ตอนที่ 1
หลังจากเรียนจบปี 4 แล้ว ฉันก็ตกงานอยู่นานเกือบ 6 เดือนแน่ะ ไปสมัครงานที่ไหนก็สอบสัมภาษน์ตกทุกที เหะ ๆ แบบว่า ฉันพูดไม่ค่อยเก่งน่ะ ทำไงได้
ก็คนมันเรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้ (ผ้ายับ ๆ น่ะสิ)
แต่ช่วงนั้นมีเพื่อนที่มหาวิทยาลัยแนะนำมาว่าที่ สถาบันวิจัยฯ จ.ภูเก็ต กำลังรับสมัครงานอยู่ เกี่ยวกับสายงานโดยตรงของฉันเป๊ะ ๆ เลย งานนี้ฉันก็ไม่ยอมพลาดโอกาสที่จะร่อนใบสมัครไปยังที่นั่น แล้วเหมือนโชคชะตาได้กำหนดเอาไว้แล้ว
ช่วงเดือนตุลาคม ก็มีคนโทรมาหาฉัน ซึ่งก็มารู้เอาทีหลังว่าเป็นหัวหน้างานที่ฉันจะไปทำด้วย ดีนะที่แกไม่เรียกตัวให้ไปสัมภาษน์ที่นู่น เราคุยกันทางโทรศัพท์เกี่ยวกับเรื่องงานนี่แหละ แกก็ถามว่าทำได้ไหม อะไรทำนองนี้
สรุปว่า แกก็รับฉันเข้าไปทำด้วย ที่ไหนได้นึกว่าเห็นเรามีความสามารถ แต่กลับกลายเป็นว่า มีพี่ที่ทำงานอยู่ที่นั่น จบจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน รับฉันพิจารณาไว้ก่อนเสียนี่ ก็เลยเซ็งปวยสิคะ เด็กเส้นค่า เปรี้ยวมั้ยล่ะฉัน หุหุ
ส่วนเริ่มงานเมื่อไหร่นั้น แกก็บอกว่า สิ้นเดือนพฤศจิกายนให้มาเริ่มงานที่นี่ได้เลย เย้ ในที่สุดฉันก็ได้งานทำเสียที แถมยังได้ทำที่ภูเก็ต ดินแดนที่ฉันใฝ่ฝันว่าอยากจะไปเที่ยวมาก ๆ อีกด้วย งานนี้ ไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับเรื่องอะไรอีกบ้าง แต่ตัวเองก็พร้อมอยู่เสมอแล้วล่ะ
“แน่ใจแล้วเหรอว่าจะไปทำงานที่นั่น มันไกลนะลูก”
แม่ถามฉันด้วยความเป็นห่วง ฉันเข้าใจแกดี
“ไม่ต้องห่วงหนูหรอกแม่ ถึงจะไกลยังไง เราก็โทรคุยกันได้นี่นา”
“แล้วเรื่องที่อยู่ อาหารการกินล่ะ จะทำยังไง”
“ที่นั่นเข้ามีที่พักให้น่ะ ส่วนเรื่องอาหารก็คงจะหากินแถวนั้นเอา”
ฉันก็คิดเรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้วเหมือนกัน
“อืม ยังไงก็ต้องไปสินะ ดูแลตัวเองด้วยล่ะ แม่เป็นห่วง”
สีหน้าแม่ฉัน ดูไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่เลย
“แม่ หนูโตแล้วนะ หนูเอาตัวรอดได้ แม่นั่นแหละ ต้องดูแลสุขภาพตัวเองบ้าง อย่ากินหวานมาก แม่ยิ่งไม่ค่อยสบายอยู่”
“แล้วจะไปเมื่อไหร่ล่ะเรา”
“ก็คงอาทิตย์หน้านี้แล้ว ต้องไปจองตัวรถไว้ด้วยจ้ะ”
“กลับมาเยี่ยมบ้านเรามั่งนะลูก”
“จ้ะแม่ สงกรานต์หน้า หนูจะกลับมา พร้อมกับของฝากเพียบเลย”
พอนั่งคุยกับแม่เสร็จแล้ว ฉันก็เดินเข้าไปเรียกพ่อกับน้อง ๆ ออกมาทานข้าวมื้อเย็นด้วยกัน อีกไม่นานแล้วสินะ ที่ฉันจะต้องจากบ้านหลังนี้ไปอีกนาน แต่ยังไงเสีย สักวันก็ต้องได้กลับมาอยู่ที่นี่อีกแน่นอน
*************************************
เรื่องที่ฉันได้งานที่ภูเก็ตนี้ พวกเพื่อน ๆ ของฉันก็รู้กันหมดแล้ว ทุกคนก็ยินดีด้วย แล้วพวกเราก็นัดกันไปกินเลี้ยงส่งฉันกันที่ร้าน เนื้อย่างเกาหลีสุดอร่อย วันนั้นก็มีฉัน นังตั้ม แล้วก็นังอั้ม ส่วนนังเฉาก๊วยน่ะเหรอ ไปเป็นทหารแล้วน่ะเส่ะ (สบายรูเลยทีนี้มรึง
)
“นี่ ๆ อิจืด มรึงไปทำงานที่นู่นแล้วระวังตัวด้วยล่ะ”
อิตั้มทำท่าจะเตือนอะไรฉันบางอย่าง
“ระวังตัว ระวังอะไรยะ”
“อ๊ะ อิดอก ก็ระวังจะได้ผัวเป็นปลาฉลามนะสิ”
ว่าแล้วมันก็หัวเราะคิกคัก ดูแล้วอยากจะเข้าไปตบปากมันจริง ๆ
“อิเชี่ย ปลาฉลามบ้านมรึงสิ แดกได้น่ะ ถ้าเป็นคนจับปลาล่ะก็ กรูจะไม่ซีเลย”
“ฮู้ย หน้าอย่างมรึงเนี่ยนะ หวังสูงไปรึปล่าวยะ”
อิดอกตั้มยังกัดไม่เลิก
“จ้ะ ถ้าคนจับปลาสูงไป แล้วจับกังที่มรึงแดกอยู่ทุกวันเนี่ย คงสูงส่งน่าดู”
กัดมันคืนซะเลย แรงนักแอบไปแดกวิศวะมา สวยมั้ยล่ะ
“แล้วมรึงหาได้อย่างกรูมั้ยล่ะอิจืด”
“ต๊าย กรูคงไม่ใฝ่สูงขนาดนั้นหรอกค่า เชิญมรึงตามสบายเหอะ”
“ย่ะ อิสวยเลือกได้”
“พอแล้ว ๆ มรึงจะกัดกันอีกนานมั้ย เนื้อไหม้หมดแล้ว อิควาย”
อิอั้ม อิสาด ด่าพวกกรูซะเจ็บเลย
“เออ ใครจะตะกละเหมือนมรึงล่ะ อิปากไม่ว่าง แดกตลอด”
ฉันหยิบเนื้อมาใส่จานตัวเองแล้วก็ลาดน้ำจิ้ม จากนั้นก็ใส่เข้าปากตัวเอง อาส์ อร่อยที่ซู้ดดดด
“คิดถึงอิเฉาจังเลยเนอะ”
“อินั่นน่ะเหรอ คิดถึงมันทำไม ป่านนี้มีผัวเป็นกระบุงโกยแล้วมั้ง กรูล่ะอิจฉา”
นั่นดิ แต่ฉันว่า กระบุงโกยคงไม่พอ ต้องเป็นทั้งยุ้งข้าวเลยมั้ง
“เออ อิจืด มรึงจองตั๋วแล้วยัง”
อิอั้มถามฉัน
“ว่าจะไปพรุ่งนี้แหละ”
“เหรอ งั้นก็กลับพร้อมกรูเลยละกัน”
“เออ แล้วมรึงจะกลับกี่โมงล่ะ”
“ก็คงสาย ๆ หน่อย แล้วจะให้กรูไปจองตั๋วเป็นเพื่อนมั้ยล่ะ”
“ไม่ต้องก็ได้ กรูไปเองดีกว่า เด๋วมรึงจะเหนื่อยแย่”
มันก็พยักหน้า แล้วก็กินต่อ ส่วนฉันก็นั่งคิดว่าจะเอายังไงกับข้าวของของตัวเองดี ไม่รู้ว่าจะต้องขนอะไรไปมั่ง เอาตังค์ไปเท่าไหร่ถึงจะพอ ไหนจะเรื่องเพื่อนใหม่อีก โอ้ย ปวดหัวจัง กินต่อดีกว่าฉัน ง่ำ ๆ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++