Title : จอมไตรซีรี่ส์-คนมืดมนที่หลงรักคุณหมดใจ
Chapter : 25เมื่อคืน..........แค่ความฝันสินะ
ทุกอย่างยังเหมือนเดิม คุณไม้ขอโทษเรื่องที่ทำร้ายผมและผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ...ทีแรกตอนเพิ่งตื่นผมมั่นใจว่าได้ยิน คำขอโทษ และคำบอกรัก ถึงไม่อยากจะเชื่อ แต่ผมก็มั่นใจว่าผมได้ยินจริงๆ ผมเข้าไปอาบน้ำและเห็นร่องรอยการถูกทำร้ายเมื่อคืนยังเด่นชัด ไม่ใช่ความฝันแน่ๆ เสื้อที่ถูกเตรียมไว้ให้เป็นเสื้อคอเต่าที่ปิดรอยได้ ผมอมยิ้มกับความใส่ใจเล็กๆของคุณไม้ ถึงจะโกรธเรื่องเมื่อคืน แต่คำขอโทษกับบอกรักนั่นก็ปัดเป่าเอาความขุ่นใจของผมไปจนหมด ช่วยไม่ได้ก็ผมรักเขามากจริงๆ
ตอนที่เดินลงบันไดมาก็ได้ยินเสียงคุณไม้คุยกับใครบางคนเบาๆ
“นายไม่ได้รังแกกลอนนะ”
เสียงพี่เอนี่เอง ท่าทางจะเป็นห่วงผมเลยรีบมาแต่เช้าแบบนี้ ผมยิ้ม นี่เป็นครั้งแรกที่ผมยิ้มอย่างเต็มใจให้พี่เอ ถึงแม้เขาจะไม่เห็นก็เถอะ
“ที่เขาโดนปองร้ายนี่ก็เพราะนายนะ”
ผมหยุดเท้าที่กำลังเดินทันที เพราะคุณไม้? เป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆสินะ เพราะว่าเกี่ยวข้องกับจอมไตร ถึงได้โดนลูกหลงไปด้วย
“ถ้านายไม่ใช้เขาไล่ยายนรีไป ยายนั่นคงไม่คิดทำบ้าอย่างนี้หรอก”
อะไร นี่มันฝีมือยายนรีนั่นหรอกหรือ งั้นก็จงใจเล็งมาที่ผม ไม่ใช่ลูกหลงน่ะสิ แต่นั่นไม่ได้เป็นสิ่งที่ผมใส่ใจเท่าไอ้ที่ว่า คุณไม้ใช้ผม ใช้ผมไล่ยายนรีนั่น
“ผมไม่ได้................”
คุณไม้พูดว่าอะไรต่อผมไม่รู้ ขามันพาให้ก้าวหนีกลับขึ้นมาบนห้องอีกครั้ง ผมน่าจะรู้ ไม่สิรู้อยู่แล้วแต่ไม่อยากยอมรับต่างหาก วันนั้นที่ห้องทำงาน คุณไม้รู้ว่ายายนรีนั่นจะมา เลยใช้ผมเป็นเครื่องมือขับไล่ยายนั่นไป มิน่า พอเสร็จเรื่องนั้นคุณไม้ก็ปล่อยผมกลับไปทำงานทันที(?) พอหมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่งสินะ
ที่เขาไปช่วย ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงผมจากใจจริง แต่เป็นเพราะต้องการรับผิดชอบเนื่องจากตัวเองเป็นต้นเหตุ
ผมไม่น่าเพ้อฝัน ใช่ คำบอกรักอะไรนั่นเป็นแค่สิ่งเพ้อฝันเท่านั้น มันไม่มีอยู่จริง ผมพยายามตั้งสติ สูดหายใจเข้าลึกๆ ความอ่อนแอของผม ผมจะไม่แสดงออกมาให้คุณไม้ได้เห็นอีก จะไม่ให้เขามาดูถูกเอาได้อีก ไม่มีทาง
“อ้าวตื่นแล้วหรือกลอน”
พี่เอยิ้มทักท้ายอย่างอารมณ์ดี ผมก็ยิ้มจืดๆกลับไปให้ ทำไงได้ ผมไม่ได้มีรอยยิ้มการค้าเหมือนคุณไม้นิ่ จะได้เสแสร้งแกล้งยิ้มออกไป
“เป็นอะไร ไม่ค่อยสบายรึเปล่า”
พี่เอเอามืออังหน้าผากผมด้วยความเป็นห่วง พอเห็นว่าผมไม่มีไข้ก็ลดมือลง
“ปวดหัวรึเปล่า หรือเจ็บตรงไหน บอกพี่ได้นะ ไม่สิ เดี๋ยวกินยาแก้ปวดไว้หน่อยดีกว่า”
ผมอยากบอกว่าผมเจ็บที่หัวใจ ยาแก้ปวดของพี่เอรักษาให้หายได้ไหมครับ
“แล้วทำไมใส่เสื้อชวนอึดอัดแบบนี้เนี่ย นายไม้เลือกให้หรือ”
จริงๆมันก็อึดอัดนิดหน่อยอยู่หรอกนะดีที่อากาศในบ้านไม่ร้อนมาก พี่เอเอามือมาจับคอเสื้อผมที่ปิดขึ้นมาค่อนข้างสูง ด้วยความตกใจผมเลยรีบถอยตัวออกห่างพลางเอามือจับคอเสื้อไว้แน่น ผมลืมตัวไปมัวแต่คิดว่าถ้าพี่เอเห็นรอยคงไม่ดีแน่ แต่ยิ่งทำท่าทางแบบนี้ มันก็ยิ่งน่าสงสัยน่ะสิ พี่เอหรี่ตามองผมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผมเห็นท่าไม่ดีเลยรีบเดินหนีไปที่โต๊ะอาหาร คุณไม้อยู่ที่นั่น อย่างน้อยๆ พี่เอคงไม่ถามโต้งๆออกมาต่อหน้าคุณไม้หรอกนะ
คุณไม้ยกข้าวต้มมาวางไว้ให้ผม และกระซิบเบาๆว่า ขอโทษนะ ผมก็พยักหน้ากลับไป ผมไม่โกรธเขาหรอก ความจริงเรื่องนี้ถ้าจะมีใครผิดก็คงเป็นผมเอง ผิดที่ไปฝันถึงในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ผิดที่ไปหวังลมๆแล้งๆ ผิดที่ไปรักคุณไม้เข้าทั้งๆที่เขาไม่มีวันเหลียวกลับมามอง ทุกอย่างมันผิดที่ผม เพราะงั้นผมจะไม่โทษใคร และไม่โกรธใคร
................................
“อืม ช่วยหน่อยนะ ใช่ ไม่ๆ เอาให้แย่กว่านี้อีก อืม ใช่ โอเค เจอกัน”
คุณไม้วางโทรศัพท์ในขณะที่ผมมองเขาตาแป๋ว วันนี้เราทำงานกันที่บ้านคุณไม้นี่ล่ะครับ แล้วคุณไม้ก็คุยโทรศัพท์แนวนี้มาหลายครั้ง ทุกครั้งก็จะย้ำว่ากดราคาให้ต่ำลงอีก คิดว่าน่าจะเป็นการซื้อขายหุ้นแน่ๆ น่าแปลกเพราะปกติคุณไม้ไม่เคยทำงานด้านหุ้นนิ่ รึว่าเพิ่มงานเข้ามา แล้วทำไมผู้ช่วยอย่างผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยล่ะ
“กลอน ขอกาแฟ”
คราวนี้หันมาสั่งผม ผมรีบหลบตาทันที ไม่อยากให้เขารู้ว่าผมมองเขาอยู่
“ครับ”
ลุกเข้าไปในครัว เตรียมชงกาแฟให้ แต่....เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้คุณไม้เรียกผมว่าอะไรนะ ได้ยินไม่ค่อยชัด มัวแต่เหม่อ เขาเรียกผมว่ากลอนรึเปล่า....คุณไม้ไม่เคยเรียกชื่อผมนิ่ วันนี้คิดยังไง...ไม่ได้ๆ ผมรีบสะบัดหัวไล่ความคิดเรื่องคุณไม้ออกไป เราจะไปคิดเรื่องคนๆนั้นไม่ได้ เขาจะทำอะไรก็เรื่องของเขา จะพูดอะไรก็เรื่องของเขา เราต้องไม่สนใจ
ผมยกกาแฟสำหรับผมและคุณไม้ออกไปวาง การทำงานที่นี้ไม่ต้องเคร่งครัดเหมือนการทำงานที่บริษัท เพราะงั้นผมกับคุณไม้เลยนั่งทำงานตรงไหนก็ได้ คุณไม้นั่งอยู่บนโซฟา ก้มลงมองคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ผมมองไปยังที่นั่งเดิมของผมซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยกองเอกสาร ผมแค่ไปชงกาแฟแค่นี้ คุณไม้สามารถทำให้ที่นั่งผมหายไปได้อย่างรวดเร็ว มีความสามารถในการทำรกจริงๆคนๆนี้ เมื่อไม่มีที่นั่ง ผมเลยลงทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นนั่นล่ะ แล้วก็หยิบเอกสารที่อ่านค้างไว้เมื่อกี้ขึ้นมาดูต่อ
ผมก็อ่าน อ่าน อ่าน ไปเรื่อยๆ แต่ช่วงหลังๆไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่หรอกครับ เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะคนที่ทำงานร่วมกับผมน่ะสิ หลังจากที่จิ้มๆคอมพิวเตอร์เสร็จ ตอนนี้เขานั่งจิบกาแฟสบายใจและมองผมที่นั่งอ่านเอกสารไปด้วย มองจนผมรู้สึกได้ว่ามีคนมอง ก็คิดเอาแล้วกันว่าเขามองขนาดไหน จะมองทำไมของเขา ไม่ได้ๆ แค่นี้ผมต้องไม่หวั่นไหว
คิดแล้วผมก็เงยหน้าขึ้นมองคุณไม้บ้าง กะว่าคุณไม้จะต้องตกใจ อย่างที่ผมเป็นเมื่อจ้องคุณไม้แล้วคุณไม้มองกลับมา แต่ที่ไหนได้ เปล่าเลย คุณไม้ยังจ้องผมเหมือนเดิม ไม่ได้มีท่าทางว่าตกใจสักนิด แถมยังสบตาผมเต็มที่ ไม่มีหลบตา ผมซะอีกที่เป็นฝ่ายต้องหลบตามาซะก่อน แต่ก็ยังปรายตาไปค้อนให้ ให้เขารู้ว่าผมกำลังไม่พอใจ ให้เขารู้สำนึกบ้างว่ามามองผมอย่างนี้ผมไม่ชอบ ไม่มีสมาธิ คุณไม้ก็แค่ยิ้มๆ ท่าทางจะขำซะมากกว่าสำนึกนะนั่น เมื่อรู้ตัวดีว่า ไม่ชนะ ผมเลยยอมแพ้ด้วยการก้มลงอ่านเอกสารต่อ แต่มันก็เหมือนเดิมนะครับ อ่านไม่รู้เรื่องเลย
“เมื่อไหร่จะอ่านเสร็จล่ะนั่น”
ยังมีหน้ามาถามอีก คิดว่าเป็นเพราะใครกันเล่า
“เห็นอ่านหน้านั้นนิ่งมาตั้งนานแล้วนะ”
ยังมาพูดต่ออีก จะบอกให้นะว่าที่จริงไม่ใช่ค้างที่หน้าเดิม ค้างที่บรรทัดเดิมต่างหากเล่า แต่ผมรู้ดีว่าการไปต่อปากต่อคำกับคุณไม้เป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง
พอผมเงียบผิดจากทุกที คุณไม้คงแปลกใจเลยขยับตัวมาใกล้ๆผม
“เป็นอะไรไป”
“.....”
“หรือไม่สบายจริงๆ”
ผมก็เงียบอยู่
“หรือยังไม่หายโกรธเรื่องเมื่อคืน”
เซ้าซี้จริงๆ อย่ามาพูดด้วยได้ไหมนั่น คนเขาไม่อยากพูดด้วยไม่รู้ตัวรึไงกัน แล้วเรื่องเมื่อคืนมันจบไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงอีกได้ไหม
“คือว่าเมื่อคืน....”
ยังไม่ทันที่คุณไม้จะได้พูดอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์ก็เรียกเข้ามาอีกครั้ง
“ว่าไง ดี จัดการซื้อเลย โอเค ดีมาก ขอบใจนะ”
แล้วก็วาง คราวนี้ผมเงยหน้าขึ้นมอง รอยยิ้มเย็นปรากฏแก่สายตา ตั้งใจว่าจะถามว่าซื้ออะไร แต่คิดไปคิดมา ไม่ถามดีกว่า
.............TBC..............----------------------------------------------------------------------------------
ถ้าถามว่าไปรักกันตอนไหน
คงจะเป็นตอนที่..............(บอกไม่ได้อ่า เดี๋ยวไม่ลุ้นน๊า )