๒๒
[/color]
วันรุ่งขึ้น เส็งก็ย้ายกลับขึ้นมาบนเรือน วิถีชีวิตของเขาแทบไม่ต่างอะไรจากเดิมที่เคยเป็นอยู่เลย หากจะมีอะไรแปลกไป ก็เพียงว่ามีนายเก่าของเขามาอยู่ร่วมหลังคาเรือนเดียวกันเท่านั้น เกือบครึ่งปีแล้วซี ที่เขามาอยู่กับหลวงพินิจ ครึ่งปีแล้วที่เสียพ่อเสียแม่ และพี่ชายทั้งสองไป บัดนี้เขากำลังอยู่ในสภาพ บ่าว คนหนึ่งที่มีอภิสิทธิ์เหนือบ่าวอื่นๆ ตรงที่ได้นอนบนเรือนใหญ่ มีอาหารเตรียมมาให้ตลอด และได้นอนกับนายของตนทุกวันเท่านั้น
แต่ให้เรียกตัวเองว่าเป็น “คนรัก” ของหลวงพินิจอีก เขาก็ทำไม่ได้ ในเมื่อห้องข้างๆมี “ภรรยา” ของคุณหลวงอยู่ด้วยแล้วทั้งคน เรื่องอภิสิทธิ์ของเขาสามข้อนี้เป็นเรื่องที่คุณหยาดไม่เข้าใจ ตั้งแต่เช้าวันแรกในฐานะ ภรรยาหลวงพินิจราชอักษร
ตื่นเช้ามาหล่อนลุกขึ้นจากเตียง อาบน้ำเปลี่ยนผ้า พอโผล่ออกมาจากห้องก็เห็นประตูห้องนอนห้องข้างๆเปิดไว้เสียแล้ว หล่อนเดินไปเข้าห้องนั้นก็เห็นสภาพเตียงที่มีผ้าคลุมยับยู่เป็นหลักฐานว่ามีคนมานอนอยู่ที่นี่ทั้งคืนจริงๆ หากแต่ตอนนี้คนคนนั้นตื่นก่อนหล่อน และไม่ได้อยู่ที่เตียงแล้ว
หลวงพินิจราชอักษรสามีของหล่อนไปอยู่ที่ใดเสียล่ะ
หยาดเดินลงบันไดมาก็เห็นหลวงพินิจนั่งอยู่ในห้องอาหาร นั่งกินข้าวกับเส็ง บนโต๊ะอาหารอย่างสนิทสนม! เพียงแวบแรกที่หล่อนเห็นก็ตกใจ ที่บ่าวขึ้นมานั่งกินข้าวอยู่กับนายแบบตีเสมออย่างนี้ ใครช่างสั่งช่างสอน อยู่บ้านหล่อน หล่อนก็ไม่ได้สอนให้เป็นอย่างนี้เสียหน่อย
“เอ พ่อเส็ง นี่นั่งกินบนโต๊ะ เท่ากันกับคุณหลวงเลยหรือ”
“ก็อย่างนั้นซีแม่หยาด” หลวงพินิจว่า “เรากินแบบนี้กับเส็งมาตลอด บอกตรงๆว่าอยู่คนเดียวมานานไม่มีเพื่อน ก็ได้เส็งนี่ละคุยภาษาเดียวกันรู้เรื่องหน่อย”
หยาดงง พูดอะไรไม่ถูกทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนอยู่ที่เดิม
“ไม่รับเช้าหรือ แม่หยาด”
“เอ้อ รับค่ะ” หล่อนว่า แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าหล่อนคงดูโง่เง่าเสียเหลือเกินที่มายืนค้ำหัวคุณหลวงอยู่อย่างนี้ จึงเดินเข้ามาร่วมโต๊ะ พอเห็นว่าบนโต๊ะนั้นมีขนมปัง เนย นมโค และไข่ลวก เห็นแล้วก็อยากจะอาเจียนออกมาเดี๋ยวนั้น
“ลืมไปว่าแม่หยาดไม่รับอาหารฝรั่ง” หลวงพินิจหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “เอ้ามะลิ ที่เรือนครัวมีอะไร ยกมาให้คุณหยาดเธอซี”
กลายเป็นว่าเมียกินกับข้าวบ่าว ส่วนบ่าวมากินกับข้าวแบบเดียวกับผัวเสียแล้ว หยาดเอ๋ยหล่อนยังต้องปรับตัวอีกมากทีเดียว
อภิสิทธิ์ข้อที่สองก็คือ เส็งเป็นคนเดียวในเรือนเทาที่สามารถเข้าไปอยู่กับคุณหลวงในห้องทำงานได้ เพราะบ่าวหนุ่มอ่านออกเขียนได้ หลวงพินิจมักใช้ให้เขาคัดลอกหนังสือ เป็นอาลักษณ์ส่วนตัวเสมอ คนที่เขียนหนังสือคล่อง อย่างคุณหลวงจะเขียนหวัด จนอ่านไม่รู้เรื่องเพราะชินกับวิธีเขียนหัวสะบัดหางอะไรอยู่แล้ว แต่กับเส็ง ที่ต่อให้เขียนเป็นก็ไม่ได้เรียนมาแต่เกิด จะถนัดเขียนอักษรจีนมากกว่า เวลาเขียนหนังสือไทย จึงต้องบรรจงเขียนอย่างตั้งอก ตั้งใจ จนตัวหนังสือออกมาสวยราวกับพิมพ์ทุกครั้ง เวลาคุณหลวงเอาหนังสือไปส่งคนที่กระทรวงจะมีแต่คนชมว่า
“นี่คุณหลวงพินิจมีเครื่องพิมพ์อยู่ที่บ้านหรือ”
“กระผมมีมือดีคอยช่วยขอรับ” หลวงพินิจอดชมเส็งให้ใครต่อใครฟังไม่ได้ คนที่เขาชมให้ฟังมากที่สุด ก็เมียเขาที่อยู่ร่วมเรือนกันอย่างไร
“เส็งมันเก่ง มีแต่คนชมว่าเขียนสวยเหมือนพิมพ์”
หลวงพินิจหายไปในห้องทำงานกับเส็งแทบทั้งวัน จึงกลายเป็นว่า หยาดไม่มีอะไรทำเสียแล้ว ได้แต่นั่งๆนอนๆอยู่ในบ้าน ออกมาเดินรอบสระบัว นั่งในศาลา นั่งที่ท่าน้ำ ฆ่าเวลาจนกินข้าวกลางวัน แล้วก็เป็นอย่างนี้ จนถึงเวลากินข้าวเย็น แล้วเข้านอน หล่อนเป็นอย่างนี้อยู่หลายวัน จนเริ่มเบื่อชีวิตในเรือนเทาเสียแล้ว
ที่หยาดพอจะเข้าใจได้มากที่สุดคือการที่เส็งได้มานอนอยู่บนเรือนเทา ทั้งที่บ่าวไพร่คนอื่นไม่มีสิทธิ์แม้ย่างกรายมาในเวลากลางคืน เพราะ หลวงพินิจเคยอ้างกับหล่อนเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า
“เอาไว้ใกล้ๆ ได้เรียกใช้ ตอนกลางค่ำกลางคืนเกิดเป็นอะไรขึ้นมา จะได้ช่วยกันได้ เส็งมันฉลาด ตัดสินใจทำอะไรหลายๆอย่างได้”
ที่หล่อนไม่รู้คือคำว่า “เอาไว้ใกล้ๆ” ของคุณหลวงนั้นคือ นอนก่ายกันหลับไปทุกคืนต่างหาก หล่อนคิดว่านอนเฝ้าอยู่ที่ตั่งหน้าห้องเท่านั้น เพราะทุกเช้า เส็งจะคอยเอามุ้งสีขาวสะอาด และผ้าห่มสีตุ่นๆ มาวางหลอกไว้บนตั่งไม้หน้าห้อง พอหยาดตื่นมาเมื่อใดก็เห็นว่าเส็งตื่นแล้วเมื่อนั้น จึงไม่ได้รู้เลยตลอดสัปดาห์แรกว่า “ผัว” ของหล่อนโดยนามจะต้องไปเป็น “ผัว” ของบ่าวโดยกายและใจแทบทุกคืน
นับแต่หยาดเข้ามาอยู่ในฐานะเมียคุณหลวง แก้วก็ดูเหมือนจะหย่อนพิษสงลงไปบ้าง หล่อนพบกับหยาดในวันที่สองของการมาอยู่เรือนเทา เพราะเป็นคนยกสำรับอาหารมาให้หยาดรับอยู่คนเดียวในห้องอาหาร
คุณหลวงและเส็งออกจากบ้านกันไปแต่เช้า
ในสายตาหยาด แก้วเป็นผู้หญิงที่สวย ไม่ได้สวยแบบไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง แต่สวยแบบชาวบ้าน มีขมิ้น มีสมุนไพรเป็นตัวขับให้ยิ่งสวยขึ้นเท่านั้น หล่อนผิวเหลืองแบบคนสยามทั่วไปแต่ดูผุดผ่องกว่าเล็กน้อย หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มแถมช่างเอาอกเอาใจ ก็แน่นอนอยู่แล้วที่แก้วจะต้องนอบน้อมโอนอ่อนให้คุณหยาด หล่อนเคยคุยกับเพื่อนบ่าวสองสามคนว่า
“คุณหลวงมีเมียแล้ว ไม่ได้หมายความว่าข้าจะเป็นเมียน้อยไม่ได้โว้ย” และถ้าหล่อนจะเป็นเมียน้อยจริงๆแล้วละก็ “ผูกมิตรกับเมียหลวงไว้ก่อนแต่แรกได้ไม่มีปัญหาทีหลังอย่างไรล่ะ”
พอยกข้าวสวยร้อนๆ พร้อมผัดผัก ปลาเค็ม แกงมะระมาให้คุณหยาด นายสาวสวยก็เอ่ยทักหล่อนขึ้นก่อน
“ชื่ออะไรน่ะเรา”
“ชื่อแก้วเจ้าค่ะ” เจ้าของชื่อนั่งก้มหน้ายิ้มที่มุมปากอย่างมีจริต พับเพียบอยู่แทบเท้าของนายสาว
“สวยน่ารักสมชื่อ นะ ตัวเล็ก จุ๋มจิ๋มเหมือนดอกแก้วจริงๆเสียด้วย”
“คุณต่างหากล่ะคะที่สวย” หล่อนว่าอย่างประจบประแจง “เห็นเพียงครั้งแรกก็คิดว่านางสวรรค์หยาดฟ้ามาดินเจ้าค่ะ เป็นบุญของอีแก้ว ได้มารับใช้รองบาท คนสวยอย่างคุณ”
หยาดหัวเราะชอบใจ
“ช่างประจบนะเรา อยากได้อัฐเป็นรางวัล ไม่มีให้ดอกนะ คุณหลวงไม่ทิ้งไว้สักสตางค์แดงเดียว” หยาดยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“แหมคุณละก็ อีแก้วมันคนซื่อเจ้าค่ะ เห็นอะไรอย่างไรก็ว่าไปตามที่เห็นเจ้าค่ะ” บ่าวสาว ยิ้มเล็กยิ้มน้อยเป็นเชิงประจบประแจงแต่พองาม ส่วนนายสาวต่อให้ดูออกว่าประจบ ก็ยังชอบใจเออออตามน้ำ ทำเป็นไม่รู้ไปอย่างนั้นจึงไม่แปลกเลยที่หลายๆวันต่อมานางแก้วจะคอยมารับใช้อยู่ใกล้ๆเป็นคนสนิทหยาดไปในที่สุด
ถึงหยาดจะได้คนรู้ใจเป็นนางแก้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าฟังมันบ่นนินทาเพื่อนบ่าวคนโน้นคนนี้ แม่นี่ก็รักกับพ่อนั่น พ่อนั้นก็หนีเที่ยวไปหาแม่นี้ที่ตลาดอะไรวุ่นวายไปหมด อยู่ไปได้สิบกว่าวัน หยาดก็เบื่อ ขอลาหลวงพินิจไปเยี่ยมแม่ที่บ้านเดิมของหล่อน ขอกลับไปข้างคืนสองคืน ตัวสามีก็ไม่คัดค้านอะไร ซ้ำยังสนับสนุนให้ไปเสียให้พ้นๆอีกต่างหาก
หยาดจึงได้กลับไปเยี่ยมบ้านอย่างง่ายดายราวกับว่าต่อให้ไม่ได้ขอก็คงให้ไปได้ และแน่ละหล่อนเอาแก้วไปด้วย
“ขอแม่แก้วไปเถิดนะคะคุณพี่ ถ้าไปอยู่บ้านกับคุณแม่คนเดียวจะเหงา น้องติดแม่แก้วนี่ ช่างพูดช่างจาเหมือนนกแก้วนกขุนทอง คุยด้วยแล้วเพลินดี”
“เอาไปเถิด ฉันไม่ว่าอะไร”
แก้วออกอาการวี๊ดว๊ายเมื่อขึ้นเรือจ้าง ออกจากคลองไปถึงปากแม่น้ำ แล่นเรือไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา หยาดต้องหัวเราะกับท่าทางที่เกินจริงจนเกือบเป็นแสร้งทำของแก้ว เมื่อเรือโคลงไปโคลงมา ก็กรีดร้องอย่างมีจริต ทั้งนายทั้งบ่าว หัวเราะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“พระนครสวยขนาดนี้ อีแก้วไม่เคยได้มาเห็นเลยเจ้าค่ะ”
หล่อนเห็นความงามของวัดวาอาราม ปราสาทราชวัง เรือจ้าง เรือสินค้า อะไรมากมายเต็มไปหมด ก็ชี้โน่นชี้นี่ ด้วยความตื่นเต้น
“นี่หล่อนเป็นคนพระนครจริงหรือยะ”
“แหมคุณละก็” แก้วส่งค้อนแบบทีเล่นทีจริง “อีแก้วเกิดในเรือนเจ้าคุณไพรัชกิจ อยู่มาสิบกว่าปีก็ย้ายมาอยู่เรือนคุณหลวง ชีวิตมันก็มีอยู่เท่านี้ล่ะเจ้าค่ะ”
หยาดหัวเราะกับคำพูดคำจาของบ่าวคนสนิทไปตลอดทางจนถึงเรือนของหล่อน เรือนไทยขนาดใหญ่มีหมู่เรือนของญาติพี่น้องมากมายเชื่อมกันเป็นบริเวณเดียว แก้วเดินตามหยาดอย่างประจบประแจง ตกตะลึงในความใหญ่โตของบริเวณบ้าน กระทั่งหยาดเข้าไปพบคุณหญิงแม่ของหล่อน แก้วจึงได้แต่นั่งรออยู่นอกชาน
แม่เห็นหน้าลูกสาวก็ตกใจ
“เอ้า แม่หยาด กลับมาทำไม มีอะไรกับคุณหลวงหรือ”
“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ” หล่อนตอบ ร่างกายที่ดูท้วมขึ้นมากเพราะท้องมาเกือบสามเดือน ทำให้แม่ผิดสังเกต แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรหล่อนจึงไม่บอก เดี๋ยวซักไปซักมาจะรู้เสียว่าท้องตั้งแต่ก่อนแต่งแล้ว “คิดถึงคุณแม่ก็มาหา”
“ต้องมีอะไรซี ไม่อย่างนั้นจะถ่อมาถึงคลองสานรึ”
“คุณแม่ละก็รู้ใจลูกทุกเรื่องเลยนะเจ้าคะ” หล่อนหัวเราะ “ลูกเบื่อเต็มทนเจ้าค่ะ วันๆคุณหลวงมัวแต่ขลุกอยู่แต่ในห้อง อยู่กับพ่อเส็งทำงานอะไรกันทั้งวัน ลูกไม่มีอะไรทำเลยเจ้าค่ะ”
“แล้วกันซี” คุณหญิงไพศาลเสนีย์ เดินเข้ามาหาลูก “อย่างนี้เมื่อไหร่แม่จะได้อุ้มหลานละเนี่ย”
“คุณแม่”แก้วหลบตา “เรื่องอย่างนี้เดี๋ยวก็มาเจ้าค่ะ”
มาตั้งนานแล้วเจ้าค่ะ แต่คุณแม่อย่าเพิ่งรู้เลยนะเจ้าคะ หล่อนแอบแย้งในใจ คนแม่ไม่อาจล่วงรู้ได้ จึงไม่ได้ว่าอะไร
“รีบๆ เข้าเถอะเราน่ะ ได้ข่าวว่าใครจะไปเมืองนอกเมืองนา จะเอาคุณหลวงผัวหล่อน ไปด้วยอีกแล้ว”
“เอ ไม่เห็นคุณหลวงบอกนี่เจ้าคะ” หยาดขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าคุณพ่อยังคุยกันอยู่ในกระทรวง ไม่ได้ไปเป็นคณะทูตใหญ่อะไรดอก เพียงเอาสินค้าไปส่ง ทีนี้ล่ามเกิดมาป่วยหนักกลัวว่าจะไปไม่ได้เขาก็คุยๆกันว่าจะให้ใครไปแทน ก็เห็นว่าหลวงพินิจก็แกร่งกล้าดี แต่ก็ไม่แน่ คุณพระสนิทอะไรสักคนก็เก่งพอกันยังไม่รู้ดอกว่าจะให้ใครไป” คุณหญิงวรรคหายใจ “รีบมีลูกเข้าเถิด”
“เจ้าค่ะ แต่คุณหลวงก็ดูไม่ค่อยรักลูกอยู่ดีนะเจ้าคะ”
“เอ้อ” คุณหญิงไพศาลค้อน ลูกสาว “ไม่รักก็ไม่เกี่ยวใครเขาแต่งงานเพราะรัก มีแต่แต่งงานเพราะเหมาะสม”
หยาดฟังเรื่องทำนองนี้จากแม่มาเกือบสิบร้อยครั้งเสียแล้ว
“มีลูกเขาได้หนีเราไม่พ้น เลี้ยงดูเราไปจนตาย แม่หยาดได้สุขสบายไปตลอดชาติ” คุณหญิงส่งสายตาแบบ แม่รู้ดีน่า ให้ลูกสาว “เราก็รู้ไม่ใช่หรือว่าเจ้าคุณพ่อชอบไปเล่นไพ่เล่นพนันอะไรกับพวกฝรั่ง เป็นหนี้ท่วมหัว หมดตัวมาวันไหนใครจะรู้ จริงไหม”
หยาดพยักหน้า หล่อนไม่ชอบให้แม่ย้ำนิสัยนี้ของพ่อ แต่พูดกันอย่างนี้ก็ดีได้ไม่ต้องมีอะไรปิดบังกัน
“ลูกจะทำอย่างไรดี” พูดไปอย่างนั้นแหละ ก็หล่อนท้องอยู่แล้วนี่... กระนั้นหยาดก็ยังวิตกอยู่ลึกๆในใจ เด็กคนนี้... เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของคุณหลวงด้วยความเต็มใจ... พอดีคนแม่พูดออกมาอีกประโยคหนึ่ง หล่อนก็เลยหยุดความคิดอยู่แค่นั้น
“ก็เอาใจเข้าซี ปรนนิบัติพัดวี ทำสำรับกับข้าวเลี้ยงเข้า... ไม่เคยได้ยินหรือ เสน่ห์ปลายจวัก ผัวรักจนวันตายน่ะ”
ที่นอกชาน แก้วนั่งเอาหูแนบประตูด้วยความอยากรู้ แต่ประตูไม้สักทองคงจะหนาเกินไป หล่อนจึงไม่ได้ยินอะไรที่คนข้างในพูดเลย และเพราะแนบหูอยู่อย่างนั้น หล่อนจึงได้ยินเสียงฝีเท้าคนสะท้อนดังอยู่ในไม้เสียเต็มหู หันไปก็พบว่าคนที่เข้ามาเยือนไม่ใช่ใครอื่น คือทนายหน้าหอของหลวงพินิจนั่นเอง
ชายหนุ่มขึ้นมาบนชานเห็นแก้วก็ตกใจ เกือบสะดุดขั้นบันไดล้ม
“แก้ว มานี่ได้อย่างไร”
หญิงสาวไม่ได้ตกใจ หล่อนประหลาดใจที่เห็นเทิดก็จริงแต่หล่อนก็รู้ว่าควรทำอะไรอย่างไร ไม่เหมือนชายหนุ่มที่อะไรๆก็กลัว อะไรๆก็ไม่กล้าไปหมด
“เอ้าพี่เทิด” หล่อนลุกขึ้น แกล้งโน้มตัวให้หน้าอกหน้าใจเหลืองนวลรัดเต่งด้วยผ้าคาดโผล่วับๆ แวมๆให้ ชายหนุ่มที่ยืนกลืนน้ำลายเอื๊อกอย่างพวกไก่อ่อน เห็น ก่อนจะเดินเข้าไปหา “ฉันก็มากับคุณหยาดนายใหม่ฉันอย่างไรเล่าจ๊ะ”
“คุณหยาดมาหรือ” เทิดมีแววฉงนอยู่ในตา หากแต่ท่าทางดูจะควบคุมไว้ดี ไม่เหมือนว่าตกใจสักเท่าใด
“ก็แหงซี ไม่อย่างนั้นฉันก็ต้องมากับคุณหลวง” หยาดเห็นเหงื่อเริ่มซึมตามไรผมของชายหนุ่มก็ส่งสายตายั่วยวนที่หางตา เพราะเข้าใจไปว่าชายหนุ่มประหม่าเมื่อได้อยู่ใกล้หล่อน “พี่เทิดเล่า มาทำอะไรไม่ไปหาฉันที่เรือนบ้างเลยนะ ตั้งแต่หายไปหัวหินกับอีจัน”
หล่อนทำหน้าท้าทาย เดินเข้าไปเอาไหล่เปลือยเปล่า สีผ่านตัวชายหนุ่มเดินสวนไปโอบเข้าจากด้านหลัง “ได้ใหม่แล้วลืมเก่าหรือไงจ๊ะ”
“แก้ว เดี๋ยวใครมาเห็น”
“ทีอย่างนี้ละกลัว” หล่อนถอนตัวออกมาปรายมองเขาด้วยหางตา “ทีเวลาไปทำเสียงเป็นนกฮูก นกเค้าแมวเรียกฉันลงจากเรือนละไม่กลัว เอ หรือพี่เทิดกลัวอีจัน มากกว่ากลัวคุณหลวง”
“ไม่คุยด้วยละ ถ้าเอ็งพูดแบบนี้”
แก้วหัวเราะ ลงลูกคอ
“ไม่พูดก็ได้ ว่าแต่อีจันคงไม่อยู่บนเรือนนี้ดอกนะ ถ้าจะหาคงต้องไปหาเรือนบ่าวกระมัง”
“พี่ไม่ได้มาหาจัน พี่มีธุระ มาแทนพ่อ พอดีเจ้าคุณไพรัชใช้มาหาเจ้าคุณบ้านนี้” พูดได้เท่านั้นหยาดก็โผล่ออกมาจากห้อง หล่อนชะงักไปอย่างตกใจ แล้วเอ่ยขึ้นว่า
“อุ๊ยฟ้ามืดอย่างนี้ ฝนตกแน่ละ” หล่อนปรายตามองแก้ว ที่บัดนี้ แกล้งทำเป็นยืนไม่รู้ไม่ชี้อยู่ห่างจากทนายหนุ่ม ทั้งที่เมื่อครู่นี้ไม่ถึงนาที หล่อนเบียดเขาเสียจะปืนขึ้นไปอยู่บนตัวเสียแล้ว “แม่แก้วขนข้าวของเก็บเถิด”
แก้วรับคำแล้วก็ยกข้าวของเตรียมเดินไปเก็บตามที่คุณหยาดว่า
“พ่อเทิดมาทำอะไร” หยาดทักในที่สุด
“เจ้าคุณไพรัชกิจ ให้มาหาเจ้าคุณไพศาลขอรับ”
“เจ้าคุณพ่อไม่อยู่” ป่านนี้คงแอบไปเล่นไพ่ เล่นพนันบ้านใครไปแล้วหล่อนก็ไม่รู้ และไม่อยากบอกจึงได้แต่พูดสั่งกลายๆว่า “คุยกับคุณแม่แล้วกัน”
แล้วนายบ่าวสองสาว ก็เดินไปเข้าห้อง เทิดกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาคุณหญิงไพศาลเสนีย์ อยากจะคุยธุระให้เสร็จๆ รีบออกจากบ้านนี้ไปเสียเดี๋ยวนั้น