คนละปลายทาง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คนละปลายทาง  (อ่าน 168023 ครั้ง)

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #540 เมื่อ19-10-2007 16:23:32 »

 :เฮ้อ:  ต่างคนต่างความคิด  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #541 เมื่อ19-10-2007 16:34:09 »

อย่าเครียดกันเลยนะ.........ข้อร้อง.........ฮืออออออๆๆๆๆ :o12:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #542 เมื่อ19-10-2007 17:52:57 »

^
^
สายไปแระ  :m14:

เรื่องมานเครียด  ต้องเครียดตาม 555555555555555555  :serius2:
(หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง  เครียดจนบ้าเลยเห็นมั้ย  อิอิ)

มาดันๆ รออ่านต่อค้าบบ สู้ๆ  :a2:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #543 เมื่อ19-10-2007 18:20:35 »

คุยกันดีกว่าคิดไปเอง
 o14

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #544 เมื่อ20-10-2007 19:03:48 »

ถามเค้าก็ไม่ยอมบอกดีๆ.......เค้ากลัวโดนครอบงำน่ะ.......ก็ต้องคิดเอาเองแระ :m26:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #545 เมื่อ20-10-2007 19:40:14 »

แสดงว่านัทก็คงกล้า ๆ กลัว ๆ กับการคบกับกั้งนะสิ  :เฮ้อ:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #546 เมื่อ22-10-2007 08:46:43 »

                          ผมยันกายขึ้นจากที่นอนอย่างยากลำบากหลังจากที่หลับไปนานด้วยความเหนื่อยอ่อน...............เหลือบไปมองนาฬิกา เข็มชี้บอกเวลาเย็นย่ำ.............ความเครียดทำให้ผมหลับไปนานเพียงนี้เชียวหรือ...........แต่ถึงแม้จะได้นอนหลับพักผ่อนไปแล้วก็ตาม........จิตใจของผมก็ยังรู้สึกหดหูไม่เป็นปกติอยู่ดี.................

                          ถุงสัมภาระของนัทวางสงบนิ่งอยู่ที่มุมห้อง...........มันคือสายใยสุดท้ายระหว่างเรา............หากผมนำไปคืนเค้าในเย็นนี้........เราสองคนก็คงไม่มีอะไรติดค้างต่อกันอีกต่อไป............ตอนนี้ผมมาไกลจนเกินกว่าที่จะหันหลังกลับไปเสียแล้ว..............ที่ผ่านมา ไม่มีครั้งไหนที่ผมบอกเลิกกับนัทแล้วผมจะไม่รู้สึกเจ็บปวด............ลึกๆผมหวังอยู่เสมอว่าเค้าจะเป็นคนแรกและคนสุดท้ายสำหรับผม.........แต่นั่นคงเป็นเพราะว่าผมอ่านนิยายประโลมโลกมากจนเกินไป............ถึงคราที่ผมจะต้องยอมรับความเป็นจริงเสียที.............ชีวิตเกย์ก็เป็นแบบนี้แหล่ะ..........จะช้าหรือเร็ว.........ท้ายที่สุดก็ต้องเลิกกันอยู่ดี.........อย่าฝันเป็นเด็กไร้เดียงสาไปหน่อยเลย ว่าตัวเองจะได้รับการยกเว้นกั้งเอ๋ย............


                         น้ำอุ่นจากฝักบัวตกกระทบผิวกายเรียกความสดชื่นและสติสัมปะชัญญะคืนมาได้มากกว่าครึ่ง.............แม้ว่าตอนนี้ผมจะหายโมโหนัทแล้ว...........แต่เมื่อใคร่ครวญถึงเหตุและผล ผมก็ต้องเดินหน้าต่อ...........อยู่กันไปก็ไม่มีความสุขมากไปกว่านี้หรอก.........นานวันไปคนที่ต้องเจ็บคือผมอย่างไม่ต้องสงสัย........หากจะตัดเยื่อใย ผมควรต้องหนักแน่น..........ดังนั้นเมื่อจัดการแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว.......ผมจึงมุ่งหน้าไปที่หอพักของนัทด้วยความมั่นใจอย่างคนที่ผ่านการตกผลึกทางความคิดมาอย่างดีแล้ว.........


                           บรรยากาศที่หน้าหอพักของนัทเงียบสงัดทั้งที่เป็นช่วงค่ำ..........ผมยื่นถุงให้เค้าอย่างเย็นชาพยายามซ่อนความปวดใจเอาไว้ให้แนบเนียนที่สุด..........สีหน้าของนัทดูซีดเซียวอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน...........อากัปกิริยาดูลุกลี้ลุกลนจนทำให้รู้สึกอึดอัดรำคาญใจ...........เค้ายืนละล้าละลังไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมาทั้งที่ดูเหมือนมีบางอย่างจะบอก............

                           “พี่จะขึ้นไปช่วยเก็บของให้เสร็จ”...........ผมเอ่ยขึ้นมาเรียบๆเพื่อทำลายความอึดอัด.............ทีแรกนัทมีท่าทีตกใจเล็กน้อย แต่ก็เปลี่ยนเป็นผ่อนคลายในเวลาต่อมา............ผมยังคงจ้องหน้าเค้านิ่ง............อยากจะรู้นักว่าเมื่อนาทีวิกฤตมาถึง เค้าจะเลือกที่จะไม่ให้ผมขึ้นไป..........หรือเค้าจะเลือกทางเลือกสุดท้ายที่ผมยื่นให้...............

                          “ไปสิ..........นัทยังเก็บไม่เสร็จเลย”.............นัทเอ่ยปากรับคำอย่างรวดเร็วท่าทางมีความหวัง..............เมื่อเห็นดังนั้นผมจึงทำหน้าตาให้ดูบึ้งตึงมากยิ่งขึ้น..............แค่จะขึ้นไปช่วยเก็บ ไม่ได้หมายความว่าจะคืนดีด้วยซะหน่อย...........อย่ามาทำหน้าระรื่นเรียกคะแนนสงสารเสียให้ยาก..........

                            แม้ว่าจะไม่มีคนเดินสวนทางมาเลย แต่นัทยังทำท่าลุกลี้ลุกลนเดิน (หรืออาจจะเรียกว่าวิ่งก็ได้) นำหน้าผมลิ่วๆขึ้นบันได...........จนในที่สุดผมก็คลาดกับเค้าที่ชั้นสาม...........ต่อมโมโหของผมเริ่มทำงานอีกครั้ง...........ดูเอาเถิด ถึงตอนนี้แล้วยังไม่วายที่จะกลัวคนรู้ว่าผมมากับเค้า.............แล้วถ้าบังเอิญคนอื่นมาเจอผมเดินบนหอพักต้องห้ามสำหรับบุคคลภายนอกนี่เพียงลำพังคนเดียว............ผมจะตอบเค้าว่าอย่างไร............ตอบว่ามากับนัทเหรอ........หึ............เค้ายังไม่เลิกนิสัยเดิม แม้กระทั่งในนาทีคับขัน.........เค้าก็ทิ้งผมเอาตัวรอดไปเพียงคนเดียวอีกตามเคย...............

                          ผมยืนละล้าละลังในความมืดที่ชั้นสามชั่วขณะ............นี่ผมควรจะเดินเข้าไปในชั้นสามซึ่งตอนนี้ประตูทุกห้องล้วนปิดสนิทไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตอยู่.........หรือเดินขึ้นไปที่ชั้นสี่.............หรือเดินกลับลงไปที่รถ...........ช่วยไม่ได้เลยจริงๆที่น้ำตาของผมจะรื้อออกมาที่ขอบตาอย่างแค้นใจ.............ความน้อยใจแล่นเข้ามาจุกอยู่ที่อก............ขนาดว่าผมกำลังโกรธเค้าอยู่.........เค้าก็ยังทิ้งผมเอาไว้อีกจนได้...............

                          ในที่สุดผมก็ตัดสินใจเดินขึ้นไปที่ชั้นสี่ เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่านัทน่าจะอยู่ที่ชั้นดังกล่าว............และเกือบจะชนกับเค้าเข้าอย่างจังที่ตรงหัวมุม............เค้าคงจะเห็นว่าผมหายไปนานจึงเดินกลับออกมาดู.............

                           “อ้าว........นึกว่าหายไปไหน”..........รู้อยู่แก่ใจ แต่นัทก็ยังแสร้งทำเป็นทักแก้เก้อ...............

                         “นัทพร้อมที่จะทิ้งพี่เอาตัวรอดเสมอเมื่อถึงคราวคับขัน”............ผมอดไม่ได้ที่จะค่อนขอดด้วยความขมขื่น.............นี่ถ้าหากต้องเผชิญอะไรที่เสี่ยงต่อการเปิดเผยสถานะของเราสู่สังคมแม้เพียงน้อยนิด..........คงไม่ต้องสงสัยว่านัทจะต้องทิ้งผมเพื่อเอาตัวรอดอย่างแน่นอน..........ทั้งๆที่คนพวกนั้นไม่ได้แคร์ด้วยซ้ำว่านัทจะมีสุขหรือทุกข์ยังไง.............ผมต่างหากที่รักและก็ห่วงใยเค้ายิ่งกว่าคนพวกนั้นอย่างเทียบกันไม่ได้.........แต่เค้ากลับเลือกแคร์คนในสังคมที่ไม่ได้แคร์เขาเลย........แทนที่คนที่รักและก็แคร์เค้ามากที่สุดคนนี้.........น่าน้อยใจในวาสนาของตัวเองเหลือเกิน............

                         “ก็พี่กั้งเดินช้าเองตะหาก”..........นัทเถียงข้างๆคูๆ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจดีว่าอะไรเป็นอะไร............ผมคร้านที่จะต่อปากต่อคำจึงเดินเลี่ยงเข้าห้องไป..............ไหนๆก็มาถึงที่นี่แล้ว สู้ทำหน้าที่ของตัวเองให้จบๆไปเสียดีกว่า..........อีกอย่างก็จะได้รู้ด้วยว่า ไอ้ข้ออ้างที่ว่า เก็บของๆ มาเป็นปีเป็นชาตินั้น..........ที่จริงแล้วเก็บจริงหรือเก็บหลอกกันแน่.........และก็ไอ้สมบัติบ้าบอพวกนั้น..........มันจะมีสักกี่รถสิบล้อกันเชียว.............ผมไม่อยากตัดสินอะไรลงไปโดยต้องให้ใครมาประนามว่าเป็นคนไร้เหตุผลในภายหลังหรอกนะ.................


                          ห้องของนัทดูรกรุงรังจนน่าตกใจ............ถ้าจะให้เรียกว่ารังหนูก็คงจะไม่กล่าวหนักจนเกินไปนัก.........ผมมองสำรวจดูรอบๆจนทั่ว...........กองหนังสือวางระเกะระกะ..........ที่นอนเหมือนไม่ใช่ที่นอน แต่เป็นที่เอาไว้สำหรับวางของมากกว่า..........เสื้อผ้าห้อยระเกะระกะดูไม่งามตาเอาเสียเลย............ผมเหลือบมองหาหลักฐานของการเก็บของที่เค้าชอบเอามาใช้เป็นข้ออ้าง..............พบว่ามีเพียงกล่องเล็กๆสองใบเท่านั้นที่บ่งบอกว่ามีการเก็บสิ่งของบรรจุลงไป.............นี่น่ะเหรอ ที่ว่าเก็บของ.........

                         เมื่อเทียบกับห้องของผมแล้วนับว่าต่างกันสุดขั้ว............แต่เค้าก็ยังพอใจที่จะขลุกอยู่ในนี้.........ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอยากจะมาเล่นเกมส์...........เอ๊ะ.......หรือว่าจะแอบมาแชทติ้ง..........ต่อมความหึงผมเริ่มทำงาน.............อย่างว่านั่นแหล่ะ ก็นี่มันห้องของเค้านี่ เค้าก็ย่อมต้องอยากจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่บ้าง..........แต่ก็ไม่น่าที่จะหาข้ออ้างบ้าๆบอๆมาโกหกกันให้เสียความรู้สึกเปล่าๆ.........

                          ผมเดินไปนั่งที่เตียงมองดูข้าวของเกลื่อนกลาดอย่างเหนื่อยใจ............ถ้าเค้าเก็บจริงดังที่บอก คงเสร็จไปนานแล้ว............แต่ก็คงยากที่จะเริ่มต้น เพราะมันรกเหลือเกิน........ขนาดผมเองก็ยังนึกไม่ออกว่าจะเริ่มต้นเก็บอะไรก่อนหลังดี เพราะมันดูรกไปหมด......................

                         นัทหันไปนั่งเล่นเกมส์แก้เก้อ.............ถ้าหากมีคนรับผิดชอบแทนเค้าแล้ว เค้าก็จะโยนภาระทันที..........ไหนๆก็ได้เอ่ยปากว่าจะมาช่วยแล้ว ผมจึงกลั้นใจลุกขึ้น เริ่มต้นเก็บกวาดข้าวของลงกล่อง.......เริ่มจากกองหนังสือก่อนก็แล้วกัน...............



                        เราสองคนช่วยกันเก็บของเงียบๆ............จะมีคุยกันบ้างก็ต่อเมื่อนัทหันมาถามความคิดของผมเป็นบางครั้ง..............

                         “อันนี้จะเอาทิ้งไปดีมั้ย..........หรือจะเก็บเอาไว้ มันยังใช้ได้อยู่นะ”.............โอ...........พระเจ้า............ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า สิ่งที่เค้าลังเลใจว่าจะทิ้งหรือไม่ก็คือ นาฬิกาปลุกเก่าๆที่หน้าปัดหลุดออกจากตัวบอดี้ของมันแล้ว...............ผมชะงักมองด้วยความตะลึงตะลาน.............

                        “ทิ้งไปเถอะ............มันพังแล้วนี่”..............นัททำท่าลังเลสักพักจึงตัดใจทิ้งมันลงถุงขยะ........เค้าคงทำเพื่อเอาใจผมมากกว่า...........ไม่แน่ว่าถ้าเค้าอยู่คนเดียว..........ผมว่าเค้าคงเก็บมันลงกล่องไปอีกเหมือนกัน..............

                         “พี่กั้งเอาเสื้อตัวนี้ไปใส่สิ”............นัทเอ่ยปากยกเสื้อให้ผมหนึ่งตัว.........หึ...........แถมเงินให้ก็ไม่เอา...........เก่ายังกะขุดมาจากกองขยะ...........(หุหุ)..........ผมส่ายหน้าไม่รับสิ่งที่เค้ายกให้.......ทั้งขำทั้งโมโห.........เกือบลืมไปแน่ะว่ากำลังงอนอยู่นะ..........

                          “เอาทิ้งไปเหอะ............มันเก่าจะแย่อยู่แล้ว”...........ผมออกความเห็นปัดรำคาญ.............

                          “ไม่อ่ะ...........เก็บไว้บริจาคดีกว่า”...........นัทว่าพลางรวบรวมเสื้อผ้าเก่าๆพวกนั้นลงกล่อง.......เชอะ.........ขืนเอาไปบริจาค เค้าจะได้ด่าไล่หลังเอาน่ะสิ.............ทั้งเชยทั้งเก่าตั้งแต่สมัยไหนก็ไม่รู้ ยังจะเก็บเอาไว้อีก..........ถึงตอนนี้ผมจึงหวนนึกถึงคำพูดของมอลลี่ขึ้นมาในทันที..........

                          “นัทน่ะ.........ถ้าไม่ใส่จนขาดเค้าก็ไม่ทิ้งหรอก...........พ่อแม่เค้าสอนมาดีเนาะ”.........แต่ผมว่า จะมัธยัถส์ไปหน่อยม้างงง................

                           ผมเดินไปเก็บกวาดที่มุมห้องข้างตู้เสื้อผ้า ซึ่งเต็มไปด้วยบรรดาถุงพลาสติกที่นัทเก็บเอาไว้.........ผมค่อยๆหยิบขึ้นมาดู พบว่าส่วนมากเก่าจนยุ่ยไปแล้ว..........ไม่แปลกเลยที่นัทเค้ามีขวดดองตัวอย่างไปให้ผมเมื่อคราวที่เราไปน่านด้วยกัน...........เพราะเค้าชอบเก็บสะสมขยะไม่ทิ้งไปนี่เอง.........เฮ้อ...............


                           งานเก็บของดำเนินไปอย่างยากลำบาก ด้วยว่าผมไม่กล้าทิ้งโดยที่ไม่ถามความเห็นจากนัทเสียก่อน............จนเวลาล่วงเลยมาเกือบสามทุ่ม........สายฝนที่ถูกพัดพามากับลมร้อนก็เริ่มโปรยปรายลงมาเบาๆ..............ไม่อยากจะนึกสภาพเลยว่า ตอนนี้ตัวผมจะดูมอมแมมแค่ไหน................


                            หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว เราสองคนนั่งมองกล่องเหล่านั้นด้วยความเหนื่อยอ่อน............ผมมองดูบรรดากล่องต่างๆด้วยความภูมิใจลึกๆ...........เห็นมะ...........ถ้าไม่มาคอยกำกับ จ้างให้ก็ไม่มีวันเสร็จ.............เมื่องานเสร็จ ความเงียบก็เข้ามาแทนที่........เราจ้องมองหน้ากันนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมจะได้สติขอตัวกลับก่อน

                            “พี่จะกลับแล้วนะ”............ผมว่าพลางเก็บข้าวของลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับ..........นัทฉวยข้อมือผมเอาไว้แล้วผลักผมให้กลับไปนั่งที่เตียงเหมือนเดิม

                            “จะรีบกลับไปทำไม”..........เค้าว่าพลางโน้มตัวลงมากดให้ผมนอนราบลงไปกับที่นอน.......ผมมัวแต่ตกตะลึงในการกระทำของเค้าจนลืมที่จะปัดป้องใดๆ............นี่เค้าจะทำอะไร........

                            นัทกดผมไว้บนที่นอน แล้วพยายามถอดเสื้อและกางเกงของผมออก.............สายฝนข้างนอกหน้าต่างเริ่มหนักเม็ดมากขึ้นเรื่อยๆ............ถึงตอนนี้ผมพอจะรู้แล้วว่าเค้าคิดจะทำอะไร..........

                           ผมใช้แรงหนึ่งในสี่ของที่มีอยู่ปัดป้องการกระทำของเค้า (หุหุ)..........มันคงไม่น่าจะเรียกว่าการข่มขืนหรอกกระมัง...........เพราะมันเป็นการสมยอมอยู่บ้าง............ในที่สุดเมื่อเค้าไม่ละความพยายาม...........ผมจึงยอมโอนอ่อนผ่อนตามแต่โดยดี......อยากจะทำอะไรก็เชิญ...........นี่เค้าจะไม่คิดถึงจิตใจกันบ้างหรืออย่างไร...........อยากจะทำอะไรก็จะทำ อยากจะรักก็จะรัก ถ้าอารมณ์ไหนไม่ใยดีก็ทำเป็นเฉยเมยไม่ใส่ใจ.............แบบนี้เค้าเรียกว่าคนรักกันหรือไง...........ผมไม่ใช่สิ่งของที่จะให้เค้าทำตามแต่ความต้องการของเค้าฝ่ายเดียว..........ผมก็เป็นคนคนหนึ่งเหมือนกันกับเค้า.......มีความรู้สึกนึกคิด..........เมื่อไหร่เค้าถึงจะรู้จักคิดเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง..........ผมเหนื่อยกับคนอย่างเค้าเหลือเกิน............ผมเหนื่อยที่จะต้องมารักคนเห็นแก่ตัว.............

                             สายฝนยังคงพัดกระหน่ำที่นอกหน้าต่าง...............อารมณ์ปรารถนาของนัทยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด...........จวบจนฝนเม็ดสุดท้ายซาลงไป.........พร้อมกับลมหายใจที่รวยรินของเราสองคน..........



                         นัทลุกขึ้นเดินไปล้างเนื้อล้างตัว.............ปล่อยให้ผมนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงอย่างอ้างว้าง..........เค้าหายไปสักพักแล้วเดินกลับมาเปิดไฟที่หัวเตียง...............

                         “ร้องไห้ทำไม”............นัทดูมีท่าทีตกใจเมื่อพบว่าผมกำลังนอนร้องไห้อยู่เงียบๆโดยไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมา.............

                          ผมไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะตอบคำถามใดๆนอกจากอยากจะร้องไห้..........นั่นสินะ............แล้วผมจะร้องไห้ทำไม............และผมก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกที่โดนพระเอกรังแกเหมือนในละครทีวีหรอก...........แต่คงเป็นเพราะว่าผมเหนื่อยเหลือเกิน..........เหนื่อยกับการที่ต้องโมโหกับสิ่งที่เค้าทำ..........เหนื่อยกับการที่ไม่เข้าใจเค้า...........เหนื่อยกับการที่เค้าไม่เคยเข้าใจผม............และเหนื่อยกับการที่เราสองคนต้องมารักกัน...........ผมจะสู้ต่อไปยังไงไหว ถ้าเราสองคนยังเป็นแบบนี้............ผมสู้ต่อไปคนเดียวไม่ได้หรอก...........ผมอยากได้กำลังใจจากเค้าบ้าง..........ผมไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่เค้าเห็นหรอกนะ..........บางครั้งผมก็อยากจบๆมันไปเสียที แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย........เพราะว่า.........ผมได้รักเค้าไปจนสุดหัวใจแล้ว............

                            นัทไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเมื่อเห็นผมร้องไห้..............เขาจึงเดินไปเอาน้ำดื่มมาให้ผมหนึ่งแก้ว..............

                            “ดื่มน้ำมั้ย”..........เค้ายื่นแก้วน้ำให้ผมท่าทางเก้ๆกังๆ

                            “ไม่”........ผมตอบเสียงเครือ..........

                            เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรดีขึ้น...........เค้าจึงหันกลับไปนั่งเล่นเกมส์ต่อ ปล่อยให้ผมนอนร้องไห้คนเดียวจนพอใจ......................

                             จนเวลาผ่านไปจวบจนน้ำตาหยาดสุดท้ายแห้งเหือด...........ผมจึงลุกขึ้นมาแต่งตัวเงียบๆ........ได้ร้องไห้แล้วค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย............มันคงอัดอั้นมานานจนทะลักออกมาเอง..........สาบานได้เลยว่าผมไม่ได้คิดจะบีบน้ำตาเลยแม้แต่น้อย............แต่บางทีมันอาจจะอยู่ในสายเลือดไปแล้วก็ได้นะ.....อิอิ.........บางทีนัทก็ชอบว่าให้ผมว่า.......เจ้ามารยา........แต่ชีวิตคนเราไม่ใช่ละคร ใครจะมานั่งปั้นหน้ามารยาอยู่ได้.........หรือใครจะกล้าเรียกคนที่ร้องไห้ตอนพ่อแม่ตายว่ามารยาบ้าง...........ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมก็จะยืดอกรับแต่โดยดี.............

                            เมื่อเห็นว่าผมจะกลับแล้ว นัทจึงรีบปิดคอมแล้วเก็บข้าวของเดินตามออกมา............ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเค้าจะตามผมกลับไปที่ห้องด้วย...........หุหุ..........ไม่เสียแรงที่ลงทุนร้องไห้ (ล้อเล่นนนนน กิ้วๆ)...........




                       ที่ลานจอดรถยังคงเงียบสนิท...........มีเพียงแสงไฟจากรถเข็นขายผลไม้จอดอยู่ไม่ไกลกับลูกค้าอีกสองสามคน...........

                          “อยากกินแตงโม”.........ผมเปรยออกมาเบาๆ.............

                         ไวเท่าความคิด..........นัทรีบวิ่งตุ๊บๆไปที่รถขายผลไม้ แล้วกลับมาพร้อมถุงแตงโม..........ผมรับถุงแตงโมจากเค้า แล้วเบือนหน้าแอบไปยิ้มเพียงคนเดียวด้วยควมพอใจ..............ต้องให้ได้อย่างนี้สิ............อิอิ...............

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #547 เมื่อ22-10-2007 09:08:09 »

แหงะ...เพิ่งได้เข้ามา   :try2:

เฮ้อ  คิดถึงนะ แต่ไม่แสดงออก อิอิ    :m23:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #548 เมื่อ22-10-2007 09:32:30 »

ถึงว่าสิ...........หายไปนานเลย............กลับมาก็ดีแล้วแระ :m13:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #549 เมื่อ22-10-2007 12:47:23 »

 :เฮ้อ: แล้วจะเลิกกันได้มั๊ยเนี่ย  :a6:   :a6:  :a6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คนละปลายทาง
« ตอบ #549 เมื่อ: 22-10-2007 12:47:23 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #550 เมื่อ22-10-2007 13:07:39 »

ตัดบัวอย่าให้เหลือใย...... คุณกั้งนี่เหลือเป็นใยแมงมุมเลยเนี่ย   o16

ไหนๆ ก็รักแระ  เอาเลยมารยาพันเล่มเกวียน ขุดมันออกมา อิอิ :m18:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #551 เมื่อ22-10-2007 13:28:43 »

นัทคงเป็นพวกปากแข็ง
ต้องเข้าใจกันหน่อยหล่ะนะ
 :m18:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #552 เมื่อ22-10-2007 16:13:14 »


กำเวลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลส์

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #553 เมื่อ22-10-2007 16:55:34 »

สรุปแล้ว จะเลิกหรือจะอยู่ต่อดีล่ะ...............สงสัยจะยังเจ็บไม่พอมั้ง...........อิอิ

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #554 เมื่อ22-10-2007 16:57:48 »


วัยรุ่นเซ็ง .... o12

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #555 เมื่อ26-10-2007 09:25:06 »

หายไปตั้งนาน...........กลับมาแล้วยังจะมาทำเซ็งอีก..........หุหุ :m12:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #556 เมื่อ26-10-2007 09:28:32 »

                         “แม่ให้พี่โทรมาถามว่าแกจะกลับบ้านวันไหน”............เฮ้อ..........คำถามเดิมอีกแล้วง่ะ..........ไม่รู้จะคาดคั้นกันไปถึงไหน................ทั้งแม่ทั้งพี่..................เซ็ง...........

                          คุณอย่าเพิ่งมองว่าผมเป็นคนแข็งกระด้างไปล่ะ............บางทีความรักที่ได้รับมากจนล้นเกิน ก็กลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีความสลักสำคัญเท่าไหร่ ทั้งๆที่บางคนโหยหามันจนแทบจะขาดใจ..................จะเรียกว่าผมเป็นคนโชคดีก็คงจะไม่ผิด ที่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ทั้งรักและมะรุมมะตุ้มจนโอเว่อร์ซะขนาดนี้...........จนบางทีก็อดรู้สึกอึดอัดอยู่หน่อยๆ...........โดยเฉพาะการคาดคั้นให้ผมกลับบ้านในช่วงเวลาที่กำลังอินเลิฟแบบนี้.................

                         ตั้งแต่กลับจากต่างประเทศ จนกระทั่งมาคบกับนัท นับเวลาก็ร่วมหกเดือนพอดีที่ผมไม่ได้กลับบ้านเลย...............นี่ก็จะใกล้สงกรานต์แล้ว อีกไม่ถึงเดือนผมกับนัทก็ต้องแยกไปคนละที่คนละทาง..........ผมอยากใช้เวลาที่เหลือกับเค้าให้คุ้มค่าทุกนาที............โดยเฉพาะระยะหลังความสัมพันธ์ของเราสองคนกำลังสั่นคลอน เนื่องจากเพิ่งจะผ่านวิกฤตการมีปากเสียงและบอกเลิกกันมาหมาดๆ..............ผมควรจะต้องใช้เวลาในการประสานรอยร้าวและฝังรากแห่งความผูกพันให้แน่นหนามั่นคงมากกว่านี้...........ก่อนที่จะปล่อยเค้าโผบินไปจากอก...................ถึงตอนนั้นผมจะไม่มีโอกาสแก้ไขอะไรได้อีกเลย นอกจากนั่งรอผลบุญเก่าที่ได้ทำเอาไว้เท่านั้น..................

                          แม้คนรักจะสำคัญต่อผมมากสักเพียงใด แต่แม่และครอบครัวก็สำคัญเหนือกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้..........ดังนั้นแผนการเดินทางกลับบ้านของผมจึงถูกวางเอาไว้ในใจอย่างเงียบๆ...........รอให้สบโอกาสเมื่อไหร่ค่อยบอกนัทก็แล้วกัน............บอกเองก็ใจหายเอง.............นี่ผมท่าจะเป็นเอามาก.....ทั้งรักทั้งหลงเค้าจนโงหัวแทบไม่ขึ้น............กรรมอะไรกันน้ออออ.........   

                           หลังจากสะสางตารางเวลางานได้ลงตัวแล้ว............ผมจึงนัดแนะกับเพื่อนอีกสองคนรวมทั้งน้องพรเพื่อขับรถกลับบ้านด้วยกัน..............เชียงใหม่กับอุบลไม่ใกล้เลย ถ้าขับรถทั้งวันก็ร่วมๆสิบหกชั่วโมงเป็นอย่างน้อย.............แม้จะไม่ได้ช่วยขับแต่นั่งไปเป็นเพื่อนกันก็ยังดีล่ะ.................

                            “พี่กั้งจะกลับมาวันไหน”............นัทถามถึงแผนการของผมระหว่างที่เรากำลังนั่งรถกลับจากการทานข้าวเย็นด้วยกัน...............

                           “ก็คงก่อนสงกรานต์น่ะ”..........ผมตอบพลางเหม่อมองออกไปนอกรถ...........ถูกปล่อยเอาไว้คนเดียวคงกระดี๊กระด๊าน่าดู............เห็นทีจะไม่ได้การ..........ต้องปรามเอาไว้แต่เนิ่นๆ.............

                           “อยู่ที่นี่ก็ทำตัวดีๆล่ะ.....”.............นัทหันขวับ จ้องที่ผมเป๋งอย่างคนถือดี................
“แอบไปหากิ๊กเก่าดีกว่า”...........เค้าอมยิ้มพูดจายั่วยวนกระตุ้นต่อมโมโหได้ผลชะงัดนัก............ซึ่งก็แปลกดีเหมือนกัน โดยปกติผมจัดเป็นคนที่มีความยืดหยุ่นและประนีประนอมสูงกว่าคนปกติค่อนข้างมาก.........แต่กับแฟน หากมีเรื่องให้ต้องขัดใจเล็กๆน้อยๆ...............ผมเป็นอันต้องปรี๊ดแตกทุกทีสิน่า.............

                            “ก็ตามใจสิ...........อยากทำไรก็เชิญ..........คนเราถ้าลองสมสู่ไม่เลือก ก็คงไม่ต่างอะไรกันกับสัตว์หรอก”............ผมชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าของนัทแดงซ่านด้วยความโกรธ...............รู้สึกผิดขึ้นมาตะหงิดๆกับสิ่งที่เพิ่งพูดออกไปเมื่อครู่................ถึงแม้ผมจะคิดแบบนั้นจริงๆแต่ก็ไม่ควรพูดเช่นนั้น..........เสียใจตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว................

                           “บอกตัวเองเหอะ”.............นัทสะบัดเสียงด้วยความน้อยใจก่อนจะหันมองออกไปนอกหน้าต่าง...........เฮ้อ..........ปากหนอปาก...........แต่มาคิดดูอีกที ก็ดีเหมือนกัน...............ผมเองก็อยากจะรู้ว่าเค้าจะทำได้จริงอย่างที่พูดหรือเปล่า............แม้ที่ผ่านมานัทจะไม่เคยก่อปัญหาเจ้าชู้ให้ผมต้องระคายใจเลยก็ตาม.............แต่ใครจะรู้ว่าอีกหน่อยเค้าจะไม่ทำ..............รู้ก็รู้กันอยู่ว่าเกย์น่ะขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้ยิ่งกว่าเพศใดๆในโลก...................



                           และแล้ววันเดินทางไกลก็มาถึงในที่สุด..................เราเดินทางออกจากเชียงใหม่ตั้งแต่เช้าตรู่...............คนที่รับหน้าที่คุยเป็นเพื่อนผมระหว่างทางก็คือน้องพร............เราคุยกันถึงเรื่องสัพเพเหระต่างๆนานา จนในที่สุดก็วกมาที่เรื่องรักๆใคร่ๆซึ่งคุยได้ไม่รู้จักเบื่อ..............โชคร้ายเดินทางมาถึงน้องพรเร็วกว่าผม...............ในที่สุดคนรักของหล่อนก็ตีจากไปพร้อมกับการเดินทางไปทำแลปที่ต่างประเทศ..............ก่อนหน้าที่เค้าจะเดินทาง น้องพรได้ผ่านความพยายามมาหลายครั้งหลายคราที่จะประสานความสัมพันธ์เอาไว้.........แต่ในที่สุดหล่อนก็ต้องยอมรับความจริงว่าทุกอย่างมันจบลงแล้ว...........โดยที่ไม่มีแม้คำอธิบายใดๆออกจากปากของอีกฝ่ายเลย...............

                          “ก็เป็นแบบนี้แหล่ะพี่กั้ง..........สุดท้ายมันก็ลงเอยแบบเดียวกัน..........ตอนรักกันก็ดีไปหมดทุกอย่าง..........แต่พอจะเลิกกัน เราทำอะไรก็ไม่เคยได้ดั่งใจเค้าหรอก”.............หล่อนเอ่ยถึงคนรักเก่าอย่างระทดระท้อ.........ผมแอบลอบถอนหายใจเบาๆเมื่อได้ฟัง............แล้วผมล่ะ.........จะต้องลงเอยแบบเดียวกันกับหล่อนงั้นเหรอ...........

                           “นัทเองก็เถอะ............สุดท้ายเค้าก็จะจากพี่กั้งไปอยู่ดี...........เค้าจะไม่เป็นฝ่ายบอกเลิกพี่กั้งหรอก..........แต่เค้าจะไม่ใส่ใจพี่กั้ง.........จากนั้นมันก็จะขึ้นอยู่กับว่าพี่กั้งเอง ว่าจะทนเค้าได้แค่ไหน.........ถ้าทนไม่ได้พี่กั้งก็จะบอกเลิกเค้าเอง”............โหย........นี่หล่อนกำลังแช่งผมเหรอเนี่ย.........ไม่อยากจะเชื่อว่าความผิดหวังจะทำให้หล่อนพาลมองว่าใครๆก็ไม่มีทางสมหวังเช่นเดียวกัน.........ทิฐิมานะในใจผมเริ่มสำแดงเดช............ไม่มีทาง........นัทไม่มีวันทำแบบนั้น..........รักสองคนเรากัน.........ความรักของเรามันลึกซึ้งกว่าคู่ของเธอมากนัก..........เค้าไม่มีวันทอดทิ้งผมหรอก........เรามันคนละคนกันน้องพรเอ๋ย...........ผมดีแสนดีและก็เพียบพร้อมขนาดนี้เค้าจะทิ้งไปไหนได้............แต่ทะว่า ลึกๆในใจผมนั้น มันกลับอ่อนเรี่ยวแรงและพร้อมที่จะยอมรับสภาพว่า เราเองก็ไม่แคล้วลงเอยแบบเดียวกันอย่างแน่นอน.....


                           ผมกลับมาถึงบ้านค่อนข้างดึกด้วยความอ่อนล้า..............หลังจากทักทายกับแม่และพี่ๆรวมทั้งหลานๆที่มารอคอยหน้าสลอน ผมก็ขอตัวไปอาบน้ำเพื่อพักผ่อน..........มีอะไรก็ค่อยไว้คุยกันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน.........

                           “น้ากั้งเล่านิทานให้ฟังหน่อย”.......หลานสาวและหลานชายวัยซนเข้ามารุมล้อมอ้อนวอนไม่ยอมให้ผมนอนพักผ่อนดังที่คาด..........เฮ้อ.........นิทานก็มีแต่เรื่องผีๆสางๆเหมือนเดิม.........ผมเล่าให้ฟังจนปรุ แต่ก็ยังอยากจะฟังกันอีก............แม้จะเหนื่อยแต่ผมก็จำใจต้องต้อนหลานๆเข้านอนด้วยนิทานสยองขวัญอันคุ้นเคย.........เป็นอันว่าคืนนี้เตียงนอนของผมก็เบียดเสียดไปด้วยหลานตัวน้อยๆอีกสามคนเช่นเคย..........


                           “แม่.........นี่ไงแฟนผมที่เคยเล่าให้แม่ฟัง”........ผมควักรูปนัทจากกระเป๋าตังค์ออกมาอวดแม่และพี่สาวในวันรุ่งขึ้น............ผมเคยเปรยๆให้แม่ฟังทางโทรศัพท์มาบ้างแล้วว่าตอนนี้กำลังคบหากับนัทอยู่..........และผมเองก็จริงจังในความสัมพันธ์มากพอดู.........ถึงแม้ว่าฝ่ายนั้นจะไม่ค่อยร่วมมือเท่าไหร่ก็ตาม (อันนี้ไม่ได้เล่านะ หุหุ)

                           แม่ผมรับรูปของนัทไปดูแล้วส่งต่อให้บรรดาพี่สาวทั้งสามวนเวียนกันจนทั่ว............เกย์บางคนมีปมในการเป็นเกย์แตกต่างกันออกไป...........เท่าที่ผมสังเกตมาพบว่า เกิดจากสาเหตุสำคัญสองประเด็นหลักคือ..........หนึ่ง มีปมจากพ่อที่ห่างเหิน ดุ หรือไม่ก็เข้มงวด............และอีกปัจจัยหนึ่งคือถูกเลี้ยงมาด้วยสิ่งแวดล้อมที่เป็นผู้หญิงล้วนๆ หรือบางคนอาจจะมาจากทั้งสองปัจจัยรวมกันก็ได้............ส่วนใครจะมองว่าเป็นเรื่องของพันธุกรรม อันนั้นคงต้องรอผลการวิจัยในเชิงลึกต่อไป ตราบเท่าที่เกย์ยังมีให้ค้นคว้าอยู่ในโลกเบี้ยวๆใบนี้................แต่สำหรับผมเพียงแค่สังเกตุจากวงล้อมในการสนทนาของครอบครัวเราในตอนนี้ก็คงจะพอเดาออกว่ามาจากสาเหตุอะไร.............อ้อ..........อย่าเพิ่งคิดว่าที่ผมไม่กล่าวถึงพ่อเพราะมีปมกับพ่อล่ะ......ที่ไม่ได้พูดถึงก็เพราะว่าท่านเสียชีวิตไปนานตั้งแต่ผมเรียนปริญญาตรีแล้วต่างหาก..........

                          “ไม่เห็นจะหล่อเลย”.........พี่สาวผมยื่นรูปกลับคืนมาให้...........ผมยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ........จะติยังไงก็ช่าง เพราะผมชอบของผมแบบนี้...........

                           “ถ้าเค้ารักแกจริงๆก็ดี...........แต่แกอย่าริอ่านไปนอนกับเค้าเชียวล่ะ”.........อิอิ.............อยากจะบ้า..........นี่แม่คิดว่าผมเป็นลูกสาวหรือไง............หัวโบราณไม่เข้าเรื่อง.............

                           “แม่........นี่ลูกจะสามสิบแล้วนะ..........โตจนเรียนจะจบดอกเตอร์อยู่แล้ว แม่ยังจะมาบอกเหมือนลูกเป็นเด็กๆวัยรุ่น”.........ผมบ่นอุบด้วยความขบขัน............

                         “เค้าเป็นคนดีนะ.........แล้วเค้าก็เรียนหมอด้วย”..........ผมอวดแม่และพี่สาวด้วยความภาคภูมิ............ทั้งที่อีกใจนั้นคอยห้ามให้รีบปิดปากเสีย เพราะหากเอาคนที่ไม่แน่ใจมาพูดกับที่บ้าน เกิดต้องเลิกกันผมก็คงเสียเครดิตกับที่บ้านไม่เหลือ ทีนี้ล่ะ พวกเค้าก็จะมองว่าเป็นเกย์ไม่เห็นจะดีเลย เพราะยังไงก็ไม่มีทางสมหวังในความรักหรอก..........แล้วนัทนี่ จะเรียกว่าแน่นอนจนต้องเอามาอวดได้แล้วเหรอ........เฮ้ออออออออออออ..........


                           ฟังดูแล้วอาจจะเหมือนกับว่าที่บ้านผมเปิดใจยอมรับความเป็นเกย์ของผมเต็มที่แล้ว............แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ผมเองก็ต้องผ่านการพิสูจน์ตัวเองมาพอสมควร...........ผมยังจำได้ดีเมื่อครั้งที่ผมพยายามฝืนใจคบกับผู้หญิงคนหนึ่งในสมัยเรียนปริญญาโท............ตอนนั้นที่บ้านผมดีใจจนออกนอกหน้า เที่ยวคุยบอกญาติๆกันทั่ว..........ในที่สุดความรักของผมก็ไปไม่รอด............ซึ่งตอนนั้นเองผมจึงได้ตกผลึกทางความคิดว่า ต่อไปนี้ผมจะไม่ข้องแวะกับผู้หญิงให้เค้าต้องมาพลอยรับกรรมเพราะผมอีกต่อไป..........หากไม่เจอผู้ชายที่ดีพอ ผมก็จะอยู่เป็นโสดตลอดไป..........ไม่มีทางหลอกให้ใครมาแต่งงานเพื่อตัวเองเด็ดขาด............และช่วงนั้นเองที่ผมเปิดใจสารภาพความจริงกับแม่..............


                           แม้ว่าแม่จะรู้จักลูกที่ตัวเองเลี้ยงมากับมือดีมากแค่ไหน..............แต่หัวอกคนเป็นแม่ก็ยังไม่อยากจะยอมรับความจริงว่าลูกของตนเป็นเกย์.................ครั้งแรกที่ได้ยิน แม่ร้องไห้เมื่อผมสารภาพจนหมดเปลือก.........ผมรู้สึกทั้งเสียใจและโล่งใจในเวลาเดียวกัน............แต่แม่จะต้องยอมรับตัวผมอย่างที่ผมเป็นให้ได้...........ผมไม่อยากให้เราตายจากกันไปโดยที่แม่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า แท้จริงแล้วลูกเป็นใคร คิดและรู้สึกอย่างไร............เราสองคนแม่ลูกทำความเข้าใจกันอยู่ครู่ใหญ่ จนในที่สุดแม่ก็ยอมรับโดยดุสดี...........

                           “ผมไม่เคยทำตัวไม่ดี...........ไม่เคยมั่วผู้ชายให้แม่ต้องอับอายชาวบ้าน...........ผมตั้งใจเรียนและเป็นลูกที่ดีของแม่มาตลอด..........ผมมีอะไรที่ทำให้แม่ไม่ภูมิใจบ้าง”................ผมพยายามชี้ให้แม่เห็นว่าผมก็เป็นลูกที่ดีไม่ต่างจากลูกเพศธรรมดาทั่วไป.............

                           “แต่มันผิดธรรมชาตินะลูก แม่ไม่อยากได้ยินชาวบ้านเค้านินทา แม่อายเค้า”............แม่ยังไม่วายเป็นห่วงหน้าตาในสังคม.............จนผมรู้สึกขัดใจ............

                          “แม่จะไปสนใจคนพวกนั้นทำไม............เค้าไม่เคยมาหวังดีอะไรกับเรา นอกจากคอยนินทาและซ้ำเติม...........ผมไม่ได้ทำตัวเสื่อมเสียอะไร...........เป็นเกย์ก็เกิดจากธรรมชาติสร้างมาเหมือนกัน..............การที่มีอยู่น้อยไม่ได้หมายความว่าผิดธรรมชาตินี่”..........ระบบนิเวศนี้อยู่ได้ด้วยความหลากหลายและแตกต่างของสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ...........แล้วคุณจะกำจัดสิ่งมีชีวิตกลุ่มน้อยทิ้งไปโดยให้เหตุผลว่าพวกมันผิดธรรมชาติหรือเปล่า.........แทนที่จะยอมรับในความแตกต่างและอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ..........ระบบนิเวศและสังคมจึงจะเกิดเป็นความสมดุล............เราจะเรียกสิ่งที่มีมากกว่าว่าเป็นธรรมชาติหรือไม่..............การที่มีเซ็กส์แล้วมีลูกคือธรรมชาติหรือ..........แล้วคู่สามีภรรยาที่ไม่มีลูกล่ะผิดธรรมชาติหรือเปล่า...............หากการเป็นเกย์เกิดจากผลทางด้านพันธุกรรมด้วยส่วนหนึ่ง..............มันก็ต้องเป็นธรรมชาติเช่นกัน..............แต่ป่วยการที่จะไปอธิบายกับแม่ที่ไม่รู้เรื่อง DNA เอาซะเลย..............


                           หลังจากพี่ผ่านการพยายามพิสูจน์ให้แม่และพี่สาวเห็นว่าการเป็นเกย์ไม่ได้ทำให้ผมเลวลงไปกว่าคนธรรมดาแต่อย่างใด..............ในทางตรงกันข้าม............ผมยังสามารถนำความภาคภูมิใจมาสู่ครอบครัวด้วยการตั้งใจเรียนจนได้ผลสำเร็จยอดเยี่ยม และครองตัวในกรอบอันดีมาโดยตลอด...........ในที่สุดพวกเค้าก็ค่อยๆเปิดประตูที่ขวางกั้นระหว่างความคิดที่ต่างกันของเราให้กว้างมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นความเข้าใจและยอมรับซึ่งกันและกันในที่สุด............และผมก็สัญญากับตัวเองว่า ผมจะไม่มีวันทำตัวมากรักมั่วโลกีย์ให้ครอบครัวต้องได้อับอาย.............หากผมจะมีความรัก.............ผมก็จะมีความรักในครรลองของความถูกต้องดีงาม........มันต้องมีสิ เกย์ดีๆที่อยากจะรักใครจริงๆจังๆในแบบเกย์..........

                         “บางทีถ้าแกไม่เป็นเกย์...........แกอาจจะไม่ตั้งใจเรียนมาจนสูงอย่างทุกวันนี้ก็ได้”...........แม่เคยเปรยให้ผมฟังด้วยน้ำเสียงแห่งความภูมิใจ............ผมแอบยิ้มด้วยความปลื้มปิติ..........ถึงตอนนี้ผมได้พิสูจน์ให้แม่ได้เห็นแล้วว่า...........ผมก็ดีไม่แพ้ลูกเพศธรรมดาคนอื่นๆของแม่เลย...........

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #557 เมื่อ26-10-2007 12:02:46 »



เปรี้ยวนะเคอะคุณพี่  อิอิ

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #558 เมื่อ26-10-2007 13:59:31 »

เปรี้ยวตรงไหน...................งง.........หุหุ  :m28:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #559 เมื่อ26-10-2007 15:12:31 »

เม้นต์ไม่ออก  เอาเป็นว่า  หวานนะคะคุณพี่ 5555 (เห็นเจ้บอกเปรี้ยว เง้อ)
 :m23:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คนละปลายทาง
« ตอบ #559 เมื่อ: 26-10-2007 15:12:31 »





ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #560 เมื่อ26-10-2007 18:21:48 »

ยื้อก็เหมือนเราจะยิ่งเหนื่อย  :m13:  :m13:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #561 เมื่อ28-10-2007 11:39:36 »

เลือกเกิดไม่ได้
 :เฮ้อ:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #562 เมื่อ28-10-2007 22:04:26 »

จะเศร้าทำไม.......นายไม่เหมาะที่จะทำหน้าเศร้าหรอก........ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #563 เมื่อ28-10-2007 22:49:22 »

เม้นต์ไม่ออก  เอาเป็นว่า  หวานนะคะคุณพี่ 5555 (เห็นเจ้บอกเปรี้ยว เง้อ)
 :m23:


อะไรกันเคอะ

บ้าๆๆๆๆ  มู่นะ คนผีทะเล

ปล.  พี่กั้งรู้จักตามเฒ่าเรย์ด้วยหรอ?  สงสัย  อิอิ

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #564 เมื่อ29-10-2007 01:57:17 »

อ้าว.........แล้วไม่ใช่รูปเค้าเหรอนั่น..........หล่อยังกะดาราเกาหลีแน่ะ.........อุอุ :m13:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #565 เมื่อ29-10-2007 03:10:54 »

ตอนนี้ผมอยู่เชียงใหม่นะครับ.........จะตีสามแล้วแต่นอนไม่หลับอ่ะ เลยลุกมาเขียนให้อ่านกันต่อ แก้คิดถึงไปพลางๆนะจ้ะ............


                         กำหนดเดินกลับเชียงใหม่ใกล้เข้ามาถึงทุกที..............ป่านนี้นัทคงแพคของที่เหลือเรียบร้อยไปแล้วกระมัง.............แย่จังที่น้องพรและเพื่อนๆคนอื่นๆไม่มีใครยอมกลับเชียงใหม่พร้อมกับผมเลยสักคน..........ก็แหม..........ใครๆก็รู้ว่าวันสงกรานต์มันวันครอบครัวชัดๆ................แต่ลูกไม่รักดีอย่างผมกลับพยายามตะเกียกตะกายกลับไปเชียงใหม่เพื่อสั่งลาสุดที่รักเป็นครั้งสุดท้าย................เคราะห์กรรมจึงตกมาอยู่ที่พี่สาวและพี่เขย รวมทั้งหลานชายตัวน้อยที่น่าสงสาร............พวกเขาจำเป็นต้องกำหนดแผนการเดินทางไปเชียงใหม่กระทันเพื่อเป็นเพื่อนร่วมเดินทางไปกับผมในครั้งนี้............แต่ก็ยังไม่น่าเกลียดจนเกินไปนัก อีตรงพี่เขยผมมีบ้านเกิดอยู่ที่ลำพูน.............ไม่อย่างนั้นผมคงจะรู้สึกแย่มากกว่านี้อย่างไม่ต้องสงสัย................


                         “แกจะรีบกลับไปทำไมนักหนา อยู่กับแม่ก่อนไม่ได้เหรอลูก”............แม่อดไม่ได้ที่จะบ่นกระปอดกระแปด เพราะนานๆทีจะได้เห็นหน้าค่าตาลูกอกตัญญูอย่างผมสักหน.............

                         “ก็ไอ้เดียวน่ะสิ..........มันจะขึ้นมาเที่ยวสงกรานต์เชียงใหม่น่ะแม่..........ผมก็เลยต้องขึ้นไปรอมันที่โน่น”............ไอ้เรื่องหาข้อแก้ตัวได้แนบเนียนไม่มีใครเกินผมหรอก...........แต่เดียวมันก็จะมาจริงๆนะไม่ได้โกหก.............ถึงกระนั้นลำพังแค่เพื่อนอยากมาเที่ยวสงกรานต์แค่นี้ ผมก็คงไม่อุตสาหะถ่อสังขารกลับขึ้นไปให้เมื่อยตุ้มหรอก หากแต่ผมต้องไปเพราะเสียงหัวใจมันเรียกร้องมากกว่า..................



                           “พี่กั้งเอารถพี่สาวมาขนของไปส่งนัทที่แพร่ได้ป่าว”..........นัทปรารภระหว่างที่เรากำลังคุยโทรศัพท์กันในคืนก่อนที่ผมจะเดินทางกลับ เมื่อทราบว่าพี่สาวผมจะขับรถกระบะขึ้นไปด้วย.........

                           “ได้สิ..........เดี๋ยวพี่จะเอารถไปเปลี่ยนกับรถพี่สาวที่ลำพูน.........แล้วเราก็ค่อยขนของไปแพร่กัน”........รถกระบะคงสามารถบรรทุกของได้มากกว่ารถเก๋งของผม.............แต่ผมไม่ได้บอกนัทว่า.............บ้านพี่เขยผมนั้นอยู่ลึกเข้าไปในอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลอักโขอยู่...............เส้นทางที่ผมจะขับเอารถไปเปลี่ยนนั้นไม่ง่ายเลย...................แต่ผมจะทำเพื่อเค้า..............บางทีผมอาจจะบอกพี่สาวว่าขอยืมรถกระบะของเธอไปขับสาดน้ำสงกรานต์สักวันสองวัน.............แต่ถ้าไม่เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้จริงๆ  ผมก็แค่เอารถเก๋งของผมขนสักสองสามเที่ยวคงไม่เป็นไรมั้ง.............ทะยอยขนสัปดาห์ละหนก็น่าจะได้.............ถึงไงก็ไม่ใช่เรื่องที่จะบอกนัทหรอกว่าผมต้องยุ่งยากเพื่อเค้าแค่ไหน.........เรื่องแค่นี้ผมจัดการเองได้............แม้จะหนักใจอยู่หน่อยหนึ่งเมื่อนึกถึงความลำบากที่จะตามมาอีกพะเรอ...........

   
                          ในเช้าวันเดินทางกลับ.........พวกเราสี่คนแยกกันนั่งรถไปสองทีม........พี่เขยขับรถไปกับหลานชาย..........ส่วนผมขับมากับพี่สาว.....................ผมยังไม่ได้เล่าความจริงให้พี่สาวฟังว่าทำไมจึงต้องการมาขอยืมรถช่วงสงกรานต์..........หาไม่ เธอจะมองว่าผมบ้าผู้ชายมากจนถึงขั้นต้องลงทุนขับรถจากเชียงใหม่มาเปลี่ยนกับรถของเธอที่ดอยขุนตาล............ผมจึงเพียงแต่บอกว่า บางทีอาจจะขอมายืมรถไปใช้ตอนสงกรานต์เท่านั้น..........บางทีเท่านั้นหรอกน่า.........จริงๆแล้ว ในใจผมอยากบอกนัทว่า เอารถเก๋งของพี่ขนไปเถอะ หลายรอบก็ไม่เป็นไรหรอก...........แต่ผมไม่อยากทำให้เค้าต้องยุ่งยากใจเพราะรู้ว่าคนขนของก็อยากจะขนทีเดียวให้เสร็จ.............เอาเถอะ รอให้จวนวันจริงๆก่อน............หากมีอะไรเปลี่ยนแปลงค่อยหารือกันใหม่ก็แล้วกัน.................


                          หลังจากพักรับประทานอาหารมื้อเที่ยง...........ผมก็แยกกับพี่สาว พี่เขยและหลานชายที่พิษณุโลก..............ถึงตอนนี้ผมต้องขับรถต่อไปคนเดียวตามลำพังเป็นระยะเวลาห้าชั่วโมงจนกว่าจะถึงเชียงใหม่................จากการที่ต้องตื่นนอนแต่เช้า ผนวกกับการขับรถติดต่อกันมาทั้งวัน............ส่งผลให้ร่างกายของผมเริ่มอ่อนล้าเมื่อตะวันย่างเข้าคล้อยบ่าย............ผมพยามปลุกเร้าตัวเองด้วยการร้องเพลงก็แล้ว เคี้ยวหมากฝรั่งก็แล้ว............หรือแม้กระทั่งจอดรถดูดบุหรี่สักมวนสองมวนก็แล้ว.........แต่มันก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้เลย...............ในใจของผมหวนระลึกถึงนัทขึ้นมาตะหงิดๆ..........นี่ถ้าหากพี่มีอันต้องขับรถพลัดตกเขาไป..............แล้วนัทจะทำยังไงนะ.........นัทจะร้องไห้ให้พี่สักนิดหรือเปล่า..............หรือว่านัทอาจจะดีใจที่จะได้เป็นอิสระจากพันธนาการที่คอยตอกย้ำถึงความรับผิดชอบที่ควรมีต่อพี่นะ............เฮ้ยยยยยยย......เลิกคิดได้แล้ว............ผมสะบัดหัวเพื่อเรียกสติและพละกำลังกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง............ดูเอาเถิดคนเรา คิดเข้ารกเข้าพงไปกันใหญ่แล้ว..............จินตนาการสุดยอดดดดจริงๆ........


                         เหมือนจะมีอะไรบางอย่างสื่อถึงกันได้ระหว่างเราสองคน..............ในขณะที่ผมกำลังท้อถอยและหมดเรี่ยวแรงที่จะขับรถต่อไป นัทก็โทรศัพท์เข้ามาพอดี..................

                         “พี่กั้งถึงไหนแล้ว”...........แค่ได้ยินเสียงก็มีกำลังใจขึ้นมาเป็นกอง.............

                         “ตอนนี้จะเข้าลำปางแล้ว เก็บของเสร็จยังล่ะ”..............ผมเรียกกำลังใจคืนมาอีกครั้ง  พยายามตั้งสติให้จดจ่ออยู่กับโค้งอันแสนจะวกวนข้างหน้า...........

                          “เสร็จแล้ว..........พี่กั้งจะมาถึงเชียงใหม่กี่โมง”.............ผมเหลือบมองนาฬิกาพลางคิดคำนวณในใจคร่าวๆ..........

                           “คงสักหกโมงเย็น............พี่ว่าจะแวะกลับเข้าห้องเลย พี่เหนื่อยอยากพัก........เอาไว้ค่อยเจอกันพรุ่งนี้นะ”.............ผมรู้สึกล้าและอยากอาบน้ำนอนเต็มที................

                           “ไม่เอาอ่ะ............มาหานัทหน่อย คนอุตส่าห์รอ หิวข้าวด้วย”............นัทบ่นน้ำเสียงไม่พอใจ...........สงสัยจะอุดอู้อยู่แต่ในห้องมาหลายวันแล้ว คงจะเบื่อเต็มที................

                           “อืม.............ถ้างั้นก็รอที่นั่นล่ะ...........พี่จะรีบไปหาก็แล้วกัน”.............ได้คร้าบบบบ คุณชาย........ตามบัญชาเลยครับผม............เฮ้อ...........อยากเจอนะ..........แต่เหนื่อยอ่ะ.............แต่ก็ไม่อยากจะขัดใจเลยอ่ะ.............

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #566 เมื่อ29-10-2007 18:49:20 »

 :เฮ้อ: ยิ่งรักยิ่งเหนื่อย  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #567 เมื่อ29-10-2007 22:30:51 »

มีเวลาให้กันบ้าง ไม่มากไปไม่น้อยไป
 :m27:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #568 เมื่อ05-11-2007 09:22:12 »

                          “หา..............แกว่าอะไรนะ.............นี่ฉันอุตส่าห์ขึ้นมาหาแกถึงเชียงใหม่นะ........แต่แกกลับมาบอกว่าจะให้ฉันไปนอนกับคนอื่นก่อนยังงั้นเหรอ”................เดียวร้องอย่างเดือดดาลเมื่อหล่อนรู้ว่ากำลังจะโดนผมเขี่ยออกไปจากวิมานฉิมพลีสักระยะ.............มันก็สมควรอยู่หรอกที่หล่อนจะโกรธ............แต่ก็แค่แป๊บเดียวเองนี่นา..........ไม่ใช่ตลอดทริปนี้ซะหน่อย.............อีกไม่กี่วันนัทก็จะไปจากเชียงใหม่แล้ว หล่อนควรจะเห็นใจคนที่กำลังจะจากกันบ้างสิ..............


                        “เอาน่า.........แกใจเย็นๆก่อนได้ป่ะ..............อีกแค่วันสองวันนัทก็จะไปจากเชียงใหม่แล้ว ถึงตอนนั้นแกก็ค่อยย้ายมานอนที่ห้องฉันก็ได้...........ระหว่างนี้แกก็พักอยู่กับเพื่อนฉันไปก่อน พอถึงวันสงกรานต์แล้วฉันจะพาแก ออกตระเวนเที่ยวให้ทั่วเลยดีมั้ย”.............ผมพยายามหว่านล้อมให้หล่อนคล้อยตาม.............ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมถนัดอยู่แล้ว...............


                         เดียวเริ่มมีท่าทีอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินคำว่าตระเวนเที่ยว...................ดวงตาของหล่อนดูเปล่งประกายขึ้นมาในทันที.............ตอนนี้คำว่าเที่ยวคงกำลังก้องอยู่ในหูของหล่อนพร้อมกับภาพจินตนาการอันสวยหรูอย่างไม่ต้องสงสัย...........ผมอมยิ้มน้อยๆพลางจ้องมองดูหล่อนอย่างผู้มีชัย......


                         หลังจากส่งเดียวเข้าที่พักพร้อมกับฝากฝังให้เพื่อนดูแลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมจึงแวะซื้อของกินติดไม้ติดมือกลับห้องด้วย...........ป่านนี้นัทคงกำลังนอนหลับอุตุอยู่แน่ๆ............หากผมไปถึงห้องแล้วรีบจัดเตรียมสำรับกับข้าวเอาไว้รอท่า ก็คงถึงเวลาที่นัทตื่นนอนพอดี................ผมเหลือบตามองไปยังถุงกับข้าวที่วางอยู่บนเบาะด้านข้างแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ................จากนี้ไปผมคงไม่ได้ดูแลนัทแบบนี้อีกแล้ว.............คิดแล้วก็อดสะท้อนสะท้านใจไม่ได้............ทำไมเมื่อมีพบแล้วจะต้องมีจากกันด้วยนะ..........แล้วคำว่านิรันดร์มันอยู่ที่ตรงไหนกันล่ะ..............


                         “พี่เดียวมาถึงแล้วเหรอ”...........นัทเอ่ยถามระหว่างที่กำลังนั่งกินข้าวเช้าที่ผมเพิ่งซื้อมา............ผมละมือจากการเจียนเงาะ แล้วลุกไปหยิบน้ำดื่มมารินใส่แก้วเตรียมเอาไว้ให้................

                          “อืม..........ตอนนี้พี่เอาเค้าไปฝากไว้กับเพื่อนก่อน..........พอนัทย้ายไปแพร่แล้ว ค่อยไปรับมานอนที่ห้อง”............สองคนนี้เคยพบกันครั้งเดียวเมื่อคราวไปงานแต่งงานที่ขอนแก่น.............แต่กลับดูเหมือนคุ้นเคยกันดี คงเป็นเพราะได้รับทราบข่าวสารของกันและกันผ่านทางผมเสมอ............

                         “นัดพี่เดียวมากินข้าวด้วยกันสักมื้อสิ ก่อนวันที่นัทจะเดินทาง”............อืม เป็นความคิดที่ดีไม่เลว.........ผมมีความปราถนามาตลอดว่าอยากให้นัทสนิทสนมกับคนใกล้ชิดของผมให้มากขึ้น...........เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง............ความสัมพันธ์ของเราจะยิ่งมั่นคงแน่นแฟ้น...........ไม่หลักลอยแบบที่เป็นอยู่นี้.........คนที่รักกันควรจะต้องมีตัวตนอยู่ในโลกของกันและกันถึงจะถูก............

                          “เออ แล้วพี่กั้งจะไปเอารถวันไหนอ่ะ........นัทเก็บของเสร็จแล้วนะ”...........เฮ้อ...........ถามถึงเรื่องที่ผมกำลังกังวลอยู่พอดีเลย............จนบัดนี้ผมยังไม่กล้าบอกนัทเลยว่าผมรู้สึกยุ่งยากใจมากแค่ไหนกับการที่ต้องไปเอารถกระบะจากพี่สาวที่อุโมงค์ขุนตาล ไหนยังจะตอนเอากลับไปคืนอีก.............อีกทั้งยังติดที่จะต้องเทคแคร์เดียวด้วย...........ลำบากใจจัง............

                          “เหรอ..........ใกล้วันแล้วค่อยโทรไปก็ได้.........เค้าไม่ไปไหนหรอก”.............ผมพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะให้คำตอบที่แน่ชัด.........นัทมองมาที่ผมด้วยสายตาที่ค้นหาคำตอบครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าก้มตาสนใจกับการกินต่อไป.............ผมแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก............ถึงเวลาก็คงต้องไปจริงๆนั่นแหล่ะ...........ทำไมนัทไม่เอารถเก๋งของผมขนไปนะ...........จะได้ไม่ต้องยุ่งยากกับคนอื่น...........แต่ผมไม่กล้าบอกความคิดนี้กับเค้าเลย..........กลัวเค้าจะโกรธเอา............


                         ในระหว่างนี้ ผมต้องคอยวิ่งรอกไปมา ระหว่างนัทและเดียว............แม้ว่าคนทั้งสองจะรู้จักกันแล้ว แต่นัทก็ยังคงไม่สะดวกใจที่จะไปไหนมาไหนอย่างโจ่งแจ้งกับพวกเราในจังหวัดเชียงใหม่...........คงเพราะว่ากลัวจะไปเจอคนรู้จักเข้าโดยบังเอิญ..............เพราะฉะนั้นผมจึงจำเป็นต้องวิ่งกลับไปกลับมาอย่างที่เป็นอยู่นี้..........

                          “แกไปเรียกไอ้เจมาเทคแคร์ฉันหน่อยสิ”..............เดียวรบเร้าอยากจะให้ผมหาคนมาคอยเทคแคร์...........หล่อนรู้จักกับเจมาก่อนนัท..........เนื่องจากเจเข้ามาในชีวิตของผมก่อนหน้านัทได้ปีกว่า.........แต่เราก็ไปไม่ถึงไหนกันหรอก เพราะผมไม่ชอบคนไม่จริงใจ............ตอนนี้สถานะของเค้าจึงเป็นได้แค่เพื่อน เพราะถึงยังไงเค้าก็ยังช่วยแก้เหงาได้ดีพอสมควรถ้าไม่คิดอะไรมากอ่ะนะ...........

                         “อืม..........เอาไว้เดี๋ยวจะลองชวนดูแล้วกัน”............ผมรับปากแบบขอไปที...........เพราะตอนนี้จิตใจผมจดจ่ออยู่แต่กับนัทเพียงคนเดียวเท่านั้น..................พอนัทไปแล้วค่อยคิดดูอีกทีก็แล้วกัน........



                         ลมร้อนของค่ำคืนเดือนเมษายนค่อยๆบรรเทาอนุภาพลง พร้อมกับการมาเยือนของน้ำค้างในยามค่อนดึก................ในห้องของเรา ผมกับนัทต่างคนต่างสนใจอยู่กับกิจกรรมส่วนตัวของตนเองโดยที่ไม่ได้สนทนาอะไรกันมากนัก................ไม่นานเสียงโทรศัพท์ของนัทก็ดังขึ้นและเงียบเสียงลงไปเกือบจะในทันที............

                         “โทรมาโชว์เบอร์เหรอ”.............ผมแอบชำเลืองมองมาที่นัท พลางตั้งข้อสงสัยเอาไว้ในใจเงียบๆ............หันไปมองนาฬิกาตอนนี้บอกเวลาสี่ทุ่มค่อนไปทางห้าทุ่มแล้ว...........ใครกันนะที่โทรมาดึกดื่นขนาดนี้ แถมยังโทรมาโชว์เบอร์เสียด้วย.............แสดงว่าคงจะต้องคิดว่าตัวเองมีความสำคัญต่อนัทพอสมควร...........แล้วนัทจะโทรกลับหรือเปล่า...........ผมเฝ้าลุ้นด้วยใจระทึก...........

                         ปกตินัทไม่เคยมีโทรศัพท์ต้องสงสัยให้ผมมานั่งคอยระแวงมาก่อน...........ตรงกันข้าม นัทค่อนข้างจะชัดเจนว่าไม่มีใครแอบซ่อนเอาไว้ หรือไม่มีพฤติกรรมหลายใจอย่างที่เกย์ทั่วๆไปชอบเป็นกัน...........แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรก โทรศัพท์ในยามวิกาล แถมโชว์เบอร์เสียด้วย.............น่าสงสัยจริงๆ..........ผมพยามข่มอารมณ์หึงหวงเอาไว้ในใจ ภายใต้ท่าทางที่ปั้นแต่งให้ดูเรียบเฉยมากที่สุด...............

                          นัทหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูและโทรกลับไป.............หัวใจผมหล่นวูบทันที.............แม้เค้าจะคุยต่อหน้าผม และสนทนาเพียงไม่กี่ประโยค..............แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ผมเกิดอารมณ์โมโหสุดๆแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน..............ทำไมถึงต้องโมโหน่ะเหรอ............ข้อแรกเห็นอยู่แล้วว่าโทรศัพท์ต้องสงสัยนี้มาในยามวิกาลซึ่งไม่ใช่เวลาของเพื่อนหรือคนในครอบครัว แต่มันเป็นเวลาของคนพิเศษ..........และนัทยังกล้าโทรกลับไป แม้จะอยู่ต่อหน้าผมก็ตาม................ส่วนข้อที่สอง เมื่อผมถามแล้วเค้ายังทำท่าอึกอักตอบไม่เข้าไม่ออกไม่ดำไม่แดง.............มันน่าโหมั้ยล่ะ

                         “ใครโทรมาโชว์เบอร์.........ดึกดื่นป่านนี้แล้ว”..........ผมพยายามข่มน้ำเสียงไม่ให้ดูอำมหิตจนเกินไปนัก............แม้ว่าใจนั้นอยากจะว๊ากใส่เค้าเสียเต็มประดา............

                         “ไม่มีอะไร.........”.......นัททำเป็นไม่ใส่ใจกับสิ่งที่ผมถาม แล้วหันไปตั้งหน้าตั้งตาดูทีวีต่อ.........ยิ่งมองดูท่าทางไม่รู้ร้อนของเขาผมก็ยิ่งเดือดร้อนใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม................

                          ดี.............ไม่พูดใช่มั้ย.............งั้นก็ไม่ต้องมาคุยกันเลย..................ผมจึงข่มความไม่พอใจเอาไว้ ทำทีเป็นไม่ถามไถ่ให้มากความอีกต่อไป...........แต่ผมจะไม่คุยกับเค้าอีกจนกว่าจะได้รับคำอธิบายที่น่าพอใจเสียก่อน....................

                          เวลาผ่านไปเมื่อเห็นว่าผมไม่ซักไซร้ถามไถ่อีกแล้ว.............นัทจึงหันกลับมาดูผมแว๊บหนึ่งก่อนจะลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ..................พอเค้าเดินลับหายไปสักพัก ผมจึงรีบดีดตัวขึ้นมาจากที่นอนถลาเข้าไปกดดูเบอร์ที่โทรเข้ามาเมื่อครู่...............ใครกันนะถึงได้สลักสำคัญขนาดนั้น..........

                          อ้าว............นี่กลายเป็นชื่อผู้หญิงหรอกเหรอ............ผมรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่เห็นเบอร์ปริศนานั้นเป็นชื่อของผู้หญิง............หึ............ขนาดคบอยู่กับผู้ชายยังจะมักมากไปคั่วผู้หญิงด้วยยังงั้นเหรอ..........ไม่ว่าแม่นั่นจะเป็นใคร...........แต่ผมจะไม่มีทางยกโทษให้นัทง่ายๆ หากเค้าไม่มีคำอธิบายสำหรับเรื่องนี้...............

                         เสียงเปิดประตูดังกุกกักมาจากห้องน้ำ.............ผมรีบวางโทรศัพท์ของนัทไว้แล้วกระโดดกลับไปนอนยังที่เดิมทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น..................

                       

                          นัทยังคงนั่งดูทีวีต่อจนเวลาล่วงเข้ายามดึก..............ผมทำทีเหมือนนอนแต่เปล่าเลย............ผมยังตื่นเต็มที่ อีกทั้งยังกรุ่นด้วยอารมณ์โมโหไม่ต่างจากภูเขาไฟที่รอเวลาประทุ.............

                         ในที่สุดนัทก็ลุกขึ้นไปเดินไปปิดไฟแล้วขึ้นมานอนบนเตียง...........ผมสัมผัสถึงการสั่นไหวยวบยาบจากด้านหลัง.............พร้อมๆกับการเข้ามากอดของนัท...................

                         “เป็นอะไร............ฮึ........โกรธอะไรอ่ะ”................เชอะ..........คิดเหรอว่าจะหายโกรธง่ายๆ.............รู้ก็รู้อยู่ว่าผมกำลังโกรธเรื่องอะไรยังจะมาทำเป็นไขสือ............

                         ผมยังคงนอนนิ่งไม่พูดจา...........จนในที่สุดนัทก็หมดความอดทนและพลิกตัวกลับไปนอนตามเดิม..........เฮ้ยยยยย...........ผมร้องเรียกอยู่ในใจ................ยังไม่ทันได้คุยกันให้รู้เรื่องเลย............ตกลงว่าจะทำแบบนี้ใช่มั้ย............ได้.........ผมก็ไม่ง้อเหมือนกัน...............

                         เราสองคนจึงต่างคนต่างนอนจนรุ่งเช้า................อันที่จริงผมน่าจะคุยกับเค้าให้รู้เรื่องกันไปเลย..........ดีกว่าเก็บความไม่พอใจเอาไว้คนเดียวจนจะขาดใจตายเพราะความโมโหอยู่แล้ว.............ก็ผมไม่ชอบเซ้าซี้หรอกไม่ชอบพูดมาก............แต่ผมไม่ลืมง่ายๆแน่..........


                          รุ่งเช้าบรรยากาศระหว่างเรายังคงมึนตึงและอึมครึมไม่ต่างไปจากเมื่อคืนมากนัก...............ผมแอบมองดูนัทด้วยความเจ็บปวดอยู่ลึกๆ...............ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้เลย.............แต่ในเมื่อเรื่องราวมันเลยเถิดมาถึงขั้นนี้แล้ว.............ก็คงต้องปล่อยให้เลยตามเลย...............ทิฐิมานะแม้จะไม่ใช่เรื่องดี........แต่ใครไม่เจอกับตัวก็คงไม่รู้ว่ามันยากนักที่จะให้วางมันลง หากเราได้ยกมันขึ้นมาใส่บ่าเอาไว้แล้ว............

                          “ฮัลโหล...........น้าเหรอครับ..............ตอนนี้รถที่บ้านว่างหรือเปล่า.........ช่วยขนของไปส่งนัทที่แพร่หน่อยสิ”...............ผมนิ่งขึงฟังสิ่งที่นัทพูดผ่านโทรศัพท์ด้วยความตั้งใจ..............รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่ตัวเองมัวแต่งอนจนเค้าต้องหันไปวานให้คนอื่นช่วยขนของไปส่งที่แพร่แทน..............แต่อีกใจก็รู้สึกโล่งเพราะผมก็ไม่ต้องถ่อสังขารไปแลกรถกับที่สาวที่ขุนตาลแล้ว..............ค่อยยังชั่วหน่อย.......เค้าควรจะต้องอาศัยไหว้วานญาติพี่น้องเค้าบ้างถึงจะถูก.............

                          “พี่กั้ง.........นัทต้องไปเก็บของแล้ว.........น้าเค้าบอกว่าเค้าว่างแค่วันพรุ่งนี้วันเดียว.........ยังไงคงต้องขนของพรุ่งนี้เลย รอให้แม่นัทมาถึงเชียงใหม่ก่อน บ่ายๆก็คงออกเดินทาง”.............นัทหันมาบอกผมเมื่อจบการสนทนาทางโทรศัพท์.............แม้จะยังไม่หายโมโหให้เค้า..........แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับกำหนดการเดินทางที่เลื่อนขึ้นมาเร็วจนเกินคาด..............เราจะจากกันทั้งๆที่ผมยังโกรธแบบนี้น่ะเหรอ............เวรกรรม..............



                           “พรุ่งนี้เช้านัทจะโทรมาหานะ...........เดี๋ยวชวนพี่เดียวไปกินข้าวด้วยกัน”.........นัทหันมาสั่งทิ้งท้ายก่อนจะเดินลับหายไปในตัวตึก.............

                            ผมมองส่งเค้าจนลับตาไป พลางก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ..........บ้าชัดๆ..........ขี้หึงไม่เข้าเรื่อง..........บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวที่เค้าไม่อยากจะบอกก็ได้...........ถึงยังไงตัวเค้าก็อยู่กับผมตลอด.........ผมควรที่จะไว้ใจเค้า มากกว่าที่จะมานั่งคอยระแวงจนไม่มีความสุขแบบนี้.............แต่มันก็น่าโมโหอยู่ไม่ใช่หรือ............ถ้ามันไม่มีอะไรก็แค่บอกออกมาตรงๆสิ............จะมาทำเป็นอมพะนำให้ได้อะไรขึ้นมา...........ก็รู้อยู่ว่าคนมันขี้หึงน่ะ................


                          “แกเอ้ยยยยยย.........แกจะไปคิดอะไรมาก...........คนเค้าจะไปวันสองวันนี้แล้ว........ปล่อยเค้าไปเถอะ..............ว่าแต่แกโทรไปตามไอ้เจมาหรือยัง............เค้าก็ดูท่าทางมันจะชอบแกอยู่ไม่ใช่เหรอ........ฉันว่าเจมันดูเข้ากับแกได้ดีกว่าไอ้นัทตั้งเป็นไหนๆ”...........เดียววิพากวิจารณ์อย่างไม่ยี่หระ เมื่อผมนำเอาความทุกข์มาปรึกษา...........ก็หล่อนไม่ได้รักเค้าเหมือนที่ผมรักนี่...........จะพูดอะไรก็คงฟังดูดีดูง่ายหรอก...............

                         เป็นอันว่าตลอดบ่ายนั้นผมจึงต้องออกไปตลอนๆเที่ยวไปพร้อมกับเดียวและเจ.............เดียวดูมีท่าทีเชียร์เจจนออกนอกหน้า...............หล่อนคงไม่อยากให้ผมต้องมานั่งจมกองทุกข์.............แต่หล่อนจะไปรู้จักเจดีไปกว่าผมได้ยังไง...........เค้าเป็นคนไม่จริงใจ.............

                          “แกขยับเข้ามาใกล้ๆน้องเค้าหน่อยสิ............เออๆแบบนั้นแหล่ะ.........ยิ้มด้วย..........หนึ่ง สอง........สาม”...........ผมยิ้มแห้งๆอย่างเสียไม่ได้ เมื่อเดียวออกคำสั่งให้ถ่ายรูปคู่กับเจบริเวณน้ำตกห้วยแก้ว.............

                          “ดูสิ.......ใส่เสื้อเหมือนกันอีกต่างหาก...........ยังกะแฟนกันแน่ะ”.............เดียวยังไม่ยอมลดละที่จะ$เชียร์ต่อไปจนดูน่าเกลียด................ผมแอบถลึงตาให้หล่อนเป็นเชิงปราม.............คนมันจะคลิกมันก็คงคลิกกันไปนานแล้ว.............คงไม่ต้องรอให้หล่อนถ่อสังขารขึ้นมาเชียร์ถึงเชียงใหม่นี่หรอก............

                         “พรุ่งนี้มาพาพี่ไปสรงน้ำพระหน่อยนะ...........”..............เดียวร้องบอกเจ ก่อนที่เราสองคนจะออกรถจากมา หลังจากที่ส่งเค้าถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว..............

                          “แกเชียร์จนน่าเกลียด เดี๋ยวมันก็จะคิดว่าฉันชอบมันจริงๆหรอก”...............ผมเอ่ยปรามหล่อนเมื่อเรามีโอกาสอยู่ด้วยกันสองคนบนรถ............

                          “ก็ดีออก..........ฉันว่าเจมันคอยเทคแคร์แกดีนะ...........เวลาไปเดินเที่ยวสงกรานต์ก็คอยจูงมือ คอยกันคนให้...........ถ้าเป็นไอ้นัทน่ะเหรอ...........อย่าหวัง”.............ผมไม่ได้ต่อความยาว.........เพราะไม่รู้จะเอาอะไรมาเถียง..........ใช่สิ ของภายนอกพวกนั้นใครๆก็เสแสร้งแกล้งทำกันได้........ผมไม่มีวันหลงใหลไปด้วยง่ายๆหรอก...........แต่ป่วยการจะเถียง..........เพราะนัทเองแม้จะจริงใจแต่ก็ไม่ได้ว่าจะดีเด่จนจะเอามาอวดใครๆได้............สู้หุบปากเสียจะดีกว่า..............

                           “เออๆ แกเลิกพูดเหอะ.........พรุ่งนี้ไอ้นัทมันยิ่งชวนแกไปกินข้าวอยู่.........พูดมากไปจะพาลอคติกันไปปล่าวๆ”...........ผมตัดบทสนทนาระหว่างเรา.............เป็นธรรมดาที่เพื่อนเมื่อได้ยินผมระบายถึงสิ่งไม่ดีของแฟนให้ฟังบ่อยๆ..........ย่อมจะพาลมีอคติเพราะเข้าข้างเพื่อน...........แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่ถึงขั้นจะเกลียดขี้หน้ากันจนไม่ยอมร่วมสังคายนาด้วยหรอก............ขืนเป็นแบบนั้นมีหวังผมต้องได้เลือกแน่ๆว่าจะอยู่ข้างใคร...................

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #569 เมื่อ05-11-2007 13:41:43 »

เข้าใจคำว่าทิฐิเลย  :เฮ้อ:
ทั้งๆ ที่ก็เหลือเวลาอยู่ด้วยกันแค่นิดเดียว  ทำไมเราต้องทะเลาะกันด้วย
ไม่ได้มีความสุขแม้แต่น้อย  เพียงเพราะ ทิฐิ คำเดียว

รออ่านต่อน้า คุณกั้ง  :a2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด