Title : จอมไตรซีรี่ส์-คนมืดมนที่หลงรักคุณหมดใจ
Chapter : 17วันนี้ผมมาสนามบินเล็กๆประจำจังหวัดนี้ครับ มาทำไมหรือ ก็มาส่ง คุณอมฤต กับอาจารย์ห้องพยาบาลซึ่งจะกลับไปก่อนในวันนี้
ระหว่างที่ผมไม่ได้เล่า พวกคุณไม่ได้พลาดเรื่องสำคัญอะไรไปหรอกครับ หลังจากเกิดวิกฤตในรถวันนั้น ผมก็พยายามเลี่ยงคุณไม้ทุกวิถีทาง โดยมีน้ำตาลเป็นกันชนอย่างดี
แต่กันชนที่ว่าบางทีก็กลายเป็นแม่เหล็กได้เหมือนกัน เพราะนอกจากน้ำตาลจะติด “พี่กลอน” คนนี้แล้ว “พี่หมอเอ” ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่น้ำตาลมักจะเรียกหา ผมก็อยากน้อยใจอยู่หรอกนะ แต่ว่าน้ำตาลที่ย้ำเสมอว่า ไม่ว่าใครจะเข้ามาในชีวิตน้ำตาลสักกี่คน คนที่สำคัญที่สุดก็ยังเป็นพี่กลอนเสมอ <<< คำพูดที่น้ำตาลบอกว่าเลียนแบบมาจากละครน้ำเน่าในทีวี แต่นำมาใช้ตามความรู้สึกจริงๆของคนพูด ผมรู้สึกได้เลยว่า การที่น้ำตาลไม่มีพ่อกับแม่แล้ว ทำให้แกโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นจริงๆ โดยเฉพาะการรู้จักพูดให้ผมดีใจเนี่ย รู้สึกจะเก่งจัง
ถึงยังไงก็ดูเหมือนแกจะยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอจะรู้ว่าผมไม่อยากอยู่ใกล้ไม่ว่าจะคุณไม้ หรืออาจารย์ห้องพยาบาล เวลาทำกิจกรรมอะไรแกจึงชวนอาจารย์ห้องพยาบาลมาด้วยทุกครั้ง
“อันนี้ใส่ตรงนี้หรือ”
ตอนนี้เรากำลังต่อจิ๊กซอร์กันอยู่ครับ และอาจารย์ก็หันมาถามผม
“ไม่ใช่ครับ อาจารย์ต้องเอามาใส่ตรงนี้”
อาจารย์ห้องพยาบาลหยุดมือ จนผมต้องเหลียวขึ้นไปมองอีกครั้ง
“ตอนนี้ไม่ใช่อาจารย์แล้ว”
พูดด้วยน้ำเสียงสะบัดเล็กๆ
“เรียกแบบนี้ฟังดูแก่จริงๆ”
ใบหน้างอง้ำบอกว่าคนพูดกำลังงอน ทั้งๆที่อายุมากกว่าผม แต่ถ้าไม่รู้จักมาก่อนผมก็คงไม่ทราบ ใบหน้าเนียนเรียบรูปไข่ ดวงตากลมโต รูปร่างผมบาง ความสูงที่ไม่มากนัก ถ้าจับใส่ชุดมัธยมก็คงดูเป็นเด็กมัธยมได้จริงๆ
“เลิกเรียกอาจารย์แล้วมาเรียกพี่เอเหมือนนายไม้ดีกว่า”
ง่า เห็นจะไม่กล้าหรอกครับ ผมไม่ได้สนิทขนาดนั้น แล้วเรียกเหมือนกันนี่เหมือนตีตัวเสมอคุณไม้น่ะสิ อย่างผมนี่ถ้าจะไม่ไหว ระดับมันต่างกันเกินไป
“คือว่า...คงไม่เหมาะ”
คำตอบของผมทำเอาคิ้วสวยๆคู่นั้นขมวดเข้าหากัน ก่อนที่จะคลายออกพร้อมกับเจ้าของส่งยิ้มสดใสมาให้
“หรือ งั้นคงต้องให้ไม้ช่วยพูดให้แล้วล่ะมั้ง”
รอยยิ้มสดใสก็จริง แต่คำพูดชวนสยองเกินบรรยาย แต่หากคิดว่ามันจะจบแค่นั้นล่ะก็ ผิดแล้วครับ
“พอดีเลย เรื่องตอนมหาลัยนั่น นายไม้อาจจะอยากรู้ก็ได้”
พูดจบก็ลุกขึ้น ผมนี่ต้องรีบดึงไว้แทบไม่ทัน น้ำตาลที่กำลังเพ่งสมาธิอยู่ที่จิ๊กซอร์ยังสะดุ้งมองผม
“ครับๆ พี่เอก็พี่เอ”
คนที่ได้ตามความต้องการยิ้มอย่างพอใจและลงนั่งตามเดิม
“ไหนน้ำตาล ถึงไหนแล้วจ๊ะ”
หันไปคุยกับน้ำตาลด้วยท่าทางปกติ ทำราวกับว่าเรื่องเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นล่ะ
ผมเข้าใจคำสอนที่ว่าอย่าตัดสินคนจากหน้าตาของครูบาอาจารย์อย่างแตกฉานก็วันนี้แหละครับ
................................................
เอาล่ะจากนี้ไปผมต้องเรียกเขาว่าพี่เอใช่ม่ะ อืม ไม่คุ้นเลยแฮะ แต่ไม่ได้ๆ ต้องฝึกพูดในใจด้วยเพื่อความเคยชิน วกเข้าเรื่องต่อ ถึงไหนล่ะนะ อ่ะใช่ ผมมาส่งคุณอมฤต กับอาจารย์ ไม่ใช่สิ พี่เอ ที่สนามบิน มากับคุณไม้และน้ำตาล ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณไม้ไม่กลับไปพร้อมกันเลย คิดแล้วปรายตามองคุณไม้ที่กำลังร่ำลากับพี่เออยู่ (ไม่ชินเลยเนอะพี่เอเนี่ย)
คุณไม้ทั้งสั่งให้กินข้าว กินยา พักผ่อน ออกกำลังกาย ถึงแล้วให้โทรบอกด้วย และอื่นๆอีกมากมาย ให้ตายเหอะ ถ้าเป็นห่วงมากขนาดนั้นทำไมไม่กลับไปด้วยเล่า ทำอย่างกับจะจากกันเป็นเดือนอย่างนั้นล่ะ แค่ไม่กี่วันแท้ๆ
น้ำตาลเองก็พอกัน เอาแต่ย้ำว่าให้โทรหาน้ำตาลบ้าง ให้มาเที่ยวหาน้ำตาลบ้างอยู่นั่นล่ะ
“เจอกันที่กรุงเทพนะกลอน”
นี่ก็อีกอย่างที่พัฒนา? จากคุณกลอน เป็นกลอนไง
“ครับ”
ผมก็ตอบรับไปงั้น ใจจริง ภาวนาขออย่าให้ได้เจอเขาอีกเล๊ย ทั้งพี่เอทั้งพวกจอมไตร ไม่ต้องพบต้องเจอกันอีกจะดีมากๆเลย สาธุ
ทั้งๆที่สองคนนั้นไปแล้ว แต่คุณไม้ก็ยังไม่ขยับไปไหน ราวกับจะรอให้เครื่องบินขึ้นก่อน เชอะ เป็นห่วงกันมากแล้วปล่อยเขาไปทำไม ชักไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอีกแล้วสิ ผมขยับตัวหันหลัง ช่างเขา อยากยืนอยู่ตรงนี้ไปอีกกี่นาที กี่ชั่วโมงก็ช่าง แต่ผมไม่อยู่ด้วยหรอก ผมเดินไปทางร้านค้าเล็กๆในสนามบิน ไปซื้อน้ำเย็นๆกินอาจจะดีขึ้น เสียงฝีเท้าน้ำตาลวิ่งตามมา และจับมือผม ผมใช้โอกาสนี่แหละเป็นข้ออ้างในการหันกลับไปมองว่าเขายังยืนอยู่ที่เดิมไหม และคำตอบคือใช่ เขายังยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ไปไหน
ผมซื้อชาเขียวมาดื่ม และซื้อน้ำองุ่นให้น้ำตาลเสร็จ คุณไม้ก็ยังไม่ขยับไปไหน เอ้า อยากยืนก็เชิญ ตามสบาย ผมไปจริงๆละนะ
ผมพาน้ำตาลเดินออกมานอกสนามบิน และเรียกรถโดยสารประจำทางแถวนั้น เพื่อกลับบ้าน เชิญยืนส่งให้พอใจไปเลย พวกผมกลับกันเองก็ได้
แต่ยังไม่ทันได้ขึ้นรถ คอเสื้อผมก็ถูกดึงจากด้านหลัง ทำเอาผมที่ไม่ทันระวังตัวเกือบหงายหลัง ดีที่ว่าคนดึงระวังไว้อยู่แล้ว เลยรวบร่างผมไว้ได้ทัน
“น้ำตาล ลงมา”
ถึงจะฟังดูห้วน แต่น้ำเสียงทอดแววอ่อนโยน น้ำตาลกำลังจะลงมาตามที่เขาบอก
“ไม่ต้องลง น้ำตาล นั่งนั่นแหละ”
น้ำตาลหยุดชะงักเท้า เมื่อผมพูดเสียงขุ่น หันไปส่งแววตาขุ่นเคือง เอาเรื่อง ให้คนที่ยังไม่ปล่อยคอเสื้อผม ขณะที่อีกมือกอดร่างผมอยู่จากทางด้านหลัง
“ลงมาเถอะน้ำตาล ไปนั่งรถพี่ไม้ดีกว่า”
“ไม่ต้องลงนะน้ำตาล เราจะกลับรถโดยสาร”
คุณไม้จ้องผม และผมก็จ้องตอบ ไม่มีใครยอมแพ้ใคร
น้ำตาลนิ่งมองผมสองคน แล้วถอนหายใจ
“จะไปหรือไม่ไปครับคุณ”
เจ้าของรถโดยสารที่ยืนฟังเรื่องอยู่นานแทรกขึ้นมา ผมเลยรู้สึกตัวว่าทำแบบนี้ไม่ค่อยดี เกรงใจแก เสียเวลาทำมาหากินเขาหมด เรื่องของเรื่องเพราะคนตัวโตข้างหลังผมนี่ทีเดียว ข้างหลัง! นั่นสิ! ลืมไปเลยมัวแต่โกรธ ทั้งๆที่ยืนเถียงกันมาตั้งนานแล้ว ทำไมคุณไม้ยังไม่ปล่อยผมสักที ยังกอดผมอยู่เลย
“ปล่อยผม”
“นี่ครับลุงค่าเสียเวลา น้ำตาลลงมาเถอะ”
นอกจากจะไม่ฟังคำพูดของผมแล้ว ยังส่งเงินแบงค์ร้อยให้ลุงคนขับ และบอกให้น้ำตาลลงมาเสร็จสัพ ผมที่มัวแต่เสียดายเงินหนึ่งร้อยตามประสาคนจนเลยลืมเรื่องอื่นไปจนหมด ก็ค่าจ้างไปส่งที่ตกลงกันไว้มันแค่ 40 เองนะ นี่ให้เขาไปตั้งร้อย ทั้งๆที่ผมมองอย่างเสียดาย คนที่ควักกระเป๋าจ่ายกลับทำท่าไม่รู้สึกรู้สาราวกับ 100 บาทไม่มีค่า สิ่งเหล่านี้ยิ่งตอกย้ำความแตกต่างทางฐานะระหว่างผมกับเขามากยิ่งขึ้น
“นี่คุณ จะมากไปแล้วนะ”
พอตั้งสติได้ก็หันกลับมาโวยวายใส่คนที่อาศัยจังหวะผมคิดเรื่อยเปื่อย จูงมือผมข้าง จูงมือน้ำตาลข้างมาทางรถเขา
“อะไรอีกล่ะ”
ท่าทางคุณไม้จะคิดว่าที่ผมนิ่งยอมตามมานี่เป็นเพราะผมยอมอ่อนให้แล้ว เหอะ มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกคุณไม้ เสียใจด้วยนะ
“ผมจะกลับเอง”
“อย่าดื้อนักได้ไหม”
“อย่ามาว่าผมนะ ดื้อน่ะมันต้องใช้กับเด็กต่างหาก”
“แล้วที่เป็นอยู่เนี่ยมันไม่ใช่รึไง”
“ไม่ใช่นะ ผมแก่กว่าคุณด้วย ลืมแล้วรึไง”
“ดูไม่เห็นเป็นอย่างนั้น”
“นี่คุณว่าผมหรือ”
“เปล่า”
“ไม่จริง คุณว่าผมนิ่ ใช่สิ คนอย่างผมมันไม่มีอะไรดีอยู่แล้วนิ่”
“อ้าว ไหงกลายเป็นงั้น อย่าคิดเองเออเองได้ไหม”
“ใช่สิ คนอย่างผมมันดีแต่คิดเองเออเอง ก็อย่ามายุ่งสิ”
“เอ่อ....คือ”
เสียงเล็กๆที่แทรกขึ้นมาทำเอาผมและคุณไม้ที่ยังตั้งท่าว่าจะเถียงกันไม่จบไม่สิ้นเงียบไปทันที ความสำนึกเริ่มมีส่วนร่วมในสติ ผมไม่ควรทะเลาะกับใครให้น้ำตาลเห็น เดี๋ยวน้ำตาลจะเห็นตัวอย่างที่ไม่ดี
“น้ำตาลตัดสินใจล่ะ ว่าจะกลับรถพี่ไม้ ได้ไหมค่ะพี่กลอน”
ประโยคหลังหันมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“กะ...ก็ได้”
ผมพูดแล้วถอนหายใจ ใครจะไปขัดใจนางฟ้าตัวน้อยของผมได้เล่า
“แวะร้านไอศกรีมด้วยได้ไหมค่ะพี่ไม้”
คราวนี้หันไปอ้อนคุณไม้ และทางฝ่ายนั้นก็พยักหน้าเป็นเชิงตกลงและยิ้มให้หลานผม
เป็นอันว่านอกจากผมต้องนั่งรถคุณไม้กลับแล้ว ยังต้องไปนั่งปั้นหน้าทานไอศกรีมกับเขาอีกด้วยหรือเนี่ย
.............TBC.................-------------------------------------------------------------------------------
:pig4:ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงนะคะ ทุกคนก็รักษาสุขภาพด้วยน๊า
คราวนี้ไม่ได้ปวดท้องคะพี่นา แพ้อากาศกับเป็นหวัดนิดหน่อยอ่ะคะ เมื่อคืนเปียกฝนไปนิดด้วย
คนโพสนั่งกอด กล่องทิชชู่ สั่งน้ำมูก พรืด..พรืด... คุณผัดไทรู้ได้ไง