ตอบที่ PM มาถามนะคะ เรื่องรักจังนี้เป็นชื่อเรื่องตั้งแต่แรกที่คุณหมีแต่งมาค่ะ โพสที่บอร์ด Luscious ค่ะ
คุณหมีแต่งจนจบเรียบร้อยแล้วค่ะ Happy แน่นอน เสพได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวค้างนะคะ
รักจัง.....ตอนที่4.1
“ปุจฉา ควายผอมๆตัวหนึ่งยืนอยู่ริมตลิ่ง มันอยากกินปลา ถามว่ามันจะทำยังไง” คำถามบั่นทอนปัญญาจากไอ้อ่อนดังขึ้นกลางวงข้าวมื้อบ่ายๆ เหมือนเคย
“ควายที่ไหนกินปลา จะถามทั้งทีอย่าทำตัวโง่กว่าคนตอบสิวะ” ไอ้จั๋วตะโกนตอบเป็นคนแรก
“ก็กูบอกว่าควายผอมๆตัวหนึ่ง หมายความว่ามันอดอยากมาแล้วหลายวัน เห็นปลาว่ายอยู่ในน้ำแล้วอยากแดกไม่ได้หรือไง”
“กูว่ามันคงทำตัวให้สมกับเป็นควาย ตัดใจแล้วไปหาหญ้าแดกแทน”
“ไม่ๆ กูว่าแม่งเดินลุยน้ำ ยืนนิ่งๆรอจังหวะแล้วใช้กีบตะปบ ใช่เปล่าไอ้อ่อน?”
“เป็นไปไม่ได้ ควายเนี่ยมันโง่ อยากกินปลาแม่งต้องคิดไม่ออก ได้แต่ยืนโง่อยู่อย่างนั้น”
“ผิดหมดล่ะพวกมึง ควายอยากแดกปลามันก็แค่สั่งลูกสมุนที่เกาะอยู่บนเขา ให้โฉบลงไปเกี่ยวปลาติดตีนมา”
“ที่เกาะอยู่บนเขาควายมันนกเอี้ยงนะเว้ยไม่ใช่พญาอินทรีย์ จะได้เกี่ยวปลาติดอุ้งตีนมาให้มึงกินได้”
“มึงรู้ได้ไงว่านกเอี้ยงจับปลาไม่ได้ บ้านเป็นสวนนกรึไงไอ้โยม ขึ้นชื่อว่านกเหมือนกันเนี่ย แสดงว่าความสามารถมันต้องครือกันล่ะวะ” ไอ้บีไม่ยอมแพ้ พยายามใช้ทฤษฏีตระกูลสัตว์ปีกเข้าข่ม
“เฮ้ยหยุด!” ไอ้อ่อนรีบยกมือทำปรางห้ามญาติก่อนไอ้โยมจะได้อ้าปากเถียง “กูถามเรื่องควายกินปลาไหงแม่งกลายเป็นเรื่องนกได้วะ พวกมึงนี่ ตอบไม่ได้แล้วทำมาเบี่ยงประเด็น แล้วมึงไอ้กิม” ไอ้อ่อนหันมาทางผมสายตาเหยียดหยาม
“เอาแต่นั่งแดกไม่คิดจะมีส่วนร่วมกับเพื่อนกับฝูง ตอบมาว่าควายตัวนี้จะทำยังไง”
ซะงั้น กูนั่งอยู่ของกูดีๆ “ที่กูนั่งเงียบเนี่ยไม่ใช่จะทำตัวแตกแยก แต่กำลังคิดอยู่ว่าต่อไปประเทศไทยคงต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติถึงร้อยละเก้าสิบห้า ดีไม่ดีอาจถึงขั้นต้องเอาเขมรพม่ามาฝึกภาษาไทย” ไอ้อ่อนและรอบโต๊ะถึงกับออกอาการไก่ตาแตกกับคำตอบของผม
“เพราะอนาคตของชาติเองมันดันปัญญาอ่อน เวลาว่างแทนที่จะเอาไว้แดกข้าวหรือไม่ก็ทบทวนบนเรียน ทำอะไรก็ได้ที่มันมีสาระกับชีวิต นี่อะไรของพวกมึง มานั่งตอบปัญหาปัญญาอ่อนกันหน้าเขียวหน้าดำ” ผมร่ายยาว รู้สึกหงุดหงิดบอกไม่ถูก
“ปากดีจริงๆไอ้กิม” ไอ้จั๋วเอ่ยชมผมเป็นรายแรก “แต่ขอโทษ ถึงพวกกูจะทำตัวอ่อนน้อยด้อยปัญญาสนองความวัวความควายของไอ้อ่อน แต่ก็ยังมีความสมดุลย์ในอารมณ์กันอยู่”
“ถูก กูถามคำถามไอคิวต่ำแต่อีคิวนี่เกินมีน” ไอ้อ่อนรับลูกทันควัน
“ไม่เหมือนมึง ทำตัวเป็นคนมีสาระแต่อีคิวต่ำเตี้ยติดดิน หงุดหงิดใครก็ไปลงที่เจ้าตัวมัน อย่ามาแยกเขี้ยวน้ำลายย้อยใส่พวกกู”
ไอ้อ่อนไอ้จั๋วด่ามาได้ตรงประเด็นจนผมถึงกับเถียงไม่ออก ได้แต่ก้มหน้าซดน้ำก๋วยเตี๋ยวแก้ฝืดคอ
“มีอะไรกันว้าไอ้กิม กูเห็นมึงเป็นอย่างนี้มาจะอาทิตย์ ทะเลาะกับไอ้มิคหรือไง” ไอ้อ่อนเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นผมไม่เปิดปากเถียงเหมือนเคย
“เออ กูว่าจะถามตั้งแต่เมื่อเช้าว่าซี้มึงไปไหน ที่แท้พ่อแง่แม่งอน เรื่องของผัวเมียจะตีกันนี่เอง” ไอ้โยมปล่อยสำนวนไทยไม่ดูสถานการณ์ มันคงไม่เห็นว่าหน้าผมที่ก้มเคี้ยวลูกชิ้นหมูอยู่กำลังจะเปลี่ยนเป็นกวนอู
ผมเคี้ยวลูกชิ้นอย่างแรงทิ้งท้ายแล้วยื่นมือข้ามโต๊ะไปตบกระโหลกไอ้โยมดังป้าบก่อนคว้าคอล็อคหัวมันมาตีเป็นกลองพัทลุงอีกชุดใหญ่ พ่อแง่แม่งอนใช่ไหม ใครผัวใครเมียของมึง นี่เอาไปอีกที
“เฮ้ย?!”
คนใต้รักแร้ผมร้องเสียงหลง พยายามสู้ด้วยการก้มตัวลงต่ำ หนีเข้าเขตตัวเองโดยใช้โต๊ะข้าวเป็นตัวคั่น
“ไอ้กิม! พอๆ ปัญญาชนไม่ใช้ความรุนแรงในที่สาธารณะ จะเชือดศัตรูต้องอุ้มไปทำกันเงียบๆ” ได้ยินเสียงไอ้อ่อนแว่วมาว่าอย่างนั้นก่อนแขนผมที่ล็อคคอไอ้โยมอยู่จะถูกดึงจากด้านหลังด้วยแรงไม่มากไม่น้อยแต่เล่นเอาถึงกับเซถอยมาหลายสเต็ป
“…………”
เซแปะเข้ากับอกแน่นๆ หันไปเจอหน้าคุ้นๆตาคมๆแล้วไอ้กิมก็เกิดอาการสะบัดสะบิ้ง ยกมือขึ้นดันตัวเองออกจากคนข้างหลังโดยอัตโนมัติ เป็นผลให้มือร้อนๆบนต้นแขนกระชับแน่นขึ้นทันควัน
ผมพยายามดึงแขนออกโดยไม่ให้เป็นที่สังเกตของเพื่อนฝูง แต่ไอ้อ่อนไอ้จั๋วที่หันมาเจอคนข้างหลังผมก็ดันหันมาให้ความสนใจ ออกอาการทักทายกันจนไอ้กิมออกแอ็กติ้งดึงแขนคืนไม่ได้ สุดท้ายต้องหันไปกระซิบลอดไรฟันว่าปล่อยกูพร้อมจ้องตาไปแบบที่คิดว่าดุที่สุดในชีวิต แรงที่แขนถึงคลายลงให้ผมดึงออกได้ในที่สุด
“หายไปไหนมามึง โผล่มาเอาป่านนี้”
ไอ้บีตะโกมถามข้ามหัวระหว่างผมทิ้งตัวลงนั่งเบียดลงกับไอ้จั๋วไอ้อ่อนตามเดิม ไม่สนใจไอ้มิคที่ยืนอยู่ข้างหลังว่าจะไปหาที่นั่งเอาตรงไหน อารมณ์ขุ่นๆที่ได้ระบายออกกับหัวกลองพัทลุงของไอ้โยมเหมือนจะฟุ้งขึ้นมาอีกครั้ง
“ทีหลังจะไปไหนก็ฝากข่าวมาบอกกันบ้าง พวกกูจะได้ไม่ต้องโดนสาวๆค้อนใส่เวลาตอบเขาไม่ได้ว่ามึงหายหัวไปไหน” ไอ้โยมว่าพลางพยายามเซ็ทหนามบนหัวก่อนจะหันมาทางผมสีหน้าจริงจัง
“เฮ้ย หรือมึงไปเอายาให้ไอ้กิมที่โรงหมอ แม่ง กูว่าแล้ว อาการอย่างนี้เพราะขาดยานี่เอง”
“สาดโยม ยาอะไรของมึง” เขี้ยวผมเริ่มงอกน้ำลายเริ่มย้อยแต่ก่อนจะได้กระโจนไปงับหัวไอ้โยมก็มีอันต้องเกร็งไหล่ขึ้นมาเฉียบพลันเพราะมือร้อนๆที่วางลงมาบนไหล่ ซ้ายและขวา
ไอ้มิคใช้ไหล่ผมเป็นที่พักมือโดยไม่ยอมล่าถอยไปหาที่นั่ง ดูเหมือนว่ามันจะจับคลื่นอารมณ์และอาการทิ้งก้นนั่งไม่สนใจมึงของผมได้ คนข้างหลังผมเลยเล่นไม้นิ่ง ปักหลักยืนอยู่ชิดติดหลังประหนึ่งเป็นร่างประทับพร้อมจะเข้าสิงคนทรงได้ทุกเมื่อ
“อารมณ์ไม่ดี?”
ไอ้มิคทำตัวไม่สนใจเพื่อนฝูงและสถาณการณ์ ก้มลงถามผมเสียงนุ่มพร้อมยิ้มหล่อ เห็นหน้ายิ้มๆกับคำถามเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวจากอีกฝ่ายแล้วผมแทบทิ้งมาดแมน ลุกขึ้นส่ายสะโพกโยกหัวพร้อมออกสเต็ปกระทืบเท้ากลางโรงอาหาร
สงสัยใช่ไหมครับว่าไอ้กิมเป็นบ้าอะไร ขึ้นเรื่องมาก็หงุดหงิดอารมณ์เน่าโดยไม่มีการเกริ่นที่มาที่ไป เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วกับเหตุการณ์ชกใต้เข็มขัด หนึ่งเดือนนับจากวันที่ไอ้มิคสารภาพความในใจกับผม และเป็นหนึ่งเดือนที่ผมรู้สึกว่าโดนคุกคามสิทธิเสรีภาพมากที่สุดตั้งแต่สละคำนำหน้าว่าเด็กชายแลกกับบัตรประชาชนมา โดนจำกัดความเป็นตัวของตัวเองประหนึ่งพม่าอพยพเข้าไทยแบบผิดกฏหมาย มีตำรวจคอยโผล่มาสั่งให้ร้องเพลงไทยเช็คสัญชาติอยู่ทุกหัวถนน
ต้นเหตุความอัดอั้นตันใจ คนริดรอนสิธิเสรีภาพของผมไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นคนที่บอกว่า ‘ไอ้กิมกูจะรอ อย่าไปมองคนอื่นไม่งั้นกูจะเสียใจ’ ไอ้มิค ไอ้มิคที่กลายเป็นเหาฉลาม เดินหน้าถอยหลังเลี้ยวซ้ายหันขวาไม่มีพลาดจังหวะการติดตาม นี่ถ้ามันกระโดดขึ้นมาขี่หลังผมได้เหมือนผีสาวในชัตเตอร์กดติดตายมันคงทำไปแล้ว
ทั้งที่มันบอกเองว่ารอผมได้ ถ้าผมเกิดตาเหล่ตาส่อนมองหลุดทางตรงที่มีมันเดินประกบหน้าอยู่ มันจะเสียใจ แต่การแสดงออกของไอ้มิคกลับตรงกันข้ามกับคำพูดชนิดแปลไทยเป็นขอมให้เขมรฟัง
หนึ่งอาทิตย์เต็มๆที่ผ่านมาเพื่อนซี้ที่อยากหันมาเป็นมากกว่าเพื่อนของผมแปลงร่างเป็นพระเอกช่องเจ็ดแล้วยัดเยียดบทนางเอกช่องสามให้ผมโดยไม่มีการถามความสมัครใจ ไอ้มิคไม่ใช้ศอกใช้ตีน ไม่มึงมาพาโวยกับผมเหมือนก่อน แต่มันจะสวมบทพระเอก พูดจาดี ส่งสายตาหวานและเป็นสุภาพบุรุษโคตรๆจนบุรุษเหมือนกันอย่างผมถึงกับนึกว่าตัวเองง่อยเปลี้ยเสียขาไปแล้วถึงต้องมีคนคอยไปรับไปส่ง คอยเทคแคร์ดูแลกันตั้งแต่แปดโมงเช้ายันห้าทุ่ม จนถึงกับเก็บไปหลอนในฝันว่าตัวเองใส่กระโปรงนักศึกษากับเสื้อนิสิตชายนั่งอยู่บนรถเข็นคนพิการ
ไอ้มิคทำตัวหน้ามือเป็นหลังตีนติดกับผมอยู่ด้วยบทพระเอกแต่ก็เสือกเปลี่ยนเป็นผู้ร้ายข้ามช่องได้ทุกเมื่อที่เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมสถาบันเฉียดเข้ามาทำตัวตีซี้กับผม ขนาดไอ้อ่อนไอ้โอ้ยังต้องคุยห่างๆอย่างห่วงๆกับไอ้กิมโดยไม่รู้สาเหตุ รู้แต่ว่าถ้าเข้ามาในรัศมีนี้จะโดนคนข้างๆผมจับกินตับอย่างสยอง เรียกว่าเพื่อนร่วมคณะร่วมวงฟุตบอลนั้นโดนหางเลขความเป็นผู้ร้ายของไอ้มิคกันไปถ้วนหน้า
เท่านั้นยังไม่พอ ไอ้มิคกลืนน้ำลายตัวเองที่ว่ากูรอได้ซะป่นปี้โดยทำตัวคลุกวงในชนิดปากว่ามือถึงหรือปากไม่ต้องว่ามือมันก็ถึงกับผมทุกครั้งที่มีโอกาส ถึงเนื้อถึงตัวชนิดว่าถ้าไอ้กิมเป็นสาวคงต้องเอาปี๊บคลุมหัวเดินหลีกเลี่ยงการโดนปาหินรุมประชาทัณฑ์จากสาวทั้งมหาลัย
ปากมันที่เคยว่ารอกันได้หันมากระทำย่ำยีกับหน้ากับหัวผมชนิดไม่มีการเกรงใจสายตาประชาชี ผมที่โดนลวนลามทางตรงจากเพื่อนซี้ถึงกับมือกระตุกเสยปลายคางเจ้าของปากไปเต็มหมัดในครั้งแรกๆ แต่ดูท่ามวยผมจะไปกระตุ้นต่อมซาดิสซ์ไอ้มิคเข้าอย่างจัง มันถึงได้ออกอาการจะเอาผมเป็นเมียหนักหน่วงขึ้นทุกวัน เหมือนกับจะใช้กลยุทธ์รวบหัวรวบหาง เจาะไข่แล้วค่อยเอาใจทีหลัง
เรียกว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมาผมต้องคอยระวังตัวอยู่ทุกลมหายใจ ระวังโดนเจาะไข่เป็ด ระวังไม่ให้ตาส่อน ถึงขั้นต้องเลิกเป็นแฟนพันธ์ุแท้ของเบอร์สี่ ณ สนามบาสอย่างที่ทำมาตลอดสี่เดือน เหนื่อยไปหมดทั้งใจกาย แต่ผมก็อุตส่าห์ทนทรหดอดกลั้นเพราะคิดถึงน้ำใจคนข้างๆที่แม้ว่ามันแทบจะกระโดดมานั่งเป็นหัวโขนบนหัวผมอยู่รอมร่อแต่จากสายตาก็มองออกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความจริงใจจริงจัง
แต่แล้วสิ่งที่ทำให้เชือกเส้นน้อยๆในใจผมต้องขาดสะบั้นก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆเมื่อวาน เรื่องที่มีบุคคลที่สามและสี่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างงงๆว่าเหตุไฉนถึงได้เป็นฉะนี้
บุคคลที่สามที่เข้ามาโดนหางเลขมาดผู้ร้ายของไอ้มิคไปเต็มๆในงานนี้คือไอ้อ่ำ ไอ้สำอางค์อ่ำที่อยู่หอห้องติดกับผม ส่วนมือที่สี่ที่ไม่รู้ว่าโผล่มาเกี่ยวข้องได้อย่างไร มาแต่ชื่อที่ถูกพาดพิงถึงแต่เล่นเอาแทบกระอักกันออกมาเป็นเลือดคืออดีตเบอร์สี่ในดวงใจ
เมื่อวานหลังทำตัวเป็นอนาคตของชาติอยู่ประมาณหกชั่วโมงกว่าๆ ก็ได้เวลาออกกายบริหารเป็นหมู่คณะอย่างที่ทำมาตลอดตั้งแต่นอยออก เลือกตัวจริงตัวแถมกันได้เมื่อต้นปี ผมและผองเพื่อนอีกสิบเก้าชีวิตกรูกันลงไปวิ่งเปรี้ยวแย่งบอลกันอย่างเมามันส์อยู่กลางสนามบอลหน้าตึกวิศวะ พวกเราวิ่งสับขาหลอกล่อฝ่ายตรงข้ามและฝ่ายตัวกันอย่างเอาเป็นเอาตายโดยไม่ได้ยินเสียงปอมๆเชียร์จากข้างสนามแม้แต่หนึ่งหวีดร้อง สาเหตุเนื่องมาจากวันนี้คนที่สาวแห่กันมาเชียร์ไม่มาให้เห็นหัว
คนที่สาวแห่กันมานั่งหน้าขาวเชียร์ไม่ต้องเฉลยชื่อก็คงพอรู้ว่าคือดาวซัลโวล์หน้าคมอารมณ์เรียบ ไอ้มิคคนดังนั่งเอง ยิ่งตั้งแต่เหตุการณ์ปาขวดแตกกลางลานโค้กเมื่อเดือนก่อน แฟนคลับไอ้มิคยิ่งเพิ่มจำนวนพรวดๆจนน่าตกใจ ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาว่าเพราะสาวๆเขาแน่ใจว่าตอนนี้ดอมินิคไม่มีตัวจริง เนื่องจากน้องน้ำหวานโดนขวดแป็บซี่ปา ตกกระป๋องไปแล้ว
เล่าลือกันไปได้ผิดความเป็นจริงจนหาทางกลับไม่ถูก แต่ก็ดีแล้วที่คนเข้าใจผิดไปอย่างนั้น การที่ไอ้มิคมาแสดงอาการถูกเนื้อต้องตัว จะเอาเพื่อนที่เดินติดกันอยู่ข้างๆอย่างผมเป็นเมียก็เลยไม่มีใครติดใจสงสัยคิดตามมาทางนี้ สรุปแล้วคือไอ้มิคก็ยังเป็นขวัญใจประชาชีทั่วมหาลัยอยู่ดีไม่มีตก
และสาเหตุที่เย็นนี้ไอ้มิคยอมตีจาก ปล่อยไอ้กิมออกมาวิ่งเริงร่าท่ามกลางเพื่อนพ้องน้องพี่โดยไม่ตามมาคุมก็เพราะมันต้องไปซ้อมเดินแบบการกุศลของสมาคมผู้ประกอบการอะไรซักอย่างที่แม่มันนั่งเก้าอี้ประธานอยู่
ชะชะช่า ได้ยินมาทีแรกถึงกับต้องขอยืนมองหน้ากันนิ่งๆ รู้อยู่ว่าเพื่อนหล่อ เพื่อนรวย แต่ไม่คิดว่าจะไฮโซเป็นเซเรบมีงานการกุศลให้เดินอะไรแบบนี้ แต่ก็ว่านะครับ ลำพังตัวไอ้มิคเองให้มีคนเอาเงินหมื่นเงินแสนมายื่นให้แลกกับการไปเดินหล่อบนพรมแดงพรมเขียวมันก็คงเดินผ่านไปเฉยๆ แต่เนื่องจากงานนี้แม่ขอมา ลูกกตัญญูผิดหน้าตาท่าทางอย่างเพื่อนผมก็เลยต้องทำตัวว่าง่าย ไปซ้อมความเป็นไฮโซกับหมู่ลูกคนมีกะตังค์ตามสังคมเขา
ไอ้มิคจากไปทำหน้าที่ให้วงศ์ตระกูลหลังบังคับคลุกวงในกับผมในห้องเปลี่ยนเสื้อนักบอลไปอย่างหนำใจ ก่อนไปยังทิ้งสายตาดุๆโดยไม่ต้องมีคำพูดว่าระวังสายตาอย่าให้ส่อนแล้วบอกมาอีกประโยคด้วยเสียงทุ้มๆว่าคืนนี้จะมาหาที่ห้องหลังซ้อมเสร็จ อย่าระเห็จหายไปไหน
อุเหม่ เป็นประโยคที่ได้ยินแล้วแข้งขาถึงกับกระตุก ยันไอ้คนที่ยืนค้ำหัวไปเต็มตีนพร้อมเตือนความจำมันไปว่ากูนี่เพื่อนมึง ไม่ใช่อีหนูเสี่ยหรือสาวรายวัน แต่คนอยากทำตัวเป็นเสี่ยกลับไม่สะทกสะท้าน จับขาผมได้พ่อเล่นลูบเนื้อๆเน้นๆตั้งแต่หน้าแข้งถึงขาอ่อน เสยมาซะขนหน้าแข้งลุกเป็นหนาม เล่นเอาผมต้องเป็นฝ่ายออกแอ็กติ้ง กระโดดเหยงหนีมาตั้งหลักหลังไอ้อ่อนที่เดินหนีไปทันทีอย่างรู้คิว
หลังเตะบอลท่ามกลางเสียงเชียร์กันเองระหว่างนักบอลเสร็จ ก็ได้เวลายกพลเข้าร้านอาหารแล้วแยกย้ายกันกลับบ้านกลับหอ ผมเองเข้าห้องมาได้ก็อาบน้ำปะแป้งแล้วนั่งผึ่งแอร์ก่อนเป็นอย่างแรก กำลังจะเปิดแผ่นหนังที่พึ่งได้มา ไอ้อ่ำก็โทรข้ามห้องมาชวนไปดูหนังเด็ดแดนซามูไรกับมันอย่างรู้จังหวะ
ได้ยินคำว่าหนังเด็ดจากปากไอ้อ่ำทีไรให้แปลว่าหนังโป๊หนังเปลือยไว้ก่อนเป็นใช้ได้ ที่จริงตอนนั้นผมไม่ได้มีอารมณ์อยากเห็นนวลเนื้อนมนางของสาวประเทศไหนๆแต่อย่างใด แต่หลังจากโดนไอ้มิคคอยจ้องจะเจาะไข่เป็ดอยู่ทุกวี่ทุกวัน ผมก็เลยต้องรีบตอบรับคำชวนไอ้อ่ำด้วยกลัวว่าจะตายด้านโดยไม่รู้ตัว
ไอ้อ่ำนั่งหื่นรอท่าผมอยู่อย่างที่คิดด้วยหน้าดำเป็นถ่าน สอบถามได้ความว่าวันนี้เป็นมาร์คหน้าเด้งยี่ห้อดังที่มันไปเสาะแสวงหามาได้ก่อนจัดแจงหันไปยัดแผ่นหนังเข้าเครื่อง ทันทีที่ชายกับหญิงบนจอหันหน้ามาให้เห็นผมถึงกับหลุดอุทานออกมาจนไอ้อ่ำสะดุ้ง
ผู้หญิงชาตินี้ยังขาวสวยและตู้มเกินพิกันเหมือนเคยแต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องเบิกตาจ้องจอทีวียี่สิบสี่นิ้วไม่กระพริบก็คือผู้ชายหนึ่งเดียวที่หันหน้ามาให้เห็น ลูกครึ่ง ไม่สิ ฝรั่งที่ละม้ายคล้ายไอ้มิคทั้งรูปร่างหน้าตาจนตอนแรกผมนึกว่าเพื่อนซี้แอบกัดผมซีดแล้วผลันตัวไปเป็นดาราโดยไม่บอกกล่าว แม้ดูดีๆจะเห็นว่าฝรั่งซิกซ์แพ็คในจอทีวีคมเข้มไม่สูสี สูงล่ำไม่เท่าร่างทรงหัวโขนของผม แต่สมองผมนี่
เกิดอาการรวนเรซวนเซไปเสียแล้ว อุตส่าห์หนีมาดูหนังโป๊กับไอ้อ่อนยังโดนร่างเสมือนไอ้มิคตามมาหลอนถึงนี่