Title : จอมไตรซีรี่ส์-คนมืดมนที่หลงรักคุณหมดใจ
Chapter : 18“ไปข้างนอกมาสนุกไหมน้ำตาล”
พี่กั้งเอ่ยถามระหว่างอาหารมื้อค่ำ ผมเฉยๆ ส่วนคุณไม้ยิ้มแย้มและนั่งอยู่กับหลานๆผม ท่าทางคุณไม้นี่จะชอบเด็กๆซะจริง ช่างต่างกันกับผมที่ไม่ค่อยชอบเด็กเท่าไหร่ ถึงจะไม่ได้รำคาญอะไร แต่ก็ไม่ได้คิดจะเล่นด้วย
“คะ ถ้าพี่กลอนกับพี่ไม้ไม่ทะเลาะกันคงสนุกกว่านี้”
คราวนี้ผมแทบสำลักข้าว จึงต้องหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม
“ถึงจะไม่น่าดูเท่าไหร่แต่น้ำตาลว่าน่ารักดีค่ะ เหมือนเวลาพ่อกับแม่น้ำตาลเถียงกันเลย”
อุ๊ก....แค่กๆๆ
คราวนี้ผมสำลักน้ำเต็มๆเลย น้ำตาล พูดอะไรออกมาน่ะ
“แล้วพอน้ำตาลอ้อน ก็เลิกทะเลาะกันเหมือนพ่อกับแม่เด๊ะ”
คนพูดยังยิ้มสดใส ผมตั้งใจจะเบรกน้ำตาลอยู่เชียว แต่เสียงหัวเราะขำในลำคอของคู่กรณีผมก็ดังเข้าสู่โสตประสาท พอมองไปก็ประสานสายตาเข้าอย่างจัง แววตาล้อเลียนอย่างสนุกสนานถูกส่งตรงมา ผมแทบอยากให้แก้กฎหมายเรื่องการฆ่าคนใหม่ เพราะผมกำลังจะฆ่าคนตรงได้หน้าอยู่แล้ว ด้วยสายตาน่ะนะ แต่นอกจากเขาจะไม่สะทกสะท้านแล้ว ยังดูท่าจะสนุกมากๆอยู่อีกไม่ใช่รึไง
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ผมหันไปบอกพี่ๆผม ซึ่ง ฮึ่ม.... กลั้นหัวเราะกันอยู่หรือ! ผมรวบช้อนส้อมแล้วลุกออกมาทันที หูยังแว่วได้ยินเสียงหัวเราะที่ประสาทกันดังขึ้นมาจากข้างหลัง
“อย่าน่า เดี๋ยวน้องก็โกรธหรอก”
แฟนพี่กั้งพยายามปราม แต่ดูท่าจะไม่ได้ผล เพราะเสียงหัวเราะยังดังอยู่เช่นเดิม
......................................
“ครับ แล้วทานยารึยัง ครับ ครับ ผมรู้แล้วล่ะน่า ครับ ฝันดีครับ”
ผมไม่ได้แอบฟังนะ ตะโกนบอกตัวเองอยู่ในใจ ก็คุณไม้อยากมาคุยโทรศัพท์ตรงนี้ทำไมล่ะ
หลังจากที่ส่งน้ำตาลและหลานๆเข้านอน ผมที่นอนไม่หลับก็ออกมาสูดอากาศข้างนอกตามเรื่องตามราว แล้วคุณไม้ก็ออกมาคุยโทรศัพท์เมื่อครู่นี่เอง ผมมาก่อน เพราะงั้นผมไม่ผิดสักหน่อย ผมยืนพิงต้นไม้ฮัมเพลงเบาๆอยู่ตรงนี้ก่อนแล้ว ตอนแรกว่าจะเดินหนีเหมือนกัน แต่เมื่อหันไปเห็นรอยยิ้มดีอกดีใจอย่างชัดเจน แม้แต่ในที่ๆมีแค่แสงจันทร์ แสงดาวแบบนี้ ก็ทำให้เท้าผมไม่ขยับ ทั้งๆที่คิดว่าไม่อยาก แต่หูกลับตั้งใจฟัง ทุกประโยค ทุกถ้อยคำที่ฝ่ายนั้นพูดกลับไปให้อีกคนทางโทรศัพท์
“มาแอบฟังคนอื่นแบบนี้ไม่ดีเลยนะ”
หลังจากกดวางโทรศัพท์ คุณไม้ก็ส่งเสียงพูดประโยคที่ทำเอาผมหน้าแดงขวับด้วยความอับอายจากการเสียมารยาทของตนเอง
ยังไม่ทันได้ขยับตัวไปไหน ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะออกไปยอมรับอย่างสมเกียรติ หรือเดินหนีไปแบบไม่ยอมรับดี คุณไม้ก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าซะแล้ว
“ว่าไง ไม่พูดอะไรหน่อยหรือ”
น้ำเสียงดุดันทำเอาผมหายใจแทบไม่ออก แต่ทำไมสายตาที่ส่งมาเหมือนมีแววล้อเล่นอยู่แบบนั้นล่ะ
“ผม....ผมมาอยู่ก่อน”
กว่าจะเรียบเรียงคำพูดออกมาได้ เป็นประโยคสั้นๆนี้ ผมต้องประมวลผลอยู่หลายวินาที
“จะบอกว่าฉันผิดหรือ”
พูดด้วยเสียงสะบัดราวกับไม่พอใจ แต่สายตายังยิ้มอยู่ ไม่สิ คราวนี้นอกจากสายตาแล้ว ยังปากนั่นอีกที่คลี่ยิ้มชัดเจน ใช่ ผมเห็นมันได้ชัดเจนมาเลยล่ะ เพราะ
“อุ๊บ”
ดวงหน้าคุณไม้ขยับเข้าใกล้ผมเรื่อยๆเลยน่ะสิ และตอนนี้ คุณไม้ก้มลงแตะริมฝีปากลงมาเบาๆ จากปากผม ไปที่แก้มซ้าย แก้มขวา หน้าผาก และวนกลับมาที่ริมฝีปากอีกครั้ง
เขากำลังทำอะไรเนี่ย ทำไมเขาถึงทำแบบนี้อีก หรือมีเรื่องอะไรหลอกผมอีกใช่ไหม ผมจำได้คราวที่แล้วที่เขาทำตัวดีกับผม เพราะเรื่องที่ต้องการดึงผมให้ห่างจากปาม คราวนี้อะไรอีกล่ะ
เขาจะเคยคิดบ้างไหมว่าทำผมเจ็บแค่ไหน เขาเคยคิดบ้างรึเปล่าว่าสิ่งที่เขาทำเหมือนเรื่องเล่นๆพวกนี้มันเป็นเรื่องจริงจังสำหรับผม ไม่เลยสินะ เขาไม่เคยคิดเลย มันก็เหมือนกับที่ผมเห็นค่าของเงิน 100 บาท แต่เขาทำราวกับมันเป็นแค่เศษกระดาษ ที่จะยื่นให้ใคร เมื่อไหร่ก็ได้ มันแทบไม่มีค่าในสายตาของเขา แต่มันมีค่ามากในสายตาของผม
น้ำตาบ้าๆดันทำท่าคลอๆจะไหลลงมา ผมไม่อยากร้องไห้ โดยเฉพาะต่อหน้าคนที่เป็นสาเหตุของเรื่องนี้
“...อย่าร้องสิ ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”
เปล่านะ ผมไม่ได้ร้องซักหน่อย อยากจะเถียง แต่ก็กลัวเสียงสั่นและยิ่งตอกย้ำความอ่อนแอของผม คุณไม้ดึงผมเข้าไปกอดไว้ ทั้งๆที่ผมขืนตัวอยู่
“อย่าร้องนะ ฉันเพิ่งรับปากพี่เอไปเมื่อกี้แท้ๆว่าจะไม่แกล้งนาย แต่ก็ทำนายร้องไห้อีกแล้ว”
พูดอย่างขอลุแก่โทษ แต่มันยิ่งตอกความเจ็บลงมาเพิ่มขึ้นมากกว่า คราวนี้เพื่อพี่เอ เขาทำดีกับผมเพื่อพี่เอของเขา หึ ผมคิดแล้วเชียว คุณไม้ไม่มีทางอ่อนโยน หรือทำดีกับผม เพราะอยากทำจริงๆหรอก ผมรู้...รู้อยู่แล้วล่ะ....รู้....แต่ทั้งที่รู้....ก็ยังเจ็บมากอยู่ดี
........................
“ปล่อย”
บอกเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้นะครับ คุณไม้เอาแต่กอดผมอยู่อย่างนี้ไม่ยอมปล่อย ผมน่ะหยุดร้องไห้นานแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ปล่อยสักที
“ปล่อยสิ ผมอึดอัดนะ”
คราวนี้เลยพยามดิ้นไปด้วย คุณไม้เลยยอมปล่อยผมออกจากอ้อมกอด แต่ก็มาจับมือผมและจูงไปนั่งที่ชิงช้าในสวนอีก
ผมไม่อยากไปกับเขา แต่เท้ากลับขยับตามไปจนได้ เพราะมือที่สัมผัสส่งความอ่อนโยนตรงมาให้ ทั้งๆที่รู้ดีว่ามันไม่ใช่เพื่อผม แต่เพื่อคนอื่น เพราะคนอื่นบอกให้ทำ แต่ผมก็ยังเป็นผม ที่ยังยากอยู่ใกล้ๆคนที่ผมรักให้มากขึ้นอีกนิด แค่อีกนิดเดียวก็ยังดี
“ที่จริงก่อนคุยโทรศัพท์ ฉันเห็นนายก่อนแล้ว”
พอลงนั่งคุณไม้ก็พูดประโยคที่ทำเอาผมแทบจะลุกหนี
จริงอยู่เมื่อครู่ผมไม่ได้ร้องไห้เพราะเรื่องนี้ แต่ก็ไม่อยากฟังเรื่องที่ตัวเองทำเสียมารยาทไปหรอกนะ
“ตั้งใจจะออกมาหานาย แต่โทรศัพท์มาพอดีเลยรับก่อน”
อ๋อ นั่นสิ มิน่า ที่ตั้งกว้าง กลับมายืนคุยตรงที่ผมยืนอยู่ก่อนแล้ว แล้วยังมาว่าผมอีก
“เป็นห่วงมาก ทำไมไม่กลับไปพร้อมพี่เอเลยล่ะ”
ผมพูดประชดออกไป แต่ดูท่าคนฟังจะไม่รู้นะว่าผมประชด
“อือ เป็นห่วง แต่ว่าตั้งใจไว้แล้วว่าจะกลับวันเสาร์”
ยอมรับซะด้วย เชอะ รีบๆกลับไปเลย
ถึงจะคิดงั้นก็เถอะ แต่ อีกสองวันเขาจะกลับแล้ว อดที่จะใจหวิวๆไม่ได้
“และนายต้องกลับไปด้วย”
หรือก็ดีแล้วนิ่ เอ้ย ทำไมผมต้องไปกับเขาล่ะนั่น เรื่องสิ ผมยังไม่มีโครงการว่าจะกลับไปเมื่อไหร่สักหน่อย ไม่แน่นะ ผมอาจจะหางานทำที่นี้เลยก็ได้
“ฉันบอกพี่ๆนายไว้แล้ว ว่าเราจะกลับวันเสาร์ พร้อมกัน”
คุณเคยเป็นไหม อึกอัดใจเวลาที่คนอื่นล้ำเส้นของคุณมากเกินไป ทำราวกับคุณไม่มีความคิด อึดอัดจนแทบระเบิด มันเหมือนมีเสียงวิ๊งๆอยู่ในหู รู้สึกได้ถึงความร้อนบนใบหน้า ฟันขบกันแน่น อยากตะโกนด่า อยากเถียง อยากให้เขารู้ว่าไม่พอใจ เขาจะใช้วิธีนี้มัดมือชกแบบนี้ไม่ได้ ครับ ตอนนี้ผมกำลังเป็นแบบนั้นอยู่ แต่ที่ผมตอบกลับไปมีเพียงคำเดียวคือ
“ไม่”
คนฟังเอียงคอและ ส่งเสียง หืมมม ในลำคอเบาๆ ราวกับไม่เชื่อว่าผมจะทำได้อย่างที่พูด ผมทำได้แน่นอน ผมไม่ยอมทำตามที่เขาต้องการหรอก จะมาบงการชีวิตผมไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด
“แต่ฉันบอกพี่เธอไปแล้วนะ”
“ช่างสิ”
“หรือ ฉันบอกไปด้วยนะว่าเธอต้องเริ่มงานวันจันทร์”
คราวนี้ผมที่เมินหน้าหนี ต้องหันกลับไปมองหน้าคนพูดเลยล่ะครับ เริ่มงานวันจันทร์ งานอะไร ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย เป็นงานที่ผมจะทำไม่ใช่หรือ
“พูดอะไร ?”
“นายต้องเริ่มทำงานวันจันทร์นี้ เพราะฉันหยุดงานมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
อ้าว แล้วเรื่องที่เขาหยุดงาน มันมาเกี่ยวอะไรกับเรื่อของผมล่ะ
“อะไรยังไม่เข้าใจอีกหรือ”
ก็ไม่เข้าใจน่ะสิ ใช่สิ ผมมันโง่นิ่ จะไปเข้าใจความคิดของคนฉลาดอย่างคุณไม้ได้ยังไงกันล่ะ
“ฉันกำลังบอกว่า ตั้งแต่วันจันทร์นี้นายต้องไปทำงานกับฉัน”
“อะไรนะ”
ผมอ้าปากค้าง ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ ผมไปตกลงกับเขาเมื่อไหร่
“ฉันบอกว่า นายต้องมาเป็นผู้ช่วยของฉัน ตั้งแต่วันจันทร์นี้ไงล่ะ”
บ้าแน่ๆ เรื่องนี้ ไม่จริง หูผมคงฝาด ไม่ก็ฝันไปแน่ๆเลย
............TBC..............--------------------------------------------------------------
อาการดีขึ้นแล้วคะ เหลืออาการฟืด...ฟาด...อีกนิดหน่อย
ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ รักทึกคนจริงๆ จุ๊ฟๆ