Title : จอมไตรซีรี่ส์-คนมืดมนที่หลงรักคุณหมดใจ
Chapter : 11ปามและตาหวานนอนหลับไปแล้วในขณะที่ผมยังนั่งอยู่หน้าโทรทัศน์ เปล่าผมไม่ได้นั่งดูมันหรอก ผมกำลังคิดต่างหาก คิดเรื่องที่คิดไม่ตกมาหลายวัน ผมจะทำไงดี
ในที่สุดผมก็ตัดสินใจกดโทรศัพท์มือถือตามเบอร์ที่จดมาจากมือถือของปาม
“ว่าไง”
คุณไม้รับโทรศัพท์ด้วยเสียงงัวเงียบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังนอน นั้นไม่ได้ทำให้ความตั้งใจของผมเป็นอันล้มเลิกสักนิด แต่ผมก็ยังไม่กล้าเอ่ยคำใดออกมา จะเริ่มยังไงดี จะพูดยังไง อีกฝั่งดูเหมือนจะทนไม่ได้ก่อน
“นายมีเรื่องอะไร!”
ห้วน สั้น ได้ใจความ เป็นภาษาที่เขาใช้เสมอเมื่อคุยกับผม ช่างต่างจากเวลาที่คุยกับคนอื่นอย่างสิ้นเชิง เอาเถอะ นี่ไม่ใช่เวลามานึกน้อยใจ ผมไม่อยากรู้หรอกว่าเขารู้ได้ไงว่าเป็นผมทั้งที่ผมเพิ่งได้เบอร์เขามาและยังไม่ได้พูดอะไรออกไปสักคำ คนพวกนี้เป็นพวกอยู่เหนือความคาดหมายอยู่แล้ว คิดไปก็เหนื่อยเปล่า ผมสะบัดหัวสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป ในใจนึกแต่จุดประสงค์ที่โทรไปหาคนๆนี้
“คือ ผมอยากถาม”
“ง่วง!”
ยังไม่ทันได้พูดจบ ก็โดนขัดขึ้น คนอะไรไม่มีมารยาทซะเลย รอให้พูดจบก่อนก็ไม่ได้ ผมชักนึกโมโหขึ้นมาแล้วนะ
“ขอโทษที่รบกวน แค่นี้ล่ะกัน”
“ห้ามวางนะ!”
ผมยังไม่ทันวาง เสียงออกคำสั่งก็ดังมาตามสาย คนบ้า ดีแต่สั่งหรือไงนะ เอาแต่ใจอยู่ได้ อะไรของเขาก็ไม่รู้
“ก็คุณง่วง จะวางให้ไง”
“ไม่ต้อง!”
อ่า ผมชักโมโหขึ้นมาจริงๆแล้ว กำลังจะวางหูโดยไม่สนใจอยู่แล้วเชียว คุณไม้ดันพูดขึ้นมาด้วยประโยคที่ยาวเกินกว่าปกติซะก่อนว่า
“ถ้ามีเรื่องอะไรก็มาคุยกันตรงๆ ไม่ชอบโทรศัพท์”
ผมถอนหายใจกับคำพูดเอาแต่ใจของอีกฝ่าย เขานึกว่าตัวเองเป็นใครกัน เจ้าชีวิตใครต่อใครหรือไง ถึงได้มาออกคำสั่งเอาง่ายๆแบบนี้
“ฉันอยู่ที่โรงแรม มาสิ”
เท่านั้น และสายก็ถูกตัดไป ผมได้แต่นั่งกระฟัดกระเฟียด อะไรกันนักกันหนา(ว่ะ) คนเอาแต่ใจ สั่งอะไรต้องได้ตามนั้นหรือไง ทำไมผมต้องไปตามที่เขาบอกด้วยเล่า ชิ.........
...................................................
ครึ่งชั่วโมงต่อมาผมก็มาถึงโรงแรมห้าดาวในเครือจอมไตร คุณไม้ไม่ได้บอกแน่ชัด แต่ผมก็คิดว่าที่นี้แหละ แต่ว่า แล้วห้องเล่า ก่อนหน้าที่ผมจะเข้าไปถามใครพนักงานคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาผม
“คุณกานทหรือเปล่าครับ”
ผมพยักหน้าแทนคำตอบ ยังไม่ทันหายงง พนักงานคนนั้นก็ส่งกุญแจห้องแบบการ์ดให้ และนำทางไปยังลิฟท์ที่มีป้าย –เฉพาะผู้บริหาร- ติดไว้
พนักงานโรงแรมยิ้มแปลกๆให้ผมแล้วบอกเบอร์ห้องกับชั้นให้ ผมรีบกดลิฟท์ปิดเร็วๆ เพราะไม่ชอบสายตาที่เขามองมาเลย มันเหมือนมีอะไรในนั้น แต่ผมไม่เข้าใจ ว่ามันอะไร
ผมเคาะห้องแต่ไม่มีเสียงตอบรับ มองการ์ดในมือตัวเองแล้วก็ตัดสินใจใช้มันเปิดประตู
เสียงซู่ซ่าดังมาจากห้องน้ำ คาดว่าคนที่นัดผมมาจะอาบน้ำอยู่ ให้ตายเหอะ ผมคิดถูกรึเปล่าที่มาเนี่ย ยืนเก้ๆกังๆอยู่ได้ไม่นาน ก็ลงนั่งบนโซฟากลางห้อง ผมไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ ว่าทำไมผมต้องยอมออกมา
“ไง มาแล้วหรือ”
ผมหันขวับ ตั้งใจจะโวยวายใส่สักหน่อย ทว่า สภาพของคนตรงหน้าที่แผ่นอกเปลือยเปล่าท่อนล่างมีผ้าขนหนูขมวดปมไว้อย่างลวกๆนั้นทำเอาผมต้องหันหลังให้โดยทันที โอย เป็นบ้าอะไรนะเรา นั้นมันผู้ชายนะ ถึงผมจะชอบเขาก็เถอะ
แต่ว่าเรื่องแค่นี้ทำไมต้องอายด้วย เจ้าตัวเขาไม่เห็นอายสักนิด ไอ้บ้า หันกลับไปเลยนะ แต่ว่าหันไปจะดีหรือ ระหว่างที่ต่อสู้กับตัวเองอยู่นั้น คุณไม้ที่(คง)ไม่ได้รู้เรื่องในหัวของผมเลยก็มานั่งลงข้างๆ ใกล้ๆแบบใกล้เกินไปหน่อยในความคิดของผม ใกล้จนผมสังเกตเห็นหยดน้ำที่เกาะอยู่บนผิวกายเขาได้เลย ให้ตายสิ แล้วนี่ใจผมมันจะเต้นอะไรนักหนาเนี่ย
“มีเรื่องอะไรจะพูดไม่ใช่หรือ”
อ่านะ บทจะวกเข้าเรื่องก็เอาเลยเชียว
“เรื่องปาม”
เสียงผมออกจะสั่นไปหน่อย ไม่สิ สั่นมากไปหน่อยสิถึงจะถูก แถมยังเบาจนคนฟังอาจจะไม่ได้ยิน เลยโน้มตัวเข้ามาใกล้ผม จากที่ใกล้อยู่แล้วเลยยิ่งใกล้เข้าไปอีก โอย ขอร้องเถอะครับ ถ้าอยากฟังผมพูดจริงๆน่ะ ช่วยออกไปห่างๆหน่อยเถอะ แบบนี้ในหัวผมก็คิดถึงแต่เรื่องคุณนึกเรื่องปามไม่ออกกันพอดี แถมใจยังเต้นแรงขนาดนี้ แรงราวกับจะกระเด็นออกมาข้างนอกเลยเชียว ...จะหัวใจวายตายไหมเนี่ย
ประโยคเหล่านี้ได้แต่นึกในใจ เพราะพูดไปก็คงอับอายขายหน้าแน่ๆ คุณไม้โยกใบหน้ามาจนเกือบชิด พร้อมกับที่ผมเอนหนีเรื่อยๆ ผมคิดไปเองรึเปล่านะว่า คนที่ตีสีหน้าเย็นชาอยู่ตรงหน้าผมเนี่ย เขากำลังยิ้มน้อยๆที่มุมปากของเขาอยู่
ผมเอนลงเอนลงจนหลังแตะโซฟาจึงต้องหยุด แต่ดูท่าคนที่ก้มตามลงมาจะไม่ได้หยุดตามไปด้วย ใบหน้านั้นยิ่งอยู่ก็ยิ่งใกล้มากขึ้นทุกทีๆ ผมคิดว่ากำลังจะหัวใจวายตายอยู่แล้วจึงรีบหลับตาปี๋ ลมหายใจร้อนผ่าวรินรดที่ใบหู ก่อนคำพูดหวานๆทุ่มๆจะกระซิบเสียงเบา
“หน้าแดงแจ๋เลย คิดอะไรอยู่ อย่าหวังอะไรแปลกๆสิ”
เท่านั้นแล้วเขาก็ผละออกไป ให้ตายสิ ผมน่าจะรู้ว่าคุณไม้ช่างแกล้ง ช่างแหย่ผมให้ได้อาย ให้เจ็บใจ เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
“เดี๋ยวฉันแต่งตัวเสร็จจะออกมาคุยด้วย”
เท่านั้นแล้วเขาก็เดินหายไปยังส่วนของห้องนอน สติผมค่อยๆกลับมา ทำไมนะเวลาอยู่กับคนๆนี้ผมมักจะสติหลุดทุกที การควบคุมตัวเองลดถอยลงจนไม่เหลือ
คำพูดเมื่อกี้ หวังอะไรอยู่งั้นหรือ นั่นสิเมื่อกี้ผมกำลังหวังอะไรอยู่รึเปล่านะ แล้วภาพในลิฟท์วันที่ผมไปโวยวายใส่ท่านประธานก็ปรากฏเข้ามาในหัว เฮ้ย! ไม่เอาน่า หายไปๆ แล้วผมพยายามใช้มือปัดภาพเหล่านั้นให้หายไป
…………………………………………………
ของว่างถูกพนักงานโรงแรมคนเดิมกับที่ให้กุญแจผมยกเข้ามา ส่วนเจ้าของห้องยังไม่ออกมาเลย จะแต่งตัวนานไปหน่อยไหมเนี่ย ผมนั่ง รอ รอ รอ รอจนอารมณ์ไม่ดีซะแล้ว ให้ตายเหอะ นี่เขาตั้งใจแกล้งรึเปล่า ผมว่ามันเกินครึ่งชั่วโมงมาแล้วนะ นี่มันจะตีหนึ่งอยู่แล้ว ผมชักง่วงนอนขึ้นมาแล้วด้วย โธ่เว้ย
“นี่ ตื่น ตื่นสิ”
มือที่เขย่าร่างผมอย่างไม่เบานัก ที่จริง อย่างแรงต่างหาก ทำให้ผมที่ในที่สุดก็อดทนต่อความง่วงไม่ไหวทอดตัวลงนอนบนโซฟาลืมตาตื่นขึ้นมาได้ ถึงจะไม่เต็มที่ก็เถอะ
คนมาปลุกนั่งหน้ามุ่ยไม่พอใจอยู่ไม่ไกลจากผมนัก อะไรของเขากันล่ะนั้น ตัวเองให้เขารอนานเองแท้ๆ หลับนิดหลับหน่อยทำเป็นไม่พอใจไปได้
“นายมีเรื่องจะคุยกับฉันไม่ใช่หรือ”
ครับ ผมแทบจะหลับลืมไปแล้วครับ
ต่อว่าต่อขานในใจ แต่พยายามสื่อออกไปทางสายตา หากคนที่นั่งทำหน้าเย็นชาอยู่ไม่ได้รับรู้มันเลยสักนิด
“ว่าไงล่ะ”
คำถามถัดมานี่แหละที่ทำให้รู้ได้ว่าเขาไม่ได้รู้อารมณ์ของผมเลย เอ๊ะ หรือรู้แต่ว่าไม่สนใจกัน
ผมว่าคงเป็นอย่างหลังมากกว่า ก็แน่ล่ะ คนอย่างผมจะมีอะไรให้เขาพอมาสนใจได้อย่างไร ไม่มีทางอยู่แล้ว คนอย่างผมมันไม่มีค่าอะไรให้มาสนใจเลย
“นี่ จะพูดไหม”
ดูสิ แค่ผมเงียบคิดอะไรในใจแค่นี้เขายังทนให้ผมคิดในใจเสร็จก่อนก็ไม่ได้ ต้องมาเร่งกัน
“เฮ้อ...จะพูดไหมเนี่ย”
นั่น แล้วยังสายตา ท่าทางเบื่อหน่ายตอนนี้อีก ใช่สิ คนอย่างผมมันน่าเบื่อนี่ ไม่อยากเสียเวลาด้วยนานใช่ไหมล่ะ เพราะผมมันไม่สำคัญสำหรับคุณไม้หรือใครทั้งนั้นอยู่แล้วนี่นา
“นาย เลิกทำหน้าอมทุกข์ มืดมน แบบนั้นทีได้ไหม”
หึ คงรำคาญแล้วล่ะสิ เชอะ
“จะพูดไหม ไม่พูดชั้นจะไปนอนแล้วนะ”
“พูด”
ในที่สุดผมก็เปิดปากพูด ก็คุณไม้เล่นลุกขึ้นหันหลังให้จริงอ่ะ เขาคงตั้งใจลุกไปจริงๆ ไม่ใช่แค่ขู่แน่ๆ
“งั้นก็ว่ามาสิเร็วๆ”
หึ ถ้าผมมารบกวนขนาดนั้นแล้วจะนัดมาถึงนี่ทำไมเนี่ย คนที่ไม่ยอมแค่คุยโทรศัพท์กับผมคือคุณเองนะ
“เอ่อ ท่านประธานไปหาปาม แล้วบอกว่าให้ปามตัดสินใจ ...เรื่องอะไร”
คุณไม้นั่งนิ่ง ไม่บอกผม แต่มองด้วยสายตาดูแคลนนิดๆ อ้อ นี่เขาคงคิดว่าผมมาถามเพราะปามไม่ยอมบอกผมล่ะสิ
“ปามเขาไม่รู้เรื่องที่ท่านประธานพูด เพราะงั้นไม่สามารถให้คำตอบได้หรอกนะ”
ผมเลยอธิบายให้ฟังทันที ผมจำได้นะที่เขาว่ามายุ่งเรื่องปามมากไปน่ะ ไม่ลืมหรอก
“ก็แค่เลือกว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านเหมือนเดิมรึเปล่าแค่นั้นแหละมั้ง รายละเอียดฉันก็ไม่รู้หรอกนะเพราะว่าไม่ได้อยู่ด้วยตอนเขาคุยกัน”
ทำไมต้องให้ปามเลือกด้วยเล่า ท่านประธานทำเรื่องที่ไม่สามารถให้อภัยได้แท้ๆ
“นายอย่าคิดแทนคุณปาม ให้คุณปามเลือกเอง”
นั่น มาย้ำอีกล่ะ ผมไม่ได้เลือกแทนสักหน่อย
“งั้นผมขอตัว”
ผมลุกขึ้นเมื่อได้รับคำตอบที่ต้องการแล้ว แต่มือหนากลับฉุดร่างผมลงนั่งที่เดิมได้ก่อน
“เดี๋ยวสิ นายมารบกวนเวลานอนของฉัน แล้วคิดจะกลับเลย ไม่คิดจะตอบแทนฉันบ้างรึไง”
ตอบแทน?
“ผมไม่มีอะไรให้หรอก”
“ใครว่าไม่มี มีสิ สิ่งที่นายจะสามารถตอบแทนฉันได้น่ะ”
ทันทีที่พูดจบ คุณไม้ก็ลากผมตรงไปยังส่วนของห้องนอนทันที เฮ้ย นี่เขาคงไม่ทำอะไรบ้าๆหรอกนะ ผมได้แต่ขืนตัวไว้สุดฤทธิ์ ก็เรื่องอะไรผมต้องไปยอมตามเข้าไปง่ายๆเล่า แต่ก็นะ ไม่ว่าผมจะดิ้น ขัดขืน หรือพยายามทำร้ายร่างกายคุณไม้ยังไง ก็ไม่มีประโยชน์เลย เพราะทางนั้นรับมือได้หมด อ้ากกก มันใกล้ๆประตูห้องนอนเข้าไปทุกทีๆแล้ว ใครก็ได้ช่วยผมด้วย...
.........................TBC..........................----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมเหม่อเอาอีกรอบปามเลย "แห้ว" ใส่ <---- มันเป้นยังไงน้่อ อิอิ
ลงตอนต่อไปไวๆ นะ อยากอ่านใจจะขาด
ปล. ฝากชม จขร. ด้วยว่าเขียนสนุกดี แต่นายปามดูจะ(ถูกใส่ความเป็น)หญิงมากไปหน่อย
:m4:จะบอกให้ค่ะ...จะแก้แห้วด้วย