม่ดีจะหลงทิศไปถึงไหนๆ แม่ง ที่ทางอย่างกับเขาวงกต มองไปทางไหนก็เหมือนๆกันไปหมด” ไอ้โยมว่า

“กูพอจำทางได้คร่าวๆ แล้วถึงจะหาดงกล้วยไม่เจอมันก็น่าจะมีอะไรให้ได้เก็บกินตามทาง ดีกว่าเดินไปแบบไม่มีจุดหมาย” ไอ้มิคยืนยันความคิดพร้อมลุกขึ้นยืน

ผมคว้ามือที่ยื่นมาแล้วลุกขึ้นปัดดินออกจากก้น ก่อนชักแถวเปลี่ยนตำแหน่งไปเป็นผู้นำขบวนตามมือที่จับจูง สมาชิกที่เหลือไม่รู้ว่าเชื่อน้ำคำไอ้มิคไปกี่มากน้อยแต่ก็ไม่มีใครปริปากว่าอะไร พากันเดินตามมาเป็นพรวนพลางสอดส่ายสายตาหาของกินได้ไปตลอดทาง นาทีนี้ทางออกไม่สำคัญเท่าปากท้อง

เดินกันมาชั่วโมงกว่าๆจนเกือบถอดใจแล้วก็เห็นปาฏิหาริย์ ดงกล้วยหนาทึบฉายแสงส่องมาจนตาพร่า แต่ละคนแตกฮือออกจากขบวนวิ่งเข้าหาหวีกล้วยประหนึ่งเจอของสำคัญของชีวิต แล้วลงมือบิดกล้วยมาปอกใส่ปากเหมือนชีวิตนี้ไม่เคยได้กินอะไรอร่อยเหาะเท่ากล้วยในมือ

ผมที่ยัดกล้วยเข้าปากที่เดียวครึ่งลูกมองไปเจอนกเล็กที่ยังไม่ได้เด็ดกล้วยสักใบ แต่กลับยืนนิ่งยกมือไหว้ต้นกล้วยแล้วท่องอะไรงึมงำพึมพำจนเพื่อนร่วมขบวนที่ต่างก็มีกล้วยอยู่ในมือในปากเริ่มชะงักกันมองตาม

“ทำอะไรนกเล็ก?” ไอ้เดย์ถามทันทีที่นกเล็กจรดมือขึ้นหัว

“ขอก่อนไงพี่ ขอเจ้าป่าเจ้าเขา ขอนางตานี ขอกินกล้วยหน่อย” นกเล็กเฉลยมาแบบยิ้มแป้นแล้วเอื้อมบิดกล้วยมาปอกใส่ปากด้วยท่าทีสบายใจ เล่นเอาอีกสิบชีวิตที่กินก่อนขอไปถึงไหนๆสำลักกล้วยนางตานีกันค่อกแค็ก

ไอ้จั๋วรีบพนมมือไหว้กราดไปทั่วดงกล้วยแล้วเอ่ยขอแบบออกเสียง ขอกินกล้วย ขอให้มีคนมาเจอ ขอให้ออกจากป่าไปได้รอดปลอดภัย แล้วสาธุให้พวกผมได้ยกมือไหว้ตามๆกันไป ใครจะว่างมงายนาทีนี้ไม่มีใครสน หลังจากอยู่ป่านอนป่ามาหนึ่งคืนพวกผมขอมืออ่อนตีนอ่อนไว้ก่อนเป็นใช้ได้

หลังจากจัดการกล้วยกันไปเกือบครึ่งดงแถมเด็ดเก็บใส่เป้กันอีกหลายหวีตุนไว้เป็นเสบียง แต่ละคนก็ทิ้งก้นนั่งพึ่งผุงเรอออกมาเป็นกลิ่นกล้วย สีหน้าท่าทางดูดีมีเลือดฝาดกันขึ้นคนละนิดละหน่อย จากนั้นคนข้างๆผมก็ตกเป็นเป้าโจมตี ไอ้มิคที่แสดงอภินิหารย์นำทางกลับมาถึงดงกล้วยได้ ถูกเพื่อนๆบีบคั้นให้เค้นความคิดนึกทางเก่าที่ลุงเกลี้ยงนำมา

แต่จนแล้วจนรอดไอ้มิคก็ได้แต่ส่ายหัว ผมที่นั่งอยู่ข้างกันไม่นึกแปลกใจเลยที่คนความจำดีจนน่ากลัวอย่างไอ้มิคจะจำทางเมื่อวานไม่ได้ ผมค่อนข้างแน่ใจว่าสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายไม่ได้มองทางมาเก็บไว้ในเม็มโมรี่เป็นเพราะเหตุการณ์การแย่งเป้มาถือของผมนั่นเอง

สุดท้ายหลังจากนั่งกันจนไม่รู้จะถ่วงเวลาไปทำไม พวกเราสิบเอ็ดคนก็ชักขบวนเดินป่าสามัคคีกันต่ออย่างไม่รู้จะทำอะไรอื่น ผมยังเดินจูงมือกับไอ้มิคที่ถอดเสื้อเชิ๊ตยัดใส่เป้เพราะความร้อน เหลือแต่เสื้อกล้ามสีอ่อนติดตัวโชว์ผิวขาวจัดสะท้อนแสงอยู่กับไอแดด รอยสักรอบต้นแขนที่ไม่ค่อยได้เห็น เด่นชัดจนตกเป็นหัวข้อสนทนาแก้เบื่อของไอ้โอ้ไอ้โยม

“กูเคยไปดูแถวมาบุญครอง ค่าสักแพงกระเป๋าฉีกยังไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้เลือดที่ซึมตามฝีเข็มนี่สิเล่นเอาต้องขอเวลาทำใจ” ไอ้บีเข้าร่วมการคุยแก้เบื่อ

“เออ กูก็เคยไปดูลายไว้ เท่ห์บรม แต่เห็นตอนสักกับตอนบวมแล้วยังแหยงไม่หาย” ไอ้โยมบอก

“เขาถึงบอกว่าอยากเท่ห์ต้องอดทน” ไอ้อ่อนว่า “แต่กูว่ามึงไม่ได้สักมาก็ดีแล้วว่ะ ของไอ้มิคเนี่ยเห็นแล้วมันดูออกว่าของนอกมีราคา เรียกง่ายๆว่าเท่ห์สาด แต่แห้งๆฟีบๆอย่างมึงนี่ถ้ามีรอยสักคนเขาจะคิดว่าได้มาจากแถวบางขวาง”

“เออ ยิ่งใต้ตาค้ำเป็นวงด้วยนะโว้ย ร้อยเอาร้อย แม่ง พึ่งออกจากคุกแหง๋มๆ” ไอ้จั๋วกระหน่ำซ้ำเติม

“เออ ใช่ซี่ กูมันไม่หล่อไม่ล่ำ แต่พวกมึงคอยดู กูนี่ล่ะจะแต่งเมียเป็นคนแรกของกลุ่ม” ไอ้บีข่ม

“โหย ให้มันจริง ระวังอย่าโดนไอ้กิมไอ้มิคจัดงานแซงไปก่อนล่ะมึง” ไอ้จั๋วว่ามาให้สะดุ้ง

“อ้าว แล้วเกี่ยวอะไรกับกูเนี่ย” ผมตะโกนถามพลางแตะขาสะกิดตูดคนพูด

“ถ้าเป็นคู่นี้กูคงสู้ไม่ได้” ไอ้บีรีบเปลี่ยนตัวเองจากเป้าหมายมาเป็นฝั่งโจมตี “กูยอมจัดงานช้ากว่าซักเดือนถือว่าเห็นแก่เพื่อนที่อดทนไม่ชิงสุกก่อนห่ามมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ”

“มึงก็พูดไปไอ้บี รุ่นนี้มันไม่ต้องมีแล้วงานตงงานแต่ง เดี๋ยวเรียนจบย้ายเข้าหอเป็นอันเสร็จพิธี” ไอ้โยมรีบรับลูก

“สาดโยม กูมีพ่อมีแม่นะโว้ย จะไม่ให้ได้เรียกสินสอดเลยรึไง เลี้ยงกันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยแครง” ผมพลิกลิ้นกลับลำร่วมไปให้กลายเป็นเรื่องเฮฮา ส่วนคนที่จูงมือกันเดินอยู่เอาแต่ยิ้มบางไม่ว่ากระไร

“ตกลง พี่กิมพี่มิค…” มะลิค้างคำพูดไว้กลางอากาศแล้วยกมือเอานิ้วชี้สองข้างเลื่อนมาติดกัน “…จริงๆเหรอ”

เห็นหน้าคนถามกับอีกสองสาวที่ตาแทบเหลือกขึ้นไปถึงหน้าผากแล้วต้องรีบตวัดลิ้นหาเสียงมาเปลี่ยนเรื่อง แต่คนที่เดินเงียบไม่เปิดปากมานานอยู่ข้างกันกลับชิงพูดขึ้นก่อน

“ใช่ คนนี้น่ะพี่จอง เพราะงั้นมะลิหมดสิทธิ์”

ไอ้มิคว่าออกไปง่ายๆด้วยรอยยิ้มติดริมฝีปาก แต่เล่นเอาสามสาวชะงักค้าง แม้แต่ผมก็แทบออกอาการชักกะตุกไปด้วยอย่างพร้อมเพรียง

“ว้าย ลิไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะ” มะลิงึมงำปฏิเสธ หน้าขาวๆแดงก่ำขึ้นมาถึงหู

“โหย อิจฉาๆ เมื่อไหร่จะมีใครมาพูดแบบนี้กับเราบ้าง” นกเล็กที่แม้จะยังตาค้างแต่ก็ดึงสติมาแก้สถานการณ์ได้ก่อนใครเพื่อน

“อู้ยยย กูล่ะไม่อยากจะเชื่อ นี่ถ้าทนรอจนเรียนจบไม่ไหว จะแจกการ์ดเมื่อไหร่บอกเลยนะเว้ย จะช่วยไปยืนแจกของชำร่วย” ไอ้โยมกระตุกปาก ฟังจากน้ำเสียงแล้วแสนจะหมั่นไส้

แล้วเรื่องคุยแก้เบื่อก็ลามไปเรื่องอื่นด้วยความช่วยเหลือกันเองของหลายฝ่าย ผมฟังเรื่องคุยผ่านหูโดยที่หน้ายังแดงสลับซีดอยู่ไม่รู้คลาย ต้องตีปีกเข้าสีข้างคนหน้าไม่อายไปสองทีซ้อนถึงค่อยรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมานิด ส่วนเจ้าของสีข้างเอาแต่ระบายยิ้มแล้วหัวเราะขำก่อนยื่นอีกมือมาคว้าหัวผมเข้าไปเช็ดเหงื่อกับเสื้อกล้ามที่ตัวเองใส่อยู่แบบไม่คิดจะอายสายตาใคร แจ่ม ไหมล่ะครับพระเอกของไอ้กิม



โปรดติดตามตอนต่อไป
=========================================================================

Still Adventure กันต่อไป

ใครชอบตอนพวกจั๋วร้องเพลงบ้าง  คนโพส อ่านกี่รอบก็ฮาทุกรอบอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 08-09-2010 22:08:35
ทำไมมิคมันน่ารักอย่างนี้หว่ะ อ่านมาเรื่องไหนๆไม่มีใครเกินเรื่องนี้เลย o13
ขอคนเหอะ อยากมีคนพูดแบบนี้บ้าง "คนนี้น่ะพี่จอง"
กด+1ด้วยความรัก
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 08-09-2010 22:12:29
อ๊ายยย>//<
น่ารักทั้งคู่เรยอ่า
เขิล :-[
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 08-09-2010 22:14:46
แจ๊มมมมมมมมมมมม แจ่มค่ะกิมคนดี

อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยย พระเอก ต่อให้แอดเวนเจอร์แค่ไหนก็สลัดออร่าพระเอกออกจากตัวมิได้เลย ชะเอิงงงงงงเงยยยยยยย

ปล.เพลงที่คณะแอดเวนเจอร์เลือกร้อง กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกส์
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Jesale ที่ 08-09-2010 22:16:10
กรี๊ดดดด มิค น่ารักเกินเลย
ทั้งรักทั้งหลง ทั้งจริงใจ รอคอย เด็ดเดี่ยวมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลงในตัวกิมขนาดนี้  o13
อย่าปล่อยให้หลุดมือไปได้นะกิม  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 08-09-2010 22:17:54
มิคยังเท่สุดๆๆ
ชอบมิคมากๆๆ
มานั่งรอคนโพสทุกวันเลย :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 08-09-2010 22:24:24
ทั้งน่าสงสารที่หลงป่า :z1: :z1:ทั้งฮา :jul3: :jul3:
สนุกมากค่ะ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Killua ที่ 08-09-2010 22:26:04
น่ารักได้อีกมิค เค้าว่ากันว่าคู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกัน จริงๆด้วย ขนาดหลงป่ายังมาเจอกันจนได้อ่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 08-09-2010 22:30:34
พระเอกของกิมน่ารักอ่ะ ชอบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: akera ที่ 08-09-2010 22:31:22
น่ารักมาก อ่านแล้วเขินแทนจร้า
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 08-09-2010 22:36:22

มิค พระเอกของไอ้กิมจริงๆ
จะ Horror - Adventure แค่ไหน ก้อมีแต่กึงกะมู กูกะมึง สองคน
น่ารักมากจริงๆ   :o8:

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 08-09-2010 22:47:11
ทั้งเขิน ทั้งอบอุ่น.... :-[
สามัคคีคือพลังๆ  สู้ๆในการหลงป่า..   :fire:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 08-09-2010 22:51:55
โห หวานไม่แคร์สื่อจริงๆำี่พี่มิคเรา  :laugh:

ขนาดหลงป่ายังฮาเลยนะคณะนี้ หุๆ

รอตอนต่อปายจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 08-09-2010 22:59:51
มิค รักจริงหวังแต่งมากๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 08-09-2010 23:09:01
ว๊าวๆ มาจริงๆด้วย >_<!
แอดเวนกันหนุกมากๆค่ะ เคยคิดเล่นๆว่าอยากลองหลงป่าดูบ้าง
อืม .. ถ้าเจอเสือก็ไม่ไหวเหมือนกันนะคะ
โพสเตอร์สู้ๆนะคะ พรุ่งนี้ก็มาอัพอีกน๊า
จะรอค่ะ~
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 08-09-2010 23:21:43
ท้องแข็งตอนร้องเพลงอ่ะ ขนาดเครียดๆนะนั่น แต่ละคนร้องได้ไม่เข้ากั๊นไม่เข้ากัน ฮ่าๆๆ



หวานเวอร์นะมิคกะกิมน้อย >///<
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 08-09-2010 23:31:16
แต่งเมื่อไหร่อย่าลืมแจกการ์ดเค้านะ  :man1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 08-09-2010 23:55:22
มิคกิมน่ารักมากมายอ่าาาาาาาาาาาาาาาาา >///<
เค้าชอบพระเอกไม่แคร์สื่อแบบนี้สุดๆอ่ะ
หวานกันได้อีกกกกกก
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 09-09-2010 00:35:57
มิครักกิมสุดๆโคตรอิจฉาเลยอะ :m23:
เพื่อนของมิคกับกิมตลกมาก :m20:

+1 ให้คนโพสจ้าที่นำนิยายเรื่องสนุกๆมาให้อ่านและขำมากถึงมากสุดทุกตอน :laugh:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 09-09-2010 01:17:59
 :o8: :-[ น่ารักอ่ะ  :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 09-09-2010 08:55:29

มิคน่ารักจริงๆ   :man1:
+1 ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 09-09-2010 09:25:00
มิคน่ารัก      o13
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 09-09-2010 09:36:32
ทั้งหวานทั้งฮา  มิคคะ  ชั้นตกหลุมรักคุณเข้าแล้วล่ะ  แต่ชั้นจะยอมให้กิมก็ได้  แค่กิมคนเดียวเท่านั้นนะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 09-09-2010 09:48:36
โอ้ พ่อนิค พ่อคนดี สุดยอดของกิม
หากันเจอจนได้ซิ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: koraorni ที่ 09-09-2010 11:01:05
คิดได้ไงเนี่ยร้องเพลงให้มันดังๆๆเข้าไว้ ฮาซะท้องแข็ง
ตอนนี้หวานซะจนลืมไปเลยว่าหลงป่าอยู่

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: sin ที่ 09-09-2010 11:20:26
โอ้ยยย อย่างมิคเนี่ยหาที่ไหนได้อีก

ชอบตอนร้องเพลงเหมือนกัน 555

ขนาดเป็นตอนวิกฤต ยังเขียนให้ฮาได้ทั้งเรื่อง
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 09-09-2010 11:41:32
สุโค่ยเลยมิค

มันต้องอย่างนี้สิ พระเอกอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: NUKWUN ที่ 09-09-2010 13:32:06
หวานกันจริงอ่ะคู่นี้
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: taem2love ที่ 09-09-2010 13:43:22
น่ารักมากกกกกกกกกก อ่ะ อยากได้แบบมิคสักคน :impress2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 09-09-2010 17:40:23
แต่งเมื่อไรอย่าลืมส่งการ์ดเชิญด้วยนะครับ :L1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 09-09-2010 18:25:25
นิสัยของมิคโคตรพระเอกเลย กิมมีปฏิกริยาหึงหวงงอนใส่
แต่มิคกลับไม่โกรธหรืองอนเลยนะ กลับบอกว่าชอบไม่ต้อง
เปลี่ยนแปลงอะไรเสียอีก นี่แหละคือความเข้าใจ ตอนที่แล้ว
ว่าหวานแล้วนะ ขนาดมาหลงป่ายังมีซีนหวานให้คนอื่นต้อง
อิจฉาตาร้อนกันได้อีก แถมมิคยังเปิดตัวซะสาว ๆ ที่แอบชอบ
คงไปต่อไม่ถูกเลย น่ารักได้อีกเนอะ ..... +1 ให้แทนคำขอบคุณ
  :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nanny_js_js ที่ 09-09-2010 20:06:55
อื้อ  พี่มิค น่ารักมากกกกกกกกกกก
อิจฉากมซะงั้นอ่ะ  5555+

 :L2:        :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 09-09-2010 20:40:55
น่ารักกันจังอ่า  :o8:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 09-09-2010 20:54:33
มิคหวานกับกิมได้ทุกที่......
โลกนี้สวยงามและสดใสเสมอ....
ตราบใดที่....มิคมีกิมอยู่เคียงข้างใช่ไหม????? :-[
เป็นเรื่องน่ารักและน่าติดตามค่ะ

 :pig4: ทั้งคนแต่ง กะ คนโพส นะคะ :L2:
กด + ให้กำลังใจด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 09-09-2010 20:58:00
มารออัพนะคะ โพสเตอร์  :กอด1:
รักพระเอก ><! > ไม่เกี่ยว - -
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ~EnSlAvE_tO_dEsIrE~ ที่ 09-09-2010 21:11:10


ชอบมากๆๆๆๆๆๆค่ะ

อ่านแล้วมีความสุขไปด้วย

เป็นกำลังใจให้นะค่ะ

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: van ที่ 09-09-2010 21:17:46
:m20: 555++  ฮากระจายเลยค่ะ  ตอนพวกจั๋วร้องเพลง
เล่นเอาหน้าดำหน้าแดงกันไปเลยทีเดียวเชียว
มิคพร้อมเปิดเผยเสมอไม่มีเลี่ยงไม่อมพนำ o13 อย่างนี้สิพระเอกตัวจริง
ขอบคุณไรท์เตอร์และคนโพสมากนะคะ.....จุ๊บ ๆ +1 ไปเลยค่ะ

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 09-09-2010 22:20:29


รักจัง.........ตอนที่15



เดินกันมาจนขาเริ่มลาก บรรยากาศครื้นเครงเปลี่ยนเป็นวังเวงเหง่งหง่างเนื่องจากยังย่ำเหมือนวนอยู่กับที่จนกำลังใจถดถอย ท้องที่จุไปด้วยแม็กนีเซียมจากกล้วยโดนย่อยสลายกลายเป็นกากจนเริ่มหิวกันขึ้นมาอีกระรอก มองเวลาจากนาฬิกาไอ้มิคแล้วไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมท้องถึงร้อง ห้าโมงจะครึ่งเข้าไปแล้วนั่น

ผมเดินตามไอ้มิคอยู่กลางขบวนพลางฟังเสียงท้องร้องโครกครากจนจับจังหวะได้ กำลังจะขอเปิดเป้ควักกล้วยมากินเป็นลูกที่เจ็ดของวันก็พลันได้ยินเสียงอะไรแผ่วๆแว่วมา ผมกระตุกมือดึงคนข้างหน้าให้หยุดพลางเงี่ยหูฟังเสียงที่เดี๋ยวมาเดี๋ยวหาย จนคนที่เดินตามๆมาหยุดชะงักอยู่กับที่

“ได้ยินอะไรเหรอพี่กิม?”

นกเล็กถามเสียงเบา ขยับเข้ามาใกล้เหมือนคืนก่อน

“… เสียงน้ำ!” ผมโพล่งออกมาทันทีที่แน่ใจว่าฟังไม่ผิดแล้วกระตุกมือไอ้มิคยิกๆ

“ฟังดิ เสียงน้ำไหลไม่น่าจะไกลจากแถวนี้”

จบคำประกาศทุกคนหยุดนิ่งแล้วเงี่ยหูฟังกันอย่างตั้งใจ สายตาที่มองสบกันมีความหวังขึ้นมาอีกหน่อย มีน้ำต้องมีปลา มีปลาก็ไม่ต้องกินกล้วยลูกที่เจ็ดแปดเก้า

“จริงด้วย! เสียงเหมือนน้ำไหล” ไอ้โอ้กระตือรือร้นเต็มที่

“ทางนี้!”

ร้องได้ไม่จบคำเจ้าตัวก็ออกวิ่งไปตามทิศทางที่คิดว่าเป็นที่มาของเสียงพาเอาอีกสิบชีวิตก้าวซวบซาบตามไปติดๆ แต่ยิ่งวิ่งเสียงน้ำยิ่งเลอะเลือนจนสุดท้ายต้องหยุดยืนจับต้นเสียงกันใหม่ ผมที่เค้นทุกประสาทสัมผัสมารวบไว้ที่หูค่อยๆเขยิบย้อนกลับมาทางเดิมแล้วกระตุกมือไอ้มิคออกวิ่งทันทีที่แน่ใจว่าได้ยินเสียงซ่าๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

หลังจากวิ่งตุปัดตุเป๋กันมาแบบไม่ได้มองทิศเพราะมัวแต่เงี่ยหูฟังเสียง ธารน้ำใสไหลยาวขนาดย่อมก็ปรากฏแก่สายตาให้ได้แหกปากร้องกรี๊ดแสดงความดีใจกันถ้วนหน้า หลายคนถึงกับถลาลงน้ำไปทั้งรองเท้าผ้าใบ ดำผุดดำว่ายพร้อมตะโกนโหวกเหวกแบบดีใจกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

“เฮ้ย อย่าเอาแต่เล่น จับปลาขึ้นมาด้วย” เสียงคนบนบกตะโกนบอกพวกที่เหวี่ยงแขนตีขาอยู่ในน้ำ
“เออ จับปลามากองๆไว้ เดี๋ยวพวกกูไปหาไม้มาก่อไฟ”

ไอ้เดย์ตะโกนบอกมาเหมือนการจับปลาเป็นเรื่องกล้วยๆ ก่อนสะบัดหัวไล่น้ำแล้วเดินหายไปหากิ่งไม้แห้งกับไอ้อ่อนไอ้บี

ผมสลัดผ้าใบรูดถุงเท้าออกพ้นขาได้ก็นั่งยองๆแล้วจ้วงน้ำขึ้นล้างหน้าล้างตาล้างหัวหูให้ถ้วนทั่ว แถมดื่มไปหลายอึกดับกระหาย รู้สึกสดชื่นเหมือนได้เกิดใหม่ในรอบหลายวัน ส่วนไอ้มิคที่ยอมปล่อยมือให้ผมได้เฮโลตามเพื่อนลงมาถึงริมน้ำ ปลดเป้ล้วงเสื้อเชิ๊ตออกมาซักแล้วบิดยื่นส่งมาให้ได้เช็ดหน้าเช็ดตา ก่อนลงมือกวักน้ำล้างหน้าตัวเองด้วยมาดเซ็กซ์ซี่สุดใจ

ผมยื่นเสื้อคืนอีกฝ่ายแล้วตบไหล่หนาไปเบาๆเป็นเชิงบอกก่อนเดินไปช่วยพวกไอ้เดย์เก็บไม้มาตั้งกองไฟย่างปลา ไม่ลืมคว้าเป้ที่เทหวีกล้วยออกเอามาขนไม้จะได้ไม่ต้องเดินหลายรอบเหมือนเมื่อคืน

ด้วยความสามารถแฝงจากความหิวหรืออะไรไม่อาจรู้ รู้แต่ว่าตอนพวกผมสี่คนหอบกิ่งไม้กลับมาถึงริมน้ำ บนพื้นมีปลาตัวเท่าแขนดิ้นกระแด่วอยู่หลายตัว ต้นไม่ใหญ่ไม่ใกล้ไม่ไกลมีเสื้อยืดหลายขนาดแขวนตากแห้งอยู่เป็นแผง ไอ้จั๋วกับนกเล็กที่พึ่งก้าวออกมาจากป่าเทเห็ดหลายชนิดออกจากกระเป๋ามาสมทบ ไอ้มิคที่ยังอยู่ในน้ำโยนปลาตัวที่แปดขึ้นฝั่งมาก่อนดำผุดดำว่ายหายไปอีกครั้ง

กองไฟที่ไอ้จั๋วก้มเป่าจนหน้าเขียวหน้าแดงยอมลามติดไฟตอนหกโมงเกือบครึ่ง ตกลงได้ฤกษ์เอาปลาเสียบไม้สิบสี่ตัวปักลงรอบกองไฟแล้วนั่งรอเวลาอาหารสุก แม้จะรู้ว่าวันนี้ต้องผ่านไปอีกวันด้วยการอยู่ป่าเป็นคืนที่สอง แต่ทุกคนก็ยังยิ้มได้กับสถานการณ์รอบกองไฟระหว่างรอกินปลาย่าง

“นี่ถ้าไม่ติดว่าไม่รู้จะได้ออกไปเมื่อไหร่ กูว่าทริปนี้มันก็สนุกดี” ไอ้อ่อนว่ามาลอยๆระหว่างเสียบเห็ดเข้าไม้

“ได้อารมณ์ประมาณเรียลลิตี้แบบซ่อนกล้องเลยใช่มะ เล่นจริง ลุ้นจริง เสียวจริง” ไอ้จั๋วต่อพลางเติมเชื้อเพลิง

“หิวจริง หลอนจริงด้วยมึง เออ ฟ้าเริ่มมืดแล้ว เดี๋ยวกินเสร็จพวกเรานอนแถวนี้เลยไหมวะ” ไอ้บีถาม

“ก็ดีนะพี่ อยู่ใกล้น้ำสะดวกดี ตื่นมาจะได้มีน้ำล้างหน้าบ้วนปาก ไม่ได้แปรงฟันอย่างน้อยขอบ้วนปากก็ยังดี” นกเล็กให้ความเห็นโดยมีเพื่อนๆพยักหน้ากันหงึกหงัก

“นอนตรงนี้ไม่ได้ ทางน้ำมักมีสัตว์มา ไม่ปลอดภัย” ไอ้มิคว่าแล้วหมุนไม้เสียบปลากลับด้าน

“ใช่ๆ ตามหนังสือที่กูเคยอ่าน เขาว่าถ้าตั้งแคมป์ไม่ให้ตั้งใกล้น้ำ” ไอ้โอ้สนับสนุน

“หนังสือเล่มเดียวกับที่บอกให้มึงยืนนิ่งๆจ้องเสือเปล่าวะ” ไอ้โยมยังติดใจ

“คนละเล่มกันโว้ย” ไอ้โอ้โวย “เล่มนี้คนเขียนเป็นถึงนักท่องป่าไซบีเรียเชียวนะมึง”

“ไซบีเรียเชียวเหรอมึง แล้วยังงี้จะเอามาประยุกต์ใช้กับป่าปิดดอนดอกประดู่ได้เหรอวะ” ไอ้จั๋วสอดตีนเข้ามากวนจนไอ้โอ้งอนปิดปากปิ้งปลาไม่ออกความเห็นต่อ

ผมยื่นมือไปพลิกปลาอีกด้านเข้าหาไฟ ได้กลิ่นปลาย่างลอยคลุ้งอยู่ในบรรยากาศเรียกน้ำย่อยแล้วให้พาลนึกไปถึงการจับปลาของคนข้างๆ กว่าครึ่งของปลาที่เสียบไม้ย่างอยู่ตอนนี้เป็นฝีมือการจับของไอ้มิค ไอ้มิคที่จับปลาด้วยมือเปล่าเหมือนเล่นกล แถมรอบสุดท้ายยังจับได้ทีเดียวสองตัว ตัวละมือ อย่างนี้มันจับปลาสองมือนี่หว่า

“แล้วจะเอาไง คืนนี้จะนอนที่ไหนกันดี”

“ย้ายเข้าไปในป่าให้พ้นทางสัตว์คงพอแล้วก่อไฟแรงๆ พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับมาที่นี่” เสียงทุ้มเข้มลอยผ่านหน้าผมไปพร้อมไม้ปลาย่างที่ยื่นมา

ผมรับปลาจากมืออีกฝ่ายมาไม่มีอิดออด ไม่มีห่วงความเท่าเทียมของความแมนเหมือนอย่างเคย งึมงำคำขอบใจตอบไปแล้วลงมือจัดการปลาเสียบไม้นำร่องให้อีกสิบชีวิตได้ทำตาม รสชาติปลาย่างที่ย่างได้ที่หวานหอมยิ่งกว่าปลาตัวละครึ่งพันในร้านอาหารญี่ปุ่นแถวไหน พาให้แต่ละคนปิดการสนทนาแล้วเคี้ยวปลาด้วยสีหน้าเคลิ้มฝัน

ไอ้มิคที่เสียสละปลาย่างสุกตัวแรกให้ผมยังมีแก่ใจเอ่ยถามความอร่อยระหว่างฉีกเนื้อปลาใส่ปาก แล้วส่งเห็ดย่างรูดจากไม้มาให้กินแกล้มความคาว

“กูรักมึงจัง” ผมกระซิบให้พอได้ยินกันแค่สองเราด้วยความตื้นตันใจที่เก็บเอาไว้ไม่อยู่ “เอาไว้กลับไปได้รอดปลอดภัย กูจะยอมให้มึงดมไปถึงไหนๆ”

ไอ้มิคที่ก้มหน้ากินปลาอยู่ถึงกับพ่นของออกจากปาก ก่อนสำลักกระอักไอจนหน้าดำหน้าแดง

“เอ้า น้ำๆ เป็นอะไรเปล่าวะ” ผมจ่อน้ำให้ถึงปากคนที่ยังไอไม่หยุด แล้วตบหลังตบไหล่แน่นๆช่วยไล่ลม

ไอ้มิคส่ายหน้าในความหมายอื่นมากกว่าจะบอกว่าไม่เป็นไร ก่อนรับน้ำไปกระดกเข้าปากทีเดียวครึ่งขวดแล้วก้มมามองกันทั้งที่หน้ายังแดงก่ำ

“ไหนพูดอีกที”

เสียงเข้มๆว่ามาเหมือนข่มขู่ ผมที่กำลังจะเปิดปากตอบด้วยความตื้นตันเต็มอกพอเหลือบไปเห็นสายตาอีกฝ่ายแล้วถึงค่อยรู้ตัว

“กูบอกว่ารักมึงจังไง” ผมว่าแล้วหลบสายตามาก้มหน้ากินปลา ไอ้มิคที่ถึงกับชะงักไปกระแอมไอแล้วก้มหน้าตามมาถาม

“แล้วว่ายังไงอีก”

สีหน้าคนถามที่ก้มมาแทบชิดกึ่งบึ้งกึ่งยิ้ม บอกได้ว่ากำลังอยู่ในอารมณ์อยากจับผมคลุกวงในชนิดไม่ต้องการกรรมการ

“… ยังต้องว่ายังไงอีก อ๋อ เดี๋ยวนี้แค่คำว่ารักของกูมันไม่พอแล้วใช่มะ”

ผมกระซิบตอบไปข้างๆคูๆ กะใช้ความพาลแก้ความผิดพลาดที่โดนบรรยากาศและการกระทำของอีกฝ่ายทำให้ความตื้นตันใจกระฉอกออกมาทางปาก

“ใครว่า เนี่ย อิ่มใจจนกินอะไรไม่ลงแล้ว” ไอ้มิคที่เบียดติดอยู่กับผมเริ่มออกแอ็กติ้งปักปลาทั้งไม้เสียบลงพื้น เสียงทุ้มๆกระซิบตอบมา

“ได้ยินกิมบอกว่ารักรับรองมีแรงเดินถึงพรุ่งนี้เย็น”

“เว่อร์” ผมว่าแล้วดึงปลายัดกลับเข้ามืออีกฝ่ายแถมเห็ดให้อีกไม้

“แต่จะมีแรงพาทุกคนออกจากป่าก่อนพระอาทิตย์ตก ถ้ากิมยอมพูดมาให้ครบๆ” ไอ้มิคยังไม่ยอมแพ้ยังคงกระซิบกระซาบง้างปากผมให้เปิด

“…………”

“ว่าไงครับ เมื่อกี้ว่าอะไร”

“ว่า…” ผมอ้าปากแล้วหุบ

“… ว่า” ไอ้มิคอ้าปากเริ่มให้

“ว่าพวกมึงนี่มันน่าไม่อายจริงๆ กระซิบกระซาบจีบกันอยู่ได้ นี่หลงป่าอยู่นะโว้ยไม่ใช่เข้าค่ายลูกเสือสำรอง ช่วยทำตัวให้เข้าสถานการณ์นี๊ดส์ได้ป่ะ” ไอ้จั๋วที่หย่อนก้นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเอ่ยลอยมาตามลม

“หูดีเป็นหูผีเลยนะมึง ทำไมอิจฉาละซี่ อะ เอาเศษเห็ดไปกินปากจะได้ไม่ว่าง” ผมว่าพร้อมส่งเห็ดเสียบไม้จ่อให้ถึงหน้า

ไอ้จั๋วรับไม้ที่เกือบเสือบเข้าคางไปรูดเห็ดเคี้ยวแบบหมดอารมณ์กวนแล้วเปลี่ยนเป้าหมายไปหาสามสาวซาซ่า ส่วนคนที่นั่งอยู่ข้างผมยังเบียดก้นติดกันอยู่อย่างไม่หมดความพยายาม ผมเลยเสเปลี่ยนเรื่องโดยการรูดเห็ดป่ายัดเข้าปากที่กำลังจะอ้าถามอะไรต่อมิอะไรให้ได้ตอบไม่ถูกไปใหญ่
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 09-09-2010 22:21:31
ตกดึกเสียงลิงค่างบ่างชะนีก็กู่ร้องกันก้องป่า ผมกับไอ้มิครับหน้าที่ยามกะสองของค่ำคืนนั่งเข้าคู่อยู่ในท่าประจำไม่ใกล้ไม่ไกลจากคนอื่นๆที่หลับพับกันไปอย่างหมดแรงกล้วยแรงปลาย่าง ด้วยจำนวนชีวิตสมาชิกที่เพิ่มขึ้น คืนนี้ไอ้จั๋วกับคู่หูโฟร์มดเลยไม่ต้องเปิดคอนเสิรต์กลางป่ากลางเขา ให้เพื่อนให้น้องต้องรีบหาศิลปินมาประทับร่างเหมือนคืนก่อน

ไอ้มิคนั่งเอนหลังพิงต้นไม้ใหญ่ให้ผมที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหน้าเอนพิงอกอุ่นๆพลางฟังเสียงหัวใจอีกดวงเต้นอยู่ข้างหู บรรยากาศรอบตัวเงียบเชียบมีเพียงเสียงลมเสียงลิงแว่วให้ได้ยินเป็นครั้งคราว ความสว่างจากกองไฟที่ผมสองคนนั่งเฝ้ายามสว่างวูบวาบพอให้ได้ความอบอุ่นของกายและใจ

“มึงว่าพวกเราต้องติดอยู่ในนี้ไปอีกกี่วันวะ” ผมถามลอยๆชวนคุย “ลุงเกลี้ยงกับพวกที่เหลือป่านนี้จะออกไปได้รึยังก็ไม่รู้”

“คนหายสิบเอ็ดคนไม่ใช่เรื่องเล็ก ป่านนี้พวกในหมู่บ้านคงรู้แล้ว” คนที่นั่งให้ผมเอนพิงตอบมาแบบเป็นเหตุเป็นผลพลางโยนกิ่งไม้เพิ่มเชื้อ

“ไม่แน่พรุ่งนี้อาจมีใครมาเจอ ถึงไม่เจอตัวก็ต้องเจอร่องรอยที่พวกเราทิ้งไว้บ้าง”

“ดีนะเนี่ยที่พวกเราเจอกันได้ ไม่งั้นป่านนี้ไม่รู้จะเป็นไง” ผมบ่นให้ลอยไปตามลม

“ถ้ายังมีแค่พวกกูห้าคนป่านนี้ไอ้จั๋วมันคงประสาทแดกไปถึงไหนๆแล้ว”

ผมบ่นอย่างตั้งใจให้ลอยไปตามลม แต่อยู่ๆความรู้สึกวูบไหวหวิวโหวงก็กระหน่ำเข้ามากลางใจจนสมองว่างเปล่า

“ตอนแยกกันไปคนละทางเมื่อวาน แค่คิดว่าจะไม่ได้เจอกันอีกกู…”

สัมผัสอุ่นๆที่แนบมาชิดติดขมับทำให้ผมหยุดคำพูดที่ก็ไม่รู้จะบรรยายออกมายังไงให้รู้เรื่อง แล้วบีบตอบมือที่เอื้อมมากุมอยู่แนบหัวใจ

“ไม่มีทางที่เราจะไม่ได้เจอกัน” ไอ้มิคที่วางคางลงบนไหล่ผมกระชับอ้อมแขน

“ไม่ว่ายังไงกูต้องหากิมจนเจอ ไม่ว่าในป่านี้หรือที่ไหน”

ประโยคสั้นๆฟังแล้วเลี่ยนแต่กลับกระแทกเข้ามาในอกอย่างแรงจนผมพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ปล่อยให้ความอุ่นที่วาบหวามอยู่ในใจลามมาเป็นความร้อนที่ขอบตา

“ฟังดูหลอนๆชอบกลเนอะ นี่ตกลงที่มาเจอกันได้เพราะมึงมีของหรือไง” ผมว่าพลางสูดจมูก ไอ้มิคหัวเราะ

“ไม่ได้เล่นของแต่ฝังชิพติดตามตัวไว้” เสียงทุ้มๆว่ามานุ่มๆ

“มุขนี้เวิอร์คนี่หว่า ไฮเทคโนโลยีเหมาะกับหน้ามึงเลยว่ะ”

“มุขที่ไหน”

“…………”

หน้าหล่อจัดเรืองรองจากกองไฟที่ผมเอี้ยวไปมองออกจะจริงจังจริงใจเหมือนว่าพูดจริง สมองผมประมวลภาพหน้าจริงจังของอีกฝ่ายกับทุกการกระทำที่ผ่านมาแล้วก็ให้อุปทานไปรู้สึกเหมือนว่ามีอะไรแปลกปลอมซ่อนอยู่ในร่างกาย

“ตรงนี้ไง ฝังอยู่นี่”

มือหนาบนอกผมตบเบาๆให้รับรู้ตำแหน่ง เสียงทุ้มที่เคล้าคลออยู่ข้างแก้มบอกมาช้าๆชัดๆอย่างไม่มีกระดากปาก

“ชิพพิเศษสร้างขึ้นจากหัวใจอีกดวง”

ถึงจะซึ้งเตลิดเปิดเปิงไปถึงไหนๆ ถึงจะร่วมด้วยช่วยกันหยอดมาตั้งแต่ต้นแบบไม่อายผีสางเทวดา แต่ไม่ไหวแล้วครับ ไอ้มิคเวอร์ชั่นวัยหวานจนน้ำตาลกยังจืดย่างนี้มันจะเกินหน้าเกินตากันไปแล้ว ขืนปล่อยให้ปากหวานเป็นพระเอกลิเกอย่างนี้ต่อไปผมคงหมดทางสู้ หน้าตาสู้ไม่ได้อยู่แล้วอย่างน้อยขอแค่คารมเป็นต่อไว้อย่างก็ยังดี

“โห ขอซื้อได้ไหมวะมุขนี้ เอาแบบจดลิขสิทธิ์เลยนะ” ผมว่าพลางเอนหัวเข้าซอกคออีกฝ่าย

ไอ้มิคที่โดนตบมุขร่วงไม่ได้พยายามหยอดคำหวานทำคะแนนเพิ่ม หน้าหล่อเหลาใกล้แค่คืบเปิดหัวเราะจนดาวบนฟ้าหุบแสงแทบไม่ทัน

ผมยกมือขยี้ผมเกรียนๆบนบ่าอย่างหมั่นเขี้ยวพลางสอดส่ายสายตาออกไปในความมืด สมาชิกแต่ละคนยังอยู่ในโลกส่วนตัว หลับคร่อกๆอย่างปล่อยวางภายใต้ยามสองคนที่เอาแต่จีบกันไปมาระหว่างหน้าที่

“Look into my eyes and you’ll see what you mean to me.”

อยู่ๆคนที่เอนตัวเขี่ยกิ่งไม้เข้ากองไฟก็ส่งเสียงทุ้มๆกระซิบนุ่มเป็นทำนองเพลงขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

“Search your heart search your soul and when you found me there you search no more.”

“Don’t’ tell me it’s not worth trying for. You can’t tell me it’s not worth dying for. You know it’s true everything I do I do it for you.”

คนที่เข้าคาราโอเกะทีไรก็เอาแต่เต้นเป็นบ้าเป็นหลังกลับร้องเพลงแบบไม่มีทำนองนำได้น่าฟังจนผมหุบปากที่จะเอ่ยแซวแล้วปล่อยให้เสียงทุ้มๆลอยเวียนอยู่ในบรรยากาศก่อนละลายเข้ามาที่ใจ

“Look into your heart and you’ll find it’s nothing there to hide. Take me as I am, take my love. I’ll give it all I’ll sacrifice.”

“Don’t’ tell me it’s not worth fighting for. You can’t help it cause nothing I want more.”

“You know it’s true everything I do…”

“I do it for you.”

เสียงฮัมเพลงแผ่วเบาแต่ดังก้องเข้ามาในอกทำเอาดาวร้อยดวงบนฟ้ากลางป่าพากันหม่นแสง สองตาผมที่แหงนมองฟ้ากลับมีแค่ตาสีอ่อนจางอีกคู่สะท้อนเข้ามาให้เห็น รอยยิ้มในแววตากับเสียงทุ้มเข้มและหัวใจอีกดวงที่เต้นเป็นจังหวะอยู่ซ้อนหลัง แปลความหมายที่เจ้าตัวต้องการบอกได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง แม้สิ่งที่ออกมาจากปากจะไม่ใช่ภาษาที่ผมได้ยินมาตั้งแต่เกิด

ผมไม่รู้ว่าทำไมไอ้มิคถึงมาเตะตาต้องใจกับคนธรรมดาๆอย่างผม อาจเป็นเพราะความทรงจำดีๆในวัยเด็ก วันที่ไอ้มิคสับสนไม่มีใคร บังเอิญว่าผมได้ผ่านเข้าไปอยู่แถวนั้น ได้กลายเป็นจุดเล็กๆที่กลับตาละปัดกลายเป็นคนที่อีกฝ่ายให้ความสำคัญ

จนถึงเดี๋ยวนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับอีกฝ่ายจะยืดยาวไปได้ถึงแค่ไหน แต่นาทีนี้ ระหว่างที่ได้จ้องเข้าไปในตาอีกคู่ ได้เห็นรอยยิ้มที่ส่งตรงมาให้ผมเพียงคนเดียว ได้ฟังเสียงหัวใจอีกดวง และได้รับรู้สิ่งที่อีกคนต้องการสื่อ ผมก็ว่ามันพอแล้วล่ะ ถึงวันข้างหน้าคนที่ได้นั่งอยู่ตรงนี้อาจไม่ใช่ผม คนที่ไอ้มิคฮัมเพลงให้ฟังอาจเปลี่ยนเป็นใครอื่น แต่อย่างน้อยในช่วงชีวิตหนึ่งของวัยหนุ่ม ความรู้สึกของการได้รักและถูกรักถึงขั้นร้อนรุ่มจนใจสั่น ผมว่าแค่นี้ก็คุ้มแล้วที่ได้เกิดมา

“ถ้ากลับไปได้รอดปลอดภัย เรามามีอะไรกันเหอะ” เสียงที่หลุดออกจากปากฟังเปร่งปร่าเหมือนไม่ใช่เสียงผม

“แต่คราวนี้ขอกูแสดงออกบ้าง ไม่ฝึกไว้เดี๋ยวกลายเป็นคนไม่กล้าแสดงออก” ผมยังว่าไปเรื่อยโดยไม่ได้เหล่มองหน้าที่ซบอยู่ชิดติดกัน พูดอีกอย่างคือไม่กล้าจะเหล่ตาแล

“………….”

“… เงียบทำไม มีปัญหาหรือไง” ผมนับหนึ่งถึงสิบแบบถดถอยพลางรวบรวมความกล้าเหล่มองหน้าอีกฝ่ายที่เอาแต่เงียบตอบรับสถานการณ์

หน้าเหวอหลุดมาดชนิดไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนของไอ้มิคเล่นเอาผมต้องหลุดอารมณ์ออกอาการเหวอตามแล้วเปลี่ยนมาตั้งรับแทบไม่ทันเมื่อคนที่พาดคออยู่บนไหล่เปิดปากหัวเราะจนซิกซ์แพ็คกระเพื่อม ยังไม่ทันได้ทำตาขวางพาลถามว่ามีอะไรน่าขำ ริมฝีปากแดงๆที่แค่มองก็จินตนาการเตลิดก็ก้มลงมาสูบวิญญาณให้หลุดออกไปทางปากพร้อมอากาศเต็มๆปอด

ผมที่เจอสถานการณ์แบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนกว่าจะควานหาสติสตังค์มาตอบรับอาการสิเน่หาของอีกฝ่ายได้ก็เกือบละลายกลายเป็นขี้ผึ้งอยู่หน้ากองไฟ แต่ทันทีที่เริ่มตั้งตัวติดผมคว้าคออีกฝ่ายเข้าคลุกวงในอย่างไม่ยอมจินตนาการบรรเจิดอยู่ฝ่ายเดียว ไอ้มิคที่โดนผมเปลี่ยนท่าเกยขึ้นไปทับอยู่ทั้งตักเหมือนมีอากาศไม่พอหายใจ ส่งทั้งลิ้นทั้งมือมารีดอากาศเอาจากผมชนิดไม่เปิดโอกาสให้ได้หายใจหายคอ

กว่าจะได้ทิ้งก้นลงพื้นเรียบเรียงลมหายใจพลางดึงเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ไฟก็มอดแทบหมดกอง ยังดีที่ไอ้มิคยังมีสติเอื้อมมือไปรัวระฆังหมดยกก่อนผ้าผ่อนจะหลุดออกจากตัวตามอารมณ์ที่ดีดผึงทีเดียวถึงพีค แถมปล่อยสายโยงระฆังได้ยังมีแก่ใจมาช่วยกันลูบหลังลูบไหล่ไล่อาการหน้ามืดด้วยว่าตัณหาขึ้นสมอง

ผมทิ้งหลังพิงอกไอ้มิคพลางสูดจมูกฟืดฟาดเรียกหาอากาศเข้าปอด เจ้าของอกที่ดึงผมให้เอนพิงแม้จะมีแก่ใจเอื้อมมือไปตีระฆังแต่อาการก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากัน แรงกระเพื่อมจากแผ่นอกที่ถูกผมกดทับไม่ได้กลับสู่จังหวะปกติง่ายดายเหมือนท่าทีที่เจ้าตัวแสดงออก เป็นครู่กว่ามือร้อนๆที่ลูบไล่อยู่บนแขนจะมีแก่ใจควานหากิ่งไม้ไปโยนเข้ากองไฟเติมเชื้อ ส่วนผมเหรอครับ นั่งนิ่มเป็นกาวแป้งเปียกแทบจะย้วยไปตามซอกหญ้าอยู่ร่อมร่อ

แหม นี่ไม่ได้อ่อนซ้อมนะ แต่มวยมันคนละรุ่นจริงๆ



โปรดติดตามตอนต่อไป
=========================================================================

Romance?  

เค้าอยากโดนฝังชิพบ้างได้มั๊ยยยยยยยยยยยยยยยย.................โอ๊ยมิค  คนแปะ หน้าร้อนไปหมดแล้ว

กิม....นายจะตรงไปไหน ...หื๊มมมมมม
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 09-09-2010 22:23:40
กรี๊ดด >< ! มาแล้ว
ขออนุญาตลากเสื่อเข้าไปใกล้ๆเลยนะคะ
ขอตัวอ่านซักครู่ !


--

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด !!! เค้าจะเอาคนนี้ๆๆ !! >[]<
พระเอกน่ารักเกินไปแล้ว แสนดีเกินไป อิจฉา อ๊ากก !
ปอลอ จะจบแล้วใช่มั้ยคะ T^T แฟนเค้าขอแบบนี้ได้มั้ย ฮิๆ  :-[
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Adventure(อีกแล้ว?).....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: 4life ที่ 09-09-2010 22:30:04
โห ไอ้คุณมิคนี้มันหื่นเงียบๆ เเต่เเรงโคตร :haun4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 09-09-2010 22:36:36
“กูรักมึงจัง” ผมกระซิบให้พอได้ยินกันแค่สองเราด้วยความตื้นตันใจที่เก็บเอาไว้ไม่อยู่ “เอาไว้กลับไปได้รอดปลอดภัย กูจะยอมให้มึงดมไปถึงไหนๆ”

กิม คนดี ก๊ออออออออออออออออออออออออออออ พูดอะไรออกไปคะ กึ๋ยๆๆๆ

แต่ๆๆๆ ทีเด็ดคือนี่ “ไม่มีทางที่เราจะไม่ได้เจอกัน” ไอ้มิคที่วางคางลงบนไหล่ผมกระชับอ้อมแขน

“ไม่ว่ายังไงกูต้องหากิมจนเจอ ไม่ว่าในป่านี้หรือที่ไหน”


and you know....everything i do, i do it for you >///////////////////<
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Adventure(อีกแล้ว?).....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 09-09-2010 22:42:31
ฮือๆๆๆๆๆๆๆ
ได้แต่ครางด้วยความอิจฉานายกิม
ทำไมมิคถึงได้เป็นพระเอกในดวงใจอย่างนี้นะ
 :sad4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 09-09-2010 22:50:58
กรี๊ดด ในที่สุดกิมก็ตกลงยินยอมพร้อมใจเป็นของมิค อ๊างง ตอนหน้าอ๊ะ :impress2:ป่าวว
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 09-09-2010 22:58:06
หวานกันเข้าปายยยยย เอิ๊กกกกกกก  :o8:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 09-09-2010 23:01:11
มดในป่าแถวนั้นคงอิ่มกับความหวานของกิมกับมิคไปหลายวัน :m1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 09-09-2010 23:02:25
กิ๊ดดดดดด เค้าชอบเพลงนี้ เค้าชอบเพลงนี้ :man1:

every thing i do (i do it for u) ของพ่อแหบเสน่ห์


น่าจะมีให้ฟังด้วย จะได้ฟิลแบบสุดๆ


และแล้ัวหนูกิมก็ตัดสินใจจะเสียสาวแลัว ฮิ้ววว :z2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 09-09-2010 23:06:51
รีบๆออกจากป่าเลยดีมั้ย >///<
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 09-09-2010 23:12:31
รักล้นอกละซิกิม เลยต้องสารภาพกะมิคอ่ะ หุหุ :haun4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 09-09-2010 23:13:48

ชอบประโยคนี้จัง...
แต่อย่างน้อยในช่วงชีวิตหนึ่งของวัยหนุ่ม ความรู้สึกของการได้รักและถูกรักถึงขั้นร้อนรุ่มจนใจสั่น ผมว่าแค่นี้ก็คุ้มแล้วที่ได้เกิดมา  
:o8: :-[ :impress2:

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 09-09-2010 23:31:14
กิมจ๋าขอแลกที่มีอยู่ในสต๊อคทั้งหมดกับมิคคนเดียวได้มั้ย เค้าให้หมดเลย
เค้าจะเอาผู้ชายคนนี้  :m3:กรี๊ดดดดดดดดดด
ที่กรูมีไมมันไม่ได้อย่างนี้ซักคนฟะ   :fcuk:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 09-09-2010 23:33:06
ออกจากป่านี้ได้เมื่อไหร่ล่ะก็  เสร็จแน่  กิมเอ๋ยยยย   :z1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 09-09-2010 23:38:16
Romance หวานเจี๊ยบ ออกจากป่าเร็วๆนะกิมกําลังรักล้นใจ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 09-09-2010 23:57:55
 :-[ :-[พึ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ สนุกมากมายเลยน่ารักและตลอกมากมาย ขอบคุณมากนะคะทั้งคนแต่ง คนโพส อิอิ

ปล . อยากอ่านติ่งทะเลบ้างง่ะ อ่านได้ที่ไหนหรอคะ  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 10-09-2010 00:03:43
  :m1: :m3:

:o8: :-[ :o8: :-[ :o8:  รักจัง :-[ :o8: :-[ :o8: :-[




 o8 บันทึกทุกอย่างเป็นหลักฐานไว้แล้ว :give2: :give2:

 :haun5: o3 เค้าจะรอส่องกล้องดูล่ะตัวเอ๊งงงงง
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 10-09-2010 00:24:08
ป่านี้มดเยอะจังเนอะ   :laugh:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Aon ที่ 10-09-2010 01:47:43
เห้อๆหวานซ้า
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 10-09-2010 02:02:53
โอ๊ยยยยยยยยยย มิคเอาคะแนนแม่ยกไปหมดกระจาด >,,,< น่ารักโคตรๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 10-09-2010 02:06:56
อ่านไปหัวเราะไปค่ะ :jul3:.ฮามากเลย.จะหวานให้ตลอดก็ไม่ได้ :m20: :pigha2:
ขอบคุณมากค่ะ :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 10-09-2010 02:40:27
หวานมากมายอ่าาาาาาาาาาาาา
โรแมนติกเป็นที่สุดดดดด
>////////<
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 10-09-2010 03:32:23
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

อิจฉาโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
อยากมีชิพ บ้างอะไรบ้าง  555
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 10-09-2010 05:56:09
กิมจ๊ะ...พูดแบบนี้เวรี่กู๊ด o13
คู่นี้มันไม่แคร์สื่อจริงๆ ขนาดอยู่ป่า มดยังมาทั้งรัง :o8:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ปีศาจน้อยสีชมพู ที่ 10-09-2010 08:13:00
ละลายยยย...  :-[
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 10-09-2010 08:46:24

หวานกันจริงๆ...อิจฉา
รีบๆออกจากป่ากันเถอะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: sin ที่ 10-09-2010 08:51:47
อ๊ากกกกกกกกก ขอสครีมดังๆ

ออกจากป่าเสร็จแน่ 555
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: koraorni ที่ 10-09-2010 10:17:11
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
อยากให้ออกจากป่าแล้ว อยากเห็นน้องกิมคนกล้าแสดงออก
ดูสิว่าถ้าได้ออกไปจริงๆๆ จะกล้าอย่างที่พูดหรือเปล่า
น้องกิมจะน่ารักไปไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 10-09-2010 10:48:40
ดูเหมือนว่าถ้ากิมปล่ิอยมือจากเฮียมิค จะมีคนในเรื่องนอกเรื่องรออยู่เต็มไปหมดเลยนะเนี่ย
ดังนั้น....
กิม
จง
ปล่อย
มือ
ซะ
55555555555
+1ให้กำลังใจคนอัพ และฝากบอกไรต์เตอร์ด้วยว่า "สุดยอด" ครับ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 10-09-2010 11:01:20
อ่อยกันซึ่งหน้าเลยนะหนูกิม        :-[
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 10-09-2010 15:35:15
ขอบคุณนะคะ ทั้งคนโพสต์ คนเเต่ง อยากจะบอกว่า อ๊าง หงิง หงิง น่ารักมากอะ เเบบมิค นี้มีอีกไม๊ คุคุคุ อ่านเรื่องนี้เเล้ว ทำให้ นึกถึง พี่ฟ้า + ตัวป่วนเรื่องรักไม่กล้าบอก อะ ตอนที่เค้าหยอดกัน เราก็เขินตาม ตอนที่เค้า เศร้าเราก็เศร้า คุคุคุ +1 ให้ คนโพสต์ เเละความน่ารักของกิม + ความหวานของมิค 

ปล.เราฟังเพลงเเล้วนะ เเหม ถ้าหาคนร้องไห้ได้ก็คงดี เด๋วไปหาน้ำดับตาก่อน
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 10-09-2010 16:19:56
ตามอ่านทันแล้ว  :a2:
มิคหว๊าน หวาน โรแมนติกจริง
อ่านไปเขินไป (เขินแทนกิม)
ชอบกิมจัง ช่างเปิดเผย ไม่แคร์สื่อทั้งสิ้น
แต่แคร์มิคคนเดียว 555
ติดตามเรื่องนี้ต่อไป ติดซะแล้ว
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 10-09-2010 18:44:19
วันนี้ก็มาปูเสื่อรอพระเอกคนดีเหมือนเดิม  :-[
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Killua ที่ 10-09-2010 19:48:23
กิมเอ้ยแล้วจะเป็นคนทำเค้ายังไง แค่มิคจูบก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งแระ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: van ที่ 10-09-2010 20:26:24
ดมไปถึงไหนไหน....อ๋อย :o8:

:pig4: ไรท์เตอร์และคนโพสนะคะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 10-09-2010 20:41:57
มิค นายเจ๋ง โคตรได้ใจคนอ่าน      :myeye: :myeye: :myeye:

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที15-Romance?.....(9/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 10-09-2010 21:27:05
' ไม่ได้อ่อนซ้อมนะแต่มวยมันคนละรุ่น '  :laugh:
ท่าทางพอหนูกิมเฮียมิคออกจากป่าคงต้องเตรียมกระดาษซับเลือด  :z1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 10-09-2010 21:59:00
ชี้แจงนิดนึงนะ...ไอ้ตรงชื่อตอน โพสเตอร์ ตั้งเองนะค่ะเป็นการสปอล์ยเนื้อหานิดหน่อย แจ้งคุณหมีไว้ก่อนละกันนะค่ะ


รักจัง.........ตอนที่16


กลิ่นปลาย่างที่ยังหอมชวนหิวลอยมาตามลมเป็นการเริ่มต้นการหลงป่าเช้าที่สองของผองเรา เช้าที่สองของการหลงป่าแต่ละคนตื่นมาแบบดูไม่จืด ยังดีที่ภาพรวมยังพอดูมีสติสตังค์ยิ้มแย้มแจ่มใสจิตใจไม่ตก

ไอ้โอ้ไอ้โยมไอ้เดย์เดินเข้าป่าไปหาฝืนหลังล้างหน้าบ้วนปากพอเป็นพิธี สามสาวซ่าซ่ากับไอ้จั๋วแบกเป้ไปอีกทางเพื่อหาเห็ดหาหญ้ามากินแกล้มโปรตีน ไอ้มิคถอดเสื้อโชว์กล้ามเหลือกางเกงลิงตัวเดียวดำผุดดำว่ายจับปลาสองมืออยู่ในน้ำใสไหลเย็นโดยมีไอ้อ่อนคอยดูต้นทาง ส่วนผมกับไอ้บีรับอาสาทำบาปรับอรุณ เอากิ่งไม้แหลมๆเสียบปลาเป็นๆจากตูดทะลุปากเพื่อเป็นอาหารประทังชีวิต

“ตอนเป็นเด็ก เด็กแถวบ้านกูชอบจับแมงปอมาดึงหางทิ้งแล้วเอาหญ้าเสียบตูดมันเล่น” ไอ้บีที่ร่วมกระทำบาปอยู่กับผมงึมงำพึมพำเหมือนอยู่ในภวังค์

“ไม่รู้ว่าหญ้ามันหนักหรือแมงปอมันเจ็บตูดมันเลยบินไม่ขึ้น แป็บเดียวก็ตาย”

“มีอยู่ครั้ง กูผ่านไปเจอ เห็นแมงปอมีหญ้าเสียบอยู่แทนหางพยายามบินหนีอะไรซักอย่าง กูหวังดีเลยช่วยดึงหญ้าออก มึงรู้เปล่าเป็นไง” ไอ้บีเล่าด้วยปากแต่ตาจ้องไปทางอื่นเหมือนหลงทิศ

“เป็นไง” ผมถามพลางจับจ้องสีหน้าเพื่อน หรือการฆ่าปลาด้วยมือเปล่าจะหนักหนาเกินใจรับไหว

“ตายคามือกูเลยไง หญ้าหลุดจากตูดปุ๊บสี่ขามันก็ม้วนหงิกงอปั๊บ แล้วก็นิ่ง ตายตาเหลือกอยู่ในมือกู”

“…………”

“ตั้งแต่นั้นมากูเลยเกลียดแมงปอ…” ไอ้บียังมองไปทางอื่นเหมือนหลงทิศ ผมที่ถือไม้เสียบปลาค้างอยู่ในมือเริ่มเหล่ตาหาตัวช่วย

“ไอ้กิม…” ไอ้บีหันหน้ามองมาตาขวาง

“… ไอ้บีมึงไปล้างหน้าหน่อยดีกว่า เดี๋ยวตรงนี้กูทำเอง” ผมหาทางออกให้เพื่อนและตัวเองแต่ไอ้บีกลับนิ่งไม่ขยับ

“ไอ้กิม มึง… เห็นรึเปล่า…”

ผมอุปทานไปเองหรือยังไงไม่อาจบอก บอกได้แต่ว่ายิ่งมองตาเพื่อนยิ่งขวางจนต้องกระถดก้นถอยหลังมาเนียนๆ

“… เห็นอะไรวะ”

คำตอบของผมทำให้ไอ้บีเหลือกตาที่โตอยู่แล้วให้ยิ่งกว้างแทบถลน แต่นอกจากตาที่เหลือกขึ้นไปถึงหน้าผากแล้วส่วนอื่นของร่างกายกลับนิ่งไม่ไหวติง ทำไมมันหลอนได้อย่างนี้วะ

“มึงไม่เห็นเหรอ” ไอ้บีถามเสียงแผ่ว

“………….”

“นั่นไง! ช่วยกูหน่อย…”

ผมยอมรับว่ากำลังจะเปิดตูดวิ่งโดยไม่เห็นแก่ความเป็นเพื่อนอยู่แล้วเชียวถ้าไม่เหลือบไปเห็นแมงปอตัวเท่าฝ่ามือเกาะอยู่แถวพงหญ้า เป้าสายตาที่ไอ้บีมองอยู่นานสองนาน

“ช่วยไล่แมงปอให้กูหน่อยเหอะ กูกลัวจนฉี่จะราดอยู่แล้ว!!”


ผมนั่งยองๆลงเสียบปลาที่รอให้ขาดอากาศตายก่อนต่อ หลังไล่แมงปอและเตะไอ้บีไปเต็มป๊าบ โทษฐานทำกูหลอนตั้งแต่พึ่งลืมตาตื่น เห็นหน้าเหรอหราของเพื่อนแล้วคิดว่าเจ้าตัวมันคงไม่ได้ตั้งใจเล่นหนังญี่ปุ่นแต่ขนาดไม่ตั้งใจยังเล่นซะใจหายใจคว่ำ นี่ถ้าเปลี่ยนจากตอนเช้าเป็นกลางค่ำกลางคืนรับรองงานนี้ได้วิ่งกันป่าราบเพราะแมงปอหนึ่งตัว

ทำบาปเสียบปลาเข้าไม้ได้ครบจำนวนคน ผมก็ถอดเสื้อกระโดดน้ำชำระบาปให้ไหลไปกับความหลอน ดำผุดดำว่ายพอเป็นกระสัยแล้วขึ้นมาพึ่งลมตากแห้งเตรียมพร้อมเดินทางไกลที่ไม่มีลิมิตไมล์ระยะทาง

ขบวนเก็บเห็ดเก็บฝืนตอนนี้นั่งกระจัดกระจายรออาหารเช้าอุดมโปรตีนสุกกันเหมือนมาปิกนิคริมทะเล หลายคนฆ่าเวลาด้วยการลอยคออยู่ในน้ำ กวักน้ำใส่กันให้รื่นเริงบันเทิงใจประชดชีวิตหลงป่า ส่วนชาวประมงจับปลาด้วยมือเปล่าของผมนั่งกินกล้วยชดเชยพลังงานไปพลางอาบแดดในยีนส์ตัวเดียวไปพลางเหมือนมาถ่ายแบบลงปกนิตยาสาร

ผมเดินไปทิ้งก้นนั่งแถวเดียวกับนายแบบแล้วบิดกล้วยมาปอกกินเพิ่มแม็กนีเซียม กินไปได้ลูกครึ่งปลาที่เสียบล้อมวงอยู่รอบกองไฟก็เกรียมกำลังดีให้ได้ดึงกันไปคนละไม้สองไม้ โดยมีเห็ดและกล้วยย่างปิดท้ายเป็นของหวาน

หลังจัดการรูดก้างปลาออกจากไม้กันจนไม่เหลือหลอ แต่ละคนก็นั่งนิ่งชมป่าชมเขาลำเนาไพรโดยไม่มีใครปริปากพูดอะไร ทั้งที่ในใจคงคิดอยู่ไม่ผิดกันว่าจากนี้ไปจะเอายังไงกับชีวิต จะตบดินออกจากก้นแล้วเดินต่อ ก็แล้วจะเดินไปไหนให้ยิ่งงง จะนั่งมันอยู่อย่างนี้ก็รู้สึกท้อแท้รุนแรงเหมือนคนไม่สู้ชีวิต สุดท้ายนายแบบกางเกงยีนส์ข้างๆผมก็ทนงอมืองอเท้าอยู่ไม่ไหว เดินไปสะบัดเสื้อชื้นๆมาสวมแล้วออกปากให้เคลื่อนขบวน

“วันก่อน ลุงเกลี้ยงว่าเดินไปอีกชั่วโมงกว่าจะเจอทางน้ำ น่าจะเป็นที่นี่” ไอ้มิคพูดขึ้นลอยๆเหมือนใช้ความคิด “ถ้าลองคลำทางจากนี่ย้อนกลับไปอาจเจออะไรให้พอคุ้นตา”

“คลำทางจากนี่ไปทางไหนวะ เหนือใต้ออกตก สี่ทางเข้าไปแล้วยังไม่นับพวกแถบๆตะวันออกตะวันตกเฉียงๆ” ไอ้จั๋วที่วันก่อนก่อนเอาแต่หลับหูหลับตาวิ่งยกมือถาม

“ทางเหนือเดินไปเป็นดงกล้วย ตัดทิ้งไป เมื่อวานเราเดินมาจากทางนั้น…”

ไอ้มิคเริ่มแสดงอภินิหารย์ขุดความจำมาวาดแผนที่ทิศให้สมาชิกได้มองกันตาค้าง หน้าหล่อจัดมีแววครุ่นคิดแล้วชี้มือไปยังทิศทางที่วิ่งเฮโลกันมาเมื่อวาน

“ทางนั้นตะวันออกก็ตัดทิ้ง เหลือสองทางให้เลือกส่วนไอ้ทิศเฉียงๆเดินไปเดี๋ยวก็กลืนกันไปเอง” ไอ้มิคว่ามาเหมือนเดินยังไงก็ไม่มีหลง จนสายตาสมาชิกเริ่มเห็นแสงแห่งความหวัง

“เลือกเอาสองจากหนึ่ง แล้วจะเลือกจากอะไรวะ” ไอ้โยมที่กระโดดผลุงขึ้นยืนถามอย่างกระตือรือร้น แต่ละคนเงียบรอให้คนถือแผนที่ตอบ

ไอ้มิคมองหน้าเพื่อนที่นั่งจ๋องมองกันตาแป๋วแล้วตอบออกมาง่ายๆ “ก็เดาสุ่มสิเว้ย”

จากนั้นขบวนหลงป่าสิบเอ็ดชีวิตเลยเดาเลือกเส้นทางจากการเสี่ยงทาย โดยให้นกเล็กหันหลังโยนกิ่งไม้ ตกทางไหนไปทางนั้น อนิจานี่แหละหนาชีวิต อุตส่าห์ได้ตื่นเต้นกันพอเป็นพิธีกับหลักเหตุผลพร้อมทฤษฏีเรื่องทิศทางที่คิดว่าจะพาให้หลุดผัวะไปออกันอยู่แถวทางออก ที่ไหนได้สุดท้ายก็จบด้วยการเดาเราพึ่งดวง

“เดี๋ยวๆขอกูตุนน้ำอีกหน่อย จะได้มีแรงแหกปากให้ตลอดรอดฝั่ง”

ไอ้โอ้กระตือรือร้นเอาขวดเปล่าใบสุดท้ายกรอกน้ำจืดจากธรรมชาติ ที่ใช้ทั้งล้างหน้าบ้วนปากดำผุดดำว่ายและดื่มกิน


เดินตามแสงแห่งความหวังล้วนๆมาได้ตกสองชั่วโมงกว่าๆ สีหน้าแต่ละคนก็ออกแนวพูดไม่ออกบอกไม่เถิก เนื่องจากมองซ้ายขวาหน้าหลังจะว่าคุ้นก็เหมือนเคยผ่านตาจะว่าไม่คุ้นก็เหมือนไม่เคยเห็น เรียกว่างงเต็กกันไปตามระเบียบจนไอ้จั๋วไอ้โอ้หันไปแหกปากประชดชีวิต เรียกหาลุงเกลี้ยงลุงผู้ใหญ่เหมือนลุงๆเป็นแอ็ด คาราบาวบนเวทีคอนเสิร์ต

ไอ้มิคที่เดินอยู่ข้างหน้ายกมือขึ้นปาดเหงื่อออกจากคางตัวแล้วเผื่อแผ่มาถึงหน้าผากผมเหมือนเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติของร่างกาย มือร้อนๆด้วยสุขภาพดีบวกความร้อนจากแดดแผดเผาโป๊ะลงมาบนหน้าผมระหว่างเจ้าของมือหยุดเท้าแล้วมองไปรอบตัว ท่าทางเหมือนกำลังขุดคุ้ยความจำวาดแผนที่เส้นทางอยู่ในสมอง ก่อนจะเหลือบมาเห็นผมที่แหงนหน้ามองตาปริบๆ ริมฝีปากชวนฝันเลยเปิดยิ้มบางเหมือนให้กำลังใจก่อนดึงมือให้ออกเดินต่อ

เดินมากันได้ไม่เท่าไหร่ไอ้อ่อนก็ทรุดลงกับพื้นแบบทิ้งทั้งตัวก่อนทะลึ่งขึ้นยืนในหนึ่งจังหวะหายใจ ผมที่เห็นเพื่อนทรุดไปกองกับพื้นยังไม่ทันได้ยื่นมือเข้าไปช่วยดึง ไอ้อ่อนก็กระโดดเหยงพร้อมชูของที่ถืออยู่ในมือขึ้นฟ้าแล้วตะโกนลั่น

“ก้นบุหรี่!!!” สามคำที่ทำเอาทุกคนชะงักเท้า

“ไอ้กิม มึงช่วยกูดูดิ นี่ใช่ก้นยาเส้นที่ลุงเกลี้ยงแกดูดเปล่าวะ!!?”

ไอ้อ่อนคว้าแขนผมแทบเป็นกระชากให้เข้าไปหา เข้าใจว่าอดินารีนเพื่อนกำลังหลั่งไหล ผมก้มมองของในมือไอ้อ่อนที่ตอนนี้มีสายตาเกือบสิบคู่ฮือกันเข้ามาดู แล้วต้องเป็นฝ่ายกระโดดเหยงด้วยว่าความตื่นเต้นมันสูบฉีด

“ใช่จริงด้วย!! กูจำได้ กูมองตั้งแต่ตอนแกสูบมวนแรกยันมวนสุดท้าย!” ไอ้จั๋วชิงตอบ

“งั้นพวกเราก็มากันถูกทางแล้วสิสสส” นกเล็กกับมะลิกอดคอกันกระโดดแบบแพ็คคู่ จากนั้นเสียงไชโยโห่ฮิ้วก็ดังระงมประหนึ่งเจอป้ายแจกแจ็ตพ็อตแตกวางอยู่ตรงหน้า

“เอายังไง เอายังไง! จะเอายังไงกันต่อ!?” ไอ้อ่อนที่ยังกำก้นยาเส้นไว้ในมือตะโกนถามไปถ้วนทั่ว เล่นเอาแต่ละคนต้องหยุดชะงักอาการยินดีแบบโอเว่อร์แอ็คติ้งมาคิดถึงสเต็ปต่อไป

“วันนั้นกูเดินตามลุงเกลี้ยงแทบติดตูดเพื่อถามเรื่องเห็ด จำได้ว่าแกจุดยาเส้นสูบมวนสุดท้ายก่อนเจอเสือตั้งนาน” ไอ้จั๋วยกมือแสดงความเห็นแบบแสนจะกระตือรือร้น

“ถ้าจำไม่ผิดคือหลังพักกินข้าวเหนียว… แสดงว่าตอนนี้พวกเราอยู่ไม่ไกลจากทางออกแล้วโว้ย!!”

แม้จะไม่ใช่การตอบคำถามถึงสเต็ปต่อไป แต่ประโยคนี้ของไอ้จั๋วก็ทำให้แต่ละคนหน้าบานเป็นกระดง ความเหนื่อยล้าอ่อนแรงที่สะสมอยู่เหมือนพลันหายไปจากอก ไอ้โอ้ไอ้โยมถึงขั้นกำหมัดชกอากาศ กระโดดแท็คกันเหมือนอาเซ็ลนอนได้แชมป์พรีเมี่ยหลีก ส่วนผมนี่กระโดดเข้าเอวไอ้มิคไปตั้งแต่เห็นก้นยาเส้นเมื่อห้านาทีที่แล้ว

“เออ กูก็จำได้ แกขยี้ยาเส้นทิ้งตอนซุ่มดูหมูป่าหลังกินข้าว” ไอ้เดย์ส่งอีกเสียงยืนยันระยะห่างจากทางออก
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 10-09-2010 22:01:23
แต่ทันทีที่สิ้นเสียงไอ้เดย์ สองสาวหรือสามสาวไม่อาจบอกเนื่องจากเสียงหวีดกรี๊ดรับกันมานั้นดังจนแยกประสาทไปนับไม่ถูก แค่เห็นแว็บๆว่ามะลิที่ยืนอยู่แถวไอ้โอ้ปิดปอดกรี๊ดขึ้นมาลั่นป่าตาขวาผมก็ขยิบจนไม่มีเวลาไปมองไปอย่างอื่น ได้เห็นแค่แว็บเดียวว่าสมาชิกที่กระจุกกันไชโยโห่ร้องแตกฮือไปคนละทิศละทาง ไอ้มิคก็กระชากมือผมให้ออกวิ่งชนิดแทบจะปลิวตามแรงดึง

ยังไม่ทันเห็นว่าเที่ยวนี้ตัวอะไรก็ต้องยื่นมือไปดึงนกเล็กที่ดันยืนนิ่งหลับหูหลับตากรี๊ดสุดหลอดเสียงให้หันหลังวิ่งหัวซุกหันซุนตามกันมา กลายเป็นขบวนเราสามคนที่ไม่รู้ว่าโกยตามแรงใครและหนีอะไร จนไอ้มิคที่วิ่งนำหน้าเบรคดังเอี๊ยดแล้วหันมาคว้าคอผมโยนขึ้นต้นไม้ให้ได้งัดวิชามือตะขาบตีนตุ๊กแกช่วยตัวเองตะกายไปให้ถึงกิ่งก้านสาขา

ยังไม่ทันได้กางขาคร่อมให้มั่นเหมาะนกเล็กก็ลอยละลิ่วมาจากแรงเหวี่ยงชนิดว่าเจ้าตัวคงไม่มีแม้แต่เวลาเตรียมใจ สองตาเลยเหลือกแทบถลนพร้อมเสียงโซปราโน่แหลมสูงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ผมที่ตาเหลือกเพราะเห็นคนเหาะอยู่ตรงหน้าต้องสละสติยืดตัวไปคว้านกเล็กจากกลางอากาศมาเกี่ยวไว้ข้างตัวด้วยอดินารีนล้วนๆ ส่วนเจ้าของพละกำลังที่จับคนอื่นโยนเป็นว่าเล่นปีนพรวดๆตามขึ้นมาสมทบไวปานวอก

ผมนั่งยองๆหนีบนกเล็กชิดติดสีข้างอยู่บนต้นไม้ใหญ่ รัวหอบหายใจจนน่ากลัวหัวใจจะกระฉอกออกจากปากพลางกวาดตามองเพื่อนร่วมขบวนที่แปลงร่างเป็นลิงค่างบ่างชะนี กระโดดตัวลอยเหมือนมีกำลังภายในขึ้นมานั่งนับลมหายใจบนกิ่งไม้ต้นละสองสามคน คนสุดท้ายที่เล่นเอาเพื่อนลุ้นกันจนตัวโก่ง จนต้องส่งเสียงเรียกยิ่งกว่าเชียร์มวยคือไอ้จั๋วที่ดันเอาแต่ห้อทางตรงหนีหมูป่าเขวี้ยงโง้วที่ตะกุยดินวิ่งกวดอยู่ห่างไปไม่กี่เมตร

ไอ้มิคที่นั่งอยู่กิ่งถัดลดไปจากผมไม่รู้ไปคว้าก้อนหินมาจากไหน พี่เกร็งกล้ามแล้วเหวี่ยงหินเหมือนเคยเล่นแชร์บอลอาชีพ หินก้อนเท่ากำมือลอยละลิ่วเข้าสีข้างหมูป่าดังปั่ก หมูเจอหินเข้าไปเลยหายใจฟืดฟาดสมาธิแกว่ง ไอ้อ่อนที่ปกติวิ่งแย่งบอลไม่เคยทันใครงานนี้นั่งอยู่บนต้นประดู่กิ่งบนสุดขว้างกล้วยที่ท่าจะล้วงมาจากเป้ใส่หมูป่าเป็นการล่ออีกเป้า ไอ้จั๋วถึงได้มีเวลาและสติมาเงยหน้าเงยตามองว่าเพื่อนพ้องเอาตัวรอดกันยังไง แล้วกระโจนใส่ต้นไม้ที่ไอ้โอ้ไอ้เดย์จับจอง

ไอ้โอ้เลื้อยลงมาช่วยดึงไอ้จั๋วขึ้นไปได้แบบเฉียดฉิว ก่อนเพื่อนจะตกเป็นกระสอบมีชีวิตให้หมูป่าขวิดไส้ทะลัก แต่หมูป่าอ้วนพีตัวเท่าควายแถวเขี้ยวยังโง้งซะยังกับมีงวงเหมือนเกิดอาการคลั่ง ทุ่มจมูกบี้ๆกระแทกลำต้นที่ไอ้จั๋วพึ่งตะกายขึ้นไปนั่งได้อย่างหมิ่นเหม่ เสียงโครมดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจนเลือดสีแดงดำกระฉูดติดลำต้น แต่หมูป่าแอบคลั่งยังเอาแต่ทุ่มตัวเข้าใส่จนต้นไม้ขนาดกลางเริ่มโอนเอน

“สาด!! หมูห่าอะไรวะอึดขนาดนี้ นี่มันจะกินคนให้ได้เลยใช่ม๊ายยย!!” ไอ้จั๋วที่ตัวไหวไปตามลำต้นสติแตกตะโกนด่าหมูตอบรับสถานการณ์

“ตอนวิ่งหนีมึงไปทำอะไรให้มันวะ มันถึงอาฆาตขนาดนี้! ดูดิ จมูก แม่ง แหกยับเยินแล้วทำไมเหมือนมันไม่เจ็บเลยอ่าาา” ไอ้โยมที่หัวสั่นหัวคลอนอยู่บนต้นเดียวกันตะโกนถามด้วยสีหน้าสยดสอง

“โอ้ย ต้นไม้ล้มเมื่อไหร่ ไส้แตกแน่กู!! ไอ้มิค ไอ้กิม ช่วยข่อยด้วยเน้นน” ไอ้จั๋วที่เหลือบมาเห็นผมกับไอ้มิคบนต้นมะขามแหกปากหาความช่วยเหลือ

“มึงก็ข้ามไปต้นอื่นกันซิวะ” ผมที่ใจตุ้มๆต่อมๆมองเพื่อนสลับกับหมูตะโกนเสนอทางเลือก “ปีนขึ้นไปให้ถึงยอดแล้วกระโดดไปต้นข้างๆ!”

ทางเลือกผมทำให้สามชีวิตบนต้นไม้นู้นกับสองชีวิตบนต้นไม้นี้แหงนหน้ามองยอดต้นไม้พร้อมกันเหมือนนัดเวลา

“สาดดด กิม พวกกูเพื่อนมึงนะโว้ยไม่ใช่ก๊วยเจ๊งก๋วยจั๊บในการ์ตูนที่มึงอ่าน จะได้เตะขาถีบลมถีบแล้งขึ้นไปถึ… เหี้ยยยยยยย!!!”

เสียงไอ้โอ้ไอ้จั๋วดังข้ามต้นไม้เข้ามาในใจผมในจัวหวะเดียวกับที่สีหน้าหวาดผวาของเพื่อนวูบจากกรอบสายตาไปพร้อมต้นไม้ที่หักโค่น นาทีที่ลำต้นหนาหนักเอียงกระเท่เร่แล้วล้มวูบผมถลาลงจากต้นไม้ไปพร้อมไอ้มิคด้วยสัญชาติญาณมากกว่าจะรู้ตัว

ถลาลงจากความสูงเกือบสี่เมตรได้ผมก็ตะกุยดินเต็มสองตีนพุ่งไปทางไอ้โยมที่อยู่ใกล้หมูป่าที่สุด แต่วิ่งได้ไม่ยังถึงสามก้าวเต็มก็รู้สึกถึงแรงกระชากจากข้างหลังจนแทบล้มก้นจ้ำเบ้า

“กลับขึ้นไป!”

ไอ้มิคตวาดเสียงเข้มแล้วเหวี่ยงผมใส่ต้นไม้ที่จากมากก่อนออกวิ่งไม่เหลียวหลัง

ผมที่โดนเหวี่ยงกลับมาที่เดิมได้ยินได้เห็นสีหน้าอีกฝ่ายทุกโสตประสาทแต่จนใจจะทำตามได้ พอตั้งตัวติดผมก็ห้อตามแผ่นหลังอีกฝ่ายก่อนฉีกไปอีกทาง ไอ้มิคที่ท่าจะวิ่งเข้าใส่หมูเพื่อดึงความสนใจสบถถึงพริกถึงขิงทั้งไทยทั้งเทศทันทีที่เหลือบมาเห็นว่าผมวิ่งพรวดพราดเข้าไปร่วมวง

แม้จะได้ยินเสียงเรียกเสียงสั่งให้กลับขึ้นต้นไม้จากอีกคนที่เหมือนจะกลับลำพุ่งเข้าใส่ผมแทนหมู แต่สมองกับสองขาของผมตอนนี้ไม่สั่งการอื่นนอกจากคว้าไอ้โยมที่โดนต้นไม้ทับให้ลุกแล้วถูลู่ถูกังลากเพื่อนออกมา สองตาผมเหล่แยกข้างจ้องไอ้โยมจ้องหมูป่าในขณะที่สองหูเริ่มได้ยินเสียง ฮี้ย! ฮี้ย! เฮ่ย! เฮ้ย! ดังมาจากรอบด้าน

กว่าจะเหล่ตาไปหาที่มาของเสียงได้ก็ตอนที่ดันก้นไอ้โยมให้ปีนขึ้นต้นไม้ ถึงได้เห็นว่าพวกไอ้อ่อนไอ้เดย์พร้อมใจกันสละขอนไม้ลงมายืนส่งเสียงไล่ควายปั่นหัวหมูให้ไม่รู้จะพุ่งไปทางไหน ส่วนไอ้มิคของผมหิ้วปีกไอ้จั๋วไอ้โอ้กึ่งวิ่งกึ่งลากไปหาต้นไม้ใหม่

นาทีแห่งความระทึกขวัญเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี แค่แยกกันเผ่นขึ้นต้นไม้ไปนั่งล้อหมูได้คงหมดเรื่อง แต่ระหว่างที่เกือบจะได้สบายใจ หมูป่าเลือดสาดกลับตัดสินใจดับเครื่องไม่สนเสียงไล่ควายกวนประสาทที่ดังมาจากหลายทิศทาง

หมูป่าเขี้ยวโง้งกดหัวลงต่ำแล้วตะกุยขาหลังจนฝุ่นฟุ้ง ผมที่รอดปลอดภัยอยู่บนต้นไม้ถึงกับร้องไม่ออกตอนเห็นภาพหมูวิ่งห้อเข้าใส่เป้าหมาย ทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีจนเหมือนเวลาหยุดนิ่งแล้วค่อยกลายเป็นภาพสโลโมชั่น ภาพผมแหกปากเรียกชื่อคนที่ยังดันก้นไอ้จั๋วให้หนี พร้อมกับตัวผมที่ไถลลื่นตกจากต้นไม้แล้วตะกุยทั้งมือทั้งขาเข้าใส่สัตว์สี่เท้าอย่างไม่คิดชีวิต ภาพใบหน้าไอ้มิคที่เอี้ยวมามองเหตุการณ์ หน้าเครียดขึงเปลี่ยนเป็นซีดขาวในจังหวะที่ผมคว้าหางหมูไว้เต็มกำมือ

ไอ้มิคที่อยู่ห่างจากการโจมตีของหมูป่าไม่ถึงสองเมตรเบิกตากว้าง สายตาแห่งความพรั่นพรึงจ้องตรงมาที่ผมแทนที่จะเป็นสัตว์สี่เท้าร่างใหญ่ แล้วคนที่ผมอุตส่าห์วิ่งมาช่วยก็ทุบความช่วยเหลือแตกกระจายด้วยการกระโจนเข้าใส่ไอ้ตัวที่ผมพยายามดึงหางชักเย่อ เสียงห้าวตวาดกร้าวให้ผมปล่อยมือด้วยหน้าซีดขาวไม่มีสีเลือด

ผมยื่นอีกมือไปกระชากหางที่จับอยู่ด้วยแรงที่กะให้มันขาดติดมือ ไอ้หมูบ้าเลือดตัวนี้จะได้เปลี่ยนเป้าหมายจากการฟัดคนที่ยังเอาแต่ตะโกนตะคอกผมให้หันหลังหนี แต่ดูท่าหางจะไม่ใช่จุดอ่อนเพราะมันยังคงสะบัดหัวหาทางขวิดไอ้มิคจนผมต้องยกเท้าเตะอัดสีข้างหมูอย่างที่เรียกได้ว่างานนี้สู้แค่ตาย และในจังหวะที่ผมตัดสินใจจะกระโจนขึ้นขี่หลังดำเป็นมันให้รู้แล้วรู้รอด เสียงปืนสองนัดก็ดังผ่าอากาศเข้ามาในระยะที่เล่นเอาสะเทือนเข้ามาถึงหัวใจ

เสียงปืนยังไม่ทันจะหายไปจากหู ของเหลวอุ่นร้อนก็สาดกระเด็นเข้ามาเต็มตัว หมู่ป่าบ้าเลือดที่ผมกำลังจะกระโดดคร่อมหยุดชะงักแล้วกระตุกไปทั้งตัวก่อนล้มตึงลงกับพื้น ผมที่ยังกำหางหมูอยู่ในมือถูกแรงทิ้งตัวของสัตว์สี่เท้าดึงให้ล้มกระแทกเข่าตามไปติดๆ แล้วก็ได้ทะลึ่งพรวดขึ้นยืนด้วยแรงกระชากแบบไม่ปราณีปราศรัยจากคนที่กระโจนมาถึงตัว

ไอ้มิคตะปบมือมาทั่วตัวผมถึงขั้นกระชากเสื้อยืดเปื้อนเลือดจนฉีกขาด ตาสีอ่อนจางที่กวาดไล่สำรวจอาการกันเครียดเขม็งจนไม่มีใครกล้าแม้แต่จะเอ่ยปากถาม ไอ้อ่อนไอ้จั๋วที่ไม่รู้ว่าโผล่มาอยู่แถวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ได้แต่ยืนมองอยู่ไกลๆ แล้วค่อยๆล่าถอยไปรวมกลุ่มกับลุงเกลี้ยงและชาวบ้านที่โผล่มาช่วย ปล่อยให้ไอ้มิคสบถเสียงกร้าวคำแล้วคำเล่าใส่หน้าผมแบบหมดทางสู้

“ทำอะไร! รู้ตัวรึเปล่าว่าทำบ้าอะไรลงไป!!”

เสียงขุ่นเข้มตวาดถามผมเป็นรอบที่สามด้วยแรงอารมณ์ที่ไม่มีที่ท่าจะลดละ ไอ้มิคอารมณ์ขึ้นถึงกับปัดมือผมที่ยื่นไปคว้าไหล่

“บอกให้หนีทำไมไม่เชื่อ! ถ้าไม่มีปืน ถ้าช้ากว่านี้อีกนิดเดียว… ระยำเอ้ย!!”

“…………”

“…………”

“… กูขอโทษ” ผมปล่อยให้อีกฝ่ายระบายออกมาเต็มที่ก่อนตัดสินใจยื่นมือไปอีกครั้ง

ไหล่แข็งแรงเกร็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมือผมยื่นไปหา แต่ไอ้มิคที่ยังสบถภาษาต่างดาวติดพันก็ไม่ได้เบี่ยงหลบหรือยกมือขึ้นปัดสัมผัสเหมือนครั้งแรก และก่อนจะได้มองหน้าอีกฝ่ายให้ชัดๆ มือหนาเปื้อนเลือดก็คว้าเข้ามาเต็มตัว กระชากให้เข้าไปหา

เสียงขุ่นเข้มยังเน้นย้ำว่ากล่าวจนผมเกือบจะถอดใจพร้อมความอดทน ปล่อยหมาในปากออกไปต่อว่าอีกฝ่ายว่าถ้าให้เปลี่ยนกันมันก็ต้องทำไม่ผิดกับผม เรื่องจะให้หันหลังหนีหรือนั่งลุ้นอยู่บนต้นไม้ ให้อยู่รอดปลอดภัยคอยมองคนสำคัญตกอยู่ในอันตราย ให้ตายก็ทำไม่ได้ แต่แล้วเสียงหัวใจอีกดวงที่เต้นกระหน่ำกระแทกกระทั้นอยู่ชิดติดอก ความรัวเร็วของก้อนเนื้ออีกก้อนบอกให้รู้ว่าเสียงขุ่นเข้มกับทุกคำต่อว่าไม่ได้มาจากความโกรธเหมือนสีหน้าที่แสดงออกหากแต่เป็นความกลัว

ความกลัวที่ทำให้หน้าเครียดเขม็งเปลี่ยนเป็นซีดขาวในจังหวะที่หันมาเจอว่าผมโผล่ไปยืนอยู่ร่วมวงคนกับหมู หน้าซีดไม่มีสีเลือดกับเสียงแข็งกร้าวตะโกนย้ำหนักให้ผมเปิดตูดหนีในขณะที่ตัวเองยอมกระโจนเข้าใส่อันตรายเพื่อหาโอกาสให้ผมรอด ในโลกนี้นอกจากพ่อแม่ที่เคารพรักแล้ว คนที่เห็นความสำคัญของผมถึงขั้นยอมเอาตัวเข้าแลกให้หมูขวิดหวุดหวิดไส้แตกก็คงมีแค่อีกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้เท่านั้น

“กูขอโทษที่ทำอะไรโง่ๆ…” ผมว่าไปได้แค่นั้นพลางตบหลังไหล่ไอ้มิคเป็นการย้ำก่อนเหลือบไปเห็นลุงเกลี้ยงย่ำรองเท้าแตะเข้ามาหา

“เป็นยังไงกันบ้างคู้ณ ได้เลือดได้แผลตรงไหนกันหรือเปล่า” ลุงเกลี้ยงสะพายปืนยาวสองลำกล้องอยู่บนบ่า เดินเข้ามาสำรวจอาการผมกับไอ้มิคแบบชิดติดตา

“ไม่เป็นไรครับลุง ขอบคุณมากที่ตามจนเจอพวกเรา” ผมรวบคำตอบมาตอบเองแล้วตบหลังไอ้มิคที่ยังเกาะหนึบอยู่ติดตัวให้หันไปดูสถานการณ์

“โอ้ย ยังไงก็ต้องหาจนเจอนั่นแหละ ว่าแต่ไม่เป็นไรจริงๆเร้อ”

ลุงเกลี้ยงถามพลางไล่สายตาสำรวจเสื้อเปื้อนเลือดที่ตอนนี้ฉีกขาดจนห้อยร่องแร่งอยู่บนตัวผม แล้วเหล่ไปมองไอ้มิคที่ก็ดูยับเยินไม่แพ้กัน

“ไม่เป็นไรลุง” ไอ้มิคที่ขยับไปยืนทำอารมณ์ได้ไม่ถึงนาทีตอบพลางจ้องหน้าลุงเกลี้ยงเขม็ง สีหน้าและสายตาผิดกับคำพูดชนิดเล่นเอาคนฟังสะดุ้ง

“พ้มต้องขอโทษด้วยนา ที่พาพวกคุณมาเจออะไรอย่างนี้” ลุงเกลี้ยงกระตุกปากออกตัวหลังหลุดสะดุ้ง

“ไม่เป็นอะไรกันก็ดีแล้ว พวกเพื่อนๆคุ้ณก็โชคดีไม่มีเลือดตกยางออก อ่า ยังไงเรากลับหมู่บ้านกันก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวจะมืดค่ำซะก่อน”

ลุงเกลี้ยงพูดรวดเดียวจบแล้วสาวเท้าไปแบบไม่รอฟังเสียงใคร คาดว่าเพราะโดนสายตาพิฆาตไอ้มิคฟาดฟันจนขวัญบิน

ไอ้มิคละสายตาจากหลังลุงเกลี้ยงที่เดินเข้าไปเรียกกำลังใจเอากับกลุ่มนักศึกษาที่ป้องปากโห่ร้องกันเหมือนลุงเป็นฮีโร่ สายตาคมๆยังติดจะขุ่นหันมาทางผมก่อนถอนใจเฮือกใหญ่ให้เห็นๆ สีหน้าท่าทางบอกได้ว่ายังโกรธกรุ่นไม่ยอมคลาย ซ้ำยังใช้ความเงียบเข้าข่มโดยไม่ยอมปริปากสบถสองภาษาหรือถามพลางด่าเหมือนไม่กี่นาทีก่อน ไอ้มิคจ้องมานิ่งๆจนผมต้องเป็นฝ่ายยื่นมือไปกวนความเงียบ คว้ามืออีกฝ่ายมาบีบเรียกคะแนนความเห็นใจก่อนเอนเข้าไปกระซิบแผ่วๆ

“กูขอโทษจริงๆ อย่าโกรธเลยน่า นะ… เอาไว้ครั้งหน้าถ้ายังมีโอกาส รับรองไอ้กิมจะวิ่งไม่เหลียวหลัง ตอนนี้กลับกันเหอะ จะได้ออกจากป่านี้ซักที ไปครับ”

หยอดท้ายไปด้วยคำสุภาพ ท้ายเสียงกระแดะจนปากแทบเบี้ยว แล้วฉุดมือดึงคนที่ยังเอาแต่จ้องกันนิ่งให้เดินตามมาเข้าฝูงเพื่อนที่ตอนนี้มุงกันอยู่หน้าศพหมูไร้วิญญาณ ไอ้มิคยอมให้ผมจูงมือเดินมารวมกลุ่มโดยไม่ได้ว่ากล่าวตักเตือนหรือแสดงอิทธิฤทธิ์ว้ากให้ไทยมุงกระเจิง

แล้วขบวนทัวร์ป่าสามัคคีที่มีผู้นำทัวร์เพิ่มจำนวนจากหนึ่งลุงเกลี้ยงเป็นชาวบ้านหลายสิบครัวเรือนก็ได้ฤกษ์หามหมูป่าตัวเท่าควายที่จะกลายเป็นอาหารเหลามื้อดึกขึ้นบ่า แล้วตบเท้าออกจากป่าดอนดอกประดู่กันมาด้วยเสียงหัวเราะเฮฮา แต่ละคนยิ้มแย้มผ่อนคลายจนดูเหมือนสามวันสองคืนแห่งความระทึกขวัญกลายเป็นเพียงความฝันแค่หนึ่งตื่น

แต่สำหรับผมที่ย่ำเท้านำอีกคนที่ก้าวขึ้นมาเคียงไหล่ สามวันสองคืนที่มีพลัดหลงและพบเจอ ช่วงเวลาที่เดินย่ำวนไปเวียนมาอยู่ในป่าแห่งนี้เป็นเวลาที่ผมได้ค้นพบแล้วว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดของใจ



โปรดติดตามตอนต่อไป
=========================================================================

ระทึกกกกกกกกกกกกกกกกก..อ่ะ

แต่ บีแอบแย่งซีนกิมนะเนี่ย...ไอ้เราก็นึกว่าอะไร แมลงปอซะงั้น

ตอนหน้าจบแล้วน๊า เมนต์กันเยอะๆนะจ๊ะ

















ปล.  ตอนหน้ากรุณาเตรียมทิชชูกันให้พร้อมนะค่ะ      :z1: :m25:      อิอิ

รออะไรกันอยู่  ...สิ่งนั้นกำลังจะมาค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 10-09-2010 22:10:13
จิ้มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 10-09-2010 22:15:51
ทิชชู่เขาไว้ซับน้ำตา  ส่วนผ้าเขาไว้ซับน้ำลาย (อยากบอกว่าเลือดก็แลดูจะ SM ไปหน่อย)
พี่ต้องเตรียมอะไรดี  ผ้าดีกว่าเนาะ
ยังไม่อยากให้จบเลยอ่ะ  
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 10-09-2010 22:20:29
สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
รักกันมากมาย รักแบบยอมตายแทนได้ โอยยยยยยยยยยยยยยยยยย

มิคกับกิม ปลื้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม :กอด1: กอดรวบทั้งคู่แน่นๆไม่ให้ต้องมีวันพรากจาก หงิงๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 10-09-2010 22:26:56
โอ้ย......ลุ้นมากกลัวว่าจะมีเลือดสาดแต่ก็มีจริงๆเป็นเลือดหมูป่า :laugh:
จะหาคนที่รักกันแบบนั้นได้จากที่ไหนอีกถึงจะมีอันตรายแค่ไหนก็ไม่ทิ้งกัน :-[
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 10-09-2010 22:29:41
ทิชชู่เขาไว้ซับน้ำตา  ส่วนผ้าเขาไว้ซับน้ำลาย (อยากบอกว่าเลือดก็แลดูจะ SM ไปหน่อย)
พี่ต้องเตรียมอะไรดี  ผ้าดีกว่าเนาะ
ยังไม่อยากให้จบเลยอ่ะ  

ถ้าเป็นผ้า แนะนำว่าเตรียมถังมาด้วยก็ดีนะคะ  เอาไว้บิดผ้าอ่ะค่ะ   o18

ตอนหน้าตอนจบแล้วอ่ะ  แต่จบภาคนะค่ะ  ไม่รู้ว่าคุณหมีเค้าจะเขียนต่อหรือเปล่า  เราก็ช่วยกันภาวนาให้เค้าเขียนต่อเร็วๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 10-09-2010 22:31:07
เพื่อนบีอย่างฮาอะ กลัวแมงปอ น่ารักเนอะ :z1:
แต่หมูป่าบาเลือดนี่ไม่ไหวนะคะ น่ากลัวววว o22
เตียมผ้านวมเลยได้มั้ย ทิชชู่กลัวไม่พอ ขนาดที่ผ่านมาเลือดกำเดายังไหลอย่างกะน้ำตก :haun4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 10-09-2010 22:33:42
ตอนหน้าจบแล้วจริงหรอ  แง สั้นจังเลยอ่ะ  แต่สนุกมากมายเลยค่ะ ถ้ามีงานสนุกๆของคุณหมีอีกอย่าลืมเอามาแปะอีกนะคะ :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 10-09-2010 22:34:59
มาสปอยกันแบบนี้ สงสัยไม่ต้องไปไหนเฝ้าหน้าจอคอมตลอดแหงมๆๆ :z1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 10-09-2010 22:38:06
สนุกมากๆ ตอนนี้หลากหลายอารมณ์ ทั้งลุ้นทั้งฮาทั้งซึ้งในความรักของพ้องเพื่อน และความรักของมิคกะกิม
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: CHIVAS ที่ 10-09-2010 22:38:59
อ่านทันแล้วค่า 
โอ๊ยตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เรื่องนี้มันหลายรส หลายอารมณ์จริงๆ
ยิ่งตอนล่าสุดนี้ ทำเอาคนอ่านลืมหายใจตอนที่พระนายต่อสู่กับหมู่ป่า   o22
แต่รอดมาได้ก็ดีแล้วน้า  พอออกจากป่า พ่อยอดชายนายมิค จะได้สำเร็จโทษกิมซักที  อิอิ  :haun4:  เตรียมผ้านวมซับพร้อมแระ
แต่ก็ยังไม่อยากให้จบเลยอ่า  ขอภาคสองเลยแล้วกันนะคะ หวังให้คนเขียนเขียนต่อนะ
สนุกจริงๆ ทำเอาอินอ่ะ

ชาติหน้าได้แฟนซักเสี้ยวนึงของมิค ก็ดีแล้ว  โอยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :-[
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 10-09-2010 22:42:06
โอ๊ะ ตอนหน้า  :z1:

แต่ระทึกมากจริงๆ เหอะๆ อ่านไปลุ้นไป หักมุมตลอด ลุ้นจนเหนื่อย  :เฮ้อ:

ขำบีเหมือนกัน 555 ดีนะว่ากลางวัน มะงั้น กิมวิ่งหางชี้แหงๆ  :m20:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 10-09-2010 22:45:22
มิค ผู้ซึ่งยอมสละแล้วเพื่อปกป้องกิม แต่กิมก็ห่วงมิคไม่ใช่น้อย  :-[ น่ารักจัง  o18ได้เวลาลงเอยแล้วชิมิ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 10-09-2010 22:49:29
อ่านตอนนี้แล้วลุ้นเป็นที่สุดอ่าาาาาาาาา
ดีนะที่ไม่มีใครเป็นอะไร
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 10-09-2010 22:50:27
อยากอ่านตอนต่อไปอ่ะ :z3: :z3: :z3:

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 10-09-2010 22:57:27
แบบว่าชอบเรื่องนี้มาก
ใจหายเลยเมื่อรู้ว่าตอนหน้าเป็นตอนจบแล้วอ่ะ
ทั้งมิคและกิมยังน่ารักได้อีก
ใจละลายแล้วกับความรักของทั้งคู่
จะรอตอนเข้าหออย่างใจจดใจจ่อ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 10-09-2010 22:58:40
 :serius2:กิมกำลังจะเสียพรหมจรรย์ หรอ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: minchy ที่ 10-09-2010 23:09:16
เพิ่งจะได้มาอ่าน


ความสนุกมาพร้อมกะความน่ารัก


สุดยอด :z2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 10-09-2010 23:10:56
กิมสุดยอดอ่ะ o13
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Killua ที่ 10-09-2010 23:35:40
กิมกะมิคสุดยอดมากเลย อะไรจะร้ากกันปานนั้น
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 11-09-2010 00:47:15


อ่านเรื่องนี้ทีไร...น้ำตาไหลทุกที...ไม่ได้เสียใจอะไรหรอกนะ...ขำจนน้ำตาไหล่หน่ะ...คริคริ =^= b

แอบเสียดายนะที่เรื่องนี้จะจบแล้ว...ยังสนุกอยู่เลย...ยังไม่อยากให้จบเลยอ่ะ

สุดท้ายมิคกะกิมก็ได้ออกจากป่ากันสักที...แต่สามวันสองคืนในป่า มันให้อะไรหลาย ๆ อย่างทุกคนจริง ๆ

ก็อย่างที่กิมว่าแหล่ะ...มันทำให้รู้ว่าอะไรสำคัญสำหรับเรามากที่สุด ไหนจะมิตรภาพระหว่างเพื่อนอีก


ตอนหน้า...เค้าว่าแค่ทิืชชู่จะพอเหรอ...มิครอมานานขนาดนี้...เค้าว่าเตรียมผ้านวมกะถังไว้รอเลยดีกว่ามั้ย

คาดว่างานนี้มิคคงจะจัดหนักแน่นอนอ่ะ...คริคริ *0*
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: BossZa ที่ 11-09-2010 01:00:12
      หนุกมากเลยอ่ะไม่อยากให้จบเลย
 
    ชอบที่พวกเพื่อนๆๆคุยกันมันได้อารมดี
 
     :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: NUKWUN ที่ 11-09-2010 02:23:07
ตอนนี้ลุ้นระทึก...แต่ตอนหน้าคงจะลุ้นยิ่งกว่า
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 11-09-2010 03:27:07
พ่อพระเอกในดวงใจ คุณผู้ชายสุดหล่อ แสนดี
ทำไมเท่แบบนี้เนี่ย 

มิกกกกกกกกกกกกก ผู้ชายแบบตาคนนี้หาได้ที่ไหน
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-09-2010 06:20:11
เข้ามารอด้วยคน       ชอบๆๆๆความน่ารักการเอาใจใส่ดูแลของมิค
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: sin ที่ 11-09-2010 08:53:37
เย้ในที่สุดก็ออกจากป่ากันได้แล้ว

ว่าแต่ กิมเนี่ยสุดยอดเลยเว้ยย มีจับหางกะขึ้นขี่ด้วยซะงั้น

555 ระทึกจริงๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ปีศาจน้อยสีชมพู ที่ 11-09-2010 10:02:24
จาจบแล้วเหรอ.... เอาหวีดหวาน ส่งท้ายหน่อย นะ..นะ  :กอด1:


หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 11-09-2010 10:17:45
ตอนหน้าจบแล้วเหรอ

จบแบบเลือดท่วมจอใช่มั้ย

เค้าจะได้เตรียมของใช้ถูก ว่าจะเอาทิชชู่ หรือผ้านวม


แต่ตอนนี้แอบฮาบีมากมายง่ะ  :laugh:

เที่ยวป่ามหาระทึก ชอบๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 11-09-2010 11:24:21

คู่นี้น่ารักที่สุดเลย

เตรียมผ้าเรียบร้อยแล้วสำหรับตอนหน้า  :z1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Jesale ที่ 11-09-2010 14:42:40
อืม ระทึกจริงๆ
มิคห่วงก็เข้าใจ แต่ตอนนั้นกิมห่วงกว่าด้วยนี่นา 
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 11-09-2010 15:00:54
อ่านๆอยู่ถึงตอนที่เจอหมูป่า
ถึงจะบรรยายแบบฮาๆ
แต่เมื่อนึกแล้ว มันน่ากลัวมากเลยน่ะ
แถมกิมยังไม่หนีอีก
สุดๆจริงคู่นี้

เราจะรอฉาก  :oo1: นี้น่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 11-09-2010 16:46:43
แหมๆ บอกกันอย่างนี้
ว่าแล้วก็ไปเตรียมทิชชู่มั่งดีกว่า  :laugh: :z1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 11-09-2010 18:02:07
จะจบแล้วเหรอ อ่านแล้วมีความสุข จบเร็วจังเลย
อิจฉาความรักของมิคและกิมที่มีให้กันและกันจริง ๆ
เป็นรักแบบยอมตายแทนกันได้ ซึ้งมากมาย น่ารัก
แล้วตอนต่อไปต้องเตรียมทิชชูไว้เหมือนรีบน ๆ รึเปล่า
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 11-09-2010 18:11:25
ระทึกสมชื่อตอนจริงๆ
อ่านไปลุ้นไป ตั้งแต่เรื่องแมลงปอล่ะ
ตอนหน้าจะจบแล้วหรอ
เสียดายจัง รอตอนหน้าอย่างใจจดจ่อ :impress2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 11-09-2010 18:34:50
พระเอก  :monkeysad:
ตอนหน้าจะจบแล้ว มีตอนพิเศษรึเปล่าคะ โพสเตอร์ แฮะๆ
รักพระเอกเหมือนเดิม  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 11-09-2010 18:38:30
แว๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ออกจากป่าแล้ว >,,,< นู๋กิมอย่าลืมสัญญาน้อ

หึหึ   แต่เกือบจะได้ทำตามสัญญาแล้วสิ จะได้เป็นอาหารหมูแทน

มิค(พระเอก)ที่น่ารัก ถ้าเธอเป็นกิมตอนนั้น ก็คงจะทำแบบนั้นเหมือนกันใช่ไม๊ล่ะ

เพราะฉะนั้นอย่าโกรธ กิมเลยนะ แต่ว่าถ้าจะลงโทษ ก็เอาให้หนักเลยล่ะ ตอนกลับไป (เค้าจะเตรียมทิชชู่รอ สักสองโหล หุหุหุ)
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: aeyja55 ที่ 11-09-2010 19:43:12
เเพิ่งได้มาอ่านทีเดียว 16 ตอนรวด สนุกมากกกก หลงในความเท่ห์และความหวานของมิคจริงๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที16-ระทึกมั่ก.....(10/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 11-09-2010 21:43:25
มารอ  ซับเลือดคร่า............
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 11-09-2010 22:21:40



รักจัง.........ตอนที่17(จบภาค)


สามชั่วโมงจากบ้านสวนถึงกรุงเทพบนรถทัวร์ปอหนึ่ง ทำให้ผมอ่านนิยายจีนเล่มใหม่ที่ยืมมาจากไอ้อ่ำได้ครบถ้วนกระบวนความ ลงจากรถมายืนบิดขี้เกียจรอรถไฟฟ้าเพื่อโดยสารต่อไปให้ถึงหอพักนักศึกษาหนุ่มตอนสี่โมงเกือบครึ่ง นับรวมเวลาได้สี่วันเต็มๆหลังเหตุการณ์หลงป่าสามัคคี

หลังได้ร่วมทำบุญเป็นหมู่คณะกับการสร้างโรงเรียนเพื่อน้อง แล้วไปหลงป่าอยู่สามวันสองคืนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่หาที่ไหนก็ไม่เหมือน พวกผมก็ได้กลับบ้านกลับช่อง กลับคืนสู่ความเป็นปกติสุขมาร่ำเรียนหนังสือหนังหาที่หายไปจากสมองอีกสองวัน จากนั้นแยกย้ายกันไปใช้เสาร์อาทิตย์ตามแต่ใจใครใจมัน

ผมที่เดินย่ำป่าใจตุ้มๆต่อมๆนอกจากจะค้นจนเจอว่าอะไรคือสิ่งสำคัญของใจใครคือคนสำคัญแล้วนั้น ก็ให้ได้โหยหาพ่อแม่ที่เคารพรักกับบ้านสวนที่ไม่ได้กลับมาหลายเดือนขึ้นมาจับใจ เย็นวันศุกร์เลิกเรียนหมดภาระหน้าที่เลยคว้าเป้ขึ้นไหล่ไปเอกมัย นั่งรถสองสามต่อกลับบ้านมาให้พ่อแม่พี่น้องแสดงความรักที่ห่างหายไปเสียนาน แล้วนั่งกินนอนกินอยู่ท่ามกลางความอบอุ่นจนได้ฤกษ์กลับสู่กรุงเทพมหานครในยามบ่ายของวันอาทิตย์

ส่วนพระเอกของผมงานนี้ไม่ได้หนีบติดกันมาให้พ่อแม่ดูหน้าว่าผ่านไม่ผ่าน เนื่องจากพระเอกมีภาระหน้าที่ ต้องอยู่ช่วยงานพร้อมโชว์ตัวในวันเกิดคุณหญิงแม่ที่จัดทั้งงานเช้างานเย็นควบทั้งเสาร์ทั้งอาทิตย์ประหนึ่งจะปิดซอยเลี้ยงการ่าลันท์และดินเนอร์ ผมที่ฉุดกระชากลากถูตัวเองออกมาจากคำชวนแกมบังคับของพระเอกได้เลยรีบคว้าเป้แล้วหายหัวกลับบ้านกลับช่องตัวเองมาแบบเดี่ยวๆด้วยประการฉะนี้

“อ้าวไอ้กิม ทำไมกลับมาเร็ว”

ไอ้สำอางค์อ่ำที่เปิดประตูห้องข้างๆออกมาเจอผมยืนไขประตูอยู่ทักมาอย่างเนือยๆ ดูจากสีหน้าแล้วคงพึ่งตื่นจากคอร์สนอนกลางวันรักษาสภาพผิว

“เจอมึงก็ดีเลย ไปหาอะไรแดกกัน” ไอ้อ่ำว่ามาพลางดึงประตูปิด ส่วนผมที่พึ่งดันประตูเปิดส่ายหน้าแล้วล้วงเป้ส่งของในถุงก็อบแก็บให้แทน

“ยังไม่ค่อยหิวว่ะ มึงไปก่อนเลย เอ้านี่ แม่กูฝากมา”

“โห! รักแม่มึงจัง” ไอ้อ่ำว่าสีหน้าแตกตื่นระหว่างล้วงครีมรกแพะรกแกะกระปุกย่อมออกมาส่องดูฉลาก แล้วเดินตามก้นผมเข้าห้องมาด้วย

“มีขนมกินเปล่า เดี๋ยวกูกินรอมึงไปพลางๆก่อนก็ได้ กินข้าวคนเดียวเซ็งจิต”

ไอ้อ่ำที่ยังหมกมุ่นอยู่กับของในมือเดินไปเปิดตู้เปิดโต๊ะหาของกินตามอัธยาศัยประหนึ่งว่าห้องเพื่อนเหมือนห้องมัน

พอล้วงเจอบะจ่างกับโค้กกระป๋องก็นั่งแหมะลงกินแล้วคว้ารีโมทเปิดโทรทัศน์ กดเปลี่ยนช่องไปคลิกๆพลางกระดิกตีนจิบโค้กอย่างสบายอารมณ์ ผมที่พึ่งทิ้งเป้ลงพื้นได้ยังยืนอยู่ติดประตูประหนึ่งเป็นผู้มาขออาศัยจนใจต้องยกตีนทั้งเกือกเตะป้าบไปแถวก้นเพื่อนเป็นการเรียกสติ

“สบายไปเปล่าไอ้อ่ำ บะจ่างน่ะเหลือให้กูมั่ง”

ว่าไปอย่างนั้นก่อนคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำมายืนใต้ฝักบัวชำระเหงื่อไคล ออกจากห้องน้ำมาได้ไอ้อ่ำที่ตอนนี้เปลี่ยนไปกินเลย์สาหร่ายโนริก็กำลังทำตัวตามสบายยัดไอแอมรีเจนท์เข้าเครื่องเล่นดีวีดี ผมเลยเดินไปหย่อนก้นนั่งเช็ดหัวไปพลางดูวิลล์ สมิธวิ่งหนีมนุษย์กลายพันธ์ไปพลาง ก่อนเสียงมือถือจะดังให้ได้ควานหามารับสาย

“กิม อยู่ไหนแล้ว” เสียงทุ้มๆส่งมาตามสายโดยไม่ต้องแนะนำตัว

“อยู่หอ พึ่งกลับมา แล้วมึงอยู่ไหน ทำไมเสียงมันก้องๆ”

“ห้องน้ำ หลบมาคิดถึงกิมไง” ไอ้มิคตอบมาให้ได้จักกะเดียม

“อ้อ เดี๋ยวนี้จะคิดถึงต้องหลบใครด้วยหรือไง” เอ้าจัดไป

“ทำอะไรอยู่ครับ” ไอ้มิคเปลี่ยนเรื่องหลังส่งเสียงหัวเราะหล่อๆมาตามสาย

“ดูหนัง กินบะจ่าง พอดีกลับไปทันไหว้บะจ่างแม่เลยให้มาตุนไว้กินว่ะ ฝากมาให้มึงด้วย” ผมเล่าพลางลุกไปหยิบโค้กมาซดแก้ฝืดคอ

“แล้วมึงเป็นยังไง โชว์ตัวไปกี่รอบแล้ว ต้องขึ้นเดินพรมแดงเลยเปล่าวะงานนี้”

“เกือบอยู่เหมือนกัน คิดถึงกิมจัง” อาการปากหวานของพระเอกผมเกิดได้ทุกจังหวะหัวใจ

“เออ คิดถึงก็รีบมาเดี๋ยวเก็บบะจ่างไว้ให้” ผมบอกแล้วเหยียดขาถีบไอ้อ่ำที่กดรีโมทเพิ่มเสียงทีเดียวห้าขีด แสดงออกว่าไม่อยากได้ยินบทสนทนาที่นับวันจะยิ่งกู่ไม่กลับระหว่างผมกับใครอีกคน

ไอ้มิคที่ตอนนี้คงหล่อระเบิดระเบ้อในสูทราคาแพงสำหรับการ่าดินเนอร์ถอนหายใจยาวมาให้ได้ยินก่อนตอบออกมาแบบเซ็งๆ

“งานเลิกดึก คืนนี้คงต้องค้างบ้านใหญ่ กิมไม่ต้องรอหรอก”

“… เอาน่า งั้นไว้เจอกันที่มหาลัย อีกวันเดียวเอง”

ผมส่งเสียงให้กำลังใจ ถึงบะจ่างต้องเป็นหมันส่วนผมไม่พ้นเป็นม่าย ก็ยังดีกว่าให้อีกฝ่ายฝืนขับรถอ้อมกรุงมาดึกๆดื่นๆ

จากนั้นอีกเกือบชั่วโมงผมก็ยังถือโทรศัพท์อยู่แนบหู คุยกับอีกคนที่หมกตัวอยู่ในห้องน้ำทำลายสถิติ คุยเรื่องนู้นเรื่องนี้เรื่องนั้นไปเรื่อยเปื่อยเหมือนไม่ได้สนทนากันมาแรมเดือนทั้งที่จริงๆพึ่งหยอดคำหวานคำเปรี้ยวกันไปเมื่อคืนหมาดๆ ทำตัวกันเหมือนวัยรุ่นนมพึ่งแตกพานติดเพื่อนติดแฟนติดโทรศัพท์จนได้ยินเสียงเคาะประตูดังแว่วมาจากอีกปลายสาย ได้ยินไอ้มิคตะโกนตอบรับงานเข้า ถึงได้เวลาทิ้งท้ายส่งความคิดถึงกันให้จักกะเดียมอีกรอบก่อนวางสายกลับสู่สถานการณ์ปัจจุบัน

หลังดูหนังจบผมกับไอ้อ่ำก็ลงไปซัดข้าวผัดปูคนละจานเป็นอาหารเย็นตอนทุ่มกว่าๆ แล้วเดินย่อยอยู่แถวตลาดนัดข้างหอกันพอเมื่อยค่อยกลับมาแยกย้ายกันเข้าห้องใครห้องมัน

ผมที่หนังท้องตึงหนังตาเริ่มหย่อนแต่ยังไม่อยากนอนเสียบแผ่นเกมส์ที่พึ่งได้มาจากไอ้อ่ำเแลกเปลี่ยนกับบะจ่างอีกสองลูกเข้าเครื่องเล่น แล้วเริ่มการทำสมาธิฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เมดูซ่าอยู่หน้าจอ เล่นไปได้ไม่กี่มากน้อย พึ่งฆ่าปีศาจระดับสองไปได้ไม่กี่ตัวก็ต้องโยนจ้อยส์ในมือทิ้งแล้วคลานขึ้นเตียงด้วยว่าตาซ้ายตาขวาเริ่มไม่สามัคคี

เตียงนุ่มๆกับห้องอุ่นๆเข้าขั้นอบอ้าวพาให้หลับน้ำลายย้อยไปถึงไหนต่อไหน จนสะลึมสะลือตื่นมาอีกทีตอนห้าทุ่มเศษเนื่องจากกระเพาะฉี่เต่งจนตึง ต้องแงะหัวแงะหางออกไปปลดทุกข์ก่อนกลับมาล้มหมอนนอนเตียง ให้ความง่วงงุนฉุดกันเข้าสู่ความฝันไปวิ่งหนีเสือหนีหมู่ป่าทบทวนความทรงจำอีกระรอก

ในฝันที่ปนกันค่อนข้างมั่ว เดี๋ยววิ่งตามตูดไอ้เดย์เดี๋ยวเดินอยู่จัตุจักร เดี๋ยวเห็นหน้าลุงเกลี้ยงเป็นมิตร ไชยบัญชา เดี๋ยวไอ้จั๋วเสือกหันมากลายเป็นบี้เดอะสตาร์ พาให้การวิ่งหนีเสือขึ้นต้นไม้กลายเป็นเตะขาทีเดียวกระโจนพรวดพราดไปเหยียบอยู่บนยอดประหนึ่งเป็นฉอลิ้วเฮียงถล่มวังค้างคาว

ฝันไปมั่วๆซั่วๆแล้วก็มาถึงจุดไคล์แม็กซ์ จุดพีคที่มีหมูป่ากับไอ้มิคร่วมฉากต่อสู้กันอยู่ด้วยมือเปล่า ไอ้มิคในความฝันยังหล่อสาดจนหน้าฉายแสง สองมือจับเขี้ยวโง้งเป็นงวงของคู่กรณีเหวี่ยงจนหมูกระเด็นไปกระแทกต้นกล้วยที่ไอ้จั๋วไอ้โอ้สิงสถิตย์อยู่ให้เพื่อนร่วงกราวลงมาเหมือนเก็บสกอร์

ไอ้มิคที่ตัวกระพริบเพราะได้แต้มเพิ่มหันไปคว้าลุงเกลี้ยงในภาคมิตร ไชยบัญชาที่กำลังหันหลังวิ่ง แล้วยกคนแก่ทุ่มด้วยท่าคิงส์แอ็นเจิ๊กส์ ส่วนผมที่กลายมายืนมองเหตุการณ์อยู่ชิดติดขอบสนามเมื่อไหร่ไม่รู้ถูกแขนแน่นกล้ามดึงให้ออกวิ่งเข้าสู่ดงกล้วยไปช่วยกันจับปลา โดยมีแมงปอตัวเขื่องที่มีหน้าเป็นไอ้บีบินตามมาอย่างกระชั้นชิด

ฝันได้ประหลาดจนทนนอนต่อไม่ได้ ต้องสะดุ้งตื่นมาในจังหวะที่แมงปอตาโปนทำขาหยิกหยอยแล้วตกฮวบลงพื้นเล่นเอาแผ่นดินสะท้านสะเทือนจนฝูกที่นอนอยู่ติดหลังมีการฮวบเสมือนจริง ผมลืมตาพลิกตัวตะแคงแล้วเกือบแหกปากหอนให้ได้ยินกันไปทั้งซอยกับเงาทมึนที่คร่อมลงมาบนเตียง ยังดีที่กลิ่นออดิโคโลญจ์จืดจางคุ้นใจเตะเข้าใส่จมูกมาเรียกสติยับยั้งไว้ได้ทัน ก่อนเสียงทุ้มๆจากเงาตะคุ่มที่ล้มตัวลงนอนมาชิดติดกันจะเอ่ยทักเบาๆให้ได้รับรู้ว่าไผเป็นไผ

“กี่โมงแล้ว” ผมทิ้งหัวลงหมอนแล้วลูบอกลูบใจให้กลับเข้าที่ พลางฟังเสียงฝนตกกระทบหน้าต่างที่พึ่งได้ยินเป็นครั้งแรก

“ตีสองครึ่ง” ไอ้มิคตอบให้แล้วกระแซะเข้ามาแย่งหมอนไปหนุน ก่อนม้วนผมเข้าไปกกเป็นไข่เหมือนเคย เสียงทุ้มต่ำส่งมาเหมือนจะกล่อม “นอนต่อซะ”

“………….”

“… มิค”

ผมเรียกลองเชิง เสียงฝนซาๆซ่าๆกับเสียงหัวใจสม่ำเสมอที่ได้ยินอยู่ชิดติดหูทำให้ตาสว่างจนข่มตาหลับไปฝันมั่วซั่วต่อไม่ลง

“ครับ” เสียงทุ้มเข้มตอบมาเบาๆ น้ำเสียงฟังดูไม่ง่วงงุนแม้แต่น้อย

“ดึกป่านนี้มาทำไม ฝนตก ถนนลื่น อันตราย”

“อืม” ไอ้มิคตอบมาคำเดียวถ้วนๆแล้วยกมือลูบหลังผมเหมือนกล่อมเด็ก

“งานเป็นไง มีอาหารเหลือใส่ห่อกลับมาบ้างเปล่า” ผมชวนคุยพลางกระเถิบตัวเองออกจากอีกฝ่ายมาตะแคงข้างมองหน้าในระดับเดียวกัน

“ไม่ได้เห็นกันสองวัน แทนที่จะพูดอะไรให้ชื่นใจ ไหงกลับถามถึงแต่ของกิน” ไอ้มิคว่าแล้วยกยิ้มมหาเสน่ห์ “คนอุตส่าห์คิดถึงขนาดนี้ น้อยใจแฮะ”

เสี้ยวหน้าที่เห็นได้จากแสงสลัวกับสายตาขี้เล่นที่มองกันอยู่ห่างไปแค่หนึ่งช่วงตะแคงตัว ทำให้ผมอดใจไม่ไหวต้องยื่นมือไปขยี้ขยำหัวเกรียนๆของอีกฝ่ายอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนส่งปากไปจูบอวัยวะเดียวกันของอีกคนดังจ๊วบแก้คิดถึง

“คิดถึง” ผมบอกง่ายๆไม่มีกั๊ก

“ขออีกที” ไอ้มิคหัวเราะเสียงทุ้มแล้วหลับตาพริ้ม

คนแกล้งเล่นผิดบทเป็นเจ้าหญิงนิทราหลับตาแต่ยกยิ้มอยู่มุมปาก รอให้เจ้าชายเก้อย่างผมก้มไปจูบปลุกสวาท มองหน้าเจ้าหญิงแล้วไม่แน่ใจว่าหนึ่งจูบนี้จะได้เล่นตามบทนิทานเด็กหรือไม่อย่างไร แต่โอกาศได้สวมบทเจ้าชายใช่จะมีบ่อย ผมเลยหายใจเอาอากาศเข้าปอดแบบเตรียมพร้อมแล้วโน้มหน้าไปจุ๊บปากอุ่นๆตามคำเรียกร้อง

ทันทีที่ปากแตะสัมผัส เจ้าหญิงเก้พอกับเจ้าชายปลอมก็ลืมตาพรึบพับพร้อมเสียงหัวเราะทุ้มๆ ก่อนพลิกบทบาทข้ามช่องจากวอทส์ดิสนีย์มาทางเฮทบีโอ ฉากจบแฮปปี้เอ็นดิ้งไว้ให้เด็กดูกลายเป็นฉากเริ่มหนังแผ่นเข้าคอนเซ็ปเล่นจริง แสดงจริง ถ่ายสดไม่มีซ้อม ไม่ต้องมีใครมายืนถือแผ่นรีเฟ็กสะท้อนให้หน้าวอกหรือตะโกนแอ็คชั่นอยู่ข้างหู พระเอกของผมก็เล่นนำบทไปถึงไหนๆจนสติพระรองอันดับหนึ่งคนนี้กระเจิดกระเจิงเกินกว่าจะงัดอะไรมาสู้ ได้แต่ปล่อยตัวปล่อยใจเล่นตามน้ำเกินค่าตัวไปจนบวกลบคูณหารไม่ถูก

ปากอุ่นๆกับลิ้นร้อนๆที่แนบลงมาซ้ำๆยังคงหวานล้ำจนไม่อยากเสียเวลาหายใจ กว่าจะได้ฤกษ์ถอนปากมามองหน้ามองตาทำโรแมนติกกันเวลาก็หมดไปครึ่งค่อนคืน เว่อร์ไปหน่อย แต่เวลาตามนาฬิกาความรู้สึกผมเป็นงั้นจริง

“ค่อยยังชั่ว”

ไอ้มิคว่ามาด้วยน้ำเสียงและหน้าตาสุดเซ็กซี่ จนผมที่หอบหายใจระรัวอยู่ชิดติดกันรู้สึกเบลอๆเกือบถอดสร้อยถอดแหวนให้ไปอย่างไม่รู้ตัว แล้วยิ้มจางติดริมฝีปากกับฝ่ามือที่ลูบเข้ามาติดผิวเนื้อก็ทำให้ต้องถีบผ้าห่มทิ้งแล้วพลิ้วตัวขึ้นไปอยู่บนอกอุ่นตามการสะกดจิต

มือร้อนๆที่สอดเข้ามาใต้เสื้อคลึงเป็นจังหวะไปตามไขสันหลังเหมือนเจ้าของมือจะทำอโรม่าเธอราปี้ให้กล้ามเนื้อหลังที่เริ่มเครียดเขม็งด้วยอารมณ์พิศวงพิศวาสของผมผ่อนคลายด้วยมือเปล่าแบบไม่ต้องพึ่งน้ำมันมวย เจ้าของหลังอย่างผมเจอฝีมือนวดระดับเทพเข้าไปเลยจนใจได้แต่ทำตัวไม่มีกระดูก ระทดระทวยปล่อยให้อีกฝ่ายคลึงมืออีท่าไหนอย่างไรไม่รู้ รู้แต่ว่ากว่าจะได้สติมาอ้าปากฮุบอากาศหายใจอีกทีก็ตอนที่หัวทุยๆมุดหายเข้ามาตีโป่งอยู่ชิดติดอก

เสื้อยืดคอย้วยที่โป่งนูนตามรูปหัวใครอีกคนที่ผมแอ่นอกสามศอกทับอยู่ ก่อให้เกิดความบรรเจิดทางจินตนาการได้มากกว่าโดนดึงเสื้อถอดมาดูนมดูซี่โครงไปถึงไหนๆ เรียกว่าแม้ไม่เห็นด้วยตาว่าคนใต้เสื้อกำลังทำอะไรอยู่กับท้องกับราวนมเรา แต่ทุกพื้นที่ที่ปากอุ่นร้อนกับลิ้นชื้นน้ำลายแนบลงมายิ่งก่อให้เกิดความเสียวชนิดขนลุกฮือยิ่งกว่าเจอยาถ่ายสี่เม็ด

ผมแอ่นอกเข้าหาปากร้อนชื้นที่ครอบลงมาดูดดุนหัวนม ในขณะเดียวกันก็พยายามขืนตัวหนีสัมผัสที่ทำให้ความคิดกระเจิดกระเจิงจนกลั้นเสียงครางไม่อยู่ เรียกว่าสับสนในตัวเองจนสติแทบเลอะเลือน แล้วคนที่ปลุกปั่นปั้นอารมณ์ดิบกันให้พุ่งถึงพีคก็เหมือนจะรับรู้ได้ถึงอาการสับสนทางจิตของผม ปากร้อนจัดที่ขยับยุกยิกขบเม้มอยู่แถวใต้รักแร้ เปลี่ยนตำแหน่งไปหาเม็ดถั่วเขียวแล้วห่อปากดูดจนผมหลุดเสียงครางไม่เป็นภาษา เลิกสับสนไปในเสี้ยววินาที

ไอ้มิคที่มุดหัวเข้ามามัวเมาอยู่ในโปงเสื้อคนอื่นไล่บี้เม็ดถั่วเขียวซ้ายขวาชนิดว่าเจ้าของไร่นาอย่างผมพยายามตะแคงตัวหนีจนแทบจะเลื้อยเป็นงูก็ยังไม่เป็นผล ซ้ำร้ายดิ้นด้วยความเสียวขึ้นสมองไปๆมาๆ มือที่คลึงอยู่แถวหลังไหล่ไหงมันเลื่อนไปล้วงย้อนขากางเกงขึ้นมากุมกระชับจับอยู่บนแก้มก้นโดยที่เจ้าของมือยังขมิบปากอยู่ชิดติดราวนม ไม่ต้องมีกระจกให้ส่องก็รู้ว่างานนี้ทั้งล้วงทั้งควักกันได้เรท์อาร์ต่ำกว่าสิบแปดห้ามดูขนาดไหน

มือสากๆที่ล้วงเข้าขากางเกงมาคลึงอยู่แถวก้นกบ ลูบผ่านๆมาแถวแก้มก้นแล้วออกแรงขยำขยี้จนผมที่ยังรัวปากครางไม่ได้หยุดต้องออกแอ็กติ้งค์ถูหน้าให้ไถไปกับที่นอนลดอาการเสี่ยนความเสียว แล้วล้วงมือไปดึงชายเสื้อตัวเอง กระชากทีเดียวให้รูดพ้นออกจากหัว เปิดคนในโปงผ้าออกมาดูหน้าดูตา ดูอาการ

ไอ้มิคในแสงสลัวหน้าเน่อหูเหอแดงก่ำเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ แต่สายตาที่มองมากลับเข้มแสง ฉายชัดว่าเมามัวอยู่ในอารมณ์ใคร่ไม่ได้น้อยไปกว่าผมแม้ซักกระพี้

“… ส สา สาดมิค ให้ กูหายใจหายคอหน่อ อู้ออ…”

มือที่ขยำลงมาเต็มก้นแบบหนักหน่วงปิดปากผมได้สนิท ก่อนเจ้าของมือจะนวดๆคลึงๆพลางเลื่อนตัวให้อะไรๆเสียดสีบดบี้กันไปถึงไหนๆ ตาสีจางที่เลื่อนขึ้นมาจ้องกันไม่มีประกายระยิบของความขี้เล่น เหมือนกับริมฝีปากอุ่นชื้นที่ตาผมเหล่ไหลไปมองอย่างห้ามไม่อยู่ที่ปิดสนิทไม่มีท่าจะยกยิ้มมาเรียกกำลังใจกัน

สองตาที่จ้องเข้ามาในตาผมแข็งขึงจนเครียดเขม็งแต่กระนั้นอะไรบางอย่างที่ไอ้มิคส่งมาในความเงียบ อะไรบางอย่างที่มวนตลบอยู่กลบบรรยากาศก็ทำให้ผมเอื้อมมือไปคว้าชายเสื้ออีกฝ่ายแล้วถลกขึ้นเป็นการส่งสัญญาน

ทันทีที่ชายเสื้อโดนดึง เจ้าของเสื้อไม่พูดพร่ำทำเพลง พลิกตัวกลับมาเป็นฝ่ายคร่อมก่อนยันตัวด้วยมือเดียวแล้วรูดเสื้อออกจากหัวในเวลาหนึ่งลมหายใจ ร่างไอ้มิคที่ยืดตัวคร่อมอยู่เบื้องบนกลายเป็นเงาทะมึนในความมืดท่ามกลางห่าฝน ห่าฝนที่ฟังไม่ได้ยินแม้หนึ่งหยดตกกระทบ เนื่องจากกลองรัวที่เต้นตีอยู่ในอกดังกลบขึ้นมาถึงหู

หน้าขาวๆกับตาเข้มแสงสลัดปลายเสื้อออกพ้นหัวแล้วโยนของในมือทิ้งไม่ไยดี ไอ้มิคก้มลงมาย้ำชิดติดริมฝีปากด้วยท่าทีไม่เร่งเร้า แต่ลิ้นที่กวาดกันเข้ามาเกือบถึงลิ้นไก่ให้อารมณ์ดุเด็ดเผ็ดร้อนผิดกับท่าทางสบายจากภายนอกชนิดว่าผมแทบจะต้องแยกลิ้นเป็นสองแฉกเพื่อตอบสนองอาการเมาในอารมณ์ของเราทั้งคู่

“กิม… ”

เสียงพึมพำแหบพร่าวนเวียนอยู่ชิดติดปาก บ้างแว่วมาเข้าหูที่กำลังจะเป็นน้ำหนวกด้วยว่าความเสียวซ่านกดทับเส้นประสาทการได้ยิน บ้างถูกส่งเข้ามาให้กลืนลงคอไปพร้อมอากาศจากปอดอีกฝ่าย แต่ถึงแม้ประสาทการได้ยินจะเกือบเสียศูนย์ แต่ประสาทการรับรู้อีกสี่ทิศทางของผมกลับตื่นตัวเหมือนโดนกระหน่ำด้วยอดีนารีนเต็มกระบอกสูบ

ทั้งเปลือกตากดปิดที่แนบละขนตาอยู่กับตาผม สีหน้าที่โดนความชิดใกล้แค่ลมหายใจทำให้ลางเลือน กลิ่นน้ำหอมเจือจางกับลมหายใจจากปลายจมูก รสชาติของความอุ่นที่ได้ชิมอยู่เต็มปากเต็มคำ สิ่งเหล่านี้หลั่งไหลเข้ามาจนหัวใจมันเต้นรัว

ไม่รู้ว่าเพราะอากาศไม่เพียงพอหรือเพราะความสั่นสะเทือนในแผ่นอก เปลือกตาที่กดปิดของไอ้มิคกับลมหายใจจากปลายจมูกที่กดแนบกันอยู่ ถึงทำให้ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดในหัวใจ เจ็บจนต้องยกมือตะปบเสี้ยวหน้าที่แนบอยู่ชิดติดกันไว้มั่นๆก่อนสูดลมหายใจจากผิวเนื้ออีกฝ่าย สูดแรงๆให้ทั้งกลิ่นทั้งอุณหภูมิของไอ้มิคซึมซับเข้ามาบดบังอารมณ์ที่บรรยายไม่ถูก

ไอ้มิคที่แนบหน้าอยู่แทบจะเป็นเนื้อเดียวกับผม หยุดชะงักทั้งปากทั้งมือทันทีที่โดนตะปบแก้ม ตาสีจางที่ลืมพรึบมามองกันแม้จะขุ่นมัวด้วยความต้องการแต่กลับวูบไหวเหมือนไม่แน่ใจขึ้นมาชั่วขณะ ความไม่แน่ใจที่แน่นอนว่าเกิดจากสองมือตะปบของผม

ผมกุมผิวแก้มร้อนผ่าวของไอ้มิคไว้เต็มสองมือระหว่างพยายามขมวดความคิดที่กระเจิงไปกับอารมณ์ใคร่ให้กลับสู่สามัญสำนึก มองตาอีกคู่ที่จ้องเขม็งตรงมา ตาสีจางท่ามกลางแสงสลัวที่แม้จะหยุดนิ่งแต่กลับไม่ขยับถอย ไม่เปิดโอกาสให้ผมชักธงขาวขอสงบศึกชั่วคราวเหมือนวันหนึ่งวันนั้น ณ หัวหินอินเตอร์ สีหน้าไอ้มิคที่ห่างไปไม่ถึงคืบบอกได้คำเดียวว่าเพื่อนเอาจริง จะเหลือก็แต่ผมที่กระชับสองแก้มอีกฝ่ายไว้มั่นเหมาะ พลางสูดอากาศมาดันทับอาการมวนในอกให้ทุเลา

ไม่รู้ว่าสีหน้าผมมันเหยเกจนเกินรับหรือไอ้มิคหมดกั๊กที่จะหยุดจ้องหน้ากันอยู่อย่างนี้ มือขาวจนเกือบเรืองแสงเลยยกขึ้นตบแก้มผมเบาๆเป็นเชิงบอก ก่อนยกขึ้นลูบหน้าลูบตาตัวเองอย่างแรงแล้วพลิกตัว ทิ้งหลังลงเตียงไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ผมมองตามไอ้มิคที่ปิดเปลือกตาพลางผ่อนลมหายใจอยู่ถัดไปไม่ห่าง น่าประหลาดที่อาการเจ็บจี๊ดในใจไม่ลดน้อยถอยลง ความรู้สึกมวนในอกกลับขยายจนอึดอัดขัดข้อง ไอ้มิคที่ทิ้งตัวนอนปิดประเด็น ไอ้มิคที่ยอมถอยตามผมเสมอ ไอ้มิคที่ดูเครียดขึงจริงจังในห้วงอารมณ์ใคร่ เคร่งเครียด จริงจังจนผมกลัวใจ กลัวความต้องการของอีกฝ่าย กลัวอารมณ์ประหลาดที่ทำให้แทบไม่รับรู้อะไรอื่นของตัวเอง ผมยอมรับว่ากลัวมันจริงจัง แต่ระหว่างที่จ้องตาอีกคู่ที่ลืมมาเจอกันในแสงสลัว ณ นาทีนี้ ผมก็ได้คำตอบ แม้ความกลัวจะกินมาถึงหัว แต่ผมจะไม่ยอมเสียช่วงเวลานี้ไป ไม่ว่ายังไงก็ตาม

“โทษทีว่ะ…”

ผมบอกก่อนขยับขึ้นคร่อมช่วงขาไอ้มิคแล้วเอื้อมไปรูดกางเกงนอนอีกฝ่ายแบบพรืดเดียวหลุดจากก้น เจ้าของก้นถึงกับหลุดเฮ้ยออกมาเต็มคำ

แต่หลังจากอุทานตอบสนองความเซอร์ไพรส์ ไอ้มิคกลับนอนนิ่งไม่มีขวยไม่มีเขิน ไม่มียกมือมากุมเป้าเฝ้าระวังหรือหรือเอะอะโวยวายให้ผมถอดกางเกงแสดงความเท่าเทียม ไอ้คนที่ตอนนี้ตัวเปล่าเล่าเปลือยมีแต่เนื้อหนังเพรียวๆหุ้มกาย ปล่อยไอ้กิมผู้กล้าหาญให้เป็นฝ่าย ณ จังงังกับสิ่งที่เห็นอยู่เต็มตา แม้จะมืดสลัวไปนิดส์ แต่แสงเงากลับยิ่งทำให้ของมันมีมิติจนผมต้องกลืนน้ำลายไล่อะไรหลายๆอย่างก่อนทำใจกล้าหน้าด้านเอื้อมมือไปแตะสัมผัส

สิ่งแรกที่เล่นเอาแทบชักมือกลับไม่ใช่ขนาดที่กำแทบไม่รอบ แต่เป็นอุณหภูมิของท่อนเนื้อที่ร้อนจนเล่นเอาสะดุ้ง ร้อนและแข็งเต็มลำโดยที่ผมยังไม่ได้ทำอะไรแม้แต่หนึ่งบีบ และผมก็คงตะลึงตาแตก จับของสงวนของคนอื่นนิ่งอยู่อย่างนั้น ถ้าไอ้มิคจะไม่ขยับเปลี่ยนท่าจากนอนโชว์เปลือย เด้งขึ้นมานั่งกวาดวงล้อม ดึงผมที่นั่งทับขาให้เกยขึ้นไปทับตักแบบหันหน้าเข้าหากัน แล้วฝังจมูกร้อนๆมากระซิบเสียงพร่าอยู่ชิดติดหู

เสียงทุ้มติดจะแหบกับไอร้อนจากลมหายใจที่ไซร้อยู่ข้างแก้มทำให้ผมขยับนิ้ว ไล่สำรวจอวัยวะที่จะว่าไปก็มีเหมือนๆกันแต่ทำไมมันช่างแตกต่าง แตกต่างจนหายใจแทบไม่ทันระหว่างวนปลายนิ้วจากยอดถึงปลาย ความแข็งสู้มือเหมือนจะท้าให้จับให้มั่นคั้นให้หมด ผมยกมือข้างที่ลืมไปแล้วว่ามีคว้าหัวทุยๆของอีกฝ่ายที่แทบจะฝังหน้าเข้ามาเป็นเนื้องอกอยู่ข้างซอกคอ กางนิ้วทั้งห้าให้ถูไถไปกับหนังหัวเกรียนๆบรรเทาอารมณ์กามของเราทั้งคู่ แล้วออกแรงบีบนวดท่อนเนื้อร้อนระอุตามใจสั่งมา

ไอ้มิคที่โดนผมขยี้ขยำหนังหัวยังคงใช้ทั้งปากทั้งจมูกส่งเสริมการขาย ซุกเข้ามาไซร้เข้าไปพร้อมเสียงหายใจแหบพร่า มือไม้ที่จับอยู่แถวต้นขาผมเริ่มแสดงอภินิหาร นวดเฟ้นย้ำๆขึ้นมาตั้งแต่แก้มก้นในกางเกงผ่านแนวซี่โครง และเหมือนว่านั่งทับตักทับตัวกันอยู่อย่างนี้จะยังไม่ใกล้พอ มือร้อนๆที่ไล่มาถึงกลางหลังถึงออกแรงดันให้ผมผงะเข้าชนแผ่นอกแน่นๆ ก่อนดันก้นส่งกันจนต้องเปลี่ยนจากนั่งทับต้นขาเป็นยืดหลังพลางหยัดเข่ารับน้ำหนัก แล้วแอ่นอกสามศอกของสงวนให้ถูไถไปกับปากร้อนๆที่ครอบลงมาขมุบขมิบอยู่ใต้ราวนม

อาการเสียวซ่านจนนมตั้งเต้าเป็นยังไง แม้ไม่ใช่ผู้หญิง ไม่มีเต้าให้ตั้งแต่ผมก็ตอบได้ในนาทีนี้ นาทีที่ไอ้มิคอ้อมมือผ่านหลังมากอบอกข้างซ้ายของผมไปเต็มกำ แรงขยำไม่มียั้งบอกให้รู้ว่าอารมณ์เจ้าของมือมันทะลุจุดจำกัดความเร็วไปแล้วหลายส่วน ผมที่โดนบี้หัวนมจากทั้งมือทั้งปากได้แต่ส่งเสียงครางติดเรทตอบรับสถานการณ์พลางบีบมือกระชับท่อนเนื้อที่ยังจับไว้ไม่ปล่อยแบบลืมยั้งแรง แต่เหมือนว่าเล็บที่ครูดลงไปจะยิ่งกระพืออารมณ์ดิบของอีกฝ่าย ไอ้มิคที่ยังครอบปากอยู่รอบนมตั้งเต้าของผม เด้งสะโพกใส่แรงบีบถี่ยิบจนเตียงโยก ร้อนถึงผมที่โดนอารมณ์เพื่อนตีแสกหน้าจนหูอื้อตาลาย ต้องเกร็งมือรูดสิ่งที่ขยับแทงเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่าพลางกดหัวที่แนบอยู่กับอกให้ถูไถไปตามจังหวะเร็วแรง

ไอ้มิคตะโกนอะไรบางอย่างที่สมองผมไม่สามารถรับรู้ในจังหวะที่สะโพกแน่นๆหยัดแทงขึ้นมาเร็วแรงจนผมที่เหยียดเข่าค่อมอยู่ด้านหน้าถึงกับผงะหลัง และในจังหวะที่โดนกระแทกจนต้องเซถอยสิ่งที่คว้าเป็นที่ยึดคือหัวทุยๆที่ยังกดอยู่ชิดติดตัวกับท่อนเนื้อแข็งขึงที่ยังเกร็งมือรัดไว้เต็มแรง

หลังผมกระแทกลงเตียงพร้อมความเจ็บแปล็บที่หัวนมกับความรู้สึกเต็มแน่นจนต้องตะปบอีกมือลงไปช่วยคว้าความความร้อนที่แทงเสยใส่แรงกำจนสะเทือนไปทั้งตัว เจ้าของท่อนเนื้อที่ผมบีบรัดไว้เต็มสองมือสะบัดหัวไปด้านหลังพร้อมเสียงสบถแหบพร่า ก่อนหยัดสะโพกเต็มเหยียดแล้วปล่อยสิ่งที่อัดอยู่เต็มตัว ฉีดของเหลวขาวขุ่นให้พุ่งออกมาเป็นสายท่ามกลางเสียงหายใจหอบกระชั้น
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 11-09-2010 22:22:12
ผมเบิกตากว้าง จ้องคนที่ค่อมตะหง่านอยู่ตรงหน้า คนที่คิดว่าเห็นมาทั้งชีวิตไม่ว่าจะในสีหน้าไหน แต่ตอนนี้ ระหว่างที่เบิกตาจ้องไอ้มิคที่ยังขยับสะโพกเข้าใส่มือผมทั้งที่กำลังปลดปล่อย สีหน้าที่เหมือนเจ็บปวดจนเหยเกแต่ในขณะเดียวกันก็สุขสมอิ่มเอม เป็นสีหน้าที่ผมไม่คิดว่าจะได้เห็น เป็นสีหน้าที่เซ็กซี่สุดบรรยาย สีหน้าที่ทำให้บางอย่างในท้องน้อยมันเกิดปฏิกริยาอย่างรุนแรง และทันทีที่ตาสีจางจากใบหน้าแหงนเงยก้มลงให้เห็น แค่สายตาคู่นี้ แค่สีหน้านี้ ความอุ่นร้อนที่ถูกกักอยู่ในตัวผมก็ถึงคราวต้องฉีดพ่นออกไปอย่างยั้งไม่อยู่เช่นกัน

ไอ้มิคที่ยังต้องหอบหายใจจนกล้ามอกกระเพื่อม ทาบมือมาบนอกผมเหมือนจะช่วยผ่อนความเร่งรัวที่อยู่ข้างใน มืออุ่นร้อนกดย้ำอยู่อย่างนั้นเหมือนจะวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ความอุ่นบนแผ่นอกกับสายตาที่จ้องมาทำให้ผมกดปิดเปลือกตาหนีไปเรียบเรียงอารมณ์ แต่แล้วเสียงเรียกชื่อซ้ำๆกับน้ำหนักตัวที่ทับลงมาแบบไม่มีกั๊กทำให้ต้องเปิดตาที่ยังมีดาวเป็นร้อยระเบิดอยู่ภายในขึ้นมอง

สิ่งแรกที่สองตาผมเห็นไม่ใช่ตาอีกคู่ที่คิดว่าจะเจอ แต่เป็นริมฝีปากที่จูบลงมาติดเปลือกตาชนิดกระพริบหลบแทบไม่ทัน ปากร้อนๆแนบลงมาแผ่วๆเหมือนเจ้าชายจุ๊บเจ้าหญิงก่อนทวีอาการสิเน่หา จากจูบแผ่วๆแถวตาแถวหน้าผากเป็นปากเต็มๆที่แนบลงมาดูดปากผมเข้าไปดังจ๊วบแล้วไล้ลิ้นร้อนๆเข้ามาเลาะเล็มไรฟัน

ผมที่ยังหาเวลาผ่อนหัวใจกลับเข้าจังหวะไม่เจอได้แต่เออออห่อหมกไปกับปากกับมือ กับสัมผัสที่อีกฝ่ายดึงจังหวะให้อ้อยอิ่งเหมือนจะเอาใจ ลิ้นที่ดุนเข้ามาดันอยู่แถวกระพุ้งแก้มให้ความรู้สึกร้อนกว่าเคยจนต้องผ่อนลมหายใจช่วยลดอุณหภูมิและอาการใจสั่น น่าประหลาดแท้ ทั้งที่เมื่อกี้ผมทั้งลูบทั้งคลำอะไรต่อมิอะไรของไอ้มิคไปเสียขนาดนั้น แต่ตอนนี้กับแค่น้ำหนักที่ทับอยู่บนตัวกับปากที่คลึงเคล้าอยู่ไม่ห่างกลับทำให้ใจผมเต้นรัวเหมือนจะเป็นไข้ จนต้องยกมือลูบหลังลูบก้นอีกฝ่ายไปมั่วๆเป็นการหันเหความสนใจตัวเอง

ไอ้มิคที่โดนผมลูบปาดไปถึงแก้มก้นทิ้งน้ำหนักสะโพก กดอะไรแข็งๆที่ไม่น่าจะแข็งในตอนนี้ลงมาคลึงอยู่แถวต้นขาแล้วใช้เวลาหนึ่งลมหายใจ สอดมือมายกสะโพกพร้อมรูดกางเกงบอล ปราการด่านสุดท้ายของไอ้กิมไปแบบพรืดเดียวโล่งโจ้ง ยังไม่ทันที่ผมจะได้สติว่าตอนนี้เล่ากูเป็นชีเปลือยมือร้อนเป็นไฟก็นวดจากแถวขาหนีบขึ้นมาคลึงอยู่บนกิมน้อยด้วยความพลิ้วที่ทำให้ต้องสูดปากซดน้ำลายพลางถดก้นหนีตามสัญชาติญาณ

แต่ไอ้มิคที่ตะปบมืออยู่กลางหว่างขาผมกลับเป็นฝ่ายผงกหัวพรึบพรับขึ้นมาจ้องหน้า ลูกกะตาที่ห่างไปไม่กี่คืบเบิกกว้างเหมือนเจอของประหลาดจนผมที่นอนผังพาบสติสตังค์ไม่เหลือหลอ ต้องตะปบมือลงไปสำรวจของสงวนของตัวเองว่ามันหดสั้นหรือฟืบแฟบจนผิดสัมผัสปานนั้นหรือ ไอ้มิคถึงได้มองมาเหมือนเห็นผี

ปรากฏว่าสิ่งที่ผมควานลงไปเจอไม่ใช่ส่วนนั้นที่ไอ้มิคกำไว้ไม่ยอมปล่อย แต่เป็นอะไรเหนียวๆลากยาวตั้งแต่ท้องน้อยไปถึงหน้าขา ไม่ต้องผงกหัวดูหรือเอาขึ้นมาดมก็รู้ น้ำรักผมที่โดนรีดออกไปตอนเห็นสีหน้านั้นของไอ้มิคนั่นเอง

“… กูเอง” ผมว่าไปเสียงแห้งๆ รู้สึกเหมือนโดนลบหลู่ความเป็นแมนไปหลายส่วน นี่ถ้าไม่โดนจับได้พร้อมของกลางอย่างที่เป็นอยู่ ให้ตายผมไม่มีทางยอมรับว่าไต่ถึงสวรรค์ชั้นฟ้าไปได้เพียงเพราะเห็นหน้าตอนปลดปล่อยของผู้ชายด้วยกัน

ไอ้มิคที่จ้องหน้าผมอยู่กระพริบตาสองสามทีเหมือนยังไม่กระจ่าง ก่อนเปิดยิ้มร้ายที่เล่นเอาดาวกลางฟ้าหุบแสงแทบไม่ทัน ปากแดงๆกลางแสงสลัวโน้มลงมารีดอากาศจากปอดผมไปแบบไม่ให้เวลาหายใจหายคอ เสียงพึมพำแหบพร่ามาพร้อมมือสากๆแถวปลายคางที่จับหน้าผมเอียงซ้ายเอียงขวาเหมือนจะหามุมที่ยังเข้าไม่ถึง เสียงดูดปากจากข้างแก้มจากซอกคอดังกลบเสียงฝน จะมีก็แต่เสียงครางอืออาจากปากผมที่ดังเข้าจังหวะแบบหมดสิ้นอาการขวย

ผมไถหน้าถูกับที่นอนจนแก้มชาพลางหยัดสะโพกสวนมือสากๆที่เร่งจังหวะถี่กระชั้นจนน่ากลัวว่าจะมีคนหัวใจวายตายกันคาเตียง เสียงหอบหายใจที่แยกไม่ออกว่าเป็นของใครถูกเสียงตะโกนของผมกลบในจังหวะที่ทุกอย่างกำลังจะถึงเป้าหมาย จังหวะที่ท้องน้อยผมเครียดเขม็ง หลังผมลอยจากเตียงเตรียมพร้อม จังหวะที่ไอ้มิคหยุดมือแล้วบีบท่อนเนื้อไว้แน่นหนา จังหวะที่ผมหลุด เฮ้ย! แทรกเสียงครางเสียงหอบหายใจออกมาเต็มคำ

สวรรค์ชั้นฟ้าที่กำลังจะได้กระโจนเข้าใส่ทลายครืนลงมาต่อหน้าต่อตาในจังหวะที่ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่ง ผมที่หลุดเฮ้ยออกไปได้ลืมตาพรึบขึ้นมองเจ้าของมือถล่มสวรรค์ แต่ยังไม่ทันได้โวยวายทั้งตัวก็ถูกลากพรืดจนหลังไม่ติดเตียง ไอ้มิคที่นั่งคุกเข่าค่อมกันอยู่ตวัดต้นขาผมขึ้นไหล่แล้วเอนหลังทิ้งน้ำหนักจนผมที่พาดสองขาอยู่กับบ่าแน่นๆต้องไถลตัวตาม ยังไม่ทันจะชันศอกพยุงตัวได้เข้าที่ก็ต้องสะบัดหัวไปข้างหลังแล้วอ้าปากฮุบอากาศทั้งที่ตายังเหลือก แรงดูดจากโพรงปากที่ครอบลงมารูดอยู่หว่างขากับแรงคลึงนิ้วบนก้อนเนื้อทำให้หูอื้อตาลายจนมองเพดานที่เหลือกตาจ้องอยู่ไม่เห็น ทุกสิ่งที่อย่างหมุนวิ้งๆไม่เว้นแม้แต่ทุกเสียงร้องที่หลุดออกจากปาก

แล้วสวรรค์ชั้นแปดก็กลับมาให้ได้กระโจนใส่เต็มกำลัง ผมกระแทกสะโพกเข้าใส่ความอุ่นร้อนที่โอบรัดจนทั้งตัวแทบจะลอยจากเตียง ไอ้มิคที่โดนผมเสยเข้าใส่หน้าไม่ได้ถอยหนีหรือผ่อนกำลัง ปากร้อนเป็นไฟกลับขยับรูดเหมือนจะกลืนเนื้อทั้งดุ้นให้หายเข้าไปในคอ สองมือหนาบนต้นขาผมตะปบลงมาเต็มก้น แรงขยำขยี้จนเจ็บแปลบกระตุ้นให้ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลาย ผมเกร็งตัวพร้อมฉีดพ่นทุกอย่างออกไปด้วยความรู้สึกเหมือนตกจากรถไฟเหาะแล้วลอยเคว้ง ลอยเคว้งก่อนตกดิ่งกระแทกพื้นดังปักจนต้องส่งเสียงประท้วงพร้อมกระถดก้นหนีโดยอัตโนมัติ

“… อู้ออ!” หลุดไปได้ไม่ถึงคำแล้วต้องห่อปากสูดอากาศด้วยว่ารู้สึกเหมือนจะจมน้ำ

“อึกก!... ม มิ ค… เดี๋… อื้มม!...ว”

“หายใจ ลึกๆ… คน ดี” เสียงไอ้มิคที่ลอยอยู่รอบตัวฟังขาดๆหายๆ “อย่าเกร็ง”

ผมหายใจลึกตามคำบอก พยายามผ่อนกล้ามเนื้อตั้งแต่รูขุมขนจนถึงหัวใจที่กระเด้งกระดอนอยู่ในอก แต่ยังไงก็ไม่สามารถควบคุมสะโพกไม่ให้กระถดหนีนิ้วแข็งๆที่ดุนดันอยู่ปากทวาร ไม่ว่าจะผ่อนลมหายใจเข้าออกแบบนับหนึ่งถึงห้า ถึงสิบ ก้นผมก็ยังเกร็งตัวเองจนรู้สึกเจ็บหนึบ

ไอ้มิคที่จดจ่ออยู่กับการทะลวงประตูเอื้อมมือมาลูบหน้าลูบตากัน ไล่เหงื่อที่ซึมออกมาแบบไม่รู้ตัวให้ผมได้ผ่อนลมหายใจว่าเพื่อยังไม่ได้หน้ามืดตามัวถึงขั้นมองไม่เห็นหน้าเห็นเหงื่อ ตาสีจางจ้องมาอยู่หลายอึดใจเหมือนจะใช้สายตาสะกดจิต และโดยที่ผมไม่ได้ระแวงระวังไอ้มิคก็ใช้สุดยอดวิชา ดันทั้งนิ้วเข้ามาแบบไม่มีการบอกกล่าว ผมที่มองหน้าหล่อเหลาใต้แสงสลัวอยู่เคลิ้มๆถึงกับแหกปากร้องแบบเสียงไม่ยอมหลุดจากคอหอย จุกจนพูดไม่ออก

“…เก่งมาก คน ดี” ไอ้มิคพึมพำเหงื่อซึมแล้วโน้มหน้าลงมาแนบปากขัดขวางความคิด

จังหวะโน้มตัวที่แม้มือเพื่อนจะไม่ได้ขยับแต่ไหล่ที่มีต้นขาผมพาดอยู่ทั้งซ้ายขวา กลับดันให้ต้องยกก้นตลบขึ้นมาแทบจะเกยคาง และด้วยความเนียนขั้นเทพ ปากไอ้มิคแนบลงมาในจังหวะเดียวกับที่อีกหนึ่งนิ้วดุนแทรกเข้ามาเต็มความยาว คราวนี้แม้แต่จะแหกปากแสดงอาการยังทำไม่ได้ด้วยว่าโดนปากร้อนๆสูบไปทั้งลมหายใจ

“! ส สาด สาดมิค” ผมอ้าปากพะงาบๆฮุบอากาศพร้อมสบถเสียงอ่อยทันทีที่มีโอกาส “…ค ครั้… ครั้งแรก ของ กู นะเว้ย เตือ เตือนให้ เตรียมใจกัน หน่อยสิว… อู้ออ?!!”

เสียงครางยิ่งกว่าดาราเอ็กซ์มืออาชีพหลุดออกจากปากผมไปพร้อมพลุนับร้อยระเบิดปุ้งป้างอยู่ในหัว ผมกระพริบตาถี่ยิบไล่ความเสียวที่พุ่งปรี๊ดขึ้นมาถึงสมอง ความเสียวชนิดบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก รู้แต่ว่าต้องเด้งสะโพกกระแทกรับนิ้วที่แทงสวนเข้ามาให้ถี่กระชั้น รู้แค่ว่าอะไรบางอย่างในร่างกายมันจวนระเบิด

“อู้วว อื้มม! ม มิคค อื้ออ!... จ จะ จะ… อื้มมม!!”

“กิ ม กิม!” เสียงแหบต่ำไม่คุ้นเคยเวียนวนอยู่ชิดติดหู “I It’s okay. I’m clean. I’ve it all checked…”

ผมที่จับใจความอะไรไม่ได้ ตะกายคว้าต้นคอที่โน้มอยู่เหนือตัวแล้วจิกนิ้วเท่าที่จะมีแรงเกร็งลงบนไหล่แน่นๆอย่างไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้มากกว่านั้น ผมฟังไม่รู้เรื่องว่าไอ้มิคพึมพำอะไรเข้ามาในปาก จับใจความไม่ได้ว่าหลายประโยคที่ลอยผ่านไปเป็นเสียงตัวเองหรือเสียงอีกคน ผมรู้แค่ว่าใบหน้าเครียดขึงจริงจังจนเหยเกที่ตะกายคว้ามาชนหน้าผาก เป็นใบหน้าที่ทำให้ผมตวัดขาเกี่ยวเอวอีกฝ่าย แล้วเสือกช่องทางที่ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะต้องเปิดให้ใครล่วงล้ำ ถอยสะโพกหนีนิ้วที่ดึงหลุดไปจากตัวแล้วดันช่องทางทั้งหมดเข้าหาท่อนเนื้อที่ผงาดอยู่เต็มตา

“ม มาเลย! เข้า เข้ามา! มิค…”


_________________________

ส่งท้าย

สิ่งที่ทำให้ผมลืมตาตื่นไม่ใช่เสียงหมาข้างหอเห่าแม่ค้าขายแตงโมหรือแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องทะลุบานกระจกลงมาอาบอยู่เต็มหน้า แต่เป็นอาการปวดหนึบแถวจุดซ่อนเร้นที่ไม่น่าจะนับเป็นสถานที่ลับเฉพาะอีกต่อไป ในเมื่อโดนโคลัมบัสบุกบั่นเข้าไปสำรวจตรวจสอบเสียเหี้ยนทุกตารางนิ้ว

ความเจ็บระบมที่หัวนมกระทุ้งให้ผมล่วงจากความฝัน ตามด้วยอาการปวดหน่วงๆที่หนึบขึ้นมาตั้งแต่ขาอ่อนถึงก้นกบ ที่ค่อยๆเพิ่มดีกรีตามการตื่นตัวของระบบประสาท ผมลืมตาจ้องเพดานห้องอยู่อึดใจ พยายามรวบรวมกำลังเพื่อยกมือขึ้นบังแสงก่อนเสี้ยวหน้าจะได้เปลี่ยนเป็นขวานฟ้าหน้าดำเพราะโดนแดดเลีย ไม่น่าเชื่อว่าแค่ศึกหนักไม่กี่ยกเมื่อคืนจะทำให้การควานแขนหาหมอนมันยากเย็นจนเหงื่อซึม

ผมกัดฟันจนกรามปูดเพื่อเกร็งกล้ามชันตัวขึ้นจากเตียงได้สำเร็จในความพยายามครั้งที่สาม ก่อนเอื้อมมือไปตบหัวทุยๆที่คว่ำหน้าหลับตาอยู่ชิดติดเอวดังป๊าบ ไอ้มิคผงกหัวมากระพริบตาปริบๆเหมือนหาโฟกัสไม่เจออยู่เกือบนาที ก่อนจับจุดมาเห็นผมที่นั่งชันศอกอยู่ในระยะเอื้อมถึง

“Morning babe…” คำทักทายกับรอยยิ้มพิมพ์ใจ พร้อมแขนล่ำๆที่วาดมาโกยให้เข้าไปหา

ผมตอบสนองโดยการเอื้อมมือไปเบิ้ดกระโหลกเจ้าของแขนอีกป๊าบเรียกสติ ถึงเมื่อคืนจะร่วมด้วยช่วยกันเชียร์ จะเสียเหงื่อเสียพลังงานไปด้วยความสมยอมพร้อมใจ แต่เพราะอาการเจ็บในที่ลับที่กระทุ้งให้ตื่นจากความฝันทำให้ผมออกอาการพาล จนไอ้มิคที่โดนตบหัวไปสองทีเริ่มจะเก็ท

“… ขอโทษครับ มา” ไอ้มิคว่ามาง่ายๆก่อนลูบหลังลูบไหล่ผมไปมาเหมือนปลอบเด็ก เป็นการเอาใจง่ายๆที่ทำให้อาการพาลตั้งแต่ลืมตาตื่นของไอ้กิมหายวับไปกับตา

“วันนี้ต้องไปไหนเปล่าวะ” ผมงึมงำถามกับไหล่อีกฝ่าย “ถ้าต้องไปข้างนอก หารถเข็นให้กูคันนะ แม่ง ปวดฉี่ ปวดขี้ ปวดตูด ปวดสะโพก ครบรสเลยมึง”

ไอ้มิคถึงกับขำพรืดกับคำสารภาพจริงใจของผม มืออุ่นๆเริ่มทำอโรม่าเทอราปี้แบบไม่ต้องพึ่งน้ำมันมวยไล่จากไหล่ลงมาหลัง แผ่นอกแน่นๆที่ปักหลักให้ผมทิ้งตัวพิงกับเสียงหัวใจอีกดวงให้ความรู้สึกอบอุ่นยิ่งกว่าแสงแดดจากกระจกหน้าต่าง

“วันนี้ไม่มีรายการ”

ไอ้มิคว่าพลางเอนหลังลงเตียง ดึงผมที่นั่งนิ่มไม่มีกระดูกให้ไหลตามลงไปแปะอยู่บนตัว มืออุ่นๆยังนวดคลึงเป็นจังหวะเล่นเอาเคลิ้ม ผมผ่อนลมหายใจแล้วกางแขนขาประหนึ่งว่าอยู่ในสปา นอนแนบหูฟังจังหวะหัวใจไอ้มิคไปพลางๆก่อนปิดตาหลับรับอรุณไปแบบไม่รู้ตัว

ความอุ่นจากอุณหภูมิที่แนบอยู่ชิดติดตัวกับสัมผัสจากผิวเนื้อพาผมเข้าสู่ความฝันอีกระลอก ในฝันรอบใหม่ไม่มีเสือมีหมูให้วิ่งหนี ไม่มีเพื่อนร่วมฉากมากหน้าหลายตา ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกว่ามีใครอื่นหลงอยู่ในนี้นอกจากผม ทั้งที่น่าจะรู้สึกว่างเปล่าโหลงเหลง แต่เปล่าเลย ผมที่เดินอยู่คนเดียวกลับกระปรี้กระเปร่า จ้ำเอาๆจนกระโจนพรวดเข้าใส่อะไรบางอย่างอุ่นๆที่ทำให้ต้องปิดตาหลับด้วยความสบายใจ หลับซ้อนหลับเพื่อไปฝันซ้อนฝัน จนกว่าจะเจอไอ้มิคที่นั่งร้องเพลงอยู่ใต้แสงดาว


__________________________ จบภาค


ขออภัยที่ทิ้งช่วงเลยคำสัญญามานานนม

ขอได้รับความของคุณจากนักอ่านทุกท่านที่ร่วมลุ้นไปกับรักจังจนจบภาคนี้ ส่วนภาคนู้น ภาคนั้น หรือภาคไหนจะเกิดตามๆกันมาหรือไม่ อย่างไร เรื่องนี้บอกตามความสัตย์ว่าตอบไม่ได้ แง่ม ต้องรออารมณ์มาปัญญาเกิด ซึ่งลมเพลมพัดเหลื้อเกิน

ขอขอบคุณทุกคำเตือน คำติ คำชม แม้ไม่เคยโผล่หน้ามาตอบคอมเมนส์แต่คนเขียนจะขอสอยไปทีเดียว เอาไปไล่อ่านเพื่อพัฒนาไอคิวและอีคิวทั้งของตัวเองและตัวละคร ต่อๆไปค่ะ
=========================================================================

เป็นไงค่ะทุกคน...เตรียมทิชชู่เตรียมผ้ากันมาพอป่ะ......คนแปะขอตัวไปโรงบาลแปป

เหมือนจะโคม่า  เพราะเสียเลือดและหวิดเป็นอัมพาต พอดีว่า เขิลจนบิดตัวผิดท่าอ่ะ

เสี๊ยดาย อยู่อย่างเดียว ที่มันไม่สุดนี่แหละ

เจอกันเรื่องใหม่นะจ๊ะ................(ยังไม่รู้ว่าเรื่องอะไรเหมือนกัน)
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 11-09-2010 22:47:15
^
^จิ้มคุณหมี
 :z13:
เดี่ยวมาอ่านไปหาทิชชู่มาซับเลือดก่อน :laugh:
บรรยายบทอัศจรรย์ได้ถึงพริกถึงขิงมาก :o8:
จากง่วงๆตอนนี้ตื่นเต็มตา นึกว่าตัวเองนั่งอยู่ข้างเตียง
สมกับที่รอคอยมานาน เอิ๊กๆๆ
 :pig4:สำหรับเรื่องโคตรจะดี ถ้าลมมันพัดแล้วทำให้คุณหมีแต่งภาคต่อ
ก็ขอสัญญาว่าจะเป็นหนึ่งในแฟนคลับแน่นอน จะไม่ทิ้งคุณหมีเด็ดขาด o13
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Jimmeiiii* ที่ 11-09-2010 22:49:50
โอ๊ะ..จบแล้วหรอ เสียดายแฮะ :impress3:

จบได้สวยงามและเสียเลือดดี
 :pighaun: :oo1:


 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 11-09-2010 22:53:13
ในที่สุดกิมก็ตกเป็นของมิค ขอบคุณไรท์เตอร์มากๆจ้ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 11-09-2010 22:55:29
จบแบบเสียเลือดเสียเนื้อ  :jul1:

แต่มันเหมือนยังไม่สุดเท่าที่ควรอะ

มันยังค้างๆ คาๆ อยู่นะ

เรื่องของเบอร์ 4 ที่ตอนหัวหิน
ทำไมถึงเอาผ้าให้กิม
นั่งให้กิมลูบๆ คลำ(?)อีก
แล้วตอนทีี่มิคลากกิไป ก็ยังยิ้มๆ

ก็เลยยังไม่เคลียร์กะตัวละครตัวนี้อะ

มีภาค 2 ใช่มั้ยคะ
รอค่ะ :mc4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: CHIVAS ที่ 11-09-2010 22:59:06
โอ้ ฝันบอกเหตุ  :oo1: ซินะกิม  (ซึ่ง ฝันได้มั่วมาก )
พรุ่งนี้คงต้องตื่นมาซักผ้านวม เลือดพุ่งกระฉูดแบบไม่ยั้ง   แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
มิหนำซ้ำตื่นมายังจะฝันต่ออีก สงสัยคงอีกซักรอบ  ฮ่าๆ
กิมคนดี  พระเอกมิค

อยากให้มีภาคต่อ จะรอนะคะ
ขอบคุณคนโพสแล้วก็คนแต่งด้วยค่ะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Killua ที่ 11-09-2010 23:00:15
ขอให้ไรเตอร์อารมณ์มาปัญญาเกิดเร็วๆ จะรอ ภาคนั้น ภาคโน้น กันอย่างใจจดใจจ่อกันเลยทีเดียว
เรื่องการเขียนอยากบอกไรเตอร์ว่า ไรเตอร์เขียนได้ดีมากมาย ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่อ่านแล้วติดอ่ะ
ชอบสไตร์การเขียนแบบนี้อ่ะคะ น้องกิมกะน้องมิคน่ารักมาก
ขอบคุณไรเตอร์และก็คนโพสอย่างแรง
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-09-2010 23:02:10
 :L1:รอภาคต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 11-09-2010 23:18:07

มิคกะกิมน่ารักมาก
หวังว่าจะได้มีโอกาสอ่านภาคต่อไปนะคะ   :L2:

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 11-09-2010 23:25:30
ฮาแม้กระทั่งฝัน  กิมนี่สุด ๆ ไปเลย   :m20:
อ่านตอนนี้แล้วอยากตื่นมาแล้วมีคนพูดว่า morning babe บ้างจัง
เห็นควรว่าต้องมีภาคต่อไปนะ  อย่างแรง  อย่างเร็ว  และอย่างยิ่งด้วย
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 11-09-2010 23:31:24
หึหึ หวานจนจบนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: 4life ที่ 11-09-2010 23:36:16
ชอบอ่ะ น่ารักรื่นๆ ไม่ต้องดราม่ามากมาย
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 11-09-2010 23:41:37
กิมทำตามสัญญาแล้วดิ โฮะ ๆ  :haun4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 11-09-2010 23:44:47
น่าจะมีต่ออีกเนาะ หลังจากร่วมหอลงโรงกันแล้วไง  :jul1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอ&#
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 11-09-2010 23:45:44
โฮะๆ จบแล้วๆ  :m11:
รอภาคต่อไปงับ
ถึงกับ :jul1:เลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 11-09-2010 23:57:44
พระเอก >_<!~
โธ่ ... อยากให้มีภาคต่อ คิดถึงพระเอกแย่เลย
ขอบคุณโพสเตอร์ที่นำนิยายดีๆ มาใ้ห้อ่านด้วยนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: mutoo ที่ 12-09-2010 00:02:59
อ่านกี่รอบก็ชอบ
ขอรอคุณหมีด้วยคนค่า o13 :haun4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 12-09-2010 00:06:10
 o13 o13 o13

รอภาคหน้าด้วยคน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 12-09-2010 01:32:41
เป็นเรื่องที่สนุกมากครับ ยินดีมากถ้าจะมีภาคต่อ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 12-09-2010 02:10:45
หุหุ บอกได้คำเดียวว่า หุหุ ถึงจะ ตัดฉับไปที่หัวไฟโคมเตียงก็คุ้มค่า

จะรอภาคต่อไปนะคะ หวังว่าจะมีนะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 12-09-2010 04:30:12
เต็มอิ่มไปกับฉากนี้ที่รอคอยของกิมและมิค หึหึ
แต่พอเลื่อนมาเจอ จบภาค ถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว
แบบว่ามันยังไม่รู้สึกว่านี่คือจบอ่ะนะ แบบว่ายังอยากได้ต่ออีกอ่ะ
แต่ถ้ามันมีแค่นี้จริงๆ ก็คงได้แต่เก็บ มิคกิม ไว้เป็นอีกหนึ่งความทรงจำดีดีในชีวิตล่ะนะ ^^
สุดท้าย ขอบคุณคนแต่ง ที่สร้างสรรค์สิ่งดีดี มาให้คนอ่านได้มีความสุข
ขอบคุณคนโพสต์ ที่นำเรื่องนี้มาให้ได้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 12-09-2010 07:44:09
นี่เป็นเรื่องเดียวที่ผมมารออ่านในเล้าเป็ด
(ส่วนเรื่องอื่นผมดูจากกระทู้เรื่องที่เข้าชิงรางวัลแล้วค่อยอ่านไปเรื่อยๆน่ะ)
ด้วยเหตผลมากมายล้านแปด ที่สำคัญคือ ผมมีความรู้สึกว่าคนเขียนมีพล็อตและตั้งใจจริงจังที่จะเขียนให้จบ ขณะที่หลายเรื่องผมอ่านแล้วให้ความรู้สึกเหมือนนึกอะไรได้ก็ใส่ลงไป อ่านได้แค่ตอนแรกก็เลิกอ่าน
เรื่องนี้จบแล้ว ต่อไปผมจะอ่านอะไรที่อ่านไปหัวเราะไป แล้วให้ความรู้สึกว่าจะได้อ่านจนจบ ไม่มีคำถามค้างอยู่อีกมั้ยหนอ
ขอบคุณมากครับ ทั้งไรต์เตอร์และโพสเตอร์เลย
แต่ระหว่างนี้ ผมคงกลับไปสิงอยู่ในห้องเรื่องที่โพสต์จนจบแล้วอีกสักพัก จนกว่าจะเจอเรื่องฮาๆ ก็จะย้ายมานั่งรอ...5555

ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 12-09-2010 08:05:10
 :haun4: เอาไปสำหรับตอนนี้ ในที่สุดกิมน้ิอยก็เสียสาวให้มิค 5555
น่ารักตลอดเว มีภาคสองก็จะตามติดต่อไป อิอิ ขอบคุณค่าที่มาโพสต์ให้อ่าน :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Jesale ที่ 12-09-2010 09:45:00
อิอิ จบภาค แต่ยังมีต่อช่ายไหมจ้ะ
กิมกับมิค รักกันแบบนี้ น่ารักดี อย่ามีมารออกมาผจญเลยนะ ไม่อยากรันทดอ่ะ
ขอบใจไรเตอร์จ้ะ  :pig4:
1+
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 12-09-2010 10:09:41
บวก 1 ให้ตอนจบกระชากเลือด
สมกับที่รอคอยจริงๆ
เสียเลือดกันถ้วนหน้างานนี้  :pighaun:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 12-09-2010 10:41:31
thanks และรอภาคต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 12-09-2010 11:27:45
ฉากเข้าหอ สุดยอด :pighaun:
คุณ meae เขียนฉาก NC ได้ฮาดีค่ะ
มันมีทั้งเซ็กซี่บวกกับตลก
อ่านไปน้ำลายไหลไป เลือดออกจากจมูก แถมยังต้องเช็ดน้ำตาไปด้วย
ถ้ายังไม่มีภาคต่อไป ก็เขียนเป็นตอนพิเศษออกมาบ้างก็ได้นะคะ
ให้พอหายคิดถึงกิมกับมิค เป็นช่วงๆ

ไม่รู้ว่ามีนิยายเรื่องอื่นของคุณ meae อีกหรือเปล่า
ยังไงคนโพสต์ ช่วยประจบประแจงเอามาลงให้อ่านอีกนะคะ  :impress3:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: van ที่ 12-09-2010 11:58:00
ฮ่า......อิ่มอกอิ่มใจในตอนจบค่ะ  ยิ้มแก้มปริเลยหล่ะค่ะ :o8:
อ่านทีเดียวสองตอนควบ....ตอนลุ้นระทึกหนีหมูป่านั่งอ่านไป :m20: ไปจนหน้าดำหน้าแดงกันเลยค่ะ
ส่งกำลังใจให้ไรท์เตอร์มีองค์ลงประทับมาเขียนภาคต่อในคนอ่านได้อ่านต่อกันอีกนะคะ
+1 ขอบคุณทั้งคนเขียนและคนโพสค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 12-09-2010 12:22:07

น่ารักมากค่ะ 
หวังว่าจะมีภาคต่อไปนะคะ
บวก 1 ขอบคุณค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 12-09-2010 14:24:16
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย จบภาคเสียแล้ว ต่อไปจะเป็นใครน๊า รอ ร้อ รอ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 12-09-2010 15:36:08
ตอนนี้.... :pighaun: .... :jul1:.....
ประทับใจในความรักของมิคมาก.....
เหนียวแน่นและมั่นคงจริง ๆ......
ส่วนกิมรั่วได้น่ารัก.....และเมื่อกิมรู้ว่า...
ใครคือคนสำคัญ...กิมก็พร้อมที่จะรักษาไว้
และตอบแทนน้ำใจให้ไม่น้อยไปกว่ากัน..... o13
หุ หุ....ชอบอ่ะ....กิมเสียสาวววว.....
แล้วมิคเรียก my babe แล้วโดนเบิ๊ดน่ะ....ขำอ่ะ :m20:

 :pig4: คนแต่ง กะ คนโพส :L2:
กด + ให้กำลังใจนะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: NumNim_Jung ที่ 12-09-2010 18:40:31
ทิชชู่คงไม่พออ่ะคะ
ต้องผ้าอนามัยเลยละคะ
เลือดไหลท่วมละตอนนี้
รอคอยเรื่องถัดไปนะคะ สู้ๆ

 :mc4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 12-09-2010 19:53:34
 :กอด1:   :กอด1:

หวานได้อีกนะมิค
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Miyabi ที่ 12-09-2010 21:02:24
เนื้อเรื่องสนุกดี
ใช้ภาษาได้เป็นเอกลักษณ์ดี  o13 o13
ปล.อยากอ่านเวอร์ชันมิคบ้าง
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 12-09-2010 21:05:18
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ร้อนแรงอ่อนหวานระคนกัน
ฉากรักในอุดมคติจริงๆ "มิค....คนดี" (สิงร่างกิม กร้ากกกกกกกกกส์)

ว่าแล้วเดี๋ยวก่อนนอนคืนนี้คิดถึงตัวโตๆหัวเกรียนๆกะตาสีอ่อนๆบ้างดีกว่า
เผื่อจะฝันว่าวิ่งเล่นในราวไพรแล้วได้เจอ"....คนดี" ของตัวเองบ้าง โฮะๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 12-09-2010 23:04:28


เป็นการอ่าน NC ที่ทรมานคนอ่านเป็นที่สุด >////////<

เพราะคนอ่าน อ่านไปก็เช็ดน้ำตาไปด้วย ซับเลือดไปด้วย =^= b

มันทั้งฮา ทั้งหื่น...จนบางทีแอบคิด...นี่ตูกำลังอ่าน NC นิยาย หรือว่ากะำลังอ่านขายหัวเราะอยู่ฟ่ะ - -???

แต่เค้าก็ชอบนะ...มีเอกลักษณ์ในการเขียน สำนวน และภาษาที่ดีมาก ๆ ...น้อยมาก ๆ ที่จะเจอแบบนี้

คือไม่ว่าจะอ่านในพาร์ทเศร้า เหงา หรือร่าเริง...แต่ทุก ๆ อารมณ์มันจะสอดแทรกมุมมองที่แตกต่างจากความคิดปกติ

พูดยังไงดีล่ะ...มันเหมือนเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีอยู่ตลอดเวลา...ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์อะไร...ก็ทำให้มันไม่เครียดได้

แอบเสียดายอยู่ลึก ๆ ที่เรื่องนี้ต้องจบแล้ว...คงจะคิดถึง มิค กิม และผองเพื่อนเป็นที่สุด...ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะได้เจอนิยายแนวนี้อีก



ขอบคุณไรท์เตอร์...ที่ทำให้มิค กิม และผองเพื่อน ออกมาโลดแล่นให้ได้อ่านมาจนถึงตอนนี้...ประทับใจกับทุกฉาก ทุกตัวละครจริง ๆ ฮะ

ขอบคุณโพสต์เตอร์...ที่ทำให้ได้เจอมิค กิม และผองเพื่อน...มันทำให้ชีวิตในแต่ละวันของเค้ามันมีสีสันขึ้นมา...ที่สำคัญ...มันทำให้เค้าต้องนั่งรอ

อย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ว่าเมื่อไหร่โพสต์เตอร์จะอัพเรื่องสักที...บางทีต้องนอนดึกเพื่อรอ และตื่นสายเพื่อไปทำงาน...แต่เค้าก็เต็มใจนะ...คริคริ *0*
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 13-09-2010 03:09:47
 :z1: :z1: :z1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...End....สอบถามอะไรหน่อยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 13-09-2010 10:36:34
ถ้าเราจะแจ้งเรื่อง  ขอย้าย ไปห้องนิยายที่โพส จนจบแล้ว 

ต้องแจ้งที่ไหนอ่ะค่ะ

รบกวนช่วยตอบหน่อยนะค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...End....สอบถามอะไรหน่อยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 13-09-2010 10:43:32



ไม่ต้องแจ้งหรอกฮะ...เพราะถ้าโมฯที่เค้าดูแลห้องนิยายเค้ามาเห็นว่า หัวเรื่องเขียนคำว่า "จบ" แล้ว

เค้าจะเข้ามาตรวจสอบ และย้ายไปเก็บไว้ที่ห้องนิยายจบแล้วให้เองแหล่ะฮะ ^^~*
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...End....สอบถามอะไรหน่อยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 13-09-2010 11:02:28



ไม่ต้องแจ้งหรอกฮะ...เพราะถ้าโมฯที่เค้าดูแลห้องนิยายเค้ามาเห็นว่า หัวเรื่องเขียนคำว่า "จบ" แล้ว

เค้าจะเข้ามาตรวจสอบ และย้ายไปเก็บไว้ที่ห้องนิยายจบแล้วให้เองแหล่ะฮะ ^^~*



 :pig4: จ๊ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...End....สอบถามอะไรหน่อยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 13-09-2010 13:45:00
ขอบคุณนะคะ คนโพสต์ คนเเต่ง สนุกมากเลย ฮาดีตั้งเเต่ตอนที่สู้กับหมูป่า จนวันที่ กิมน้อยเสีย พรหมจรรย์ +1 เอาไปเลย
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...End....สอบถามอะไรหน่อยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 13-09-2010 15:57:51
 :jul1:  ใช้ตัวนี้ถูกต้องแล้วในตอนนี้

ขอบคุณค่ะ      :pig4:  แล้วจะรอเรื่องใหม่นะค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...End....สอบถามอะไรหน่อยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 13-09-2010 17:28:12
อุส่าจะมาตอบ อดตอบเลย (แต่จริงๆก็ม่ายรู้หรอก 555)
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที17(จบภาค)-ฉากนี้ที่รอคอย.....(11/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Wr@iTh ที่ 13-09-2010 20:18:14
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!
อยากจะฆ่าตัวตายจัง....ทำมายกรูถึงเพิ่งเห็นเรื่องนี้!   :m31:
มันน่าจะตามอ่านตั้งนานแล้ววววววว!!!
สนุก น่ารัก และอีกมากมาย :m1:
อ่านแล้วมีความสุขมากกกกกก  :m2:

ปล.+1 เป็นการไถ่โทษ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...End
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 15-09-2010 14:02:42

เพิ่งมีโอกาสเข้ามาอ่าน

จบแหละ

ไปอ่านก่อนนะ

 :bye2:

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...End
เริ่มหัวข้อโดย: taem2love ที่ 15-09-2010 22:10:43
lovely and so cute อร้ายส์ มันน่ารักมากมายที่ซู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: pungplaza ที่ 16-09-2010 17:13:10
เพิ่งเข้ามาอ่านค่าาาา
อ่านได้ 4 หน้า เลือดมาจากไหนเต็มไปหมด  :pighaun:
ลุ้นมากมาย  จะเป็นยังไงต่อไป
เดี๋ยวมาอ่านต่อ หุหุ  หนุกดี
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...End
เริ่มหัวข้อโดย: QUE1 ที่ 16-09-2010 22:25:54
สนุกมากค่ะเรื่องนี้
ตอนแรกนึกว่าพ่อเบอร์สี่จะรับบทพระเอกเสียอีก
ที่ไหน...หุหุพ่อโดมินิคนี้เอง
พระเอกไม่แคร์สื่อสนแค่น้องกิมอ๊ายย
น่ารักเอาโล่มากๆ....มอบโล่พระเอกไม่แคร์สื่อกันไปเลยคะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: CHADMM ที่ 17-09-2010 20:57:57
อ่านจบแล้วๆๆๆ ชอบอ่ะ ชอบมากกกกก

รักกิมมิค อ่ะ คู่นี้น่ารักเกิ๊นอ่ะ อยากให้มีเรื่องต่ออีกจังเลย  เห็นตอนจบเขียนไว้ว่า จบภาค ?? นี่หมายความว่ามีภาคต่อใช่ป่าวว >๐< 

ยังไงจะรอติดตามผลงานต่อไปนะคะ

ขอบคุณคนแต่งและคนโพสนะคะ 

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 18-09-2010 11:46:03
อ่านรวดเดียวจบเลย กิมนี่ฮาได้ทุกสถานการณ์จริงๆ
มีเจ้าชายแบบมิคที่ไหนอีกไหม
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: ♥a2k♥ ที่ 18-09-2010 23:42:52
สนุกมากๆเลยค่ะ
ผช.อย่างมิคหาได้ที่ไหน
แพคส่งมาให้เราที 5555
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 19-09-2010 10:08:51
สุดยอดดดดดด  o13
อ่านรวดเดียวจบเลย  สนุกมากๆค่ะ
หลงรักทั้งกิมทั้งมิคเลย
หวังว่าจะมีภาคต่อเร็วๆนี้นะ

 :o8:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: mascot ที่ 19-09-2010 11:22:12
รักมิคกับกิมจัง
มิคน่ารักโครตๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 19-09-2010 12:05:38
สนุกมากค่ะ หลายรสในเรื่องเดียว
ไม่ผิดหวังเลยที่ได้อ่าน จะติดตามคุณหมีต่อไป

ขอบคุณค่ะ คนเขียน+คนโพสด้วยจ้า :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: pupuzaa ที่ 19-09-2010 15:09:39
ไม่น่าจบเลย :sad4:

สนุกมาก :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: padang ที่ 20-09-2010 00:17:14
เชียนดีขนาดนี้
อยากให้รวมเล่ม
จะได้เก็บไว้อ่านเป็นความทรงจำดีๆ
ไม่หายไปกับสายลม
แล้วก็อยากให้เขียนต่อ
สำนวนดีอย่างนี้มีให้อ่านน้อยยิ่งกว่าน้อย
เขียนต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 20-09-2010 15:13:08
กรี๊ดๆๆๆๆ จบได้น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: Hachi_an1234 ที่ 21-09-2010 01:10:47
อ่านแล้วติดมากเลยฮับ...
กิมก็น่ารักดีอะ.. ส่วนพี่มิคเรานี่.. ทั้งหล่อทั้งเก่ง...  :กอด1:
หาได้จากไหนบ้างเนี้ย... ฮุๆๆๆๆ

มีภาคต่อไหมฮํบพี่.. หนุกมากๆๆเลยอะ... อ่านแล้วรู้สึกว่าสั้นไปอะ... ยังไม่พอกับความน่ารักของทั้งคู่ๆๆ ฮษๆๆๆ
แต้งส์มากๆๆนะฮํบที่เอาเรื่องหนุกๆๆมาให้อ่าน :pig4:
อืมม.. พี่โพสเตอร์ฮับ.. พี่หมีคนแต่งยังมีแต่งเรื่องไรอีกรึป่าว... ฮับบ..
ช่วยแนะนำหน่อยได้ป่าวว.. :call:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่ที่รัก ที่ 21-09-2010 03:23:56
มิคน่ารักอะไรอย่างงี้
แต่เราชอบกิมมากกว่านะ
 :laugh:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 21-09-2010 14:20:20
สนุกครับเรื่องนี้ ใช้ภาษาก็สวย  o13
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 21-09-2010 17:42:33
รักเรื่องนี้จังเลย
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: phoeniix ที่ 22-09-2010 17:39:18
เรื่องน่าอ่าน น่ารักจริงๆ รอภาคสองน้าา

ขอบคุณ ไร้เตอร์ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 23-09-2010 01:18:18
สนุกมากค่ะ หวานปนฮาจริงๆ  โดยเพาะตอนกับหมูป่า  อ่านไปก็ไม่ได้กลัวกิมเจ็บเลย มัวแต่ฮาเมื่อนึกถึงหน้ากับท่าทางของกิม
 
ขอบคุณไรเตอร์นะคะที่เขียนนิยายสนุกๆมาให้อ่าน   :pig4:

P.S.  แอบหวังถึงภาาคต่อไปนะคะ คิดถึงมิคและกิม
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: pay-it-forward ที่ 23-09-2010 14:47:47
รักจัง....หวานจัง :-[....น่ารักจัง :กอด1:....โฮกจัง :haun4:
ขอบคุณมากๆค่า
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 24-09-2010 02:09:34
อ๊า าาาาา น่ารัก
ชอบเรื่องนี้จัง ทั้งกิมแล้วก้อมิค
แถวเพื่อนพ้องก้อมิรู้จะฮาไปไหน
ชอบตอนหลงป่ามากๆ ไม่รู้มันจะเอาฮาไปไหน
ยิ่งเรื่องแมลงปอยิ่งแล้วใหญ่ :laugh:

กิม มิค น่ารัก กก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: momoko_1144 ที่ 24-09-2010 05:37:09
 :haun4: :haun4:

จบได้เลือดกระฉูดกันสุดพลังก็งานนี้

แบบว่าสุดยอดมากๆเลยค่ะ สนุกมากด้วย

ยังไง จะรอติดตามเรื่องต่อไปนะจ๊ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 24-09-2010 21:14:37
เลิศ! เรื่องนี้ฮาตั้งแต่ต้นยันจบ สุดยอดจริง ๆ เมพขิง ๆ ๆ

ชอบมากค่า
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 24-09-2010 23:14:51
สนุกมากๆเลยค่ะ
งื้อออ
ชอบ กิมมากเลยนะ ...
อ่านตอนแรกแล้ว สะดุดดดด
แบบ คนๆนี้ กวนตีนเอี้ยๆ ฮ่าๆๆๆ
^^

รอภาคสองนะคะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 25-09-2010 18:12:05
 :-[ น่ารักจริงจังนะคะคู่นี้
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: scottoppa ที่ 27-09-2010 14:50:41
:impress2: มิคคคคคคคคคคคคคคค
ยอดชายมากๆ ไม่ไหวจะเคลียร์ตัวเอง ฮ่าๆๆ เป็นเจนเทิลสุดๆ
หึงก็สุดๆ หื่นก็สุดๆ  :haun4:
ยิ่งเวลามิคพ่นภาษาอังกฤษ โอ่ยๆๆตายๆๆ จะเป็นลม แพ้ทางฝรั่ง

กิมก็ตลก ฮ่าๆๆ น่ารักกกทั้งคู่เลย
ขอบคุณทั้งไรท์เตอร์ และ โพสต์เตอร์นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: @Kanda@ ที่ 28-09-2010 00:02:42
อยากอ่นภาค 2 จังค่ะ  :impress2:

เป็นเรื่องที่น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แบบ ไม่ไหวแล้ว รับตำแหน่งรุกยอดเยี่ยมไปเลยจ้ะหนูมิค (พอๆกับไอ้พี่โอห์มที่รับตำแหน่งรุกยอดแย่...อารมณ์ค้างจากอีกเรื่องค่ะ ฮึ่มๆ :serius2:)

เรื่องนี่น่ารักมากๆจริงๆค่ะ  รอภาค 2 อยู่นะคะ หลงรักตัวละครทุกตัวเลยค่ะ  :bye2:

  //-- ดูนาฬิกา 00:00 น. พอดีเป๊ะ ยังไม่ได้อ่านหนังสือเลยฮือออออออออ เรียนจะไม่ทันเค้าอยู่แล้ว กรี๊สสสส ขอตัวนะคะ!!!!
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: Princea ที่ 28-09-2010 02:47:15
ขอบคุณคนเขียน และคนโพสนะครับ
เรื่องนี้สนุกมากๆเลยครับ
อ่านรวดเดียวจบเลยอ่ะ
ไม่รู้ว่าจะมีภาคต่อไปหรือเปล่าครับ
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 28-09-2010 17:19:49
อ่านรวดเดียวจบเลย สนุกมาก น่ารัก

มิค กับ กิม เหมาะสมๆค่า ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 30-09-2010 12:46:19
 :impress2: กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด ชอบมากมายอ่ะ แงะตัวเองออกไม่ได้เลย


สนุกมาก กิมน่ารักอ่ะ ตรงได้อีก มิค ก็พระเอกแห่งปีพระเอกในฝันเลยนั่น  o18 เล่นซะอิจฉากิม ห้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


อ่านแล้วก็กรี๊ดไปหลายตลบ :o8: จนคนข้างห้องคงว่าบ้า เอิ๊กซ์


อยากอ่านตอนพิเศษจังน้อ รีเควสๆๆๆๆๆๆๆ อิอิ :laugh:


ขอบคุณ ไรท์เตอร์ และ โพสเตอร์มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :กอด1:


มีความสุขมากๆ ที่ได้อ่านเรื่องนี้ ทั้งสนุก ฮา ลุ้น โคตรซึ้ง โคตรน่ารัก โคตรๆๆๆๆๆๆๆๆ จะเกินบรรยาย  :man1:








สาธุ มีบุญมีวาสนา ขอให้มีเนื้อคู่เป็นแบบมิค :call: สาธุ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก




หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 08-10-2010 08:54:35
จบแล้ว  :mc4:
จบยิ่งกว่านิยายบู๊อีกค่ะ จบแบบเล่นเอาคนอ่านเลือดสาดกันถ้วนหน้า  :jul1:  :laugh:
สำหรับนิยายเรื่องนี้ ไม่คำไหนเหมาะไปกว่าสองคำนี้แล้วค่ะ --> "ยอดเยี่ยม"  o13

สุดท้ายก็ขอขอบคุณค่ะ  o1
 :กอด1: ขอบคุณคนแต่งสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ
 :กอด1: ขอบคุณคนโพสต์ที่นำมาแบ่งปันให้ชาวเล้าได้อ่านกันค่ะ


จะรอติดตามภาคต่อๆไปนะคะ ม๊วบบบบ  :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 08-10-2010 23:50:43
โอ๊ย โอย ชอบเรื่องนี้จังเลยค่ะ
บรรยายสนุกมาก ยิ่งตอนผจญภัยอ่ะ
เหมือนได้ไปวิ่งอยู่กับมิคกิมเลย
แล้วมิคเนี้ยเป็นอะไรที่พระเอกกสุดๆ
อิจฉากิมเลยเหอะ อยากได้!!!
5555
 :m1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: archi_10_001 ที่ 11-10-2010 12:08:12
สนุกมาก เลือดกระฉูดจริงๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: M23 ที่ 11-10-2010 21:31:53
ชอบ ช้อบ พระเอกลูกครึ่งจังเลย ถูกใจเป็นการส่วนตัว
คาแรกเตอร์ก็โดนสุดๆๆ ภาษาบ้านเกิดแต่ละประโยค สุดยอด
อิจฉากิมจั๋วอ่ะ ....
ฉากเจ้าหญิงเก้ ป้ะกะเจ้าชายปลอม   ช่างเป็นฉากที่แบบว่า..ฮาเลือดสาด o13
ปิดฉากอย่างอลังการ
เป็นกำลังใจให้คนแต่ง+คนโพสต์คร่า



หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 16-10-2010 20:07:00
อยากอ่านตอนพิเศษจัง
คนโพส ช่วยบอกคนเขียนให้ทีจิ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: ryukani ที่ 19-10-2010 22:35:45
มาตามคำแนะคำคร่า

อิอิ วันเดียจบเลย :mc4: :mc4:


สนุกมากกกกกกกกกก เรื่องนี้ เป็นแบบที่เราชอบเลย

พระเอกนิสัยแบบนี้โดนน 5555 มิคโดนใจเต็มๆ o13

ตอนแรกที่อ่าน แบบว่าเหนื่อยมากกับการอ่านบรรยาย

เป็นคนชอบอ่านความรู้สึกนะ แต่ ก็อยากอ่าน สิ่งที่พูดกันด้วยมากว่า ฮ่าๆๆ

ncตอนแรกที่ ทะเลยอมรับเลยค่ะว่าขัดใจมาก บรรยายสะ เมื่อไหร่จะทำกันเนี่ยยย 5555 สุดท้ายค้าง :m31:  o18

แต่ก็ :pighaun: :haun4: เรียกเลือดได้อีก อิอิ


แต่ในที่สุดก็ชิน

สนุกมากๆๆๆเลยค่ะ มีโอกาส แต่งพระเอกนิสัย แบบมิค อีกนะคะ

แต่ขอตี๋ๆ ฮ่าๆๆ :L2:

ขอบคุณค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 21-10-2010 19:15:49
นั่งถ่างตาอ่านตั้งแต่ต้นจนจบรวดเดียว

ต้องขอบอกว่า สนุกมากกกกกกกกกก พระเอกแบบมิคที่ชั้นใฝ่หามานานนนน  :impress2:

กิมนี่ก็อิมเมจนายเอกในฝันเหมือนกัน เรื่องนี้ช่างเป็นอะไรที่สุดๆมากเลยหละคะ

เหมือนได้อ่านเรื่องที่ฝันอยากจะอ่านจริงๆ  :pig4: ขอบคุณสำหรับเรื่องดีดีแบบนี้นะคะ

ปล. ขอให้ชั้นหาปู้ชายแบบมิคเถอะ อิจฉากิมมากกกกกกกกก อิอิ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 22-10-2010 16:11:10
บ๊ะเจ้า!!!  o22 (มาเจอเรื่องนี้ช้าไป ชิชะ)
อ่านรวดเดียวจบ ต้องขออภัย
ไม่มีคำบรรยายใด ๆ นอกจากจะบอกว่า
"รสกลมกล่อม"
ห่วง หวง และหึง
ซึ้ง ซึม และเศร้าบางท่อน
แล้วก็...รัก...จัง จัง (จริง ๆ )
 :กอด1: รักคนเขียน คนโพส และตัวละครทุกตัว
ขอบคุณที่สรรสร้างนิยายดี ๆให้ได้อ่าน
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 23-10-2010 19:46:58
สนุกมากมาย
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: Flower night ที่ 23-10-2010 20:54:35
 :pig4: ที่แต่งเรื่องดีๆอย่างนี้ให้อ่าน
อยากเจอคนอย่าง มิค บ้างอะไรบ้าง
เรื่องนี้สนุกมาก ทั้งตื่นเต้น เสียว เลือดสาด หวาน มีครบทุกรสชาติ
ไม่ผิดหวังเลยที่ได้มาอ่านเรื่องนี้ 

 :กอด1: คุณหมี คนโพสต์ และน้องกิม พี่มิค 555
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 28-10-2010 14:35:40
คิดถึงพระเอกเลยต้องขอกลับมานั่งเป็นแฟนพันธุ์แท้อ่านกันใหม่ไปอีกรอบ  :m15:
อยากให้แต่งภาคต่อจังเลย พออ่านจบคำสุดท้ายมันเหมือนโหวงๆยังไงบอกไม่ถูก
 :bye2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 31-10-2010 18:02:01
อ่านแล้วอิจฉากิม
มิคพระเอกสุดๆ

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุกสนาน
และงานเขียนดีๆอีกหนึ่งชิ้น
 o13
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: SE_Lifestyle ที่ 01-11-2010 12:45:46
สนุกมาก ชอบนิสัยมิกอ่ะ
กิมก็นิสัยเเอบเด็กๆ  น่ารักน่าเตะดี  ง้องเเง้งได้กะมิกคนเดียวนะเง่ยกิม
มิเช่นนั้นจะโดนมิกได้

ขอบคุณที่เเต่งนิยายดีๆมาให้อ่านกัน
เป็นกำลังใจๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 01-11-2010 14:27:22
โอ้วว ซับเลือดๆ
บรรยายได้เห็นภาพสุดๆกร๊ากก
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: fakelove ที่ 06-11-2010 00:07:56
รักมิคโคตรๆ

คนแบบนี้จะมีอีกไหม
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: วิหคท่องนภา ที่ 08-11-2010 01:04:32
 :m25: โอ้ยยยย   ชอบสุดๆ  กะไว้แล้วตั้งแต่โดนหิ้วพาดบ่าตอนเมา 5555

>____<แต่งเก่งจริงๆเลย  สำนวนแบบว่า ต้องอ่านเร็วๆอ่ะ มันส์มาก !!

ติดตามต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...
เริ่มหัวข้อโดย: padang ที่ 21-11-2010 16:22:09
เรียกร้องให้รวมเล่ม
ขี้เกียจอ่านทีละหน้า
เพราะว่าเจ็บตาค่ะ
รวมหน่อยน้า
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..กรี๊ดดดด 18ทีติด คุณหมีอัพตอนพิเศษคร๊าพี่น้อง
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 25-11-2010 08:52:50
อยากที่หัวกระทู้บอกเรยค่ะ :m15: คุณหมี คุณหมีเค้า

รักจัง....(by คุณ meae)..กรี๊ดดดด 18ทีติด คุณหมีอัพตอนพิเศษคร๊าพี่น้อง

เป็นตอนพิเศษวันลอยกระทงค่ะ ยังไง คนโพสขอไปอ่านก่อนนะค่ะ

ส่วนที่เล้านี่ o18 ขอดูฟีดแบ็ก FC กิมมิค & คุณหมีก่อนนะคะ

ถ้ากระแสตอบรับดีนี่ก็จะมาโพสคืนนี้และคร๊า  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..กรี๊ดดดด 18ทีติด คุณหมีอัพตอนพิเศษคร๊าพี่น้อง
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 25-11-2010 08:55:53
โพสสสสสสสสสเลยค่ะ นั่งเฝ้ารอเลยเนี่ย
มิคกิม มิคกิม มิคกิม มิคกิม มิคกิม


รอ รอ รอ รอ รอ รอ รอ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..กรี๊ดดดด 18ทีติด คุณหมีอัพตอนพิเศษคร๊าพี่น้อง
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 25-11-2010 08:56:58
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
จริงนะคะ มาจริงๆนะ

คุณหมีขราาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
พลีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส

รอ ร้อ รอ ด้วยใจจดจ่อรุนแรง :m13:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..กรี๊ดดดด 18ทีติด คุณหมีอัพตอนพิเศษคร๊าพี่น้อง
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 25-11-2010 09:00:24
โอม..จงมาๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..กรี๊ดดดด 18ทีติด คุณหมีอัพตอนพิเศษคร๊าพี่น้อง
เริ่มหัวข้อโดย: pay-it-forward ที่ 25-11-2010 09:37:14
โพสเลยๆ รอตอนพิเศษด้วยคน
 :call:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..กรี๊ดดดด 18ทีติด คุณหมีอัพตอนพิเศษคร๊าพี่น้อง
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 25-11-2010 09:54:07
เข้ามารอ ตอนพิเศษเหมือนกันค่ะ

 :call:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..กรี๊ดดดด 18ทีติด คุณหมีอัพตอนพิเศษคร๊าพี่น้อง
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 25-11-2010 11:17:54
เข้ามารอค่า
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..กรี๊ดดดด 18ทีติด คุณหมีอัพตอนพิเศษคร๊าพี่น้อง
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 25-11-2010 11:31:39

เข้ามารอด้วยคน
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..กรี๊ดดดด 18ทีติด คุณหมีอัพตอนพิเศษคร๊าพี่น้อง
เริ่มหัวข้อโดย: polartotty ที่ 25-11-2010 11:53:05
มารอตอนพิเศษด้วยค้าาาาาาาาาาาาาาาา
มาโพสเถอะนะๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..กรี๊ดดดด 18ทีติด คุณหมีอัพตอนพิเศษคร๊าพี่น้อง
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 25-11-2010 13:02:06
ปูเสื่อรอ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..กรี๊ดดดด 18ทีติด คุณหมีอัพตอนพิเศษคร๊าพี่น้อง
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 25-11-2010 14:16:44
มายกมือรอด้วยคนจ้าา
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..กรี๊ดดดด 18ทีติด คุณหมีอัพตอนพิเศษคร๊าพี่น้อง
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 25-11-2010 15:30:56
มารอตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..กรี๊ดดดด 18ทีติด คุณหมีอัพตอนพิเศษคร๊าพี่น้อง
เริ่มหัวข้อโดย: pantanakan ที่ 25-11-2010 18:20:34
เข้ามานั่งรอค่ะ  ตื่นเต้น  ตื่นเต้น  อ่านไปแล้วสองรอบนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..กรี๊ดดดด 18ทีติด คุณหมีอัพตอนพิเศษคร๊าพี่น้อง
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 25-11-2010 19:24:19
มาปูเสื่อนอนรอตอนพิเศษด้วยคนค่ะ
ตื่นเต้นเหมือนกัน ดีใจจัง ดีใจจัง ...
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..กรี๊ดดดด 18ทีติด คุณหมีอัพตอนพิเศษคร๊าพี่น้อง
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 25-11-2010 19:53:27
อ่า...คนโพสใจร้าย
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
รอตอนพิเศษ ลอยกระทงอยู่น๊า
นั่งรอ นอนรอ ยืนรอ  :call:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..กรี๊ดดดด 18ทีติด คุณหมีอัพตอนพิเศษคร๊าพี่น้อง
เริ่มหัวข้อโดย: Wr@iTh ที่ 25-11-2010 21:05:07
รอๆๆๆๆๆๆๆ   :impress2:
โชคดีจังที่เข้ามาดู
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..กรี๊ดดดด 18ทีติด คุณหมีอัพตอนพิเศษคร๊าพี่น้อง
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 25-11-2010 22:01:26
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย
ตอนพิเศษษษษษษษษษษษษษษ
เค้ารออยู่น้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 25-11-2010 22:07:52
ไล๊เหลี่ยวไล้เหลี่ยววววววววว  มาแล้วจ๊า

รักจัง ลอยกระทง


ช้าไปสองวัน แต่ยังไงก็สุขสันต์วันลอยกระทงนะคะ


ตอนพิเศษ ลอยกระทง



“ปุจฉา กูมียีราฟหนึ่งตัวกับตู้เย็นหนึ่งหลัง กูอยากเอายีราฟตัวนี้เข้าไปอยู่ในตู้เย็น ถามว่าต้องทำยังไง” คำถามบั่นทอนปัญญาจากไอ้อ่อนดังขึ้นกลางวงข้าวกลางวัน เหมือนเคย

“อ้าว ยีราฟของมึง ตู้เย็นก็ของมึง แล้วทำไมพวกกูต้องเป็นคนตอบ” ไอ้โยมทะลุกลางป้องพลางจิ้มลูกชิ้นปิ้งจากถุงกลางโต๊ะใส่ปาก

“ใช่ เกิดช่วยตอบไป มึงได้ไอเดียดี นำยีราฟส่งออกนอกกลายเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของประเทศ ปีนึงทำเงินได้หลายร้อยล้าน ปล่อยพวกกูเป็นบัณทิตตกยากส์ ทำงานเงินเดือนเท่าขี้แกล… โอ้ย”

“สาด ไอ้พวกคิดการไกล คิดไม่ออกก็บอกมาเหอะ” ไอ้อ่อนว่าหลังเบิ้ดกระโหลกไอ้โอ้ไปเต็มมือ

“ฆ่าหั่นศพยีราฟก่อนเลย ตัวใหญ่ๆยาวๆอย่างนั้นต้องหั่นสักห้าส่วนครึ่ง เริ่มจากคอตามด้วยขา” ไอ้บีตอบมาหน้าตายก่อนสูดน้ำกระเจี๊ยบให้หยดย้อยประกอบคำตอบ

“โหดไปแหละไอ้บี ยีราฟนะไม่ใช่ไก่ตอน มึงเห็นตามันปิ้งๆยังงั้นมึงชำแหละมันลงหรือไง… นี่เลย เอาตู้เย็นสัปรังเคไปขายแล้วซื้อตู้แช่ขนาดใหญ่พิเศษ บ้านกูมี ตัดสินใจตอนนี้ลดยี่สิบสองเปอร์เซ็นต์เลยไอ้อ่อน” ไอ้เดย์เริ่มประพฤติตัวเป็นนายหน้า

“เฮ้ย หรือไม่มึงก็ไปขอยืมไฟฉายย่อส่วนจากโดเรม่อนพี่ชายโดเรมี”

แต่ละคนที่นั่งล้อมวงกันอยู่ร่วมสิบชีวิตตะโกนตอบกันไปคนละทางสองทาง ฟังแต่ละคำตอบแล้วไม่น่าเชื่อว่าอีกไม่เกินปี ไอ้พวกนี้จะออกไปใช้ความรู้พัฒนาประเทศ

“โอเคเพื่อน พวกมึงทำให้กูรู้แล้วว่าสอบคราวต่อไปไม่ควรลอกใคร ไหนไอ้กิม อย่ามัวแต่เหม่อคิดถึงแฟน ช่วยตอบคำถามให้กูอย่างชาญฉลาดหน่อยเหอะ”

“ปัญหามึงยากส์โคตร ไม่น่าแปลกใจทำไมไม่มีใครตอบได้” ผมว่าพลางคว้าชามะนาวขึ้นจิบลดอาการฝืดคอ “โง่ๆอย่างกูเนี่ย คงทำอะไรไม่ได้นอกจากเปิดตู้เย็นแล้วจูงยีราฟเข้าไป”

“ถูก! ถูกต้องนะคร้าบ ค่อยยังชั่วเว้ยเฮ้ย เพื่อนกูยังหาที่สมองปกติได้อยู่” ไอ้อ่อนตบโต๊ะดังป๊าบ แล้วยิงคำถามต่อทันที

“แล้วช้างล่ะ ถ้ากูยังมีช้างอีกตัว อยากเอาช้างเข้าตู้เย็นต้องทำไง?”

“มึงปิดตู้เย็นไปยังล่ะ ถ้ายังไม่ปิดก็จูงช้างเข้าไปซิวะ” ไอ้โยมชักเห็นมัน อยากมีส่วนร่วมขึ้นมาทันควัน

“ผิดล่ะมึง ถ้าเล่นงี้มึงต้องไล่ยีราฟออกมาก่อน ใช่เปล่าไอ้อ่อน” ไอ้จั๋วเริ่มจับจุดได้

“ถูก งั้นเอาไปอีกข้อ” ไอ้อ่อนทำท่าคิดเหมือนจะตั้งโจทย์ฟิสิกส์ “ป่าแห่งหนึ่งมีสิงโตเป็นเจ้าป่าน่าเกรงขาม เจ้าป่าเรียกประชุมสัตว์ทุกตัวในพื้นที่ แต่มันจะมีสัตว์ประเภทหนึ่งที่ไม่ได้เข้าร่วม ขอถามว่าสัตว์ที่ว่าคืออะไร”

“กูว่าหมูป่าชัวร์ แม่ง มัวแต่ไล่ขวิดคน” ไอ้โอ้ตอบมาให้ได้นึกภาพตาม

“กูเดาว่าไม่พ้นสิงโตเจ้าป่า มันลืมไง เรียกประชุมแล้วลืมเอง ป๊าด”

“เดี๋ยวๆ อย่าพึ่งเฉลย ให้เวลากูคิดอีกสองวิ” ไอ้เดย์ถ่วงเวลา “… อะนั่นๆแน่ ช้างใช่เปล่าไอ้อ่อน มึงขังช้างไว้ในตู้เย็นมันเลยไปประชุมไม่ได้”

“เออ เก่งมาก! งั้นเจอคำถามเด็ดกู มึงยืนอยู่ริมแม่น้ำที่มีไอ้เข้ไอ้โขลงคลุมพื้นที่ตลอดสาย มึงจะข้ามฟากไปอีกฝั่ง ต้องทำไง บอกก่อนนะเว้ย งานนี้ไม่มีสะพานไม่มีเรือ ไม่มีชุบชีวิต ความสามารถล้วนๆ”

“ไม่ต้องรอให้ถึงมือไอ้กิม งานนี้กูตอบให้เอง มึงก็เตะขาเหยียบปากไอ้เข้ ใช้วิชาตัวเบาลอยละล่องท่องไปให้ถึงอีกฝั่ง จริงเปล่าวะ” ประโยคสุดท้ายไอ้จั๋วหันมาทางผมแทนที่จะเป็นไอ้อ่อน ดูจากสีหน้าแล้วเพื่อนยังเคืองคำแนะนำในเวลาคับขันของไอ้กิมอยู่ไม่น้อย

“ห่านจั๋ว ตอนนั้นกูตกใจคิดอะไรไม่ออก เห็นหน้าซีดเป็นตูดไก่ของมึงกูก็อยากช่วย” ผมเบ้ปาก “แล้วแค่จะข้ามคลองทำไมต้องใช้กำลังภายใน มึงก็ว่ายน้ำข้ามเอาซิวะ ไอ้เข้ไอ้โขลงมันไปประชุมป่าอยู่นู่น”

“ป๊าด กูว่าแล้วมันต้องมาไม้นี้” ไอ้โอ้ตบเข่าฉาด หน้าตาขัดใจที่โดนตอบตัดหน้า

“เฮ้ย!? วันนี้พวกมึงไปแอบโด๊ปอมิโนเป็บไทด์ที่ไหนมา ทำไมฉลาดกันได้โล่ห์” ไอ้อ่อนมีสีหน้ามึนงง ถึงขั้นคีบผิดคีบถูกจากลูกชิ้นหมูในชามตัวข้ามไปเจอลูกชิ้นกุ้งในชามไอ้บี

“แล้วนี่ไอ้มิคไปไหนใครช่วยบอก ปล่อยสาวมานั่งแอบมองกูอยู่ได้ ไอ้กิม?” ไอ้โยมเหล่ข้ามโต๊ะมาทางผมที่นั่งหัวโด่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“อ้าวเฮ้ย เงียบอย่างนี้ ทะเลาะกันอีกแล้วดิ” ไอ้โยมตั้งข้อสันนิษฐาน “อะไรของพวกมึงวะ ยังไม่ทันได้แจกของชำร่วยก็มีปากมีเสียงกันซะแล้ว งานนี้มึงงี่เง่าอะไรอีก”

ผมคว้าชามะนาวขึ้นดูด ขบฟันบี้เม็ดมะนาวที่สูดติดมากับหลอดให้เละคาปาก แล้วยื่นมือไปตบกระโหลกคนถามดังป๊าบก่อนคว้าหัวไอ้โยมข้ามโต๊ะมาล็อคเข้ารักแร้แบบไม่ให้มันตั้งตัว ไอ้โยมที่ต้องทะลึ่งขึ้นยืนพยายามหาทางหนีโดยการทำตัวพลิ้วไปซ่อนหลังไอ้จั๋ว แต่โดนไอ้อ่อนสะกัดดางรุ่งดึงศูนย์หน้าฉีกไปอีกทาง

“โอ้ยย! ไอ้มิคช่วยกูด้วย” ไอ้โยมยังมีการหลอกล่อ ตะโกนชื่อบุคคลที่สามขึ้นหลอกจนผมชะงัก เปิดจังหวะให้คนใต้รักแร้ดึงหัวหลุดไปยืนหัวเราะหน้าดำหน้าแดงก่อนหันไปเล่นงานไอ้อ่อนคู่กรณีใหม่

ผมทิ้งก้นนั่งแบบหมดอารมณ์จะสานต่อแล้วคว้าชามะนาวที่เหลือแต่น้ำแข็งขึ้นสูดเต็มโฮก ก่อนเหลือบไปเห็นอะไรวิ้งๆแว็บๆเคลื่อนที่ตรงมา ไม่ต้องหันคอมองให้เต็มตาก็รู้ บุคคลที่สามของไอ้โยมนั่นเอง

บุคคลที่สามเดินหล่อเข้ามาถึงโต๊ะแล้วพยักหน้าตอบรับคำทักทายจากเพื่อนฝูงด้วยหน้านิ่งสนิท ก่อนทิ้งมือหนักๆลงบนไหล่ผมที่คว้าข้าวเหนียวหน้ากุ้งไอ้เดย์มากินกลบเกลื่อนอารมณ์ ผมเคี้ยวข้าวเหนียวในปากแบบแทบจะไล่บี้ทีละเม็ด ยืดเวลาไม่เงยหน้ามองเจ้าของมือหรือแม้แต่จะเปิดปากทักทาย คนข้างหลังผมที่แม้ว่าจะยังวางมืออยู่บนไหล่ แต่ไอ้มิคก็แค่ยืนเฉย ไม่มีการก้มมาเอ่ยทักแบบสนิทชิดเชื้อเหมือนที่ทำอยู่ทุกคราว

อาการเงียบและท่าทางที่ผิดแผกระหว่างผมกับอีกคนเหมือนจะทำให้เพื่อนร่วมวงที่กำลังเฮฮากับปัญหาเชาว์ไอ้อ่อนหยุดชะงัก ไอ้โอ้ไอ้โยมที่กำลังจะเอ่ยแซวตามนิสัยถึงกับหุบปากฮุบลมแล้วมองกันไปมา ไอ้เดย์ที่นั่งอยู่ชิดติดผมถึงกับเขยิบก้นเบียดไอ้จั๋วแทบตกเก้าอี้ ขยับที่เปิดทางให้ไอ้มิคได้ทิ้งก้นมาข้างไอ้กิม

ไอ้มิคที่ก้าวข้ามเก้าอี้ลงนั่งชักมือตัวเองกลับไปไว้กับเนื้อกับตัวแล้วล้วงมือถือขึ้นกดรับโดยไม่ได้เหลือบแลมาทางผมที่นั่งอยู่ชิดติดกันแม้แต่น้อย เสียงทุ้มๆกรอกซาวว์แทร็กตอบรับคู่สนทนาไม่กี่ประโยคด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนกดวางสาย ไอ้มิคหยุดนิ่งไปหนึ่งจังหวะหายใจก่อนหันมาทางผม หน้าหล่อเหลาคุ้นตาเปิดยิ้มบาง แต่กลับเป็นยิ้มที่ทำให้ช้อนในมือผมชะงัก ทำให้อะไรบางอย่างในใจมันวูบโหวง ยิ้มที่ไม่ต้องพยายามมองก็รู้ว่าฝืนใจ

“เย็นนี้คงไปรับช้าหน่อย” คนที่ยังมียิ้มจางติดริมฝีปากบอก ก่อนหันไปทางไอ้โอ้ไอ้อ่อนที่เริ่มเปิดวงตั้งคำถามกันอีกรอบ

“ยุ่งเหรอวะ” ผมถามและได้คำตอบเป็นการพยักหน้า ไอ้มิคตอบรับโดยไม่ได้หันมาก่อนล้วงมือถือขึ้นกดรับอีกครั้ง วันนี้ของทุกปีไอ้มิคจะถูกตามตัวกลับบ้านไปทำหน้าที่กิตติมศักดิ์ต่างๆนาๆในฐานะลูกชายคุณหญิงแม่ ไปออกงานการกุศลนู้นนี้ กว่าจะโผล่หน้ามาร่วมวงเหล้าฉลองวันลอยกระทงกับเพื่อนกับฝูงได้ก็ล่วงเลยวันใหม่ไปแล้วประจำ

“... คืนนี้กูไปกับพวกไอ้อ่อน นัดกันไว้แล้วที่หอกู มึงไม่ต้องมารับหรอก” ผมบอกเมื่ออีกฝ่ายกดวางสาย “คนเยอะ รถติด ขับวนไปวนมา เสียเวลามึงเปล่าๆ อยู่ลอยกระทงกับที่บ้านไปเหอะ”

“....................”

“ทางนี้ยังไงก็ลอยกระทงหมู่อยู่แล้ว เดี๋ยวกูอธิฐานเผื่อ... ไว้พรุ่งนี้เจอกันคาบเช้าเลยแล้วกัน” ผมว่าไปอย่างนั้น ยิ้มอย่างเคย ตบไหล่อีกฝ่ายแล้วลุกออกจากโต๊ะมาโดยไม่รอฟังคำตอบ ที่จริงถึงผมไม่รีบลุกรีบเดินออกมาอย่างนี้ผลก็คงไม่ต่างกัน เพราะไอ้มิคก็คงไม่มีคำตอบ คงนิ่งเฉย เหมือนกับที่อีกฝ่ายไม่ได้ก้าวตามผมมาเหมือนทุกที

เรื่องระหว่างผมกับไอ้มิคมันกลายมาเป็นแบบนี้ตอนไหน ระหว่างทางที่ก่อร่างสร้างสัมพันธ์ เปลี่ยนความสนิทจากคำว่ามิตรภาพระหว่างเพื่อนเป็นความผูกพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างคนสองคน ผมว่าทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดีไม่มีอะไรผิดไม่มีอะไรเพี้ยน แล้วเมื่อไหร่กันที่รอยยิ้มของไอ้มิคไปไม่ถึงตา เมื่อไหร่กันที่ใจผมมันวูบโหวงเวลาเห็นอีกฝ่าย รอยยิ้มคุ้นตาแต่ไม่คุ้นใจ ความหวิวโหวงที่เข้ามาแทนที่ความยินดี

จะว่าไปจุดเริ่มคงเป็นเพราะอาการหยุดชะงัก หยุดชะงัก ตาสว่าง และคิดได้ของคนที่เคยบอกกับผมว่าความรักนี้จะไม่มีวันเปลี่ยน ใจไอ้กิมที่ได้ไปจะไม่โดนเปลี่ยนไม่โดนคืน มาวันนี้เจ้าของคำสัญญากลับตาสว่างว่าสิ่งที่ได้ไปก็แค่ความรู้สึกของคนๆหนึ่ง ไม่ได้มีค่ามากมายเหมือนที่คิด เหมือนที่เคยอยากได้

สิ่งที่ทำให้ไอ้มิคตาสว่างคงเป็นเพราะคำปฏิเสธการโอนสัมโนครัวเข้าไปอยู่ร่วมคอนโดไฮโซครั้งแล้วครั้งเล่าของผม ในครั้งแรกๆของการบอกปัดคำชวน ไอ้มิคยังคนตื้อ ตื้อยกเรื่องเดิมมาเป็นประเด็นทุกครั้งหลังอาหาร แต่หลังจากผมปฏิเสธอย่างจริงจังในครั้งสุดท้าย บอกไปว่าหากยังยกเรื่องเดิมเรื่องเดียวเรื่องนี้มาพูดอีกครั้ง ไอ้กิมจะโกรธจริงไม่โกรธเล่น จะยึดกุญแจดอกเดียวดอกเดี่ยวของหอคืน โทษฐานทำตัวพูดไม่รู้เรื่อง หลังจากโดนไม้นี้ไอ้มิคก็เงียบไป ไม่มีการยกเรื่องแพ็คเสื้อผ้าลงกล่องลงลังย้ายที่อยู่กันอีก ไอ้มิคเงียบแล้วใช้การปล่อยรังศีออกมากดดันกันแทน ผมที่เจออีกฝ่ายเล่นไม้นี้เลยงัดไม้นิ่มไม้นวมเข้าสู้ เอาอกเอาใจ ง้อไว้ก่อนทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้แสดงออกว่างอนหรือไม่พอใจอะไรอย่างโจ่งแจ้ง

ที่จริงแล้วไอ้มิคไม่ได้แสดงอาการปั้นปึ้งบึ้งตึงกับเรื่องนี้เรื่องนั้นหรือเรื่องไหนแม้แต่น้อย ไอ้มิคยังคงทำตัวเหมือนเคย เทคแคร์ดูแลไอ้กิมไม่ขาดตกบกพร่อง มีเพียงบางครั้ง บางครั้งที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ว่าผมเห็น บางครั้งที่ดวงตาสีอ่อนจ้องมาด้วยแววที่เปลี่ยนไป บางครั้งที่รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลามันฝืดเฝื่อน บางครั้งที่กลายเป็นบ่อยครั้ง บ่อยครั้งที่ทับทมพอกพูนจนผมเองต้องเป็นฝ่ายเสหน้าหลบสายตา

สำหรับผม สิ่งที่เห็นอยู่เต็มสองตาตีความได้ไม่ยาก ไอ้มิคที่ไม่เคยเอ่ยปากขออะไรกับใคร เพราะผู้คนรอบข้างพร้อมจะนำเสนอ จะเอาใจ ไอ้มิคที่ไม่เคยได้รับคำปฏิเสธ สิ่งที่ผมแสดงออก คำปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าของผมคงทำให้อีกฝ่ายเซ็ง เซ็งจนหยุดชะงัก หยุดคิด สุดท้ายก็ได้สติ ว่าทำไมเล่า ทำไมคนอย่างไอ้มิคถึงต้องมาคอยรับคำปฏิเสธของไอ้กิม ทำไมคนที่เป็นที่ต้องการของใครต่อใครอีกเป็นร้อยเป็นพันต้องมารู้สึกว่าไม่เป็นที่ต้องการสำหรับคนอย่างผม


__________________________________
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 25-11-2010 22:10:46
“คืนนี้มึงไปกับพวกไอ้อ่อนไอ้เดย์ใช่เปล่า กูไปด้วย เดี๋ยวได้ฤกษ์เดินขบวนแล้วมาเคาะห้องกูด้วยนะ” ไอ้อ่ำส่งเสียงมาตามสาย นาฬิกาบอกเวลาห้าโมงตรง

“เป็นอะไรมากเปล่าไอ้อ่ำ ห้องอยู่ติดกันเดินมาบอกกูก็ได้นะ แล้วไหนว่าปีนี้จะขอทำบุญร่วมกระทงกับน้องติดตี่ ไม่ให้พวกกูไปเสนอหน้าไง” ผมถามพลางกดรีโมท์เปิดโทรทัศน์

“ก็น้องติดตี่เสือกเปลี่ยนไป เปลี่ยนใจไม่อยากไปรำวงร่วมกับคนหน้าตาดีซะงั้น” ไอ้อ่ำว่า ฟังจากสำเนียงไม่ค่อยชัดถ้อยชัดคำของมันแล้วเดาได้ว่าเพื่อนคงกำลังพอกหน้าเตรียมออกงาน

“อ้าวเฮ้ย ไหนมึงว่าคนนี้ของแท้ไม่มีเทียม คบกันมาม่าไม่ทันนิ่มซะงั้น”

“โอ้ย ใครมันจะไปเกิดมามีชีวิตเพื่อกันและกันเหมือนคนข้างห้องกู” ไอ้อ่ำแขวะมาให้ได้เจ็บจีดส์ในใจ “ของกูเนี่ย มันเรียกว่าทุกข์ของคนหล่อ น้องติดตี่มองหน้ากูอยู่ดีๆ แม่งก็บอก พี่อ่ำเราเลิกกันเถอะ ติดตี่รู้สึกว่าอยู่กับพี่แล้วหมอง ไม่มีสง่าราศี”

แล้วไอ้อ่ำก็ร่ายความทุกข์ใจของคนหล่อต่อไปอีกเกือบยี่สิบนาที ผมฟังหูซ้ายทะลุหูขวาพลางกดรีโมทเปลี่ยนช่องไปแก็กๆ ตาจ้องภาพในจอ หูฟังเสียงไอ้อ่ำ แต่สิ่งที่หลุดเข้าสมองกลับมีเพียงหน้าใครอีกคนที่ไอ้อ่ำดันพาดพิงถึง คำไอ้อ่ำอาจถูกแต่ถูกเพียงครึ่ง มาถึงตอนนี้ไอ้กิมคงต้องยอมรับว่าชีวิตนี้ที่เกิดมาแม้ไม่ถือว่าเกิดมาเพื่อใครแต่ก็ยกทั้งใจให้คนๆหนึ่งไปแล้วแบบหมดหน้าตัก หมดตัว

เสียงมือถือดึงผมออกจากความมืดมนส่วนตัวที่ช่วงนี้มักเกิดเป็นพักๆ ไอ้อ่อนโทรมาส่งสัญญาณว่าอีกสิบนาทีจะโฉบมาถึงพร้อมไอ้จั๋ว ผมคว้ากระเป๋าตังค์ ปิดโทรทัศน์ ยกมือลูบหน้าให้พอแจ่มใสแล้วเดินออกจากห้องไปเคาะห้องไอ้อ่ำ ระหว่างยืนรอเพื่อนมาเปิดประตู มือถือก็ส่งเสียงให้ต้องยกขึ้นรับอีกครั้ง

“พวกกูรออยู่ข้างล่าง ไอ้อ่ำไปด้วย รถมึงซ้อนสามได้เปล่าวะ” ผมกรอกเสียงทันทีที่กดรับพอดีกับที่ไอ้อ่ำเปิดประตูออกมาประหนึ่งจะไปเดินแบบ หน้านี่เด้งยิ่งกว่าตัวแทนนางนพมาศ

“ไอ้อ่อน มึงกลับไปเปลี่ยนรถเก๋งมาทันเปล่าวะ ให้ซ้อนมอเตอร์ไซด์เดี๋ยวผมไอ้อ่ำจะปลิวเสียทรงก่อนขึ้นเวทีประกวด” ผมว่าพลางสอดส่ายสายตาหามอเตอร์ไซด์เพื่อน

“... ให้พวกมันไปกันก่อน กิมรอได้ไหม” เสียงของคนที่อยู่ในความคิดผมตลอดเวลาแว่วมาจากปลายสายแทนที่จะเป็นเสียงไอ้อ่อนไอ้จั๋ว “ไม่เกินครึ่งชั่วโมงครับ”

“..................”

“กิม”

“... แล้วงานแม่มึงล่ะ” ผมถามพลางส่งสัญญาณให้ไอ้อ่ำไปกับไอ้อ่อนที่มาถึง แล้วเดินกลับเข้าห้อง “อย่าบอกนะว่าหนีมา”

“ไม่ได้หนี ปีนี้มีตัวแทน” เสียงทุ้มตอบมามีแววขำ “บอกแม่ว่ามีคนรอลอยกระทงอยู่”

“..................” คำพูดอย่างเคยๆพาเอาบรรยากาศเก่าๆลอยมากับสายลม บรรยากาศที่เหมือนว่าไอ้มิคจะสามารถส่งยิ้มให้ผมได้จากปากถึงตา ช่วงเวลาที่เหมือนว่าใจของคนพูดยังอยู่กับผมทั้งใจ

“... ใช่ไหม” เสียงไอ้มิคเปลี่ยนเป็นจริงจังดึงผมให้หลุดจากภวังค์

“... ใช่อะไรวะ?”

“ยังมีคนคอยอยู่...” เสียงคนพูดไม่ได้แผ่วแต่กลับมีแววลังเล ไม่แน่ใจ “กิม ยังรออยู่ใช่รึเปล่า”

“...................”

“...................”

“... ทำไมวะ... มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเราวะไอ้มิค” ผมโพล่งออกไปในที่สุด โพล่งสิ่งที่คิดแต่ไม่เคยนึกถาม ไม่มีวันจะถาม ไม่มีวันพูดออกไปให้มันมีโอกาสเป็นจริง

“ทำไมมึงถึงไม่แน่ใจว่ากูจะรอ... ทั้งที่กูไม่เคยไปไหน... แล้วทำไมกูเอง ทำไมวะ กูเองก็กลับไม่แน่ใจเลยว่ามึงอยากให้รอเหมือนที่พูดออกมา”

“..................”

“... ความไม่แน่ใจเฮงซวยพวกนี้มันมาจากไหนวะไอ้มิค” ผมถามออกไปเสียงแผ่ว รู้สึกจุกในอกจนแทบพูดไม่ออก

คู่สนทนาผมไม่ตอบ เสียงจากโทรศัพท์มีเพียงความเงียบก่อนปลายสายถูกกดตัด แล้วร่างกายสูงใหญ่กับใบหน้าหล่อเหลาที่ผมคงไม่มีทางมองผิดกับใครในชีวิตนี้ก็ก้าวผ่านประตูเข้ามาให้เห็น ไอ้มิคยังอยู่ในกางเกงสแล็คกับเชิ๊ตสีอ่อน ผมที่เริ่มยาวกว่าการสกินเฮ็ดถูกหวีถูกแต่งอย่างเนี้ยบ แม้แต่รองเท้ายังเป็นหนังไม่มีแม้รอยตำหนิ เครื่องแต่งกายที่แสดงให้รู้ว่าเจ้าตัวคงกระโดดขึ้นรถทันทีที่ออกจากงาน รีบเร่งรีบมาเพราะอยากมาเห็นหน้าให้ชื่นใจ แต่ทำไมใบหน้าที่ผมเงยขึ้นเจอกลับหม่นหมอง ดูยังไงก็ไม่ใช่สีหน้าของคนที่ดีใจในการมาอยู่ตรงนี้

“ถ้าไม่ใช่เพราะความคิดเปลี่ยนไป ความไม่แน่ใจก็คงไม่มี”

ไอ้มิคที่ก้าวมาหยุดอยู่ห่างไปเพียงเอื้อมมือ ไม่ได้ตอบเพียงคำพูด สายตาที่จ้องตรงมาย้ำประโยคให้เท้าผมที่กำลังจะก้าวเข้าหาอีกฝ่ายหยุดชะงักอยู่กับที่

“... นี่คือคำตอบของมึงหรือ” ผมกลั้นใจถามออกไปเต็มเสียง “ความคิดมึงเปลี่ยนไปแล้ว...”

สีหน้าไอ้มิคเปลี่ยนจากเคร่งขรึมจริงจังเป็นเกือบจะเหยเกกับคำถามของผม และโดยไม่มีคำพูดฝ่ามือที่อุ่นจนร้อนก็ยื่นมาคว้าคอให้เข้าไปหา ฝ่ามือที่บังคับให้ผมต้องมองเข้าไปในดวงตาสีอ่อน ที่โขกหน้าผากเข้ามาชิดติดกัน

“ใครกันแน่ที่ไม่เหมือนเดิม” เสียงไอ้มิคสั่น สายตาที่จ้องเขม็งตรงมาไม่ยอมกระพริบหลบแม้จะวูบไหว “ใครกันแน่ที่เปลี่ยนใจ ที่อยากจะไปจากตรงนี้!”

“คนที่เริ่มไม่ว่าง ที่ไม่อยากให้อยู่กินข้าวด้วย... คนที่ดันหลังกูออกจากห้อง ที่หันหนีไปทางอื่นมันมึงไม่ใช่หรือไงกิม”

“...............” สิ่งที่ได้ยินกับขอบตาแดงก่ำของไอ้มิคทำให้ผมน้ำตาตก ปากที่ควรจะเปิดตอบโต้กลับแห้งผาก

“ที่กิมคิดว่ากูเปลี่ยนใจ มันเพราะใจมึงต่างหากที่อยากให้เป็นอย่างนั้น”

ความหมายของหนึ่งประโยคกับมือบนคอ มือที่ยังคว้าต้นคอผมไว้มั่น กับสองตาที่แม้ว่าจะถูกกลบด้วยม่านน้ำแต่ก็ยังจ้องตรงมาไม่หวั่นไหว ทำให้ผมรู้ว่าเจ้าของมือจะไม่มีวันปล่อยไม่ว่าคนใดคนหนึ่งระหว่างเราจะเป็นคนที่เปลี่ยนไป

ผมยกมือลูบหน้า ขยี้ตาให้ความขุ่นมัวจางหายแล้วคว้าคอไอ้มิคที่แนบหน้าผากอยู่ห่างเพียงลมหายใจเข้ามาประกบปาก ลดช่องว่างทั้งหลายแหล่ กำจัดความไม่แน่ใจทั้งหมดทั้งมวลด้วยริมฝีปากที่แนบลงไปไม่นุ่มนวล กดย้ำไว้อย่างนั้นจนความรู้สึกจุกแน่นในอกค่อยบางเบา ไอ้มิคที่โดนผมดึงปากมากระแทกเกร็งตัวเหมือนไม่แน่ใจก่อนคลายความเกร็งแล้วแนบหน้ามาแบ่งปันลมหายใจ

“กูไม่เคยเปลี่ยนใจ ไม่เคยคิดให้มึงเปลี่ยนใจ” ผมเค้นเสียงที่ติดจะแหบ พูดสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในใจออกไปแบบหมดเปลือก

“ที่กูหันไปทางอื่น เพราะไม่อยากเห็นยิ้มที่ไม่ได้มาจากใจ... ตอบกูมาคำเดียวไอ้มิค อะไรทำให้มึงต้องฝืนยิ้ม เป็นเพราะมึงต้องฝืนอยู่กับกูหรือเปล่า”

ไอ้มิคที่ยังชนหน้าผากอยู่กับผมปล่อยมือจากต้นคอแล้ววาดสองแขนขึ้นมาพาดไหล่ ร่างกายสูงใหญ่ขยับก้าวเข้ามาจนไม่เหลือระยะห่าง

“ถ้าจะมีเรื่องต้องฝืนก็คือการไม่ได้อยู่ใกล้ๆ ไม่ได้กอดไว้อย่างนี้” เสียงเข้มไม่มีแววล้อเล่นหรือโกหก
“ยิ้มที่กิมเห็นว่าไม่จริงใจกูไม่เคยทำ และจะไม่มีวันทำ”

“จะไม่มีวันไหนที่ไอ้มิคคนนี้จะฝืนยิ้ม จะเปลี่ยนใจ เปลี่ยนความคิด เพราะมันรักไอ้กิมยิ่งกว่าหัวใจของมันเสียอีก”

“.................”

“So, please say you love me too.”

น้ำเสียงยืนยันหนักแน่นที่แผ่วปลายในประโยคหลังทำให้ความรู้สึกมากมายหลายหลากมันปรี่ขึ้นมาอยู่ในตา จนต้องยกสองมือขึ้นกระชับใบหน้าหล่อเหลา เบียดอกสามศอกเข้าไปประชิดติดกับอีกฝ่ายจนรับรู้จังหวะการเต้นของหัวใจอีกดวง แล้วบอกออกไปไม่กระซิบ

“ไอ้กิมคนนี้ก็รักไอ้มิคยิ่งกว่าตัวมันเอง เหมือนกันว่ะ”


___________________________________



ส่งท้าย ลอยกระทง (ซักที)

“อยู่ไหนแล้วมึง พวกกูกำลังจะหย่อนกระทงลงคลองแล้วนะ ยังไม่โผล่หัวมาอีก” เสียงไอ้จั๋วรัวมาจากปลายสายทันทีที่ผมกดรับ ฉากหลังมีเสียงโหวกเหวกฟังไม่ได้ศัพท์ให้สมกับเป็นงานรื่นเริง

“ไอ้โยมฝากบอกว่าถ้ามึงมาไม่ทัน บุญส่วนของมึงมันเหมาแต่ค่ากระทงหารเท่าว่ะ”

“บอกไอ้โยมว่ากูอุทิศให้ ค่ากระทงหารเท่าไม่เป็นไร แต่ค่าเหล้าส่วนกูให้มันจ่าย” ผมว่าพลางทำเนียน ใช้จังหวะการเบียดเสียดของผู้คน เอนตามการดึงของเจ้าของแขนที่พาดอยู่บนไหล่ “กูอยู่บนรถไฟฟ้ากับไอ้มิค คงอีกพัก คนเยอะโคตร พวกมึงลอยกันไปก่อนเลย กูคงไปไม่ทัน”

“อ้าว ทำบุญไม่ครบชาติ ตักบาตรไม่ครบขัน ลอยกระทงไม่พร้อมกัน อย่างนี้ชาติหน้าเกิดมา มึงไม่เจอพวกกูจะทำไง” ไอ้จั๋วทำน้ำเสียงจริงจังถามลอดออกมา ก่อนต่อ “อ๋อ กะว่าปีนี้จะขอปลีกวิเวกไปทำโรแมนติกซ์ลอยกระทงกันสองต่อสองกับไอ้มิคใช่เปล่าวะ ไม่บอกกูก่อนจะได้ตามไปแห่นำขบวน”

น้ำเสียงไอ้จั๋วช่างน่าถีบ แต่ก่อนที่ผมจะได้ตอบอะไร เสียงจากปลายสายก็โหวกเหวกโวยวายก่อนวางไปไม่มีล่ำลา และรถไฟฟ้าก็เข้าท่า ปล่อยผู้คนที่อัดอยู่เต็มขบวนไหลออกจากสถานนีตอนอีกสิบนาทีสี่ทุ่ม ผมที่หลุดออกจากขบวนรถเดินปะปนกับฝูงชนตามแรงดันเอื่อยๆจากแขนบนบ่า ไอ้มิคที่เปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ยังคงหล่อเทพจนสาวพากันเหลียวหลัง แม้ว่าตาคมๆยังมีรอยแดงจากเหตุการณ์แสดงอารมณ์กับไอ้กิมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน

ผมเดินตามผู้คนโดยมีไอ้มิคพาดแขนอยู่บนไหล่ ท่ามกลางผู้คนเป็นสิบเป็นร้อย ใบหน้าหล่อเหลาหันมาชวนคุยเรื่อยเปื่อย แสดงความสนิทชิดใกล้เกินพอดีโดยไม่แคร์สายตาใคร เสียงหัวเราะทุ้มต่ำกับรอยยิ้มจางติดริมฝีปาก รอยยิ้มคุ้นตาที่ผมมองไม่เห็นอีกแล้วว่ามันฝืดเฝื่อน ไอ้มิคกลับมาเป็นไอ้มิคของไอ้กิมที่ไม่มีอะไรเปลี่ยน จนเหมือนว่าสาเหตุที่ทำให้เราทะเลาะกันไม่เคยมี

“ได้เห็นหน้ามึงก่อนเข้าวันใหม่คืนวันลอยกระทงนี่แปลกดี ทุกปีต้องตอนตั้งวงไปแล้ว” ผมบอกระหว่างมองกระทงขนมปังในมือกับอีกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ที่เดินกันมาถึงริมคลองท่ามกลางคนเป็นร้อย

“แถมมาไม่ได้กิน มาทำหน้าที่รับคนเมากลับบ้าน” ไอ้มิคต่อแล้วป้องมือจุดเทียน เสี้ยวหน้าที่เห็นจากแสงจันทร์มีมิติดูหล่อเหลาเกินบรรยาย

“เออ แต่ปีนี้คงไม่ได้เมา ปีนี้อยากแจ่มใส” ผมว่าพลางล้วงกระเป๋าหาเศษเหรียญ “เดี๋ยวลอยเสร็จ หาอะไรกินแล้วกลับเลยดีกว่า ถ้าไปเจอพวกไอ้อ่อนเดี๋ยวจะปลิ้นถึงเช้า”

ไอ้มิคไม่ได้ตอบอะไร เพียงเงยหน้าจากการจุดไฟขึ้นมาส่งสายตาสื่อความนัย สายตามันวิบๆวับๆจนผมไม่แน่ใจว่าหรือไอ้กิมจะไม่ควรมีสติแจ่มใสในคืนนี้ ไม่อยากเชื่อว่าแม้ขณะจะยกกระทงขึ้นจ่อหัวอธิฐานเพื่อนก็ยังคึกได้ ทั้งที่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนพึ่งนัวเนียปลอบขวัญกันไปหมาดๆ

“แปลกๆว่ะ ลอยกันแค่สองคน ทุกปีต้องกระทงหมู่ นับจำนวนคนแล้วเกือบหารบุญไม่พอ” ผมว่าเบี่ยงประเด็น แต่ไอ้มิคที่ยังไม่ยอมละสายตาไปกลับอาศัยความมืดท่ามกลางฝูงชนช้อนมือมาวางทาบใต้กระทง

“ปีนี้ ปีหน้า ปีถัดไป กิมก็จะถือกระทงโดยมีกูเป็นคนจุดเทียนอย่างนี้” คนไม่อายใครขยับย่นระยะเหมือนทั้งคลองทั้งทุ่งมีเพียงเราสอง เสียงเข้มที่เอ่ยออกมาฟังจริงใจไม่จริงโจ้จนไม่กล้าเหลือกลูกตาหลบ

“จะไม่มีอีกแล้วที่กูจะยอมถูกเดินหนีโดยไม่ตาม ไม่มีอีกแล้วที่เราจะทะเลาะกันว่าใครมันเปลี่ยนไป อีกห้าปี สิบปี กูก็จะอยู่ตรงนี้ ตรงที่ๆมีกิม”

ไอ้มิคพูดทุกคำออกมาอย่างมั่นใจ เหมือนว่าสิ่งที่ออกมาจากปากเป็นความจริงแท้ของโลกไม่ใช่เพียงคำสัญญา ใบหน้าคุ้นตาที่เห็นจากเพียงเปลวเทียนเคร่งขรึมจริงจังเหมือนจะรอให้สารที่ส่งผ่านซึมซับเข้ามายังคนฟังที่ได้แต่ยืนบื้อใบ้อย่างผม

ผมยืนนิ่ง ไม่ตอบรับไม่หือไม่อือ ไม่ใช่เพราะไม่เชื่อสิ่งที่อีกฝ่ายบอกออกมา มาถึงตอนนี้ ความลังเลไม่แน่ใจ ความสงสัยในความรู้สึกของอีกคนไม่มีอยู่อีกแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ผมได้แต่ยืนจ้องตาไอ้มิคไม่เปิดปากเป็นเพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่ประทุอยู่ในอก ความรู้สึกหลายหลากทำให้พูดไม่ออก ทำให้ขอบตามันร้อนจนหน้าเหย

“ว่าไงว่าตามกันว่ะ”

ผมบอกออกไปด้วยหน้าที่เริ่มเบี้ยว ไอ้มิคเปิดยิ้มชนิดว่าพลุที่จุดเปรี้ยงปร้างขึ้นฟ้าต้องดับแสง มือร้อนๆที่ผมคุ้นเคยหนักหนายื่นมาคว้าคอให้เข้าไปหาจนแก้มชนกระทบไหล่ เสียงพึมพำบอกความรู้สึกที่ได้ยินอยู่ชิดติดหูทำให้ต้องกระชับอ้อมแขน ดึงคนที่เป็นของผมทั้งใจกายให้ใกล้เข้ามาจนไม่เหลือช่องว่าง

ดีที่เวลานี้มันย่ำค่ำ แสงไฟที่ส่องให้เห็นมีเพียงแสงจันทร์แสงเทียน คนเป็นสิบเป็นร้อยที่เดินผ่านไปมาเลยไม่ต้องหยุดสะดุดสะดุ้ง แต่ถึงตอนนี้จะเป็นเที่ยงวันมีแสงอาทิตย์แสงไฟฟ้า ผมก็คงจะยังจะก้าวเข้าหาคนที่ยื่นมือมา แล้วยกสองแขนขึ้นตอบรับสัมผัส ดึงไอ้มิคเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดโดยไม่แคร์สายตาใคร ก็มาถึงป่านนี้ คนที่ผมต้องแคร์ ต้องคิดถึงความรู้สึก คงไม่พ้นอีกคนที่ถือกระทงร่วมกันอยู่คนนี้คนเดียว

สุขสันต์วันลอยกระทงครับ


จบตอนพิเศษ ลอยกระทง

=========================================================================

ขอโทษนะคะ FC กิมมิค&คุณหมี เพราะคุณหมีอัพตอนนี้ตั้งแต่วันที่23 แต่คนโพส มิรู้เรื่องแต่อย่างใด มัวทำการบ้านคร๊า(ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันไหนวันลอยกระทง..ยังด่ามันอยู่เรยตอนทำการบ้านอ่ะ ว่าโอ๊ย เมิงจะจุดพลุกันทำเตี่ยไงว่ะ ...บลาๆ)

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 25-11-2010 22:30:39
มิเป็นไร
มาเมื่อไหร่ก็ตามมาอยู่ดี

ขอบคุณครับ
สุขสันต์ในทุกๆวันนะครับ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 25-11-2010 22:36:02
ซึ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

บอกรักกันสิคะ บอกบ่อยๆ บอกทุกวันทั้งด้วยคำพูด ด้วยสายตา ด้วยการกระทำ
บอกรักจนทั้งกิมทั้งมิคมั่นใจและไม่ต้องกลัวไปคนเดียวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนไป

ขอบคุณทั้งคนแต่งคนโพสเลยค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 25-11-2010 22:42:00
วันไหนก็ไม่รู้แต่รักกันแบบนี้ไปนานๆ ก็พอ

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 25-11-2010 22:44:16
ยังไม่มั่นใจในความรักระหว่างกันอีกเหรอเนี่ย :serius2:
ฝากบอกคุณหมีด้วยนะคะ รอตอนพิเศษ
วันพ่อ วันรัฐธรรมนูญ วันปีใหม่ ฯลฯ
ทุกเทศกาลอ่ะค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: FortuneTeller ที่ 25-11-2010 22:47:39
 แอร๋~~~~  :L2:

หวานนนน ที่สุดดดด ในสามมมโลกกกกก ><" !!!

น่ารักมากๆๆๆๆเลยค่ะ


เมื่อไหร่เราจะมีคนไปลอยกระทงด้วยแบบนี้บ้างน๊าา 555 :'(



ขอบคุณ ทั้งคนแต่ง และคนโพสท์เลยนะคะ  :impress3:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 25-11-2010 23:00:47
รักมิค  ผู้ชายอ่อนโยน   :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: Killua ที่ 25-11-2010 23:03:03
เรื่องนี้อ่านเมื่อไร ตอนใหน ก็ซึ้งงงงงงง
มีความสุขกันหลังลอยกระทงกันท้วนหน้า
ขอบคุณคนแต่ง แล้วก็ คนโพส มากมาย
น่าร๊ากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: padang ที่ 25-11-2010 23:05:48
กรี๊ดดดด
ได้อ่านตอนพิเศษแล้ว
น่ารักเหมือนเคย
ขอบคุณน้องคนโพสอย่างแรงค่ะ   
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: @StaR@ ที่ 25-11-2010 23:24:03
อ่านยาวทีเดียวเลย สนุกมากถึงมากที่สุด
มีครบทุกรสเลย อ่านไปก็ลุ้นระทึกไปด้วย
แต่ฮามากที่ร้องเพลงตอนหลงป่ากันอยู่
แล้วก็หวานซะจนอิจฉาเลยทีเดียวเชียว :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 26-11-2010 12:52:58
 :กอด1: ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษ

หวานตลอด...
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 26-11-2010 14:10:05
ชอบจังเลย

มีอะไรก็พูดกันตรง ๆ เคลียร์กันชัด ๆ ดี


ไม่ได้เข้ามาอ่านหลายวัน มาอ่านอีกที อ้าวจบแล้วซะงั้น


 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 26-11-2010 14:55:22
เริ่มต้นมาอย่างเศร้า
แต่ลงท้ายซะซึ้งเลย ^^
มีอะไรก็ต้องคุยกันนะ
อย่าปล่อยไว้คาราคาซังจนกลายเป็นความห่างเหินแบบนี้อีกล่ะ
ปล.เราก็ลอยกระทงหมู่ทุกปี เมื่อไหร่จะได้ลอยเป็นคู่อย่างมิคกิมบ้างนะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 26-11-2010 20:48:00
อ้าาา รักเรายังไม่จาง ดีใจจัง
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: NannY ที่ 26-11-2010 21:56:44
ช้าดีกว่าไม่มาจ้า :o8:

แหม มิคกับกิมสู้ต่อไป นี่ถ้าเรียนจบแล้ว เจอสังคอมใหม่จะยิ่งกว่านี้อีกนะ

ยังไงคุณหมีอย่าลืมเอาตอนพิเศษวันปีใหม่ด้วยนะคะ ไปพรีฮันนีมูนบ้างอะไรบ้างก็ดีนะคะ  :z1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: Wr@iTh ที่ 26-11-2010 22:50:00
ขอบคุณค่าาาาาาาาาาาาาาา!!! :L2:
ขอให้รักกันไปนานๆน้า :-[

ปล.ภาค 2 ล่ะคะ ตกลงว่ามีปล่าว? รออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 26-11-2010 22:54:04
มิคน่ารักมาก รักจัง  :กอด1:

ขอบคุณค่ะ  
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 26-11-2010 23:06:15
 :mc4:  เย้ มิคกับกิมมาอัพแล้ว

อ่านตอนแรกแอบเครียดเล็กน้อยค่ะ แต่ในที่สุดก็เคลียร์กันได้ ความรักต้องพูดจากันนี่เนอะ อย่านึกไปเอง

มิคกับกิม โดยเฉพาะผองเพื่อน ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยค่ะ ฮากับมุขคำถาม-คำตอบของผองเพื่อนมาก

ขอบคุณทั้งคนแต่งและคนโพสนะคะ

คราวนี้มาอัพเนื้อเรื่องในวันลอยกระทง  แล้วขอร้องอย่าลืมความหวานช่วงคริสต์มาส ปีใหม่ และพิเศษสุดช่วงวันวาเลนไทน์บ้างนะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 26-11-2010 23:14:37
กรี๊ดดดดดดมิคกิม คู่นี้ก็นะต้องมีเรื่องให้คิดมากได้ตลอด แต่พอเคลียร์ได้ก็หวานจนมดตอมทุกทีเช่นกัน  :-[ ชอบอ่ำอ่ะคุณเค้าสำอางค์ได้ตลอดทุกตอน แต่เหตุผลที่แฟนขอเลิกนี้จะขำก็ขำจะสงสารก็สงสาร แต่เอาเหอะหน้าตาเราเปล่งปลั่งยังไงก็หาแฟนใหม่ได้ไม่ยากอยู่แล้ว เชื่อเค้าสิอ่ำจ๋า :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 27-11-2010 07:18:13
รักกันๆๆๆ มิคกับกิม :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: name ที่ 27-11-2010 16:12:38
ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆอย่างนี้นะครับ ^^
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 27-11-2010 16:55:32
เริ่มมาหมองนิดๆ แต่ลงท้าย ก็โอ แต่ฝากบอกไรท์เตอร์ว่า ขอหวานอีกนิดก็ได้นะคะ  :o8:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: koraorni ที่ 27-11-2010 19:32:58
หวานกันซะ ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 28-11-2010 21:02:07
+1 ค่า  :L2:

โอย ตอนแรกนึกว่าจะดราม่าแล้วสิเนี่ย ตกใจเลยนะ  o18
แต่ลงท้ายก็หวานเหมือนเดิมตามสไตล์มิคกิม อยากได้หวานกว่านี้อ่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 29-11-2010 17:25:26
นึกมาจะมาม่าซะแล้ว เฮ้อ น้ำตาเค้าปริ่มเลยนะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: TamuNe ที่ 02-12-2010 00:13:08
มิคยังน่ารักเสมอ :-[ รอภาคใหม่อยู่นะค้า :impress2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: Miku ที่ 03-12-2010 00:16:17
เข้ามาอ่านแบบรวดเดียวจบ  จนไม่เป็นอันหลับอันนอน
ชอบสำนวนการเขียนของพี่หมีมากๆ
บรรยาย จนเห็นเป็นภาพอนิเมชั่นก็ว่าได้

อยากบอกว่าเวลาเค้ากระซิบกระซาบกันแล้วนายมิคหลุดออกมาเป็นภาษาอังกฤษนี่ มันดูเซ็กซี่ จัง
ทำเอาคนอ่านเคลิ้มตามไปเลย

ยิ้มๆเป็นอีบ้า อยู่คนเดียว 5555
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 16-12-2010 10:03:20
เข้ามาอ่านรวดเดียวจบ
มิคน่ารักเสมอต้นเสมอปลายตลอดอะ  เจ้นเทิ่นแมนตัวจิงเลยนะนี่ :m19:
กิิมนี่ก้อน่าอิจฉา  ฮาไปไหนแต่ละคน
ชอบเรื่องนี้มากๆค่ะ  สำนวนตลกดี  อ่านแล้วฮาทั้งเรื่อง :z2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..SP ลอยกระทง [25/11/2010]
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 16-01-2011 17:57:38
 :z13:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..มันมาอีกแล้วววววววววววววววววววววววววววว.....SP อาการคิดถึง [29/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 30-01-2011 04:24:01
 :laugh: ตามหัวทู้จ๊า  22.00 น๊าจ๊ะ

เหล่าแฟนคลับมิคกิม

 :call: Feedback จงมาๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..มันมาอีกแล้วววววววววววววววววววววววววววว.....SP อาการคิดถึง [29/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: padang ที่ 30-01-2011 05:14:06
หมายความว่าอะไรคะ sp อาการคิดถึงมีด้วยหรือ
ถ้ามีขออ่านด้วยค่า
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..มันมาอีกแล้วววววววววววววววววววววววววววว.....SP อาการคิดถึง [29/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Hachi_an1234 ที่ 30-01-2011 08:17:36
เห้นหัวข้อใหม่... รีบตามเข้ามาเลยฮับ..
คิดถึงพี่มิคกับนู๋กิมมมมม.... ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..มันมาอีกแล้วววววววววววววววววววววววววววว.....SP อาการคิดถึง [29/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 30-01-2011 08:56:41
ไหนอ้ะคะ?

ไหนอ้ะกิมมิค????

กี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ไมหาไม่เห็น???
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..มันมาอีกแล้วววววววววววววววววววววววววววว.....SP อาการคิดถึง [29/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 30-01-2011 09:50:29
^
จิ้มพี่นุ่น
แล้วนอนรอ มิคกิม
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..มันมาอีกแล้วววววววววววววววววววววววววววว.....SP อาการคิดถึง [29/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Sabaijai ที่ 30-01-2011 13:53:31
รอๆ :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..มันมาอีกแล้วววววววววววววววววววววววววววว.....SP อาการคิดถึง [29/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 30-01-2011 15:44:34
รออยู่น๊า
จะลงแดงตายแล้ว
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..มันมาอีกแล้วววววววววววววววววววววววววววว.....SP อาการคิดถึง [29/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: -N- ที่ 30-01-2011 16:03:38
รอออออออออออออออออออด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..มันมาอีกแล้วววววววววววววววววววววววววววว.....SP อาการคิดถึง [29/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 30-01-2011 16:47:13
เข้ามารอด้วยคนนน  :mc4:
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)..มันมาอีกแล้วววววววววววววววววววววววววววว.....SP อาการคิดถึง [29/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 30-01-2011 17:15:17
 :m19:
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[29/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 30-01-2011 22:43:44
รักจัง ตอนพิเศษ อาการคิดถึง

ชายหนุ่มหญิงสาวนับได้สิบสามหัวถ้วนนั่งล้อมวงอยู่หน้าเต็นท์พลางฟังเสียงคลื่นซัดซาดท่ามกลางความมืดตึดตื่อ หน้าใครเป็นหน้าใครเห็นได้เพียงลางๆจากแสงเทียนสองเล่มในขวดโพลาลิสตัดครึ่ง เสนาะเวลาการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อหลายสีคือสี่ทุ่มสิบห้านาที

“เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนนั้นเป็นวันหยุดพิเศษอะไรซักอย่าง นักศึกษาเกือบทั้งหอเลยกลับบ้าน หอในตอนปีหนึ่ง เก่าเก็บ สร้างตั้งแต่ตั้งมหาลัยซ้ำยังแคบเท่าไอ้โยมดิ้นตาย ห้องนึงอยู่กันสี่คนเป็นเตียงสองชั้น วันนั้นติดวันหยุดยาว หลายห้องเลยไม่มีคน บางห้องเหลืออยู่แค่สอง”

ไอ้จั๋วในเสื้อยืดไวตามิลเปิดเรื่อง ประโยคหลังๆบอกรายละเอียดเผื่อแผ่ไปยังคนที่ไม่เคยมีชะตากรรมต้องอยู่หอในหอเก่าอย่างพวกผม ฉากหลังมีเพียงคลื่นแตกฟองซาดกระทบฝั่งเป็นจังหวะ ไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอื่นในบริเวณใกล้เคียง

“นักศึกษาคนหนึ่งบ้านอยู่ต่างจังหวัด ไกลโคตรเลยไม่ได้กลับบ้าน พอดีมีเพื่อนร่วมคณะอีกคนมาจากจังหวัดใกล้เคียงก็เลยชวนมานอนห้องเดียวกัน พวกมึงก็รู้หอเก่าแม่งบรรยากาศยิ่งกว่าจูออน ให้นอนคนเดียวตอนเที่ยงวันกูยังแขยง”

“ถูก!” ไอ้โอ้ส่งเสียงเห็นด้วย “กูยังจำได้ สมัยนั้นพอถึงเสาร์อาทิตย์กูต้องอพยพไปนอนห้องไอ้กิม เพราะเมทกูแม่งหายหัวกลับบ้านกันหมด”

“โห พูดเนี่ยกระดากปากมั่งเปล่าวะไอ้โอ้” ผมส่งเสียงไม่ค่อยชัดถ้อยชัดคำเพราะน้ำมูกจุกจมูกไปดักคอเพื่อน “กูก็ยังจำได้ มึงมาทีไม่เห็นเคยรีบนอน เพื่อนเพิ่นไม่มีสนใจ เอาแต่ส่องสาวจากระเบียงห้องกู”

“แหม มึงก็ คนมันกลัวมันก็ต้องหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ” ไอ้โอ้ว่ามาอย่างนั้นก่อนกระแซะเข้าหาผมที่นั่งซูดน้ำมูกพลางจามสามทีซ้อนมาตั้งแต่เริ่มวง

อย่าพึ่งงงครับว่าทำไมไอ้โอ้ถึงกล้ากระเถิบเข้าหาไอ้กิมแบบแทบจะเกยกันขึ้นตัก แล้วทำไมผมถึงต้องกระชับเสื้อกันลมเข้าหาตัวกันลมหนาวลมทะเล อกอุ่นๆที่แอ่นให้พิงอยู่เสมอหายไปไหน ผมกับไอ้มิคมึนตึงกันอีกแล้วหรือไร ไม่ได้มึนไม่ได้ตึงและไม่ได้หายไปไหนครับเพียงแต่พระเอกยังมาไม่ถึง พึ่งผ่านลอยกระทงไปไม่ถึงเดือน ไอ้มิคลูกคุณหญิง ยังมีภาระหน้าที่ต้องกระทำ กว่าวันนี้จะโผล่หัวมาร่วมนอนกลางดินกินกลางทรายกับพวกผมได้ก็ต้องดึกดื่นเที่ยงคืน เสียงทุ้มๆพึ่งต่อโทรศัพท์มาถึงว่าอีกสิบห้านาทีเจอกัน

“พอตกดึกได้เวลานอน ต่างคนต่างก็จับจองเตียง เจ้าของห้องนอนเตียงล่าง เพื่อนร่วมคณะนอนเตียงบน ห้องมืดสนิท เงียบจนได้ยินเสียงหายใจ บรรยากาศแสนจะวังเวงแต่ก็ยังอุ่นใจว่ามีเพื่อนนอนอยู่ด้วยอีกคน แต่ไอ้คนเตียงล่างนอนยังไงก็นอนไม่หลับ มันรู้สึกกระสับกระส่ายจิตใจไม่สงบ นอนพลิกตัวไปมาจนผ่านไปค่อนคืน กำลังเคลิ้มๆกลับได้ยินเสียงเหมือนมีคนเปิดประตู…” ไอ้จั๋วเล่าประหนึ่งอยู่ร่วมในเหตุการณ์แล้วทิ้งจังหวะให้คนฟังมีลุ้น คนที่ฟังอยู่รอบวงก็ลุ้นจริง ลุ้นซะเงียบกริบกันไปทั้งกลุ่ม

“ท่ามกลางความมืด มันเห็นประตูเปิดแต่ไม่เห็นว่าใคร ตอนแรกคิดว่าเพื่อนออกไปฉี่ แต่เขม้นมองดีๆแล้วประตูถูกเปิดเข้ามาไม่ใช่เปิดออก ทั้งที่ก่อนนอนก็ล็อคห้องไว้เสร็จสรรพ ยังไม่ทันได้คิดว่าอะไรเป็นอะไรคนที่ยืนอยู่ติดประตูก็หันมา จากแสงสลัวเห็นลางๆว่าเป็นผู้หญิง ผมผูกหางม้ากระเซอะกระเซิง แม่งตกใจ นี่มันหอชายนะเว้ย ถึงคนกลับบ้านเกือบหมด แต่ยามใต้หอก็ยังอยู่ แล้วผู้หญิงขึ้นมาได้ไง ด้วยความตกใจมันเลยจะลุกขึ้นปลุกเพื่อน ปรากฏว่า…”

“เพื่อนแม่งหายไปแล้ว! ที่นอนเตียงบนว่างเปล่า เหลือมันอยู่คนเดียวในห้อง!” ไอ้โยมโพล่งออกมาด้วยเสียงระทึก ทำเอาหลายคนสะดุ้งรวมทั้งไอ้จั๋วเจ้าของเรื่อง

“ใจเย็นๆไอ้โยม สงบจิตสงบใจหน่อย” ไอ้จั๋วยื่นตีนมาลูบหลังเพื่อนก่อนต่อ “ปรากฏว่าลุกไม่ขึ้น ขยับไม่ได้แม้แต่จะอ้าปากส่งเสียง ระหว่างที่กำลังตกใจหูตาเหลือก ผู้หญิงตรงประตูก็เดินใกล้เข้ามาๆ จนเห็นได้ลางๆว่าเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายใส่คือชุดคนไข้ เดินตีนเปล่า เสี้ยวหน้าที่ก้มอยู่ออกจะคล้ำจนเขียว ที่ร้ายยิ่งกว่าอะไรคือกลิ่นเหม็นเน่าที่โชยเข้าจมูกชัดขึ้นเรื่อยๆ”

“แล้วมันก็เดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง” ไอ้จั๋วทำอารมณ์โดยการยื่นหน้าเข้าหาเทียน แล้วค่อยเงยขึ้นประหนึ่งเป็นผู้หญิงในชุดคนไข้ “หยุดอยู่นิ่งๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองมาที่เตียง ไอ้คนบนเตียงก็ได้แต่แหกตามองตอบ ส่งเสียงอึกอักอยู่ในคอเพราะขยับตัวไม่ได้”

“เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่ฉี่เกือบแตก ต้องนอนจ้องตากับผีในชุดคนไข้ มันเลยรวบรวมกำลังใจทั้งหมด…”

“แหกปากร้อง! เรียกเพื่อนตื่นมาเจอผีด้วยกัน!?” เสียงแหบแห้งโพล่งขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล ไอ้โอ้ที่นั่งแทบเกยตักผมนั่นเอง

ไอ้จั๋วยื่นตีนยาวอีกหน่อยมาลูบหลังไอ้โอ้ก่อนต่อ “หลับตาโว้ย มันเกร็งกล้ามเพื่อหลับตาหนีผี ก็บอกอยู่ว่าโดนผีอำขยับไม่ได้แม้แต่จะผงกหัว จะแหกปากร้องได้ไง แค่กระพริบตาหลับได้ก็เก่งแล้ว… ไอ้นี่หลับตาได้ก็ใจระทึก หลับแล้วไม่กล้าลืม กลัวลืมมาอีกทีจะเจอผีจ่ออยู่ติดหน้า แม่ง ฉี่จะแตกยิ่งกว่าตอนแหกตาเห็นกัน เลยรีบท่องนะโมๆอยู่ในใจ ท่องไปๆเริ่มใจมาเลยแอบหรี่ตาขึ้นมอง ปรากฏว่า…”

“ปรากฏว่าผีคนไข้หายไปแล้ว หายไปจากข้างเตียง” ไอ้จั๋วต่อหลังจากรอว่าจะมีใครออกความเห็นขัดจังหวะ “แต่เสือกไปโผล่อยู่ปลายเตียง หนำซ้ำไม่ได้โผล่ไปยืนนิ่งๆจ้องกันเหมือนเมื่อกี้ แต่กำลังยกตีนปีนบันใด ไต่ขึ้นเตียงบน ไอ้นี่ก็ไม่รู้จะทำยังไง กลัวแทนเพื่อนก็กลัวแต่ขยับไม่ได้ ได้แต่นอนตาเหลือกมองขาผีผลุบหายไปข้างบน”

“เช้ามาค่อยขยับตัวได้ ก็รีบลุกไปดูเพื่อน ปรากฏว่…”

“เพื่อนแม่งหายไปแล้ว! โดนผีพาไป” ไอ้โยมยังไม่คลายความตื่นเต้น ทะลุขึ้นกลางเรื่องเล่าโดยมีหลายหัวพยักกันหงึกหงักว่าเห็นด้วย

“กูว่าไม่ใช่ เพื่อนมันนอนตาเหลือก โดนผีหลอกมาทั้งคืน” ไอ้เดย์ที่นั่งกอดกีต้าส่องหน้าอยู่กับเทียนเอ่ยมาแผ่วๆ

“ตาขวางต่างหาก โดนผีสิงไง” ไอ้บียกมือเสนออีกความเห็น

“เฮ้ย! กูเล่าเรื่อผีเว้ย ไม่ใช่อภิปายสภา พวกมึงไม่ต้องเสนอความเห็นนักก็ได้” ไอ้จั๋วขึ้นเสียงแล้วกวาดตาขวางๆไปรอบวง ไอ้อ่อนที่กำลังจะทำตัวมีส่วนร่วมเลยต้องหุบปากฮุบลมทะเลไป

“ลุกขึ้นได้ก็รีบกระโจนไปเตียงบน ปรากฏว่าเพื่อนมันนอนกรนคร่อกๆ ขากางแขนกาง ถีบผ้าห่มไปกองอยู่ปลายตีน” เรื่องมันรายละเอียดครบจริงๆ

“ไอ้นี่ที่ยังหลอนไม่หาย รีบปลุกเพื่อนขึ้นมาถาม เพื่อนมันก็งัวเงียตื่นมาพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง ถามไปถามมากลายเป็นว่าหลับสบายทั้งคืน ไม่รู้ไม่เห็นอะไร” ไอ้จั๋วหยุดด้วยมาดนิ่งๆ เลยไม่รู้ว่ามันเล่าจบแล้วหรือต้องการทำบรรยากาศ

“จบแล้วยัง กูแทรกได้ยัง” ไอ้อ่อนยกมือถามก่อนต่อเมื่อเห็นไอ้จั๋วไม่เตรียมขยับตีน “ผีหอในของมึง ฟังแล้วกูเกิดคำถาม ถ้าหากเป็นมึงที่ต้องตกอยู่ในเหตุการณ์นี้ มึงจะเลือกเป็นคนไหน” ไอ้อ่อนเจ้าพ่อจำไม แม้ฟังเรื่องผีแหกตาก็ยังอุตส่าห์เก็บไปคิดจนมีคำถาม

“คนข้างห้อง กูขอเป็นคนห้องข้างๆ รับรู้เรื่องราวจากปากต่อปากดีกว่า” ไอ้โอ้รีบเสนอทางเลือก

“หูเป็นน้ำหนวกรึไงไอ้โอ้ ไอ้อ่อนมันถามว่าถ้ามึงต้องมาอยู่ในเรื่องเว้ย ไม่มีฉ้อยที่สามห้องข้างๆ” ไอ้โยมว่า “กูเลือกนอนเตียงบน ถึงโดนผีปีนเข้าหาแต่ไม่รับรู้อะไร ดีกว่านอนตาเหลือกยันเช้า”

“งั้นกูขอเป็นไอ้จั๋ว เป็นคนเล่า ไม่โดนผีหลอกแต่ก็ถือว่าอยู่ในเหตุการณ์” ไอ้อ่ำที่นั่งหน้าตึงเพราะโคลนทะเลอยู่ตั้งแต่เริ่มวงยื่นหน้าดำเป็นถ่านเข้าตอบ

“งั้นเดี๋ยวกูผันตัวไปเป็นคนนอนเตียงล่างเอง เผื่อจะได้เลขเด็ดซักหกตัว มาหลอกให้กลัวแล้วมันต้องมีอะไรตอบแทนกันบ้าง ไม่ใช่ให้กูกลัวเปล่าๆปลี้ๆ” ไอ้จั๋วว่าสีหน้าจริงจัง

ก่อนไอ้อ่อนไอ้บีและอีกหลายชีวิตจะยกมือตอบให้ยิ่งไปกันใหญ่ ไอ้โอ้ที่นั่งอยู่ข้างผมก็แหกปากออกมาให้สะดุ้งรับไปรอบวง แหกปากอย่างเดียวไม่พอ เพื่อนถึงขั้นตีปีกเข้าสีข้างไอ้กิมสองทีซ้อนเรียกร้องความสนใจ

“ห่านมิค! แหกปากบอกกูก็ได้ ลูบหลังเรียกกันอย่างนี้มันเสียวนะมึง” ไอ้โอ้หันขวับไปทางคนมาเงียบๆที่ยังยืนอยู่ค้ำหัว ดูจากท่าทางการยืนแล้วคาดว่าสิ่งที่ใช้ลูบหลังไอ้โอ้น่าจะเป็นตีนในเกือกมากกว่าสองมือที่ซุกอยู่ในกางเกง

ไอ้มิคที่โดนเพื่อนต่อว่าไม่ได้เปิดปากโต้ตอบ แต่กลับยืนตระหง่านเป็นเงาทะมึน จ้องไอ้โอ้นิ่งจนคนที่นั่งเบียดก้นอยู่กับผมรับรู้ได้โดยสัญชาติญาณ รีบตีตัวออกห่างเหมือนรังเกียจไอ้กิมขึ้นมาฉับพลัน ก่อนกระเถิบก้นไปเกยอยู่กับไอ้อ่ำพลางบ่นงึมงำ ไอ้โยมไอ้จั๋วส่งเสียงทักทายให้คนมาใหม่ได้พยักหน้ารับไปรอบวง ก่อนหันกลับไปกระตุ้นความกลัวกันใหม่ด้วยเรื่องลึกลับจากไอ้บี

ไม่รู้ว่าไอ้มิคไม่เห็นว่ามีเพื่อนหน้าใหม่ไม่คุ้นหน้านั่งอยู่ร่วมวงหรือพี่เขาไม่สนใจจะแคร์ ถึงได้หย่อนก้นนั่งซ้อนหลังไอ้กิมมาซะชิดชนิดไม่มีช่องว่าง ก่อนโน้มหน้าผากมาแตะสัมผัสเช็คอุณหภูมิ ตาสีอ่อนดูแปลกตาในแสงสลัวจ้องไม่กระพริบเข้ามาในตาผม ก่อนเจ้าของตาจะทำการอุกอาจกระดกคางเอาปากมาชนปากให้ได้สะดุ้ง ยังดีที่เป็นการจุ๊บแบบเร็วไว ไม่อ้อยอิ่งให้ไอ้กิมต้องลงไปชักตาตั้งท่ามกลางเพื่อนฝูง

“ตัวยังรุมๆ กินยาครั้งสุดท้ายกี่โมงครับ” ไอ้มิคที่ท่าจะอยู่ในโหมดเข้าใจผิดคิดว่าไอ้กิมเป็นนางสาวไทยเปิดปากถามด้วยยิ้มบางพลางเกยหน้ามาบนไหล่

“สองทุ่มครึ่ง เดี๋ยวก่อนนอนว่าจะกินอีกที” ผมตอบแล้วหึน้ำมูกใส่กระดาษทิชชู่ในมือแบบไม่มีกั๊กก่อนจามสามทีซ้อน กะว่าไอ้มิคที่นั่งเกาะเอวเกยไหล่กันอยู่จะคิดได้บ้างว่าควรเพิ่มระยะห่างระหว่างคนป่วย คนข้างหลังไม่เพียงไม่กระเถิบหนี แต่กลับดึงผมให้เอนพิงแล้วยื่นมือมาลูบหน้าลูบแขน ลูบๆถูๆเหมือนจะช่วยเพิ่มอุณหภูมิ ก่อนล้วงขวดน้ำในถุงเซเว่นที่หิ้วมาด้วยมาบิดเปิดก่อนยื่นมาให้จิบถึงปาก

ผมรับขวดน้ำมาถือแล้วเอนหลังทิ้งน้ำหนักใส่อีกฝ่าย หมดกำลังใจจะเก็กจะกั๊กกันสายตาใคร แม้จะเห็นอยู่ว่าหลายคนที่เป็นเพื่อนของเพื่อน เหล่มาทางเราสองอย่างมึนงง แต่ช่างมันเถอะ เพราะพวกไอ้อ่อนไอ้โอ้ไอ้เดย์ไอ้โยมกลับมองมาแล้วมองไป จะมีก็เพียงไอ้จั๋วที่เหล่มาเจอถุงเซเว่นแล้วเกิดอาการชักกระตุก ยื่นคว้าโก๋แก่ไปแกะกิน นอกนั้นไม่มีใครมีทีท่าจะติดใจสงสัยหรือแม้แต่สายตาสะดุด คงเพราะเพื่อนสนใจจนหมดความสนใจ เรียกง่ายๆว่าชินชาเสียแล้วกับอาการหน้าไม่อายของผมกับไอ้มิค

“คิดอะไรอยู่”

เสียงทุ้มๆดังขึ้นข้างหูพร้อมมือหนึ่งข้างสอดเข้ามาในเสื้อ เล่นเอาผมที่กำลังคิดอะไรเพลินๆเกือบสะดุ้งตีปีกเข้าพุงเจ้าของมือ ถึงจะบอกว่าไม่ขวยไม่เขินแต่ขนาดมาล้วงมาควักกันกลางแจ้งมันก็ออกจะเกินไปหน่อย แต่มือที่ล้วงเข้ามาแล้วหยุดนิ่งทำให้ต้องหุบปีกที่ยังไม่ได้กาง ไอ้มิคไม่ได้กวนมือไปซ้ายขวาหรือหน้าหลังแต่กลับวางอยู่แนบท้อง

“คิดอะไรอยู่”

เสียงถามย้ำจากใบหน้าหล่อจัดไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีสีหน้าว่าถามไปเรื่อยเปื่อย หน้าเรียบเฉยกับสายตาที่จ้องตรงมา ทำให้คำถามที่ผ่านเข้าหูมันผันความหมาย เหมือนอีกฝ่ายต้องการเช็คให้แน่ใจว่าความสนใจยังอยู่ที่ตัวเองมากกว่าจะอยากรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ในสมอง ไอ้มิคที่คนเป็นสิบเป็นร้อยให้ความสนใจ เพียงแค่ได้เห็นได้คุยก็พากันเก็บไปฝัน กลับเก็กหน้าขรึม ถามเพื่อดึงความสนใจ ทั้งที่ก็นั่งใกล้กันอยู่แค่นี้

“คิดว่ามึงจอดรถไว้ที่ไหน ทำไมตอนมาไม่ได้ยินเสียง” ผมตอบแล้วเอี้ยวไปมองคนที่แอ่นอกสามศอกให้พักพิง “คิดว่าถ้าไอ้บีเอาเรื่องแมงปอมาเล่าจะหลอนกว่า คิดว่าพรุ่งนี้ตอนกลับจะซื้ออะไรไปเป็นของฝาก แล้วก็คิดถึงว่ะ”

เจ้าของหน้านิ่งๆทำตาโตแล้วเปิดยิ้มที่เล่นเอาท้องฟ้าเวลาห้าทุ่มสว่างไสว ไอ้มิคกระชับแขน เปิดปากกระดกลิ้นภาษาเกิดมาสี่คำว่าไอมิสยูทู แล้วปิดตาผ่อนลมหายใจยาว เหมือนว่าตั้งแต่เดินเข้ามาจนหย่อนก้นนั่ง พึ่งจะได้สบายใจไร้กังวลก็ตอนนี้ แล้วไอ้มิคที่หลับตาพริ้มโดยมีฉากหลังเป็นเสียงระทึกจากเรื่องผีของไอ้อ่อนก็ลืมตา ตาที่ลืมขึ้นใหม่พราวระยับจนชักจะน่าหวั่นใจ

“ถึงเวลานอนแล้ว” ไอ้มิคบอกเหมือนมันเป็นพ่อแล้วผมเป็นลูก แต่สายตาที่มองกันอยู่ออกจะระยิบระยับสื่อความนัย ในทางพิศวาสที่เกิดอยู่ทุกค่ำคืนตั้งแต่ตกลงมีสัมพันธ์กันมา “ยังไม่หายดี นอนดึกเดี๋ยวไข้กลับ”

ว่าไม่ว่าเปล่า คนข้างหลังผมขยับลุกแล้วยื่นมือมาหาโดยไม่มีการถามความเห็นคนเป็นไข้ เล่นเอาคนป่วยสี่วันอย่างผมได้แต่กระพริบตาปริบๆมองความนัยที่ยื่นมาพร้อมมือ ไม่แน่ใจว่าแค่คิดถึงสองคำจะนำพาอาการสิเน่หาให้ก่อเกิด ยิ่งได้ยินเสียงไอ้โยมไอ้อ่ำสอดปากขัดขวางไอ้อ่อนยิ่งงงกับตาวิบๆวับๆของไอ้มิค

เพื่อนนั่งอยู่เป็นสิบหัว เล่าเรื่องผี ยอดยาหยีของไอ้กิมไปเอาบรรยากาศจากไหนมาสร้างอารมณ์ แล้วถึงอารมณ์มาจะพากันไปยังไง ทริปนี้นอนเต้นท์ แม้จะเต้นท์ละสองคนนอน แต่ยังไงก็คือเต้นท์พนังบางเท่าหนึ่งผืนผ้าใบ

“ได้ข่าวว่าคนเป็นไข้น่ะมันกู” ผมตอบพลางซุกมือเข้ากระเป๋าเสื้อเป็นการหักห้ามจิตใจตัวเองไม่ให้ยื่นคว้ามือตรงหน้า ตั้งแต่คืนแรกที่จับมือกันตุงตาข่าย แม้จะเจ็บระบมอยู่หลายจุด แต่เห็นตาอย่างนี้ของไอ้มิคทีไรผมก็พาลจะโดนอารมณ์กามตีแสกหน้าตามอีกคนไปติดๆทุกครั้ง “แล้วไข้ก็ไม่มีจะให้กลับ จะเหลือก็แต่ขี้มูก นอนดึกอีกหน่อยไม่เป็นไรหรอก”

ไม่รู้ว่าไอ้กิมไม่เนียนหรือไอ้มิคจะคล่องจนจับไต๋ไอ้กิมได้ เพราะคนที่ยืนรอความร่วมมือชักมือกลับ ก่อนทำท่าบิดขี้เกียจแล้วเปิดปากหาว ร่างสูงใหญ่สะบัดหัวสะบัดไหล่แล้วหาวซ้ำสอง

“ขับรถมาไกล เหนื่อยจัง” ไอ้มิคว่ายิ้มๆก่อนทิ้งตัวลงนั่งมาข้างผมแล้วเปิดปากหาวซ้ำสาม หัวทุยๆเอนพิงมาบนไหล่แล้วขยับยุกยิกเหมือนหามุมสบายไม่เจอ

พ่อเนียนขั้นเทพ เหมือนจริงจนไอ้โอ้ไอ้จั๋วที่นั่งอยู่ข้างๆต้องเปิดปากหาวตาม แล้วอาการหาวก็ติดต่อไปรอบวง หาวกันคนละทีสองทีก่อนเริ่มออกปากราตรีสวัสดิ์ ลุกหายไปทีละคนสองคน

“สามหาวเข้าไปแล้ว อย่างนี้หัวถึงหมอนต้องหลับเป็นตาย” ผมว่าพลางล็อคคอเจ้าของโรคหาวเข้าข้างเอวแล้วออกแรงขยี้หัวเกรียนๆด้วยความหมั่นเขี้ยว ไอ้มิคส่งเสียงหัวเราะหึหึ ที่ฟังยังไงก็ไม่มีแววของความง่วงงุนแม้แต่น้อย

แล้ววงเรื่องผีที่นั่งกันมาตั้งแต่หัวค่ำก็แตกในที่สุด ทุกคนพร้อมใจกันลุกเหมือนนัด แล้วบ่ายหน้าไปทางใครทางมัน จะเหลือก็แต่ผมกับไอ้มิค ไอ้คนที่บอกว่าง่วงจนถึงกับหาวซ้ำสามที่ไม่ยอมขยับก้นลุกทั้งที่โดนปล่อยตัวจากใต้รักแร้ไอ้กิม ไอ้มิคตวัดแขนอ้อมมือมากวาดผมเข้าไปแนบสีข้าง เสียงทุ้มๆที่ไม่ได้ยินมาหนึ่งวันเต็มกระซิบกระซาบคำหวานที่ฟังแล้วเกือบทำตัวไม่ถูก เลยต้องแก้ลำด้วยการกระซิบให้ดังกว่า ให้หวานกว่าจนปากแทบเบี้ยวเพราะความกระดาก แต่พอเห็นรอยยิ้มที่ส่งตรงมา เห็นสายตาที่มองแค่ผมคนเดียว ผมก็ว่าถึงปากจะเบี้ยวตาจะเขก็คงไม่เป็นไร เพราะมันสุขในหัวใจเหลือเกิน

_____________________________




“กู จะหลับแล้วนะ…”

“ครับ”

“… จะหลับจริงๆแล้วนะ”

“หลับไปเลยคนดี”

“………….”

ไอ้มิคที่บอกให้ผมหลับได้กำลังกระทำการที่ขัดกับคำพูด ร่างสูงใหญ่ก่ายทับอยู่บนหลังผมประหนึ่งเป็นเนื้อปลาบนก้อนซูชิ เรียกว่านอกจากหัวบนหมอนที่ได้ผินมาอ้าปากหายใจ ร่างกายส่วนอื่นก็แนบสนิทตั้งแต่ต้นคอถึงก้นกบและหลังขา ปากร้อนผ่าวที่หลังคอซุกเข้ามาไซร้เข้าไปจนอุณหภูมิในเต้นท์เริ่มจะไม่ปกติ และในเวลาเดียวกันกับที่ตอบรับว่าให้ผมไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ มือหนึ่งข้างก็ล้วงมาแกะกระดุมเสื้อแบบรวดเดียวหมดแผง

“สาดมิค ไหนว่าให้นอนเร็วๆ ไม่งั้นเดี๋ยวไข้กลับ” ผมกระซิบด่าระหว่างพยายามยื้อเสื้อไว้กับตัว มือร้อนๆเลยเปลี่ยนเป้าหมายจากเนื้อผ้ามาที่เนื้อตัว ลูบหนักๆขึ้นมาจากท้องถึงราวนม เล่นเอาเจ้าของท้องเจ้าของนมอย่างผมต้องกดหน้าลงหมอนกลั้นอาการ

“It’s been four days. I’ve missed you”

เสียงไอ้มิคที่กระซิบเข้าหูติดจะพร่า ซ้ำร้ายความร้อนจากร่างที่ทับอยู่บนหลังยังเล่นเอาผมเริ่มมึน ร่ำๆจะกางแขนฉีกขาเป็นปลาตาย ปล่อยนายพรานบรรเลงเพลงรักไปตามใจเขา แต่หนึ่งประโยคที่ลอยเข้าหูในระยะกระชั้นชิดทำให้ต้องฮึดสู้ สู้เสียหน่อยเผื่อจะชนะ ชนะใจตนเอง

“สี่วันอะไรของมึง พึ่งจะเห็นหน้ากันเมื่อเช้า” ผมว่าพลางคว้ามือที่เริ่มไต่ไปแถวขอบกางเกง “แล้วถ้าคิดถึง นอนนิ่งๆชิดๆกันก็ได้… นี่มันกลางดินกลางทราย มีแค่ผ้าใบเต้นท์คลุมสี่ด้านนะโว้ย”

ไอ้มิคที่ยังไล่กินหูกินหัวไอ้กิมไม่เลิกไม่ตอบไม่เถียง มือแถวขอบกางเกงชักกลับแล้วจับผมพลิกตัวจากคว่ำเป็นหงาย ยังไม่ทันได้จับโฟกัสว่าอะไรเป็นอะไรปากร้อนๆก็แนบลงมา ตามด้วยการชันศอกเป็นคอกกลั้น ลมหายใจร้อนผ่าวกับอาการอ้อยอิ่งบนริมฝีปาก ทำให้ผมอดใจไม่ไหว ตบะแตกจนต้องยืดสองแขนไปล็อคคออีกฝ่ายไว้กับตัว แล้วเปิดปากให้ไอ้มิคได้สอดลิ้นมาคลึงเคล้า

น่าแปลกที่จูบนี้ช่างอ่อนหวาน ไอ้มิคไม่ได้งัดวิชาชิวหาพาชีวีวาย สอดลิ้นมาถึงลิ้นไก่ให้ผมต้องร้องไม่เป็นภาษาด้วยว่าอ่อนระทวยเหมือนที่ทำกันมาเป็นสิบเป็นร้อยครั้ง แต่คนที่สอดมือช้อนหัวผมให้กระดกขึ้นหากลับใช้เวลาขบเม้มริมฝีปาก ทอดจังหวะเลาะเล็มไรฟัน เหมือนว่าทั้งหมดทั้งมวลที่ต้องการก็แค่อยากทำอย่างนี้ แค่อยากสัมผัสอย่างอ้อยอิ่ง ไม่ได้ตกอยู่ในอารมณ์พิศวงพิศวาสแต่อย่างใด

“ให้นอนชิดเท่าไหร่ อยู่ใกล้เท่าไหร่ ก็ยังคิดถึงอยู่ดี” เสียงทุ้มพร่าขยับพูดอยู่ชิดติดปากผม “คิดถึง จนแค่อยู่ใกล้ๆมันไม่พอ ไม่เคยพอ”

เพราะความมืดจนมองไม่เห็นอะไรในเต้นท์ขนาดสามคนนอนทำให้ผมไม่มีทางรู้ว่าไอ้มิคพูดสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจออกมาด้วยสีหน้าแบบไหน ตาอีกคู่ที่กระพริบละขนตาอยู่กับผมมองมาอย่างไร แต่ความจริงจังในน้ำเสียงกับจังหวะหนักแน่นของหัวใจอีกดวงที่ได้ยินอยู่แนบอก บอกให้รู้ว่าความไม่เพียงพอที่ไอ้มิครู้สึกไม่ได้เกิดจากความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจหรือความสงสัยระแวง แต่เกิดจากความรู้สึกที่เรียกว่าความคิดถึง ก็เพราะคิดถึงจนเกินไป เพราะความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอกมันมากมาย มากจนไม่รู้จะจัดการยังไง เท่านั้นเอง

“แล้วต้องทำยังไง ให้กูกระโดดเกาะคอ ขี่หลังมึงไปทุกทีเหมือนหนังเรื่องนั้นดีเปล่า จะได้ไม่ต้องเสียเวลาคิดถึง” ผมว่าพลางตวัดแขนกอดเอวอีกคนที่ทับกันอยู่ประกอบคำพูด พยายามเบิ่งตามองในความมืด อยากเห็นว่าไอ้มิคมีสีหน้าอย่างไร “มีแฟนขี้คิดถึงอย่างนี้ โรแมนติกดีว่ะ”


“………….”

ความพยายามในการเบิ่งตามองไม่เป็นผล ไอ้มิคผ่อนลมหายใจยาว ลมหายใจอุ่นๆที่ใกล้เข้ามาจนไม่แน่ใจว่าเป็นลมหายใจใครระหว่างเราสอง ลมหายใจในระยะกระชั้นกับหน้าผากที่แนบลงมาแทนริมฝีปาก ภาษากายที่บ่งว่าไอ้มิคไม่พอใจในคำตอบ ไอ้มิคที่ทับผมอยู่ตั้งแต่หัวจดหางแต่กลับกั๊กริมฝีปากไว้กับตัวยังมีสิ่งที่อยากบอก อยากได้ยิน

เห็นคนขี้คิดถึงออกอาการอย่างนี้ ก็เลยต้องเป็นผมที่กระดกคางส่งริมฝีปากตัวไปขโมยจูบเจ้าหญิงจำแลงดังจ๊วบใหญ่ๆ แล้วชิงสารภาพความนัย

“กูไม่รู้หรอกว่าอาการคิดถึงทั้งที่อยู่ด้วยกัน คิดถึงทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้มันเป็นยังไง เพราะสำหรับกู แค่ได้อยู่ใกล้ๆ ได้นอนอยู่ข้างกัน ได้เห็นหน้ามึงทุกครั้งที่หันมอง มันก็สุขจนคิดอะไรไม่ออกแล้วว่ะ”

“………….”

ไม่รู้ว่าเพราะตาชินกับความมืด หรือเพราะอีกคนที่ยังทิ้งน้ำหนักประกบผมเป็นปลาบนก้อนซูชิมันแสดงอิทธิฤทธิ์ เพราะอยู่ๆตาผมที่เบิ่งจ้องหน้าอีกฝ่ายก็ได้เห็นยิ้มมหาเสน่ห์กับแสงสปาร์คเหมือนสายฟ้าในตาอีกคู่

“… แล้วตอนนี้กูก็สุขมาก สุขจนจุก” ผมรัวลิ้นใส่หน้าที่แนบลงมา “เคยได้ยินเปล่า จุกจนหนังท้องตึงหนังตามันจะหย่อน เป็นสุภาษิตไทย แปลว่าง่วงโครตๆ ต้องนอนทั…!”

ไม่ทันการครับ ไอ้มิคงัดวิชาชิวหาพาเพลินมาเล่นไอ้กิมทีเดียวห้ากระบวนท่า เล่นเอาต้องกลืนคำพูดลงคอแล้วสับเอาเสียงครางมาเปล่งออกจากปาก แต่ไม่ต้องห่วงว่าเต้นท์ใกล้เคียงจะนอนสะดุ้งเพราะเสียงประหลาด ไอ้มิคมันเตรียมการมาดี พ่อยอดยาหยีของไอ้กิมถึงกับหิ้วเต้นท์มากางใหม่ ห่างจากคณะเดิมเหมือนไม่ได้มาด้วยกัน ส่วนผมที่ยื่นคำขาดไปว่าจะหลับหนีไปไม่ให้ความร่วมมือ สุดท้ายท้ายสุดก็ต้องชูสองแขนไชโย ให้มือร้อนๆดึงเสื้อออกจากหัวไปแบบสมยอม

ว่าไม่ได้จริงๆครับ ได้ยินเสียงกระซิบแหบๆจากคนที่จับผมพลิกคว่ำพลิกหงายระหว่างรูดกางเกงนอนไอ้กิมไปกองอยู่ปลายเต้นท์ กระซิบเสียงเซ็กซี่มาว่าหลับไปเถิดหนาไม่เป็นไร ได้ยินแล้วถึงกับขนลุกสู้ สู้ทำตาสว่างให้ความร่วมมือไปดีกว่า จะได้ไม่พลาดตอนสำคัญ

ราตรีสวัสดิ์ครับ

__________________________________ จบตอนพิเศษ อาการคิดถึง


จบแบบนี้ฆ่า  กันเลยดีกว่าไม๊ค่ะ คุณหมี  แต่ก็นะ  ไม่รู้ว่า  ตอนนี้แก้อาการคิดถึงมิคกิม หรือว่า เร่ง อาการคิดถึงกันแน่เนี่ย


หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[29/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: bvan ที่ 30-01-2011 22:57:35
 :o8: thinking  :z13: thank you for new section it's so lovely  :-[
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[29/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 30-01-2011 23:01:41
 :impress2: :-[ :o8:


อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เค้าก็อยากมีน้าาาาาาาาา อยากมีแควนขี้คิดถึงบ้างงงงงงงงงงงงงงงงง


เอร๊ยยยยยยยยยยยยยยย เขินนนนนนนนนนนนน

ปล.เพื่อนคนไหนของมิคกิมยังว่างบ้างมีมิคะ? แบบว่าปิ๊งยกก๊วน กร๊ากกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[29/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 30-01-2011 23:10:49
มิคน่าร้ากกกกกกกกกกกกกกก
 :-[  :-[

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[29/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 30-01-2011 23:21:09
แก้อาการคิดถึงได้ชะงักนัก 555
หวานกันกลางฟ้าดิน 'กิน'(กัน)กลางทราย >/////<

ไปแอบส่องจะทันไหมๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[29/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 30-01-2011 23:27:47
มิคน่ารักมากมายยยย  :-[
ส่วนกิมนี่ก็รู้ใจมิคตลอด

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 31-01-2011 00:05:06
หวานกันไม่มีตกจริง ๆ คู่นี้

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: BossZa ที่ 31-01-2011 01:01:47
 

       คิดถึงแล้วมันเป็นอย่านี้นี่เอง   :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: padang ที่ 31-01-2011 01:54:06
ดีจังเลย
มีอีกไหมคะ
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Sabaijai ที่ 31-01-2011 03:56:13
น่ารักทีีสู้ดดดดดดดดด
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 31-01-2011 11:38:26
มิคอ่ะ  บร้าที่สุดเลยยยย
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 31-01-2011 11:55:13
ไอ มิส ยู ทูววววววว มิคกิมมาพร้อมกับลมหนาว ที่หอบเอาความหวานมาให้อิจฉา ตอนแรกกำลังคิดอยู่เชียวว่าโอ้มานั่งชิดกับกิมได้ไง มิคไปไหน พอดีเจอกิมบอกซะก่อน และสุดหล่อมิคก็มาแบบพระเอกม๊ากมากกกกกก ใช้เท้าสะกิดเพื่อน กร๊ากกกกกกกกกกกก
+1 ให้ความหวานค่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 31-01-2011 13:57:46
ถ้าเร่งอาการคิดถึงมิคกิม มากกว่าอ่ะ
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 31-01-2011 14:39:38
มิค+กิม หวานรับเดือนแห่งความรักจริง ๆ อ่านแล้วน้ำตาลจะท่วมจอแล้วค่ะ
มิคนายสุดยอดแห่งความแมนเลย แต่ละคำพูด แต่ละท่าทาง ได้ใจคนอ่านไปเยอะเลย
กิมแม้จะปากแข็งแต่ก็อ้อนเก่งนะ มิคเลยไปไหนไม่รอด ตกหลุมเสน่ห์อย่างแรง
+ 1 แทนคำขอบคุณ อิจฉา ๆ ๆ ๆ ๆ ฉากหวาน ๆ ชายทะเลจริง ๆ เล้ย
 :pighaun:   :-[
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 31-01-2011 19:03:54
ถ้ามีแฟนอย่างมิค
อาการคิดถึงแบบนี้
ทำให้ตายในอ้อมกอดได้นะ :o8:
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Killua ที่ 31-01-2011 21:52:22
โอ้ยมีแฟนขี้คิดถึงมันเป็นแบบนี้นี่เอง  :o8:
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 01-02-2011 02:33:28
แน่ใจนะว่าไม่มีเพื่อนคนไหนแอบโผล่ออกจากเต้นท์มาดูหนังสดอ่ะ 555+
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: @StaR@ ที่ 01-02-2011 22:35:12
มิคพ่อยอดขมองอิ่มของกิมน่ารักสุดๆ
อยากจะมีแบบนี้บ้างจังเลยกิมแต่ว่า
แน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าจะไม่มีเพื่อนมาดูหนังสด
 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 01-02-2011 22:44:41
เฮ่อ กิมทำบุญด้วยอะไรค่ะ
ถึงได้มีแฟนน่ารักแบบนี้ อิชั้นจะรีบไปทำบ้างไรบ้าง
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: eyerabbit ที่ 02-02-2011 18:46:58
น่ารักโคตรๆๆ จบภาคนี้ แล้วจะมีใหม่ไหมเนี่ย แล้วเมื่อไหร่เหรอ
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 02-02-2011 21:12:23
ยิ่งอ่าน...ยิ่งคิดถึง :m3:
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: NannY ที่ 05-02-2011 12:17:46
โอ๊ยยยย คนอ่านยังไม่หายคิดถึงเลยค่าคู่นี้ ชอบได้อีกอ่ะ มิคกิม  :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 08-02-2011 00:20:19
ง่า มิคกิม กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ น่ารักจังน้า  :กอด1: แต่แบบว่าตอนจบห้วนไปนิดนะ  o22 :laugh:
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 08-02-2011 13:26:41
อ่านจบแล้ว อาการคิดถึงยิ่งกำเริบหนักขึ้นไปอีก
มิคยังรักเหมือนเดิมหรือยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำไป
ส่วนกิมก็น่ารักเว่อร์
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Heater ที่ 10-02-2011 20:43:56
หวานกันจน..... อิจฉา
น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 11-02-2011 14:53:18
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :m3: ชอบเรื่องนี้สุดๆๆๆๆๆไปเลยอ่ะ! เอาใจไปเต็มๆเลยคู่นี้ อิอิ :m1:


ป๋อหล๋อ รอ ตอนต่อไป ต่อไป และต่อไป อยู่น๊าาาาาาาาาาาาา  :L1:
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: iNklaNd ที่ 11-02-2011 16:48:52
เพิ่งเห็นว่าเล้าเอาเรื่องนี้มาลง
ว่าแล้วก็อ่านมันอีกรอบ...ยังชอบเหมือนเดิมเลย o13
มิคที่มันขี้รัก ขี้หึง ขี้หวง พอกับกับกิมลั้ง
แม่คนนั้นเห็นมิคซึมเศร้า เหงาหงอยเป็นไม่ได้
หล่อนเป็นอันต้องออดอ้อน เอาใจตลอดเวลา  :-[
สาวขึ้นๆ เรื่อยๆ เลยนะอากิมลั้ง
เล่วอย่างนี้อามิคจะปายหน่ายยยโพ๊งงงง...

ผัวเมียคู่นี้ไม่ไหว รักกันปานจะแหกตูดดม
เออออออ...มันแหกมันดมกันไปแล้วนี่หว่า  o22 อั๊วลืม!
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 12-02-2011 16:02:13
คิดฮอดเหมือนกันนะมิคกับกิม :กอด1:
น่ารักๆๆๆๆๆ น่ารักที่สุดๆๆๆๆๆ :o8:
เอาอีกๆๆๆๆ มาต่ออีกเยอะๆๆๆๆๆ :man1:
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Hachi_an1234 ที่ 15-02-2011 01:01:45
มาคิดถึงดอมินิคและพี่กิมมม ...
ฮุๆๆ
ไม่มีตอนพิเศษษษษษ ของ วาเลนไทเหรอ.. ฮับ..
คิดถึงอะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: u-only-one ที่ 08-03-2011 20:26:59
เรื่องนี้เพิ่งได้อ่าน และอ่านจบด้วยความรวดเร็ว

เป็นอีกเรื่องที่หลากรสชาติจริงๆ แต่ละรสก็สุดๆไปเลย
ไม่ว่าจะช่วงแรกอ่านไปฮาไปกับน้องกิมจ๊อ ขำแห้วจนปวดท้อง
พอจะช่วงโหด มิคก็โหดซะ พอจะซึ้งก็น้ำตาคลอตาม พออารมณ์หวานๆก็อ่านแล้วเขิน
เวลามิคแมน ดูแล เทคแคร์ มันทำให้รู้สึกว่าคนที่ได้รับไปขนาดนั้น ยังไงก็ต้องยอมทุกอย่างแล้ว
ใครจะต้านทานความแมนเทพไปซะทุกอย่างแบบ ดอมินิคได้เล่า  :impress2:

อีกอย่างที่ชอบคือความเป็นเหตุเป็นผลของการมีบทอัศจรรย์ เพราะเป็นบทที่อ่านแล้วได้เห็นอารมณ์รักอย่างชัดเจน
อ่่านแล้วได้อารมณ์ Making Love not Having Sex

ดอมินิค...ทำให้คนที่เค้ารักได้ทุกอย่าง " Everything I do I do it for you" แท้ๆเลย เริ่ดมากกกกกกกก  :m3:

ส่วน น้องกิม เป็นคาแรคเตอร์ที่โดดเด่นมาก น่าสนใจดี จะเหวี่ยง จะฮา แต่เป็นคนที่เพื่อนๆอยากอยู่ไกล้ น่ารักดีนะ

คุณหมีเขียนได้สุดยอดจริงๆ...เฮ้อ...อยากอ่านอีก  :impress:
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 15-03-2011 18:50:01
อ่านแล้วอ่านอีกๆ อ่านซ้ำๆอยู่นั่น
โฮะๆ เรื่องนี้เราชอบมวากกกก
ชอบสุดๆๆๆ ทั้งกิม ทั้งมิค (ถึงมิคจะแอบโหดไปนิด แต่ก็รักเจ้ากิมแบบทุ่มสุดตัวสุดใจจริงๆ อยากได้แบบนี้ซักคนจัง ฮริ้ววว)

ยังคงรอภาคต่อไปอยู่เสมอค่า
มีตอนพิเศษมาเรื่อยๆให้พอบรรเทาความคิดถึงไปบ้าง

ปล.อยากให้รวมเล่มมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 31-03-2011 16:49:52
ชอบอ่ะ

อ่านหลายรอบแล้ว และก็มีความสุขทุกครั้ง
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: tummy22 ที่ 08-04-2011 20:14:32
มีความสุขจังที่ได้อ่าน  ขอบคุณครับผม...
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: chiaki ที่ 11-04-2011 20:40:13
อ๊าายยยยยย~ ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้น๊าาาาาา~  :m3:
มิคน่ารักที่ซู้ดดดดด อยากได้มาอยู่ด้วยจางงงง  :m1: แต่มิคคงจะน่ารักแบบนี้เฉพาะกับกิมเท่านั้นหละเนอะ งั้นขอแพ็คคู่ ฮาๆ
ขอบคุณทั้งคนแต่ง และคนโพสต์มากมายค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: amkang12 ที่ 15-04-2011 20:46:18
สนุกมากเลยครับ ทั้ง มิค กับ กิม

แต่อ่านเรื่องนี้ ต้องสมาธิ ดีๆหน่อย 55

ขอบคุณกับ เรื่องดีๆที่แต่งมาให้อ่านน่ะครับ  :3123:
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: กบน้อย ที่ 16-04-2011 02:23:07
สนุกมากๆ หวานกันสุดๆเลย
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 16-05-2011 06:24:24
เพิ่งเข้ามาอ่าน
สนุกมากค่ะ
มิคน่ารักมากมายอยากได้แบบนี้สักคน
ส่วนกิมก็น่ารักดีค่ะ
ชอบๆค่ะ
ปล.อ่านรวดเดียวจบ ถึง6โมงเช้าเลย เอิ๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: w[o]w ที่ 17-05-2011 12:52:01
น่ารักมากกกกก
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: jincool ที่ 25-05-2011 15:16:38
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เข้ามารอตอนพิเศษอีกต่อๆๆๆไป

และแน่นอนมารอภาค 2 คร้า....
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 26-05-2011 18:48:32
อ่อๆๆเพิ่งรู้ว่าวิธีแก้คิดถึงเค้าทำกันแบบนี้ เดี่ยวเราเอาไปใช่มั่งดีกว่า
แต่ตอนเน้ต้องหาแฟนให้ได้แบบมิคก่อน เอิ๊กๆๆ :laugh:จะได้มั้ยหน้ออออ
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: nco1236 ที่ 30-05-2011 23:36:26
 :oo1:
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 01-06-2011 19:01:08
 :-[ ชอบเรื่องนี้มากๆ สนุก น่ารัก ชอบๆ

+1 ค่ะ
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 10-07-2011 00:26:22
เรื่องน่ารัก อบอุ่น อ่านเพลินรวดเดียวจบเลย

อ่านแล้วก็ให้อิจฉากิม อยากมีแบบมิคเป็นของตัวเองซักคนจัง อิอิ
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: pim_onelove ที่ 01-08-2011 16:52:59
เพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาอ่าน เพราะคุณเพื่อนส่งลิ๊งค์มาให้ บอกมีเรื่องสนุกให้มาตามอ่าน

โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ไม่ผิดหวังจริงๆ เรื่องสนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
น่ารักสุดๆ มิคกะกิม อะไรมันจะทั้งตลก ฮา ซึ้ง และหวานได้ขนาดนี้  o13

และที่เด่นสุดๆ คือ อ่านแล้วรู้สึกว่ามิครักกิมมากกกกกกกกกกก
มากซะจนอ่านเองยังอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเองเลย .......  :o8: :-[

และนักเขียนท่านนี้ยังเขียนเรื่องอื่นอีกไหมคะ
ใครทราบช่วยแนะนำหน่อย อยากอ่านผลงานของคุณหมีอีกมากๆ เลยค่ะ  :3123:
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 02-08-2011 20:12:36
เข้ามาบอกว่าคิดถึงกิม มิค และผองเพื่อนจังเลยค่ะ
อยากให้มีตอนพิเศษอีกจัง  :L2:
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: azure™ ที่ 02-08-2011 22:10:14
น่ารักมากๆเลยครับ อ่านแล้วเผลอบิดผ้าห่มเป็นเกลียวไปตลอดเรื่องเลย
อยากมีแบบมิคสักคนจัง แอร๊ยยย :o8:

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะครับ ^^
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: FlapJack ที่ 04-08-2011 18:36:53
ยังอ่านไม่จบ แต่มาขอแปะไว้ก่อน สนุกครับ  o13
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueFaith ที่ 05-08-2011 18:25:46
คนเขียนจ๋าาาา..

อยากให้มีต่อภาค 2 ใจจะขาด
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: zzz ที่ 07-08-2011 21:18:21
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด น่ารักได้ใจมากจ้า  :impress2:
อยากให้มีภาคต่ออ่ะ  o18
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: ppmayuree ที่ 08-08-2011 20:18:35
โอย...ตาย ตาย ตายแล้ว
อะไรจะหวานได้ขนาดนี้
กิมจ๊ะ... ทำบุญด้วยอะไรอ่ะ... อยากได้แบบนี้บ้างจัง
ขอบคุณ คุณ pim_onelove ที่บอกไว้ในนิยายแนะนำ
เลยได้อ่าน น้ำตาลผสมน้ำเชื่อมขนาดนี้ ขอบคุณคนเขียนด้วยค่ะ :-[
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 09-08-2011 14:24:33
โอยยคู่นี้น่ารักอ่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: ISee ที่ 24-08-2011 13:14:50
คิ ๆ น่ารัำกอ่ะ ชอบ ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: from_mars ที่ 07-09-2011 22:13:18
น่ารักจริง อะไรจริง...
พระเอกฝรั่งแสนดี มีหลุด หลง รัก แถมยัง หื่น...ได้ใจ
อุ๊ย..พูดอะไรออกไป เขิลจัง...
อ่านแล้วรู้สึกดีที่มีคนมารัก อยากรัก และดูแลคนอื่นแบบนี้บ้าง...
คาดหวังอะไรน่ะเหรอ? ก็คาดหวังให้เค้าดูแลเราแบบนี้บ้างไง อิอิ
ขอบคุณที่เอาเรื่องน่ารักๆ มาให้ได้อ่านกันนะคะ
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 08-09-2011 22:27:42
เพิ่งเจอเรื่องนี้ค่ะ'
น่าจะได้อ่านตั้งนานแล้ว สนุกมากเลยอะ
ชอบมิคแบบว่าคิดมาก น่ารัก ขี้งอน ขี้หึง ขี้หวง (ขี้หื่น)
ส่วนกิมก็ขี้อ้อน กลัวว่ามิคจะคิดมากน้อยใจ อ่านเรื่องนี้
แล้วอยากเป็นกิมอะ อิจฉากิม มิคติดกิมซะ ไม่อยากให้จบเลย
อยากอ่านต่อเรื่อยๆ นอกจากเรื่องนี้นักเขียนคนนี้มีนิยายเีรื่องอื่นบ้างมั้ยอะ อยากติดตามผลงาน

 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 09-09-2011 01:59:19
สนุกมากเลย
อ่านไปยิ้มไป
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 11-09-2011 18:40:45
สนุกมากกก จะหวานกันไปไหน อ่านไปๆจะจมกองมดตายอยู่แล้ววว มิครักกิมโคตรรร อ่านแล้วจะคลั่งตาย โฮกกกก
แอบอิจฉากิมนะเนี่ย ผู้ชายหล่อๆดีๆเพอร์เฟ็กต์แบบนี้จะหาได้จากที่ไหนอีกนะ เฮ้ออ T__T แต่ก็นะ คนเราวาสนามันต่างกัน
ขอบคุณทั้งคนโพสแล้วก็คนแต่ง ที่ให้เราได้อ่านได้รู้จักนิยายดีๆแบบนี้นะคะ ขอบคุณจริงๆ ชอบมากๆเลย ><
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: i_ang ที่ 18-10-2011 01:27:47
เพิ่งได้อ่าน เพิ่งอ่านจบ
มิคคคคคคคคคคคคคคคคค พ่อคุณ พ่อคุุณจะเทพไปไหนคะะะะะะ
กิมก็น่าร๊ากกซะ ><
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: raintear ที่ 18-10-2011 02:22:28
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยากอ่านต่อมากมาย  o13
 อยากให้มีตอนพิเศษอีกอ่าาา ~  :monkeysad:
คิดถึงกิมมิค + คุณหมี ด้วยค่าา :กอด1:
 
:L2:
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 18-10-2011 14:56:45
อยากอ่านต่อ คิดถึ๊ง คิดถึงงงง
คุณหมีจะเขียนภาค 2 มั้ยน๊า  o18
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: choicep ที่ 27-10-2011 19:12:50
สนุกมากคับ ติดตาม ตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: ฝันเฟื่อง ที่ 03-11-2011 17:03:33
 o13

เฮ้อ.....
ถ้าจะหาอย่างอ้ายมิคในชีวิตคงเป็นไปบ่ได้.....

เอ้ยยยยยยยยยยยโคตรประทับใจโคตรๆ

ขอบคุณมากครับสำหรับเรื่องราวอบอุ่นดีๆ

ซึบซาบสู่ดวงใจ  ให้รู้ว่าความรักใช่ว่าจะช้ำอยู่ร่ำไป... o22
หัวข้อ: Re: มาแว๊ววววววว..รักจัง ...อาการคิดถึง By""คุณ Meae[30/01/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 03-11-2011 21:18:11
ยิ่งอ่านยิ่งหลงรัก
กิม&มิคจะน่ารัก
กันไปไหนหวานจน
มดไต่กันให้วุ่น
ชีวิตจริงจะมีพระเอก
น่ารักแบบนี้อยู่มั๊ยเนี่ย
 :n1: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: พิเศษๆๆๆๆ....รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [11/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 11-11-2011 06:50:27
ขอดูตัวแฟนคลับมิคกิมหน่อยจ๊า............................

ถ้าแฟนเยอะ  สี่ทุ่มเจอกันน๊าาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: พิเศษๆๆๆๆ...รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [11/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 11-11-2011 07:09:18
มายกป้ายไฟเชียร์  เพิ่งเห็นอ่ะ
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: พิเศษๆๆๆๆ...รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [11/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: ben~ya ที่ 11-11-2011 07:31:15
 :L2:
รออยู่
หัวข้อ: Re: พิเศษๆๆๆๆ...รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [11/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 11-11-2011 08:12:15
เข้ามาโบกป้ายไฟรอ  :impress2:
หัวข้อ: Re: พิเศษๆๆๆๆ...รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [11/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Chigari ที่ 11-11-2011 09:19:57
โบกป้ายไฟจ้าาา
มิคกิม มิคกิม ><
หัวข้อ: Re: พิเศษๆๆๆๆ...รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [11/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: u-only-one ที่ 11-11-2011 09:56:22
 :pig2:  :pig2:  :pig2:

โบก 3 ป้ายเลย คิดถึ๊งคิดถึง มิกกี้กิมมี่
หัวข้อ: Re: พิเศษๆๆๆๆ...รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [11/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠♥♦♣ ที่ 11-11-2011 09:57:43
 :oni2:
มาเเสดงตัว โฮะๆ
หัวข้อ: Re: พิเศษๆๆๆๆ...รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [11/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 11-11-2011 13:18:19
มารอมิค กิม และเดอะแกงค์
หัวข้อ: Re: พิเศษๆๆๆๆ...รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [11/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 11-11-2011 13:38:06
 :z2:แสดงตัว
หัวข้อ: Re: พิเศษๆๆๆๆ...รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [11/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 11-11-2011 14:42:33
ไหนอ่ะ
หัวข้อ: Re: พิเศษๆๆๆๆ...รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [11/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 11-11-2011 16:11:21
เข้ามานั่งรอด้วยคน  :mc4:
หัวข้อ: Re: พิเศษๆๆๆๆ...รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [11/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: rule ที่ 11-11-2011 20:23:34
ปูเสื่อรองฟูก หมอนผ้าห่มพร้อมเปิดแอร์รอแล้วคะ
หัวข้อ: Re: พิเศษๆๆๆๆ...รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [11/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: BossZa ที่ 11-11-2011 21:45:37
เข้ามารอด้วยคน :L2:
หัวข้อ: Re: พิเศษๆๆๆๆ...รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [11/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: nemonoy ที่ 11-11-2011 22:15:17
รอ รอ รอ ตอนพิเศษ ^^
หัวข้อ: Re: พิเศษๆๆๆๆ...รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [11/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 11-11-2011 22:20:37
 :z2: รอคับ
หัวข้อ: Re: พิเศษๆๆๆๆ...รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [11/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 11-11-2011 22:49:12
รอ ร๊อ รอ
:D
หัวข้อ: Re: พิเศษๆๆๆๆ...รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [11/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 11-11-2011 23:34:59
กรี๊ด มิค กะ กิม จะมา
 :mc4:  รอค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 12-11-2011 00:09:19
รักจัง ตอนพิเศษ อีกด้านของความรัก
[/color]


สายฝนที่ตกลงมาในยามเย็นแม้จะเป็นเพียงฝนปรอยแต่ก็ทำให้การจราจรบนท้องถนนของเมืองกรุงเกิดอาการติดขัดไปทั่วทุกแห่ง ผู้คนเดินเท้าเร่งรีบไม่อยากเปียก รถเมล์รถส่วนตัวบีบแตรแย่งช่องทางจราจร เสียงสบถของคนขี่มอเตอร์ไซค์ที่ลัดเลาะซอกแซกมาเจอกันจนต้องเบรคกันตัวโก่ง มลพิษทางเสียง ความตึงเครียดในบรรยากาศกับความหม่นหมองของท้องฟ้า พาให้ใครต่อใครรู้สึกเหนื่อยหน่าย พาให้อารมณ์มันหดหู่ขึ้นมาทั้งที่ไม่ตั้งใจ ไม่เว้นแม้แต่ชายหนุ่มที่นั่งประจำที่คนขับอยู่ในบีเอ็มสีควันบุหรี่

ใบหน้าหล่อจัดที่ใครได้เห็นเป็นต้องเหลียวมองไม่แสดงอารมณ์ใดๆให้รับรู้ สายตาสีอ่อนเพราะการผสมข้ามเชื้อชาติจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าด้านข้างของอีกคนในรถ คนที่ตั้งแต่ขึ้นรถมาก็เอาแต่คุยโทรศัพท์จนเหมือนลืมไปแล้วว่ามีเขาอยู่ตรงนี้ คนที่แม้จะมองอยู่เป็นนานก็ไม่มีทีท่าจะหันมาสนใจ ไม่มีแม้แต่จะหันมามองเมื่อรถคันหลังบีบแตรไล่ให้ออกตัว

ชายหนุ่มดึงสายตากลับสู่การจราจรที่เริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้งด้วยอารมณ์ที่ไม่ได้ราบเรียบเหมือนสีหน้า แม้จะได้ยินอยู่ชัดเจนว่าคนที่อีกฝ่ายคุยด้วยคือน้องสาว โทรมาเพราะมีเรื่องปรึกษาและดูจะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่คุยได้ผ่านๆ เพราะคนที่อยู่ในสายตายกมือขึ้นเกาคางอยู่หลายครั้ง ลักษณะอาการที่มักแสดงออกเวลาครุ่นคิดจริงจัง แม้เจ้าของมือจะไม่รู้ตัวว่าติดนิสัยนี้แต่เขารู้ เขารู้ทุกอย่าง ทุกเรื่องถ้าเกี่ยวกับคนที่แคร์ยิ่งกว่าใครคนนี้

และใช่ เขารู้ว่ากิมไม่ได้ตั้งใจทำเมิน ไม่ได้เอาแต่เหม่อมองไปนอกรถเพราะเจตนา แต่ทั้งๆที่รู้ อารมณ์ขมๆจนฝาดเฝื่อนที่ไม่เคยได้รู้จักจนกระทั่งมาเจออีกฝ่ายก็ผุดขึ้นเต็มใจ แม้ว่าคนที่กิมคุยด้วยจะเป็นน้อง เป็นคนในครอบครัวที่ไม่มีวันผันความสัมพันธ์ไปในเชิงชู้สาว แต่ความรู้สึกที่เหมือนโดนแย่งความสนใจไปจากตน การที่เห็นคนข้างๆให้ความสนใจคนอื่น แม้เพียงน้อยนิด เพียงไม่กี่นาทีของวัน ก็ทำให้อารมณ์ขมๆที่ฝาดเฝื่อนอยู่ในอกมันพุ่งขึ้นมาจนแทบล้นทะลัก ความรู้สึกที่แม้ไม่ใช่หึงแต่ก็หวง หวงจนเกินพอดี เกินไปจนตัวเองยังแทบรับไม่ได้ และเขาก็รู้ดียิ่งกว่าใครว่าหลายครั้งหลายหนคนที่โดนหวงก็อึดอัดขัดข้องจนต้องแอบถอนใจ รู้ แต่ก็หยุดความหวงจนเกินพอดีนี้ไม่ได้ ดูท่าเขาจะอาการหนักเกินไปเสียแล้ว อาการหนักจนเกินเยียวยา

ดอมินิค แม็คแกรน ผ่อนลมหายใจอย่างหงุดหงิดกับความคิดที่เริ่มจะอึมครึมของตน ก่อนคว้าโทรศัพท์ที่สั่นครืดคราดอยู่ในช่องใส่ของข้างกระปุกเกียร์มากดรับสายโดยไม่สนใจมองชื่อหรือเบอร์ที่แสดงให้เห็น ก็เพราะมีไม่กี่คนที่รู้เบอร์ ไม่กี่คนที่ชายหนุ่มยอมให้โทรหา

“ครับ”

เสียงเข้มตอบรับแล้วนิ่งไปชั่วครู่ เพราะเสียงหวานใสจากอีกปลายสายที่รีบเอ่ยแนะนำตัว บอกว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใครได้เบอร์มาอย่างไร โทรมาเพราะคุณแม่ของพี่มิคบอกว่าพี่มิคอาจให้คำปรึกษาเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยที่น้องจะเข้าเรียนได้ เสียงใสๆพูดไปไม่มีติดขัด น้ำเสียงรื่นหู คำพูดคำจาน่าฟัง แสดงออกถึงความกระตือรือร้นในการโทรมาอย่างเต็มที่ หากแต่สิ่งที่ลอยเข้าหูชายหนุ่มกลับเป็นเสียงทุ้มๆของคนที่ไม่ได้ให้ความสนใจในตัวเขา เสียงทุ้มๆที่เจ้าตัวหันหน้าเข้ากระจกเหมือนไม่ต้องการให้คนที่นั่งอยู่ร่วมรถได้ยิน

เสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่ทิ้งหัวพิงเบาะกับเสียงที่พยายามกดให้เบาเหมือนไม่ต้องการให้เขาร่วมรับรู้เรื่องที่คุย ทำให้หัวคิ้วบนใบหน้าหล่อเหลาของคนขับเริ่มขมวดปม เสียงเข้มๆพูดตัดเสียงจากอีกปลายสายว่าให้ไปถามเรื่องที่อยากรู้กับน้องสาวเขาที่เรียนอยู่มหาลัยเดียวกัน แล้วกดสายทิ้งโดยไม่รอฟังคำตอบก่อนโยนมือถือส่งๆไปข้างกระปุกเกียร์

บีเอ็มสีควันบุหรี่หักเลี้ยวเข้าซุปเปอร์มาเก็ตเจ้าประจำที่มักแวะมาหาซื้อของสดไว้ทำอาหารในช่วงวันหยุด วันหยุดที่เริ่มตั้งแต่คืนวันศุกร์ วันเสาร์และอาทิตย์ที่ตกลงกันไว้ว่ากิมจะมาค้างที่คอนโด เย็นวันศุกร์อย่างนี้กว่าจะหาที่จอดรถของซุปเปอร์ได้ก็ต้องวนรถขึ้นมาเกือบถึงชั้นบนสุดของตึกจอดรถที่ไม่มีรถจอดอยู่ซักคัน เจ้าของรถถอยรถเข้าที่จอด ดับเครื่อง แล้วหันไปมองอีกคนที่ปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวอย่างเก้ๆกังๆเพราะมีโทรศัพท์อยู่แนบหู พอปลดเข็มขัดได้ก็เปิดประตูออกไปยืนรอ

เวลาผ่านไปเป็นนาทีจนคนที่คุยโทรศัพท์รอผิดสังเกตก้มมามองผ่านกระจกฝั่งคนขับ มือที่กำลังจะยกขึ้นเคาะเรียกชะงักอยู่กลางอากาศเมื่อสบเข้ากับตาอีกคู่ที่จ้องตัวเองอยู่ คนโดนจ้องกระพริบตางงๆอยู่หลายทีก่อนจะเดินย้อนกลับมาดึงประตูเปิดแล้วก้าวกลับเข้ามานั่งที่เดิม แต่เที่ยวนี้คนที่ส่งเสียงตอบรับหือๆอือๆใส่โทรศัพท์เลือกที่จะนั่งแบบหันมาทางคนขับทั้งตัว มือข้างว่างยื่นมาคว้ามืออีกคนไปวางบนตักก่อนเริ่มบีบๆนวดๆเหมือนจะเอาใจ

มือที่โดนอีกฝ่ายคว้าไปบีบๆนวดๆให้ความรู้สึกอุ่นๆ ความอุ่นที่มากจากอุณหภูมิของอีกคน ความอุ่นที่เกิดจากความใส่ใจของอีกคน กิมสอดนิ้วเข้าประสานมือเขาแล้วยกขึ้นจูบแบบมีเสียงติดๆกัน เจ้าของจูบเปิดหัวเราะเหมือนขันการกระทำของตัวเองก่อนดึงมือที่ยังเกาะกุมกันอยู่ไปคลึงเล่นบนตัก เมื่อเห็นว่าเขายังไม่ยอมยิ้มเจ้าตัวก็ฉีกยิ้มให้ดูจนเห็นเขี้ยวเหมือนจะให้ทำตาม ตาเรียวเหมือนตัวปลาที่เขาล้อบ่อยๆ ที่เขาชอบหนักหนา ถูกการยกยิ้มทำให้ยิบหยีจนเกือบปิด เช่นเดียวกับความหงุดหงิดในหัวใจเขาที่ระเหยหายไปไม่มีหลอ

แต่ยังก่อน แม้ความหงุดหงิดจะจางหาย แม้จะไม่ได้โกรธอีกคนตั้งแต่ต้น แต่ไม่ว่าเวลาไหนคนอาการหนักอย่างเขาก็ต้องการความสนใจจากอีกฝ่ายแบบเต็มกำลัง ต้องการให้ความคิดความสนใจของกิมอยู่ที่เขาคนเดียว ไม่มีทางยอมแบ่งให้ใคร และในตอนนี้แม้จะได้รอยยิ้มยิบหยี ได้มืออุ่นๆที่ประสานกันอยู่ หากแต่ความคิดส่วนหนึ่งของอีกคนยังอยู่กับคู่สนทนาในโทรศัพท์ คนขี้หวงจนเกินเยียวยาอย่างเขาจะพอใจได้อย่างไรกัน

ใบหน้าหล่อจัดไม่มีรอยยิ้มละสายตาจากคนที่กำลังฉีกยิ้มตรงมาแล้วหันหนีไปอีกทาง มือที่โดนเกาะกุมไม่ได้ดึงออกแต่ก็ไม่ตอบรับสัมผัส ปล่อยให้คนที่รอยยิ้มเริ่มจืดเจื่อนจับไว้เฉยๆ เสียงพูดคุยที่ได้ยินทิ้งช่วงไปหลายนาทีก่อนคนที่ยังจับมือเขาอยู่จะบอกลาน้องสาวแล้วกดตัดสาย เกิดเป็นความเงียบที่เงียบสนิทขึ้นในรถ

“… ไอ้แก้มโทรมา มันทะเลาะกับแม่เรื่องจะขอไปเที่ยวเชียงใหม่กับเพื่อน” คนพูดมองหน้าเขาระหว่างเปิดปากอธิบาย

“ดูท่าจะอัดอั้นตันใจมากเพราะแม่ไม่เคยยอมให้ไปไหน บอกแต่ว่าให้จบมัธยมก่อนแล้วค่อยว่ากัน มันเลยอาละวาดบ้านแทบแตก แต่สุดท้ายทำอะไรไม่ได้ก็เลยโทรมาร้องไห้กับกู”

“……………”

“ไอ้มิค… อ้ายมิค โกรธอะไรคร้าบ โกรธที่กูเอาแต่คุยโทรศัพท์ไม่ช่วยมองทางหรือ หรือเหงาปากที่ไม่มีเพื่อนคุย เอ๊ะ หรือคนที่โทรมาเมื่อกี้จะทำให้อารมณ์เสีย ใช่ไหม เมื่อกี้มีโทรศัพท์มานี่”

คนที่พยายามง้างปากเขาให้พูดยื่นมือมาจับหน้าให้หันไปหา ตาเรียวๆจ้องเป๋งมาสังเกตอาการก่อนหุบยิ้มแล้วทำหน้าหน้าจริงจัง

“ยิ้มหน่อยน่า ยิ้มตอนนี้แล้วเดี๋ยวค่อยไปบึ้งต่อในห้าง ขอแบบเข้มๆโหดๆอย่างนี้เลยนะเว้ย จะได้ไม่มีใครกล้ามอง แฟนหวง” คนพูดจบคำด้วยการพยักหน้าสำทับคำพูดตนเป็นจริงเป็นจัง

เจอมาอย่างนี้ไอ้ที่ว่าจะแกล้งตีหน้าขรึมเรียกร้องความสนใจอีกซักหน่อยเลยต้องหยุด หยุดแกล้ง หลุดเก็ก แล้วคว้าคอคนปากดีเข้ามาจูบให้สมใจ จูบย้ำๆซ้ำๆ จนคนที่ดิ้นขลุกขลักยอมตะกายข้ามกระปุกเกียร์มานั่งคร่อมตัก ยอมให้จูบจนหายใจหายคอไม่ทัน ยอมให้เขาล้วงมือเข้าลูบหลังลูบท้อง แล้วก็ยอมกระซิบคำรักกลับเมื่อโดนเขาพร่ำบอกคำเดียวกันครั้งแล้วครั้งเล่า

กิมที่โดนเขาจูบไปทั่วจนปากเจ่อหัวยุ่งซบหน้าลงมาบนไหล่ทั้งที่ยังหอบหายใจแรง ตัวเขาเองแม้จะเรียบเรียงลมหายใจได้เร็วกว่าแต่ก็ยังต้องสูดอากาศเข้าปอดลึกๆหลายครั้งเพื่อระงับอารมณ์ที่ประทุอยู่ในใจ อารมณ์ที่ทำให้อยากจับคนที่นั่งตัวอ่อนคร่อมกันอยู่กินเข้าไปทั้งตัวทั้งเลือดทั้งเนื้อ ทั้งหัวใจ ทั้งวิญญาณ อารมณ์ที่ทำให้พาลแต่จะอยากจูบ อยากสัมผัส อยากเข้าไปในตัวอีกฝ่ายให้ลึกที่สุด ให้แนบสนิทที่สุดทุกที่ทุกเวลา อารมณ์ที่หลอมรวมความต้องการของร่างกายและจิตใจจนแยกไม่ออก

กิมที่ดูจะหายใจได้คล่องขึ้นยันตัวออกจากเขาแล้วมองมาแบบพยายามทำหน้าให้เคร่ง ปากเจ่อๆขยับเป็นคำด่าให้รู้ว่าเคืองที่โดนแสดงความรักแบบหนักหน่วงไปนิดกลางลานจอดรถ แม้จะมีรถติดฟิลม์ทึบจอดอยู่คันเดียว แต่ก็เป็นที่โล่งแจ้ง ไม่ใช่ห้องหับมิดชิด อีกฝ่ายว่า ว่าแล้วก็ขยับตัวพยายามจะข้ามกลับไปที่นั่งอีกฝาก แต่เพราะโดนเขากอดไว้ทั้งตัวซ้ำยังไม่ยอมช่วยขยับที่ทาง คนที่ตวัดขาไม่พ้นพวงมาลัยรถเลยต้องนั่งกลับลงมาเหมือนเก่า

“สาดมิค จะนั่งกันอยู่ในนี้ทั้งคืนหรือไง ช่วยขยับก้นดันตูดกูออกไปหน่อยจะได้ไหม”

สีหน้ากวนๆทั้งที่ผิวหน้าผิวคอยังแดงจนลามไปถึงหูกับหัวที่ยังยุ่งทำให้รู้สึกหมั่นเขี้ยวขึ้นมาติดหมัด จนต้องคว้าคอคนพูดลงมากดจูบหนักๆอีกหลายที ก่อนจะตัดใจเอื้อมมือไปผลักประตูข้างคนขับให้เปิดออกแล้วขยับให้อีกฝ่ายที่ทุบอักลงมาเต็มอกได้ยักแย่ยักยันออกไปจากรถ พอยืนได้เต็มสองเท้าบนสองขา คนที่โดนเขาแสดงความรักจนหัวเหอกระเซิงก็ยกมือเสยผมลวกๆแล้วก้าวดุ่มๆตรงไปยังทางเข้าลิฟท์โดยไม่รอ

ร้อนถึงเขาต้องรีบล็อครถแล้วก้าวเร็วๆตามไป ตามไปยืนรอลิฟท์แบบประชิดตัว แล้วใช้เวลาที่ลิฟท์ดิ่งลงจากชั้นเก้าไปชั้นหนึ่งทำให้คนที่เดินไม่รอยอมให้เกี่ยวมือไปจับอีกครั้ง และเมื่อลิฟท์เปิดออกแขนเขาก็พาดอยู่บนไหล่คนข้างๆอย่างเป็นธรรมชาติ พาดเพื่อให้เดินอยู่ชิดติดกัน พาดเพื่อกันแมงหวี่แมงวันที่อาจบินเฉียดเข้ามา ก็บอกแล้วว่าคนอาการหนักอย่างเขามันขี้หวงจนเกินเยียวยา ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนก็เลยต้องแสดงความเป็นเจ้าของกันไว้ก่อนเป็นธรรมดา

หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 12-11-2011 00:14:55
“มึงว่าบทวูฟวารีนนี่ถ้าไม่ใช่ฮิว แจ็คแมนเล่นควรเป็นใคร” คนที่นั่งอยู่กับพื้นพรมหน้าโซฟาส่งเสียงมาชวนคุยตอนเขาเดินเช็ดหัวออกมากจากห้องน้ำ

“กูเคยอ่านเจอบทสัมภาษณ์ผู้กำกับเรื่องนี้ เขาว่าตอนแรกคาแรกเตอร์ตัววูฟวารีนต้องเป็นคนตัวเล็กหน่อยแล้วก็ไม่ล่ำมาก ออกแนวปราดเปรียวว่องไว แต่พอฮิว แจ็คแมนมาเคสเท่านั้น บทนี้ต้องยกให้พี่แกเลย เล่นได้ยังกะบทนี้แต่งมาเพื่อฮิม”

คนพูดที่อยู่ในเสื้อคอย้วยกับกางเกงนอนจากสองวันก่อนทิ้งหลังพิงตัวโซฟาแล้วจิ้มมะม่วงคลุกน้ำปลาหวานเข้าปาก เคี้ยวไปพูดไปโดยไม่ได้หันมาทางเขา ตาคนพูดจ้องอยู่กับจอโทรทัศน์ที่ฉายหนังเรื่องเดิมที่ดูมาแล้วหลายรอบ ดูแล้วดูอีกไม่รู้เบื่อ หนึ่งในนิสัยติดตัวที่ถ้าชอบอะไรแล้วก็จะชอบอยู่อย่างนั้นไม่ทิ้งง่ายๆ นิสัยที่ทำให้คนขี้เบื่ออย่างเขารู้สึกติดใจในครั้งแรกๆ

ชายหนุ่มร่างสูงหุ่นเกือบจะล่ำเท่าวูฟวารีนในจอทีวีที่ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงผ้าขนหนูผืนใหญ่เกาะเอวอยู่หมิ่นเหม่กับผ้าเช็ดผมอีกผืน ไม่ได้ต่อบทสนทนาเพราะรู้ว่าคนชวนคุยแค่พูดไปเรื่อยตามประสาเจ้าตัว ไม่ได้ต้องการคำตอบอะไรจากเขา ขายาวๆก้าวไปหาคนที่นั่งอยู่กับพื้นแล้วก้มข้ามโซฟาไปจูบหัวอีกฝ่ายก่อนเดินกลับไปทางห้องนอนเพื่อหากางเกงนอนมาใส่ติดตัว

ที่จริงให้อยู่ในผ้าขนหนูผืนเดียวจนเข้านอนเจ้าตัวก็ไม่เดือนร้อน แต่อีกคนที่ยอมมาค้างด้วยทุกสุดสัปดาห์มักตีหน้าปุเลี่ยนเมื่อเห็นเขาเดินโทงๆอยู่กลางห้อง เขาเคยบอกคนที่เดินไปรื้อกางเกงนอนมาส่งให้ถึงที่ว่าจะใส่หรือไม่ใส่ก็เหมือนกัน เดี๋ยวก็ต้องถอดอยู่ดีถ้ามีอีกฝ่ายอยู่ใกล้ๆ คนที่ยื่นกางเกงให้เขากระพริบตาปริบๆ แล้วตบมุขกลับมาให้ยิ้มได้ว่า

‘กูก็รู้นะว่าเดี๋ยวก็ต้องถอด แต่ไม่ต้องเตรียมพร้อมนักก็ได้ เห็นมึงในผ้าขนหนูหมิ่นเหม่ทีไรใจกูไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัว อย่างน้อยก็หากางเกงมาใส่ให้มันมีลุ้นหน่อยซิวะ อะไรจะเปิดสินค้าโชว์ตั้งแต่ยังไม่ได้ขาย’

ตั้งแต่นั้นมาเขาก็เลยต้องหากางเกงนอนมาใส่หลังอาบน้ำเพื่อให้อีกฝ่ายมีลุ้น แม้ว่าหลังใส่ไม่กี่ชั่วโมง บางทีไม่ถึงชั่วโมงก็ต้องรูดออกจากตัวเพื่อโชว์สินค้าเสียแล้ว ใบหน้าหล่อเหลากระตุกยิ้มเมื่อนึกไปถึงเรื่องเก่า มือหนาแต่ขาวสะอาดเลื่อนเปิดประตูตู้เสื้อผ้าแบบวอร์คอินเพื่อมองหากางเกงนอน แล้วคว้าตัวที่ใกล้มือที่สุดมาใส่ ก่อนเดินออกจากห้องไปหาคนที่ยังนั่งกินมะม่วงน้ำปลาหวานอยู่หน้าจอทีวี

เสียงมือถือที่สั่นครืดคราดอยู่แถวแพนทรี่ครัวทำให้ต้องชะงักเท้าแล้วเดินไปคว้ามากดรับ คนที่กรอกเสียงเข้มๆตอบรับน้องชายที่โทรมาจากอีกฟากโลกก้าวข้ามพนักโซฟาแบบสี่เบาะแล้วทิ้งก้นนั่งคร่อมไหล่คนที่นั่งพิงโซฟาอยู่บนพื้น มือข้างว่างยื่นไปยีผมคนที่เอนหัวพิงเข่าเขาแบบอัตโนมัติ นิ้วเรียวยาวเกี่ยวเส้นผมที่ยังนุ่มเหมือนผมเด็กแล้วสางเล่นอย่างเพลินมือระหว่างคุยโทรศัพท์ สางไปลูบไปจนเจ้าของผมเจ้าของหัวต้องยื่นมือมาตระครุบมือเขาให้หยุดตอนถึงฉากพีคในหนัง ท่าทางว่ามือเขาที่วนเวียนอยู่กับหัวอีกฝ่ายจะทำให้สมาธิในการดูหนังแกว่งไปหลายส่วน

คนที่จับมือเขาไว้ยิงรีโมทหยุดหนังแล้วลุกออกจากวงขาเขาไปเปิดตู้เย็นเทน้ำผลไม้เสียเต็มแก้วทรงสูง แวะเข้าห้องน้ำที่อยู่อีกฟากห้องแล้วกลับมาหย่อนตัวนั่งลงที่เดิม พอโดนเขาจับไหล่ให้เอนไปข้างหน้าคนที่นั่งพิงเข่ากันอยู่ก็เขยิบก้นเพิ่มที่ให้เขาไถลลงไปนั่งซ้อนหลังอย่างรู้คิว หัวทุยๆที่โดนเสยเล่นจนยุ่งเอนพิงหัวเขาที่เกยอยู่บนไหล่แล้วจิ้มมะม่วงยื่นมาให้ถึงปาก เขาโยนมือถือกลับไปบนโซฟาพลางอ้าปากรับชิ้นมะม่วงที่ส่งมา หากฮุบได้แต่ลมเพราะเจ้าของมือชักไม้จิ้มกลับแล้วส่งเข้าปากตัวเองหน้าตาเฉย

“ลืมไปว่ามันเผ็ด” คนพูดเคี้ยวของในปากจนแก้มตุ่ย แล้วชะโงกตัวไปคว้าน้ำผลไม้มาจ่อให้ถึงปากเขาแทน ครั้งพอเขาไม่จิบ ไม่หือไม่อือแล้วก็ไม่บอกปัด คนที่ถือแก้วค้างอยู่นานเลยเหล่ตาจากจอทีวีมาที่เขาเหมือนจะถาม

“อยากกินมะม่วง” เขาบอกพลางกระชับวงแขนรัดคนที่เอี้ยวตัวมามอง “ท่าทางจะหวาน”

“มะม่วงแรดนะไม่ใช่มะม่วงสุกจะได้หวาน แล้วนี่ยังแช่อยู่ในน้ำปลาหวาน ถึงมันจะชื่อน้ำปลาหวานแต่รสชาติมันไม่ได้หวานอย่างเดียว มันเผ็ดด้วย เห็นนั่นเปล่า พริกลอยเป็นเม็ดๆ”

“ก็กิมอมให้แล้ว จะเผ็ดได้ยังไง ต้องหวานต่างหาก”

คนที่ยกแก้วในมือขึ้นดื่มทีเดียวหมดไปเกือบครึ่งถึงกับสำลักกับคำพูดของเขา ไอค็อกแค็กจนหน้าดำหน้าแดง รีบกระแทกแก้วน้ำลงบนโต๊ะหน้าทีวีแล้วทุบอกตัวเองดังอั่กๆ เขาที่แค่ตั้งใจจะแหย่เล่นต้องรีบทุบหลังทุบไหล่อีกฝ่ายแล้วยื่นมือไปช่วยลูบหน้าลูบตาคนที่สำลักจนน้ำหูน้ำตาไหล

ลูบหลังลูบอกกันอยู่เป็นนาทีกว่าคนสำลักคำหยอกของเขาจะสูดหายใจยาวๆได้เป็นปกติ แล้วพอสูดอากาศเข้าปอดจนมีแรงพูดอีกครั้ง คำแรกที่ออกจากปากก็คือคำเจริญพรเขายาวเป็นชุด

“ขอโทษครับ ขอโทษ เอ้า ขวัญเอ้ยขวัญมา โอ๋ๆ” เขาพูดพลางดึงคนที่ขืนตัวหนีเข้ามากอดไว้กับอก ลูบไหล่ลูบแขนแล้วโยกตัวไปมาเหมือนกล่อมเด็ก

“เฮ้ย คนสำลักเว้ย ไม่ใช่เจอผี ขวัญไม่ได้บินไปไหน” คนที่โดนเขารัดไว้ทั้งตัวกระทุ้งศอกเข้าท้องมาให้รู้ว่าเคือง ก่อนขยับหามุมสบายแล้วทิ้งน้ำหนักใส่อกเขาแบบไม่มีกั๊ก ปล่อยให้โดนโยกตัวไปตามใจ

“สาดมิค พลาดตอนจบเลยดูดิ อุตส่าห์ดูมาตั้งนาน” คนบ่นงึมงำกดรีโมทเปลี่ยนระบบฉายหนังเป็นช่องทีวีธรรมดา แล้วก็ปล่อยให้เขาที่นั่งซ้อนกันอยู่ซุกหน้าเข้าซอกคอไปหอมไปดม ยอมให้ลากจูบจากแนวไหล่ไปข้างแก้ม ไปติ่งหู

พอโดนเขาดึงคอเสื้อย้วยๆจนหลุดจากไหล่ โดนถลกชายเสื้อขึ้นมาไล่จูบแนวกระดูกสันหลัง เจ้าของเสื้อที่เริ่มจะหอบหายใจเลยชูสองแขนให้เขาดึงเสื้อออกจากตัวแล้วกลับหลังหันมานั่งคร่อมตักตามที่โดนจับให้หมุน ปากแดงๆที่ยังมีรสหวานจากน้ำผลไม้เปิดรับลิ้นเขาที่ส่งเข้าไปกวาดชิมรสชาติ ลิ้นร้อนชื้นน้ำลายกระหวัดเข้ากับลิ้นเขาพร้อมเสียงทอดถอนใจของเจ้าตัว เสียงถอนหายใจที่กระตุ้นเร้าให้เขากดท้ายทอยอีกฝ่ายเข้ามาแนบปากอย่างตระกรุมตระกราม แม้ว่าคนที่โดนดูดดึงจะตอบสนองโดยการทิ้งน้ำหนักเข้าหาแล้วคว้าคอเขาด้วยสองมือเพื่อเอียงหามุมที่จะกินลมหายใจกันได้มากกว่าที่เป็นอยู่ แต่สีหน้าที่เห็นอยู่ชิดติดตาของอีกฝ่าย สีหน้าที่เขาไม่ยอมหลับตากั้น ก็ทำให้ความใกล้จนไม่มีแม้แต่ช่องว่างไม่เคยใกล้พอ

ไม่ว่าจะมีอะไรกันซักกี่ครั้ง ไม่ว่าจะได้เห็นมากี่หน แต่สีหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ใคร่อย่างเปิดเผย ท่าทางที่แสดงถึงความต้องการจนร่างกายบิดเร่าของคนที่กุมหัวใจเขาไว้ทั้งดวง ก็มักทำให้อะไรบางอย่างในอกขยายตัวจนแทบระเบิด ความคิดที่ว่าตัวเองเป็นคนทำให้กิมแสดงท่าทางอย่างนี้ออกมาทำให้สุขล้น อิ่มเอม จนหยุดไม่ได้ ยั้งไม่อยู่ที่จะแทรกตัว สอดลึกเข้าไปในร่างกายของอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อประทับความเป็นเจ้าของ แต่ในขณะเดียวกันความคิดที่ว่าหากวันหนึ่งคนที่นอนระทดระทวยอยู่ใต้ตัวเขาไปแสดงท่าทางอย่างนี้ให้ใครอื่นเห็น แม้เป็นเพียงแค่ความคิดที่ไม่มีมูล เป็นเพียงความคิดที่ผุดแว็บขึ้นมาในใจ ก็ทำให้เขาแทบคลั่งเพราะความหึงหวง

มือที่ลูบหนักๆอยู่ข้างแก้มดึงให้เขาคลายมือบนต้นคอที่จับอยู่ แล้วถอนลิ้นมาไล่เลียริมฝีปากสั่นๆของอีกฝ่ายที่พยายามเผยอหอบหายใจ หน้าแดงก่ำที่ยังกดตาปิดโขกหน้าผากมาพักหายใจหายคอพลางบีบไหล่เขาเป็นจังหวะระหว่างที่ปล่อยให้เขาไล้เลียความชื้นจากปลายคาง ลมหายใจที่อุ่นจนร้อนเป่ารดหน้าเขาถี่กระชั้นบ่งบอกว่ายังเรียบเรียงลมหายใจไม่ทัน แล้วอยู่ๆคนที่ยังแนบหน้าผากอยู่ติดกันก็ลืมตาขึ้นมาจ้องตาก่อนคว้าคอเขาไปไล่จูบถี่ๆไปทั่วหน้า ปากร้อนๆแนบซ้ำๆลงมาแถวขมับ แถวหน้าผาก ข้างแก้ม บนจมูก บนเปลือกตา บางจังหวะเป็นเพียงการปัดผ่านแผ่วๆ บางจังหวะมีดูดดึงแรงๆเหมือนจะทิ้งรอย

ปากที่กดจูบมาทั่วหน้าปัดผ่านมุมปากเขาอยู่หลายครั้งแต่ไม่ยอมจูบลงมาตรงๆ จนเขาต้องเป็นฝ่ายเอี้ยวหน้า ไล่ตามปากร้อนๆคู่นั้นเสียเอง หากแต่คนที่ยังคว้าคอเขาอยู่กลับผินหน้าหนี เบี่ยงหลบปากเขาที่ชะโงกตาม พอเห็นสายตาที่เริ่มกรุ่นเพราะความขัดใจกับมือที่ยื่นไปคว้าตัว กิมก็ก้มลงจูบปลายคางเขาแล้วลากเรื่อยไปตามลำคอ ปากร้อนๆขบเม้มต่ำลงไปขณะที่เจ้าตัวกระถดตัวเปลี่ยนจากท่านั่งคร่อมเป็นคุกเข่า มือที่บีบๆคลายๆอยู่บนต้นขาเขาเลื่อนมาจับขอบกางเกง ตาเรียวเหมือนตัวปลาจับจ้องอยู่ที่มือตนก่อนเงยขึ้นมองเขาเหมือนจะขอความเห็น

หน้าแดงก่ำที่เหมือนไม่แน่ใจแต่ก็ต้องการทำให้เขาต้องโน้มเข้าไปหา คว้าคออีกฝ่ายมาคลึงเบาๆพลางกดย้ำริมฝีปาก แล้วยันตัวขึ้น “please”

แล้วคนที่เหมือนจะแพ้คำนี้ของเขาก็กระตุกมือดึงกางเกงนอนให้ร่วงจากสะโพกเขาไปแบบพรืดเดียว ก่อนจะก้มหน้าก้มตาดึงส่วนที่เหลือให้หลุดพ้นปลายขา จากนั้นคนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าก็ยื่นมือมาจับสิ่งที่ดีดตัวแข็งเต็มลำทันทีที่ไม่มีสิ่งปกคลุม กิมมองหน้าเขาขณะรูดมือขึ้นลงหนักๆ พอเห็นเขาสะดุดลมหายใจ คนมองก็ก้มลงไปสนใจของในมือ ปากบวมแดงอ้ากว้างแล้วครอบลงมาทีเดียวอย่างต้องการเก็บเข้าไปให้ลึกที่สุด แต่เพราะความที่ไม่เคย ความไม่ประสา ทำให้เกือบจะสำลักเพราะความคับแน่นในปาก ตาเรียวๆที่ช้อนมองกลับมาที่เขาเหมือนจะขอความช่วยเหลือมีแววรื้นน้ำ

ภาพตรงหน้า ภาพที่ปากของอีกฝ่ายมีเขาเต็มแน่นจนแทบสำลักกับแววตาที่บ่งบอกว่าต้องการทำให้มากกว่านี้ ทำให้ความยับยั้งชั่งใจ ทำให้ทุกอย่างที่เหนี่ยวรั้งอารมณ์ไว้มันพังทลาย เขาก้มช้อนรักแร้อีกฝ่าย ดึงให้ปากหลุดจากท่อนเนื้อจนเกิดเสียงแล้วแนบหน้าลงคลึงเคล้ากับริมฝีปากกับลมหายใจของคนที่พยายามจะก้มลงไปหาของในมือ

“I It’s okay, babe กิม… กิมคนดี” เสียงที่ออกจากปากเขาแหบพร่าจนติดจะสั่น “ไว้ ไว้ครั้งหน้า I can’t wait anymore”

เขากดจูบซ้ำๆ แทรกลิ้นเข้าไปในปากที่เปิดรับของอีกฝ่ายอย่างเร่งร้อน แล้วยกตัวคนที่กลับมานั่งคร่อมกันขึ้นนั่งบนโซฟาโดยไม่ได้ตามขึ้นไป มือที่กวาดไปทั่วตัวอีกคนกระชากกางเกงจนหลุดติดมือแล้วยกต้นขาทั้งสองข้างของคนที่นั่งอยู่สูงกว่าขึ้นพาดไหล่ เสียงอุทานจากคนที่ตกใจกับความใจร้อนของเขาเปลี่ยนเป็นเสียงครางแทบไม่เป็นภาษาเมื่อโดนเขาจู่โจมท่อนเนื้อกับช่องทางเบื้องหลังพร้อมกันทั้งปากทั้งมือ

กิมที่โดนเขาจับนั่งคร่อมไหล่ขยับสะโพกเสยเข้าปากเขาตามแรงดูดดึง ท่อนเนื้อที่ขยายตัวเต็มขนาดเต้นตุ๊บๆอยู่ในปากเขา รสชาติเค็มๆของผิวเนื้อกับกลิ่นของอีกฝ่ายทำให้เขาเจียนคลั่ง จนต้องกดมือลงกับส่วนนั้นของตัวเองเพื่อยื้อเวลา มืออีกข้างนวดเฟ้นไปทั่วตัวอีกคนที่หอบหายใจจนตัวสั่น นวดเฟ้นผิวเนื้อจากท่อนขา แก้มก้น หน้าท้องขึ้นไปถึงริมฝีปากที่เผยอหอบหายใจ คนที่โดนนวดคลึงเนื้อปากแลบลิ้นออกมาเลียปลายนิ้วแล้วอ้ากว้างให้เขาสอดนิ้วเข้าไปคลึงเคล้า ตาปรือปรอยจับจ้องอยู่กับสายตาเขา แล้วคนที่หอบหายใจจนตัวสั่นก็พูดคำรักผ่านช่องว่างแคบๆระหว่างนิ้วเขาออกมา

เสียงสั่นๆเปิดเผยความรู้สึกทำให้ทุกอย่างแตกกระจาย เขาคว้าตัวคนที่นั่งคร่อมอยู่ยกลอยจากที่นั่ง ใช้สองมือแยกแก้มก้นให้เกิดช่องว่างมากที่สุดแล้วแหงนหน้าดันปลายลิ้นเข้าสู่ช่องทางแคบๆตรงหน้า กดปลายจมูกแนบไปกับร่องเนื้อ ดุนลิ้นแหงนคางเพื่อส่งลิ้นชื้นน้ำลายเข้าไปให้ลึกที่สุด แล้วสวนนิ้วที่ยังเปียกชื้นตามเข้าไปจนคนที่โดนรุกรานสะดุ้งสุดตัว เสียงสั่นๆส่งมาเรียกชื่อเขาซ้ำๆก่อนเจ้าของเสียงจะไถลตัวตกจากโซฟาโดยมีเขาที่ยังแทรกลิ้นอยู่กับส่วนนั้น

เขาเปลี่ยนท่าลุกขึ้นนั่งด้วยลมหายใจที่ถี่กระชั้นไม่แพ้กัน แล้วดึงคนที่คลานเข่าอยู่กับพื้นขึ้นนั่งตักโดยไม่ได้ดึงนิ้วที่กดลึกอยู่ในตัวอีกคนออก กิมคลานขึ้นคร่อมตักเขาอย่างทุกลักทุเลเพราะแรงเสียดสีจากเบื้องล่าง พอนั่งได้พอเข้าที่ก็ทิ้งหน้าลงซบบ่าเขาอย่างหมดแรง จังหวะที่อีกฝ่ายพอจะผ่อนลมหายใจได้เขาก็ดันนิ้วที่สองเข้าไปจนสุดแล้วงอหาจุดกระสัน สะกิดถูกจุดจนคนที่โดนเขากอดไว้ทั้งตัวต้องอ้าปากกัดลงบนไหล่ก่อนจะสั่นไปทั้งตัวในจังหวะที่ฉีดพ่นน้ำรักออกจากร่าง

เขาคว้าคอกิมที่กำลังปลดปล่อยเข้าขยี้ริมฝีปาก เป็นจูบที่เรียกร้องรุนแรง แสดงความเป็นเจ้าของอย่างถึงที่สุด นิ้วที่ขยับเข้าออกถูกดึงออกเปลี่ยนเป็นท่อนเนื้อร้อนเป็นไฟ แทงเสยเข้าสู่เนื้อนิ่มจนเจ้าของช่องทางสะดุ้งสุดตัว แม้จะมีสารช่วยหล่อลื่นที่เตรียมไว้อย่างดี แต่เพราะขนาดที่ใหญ่กว่าสองนิ้วจนเทียบกันไม่ได้ก็ทำให้กิมหายใจถี่กระชั้น ใบหน้าที่กดปิดเหยเกจนเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก เสียงที่เปล่งออกมาเรียกชื่อเขาเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน

แม้จะอยู่ในอารมณ์เจียนคลั่งจนแทบกดความต้องการไว้ไม่ได้ ความร้อนกับความคับแน่นที่บีบรัดตัวตนของเขาอยู่ทำให้หายใจแทบไม่ออก แต่เสียงกระซิบเรียกชื่อกันของคนที่ยอมให้เขากดตัวแทรกเข้าไป เหงื่อที่ผุดเต็มหน้าผากของคนที่เขารักสุดใจ ทำให้ความอดกลั้นที่เหลืออยู่น้อยนิดมันเข้มแข็ง

เขากระซิบบอกความรู้สึกรักที่คับแน่นอยู่ในอกแก่อีกฝ่ายด้วยเสียงแตกพร่า เรียกชื่อคนที่เป็นของเขาซ้ำๆ โอบกอดอีกฝ่ายไว้ด้วยความรักทั้งหมดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมีให้ใครได้

กิมที่แนบหน้าผากอยู่กับเขาถอนหายใจเหมือนสะอื้น หน้าแดงก่ำที่เปลี่ยนเป็นซีดขาวยกยิ้มน้อยๆพลางซบแก้มลงกับมือเขาที่ยื่นไปเช็ดเหงื่อ ตาเรียวเหมือนตัวปลาที่เขารักหนักหนามีรอยยิ้มอยู่ในนั้นแม้หน้าจะยังเหยเก ปากบวมแดงขยับพูดระหว่างที่เจ้าตัวเริ่มขยับสะโพก

“ทีหน้าทีหลัง ขอลดลงซักสองเบอร์ได้ไหมวะ เจ็บ… เหี้ยๆเลยว่ะ”

เขาเปิดยิ้มตอบรับคำพูดของอีกฝ่าย กระซิบคำรักเป็นครั้งที่ร้อยแล้วขยับสะโพกให้รับจังหวะกับคนที่กดตัวสวนลงมา จังหวะที่เริ่มจากใบหน้าเหยเกของอีกฝ่ายที่เปลี่ยนไปเป็นเสียงครางที่เก็บเอาไว้ไม่อยู่ เช่นเดียวกับเขาที่ต้องปล่อยเสียงคำรามออกจากคอเมื่อได้แทรกลึกเข้าไปในร่างกายของคนที่รักยิ่งกว่าใคร สอดตัวตนของเขากดลึกเข้าไปในจุดที่ไม่เคยมีใครได้เข้าถึง จุดที่จะไม่มีใครได้เข้าถึงนอกจากเขาคนนี้ เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น




จบตอนพิเศษ อีกด้านของความรัก




==================================================================

ขอโทษจริงๆค่ะ  เนทหอที่มาพักเพื่อสอบ กว  กากมากถึงมากที่สุด

แถมวันนี้คนแปะ กรอบแว่นแตกกลางสยามอีกตังหากด้วย ซวยสุดๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: raintear ที่ 12-11-2011 00:42:08
 :mc4:  :mc4:  :mc4:
กรี๊สสสสสสสสสสสสสส กิมมิคๆๆๆๆๆ  :-[
คิดถึงมากมาย และแล้วคุณหมีก็ไม่ทำให้ผิดหวัง 
สุดยอดดดดดดดดด  o13
ชอบพาร์ทมิคมากมาย มันทำใ้ห้รู้ว่ามิคนั้นรักกิมมากแค่ไหน  :o8:
สมกับที่รอคอย 555+
ส๊าธุ~  :call: ขอให้มีตอนพิเศษออกมาอีกเรื่อยๆเถ้ออ ไม่อยากให้เรื่องนี้จบเลย

เป็นนิยายเรื่องหนึ่งที่ชอบมากที่สุด  :L1:

ขอบคุณมากมายคร่าา  :กอด1:

 :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 12-11-2011 00:42:31
คิดถึงมิคกิมมากกกกกกกกก
ของเขาแรงจริงจังนะมิคเนี่ย ฮ่าๆ
แต่ชอบตอนที่กิมจูบมือง้องอนมิคในรถที่สุดเลย น่ารักอะไรอย่างนี้คะกิมคนดี


 :กอด1: ขอบคุณนะคะ ฝันดีค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Chigari ที่ 12-11-2011 01:08:46
โอ้ววววว พี่มิคน่าร๊ากกกกก
หึงหวงแบบไม่ลืมหูลืมตา แต่มว่าเน้อน่ารักอย่างกิมงี้มีคนเดียว อิอิ
ของเค้าดี
แต่ตามิคนี่ชอบพูดจาส่อนะคะ 555

ขอบคุณคุณหมีและคนแปะเน้อออ
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 12-11-2011 03:10:32
 :กอด1: กิมมิค คิดถึงมากมายยย
มิคนี่ขี้หึงน่าดูเลยแฮะ ส่วนกิมก็น่ารักตลอดดด
 :pig4: คนเขียนและคนโพสค่า
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 12-11-2011 08:39:16
ชอบมิค กิมที่สุดเลย
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 12-11-2011 10:36:57
คิดถึงคู่นี้จัง  น่ารักสุดๆ 
 :jul1:
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 12-11-2011 19:49:14
อร๊าย ย ย ยย
มิคหื่นน น น
กิม >//<
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: u-only-one ที่ 14-11-2011 12:50:48
 o13 

 :-[

 :m25:

หมดคำบรรยาย เิอิกส์ๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: emmybblood ที่ 14-11-2011 23:11:41
คู่เน้....  รักกันจนคนอ่านจะบ้าตาย อ๊างงงงง

รักมิค รักกิม เจ้าค่า
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: pim_onelove ที่ 15-11-2011 13:59:42
อยากอ่านผลงานเรื่องอื่นๆ ของคุณ Meae อีกจังเลย
ใครพอทราบไหมคะว่าต้องไปตามอ่านได้ที่บอร์ดไหนได้บ้าง  :pig4:   
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Mickii ที่ 15-11-2011 20:11:34
เพิ่งจะอ่านเรื่องนี้จบ... บอกได้อย่างเดียวว่าชอบมากๆๆๆๆ

เปงอีกเรื่องที่นั่งอ่านไปยิ้มไป ยิ้มจนเมื่อยแก้มไปหมด

มิคเปงผู้ชายที่สมบูรณ์แบบมากๆๆๆ แต่เวลาโมโห หรือหึงนี่น่ากลัวโคตรๆๆ
บวกด้วยอาการที่ไม่แคร์สื่อสายตาใครอีก นับว่ายอดเยี่ยม

ส่วนกิมนั้นน่ารักมากๆๆ ฮา มีเหตุผลบ้างหรือป่าวนะ 55555 ช่วงหลังๆ หวานกันไม่แคร์ใครเลยเนอะ
ทำซะเพื่อนชินกันหมดเลย

และบรรดาผองเิพื่อนทั้งหลายที่น่ารัก ช่วยกันพบมุขและเรื่องราวต่างๆ

ขอบคุนทั้่งคนเขียนและคนโพสต์นะคะที่นำมาให้ได้อ่าน

ที่บอกว่าจบภาคนี่หมายความว่าจะมีภาคต่อใช่ป่ะคะ ถ้ามีก้อจะมารอๆๆๆ ต่อไปเรื่อยคะ
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 15-11-2011 20:25:42
ของเค้าแรงจริง :กอด1:
ยังน่ารักเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 15-11-2011 21:05:16
มุมมองของมิคทำให้รู้ว่ามิคขี้หึงหนักมาก แต่กิมใช้ความรั่วสยบได้ อิอิ
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 16-11-2011 12:47:53
 แหม......มีน้อยใจมีงอน
 และสุดท้าย   มีน้องกิมง้อ
 น่าร๊ากนะเราน่ะ
  :o8: 
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 16-11-2011 16:19:04
 :o8:

 :m25:
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 16-11-2011 19:10:24
โอ๊ยยย อยากเป็นกิมจังเลย
อิจฉาเว้ยเฮ้ย
มีแฟนทั้งที จะหาได้ดีขนาดนี้มั้ยเนี่ย  :-[
มิคาเอลที่ร๊ากกกกก I love youuuuuuu
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: PAAPAENG~ ที่ 16-11-2011 21:12:34
โอ้ยยยยยยยยย!!
ชอบมาก  ไม่ไหวจะเคลียร์กับพ่อดอมินิค!!
ชอบผู้ชายแบบนี้
อยากด้ายยยยยยย  แต่คงไม่ผ่านกิม  555

ชอบมากค่ะ  อยากได้ตอนพิเศษอีก  :)
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: tum23082521 ที่ 16-11-2011 23:26:37
เกือบอ่านไม่จบเพราะโวหารเยอะมาก อ่านแล้วงงมีโวหารเกือบทุกบรรทัดแต่เนื้อเรื่องน่าติดตามเลยนั่งอ่านไปแบบงงๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Moon_Crying ที่ 17-11-2011 15:27:48
คิดไม่ผิดที่กดเรื่องนี้เข้ามาอ่าน
สนุกมากเลยค่ะ
มิคนี่ขี้หึง คิดมาก ครบเซตเลย
แต่ก็รักจริงสุดๆ กิมก็น่ารักมากเช่นกัน
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 17-11-2011 17:54:04
 :mc4: เย่ ได้อ่านแล้ว ขอบคุณค่ะ

มิคขี้หวงจิงๆ อิๆ คิดถึง กิม & มิค  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: FREEDOM16 ที่ 17-11-2011 18:28:52
อ่านแล้วประทับใจกับความรักคู่นี้มาากกๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: -i z e l i z e- ที่ 19-11-2011 23:54:27

ชอบอ่ะ ใช่เลยคู่นี้ >//<

คุณ Meae ได้แต่งเรื่องไหนอีกหรือเปล่าคะ? อยากจะตามอ่าน อิอิ

ปล.รอภาค 2 อยู่นะคะ  :oni2:

รัก มิค&กิม ^^
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: envylover ที่ 24-11-2011 01:45:32
อ่านจบแล้วชอบมากกกก >,.<

ผู้ชายแบบมิคหายากสุดๆ สุภาพบุรุษสุดหื่นอีกต่างหาก

อยากเป็นกิมให้มิครักจริงๆเลย กริ้ดดดดดดด มีความสุข
หัวข้อ: Re: รักจัง ...อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Ancier ที่ 25-11-2011 08:52:40
อ่านจบแล้ว  อย่าได้ผู้ชายอย่างมิคมั่งอะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: รักจัง ... By""คุณ Meae "มีใครอยากอ่านเรื่องอื่นของคุณหมีมั๊ยค่ะ" [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: cocorico ที่ 25-11-2011 13:44:35
ขอแบบมิคสักคนซิ๊

อิจฉากิมที่ซู๊ดดดดดดดดด

แต่ก็หวานมากๆๆๆๆๆๆ เลย แม่กิมลั้งกับพ่อมิค 55555555555+
หัวข้อ: Re: รักจัง ... By""คุณ Meae "มีใครอยากอ่านเรื่องอื่นของคุณหมีมั๊ยค่ะ" [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: emmybblood ที่ 25-11-2011 13:50:29
ขึ้นชื่อว่าคุณหมีแล้ว อยากอ่านทุกเรื่องเลยค่า..

คิดถึงแบรดกับทะเล (ใช่มั้ยน้อ...)  เคยอ่านเรื่อง รักพลิกล็อคฯ มานานมว๊ากกกก แล้วค่ะ

จะให้ดี อ้อนวอนคุณหมีให้แต่งเรื่องให้จบด้วยได้มั้ยค้า  T__T


จากความเห็นของคนอ่านคนหนึ่ง เราว่า ถ้าคุณหมีไม่แต่งต่อ แล้วเอามาลงที่นี่ จะชวนให้เล้าระเบิดเอา 555
หัวข้อ: Re: รักจัง ... By""คุณ Meae "มีใครอยากอ่านเรื่องอื่นของคุณหมีมั๊ยค่ะ" [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: prettypearl ที่ 25-11-2011 14:00:32
รักพลิกล็อค เคยอ่านแล้ว แต่ก็ยังอยากอ่านอีกค่ะ แต่อยากอ่านจนจบนะคะ *สบตสอ้อนๆ*
หัวข้อ: Re: รักจัง ... By""คุณ Meae "มีใครอยากอ่านเรื่องอื่นของคุณหมีมั๊ยค่ะ" [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠♥♦♣ ที่ 25-11-2011 14:10:45
ยกจั๊กกะแร้ อ่านด้วยคน
 :a1:
หัวข้อ: Re: รักจัง ... By""คุณ Meae "มีใครอยากอ่านเรื่องอื่นของคุณหมีมั๊ยค่ะ" [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 25-11-2011 14:44:57
 :กอด1:

อยากอ่านมาก

 :L2:

หัวข้อ: Re: รักจัง ... By""คุณ Meae "มีใครอยากอ่านเรื่องอื่นของคุณหมีมั๊ยค่ะ" [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 25-11-2011 14:58:02
 :a1:ยกมืออ่านด้วยค๊า
หัวข้อ: Re: รักจัง ... By""คุณ Meae "มีใครอยากอ่านเรื่องอื่นของคุณหมีมั๊ยค่ะ" [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 25-11-2011 15:05:49
 :กอด1:

เรื่องนี้อ่านแล้วเมื่อ ๕ - ๖ ปีก่อน, และทำให้ไม่ได้กินได้นอนอยู่เกือบ ๒ วันเต็ม เพราะมัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาอ่าน. เป็นเรื่องที่น่าติดตามมาก, ได้อ่านแล้วต้องตะบี้ตะบันอ่านจนหามรุ่งหามค่ำ. อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน. และจะเห็นว่า, ลีลาภาษาการเขียนนั้น แสบสันต์และเย้ยหยันมากกว่าเรื่องของกิมกับมิคอีก, เรื่องนั้นเหมือนกินน้ำพริกแซบทรวงเลยค่ะ. ขอการันตี.

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง ... By""คุณ Meae "มีใครอยากอ่านเรื่องอื่นของคุณหมีมั๊ยค่ะ" [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 25-11-2011 17:43:52
เข้ามายกมือด้วยคนค่า  :a1:
หัวข้อ: Re: รักจัง ..อีกด้านของความรัก By""คุณ Meae [12/11/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 25-11-2011 19:21:45
กราบสวัสดี มิตรรักแฟนคลับคุณMeae ทุกคน  เนื่องจาก คนแปะได้ติดต่อไปทางคุณ Meae แล้วเรื่องขอลง นิยายเรื่อง

"รักพลิกล็อค  ล็อคคอรัก" ที่เล้า

และคุณหมีตอบกลับมาว่า  เนื่องจากนิยายเรื่องนี้คุณ Meae ยังแต่งไม่จบและค้างมาหลายปีแล้ว  จึงไม่อยากจะทำให้  คนอ่าน

ทุกๆคนค้างเติ่งจึงขอไม่ลงนิยายเรื่องนี้นะคะ

ทั้งนี้คนแปะต้อง ขอโทษแฟนคลับ คุณ Meae ทุกคนด้วยนะคะ  ที่มาหลอกให้อยากแล้วจากไปแบบนี้
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4, โอ้ละหนอ ความรัก By""คุณ Meae [01/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 01-12-2011 13:06:51
เหมือนเดิมค่ะ  ขอโ มือแฟนคลับ  มิคกิม หน่อยค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4, โอ้ละหนอ ความรัก By""คุณ Meae [01/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 01-12-2011 14:42:27
อ้าวว 555 อดอ่านเลย
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4, โอ้ละหนอ ความรัก By""คุณ Meae [01/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 01-12-2011 15:22:23
ชอบผลงานคุณ Meae มากๆเลยค่ะ

มิคน่าร้ากกกกกกกกกก

(ป.ล.ฝากบอกคุณ Meae หน่อยนะคะว่ามีคนคิดถึงพี่ทะเลม๊ากมากค่ะ)
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4, โอ้ละหนอ ความรัก By""คุณ Meae [01/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 01-12-2011 15:25:36
มารอตอนพิเศษอีกตอน
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4, โอ้ละหนอ ความรัก By""คุณ Meae [01/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 01-12-2011 19:29:41
มารอตอนพิเศษค่า  :mc4:
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4, โอ้ละหนอ ความรัก By""คุณ Meae [01/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 01-12-2011 20:29:39
มายกมือว่าเคยอ่านเรื่องรักพลิกล็อคฯ
และรอตอนพิเศษต่อไป  :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4, โอ้ละหนอ ความรัก By""คุณ Meae [01/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: raintear ที่ 01-12-2011 23:55:31
กรี๊สสสสสส
ตอนพิเศษอีกตอนจะมาแล้ววว
ปูเสื่อนอนรอคร่าาาา

ดีใจที่ซู้ดดดด

 :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4, โอ้ละหนอ ความรัก By""คุณ Meae [01/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 01-12-2011 23:58:24
รอค่าาาาาาาา   :a1:
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 02-12-2011 02:18:29
รักจัง ตอนพิเศษ 4

"โอ้ละหนอ ความรัก"  



By  คุณ Meae

เนื่องจากอารมณ์มา ปัญญาเกิด + คิดถึงคนอ่านเช่นกัน วันนี้เลยเอารักจังตอนพิเศษมาฝากแบบไล่เลี่ยกับตอนที่แล้ว ขอบคุณทุกคอมเมนท์และแม้ไม่ได้เมนท์แค่เข้ามาอ่านคนแต่งก็ชื่นใจแล้วค่ะ

_______________________________


รักจัง ตอนพิเศษ 4 โอ้ละหนอ ความรัก


บ้านคุณเจอวิกฤตน้ำท่วมครั้งใหญ่หรือเปล่าครับ บ้านผมที่ต่างจังหวัดยังแห้งดีอยู่ ส่วนหอพักในเมืองกรุงก็ยังพอจะเรียกได้ว่าอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย บ้านใหญ่ไอ้มิคกับคอนโดยังเป็นปกติ ส่วนบ้านไอ้จั๋วโดนไปแล้วครึ่งแข้ง บ้านไอ้อ่อนโดนไปกลางลำตัว บ้านไอ้บีนี่แย่หน่อยเหลือแต่สันหลังคา

ถ้าคุณเจอภัยน้ำท่วมร่วมกับคนอีกครึ่งประเทศก็อย่าไปคิดมาก ถึงจะได้ชื่อนำหน้ามาว่าเป็นผู้ประสบภัยก็อย่าแสดงสีหน้าท่าทางให้สมกับชื่อ อย่าทำตัวประหนึ่งตกเป็นเหยื่อ คิดเสียว่ายังมีคนอีกมากที่แย่ยิ่งกว่า หรือให้ดีก็ให้ดูคนที่ไม่คิดอะไร เช่นไอ้จั๋วไอ้อ่อนและไอ้บี ที่แม้จะโดนน้ำท่วมบ้านจนต้องอัปเปหิไปนอนโรงแรม วันนี้มันก็ยังพายเรือต่อรถทหารมาขึ้นรถเมล์ออกมานั่งตักทรายใส่ถุง เป็นอาสาสมัครด้วยจิตอาสาประหนึ่งว่าบ้านตัวเองยังอยู่ดีไม่เดือดร้อน ซ้ำคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีชักชวนเพื่อนมาร่วมลงแรงยังเป็นคนที่บ้านเหลือแต่สันหลังคาอย่างไอ้บี มันว่าไหนๆบ้านก็ไปแล้ว มาช่วยกรอกทรายช่วยชาวบ้านสะสมบุญไว้ เผื่อรอบหน้าเผื่อเหลือเผื่อขาดยังไงจะได้รอด

หลังพยักหน้าให้กันคนละหงึก กลุ่มชายฉกรรจ์หุ่นไม่ไล่เลี่ยนับได้เจ็ดแรงกรรมกร ไอ้บี ไอ้จั๋ว ไอ้อ่อน ไอ้โอ้ ไอ้โยม ไอ้เดย์ และไอ้กิม ก็เลยได้มานั่งเก้าอี้พลาสติกเตี้ยๆล้อมวงกันอยู่หน้าภูเขาทรายลูกไม่ย่อม ณ ศูนย์อาสาสมัครไม่ใกล้ไม่ไกลจากมหาลัยตัวเอง ส่วนอีกหนึ่งสมาชิกที่ขาดหายไป ไม่ได้มานั่งหล่อฉายแสงจนอาสาสมัครจากส่วนอื่นไม่เป็นอันทำงาน ตอนนี้คาดว่าคงกำลังนั่งเครื่องมาได้ครึ่งทางจากบ้านเกิด เนื่องจากสามวันก่อนโดนโทรศัพท์จากอีกฟากโลกโทรมาตามตัวกันกลางดึก หลังรัวซาวว์แทร็คให้ผมที่นอนอยู่ร่วมใต้โปงผ้าได้สลึมสลือตื่นมาเป็นพยาน คนที่หัวยุ่งได้สุดแสนจะเซ็กซี่ก็โยนมือถือทิ้งไปทางแล้วหันมาคว้าไอ้กิมเข้าไปกกเป็นแม่ไก่ ปากแดงๆในแสงสลัวพึมพำงึมงำเล่าธุระมาสองสามประโยคก่อนตวัดโปงผ้าให้รู้ว่าหมดเวลานอน ผมที่เหลือกตาทันไปมองเข็มนาฬิกาตอนโดนซุกมาใต้รักแร้ เห็นรางๆว่าขณะนั้นเป็นเวลาตีสี่กับอีกสิบนาที

แล้วคนที่จับผมพลิกคว่ำพลิกหงายพลิกตะแคงตั้งแต่ตีสี่กับอีกสิบนาทีจนฟ้าสว่างกันคาตา ก็ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว ก่อนออกจากห้องคนที่หล่อเด้งจนไอ้กิมต้องหยีตามองยังไม่ลืมเดินมาลูบๆคลำๆเหมือนต้องการความขลังติดตัว ลูบไปคลำไปจนเกือบจะเลยเถิด ไอ้มิคสบถสองภาษาแล้วก้มมาสูบวิญญาณผมให้หลุดออกทางปากส่งท้าย แล้วบึ่งรถไปสนามบินตั้งแต่ยังไม่ได้ร้องเพลงชาติ นั่นเป็นเรื่องเมื่อสามวันที่แล้ว


“พวกมึงรู้รึเปล่าว่าการนั่งนานๆทำงานซ้ำๆจะมีผลทำให้เซลล์สมองฝ่อฟีบหีบเหี่ยว” ไอ้โอ้เริ่มเปิดปากหลังจากนั่งอมน้ำลายมานาน ในมือมีถุงใส่ทรายและกระบอกตักจากขวดพลาสติกตัดครึ่ง ตรงหน้ามีภูเขาทรายลูกไม่ย่อมรอให้จ้วงมาใส่กระสอบ

“กูเคยอ่านหนังสือมา เขาว่าสมองคนเราสามารถฝ่อได้โตได้ตามวิธีใช้ชีวิต ถ้าทำงานซ้ำๆนั่งนานๆถือว่าแย่ จะมีผลให้เซลล์สมองถดถอยถึงสิบแปดเปอร์เซ็นต์” คนพูดขยับลุกแล้วนั่ง นั่งแล้วลุกอยู่ห้าหกที โดยอุ้มถุงทรายที่กรอกเสร็จแล้วขึ้นยกไปด้วยประหนึ่งจะเปิดฟอร์ออกกำลังกาย ก่อนทิ้งก้นลงบนเก้าอี้พลาสติกเตี้ยๆแล้วคว้าถุงใบใหม่มาจ้วงทรายใส่ เป็นการกระทำที่สมกับเป็นไอ้โอ้จนไม่มีใครสนใจจะมองนอกจากอาสาสมัครอื่นที่ไม่ได้มาด้วยกัน

“หนังสือเล่มเดียวกับที่เขียนว่าให้ยืนจ้องตาเสือรึเปล่าวะ” ไอ้โยมยังคงฝังใจ แม้การวิ่งหนีเสือหนีหมูป่าจะผ่านมาแล้วหลายเดือน “ถ้าใช่กูจะได้ฟังหูซ้ายแล้วบังคับให้มันตีโค้งแนบกระโหลกแบบไม่ต้องผ่านสมองแล้วออกหูขวาไปซะ”

“ถ้าอย่างนั้นกูถามปัญหาให้พวกมึงได้ใช้สมองเอาเปล่า” ไอ้อ่อนที่นั่งอยู่ข้างไอ้โอ้รีบฉวยโอกาสจะเปิดวงตอบปัญหาทันใด รีบร้อนเนื้อตัวสั่นถึงกับชะงักงานในมือ เนื่องจากหลังๆโดนเพื่อนขัดจนไม่ได้ตั้งปัญหากลางวงข้าวมานาน

“ได้โปรดเห็นใจพวกกูเหอะไอ้อ่อน” ไอ้จั๋วรีบพูดก่อนไอ้อ่อนจะได้พ่นคำถาม “อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ แต่หลังๆกูชักจะสงสัยแบบจริงจังแล้วว่ามึงไปคัดลอกสำเนาปัญหาชวนตีนพวกนี้มาจากไหน มันถึงได้เทพเหี้ยๆจนสมองปกติอย่างพวกกูตอบไม่เคยถูก”

“ปัญหากูไม่ได้ยากขนาดนั้นซะหน่อย พวกมึงมันอ่อนด้อยจินตนาการเองต่างหาก” ไอ้อ่อนที่โดนขัดไม่ย่อท้อ เงยหน้าจากกองทรายขึ้นเสนอทางเลือก “งั้นเอางี้ ไม่ทายปัญหาแต่เล่มเกมส์ดีมะ เกมส์ซ้ำคำกู เป็นเกมส์ฝึกฝนความจำที่นาซ่าใช้เชียวนะมึง”

“โห ฟังแหล่งที่มาแล้วแทบไม่กล้าเล่น ดีนะที่ชื่อเกมส์มันยังเป็นภาษาไทย ไหนเล่นยังไงชนะแล้วได้อะไรวานบอก” ไอ้โยมยกมือถาม

“เล่นยังไงไม่รู้ แต่กูขอเสนอชาบูชิฟรีหนึ่งชั่วโมงสิบห้านาที” ไอ้โอ้รีบยกมือตอบ

“ถ้าไม่มีของรางวัลแล้วจะไม่เล่นกันหรือไง สาด ทำเป็นพวกบ้าการพนัน เสียยี่ห้อหมด” ไอ้จั๋วพูดได้ไม่อายปาก ทั้งที่ปกติไม่เคยมีใครยกมือทันมัน

“ปากเหม็นจริงไอ้จั๋ว เขาเรียกว่ามีเป้าหมายโว้ยมีเป้าหมาย” ไอ้โยมว่าพลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่เริ่มย้อยจากงานตรงหน้า แล้วหันมาหาพวกเอากับคนข้างๆที่เริ่มสเต็ปการลุกนั่งเป็นครั้งที่สิบ “ไม่ได้งกของรางวัลนะโว้ย แค่ไม่ชอบเป็นคนหลักลอย ทำอะไรไม่มีเป้าหมาย ใช่ไหมไอ้โอ้”

“ตกลงให้กูอธิบายได้ยัง” ไอ้อ่อนยกมือถาม “เกมส์นี้เล่นไม่ยาก แค่พูดอะไรก็ได้ออกมาหนึ่งอย่าง แต่ต้องทวนคำคนก่อนหน้าให้ได้ พูดทวนต่อๆกันไป คนไหนทวนไม่ครบโดนตัดออก จนเหลือคนสุดท้ายที่จำได้มากสุด จับแจกไปเลยชาบูชิฟรีหนึ่งมื้อ”

“อ๋อ เกมส์นี้กูเคยเล่นตอนเด็กๆ ไม่อยากจะคุยว่าแชมป์ครับแชมป์ เสร็จกูแน่พวกมึง” ไอ้จั๋วกระหยิ่มยิ้มย่องแล้วรีบผันตัวไปเป็นคนเปิดเกมส์ พ่นคำแรกออกมาก่อนใคร

“วัวสองตัวไม่มีหาง” ไอ้จั๋วว่า

“วัวสองตัวไม่มีหาง หมูสามตัวไม่มีหู” ไอ้โยมรีบต่อ

“วัวสองตัวไม่มีหาง หมูสามตัวไม่มีหู ไก่สองคู่ไม่มีหงอน” ไอ้โอ้บวกสัตว์พิการเข้าขบวน

“วัวสองตัวไม่มีหาง หมูสามตัวไม่มีหู ไก่สองคู่ไม่มีหงอน ปลาทองบ้านกูสมบูรณ์ดี” ไอ้อ่อนว่าตามประสาคนรักสัตว์

“วัวสองตัวไม่มีหาง หมูสามตัวไม่มีหู ไก่สองคู่ไม่มีหงอน ปลาทองบ้านกูสมบูรณ์ดี ปวดขี้” ผมต่อ

“วัวสองตัวไม่มีหาง หมูสามตัวไม่มีหู ไก่สองคู่ไม่มีหงอน ปลาทองบ้านกูสมบูรณ์ดี ปวดขี้ ห้าร้อยยี่สิบบาทที่ยืมกูไปใครรู้ตัวเอามาคืนด่วน” ไอ้เดย์ได้โอกาสประกาศทวงหนี้ทันที

“วัวสองตัวไม่มีหาง หมูสามตัวไม่มีหู ไก่สองคู่ไม่มีหงอน ปลาทองบ้านกูสมบูรณ์ดี ปวดขี้ ห้าร้อยยี่สิบบาทที่ยืมกูไปใครรู้ตัวเอามาคืนด่วน อยากไปสวนทานตะวัน” ไอ้บีว่ามาซะหน่อมแน้ม

“วัวสองตัวไม่มีหาง หมูสามตัวไม่มีหู ไก่สองคู่ไม่มีหงอน ปลาทองบ้านกูสมบูรณ์ดี ปวดขี้ ห้าร้อยยี่สิบบาทที่ยืมกูไปใครรู้ตัวเอามาคืนด่วน อยากไปสวนทานตะวัน… สองห้าเจ็ดสี่สามแปดหกศูนย์ศูนย์” ไอ้จั๋วท่องเลขออกมากะเผด็จศึก เล่นเอาเพื่อนต้องเงยหน้าจากกระบอกทรายในมือมองมันกันตาปริบๆ

“วัวสองตัวไม่มีหาง หมูสามตัวไม่มีหู ไก่สองคู่ไม่มีหงอน ปลาทองบ้านกูสมบูรณ์ดี ปวดขี้ ห้าร้อยยี่สิบบาทที่ยืมกูไปใครรู้ตัวเอามาคืนด่วน อยากไปสวนทานตะวัน สองห้าเจ็ดสี่สามแปดหกศูนย์ศูนย์ ได้แดกของฟรีอร่อยที่ซู้ด” ไอ้โยมคนมีเป้าหมายยิ้มเพล่ แสดงสุดยอมความจำมาทวนเลขไอ้จั๋วได้

“วัวสองตัวไม่มีหู หมูสามตัวไม่มีหาง ไก่สองคู่ไม่มีหงอน ปลาทูบ้านกูสมบูรณ์ดี ปวดขี้ ห้าร้อยยี่…” ไอ้โอ้ต้องหุบปากลงกลางคันเพราะเสียงโห่ของเพื่อนฝูง โดนอัปเปหิเด้งออกจากเกมส์ไปเป็นรายแรกจากวัวไม่มีหู หมูไม่มีหาง และปลาทองที่กลายเป็นปลาทู

แล้วเกมส์ซ้ำคำกูที่เริ่มแบบชิวๆก็ทวีความดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ เพราะเพื่อนพ้องที่ปกติมักทำหน้าเอ๋อสมองเบลอกลับงัดความสามารถแฝงมาสู้กันชนิดจริงจังจดจ่อจนถึงกับกรอกทรายไม่เข้าถุง พูดทวนพูดซ้ำกันไปวนได้เกือบสามรอบแล้วก็เหลือตัวเล่นอยู่สามสมอง หนึ่งคือไอ้จั๋วอดีตแชมป์เด็ก สองคือไอ้โยมคนมีเป้าหมาย สามคือไอ้บีม้ามืดที่มีพรายกระซิบลักษณะคล้ายไอ้อ่อนนั่งเยื้องอยู่ด้านหลัง คาดว่าสองคนนี้จะฮั้วการประมูล ไอ้โอ้ที่เห็นไอ้บีมีตัวช่วยรีบย้ายก้นพร้อมเก้าอี้เข้าไปเป็นฝ่ายหนุนไอ้โยม แต่กลับโดนดีดออกมาเพราะมัวแต่จะเปลี่ยนปลาทองเป็นปลาทูมันอยู่นั่น กลายเป็นว่าไอ้โอ้ ไอ้เดย์และไอ้กิมที่ตกรอบกันมาถ้วนหน้าก็ได้แต่ผันตัวมาเป็นกรรมกรกรรมการ มีหน้าที่คอยทำหูกระดิกจับผิดเพื่อน

เล่นกันไปครึ่งค่อนวันจนในที่สุดไอ้จั๋วแชมป์เด็กก็ลุกพรวดขึ้นกำหมัดชกอากาศ แสดงอาการดีใจออกนอกหน้าที่ป้องกันแชมป์จากไอ้โยมไว้ได้ ไม่มีแคร์สายตาคนอื่นๆที่นั่งอยู่ร่วมวง ส่วนไอ้โยมที่แพ้ไปอย่างฉิวเฉียดก็ออกแอ็กติ้งชนิดโอเวอร์ไม่ให้น้อยหน้า ถึงกับท่องไอ้ที่เล่นกันมาทั้งหมดเป็นบทสวด ท่องไปตักทรายใส่ถุงไปด้วยปากขมุบขมิบ เรียกความเห็นใจปนหวั่นใจจากเพื่อนฝูงจนโดนจับแจกรางวัลปลอบใจเป็นข้าวมันไก่เจ็กจีนฟรีหนึ่งมื้อ

นั่งทะลวงภูเขาทรายกันมาตั้งแต่รถเมล์เที่ยวแรกพึ่งออกวิ่งจนพ้นเวลาอาหารเที่ยงก็ได้ฤกษ์ยกก้นจากเก้าอี้ ลุกขึ้นมาเป็นกรรมกรเต็มตัว ยืนเรียงแถวห่างกันคนละหนึ่งช่วงแขนเพื่อทำหน้าที่สายพานแรงมนุษย์ โยนถุงทรายส่งต่อๆกันจากจุดบรรจุไปให้ถึงรถหกล้อ งานนี้ดูไอ้โอ้จะทำได้ดีกว่าใครเพื่อน กล้ามเปล่งเป็นป็อปอายส์หลังอัดผักโขมแสดงผลงานได้สมราคาคุย หันรับหันส่งได้รวดเร็วว่องไวจนโดนจับเปลี่ยนตัวสับแถวไปอยู่กับทหาร เนื่องจากแถวชาวบ้านแถวนี้รับและส่งถุงทรายให้มันไม่ทัน

กว่าจะลำเลียงทรายขึ้นหกล้อได้เต็มห้าคันรถเวลาก็ย่ำค่ำ ฟ้าเริ่มมืดพอๆกับสภาพอาสาสมัครที่เริ่มหม่น แต่ละคนหน้ามัน หัวหูเต็มไปด้วยผงฝุ่น ท่าทิ้งแขนลงข้างตัวคล้ายๆกันบอกให้รู้ว่าไม่ได้มีแต่ไอ้กิมที่ไม่ฟิต จะมีก็แต่ไอ้ป็อปอายส์ที่เหมือนว่าฤทธิ์ผักโขมจะยังไม่หมด ไอ้โอ้อึดชนิดว่าทหารหลายนายต้องเดินมาตบบ่าพลางส่ายหน้ายอมแพ้ เห็นแล้วก็ให้เกิดความคิดต้องไปขอเคล็ดลับการฝึกกล้ามเนื้อจากเพื่อนไว้สักหน่อย เผื่อวันไหนจะได้งัดเอาไปใช้กับคนที่ชอบตวัดกันขึ้นบ่าเวลาไม่ยินยอม

แล้วเหล่าอาสาสมัครกว่าห้าสิบชีวิตที่มารวมตัวกันวันนี้ก็ได้เวลาตบฝุ่นออกจากตัวแล้วแยกย้ายกันกลับบ้านตอนนาฬิกาบอกเวลาสองทุ่มสิบนาที พวกผมเจ็ดคนลงความเห็นว่ารางวัลที่หนึ่งและรางวัลปลอบใจขอผลัดกันไปก่อน เอาเป็นอาทิตย์หน้าอาทิตย์อื่นที่จะสามารถจับช้อนจับตะเกียบได้แบบมือไม่สั่นแล้วค่อยยกขบวน ไอ้จั๋วเจ้าของรางวัลพยักหน้าหงึกหงักพลางบีบนวดแขนตัวเองแล้วตบเท้ากลับไปพร้อมไอ้บีไอ้อ่อนและไอ้เดย์ วันนี้เหล่าผู้ประสบภัยน้ำท่วมสามหน่อจะพากันไปค้างบ้านไอ้เดย์ ส่วนผมกับไอ้โอ้แยกออกมาขึ้นรถเมล์คนละสาย ก่อนกระโดดขึ้นปอออแปดไอ้โอ้ยังมีแรงหันมาช่วยแม้ค้าที่ยืนจ่ออยู่ด้านหลังยกถุงสัมภาระสามห่อเบ้งขึ้นรถด้วยท่าทางเหมือนไม่ได้ผ่านการยกถุงทรายแปดกิโลติดต่อกันมากว่าสี่ชั่วโมง

ไอ้โอ้โบกมือบ๊ายบายแล้วผลุบหายไปในปอออแปด ปล่อยผมยืนรูดลูกชิ้นปิ้งออกจากไม้ด้วยมืออันสั่นเทาอยู่หน้าป้ายรถ ผมเคี้ยวลูกชิ้นที่ซื้อมาจากรถเข็นห่างออกไปไม่เกินสิบก้าวพลางซึมซับบรรยากาศตรงหน้าที่ห่างหายไปเสียนาน กลิ่นควันรถจากท่อไอเสีย เสียงบีบแตรไล่มอเตอร์ไซค์วิน ภาพสาวออฟฟิสในส้นสูงแหลมปริ๊ดกระโดดขึ้นรถเมล์ แม่ค้าหอบข้าวของวิ่งตามรถที่ทำท่าว่าจะไม่จอด สีหน้าต่างๆกันไปของผู้คน เคี้ยวไปมองไปความคิดก็เริ่มไพล่ไปถึงใครอีกคน คนที่โผล่มาอยู่ข้างกันเมื่อสี่ปีก่อน ไอ้มิคที่พาตัวเองกลับมาเจอไอ้กิมอีกครั้งแล้วแทรกตัวเข้ามาอยู่ในความคิด ในใจ ไอ้มิคที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกหวยรางวัลแจ็กพอตอยู่ทุกวี่วัน ไอ้มิคที่ทำให้ผมนอนไม่หลับอยู่ค่อนคืนเพียงเพราะไม่มีมันร่วมแชร์โปงผ้า

เจ้กุ่ยพี่สาวผมที่แต่งงานไปแล้วสองครั้งครั้งละสองปี เคยมาบ่นกลางวงข้าวให้ฟังว่าช่วงข้าวใหม่ปลามันมีเวลาเท่ากับช่วงทดลองงานคือสามเดือน สามเดือนแห่งการชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ ตื่นเช้าก่อนออกจากบ้านต้องจูบปาก ตกเย็นก่อนปิดตาหลับต้องมีการหลับนอน เป็นช่วงเวลาชื่นมื่นที่เข้าขั้นหน้ามืดตาบอดของคนสองคน แต่หลังจากผ่านระยะทดลองใช้กันไปแล้วความรักคับอกจะเข้าสู่ภาวะความเป็นจริง อาการสิเน่หาที่พาลให้อยากกระซิบคำหวานใส่หูอีกฝ่ายทุกเช้าค่ำเริ่มเปลี่ยนจากนมข้นเป็นนมจืด อารมณ์พิศวงพิศวาสที่พาให้อยากสำรวจร่างกายอีกฝ่ายทุกทีที่เวลาและกำลังวังชาอำนวยเริ่มหดหาย เรียกว่าพอผ่านช่วงระยะรับประกันกันไปแล้ว คู่ไหนต่อคู่ไหนก็จะเริ่มมีความไม่ชอบใจเล็กๆน้อยๆต่อพฤติกรรมของฝ่ายตรงข้ามตามมา

หลังจากผมสารภาพรับรักไอ้มิคไปกลางตลาดหัวหิน ตลอดจนผ่านการจับมือกันมีชัยไปในครั้งแรก นับเวลาจากวันนั้นถึงวันนี้ก็เรียกได้ว่าผ่านระยะทดลองใช้มาแล้วนานนม ให้ระบุชัดเจนลงไปก็ต้องว่าผ่านเข้าไตรมาสที่สามตามปฏิทินมาแล้ว แต่อาการสิเน่หาของไอ้มิคที่คอยแต่จะจับจังหวะหยอดคำหวานใส่ไอ้กิมยังเรียกได้ว่าคงที่ไม่มีตก จนหลังๆปากผมก็ชักจะหวานเป็นพระเอกยี่เกตามอีกฝ่ายไปติดๆ อารมณ์พิศวงพิศวาสก็ยังกระหน่ำตีแสกหน้าไอ้มิคแล้วลามมาถึงไอ้กิมจนไม่มีวันไหนที่ผ้าผ่อนไม่หลุดหากได้อยู่สองต่อสองในห้องในหับ

แม้จะมีบางช่วงแถวๆเทศกาลลอยกระทงที่ความรักเหมือนจะตกหลุม แต่พอได้เปิดปากเผยความในใจใส่กันซึ่งๆหน้าก็กลายเป็นว่าเป็นเรื่องของความเข้าใจผิด ผมที่คิดว่าไอ้มิคเริ่มเบื่อก็เก็บมาเศร้า ไอ้มิคที่คิดว่าไอ้กิมไม่รักก็เก็บไปซึม กว่าจะดันอารมณ์ตกร่องให้กลับเข้าที่เข้าทางเข้าใจกันให้ถูกก็กินเวลาอยู่เป็นอาทิตย์ แต่หลังจากนั้นดอกรักก็ยิ่งผลิบานจนจะล้นทุ่ง เหมือนมีใครเอาพลุมายิงฉลองให้อยู่ทุกวี่วัน

เรียกว่าแม้จะรับรักกันมาแล้วถึงสามไตรมาส คำนวณเวลาได้เก้าเดือนกับอีกสิบสองวัน เก้าเดือนสิบสองวันที่ตกดึกเมื่อไหร่เป็นได้คึก ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของห้อง ไม่เกี่ยงว่านั่งกระดิกตีนดูทีวีหรือยืนตากผ้าอยู่ริมระเบียง ไอ้มิคจะมีอารมณ์จับผมคลุกวงในได้ทุกสถานการณ์ แม้เพื่อนจะยอมผ่อนหนักเป็นเบาเอาแค่ลูบๆคลำๆ ไม่เอะอะกางเกงหลุดติดกันสองคืนซ้อนให้เดินกันไม่เป็น แต่ผมที่โดนนวดตั้งแต่หัวถึงหางอยู่แทบจะทุกเช้าค่ำก็ให้รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นก้อนแป้งที่โดนปั้นจนจะขึ้นรูป พาให้คิดไปว่าทฤษฏีข้าวใหม่ปลามันของเจ้กุ่ยนั้นไม่ถูกต้อง หรือคิดอีกทีอาจเป็นที่ผมกับไอ้มิคเองที่ไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่อง มีช่วงเวลาหน้ามืดตาบอด เอาแต่จะหลงอีกฝ่ายจนโงหัวกันไม่ขึ้นเกินลิมิตคนอื่นเขา

คิดมาถึงตรงนี้ก็ให้คิดถึงคนที่อยู่ในความคิดเป็นกำลัง แม้ไอ้กิมจะไม่ค่อยได้แสดงออกเหมือนไอ้มิคเนื่องจากมักโดนขโมยซีน แต่เอาเข้าจริงผมเองก็หลงมันหัวทิ่มหัวตำไม่แพ้ใคร ดูเอาว่าแค่ไม่ได้เห็นหน้าสามวันกว่าๆก็รู้สึกคิดถึงขึ้นมาจับใจ ถามว่าไอ้มิคที่อยู่อีกฟากโลกจะคิดถึงไอ้กิมไหม ตอบแทนได้ว่าคิดถึง แต่จะถึงขนาดหลับไม่ค่อยสนิทอยู่ใต้โปงผ้าเหมือนผมไหมอันนี้เดี๋ยวต้องถามกับเจ้าตัว คาดว่าพรุ่งนี้ค่ำๆคงได้เห็นหน้าเห็นตาให้ได้ชื่นใจ

คิดไปคิดมารถเมล์แอร์ยี่สิบสามป้ายสิบหกบาทก็ปาดหน้าแท็กซี่เข้าจอดป้ายให้ได้กระโดดลง ผมก้าวลงจากรถพร้อมอาการชะงักตามผู้โดยสารอีกหลายคน สาเหตุอาการชะงักเท้าของทั้งสาวทั้งหนุ่มหน้าป้ายรถเมล์คือคนๆหนึ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อลูมิเนียมยาว ร่างกายสูงใหญ่ทำให้ที่นั่งเตี้ยๆของป้ายรถเมล์ดูเหมือนเก้าอี้เด็ก เสี้ยวหน้าขาวๆที่ก้มจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์ในมือหล่อจัดจนคนเดินผ่านพากันหยุดมอง แม้จะอยู่ในเสื้อยืดคอปาดแบบดูออกว่าปาดเองกับมือกับยีนส์ซีดๆแถมหนีบรองเท้าแตะ คนที่พาให้ใครต่อใครต้องชะงักเท้าก็เหมือนหลุดออกมาจากหน้าหนังสือโฆษณาเสื้อผ้าแบรด์ดัง มากกว่าจะเป็นคนจริงๆที่มาโผล่อยู่แถวป้ายรถเมล์

ไอ้มิคยกมือถือขึ้นแนบหูในจังหวะเดียวกับที่โทรศัพท์ในกระเป๋าผมสั่น แล้วคนที่โทรมาก็เงยหน้าสแกนสายตาไปแถวบริการขนส่งมวลชนที่พึ่งปาดเข้าป้าย เล่นเอาไทยมุงที่แอบมองพากันหลบตา ประหม่าไปตามๆกัน ผมที่ยังชะงักอยู่ริมฟุตบาทเห็นคนแอบมารอทำเซอร์ไพรส์ข้ามวันแล้วบอกตรงๆว่าอยากโผนเข้าไปลูบหน้าลูบตาลูบตัวให้หายคิดถึง แต่เนื่องจากสถานที่และสถานการณ์ไม่อำนวย ยังมีพยานรู้เห็นแถวนี้แถวโน้นอีกเป็นสิบ ไอ้กิมเลยต้องทำจิตใจให้เข้มแข็งแล้วรีบสาวเท้าหลบฉากไปยืนแอบกดรับโทรศัพท์ ช่วยกันแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าแฟนแอบมานั่งหล่อรอรับที่ป้ายรถเมล์

“ฮัลโหล” ผมกรอกเสียงไปตามสัญญานไร้สายพลางแอบมองข้ามหลายหัวไปยังไอ้มิคที่ยังกวาดสายตาอยู่กับกลุ่มคนที่ทยอยกันลงจากรถ

“ฮัลโหล ขอสายแฟนมิคหน่อยครับ” เสียงทุ้มๆตอบมาอารมณ์ดี

“แฟนมิคพูดอยู่ครับ นั่นใช่แฟนกิมหรือเปล่า” ต้องจัดไปให้เท่าเทียม

“ใช่ครับ คิดถึงแฟนจัง” คนพูดก้มหน้าแอบยิ้ม ลักษณะท่าทางดูดียังกับอยู่ในมิวสิควีดีโอ “กิมอยู่ไหน เสร็จงานหรือยัง”

“เสร็จแล้วๆ กำลังจะกลับ แล้วมึงอยู่ไหน เสียงเหมือนอยู่ข้างนอก” ถามแล้วแอบขำตัวเอง เล่นอะไรกันอยู่วะ

“ก็อยู่ข้างนอก นั่งคิดถึงกิมอยู่ อยากเห็นหน้าเร็วๆ” ยอดยาหยีของผมตอบได้ไม่มีอาย เล่นเอาสาวที่นั่งรอรถเมล์อยู่ใกล้เคียงแอบหน้าแดง

“เดี๋ยวรีบไปเข้าฝันเลย เร็วพอไหมวะ” ผมตอบพลางชะโงกมองคนที่ส่งเสียงหัวเราะหล่อๆมาตามสายที่กำลังกวาดสายตาอยู่กับกลุ่มคนโดยสาร เห็นอาการตั้งอกตั้งใจมองหาแล้วอยากวิ่งไปชูป้ายแสดงตัว จะได้จูงมือพากันกลับห้องแล้วแสดงความคิดถึงกันเสียให้หนำใจ

“พอไหว แต่ทำไมรู้สึกเหมือนคิดไปอยู่ฝ่ายเดียว ยังไม่ได้ยินแฟนเราบอกสักคำว่าคิดถึง” สมเป็นไอ้มิคของไอ้กิมจริงๆครับ เรื่องหน้าด้านหวานจนเลี่ยนอย่างนี้ไม่มีใครเกิน

“คิดไม่คิดไม่รู้ แต่วันนี้เห็นฉลากบนถุงทรายเป็นหน้ามึงเลย เงยมาเจอไอ้บีนี่ก็เห็นเป็นหน้ามึงเหมือนกัน หันไปเห็นไอ้โอ้ โห แม่งหล่อล่ำกลายเป็นลูกครึ่งซะงั้น” ผมหยุดจังหวะก่อนหยอด “อย่างนี้เรียกคิดถึงเปล่าวะ”

คนที่ผมยืนหลบเสาแอบมองเปิดยิ้มจาง หล่อแทบฉายแสง ปากอิ่มๆที่ตาไอ้กิมเหล่ไหลไปมองขยับพูดอะไรบางอย่างตอบมา แต่ยังไม่ทันที่จะฟังได้ศัพท์ก็มีอันต้องสะดุ้งกับมือหนักๆที่ตบมาบนไหล่พร้อมเสียงดังปานฟ้าฝ่าของไอ้อ่ำที่ชะโงกเข้ามาทักแทบจะติดกระบอกหู

“ไอ้กิม! มายืนทำอะไรลับๆล่อๆข้างเสาไฟ ดักรอกูอยู่หรือไง” ไอ้อ่ำหน้าเกลี้ยงเกลายกขวดเซปเป้บิวตี้ดริ้งค์ขึ้นดูดเหมือนสูบ ก่อนเหลือบข้ามไหล่มาเห็นว่าผมมีโทรศัพท์แนบอยู่ติดหู “อ้าว คุยกับใครอยู่”

ผมกลับหลังหันมากระพริบตามองไอ้สำอางอ่ำกับขวดน้ำในมือไล่ไปถึงถุงเซเว่นที่เพื่อนหิ้วอยู่ ในหูได้ยินเสียงแห่งความเงียบชนิดเงียบกริบมาจากมือถือที่แนบอีกกระบอกหูอยู่ รู้โดยไม่ต้องเดา คนที่เงียบไปได้ยินแน่ๆ

“วันนี้มึงอยู่คนเดียวใช่ปะ ดีเลย กูจะได้ไปเล่นเกมส์ที่ห้องมึง พึ่งยืมไอ้โก๋มา” ไอ้อ่ำที่โผล่มาเปิดเผยที่ซุ่มซ่อนผมยังพูดไปเรื่อยพลางยกถุงเซเว่นขึ้นจิ้มไส้กรอกกิน ไม่ได้สนใจเลยว่าไอ้กิมไม่หือไม่อือตอบ

ผมแนบหูฟังความเงียบในโทรศัพท์แล้วรีบส่ายหน้าส่งสัญญาณให้ไอ้อ่ำที่กำลังจะยกมือขึ้นพาดไหล่กันได้เอะใจ ยกอีกมือที่ยังว่างปิดปลายมือถือแล้วกระซิบไล่เพื่อนซึ่งๆหน้า ไอ้อ่ำที่ปกติรู้ตัวรอดเป็นยอดมนุษย์ เห็นไอ้กิมขยิบตาถี่ๆใส่เมื่อไหร่เป็นต้องเดินฉีกไปอีกทาง วันนี้ต่อมรับสัญญาณกลับไม่ทำงาน ท่าทางเพื่อนคงนอนใจว่าคนที่มักทำให้ผมตากระตุกยังอยู่อีกฝากโลก ไม่มีทางโผล่มาแผ่รัศมีคุกคามมันแถวป้ายรถเมล์กรุงเทพ มันก็เลยไม่ยอมจับสัญญาณการส่ายหน้าไล่ของผมแล้วเอื้อมมือมาตบหัวที่กำลังส่ายไล่ของไอ้กิมดังป๊าบ ก่อนออกปากถามไถ่เสียงไม่เบา

“เป็นอะไรของมึง ส่ายหัวเป็นพระเอกอินเดียเชียว หน้าไม่ให้โว้ยหน้าไม่ให้” ไอ้อ่ำยกแขนขึ้นพาดไหล่ผมแล้วดันให้ออกเดินพลางต่อ “รีบกลับไปเล่นเกมส์กันดีกว่า คืนนี้ไม่มีก้างขวางคอ บอกเลยไม่เช้าไม่เลิ!...”

คนที่พยายามดันไอ้กิมออกจากมุมมืดที่ซุ่มซ่อนพูดได้ไม่จบประโยค หน้าขาวๆอ้าปากค้างอยู่ครึ่งๆ ไอ้อ่ำชะงักเหมือนสวิตช์โดนกดปิด มือที่พาดไหล่ผมอยู่กระตุกหลุดในจังหวะเดียวกับที่เจ้าของมือก้าวถอยห่างไปหลายช่วงตัว รู้โดยไม่ต้องเดาเป็นครั้งที่สองของวัน พระเอกโผล่มาเข้าฉากเข้าให้แล้ว

หน้าตื่นๆกับระยะที่ถอยหนีไปเป็นโยชน์ของไอ้อ่ำเกือบทำให้ผมที่ยังมีโทรศัทพ์อยู่แนบหูหลุดขำ ถ้าไม่รู้ไม่เห็นไม่เคยเป็นพยานชนิดประชิดตัวมาก่อนผมต้องว่าไอ้อ่ำมันโอเวอร์แอ็คติ้งค์ แต่เนื่องจากประสบการณ์ตรงหลายต่อหลายงานทำให้ขำไม่ออก ได้แต่พยักหน้าหลายๆหงึกให้กำลังใจส่งไปแล้วเปิดปากเปิดทางหนีทีไล่ให้เพื่อน

“เดี๋ยวกูแวะเซเว่นก่อน มึ…”

“ได้ๆ แล้วเจอกันที่มอเว้ย กูไปล่ะ” ไอ้อ่ำรัวลิ้นตัดประโยค ยกมือโบกแล้วกลับหลังหันเดินหนีไปไวปานวอก

ผมเองก็กลับหลังหันแล้วยื่นมือไปคว้าแขนคนที่ยืนอยู่แทบชิดติดหลังให้ออกเดินไปทางร้านสะดวกซื้อ คนที่ยอมให้จับจูงไม่ยอมก้าวตาม ไอ้มิคยื่นมือมาคว้าคอผมเข้าไปหาแล้วก้มมากระซิบซะติดขมับ

“เดี๋ยวเถอะ”

ปากอุ่นๆขยับพูดอยู่ชิดขมับก่อนก้มมาฉกจูบหนักๆไปที มือที่อยู่แถวท้ายทอยเริ่มคลึงนิ้วเรียกความสยิวจนต้องตีปีกเข้าสีข้างเจ้าของปากเจ้าของมือไปทีบ่งบอกสถานที่ แม้จะเป็นมุมมืดข้างเสาไฟใกล้พงหญ้าแต่ก็ยังอยู่แถวป้ายรถเมล์

“เดี๋ยวเถอะอะไร มานั่งรอใครที่ป้ายรถหา” ผมทำเสียงหาเรื่องแต่ปากดันหุบยิ้มไม่ลง “ไหนว่ากลับพรุ่งนี้”

ไอ้มิคที่ไม่เคยจะแคร์สถานที่ไม่ยอมให้ปีกผมขัดขวางอาการสิเน่หา ก้มมาสูดจมูกอยู่กับกกหูผมไปฟืดใหญ่ก่อนเงยมาถอนหายใจยาว

“อยู่ไม่รอด คิดถึงกิม”

“…………….”

“คิดถึงมากๆ”

ได้ยินคำบอกคิดถึงจากคนขี้คิดถึงปากผมก็พาลจะกระตุกตอบเป็นมุกไปให้ขำ แต่ตาสีจางที่จ้องตรงมาทำให้ปากต้องหุบฉับ อะไรบางอย่างในตาอีกคู่ทำให้ผมไม่รู้จะตอบยังไง เสียงที่เอ่ยบอกคำคิดถึงติดจะแผ่วเกินกว่าทุกทีกับสีหน้าจริงจังที่เกินกว่าสีหน้าของการบอกคำคิดถึงทำให้ผมหาคำพูดมาต่อบท มาตอบรับไม่ได้ แม้ว่าคำคิดถึงจะเป็นคำที่ไอ้มิคพูดกับผมเสมอ แล้วผมก็เข้าใจอาการคิดถึงที่อีกฝ่ายบอกออกมา แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่คำคิดถึงของคนตรงหน้าจะส่งผ่านความรู้สึกที่หนักหน่วงเข้าขั้นหนักอึ้งจนแค่ได้ยินก็เจ็บในหัวใจอย่างครั้งนี้ ไม่มีครั้งไหนที่ผมจะเข้าใจอาการทรมานของความคิดถึง เข้าใจได้ เพียงแค่ได้ยินเท่าครั้งนี้

หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 02-12-2011 02:24:35
“… ขอบใจที่รีบกลับมานะ” ผมพูดสิ่งที่ผุดขึ้นในใจออกไปแทนการคิดหาคำพูดอื่นใดมาตอบ
“ให้รออีกวันกูรอได้ รอได้ แต่นอนไม่หลับเลยว่ะ”

“ไม่น่าเชื่อว่าแค่ไม่มีมึงนอนอยู่ข้างๆ กูก็นอนไม่หลับเอาจริงๆ”

“………………”

ไอ้มิคไม่ได้ยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรตอบมา ตาสีจางยังจ้องเข้ามาในตาผมเนิ่นนานเหมือนต้องการซึมซับหน้าซีดๆกับหัวเซอๆของไอ้กิมไว้ด้วยการมอง เหมือนว่าทั้งที่ได้กลับมายืนอยู่ใกล้กันแค่นี้ ความคิดถึงก็ยังเกาะกุมอยู่ในหัวใจ อาการที่ทำให้ผมต้องคว้าหัวทุยๆลงมาซบไหล่ ปล่อยให้คนตัวโตที่แปลงสภาพเป็นเด็กหน้าขาวในวันวานคว้าไปกอดไว้ทั้งตัว

“กูก็คิดถึง คิดถึงไม่แพ้มึงเหมือนกันหรอกไอ้มิค”

คนที่ซบหน้าอยู่กับไหล่ผมสูดจมูกเอากลิ่นเหงื่อกับฝุ่นทรายบนเสื้อไอ้กิมเข้าไปเต็มปอด แขนแน่นกล้ามออกแรงรัดเหมือนจะย้ำก่อนคลายกำลัง ปล่อยผมออกจากตัวแล้วยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาแรงๆ ไอ้มิคหลุบตามองพื้นอยู่ชั่วลมหายใจแล้วเงยหน้ามามองกันพร้อมเปิดยิ้มบาง

“ขอบคุณครับ… กิมหิวไหม กินอะไรมาหรือยัง”

“… ยังว่ะ ว่าจะมาหาอะไรกินในเซเว่น”

ผมมองหน้าขาวๆในแสงสลัวที่เริ่มกลับมาหล่อฉายแสง ไม่แน่ใจว่าไอ้มิคจะเข้าใจระดับของความคิดถึงที่ผมบอกไปไหม แต่เพราะรอยยิ้มในตาทำให้ผมตัดสินใจปล่อยผ่าน เอาเป็นว่าเดี๋ยวใช้การกระทำแทนคำพูด คงพอแสดงอาการให้อีกฝ่ายเข้าใจได้

“แล้วมึงล่ะ กินอะไรหรือยัง แล้วนี่มานั่งอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมถาม

แต่ไอ้มิคไม่ตอบ ไม่ยอมสารภาพ ท่อนแขนแน่นกล้ามยกขึ้นพาดไหล่ผมเหมือนที่ทำเสมอแล้วออกแรงดันเอื่อยๆให้เดินฉีกไปคนละทางกับร้านเซเว่น พอโดนประท้วงคนที่ตกเป็นเป้าสายตาประชาชีทันทีที่หลุดออกมาสู่แสงนีออนก็เปิดปากบอกว่ามีอาหารญี่ปุ่นติดมือมารออยู่ที่ห้อง แล้วชวนคุยนู่นนี่ อัพเดทเรื่องราวสามวันกว่าๆที่ไม่ได้หนีบติดอยู่กับผมให้ฟัง ผมก็ฟังไปเพลินๆแล้วเล่าเหตุการณ์ทางนี้อัพเดทกลับ ปากผมเล่าแต่ตาคอยแต่จะแอบมองคนที่เดินอยู่ชิดติดกัน แอบมองไอ้มิคที่อุตส่าห์จอดรถไว้ใต้หอแล้วเดินครึ่งชั่วโมงทะลุซอยออกมานั่งรออยู่ป้ายรถเมล์ มองคนที่หันมามองผมตรงๆไม่มีแอบตลอดครึ่งชั่วโมงชนิดว่าแทบจะหันข้างเดินกันกลับห้อง แอบมองด้วยใจที่พองฟูอยู่ในอก ใจฟูๆที่พองคับอกเพียงแค่ได้เห็นหน้า ได้เดินคุยเรื่อยเปื่อยไปตามทางกับคนที่สำคัญยิ่งกว่าใครคนนี้


__________________________




“อู้วว ตรงนั้นเลยตรงนั้น อืมม อู้ สุดยอด…”

ผมหลุดเสียงประหลาดออกจากคอแทบทุกครั้งที่มือใหญ่เป็นใบลานของไอ้มิคบีบลงมาบนไหล่บนแขน ความรู้สึกที่กลั่นเป็นคำพูดไม่ได้ถูกบีบจากท่อนแขนแล้วหลุดออกมาทางปากทุกครั้งที่มือร้อนๆโฉยกลิ่นเคาเตอร์เพนออกแรงบีบแล้วคลาย คลายแล้วบีบอยู่บนต้นแขนพอแน่นกล้ามของผม

“… อืมม… ดีจังที่มึงกลับมาวันนี้ อู้ว… เบาหน่อย เบาแรงอีกนิดส์” ผมผ่อนลมหายใจแล้วบังคับตัวเองให้เด้งหลังออกจากอกคนที่นั่งให้พิงไม่มีบ่น แล้วเอื้อมไปหยิบรีโมทแอร์ยิงลดอุณหภูมิห้องเพราะความร้อนจากครีมบนแขนบนไหล่ที่กำลังร้อนจนวูบวาบ “กูคิดอยู่ว่าอาจต้องถอดแขนเก็บใส่กล่องก่อนแล้วค่อยนอนล่ะคืนนี้ ดีที่มึงกลับมาเนาะ”

“ไปทำท่าไหนถึงได้เป็นซะแบบนี้” เสียงทุ้มๆถามมาเหมือนขัดใจ ไอ้มิคที่ต้องกลายมาเป็นพนักงานนวดกิตติมศักดิ์ดึงผมให้เอนกลับที่เดิมแล้วลงมือนวดสกัดจุดต่ออย่างที่แทบจะเรียกได้ว่าขะมักเขม้น หน้าหล่อเหลาที่มีไรเคราจางๆส่ายหัวประหนึ่งไม่อนุมัติการกระทำเพื่อสังคมของกรรมกรกิม

เห็นอาการขมวดคิ้วนิ่วหน้าแต่กลับขยับมือเสียเอาจริงเอาจังแล้วให้รู้สึกทนไม่ได้ ทนไม่ได้ว่าทำไมมันถึงได้น่ารักอย่างนี้หนาคนดีของไอ้กิม น่ารักจนอยากทำให้มันมีความสุขจุกอก ให้เท่าเทียมกับที่ผมได้รู้สึกอยู่เสมอเมื่อมีอีกฝ่ายอยู่ข้างๆ

“ส่ายหน้าทำไมหา ขี้เกียจนวด ไม่อยากทำก็บอก” ผมทำเสียงหาเรื่องขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยจนคนโดนหาเรื่องออกอาการงง

“เปล่าครับ…” ไอ้มิคที่ใครต่อใครพากันขยาดกับความเข้ม คนที่ไม่เคยมีใครหาญกล้าขึ้นเสียงใส่กระตุกปากตอบออกมาเสียงสุภาพ ตาโตๆกระพริบปริบๆพลางยื่นมือมาดึงไอ้กิมให้กลับไปหา

ผมดึงมือหนีอย่างแสนจะเล่นตัวแล้วยืนขึ้นเป็นเงาทมึนค้ำหัวคนที่นั่งอยู่กับพื้น ในใจแอบหวั่นไหวเล็กน้อยถึงปานกลางกับสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูกของคนที่เริ่มหยัดตัวจะลุกตาม

“นวดมาตั้งนานไม่เมื่อยมือหรือไง เมื่อยแล้วก็พอ…” ผมว่าแล้วชิงกดไหล่ไอ้มิคให้นั่งลงกับที่ก่อนต่อ “กูจะได้นวดให้มึงมั่งไง”

“……………..”

“มามะ”

ไม่รู้ว่าหลุดทำหน้าหื่นกามหรือกะลิ้มกะเหลี่ยเกินงามออกไปหรืออย่างไร ไอ้มิคที่เบิ่งตามองไอ้กิมเลยถึงกับอึ้งไปหลายวิชนิดผิดคาแรกเตอร์ ก่อนตั้งตัวติดแล้วเปิดยิ้มให้สว่างกระจ่างไปทั้งห้อง สีหน้าสีตาเหมือนเด็กหลงเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นวิบวับเหมือนเล่นถอดหน้ากาก

“ดีเหมือนกัน นั่งเครื่องมานาน เมื่อย” ปากว่าเมื่อยแต่กลับหยัดหลังยืดไหล่เหมือนจะถ่ายแบบ ไอ้มิคไขว้แขนรูดเสื้อออกจากตัวแล้วปาส่งๆไปมุมห้องก่อนหยัดสะโพกกระดกก้นทำท่าจะรูดกางเกงตามไปติดๆ ร้อนถึงผมต้องเต้นผาง

“เฮ้ย! จะถอดกางเกงทำไมหา” ผมว่าแล้วคว้าผ้าเช็ดหัวที่พาดอยู่ใกล้มือมาปาใส่คนหน้าด้านที่ตอนนี้กลายสภาพเป็นชีเปลือย แม้แต่กุงเกงลิงก็ไม่เหลือ “ห่านมิค! นวดไหล่นวดหลัง นวดแก้เมื่อยโว้ย ไม่ใช่นวดอย่างอื่น”

ไอ้มิคที่คว้าผ้าผืนย่อมไว้ได้ คลี่ของในมือออกแบบอ้อยอิ่ง สะบัดสองสามทีแล้ววางหมิ่นๆไว้แถวของสงวน หมิ่นเหลือเกินจนใจคนมองจะวาย ต้องสารภาพว่าแม้จะได้เห็น ได้ลูบได้คลำ ได้ทำอะไรต่อมิอะไรกันไปถึงไหนๆ แต่ของเขาดีจริง เซ็กสี่เซ็กสาดจนเล่นเอาใจผมออกจะสั่นๆทุกครั้งที่ได้มอง

“มามะ”

ไอ้มิคที่นั่งขัดสมาธิอยู่กับพื้นส่งเสียงเรียกเลียนแบบไอ้กิม ตาหนึ่งข้างขยิบปิ้งๆยิงมาไม่ยั้ง แถมยังยกนิ้วกระดิกเรียกกันอย่างกับเรียกบริกร มืออีกข้างลูบๆคลำๆอยู่แถวโปงผ้ากลางหว่างขา เป็นภาพที่ถ้าใจไม่แข็งพออาจมีเลือดกำเดาไหล

“สาดมิค ทำตัวดีๆหน่อย หุบยิ้มเดี๋ยวนี้เลย” ผมทำเสียงเข้มกลบเกลื่อนอาการเลือดจะไปลมจะมา ก่อนก้าวยาวๆเดินอ้อมห่างๆไปด้านหลังคนที่หุบยิ้มแต่ส่งเสียงหัวเราะทุ้มๆมาแทน

แล้วไอ้มิคที่นั่งโพสต์ท่าถ่ายแบบอยู่ก็ทิ้งหลังลงอกผมทันทีที่โดนขยำไหล่ไปสองที หัวทุยๆที่ผมเริ่มยาวกว่าทรงนักเรียนทหารเงยพาดมาบนไหล่ผมขัดขวางการบีบนวด แล้วเจ้าของหัวก็เบี่ยงหน้าเข้าคอไอ้กิมมาสูดหายใจไปเต็มปอด สูดซะเฮือกใหญ่เหมือนโฆษณาน้ำยาปรับผ้านุ่ม

“หอมไหมล่ะ กลิ่นเคาเตอร์เพนคูลล์ ครึ่งหลอดเลยนะนั่น” ผมว่าพลางขยับรับคนที่ทิ้งน้ำหนักใส่เข้ามาในวงแขน แล้วเอื้อมมือยาวอีกหน่อยไปบีบๆนวดๆแถวต้นขาแข็งๆ นวดจากไหล่ไปแขนไปขา มีฉีกออกนอกเส้นทางไปท้องไปราวนมบ้างอะไรบ้างตามอาการใจสั่น

“… กิม”

ไอ้มิคที่ซุกหน้าอยู่กับคอผมเริ่มเสียงแหบ มือร้อนๆเริ่มขยับมาบีบๆคลายๆอยู่กับขาผมที่นั่งซ้อนกันอยู่ แล้วก็ขยับมาจับมือกันให้เอื้อมสุดความยาวไปแถวผ้าขนหนูบนหว่างขา ผ้าขนหนูหมิ่นเหม่ที่ตอนนี้โดนดุนจากบางอย่างข้างใต้จนเห็นเป็นลำ

“หายเมื่อยแล้วเหรอวะ” ผมก้มหน้าถามชิดหูไอ้มิค แล้วดึงมือที่โดนจับออกไปบีบๆนวดๆอยู่กับต้นขาอีกฝ่าย ไม่ยอมนวดในส่วนที่เจ้าของมือต้องการ ไม่ได้ตั้งใจแกล้งคนดีนะครับ แค่อยากเห็นสีหน้าแบบนี้ของไอ้มิคอีกซักหน่อย

ไอ้มิคไม่หือไม่อือไม่ตอบ คนที่ยังซุกหน้าอยู่กับคอผมถอนหายใจยาวแล้วแก้ลำไอ้กิมด้วยการอ้อมแขนแน่นกล้ามมาข้างตัวผม ไม่แน่ใจว่าเพื่อนขยับท่าไหนและใช้เทคนิคอะไร รู้ตัวอีกทีผมก็ได้แต่ผินหน้ามองคนที่สับตัวเองไปนั่งซ้อนหลังกันเหมือนเล่นกล

ไอ้มิคที่เปลี่ยนตัวเองไปนั่งให้ผมพิงอกไม่พูดพร่ำทำเพลง เอื้อมมือมาถลกเสื้อกล้ามกาห่านให้หลุดออกจากหัวไอ้กิมไปในหนึ่งลมหายใจ แล้วก้มตัว กระตุกมือด้วยเทคนิคเทพ พรืดเดียวทั้งกางเกงนอนและกุงเกงลิงไอ้กิมก็ถูกปาส่งๆไปแถมมุมห้อง รวดเร็วว่องไวเกินกว่าจะกระถดก้นหนีหรือออกปากห้าม ยังไม่ทันจะได้เล่นตัวมือร้อนๆก็คว้าหมับเข้ามาที่หว่างขา หมับเดียวเล่นเอาปากผมต้องหุบฉับ

“กิมล่ะ ยังเมื่อยอยู่ไหม”

“!!!!!!……”

ไอ้มิคครับไอ้มิค ไอ้มิคพระเอกของใครต่อใคร ไอ้มิคพระเอกของไอ้กิมส่งเสียงถามอยู่ข้างหู ถามเลียนแบบไอ้กิมเป็นครั้งที่สองของคืน ถามระหว่างขยับมือรูดย้ำๆซ้ำๆอยู่กับส่วนนั้นของผม แล้วก็ช่วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งคนในทีมอย่างไอ้กิมโดยการขยับสะโพกเสยเน้นๆเข้ากับหลังผมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนซ้อนกันอยู่

“ว่ายังไง” เสียงติดจะพร่าจนทุ้มกว่าปกติกระซิบอยู่ข้างกกหูเรียกความสยิว “ยังเมื่อยตรงไหนอีก”

“ตรงนี้…” มือร้อนเป็นไฟลากเอื่อยๆจากหว่างขามาแถวใต้สะดือแล้วออกแรงคลึง ก่อนนวดๆหนักๆขึ้นมากอบอกสามศอกของไอ้กิมไปเต็มมือ “หรือตรงนี้”

“… ส สาดมิค” ผมพะงาบปากออกมาได้สองคำเนื่องด้วยอารมณ์กามตีแสกหน้า รู้สึกหูอื้อตาลายกับบรรยากาศพิศวงพิศวาสที่อบอวลอยู่แน่นห้อง ต้องรีบชักมือที่โดนกดอยู่แนบตัวออกมาคว้าหัวคนขี้แกล้งมาดูหน้าดูตาดูอาการ แล้วก็ได้เห็นว่าตาสีอ่อนในแสงสลัวเข้มแสงขึ้นหลายเฉด

“ก กูขอโทษ ต่อไ ต่อไป ไอ้กิมไม่กล้าอีกแล้วคร้าบ ไม่กล้าเล่นของสูงอย่างไอ้มิคแล้วคร้าบ” ผมกระตุกปากที่เริ่มจะสั่นงึมงำใส่ปากอีกฝ่ายที่ก้มลงมา

ไอ้มิคที่แสดงท่าทางเอื่อยเฉื่อยเหมือนจะนั่งกันอยู่อย่างนี้ได้ทั้งคืนหลุดยิ้มก่อนลุกพรวดทั้งที่ยังมีผมพิงอยู่กับอก ผมที่ไม่ทันตั้งตัวไม่ได้ล้มไปวัดพื้นแต่โดนวงแขนแน่นกล้ามกอดให้ทะลึ่งพรวดขึ้นไปด้วยกัน ทะลึ่งพรวดขึ้นยืนแต่ไม่ได้ยืนเพราะเท้าที่ลอยไม่ติดพื้น

ไอ้มิคใช้แรงจากกล้ามเนื้อตามกรรมพันธุ์นอกยกผมขึ้นจากพื้นจนไอ้กิมต้องเป็นฝ่ายก้มมองพร้อมร้อง เฮ้ย ตกใจกับท่าอุ้มเหมือนพ่ออุ้มลูกจนต้องยกสองขาขึ้นรัดรอบสะโพกอีกฝ่ายไว้กันเหนียว

เสียงสูดหายใจจากไอ้มิคที่โดนผมตวัดขารัดรอบตัวทำให้ต้องสูดหายใจตาม ไม่รู้ว่าเพราะโดนอุ้มด้วยท่าประหลาดหรือเพราะต้องคว้าคอหนีบสะโพกไอ้มิคไว้อย่างนี้ถึงทำให้หัวใจไอ้กิมมันเต้นแบบดีดจังหวะ รู้สึกเหมือนหัวใจจะกระฉอกออกมาทางปากทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไร

ไอ้มิคที่แนบหน้าอยู่กับอกสามศอกของผมก็คงได้ยินจังหวะรัวเร็วในอกไอ้กิมไปเต็มหู แต่หน้าหล่อเหลาแม้ในแสงสลัวกลับไม่ได้เปิดยิ้มมาหยอกล้อ ไอ้มิคที่ฉกจูบถี่ๆไปทั่วแผงอกแผงคอไอ้กิมเงยหน้ามาส่งสายตาพร้อมกระชับวงแขนจนไม่มีส่วนไหนระหว่างเราสองที่ไม่รู้สึกถึงกันและกัน

ตาไอ้มิคสื่อความหลายนัยจนผมที่ก้มมองอดใจไม่ไหวต้องงอหลังก้มตัวเพื่อแนบหน้าลงกับปากแดงๆที่รออยู่ แนบลงไปกินคำงึมงำของอีกฝ่ายเข้ามาในปาก แล้วพึมพำคำเดียวกันแต่คนละภาษาให้เข้าปากไอ้มิคไปเป็นการแลกเปลี่ยน

ไม่รู้ว่าจนถึงตอนนี้อาการคิดถึงของคนขี้คิดถึงจะบรรเทาเบาบางลงไปเท่าไหร่ ไอ้มิคที่ขยับปากบอกคำรักเข้าปากผมมาซ้ำๆ คนที่ผมส่งเสียงบอกคำเดียวกันกลับไปครั้งแล้วครั้งเล่ายังตั้งหลัก กระชับอ้อมแขนอยู่กลางห้อง ไอ้มิคไม่ยอมล้มตัวลงเตียง ไม่ยอมขยับมือเปลี่ยนท่าทำตามใจตามอารมณ์ง่ายๆ เหมือนจะต้องการยืดเวลา ทำทุกอย่างให้ยาวนานไม่สิ้นสุด

ไม่รู้ว่าความคิดถึงของไอ้มิคจะลดน้อยถอยลงเมื่อไหร่ แต่ไม่เป็นไรครับ ไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ต้องคลานสี่ขา หงายหน้า ตะแคงข้างหรือแม้แต่ยืนอุ้มกันอยู่ท่านี้ ผมก็ว่าจะไม่ปริปากบ่น เพราะไม่ว่ายังไงไอ้กิมก็ต้องร่วมหัวจมท้าย จมอยู่กับการแสดงความคิดถึงของไอ้มิคไปจนกว่าคนดีจะพอใจ จนกว่าตัวผมเองจะหายคิดถึงมันเช่นกัน

____________________________________

จบตอนพิเศษ โอ้ละหนอ ความรัก





+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คนแปะ>>  เคาเตอร์เพนคูล ก็ยังทำให้ โดมินิคมีอารมณ์ได้ :m20:
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 02-12-2011 02:48:53
 กรี๊ดดดดด ด้วยความเขิน น่ารักมากกก ทั้งมิคเเละกิมเลย อ่านเเล้วหุบยิ้มไม่ได้เลยโดยเฉพาะตรงป้ายรถเมล์ มันช่างอร๊างง มาก (ความรู้สึกที่บรรยายไม่ได้)  มาอ่านตอนพิเศษล่าสุดเลย มือก็ไม่ได้ยก ขอบคุณนะคะ ทั้งคนโพสต์เเละคนเเต่งเลย บวกให้เเล้วนะคะ 
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 02-12-2011 04:00:24
มิคน่ารักจริงอะไรจริง
ไม่ว่าเมื่อไหร่
กิมก็สำคัญสำหรับมิคเสมอ
ตอนพิเศษน่ารักมากมาย
ขอบคุณจร้า
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 02-12-2011 11:27:34
เริ่มจากนวด  แล้วก็จบด้วยนาบ  อิ อิ อิ
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: pim_onelove ที่ 02-12-2011 18:35:40
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยย สกิลความหื่นของมิคแรงดีไม่มีตกเลยจริงๆ 55555
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 02-12-2011 20:26:43
น่ารักมากๆ :-[ หวานกันตลอดเลย อยากเห็นมิคหึงโหดๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: pdolphin ที่ 03-12-2011 08:26:52
อ่านไป  จิกผ้าเช็ดหน้าไป   
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 03-12-2011 14:06:14
ตอนพิเศษจริงๆด้วย
น่ารักตลอดหวานแบบ
ละมุนอ่ะ :-[
+1ให้จ๊า
แล้วมาอีกน๊า :n1:
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 03-12-2011 22:41:27
อ่านแล้วเขิน หวานกันตลอดเลยอ่ะคู่นี้  :-[
+1 ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่า
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 04-12-2011 00:54:06
น่ารักมากกกกกกก
อ่านแล้วอย่างกับเสพติด หยุดอ่านไม่ได้
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 04-12-2011 12:51:33
 :impress2:
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 04-12-2011 23:57:19
อ่านเรื่องนี้ทีไีรทำให้กรี๊ดได้ทุกทีเลย
น่ารักอ่ะ !  :o8:
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: nishiauey ที่ 05-12-2011 09:19:36
เป็นเรื่องที่สนุกมากครับ
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 05-12-2011 17:57:24
อรั๊ยๆๆๆๆ เพิ่งเห็นว่ามีตอนพิเศษ

มิคก็ยังคงน่ารักแสนดีเสมอต้นเสมอปลาย แต่ตอนนี้แถมความหื่นเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างนึง

อยากถูกหวยแบบกิมมั่งจัง อิอิ
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 05-12-2011 21:46:42
555 ชายมิคของเค้าดีจิงๆ ดีทนดีนาน อิๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 06-12-2011 21:59:04
อยากอ่านนิยายของคุณหมีอีกจังเลย
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 09-12-2011 02:30:46
ตามลิงค์มากจากกระทู้แนะนำนิยายโดยไม่ได้ตั้งใจ
แต่พอเข้ามาอ่านแล้วก็ติดเลย
ชอบตอนที่ไปออกค่ายแล้วหลงป่าอ่ะ
อ่านแล้วรู้สึกถึงการดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดของแต่ละคน
การช่วยเหลือและแบ่งปันกันในยามทุกข์ยาก
แล้วก็อยากจะบอกว่าคู่นี้หวานมั่กมากกกกกกกกกก
และน่ารักมั่กมากกกด้วย :-[

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: mayamay ที่ 09-12-2011 12:55:54
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
พูดไม่ออกบอกไม่ถูกกับคู่นี้ แต่ขออีกรอบ
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 09-12-2011 21:55:59
 :m20:  :-[

กิมกับผองเพื่อนยังคงคอนเซ็ป ฮาได้ทุกที่ ทุกเวลา สงสารอาสาสมัครกลุ่มอื่นที่นั่งใกล้จังคงไม่มีกะใจทำงาน คงเอาแต่เงี่ยหูฟังมุขของกลุ่มนี้จนท้องแข็งไปพร้อมๆกับปวดแขนแน่ๆเลย
ส่วนพระเอกของเรา ยังหวานจนมดแทบขนน้ำตาลไม่ไหวเลย สามวันจากบุรุษไม่เป็นอื่น ยังรักเดียวใจเดียวและหวานเลี่ยนใส่นายเอกเราสม่ำเสมอ
อิจฉากิมจริ๊ง อยากถูกแจ๊คพอตแบบนี้บ้างจัง

ขอบคุณทั้งคนแต่งและคนโพสต์นะคะ  (ขอให้มีไอเดียมาแต่งอีกเถิด)
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 10-12-2011 00:28:02
ขอให้มีตอนพิเศษเรื่อยๆนะครับ
ชอบนิยายเรื่องนี้โคตรๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 10-12-2011 10:17:51
แอร๊ยยย ไม่ได้เข้าาในห้องนีนาน เลยไม่รู้เลยว่ามีตอนพิเศษมาต่อตั้งหลายตอนแล้ว :z3:
มิคกับกิมยังน่ารักเสมอ แถมยังดูน่ารักมากขึ้นทุกทีๆ แอร๊ยย :o8:
คนเขียน คนโพสต์ คนอ่านน่ารักทุกคนเลย :laugh:
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: boboaje ที่ 10-12-2011 12:06:42
อ่านจบแล้ว สนุกดีค่ะไม่รู้ว่ามีเรื่องอื่นอีกไหมคะเนี้ย
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: Mickii ที่ 11-12-2011 15:57:06
เข้ามาอ่านอีกรอบ อ่านกี่ครั้งก้อยังสนุกสนานอยู่ดี

ไม่ว่าจะเป็นกิม&มิค ที่น่ารักได้โลห์กันจิงๆ หวานกันได้ทุกที่ ไม่แคร์สถานการณ์เชียว

ในจะผองเพื่อนช่วยกันฮาอีก

มีตอนพิเศษเพิ่มมาอีกตอน ดีใจมากมาย เกือบหลุดกรี๊ดเสียงดัง 

มิคเป็นพระเอกที่ชอบมากๆๆๆ เห็นที่ไหร่ใจละลายตามได้ทุกที อย่างงี้กิมจะหนีไปไหนรอด

ชอบฉากตรงป้ายรถเมล์ที่มิคนั่งรอกิมมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 12-12-2011 19:23:12
โอ๊ยยยย คู่ขวัญในดวงใจ รักแล้วมันต้องแสดงออกแบบนี้สิเริ่ด!!


 :กอด1: คิดถึงจัง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: BitterSweet~ ที่ 21-12-2011 06:48:22
ชอบมากค่ะ

รักมิคที่รักกิมมากกกก..

รักกิมที่ทั้งมึนทั้งกวน..

ขอตอนพิเศษอีกน๊า.. ^^
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 21-12-2011 08:36:06
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: -i z e l i z e- ที่ 21-12-2011 15:09:37

อยากให้มีภาคต่อจังเลยค่ะ >///<

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษ (หวานๆ) ^^
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 27-12-2011 18:42:13
เค้ารักคู่นี้มากๆ มิคกับกิมทั้งรักกันเหมือนเดิม

ดอมินิคนี้ขี้คิดถึงจริงๆ 555
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 29-12-2011 15:47:56
ขอบคุณมากคะ 

เพิ่งมาเจออ่านรวดเดียวจบ

มิคกิมน่ารักมากๆๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 29-12-2011 19:35:47
อยากได้ตอนพิเศษวันปีใหม่  :-[
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: minsunye ที่ 29-12-2011 21:52:28
มิคหื่นไม่เปลี่ยน

น่ารักทั้งคู่ ทั้งมิคทั้งกิม

คิดถึงทั้งคู่จริงๆ

ปล. คนแต่ง และ คนโพสก็น่ารัก
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: BitterSweet~ ที่ 10-01-2012 10:20:13
เข้ามาอ่านครั้งที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้

หลายครั้งที่ชีวิตรู้สึกขาดความหวาน..

ก็จะเข้ามาเติมความหวานให้ตัวเองกับนิยายเรื่องนี้

รักมิค รักกิม

รักในความมั่นคง ไม่มีคลอนแคลนของมิค

รักในความมึน รั่ว และน่ารักสุด ๆ ของกิม

รักในภาษาสวย ๆ ของคนเขียน

โดยเฉพาะตอนเขียนบทรัก

เป็นบทรักที่ทำให้คนอ่านรู้สึกว่า..

.. เป็นการแสดงความรัก ..

ไม่ใช่แค่เซ็กส์

คุณหมีคะ เราจะมีโอกาสได้อ่านภาคต่อกันมั้ยเอ่ย ^^
หัวข้อ: Re: รักจัง ตอนพิเศษ 4 "โอ้ละหนอ ความรัก" Byคุณ Meae [02/12/2011]
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 11-02-2012 01:54:10
น่ารัก


ชอบเวลาที่มิคเรียกกิม
 "กิม..คนดี"  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 15-02-2012 01:01:39
 :call:  กราบสวัสดี มิตรรัก แฟนคุณหมี และมิคกิมค่ะ 

คุณหมีฝากมาประกาศข้าวรวมเล่ม รักจังค่ะ

แฟนคลับคนไหนสนใจ ตามไปที่ลิงค์นี้เลยนะคะ >>http://story.raikrob.com/index.php?topic=174.0 (http://story.raikrob.com/index.php?topic=174.0)
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 17-02-2012 16:13:12
น่ารักที่สวดอ่ะ มาอ่านรวดเดียวจบ
กิม คนดี ชอบ ๆๆๆ
มิคตอนมึน ซึน ก็เท่ห์โคตรรรร
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Aini_es ที่ 18-02-2012 14:45:07
น่ารักอ่ะทั้งกิมทั้งมิค คนเขียนแต่งได้สุดยอดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 19-02-2012 23:16:33
น่ารักจัง อ่านแล้วชอบมากเลยค่า

เรื่องสบายๆไม่มีเครียดเลย  :L1:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Angel.JS~ ที่ 20-02-2012 03:16:35
 :jul1: :jul1:
สนุกมากๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ ไม่ไหวแล้ววววว

หลงรักทั้งมิคทั้งกิม น่ารักทั้งคู่เลย ขอบคุณคนแต่งที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่านนะคะ อ่านแล้วหัวใจพองฟูสุกๆ  :man1: :man1:

เป็นนิยายในดวงใจเลยคะ ขอบคุณทั้งคนโพสด้วยนะคะ ถ้าไม่มีคุณ เราคงไม่ได้อ่านนิยายๆสนุกๆและดีๆแบบนี้

ขอบคุณค่า  :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: express_men ที่ 21-02-2012 17:54:34
ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 22-02-2012 18:29:48
 :pig4: น่ารักค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 25-02-2012 19:55:37
มิคกิมน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: theWinDy ที่ 08-03-2012 01:04:52
เรื่องสนุกมากค่ะ ทั้งฮา ทั้งหวานไปกะมิคกิมมากๆ
ขอบคุณคนแต่งและคนโพสต์สำหรับนิยายน่าอ่านนะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: mymicky ที่ 08-03-2012 13:07:19

อ่านไปฮาก๊ากไป  เพื่อนๆกิมกับมิคนี่จะฮาไปไหน  เปิดคาเฟ่นี่รับรอง ไม่ตกงาน   5555555  :m20:

ส่วนพ่อยอดขมองอิ่ม 2 คน "คนดีของกิม" และ "คนดีของมิค" ก็ยังคงรักหันเหนียวแน่น จนคนอ่านจวนเจียนจะสำลักตาย   :haun4:
อ่านแล้ว อ่อยยยยยยยยยยยยยยย อยากได้เพื่อนพร้อมคู่ชู้ชื่นแบบนี้มั่งจัง   :o8:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: from_mars ที่ 09-03-2012 15:43:57
มาอ่านตอนพิเศษ (ชาวบ้านเค้าอ่านไปนานแล้ว)
เรื่องนี้ อ่านไป ยิ้มไป จิกหมอนไป อยากให้มีคนมาหวงบ้าง อะไรบ้าง ไม่ใช่ทิ้งขว้าง หากินเองแบบนี้
5555 นี่ไม่ได้ระบายความในใจนะ แต่ว่าบางโมเม้นท์ก็ชอบอ่ะ
อ่านแล้ว อยากเป็นนายเอก กร้ากก คงต้องไปเปลี่ยนเพศก่อนอ่ะ 555
ขอบคุณ ที่เอาเรื่องน่ารักๆ แบบนี้มาให้ได้อ่านกัน น่ารักเวอร์ ชอบมากกกกกกกก
เป็นกำลังใจให้ ทั้งคนเขียน คนโพสนะจ๊ะ
จากป้าแฟนคลับ ฮี่ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: shipshape ที่ 10-03-2012 04:33:33
อ่านจบแล้ววววว  :mc4:
สนุกมากค่ะ ชอบคนรักจริงแบบมิคมากกกกก  o13
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: jny_jija ที่ 17-03-2012 19:31:12
สนุกดีน๊า
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 20-03-2012 21:12:29
จำได้ว่าเคยอ่านเรื่องนี้มาแล้วรอบนึง
ตั้งแต่ตอนยังไม่ได้สมัครสมาชิกเลย ปิดเทอมว่างๆ
เลยอ่านเป็นรอบที่สอง, สนุกมากเลยค่ะ ชอบพระเอกแบบมิคอ่า
เป็นฝรั่ง แถมยังหวงนายเอกที่สุด ฮี่ๆ เริ่มจากเ็ป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อนด้วย
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 02-04-2012 20:34:52
อยากอ่าน ทะเล จังเลย

ขอ ทะเลหน่อยได้ไหมอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Number1_90 ที่ 07-04-2012 13:32:02
อ่านเเล้วอยากจะรู้ว่า กิมทำบุญด้วยอะไร

อิจฉาเเบบเบาๆ

มิคน่ารักมากกกกกกกก :-[

+1 ให้ไปเลยค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 10-04-2012 15:04:30
มิคกับกิมน่ารักมากๆ อ่ะค่ะ
มิคเท่มาก แอบรัก แอบชอบมานาน
พอได้แสดงออกเลยหวงใหญ่เลย
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 13-04-2012 23:07:24
สนุกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ><

น่ารักจังคู่นี้  :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 15-04-2012 21:43:27
น่ารักทั้งคู่ ^__^
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: sarucw ที่ 17-04-2012 11:21:47
อ่านยังไม่จบ ทนไม่ไหว เข้ามาเม้นท์ก่อน น่ารักมากๆเลยค่าาาาาา
 :z3:
อิจฉากิม อยากได้บ้างไรบ้าง
 :-[
ขอบคุณมากนะคะ ทั้งคนแต่ง และคนโพสเลย จะกลับไปอ่านต่อแล้วค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: indyska ที่ 19-04-2012 16:35:59
ถ้าไม่มาต่ออีก ก้ฆ่าฉันให้ตายตรงนี้เลยดีกว่า

"พลีสสส" -3- <3


อ๊ากก ฉากสยิวนี่มันอะไรกัน (เอ้าท์ดอร์ก้ดีนะ)
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: kimlukgade ที่ 21-04-2012 21:31:12
 :o8: :o8: :o8:
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ อ่านคืนเดียวจบเลย อ่านไปยิ้มไป

หลงมิคไปเลย ทำไมถึงรักกิมได้มากขนาดนี้ เจ้นสุดๆ ต้องให้กิมรุกตลอดเลยนะพ่อพระเอก ถึงจะยอมทำอะไรตามใจตัวเนี่ย

มิคน่ารักมากกก เพ้อ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 22-04-2012 22:57:05
อ่านแล้วเขิน หวานตามไปด้วย
มิกเป็นคนที่แบบ ดีมากอ่ะ o13 o13

ขอบคุณมากครับ สำหรับนิยายสนุกๆ :pig4:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 23-04-2012 10:01:59
สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: pp4 ที่ 24-04-2012 09:51:22
ตามอ่านจนทัน(จบ)แล้วค่ะ \(^o^)/
น่ารักอ่ะ!! ฮ่าๆๆๆๆ มิคนี่สุดยอดจริงๆ
นายกิมฮามาก ผองเพื่อนก็เกรียนได้อีก
ชอบอ่ะ!! >3<~♥
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 27-04-2012 01:47:57
ขอบคุณจ้า เขียนได้มันส์มาก ๆ เลย เพลินกันเลยที่เดียว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: nookik ที่ 03-05-2012 21:03:55
มิคน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกก  :-[ แต่ก็  :m25:

น้องกิม ฮาตลอด อ่านไม่เครียดเลยเจ้าค่ะเรื่องนี้

ตัวละครน่ารักมาก

แต่ ก็อยากรู้ว่าน้องหนึ่งจะเป็นยังไงต่อไป ><

 :กอด1:

หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที3.....(27/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dimth ที่ 12-05-2012 20:25:39
“กูจะรอจนกว่ามึงจะรู้ แต่ระหว่างรออย่าให้เห็นว่าไปมองใคร ไม่งั้น”


“ไม่งั้น กูจะเสียใจมาก”



 :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 18-05-2012 16:10:21
น่ารักค่า อ๊าย น่ารักสุดๆอ่ะ :-[
สมกับชื่อเรื่องเลยอ่ะ
NCก็เลือดหมดตัวจิงๆ :pighaun:
รักคนแต่งจัง
ขอบคุนที่นำมาลงนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 23-05-2012 02:12:40
อ่านมาราธอนมากเลยเรื่องนี้ นึกว่าสั้น แต่ :a5: ยาวสะใจมากครับ

ชอบความรักที่มิคมีให้กิมมากๆครับ อยากได้แบบนี้บ้าง คนที่ตามีไว้มองผมคนเดียว :เฮ้อ: แต่คงไม่มีไง

อ่อ แล้วหนึ่งอ่า น่าเสียดายเน้อ ไม่น่าเป็นตัวละครใช้แล้วทิ้งเลย

น่าเอามาเล่นเป็นตัวร้ายให้ได้โมโหเล่น (พอมีจริงๆ เชื่อเหอะไอคนที่ร้องขอด่าตัวร้ายก่อนคนแรก :laugh:)

ความรักของคู่นี้น่ารักมากครับ อ่านไปยิ้มไป พูดน้อย แต่รักมาก

ขอบคุณครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 25-05-2012 17:17:21
สั่งซื้อหน้งสือไปแล้วค่ะ ชอบมากเรื่องนี้ ตอนนี้ก็ได้แต่รอว่าเมื่อไรจะได้สักที อยากได้มิคกับกิมมาอยู่ในกำมือมากๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: emmybblood ที่ 04-06-2012 22:13:28
หนังสือวางที่ร้านหรือยัง ใครรู้บ้างคะ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-06-2012 22:00:37
ชอบๆๆๆๆ :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: netsu ที่ 15-06-2012 20:41:11
น่ารักดีค่ะ
ขี้หึง ขี้หวงไปบ้าง แต่ชีวิตก็มีรสชาติดี จริงไหมกิม ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: dreamkyu13 ที่ 24-06-2012 13:56:11
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยอ่า อยากให้มีต่ออีกเยอะๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 26-06-2012 23:46:34
ชอบมากกกกกกกกกกกกค่ะ
อ่านรวดเดียวเลย โฮกกกก  o13

ตอนที่มิคบอกรักกิมแรกๆเขินกะเศร้ามาก ดูแต่ละคำที่พี่แกงัดมาใช้ โฮ่ยยยยยยยยยยยยยยยย เขิลลลลลลลลลลลล
รักมิคคคคค อยากได้แบบนี้ จัดมาซักคน!!
ชอบทุกตอนเลยยยย ตอนไปเที่ยวป่านี่ลุ้นระทึก ตอนที่เจอกันก็น้ำตาคลอ อารมณ์ฉันได้เจอสามี.. /ผิดละเธอ  :z3:
ชอบมากค่ะ คิดถึงงง อยากให้มีต่อ มิคกิมแล้วก็เพื่อนๆน่ารักมาก ตอนที่กิมฝันหลังจากกลับมาจากแอดเวนเจอร์ขำมาก ขำจนแม่ตื่น  :laugh:
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ ขอบคุณคนโพสท์ด้วยค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Meaw01 ที่ 30-07-2012 21:45:11
สนุกมากเลย เก่งจังทั้งคนแต่ง คนโพส :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 23-08-2012 18:11:06
กลับมาอ่านอีกกี่ทีก็ยังสนุกเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 23-08-2012 18:17:34
ใช่เลย มิค นายคือพระเอก
กดบวกเป็นกำลังใจคนเขียนที่สร้างเรื่องนี้
อ่านทีไรก็สนุก
ขอบคุณมาก
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: fahdekkom ที่ 24-08-2012 00:09:55
โอ๊ย! อิจฉากิมจริงๆ

มีแฟนแบบมิคทีนี่คงไม่ยอมไปไหนอ่ะ

จะน่ารักไปไหนก็ไม่รู้นะ

แต่มิคนี่ก็นะหื่นได้ตลอดเวลานะจ๊ะ

หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 24-08-2012 02:34:30
so sweet, Thank you ^^
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: minsunye ที่ 25-08-2012 14:31:33
คิดถึงมิค คิดถึงกิม

เลยกลับมาอ่านอีกรอบ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: padang ที่ 25-08-2012 15:01:10
คุณหมีมาแต่งภาคต่อเถอะค่ะ อยากอ่าน
จะได้รวมเล่มใหม่
คราวนี้ขอตัวหนังสือมีหัวมีหางเป็นปกตินะคะ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Dry iCe ที่ 25-08-2012 21:55:54
คิดไม่ผิดเลยที่ซื้อหนังสือ
อ่านหลายรอบแล้วคร้า
ตอนนี้ก็เฝ้ารอภาคใหม่
มาเถอะนะค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 27-08-2012 18:56:07
ขอบคุณมากค่ะะ ทั้งคนแต่งคนโพสส  :L2: :กอด1:
ชอบจริงๆ ชอบทุกอย่างเลย
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: :+: MashiRo :+: ที่ 03-09-2012 00:11:39
ตาคนนี้นี่ น่ารักอ่ะมิค ขออย่างงี้สักคนเหอะ อย่างงี้จะไม่ให้กิมรักได้ไง จิงมะกิม อิอิ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: maruneko ที่ 25-09-2012 11:01:01
อ่านตอนเข้ารพ.ทางมือถือเลยพิมพ์ตอบไม่ได้เลยเพิ่งมา

ขอบบอกว่าชอบบบบบบ รักคนแต่งจัง :กอด1: :กอด1: :กอด1:

มิครักกิมมากมาย ถึงจะขี้หึง หวงไปบ้างแต่เค้าก็อยากได้แบบมิคสักคน :impress2:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 08-10-2012 11:02:13
น่ารักมากเลยอ่ะ :z1: :z1:

อ่านรวดเดียวจบ  อิอิ :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: BitterSweet~ ที่ 31-10-2012 02:15:56
ได้อ่านตอน" ต้นเหตุของความรัก "
แล้วเข้าใจเลยว่าทำไมมิคถึงได้รักและผูกพันกับกิมนัก
เมื่อไหร่จะได้อ่านตอนต่อของภาคนี้คะ
อยากอ่านอีกมาก ๆ
แต่คราวหน้า หนังสือขอเป็นตัวมีหัวเป็นปกตินะคะ ^^
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 31-10-2012 22:52:43
 :haun4: กรีสสสสส หวานปนหื่นมากมาย

รักคนเขียน  :กอด1:

ขอบคุณคนโพสด้วยนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 03-11-2012 01:04:56
แปะไว้ก่อน
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: NooMary ที่ 10-11-2012 01:10:58
 o13 o13 o13   ยกนิ้วให้เลยค่ะกับนิยายเรื่อง

เป็นอีกเรื่องที่เหมาะสมกับการบอกต่อจริงๆ  ฟินสุดๆกับนิยายเรื่องนี้

ปลุกความเป็นสาววายในตัวเราให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง  หลังจากหันไปคร่ำเคร่งกับการสอบ  Y_Y

ทั้งพระเอกนายเอกก็น่ารักมากๆๆ  บางฉากอ่านไปอยากจะลงไปดิ้นที่พื้นจริงๆ  เขิลแทนกิมอ่ะ >\\\<

ตอนนี้ขอยกนิยายเรื่องนี้ให้เป็นนิยายในดวงใจของเราอีกเรื่องเลยค่ะ  ^^
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 10-11-2012 20:58:45
กลับมาอ่านเมื่อไรๆก็รักกิมกับมิคเสมอ

รักตลอดไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Thep503 ที่ 14-11-2012 15:40:31
เนื้อหาสนุกดีครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 17-12-2012 00:40:55
มิคกิมน่ารักที่สุด หวานกันมากมาย  :o8:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 15-03-2013 10:30:30
อร๊ายยยอ่านจบแล้วมิคน่ารักชอบตอบรองอ๊วกอะกรี๊ดดด
 

ขอบคุณที่เอามาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 17-03-2013 20:37:47
คิดถึงคุณหมี เมื่อไหร่จะมีอะไรมาให้อ่านอีกน๊อ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 26-03-2013 20:28:29
 :hao6: :hao6: :hao6:

อ่านแล้วคนแก่น้ำหมากกระเด็น

 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 27-03-2013 15:59:07
อยากอ่านเรื่องนี้ต่ออีกจัง ออกตอนพิเศษอีกได้ไหมคะเนี่ย........  :mew3:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: atomtcom ที่ 27-03-2013 20:12:03
มายกมือให้อีกคน...สมกับที่รอ...อ.อ.ออ.
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Anonymus ที่ 28-03-2013 09:55:38
เค้ารักนิยายเรื่องนี้...รักกิมที่เท่สวดๆ แมนคอดๆทั้งที่มันเป็นนายเอกที่น่ารักมาก อิลูกกิมของปร้า :o8:

รักอิท่านมิค พระเอกในฝันของสาววายทั้งโลก อะไรมันเทพขนาดน้าน "ขอโทษที่รักมากเกินไป" อร๊าย อิปร้าจาตาย :ling1:

รักตัวประกอบทั้งเรื่อง ตัวละครส่วนใหญ่เป็นตัวกลม คือมีอารมณ์แบบมนุษย์ทั่วไป ไม่ร้ายจนเกินเหตุ แต่ก็ไม่ได้ดีบริสุทธิ์หมดจด

เป็นนิยายอันดับหนึ่งในดวงใจของอิปร้าเลยอ่ะ เลิฟม่วกๆ รักสวดยอด :m3:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: atomtcom ที่ 29-03-2013 22:02:46
ลองจิ้นดูอ่ะ มิคกะกิม  พอได้ป่ะ

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: atomtcom ที่ 29-03-2013 22:04:17
ขอโทษด้วยนะเพื่อน ๆ ขอรบกวนถามหน่อยเราอยากให้คะแนนชื่นชมคนนี้เราต้องทำไงอ่า ทำไม่เป็น
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 06-04-2013 16:57:56
แปะไว้ก่อน กำลังจะเริ่มอ่านจ้าาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 20-05-2013 16:29:53
สนุกจริงๆ สมกับที่หลายคนให้เป็นเรื่องในดวงใจเรื่องหนึ่ง อยากให้ยาวๆๆๆๆไปอีก ต่อภาคไปเรื่อยๆ
ชอบพระ-นายมากๆ GimMick เอาคำศัพท์มาแยก เท่ห์เว่อร์, ความเป็นพระเอกของมิคคือที่สุดแล้ว หลงกันถ้วนหน้า
ส่วนตัวคิดไปไกลกับคู่นี้ มองว่ายังมีความวูบไหวในความสัมพันธ์ มีจุดเปราะบางเกี่ยวกับครอบครัวที่ไม่เคลียร์
ความเหลื่อมชั้นระหว่างคนทั้งสอง และมือที่ 3 ที่วนเวียนพร้อมจะลงดาบ...อยากอ่านภาคต่อจังอ่ะคุณหมี, please...
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: FFS_Yaoi ที่ 24-05-2013 14:15:32
 :impress2:
น่ารักมาค่ะ ถึงจะเอามิคมาเพ้อเลน อยากได้อ่ะๆๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae ประกาศรวมเล่มค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 30-05-2013 21:11:51
สนุกมากเลยค่ะ เรื่องนี้ ชอบมากก
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: babimild1985 ที่ 06-07-2013 19:06:08
ยังมีอีกไหมคะ ผู้ชายอย่างมิค
ถ้ามีเหลืออยู่ ขอสักคนเถอะ
จะกราบเช้า กราบเย็น กันเลย :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: B_Story ที่ 13-07-2013 12:16:32
อยากได้หนังสืออ่า เค้ามาช้าไปใชาม้ายยยย   :z3:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: mnara ที่ 14-07-2013 11:47:47
ชอบอ่ะชอบมากกกๆๆ
อ่านแล้วรู้เลยว่าการทุ่มเทความรักให้ใครซักคนมันเป็นยังไง o13
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: libra82 ที่ 18-10-2013 09:34:49
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ สนุกมากแม้จะงงสำนวนที่ช่างเปรียบแต่ก็ได้อารมณ์ไปอีกอย่าง
มิคน่ารักมากค่ะ กิมก็เกรียนดี แต่ก็ช่างอ้อนด้วย สนุกมาก เสียดายจบเร็วไปนิดนึง
ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายสนุกๆ จะติดตามเรื่องต่อๆ ไปนะคะ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: up2goo ที่ 21-10-2013 22:52:25
น่ารักที่สุดดดด
อ่านไปเขินไป พร้อมบิดตัวไปมา
อร๊ายยยย :-[
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: j.aim ที่ 09-11-2013 01:54:59
สนุกมากค่า...อ่านจนถึงตี 2 อ่ะนอนไม่ลง o13
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 14-11-2013 23:36:05
อ่านรวดเดียวจบในสามวัน เพราะมันน่ารักจนหยุดไม่ได่จริงๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Monochii ที่ 06-02-2014 02:36:43
เราน่าจะอ่านเรื่องนี้เป็นรอบที่ 5 แล้วค่ะ

รักมิคกับกิมมากๆ ต้องเข้ามาอ่านด้วยความคิดถึงบ่อยๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 21-02-2014 00:24:15
เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ อยากจะบอกว่าถ้ามีคะแนนเต็มสิบ เอาไปร้อยเลยยยยย ชอบมากค่ะ น่ารักมากๆ ทั้งมิคทั้งกิม ชอบมิคที่ทุกอย่างต้องมีกิมอยู่ในความคิดเสมอไม่ว่าจะทำอะไร ชอบกิมที่ขี้อ้อนได้น่ารักมากๆ ยกมิคให้เป็นพระเอกในดวงใจกันเลยทีเดียว อิจฉากิมมากกกกก

ขอบคุณ คุณหมีมากๆ นะคะ ที่แต่งนิยายสนุกๆ ให้ได้อ่านกัน ชอบมากๆ ค่า ขอบคุณคนโพสด้วยนะค้า <3
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 21-02-2014 13:59:59
 :L2: :L2:  :pig4:  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: aoaer ที่ 28-02-2014 17:41:56
ขอบคุณสำหรับนิยาน่ารักๆนะคะ

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Aomampapeln ที่ 17-03-2014 13:50:28
อ่านไปยิ้มไปชอบมิคอ่ะหวงหึงห่วงหาน่ารักมากๆๆยิ้มจนแก้มแตกแล้วค่ะ
ฟินมากกกกก(ลาก ก.ไก่อีกล้านๆๆตัวเลยค่ะ)>///<จิกหมอนกัดปากกันเลยทีเดียวเขินจิงไรจิงอร๊าย>////<
อ่านแล้วรู้สึกไม่อยากให้จบเลยอ่ะขอบคุณคนโพสที่เอานิยายเรื่องนี้มาลงในเล้าแล้วก็ขอบคุณคุณหมีด้วยนะค่ะที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้ให้อ่าน^^
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 18-03-2014 20:17:50
กลับมาอ่านอีกรอบก็ยังน่ารักกันเหมือนเดิมมมม
ฮือออออ มิคน่ารักมากอะ อยากได้แบบนี้บ้างงงงงง
หาได้แถวไหนบอกหน่อย ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: raviiib❁ ที่ 18-04-2014 03:43:32
น่ารักมากกกก อ่านค้างไวั ถึงจะงงๆไปบ้างแฮะๆ
ฮาเพื่อนๆกิมตอนหลงป่าสุดๆ
ขอบคุณคุณหมีและคนโพสด้วยคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 18-04-2014 11:15:20
ชอบที่สุดเรื่องนี้ ชอบการบรรยายและความอบอุ่น ความสนุก ที่ได้รับจากเรื่องนี้จ้า
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: poisongodx ที่ 18-04-2014 23:50:18
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 24-04-2014 19:54:47
ชอบบบบบบบ อ่านไปยิ้มไปหัวเราะไป 

พระเอกอย่างมิคหาได้ที่ไหนอีกเนี่ย   :katai1:

ขอบคุณทั้งคนเขียนและคนแปะเลยจ้าาาาาาา   :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 26-06-2014 09:53:06
มิครักกิมมาก มากจนบ่อยครั้งเราประทับใจมิคมากกว่ากิม  :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: jbook ที่ 08-07-2014 17:11:16
 :-[ ชอบเรื่องนี้จังเลยค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 20-07-2014 19:31:32
กิมมิคหวานมาก
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: ~~viyage~~ ที่ 08-08-2014 02:59:12
เรื่องนี้น่ารักมาก โอ้มายก๊อดด คือชอบมากก
มิคโคตรน่ารัก และแบบ กิมก็แบบ อรั๊ยย
คือชอบอ่ะ มันไม่ขัดใจ มันแบบ ทีหวังไว้อ่ะ
ชอบที่มิคขี้หึงหวงกิมอ่ะ แม่งน่ารักเอี้ยๆๆๆ แบบเอี้ยๆๆ ไมไ่หวแล้ว
โอ๊ยย ชอบๆๆๆ >  < ชอบอ๊าาาาาาาาาาาา!
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: green13 ที่ 04-10-2014 20:30:57
 :-[น่าอ่านมากๆ น่ารักน่าติดตาม เป็นกำลังใจให้ค่า
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: เดอะMEE ที่ 23-10-2014 20:12:14
เพิ่งได้มาอ่านตอนปี57 คือแบร่บว่า มันแบร่บ น่าร้อคอ้ะ ><
อ่านไปยิ้มไปเขินไป โอ้ยยยยยยยยปวดแก้ม
พี่มิคคคคคคคคคคค ขอให้เราเถอะกิมมมมมม
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: satrun ที่ 07-11-2014 22:25:36
อ่านมานานแล้วเพิ่งได้ยูสเองฮือออ
มิคหึงโหดมาก(จริงก็โคตรมากเลยละ55)แต่ก็อบอุ่น และน่ารักมากๆ...หื่นมากๆด้วย555
ชอบบุคลิคพูดน้อยแต่พูดทีเหมือนปล่อยหมัดหนัก ชอบพระเอกแนวนี้จริงจังโฮก :o8:
กิมนี่กวนๆซึนๆ น่าร๊ากกกก
ปล.ชอบเรื่องนี้จังเลยค่ะ ส่วนตัวเป็นคนชอบคำบรรยายเยอาะๆมากกว่าบทพูดเฉยๆ 
ดูให้เข้าใจความเป็นไปของเหตุการณ์ และอารมณ์แบบมากสุดๆ ซึ่งชอบการบรรยายและภาษาเรื่องนี้มากกก
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆแบบนี้นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: 32themicky ที่ 21-11-2014 15:52:34
สายไปหน่อยแต่อยากเข้ามาบอกว่าซื้อรวมเช่มไปแล้วละ​ อิอิ
ชอบมากค่า​ มาเป็นหน้าม้าขออวย​ ของเค้าดีจริงๆ
ชอบตอนพิเศษในเล่มมาก​ ขอแพล่มที่นี่นะ​ ไม่รู้จะระบายออกที่ไหน​ 55​
ชอบมิกกิมตอนเด็กๆมาก​ รู้เลยทำไมมิกถึงได้ฝังใจกับกิมขนาดนี้
แล้วตอนพบกันอีกครั้งตอนโตแล้วแบบ​ อยากจะกรี้ดดดด​ ยุทธการรุกฆาต​ เข้ามาในชีวิตกิมแบบเนียนๆ​ โอย​ อ่านไปก็อิจฉากิม​ หาที่ไหนได้อีกคนนี้​ เหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่งจริงๆ​ คิดดูคนที่เคยเข้ามาในชีวิตตอนเด็กๆแค่ช่วงเวลาไม่นาน​ โตมาเจอก็ลืมเลือนไปละ​ แต่กับอีกฝ่ายคือความทรงจำที่ดีที่สุด​ ฝังใจไม่เคยลืม​ กลับมาตามหาโดยใช้แค่รูปถ่ายเก่าๆตอนเด็กใบเดียว​ ไม่มีมองข้างทาง​ ชอบๆๆๆๆๆ
เราแพ้ทางพระเอกนิยายแบบนี้มากกกกกก​ก​ ในชีวิตจริงจะมีบ้างม้าย​
ขอบคุณคุณหมีนะคะ​ ที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน
สำนวนการเขียนเป็นเอกลักษณ์มากๆ​
ผ่านมาหลายปีละยังหวังภาคต่อได้อยู่รึป่าวน้าาา​
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Autumn leaves~ ที่ 03-12-2014 02:06:24
มาแปะไว้ก่อน จะมาอ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Meowww ที่ 05-12-2014 21:53:24
โฮกกกกกกกกก เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้จนจบ อยากบอกว่าสนุกมากกกก หวานมากกกก ฮามากกก   o13 :z2:

ชอบมิคมากกก หล่อ เท่ อบอุ่น  :hao6: :o8:

ชอบกิมมากกก น่ารัก น่าฟัด น่าจับกิน   :z1: :impress2:

และชอบผองเพื่อนกิมด้วย แต่ล่ะคนฮามาก   :laugh:

เหมือนจะเคยเห็นรวมเล่มของหนังสือเล่มนี้ที่ร้านหนังสือ อยากจะทึ้งหัวตัวเองที่ตอนนั้นไม่ได้ซื้อมา เดี๋ยวต้องรีบไปสอยอย่างเร็วล่ะ อยากได้ๆๆๆ   :hao7: :ling1:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 30-12-2014 18:02:26
อ่านแล้วขำแทบทุกตอน  :hao7:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: โซดาหวาน ที่ 07-02-2015 13:43:40
ชอบเรื่องนี้มากกกกก
อ่านแล้วฮา  :laugh:  อ่านแล้วฟินน  :o8:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 09-02-2015 06:24:23
อ่านแล้วมันใช่ สนุกจัง หวานๆ ชอบๆๆๆๆ เราว่าโรแมนติกดี
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 18-02-2015 12:59:15
สนุกมากๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 19-02-2015 01:05:56
ขอบคุณคุณหมี ผู้แต่ง และ คุณDraCo_SLa13 ผู้โพสต์

นี่เป็นนิยายอีกเรื่องในดวงใจ อ่านเมื่อไรก็มีความสุข

ทุกตอนมีเรื่องให้ขำขัน และก็น้ำตาซึมทุกครั้งที่กิมตระหนักถึงความรักที่มิคมีให้

"จนถึงเดี๋ยวนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับอีกฝ่ายจะยืดยาวไปได้ถึงแค่ไหน แต่นาทีนี้ ระหว่างที่ได้จ้องเข้าไปในตาอีกคู่ ได้เห็นรอยยิ้มที่ส่งตรงมาให้ผมเพียงคนเดียว ได้ฟังเสียงหัวใจอีกดวง และได้รับรู้สิ่งที่อีกคนต้องการสื่อ ผมก็ว่ามันพอแล้วล่ะ ถึงวันข้างหน้าคนที่ได้นั่งอยู่ตรงนี้อาจไม่ใช่ผม คนที่ไอ้มิคฮัมเพลงให้ฟังอาจเปลี่ยนเป็นใครอื่น แต่อย่างน้อยในช่วงชีวิตหนึ่งของวัยหนุ่ม ความรู้สึกของการได้รักและถูกรักถึงขั้นร้อนรุ่มจนใจสั่น ผมว่าแค่นี้ก็คุ้มแล้วที่ได้เกิดมา"

รักจัง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: masmaro ที่ 17-04-2015 02:15:56
 :katai2-1: :katai2-1:
อ่านที่เดียวจบเลย งืออออ ขอบคุณคนแต่งนะคะที่แต่งเรื่องออกมาได้น่ารักมากขนาดนี้ :call: :call:
ขอบคุณคนที่เอามาลงนะคะต่อชีวิตให้เราได้ฟินกันไปยาวๆ
กิมก็น่ารักเกรียนๆซึนๆดี งือออออออ ถึงว่ามิคขี้หึงขี้หืน โอ้ยยยน่ารักกกก
จะไปหาผู้ชายแบบมิคได้ที่ไหนค่ะ คุณดรอมินิคมีพี่ชายน้องชายฝาแฝดแนะนำสักคนไหม !!!  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: runrunna29 ที่ 18-04-2015 04:39:51
อ่านตอนแรก กิมมาอย่างน่ารัก ส่วนมิคนั้นมาอย่างเถื่อน 555
แล้วดูสิ นี่อะไร มุ๊งมิ๊งจนคนอ่านอิจฉา

ชอบมิคนะ ชอบผู้ชายแบบนี้ แบบที่ว่ายอมให้คนรักเอาแต่ใจกับเขาคนเดียว คอยดูแลอย่างไม่รังเกียจ (อ่านตอนที่กิมอ้วกแล้วมิคเอามือรับนี่แบบโห กล้าว่ะ แสนดีโคตรๆ) ให้เลยกับมิค ร้อยเต็ม ส่วนกิม เอาไปครึ่งเดียวเพราะชอบได้มิคไปครอง

ว่าแต่ นึกว่ากิมจะตามจีบหนึ่ง พอมาเจอมิคไป เราแบบว่า เฮ้ย พระเอกนี่มิคเหรอวะ แถมพวกเพื่อนๆ ก็นิสัยดีเนอะ ไม่รังเกียจเพื่อนที่รักกัน
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 18-04-2015 08:26:01
รักกิมมิค คิดถึงคุณหมีจังเลยค่า ยังรอภาค ๒ ของรักจังอยู่นะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: llmup ที่ 20-04-2015 16:36:43
 :hao3: แอร้ยย ชอบมากเลยค่า555 หวาน หวาน หวาน
ไม่รู้จพบอกไง ชอบอะไรที่ไม่ดราม่าแบบนี้
มีภาคต่อตอนทำงานไหมค่า อยากรู้ความเป็นไปจนโตจนมีหน้าที่การงานเลยคุณหมี

ขอบคุณคุณหมีกับคนโพสนะค่ะ จวฟฟฟฟฟฟ :mew1:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 23-04-2015 21:05:40
ตอนแรกก็สงสัยทำไมมิครักกิมจัง
แต่พอลองคิดคำตอบแล้ว อยู่ ๆ ก็คิดว่า ..หยุดคิดดีกว่า

ความรู้สึกหลังอ่านจบ ...อยากถูกรักแบบนี้จัง
รู้แค่นี้
                       :กอด1:   

หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovelygd ที่ 18-05-2015 23:28:22
รัก...นิยายเรื่องนี้...จัง
รัก... มิคกะกิม...จัง
รัก...คุณหมี...จัง
รัก...คนโพสต์... จัง
ขอบคุณนิยายดีๆนะ เข้ามาอ่านกี่ครั้งก้อมีความสุข ยื้มแก้มปริทุกครั้งเลย
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: sasaka8 ที่ 04-06-2015 15:28:21
ขอบคุณนะคะทั้งคนแต่งคนโพสต์นิยายน่ารักมากเลยค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 28-06-2015 20:19:12
น่ารักมากค่ะ อ่านรวดเดียวจบเลย :katai2-1: :hao5: :hao5: :hao5:

ชอบมิคและกิมมาก น่ารักมาก เหมาะกันจริงๆ  :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 29-06-2015 06:16:04
ตอนแรกนึกว่าหนึ่งเป็นพระเอก 555 ช่วงแรกมิคขี้หึงไปนิดนึง แอบอึดอัดแทนกิม ช่วงกลางหวานน่ารัก ตอนหลงป่านี่อ่านไปฮาไป(จริงๆควรเครียดเนอะ) ช่วงหลังน้ำตาลท่วมจริงๆ เรน่าชอบผู้ชายใจเก่งค่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Evergreen ที่ 03-07-2015 00:00:11
เอาใจไปเลยค่าพ่อมิคคคคค
ไม่อยากให้จบเลย น่ารักมากกก ไม่แคร์โลก มุ้งมิ้งกันสองคน กิกิ
ชอบตอนไปทริปหัวหินอินเตอร์มากกก ถึงแม้จะเป็นฉากเรียกเลือด
แต่มันก็มีความรู้สึกหลายๆอย่างของมิค แบบรักจริงๆอ่ะ ใครมันจะไปยอมดม(?)ว้ะ ถ้าไม่รัก
55555555 ขอบคุณที่เอามาลงให้ได้อ่านกันแบบนี้ค่ะ สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 04-07-2015 08:40:05
มิครักกิมแบบจัดหนักจัดเต็มมากค่า
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 08-07-2015 01:33:01
มิคกิม เอาใจไปเลยยย
รักกันมากกกกอะ แบบจัดหนักจัดเต็มมากก
อิจฉาเลยย
สนุกมากกกค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ

แปะตอนพิเศษให้ค่ะ เผื่อมีคนเปิดข้าม ไม่อยากให้พลาดกัน♥
ลอยกระทง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17935.msg1216403#msg1216403)
อาการคิดถึง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17935.msg1299716#msg1299716)
อีกด้านของความรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17935.msg1710421#msg1710421)
โอ้ละหนอ ความรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17935.msg1746219#msg1746219)
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: whitelavenders ที่ 13-07-2015 04:48:48
ถามคำเดียว ชาติที่แล้วกิมมันทำบุญตักบาตรด้วยอะไรน้ออ ถึงได้แฟนดีขนาดนี้ จะได้ทำตามมั่ง  :laugh: หวานมากเลยค่ะ หวานไม่บันยะบันยัง หวานแนบเนียนมากๆ มิกยังกับคนโดนของ อะไรจะรักจะหลงขนาดนั้นนน 5555 เรื่องน่ารักมากๆ กลมกล่อมกำลังดี ครบรสทั้งคอมเมดี้ ดราม่านิดๆ มีhorror แล้วยังมี action อีก ตอนหลงป่านี่ชอบมาก อ่านเพลินเลย ตอนสู้กับหมูป่าก็ใจหายแว้บ ลุ้นจนนั่งไม่ติดจริงๆ เราชอบเวลามิกพูดภาษาอังกฤษอ่ะ มันตรงไปตรงมาและดูเว้าวอนดี ยิ่งตอนร้องเพลงนะ มีร้อยนี่ให้ร้อยห้าสิบเลยเอ้า อยากเช่ามาควงซักเดือน 55555 กิมเราก็ชอบน้า เป็นคนสบายๆ ฟังเสียงหัวใจตัวเองแล้วก็มีเหตุมีผลดี (มีเหวี่ยงบ้างแต่ไม่มากจนเกินไป) ก๊วนเพื่อนก็น่ารัก ตลกโปกฮาดีจัง ป.ล.ชอบฉาก make love มากค่ะ ดูเป็นการ make love จริงๆไม่ใช่แค่ sex อ่านแล้วทั้งเขินทั้งรู้สึกดี
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 26-07-2015 13:16:29
 :pig4: อ่านจบแล้ว น่ารักจังค่ะ รักกันไปหึงกันไป ค่อยๆเติมเต็มความรักกันดีจัง
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 04-08-2015 22:56:50
ประทับใจเรื่องนี้มากค่ะ ชอบมิคมากก พระเอกในดวงใจ กิมโชคดีฝุดๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 08-09-2015 07:36:33
มิคโคตรขี้หวงเลยย กิมนิโชคดีสุดๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: lahlunla ที่ 11-09-2015 11:45:36
รู้ลำเอียงความรักให้พ่อมิคไปหมดเลย  :-[
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Kob17 ที่ 01-10-2015 18:26:53
 o13  o13 :o8: บอกได้คำเดียวอะ ชอบ ชอบ ชอบ มากค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ นะค่ะ  :hao5: :ling1:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: iNklaNd ที่ 02-10-2015 16:09:04
เป็นนิยายที่หยิบมาอ่านบ่อยมากๆ ยิ่งหน้าปกที่วาดมิคได้หล่อโฮกฮาก หน้าฝรั่งคมๆ
กับหนูกิมที่น่ารัก ตาเรียวเหมือนตัวปลาที่มิครักนักรักหนา
อ่านไปเอาหน้าทั้งคู่บนหน้าปกจิ้นไป ฟินแลนด์!!!
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 04-10-2015 01:18:31
อ่านกี่รอบก็ฟินกับกิมมิค
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: runrunna29 ที่ 04-10-2015 12:17:38
มาอ่านรอบสอง ก็ยังชอบ
อยากได้ผู้ชายอย่างมิคมาเป็นแฟนชะมัด อิจฉากิมจริงๆ จะมีภาคสองต่อมั้ยเนี่ย คิดถึง
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: anuyasha ที่ 05-10-2015 12:33:00
น่ารักมากค่ะ ชอบคำบรรยายมาก ขำตลอด ทำไมถึงเพิ่งเจอนะ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 09-10-2015 21:16:47
ใช้ภาษาได้สนุกดี อ่านเพลินดีครับ o13
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: jeabjunsu ที่ 11-12-2015 22:14:23
มิครักกิมมากเลยน้า กิมก็รักมิคมากเช่นกัน

ช่วงแรกๆที่ไม่เข้าใจกันบอกเลยว่าบีบคั้นในอารมณ์มาก!!!

แต่พอได้คุยได้ตกลงได้รักกันแล้ว น่ารักกันมากๆเลย

หื่นมากด้วย เหมาะกันมาก!!!!

ชอบในความขี้หวงของมิคอ่ะ ชอบมากจริงๆ กิมก็อ้อนเก่งน้าบอกเลย หวานๆน้ำตาลขึ้น >○<
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 16-12-2015 20:28:16
น่ารักและหื่นมากมาย :pighaun:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 02-01-2016 23:15:44
น่ารักที่สุดเลยยยยยย อ่านแล้วรู้สึกว่า "รักจัง" จริงๆค่ะ
ชอบทั้งมิคทั้งกิมเลย จริงๆร้อยทั้งร้อยก็ต้องหลงเสน่ห์และความทุ่มเทของมิคเนอะ
แต่สำหรับเรากิมเองก็เป็นคนที่คู่ควรจะได้รับสิ่งนั้นไม่แพ้กันเลย .. คือถึงใครจะว่ามิคดีแค่ไหน
แต่เราว่ากิมก็ดีมากอ่ะ ตั้งแต่ตอนที่มิคบอกความรู้สึกแล้วขอให้มองแค่มิคคนเดียวแล้ว
กิมก็พยายามทำตามอย่างเต็มที่ พอมิคไปเข้าใจผิดมาก็ยังไม่โกรธไม่หนีอ่ะ เป็นเราคงเคืองมากนะ
คือแค่ให้โอกาสไหม ยังไม่ได้เป็นแฟนกันด้วยซ้ำ มีสิทธิ์อะไรมาหึงขนาดนี้ แถมก็ไม่ได้ทำอย่างที่คิดด้วยรึเปล่า
อารมณ์แบบ เข้าใจผิดไม่พอยังมาล้ำเส้นอีก แทนที่จะเว้นเวลาให้คิด ให้ค่อยๆตกผลึกในความรู้สึกไป อะไรประมาณนั้น
สำหรับเราเลยว่ากิมเองก็เป็นคนน่ารักนิสัยดีจริงๆ ไม่ต้องเกี่ยวกับที่หน้าตาหรือฐานะอะไรเลย

ส่วนตอนท้ายๆก็น่ารักเหมือนเคยค่ะ ดราม่าตอนลอยกระทงนี่ทำเอาใจหายเลยแต่ก็พยายามคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของแฟนกันเนอะ
มีทะเลาะกัน ไม่เข้าใจกัน เหมือนจะเลิกรักกันแต่จริงๆมันก็ไม่ถึงขนาดนั้น อารมณ์แบบ We're not broken just bent. อ่ะค่ะ
/จากเพลง Just give me a reason ของ P!nk เพลงนี้ให้อารมณ์เดียวกับตอนลอยกระทงเลยค่ะๆ

ยังไงก็ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ ดีใจที่ได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ <3
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: zzzzzz ที่ 14-02-2016 16:36:51
เราคิดว่าภาษากายมันบอกได้ทุกอย่าง ไม่ต้องพูดแค่สัมผัสก็รู้อะ
แล้วยิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้แล้วยิ่งรู้เลยอะอร้ายยยยยยยมันเขินแทนทุกการกระทำเลยอะ :sad4: :heaven มโนแจ่มมาก5555555555555555
เราชอบการแสดงความรักของมิคกับกิม ชอบการแสดงความรู้สึกของทั้งสองคนที่ส่งผ่านทุกๆการกระทำ มันอ่านแล้วค่ดเขินอะเหมือนมันรัก รักมากๆฮืออออออออ :hao5:
ตอนฮาตอนเกรียนก็ฮาจริงๆค่ะมีครบทุกรสชาติเลยชอบมากๆอ่านเพลิน
คิดว่ากลับมาอ่านอีกก็ยังสนุกเหมือนเดิม
คนเขียนเก่งมากๆเลยค่ะอ่านไปแล้วมันเขินมันละมุนอบอุ่นแบบบอกไม่ถูก เว่อไปมั้ย555555555แต่ชอบจริงๆนะคะ
ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆให้อ่านค่ะ
และขอบคุณ คุณคนโพสที่นำนิยายมาโพสไว้ในเล้านี้นะคะไม่งั้นคงไม่มีโอกาศได้อ่านแน่เพราะรู้จักที่นี่ที่เดียว55555555
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

 อ่านจบแล้วยังเขิ้ลอยุเลย5555555555555:m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 16-02-2016 12:40:17
สนุกมาก เป็นพระเอกที่ทำให้คนอ่านหลงใหลได้ปลื้มจนอยากจะแย่งมาเป็นของตัวเองเลยเชียว (ฮา) นิสัยตัวละครสมกับอายุมากค่ะ เนื้อเรื่องดีแล้วก็สนุกมาก ขอบคุณค่ะสำหรับนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: TuiLoveKhaKing ที่ 27-02-2016 17:40:53
อ่านเรื่องนี้บ่อยมากก อ่านมันซ้ำไปซ้ำมา เสียดายแทนคนที่ข้ามเรื่องนี้ไป คือแต่งดีมาก รักหวานละมุน ชอบตอนพิเศษทุกตอนเลยค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Sweettemp ที่ 26-03-2016 18:01:10
เป็นเรื่องที่อ่านซ้ำๆก็ยังไม่เบื่อ มิคกิมน่ารักมากกก อยากให้มีเรื่อยๆ จะได้อ่านเพลินๆ อร๊ายยย  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: yin ที่ 03-04-2016 11:56:55
น่ารักสุด..น่าฝินสุด  นั่งอ่านไปทำงานไปรุ่นน้องก็ต้องตกใจว่าอิป้านี่หัวเราะอะไรช่วงไปติดป่ากัน555 แค่นึกก็ฮา ขอบคุณคนแต่งและน้องที่เอาเรื่องนี้มาลงให้ได้อ่าน ได้น่ารัก น่าหยิกสุด
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: noy1969 ที่ 06-06-2016 22:06:56
เสียดายเงินที่ซื้อหนังสือจาก สนพ. มาก ซื้อทั้งหมด 3 รอบ อ่านไม่ได้เลย ตัวหนังสือเล็ก แถมมีลายน้ำ
อ่านแล้วปวดตามาก จะรีปรินท์กี่ที ก็อ่านไม่ได้ เลยต้องมาหาในเวปแทน  เสียดายนิยายดีๆ เลย

 :hao5:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-06-2016 16:13:04
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 18-06-2016 17:53:14
 :mew1:
 
ชื่อเรื่องสมกับเนื้อหามากกกกก!
อ่านแล้วเห็นแต่ความรักของกิมกับมิค (โดยเฉพาะรายหลัง) เต็มว่อนไปหมด อิอิอิ
รวมถึงแก๊งค์เพื่อนที่เข้าใจและหนุนหลังตลอด

รักจังนานๆนะคะ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: lady_panko ที่ 29-06-2016 15:44:54
ทำไมไม่เจอเรื่องนี้ให้เร็วกว่านี้นะ ฮึ่ยยยย อ่านแล้วเขินนานมาก

ปล อยากให้หมายเลข 4 มีภาคต่อ เราอยากให้นางมีคู่ 55555
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 17-09-2016 07:08:52
น่ารักจัง ไม่หวือหวาแต่หวานหวาน
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 13-10-2016 19:39:26
พึ่งได้เข้ามาอ่านจากเวปแนะนำนิยาย.  ชอบมากกกกก.  บรรยายได้หวานซึ้ง.  Nc มีบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรัก. หวานละมุนละไม. เป็นนิยายที่มีnc ที่ชอบที่สุดเท่าที่เคยอ่านมา.   โดยส่วนตัวไม่อยากให้มีภาคสอง.  กลัวเจอดราม่าครอบครัวมิคมาก. มิคกิมมีพื้นฐานครอบครัวต่างกันมากเกินไป.  อยากให้มีตอนพิเศษออกมาเรื่อยๆ. แบบอยู่ด้วยกันแล้ว ตัดข้ามฉากที่ต้องเจอครอบครัว.  เราใจไม่แข็งแรง.  ไม่อยากให้มิคกิมต้องเศร้า. รักมิคกิม.   เป็นคู่พระเอกนายเอกที่เราชอบมาก. ไม่งอแง. ไม่มีตัวอิจฉา ไม่ตบจูบ  แสดงออกถึงความรักที่เต็มหัวใจ.  ฟินมากค่ะ.  ขอบคุณคุณคนเขียนและคนโพสมากมากค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 02-12-2016 08:39:41
                                                              :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
   เราพึ่งมีโอกาศได้เข้ามาอ่านิยายเรื่องนี้เราตามมาจากกระทู้แนะนำนิยายตั้งแต่ตอนแรกจนตอนพิเศษสุดท้ายบอกได้คำเดียวว่ามันดีต่อใจมากอ่าไปยิ้มไปหลงรัก กิม กับ  มิค ไปเพื่อนๆก็น่ารักนะตลกดีทั้งโอ้ บี อั้ม อ่อน และอีกหลายคนขอบคุณที่แต่และนำมาลงที่นี้นะนิยายสนุกมาก :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 03-12-2016 17:33:01
นิยายในดวงใจเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: heyguy ที่ 08-12-2016 07:26:03
บ้าไปแล้วววววววววว หวานมาก  หวานจนขนลุกซู่ซ่า ฮ่าๆ
อ่านรวดเดียวจบเลย ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะทั้งคนเขียนและคนเอามาลง
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: TAETAEBAE ที่ 27-12-2016 00:44:54
มิคคิดมากไปปร่ะ ทีตัวเองหัวเราะกะนังตองล่ะ เริ่มไม่ปลื้มล่ะ  ชิส์

อ่านดีๆค่ะ อ่านอีกที มิคไม่ได้หัวเหราะด้วยนะ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: ao.siwimol ที่ 07-02-2017 23:03:13
 :mew3:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: b02290 ที่ 08-02-2017 19:44:50
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 11-02-2017 08:14:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 06-04-2017 00:56:54
ชอบมากกกกกกกก(ก ล้านตัว) อ่านกี่ครั้งก็ยังรู้สึกดี มันหวานปะแล่มๆในอก มันเขิน มันรักจัง เขียนได้ดีมากจริงๆ อ่านไปนี่คือเข้าใจเลยว่า"รัก" ไม่ต้องมาตีความอะไรอีก มันดีกับใจ ฮือออออออออออออออออออออ เดี๋ยวจะไปอ่านอีกรอบ(พร้อมกับมโนว่าตัวเองเป็นกิม) ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: TAETAEBAE ที่ 19-05-2017 01:47:06
มิคคิดมากไปปร่ะ ทีตัวเองหัวเราะกะนังตองล่ะ เริ่มไม่ปลื้มล่ะ  ชิส์

อ่านดีๆค่ะ อ่านอีกที มิคไม่ได้หัวเราะด้วยนะ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 12-07-2017 03:49:37
ขึ้นหิ้งนิยายในดวงใจเลยค่ะ ถึงจะได้อ่านช้าไปหลายปีเพราะเพิ่งเจอ..แต่ดีใจที่ไม่พลาดเรื่องนี้ค่ะ :-[
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Yukina ที่ 25-07-2017 23:08:43
กรี้ดดดดดดด เพิ่งมาเจอ หลังจากนิยายจบไปหลายปี
สนุกสุดๆๆๆๆๆๆๆ มิคตอนแรกน่ากลัว แต่หลังๆหวานมากกกกกก อิจจากิมมากกกกกกกกกกกก
ชอบมาก ขอบคุนคนโพส คนแต่งนะครับบบบบ จะรอตอนพิเศษอีกกกกกกกกกนะนะนะนะนะ  :mew3: :mew1:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: ต้นไม้ใบหญ้า ที่ 05-08-2017 13:45:16
พึ่งอ่านจบไปหลังจากตามอ่านมาเกือบสิบชั่วโมงรวด 5555
เรื่องนี้สนุกมากค่ะ เสียดายที่เราพึ่งได้เห็นหลังจากจบไปหลายปีแล้ว
ขอบคุณคนเขียน ขอบคุณคนโพส แล้วก็ขอบคุณนักอ่านท่านอื่นที่ช่วยเป็นกำลังใจให้คนเขียนจนมีนิยายน่ารักเรื่องนี้จบออกมาให้เราได้อ่านด้วยค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: +MooN+ ที่ 15-08-2017 00:39:48
มีความหวานละมุนละไมอย่างมากมาย
กิมน่าอิจฉามากกก
ได้รับความรักอันท่วมท้นจากมิค :o8:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 13-10-2017 22:00:02
เพิ่งเคยมาอ่านเรื่องนี้ เห็นชื่อเรื่องกับตอนเปิดเรื่องแล้วคิดว่าเป็นแนวแอบรักแล้วไปตามจีบเขาจนติดซะอีก นึกว่าหนึ่งเป็นพระเอกแต่พออ่านๆไป อ้าวว กลายเป็นเล่นเพื่อนนี่หน่า ชอบความหึงโหดของมิคมากและก็ชอบบทแสดงความรักของคู่มิคกิม มันดูอิโรติกปนเซ็กซี่นิดๆ อ่านแล้วหวานมาก
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 14-10-2017 11:29:11
เขินแทนงื้อออออออ
ขอบคุณมากๆนะคะ รักเรื่องนี้มากเลยค่ะ
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 17-01-2018 22:22:15
กลับมาอ่านอีกรอบ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 14-02-2018 21:19:22
เรื่องน่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆ โดยเฉพาะตอนพิเศษ  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 20-03-2018 15:59:35
ถ้ามิคกลืนกิมลงอกได้คงกลืนไปแล้ว
เป็นเรื่องที่หวานมากหวานมายจริงๆ :-[
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 07-04-2018 07:49:51
น่ารัดจริงเรื่องนี้ :mew3:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 18-04-2018 21:56:52
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกก
หัวเราะจนน้ำตาไหลในทุกๆตอนเลย
ชอบภาษาที่ใช้มากๆช่างเปรียบเทียบประชดประชันจนต้องร้องเฮ้ย!!คิดได้ไงเนี่ยเจ๋งอ่ะ
ชอบมากกกกกชอบจริงๆ
ถ้าจะเขียนภาคต่อก็ขอยกมือสนับสนุนสองมือเลยอ่ะ
ใจสั่นมากๆตรงประโยคภาษาอังกฤษของพ่อพระเอกนายดอมินิคคนดีผู้หลงใหลนายกิมกว่าสิ่งใดนี่ล่ะอ่านเจอทีไรใจสั่นจนเต้นผิดจังหวะตลอดเลย
Heart Attack!! :o8: :-[

ขอบคุณมากเลยนะทั้งคนเขียนทั้งคนโพสต์ :mew1:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 07-05-2018 22:43:25
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 28-05-2018 23:54:55
สนุกมากกก เค้ารักกันมากและหวานมากจนน่าอิจฉา ฮืออ

มิคนี่ถ้ากินกิมเข้าไปได้คงกินไปแล้ว ดีงามจริงๆเรื่องนี้

 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Cutebangg ที่ 14-09-2018 21:00:56
 :katai2-1: ชอบเรื่องนี้จังเลยยย ฮาและหวานมากกก
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: ss.suttida ที่ 18-05-2020 10:48:29
แง เลิฟๆมิคไ่ม่อยากให้จบเลยยยย
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: kutelittlepoly ที่ 21-09-2020 15:14:37
กลับมาย้อนอ่านเรื่องนี้ใหม่ ปี 2020 ยกให้เป็นนิยายในดวงใจอีกเรื่องค่ะ
อยากได้ช่องทางติดตามนักเขียนจัง
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: thitipornwiss ที่ 20-03-2022 16:45:26
 :mew1:ชอบๆคะ อ่านสนุก ฟืนคะพึ่งเข้ามาอ่าน  มีเรื่องอื่นที่แต่งอีกไหมคะ จะติดตามอ่านคะ
หัวข้อ: Re: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
เริ่มหัวข้อโดย: Bs_sai69 ที่ 16-01-2024 11:53:53
สนุกมากครับ