Title : จอมไตรซีรี่ส์-คนมืดมนที่หลงรักคุณหมดใจ
Chapter : 21วันนี้มันแปลกๆ คุณภพที่ผมเพิ่งรู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทกับคุณไม้เข้าออกห้องทำงานคุณไม้หลายครั้ง แถมยังโทรศัพท์มาอีกหลายรอบ มีธุระอะไรกันหนักหนานะ
ผมก็อยากเอ่ยถามอยู่หรอก แต่เมื่อคุณไม้ไม่บอก ก็คงไม่ดีที่ผมจะไปก้าวก่ายจริงไหมครับ อย่างผมน่ะ ขืนไปถามเขาคงตอกกลับมาว่า นายมายุ่งอะไรด้วย ไม่ก็ ไม่ใช่เรื่องของนาย อะไรทำนองนี้แน่ๆ ผมเลยพยายามทำงานด้วยใจสงบทั้งวัน ทั้งที่อยากรู้จะแย่ เฮ้อ....ช่างมันเถอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องนั้น มาคิดวิธีสลัดบุคคลแปลกๆสามคนที่ตามผมขึ้นมาบนรถเมล์นี่ดีกว่ามั้ง
เปล่าครับ...ผมไม่ได้ความรู้สึกไวปานสายลับ ที่จะสามารถรู้ได้ว่ามีคนตามผมมาหรอก เพียงแต่ตอนที่จ่ายตังค์กระเป๋ารถเขากระซิบบอกก็เท่านั้น ผมเองรู้สึกเหมือนมีคนมองมาตั้งแต่ตอนออกจากบ้านเมื่อเช้าแล้ว แต่ก็นึกว่าคิดไปเอง หรือว่าพวกนี้จะตามผมมาตั้งแต่ตอนนั้น
สามคนหรือ ถ้าสู้กันท่าทางผมจะชนะยาก ดูเป็นมืออาชีพทั้งสามคนเลยด้วยสิ หลบไปก่อนดีกว่าเนอะ ในหัวประมวลแผนการสลัดพวกนั้นทิ้งทันที
ผมลงรถเมล์ก่อนจะถึงป้ายประจำผมหนึ่งป้าย เพราะป้ายนี้คนลงเยอะ ต่างจากป้ายโน้น ไม่ค่อยมีใครลง อันตรายกว่า แต่สองป้ายก็ไม่ไกลกันนักหรอกครับ แน่นอนว่าทั้งสามคนลงตามผมมา ผมพยายามเดินด้วยท่าทางสงบ เหมือนไม่รู้สึกตัว และเข้าไปซื้อของในร้านขายของ
“สวัสดีครับป้า”
“อ้าว ว่าไงวันนี้เอาอะไรล่ะพ่อหนุ่ม”
ผมออกจะคุ้นเคยกับเจ้าของร้านครับ เพราะว่าผมมักเลือกมาซื้อของร้านนี้มากกว่าร้าน 7-11 ร้านเล็กแค่นี้พวกนั้นคงไม่กล้าเข้ามาเพราะมันสังเกตง่ายเกินไป
ผมหยิบผงซักฟอกเป็นกล่องเล็กๆมาสองกล่อง และจ่ายเงิน
“ขอออกหลังร้านนะครับ”
“ได้เลยจ้า”
ผมเดินเข้าไปในร้าน และออกมาทางหลัง ซึ่งเป็นทางแคบๆแต่สามารถลัดไปออกใกล้ๆป้ายรถเมล์ที่ผมลงประจำได้ ก่อนโผล่ออกไปผมก็มองซ้าย มองขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครท่าทางน่าสงสัยจึงโผล่ออกมา
อ่า...ผมนี่ก็ไปเป็นสายลับได้เหมือนกันมั้งเนี่ย ผงซักฟอกที่ซื้อมานี่เอาไปซักผ้าล่ะกัน
ระหว่างที่ผมเดินผ่านลานจอดรถสาธารณะใกล้ๆป้ายรถเมล์นั้น เสียงเปิดและปิดประตูจากที่จอดรถก็ดังขึ้น ตามด้วยเสียงฝีเท้า และเสียงสตาร์ทรถ
ผมหันไปมองตามเสียงโดยที่ไม่ได้คิดอะไร แต่กลับมีคนวิ่งตรงมาทางผม และในมือเขาถือปืนมาด้วย ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวเท้าวิ่งหนี เขาก็เข้ารวบตัวผมไว้ได้แล้ว ปลายประบอกปืนจ่ออยู่ที่กลางหลัง
“อย่าขัดขืน ถ้ายังไม่อยากตาย”
นอกจากจะคุกคามด้วยหน้าตา และการกระทำแล้ว ยังมาคุกคามผมด้วยเสียงอีกแหนะ
ที่จริงคนเดียวผมสู้ได้สบายอยู่แล้ว แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร รถเก๋งคันสีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายก็มาจอดเทียบผมไว้ซะก่อน
“ขึ้นรถ”
คนที่อยู่ในรถตะโกนสั่ง และแน่นอน มีการโบกปืนในมือประกอบคำสั่งด้วย
ผมก้าวขึ้นรถ คนข้างหลังตามผมขึ้นมา ทั้งสองคนไม่ละสายตาจากผมเลย ต้องรอคนหนึ่งเผลอ ผมถึงจะหนีได้ แต่ต้องหนีให้ได้ก่อนที่จะถูกพาไปไกลกว่านี้
ประตูรถถูกปิดลง คนขับหันมาจ่อปืนที่หน้าผากผม แล้วอีกคนก็หยิบเชือกขึ้นมา เฮ้ย! ไม่เอานะ อย่างนี้ก็แย่น่ะสิ ถ้าโดนมัดคงหนียากขึ้นแน่ๆ
“วางถุงลง”
มันสั่งผมให้วางถุงผงซักฟอกลง คงตั้งใจจะมัดมือไพล่หลัง
แต่ผมยังไม่ทันได้วางถุง เสียงโทรศัพท์ของพวกมันก็ดังขึ้น
“หยุดมือก่อน”
คนขับที่ดูเหมือนจะมีอำนาจเหนือกว่าสั่ง และเจ้าอีกคนก็หยิบปืนมาจ่อหลังผมแทนคนขับที่เอื้อมมือไปรับโทรศัพท์ เป็นโชคดีละมั้งที่คนรับโทรศัพท์ไม่ใช่คนข้างหลังผมนี่
“ได้ตัวแล้วครับ”
รายงานอีกฝ่ายเสียงเครียด และดูท่าจะโดนเร่งให้พาตัวผมไปเร็วๆล่ะมั้ง ผมอาศัยจังหวะนี้ แกะกล่องผงซักฟอกเบาๆและกำมันไว้ในมือหนึ่งกำ เมื่อเรียบร้อยก็กระแทกหลังมือเข้าที่ใบหน้าคนที่อยู่ข้างหลัง
“อุ๊บ”
ท่าทางจะโดนเต็มๆ เจ้าคนขับรถคงได้ยินเสียงจึงหันมาดู ผมรอจังหวะอยู่แล้วเลยซัดผงซักฟอกใส่หน้ามันทั้งกำ
“อ้ากกกกกกกกก”
ร้องเสียงหลงเชียว ก็แน่ล่ะ ทั้งเข้าปากเข้าตา อาศัยจังหวะนี้แย่งปืนเจ้าคนหลังมาและใช้ด้ามปืนกระแทกที่กกหูมันไปสามที เลือดไหลด้วย จะตายไหมล่ะเนี่ย
เจ้าคนหน้ายังลืมตาไม่ขึ้นแต่ก็กำปืนแน่นสายปากกระบอกปืนไปมา ผมก้มต่ำไว้ให้ห่างจากวิถีของอีกฝ่ายที่ชูปืนขึ้นสูง สอดมือผ่านเบาะคนขับไปยังที่เปิดล๊อกอัตโนมัติและกดเพื่อเปิดมันออก
“เฮ้ย จับมันไว้ไอ้จอช”
คนขับตะโกนสั่ง แต่เสียใจด้วยนะ ไอ้จอชที่ว่าหลับไปแล้วเรียบร้อย ท่าทางผมจะลืมยั้งๆมือไว้ผมลงจากรถได้ก็รีบวิ่งเร็วจี๋ไปทางห้องพัก เอาว่ะ ไปทางคนมากๆไว้ก่อน อย่างน้อยๆที่นั่นก็มีผู้ดูแลห้องพักอยู่ล่ะนะ
“มันอยู่นั่น”
เสียงตะโกนมาจากด้านหลัง ผมหันไปมองและเห็นว่าไม่ใช่พวกที่อยู่บนรถ ผู้ชายสองคนกำลังวิ่งมาทางผม นี่มันยังมีพวกอีกหรือเนี่ย ผมวิ่งเต็มฝีเท้า แต่อีกฝ่ายก็ใกล้เข้ามาทุกที ยังไม่ทันถึงห้องพัก ผมก็เห็นชายสามคนที่ตามผมมาตั้งแต่แรกยืนอยู่ไม่ไกลหอพักของผมนัก นี่ผมหนีเสือปะจระเข้หรือเนี่ย
“หยุดนะ”
ไอ้ข้างหลังนี่ยังตะโกนไม่เลิก เหมือนตั้งใจบอกให้อีกสามคนที่ยืนอยู่ก่อนแล้วรู้ตัว และฝ่ายนั้นก็หันมาตามเสียงจริงๆ
ทั้งสามคนชักปืนขึ้นมาพร้อมกันและเล็งมาที่ผม นี่ผมจะไม่รอดจริงๆใช่ไหม ผมหยุดเท้าและหลับตาลง เอาว่ะตายเป็นตาย ช่างมัน ถ้าจะตาย วิ่งไปก็เหนื่อยป่าว ขอตายแบบไม่ต้องเหงื่อไหลไคลย้อยดีกว่า
ปัง ปัง ปัง
เสียงปืนดังขึ้นสามนัด
แต่ แต่ แต่ ทำไมผมไม่เจ็บล่ะ หรือโดนยิงที่หัวใจ ตายทันที เลยไม่รู้สึกเจ็บอะไร ผมค่อยลืมตาขึ้น ที่ปรากฏแก่สายตา คือรถตู้สีบอร์นเงินอย่างหรูคันหนึ่ง และคนที่นั่งอยู่บนนั้นคือ คุณไม้ .... อ้าว...ทำไมคนๆนี้ถึงมาอยู่ที่โลกหลังความตายของผมได้ล่ะ หรือว่าที่จริงแล้วคุณไม้เป็นเทวดา ไม่ใช่สิ อย่างคุณไม้ อาจจะเป็นพวก ปิศาจ อะไรทำนองนั้นมากกว่า คนอย่างผมไม่มีทางได้ขึ้นสวรรค์ไปเจอเทวดาอยู่แล้ว งั้นแปลว่าที่นี้มันนรกหรือ
ผมโดนดึงขึ้นรถ และโดนผลักให้ไปนั่งแทนที่คุณไม้
“พาพวกนั้นตามมาด้วยล่ะ”
คุณไม้ชะโงกหน้าออกไปสั่งสามคนที่ตามผมมาตอนแรก ซึ่งกำลังจัดการเก็บกวาดพวกที่นอนกลิ้งร้องอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวดจากการถูกยิง
อ้าว...มีพวกนั้นอยู่กับครบเลยนิ่ ก็แปลว่าผมยังไม่ตายใช่ไหม ที่นี้ยังเป็นโลกมนุษย์ธรรมดาอยู่
นั่นแหละ ผมก็ว่าแล้ว ก็คุณไม้อยู่ในโลกนี้นิ่เนอะ ใช่แล้ว อยู่ในโลกนี้ อยู่ตรงนี้
ผมค่อยๆผ่อนลมหายใจและเอนพิงหลัง ความกังวล ร้อนใจ ไม่สบายใจ และกลัวซึ่งอย่างหลังนี่ผมไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่หรอก จริงๆนะ ผมไม่ได้กลัวหรอก แค่เกือบๆจะกลัวเฉยๆเอง แต่ว่าความรู้สึกเหล่านั้น กลับหายไปทันทีที่เห็นหน้าคนๆนี้ แค่มีคุณไม้อยู่ใกล้ๆผมรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจขึ้นเป็นกอง ไม่อยากยอมรับหรอกนะ แต่ก็รู้สึกปลอดภัยจริงๆ
“นายไม่เป็นไรนะ”
คราวนี้หันมาถามผมและจับแขนจับขาสำรวจไปด้วย ผมที่ไม่เป็นอะไรรู้สึกว่าจะช้ำเอาเพราะแรงจากมือคุณไม้เนี่ยแหละ
“ไม่ ไม่เป็นไร”
คุณไม้กุมมือผมไว้หลังจากหยุดสำรวจตรวจตราผม
ถึงใจจะสงบ แต่ดูกายผมมันจะยังไม่ค่อยสงบลงด้วยเท่าไหร่ เพราะนอกจากมือที่ถูกกุมจะสั่นไม่หยุดแล้ว เสียงที่เปล่งออกมาก็บ่งบอกได้ดีว่าผมยังไม่หายตกใจ
“โธ่เว้ย!”
เสียงคนที่กุมมือผมสบถเบาๆ และกระแทกมือลงที่เบาะรถอย่างแรง
แต่ก็เท่านั้น คุณไม้ไม่พูดอะไรต่อ
เอาแต่นั่งทำหน้าเครียดราวกับกำลังโกรธใครมากๆ ผมไม่เคยเห็นคุณไม้ทำหน้าแบบนี้เลย ถึงจะเคยทะเลาะกับผมมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะทำหน้าแบบนี้ นี่เขาโกรธใครอยู่นะ โกรธผมรึเปล่า ผมไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจขนาดนั้นหรือ หรือว่าเรื่องเมื่อกี้ ผมทำให้เขาต้องเดือดร้อนมาช่วยสินะ ผมมันไม่ได้เรื่อง เอาตัวรอดเองก็ไม่ได้ ต้องมาคอยพึ่งพิงคุณไม้ตลอด เขาคงรำคาญผมแย่แล้ว
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไม่มีอะไรแล้วนะ สบายใจได้”
คุณไม้พูดปลอบใจผม เลื่อนมือมากุมมือผมไว้ และยิ้มบางๆอย่างคนพยายามฝืนยิ้มส่งมาให้ แต่ก็หันหน้าหนีไปอย่างรวดเร็ว
ถ้าไม่อยากยิ้มก็ไม่เห็นต้องยิ้มเลย ผมมองดวงหน้าด้านข้างของคุณไม้และต่อว่าเขาในใจ
คุณไม้ท่าทางจะไม่รู้ตัวว่าถูกมอง เพราะเขาเมินมองไปด้านหน้า
“ฉันจะจัดการทุกอย่างเอง ไม่ต้องห่วงนะ”
คำพูดที่หลุดออกมาราวกับกำลังจะปลอบโยนผม แต่ผมที่เห็นทั้งสีหน้า แววตาของคุณไม้ กลับรู้สึกเสียวสันหลังยังไงไม่รู้ มือที่กุมมือผมไว้บีบเบาๆ และคุณไม้ก็หันมาทางผม
“ฉันจะจัดการเอง”
ย้ำอีกครั้ง คราวนี้ผมได้เห็นสีหน้าของเขาชัดๆ บอกได้คำเดียวว่าเย็นเยือกไปทั้งตัว นี่เขาคงไม่ได้กำลังคิดจะฆ่าใครหรอกนะ?
............TBC...............----------------------------------------------------------------
:L1:ขอบคุณสำหรับทุกๆคำอวยพรนะคะ...วันเกิดปีนี้ดูเหงาๆไปหน่อย แต่มีเพื่อนๆในบอร์ดก็ยิ้มได้แระ
ขอบคุณคุณจิ๊บด้วยคะที่แต่งเรื่องดีๆน่ารักๆให้ได้อ่านกัน ยังไงก็อ่านตลอดไปอยู่แล้วค๊า
4 ทุ่มจะมาลงให้อีกตอนนะจ๊ะ