พิมพ์หน้านี้ - [ป า ง บ ร ร พ์] แจ้งข่าว คห.#1289

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Purple_Sky ที่ 24-05-2010 00:45:34

หัวข้อ: [ป า ง บ ร ร พ์] แจ้งข่าว คห.#1289
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 24-05-2010 00:45:34
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
****************************************************

ชี้แจ้งแถลงไข

เนื่องจากนิยายเรื่องนี้ เป็นเรื่องย้อนยุค ผู้เขียนจึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับผู้อ่านดังนี้ครับ

นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นโดยจินตนาการของผู้แต่งอย่างแท้จริง นอกจากเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ สภาพบ้านเมือง และ ขนบธรรมเนียมประเพณีแล้ววัฒนธรรมแล้ว เรื่องราว สถานที่ รวมไปถึงตัวละคร ทั้งที่เป็นชื่อ นามสกุล หรือ ราชทินนามทั้งหมดที่ปรากฏตลอดเรื่องนั้นขอเรียนให้ทราบว่าเป็นสิ่งที่แต่ง ขึ้นเท่านั้นคล้ายตัวละคร(ตัวสมมติ) ที่แสดงอยู่บนเวทีละคร(ที่จัดให้เหมือนจริง) เท่านั้นหากไปซ้ำหรือเหมือนกับบุคคลใดในประวัติศาสตร์ก็ขอให้ทราบว่าเป็น เรื่องบังเอิญเท่านั้น

สำหรับ ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ผู้เขียนพยายามค้นคว้า และศึกษามาพอสมควรแล้ว หากมีการผิดพลาดใดๆเกิดขึ้น ผู้เขียนขอน้อมรับความผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว

จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ฟ้าม่วง

****************************************************

ปางบรรพ์

บทนำ

เวลากว่าร้อยปีไม่ได้ทำให้เส็งเหนื่อย แก่ โทรม หรือเจ็บป่วยแต่อย่างใด
เวลาไม่มีความหมายสำหรับเขา
ชายหนุ่มลูกจีน ยืนมองถนนด้านหน้าเรือนไม้กึ่งตึกสีเทา ด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ เมื่อโลกเปลี่ยนไป อะไรๆ รอบๆเขาก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน สวนผลไม้ หลังบ้านที่ติดอยู่กับคลองเล็กๆ ที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา บัดนี้ ถูกเปลี่ยนเป็นโรงแรมบ้าง คอนโดฯบ้าง ตึกแถวบ้าง เรียงตัวระเกะ ระกะอยู่ภายในบริเวณ ที่เคยเป็นอาณาเขตของ คุณหลวงพินิจราชอักษร นายของเขา แม้แต่เรือนคนใช้ หรือ สระบัว หรือกระทั่ง ศาลาริมสระ ก็ถูกถอนทิ้งทำลายไปหมดแล้ว ฝั่งตรงข้าม กำลังจะกลายเป็นหมู่บ้านจัดสรร ส่วนบริเวณข้างๆ บ้านแม้จะยังไม่มีอะไรมาปลูกอยู่ใกล้ๆ แต่ละเมาะไม้ที่เคยเป็นสีเขียวชะอุ่มอยู่ก็ถูกตัด ถอนทิ้งไปเสียเกือบหมด จะมีก็แต่บริเวณรอบตัวบ้านที่ยังคงความร่มรื่นไว้ เพิ่มความขลังให้กับเรือนเทา หลังนี้

ความจริง เรือนเทาของหลวงพินิจราชอักษร ก็ควรถูกรื้อไปแล้วด้วยเช่นกัน บริเวณ หลายสิบไร่ตรงนั้น จะได้เปลี่ยนไปเป็นหมู่บ้านจัดสรร ให้เต็มพื้นที่อย่างที่ลูกหลานเจ้าคุณแบ่งขายเอาเงินไปใช้กันราวกับใช้กระ ดาษทิชชู อยู่อย่างทุกวันนี้ ถ้าหากว่าเส็งได้ไปผุดไปเกิด จากบ้านหลังนี้ไป แต่เพราะเรื่องมันออกมาตรงกันข้ามเลยอย่างไรเล่า จึงไม่มีใครทุบบ้านหลังนี้ได้สำเร็จสักครั้ง


จะกี่ครั้งที่มีรถมาทุบบ้าน คนงานจะต้องเห็นชายหนุ่มหน้าจีน เปลือยท่อนบน นุ่งโจงกระเบน โผล่มาต้อนรับทางหน้าต่างเสียทุกครั้งไป ทำให้ก็ไม่มีใครกล้าทุบทำลายเรือนนี้ ไปได้จนแล้วจนรอด ลูกหลานเจ้าของบ้าน ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เงินจากบ้านหลังนี้ให้มากที่สุด เคยถึงขนาดเปิดเป็น บ้านโบราณ เก็บค่าเข้าชม ของเก่าสมัย รัชกาลที่ 5 เหมือนเป็น พิพิธภัณท์ แต่ไม่วาย พวกนักท่องเที่ยวก็เห็น ของเคลื่อนย้ายไปมาบ้างละ ของตกลงมาแตกแบบไม่ใครแตะบ้างละ จนต้องปิดกิจการไปอีก แม้ตระกูล ไพรัชกิจจาพันธ์ เชื้อสายเจ้าคุณเจ้าของบ้าน จะยอมคงสภาพบ้านไว้เช่นเดิม แล้วปล่อยให้เช่าบ้าง ให้ขายบ้าง ก็ไม่มีใครอยู่ในบ้านนี้ได้เกิน หนึ่งเดือนเลย เพราะหากไม่ได้ยินเสียงร้องไห้สะอึก สะอื้น ก็ได้ยินเสียงเท้าหนักๆ เดินไปเดินมาทั่วบ้าน แม้จะไม่เคยมีใครเห็นอะไรในบ้านเลยก็ตามแต่บรรยากาศอย่างนี้ ถ้าไม่ใจแข็งจริงๆ ก็คงทนอยู่ไม่ได้นานนัก

เส็งทำทุกวิถีทางเพื่อ ป้องกันไม่ให้ใครมาเหยียบย่ำ ทำลาย เรือนเทาของหลวงพินิจราชอักษร ลูกชายคนเดียวของเจ้าคุณไพรัชกิจจา และเพราะอย่างนี้ละ เขาจึงไม่ได้ไปผุดไปเกิดกับเขาเสียที เส็งเชื่อว่า คุณหลวงจะมารับเขาแล้วไปอยู่ที่บ้านที่เพชรบุรีด้วยกันอย่างไรเมื่อร้อยกว่า ปีก่อน ปัจจุบันก็ยังเชื่ออย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง แม้ตัวเขาจะยังไม่แน่ใจว่า คุณหลวงเองยังมีชีวิตอยู่ หรือตายกลายเป็นผีไปแล้วก็ตาม เพราะ เขาเองไม่ได้รับรู้เลยว่า เวลาผ่านไปมากจนถึง 4 แผ่นดินพระมหากษัตริย์ไทยด้วยกัน สิ่งเดียวที่เส็งรับรู้และ สัมผัสได้ คือ การเปลี่ยนแปลงของบ้านหลังนี้ กับ ความเหงาที่อยู่เป็นเพื่อนเขามานาน เท่านั้นเอง

จนกระทั่งเช้าวันหนึ่ง ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นหวิวๆ ในตัวเส็ง มันเป็นความรู้สึกของผู้ที่ข่มตาหลับขับตานอนไม่ลงมาเป็นเวลาหลายวัน แล้วได้มามีโอกาสเอนหลังลงนอนบนเตียงครั้งแรก คือความรู้สึกที่เหมือนขาดอะไรสักอย่างมาเป็นเวลานานแล้วจู่ๆก็มาได้ในสิ่ง ที่ต้องการอย่างคาดไม่ถึง วูบหนึ่งของความรู้สึกว่า จะได้ ในสิ่งที่อยากได้ เกิดขึ้นในตัวเขา จนรู้สึกผิดสังเกต หรือว่าเขาจะได้เพื่อนใหม่เร็วๆ จนเมื่อเส็ง โผล่หน้ามามองที่หน้าต่างบานเดิมที่เขามักยืนทอดสายตา ลงมามองความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นด้านหน้าเรือนเทา เท่านั้น ก็พบว่ามีคนมาสร้างกำแพงสีขาว ขนาดใหญ่ ตรงกลางเรือน เพื่อกั้นอาณาเขตของบ้าน ให้กลายเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งคือฝั่งปีกตะวันออกที่เป็นห้องนอนของเขา อีกฝั่ง คือฝั่งปีกตะวันตกที่เป็นที่ตั้งห้องนอนใหญ่ของคุณหลวง เมื่อกั้นกำแพงอย่างนี้แล้ว ก็เท่ากับว่า สะกัดกั้นเส็งให้อยู่ได้เพียงแค่ฝั่งเดียวของบ้านเท่านั้น เมื่อมีคนมาจำกัดอิสระ เส็งก็ยิ่งรู้สึกว้าเหว่เดียวดายมากกว่าครั้งไหนๆ

'คุณหลวง คุณหลวงของบ่าวอยู่ที่แห่งหนใด เมื่อไหร่จะมารับบ่าวไปอยู่กับคุณหลวงเสียที'

เส็งยังคงอยู่ที่กระจกบานเดิม เป็นเวลาหลายวัน กระทั่งเขาสร้างกำแพงเสร็จ มีป้ายขนาดย่อมๆ ปักไว้ที่สวน หน้าตัวเรือนฝั่งตะวันตก เขียนไว้ว่า 'ขาย'

จะขายทั้งหมด หรือขายแค่ส่วนนั้นเส็งไม่รู้ เขารู้แต่ว่า ความรู้สึกเหมือนคนกำลังเอนตัวลงบนเตียง หลังจากวันที่แสนเหน็ดเหนื่อย และยาวนานนั้น ทวีขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันๆ โดยที่เขาเองก็หาได้รู้สาเหตุไม่ จนกระทั่งเมื่อชายหนุ่มหน้ารูปไข่ หน้าผากกลมกลึงคนหนึ่ง ลงจากรถที่จอดไว้หน้าเรือน เดินเข้ามา พร้อมกับนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์ร่างกลมเล็ก ในวันที่ลมพัดเอื่อยๆ วันหนึ่งของเดือนตุลาคม นั้นแหละ นายหน้าคนนี้เป็นคนคอยจัดการเรื่องซื้อขายเรือนหลังนี้ และเทียวมา เทียวไปอยู่หลายรอบ จนเส็งจำหน้าได้ เพียงนั้น เส็งก็พอจะเดาออกว่า สิ่งที่เขาสังหรณ์ใจนั้น กำลังจะมาในรูปแบบ ที่มากไปกว่าแค่เขาคิดเพ้อไปคนเดียว เสียแล้ว

'บ่าว กำลังจะไปหาคุณหลวงแล้ว ขอรับ' เส็งรำพึง

****************************************************

เพิ่งเคยมาโพสต์ที่นี่ เรื่องนี้เรื่องแรกนะครับ ช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยครับ
ผิดพลาดอย่างไรต้องขออภัยมาล่วงหน้าครับผม!
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 24-05-2010 04:14:51
เป็นกำลังใจให้จ้า
ไม่ค่อยได้อ่านแนวนี้นะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 24-05-2010 05:09:59
คุณPurple_Sky คุ้นชื่อนี้จัง เคยเขียนเรื่องที่มีตัวละครเป็น ผีดูดเลือดใช่มั้ยคะ?
(หากผิดคน ขออภัยด้วย)  :man1:
ตามอ่านต่อ ชอบแนวนี้จัง หาอ่านยากมากก มาลงเรื่อยๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 24-05-2010 07:40:40
เป็นกำลังใจให้นะคะ

ติดตามต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: ptyunjae ที่ 24-05-2010 09:29:36
เริ่มต้นซะวังเวงเชียวค่ะ
น่ากลัวจะมีผีด้วยไหมเนี่ย
แต่ยังไงก็ติดตามนะค่ะ
เป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 24-05-2010 09:48:01
เข้ามาต้อนรับนิยายแนวแปลกใหม่
ออกแนว รักข้ามภพ เลยรึเปล่าคะ

แต่สงสัยต้องอ่านตอนกลางวัน มิฉะนั้น จะวังเวงเกินไป
บรื๊อออออ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 24-05-2010 10:43:16
ชอบจังมาต่อเร็วๆนะครับ
อยากอ่านตอนต่อไปเร็ว
ชอบเรื่องย้อนยุค
คุณหลวง ขอรับ :man1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 24-05-2010 10:52:20
แนววิญญาณรัก..
จะเป็นไงต่อเนี่ยคนมาซื้อบ้านจะทำให้เส็งหลุดพ้นได้มั้ยหนอ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 24-05-2010 12:20:37

เห็นชื่อเรื่องแล้วต๊กกะใจ  เลยแวะเข้ามาดู อิอิ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: keerin ที่ 24-05-2010 13:50:51
ติดตามลูกเดียว อิอิ
ชอบแนวนี้อยู่แล้วด้วย ๕๕๕๕๕
ถึงเรื่ื่องนี้จะออกแนวขนลุกเล็กน้อย
แต่ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงก็ชอบอยู่ดี ชอบอะไรโบราณๆย้อนยุคอะ อิอิ  :กอด1:

รีบมาต่อไวๆน้าค้า เป็นดำลังใจให้  :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 24-05-2010 14:48:36
ชอบเรื่องแนวนี้มากเลยค่ะ  จะรอติดตามนะคะ

เป็นกำลังใจให้   :L1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 24-05-2010 19:27:28
ชอบพล็อตค่ะ ข้ามภพข้ามชาติ โหะๆ บวกให้กำลังใจค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: แม่มดน้อย ที่ 24-05-2010 19:41:03
 :mc4:

ตอนรับเรื่องใหม่ค่ะ

แนวลึกลับแบบนี้ชอบๆ

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: Phing ที่ 24-05-2010 19:43:32
 :mc4:
ตอนรับเรื่องใหม่
เหมือนเคยเห็นอีกที
แต่ยังไม่เคยอ่านเลย
อิอิ

เป็นกำลังใจให้คะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 24-05-2010 19:45:09

เห็นชื่อเรื่องแล้วต๊กกะใจ  เลยแวะเข้ามาดู อิอิ

ต๊กกะใจเหมือนกัน นึกว่าสองอวตารแปลงร่างมาลงนิยาย อิอิ
และก็เป็นกำลังใจให้คะ แนวนี้หาอ่านยาก

ปล. ไม่มีอะไรนะคะ สอง (oaw_eang) เคยลงนิยายชื่อคล้ายๆกัน แต่บัดนี้หายสาบสูญไปแล้ว เพราะลงไม่จบ (เอ ไม่แน่ใจว่าได้ชิงรางวัลนิยายดองยอดเยี่ยมด้วยป่าว )
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 25-05-2010 02:49:39
ขอบคุณทุกคนครับที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี
อ่อ.. มีคนเคยใช้ชื่อปางบรรพ์ด้วยหรอครับ? ผมว่าผมตั้งชื่อแปลกแล้วนะ 555+
มาต่อกันเลยนะครับ ฝากปางบรรพ์ด้วยครับผม!

***************************************************************************


    บ้านที่พาทิศยืนมองอยู่ในขณะนี้ คือ บ้านไม้กึ่งตึกทรงฝรั่งคือข้างล่างปลูกด้วยอิฐโบกปูนแบบบ้านในปัจจุบัน แต่ชั้นบนเป็นบ้านไม้คงแบบไทยๆไว้ แลดูโบราณเพราะก่อสร้างเสร็จมาแล้วตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ตัวบ้านทาสีเทาอึมครึม หลังคาทรงปั้นหยาสีเข้มมองแล้วเกิดความรู้สึกขนลุกขึ้นมาได้อย่างประหลาด ตัวบ้านสร้างแบบแกนสมมาตร คือซ้ายขวาเท่ากัน แบ่งเป็นสองปีก มีทางเข้า ได้สองฝั่งซ้าย ขวา ตรงกลางเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ บริเวณโดยรอบเป็นต้นไม้ที่โตขึ้นมาอย่างรกๆ ไม่มีใครคิดจะตัดไปใช้ประโยชน์อะไร แม้จะดูเกะกะไม่เป็นระเบียบ แต่ก็ดีไปอีกแบบ เพราะอย่างน้อยสีเขียวของมัน ก็ช่วยทำให้ความอึมครึมของบ้านโบราณหลังนี้ลดน้อยลงบ้าง สิ่งเดียวที่ พาทิศ เห็นว่าน่าจะสร้างต่อเติมเข้าไปใหม่ คงจะเป็นกำแพงสีขาว ขนาดใหญ่ที่แบ่งตัวบ้านของเจ้าขุนมูลนายคนไหนซักคนในอดีตหลังนี้ เป็น 2 ส่วน แยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง ฝั่งขวามือของเขาประกาศขาย และ ... พาทิศ กำลังตัดสินใจซื้อ
    นาย พาทิศ เป็นเด็กหนุ่มอายุเพียง ยี่สิบต้นๆ หน้าผากกว้าง และสูง แสดงถึงโหงวเฮ้งของคนที่มีอันจะกินในช่วงวัยเด็ก จมูกยาว โด่งพอประมาณ ไม่เป็นสันแหลมจนน่าเกลียด แสดงถึงความมั่งมี ไหลมาเทมาของเงิน ปลายจมูกกลม ไม่แหลมเชิดขึ้น อย่างดารา นายแบบฝรั่ง เป็นจุดที่บ่งบอกว่า เงินที่ไหลมาเทมานั้น จะยังเก็บได้อยู่ มีฐานะมั่นคง ไม่เหมือนพวกดาราที่จมูกยาวจริงแต่ปลายแหลม เงินไหลมาเทมาเหมือนกัน แต่ไหลมา แล้วเทออกไปหมดต่างหาก คางยาวพอประมาณ ไม่แหลม ไม่ยื่น ปาก สีชมพูสวย ไม่ต้องพึ่งอะไรมาแต่งเติม ประดับไว้อย่างถูกตำแหน่ง ทำให้รู้ว่าพระเจ้าคงจะประณีต บรรจงปั้นเด็กคนนี้ขึ้นมามาก ผิวขาวมีเลือดฝาด รับกันดีกับผมสีดำสนิท เซ็ทตั้ง เปิดหน้าผากกลมกลึงนั้นไว้ นับว่า เด็กหนุ่มคนนี้ เป็นคนที่ใครมองแล้ว ไม่เหลียวหลัง ก็คงไม่ใช่คนตาดี แน่ๆ
    พาทิศ เป็นลูกชายของไฮโซ ชื่อดังของเมืองไทยในขณะนั้น ครอบครัวของเขาจะว่าไปแล้ว สืบเชื้อสายมาจาก ขุนนางระดับพระยาคนหนึ่ง ซึ่งมีสมบัติมากพอที่จะทำให้คนในครอบครัว กินๆ นอนๆ อยู่กันได้อย่างสบาย อย่างน้อยก็พาทิศ คนหนึ่งละ ที่ไม่ทำงานแต่มีเงิน ให้เอามาใส่ถุงหนุนแทนหมอนได้สบายๆ พาทิศมีบ้านอยู่หลายหลังในเมืองไทย และ มักจะเป็นบ้านใหญ่โต ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เอาไว้พักผ่อนหย่อนใจ แค่ในกรุงเทพ เขาก็มีทั้งคอนโดหรูย่านสีลม สาธร และพวก บ้านแถบชานเมืองเอาไว้ เปลี่ยนบรรยากาศแทบนับไม่ถ้วนแล้ว ไม่ต้องนับพวกบ้านพักตากอากาศที่ เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต และอีกหลายๆ ที่ในประเทศให้ดูเยอะขึ้นเลย ถือว่าเปลี่ยนบ้าน เหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ว่าได้
    
    ทั้งนี้เพราะ พาทิศสนใจงานด้านการเขียนเป็นอย่างมาก ไม่ว่าเขียนบทความท่องเที่ยว หรือ นิยาย เรื่องสั้นต่างๆ เขาก็ชอบทั้งนั้น ยังไม่นับ เรื่องที่เขียนโพสต์ลงเว็บ สร้างความฮือฮาให้กับคนในโลกไซเบอร์ด้วย ทำให้เขาต้องอาศัย โลเคชั่นตามที่ต่างๆ เป็นฉากในเนื้อเรื่อง โดยมักอ้างกับคุณพ่อ คุณแม่ของเขาว่า "ถ้าคุณแม่จะเขียนเรื่องเพชร แต่ชีวิตนี้ คุณแม่ยังไม่เคยเห็นเพชรเลยสักเม็ดเดียว คุณแม่จะเขียนถูกหรือครับ อย่างนี้แหละครั้บ ผมถึงอยากมีบ้านที่เชียงใหม่ เพราะนิยายเรื่องใหม่เรื่องนี้ พระเอกจะเป็นเจ้าทางเหนือครับคุณแม่ ถ้าไม่เห็นสถานที่ ไม่คุ้นเคยกับคนเชียงใหม่ จะเขียนถูกหรือครับ"

    "คอนโดที่ว่านี้ อยู่ที่สีลมครับคุณพ่อ เรื่องที่ผมเขียนอยู่ เป็นเรื่องเกี่ยวกับหนุ่มสาว ที่พบรักกันในคอนโด เป็นเรื่องราวชีวิตของคนเมือง แล้วนั่งอยู่ที่บ้านที่ บางปะอิน ผมจะนึกออกหรือครับ ว่าคนในเมืองนี่ เขาอยู่กัน อย่างไร"

    และบ้านหลังนี้ที่พาทิศกำลังยืนพินิจอยู่นี้เอง คือบ้านที่เขาอ้างกับแม่ว่า จะเป็นส่วนหนึ่ง ในนิยาย แนวพีเรียดของเขา ถ้ามาอยู่ในที่โบราณๆ หน่อย คงจะมีไอเดียว่าจะเขียนอย่างไร " น่าเสียดาย ที่มีกำแพงสีขาวที่ทั้งสูง ทั้งหนา มาขวางกั้นเอาไว้ ให้เสียบรรยากาศบ้านโบราณไปหมด
    "แล้วฝั่งโน้น... ผมหมายถึงอีกฝั่งหนึ่งของกำแพงนั้น มีใครอยู่ไหมครับ" เขาพูดขึ้นกับนายหน้าร่างเล็กที่ยืนยิ้มแป้นแล้นอยู่ข้างๆ คอยเชียร์ให้ซื้อๆไปอยู่ซะ
    "ก็...มีบ้างครับ"
    พาทิศไม่ทันสนใจความประหลาดว่า ความหมายของคำว่ามีบ้าง นั้นคืออะไร เพราะสายตากำลังทำงาน
    เขาเห็นชายหนุ่มผู้หนึ่ง ทอดตามองลงมาจาก หน้าต่างของอีกซีกหนึ่งของบ้านนั้น บานหน้าต่างเปิดออกกว้างราวจะตั้งใจเปิดออกโชว์ให้เห็นรูปโฉมที่น่าพึงพิศของผู้ที่ยืนอยู่หลังกรอบหน้าต่างนั้น ชายหนุ่มที่ยืนมองเขาอยู่เป็นหนุ่มหน้าตี๋ ผิวขาวสะอาดราวปุยเมฆกระทบกับแสงอาทิตย์ ดวงตากลมเล็กใสแป๋ว จ้องออกเขาด้วยความสงสัยว่าจะย้ายมาอยู่ด้วยหรือไร ความประหลาดของหนุ่มตี๋คนนี้คือ ร่างท่อนบนที่เปลือยเปล่า ดูราวจะส่องสว่างออกมาได้อย่างน่าประหลาด เรียบเนียนจนอยากเอาดวงหน้าเข้าคลึงเคลีย ... ได้แต่เพียงคิด พาทิศตัดสินใจกล่าวขึ้นในสิ่งที่ตรงข้ามกับใจเล็กน้อย
    "ผมขอเข้าไปดูข้างในได้ไหมครับ"
    "โอ้ๆ ได้เลย ได้อย่างยิ่ง เดี๋ยวนะๆ พี่เปิดประตูให้" นายหน้า อสังหาริมทรัพย์คนนั้น หยิบกุญแจดอกใหญ่ออกมาไขประตูบ้านอย่างประหม่า
    ในขณะที่ พาทิศ เดินกำลังจะเข้าไปในบ้านทรงฝรั่งสีเทาหลังนั้น สายตาเขาก็เหลือบมองไปทางหน้าต่างบานเดิม คาดหวังจะเห็นใบหน้าของหนุ่มน้อยที่จ้องกลับมา... แต่ ไม่รู้เพราะอะไรเขาไม่เห็นแม้แต่เงา ของหนุ่มผู้นั้น... ที่ประหลาดไปกว่านั้น เพียงแค่ไม่กี่นาที ที่เขาเหลือบมองนายหน้าอสังหาริมทรัพย์คนนั้น หน้าต่างบานที่เขาเห็นชายหนุ่มก่อนหน้านั้น บานที่เคยเปิดกว้างอยู่นั้นแหละ บัดนี้ มันได้ปิดสนิท จนทำเอาเขาขนลุก มันปิดสนิท ราวกับว่าไม่เคยเปิดมาก่อนอย่างไรอย่างนั้นเลย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 25-05-2010 03:21:02
รับเรื่องใหม่
สนุก ชอบแนวนี้
เป็นกำลังใจนะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 25-05-2010 08:08:35
เจอคนเฝ้าบ้านทักทายเข้าให้ละ  หุหุ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 25-05-2010 08:43:46
เส็งมาต้อนรับคุณหลวงพาทิศ หรือป่าว เดาๆๆ ครับผม  :man1:
เจอกันครั้งแรก เห็นท่อนบนเนียนขาว ก็อยากจะคลอเคลียแล้วหรือครับ คุณพาทิศ แอบหื่น ว่ะฮ่ะฮ่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 25-05-2010 10:14:15
กำลังอยากอ่านแนวย้อนยุคอยู่เลย ขออ่านด้วยคนนะ  :mc4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: Ryuse ที่ 25-05-2010 11:57:42
รักต่างภพ แล้วมันจะลงเอยด้วยดีได้เหรอ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 25-05-2010 13:21:17
+1 เป็นกำลังใจให้คนเขียน เราชอบอ่านเรื่องแบบนี้น๊ะ แต่ขออย่างเดียวอย่าจบเศร้า เอาหวานๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 25-05-2010 13:44:23
มาต่อบ่อยๆนะครับ

ชอบนิยายแนวนี้มากๆเลย :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: keerin ที่ 25-05-2010 13:53:55
มาแล้ว....มันมาแล้ววววว ๕๕๕๕๕๕๕๕
สงสัยจังว่าเส็งจะทำยังไง
แล้วพาทิศนี่คือคนเดียวกันกับคุณหลวงของเส็งรึเปล่า??  :really2:


รีบมาต่อไวๆนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: ptyunjae ที่ 25-05-2010 14:15:00
สงสัยมาทักทายเจ้าของใหม่แน่ๆ
แล้วจะอยู่กันยังไงล่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 25-05-2010 19:23:07
ปล. ลืมตอบคุณ BaoBao

คุณPurple_Sky คุ้นชื่อนี้จัง เคยเขียนเรื่องที่มีตัวละครเป็น ผีดูดเลือดใช่มั้ยคะ?
(หากผิดคน ขออภัยด้วย)  :man1:
ตามอ่านต่อ ชอบแนวนี้จัง หาอ่านยากมากก มาลงเรื่อยๆ นะคะ

ใช่ครับเคยแต่งเรื่อง รอยรัก เขี้ยวคม ครับ
เคยเอาลงที่อื่น ไม่รู้ว่าจะมาลงที่นี่ด้วยดีรึเปล่าน่ะครับ แหะๆ

พรุ่งนี้ เช้าๆ มาลงตอนต่อไปให้นะคร้าบบ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: แม่มดน้อย ที่ 25-05-2010 19:45:56
เย้!ตอนหน้าจะเจอกันแล้ว
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 26-05-2010 10:22:53
 :a5: กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด คุณPurple_Sky เค้าชอบเรื่อง "รอยรัก เขี้ยวคม" นะคะ
น่ารักดีค่ะ :impress2:

มาเวิ้นเรื่องนี้ต่อ รอลุ้นว่าจะโดดไปภพไหนหนอ?
กระซิบ : ขอเข้มข้นๆ ยาวๆ เลยนะคะ (ชอบแนวนี้เป็นการส่วนตัว)

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 26-05-2010 13:16:42
    ลักษณะการจัดบ้าน ดูก็รู้แล้วว่า เป็นการจัดบ้าน แบบโบราณ เลียนแบบบ้านของผู้ดีชาวตะวันตก ในยุคแรกๆที่วัฒนธรรมตะวันตกเริ่มเข้ามาในสยามประเทศ เมื่อเขาไปก็พบกับห้องโถงซึ่งน่าจะใหญ่กว่านี้ แต่บัดนี้ ถูกปิดกั้นแยกออกจากส่วนซีกขวาของบ้านด้วยกำแพงอิฐสีขาวที่สร้างเข้าไปใหม่ ทางด้านซ้ายของประตูเป็นราวแขวนเสื้อโค้ท ขนาดพอๆ กับตัวของพาทิศ ราวนั้นเป็นราวไม้ มีการสลักกรุลายไว้ ดูอ่อนช้อยไม่เหมือนกับของปัจจุบัน ถัดจากราวแขวนโค้ทไป เขาสังเกตเห็นได้จากหางตา เป็นบันได ถอดยาวขึ้นไปจนถึงด้านบน หากมองลึกลงไปอีก จะพบ ห้องรับแขกขนาดเล็กอยู่ทางด้านซ้าย ส่วนทางขวาของห้องนั้น เป็นห้องอาหาร โต๊ะไม้สัก จัดไว้เข้าชุดกับตู้โชว์ของที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นของที่ระลึก จากประเทศฝรั่งเศส ที่คุณหลวง เจ้าของบ้านเคยไปอยู่มา

    กรอบรูปสีทอง แขวนไว้อย่างสง่างามบนผนัง ภายในเป็นรูปของชายหนุ่มท่าทางขึงขัง ผิวสีน้ำตาลทองแบบคนไทยสมัยก่อน ผมรองทรงเรียบร้อย ต่างจากผมซอยสไตล์เกาหลีของพาทิศ ดวงหน้าดูก็รู้ว่าเป็นผู้ดีมีตระกูล ดวงตาโตคมกริบ จมูกโด่งยาว แต่ไม่ดูแหลมเป็นสันแบบจมูกฝรั่ง ปากอวบอิ่มรูปกระจับเหยียดออก พอดูออกว่ากำลังยิ้มอยู่ แต่งตัวแบบขุนนางในสมัยรัชกาลที่ 5 คือ เสื้อราชประแตน กระดุม ห้า เม็ดโจงกระเบนผ้าม่วง หมวกหางนกยูงสวมไว้บนศีรษะอย่างมั่นคง ในมือขวานั้นกุมไม้เท้าไว้อย่างสบายๆ
    "ใครหรือครับ"
    "หา.. อะไรนะฮะ" นายหน้าอสังหาริมทรัพย์สะดุ้งเล็กน้อย มองปราดไปก็ปราดมาคล้ายหาใครอยู่ก็ไม่รู้
    "คนในกรอบรูปนั่นไงครับ" พาทิศเอ่ยขึ้นอีก "เขาคือใครหรือครับ"
    "อ้อ... คุณหลวงพินิจราชอักษร เจ้าบ้านนี้ไงล่ะครับ" นายหน้า ตอบเบาๆ สายตาก็ยังล่อกแล่ก อยู่ ไม่กล้ามองไปยังจุด จุดเดียว หากว่าพาทิศ ไม่ได้กำลัง ตื่นตาตื่นใจกับ สภาพบ้านละก็ คงจะแปลกใจ และรู้สึกผิดสังเกต ไม่น้อย
    "ตายแล้วหรือครับ"
    นายหน้าสะดุ้งเป็นครั้งที่ สอง
    "เอ้อ... ก็ครับ" หยาดเหงื่อเริ่มผุดออกมาเมื่อพูดถึงคุณหลวงในภาพ "ท่านเสียนานแล้วครับ"
    "อืม" พาทิศพูดตอบอย่างไม่ใส่ใจ เพื่อให้รู้ว่า ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด
    ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า การได้ขึ้นไปข้างบน
    พาทิศคิดได้ ก็เดินขึ้นบันได ไปสู่ชั้นสองของตัวบ้าน ที่ ที่เขามั่นใจว่าจะสามารถมองเห็นชายหนุ่มปริศนานั้นได้ หากแต่ด้านบนของตัวบ้าน ก็ปิดสนิท แยกต่างหากจากอีกฝั่งหนึ่งของกำแพง พอๆ กับชั้นล่างของบ้าน แต่ได้ชื่อว่าพาทิศ เสียอย่าง ชายหนุ่มไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เขาเดินไปที่หน้าต่าง กะเอาว่าจะต้องเป็นบานที่อยู่ข้างๆบานที่เขาเห็นหนุ่มน้อยผิวขาวกระจ่างคนนั้น แล้วเปิดออกเพื่อมองไปข้างนอก เขาหันไปทางหน้าต่างบานนั้น แต่แทนที่จะได้เห็นใคร ก็ตามที่เขาคาดหวัง ชายหนุ่มกลับพบความว่างเปล่า แถมหน้าต่างบานข้างๆ ก็ยังมีฝุ่นจับหนาเตอะ อย่างน่าแปลกใจ
    "มองหาอะไรหรือครับ" นายหน้าถามเบาๆ ราวกับเกรงกลัวคำตอบเสียเหลือเกิน
    "เปล่านี่ครับ..." พาทิศตอบอย่างไม่ใส่ใจ ความประหลาดใจกระตุ้นให้เท้าพาเขา เดินหายไป ห้องโน้น ห้องนี้ จนสุดท้ายคือห้องนอนใหญ่ที่อยู่ส่วนในที่สุดของบ้าน นายหน้า ยืนกอดอกมองอยู่นาน ก็ตัดสินใจเดินลงจากตัวบ้านไปรอที่ด้านหน้าบ้าน ด้วยเหตุผลบนใบหน้าที่พาทิศไม่ทันได้สังเกต ...สีหน้าซีดเผือดของนายหน้า ไม่กล้าที่จะยืนอยู่ที่ตรงนั้นต่อไป
    ห้องนอนใหญ่ปูด้วยพรมสวยสีแดง ดูสว่างและน่าสนใจที่สุดในบ้านหลังนี้ เตียงสี่เสาขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางผนัง ฝั่งขวาของประตู ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางห้องพอดี ผ้าปูเตียง อยู่อย่างไร ก็อยู่อย่างนั้น คืออยู่ในสภาพราวกับว่าไม่มีคนนอนมาก่อน ข้างๆ ประตูเป็นตู้เสื้อผ้าทำจากไม้สักทอง ดูสภาพเก่าแก่ แต่ก็ไม่ทรุดโทรม ถัดจากตู้เสื้อผ้า เป็นประตูไม้ที่พาทิศมั่นใจว่าคงเป็นทางเปิดไปสู่ห้องน้ำ โคมไฟลายทองบนโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียง วางไว้หมิ่นเหม่ แต่ก็อยู่ในสภาพดี น่าสนใจนักว่า หากกดสวิตช์เปิดมันแล้ว แสงที่ออกมาจะเป็นสีทองสวย เหมือนกับ ลายทองบนตัวไหม พาทิศเดินไปนั่งที่ขอบเตียง กดสวิตช์ไฟก็พบว่า ไฟไม่ติดขึ้นเป็นแสงนวล หรือแสงสีทองแต่อย่างใด ด้วยความประหลาดใจ ชายหนุ่มก็ทิ้งตัวลงจากเตียงนั่งคุกเข่าที่พื้น มองไปตามสายไฟสีดำ ที่ทอดหายไปหลังโต๊ะหัวเตียงนั้น
    พาทิศขยับโต๊ะหัวเตียงให้ห่างออกมาจากผนังเพียงเล็กน้อย เพื่อจะได้มีช่อง กว้างพอที่จะดึงสายไฟออกมา และดูว่ามีอะไรผิดปกติที่ทำให้โคมไฟไม่ติด แล้วเขาก็เห็น... ปลั๊กมันไม่ได้เสียบอยู่เท่านั้นเอง เพียงแค่พาทิศเสียบเต้าเสียบ เข้ากับเต้ารับ เขาก็พบว่าโคมไฟติดส่องสว่างขึ้นทันที... มากไปกว่านั้น ถัดจากเตียงไปทางซ้าย ตรงตำแหน่งที่เป็นเส้นกั้นระหว่างบ้านซีกนี้ กับอีกซีกหนึ่ง เขาสังเกตเห็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขายิ้มออก
    
    รูเล็กๆ แต่พอที่จะสอดนิ้วเข้าไปได้ ... และสามารถมองเข้าไปเห็นอีกด้านหนึ่งของบ้านนี้ได้

    พาทิศพบตัวเองค่อยๆคลานเข้าไป ที่รูเล็กๆนั้น แนบดวงตาลงไปที่รูนั้น คาดหวังจะได้เห็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของบ้านก็ยังดี แต่เสี้ยวหนึ่งของบ้านที่เขาเห็นนั้นเอง ทำให้ขนทุกเส้นบนร่างกายของพาทิศลุกซู่ เพียงส่วนเดียวที่เขาสามารถมองได้จากรูนั้น ... คือห้องน้ำขนาดกว้าง ตรงสายตาเขา เป็นบริเวณใต้ฝักบัวพอดิบพอดี เขาแทบจะรอไม่ได้เสียทีเดียว ให้ได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ ได้ใช้เวลา แอบมองชายหนุ่มที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งโดยที่เขาไม่รู้ตัว เพียงแค่คิดจินตนาการ ส่วนนั้นของ พาทิศก็ลุกชันขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
    ไม่กี่นาทีต่อมา พาทิศก็พาตัวเองลงมาด้านล่าง ประโยคแรกที่เขาพูดเมื่อเห็นใบหน้าถอดสีของนายหน้าอสังหาริมทรัพย์คนนั้น เป็นอะไรไปไม่ได้มากไปกว่า
    "ผมขอซื้อครับ"
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: keerin ที่ 26-05-2010 15:18:28
แอบโรคจิตนะ แอบดูคนอื่นผ่านรูฝาบ้าน  :z1:
ห้องนอนนี้เคยเป็นของคุณหลวงแหงๆ
แอบมีรูไว้ส่องบ่าวตัวเองด้วยเหรอ อิอิ   :-[


แต่ว่ายังเดาไม่ออกเลยว่าเนื้อเรื่องจะเดินไปแบบไหน
แล้วพาทิศเป็นพระเอกรึเปล่า?
หรือจะเป็นการเล่าเรื่องในอดีตของเส็งและคุณหลวงกัน
แล้วพาทิศเป็นคนเขียนนิยาย base on เรื่องราวของเส็งและคุณหลวง?


ไม่ไหวแล้วค่าาา อยากรู้ๆๆๆ รีบมาต่อไวๆนะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 26-05-2010 15:22:44
ตกใจกับชื่อเรื่อง
ก็เลยแว่บมาดู
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 26-05-2010 15:30:31
หื่นไปม้ายยยยยพาทิศ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: ptyunjae ที่ 26-05-2010 16:16:17
ว่าที่เจ้าของใหม่ทำไมมันหื่นขนาดนี้นะ
แล้วใครเป็นพระเอก นายเอกค่ะ
อยากรู้จัง
เป็นกำลังใจให้นะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 26-05-2010 18:32:47
พาทิศหื่นอ่ะ

นี่ถ้าไม่มีรูนั่นจะซื้อรึเปล่าเนี่ย   :laugh:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 26-05-2010 20:38:04
ชื่อเรื่องน่าสนใจมากๆ  แถมเนื้อเรื่องก็น่าติดตาม

เข้ามาให้กำลังใจค่า  สู้ สู้ นะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 26-05-2010 22:39:47
ชอบมากเลยค่า  เป็นกำลังใจให้อยู่นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 26-05-2010 22:52:27
กำละพระเอกเราเป็นโรคจิต :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: fungfung ที่ 27-05-2010 00:10:44
เอะไงกัน แต่เนื้อเรื่อง (ชื่อเรื่อง)น่าติดตาม   :z2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 27-05-2010 01:59:16
+1 เป็นกำลังใจ รับเรื่องใหม่ :mc4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 27-05-2010 04:53:38
แหม ตัดสินใจซื้อง่ายๆ เลยนะพ่อคู๊น
ตาพาทิศแอบโรคจิตอ่ะ  :z13: ระวังเป็นตากุ้งยิงนะยะ
ตัวละครมีสามมุม ใครจับมุมไหนหว๋า? เดามะเถิกเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 27-05-2010 15:15:56
ดีนะ ที่พอมองลอดช่องไปไม่เจอลูกตาโปนสีซีดๆ จ้องกลับมาอะ  o21
ไม่งั้นแทนที่จะซื้อ ได้วิ่งกันป่าราบ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 27-05-2010 17:43:28
น่าสนใจค่ะ เข้ามาติดตามด้วยคน
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 28-05-2010 10:04:49
ภาพ ของหนุ่มตี๋ผิวขาวสะอาด ยังติดตาตรึงใจพาทิศอยู่ไม่เลือน อะไรบางอย่างบอกเขาว่า คนนี้แหละที่เขาชอบ และใช่ เขาสำรวจตัวเองในกระจกเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อความแน่ใจ ก่อนออกจากคอนโดหรู ริมถนนสาธร ผมซอยแค่ต้นคอ ลู่แนบลง ไปตามทรง คิ้วเข้มไม่เป็นรูปร่าง ของเขาทำให้ดูแมนดี ดีกว่าพวกที่ชอบกันคิ้วให้เรียวแหลมโก่งเป็นคันศร เป็นไหนๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด ใส่กระดุมไว้เพียง 2-3 เม็ดล่าง โชว์แผงอกเซ็กซี่ไว้ตามสไตล์ของพาทิศ กางเกงยีนส์สีเข้มดูเข้ากันกับความหล่อคมของพาทิศ... เขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะทำอะไร ไม่รู้ว่ามันจะเสี่ยงแค่ไหน แต่คืนนี้ เขาอยากไปที่บ้านหลังนั้น... อยากไปให้เห็นหนุ่มตี๋ที่เขาถูกใจ อีกสักครั้งก็ยังดี
    คอมพิวเตอร์ตรงหน้า เปิดไว้เป็นเว็บไซต์ของเพศที่สามที่เขาเข้าไปเล่นเป็นประจำ เป็นสถานที่ที่จะให้คนในโลกไซเบอร์ได้เข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างๆ เป็นชุมชนออนไลน์ สำหรับชาวเกย์ที่น่าอยู่เสียยิ่งกว่าในชีวิตจริง กระทู้ แอบดูคนข้างบ้าน ที่เขาคอยอ่านอยู่บ่อยๆ ก็ค่อยๆถูกพาทิศ ปิดลงไปทีละหน้าต่าง จนสุดท้ายปิดเครื่องไปเสีย
    ชายหนุ่มรู้ดีว่าความผิดปกติทางจิตของเขานั้น เป็นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ การแอบดูคนอื่นนั้นเริ่มมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว พาทิศยังจำได้ ตอนที่ถูกพ่อจับได้ว่าแอบดูเขาอาบน้ำ ความลับที่ว่าเป็นเกย์และ เป็นพวกถ้ำมองก็แดงขึ้นมาทันที
    "แกมันตัวประหลาด ฉันเลี้ยงแกไม่ดีตรงไหน แม่ก็เหมือนกันปล่อยให้ลูกวิปริตไปได้ขนาดนี้ ไปเลยนะ พามันไปรักษา ไม่ว่าจะวิธีไหนให้มันหายให้ได้"
    แต่ไม่ว่าพ่อจะจับเขาเข้าโรงพยาบาลจะกินยาควบคุม หรือจะกักบริเวณเขาอย่างไรก็ตามก็ไม่มีอะไรดีขึ้นไปกว่าเก่า พาทิศก็ยังไม่รู้สึกอยู่ดีว่า ความผิดปกติของเขานั้น มันผิดปกติจริงๆ เขารู้สึกเพียงว่า การมองอะไรๆ แบบที่เห็นโฉ่งฉ่างนั้น ก็เป็นเหมือนคนเอาของขวัญมาให้ทั้งๆที่ไม่ได้ห่อ เหมือนโยนของมาให้เขาเห็นตรงๆเท่านั้น ไม่ว่าของนั้นจะมีมูลค่ามากมายมหาศาลขนาดไหน แต่ก็กลายเป็นว่านอกจากจะทำให้ความอยากรู้การรอคอยหาคำตอบนั้นหมดลงอย่างเสียอรรถรสแล้ว ยังทำให้รู้สึกเบื่ออย่างห้ามไม่ได้เสียด้วย
    แต่ในทางกลับกัน หากใครสักคนเอาของขวัญมาให้โดยบรรจุอยู่ในหีบห่อ ที่แน่นหนา ที่เขาต้องค่อยๆ แก้ออก ถอดออกทีละชิ้น ทีละชิ้น ยิ่งมีกล่องซ้อนกล่อง ซ้อนกล่องลงไปมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งตื่นเต้น ยิ่งอยากรู้ยิ่งอยากเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในมากเท่านั้น ... แต่เมื่อเห็นของที่อยู่ข้างในแล้วในที่สุด ความอยากได้ใคร่รู้ ความตื่นเต้น สนใจ มันจะหมดหายวับไปในทันที
    เขาไม่อยากเจอเด็กหนุ่มคนนั้นเสียทีเดียว ... อยากคอยเฝ้าดูเสียมากกว่า อยากค่อยๆเห็นเขา ไปทีละส่วน ทีละส่วน จนสุดท้ายเมื่อได้เขาแล้ว ทุกอย่างก็จบ ส่วนที่ดีที่สุดของมันคือการได้ค่อยๆชำแหละเขา ออกทีละน้อยๆ นั่นแหละ
    รถจอดลงที่ตรงข้ามบ้านหลังนั้นในที่สุด

    สภาพในตอนกลางคืนทำให้เรือนเทาหลังนี้ ดูน่ากลัวมากขึ้นหลายเท่าตัว มีเพียงแสงไฟสลัว จากเสาไฟฟ้า ที่วางเรียงกันเว้นห่างไปเป็นระยะ อยู่ห่างกัน เกินกว่าจะมองเห็นอะไรได้มากไปกว่า อะไรก็ตามที่อยู่ใกล้เสาไฟนั้นจริงๆ รถของพาทิศจอดอยู่เหน้าส่วนที่เป็นซีกซ้ายของบ้าน ส่วนที่เขาเคยเห็นชายหนุ่มแผงอกสวยคนนั้น นั่นแหละ ตัวบ้าน ตั้งอยู่โดดเดี่ยวในอาณาบริเวณที่เต็มไปด้วยละเมาะไม้ หาดูได้ยากในกรุงเทพ ไกลออกไปเป็นกิโล ถึงจะเห็นสภาพความเป็นเมือง บรรดาตึกแถว โรงแรมที่เรียงตัวอยู่ด้านหลัง และแสงไฟที่ส่องให้เห็นบรรยากาศในยามค่ำคืน ณ. ตำแหน่งนี้ หากมีใครซักคน ย่องมาข้างหลัง พาทิศก็คงไม่รู้สึกตัว
    ชายหนุ่ม ดับไฟในรถ ดับเครื่อง มีเพียงกล้องส่องทางไกลในมือ... หน้าต่างบานนั้นเปิดอยู่ ในตอนแรกที่มาถึง พาทิศไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดๆ ก็ได้แต่ซบหน้าลงบนพวงมาลัยรถรอเวลาที่จะแอบได้เห็นชายหนุ่มที่เขาหมายปอง จนกระทั่งแสงไฟรางๆ ดูคล้ายว่ามาจากไฟประเภทตะเกียงมากกว่าไฟฟ้า ส่องวูบขึ้นที่หน้าต่างบานนั้น ดูมัวสลัวราง เป็นสีออกเหลืองนวล มีเงาเคลื่อนไหว วูบวาบไปมาคล้ายมีใครอยู่ข้างหลังกรอบหน้าต่างนั้น
    
    ลำกล้องส่องทางไกล แนบกระชับเข้าที่กรอบดวงตา ของชายหนุ่ม ภาพที่เห็น ขยายกว้างจากความเป็นจริงมาแนบชิดที่ดวงตาให้เห็นได้ชัดขึ้น ตรงนั้น เป็นโครงร่างของชายหนุ่มคนหนึ่ง ค่อยๆ เดินเข้ามาที่หน้าต่าง ร่างกายกำยำดูหนาทะมัดทะแมง ไม่ได้อรชร อ้อนแอ้น เพรียวเล็กอย่างชายหนุ่มที่เขาเห็นเมื่อตอนเช้า... ขนทุกเส้นบนร่างกายของพาทิศลุกตั้งเมื่อเห็นดวงหน้าของผู้ที่ชะโงกออกมามองผู้บุกรุกที่แอบเฝ้ามองเขาอยู่
    ดวงตาคมลึกนั้น จ้องมองมาอย่างคาดแค้นเมื่อรู้ว่ามีคนแอบมอง จมูกโด่งยาว กับริมฝีปากประกอบกันทำให้ดูบึ้งตึงและน่าเกรงขามอย่างที่พาทิศเห็นแล้ว เย็นวูบไปทั้งร่าง เพราะนั่นมันเป็นใบหน้าของ หลวงพินิจราชอักษร ที่อยู่บนกรอบรูปในบ้านนั้น ไม่ผิดแน่
    "น้อง!!!"
    พาทิศสะดุ้งสุดตัว กล้องส่องทางไกล กระเด็นตกลงไปที่ข้างเท้า เมื่อ ยามหนุ่มขี่จักรยาน เข้ามาบังภาพของหลวงพินิจราชอักษรอย่างรวดเร็วจนน่ากลัว พ่อยามส่องไฟฉายเข้ามาในรถ กระทบกับหน้าของพาทิศที่หลบแสงด้วยความตกใจ
    "มาทำไรตรงนี้ครับน้อง"
    "เอ่อ..." ชายหนุ่มอึกอัก สายตาล่อกแล่กไปมาหาคำตอบที่มีเหตุผลพอ มาแก้ตัว "...คือ"
    "ไม่รู้หรือ ว่านี่บ้านใคร"
    "เอ่อ..." เขาเงียบไปพักหนึ่ง หาคำตอบมาพูดกับยามหนุ่มบนจักรยานที่ตรงหน้า "ไม่รู้ซีครับ คือ เพื่อนผมจะมาซื้อบ้านนี้อยู่ ก็เลยแวะเข้ามาดูเสียหน่อย"
    กางเกงของพาทิศ รูดซิปเปิดอยู่ ท่อนเอ็นที่ผงาดขึ้นด้วยความตื่นเต้น ค่อยๆ อ่อนตัวลงเมื่อมีอะไรมาขัดจังหวะ เขามองหลบต่ำลงไม่กล้าจ้องตาของอีกฝ่ายมากไป กลัวว่า ฝ่ายโน้น จะจับพิรุธได้
    "โห เพื่อน น้องก็ใจกล้าเนอะ"
    เงียบ ไปสักพักหนึ่ง

    "ทำไม หรือครับ"
    "อ้าว ก็บ้านหลังนี้น่ะ มันบ้านเก่าของหลวงพินิจราชอักษร น้องรู้รึเปล่าว่าเขาเป็นใคร"
    ชายหนุ่มส่ายหน้า
    "หลวงพินิจราชอักษรเนี่ย เป็นคนในกระทรวงธรรมการ ในสมัยก่อนนู้นเหมือนแบบกระทรวงศึกษาฯ นั่นแหละ สมัย ร.5 ได้ละมัง ลูกพระยา คนนี้ รวยมาก เนื้อที่ทั้งหมดตรงนี้ก็เลยตกเป็นของแก"
    "แล้ว ยังไงเล่าครับ ทำไมต้องใจเด็ดด้วย ผมไม่เข้าใจ"
    "อ้าวก็หลวงพินิจฯ แกตายในบ้านนั้น ไงเล่า ว่ากันว่าวิญญาณแกเฮี้ยน เพราะแกตายก่อนที่แม่ หยาด คู่หมั้นของแกจะคลอดลูกให้แก ... เออ ว่ากันว่าแกน่ะฆ่าตัวตาย แต่ไม่มีใครรู้สาเหตุนะ เดาไปต่างๆนานา แต่ที่แน่ๆ วิญญาณไม่ยอมไปผุดไปเกิดซักที ทายาทรุ่นต่อรุ่นอยุ่กันมาก็ขนหัวลุก สุดท้ายพอทนไมไหวทายาทรุ่นสุดท้ายคนนี้เธอก็เลยไม่ยอมอยู่ ให้เป็นพิธภัณฑ์บ้าง ให้เชาบ้าง สุดท้ายก็มาขายนี่แหละ ไม่มีใครเขาอยู่กันได้ครบเดือนเสียที"
    พาทิศ รู้สึกเสียววาบที่หลัง
    "พี่ครับ... ยัง มีใครอาศัยอยู่ในบ้านนั้นอีกไหมครับ"
    "อันนี้พี่ก็ไม่รู้ แต่เขาลือกันว่า ไม่ว่าใครก็อยู่บ้านนี้ไม่ได้นาน ต้องย้ายออกไปกันเสียหมด ก่อนอยู่ครบเดือนเสียด้วย"
    
    แล้ว เด็กหนุ่มหน้าตี๋ ผิวขาวคนนั้นเป็นใครกันหนอ
    "พี่พอเคยเห็นเด็กหน้าตี๋ๆ อยู่แถวนี้ไหมครับ อายุซัก 17-18 ปี"
    ยามหนุ่มยกมือขึ้นเกาหัว นอกจากไม่เคยเห็นใครกล้าอยู่ใกล้บ้านหลังนี้ได้นานแล้ว ยังไม่เคยเห็นใครที่อยากรู้เรื่อง บ้านหลังนี้ได้มากเท่าชายหนุ่มตรงหน้ามาก่อน แต่กระนั้น เรื่องเด็กอายุ 18 นี่เขายังไม่เคยรู้เลยว่ามีใครแบบนี้อาศัยอยู่ในบ้านด้วย
    "อันนี้พี่ก็ไม่รู้ แต่พี่ว่าน้องรีบไปเหอะ เดี๋ยวคุณหลวงแกหงุดหงิด ก็โดนหลอกเอาหรอก ที่ตรงนี้ ปัจจุบันเป็นของคนในตระกูล ที่เหลือตกทอดมาของแกด้วย เดี๋ยวจะโดนข้อหาบุกรุกเสียก่อน"
    "ครับพี่... ผมก็ว่าจะไป อยู่พอดี"
    พอยามหนุ่มขี่รถจักรยานออกไปแล้ว พาทิศก็มองที่กระจกหลังให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมาอีก และเมื่อยามหนุ่มไปไกลพอรัศมีการมองเห็น พาทิศก็ก้มลงหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาแนบตาอีกครั้งแล้ว เขาก็เห็น กระจกไม้บานนั้น ปิดสนิทอยู่ และ เหมือนกับเมื่อตอนที่เขาจากไปครั้งแรก มันปิดสนิท
แน่น เหมือนไม่เคยถูกเปิดมาก่อนเลย

****************************************************************************

มาต่อให้แล้วนะคร้าบบ ขอบคุณมากที่มาให้กำลังใจกันหลายๆคน
แต่ตกใจกะชื่อเรื่องนี่? มีคนเคยใช้ชื่อนี้ เป๊ะๆ เลยหรือยังไงครับ?
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพล่าสุด 10.05 - 18/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 28-05-2010 10:42:59
นิยายลึกลับน่าติดตาม  บรรยายได้เห็นภาพมากเลยครับ

ว่าแต่  ตอนนี้เหมือน เส็ง กับ คุณหลวง จะอยู่บ้านเดียวกันอยู่แล้วรึเปล่า???

จากการที่พาทิศมองจากหน้าต่างบานเดียวกัน ก็เห็นทั้งเส็งและคุณหลวง  อีกทั้งคุณหลวงเองก็ตายที่บ้านหลังนี้ด้วย

แล้วทำไมเส็งถึงรอคุณหลวงเหมือนกับว่าคุณหลวงไปอยู่ที่ไหนซะก็ไม่รู้ล่ะครับ???

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพล่าสุด 10.05 - 18/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 28-05-2010 10:51:20
ตกลงว่าเส็งกะคุณหลวงเนี่ยเค้าอยู่ที่บ้านเดียวกันใช่เปล่าคะ

แต่ที่รู้ๆพาทิศจิตมาก
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพล่าสุด 10.05 - 18/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: keerin ที่ 28-05-2010 12:43:22
ตายแล้ว....นี่จิตกว่าที่คิดนะคะ  o22
ตกลงพาทิศคือพระเอก?????
ถ้าใช่จะไปรักกันตอนไหน
มีคุณหลวงอยู่อะ ๕๕๕๕๕๕๕๕

หรือว่านี่จะเป็นการเล่าเรื่องของคุณหลวงและเส็ง
ผ่านบุคคลที่สามนั่งก็คือพาทิศ
แต่เอ๊ะ..! อืมมมมมมมม
ไม่อยากคอดแล้วเดาไม่ถูก  :z3:


แต่ว่าสงสัยเหมือนกับคนอื่นค่ะ
ตกลงคุณหลวงอยู่กับเส็งเหรอ?
แล้วตอนแรกที่เส็งบอกว่าไม่อยู่และกำลังรอคุณหลวงให้มารับ
ตกลงมันเป็นยังไง อะไรเอ่ย งงๆ  :really2:

รีบมาต่อด่วนค่ะ!!!  ชอบมากกกกถึงแม้จะออกแนวจิตๆหลอนๆเข้าไปทุกที   :กอด1:


ปล.สาเหตุการฆ่าตัวตายของคุณหลวงก็เพราะเส็งใช่มะ อิอิ   :-[

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพล่าสุด 10.05 - 18/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: spizee_9 ที่ 28-05-2010 13:23:41
อ่านแล้วขนลุก บรึ๋ย~~~
 :z3:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพล่าสุด 10.05 - 18/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 28-05-2010 14:50:26
เหอๆ ถึงกับขนหัวลุกกันเลยทีเดียว...แต่พาทิศจะจิตไปไหน :haun4:
อาตี่น้อยคงเป็นเส็ง แต่ถ้าคุณหลวงยังอยู่ในบ้าน ทำไมไม่ได้เจอกันล่ะ :z3:
น่าติดตามมั่กมาก +1 ขอบคุณค่ะ รออ่านนตอนต่อไปน้าาา :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพล่าสุด 10.05 - 18/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 28-05-2010 18:30:35
ตกลงบ้านนี่มีกี่วิญญาณที่ติดอยู่กันแน่
แต่ที่แน่ๆๆๆ พาทิศ จิตไม่น้อยเลยนะนั่น  :z1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพล่าสุด 10.05 - 18/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 28-05-2010 18:46:26
พาทิศ แกจิตมาก ฮ่าๆๆๆ  วิญญาณคุณหลวงก็ยังอยู่รึนี่???  น่าติดตามมากๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพล่าสุด 10.05 - 18/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: Laxxeez ที่ 28-05-2010 20:54:45
กรรม :m29: นายพาทิศเนี่ยพระเอกแน่หรอคับ จิตหน่อย ๆ เนี่ยนะ (หรือไม่หน่อยกันหว่า :m29:)
เรื่องปัจจุบันผนวกพีเรียดย้อนยุค น่าติดตามคับ จัยนะคับ :3123:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพล่าสุด 10.05 - 18/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 28-05-2010 21:23:37
ตอบข้อข้องใจครับ

1. ขอชี้แจงเรื่องธีมของเรื่องก่อนนะครับ ลืมบอกไปเลยว่านิยายเรื่องนี้ เริ่มมาจากการที่ผมสังเกตได้ว่าพฤติกรรมทางเพศของหลายๆคนที่มาเล่าเรื่องตามเว็บเกย์ส่วนใหญ่นั้น เป็นไปในลักษณะชอบร่วมเพศหมู่ ชอบโชว์ ชอบดู ชอบเซ็กส์โฟนเป็นต้น ผมเกิดข้อสงสัยมาโดยตลอดว่าพฤติกรรมของคนเหล่านี้ เป็นปัญหาทางเพศ(Sexual disorder) หรือ เป็นเพียงแค่พฤติกรรม (Behavior) แต่ก็ได้แต่สงสัยเท่านั้นเพราะไม่มีความรู้ที่เชี่ยวชาญพอทางด้านจิตวิทยา

จน ผมมีโอกาสได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาทางเพศ(Sexual disorder) ไว้ด้วยทำให้เกิดความรู้ใหม่ว่า การเป็นโฮโม หรือ ไบเซกชวล ทางจิตเวชศาสตร์ถือว่าเป็น Sexual Identity disorder หรือความผิดปกติทางการแสดงออกทางเพศ รวมไปถึง Psychosexual Dysfunctions ที่มักพบบ่อยๆในนิยายเช่น ล่มปากอ่าว หรือ กามตายด้านเป็นต้น

ที่สะดุดใจผมมากที่สุดคือเรื่องของ กามวิปริต หรือ Paraphilius หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พฤติกรรมผิดปกติทางเพศที่พบเคยอ่านเจอนั่นเอง นอกจากจะตอบข้อสงสัยของผมแล้ว ข้อมูลที่ได้ตรงนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจที่นำมาสู่เรื่องสั้นชุด "กามวิปริต" ทั้งเจ็ดเรื่องของผมด้วย แต่ไปๆมาๆ เรื่องราวที่เตรียมไว้ทั้งเจ็ดเรื่องกลับมีเพียงสองในเจ็ด คือ ปางบรรพ์ และ เชือด สวาท เท่านั้นที่พล็อตออกมาเข้าท่า และแต่งได้ยาวกว่าเรื่องอื่นๆ จนทำให้ทั้งสองเรื่อง ไม่เป็นเรื่องสั้น หรือเรื่องสั้นขนาดยาวอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นนิยาย ที่มีคอนฟลิกต์ เกิดขึ้นมากมายร้อยกันเป็นสองเรื่องนี้ อีกห้าเรื่องที่เหลือ จึงกลายเป็นเพียงตัวประกอบที่แม้จะมีพล็อตที่สมบูรณ์ แต่ก็เป็นพล็อตที่วางไว้ให้เป็นเรื่องสั้น คือมีคอนฟลิกต์เดียว ไคล์แมกซ์เดียว ไม่เข้ากับเรื่อง ปางบรรพ์ และ เชือด สวาทเป็นอย่างยิ่ง ผมจึงตัดสินใจตัดเรื่องสั้นทั้งห้าทิ้ง ละ ลงมือแต่งนิยายขนาดยาวสองเรื่องนี้แทน

พาทิศเป็นผู้ป่วยโรค  Voyuerism หรือโรค ถ้ำมอง ที่ชอบแอบดู ต้องแอบดูจึงจะเกิดความรู้สึกทางเพศ ครับโดยมีเหตุมีผลต่อคอนฟลิกต์หลักของเรื่อง เมื่ออ่านกันจนจบแล้ว จะเข้าใจแจ่มแจ้งครับว่าทำไมผมจึงต้องกำหนดให้พาทิศเป็นโรค ถ้ำมอง ไม่ใช่ใส่ไป อย่างนั้น ตามที่ผมต้องการ เป็นนิยายโรคจิต+พีเรียด ในเรื่องเดียวกันครับ (ใครอยากอ่านหวานๆซึ้งๆ ขอให้รอตอนย้อนยุคครับผมมม)

2. หลายคนถามว่า ใครเป็นพระเอก พาทิศ หรือเปล่า ตามที่ผมเข้าใจ พระเอก-นายเอก คือตัวละครที่รักกันและเป็นตัวละครหลักของเรื่อง เหมือน ชายกลาง-พจมาน / โรมิโอ-จูเลียต ใช่ไหมครับ ผมจะบอกว่านิยายเรื่องนี้ของผม ฉีกแนวจากแนวอื่นๆที่อาจจะเคยอ่านกันมา โดยเรื่องนี้ช่วงปัจจุบันเป็นเรื่องที่ดำเนินผ่านพาทิศทั้งหมด เท่ากับคล้ายๆว่าพาทิศเป็นคน "เล่าเรื่อง" ผมจะเรียกพาทิศว่าเป็นตัวละครหลักแล้วกันครับ ไม่ใช่ พระเอก หรือนายเอก ตามแบบที่ผู้อ่านหลายคนรู้จัก ส่วนเรื่องราวในอดีตจะเป็นเรื่องของ เส็ง และหลวงพินิจราชอักษร และ2เหตุการณ์นี้จะเชื่อมต่อกันด้วยเหตุผลบางอย่าง นอกเหนือจากนี้ ผมขอไม่บอก เพราะอาจเป็นการสปอยล์เนื้อเรื่อง พระเอก นายเอกคือใคร ใครคู่ใคร..เส็ง กับคุณหลวง..หรือคุณหลวงกับพาทิศ...หรือพาทิศกับเส็ง ขอให้ติดตามต่อไปแล้ว จะถามดีไหมครับ? ว่าผู้อ่านคิดว่าใครเป็นพระเอกและนายเอก ตอนนี้ ขออุบไว้ก่อนครับ

3. ตกลงบ้านนี้มีกี่วิญญาณที่ติดอยู่กันแน่ / ตกลงว่าเส็งกะคุณหลวงเนี่ยเค้าอยู่ที่บ้านเดียวกันใช่เปล่าคะ / แล้วตอนแรกที่เส็งบอกว่าไม่อยู่และกำลังรอคุณหลวงให้มารับ ตกลงมันเป็น ยังไง - ขออนุญาตใจร้ายนะครับ ข้อนี้ผมขอไม่ตอบครับ ผมบอกได้แค่เส็งเป็นวิญญาณที่ยังผูกพันอยู่กับบ้านนี้ไม่ยอมไปผุดไปเกิด เพราะเขารอคุณหลวงกลับมาหาเขาครับ ส่วนเรื่องที่พาทิศเห็นคุณหลวง ผมขอไม่พูดอะไรนะครับ 555+ ขอร้องแค่ว่า ให้ติดตามกันต่อไป จะคลี่คลายในเรื่องเองครับผมมม (นี่เป็นอีก 1 ปมของเรื่องที่ผมตั้งใจให้ผู้อ่านงง และจะเฉลยตอนท้ายให้เข้าใจครับ o18 คุณ ocha สังเกต และ สงสัยได้ตรงจุดมากครับ)

ขอบคุณทุกคนจริงๆครับ ที่ติดตาม อย่าเพิ่งหายหน้าไปนะ
ขอชี้แจงว่า นิยายเรื่องนี้ เป็นนิยายขนาดยาว มีรายละเอียด+ข้อมูลเล็กๆเต็มไปหมด บางตอน(หลังจากนี้)อาจดูเหมือนไม่สำคัญแต่ขอแจ้งให้ทราบว่า ทุกอย่างที่ผมแต่งเอาไว้ มีที่มาที่ไปและมีเหตุผล ไม่แ่ต่งออกนอกทะเลแน่นอนครับ

ไว้พรุ่งนี้ (ไม่ชัวร์ว่า เช้า หรือค่ำเลยนะครับ เพราะมีธุระนอกบ้าน) ผมจะมาต่อให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ไขข้อข้องใจ 21.20 - 28/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: spizee_9 ที่ 28-05-2010 22:25:39
น่าติดตามนะเนี่ยไม่เหมือนเรื่องอื่นดี
ไงก็สู้ๆนะครับ
 :mc4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ไขข้อข้องใจ 21.20 - 28/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: Laxxeez ที่ 28-05-2010 22:30:18
โอเช...เข้าใจแล้วคับผม :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ไขข้อข้องใจ 21.20 - 28/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 28-05-2010 23:32:53
ขอบคุณสำหรับคำชี้แจงค่ะ ชัดเจนดีจัง และชวนให้ติดตามมาก

ไม่หนีหายไปไหนค่ะ จะติดตามต่อ (แบบเอามือปิดตาด้วย แหะๆ บรื้อออ)แน่นอนค่า

ทายว่า เส็งคู่กับคุณหลวง จ๊ะ ก็รอกันมานานอยากให้สมหวัง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ไขข้อข้องใจ 21.20 - 28/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 29-05-2010 03:38:04
เข้าใจแต่ยัง งง

หรือเป็นเพราะว่าไม่เจอนิยาย

แบบนี้เลยทำให้ดู งง อยู่มั่งครับ

จะติดตามผลงานอย่างต่อเนื่องครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ไขข้อข้องใจ 21.20 - 28/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: keerin ที่ 29-05-2010 07:29:41
นึกแล้วว่าต้องเล่าเรื่องผ่าน พาทิศ อิอิ   :z2:

เข้าใจแล้วล่ะค่ะ แต่ก็ยังมีบางจุดที่งง อย่างเช่นทำไมพาทิศถึงเห็นคุณหลวง
ที่ควรจะไม่อยู่บ้านเดียวกับเส็งได้......
แต่ก็เหมือนที่บอกไว้อ่าเนาะ อ่านไปเรื่อยๆก็หายงงเอง
๕๕๕๕๕๕๕

โอเคค่ะ รีบมาต่อตอนต่อไปนะค้าาาาาาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ไขข้อข้องใจ 21.20 - 28/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 29-05-2010 07:52:12
ขอบคุณสำหรับคำชี้แจงค่า
พอเข้าใจพฤติกรรมของพาทิศขึ้นมานิดนึงแล้ว แต่ต้องติดตามต่อไปว่าทำไมพาทิศถึงกลายเป็นพวกถ้ำมองไปได้


เรื่องเริ่มมีปมมากขึ้นแล้ว จะติดตามต่อไปจนจบแน่นอนค่า  สู้ สู้ ค่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ไขข้อข้องใจ 21.20 - 28/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 29-05-2010 07:53:05
ขอบคุณที่ชี้แจงค่า ไม่งงนะ แต่อยากรู้มากกว่าเดิม 55
รอติดตามและเป็นกำลังใจให้จ้าาาา :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ไขข้อข้องใจ 21.20 - 28/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: Phing ที่ 29-05-2010 07:56:14
 :pig4:
ที่ชี้แจงพอเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วค่ะ

จะติดตามต่อไปค่า
 :L2:

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ไขข้อข้องใจ 21.20 - 28/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 29-05-2010 10:18:32
+1 เป็นกำลังใจให้คนเขียน รีบมาต่อเร็วๆน้า รออยู่ :3123:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ไขข้อข้องใจ 21.20 - 28/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 29-05-2010 16:56:43
ขอบคุณนะคะที่มาไขข้อข้องใจให้

จะติดตามต่อไปจ้า อยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า ^^
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ไขข้อข้องใจ 21.20 - 28/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 29-05-2010 22:02:51

    หลังจากเจอยามหนุ่มคนนั้น ในคืนแรกแล้วเขาก็เพียร แวะไปที่บ้านนั้น อยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่เห็นอะไรอีกเลย พาทิศยังคงคาใจอยุ่ที่ยังพิสูจน์ชัดเจน เรื่องสื่งที่เห็นเมื่อก่อนจะกลับไม่ได้ เขาไม่แน่ใจว่า วูบสุดท้ายก่อนที่กล้องส่องทางไกลจะตกนั้น เขาเห็นหลวงพินิจราชอักษรหรือเปล่า
    แม้จะยืนยันกับตัวเองนับครั้งไม่ถ้วนว่าเขาแน่ใจเพียงใด ว่าภาพของชายหนุ่มที่เขาเห็นนั้น เป็นคนคนเดียวกันกับชายหนุ่มคนที่อยู่ในภาพเขียน แต่ก็ไม่อาจหาเหตุผลใดมาบอกได้ว่า คนที่ตายไปแล้วร้อยกว่าปี จะมาปรากฏตัวให้เขาเห็นได้อย่างไร หากว่าไม่ใช่ผี และเขาก็ไม่ยังไม่มีเหตุผลอีกนั่นแหละว่า ในยุคที่วิทยาการก้าวไกลไปขนาดนี้ ทำไมยังมีผีคุณหลวงที่ตายไปเมื่อร้อยปีโดยไม่ไปผุดไปเกิด สิงสถิตย์เฝ้าบ้านอยู่ด้วย นอกจากนั้นปัญหา อีกปัญหาที่ยังคิดไม่ตกคือ แล้วนายหน้าตี๋ที่เขาเห็นนี่ ผี หรือ คน คนสมัยหลวงพินิจฯ อะไรนั่น หรือสมัยนี้ และอยู่ในบ้านนั้น ร่วมกับคุณหลวงได้อย่างไร
    เขาเทียวไปเทียวมาที่บ้านนั้นหลายครั้ง ทั้งกลางวัน และกลางคืน กดออด ตะโกนเรียกอย่างไร ชายหนุ่มในบ้านนั้นก็ไม่ออกมา จะส่องมองทางกระจกก็ไม่เห็นอีกแล้วก็เลยตัดสินใจยอมแพ้ และ เมื่อในที่สุดได้เวลาที่จะย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนั้น เขาจึงได้พยายามทำทุกวิถีทางให้ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับหลายๆ เรื่องที่เขาสงสัย
    แต่ก่อนจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นได้ เขาก็มีปัญหากับใครหลายต่อหลายคนทีเดียว
    ที่ใกล้ตัวที่สุดคือ พ่อและแม่
    พ่อคงเอือมกับนิสัยของลูกชายจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ก็เลยไม่พูดอะไร นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ จิบกาแฟไป กระดิกเท้าไปอย่างรำคาญ ในห้องอาหารเช้า ผนังทำด้วยกระจกของบ้านในหมู่บ้านจัดสรร แห่งหนึ่งแถววงเวียนใหญ่ ส่วนแม่ของพาทิศ ก็ยกมือขึ้นทาบอก แหวนเพชรเม็ดยักษ์สะท้อนแสงโคมไฟ เป็นประกายแว่บขึ้นมา เมื่อรู้ประวัติความเป็นมาของบ้านหลังนั้น จากปากของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของเขา
    "ต๊าย ตาย ตายแล้วคุณชาย" ชายคือชื่อเล่นของเขา ส่วนคุณเป็นชื่อขึ้นต้นที่ทุกคนในบ้าน รวมไปถึงวงศาคณาญาติ และ บรรดาแจ๋วคนใช้ในบ้านของพาทิศใช้เรียกตามที่แม่ของเขาบังคับให้เรียกกันอย่างนั้น เช่น คุณแม่จะไปไหนครับ คุณป้าชมนาดมาเยี่ยมแน่ะค่ะ ในกรณีของพาทิศ พอคุณ และ ชายรวมกัน ก็กลายเป็นคุณชาย ให้ดูโก้เก๋ เทในสายตาของคนอื่นๆ ในขณะที่เจ้าตัวรู้สึกรำคาญ และไม่ชอบให้ใครเรียกอย่างนั้นเสียเลย "บ้านอะไรอย่างนั้นน่ะ คุณลูก คุณแม่ไม่ยอมนะคะ ไม่มีทาง ไม่ยอมเด็ดขาด อะไร้ โตแล้วนะลูกไม่ใช่เด็กๆ บ้านที่เคยมีคนตายละก็แม่ไม่ยอมให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวเด็ดขาด"
    เพลงพิณ แม่ของพาทิศนั้น จะว่าเป็นผู้หญิงสวยก็คงไม่ได้ แต่ความรวยของเธอทำให้เธอทำอะไรก็ได้กับตัวเอง ให้ดูดีมีราคาที่สุด ราวกับตุ๊กตา บลายธ์ก็ไม่มีผิด ผมทำสีน้ำตาลทอง ทอดตัวหยิกเป็นคลื่นแนบลำคอเป็นสีที่ย้อมเอาไม่ใช่สีธรรมชาติ ดวงตาไปกรีดมาเป็นสองชั้น และ ทำศัลยกรรมดึงหางตาไม่ให้ตก หย่อนยานไปตามวัย พอๆ กับหน้าตึงเปรี๊ยะ ปกปิดอายุ ที่ลดลงฮวบๆ หากพิจารณาเฉพาะหน้า ปากและ จมูกเป็นสิ่งที่หล่อนมีมาสวยอยู่แล้ว เพียงเติมคางเท่านั้นก็ทำให้ดูหน้าเรียวสวย ราวดารา นางแบบ ส่วนผิวพรรณที่นวลละเอียดนั้น ผ่านการอบ นวด ขัด สปา บำรุงด้วยอะไรต่อมิอะไรไปหมด จึงทำให้หล่อนดูดีเกินกว่าจะเป็นแม่คน
    การแต่งตัวก็เช่นกัน หาก ไม่ถอดออกมาจากนิตยสาร ก็ต้องสั่งตัดขึ้นมาพิเศษจากห้องเสื้อราคาแพง นอกจากนั้นเครื่องประดับก็ยังมีอยุ่ทั่วตัวราวกับกลัวไม่มีใครรู้ว่าขายเพชร ที่ต้องแต่งอย่างนี้ หล่อนอ้างกับลูกว่า
    "เวลาคุณแม่ยืมตัวคุณชายไปเดินชอปปิ้ง จะได้ไม่ดูแตกต่างอย่างไรล่ะคะ คุณลูก จะให้คุณแม่เป็นยายแก่ซอมซ่อ เหนียงยาน แต่งตัวเหมือนพวกแม่ค้าขายผัก เดินคู่กับลูกชายหล่อเริ่ด เพอร์เฝ็ก เจ้าสำอางค์ ให้คนเขานินทากัน หรือคะ"
    
    ส่วนกับสามี เธอมักจะอ้างว่า
    "อ๊าวว มีเมียสวยไม่ชอบ ไม่แต่งอย่างนี้ จะให้แต่งอย่างไรคะ เดี๋ยวเขาก็ไม่รู้หรอกค่ะ ว่าคุณเพลง เป็นไฮโซ ทำธุรกิจนำเข้าเพชร"    
    พ่อเขาเสียอีก ทั้งที่เป็นฝ่ายแบกรับนามสกุลพระราชทาน "ไพศาลเสนียวงศ์" ยังทำตัวติดดิน ใส่กางเกงขา สามส่วน เสื้อยืด รองเท้าแตะ กินโจ๊ก กินข้าวแกงข้างทาง ไม่มีทีท่าว่าต้องติดหรู ติดไฮโซ อะไรอย่างแม่ของเขาเลย
    เมื่อเห็นแม่พูดอย่างนั้นเข้า พาทิศก็รีบสวนทันควัน
    "โธ่ คุณแม่ครับ คุณแม่ไม่เคยฟังเรื่อง นาง กีสาโคตมี หรือครับ ตอนที่ลูกนางตายแล้วพระพุทธเจ้าให้ไปหา เมล็ดผักกาดจากบ้านที่ไม่เคยมีคนตายนั่นน่ะครับ แล้วคุณแม่เห็นไหมล่ะครับว่าไม่มีหรอก บ้านที่ไม่เคยมีใครตายน่ะครับ"
    "ตายจริง คุณลูก แล้วทำไมต้องเป็นบ้านเก่าด้วยคะคุณลูก ก็ซื้อบ้านปลูกใหม่ซีคะ หรือไม่อย่างนั้นเดี๋ยวคุณแม่จะซื้อที่ให้ปลูกใหม่ เป็นแบบบ้านเก่าให้ก็ได้ค่ะ ดีไหมคะคุณลูก"
    สามีของเธอ ลดหนังสือพิมพ์ลงไม่ให้บังสายตา แล้วจ้องภรรยาด้วยสายตาไม่เห็นด้วย
    "จะปลูกใหม่ไม่เอาหรอกครับ" เมื่อพาทิศเถียงแทนแล้ว พ่อของเขาก็ดึงหนังสือพิมพ์ขึ้นมา ปิดหน้าไว้ตามเดิม เพราะไม่จำเป็นต้องมีปากเสียงกับภรรยาอีก "ผมจะซื้อบ้านนี้แหละครับคุณแม่ ผมจะเขียนนิยายพีเรียดนะครับ ก็ต้องลองอยู่บ้านเก่าๆ ดูจริงๆ บ้านหลังนี้น่ะ ผมถูกใจแล้วล่ะครับ"
    "ก็ไม่เห็นมันจะขายดีซักเรื่องไอ้นิยายนั่นน่ะ" คราวนี้ เป็นพ่อเขาที่ออกความเห็นอย่างทนไม่ได้ "มีก็เล่มแรกนั้นแหละที่พอขายได้บ้าง"
    นิยายเล่มแรกของพาทิศ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กหนุ่มที่ไปเรียนอยู่เมืองนอก โดยที่เขาใช้ชีวิตเขาเองเป็นพล็อต แต่งโน่นนี่เพิ่มไป ให้น่าตื่นเต้นสมกับเป็นนิยายเท่านั้น ก็ได้รับผลตอบรับดีพอสมควร เพราะแนวเรื่องที่แปลกประหลาดว่าหอนักศึกษาที่พระเอกอาศัยอยู่ในเมืองนอกนั้น เป็นตึกของพวกพ่อมด แม่มด แทนที่จะได้เรียนหนังสือ ก็ได้ไปเรียนเวทมนต์ ไสยาศาสตร์แทน
    "อะไรกันครับคุณพ่อ เรื่อง รักยอดดอย นั่นก็ได้เอาไปทำเป็นละครนะครับ ส่วนรัก ณ สีลม ก็ได้เป็นซิทคอม ยังไม่ถือว่าประสบความสำเร็จหรือครับ"
    "แล้วเรตติ้งมันดีไหมเล่า"
    ถูกของพ่อ ทั้งสองเรื่องแป้กสนิท ผู้จัดไม่กล้าทำละครด้วยนิยายของเขาอีกเลย แต่พาทิศก็ไม่วายเถียงข้างๆ คูๆ ไปอีก
    "ก็คนเขียนบทละครนะซีครับ เอาเรื่องผมไปดัดแปลง เสียไม่เหลือเค้าเดิม ถ้าเป็นแบบในนิยายผมก็คงดังไปแล้ว" พาทิศ ลุกขึ้นจากโซฟา "ไม่รู้ละครับ ถ้าคุณพ่อ คุณแม่ไม่ยอม ผมเอาเงินที่กะว่าจะซื้อรถให้เป็นของขวัญวันเกิดให้คุณแม่ ไปดาวน์ บ้านไว้ก่อนก็ได้"
    "ว๊ายย คุณชาย ไม่ได้นะคะ" แม่แว๊ดขึ้น "คุณก็ ซื้อให้ลูกไปซีคะ จะได้หมดเรื่องหมดราว"
    เท่านั้นก็ผ่านด่านแรกฉลุย

****************************************************************************

มาต่อให้แล้วนะคร้าบบบ
อย่าเพิ่งทิ้งกันนะคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่2 22.00 - 29/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 29-05-2010 22:17:57
บ้านนี้ spoiled ลูกจัง
+1 เป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่2 22.00 - 29/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 29-05-2010 22:30:21
ติดตามอยู่จ้ะ  เป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่2 22.00 - 29/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 29-05-2010 22:55:34
ผมว่า คุณแม่พาทิศ นี่ออกแนวเพ้อเจ้อนะ  ล้นเยอะเกิน ลดๆ ลงหน่อยดีกว่าครับ



    มาต่อให้แล้วนะคร้าบบบ
        อย่าเพิ่งทิ้งกันนะคร้าบบบ

- มาแต่ละครั้งจะสั้นไปไหน
- ให้กำลังใจครับ  ไม่ทิ้งไปไหนครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่2 22.00 - 29/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 30-05-2010 01:08:17
ตามมาติดๆค่ะ

เนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้น
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่2 22.00 - 29/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: fungfung ที่ 30-05-2010 02:59:45
ตอนหน้าขอยาวๆ น้า
แต่คุณแม่ท่าจะมากมายนะนั้น   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่2 22.00 - 29/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: ptyunjae ที่ 30-05-2010 04:18:34
รวยแต่งกเหรออคุณแม่ขา
ขำครอบครัวนี้จัง
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่2 22.00 - 29/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 30-05-2010 07:38:11
คุณแม่.... :m20:
แต่กล้าดีเนอะ คุณชายเนี่ย เป็นเค้าเห็นแบบนั้น เผ่นแนบ ไม่ยงไม่อยู่มันแล้ว o22
แต่อยากเจออาตี๋อ่ะดิ คิคิ
ขอบคุณค่ะ รออ่านตอนต่อไปน้าาา :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่2 22.00 - 29/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 30-05-2010 08:48:32
พาทิศกล้ามาก ขนาดรู้ว่ามีผีก็ยังกล้าอยู่อีก เป็นคนอื่นเผ่นตั้งแต่โดนหลอกแล้ว

อัพบ่อยๆนะคะ จะติดตามและเป็นกำลังใจให้เสมอค่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่2 22.00 - 29/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: keerin ที่ 30-05-2010 08:49:14
ไฮโซเต็มขั้น ๕๕๕๕๕๕๕๕  :m20:

สั้นจัง ถ้าอย่างนี้ต้องรีบมาอัพตอนต่อไปนะคะ  :กอด1:


เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่2 22.00 - 29/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 30-05-2010 10:20:00
แวะเข้ามาเป็นกำลังใจครับ


เห็นชื่อเรื่องแล้วต๊กกะใจ  เลยแวะเข้ามาดู อิอิ

ใช้แล้วอิเจ้ นึกว่าเจ้อวตารมา เค้าคิดถึงปางบรรพ์นะเจ้

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่2 22.00 - 29/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 30-05-2010 12:23:10
ขอบคุณสำหรับคำชี้แจงค่ะ เข้าใจมากขึ้น มันจะต้องผูก ผูก ผูก กันไปทั้งเรื่องแน่ๆ-- งี้ตั้งสติก่อนอ่านทุกครั้ง เด๋วหลุด
แอนด์ o22 คุณแม่บ้านนี้ ไม่ไหวจะกล่าว โอ๋มากกกกกก ตามใจสุดใจขาดดิ้นเลยอ่ะ
โครงเรื่องจนถึงตอนนี้ไม่ค่อยดูน่ากลัวเท่าไหร่แหละ (แบบว่าสรุปในใจตัวเองว่าคงไม่ใช่แบบหนังผีตาโปน 555+)
แต่ตาพาทิศจะไปทำไรยั่วคุณหลวงเข้าอ่ะเปล่า? ลุ้นต่อๆ คนอ่านไม่หายไปไหน ไรเตอร์ก็อย่าหายไปนะคะ  :man1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่2 22.00 - 29/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 30-05-2010 16:01:29
ยังไม่จุใจ

ตอนหน้าขอยาวกว่านี้

เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่2 22.00 - 29/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 31-05-2010 21:18:02
    ด่านที่สองจากพ่อแม่ก็มาถึงเพื่อน
    พาทิศลงทุนจัดปาร์ตี้ที่บาร์แห่งหนึ่งแถวสีลม เพื่อบอกข่าวดีว่าเขาได้บ้านใหม่อีกแล้ว แต่พอพาทิศบอกว่าจะไม่อยู่คอนโดฯที่สีลมแล้วไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่ เก่าเสียจนน่าจะพังลงมาได้แล้ว ก็ไม่มีเพื่อนคนไหนเชื่อสักคน
    "บ้าหรือเปล่ามึงน่ะ" คนแรก คือวรวิทย์ เพื่อนหนุ่มที่หน้าตาดีที่สุดในกลุ่ม ความเป็นลูกครึ่ง เมกซิโก ทำให้เขาดูหล่อเข้ม ราวกับหนุ่มละติน ผมหยักศกสีดำ และคิ้วเข้ม ขับให้ดวงตากลมโตของเขา ดูคมเสียจนเวลาที่ มองใครแล้วใครไม่หลบตาเขาละก็ คงลงไปนอนอยู่กับพื้นแน่ๆ พอชายหนุ่มหน้าใสคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ ก็หันหน้าไปจีบอย่างไม่เกรงใจเพื่นๆ "Hey venga donde papi mi amor" จะให้กูเชื่อว่าคุณชายอย่างมึง จะไปอยู่บ้านเก่าๆซอมซ่อ แถมห่างไกลความเจริญอย่างนั้น ได้ไงวะ"
    "เออ" พาทิศสวน "ถ้ากูย้ายแล้วก็อย่าตามมาปาร์ตี้ที่บ้านกูแล้วกัน เก่าจนจะพังอยู่แล้ว ต้อนรับพวกมึงไม่ได้นะโว๊ย"
    เพื่อนๆ หัวเราะ เลมอน เพื่อนเกย์ออกสาวที่สุดในกลุ่มก็แว๊ดขึ้น
    "ไม่ได้โว้ยย ไม่ด๊ายยย มึงย้าย พวกกูจะไปเผาบ้านมึง" ไม่ว่าเปล่า เลมอนตีแขนพาทิศเพี๊ยะๆอย่างขัดใจ "มึงไปไกลๆ แล้วใครจะคอยเลี้ยงพวกกูยะ"
    "ใช่" พิพัฒน์ เพื่อนหนุ่มหน้าตี๋ แทรกบ้าง "กูเผาด้วยคน บ้านไม้นี่ คงเผาง่าย ฮะฮ่าๆๆ"
    "มึงเตรียมสายสิญจน์ กะยันต์ไปป้องกันตัวเองให้ดีก็แล้วกัน" พาทิศ โพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เท่านั้นแหละ เพื่อนๆ ทั้งวงก็เงียบกริบ จนกระทั่ง ณัฐ เพื่อนหนุ่มเจ้าสำอางค์ ขี้อายและขี้กลัวที่สุดในกลุ่ม เอ่ยขึ้นมาเป็นคนแรก
    "มะ มึง หมายความว่าไงวะ"
    พาทิศ ไม่ตอบในทันที เพราะไม่รู้ว่า จะตัดตอน ส่วนไหนมาตอบ พอเรียบเรียงรู้เรื่องก็ตัดสินใจเล่าเรื่อง ของหลวงพินิจราชอักษร ให้เพื่อนๆฟัง เอาเฉพาะเรื่องที่เป็นประเด็นจริงๆที่ยามหนุ่มคนนั้นเล่าให้ฟัง โดยไม่เปิดเผยเรื่องของชายหนุ่มหน้าตี๋ หรือเรื่องที่เขาเห็นคุณหลวงพินิจฯ นี้ที่หน้าต่างให้เพื่อนขนหัวลุกกันมากไปกว่านี้
    "คือมึงเพี้ยน รึอะไรวะ" พิพัฒน์ท้วงคนแรก "บ้านคนตายเป็นผี ไม่มีใครกล้าอยู่นะมึง มึงจะไปอยู่ให้เขาหักคอรึวะ""
    "เฮ้ยย ผีมีที่ไหน กูพูดไปงั้นแหละ กูไม่ได้เชื่อจริงจัง"
    "แต่กูเชื่อ" เลมอนวี๊ดออกมา
    "ก็กูถูกใจของกู กูจะอยู่ของกู พวกมึงจะท้วงทำไมวะ"
    "ถูกใจอะไรวะ" วรวิทย์ถาม พาทิศพาลนึกไปถึงหนุ่มหน้าตี๋ที่เขาเห็นริมหน้าต่าง ไม่ได้นึกว่าผู้ที่ถามเขาถามถึงเรื่องของบ้าน ว่าชอบส่วนไหนเป็นพิเศษถึงได้ตัดสินใจซื้อ
    "เฮ้ย บ้าหรอไม่มีอะไร"
    "เอ๊ะไอ้นี่" เพื่อนหนุ่มตาคมงง "กูถามว่าถูกใจอะไรในตัวบ้าน ทำไมถึงซื้อ หรือมึงซื้อตามใจใคร ให้ใครอยู่วะ"
    พาทิศไม่ตอบ ได้แต่นั่งหัวเราะเบาๆ
    "บ้านโบราณเยอะแยะ ทำไมต้องไปซื้อแบบ เฮี้ยนๆด้วยวะ"
    "เพราะเฮี้ยนกูถึงซื้อ" พาทิศตอบสั้นๆ ง่ายๆ พอเพื่อนๆ เห็นว่าเพื่อนคนนี้คงกู่ไม่กลับแล้ว ก็ไม่มีใครซักอะไรอีก กินเหล้า เมากันอย่างเคย ก่อนกลับ ณัฐก็ยังอุตส่าห์ถามพาทิศตรงกับสิ่งที่เขาเองก็อยากรู้อยู่ในใจ
    "แล้วน้อง เป็ก แฟนมึง ว่าไงวะ"
    นั่นซี ถ้าเป๊กรู้ จะเป็นยังไง มีหวังได้เรื่องกันอีกแน่ๆ พาทิศยักไหล่ ก่อนจะเดินออกจากบาร์ไปเป็นคนสุดท้าย…    เพื่อนผ่านไปแล้ว เหลือปราการสุดท้ายนี้ละ ที่คงจะหินที่สุด

    ใครๆ เรียกเป๊ก ว่าเป็นแฟนของ พาทิศ แต่ชายหนุ่มเองให้คำจำกัดความเขาแค่ เพื่อน จะเพื่อนใจ เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว หรือแม้แต่เพื่อนร่วมเตียง พาทิศก็เหมารวมอยู่ในคำเดียวว่า เพื่อน ทั้งหมด
    สองสามคืนหลังจากที่ไปเลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆ พาทิศก็พาเป๊ก เพื่อนรู้ใจคนนี้ ไปเที่ยว ไปดินเนอร์ ดูหนัง ฟังเพลง เรียกได้ว่า เอาใจเสียจนผิดสังเกต หากแต่นายเป๊กคนนี้ ไม่คิดระแวงอะไรเลย นายคนนี้มีทุกอย่าง เงิน หน้าตา รูปร่าง ชื่อเสียง ขาดอย่างเดียวเท่านั้นคือ สมอง นอกจากจะหัวไม่ดีเรียนไม่จบอะไรสักอย่างแล้ว ยังตามคนไม่ค่อยทันเสียด้วย ด้วยเหตุนี้สิ่งที่ตามมาคือ ความเอาแต่ใจ และขี้ระแวง เพราะความคิดความอ่านมักตามคนอื่นไม่ทันเสมอนั้นแหละ จึงคิดว่าทุกคนจะต้องโกหก กะล่อน หลอกลวงเขาไปหมด
    กว่าพาทิศจะตัดสินใจได้ว่าจะ บอกนายเป๊กอย่างไรว่าตัวเองจะย้ายไปอยู่ที่บ้านหลังใหม่ โดยสมานฉันท์ ก็ปาเข้าไปจนสองสามวันก่อนที่เขาจะเข้าไปอยู่เลยทีเดียว หลังจากปฏิบัติการเอาใจ แบบ ถึงพริกถึงขิง จนเสร็จกิจแล้ว พาทิศก็เอ่ยขึ้นทั้งๆ ที่ยังมี เพื่อนหนุ่นอยู่บนแผงอก
    "เป๊ก พี่จะย้ายบ้านอีกไม่กี่วันนี้แล้วนะจ๊ะ"
    ตามคาด ชายหนุ่มที่เกลือกหน้าบนตัวของพาทิศไปมาอย่างฉอเลาะ กลับ ลุกพรวดขึ้น นั่งจ้องหน้าพาทิศอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
    "ว่าอะไรนะ พี่ชาย"
    คำตอบที่เตรียมมาพรั่งพรูออกมาราวกับหนังแสดงรุ่นใหญ่ คือ บทเป๊ะ แต่ยังเข้าถึงอารมณ์ได้ จนคนดูดูยังไงก็ไม่รู้สึกว่าเตรียมบทมาล่วงหน้า
    "นิยายเรื่องใหม่ของพี่ พี่ตั้งใจจะแต่งให้เป๊ก เป็นเรื่องราวที่ย้อนอดีตกลับไป ในสมัย ร. ห้า พี่ไปพบบ้านหลังนี้โดยบังเอิญ รู้ว่าเป็นบ้านของลูกพระยา" พาทิศข้ามฉากที่ว่าลูกพระยาคนนี้ละที่ตายกลายเป็นผีเฝ้าบ้านไปได้ทันก่อนที่จะโพล่งออกมา "บ้านไม้กึ่งตึก ตั้งร้อยกว่าปีมาแล้วยังอยู่ในสภาพดี มีกลิ่นอายของความเก่าอย่างนี้ เหมาะกับนิยายเรื่องนี้มากทีเดียว พี่ขออนุญาตน้องเป๊ก ย้ายไปที่นี่นะจ๊ะ"
    ชายหนุ่มหน้าใส ผมยาวแค่ต้นคอ ขมวดคิ้วเข้มๆของเขาเข้าหากันอย่างหงุดหงิด แต่ปากยังไม่พูดอะไร ซึ่งพาทิศถือเอาว่า น่ากลัวเสียยิ่งกว่าโดนด่า ฉอดๆ เป็นไหนๆ มองหน้าเพื่อนหนุ่ม ที่ซึ่งถ้าจะนับจริงๆ ก็เป็นได้ยิ่งกว่าแฟน พาทิศก็ตัดสินใจเอ่ยขึ้นเบาๆ อย่างเกรงกลัว
    "เป๊กจะไม่พูดอะไรหน่อยหรือ"
     "กำลังคิด" เมื่อเจอกันครั้งแรก สรรพนามที่ใช้ระหว่างสองคนคือ ผม และ พี่ กระทั่งมาเป็น เป๊ก และ พี่อย่างสนิทสนม แต่เมื่อไหร่ที่ไม่มีสรรพนาม ไม่ว่าตัวผู้พูดจะนึกอยากใช้กำว่า กู หรืออะไรก็ตาม แต่ถ้าไม่มีสรรพนามใดๆ หลุดออกมาจากปากของหนุ่มน้อยคนนี้ แปลว่าเป๊กกำลังหัวเสียอย่างมาก จนหากเป็นตัวการ์ตูนก็คือมีรอยเส้นเลือดปูดให้เห็นที่ขมับอย่างเด่นชัด และ คงมีไอน้ำ ลอยออกหูเพราะความเดือดดาลด้วย โชคดีว่าในชีวิตจริงพาทิศ ไม่เห็นภาพเหล่านี้ จึงยังคงตีความว่าชายหนุ่มเพียงแต่ งอน จะง้อสักครั้งสองครั้งคงหาย
    "คิดว่าอะไรหรือจ๊ะ"
    "จะตามไปอยู่ด้วย" เขาตอบอย่างไม่คิด เมื่อพาทิศได้ยินก็ลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าชายหนุ่มเช่นเดียวกัน การจราจรของถนนสีลม ข้างนอกที่มองเห็นได้จากกระจกใสบานยักษ์ของคอนโด วุ่นวายเพียงใด ในใจของสองหนุ่มก็วุ่นวายเท่านั้น
    "จะได้ยังไงเล่าเป๊ก" พาทิศเพลอครางออกมาอย่างไม่รู้ตัว แว่บแรก คือชายหนุ่มผิวขาวใสราวกับทารกที่บ้านหลังนั้น หากเป๊กไปอยู่ด้วย ก็เท่ากับว่า พาทิศหมดสิทธิ์ในตัวหนุ่มคนนั้น แม้พาทิศไม่เรียกแฟน เป๊กก็ถือตัวว่าตำแหน่ง คล้ายแฟนที่สุดอยู่ดี อย่างไรเสียคงแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ คอยกีดกันเขา จากชายหนุ่มที่เขายังไม่รู้จักนั้นอย่างแน่นอน
    ความคิดแว่บที่สองคือ ความรู้สึกกระวนกระวายใจที่เรื่องกลับยากกว่าที่คิด เขาเตรียมใจมาว่าเป๊กคงแค่โกรธปึงปังด่าว่าเขา หรือไม่อย่างนั้นก็คง งอนกระฟัดกระเฟียดไม่พูดด้วยให้เขาต้องง้อพอเป็นพิธีแล้วก็จบเรื่องกันไป แต่เรื่องกลับเป็นว่า เป๊กไม่โกรธ ไม่งอน ซ้ำยังไม่ปฏิเสธที่จะให้เขาย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่กลับอยากตามไปด้วย ทั้งนี้คงเพราะรู้นิสัยของ พาทิศดีว่า ถ้าอยากได้อะไรละก็ต้องได้ทุกอย่าง จะค้านก็คงไม่ฟัง ดังนั้นประเด็นที่เขาต้องเกลี้ยกล่อมเป๊กในขณะนี้ไม่ใช่เพื่อให้ชายหนุ่มยอมให้เขาย้ายไปอยู่บ้านหลังนั้น แต่เป็นการทำให้เขา ยกเลิกความคิดที่จะตามไปอยู่ด้วยแทน
    "เป๊กยังเรียนไม่จบนะจ๊ะ เปิดเทอมแล้ว ก็ต้องกลับไปเรียน"
    "โธ่ พี่ชาย" เขาเริ่มแสดงความหงุดหงิดในน้ำเสียงมากขึ้น "พี่ชายก็รู้ว่า เป๊กไม่เคยคิดง้อปริญญาสักใบเดียว จบมายังไงก็มีงานทำ บริษัทคุณพ่อก็ยังต้องให้เป๊กสืบทอดอยู่แล้ว อีกอย่างต่อให้อยู่ห้องนี้ พี่ชายก็ให้เป๊กโดดเรียนอยู่กับพี่บ่อย ออกไม่ใช่หรือ"
    เจอเรื่องจริงอย่างนี้ พาทิศก็อ้ำๆอึ้งๆ แต่ก็ไม่วายเถียงออกไปว่า
    "แต่พี่ต้องการสมาธิ เขียนเรื่องนี้จริงๆนะ"
    "ไม่เห็นจริงเลย เรื่อง เธอกับฉัน เรารักกันที่สีลม ก็ยังเขียนไปนอนกับเป๊กไปได้เลย" นี่เป็นอีกเรื่องจริงที่เป๊กงัดขึ้นมา ทำเอาชายหนุ่มหน้าผากกลมกลึงเงียบไปแบบเถียงไม่ออกอีก "หรือพี่ชาย จะย้ายไปอยู่กับใคร"
    คำถามทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย ปกติแล้ว เป๊กมักจะเป็นคนไม่มีสมองพอที่จะคิดอะไรยากๆซับซ้อนอย่างนี้ หากเป็นดั่งปกติ เป๊กก็คงสงสัยเพียงว่า ชายหนุ่มเบื่อเขาแล้ว และต้องการย้ายออกจากบ้านนี้ไปเพื่อหลบเลี่ยงเขา มากกว่าจะเฉลียวใจพอที่จะคิดได้ว่า การที่พาทิศจะย้ายออกจากบ้านนี้ จริงๆแล้วไม่ใช่เพราะเรื่องนิยายเรื่องใหม่อย่างที่เขาบอก และแม้แต่จะคิดได้ว่าพาทิศต้องการย้ายออกไป เพื่อลบเลี่ยงที่จะไปพบหน้าเขาด้วยซ้ำ ในความแปลกใจที่เป๊ก เดาเรื่องออกง่ายกว่าที่คิด พาทิศต้องรวบรวมสติเพื่อหาคำแก้ตัว
    "พี่จะไปอยุ่กับใครเล่าเป๊ก" เขาเถียงเอาสีข้างเข้าสี "พี่ไม่รู้จักใครแถวนั้นเลยนะจ๊ะ"
    "อ้อ ไม่ใช่เจ้าของเก่าที่ ขายบ้านให้พี่หรือ"
    เมื่อเรื่องที่เป๊กยกมาเถียง ดันเข้าใกล้เรื่องจริงมากขนาดนี้ พาทิศ ก็เกิดอาการอ้ำอึ้งเล็กน้อย เขามั่นใจตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้จักกับเด็กคนนี้แล้วว่า เขากับเป๊กคงคบกันไปได้ไม่นานด้วยนิสัยเจ้าชู้ประตูดินของเขา บวกกับความขี้น้อยใจคิดมาก กระฟัดกระเฟียดเป็นปกติของหนุ่มเป๊กแล้ว ไม่วันใดก็วันหนึ่งคงต้องทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กๆ แล้วบานปลายไปเป็นเรื่องใหญ่จนถึงขั้นทะเลาะกัน แล้วเลิกกันในที่สุดเป็นแน่ เพียงแต่เขาไม่ยักกะรู้ว่า สิ่งที่เขารู้ล่วงหน้านี้ จะมาถึงเขาได้เร็วติดจรวดขนาดนี้
    พาทิศตั้งหลัก แล้วตอกกลับอย่างเยือกเย็น

    "พี่ว่าเป๊กคิดมากไปหรือเปล่าจ๊ะ พี่ไปหาข้อมูลเขียนนิยายเท่านั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับใครเลยครับ"
    "ก็มันน่าประหลาดนี่นา" เป๊กยังคงมองหน้าเขาราวกับจะ แฮ็ก เข้าไปในหน่วยประมวลผลของนาย พาทิศ เพื่อดึงความคิดที่แท้จริงของเขาออกมาอย่างไรอย่างนั้น "ปกติไปบ้านไหนก็เอาเป๊กไปด้วย ทำไมไปบ้านนี้จะเอาไปด้วยไม่ได้ มันต้องมีอะไรสักอย่าง"
    มึงจะมาฉลาดอะไรเอาตอนนี้วะ พาทิศบ่นในใจ
    "ไม่มีอะไรเลยจ้ะ เป๊กพี่บอกแล้วไงจ๊ะ ว่าพี่ต้องการสมาธิในการเขียนเรื่องนี้มาก พี่กะจะให้เป็นนิยายเรื่องที่ดีที่สุดของพี่น่ะจ้ะ" มันคงเป็นนิยายที่ดีที่สุดของเขา เพราะเขาได้พล็อตเรื่องมาจากความฝันของเขาเอง ความฝันประหลาดที่เกี่ยวกับบ้านทรงไทย คนโบราณ และ ศาลาริมน้ำ ดูจากความฝันแล้ว เขารู้เลยเทียวว่า เรื่องนี้จะต้องเป็นเรื่องที่น่าติดตาม เรตติ้งคงดีพุ่งกระฉูดเป็นแน่
    "ไม่เชื่อหรอก มันต้องมีอะไรแน่ๆ"
    พอต้องแก้ตัวแล้วอีก แก้ตัวอีก พาทิศก็หมดอารมณ์จะแก้ตัวต่อไป ... เอาละ เป็นไงก็เป็นกันสักตั้งซีวะ อะไรจะเกิดก็เกิดๆ ไปเถอะ
    “เป๊ก นี่เป๊กเริ่มพูดไม่รู้เรื่องแล้วนะ
    "พี่ชายนั่นแหละ ไม่รู้เรื่อง มีอะไรก็บอกเป๊กมาสิ ทำไมต้องมาปิดบังด้วย ถ้าถูกใจใคร ไม่สนใจเป๊กแล้วก็บอกมา เป๊กทำใจได้" อารมณ์โกรธของเด็กหนุ่มคุกกรุ่นขึ้นมาในที่สุด หลังจากโกรธแบบนิ่งๆ มานาน คราวนี้การทอดเสียง การกระแทกเสียงเริ่มเป็นไปด้วยความหุนหันพลันแล่นและ ประชดประชันตามแบบของเขาเหมือนเดิมแล้ว ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศของห้อง อีกครั้ง
    "ไม่รู้ละนะ ถ้าพี่ชายย้ายออกละก็ ก็ไม่ต้องมาคุยกับเป๊กอีก"
    พาทิศอ้ำอึ้ง ความรู้สึกลังเลใจไม่ค่อยจะเกิดขึ้นนัก ในชีวิตเขา ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่เกิดขึ้นโดยไม่ควรจะเกิด เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าอยากเลิกกับ เป๊กแล้วจริงๆหรือยัง แม้เขาจะรำคาญเป๊ก มากแค่ไหน รวมไปถึงต้องการหนุ่มตี๋คนนั้นมากแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็ไม่แน่ใจอยู่ดีว่า หากขาดเป๊กไปแล้ว ใครจะมาคอยดูแลเอาอกเอาใจ เป็นที่รองรับอารมณ์ของเขาได้แทน
     ชายหนุ่มสูดหายใจลึก แล้วพูดประโยคสุดท้ายของคืนนั้นออกมา
    "ยังไงพี่ก็จะไป ถ้าเป๊กยังดึงดันที่จะไม่เข้าใจพี่..." พาทิศหยุดนิ่งไปด้วยสีหน้าของหนุ่มน้อยตรงหน้า ไม่แน่ใจว่าจะพูดคำต่อไปดีหรือไม่ แต่แล้วความคิดของเขาก็เอาชนะความรู้สึก ชายหนุ่มหลุดปากเอ่ยคำสุดท้ายออกไปในที่สุด "...เราก็คงไม่ต้องมาเจอกันอีก"
    มั่นคง และชัดเจนพอที่จะทำให้หนุ่มน้อย ลุกขึ้นจากเตียงสวมเสื้อผ้าแล้วปึงปังออกจากห้องนั้นไปในที่สุด ... แปลกที่พอมันเกิดขึ้นจริงๆ พาทิศกลับไมรู้สึกเสียดาย หรือ อาลัยอาวรณ์เด็กหนุ่มเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังรู้สึกโล่งใจ สบายราวยกเขาไกรลาศออกจากอกจริงๆ

    ครบหมดแล้วสามด่าน
    เขาเป็นอิสระที่จะย้ายไปอยู่บ้านหลังนั้นในที่สุด

****************************************************************************
ต่อให้จนจบ บทที่ 2 ละครับ
ไม่รู้ว่าที่นี่ชอบอ่านกันยาวๆ ผมลงที่อื่นเค้าจะชอบอ่านตอนละสั้นๆ บอกว่าเวลาอ่านยาวๆ จะปวดตา 555+

เอ็นจอยนะครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบ บทที่2 21.17 - 31/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: chae ที่ 31-05-2010 21:57:20
อ่านไปหลอนไป
จะ..จะนอนหลับไหมเนี่ยเรา
แต่ว่าสนุกดีนะคับ น่าติดตามๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบ บทที่2 21.17 - 31/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 31-05-2010 22:00:04
ได้ย้ายสมใจ นายพาทิศ
เรื่องอื่นมียาวกว่านี้อีก :laugh:
+1 เป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบ บทที่2 21.17 - 31/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 31-05-2010 22:03:43
+ ให้ความมุ่งมั่น(ที่จะหื่นใส่ผี)ของพาทิศ แหะๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบ บทที่2 21.17 - 31/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: fungfung ที่ 01-06-2010 02:26:44
2 in 1 จริงๆ   o22
มีเพื่อนอย่างเป็กคนเดียวเป็นได้ทุกอย่าง  :a5:
พูดออกมาได้พาทิศอย่างนี้สมควรหาผีเป็นแฟนจริงๆ   :laugh:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบ บทที่2 21.17 - 31/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: ptyunjae ที่ 01-06-2010 09:44:02
55555555
พาทิศจะไปอยู่กะน้องผีแล้ว
น่ากลัวจังว่าคุณหลวงจะหวงที่จนมาทำร้ายเอานะซิ
สู้ๆนะพาทิศ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบ บทที่2 21.17 - 31/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 01-06-2010 11:36:54
เลือกคนใหม่นะเนี่ยพี่ชาย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบ บทที่2 21.17 - 31/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: keerin ที่ 01-06-2010 13:11:44
อยากรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างอ่า
แล้วความฝันของพาทิศนี่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณหลวงและเส็งรึเปล่าหว่า  :really2:
รีบมาต่อด่วนค่าาาาาาาาา  :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบ บทที่2 21.17 - 31/05/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 03-06-2010 20:32:20

    ลุงอิ่ม หรือจะเรียกให้ถูกคือ ตาอิ่ม เป็นคนดูแลบ้านหลังนี้มาตลอดชีวิตของแก หน้าตาเหี่ยวย่น แถมผิวคล้ำจนเกือบดำ และผมขาวโพลนสั้นติดหนังหัวนั้น ทำให้แกดูแก่เกินกว่าท่าทางที่กระฉับกระเฉงของแกเหลือเกิน พาทิศมองปราดเดียวก็เดาได้ว่าตาคนนี้ คงอายุเลยวัยเกษียณเสียแล้วแต่ยังดูคล่องแคล่วราวกับคนหนุ่มอายุไม่ถึงสามสิบ เดินตรงมารับพาทิศตั้งแต่ลงจากรถยังไม่ทันได้ก้าวเข้าบริเวณบ้านด้วยซ้ำ ในเมื่อตาอิ่มเรียกแทนตัวเองว่า ลุง แทบทุกคำ พาทิศจึงต้องเรียกแกว่าลุงอิ่ม แทนที่จะเป็น "ตาอิ่ม" อย่างที่ควรจะเป็น
    "ลุงให้คนตัดต้นไม้ให้แล้วตามที่คุณ โทรมาสั่งไว้"
    "ขอบคุณครับที่ช่วยเป็นธุระให้" พาทิศมองโดยรอบบริเวณบ้านก็พบว่า ต้นไม้เกือบห้าสิบเปอร์เซนต์ถูกโค่นลงหมด บางส่วนที่เหลือก็ตัดแต่งกิ่ง ใบให้ดูเขียวชอุ่ม แต่ไม่รกจนน่ากลัวเหมือนคราวที่แล้วที่เขาขับรถมาดูตอนกลางคืนหลังจากเลิกกับเป๊ก เพราะบริเวณดูร่มรื่นแล้วนั่นเอง ทำให้บ้านหลังนี้ดูน่าอยู่มากกว่าน่ากลัว พาทิศมองเห็นคลองสายเล็กๆที่ทอดตัวอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของตัวบ้านมีศาลาท่าน้ำที่ดูเก่าโบราณ แต่ไม่ได้ถูกรื้อทิ้งไปเหมือนอย่างอื่น ตั้งอยู่ริมคลอง
    "ไม่เป็นไร ลุงเป็นคนดูแลบ้านหลังนี้ไว้ตั้งแต่ตอนที่คุณหนู สร้อย เธอย้ายออกไปน่ะครับ ก็เกือบๆ สิบปีได้แล้วละมัง แต่ไฟฟ้า และ ประปาคุณสร้อยเธอก็ให้คนจ่ายไปทุกเดือน ยังใช้ได้ตามปกติ คุณชายไม่ต้องเป็นห่วง" เขาเดินนำ พาทิศเข้าไปในบริเวณร่มรื่นของตัวบ้าน มีหลานชายอายุราวๆ ยี่สิบต้นๆ ช่วยถือกระเป๋า ตามมาด้านหลัง ลุงอิ่มอธิบายต่อไปว่า "บ้านของลุงอยู่อีกฟากของคลอง คราวที่คุณชายมาดูบ้านกับนายหน้าคนนั้นลุงไม่ได้ออกมาต้อนรับ ต้องขอโทษด้วย พอดียายแก่ มันไม่ค่อยสบาย"
    ลุงอิ่มคงหมายถึงภรรยาของแก
    "ลุงอยู่กันกี่คนครับ"
    "สามคนเท่านั้นล่ะคุณ มีลุง แล้วก็ยายแก่เมียลุง แล้วก็ไอ้เอก หลานชายลุงเอง มันเป็นใบ้ พ่อแม่มันไม่เลี้ยงให้อยู่กับลุงมานานแล้ว ก็ให้ช่วยดูแลบ้านหลังนี้ละครับ"
    ขนาดดูแลแล้ว พาทิศนึกในใจ ยังปล่อยให้ต้นไม้ขึ้นรกรุงรังเสียน่ากลัวจนต้องสั่งให้ตัดอีกนะ
    พอมาถึงตัวบ้าน เอก หลานของลุงอิ่มก็กุลีกุจอ เปิดประตู แล้วเดินเข้ามาเอากระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ของเขาวางไว้ข้างๆ ประตู แล้วยืนประสานมือรอคำสั่งอยู่ตรงนั้น ส่วนพาทิศก็เดินตามเข้ามา ยังคงฟังลุงอิ่มพูดอย่างไม่เว้นวรรค
    "แต่ก่อนตรงนี้คือห้องโถงใหญ่ เดิมใช้รับแขกที่ไม่ค่อยสนิทกันนัก แต่ปัจจุบันนี้พอคุณสร้อยสั่งให้สร้างกำแพงแบ่งตัวบ้านเป็นสองฝั่งก็เลยกลายเป็นเพียงโถงบันไดไว้ขึ้นไปชั้นสองเท่านั้น" แกว่า พลางมองไปสะดุดเข้ากับรูปภาพของคุณหลวงพินิจราชอักษร ที่จ้องมองมาที่พาทิศอย่างดุๆ ชายหนุ่มใจเต้นโครม หวนนึกไปถึงวันนั้นที่เขาแอบมาดู เด็กหนุ่มหน้าตี๋คนนั้น แล้วเห็นหลวงพินิจจ้องมองมา... ไม่แน่ อาจมีรูปของคุณหลวงนี่ อยู่อีกฟากของบ้านก็เป็นได้ พาทิศรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้กลิ่นธูปลอยมาเตะจมูก เขาหันขวับด้วยความหวาดผวา นึกว่าวิญญาณของคุณหลวงแกมาหาเขาอย่างไม่รู้ตัว ที่ไหนได้ นายเอกหลานชายของลุงอิ่มนั่นเองเป็นคนจุดธูปขึ้นดอกหนึ่ง ยื่นไปให้กับคุณตาของตัวเองที่ยังพูดเกี่ยวกับหลวงพินิจอยู่ไม่ขาดปาก พาทิศเรียกสติตัวเองกลับมาได้ก็ได้ยินลุงอิ่มพูดอยู่กับภาพของหลวงพินิจเสียแล้ว "...คุณหลวงขอรับ คุณพาทิศเธอเพิ่งย้ายมาพึ่งบารมีคุณหลวงขอรับ โปรดจงรับเธอไว้ใต้ร่มโพธิ์ร่มไทร อย่าได้เบียดเบียนหรือทำอันตรายคุณพาทิศเลยขอรับ เธอมาดีขอรับ ไม่มีเจตนาทำลายบ้านนี้แน่นอนขอรับ”

    พาทิศขนลุกซู่ หยาดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผาก ควันธูปที่ปกติจะลอยตามลมซึ่งควรจะเป็นทางเดียวกับที่ลมนอกประตูพัดเข้ามา กลับลอยขึ้นตรงๆ เป็นเส้นต่อกันไปถึงบริเวณหน้าของหลวงพินิจพอดิบพอดี แถมยังลอยวนอยู่ตรงนั้น ไม่ยอมลอยสูงไปกว่านั้นอีก
    ลุงอิ่มปักธูปที่กระถางหน้ารูปของหลวงพินิจราชอักษรแล้วก็เดินนำเข้าไปที่ห้องรับแขก ทางประตูด้านซ้ายมือ
    ห้องรับแขก ซึ่งขณะนี้เป็นห้องนั่งเล่นมีหนังสือมากมายตามคำบอกเล่าของชายชรา ส่วนมากเป็นบทประพันธ์ทั้งไทย ทั้งต่างประเทศ ทั้งนิทานคำกลอน บทละครนอก ละครในต่างๆ รวมไปถึงหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ พงศาวดาร และ เท็กซ์ภาษาฝรั่งเศสที่เป็น "ตำราเรียนของคุณหลวง ท่านนำกลับมาด้วยขอรับ" คุณหลวงคนนี้มีหน้าที่แปลบทประพันธ์ และเขียนหนังสือถวายราชสำนักในสมัยพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ห้า คุณหลวงสนใจงานประพันธ์ และ พงศาวดารประวัติศาสตร์มากที่สุด จึงมีแต่หนังสือประเภทนี้เสียหมด ตรงกลางห้องนั่งเล่น เป็นโต๊ะเตี้ยไม้สัก ฉลุลายอ่อนล้อยสวยงาม ล้อมรับด้วยตั่งไม้ แบบโบราณ และโซฟาเบาะนุ่มสีขาวงาช้าง น่านั่ง ลุงอิ่มเดินไปถึงแจกันสีขาวสะอาด บอกว่า "เป็นของที่คุณหลวงนำกลับมาจากฝรั่งเศส" อีกเหมือนกัน
    เขาเดินผ่านห้องนี้ไป ถึงอีกห้องหนึ่งที่อยู่ติดกัน พาทิศมองจากหางตาก็รู้ว่า ทางขวาเป็นทางเข้าไปห้องอาหารที่เขาเคยเห็นมาแล้ว มีโต๊ะไม้สักเข้าชุดกับตู้โชว์ของที่ระลึกจากฝรั่งเศส และภาพวาดหลายภาพแขวนอยู่ แต่ในเมื่อลุงอิ่มพาเดินไปอีกห้องหนึ่ง ที่อยู่ถัดจากประตูไม้สักทอง ตรงกลางระหว่างตู้หนังสือไทย และตู้หนังสือเทศ เป็นห้องที่ลุงอิ่มแนะนำต่อไปว่าเป็น ห้องหนังสือ
    ห้องรับแขก หรือห้องนั่งเล่นมีหนังสือเท่าใด ห้องหนังสือ มีหนังสือมากกว่าเกือบสองเท่า ด้านหลังของพาทิศ ซึ่งก็คือด้านที่ติดกับประตูห้องนั่งเล่น เป็นชั้นไม้สักมีบานหน้าต่างกระจกปิดไว้สนิทมีหนังสือเรียงกันอยู่มากมาย ลุงอิ่มบอกว่าเป็น หนังสือวิชาการทั้งนั้น ล้วนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทย และ นานาชาติ อีกทั้งมีหนังสือไวยากรณ์ภาษาฝรั่งเศส รวมไปถึงหนังสือเรียนทั้งหมดของหลวงพินิจราชอักษร และหนังสือที่ทายาทได้ซื้อไว้ก็เอามาใส่ในห้องหนังสือนี้ "คุณทวด และ คุณปู่ของ คุณหนูสร้อยเธอก็นั่งทำงานในห้องนี้ละครับ"
    ด้านซ้ายมือของพาทิศคือโต๊ะเขียนหนังสือขนาดใหญ่ วางไว้เกือบกึ่งกลางห้องพอดี บนโต๊ะ มีกระดาษ และ ปากกาขนนกวางตั้งอยู่อย่างเป็นระเบียบ
    "งานของคุณผ่านฟ้า พ่อของคุณหนูครับ เป็นทายาทรุ่นสุดท้ายที่ยังอยู่ที่บ้านหลังนี้จนสิ้นชีวิตไปด้วยโรคมะเร็งครับ" พาทิศขี้เกียจซักประวัติของคนในตระกูลนี้มากนัก เพราะคิดว่าไม่ใช่ธุระอะไรของเขา จึงได้แต่เดินตามลุงอิ่มไปที่หลังโต๊ะทำงาน ... ด้านหลังโต๊ะนั้นเป็นประตูไม้สักที่ปิดล็อคอยู่... ด้วยความอยากรู้ พาทิซจึงเอื้อมมือไปบิดกลอนเบาๆ "อย่าครับคุณ"
    ชายหนุ่มแทบจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงชายชราตะโกน เท่าที่เสียงแหบๆของเขาจะทำได้ พาทิศรีบชักมือกลับมาโดยเร็ว แล้วยิ้มแหยๆ อย่างสำนึกว่าไม่ควรจะซนไปเลย
    "ฟากนั้นของบ้าน ไม่ใช่ที่ที่ควรเข้าไป คุณไม่ควรแม้แต่จะพยายามเข้าไปยุ่งคุณพาทิศ"
    ชายหนุ่มเกือบหลุดปากว่าทำไม แต่จากอาการขมวดคิ้วอย่างสงสัย ชายชราจึงไขข้อข้องใจออกมาโดยไม่ต้องออกปากถาม
    "ห้องฝั่งนั้น คือห้องลายคราม ใช้เก็บเครื่องลายครามที่เป็นสมบัติที่รักมากของคุณหลวง ... เข้าไปยุ่งด้วย เดี๋ยวคุณหลวงจะโมโหเสียเปล่าๆ"
    ไม่รู้ว่าที่ลุงอิ่มพูดมันจริงหรือไม่ แต่เท่านั้นก็ได้ผล พาทิศ ไม่กล้าซนกับอะไรอีกเลย
    "ลุงจะให้คุณดูโคลง บทนี้"
    
    พาทิศเห็นแผ่นกระดาษ ติดไว้กับแท่นคริสตัลใสๆ วางอยู่ที่มุมขวาบนของโต๊ะอักษร เป็นโคลงที่เขียนด้วยลายมือหวัดๆ แบบคนโบราณ

        ทรัพย์สินมีมากล้น    ถึงฟ้า
    มีค่าเหลือคณา            นับได้
    หากพินิจดูนา            ปรากฏ เห็นแฮ
    มิอาจเทียบรักไซร้        ห่อนล้างหมดลง
    "แปลว่าอะไรหรือครับ" พาทิศเอ่ยถามอย่างสงสัย เขาแปลความหมายไม่ออก หากแต่รู้ว่าคนเขียนคงเป็นผู้ชำนาญในการใช้ภาษาในการประพันธ์อย่างดี เพราะนอกจากฉันทลักษณ์ถูกต้อง ตามที่เขาเรียนมาในชั้นมัธยม ยังมีสัมผัสอักษร และ สัมผัสสระระหว่างวรรค อย่างชาญฉลาด แถมยังมีสัมผัสอักษรในวรรคเดียวกัน แทบทุกวรรคด้วย
    "เด็กสมัยนี้ อาไร้ แค่โคลงง่ายๆนี้แปลไม่ออกหรือ" ลุงอิ่มส่งสายตาดุแกมขันอยู่ในทีมาให้ ก่อนจะแปลให้เข้าฟังว่า "ก็ประมาณว่าแม้จะมีทรัพย์สินมากจนล้นไปถึงฟ้ามีค่ามากมหาศาลขนาดไหน แต่ถ้าพินิจพิจารณาให้ดีละก็ จะเห็นว่าไม่สามารถเปรียบเทียบกับรักที่ไม่อาจลบล้างให้หมดลงได้ แสดงถึงความรักมหาศาลที่ท่านมีต่อคุณหยาด ภรรยาของท่านนะซี"
    พาทิศ ห่อปากคล้ายจะร้อง อ้อ ออกมา แต่ก็เดินตามชายชราเงียบๆ ไปยังห้องถัดไป ผ่านตู้หนังสืออีกสองใบ และ หน้าต่างบานใหญ่กลางห้องที่ลุงอิ่มเปรยเบาๆว่า "เสียดาย แต่ก่อนมองไปเห็นสระบัว ล้อมด้วยดอกไม้ในวรรณคดี และศาลาแปดเลี่ยมฉลุลายขนมปังขิง สมัยนี้รึ มีแต่ตึกแถว และโรงแรม"
มิน่าเล่า คนสวนถึงไม่ตัดต้นไม้ที่ขึ้นอยู่บริเวณหน้าต่างออกไปเขาคงจงใจทิ้งไว้อย่างนั้น บังทัศนียภาพที่เป็นเพียงด้านหลังของตึกแถวที่เรียงตัวกันอยู่หลังบ้านเป็นแน่
    ทะลุออกห้องถัดไปทางขวามือคือห้องครัว ตกแต่งแบบฝรั่ง กลางห้องเป็นโต๊ะไม้ ยกระดับพอถึงเอว ไว้เตรียมอาหาร รายล้อมด้วยอุปกรณ์ทำครัวต่างๆ มากมาย มีเตาอบ และ อุปกรณ์ทำอาหารแบบฝรั่ง
    "คุณผ่านฟ้าเล่าว่า ในสมัยก่อนคุณหลวงโปรดอาหารฝรั่งมาก จึงมีห้องครัวเล็กๆนี้ไว้ทำอาหารแบบฝรั่งรับ เวลาที่ท่านอยากขึ้นมา ทั้งๆที่มีโรงครัว และเรือนบ่าวอยู่หลังบ้านแล้วด้วยแท้ๆ"
    "ปัจจุบันยังมีอยู่ไหมครับ"
    "ทุบทิ้งไปแล้วคุณ กลายเป็นโรงแรม เกต ออฟ พาราไดส์ไปแล้วไง" แกเดินผ่านห้องครัว วนไปทะลุห้องอาหารที่มองไปทางขวาจะเห็นห้องนั่งเล่น และมองตรงไปก็จะกลับไปที่ห้องโถงเป็นจุดเริ่มต้น "คุณพาทิศรับอาหารได้ที่ห้องนี้ หากต้องการแม่ครัวละก็ คงต้องรอเมียลุงหายป่วยก่อน แต่ใช้ไอ้เอกมันแก้ขัดไปก่อนได้ลุงจะให้มันมาทำกับข้าวให้สามมื้อ"
    "ผมไม่รบกวนดีกว่าครับ ผมทำกับข้าวเองได้ แล้วก็อาจจะซื้ออาหารปรุงสำเร็จมาทานเองก็ได้ครับ"
    "ถ้าอย่างนั้นละก็ดีแล้ว กลัวไอ้เอกมันทำอาหารไม่ถูกใจคุณชายเสียเปล่า"
    พูดถึงเอก พอโผล่หน้าออกมาที่ห้องโถง พาทิศก็เห็นนายเอกยืนอยู่ข้างๆ เสา ตามเดิม ที่เท้ามีกระเป๋าเสื้อผ้าสีน้ำเงินใบใหญ่ของเขาวางอยู่ พอเห็นพาทิศเข้า ก็ก้มลงหยิบกระเป๋าอย่างรู้งาน
    "เดี๋ยวลุงให้เอกมันยกกระเป๋าขึ้นไปไว้ที่ห้องให้นะ"
    "ครับ ขอบคุณนะครับลุง"
    แล้วพาทิศก็เดินขึ้นชั้นบน มีนายเอกเดินตาม และลุงอิ่มเดินนำ พาทิศพอจะเข้าใจการจัดบ้านของหลวงพินิจฯ ดีเมื่อลองเดินจนครบหนึ่งรอบแล้ว สมัยก่อนตรงกลางเป็นห้องโถงใหญ่ ซ้ายขวาเท่ากันคือเป็นบันได พาดขึ้นชั้นบน ห้องขวาสุดของบ้านเป็นห้องอาหาร ถัดเข้าไปเป็นห้องครัว วนซ้ายเป็นห้องหนังสือ และสุดท้ายเป็นห้องนั่งเล่น มีประตูเชื่อมห้องหนังสือ และห้องลายคราม หากเขาเดาไม่ผิด อีกฟากหนึ่งก็คงจัดอยู่ในลักษณะนี้ คือ เข้าห้องหนึ่ง วนไปทะลุได้อีกสามห้อง แล้วกลับมาที่เดิม ในเมื่อฝั่งนี้มีทั้งห้องนั่งเล่น ห้องหนังสือ ห้องอาหาร ห้องครัวแล้ว ฝั่งนั้น ก็คงมีห้องจัดโชว์ของต่างๆ อาจมีห้องนั่งเล่นอีกห้องก็ได้ไว้คอยรับแขกสำคัญ หรืออาจมีห้องดนตรี ตามแบบของบ้านโบราณหน่อย พาทิศอยากรู้ แต่ไม่อยากถาม จึงได้แต่คิดในใจอย่างนั้น แล้วเดินตามลุงอิ่มขึ้นไปยังชั้นสอง
    "แต่ก่อนตรงชั้นสองเป็นเฉลียงยาว" ลุงอิ่มอธิบาย "ตอนนี้กั้นไว้เป็นสองฝั่งเลยเล็กหน่อย" ตรงกลางมีห้องนอนสองห้องชิดกัน ทางขวาเป็นห้องพระ ทางซ้ายเป็นห้องหนังสืออีกห้อง ไว้ใช้ทำงานในเวลากลางคืน แต่ในเมื่อถูกปิดกั้นไว้ด้วยกำแพงสีขาวที่สร้างขึ้นใหม่ จึงทำให้พาทิศเห็นเพียง ห้องนอนห้องเดียวที่ปูพรมสีแดงตามที่พาทิศเคยได้เข้าไปแล้ว และ ทางขวามือของเขาที่เป็นห้องพระเท่านั้น
    "กระเป๋าวางไว้ข้างๆ ประตูห้องนอนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการเอาเสื้อผ้าออกมาใส่ตู้เองครับ"
    เอกวางกระเป๋าตามคำสั่ง พอหมดธุระของลุงอิ่มแล้ว แกก็เดินลงบันไดไปพร้อมจะกลับบ้าน พาทิศตัดสินใจเดินตามไปส่งแกที่ท่าน้ำ จะได้รู้ด้วยว่าบ้านแกอยู่ไหน จะไปหาแกได้ยังไง ลุงอิ่มเดินออกทางหลังบ้าน โดยผ่านห้องครัวไปออกประตูหลัง ป่าตรงนั้น ไม่มีหญ้ารกอีกต่อไป แต่ยังมีต้นไม้อยู่ มีระยะซัก สองสามวา จากตัวบ้านไปถึงกำแพงที่กั้นอาณาเขตของบ้านออกจากบรรดาตึกแถวที่เบียดเสียดกันอยู่ตรงนั้น พาทิศสังเกตเห็นเครื่องซักผ้าที่ทายาทรุ่นหลังๆ คงซื้อมาไว้ใช้ให้สะดวกวางอยู่ที่กำแพงหลังบ้าน มีราวตากผ้าอยู่ใกล้ๆกัน พอให้รู้ได้ว่าวันเสาร์นี้เขาจะซักผ้าที่ไหนดี
    นี่เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของคุณนายเพลงพิณ แม่ของพาทิศ คือลูกชายของเธอซักผ้ารีดผ้า ทำกับข้าวเองเป็น ไม่เหมือนลูกคนรวยคนอื่นๆ เพราะเขาย้ายบ้านบ่อยเหลือเกิน บางบ้านไม่มีคนใช้ก็ต้องหัดทำเอง จนทำเป็นในที่สุดน่ะสิ
    ตรงทิศตะวันตกเฉียงใต้มีคลองเล็กๆ ไหลผ่านอยู่ตรงนั้น ให้รู้ว่าแต่ก่อนเคยมีคลอง แม้ถูกถมไปบ้างแล้ว ก็ยังดูรู้ว่า แต่ก่อนคงเป็นคลองใหญ่ไม่น้อย
    "ถึงสมัยนั้นจะมีถนนแล้ว แต่ก็ยังไม่เป็นที่นิยมมาก เพราะรถราคาแพง คุณหลวงเองแกไม่มีรถ แต่พ่อแก เจ้าคุณไพรัชกิจจา น่ะมี แต่ก็ไม่เคยเห็นมากนักหรอก ส่วนใหญ่ใครไปใครมาแถวนี้ ก็นั่งเรือจ้าง เรือแจวแถวนี้ทั้งนั้น ยังมีท่าให้เห็นอยู่เลย"
    ตรงหลังบ้านเฉียงมาทางตะวันตกเฉียงใต้มีท่าไม้เล็กๆ ให้เห็นอยู่จริง
    ลุงอิ่มเดินเลยท่าไม้ไปทางหน้าบ้าน ยังไม่ถึงดีนัก ก็มีสะพานไม้ พาดอยู่ เป็นสะพานที่ไม่มีราว พาทิศจึงตัดสินใจไม่ข้ามไปด้วย ได้แต่ยืนส่งลุงอิ่มอยู่ฝั่งนี้ ให้แกและหลานชายแกข้ามไป อีกฝั่งของคลอง แม้ต้นไม้จะเยอะ แต่พาทิศก็สังเกตได้ว่า มีบ้านเล็กๆ ปลูกอยู่แถวนั้นด้วยเหมือนกัน
    "มีอะไรโทรเรียกลุง เบอร์โทรลุงทิ้งไว้ข้างโทรศัพท์แล้ว"
     "ขอบคุณมากครับ หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะครับ"
    พาทิศยกมือไว้ลุงอิ่ม เจ้าเอกก็ยกมือไหว้พาทิศ พอลุงอิ่มรับไหว้พาทิศ พาทิศก็ยกมือขึ้นรับไหว้นายเอกพอดี พอลาตากับหลานเดินลับตาไปแล้ว พาทิศก็เดินอ้อมไปเข้าบ้านทางข้างหน้า เพื่อมองขึ้นไปหาเด็กหนุ่มที่เขาหมายปอง ... กระจกยังปิดสนิท ประตูบ้านก็ปิดสนิทพอๆกัน ทำให้พาทิศอดสงสัยไม่ได้ว่า อีกฟากของบ้านนั้น มีคนอยู่จริงหรือ
    พอเดินเข้าตัวบ้านได้ไม่กี่ก้าวพาทิศก็นึกขึ้นได้ เขายังไม่ได้ถามคำถามที่สำคัญที่สุดที่เข้าตั้งใจจะถามลุงอิ่มเลย ... ว่าอีกฟากของบ้านมีใครอาศัยอยู่หรือใหม่ หากใช่ จะใช่ชายหนุ่มคนนั้นที่เขาสนใจหรือเปล่า ไม่น่าลืมเลยนะ จริงๆเชียว     

***************************************************************************

มาต่อให้แล้วล่ะครับ ช่วงนี้ผมเปิดเทอมแล้ว
อาจจะเข้ามาไม่ได้ บ่อยๆ ยังไงก็ช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะค้าบบบ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่3 20.30 - 03/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 04-06-2010 22:42:04
ห้องนั้นต้องมีอะไรมากกว่าจะเป็นห้องเก็บเครื่องลายครามแน่ๆเลย
ลุงอิ่มถึงได้ห้ามซะขนาดนั้น  อยากรู้เหมือนกันนะ แต่รอลุ้นให้พาทิศไปเปิดดูก่อนละกัน
ไม่กล้าเสี่ยงกับคุณหลวง  บรื๋อ น่ากลัว

ในที่สุดพาทิศก็ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านสมใจละ ไม่รู้จะเจออะไรหรือเปล่า
ขออย่าเจอคุณหลวงตั้งแต่ย้ายมาวันแรกละกัน

ยังเป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมนะคะ  เข้ามาบ่อยๆไม่ได้ไม่เป็นไร ขอแค่ตอนยาวๆให้หายคิดถึงก็พอค่า 
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่3 20.30 - 03/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-06-2010 23:18:28
มีห้องแห่งอาถรรพ์ด้วยอะ  แล้วพาทิศจะได้เจอหนุ่มคนนั้นอีกเมื่อไร
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่3 20.30 - 03/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: keerin ที่ 05-06-2010 08:36:57
ขนาดตอนกลางวันยังแอบหลอนเลยอะ  :m29:
เริ่มตื่นเต้นขึ้นทุกที วันแรกของการอาศัยในบ้านหลังนี้จะเป็นยังไง
รีบมาต่อด่วนค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา  :m5:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่3 20.30 - 03/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 05-06-2010 09:04:15
ห้องแห่งความลับ o22
จริงๆโคลงนั้นไม่ได้แต่งให้คุณหยาดหรอกใช่ป่ะ ต้องแต่งให้อีกคนแน่ๆเลย คิคิ
+1 ขอบคุณค่า รออ่านตอนต่อไปน้าาา
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่3 20.30 - 03/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: ptyunjae ที่ 05-06-2010 09:51:25
ขนลุกตอนควันธูปเนี่ยแหละ
เมื่อไหร่จะเจอกันซักทีนะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่3 20.30 - 03/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 05-06-2010 19:24:31
พาทิศจะเจอกับอะไรบ้างหละเนี่ย

แค่ตรงควันธูปก็หลอนแล้ว

เป็นกำลังใจให้จ้า ^^
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่3 20.30 - 03/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 05-06-2010 23:31:44
หลอนแทนพาทิศอ่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่3 20.30 - 03/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: fungfung ที่ 06-06-2010 07:16:41
คืนนี้จะเจอไรมัยอะน่ากลัวจังบ้านหลังนี้
กลางวันยังได้กลิ่นธูปเลยหลอนดีจริง  o22
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่3 20.30 - 03/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 06-06-2010 10:27:17
อร๊ายยยตื่นเต้นพาทิศกลับมาอยู่คนเดียวแล้ว
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่3 20.30 - 03/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 09-06-2010 05:53:10
ไม่มีทีวี ไม่มีเครื่องเสียง พาทิศลืมไปเสียสนิทว่าเขามาอยู่บ้านโบราณ แม้จะแอบหวังนิดๆว่าทายาทของตระกูล ไพรัชกิจจาพันธ์ จะซื้อโทรทัศน์ หรือเครื่องเสียงหรือคอมพิวเตอร์ติดบ้านไว้บ้าง แต่ก็ไม่ พาทิศผิดหวังเต็มๆ ต่อให้มี คงอยู่อีกฟากของบ้านเสียมากกว่า เพราะฟากนี้ ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกใดๆ เหลืออยู่เลย ชายหนุ่มพลิกตัวไปมา บนเตียงในห้องนอนใหม่ของเขา แต่แล้วก็ตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปรูดซิปกระเป๋าเสื้อผ้า หยิบ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุคมาเปิด ... ไม่มีสัญญาณไวไฟ แหงล่ะ จะมีได้ยังไงเล่า ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกหงุดหงิด รู้อย่างนี้เอาแอร์การ์ดจากที่บ้านมาเสียบดีกว่า เขานอนนิ่งอยู่พักหนึ่งอย่างขุ่นมัว แต่ก็ตัดสินใจลุกนั่ง หลังพิงหัวเตียง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุคอยู่บนตัก นั่งพิมพ์นิยายที่ยังค้างคาอยู่

    แต่ก็อีกนั่นละ พิมพ์ได้ไม่กี่หน้า พาทิศก็เริ่มเบื่อ ตัดสินใจลุกลงจากเตียง เดินลงไปข้างล่าง สตาร์ทรถออกไปซื้อของที่เซเว่นใกล้ มาตุนไว้ในตู้เย็นดีกว่านอนอยู่เปล่าๆ
    หกโมงเย็นนิดๆ พาทิศก็กลับมาถึงบ้าน บรรยากาศข้างนอกเริ่มโพล้เพล้ แต่ไม่น่ากลัวเท่าตอนที่ต้นไม้ขึ้นครึ้มๆ รกๆ พอเปิดประตูเข้ามาเจอหลวงพินิจราชอักษรเท่านั้น พาทิศก็ตกใจแทบล้ม ดีที่เตือนตัวเองได้ว่า มันเป็นเพียงภาพถ่ายเท่านั้น เห็นทีเขาคงต้องพยายามทำใจให้ชินเสียแล้ว ชายหนุ่มเดินหัวเสียไปที่ห้องครัว จัดแจงเอาข้าวของใส่ตู้เย็นที่ทายาทซื้อเติมเข้าไปใหม่ ดีที่ไม่มีอะไรอยู่ข้างในอยู่แล้ว ดังนั้น พวกข้าวกล่องสำเร็จรูปจำนวนมาก จึงยัดกันอยู่ในนั้นได้อย่างพอดิบพอดี อย่างน้อย ถ้าไม่ออกไปไหนก็มีข้าวกินได้วันละสามมื้อ ได้สักอาทิตย์ สองอาทิตย์ ละนา

    พาทิศปาดเหงื่อขณะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอน ชั้นบน บ้านหลังนี้ไม่มีแอร์ ถ้าอยู่นิ่งๆละก็ลมจะพัดเข้าทางหน้าต่างที่จัดแจงเปิดไว้แล้วได้อย่างพอดิบพอดี ทำให้บ้านเย็นสบายโดยไม่ต้องมีพัดลม แต่หากเคลื่อนไหวทำอะไรแม้เพียงน้อยนิดเท่านั้น ก็จะเหนื่อย และร้อนได้เร็ว... มิน่าคนโบราณถึงใจเย็นไม่ค่อยทำอะไรเร่งรีบ พาทิศนึกในใจ
    เดินเข้าไปในห้อง พาทิศก็เกือบจะตรงไปที่เตียงทิ้งตัวลงนอนอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่กลิ่นกายและเหงื่อที่เปียกเสื้อจนเห็นเป็นรอยเปียกของเขาทำให้ชายหนุ่มต้องตัดสินใจเข้าอาบน้ำในห้องน้ำก่อนจะนอนได้ในที่สุด ไวเท่าความคิด พาทิศจัดแจงถอดเสื้อผ้าใส่ตะกร้าหวายเล็กๆหน้าห้องน้ำ แล้วเดินเข้าไป เปิดน้ำฝักบัวอาบทันที
    ฝักบัวในบ้านหลังนี้ ไม่เหมือนกับที่เขาใช้ที่บ้าน ซึ่งมีก๊อกสองก๊อกอันหนึ่งใช้เปิดน้ำเย็น และอีกอันใช้เปิดน้ำร้อนมารวมกันเป็นน้ำอุ่น หากแต่ฝักบัวของที่นี่ มีเพียงท่อเล็กๆที่ยื่นออกมาจากกำแพงห้องน้ำ ตรงปลายเป็นท่อสำหรับปล่อยน้ำออกมา มีลักษณะคล้ายฝักบัวตามบ้านทันสมัยในปัจจุบันแต่ไร้สาย ทำให้ไม่ต้องถือฝักบัวไว้ในมือแล้วอาบน้ำ แต่เพียงบิดวาล์วเล็กๆสีเงินแล้ว น้ำก็จะไหลมาตามท่อ เขามีหน้าที่ยืนใต้ท่อน้ำให้ละอองน้ำต้องผิวกายเท่านั้น สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน และ แชมพูสระผมรวมถึงโลชั่นทั้งหมดอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้าที่เขาเตรียมมาจากที่บ้านแล้ว มีจำนวนพอที่จะอยู่ได้วันหรือสองวันเท่านั้น หากเขามีโครงการจะอยู่ที่นี่นานๆละก็คงจะไม่พอ ต้องไปหาซื้อใหม่ แต่นั่นคงยังไม่ใช่ปัญหาในตอนนี้
    พอได้เข้ามาอยู่ในบ้านนี้จริงๆแล้ว พาทิศกลับรู้สึกว่า มันไม่ได้ดูลึกลับ น่ากลัวอย่างที่มองจากภายนอก ออกจะน่าอยู่เสียด้วยซ้ำ หากแต่ความพิศวงบางอย่างยังคงคาใจเขาอยู่จะคิดอย่างไรก็ไม่ช่วยให้เขาเข้าใจอะไรได้มากขึ้นแม้แต่น้อย
    ข้อแรกคือเด็กหนุ่มผิวขาวสะอาดคนนั้น แรงดึงดูดประหลาดบางอย่างทำให้เขารู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องรู้จักเด็กคนนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าไปทำความรู้จัก คุ้นเคย มันเป็นความอยากได้ในแบบที่เขายังไม่เคยรู้สึกมาก่อน... อย่างที่รู้ๆกันอยู่พาทิศไม่เคยรักใคร ความรักดูเหมือนจะเป็นทฤษฎีของใครคนหนึ่งที่เขาไม่สนใจ และไม่อยากทำความเข้าใจพอๆกับทฤษฎีบทของปีทาโกรัสอย่างไรอย่างนั้น เหมือนที่เลมอน เพื่อนหนุ่มออกสาวของเขาเคยกัด ให้แสบเล่นไว้ว่า
    "คนอย่างมึงนะหรือจะมีความรักกับเขา รักคืออะไรมึงรู้รึเปล่าเหอะ ในหัวมีแต่เรื่องพรรค์นั้น กูละกลุ้ม ไม่เข้าใจ๊ ไม่เข้าใจมึงจริงๆ"
    ครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นใครแล้วไม่รู้สึกอยากมีความสัมพันธ์ทางเพศด้วย นอกเสียจากอยากได้อยู่ใกล้ อยากเห็น อยากรู้จักเท่านั้น ว่าแต่ว่า เด็กคนนั้นเป็นใครมาจากไหน มาอยู่ในบ้านหลังนี้ได้อย่างไร และ อยู่ในฐานะอะไรกันแน่ เขาเห็นเด็กคนนั้นเพียงแค่ครั้งแรกที่มาสำรวจบ้านนี้ก่อนตัดสินใจซื้อเท่านั้น แต่หลังจากนั้นไม่ว่าจะเพียรแวะมาหากี่ครั้ง ก็ไม่เจอสักครั้ง แม้แต่เมื่อได้มาอยู่ในบ้านหลังเดียวกันแท้ๆ เขายังรู้สึกว่าบ้านนี้เงียบสนิท ราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่นอกจากเขา เท่านั้น

    จะว่าเป็นผี ผีก็คงไม่มายุ่งกับคนได้ตอนกลางวันแสกๆ ... อีกอย่างถ้าผีดูดีขนาดนี้ละก็ คนจะกลัวผีกันไปทำไมเล่า
    จะว่าเป็นคุณหนูสร้อย อะไรที่ลุงอิ่มพูดถึง คำว่า "สร้อย" ก็คงจะไม่ใช่ชื่อผู้ชายอย่างแน่นอน แม้เด็กคนนั้นจะดูใสสะอาด สวยราวกับเป็นสตรีเพศเพียงใด เขาก็เป็นชายแน่นอน ก็ในเมื่อเห็นท่อนบนของเขาที่แม้จะไม่กำยำล่ำสันแบบชายหนุ่มทั่วไป แต่ก็เป็นสรีระของชายไม่ใช่เรือนร่างของผู้หญิงเป็นแน่
    จะว่าเป็นคนอื่นมาเช่าบ้านอยู่ด้วย ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะถ้าใช้ลุงอิ่มก็คงบอกเขาไปแล้วว่า มีคนมาอยู่ที่บ้านฝั่งนั้นแล้ว แต่นอกจากจะไม่บอกแล้ว ยังไม่กล่าวถึงอีก แสดงว่านอกหน้าขายอสังหาริมทรัพย์ขายบ้านให้เด็กคนนั้นอยู่โดยที่ลุงอิ่มไม่รู้ หรือว่า ลุงอิ่มรู้ว่ามีคนมาอยู่ที่บ้านนี้แต่ไม่อยากบอก หรือว่าไม่แม้แต่จะรู้ว่ามีคนมาอาศัยอยู่ที่ปีกตะวันตกนี่จริงๆ พาทิศขมวดคิ้ว ถ้าเป็นอย่างหลังละก็ แสดงว่ามีคนบุกรุกเข้ามาอาศัยที่บ้านหลังนี้ อย่างนั้นหรือ
    หรือเด็กคนนี้จะเป็นโจร หรือ ฆาตกร หลบหนีคดีมาอาศัยในบ้านเฮี้ยนๆ เพื่อไม่ให้ใครตามมาเจอ เห็นจะสมเหตุสมผลที่สุดละมัง... แต่ คงไม่ใช่หรอก หน้าตาอย่างน้องคนนี้ จะเป็นโจรเป็นผู้ร้ายไปได้อย่างไรเล่า
     แล้ว หลวงพินิจฯ อะไรนั่นเล่า
    ปริศนาข้อที่สองของพาทิศ เขายังไม่แน่ใจว่าภาพของหลวงพินิจราชอักษรที่เขาเห็นที่หน้าต่างปีกตะวันตก ในคืนที่เขามาแอบดูน้องตี๋คนนั้นเป็นคืนแรก เป็นเพียงความง่วงที่ทำให้เขาตาฝาดไป หรือเขาเห็นผีคุณหลวงฯ หรือที่เขาเป็นเป็นเพียงรูปภาพอีกรูปที่เผอิญมาอยู่ตรงหน้าต่างนั้น ก็ไม่รู้ ที่แน่ๆ ลุงอิ่มจุดธูปบอกหลวงพินิจฯ ว่าเขาย้ายมาอยู่ด้วยและมาดี อย่าได้ทำอันตรายใดๆเลย หรือลุงอิ่มแกรู้ว่าวิญญาณของหลวงพินิจราชอักษรยังคงอยู่วนเวียนแถวนี้ ดูแลปกป้องบ้านไม้กึ่งตึกที่แกรัก อีกทั้ง ควันธูปที่ลอยขึ้นเป็นเส้นตรง แล้วยังลอยวนอยู่บริเวณหน้าของหลวงพินิจ นั่นอีก เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติที่เขาไม่เข้าใจ
    "อ้าวก็หลวงพินิจฯ แกตายในบ้านนั้น ไงเล่า ว่ากันว่าวิญญาณแกเฮี้ยน เพราะแกตายก่อนที่แม่ หยาด คู่หมั้นของแกจะคลอดลูกให้แก ... เออ ว่ากันว่าแกน่ะฆ่าตัวตาย ...วิญญาณไม่ยอมไปผุดไปเกิดซักที ทายาทรุ่นต่อรุ่นอยุ่กันมาก็ขนหัวลุก สุดท้ายพอทนไม่ไหว..."
     คำพูดของยามหนุ่มที่เขาเจอในคืนนั้นยังลอยวนอยู่ในสมอง แทบทุกครั้งที่สมองเขาว่างจากการคิดสะระตะเรื่องอื่น
    "...เขาลือกันว่า ไม่ว่าใครก็อยู่บ้านนี้ไม่ได้นาน ต้องย้ายออกไปกันเสียหมด..."

    พาทิศ ไม่เคยเชื่อเรื่องผีเป็นจริงเป็นจัง แต่คราวนี้ เขาก็เชื่อมากกว่าไม่เชื่อว่า หลวงพินิจแกคงยังอยู่ที่บ้านหลังนี้จริงๆ แต่ที่เขาไม่เข้าใจคือ สาเหตุการตายที่แท้จริงของหลวงพินิจราชอักษรนะซี แกตายก่อนที่แม่ หยาด คู่หมั้นของแกจะคลอดลูกให้แก สมเหตุสมผลที่ คุณหลวงจะไม่ไปผุดไปเกิด แกคงห่วงเรื่องของลูกแกเป็นแน่ว่าจะเป็นลูกชาย หรือลูกสาว ได้สืบสกุลของแกต่อไปหรือไม่ แต่เดี๋ยวก่อนซี ว่ากันว่าแกน่ะฆ่าตัวตาย ถ้าฆ่าตัวตายก็แปลว่าเสียอกเสียใจมากจนอยากตาย ทนอยู่บนโลกต่อไปไม่ได้ คนที่หมดอาลัยตามอยากจนถึงฆ่าตัวตายน่ะ จะห่วงเรื่องลูกของตัวเองจนไม่ไปผุดไปเกิดหรือ? หากฆ่าตัวตาย แปลว่าพร้อมแล้วที่จะตาย ก็ควรตายไปแล้วไปเกิดใหม่เสีย มีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าชีวิตที่ตายจากมาซี ทำไมยังอยู่วนเวียนอยู่ในบ้านเล่า ในทางกลับกันหากจะห่วงเรื่องลูกละก็ ฆ่าตัวตายทำไม? ทำไมไม่อยู่ดูลูกเกิดก่อน? เกิดอะไรขึ้นถึงทำให้หลวงพินิจเสียใจมากถึงขนาดต้องฆ่าตัวตาย มากถึงขนาดว่ามากกว่าการได้อยู่ดูลูกของตัวเองเกิดด้วย

    อย่างนี้ตีความได้เป็นสามแบบ
    คือหลวงพินิจราชอักษรห่วงเรื่องลูกจริง ฆ่าตัวตายจริงจนไม่ไปผุดไปเกิด เหตุผลอาจเป็นเพราะรู้ว่าได้ลูกสาวไม่มีผู้สืบสกุลให้หรือ? แต่... ผิดหวังแค่นี้ไม่น่ามีเหตุให้ฆ่าตัวตายเลยนี่นา
    หรือแกฆ่าตัวตายจริงๆ แต่ที่ยังไม่ไปผุดไปเกิด เพราะแกยังมีห่วงเรื่องอื่นอยู่ น่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ก่อนที่แกจะได้เจอลูก ถึงขั้นว่าร้อนรุ่มกลุ้มใจจนต้องฆ่าตัวตาย และเพราะเหตุการณ์ที่ทำให้แกตายนั้น ทำให้แกไม่สามารถหมดห่วงได้ ยังต้องอยู่เป็นวิญญาณอย่างนี้ต่อไปเช่นบ้านล้มละลายแล้วฆ่าตัวตายเสีย แต่พอตายแล้ว กลับพบว่าได้สมบัติก้อนยักษ์มา ทำให้เสียดายไม่ยอมไปผุดไปเกิด
    หรือว่าอย่างที่สาม แกถูกฆ่าตายเสียก่อนที่เด็กจะเกิด ถ้าถูกฆ่าตายละก็ ก็สมเหตุสมผลแล้วที่แกจะไม่ไปผุดไปเกิด เพราะยังมีห่วงเรื่องลูก และยังมีห่วงเรื่องที่แกถูกฆ่า ไม่ว่าจะแบบไหนก็ตาม ยังถือว่าบ้านนี้มีประวัติ และเป็นประวัติที่ไม่สะอาดเสียด้วยเขาจำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ ...
    คงต้องถามจากลุงอิ่มเสียแล้ว
    พาทิศเดินออกจากห้องน้ำ โดยมีผ้าเช็ดตัวคาดไว้ที่เอว มีผ้าผืนเล็กมาไว้บนหัว เดินเช็ดผมมาหยุดข้างหน้าต่างห้องนอน ทุ่มกว่าแล้ว และฟ้าก็มืดสนิทแล้วด้วย เสียงลมพัดให้กิ่งไม้เสียดสีกันส่งเสียงร้อง คล้ายเสียงสะอื้นของคนที่กำลังมีความทุกข์หนัก พาทิศขนลุกไปทั่วร่าง

****************************************************************************

จบบทที่ 3 ครับ
รับรองว่าตอนหน้าสนุก และตื่นเต้นกว่านี้มากครับ... ช่วยติดตามด้วยน๊าคร้าบบ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบ บทที่3 05.52 - 09/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: keerin ที่ 09-06-2010 06:07:18
ขนไม่ลุกแล้วอะ ๕๕๕๕๕
อ่านชินแล้ว
ตอนนี้ตื่นเต้นและอยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นมากกว่า
อยากรู้ด้วยว่าพาทิศจะเจออะไร อิอิ
รีบมาต่อเน้ออออออออ  :mc4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบ บทที่3 05.52 - 09/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 09-06-2010 08:25:35
มารอตอนหน้าค่ะ
ดูเหมือนพาทศจะชินกับบ้านหลังนี้ละนะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบ บทที่3 05.52 - 09/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: Phing ที่ 09-06-2010 10:17:49
พาทิศจะเจออะไรบ้างเนี่ย

รอตอนต่อปายย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบ บทที่3 05.52 - 09/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 09-06-2010 10:52:06
+1เป็นกำลัใจ รีบมาต่อตอนหน้าเร็วๆน๊ะจ๊ะ :bye2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบ บทที่3 05.52 - 09/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 09-06-2010 13:59:30
คืนแรกจะเจออะไรบ้างเนี่ย  :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบ บทที่3 05.52 - 09/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 10-06-2010 01:53:07
+1 มาให้กำลังใจ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบ บทที่3 05.52 - 09/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: fungfung ที่ 10-06-2010 09:03:27
พาทิศยังมาคิดเรื่องผีหล่อไม่หล่ออีก
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบ บทที่3 05.52 - 09/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: Laxxeez ที่ 10-06-2010 10:12:37
อ่านไปก็กลัวไปหน่อย ๆ ด้วย :a5:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบ บทที่3 05.52 - 09/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 13-06-2010 11:07:23
[/color]

    ชายหนุ่มจัดแจงแต่งตัวเรียบร้อย
    เสื้อกล้ามผ้าบางสีดำ และกางเกงบ็อกเซอร์สีดำขลิบขาว สวมอยู่อย่างพอดีๆ บนร่างของชายหนุ่มหุ่นบาง สูงสะโอดสะอง ผมที่เปียกอยู่ แม้จะเช็ดแล้วก็ยังชื้นลู่แนบต้นคออยู่ดี ชายหนุ่มเดินออกจากบริเวณหน้าต่างมานั่งบนเตียงแล้วหยิบคอมพิวเตอร์โน้ตบุคที่วางอยู่กลางเตียงขึ้นมา เขาใช้นิ้วเลื่อนบริเวณที่บังคับเมาส์ไปๆมาๆเร็วๆ เพื่อให้หน้าจอที่ดับมืดสนิทกลับมาติดสว่างและใช้งานได้อีกครั้ง แต่ไม่ยักติด ชายหนุ่มกดปุ่มเปิดเครื่องค้างไว้ไม่กี่วินาที หวังให้เครื่องติดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ทำอย่างไร จอก็ยังดับสนิท ไม่มีการเปลียนแปลงใดๆ เหมือนเดิม
    "บ้า ฉิบ" ชายหนุ่มสบถก่อนที่จะเดินไปหยิบสายชาร์ตในกระเป๋าเดินทางมาเสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์โน้ตบุค ก่อนจะนั่งยอง ที่พื้นเลื่อนโต๊ะหัวเตียงตัวเล็กนั้นออกนิดหนึ่ง เพื่อจะพบว่า ปลั๊กไฟของที่นี่เป็นแบบโบราณ มีเพียงสองรูเท่านั้น สายชาร์ตของเขาดันมี สามขาเสียอย่างนั้น ... จะชาร์ตอย่างไรเล่าทีนี้ "แม่ง เอ๊ย"
    ชายหนุ่มสบถอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปหยิบสมุดบันทึกเล่มเล็กสีดำมาเขียนไว้หน้าแรก
    "ซื้อปลั๊กสามตา
    ซื้อพัดลม
    ซื้อแอร์การ์ดเล่นเน็ต..."
    ความเงียบ และบรรยากาศที่วังเวง ทำให้พาทิศเขียนลงไปอีกรายการหนึ่ง "...ซื้อหนังสือสวดมนต์"

    พาทิศนั่งคุกเข่าลงกับพื้นก้มลง เสียบปลั๊กโคมไฟเข้าที่เดิมอีกครั้ง ก่อนที่สายตาซุกซนจะเหลือบไปเห็น รูเล็กๆ ที่อยู่ฝั่งตรงหน้าเขา พาทิศหายใจเข้าออกหนักๆ ความคิดวิ่งไปมาอยู่ในหัวมากมายพอที่จะทำให้เจ้าหนูของเขา ผงาดขึ้นมาอย่างห้ามไว้ไม่ได้ ทันทีที่แนบดวงตาลงไปที่รูนั้น พาทิศก็พบกับ ห้องน้ำของอีกฝั่งหนึ่ง บริเวณใต้ฝักบัวพอดิบพอดี ไม่ต่างจากคราวที่แล้ว ที่เขาลองมองลอดรูนี้ไปเลย หากเพียงแต่เด็กหนุ่มตี๋ คนนั้นจะปรากฏตัวให้เขาเห็นบ้าง...
    ป่วยการจะหวังแล้ว จะเป็นไปได้ได้อย่างไรที่เด็กคนนั้นจะเข้าอาบน้ำพร้อมกับพี่นายพาทิศมาแอบส่องดูพอดี ความน่าจะเป็นเท่ากับศูนย์
    ชายหนุ่มเดินกลับไปที่เตียง ทิ้งตัวลงนอน หมดปัญญาจะฟุ้งซ่านต่อไป เขาเหนื่อยพอแล้วสำหรับวันนี้ พรุ่งนี้เขาจะตื่นแต่เช้า กินข้าวเช้าที่นี่ ขับรถไปหาเพื่อนคุยเล่น หรือชวนใครสักคนไปกินข้าวกลางวัน อ้อโทรหาเป๊ก ... เอ๊ะไม่ซีเขาเลิกกับเด็กคนนั้นแล้วนี่นา เวลาอย่างนี้เขานึกถึงเพื่อนขึ้นมาเลยจริงๆ แม้พาทิศจะไม่เคยคบใครเป็นแฟนแบบจริงจัง แต่เขาก็มีความรักได้ทุกที่ ทุกสถานการณ์ที่พาเขาไปอยู่ใกล้ ด้วยความที่เพื่อนเยอะพาทิศจึงไม่เคยเหงาเลยแม้แต่วันเดียว ชีวิตเขาจะมีอะไรเล่า เที่ยวเล่นไปวันๆ มีเงินใช้ตลอดชีวิต แบบไม่ต้องขวนขวายหา มีไอเดียก็แต่งนิยาย ไม่มีก็ตกหนุ่มมานอนกก คืนละคนสองคน ดูเป็นชีวิตที่ไม่น่ามีปัญหาอะไรเลย ... ปัญหาแรกในชีวิตก็เรื่องบ้านนี้นั่นแหละ
 
    พอใจมันพาลไปคิดถึงเพื่อนแล้ว ไม่กี่คนก็ลอยเข้ามาในหัว เพื่อนเขาแต่ละคนนอกจากจะเฮฮาปาร์ตี้ได้แล้ว ยังมีประโยชน์กับเขาในอีกหลายๆเรื่อง ในบรรดาเพื่อนทั้งหมด วรวิทย์เป็นเพื่อนที่รู้จักกับเขามานานที่สุด เพราะพ่อกับแม่ของทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน พ่อของวรวิทย์เป็นเมกซิกัน ที่รู้จักกับพ่อเขาตอนที่พ่อไปดูงานที่สหรัฐอเมริกา คนนี้เป็นเพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว ยังไม่ถึงกับขั้นเพื่อนตาย เพราะถ้าไม่ใช่เพราะงานสังสรรค์ต่างๆ หรือความต้องการทางเพศแล้ว วรวิทย์และพาทิศจะไม่เคยได้เจอกัน ด้วยความที่ทั้งคู่เป็นชายรักสนุกทั้งคู่ จึงพอรู้แหล่งว่า จะต้องไปหาบริการที่ไหน อย่างไร มีคนอย่างวรวิทย์ไปด้วยจะช่วยทำให้เขาเป็นดาวเด่น จะสาว จะหนุ่มก็ติดตรึม แปลกที่ แม้ทั้งคู่เคยมีบทเซ็กส์พร้อมกันหลายครั้งต่อหลายหน สองคนนี้ก็ไม่เคยตกลงปลงใจหันมากินกันเองสักครั้ง
    เลมอน เพื่อนหนุ่มออกสาว ขานี้เป็นที่ปรึกษาขาประจำ มีปัญหาเรื่องซื้อของให้แม่ หรือบรรดากิ๊กทั้งหลายของเขา ก็เลมอนนี้แหละคนคอยดูแลรับผิดชอบด้านนี้ เพื่อนผู้ตุ้งติ้งคนนี้ เจอกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย ชอบแฟชั่น จำน้ำหอมได้ทุกกลิ่นทุกยี่ห้อ ทุกรุ่น พอๆกับที่วรวิทย์จำชื่อผับ คลับ บาร์ ซาวน่า และเด็กๆดาวเด่นประจำที่เหล่านั้นได้ขึ้นใจ นอกจากนี้ เวลาที่พาทิศตัดสินใจเรื่องกิ๊กไม่ถูกก็ได้เลมอนนี้แหละเป็นที่ปรึกษา หลายครั้งที่ทะเลาะกับเป๊ก หรือคนอื่นๆ ก็ได้เลมอนนี้แหละเป็นคนช่วยไกล่เกลี่ย และเสนอแนวคิดบรรเจิดให้เขาได้เสมอ
    พิพัฒน์เพื่อนหนุ่มหน้าตี๋ เป็นแฟนเก่าเลมอน แต่ก็เลิกกันเพราะความที่เป็นเพื่อนกันมาก่อน ก็เลยไม่สามารถสวีทกันได้ บวกกับนิสัยชอบเที่ยวของพิพัฒน์แล้วด้วย เลมอนจึงขอถอยลงมาเป็นเพียงเพื่อนสนิทคนหนึ่งก็พอ พิพัฒน์เป็นนักเที่ยวตัวยง ไม่ใช่เที่ยวกลางคืนแบบวรวิทย์ แต่เป็นแบบเที่ยวไทยคึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก คือรู้หมดว่าอะไรอยู่ตรงไหน ไปที่ไหนยังไง เวลาแบบนี้ควรไปเที่ยวที่ไหน ร้านอาหารอะไรอร่อย ย่านไหนขึ้นชื่อด้านไหน พิพัฒน์รู้หมด ดังนั้น เวลาที่เขานึกเบื่อๆขึ้นมาก็มักหนีบเพื่อนหนุ่มคนนี้ ขับรถกันไปเรื่อยๆตรงไหนดีพิพัฒน์บอกก็แวะ อย่างบรรดาบ้านตามเมืองท่องเที่ยวต่างๆ พิพัฒน์ก็เป็นคนเลือกทำเลให้ด้วย
    คนสุดท้ายคือ ณัฐ ถ้าถามว่าเพื่อนคนไหนที่พาทิศมักนึกถึงก่อนเป็นคนแรกก็คือ ณัฐนี่แหละ ชายหนุ่มตาโตผิวขาว ปากแดงคนนี้คือคนที่พาทิศเคยเกือบตกหลุมรักเมื่อนานมาแล้ว ตั้งแต่ทั้งคู่เรียนประถมด้วยกัน แต่ด้วยความดี ความเข้าใจคน เอาใจใส่ และ ฉลาดรอบรู้ไปหมด ทำให้พาทิศไม่กล้าตัดสินใจคบกับณัฐ เหมือนกับเป๊กเลยซักที เพราะหนุ่มรักสนุกถึงไหนถึงกันอย่างเขา ต้องเหมาะกับเด็กแก่แดด กล้าได้กล้าเสีย แบบเป๊กต่างหาก คนที่เรียบร้อย น่ารัก นิสัยดีไปหมดอย่างณัฐ เขาไม่สามารถคบได้ เพราะเขากลัวนิสัยไม่ดีทั้งหลายของเขาจะไปทำร้ายจิตใจเพื่อนหนุ่มตากลมโตคนนี้เข้าสักวัน เพราะพาทิศ ไม่เคยคิดจะหยุดรักใครไปตลอดชีวิต เหมือนอย่างณัฐที่เฝ้ารออะไรแบบนี้มาโดยตลอด ดังนั้น หากเครียดเรื่องอะไร หรือเซ็งอะไรขึ้นมา ขับรถพาณัฐไปเที่ยว หรือไปกินข้าว หรือไปดูหนัง จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
    สังเกตว่าไม่ได้พูดถึงอาชีพของแต่ละคนเลย
    เพราะทุกคนเป็นหนุ่มรวย หล่อ ไม่ง้องานอย่างไรเล่า
    นอนคิดถึงเพื่อนสักพักพาทิศก็ตัดสินใจดับไฟ แล้วทิ้งตัวนอนอยู่ในความมืด หน้าต่างไม่ปิดสักบานเพราะเขามั่นใจว่าไม่มีขโมยหน้าไหนกล้าปีนเข้าบ้านโบราณแบบนี้แน่นอนอยู่แล้ว พาทิศนอนพลิกตัวไปมาอยู่ในความเงียบ พรุ่งนี้ ไปหาณัฐที่บ้านก็แล้วกัน พอได้ข้อสรุป ชายหนุ่มก็พยายามกล่อมตัวเองให้หลับให้ได้...
    แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียง ซ่า เหมือนฝนตก
    ชายหนุ่มลุกขึ้น เดินไปที่หน้าต่าง ก็พบว่าฝนไม่ได้ตกซักหน่อย แค่ลมพัดให้กิ่งไม้มาเสียดสีกันดังโกรกกราก อย่างน่ากลัว ดีที่ชายหนุ่มเคยอยู่บ้านบนดอย เสียงลมแค่นี้ไม่ทำให้เขากลัวหรอก ที่กลัวก็คือเสียงน้ำสาดซ่าอย่างนี้ มันมาจากไหนกันแน่ ชายหนุ่มเดินไปที่ห้องน้ำดูว่าตัวเองลืมปิดน้ำ หรือฝักบัวเสียเป็นอะไรไปหรือเปล่า แต่ก็เปล่าห้องน้ำเขาอยู่ในสภาพปกติดี เงียบสงัด ไม่มีน้ำตกลงมาจากไหนเลย

    หรือว่า?
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: fungfung ที่ 13-06-2010 12:17:52
จะทำตัวเป็นตาถ้ำแอบบมองอีกแล้วใช่ปะ
แต่พาทิศเพื่อนใช่แก้ขัดแทนแฟนได้ใช่ปะ มั่วเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 13-06-2010 12:53:25
พาทิศจะถ้ำมองอีกแล้ว  หวังว่าคราวนี้จะเจอหนุ่มตี๋นะ
เอ๊ะ ! หรือจะเจอคุณหลวงแทน ฮ่า ฮ่า
รอตอนต่อไปค่า ชอบแนวนี้จัง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 13-06-2010 14:43:14
เอาแล้วไง พาทิศจะถ้ำมองแล้ว

ดูสิจะเป็นหนุ่มตี๋ หรือ คุณหลวง เอ๊ะ!! หรือจะทั้งคู่หว่า

รอตอนต่อไปจ้า  สนุกขึ้นเรื่อยๆเลย แต่ยังเดาเรื่องไม่ออกเลย ^^
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 13-06-2010 15:43:43
รออ่าน อยากรู้
+1
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 13-06-2010 18:40:21
แหม๊ จะคุ้มราคาบ้านก็คราวนี้ล่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 13-06-2010 22:41:02
แล้วถ้าไม่ใช่หนุ่มตี๋ละ ที่กำลังอาบน้ำอยู่  o22  :a5:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 14-06-2010 08:40:08
+1 เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า :3123:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: boofuu ที่ 14-06-2010 13:31:17
ลุ้นๆๆๆ  o18
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: fungfung ที่ 14-06-2010 14:04:14
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: keerin ที่ 14-06-2010 16:00:35
จะเป็นเส็งหรือคุณหลวงล่ะนั่น ๕๕๕๕๕๕๕๕
อยากรู้ตอนต่อไปแล้วอะ รีบมาต่อเร็วๆเน้อออออออ  :mc4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: panang ที่ 15-06-2010 14:11:09
เข้ามาอยากรู้อยากเห็น

ว๊าววว  จะเจอใครอาบน้ำอยู่นะ แบบนี้ถือว่าอ่อยเปล่าเนี่ย 555

เมื่อไหร่จะมาจ๊ะ  จ๊ะ จ๊ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: Panny ที่ 15-06-2010 19:30:45
อยากอ่านต่อๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 15-06-2010 19:57:54
ตามมาดูพาทิศถ้ำมอง

แล้วไงล่ะ ติดใจเค้าแล้วจะข้ามไปหายังไงจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: MM.Dog ที่ 15-06-2010 23:01:35
หึหึ  พาทิศจะมีโอกาสได้พบอะไรในบ้านนี้บ้างนะนี่
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 17-06-2010 05:41:09

๒๘ + ๑ = ๒๙
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 17-06-2010 08:57:13
แอร๊ยยย ใกล้เข้ามาแล้ว
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 17-06-2010 19:56:33
คิดถึงพาทิศแล้วอ่ะ
อยากรู้ว่าจะเจอใคร
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: boofuu ที่ 20-06-2010 18:48:31
มาช่วยดันๆๆ  :z1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: autthawat ที่ 21-06-2010 13:04:59
รอครับ...........
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: kimagain ที่ 21-06-2010 20:20:40
รออยุ่น๊า :sad4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: MM.Dog ที่ 22-06-2010 20:02:56
หายปายเลยอ้ะ

อยากรู้ความเป็นไปแล้วนะคะ  กรุณามาต่อด่วน
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: pu4755 ที่ 25-06-2010 10:00:44
แวะมารอตอนต่อไปจ้า 
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 25-06-2010 12:40:23
ได้เวลาอาบน้ำแล้วซิ
ฮ่าฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 25-06-2010 19:20:15
แวะมาดันจ้า

รออ่านอยู่น้า ^^
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่4 11.06 - 13/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 26-06-2010 11:36:26
   หรือว่า?
    พาทิศพุ่งเข้าไปที่รูเล็กๆ ทางซ้ายของหัวเตียงเขาอย่างรวดเร็ว ไม่รอช้าที่จะแนบดวงตาข้างขวาลงไปที่รูนั้น แล้วก็ต้องยิ้มขึ้นที่มุมปากเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าเข้า ใต้ฝักบัวนั้นเองมีสิ่งสิ่งหนึ่งที่ ถูกน้ำไหลซ่าลงบนตัวกระเด็นลงพื้นปูกระเบื้อง เป็นเสียงซู่คล้ายฝนตกอย่างที่เขาได้ยิน
    หนุ่มน้อยผิวบางนวลเนียน สีขาวจัดตัดกับเส้นผมสีดำขลับที่ตัดไว้เป็นทรงหลักแจว อย่างหยาบๆ ดวงหน้าที่ได้เห็นใกล้ชิดเพียงนี้ดูจับใจพาทิศอย่างน่าประหลาด ตั้งแต่คิ้วเข้มเหนือดวงตาคู่เล็กเป็นประกาย จมูกค่อนข้างโด่ง มาจนถึง ริมฝีปากเล็กๆสีชมพูใส ที่ทำให้พาทิศอดคิดไม่ได้ว่าหากเขามีโอกาส ชายหนุ่มจะอยากจุมพิตริมฝีปากคู่นั้นให้ได้อย่างเนิ่นนานเพียงใด ถัดต่ำลงมาเป็นเรือนร่างที่ดูอ้อนแอ้นต่างจากชายหนุ่มทั่วไปที่เขาพบเห็น เอวบางคอด ราวกับเอวสตรี ตัดกันกับหน้าอกแบนราบ และ สิ่งที่อยู่ถัดลงมาเป็นสิ่งที่บ่งบอกให้รู้ว่า หนุ่มน้อยตรงหน้านี้ เป็น “หนุ่มน้อย” จริงๆ ไม่ใช่ หญิงสาวที่ไหน
    ผู้ที่ถูกจ้อง ไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนที่อยู่อีกฝากหนึ่งของบ้านกำลังมองลอดรูเล็กๆมายังเขา หนุ่มน้อยได้แต่นั่งทอดอาลัย มองอย่างไร้จุดหมายไปที่เพดาน ให้น้ำไหลกระทบร่างราวกับจะให้สายน้ำนั้นชะล้างความเศร้าโศกในหัวใจออกไปให้สิ้น ปากบ่นพึมพำซ้ำไปซ้ำมา ด้วยคำที่พาทิศไม่อาจจับได้ว่า เป็นคำว่าอะไร
   ภาพตรงหน้าแม้จะกระตุ้นให้กิเลสในใจ ของพาทิศเรียกร้องอะไรบางอย่างมากเพียงใด แต่ก็ไม่อาจสู้ความรู้ผิดทุกข์แทนหนุ่มน้อยตรงหน้าได้เลย พาทิศ พร่ำเรียกหนุ่มน้อยเบาๆ หลายครั้ง แต่ก็พบว่า ไม่ว่าจะตะโกนอย่างไร หนุ่มน้อยที่อีกฝั่งก็ไม่ได้ยิน ราวกับฝั่งนั้นของกำแพงอยู่ห่างออกไปเป็นกิโลเมตร
    ชายหนุ่มไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เขารู้แต่ว่า เขาจำอะไรหลงจากนั้นไม่ได้อีกเลย

    พาทิศรู้สึกตัวอีกทีก็มานั่งอยู่ในเรือลำน้อย แจวช้าๆมาตามลำคลองข้างเรือนเทาของหลวงพินิจราชอักษร ที่ดูใหญ่กว่าที่เขาเห็นวันนี้ตอนกลางวัน บ้านไม้กึ่งตึกทาสีเทา ดูขรึมกว่าทุกครั้งที่เขาเคยเห็น ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากโดยที่ไม่รู้สึกตัวว่ายิ้มทำไม ทันทีที่เรือถึงท่า เขาก็เดินขึ้นบกมา มุ่งหน้าไปยังตัวตึกสีเทาดูเย็นตา บรรยากาศรอบๆดูเงียบ ไม่เหมือนกรุงเทพที่เขาเคยรู้จัก ไม่มีโรงแรม และตึกแถวที่นั่นอีกต่อไป มีเพียงต้นไม้ขึ้นเขียวครึ้ม เป็นไร่ๆ โอบล้อมตัวบ้าน เขามองเห็นถนนเล็กๆ เป็นทางดินผ่านหน้าบ้านของหลวงพินิจราชอักษร ฝั่งตรงข้ามเป็นละเมาะไม้ขึ้นรกแบบที่ไม่มีใครเข้าไปดูแล หลังบ้านเป็นสระบัวขนาดย่อม มีศาลาไม้ฉลุลายสวยงาม ตั้งยื่นลงไปในสระบัว อีกฝั่งหนึ่งเป็นเรือนไม้ประกอบหลังย่อม เล็กกว่าตึกใหญ่เพียงนิดเดียว มีคนที่แต่งตัวแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนทั้งนั้น นั่งบ้าง ยืนบ้าง มีเด็กเล็กๆวิ่งเล่นบ้าง มีคนงานกำลังจัดดอกไม้ริมสระบัวอย่างขยันขันแข็ง ทุกคนสวมโจงกระเบนสีเข้มเหมือนย้อมด้วยครั่ง ผู้ชายไว้ผมทรงหลักแจว ผู้หญิงไว้ผมทรงกระทุ่ม เหมือนกันทุกคน จนพาทิศแทบแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร
    ฉับพลัน

    เหมือนมีคนมาฉายหนังให้เขาเห็นอยู่ตรงนั้นเอง จะพิเศษหน่อยก็ตรงที่ หนังที่เขาดูอยู่นั้น มีทั้งรูปรสกลิ่นเสียง และสัมผัสเหมือนจริงทุกประการ พาทิศเข้ามาอยู่ในบ้านตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ตัว สภาพบ้านที่เขาเดินอยู่ขณะนี้ จะต่างจากบ้านที่เขาเห็นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วก็เพียงนิดเดียวเท่านั้น การจัดของ เครื่องใช้ต่างไปเพียงนิด ตามผนังพื้นเพดาน ก็ดูใหม่เอี่ยมไม่มีที่ติ เหมือนกับว่า เพิ่งเปิดให้คนเข้ามาอยู่ไม่กี่วัน
    หลวงพินิจราชอักษรนั่งอยู่บนตั่งขนาดใหญ่ตรงห้องนั่งเล่น แปลก เขาไม่ยักรู้สึกกลัวหรือแปลกใจกับการเห็นหลวงพินิจราชอักษรนั่งอยู่ตัวเป็นๆอย่างนี้เลย
    เพราะไปอยู่ต่างประเทศ คุณหลวงจึงติดนิสัยใส่เสื้อในบ้าน เหมือนฝรั่งมังค่า แม้ว่าค่านิยมของคนไทยในสมัยนั้น ยังไม่ค่อยชอบใส่เสื้อเวลาอยู่ในบ้านนัก เพราะจะติดสบายเสียมากกว่า ซ้ำยังเลิกตัดผมทรงมหาดไทย หรือทรงหลักแจว แต่หันมาไว้ผมรองทรง คือไว้ยาวทั้งหัว ไม่ใช่มีเพียงผมปีกด้านบน แล้วไถสั้นเกรียนสามด้าน แบบ พวกบ่าว ไพร่ที่พาทิศเห็นข้างนอก คุณหลวงอยู่ในโจงกระเบนสีน้ำตาล มีเสื้อสีน้ำตาลอ่อนกว่าสวมทับด้านบน ไม่มีเครื่องประดับใดๆ เพราะ ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวดีไว้ต้อนรับแขกผู้มาเยือน ในเมื่อเจ้าหล่อนนั้น อ่อนกว่าเขาทั้งอายุ และยศศักดิ์
     ตรงที่พาทิศยืนอยู่นั้น เป็นตำแหน่งที่มองเห็นประตูทางเข้า ห้องนั่งเล่น ได้ชัดเจน เสียงเคาะประตูดังขึ้น สอง สามครั้ง พร้อมกับเสียงตอบเบาๆ อย่างไม่ใส่ใจ ให้เข้ามาได้ ผู้หญิงสองคนเดินนำเข้ามาก่อนอื่น คนแรก นุ่งโจงกระเบน สีเข้มมีผ้าแถบคาดอก แบบทาสสาวทั่วไป แต่คนที่ตามมานี่สิเป็นหญิงสาวดูดีมียศศักดิ์ แตกต่างจากคนแรกอย่างเห็นได้ชัด ดวงหน้าเนียนละเอียด ดุจกลีบกุหลาบสีขาว จ้องมองมาที่หลวงพินิจฯ อย่างรักใคร่ รูปหน้ารูปไข่นั้น ดูคุ้นตาเสียจนพาทิศต้องสะกิดใจ
    ดวงตาของหญิงสาวกลมโตแต่ไร้แววประกาย ดูไม่มีชีวิตชีวา จมูกโด่งแต่ไม่เป็นสันแบบฝรั่ง ปากเป็นกระจับ เหยียดยิ้มออกอย่างอารมณ์ดี หน้าผากเนียนสวย เป็นรูปโค้งอย่างดี ดูออกว่ามีบ่าว มีไพร่คอยดูแล เก็บไรผมให้จนเรียบสนิทกัน ผมยกไว้เป็นทรงดอกกระทุ่มด้วยขี้ผึ้งอย่างดี ไม่มีผมหลุดรุ่ยเป็นเส้นๆ แบบที่เห็นได้ตามหนัง ละครพีเรียดที่คนยุคของพาทิศทำเลียนแบบอย่างไรก็ไม่สวยเท่า ผมทรงนี้ เป็นทรงที่นิยมกันมาก แม้จะมีบางคนไว้ผมยาวประบ่า ตามที่พระพุทธเจ้าหลวงทรงกำหนดให้เปลี่ยนเมื่อราวปี พศ. 2414 ก็ตาม ดังนั้น สาวที่ไว้ ผมปีกบนกลางหัวเหมือนเมื่อตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์จึงหาได้ยากแล้วในสมัยนั้น
    เสื้อผ้าอาภรณ์นั้นเป็นแบบ ที่นิยมใส่กันของหญิงสาวที่พอมีฐานะ คือเป็นเสื้อทรงฝรั่ง ทำจากแพรไหม เป็นลายลูกไม้ สีครีมดูอ่อนช้อยรับกับใบหน้า แขนยาว ตรงต้นแขนพองแบบหมูแฮม มีผ้าแพรสีชมพูอ่อน คาดเป็นสายคล้ายสไบเฉียงอยู่บนตัวเสื้ออีกที เครื่องประดับของเธอนั้น เป็นสร้อยมุกสีขาวเนียน สวมไว้หลายเส้น ท่อนล่างเป็นโจงกระเบนสีชมพูเข้ม มีเข็มขัดทอง คาดไว้ที่เอว ไม่ให้โจงกระเบนหลุด เวลาเดินเหินจะได้ไม่ต้องคอยระวังตัวมากนัก ท่อนขา ถูกปิดไว้ด้วยถุงเท้าสีขาวสะอาด ยาวเลียบน่องมาถึงเข่า ที่ขณะนี้ กำลังค่อยๆ ย่อลงนั่งกับพื้น พออีกฝ่ายทักขึ้นก่อน หญิงสาวก็แย้มปากตอบ อย่างนอบน้อม
    "มาหาพี่ถึงบ้านมีธุระ กระไรหรือแม่หยาด... ไม่ ไม่ต้องนั่งพื้น นั่งตั่งเถิด"
    แม่หยาด จึงเดินอย่างช้าๆ มานั่งที่ตั่งใกล้ๆ หลวงพินิจราชอักษร ดวงตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าคมเข้มตรงหน้า เสื้อผ้าอาภรณ์แบบฝรั่งของหล่อน ดูยับไปเล็กน้อย แบบดูออกว่าคงไปทำอะไรมาก่อนที่จะมาพบเขาแน่
    "คุณหลวงจำ เรื่องบ่าวลูกเจ๊ก ที่ดีฉันเล่าให้ฟังได้ฤา ไม่เจ้าคะ"
    "ว่ามาซีแม่หยาด"
    "วันนี้ ดีฉันพาตัวมาให้คุณหลวงดูเจ้าค่ะ เผื่อจะชอบใจ" หญิงสาวหันไปทางประตู น้ำเสียงอ่อนหวานทอดพยางค์อย่างงดงาม เป็นเสียงไพเราะดุจจังหวะดนตรี ไม่เหมือนกับที่เรามักจะได้ยินในสมัยปัจจุบันที่ล้วนแต่พูดห้วนๆ ตามอารมณ์ที่เร่งรีบไปกับสภาพบ้านเมือง และ สังคม "อ้ายเส็ง เอ็งเข้ามาซี ทำจดๆจ้องๆอยู่ได้ น่ารำคาญ"
    อ้าย เส็ง เดินเข่า เข้ามาอยู่ตรงหน้าหลวงพินิจราชอักษร ดวงหน้าก้มต่ำ ทำให้เห็นได้เพียงแต่ ผมทรงหลักแจว ที่ตัดไว้หยาบๆ บนด้านบนของศีรษะ เท่านั้น
    "นี่อย่างไรเจ้าคะ อ้ายเด็กคนที่ ดีฉันเคยพูดถึง เอามันมาฝากให้คุณหลวง ไว้เป็นบ่าวคอยรับใช้เจ้าค่ะ" แม่หยาดจีบปากว่า
    หลวงพินิจราชอักษรจ้องมองทาสหนุ่มตรงหน้า อายุมันยังน้อยนัก ท่าทางเรียบร้อยเสียอย่างกับไม่ใช่ผู้ชาย มีเพียงร่างกายท่อนบน เหนือผ้าโจงกระเบนสีเข้มขี้นไปนั้น ที่แม้จะขาวนวลเนียน ราวกับไม่เคยทำงานหนักมาก่อนเลย ตลอดชีวิต แต่ก็ยังดูล่ำสัน ยืนยันได้ว่าเด็กคนนี้ เป็นผู้ชายแน่นอน คุณหลวงหนุ่ม พิจารณา โครงหน้าของเด็กคนนั้น ก็พบว่า แม้เขาจะไม่หล่อรูปงาม เหมือนตัวคุณหลวงเอง ซึ่งเป็นคนไทยแท้ๆ หากแต่ เด็กคนนี้ ก็หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ปากนิดจมูกหน่อยไม่แพ้แม่หยาดคู่หมั้นสาวของเขาเลย จะต่างกันบ้างก็ตรงที่ เด็กหนุ่มข้างหน้า มีดวงตา เหยียดชี้ออก แต่ดูใสเป็นประกายในขณะที่ดวงตาของแม่หยาดนั้น แม้จะกลมโตแต่กลับดูจืดชืดไร้ชีวิตชีวา แบบ เดียวกับนิสัยของหล่อนนั่นแหละคุณหลวงพินิจฯ ถึงไม่เคยโปรดเธอเลยไม่ว่าจะเจอกันครั้งไหน
    "อ้ายนี่รูปร่าง อรชร อ้อนแอ้นนัก ให้ไปแบกข้าวของ หรือ ขุดดินทำสวนมันจักมีแรงไปทำกระไรได้หรือ"
    แม่หยาดยิ้มขึ้นที่มุมปาก
    "เห็นอย่างนี้แล้วก็จริง แต่ฝีมือการทำกับข้าว แลเย็บปักถักร้อยนี่ก็ไม่ใช่เล่นเลยนะเจ้าคะ" หญิงสาว มองไปยังทาสหนุ่ม "ตอนที่อยู่บ้านดีฉัน ก็ทำกับข้าวกับปลาให้ดีฉันรับประจำเวลาที่ ยายแม้นป่วย จนเกือบได้ ปลดยายแม้นออกจากตำแหน่งเสียแล้ว"
    "งั้นเทียวรึ" คุณหลวงยังคงไม่เปลี่ยนสายตา ออกจากทาสหนุ่มที่เห็น "เอ็งชื่อกระไรนะ"
     หนุ่มตี๋สะดุ้งเล็กน้อยแต่ยังก้มหน้าไม่มองมาทางผู้ถามเพียงแต่ตอบออกไปเบาๆให้ได้ใจความโดยไม่คิดถึงการพร่ำพรรณนา แต่อย่างใด
    "ชื่อเส็งขอรับ"
    "เอ็งมันลูกจีน เหตุใด จึงพูดภาษาเราได้ชัดอย่างนี้ ฮึ"
    "อ้ายเส็ง มันเกิดที่นี่เจ้าค่ะ คุณหลวง ปู่มันอพยบมาจากเมืองจีน มาได้ผู้หญิงไทยคนหนึ่ง แถวๆ วัดสามปลื้มนี่แหละเจ้าค่ะ จนมามีพ่อมัน ก็แต่งงานกับคนไทยอีก บ้านมันรับของจากจีนมาขาย ตอนนี้ตายทั้งคู่เจ้าค่ะ ตอนเกิดเหตุเพลิงไหม้ เมื่อต้นปีไงเจ้าคะ คนที่อยู่แถวนั้น ก็ตายไปเยอะเหมือนกัน มีอ้ายเส็งนี่ เอาของไปส่งให้ญาติมันแถวนั้น ก็เลยรอดกลับมาเจ้าค่ะ หลวงพ่อ ที่วัดสามปลื้มเห็นรูปร่างลักษณะดี เลยรับไปอยู่ที่วัดคอยทำความสะอาด ลานวัด งานหนักๆมันไม่เคยจับดอกเจ้าค่ะ แต่พวกทำความสะอาด รดน้ำต้นไม้ มันใช้ได้เทียวนะเจ้าคะ ตอนไปทำบุญดีฉันเห็นมันเข้า ว่าลักษณะมันดูสะอาดเรียบร้อย เลยขอซื้อตัวมาเป็นบ่าวคอยรับใช้ เห็น คุณหลวงย้ายมาเรือนเทานี้ขาดบ่าวอยู่มาก ดีฉันจึงมาให้คุณหลวงใช้รองบาทเจ้าค่ะ"
    "แม่หยาดเล่นตอบ แทนอ้ายเส็งมันหมด เห็นทีพี่คงต้องรีบรับไว้กระมัง แม่หยาดจะได้ไม่ต้องเสียแรงสนับสนุนขนาดนี้" คุณหลวงขัด ยิ้มๆ จน แม่หยาดต้องยิ้ม อย่างกระดาก ขวยเขิน
    "แหม คุณหลวงก็ ดีฉันกลัวว่าคุณหลวงจะไม่มีบ่าว ไว้คอยรับใช้นี่เจ้าคะ"
      "เอาเป็นว่า พี่พอใจก็แล้วกัน" หลวงพินิจว่า "ว่าแต่เอ็งเถอะจะมาช่วยให้ข้าสบายหรือจะยิ่งเพิ่มภาระให้ข้าฮึ"
    "หามิได้ ขอรับ"
    หลวงพินิจยิ้มที่มุมปาก
    "เออ เอาเป็นว่า ข้าจักให้เอ็งไปทำงานสวนเสียก่อน หากว่าทำไม่ไหวจริงๆ ค่อยมาช่วยยายนอมเตรียมกับข้าวกับปลาก็แล้วกัน"
    "ขอรับ"
    "อ้าย มั่น" คุณหลวงร้องเรียกทาสหนุ่มอีกคน ที่กุลีกุจอเข้ามา คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า "เอ็งมาพา อ้ายเส็งไปหาห้องหับห้องนอน แล้วให้มันไปช่วย ตา มี ปลูกดอกไม้ตรงศาลาเสีย"
    "ขอรับ"
     สองหนุ่มเดินออกจากประตูพ้นไปได้ไม่ถึง นาที คุณหลวงก็ลุกขึ้นจากตั่ง ทำท่าจะเดินตามออกไป
    "คุณหลวงจะไปไหนเจ้าคะ ดีฉันมาหาไม่คิดจะทักทายปราศัยกันบ้างหรือ?"
    "แม่หยาด เราเป็นคู่หมั้น กันแล้ว มิใช่เพื่อนเล่นสมัย เด็กๆ แม่หยาดจะให้เรา มานั่งคุยนั่งเล่นด้วยกันนานๆ ไม่ได้ดอก ผู้ใหญ่มาเห็น จักว่าเอาได้"
    "ผู้ใหญ่ที่ไหนเจ้าคะ จะมาว่าให้หยาด เจ้าคุณพ่อท่านออก จะรักหยาดเสียยิ่งกว่าลูกสาวแท้ๆ แถมถ้าจะว่ากันไปตามจริง เจ้าคุณพ่อท่านก็บังเอิญมิได้อยู่เรือนนี้ด้วยมิใช่หรือเจ้าคะ"
    ‘แม่หยาด พี่จะเข้าหอพระ ไปสวดมนต์ แม่หยาดกลับบ้านไปก่อนเถิด ไว้วันหน้าค่อยมาหาพี่ก็แล้วกัน" ราวกับถูกตบหน้าก็ไม่ปาน แม่หยาดลุกพรวดขึ้นอย่างไม่พอใจ เตรียมตั้งท่าจะออกไปจากห้อง พอดี หลวงพินิจก็เอ่ยขึ้น
    "อ้อแม่หยาด ขอบใจเธอมากนะ เรื่อง อ้ายเส็งนี่"
    "ดีฉันไม่คิดกระไรดอกค่ะ แต่หาคนมาช่วยคุณหลวงเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดเรื่องคุณงาม ความดีกระไรเลย" หญิงสาวเดินออกจากเรือนไปในไม่กี่นาทีต่อมา แล้วขึ้นรถ ออกไปในที่สุด
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่4 11.35 - 26/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 26-06-2010 11:54:47
เริ่มย้อนอดีตแล้วสินะ

ติดตามตอนต่อไป

ให้กำลังใจครับ   :L2:


หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่4 11.35 - 26/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 26-06-2010 20:07:44
พาทิศเริ่มย้อนไปในอดีตแล้ว
มาถึงก็พบคนต้นเรื่องทั้งสามคนเลย
ดูแล้วเหมือนคุณหลวงจะไม่ได้รักคุณหยาด แต่ต้องแต่งกันเพราะผู้ใหญ่เลยนะ
รอตอนต่อไปค่า  จะติดตามและเป็นกำลังใจให้นะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่4 11.35 - 26/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 26-06-2010 20:27:16
 :-[ เ้ข้ายุคโบราณแล้ว ช๊อบชอบ +1 จัดให้ ระทึกดีค่ะ
รอตอนต่อไป :oni1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่4 11.35 - 26/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 26-06-2010 22:57:50

วุ้ย ให้ไปทำสวน....เห็นที นายเส็ง จะได้ปลูกแห้วมากำนัล คุณหยาด ฤๅหาไม่ อิอิ
๓๑ + ๑ = ๓๒
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่4 11.35 - 26/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: kimagain ที่ 26-06-2010 23:14:52
มาร่วมลุ้นอดีตหนุ่มน้อยด้วย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่4 11.35 - 26/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 27-06-2010 02:36:16
ชีวิตเส็ง น่าสงสารจัง
จากชีวิตอิสระ พอเสียพ่อแม่
ตัวเองกลายเป็นคนใช้
รออ่านต่อ อย่าหายนาน
+1 เป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่4 11.35 - 26/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 27-06-2010 08:51:46
แต่งดีมากๆ เลยค่ะ ปรบมือและกดบวกให้ๆๆๆ
ชอบอ่านย้อนอดีต พระเอกเราย้อนกลับไปได้ไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่4 11.35 - 26/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: boofuu ที่ 27-06-2010 09:25:13
มันส์สุดๆ


ข้าน้อยจะรออ่านตอนต่อไปนะขอรับ นายท่าน  :really2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่4 11.35 - 26/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: fungfung ที่ 27-06-2010 11:28:47
จะเป็นไงต่อไปน้า
แล้วพาทิศไปเกี่ยวกับเค้าตรงไหนเนี้ย
อยากรู้มาต่อไวๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่4 11.35 - 26/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: MM.Dog ที่ 01-07-2010 21:10:21
พาทิศถูกเส็งหรือคุณหลวงดึงจิตเข้าไปในอดีตกันแน่
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่4 11.35 - 26/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 04-07-2010 23:05:58
เข้ามาดันค่า
นิยายดีๆแบบนี้ต้องช่วยๆกันดัน อิ อิ

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่4 11.35 - 26/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: MM.Dog ที่ 06-07-2010 21:07:16
มาจิ้มค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่4 11.35 - 26/06/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 07-07-2010 23:19:25
ขอโทษทีครับที่หายไปนานเลย งานยุ่งมากๆ
ไปติดตามกันต่อเลยนะครับ

*****************************************************************************


   อากาศยามเช้าไม่ร้อนเท่ากับตอนกลางวันแต่ก็ไม่หนาวเท่าเมื่อคืน
    พาทิศไม่เคยนอนเปิดหน้าต่างมาก่อน เวลานอนแอร์ อุณหภูมิมันจะคงที่อยู่ที่เดิมตลอด จะไม่มีลมพัดเข้ามาให้สั่นอย่างนี้ พาทิศยังไม่ชินก็เลยมีอาการคัดจมูกบ้างนิดหน่อย พาทิศลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจสองสามที ก่อนจะเดินไปแปรงฟันหน้ากระจกในห้องน้ำ เขารู้สึกมึนๆ แปลกๆ เมื่อคืนนี้เขาฝัน แต่เป็นฝันที่สมจริงเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ที่เขาเห็นในฝันจริงๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พาทิศจำอะไรในฝันไม่ได้เลย จำได้อย่างมากก็แค่มีหลวงพินิจราชอักษร มีผู้หญิง มีเด็ก เท่านั้นเอง
    พออาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ เขาก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าเขาฝันถึงอะไรกันแน่ มีบ้าน มีคนนั้นคนนี้ แต่จำเหตุการณ์ไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรกันบ้าง ชายหนุ่มเดินลงมาด้านล่างก็จัดแจง เอาเกี๊ยวกุ้งปรุงสุกแช่แข็งมาอุ่นใน ไมโครเวฟ เทใส่ชาม แล้วก็เดินออกมานั่งกินที่หน้าบ้าน ข้างหน้าบริเวณบ้าน เป็นสนามหญ้าขนาดย่อมๆ มีเก้าอี้ยาวสีขาวตั้งอยู่ ดูก็รู้ว่าเป็นของใหม่เพิ่งแต่งเติมเข้าไปพุ่มไม้ที่รายล้อมตัวบ้านเป็นของที่ปลูกขึ้นใหม่ พาทิศใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ แบรนด์ดัง นั่งเคี้ยวเกี๊ยวกุ้งช้าๆ อย่างมีความสุข อากาศยามเช้าบริเวณนี้สดชื่นอย่างที่เขาไม่ค่อยได้สัมผัสนัก จริงอยู่บ้านที่เชียงใหม่เช้าๆก็เป็นแบบนี้ แต่เขาก็มักจะอุดอู้อยู่แต่ในบ้านมากกว่าจะออกมารับบรรยากาศข้างนอก
    ตาเหลือบไปยังอีกฟากหนึ่งของบ้านก็เห็นว่า หน้าต่างบานเดิมที่เขาเคยเห็นเด็กหนุ่มลึกลับคนนั้นเปิดออกกว้าง เหมือนวันแรกที่เขาได้มาเห็นบ้านหลังนี้ไม่ผิดกัน
    
    พาทิศวางชามใส่เกี๊ยวกุ้งลงที่ม้านั่ง ก่อนจะลุกเดินไปยังกำแพงสีขาวสูงตระหง่านที่กั้นเขาออกจากชายที่เขาหมายปอง มือทั้งสองข้างจับกำแพงไว้ด้านบนพลางดึงตัวขึ้นให้โผล่พ้นกำแพงนั้น ปากก็ตะโกนขึ้นดังๆ
    "คุณครับ มีใครอยู่ไหมครับ"
    ไม่มีเสียงตอบใดๆ พาทิศเดินวนไปด้านหน้าของตัวบ้าน แล้วลองตะโกนเรียกอีกครั้ง
    "ขอโทษนะครับ ถ้าคุณอยู่ในบ้าน ช่วยออกมาให้ผมเห็นหน่อยได้ไหมครับ"
    "ไม่มีใครอยู่หรอกคุณ" เสียงแหบพร่าของชายชราดังขึ้น เบาๆอย่างเห็นเหนื่อยทางด้านหลังของพาทิศ พอชายหนุ่มหันมา ก็พบว่าตัวเองกำลังยืนจ้อง ลุงอิ่มอยู่ด้วยใจเต้นโครมครามเพราะความตกใจ "ลุงบอกคุณชายแล้วไง ว่าฝากนั้นของบ้านน่ะ ไม่มีใครอยู่..."
     "แต่ผมเห็น" พาทิศว่า แล้วหันกลับไปมองที่หน้าต่างบานนั้น เขาไม่แปลกใจเลยที่มันปิดสนิทนิ่งอยู่เหมือนทุกครั้ง... หน้าต่างบานนี้เปิดต่อเมื่อเขาจ้องมองมันคนเดียว ไม่มีคนอื่นอยุ่ด้วย อย่างนั้นก็แสดงว่า เด็กหนุ่มคนนั้นต้องการให้เขาเห็นแค่คนเดียวไม่ใช่ใครอื่น เป็นเพราะอะไรกัน หรือเด็กหน้าตี๋คนนั้นแอบเข้ามาอยู่ในบ้าน อย่างไม่ถูกต้องจริงๆ
    "คุณไม่เห็นอะไรหรอกคุณพาทิศ บ้านซีกนั้นน่ะ ปิดมาสองสามเดือน ก่อนคุณตัดสินใจซื้ออีก คุณเห็นไหม ว่ากุญแจอยู่ที่ลุง" ชายชรายก กุญแจพวงใหญ่ขึ้นสนับสนุนคำพูดของตัวเอง "วันนี้ ลุงกะจะมาทำสวนให้คุณชายครับ กะให้เจ้าเอกทำกับข้าวเช้าให้ทาน แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว"
     ดวงตาของชายชราเลื่อนลอย แต่ก็จับจ้องอยู่ที่ชามใส่เกี๊ยวกุ้งได้พอดิบพอดี อยู่ในสายตา
    "เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหมล่ะครับ"
    "อ้อ หลับสนิททีเดียวครับ" ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างห้ามไม่อยู่ เพราะใจพาลนึกไปถึงความฝันเมื่อคืนนี้อย่างห้ามไม่ได้ ใครสักคนที่มีความสำคัญอย่างมากในความฝัน เตือนเขาให้คิดให้ออกทุกครั้ง แต่เขาก็ยังคงจำเหตุการณ์อะไรในฝันไม่ได้อยู่ดีราวกับว่าดวงตาของเขาเป็นฝ้า จะนึกถึงภาพในฝันเมื่อคืนทีไร ก็ไม่เห็นอะไรแน่ชัด ภาพใบหน้าของบุคคลในฝันก็มืดมัวสลัวรางนัก
    "อย่าโกหกลุงเลยคุณพาทิศ" ชายหนุ่มใจเต้นโครม หรือชายแก่คนนี้ จะรู้อะไรเข้าแล้ว ...เป็นไปได้ไหมว่า ตาแก่นี่รู้ว่าเขาแอบส่องชายหนุ่มผิวสะอาด ที่ฝั่งโน้นของบ้าน "ลุงแก่แล้ว รู้ทันพวกเด็กๆ อย่างคุณดีนักแหละ"
    หยาดเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผากของชายหนุ่มเป็นเม็ดเล็กๆ พร่างพราว ราวกับเอาเศษเพชรมาประดับไว้อย่างสวยงาม ที่บนผ้าแพรสีเนื้อละเอียด เอาเป็นว่า ชราคงเห็นเขาแอบมองน้องตี๋คนนั้น แล้ว ... ไปด้วย ว่าแต่เห็นได้อย่างไรในเมื่อเขาอยู่ชั้นสองของบ้าน แถมบ้านของ ลุงอิ่มยังอยู่เสียไกลจากตัวบ้านของเขา มองจากบ้านลุงอิ่มอย่าว่าแต่ให้เห็นเขาแอบมองเลย เห็นหน้าต่างบ้านของเขาก็คงจะยากแล้ว
    "เด็กๆ อย่างคุณน่ะ ลุงดูออกหรอกว่า พอไม่มีแอร์ ไม่มีทีวีละก็ คงนอนกระสับกระส่ายทั้งคืนซี"
    "เอ๊ะ" พาทิศอุทาน
    "ตกใจละซีที่ลุงรู้ทัน"
    "แหะๆ ครับ" พาทิศแทบซ่อนสีหน้าโล่งใจไว้ได้ไม่ทัน อย่างนี้หรือที่เขาเรียกว่า วัวสันหลังหวะ หรือ กินปูนร้องท้องน่ะ ลุงอิ่มไม่ได้รู้เรื่องหนุ่มตี๋ซักหน่อย แค่ตั้งใจแหย่เขา เรื่องความเป็นอยู่ของเขาต่างหากล่ะ
    "แล้วกะจะทำอะไรเล่าคุณพาทิศ ใกล้ๆนี้มีตลาด อยากออกไปซื้อของละก็ ให้เจ้าเอกนำทางไปได้นะครับ แล้วค่อยกลับมานั่งเล่นอ่านหนังสือที่บ้าน" ลุงอิ่มยิ้มอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่จะชี้ให้เห็นว่าถ้าจะไปตลาดจะต้องไปทางไหน
    "ไม่ละครับ วันนี้ผมจะไม่อยู่บ้าน ว่าจะไปบ้านเพื่อนนะครับ ต้องรบกวนคุณลุงช่วยดูแลบ้านให้ด้วย"
    "ยินดีครับ วันนี้คุณหนูสร้อยน่าจะเข้ามาคุยกับคุณ แต่ไม่เป็นไรครับ ถ้าหากไม่สะดวกละก็ผมจะเรียนให้คุณหนูทราบว่า คุณชายจะไม่อยู่บ้านแล้วกันครับ"
    พาทิศยิ้มให้ชายชรา
    "ขอบคุณที่ช่วยเป็นธุระให้นะครับ ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนละครับ" จบประโยคชายหนุ่มก็ยกมือไว้อย่างเรียบร้อย ลูบผมที่ต้นคออย่างเคยชินแล้วเดินออกจากตัวบ้านไปขึ้นรถสีดำสนิทของเขา แล้วเคลื่อนรถออกไป โดยไม่ลืมที่จะเหลียวหลังกลับมามองบ้านหลังนั้น เพื่อพบว่า เมื่อชายชรา และ หลานชายหันหลังให้เขาแล้ว หน้าต่างบานที่เขามองเป็นประจำ กลับเปิดอ้าขึ้นอีกครั้ง อย่างน่าประหลาด

    บ้านของณัฐอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง บนถนนราชพฤกษ์ที่เป็นย่านใหม่ของกรุงเทพ เมื่อรถไฟฟ้าขยายสถานีมาลงถึงฝั่งธนแล้ว ร้านอาหาร ร้านค้า และ หมู่บ้าน ตึกแถว คอนโด ก็ผุดขึ้นเร็วราวกับดอกเห็ด หมู่บ้านนี้อยู่ห่างจากบ้านโบราณหลังใหม่ของพาทิศไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เดินรถเลยทางเข้าหมู่บ้านตั้งตระหง่านอยู่หน้าถนนใหญ่ทำเป็นซุ้มขนาดใหญ่ ด้านบนเป็นรูปสลักนูนสูง รูปหัวสิงโตสีขาวงาช้างดูสง่างามกว่าหมู่บ้านไหนๆ ถัดเข้ามาจากซุ้มประตูคือทางเข้าหมู่บ้าน ทอดตัวยาวลึกลงไป สองข้างทางปลูกต้นลีลาวดีออกดอกสีขาวสะอาด ร่วงหล่นดูคล้ายพรมสีขาว เจือน้ำตาลตามที่รถแล่นทับมันผ่านไป ตรงเกือบปลายถนนเป็นป้อมยามรักษาความปลอดภัยขนาดใหญ่ มีการแลกบัตรเพื่อเข้าติดต่อข้างในหมู่บ้าน สอบถามบ้านเลขที่และเจ้าของบ้าน จากนั้น รปภ. หนุ่มใหญ่ก็ปล่อยให้พาทิศขับรถผ่านเข้าไปด้านใน พาทิศเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา และขวาอีกที ก็พบว่าตัวเองกำลังขับผ่านทะเลสาบใหญ่กลางหมู่บ้าน
    อีกฝั่งของทะเลสาบเป็น ทำเลที่ดีที่สุดในหมู่บ้าน มันเป็นบ้านขนาดใหญ่ตกแต่งแบบสมัยใหญ่ตั้งอยู่บนเนินขนาดใหญ่ หันหน้าเข้าหาถนนที่ตัดอ้อมบ้านไป ด้านหลังเป็นห้องนั่งเล่นผนังกระจก ทำทรงคล้ายหอคอยแปดเหลี่ยม ไว้ใช้ประชุมหรือจัดงานรื่นเริงสำคัญๆ น่าแปลกที่บ้านที่ทั้งใหญ่ทั้งสวยขนาดนี้ เป็นสมบัติของเด็กหนุ่มวัย ยี่สิบกลางๆแทนที่จะเป็นมหาเศรษฐีสักคน
    พาทิศจอดรถที่หน้าบ้าน กดกริ่งครั้งหนึ่งพอให้เจ้าของบ้านรู้ตัวว่ามีแขกมาหา แล้วลงจากรถจัดแจงเปิด ประตูรั้วไป พอดีกับที่เจ้าของบ้านเปิดประตูบ้านสวนออกมา
    “อุตส่าห์มาหากูที่นี่แต่เช้า น้ำในเลคจะระเหยหมดเสียแล้วมั๊ง” เพื่อหนุ่มทักทายอย่างเป็นกันเอง พลางยิ้มให้อย่างดีใจที่เห็นหน้า
    “เออ กูคิดถึง”
    พาทิศ แทรกตัวผ่านเพื่อนหนุ่มที่ยืนขวางอยู่ที่ประตูเข้าไปในบ้านที่ แม้จะใหญ่โต แต่ก็สวยงามและอบอุ่นเหมือนชายเจ้าของบ้าน
    ณัฐ อยู่ในเสื้อยืดคอกลมสีขาว และกางเกงขาสั้นสีดำ ผมสีน้ำตาลเข้มอยู่ยุ่งเหยิง และชื้นน้อยๆ หยาดน้ำยังคงเกาะอยู่บนแก้มขาวสะอาดอมชมพู เรียบเนียนนุ่มน่าสัมผัส เหมือนเพิ่งออกจากห้องน้ำ แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาเกือบสิบโมงครึ่งแล้วก็ตาม  เพราะหนุ่มๆในกลุ่มเพื่อนของพาทิศ ไม่มีงานต้องทำ ดังนั้นจึงไม่มีเวลาที่ต้องตื่นอย่างแน่นอน คือแม้จะตื่นกี่โมงก็ตาม ก็ไม่จำเป็นต้องลุกออกจากเตียง สามารถนอนบิดไป กลิ้งมาอยู่บนเตียงได้โดยไม่ต้องห่วงอะไร ส่วนข้าวเช้า ก็กลายเป็นมื้อที่ไม่จำเป็นเสียแล้วสำหรับหนุ่มณัฐ เพราะกว่าจะอาบน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เฉียด สิบเอ็ดโมงแล้ว ดังนั้นจึงสามารถทานข้าวเที่ยงได้เลย ประหยัดไปได้หนึ่งมื้อ
    “มึงว่างป่ะ” พาทิศถามทันทีเมื่อเข้าบ้านมาได้ไม่เท่าไหร่ เพราะไม่อยากให้เสียเวลานัก
    “ว่าง มีอะไรวะ?” เพื่อนหนุ่มเดินนำเข้าไปที่ห้องนั่งเล่นจัดแจงให้นั่งลงบนโซฟาหนังแท้ที่เรียงตัวสวยอยู่ในห้องนั่งเล่น
    “มึงไปดูหนังกับกูมั๊ย”พาทิศพูดเบาๆอย่างเขินอาย ด้วยไม่เคยขอให้เพื่อนหนุ่มคนสนิทคนนี้ไปเที่ยวมาก่อนเลย อย่างมากก็รอให้นายณัฐถามก่อน แล้วเออ ออแบบไม่ไว้ตัวเอาเวลาอยากไปเที่ยวกับเขา
    “ไงล่ะมึง” ณัฐจับบ่ากดให้พาทิศนั่งลงบนโซฟาเสียก่อน “เลิกกับน้องเป๊กแล้วหรือไง”
    พาทิศพยักหน้าแบบขอไปที
    “เออสินะ ถ้าเกิดว่าไม่เลิกกัน มึงก็คงไม่เห็นหัวกูหรอก” ณัฐพูดเบาๆ ระคนน้อยใจ “มึงนั่งรอก่อนก็แล้วกัน”
    ชายหนุ่มมองเพื่อนหน้าใสวิ่งขึ้นบันไดไปเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้องนั่งเล่นนั้นเรียงรายไปด้วยรูปวาดสีน้ำ และสีน้ำมัน รวมถึงแจกันใบใหญ่ที่จัดดอกไม้ไว้ในรูปแบบต่างๆ ที่พาทิศรู้เองว่าเพื่อนหนุ่มของเขาทำขึ้นเองทั้งหมดอย่างแน่นอน เพราะเพื่อนหนุ่มของเขาคนนี้ จบคณะศิลปกรรมศาสตร์มาจากมหาวิทยาลัย ชื่อดัง นอกนั้นยังวาดภาพเป็นงานอดิเรกมานานแล้ว ภาพวาดสีน้ำที่เป็นฝีมือของณัฐเองก็ได้ไปอยู่บนกำแพงบ้านของพ่อแม่ของเขาด้วยเช่นกัน
    ช้อย แม่บ้าน ยกน้ำเปล่า มาเสิร์ฟให้ถึงที่โดยที่ไม่ต้องมีใครมาบอก แม่บ้านบ้านนี้ต่างก็รู้กันดีว่าควรจะทำอะไรอย่างไรกับแขกของ คุณณัฐ ด้วยเงินมหาศาลที่ได้รับต่อเดือนแล้ว บรรดาแม่บ้านพวกนี้ต่างก็แทบจะยอมรับใช้ทั้งคุณณัฐ และแขกของเขาแทบจะยกหัวถวายเลยด้วยซ้ำ
    “ขอบคุณครับ”
    “ยินดีค่ะคุณชาย” แม่บ้านรุ่นเก๋ายิ้มให้พาทิศอย่างเป็นกันเอง “คุณชายไม่ได้มาเยี่ยม คุณณัฐนานแล้วนะคะ คุณณัฐแทบไม่ได้ไปไหนเลยค่ะ นั่งอยู่ในห้องริมทะเลสาบ วาดภาพสีน้ำทั้งวันเลยล่ะค่ะ”
    “แย่จังเลยครับ ช่วงนี้ผมยุ่งๆเสียด้วย วันนี้ก็ตั้งใจพาณัฐมันออกไปเที่ยวเสียหน่อยน่ะครับ ชดเชยความผิดที่ทอดทิ้งเสียหน่อย”
    เสียงกระแอมดังขึ้นข้างหลัง
    ณัฐกลับมาในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าอ่อน และกางเกงยีนส์ขายาวสีเข้มทรงขาแคบแบบที่เขาชอบใส่ประจำ เดินลงบันไดมาราวกับเทพบุตรที่ลงมาจากสวรรค์ แสงอาทิตย์ส่งทำมุมกับหน้าเขาราวกับว่าตัวเขาเปล่งประกายสีแสงสว่างออกมาจากตัวอย่างไรอย่างนั้น  ผมสีน้ำตาลสั้นเซตไว้ยุ่งๆบนหัว ดูลำลองต่างจากชุดที่ใส่ ด้วยกลัวว่าจะดูเชยเกินไป
    “คุยอะไรกัน แม่ช้อย ไอ้ทิศ”
    “เปล่า ค่ะคุณณัฐ” แม่บ้านร่างท้วมว่าอย่างเคอะเขิน... “เห็นทีดีฉันต้องขอตัวไปซักเสื้อผ้าคุณณัฐต่อเสียแล้วค่ะ … เอ่อ ดีฉันไปก่อนนะคะ”
    “ดีแล้ว วันนี้ผมไม่อยู่บ้าน แม่ช้อยช่วยดูแลบ้านด้วยดีๆล่ะ”
    “ค่ะ”
    สองหนุ่มเดินออกจากบ้านไป พาทิศเปิดประตูให้เพื่อนหนุ่ม แล้วปิดเมื่อณัฐก้าวขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว ตัวเขาเองเดินอ้อมไปขึ้นรถ มีสองสิ่งที่รบกวนจิตใจเขาอยู่ ณ. ขณะนั้น ทำให้ไม่ทันได้สังเกตว่าโทรศัพท์มือถือของเขา ปิดเสียงอยู่ และเบอร์โทรศัพท์ของมารดา โชว์หราอยู่แม้เขาจะถือมันอยู่ในมือก็ตาม... อย่างแรกคือ คำว่า “แม่ช้อย” มันคุ้นหูเขาอย่างน่าประหลาด ... ไม่ใช่ “แม่ช้อยนางรำ” แต่ชื่อของใครสักคนสะท้อนอยู่ในหัวของเขา ใครบางคนที่เขาฝันเห็นเมื่อคืน แม่ช้อย... แม่หยาด หรือ?
    อย่างที่สอง เขามองผ่านกระจกหลังเมื่อรถเคลื่อนออกมาจากบ้านหลังนั้นได้สักพัก
    ผ้าใบที่ขึงอยู่บนขาตั้ง หันหลังให้เขาอยู่ในห้องกระจกริมทะเลสาบ เขาอยากเห็นเหลือเกินว่า ภาพที่อยู่บนผ้าผืนนั้น ภาพสีน้ำนั้นจะเป็นเพียงภาพวิวของเลคนั้น หรือเป็นภาพของใคร... จะเป็นไปได้ไหมว่าเป็นภาพของเขาเอง?
    
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 11.21 - 07/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 08-07-2010 05:28:15

๓๕ + ๑ = ๓๖
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 11.21 - 07/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 08-07-2010 06:29:45
เอาแล้วซิพาทิศเอ๊ย ฝันเห็นเรื่องในอดีตแต่กลับจำไม่ได้ หรือว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะรู้

เอากำลังใจมาฝากค่า
มาต่อตอนต่อไปเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 11.21 - 07/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: panang ที่ 08-07-2010 10:56:52
งงค่ะ งง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 11.21 - 07/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 08-07-2010 16:56:42
อ่านแล้วได้บรรยากาศเหมือนดูละครพีเรียดมาก ๆ แต่ให้ความรู้สึกละเมียดละไมมากกว่า
อ่านมาจนถึงตอนนี้แล้วอดรู้สึกไม่ได้ว่าณัฐจะเกี่ยวพันกับอดีตนั่นด้วยหรือเปล่า
....  แล้วอีกความรู้สึกหนึ่ง ก็คือ รู้สึกเศร้าลึก ๆ เมื่อได้อ่าน part ของเส็ง
เส็งรอคุณหลวงเป็นร้อย ๆ ปีเลยเชียวเหรอ  มันเศร้ามากเลยนะ

+1 ชอบมากค่ะ  ไม่ค่อยมีนิยายแนวนี้ให้อ่านซักเท่าไหร่  ภาษาสวยดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 11.21 - 07/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 09-07-2010 02:48:38
 o2 ณัฐเกี่ยวยังไงด้วยอ่ะ...???
 :oni1:รอตอนต่อไป....
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 11.21 - 07/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 09-07-2010 06:20:50
+ ให้จ้า

แต่งได้ซับซ้อนมากอ่า เดาไม่ถูกเลย อยากอ่านต่อๆๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 11.21 - 07/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: sky-cafe ที่ 09-07-2010 20:08:49
ปกติเราไม่อ่านแนวนี้ เพราะกลัว - - แต่เรื่องนี้สนุกมากกกกกกกกก ถึงแม้อ่านไปจะหวาดผวาไปก็ตามที ฮี่ๆๆ XD
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 11.21 - 07/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 10-07-2010 00:51:00
ณัฐ จะเป็นตัวละครอีกตัวที่ต้องไปเกี่ยวโยงกับเรื่องราวในอดีตหรือเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 11.21 - 07/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 10-07-2010 13:20:23
ลึกลับซับซ้อนดีจังเรื่องนี้

ยังคงสนุกเหมือนเดิมจ้า เดาไม่ถูกว่าจะเป็นไงต่อ

แต่ณัฐนี้จะเกี่ยวข้องกะใครในอดีตรึเปล่าเนี่ย

รอลุ้นตอนต่อไปจ้า ^^
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 11.21 - 07/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 11-07-2010 21:03:18
เพียงสามชั่วโมงต่อมา พาทิศก็พบตัวเองนั่งอยู่ในโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ของห้างสรรพสินค้าชั้นนำของเมืองไทย หลังจากมาถึงห้าง และ ทานกลางวันเรียบร้อยแล้ว ภาพยนตร์ที่ทั้งคู่เลือกดู เป็นเรื่องราวของเพื่อนที่แอบรักเพื่อน แบบที่มีกันอยู่บ่อยๆ แต่ความสำคัญคือ ไม่รู้ว่าเพราะบรรยากาศพาไป หรือความคิดถึงที่ทั้งคู่มีให้แก่กันเป็นใจก็ไม่อาจทราบได้… โดยไม่ได้บอกล่วงหน้านายณัฐแนบศีรษะของเขาลงกับไหล่ที่แข็งแกร่งของเพื่อนหนุ่มข้างๆ
    ความเหงาเป็นแรงดึงดูดที่แรงเสียยิ่งกว่าแม่เหล็กเสียอีก
    พาทิศยิ้มให้กับช่วงเวลาแห่งความสุขสั้นๆที่ฉกฉวยมาได้ง่ายๆอย่างนี้ คนอย่างพาทิศไม่เชื่อในคำว่ารักแท้ รักนิรันดร์ รักตลอดไป สำหรับเขา ความรักมีความเข้มข้น และความจำกัดของมันเอง ไม่มีรักไหนที่ยืนยาวอยู่ได้จนชั่วฟ้าดินสลายเหมือนในนิยาย ความรักสำหรับเขา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเหมือนสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนั้นแหละ ไม่ว่าใครจะรักใครมากแค่ไหน แต่พอถึงเวลาของมันแล้ว ความรักจะค่อยๆจืดจาง และ หายไปในที่สุด ยกตัวอย่างง่ายๆไม่ต้องมองอะไรอื่นไกลอย่างพ่อแม่ของเขานี่เอง แรกๆ คุณพ่อของเขาก็คอยเทียวไล้เทียวขื่อ เอาใจคุณแม่เขาทุกอย่าง ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด แต่เป็นเพราะความถูกใจในรูปร่างหน้าตา เมื่อได้เห็นกันในงานสังคมงานหนึ่ง กระทั่งร้องขอให้คุณปู่ คุณย่าไปสู่ขอให้ได้แต่งงานกับคุณแม่จนได้ จนกระทั่งไปฮันนีมูน และ มีลูกชายคนเดียวด้วยกัน ก็คือตัวพาทิศเองแล้ว ความรักมันก็ค่อยๆจืดจางไปตามเวลา จนปัจจุบันนี้ แม้แต่จะคุยกันดีๆ ยังไม่ค่อยจะได้มีโอกาส เลยสักเท่าไหร่ ยิ่งอยู่ไกลกันได้เท่าไหร่ก็ยิ่งดีเพื่อหลีกเลี่ยง การมีปากเสียงกันทุกๆห้านาที
    นอกจากนั้นแล้ว หากใครบอกว่าเงินซื้อความรัก ไม่ได้ พาทิศจะเถียงจนคอเป็นเอ็นทีเดียว ไม่มีใครบนโลกนี้รักใครฟรีๆโดยไม่ต้องการอะไรแลกเปลี่ยนหรอก อย่างน้อยๆ ก็คงต้องการเงิน หน้าตา รูปร่าง หรือความต้องการใครสักคนเพื่อคลายเหงาเท่านั้นเอง อย่างครั้งนี้ เพียงแค่ชายหนุ่มเอ่ยปาก นายณัฐก็ยอมมาเที่ยวกับเขาแล้วอย่างง่ายดาย หากไม่ใช่เพราะหน้าตา และรูปร่างที่ดีจนใครๆ ก็เหลียวมองแล้ว ก็คงเป็นเพราะเงิน หรือความเหงานั้นแหละ
    ทำไมพาทิศจะจับความน้อยใจที่เจืออยู่ในน้ำเสียงของณัฐตอนก่อนออกจากบ้านไม่ได้เล่า เขารู้อยู่แก่ใจทีเดียวว่า เพื่อนหนุ่มของเขาน้อยใจเขาเรื่องอะไร เมื่อครั้งทั้งคู่เรียนจบชั้นประถมและกำลังจะขึ้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่ง พาทิศและณัฐก็ตกหลุมรักกัน จากการทดลองที่เป็นไปตามความอยากของทั้งคู่เมื่อครั้งเข้าค่ายลูกเสือตอนจบ ป.6 แม้ตอนนั้นพาทิศจะยอมรับว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขอย่างมาก และแม้ว่าเพื่อนๆของเขาจะมีแฟนเป็นผู้หญิงเดินจูงมือกัน ไปเที่ยวกันอวดสายตาใครต่อใคร แต่เขากลับทำได้เพียงแอบมาเจอกัน จะกอดจูบอย่างไรก็ทำได้แค่ในที่ลับตาคนเท่านั้น แล้ว... ด้วยวัยเพียง 13 ปีเท่านั้น ความคิดหนึ่งก็แว่บเข้ามาในสมองของพาทิศ ... หากเขาจะไม่มีวันได้รักใครอย่างนี้อีกเลย จะต้องมีแต่นายณัฐคนเดียวตลอดไป มันจะดีหรือไม่
    เหมือนกินข้าวไข่เจียวทุกวัน จะเปลี่ยนเป็นขนมจีน หรือ ก๋วยเตี๋ยวก็ไม่ได้ ... อย่างนั้นจะดีหรือ
    พาทิศตอบตัวเองตั้งแต่นั้นว่า เขาจะไม่หยุดชีวิตเขาไว้กับใครแค่คนเดียว หากเขาจะมีรัก รักของเขาจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และจบลงอย่างรวดเร็วพอๆกัน เพราะเขาเป็นคนไม่ชอบอะไรที่มันจำเจ ซ้ำซากเหมือนๆกันไปทุกวัน รู้แต่เพียงว่าที่เขาได้ณัฐมาไว้ข้างกาย ได้โอบเขาไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง ซึ่งมีชายหนุ่มหนุนอยู่บนไหล่ มือลูบไล้ผมสีน้ำตาลนุ่มสลวยราวผมหญิงสาว เบาๆ นานๆทีก็ซุกจมูกโด่งปลายมนนั้นลงบนผมที่หอมด้วยกลิ่นยาสระผมที่เพิ่งสระมาเมื่อเช้า ความนุ่มของเนื้อตัวชายหนุ่มตาโต ปากแดงน่ารักราวกับตุ๊กตานี้ ยิ่งทำให้เขาอยากเปลื้องผ้าชายหนุ่มออกเสียเดี๋ยวนั้น แล้วจัดการเขาให้เสร็จเลยทีเดียว ไม่ต้องนั่งรอ ไม่ต้องลุ้น... แล้วทุกอย่างก็จะจบลงง่ายๆ เหมือนที่มันเริ่มต้น แล้วเขากับณัฐก็ยังคงสถานภาพความเป็นเพื่อนไว้อย่างนี้ตลอดไป เหงาเมื่อไหร่ ก็ออกมาเจอกัน ง่ายๆ อย่างนี้เอง
    
    ภาพยนตร์จบลงภายในสองชั่วโมง นั้นเอง พาทิศเดินออกมาจากโรงภาพยนตร์เคียงข้างณัฐเพื่อนหนุ่มโดยมีมือข้างหลังจับอยู่ที่บ่าของเพื่อนรัก ไว้หลวมๆ ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้มีกะใจ จะปัดทิ้งหรืออะไรแต่อย่างใด ทั้งคู่เดินคุยกันเรื่องภาพยนตร์ที่เพิ่งดูกันจบ ไป และไปซื้อของตามรายการซื้อของต่างๆของเขา ระหว่างเดินซื้อไป พาทิศก็เล่าเรื่องสภาพของบ้านโบราณที่เขาเพิ่งเข้าไปอยู่ ไปพลางๆ
     “ก็ดีนะ บ้านใหญ่ดี ถึงจะถูกแบ่งเป็นสองฝั่งแล้วก็ตามนะ มีหนังสือเต็มไปหมดเลย ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วรรณคดีอะไรประมาณนี้ มีครัว มีอะไรเหมือนบ้านยุคเรานี่แหละ มีคนมาคอยดูแลกูอยู่ชื่อลุงอิ่มคนนี้ก็แก่แล้ว แต่ก็ยังดูใจดี แต่ที่แปลกคือ เขาห้ามขาดกูไปยุ่งกับอีกฝั่งหนึ่งของบ้านว่ะ”
    “มึงว่ามันมีอะไรเคลือบแฝงบ้างหรือเปล่าวะ”
    “ไม่รู้ว่ะ อย่างซ่อนอะไรผิดกฎหมายไว้ทำนองนั้นหรือ” พาทิศเห็น ณัฐพยักหน้าก็ว่าต่อ “แล้วจะให้กูเข้าไปอยู่ในบ้านเพื่ออะไรอีกวะ”
    “นั่นซี” ณัฐเออออ แล้วก้มอ่านรายการซื้อของของพาทิศ "ซื้อปลั๊กสามตา… ทำไมวะ?”
    “เต้ารับที่บ้านนั้นมันเป็นสองรู แต่ปลั๊กของโน๊ตบุ๊คกูมันมีสามขาไง”
    “อื้มม แล้วก็ซื้อแอร์การ์ด… ไม่มีสัญญาณ ไวเลส หรือไงวะ”
    “ไม่น่ะสิ ถ้ามีจะซื้อทำไมล่ะ” พาทิศว่า แล้วเดินไปซื้อของ พอจะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาก็เห็นมิสคอลล์จาก คุณนายเพลงพิณ ปรากฏชัดเจนบนหน้าจอ ทัชสกรีน
   “38 มิสคอลล์ เชียวหรอ”
    “ใครล่ะ”
    “แม่กูนะซี สงสัยโทรมาตื๊อให้กลับบ้านอีกน่ะ กูปิดเสียงไว้ก็เลยไม่ได้ยิน” พาทิศว่าจบประโยคก็เปิดเสียงโทรศัพท์เอาไว้ เผื่อแม่เขาจะโทรมาอีก สองหนุ่มถือปลั๊กสามตา และแอร์การ์ดลงมาที่แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า
    “ซื้อพัดลม ทำไมล่ะ อย่าบอกนะว่า…”
    “อื้ม บ้านนี้ไม่มีแอร์ ไม่มีแม้แต่พัดลม”
    “ร้อนตายอ่ะดิ” ณัฐออกความเห็นไปด้วย ขณะที่พนักงานสาขา ยกพัดลมให้กล่องขึ้นรถเข็นพร้อมที่จะเข็นไปให้ที่รถ
    “ก็เฉพาะกลางวันเท่านั้นแหละ กลางคืนหนาวฉิบหายเลย” พาทิศบ่น พลางเดินไปที่รถหลังจากซื้อของครบตามรายการที่จดไว้เรียบร้อยแล้ว
    “มึงยังไม่ได้ซื้อหนังสือสวดมนต์เลยนี่”
    “อืม แวะซื้อ เซเว่น แถวบ้าน”
    “แล้วจะซื้อไปทำไมวะ? อย่าบอกนะว่าคิดอยากบวชแล้วน่ะมึง”
    “เอ้อ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นเกาหัวแก้เก้อ “กูจะบอกยังไงดีล่ะ… บอกไปมึงก็คงไม่เชื่อกูหรอก”
    “มัวแต่อ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละ มึงก็ว่ามาซีวะ”
    “คือบรรยากาศมันค่อนข้างวังเวง น่ะนะ ต้นไม้มันก็เยอะ นอนๆไปกูก็รู้สึกหวิวๆว่ะ เสียงต้นไม้สีกันแม่งอย่างกะเสียงร้องไห้ แถมยังมีเรื่อง คุณหลวงนั่นอีก...” พาทิศหยุดไปเล็กน้อยเมื่อถึงตอนนี้
    “ทำไมวะ?” เพื่อนหนุ่มถามอย่างใจร้อน
    “ก็ตอนกูเข้าไปที่บ้านนั้น ตาอิ่มคนที่ดูแลบ้านก็พากูไปไหว้รูปคุณหลวงนะซี แถมยังบอกด้วยว่ากูมาดี อย่าได้ทำร้ายกูเลย”
    “สะ... แสดงว่า เคยมีคนโดนมาแล้วหรือวะ?”
    “กูก็ไม่รู้ไง แล้วบรรยากาศวังเวงอย่างนี้ ถึงกูเป็นคนที่ไม่กลัวผีที่สุดในโลก กูก็คงต้องกลัวล่ะวะ... กันไว้ดีกว่าแก้ว่ะ ก็เลย อยากเตรียมหนังสือสวดมนต์ เผื่อไว้”
    สองเพื่อนรักมาถึงรถที่จอดอยู่แล้ว พนักงานก็เอาพัดลมขนาดไม่เล็ก แต่ก็ไม่ใหญ่เกินที่จะใส่ลงท้ายรถของพาทิศได้ ชายหนุ่มยื่นแบงค์สีแดงให้พนักงานคนนั้นเป็นค่าเสียเวลา เปิดประตูให้ณัฐแล้วจึงขึ้นรถไปในที่สุด พอขึ้นบนรถ และพนักงานที่เอาพัดลมมาให้กลับไปแล้ว พาทิศก็ไม่รอช้า ปรี่เข้าหาณัฐที่นั่งอยู่ข้างๆ
    “เฮ้ยยยย” เพื่อนหนุ่มร้องอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆ พาทิศก็โถมตัวเข้าซุกไซร้จมูกของเขาลงกับต้นคอขาวสะอาดของหนุ่มน้อยหน้าขาวตาโต ไล้ต่ำลงมาเรื่อยถึงเนินอกขาวสะอาด มือของพาทิศเลื่อนไปที่ชายเสื้อเชิ้ตสีฟ้าของณัฐ พลางดึงออกจากขอบกางเกงอย่างรวดเร็วมือทั้งสองข้างแกะกระดุมกางเกงยีนส์ตัวเก่ง พลางรูดซิปลงอย่างรวดเร็วแต่แล้ว...
    เสียงเพลงดังขึ้นจากโทรศัพท์ของพาทิศรบกวนขึ้นกลางคัน
    “แม่น่ะ” พาทิศตอบแก้เก้อ ส่วนเพื่อนหนุ่มพอความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกลับมา ก็มองออกไปนอกหน้าต่าง พลางรูดซิปกางเกงเก็บเข้าที่อย่างเดิม
    “แม่มีอะไรครับ” หางเสียงของพาทิศตวัดขึ้นด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะ
    “คุณชาย แม่โทรหาตั้งหลายครั้งแล้วนะลูก ทำไมเพิ่งรับล่ะคะ แล้วทำไมไม่โทรกลับหาแม่เลย...”
    “…ครับว่าอย่างไรครับคุณแม่…” พาทิศตัดบทก่อนที่แม่ของเขาจะพาออกนอกเรื่องไปมากกว่านี้
    “คุณป้าชมนาดเธอโทรมาน่ะซีจ๊ะลูก วันนี้เป็นวันเกิดคุณจิตมาศ น้องสาวของคุณจิตรา เพื่อนของคุณป้าชมนาดไงจ๊ะ” แม่เธอพูดแบบไม่พักหายใจ
    “ผมไม่รู้จักครับคุณแม่ ทั้งคุณจิตมาศ และคุณจิตราครับ คุณแม่มีอะไรหรือครับ..”
    “ตายจริง คุณลูกคะ นี่คุณลูกไม่รู้จักคุณจิตมาศ แม่ของคุณสร้อยฟ้า และคุณสร้อยสุวรรณ เลยหรือคะคุณลูก” แม่ของเขาขึ้นเสียงสูงที่ท้ายประโยค พอพาทิศจะถามว่า แล้วยังไงล่ะฮะ แม่ของเขาก็เฉลยมาจนได้ ในที่สุด “อะไรคะ คุณลูก คุณสร้อยสุวรรณเธอเป็น เซเลบนะคะที่ควงกันอยู่กับ...”
    พาทิศฟังต่อไปอีกหลายประโยค ก็ทนไม่ไหว
    “แล้วคุณแม่โทรมาหาผมทำไมครับ”
    “อ๊าวว คุณลูกละก็” แม่ของเขาแผดเสียง “งานใหญ่อย่างนี้ไม่ไปได้ไงคะ คุณป้าชมนาดโกรธเราตายซีคะ งานเริ่มทุ่มครึ่งที่โรงแรมเกต ออฟ พาราไดส์ที่อยู่หลังบ้านที่คุณลูกไปซื้ออยู่อย่างไรล่ะคะ”
    ประโยคสุดท้ายทำเอาพาทิศหายเซ็งเลยทีเดียว โรงแรมเกต ออฟ พาราไดส์ เป็นโรงแรมที่ปลูกขึ้นทับพื้นที่ที่เป็นเรือนคนใช้ของบ้านที่เขาอาศัยอยู่นี่นา... แล้วชื่อของลูกสาวคุณจิตมาศคนนั้นก็ชัดเจนขึ้นในหัวของเขา
    “วันนี้คุณหนูสร้อย จะมาหาคุณชายครับ”
   คุณหนูสร้อยที่ลุงอิ่มพูดถึง จะใช่หนึ่งในสองพี่น้อง ชื่อเหมือนหลุดออกมาจากวรรณคดีไทยเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อย่าง คุณสร้อยฟ้า และ สร้อยสุวรรณสองพี่น้องนี้หรือเปล่า... แต่จัดงานที่โรงแรมที่อยู่บนที่ดินเดียวกันกับที่บ้านที่เขาซื้ออยู่นี่นา จะเป็นคนละสร้อยกันได้อย่างไร
    “คุณแม่ครับ โรงแรม เกต ออฟ พาราไดส์นี่ใช่โรงแรมของคุณ เอ่อ... คุณจิต...”
    “จิตมาศ ใช่จ้ะ จริงๆ เป็นของคุณผ่านฟ้า สามีของคุณจิตมาศที่เพิ่งถึงแก่กรรมไปนี่ไงจ๊ะ” แม่ของเขาตอบอย่างชื่นมื่น เมื่อรู้ว่ารู้ชายกำลังสนใจเรื่องที่เธอพูดอยู่ “เอ๊ะ คุณลูกรู้จักโรงแรมนี้ด้วยหรือคะ”
    “เอ่อ” พาทิศอ้ำอึ้ง “ครับ ไอ้ณัฐมันเคยพูดให้ฟังครับ ว่าสวยมาก แถมอยู่หลังบ้านผมพอดีเลย”
    เพื่อนหนุ่มหันมามอง เพราะประโยคเมื่อครู่พูดสดๆ แบบไม่ได้เตี๊ยมกันไว้ก่อน
    “อ๋อ งั้นก็ไปกับคุณแม่ซีจ๊ะ ขับรถมารับคุณแม่ที่บ้าน คุณลูกจะได้เปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปด้วยกันเลย ดีไหมคะคุณลูก” คุณนายเพลงพิณ เสนอ
    พาทิศตอบรับคำไปทันที
    “งั้นมารับคุณแม่ก่อนหกโมงนะคะ”
    อีกสองสามคำ แม่เขาก็วางโทรศัพท์ไปในที่สุด ในใจของพาทิศเต้นโครมครามด้วยความตื่นเต้น เขากำลังจะเจอคนในตระกูลนั้น... เรื่องราวของหลวงพินิจราชอักษรก็อยู่ใกล้ๆเอื้อม เผลอๆ ปริศนาเรื่องที่เขาสงสัยอยู่ เกี่ยวกับเด็กหนุ่มที่อยู่อีกฟากของกำแพง ก็อาจจะพอคลี่คลายไปได้บ้าง
    “ต้องไปงานกับแม่หรือ” ณัฐถามเบาๆ
    “อืม”
    “งั้นก็ขับรถไปส่งกูที่บ้านก่อนก็แล้วกัน” เพื่อนหนุ่มก้มหน้าก้มตาพูด เมื่อรู้ว่าความสุขเล็กๆน้อยๆ กำลังจะหมดไปแล้ว “กูจะต้องเหงาอีกแล้วใช่ไหม”
    จบประโยค ณัฐก็เงยหน้ามองเพื่อนหนุ่มตรงหน้า พาทิศโน้มด้วยลงจุมพิตที่แก้มขาวของเพื่อนหนุ่ม พร้อมกระซิบเบาๆ “กูสัญญา กูจะไม่ให้มึงเหงานานหรอก”
    สัญญาง่ายๆ แบบนี้ พาทิศให้มานักต่อนักแล้ว ให้ง่ายก็ลืมง่าย ณัฐไม่คิดถือเอาคำสัตย์ปฏิญาณใดๆ จากเพื่อนหนุ่มอีกแล้ว พาทิศออกรถไปในที่สุด ในใจนึกตื่นเต้นกับเรื่องคืนนี้ที่จะเกิดขึ้น เขากำลังจะได้รู้เรื่องของหลวงพินิจราชอักษรได้มากขึ้น จากคนในตระกูลนั้น
    ในโรงแรมที่อยู่บนพื้นที่ที่เคยเป็นบริเวณของเรือนบ่าว ของบ้านนั้น...
    อะไรจะเกิดขึ้นในคืนนี้บ้าง พาทิศตื่นเต้นจนใจไม่สงบทีเดียว
    
***************************************************************************

ตอนนี้สั้นไปนิดส์นะครับ งานยุ่งดีจัง อิอิ
ยังมีตัวละครอีกเยอะนะครับ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายขนาดยาว มีพล็อตหลักพล็อตรองเยอะ อย่าเพิ่งงงล่ะครับ
ใครงง แล้วพิมถามมาได้ครับ ถ้าไม่เปนการสปอยล์เนื้อเรื่อง ผมจะตอบให้คร้าบบบบ

ปล. มีแต่คนเรียกคุณหลวงพินิจฯ ว่าท่านเจ้าคุณอ้ะ จริงๆ คุณหลวงเป็นแค่คุณหลวงนะครับ
เจ้าคุณใช้เรียกคนที่มียศเป็นพระยาขึ้นไป คุณหลวงของเรายังต่ำต้อยอยู่มาก อย่าเรียกเจ้าคุณกันเลยครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 21.02 - 11/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: pajaa ที่ 11-07-2010 21:27:22

เห็นชื่อเรื่องหล่ะตกใจคับ  คิดว่าเป็นนิยายดองเก่าเก็บค้างปีของพี่สองซะอีก
ต้องตามอ่านซะแล้วสิคับ แนวย้อนยุคงี้หล่ะโปรดนัก
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 21.02 - 11/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 11-07-2010 21:31:49
บวกให้ค่า
ยิ่งอ่านยิ่งชอบอ่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 21.02 - 11/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 11-07-2010 21:41:14
สงสัยว่าณัฐจะเกี่ยวพันกับเรื่องในอดีตกาลหรือเปล่า
แอบสงสารณัฐนิด ๆ ที่ทำตัวเป็นคนขี้เหงา
ดูว่าพาทิศคงเป็นพ่อมาลัยลอยชายที่ออกแนวจิตนิด ๆ ชอบถ้ำมอง
ตอนนี้ที่นึกออก คือ ลุคของคุณหลวง
เมื่อไหร่หนอที่คุณหลวงจะออกมาอีก
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 21.02 - 11/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 11-07-2010 21:48:39
น้องณัฐ พี่ช่วยคลายเหงาให้ไหม :haun4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 21.02 - 11/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 11-07-2010 21:57:08
ยิ่งอ่านยิ่งชอบค่า
พาทิศจะได้รู้เรื่องคุณหลวงกับเส็งเพิ่มขึ้นรึเปล่านะ หรือจะมีปริศนาเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 21.02 - 11/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 11-07-2010 23:03:07
ความรักของเส็งกับคุณหลวง คงจะพิสูจน์ให้พาทิศเห็นได้ว่า

ความรักที่เรียกว่า รกแท้ รักนิรันดร์ รักตลอดไป เป็นอย่างไร



สงสารณัฐจัง ...
อย่าเศร้านะจ๊ะ มามะ พี่จะช่วยปลอบนะจ๊ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 21.02 - 11/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 11-07-2010 23:49:27
ชอบครับโดยเฉพาะตอนย้อนยุค  จินตนาการตามคำบรรยายสนุกดีครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 21.02 - 11/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 12-07-2010 03:05:25
น่าสงสารณัฐ
รออ่านตอนต่อไป
+1
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 21.02 - 11/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 12-07-2010 04:47:12

๔๒ + ๑ = ๔๓
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 21.02 - 11/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 12-07-2010 12:46:10
สงสารณัฐอ่ะ

แต่ตอนนี้อยากรู้เรื่องของเส็งกะคุณหลวงมากกว่า

รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 21.02 - 11/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: MM.Dog ที่ 12-07-2010 20:38:35
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 21.02 - 11/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: pajaa ที่ 12-07-2010 22:03:37
ทันหล่ะคับ

ถูกใจมากมาย
ผู้เขียนบรรยายสิ่งต่างๆค่อนข้างชัดเจนละเอียดทีเดียวคับ
แนวพีเรียตยังงี้บรรยายเป็นตัวอักษรยาก น่าจะต้องอธิบายยาว แต่นี่ไม่เท่าไหร่ เก่งคับ

เนื้อเรื่องหลักเหมือนจะเล่าโดยให้คนกลางเป็นคนค่อยๆผูกเรื่องให้รู้ทีละนิดๆ
แถมยังชวนให้ผู้อ่านได้คิดตามไปด้วยตลอด
คล้ายๆละครย้อนยุคที่เคยผ่านๆตา มีอดีตเป็นตัวชี้นำมีปัจจุบันเป็นขับเคลื่อนยังงัยยังงั้น... รึป่าว

ภาคอดีตชวนให้ติดตามตอนต่อ ภาคปัจจุบันก็น่าสนใจ ชอบคับ

+1 ด้วยความเต็มใจยิ่งคับ(ยังกดไม่ได้คับ หลัง 23.50 จะกดให้นะค้าบบ)

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 21.02 - 11/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 18-07-2010 17:56:53
แวะมาดัน

รออยู่จ้า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 21.02 - 11/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 18-07-2010 19:07:13
แวะเข้ามาดันด้วยคนค่า
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re:
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 20-07-2010 00:18:48
ชอบมากมายเลยอ่ะ เนื้อเรื่องดีมาก น่าติดตามแทบทุกตอน ชมและชอบขนาดนี้ ยังไงก็มาต่อบ่อยๆนะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 21.02 - 11/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 21-07-2010 18:14:06
แวะมาดันจ้า

อยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 21.02 - 11/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 23-07-2010 22:03:53
อยากอ่านต่อค่า คิดถึงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่5 21.02 - 11/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 24-07-2010 08:44:02
ไปต่อกันเลยนะครับ ผมมมม

****************************************************************************

    พาทิศรู้สึกคุ้นเคยกับบรรยากาศของโรงแรมเกต ออฟ พาราไดส์อย่างน่าประหลาด เพียงแค่เขาก้าวลงจากรถของตัวเขาเอง แล้วอ้อมมาเปิดประตูให้คุณนาย เพลงพิณ และคุณ เกรียงไกรเท่านั้นก็รู้สึกราวกับว่าได้มาเหยียบที่ที่เขาคุ้นเคยดี แม้ว่าเขาจะยังไม่เคยมาที่นี่เลยก็ตามพ่อและแม่ ของพาทิศเดินก้าวสั้นๆ แต่มั่นคงลงมาจากรถ ทั้งคู่เข้าควงแขนกันอย่างคุ้นเคยกับงานสังคมแบบที่เขาและเธอเข้าร่วมประจำ สูทสีดำของพ่อ สวมทับอยู่บนเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้ม ทำให้เขาดูหล่อคมพอดีในวัยของเขา
คุณนายเพลงพิณอยู่ในเดรสสีน้ำเงินเข้ากัน ผ่าลึกลงมาเผยให้เห็นคอขาวระหง ที่ประดับด้วยสร้อยเพชรประดับพลอยไพลินออกแบบเป็นเถาไม้เล็กที่เลื้อยรอบคอของหล่อน ไม่ให้คอและหน้าอกขาวนั้นดูโล่งจนเกินไป ชุดกระโปรงยาวลงมาประเข่าขาวเนียนทั้งสองข้าง ตรงกลางคาดด้วยเข็มขัดเพชรเส้นใหญ่ รองเท้าก็เป็นประกายเพชร ขาวสะอาดเข้ากัน ดูสวยสง่าราวกับว่าวัย 51 นั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคใดๆ ที่จะทำให้ความสาวความสวยของเธอต้องเปลี่ยนแปลงไปเลย
    คุณนายเพลงพิณ ควงแขนสามี เดินเข้าไปในโรงแรมก่อน แม่ของเขาหันกลับมาพูดกับลูกชาย เพื่อย้ำความมั่นใจให้เขาตามหล่อนไปที่ห้อง ไกรลาส บอลล์รูม พาทิศรับคำ แล้ววนรถไปจอด ก่อนจะค่อยๆ เดินขึ้นโรงแรมตามมารดาของเขาไป
    พาทิศมั่นใจว่าเขายังไม่เคยมาสถานที่นี้มาก่อน และรูปแบบของการจัดโรงแรมแบบนี้ เขาก็ไม่เคยเห็นเช่นกัน แต่กระนั้นเขาก็ยังรู้สึกอยู่ดีว่า เขาเคยได้มาเหยียบสถานที่นี้มาก่อนแล้ว เขารู้สึกคุ้นเคยกับบริเวณนั้น ไม่ต่างจากที่เขารู้สึกคุ้นเคยกับบ้านของเขาเอง โรงแรมนี้ตกแต่งแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน โดยรูปแบบของโรงแรมนี้ผ่านการออกแบบมาอย่างดีโดยคุณผ่านฟ้า ตามที่คุณป้าชมนาดพูดโม้ไว้ตั้งแต่ก่อนจะออกจากบ้าน
    “คุณผ่านฟ้าเป็นผู้ที่สนใจในวรรณคดีมาก” พาทิศยังจำเสียงแหลมๆของพี่สาวคุณแม่เขาได้ “โรงแรมนี้ออกแบบโดยมีแรงบันดาลใจมาจาก เรื่องของป่าหิมพานต์ และ เขาไกรลาส ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อนในประเทศไทย"
    อย่างที่ป้าชมนาดโม้ไว้นั่นแหละ ด้านหน้าของโรงแรมจัดเป็นสวนขนาดย่อมๆ มีต้นไม้ใบหญ้าขึ้นเขียวครึ้ม และแม้จะมองเห็นจากเวลากลางคืนก็ยังเห็นดอกไม้ในวรรณคดีไทย เต็มสวนไปหมด ราวกับว่าในอีกไม่กี่นาทีนี้จะมีบรรดากินรีเดินขบวนออกมาชมดอกไม้ที่หอมหวน อบอวลตรงนั้นเลยทีเดียว จากลานจอดรถ ที่แรกที่เขาเข้ามาถึง คือบริเวณโถงทางเข้า ซึ่งออกแบบเป็นอีกส่วนหนึ่งของป่าหิมพานต์ มีม่านปักลายกินรี ราชสีห์ ช้าง และ ต้นมักกะลีผล มีโซฟา ม้านั่งตามมุมต่างๆ รอบๆ เป็นห้องอาหาร คาเฟ่ ห้องน้ำ ห้องฟิตเนสและอีกมากมาย  เคาน์เตอร์ต้อนรับ ตั้งอยู่ทางขวามือของเขา พาทิศเดินตรงไปหาพนักงานหนุ่มสาวที่แต่งตัวเป็นนางกินรี และ กินนรหนุ่ม ทันทีที่เขาไปถึงบริเวณเคาน์เตอร์พนักงานทั้งสองก็ยกมือไหว้อย่างนอบน้อมแบบที่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี น้ำเสียงที่พูดขึ้น เป็นเสียงที่นุ่มนวลอ่อนหวานของนางกินรี
    “เกต ออฟ พาราไดส์  ประตูสู่สรวงสวรรค์ยินดีต้อนรับค่ะ”
    “ผมจะไปห้อง ไกรลาส บอลล์รูม ครับ ต้องไปทางไหนหรือครับ” พาทิศถามเสียงทุ้มลึก สูทดำกับเชิ้ตขาวทำให้เขาดูหล่อเหลากว่าที่เคย ทำให้ทั้งกินรี ทั้งกินนรต่างส่งตาหวานมองเขาอย่างห้ามไม้ได้
    “ขึ้นลิฟต์ไปชั้นหนึ่งครับ ห้องอยู่ทางขวา” กินนรหนุ่มว่า แล้วพาทิศก็กล่าวคำขอบคุณสั้นๆ ก่อนที่จะยิ้มแล้วเดินจากไป กินรีสาวทำท่าเหมือนถูกบ่วงของพรานบุญรัดไว้จนหายใจไม่ออก หากว่าหล่อนเป็นนางโนราห์ละก็ คงจะยอมให้พระสุธน พาทิศจับนางไปเป็นมเหสีได้อย่างไม่ขัดข้อง แต่พาทิศไม่สนท่าทางของหญิงสาว เขาชินเสียแล้วกับสายตาที่มองเขาด้วยความสนใจทุกครั้งที่เขาแต่งตัวออกงาน
    ชายหนุ่มเดินมาที่บริเวณลิฟต์ซึ่งอยู่ถัดมาจากเคาน์เตอร์นั้นไปทางซ้าย ลิฟต์มีทั้งหมดสี่ตัวมีอยู่สองฝั่ง ฝั่งละสองตัวหันหน้าเข้าหากัน พาทิศมองตรงไปข้างหน้าก็รู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่เขาได้พบเห็น เขาตัดสินใจเดินเลยลิฟต์มาเพื่อเดินเข้าไปในห้องที่ด้านหน้ามีป้ายเขียนเป็นอักษรไทยที่วิจิตรบรรจงตวัดเป็นคำว่า “ห้อง อโนดาต” ตรงกลางห้อง มีสระขนาดใหญ่ สีเขียวมรกตตั้งอยู่ อะไรบางอย่างดึงดูดให้เขาเดินตรงเข้าไปที่สระนี้ และไม่สามารถละสายตาจากตัวสระได้เลย สระนี้ถูกบังไว้ด้วย ห้อง ที่อยู่ชั้นบน และผนังด้านบนก็ไม่มีหลอดไฟดวงใดเลยที่ส่องแสงสาดลงมาที่ผิวน้ำ  มีเพียงดวงไฟสีเขียวที่ส่องมาจากด้านข้างเท่านั้นที่กระทบกับผิวน้ำ ทำให้มันดูระยิบระยับราวกับทำจากเศษมรกตนับล้านชิ้น น้ำของสระนี้ขุ่นมัวราวกับว่าเป็นสระที่ขุดขึ้นเลียนแบบสระธรรมชาติอย่างแท้จริง มีกอบัว และปลาแหวกว่ายอยู่ในสระตรงโน้นบ้าง ตรงนี้บ้าง พาทิศเป็นนักเขียน ดังนั้นเขาจึงพอรู้ว่า อโนดาต แปลว่า สระที่ไม่มีแสงส่องให้ร้อน คุณผ่านฟ้า คงยึดความเป็นสระอโนดาตเอาไว้ตามวรรณคดีโดยไม่ปล่อยให้รายละเอียดใดๆผิดไปได้แม้แต่น้อยเลยเพราะ สระอโนดาตนั้น มีเงื้อมผาโค้ง โอบบังแสงไว้ด้านบน ทำให้แสงอาทิตย์และแสงจันทร์ ไม่สามารถส่องผ่านไปโดนน้ำตรงๆ ได้ แสงลอดเข้าเพียงด้านข้างเท่านั้น
    ความสวยงามของบ่อนี้ทำให้ พาทิศนึกอยู่ในใจว่า  สระนี้ ใช่สระที่เขาสร้างขึ้นใหม่  หรือว่าเป็นสระที่มีอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่บริเวณนี้ยังเป็นพื้นที่บ้านคุณหลวงพินิจราชอักษรกันแน่ ตรงอีกปลายฝั่งหนึ่งของสระน้ำ มีศาลาทรงแปดเหลี่ยมทำจากไม้ ทาสีขาว และมีลายฉลุที่ดูสวยงาม แสดงถึงความโบราณของมันอย่างเห็นได้ชัด พาทิศตั้งใจจะเดินไปให้ถึงศาลาเพื่อจับต้องดูว่าเป็นของเก่าหรือของใหม่ที่ทำเลียนแบบกันแน่ แต่ไม่ทันจะเดินไปที่ศาลาแปดเหลี่ยมนั้น เขาก็ไม่อาจห้ามใจไม่ให้เดินไปสัมผัสผิวน้ำเย็นเฉียบสีเขียวมรกตนั้นได้ เพียงสัมผัสที่ผิวน้ำ ความเย็นก็ลูบไล้มือของพาทิศราวกับจะเตือนไม่ให้เข้าใกล้ไปมากกว่านั้น ชายหนุ่มถอนมือออกเพื่อเดินไปที่ศาลาสีขาวที่ห่างไปอีกไม่กี่ก้าว แต่แล้วเขาก็สังเกตเห็น อะไรบางอย่าง ในน้ำที่ทำให้เขาขนลุก ... เขาไม่แน่ใจว่าเขาตาฝาดไปหรือเปล่า แต่
    มีใครบางคนอยู่ในน้ำ และจ้องมองเขาราวกับจะขอความช่วยเหลือ
    แต่คนที่ไหนเล่าจะลงไปอยู่ในสระน้ำอย่างนั้นได้โดยไม่ต้องหายใจ... หรือที่อยู่ใต้น้ำนั้นจะ ไม่ใช่คน หรืออย่างน้อย ก็ไม่ใช่คนที่มีชีวิตแล้ว
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.45 - 24/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 24-07-2010 09:32:16

๔๔ + ๑ = ๔๕
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.45 - 24/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 24-07-2010 10:46:09
เหวอออ  เจออะไรเข้าแล้วเหรอ

+1 ค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.45 - 24/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 24-07-2010 11:12:15
อยากอ่านต่อ
+1
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.45 - 24/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: boofuu ที่ 24-07-2010 11:46:36
สนุกมาก

รออยู่นะคร้าบ
หัวข้อ: Re:
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 24-07-2010 15:07:23
Thank you ที่มาต่อนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.45 - 24/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 24-07-2010 17:30:26
ขนลุกแทนพาทิศ

เจออะไรอีกหละเนี่ย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.45 - 24/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 24-07-2010 19:28:20
ง่าาาาาาาาาาาาาาา สั้นไปค๊า ค้างคาใจมาก อยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.45 - 24/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 26-07-2010 12:14:58
แวะมาดัน กดดันให้มาต่อ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.45 - 24/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 27-07-2010 20:59:14
ขอความช่วยเหลือ???
ใครกัน :z3:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.45 - 24/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: MM.Dog ที่ 28-07-2010 22:27:05
ตัดแต่ละตอนทำเอาคนอ่านแทบขาดใจ
ทำให้อยากรู้มากมายว่าใครอยู่ในน้ำกันแน่
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.45 - 24/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 29-07-2010 00:02:40
 :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.45 - 24/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 07-08-2010 06:31:33
ขุดกลับขึ้นมา คิดถึงเรื่องนี้อ่า พาทิศกลับมาเถอะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.45 - 24/07/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 07-08-2010 08:22:51
มาต่อกันครับผมมม

***************************************************************************   

พาทิศผงะถอยหลัง พลางร้องออกมาอย่างห้ามตัวไม่อยู่ เขาหันหลังกลับเตรียมตัวจะหนีไปจากบริเวณนั้นให้เร็วที่สุด โชคดีของเขาโดยแท้ที่ ลิฟต์ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดเปิดออก มีแขกกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากลิฟต์ทันทีที่พ้นคนสุดท้าย พาทิศก็แทรกตัวเข้าไปข้างในก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลงอย่างรวดเร็ว พาทิศใจสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ความตกใจและความกลัวมีมากกว่าจะเพียงแต่เดินเข้าห้องไกรลาศ บอลล์รูมไปได้แบบ ธรรมดาๆ เขารู้สึกระแวงกับทุกๆ อย่างที่อยู่รอบตัว ทำให้เขาตัดสินใจเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำก่อนที่จะค่อยเข้าไปในงาน

    แต่แล้วคำถามก็ยังวนเวียนในใจ
    เขาเห็นอะไร... ผี หรือ ศพ
    เขาเห็นจริงหรือ... หรือแค่ตาฝาด
    จะอะไรก็แล้วแต่เขากลัวมาก กลัวยิ่งกว่าตอนที่เห็นหน้าหลวงพินิจราชอักษรที่บ้านของเขา ในวันที่เขาไปแอบมองเด็กหนุ่มหน้าใสนั้น ตอนที่จุดธูปอธิษฐานถึงคุณหลวงพินิจ หรือแม้แต่ตอนเขานอนคนเดียวในบ้านนั้นเมื่อคืนนี้ เขาจำดวงตานั้นได้ติดตา มันเป็นดวงตาที่เบิกโพลง ราวกับว่าคนที่เห็นเขานั้นก็ตกใจ และกลัวไม่แพ้กับเขาเลย
     พาทิศปิดกั้นความคิดทั้งหมด เมื่อเห็นแม่ของเขาเองเดินตรงเข้ามาชายกระโปรงโบกน้อยๆ จากการเคลื่อนไหวที่รีบร้อน หากแม่ของเขาโกรธที่เขาขึ้นมาช้าละก็ เธอก็ปกปิดไว้ได้เกือบมิดชิดทีเดียว
    “คุณชายมาสวัสดีคุณป้าจิตมาศซีคะลูก”
    คุณนาย เพลงพิณพาลูกชายที่หล่อเหลาเอาการ เข้าไปหาเจ้าของวันเกิด ป้าจิตมาศ ดูสวยสง่าในชุดงานเลี้ยงสีทอง ทอจากผ้าไหมไทย แววตาเป็นประกายอย่างมีความสุขในงานเลี้ยงที่มีแขกมามากมายก่ายกอง หล่อนยืนอยู่ตรงกลางของห้องไกรลาส บอลล์รูม รับไหว้แขกเหรื่อคนนั้นคนนี้ ด้วยท่าทีเป็นกันเอง พอเห็นพาทิศ ตรงเข้าไปไหว้ด้วยกิริยาอ่อนช้อน เจ้าหล่อนก็หันมายิ้มให้ ก่อนจะเอ่ยทักทายด้วยเสียงใส ราวกับนกไนติงเกล
   “ตาชายหรือ แหมไม่ได้เจอกันนานเลยนะ โตขึ้นเยอะทำงานอะไรล่ะหือ” หล่อนพูดไป ก็ใช้ตาสำรวจเครื่องแต่งกาย และหน้าตาของหลานชายของเพื่อนสาวไปพลางอย่างสนอกสนใจ
   “ผมเป็นนักเขียนครับ” พาทิศ ตอบให้สั้นที่สุดเข้าไว้ เพราะไม่อยากจะเสวนากับ จิตมาศมากนักป้าชมนาด พี่สาวแท้ๆ ของพ่อเขา เคยเล่าให้ แม่ของเขาฟังว่า
   “จิตมาศเนี่ย แต่งงานแล้วไม่รู้กี่ครั้ง ล่าสุดมาได้คุณผ่านฟ้าก็โชคดี คุณผ่านฟ้าเธอก็ชรามาก แถมเป็นโรคร้าย วันๆไม่รู้หรอกว่าภรรยาของตัวเองน่ะ เจ้าชู้จะตาย วันทองก็วันทอง กากีก็กากีเถอะ มาประกวดกับแม่จิตมาศ แพ้หมดทุกราย ก็อย่างว่านะ คนมันสวย ห้าสิบกว่าแล้ว ยังดูเหมือนสามสิบปลายๆอยู่เลย แล้วเสปค เจ้าหล่อนก็ไม่ใช่วัยเดียวกันด้วยนะ เธอชอบกินเด็กจ้ะ ตาชายลูกเธอก็ระวังไว้เถอะ เข้าใกล้มากๆ เดี๋ยวจะซวย”
   พาทิศ เห็นป้าชมนาด โบกมือให้ไกลๆ จากโต๊ะวีไอพี ใกล้กับเวทีสีขาวใหญ่ มีป้ายตัวเบ้อเริ่มเขียนไว้ว่า “สุขสันต์วันเกิดปีที่ 55 คุณจิตมาศ” พอหันไปหาแม่ก็พบว่า ส่งสายตาบางอย่างให้พี่สาวสามีอยู่ แต่จิตมาศเองก็ยังคุยเรื่องพาทิศกับเพลงพิณอยู่ไม่ได้สนใจว่าชายหนุ่มข้างๆจะรู้สึกกระดากแค่ไหนที่มีสาวแก่วัย ห้าสิบ มายืนกอดแขนอยู่อย่างนี้
   “ตายแล้ว คุณพี่ พี่ชมนาดโบกมือเรียกแล้ว ตาชายไปหาป้าแกเถอะ แม่จะช่วยป้าจิตมาศรับแขกอยู่ตรงนี้” เพลงพิณดันหลังลูกชายให้เดินตรงไปทางโต๊ะที่ชมนาด นั่งอยู่แทบจะทันที
   ป้าของเขาก็ไม่แพ้ จิตมาศเท่าไรนัก หล่อนใส่ชุดราตรี สายเดี่ยวเปิดให้เห็นช่วงบ่าขาว และคอยาวระหง ใบหน้าที่ศัลยกรรมมาแล้ว ครั้งไม่ถ้วน ยังสวยเต่งตึงไม่ต่างจากสาววัยสามสิบต้นๆ เท่าไรนัก
   “คุณป้าสวัสดีครับ” พาทิศไหว้ พี่สาวของพ่อตัวเอง แล้วหันไปไหว้คนอื่นๆที่นั่งอยู่รอบโต๊ะ ด้านซ้ายของป้าชมนาดคือพ่อของเขา ถัดไปเป็นแขกอีกหลายคนที่เขาไม่รู้จัก ข้างขวาเป็นสตรีที่พาทิศเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เดาได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทของป้าชมนาด เพราะนั่งติดกัน แถมจับไม้จับมือกันอย่างสนิทสนม ไม่มีใครเชิญให้นั่ง พาทิศก็ยืนอยู่ห่างๆ ไม่รู้จะนั่งข้างสตรีสูงวัยคนนั้น หรือเก้าอี้ตัวถัดมาอีกสอง สามตัวดี
   “ไหว้พระเถอะลูก เอ้า นั่งซี นี่ป้าจิตรา เพื่อนสนิทป้าเอง พี่สาวป้าจิตมาศ” ป้าชมนาดจัดแจงแนะนำ พาทิศ จึงหย่อนก้นนั่ง ข้างๆป้าจิตรานั้นเอง
   หล่อนเป็นผู้หญิงที่พาทิศเรียกได้ว่าใกล้เคียงกับ แม่มดในจินตนาการของเขามากที่สุด หล่อนทาปากสีแดงเข้ม ทาตาสีดำ กรีดไว้สวยทำให้ดวงตาสีดำขลับดูโดดเด่นไม่แพ้ริมฝีปาก ผมสีดำสนิทตัดไว้สั้นเป็นผมบ็อบทรงนักเรียน ม.ต้น สั้นเพียงต้นคอ ใบหน้าบอกความชรา แต่ก็ดูน่าเกรงขาม เหลือไว้ซึ่งความสวยงามในอดีตให้เห็นได้ชัด เสื้อผ้าที่ใส่เป็นสีม่วงเข้มดูคล้ายชุดกี่เพ้าของจีน แต่ดูหรูหราและงดงามเมื่อมีการเดินเส้นไหมเงิน เข้าแทรกในเนื้อผ้า เมื่อยั่วล้อกับแสงไฟ ป้าจิตราจึงดูเหมือน แม่มดแก่ๆ ที่ใส่ชุดเรืองแสงนั่งอยู่ทางซ้ายมือของเขา พาทิศเห็นหล่อนยิ้มมาเขาก็ยิ้มกลับไป หมดความกลัวในตัวป้าจิตราแล้ว ก็ถือโอกาสสำรวจห้องไกรลาส บอลล์รูม
   ห้องนี้ค่อนข้างใหญ่ มีโต๊ะจีนเรียงรายหลายตัว มีเวทีด้านหน้าเขา จัดแบบไทยๆ ราวกับหลุดมาอยู่ในวิมานของนางฟ้า หรือเทวดาสักคน
   ลวดลายที่ผนังเป็นผ้ากำมะหยี่ ปักไว้เป็นเรื่องราวของพระสุธน มโนราห์ สวยงามหรูหรา อย่างที่พาทิศไม่เคยเห็นมาก่อน ในใจนึกนับถือคุณผ่านฟ้าที่มีใจรักในวรรณคดีเสียเหลือเกิน ทั้งการตกแต่งสถานที่ ลวดลายบนผนัง การแต่งตัวของพนักงานที่ดูราวกับสาวสวรรค์ อีกยังสระมโนดาต นั่นอีก ก็คงรายละเอียดไว้ ราวกับหลุดมาอยู่ในโลกวรรณคดีจริงๆก็ไม่ปาน
   พาทิศจิบน้ำที่สาวสวรรค์ นางหนึ่งมาเสิร์ฟให้
   นึกถึงสระมโนดาต ภาพของชายหนุ่มที่ลืมตาเหลือกโพลง มองหน้าเขาด้วยความตกใจ แกมขอร้องให้ช่วยเหลือ ก็กลับเข้ามาในมโนภาพ ครั้งนี้ เขาเห็นภาพของ ชายคนนั้น ตะเกียก ตะกายแหวกว่ายสระน้ำนั้น พยายามจะโผล่ขึ้นมาหายใจเป็นครั้งสุดท้าย ทว่าอะไรบางอย่างกลับดึงชายคนนั้น ลงไปที่ก้นบ่อ จนเด็กหนุ่มไม่สามารถ ขยับแข้งขาได้อีก
น้ำทะลักเข้าท่วมปอดอย่างฉับพลัน เจ็บปวด... เจ็บปวดอะไรเช่นนี้ ราวกับเข็มนับร้อยกำลังเข้าทิ่มแทงจนแสบ จมูก แสบคอไป หมด แน่น แน่นหน้าอกเหลือเกิน หายใจไม่ออก หายใจไม่ออกอีกต่อไปแล้ว! สมองตื้อ จนไม่เห็นอะไรเลย คุณหลวง คุณหลวง ช่วยบ่าวด้วย... คุณหลวง...
“คุณหลวง!”
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.22 - 07/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 07-08-2010 10:10:52
เอาอีกๆ กำลังตื่นเต้นเลยอ่ะ   
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.22 - 07/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 07-08-2010 14:37:13
ค้างงอีกแล้ว
+1
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.22 - 07/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 07-08-2010 14:44:09
ค้างได้ค้างดีจริง ๆ  กำลังตื่นเต้นเลย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.22 - 07/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 07-08-2010 15:14:33

ว้าย ตื่นเต้นกับสระโนดาตจังค่ะ
๔๙ + ๑ = ๕๐
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.22 - 07/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 07-08-2010 16:17:54
ขอบคุณมากคะ อ่านแล้ว ชวนติดตามมากคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.22 - 07/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: Muzik ที่ 07-08-2010 17:23:33
ลึกลับซับซ้อนดีแท้
ยังลุ้นได้เรื่อยๆ ว่ามีความเป็นมาอะไรกันอย่างไร
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.22 - 07/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 07-08-2010 19:09:57
ตอนนี้ก็คงความลึกลับซับซ้อนเอาไว้เช่นเคย
คนที่พาทิศเห็นคือใครนะ แถมเกี่ยวข้องกับคุณหลวงด้วย
มาเฉลยไวๆนะคะ รอลุ้นและเป็นกำลังใจให้ค่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.22 - 07/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 08-08-2010 13:19:49
อรั้ยยยย มาทีสั้นๆ ก็ยังดีกว่าไม่มาค่ะ

ลุ้นมากมาย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.22 - 07/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: pu4755 ที่ 08-08-2010 22:58:35
ค้างงงงงงง อย่างแรงงงง อีกแย้ว 

ขอบคุณนะครับที่มาต่อให้ได้อ่านกัน 
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.22 - 07/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 09-08-2010 22:11:39
 :o10: มารอ...
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.22 - 07/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: mango ที่ 10-08-2010 13:41:50
Thank you very much   :pig4:

interesting plot,
waiting for next chapter na ka.
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.22 - 07/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: pu4755 ที่ 10-08-2010 14:17:00
มารอบทต่อไป  ^_^
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.22 - 07/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: MM.Dog ที่ 10-08-2010 20:09:42
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
แต่.....
ยิ่งทำให้ค้างหนักเข้าไปอี๊ก!!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.22 - 07/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 10-08-2010 20:39:18
ค้างเหมือนกานนน  แต่ขอบคุณนะคร๊าบบ เป็นอีกเรื่องที่น่าอ่าน
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.22 - 07/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 11-08-2010 16:01:55
ตื่นเต้นดีจัง..นิยายแปลกแหวกแนว
รอตอนต่อไปคับ อยากรู้มากมาย  :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.22 - 07/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 16-08-2010 22:39:21
มารอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.22 - 07/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 19-08-2010 22:00:49
 :call: มาเถอะ ได้โปรด
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่6 8.22 - 07/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 23-08-2010 10:27:28
พาทิศ สำลักน้ำ ไอออกมาอย่างตกใจ แขกเหรื่อมองเขาราวกับเป็นตัวประหลาด แวบหนึ่งของความรู้สึก พาทิศคิดว่าตนกำลังจะจมน้ำ อึอัด และใกล้ตายราวกับมันเกิดขึ้นจริง แต่พอป้าจิตรา เอื้อมมือมาแตะบ่าเท่านั้น ชายหนุ่มพบว่าเขากำลังนั่งอยู่ในงานเลี้ยงของ ป้าจิตมาศ สำลักน้ำดื่มในแก้ว ไม่ได้กำลังจมลงไปในบ่อน้ำอย่างที่เขาคิดเสียหน่อย
“อะไร้ เด็กคนนี้ หิวน้ำมาก จนสำลักเลยหรือ” ป้าชมนาดบ่นออกมา ก่อนจะหันไปพูดกับแขกคนอื่นๆ ที่กำลังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น “ไม่มีอะไรค่ะ เด็กสำลักน้ำแน่ะค่ะ ไม่มีอะไรจริงๆ”
พาทิศ หยิบผ้าเช็ดปาก มาเช็ดน้ำที่เลอะอยู่ ทั่วปาก และหกบนตัว ทั้งพ่อและแม่ต่างก็เข้ามาดุมาว่าเขาอย่างกับมันเป็นความผิดของเขาอย่างนั้น พอแม่ถามว่าเป็นอะไร พาทิศก็ตอบไม่ได้ จะให้พูดได้อย่างไรว่าเขาเกิดภาพหลอนว่าตนกำลังจมอยู่ในน้ำ พอทุกอย่างเริ่มกลับสู่สภาวะปกติ พาทิศก็พบว่า ป้าจิตรากำลังจับจ้องเขาอยู่อย่างฉงนสงสัย และไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า ชายหนุ่มรู้สึกว่า เขาถูกป้าจิตราจ้องมานานแล้ว
“พ่อหนุ่ม ไปเดินเล่นกับป้าหน่อยไหม” หญิงชราว่า พอพาทิศทำหน้างุนงง ป้าชมนาดก็เข้ามาผสมโรง
“จะดูดวงให้ หลานฉันหรือ จิตรา”
หญิงชรา พยักหน้าเบาๆ ไม่ได้ตอบอะไรมากมาย ป้าชมนาดก็เชียร์เพื่อนเต็มที่ “นี่ชาย จิตราดูดวงแม่นอย่างนี้เลยนะ “ ชมนาด ยกนิ้วโป้งขึ้น “บอกว่าฉันจะถูกลอตตารี่ ก็ถูก บอกว่าจะถูกโกง ก็ถูก แล้วยังบอกว่าจะได้หาหมอ ก็จริงอีก จำได้ไหมตอนป้าเป็นกรดไหลย้อนน่ะ...”
จากทั้งคำเชียร์ และสายตาของจิตราที่พาทิศรู้สึกไม่ชอบมาพากลด้วย ชายหนุ่มจึงออกมาอยู่ที่ระเบียงด้านนอกห้องไกรลาส บอลล์รูม ทางจะไปห้องน้ำมีโซฟาตัวใหญ่ตั้งอยู่ ชายหนุ่มและหญิงชราจึงนั่งลงด้วยกันทั้งคู่
 คำถามแรกของจิตรา ทำให้ชายหนุ่มขนลุกซู่
“ดิฉันถามหน่อยนะ ไม่อ้อมค้อมละ พ่อหนุ่มเคยเห็นอะไรแปลกๆทำนองว่านั่งๆอยู่ก็รู้สึกไปเอง ว่าตัวเองเป็นอีกคนหนึ่งอยู่อีกที่หนึ่งไหม หรือว่า ฝันแปลกๆ เห็นบ้านทรงไทยเก่าๆ บ้างหรือเปล่า”
พาทิศตกใจ ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมถึงรู้ได้ ชายหนุ่มยังคงไม่ตอบ รอดูท่าทีว่า จิตรา จะมาไม้ไหน แต่เมื่อเห็นหญิงชรายิ้มให้ ชายหนุ่มก็คลายความสงสัยลง
“ก็ เคยครับ เคยฝันเห็นบ้านเก่าๆ”
“บ้านเก่า เก่าแค่ไหน เป็นบ้านทรงฝรั่งใช่ไหม”
“ใช่ครับ” พาทิศว่า เหงื่อเริ่มผุดขึ้นบนหน้าผากเป็นเม็ด “ผมเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ ชอบเรื่องโบราณๆมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว”
“คุณมีความผูกพันกับอดีตมากนะ คุณพาทิศ” จิตรากล่าว เบาๆไม่มีความตื่นเต้นในน้ำเสียง ราวกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศเท่านั้น “จิตคุณไม่ปล่อยวางจากอดีต คุณถึงต้องกลับมาที่นี่ มาให้เรื่องราวในอดีตมันเสร็จสิ้นไป”
“เรื่องราวในอดีตหรือครับ... คุณป้าหมายถึง”
“ชาติที่แล้ว คุณมีความผูกพันกับที่แห่งนี้ คุณพาทิศ”
ชายหนุ่มเงียบไป ภาพฝันเบื่อคืนที่พยายาม นึกเท่าไร ก็นึกไม่ออก กลับมารบกวนจิตใจ มีใครอยู่ในนั้นบ้าง พาทิศจำไม่ได้ เอ๋ จำไม่ได้จริงหรือ มีหลวงพินิจราชอักษร มีผู้หญิงสวย มีเด็กหนุ่ม... แต่เขาสามคนเป็นใครกัน
“ที่แห่งนี้ คุณป้าหมายถึงที่โรงแรมหรือครับ”
“ดิฉันหมายถึง ที่ดินผืนนี้ทั้งหมด คุณน่าจะรู้ สมัยก่อนที่ดินผืนนี้ทั้งหมดเป็นของเจ้าของเดียวกัน รวมถึงบ้านที่คุณพำนักอยู่ตอนนี้ด้วย” จิตราพูดเสียงต่ำๆ ทำให้พาทิศขนลุกซู่อีกครั้ง
“คุณป้าทราบได้อย่างไรครับ”
“ตาที่สามน่ะคุณ ไม่เชื่อก็อย่างลบหลู่นะ ไปทำบุญเสียบ้าง อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร คุณไม่ได้มาพบบ้านหลังนี้โดยบังเอิญ ความต้องการที่จะย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ เป็นเพราะใครบางคนอยากให้คุณมา”
“แล้ว... ผมเป็นใคร ผมเคยทำอะไรไว้ในอดีตหรือครับ” พาทิศถามเสียงดัง ในเมื่อเขาอยากรู้คำตอบแทบจะแย่อยู่แล้ว
“คนที่จะตอบคำถามนี้ได้ คือคุณเท่านั้นค่ะ คุณพาทิศ”ป้าจิตราจ้องนิ่งเข้าไปในใจของพาทิศ “ดิฉันเข้าใจว่า เมื่อคืนคุณฝันเห็นเหตุการณ์ในอดีต ดิฉันเข้าใจถูกใช่ไหมคะ”
พาทิศพยักหน้าเบาๆ พยายามนึก เขาเห็นใครบ้าง
“ผมเห็นคุณหลวงพินิจราชอักษร เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง สวย สวยมาก เขามาหาคุณหลวง แต่นึกไม่ออกจริงๆว่ามาทำไม อ้อ มีใครอีกคนอยู่ในฝันด้วยครับ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว นึกถึงฝันที่เพิ่งผ่านมาแค่เมื่อคืน “ใครไม่รู้ รู้แต่เป็นเด็ก เด็กผู้ชาย”
ป้าจิตราเลิกคิ้ว
“คุณจำเขาไม่ได้หรือคะ คุณพาทิศ”
“ไม่ได้ครับ จำไม่ได้จริงๆ”
“ไม่แปลกๆ” หล่อน พึมพำกับตัวเอง มากกว่าที่จะพูดกับพาทิศ “คุณจะเห็นอดีตของตัวเองอีกค่ะ มีใครบางคนอยากให้คุณเห็นเรื่องราวในอดีตอีก คุณจะเห็นและจำได้ว่าคุณเป็นใคร ดิฉันเองก็บอกอะไรมากไม่ได้ เพราะหมอกของความบาปมันบังตาของดิฉันอยู่ และ”
จิตราเหลือบมองไปที่ระเบียงครั้งหนึ่งราวกับเห็นอะไรอยู่ตรงนั้น
“ใครคนนั้นก็อยากให้คุณจำได้ด้วยตัวเองค่ะ”
“แล้ว...” พาทิศยังคงขมวดคิ้วอย่างสงสัย “ทำอย่างไรผมถึงจะเห็นอดีตได้อีกครับ ในเมื่อผมไม่รู้ว่าผมเป็นใคร ทำอไรไว้ ผมจะแก้ไขมันได้อย่างไรล่ะครับ”
“ถึงเวลาคุณจะรู้เองค่ะ” ป้าจิตรายิ้ม “ดิฉันเป็นภาพนิมิตได้เวลาที่ดิฉันไม่เป็นตัวของตัวเองค่ะ ยามหลับ ยามงัวเงีย ยามเพิ่งตื่น หรือเมา หรือใจลอยคิดไปตรงกับคนที่เขาใจลอยคิดถึงอะไรอยู่เหมือนเรา แต่ในกรณีคุณพาทิศ ดิฉันเกรงว่า คุณจะต้องรอให้เขาดลใจคุณแล้วล่ะค่ะ”
“ผมไม่เข้าใจ” พาทิศยังคงขมวดคิ้วอยู่เช่นเดิม
“เอาอย่างนี้นะคะ มนุษย์เราทุกคนเกิดมาจะมีพลังงานอย่างหนึ่ง ดิฉันขอเรียกง่ายๆว่าคลื่นสมองก็แล้วกันนะคะ แต่ขอให้คุณพาทิศเข้าใจว่า ไม่ใช่คลื่นสมองแบบในวงการ การแพทย์ก็แล้วกันนะคะ ทีนี้มนุษย์แต่ละคนก็จะมีการส่งคลื่นต่างๆเหล่านี้ เวลาคิด หรือรู้สึกอะไรออกไป ถ้าคนไหนมีตัวรับคลื่นตรงกับเรา ก็จะรับความคิด และความรู้สึกของเราไปได้ ขึ้นอยู่กับว่า คนนั้นมีเครื่องรับสัญญาณที่รับได้หลายช่องแบบดิฉัน หรือรับไม่ได้เลย แบบหลายๆคน หรือรับได้บางช่องแบบคุณพาทิศนั่นแหละค่ะ”
“อ้อ” พาทิศร้องออกมา จิตราอธิบายได้เข้าใจง่ายมาก
“ทีนี้ พอดิฉันรับได้หลายช่อง ดิฉันก็ปรับให้สัญญาณตรงกับหลายๆคน เข้าใจความคิด ความรู้สึก และความทรงจำของใครต่อใครได้ แต่คุณพาทิศรับได้ช่องเดียว ฉะนั้นกว่าจะปรับมาตรงได้ก็ต้องใช้เวลา ที่คนบางคนนั้นจะส่งสัญญาณที่ตรงกันมาให้คุณพาทิศบ้างไงคะ”
พาทิศ ทำปากคล้ายจะร้องอ้อ ออกมาแล้วก็ตัดสินใจพูดเรื่องต่อไป
“หมายความว่า ผมทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากรอหรือครับ”
“คุณพาทิศ เรื่องของอดีตคือเรื่องของอดีตค่ะ มันกำหนดปัจจุบันของคุณได้ แต่มันกำหนดอนาคตคุณไม่ได้ ดิฉันไม่อยากให้คุณหมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องนี้ อยากให้คุณใช้ชีวิตของคุณในชาติภพนี้ให้ดีที่สุด เพื่อชาติภพหน้าจะได้ดีมากกว่านี้ค่ะ หากคุณจำชาติที่แล้วได้ และมีโอกาสแก้ไขสิ่งที่ค้างคาอยู่ ก็ถือว่าดีไป หากคุณไม่มีโอกาสก็อยากให้ดำเนินชีวิตไปตามปกติ อย่าได้นึกถึงเรื่องนี้อีกเลยค่ะ”

พาทิศกลับเข้าไปในงานอีกครั้ง ก็พบว่างานเริ่มไปพักหนึ่งแล้ว บัดนี้บนเวที มีนักดนตรี เริ่มบรรเลงเพลงเพราะพริ้ง จำหวะหวานเหมาะกับแขกส่วนมากในห้องนี้ที่เป็นผู้สูงอายุเสียมาก พอพาทิศกลับมานั่งที่โต๊ะ โต๊ะนั้นก็เหลือเพียงสองที่พอดี ชายหนุ่มเหลือบตาไปเห็น หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ข้างเวที ก็นึกสะดุดตา ด้วยรูปร่างหน้าตาของหล่อน ไม่เหมือนกับคนทั่วไป
หญิงสาวดูสูงใหญ่ ราวฝรั่ง แต่หุ่นผอมเพรียวราวกับนางแบบ ผมสีน้ำตาลเข้มรวบตึงไว้ด้านหลัง หางม้ายาวจนเกือบถึงกลางหลัง เปิดให้เห็นหน้าผากงามสวยเป็นรูปหัวใจ หล่อนแต่งหน้าเอาไว้คอนข้างจัด จนพาทิศสงสัย แต่เมื่อหล่อนก้าวขึ้นเวที และกล่าวสวัสดีแขกในงาน พาทิศก็เข้าใจ หล่อนมาเป็นพิธีกรนั่นเอง
“สวัสดีค่ะ แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ดิฉัน สร้อยฟ้า ลูกสาวของคุณพ่อ ผ่านฟ้าและ คุณแม่จิตมาศ ขออนุญาต รับหน้าที่เป็นพิธีกรในค่ำคืนนี้ค่ะ”
เสียงปรบมือของบรรดาแขกในงานดังขึ้น ความคิดของพาทิศ จึงลอยไปถึงบทสนทนาระหว่างเขาและลุงอิ่มเมื่อเช้านี้
    “วันนี้คุณหนูสร้อยน่าจะเข้ามาคุยกับคุณ แต่ไม่เป็นไรครับ ถ้าหากไม่สะดวกละก็ผมจะเรียนให้คุณหนูทราบว่า คุณชายจะไม่อยู่บ้านแล้วกันครับ"
คุณหนูสร้อย... หรือจะเป็นคนนี้

สร้อยฟ้า พูดคุยกับแขกเหรื่อสักพัก ก็ลงจากเวทีให้การแสดงดำเนินต่อไป ระหว่างที่อาหารก็เสิร์ฟไปเรื่อยๆ หญิงสาวเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะที่พาทิศนั่งอยู่ สุดท้าย หญิงสาวก็หย่อนก้นนั่งข้างชายหนุ่มอย่างที่เขาคิดเอาไว้
“โอ๊ย หิวจะแย่ ทำงานเสร็จก็รีบกลับบ้านแต่งตัวตรงมานี่เลย ยังไม่ได้ทานอะไรเลยค่ะคุณแม่” หล่อนว่า ก่อนจะตักอาหารเข้าปากอย่างหิวโหย
   “แม่สร้อยฟ้า ค่อยๆก็ได้ย่ะ” จิตมาศ แม่ของหล่อน ส่งค้อนให้ขวับใหญ่ “แล้วนี่สร้อยสุวรรณ ไม่มารึ”
   “ไม่มาค่ะคุณแม่ เขาบอกว่า ต้องบินไปทำงานที่เชียงใหม่ ต้องขอโทษที่มาไม่ได้” หล่อนยิ้มกว้าง ให้ผู้เป็นมารดา
   “อะไร้ ทำงาน เมื่อวานยังบอกว่าจะมาให้ได้”
   “หนูก็ว่าอย่างคุณแม่ล่ะค่ะ แต่เขาว่ามาอย่างนี้ หนูจะทำไงได้” หญิงสาวตั้งหน้าตั้งตา กินเอาๆ อย่างไม่สนใจใครทั้งนั้น แม้แต่ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ
   “อุ๊ย แม่ลืมไป” จิตมาศอุทานออกมา “แม่สร้อยฟ้า นี่พาทิศ ลูกชายแม่เพลงพิณ”
   พาทิศ ยิ้มให้หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ
   “เอ๊ คุณพาทิศ หรือ ใช่คุณพาทิศ ไพศาลเสนีย์วงศ์ หรือเปล่าคะ ตายจริง ไม่คิดว่าจะเจอกันจนได้นะคะ” หล่อนทำท่าตกใจ เมื่อเขาพยักหน้ารับว่า เขาคือ พาทิศ ไพศาลเสนีย์วงศ์
   “เอ๊ะ รู้จักกันหรือลูก” เพลงพิณ และ จิตมาศร้องออกมาแทบจะพร้อมกัน พอพูดจบประโยค ก็หันมาหัวเราะคิกคัก ให้กันอย่างขำขัน
   “รู้จักซีคะ ก็คุณพาทิศนี่แหละที่มาขอซื้อบ้านของเราค่ะ”
   “อ้อ” จิตมาศ อุทานออกมาคำเดียว
   “ตายจริง” เพลงพิณว่าบ้าง “บ้านที่คุณลูกบอก คือบ้านของคุณพี่จิตมาศหรือนี่”
   พาทิศ พยักหน้ารับเบาๆ
   “บ้านหลังเก่าสมัยบรรพบุรุษ พี่ผ่านฟ้านั่นแหละ เขาทนอยู่ไปได้คนเดียว พอพี่เสีย ดิฉันกับลูกๆ ก็ย้ายออกมาอยู่บ้านอีกหลัง”
   “ทำไมล่ะคะ” คุณนายเพลงพิณว่า แม้จะรู้ประวัติคร่าวๆของบ้านหลังนั้นมาบ้างแล้วก็ตาม แต่ความอยากรู้อยากเห็นก็ยังคงมีอยู่บ้าง
   “โอ๊ะ คุณแม่ ขึ้นเวทีค่ะ คุณแม่ต้องพูดทักทายแขกแล้ว” สร้อยฟ้ารู้ทันแม่ ถ้าหากแม่เล่าเรื่องคุณหลวงพินิจฯ บรรพบุรุษของหล่อนล่ะก็ คงต้องรอถึงพรุ่งนี้เช้ากว่าจะเล่าเสร็จ ทั้งที่เรื่องที่หล่อนจะเล่าก็คงไม่เป็นความจริงนัก
   ขอบคุณสร้อยฟ้า ตอนนี้ไม่มีใครสนใจเขาอีก เพราะทุกคนเบนความสนใจไปที่จิตมาศ ที่ขึ้นไปกล่าวขอบคุณแขก เล่าถึงชีวิตของหล่อน และสามีผู้ล่วงลับ เวลาก็ล่วงเลยไป จนกระทั่งหล่อนพูดจบ และร้องเพลงที่หล่อนชอบเพียงไม่กี่คำแรกที่สะท้อนก้องเข้าหู พาทิศก็รู้สึกประหลาด ทั้งๆที่เสียงร้องของจิตมาศ ก็ไม่ได้ดีอะไรหนักหนา แต่ถ้อยคำที่หล่อนขับร้องออกมา กลับฝังแน่นในใจของเขา พูดซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ยอมออกจากหัว เพลงจากละครเรื่อง แต่ปางก่อน ไม่เคยเพราะจับใจพาทิศ เท่าตอนนี้
      รอคอยเธอมาแสนนาน ทรมานวิญญาณหนักหนา
    ระทมอยู่ในอุรา แก้วกานดาฉันรอเธอผู้เดียว
    
    แขกเหรื่อ ปรบมือให้จิตมาศ หล่อนก็กลับลงจากเวที ให้ลูกสาวทำหน้าที่พิธีกรต่อไปอีกเล็กน้อย กระทั่งถึงเวลาอันสมควร อาหารการกิน เสิร์ฟครบ แขกทุกคนทานอาหารกันจนอิ่มหนำแล้ว พากันพูดคุยอยู่ไม่ได้สนใจว่าใครจะทำอะไรในห้อง แสงไฟก็ดับลง
   เค้กวันเกิดก้อนยักษ์ ซ้อนกันหลายชั้นราวกับเค้กแต่งงาน เลื่อนขึ้นมาบนเวที แสงไฟที่จุดอยู่แล้วบนเทียน กระทบ ต้องดวงตาของชายหนุ่มราวกลับเหล่านางฟ้าตัวน้อยกำลังเริงระบำ เปล่งแสงออกมาเสียสวยงาม จิตมาศอุทานขึ้นมาอย่างลืมตัว
   “คุณพระ ไม่คิดว่าลูกจะทำขนาดนี้ ใหญ่มาก เซอร์ไพรส์มากค่ะ”
   บนเวที สร้อยฟ้า ประกาศชื่อแม่ของหล่อนออกมา คุณป้าจิตมาศก็ยิ้มดีอกดีใจ เดินขึ้นเวทีไป ยืนอยู่ข้างๆเค้ก
    “แขกทุกท่านคะ ดิฉันใคร่ขอให้ทุกท่านร่วมกันขับร้องเพลงวันเกิดให้คุณแม่ จิตมาศ ด้วยกันนะคะ” สร้อยฟ้าประกาศออกมา แล้วทั้งห้องนั้น ก็มีเพียงเสียงร้องเพลงวันเกิดดังก้องไปทั่ว

   แขกทยอยกลับกันเกือบหมดแล้วเหลือเพียงไม่กี่คน อย่าง บรรดาญาติๆของป้าจิตรมาศ และ ครอบครัวของพาทิศเท่านั้น พูดคุยกันแล้วเหล่าญาติๆก็ย้ายไป มีพาทิศที่ยังเดินรั้งท้าย นึกอยากกลับไปดูที่สระนั้นให้แน่ใจอีกสักครั้ง และ เขาเองก็อยากพูดคุยกับสร้อยฟ้า ลูกสาวของจิตมาศเหลือเกิน
   “ฟ้าขับรถไปส่ง แม่ที่บ้านนะคะ คุณป้าจิตรา ก็ไปด้วยกันนะคะ” สร้อยฟ้าเอ่ย คนเป็นแม่ และป้าต่างก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย พาทิศอยากเดินเข้าไปคุยกับสร้อยฟ้าเรื่องหลวงพินิจฯ แต่ก็ทำไม่ได้เมื่ออยู่ต่อหน้า พ่อและแม่ของเขาด้วย แต่สร้อยฟ้าคงสัมผัสได้ถึงความต้องการของชายหนุ่ม หล่อนจึงหันมาพูดด้วยว่า “วันไหนฟ้าไม่มีงาน จะรบกวนไปหาคุณพาทิศที่บ้านค่ะ”
   “ครับ” ชายหนุ่มรับปาก จากนั้น ก็ล่ำลาจิตมาศ ก่อนที่หล่อนจะควงแขนลูกออกไปจากบริเวณนั้น
   พาทิศหันไปมอง ป้ายที่ชี้ทางไปสระอโนดาตอีกครั้ง เขาอยากกลับไปดูให้แน่ใจว่า เขาตาฝาดไป ไม่ได้เห็นคนอยู่ในน้ำจริงๆ พอหันกลับมาก็พบว่าป้าจิตราไม่ได้เดินตาม น้องสาวและหลานสาวไป หล่อนพูดกับเขาว่า “จำไว้คุณพาทิศ เรื่องนั้นจะมาเมื่อเขาต้องการ อย่าได้พยายามวิ่งหามันเลย”
   แล้วหล่อนก็เดินอย่างสงบ ตามจิตมาศ และสร้อยฟ้าไปขึ้นรถ
   “นี่คุณลูกคะ” แม่ของเขาเอ่ยขึ้น หลังจากยืนงงกับคำพูดของจิตราอยู่พักหนึ่ง “คุณป้าจิตราเขาพูดอะไรน่ะ แม่ไม่เห็นรู้เรื่อง”
   “เอ้อ ผมก็ไม่ทราบซีครับคุณแม่”
   “ให้มันได้อย่างนี้สิคะ เอ๊ะ เดี๋ยวเราจะกลับยังไงล่ะนี่ ขามาคุณพี่ชมนาด มากับคุณพี่จิตรานี่คะ”
   “ใช่ คนขับรถจิตราเขามาส่ง คงกลับไปแล้วละ จิตราบอกไม่ต้องคอย ก็หล่อนจะกลับกับน้องสาวนี่นะ ไม่ได้คิดเลยว่าทิ้งฉันไว้ข้างหลัง”
   “อย่างนั้น เดี๋ยวผมขับรถไปส่งพี่ชมก็ได้” พ่อของเขาพูดขึ้น
   “อ้าว แล้วลูกชายกลับยังไงล่ะคะ” เพลงพิณซักเสียงแหลม
   “เดี๋ยวผมเดินกลับก็ได้ครับคุณแม่ พรุ่งนี้ผมจะจัดงานเลี้ยงเพื่อนที่บ้าน เดี๋ยวค่อยติดรถเพื่อนสักคนไปเอารถผมที่บ้านคุณพ่อ คุณแม่ก็ได้ครับ”
   “เดินกลับ เดินยังไงคะคุณลูกอันตราย”
   “เถอะน่า เธอก็ห่วงลูกไม่เข้าท่า บ้านอยู่หลังโรงแรมนี่เอง เดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึง” พ่อของเขาดุแม่เบาๆ
   “เดินยังไงคะคุณ ตอนนั่งรถเข้ามาคุณก็เห็นว่า ที่ดินตรงนี้ ไม่มีทางไปทะลุซอยบ้านคุณลูกนี่คะ จะเดินลูกชายต้องอ้อมไปถึงหน้าปากซอย เดินตั้งไกลไปตามถนนใหญ่ กว่าจะเข้าซอยที่พาไปบ้านหลังนั้นได้น่ะ”
    “ไม่เป็นไรครับคุณแม่ เดินไม่ไหว ผมเรียกรถมอเตอร์ไซค์ หรือ แท็กซี่ได้ครับ” เท่านั้นก็หมดห่วง ทั้งสามคนกลับไปด้วยรถของเขาแล้ว พาทิศยืนอยู่คนเดียวทั้งล็อบบี้ เอาละ เขาจะกลับไปดูซีว่า ในสระนั้นมีใครอยู่หรือเปล่า
   
   ไม่กี่นาทีต่อมา พาทิศก็พาตัวเองมานอนอยู่บนเตียงแล้ว แม้เหนื่อยหอบเพราะเดินไกล เหมือนตอนเดินทางไกลเข้าค่ายลูกเสือ แต่ชายหนุ่มก็ไม่อาจบังคับตัวเองให้ลุกขึ้นไปอาบน้ำได้ เขายังเพียงนอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อนเสียจนรู้สึกราวกับจะหลับลงไปเมื่อไรก็คงไม่รู้ตัว
   ไม่มี
   ไม่มีอะไรอยู่ในสระนั้นเลย เขาตาฝาดไปเท่านั้น พาทิศบอกตัวเองอย่างนี้ แต่ก็ทำใจเชื่อไม่ได้ เขามั่นใจว่า เขาเห็นคนอยู่ในสระนั้นจริงๆ แต่ก็นะ กลับไปอีกครั้งก็ไม่เห็นแล้ว สรุปออกมาแบบนี้ ก็คงไม่ผิดนัก ที่แปลกอยู่อีกอย่างคือ ไม่ว่าเวลาจะผ่านมาเกือบชั่วโมงแล้ว เนื้อเพลงจากละคร แต่ปางก่อนที่พาทิศได้ยินคุณป้า จิตมาศร้องก็ยังไม่เลือนไปจากใจ
   เหมือนมีใครมาร้องอยู่ข้างหูเขาซ้ำแล้ว ซ้ำอีก พาทิศ พาตัวเองลุกขึ้นจากเตียง จะตรงไปห้องน้ำ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองออกนอกหน้าต่างนี้ ไปยังโรงแรมที่เขาเพิ่งจากมา สระน้ำนั้นมีอะไรอยู่ข้างใต้หรือไม่กันแน่ แปลกที่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจเหมือนกับว่าเขา กำลังคิดถึงใคร หรืออะไรอยู่ เพราะเพลงทำนองหวานซึ้ง เพลงนั้นหรือเปล่านะ พาทิศรู้สึกเหมือนกับว่าเขาจะคิดถึง ณัฐ อยู่แวบหนึ่งในจิตใจ แต่แล้วเขากลับคิดถึงคนในสระบัว เขาเป็นใครกันแน่? หรือท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรอยู่ในสระนั้นเลย
   นาทีต่อมา ชายหนุ่มก็รู้สึกราวกับมีใครมาปิดไฟห้องนั้น พาทิศรู้สึกวูบ คล้ายจะเป็นลม ก่อนจะหมดสติไป พร้อมกับเสียงเพลงก้องดังในใจ

    เกิดชาติไหนๆ ไม่ยอมห่างไกลกัน  ดวงจิตผูกพัน รักมั่นมีไว้เพียงเธอ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่6 10.25 - 23/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 23-08-2010 10:35:52
อยากอ่านต่อ
+1
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่6 10.25 - 23/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 23-08-2010 11:14:26
พาทิศเป็นคุณหลวงกลับชาติมาเกิดหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่6 10.25 - 23/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 23-08-2010 11:53:57
 :z3:
อยากอ่านต่อๆๆๆๆ ตื่นเต้นๆๆๆ  :m4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่6 10.25 - 23/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 23-08-2010 20:03:56
อ่านแล้วขนลุกมากมาย
อยากอ่านต่อค๊า >.<
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่6 10.25 - 23/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 23-08-2010 21:07:07
เมื่อใหร่จะเจอกันละครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่6 10.25 - 23/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 23-08-2010 21:58:12
 :pig4:  ที่มานำความสุขมาส่งให้กัน
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่6 10.25 - 23/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 23-08-2010 23:00:17

๕๓ + ๑ = ๕๔
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่6 10.25 - 23/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 24-08-2010 11:09:59
ตอนหน้าพาทิศจะได้เห็นอดีตอีกหรือเปล่านะ 
เรื่องนี้ยิ่งอ่านยิ่งน่าติดตามมากๆ อยากรู้ว่าในอดีตพาทิศเป็นใคร มาเฉลยไวๆนะคะ 
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่6 10.25 - 23/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: mango ที่ 25-08-2010 20:05:36
Thank you
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่6 10.25 - 23/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 25-08-2010 23:23:10
ขนลุกอ่า  พาทิศนี่คือใครกลับชาติมาเกิดกันแน่
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่6 10.25 - 23/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 26-08-2010 04:01:18
เพิ่งเข้ามาอ่านครับ น่าสนใจดีครับแต่ก็เดาเรื่องไม่ค่อยถูกเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่6 10.25 - 23/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 26-08-2010 13:47:51
โอ้วววว ทิ้งท้ายไว้ซะจนอยากอ่านต่อเลยอ๊าาา :z3:
พาทิศเป็นใครกันน้าาา...เป็นเส็งอ๊ะป่าว 555
เดาไม่ถูกกันเลยทีเดียว รออ่านตอนต่อไปนะค้าา :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่6 10.25 - 23/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: MM.Dog ที่ 30-08-2010 21:05:35
เรื่องนี้หลอนดีจริง ๆ
ทำให้สงสัยด้วยค่ะ  ว่าตกลงพาทิศเป็นใคร 
หวังว่าจะไม่ใช่แม่สาวคู่หมั้นของคุณหลวงหรอกนะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่6 10.25 - 23/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 31-08-2010 23:08:12
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่6 10.25 - 23/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 02-09-2010 16:57:34
ชอบๆๆ โรแมนติกข้ามยุค จะรอน้า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่6 10.25 - 23/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 03-09-2010 17:45:45
มารออ่านนะครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่6 10.25 - 23/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 04-09-2010 13:57:59
ทุกคนคร้าบบบ
ตอนนี้ผมงานหนักมาก ยังไม่มีเวลาปั่นนิยายให้อ่านต่อเลยยย
แล้ว งานที่ผมทำอยู่คืออะไร... ก็คือ วิจัยเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมรักร่วมเพศนี่ล่ะครับ ต้องทำส่งอาจารย์ด้วย 555+
แล้วพอดี ผมมีแบบสอบถามให้ช่วยตอบนิดหน่อย ใครจะช่วยผมได้มั่งน๊าาา ถ้าเอามาลงให้ช่วยตอบที่นี่ จะโดนว่ามั๊ยคับ - - "

ช่วยบอกหน่อยนะค้าบบ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่6 10.25 - 23/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 06-09-2010 21:00:00
ส่งหลังไมค์มาจิคะ จะช่วยทำให้
สู้ๆ นะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่6 10.25 - 23/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: pu4755 ที่ 07-09-2010 11:37:30
ส่งมาได้เลยจ้า จาได้ช่วยทำ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่6 10.25 - 23/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 14-09-2010 23:33:11
ทุกคนนนนน งามผมเสร็จแล้วล่ะ
แต่ว่า ยังเหลือสอบอีก สอบเสร็จแล้ว จะรีบมาต่อให้นะครับ ขอบคุณมากที่ยังไม่หายกันไปไหน สัญญาว่ากลับมาแล้ว จะมาแบบ ยาวๆๆๆๆ ให้อ่านกันจนปวดตับไปเลยครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่6 10.25 - 23/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 14-09-2010 23:45:10
 :z13: จะรอแบบยาว ๆๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่6 10.25 - 23/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 15-09-2010 13:31:39
ที่จริงเข้ามาอ่านดูนิดๆตั้งแต่เมื่อคืน....สยองเกินกว่าจะทำใจอ่านต่อได้  :freeze:
นี่ก็มาอ่านต่อตอนเที่ยง....ก็ยังรู้สึกขนลุกเกินกว่าจะรับได้อยู่ดี
ที่จริงที่ไม่เข้ามาแต่แรกทั้งๆที่เห็นมานานเพราะชื่อนี่แหละ
แบบว่า..กลัวอ่ะ ชวนให้นึกถึงบรรยากาศวังเวงไงพิกล(แล้วก็จริง)
เอาเป็นว่า...เป็นกำลังใจให้นะคะ :L2: ,,
ไว้ขอให้มีฟิลล์และเรื่องมันไปไกลกว่านี้แล้วไอจะเข้ามาอ่านรวดเดียวเลยดีกว่า (แบบว่าเค้ากลัวจริงๆนะ)
 :m23:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่6 10.25 - 23/08/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 29-09-2010 23:55:05

     หลวงพินิจราชอักษรยืนอยู่ที่หน้าต่างห้องหนังสือ สายตามองไกลออกไปยังศาลาไม้ทรงแปดเหลี่ยมที่ทาสีขาวสะอาด  รอบๆมีบ่าวไพร่ เพศชายกำยำ ล่ำสันหลายคนช่วยกันยกกระถางดินที่มีต้นไม้ขึ้นต้นขนาดย่อมไปวางไว้ตามแนว ที่ ตามี หรือบ่าวรับใช้ชรา ยืนชี้นิ้วสั่งอยู่บริเวณรอบศาลาแปดเหลี่ยมสีขาวสะอาดริมสระบัว จากตรงนั้น คุณหลวงหนุ่มเห็น นายเส็ง นุ่งโจงกระเบนสีเข้ม เปลือยอก ค่อยๆเดิน เหนียมอายไปช่วยเพื่อนบ่าวยกกระถางต้นไม้ ด้วยท่าทีเก้งก้าง เคอะเขินราวกับไม่เคยถูกใช้ให้ทำงานหนักมาก่อน
    ผิวกายสีขาวเนียน ดูสวยราวกับรูปสลักหินอ่อน หยาดเหงื่อเกาะพราวไปทั่วทั้งตัว ยิ่งมีแสงอาทิตย์ส่องมากระทบ ยิ่งดูงดงามราวกับรูปปั้นหินสลักฝังเพชร ราวกับว่าหนุ่มน้อยคนนี้ไม่ใช่คนด้วยซ้ำ หากแต่เป็นเทพบุตรปลอมตัวมาหลอกให้หลวงพินิจ ได้แต่มองอยู่อย่างนั้นจนไม่เป็นอันทำงาน
    คุณหลวงยิ้มแล้วส่ายหัวเบาๆ กับความตลกของตัวเอง ที่ทำอย่างกับเป็นเด็กหนุ่มแรกรักที่ไม่รู้จักแยกแยะความจริง และความฝันอย่างไรอย่างนั้น ก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะตรงกลางห้อง นั่งลงแปลตำราเรียนภาษาฝรั่งให้เป็นไทย  เพื่อส่งให้กระทรวงธรรมการ
    แทบไม่ทันได้เขียนสักกี่ประโยค คุณหลวงก็ได้ยินเสียงวัตถุตกลงพื้นแตกดังเพล้ง ตามมาด้วยเสียงร้องอย่างตกใจของบ่าวไพร่ ตบท้ายด้วยเสียงก่นด่าของตามี ดังเข้ามากระทบประสาทหูของคุณหลวง แม้อยู่ในตัวบ้านก็ตาม
    “โอ๊ย เอ็งนี่มันยังไง หือ อ้ายเจ๊ก ถือกระถางต้นไม้เท่านี้ก็มือไม้อ่อน ทำกระถางตกได้อย่างไรกัน คุณหลวงท่านเห็น ได้โดนเฆี่ยนหลังลายกันทั้งหมดนี่หรอก ไม่ระวังเสียเลยเอ็ง” ตามีดุเส็งเสียงดังจนบ่าวหนุ่มร่างขาวต้องรีบยกมือไหว้ อย่างน่าเวทนา
    “ขอโทษเถอะจ้ะ ตามี ฉันมันคนมืออ่อนหยิบจับอะไรก็ตกแตกหมด ตามีอย่างด่าฉันเลยนะจ๊ะ”
    “อะไรกัน ตามี อ้ายเส็ง” หลวงพินิจราชอักษรเดินมาหยุดอยู่ตรงขอบหน้าต่างไม้ มองลงไปเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้พอดี ได้ยินเสียงของตามีแล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง
    “คุณหลวงขอรับ อ้ายเจ๊กนี่ทำกระถางต้นไม้คุณหลวงแตกของรับ มันไม่ระวังมือไม้อ่อน ทำเอาของเสียหาย ผมต้องขออภัย แทนมันด้วยขอรับ” ตามีรีบชี้แจงเสียงสั่น ด้วยกลัวว่าตนเป็นหัวหน้างาน จะถูกลงโทษหนักที่สุด
       “แล้วเอ็งก็แก้ปัญหาด้วยการโวยวายลั่นไปหมดอย่างนี้หรือตามี”
        บ่าวชราก้มหน้านิ่ง ด้วยรู้ตัวว่าคุณหลวงไม่เกลียดอะไรมากไปกว่าการถูกรบกวนเวลาที่เขาทำงาน
       “คราวหลังเอ็งอย่าได้โวยวายเสียงดังแบบนี้อีกเวลาข้าทำงาน หากยังมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกคราวหลัง ข้าจะเฆี่ยนเอ็งเสียให้จับไข้”คุณหลวงตวาดเสียงแข็ง ก่อนจะหันมาเรียกชายหนุ่มตัวทำเรื่อง “อ้ายเส็ง”
        “ขะ.. ขอรับ”
       “เอ็งมาหาข้าที่เรือน อย่าให้ข้าต้องรอ”
        “ขอรับ” เส็งรับคำ แล้วรีบเดิน มาหาหลวงพินิจฯ ที่เรือนเทา

    ตั้งแต่เกิดมา เส็งไม่เคยกลัวใครเท่าหลวงพินิจราชอักษรเลย ด้วยความที่เจ้าตัวเป็นคนหน้าดุ รูปร่างสูงใหญ่ราวฝรั่งมังค่า แถมยังเป็นนายบ่าวของเขาอีกก็ทำให้ยิ่งกลัวไปใหญ่ เขาเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่เป็นวันแรกแท้ๆ แต่กลับสร้างเรื่องขึ้นมาจนถูกเรียกมาหาที่เรือนอีกต่างหาก ถ้าหากไม่มาเพื่อถูกเฆี่ยน จะมีเหตุผลอะไรอีกเล่าที่หลวงพินิจฯ จะเรียกเขาตาหาเสียบนตึกใหญ่แบบนี้
    บ่าวหนุ่มเดินเข้าไปที่หน้าประตู ก็เห็นบ่าวผู้หญิงอายุราวสามสิบปลายๆนั่งอยู่หน้าห้องหนังสือ พอเห็นเส็งเดินท่อมๆเข้ามาก็เอ่ยเสียงกระซิบกระซาบเป็นธรรมดาของสาวคนใช้ที่ ชอบคุยชอบนินทาไปทั่ว
        “นี่เอ็งไปทำอะไรเข้าให้คุณหลวงเรียกขึ้นมาอย่างนี้ล่ะ”
      “ฉันทำกระถางต้นไม้ของคุณหลวงแตกจ้ะพี่” เส็งตอบเสียงเบา ราวกับว่าการเปล่งเสียงออกมาแต่ละคำมันกรีดบาดคอให้เจ็บอย่างไรอย่างนั้น “คุณหลวงเรียกฉันขึ้นมาแบบนี้ จะลงโทษไหมจ๊ะ”
       “อู๊ย ลองเป็นแบบนี้ อย่างมากก็โดนเอ็ดเอาเท่านั้นแหละ เอ็งน่ะคนที่มาใหม่วันนี้ใช่ไหมล่ะ”
        “จ้ะ”
        “คุณหลวงแกคงไม่ทำอะไรเอ็งมากหรอก” บ่าวผู้หญิงคนนั้นทำท่าครุ่นคิด “แต่เอ ตาเทิด ทนายของแกเคยโดนโบยเสียสลบ เพราะตอนแขกฝรั่งมา ดันจัดอาหารไทยมารับนั่นแหละ ฉันไม่เคยเห็นคุณหลวงโกรธเท่าคราวนั้นได้อีกเลย ตาเทิดมันก็หวังดีนะเอาอาหารไทยอย่างดีมาต้อนรับ ที่ไหนได้ฝรั่งบอกเหม็นกะปิน้ำปลา คุณหลวงแกก็เลยเสียหน้า”
       เส็งหน้าถอดสี ถึงกับมีโบยสลบกันเลยหรือ แล้วเขาจะเป็นอย่างไรบ้างละนี่ บ่าวผู้หญิงคนนั้นเห็นเส็งเงียบก็เข้าใจว่าเริ่มกลัวแล้ว จึงเปิดประตูปล่อยให้บ่าวหนุ่มเข้าไปในห้อง
        ทันทีที่เดินเข้ามาในห้อง เส็งก็หมอบลงคลานเข้าไปหาหลวงพินิจ นั่งคุกเข่าก้มหน้านิ่งไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าคมเข้ม นัยน์ตาดุราวเสือร้ายที่จ้องจะขย้ำกวางหนุ่มที่ตัวสั่นงันงกไม่มีทางสู้ ไม่ได้รู้สักนิดเลยว่า คนที่มองตัวเองอยู่นั้น เขามองด้วยสายตาอ่อนโยนปานใด อีกยังมีรอยยิ้มเจืออยู่ในแววตาโดยไม่ต้องยิ้มออกมาด้วยริมฝีปาก
       “อะไรกัน นั่งหลบหน้าแบบนี้ เห็นข้าเป็นยักษ์เป็นมารหรืออย่างไร”
         เส็งเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้าราวกับว่า มีใครสักคนเอาตัวหลวงพินิจราชอักษรไปซ่อน แล้วเอาใครก็ไม่รู้มาไว้แทนอย่างไรอย่างนั้น เพียงน้ำเสียงฟังดูก็รู้สึกว่า ไม่น่าใช่คุณหลวงหน้าเข้ม ตาดุที่จะโบยใครสักคนให้สลบได้เลย หากแต่น้ำเสียงที่เขาได้ยินนั้น ฟังดูอ่อนโยนใจดี แม้แต่ใบหน้าที่เงยขึ้นมาพบนั้น ก็ดูใจดีคล้ายคล้ายกับพี่ชาย นั่งยิ้มให้น้องอยู่ตรงนั้นเอง
    “ไหน ข้าขอดูมือซี เป็นแผลลึกหรือเปล่าก็ไม่รู้” หลวงพินิจราชอักษรกล่าวอีกครั้งด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลทำเอาหนุ่มน้อยที่นั่งตรงหน้าถึงกับต้องหลบตาด้วยความเขินอาย แอบเผลอยิ้มที่มุมปากไม่ได้ “เอ้า ว่าอย่างไร พูดนี่ไม่ได้ยินหรือ”
   หลวงพินิจลุกจากตั่งไม้สัก เดินมาหาหนุ่มน้อยก่อนจะยอบตัวลงนั่งยองตรงหน้าเส็ง พร้อมๆกับที่ยื่นมือใหญ่ แข็งแรงแต่นุ่มด้วยสัมผัสเข้าประคองแขนของหนุ่มน้อย ยกขึ้นให้มองเห็นฝ่ามือได้ พอเห็น ก็ส่งสายตาดุระคนเอ็นดูให้คนเจ็บก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงดังฟังชัด
    “มะลิ เอ็งเข้ามาที” บ่าวผู้หญิงหน้าประตูคนที่ขู่เส็งเรื่องคุณหลวง รีบกุลีกุจอ เปิดประตู แล้วคลานเข่าช้าๆเข้ามาหาหลวงพินิจราชอักษร หากหล่อนจะสงสัยว่าเหตุใดนายหนุ่มจึงลงมานั่งยองกับพื้นอยู่ต่อหน้าบ่าวหน้าใหม่คนนี้ หล่อนก็เก็บอาการไว้มิดชิดสนิททีเดียว มะลิ นั่งพับเพียบก้มหน้านิ่งเตรียมรับคำสั่ง “ตักน้ำใส่ขันมาให้ข้า เอาผ้าสะอาดมาด้วย สองผืนนะเอ็ง แล้วยาฝรั่งที่ได้มาจากบางรัก ที่ข้าให้เก็บ เอ็งเอาไว้ที่ใด”
   “ยาขวดดำๆหรือเจ้าคะ ...อยู่ที่ตู้ยา เจ้าค่ะ”
    “เออ เอามาด้วย รีบไปอย่าให้ข้ารอนาน” หลวงพินิจสั่งด้วยน้ำเสียงคมเข้มต่างจากที่คุยกับเส็งเมื่อ   ครู่ พอบ่าวหญิงรับคำ แล้วคลานออกจากห้องไปแล้ว คุณหลวงหนุ่ม ก็ลูกขึ้นนั่งบนตั่งตามเดิม ก่อนจะเอ่อยด้วยวาจานุ่มลึกนั้นอีกครั้ง “เอ็งไปทำท่าไหน จึงทำกระถางตกได้”
   เส็งก้มหน้าลงอีกครั้ง แม้น้ำเสียงจะแสดงว่าไม่โกรธ แต่พิจารณาจากเนื้อความก็ทำให้รู้แล้วว่า หลวงพินิจ กำลังตำหนิตน
   “บ่าวไม่ดีเองขอรับ มือไม้ไม่มีแรง กระถางเล็กๆเท่านี้ก็ทำตก คุณหลวงจะลงโทษบ่าวอย่างไรก็ได้ขอรับ บ่าวขอรับผิดเอง” หนุ่มน้อยหลับตาปี๋ เตรียมรับคำตำหนิที่จะพรั่งพรูออกมาจากปากคุณหลวง หากแต่ที่ได้ยินกลับเป็นเพียงเสียงหัวเราะเท่านั้น
   “อะไร บทจะพูดก็พูดเสียยาว ข้าบอกแล้วหรือว่าจะลงโทษ” เส็งยังนิ่งไม่ได้ตอบโต้อะไร “คนเจ็บ ไปทำให้เจ็บอีกจะได้อะไรขึ้นมา ข้าเป็นนาย เอ็งเป็นบ่าวก็จริง แต่ข้ามิใช่ยักษ์ใช่มาร จะให้ทำร้ายกัน ให้ฆ่าให้แกงกันนั้นทำไม่ได้”
    หลวงพินิจยิ้ม
     พอดีมะลิถือขันใส่น้ำ เดินเข่าเข้ามา คุณหลวงจึงหยุดพูด รอให้หล่อนคลานออกไป จึงหันมาพูดกับหนุ่มน้อยต่อ
   “เอ็งขึ้นมานั่งนี่เถิด”
   “บ่าว... มิบังอาจขอรับ” เส็งรีบปฏิเสธ หากเป็นบ้านคุณหยาดละก็ อย่าว่าแต่นั่งบนตั่งเดียวกันเลย เงาของบ่าวไปทับเงาของนายก็พาลจะโดนด่าหัวกุดแล้ว นี่จะให้ขึ้นไปนั่งอย่างไรได้
   “จะบังอาจก็ที่ขัดคำสั่งนี่ละเอ็ง” หลวงพินิจหัวเราะ “ขึ้นมานั่ง ข้าจะทำแผลให้”
    บ่าวหนุ่มเดินเก้ๆกังๆมานั่งที่ตั่งเดียวกับคุณหลวงอยู่ห่างแทบจะตกขอบตั่ง หลวงพินิจราชอักษรเห็นก็รำคาญคว้าข้อมือของหนุ่มน้อย ลากเข้ามาหาใกล้ๆ ค่อยๆประมือมือขาวๆ นั้นให้เจ็บน้อยที่สุดก่อนจะชุบผ้าลงขัน บิดพอหมาด แล้วซับรอบๆแปลของหนุ่มน้อย
   “เอ็งไม่เคยทำงานหนักหรือไร”
   “ขอรับ”
   “เป็นลูกผู้ชายไม่ทำงานแบบนี้ เอ็งทำอะไรได้บ้าง”
    “บ่าวทำกับข้าวเป็นขอรับ คุณหลวงอยากรับอะไรบ่าวทำให้ได้หมดทุกอย่างขอรับ” เส็งยิ้มเมื่อพูดถึงเรื่องที่ตนทำได้ดี
    “แปลกเหลือเกินนะ พ่อกับแม่เอ็งเลี้ยงลูกชายให้ทำกับข้าวกับปลา เย็บปักถักร้อย ไม่มีลูกสาวหรือไร”
   “ไม่มีขอรับ บ่าวเป็นลูกชายคนเล็ก มีพี่ชายสองคน บ่าวเป็นเด็กขี้โรค เกิดมาตัวเล็กนัก เจ็บออดๆแอดๆ เตี่ยกับแม่ต้องคอยดูแลเอาไว้ให้อยู่แต่ในบ้าน จะออกไปเล่นกับเพื่อนๆก็ไม่ได้ จะไปทำงานหนักอย่างพี่คิม พี่เล้ง ก็ไม่ได้ เตี่ยเลยบอกให้แม่เลี้ยงบ่าวไว้คอยเป็นเพื่อน แม่เองก็ไม่มีลูกสาวเลยสอนให้ทำกับข้าว เย็บปักถักร้อย สอนให้อ่านหนังสือขอรับ”
    “อ่านหนังสือได้ด้วยหรือ”
   “ได้ขอรับ หนังสือที่บ้านมีหลายเล่ม ทั้งของไทย ทั้งพงศาวดารจีน บ่าวชอบอ่านออกเสียงให้เตี่ยฟังขอรับ เตี่ยของบ่าวสายตาไม่ดี”
     “ดีจริง ถ้าอย่างนั้น เอ็งช่วยเตรียมสำรับให้ข้าก็แล้วกัน เวลาไม่มีงานก็คอยมานั่งใกล้ๆ เผื่อจะเรียกหาใช้สอยอะไร หรือให้อ่านอะไรให้ฟังเสียบ้าง” คุณหลวงว่าพลางค่อยๆ ซับเลือดออกจากปากแผลของหนุ่มน้อย
   “คุณหลวงช่างกรุณาบ่าวนักขอรับ”
   หลวงพินิจยิ้มให้กับบ่าวตรงหน้า
   “ข้าเข้าใจความรู้สึกของเอ็ง” หลวงพินิจลดความเข้มของเสียงลงเป็นประมาณพอสนทนารู้เรื่อง ไม่ใช้เสียงดังฟังชัดอย่างที่มักใช้พูดกับใครต่อใครบ่อยๆ “ตอนข้าไปอยู่เมืองฝรั่ง พ่อแม่ก็ไม่มี ญาติพี่น้องก็ไม่มี ต้องคอยอยู่รับใช้ท่านทูต ภาษาฝรั่งก็ยังพูดไม่สู้คล่องนัก จะใช้ทำงานอะไรก็ผิดไปหมด เป็นอย่างนี้อยู่หลายเดือนกว่าจะปรับตัวได้ เอ็งเพิ่งมาอยู่ที่นี่ จะทำอะไรผิดพลาดบกพร่องไปข้าก็เข้าใจ”
    คุณหลวงหมุนเกลียวขวดยาออก ก่อนจะเทลงผื้นนั้นพอให้มียาอยู่ แล้วจึงซับยาลงไปบริเวณปากแผล จนคนเจ็บสะดุ้งเพราะไม่เคยชินกับยาแบบนี้
   “แสบหรือ”
   “ขอรับ” เส็งแทบชักมือหนีได้แน่นั่งขืนตัว อย่างไม่เต็มใจนัก แต่ด้วยความเกรงใจก็ทำอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้แล้ว
   “ทนหน่อยเถิดนะ ยาฝรั่งของหมอ ปลัดเล สมัยเจ้าคุณพ่อยังไม่เป็นที่นิยม เห็นว่าวิธีของฝรั่งจะใช้ไม่ได้ผล พ่อข้านี่แหละที่ใจกล้าให้หมอฝรั่งจับรักษาให้ทุกวิธีไม่ว่าจะเป็นอะไร คนก็ถึงพากันนับถือหมอปลัดเลมาถึงตอนนี้ แม้เขาจะไม่อยู่แล้วก็ตาม” หลวงพินิจว่า “ข้ารับรองว่า ไม่กี่คืนดอก หายดีราวกับไม่เคยเจ็บ”
    ผู้เป็นนายพันผ้ารอบมือแล้วก็เหน็บชายไว้ง่ายๆ มิให้เลือดไหลมาอีก
    “เวลาอาบน้ำระวังอย่าให้ผ้าเปียก เดี๋ยวแผลจะเน่าเอา” หลวงพินิจยิ้ม “เสร็จแล้ว เอ็งไปพักผ่อนเถิด วันนี้อย่าเพิ่งทำอะร็ได้ ข้าอนุญาต”
   “ขอบพระคุณขอรับ”
   “แล้วพรุ่งนี้เช้าอย่าลืมจัดอาหารให้ข้าด้วย ข้าจะรอดูว่าจะเก่งสักแค่ไหนเทียว” ผู้เป็นนายยิ้มให้อย่างอบอุ่น ก่อนจะไล่บ่าวหนุ่มไปนอนพักเอาแรง
   เรือนบ่าวที่อยู่หลังสระน้ำนั้นเป็นเรือนไม้ทรงไทย แม้ไม่ได้วิจิตรงดงามเป็นเพียงบ้านไม้เก่าๆ เล็กๆ ก็ดูสวยงามเมื่อประกอบกับเรือกสวนไร่นาที่อยู่ข้างหลัง แบ่งเป็นสองเรือน เชื่อกันด้วยชานบ้านที่มีบ่าวเล็ก บ่าวใหญ่นั่งกันให้สลอน บ้างก็ร้อยมาลัย บ้างเดินเก็บเศษใบไม้รอบสระน้ำไปทิ้งรวมกัน บ้างก็เพียงนั่งคุยเท่านั้น ดูเป็นวิถีชีวิตแบบง่ายๆ ไม่ต้องรีบร้อน หรือวางแผนอะไรในชีวิต อีกไม่นานเท่าใด เส็งเองก็คงกลายเป็นส่วนหนึ่งในนั้น
    บัดนี้ แสดงอาทิตย์สัมผัสยอดไม้ต่ำๆ เป็นสัญญาณว่าเวลาแห่งสนธยาเริ่มมาเยี่ยมเยียนแล้ว บ่าวผู้ชายหลายคนเดินลงไปที่ท่าน้ำริมคลองเพื่ออาบน้ำคลายร้อนจากที่ทำงานหนักมาทั้งวัน เส็งเห็นตามีเดินผ่านไปโดยไม่ได้สังเกตว่าเส็งอยู่ตรงนั้น หรืออย่างน้อยก็ทำเป็นมองไม่เห็นไปอย่างนั้น
    หนุ่มน้อยใช้เวลาทั้งบ่ายนั่งแยกผลไม้ที่เก็บได้จากสวนของที่นี่เพื่อแลกกับผลไม้จากตำบลอื่นที่มีพ่อค้าพายเรือผ่านมา ส่วนหนึ่งบรรดาบ่าวก็แบ่งไปกินกัน บางส่วนเก็บไว้ให้คุณหลวง บางส่วนก็เหลือไว้แลกกับสินค้าประเภทอื่นที่พายผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร หรือน้ำตาลทราย บัดนี้ชายหนุ่มนั่งหย่อนขาลงสระบัว ในมือมีข้าวตังที่ติดก้นหม้อข้าวส่วนหนึ่ง คอยโรยให้ปลาน้อยใหญ่ อีกส่วนหนึ่ง ยามนอม แม่ครัวใหญ่ประจำเรือนนี้กำลังเคี่ยวน้ำตาลใส่กับน้ำ ทำเป็นน้ำข้าวตังกลิ่นหอมแบบกลิ่นไหม้นิดๆ โชยมา
    สักพักเส็งก็รู้สึกว่ามีใครบางคนเดินมาข้างหลัง ก็แหงนหน้าขึ้นมอง
   “พี่มั่นนี่เองฉันนึกว่าใคร”
   “เอ้า แล้วคิดว่าใครเล่า” บ่าวหนุ่มรุ่นพี่ ร่างใหญ่บึกบึน นั่งลงข้างๆเส็งพลางหัวเราะไปด้วย “มาถึงวันแรก เอ็งก็ทำเรื่องเสียแล้ว”
   “ขอโทษจ้ะ”
   “ไม่เป็นไรน่า คนเราผิดพลาดกันได้ แต่เอ็งอย่าพลางซ้ำแล้วกัน เดี๋ยวจะโดนหนัก” มั่นว่า หลานชายของตามีคนนี้ เป็นบ่าวชายที่อายุน้อยที่สุดในบ้าน หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งคืออายุใกล้เคียงกับเส็งที่สุด จึงเป็นเพียงคนเดียวที่คอยพูดจากับหนุ่มน้อยอย่างสนิทสนม
    “ในครัวทำอะไรอยู่ละพี่ หอมเทียว”
   “น้ำข้าวตัง” มั่นว่า “ที่มันติดก้นหม้อพอเอามาเคี่ยวใส่น้ำใส่น้ำตาลแล้วหอมอร่อย กินชื่นใจ”
   “อย่างนั้นหรือ ฉันไม่เคยกินเลย”
   “จะเคยได้อย่างไร พวกเจ๊กชอบหุงข้าวเละๆ คงไม่มีเหลือติดหม้อกระมัง” มั่นว่าพลางหัวเราะพลาง ก่อนจะเห็นเหลือบไปเห็นบ่าวสาวคนหนึ่งก้าวมาจากทางเรือนบ่าว มุ่งหน้าไปยังเรือนเทาของหลวงพินิจ ก็บุ้ยใบ้ให้เส็งดู“เอ้า มาโน่นแล้ว แม่คนต้นคิด จะไปปะเหลาะเอาใจอะไรอีกล่ะคราวนี้”
   
   “แม่คนต้นคิด” เป็นสาวสวย เอวบางสะโอดสะองนุ่งผ้าคาดอก โจงกระเบนแบบบ่าวสาวทั่วไป กระนั้นผิวสีเหลืองนวลและใบหน้าจิ้มลิ้มราวสาวเหนือนั้นทำให้หล่อนดูน่ารัก น่าหยิก ผมดำขลับยาวตรงลงมาประบ่า แม้จะก้าวเดินก็ดูสวยงามไปหมด จนเส็งถึงกับมองค้าง คนสวยแบบนี้ออกมาจากเรือนบ่าว ก็คงจะเป็นบ่าวไม่น่าผิด
    “แม่แก้ว นั่นอะไร จะเอาอะไรให้คุณหลวง” มั่นตะโกนถาม พลางลุกขึ้นยืน เส็งจึงลุกตาม แต่มั่นกลับเดินออกไปหาสาวน้อยคนนั้นโดยมิได้ชวนเส็งไปด้วย หนุ่มน้อยจึงเพียงแต่ยืนทำตัวไม่ถูกอยู่ตรงนั้นเอง
    “ไม่รู้สักเรื่องเถอะย่ะ พ่อมั่น” เสียงแหลมแว้ดขึ้นอย่างหงุดหงิดดังออกจากปากของสตรีที่ชื่อ แก้ว คนนั้น ฉับพลันความงามทั้งหมดที่เส็งเห็นนั้นก็หายไปหมด เหลือเพียงสาวสวยแต่ใบหน้าบูดบึ้ง ตาขวาง เดินจ้ำๆแบบรีบร้อนไปทางเรือนเทา กิริยามารยาทดูเป็นสาวใจร้อนและเอาแต่ใจ จนเส็งเข้าใจเลยทีเดียวว่าเหตุน้ำเสียงที่มั่นพูดถึงหล่อนจึงดูห้วนๆแปลกๆ
    “จำเป็นต้องรู้เถอะย่ะ แม่แก้ว” มั่นตอบด้วยเสียงล้อเลียน “คุณหลวงสั่งมาหรือไร เอาน้ำข้าวตังไปให้ เกิดแกทำงานอยู่ได้ด่าไล่ออกมาหรอก”
   “ไม่ต้องสั่ง คนอยากทำให้ ทำไมจะเอาไปให้ไม่ได้”
   “เอ็งก็รู้ว่า เวลาคุณหลวงทำงาน แกไม่ชอบให้ใครไปยุ่ง อีกอย่างน้ำแบบนี้คุณหลวงไม่ชอบหรอก ไม่รู้หรือคุณหลวงชอบ ชา กับกาเฟ่” มั่นยังว่าต่อ ถึงประโยคนี้ หญิงที่ชื่อแก้วก็หยุด แล้วหันมายืนมองมั่นแบบเยาะเย้ย
   “น้ำของฝรั่งเหม็นออกอย่างนั้นยังชอบ ลองได้ชิมน้ำข้าวตังหอมๆฝีมืออีแก้ว รับรองคุณหลวงได้ติดใจ”
   “ปลาร้า ปลาแดกที่เอ็งว่าหอมคุณหลวงยังห้ามเอาเข้าเขตเรือน แต่ไอ้พวกนมเนยที่เอ็งว่าเหม็นคุณหลวงกลับว่าหอม ไอ้น้ำข้าวตังนี่คุณหลวงก็คงไม่ว่าหอมหรอก ลางเนื้อชอบลางยาแม่แก้วฉันบอกให้รู้” บ่าวหนุ่มยังคงว่าต่อไป
    “ไว้ให้ฉันเป็นแม่นายเรือนนี้ก่อนเถอะย่ะ พ่อจะไม่มีวันมายืนเสี้ยมสอนฉันอย่างนี้หรอก แล้วถึงตอนนั้น จะปลาร้า ปลาแดก ปลาเค็มอะไรที่ฉันชอบฉันก็จะให้เอาเข้าเรือนให้หมด” แก้วสะบัดหน้าเดินออกไป มั่นก็ไม่คิดตามต่อไป ได้แต่ส่ายหัวก่อนจะเดินกลับมาหาเส็งที่ยังคงอยู่ที่ริมสระบัว
   “ใครหรือพี่” เส็งถามเป็นคำถามแรกเมื่อมั่นเดินมาใกล้พอจะได้ยินกัน
   “นางแก้ว ลูกสาวยายนอม แก่นแก้วแสนซนนัก ฉันรู้จักมาตั้งแต่เด็ก อาไร้โตเป็นสาวแล้วจริตจก้านจัดนัก... ใฝ่สูงอยากเป็นเมียคุณหลวง”
    อ๋อมิน่า ถึงว่า “จะเป็นแม่นาย” สินะ
   “แล้วคุณหลวง... ชอบเขาไหมพี่”
   “เส็งเอ้ย หงส์ทองหรือจะปองห่านดิน คู่หมั้นเขาก็มีอยู่แล้ว” มั่นเอ่ยเบาๆ เส็งได้ยินก็ไม่ได้จำมาใส่ใจอะไรนัก เรื่องของแก้วไม่ได้มีอิทธิพลอะไรต่อเขามากนัก มีเพียงความคิดหนึ่งเกิดขึ้นในใจเท่านั้นเองว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ไม่ควรสุงสิงด้วยเท่านั้น “พูดถึงคู่หมั้นของคุณหลวง นายเก่าเอ็งหรือมิใช่”
    “จ้ะ” เส็งขานรับ ในใจนึกไปถึงคุณหยาดนายเก่า
    คุณหยาดเป็นสตรีชั้นสูงที่ดูสวยงาม หยาดเยิ้มราวกับนางฟ้านางสวรรค์ เพียงไปอยู่ด้วยไม่กี่วันก็รู้ว่า คุณหยาดสวยแต่กาย ใจหาได้สวยเท่าภาพลักษณ์ภายนอกไม่ แม้อาจไม่ได้ร้ายถึงกับจ้องจะทำร้ายใคร แต่ก็ไม่ใช่ว่างดงามเป็นแม่พระ มีอะไรขัดใจเล็กๆน้อยๆก็ต้องโวยวายอาละวาดให้ใครทำอะไรให้ได้ดั่งใจทุกครั้ง
    “เบื่อ ไม่มีใครทำอะไรได้อย่างใจสักคน มีก็อ้ายเส็งนี่คนเดียวที่พูดรู้เรื่อง... เส็งเอ็งแกะผลไม้มาให้ข้าอีกนะสวยดีข้าชอบ... เส็งทำขนมฝรั่งเป็นไหม ทำไม่เป็นไปซื้อให้หน่อยข้าอยากรับ... เส็ง เอ็งขับเสภาให้ข้าฟังซีมีคนบอกว่าเอ็งขับเป็นมิใช่หรือ”
    แต่ต่อให้เส็งรับใช้ดูแลแม่หยาดดีเท่าไร ก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นอยู่ของเส็งดีขึ้นกว่าตอนอยู่วัดนัก เรือนบ่าวที่นอนลำบากกว่าตอนอยู่กุฏิ มีทั้งฝุ่น 
ทั้งหยากไย่ ใยแมงมุม หากเส็งไม่ทำความสะอาดบ่าวคนอื่นก็ไม่คิดทำ ข้าวปลาอาหารก็เป็นเพียงผักต้มจิ้มน้ำพริกเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรอร่อยให้กินนัก
    ช่างต่างจากที่นี่ เส็งคิด ที่นี่น่าอยู่ ร่มรื่น มีคลองอยู่ใกล้ไปไหนมาไหนสะดวก อาหารการกินก็พร้อมสมบูรณ์ต่อให้ขาดอะไรก็มีผลไม้ในสวนไว้กินอยู่เสมอ ไม่เหมือนอยู่กับคุณหยาดที่แม้บ้านจะร่ำรวยเพียงใด ก็ไม่เคยได้เจือจุนบ่าวไพร่ในบ้านเลย นอกจากนี้ นายของบ้านยังใจดีเสียอย่างนี้ เส็งมั่นใจว่า เขาจะอยู่ที่นี่อย่างมีความสุขได้แน่นอน
    “คุณหลวงทำแผลให้ฉัน” เส็งยื่นมือให้มั่นดู “ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมแกไม่ด่าไม่ว่าฉันเลยนะ กลับทำแผลให้อีก พูดจาก็ใจดีเอ็นดูเหมือนเราเป็นลูกเป็นเต้า” หนุ่มน้อยหัวเราะ “คุณหลวงแก... ใจดีอย่างนี้เสมอหรือเปล่าไม่รู้”
    “เอ๋” มั่นหันหน้ามามองหน้าหนุ่มน้อยหน้าใสที่กำลังโปรยข้าวตังลงให้มารุมกินอย่างเพลิดเพลิน “ใจดีหรือ ปกติแกดุจะตายไป ใครก็กลัวกันหมด ไม่งั้นจะบริหารเรือนนี้อย่างไร บ่าวอยู่กันเยอะแยะ ทุกคนเขากลัวกันทั้งนั้น”
   “อย่างนั้นหรือ” เส็งพึมพำ แต่ไม่ได้ติดใจอะไร ฉับพลันเขาก็ได้ยินเสียงตวาด แว้ดดังขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ สองหนุ่มหันมองที่ตัวตึกก็เห็นแก้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาจากทางนั้น มีบ่าวสาวอายุน้อยกว่าหล่อนวิ่งตาม ร้องเรียกพี่แก้วๆ อย่างปลอบโยน กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวใจเย็นขึ้น
    หล่อนขว้าง แก้วน้ำข้าวตังลงพื้นจนแตกกระจาย ก่อนจะถกเขมรเดินปึงปังกลับเรือนบ่าว พอผ่านหน้ามั่น ชายหนุ่มก็อดเอ่ยปากแซวไม่ได้
    “ว่าอย่างไร แม่นาย คุณหลวงชอบน้ำข้าวตังถึงขนาดต้องกลับมาเอาเพิ่มเทียวหรือ” ชายหนุ่มหัวเราะอย่างสาแก่ใจ
    “เก็บปากมึงไว้เถอะไอ้มั่น” หญิงสาวหันมาตวาด แล้วก็ปึงปัง เดินขึ้นเรือนไป สาวน้อยที่วิ่งตามมาแต่แรกก็ยังวิ่งตามมาต่อ พอถึงบริเวณที่เส็งและมั่นอยู่ ก็หยุดแล้วหันมาบอกแบบคนช่างพูด
    “คุณหลวงไม่ชอบ บอกว่าเหม็นไหม้ รบกวนเวลาทำงานด้วย พี่แก้วเธอโกรธใหญ่เทียว บอกว่าอุตส่าห์เสียเวลาลงมือเคี่ยวเอง”
    “เคี่ยวเองหรือ ปอกผลไม้ยังช้ำ จะมาเคี่ยวอะไรน้ำเข้าตัง” มั่นหัวเราะเยาะ “ข้าว่ายายนอมนั่นละเป็นคนทำ ก็เตือนแล้ว คุณหลวงโปรดอาหารฝรั่ง ยังจะเสนอเอาน้ำบ้านๆแบบเรา ไปให้ คงจะโปรดอยู่หรอก”
    สองสาวหัวเราะคิกคักตามประสาเด็กช่างนินทา ก่อนจะทำท่านึกขึ้นได้ว่าต้องคอยปลอบแก้วไม่ให้อาละวาด ก็ออกวิ่งตามไปยังเรือนบ่าว ตะโกน “พี่แก้วอย่าเสียใจนะจ๊ะ” ไปตลอดทาง
    เส็งและมั่นหันหน้ามองกันและกันก็อดขำไม่ได้ เรือนนี้มีเรื่องสนุกเสียตั้งแต่วันแรกเสียแล้ว เส็งมั่นใจว่า เขาจะต้องมีความสุขที่ได้อยู่ที่เรือนหลังนี้แน่ๆ สองหนุ่มคุยกันอ้อยอิ่งสักพักก็ชวนกันไปอาบน้ำที่คลอง ก่อนจะให้พวกผู้หญิงลงมาอาบกันตอนมืดๆ ได้ไม่ต้องอายคนมาเห็น
     คืนนั้น หนุ่มน้อย นอนแต่หัววัน มองผ้าสีขาวสะอาดที่พันรอบแผลที่ฝ่ามือของตนก็อดนึกถึงใบหน้าของผู้ที่ทำแผลให้ไม่ได้ น้ำเสียงอบอุ่นและถ้อยคำปลอบใจยังสะท้อนก้องอยู่ในหัวไม่อาจลบออกไปจากใจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาเงียบสงัด ยามวิกาลอย่างนี้
    คุณหลวงใจดีเหลือเกิน
    เส็งคิดถึงขึ้นมาก็รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว เขินอายอย่างไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน รู้สึกอบอุ่นไปถึงใจ ที่มีคนมาทำอะไรดีๆแบบนี้ให้บ้างในชีวิต
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่7 ทั้งบท 11.50 - 29/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 29-09-2010 23:57:49
อัพแล้วน๊าาาา หลังจากหายไปนาน :เฮ้อ:

 หวังว่ายังจะมีคนติดตามอยู่นะครับผมม อิอิ  :-[

อัพทั้งบทเลยคราวนี้ อ่านกันอ้วกแน่ๆ บทต่อไปจะรีบตามมาอย่างเร็วเลยครับผมมม
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่7 ทั้งบท 11.50 - 29/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 30-09-2010 04:05:40
เส็งเริ่มจะสบายแล้ว
อย่าหายนานนัก
+1
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่7 ทั้งบท 11.50 - 29/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 30-09-2010 07:00:22
ชอบคุณหลวงอ่าาาาาาาาาาาาาา
อยากอ่านต่อนะจ๊ะ อย่าหายไปนานน๊า
บวกให้ๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่7 ทั้งบท 11.50 - 29/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 30-09-2010 08:05:21
คุณหลวงแกคงเอ็นดูเส็งถึงได้ใจดีขนาดนี้ แถมยังให้คอยรับใช้ใกล้ชิดอีก อย่างนี้ไม่นานคุณหลวงคงหลงรักเส็งแน่ๆ
มาต่อเร็วๆนะคะ เรื่องกำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยแล้ว จะคอยติดตามเรื่องนี้ไปตลอดเป็นกำลังใจให้ไรท์เตอร์ค่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่7 ทั้งบท 11.50 - 29/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 30-09-2010 10:42:22
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยเป็นเรื่องที่อ่านแล้วขนลุกได้ตลอดเลยจริงๆค่ะ ตอนแรกเปิดมาเจอตอนตี3กว่าๆอ่านไปได้หน่อยปิดเลยตอนนี้มานั่งอ่านต่ออีกหน่อยยอมรับว่าเขียนได้ดีมากค่ะ

อ่านไปก็ระทึกขวัญไปด้วยบรรยายกาศเย็นๆวังเวงยังไงชอบกลอ่ะ น่ากัวแต่ก็น่าติดตามไปด้วย หยุดอ่านไมได้แต่ก็หัวก็ลุกอย่ตลอดเวลาเลยอ่ะ สยองปนๆกันไปหมดเลยอ่ะค่ะ  กรี๊ดดดดดดดดดดดด


แล้วจะรออ่านตอนต่อไปนะคะ

+1เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่7 ทั้งบท 11.50 - 29/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 30-09-2010 11:30:43
หืมมม  คุณหลวงชอบบ่าวเส็งซะตั้งแต่แรกพบสบตาเลยเหรอ

คนแต่งอย่าหายไปนานเน้อ  คิดฮอด


คิดฮอดคุณหลวง   อิ อิ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่7 ทั้งบท 11.50 - 29/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: keerin ที่ 30-09-2010 11:35:37
มาแล้ววววววววว
ยิ่งอ่านยิ่งติดยิ่งอยากรู้ว่าพาทิศเป็นใครอะไรยังไง
แต่จะดีมากท่าพาทิศเป็นเส็ง...อิอิ
แต่ดูลักษณะท่าทางแล้วจะใช่มั๊ยน้าาาาา
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่7 ทั้งบท 11.50 - 29/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 30-09-2010 17:24:50
อยากรุ้ว่าปมอะไรที่ทำให้ เส็งถึงไม่รู้ว่าหลวงพินิจ ก็ตามที่นี้ แล้วใครอยู่ในสระบัว


อยากอ่านอีกขอแบบสาวๆเลยอ่ะ 10 ตอนรวดไรเงี้ย 555555555555555555



มาเป็น :กอด1:เป็นกำลังใจอีกรอบค่ะ วันนี้แวะมาอ่านตอนที่ 7 อีกอ่านไปแล้วเปิดเพลง แต่ปากก่อนฟังไปด้วยแบบว่าน้ำตาคลออ่ะ มันต้องมาม่าด้วยแน่ๆเลยเรื่องนี้  
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่7 ทั้งบท 11.50 - 29/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 30-09-2010 17:27:30
เย้!! มาต่อแล้ว

คิดถึงมากเลยค่ะ หายไปนานเชียว

คุณหลวงนี่แกดูเอ็นดูเส็งจังเลยน้า

ปล. อย่าหายไปนานอีกนะคะ อยากอ่านๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่7 ทั้งบท 11.50 - 29/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 30-09-2010 21:47:03
คิดถึงอยู่เลยครับ  นึกว่าหายไปใหน
เรื่องน่าติดตามอย่างนี้หายไปนานๆคิดถึงนะครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่7 ทั้งบท 11.50 - 29/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 30-09-2010 21:49:37
แวะมานั่งอ่านเก็บรายละเอียกอีกรอบค่ะ น่ากลัวจริงๆเชียวอ่านไปรอบสองแล้วก็ยังขนลุกอ่ะ 
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่7 ทั้งบท 11.50 - 29/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 01-10-2010 08:26:42
แวะมาดันรอจ้า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่7 ทั้งบท 11.50 - 29/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 01-10-2010 20:08:36
ดันหน่อยค่ะ สนุกมากจริงๆมาต่ออีกเร็วๆนะคะค้างคามากๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่7 ทั้งบท 11.50 - 29/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 02-10-2010 02:25:27

วุ้ย หรือว่าพาทิศคือนายมั่นคะ  :confuse:
๕๙ + ๑ = ๖๐
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re:
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 02-10-2010 15:22:57
อยู่เป็นกำลังใจให้มาต่อบ่อยๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่7 ทั้งบท 11.50 - 29/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 02-10-2010 17:43:43
แวะมาดันอีกสักรอบ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่7 ทั้งบท 11.50 - 29/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 02-10-2010 18:57:38
รออ่านตั้งนาน พอมาต่อก็ทำให้ค้าง 
ใจร้ายที่สุดเลย :o12:

ปล.มีแต่คนสงสัยอดีดของพาทิศ  ตอนหน้ามาเฉลยด้วยนะจ้า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่7 ทั้งบท 11.50 - 29/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: Namtarn ที่ 02-10-2010 23:05:01
มารายงานตัวว่าแอบอ่านมานานแล้วค่ะ อัพต่อให้อีกนะคะ :man1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่7 ทั้งบท 11.50 - 29/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: nuewanda ที่ 03-10-2010 06:33:48
พึ่งได้มีโอกาสเข้ามาอ่าน  แล้วอ่านรวดเดียว ตอนกลางคืนเสียด้วย เสียวสันหลังดีแท้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
จะคอมเม้นต์ว่ากระไรดี พล็อตเรื่องน่าสนใจ เดินเรื่องได้น่าติดตาม ภาษาสวยมาก แล้วยังได้ความรู้ประวัติศาสตร์เป็นของแถมอีกต่างหาก
ขอบคุณไรท์เตอร์สำหรับงานเขียนดีๆ ชิ้นนี้นะคะ  :L2:
อดใจรอตอนต่อไปไม่ไหวแล้วอ่า.....
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่7 ทั้งบท 11.50 - 29/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 03-10-2010 10:33:50
 :z2: มาต่อแล้ว เย้ๆๆๆ  :pig4: คร๊าบ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่7 ทั้งบท 11.50 - 29/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 04-10-2010 16:14:40
มาต่ออกีนะคะค้างๆๆๆ รอดันๆๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่7 ทั้งบท 11.50 - 29/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 04-10-2010 17:35:56
แวะมาดันค่ะ

อยากอ่านต่อแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่7 ทั้งบท 11.50 - 29/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 05-10-2010 19:35:12

    เช้าวันที่สองของเส็งมาถึงอย่างรวดเร็ว เพียงหัวถึงหมอน เส็งก็หลับสบายตื่นมาอีกทีก็พบว่าแสงตะวันข้างนอกเริ่มส่องลอดหน้าต่างเข้ามาแล้ว เมื่อมองไปทางขวาก็พบว่า เพื่อนบ่าว นายมั่นยังคงนอบหลับอยู่หากแต่หนุ่มน้อยได้ยินเสียงคนอยู่ข้างนอก จึงลุกออกจากบริเวณที่นอน เลิกมุ้งขึ้น แล้วออกมาดูว่าเสียงคนที่คุยกันนั้นใครกันแน่
    พอออกจากหอนอน หนุ่มน้อยก็พบว่านอกชานเต็มไปด้วยบ่าวผู้หญิง นั่งร้อยมาลัยบ้าง ปอกผลไม้บ้างทั้งที่ฟ้ายังไม่ทันสว่างทั่ว หนุ่มน้อยเรียนรู้มาหลังจากนั้นว่า บ่าวผู้หญิงของบ้านนี้ มีหน้าที่ทำความสะอาด ทำกับข้าว ทำงานฝีมือไว้รับแขกหรือเพียงประดับข้าวของเครื่องใช้ให้คุณหลวงเท่านั้น ส่วนบ่าวผู้ชายก็ต้องทำสวน ทั้งสวนดอกไม้ในบริเวณตึกใหญ่ ทั้งสวนผลไม้ด้านหลังเรือนบ่าว รวมถึงผลัดเวรยามกันในตอนกลางคืน จึงเป็นสาเหตุที่ว่า บ่าวหญิงจะต้องตื่นมาทำกับข้าวเลี้ยงคนทั้งบ้าน แต่เช้าและได้รับอนุญาตให้นอนแต่หัวค่ำได้ ส่วนบ่าวชายต้องคอยอยู่เวรยามจนดึกค่ำ และต้องทำงานหนักมาทั้งวันจึงได้นอนช้ากว่าบ่าวผู้หญิง และก็ไม่มีใครว่าหากจะตื่นสายบ้าง
    บ่าวหนุ่มเดินออกมานอกชานก็พบมะลิ นั่งอยู่กับบ่าวสาวอีกคนกำลังพูดกันเรื่องคุณหลวงทำแผลให้เขา พอเห็นเส็งเดินออกมา บ่าวอีกคนก็กระแอมกระไอ ให้มะลิรู้ตัว บ่าวสาวก็หันมายิ้มให้เส็งอย่างกระดากอาย
    “อ้าว พ่อ ตื่นแล้วหรือ ทำไมตื่นเช้าอย่างนี้เล่า ผู้ชายคนอื่นยังไม่ตื่นกันมิใช่หรือ” สาวน้อยชวนคุย
    “จ้ะ เมื่อคืนฉันนอนเร็วก็เลยตื่นได้แต่เช้า” เส็งนั่งลงใกล้ๆ สาวทั้งสอง
   สองสาวหันมามองหน้ากัน
    “เอ้อ พ่อเส็งจ๊ะ นี่ นางชิด เพื่อนบ่าวด้วยกัน สนิทกันกับฉันจ้ะ”
   นางชิดยิ้มให้ฟันดำสวย ราวกับนิล เส็งก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่านางแก้วไม่เห็นฟันดำอย่างนี้เลย จะว่าไป คุณหลวงก็เหมือนกัน มิน่า เส็งจึงรู้สึกแปลกๆว่าสองคนที่พูดถึงนี้ หน้าซีดจางกันเกินไปไม่เหมือนคนอื่นที่เส็งเคยเห็น
    “แล้วพี่แก้วอยู่ไหนจ๊ะ เมื่อวานฉันเห็นเขาเดินปึงปังออกมาจากตึกใหญ่ ขัดใจอะไรหรือเปล่าไม่รู้” เส็งเปรย พลางมองหาคนที่กล่าวถึงเผื่อเจ้าหล่อนเดินออกมาจะได้เปลี่ยนเรื่องคุยได้ถูกจังหวะ
    “อู๊ย แม่คนนั้นกว่าจะตื่น รถพระอาทิตย์มาจอดอยู่กลางหัวก่อนเจ้าค่ะ”  มะลิกระแทกเสียงท้ายประโยคอย่างประชดประชัน
    “มะลิ เอ็งก็ว่าเกินไป แม่แก้วตื่นสายอย่างนั้นก็ตอนคุณหลวงไม่อยู่หรอก นี่คุณหลวงแกตื่นแต่เช้าอย่างนี้ แม่ต้องรีบมาขัดศรีฉวีวรรณให้สวยสด  แล้วยกสำรับไปให้เองถึงที่ด้วย”  นางชิดว่าอย่างสนุกปาก
    เส็งมองไปทางตึกใหญ่ก็เห็นคุณหลวงนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ศาลา ชายหนุ่มอดยิ้มให้ตัวเองไม่ได้ ก่อนจะรู้ตัวว่าเงียบไปนานแล้วก็รีบหาเรื่องคุย
   “แหม พี่สองคนพูดเหมือนไม่ชอบพี่แก้วเลยนะจ๊ะ”
   สองสาว หันหน้ามองกันแล้วก็อดขำไม่ได้ บ่าวสาวคนอื่นแถวนั้นก็พากันหัวเราะคิกคักเมื่อได้ยินเส็งถาม
    “ใครจะชอบเขานอกจากพวกผู้ชายแล้วก็แม่เขาเล่า”
   ทั้งนอกชาน หัวร่อต่อกระซิกกันอย่างสนุกปาก จากสองคนกลายเป็นสามสี่ จนเกือบจะทุกคนต่างก็มาล้อมวง พูดเรื่องแก้วให้เส็งฟังอย่างสนุกสนานทำให้เส็งได้รู้เรื่องราวของผู้หญิงคนนี้มากขึ้นอีกเยอะทีเดียว
    แก้วเป็นลูกของยายนอม แม่ครัวใหญ่ของที่นี่ เป็นคนแก่นแก้วแสนซน อยู่กับบ้านไพรัชกิจมาตั้งแต่เด็กๆ อายุรุ่นราวคราวเดียวกับมะลิ ชิด และ มั่น พอโตขึ้นกลับทำตัวมีจริตจก้าน ไปรักหนุ่มลิเกใกล้เรือนเก่าของเจ้าคุณไพรัช ถึงกลับหนีงานไปพลอดรักกันบ่อยๆ พอถูกยายนอมจับได้เฆี่ยนไปหลายสิบครั้งจนต้องเลิกรากันในที่สุด แต่จากนั้นแก้วก็ยังไม่เลิกนิสัยรักสนุกยังไปไหนมาไหนกับผู้ชายมากมาย กระทั่งหลวงพินิจกลับมาจากเมืองฝรั่ง เจ้าหล่อนก็ หลงรักคุณหลวง ใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของเรือนได้แต่งตัวสวยๆ มีหน้ามีตา มีสามีโก้เก๋จากเมืองฝรั่ง
   “อีแก้วมันสวย ใครๆเขาก็ชอบ มีคนมาขอมันหลายคน มันก็ไม่ปลงใจกับใคร มันบอกว่าคนงามอย่างมันวาสนาคู่กับคุณหลวงคนเดียว”
   พอคุณหลวงย้ายเรือนมาอยู่ที่นี่ ยายนอมเป็นผู้อาวุโสที่สุดในบ้าน แก้วก็ยิ่งวางตัวเป็นใหญ่เหนือใคร กับข้าวทุกชนิด หล่อนต้องได้เป็นคนยกไปเสิร์ฟคุณหลวง เวลาคุณหลวงลงมาอยู่ที่ศาลาริมสระ หรือที่ท่าน้ำหล่อนต้องร้อยดอกไม้ ไปให้ หรือไม่ก็คอยไปอยู่คอยให้คุณหลวงรับใช้
   “แต่คุณหลวงเคยหรือจะสนใจมัน ก็นั่งอ่านหนังสือฝรั่งของแกไปมันจะอยู่ตรงนั้นหรือไม่อยู่ก็ไม่ได้สำคัญเลยสำหรับคุณหลวง”
    “แต่มันก็ยังพูดไม่ใช่หรือพี่ ว่ามันน่ะ..”
    “เป็นคนโปรดของคุณหลวง” บ่าวผู้หญิงแทบทุกคนพูดออกมาพร้อมกันอย่างล้อเลียน เสียงดังจนเส็งอดหัวเราะไม่ได้ ก็พอดีแม่สาวเจ้าของเรื่อง เดินเข้ามาแถวนั้นเสียก่อน ทุกคนก็แยกย้ายก็ไปทำตามหน้าที่หล่อนเหมือนเดิม
   แก้วสวมผ้าคาดอก โจงกระเบนเหมือนเดิม ผมสีดำขลับยังดูเปียกหมาดๆ ด้วยความที่เจ้าหล่อนเพิ่งอาบน้ำเสร็จมาไม่นาน สายตาที่เส็งว่าดูน่ารักจิ้มลิ้มนั้น มองปราดมาที่มะลิแบบร้ายกาจ ชนิดที่ว่าบ่าวสาวต้องคอยหลบตาไม่กล้ามองตรงๆ
   “ถ้าว่างกันมากคงลงไปช่วยแม่นอมทำกับข้าวโน่น มานั่งจับกลุ่มนินทาเจ้านาย ใช้ได้หรือพวกเอ็ง”
   “ฉันไม่ได้นินทาอะไรคุณหลวงนะพี่แก้ว... เราพูดกันเรื่อง...”
   “ถ้าไม่ใช่เรื่องคุณหลวง ก็เรื่องข้าอยู่ดี ก็เท่ากับเอ็งนินทานาย นั่นละ"
   เส็งเกือบกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ เกิดหัวเราะออกมาดังๆเสียแล้ว โชคดีที่แก้วแว้ดขึ้นมาอีกพอดี เส็งจึงไม่มีโอกาสได้หัวเราะ
   “แล้วเอ็งก็เหมือนกัน อาไร้ เพิ่งมาทำงานได้วันสองวัน มานั่งจับกลุ่มคุยแล้ว ไม่มีงานทำหรืออย่างไร ผลไม้ในสวนมีก็ไม่ช่วยเขาเก็บหรือยะ”
   “คุณหลวงให้ฉันมาช่วยทำกับข้าวจ้ะพี่” เส็งก้มหน้าตอบเบาๆ อย่างเกรงกลัว
    “แล้วที่เอ็งทำอยู่มันเรียกว่ากับข้าวหรือไง” แก้วตวาด “ถ้านั่งเฉยๆ แล้วกับข้าวมันโผล่ขึ้นมาได้ซี ถึงจะเรียกว่าทำกับข้าซ”
   เส็งหน้าถอดสี ไม่มีใครกล้าเถียงหรือพูดอะไรทั้งนั้น พอดีที่สตรีร่างท้วมสมบูรณ์คนหนึ่งเดินเข้ามาตรงนั้นพอดี แก้วก็เก็บอาการ กลายเป็นคนสงบเสงี่ยมขึ้นมาทันที
    “แม่ มีอะไรใช้ฉันหรือจ๊ะ”
   “มีแน่ละ อีแก้ว ข้าทอดปลา ผัดผัก แกงจืดเสร็จแล้ว เหลือของหวาน ไม่รู้จะทำอะไร ไปได้มะปรางมาก็ว่าจะให้เอ็งริ้วให้คุณหลวงเสียหน่อย นางชิด นางมะลิ ไปเตรียมของไว้ก่อน ให้แม่แก้วริ้วมะปรางให้คุณหลวง” บ่าวสาวสองคนได้ยินก็รีบออกไปเตรียมของในโรงครัวที่ใต้ถุน
   “แม่ ฉัน...” แก้ว พูดเบาๆ หากแต่เส็งก็ยังได้ยินทุกคำ “ฉันเจ็บนิ้ว ริ้วมะปรางไม่ได้หรอกจ้ะ”
   “อ้าว นางนี่ ไม่เห็นบอกเห็นกล่าว แม่เตรียมมะปรางไว้แล้ว เมื่อวานคุณหยาดเธอให้คนขับรถฝากมา คุณหลวงก็รู้แล้วว่ามีมะปรางไม่ริ้วไปให้รับ เดี๋ยวแกจะหาว่าเราเอาของแกมากินกันเอง”
   แก้วชักสีหน้า แต่เมื่อรู้ตัวก็ทำหน้าตาเฉยบอกแม่ไปว่า
    “ผลไม้คุณหยาด ก็ให้ริ้วเองซี”
   “เอ๊ะ แก้ว หล่อนนี่พูดจานะยะ เขาเป็นคู่หมั้นนายเรา ก็ถือว่าเป็นนายเราด้วยอีกคน ไปลามปามนายอย่างนั้น เดี๋ยวเหากินกบาลหรอก”
   แก้วทำหน้าเบ้ ก่อนที่จะพูดว่า
   “แม่หาคนทำแทนแล้วกัน ฉันเจ็บนิ้ว ไปละจะไปแต่งตัวเตรียมเอากับข้าวไปให้คุณหลวงรับ”
    “เอ้อ ยามนอมหรือจ๊ะ ฉันชื่อเส็งนะจ๊ะ เป็นบ่าวคนใหม่เพิ่งมาทำงานที่นี่” บ่าวหนุ่มกล่าวแนะนำตัว “ฉันได้ยินว่ายายนอมจะหาคนริ้วมะปราง ใช้ฉันก็ได้นะจ๊ะ ฉันริ้วมะปรางได้”
   ยามนอมเลิกคิ้วนิดๆ พิจารณว่าบ่าวหนุ่มพูดจริง หรือแกล้งแม่แก้ว ปกติแล้วงานฝีมือแบบนี้ เด็กผู้ชายมักทำกันไม่ได้เพราะเป็นเรื่องยากต้องใช้ความอดทน และสมาธิสูงมากทีเดียว
   “เอ็งน่ะหรืออ้ายเจ๊ก” นางแก้วว่า พลางมองแบบดูหมิ่น “เมื่อวานได้ข่าวว่าทำกระถางแตก วันนี้จะริ้วมะปราง ไม่ใช่ปั้นขนมเข่งนะยะ มันทำยากรู้ไว้ด้วย”
    เส็งกำมือแน่นด้วยความโกรธ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้านิ่วรับฟังอะไรก็ตามที่สองแม่ลูกจะสรรหามากลั่นแกล้ง
   “เอ้า เอ็งริ้วเป็นจริงหรือเปล่า ถ้าเป็นจริงจะขอดูฝีมือ”
   “เป็นจ้ะ เดี๋ยวฉันจะลองทำให้ดูก็ได้”
   “ลองทำน่ะ ลองลูกเดียวก็พอนะ ของไม่ได้มีมากถึงขนาดเอามาทำเสีย แล้วเททิ้ง เทขว้างรู้หรือเปล่า” แก้วสบประมาท

     แต่เส็งก็เลิกใส่ใจหล่อน แม้ว่าเจ้าหล่อนจะยังทำคอแข็ง หน้าเชิดราวกับไม่ใช่เพื่อนบ่าว แต่เป็นนายของเส็งด้วยอีกคน ก็ตาม แล้วจึงรีบเดินตามยายนอมเข้าโรงครัว ไปหยิบน้ำที่นางชิด ต้มกับน้ำตาลไว้เป็นน้ำเชื่อมแล้ว ไม่ลืมที่จะหยิบ เกลือติดตัวมาด้วยเล็กน้อย มาวางบนตั่งที่จะนั่งทำ จากนั้นเขาก็เดินไปหยิบผ้าสีขาวมาชุบน้ำ แล้ววางไว้ใกล้ตัว นั่งลงลับมีดเล็กกับหินลับมีด สองสามที ก็ดูว่ามีดคมใช้ได้แล้ว เดินมีดได้สบาย สุดท้าย ก็เริ่มมองหามะปราง ที่น่าจะนำมาริ้วได้ดี คือ มะปรางที่ไม่สุก ไม่ห่าม จนเกินไป ผลรีสวยได้รูป และ ไม่มีรอยช้ำเลย มาเริ่มนิ้วมะปราง    
                ในที่สุดเมื่อเส็งเตรียมอุปกรณ์ครบแล้ว คือมีเกลือ น้ำเชื่อม มะปราง มีด และ น้ำลอยดอกไม้ไว้ล้างมะปรางเส็งก็ลงมือริ้วมะปรางได้สักที ชายหนุ่มหยิบมะปรางขึ้นมาตัดขั้วทิ้ง เขาจับมะปรางด้วยนิ้วมือข้างซ้าย สี่นิ้ว ระวังไม่ให้โดนแผลที่อุ้งมือโดยใช้แรงพอดีไม่หนักมือไปเพราะมะปรางช้ำง่ายมาก แต่ก็ไม่เบามือเกินไป จนมะปรางลื่นหลุดมือ เส็งจรดปลายมีดลงตรงบริเวณที่เพิ่งตัดขั้วไป มือขวาถือมีดไว้แน่นอยู่มือ แล้วหมุนข้อมือส่งให้ผลมะปรางโดน มีดแซะ ลงเป็นร่อง เพียงตื้นๆ และบางเบา วนจากรอยตัดตรงขั่วนั้น ผ่านจุดสีดำที่อีกฝั่งหนึ่งแล้ววนกลับมาที่เดิมเพื่อลอกเปลือกมะปรางออก
                พอลอกเปลือกมะปรางได้แล้ว เส็งก็เช็ดมีด กับผ้าชุบน้ำสีขาวนั้นเพื่อไม่ให้มียางติดที่มีดแล้วทำให้มีดทื่อ เพราะการริ้วมะปรางนั้น มีดจะต้องคมกริบ ไม่ทื่อและไม่ดำเด็ดขาดอาจจะทำให้เดินมีดเป็นลวดลายได้ลำบาก แล้วจะทำให้มะปรางลูกนั้นเสียไปเลย
    หลังจาก ปอกเปลือกมะปรางแล้ว เส็งก็นำมะปรางนั้นลงล้างในน้ำลอยดอกไม้ ที่ผสมเกลือนิดหน่อย ก่อนจะจัดแจง กรีดมีดไปตามลูกมะปราง เป็นริ้วสวย โดยทำเป็นลายเกลียวตรงกลางเดินมีดกินเนื้อเป็นริ้วใหญ่น้อย แล้วค่อยๆ ริ้วลายเล็กลงไปเรื่อยๆ จนริ้วลายค่อยๆ เรียงตัว จากเล็กไปใหญ่เรียงกันไป ครบรอบผล  เส็งใช้มืออย่างบางเบา กรีดมะปรางที่แสนจะช้ำง่ายนั้นให้เป็นลายที่สวยวิจิตรได้อย่างดี โดยไม่เกิดรอยช้ำบนตัวลูกมะปรางเลย
    ตอนแรกนั้น นางแก้วคาดการว่าคงแค่ปากดี จริงๆแล้วทำไม่ได้ ลูกแรกก็คงเละไม่เป็นท่า คงได้มีเรื่องให้ได้หัวเราะเยาะ ข่มคนตามนิสัยหล่อนอย่างแน่นอน แต่เมื่อยืนกอดอกมองเส็ง ทำมะปรางริ้วลายเกลียวได้แล้วหนึ่งลูก ก็ทำให้เปลี่ยนความคิดไปได้เปราะหนึ่ง หล่อนมั่นใจว่าที่เส็งจัดแจงริ้วมะปรางเสียได้ลูกหนึ่งนั้น คงเพราะโชคดีอย่างแน่นอน
                “เส็ง เอ็งทำเก่งเสียจริง ข้าเป็นหญิงยังทำไม่ได้อย่างเอ็งเลย” ชิดออกปากชม เมื่อเห็นมะปรางริ้วลูกแรก ออกมาได้อย่างสวยงาม
                “ตาย จริง” นางแก้วสอดขึ้นอย่างไม่ต้องรอ ใครบอก “เพียงลูกเดียว เอ็งก็เอ่ยปากชมแล้วหรือแม่ชิด พ่อเส็งยังไม่ทันได้แสดงฝีมือกระไร เท่าไหร่เลย รอทำเสร็จ คว้านเม็ดออกก่อนซี เอ็งค่อยชม พ่อเส็งเขาจะได้ภูมิใจว่าเก่งจริง”
                เส็งรู้ดีว่าที่แก้วจงใจเรียกเขาว่า “พ่อ” เสียขนาดนั้นไม่ใช่เพื่อพูดให้เกียรติ หรือชมแต่อย่างใด ฟังจากน้ำเสียงก็รู้แล้วว่าหล่อนพูด “ประชดเขา” ได้อย่าง “น่าหมั่นไส้” ได้ขนาดไหน
                สองลูกก็แล้ว สามก็แล้ว จนหกลูก แม่แก้วก็อ้างต่อไปไม่ได้อีกว่า เส็งริ้วมะปรางได้เพราะโชคดี แต่ต้องยอมรับว่ามีฝีมือจริงๆ ยิ่งเมื่อริ้วมะปรางเสร็จแล้วทั้งหกลูกนั้น เส็งก็ยังคว้านเม็ดออกมาได้คล่องแคล่วเสียจนหล่อนนึกไปถึงเมื่อตอนที่ หล่อนริ้วมะปราง แล้วคว้านเมล็ดทีไร ก็มักจะถูกนางนอม ผู้เป็นแม่ว่า เสียทุกที
                “เงอะงะอยู่ได้ คว้านช้าๆ อย่างนี้มะปรางได้ช้ำหมดพอดี”
                แต่ นี่เส็งยังอุตส่าห์แทงมีดเล็กแหลมเหมือนเข็มนั้นลงได้ตรงตำแหน่งที่เป็น เมล็ดพอดี คว้านเอารอบเม็ดมะปราง แล้วยังใช้มีดแทงดันเม็ดออกทางก้น ได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่เร็วล่กไปหมด หรือ ช้าเสียจนมะปรางดำเหมือนที่หล่อนเคยทำอยู่บ่อยๆ เส็งนำมะปราง ชุบน้ำเชื่อมเพื่อไม่ให้แห้ง และจะได้ให้เห็นลายริ้วได้ชัด ก่อนจะจัดแจงเรียงมะปรางทั้งที่ริ้วเป็นลายแล้ว และแบบที่ไม่ได้ริ้ว สลับกันเป็นเหมือนกลีบดอกไม้ ลงในโถแก้วได้อย่างสวยงาม เหมือนดังที่มีปรากฏไว้ในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ใน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

    “...หมากปรางนางปอกแล้ว
    ใส่โถแก้วแพรวพรายแสง
    ยามชื่นรื่นโรยแรง
        ปรางอิ่มอาบซาบนาสา...”
     แก้วมองผลงานของชายหนุ่มแบบไม่เต็มตา หล่อนไม่อยากทำใจให้เชื่อว่า ผลงานตรงหน้าเป็นฝีมือของหนุ่มน้อย มิใช่หญิงสาวสักคนแต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้วยเพราะเห็นเต็มๆตาว่าเป็นฝีมือของหนุ่มน้อยไม่ผิดแน่แล้ว หล่อนจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากรับความจริง แต่จะให้เอ่ยปากชมใครอย่างนั้น นางแก้วทำไม่ได้ หล่อนเพียงค้อนประดักประเดิดแบบไม่มีใครเห็น ก่อนจะหันหน้าหนีจากหนุ่มน้อยหน้าจีน  ที่ถูกรายล้อมไปด้วยบรรดาบ่าวสาว ที่พากันชื่นชมฝีมือที่หาตัวจับได้ยากแบบเขา
    “ไหนละแม่ กับข้าวคุณหลวง จะสองโมงอยู่แล้ว คุณหลวงคงหิวแล้วละ” พอทำตัวไม่ถูกหญิงสาวจึงหันไปพูดกับยายนอม หญิงผู้เป็นแม่ทำหน้าระอาก่อนจะเดินกลับเข้าห้องครัวเพื่อยกสำรับออกมา เป็นเวลาเดียวกันกับที่ มั่นเดินลงจากเรือนมาพบเส็งเข้าพอดี
   “อ้าว เส็งอยู่นี่เองรึเอ็ง” บ่าวหนุ่มรุ่นพี่พูด หนุ่มน้อยอีกคนเพียงยิ้มแล้วพยักหน้าให้เพราะเข้าใจว่าที่พูดมาคงเป็นคล้ายคำทักทายเสียมากกว่าเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบ “ทำอะไรอยู่ ...เอแล้วนี่ใครริ้วมะปราง สวยเทียว ยายนอมลงมือเองหรือวันนี้”    
    “ฉันริ้วเองจะพี่” เส็งยิ้ม พอดีกับที่ แก้วเดินถือถาดใส่สำรับอาหารออกมาพอดี เส็งสังเกตว่า ถาดไม้จักสานอันนี้ดูสวยงามมีขาตั้ง ราวขันโตกของชาวเหนือ เมื่อพิจารณาดูก็พบว่า ฝีมือจักสานประณีตมาก
    “สวยจริงเส็ง เอ็งนี่มีฝีมือจริงๆ”
    นางแก้วเดินมาถึงตั่งที่เส็งนั่งอยู่เมื่อมั่นพูดจบประโยค หล่อนก็กระแทกถาดไม้ลงที่ตั่ง จนอาหารเกือบหก
    เส็งจึงได้สังเกตว่าบนถาดมี ข้าวสวยใส่จานวางไว้ พร้อมช้อนส้อมแบบฝรั่ง ข้างๆ เป็นปลาทอด ตัวโตสวย และจานใส่ผัดผักหวาน แกงจืดฟักใส่ไก่ ทั้งหมดสามอย่าง หลังจากอยู่เรือนนี้ไปสักพักเส็งก็รู้ว่าคุณหลวงไม่รับอาหารเช้าเยอะอย่างนัก คือมีเนื้อสัตว์ มีอาหารประเภทผัด อย่างผัดผัก หรือ ผัดวุ้นเส้นแบบของจีน และแกงน้ำใสก็พอแล้ว อาจมีของหวานเป็นผลไม้ด้วยคุณหลวงก็โปรดนัก ส่วนแกงเผ็ด หากไม่ใช่มือเย็นคุณหลวงก็จะไม่รับ เพราะคุณหลวงไม่ถนัดอาหารเผ็ด ยิ่งน้ำพริก กับผักอย่างที่บรรดาบ่าวกินกันแล้ว อย่าได้หวังว่าคุณหลวงจะรับได้ นานๆครั้งเวลาที่คุณหลวงไปแถวบางรัก ก็จะซื้อนม ซื้อเนย ขนมปัง และแป้งมาตุนไว้ ปรุงอาหารฝรั่งกินเอง โดยที่บ่าวในบ้านไม่ต้องเตรียมสำรับให้ก็มี
    “เอ้า จะชมกันอีกนานไหม คุณหลวงไม่ได้กินพอดี” หล่อนว่าเสียงแหลม ไม่ได้สนใจมองว่าใครอยู่ตรงนั้นบ้าง ก่อนจะหยิบโถมะปรางออกจากมือเส็ง พร้อมยกไปให้คุณหลวงที่ศาลาท่าน้ำ “มะลิ เอ็งมายกสำรับ ข้าจะยกมะปรางริ้วไปให้คุณหลวงเอง”
    “เอ๊” มั่นรีบร้องออกมา “เส็งมันเป็นคนริ้ว ก็ให้มันถือไปให้ซี มันจะได้ได้หน้าบ้าง อย่าบอกเทียวนะ ว่าหล่อนจะถือไปให้คุณหลวงเอาหน้าว่าริ้วเอง น่ะแม่แก้ว”
    บ่าวสาวค้อนอย่างขัดใจที่ มั่นรู้ทัน ก่อนจะหยิบสำรับอาหาร เดินปึงปังออกไปจากบริเวณนั้น
    “เอ็งถือไปซีเส็ง คุณหลวงได้เห็นฝีมือว่าเอ็งเก่งเพียงใด” มั่นพยักเพยิด
    บ่าวหนุ่มจึงไม่มีทางเลือก ยกโถมะปรางออก ไป พร้อมขันใส่น้ำลอยมะลิให้คุณหลวงดื่มหลังรับประทานอาหารเสร็จ  
    หนุ่มน้อยประคอง มะปรางริ้วราวกับถือดวงใจของตน กลัวว่างานที่ทำมาลำบากลำบนจะหกหมดไม่ได้ทาน เมื่ออ้อมสระบัวมา หนุ่มน้อยเดินมาถึงศาลาช้ากว่าแก้วที่ป่านนั้น ก็จัดแจงวางสำรับ บนโต๊ะในศาลาแล้วเรียบร้อย พอเห็นเส็งคลานเข่าเข้ามา วางมะปรางริ้วและน้ำลอยดอกไม้ คุณหลวงก็วางหนังสือฝรั่งลงข้างตัวพลางหันมายิ้มให้บ่าวหนุ่ม
    ผู้ถูกมองเขินจนต้องก้มหน้าหลบตา
    “เอ็งนี่ชักช้าจริงอ้ายเส็ง คุณหลวงได้รอจนหิวพอดี”
    “อย่าไปดุมันเลย นางแก้ว” คุณหลวงหัวเราะลงลูกคอเบาๆ “เมื่อวานเพิ่งทำกระถางแตก วันนี้คงต้องระมัดระวังเสียทุกอย่าง ไม่ให้โถแก้วนี้แตกไปด้วยใช่ไหม”
    เส็งยิ้มกับพื้นศาลาด้วยไม่กล้าเงยหน้ามามองนายของตน
    “แล้วนี่ใครริ้วมะปราง ไม่ใช่เอ็งแน่นางแก้ว เอ็งริ้วทีไรมะปรางดำช้ำหมด” คุณหลวงถาม “ยายนอมลงมือเองหรือ”
    แก้วกัดฟันพลางส่งค้อนให้กับบ่าวหนุ่มที่หมอบอยู่ข้างๆ
    “เส็งมันริ้วเจ้าค่ะ คุณหลวง”
    “โอ้โฮ สวยจริงเส็ง” นายบ่าวยิ้ม “สวยกว่าของยายนอม ฝีมือเอ็งมากเหลือเกินนะ เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นผู้ชายที่ไหนทำงานฝีมือได้ประณีตปานนี้”
    หลวงพินิจราชอักษร จับโถแก้วหมุนซ้ายขวาดูมะปรางริ้วหกชิ้นข้างใน อย่างพินิจพิเคราะห์ “สวยเชียว ไม่เคยเห็นสวยขนาดนี้ ไม่มีรอยช้ำเลย มีบ้างก็ลูกเดียวเท่าที่ข้าเห็น ลูกแรกที่ริ้วหรือ”
    “ลูกสุดท้ายขอรับ บ่าวเกร็งฝ่ามือที่เป็นแผลจนเจ็บ ลูกสุดท้ายจึงออกมาช้ำขนาดนี้ บ่าวขอโทษขอรับ”
    “จะขอโทษทำไม สวยออก ช้ำนิดเดียวเท่านั้น” หลวงพินิจยิ้มให้ “เอ็งทำให้ข้าไม่อยากอาหารเลย อยากรีบทานอาหารให้หมดแล้วชิมมะปรางริ้วฝีมือเอ็ง”
    แก้วเห็นคุณหลวงไม่สนใจ ก็รีบพูดแทรกขึ้นกลัวจะน้อยหน้า
    “คุณหลวงรับอาหารเถิดเจ้าค่ะ จะเย็นเสียหมด บ่าวช่วยแม่นอมทำสุดฝีมือเทียวเจ้าค่ะ มีปลากระพงทอดอย่างดี แล้วก็แกงจืดฟักใส่ไก่ แล้วก็ผัดผักหวานเจ้าค่ะ”
    หลวงพินิจมองบ่าวสาว
    “ข้าดูออก ไม่เห็นต้องบอกข้าเลยนางแก้ว” หลวงพินิจส่ายหน้าอย่างขันๆ แกมระอา ก่อนจะตักผัดผักหวานเข้าปากตามด้วยข้าวหนึ่งคำ พอกลืนลงคอก็ชมว่าอร่อยก่อนจะว่าต่อไป
    “เอ็งชอบอ่านหนังสือใช่ไหมเส็ง แล้วเคยอ่านพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้านภาลัยหรือไม่ ในกาพย์เห่เครื่องคาวหวาน ทรงกล่าวถึงผัดผักหวานไว้ว่า ผักหวานซ่านทรวงใน...”
    “...ใคร่ครวญรักผักหวานนาง” เส็งต่อจนจบ ก่อนจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้หลวงพินิจ
    “รู้จักด้วย เก่งเทียว เอาละ ข้าจะรีบรับอาหารให้เสร็จก่อน ได้ชิมมะปรางริ้วของเอ็ง” นายหนุ่มหน้าคมยิ้มให้บ่าว ก่อนจะลงมือกินข้าวเช้า  ความเงียบทำให้เส็งสังเกตว่า บ่าวสาวข้างๆ มองเขาอยู่ตาขวาง เห็นได้ชัดว่าอิจฉาที่คุณหลวงชวนเขาคุยอย่างสนอกสนใจ ในขณะที่ไม่ได้ไยดีในตัวหล่อนเลย
    ส่วนคุณหลวงหรือ ยามตักผัดผักหวานเข้าปากเข้าก็รู้สึก “หวานซ่านทรวงใน” ทุกครั้งที่ชำเลืองมองบ่าวหนุ่มน้อย ที่ผิวขาวเนียนไม่ต่างจากน้ำนมโคที่คุณหลวงชอบดื่ม ต่างกันตรงที่มันเจือสีชมพูนิดๆ ดูสวยงามแปลกตา ไม่ขาวเหลืองแบบคนไทยทั่วไป หรือเป็นสีน้ำตาลทองแบบผิวของเขา  ริมฝีปากสีชมพูใสดูบางสวย แต่เรียบเนียนแม้ไม่สีขี้ผึ้งลงแบบคุณหยาดคู่มั่น มีผมทรงหลักแจวของเส็งนั้นที่หลวงพินิจเห็นว่าดูขัดตาแบบไม่เคยชิน เพราะเท่าที่หลวงพินิจเคยเห็นชายหนุ่มในฝรั่งเศส หรือแม้แต่ที่อังกฤษเวลาเขา ข้ามฝั่งไปเที่ยว ก็ล้วนแต่ไว้ผมยาวแล้วมัดหางม้าบ้าง หรือ หากเป็นผมสั้นก็สั้นรองทรงแบบเขาบ้าง ไม่ใช่ทรงหลักแจวแบบนี้ หากมีโอกาส หลวงพินิจจะออกคำสั่งมิให้เส็งตัดผมแบบนี้อีก แล้วหันมาไว้ผมทรงเดียวกับเขาแทนให้รู้แล้วรู้รอด
    พอรับอาหารไปเพียงครึ่ง ไม่หมดจานดี หลวงพินิจก็จิบน้ำโอ่งเย็นสดชื่นลอยมะลิหอมในขันเงิน ล้างปากก่อนจะหยิบมะปรางริ้วขึ้นมากิน กัดไปได้หนึ่งคำก็พูดขึ้น “เอ็งทำให้ข้าประหลาดใจ ทั้งที่อร่อยแทบขาดใจ อยากจะกินให้หมดโถ ก็เสียดายที่มันสวยเหลือเกิน สวยเกินกว่าจะเอามากิน อยากตั้งประดับไว้เฉยๆที่บนบ้าน”
    แก้วยังทำตาขวาง นั่งเฉยๆไม่พูดจาอะไรแล้ว อึดอัดจนอยากลุกไปจากที่นั่นให้ได้จนแล้วจนรอด
    “ถ้าคุณหลวงโปรด บ่าวจะริ้วมาให้ทุกวันขอรับ”
    หลวงพินิจหัวเราะลงลูกคอเบาๆ
    “ไม่ต้องลำบากหรอก จะทำให้ข้านานๆทำทีก็พอแล้ว ลำบากทำให้บ่อยๆ จะเหนื่อยแย่” นายหน้าเข้ายิ้มอย่างอบอุ่นมาให้บ่าว กระนั้นก็ยังไม่หยุดกินมะปรางจนหมดโถ ตามด้วยดื่มน้ำลอยมะลิล้างปาก ล้างคอแล้ว ก็ชวนเส็งคุย
    “เอ็งจะทำแต่งานครัวก็ได้ข้าไม่ว่า ว่างๆก็มานั่งเล่นที่ห้องหนังสือ มีหนังสือเต็มไปหมด เอ็งเขียนหนังสือได้ไหม”
   “ได้บ้างขอรับ”
    “หนังสือจีนหรือหนังสือไทย”
   “ทั้งสองอย่างขอรับ”
   “ดี” หลวงพินิจยิ้มอย่างพอใจ “หากมีโอกาส และหากเอ็งสนใจข้าจะสอนภาษาฝรั่งเอ็ง”
    “จริงหรือขอรับ”
    “จริงซี”
    บ่าวหนุ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
    “ใครรู้คงอิจฉาบ่าว หากพูดภาษาฝรั่งเป็น”
    “ข้าเคยชวนนางแก้วแบบนี้ แต่ตอนนั้นมันตอบว่า... เอ็งตอบว่ากระไรนะแก้ว “บ่าวเป็นคนไทย จะพูดภาษาไทย กินอาหารไทยอย่างนี้ไปจนตายเจ้าค่ะ ให้ไปกิน ไปพูดแบบฝรั่งบ่าวไม่ยอมเจ้าค่ะ น่าละอาย” จริงหรือไม่เล่านางแก้ว”
    บ่าวสาวก้มหน้าด้วยความอาย จะเถียงก็ไม่ได้ ด้วยหล่อนก็พูดอย่างนั้นจริงๆ เสียด้วย คุยกันได้ไม่กี่ประโยค บ่าวสาวคนหนึ่งก็คลานเข้ามาในศาลา
    “คุณหลวงเจ้าขา นายเทิดมาเจ้าค่ะ”
    นายเทิดเป็นทนายหน้าหอของคุณหลวง นั่นเอง
   “เอ้าหรือ มีเรื่องอะไรแต่เช้า บอกให้มันมาหาข้าที่นี่ที อากาศเย็นสบายไม่อยากอุดอู้อยู่แต่ในเรือน” หลวงพินิจว่า
    “เจ้าค่ะ” บ่าวคนนั้นรับคำ แล้วก็คลานออกไป
    “เก็บสำรับไปเถิดนางแก้ว ให้อ้ายเส็งช่วยไปด้วย ข้าจะคุยธุระกับทนายข้า” คุณหลวงว่าเท่านั้น นางแก้วก็กุลีกุจอรีบเข้าไปหยิบจานใส่ตะกร้าเตรียมจะกลับเรือน แกล้งก้มๆเงยๆอยู่นาน จนเส็งเกรงว่าผ้าแถบคาดอกของหล่อนจะหล่นไปกองที่พื้นในที่สุด
    “เอ้อ นางแก้ว” คุณหลวงว่าก่อนที่แก้วจะลุกออกไป เจ้าหล่อนได้ยินดังนั้น ก็หันกลับมาด้วยความดีใจคิดว่าคุณหลวงจะขอบใจ หรือกล่าวชมหล่อน
    “วันหลัง นุ่งผ้าแถบสูงๆก็ได้ มัดต่ำอย่างนั้นจะหลุดออกมาแล้ว ข้าอุจาดตา” หลวงพินิจว่าแบบไม่ยินดียินร้าย แต่คนที่ได้ยินกลับอายจนหน้าชา หล่อนตั้งใจจะอวดนิดโชว์หน่อยให้คุณหลวงมองบ้าง กลับถูกตำหนิจนต้อง เดินปึงปังออกไปอย่ารวดเร็ว
    เส็งกำลังจะเดินตามไปคุณหลวงก็คว้าแขนเขาไว้ได้ทัน
    “เจ็บแผลหรือเปล่า” น้ำเสียงอ่อนนุ่มผ่านปากคุณหลวงออกมาราวกับการเปลี่ยนน้ำเสียงไปมาเวลาคุยกับแก้ว และเวลาคุยกับเขานั้นมันเปลี่ยนได้ง่ายดายเหลือเกิน เส็งถึงกับต้องก้มหน้าด้วยความเขินอาย เพราะสัมผัสที่แขนของเขานั้น มันเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ยิ่งน้ำเสียง และนัยน์ตาของคุณหลวงแล้ว หากเป็นสตรี หลายคนคงต้องละลาย แม้เป็นบุรุษเพศ เส็งยังอายม้วน แทบจะล้มทั้งยืนไปแล้ว
    “ไม่แล้วขอรับ”
    “ดีแล้ว คืนนี้มาหาข้าหน่อยนะ จะเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ แล้วก็ช่วยมาอ่านหนังสือให้ฟังที ข้าอยากฟังเอ็งอ่านเหลือเกินว่าจะเพราะอย่างไร”
    บ่าวหนุ่มยิ้มก่อนจะพยักหน้า พอคุณหลวงปล่อยมือ เส็งก็รีบเดินออกไปจากตรงนั้น ก่อนจะทันได้แสดงความกระดากอายให้คุณหลวงเห็นมากกว่านี้ ก็พอดีสวนกับทนายหน้าหอของคุณหลวง
    หนุ่มอายุประมาณเกือบสามสิบที่เดินผ่านเขาไปสวมเสื้อกระดุมห้าเม็ด โจงกระเบนผ้าม่วงอย่างดี พอเดินเข้าไปในศาลาก็ได้ยินเสียงคุณหลวงทัก
    “เทิด มาหาแต่เช้ามีเรื่องอะไรหรือ”

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 05-10-2010 20:22:31
ชอบครับ ชอบแบบบอกไม่ถูก
ชอบอ่านเรื่องนี้แล้วไปจินตนาการต่อว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้
แอบจินตนาการว่าตัวเองเป็นตัวเอกด้วยนะ  555
ช่วงนี้มาบ่อยได้อ่านบ่อยๆ  ชอบครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 05-10-2010 20:38:10
 :z3:
โหย...ค้าง ต่อด่วน
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 05-10-2010 20:43:06

ว้าย อิชั้นละขวางคุณหลวง เล่นเกี้ยวนายเส็งเอาดื้อๆเลยนะคะนี่ หุหุ
๖๐ + ๑ = ๖๑
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: nuewanda ที่ 05-10-2010 20:47:22
โอ๊ย........อ่านแล้วม้วนอายแทนเส็งเลยอ่ะ

รอตอนต่อไปไม่ไหวแล้ว...

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 05-10-2010 21:12:18
อ่านแล้วได้บรรยากาศละมุนๆดีค่ะ เขิลแทนเส็ง  :m25:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: KM ที่ 05-10-2010 21:17:03
คุยเรื่องแต่งงานอ่ะป่ะ คุณทนาย ดรา่มา
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 05-10-2010 21:29:00
อู๊ยยย  ได้กลิ่นหวาน ๆ แบบโรแมนติกลอยมาแต่ไกล  จะแค่อ่านหนังสือจริงหรือเจ้าคะคุณหลวงงงงงงงงงง
บ่าวเกรงว่าจะต้องเตรียมผ้าไว้ซับน้ำลาย  เอ๊ย  น้ำหมากด้วยน่ะเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 05-10-2010 22:58:30
รอคืนนี้ของคุณหลวงครับ  :)
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 05-10-2010 22:59:05
อร๊าย อ่านไปก็เขินแทนเส็งไป คุณหลวงนี่ปากหวานจริงๆ แถมใจดีอ่อนโยนกับเส็งอีกแล้วอย่างนี้เส็งจะไม่เขินไม่หลงรักได้ยังไง
ยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบค่า ได้ลุ้นตลอดว่าต่อไปจะเป็นยังไงแล้วมาต่อบ่อยๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 05-10-2010 22:59:20
อร๊าย อ่านไปก็เขินแทนเส็งไป คุณหลวงนี่ปากหวานจริงๆ แถมใจดีอ่อนโยนกับเส็งอีกแล้วอย่างนี้เส็งจะไม่เขินไม่หลงรักได้ยังไง
ยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบค่า ได้ลุ้นตลอดว่าต่อไปจะเป็นยังไงแล้วมาต่อบ่อยๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 05-10-2010 23:53:55
คุณหลวงเริ่มรุกแล้ว

อย่าช้าเสียนะคุณหลวง

 :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 06-10-2010 00:48:38
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยคุณหลงเจ้าขา   หวานเสียงนี่กะไรจริงๆเจ้าค่ะ

อ่านไปยิ้มไป อิอิ  แต่ต่อไปสงสัยจะหลวงจะมีมาม่าแน่ๆเชียว เฮ่ออออออออออออออออออ

ค้างแล้วรีบมาต่ออกีนะคะ

+1 ค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 06-10-2010 07:27:15
ชอบบบ หวานมากคุุณหลวง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 06-10-2010 13:22:37
 :-[
อ่านไปเขิลไป
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 06-10-2010 14:24:14
พ่อเส็งริ้วมะปรางเป็นด้วย :man1:พ่อยอดขมองอิ่มของป้าเอ้ย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 06-10-2010 18:04:09
คุณหลวงออกหน้าออกตามากเลยนะคะเนี่ย

อ่านไปเขินแทนเส็ง หวานเกิน  :o8:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 06-10-2010 18:22:22
ไม่รู้จักมะปรางริ้วเลยนะครับมารู้จากเรื่องนี้จริงๆก็เลยไปหาดูในกูเกิ้ล  น่ากินมาก สวยด้วย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 06-10-2010 23:15:02
รอพ่อเส็ง หนุ่มอะไรช่างมือเบาจริง
อยากได้สักคนจังเลย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 06-10-2010 23:19:00
 :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 07-10-2010 04:07:59
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 07-10-2010 04:12:47
แวะมาส่องบทที่ 9 อิอิ ยางมะมา
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 07-10-2010 15:20:28
คุณหลวงท่าจะหลงเสน่ห์ของเส็งเข้าไปเต็มๆ

เส็งเองก็เก่งและน่ารัก จิตใจก็ดี

อ่านหวานๆ ไว้ปลอบใจเรื่องเศร้าๆ ได้บ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 07-10-2010 17:01:28
อร๊ายยยยยยยยยยยยยย

น่าร๊ากกกกกกกกกกกก

ที่สู๊ดดดดดดดดดดดดดด

เลยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: MM.Dog ที่ 07-10-2010 19:42:27
คุณหลวงรักแรกพบเส็งรึเปล่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 08-10-2010 04:13:46
แวะมาดันรอเจ้าค่ะ ขอเบิ้ลได้ไหมอะคะ 2 ตอนรวดไรเงี้ย อิอิ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 08-10-2010 07:22:41
ชอบมากเลยอ่านแล้วเขิน  มาอัพไวไวนะค่ะ :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 08-10-2010 13:32:41
แวะมาดันค่ะ

คิดถึงเส็ง  :man1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 8 ทั้งบท 19.33 - 5/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 08-10-2010 15:10:50

    “เทิด มาหาแต่เช้ามีเรื่องอะไรหรือ” หลวงพินิจราชอักษรเอ่ยขึ้น พร้อมกับผายมือให้ทนายหนุ่มนั่งฝั่งตรงข้ามของเขา
    เทิดคนนี้ เป็นชายร่างสูงกำยำ ใบหน้าคมเข้มรูปหล่อเหมือนชาวใต้ คิ้วทั้งสองเข้มหนาเป็นสีดำสนิทรับกันกับดวงตา และเส้นผมทรงหลักแจวหยักศก มองดูคล้ายๆ แขกขายวัวอยู่บ้างเหมือนกัน หากสำเนียงภาษาที่กล่าวออกมาแต่ละคำนั้นเป็นคำสยามที่ฟังชัดเจนถูกต้องตามแบบแผนที่พูดกัน จึงรู้ดีว่าหนุ่มคนนี้เป็นคนสยาม มิใช่แขกเทศอย่างที่ใครๆมักเข้าใจผิด หากเพียงแค่เห็นหน้า
    ทนายหนุ่มเป็นคนรับใช้ใกล้ชิดที่คอยปฏิบัติหน้าที่หลายอย่างให้หลวงพินิจราชอักษร เป็นงานออกหน้าออกตา รับแขกแทนคุณหลวงหนุ่มในกรณีที่เจ้าตัวไม่สะดวกใจ หรือตัดขัดอะไรไม่อาจทำงานนั้นๆได้ ก็จะใช้เจ้าเทิดคนนี้ทำงานให้แทน ไม่ว่าจะรับแขกใหญ่โต อย่างพระน้ำ พระยา ส่งสาส์นจดหมาย หรือทำธุระซื้อขายอะไรแทนหลวงพินิจอยู่บ่อยๆ
    ชายหนุ่มคนนี้ เป็นเพื่อนเล่นมาตั้งแต่เด็กๆของคุณหลวง เพราะเป็นลูกของทนายหน้าหอของเจ้าคุณไพรัชกิจ หวงพินิจจึงเห็นวิ่งเล่นอยู่ในบ้านประจำ อายุก็รุ่นราวคราวเดียวกัน อีกทั้งมีสติปัญญาเฉียบแหลม กิริยามารยาทเรียบร้อย กล้าทำ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ จึงทำให้มันได้ขึ้นมาเป็นทนายของหลวงพินิจเมื่อคุณหลวงย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่ในที่สุด
    วันนี้มาหาแต่เช้าคุณหลวงก็มั่นใจว่า จะต้องมีเรื่องเริ่งรีบอย่างใด
อย่างหนึ่งแน่นอน
    “เรื่องบ้านใหญ่ขอรับ” บ้านใหญ่ก็คือบ้านของเจ้าคุณไพรัชกิจ นั่นเอง ตั้งอยู่แถวคลองสาน เป็นบ้านทรงไทยแบบเก่าที่คุณหลวงทนอยู่ไม่ได้เลยต้องมาสร้างบ้านสไตล์ฝรั่งอยู่อย่างนี้ ทุกวันนี้ที่บ้านใหญ่ มีเพียงเจ้าคุณ และ คุณหญิงไพรัชกิจอยู่กันสองคน ไม่รวมเรือนเล็กๆที่เป็นที่อยู่ของบรรดาลูกหลานเมียเก็บของเจ้าพระยาไพรัชกิจ หากมีบ่าวไพร่ บริวารอยู่กันมากมาย เพราะนานๆครั้งบรรดาญาติๆ และลูกเมียเล็ก เมียน้อยตามหัวเมืองของท่านเจ้าคุณจะมาอาศัยอยู่นั่นเอง
    แต่เนื่องจากบรรดาเมียเล็กเมียน้อยของเจ้าคุณ รวมถึงลูกหลานเหล่านั้น ไม่เคยมายุ่งอะไรกับคุณหลวงพินิจอยู่แล้ว เมื่อพูดว่า “บ้านใหญ่” ก็ย่อมหมายถึง เจ้าคุณหรือคุณหญิงไพรัชกิจ คนใดคนหนึ่งเท่านั้น
    “เจ้าคุณพ่อ กับ คุณหญิงแม่เป็นอะไรหรืออ้ายเทิด”
    “ท่านทั้งสองยังสุขสบายดีขอรับ หากแต่วันนี้ เจ้าคุณไพศาล มาเยี่ยมจนถึงบ้าน พร้อมด้วยคุณหญิง เห็นว่ามาคุยกันเรื่องงานแต่งขอรับ”
    ราวกับฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาที่กลางศาลา หลวงพินิจสะดุ้งจนสุดตัว ก่อนจะกล่าวกลบเกลื่อนไม่ให้ทนายหนุ่มล่วงรู้ความในใจ
    “ก็ดีนี่ ท่านมาเชิญให้ฉันไปคุยหรืออย่างไร”
    “มิได้ขอรับ เจ้าคุณมิได้ใช้กระผมให้มา แต่กระผมมาเองด้วยต้องการแจ้งให้คุณหลวงทราบว่า กำหนดฤกษ์แต่งคาดว่าจะสิ้นเดือนหน้าขอรับ”
    สิ้นเดือนหน้า หลวงพินิจไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
    “สิ้นเดือนหน้าแล้วหรือ”
    “เร็วไปหรือขอรับ”
    “เร็ว” หลวงพินิจลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินไปอีกด้านของศาลา ทำท่าทีเมียงมองไปยังเรือนบ่าว “เร็วไป ข้ากับแม่หยาดไม่ทันได้รู้จักนิสัยกัน แต่งกันไปเห็นจะอยู่กันไม่รอด”
    “ขอประทานโทษเถอะขอรับ แต่คุณหลวงกับ คุณหยาดลูกสาวเจ้าคุณไพศาล ก็รู้จักกันมาแต่เด็กแล้วนี่ขอรับ”
    หลวงพินิจถอนหายใจ
    “นั่นคงเป็นเหตุผลของเจ้าคุณไพศาลละซี”
    ทนายหนุ่มยิ้มกับพื้นไม้ศาลา ก่อนจะรับคำเบาๆ
    “รู้จักกันก็จริง แต่รู้จักตอนเด็กๆ ข้าไปเมืองฝรั่งตั้งแต่ 10 ขวบ กลับมาเอา เกือบ 20 ช่วงเวลา 10 ปีนั้นก็แทบไม่ได้รู้จักมักคุ้น แม่หยาดเธอเปลี่ยนไปเพียงใดก็ไม่มีใครรู้ แม้ตอนรู้จักกันก็มิได้รู้จักมักจี่รักใคร่แต่อย่างใด เห็นเป็นเพื่อนเล่นคนหนึ่งเท่านั้น”
    หลวงพินิจพักหายใจก่อนจะว่าไปอีก
    “ข้าเห็นอะไรหลายอย่างในฝรั่งเศส เห็นชีวิตแต่งงานที่ไม่ราบรื่น เห็นการหย่าร้าง ทิ้งลูกทิ้งเมียเป็นปัญหาสังคม ข้าไม่อยากเป็นอย่างนั้น”
     “แต่คุณหลวงก็ทราบนี่ขอรับว่ายังไงคุณหลวงก็ต้องแต่งงาน มีทายาทให้เจ้าคุณพ่อ” เทิดกล่าวเบาๆ
    “มีทายาทให้อีก ไม่ได้คิดถึงทายาทที่มีอยู่แล้วบ้างหรือ” คุณหลวงหนุ่มถอนใจอีกครั้ง “บรรดาลูกเมียเล็ก เมียน้อยของเจ้าคุณพ่อ ก็มีหลานให้กันแล้วเยอะแยะ เจ้าคุณพ่อยังไม่พอใจอีกหรือ”
    “หลานที่เกิดจากเมียเล็ก มีเยอะไปก็เท่านั้นขอรับ คุณหลวง เจ้าคุณท่านคงอยากได้หลานเมียคุณหญิงกระมัง ได้เชิดหน้าชูตา ได้อวดใครต่อใครได้”
    “ก็เท่านั้น” หลวงพินิจว่าเบาๆ “อวดใครต่อใคร เห็นประโยชน์ตกอยู่ที่เจ้าคุณพ่อ คุณหญิงแม่ทั้งหมด ข้าอยากมีภาระเพิ่มหรือก็ไม่ เราไม่ได้พูดกันถึงจิตใจของข้ากันเลย ตลอดบทสนทนานี้อ้ายเทิดเอ๋ย”
    “คุณหลวงขอรับ” เทิดว่าเบาๆ เบายิ่งกว่าประโยคไหน “หาว่ากระผมเสือกก็เชิญเถิด คุณหลวงพูดเหมือนว่า จิตใจของคุณหลวง ผูกอยู่ที่ใครอื่นแล้ว”
    หากไม่ใช่เพราะสนิทรู้ใจกัน เทิดคงไม่กล้าพูดเรื่องส่วนตัวขนาดนี้กับหลวงพินิจ และคุณหลววงเองก็คงไม่กล้าตอบเช่นกัน หากแต่ก่อนจะกลั่นคำตอบออกมาจากใจได้ คุณหลวงหนุ่มก็ต้องถอนใจเฮือกแล้ว เฮือกเล่าเป็นเวลานานพอควร
    “เอ็งรู้ใจข้ากว่าทุกคน” คุณหลวงว่า ไม่กล้าสบตาทนายหนุ่ม ฝ่ายพูดฟังก็ก้มหน้านิ่งไม่กล้าเงยหน้ามารับฟังนายบ่าวเต็มสองหูเหมือนกัน “เอ็งรู้ว่าข้าไม่มีวันแต่งงานกับแม่หยาดหรือ ใครก็แล้วแต่ที่ข้าไม่ได้รัก”
    “กระผมรู้ดีขอรับ” หนุ่มทนายเงยหน้าในที่สุด “แต่คุณหลวงยังไม่ได้ตอบคำถามของกระผม ว่าคุณหลวงมีใจรักใคร่ใครแล้วหรือยังขอรับ หากมีกระผมจะได้ช่วยหาทางพูดไกล่เกลี่ย กล่อมคุณพ่อให้พูดกับเจ้าคุณให้เลื่อนงานแต่งออกไปอีก หากไม่เกรงว่าคุณหลวงคงต้องแต่งงานกับคุณหยาดไปก่อนกระมัง ตามความพึงใจของเจ้าคุณ”
    หลวงพินิจถอนตาออกจากเรือนบ่าว หันกลับมาจ้องตาของทนายหนุ่ม
    “มีแล้ว เทิดเอ๋ย ข้าไม่บอกเอ็งละว่าใคร แต่ให้รู้ไว้ว่ากับคนนี้ ข้าตั้งใจจริงว่าจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต”
    “เพรียบพร้อมด้วยคุณสมบัติทุกประการหรือขอรับ”
    “จะว่าอย่างนั้นก็ได้ จะมองว่าไม่ใช่ก็ได้เหมือนกัน” หลวงพินิจกล่าว “ความสามารถ สติปัญญาเทียบได้กับเอ็งละ รูปร่างหน้าตาขอบอกว่าพึงใจข้าที่สุด ติดที่ฐานะ วงศ์ตระกูล แต่ข้าก็มิได้สนหรอกคนเราอยู่ด้วยกันเพราะถูกตาต้องใจกันมิใช่เรื่องว่าเป็นเจ้าเป็นนายหรือเป็นลูกพระน้ำ พระยาหรือไม่ เอ็งว่าอย่างไร อ้ายเทิด”
    “กระผมเห็นด้วยกับคุณหลวงขอรับ แต่เกรงว่าเจ้าคุณและคุณหญิง จะไม่คิดว่าเป็นเรื่องสลักสำคัญอะไร ท่านทั้งสองมองแต่ความเหมาะสมกันทั้งชาติตระกูล การศึกษา ฐานะ และเผอิญว่าคุณหยาดตรงตามคุณสมบัติของเจ้าคุณและคุณหญิงเสียด้วยขอรับ”
    “นั่นซีเอ็ง” หลวงพินิจถอนใจ “เอาเป็นว่าเอ็งช่วยข้าเท่าที่ช่วยได้เถอะวะ ข้าจะขอบใจเอ็งมาก”
    “ขอรับ” ทนายหนุ่มยกมือไหว้ “เอ้อ มีอีกเรื่องขอรับ”
   “ว่าอย่างไร”
    “ที่มาหาจริงๆแล้วเพราะเรื่องเมื่อครู่ แต่ที่หาเรื่องมาจนได้ก็เพราะเจ้าคุณให้มาแจ้งขอรับว่า สัปดาห์หน้าแขกฝรั่งจะมาเยี่ยม แลต้องการไปหัวเมืองชายฝั่งทะเล เห็นว่าคงเป็นที่หัวหิน เจ้าคุณบอกวานให้คุณหลวงรีบทำงานให้เสร็จก่อนถึงเวลานั้น ได้ลางานตามเจ้าคุณไปหัวเมือง พาฝรั่งเที่ยวขอรับ”
    “ขอบใจมากที่อุตส่าห์มาบอก”
    “เจ้าคุณยังบอกอีกขอรับว่า วันสองวันนี้ จะมาร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเย็นด้วย จะมาวันไหนคงส่งคนมาบอกขอรับ”
    “ดีละ ให้คนมาบอกล่วงหน้า จะได้เตรียมกับข้าวกับปลาไว้ถูก”
    “ขอรับ เรื่องสุดท้ายแล้วขอรับ”
    “ว่ามาซี”
    “เจ้าคุณ และคุณหญิงไพศาลเสนีย์ รวมถึงคุณหยาดก็จะมาด้วยขอรับ” ทนายหนุ่มจบประโยค หลวงพินิจก็ไม่ว่าอะไรอีก
    เทิดยกมือไหว้แล้วก็ออกไปจากศาลา ทิ้งให้หลวงพินิจราชอักษรนั่งครุ่นคิดถึงสิ่งต่างๆในใจ เดือนหน้าแล้วที่ต้องแต่งงานกับแม่หยาด คุณหลวงต้องทำอะไรสักอย่าง ให้ไม่ต้องได้เข้าพิธีกับหญิงสาวคนนั้นให้ได้
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 9 15.05 - 8/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 08-10-2010 16:48:34
อุปสรรคด่านแรก กำลังก่อตัวขึ้นแล้ว  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 9 15.05 - 8/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 08-10-2010 16:53:35
ช่วงนี้มาต่อเร็วดีจังค่า แหมๆคุณหลวงตกหลุมรักเส็งตั้งแต่แรกเจอเลยมั้งเนี่ย ถ้าเส็งมาได้ยินคุณหลวงพูดว่าอยากอยู่ด้วยตลอดชีวิตแบบนี้คงเขินแย่ แต่คนที่น่าสงสารที่สุดก็คุณหยาดเป็นคนพาเส็งมาเจอคุณหลวงแท้ๆ
ชักอยากรู้แล้วซิว่าคุณหลวงจะทำยังไงนะที่จะไม่ต้องแต่งกับคุณหยาด คงต้องรอลุ้นตอนต่อไป   
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 9 15.05 - 8/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 08-10-2010 17:03:16
ความรักของคุณหลวงกำลังมีอุปสรรคที่ใหญ่หลวงแล้ว

ยังไม่ทันได้เริ่มก็มีอุปสรรคสะแล้วนะเนี่ย สงสารคุณหลวง

ปล. คิดถึงเส็ง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 9 15.05 - 8/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 08-10-2010 17:08:16

๖๓ + ๑ = ๖๔
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 9 15.05 - 8/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 08-10-2010 18:00:47
ความเศร้าชักจะเข้ามเยือนตะหงิดๆแล้ว
แต่ยิ่งอ่านยิ่งชอบ  เนื้อเรื่องน่าตืดตามมาก
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 9 15.05 - 8/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 08-10-2010 19:15:18
+1 จ้า เริ่มแล้วซินะว่าแต่คุรหลวงจะทำอะไรอยากรู้จริงๆว่าแต่ตอนนี้สั้นนนนนนนนนนนนนนนนน

555+แล้วมาต่ออีกเร็วๆนะคะค้างคามากมาย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 9 15.05 - 8/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 08-10-2010 20:49:24
ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อซะแล้วว่าคุณหลวงตกหลุมรักอ้ายเส็งซะแล้ว
แต่สมัยนั้น  เรื่องแบบนี้คงถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงที่ไม่สามารถยอมรับได้
คุณหลวงจะทำยังงัยนะ  เฮ้อออ 
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 9 15.05 - 8/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 08-10-2010 22:20:38
คุณหลวงงานเข้าล่ะงานนี้
แล้วเส็งล่ะคุณหลวงจะเอาเส็งไปไว้ไหน
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 9 15.05 - 8/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 08-10-2010 22:57:37
งานช้างเข้าเลยคุณหลวง

 :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 9 15.05 - 8/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 09-10-2010 00:27:25
แผนสลัดแม่หยาด จะมีหนุ่มน้อยหน้ามลด้วยไหมนะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 9 15.05 - 8/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 09-10-2010 01:57:05
อุปสรรคมาแล้ว
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 9 15.05 - 8/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 09-10-2010 18:20:58
 :call:เรื่องราวน่าติดตามากมายนนะครับ ขอบคุณที่มาเล่าและแต่งนิยายน่ารักๆและน่าอ่าน

มาต่ออีกนะครับ :call: :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 9 15.05 - 8/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: Namtarn ที่ 09-10-2010 21:47:13
อยากอ่านต่อมากๆๆๆๆๆๆ :serius2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 9 15.05 - 8/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 10-10-2010 08:39:20
มาดันรอเจ้าค่ะคุณหลวง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 9 15.05 - 8/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 11-10-2010 00:15:12
แวะมาดันประจำวันนี้

คิดถึงเส็ง อิอิ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 9 15.05 - 8/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: Lesses ที่ 11-10-2010 09:12:22
รอตอนต่อไปครับ น่าติดตาม น่าติดตาม  :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 9 15.05 - 8/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: MM.Dog ที่ 11-10-2010 20:42:33
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ
ขอบคุณนะคะที่ยังเขียนให้อ่าน (แม้จะแบบนาน ๆ ที)
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 9 15.05 - 8/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 11-10-2010 21:05:01
คิดถึงพาทิศ อยากให้พาทิศได้เจอเส็งสักที >.<
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 9 15.05 - 8/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 12-10-2010 00:59:50
แวะมาดันอีกรอบก่อนเข้านอน  แอบอ่านไปนิด  อ่านไปนึกภาพประมาณเรื่องนางทาสเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 9 15.05 - 8/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 12-10-2010 12:54:34
แวะมาดัน ด้วยความคิดถึงจ้า

อยากอ่านต่อแล้ว ^^
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 9 15.05 - 8/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 12-10-2010 20:01:35
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 9 15.05 - 8/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 12-10-2010 20:18:44
มารออ้ายเส็งนะครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 9 15.05 - 8/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 13-10-2010 19:55:49
    ตะวันคล้อยมากแล้ว ท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงินแกมม่วงดูๆไปคล้ายฟ้ามัดย้อมที่ทำมาอย่างสวยงาม ป่านนี้บ่าวผู้หญิงเพิ่งลงจากเรือนมาอาบน้ำอาบท่า ส่วนบ่าวผู้ชายหากไม่ตั้งวงดื่มเหล้า ก็ผ่าฟืนไว้เตรียมทำกับข้าวในวันพรุ่งนี้ มีเส็งกับมั่นเพียงสองคนที่กำลังเดินออกมาจากเรือนไม้นั้นมุ่งหน้าไปตึกใหญ่ เส็งนั้นกำลังจะไปหาคุณหลวงตามที่ผู้เป็นนายสั่งไว้ ส่วนมั่นก็เพียงเดินมาส่งบ่าวลูกจีนเท่านั้น
    “กลางค่ำกลางคืนอาจมีงูเงี้ยวบ้าง ข้าจะเดินไปส่ง”
    เดินมาในความสลัวของยามค่ำ เส็งก็อดนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกลางวันไม่ได้หลังจากกลับมาจากศาลแล้ว แก้วก็ปึงปังขึ้นเรือน เสียงดังจนใครต่อใครหันมามอง บ่าวสาวบ่าวหนุ่มที่นั่งกันอยู่ พูดคุยกันเสียงเบาเมื่อเห็นสำรับกับข้าวที่แก้วกระแทกตั้งไว้บนตั่งไม้ว่า ไม่มีอย่างใดที่คุณหลวงรับหมดเลย มีเพียงโถแก้วของเส็งเท่านั้นที่มะปรางริ้วกินไปแล้วเกลี้ยงไม่เหลือสักเพียงลูกเดียว
    “เอา เอา แม่แก้ว เดินจนเรือนไหวไปทั้งเรือนเป็นอะไรมาอีก”
    เส็งได้ยินเสียงของยายนอม ดังมาจากบนเรือน ป่านนี้บ่าวผู้หญิงทั้งเรือนคงกำลังนั่งเย็บปักถักร้อย ไม่ก็ร้อยมาลัยกันอยู่อย่างเพลิดเพลิน ตัวเอง เอาโถแก้วมาตั้งที่ตั่ง ก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้นไม่อยากขึ้นไปเจอหน้าแก้วให้เสียอารมณ์
    “อ้ายเจ๊กนั่นนะซี เอาหน้าคุณหลวง หาว่ามันริ้วมะปรางคนเดียว”
    “เอ้า แม่” คราวนี้เป็นเสียงมั่น “แล้วไม่ถูกหรือ ก็เส็งมันริ้วเองคนเดียวกับมือ อีมะลิ อีชิดมันก็เห็น บ่าวคนไหนที่อยู่เมื่อเช้าก็เห็น”
    แก้วเถียงไม่ออกเพราะที่มั่นพูดมานั้นก็เป็นความจริง แต่หล่อนก็ยังเถียงข้างๆคูๆ ไปได้อีก
    “ก็ถ้ามันไม่เสนอไปบอก ใครเขาจะเชื่อว่ามันทำ”
     “เอ็งอย่าพาลนาแก้ว คุณหลวงจะโปรดอ้ายเส็ง เอ็งจะไปเป็นเดือดเป็นร้อนทำไม” มั่นยังคงเถียงอยู่กับนางแก้วต่อ
    “ข้าเป็นคนโปรดคุณหลวง”
    “อย่างนั้นหรือ คุณหลวงคงโปรดมากจนรับแต่มะปรางอ้ายเส็งให้หมดๆไปไม่ต้องเห็น แล้วไม่รับของเอ็งเหลือไว้ดูต่างหน้างั้นหรือ”
    สิ้นประโยค แก้วก็ปึงปังเข้าหอนอน ไม่ออกมาอีกเลยทั้งวัน
    
    “แก้วมันก็เกินไป กะอีแค่เอ็งมีฝีมือมันก็อิจฉา”
    “พี่มั่นไม่น่าพูดอย่างนั้นจ้ะ” เส็งกล่าวเบาๆ “พี่มั่นยิ่งพูดเขายิ่งแค้น ผูกใจเจ็บ ทีนี้ละตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉันแน่”
    “เอ็งกลัวหรือล่ะ” มั่นเดินมาถึงท้ายตึกเรือนเทาแล้ว ก็หยุดพูด “มีข้า มีอีมะลิ อีชิด แล้วก็อีกหลายคนเป็นฝ่ายเราอยู่แล้ว แก้วน่ะมีแม่มันกับพวกบ่าวเด็กๆอีกไม่กี่คนเท่านั้นละเป็นพวก เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาเราก็ชนะ ไม่อย่างนั้นคุณหลวงก็เข้าข้างทางเราอยู่ดี”
    เส็งอดยิ้มไม่ได้
   “ข้าส่งเอ็งเท่านี้ จะกลับมานอนก็อย่าลืมลงกลอนประตูด้วย เปิดทิ้งไว้ แมลง หนู งู ยุงจะเข้าเอา” มั่นว่า ก่อนจะเดินกลับไปที่เรือนบ่าว เส็งจึงเดินเข้าตัวเรือนเทาไปเพียงคนเดียว
    ทันทีที่เข้าไปในตัวเรือนซึ่งบัดนี้ไม่มีใครอยู่เฝ้าแล้ว และเปิดไฟไว้ไม่กี่ดวง เส็งก็รู้สึกประหลาด เรือนนี้มีบริวารคอยอยู่แวดล้อม ให้คุณหลวงเรียกใช้สอยตามสบายใจ พอยามค่ำคืนกลับเงียบงัน ไม่มีใครอยู่เลย เพียงเส็งปิดประตูหลังเรือนเบาๆ คุณหลวงก็ส่งเสียงเรียกมา
    “เส็งหรือ”
    “ขอรับ”
   “ขึ้นมาข้างบน ข้าอยู่ข้างบนนี้ เอ็งเดินขึ้นบันได้มาได้”
     ได้ยินแล้ว บ่าวหนุ่มก็เดินผ่านห้องครัวแบบฝรั่งเข้าตัวบ้าน ผ่านห้องอาหารไปทะลุออกห้องโถง ด้านซ้าย ด้านขวา เป็นบันไดขึ้นไปชั้นบนได้เหมือนกัน บ่าวหนุ่มไม่รู้จะขึ้นทางไหน ก็ขึ้นด้านซ้ายไว้ก่อน เพราะอยู่ใกล้กับเขามากกว่า
    พอขึ้นไปข้างบนแล้วก็พบว่า เป็นเฉลียงยาวไปสุด มีตั่งเล็กๆวางไว้ตรงสุดทางเดินด้านขวา ใกล้ๆกันนั้นเป็นบันได ฝั่งขวาที่เส็งไม่ได้ขึ้นมานั้นแหละ พอขึ้นบันไดมาแล้วขวามือของเส็งคือหอพระ ที่เปิดประตูเอาไว้ให้เห็นพระหลายองค์ที่ประดิษฐานอยู่ด้านใน ไม่ทันได้ทำอะไร คุณหลวงก็โผล่พ้นออกมาจากห้องที่อยู่ในสุด
   หลวงพินิจราชอักษรนุ่งผ้าโจงกระเบนลอยชายเพียงผืนเดียว ท่อนบนเปลือยอย่างที่ชายหนุ่มเพิ่งได้เห็น ต่างจากใครต่อใครที่มักจะเปลือยบนอยู่กับบ้านอยู่แล้ว อาจเพราะคุณหลวงติดธรรมเนียมฝรั่งก็ได้กระมัง
    “เส็ง ไหว้พระก่อน” หลวงพินิจเดินมาสมทบกับชายหนุ่มที่ยืนเก้ๆกังๆทำตัวไม่ถูกอยู่ที่อีกปลายเฉลียง ก่อนจะเดินนำเข้าหอพระ ทั้งคู่นั่งลงคุกเข้ากับพื้น กราบเบญจางคประดิษฐ์ครบสามครั้ง ก็เดินออกจากหอพระมา
    “ห้องนอนของข้า”
    หลวงพินิจชี้ให้เห็นห้องที่ถัดมาจากหอพระเป็นห้องนอนของเขา หากมีประตูปิดอยู่เส็งจึงไม่มีโอกาสได้เห็นว่าสวยงามโอ่อ่าแค่ไหน ห้องถัดมา ปิดประตูไว้เช่นกัน คุณหลวงบอกว่า “เป็นห้องนอนอีกห้อง ไว้ให้เจ้าคุณพ่อ และคุณหญิงแม่นอนเมื่อท่านมาเยี่ยม” ห้องปลายสุดเป็นห้องทำงานเวลากลางคืนมีตู้หนังสือเพียงตู้สองตู้ และโต๊ะทำงานตรงกลางเท่านั้น เป็นห้องเล็กๆ พอๆกับหอพระ ไม่ได้ใหญ่โตหรูหราแบบห้องหนังสือข้างล่าง
    “เวลานอนไม่หลับ จะมาอ่านหนังสือที่นี่”
    คุณหลวงเดินนำ เข้าไปในห้องเส็งก็เดินตามเข้าไป ดูความที่มัวสนใจอะไรต่อมิอะไรรอบกาย เส็งจึงไม่ได้ดูทางเหยียบ กระดาษที่ตกอยู่ที่พื้นตรงนั้นลื่นล้ม หลวงพินิจหันมาเห็นเข้าพอดีก็ร้อง “ระวัง” ก่อนจะเขามารับตัวเส็งไว้ได้ทันพอดี ไม่ได้ล้มฟาดไปอย่างที่ใจกลัว
     ผิวกายท่อนบนเปลือยเปล่าของทั้งคู่เบียดแนบกันอย่างไม่ตั้งใจ คุณหลวงหนุ่มรับบ่าวหน้าใสไว้ด้วยมือขวา ดึงมากอดไว้แนบกายด้วยกลัวว่าฝ่ายนั้นจะล้มหัวฟาดกับขาโต๊ะตายไปต่อหน้า เส็งเอ็งเล่าก็กอดคุณหลวงไว้ด้วยอารามตกใจ ต่างฝ่ายต่างยึดเข้าหากัน ใจเต้นโครมไม่เป็นจังหวะ ด้วยตกใจ และด้วยตื่นเต้นเมื่อได้มาอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน
    นุ่มนิ่มเนียนไปหมดทั้งตัว กลิ่นหอมอ่อนๆจากกายเส็งทำให้หลวงพินิจไม่อยากปล่อยตัวชายหนุ่มออกไปให้ห่าง แต่ด้วยความกลัวว่าจะทำให้บ่าวหนุ่มตกใจกลัว และไม่กล้าเข้าใกล้ หลวงพินิจราชอักษรจึงปล่อยตัวเส็งออกจากอ้อมกอดในที่สุด
    ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็ว ไม่ถึงหนึ่งนาที หากสำหรับคนทั้งสอง มันคือชั่วกาลนาน ราวกันได้กอดกันอยู่อย่างนั้นทั้งคืน
    แข็งแกร่งเหลือเกิน อบอุ่นเหลือเกิน เส็งโหยหาอ้อมกอดนี้จากชายหนุ่มผู้เป็นนายบ่าว ความอบอุ่นจากเรือนร่างทำให้นกน้อยตัวนี้อยากแต่จะซุกตัวอยู่ในรังไม่ไปไหนเสีย ทั้งที่ปีกกล้าขาแข็ง จะบินหนีไปไหนเมื่อไรก็ได้
    คนที่ทำลายความเงียบได้คนแรกคือ หลวงพินิจ
    “ขอโทษ ข้าคงทำกระดาษตกไว้ไม่ได้เก็บ” นายบ่าวก้มลงเก็บกระดาษที่ตนทำตกไว้ พร้อมๆกับที่เส็งเองก็จะก้มลงช่วยผลที่ได้คือ มือทั้งสองเกาะกุมกันและกันอยู่บนกระดาษนั้นเอง อีกดวงหน้าของทั้งคู่ก็ใกล้ชิดกันปานจะแบ่งใช้ลมหายใจร่วมกัน ความกระดากอายเกิดในใจเมื่ออยู่ใกล้กันถึงเพียงนี้
   “เอ้อ เอ็งสนใจอ่านเล่มใดก็หยิบเถิด ข้าจะรอข้างนอก” หลวงพินิจกล่าวเสียงเบา ก่อนจะวางกระดาษบนโต๊ะ ให้หินแม่น้ำขัดละเอียด ทับไว้เรียบร้อยแล้วออกจากห้องนั้นไป
    หลวงพินิจทิ้งตัวนอนตะแคงอิงหมอนสามเหลี่ยม เขาไม่ได้ตั้งใจเรียกเส็งมาเพื่อล่วงเกินหรือลวนลามหนุ่มน้อยแต่อย่างใด เจตนาบริสุทธิ์ของเขาคือเพียงอยากมีหนุ่มน้อยอยู่ข้างๆ มาอ่านหนังสือให้ฟังเท่านั้น
    หนุ่มน้อยกลับออกมาจากห้องพร้อมสมุดไทหนึ่งเล่ม ใบหน้าไม่มีแววโกรธขึ้ง ซ้ำยังมีรอยยิ้มบางๆประดับอยู่ให้หลวงพินิจดีใจ เส็งนั่งห่างจากคุณหลวงประมาณหนึ่งก็เปิดหนังสือออกพร้อมอ่าน
    “นั่งเสียไกล เข้ามาหน่อยเถอะ จะได้ไม่ต้องพูดเสียงดัง” หลวงพินิจว่า เส็งจึงขยับไปนั่งทางเท้าของผู้เป็นนาย ห่างจากตั่งไม้ไม่ถึงศอก “หยิบเรื่องใดมาอ่าน”
    “นิราศอิเหนาของสุนทรภู่ขอรับ”
    “เรื่องนี้เองหรือข้าก็ชอบเอ็งชอบตอนไหนที่สุดหรือเส็ง” หลวงพินิจว่า
    “ตอนที่อิเหนาคิดถึงตอนลักนางบุษบาไปอยู่ป่า แล้วกล่อมนางหลับขอรับ บ่าวว่ามันดู อบอุ่น เปี่ยมไปด้วยรัก แสดงให้เห็นว่าอิเหนารักบุษบาจริงขอรับ”
    หลวงพินิจยิ้มน้อยๆ
    “โรมองติก ซีนะ” หลวงพินิจกล่าวเบาๆ “ภาษาฝรั่ง แปลว่าเปี่ยมด้วยรัก”
    “โรงมองติก” เส็งกล่าวตาม
    “อย่างนั้นแหละ เอ็งเรียนรู้เร็วใช้ได้นะเส็ง ไว้วันไหนมาอ่านหนังสือให้ข้าฟังเร็วกว่านี้ ข้าจะอ่านกวีฝรั่งให้เอ็งฟังบ้าง ได้สอนให้เอ็งพูดได้ด้วย”
    “ขอบพระคุณขอรับ”
    หลวงพินิจยิ้มอย่างเอ็นดู
    “เอ้า อยากอ่านตอนไหน ก็อ่านให้ฟังหน่อยซี ข้าจะได้รู้ว่าเอ็งอ่านหนังสือคล่องเพียงใด”
    เส็งเปิดสมุดไทไปยังหน้าที่เขาต้องการจะอ่าน เป็นตอนที่เขาชอบมากที่สุด คือตอนที่อิเหนากล่อมนางบุษบาให้หลับกลางป่าเขาที่ดูน่ากลัวนั้น เส็งชอบเพราะพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระราชนิพนธ์ไว้ไพเราะยิ่งนัก ยิ่งฟังก็ยิ่งเคลิ้ม หากใครอ่านทอดเสียงเป็นทำนองเสนาะแล้ว คนฟังจะพลอยหลับไปด้วยทุกครั้ง
    เส็งทำอย่างนั้นคือค่อยๆอ่านช้าๆ เป็นท่วงทำนองเสนาะหู ทำเอาคนฟังตกอยู่ในภวังค์ ราวกับว่าที่หนุ่มน้อยกล่าวอยู่คือคาถามหาละลวยให้คนฟังได้หลงใหลได้อาจถอนใจจากผู้อ่านได้กระนั้น

           “นอนเถิดหนายาหยีพี่จะกล่อม
       งามละม่อมมิ่งขวัญอย่าหวั่นไหว
        คิรีรอบขอบเคียงเหมือนเวียงชัย
        อยู่ร่มไม้เหมือนปราสาทราชวัง”
    
    ยามเส็งเอื้อนเอ่ยน้ำเสียงนุ่มลึก หวานซึ้งเพราะจับใจ ริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มสีชมพูสวยนั้นเผยอเข้าออกตามรูปสระ จนหลวงพินิจอดนึกไม่ได้ว่า หากดึงตัวเข้ามาจูบเสีย ปากนั้นจะหวานปานน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยวาจาหรือไม่ สัมผัสนวลเนียนที่ได้สัมผัสเมื่อครู่จะยังเนียนนุ่ม กลิ่นตัวจะหอมหวานอย่างที่เขาเพิ่งสัมผัสมาหรือเปล่า ทั้งหมดนี้วิ่งวนในจิตใจของหลวงพินิจ ด้วยความรัก ทนุถนอม มิใช่ความใคร่ในตัณหาเพียงอย่างเดียว เหมือนที่เขาเป็นกับคนอื่น
    ยิ่งฟังหลวงพินิจก็ยิ่งเคลิ้ม ยิ่งหลงใหล ราวจะหลับลงไปดุจนางบุษบาในอ้อมแขนของอิเหนากระไรอย่างนั้น หากเป็นไปได้สักวัน หลวงพินิจจะโอบตระคอง เส็งไว้ในอ้อมอก และร้องเพลงกล่อมเขาอย่างนี้ให้บุษบาของเขาหลับใหลแนบใจของเขาทุกค่ำคืน

           “เคยสำเนียงเสียงนางสุรางค์เห่
       มาฟังเรไรแซ่เหมือนแตรสังข์
       เคยมีวิสูตรรูดกั้นบนบัลลังก์
       มากำบังใบไม้ในไพรวัน
       หนาวน้ำค้างกลางคืนสะอื้นอ้อน
       จะกางกรกอดน้องประคองขวัญ
       เอาดวงดาราระยับกับพระจันทร์
ต่างช่อชั้นชวาลาระย้าย้อย”

    จะกางกรกอดน้องประคองขวัญ ไม่ต้องฟังเรไร แต่หลวงพินิจจะกล่อมหนุ่มน้อยด้วยเสียงเห่กล่อม อีกจะคอยพัดวีให้หลับสบายอย่างนี้ไปเสียทุกค่ำคืนใต้ชวาลาระย้าย้อยอย่างในบทพระราชนิพนธ์
            
          “จักจั่นหวั่นแว่วแจ้วแจ้วเสียง
ต่างสำเนียงขับครวญหวนละห้อย
พระพายเอ๋ยเชยมาต้องพระน้องน้อย
เหมือนนางคอยหมอบกรานอยู่งานพัด
โอ้เวลาปานฉะนี้เจ้าพี่เอ๋ย
กระไรเลยแลเงียบเชียบสงัด
น้ำค้างเผาะเหยาะเย็นกระเซ็นซัด
ดึกสงัดดวงจิตจงนิทรา”

    เส็งอ่านจนจบบทก็เงยหน้าขึ้นจากหนังสือ เห็นหลวงพินิจหลับตาพริ้มนอนก็อดไม่ได้จะเทียบกับพระลอที่หลับไหลอยู่บนแท่น ช่างงามราวหยาดฟ้ามาดินกระนั้น เส็งได้แต่มองหน้าอกเปลือยเปล่าของหลวงพินิจที่เคลื่อนที่ยุบพองตามจังหวะหายใจ จะเป็นอย่างไรนะ หากได้นอนหนุนร่างกายที่อบอุ่นแข็งแรงนี้แทนหมอน เส็งคิดไปก็อดเคลิ้มจนยิ้มออกมาไม่ได้ ได้แต่นั่งยิ้มมองใบหน้าของนายบ่าวยามหลับใหล ว่างดงามยิ่งกว่าสิ่งใดที่เขาพานพบมา
    แต่จะดีละหรือ อ้ายเส็ง?
    หนุ่มน้อยถามตัวเองในใจ เขาเป็นนายตัวเป็นบ่าว อีกยังเป็นชายด้วยกันทั้งคู่ แน่ละเส็งเคยมีประสบการณ์กับชายหนุ่มเมื่อตอนยังเด็กกว่านี้ แต่ก็เป็นประสบการณ์ความสัมพันธ์เพียงชั่วครู่ ชั่วคราวเท่านั้นไม่ได้เป็นสัมพันธ์จริงจัง ยืดยาวหวานซึ้งอย่างในวรรณคดีแต่อย่างใดยิ่งกับหลวงพินิจ ต่อให้เส็งเป็น บุษบาที่ปลอมมาเป็นมิสาอุณากรรณ คุณหลวงอิเหนาจะมองเขาหรือ
    เรื่องที่เกิดในห้องหนังสือ อาจเป็นเพียงเรื่องที่บังเอิญเกิดขึ้นและไม่มีวันเป็นจริงอีกก็ได้ คงมิใช่ว่าหลวงพินิจตั้งใจจะกอดเขาเสียหน่อย
    แต่ใบหน้าที่หวานซึ้งของคุณหลวงที่จ้องมาเล่า จะอธิบายตามหลักเหตุผลว่าอย่างไร หากไม่ใช่ว่าคุณหลวงแอบเผลอมีใจให้เขาบ้างแล้ว
    
      “ข้าหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ตัว” คุณหลวงขยับตัวลุกขึ้น หลังจากผ่านไปพักใหญ่ๆ
    “พักใหญ่ๆ แล้วขอรับ”
    “จริงหรือ” หลวงพินิจหัวเราะลงลูกคอ “เอ็งนี่เก่งจริง ทำเสียข้าหลับได้ วันหลังข้าขอให้เอ็งอ่านกล่อมข้าที่ห้องนอนจะขัดใจหรือไม่ ให้ข้าหลับเสียแล้ว เอ็งค่อยกลับไปนอนที่เรือนบ่าว”
    เส็งเขินจนหน้าแดง
    “บ่าวมิบังอาจขัดข้องขอรับ”
    “ข้าไม่อยากให้เป็นเหมือนต้องทำตามคำสั่งนะเส็ง ถ้าเอ็งไม่เต็มใจ...”
    “บ่าวเต็มใจขอรับ” เส็งรับปากเสียงหนักแน่น จนคุณหลวงอดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้ “หากเป็นความต้องการของคุณหลวง บ่าวเต็มใจขอรับ”
    หลวงพินิจราชอักษรยิ้มให้เส็งก่อนจะลุกขึ้นจากตั่ง
    “ดึกแล้วเส็งเอ๋ย เดี๋ยวถึงสองยามเสียก่อน ข้ายังไม่ได้ทำแผลให้เอ็ง มาในห้องเถิดนะเส็ง” หลวงพินิจ เดินเปิดประตูห้องนอนกำลังจะเข้าไป ก็เห็นเส็งเก้ๆกังๆ ไม่กล้าเข้าไปอย่างนั้น
    “เอ้า ไม่เข้ามาเล่า”
    “บ่าวมิบังอาจ เข้าถึงที่ส่วนตัวของนายขอรับ”
    “บังอาจอะไรอีก ข้าอนุญาตให้เข้าเอง เข้ามาเถอะ” หลวงพินิจว่า แต่เมื่อเส็งไม่กล้าแล้ว เจ้านายก็จูงมือข้างที่ไม่เจ็บของบ่าวเข้าห้องนอน
    “เอ็งนั่งรอก่อนเดี๋ยวข้าเตรียมอุปกรณ์ให้”
    
    ไม่ถึงห้านาทีหลวงพินิจก็ทำแผลให้เส็งเสร็จ ทั้งคู่พูดคุยกันอีกไม่กี่ประโยค นายหนุ่มก็เดินลงมาส่งเส็งถึงหลังบ้าน
    “จะไปส่งถึงเรือนโน้น ก็จะดูน่าเกลียด” หลวงพินิจว่า “คงส่งได้ถึงตรงนี้นะเส็ง”
    “เป็นความกรุณาแล้วขอรับ”
    “พรุ่งนี้เอ็งมาอีกได้ไหม ฟังเสียงเอ็งแล้วหลับสบาย”
    บ่าวหนุ่มเคอะเขิน อายม้วนไม่ต่างจากหญิงสาวถูกเกี้ยว
    “ขอรับ”
    “ดีละ เอ้อ สองสามวันนี้เจ้าคุณพ่อ กับคุณหญิงแม่จะมา เอ็งช่วยยายนอมเตรียมอาหารไว้เลี้ยงทีเถิดนะ ขอเป็นงานฝีมือแบบที่เอ็งทำวันนี้ ข้าจะอวดฝีมือเอ็งให้เจ้าคุณพ่อเผื่อต่อไปภายหน้า ข้าจะฝากฝังเอ็งทำงานในกระทรวง เอ็งจะได้สบาย”
    เส็งตาโต เขาเนี่ยหรือจะได้ทำงานในกระทรวง
    “จริงหรือขอรับ”
    “จริง” คุณหลวงส่งยิ้มให้ “แต่ก่อนจะถึงเวลานั้นเอ็งต้องมาฝึกเขียนสยามให้คล่อง ฝึกอ่านคงไม่ต้องฝึกแล้ว แล้วข้าจะสอนภาษาฝรั่งจะได้ดูมีฝีมือ ฝากเจ้าคุณพ่อเข้าทำงานจะได้ไม่อายเขา”
    “ขอบพระคุณคุณหลวงขอรับ” เส็งคุกเข้าลงกราบแทบเท้า จนคุณหลวงต้องรีบรับมือนั้นไว้ ประคองให้ลุกขึ้น แล้วส่งยิ้มให้ด้วยความเมตตา
    “ข้าเอ็นดูคนฉลาด ขยันมีความตั้งใจอย่างเอ็ง ข้าจะเลี้ยงเอ็งให้ได้ดี อย่าเพิ่งไถลทำตัวให้ตกต่ำเล่า เป็นคนดีเป็นยากนัก หวังว่าเอ็งไม่ท้อเสียก่อน”
    “ไม่ดอกขอรับ”
    “ดีละ รีบเข้านอนเถิดพรุ่งนี้ตื่นเตรียมอาหารไม่ทัน”
    เส็งเดินกลับเรือนบ่าว เข้าหอนอนด้วยความรวดเร็ว พอล้มตัวลงนอนก็อดนึกทบทวนเหตุการณ์วันนี้ไม่ได้ ทั้งตอนที่กอดกัน ตอนที่มือสัมผัสกันโดยบังเอิญ ตอนที่คุณหลวงจูงมือเข้าห้องนอน ตอนที่คุณหลวงเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ รวมทั้งคำพูดตอนก่อนจากกันมา
    “ข้าเอ็นดูคนฉลาด” คำว่าเอ็นดูนี้ จะใกล้เคียงคำว่า “รัก” หรือไม่นะ เส็งนอนหน้าแดงในความมืดก่อนจะสลัดหัวแรงๆ ทิ้งความคิดนี้ออกไปจากสมอง แล้วนอนหลับไปด้วยความอิ่มเอมใจ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 9 19.50 - 13/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 13-10-2010 20:14:41
หวังว่าเส็งคงไม่เป็นอีเย็นนะ

ไม่อยากเสียน้ำตาอะ

ขอแบบรักสมหวัง :กอด1:

 :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 9 19.50 - 13/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 13-10-2010 21:35:19
คุณหลวงงงงงงงงงงงงงงงง
โรมองติกม๊าก
บวกให้ค่ะ อยากอ่านอีกๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 9 19.50 - 13/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: nuewanda ที่ 13-10-2010 21:41:57
ตอนต่อไป จะดราม่า จะอะไรก็ว่าไง

แต่สำหรับตอนนี้ ขอเก็บความโรมองติกให้ชื่นใจก่อน  :o8:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 9 19.50 - 13/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 13-10-2010 23:09:23
เหตุการข้างหน้าจะเป็นอย่างไรไม่รุ้แต่เหตุการตอนนี้มันหวานเข้าไปถึงอกถึงใจ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 9 19.50 - 13/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 14-10-2010 01:45:14

วุ้ย คุณหลวงเจ้าคะ
Incroyable !, chair contre la chair, c'est si romantique !!!!
๖๖ + ๑ = ๖๗
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky
Increíble! , c' ¡es tan romántico!!!!

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 9 19.50 - 13/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 14-10-2010 04:26:42
หวานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนสมกับที่ลอยคอ เอ้ย รอคอย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 9 19.50 - 13/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 14-10-2010 11:28:26
คุณหลวงนี่หวานจริงๆ อย่างนี้เส็งก็อายม้วนเลยซิเจอคำหวานเข้าจังๆแบบนี้
เรื่องนี้อ่านแล้วทำให้อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆจังค่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 9 19.50 - 13/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 14-10-2010 17:12:42
 :-[
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 9 19.50 - 13/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 14-10-2010 17:14:15
เย้มาต่อแล้ว  คิดถึงเส็งมากเลยค่ะ

ตอนนี้มันช่างหวานอะไรอย่างงี้คะเนี่ย

คุณหลวงทำเส็งนี่อายม้วนไปหายที  :o8:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 9 19.50 - 13/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: MM.Dog ที่ 14-10-2010 19:55:59
เพียงพักตร์หากเพ่งพิศ           ให้ดวงจิตวูบไหวหวาม
ยินเสียงยินเพียงนาม             ก็ชมชื่นรื่นหนักหนา
หากได้ตระกองกอด              กระซิบพรอดแนบอุรา
มิปล่อยให้คลาดคลา             กายาเจ้าเฝ้าฝันถึง

กาพย์นี้  น่าจะได้อารมณ์คุณหลวงกับเส็งนะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 9 19.50 - 13/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: talentcs ที่ 14-10-2010 20:34:26
มี กลอน มาอวด แต่จำเขามาอีกทีนะ  :laugh:

ด้วยรักและรักด้วย กลม้วยเพราะรักเมา
เยาวัยและวัยเยาว์ บ่มิทันจะรู้ที

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 9 19.50 - 13/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 14-10-2010 22:42:31
อร๊ายยยย  คุณหลวงงงง   :-[
หวานมั่ก ๆ เลยเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 9 19.50 - 13/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 16-10-2010 07:35:09
แวะมา+1 รอคุณหลวงกับเส็งเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 9 19.50 - 13/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 16-10-2010 22:19:00
มารอตอนใหม่ครับ  จะได้รู้ว่าจะหวานขนาดใหน
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 9 19.50 - 13/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 17-10-2010 19:47:38
มาแว๊วววว ปายต่อกันเลยยย อิอิ  :-[

***********************************************************************************************************

๑๐

    เจ้าคุณและคุณหญิง ไพศาลเสนีย์ จำเส็งได้เมื่อเขาลงไปต้อนรับที่ท่าน้ำ คุณหยาดอยู่ด้านหลังเจ้าคุณพ่อและคุณหญิงแม่ของหล่อน มองเส็งอย่างเอ็นดูแสดงว่าวันนี้อารมณ์ดี ทั้งบ้านแต่งตัวกันเต็มยศ คือเสื้อราชปะแตนกระดุมห้าเม็ด โจงกระเบนผ้าม่วง เจ้าคุณสวมหมวกกลม และถือไม้เท้าเดินอย่างคนมีอายุแล้ว ส่วนคุณหญิงไพศาลเสนีย์และลูกสาวมาใน เสื้อแพรไหมลายลูกไม้ แขนทรงหมูแฮม มีผ้าแพรพาด ประดับด้วยเข็มกลัดรูป ประจำตระกูล คนแม่สวมเสื้อสีขาวสะอาด โจงกระเบนสีนวลเดินเส้นทองสวย ส่วนลูกสาวมาในสีฟ้าอ่อน โจงกระเบนสีออกน้ำทะเล ดูสวยงามหากก็ไม่หรูหรามากนักเมื่อเทียบกับเวลาต้องรับแขกบ้านแขกเมือง หากเป็นอย่างนั้นทั้งสองแม่ลูกต้องประโคมเครื่องเพชรออกมาอวดสายตาชาวบ้านทุกครั้งไป
     พอขึ้นจากท่า เส็งและ เทิดทนายหน้าหอที่รออยู่แล้วก็ยกมือไหว้อย่างงดงาม ทั้งสามรับไหว้ก็ทักทายปราศรัยกันอย่างเป็นกันเอง
    “เรือนเทาของหลวงพินิจงามนัก เป็นบ้านทรงยุโรปแบบที่กำลังนิยมในหมู่พวกชาววัง ได้มาเห็นกับตาก็ปลื้มใจ”
    “จริงเจ้าค่ะคุณหญิงแม่ เรือนของคุณหลวงงามมาก ยิ่งด้านในนะเจ้าคะ แต่งเสียสวยเทียว” หล่อนเออออกับแม่ ก่อนจะหันมาพูดกับเส็ง “อ้ายเส็งมิได้เจอเสียนาน สุขสบายดีหรือเอ็ง”
    “ขอรับ” เส็งรับคำ “คุณหลวงเมตตาบ่าวมากขอรับ”
    เส็งไม่ได้เล่าให้ใครฟังว่า ทุกคืน หนุ่มน้อยต้องอยู่ข้างเตียงหลวงพินิจ คอยขับเสภาบ้าง อ่านหนังสือต่างๆให้คุณหลวงฟัง หลายครั้งคุณหลวงหลับเสียก่อนเส็งจึงกลับเรือนบ่าว บางครั้งคุณหลวงไม่หลับก็ชวนคุยอยู่เกือบเช้า ก่อนจะมาส่งบ่าวหนุ่มหน้าประตูเหมือนคราวแรก
    ที่ต่างไปจากคราวแรกคือ คุณหลวงและเส็งมิได้แตะเนื้อต้องตัวกันอีกเลย คุณหลวงให้เกียรติเส็งมาก แม้สรรพนามยังเปลี่ยนจาก “ข้า” มาเป็น “เรา” อย่างสนิทปาก
    “เราหลับฝันดีทุกคืนเพราะเส็ง”
    บ่าวหนุ่มมีความสุขมากเหลือเกิน มากจนไม่อาจเทียบกับตอนที่อยู่บ้านไพศาลเสนีย์ ไม่แม้แต่จะเทียบกับเมื่อครั้งอยู่บ้านของตนแถววัดสามปลื้ม คุณหลวงเอ็นดูเส็งจริงๆ นอกจากจะพูดคุยกันสนุกแล้ว เส็งยังได้เรียนภาษาฝรั่งกับคุณหลวง จนทุกวันนี้เจอหน้ากันต้องทักเป็นภาษาฝรั่งเสียก่อน แต่เส็งก็เรียนไปไม่ได้ไกลกว่านั้น เพราะภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่ยาก และไม่ใกล้เคียงกับภาษาสยามเลยแม้แต่น้อย
    เสียงของคุณหยาด ปลุกเส็งกลับออกมาจากความคิดที่ไปถึงคุณหลวงเสียแล้ว “ดีแล้วล่ะ อยู่สบายดีข้าก็อุ่นใจ”
    “ให้อยู่ที่นี่ จะลำบากได้อย่างไร” หลวงพินิจราชอักษร เดินออกมาต้อนรับเจ้าคุณ และ คุณหญิงด้วยตัวเอง ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ข้างหนุ่มตี๋ ก่อนจะยกมือไหว้ทักทาย ผู้ใหญ่ทั้งสองคน “เจ้าคุณไพศาลเสนีย์ คุณหญิง สบายดีหรือขอรับ”
    “สบายดี” เจ้าคุณตอบ “พ่อแม่เจ้ามาหรือยังเล่า คุณหลวง”
    “มาแล้วขอรับกำลังจะตามออกมาต้อนรับขอรับ” หลวงพินิจว่า “อ้าวนั่นอย่างไร มาพอดีเลยขอรับ”
    “เจ้าคุณไพศาล สบายดีหรือ” พระยาไพรัชกิจ เดินเข้ามาทักทายอย่างเป็นกันเอง ห้าหกคนพูดคุยกันจนสนุกแล้ว คุณหญิงไพรัชกิจก็เป็นคนกล่าวเชิญทั้งหมดไปชมเรือน แล้วค่อยไปยังโต๊ะอาหารเพื่อร่วมรับประทานอาหารกันตอนนั้น
    ไม่นาน ทั้งหกคนก็นั่งอยู่ในห้องอาหารของหลวงพินิจ เส็งเพิ่งได้เข้ามาอยู่ในห้องนี้นานๆ เป็นครั้งแรก เพราะโดยมากหลวงพินิจจะรับอาหารเช้าที่ศาลาริมสระบัว หากเป็นสำรับกลางวันหรือเย็น ก็จะรับที่เฉลียงหน้าบ้านมากกว่า ไม่ค่อยรับประทานอาหารที่ห้องอาหาร นานๆจะเปิดใช้เมื่อมีแขกสำคัญมา อย่างในวันนี้
    หัวโต๊ะเป็นพระยาไพรัชกิจ ถัดมาทางซ้าย คือเจ้าคุณไพศาลเสนีย์ คุณหญิงภรรยา และคุณหยาด ด้านขวาของพระยาไพรัชกิจ คือ คุณหญิงไพรัชกิจภรรยา ถัดมาคือลูกชาย มีหกคนบนโต๊ะอาหารเท่านั้น เส็ง แก้ว และ เทิด นั่งพับเพียบอยู่ไกลๆ คอยรับใช้
    นั่งคุยกันเรื่องสารทุกข์สุขดิบ ญาติพี่น้องฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ หลวงพินิจก็พยักเพยิดให้เส็งออกไปนำสำรับกับข้าวเข้ามา
    อาหารวันนี้ เป็นอาหารไทยเพราะมีเพียงคุณหลวงคนเดียวบนโต๊ะที่ชอบอาหารฝรั่ง เมื่อต้องการให้คนส่วนใหญ่พึงพอใจ จึงต้องจัดสำรับให้เอื้อต่อคนที่เหลือ แขกแต่ละคนจะมีจานข้าว ของตัวเองแลมีจานกับตรงหน้าเพื่อแบ่งกันกิน อาหารวันนี้มีหลากหลายไปตั้งแต่ ผัดผัก ยำใหญ่ น้ำพริกแมงดา ผักแนม แกงคั่วหมูใส่ระกำ แกงไก่ และ สุดท้ายคือแกงฟักที่เส็งอุตส่าห์ตั้งใจแกะสลักมาเป็นของดีของวันนี้เลยทีเดียว ของทุกอย่างคนในโรงครัวยกมาให้ที่หลังบ้าน แก้ว มะลิ และชิดจะเป็นคนยกมาที่โต๊ะ เว้นแต่อย่างสุดท้าย คือแกงฟักใส่ไก่ที่ เส็งเป็นคนยกมาให้เอง
    “อ้ายเส็งขอรับเจ้าคุณพ่อ คุณหญิงแม่ อ้ายนี่เห็นเหลาะแหละไม่เป็นท่า แต่ทำกับข้าวได้เก่งเทียวขอรับ” หลวงพินิจออกปากชม “วันนี้ ก็แกะฟักมาให้อย่างสุดฝีมือเทียวขอรับ”
    “ดีจริง” คุณหญิงไพรัชกิจว่า “เห็นแต่ผู้หญิง เดี๋ยวนี้บ่าวชายก็แกะเป็นแล้วด้วย เอ็งเรียนแกะฟักที่ใดอ้ายเส็ง”
    “แม่ของบ่าวสอนให้ขอรับ” เส็งตอบ “แม่เป็นนางข้าหลวงเก่าขอรับ”
    “อ้อ มิน่า”
    “เส็งมิใช่บ่าวไพร่ทั่วไปนะเจ้าคะ” คราวนี้แม่หยาดเป็นคนพูดขึ้นบ้าง “เส็งมันลูกเจาสัว แถมแม่เป็นนางข้าหลวงเก่า ที่มาเป็นบ่าวเพราะที่บ้านมันตายหมดเพราะไฟไหม้ ที่ลูกเคยเลี้ยงอยู่ที่บ้านไงเจ้าคะ”
    “อ้ออ้ายนี่เองหรือ” เจ้าคุณไพศาลว่า “สมัยอยู่เรือนโน้นก็แกะผลไม้ มาให้รับกันเสมอ มีแขกเหรื่อมาที่บ้านก็ให้มัน ช่วยดูแล”
    “เก่งขนาดนี้เทียวหรือ” คุณหญิงไพรัช ยิ้มอย่างเอ็นดู “น่าจะเอาไปไว้เรือนใหญ่นะแสง”
    แสงคงเป็นชื่อเก่าคุณหลวงกระมังเส็งมองผู้พูดอย่างฉงน พอเห็นคุณหลวงตอบก็เข้าใจว่าใช่อย่างนั้นจริงๆ
    “แล้วไปคุณหญิงแม่ ให้ลูกไว้ใช้เถิดครับ ที่บ้านโน้นคุณหญิงแม่คงยังพอดีบริวารเก่งๆบ้าง ที่นี่ถ้าไม่ใช่ยายนอมก็มีแต่เส็ง”
    แก้วส่งเสียง ฮึดฮัด เบาๆในคอเมื่อหลวงพินิจ ไม่เอ่ยชื่อหล่อน
    “แม่ก็พูดไปอย่างนั้น เอ็งก็เลี้ยงไว้เถิด เป็นคนสนิทได้ใช้งานคล่องๆ” คุณหญิงแม่ของคุณหลวงขำท่าทีหวงบ่าวของลูกชาย “เอ้า แล้วแกะลายอะไรมาหรือ อ้ายเส็ง”
    “เรื่องสังข์ทองขอรับ” บ่าวหนุ่มรูปจีนตอบ
    “รู้เรื่องนิทานของเราด้วยหรืออ้ายคนนี้”
    “น้อยไปซีขอรับ อ้ายเส็งอ่านหนังสือสยามออกด้วย ลูกเอามาฝึกมาสอนอยู่ ฉลาดนักขอรับ” หลวงพินิจยิ้มแก้มบานเมื่อได้พูดถึงเส็ง
    “เอ้าไหนขอดูหน่อยว่างแกะเป็นอย่างไรบ้าง” คุณหญิงว่า พลางตักชิ้นฟักในชามขึ้นมาไว้ที่จานแบ่ง “ชิ้นหนึ่งทรงครรภ์กัลยา คลอดลูกออกมาเป็นหอยสังข์ สวยเชียว อ้ายนี่มีฝีมือจริงละ คุณพี่ดูซีคะ”
    “สวยเสียจริงด้วย” เจ้าคุณไพรัชกิจพยักหน้า “ชิ้นสองต้องขับเคี่ยวเซซัง อุ้มลูกมายังพนาลัย เห็นแล้วไม่อยากกิน กลัวจะเสียของ”
    จากนั้นก็กลายเป็นเรื่องสนุกสนาน ของคนทั้งโต๊ะ ต่างคนต่างก็ตักชิ้นฟักขึ้นดู ท่องเนื้อความที่มักท่องจำกันขึ้นใจ เจ้าคุณไพศาลได้ “ชิ้นสามอยู่ด้วยยายตา ลูกยาออกช่วยขับไก่” คุณหยาด “ชิ้นสี่กัลยามาแต่ไพร ทุบสังข์ป่นไปกับนอกชาน” คุณหญิงไพศาลได้ “ชิ้นห้าบิตุรงค์ทรงศักดิ์ ให้รับตัวลูกรักมาจากบ้าน” ส่วนหลวงพินิจราชอักษรก็ตัก “ชิ้นหกจองจำทำประจาน ให้ประหารฆ่าฟันไม่บรรลัย” มาไว้ที่ถ้วยแบ่งของตน
    “เหลืออีกชิ้น ใครจะกินละทีนี้” เจ้าคุณไพศาลพูดขึ้นอย่างสนุกสนาน “เอาเป็นว่าใครท่องได้ก็ให้รับไป”
    “ชิ้นเจ็ดเพชฌฆาตเอาลูกยา ไปถ่วงลงคงคาน้ำไหล เป็นเจ็ดชิ้นสิ้นเรื่องอรทัย ใครใครไม่ทันจะสงกา นั่นหรือขอรับ” เส็งเผลอพูดขึ้น
    “เอ้า คนแกะตอบเองเสียแล้ว เอาไปกินเถิดเส็งข้ายกให้” เจ้าคุณไพรัชกิจหัวเราะถูกใจ “ได้ชื่นใจกินฝีมือของตัวเอง”
    “มิได้ขอรับ บ่าวแกะมาให้นายกิน มิบังอาจกินของนายดอกขอรับ”
   ทั้งโต๊ะหัวเราะกันสนุกสนาน
    “อ้ายนี่เข้าใจพูดนะ เอาเถิดให้ตาแสงกินก็แล้วกัน บ่าวคนสนิทมิใช่หรือ” คุณหญิงไพรัชว่า
    เส็งเขินจนต้องก้มหน้าเมื่อหลวงพินิจส่งสายตาอบอุ่นมาให้
   “ลูกจะอ้วนตายเพราะเส็งคนนี้แล้วขอรับ ทำอะไรมาให้แต่ละมื้อไม่เคยซ้ำกันเลย น่ากิน และอร่อยทุกครั้ง” หลวงพินิจว่า ก่อนจะตักฟักอีกชิ้นมาไว้ที่ชามของตน “และทุกครั้งก็จะกินไปเสียดายไป ด้วยมันสวยเสียเหลือเกินขอรับ”
    “นั่นซี แม่ก็ชักจะไม่อยากกินเหมือนกัน” คุณหญิงว่า แต่แล้วทุกคนก็กินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย และสนุกสนานในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะแกงฟักที่หมดเสียก่อนเป็นอย่างแรก
    พอถึงเวลาของหวาน เส็งก็ยกเงาะลอยแก้วออกมาให้บรรดาแขกทุกคน เงาะของเส็งนั้นคว้านไว้อย่างดี จึงไม่มีเปลือกเมล็ดติดมาด้วย กระนั้นก็ยังคงได้เนื้อเต็มเม็ด ไม่เหมือนเวลาแก้วทำที่มักจะไม่กว้านเนื้อทิ้งเกือบหมด ก็ติดเปลือกสากๆมาด้วย
     “เงาะลอยแก้วของเอ็งก็อร่อยดีไม่หวานแสบไส้เหมือนที่เคยกินคราวที่แล้ว” เจ้าคุณพ่อของคุณหลวงกล่าว
    ที่เคยกินคราวที่แล้ว เป็นฝีมือแก้ว หล่อนจึงนั่งตาขวางทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ อันที่จริง แก้วก็นั่งฮึดฮัดมาตลอดเวลาอาหารวันนี้ ด้วยความอิจฉาริษยาที่ไม่มีใครพูดถึงหล่อนเลยนั่นละ เส็งรู้ดีว่าแก้วทำอะไรไม่ได้เพราะตอนนี้ยังอยู่ต่อหน้านาย แต่พอกลับไปเรือนบ่าวละก็ได้มีอาละวาดแน่ๆ
    พอนายรับประทานอาหารเสร็จ บรรดาบ่าวก็ยกจานชามสำรับไปล้าง ไปเก็บที่เรือนบ่าว คุณหลวงส่งสายตาให้เส็งบุ้ยใบ้ไปทางห้องหนังสือ หมายความเป็นทำนองให้ไปรอที่ห้องหนังสือก่อน เส็งก็ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ก่อนจะออกจากห้องไป แก้วก็ส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ จนหนุ่มน้อยไม่อยากกลับไปเรือนบ่าวเลย กลัวจะถูกแก้วแกล้งอะไรเอาอีก
    
    คุณหลวงตามเข้ามาหาเส็งในห้องหนังสือในที่สุดเมื่อส่งเจ้าคุณพ่อ คุณหญิงแม่ และ คนบ้านไพศาลเสนีย์ กลับไปแล้ว เวลานั้นท้องฟ้าเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำเงินแก่แกมม่วงแล้ว บ่งบอกว่ารถพระอาทิตย์วิ่งพ้นขอบฟ้าไปเรียบร้อย บ่าวไพร่ผู้ชายเริ่มลงอาบน้ำอาบท่าที่คลองข้างๆนี้แล้ว หากเส็งยังนั่งรอคุณหลวงอยู่กับพื้นไม่ได้ไปอาบน้ำร่วมกับคนอื่นๆ ส่วนบ่าวผู้หญิงก็ออกจากตัวตึกใหญ่กลับไปยังเรือนบ่าวกันหมดเพราะถือว่าหมดเวลางานแล้ว ยามค่ำ คือยามที่หลวงพินิจต้องการความเป็นส่วนตัวและไม่มีบ่าวคนไหนจะเหลืออยู่บนเรือนเทาได้สักคน
    แน่นอนว่าเส็งอยู่เหนือไปจากกฏข้อนี้
    ทันทีที่หลวงพินิจก้าวเข้าห้องมา เส็งก็สังเกตได้ถึงสีหน้าทุกข์ใจของนาย หากแต่บ่าวหนุ่มไม่กล้าเอ่ยปากถาม ผู้เป็นนายก็เหนื่อยใจเกินกว่าจะเอ่ยปากบอก หลวงพินิจทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นข้างๆเส็งแทนที่จะนั่งบนตั่งไม้ นั่งใกล้จนเส็งสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากตัวของผู้เป็นนาย
    บ่าวหนุ่มกระถดตัวหนี ไม่อยากนั่งให้ชิดกับนายมากเกินไป จะหาว่ายกตนเสมอท่านได้
    “เส็ง อยู่ใกล้ๆเราก่อนได้ไหม” น้ำเสียงของหลวงพินิจแผ่วเบา เหนื่อยอ่อนอย่างคนมีเรื่องในใจ หากแต่เขาไม่อาจบอกใครได้ เพื่อนฝูงหรือก็ไปหาไม่ได้แล้วในเวลาค่ำขนาดนี้ เทิดก็กลับไปแล้ว มีเพียงเส็งเท่านั้นที่พอจะเป็นที่พึ่งทางใจของคุณหลวงหนุ่มได้

*******************************************************************************************************

ตอนหน้าก็หวานมากกก กว่านี้อีกครับ 555 อย่าเพิ่งเบื่อนะถ้าเลี่ยนเกินไป
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 17-10-2010 20:00:39
ยิ่งหวานยิ่งดี
บอบช้ำกับการตัดฉาก บ่อยมากมาย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 17-10-2010 20:26:09
ชอบบรรยากาศในเรื่องนะคะ ละมุนๆดี แต่ชักกลัวใจคนในเรื่อง :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 17-10-2010 20:30:28
มาต่อแล้วววววววววววว
ดีใจงุงิ
ชอบเรื่องนี้จังเลย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: nuewanda ที่ 17-10-2010 20:34:38
โอย..........มีหวานกว่านี้อีกเหรอค่ะ รอๆๆๆๆ 5555555++++

หูย.......คุณหลวงเจ้าคะ เก็บอาการปลื้มอ้ายเส็งไม่มิดเลยทีเดียวนะเจ้าคะ

คำก็เส็ง สองคำก็เส็ง ถ้าเค้าเป็นนังแก้ว เค้าก็อดอิจฉาไม่ได้เหมือนกันแหละ คิกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบ$
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 17-10-2010 20:39:35
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยิ่งอ่านยิ่งชอบ  โดยเฉพาะที่เป็นตอนของคุณหลวงกับเส็ง
+1
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: pu4755 ที่ 17-10-2010 20:40:40
หวานจนมดขึ้นก็ไม่เลี่ยนจ้า   :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 17-10-2010 20:58:39
ยิ่งอ่านยิ่งเพลิดเพลิน เห็นภาพตาม
สอดแทรกวรรณคดีบ่อยๆ ด้วย  อ่านแล้วมีความสุข

จัดหวานๆ มาให้มากๆ เลยยิ่งดีครับ จะเอาเก็บไว้อมตอนที่ต้องขมกลืน
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 17-10-2010 21:30:30
คุณหลวงถูกเร่งแต่งงานละสิ น่าสงสาร
รอซึมซับความหวานตอนหน้าค่ะ ก่อนมาม่าจะมาเสริฟ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 18-10-2010 02:18:46
หวานแล้วมีจ๊ะทิงจากันไหมอะคะ

5555555555555555555+
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 18-10-2010 02:39:19

ว้าย สงสัยจะเป็นเรื่องคุณนายหยาด  :monkeysad:
๖๙ + ๑ = ๗๐
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 18-10-2010 06:56:17
คุณหลวงชมเส็งไม่ขาดปากอย่างนี้เป็นใครก็อิจฉา อิอิ ช่วงนี้หวานมากๆแล้วเวลาเศร้านี่คงน้ำตาท่วมจอแน่ๆ
ช่วงนี้ต้องเติมความหวานเผื่อไว้ เวลาขมจะได้ไม่เศร้ามาก
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 18-10-2010 18:03:26
คุณหลวงเอ่ยชมเส็งไม่ขาดปากเลยนะคะ

สงสัยต้องเตรียมยาฉีดไล่มด เพราะยิ่งอ่านยิ่งหวานนนนนน

ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 18-10-2010 19:25:44
คุณหลวงก็นะ ชมเส็งไม่ขาดปากเลย

กลัวเค้าไม่รู้หรอค่ะว่าคนของตัวเองเก่งขนาดไหน  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: Lesses ที่ 18-10-2010 19:58:09
ชอบ ชอบ เนื้อเรื่องสนุก มาต่อเร็วๆนะครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: talentcs ที่ 18-10-2010 20:16:55
อาเส็ง ลื้อจะเด่นเกินงามแล้วน้า
กร๊าก กร๊าก
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 18-10-2010 21:34:38
เอาใจช่วยคุณหลวง
เส็งเป็นแม่บ้านแม่เรือนอย่างนี้
อย่าให้หลุดมือนะคุณหลวง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 18-10-2010 22:11:38
สงสารทั้งคุณหลวง และ เส็ง

ขอหวานๆ เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ด้วย

บางครั้ง หัวใจ กับ ความเหมาะสม
ก็ไม่ได้ไปในทางเดียวกันเสมอไป

ขอบคุณไรเตอร์ รอตอนหวานต่อไป



หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 19-10-2010 09:34:57
อยากอ่านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน นั่งดูมาลัยสามชายแล้วนึกถึงเลยอ่ะ แบบว่าบรรยากาศมันพาไปได้เลย อิอิ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: lovehyukjae ที่ 21-10-2010 00:04:07
มารายงานตัวเป็นแฟนคลับเรื่องนี้ค่ะ
หุหุ ชอบแนวย้อนยุคแบบนี้มากค่ะ
ตอนนี้หวานก็ไม่เป็นหรอก
หวานกำลังดี ซดคล่องคออยู่ อิอิ
รีบมาต่อเร็วนะค่ะ


พีเอสสึ.มีเกร็ดมาฝาก คือคำว่าโรแมนติกในภาษาฝรั่งเศสไม่ได้เขียนแบบภาษาอังกฤษนะค่ะแต่จะเขียนแบบนี้
Romantique และวิธีอ่านก็จะไม่เหมือนกับภาษาอังกฤษด้วย อย่างคำนี้จะอ่านว่า
Romantique โค-มอง-ติ-เก้อะ
เพราะตัว R ในภาษา ฝรั่งเศส อ่านออกเสียงด้วย "ค.ควาย" ไม่ใช่ "ร.เรือ"ค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: oattie ที่ 21-10-2010 06:50:58
ในที่สุกก็ตามทันแล้วค่ะ
หวานมาก
รออ่านตอนต่อไปค่ะ 
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 21-10-2010 07:05:12
เข้ามารอ อีก อิอิ อยากอ่านมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: viky_mama ที่ 21-10-2010 12:06:27
ชอบเรื่องนี้จังเลย อ่านรวดเดียวเลย 10 ตอน

ชอบมาก โดยเฉพาะตอนย้อนอดีต มันดูละมุนละไม มีเสน่ห์แบบไทยๆ ดีจัง  :impress2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 21-10-2010 16:48:44
แวะมาคิดถึงเส็ง

อยากอ่านต่อแล้ว ^^
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 21-10-2010 19:30:45
คิดถึงเส็งอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 21-10-2010 21:47:11
แค่นี้ก็ว๊านหวานนนน ตอนหน้ายังหวานกว่านี้อีก อู๊ยยยย :-[
คุณหลวงเอ็นดูเส็งมากๆนะเจ้าคะ อิอิ
รออ่านตอนต่อไปค่าาา :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 10 !!! 19.45 - 17/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 21-10-2010 22:22:39
มีเรื่องต้องขออภัยอย่างแรงกล้าครับ
ระยะเวลาที่คุณหลวงจะแต่งกับหยาด*ตอนนั้นคือ "สิ้นปี" นะครับ ไม่ใช่ "สิ้นเดือนนนน" ผมพิมผิด+เข้าใจผิดไปเองเลยครับ ขอโทษด้วยยยยยนะคร้าบบให้อภัยผมเถอะ
ตอนแรกว่าจะเออออ ยอมให้เป็นสิ้นเดือนไป แต่ก็มีผลต่อพล็อตตอนหลัง ฉะนั้นเปลี่ยนเป็น "สิ้นปี = ประมาณ 3-4 เดือนนะครับ"

ไปต่อกันนะครับ

********************************************************************************************************
    “เส็ง อยู่ใกล้ๆเราก่อนได้ไหม” น้ำเสียงของหลวงพินิจแผ่วเบา เหนื่อยอ่อนอย่างคนมีเรื่องในใจ หากแต่เขาไม่อาจบอกใครได้ เพื่อนฝูงหรือก็ไปหาไม่ได้แล้วในเวลาค่ำขนาดนี้ เทิดก็กลับไปแล้ว มีเพียงเส็งเท่านั้นที่พอจะเป็นที่พึ่งทางใจของคุณหลวงหนุ่มได้
    น้ำเสียงและสายตา ทำให้เส็งเลื่อนตัวกลับมายังที่เดิม หลังพิงตั่งไม้ไว้เหมือนคุณหลวง ต้นแขนอิงกันอยู่อย่างโหยหาความอบอุ่น
    “เราไม่รู้จะพูดกับใคร พูดไปก็ไม่มีใครเข้าใจ”
    เส็งไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดปลอบโยนอะไรหรือเปล่า จึงได้แต่นั่งนิ่ง มองหน้าคุณหลวงหนุ่มอย่างให้กำลังใจ แต่ไม่ได้กลั่นกรองออกมาเป็นคำพูดเท่านั้น
     คุณหลวงเองก็นั่งมองหน้าเส็งอยู่นานจนเส็งกลัวว่าหลวงพินิจจะร้องไห้โฮออกมาให้เขาเห็นหรือไม่ แต่หลังจากมองหน้ากันในความเงียบเป็นเวลานาน หลวงพินิจก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
    “เส็ง เราขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม”
    “ได้ขอรับ” เส็งตอบอย่างไม่หยุดคิดแม้แต่น้อย “หากเป็นความต้องการของคุณหลวง บ่าวทำได้ทุกอย่างขอรับ”
    “ขอบใจมากนะ เราขอให้เส็งช่วยอยู่เป็นเพื่อนเราได้ไหม”
    เส็งสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถาม
    “ขอรับ”
    “ขอบใจเอ็งมากนะ” หลวงพินิจบีบมือเส็งเบาๆ ทำเอาใจของบ่าวเต้นไม่เป็นจังหวะ หลวงพินิจลุกยืน เส็งจึงลุกตาม “อาบน้ำเสียที่นี่เถอะ เปลี่ยนผ้าของเราไปก่อน เอ้อ แล้วไม่ต้องบอกว่ามิบังอาจอีกนะ ถือว่าเป็นคำขอร้องของเรา ทำได้ไหม”
    “ขอรับ” เส็งอายจนหน้าแดง เมื่อหลวงพินิจเดินขึ้นบ้านไปชั้นสอง บ่าวหนุ่มก็ตามไป เข้าไปถึงในห้องนอนเหมือนที่เคยเข้ามาแล้วบ่อยๆ หากครั้งนี้ คุณหลวงหนุ่มเปิดประตูห้องน้ำให้บ่าวหนุ่มเข้าไปอาบ
    “หมุนตรงนี้ น้ำจะไหลมาตามท่อ เปลี่ยนผ้าของเราวางไว้ตรงนี้นะ ตามสบาย เรามีเรื่องอยากจะระบายเสียหน่อยหวังว่าเส็งจะไม่ขัดข้อง”
    “คุณหลวงขอรับ”
    “ว่าอย่างไร”
    เส็งอายเกินกว่าจะพูดออกมาตรงๆแต่ก็รวบรวมแรงใจ ก้มหน้าน้อยๆ พูดด้วยเสียงอายๆว่า “บ่าวไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร แต่หากบ่าวจะช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของคุณหลวงมาได้ บ่าวก็เต็มใจขอรับ”
    หากหลวงพินิจทำได้ จะดึงตัวบ่าวหนุ่มน้อยมากอดไว้ในอ้อมแขน แล้วซุกจมูกเข้าหอมแก้มเนียนนุ่ม กอดตระคองไว้อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย อยากจะพูดขอบใจเส็งเป็นร้อยครั้ง ที่บรรเทาความหนักใจของเขาไปได้บ้างคุณหลวงหนุ่มได้แต่คิด ไม่อาจทำอย่างที่ใจคิดได้ ฐานะของเขาและเส็งต่างกันราวฟ้ากับดิน อีกทั้งยังเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ หลวงพินิจไม่อาจทำอย่างใจได้ อย่างดีที่สุด คือตักตวงความสุขเล็กๆน้อยๆนี้จากเส็งไปวันๆเท่านั้น จะให้บอกรักกันย่อมทำไม่ได้ ให้เป็นคู่รักอย่างเปิดเผยก็ย่อมไม่ได้อีกเช่นกันหลวงพินิจหนักใจ แม้ต้องการกำลังใจจากบ่าวหนุ่มแค่ไหน ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้
    อีกเพียงหนึ่งสี่เดือนเท่านั้นเขาจะต้องแต่งงานกับหยาด และจะไม่มีโอกาสใกล้ชิดกับบ่าวหนุ่มอย่างนี้อีกแม้จะยังอยู่ในบ้านเดียวกันก็ตาม
    คงไม่ได้นั่งคุยกันในห้องนอนนานๆ คงไม่ได้ฟังเสียงอ่านหนังสือ หรือขับเสภาให้ฟังอีก อาหารการกินก็คงไม่ได้กินฝีมือเส็ง หากแม่หยาดได้เป็น “ภรรยา” ของเขาแล้ว หน้าที่ทั้งหมดนี้ย่อมตกเป็นของหล่อนแต่เพียงผู้เดียว
    คุณหลวงหนุ่มส่งยิ้มให้เส็ง ก่อนจะบีบแขนบ่าวหนุ่มเบาๆ พร้อมพูดขอบใจเท่านั้น คุณหลวงก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ปล่อยให้เส็งอาบน้ำไป

    “หิวหรือเปล่า” หลวงพินิจถามเมื่อทั้งเส็งและตนอาบน้ำเสร็จแล้ว
    “บ่าวยังไม่ได้กินข้าวเย็นขอรับ”
    “จริงด้วย เราลืมไปเลยขอโทษนะเส็ง เดี๋ยวลงไปดูข้างล่างว่าพอมีอะไรให้กินหรือเปล่า ค่ำแล้วที่เรือนบ่าวคงไม่มีอะไรเหลือแล้วกระมัง” คุณหลวงว่าแล้วก็ออกจากห้องลงไปในห้องครัวแบบฝรั่งของตน กลับมาอีกครั้งพร้อม อาหารรูปร่างแปลกๆ คล้ายขนมปังหากแต่เป็นรูปรี เหมือนไข่ ใส่จานเล็กๆมาสามสี่ชิ้น และนมสดอีกแก้วโต
    คุณหลวงหนุ่มเคยให้เส็งดื่มนมโค ก็พบว่าบ่าวหนุ่มชอบเหลือเกิน ไม่บ่นว่าเหม็นเหมือนใครคนอื่น
    “ขนมฝรั่งกุฎีจีน  เมื่อกลางวันไปทำธุระแถวบางรัก ซื้อมากินบนเรือ เหลือมาไม่กี่ชิ้นก็เลยเก็บไว้เผื่อหิวดึกๆ หวังว่าจะกินได้นะเส็ง” หลวงพินิจวางอาหารไว้ที่โต๊ะหัวเตียง
    แล้วจึงขึ้นเตียงนอนเปลือยอก นอนอบนเตียงใหญ่นั้น บ่าวหนุ่มนั่งพับเพียบอยู่ริมหัวนอน ใบหน้าห่างกันเพียงไม่กี่คืบ แต่ใกล้กว่านั้นไม่ได้แล้ว ดื่มนมโคด้วยความกระหาย ก่อนจะชิมขนมฝรั่งที่ว่า
    “อร่อยขอรับ”
    “ดีแล้ว” หลวงพินิจหัวเราะ “ให้กินอะไรก็อร่อยไปหมด ไม่เคยเห็นบ่นว่าอะไรไม่อร่อยสักทีนะเส็ง”
    “บ่าวกินง่ายขอรับ อะไรก็อร่อยทั้งนั้น ตอนอยู่วัดหลวงตามีอะไรก้นบาตรก็ต้องกินอย่างนั้น เลือกมากก็อดตายขอรับ”
    หลวงพินิจ นั่งมองหน้าหนุ่มน้อยในแสงสลัวของโคมไฟ หากเส็งเป็นสตรี หลวงพินิจจะแต่งเป็นเมียแล้วเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีทีเดียว อาหารการกินอะไรว่าอร่อยจะหามาเลี้ยงให้สบาย จะพาไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาให้สมกับความเป็นคนดี แต่ด้อยโอกาสอย่างเส็ง แต่เส็งเป็นชาย หลวงพินิจจึงทำอย่างนั้นไม่ได้ อย่างมากเท่าที่ทำให้ เส็งก็สบายกว่าบ่าวคนอื่นๆอยู่มากแล้ว
    “เราหนักอกเหลือเกินเส็ง” คุณหลวงรำพัน
    “คุณหลวงกรุณาเล่าให้บ่าวฟังเถิดขอรับ อย่างน้อยให้บ่าวได้แบ่งเบาความทุกข์ของคุณหลวง สมกับที่คุณหลวงเมตตาบ่าวมาตลอดด้วยเถิดขอรับ”
    หลวงพินิจ ถอนใจก่อนจะตัดสินใจเล่าเหตุการณ์ในห้องอาหารหลังจากที่หนุ่มน้อยออกจากห้องมารอที่ห้องหนังสือให้เส็งฟัง บ่าวหนุ่มน้อยก็นั่งกินไปฟังไปอย่างเห็นใจ
     “เราไม่ได้รักแม่หยาดเลยแม้แต่น้อย” หลวงพินิจเปรยด้วยความอัดอั้นตันใจ “เจ้าคุณพ่อ กับคุณหญิงแม่เห็นดีเห็นงามให้เราแต่งงานกับคุณหยาดเพราะเจ้าคุณพ่อสนิทกันกับเจ้าคุณไพศาล อีกอย่างเรากับหยาดรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว ยิ่งเป็นข้ออ้างของคุณไพศาลที่อยากให้ลูกสาวเป็นฝั่งเป็นฝาไปเสีย จึงหมั้นเรากับแม่หยาดไว้”
    หลวงพินิจไม่ได้มองหน้าเส็งหากแต่จ้องมองเพดานห้องนอนราวกับว่ามันน่าสนใจเสียเหลือเกิน
    “สิ้นปีเราต้องเข้าพิธีแต่งงานแล้ว อีกหน่อยแม่หยาดคงมาอยู่ที่นี่” หลวงพินิจกลืนคำว่า อีกหน่อยคงไม่ได้อยู่ใกล้เส็งมากถึงเพียงนี้ ลงคอไปได้ทันก่อนได้พูดออกมา
    “ถึงคุณหลวงไม่ได้รักคุณหยาด บ่าวก็ไม่เห็นเป็นเรื่องไม่ดีตรงไหนนี่ขอรับถ้าคุณหลวงจะแต่งงานกับเขา นอกเสียจาก...” เส็งก้มหน้านิ่ง เกือบจะไม่กล้าพูดประโยคต่อไปนั้นออกมา “...นอกเสียจากคุณหลวงจะรักใครอยู่แล้ว”
    หลวงพินิจหันหน้ามามองบ่าวหนุ่มคล้ายจะให้ดวงตามองถึงความในใจ เสียงเงียบบางครั้งก็เป็นเสียงที่ไพเราะที่สุด หากความเงียบนั้นเกิดขึ้นจากความอุ่นใจของผู้สื่อและผู้รับ เนื่องด้วยสิ่งนั้นไม่อาจกลั่นออกมาเป็นคำพูดได้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว หลวงพินิจก็เอ่ยขึ้นเบาๆ
    “ก็คงเป็นอย่างนั้น”
    เส็งอยากจะเงียบ แต่บังเอิญปากกับใจทำงานไปก่อนสมอง บ่าวหนุ่มจึงโพล่งขึ้นมาว่า
    “ใครหรือขอรับ”
    หลวงพินิจราชอักษร ขวยเขินเกินกว่าจะมองหน้าบ่าวหนุ่มได้ เขาพลิกตัวหันหลังให้เส็งก่อนจะกล่าวเบาๆว่า “ข้าคิดว่าคนที่ข้ารักคงพอรู้ตัวอยู่บ้าง หากแต่เขาคงไม่มั่นใจ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ถาม”
    เงียบอีกครั้ง หากแต่ยาวกว่าครั้งแรก
    ที่ต่างฝ่ายต่างเงียบ เพราะต่างก็มีเรื่องอยู่ในใจ คุณหลวงกลัว กลัวว่าหากเส็งไม่คิดแบบตน จะพาลกลัวเสีย คิดว่าเขาเป็นพวกวิปริตหรือคิดล่วงเกินบ่าวไพร่ให้สนุกใจไปเท่านั้น ไม่ได้จริงจังกับเขาอย่างที่หลวงพินิจเป็น อีกคนหนึ่งกลับคิดเข้าข้างตัวเอง ดีใจเกือบจะถามขึ้นมาว่า “ใช่อ้ายเส็งคนนี้หรือเปล่าขอรับ” แต่ก็ได้แต่คิดเท่านั้นไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะอีกใจก็ยังกลัวอยู่ว่า ความสนิทสนมเอ็นดูที่คุณหลวงมีให้นั้นเป็นเพียงแบบ “ผู้ใหญ่ เอ็นดูเด็ก” เท่านั้นไม่ได้มีอะไรเกินเลยอย่างที่เขาคิด คนที่คุณหลวงพูดถึง อาจไม่ใช่เขาเลยก็ได้ หากวู่วามไปเส็งก็กลัวว่าหลวงพินิจจะเห็นเขาเป็นคนวิปริตผิดเพศ พาลไล่ออกไปจากบ้านเสีย เขาก็จะไม่มีที่อยู่เท่านั้น ซ้ำคงจะเสียใจไปจนตายอีกด้วย
     คนที่ทำลายความเงียบเป็นคนแรก ก็คือคุณหลวงอีกแล้ว เขาพลิกตัวช้าๆมาหาบ่าวหนุ่มก่อนจะถามว่า
    “อร่อยหรือเปล่า ขนมฝรั่งนี่”
    “ขอรับ” เส็งรับคำเบาๆ “คุณหลวงถามไปแล้ว บ่าวก็ตอบแล้วขอรับ”
    หลวงพินิจหัวเราะเบาๆ ดูเหมือนเส็งจะเป็นคนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกหลายสิ่ง หลายอย่างในเวลาเดียวกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ขนาดนี้
    “จริงซีนะ พอพูดเรื่องแม่หยาดก็ลืมไป” คุณหลวงยกแขนขึ้นตั้ง แล้วเอาหัวหนุนมือไว้มองหน้าบ่าวหนุ่มด้วยความรัก และเอ็นดู “สัปดาห์หน้า เราจะออกหัวเมืองกับเจ้าคุณพ่อ คุณหญิงแม่ แล้วก็บ้านไพศาลเสนีย์ อยากให้เอ็งติดตามไปด้วย แต่เจ้าคุณพ่อไม่ยอม”
    หลวงพินิจนึกถึงตอนอยู่ในห้องอาหาร
    “สัปดาห์หน้า แขกฝรั่งจะเดินทางไปเที่ยวหัวหิน เราจะไปด้วยกันทั้งหมด ลูกจะต้องช่วยพูดภาษาฝรั่ง และดูแลพวกนั้นด้วย ให้เทิดมาบอกแล้ว คงไม่ขัดข้องกระมัง”
    “ไม่ขัดข้องขอรับคุณพ่อ”
    “ดีละ แม่หยาดไปด้วยก็จะได้ถึงว่าเที่ยวด้วยกันป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ต่างฝ่ายจะต่างไปเตรียมตัวสำหรับงานแต่ง”
    “งานแต่งหรือขอรับ” หลวงพินิจแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
    “ใช่” คราวนี้คุณหญิงไพรัชกิจเป็นคนเอ่ยขึ้น “แม่ไปหาฤกษ์ไว้แล้ว ได้สิ้นปีนี้พอดีจ้ะ”
    “แต่” หลวงพินิจรีบหาเรื่องบ่ายเบี่ยง ปัดให้วันแต่งเลื่อนออกไปอีก “เรือนหอล่ะขอรับคุณแม่ ลูกยังไม่ได้ให้สร้าง...”
    “จะต้องไปสร้างทำไม” พระยาไพศาลเสนีย์ว่า “ก็ตกแต่งที่นี่ให้เป็นเรือนหอเสียซี บ้านก็สวย เพิ่งสร้างเสร็จไม่กี่ปี เราแต่งกันเพราะหวังให้ได้เป็นทองแผ่นเดียวกันทรัพย์ศฤงคาร ต่างก็มีกันอยู่แล้วไม่ได้ต้องการอะไรจากพ่อแสงอยู่แล้ว”
    “แต่ทางเราก็พร้อมให้เงินสินสอดทองหมั้นเต็มที่นะคะ” คุณหญิงว่า “ให้สมศักดิ์ศรีลูกสาวพระยาไพศาลเสนีย์ งานแต่งก็จัดให้ยิ่งใหญ่สมฐานะ เพียงแต่ไม่ปลูกเรือนหอใหม่เท่านั้น เอ เราก็เคยคุยกันแล้วนะลูก เพราะหนูหยาดเคยบอกว่า หนูชอบบ้านทรงฝรั่งแบบนี้ใช่ไหมจ๊ะ”    
    “เจ้าค่ะ บ้านนี้สวยจริงๆเจ้าค่ะ” หยาดก้มหน้าด้วยความเขินอาย จะด้วยเสแสร้งหรืออายจริงคุณหลวงก็ไม่อาจรู้ได้
    “ขอรับ” คุณหลวงก้มหน้ารับคำเงียบๆ “สัปดาห์หน้าเดินทางกันทางเรือหรือ...”
    “ไม่ละ เราไปรถไฟ” เจ้าคุณพ่อของเขาเป็นคนตอบ “แม่หยาดไม่เคยนั่ง คงตื่นเต้นวี้ดว้ายตามประสาผู้หญิง”
    หลวงพินิจไม่สบตาใคร แต่ก็พูดขึ้นว่า
   “คุณพ่อขอรับ ลูกขอให้เส็งติดตามไปด้วยได้หรือไม่ขอรับ”
    “ลูกคนนี้ ได้อย่างไรเล่า ลูกเจ๊กลูกจีน เอาไปรับหน้าแขกต่างชาติ กิริยามารยาทมันก็ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาเหมือนเราคนสยาม ได้ขายหน้าเขาพอดี” คุณหญิงแม่ของเขาว่า
    “แต่เส็งมันมารยาทดีขอรับ บ่าวไม่เอาไปรับแขกแต่เอาไว้ใช้งานแบ่งเบาภาระขอรับ”
    “อ้ายเทิดก็ไปนี่ลูก จะเอาเส็งไปอีกทำไม” เจ้าคุณพ่อเป็นคนกล่าว “พ่อไม่เห็นความจำเป็นที่จะให้บ่าวคนนี้ไปด้วย ถึงมันจะมีฝีมือ หรือฉลาดแค่ไหน พ่อก็ว่าเทิดมีพร้อมสมบูรณ์กว่ามัน คล่องแคล่วกว่า ใช้งานได้ดีกว่า เอาไปก็เปลืองค่าที่พักเปล่าๆ”
    เป็นอันว่า ถ้าเจ้าคุณพ่อพูดอย่างไร ลูกก็คงต้องทำตามไปอย่างนั้น จะโต้เถียงด้วยไม่ได้เด็ดขาด

    “ไปหลายวันอยู่ คงไม่ได้เจอเส็งนานทีเดียว” หลวงพินิจว่า “อ้อ พรุ่งนี้จะไปทำธุระที่บางรักแต่เช้า งานการอะไรต้องทำให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเดินทาง ไว้ซื้อกับข้าวฝรั่งเข้ามาแล้วสอนเส็งทำซุปดีไหม”
    “ขอรับ” เส็งตาโตเมื่อได้ยินคำว่ากับข้าวฝรั่ง รู้ถึงไหนได้อิจฉาถึงนั่น หากใครรู้ว่าเส็งทำกับข้าวฝรั่งเป็น “แต่ ซุปนี่มันอะไรหรือขอรับ”
    หลวงพินิจหัวเราะลงลูกคอเบาๆ
   “ซุปก็เหมือนแกงนั่นละเส็ง” นายบ่าว ลุกขึ้นนั่งเบื่อได้ยินเสียงระฆังดังบอกเวลา “สองยามแล้วหรือ เห็นจะต้องนอนละ เส็งนอนบนตึกใหญ่นี่แหละ เช้าค่อยกลับไปเรือนบ่าว เราอนุญาต”
    เส็งทำหน้าตกใจ
    “ไม่ดีกระมังขอรับ บ่าวคนอื่นจะหาว่าอ้ายเส็งหนีหายไปไหน”
    “ก็ใครลองมาหาว่าอะไรเส็งซี เราจะจัดการให้เอง” หลวงพินิจยิ้ม “นอนเสียที่นี่เถอะ ข้างนอกมืดมากแล้ว เดินกลับเรือนบ่าวไป กลัวงูเงี้ยวจะกัดเอา ไม่ได้เอาตะเกียงมาด้วยมิใช่หรือ”
    “ขอรับ”
    “นอนเสียเถอะ ถ้าเกรงใจก็ไปนอนที่ตั่งข้างนอกก็ได้ เราอนุญาต”
    “ขอรับ ขอบพระคุณคุณหลวงมากขอรับ” เส็งกล่าว “ถ้าอย่างนั้นบ่าวไปนอนแล้วนะขอรับ เดี๋ยวคุณหลวงจะตื่นไปแต่เช้าไม่ไหว จะให้บ่าวปลุกไหมขอรับ”
    “ถ้าเส็งตื่นก่อนเราก็ปลุกเถิด ถ้าไม่ตื่นก็ไม่ต้อง” เขาว่า ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ดึงผ้าแพรบางเบามาห่มให้พอสบายเนื้อสบายตัว มองบ่าวหนุ่มเดินออกจากห้องไป
 
    เส็งรักคุณหลวงแล้วหรือนี่ บ่าวหนุ่มพลิกตัวบนตั่งไม้ จะเป็นไปได้หรือไม่ที่คุณหลวงก็จะรักอ้ายเส็งคนนี้เหมือนกัน หนุ่มน้อย นอนคิดฟุ้งซ่านจนไม่สามารถข่มตาให้นอนได้ เป็นไปไม่ได้เส็ง เขาเป็นนายเราเป็นบ่าว เขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว เขาไม่ได้สนใจเราหรอก
    แล้วคำพูดที่มั่นเคยพูดถึงแก้วก็ดังก้องขึ้นในหัวของเขาราวกับเจ้าตัวมากระซิบบอกข้างๆอีกครั้ง “หงส์ทองหรือจะปองห่านดิน” หากคุณหลวงเป็นหงส์ทอง และแก้วเป็นห่านดิน เส็งเล่าจะเป็นอะไร ถ้ามิใช่ลูกเป็ดเดินต็อกแต็กไปมา ไม่ได้น่ามองแม้แต่น้อย
    ลูกเป็ดไม่ได้รู้เลยว่า หงส์ทองนั้นปองลูกเป็ดตัวนี้แต่ผู้เดียว จะเป็นห่านดิน หรือพญาอินทรีตัวใดก็ไม่มีความหมายใดสำหรับเขาเลย ลูกเป็ดไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากลางดึกคืนนั้น หงส์ทองผู้สูงส่งเดินออกมาจากห้องแล้วเอาผ้าแพรผืนบางเบาสบายที่เขาให้ห่มทุกวันนั้น คลุมร่างที่นอนขดด้วยความหนาวสั่นของลูกเป็ดน้อยด้วยความรัก และห่วงใยเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจ ก่อนจะเป็นฝ่ายกลับไปนอนหนาวสั่นในห้องนอนของตนเสียเอง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 10 !!! 22.20 - 21/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 21-10-2010 22:28:48
จิ้มไรเตอร์ค่า

อร๊างงงงงงงงงงงงงงงงงงงง หว้านหวานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน


จะหวานไปอีกนานไหมหละหนอ  แล้วจะมีจ๊ะทิงจา ของเส็งกับคุณหลวงไหมคะ


5555555+ไม่หื่นเลยเรา

+1เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 10 !!! 22.20 - 21/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 21-10-2010 22:43:21
มองไม่เห็นอนาคตของคู่นี้เลยอ่า ได้กลิ่นไร้ท์เตอร์ต้มมาม่า ฮืออออออออออ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 10 !!! 22.20 - 21/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 21-10-2010 22:50:49
โชคดีจังที่วันนี้ได้อย่างอย่างรวดเร็ว อิอิ :z1:
เฮ้อออ ก็หวานกันไปตามอัตภาพ หงษ์ทองกับลูกเป็ด ใช่ว่าจะผสมข้ามพันธุ์ไม่ได้นี่คะ (?)
ความรักหนอ ไม่เลือกจริงๆว่าจะเกิดขึ้นกับใคร โอ๊ยยย ไปแอบต้มมาม่าซดก่อน เศร้าๆๆๆๆ :o12:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 10 !!! 22.20 - 21/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 22-10-2010 01:22:04

๗๓ + ๑ = ๗๔
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 10 !!! 22.20 - 21/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 22-10-2010 07:42:43
ดูท่าแล้วคงจะสมหวังได้ยากนะครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 10 !!! 22.20 - 21/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 22-10-2010 10:45:44
เมื่อไร ถึงจะได้รู้ใจกันล่ะเนี่ย

และท่าทาง จะมีแต่อุปสรรค  :เฮ้อ:

เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์นะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 10 !!! 22.20 - 21/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 22-10-2010 11:20:33
 :o8:
อ่านละใจละลาย อยากได้หงส์ทองแบบนี้บ้างจัง  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 10 !!! 22.20 - 21/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 22-10-2010 12:09:37
 :monkeysad: ชีวิตรักที่รันทด
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 10 !!! 22.20 - 21/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 22-10-2010 16:34:58
ความหวานปนความเศร้า  :monkeysad:

รักครั้งนี้ช่างรันทดนัก สงสารเส็งกะคุณหลวงมากเลยค่ะ

เป็นกำลังใจให้ เส็ง คุณหลวง แล้วก็คนแต่งด้วยจ้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 10 !!! 22.20 - 21/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: viky_mama ที่ 22-10-2010 21:22:26
หวานละมุนละไมจังเลย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 10 !!! 22.20 - 21/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 22-10-2010 21:27:23
หวานแต่ซ่อนขมมาแล้ว
ความรักที่ไม่สมหวังเหรอ  น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 10 !!! 22.20 - 21/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 23-10-2010 00:02:05
มันหวานปนเศร้าอย่างไรชอบกลนะ 
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 10 !!! 22.20 - 21/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 23-10-2010 08:13:07
น่าสงสารคุณหลวง
น่าสงสารเส็งด้วย  :เฮ้อ
 :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 10 !!! 22.20 - 21/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 24-10-2010 11:41:20
มาตามหาเส็ง ไม่รู้ว่าวันนี้จะเจอป่าว
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 10 !!! 22.20 - 21/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 24-10-2010 14:52:55
ชอบนิยายแนวพีเรียดแบบนี้มากๆ เลยค่ะ การใช้ภาษาสวยมาก จะรอตอนต่อไปนะคะ  o13
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 10 !!! 22.20 - 21/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 24-10-2010 18:26:00
คุณหลวงเจ้าขาาาาาาา

หวานจริงๆนะเนี่ย อิอิ :o8:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 10 !!! 22.20 - 21/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 24-10-2010 20:12:57
สนุกมากๆ ชอบ

แอบขนลุกหลายตอนเลย

ตอนในบ่อน้ำ

ตอนแอบดูห้องน้ำแล้วได้ยินเสียงสะอื้น

เขียนเก่งจริงๆ o13
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 10 !!! 22.20 - 21/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 24-10-2010 23:49:09
ไปต่อกันเถอะคร้าบบบบ อิอิ
เร็วๆนี้ทั้งคู่จะได้รู้ใจกันแล้ว อยากรู้ว่าคุณหลวงจะบอกรักเส็งอย่างไร ต้องติดตามนะครับ : ]

*********************************************************************************************************

๑๑

    ผ้าแพรสีขาวนวลเลื่อนออกจากใบหน้าของเส็ง แสงสีทองของรุ่งอรุณฉายลงบนดวงหน้าเรียบเนียนนุ่มของบ่าวหนุ่ม ทำเอาหนุ่มน้อยที่นอนหลับอยู่บนตั่งต้องหยีตา แล้วยกมือขึ้นป้องด้วยความที่ยังไม่อยากจะลุกขึ้นจากตั่งที่นอนอยู่นั้น แต่เมื่อแสงยิ่งจ้า และหนุ่มน้อยรู้สึกตัวมากขึ้น เขาก็ต้องลุกนั่งหย่อนเท้า พลางคิดทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วตัวเขาอยู่ที่ไหนกันแน่ ใช้เวลาไม่ได้นานก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองมานอนค้างที่บนตึกไม่ได้กลับไปนอนที่เรือนบ่าว จึงรีบลุกจากตั่ง พับผ้าที่ห่มร่างของเขาไว้ทั้งคืน
    แล้วผ้านี้มาจากไหนเล่า
    เส็งปรับสมองให้ตื่นแล้วก็จำได้ว่า ผ้าผืนนี้เป็นผ้าที่คุณหลวงใช้ห่มทุกคืน เหตุใดคืนนี้จึงมาอยู่บนตัวของเขาเล่า... ถ้าไม่ใช่หลวงพินิจเดินมาคลุมให้ ผ้าผืนนี้จะลอยมาเองได้หรือ เลือดสูบฉีดขึ้นหน้าของหนุ่มน้อย จนแดงก่ำไปหมด คำพูดของหลวงพินิจยังคงก้องอยู่ในหู “ข้าคิดว่าคนที่ข้ารักคงพอรู้ตัวอยู่บ้าง หากแต่เขาคงไม่มั่นใจ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ถาม”
    “คุณหลวงพูดประโยคนี้หลังจากเส็งถามว่าคุณหลวงรักใคร เป็นไปได้หรือไม่ขอรับว่า คนที่คุณหลวงพูดถึง จะเป็นอ้ายเส็งคนนี้เอง” หนุ่มน้อยรำพึงออกมาเป็นคำพูด เบาๆ หากแต่เปี่ยมด้วยอารมณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นพร้อมกันในเวลาเดียว
    บ่าวหนุ่มสลัดความคิดออกไปจากหัว ก่อนจะพับผ้าไปวางบนเตียงของหลวงพินิจ แล้วรีบเดินลงบันไดไปชั้นล่างทันที
    เพราะเป็นเวลาเช้าแล้ว บ่าวไพร่จึงเดินจัดของตรงนั้นตรงนี้ เก็บกวาดในบริเวณเรือนเทากันอยู่หลายคน พอเส็งเดินลงมาจากตึก หลายคนก็มองด้วยความสนใจใคร่รู้ หลายคนเห็นก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองหน้ากันเอง พากันซุบซิบอย่างไม่เกรงใจ จนเส็ง ร้อนๆหนาวๆ รีบไปจากตรงนั้น
    เดินตัดสนามหญ้า มามองที่ศาลาก็ไม่เห็นคุณหลวง นึกขึ้นได้ว่า เช้านี้หลวงพินิจราชอักษรจะต้องเดินทางไปทำธุระที่บางรัก อาจจะกลับมาสายๆกระมัง หรือไม่อย่างนั้นก็คงหลังเที่ยงไปแล้ว หนุ่มน้อยเดินขึ้นเรือนบ่าวอย่างไม่รู้จะทำอะไรก็เห็นแก้ว นั่งร้อยมาลัยอยู่ที่นอนชาน
    ทันทีที่เห็นหน้าเส็งหล่อนก็ลุกขึ้นยืน
    “เมื่อวานหลังจากที่ท่านเจ้าคุณ และคุณหญิงกลับไปแล้ว เอ็งไปอยู่ไหนมาหรืออ้ายเจ๊ก” หล่อนตวาดแหว พร้อมกันนั้นเอง ยายนอมก็ตะโกนขึ้นมาจากข้างล่าง
    “มันกลับมาแล้วหรือแก้ว ดีละได้คุยให้รู้เรื่องไป”    
    หญิงร่างใหญ่เดินขึ้นมาลงเรือน ปราดตามองหนุ่มน้อยแล้วก็ค้อนปะหลับปะเหลือก ราวกับหญิงสาวงอนชายหนุ่มอย่างไรอย่างนั้น
    “เมื่อคืนเอ็งหายไปไหนมาทั้งคืน”
    เส็งหลบตายายนอม ไม่รู้จะตอบอย่างไรได้ อันที่จริงหากเขาบริสุทธิ์ใจละก็ บอกเพียงว่าคุณหลวงให้อยู่เป็นเพื่อนบนเรือนเทา เท่านั้นก็คงได้ ใครๆก็คงไม่คิดอะไร แต่เมื่อเส็งรู้สึกพิเศษเกินเลยกับคุณหลวง จึงอดกลัวไม่ได้ว่าหากตอบหน้าตาเฉยอย่างนั้น จะทำให้ใครยิ่งคิดว่า เขารู้สึกอะไรพิเศษกับหลวงพินิจ และจะมีใคร คิดอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของบ่าวและนายคู่นี้ จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดหรือไม่
    “ไม่ได้ไปไหนนี่จ๊ะ ฉัน...” เส็งนึกคำแก้ตัวไม่ทัน แก้วก็แทรกขึ้นมาก่อน
    “จะไม่ได้ไปไหน ได้อย่างไร เอ็งไม่ได้ตามข้าออกมาตอนที่ เจ้าคุณให้ออก เอ็งไปเสนอหน้าอยู่กับคุณหลวงละซี” เพราะเสียงดังของแก้วแท้ๆ มั่นที่อยู่หลังเรือนบ่าวจึงได้ยินว่ามีเรืองวิวาทกัน บ่าวหนุ่มร่างกำยำจึงเดินออกตัวเรือนขึ้นมายืนข้างเส็ง
    “พูดเรื่องอะไรกัน”
    “อ้ายเส็งมันไม่ได้กลับมานอนที่เรือนบ่าวเมื่อคืน” ยายนอมว่า “หนีเที่ยวหรืออย่างไรก็ไม่สารภาพ หากคุณหลวงรู้เข้าเอ็งจะโดนโบยหลังลายอ้ายมั่น ที่ไม่ดูแลบ่าวผู้ชายด้วยกัน ตามีก็จะโดนเสียอีกคน”
    เส็งยังคงไม่กล้าตอบ หากแต่มั่นคว้าแขนเล็กๆของเขาไว้แล้วบีบเบาๆ
    “บอกไปเถิดเส็ง ว่าเกิดอะไรขึ้นได้แก้ปัญหากันได้ถูก”
    บ่าวหนุ่มจึงตัดสินใจเอ่ยขึ้นเบาๆ แม้เรื่องที่พูดจะเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดแต่ด้วยท่าทางและน้ำเสียงทำให้เรื่องธรรมดาที่สุดนี้ ฟังเป็นเรื่องที่ร้ายแรงที่สุดได้ทีเดียว   “เมื่อคืน ฉันนอนที่เรือนเทาจ้ะพี่มั่น”
    ราวฟ้าผ่าลงกลางใจของแก้ว หล่อนยกมือขึ้นกุมอก แม้ผู้อื่นไม่รู้สึกผิดแปลกกับคำพูดของเส็ง เพราะดูเป็นเรื่องธรรมดาหากจะมีบ่าวไพร่ไปนอนเฝ้ายามหลวงพินิจราชอักษรป่วย หรือ ไม่สบายใจ เทิดเองก็ทำอยู่บ่อยๆ แต่สำหรับแก้ว กิริยาบิดเบือนไม่กล้าพูดความจริงของเส็งนี้แหละ เป็นหลักฐานอย่างดีที่จะชี้บอกให้คนอื่นเห็นกันโต้งๆว่า เส็งได้ไปทำอะไรผิดมา และหากการที่เส็งไปนอนที่เรือนเทา แล้วแสดงออกว่ารู้สึกผิดละก็ สิ่งเดียวที่แก้วพอนึกได้คือ อ้ายเส็งคงทำวิปริต ผิดเพศกับหลวงพินิจมาอย่างแน่นอน
    “อ้ายเจ๊ก เอ็งทำได้ถึงเพียงนี้เทียวหรือ” แก้วโพล่งออกมาในที่สุด “ข้าไม่นึกเลยว่าเอ็งเป็นพวกวิปริตได้เพียงนี้”
    “วิปริตอะไรแม่แก้ว เส็งขึ้นไปนอนกับคุณหลวงที่เรือนก็คงเป็นเพราะคุณหลวงอนุญาต” มั่นรีบเถียงแทนเส็ง “จะคิดอกุศลเหมือนเอ็ง ข้าว่าไม่น่าใช่”
    “พี่มั่นอย่ามาให้ท้ายมันหน่อยเลย” แก้วว่า “ตั้งแต่วันแรกที่ทำกระถางแตก อ้ายนี่ก็คงให้ท่าจนคุณหลวงต้องทำแผลให้ มันยังเสนอหน้าทำกับข้าวไปเอาใจอีกทุกวัน แล้วตอนค่ำก็หายไปในบ้านกันสองคน จนมาเมื่อคืนก็ไม่กลับมานอนที่เรือนบ่าว แต่ค้างที่เรือนเทา จะให้ฉันคิดอย่างไร”
    เสียงเงียบ บ่าวไพร่คนอื่นไม่กล้าแม้แต่จะพูดออกความเห็นกันเอง
    “ข้าทนรับเรื่องแบบนี้ไม่ไหว เอ็งจะแข่งกับข้าใช่ไหม คิดจะแย่งคุณหลวงไปจากข้าใช่ไหม อ้ายเจ๊ก”
    “พี่แก้ว ฉันไม่ได้ทำอะไรอย่างที่พี่แก้วคิด” เส็งเถียงเป็นคำแรก หากแต่น้ำเสียงโกรธจัด จนสั่นสะท้านไปหมด บ่าวหนุ่มกำมือแน่น สะกดใจไม่ให้ทำอะไรรุนแรงมากไปกว่านี้
    “แล้วพวกบัณเฑาะก์อย่างเอ็งทำกันแบบไหนเล่า ข้าคิดไปได้ไม่ถึงดอก” แก้วตะเบ็งสุดเสียงด้วยความโกรธที่เส็งบังอาจมาเถียงหล่อน เสียงนั้นดังลั่นเรือนจนบ่าวไพร่ไม่เป็นอันทำอะไร ได้แต่นั่งฟังอย่างไม่กล้ามองตรงๆเพราะความกลัวอารมณ์โกรธของแก้วเป็นที่รู้กันว่า รุนแรงกว่าพายุพัดเสียอีก
    “พี่แก้ว” เส็งพูดทั้งน้ำตา เสียงสั่นคลออย่างห้ามไม่ได้อีก “พี่แก้วพูดถึงอย่างนี้ได้อย่างไร ฉันไม่ได้คิด ไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง คุณหลวงใช้ฉัน ฉันก็ต้องทำตาม จะให้ขัดคำสั่งได้อย่างไร ฉันนั่งอยู่เป็นเพื่อนคุณหลวง พอดึกแล้วก็นอนเฝ้าอยู่หน้าห้อง ไม่ได้ทำอะไรวิปริตอย่างนั้น ไม่รู้ว่าคนที่คิดเรื่องนี้ได้อย่างพี่แก้วจะเป็นฝ่ายวิปริตเองหรือเปล่า”
    น้ำตาไหลเป็นทาง อาบแก้มขาวเนียน แต่เส็งก็ทำอะไรไม่ได้ไปกว่านั้น เขาไม่ทำร้ายผู้หญิง แม้คำว่า บัณเฑาะก์ จะฟังดูร้ายแรง เป็นการสบประมาทเขาเพียงใดแต่เส็งก็ทำอะไรไม่ได้นอกจาก ยืนกำมือแน่น ใช้เพียงคำพูดเท่านั้นที่ทำร้ายแก้วได้
    ฝ่ายผู้ฟังหน้าซีดไม่คิดว่าใครจะกล้าต่อปากด้วย
    “เอ็งพูดถึงเพียงนี้ ไม่คิดถึงข้าวแดงแกงร้อน ไม่คิดถึงบุญคุณบ้างเลยหรือ” แก้วตวาดกลับ
    “พี่แก้วเสียมากกว่าที่ไม่คิดถึงบุญคุณคุณหลวง เธอเลี้ยงพี่มาดีแค่ไหนพี่กลับคิดอกุศลกับเธอแบบนี้ ใครกันแน่ควรถูกเรียกว่าอกตัญญู”
    ราวกับถูกตบหน้าไม่ปาน แก้วยืนหน้าชาทำอะไรไม่ถูก ส่วนเส็ง เสียใจก็เสียใจอยู่ แต่แค้นก็แค้นกว่าหลายเท่า จะให้ทนยืนฟังร้องไห้เป็นผู้หญิงนั้นเขาทำไม่ได้ หนุ่มน้อยปาดน้ำตาแล้วเดินเข้าหอนอน ไม่กลับออกมาอีก
     เสียงจากนอกหอนอนยังคงดังอยู่เป็นระยะ แม้เส็งจะนอนคว่ำหน้าเอาหมอนปิดหน้าอย่างไรก็ยังได้ยินเสียงแก้วและมั่นเถียงกันอยู่ไม่จบ
    “เอ็งพูดอย่างนั้นก็เกินไปแม่แก้ว ถูกอย่างเส็งว่า คุณหลวงมีบุญคุณกับเอ็งมาก เอ็งด่าเส็งก็เหมือนด่าคุณหลวงไปด้วย พูดได้อย่างไรว่าเส็งทำวิปริตกับคุณหลวง”
    “ฉันพูดหรือพี่มั่น ฉันไม่ได้พูดว่าคุณหลวงสักคำ ฉันว่าอ้ายเส็ง อ้ายคนนี้มันคิดไม่ซื่อไม่อย่างนั้นมันจะอิดออดไม่ยอมบอกความจริงกับเราหรือ”
    “เอ็งไม่ได้เห็นกับตาเอ็งจะรู้ได้อย่างไรว่าเส็งมันทำอะไร”
     “พี่มั่นก็ไม่ได้เห็นเหมือนกันไม่ใช่หรือว่ามันไม่ทำอะไร” แก้วว่า เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ “พี่มั่นไม่เคยเห็นแววตาที่มันมองคุณหลวง ฉันละขนลุกทุกครั้งไป อ้ายนี่มันเป็นบัณเฑาะก์ มันคิดจะแย่งคุณหลวง”
    “ข้าไม่เชื่อว่าเส็งมันจะเป็นอย่างนั้น หรือว่ามันจะแย่งคุณหลวงเอาอะไรกับเอ็ง อย่าเอาคุณหลวงมาเกี่ยว อย่าคิดไปเองเลยแม่แก้วว่าตัวเป็นคนโปรดของคุณหลวงอะไรนั่น จะเป็นทุกข์เสียเองเปล่า” คราวนี้แก้วไม่เถียงแว้ดขึ้นอย่างที่เคยทำ “บางครั้งก็อาจมีคนธรรมดาๆ อยู่ใกล้ๆเอ็งที่เขารักและเป็นห่วงเอ็งมากกว่าที่เอ็งรู้สึกกับคุณหลวงก็ได้”
    แล้วก็เงียบ แก้วคงนั่งลงร้อยมาลัยเหมือนเดิม มั่นก็คงลงไปทำสวนเหมือนเดิม ทิ้งเส็งไว้ในความเงียบคนเดียว
    “บัณเฑาะก์” เป็นคำที่เจ็บปวด ใครๆก็รู้ว่าเป็นคำเรียกชายผิดเพศที่รักใคร่ในชายด้วยกัน พอๆกับที่ผู้หญิงเล่นเพื่อนนั่นแหละ แต่บัณเฑาะก์ถือเป็นคำรุนแรง ถือเป็นคำด่าที่แสบร้อน และเป็นการสบประมาทอย่างรุนแรง ในสมัยเส็งการ “เล่นเพื่อน” หรือ “เล่นผีผ้าห่ม” ของผู้หญิงมีให้ได้ยินกันบ่อยแล้วแต่ดูเหมือนเป็นเรื่องซุบซิบนินทาให้สนุกปากมากกว่า แต่ถ้าจะพูดว่าใครสักคนเป็น “บัณเฑาะก์” นั้นจะถือเป็นเรื่องน่าอับอายอย่างมาก แม้ในพระไตรปิฎกก็ได้บันทึกพฤติกรรมของชายรักชายไว้แต่โบราณกาล ว่าห้ามบวชในพระพุทธศาสนาเลยด้วย
    จริงอยู่สิ่งที่แก้วพูดเป็นความจริงแม้มันยังไม่เกิดขึ้น เส็งรักหลวงพินิจ แม้อีกฝ่ายจะมีใจให้เขาหรือไม่ก็ตามแต่เส็งแน่ใจว่า ตนไม่ได้คิดกับคุณหลวงเหมือนบ่าวพึงคิดจงรักภักดีกับนาย แต่ไม่ถึงกับคิดยกตนขึ้นเทียบคุณหลวง อยากเป็นนายเหมือนที่แก้วคิด
    กระนั้นก็ยังเจ็บปวด ขนาดพวกบ่าวรู้ยังเป็นอย่างนี้ หากหลวงพินิจรู้แล้วเผอิญเขาไม่มีใจคิดแบบเดียวกับเส็งด้วย บ่าวหนุ่มจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน มิต้องถูกไล่ออกจากบ้านนี้หรือ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 25-10-2010 00:16:56
เส็งน่าสงสารจริง ๆ เลย
คุณหลวงไปไหน :z3:
 :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 25-10-2010 01:07:37
ขอหยาบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

อยากจะจิกหัวอีแก้วนี้มาตบเสียจริงๆเห็นแล้วมันขัดหูขัดตา


แอร๊ยยยยยยยยยยยย



รอตอนหน้า..................................




+1จ่ะสำหรับตอนที่ทำให้อยากตบชะนีแก้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 25-10-2010 03:09:12
มาต่อแล้วเย้ :3123:


เส็งรู้จักเถียงกลับไปบ้างก็ดีแล้ว อยากอ่านตอนต่อไปจังงงงงงงงงงงง คุณหลวงจะรู้ไหมว่าเส็งถูกรังแก
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 25-10-2010 03:44:59
 :o12: คุณหลวงมาแก้สถานการณ์หน่อย
ตอนหน้าขอหวานๆนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 25-10-2010 07:04:33
ผู้หญิงกับความอิจฉานี่มันมาคู่กันจริงๆ :เฮ้อ:
ถ้าคุณหลวงรู้ว่าเส็งโดนรังแกอย่างนี้ จะช่วยคนโปรดยังไงนะ :z1:
ขอบคุณค่ะ รออ่านตอนต่อไปนะ :impress2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 25-10-2010 10:58:35
รอวันนังแก้วโดนเฉดหัวออกจากเรือน ชิ
+1
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 25-10-2010 11:11:31
อีนังแก้ว  อิจฉาแม้กระทั่งสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง
เดาไว้เลยว่าอีนังนี่ต้องเป็นคนสร้างปัญหาให้เส็งต่อไปข้างหน้าแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 25-10-2010 12:01:24
สงสารเส็ง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 25-10-2010 12:26:00
ขอเข้ามาติดตามเรื่องนี้ด้วยคนนะ :m13: :m13: :m13:



ปล1.คนแต่งเก่งมากกกกกกกกก


ปล2.รักคนแต่งจ้า :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 25-10-2010 12:52:44
นังแก้วมันน่าโดนตบนัก

สงสารเส็งมากเลย คุณหลวงมาช่วยเส็งด่วน

รอตอนต่อไปค่ะ (ตอนหน้าอยากได้หวานๆ ^^ )
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: oattie ที่ 25-10-2010 14:45:11
เกลียดนังแก้ว !!   :fire:   :z6:


T^T  สงสารเส็ง   :o12: 
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 26-10-2010 12:18:59
ไรเตอร์จ๋า

เอาตอนหวานๆ มาปลอบใจหน่อยเร้ว

เศร้าเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 26-10-2010 13:16:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 26-10-2010 15:40:25
 :fire:
ใครก็ได้ลากยัยแก้วลงน้ำไปเป็นอาหารไอ้เข้ทีเหอะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: MM.Dog ที่ 26-10-2010 20:57:11
๑  ขออนุญาตแสดงความเห็นนะคะ
“บัณเฑาะก์” ความจริงแล้วหมายถึงกะเทยแท้ที่มีอวัยวะบ่งชี้เพศสองชนิดอยู่ในตัวคนคนเดียว 
มิได้หมายความว่าเป็นชายรักชายแต่อย่างใด  แต่เนื่องจากเป็นผู้มีสองเพศ  ฮอร์โมนต่าง ๆ
จึงไม่บ่งชี้ชัดเจนไปด้วย  สรุปว่ามีความคลุมเครือในการแบ่งแยกหญิงชายนั่นเอง 
และคนประเภทนี้มักถูกกดขี่ในสังคมโดยพวกเหยียดเพศด้วย  ดังจะเห็นได้จากบันทึกประวัติศาสตร์ทั้งในประเทศไทย
ประเทศแถบตะวันออกไกล  ประเทศตะวันออกกลาง  และชมพูทวีป  แต่ในสังคมอุดมคติของนักการศึกษา เช่น กรีก
โรมัน  กลับถือว่า "บัณเฑาะก์" เป็นผู้ที่มีความสมบูรณ์พร้อมในตัวเอง  เป็นอัญมณีล้ำค่าพอ ๆ กับมณีนักปราชญ์ทีเดียว
และในที่นี้ไร้เตอร์อธิบายได้ถูกต้องแล้วที่ว่าในพระพุทธศาสนาห้าม "บัณเฑาะก์" บวช  แต่ด้วยเหตุที่ว่าเป็นความพิการนะคะ

๒  ทั้งคุณหลวงและเส็งมีความรักที่บริสุทธิ์และทนุถนอมน้ำใจกันดีมาก
เห็นได้จากการที่ต่างฝ่ายต่างไม่บุ่มบ่าม  และคิดเข้าข้างตนเองกันเลย

๓  สรุปเจ๊แก้วเธอเป็นอะไรของเธอ???
คุณหลวงไปให้ความหวังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กันนี่
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 27-10-2010 00:20:20
คุณ MM.Dog   บัณเฑาะก์ที่คุณพูดถึงไม่แน่ใจว่าจะเป็น อุภโตพยัญชนกปัณเฑาะก์ หรือเปล่าครับ?

เท่าที่ผมทราบมา ตามพระวินัยปิฏก   มหาวรรค ภาค ๑ ข้อ ๑๒๕ บอกว่า บัณเฑาะก์มี ๕ ชนิด อ่ะครับคือ

อาสิตตบัณเฑาะก์
อุสุยยบัณเฑาะก์
โอปักกมิยบัณเฑาะก์
ปักขบัณเฑาะก์
นปุงสกบัณเฑาะก์

ในบัณเฑาะก์ ๕ ชนิดนั้น บัณเฑาะก์ใดเอาปากอมองคชาตของชายเหล่าอื่น ถูกน้ำอสุจิรดเอาแล้ว ความเร่าร้อนจึงสงบไป บัณเฑาะก์นี้ ชื่อ อาสิตตบัณเฑาะก์ (oral sex)

ฝ่ายบัณเฑาะก์ใดเห็นอัชฌาจารของชนเหล่าอื่น เมื่อความริษยาเกิดขึ้นแล้ว ความเร่าร้อนจึงสงบไป บัณเฑาะก์นี้ ชื่ออุสุยยบัณเฑาะก์ (ประมาณชอบดู แล้วช่วยตัวเองอ่ะครับ)

บัณเฑาะก์ใดมีอวัยวะดังพืชทั้งหลาย ถูกนำไปปราศแล้วคือ ถูกเขาตอนเสียแล้ว ด้วยความพยายาม บัณเฑาะก์นี้ ชื่อโอปักกมิยบัณเฑาะก์ (อันนี้ขันที)

ส่วนบางคนข้างแรมเป็นบัณเฑาะก์ ด้วยอานุภาพแห่งอกุศลวิบาก แต่ข้างขึ้น ความเร่าร้อนของเขาย่อมสงบไป นี้ชื่อว่า ปักขบัณเฑาะก์ (อันนี้ไม่แน่ใจว่าหมายความว่าไงแน่ แต่ถ้าให้ผมตีความให้เป็นอุปมาว่า วันนี้ชอบผู้ชาย วันนั้นชอบผู้หญิง แสดงว่าคงคล้ายๆ พวก ไบเซกชวล หรือเปล่าครับ)

ส่วนบัณเฑาะก์ใด เกิดไม่มีเพศ ไม่มีภาวรูป ในปฏิสนธิทีเดียว คือไม่ปรากฏว่าชายหรือหญิงมาแต่กำเนิด บัณเฑาะก์นี้ ชื่อนปุงสกบัณเฑาะก์

ในอรรถกถาชื่อกุรุนทีแก้ว่า ในบัณเฑาะก์ ๕ ชนิดนั้น อาสิตตบัณเฑาะก์ และอุสุยยบัณเฑาะก์ (พวกใช้ปาก+ถ้ำมอง) ไม่ห้ามบรรพชา, ๓ ชนิดนอกนี้ห้าม

ส่วนใน
สารัตถสังคหะ  ตอนว่า “ปณฺฑกาน วิภาวนกถา” ไม่กล่าวถึง ปักขบัณเฑาะก์
แต่กล่าวถึง อุภโตพยัญชนกปัณเฑาะก์ ว่าเป็นคนที่มี 2 เพศ

อ้างอิง : http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16073
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3521.0;wap2


ทีนี้กล่าวถึงที่มาว่าทำไมใช้คำ "บัณเฑาะก์" ในบทนี้
ผมค้นคว้ามาว่าเกย์ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เรียกกันว่า "พวกเล่นสวาท" แต้ฟังดูน่ารักไป ไม่เสียหายเท่าไหร่ ถ้าจะเอามาด่าคงไม่เจ็บ
เหมือนถ้าจะด่าว่า "ไอ้ชาวรักร่วมเพศ" คงไม่เจ็บแต่ถ้าด่าว่า "อีตุ๊ด" คงเจ็บแน่ๆ

ผมเลยได้ปรึกษารุ่นพี่ที่ชำนาญด้านประวัติศาสตร์และอักษรศาสตร์แล้ว
รุ่นพี่แนะนำให้ใช้คำว่า "บัณเฑาะก์"  เพราะใช้เป็นคล้ายๆคำด่า ฟังแล้วเจ็บๆแสบๆ ไม่ได้หมายถึง ชายรักชาย เหมือนอย่างที่คุณ MM.Dog แสดงความเห็นมาเลยครับ
ในเรื่องผมก็เลยไม่ได้บอกว่า ชายรักชาย คือบัณเฑาะก์ แต่บอกว่าเป็นคำที่ใช้เรียกกัน ความหมายเดิมอยู่ในพระวินัยปิฏกตามที่ยกมากล่าวไว้ด้านบนครับ แต่รุ่นพี่บอกว่า คนสมัยก่อนๆ นำคำนี้มาใช้เรียกด้วย ด่าให้เจ็บแสบ ประมาณจะด่าว่า"อีตุ๊ด"อย่างนี้ครับ

ถ้าผมอธิบายไว้ในเรื่องไม่ดีพอ ก็ต้องขออภัยมาด้วยครับ
จะนำเรื่องนี้มาปรับปรุงต้นฉบับอีกครั้งเมื่อพิมพ์เสร็จทั้งเรื่องแล้วนะครับ
ขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ หากทำให้เข้าใจผิด ผมไม่เชี่ยวชาญด้านนี้เท่าไหร่ ลองแต่งแนวนี้ดู คิดว่าข้อผิดพลาดคงเยอะกว่านี้ หากใครเป็นผู้รู้ และเห็นว่ามีข้อบกพร่องอย่างไร ถ้าจะช่วยกรุณาแจ้งละก็ผมเต็มใจน้อมรับ ครับผม

ขอบคุณ คุณ MM.Dog มากนะครับ : ]
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: แมววาย ที่ 27-10-2010 00:40:45
รอเส็งอยู่นะเจ้าคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 27-10-2010 13:02:27
เรื่องนี้สนุก ขอบังอาจเดาว่าพาทิศคือคุณหลวง   เดาว่าคนที่จมน้ำคือเส็งที่โดนจับกดน้ำตอนที่คุณหลวงแกไม่อยู่โดยแม่หยาดหรือแก้วสักคนนี่แหละ   




แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตามขอติดตามเรื่องนี้ต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ


ปล.เรื่องคำว่าบัณเฑาะก์นี่จำได้เลาๆว่าเคยอ่านเจอในหนังสืออะไรสักอย่าง   เท่าที่จำได้รู้สึกคำนี้จะเป็นคำที่ใช้เรียกชายที่รักชายด้วยกันของคนสมัยก่อน  แล้วก็เป็นคำไม่พึงประสงค์นักสำหรับผู้ที่ถูกหาว่าเป็นเช่นนั้น 


ปล.รักคนแต่งคนแต่งเด้อ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: MM.Dog ที่ 27-10-2010 19:40:17
คุณ MM.Dog   บัณเฑาะก์ที่คุณพูดถึงไม่แน่ใจว่าจะเป็น อุภโตพยัญชนกปัณเฑาะก์ หรือเปล่าครับ?

เท่าที่ผมทราบมา ตามพระวินัยปิฏก   มหาวรรค ภาค ๑ ข้อ ๑๒๕ บอกว่า บัณเฑาะก์มี ๕ ชนิด อ่ะครับคือ

อาสิตตบัณเฑาะก์
อุสุยยบัณเฑาะก์
โอปักกมิยบัณเฑาะก์
ปักขบัณเฑาะก์
นปุงสกบัณเฑาะก์

ในบัณเฑาะก์ ๕ ชนิดนั้น บัณเฑาะก์ใดเอาปากอมองคชาตของชายเหล่าอื่น ถูกน้ำอสุจิรดเอาแล้ว ความเร่าร้อนจึงสงบไป บัณเฑาะก์นี้ ชื่อ อาสิตตบัณเฑาะก์ (oral sex)

ฝ่ายบัณเฑาะก์ใดเห็นอัชฌาจารของชนเหล่าอื่น เมื่อความริษยาเกิดขึ้นแล้ว ความเร่าร้อนจึงสงบไป บัณเฑาะก์นี้ ชื่ออุสุยยบัณเฑาะก์ (ประมาณชอบดู แล้วช่วยตัวเองอ่ะครับ)

บัณเฑาะก์ใดมีอวัยวะดังพืชทั้งหลาย ถูกนำไปปราศแล้วคือ ถูกเขาตอนเสียแล้ว ด้วยความพยายาม บัณเฑาะก์นี้ ชื่อโอปักกมิยบัณเฑาะก์ (อันนี้ขันที)

ส่วนบางคนข้างแรมเป็นบัณเฑาะก์ ด้วยอานุภาพแห่งอกุศลวิบาก แต่ข้างขึ้น ความเร่าร้อนของเขาย่อมสงบไป นี้ชื่อว่า ปักขบัณเฑาะก์ (อันนี้ไม่แน่ใจว่าหมายความว่าไงแน่ แต่ถ้าให้ผมตีความให้เป็นอุปมาว่า วันนี้ชอบผู้ชาย วันนั้นชอบผู้หญิง แสดงว่าคงคล้ายๆ พวก ไบเซกชวล หรือเปล่าครับ)

ส่วนบัณเฑาะก์ใด เกิดไม่มีเพศ ไม่มีภาวรูป ในปฏิสนธิทีเดียว คือไม่ปรากฏว่าชายหรือหญิงมาแต่กำเนิด บัณเฑาะก์นี้ ชื่อนปุงสกบัณเฑาะก์

ในอรรถกถาชื่อกุรุนทีแก้ว่า ในบัณเฑาะก์ ๕ ชนิดนั้น อาสิตตบัณเฑาะก์ และอุสุยยบัณเฑาะก์ (พวกใช้ปาก+ถ้ำมอง) ไม่ห้ามบรรพชา, ๓ ชนิดนอกนี้ห้าม

ส่วนใน
สารัตถสังคหะ  ตอนว่า “ปณฺฑกาน วิภาวนกถา” ไม่กล่าวถึง ปักขบัณเฑาะก์
แต่กล่าวถึง อุภโตพยัญชนกปัณเฑาะก์ ว่าเป็นคนที่มี 2 เพศ

อ้างอิง : http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16073
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3521.0;wap2


ทีนี้กล่าวถึงที่มาว่าทำไมใช้คำ "บัณเฑาะก์" ในบทนี้
ผมค้นคว้ามาว่าเกย์ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เรียกกันว่า "พวกเล่นสวาท" แต้ฟังดูน่ารักไป ไม่เสียหายเท่าไหร่ ถ้าจะเอามาด่าคงไม่เจ็บ
เหมือนถ้าจะด่าว่า "ไอ้ชาวรักร่วมเพศ" คงไม่เจ็บแต่ถ้าด่าว่า "อีตุ๊ด" คงเจ็บแน่ๆ

ผมเลยได้ปรึกษารุ่นพี่ที่ชำนาญด้านประวัติศาสตร์และอักษรศาสตร์แล้ว
รุ่นพี่แนะนำให้ใช้คำว่า "บัณเฑาะก์"  เพราะใช้เป็นคล้ายๆคำด่า ฟังแล้วเจ็บๆแสบๆ ไม่ได้หมายถึง ชายรักชาย เหมือนอย่างที่คุณ MM.Dog แสดงความเห็นมาเลยครับ
ในเรื่องผมก็เลยไม่ได้บอกว่า ชายรักชาย คือบัณเฑาะก์ แต่บอกว่าเป็นคำที่ใช้เรียกกัน ความหมายเดิมอยู่ในพระวินัยปิฏกตามที่ยกมากล่าวไว้ด้านบนครับ แต่รุ่นพี่บอกว่า คนสมัยก่อนๆ นำคำนี้มาใช้เรียกด้วย ด่าให้เจ็บแสบ ประมาณจะด่าว่า"อีตุ๊ด"อย่างนี้ครับ

ถ้าผมอธิบายไว้ในเรื่องไม่ดีพอ ก็ต้องขออภัยมาด้วยครับ
จะนำเรื่องนี้มาปรับปรุงต้นฉบับอีกครั้งเมื่อพิมพ์เสร็จทั้งเรื่องแล้วนะครับ
ขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ หากทำให้เข้าใจผิด ผมไม่เชี่ยวชาญด้านนี้เท่าไหร่ ลองแต่งแนวนี้ดู คิดว่าข้อผิดพลาดคงเยอะกว่านี้ หากใครเป็นผู้รู้ และเห็นว่ามีข้อบกพร่องอย่างไร ถ้าจะช่วยกรุณาแจ้งละก็ผมเต็มใจน้อมรับ ครับผม

ขอบคุณ คุณ MM.Dog มากนะครับ : ]

ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะที่เข้ามาไขความรู้ให้กว้างไกลยิ่งขึ้น
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 28-10-2010 18:26:14
รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 28-10-2010 18:52:12
มารอคุณหลวงบอกระกเส็งค่ะ อิอิ :-[ :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 28-10-2010 19:22:55
รอเส็งกะคุณหลวง

คิดถึงงงงงง  :oni2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 28-10-2010 21:40:18
    ราวๆ เที่ยง มั่นมาเคาะประตูเรียกเส็งไปกินข้าว แต่บ่าวหนุ่มก็ไม่ใคร่ออกไป ได้แต่นอนเสียใจอยู่ในห้องอย่างนั้น หวังให้หลวงพินิจราชอักษรกลับมาเสียที แต่พอคิดถึงคุณหลวง บ่าวหนุ่มน้อยก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทำอย่างไรดี จะใกล้ชิดกับคุณหลวงเหมือนเดิมก็กลัวคนจะครหาหนักกว่าเก่า จะเอาตนออกห่าง เขาจะทำได้หรือ ในเมื่อใจทั้งใจของเขาเป็นของคุณหลวงแล้วแต่เพียงผู้เดียว
    มั่นกลับมาเคาะประตูอีกครั้งเพียงชั่วอึดใจ
    “เส็ง คุณหลวงให้เรียก”
    บ่าวหนุ่มรีบลุกขึ้นนั่งทันทีที่ได้ยินชื่อ “คุณหลวง”
    “คุณหลวงกลับมาแล้วหรือ”
    “ใช่ ออกมาซีเอ็ง คุณหลวงให้ตาม เดี๋ยวชักช้าจะโดนว่าเอา”
    เส็งออกจากหอนอน ก็เห็นว่า บ่าวสาวคนอื่นๆ นั่งร้อยมาลัย หรือไม่ก็เตรียมอาหารเย็นกันอย่างขันแข็งไม่มีใครใส่ใจอะไรเส็ง อาจเพราะ “เห็นใจ” หรือ “ไม่สนใจ” ก็ไม่อาจรู้ได้ บ่าวหนุ่มเดินผ่านคนเหล่านั้น แล้วก็เดินลงบันไดตามมั่นไปหาหลวงพินิจที่ท่าน้ำริมคลอง
    คุณหลวงคงเพิ่งมาถึง ยังสวมชุดราชปะแตน และสวมหมวกกลมอยู่เลย ข้างตัว มีตะกร้าหวายสาน ใส่ของที่ไปซื้อหามาได้จากบางรัก ย่านฝรั่งในกรุงเทพวางอยู่ ทันทีที่เห็นเส็งเดินเข้ามาในท่า หลวงพินิจก็ยิ้มกว้างพร้อมกับพูดขึ้นอย่างไม่ทันได้ดูว่าอะไรเป็นอะไร
    “ไปบางรักมาซื้อของมาเยอะแยะเทียว วันนี้จะสอนทำซุปหอมใหญ่แบบฝรั่งเศส อ้าว” พอเห็นตาที่บวมแดงของเส็งแล้ว คุณหลวงหนุ่มก็หุบยิ้มลงได้รวดเร็วพอกัน มองจ้องหน้าของบ่าวหนุ่ม ก่อนจะซักถาม “เป็นอะไรเส็ง ทำไมหน้าตาบวมไปหมด ใครทำอะไรเอ็ง”    
    “เปล่าขอรับ”
    “เปล่าได้อย่างไรตาบวมขนาดนี้ เอ็งร้องไห้มาหรือ” หลวงพินิจถามได้ตรงจุดพอดี เพียงเห็นหน้าเขาแล้วคุณหลวงก็เดาออกเลยหรือว่าเกิดอะไรขึ้น “อ้ายมั่นเกิดอะไรขึ้น เล่ามาเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น...”
    “บ่าวคิดถึงบ้านขอรับ” เส็งว่า หาเรื่องโกหกไปอย่างนั้น เขาไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาถ้าบอกพาดพิงไปถึงแก้ว เรื่องอาจกลายเป็นคุณหลวงเข้าข้างเขาแล้วลงโทษแก้ว เส็งจะอยู่ร่วมกับบ่าวคนอื่นไม่ได้เอา มั่นคงตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินเรื่องโกหกของเส็ง แต่เขาก็ปกปิดอาการไว้ได้ดีพอที่หลวงพินิจจะไม่รู้อะไรเลย
    “โถ” คุณหลวงลูบหัวเส็งเบาๆ “ยังไม่ชินอีกหรือมาอยู่กับเราเป็นเดือนแล้ว”
   มั่นคงสังเกตได้ว่าสรรพนามที่หลวงพินิจใช้กับเส็งไม่เหมือนกับเวลาใช้กับคนอื่นๆ แม้เทิดทนายคนสนิท เองก็เถอะหลวงพินิจก็ไม่เคยพูด “เรา” กับเทิดแม้สักครั้ง อะไรๆจะเป็นอย่างที่แก้วสงสัยหรือไม่มั่นไม่รู้ รู้แต่ตอนนี้เขาเองก็เริ่มสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน
    บ่าวหนุ่มน้อยนั่งก้มหน้านิ่ง หลวงพินิจจึงเอ่ยว่า
    “อ้ายมั่น เอาของไปไว้ที่ครัวที ข้าจะตามไป ครัวฝรั่งที่บนตึกนะเอ็ง ไม่ใช่ครัวบ่าว ใครได้กลิ่นนมกลิ่นเนยจะทนไม่ไหวกันอีก” บ่าวหนุ่มร่างใหญ่ ถือของเดินออกจากท่าเรือไป คุณหลวงจึงหันมาหาหนุ่มน้อย “เส็ง มีอะไรไม่สบายใจก็ว่ามาเถิด อยู่ที่นี่ไม่สบายกาย ไม่สบายใจตรงไหน”
    “บ่าวสบายดีขอรับ เพียงแต่อดคิดถึงพ่อกับแม่ไม่ได้”
     หลวงพินิจทำหน้าเห็นใจ ก่อนจะถอดรองเท้า ถุงเท้าออก ลงไปนั่งริมน้ำ หย่อนขาลงคลองอย่างสบายใจ “มานี่ซีเส็ง ทำอย่างนี้ สบายดี”
    บ่าวหนุ่มเดินไปนั่งข้างๆ ทำตามที่หลวงพินิจทำ เห็นเขาแกว่งขาไปมาในน้ำคล้ายเด็กเส็งก็ยิ้มออก ทั้งคู่นั่งกันในความเงียบไม่มีใครทำอะไรมากไปกว่ามองน้ำ ไกวขาเล่นอย่างมีความสุข
    เพียงไม่นานหลังจากนั้นหลวงพินิจก็ลุกขึ้นจากท่าน้ำเดินกลับตึกใหญ่ มีเส็งเดินตามไปเงียบๆ คิดว่าที่ตนทำอยู่นั้นดีแล้วหรือยัง... แต่หันมามองหน้าหลวงพินิจ แล้วเห็นนายหนุ่มหันมายิ้มให้อย่างใจดี หนุ่มน้อยก็อดคิดไม่ได้ว่า 
    “ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไปเถอะเส็ง หากความผิดมันทำให้คนเรามีความสุขขนาดนี้ มันจะเป็นความผิดได้อย่างไร”

    ทั้งคู่อยู่ในห้องครัวฝรั่งของคุณหลวง หลังจากล้างมือ ล้างเท้ากันเรียบร้อยพร้อมทำอาหารฝรั่งอย่างที่นัดแนะกันไว้แล้ว เจ้าของห้องกำลังเอาของที่จะใช้ออกมาวางเรียง แล้วเก็บของที่ยังไม่ใช้เข้าตู้กับข้าว
    “วันนี้เราจะสอนทำซุปหอมใหญ่แบบฝรั่งเศส เราชอบซุปนี้มากทีเดียว วันหลังวันไหนเราไม่อยากรับอาหารสยาม ได้ให้เส็งทำให้รับ” คุณหลวงยิ้มกว้างพลอยให้อารมณ์ของบ่าวหนุ่มที่นั่งข้างๆดีไปด้วย “ก่อนอื่นต้องต้มน้ำต้มไก่เสียก่อน เราต้มไว้แต่เช้าแล้ว ตอนนี้เอามาอุ่นหน่อยก็ใช้ได้”
    หลวงพินิจชี้ให้เส็งเห็นหม้อต้มน้ำกระดูกไก่บนเตา คุณหลวงหนุ่มจุดไฟอ่อนๆ ให้น้ำในหม้อร้อนอีกครั้ง
    “คราวนี้ก็เตรียมหอมละ เริ่มจากปอกเปลือกหอมเสียก่อน ทำได้ไหม” หลวงพินิจถามก่อนจะแก้ตัวว่า “ไม่น่าถามเลย ปอกมะปราง คว้านเงาะ แกะฟักเสียสวย จะปอกเปลือกหอมไม่เป็นได้อย่างไร จริงไหม”
    เส็งยิ้ม ก่อนจะรับคำแล้วลงมือปอกเปลือกหอมใหญ่อย่างระมัดระวัง ทว่าทำได้ออกมาสวยเรียบร้อยนัก ในเวลาไม่นาน
    “สวยแล้ว ทีนี้ก็หั่นหอมออกเป็นแว่นๆ แล้วผ่าครึ่งเป็นรูปวงรี คลี่ออกเป็นเส้นๆ อย่างนี้” หลวงพินิจทำให้เส็งดูเป็นตัวอย่างก่อนจะปล่อยให้บ่าวหนุ่มน้อยทำด้วยตัวเองไปสักพัก แล้วจึงเอ่ยปากชม “เส็งเป็นคนเรียนเร็ว รู้ไว สอนไปแล้วคงทำได้อร่อยกว่าเราทำเอง”
    “คุณหลวงชมบ่าวมากไปแล้วขอรับ”
    หลวงพินิจราชอักษรหัวเราะ
    “น้อยไปซี เราเห็นอะไร รู้สึกอย่างไรก็บอก เส็งเก่ง อยากให้รู้อะไรอยากให้ทำอะไรก็เปิดรับได้หมด” หลวงพินิจว่า “ไม่เหมือนบ่าวคนอื่น ให้ทำอะไรอย่างนี้ มีหวังร้องห่มร้องไห้ หาว่าไปบังคับให้ทำอะไรเหมือนฝรั่ง”
    บ่าวหนุ่มยิ้มบ้าง ไม่กี่นาที หอมหัวใหญ่ก็เป็นเส้นสีขาวสวยอยู่ในจานรอให้เอาไปปรุงเป็นอาหารรสเลิศ ตามแบบหลวงพินิจแล้ว
    คุณหลวงบอกให้เส็งยืนดูตัวเองทำก่อนที่จะให้บ่าวหนุ่มลองทำอีกชุดหนึ่ง คุณหลวงจุดไฟ แล้วตั้งกระทะ จากนั้นก็ตักเนยลงละลายในกระทะพอ เนยละลายแล้วก็แบ่งหอมครึ่งหนึ่งลงผัดในกระทะพอให้มันอ่อนตัว เติมน้ำตาลลงไปประมาณครึ่งช้อนโต๊ะ ก่อนจะปิดฝาเอาไว้บ้าง เปิดฝามาคนบาง พอหอมเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลนิดๆ กลิ่นหอมก็โชยเข้าจมูกทำให้เส็งอดเอ่ยปากไม่ได้
    “หอมเชียวขอรับ”
    “อย่าพูดอย่างนี้ให้ยายนอมได้ยินนะ จะโดนค้อนเข้า ยายนอมไม่เคยชอบกลิ่นของอะไรที่เราทำเลยสักอย่าง” คุณหลวงหัวเราะ
     พูดถึงยายนอมก็นึกถึงแก้ว เส็งหน้าเจื่อนลงไปนิดหนึ่ง แต่ก็เท่านั้นในเมื่อตอนนี้เขากำลังมีความสุขอยู่กับคุณหลวง อะไรที่มันยุ่งๆ ก็พับเก็บไว้ก่อนก็แล้วกันพอหอมใช้ได้แล้ว หลวงพินิจก็จัดแจงตักแป้งสาลีมาหนึ่งช้อนโต๊ะ
    “เส็งมาช่วยคนหน่อยซี เราจะใส่แป้ง” คุณหลวงหนุ่มว่า เส็งก็เข้าไปช่วยคนอย่างเต็มใจ ตัวของทั้งคู่อยู่ใกล้กันเพียงเอื้อมหลวงพินิจลอบมองบ่าวหนุ่มเป็นครั้งคราว พอๆกับที่หนุ่มน้อยจะเงยหน้าลอบมองเจ้านายของเขา ความสุขเล็กๆน้อยๆแบบนี้ ก็คงจะคุ้มแสนคุ้มเสียแล้วสำหรับเส็ง
    พอคนไปให้แป้งสุก ไม่จับกันเป็นก้อนและ หอมใหญ่ดูเหนียวเล็กน้อยเป็นสีน้ำตาลอ่อน หลวงพินิจก็ตักน้ำต้มไก่ใส่ตามไป เติมเกลือเล็กน้อย คนสักพักให้เข้ากันแล้วก็ยกหม้อลง ได้ซุปสีน้ำตาลทองสวย ไม่ใสเหมือนแกงของสยาม แต่ก็ไม่ได้ข้นนัก เวลาตักจะข้นๆ คล้ายแกงกะทิของสยามที่ใส่น้ำเยอะหน่อยเท่านั้น
    คุณหลวงบอกว่า “ยังไม่เสร็จ” ต้องใส่ขนมปังด้วย เจ้าตัวคนพูดหั่นขนมปังแถวของฝรั่งที่เรียก “บาแกตต์” ให้เฉียงๆ เป็นแผ่น สองแผ่น ค่อนข้างหนา แต่สวยได้รูปก่อนจะทาเนย แล้วนาบลงบนกระทะอีกใบหนึ่ง พอส่งกลิ่นหอมแล้วก็ตักขึ้นพักไว้ในจาน
    “เสร็จแล้ว ซุปหอมใหญ่ของเรา” หลวงพินิจพูดขึ้น “ตาเส็งทำแล้วนะ จำได้หรือเปล่าไม่รู้ เราจะมองดู เอาใจช่วยห่างๆ เวลาเราอยากรับ จะได้ทำให้รับอย่างไรล่ะ”
    แล้วเขาก็ปล่อยให้เส็งทำซุปหอมใหญ่เองทุกขั้นตอน มองไปก็อดยิ้มไปไม่ได้ เส็งจำได้ทุกอย่างว่าควรทำอะไรอย่างไร ตามขั้นตอนที่หลวงพินิจสอนไปทุกประการ แม้ดูเก้ๆกังๆอยู่บ้างก็เป็นเพราะยังไม่ถนัด แต่ก็ตั้งใจทำอย่างดีเท่าที่จะทำได้
    หลวงพินิจอดคิดไม่ได้ว่าหาก ให้ยายนอมมาทำคงต้องบ่นว่า “เหม็นเจ้าค่ะ จะโบยอีนอมก็ยอมเจ้าค่ะ แต่ขอไม่ทำเหม็นเหลือเกินเจ้าค่ะ” ถ้าเป็นแก้ว คงยอมแพ้เสียตั้งแต่หั่นหอมเสียแล้ว “แสบตาเจ้าค่ะ เหม็นด้วย” หรือไม่ก็ “ขั้นตอนเยอะเชียวเจ้าค่ะ คุณหลวงรับน้ำพริกปลาทูดีกว่าไหมเจ้าคะ บ่าวจะทำให้อย่างเร็วเลยเจ้าค่ะ”
    กระทั่งทำเสร็จแล้วทุกขั้นตอนหลวงพินิจก็ตักซุปของเส็งลงถ้วยให้ ก่อนจะวางขนมปังที่เตรียมไว้แล้วลงบนหน้า
    “เสร็จแล้วละ เราไปกินกันที่ศาลาดีไหม”
    “ขอรับ คุณหลวงจะรับถ้วยไหนขอรับ บ่าวจะยกไปให้” เส็งว่า
    “ยกไปทั้งสองถ้วยนั่นละ ถ้วยที่เส็งทำเราจะรับเอง ส่วนถ้วยที่เราทำ เราให้เส็ง จะได้รู้ว่าอาหารฝรั่งอร่อยเพียงใด” หลวงพินิจเอ่ยอย่างมีความสุข
    “คุณหลวง...”
   “บ่าวมิบังอาจดอกขอรับ” หลวงพินิจกล่าวอย่างล้อเลียน “ใช่ไหมล่ะ ทุกวันนี้ยังไม่ชินอีกหรือ กินเถอะ เราอุตส่าห์ยกให้ หรือจะปฏิเสธเราเพราะรังเกียจเราก็เข้าใจ”
    พอเห็นคุณหลวงหนุ่มแกล้งตัดพ้อ เส็งก็รีบแก้
    “มิได้ขอรับ บ่าวเพียงแต่... อดคิดไม่ได้ว่า เป็นบ่าวเขาควรหรือจะกินอาหารแบบเดียวกับนาย กลัวเหาจะขึ้นหัวขอรับ”
   “กินเถอะเส็งทำกินกันเอง เรากินสองถ้วยก็ไม่หมด ให้ใครกินก็คงไม่มีใครเขากล้า” หลวงพินิจว่า “ไปเถอะเส็งออกไปอยู่ที่ศาลากัน”
   สองหนุ่มเดินออกมาที่ศาลาสีขาวทรงแปดเหลี่ยมริมสระบัว หลวงพินิจนั่งบนม้านั่ง มีซุปหอมใหญ่อยู่ตรงหน้า มีเส็งนั่งพื้นอยู่ข้างๆ คุณหลวงลงมือตักหอมใหญ่กิน เส็งเห็นอย่างนั้นก็ตักกินบ้าง ด้วยความอยากรู้เหลือเกินแล้วว่า อาหารของฝรั่งมังค่า อร่อยสู้ของสยามได้หรือไม่
    “เป็นอย่างไรบ้าง”
    “อร่อยทีเดียวขอรับ” เส็งเงยหน้ามองหลวงพินิจอย่างเด็กมองผู้ใหญ่ด้วยตาเป็นประกายสดใส แกมตื่นเต้นที่ได้ลิ้มลองของใหม่ที่แม้แต่จะให้คิดก็คงคิดไม่ออกว่า จะมีโอกาสได้กินแบบนี้จริงๆ “คุณหลวงดีกับบ่าวเหลือเกินขอรับ”
   คุณหลวงหนุ่มยิ้มให้ ก่อนจะตักซุปของตัวเองกินบ้าง
    “ของเส็งติดตรงเค็มไปหน่อย คงชินกับอาหารสยาม ถ้าของฝรั่งต้องเบากว่านี้ นุ่มลิ้นกว่านี้ รสไม่สู้จัดเท่านี้นะเส็ง” หลวงพินิจติเล็กน้อย “แต่นิดเดียวเท่านั้นนะ นอกจากนั้นแล้วเส็งจำขั้นตอนการทำได้ก็ดี ฝึกอีกหน่อยก็จะดีมากขึ้น”
    เส็งยิ้มให้กับหลวงพินิจราชอักษร สายตาที่คุณหลวงมองมามันอบอุ่น เหมือนแดดยามเช้าที่ฉายมาต้องต้นไม้ใบหญ้าบนดิน เส็งไม่อาจบังคับตัวเองให้ถอนตาจากชายหนุ่มที่หล่อคมเข้มคนนี้ได้ หากจะเปรียบกับใคร คงเปรียบไม่ได้นอกเสียจากอิเหนาคนเดียว คิ้วเข้มสวยได้รูป จมูกโด่ง แลปากอิ่มเป็นรูปกระจับ จะหาความบกพร่องตรงไหนก็หาไม่เจอ
    หลวงพินิจเองก็มองหน้าบ่าวหนุ่มน้อย ตากลมใส เล็กๆแบบลูกจีน ปากนิด จมูกหน่อยดูน่ารักจิ้มลิ้มราวกับตุ๊กตาก็อดยิ้มไม่ได้เหมือนทุกที หลวงพินิจถอนตาจากหนุ่มน้อยก่อนจะมองลงไปในสระบัว เห็นดอกบัวสีชมพูสวย บานสะพรั่งอยู่กลางสระ ก็เอ่ยขึ้นกับเส็งเบาๆ
    “เส็งเห็นดอกบัวในสระหรือไม่”
   “ขอรับ” บ่าวหนุ่มรับคำ นึกงงในใจเล็กน้อยที่จู่ๆ หลวงพินิจราชอักษรก็เปลี่ยนเรื่องไปเป็นเรื่องของดอกบัวอย่างรวดเร็วจนหนุ่มน้อยตามไม่ทัน
    “พระพุทธเจ้าท่านตรัสสอนไว้เรื่องบัวสี่เหล่า เปรียบเทียบกับมนุษย์เราบนโลกนี้ เส็งพอจะรู้จักบ้างไหม” หลวงพินิจว่า พอบ่าวหนุ่มรับคำก็ว่าต่อไป “เห็นดอกนั้นหรือเปล่าที่เกือบจะอยู่กลางสระ มันบานสวย ชูช่ออยู่เหนือน้ำ พร้อมให้ใครต่อใครได้เห็น มีภู่ ผึ้ง ภมรร่อนชมเต็มไปหมด แบบนี้ก็เปรียบกับพวกคนที่ฉลาดหัวไว มีความสามารถใครต่อใครก็เห็นก็ชื่นชม บัวพ้นน้ำนี้ก็เหมือนเทิด เก่งกาจ สามารถทำอะไรแทนเราได้หมด มีของดีมาอยู่แล้วไม่ต้องสั่งต้องสอนอะไรมากก็รู้เรื่อง
    “ส่วนเส็ง ก็เหมือนดอกที่อยู่ใกล้ๆเราตรงนี้ไง เป็นบัวปริ่มน้ำ พร้อมบานชูช่อในเร็ววัน ต้องได้รับการอบรมสั่งสอน ฝึกหัดให้ได้รู้อะไรมากๆ พร้อมจะนำไปใช้งานได้ แม้ยังไม่มีผึ้งตัวใดพร้อมจะลงเคล้าคลอเคลีย แต่สักวัน เส็งจะบานสะพรั่ง สวยงามจนใครต่อใครก็ต้องยอมรับ
    “พวกบ่าวคนอื่นๆ ก็เหมือนบัวใต้น้ำ ไม่มีบุญวาสนาพอจะขึ้นพ้นเหนือน้ำ เว้นแต่ได้รับการอบรมสั่งสอน พัฒนาความสามารถกันต่อไป ส่วนบัวพวกสุดท้ายนั้น พระพุทธเจ้าตรัสไว่ว่า เป็นพวกบัวใต้โคลนตม ไม่มีวันเจริญงอกงาม ได้แต่อยู่ใต้ดินเลน เป็นอาหารของเต่าปลา เราเห็นว่าแก้วเป็นบัวประเภทนี้ สอนอะไรก็ไม่ฟัง ไม่จำ ไม่ต้องการให้ใครมาสั่งมาสอน จะพัฒนาให้ไปทางไหนก็ไม่ได้
    “แต่เส็งรู้หรือเปล่าว่า บัวที่บานสวยมากๆนั่น สักวันมันก็เหี่ยวเฉา สักวันมันก็ต้องเน่าเสียไม่ต่างจากบัวดอกอื่นๆ จะตัดไปใช้ทำอะไรก็ไม่ได้เสียแล้ว ส่วนบัวปริ่มน้ำอย่างเส็ง คนกลับนิยมนัก เราเองก็ชอบเสียมากกว่า สังเกตไหมเล่าว่าดอกบัวตูม มักเป็นดอกไม้ที่คนเรานำไปถวายพระ ไม่มีใครเอาดอกบานสวยใกล้เหี่ยวไปถวายดอก
    “เทิดเอง สักวันมันก็ปีกกล้าขาแข็ง สักวันมันก็ต้องไปจากเรา จะให้อยู่รับใช้เราไปตลอด เห็นจะเป็นไปไม่ได้ แต่เส็ง บัวปริ่มน้ำที่พร้อมจะเบ่งบานอย่างนี้จะยอมอยู่ในสระรอวันเบ่งบานให้มีแมลงภู่ ผึ้งมาเคล้าเคลีย หรือจะยอมให้เราตัดมาไว้ใส่แจกันในบ้านก็ไม่รู้”
    หลวงพินิจเงียบไปอึดใจก็พูดออกมาคล้ายจะรำพึงรำพันกับตัวเอง
    “เส็งคงรู้ และเข้าใจใช่ไหม ว่าหากเทิดจากเราไปในสักวัน คนที่เราหมายมั่นให้มาเป็นทนายของเรา เป็นคนสนิท คนที่คุยได้ทุกเรื่อง คนที่เราไว้ใจ เชื่อใจ” หลวงพินิจไม่ได้พูดว่า คนที่เรารักมากสุดหัวใจ ออกไปด้วยเพราะยังไม่มั่นใจว่าเส็งพร้อมฟังหรือไม่ จึงจบประโยคเพียงว่า“คนที่รับใช้อยู่ใกล้ชิดเรา คนนั้นจะเป็นใคร”
    เส็งยิ้มหวาน ยิ้มอย่างอ่อนละไม เป็นรอยยิ้มที่หลวงพินิจรักมากที่สุดในตัวเส็ง ยิ้มทั้งปากเรียบบางนั้น และยิ้มทั้งดวงตาสุกใสราวกับดาวประกายพฤกษ์ เป็นรอยยิ้มที่ประทับ ฝังอยู่ในใจของผู้เป็นนาย แม้เจ้าตัวจะกลับไปนอนที่เรือนบ่าวในคืนนั้น รอยยิ้มก็ยังคงติดตาหลวงพินิจราชอักษรจนเก็บไปฝันทั้งคืน
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 11แล้วววว!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 28-10-2010 22:15:03
สั้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน :serius2: :serius2: :serius2:



+1


แต่หวานทีเดียวเชียวเจ้าค่ะ

คุณหลวงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงแอร๊ย อยากได้คุณหลวงมาเป็นของตัวเอง อิอิ

เก็บความหวานให้เต้มอก เตรียมตัวรอรับความขมในอีกไม่นานวัน :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 11แล้วววว!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 28-10-2010 22:36:08
เธอคือหวานเย็น...
โอ๊ย!!!  จีบกันเหรอเนี๊ยะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 11แล้วววว!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 28-10-2010 22:38:15
อร๊าย คุณหลวงหวานไม่เกรงใจใครเลยอ่ะ  ชอบตอนที่คุณหลวงพูดถึงดอกบัวจัง เปรียบเทียบได้เห็นภาพชัดเจนทีเดียวแถมยังหาเหตุผลมากล่อมให้เส็งมาอยู่ข้างกายอีก แบบนี้เป็นการบอกรักกลายๆหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 11แล้วววว!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 28-10-2010 22:46:55
 :jul1: :jul1: :jul1:ช่างหวานหยดย้อยจริงๆเลยเทียว


หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 11แล้วววว!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 28-10-2010 22:56:46
สั้นๆ แต่หวานมากกกกกกกกกกกกกกกก  :o8:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 11แล้วววว!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 28-10-2010 23:01:33
หวานชวนให้ซาบซึ้งตรึงใจ  คุณหลวงช่างเป็นคนที่อ่อนโยนมาก ๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 11แล้วววว!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 28-10-2010 23:25:21
คุณหลวงหวานได้ใจค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 11แล้วววว!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 28-10-2010 23:36:30
คุณหลวงเป็นผู้ชายที่อ่อนหวานและโรแมนติกมากเลยค่ะ :-[
อยากให้เ็ส็งกับคุณหลวงมีความสุขแบบนี้ไปนานๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 11แล้วววว!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 29-10-2010 00:43:02
จะหวานไปไหนค่ะคุณหลวงขาาา
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 11แล้วววว!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: daizodiac ที่ 29-10-2010 01:47:51
แอร๊ย ย คุณหลวง จีบได้ซับซ้อนมากเลยคร๊า !
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 11แล้วววว!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 29-10-2010 04:34:42

ต๊าย คุณหลวง . . ไม่รีบเชยชมบัวหิมะ . . . . ไปหัวหินครั้งนี้ เจ้าคุณพ่อจะยัดเยียดบัววิคตอเรียให้แทนนะเจ้าคะ
๗๙ +๑ = ๘๐
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 11แล้วววว!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 29-10-2010 06:53:08
โอย หวานมากกกกก ^^
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 11แล้วววว!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 29-10-2010 07:16:47
ชอบมากเลยครับ บรรยายได้เห็นภาพเลย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 11แล้วววว!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 29-10-2010 11:04:11
คุณหลวงหยอดได้หยอดดี หยอดวันหยอดคืน

จะหวานกันไปไหนเจ้าค่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 11แล้วววว!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 29-10-2010 13:53:35
เส็งเป็นบัวปริ่มน้ำของคุณหลวงคนเดียวล่ะซิ
หวานมากกกก..
เห็นด้วยกับแก้วที่เป็นบัวใต้น้ำมากเลยล่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 11แล้วววว!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 29-10-2010 19:57:23
จะบอกไรเตอร์ให้รู้อะไรใว้อย่างนะครับ
เรื่องนี้นะ  ถึงไรเตอร์จะเขียนได้ยาวขนาดใหนในแต่ละตอน
แต่ก็ยังสั้นสำหรับคนอ่านอยู่ดี  บางทีความรู้สึกว่าสั้นมากด้วย
อยากอ่านไปเรื่อยๆอ่านมากๆ
เพราะอะไรไม่รู้
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 11แล้วววว!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: oattie ที่ 29-10-2010 20:10:23
คุณหลวงกับเส็งหวานกันจริงๆ  :L1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 11แล้วววว!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 29-10-2010 23:44:29
มันจะหวานเกินไปแล้วน้า :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 11แล้วววว!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 30-10-2010 15:27:26
แวะมา+1 รอคุณหลวงของเส็งเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 11แล้วววว!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: Lady-Rabbit ที่ 30-10-2010 19:17:20
หวานจัดค่าา
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 11แล้วววว!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: Resonance ที่ 31-10-2010 16:57:14
เพิ่งตามมาอ่านค่ะ สนุกมาก หวานได้อีก ว่าแต่คุณชายพาทิศจะฝันนานไปป่าวเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 11แล้วววว!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 31-10-2010 18:59:05
คุณหลวงหวานได้อีกกกกก

จีบแบบละมุนละม่อม  :-[
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 11แล้วววว!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 31-10-2010 21:23:48
ไปต่อกันเลยนะคร้าบบบบ

**********************************************************************************************************
๑๒       

    เรื่องน่าแปลกใจอย่างหนึ่งที่มนุษย์เป็นกันทุกคนคือ หากวันรุ่งขึ้นเป็นวันสำคัญ เป็นวันที่จะต้องไปทำอะไรสักอย่างที่เฝ้ารอ หรือไปกับใครที่ต้องการ หรือจะได้พบเจอสิ่งใหม่ๆ หรือต้องมีใครจากไป เราทุกคนก็มักจะนอนไม่หลับกันเสมอในคืนก่อนที่จะถึงวันนั้น
    คืนก่อนกำหนดเดินทางไปหัวหินของหลวงพินิจ มีคนนอนไม่หลับพร้อมกันในคืนเดียวถึงสามคน

    คนแรกคือคุณหลวงพินิจราชอักษรเอง คุณหลวงหนุ่มนอนอยู่บนเตียงสี่เสากลางห้องนอนของเขานั้น หากแต่ใจยังไม่ยอมหลับแม้จะดับไฟทุกดวงแล้วก็ตาม คุณหลวงสวมเสื้อคอกลมสีขาวบาง กางเกงแพรจีนสวมสบาย นอนตะแคงหันหลังให้กับห้องน้ำที่อยู่ทางซ้ายของเขา มองไปยังที่ที่ มักมีคนมานั่งเป็นเพื่อนยามค่ำ อ่านกลอน หรือ กาพย์ โคลงให้ฟังทุกคืน ป่านนี้ หนุ่มน้อยผู้นั้นคงหลับสบายอยู่ที่เรือนบ่าว คงไม่ได้รู้เลยว่า นายหนุ่มจะนอนไม่หลับ ด้วยคิดถึงคะนึงหาเขาเพียงใด
    พรุ่งนี้แล้วที่หลวงพินิจราชอักษรจะต้องเดินทางไปหัวหินกับเจ้าคุณพ่อ คุณหญิงแม่ และ บ้านไพศาลเสนีย์ คุณหลวงหนุ่มไม่ได้ตื่นเต้นหรอกที่จะได้ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา หรือว่าจะได้ไปติดตามรับใช้ฝรั่งมังค่า เขากำลังครุ่นคิด และกังวลอยู่เต็มหัวใจ ว่าพรุ่งนี้เช้าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็นหน้าของเส็ง ก่อนจะเดินทางออกหัวเมือง และจะไม่ได้พบกันอีกไปหลายวัน
    วันนี้เจ้าคุณ และ คุณหญิงไพรัชกิจเดินทางมาพักอยู่กับเขาที่ห้องข้างๆนี้เอง ลูกชายจึงไม่กล้าให้บ่าวหนุ่มมารับใช้ปรนนิบัติถึงบนตึก ด้วยกลัวว่าใครจะล่วงรู้ความจริงในใจของเขาขึ้นมา
    หลวงพินิจมั่นใจว่าเขารักเส็ง
    เขาอาจรู้สึกเพียงสนใจ และเอ็นดูหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มของหนุ่มน้อยเมื่อครั้งแรกพบก็จริง แต่เมื่อยิ่งอยู่ด้วย ยิ่งรู้จัก ยิ่งได้ใกล้ชิดพอจะรู้นิสัยใจคอกันแล้วอย่างนี้ หลวงพินิจก็ยิ่งรู้สึกผูกพัน มากขึ้นเรื่อยๆ จนพัฒนาเป็นความรัก และรักอย่างแรงกล้าจนไม่อาจอยู่ห่างบ่าวหนุ่มได้แม้สักวันเดียว
    ทุกครั้งที่อยู่ใกล้เส็ง หลวงพินิจจะรู้สึกอบอุ่น เหมือนเขาเป็นผู้ดูแล ปกป้องเลี้ยงดูบ่าวหนุ่มได้ เขาชอบที่จะเห็นดวงตามีความสุขเป็นประกายของหนุ่มน้อย เวลาเขาสอนทำอาหารฝรั่ง หรือ พาไปเดินเปิดหูเปิดตาที่ตลาดบางรักเมื่อไม่กี่วันมานี้ ชายหนุ่มชอบที่เส็งเป็นคนน่ารัก ง่ายๆ ไม่จองหองพองขนอย่างแก้วเมื่อเขาให้ความสนิทสนมด้วย เขาชอบที่เส็งเป็นคนซื่อๆคิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ขยัน ใฝ่เรียนรู้ สอนอะไรก็จำได้ขึ้นใจ เข้าใจได้ตลอดลึกซึ้ง แถมยังฉลาด ทะเยอทะยานอยากได้ใคร่ดี หากแต่ไม่ก้าวร้าวจนดูไม่น่ารัก เขาชอบความสามารถของเส็ง ชอบความจริงที่ว่าเส็งเป็นคนเก่ง ทำงานฝีมือได้ ทำอาหารได้อร่อยถูกปาก ทำงานบ้านได้เรียบร้อย อ่านออกเขียนได้จะพัฒนาให้โตไปเป็นคนรับใช้สนิทกัน เป็นทนายหน้าหอของเขาก็คงเป็นไปได้สักวัน
    เขาชอบน้ำเสียงอ่อนนุ่มราวเสียงดนตรี ยามเส็งขับเสภา หรือเอื้อนเอ่ยอ่านทำนองเสนาะให้เขาฟังทุกคืน ชอบที่เส็งรับฟังความทุกข์และปัญหาของเขา อย่างเพื่อน อย่างคนที่ห่วงใย ไม่ใช่ทำตามหน้าที่แบบเทิด หรือประจบประแจงแบบแก้ว หลวงพินิจชอบเส็งไปเสียทุกอย่าง
    และที่ชอบมากที่สุด คือรอยยิ้มที่ใสซื่อ สะอาด จริงใจ ที่น่ารัก สวยงามราวกับภาพวาด แม้เส็งจะไม่ใช่คนหล่อเหลาแบบเขา แต่ยามพูดจา หรือยามยิ้ม จะดูน่ารักไปหมด จนหาที่ติไม่ได้ และด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เอง ทำให้หลวงพินิจรู้แน่ว่า เขาไม่อาจขาดสิ่งเหล่านี้ไปได้สักวันในชีวิต
    เพราะเขาตื่น เมื่อคิดว่าจะได้ตื่นมาเจอเส็ง
   เขาอิ่ม เมื่อมีเส็งนั่งใกล้ๆ เวลากินอาหาร
   เขาสนุก เมื่อได้สอนอะไรใหม่ๆ เมื่อได้พาเส็งไปดูโน่นดูนี่
    เขามีความสุข เมื่อเห็นเส็งมีความสุข ได้หัวเราะ ได้ยิ้ม ไปกับเขา
    เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อมีเส็งคอยปรนนิบัติพัดวี
    เขาอุ่นใจ เมื่อมีเส็งอยู่ข้างๆ
    เขาหลับได้เต็มอิ่ม เมื่อรู้ว่าหลับตาลงก็จะฝันถึงเส็ง
    กิจกรรมทุกอย่างในชีวิตของเขาบัดนี้ หากไม่มีเส็งเป็นแรงผลักดัน ก็มีเส็งคอยทำให้ หรือทำไปด้วยกัน จนเคยชินเสียแล้วว่า เมื่อตื่นก็ต้องเจอเส็ง ก่อนนอนก็ต้องเจอเส็ง หันไปทางไหนก็ต้องเห็นเส็งตลอดเวลา ยังไม่มีสักวันที่เขาไม่ได้อยู่กับหนุ่มน้อยตั้งแต่รู้จักกันมา กระทั่งวันนี้
    เขาจะพร้อมหรือเปล่า หากต้องไปอยู่ในที่อีกที่หนึ่งที่ไม่มีเส็งอยู่ด้วย แล้วเขาจะอยู่ได้หรือวันใดที่ข้างเตียงของเขาไม่ใช่เส็งที่นั่งอ่านเรื่องขุนช้างขุนแผนให้ฟัง หากแต่เป็น “ภรรยา” ของเขาที่นอนอยู่ร่วมกันแทน
คิดถึงแม่หยาดทีไรหลวงพินิจก็ไม่อาจทำใจให้เป็นสุขได้เลย เขาไม่อยากแต่งงานกับหล่อน เขาไม่ได้รักหล่อน เส็งต่างหากที่เขารักหมดใจ และหากทำได้ก็เป็นเส็งอีกนั่นละ ที่เขาอยากแต่งงานด้วย อยู่ด้วยไปตลอดชีวิต
 แต่หลวงพินิจราชอักษรคนนี้จะทำอะไรได้ เขาไม่อาจฝืนใจพระยาไพรัชกิจ เขาต้องสืบสกุลนี้ต่อไป และไม่อาจนำความเสื่อมเสียมาสู่ตระกูลของเขาได้เลย การที่ชายรักชายในสยามนั้นเป็นเรื่องวิปริตเสียมากไม่อาจเป็นที่ยอมรับได้ แม้ในฝรั่งเศสก็ยังมีให้เห็นน้อยนัก ทำให้เขาไม่อาจอยู่กินกับเส็งได้อย่างออกหน้า ออกตา ทำได้ก็เพียงรักกันแบบหลบซ่อนไปวันๆเท่านั้น
แล้วเส็งมีใจให้เขาบ้างหรือไม่
เขาตอบไม่ได้เต็มปากว่าไม่ แต่ให้พูดว่าเส็งรักใคร่ผูกพันกับเขา หลวงพินิจก็พูดไม่ได้เช่นกัน เส็งมีท่าทีโอนอ่อนนอบน้อมภักดีกับเขาก็จริง แต่จะรักใคร่แบบชู้สาวด้วยหรือ เขาก็ไม่รู้ รู้แต่เส็งไม่ได้สนใจบ่าวผู้หญิงคนใดในบ้านหลังนี้เลยแม้สักคนเดียว แต่นั่นก็ไม่อาจใช้เป็นหลักประกันได้ว่า หากเขาบอกรักบ่าวหนุ่มคนนี้ เส็งจะรับรักเขาตอบด้วย
 แต่อย่างน้อยได้ทำอะไรเพื่อตัวเองบ้างก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายมิใช่หรือ
ก่อนไปหัวหิน หากได้บอกรัก ได้แนบอิงกับคนที่เขามีใจ ก็คงเป็นเรื่องดีไม่น้อย แต่เขาจะลุกไปหาเส็งถึงเรือนบ่าว เรียกให้ลงมาหาแล้วบอกรักหรือ บ่าวไพร่คนอื่นก็ต้องรู้เรื่อง แล้วถ้ารอถึงพรุ่งนี้เช้าเล่า เจ้าคุณพ่อ กับคุณหญิงแม่ก็ต้องรู้เรื่องเช่นกัน ... ทีนี้จะทำอย่างไรเล่า
 หลวงพินิจลุกขึ้นจากเตียง จินตนาการว่า เส็งอยู่ตรงหน้า
 “เส็งรู้ว่าเราไม่อยากแต่งงานกับแม่หยาด รู้ว่าเรามีคนที่รักอยู่แล้ว เส็งยังเคยถามด้วยว่าคนคนนั้นเป็นใคร วันนี้เราพร้อมแล้วที่จะบอก พร้อมแล้วที่จะให้เส็งรู้เรื่องทุกอย่างว่า... เรารักเส็งมากเหลือเกิน รักสุดหัวใจเท่าที่จะรักใครได้” คุณหลวงหนุ่มรำพึง
ทำอะไรอยู่ อ้ายแสง เอ็งจะบอกรักเขาดื้อๆอย่างนี้เทียวหรือ แล้วจะบอกเมื่อไหร่ อย่างไร มีเวลาหรือที่จะอยู่กับเส็งสองคน
 หลวงพินิจส่ายหัว ไม่ไหว ทำอย่างนี้ไม่ได้
 เขาทรุดตัวลงนั่งบนเตียง มองออกนอกหน้าต่างดูพระจันทร์เสี้ยวที่ส่องแสงน้อยนิดราวจะบอกเขาว่า ความหวังที่เขาจะได้รักกับเส็งนั้นมีน้อยเหลือเกิน คุณหลวงหนุ่มลูบเตียง มองไปยังที่ที่เส็งมักนั่งอ่านหนังสือให้เขาฟัง หากเพียงแต่คืนนี้เส็งมาอ่านหนังสือที่นี่อย่างที่ทำทุกครั้งก็คงดี เขาคงได้บอกทุกอย่างที่เขามีในใจ
แล้วหลวงพินิจราชอักษรนึกขึ้นได้ในที่สุด... บ่าวไพร่อ่านหนังสือไม่ออก มีเส็งเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อ่านหนังสือได้ หากไม่มีโอกาสบอกก็เขียนหนังสือให้ซี เท่านี้ก็ไม่มีใครรู้เรื่องแล้วนอกจากเส็ง
 ไวเท่าความคิด หลวงพินิจย่องออกจากห้องนอนไปยังห้องหนังสือที่อยู่ถัดจากห้องที่เจ้าคุณ และคุณหญิงไพรัชกิจนอนอยู่ เดินไปเปิดประตู และปิดอย่างเบาที่สุดไม่ให้เจ้าคุณพ่อ คุณหญิงแม่ได้ยิน เขาหยิบกระดาษที่วางกองๆไว้อย่างไม่ใส่ใจบนโต๊ะ มาไว้ตรงหน้า หยิบปากกาขึ้นจรดหน้ากระดาษ แล้วเริ่มเขียนกลอนเพลงยาวให้เส็ง ขึ้นด้วยวรรครับตามขนบวรรณคดี
“กายจำต้องห่างแล้วแก้วตาพี่...”

เมื่อต้องนอนพลิกไป พลิกมาอยู่หลายรอบจะทำอย่างไรก็หลับไม่ลงสักที เส็งก็เลิกมุ้งมุดออกมาในที่สุด บ่าวหนุ่มคลำทางในความมืด เดินออกจากหอนอนมายังนอกชาน ด้วยความที่อุดอู้เหลือทน ไม่อาจอยู่ในหอนอนแคบๆรวมกับบ่าวอีกนับสิบโดยไม่อาจข่มใจให้หลับได้อีกต่อไป
หนุ่มน้อยลูกจีน เดินปล่อยความคิดไปเรื่อยเปื่อย ลงจากเรือนบ่าวมายังพื้นสนามหญ้า ลากเท้าผ่านต้นหญ้าที่ตัดไว้สั้นเตียนอย่างไม่กลัวงูเงี้ยว แม้จันทร์คืนนี้จะมืดเหลือเกิน แต่บ่าวหนุ่มก็กำลังว้าวุ่นในใจเกินกว่าจะมัวคิดระแวง ระวัง เขาเดินช้าๆไปที่ท่าน้ำริมคลอง นั่งหย่อนขาลงแม่น้ำอย่างสบายอารมณ์ แกว่งเท้าไปในน้ำอย่างที่คุณหลวงเคยแนะนำว่า ทำอย่างนี้แล้ว “สบายดี”
 สบายน่ะคงสบายอยู่ เพราะน้ำในคลองเย็นสดชื่น อากาศคืนนี้ค่อนข้างอ้าวอยู่แล้ว จึงทำให้ยิ่งสบายใหญ่ หากแต่ใจของบ่าวหนุ่มน้อยไม่ได้สบายเลยแม้สักนิด
 วันนี้เขาไม่ได้เข้ารับใช้ใกล้ชิดคุณหลวงอย่างที่ทำอยู่ทุกวันเลย เพราะคุณหลวงไปบางรักแต่เช้ากลับมาอีกทีก็เกือบบ่าย ซ้ำยังมาพร้อมเจ้าคุณ และ คุณหญิงไพรัชกิจอีกด้วย พอกลับมาถึงแล้วก็ขึ้นตึกอยู่กับเจ้าคุณพ่อคุณหญิงแม่ทั้งวัน เส็งพบคุณหลวงเพียงตอนยกอาหารเย็นไปให้เท่านั้น คุณหลวงพูดจากับเขาเพียงว่า “ขอบใจเส็ง อาหารน่ากินเหลือเกิน” ประโยคเดียว แล้วไม่ได้สนใจเขาอีกเลยจนเส็งต้องออกมานั่งรอที่ห้องหนังสือเหมือนเคย
แต่หลวงพินิจไม่ได้มาที่ห้องหนังสือ บ่าวหนุ่มจึงกลับเรือนบ่าว พอใกล้ค่ำ เส็งกลับมาที่เรือนเทา บ่าวที่เฝ้าอยู่ที่ประตูก็ว่า “คุณหลวงคุยกับเจ้าคุณ ไม่ให้ใครกวน” เส็งจึงเดินคอตกกลับมา นั่งปล่อยเวลาให้ผ่านไปเฉยๆ จะทำอะไรก็ไม่มีกะใจ จะคุยกับใครก็ไม่สนุกเท่าคุยกับคุณหลวง
 คุยเรื่องส่วนตัวของกันและกันบ้าง ไม่อย่างนั้นก็คุยเรื่องวรรณคดี หรือความเป็นไปของบ้านเมือง เส็งได้ยินคุณหลวงเปรยๆอยู่วันหนึ่งว่า “ฝรั่งมังค่าเยอะเหลือเกิน เอาเงินเขามาแลกเงินสยาม เงินเหลือในท้องพระคลังน้อยเต็มที เห็นว่าพระพุทธเจ้าหลวงจะผลิตเงินกระดาษใช้แบบฝรั่ง แล้วให้ยกเลิกเงินเบี้ย เงินพดด้วง เพราะปลอมแปลงกันง่าย และไม่มีพอใช้จ่ายในประเทศ”
บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปมากเหลือเกิน มีโบสถ์มีวัดฝรั่งเต็มไปหมด ที่บางรักก็มีการทำทางลาดยางดูแปลกตาอย่างที่บ่าวหนุ่มไม่เคยเห็นมาก่อน นอกจากนั้นก็ยังมีรถราง รถไฟอะไรไม่รู้เยอะแยะ คนเริ่มเดินทางทางเรือน้อยลงแล้ว เรือจ้าง เรือแจวก็ผ่านมานานๆครั้ง เส็งจะไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวก คุณหลวงเคยบ่นๆกับเส็งว่า
 “ฝรั่งเศสมายึดจันทบุรีอยู่เป็นสิบกว่าปี เพิ่งยกทัพออกเมื่อวันที่ 8 มกราคม กลัวเหลือเกินว่าจะกลับมาอีก กลัวเสียเมืองให้ฝรั่งมังค่ามาปกครอง”
 “เราทำอะไรไม่ได้เลยหรือขอรับ” เส็งถามอย่างอยากรู้ ด้วยเป็นห่วงบ้านเกิดเมืองนอน
 “ทำซี ทำอยู่ พระพุทธเจ้าหลวงถึงได้ทรงพัฒนา เปลี่ยนแปลงประเทศเรา ให้ศิวิไลซ์ อย่างฝรั่งเขา จะได้มองว่าเราเจริญแล้ว ไม่ต้องมายึกครองเอาไป อย่างเมืองลาว เมืองเขมร” คุณหลวงตอบ “แปลก เส็งสนใจการบ้านการเมือง เราบ่นกับเทิด เห็นเทิดว่าแต่ อย่าวิตกไปขอรับ หรือไม่ก็ เดี๋ยวก็ดีเองขอรับ เราพูดด้วยไม่ได้อีก เดี๋ยวหาว่าวิตกเกินว่าเหตุ”
เส็งคิดถึงเวลาที่หลวงพินิจเล่าโน่นเล่านี่ให้ฟัง และพาเขาไปเปิดหูเปิดตาที่โน่นที่นี่ เส็งอบอุ่นทุกครั้งที่อยู่ใกล้หลวงพินิจ
 บ่าวลูกจีนเข้าใจว่า ชายไม่สมควรจะรักชายด้วยกัน แต่เขารู้สึกรักและผูกพันกับคุณหลวงเหลือเกิน การได้ปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิดกับคุณหลวงกลายเป็นสิ่งที่สนุกสนาน เพลิดเพลินไปเสียแล้ว มิใช่เป็นเพียงสิ่งที่บ่าวพึงปฏิบัติต่อนายตามหน้าที่อีกต่อไป
 เส็งรู้สึกดี ภูมิใจทุกครั้งที่ได้ดูแล ปรนนิบัติคุณหลวง รู้สึกปลื้มใจเมื่อคุณหลวงกินอาหารที่เขาทำให้อย่างเอร็ดอร่อย จนต้องออกปากชมทุกครั้ง กระนั้นคุณหลวงก็ไม่ได้เป็นฝ่ายให้เขาดูแลอยู่ตลอด กลับคอยช่วยเหลือดูแลเส็งเป็นครั้งคราว อย่างไม่จำเป็นเลย ก็อย่างวันนั้นที่ห่มผ้าให้เขานั่นก็คราวหนึ่งแล้ว หลังจากนั้นก็ยังพาเขาไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา คอยประคองเวลาขึ้นเรือ ลงเรือ หลายครั้ง จูงมือเขาเดินเวลาอยู่ในสวนที่บ่าวไพร่คนอื่นไม่เห็น เมื่อเห็นว่าเขาเดินไม่สะดวกนัก
มีครั้งหนึ่งตอนเข้าสวนไปดูผลไม้ หลวงพินิจถึงกับเอื้อมมือปลดมะม่วงลงมาปอกเฉือนให้เส็งกิน ทำเอาบ่าวหนุ่มขวยเขินไปหมด นั่งกินกันอยู่ในสวนสองคนราวกับว่าเป็นสวนสวรรค์ของทั้งคู่ก็ไม่ปาน อีกครั้งก็ตอนเดินชมสวนดอกไม้ เส็งรำพึงว่าดอกจำปาลาว หรือดอกลั่นทมนั้นสวยเหลือเกินไม่น่าชื่อลั่นทมให้ไม่เป็นมงคลเลย หลวงพินิจก็เด็ดดอกลั่นทมมาให้เส็ง
 “มันอัปมงคลก็แค่ชื่อเท่านั้น ถ้าชอบจะเด็ดให้ทุกวัน”
 เพราะคุณหลวงไปอยู่ต่างประเทศมาเสียนานกระมังถึงได้ปฏิบัติตนเป็นสุภาพบุรุษเหมือนฝรั่งมังค่า ผิดจากนิสัยคนสยาม ที่เชื่อว่าผู้ชายเกิดมาเป็นนาย นั่งสบายให้ผู้หญิงดูแล ถึงอยู่ในฐานะนายจริงๆ คุณหลวงก็ยังอุตส่าห์มีใจดูแลเส็งบ้างเป็นอย่างดี บ่าวหนุ่มแทบจะอยู่อย่างสบายเกินไปเสียเอง
 วันพรุ่งนี้แล้วอ้ายเส็ง วันพรุ่งนี้แล้วที่คุณหลวงของเอ็ง จะออกหัวเมือง ไปหลายวันจะกลับเมื่อไรก็ไม่รู้ เอ็งจะทนได้หรือ อยู่โดยไม่มีคุณหลวงได้หรืออ้ายเส็ง เขานึกในใจ
 เส็งรักคุณหลวง เหลือเกิน อยากอยู่รับใช้ดูแลคุณหลวงไปตลอดชีวิต แม้อยู่ในฐานะบ่าว อ้ายเส็งคนนี้ก็ยอม คุณหลวงใจดี ดีกว่าใครที่เส็งรู้จัก เส็งจึงทั้งรัก ทั้งเคารพ ทั้งภักดีจนไม่อาจทำอะไรล่วงเกินให้คุณหลวงเสียใจ และผิดหวังในตัวเขาได้
มีหลายครั้งเวลาถูกเนื้อต้องตัวกัน เส็งอยากจะอิงแอบแนบชิดคุณหลวงไว้อย่างนั้นทั้งวัน แต่ก็ยังเกรงว่าคุณหลวงจะหาว่าตีตนเสมอท่าน หรือหากคุณหลวงจะไม่คิดแบบเดียวกับเขา คุณหลวงจะพาลรังเกียจแล้วไล่ออกจากบ้านไปเสียจะเข้าไปบอกรัก อ้ายเส็งจะกล้าหรือ หากทำจริงๆแล้วไม่เป็นดังใจหวัง ได้ถูกเรียกว่าบัณเฑาะก์ ถูกตีตราว่าเป็นผู้วิปริตไปตลอดชีวิตเป็นแน่อ้ายเส็ง
เส็งจะรู้ไหมว่า หลวงพินิจก็คิดอย่างเดียวกันนี้ อยู่เช่นเดียวกันไม่ใกล้ ไม่ไกลเท่าไรเลย
บ่าวหนุ่มถอนใจ ลุกขึ้นจากท่าเรือหมุนตัวจะกลับเรือนบ่าว ก็เผอิญเห็นไฟบนห้องหนังสือยังเปิดอยู่ มันเพิ่งเปิดแน่ละ เพราะตอนเส็งลงจากเรือนบ่าว ตึกใหญ่ยังปิดไฟอยู่เงียบสนิท หนุ่มน้อยนึกขึ้นได้ว่าคุณหลวงเคยบอกว่า
   “เวลานอนไม่หลับ จะมาอ่านหนังสือที่นี่”
คุณหลวงนอนไม่หลับเพราะเสียดายที่จะไม่เจอเขาจะเป็นไปได้หรือ หรือว่าตื่นเต้นเพราะจะได้ไปเที่ยวกับคู่หมั้น เส็งรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตนเดินมาอยู่ตรงหน้าต่างห้องหนังสือเสียแล้ว เขาไม่ได้คิด ไม่ได้หวังแม้แต่น้อยว่าจะเห็นสิ่งที่ เขากำลังเห็นอยู่
หลวงพินิจราชอักษร มองจ้องไปยังเรือนบ่าว ด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์เป็นที่สุด หากเส็งจะไม่คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปหลวงพินิจก็คิดถึงเขาอยู่เหมือนกัน จะเป็นเพราะเส็งเดินเสียงดัง หรือเพราะหลวงพินิจเห็นเขาจากหางตาก็ไม่อาจรู้ได้ คุณหลวงก้มลงมาพบกับเส็งที่ยืนแหงนหน้ามองเขาอยู่พอดี
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 31-10-2010 21:30:20
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 31-10-2010 22:20:00
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก ค้างด้วยคน กำลังลุ้นเลยอะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 31-10-2010 22:21:18
น่าสงสารทั้งคุณหลวงทั้งเส็งเลยอ่ะ
รักกันแต่ก็ไม่กล้าบอก ถึงจะใจตรงกันแต่ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้
ทีนี้คุณหลวงจะทำยังไงต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: bigbeeboom ที่ 31-10-2010 23:02:57
อ่านแล้วรู้สึกทั้งคู่กำลังปวดใจ โอ้ยเศร้า สงสารอย่างแรงอ่ะ
 ไรเตอร์ขออะไรหวานๆให้ชื่นใจอีกได้ป้ะคะ นะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 31-10-2010 23:43:17
ตามองตา~~~ สายตาก็จ้องมองกัน~~~

หากคืนนี้จะมีคนนอนไม่หลับถึงสามคนแล้ว  คนหนึ่งคือคุณหลวง  สองคือเส็ง  คนที่สาม...


ก็คงเป็นกระผมเองกระมัง  เล่นมาตัดฉับกันเยี่ยงนี้  แล้วต้องรออีกกี่เพลาจึงจะได้อ่านต่อล่ะขอรับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 01-11-2010 03:36:30
ฉากต่อไปขอหวานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 01-11-2010 21:58:09
 :z2: :z2: :z2: :z2:ยิ่งอ่านยิ่งชอบอ่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 01-11-2010 23:17:54
คะ คะ คะ ค้างอะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 02-11-2010 19:49:17
 :pig4:
มาต่อด่วน.....กำลังค้างเติ่ง...
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: Lady-Rabbit ที่ 02-11-2010 21:44:10
โรแมนซ์แบบเงียบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 02-11-2010 23:08:11
 :call: :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 03-11-2010 03:40:10
มารอตอนต่อไปค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา  :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 03-11-2010 13:18:45
 :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 03-11-2010 16:22:06
 :-[
หวานหยดย้อย จะบอกรักกันแล้ว  :m4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 03-11-2010 18:21:59
หวานปนขม อย่างงี้อึดอัดมากกกกกก


สงสารทั้งคุณหลวงทั้งเส็ง  :monkeysad:


หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 03-11-2010 23:03:31
จะได้อ่านสัปดาห์ละครึ่งตอนรึเปล่าครับ  :เฮ้อ:


รอคุณหลวงจนนอนไม่หลับเลย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 21.35 - 28/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 04-11-2010 20:08:19
ไปต่อกันเลยค้าบบบบบบบบบบบบบบ

***************************************************************************************************

หลวงพินิจตกใจ คงไม่คิดว่าจะได้พบบ่าวหนุ่มดังที่คิด เขาสะดุ้งแวบแรกที่เห็นใครเดินเข้ามา เมื่อพบว่าเป็นเส็งก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ เขาขยับปากเป็นคำว่า “รอก่อนนะ” แล้วรีบลงมาพบบ่าวหนุ่มข้างล่าง
เส็งดีใจที่มีโอกาสพบหลวงพินิจตามลำพังเพียงใดก็ไม่อาจแสดงออกให้เห็นได้ทั้งหมด เพียงยิ้มมุมปากเมื่อเห็นหลวงพินิจเดินลงจากเรือนมา เปิดประตูด้านหลัง แล้วตรงเขามาหา
“เส็ง พอจะไปคุยกับเราริมสระบัวได้ไหม”
“ขอรับ” เส็งตอบแผ่วเบาอย่างดีใจ ที่จะได้ใช้เวลาอยู่กับหลวงพินิจเพียงสองคน ก่อนจะไม่ได้พบกันไปอีกนาน พอบ่าวหนุ่มรับคำ คุณหลวงก็เดินนำหน้าไปก่อน ยอบตัวนั่งริมสระ บ่าวหนุ่มก็นั่งตาม เงียบสักพักหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงใจตัวเอง
 “คุณหลวงจะไปพรุ่งนี้แล้ว ควรจะนอนไวนะขอรับ” เส็งเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นเป็นคนแรก
“นอนไม่หลับ”
 “ตื่นเต้นหรือขอรับ”
 “ไม่ใช่ดอก” หลวงพินิจหันมา ก็พบใบหน้าที่เขาฝันถึงในแสงจันทร์สีนวล อยากก้มลงหอมแก้มให้ชื่นใจสักครั้ง แต่ก็สะกดใจไว้ได้อย่างยากลำบากเต็มทน “เส็งก็รู้ว่าเราไม่ได้อยากไปเลย ไม่อยากไปเพราะห่วง”
คุณหลวงหลบตา หันไปมองดอกบัวที่พร้อมใจกันตูมอยู่เต็มสระ
 “ห่วงเส็ง”
บ่าวหนุ่มก้มหน้างุด เขินอายจนหน้าแดง หากแต่ไม่อาจสังเกตได้เพราะความมืดนั้น กระทั้งหลวงพินิจพูดต่อ
 “จะอยู่ได้หรือเปล่าถ้าไม่มีเรา ไม่อยากทิ้งไว้เลย แต่จะเอาไปด้วยเจ้าคุณพ่อก็ไม่อนุญาต” เขาเว้นวรรค ก่อนจะเอ่ยต่อเสียงเนิบๆ “กลัวโดนแก้วมันรังแก”
“บ่าวไม่กลัวขอรับ”
หลวงพินิจหัวเราะ
 “แต่เรากลัว เราเห็นสายตาเวลามันมองเส็ง ดูเคียดแค้นนัก เราดูออกไม่ใช่ไม่รู้เรื่อง นางคนนี้อยากเป็นเมียเราเหลือเกิน เห็นเราเอ็นดูเส็งก็คงอิจฉา” เขากระแอมเบา “เราอยากให้เส็งมีความสุข เมื่ออยู่ที่นี่”
“บ่าวมีความสุขเมื่อได้คิดถึงคุณหลวงขอรับ” แม้อยากพูดก็พูดไม่ได้เส็งได้แต่นึกในใจแล้วไม่พูดอะไรอีกเลย
“เราจะให้เส็งขึ้นมาอยู่เฝ้าตึกใหญ่ตอนเราไม่อยู่ ขออนุญาตคุณพ่อ คุณแม่แล้ว นอนที่ตั่งที่เดิมนะ ถ้าหนาวก็ห่มผ้าของเราไปก่อน” หลวงพินิจว่า เจ้าตัวก็อายเหมือนกันเมื่อพูดถึงผ้าห่ม แต่ก็ใจกล้าพอจะเอ่ยถึง “คราวที่แล้วเห็นนอนสั่นกลัวจะจับไข้ก็ห่มผ้าให้ คราวนี้ไม่ได้อยู่ต้องห่มเองเสียแต่ก่อนนอนแล้วนะเส็ง”
บ่าวหนุ่มยิ้ม
“คุณหลวงกรุณาบ่าวมากขอรับ”
คุณหลวงเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยอีก
“จะเข้าไปอ่านหนังสือก็ได้ตอนกลางวัน กลับมาต้องเล่าให้ฟังนะว่าอ่านเรื่องอะไรไป” เขาว่า “ถือว่าสั่งงานแล้วนะเส็ง”
บ่าวหนุ่มหัวเราะ เบาๆก่อนจะรับคำว่า ขอรับ
“แล้วเหตุใดจึงยังไม่นอน”
เส็งไม่ตอบในทันที ทบทวนคำพูดเสียก่อนจึงกล่าวตอบว่า
 “เป็นห่วงคุณหลวงขอรับ” หลวงพินิจราชอักษร เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจที่เส็งพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อมเหมือนเคย “ไม่ได้ติดตามรับใช้ กลัวคุณหลวงไม่สบายขอรับ”
หลวงพินิจอดใจไม่ได้ เอื้อมมือไปกุมมือบ่าวหนุ่มเอาไว้
“ไม่รู้คุณหลวงจะกลับเมื่อไร อยู่ที่โน่นไม่มีบ่าวอ่านหนังสือให้ฟังคุณหลวงต้องข่มตาให้หลับนะขอรับ ถ้าอ้ายเส็งไม่ได้ทำกับข้าวให้รับ ใครทำอะไรให้คุณหลวงต้องรับนะขอรับ”
หลวงพินิจราชอักษรบีบมือบ่าวหนุ่มเบาๆอย่างรักใคร่
“ขอบใจเอ็งมากนะเส็ง”
เส็งไม่ยิ้ม ไม่ตอบแต่ก้มหน้านิ่งครุ่นคิดอะไรในใจ ทั้งสองหนุ่มจะเปิดปากบอกรักอีกฝ่าย แต่จนแล้วจนรอดก็ทำอะไรไม่ได้ มากไปกว่านั่งจ้องหน้ากันอย่างนั้น หลวงพินิจโน้มตัวลงจะจูบหนุ่มน้อยเมื่ออดใจไม่ไหวอีกต่อไป แต่แล้วนายบ่าวก็ได้สติ ปล่อยมือออกจากมือของบ่าวหนุ่มหลบตาก่อนจะพูดว่า
“ดึกเกินไปแล้ว เราต้องนอนเสียทีนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นไม่ไหว”
“บ่าวก็ว่าอย่างนั้นขอรับ” เส็งหลบตา ต่างฝ่ายต่างเงียบ แม้บอกว่าจะไปก็ยังไม่กล้าไปจนแล้วจนรอด สุดท้ายแล้วหลวงพินิจก็ลุกขึ้นก่อนบ่าวหนุ่มจึงลุกตาม ก่อนที่จะค่อยๆเดินออกไปอย่างไม่แน่ใจว่าควรจะอยู่ต่อหรือไม่
ก่อนจะอยู่ห่างกันเกินได้ยิน หลวงพินิจก็หันมาพูดกับเส็ง
“เอ้อเส็ง เกือบลืมไป พรุ่งนี้ตอนเราออกเดินทางไปแล้ว ขึ้นไปที่ห้องหนังสือข้างบนนะ บนโต๊ะทำงานมีกระดาษแผ่นหนึ่ง เราเอาหินทับไว้ เอ็งเอามาอ่านเสีย อย่าลืมนะเส็ง อ่านตอนอยู่คนเดียวอย่าให้ใครรู้ อ่านให้ได้ตอนเราไปแล้วเท่านั้นนะ”
พอเส็งรับคำ หลวงพินิจก็เดินกลับขึ้นตึก วิธีนี้เป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่บ่าวหนุ่มจะได้รับรู้ความในใจของเขา ในที่ที่ไม่ว่าใครก็จะมารบกวนไม่ได้ ไม่ว่าใครก็จะมาล่วงรู้ด้วยไม่ได้ ในที่ที่ทั้งสองได้กอดกันเป็นครั้งแรกนั้นเอง

แม้สองหนุ่มจะเข้านอนไปแล้ว แต่ยังมีอีกคนที่ยังไงก็ข่มตานอนไม่ได้ หล่อนพลิกตัวไปมาบนเตียงสี่เสาที่เรือนไพศาลเสนีย์ใจยังคิดว้าวุ่นถึงหลวงพินิจราชอักษรคู่หมั้นของหล่อน
พรุ่งนี้แล้วซีนะที่หล่อนจะได้ไปหัวหินกับเขา
หยาดเป็นลูกสาวของเจ้าคุณไพศาลเสนีย์ บ้านของหล่อนและบ้านของเจ้าคุณไพรัชกิจสหายของพ่อหล่อนนั้น เคยอยู่ใกล้กันมาก่อน หล่อนเป็นเพื่อนเล่นกับ “พี่แสง” มาตั้งแต่เด็กๆ สนิทสนมกันพอสมควร เพราะละแวกนั้นมีเพียงหล่อนและ “พี่แสง” ของหล่อนเท่านั้นที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน วันไหนที่เจ้าคุณพ่อของหล่อน ซึ่งในสมัยที่หล่อนยังเป็นเด็กนั้น ยังดำรงตำแหน่ง คุณพระ อยู่เท่านั้น ไปเยี่ยมเยียนเพื่อนหนุ่มบ้านข้างๆ เขาก็จะเอาลูกสาวไปฝากเล่นกับ คุณแสง ของบ้านไพรัชกิจเสมอๆ
หยาดรักแสงแต่เด็ก เพราะแสงเป็นเด็กหน้าตาดี เป็นผู้นำ คอยดูแลปกป้องหยาดอยู่เสมอ ไม่ว่า “น้องหยาด” จะทำอะไร “พี่แสง” ก็จะคอยดูแลเอาใจช่วยแล้วก็เป็นกำลังใจให้ทุกครั้ง กระทั่งหนุ่มน้อยอายุได้สิบขวบ เดินทางไปเมืองนอก หล่อนก็ได้แต่มาร้องไห้ส่งที่ท่าเรือ พอ พี่แสงเห็นน้องหยาดร้องไห้ เขาก็เข้ามาปลอบแล้วบอกว่า
“พี่เรียนจบกลับมาจะมาอยู่กับน้อง อย่าร้องไห้ไปเลย”
หยาดยึดเอาคำพูดนั้นมาเป็นคำมั่นสัญญาตลอดเวลาสิบปีที่พี่แสงไปเรียนต่อ จนเมื่อ พี่แสงกลับมานั้นเอง ที่หล่อนเริ่มไม่แน่ใจว่า คำพูดสุดท้ายที่แสงพูดไว้นั้น จะเป็นเพียงลมปาก ไม่ได้มีความหมายเป็นจริงเป็นจังแต่อย่างใด
พอพี่แสง กลายเป็น หลวงพินิจราชอักษร หยาดก็ยิ่งไม่แน่ใจแล้วว่า “กลับมาอยู่กับน้องนั้น” เป็นอย่างไรเพราะเจ้าคุณพ่อก็รื้อบ้านไปปลูกใหม่ที่แถวคลองสาน หล่อนก็ยิ่งไม่ได้พบพี่แสง กระทั่งเจ้าคุณพ่อเปรยกับคุณหญิงแม่ของหล่อนนั่นแหละ หล่อนจึงเห็นแสงแห่งความหวังรำไรขึ้นมาอีกครั้ง
 “แม่หยาดยิ่งโตยิ่งสวย จะให้มีลูกเจ๊กลูกจีนมามาชอบพอ ติดพันจะดีหรือ ให้ตบให้แต่งไปพอสมเกียรติลูกพระยาไพศาลเสนีย์เสียโดยเร็วเถิด”
 “น้องเห็นด้วยค่ะคุณพี่ แต่จะให้ลูกหยาดแต่งกับใคร น้องยังนึกถึงผู้เหมาะสมไม่ได้สักคนเลยค่ะ”
“เอ้า ก็พ่อแสงอย่างไรล่ะ” เจ้าคุณไพศาลว่า
“หลวงพินิจราชอักษรค่ะ คุณพี่ เขามียศแล้วอย่าไปถอดยศเขาซีคะ” คุณหญิงแม่หัวเราะคิกคัก แก้ความไป
“นั่นแหละ หล่อนก็ลองคุยกับคุณหญิงบ้านโน้นไว้ซีว่าจะอย่างไร ลูกเราก็ไม่ขี้ริ้ว กิริยามารยาทก็ดี แถมสนิทกันมาแต่เด็กบ้านโน้นคงไม่รังเกียจดอกนะ” ด้วยเหตุนี้เอง หยาดจึงกลายมาเป็นคู่หมั้นของหลวงพินิจ
การเป็นคู่หมั้นกับเขาไม่ได้ทำให้หยาดสนิทสนมกับเขามากขึ้นกว่าเดิม ซ้ำหล่อนยิ่งรู้สึกไกลห่างจากเขาออกมาเรื่อยๆ เหมือนว่าเขาไม่เต็มใจจะแต่งงานกับหล่อนเลย พอหล่อนเปรยกับคุณหญิงแม่ ผู้เป็นแม่ก็ตอบว่า
 “เขาเพิ่งกลับมาอยู่ในช่วงปรับตัว อีกอย่างเขาก็ไปโตที่เมืองนอก เมืองนา ลูกอย่าไปคิดให้เขาเหมือนเดิมแบบเด็กๆวิ่งเล่นจับกันเลย เขาโตแล้ว มียศมีศักดิ์ก็ไว้ท่าบ้างพอให้ดูเกรงขาม ลูกไม่ต้องไปคิดมากดอก”
พอหล่อนบ่นว่าอยากถอนหมั้นเจ้าคุณพ่อก็ว่า
 “ถอนหมั้นไปแล้วจะหาใครดีได้เท่าพ่อแสง ฐานะบ้านเราก็ใช้ว่าจะดีอย่างแต่ก่อน พ่ออยากให้ลูกเป็นฝั่งเป็นฝา ไพรัชกิจ ก็มั่งคั่งอยู่ ลูกคงอยู่สบายไปตลอดชีวิต”
แต่กระนั้น หล่อนก็ยังอด รัก “พี่แสง” มากกว่า “หลวงพินิจราชอักษร” ไม่ได้อยู่ดี หล่อนชอบแววตาสดใสของเขา ยามมองหล่อนตอนเล่นหม้อข้าวหม้อแกงกัน มากกว่าแววตาเฉยชา ดุ ดูมีอำนาจของเขา ตอนที่เขาคุยกับหล่อนทุกวันนี้ แต่กระนั้น หยาดก็ต้องแต่งงานกับเขา รักเป็นส่วนหนึ่ง แต่ความอยากสบาย อยากมีทรัพย์สมบัติบ่าวไพร่คอยรับใช้ไปตลอดชีวิต มีมากกว่า และไม่มีใครรู้ข้อนี้นอกจากตัวหล่อนเอง
อย่างไรหล่อนก็ต้องได้เป็นภรรยาของหลวงพินิจอยู่แล้ว ทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียงเกียรติยศ หน้าตาในสังคมก็ต้องมีอยู่แล้ว แต่หล่อนก็ยังอยากได้ความรักจากเขาด้วยอยู่ดี และการไปเที่ยวหัวหินกับเขาครั้งนี้ก็คงเป็นโอกาสอันดีที่จะเรียกความรู้สึกดีที่มีในตอนเด็กๆกลับมาได้อีกครั้ง
หยาดนอนลืมตาอยู่ได้อีกไม่ถึงชั่วโมง ความอ่อนล้าก็เอาชนะความกังวลในใจ หญิงสาวหลับไปในที่สุด

ต่อให้นอนดึกแค่ไหน รุ่งเช้าทั้งสามคนก็ตื่นกันเร็วกว่าทุกครั้ง คุณหลวงลุ้นอยากให้เส็งรู้เรื่องเร็วๆ เส็งเองก็อยากรู้ว่าคุณหลวงเขียนอะไรให้เขา ส่วนหยาดก็อยากเจอคุณหลวงให้เร็วที่สุดเท่าที่หล่อนจะทำได้ ทั้งสามคนจึงมาอยู่ต่อหน้ากันโดยที่ไม่รู้ตัว
 หลวงพินิจราชอักษรเดินลงจากเรือนเทามาพร้อมเจ้าคุณ และคุณหญิงไพรัชกิจ ตรงมาที่ท่าน้ำเส็ง เทิด และบ่าวไพร่อีกสองสามคนนั้นรอกันอยู่แล้ว ส่วนบ้านไพศาลเสนีย์ เพิ่งจะนั่งเรือมาถึงได้ไม่กี่นาที นั่งรอกันอยู่ที่ท่าน้ำเช่นกัน พอหลวงพินิจมาถึงก็ทักทายปราศัยกันตามปกติคุยกันไม่กี่นาที เรือใหญ่ที่จะพาทุกคนไปส่งขึ้นรถไฟก็มาถึงพอดี หลวงพินิจจึงหันไปสั่งงานบ่าวไพร่เป็นครั้งสุดท้าย
“ดูแลบริเวณบ้านดีๆ ข้ามอบหมายให้เส็งดูแลเรือนใหญ่แล้วให้ดูห้องหนังสือ อย่าให้ใครไปค่อนแคะ รองจากเทิดแล้ว เส็งรู้เรื่องเกี่ยวกับข้าดีที่สุด ใครมีเรื่องกับเส็ง ก็เท่ากับมีเรื่องกับข้าด้วย” หลวงพินิจว่า มองหน้าเส็งอย่างมีความหมายเมื่อพูดว่า “ห้องหนังสือ” คุณหลวงลงเรือแล้วก็พูดประโยคสุดท้ายกับบรรดาบ่าว หากแต่มองหน้าเส็งอยู่คล้ายว่าจะพูดกับบ่าวหนุ่มน้อยแต่เพียงผู้เดียว “ไม่กี่วันก็กลับแล้ว อยู่กันดีๆ”
เส็งมองหน้าหลวงพินิจราชอักษรแล้วยิ้มให้นายหนุ่มที่เขารัก หากแต่คุณหลวงหนุ่มไม่ได้ยิ้มกลับเพราะต้องวางมาดสุขุมเมื่ออยู่ต่อหน้าบ่าวในบ้าน แต่เมื่อเรือเริ่มพายออกไปแล้ว เส็งก็เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหลวงพินิจราชอักษร... ยิ้มที่มีไว้ให้เขาแต่เพียงผู้เดียว

    กว่าเส็งจะปลีกตัวออกจากบ่าวไพร่คนอื่นๆได้ก็เกือบเย็น เขาต้องช่วยบ่าวผู้ชายแยกผลไม้ และช่วยซักผ้าผ่อนของคนอื่นๆ เส็งได้รับยกเว้นให้ไม่ต้องยกกระจาดผลไม้อย่างคนอื่นๆเพราะหนักเกินไป หนุ่มน้อยเดินขึ้นเรือนเทาในเวลาที่ไม่มีบ่าวคนใดอยู่แล้ว ชายหนุ่มตรงไปที่ห้องหนังสือชั้นสองอย่างไม่รออะไรทั้งนั้น
    หนุ่มน้อยเดินเข้าห้องหนังสือ ยังจำเหตุการณ์ที่ตนสะดุดเศษกระดาษลื่นล้มจนคุณหลวงต้องช่วยรับไว้ได้ ยังจำสัมผัสแข็งแกร่งของผู้เป็นนายที่กอดกระหวัดร่างของเขาไว้ บัดนี้เจ้าของสัมผัสนั้นไม่อยู่แล้วทิ้งไว้แต่กระดาษแผ่นหนึ่งบนโต๊ะที่คนเขียนบอกว่า ให้อ่านให้ได้
    เส็งหยิบหินแม่น้ำขัดก้อนขนาดเท่ากำปั้นบนโต๊ะออก ก็พบกระดาษแผ่นหนึ่ง พับเป็นแผ่นยาวคล้ายจดหมาย เขียนว่า ... ถึง   เส็ง
   หนุ่มน้อยเปิดออกมาก็พบว่าเป็นกลอนเพลงยาว ขึ้นด้วยวรรครับ จบด้วยเอยตามขนบของกลอนเพลงยาว หนุ่มน้อยเริ่มอ่านตั้งแต่วรรคแรกจนวรรคสุดท้ายด้วยความตั้งใจ ซึมซับทุกตัวอักษร ทุกความหมายระหว่างบรรทัดได้ด้วยใจไม่ต้องแปลแม้สักคำเดียว
   
                กายจำต้องห่างแล้วแก้วตาพี่
หากแต่ใจยังฝากไว้อยู่ตรงนี้     ขอคนดีโปรดรับรู้โปรดเข้าใจ
ถามว่ารักเริ่มขึ้นเมื่อใดเล่า       คงตอบเรารักแรกพบสบสมัย
ตามองตาก็รู้แล้วว่าหัวใจ       ตกเป็นของทรามวัยแล้วแน่นอน
อยู่มานานไม่เคยพบประสบรัก    เพียงประจักษ์รูปงามทรามสมร
ก็มั่นใจรักแล้วแต่บังอร        ไม่มีวันถอดถอนรักคนดี
เจ้าสลักริ้วลายลงหมากปราง    เหมือนริ้วรักสลักกลางดวงใจพี่
ริ้วรอยรักสลักจิตดวงฤดี       จะไม่มีวันลบเลือนออกจากใจ
ฟังสำเนียงเสียงอ่านกลอนเสนาะ    เหมือนเสดาะกลอนประตูที่ปิดไว้
คือกุญแจที่เปิดประตูใจ       รับแต่เจ้าทรามวัยเพียงเท่านั้น
น้องแกะฟักร้อยเรียงเรื่องสังข์ทอง    เหมือนแกะชื่อของน้องในใจฉัน
จะฟูมฟักรักใคร่ทุกทุกวัน       ยกสวรรค์มาไว้ให้เสียบนดิน
ยามเจ้าต้องตัวพี่ในคืนนั้น       พี่ใจสั่นหวั่นไหวจนใกล้สิ้น
ด้วยต้องตาต้องเนื้อต้องใจจินต์   ต้องรักแต่สุดถวิลเพียงต้องกาย
อยู่ใกล้กันประหนึ่งหยุดกาลเวลา    มิรู้ว่าเย็นค่ำหรือเช้าสาย
รู้เพียงพี่รักเจ้าทั้งเพรางาย       มิมลายเสื่อมตามกาลเวลา
โอ้เวรกรรมทำไว้เมื่อใดเล่า      ถึงพรากเราจากกันวันนี้หนา
จากเจ้าแล้วคงมิแคล้วเศร้าโศกา     บอกความในก่อนจากมาให้รู้กัน
อยากจะเก็บเอาไว้ในอกนี้       แต่สุดที่จะเก็บได้ตลอดนั่น
บอกแล้วเล่าเจ้าคิดอย่างไรกัน    รักหรือโกรธเกลียดพลันชี้แจงไป
หากรู้แล้วขุ่นค้องต้องหมองจิต   ไม่อาจคิดกับพี่เป็นอื่นได้
จะตัดรักตัดสวาทตัดอาลัย      ตัดสิ้นแล้วจากไปก็ยินยอม
หากรับรู้แล้วรับรักของพี่ยา      จะอุตส่าห์เลี้ยงดูทนุถนอม
ยุงไม่ให้ไต่ริ้นไรไม่ให้ตอม         มีบ่าวไพร่รายล้อมให้ใช้งาน
จะบังฝนบังแดดมิให้กล้ำ       จะเพรียกพร่ำคำรักไม่หักหาญ
จะทำให้ทุกอย่างที่วอนวาน       จะรักไปแสนนานมิรู้ลืมเอย

    หนุ่มน้อยกอดกระดาษแผ่นนี้ไว้แนบอก เลือดสูบฉีดขึ้นมาจนหน้าแดงไปหมด เนื้อความในจดหมายบอกความรู้สึกของหลวงพินิจราชอักษรไว้หมดแล้ว และบอกอีกว่าหากรู้แล้วเส็งไม่รับรักจะหนีไปไหนเขาก็ยอม แต่หากรับรักเขาอย่างใจจะดูแล รักใคร่อย่างดี ให้ทรัพย์สินเงินทองบ่าวไพร่ แต่หลวงพินิจจะรู้แม้สักนิดหรือไม่นะว่า เพียงบอกว่า “รัก” สั้นๆคำเดียวเขาก็ได้ใจของหนุ่มน้อยไปแล้วทั้งดวง และ หนุ่มน้อยคนนี้ก็ไม่อยากได้อะไรจากคุณหลวงเลยสักอย่างที่บอกไว้ในกลอนเพลงยาว เขาไม่ต้องการทรัพย์สิน เงินทอง บ่าวไพร่ ความสะดวกสบาย หรือการพะเน้าพนอเอาใจอะไรเลย ขอเพียงบาทสุดท้ายก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา ขอเพียงคุณหลวง “รักไปแสนนานมิรู้ลืม” เพียงเท่านั้นเขาก็จะรักคุณหลวงไปตราบสิ้นลมหายใจเช่นเดียวกัน
    เส็งไม่รู้หรอกว่า แม้สิ้นลมหายใจ เขาก็ยังจะรักคุณหลวงฝังใจ มิรู้ลืมแม้เวลาจะผ่านมา เป็นศตวรรษแล้วก็ตาม
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 04-11-2010 20:21:43
โอยยยย ซาบซึ้ง
แต่ๆด้กลิ่นมาม่าตลอดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 04-11-2010 20:48:59
 :m15: ซึ้งปนเศร้า

ไม่ค่อยชอบอารมณ์แบบนี้เลยน้า มันบีบหัวใจยังไงไม่รู้  :serius2:

สงสารเส็งและคุณหลวงมากกกกกก แต่ตอนนี้เส็งก็ได้รู้ความในใจของคุณหลวงแล้วหละน้า

คุณหลวงจะได้รับรู้ความในใจของเส็งรึเปล่า

ปล.แต่กลอนเก่งมากเลยค่ะ  ขอคาราวะ o13
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 04-11-2010 21:17:19
แต่งกลอนได้ o13

รอตอนต่อไปอยู่นะ

 :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 04-11-2010 21:21:07
เศร้าอ่ะ  เศร้ามากด้วย  เพราะรู้ว่าเป็นรักที่ต้องซ่อนเร้น
เป็นรักที่เป็นไปไม่ได้เลยในสมัยนั้น
อย่างไรเสียคุณหลวงก็ต้องแต่งงาน  มีทายาทสืบสกุลอยู่ดี  เฮ้อ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 04-11-2010 21:24:16
หวานซึ้งตราตรึงใจ  กลมกล่อมละมุนละไม  ทุกประโยคทุกคำ  เขินแทนเส็งซะงั้นครับผม


ได้กลิ่นมาม่าตลอดเหมือนกัน  ไม่รู้หมูสับ หรือ ต้มยำ  แต่ตอนนี้ผมขอกักตุนน้ำตาลไว้ก่อนดีกว่า
แม้จะเป็นมาม่า  ก็ขอมาม่าหวานๆ ครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 04-11-2010 21:26:24
นึกว่าเป็นเส็งตอนอ่านกลอน นั่งอ่านไปยิ้มไปอย่คนเดียว ฮ่า ฮ่า  :z1:


คุณหลวงบอกรักได้หวานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกอะ  :-[
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 04-11-2010 21:48:11
ตอนนี้หวานมากกก

ตอนหน้าสินะ จะเป็นอย่างไร

แอบกลัวว่าจะต้องเศร้า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 04-11-2010 22:59:26
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:ทั้งหวานทั้งเศร้า ใกล้หรือยังนะมาม่าหม้อโต อ่านเรื่องของเส็งเสียจนลืมต้นเรื่อ่งนายโรคจิตนั้นไปเลยชื่อไรหว่าลืมจริงๆ 55555555555555555 ว่าแต่นายนั้นจะเป็นคุณหลวงกลับชาตมาเกิดหรือป่าวหนอ

แอร๊ย +1 ค่ะ :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Lady-Rabbit ที่ 04-11-2010 23:33:35
หวานนนนนนนนนนนนนนน มากๆๆๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: nuewanda ที่ 04-11-2010 23:37:02
"เส็งไม่รู้หรอกว่า แม้สิ้นลมหายใจ เขาก็ยังจะรักคุณหลวงฝังใจ มิรู้ลืมแม้เวลาจะผ่านมา เป็นศตวรรษแล้วก็ตาม"
^
^
อ่านประโยคนี้ ครึ่งหนึ่งก็ซึ้งใจ แต่อีกครึ่งเหมือนใจหายยังไงไม่รู้ค่ะ
ช่วงหลังๆ คุณหลวงกับบ่าวลูกเจ๊ก มีโมเม้นท์หวาน ตลอดๆ
เอาเป็นว่า....เราจะเก็บไว้เป็นแรงใจ เอาไว้สู้กับพายุดีเปรสชั่นที่กำลังตั้งเค้าละกันนะคะ ฮึก....

 :pig4: ไรท์เตอร์ค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Lesses ที่ 06-11-2010 07:36:33
ชอบกลอนมากครับ เพราะดี o13
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 06-11-2010 10:41:49
หวานซึ้งตรึงใจ พอกับเริ่มแอบน้ำตาคลอนิดๆ :monkeysad:
ไม่รู้ว่าต่อจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น แต่อยากให้เส็งกับคุณหลวงมีความสุขด้วยกันจังเลย :o8:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 06-11-2010 21:55:24
ชอบกลอนมากกกกกกกกก

หวานได้อีกกก

ถ้าเป็นเส็งนี่ เขินไม่รู้จะเขินยังไงแล้วววววววว  :-[

 o13
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 07-11-2010 12:34:16
"เส็งไม่รู้หรอกว่า แม้สิ้นลมหายใจ เขาก็ยังจะรักคุณหลวงฝังใจ มิรู้ลืมแม้เวลาจะผ่านมา เป็นศตวรรษแล้วก็ตาม"
^
ซึ้งแต่เศร้า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 07-11-2010 21:52:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 12 คร้าบบบบ!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 07-11-2010 22:33:53
๑๓

    พาทิศไม่เคยปวดหัวเท่านี้มาก่อน ปวดราวกับหัวจะระเบิด ราวกับใครเอาของแข็งมาฟาดเข้าที่ท้ายทอยอย่างนั้น เพียงชายหนุ่มรู้สึกตัวเขาก็ยกมือขึ้นกุมหัวด้วยความเจ็บปวด ค่อยๆลืมตาขึ้นสู้กับแสงแดดที่สาดเข้ามาทางหน้าต่างที่อยู่ข้างเตียง นักเขียนหนุ่มพลิกตัวนอนคว่ำ ฉับพลันก็รู้สึกปวดแปลบปลาบขึ้นที่หลัง ตามมาด้วยความชาตัวหนักราวกับว่าถูกรถวิ่งทับจนกระดูกร้าวไปหมด
    ชายหนุ่มบิดตัว จนกระดูกลั่นกรอบแกรบ กระนั้นความชาก็ยังไม่หายไปจากแผ่นหลังราวกับว่าเขาหลับไปเป็นเดือนอย่างนั้น พาทิศค่อยๆลุกขึ้นนั่นนึกทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็พบว่าเขาเพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยงวันเกิดของป้าจิตมาศ แล้วหลับไปทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำไม่ใช่หรือ ไม่ได้ไปเมามาแล้วแฮงก์ข้ามวันเสียหน่อย เหตุใดจึงปวดหัวไปหมดอย่างนี้
    เขาลุกจากเตียงก็พบว่า ขาแข้งไร้เรี่ยวแรง ล้มลงกับพื้นอย่างน่าประหลาดใจ ขาของเขาชาไปหมด ชาราวกับเป็นเหน็บอย่างไรอย่างนั้น ชายหนุ่มก้มลงบีบนวดขาของตนอย่างตกอกตกใจ เกินอะไรขึ้นกับเขากันนี่ ราวกับถูกฉีดยาชา ตัวหนักชาไปหมดทั้งตัว
    นั่งอยู่ที่พื้นสักพัก ความเจ็บปวดก็มาเยือนที่ท้องเขาอีกที่ พาทิศแสบท้องรุนแรงคล้ายกับว่าไม่ได้ทานข้าวมาทั้งวัน ทั้งๆที่เมื่อคืนก็กินเลี้ยงมาเสียอิ่ม ชายหนุ่ม กุมท้องด้วยความเจ็บปวด ก็พบว่า หน้าท้องที่เคยเต็มอิ่มอย่างคนสุขภาพดี หายไปไหนเสียไม่รู้ จับไปเจอแต่กระดูก ซี่โครงขึ้นเป็นซี่จนเขาเองแทบจะนับได้ พาทิศตกใจเป็นที่สุด เกิดอะไรขึ้นกับเขาเพียงช่วยข้ามคืน เขารีบวิ่งไปที่ห้องน้ำ จ้องหน้าตัวเองในกระจกก็ตกใจจนเกือบจะล้มทั้งยืน
    “เหี้ย อะไรวะ” ชายหนุ่มสบถคำหยาบออกมา
    ใบหน้าของคนที่จ้องตอบมาในกระจกไม่เหมือนพาทิศแม้แต่น้อย เขาเห็นตัวเองก็จริง แต่เป็นตัวเขาที่ผอมแห้งใบหน้าซูบตอบ ผิวซีดราวกับคนขาดสารอาหาร สารรูปดูไม่จืดเอาเสียเลย เมื่อเลิกเสื้อขึ้นก็พบว่า ผอมไปแทบจะเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก มิน่าเล่าถึงไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย
    ชายหนุ่ม เดินโซเซออกมาจากห้องน้ำ เกิดอะไรขึ้นกับเขา ช่วยด้วย เกิดอะไรขึ้นกับกูกันเนี่ย
    นักเขียนหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือ คิดจะโทรหาใครสักคนก็พบว่า แบตโทรศัพท์หมดเสียแล้ว เขาหาสายชาร์จ เสียบเข้ารูปลั๊กข้างเตียง พอไฟเข้า พอจะเปิดเครื่องได้ พาทิศก็พบว่า มีสายโทรเข้าหาเขาที่ไม่ได้รับกว่าร้อยสาย
    หมายเลขโทรศัพท์ของแม่เป็นเกือบ 70 เปอร์เซนต์ของมิสคอลล์ทั้งหมด มีเมสเสจเกือบ 50 เมสเสจ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้เปิดดู เห็นว่ามีจำนวนสายที่ไม่ได้รับจากเพื่อนในกลุ่มหลายคน เลมอน พิพัฒน์ วรวิทย์ ที่มากที่สุดคือ ณัฐ โทรหาเขาเกือบ 30 สาย รวมถึงหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่ขึ้นชื่อ ที่เขาไม่คุ้นตามี สองสามหมายเลข พาทิศขมวดคิ้ว หย่อนก้นนั่งลงบนเตียง พวกนี้โทรมาหาเขาทำไมมากมายเป็นร้อยสาย อย่างกับมีเรื่องอะไรเร่งด่วน คอขาดบาดตายอย่างนั้น
    แล้วเขาจะโทรกลับเบอร์ไหนก่อน ไม่ใช่แม่แน่นอน เขากดโทรศัพท์หาณัฐ เป็นคนแรก
    “ไอ้เหี้ย” เป็นคำแรกที่เพื่อนหนุ่มของเขาตะคอกใส่หูโทรศัพท์เป็นการทักทาย ทันทีที่กดรับสาย
    “เดี๋ยวนี้เขาไม่พูดสวัสดีกันแล้วหรือไง ตอนรับโทรศัพท์”
    “ไอ้ห่าทิศ ไอ้เหี้ย” คำผรุสวาทดังมาอีกสามสี่คำ ก่อนจะเบาไปในที่สุด พาทิศได้ยินเสียงณัฐร้องสะอื้นอยู่ปลายสายก็ตกใจ
    “อ้าวๆ เฮ้ยๆ  ร้องไห้ทำไม ณัฐมึงเป็นอะไรของมึง ด่ากูแล้วก็เสือกร้องไห้ มึงเป็นอะไรรึเปล่า” เขาพูดอย่างร้อนรน
    “เป็นอะไร มึงถามกูมาได้ว่ากูเป็นอะไร มึงหายไปไหนมาตั้งเป็นอาทิตย์ กูโทรหามึงจนเมื่อยมึงก็ไม่รับ กูไปหามึงที่บ้านแม่มึงก็บอกมึงไม่อยู่ กูสืบหาไอ้บ้านโบราณของมึงมาได้ ไปหา เคาะเรียกมึงก็ไม่ตอบ ถามน้องเป๊ก น้องเขาก็ไม่รู้ มึงบอกกูมาเดี๋ยวนี้ว่ามึงหายไปไหนมา ไปทำอะไร กับใคร ทำไมไม่ติดต่อกลับ เขาวุ่นวายกันใหญ่หาตัวมึงไม่เจอ มึงรู้บ้างไหม”
    ณัฐพูดจบเท่าที่อยากพูดก็ร้องไห้อีกจนพาทิศ ยิ่งตกใจไปใหญ่
    หายไปเป็นอาทิตย์หรือ ติดต่อมาไม่รับหรือ เคาะเรียกก็ไม่ตอบหรือ เขาแค่หลับไปคืนเดียวนี่ณัฐกำลังเล่นอะไรอยู่
    “เดี๋ยวณัฐ กูไม่ได้หายไปไหน กูหลับไปเฉยๆ ก็เมื่อวานกูไปงานวันเกิดเพื่อนป้ากูไง พอกลับมากูก็นอน เพิ่งตื่นเมื่อกี้นี้เอง ก็เห็นว่ามีมิสคอลล์”
    “ทิศ” ณัฐเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “มึงพูดอะไรออกมา มึงไปดูหนังกับกู แล้วก็ไปงานวันเกิดเพื่อนป้ามึงเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว”
    ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงหัวพาทิศ หนุ่มน้อยตกใจ เรื่องจริงหรือ นี่ไม่ใช่เรื่องจริง ณัฐอำเขา...ไม่จริง เขาจะนอนหลับไปถึงหนึ่งอาทิตย์ได้อย่างไร
    “ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ กูนอนหลับไปวันเดียว”
    “วันเดียวห่าอะไร ไม่เชื่อมึงดูวันที่สิว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่”
    “สาม พฤศจิกา”
    “แล้วมึงดูตั๋วหนังสิ ที่ไปดูกับกูว่ามันวันที่เท่าไหร่”
    พาทิศคว้ากระเป๋าสตางค์ข้างเตียง เปิดออก เขาก้มลงมอง โชคดีที่เขายังเก็บตั๋วไว้... เลขบนตั๋วหนังบอกไว้ชัดเจนว่า เป็นรอบ บ่ายสองโมง ของวันที่ ยี่สิบเจ็ด ตุลาคม ชัดเจนไม่มีการปลอมแปลงเพื่ออำกันอย่างแน่นอน
    “มึงนัดกูว่าจะจัดงานเลี้ยงที่บ้านโบราณของมึง วันถัดจากวันเกิดเพื่อนป้ามึง ก็คือ วันที่ ยี่สิบแปดกูโทรหามึงทั้งวัน มึงไม่รับ กูก็โทรบอกคนอื่นว่าสงสัยมึงเบี้ยว ก็ไม่มีใครไปงาน แต่กูสงสัยว่ามึงหายไปไหน โทรไปหลังจากนั้นมึงก็ไม่เคยรับเลย เมื่อ สามสี่ วันก่อนกูเลยถามแม่มึงว่ามึงซื้อบ้านแถวไหน แม่มึงเลยรู้เรื่อง โทรหาจะคุยให้ได้มึงก็ไม่รับอีก กูกับแม่มึงเลยคุยกับเจ้าของเก่า เขาก็พาพวกกูไปหามึงที่บ้าน ปรากฏบ้านปิดสนิท เหมือนมึงไม่อยู่ ลุงที่ดูแลบ้านก็บอกว่ามึงหายไปหลายวันแล้วกูก็นึกว่ามึงไปเป็นไปตายที่ไหน”    
   ณัฐไม่ได้โกหก พาทิศไล่ดูหมายเลขที่ไม่ได้รับ เพื่อนหนุ่มโทรมาวันที่ ยี่สิบแปด เพื่อนๆ ทุกคนก็โทรวันนั้น จากนั้น ก็เป็นณัฐที่โทรมาทุกวัน แล้วจึงเป็นแม่ของเขาที่โทรมาตั้งแต่ คืนวันที่สามสิบเรื่อยมา จนเช้าวันที่ หนึ่งจึงเป็นเบอร์แปลกๆ สองเบอร์ รวมทั้งเบอร์ของณัฐ และแม่เขาที่โทรมาทุกวัน เมื่อนำมาคิดกับเรื่องที่ณัฐเล่าก็ตรงกันพอดี พาทิศจึงมั่นใจว่าคงเปนเรื่องจริง
    “แม่มึงก็ไปแจ้งคนหาย ลงข่าวหนังสือพิมพ์กันให้วุ่นวาย มึงไปอยู่ที่ไหนมา ถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
    “ณัฐ กูมีเรื่องจะเล่าให้มึงฟัง เป็นเรื่องเหลือเชื่ออย่างที่ว่ามึงคงไม่เชื่อแน่ถ้ากูพูดทางโทรศัพท์ ถ้ามึงว่างอยู่ช่วยมาหากูหน่อยนะ” พาทิศว่า “แล้วก็ ถ้าที่บ้านพอมีของกินช่วยเอามาด้วยก็ดีนะ ขอบใจมากนะมึง”

    ทันทีที่พาทิศเปิดประตูรับเพื่อนหนุ่ม ณัฐก็ผงะถอยหลังอย่างตกใจ อดอุทานออกมาไม่ได้ เพราะคนที่มาเปิดประตูรับเขานั้น แทบจะไม่เหมือนพาทิศเลยแม้แต่นิดเดียว ชายหนุ่มตาโหลลึก แม้จะดูว่านอนหลับมาเต็มที่แต่ก็ดูเหนื่อยโทรมผอมโซอย่างขาดสารอาหารเหมือนติดเกาะร้างมานาน เห็นสภาพของเพื่อนหนุ่มอย่างนี้ ณัฐก็โกรธเขาไม่ลงอีกต่อไป
    “ไอ้ทิศ” เพื่อนหนุ่มโผเข้ากอดพาทิศ ด้วยความคิดถึงหรือสงสารก็ไม่อาจรู้ได้ รู้เพียงแต่ว่า อ้อมกอดนั้นอบอุ่นและเต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างแน่นอน “เป็นอะไร”
    “กูขอกินข้าวก่อนได้ไหม เอาอะไรมาฝากหรือเปล่า”
    “เอามาๆ กูแวะซื้อของกินมาเต็มเลย กะว่ากินไม่หมดก็เก็บไว้ได้ แถวบ้านผีสิงนี่ คงหาซื้อของกินยาก” ณัฐชูถุงอาหาร ซ่อนความไม่สบายใจไว้ไม่ให้เพื่อนหนุ่มเห็น แม้จะทำได้ลำบากเพียงใด ก็พยายามอย่างเต็มที่ไม่ให้เพื่อนหนุ่มรู้ว่า ตนลำบากใจแค่ไหนที่ต้องมาอยู่ในบ้านบรรยากาศน่ากลัวอย่างนี้
    พาทิศเดินเข้าห้องครัวหยิบจานออกมาสองสามใบ ก็มือสั่นไม่มีแรงจนจานตกแตก ณัฐได้ยินก็รีบเข้ามาพยุงเพื่อนหนุ่มไปนั่งรอที่ห้องอาหาร ตัวเขาเองเดินไปเก็บกวาดเศษจานที่แตกทิ้งให้เรียบร้อย จากนั้นเขาจึงเดินกลับมาแกะอาหารใส่จานให้เพื่อนหนุ่มกิน
    พาทิศตักโน่นตักนี่เข้าปากกินอย่างหิวกระหาย จนน่ากลัวจะหายใจไม่ทัน มีณัฐนั่งมองอยู่ข้างๆอย่างหนักใจ แอบคิดในใจไปเองว่าคงถูกผีหลอกจับไข้หัวโกร๋นไปแล้วกระมัง
    “กินช้าๆก็ได้มึง เดี๋ยวได้ติดคอตาย”
    แม้อาหารจะรสชาติธรรมดาไม่ได้เอร็ดอร่อย อะไรหนักหนา แต่พาทิศก็กินจนหมดเรียบ อาหารที่ว่าซื้อมาเผื่อเก็บนั้น หายวับไปกับตาในเวลาไม่นานนัก ณัฐมองเพื่อนหนุ่มอย่างไม่แน่ใจว่าควรจะถามเรื่องที่เกิดขึ้นตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่พาทิศหายตัวไปหรือรอให้เขาเล่าเอง ความอยากรู้เอาชนะความเห็นใจเพื่อน ณัฐจึงเอ่ยปากถามหลังจากนั่งอยู่เฉยๆมาพักหนึ่ง
    “สรุป มึงเป็นอะไรวะ หายไปไหนทำไมทำท่าเหมือนไปตายอด ตายอยากที่ไหนมา”
    พาทิศมองหน้าณัฐ แล้วถอนใจครั้งหนึ่งก่อนจะตัดสินใจตอบคำถาม
    “ไม่รู้จะเชื่อหรือเปล่า แต่กูไม่รู้จริงๆว่า เกิดอะไรขึ้น กูจำได้แต่กลับมาจากงานเลี้ยงแล้วก็หลับไป ตื่นมาก็โทรหามึง เพิ่งรู้จากปากมึงนี่เองว่า เวลาผ่านไปอาทิตย์นึงแล้ว” พาทิศพูด
    ต่อให้ณัฐไม่เชื่อเขาก็ไม่เถียง ได้แต่แสดงสีหน้าให้เห็นชัดว่า “ไม่เชื่อ” เท่านั้น จะให้ทำอย่างไร ในเมื่อพาทิศพูดอย่างนี้ เขาอาจจะไปอยู่ที่ไหนมา ที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ก็เลยแกล้งพูดปัดไปอย่างนั้นก็เป็นได้ แต่คนอย่างพาทิศ ถ้าจะโกหก เขาจะสามารถโกหกได้แนบเนียนกว่านี้ ไม่น่าอ้างง่ายๆ ว่าหลับไปเป็นอาทิตย์แล้วตื่นมาเสียง่ายๆ ให้จับผิดกันได้ง่ายถึงเพียงนี้
    หรือในเมื่อไหนๆจะโกหกแล้ว ก็โกหกให้รู้ไปเลยว่าโกหก ไม่อยากบอกความจริงอย่างนั้นหรือ
    “กูเข้าใจนะถ้ามึงไม่อยากบอกความจริง แต่ว่ามันดู...”
   “กูรู้ว่ามึงคงไม่เชื่อ” พาทิศพูดเบาๆ “แต่นี่คือความจริงกูหลับไปจริงๆ แล้วกูก็ฝัน... ฝันเรื่องบ้านหลังนี้ เรื่องหลวงพินิจราชอักษรเจ้าของบ้าน”
    เท่านั้น ณัฐก็ทำตาโตอย่างตกใจ
    “ผะ.. ผีเข้าฝันหรือ”
    “กูก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอย่างนั้นได้หรือเปล่า...” พาทิศเงียบไปสักพัก “แต่มันไม่เหมือนผีหลอก อะไรอย่างนั้น เหมือนกูดูหนังมากกว่า”
    “แล้วมึงอยู่ตรงไหนของฝันวะ”
    “ว่าไงนะ” พาทิศถามกลับ เพราะไม่เข้าใจคำถามของเพื่อนหนุ่ม
    “ก็กูถามว่า มึงอยู่ตรงไหนของฝัน ยืนดูอยู่ในเหตุการณ์ หรือ ดูอยู่ข้างบน หรือเป็นตัวละครตัวใดตัวหนึ่ง”
    นั่นซี เขาไม่รู้ ไม่รู้ว่าตัวเองมองออกมาจากสายตาของใคร หรือยืนดูอยู่ เขาไม่เห็นตัวเองในฝันด้วยซ้ำ ไม่รู้สึกเหมือนมองดูอะไรอยู่ เห็นเพียงเหตุการณ์ต่างๆ วนไปเวียนมาอยู่ในหัว ราวกับมีคนมาฉายภาพยนตร์ให้ดูเท่านั้น หากแต่รูปรสกลิ่นเสียงต่างๆ เหมือนจริงราวกับพาทิศเป็นคนใดคนหนึ่งในเรื่อง
    “กูไม่รู้ เหมือนแค่เห็นภาพเฉยๆ” เขาตอบ
   “ถ้าอย่างนั้นมึงคงคิดไปเองหรือเปล่า เพราะเวลาฝันแบบคิดไปเอง มึงจะเห็นภาพเฉยๆ ไม่เห็นตัวเอง ว่าตัวเองอยู่ตรงไหน”
    “มึงรู้เรื่องพวกนี้ด้วยหรอ”
    “รู้ซี เคยอ่านหนังสือดูดวงไง พวกทำนายฝัน”
    พูดถึงดูดวง พาทิศก็นึกถึงป้าจิตราขึ้นมา ใบหน้าของหญิงชรา เด่นชัดขึ้นในใจของเขาทันทีเขาเห็นใบหน้าของหญิงผู้นั้นชัดเจนในมโนภาพ ชัดจนเขาตกใจ ลุกขึ้นยืนอย่างไม่รู้ตัว จนณัฐร้องเฮ้ยขึ้นสุดเสียง
    “ดิฉันเห็นภาพนิมิตได้เวลาที่ดิฉันไม่เป็นตัวของตัวเองค่ะ ยามหลับ ยามงัวเงีย เพิ่งตื่น หรือเมา หรือใจลอยคิดไปตรงกับคนที่เขาใจลอยคิดถึงอะไรอยู่เหมือนเรา”
    สองครั้งแล้วที่พาทิศเห็นภาพแปลกๆ สองครั้งที่เกิดขึ้นเกิดในเวลาที่เขาหลับ ไม่เป็นตัวของตัวเอง และคราวนี้จู่ๆเขาก็คิดถึงจิตรา แถมยังเห็นภาพของหญิงชราเด่นชัดราวกับว่า จิตราก็คิดถึงเขาเช่นเดียวกัน
    “เป็นเหี้ยไรวะไอ้ทิศ” ณัฐถาม ไม่ทันที่พาทิศจะได้ตอบ ชายหนุ่มล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ยังหยิบออกมาไม่พ้นกระเป๋าดีเสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้น ชายหนุ่มกดปุ่มรับ ทั้งที่เสียงเรียกเข้ายังดังไม่เกินหนึ่งวินาทีด้วยซ้ำ
    “สวัสดีค่ะ คุณพาทิศ” เสียงของจิตราดังมาจากปลายสาย ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งอย่างตกใจ จู่ๆเขาก็คิดถึงจิตรา แล้วเพียงแค่คิด จิตราก็โทรศัพท์มาหาเขาอย่างน่าประหลาด มันจะบังเอิญเกินไปหรือเปล่านี่
    “คุณป้าจิตรา ผมกำลังคิดถึงคุณป้าอยู่ คุณป้าก็โทรมาพอดี”
    “ค่ะ คุณพาทิศ ดิฉันรับคลื่นความคิดจากสมองของคุณได้พอดี เพราะเรากำลังคิดถึงกันอย่างบังเอิญ พอคลื่นมันตรงกัน ดิฉันก็รู้ว่าคุณกำลังอยากเจอดิฉัน หรือไม่ใช่คะ” เสียงของจิตราเรียบๆ ราวกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศอยู่ อย่างไรอย่างนั้น
    “ครับ ว่าแต่คุณป้ารู้เบอร์มือถือผมได้อย่างไรครับ”
    “หนูสร้อยเขาให้มาน่ะซี” ป้าพูดถึงหลานสาว แม้จะมีสร้อยสองคนแต่ พาทิศก็เข้าใจว่าคงเป็น สร้อยฟ้าไม่ผิด “มีเรื่องอะไรหรือคะคุณพาทิศ”
    “ผม...” เขาเหลือบมองณัฐ ก็พบว่าเพื่อนหนุ่มนั่งจ้องหน้าเขาอยู่อย่างพิศวง งงงวยราวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในครึ่งชั่วโมงนี้เป็นการจัดฉากมาเพื่อหลอกเขาโดยเฉพาะ ณัฐมองไปรอบๆราวกับว่าอีกสักพัก ก็จะมีกล้องสาระแนโชว์ ออกมาเซอร์ไพรส์อย่างไรอย่างนั้น “...ผมเห็นนิมิตอีกแล้วครับคุณป้า”
    ณัฐงงมากขึ้นไปอีก งงเป็นไก่ตาแตก
   “ผมจำได้ว่าคุณป้าบอกว่าผมจะเห็นเรื่องราวในอดีตเวลาที่ผมไม่เป็นตัวของตัวเอง หรือใครบางคนอยากให้ผมเห็น... ผมเห็นแล้วครับคุณป้า ผมเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นั่นก็ทำให้ผมหลับไปเป็นอาทิตย์”
    “เอาล่ะค่ะ คุณพาทิศ อย่าเพิ่งโวยวายไป” ป้าจิตรากล่าวเบาๆ เสียงเรียบเหมือนเดิม “คุณจะกรุณามาหาดิฉันได้ไหมคะ ดิฉันไม่ใคร่คุยทางโทรศัพท์นัก มันทำให้คลื่นความคิด คลื่นสมองของดิฉันถูกรบกวน”
    “ได้ครับ คุณป้าจะให้ผมไปหาที่ไหน”

    พาทิศขับรถไม่ไหวจึงให้ณัฐเป็นคนขับเอง เพื่อนหนุ่มพาทั้งคู่มาจนถึงคลองสาน บ้านของป้าจิตรา ขับวนอยู่พักหนึ่งก็เจอ
    บ้านหลังนั้นเล็กนิดเดียว มีตึกแถวรายล้อมเต็มไปหมดจนหากขับรถผ่านไปไม่สังเกตดีๆละก็คงไม่มีใครรู้ว่าตรงนั้นมีบ้านไม้เก่าๆ ตั้งอยู่ด้วย บ้านของจิตรา ก็เหมือนหล่อนละ ดูลึกลับ น่าเกรงขาม แต่สง่างามอยู่ในที เป็นบ้าน เก่า แต่ก็ไม่โบราณเท่าบ้านของหลวงพินิจราชอักษร มองเห็นว่าเพิ่งสร้างมาไม่กี่สิบปีมานี้ พาทิศให้ณัฐจอดรถบริเวณใกล้ๆแถวนั้นแล้วพากันเดินไปที่บ้านของหญิงชรา จะจอดข้างหน้าไม่ได้ เพราะจะกีดขวางการจราจรที่ติดขัดอยู่แล้วให้ติดยิ่งขึ้นไปอีก
    คนที่มาเป็นประตูต้อนรับเป็นเด็กสาวคนใช้ มารู้ทีหลังว่าชื่อ เล็ก ตัวเล็กสมชื่อแม้ดูคล่องแคล่วใช้งานได้ แต่ก็ไม่พูดอะไรนัก ทันทีที่พาทิศก้าวเข้าเขตบ้านมาก็อดคิดไม่ได้ว่า ตนเดินทะลุมิติมาอยู่ยุคของคุณหลวงอีกครั้ง
    ก้าวเข้าตัวบ้านแทนที่จะพบหญิงชรามาต้อนรับ กลับพบหญิงสาวหน้าตาสะสวยดูปราดเปรียว แม้ไร้เครื่องสำอางค์ออกมาแทน ทีแรกพาทิศแทบจำไม่ได้ แต่เมื่อมองหน้าไปนานๆก็นึกออกว่าคือสร้อยฟ้า
    “สวัสดีค่ะ คุณพาทิศ เชิญเข้าข้างในค่ะ” สร้อยฟ้ายิ้มให้อย่างเป็นกันเองก่อนจะ ผายมือไปในบ้าน หล่อนเหลือบตามาพบณัฐที่เดินตามมาข้างหลัง ก็ยิ้มให้เช่นกัน
    “สวัสดีครับ นี่ณัฐเพื่อนผมครับ”
    “รู้จักกันแล้วค่ะ ตั้งแต่ตอนที่ไปตามคุณที่เรือนเทา”
    ณัฐยิ้มแล้วพยักหน้าเป็นเชิงทักทาย ก่อนจะเดินตามเพื่อนหนุ่มเข้าบ้านไป ณัฐสังเกตเห็นแววตาของสร้อยฟ้า ว่าดูตกใจเล็กน้อยที่เห็นพาทิศ ไม่ซี ต้องบอกว่าตกใจมากแต่สงวนท่าเอาไว้ให้ดูเป็นเล็กน้อยมากกว่า หล่อนชวนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศไม่เท่าไหร่ก็พา พาทิศมาที่ห้องนั่งเล่นที่ไม่มีอะไรนอกจากตั่งไม้ยาวๆ มีหมอนอิงสามเหลี่ยมวางอยู่ด้านบน และโซฟาตัวเล็กอยู่สองข้างของตั่ง มีหนังสือดูโบราณหลายเล่มกองอยู่ ที่โต๊ะเล็กถัดไป
    พาทิศและณัฐจะนั่งโซฟาก็ไม่กล้า จึงนั่งลงบนตั่งข้างกันแทน
    “ปกติคุณป้าอยู่คนเดียวกับเด็กสองคนค่ะ บ้านเลยไม่มีอะไรอำนวยความสะดวกนัก ขอโทษด้วยนะคะ ไม่ทราบล่วงหน้าว่าจะมาก็เลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ต้อนรับ”
    “ไม่เป็นไรครับ ผมเองต้องขอโทษที่มารบกวน”
   สร้อยฟ้านั่งลงที่โซฟา ตัวที่อยู่ใกล้กับพาทิศ แล้วก็พูดต่อ
    “ไม่รบกวนหรอกค่ะ ที่นี่ยินดีต้อนรับเสมอค่ะ” หญิงสาวว่า “ไม่ทราบว่าคุณพาทิศรู้เรื่องหรือยังว่า คุณน้าพิณตามหาคุณแทบพลิกแผ่นดิน ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ดิฉันก็โทรเข้ามือถือเสียด้วยไม่ได้รับ”
    “ทราบแล้วครับ”
    “ค่ะ เป็นห่วงกันใหญ่เลยนะคะ ดีใจค่ะที่ยังไม่เป็นไร เพราะเราไม่ยังเคยคุยกันเลยสักที”
    หล่อนช่างพูดเอาการ พาทิศคิดในใจ แถมท่าทางก็ดูแก่นแก้ว แบบสาวขี้เล่นไม่ได้ดูสวยหยาดเยิ้มแบบที่เขาคิดไว้แต่แรก
    “ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ”
    “ค่ะ เอ คุณป้าเธอคงไม่คิดว่าจะมากันเร็วมังคะ ยังสวดมนต์อยู่ในห้องพระอยู่เลย สงสัยว่าจะยังไม่รู้ว่ามากันแล้ว อย่างนั้นนั่งรอสักครู่เถอะนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะขึ้นไปตามให้” หล่อนลุกไปจากตรงนั้น รีบเดินขึ้นบันไดไม้ไปชั้นบนเพื่อตามป้าของหล่อน ผมสีดำขลับรวบไว้เป็นหางม้าไกวซ้ายขวาตามแรงที่เดินดูคล้ายนางแบบบนแคทวอล์คมากเหลือเกิน
   “คนอะไรสวยอย่างกับดารา” ณัฐว่า
    “คนรวยก็สวยอย่างนี้แหละ ไม่ต้องทำอะไรก็ขัดสีฉวีวรรณไปวันๆ” เพื่อนหนุ่มตอบขวางๆ ไม่ค่อยพอใจนักที่ณัฐเอ่ยปากชมใครคนอื่น
    นั่งรออยู่ไม่ถึงห้านาที หญิงสาวก็กลับลงมาจากชั้นบน
    ป้าจิตราเดินตามมาด้านหลัง พาทิศสังเกตจากหางตาว่าณัฐสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นหญิงชรา หล่อนนุ่งขาวห่มขาวอย่างคนปฏิบัติธรรมผมทรงบ๊อบสั้น ไหวเล็กน้อยตามแรงที่เดิน หากแต่ไม่มีเครื่องสำอางค์ใดๆอยู่บนใบหน้า มองเผินๆจะคิดว่าเป็นคนแก่ธรรมดาที่เราเห็นได้ตามวัดทั่วไป แต่เมื่อมองพิศแล้ว จะพบว่า ป้าจิตราดูสง่าผิดจากคนรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่มาก ไม่ใช่สวยแบบ ศัลยกรรมมาจนดูอ่อนกว่าวัย แต่สวยสมวัยแบบคนโบราณ จมูกโด่ง ปากบาง ตาคม ดุทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจให้ดูดุเลย ใครเห็นก็ต้องเกรงใจ ราวกับว่ามีรังสีประหลาดแผ่ออกมาจากร่างตลอดเวลา
    อย่างนี้หรือเปล่าที่เขาเรียกว่า ผู้มีบุญ
    “ไม่คิดว่าจะมาเร็ว สวัสดีค่ะคุณพาทิศ”
    พาทิศยกมือไหว้หญิงชรา หล่อนรับไหว้อย่างงดงามก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตัวที่อยู่ไกลจากพาทิศ
    “วันนี้ดิฉันถือศีล เลยแต่งตัวแบบนี้ หวังว่าจะไม่กลัวนะคะ”
    พาทิศถือเอาว่า ไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบ จึงเพียงแต่ยิ้ม ไม่ได้พูดตอบอะไร
    “นี่เพื่อนผมครับ ณัฐขับรถมาส่งพอดีผมขับไม่ไหว รู้สึกเพลียเหลือเกิน” พาทิศเอ่ยเบาๆ
    “ค่ะ ดิฉันเข้าใจดี” หญิงชรารับคำ เวลาพูด หล่อนไม่ค่อยเปิดปากนักน้ำเสียงที่ออกมาไม่ชัดถ้อยชัดคำ แถมเสียงยังเบาทำให้ผู้ฟังยิ่งต้องตั้งใจฟังหล่อนพูดมากยิ่งขึ้น “เอ้อ แม่สร้อย ป้าว่าจะให้เล็กเขายกน้ำมาให้แขก แต่เดี๋ยวเงอะงะไม่ถูกใจ หนูช่วยไปรินน้ำมาทีนะ ถ้ามีของว่างก็เอามาด้วย ท่าทางคุณพาทิศเธอจะหิว”
    เล็กหรือจะใช้ไม่ถูกใจ หญิงสาวยิ้ม ป้าของหล่อนเป็นแบบนี้คือ เวลาจะอ้างอะไร จะอ้างให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรเอง ส่วนผู้ที่ไม่รู้เรื่องก็จะเชื่อข้ออ้างนั้นโดยไม่ผิดสังเกต  อย่างครั้งนี้ สร้อยฟ้าเข้าใจทีเดียวว่า ป้าไม่อยากให้หล่อนอยู่ฟังเรื่องที่จะคุยกับพาทิศนั่นเอง
    “ค่ะคุณป้า ดิฉันขอตัวนะคะคุณพาทิศ”
    หล่อนลุกทำท่าจะเดินออกไป ก็พอดีณัฐเอ่ยขึ้น
     “เอ้อ คุณสร้อยฟ้าคงจะยกไม่ไหว ให้ผมไปช่วยดีกว่าไหมครับ” สร้อยฟ้าได้ยินก็ยิ้มก่อนจะบอกว่า
   “ใช้แขกยกของเอง เดี๋ยวจะว่าเจ้าบ้านไม่ดูแลค่ะ ดิฉันจัดการเองดีกว่า”
    “ไม่เป็นไรหรอกครับ” ณัฐมองหน้าหล่อนเต็มๆ “ผมเกรงใจ โบราณเขาว่า อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย จริงไหมครับ”
    หล่อนปฏิเสธไม่ได้อีกต่อไปจึงหัวเราะเบาๆแล้วเดินออกจากห้องไปช้าๆ อย่างนั้น ณัฐถือกิริยาของหล่อนเป็นคำตอบตกลง ก็เดินตามออกไปด้วย ทิ้งให้พาทิศอยู่กับจิตราสองคน
    
    ห้องครัวของบ้านนี้อยู่ไม่ไกลจากห้องนั่งเล่น อันที่จริงเดินไปไม่เกินสิบ ยี่สิบก้าวก็ถึงหากแต่แบ่งเขตชัดเจนแล้วว่า คนที่อยู่ที่นี่จะไม่ได้ยินอะไรที่คนในห้องนั่งเล่นคุณกันนัก สร้อยฟ้าเปิดประตูตู้ หยิบแก้วน้ำออกมาสามใบ รินน้ำในเหยือกที่แช่เย็นไว้ลงในแก้ว ก่อนจะชวนณัฐคุย
    “ไม่อยากอยู่ฟังคุณพาทิศ กับคุณป้าใช่ไหมล่ะคะ”
    “ครับ” ณัฐว่า “ผมเป็นคนขวัญอ่อน เอ้อ... เผื่อเขาพูดเรื่องอะไรกัน น่ากลัวๆ ผมจะนอนไม่หลับเอา”
    สร้อยฟ้าหัวเราะ
    “เอ คุณพาทิศชอบทานอะไรคะไม่รู้ว่าจะเอาอะไรให้ทานดี” หล่อนว่า
    “มีอะไรก็เอาเถอะครับ ผมกับพาทิศมารบกวนก็เกรงใจจะแย่แล้ว”
    “ไม่รบกวนจริงๆค่ะ” หล่อนว่า “ผลไม้ได้ไหมคะ คุณป้าทานมังสวิรัติ ไม่มีขนมอะไรเลย เค้กคุณป้าก็ไม่รับบอกว่าเป็นการไม่ประมาณในอาหาร”
    หญิงสาวหัวเราะเบาๆ
    “เงาะ หรือ สาลี่ดีคะ คุณณัฐชอบอย่างไหนมากกว่ากัน”
    “อะไรก็ได้ครับ ผมเป็นคนง่ายๆกินอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
    “เงาะแล้วกันนะคะ ดิฉันจะคว้านเมล็ดให้ด้วย คุณป้าท่านคงอยากรับเงาะคว้านหวานๆเย็นๆนะคะ คุณพาทิศก็คงชอบ”
    “เอ้อ เห็นด้วยครับ เป็นอะไรหวานๆ น้ำตาลเยอะไว้ก่อนละดีครับ เพื่อนผมมันดู ... ขาดสารอาหารยังไงไม่รู้”
    สร้อยฟ้าล้างมือ ก่อนจะมาปอกเปลือกเงาะ เตรียมคว้านไปเสิร์ฟแขก และป้าจิตรา “อย่าหาว่าดิฉันแส่เลยนะคะ แต่ว่าอยากรู้เหลือเกินว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณพาทิศ หายไปเป็นอาทิตย์ต้องตามหากันให้วุ่น แถมพอเจอแล้วก็ทำท่าป่วยอีก น่าเป็นห่วงเหลือเกินค่ะ”
    “ไม่ทราบซีครับ มันบอกว่าหลับไป”
    “หลับไปอาทิตย์หนึ่งน่ะหรือคะ” หล่อนวางมือ หันมาถามอย่างสนอกสนใจ “น่ากลัวจะโดนเข็มปั่นด้ายทิ่ม จนหลับไปอย่างที่ถูกสาปนะคะ”
    “อย่างนั้นคงเป็นเจ้าหญิงนิทราแล้วครับ แถมหลับไปร้อยปีไม่ใช่หนึ่งอาทิตย์เสียด้วย” ณัฐหัวเราะเบาๆ “ผมว่าคงมีอะไรมากกว่านั้น เห็นคุยโทรศัพท์กับป้าคุณว่าเห็นนิมิตอะไร”
    “อ้อ” หล่อนร้องแค่นั้นไม่พูดอะไรต่อ
    “อ้อนี่ แสดงว่าเคยมีเหตุการณ์อย่างนี้หรือครับ”
    “เปล่าค่ะ” หล่อนตอบ ก่อนจะหันไปคว้านเงาะต่อ “เพียงแต่คุณป้าชอบพูดว่าเห็นนิมิตๆ อารมณ์ประมาณระลึกชาติละมังคะ”
    “ระลึกชาติ คุณเชื่อเรื่องชาติภพหรือ”
    “เชื่อมากค่ะ คุณป้าท่านธรรมะธัมโม ดิฉันโตมากับคุณป้าก็เลยซึมซับเอาไว้มาก คุณป้าไม่ใช่คนธรรมดานะคะ นอกจากดูดวงแล้ว คุณป้ายังเห็นนิมิตประหลาดๆอะไรหลายอย่าง แถมอ่านใจคนได้อีกค่ะ”
    “แหมพูดอย่างกับในหนังนะครับ”
    “ค่ะ แต่จริง คุณป้าแม่นอย่าบอกใคร ไม่ใช่อยู่ดีๆเป็นเหมือนอย่างในหนังนะคะ คุณป้าท่านฝึกกรรมฐาน เพ่งกสิณอะไรพวกนั้น” หล่อนเล่าอย่างสนุกปาก “มีครั้งหนึ่งคุณป้าเพ่ง เตโชกสิณ เอ่อเพ่งไฟน่ะค่ะ จ้องเปลวเทียน ถอดจิตไปเป็นอาทิตย์ นั่งอยู่ท่าขัดสมาธิอย่างนั้นละค่ะ คุณพ่อ คุณแม่เห็นเข้ารีบพาส่งโรงพยาบาลคิดว่าสลบ หรือเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตอะไร โรงพยาบาลก็รักษาไม่หาย กระทั่งเมดเห็นเทียนในห้องคุณป้ายังจุดติดอยู่เป็นอาทิตย์ไปเป่าเข้าเท่านั้น คุณป้าก็ฟื้นเลย”
    “ขนาดนั้นเลยหรือครับ”
    “ขนาดนั้นล่ะค่ะ” หล่อนหัวเราะ “คุณป้าท่านคงมีบุญอยู่แล้ว แล้วก็หมั่นทำบุญตลอด ทานมังสวิรัติ ไม่เคยฆ่าสัตว์ ถือศีล เข้าวัดเข้าวาเป็นประจำ พบจิตสงบ จะทำอะไรก็ทำได้ค่ะ”
    ณัฐทึ่งไปกับคำพูดของหญิงสาว อย่างนั้นถ้าจะบอกว่า พาทิศถอดจิตระลึกชาติไปเป็นอาทิตย์ได้บ้างก็คงพอจะเป็นไปได้... แต่คนบาปหนาอย่างเพื่อนเขาเนี่ยหรือ วัดวาไม่เข้า ผิดศีลหมดทุกข้อโดยเฉพาะข้อสาม จะถอดจิดแบบป้าจิตรา ไม่มีทางหรอก เข้าใจผิดกันมากกว่า
    
    “เรื่องเป็นอย่างไรคะ เชิญคุณพาทิศเล่าให้ดิฉันฟังค่ะ”
    พาทิศเล่าเรื่องวันงานเลี้ยงให้ป้าจิตราฟังว่า เขาเห็นอะไรในสระอโนดาต เขากลับบ้านอย่างไรหลังจากคุยกับป้าจิตราแล้ว เขาหลับไปฝันเห็นอะไรบ้าง กระทั่งตื่นมาพบว่าหลับไปหนึ่งอาทิตย์
    “จำเรื่องในฝันได้บ้างไหมคะ”
    “กระท่อนกระแท่นนักครับ จำได้บ้างไม่ได้บ้าง บางตอนจำแม่นแม้แต่ว่าใครพูดว่าอะไร บางช่วงก็จำไม่ได้เลยว่าเห็นใครบ้าง จำได้ว่ามีหลวงพินิจราชอักษร มีบ่าวคนหนึ่งชื่อเส็ง แล้วก็ผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ หยาดเท่านั้นครับ” เขาเงียบไป
     “ในฝันคุณอยู่ตรงไหนคะ ยืนมองเฉยๆ เป็นตัวละครตัวใดตัวหนึ่ง หรือไม่เห็นตัวเอง เห็นแต่ภาพเฉยๆ”
    “เห็นแต่ภาพเฉยๆครับ เหมือนดูภาพยนตร์” เขาตอบ “คุณป้าคิดว่าผมหลับฝันไปเท่านั้น หรือระลึกชาติได้กันแน่ครับ”
    “หลับไปเฉยๆอาทิตย์หนึ่งเต็มๆน่ะหรือคะ” จิตรายิ้มอย่างยั่วล้อ “คุณเห็นนิมิตค่ะ คุณพาทิศ”
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 13 แล้วทั้งบทเล้ยยย!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 07-11-2010 22:35:41

กลับเข้าช่วงปัจจุบันแล้วครับ
พาทิศฝากบอกว่างอนมาก ที่มีคนจำชื่อเขาไม่ได้ ก็เลยกลับมาทวงตำแหน่งตัวละครเอกอีกตัวครับ
ใครคิดถึงเส็งกับคุณหลวงรอนะครับ ผมจะพยายามลงใหได้ครั้งละ เต็มๆบท เผื่อแฟนคลับ คุณหลวง และเส็งจะได้เจอสองคนนั้นไวๆ ครับ

ไหนๆก็ไหนๆ เปิดโหวตแบบเอเอฟหน่อยดีกว่า ใครเป็นแฟนคลับ เส็ง คุณหลวง หรือพาทิศ คนไหนบ้างแสดงตนให้ผมรู้หน่อย ครับ จะได้ไปบอกถูกว่าคนชอบเขามากน้อยแค่ไหนน อิอิ


ปล. นางแก้วค้อนประหลับประเหลือกก่อนจะกล่าวอย่างหัวเสีย "ดีฉันก็คงพอมีแฟนคลับไหมมากโขอยู่ ไม่เปิดโหวตให้บ้างล่ะ เจ้าคะ!"
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 13 แล้วทั้งบทเล้ยยย!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 07-11-2010 23:05:27
อ่อ ชื่อ พาทิศ นี่เอง อิอิ มัวแต่ไปอินอยู่กับคุรหลวงกับเส็งเสียลืมตัวเอกอีกคนไปเลย ว่าแต่นายพาทิศนี่จะเป็นใครกันหละนอ มันคันยิบๆอยากจะรู้จนถึงจบเร็วๆ อิอิ

+1จร้า

ปล.ขอเป็นแฟนคลับ คนเขียนแล้วกัน อร๊างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 13 แล้วทั้งบทเล้ยยย!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 07-11-2010 23:17:41
ร๊ากคุณหลวง+เส็ง อิอิ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 13 แล้วทั้งบทเล้ยยย!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 07-11-2010 23:23:14
เป็นแฟนคุณหลวงคร้าบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 13 แล้วทั้งบทเล้ยยย!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 07-11-2010 23:24:53
ชอบพาทิศ [u][/u]จิตดี  :laugh:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 13 แล้วทั้งบทเล้ยยย!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 07-11-2010 23:46:23
ชอบณัฐ น่ารัก

รักเดียวใจเดียวดีด้วย




หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 13 แล้วทั้งบทเล้ยยย!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 08-11-2010 02:12:41
อ้าว กลับปัจจุบันแล้วเหรอเนี่ย

กำลังค้างกับเส็งและคุณหลวงเลยค่ะ อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างอะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 13 แล้วทั้งบทเล้ยยย!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: วิหคท่องนภา ที่ 08-11-2010 03:18:32
 :impress2: โอ้ยยยยย   ชอบมากค่ะ  สำนวนดีมาก  ตั้งแต่อ่านกลอนในนิยายปัจจุบันนี้มาหลายเรื่อง  ชอบกลอนนี้ที่สุดแล้วค่ะ  อ่านแล้วหวานมากกกก
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 13 แล้วทั้งบทเล้ยยย!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 08-11-2010 05:19:29
ทุกตัวละครต่างก็มีคุณค่าในตัวเองนะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 13 แล้วทั้งบทเล้ยยย!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 08-11-2010 07:24:37
เอ อย่างนี้พาทิศจะเป็นใครในชาติที่แล้วกันนะ หรือจะเป็นเพียงผู้ชมเท่านั้น แต่หลับไปเป็นอาทิตย์แบบนี้ก็น่ากลัวนะ
ขอเป็นแฟนคลับพาทิศด้วยคนค่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 13 แล้วทั้งบทเล้ยยย!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 08-11-2010 17:03:39
ยังไม่ลืม พาทิศ หรอกค่ะ ฝากบอกเค้าด้วยนะคะ...

อ่านตอนก่อนหน้านี้ ยังแอบคิดว่า เอ๊ะ พาทิศ หายไปไหน
ที่แท้ก็นอนซะเต็มอิ่มนี่เอง

เป็นแฟนคลับคุณหลวงและเส็งค่ะ แพ็คคู่เลย...
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 13 แล้วทั้งบทเล้ยยย!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 08-11-2010 18:08:22
เราไม่ลืมพาทิศหรอก
ลืมไม่ได้หรอกนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 13 แล้วทั้งบทเล้ยยย!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 08-11-2010 18:36:31
กลับมาตอนปัจจุบันแล้วหรอเนี่ย เกือบจะลืมพาทิศไปแล้ว อิอิ

ได้นอนเต็มอิ่มเลยหละสิเนี่ย เป็นอาทิตย์เชียว

ขอโหวตเป็นแฟนคลับเส็งค่ะ แอบรักเส็งมากกว่าคนอื่นนิดนึง ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 13 แล้วทั้งบทเล้ยยย!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 08-11-2010 20:11:10
ชอบคุณหลวง  :กอด1:   เอ็นดูเส็ง  :man1:  เลือกไม่ถูก


นาทีนี้  เทใจให้  ณัฐ  ก่อน  น่ารักดี

ที่สำคัญ ผมก็เป็นคนกลัวผีครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 13 แล้วทั้งบทเล้ยยย!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 08-11-2010 22:48:27
พาทิศคือคุณหลวงแน่เลย    แล้วคนที่ชื่อสร้อยสุวรรณเป็นแม่หยาดรึปล่าว     ย้ำคำเดิมจ้า   ยิ่งอ่านยิ่งชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 13 แล้วทั้งบทเล้ยยย!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Lesses ที่ 09-11-2010 17:08:27
ยังไม่มาเหรอครับ รอฟังต่อว่าป้าจิตราจะบอกอะไร กำลังสนุกเลย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 13 แล้วทั้งบทเล้ยยย!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 09-11-2010 20:14:43
 :z2: :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 13 แล้วทั้งบทเล้ยยย!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: bellity ที่ 10-11-2010 02:44:37
คิดว่าพาทิศเป็นเส็งเปล่าหว่า รู้สึกแปลกๆ :serius2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 13 แล้วทั้งบทเล้ยยย!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 10-11-2010 15:47:37
ขอรายงานตัว เพิ่งเข้ามาอ่านแล้วก็ติดงอมแงมเลย
ยิ่งอ่านยิ่งมึน ช่วงแรกๆแอบขนลุกเล็กน้อย
ไม่ชอบอะไรหลอนๆแต่ชอบเรื่องแนวย้อนยุคเลยลองอ่านดู
ไม่ผิดหวังเลย เนื้อเรื่องสนุก ภาษาสวย ชอบมากเลย
แอบคิดว่าพาทิศเป็นคุณหลวงรึเปล่าน๊า
ก็ตอนที่เจอพาทิศครั้งแรกเส็งบอกว่าคุณหลวงมารับแล้ว
และเหตุผลสำคัญ พาทิศเป็นพวกถ้ำมอง
ส่วนคุณหลวงก็ เหอๆๆ มีช่องไว้ส่องหนุ่มอาบน้ำเนี่ย เหมือนกันจริงๆ  :laugh: 
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 13 แล้วทั้งบทเล้ยยย!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 10-11-2010 23:05:51
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 13 แล้วทั้งบทเล้ยยย!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 10-11-2010 23:20:38
รอเฉลย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 13 แล้วทั้งบทเล้ยยย!!! 20.05 - 04/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 11-11-2010 20:33:07
ไปต่อกันครับบบบบ

********************************************************************************************************

๑๔
   “นิมิตนี่คือระลึกชาติหรืออย่างไรครับ”
    “ไม่ใช่ค่ะคุณพาทิศ ระลึก คือนึกได้ จำได้ เกิดได้หลายแบบ บางคนมีติดตัวมาแต่เกิดไม่ยอมลืมชาติที่แล้วของตน เช่นไปที่ไหนแล้วก็จำได้ว่าเคยมาที่นี่ เคยอยู่ที่นี่มาก่อน หรือไม่ก็เห็นใครแล้วจำได้ว่าเคยรู้จักกันในชาติที่แล้ว อีกวิธีคือถอดจิตย้อนกลับไปในอดีตค่ะ วิธีที่แม่นยำที่สุดคือเพ่งกสิณ ฝึกกรรมฐาน ถ้าเป็นอย่างนื้คือคุณจะจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณในชาติก่อนๆอย่างแม่นยำ แน่นอน แต่ถ้าเรื่องเป็นแบบนี้ คือคุณเห็นภาพของเหตุการณ์ต่างๆที่เคยเกิดขึ้นในอดีตคล้ายชมภาพยนตร์แล้ว โดยที่จำเหตุการณ์นั้นไม่ได้เลย อย่างนี้คือนิมิต
    “นิมิต จะคล้ายฝัน แต่เป็นฝันที่เป็นความจริงโดยมีคนบันดาลให้เห็น อย่าง บุพนิมิต อย่างนี้ก็คือเทวดามาดลใจให้เห็นเหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิด หรือจะเกิดขึ้น ซึ่งนิมิตเกิดได้ทั้งตอนหลับ หรือตอนตื่น หากเป็นตอนตื่นก็เป็นในกรณีที่ คุณนั่งเฉยๆ ปล่อยให้ใจลอยไปแล้วจู่ๆก็เห็นภาพโน้นภาพนี้อย่างนั้นล่ะคะ เหมือนที่สระอโนดาต นั่นก็เป็นนิมิตที่เกิดขึ้นในขณะตื่น ตอนคุณคิดถึงดิฉันแล้วเห็นหน้าดิฉัน นั่นก็เช่นกัน
     แต่ถ้าหากเป็นตอนหลับ มันก็จะคล้ายๆฝัน หลายคนไม่ติดใจอะไร คิดว่าเป็นฝันธรรมดา สำหรับคุณพาทิศหลับฝันไปเห็นเหตุการณ์ในสมัยก่อน ก็ต้องเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงๆกับคุณ เพียงแต่ว่า เป็นเหตุการณ์ “ของคุณ” หรือ “ของคนอื่นที่เกี่ยวกับคุณ” เท่านั้นค่ะคุณพาทิศ”
    “ผมไม่เข้าใจครับ” พาทิศว่า ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจจริงๆ
    “หมายความว่า มีคนบางคนปราถนาอย่างแรงกล้าให้คุณจำเรื่องของคุณ หรือเรื่องของเขาที่เกี่ยวกับคุณในอดีตได้อย่างไรล่ะคะ เขาจึงดลใจให้คุณเห็นภาพเหตุการณ์นั้นๆ”
    “คือผมเห็นเหตุการณ์ในชาติก่อนโดยคนอื่นมาดลใจอย่างนี้หรือครับ” จิตราพยักหน้า “อย่างนั้นหมายความว่า ผมอาจเคยเป็นหลวงพินิจราชอักษร หรือ เส็ง อย่างนี้หรือครับ”
    “หรือคุณหยาด หรือเจ้าคุณ ไพรัชกิจ หรือคุณหญิงไพรัชกิจ หรือบ่าวไพร่คนใดคนหนึ่งในเหตุการณ์ที่คุณเห็นค่ะ เป็นใครก็ได้ เพราะนี่อาจเป็นเหตุการณ์ของคุณโดยตรง หรือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนบางคน แล้วดันมาเกี่ยวกับคุณไงคะ เช่น คุณอาจเคยเป็นหลวงพินิจ เส็งเห็นว่าคุณมาเกิดแล้วจำเขาไม่ได้จึง ดลใจให้คุณเห็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น อย่างนี้ค่ะ”
     “แต่อย่างนั้นก็หมายความว่า ผมอาจเคยเป็นเพียงบ่าวไพร่สักคน แล้วคุณหลวงอยากให้ผมเห็นเหตุการณ์ในอดีตที่เคยเกิดขึ้นบนบ้านนั้น เพราะผมเข้าไปอยู่ในที่ของเขาในชาตินี้ แบบนี้ก็เป็นไปได้ใช่ไหมครับ”
    “ถูกต้องค่ะ หรือไม่ คุณอาจไม่ใช่ใครเลยในเหตุการณ์นั้น แต่คนที่ดลใจคุณอาจจะอยากให้คุณรู้เรื่องในอดีต เพื่อให้คุณยำเกรง ให้ความเคารพคนที่เคยอยู่ในสถานที่นั้นๆ หรือ ขอความช่วยเหลือก็ได้ค่ะ”
    พาทิศเข้าใจแล้ว
    “แปลว่า ก็ยังบอกไม่ได้หรือครับว่าผมเป็นใครในอดีต”
    “บอกไม่ได้เลยค่ะ” ป้าจิตราตอบเบาๆ ด้วยใบหน้าเฉยเรียบไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆเช่นเคย
    “แล้วผมหลับไปตั้งเป็นอาทิตย์ได้อย่างไรครับคุณป้า”
    “สภาวะของจิต เป็นอกาลิโกค่ะคุณพาทิศ มันไม่ขึ้นกับเวลา เมื่อจิตคุณหลุดออกจากกายหยาบโดยการดลบันดาลของใครสักคนแล้ว คุณจะอยู่เหนือกาลเวลาทั้งปวง ถ้าคุณไปในอดีตได้ หากคิดจะไปในอนาคตก็ย่อมได้เช่นกัน และเมื่ออยู่เหนือเวลา จะไปในสถานที่อื่นก็ย่อมได้อีกค่ะ อย่างพระมาลัยที่ไปสวรรค์หรือไปนรกอย่างไรล่ะคะ”
    พาทิศขนลุกซู่ แต่จิตราก็ยังพูดต่อไปไม่คิดจะหยุดเมื่อยังไม่ครบความที่หล่อนต้องการจะสื่อให้เขาเข้าใจ
    “ทีนี้ พอจิตมันหลุดจากกายไปแล้ว คุณไม่ใช่คนที่ฝึกมาดีอย่างดิฉัน คุณก็จะคุมมันให้กลับมายาก บางครั้งอาจไม่ได้เลย จะให้จิตคุณกลับเข้ากายละเอียดก็ขึ้นอยู่กับว่าคนที่ดลใจคุณนั้น ให้คุณเห็นสิ่งที่เขาอยากให้เห็นครบแล้วหรือยัง ที่คุณหลับไปเป็นอาทิตย์ก็เพราะ เขาอยากให้คุณเห็นเหตุการณ์มาสิ้นสุดตรงที่คุณตื่นพอดี และ ร่างกายคุณก็ไปได้ไกลที่สุดแค่นั้น”
    “หมายความว่าใครบางคนอยากให้ผมเห็นความเป็นไปของบ้านหลังนั้นจนถึงตอนที่หลวงพินิจอะไรนั่น เดินทางไปหัวหินหรือครับ”
    “ค่ะ ถ้าไม่อย่างนั้น เขาอยากให้คุณเห็นมากกว่านี้ก็ทำไม่ได้ เพราะร่างกายคุณไม่รับแล้ว”
    “ไม่รับแล้ว”
    “ค่ะ คุณอยู่แต่กับที่ ในท่าเดียวเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ ขาดสารอาหารไปตั้งกี่มื้อ เซลล์คุณกำลังจะตาย ถ้าอยู่อย่างนั้นต่อไปเพราะคุณดึงดันอยากรู้ต่อ หรือเขาก็ดึงดันอยากให้คุณรู้อีก คุณก็จะต้องเป็นอัมพาตแน่ๆ หรือไม่ก็ตายไปเลยทีเดียวล่ะค่ะ”
    พาทิศขนลุกซู่ด้วยความกลัว กลัวจนไม่นึกอยากเห็นอะไรอีก นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาปวดหัวแทบเป็นบ้า ชาไปหมดทั้งตัว รวมถึงหิวมากอย่างกับอดตายซีนะ
    “แต่ คนเราอดอาหารได้ไม่กี่มื้อนี่ครับ จริงๆผมควรจะตายไปแล้ว”
    “ค่ะ แต่เมื่อจิตไม่ยอมตายคุณก็ไม่ตายค่ะ” หล่อนอธิบายอย่างเป็นเรื่องที่ธรรมดาที่สุด ราวกับอธิบายว่า ทำไมหนึ่งบวกหนึ่งจึงเป็นสองอย่างนั้น “ไม่เคยได้ยินหรือคะ ที่ว่าคนเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย หรือเป็นเอดส์ระยะสุดท้าย ถ้าจิตเข้มแข็ง รู้สึกว่าไม่ถูกทอดทิ้ง รู้สึกมีกำลังใจจะใช้ชีวิตต่อไป ก็ย่อมยื้อเวลาออกไปได้อีก น่ะค่ะ”
    “แต่สุดท้ายก็ต้องตาย”
    “ค่ะ ถ้าคุณดื้อดึงอยากรู้เรื่องในอดีตอีก คราวหน้าถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ คุณอาจยื้อเวลามาเป็นอาทิตย์แบบคราวนี้ได้ แต่สุดท้าย ถ้ายื้อจนสุดแล้ว คุณอาจกลายเป็นเจ้าชายนิทรา จมอยู่แต่ในอดีต ไม่ฟื้นขึ้นมาใช้ชีวิตในปัจจุบันอีกเลย ไปจนตายก็ได้ค่ะ”
    จิตรายิ้มมุมปาก
    “ยังอยากรู้เรื่องในอดีตอีกหรือเปล่าคะ”
    “ไม่มีวิธีอื่นหรือครับ ที่มันปลอดภัย”
    “ดิฉันบอกคุณพาทิศแล้วค่ะว่า ทำได้ คุณพาทิศต้องมาฝึกกรรมฐาน กับดิฉัน ฝึกเพ่งกสิณ และงดเว้นจากการทำบาปทั้งปวง จะถอดจิตออกจากกายหยาบได้ด้วยตัวเอง คุณพาทิศจะระลึกชาติได้ และเผื่อว่าในกรณีที่เขาดึงคุณออกไป ให้เข้าสู่อดีตอีกครั้ง คุณพาทิศจะได้ดึงตัวเองกลับมาในโลกปัจจุบันได้ทันก่อนที่ร่างกายคุณจะไม่รับค่ะ”
    “แต่มันจะต้องยากมากๆ แน่ๆครับ”
    “ไม่ยากหรอกค่ะ เพียงแต่คุณพาทิศต้องอดทนเท่านั้นเอง”
    พาทิศ ขมวดคิ้วคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
    “ผมจะต้องทำอย่างไรบ้างครับ”
    “ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นค่ะ คุณพาทิศไปให้คนที่คุณเคยทำไม่ดีไว้ อโหสิกรรมให้คุณให้ได้ แล้วเว้นจากการทำบาปทั้งปวง ทานมังสวิรัติ แล้วก็ลองถือศีล 8 นะคะ ถ้าอยากจะเร่งให้ได้เร็วๆ ต้องถึงขั้นศีล 8 ทำให้ได้สักอาทิตย์หนึ่งก็พอ แล้วมาหาดิฉัน ดิฉันจะฝึกกรรมฐานให้ค่ะ”
    ราวกับรู้ว่าทั้งสองคุยกันเสร็จ เข้าใจตรงกันแล้ว สร้อยฟ้าและณัฐ ก็เข้ามาในห้องนั่งเล่นในที่สุด พาทิศมองหน้าณัฐก็รู้ว่าเพื่อนหนุ่มเป็นคนแรกที่เขาจะต้องให้อหสิกรรมให้ เพราะคนใกล้ตัวเขาที่สุดคนนี้เอง ที่เขาทำให้ทุกข์ที่สุดแม้จะเป็นไปด้วยความไม่ตั้งใจก็ตาม
    ณัฐ เสิร์ฟเงาะ ในขณะที่ สร้อยฟ้าเสิร์ฟน้ำเปล่าให้ทั้งคู่ บทสนทนาคลายจากความเครียดไปจนพาทิศลืมเรื่องกังวลใจไปในที่สุด กระทั่งเมื่อลาออกมาจากบ้านของคุณป้าจิตรา ชายหนุ่มถึงนึกขึ้นได้ว่า อาหารว่างที่สร้อยฟ้าเตรียมให้นั้น คือ เงาะคว้าน เย็นฉ่ำ เหมือนที่หลวงพินิจราชอักษรได้กินจากเส็ง ทำไมเขาถึงจำเหตุการณ์นี้ได้แม่นนัก จำได้กระทั่งกลอนจากสังข์ทอง ทั้งที่เขาไม่เคยจำกลอนเหล่านี้ได้เลย พาทิศสงสัยเสียแล้วว่า ในอดีตเขาคงเป็นคนใดคนหนึ่งบนโต๊ะอาหารนั้น หรืออย่างน้อยก็อยู่ในห้องอาหารนั้นด้วยกระมัง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 14 แล้วคร้าบบบบ!!! 20.30 - 11/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 11-11-2010 20:38:04
เหมือนจะชอบเส็็งกันเยอะนะครับ
มีคนชอบณัฐด้วย ผมก็ชอบณัฐมากกก เหมือนกันครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 14 แล้วคร้าบบบบ!!! 20.30 - 11/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 11-11-2010 20:52:28
ชอบณัฐอ่ะ ถึงจะออกมาไม่ค่อนบ่อยแต่ก็ชอบ
ชอบบรรยากาศเวลาที่พาทิศอยู่กับณัฐ อบอุ่นดี
งานนี้พาทิศจะได้ฝึกจิตแล้ว ดีๆ จะได้ไม่แห้งตายไปซะก่อน
ดูท่าว่าเรื่องในอดีตยังไม่จบดีเสียด้วย

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 14 แล้วคร้าบบบบ!!! 20.30 - 11/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 11-11-2010 21:15:38
พาทิศสู้ๆ เพราะเราอยากรู้อดีตต่อ เดาไม่ออกเลยอ่ะว่าพาทิศเป็นใคร จะใช่คุณหลวงมั้ย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 14 แล้วคร้าบบบบ!!! 20.30 - 11/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 11-11-2010 21:20:19
ชอบณัฐเช่นกันค่ะ

เป็นเพื่นที่ดี แม้พาทิศจะทำให้เสียใจก็ตาม

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 14 แล้วคร้าบบบบ!!! 20.30 - 11/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 11-11-2010 21:30:07
ไม่อยากจะเดาเลยว่าพาทิศเคยเป็นใครในอดีต  เพราะไม่มั่นใจว่าตัวละครออกมาครบหรือยัง
ถ้าครบแล้วแล้วก็น่าจะเป็นคุณหลวงล่ะนะ  คิดถึงเส็งจัง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 14 แล้วคร้าบบบบ!!! 20.30 - 11/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 11-11-2010 21:46:24
อืมมม...ชอบทุกคน แต่เป็น FC เส็งนะ :o8:
โดยเฉพาะไรท์ฯค่ะ :z1:
พาทิศทำให้ได้นะตัวเอง เค้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นใครในอดีต :z2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 14 แล้วคร้าบบบบ!!! 20.30 - 11/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 11-11-2010 22:38:45
ยิ่งอ่านเรื่องยิ่งลึกลับซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ทีนี้เดาไม่ถูกเลยว่าพาทิศเป็นใครในอดีต  เอาใจช่วยพาทิศให้ฝึกกรรมฐานได้ไวๆนะ จะได้รู้เรื่องในอดีตเสียที
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 14 แล้วคร้าบบบบ!!! 20.30 - 11/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 12-11-2010 00:46:57
ถึงจะไม่ใช่ตอนน่ากลัวมากแต่อ่านตอนตีหนึ่งก็ขนลุกได้เหมือนกันเจ้าค่ะ


หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 14 แล้วคร้าบบบบ!!! 20.30 - 11/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: *SparklinG* ที่ 12-11-2010 08:30:18
บอกตามตรง อ่านตอนแรกๆกลัวมากๆ อ่านตอนดึกๆด้วย แต่ตอนนี้อยากอ่านต่อมากกกก อ้ากกกกก ชอบ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 14 แล้วคร้าบบบบ!!! 20.30 - 11/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 12-11-2010 11:12:55
ชอบคุณหลวงน่ะ กลอนยาวเพราะจัง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 14 แล้วคร้าบบบบ!!! 20.30 - 11/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 12-11-2010 11:50:48
อ่านแล้วแอบขนลุก

เป็นกำลังใจให้พาทิศฝึกกรรมฐานสำเร็จไวไว

อยากรู้ว่าพาทิศเป็นใครในอดีต ( แอบเดาไว้ในใจ อิอิ )
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 14 แล้วคร้าบบบบ!!! 20.30 - 11/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 12-11-2010 11:59:43
ชอบทุกคนในเรื่องอ่ะ  อ้อแต่ขอยกเว้นแก้วกับแม่หยาดนะ



ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบเรื่องนี้ที่สุด o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 14 แล้วคร้าบบบบ!!! 20.30 - 11/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 12-11-2010 20:26:12
เป็นกำลังใจให้อย่างสุดแรงเกิดกับพี่พาทิศของเรา
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 14 แล้วคร้าบบบบ!!! 20.30 - 11/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: nuewanda ที่ 12-11-2010 22:01:39
หง่ะ.....แล้วผาทิศเป็นใครในอดีตอ่ะ
แล้วบ่าวลูกเจ๊ก ทำไมถูกพันธนาการไว้ ยังวนเวียนอยู่ในเรือนคุณหลวง
ทำไมๆๆๆๆ   แง๊.....เดาไม่ถูกเลย

ส่วนเป็น FC ใคร....เค้าเอียงเส็ง พอๆ กะเอียงณัฐอ่ะ ไรท์เตอร์ อิอิ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 14 แล้วคร้าบบบบ!!! 20.30 - 11/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 13-11-2010 00:14:53

ว้าย ย่องมาหานิมิตค่ะ
เผื่อยุคนั้น อาจจะมีคุณหญิงกิต.หรือท่านขุนกิต.บ้าง อิอิ

๘๖ + ๑ = ๘๗
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 14 แล้วคร้าบบบบ!!! 20.30 - 11/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 13-11-2010 11:06:52
ชักจะมันส์เข้าไปทุกที
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 14 แล้วคร้าบบบบ!!! 20.30 - 11/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 14-11-2010 11:43:48
 :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 14 แล้วคร้าบบบบ!!! 20.30 - 11/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 14-11-2010 11:46:33
แวะมาคิดถึงพาทิศ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 14 แล้วคร้าบบบบ!!! 20.30 - 11/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 14-11-2010 15:15:06
พาทิศเป็นใครในอดีตอ่ะ หรือว่าจะเป็นคุณหลวงกลับชาติมาเกิด หรือว่า  โอ๊ยงง ค้าง ความลับเยอะจริงๆเดาไม่ถูกเลย :z3:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 14 แล้วคร้าบบบบ!!! 20.30 - 11/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 14-11-2010 20:09:02
    รถแล่นออกจากคลองสานไปได้นานแล้ว แต่ใจของพาทิศยังคงวุ่นวายอยู่กับคำพูดของจิตรา เขาจะทำตามที่หล่อนพูดได้จริงหรือ คนอย่างเขาวัดยังไม่เคยเข้า อย่าได้พูดถึงปฏิบัติตามศีลแปดเลย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอะไรบ้าง
    “คิดอะไรอยู่” ณัฐถามเบาๆ ในขณะที่รถติดเหลือเกิน ไม่ขยับไปไหนมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว
    “คิดเรื่องป้าจิตรา” เขาว่า “ป้าจิตราบอกให้ถือศีลแปด”
    ณัฐอยากหัวเราะเยาะแล้วพูดว่า “อย่างมึงจะทำได้หรือ” แต่ก็รู้ดีว่าเพื่อนหนุ่มคงเครียดมาก คนอย่างพาทิศไม่เก็บเอาคำพูดของใครมาติดใจง่ายๆ แสดงว่าเรื่องนี้สำคัญกับพาทิศมากจริงๆ
    “ทำไมมึงถึงจริงจังกับเรื่องนี้มากขนาดนี้วะ”
    “ไม่รู้ซี” พาทิศว่า “เขาว่ากันว่าหลวงพินิจเป็นผีอยู่ในบ้านที่กูอยู่ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แสดงว่าใครคงทำให้เขาไม่ไปผุดไปเกิด แล้วอยู่ดีๆ กูก็ไปเจอบ้านนี้ แล้วกูก็เข้าไปอยู่ ฝันเห็นอะไรมากมาย จนเหมือนมีใครตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว กูเลยยิ่งอยากรู้ว่า...”
    “เป็นมึงหรือเปล่าที่ทำให้เขายังไม่ไปเกิด”
    “อื้ม” พาทิศรับคำ “กูเลยอยากรู้ว่าความจริงมันเป็นยังไงกันแน่ ถ้ากูเป็นตัวการจริง กูก็คงอยากให้เขาอโหสิกรรมให้”
    ณัฐเลิกคิ้วอย่างสงสัย เพื่อนของเขากลายเป็นคนดีเสียตั้งแต่เมื่อไร
    “เอ้อ ณัฐ”
    “ว่าไง”
    “จะไหนหรือเปล่า” ตอนนั้นเย็นมากแล้ว เกือบหกโมงฟ้าของกรุงเทพเริ่มมืดสลัว อีกไม่กี่นาทีคงจะมืด ณัฐจะไปไหน คนอย่างณัฐเป็นศิลปิน คงอยากกลับไปวาดรูปอะไรที่บ้าน ถ้าพาทิศชวนไปเที่ยว โดยเฉพาะเที่ยวกลางคืน ณัฐจะยอมหรือ แต่อาจไม่ใช่เรื่องนี้ก็ได้ ณัฐจึงตอบกลางๆไปก่อนว่าว่าง
    “เอ้อ... ไปวัดเป็นเพื่อนกูหน่อยสิ”
    ณัฐยิ้มให้เพื่อนหนุ่ม
    “ไปซี แต่ก่อนกูชวนให้ตายมึงก็ไม่ไป ไปทำบุญเสียได้ก็ดี มีอะไรจะได้สบายใจขึ้นบ้าง”
    ด้วยเหตุนี้เองสองหนุ่มจึงเลี้ยวรถเข้าวัดแรกที่เขาเจอ ลงไปทำบุญไหว้พระให้ใจได้สงบ วัดที่พวกเขาแวะลงไป เป็นวัดเล็กๆไม่สะดุดตา ไม่โอ่โถงใหญ่โต เหมาะแก่การมาทำบุญจริงๆ
   เมื่อได้เข้าวัดพาทิศก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไกลวัดเหลือเกินเขาทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องเติมน้ำมันตะเกียง หรือเคาะระฆัง หรือแม้แต่จุดธูปกี่ดอก จุดเทียนกี่เล่ม กราบกี่ครั้งยังต้องมองณัฐทำก่อนแล้วทำตามทุกครั้ง หลังจากทำอะไรเล็กน้อยแล้ว สองหนุ่มก็ไปถวายสังฆทาน  โดยซื้อสังฆทานที่มีอยู่ในวัดนั้น พาทิศท้วงณัฐว่า
    “ซื้อตรงนี้ เขาก็เอากลับมาขายใหม่อีก พระท่านไม่ได้ใช้หรอก”
    ณัฐจึงตอบเบาๆพอให้ได้ยินกันสองคนว่า
    “พระท่านจะใช้หรือไม่ ไม่ใช่เรื่องของเรา เราถวายสังฆทานเพื่อความเป็นสิริมงคล และเพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาให้ยังต่อไปในโลก อย่าคิดเล็กคิดน้อยเลย”
    สองหนุ่ม ถวายสังฆทานแล้ว พนมมือรับพร ตอนนั้นไม่มีคนอื่นอยู่แล้ว ด้วยความที่วันนี้ไม่ใช่วันพระหรือวันสำคัญทางพุทธศาสนา และ วัดนี้ก็ไม่ใช่วัดที่ใหญ่โตเป็นที่รู้จักอะไรนัก สองหนุ่มเป็นเพียงสองคนเท่านั้นที่นั่งอยู่ในศาลา พระที่ออกมารับสังฆทาน และสวดให้พรก็มีรูปเดียว เป็นพระวัยไม่มากนัก หากแต่ใบหน้าดูสงบ เข้าใจโลก อย่าผู้ปฏิบัติธรรมทั่วไป
    “ถวายในวันเกิดหรือโยม”
    “ไม่ใช่ครับ”  ณัฐพนมมือตอบ “วันนี้ผ่านมานึกอยากทำบุญก็เลยแวะทำครับ”
    “ดีแล้ว โยมเจ้ากรรมนายเวรเยอะนะ หมั่นทำบุญมากๆก็ดีแล้ว เจริญพร” พระท่านว่าลอยๆ ณัฐไม่ได้ติดใจอะไร แต่พาทิศกลับคิดมากกับคำพูดของท่าน เขามั่นใจว่าเจ้ากรรมนายเวรนี้ จะต้องเป็น “ใคร” ที่เรือนเทาหลังนั้นเป็นแน่ “กรวดน้ำเถิดโยม อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร”
   ณัฐเป็นคนกรวดน้ำ เพราะพาทิศทำไม่เป็น ชายหนุ่มคนหลัง แตะหลังเพื่อนหนุ่มเบาๆ มองน้ำไหลเป็นทางลงภาชนะที่รองไว้ ฉับพลันใบหน้าของบุคคลสองสามคนก็ปรากฏขึ้นในมโนภาพของพาทิศ
    “ยถา วาริวหา ปูรา ปริปูเรนติ สาครัง...”
    เส็ง เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเศร้าสร้อย แววตาเป็นทุกข์ราวเรียกร้องขอความช่วยเหลือ หลวงพินิจราชอักษร นอนอยู่ มองเขาจากเบื้องล่างใบหน้าซูบซีด ปากขยับพึมพำแต่ไม่รู้ว่าพูดอะไร คุณหยาด หันขวับมามองเขาดวงตาตื่นตระหนก เบิกกว้างอย่างคนตกใจแทบสิ้นสติ
    “...สพพีติโย”
    ณัฐรดน้ำเสร็จหันมามองเพื่อนหนุ่ม ก็เห็นเขานั่งปากซีดตัวสั่น หลับตาลงก่อนจะลืมตาขึ้นใหม่อีกครั้ง พาทิศเห็นณัฐมองจ้องกลับมาก็ดีใจ ดวงตาของคนทั้งสามหายไปจากความคิดของเขาแล้ว
    “รดโคนต้นไม้ใหญ่นะโยม”
    ณัฐเดินมาที่ต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆนั้น มีพาทิศตามมาด้วย ชายหนุ่มก็ยื่นภาชนะรองน้ำให้ พูดว่า “เอ้ารดโคนต้นไม้”
    พาทิศก็ทำตามอย่างว่าง่าย
    ใบหน้าของบุคคลทั้งสามยังติดตาเขา แม้จะเดินออกมาจากศาลากำลังจะเดินทางกลับแล้ว ณัฐเห็นพาทิศยังไม่พูดอะไรก็รู้ว่าเพื่อนหนุ่มกำลังไม่สบายใจก็เอื้อมมือมาบีบมือของเขาเบาๆ ยิ้งให้กำลังใจอย่างน่าประหลาด ไม่รู้เพราะอะไร แต่ราวกับพระอาทิตย์โผล่พ้นเหลี่ยมเขา รอยยิ้มของณัฐทำให้พาทิศอุ่นใจอย่างน่าประหลาด
    “เสี่ยงเซียมซีไหม ได้เช็คดวงเผื่อจะสบายใจ” ณัฐเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยรอยยิ้มยังคงอยู่บนใบหน้าทำให้พาทิศอุ่นใจนิดๆ
    “ทำยังไง สอนด้วยนะ”
    สองหนุ่มเดินกลับไป บริเวณที่มีให้เสียงเซียมซี ณัฐก็สอนให้ดู แล้วทำตาม บอกให้อธิษฐานว่าอยากรู้อะไรแล้ว เขาก็ถือกระบอกไม้ไผ่ใส่แผ่นไม้เซียมซีไว้ เขย่าๆ ไปเรื่อยๆ ไม้แผ่นหนึ่งก็ตกลงมา เห็นเป็นเลขสอง
    “เอ้าทำตาม”
    พาทิศทำบ้าง ในใจคิดถึงหลวงพินิจราชอักษร เส็ง คุณหยาด เขาอยากรู้ว่าเขาเป็นใคร ทำอะไรให้ใครไว้อย่างไร เขาอยากหลุดพ้นออกจากห้วงแห่งบาปกรรมที่เขาเคยก่อให้ได้ พาทิศยิ่งเขย่าก็ยิ่งแรง แรงจนไม้หกหล่นหมด
    เหลือเลขสี่ ในกระบอกอยู่เลขเดียว
    “เอ้า” ณัฐหัวเราะ “หล่นหมดแล้วเนี่ย”
    “ต้องทำใหม่หรือเปล่า”
    “ไม่ต้อง เอาอันที่เหลือนี่แหละ”
    พาทิศหยิบเลขสี่ขึ้นมา พาลนึกไปถึงชายหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่เขาเคยคบเล่นๆ ก่อนมาเจอเป๊ก “สี่ ภาษาญี่ปุ่นว่า ชิ แปลว่าความตาย คนญี่ปุ่นถือเป็นเลขไม่ดี”
    “คนที่จากไปแสนนานจะพานพบ ถามถึงโชคไม่ประสบไม่มีเห็นสุขภาพเป็นตายขึ้นกับเวร ถามเนื้อคู่จะเป็นคนใกล้ตัว” ณัฐแย่งพาทิศไปอ่านก็ขมวดคิ้ว “ถามเรื่องเงินอยู่ครบไม่ไปไหน ถามเพื่อนฝูงจะห่างหายไม่เห็นหัว ถามเรื่องที่คิดจะทำอย่าได้กลัว จะสำเร็จหากไม่มัวหลงระเริง”
    “แปลว่าอะไรวะ”
    “ช่างมันเถอะ” ณัฐว่า กำลังจะขยำทิ้ง
    “ช่างได้ไง เอามานี่” พาทิศแย่งมาอ่านเอง “คนที่จากไปแสนนานจะพานพบหรือ”
    ฉับพลันเขานึกถึงคนใดคนหนึ่งในสามคนที่เขาเห็นในมโนภาพเมื่อครู่
    “ไม่มีโชค สุขภาพขึ้นกับเวร เงินอยู่ครบ เพื่อนจะหายหัว เรื่องที่จะทำจะสำเร็จถ้าไม่มัวหลงระเริง หมายความว่าไงวะ”
    “ไม่รู้เหรอ มันไม่ดีก็ทิ้งไป อย่าเก็บไปนะ”
    “ไม่เก็บหรอก แต่ไม่มีถังขยะนี่จะทิ้งที่ไหน เดี๋ยวไปทิ้งตรงทางออกก็ได้ตรงนั้นมีถังขยะ” เขาว่า ถามเนื้อคู่จะเป็นคนใกล้ตัว ... ณัฐหรือเปล่า
    “เออ อย่าเก็บไปเชียวมึง แผ่นไหนไม่ดีเขาไม่ให้เอาไปด้วย มันจะไม่ดีติดตามไป ให้ทิ้งไว้ที่นี่” ณัฐว่า พาทิศยัดแผ่นเซียมซีลงกระเป๋ากางเกงกะจะทิ้งตรงทางออก แล้วก็เดินตามณัฐไปลานจอดรถ
    
    “ไปไหนต่อ” ณัฐถามเป็นคำแรกเมื่อขับรถออกมาจากวัดเรียบร้อยแล้ว
    “ไปบ้านมึงได้ไหม” เขาว่า “ไปทำกับข้าวกินกัน ไม่ได้นอนด้วยกันนานแล้วนะ”
    พาทิศเอื้อมมือไปกุมมือณัฐไว้
    “ขอบใจมึงมากนะ ที่อุตส่าห์มาช่วย ถ้าวันนี้มึงไม่มาก็ไม่รู้จะหันไปหาใครอีกแล้ว” เขาพูดออกมาจากใจจริง
     ณัฐหน้าแดง ตามองถนนไม่หันมาสนทนากับพาทิศ
    “เดี๋ยวมึงกลับไปวันนี้ก็ลืมกู ทิ้งกูอีก”
    “ไม่แล้ว จริงๆนะ” พาทิศว่า “กำลังจะขออะไรอย่างหนึ่งพอดี ไม่รู้จะให้ได้ไหม”
    “ขออะไรถ้าเรื่องอย่างนั้นไม่เอานะโว้ย บอกว่าจะถือศีลแปด”
    “เปล่าเสียหน่อย” เปล่าจริงๆ ปกติอยู่ใกล้เพื่อนหนุ่มพาทิศจะต้องคิดแต่เรื่องบนเตียง เพราะจะว่าไปแล้ว ลีลาของณัฐ “เด็ด” กว่าทุกคนที่เขาเคยประสบ อีกอย่าง “น้ำพริกถ้วยเก่า” ย่อมอร่อยเผ็ดถึงใจกว่าของใหม่ๆ ที่แม้จะตื่นตาตื่นใจแต่ไม่คุ้นเคย และถูกปากเท่า แต่คราวนี้ในหัวของพาทิศไม่มีอะไรเลยนอกจาก “คิดถึง” ณัฐสุดหัวใจ และอยากมีใครสักคนไว้อยู่ข้างๆ ในเวลาที่เขาไม่มีใครอย่างนี้ พาทิศจะนึกถึงณัฐเสมอ ครั้งนี้มากกว่าทุกครั้ง เพราะพาทิศกำลังทุกข์ใจอย่างหนัก “จะขอร้องให้ช่วยไปอยู่เป็นเพื่อนหน่อย จะได้หรือเปล่า”
    ณัฐเขินอาย แต่เป็นความเขินอายที่เข้าใจว่า เกิดขึ้นเพราะพาทิศพูดจาหวานๆ เก่งนักด้วยฝึกอยู่เสมอๆ ทั้งในนิยายที่เขาแต่ง และในชีวิตจริงกับบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ทั้งหลาย
    “ก็เอาซี กูก็ไม่ได้มีธุระอะไร” ณัฐตอบ แม้ไม่เต็มปากเต็มคำนัก แต่
พาทิศก็รู้ดีว่าเพื่อนหนุ่มเต็มใจ เขาโน้มตัวไปจุ๊บที่แก้มเพื่อนหนุ่มเบาๆ เห็นอีกฝ่ายยิ้มอย่างเขินๆ ก็อุ่นใจว่ายังไง ณัฐ ก็ยังเป็น ณัฐ เมื่อเขาเรียกหาครั้งใดก็จะอยู่ตรงนั้นให้เขาเสมอ
    คนที่ทั้งดี ทั้งน่ารักอย่างนี้ แปลกตรงที่พาทิศไม่เคยคิดอยากรัก เพราะกลัวณัฐจะเสียใจ มีครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มอยากให้ ณัฐไปอยู่ด้วยที่บ้าน และแอบคิดอยู่ในใจว่า อยากให้เพื่อนหนุ่มอยู่ด้วยไปตลอดไม่คิดหาใครคนใหม่อีกต่อไปแล้ว
 
     กลายเป็นว่า สองหนุ่มไปที่บ้านณัฐก่อน กินข้าวเย็นกันแล้วจึงกลับบ้านไปนอนทีเดียว พาทิศไม่แวะซื้อของทำกับข้าวเพราะเหนื่อยเกินกว่าจะลงไปเดินหาของแล้ว มองณัฐว่ามีอะไรก็กินอย่างนั้น ที่บ้านคงมีของอยู่บ้าง ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะ คนใช้เก่าแก่ของณัฐจ่ายของเข้าบ้านอยู่บ่อยๆ
    เข้าไปในหมู่บ้านไม่นานนัก ณัฐก็ถามพาทิศ
    “เออ ลืมไปเลย มึงจะกินข้าวได้ยังไง ในเมื่อมึงถือศีลแปด”
    “เอ้า ไม่ได้หรือ”
    “จะได้ยังไงล่ะ เขาห้าม”
    “ห้ามกินข้าวเลยหรือ”
    “ห้ามกินข้าวเย็นเท่านั้นโว้ย จะถือศีลแต่ไม่รู้เนี่ยนะว่าต้องทำอะไรบ้าง”    “อย่าขำกูนะ ถ้ากูจะถามอะไรมึงหน่อย” พาทิศก้มหน้างุดแบบอายๆ
    “ถามอะไร ไม่ขำหรอก ถามมาเลย” ณัฐว่า
    “ศีลแปดมันมีอะไรบ้างวะ”
    ณัฐหลุดขำออกมาจนได้
    “ไหนว่าไม่ขำ”
    “โอเคๆ ไม่ขำแล้ว” เพื่อนหนุ่มว่า “ก็คล้ายๆศีล 5 ห้ามฆ่าสัตว์ ทำร้ายทรมาณสัตว์ ห้ามลักทรัพย์ประกอบอาชีพทุจริต ห้ามร่วมประเวณี ข้อนี้ไม่เหมือนในศีล5นะ ศีล 5 ทำได้แต่ห้ามผิดลูกผิดเมีย ถ้าศีล 8 เขาห้ามเลย อย่างเด็ดขาด” ณัฐเห็นแววตกใจในหน้าของพาทิศ ก็ต้องกลั้นขำอย่างอดไม่ได้ “แล้วก็ห้ามพูดปด ส่อเสียด หยาบคาย เพ้อเจ้อ ห้ามของสุรา สารเสพติด ของดองก็ไม่ได้ แล้วที่เพิ่มมาจาก ศีล 5 ก็คือ ห้ามกินอาหารยามวิกาล”
    “อดข้าวเย็น”
    “อืม แต่น้ำปานะ เอ้อ น้ำผลไม้ อะไรพวกนี้ได้นะ แล้วก็ ห้ามนอนที่สบาย คือมึงต้องนอนพื้นห้ามนอนเตียง แล้วก็ห้ามดูละคร ฟังเพลง ร้องเพลงเต้นรำอะไรพวกนี้ไม่ได้เลย”
    พาทิศพยักหน้าอย่างเข้าใจ
    “มึงว่ากูจะทำได้ไหม”
    “ไม่ได้” เพื่อนหนุ่มว่า “แต่เดี๋ยวกูช่วยเอง เห็นมึงจะทำผิดเมื่อไหร่ กูถีบให้รู้สติ”
    สองหนุ่มหัวเราะก่อนเดินเข้าบ้าน
    ช้อย แม่บ้านร้างท้วม คนเก่าคนแก่ของณัฐดีใจใหญ่เมื่อเห็นพาทิศ ดูเหมือนนางจะรู้ด้วยว่าพาทิศหายตัวไปเป็นอาทิตย์ ถามสารทุกข์สุขดิบของพาทิศเสียใหญ่ เรียกเขาว่า “คุณผู้ชาย มาหาคุณผู้หญิงแล้วหรือคะ” ยั่วล้อ จนณัฐต้องด่าเบาๆแกมหยอก ช้อยจึงไปเตรียมของให้ณัฐทำกับข้าวด้วยตัวเอง
    “มึงกินข้าวเย็นไม่ได้ แล้วจะกินอะไร”
    “กินน้ำไงแล้วก็นั่งดูมึงกินก็อิ่มแล้ว” พาทิศก็คือพาทิศ ไม่ลืมหยอดคำหวานแบบนี้เป็นระยะ ๆ แล้วณัฐจะไม่รักได้หรือ
    “เออๆ ไปนั่งรอในห้องนั่งเล่นก็แล้วกัน”
    พาทิศออกมานั่งที่ห้องนั่งเล่น เพราะณัฐไม่ยอมให้เข้าไปช่วยทำอาหาร
    “เดี๋ยวมึง ก็อดกินไม่ได้”
   ชายหนุ่ม นั่งที่โซฟา ช้อยก็รีบวิ่งเข้ามาคุยด้วยอย่างพวกช่างเม้าท์
    “อู๊ยยย ตอนคุณผู้ชายหายไปนะคะ คุณผู้หญิง เอ้อ คุณณัฐเธอร้องไห้ทุกวันเลยค่ะ คิดว่าไปเป็นตายร้ายดีที่ไหน” พาทิศหัวเราะเวลาช้อยเรียกเขาว่า คุณผู้ชายอย่างเต็มปากเต็มคำ ด้วยความที่นางรู้ดีว่า พาทิศกับณัฐมีความสัมพันธ์กันเกินเพื่อนเป็นครั้งเป็นคราว ก็ไม่เห็นว่าเป็นเรื่องน่าอาย กลับมองว่าเป็นเรื่องสนุก น่ารักน่าเอ็นดู เวลาพาทิศ ทำหวานกับณัฐบ้างบางครั้งนางก็จะอดแซวไม่ได้ทำนองว่า “คุณผู้ชาย น่ารักจริงค่ะ แหมมีป้อนข้าวคุณผู้หญิงด้วย”
    ครั้งนี้ นางก็เรียกอีกอย่างไม่กระดากปาก
   “กลับมาได้ก็ดีแล้วค่ะ แล้วอย่างทิ้งเธอบ่อยนะคะ คุณณัฐเธอ เซนสิทีฟ อ่อนไหวมากค่ะ” หล่อนพูดอย่างสนุกปาก “วันๆ ไม่ทำอะไรล่ะค่ะ นั่งวาดรูปในห้องริมทะเลสาบทุกวัน”
    “เอ้อ” พาทิศว่า “ผมอยากเห็น ช้อยพาไปดูได้ไหม”
    หล่อนกระวีกระวาดพาพาทิศไปที่ห้องภาพ ของ “คุณผู้หญิง” อย่างรวดเร็ว บอกว่า “รีบดูนะคะ เดี๋ยวคุณออกมา อีช้อยจะโดนด่า ไม่เคยมีใครได้เข้าไปในห้องนั้นสักคนค่ะ “
    ช้อยทิ้งพาทิศไว้หน้าห้อง ตัวเอง เดินร้องเพลงกลบเกลื่อนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชายหนุ่มหัวเราะนางช้อย แล้วเดินเข้าไปในห้อง
    ห้องนั้น เป็นห้องทรงแปดเหลี่ยม สี่ด้านเป็นกระจกมองออกไปเห็นทะเลสาบสวยที่หมู่บ้านขุดไว้ มองเผินๆ คล้ายศาลาแปดเหลี่ยมหลังเล็กและสระบัวที่เรือนเทาของหลวงพินิจเหลือเกิน
    รูปที่อยู่บนผนังเป็นรูปวิวบ้าง ดอกไม้บ้าง ของไม่สำคัญอย่างกระป๋องโค้ก หรือ ดินสอก็มีบ้าง พาทิศไม่เข้าใจนักว่าณัฐจะเขียนรูปพวกนี้ทำไมก็เดินเข้าไปดูใกล้ๆ พบว่ามีชื่อภาพอยู่ใต้ภาพ ทุกภาพ
    “ทะเลที่มากับพาทิศ... ดอกไม้ที่ได้จากพาทิศ... โค้กที่ดื่มกับพาทิศ... ดินสอที่ยืมพาทิศ” ไม่น่าเชื่อว่า ณัฐจะรักเขาได้ถึงเพียงนี้ แล้วเขาทำอะไรให้ณัฐบ้าง นอกจากก่อความเสียใจ แม้เลิกราไปแล้ว ก็ยังกลับมาตอกย้ำณัฐอยู่ทุกครั้ง รูปบางรูปในห้องคลุมผ้าไว้ พอเปิดผ้าออกก็พบว่า เป็นภาพของเขาในอิริยาบถต่างๆ “พาทิศเล่นบาส... ดูหนังกับพาทิศ... หรือ พาทิศตอนหลับ” ก็มีมากไปหมด ทุกรูปเป็นรูปแบบอิมเพรสชั่นนิสม์ คือ เห็นอย่างไรในมโนภาพก็วาดอย่างนั้น ไม่ใช่ภาพเหมือนแบบที่นิยมวาดกันสมัยหลังๆนี้
    พาทิศเห็นรูปเขายืนคู่กันกับณัฐ เห็นรูปเขาที่เห็นแต่แค่แผ่นหลัง เขียนว่า “วันที่พาทิศจากไป” ชายหนุ่มเห็นภาพเหล่านี้ แม้จะเป็นคนที่จิตใจเฉยชาที่สุด เมื่อมาเห็นก็ย่อมต้องสะเทือนใจ สงสารหนุ่มน้อยคนนั้นบ้างแล้ว ภาพที่ใกล้กับกระจกส่วนที่ยื่นออกมายังทะเลสาป เป็นรูปขนาดใหญ่มีขาตั้ง แต่คลุมผ้าไว้เช่นกัน พอชายหนุ่มดึงผ้าออกก็พบว่า เป็นภาพของเขา และณัฐเหมือนภาพอื่นๆ แต่สวยกว่า
    มันเป็นภาพของเด็กผู้ชายสองคน อายุราว สิบสองขวบ ใส่ชุดลูกเสือนอนกอดกันอยู่ในเต็นท์ หนุ่มน้อยคนที่ถูกกอดจากข้างหลังหลับตาพริ้มแต่ก็เห็นว่าตาโตปากบางสวยได้รูปราวกับริมฝีปากของหญิงสาว อีกคนเป็นหนุ่มผิวเข้มกว่าเล็กน้อย หน้าผากกลมสวย จมูกโด่งได้รูป กอดซ้อนมาจากด้านหลัง ภายใต้ภาพเขียนว่า
    “คืนที่พาทิศบอกรัก”
    นานมากว่าสิบปีแล้ว แต่เพื่อนหนุ่มยังจำได้ ยังเก็บความทรงจำที่สวยงามที่สุดของทั้งคู่ไว้ ไม่ลบเลือนไป
    “ใครให้เข้ามา” ณัฐผลักประตูเข้ามาก็เห็นพาทิศ ยืนมองรูปที่เขาหวงหนักหนาด้วยแววตาเศร้า ปนสุข แบบประหลาดอย่างที่เขาเคยเห็นมาก่อน ทันทีที่พาทิศหันไปเห็นเพื่อนหนุ่ม เขาก็เดินตรงเข้ามา สวมกอดร่างผอมบาง ขาวเนียนนั้นไว้ด้วยอ้อมแขนที่เกือบจะไร้เรี่ยวแรง ทั้งคู่กอดกันนาน แนบแน่น ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปาก พาทิศซุกหน้าเข้าแก้มเนียนใสของเพื่อนหนุ่ม หอมแก้มดังฟอด ก่อนจะเลื่อนมาบรรจงจูบปากบางสวยนั้น แผ่วเบา เต็มไปด้วยความรัก ความคิดถึง ความห่วงหาอาทร
    ที่น่าแปลก คือ พาทิศไม่รู้สึกถึงความต้องการทางเพศแม้แต่น้อย ต้องการเพียงอ้อมกอดแห่งรักนี้ ให้อยู่กับเขาไปอีกนานแสนนาน
    ประตูห้องภาพไม่ได้ปิดไว้ นางช้อยจึงเห็นภาพนี้เต็มตา หล่อนปิดปากอุทานอย่างไม่คิดว่าจะเห็นภาพอย่างนี้ ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่า พาทิศมาหลอกนายของหล่อนให้ดีใจอีกแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ด้วยรู้ว่าเป็นเรื่องของนาย หล่อนไม่เกี่ยว นางเดินออกไปให้พ้นสายตาปล่อยให้ทั้งสองคนนั้นอยู่ด้วยกัน
    “ขอบใจมาก” เขากระซิบที่ข้างหูของเพื่อนหนุ่ม “ถ้าไม่มีณัฐสักคน เราคงอยู่ไม่ได้มาเป็นเราถึงทุกวันนี้”
    หนุ่มน้อยในอ้อมกอดของพาทิศตัวสั่นสะท้าน น้ำตาพาลไหลออกมาดื้อๆอย่างนั้นเอง
    “ขอบใจมากนะที่รักเราแม้เราจะแย่อย่างไรก็ตาม และขอโทษที่ทำให้ณัฐเสียใจมาโดยตลอด เราสัญญานะว่าจะไม่ทิ้งไว้ให้เหงาอีก ณัฐไปอยู่กับเราที่บ้านนะ เราจะไม่ทิ้งณัฐไว้คนเดียวอีกแล้ว”
    หนุ่มน้อยสะอื้นเบาๆ พยักหน้าอย่าง เต็มใจ หากพาทิศจะโกหก หากพาทิศคิดจะผิดสัญญาอีก ณัฐก็เต็มใจ เมื่อใครสักคนหนึ่งเต็มใจที่จะรักคนที่เขาไม่รักเรา เมื่อเขาคนนั้นมาทำดีด้วยแม้เพียงนิด... แบบไม่ต้องรักตอบ เราก็คงดีใจมาก อย่างหาที่เปรียบไม่ได้อีกแล้ว
    “ขอโทษที่ทำร้ายณัฐมาตลอด อโหสิกรรมให้เราเถิดนะ”
    ณัฐถอนตัวออกจากอ้อมกอดของเพื่อนหนุ่ม สองมือประคองหน้าของพาทิศไว้ก่อนจะพูดว่า
    “เราอโหสิกรรมให้ ต่อไปนี้ เราไม่มีเวรกรรมอะไรติดค้างกันอีก”

   กว่าสองหนุ่มกลับไปที่เรือนเทา ก็เกือบสามทุ่มแล้ว กลายเป็นว่า
พาทิศคุมตัวเองไม่ได้ เมื่อเห็นณัฐกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ตัวเองก็กินด้วย ให้เหตุผลว่า เพิ่งตื่นหลังจากหลับไปเป็นอาทิตย์ ค่อยงดอาหารเย็นพรุ่งนี้แล้วกัน เดี๋ยวจะขาดสารอาหารตายเสียก่อน หลังอาหารณัฐจัดกระเป๋าเสื้อผ้าสำหรับหนึ่งอาทิตย์ไปอยู่เป็นเพื่อนพาทิศที่เรือนเทา
    “อีกอาทิคย์หนึ่งจากนี้เราจะไปอยู่กับป้าจิตรา คงต้องทิ้งณัฐอีกแล้ว แต่สัญญาว่าหลังจากจบเรื่องทุกอย่าง จะมาอยู่กับณัฐนะ” ชายหนุ่มกล่าวเบาๆ ทั้งสองคนอาบน้ำพร้อมกันหลังจากไม่ได้ทำแบบนี้มานาน แล้วก็ไม่มีเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวข้องมีแต่ความรัก ความอบอุ่นอบอวลอยู่ในบรรยากาศแม้ตอนเข้านอน พาทิศก็บอกว่า
    “ศีลแปดถือพรุ่งนี้แล้วกันนะ อยากนอนกอดณัฐสักคืน ให้หายคิดถึง”
    “กำลังจะขออย่างนั้นพอดี”เพื่อนหนุ่มยิ้มให้ ก่อนจะทอดตัวลงนอน กอดกันอยู่ตลอดทั้งคืนโดยไม่ได้ทำอะไรกันอย่างอื่นเลย ทั้งสองนอนในท่าเดิมที่มักจะนอนแบบนี้ประจำ ณัฐนอนทะแคง พาทิศสวมกอดจากด้านหลัง แนบแก้มของเขากับแก้มของเพื่อนหนุ่ม หลับไปอย่างนั้นโดยไม่ฝันอะไรเลย

    ไม่มีใครรู้ว่า อีกฟากหนึ่งของบ้าน มีคนหนึ่งที่ต้องอยู่คนเดียวมาตลอดกว่าร้อยปี แม้ในคืนนี้คนที่เคยผูกพันกับเขาในอดีตจะมีคนมานอนกอดให้อุ่นกายและ อุ่นใจ แต่เส็งกลับได้แต่นอนกอดตัวเอง อย่างที่เป็นมาตลอด และคงเป็นไปอีกนาน เขาหลับตาแน่นน้ำตาไหลลงอาบแก้มอย่างเศร้าโศกเสียใจ เหงาเกินกว่าจะบรรยายออกมาให้ใครเข้าใจได้
    “คุณหลวงขอรับ คุณหลวง....” เส็งสะอื้นไห้อย่างนี้ทุกค่ำคืน คืนนี้ก็ไม่ต่างไปจากที่เคย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 14 + เพิ่มรูปตัวละคร ประกอบการจิ้น อิอิ 20.05 - 14/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 14-11-2010 20:12:56
เห็นเพื่อนๆที่บอร์ดอื่นบอกว่า เรื่องปางบรรพ์นี้น่าจะเอาไปทำเป็นละครหลังข่าว(ฮา) วันนี้ผมอยู่ว่างๆ ก็เลยนั่งหารูปดาราเล่นๆว่าใครน่าจะมาเล่นเป็นใครในเรื่องดี หลายๆคนตรงกับที่ผมจินตนาการไว้ครับก็เลยลองเอามาให้เพื่อนๆ ดูครับว่า เห็นด้วยกันหรือเปล่า ไปดูกันเลยครับ


ยุคปัจจุบัน

ปอ ทฤษฎี เป็น พาทิศ – เห็นแล้ว ใช่เลยมากๆครับ
(http://upload.zeedasia.com/files/vvwrwkkgp2oyupoo25vz.jpg)

ณัฐเอเอฟ เป็น ณัฐ – คนนี้ชื่อเหมือนกันนะครับ ดูน่ารักๆตาโต ปากบางเหมาะมากครับ
(http://upload.zeedasia.com/files/hlfca98ddcbj1z5z0dou.jpg)

พี่เปิ้ล จารุณี เป็น ป้าจิตรา – หน้าดุๆ ดูสง่าๆ เหมาะมากครับ ตอนแต่งนี่จินตนาการถึงคนนี้ไว้เลย
(http://upload.zeedasia.com/files/9lt7dcb1x819xvus2y1p.jpg)

แอฟ ทักษอร เป็น หยาดฟ้า – ดูเรียบร้อย ไทยๆ ตาโตๆ ใช่มากครับผม
(http://upload.zeedasia.com/files/mzxpculygzpl1rm9oxkd.jpg)

ยุคอดีต
สมาร์ท เป็น หลวงพินิจราชอักษร – คนนี้หาลำบาก หาหน้าไทยๆคมๆไม่ได้เลย แต่คนนี้ก็ดูโอเคครับใกล้เคียง ดูดุๆดีครับ อิอิ
(http://upload.zeedasia.com/files/ox8p8yh7vs86q1kgpy4z.jpg)

เก้า จิรายุ เป็น เส็ง – น่ารักดีครับ ดูตี๋ๆ เด็กๆ ตอนแรกกะว่าไม่ สน ส่งไพศาล ก็ ณเดช แต่ดูโตไป คนนี้เหมาะกว่าอิอิ
(http://upload.zeedasia.com/files/7c55bkduil5112uz78sw.jpg)

พลอย เฌอมาลย์ เป็น หยาด – ยิ่งรูปนี้ยิ่งเหมือนที่ผมคิดเป๊ะๆๆๆๆ เลยครับ
(http://upload.zeedasia.com/files/vxob371cb519t3vnm9en.jpg)

แป้ง อรจิรา
เป็น แก้ว – เรื่องนี้แต่งมาก่อน มาลัยสามชายออนแอร์ แต่พอผมดูตอนแรกปุ๊บ ผมก็คิดในใจปั๊บ ว่านี่มันนางแก้วนี่! 555+
(http://upload.zeedasia.com/files/7refq609ztr4jiut5bs8.jpg)

หนุ่ม ศรราม เป็น เทิด – คิ้ว เข้มๆ หน้าคมๆ อย่างนี้ใช่มากครับ คนอื่นผมคิดไม่ออก อิอิ ผมว่าคนนี้เลย เพอร์เฟค
(http://upload.zeedasia.com/files/pmn5dlkwf3ye2tkzkcyn.jpg)


คิดอย่างไรกันบ้างครับ เหมือนที่จินตนาการไว้บ้างไม๊ครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 14 + เพิ่มรูปตัวละคร ประกอบการจิ้น อิอิ 20.05 - 14/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: bigbeeboom ที่ 14-11-2010 20:40:21
พาทิศเป็นคุณหลวงแหงมๆ เดาโลดจ้า เออแล้วพาทิศเห็นใครกันแน่ ที่บอกว่าคน (?) เป็นคุณหลวง โหย มึน  :serius2:

อยากรู้ตอนหน้ามากๆๆ ไรเตอร์สู้ๆๆนะคะ สนุกมากๆ
ปล. ตอนกรวดน้ำแอบขนลุกด้วย ฮุๆๆๆ ส่วนดาราหน้าตาดีกันทั้งเรื่องเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 14 + เพิ่มรูปตัวละคร ประกอบการจิ้น อิอิ 20.05 - 14/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 14-11-2010 20:57:39
ชอบนุ้งเก้า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 14 + เพิ่มรูปตัวละคร ประกอบการจิ้น อิอิ 20.05 - 14/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: *SparklinG* ที่ 14-11-2010 21:24:22
โหยยย อยากรู้ สงสารเส็งอ่ะ = = "
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 14 + เพิ่มรูปตัวละคร ประกอบการจิ้น อิอิ 20.05 - 14/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 14-11-2010 21:35:10
สงสารเส็งจังเลย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 14 + เพิ่มรูปตัวละคร ประกอบการจิ้น อิอิ 20.05 - 14/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 14-11-2010 21:49:30
เส็งจ๋า ตะเองน่าสงสารจัง :monkeysad:
เฮ้อ เดาไม่ถูกเลย แต่ก็เดาต่อไปเรื่อยๆ อยากรู้ว่าจะตรงกับใจไรท์เตอร์อ๊ะป่าว :z1:
ขอบคุณค่า รออ่านตอนต่อไปน้าาา :impress2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 14 + เพิ่มรูปตัวละคร ประกอบการจิ้น อิอิ 20.05 - 14/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 14-11-2010 22:14:51
คิดถึงเส็งแล้วนะ

เมื่อไรมา

 :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 14 + เพิ่มรูปตัวละคร ประกอบการจิ้น อิอิ 20.05 - 14/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 14-11-2010 22:52:12
สงสารเส็งจัง เมื่อไหร่พาทิศจะรู้เรื่องในอดีตนะจะได้ช่วยเส็งให้ได้ไปเกิดซะที การต้องอยู่คนเดียวมันเหงานะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 14 + เพิ่มรูปตัวละคร ประกอบการจิ้น อิอิ 20.05 - 14/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 14-11-2010 23:00:17
ตอนนี้อ่านแล้วหลากอารมณ์ดีจัง ตอนพาทิศกับณัฐก็ออกแนวซึ้งๆ พาทิศคงจะรู้ตัวแล้วว่าชีวิตนี้ควรหยุดที่ใคร


แต่พอมาถึงเส็ง อารมณ์เศร้ามาเลยค่ะ สงสารเส็งมากๆ  :m15:
เมื่อไหร่คุณหลวงจะมารับเส็งเสียที  :serius2:

+++++++++++

เห็นรูปนักแสดงแต่ละคนแล้ว ตรงใจมากเลยค่ะ ตรงอิมเมจแป๊ะเลย มาร์คกับน้องเก้า แอร๊ยยยยยย คิดแล้วน่ารัก  :z1:


โพสรูปได้แล้ว เฮ

(http://img.photobucket.com/albums/v85/zeen11/post-1.jpg)
พอเห็นรูปนักแสดงแล้วเลยอยากลองหาชุดที่พอจะเข้ากับยุคมาทำภาพประกอบดู พอจะได้ไหมคะ :impress3:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 14 + เพิ่มรูปตัวละคร ประกอบการจิ้น อิอิ 20.05 - 14/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 14-11-2010 23:01:08
อยากจะเดาว่าพาทิศคือคุณหลวง  แต่ความรู้สึกบอกว่าไม่น่าใช่
เพราะตอนพาทิศกรวดน้ำ  เห็นเส็ง คุณหลวง  และคุณหยาดมองมา
เหมือนกับว่าพาทิศน่าจะเป็นใครซักคนในอดีตที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นงั้นแหละ
ไม่รู้สิ ... ภาพประกอบคุณหลวงโดนมาก ๆ และผู้หญิงทุกคนด้วย
อ่านตอนนี้แล้วสงสารณัฐมาก ๆ พาทิศทิ้งขว้างความรู้สึกของณัฐมาตลอด
จะมานึกถึงก็ตอนที่ตัวเองมีความทุกข์นี่แหละนะ  เฮ้อ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 14 + เพิ่มรูปตัวละคร ประกอบการจิ้น อิอิ 20.05 - 14/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 14-11-2010 23:06:08
ยังคงแอบคิดว่าพาทิศคือคุณหลวงเหมือนเดิม   ณัฐอยกจะบอกว่าชอบนายมากเลยอ่ะ  เป็นคนที่ศรัทธาในรักมาก





ปล.ย้ำคำเดิมว่าชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 14 + เพิ่มรูปตัวละคร ประกอบการจิ้น อิอิ 20.05 - 14/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: w1234 ที่ 15-11-2010 01:25:30
 :call: :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 14 + เพิ่มรูปตัวละคร ประกอบการจิ้น อิอิ 20.05 - 14/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Lesses ที่ 15-11-2010 18:29:36
สงสารน้องเส็งจัง ไม่อยากเห็นน้องร้องไห้
ป.ล. รูปน้องน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 14 + เพิ่มรูปตัวละคร ประกอบการจิ้น อิอิ 20.05 - 14/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 15-11-2010 19:24:25
อ่านบนๆก็ดีหน่อยพอมาถึงช่วงของเส็งแอร๊ยน้ำตาไหลเลย สงสารเส็งมากๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 14 + เพิ่มรูปตัวละคร ประกอบการจิ้น อิอิ 20.05 - 14/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 17-11-2010 06:28:38
 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 14 + เพิ่มรูปตัวละคร ประกอบการจิ้น อิอิ 20.05 - 14/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 18-11-2010 19:42:16
 :oni3: :oni3: :oni3:โอม...จงมา...จงมา...
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 14 + เพิ่มรูปตัวละคร ประกอบการจิ้น อิอิ 20.05 - 14/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 18-11-2010 22:22:36
๑๕

   บ้านของจิตรา เกือบอยู่ในสภาพที่เหมือนเดิม ไม่ต่างอะไรจากที่พาทิศเคยมาครั้งแรก หากจะต่างก็คงต่างที่พาทิศไม่ได้รู้สึกกลัวบรรยากาศวังเวงเงียบเชียบอย่างน่าประหลาดของที่นี่อีกแล้ว แม้การถือศีลแปดเพียง หนึ่ง อาทิตย์จะไม่ได้ทำให้เขากลายเป็นคนสงบเยือกเย็นอย่างป้าจิตราได้ แต่อย่างน้อยก็สงบลงกว่าแต่ก่อนมาก ไม่รู้สึกบวก หรือลบมากเกินไปกับอะไรอีกแล้ว
    ถึงจะบอกว่า หลังจากวันที่มาที่นี่ครั้งแรก ชายหนุ่มจะเริ่มถือศีลแปดเลยก็ตามแต่พอถึงเวลาจริงๆแล้ว พาทิศก็ทำไม่ได้ มาเริ่มทำเอาจริงๆก็เพิ่ง สามสี่ วันหลังจากนั้นมา เวลานัดกับจิตราจึงคลาดเคลื่อนมาเป็นวันนี้ทั้งที่ควรเป็นตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว
    หลายๆข้อสำหรับพาทิศไม่ใช่เรื่องลำบากนัก ฆ่าสัตว์ พาทิศไม่ฆ่าอยู่แล้วหากแต่ต้องระมัดระวังมากขึ้นเวลายุงกัดจะตบก็ไม่ได้ เห็นมดจะเอามือบี้อย่างเคยชินก็ไม่ได้ ข้อสองลักทรัพย์พาทิศก็ไม่เคยขโมยของใครอยู่แล้วผ่านไปได้สบาย ข้อสามเป็นไปได้ลำบากหน่อย เพราะสำหรับศีล แปด ข้อสามไม่ใช่แค่ไม่ผิดลูกเมียคนอื่น แต่ต้องเว้นจากการเสพเมถุนโดยสิ้นเชิง เมื่อมาอยู่กับณัฐก็ยิ่งทำได้ยาก พาทิศไม่ใช่พระอิฐ พระปูน เวลาถูกเนื้อต้องตัวณัฐหลายครั้งที่เขาเกิดความต้องการทางเพศ แต่ก็ต้องระงับเอาไว้อย่างนั้น จริงๆก็ไม่ถือว่าทำยากเท่าไหร่ ข้อพูดปดยากหน่อยแต่จนแล้วจนรอดก็ทำได้สบายๆ  ข้อสุดท้ายเว้นจากเหล้าบุหรี่ ข้อนี้ยิ่งง่ายที่สุดเพราะเหล้าบุหรี่เป็นเพียงของที่พาทิศเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเรื่องสังคมไม่ได้ติดอย่างที่หลายๆคนมักจะเป็น ดังนั้นเมื่อตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งก็ไม่ใช่เรื่องลำบาก
    แต่พูดว่าไม่ลำบากก็ไม่ได้หมายความว่าทำได้ดีสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซนต์ โดยเฉพาะ ข้อสาม ข้อสี่ ข้อห้า ที่มักมาพร้อมกันหากมีเรื่องของเพื่อนมาเกี่ยวข้อง เพราะนั่นหมายถึงงานสังสรรค์ การพูดคุยหยาบคาย ลามก เหล้าบุหรี่ และจบลงบนเตียง อย่างเมื่อวันแรกๆที่คิดจะถือศีล พวก วรวิทย์ พิพัฒน์ และ เลมอน ก็มาเยี่ยมพาทิศถึงบ้านเมื่อรู้ข่าวกันว่าพาทิศกลับมาแล้ว จะรู้จากไหนไม่รู้แต่มาถึงบ้านในเช้าวันหนึ่งพร้อมของสำหรับงานเลี้ยง แน่นอนว่าไม่ได้หมายถึงอาหารอย่างเดียว แต่หมายถึงเหล้า เบียร์ ของเมาทั้งหมดทั้งสิ้นด้วย
    พาทิศ เล่าให้ณัฐฟังเรื่องที่เขาคุยกับป้าจิตราแล้ว เพื่อนหนุ่มเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็เห็นใจมากกว่าจะคัดค้าน พาทิศจึงตกลงกับณัฐไว้ว่า จะไม่บอกใครเรื่องนี้อีก ให้คนที่รู้มีเพียง จิตรา สร้อยฟ้า และ ณัฐ สามคนเท่านั้น เมื่อเพื่อนๆคนอื่นมาเยี่ยมพาทิศจึงบอกแค่ว่า
    “ไปเที่ยวมา ตอนนี้กลับมาแล้ว” เท่านั้น
    พาทิศพาเพื่อนๆ เดินดูบริเวณรอบๆบ้าน มีเลมอน และ พิพัฒน์เท่านั้นที่รู้สึกชอบบ้านหลังนี้ ส่วนวรวิทย์บอกว่าคร่ำครึไม่น่าอยู่ แต่ไม่มีใครกลัว เหมือนอย่างตอนที่พาทิศมาอยู่ใหม่ๆ
    วันนั้น เพื่อนๆ ทำบาร์บีคิวกินกันที่ลานสนามหน้าบ้านนั้น พาทิศยืนมองห่างๆ เห็นเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่เสียบไม้ปิ้งกับสับปะรด พริกหวาน มะเขือเทศก็น้ำลายสอ พิพัฒน์ทำบาร์บีคิวอร่อยกว่าทุกคนที่พาทิศรู้จัก ชายหนุ่มกลืนน้ำลาย อยากกินก็กินไม่ได้เพราะต้องกินมังสวิรัติ
    จริงๆแล้วอาหารมังสวิรัติไม่ลำบากสำหรับพาทิศ เพราะ มังสะ คือเนื้อหนัง วิรัติ คืองด กินมังสวิรัติ ก็คืองดกินเนื้อหนังเท่านั้น นม ไข่ เนย พาทิศยังกินได้ปกติ เขายังไม่รู้สึกแปลกหรือขาดนัก เมื่อณัฐทำ ขนมปัง ไข่ดาวให้กินทุกวันตอนเช้า กลางวันพาทิศกินเบเกอรี่ได้ทุกอย่างรวมไปถึงพวกพาสต้าหรือก๋วยเตี๋ยว แค่เอาเนื้อสัตว์ออกก็ไม่เป็นปัญหาอะไรแล้ว เห็นได้ว่า พาทิศไม่กินผักเลยสักมื้อ มีปนมาได้ แต่ไม่กินเป็นอาหารหลักอย่างป้าจิตราที่กินแต่ผัดผักหรือ สลัดผักอย่างนั้น
    พอเห็นเพื่อนๆทำบาร์บีคิวกินกัน พาทิศก็อยากกินบ้าง พอชายหนุ่มหยิบเนื้อย่างมาไม้หนึ่งไม่ทันจะกิน ณัฐก็ส่งสายตาเขียวปั้ดมาให้แทน
   “ไอ้ทิศกินมังโว๊ย ไม่ต้องให้มันแดกเนื้อนะ ใครเห็นมันกินเนื้อ ถีบมันได้มันบอกกูว่าอนุญาต”
    ด้วยเหตุนี้ พาทิศจึงกินได้แต่สับปะรดย่างกับซอสบาร์บีคิว ชายหนุ่มส่งค้อนให้ณัฐ ฝ่ายนั้นก็ขยับปากเป็นคำว่า “แล้วแต่ จะกินก็ได้นะ” แบบพ่อแง่แม่งอน พาทิศจึงอดเซ็งไม่ได้
    พอหมดมื้ออาหาร ห้าหนุ่มก็เข้าบ้านนั่งคุยกันเรื่องต่างๆ เลมอนอาสาชงเหล้าให้เพื่อนๆ พอส่งให้พาทิศณัฐก็แย่งออกไปจากมือ
    “เอ้า ทำไมล่ะเหล้าไม่มีเนื้อสัตว์”
    “สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา ศีลข้อห้างดเหล้า และของมึนเมาทุกชนิด” ณัฐว่า เพื่อนๆคนอื่นเริ่มรู้สึกงานกร่อย โดยเฉพาะวรวิทย์เพื่อนสนิทที่สุดของพาทิศที่เป็นคนรักสนุกชอบเที่ยวชอบเล่น ถึงกับนั่งหน้าหงิกไม่พูดไม่คุยกับใคร
    “ไอ้ทิศ เป็นเหี้ยไรวะ” พิพัฒน์เอ่ยปากถาม “ไม่แดกเนื้อ ไม่แดกเหล้า... ท้องเหรอมึง”
    “ท้องเหี้ยไร” พาทิศตอกกลับ แต่ณัฐก็มองตาขวางมาอีก ทำนองว่า ศีลข้อสี่ ห้ามพูดปด หยาบคาย ส่อเสียด เพ้อเจ้อ ทำให้ชายหนุ่มต้องนับ หนึ่งถึงสิบในใจ ตอบโต้ด้วยเสียงเรียบ ไร้อารมณ์ใดๆ “ผมถือศีลแปดอยู่ครับ”
    ทั้งโต๊ะหัวเราะกันครืน
    “ถือทำไม คนอย่างมึงเข้าไปถ่ายรูปในวัดยังไม่เข้า มาถือศีลหาอะไรที่บ้าน” เลมอน ถามแกมส่อเสียดถากถางด้วยคำพูด
    พาทิศจะอ้าปากตอบ ณัฐก็รีบแย่งพูดเพียงว่า “แก้บน” กลัวเลมอนจะถามว่าบนอะไรอีก ณัฐก็รีบเปลี่ยนเรื่องคุยอะไรสัพเพเหระเองสุดท้ายเพื่อนก็ไม่ใส่ใจ และ ลากลับบ้านกันทีละคน โดยไม่กลับมาอีกเลย เหมือนคำทำนายเซียมซี ที่พาทิศลืมทิ้งที่วัด แต่เก็บมาด้วยอยู่ในกระเป๋ากางเกงไม่มีผิด “ถามเพื่อนฝูงจะห่างหายไม่เห็นหัว”
    ชายหนุ่มยังไม่ได้บอกณัฐว่าใบเซียมซีที่เก็บมาจากวัดยังนอนอยู่ในลิ้นชักห้องนอนอย่างลืมเอาไปทิ้ง
    ตอนกลางคืน เป็นช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดสำหรับพาทิศ หนึ่งเพราะเขากินข้าวเย็นไม่ได้ สองเขาต้องนอนพื้นจะนอนบนเตียงกับณัฐก็ไม่ได้ สุดท้ายดูหนังฟังเพลงพักผ่อนหย่อนใจก็ไม่ได้ พาทิศบ่น ไม่อยากทำเริ่มเหนื่อยกับสิ่งที่ทำอยู่ แต่พอณัฐถามว่า “แล้วถ้าหลับฝันไปอีก อยากตายไปเลยหรือไง” ชายหนุ่มก็เงียบ เขายังกลัวข้อนี้อยู่มากที่สุดจึงยังมุ่งมั่น ถือศีลแปดอย่างเคร่งครัดเท่าที่จะทำได้รอวันไปฝึกกรรมฐานกับป้าจิตรา
    
    พาทิศไปหาพ่อแม่ หลังจากวันที่ไปหาป้าจิตรามาแล้ว พ่อแม่เขาตกใจมากที่เห็นลูก พอๆกับที่รู้ว่าลูกหายไป แต่จะร้องไห้เสียใจตัดพ้อต่อว่า พาทิศก็รู้ดีว่าคุณนาย เพลงพิณ ดีใจเหลือล้นที่ได้เห็นหน้าลูกชายอีกครั้ง
    “คุณแม่ตกใจแทบแย่ค่ะ ตอนที่ติดต่อคุณลูกไม่ได้ ตัดใจไปแล้วเสียอีกว่าชาตินี้ ก็คงไม่เจอ”    พาทิศบอกแม่ว่าไปถือศีลกับป้าจิตรา และก็กำลังถืออยู่ คนเป็นแม่ก็เห็นดีเห็นงามด้วย
    “แล้วทำไมไม่บวชเสียเลยล่ะคะคุณลูก คุณพ่อ คุณแม่จะได้เกาะชายผ้าเหลืองลูกขึ้นสวรรค์”
    “ผมยังบาปเยอะอยู่ครับ อยากให้มันน้อยลงกว่านี้ ฝึกสมาธิอะไรไปกับป้าจิตราก่อนแล้วว่าจะบวชครับ” ตอบไปอย่างนั้นไม่ได้คิดว่าจะบวชจริงๆ แต่คุณนายเพลงพิณได้ยินแล้วก็ได้ปลื้ม จะลอยขึ้นสวรรค์ตามไปจริงๆ
    “ช่วงนี้ผมจะไปถือศีลที่บ้านป้าจิตราอีก แล้วก็ผมจะตัดขาดจากการติดต่อกับโลกภายนอก อาจจะสักเดือนหนึ่ง คุณแม่อย่าเป็นห่วงนะครับ ถ้าจะโทร โทรถามณัฐก็ได้ ผมอยู่กับณัฐตลอดเวลา”
    “คุณแม่ได้ยินก็ดีใจ คุณลูกตัดทางโลกได้ก็ดีแล้ว คุณแม่ไม่เห็นด้วยแต่แรกที่ไปกินเหล้า สังสรรค์อะไรกับเจ้าวรวิทย์น่ะ” คุณนายเพลงพิณ ทำเสียงสะบัด ราวกับเล่นละครวิทยุอยู่ “ทำแบบนี้ก็ดี ยังไงแม่ฝากตาชายไว้กับลูกณัฐด้วยนะลูก”
    “ครับ คุณน้า”
    “อู๊ยยย เรียกแม่เถอะจ้ะ คุณแม่ไม่ถือ” เพลงพิณส่งตาแบบรู้ทันให้ณัฐทำนองว่า หล่อนสนับสนุนให้คบกันไปแบบนี้ได้ ไม่เป็นไร แต่พ่อของพาทิศที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ข้างหลังก็กระแอมอย่างหมั่นไส้ ราวจะต่อว่า ว่าส่งเสริมลูกเกินไป คุณนายเพลงพิณก็ทำหน้าเบ้
    “ผมลาล่ะครับคุณแม่” พาทิศกราบแม่ จนคุณนายต้องหันไปมองหน้าสามีอย่างประหลาดใจที่ลูกเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้ “หากผมทำอะไรให้คุณพ่อ คุณแม่ต้องเคยทุกข์ใจ เสียใจมาก่อน ผมต้องขอให้คุณพ่อคุณแม่อโหสิกรรมให้ผมด้วย”
    “ตายแล้ว พูดอะไรอย่างนั้น ทำอย่างกับจะตายจากกันไปไหนงั้นล่ะค่ะคุณลูก” หล่อนวี๊ดว๊าย “... แต่เอาเถอะ แม่อโหสิกรรมให้”   
   “อโหสิกรรมให้ผมนะครับ คุณพ่อ”
    ผู้เป็นพ่อลอบถอนใจเบาๆ เพราะคิดว่านี่คงเป็นอีกนิสัยศิลปินของลูกชาย  เดี๋ยวถือศีลจนเบื่อแล้ว ก็จะเปลี่ยนไปสนใจ ไปทำอย่างอื่นแทน หลังจากเป็นอย่างนี้มาตลอด แต่เขาก็ลูบหัวลูกเบาๆก่อนจะบอกว่า “พ่ออโหสิกรรมให้”

    
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ จบบทที่ 14 + เพิ่มรูปตัวละคร ประกอบการจิ้น อิอิ 20.05 - 14/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 18-11-2010 22:23:50
 พอทำตามที่จิตราบอกไปแล้วครบทุกอย่างคือ กินมังสวิรัติ ทุกคนอโหสิกรรมให้ แล้ว รวมถึงถือศีลครบหนึ่งอาทิตย์ ชายหนุ่มจึงมายืนอยู่ที่นี่ เคาะประตูเรียกเจ้าของบ้าน เวลานัดคลาดเคลื่อนมาเป็นอาทิตย์ พอสร้อยฟ้ามาเปิดประตูรับ หญิงสาวจึงทักเป็นอย่างแรกว่า
    “สวัสดีค่ะ คุณพาทิศ เราควรจะเจอกันตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วนะคะ”
    “ขอโทษครับ” ชายหนุ่มยิ้มนิดๆที่มุมปาก “กว่าจะถือศีลแปดได้จริงๆ ครบอาทิตย์นี่ ก็ลำบากครับ สำหรับคนไม่เคยอย่างผม”
    “ค่ะ” หล่อนว่า กำลังจะถามว่าคุณณัฐอยู่ไหนล่ะคะ ก็เห็นชายหนุ่มเดินตามมาสมทบพอดี “สวัสดีค่ะคุณณัฐ เข้ามาดื่มอะไรก่อนไหมคะ”
    “ดีครับ ได้ยกของไปไว้ให้พาทิศด้วย”
    สร้อยฟ้ายิ้มรับก่อนจะ หลบให้สองหนุ่มเดินเข้าบ้านมา พาทิศเดินมือประสานกันอยู่ด้านหน้าราวกับเป็นพระ เข้ามาในบ้านก่อน ตามมาด้วยณัฐที่ถือกระเป๋าเสื้อผ้าของพาทิศตามมา
    “คุณพาทิศพักห้องนี้นะคะ” หล่อนเป็นประตูห้องนอนแขกที่อยู่ชั้นล่างให้ “คับแคบหน่อยแต่หวังว่าจะอยู่ได้ ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นเองค่ะ”
    ห้องนั้นเล็กกว่าห้องนอนของหลวงพินิจราชอักษรไม่มากนัก แต่ก็ถือว่าคับแคบ หากคิดว่าพาทิศเคยนอนบ้านใหญ่ๆ ราวกับวังมาก่อน กระนั้นชายหนุ่มก็ไม่บ่น ไม่ แม้แต่จะไม่พอใจด้วยซ้ำ
    “เล็กเนอะ พาทิศนอนได้หรือเปล่า”  ณัฐถาม คำเรียก ไอ้ทิศ กลายเป็นพาทิศไปเมื่อเพื่อนหนุ่มพูดจาไพเราะเสียจนณัฐต้องเปลี่ยนตาม เพราะละอายเมื่อเขาพูดหยาบคายเพียงใด พาทิศก็จะพูดตอบมาแบบสุภาพทุกครั้ง
    “ได้ แบบไหนก็ได้ทั้งนั้น ยังไงก็ต้องนอนพื้น”
    “อยู่ได้ก็ดีค่ะ คุณณัฐไม่ได้มาค้างด้วย ดิฉันเข้าใจถูกไหมคะ”
    “ครับ มาส่งเฉยๆ แล้วก็ไป แต่ว่าจะมาอยู่ที่บ้านนี้ เป็นเพื่อนทุกวัน”
    “อ้อค่ะ” สร้อยฟ้ายิ้ม “ดิฉันก็คงอยู่ต่อไม่ได้ เพราะว่าจะรบกวนสมาธิของเขากันน่ะค่ะ”
    “ถ้าอย่างนั้นจะรังเกียจไหมครับ ถ้าผมจะชวนไปหาข้าวเที่ยงทานกันข้างนอก” ณัฐถามอย่างสุภาพไม่ได้มีเจตนาใดแฝงอยู่เหมือนผู้ชายทั่วไปที่เข้าหาหล่อน
    “ยินดีค่ะ คุณณัฐอุตส่าห์เอ่ยปากแล้ว ถ้าปฏิเสธก็คงดูใจร้ายไปนะคะ” หล่อนยิ้มให้อย่างกันเอง เมื่อออกมาอยู่ห้องนั่งเล่นได้ไม่นาน จิตราก็เดินลงมาจากชั้นบน นุ่งขาวห่มขาวไม่ต่างจากครั้งก่อน
    “คุณพาทิศ เชิญข้างบนค่ะ” หญิงชราเอ่ย
    พาทิศหันมาหาทั้งคู่ห่างสำรวมก่อนจะบอกว่า
    “ขอตัวก่อนนะ ไว้เจอกัน”
    ทั้งคู่มองพาทิศเดินขึ้นไปข้างบนจนลับสายตา ณัฐก็ชวนสร้อยฟ้าออกไปกินข้าว ทิ้งให้พาทิศอยู่กับจิตราสองคน ในบ้านที่แสนจะน่ากลัวแห่งนี้

    ห้องพระของจิตรา อบอวนไปด้วยกลิ่นธูป หน้าต่างแม้จะเปิดไว้แต่ควันธูปก็ไม่อาจระบายออกไปได้หมด ห้องพระของจิตรา มีโต๊ะหมู่บูชาตั้งไว้กลางห้องประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิขนาดย่อม มีกระถางธูปและที่ไว้เทียน จิตรานั่งลงหน้าพระพุทธรูปนั้น ผายมือเป็นเชิงให้พาทิศทำตาม เจ้าตัวก็นั่งลงข้างๆ ค่อนไปด้านหลังของจิตรา
    หญิงชราคุกเข่ากราบเบญจางคประดิษฐ์ สวดมนต์อะไรพึมพำพาทิศก็ทำตามอย่างไม่เคอะเขิน พอไหว้พระกล่าวบูชาพระรัตนตรัยแล้ว จิตราก็หันมาคุยกับชายหนุ่ม
       “เป็นอย่างไรคะคุณพาทิศ ได้ทำตามที่ดิฉันบอกหรือเปล่า”
    “ครับ ผมทานมังสวิรัติแล้วก็ถือศีลแปดอย่างเคร่งครัดมาตลอดสัปดาห์หนึ่งแล้วครับ”
    “ค่ะ” หล่อนพยักหน้าอย่างสงบ “แต่ดิฉันอยากให้รู้นะคะว่า ไม่ใช่ทุกคนที่ทำอย่างนี้แล้วจะสามารถฝึกจิตได้ คุณพาทิศมีสัมผัสที่หกอยู่นิดหนึ่งอยู่แล้วจึงจะสามารถทำการฝึกกรรมฐานอย่างที่ดิฉันจะสอนนี้ได้ เพียงแต่ต้องชำระจิตให้สะอาดขึ้นก่อน จึงจะทำได้อย่างแน่นอน สำหรับคนอื่นๆ อย่างหนูสร้อย สอนอย่างไรก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากมีสมาธิขั้น อัปนาสมาธิเท่านั้น”
    พาทิศพยักหน้าอย่างเข้าใจ
    “เรามาลองทำขั้นแรกกันค่ะคุณพาทิศ คือ การฝึกกายาวิปัสสนา หรือการควบคุมกายมีหลายขั้นตอน หลายวิธีนักแต่วันนี้ดิฉันจะให้คุณพาทิศทำวิธีที่ง่ายที่สุดเสียก่อน คือ อาณาปานสติ”
    “กำหนดลมหายใจหรือครับ” พาทิศอดประหลาดใจจนต้องถามไม่ได้ วิธีง่ายๆแบบที่เขาเรียนมาตอนเด็กๆเท่านั้นหรือ จะทำให้เขาระลึกชาติได้
    “ค่ะ ฟังดูเหมือนง่ายค่ะ แต่เอาเข้าจริงๆ ดิฉันว่าคุณพาทิศทำไม่ได้ตลอดหรอกค่ะ” หล่อนหัวเราะเบาๆ “ขั้นแรกคือกำหนดลมหายใจเข้าออกเพียง ยุบหนอ พองหนอเท่านั้น ตามจิตให้ทันว่าตอนนี้คุณทำอะไรอยู่ หายใจเข้า-ออกอยู่เฉยๆ เท่านั้น อย่าให้มีสภาวะทางจิตอื่นใดเกิดขึ้นกับคุณค่ะ”
    แล้วหล่อนก็นั่งขัดสมาธิ ข้อมือซ้ายวางเหนือขาขวา มือขวาวางซ้อนอยู่บนนั้น นั่งหลับตานิ่งเท่านั้นเอง ง่ายๆ อย่างนั้นแหละพาทิศก็ทำตาม แรกๆเหมือนมันจะง่ายดายไปหมด คือเหมือนนั่งอยู่เฉยๆ เพียงแต่ต้องกำหนดรู้ว่ายุบตอนไหน พองตอนไหนเท่านั้นเอง สักพักพอนั่งไปได้ไม่กี่นาที พาทิศก็ลืมกำหนดลมหายใจเข้าออก ไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้แทน
    “คุณพาทิศ หลุดออกจากสมาธิแล้วค่ะ คุณกำลังฟุ้งซ่านอยู่”
    ชายหนุ่มประหลาดใจว่าหญิงชรารู้ได้อย่างไร แต่ก็ตัดสินใจไม่ถามดึงตัวเองกลับเข้าสู่สมาธิ ตั้งสติไว้มั่นแล้วกำหนดหายใจเข้าออกต่อไป แต่พอเริ่มนั่งไปนานๆเข้า พาทิศก็เริ่มเมื่อย เหงื่อไหลเพราะความร้อน ปวดข้อเข่า ข้อเท้าไปหมด จนเริ่มตัวสั่น ชาตามข้ออย่างเจ็บปวดทรมาณ ความเจ็บปวดมากขึ้นกระทั่งลามไปทำให้เขาปวดหัว พาทิศปวดหัวมากกระทั่งลืมตาขึ้นมา จิตหลุดออกจากสมาธิทันที
    “คุณแพ้ค่ะ คุณพาทิศ” หญิงชราว่าแม้หล่อนจะหลับตาอยู่ก็ตาม “จิตคุณหลุดออกจากสมาธิ ทั้งที่นั่งมาเพียง สี่สิบ นาทีเท่านั้น”
    สี่สิบ นาทีแต่มันช่างยาวนานเหลือเกิน นานแบบที่ชายหนุ่มคิดว่า คงจะเป็นชั่วโมงแล้วเป็นแน่ ว่าแต่จิตราอยู่ได้อย่างไรว่าเขาลืมตาแล้ว จิตรารู้ได้อย่างไรว่าเวลาผ่านไปเพียง สี่สิบ นาที
    “เหมือนคุณแช่น้ำในลำธารอยู่น่ะค่ะ” หล่อนอธิบายทั้งที่พาทิศไม่ได้ถามออกมาเป็นคำพูดแม้แต่น้อย “หากสายน้ำที่ไหลมาเอื่อยๆอยู่ดีๆ ไหลแรงขึ้นคุณก็ย่อมรู้ หรือหากน้ำไม่ไหลคุณก็ย่อมรู้ น้ำนิ่งๆในสระ กับน้ำในแม่น้ำ และน้ำทะเลเคลื่อนไหวต่างกันค่ะคุณพาทิศ ต่อให้คุณไม่ต้องลืมตามามองคุณก็ต้องย่อมรู้ว่าน้ำมันเคลื่อนที่ต่างกันอย่างไร”
    จิตราเงียบไปพักหนึ่ง พาทิศมองหน้าหล่อนก็เห็นว่าหญิงชราไม่มีแววเหนื่อย ร้อนเหงื่อไหลอย่างที่เขาเป็น หล่อนยังงามสง่าไม่มีเหงื่อสักหยดในแบบของหล่อน ในขณะที่พาทิศเปียกโชกไปทั้งตัวอย่างกับคนไปออกกำลังกายมาอย่างใดอย่างนั้น
    “คุณพาทิศลองอีกสักครั้งเถอะค่ะ คราวนี้หากได้สักหนึ่งชั่วโมงก็คงพอแล้วไว้วันพรุ่งนี้นั่งได้นานๆเราค่อยเพิ่มรายละเอียดขั้นตอนที่ลึกกว่านี้ลงไปอีกก็ได้ค่ะ” หล่อนยิ้มอย่างใจดี เป็นการให้กำลังใจพาทิศด้วยความมั่นใจว่า ชายหนุ่มรู้ดีแล้วว่าสิ่งที่เขาคิดว่าง่ายๆนั้นไม่ได้ง่ายเลยแม้แต่น้อย หากแต่ยากกว่าสิ่งใดที่เขาเคยทำมาทั้งหมดในชีวิต
    หลังจากนั้นเป็นเวลาหฤโหดที่สุดสำหรับพาทิศ ชายหนุ่มคิดว่าพอมานั่งสมาธิแล้วทุกอย่างก็จบเขากลับไปกินเนื้อสัตว์ได้ กลับไปนอนเตียง กินข้าวเย็น ดูทีวีได้อย่างคนอื่น แต่เปล่าเขายังต้องยึดถือศีล 8 ไปอีกนาน กินมังสวิรัติไปอีกเรื่อยๆ ตามที่ป้าจิตราบอก หลายๆครั้งเขาอยากเลิก ไม่ทำแล้ว กลับไปใช้ชีวิตปกติ บ้านหลังนั้นก็ขายไปเสีย แล้วไปอยู่กับณัฐ สองคนที่บ้านไหนก็ได้ที่เขามีอยู่ แต่พอคิดถึงเส็ง คิดถึงหลวงพินิจราชอักษร พาทิศก็กล้ำกลืนฝืนทำทุกอย่างต่อไปอย่างที่จิตราบอก อะไรบางอย่างมันทำให้เขาไม่ยกเลิกเรื่องนี้ง่ายๆ และอะไรนั้นก็ไม่ใช่แค่ความอยากรู้อยากเห็นเสียด้วย
    กิจวัตรของพาทิศเป็นเหมือนๆกันทุกวันมาเกือบเดือน ชายหนุ่มตื่นแต่เช้า มาทำอาหารไปใส่บาตรกับป้าจิตรา อาหารที่เหลือก้นหม้อก็เป็นข้าวเช้า พอสายๆก็ออกเดินจงกรม นั่งสมาธิจาก สี่สิบ นาที เป็นหนึ่งชั่วโมง จนมากขึ้นเรื่อยๆ พอกลางวันก็ไปวัดทำบุญ ฟังเทศน์ฟังธรรมบ้าง อ่านหนังสืออยู่กับบ้านบ้าง ตกเย็นมาก็นั่งสมาธิอีกรอบ พอสองทุ่มก็ต้องเข้านอน แรกๆพาทิศรู้สึกอึดอัดราวกับว่าถูกบังคับมาอยู่ค่ายปฏิบัติธรรม แต่พอทำไปได้สักครึ่งเดือน เขาก็เริ่มชิน และเห็นว่า การใช้ชีวิตอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็ไม่ต้องเครียดว่าจะกินอะไร จะทำอะไร จะไปไหน เพราะรู้ว่าทุกอย่างวางไว้พร้อมแล้วสำหรับเขา
    ณัฐมาเยี่ยมเขาทุกวัน พอๆกับที่สร้อยฟ้าก็มาเยี่ยมป้าของหล่อนทุกวัน แต่จนแล้วจนรอด พาทิศก็ยังไม่ได้พบสร้อยสุวรรณน้องสาวของหล่อนเสียทีเพราะ“สร้อยสุวรรณ เป็นนางแบบค่ะ แฟนเป็นดารา งานเยอะกันจนไม่มีเวลามาเหลียวแลญาติพี่น้อง”
    ไปๆ มาๆ สร้อยฟ้ากับณัฐก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกันไปเสียอย่างนั้น เวลามาเยี่ยมพาทิศ หากไม่นัดกันมา ก็บังเอิญเจอกันข้างนอกก่อนแล้วจึงชวนกันเข้ามาที่นี่ พอมาถึงก็นั่งคุยกันอย่างสนิทสนม มากกว่าที่เคยเป็นมากนัก เพราะทั้งคู่มีเรื่องที่สนใจตรงกัน คือณัฐชอบเรื่องของงานศิลปะ ส่วนสร้อยฟ้าก็สนใจประวัติศาสตร์ พอมารวมกันจึงกลายเป็นคุยกันเรื่องประวัติศาสตร์ศิลป์ สนุกไปหมด จนบางครั้งพาทิศและจิตราแทบไม่ได้คุยกับสองหนุ่มสาว กลายเป็นมานั่งฟังสองคนนั้นคุยกันเองไปเสียอย่างนั้น
    พาทิศยังไม่เห็นนิมิตอะไรอีกเลยนับแต่วันที่เขาฟื้นขึ้นมา เขาสงสัยว่าเป็นเพราะเขาอยู่ที่นี่หรือเปล่าไม่ใช่ที่บ้านของหลวงพินิจนั้น เขาก็ได้คำตอบจากจิตราว่าเป็นประมาณนั้น เพราะคนที่ทำให้พาทิศเห็นเรื่องในอดีต ยังวนเวียนอยู่แถวบ้านที่พาทิศไปซื้ออยู่ พอมาอยู่ที่นี่ก็เลยไม่สามารถเห็นภาพเหตุการณ์ในอดีตได้อีกเลย
   “แต่หากคุณพาทิศฝึกเพ่งกสิณจนถอดจิตได้แล้วคิดว่าจะนึกถึงเหตุการณ์นั้นได้เองไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนค่ะ” ด้วยเหตุนี้ พาทิศจึงต้องเร่งฝึกสมาธิควบคุมจิตอะไรไปตามที่จิตราสอน ให้มากขึ้น เข้มข้นขึ้นจนสามารถระลึกชาติที่แล้วได้ด้วยตัวเอง
    การฝึกสมาธิสองสามวันแรกเป็นไปเช่นเดียวกับครั้งแรกที่เขาเริ่มฝึก คือไม่อาจทนนั่งอยู่นิ่งๆได้ ความปวดเมื่อย และความร้อนจนอึดอัดมีมากเสียจนชายหนุ่มต้องยอมแพ้ จิตหลุดออกจากสมาธิอยู่บ่อยๆ แต่พอเริ่มนานไป เริ่มชิน พาทิศก็พบว่า พอจิตราบอกให้ลืมตาได้ เวลาก็ล่วงเลยมา สองสาม ชั่วโมงแล้ว ทั้งที่เขาไม่รู้สึกเลยว่าเวลาผ่านไปได้กี่มากน้อย
    “จิตเป็นอกาลิโกค่ะ มันไม่ขึ้นกับกาลเวลา”
    พอเริ่มนั่งสมาธิได้นิ่ง จิตราก็เริ่มให้พาทิศกำหนดอิริยาบถต่างๆ นอกจากยุบหนอพองหนอแล้ว พาทิศยังต้องรู้ตัวด้วยว่าเขาทำอะไรอยู่บ้าง เช่นพอจิตราเคาะพื้น พาทิศต้องกำหนดว่าเขา ได้ยินหนอ หรือ เวลาร้อนก็ต้องรู้เท่าทันตัวเองว่า ร้อนหนอ เมื่อยหนอ ปวดหนอ อย่างนี้ เท่ากับรู้เท่าทันตัวเองว่า ทำอะไรอยู่ รู้สึกอะไรอยู่ ได้มีสติอยู่กับตัวเองตลอดเวลา
    พอหนักๆเข้าพาทิศก็เริ่มกำหนดสติรู้มั่นเวลาดื่มน้ำ หรือกินข้าว เขาเริ่มรู้ว่าน้ำไหลผ่านหลอดอาหารลงไป ที่กระเพาะอาหารได้อย่างไร พอเพ่งสติไปตามการกลืนน้ำ เขาก็รู้สึกเย็นวูบเป็นทางตามที่มันไหล ลงไปจนถึงกระเพาะได้ หรือเวลาเดินไปไหนมาไหนก็เริ่มรู้ตัวว่า ก้าวเท้าซ้ายหรือเท้าขวาก่อน แล้วจบที่เท้าไหน จิตราให้พาทิศกำหนดสติแม้ในตอนที่เขาหลับ พาทิศขจัดเรื่องในใจออกไปได้หมดกำหนดรู้เพียงว่าเขากำลังหายใจเขาหรือออก ยุบหนอพองหนออยู่ตลอดเวลาที่นอนอยู่ ชายหนุ่มค้นพบอย่างมหัศจรรย์ว่า พอรุ่งเช้าเขาก็ตื่นขึ้นเองอย่างอัตโนมัติทั้งที่ไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุก จิตราบอกว่า
    “คุณมีสติ รู้เท่าทันตัวเองว่านอนมาครบกำหนดแล้ว จิตคุณจึงปลุกคุณขึ้นมาจากภวังค์หลับได้”
    เวลาล่วงเลยมาเป็นเดือนแล้ว พาทิศพบว่าจิตของเขานิ่งมากกว่าเมื่อก่อน เขารู้ตัวทุกขณะเมื่อคิดอะไร รู้สึกอะไร ทำอะไร เขามีสมาธิจนนั่งอยู่ได้เป็นวันๆ “คุณพาทิศเรียนรู้เร็ว บางคนใช้เวลาฝึกนานมากกว่านี้ กว่าจะเป็นเช่นนี้กันได้”
    แต่กระนั้น พาทิศก็ยังไม่เห็นอดีตอีกเลยนับจากนั้น จนจิตราเริ่มฝึกเขาขนาดหนักถึงขั้นที่ว่า หล่อนทำให้พาทิศตกอยู่ในสภาวะจิตสงบจนหล่อนป้อนภาพนิมิตของหล่อนเองเข้าไปในจิตของพาทิศ “เมื่อคุณเห็นลูกแก้วลูกนี้เมื่อใด ให้คุณถอดจิตออกจากนิมิตทันที เข้าใจไหมคะ” หล่อนชูลูกแก้วขนาดเท่าไข่นกกระทาให้เขาดู ให้เขานั่งสมาธิ แล้วจึงป้อนภาพนิมิตเข้าจิตของเขา

    ป้าจิตราในวัยรุ่น สวมกระโปรงสีดำแคบสั้นเพียงครึ่งต้นขาแถมผ่าสูงไปอีกเกือบนิ้ว สวมเสื้อนักศึกษารัดรูป ผมหยิกฟูแบบสาวเปรี้ยวในสมัยก่อนเดินเข้ามาในบ้านนี้ในสภาพที่ไม่เหมือนหล่อนแม้แต่น้อย จิตราแต่งหน้าจัด ดูฉุนเฉียวและไม่ยอมให้ใครง่ายๆ หล่อนโยนกระเป๋าโครมบนตั่งในห้องนั่งเล่น เดินกระแทกเท้าปังๆขึ้นบ้าน กระทั่งพ่อแม่ของหล่อนต้องออกมาดุว่า
    “เป็นอะไรอีก แม่จิตราเดินอย่างกับจะพังบ้านลงมาทั้งหลัง”
    “ลูกเบื่อ ลูกไม่อยากเรียน” หล่อนตวาดผู้เป็นแม่ “ลูกอยากออกจากมหาวิทยาลัย แต่งงานมีลูกมีผัวแล้ว”
    “แม่จิตรา เธอพูดอะไรของเธอ ทำไมพูดจาน่าเกลียดเพียงนี้ เป็นผู้หญิงยิงเรือแท้ๆ เทียว”
    “ลูกรักเขาค่ะ แล้วไม่ว่าคุณพ่อจะห้ามลูกยังไงลูกก็จะแต่งงานกับเขา”
    “คนเดียวที่ลูกต้องแต่งงานด้วยเมื่อเรียนจบคือ ผ่านฟ้า เขาเป็นคนดี ร่ำรวย มีชื่อเสียง ฉลาด เหมาะสมกับลูกกว่าใครทั้งหมด”
    “แต่ลูกไม่แต่งค่ะ คุณพ่อบังคับลูกไม่ได้หรอก วันนี้เขาไปรับลูกที่มหาลัย อายเพื่อนล้อจะแย่ คนอะไรเชยก็เชยแต่งตัวน่าเกลียดใส่แว่นหนาเตอะ ลูกรับไม่ได้ค่ะ ถ้าคราวหน้าคุณพ่อยังให้เขามารับลูกอีก ลูกจะไปนอนบ้านชมนาด และไม่กลับมาอีกเลย”
    สิ้นเสียง จิตราก็กระแทกเท้าปึงปัง ผ่านพ่อแม่ไปเข้าห้องนอน ปิดประตูดังปัง จนลูกแก้วลูกหนึ่ง บนหิ้งหน้าห้องพระตกลงมาจากหิ้ง กลิ้งตกบันไดไปทีละขั้น ทีละขั้น ดังปั้ก ปั้ก ราวจะปลุดให้พาทิศตื่น
    “ตื่นค่ะคุณพาทิศ ดึงจิตคุณออกมาจากนิมิตซีคะ”
   ไม่ พาทิศ อยากรู้เรื่องต่อ จิตเข้าวิ่งผ่านประตูห้องนอนเข้าไปในห้องของจิตรา เห็นหญิงสาวทิ้งตัวลงบนเตียงร้องไห้อย่างน่าสมเพช ไม่มีอะไรเหมือนจิตราที่นั่งอยู่ต่อหน้าเขาแม้แต่น้อย
    “คุณพาทิศคะ กรุณาดึงจิตของคุณออกจากนิมิตด้วยค่ะ”
    กระนั้น พาทิศก็ยังดื้อดึง เขาได้ยินชื่อ ผ่านฟ้า ได้ยินชื่อป้าของเขา เขาอยากรู้เรื่องเขาอยากรู้มากกว่านี้
    “ไม่ได้แล้วค่ะคุณพาทิศ ตื่นเถิด”
    พาทิศลืมตาขึ้นในที่สุด จิตราจ้องเขาเขม็ง
    “คุณไม่ดึงตัวออกจากนิมิต ทั้งที่คุณควบคุมจิตของตัวเองได้แน่นอนแล้ว ความอยากรู้ของคุณจะทำให้คุณหลับไปอีก ไม่ฟื้นเชียวนะคะ”
    “ผมขอโทษครับ”
    “ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ แต่คุณต้องพยายามมากกว่านี้”
    “คุณป้า ดูไม่เหมือนคุณป้าเลยครับ” พาทิศถาม “คุณป้าเคยเป็นอย่างนั้นจริงๆหรือครับ”
    “จริงค่ะ” หล่อนถอนใจ “ความอยากรู้อยากเห็นตามธรรมชาติของคุณไม่ยอมปลุกคุณขึ้นจากนิมิตจริงๆ ขนาดเป็นเรื่องของดิฉันที่ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลยนะคะ ไม่ได้แล้วค่ะ คุณต้องพยายามมากกว่านี้”
    
    พาทิศจึงฝึกใหม่ในวันต่อไป แต่เขาก็ยังดื้อไม่ยอมดึงตัวเองออกจากนิมิตของจิตราครั้งแล้วครั้งเล่า จนจิตราไม่อาจดึงเขากลับมาในปัจจุบันได้อีก พาทิศไปไกลจนรู้ว่า จิตราถูกบังคับให้แต่งงานกับผ่านฟ้า แต่หล่อนไม่ยอม กลับไปคบกับรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย จิตราหนีตามไปอยู่กับเขาจนท้อง ทำให้ผ่านฟ้าถอนตัว ไม่แต่งงานกับหล่อน ทำให้พ่อแม่ต้องเสียน้ำตามากมาย สุดท้ายพอคนรักของจิตรารู้ว่าจิตราท้องก็ผลักไสไล่ส่งเพราะเขามีแฟนอยู่อีกหลายคน จิตราเสียใจมากจนตัดสินใจไปทำแท้ง! เรื่องนั้นยิ่งทำให้พ่อแม่ของหล่อนทุกข์ใจ จนพ่อเส้นเลือดในสมองแตกตาย แม่ก็ตรอมใจตายตามไปด้วยอีกคน จิตราเองก็กินยาฆ่าตัวตายตาม จนน้องสาวต้องพาไปส่งโรงพยาบาลเพื่อล้างท้อง
    พาทิศเห็นนิมิตมาจนถึงตอนนี้ ก็หมดความอยากรู้ ด้วยไม่อาจทนภาพของจิตราที่บ้าคลั่ง พยายามจะกัดข้อมือตัวเองให้เลือดหมดร่างตายที่โรงพยาบาลได้ เขาถอดจิตของตนออกจากนิมิตได้ในที่สุด
    “คุณป้า ผมขอโทษ ผมไม่น่าฝืน ผมไม่น่าเห็นเลย”
    กระนั้น จิตราก็ยังคงหน้าเรียบเฉยของหล่อนไว้ดังเดิม
    “วันนี้คุณทำดีมากค่ะที่ดึงตัวเองออกมาได้” หล่อนว่า “แต่นั่นเป็นเพราะคุณสมเพชดิฉัน และไม่อยากเห็นเหตุการณ์ต่อไป แต่หากคุณยังอยากรู้ ดิฉันมั่นใจว่าคุณจะดูมันต่อ จนแม้ดิฉันก็ปลุกคุณขึ้นจากนิมิตไม่ได้”
    พาทิศนั่งเงียบ อย่างรู้สึกผิด
    “เรามาลองกันใหม่ค่ะ คราวนี้คุณต้องอยากรู้เรื่องแน่ๆ แต่ขอให้ฝืนใจ ดึงตัวเองกลับมาจากนิมิตให้ได้เถอะนะคะ”

******************************************************************************************************

ต่อละคร้าบบบบ ทั้งบทเลย มันยาวไปโพสต์เดียวไม่ได้ต้องแยกเป็น 2 รีพลายอ้ะ
ใครคิดถึงเส็ง อีกประมาณ 2 บทเขาจะกลับมาละคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 15 ทั้งบทคร้าบบบ 22.50 - 15/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 19-11-2010 00:42:23
ณัฐชนะเลิศ น่ารักแสนดี
แอบเซงพาทิศ ทำไมเมื่อก่อนถึงใจร้ายจัง
ต่อจากนี้ไปดูแลณัฐดีๆด้วย
ปล. อยากรู้เรื่องอดีตจัง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 15 ทั้งบทคร้าบบบ 22.50 - 15/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 19-11-2010 06:25:06
พาทิศเริ่มเทพแล้ว จะได้เข้าใจอดีตซะที
 :z12: ถามนิดนึงน๊า สงสัยเรื่องการอัพเดทชื่อหัวกระทู้อ่ะจ้า ทำไมอัพวันที่ 18 แต่ เขียนว่า 15/11/10 หรอ หรือเจงงเอง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 15 ทั้งบทคร้าบบบ 22.50 - 15/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 19-11-2010 07:05:33
พาทิศใกล้จะได้เห็นอดีตแล้ว
ตั้งหน้าตั้งตารอเส็งค่า อีกสองตอนก็จะย้อนอดีตอีกแล้ว ทีนี้จะได้รู้อดีตกันซะที
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 15 ทั้งบทคร้าบบบ 22.50 - 15/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 19-11-2010 16:28:22
โอ้ กว่าจะเห็นสัจธรรมก็เกือบหมดแล้วทุกอย่างจริงๆ :m15:

เนื้อเรื่องน่าติดตามมากเลย
 :L1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 15 ทั้งบทคร้าบบบ 22.50 - 15/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 19-11-2010 16:40:06
คิดถึงเส็งแต่กลับว่ามันจะเศร้าอะซี :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 15 ทั้งบทคร้าบบบ 22.50 - 15/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 19-11-2010 18:21:04
พาทิศสู้ๆ ทำให้ได้นะ

คิดถึงเส็งมากเลยจ้า

ปล. ไม่คิดว่าป้าจิตราตอนวัยรุ่นจะเป็นคนแบบนั้น อย่างกับคนละคนเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 15 ทั้งบทคร้าบบบ 22.50 - 15/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 19-11-2010 18:54:33
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 15 ทั้งบทคร้าบบบ 22.50 - 18/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 19-11-2010 22:38:51
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 15 ทั้งบทคร้าบบบ 22.50 - 18/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: bigbeeboom ที่ 19-11-2010 22:50:40
แอบรู้สึกว่า ถ้ากลับบ้านโน้น พาทิศจะได้กลับมามั้ยอ่ะ เพราะแบบถ้าอยากรู้เกินไป กลับไม่ได้แน่เลย ตื่นเต้นๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 15 ทั้งบทคร้าบบบ 22.50 - 18/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 19-11-2010 23:09:18

๘๗ + ๑ = ๘๘
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 15 ทั้งบทคร้าบบบ 22.50 - 18/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: mook0007 ที่ 19-11-2010 23:18:57
คิดถึงเส็งอ่ะ สรุปแล้วพาทิศเป็นใคร หวังว่าไม่ใช่แก้วนะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 15 ทั้งบทคร้าบบบ 22.50 - 18/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 20-11-2010 14:43:28
“คุณหลวงขอรับ คุณหลวง....” เส็งสะอื้นไห้อย่างนี้ทุกค่ำคืน คืนนี้ก็ไม่ต่างไปจากที่เคย

อ่านจบประโยคนี้ขนลุกเลย ให้ตายเถอะ

คุณป้าจิตตรา มีอดีตแบบไม่น่าเชื่อเลย ว่าจะสงบได้ถึงขนาดนี้

+ ให้คนเขียน เขียนเก่งมากกกกก  :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 15 ทั้งบทคร้าบบบ 22.50 - 18/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Lady-Rabbit ที่ 20-11-2010 17:26:08
อย่าเพิ่งอยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่นเลยน้า
เพราะคนอ่านอยากรู้เรื่องของคุณหลวงกับเส็งแล้ว
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 15 ทั้งบทคร้าบบบ 22.50 - 18/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 20-11-2010 22:50:24
เพิ่งตามอ่านค่ะ พาทิศเราว่าน่าจะเป็นคุณหลวงนะ
อาจจะมาแก้ไขให้วิญญาณเส็งไปสู่สุขติรึเปล่า
อันนี้เดาเอา อิอิ แต่แอบเศร้านะคะเนี่ยะ  :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 15 ทั้งบทคร้าบบบ 22.50 - 18/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 21-11-2010 01:28:29
 :t3: :t3: :t3: :t3: :t3:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 15 ทั้งบทคร้าบบบ 22.50 - 18/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 21-11-2010 21:42:16
ไปต่อกันเลยคร้าบบบ
*********************************************************************************
๑๖

    พาทิศหลับตา ปล่อยจิตเข้าสู่สมาธิ
    ฉับพลันเขาก็เห็นป้าจิตรานอนอยู่บนเตียงคนไข้ข้อมือพันผ้าไว้ ดูอ่อนแอเหมือนจะตายเสียแล้วตรงนั้น หล่อนมองออกนอกหน้าต่างอย่างทอดอาลัย กระทั่ง ใครคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามา
    “จิตรา ผมได้ข่าวว่าคุณเป็นอะไรเสียมากก็เลยเข้ามาหาคุณ”
    ป้าจิตรานอนหันหลังไม่ยอมพูดอะไรกับชายหนุ่ม พาทิศสังเกตเห็นว่าแม้เขาจะไม่หล่อ ไม่ดูหล่อเหลาอย่างที่เป็นที่นิยมของหญิงสาว หากแต่เขาก็ดูดีงามสง่าในแบบของเขา ร่างกายสูงโปร่งแต่ไม่บึกบึนสมชายนัก สวมแว่นตาหนาเตอะอย่างที่จิตราเคยว่า เพราะเขาเป็นผู้หลงใหลในวรรณคดีวันๆอ่านอยู่แต่วรรณคดีเรื่องแล้วเรื่องเล่า ผมเผ้ายาว แต่เสยไว้ดูยุ่งเหยิงแบบคนไม่ดูแลตัวเอง กระนั้นการแต่งตัว และบุคลิกก็ทำให้พอดูออกว่าเป็นผู้ดีมีตระกูลอยู่เหมือนกัน
    “คุณจะไม่คุยกับผมหน่อยหรือ อย่างน้อยเราก็เคยเป็นคู่หมั้นกัน”
    “ดิฉันไม่เคยเห็นคุณเป็นคู่หมั้นค่ะคุณผ่านฟ้า” เสียงของจิตราแหบพร่า เป็นผลจากการกรีดร้อง ตวาดโวยวายอย่างไร้สติ ทำให้หล่อนดูน่ากลัวเสียเหลือเกิน “กลับไปเถอะค่ะ”
    “ผมมาเยี่ยม แต่หากคุณต้องการอย่างนั้นละก็ตามใจ” เขาวางกระเช้าของขวัญลงบนโต๊ะข้างเตียง “ผมมาบอกคุณว่า ผมจะไม่แต่งงานกับใครอีกทั้งนั้นหลังจากถอนหมั้นคุณแล้วผมตั้งใจอยู่ที่เรือนเทาของหลวงพินิจราชอักษรไปตลอด รอจนกว่าคุณจะยอมไปอยู่กับผมที่นั่น”
    คำว่าเรือนเทาทำให้จิตราพลิกตัวกลับมามองผ่านฟ้าเต็มตา คำคำนี้ดึงดูดความสนใจของจิตราได้มากพอๆ กับพาทิศหล่อนพูดด้วยเสียงแหบพร่านั้นอีกครั้งอย่างชัดถ้อยชัดคำดีทุกคำ
    “ดิฉันไม่มีวันไปที่นั่นอีก และแนะนำให้คุณออกมาจากที่นั่นเสีย”
    “คุณยังปักใจเชื่อของคุณอย่างนั้นหรือ”
    “ดิฉันบอกคุณแล้ว หากคุณไม่เชื่อ ดิฉันจะไปบังคับให้เชื่อได้หรือคะ อย่างไรดิฉันก็ยืนยันคำเดิมค่ะ”
    “เรื่องที่เขาลือกันบางครั้งมันก็อาจจะไม่จริงก็ได้” ผ่านฟ้าว่าเสียงเรียบๆ “ผมไม่เชื่อเรื่องวิญญาณ และไม่เชื่อว่าหลวงพินิจราชอักษรยังคงอยู่ที่บ้านหลังนั้น”
    จิตราหลับตา ถอนใจแบบรำคาญเต็มแก่
    “ดิฉันบอกคุณแล้วหลายครั้งค่ะ แล้วก็จะย้ำครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายว่า สิ่ง ที่อยู่ที่บ้านหลังนั้นไม่ใช่วิญญาณ...”
    “...แต่เป็นจิตของผู้ตาย เป็นความทรงจำที่ฝังอยู่ที่นั่นไม่ยอมเสื่อมไปตามกาลเวลา” ฝ่ายฟ้าต่อประโยคจนจบ “ผมจำได้แม่นกว่าบทอาขยานเสียแล้วจิตรา แต่คุณจะเรียกมันว่าอย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่เชื่อ และไม่คิดว่าคนอื่นจะเชื่อด้วย โลกเราเปลี่ยนไปมากแล้วความเชื่อพวกนี้ควรจะหมดไปตั้งนานแล้วครับ”
    จิตราไม่ตอบโต้ ได้แต่ลืมตามองเพดาน
    “ผมจะทุบเรือนบ่าวที่ปล่อยร้างไว้นานเหลือเกิน แล้วจะสร้างโรงแรมบนพื้นที่นั้น สร้างคร่อมสระบัวของเดิม เปลี่ยนแปลงเป็นสระอโนดาต”
    “อย่าค่ะ ดิฉันขอห้าม” หล่อนตะเบ็งเสียสุดเสียงเท่าที่เสียงของหล่อนจะอนุญาต “คุณไม่ควรเปลี่ยนแปลงอะไรในบ้านหลังนั้น เจ้าของบ้านเขายังอยู่”
    ผ่านฟ้าไม่ฟัง เขายังพูดต่อไป    
    “อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลย พูดเรื่องเราเถอะ ...คุณจะไม่เปลี่ยนใจจริงๆหรือ” ผ่านฟ้าเดินเข้ามา กุมมือของจิตราไว้ แต่หญิงสาวดึงมันออกช้าๆ ก่อนจะเอ่ยว่า
    “ดิฉันไม่เคยรักคุณ ไม่รัก และจะไม่มีวันรักด้วย” หล่อนว่าเสียงสั่นเครือ “และดิฉันก็จะไม่มีวันแต่งงานกับใครอีกค่ะ ถ้าหากคุณบอกว่ารักดิฉันจริง ดิฉันจะต้องขอร้องว่า ออกจากบ้านหลังนั้นเสียเถิดค่ะ”
    “ผมไม่เข้าใจ คุณมีเหตุผลอะไร ผมไม่โดนหักคอตายหรอก”
    “บ้านหลังนี้มีเจ้าของ และเจ้าของเขายังไม่ไปไหน คุณเข้าไปอยู่อย่างนี้ถือว่ารบกวนเขา บุกรุกไปอยู่ในที่ของเขาที่คุณไม่ควรอยู่” หล่อนว่าเสียงเข้มเท่าที่เสียงแหบๆของเธอจะทำได้
    “ผมเป็นทายาทของหลวงพินิจราชอักษร...”
    “คุณไม่ใช่ทายาทของหลวงพินิจราชอักษรค่ะ” จิตราเถียงในทันที
    “จิตรา” ผ่านฟ้าขึ้นเสียงเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจคุณ นามสกุลผมคือไพรัชกิจจาพันธุ์ และนั่นเป็นราชทินนามของเจ้าคุณพ่อของ หลวงพินิจราชอักษรสาแหรกตระกูลก็มีอยู่ เหตุใดคุณถึงบอกว่าไม่ใช่”
    “ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ค่ะ คนที่เขาจะต้องมารับรู้เรื่องนี้ยังไม่มาเกิด หากมาเกิดแล้ว ความจริงทั้งหมดคงกระจ่าง”
    ผ่านฟ้าคิดว่าจิตราคงเสียสติไปแล้ว เขาถอยห่างออกมาจากเตียงคนไข้
    “คุณผ่านฟ้าดิฉันขอคุณจริงๆ คนที่เฝ้าบ้านหลังนั้นยังอยู่ เจ้าของบ้านเขายังไม่ยอมทิ้งบ้าน คนที่อยู่บ้านนั้นมา ไม่มีใครตายอย่างเป็นธรรมชาติสักคนหากไม่ตายด้วยอุบัติเหตุ ก็เป็นโรคร้าย หรือไม่จริงคะ”
    พ่อของผ่านฟ้าตายด้วยโรคมะเร็งในสมอง ทั้งที่ไม่เคยมีอาการมาก่อน ปู่ของเขาประสบอุบัติเหตุจมน้ำตาย ก่อนหน้านั้นเขาไม่รู้ แต่ก็ว่ากันในครอบครัวเขาว่า ไม่ตายดี อย่างที่จิตราว่าจริงๆ
    “เพราะพวกคุณไม่ใช่เจ้าของบ้าน เขารัก เขาหวงบ้านของเขามาก คุณเองก็จะเป็นรายต่อไป”
    “จิตรา หลับเถิดนะคุณเพลียมากแล้ว คุณ... คุณคงป่วยมาก หลับเถิด ผมกลับก่อนก็แล้วกันครับ”
    “คุณไม่เชื่อดิฉันหรอกค่ะ ดิฉันเข้าใจดี” จิตราหลับตาสนิท “ไปเถิดค่ะ ดิฉันเตือนคุณได้เท่านี้ ความไม่รู้บังตาคุณอยู่ ปัญญาคุณยังไม่เปิดรับ...”
    ผ่านฟ้ารีบเดินออกไปทันทีทั้งที่จิตรายังพูดไม่จบ เขากลัว เพราะผู้หญิงคนนี้มีสองร่าง ร่างหนึ่งเปรี้ยว ก๋ากั่นไม่ยอมสยบให้โลก ไม่กลัวใครทั้งสิ้น ร่างนั้นคือร่างที่หนีตามผู้ชายไปจนท้อง ส่วนอีกร่างหนึ่งคือเหมือนร่างคนทรงคือพูดจาเลื่อนลอยไปปกติ หลายครั้งร้องไห้ หรือผวาตกใจไปเองราวกับมีสัมผัสที่หก หากแต่ผ่านฟ้าไม่เชื่อในสัมผัสที่หก เขาจึงคิดเสมอว่าจิตราเป็นผู้ป่วยทางจิตคนหนึ่งเท่านั้น ถามว่าร่างไหนของจิตราน่ากลัวกว่ากัน เขาคงต้องบอกว่าทั้งคู่เพราะเขาไม่อาจเข้าใจ และตามทันความคิดของทั้งสองร่างของจิตราได้เลย
    ชายหนุ่มร่างสูงเปิดประตูก็ต้องผงะเมื่อพบเข้ากับจิตมาศน้องสาวของจิตรา “อ้าวน้อง มาพอดีพี่มาเยี่ยมจิตรากำลังจะกลับแล้ว ฝากดูแลด้วยเถอะนะ ขอโทษที่อยู่เสวนาด้วยไม่ได้ พี่มีธุระด่วนจ้ะ”
    “ค่ะ ดิฉันยังไม่ทันสวัสดีก็ต้องบอกว่า ลาก่อนไว้เจอกันใหม่เสียแล้ว” หล่อนยิ้มให้ผ่านฟ้า ก่อนจะเดินเข้ามากับแฟนหนุ่มคนล่าสุดของหล่อน
    “ครับไว้เจอกัน พี่ขอตัว” ผ่านฟ้าออกจากห้องไปในที่สุด
    จิตมาศเดินตรงเข้ามาหาพี่สาว ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร พาทิศก็เห็นลูกแก้วที่เป็นสัญญาณว่าเขาควรพาตัวเองออกจากนิมิตของป้าจิตราแล้วแม้ว่าเขาจะอยากรู้เพียงใดว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร แต่ความรับผิดชอบอยู่เหนือความอยากรู้ ในคราวนี้ลูกแก้วมาในรูปร่างของแหวนบนนิ้วของจิตมาศนั่นเอง เขาจึงรู้ว่านี่เป็นนิมิตไม่ใช่เหตุการณ์จริงที่เขากำลังเห็นและอยู่ดูต่อได้ เขาต้องออกไปจากนิมิตนี้
    พาทิศรวบรวมจิตใจ คิดถึงห้องพระในเวลาปัจจุบัน เขานั่งสมาธิอยู่ที่พื้นไม้ ป้าจิตรานั่งอยู่ทางขวา เยื้องไปด้านหน้าเล็กน้อย พอลืมตาขึ้น ชายหนุ่มก็เห็นตัวเองอยู่ในเวลาปัจจุบัน แน่นอนแล้ว ไม่ผิดพลาด
   “ยินดีด้วยค่ะที่กลับมาได้ แม้คุณจะอยากรู้แทบแย่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป” หล่อนยิ้มอย่างใจดี
    “คุณป้า คุณป้ารู้เรื่องเรือนเทาด้วยหรือครับ”
    “รู้ไม่หมดหรอกค่ะ แต่รู้บ้าง”
    “รู้บ้าง... หมายความว่าอย่างไรครับ”
    “ดิฉันสัมผัสจิตของเขาได้ค่ะ ตอนที่เคยไปที่นั่น” หล่อนหลับตาพูดอย่างใจเย็นตามแบบของหล่อน “อยากรู้หรือเปล่าคะว่า เกิดอะไรขึ้นต่อหลังจากที่ดิฉันออกจากโรงพยาบาล”
    พาทิศพยักหน้า
    “ดิฉันเปลี่ยนไปเป็นอีกคนโดยสิ้นเชิง ดิฉันรู้ว่าดิฉันทำผิด ทำบาปกับคุณพ่อคุณแม่ และลูกที่ยังไม่มีโอกาสได้เกิดของดิฉันมามาก ดิฉันจึงตัดสินใจบวชค่ะ บวชชีอยู่หลายปีจนกระทั่งต้องสึกออกมาเพราะยิ่งอยู่นานไป จิตดิฉันยิ่งเข้มขึ้น ดิฉันจับความคิดคนได้ สัมผัสได้ถึงจิตของคนหลายคนทั้งที่เสียแล้ว และยังมีชีวิตอยู่ ดิฉันอยู่ไปก็รู้ว่าตัวเองฟุ้งซ่าน เผลอทักโยม ทักสีกาหลายคนว่าเคยเป็นอะไรในอดีต และจะเป็นอะไรในอนาคตจนคิดว่าดิฉันควรหาทางดับทุกข์เพื่อบรรลุนิพพานหากจะเป็นชีต่อไป ไม่ใช่เอาตนมาเกี่ยวกับเรื่องทางโลก แต่ดิฉันก็ไม่สามารถทำจิตให้สงบได้ขนาดนั้น ดิฉันรู้ดีว่าบวชต่อไปก็จะเป็นนักบวชที่ดีในพระพุทธศาสนาไม่ได้ จึงสึกออกมาในที่สุดค่ะ
    ต่อมาดิฉันกลับมาอยู่บ้าน ก็เกือบสี่สิบแล้ว น้องสาวดิฉันก็แต่งงานกับผ่านฟ้า ดิฉันว่าผ่านฟ้าคงทำเพื่อประชด แต่สุดท้ายเขาสองคนก็มีลูกด้วยกัน”
    “คุณสร้อยฟ้า สร้อยสุวรรณ”
    “ค่ะ จิตมาศท้องสามสิบกว่าดิฉันคิดว่าลูกจะไม่สมบูรณ์ แต่เปล่ากลับสมบูรณ์ดี สุขภาพแข็งแรงทั้งสองคนก็คิดว่าปาฏิหารย์น่าจะเป็นคนที่รอมาเกิดเพื่อให้เรื่องที่เรือนเทาจบๆไป ดิฉันดูจากลักษณะคิดว่าเป็นสร้อยฟ้า จึงขอแบ่งเบาภาระจิตมาศ เอาสร้อยฟ้ามาเลี้ยง เขาอยู่กับแม่เขานั่นแหละที่เรือนเทา ไม่ได้พรากลูกจากแม่ แต่เอามา สอนกายาวิปัสสนาทุกอย่างตั้งแต่เล็กๆ แต่เสียดายสิ่งที่เขารับไปได้มีเพียงความเชื่อเล็กๆน้อยๆ อย่างคนโบราณเท่านั้น ไม่ได้มีจิตที่แข็งแกร่ง หรือมีสัมผัสที่หกอย่างดิฉัน ดิฉันก็แน่ใจว่าไม่ใช่แม่สร้อย
    ทีนี้แม่สร้อยเกิดหัวสมัยใหม่ในบางเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องเงินๆทองๆ ก็เลยไม่ให้จิตมาศกับสร้อยสุวรรณอยู่ที่เรือนเทา ซื้อบ้านกันใหม่ย้ายออกมา เปิดเรือนเป็นพิพิธภัณฑ์บ้าง ให้เช่าบ้างก็ไม่มีใครอยู่ได้ เพราะ อย่างที่ดิฉันบอก ยังมีคนเขาเฝ้าบ้านอยู่ไม่ไปไหน”
    พาทิศขนลุกซู่
    “สุดท้าย ดิฉันตัดสินใจบอกแม่สร้อย แต่จะเชื่อหรือก็เปล่า กลับบอกดิฉันว่าถ้าเป็นปัญหาก็แบ่งบ้านเป็นสองซีกเสียเลย เอาฝั่งอาถรรพ์อะไรนั้นปิดไว้เฉยๆ อีกฝั่งก็ให้คนมาซื้ออยู่เสีย ลงทุนสร้างกำแพงขาวกั้นบ้านเป็นสองฝั่ง ฉาบปูนลงน้ำมนต์อย่างดี กันผีไม่ให้มาอีกฝั่งหนึ่ง ทีนี้ความจริงมันไม่ใช่อย่างที่คนเขาเชื่อกันใช่ไหมคะคุณพาทิศ สิ่งที่ยังอยู่นั้นเป็นจิตไม่ใช่วิญญาณเหมือนในหนังในละคร เขามาปรากฏให้ใครเห็นเวลาที่เขามีอารมณ์รุนแรงคิดถึงเรื่องอดีต เป็นรูปของความทรงจำที่ยังฝังอยู่กับสถานที่ คนก็ทึกทักไปว่าเป็นผีปรากฏเป็นตัวๆ เดินไปเดินมาได้ จริงๆไม่ใช่ค่ะ
    ทีนี้ไปสร้างกำแพงเข้า เขาจะทำลายได้หรือก็ไม่ เขาก็คือคนที่ตายไป เท่านั้นเอง ตอนอยู่เป็นอย่างไร ตอนตายก็เป็นอย่างนั้น ถ้าไม่มีอิทธิฤทธิ์อะไรตอนเป็น ตอนตายก็ไม่มีค่ะ ถ้าตอนเป็นเขาเคยเดินไปเดินมาเข้าประตูโน้นออกประตูนี้ได้ ตอนตายไปแล้วเขาก็ยังทำอยู่อย่างนั้น เพราะจิตเขาไม่ปล่อยวางไปเกิดในร่างใหม่ เขาก็เลยได้แต่วนเวียนอยู่ในฝั่งที่เขาตายเท่านั้น จะโผล่มาอีกฝั่งหนึ่งไม่ได้ แม่สร้อยเลยคิดว่ากำแพงน้ำมนต์ได้ผลผีไม่มาโผล่อีกฝั่งหนึ่ง เลยประกาศขายเสียเลย
    แล้วคุณก็ไปซื้อบ้านหลังนั้นเข้าค่ะคุณพาทิศ ดิฉันเจอคุณที่งานเลี้ยงวันเกิดยายจิตมาศก็ไม่รู้หรอกว่าจะเป็นคุณ แต่ตอนคุณสำลักน้ำเท่านั้นแหละ ดิฉันพบว่าจิตคุณไม่อยู่ในร่าง แต่ไปผูกกับอีกจิตหนึ่งที่ยังอยู่ตรงนั้น ก็เลยรู้ทันทีว่าคุณคือคนที่มาทำให้เรื่องจบ มาทำให้คนที่อยู่บ้านนั้นไม่ไปไหน ได้คลายจิตของตัวเองที่ผูกไว้กับบ้าน ไปเข้าร่างใหม่ หรือไปเกิดใหม่ในที่สุดนั่นเอง”
    “คุณป้าครับ ผมอยากรู้ว่าที่นั่นมีใครอยู่” พาทิศใจเต้นแรง รัวเร็วจน แทบอยากวิ่งกลับไปเรือนเทาของหลวงพินิจเสียเดี๋ยวนั้น เด็กหนุ่มที่เขาเห็น... เด็กหนุ่มตรงหน้าต่าง ร่างขาวสะอาดนวลเนียนคนนั้น เขารู้แล้วว่าเด็กหนุ่มคนนั้นคือใคร “คุณป้า... นั่นเส็งใช่ไหมครับ”
    จิตราไม่ว่าอะไร หล่อนไม่พยักหน้า ไม่ส่ายหน้า แต่ไม่ตอบอย่างนี้
พาทิศตีความได้อย่างเดียวว่ามันคือความจริง เขาตกใจ... ตกใจจนแทบเป็นบ้า เขาเห็นผี หรือ? ... ไม่ซี มันเป็นจิตของเส็งที่ยังไม่ยอมหายไปตามกาลเวลาซีนะ จิตของเขา สัมผัสกับจิตของเส็งได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหมายความว่า
    “คุณป้า” เขาถาม เสียงเบาสั่นเครือไม่แน่ใจว่าจะพูดออกไปดีหรือเปล่า “ผมคือหลวงพินิจราชอักษร กลับชาติมาเกิดหรือครับ”
    “ดิฉันไม่ทราบค่ะ” หล่อนตอบในที่สุด แต่ไม่สบตาพาทิศ แปลว่า ใช่อย่างนั้นหรือ
    “คุณป้าไม่ตอบ หมายถึงใช่หรือครับ”
    “หมายถึงอาจใช่ และ ไม่ใช่ค่ะ ดิฉันไม่ทราบจริงๆ คุณต้องรู้ด้วยตัวเอง จะด้วยเขามาดลจิตคุณ หรือรู้เองโดยที่คุณระลึกได้เองก็แล้วแต่ ดิฉันไม่มีสิทธิ์ช่วยคุณค่ะ ถ้าอยากให้เรื่องที่คาราคาซังมากว่าร้อยปีจบลงแล้วละก็” จิตรานิ่งไปสักครู่ “เรื่องที่เล่ามาให้ฟังทั้งหมด ก็เพื่อให้คุณพาทิศเข้าใจว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรหลังจากหลวงพินิจราชอักษรเสีย นั่นคือเหตุการณ์ตอนปัจจุบันแล้วค่ะ แล้วคุณพาทิศก็รู้เหตุการณ์ในอดีตในตอนเริ่มเรื่องแล้ว...”
    “หลวงพินิจราชอักษรหมั้นกับคุณหยาด ซึ่งพาเส็งมาเป็นบ่าวที่เรือนเทา  เส็งกับคุณหลวงเกิดความผูกพันกันกระทั่ง สี่เดือนก่อนจะแต่งงานกับคุณหยาด หลวงพินิจก็ออกจากบ้านไปหัวหินซีนะครับ”
    “ค่ะ ทีนี้เหลือเหตุการณ์หลังจากนั้นคือ หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว เกิดอะไรขึ้นกระทั่งเขาตายนั่นละค่ะ ที่คุณพาทิศต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง พอรู้คำตอบ รู้เรื่องที่เกิดขึ้นโดยตลอดแล้วเราอาจรู้ได้ว่า จะแก้ปมของเรื่องที่มันเกิดแล้วไม่ยอมคลายลงกระทั่งล่วงเลยมากว่าร้อยปีนี้ได้อย่างไร”
    “แล้วผมจะทำได้อย่างไรครับ” เขาถาม “ผมคุมจิตเข้าออกนิมิตได้ตามที่คุณป้าดลใจผมแล้ว แต่ผมยังระลึกเหตุการณ์นั้นเองไม่ได้”
    “ค่ะ คุณต้องเพ่งเตโชกสิณ”
    “ถ้าผมไม่เพ่งล่ะครับ” เขาว่า จิตราเลิกคิ้วอย่างสงสัยแต่ยังไม่ทันพูดอะไรชายหนุ่มก็กล่าวต่อไปในสิ่งที่เขาคิด “ถ้าผมไม่รอให้ระลึกเองได้ แต่ไปให้เขาดลจิตผมให้เห็นนิมิตอีกก็ได้ใช่ไหมครับ ถ้าผมเห็นนิมิตได้อีกครั้งจริงๆ คราวนี้ผมจะดึงตัวเองออกจากนิมิตก็ได้ใช่ไหมครับ”
    “ดิฉันเห็นว่าได้ แต่คุณต้องมั่นใจว่าคุณจะดึงตัวเองออกมาจากนิมิตได้ในเวลาที่สมควร คือ หนึ่งคืนในการนอนหลับเท่านั้น”
    “ผมจะรู้ได้อย่างไรครับ” เขาถามอย่างตื่นเต้น เหงื่อผุดขึ้นบนหน้าเป็นเม็ดอย่างที่เขาไม่เข้าใจ เขาตื่นเต้นอยากรู้ความจริง อยากให้เรื่องมันจบลงในที่สุด เสียทีหลังจากอยู่กับมันมาเกือบสองเดือนแล้ว
    “กำหนดจิตก่อนเข้านิมิตค่ะคุณพาทิศ ดิฉันกำหนดให้คุณเห็นลูกแก้วในเวลาที่อยากให้คุณตื่น แต่ฝ่ายนั้นคงกำหนดให้คุณไม่ได้ เขาอยากให้คุณเห็นอะไรเขาก็เพียงแต่กำหนดจิตให้คุณเห็นเท่านั้น หน้าที่ของคุณคือ กำหนดเอาเองก่อนที่จะเข้าสภาวะไร้จิตสำนึกที่จะปล่อยให้เขาดลจิตคุณ เหมือนที่ดิฉันให้คุณฝึกกำหนดเวลาตื่นนอนทุกๆเช้าเท่านั้นค่ะ”
    “ครับ ถ้าผมกำหนดว่า ให้ตื่นหลังจากเห็นนิมิตไปสิบชั่วโมงอย่างนี้ก็ได้ใช่ไหมครับ เหมือนพอสวิดิโอไว้หลังจากดูไปสิบชั่วโมง แล้วค่อยกลับมาดูใหม่อย่างนี้หรือครับ”
    “ค่ะ แต่ต้องมั่นใจว่าทำได้จริงๆ”
    “ผมทำได้ครับ” ชายหนุ่ม ลุกขึ้นจากพื้นไม้ จิตราก็ลุกตาม
    “คุณจะไปไหนคะ”
    “ผมจะขออนุญาตคุณป้ากลับไปนอนที่บ้าน เผื่อจะเกิดนิมิต ผมจะทำตามที่คุณป้าบอกทุกครั้งก่อนนอน และจะตื่นขึ้นมาทุกเช้า จะมาเล่าให้คุณป้าฟังว่าเห็นอะไรบ้างในแต่ละคืนจนกว่าจะหมดเรื่องนะครับ”
    จิตรามองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มจะทำได้จริงหรือไม่
    “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ แต่คุณพาทิศต้องอย่าลืมนะคะว่า เรื่องนี้มันร้ายแรงแค่ไหน ถ้าพลาดคุณจะหลับไปตลอด ไม่ตื่นมาอีกนะคะ”
    “ครับแน่ใจครับคุณป้า ถ้าอย่างนั้นผมลา” เขาไหว้จิตรา ก่อนจะกล่าวขอบคุณแล้วรีบวิ่งลงมาเปลี่ยนเสื้อผ้า เก็บของแล้วออกไปเรียกรถแท็กซี่ เดินทางกลับเรือนเทาของหลวงพินิจราชอักษรเพื่อสะสางเรื่องที่เกิดขึ้นให้จบไปเสียที
    
    
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 15 ทั้งบทคร้าบบบ 22.50 - 18/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 21-11-2010 21:43:23
พาทิศไม่รู้ตัวเลยว่า เขาใช้เวลานานแค่ไหนตอนที่ฝึกจิตกับจิตรา พอออกจากบ้านมาขึ้นแท๊กซี่ก็เริ่มเข้าสู่ช่วงหัวค่ำแล้ว ยิ่งฝ่ารถติดมาเป็นชั่วโมงอีกพอเลี้ยวเข้าซอยบ้านเรือนเทาเท่านั้นฟ้าก็มืดเหลือเกินแล้ว แสงไฟจากเสาไฟฟ้าที่อยู่ไกลกันเป็นวาๆ ส่องแสงสลัวๆ ให้พอเห็นละเมาะไม้และยอดตึกแถว คอนโดเป็นระยะ ทุกครั้งที่รถแล่นผ่านเสาหนึ่งต้น ไฟก็จะสว่างวาบเข้าตาของชายหนุ่ม ทำให้เกิดบรรยากาศวังเวงแปลกๆกระทั่งรถจอดรถหน้าเรือนเทา พาทิศก็จ่ายเงินแล้วลงจากรถมายืนประจันหน้ากับบ้านหลังนี้อีกครั้ง
    มันยังเหมือนเมื่อครั้งที่เขาเห็นครั้งแรกก่อนตัดสินใจซื้อไม่ผิด
    หากแต่ครั้งนี้ พาทิศไม่ได้มองบ้านหลังนี้ด้วยความกลัว ไม่ได้รู้สึกว่ามันไม่น่าอยู่ สยดสยองเกินจะทนอย่างคราวนั้น หรือแม้แต่จะมองว่ามันน่าเบื่อเหมือนตลอดเวลาที่เขามาอยู่ที่นี่ คราวนี้ เขารู้สึกว่าบ้านหลังนี้เป็นมากกว่าแค่ “บ้าน” แต่มันเป็นที่ที่อบอุ่นไปด้วยความรักความผูกพันระหว่างนายบ่าว ระหว่างชายสองคน ตั้งแต่เมื่อร้อยกว่าปีก่อน ... ความรักที่เกิดขึ้นแล้วแต่เขายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้มันไม่จบลงแม้เวลาจะล่วงเลยมาเป็นศตวรรษ
    พาทิศกำลังจะก้าวเข้าไปไขกุญแจเปิดประตูรั้วซีกตะวันออกที่เป็นที่ที่เขามาซื้อไว้อาศัย เพื่อจะได้เข้านอนแล้วหลับฝันเห็นนิมิตที่เกิดจากการดลใจของใครบางคนที่ยังผูกพันอยู่กับบ้านหลังนี้
   แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจ ...ถ้าหากเขาไม่ฝันเล่า พาทิศฉุกคิด ถ้าหากไม่เกิดการเห็นนิมิตนั้นอีก เขาก็จะไม่ได้รู้เรื่องในอดีตเกี่ยวกับตัวเขาอีกเลย ตอนนี้เขาอยากรู้เรื่องเต็มทีแล้ว เขาจะไม่รอให้มันเกิดขึ้นตามเวรตามกรรมอย่างที่มันเคยเป็นเด็ดขาด เขาจะเข้าไปในซีกตะวันตกของบ้านนี้ให้รู้ไปว่า “วิญญาณ” หรือ “จิต” ที่ยังผูกพันอยู่กับบ้านหลังนี้เป็นใครกันแน่ ทั้งที่เขาออกจะมั่นใจว่า จะต้องเป็นเส็งอย่างแน่นอน
    ชายหนุ่มจับลูกกรงแน่น ยกตัวขึ้นอย่างคล่องแคล่วสมเป็นผู้ที่ดูแลตัวเองอยู่เป็นประจำ ปีนขึ้นถึงยอดประตูเหล็กด้านหน้า แล้วกระโดดลงมายังพื้นหญ้าหน้าบ้าน รวดเร็วเพียงพริบตา บัดนี้ชายหนุ่มได้มาอยู่ในที่ที่ไม่มีใครคิดอยากอยู่ได้สำเร็จ เขาเข้ามายังเขตหวงห้ามของบ้านหลังนี้เรียบร้อยแล้ว
    บ้านซีกตะวันตกถูกปิดไว้ด้วยกลอนเหล็กที่ดูแน่นหนา หากแต่เก่าแก่เพราะไม่ได้เปิดมานาน กระนั้นพาทิศก็ยังมั่นใจว่า ถึงจะเก่าแก่อย่างไรแต่หากพังเข้าไปก็คงต้องใช้กำลังอย่างมาก จะปีนขึ้นหน้าต่างก็ปิดอยู่ แล้วจะเข้าบ้านได้อย่างไร ... ปิดอยู่หรือ หน้าต่างไม่ได้ปิดอยู่ มันเปิดแง้มไว้อย่างเชิญชวนให้เข้าไปเสียเหลือเกินต่างหาก!
     พาทิศจำได้ว่าหน้าต่างบานนั้นอยู่ตรงกับห้องนอนที่หลวงพินิจราชอักษรใช้เป็นห้องรับรองเวลาที่ เจ้าคุณพ่อและคุณหญิงแม่ของเขาเข้ามาพักไม่ผิดแน่
     ใบหน้าที่คุ้นตา ชะโงกลงมาจากหน้าต่าง เพียงชั่วเดียวที่หางตาจะกระหวัดไปเห็นได้ หน้าของบ่าวลูกจีน โผล่มาให้พาทิศเห็นอย่างชัดเจน เต็มตาจนไม่อาจปฏิเสธได้ว่าคนคนนั้นมาปรากฏตัวให้เห็นจริงๆ หนุ่มน้อยมองออกไปไกลๆ มีแววเศร้าเจืออยู่ในสายตา
    “เส็ง” พาทิศตะโกนลั่น “นั่นคุณหรือ”
    เขากำลังจะอ้าปากตะโดนชื่อนั้นอีก แต่เพียงกระพริบตาอีกครั้งเท่านั้น หน้าต่างก็กลับไปปิดสนิทอีกครั้งไม่มีแม้เงาของเด็กหนุ่มหน้าตี๋คนนั้นเลย
 พาทิศตะลึง เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นไปได้ เขาเห็นภาพหลอน หรือเขาตาฝาด หรือแท้จริงแล้วตรงนี้ไม่มีอะไรอยู่กันแน่
    ชายหนุ่มกำลังจะหันตัวกลับเพื่อปีนกำแพงกลับไปยังฝั่งที่ตนควรจะอยู่ ฉับพลันเขาก็เห็นอะไรบางอย่างที่อาจช่วยเขาเปิดประตูได้... จอบขนาดใหญ่วางพิงกำแพงขาวที่แบ่งบ้านหลังนี้เป็นสองส่วน อย่างไม่สำคัญอะไรนัก คล้ายๆว่าคนสวนคงวางลืมไว้เท่านั้นเอง พาทิศไม่ทันได้คิดทบทวนสิ่งที่เขาจะทำ ชายหนุ่มเดินคว้าจอบอันนั้นไว้มั่นในมือขวาแทบจะทันทีที่เห็นมัน ก้าวยาวๆอย่างมั่นคงกลับไปที่ประตูบ้าน ฟันจอบนั้นลงบนกลอนเหล็กนั้นด้วนแรงทั้งหมดเท่าที่เขามี
    กลอนหลุดออกเล็กน้อยเป็นสัญญาณที่ดีว่าสิ่งที่เขาพยายามจะเป็นผล พาทิศเงื้อจอบสุดแขนแล้วฟันลงอีก สองสาม ทีกลอนประตูก็กระเด็นหลุดออกมาทั้งหมด เขาโยนจอบเหล็กนั้นให้พ้นทาง ยกมือขึ้นผลักแรงๆ ประตูนั้นก็เปิดออกอย่างง่ายดาย เขาเข้ามาได้แล้วในที่สุด!
    พาทิศมองไปรอบๆ เขาเห็นบรรยากาศของบ้านไม่ชัดเจน เพราะไฟฟ้าไม่ได้เปิด ชายหนุ่มสองจิตสองใจ ถ้าเดินไปเปิดไฟฟ้าก็เท่ากับเปิดสัญญาณให้ลุงอิ่มรู้ว่าเขาบุกรุกเข้ามาในเขตที่หวงหนักหวงหนาของผู้เฝ้าบ้านชราแล้ว พาทิศหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นส่องไฟแทนไฟฉาย เขาขอสำรวจบ้านหน่อย สักพักเดียวก็ดี ที่แรกที่จะสำรวจหรือ... ก็หน้าต่างบานนั้นไงเล่า
    ชายหนุ่มรีบวิ่งขึ้นบันไดเวียน มองไปทางซ้ายมือก็เห็นตั่งไม้ตัวเดิมที่หลวงพินิจราชอักษรเคยเอนกายนอนให้บ่าวหนุ่มอ่านบทเห่กล่อมให้ฟัง มันอยู่ในสภาพเดิมชัดเจน กลิ่นของน้ำอบลอยเข้าจมูกหอมกรุ่นราวกับหลวงพินิจราชอักษรนอนอยู่ตรงนั้นจริงๆ ทำให้ลืมไปเสียสนิทว่าตั้งใจมาดูหน้าต่างเจ้าปัญหา
    “หลับเถิดหนายาหยีพี่จะกล่อม...” พาทิศหลุดปากพูดขึ้นทั้งที่กลอนบทนี้เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิตด้วยซ้ำ ชายหนุ่มเดินเข้าไปลูบตั่งนั้นเบาๆ สัมผัสได้ถึงความรักที่มันซาบซ่าน แฝงอยู่ระหว่างเนื้อไม้ก็อดสะเทือนใจไม่ได้
     “เส็ง... เหตุใดคุณถึงยังไม่ไปเกิดเสียที”
    เขาพาตัวเองเดินไปถึงห้องหนังสือ เพียงเปิดประตูไปก็เหมือนกับจะเห็นร่างของคุณหลวงหนุ่มกอดรัดบ่าวลูกจีนไว้แนบกายด้วยอารามตกใจว่าหนุ่มน้อยจะลื่นล้มได้รับบาดเจ็บเสีย เขาเดินไปลูบโต๊ะไม้กลางห้องด้วยความอาลัยตรงนี้เองที่เส็งยืนอ่านกลอนเพลงยาวที่คุณหลวงใช้บอกรัก ชายหนุ่มเดินเลยไปถึงหน้าต่าง มองออกไป เห็นเพียงด้านหลังของโรงแรม เกต ออฟพาราไดส์ แต่ก็มีภาพของเรือนบ่าว ศาลาไม้แปดเหลี่ยมสีขาวสะอาด และสระบัวขนาดใหญ่อยู่ตรงนั้นกับตา ตรงนี้ซีที่หลวงพินิจราชอักษรใช้มองความเคลื่อนไหวของบ่าวหนุ่ม ตรงนี้เองที่หลวงพินิจยืนทอดอาลัยไปถึงบ่าวคนรักของเขาก่อนจะเดินทางไปหัวหิน
    พาทิศรู้สึกสงสารเส็งจับใจ แม้ยังไม่รู้ว่าเหตุการณ์ต่อจากนั้นเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ที่แน่ๆ เส็งยังอยู่ตรงนี้ หากเป็นอย่างที่จิตราบอก จิตของเส็งยังผูกพันอยู่แต่ตรงนี้ ... เพราะอะไรไม่รู้ แต่พาทิศรู้ว่าหลวงพินิจราชอักษรก็มีส่วนในเรื่องนี้ด้วย
    แต่ เขายังไม่ลืมทีเดียวหรอกนะว่า ชาวบ้านแถวนี้เขาลือกันหนาหูเพียงใดว่าหลวงพินิจราชอักษรฆ่าตัวตายที่บ้านนี้ และไม่ไปผุดไปเกิด เช่นนั้นหมายความว่า บ้านหลังนี้มีทั้งเส็ง และคุณหลวงอยู่ในที่เดียวกัน เวลาเดียวกันนี้หรือ? แล้วเหตุใดทั้งคู่จึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายที่ตนรักมากมายก็อยู่ที่นี่ด้วย เหตุใดจึงไม่ได้พบกันสักทีเล่า
    พาทิศเดินใจลอยมาถึงหน้าต่างที่เขามักจะเห็นเส็งอยู่ประจำ เขาสำรวจหน้าต่างดูก็พบว่า ฝุ่นหนาเตอะจับอยู่ทั่วมุมของหน้าต่างไม้ แม้ด้ามจับเหล็กรูปเถาไม้ ก็มีฝุ่นเกาะหนา มันคงไม่เคยเปิดมาก่อน แล้วเขาเห็นเส็งเปิดหน้าต่างนี้ออกมาได้อย่างไร
    หรือจิตของเขาเกิดไปตรงรอยกับเส็งเข้า จึงเห็นหนุ่มน้อยคนนั้นขึ้นมา
    “เส็ง” พาทิศพูดขึ้นเบาๆ ราวกับรำพันกับตัวเอง “หากคุณอยู่ตรงนี้ ช่วยปรากฏตัวขึ้นหน่อยได้ไหม”
    เงียบ สนิท ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา ไม่มีการเคลื่อนไหวใดเกิดขึ้นนอกจากทรวงอกของเขาขยับขึ้นลงตามจังหวะหายใจเท่านั้น เส็งไม่ปรากฏตัวขึ้นมาตามคำขอของเขา
    “ขอร้องละ หากคุณติดอยู่ที่นี่ ไม่ได้ไปผุดไปเกิดเพราะผมละก็ผมก็อยากจะช่วยคุณ” เขาว่า “ไม่อย่างนั้นคุณจะดลใจให้ผมเห็นนิมิตเรื่องของคุณกับหลวงพินิจไปทำไมใช่ไหม ผมต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง ขอร้องเถอะ อย่างน้อยให้ผมเห็นนิมิต ให้ผมได้รู้เรื่องอะไรบางเถอะครับ”
    “ฟากนั้นของบ้าน ไม่ใช่ที่ที่ควรเข้าไป คุณไม่ควรแม้แต่จะพยายามเข้าไปยุ่งคุณพาทิศ ...ห้องฝั่งนั้น คือห้องลายคราม ใช้เก็บเครื่องลายครามที่เป็นสมบัติที่รักมากของคุณหลวง ...”
    เสียงของลุงอิ่มดังก้องในใจของชายหนุ่มอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
    เขาจำได้ดี เขาอยู่ที่ห้องหนังสือ พยายามจะเปิดเข้ามาในห้องที่อยู่ฝั่งนี้ แล้วลุงอิ่มก็ตวาดห้ามไว้ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีอะไรบางอย่างที่จะโยงเขาเข้าสู่นิมิตของเรื่องในอดีตได้อีก อยู่ในห้องนั้น เป็นไปได้หรือไม่ว่าหลายคนเข้าไปในห้องนั้นแล้วก็เจอแต่เรื่องร้ายๆ ทนอยู่ไม่ได้สักคน เพราะเส็งหรือคุณหลวงต้องการรักษาสภาพห้องไว้ให้เขามาค้นพบ
    พาทิศรีบวิ่งลงบันไดมาหาห้องลายครามในที่สุด
ชายหนุ่มเดินตามทิศทางที่คิดว่าถูกต้อง กระทั่งพบห้องห้องหนึ่ง ขนาดเท่าห้องหนังสือของหลวงพินิจ ห้องนั้นจัดเรียบๆ มีที่ให้นั่งพักผ่อนพูดจาจิปาถะกันกลางห้อง รอบๆผนังมีตู้เก็บเครื่องลายครามวางโชว์อยู่มากมายเป็นสิบ... เป็นร้อย ชิ้นได้ หลวงพินิจคงโปรดมากกระมังจึงสะสมไว้เยอะเพียงนี้ เขาวาดมือถือให้ฉายแสงไปรอบๆเห็นเครื่องลายครายสีขาว ลายฟ้ากระทบแสงจากโทรศัพท์มือถือของพาทิศ เรียงกันอยู่บนชั้น มันดูแข็งกระด้าง ไม่สวยเท่าที่เขาคิดไว้ แล้วอะไรในห้องนี้เล่าที่จะทำให้เขารู้เรื่องในอดีตได้มากขึ้น
 ชายหนุ่มเริ่มค้นหาเบาะแสทั้งที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังหาอะไร รูปถ่าย กระดาษ จดหมาย หรืออะไรก็ไม่รู้เขามองหาอะไรที่ดูแตกต่าง ไม่ควรอยู่ที่นั่นแต่ด้วยความที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องหาอะไรกันแน่ เขาจึงลงท้ายด้วยการไม่พบอะไรเลย ห้องนี้แคบแถมมีฝุ่นเต็มไปหมด ยิ่งอยู่นานๆยิ่งหายใจไม่ออกเขาจึงเดินไปเปิดหน้าต่าง เพื่อสูดอากาศจากภายนอก เขาสูดหายใจจนเต็มปอดก็หันกลับมาเตรียมตัวจะกลับห้องนอนของเขาด้วยความผิดหวังที่เต็มเปี่ยมอยู่ในใจ
 แต่แสงจันทร์ที่ฉายไปยังตู้เครื่องลายครามฝั่งตรงข้ามกับหน้าต่างทำให้เขาหยุดชะงัก มันฉายลงกระทบผิวกระเบื้องลายฟ้า พื้นขาวไม่ต่างจากแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือของเขา หากแต่ให้ความรู้สึกสวยงาม ขลังต้องตาจนพาทิศอดเดินเข้าไปดูใกล้ๆไม่ได้
ประตูตู้จัดแสดง ไม่ได้ล็อก เขาจึงเปิดออกได้อย่างสบาย ในนั้นมีถ้วยโถโอชามเต็มไปหมด มีเพียงใบเดียวเท่านั้นที่ไม่เหมือนกับสิ่งที่ตั้งอยู่แวดล้อม มันเป็นโถขนาดใหญ่คล้ายโถข้าวมีฝาปิดอยู่ มองดูแล้วลายก็เข้าชุดกับชามใกล้ๆ ไม่น่าสงสัยอะไร หากแต่อะไรบางอย่างกระซิบบอกข้างหูพาทิศให้เขาหยิบมันขึ้นแล้วเปิดดูข้างในอย่างลึกลับน่าพิศวง
 เขาคิดว่าเมื่อเปิดฝาออกเขาก็คงจะได้เห็นอะไรบางอย่างที่เขาไม่คิดว่าน่าจะได้เห็นในโถกระเบื้องที่สวยงามเช่นนี้ ตอนแรกเขาคิดว่ามันคงเป็นอะไรที่น่ากลัวอย่างกระดูกหรือเครื่องประดับที่ใครมาซ่อนไว้
หากแต่ความจริงแล้ว เมื่อเปิดฝาออก สิ่งที่เขาเห็นนอนอยู่ใต้โถลายครามนั้นกลับเป็นเพียงเศษดินเผาสีน้ำตาลแก่เป็นชิ้นๆมีอะไรบางอย่างสีเข้มเปื้อนอยู่อย่างไม่สลักสำคัญอะไรเท่านั้น เพียงพาทิศหยิบมันขึ้นมาสัมผัส เขาก็รู้สึกแปลกๆ โหวงๆในท้องราวจะร้องไห้ออกมา มันคืออะไร มันคืออะไรกันแน่ เหตุใดจึงมาอยู่ตรงนี้
ฉับพลัน
 ชายหนุ่มก็เห็นภาพของเส็งเงยหน้าขึ้นจากที่ต่ำ สายตาราวกับจะวิงวอนขอร้องอะไรบางอย่าง แล้วเขาก็เห็นภาพของหยาด ในสีหน้าซีดเซียว หากแต่ตกใจกลัวจนแทบล้มลงเป็นลม และ ภาพของหลวงพินิจราชอักษรนอนอยู่บนเตียงสีหน้าหมดอาลัยในชีวิตพึมพำขยับปากราวกับจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
พาทิศดึงตัวเองออกมาจากภาพนิมิตที่เกิดขึ้นฉับพลันในตอนนั้น เขาออกวิ่ง วิ่งสุดฝีเท้า นี่แหละ นี่คือสิ่งที่จะทำให้เขารู้ว่าอดีตของเขาเป็นอย่างไร เขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นอะไร แต่ต้องเป็นมันแน่ๆ เศษกระเบื้องดินเผานี้แหละที่จะเชื่อมโยงเขาสู่เหตุการณ์ในอดีต เหตุการณ์ที่ทำให้เส็งและคุณหลวงไม่ได้พบกันอีก จนถึงแก่ความตายด้วยกันทั้งคู่... มันคืออะไร  เศษกระเบื้องเหล่านี้คืออะไร สีน้ำตาลแก่ที่เปื้อนอยู่คืออะไร ใครเอามันมาเก็บซ่อนไว้ เขาต้องรู้ให้ได้ เขาไม่รู้ว่าเคยมีทายาทสักคนของบ้านหลังนี้ สร้อยฟ้า คุณผ่านฟ้า ป้าจิตรา จะมีที่เคยมาเห็นเจ้าสิ่งนี้มาก่อนหรือเปล่า
 แต่พิจารณาแล้ว ใครจะมาเห็นได้อย่างไร ในเมื่อโถลายครามนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากเครื่องลายครามอื่นๆที่ประดับแสดงไว้ใกล้เคียง มองเผินๆใครจะรู้ว่ามีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ข้างใน
 พาทิศอุ้มโหลลายคราม กระโดดขึ้นรถ เขาวางมันไว้บนที่นั่งข้างคนขับ ไม่ทันปิดประตูบ้าน ไม่ทันปิดประตูลูกกรงเหล็กหน้าบ้าน ไม่คิดหน้าคิดหลังอะไร แม้จะฝึกจิต ฝึกสมาธิมามากแค่ไหน แต่เมื่อเจอเรื่องอย่างนี้ พาทิศก็ตื่นเต้นเสียจนควบคุมสติไม่อยู่ เขาสตาร์ทรถ เร่งเครื่องขับออกไปอย่างรีบร้อน เขาจะไปหาป้าจิตรา จิตราอาจจะรู้ว่านี่คืออะไร จิตราอาจจะใช้สิ่งนี้พาเขากลับไปในอดีตได้
พาทิศบึ่งรถมาจนถึงสี่แยกก็พบว่าไฟสัญญาณกลายเป็นสีแดงอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย โถกระเบื้องเลื่อนไหลลงจากที่นั่งข้างคนขับ พาทิศเห็นดังนั้นก็รีบก้มลงคว้าไว้ก่อนที่มันจะตกลงพื้นแตกกระจาย
ลืมไปชั่วขณะว่าตัวเองขับรถอยู่
รถพุ่งเลยไฟแดงออกมามากแล้ว กว่าพาทิศจะเหยีบเบรก บังคับให้มันหยุดได้สนิท กว่าพาทิศจะลุกขึ้นนั่งตรงจับพวงมาลัยอีกครั้งก็สายไปที่จะทำอะไร เขาเห็นแสงสว่างจ้ามาจากฝั่งขวาเป็นสิ่งสุดท้าย ก่อนที่รถบรรทุกขนาดใหญ่จะพุ่งเข้าชนรถของเขา ตรงบริเวณที่เขานั่งพอดี แรงอัดกระแทกนำความเจ็บปวดมาสู่ร่างกายอย่างมากล้นเท่าที่เขาเคยเจ็บมาตลอดชีวิต พาทิศหมดสติไปทั้งที่มีโถลายครามนอนนิ่งอยู่ในมือซ้าย น่าแปลกที่ทั้งรถทั้งคนยับเยินไม่มีสิ้นดี
แต่โถลายครามนั้นกลับยังอยู่ในสภาพปลอดภัย ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน

*********************************************************************************

มีกำลังใจให้ผมล้นเหลือจริงๆนะครับ ขอบคุณทุกคนจากใจจริงครับ :)
ตอนนี้ยาวไปอีกแล้วต้องโพสต์เป็น 2 รีพลายนะคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 15 ทั้งบทคร้าบบบ 22.50 - 18/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 21-11-2010 21:44:30
ดีแล้วหล่ะจ้า มายาวๆ จะได้หายคิดถึง
ผ่านไปไม่กี่วันก็คิดถึงแล้วค่า
แอบค้างนะคะเนี่ยะ รอดูต่อไปค่ะว่า
จะเป็นยังไง ลุ้นๆๆ
มาต่อไวๆนะคะ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 16 ทั้งบทเช่นเคย :พาทิศกลับเรือนเทาแล้ว! 21.45 - 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 21-11-2010 22:02:11
อึ๊ยยย อ่านแล้วขลุกหนะ  แต่เสดดินเผ่านั้นคืออะไร แล้วที่เปื้อนคือเลือดหรอ กรี๊ดดดดดดอยากรู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 16 ทั้งบทเช่นเคย :พาทิศกลับเรือนเทาแล้ว! 21.45 - 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 21-11-2010 22:15:07
อ๊าค อะไรกันเนี่ย อยากอ่านต่อค๊า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 16 ทั้งบทเช่นเคย :พาทิศกลับเรือนเทาแล้ว! 21.45 - 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 21-11-2010 23:21:47
คุณหลวงฆ่าตัวตายเหรอ   รักที่ไม่สมหวัง  ไม่ได้รับการยอมรับ
เศร้ามาก ๆ  ชอบเรื่องนี้มาก ๆ เลยค่ะ  ภาษาสวย  เรื่องไม่จำเจ
+1
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 16 ทั้งบทเช่นเคย :พาทิศกลับเรือนเทาแล้ว! 21.45 - 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Natavishi ที่ 22-11-2010 00:29:40
อ่าาา  กำลัง  มัน เลย    มา ต่อ เร็ว ๆๆ น่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 16 ทั้งบทเช่นเคย :พาทิศกลับเรือนเทาแล้ว! 21.45 - 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 22-11-2010 00:59:17
พาทิศเริ่มเข้าใกล้ปมในอดีตแล้ว ว่าแต่โถลายครามนี้เกี่ยวข้องกับคุณหลวงและเส็งยังไงนะ ยิ่งอ่านยิ่งอยากรู้เรื่องในอดีต
แล้วพาทิศในอดีตเป็นใครกันล่ะ มาเฉลยไวไวนะคะ
+1 ให้เรื่องที่น่าติดตามและภาษาสวยๆค่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 16 ทั้งบทเช่นเคย :พาทิศกลับเรือนเทาแล้ว! 21.45 - 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Lady-Rabbit ที่ 22-11-2010 01:18:30
อ่านเรื่องนี้ในคืนวันเพ็ญลอยกระทงแล้วใจเต้นตุบตุบ
ขนลุกมากๆเลยค่ะ บรรยายได้ดีมาก ลุ้นสุดๆ

อย่างน้อยรอยเปื้อนนั่นอาจจะต้องเป็นหยดเลือดของใครซักคนแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 16 ทั้งบทเช่นเคย :พาทิศกลับเรือนเทาแล้ว! 21.45 - 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 22-11-2010 01:48:11

• สิ่งที่เขาเห็นนอนอยู่ใต้โถลายครามนั้นกลับเป็นเพียงเศษดินเผาสีน้ำตาลแก่เป็นชิ้นๆมีอะไรบางอย่างสีเข้มเปื้อนอยู่
ว้าย เปื้อนเลือดรึคะ
เส็งโดนฆาตกรรมในสระรึคะ
คุณหลวงกรีดเลือดรึคะ
 :m22:
๙๒ + ๑ = ๙๓
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 16 ทั้งบทเช่นเคย :พาทิศกลับเรือนเทาแล้ว! 21.45 - 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 22-11-2010 14:21:58
อูยยยยยยย อ่านไปขนลุกไปซู่ๆ  :sad3:

มันส์จริงๆ ลุ้นมากกกกกกกกก

เส็งคือแม่แก้วหรือเปล่าหนอ   :z10:



+ ให้เลย คนแต่งเขียนเก่งมากกกกกก
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 16 ทั้งบทเช่นเคย :พาทิศกลับเรือนเทาแล้ว! 21.45 - 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: w1234 ที่ 22-11-2010 14:52:46
 :pig4: :pig4:

+1
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 16 ทั้งบทเช่นเคย :พาทิศกลับเรือนเทาแล้ว! 21.45 - 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 22-11-2010 17:13:07
ชอบการดำเนินเรื่องมากเลย

หวังว่าดินสีน้ำตาลนั้นจะเลือดเส็งนะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 16 ทั้งบทเช่นเคย :พาทิศกลับเรือนเทาแล้ว! 21.45 - 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 22-11-2010 19:50:57
อ่านแล้วขนลุกมากเลยค่ะ ลุ้นตลอดเวลาว่าจะเป็นยังไงต่อ

เอาใจช่วยพาทิศอยู่ตลอด

แล้วอะไรที่มันเปื้อนอยู่กันแน่

ปล. พาทิศอย่าเป็นอะไรน้า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 16 ทั้งบทเช่นเคย :พาทิศกลับเรือนเทาแล้ว! 21.45 - 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 22-11-2010 22:23:28
รอลุ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 16 ทั้งบทเช่นเคย :พาทิศกลับเรือนเทาแล้ว! 21.45 - 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 23-11-2010 13:33:52
ฆาตรกรรมซ่อนเงื่อน...

รอการเปิดเผย...
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 16 ทั้งบทเช่นเคย :พาทิศกลับเรือนเทาแล้ว! 21.45 - 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 23-11-2010 14:21:22
อ่านไปลุ้นไปสุดๆ ดำเนินเรื่องสนุกมากค่ะ


อยากรู้ตอนต่อไปเร็วๆ แล้ว  :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:



ปล.คิดถึงเส็งกับคุณหลวงมากค่ะ :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 16 ทั้งบทเช่นเคย :พาทิศกลับเรือนเทาแล้ว! 21.45 - 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 23-11-2010 15:50:05
อ๊ากกก ตื่นเต้นสุดพลังงงง เหมือนกำลังดูละครอยู่เลยอ๊า :m3:
แล้วพาทิศจะเป็นไรมากมั้ยเนี่ย พังยับเยินนี่คงไม่ตายใช่มั้ยอ่า :monkeysad:
สู้ๆ อยากรู้ใจจะขาดแล้วว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 16 ทั้งบทเช่นเคย :พาทิศกลับเรือนเทาแล้ว! 21.45 - 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Lesses ที่ 24-11-2010 08:32:32
กำลังสนุกเลย มาต่อเร็วๆนะครับ ขอให้พาทิศปลอดภัย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 16 ทั้งบทเช่นเคย :พาทิศกลับเรือนเทาแล้ว! 21.45 - 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 25-11-2010 00:11:34
มารอตอนต่อไปค่าาาาาาาาาาาาาาาา :call: :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบท$
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 25-11-2010 18:02:00
อ่านไปลุ้นไป กลัวไป
ครบทุกรสจริงๆเรื่องนี้
พาทิศจะเป็นอะไรมากไหมเนี่ย
ยังไม่ได้คลี่คลายปมเลยนะ สงสัยสุดๆอ่ะตอนนี้
รอตอนต่อไปอยู่น๊า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 16 ทั้งบทเช่นเคย :พาทิศกลับเรือนเทาแล้ว! 21.45 - 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: w1234 ที่ 25-11-2010 18:10:42
มารอครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 16 ทั้งบทเช่นเคย :พาทิศกลับเรือนเทาแล้ว! 21.45 - 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 25-11-2010 22:05:54
๑๗
[/color]

นานๆที สร้อยฟ้ากับสร้อยสุวรรณจะได้มีโอกาสมาเจอกันสักครั้งหนึ่ง วันนี้น้องสาวสุดสวย ของสร้อยฟ้าว่างตรงกันกับหล่อนพอดี ทั้งคู่จึงออกมาพบปะพูดคุยกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งย่านหลังสวน แม้เวลาจะมืดพอสมควรแล้วก็ตาม
สร้อยฟ้ารวบผมตึงเป็นหางม้าแบบทุกที ใส่เสื้อยืดคอวีสีขาว กางเกงยีนส์รัดรูปแบบธรรมดา รองเท้าส้นสูงแต่ดูลำลองแบบสบายๆ ส่วนอีกฝ่ายกลับ มาสวยราวกับเพิ่งลงจากรันเวย์ ถึงจะเพิ่งลงมาจากรันเวย์จริงๆก็เถอะ สร้อยสุวรรณสวมเสื้อกล้ามสีดำพอดีตัว กางเกงขาแคบสีเทาเข้มมีรอยขาดยาวพาดที่ขาทั้งสองข้าง รองเท้าส้นเข็มสูงปรี๊ดสีดำพื้นแดงดีไซน์หรู หล่อนไว้ผมซอยสั้นแนบลำคอสีน้ำตาลแก่ เปิดใบหน้าให้เห็นโครงหน้าสวยเด่นสมกับเป็นนางแบบ
 สร้อยสุวรรณสวยคม ได้มาจากฝั่งแม่เต็มๆ ตาคู่สวยดูดุเมื่อกรีดไว้ด้วยอายไลน์เนอร์สีดำเข้ม คิ้วโก่งสวยเป็นธรรมชาติดูเข้มรับกันกับตา และชุด ปากทาไว้เป็นสีแดงสด พร้อมจะวิ่งเข้าถ่ายโฟโต้ชูทให้นิตยสารทุกฉบับเมื่อใดก็ได้ พอเดินเข้าร้านกาแฟมา คนต่างก็ต้องหันมามองพี่น้องคู่นี้ คนหนึ่งสวยหวานเรียบร้อย อีกคนสวยดุเปรี้ยวเข็ดฟัน ไม่ว่าใครได้เห็นก็ต้องย่อมเข้าใจสำนวน “รักพี่ เสียดายน้อง” ขึ้นมากันทุกคน
สองสาวสั่งกาแฟแล้วก็นั่งเสวนากันไปสักพัก พูดไปพูดมาก็วกกลับมาเรื่องของพาทิศ
“ไม่ได้เจอสักที เขาว่ากันว่าหล่อนี่” สร้อยสุวรรณว่า
“จะว่าหล่อก็หล่อ แต่หล่อแปลกๆ”
“ดูไม่มีเสน่ห์” หล่อนดูดกาแฟอย่างระมัดระวังมิให้ลิปสติกเปื้อนหลอด “อย่างพี่ละชอบคนคุยสนุก หล่อไม่หล่อเอาไว้ทีหลังใช่ไหมล่ะ”
“ก็ไม่ขนาดนั้น” หล่อนนิ่วหน้าใส่น้องสาว “เขาแปลกๆ เป็นพวกเดียวกับป้าจิตรา”
“มีซิกส์ เซ้นส์อย่างนั้นหรือ”
“ก็ทำนองนั้น”
สร้อยสุวรรณยกมือขึ้นดูนาฬิกาไม่คุยต่อแสดงว่าหมดความสนใจในตัวชายหนุ่มที่พี่สาวพูดถึงไปแล้ว
“ไหนล่ะคนที่นัดมาคุยเรื่องงานแฟชั่นอาทิตย์หน้า”
“เห็นว่ารถติดอยู่เพลินจิตนี่เอง อีกสักพักก็คงถึงแล้วล่ะ”
“พี่สนิทกับเขาหรือ”
“ก็พอสมควร เขาเป็นเพื่อนคุณพาทิศรู้จักกันก็เพราะเรื่องเขานี่แหละ” พี่สาวว่า หน้าแดงแต่ก็พยายามแสดงท่าทีกลบเกลื่อน หากแต่น้องสาวที่รู้จักพี่ตัวเองดี จับท่าทางได้ทัน จึงไม่ปล่อยให้พฤติกรรมน่าสงสัยนี้ หลุดลอยไปเสียง่ายๆ
 “เอ๊ะ พูดถึงแล้วก็หน้าแดง พี่ชอบเขาหรือไง”
 “จะบ้าหรือ จะชอบได้ไงล่ะ” หล่อนโวยวาย “เขาดูออกเป็นคู่เกย์กับคุณพาทิศ”
“อ้อ” สร้อยสุวรรณร้องออกมา “มิน่าถึงทำพวกงานศิลปะ พวกศิลปินน่ะนะ หาเป็นชายแท้ๆยากเต็มที”
 “แต่ก็ไม่แน่ เขาอาจจะแค่อารมณ์อ่อนไหวแบบศิลปินก็ได้”
 “คิดเข้าข้างตัวเองไปเถอะพี่น่ะ” หล่อนมองอย่างเจ้าเล่ห์ “ว่าแต่จะวาดภาพมาให้ได้แน่หรือ พี่หงวนเขาต้องการแบบอลังการนะ จัดบนรันเวย์ นางแบบจะเดินไป โพสต์อยู่หน้ากรอบรูป ต้องใหญ่พอนะ ขนาดต้องสูงกว่านางแบบอีก”
 สร้อยสุวรรณว่า หล่อนพูดถึงงานแฟชั่นที่จะจัดอาทิตย์หน้า หญิงสาวเคยเปรยๆกับพี่ว่าต้องการศิลปินมาวาดภาพใช้ประกอบฉากบนรันเวย์ พี่สาวก็แนะนำว่า ณัฐ เพื่อนของหล่อนน่าจะสนใจ จึงนัดออกมาคุยกันที่ร้านกาแฟนี้เอง
 “ก็คุยกับเขาเองซี ไม่งั้นจะนัดมาคุยกันทำไม” คนเป็นพี่ว่า
 “ค่า แต่นี่ ฉันยังไม่เคลียร์ สรุปพี่ชอบเขาจริงๆหรือ” สร้อยสุวรรณยังยิงคำถามต่อไปอย่างไม่สนใจว่า คนถูกยิงจะพรุนแล้วสักเพียงใด
 “ก็” สร้อยฟ้าอึกอัก “เขาก็น่ารัก คุยเก่งนิสัยดี เทคแคร์ดี แต่ไม่รู้ว่าเขาจะมองพี่เป็นแค่เพื่อนหรือเปล่า บางครั้งเขาก็ดูเป็นผู้ชายแมนๆปกตินี่แหละ แต่พออยู่กับคุณพาทิศ จะชอบมองคุณพาทิศซึ้งๆหวานๆทุกครั้งเลย”
 “ต๊าย” น้องสาวร้องออกมาอย่างนึกสนุก “รักสามเส้าค่ะ เอ หรือคุณคนนี้เขาจะเป็นเสือไบพี่ หญิงก็ได้ ชายก็ดีอย่างนี้หรือเปล่า”
 “จะบ้าหรอ ชู่ว เงียบเขามาแล้ว” พี่สาวจุ๊ปาก มองไปทางประตู สร้อยสุวรรณก็หันไปมองด้วย เห็นผู้ชายที่กำลังเดินเข้าร้านมาอย่างรีบร้อน ข้างนอกฝนตกปรอยๆ ชายหนุ่มจึงเปียกฝนเล็กน้อย แต่กลับดูดีอย่างที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ เขามาในเสื้อแขนยาวคอวีสีขาวบาง กางเกงยีนส์สีเข้มรองเท้าผ้าใบแบบง่ายๆ ผมสีน้ำตาลดูชื้นเล็กน้อย แม้จะยาวปิดหน้า หากแต่ก็ยังเหลือที่ให้เห็นตากลมโตใส จมูกโด่ง ปากแดงเล็กบางคล้ายใบหน้าผู้หญิง หากแต่การแต่งตัวและรูปร่างของเขายังทำให้ดูสมชายอยู่บ้าง สร้อยสุวรรณอดนึกไม่ได้ว่า ผู้ชายที่หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มแบบนี้ซีนะที่เป็นที่ต้องการของผู้หญิงสมัยนี้
แต่ก็ผู้ชายแบบนี้แหละที่ไม่สนใจผู้หญิงคนใดเลยเหมือนกันไม่ใช่หรือ
“ขอโทษทีครับ พอดีรถติดไปหน่อย”แค่เสียงก็หวานขนาดนี้แล้ว สร้อยสุวรรณคิด พี่สาวหล่อนชอบผิดคนแล้วจริงๆ
“ไม่เป็นไรค่ะคุณณัฐ พวกเราก็เพิ่งมาถึงได้ไม่นานค่ะ” สร้อยฟ้ายิ้มหวาน “นี่ค่ะน้องสาวดิฉันสร้อยสุวรรณ ...สุ นี่คุณณัฐที่เคยเล่าให้ฟังไง”
 สร้อยสุวรรณยื่นมือมาเชคแฮนด์เขาอย่างเป็นกันเอง
“สวัสดีค่ะ ได้ยินพี่สร้อยเขาพูดถึงอยู่ตลอดเพิ่งได้เจอตัวจริงวันนี้เองยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
 “เช่นกันครับ”
 “คุณณัฐสั่งอะไรไหมคะ ดิฉันแนะนำได้เดี๋ยวจะเดินไปที่บาร์เป็นเพื่อน” สร้อยฟ้าว่า น้องสาวนั่งกอดอกจ้องอยู่เขม็ง
 “ก็ดีครับ เอ๊ะขอโทษนะครับโทรศัพท์มา” ณัฐหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูชื่อคนโทรเข้า เพลงพิณ แม่ของพาทิศ เอ... แม่ของพาทิศจะโทรมาหาเขาทำไงละนี่ ชายหนุ่มกดรับโทรศัพท์ พูดได้เพียงคำว่าสวัสดี ก็ต้องนิ่งเงียบฟังสิ่งที่ปลายสายพูดด้วยความตกใจเป็นที่สุด สองสาวพี่น้องเห็นสีหน้าเขาอย่างนั้นก็หันมามองหน้ากันโดยมิได้นัดหมาย
พอดีชายหนุ่มวางสายโทรศัพท์แล้วพูดเบาๆด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยขึ้นนั้นแหละ สองสาวจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“พาทิศ รถชน ตอนนี้อยู่ห้องไอซียู”

 กลายเป็นว่าคนที่มีสติที่สุดคือสร้อยฟ้า ทันทีที่รู้เรื่องทางโทรศัพท์ หล่อนก็รีบขับรถพาณัฐมาที่โรงพยาบาล เพราะหนุ่มน้อยร้องไห้หนักมากด้วยความเป็นห่วงเพื่อนหนุ่มที่ตนรัก เขาได้แต่นั่งหน้านิ่งน้ำตาไหลพรากเป็นทางไม่หยุด ส่วนสร้อยสุวรรณ สร้อยฟ้าก็ให้ไปรับป้าของทั้งสองมาที่โรงพยาบาล หล่อนมีสังหรณ์บางอย่างว่า เรื่องนี้จะเกิดขึ้นเพราะเรื่องลึกลับ และอาถรรพ์ของเรือนเทา ยิ่งเหตุการณ์นี้เกิดในวันเดียวกับที่พาทิศออกมาจากบ้านหล่อนด้วยแล้วอย่างนี้สร้อยฟ้ายิ่งวิตกว่าป้าจิตราจะรู้เรื่องบางอย่าง
หน้าห้องไอซียู คุณนายเพลงพิณ สะอื้นไห้โฮ มีสามียืนปลอบใจอยู่ข้างๆ ส่วนณัฐนั่งร้องไห้เงียบๆอยู่กับสร้อยฟ้าที่ นั่งกุมมือเขาไว้อย่างเป็นห่วงเป็นใย สร้อยสุวรรณนั่งถัดจากพี่สาวนึกในใจว่าหล่อนเกี่ยวอะไรด้วยกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ใจร้ายพอจะขอตัวกลับไปอย่างคนไม่รู้จักมารยาท
 ชมนาดป้าของพาทิศเดินเข้ามาบริเวณนั้นก็โผเข้าหาน้องสาว
 “พิณเอ๊ย ลูกมันไม่เป็นอะไรหรอก เดี๋ยวก็ดีนะมันต้องปลอดภัย หลังๆมันไปทำบุญอยู่กับจิตราคนมีบุญไม่ตายเร็วหรอกเธอ” หล่อนปลอบน้องสาวแม้ตัวเองจะเริ่มมีน้ำตาคลอบ้างแล้วก็ตาม
“โถ่คุณลูก ลูกชายไม่น่าเลย แม่ไม่น่าให้หนูไปอยู่บ้านผีสิงอะไรนั่นเลย” เพลงพิณร้องไห้โฮ อย่างขาดสติ
จิตรายืนนิ่งๆอย่างสงบอยู่ห่างจากคนเหล่านี้มาพอสมควร หล่อนประสานมือไว้ข้างหน้า ราวกับยืนนิ่งใช้ความคิดอะไรไปเรื่อย
 “จิตรา” ชมนาดร้องหาเพื่อน หล่อนเดินเข้ามาจูงเพื่อนหญิงไปหาน้องสาว “พาทิศหลานฉันจะไม่เปนอะไรใช่ไหม ไหนบอกซีว่าเขาจะปลอดภัย”
“เขาจะปลอดภัยค่ะ” หล่อนหลับตาพูดอย่างสงบ “ชะตาเขายังไม่ถึงฆาตง่ายๆหรอกค่ะเขาจะยังอยู่ต่อไปอีกนานค่ะ”
“พี่จิตรา พี่จะช่วยลูกของพิณได้บ้างไหมคะ” เพลงพิณจับมือจิตรากุมแน่นอย่างขอที่พึ่งทางใจ หญิงชราผมบ๊อบสั้นแค่คอหันหน้าหนีออกไป
“พี่ไม่ใช่แม่มดหมอผี จะช่วยได้อย่างไร ให้หมอเขาช่วยเถิดนี่ออกมาแล้วไงล่ะ” สิ้นเสียงจิตราทั้งหมดก็มองไปยังประตูห้องฉุกเฉิน ยังไม่มีหมอออกมา แต่อีกไม่ถึงอึดใจ นายแพทย์วัยกลางคนก็เปิดประตูออกมาในที่สุด
ทุกคนตรงนั้นแทบจะถลาเข้าไปหาหมอ ปากก็ถามไม่หยุดว่า พาทิศมีอาการอย่างไรบ้าง เพลงพิณยืดแขนของหมอไว้ พอๆกับที่ณัฐกุมมือเพลงพิณเอาไว้ราวกับตนเป็นลูกชายอีกคนของคุณนายคนนี้ กว่าเสียงคำถามจะเงียบพอให้นายแพทย์ผู้นั้นตอบได้ ก็กินเวลาอยู่พักหนึ่ง หากแต่เรื่องที่เขาพูดนี่ซีที่ทำให้หลายคนแปลกใจ และเกือบทุกคนต่างก็มองมาที่จิตราแต่เพียงผู้เดียว
 “อาการของคนไข้ไม่ค่อยน่าห่วงครับ ตอนนี้ยังไม่ฟื้นเพราะตกใจและพิษจากบาดแผลเท่านั้น ส่วนอาการบาดเจ็บก็มีอยู่ครับ มีการกระทบกระเทือนที่ศีรษะ กระดูกต้นขาร้าว และแขนหัก ตอนนี้ทางเรากำลังพยายามทำให้เขาฟื้นอยู่นะครับ”
“ลูกดิฉันจะรอดไหมคะ”
“รอดแน่นอนครับ คงไม่ถึงกับเสียชีวิตอย่างแย่ที่สุดก็เป็นเจ้าชายนิทราหรือเป็นอัมพาตเท่านั้นเอง” นายแพทย์หนุ่มกล่าวอย่างสุภาพ เรียบร้อยพยายามไม่ให้กระเทือนใจญาติผู้ป่วยที่สุด “แต่ว่า...”
เงียบ
“ตอนประสบอุบัติเหตุรถชน คุณพาทิศถือโถลายครามใบหนึ่งอยู่” ตอนนี้ทุกคนเริ่มหันมามองจิตรา ราวกับหญิงชรามีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ด้วย “เราไม่สามารถแกะออกจากมือเขาได้ตอนที่นำเขาเข้าห้องฉุกเฉิน สันนิษฐานว่าคงเพราะความเครียดของร่างกาย แต่พอกล้ามเนื้อคลายตัวแล้ว ดึงโถใบนั้นออกจากมือได้เรากลับพบสิ่งที่ประหลาดกว่านั้นครับ
เมื่อไหร่ที่เรานำโถลายครามนี้ออกห่างจากตัวคุณพาทิศ อัตราการเต้นของหัวใจเขาจะต่ำลง จนเกือบหยุดเต้นไปเลย แต่พอเอาไปไว้ใกล้ๆ การเต้นของหัวใจกลับดีเกือบจะเป็นปกติ เป็นเหตุการณ์ที่เราไม่เคยพบมาก่อนและไม่อาจวินิจฉัยตามทางแพทย์ได้เลยครับว่ามันเป็นอย่างนั้นเพราะอะไร”
ทุกคนมองหน้าจิตรา เหมือนรอให้หล่อนพูดอะไรบางอย่าง แต่หล่อนไม่พูดนายแพทย์คนนั้นจึงถือโอกาสพูดต่อ
“ญาติผู้ป่วยจะนำโหลนี้กลับไปเลยไหมครับ”
“ไม่ค่ะ” จิตราเป็นคนตอบแทบจะทันที เพลงพิณทำหน้าประหลาดใจ อันที่จริง ทุกคนนั่นละทำหน้าประหลาดใจอยากรู้เหลือเกินว่า นี่มันคืออะไรกันแน่ “ขอความกรุณา รบกวนคุณหมอช่วยวางโถนั้นไว้ใกล้พาทิศตลอดเวลาจะได้ไหมคะ ไม่ว่าจะอยู่ในห้องฉุกเฉินหรือจะย้ายเข้าห้องผู้ป่วยในก็ตาม ช่วยให้โถอยู่ใกล้ๆเขาจนกว่าเขาจะฟื้น หรือหากมันกีดขวางการทำงานของหมอ อย่างน้อยก็ให้มันแค่อยู่ในห้องนั้นด้วยจะได้ไหมคะ”
เป็นคำขอที่ประหลาดที่สุด แต่ก็ไม่มีใครคัดค้านอะไร แม้แต่ตัวหมอเอง เขามองจิตราอย่างประหลาด ซึ่งหญิงชราก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเขาคงจำได้ว่าหล่อนเคยเป็นคนไข้ของเขา... คนไข้ที่เขาไม่อาจปลุกให้ตื่นได้เป็นเดือนๆ โดยไม่เจ็บป่วยหรือมีอาการบาดเจ็บอะไรเลย
  ในห้องฉุกเฉิน พาทิศนอนนิ่ง ราวกับหลับไปเท่านั้นเขาไม่เจ็บ เขาไม่ได้ยิน ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น เพราะดวงจิตของเขานั้นมันถอดออกมาจากร่างแล้วอย่างสมบูรณ์ย้อนไปในอดีตเมื่อร้อยกว่าปีก่อนเพื่อตามหาความจริงเรื่องของเส็งและหลวงพินิจราชอักษร จากการดลใจของดวงจิตอีกดวง ที่สิงสถิตย์อยู่ในโถแก้วนั้นเอง
พาทิศไม่ได้มีเวลาพอที่จะกำหนดจิตให้ตัวเองฟื้นเมื่อใดตอนที่รถบรรทุกชนเขาเข้า นั่นหมายความว่า เขาจะต้องเห็นเหตุการณ์ในอดีตทั้งหมดจนกว่ามันจะจบไม่ว่าจะเป็นวัน เป็นเดือน หรือเป็นปีก็ตาม ไม่อย่างนั้นก็จนกว่าร่างกายเขาจะรับไม่ไหวอีกต่อไป แล้วดึงจิตเขากลับเข้าสู่ร่าง
หรืออย่างเลวร้ายที่สุด คือพาทิศจะหลับไป จมอยู่ในโลกอดีตและไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย

*******************************************************************************************

มาต่อแล้วนะคร้าบบบ อิอิ
ใครรอเส็งอยู่ตอนหน้าจะมาแล้วคร้าบบบบ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 16 ทั้งบทเช่นเคย :พาทิศกลับเรือนเทาแล้ว! 21.45 - 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 25-11-2010 22:23:38
สงสารพาทิศจังเลย แต่หลับไปสักพักใหญ่ๆ เถอะนะจ๊ะ เพราะคนอ่านอยากรู้เรื่องในอดีต แหะๆ
บวกให้นะจ๊า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 16 ทั้งบทเช่นเคย :พาทิศกลับเรือนเทาแล้ว! 21.45 - 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 25-11-2010 22:52:30
โหดมากกกกกก

นี่ดลใจให้รถชนรึเปล่าหนอ จากดวงจิตในโถ

+1  :3123:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 17 แล้วคร้าบบ :พาทิศเข้าโรงพยาบาล! 22.05 - 25/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 25-11-2010 23:56:36
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 17 แล้วคร้าบบ :พาทิศเข้าโรงพยาบาล! 22.05 - 25/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 26-11-2010 00:08:07
ใครหนะอยู่ในโถ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 17 แล้วคร้าบบ :พาทิศเข้าโรงพยาบาล! 22.05 - 25/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: w1234 ที่ 26-11-2010 00:14:02
อะไรดลใจให้รถชนนะ

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 17 แล้วคร้าบบ :พาทิศเข้าโรงพยาบาล! 22.05 - 25/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 26-11-2010 00:44:19
สงสารณัฐนะ  สงสารเส็งกับคุณหลวงด้วยเหมือนกัน
หวังว่าพาทิศคงจะกลับมาได้  และช่วยปลดปล่อยทุกคนได้
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 17 แล้วคร้าบบ :พาทิศเข้าโรงพยาบาล! 22.05 - 25/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 26-11-2010 01:01:04
อ๊างงง เริ่มอยากรู้ตอนต่อแล้วสิ แล้วดวงจิตใครอยู่ในโถเนี่ยะ
รอตอนต่อไปจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 17 แล้วคร้าบบ :พาทิศเข้าโรงพยาบาล! 22.05 - 25/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 26-11-2010 03:35:54
สงสารพาทิศจังกลายเป็นเจ้าชายนิทราไปซะงั้น อยากรู้เรื่องในอดีตเร็วๆจัง ดวงจิตใครกันแน่ที่อยู่ในโถแล้วเกี่ยวกับพาทิศยังไง
+1 เป็นกำลังใจให้ค่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 17 แล้วคร้าบบ :พาทิศเข้าโรงพยาบาล! 22.05 - 25/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 26-11-2010 03:38:37
น่าสงสารพาทิศ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 17 แล้วคร้าบบ :พาทิศเข้าโรงพยาบาล! 22.05 - 25/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 26-11-2010 03:45:02

• เมื่อไหร่ที่เรานำโถลายครามนี้ออกห่างจากตัวคุณพาทิศ
อัตราการเต้นของหัวใจเขาจะต่ำลง จนเกือบหยุดเต้นไปเลย
แต่พอเอาไปไว้ใกล้ๆ การเต้นของหัวใจกลับดีเกือบจะเป็นปกติ
ว้าย Chinese Vase Pacemaker
ภูมิปัญญาคนไทยยุคคุณหลวง อิอิ

๙๗ + ๑ = ๙๘
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 17 แล้วคร้าบบ :พาทิศเข้าโรงพยาบาล! 22.05 - 25/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 26-11-2010 05:30:14
แว้กๆๆๆๆ พาทิศกำลังจะกลับไปแก้ไขอดีตเหรอ
ต้องกลับมาได้อย่างปลอดภัยนะ รีบๆกลับมาดูแลณัฐไง :monkeysad:
 
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 17 แล้วคร้าบบ :พาทิศเข้าโรงพยาบาล! 22.05 - 25/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 26-11-2010 08:05:01
+1เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์  พาทิศสู้..สู้  :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 17 แล้วคร้าบบ :พาทิศเข้าโรงพยาบาล! 22.05 - 25/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 26-11-2010 10:20:41
หลับไปจนกว่าเรื่องจะจบ หรือร่างกายรับไม่ไหว
แล้วที่ไปฝึกทำสมาธิมาตั้งนานล่ะ เพื่ออะไร :z3:
หลับครั้งนี้นานแน่เลย สงสารณัฐล่วงหน้าเลยได้ป่ะ
ต้องห่วงพาทิศจนไม่เป็นอันทำอะไรแน่เลย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 17 แล้วคร้าบบ :พาทิศเข้าโรงพยาบาล! 22.05 - 25/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 26-11-2010 10:33:15
หวังว่าพาทิศจะกลับมาได้ก่อนร่างกายจะทนไม่ไหวนะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 17 แล้วคร้าบบ :พาทิศเข้าโรงพยาบาล! 22.05 - 25/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 26-11-2010 13:34:39
สงสารพาทิศ แต่อย่างนี้แปลว่าจะได้รู้เรื่องเส็งกับคุณหลวงจนจบใช่ไหมเนี่ย ดีจัง :z1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 17 แล้วคร้าบบ :พาทิศเข้าโรงพยาบาล! 22.05 - 25/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 26-11-2010 22:50:06
พาทิศจ๋า  ยังไงก็ช่วยนอนต่อไปอีกนิดนะค่ะ


 เพราะว่าเราอยากรู้ว่าเกินอะไรขึ้นกับคุณหลวงและเส็ง  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 17 แล้วคร้าบบ :พาทิศเข้าโรงพยาบาล! 22.05 - 25/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 27-11-2010 08:11:27
สงสารพาทิสจังหวังว่าจะกลับอย่างปลอดภัยนะครับ แล้วเรื่องราวในอดีตคงได้รับการคลี่คลายด้วย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 17 แล้วคร้าบบ :พาทิศเข้าโรงพยาบาล! 22.05 - 25/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 27-11-2010 13:15:55
คราวนี้ก็จะได้รู้แล้วสินะว่าในอดีตเกิดอะไรขึ้นกันแน่

สงสารพาทิศและณัฐ หวังว่าพาทิศจะทนไหวนะ

ปล. จะได้เจอเส็งแล้ว คิดถึง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 17 แล้วคร้าบบ :พาทิศเข้าโรงพยาบาล! 22.05 - 25/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: agricolaman ที่ 27-11-2010 20:19:24
อ่านรวดเดียวจนถึงตอนนี้เลย
หนุกมากครับ
อยากอ่านต่อ :seng2ped:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 17 แล้วคร้าบบ :พาทิศเข้าโรงพยาบาล! 22.05 - 25/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 28-11-2010 19:06:42
ไปต่อกันเลยนะคร้าบบบบ

***********************************************************************************************

    เส็งยืนอยู่ที่หน้าต่างบานเดิม บานที่เปิดออกจากเฉลียงทางเดินหน้าห้องนอนแขกของหลวงพินิจราชอักษร ตัวบ้านเงียบเชียบเหมือนเดิมตลอดเวลาที่หลวงพินิจราชอักษรไม่อยู่ สายตาของบ่าวหนุ่มน้อยมองทอดอาลัยออกไปนอกหน้าต่าง ตรงนั้นเป็นจุดที่ดีที่สุดที่จะเห็นเรือของหลวงพินิจเดินทางกลับมา คุณหลวงจากเขาไปนับวันเดินทางด้วยก็สิบวันแล้ว ตามกำหนดน่าจะกลับได้แล้ว แต่เส็งก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเรือจ้างสักลำที่จะนำคุณหลวงกลับมาหาเขา
    บ่าวหนุ่มหมุนตัวออกจากหน้าต่าง มองเห็นประตูห้องหนังสือเปิดอยู่ เขาคงจะลืมปิดตอนที่ออกมากระมัง ชายหนุ่มทิ้งตัวนั่งบนตั่งไม้ มองเข้าไปยังห้องนั้น ห้องที่หลวงพินิจทิ้งกลอนเพลงยาวที่ใช้บอกรักเขาเอาไว้
    บัดนี้ กระดาษแผ่นนั้นเหน็บอยู่ที่เอวของเขา และอยู่ตรงนั้นตลอดเวลากลางวัน ส่วนตอนกลางคืนนั้นหนุ่มน้อยจะสอดมันไว้ใต้หมอนอย่างทะนุถนอมเสมอไม่ให้ใครได้ล่วงรู้สิ่งที่คุณหลวงต้องการจะบอกแก่เขาคนเดียวแม้จะแน่ใจว่าไม่มีบ่าวคนไหนอ่านหนังสือออกนอกจากเขาก็ตาม เมื่อใดที่คิดถึงคุณหลวง บ่าวหนุ่มน้อยก็จะแอบเอาออกมาอ่านแล้วยิ้มให้กับตัวเองอย่างมีความสุขทุกครั้ง
    แต่เขาก็ถามตัวเองนะว่า รักที่เกิดขึ้นครั้งนี้ มันจะเป็นไปได้หรือ
    หลวงพินิจราชอักษรก็ต้องแต่งงานกับหยาดในอีกไม่กี่อาทิตย์แล้ว พอแต่งงานกันมีลูก คุณหลวงก็ต้องลืมเขา ทอดทิ้งเขาอย่างคนอื่นๆที่เขาเห็นมานักต่อนัก เมียแรกมักเป็นทุกข์เสมอ ในขณะที่เมียแต่งไม่ว่าจะเป็นคนที่เท่าใดก็ย่อมมีหน้ามีตา มีความสุข มีทรัพย์ศฤงคารทุกอย่างได้เท่าที่ต้องการเสมอเช่นกัน แล้วนี่เขาไม่ใช่เมียของคุณหลวงด้วยซ้ำ เป็นเพียง...ทางผ่านเท่านั้น เผลอๆไม่ต้องรอให้มีลูกด้วยซ้ำ แค่หายไปสิบวันโดยไม่รีบกลับอย่างนี้ ก็น่าเป็นห่วงพออยู่แล้วว่า คุณหลวงอาจเผลอใจไปรักคุณหยาดได้พอๆกับที่เผลอรักอ้ายเส็งเวลาอยู่ที่เรือนเทา 
    เพราะคุณหยาดคนเดียว เส็งคิดอย่างหงุดหงิดใจ พลางเดินลงบันไดเวียนมายังชั้นล่าง เดินปล่อยใจ คิดอะไรไปตามเรื่อง หากไม่มีคุณหยาด คุณหลวงก็คงรักแต่เขาคนเดียว คงไม่ต้องแต่งงาน มีทายาทสืบสกุลอะไรเลย เพียงแต่อยู่กับเขากันสองคนง่ายๆ ไม่ต้องเอาเขาออกหน้าออกตาอะไรในสังคมนัก แต่เขาจะกล้าตัดสังคมของคุณหลวง ไม่ให้พบปะผู้คน ให้อยู่กับเขาคนเดียวได้หรืออ้ายเส็ง
    ไหนจะเจ้าคุณพ่อ คุณหญิงแม่ของคุณหลวงอีกเล่า หากรู้ความจริงเข้า ว่าลูกของตนมีพฤติกรรมผิดเพศมาชอบผู้ชายด้วยกัน จะรับได้หรือ คุณหลวงจะไม่รอดถูกโบย ถูกขับออกจากบ้านเลยหรือ
    บ่าวลูกจีนคิดจนปวดหัวก็หยุดคิด เดินเรื่อยเปื่อยมาจนถึงสวนผลไม้ของหลวงพินิจราชอักษร บรรดาบ่าวไพร่ยังทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง มั่นเห็นเด็กหนุ่มเดินหน้างอมาก็ร้องทัก
    “จะไปไหนหรือ อ้ายเส็ง ทำหน้าอย่างกับจะไปฆ่าจะแกงใคร”
    “ไม่มีอะไรดอกพี่ ฉันจะเข้าสวนหน่อย”
    “ไปแอบนอนรึเอ็ง” เขาหัวเราะลงลูกคอเบาๆ “ระวังนะ เดี๋ยวคุณหลวงเธอกลับมารู้ว่าหนีงานได้โดนด่ายับ”
    เส็งหัวเราะพอเป็นพิธีก่อนจะเดินทอดน่องเข้าสวนไปไม่ได้ใส่ใจมั่นอีก บ่าวหนุ่มน้อยเดินมาถึงต้นมะม่วงต้นใหญ่ก็นึกถึงตอนที่หลวงพินิจเอื้อมจนสุดมือ ปลิดผลมะม่วงสุกลงมาปอกให้เดี๋ยวนั้นเขาก็อดคิดถึงความสุขที่ได้อยู่ข้างกายนายบ่าวของเขา ที่เขารักจนหมดหัวใจไม่ได้
 บัดนี้ทั้งคู่รู้แล้วว่าต่างฝ่ายต่างมีใจให้กัน เส็งจะปฏิบัติต่อคุณหลวงได้เหมือนเคยหรือ แล้วคุณหลวงเองจะเปลี่ยนไปมากน้อยเพียงใด บ่าวหนุ่มน้อยนั่งลงใต้ต้นมะม่วง ยกมือขึ้นประสานรองไว้ที่ท้ายทอย เอ็นตัวลงพักผ่อน คิดถึงตอนที่หลวงพินิจห่มผ้าให้ คิดถึงตอนที่คุณหลวงบอกว่า “ถ้าหนาวก็ห่มผ้าของเราไปก่อน คราวที่แล้วเห็นนอนสั่นกลัวจะจับไข้ก็ห่มผ้าให้ คราวนี้ไม่ได้อยู่ต้องห่มเองเสียแต่ก่อนนอนแล้วนะเส็ง”
 คุณหลวงไม่รู้หรอกว่าทุกคืนที่บ่าวหนุ่มนอนห่มผ้าแพรสีขาวนวลของหลวงพินิจนั้น เขาอบอุ่นเพียงใด รู้สึกผ่อนคลาย สงบ มีความสุขราวกับได้นอนอิงแอบร่างกายที่แข็งแรงกำยำของคุณหลวงหนุ่ม กลิ่นกายและน้ำอบฝรั่งที่คุณหลวงพรมร่างทุกวัน ยังติดผ้าอยู่ ทุกครั้งที่เส็ง ซุกหน้าลงกับผ้าห่ม ก็รู้สึกเหมือนได้ แนบหน้าลงกับใบหน้าคมสัน หล่อเหลาราวเทพบุตรของคุณหลวงหนุ่มไม่ต่างกัน... จะมีไหมอ้ายเส็ง... จะมีสักวันไหมที่เอ็งจะได้นอนแนบกับตัวจริง ไม่ใช่เพียงห่มผ้าของเจ้าตัวเท่านั้น
เส็งไม่รู้ตัวว่าหลับไปเมื่อใด รู้สึกตัวอีกที ก็มีมั่นนั่งอยู่ข้างๆ เขย่าตัวเรียกเขาแล้ว ลืมตามองก็เห็นว่าตอนนั้นฟ้ามืดเสียแล้ว เขาหลับไปนานพอควร
“กว่าจะตื่น” เพื่อนบ่าวรุ่นพี่ว่า “จะมาบอกว่าคุณหลวงกลับมาแล้ว”
“คุณหลวงกลับมาแล้วหรือ”
“งั้นซี ได้ยินว่าอะไรเล่า” มั่นหัวเราะ
เพื่อนบ่าวรุ่นน้อง ลุกขึ้นแทบจะกระโจนพรวดออกมาจากสวน ตั้งแต่ได้ยินคำว่า คุณหลวงแล้ว มั่นบ่นทำนองว่าผุดลุกผุดนั่งอย่างกับลิง  แต่เส็งก็ไม่อยู่ฟัง รีบวิ่งออกจากสวนตรงไปที่ท่าน้ำราวกับติดปีกบินไป
คุณหลวง... คุณหลวงของบ่าว คุณหลวงกลับมาแล้ว เส็งวิ่งมาได้ถึงท่าน้ำก็เห็นบุคคลที่เขาคะนึงหาที่สุดตลอดระยะเวลา สิบวัน
หลวงพินิจราชอักษรขึ้นจากเรือก่อนเป็นคนแรก ก่อนจะยื่นมือให้คุณหญิงแม่เกาะ พยุงขึ้นจากเรือ ตามด้วยเจ้าคุณไพรัชกิจ หลวงพินิจดูผอมลง ราวกับไม่ได้กินอะไรเลยตลอดเวลา สิบวันที่อยู่ที่หัวหิน บรรดาบ่าวไพร่ นั่งอยู่ตรงพื้นท่าน้ำ มีนางแก้วนั่งอยู่แถวหน้าสุด ตามีและ บ่าวผู้ชายซ้อนอยู่แถวหลัง เส็งยืนอยู่หลังสุด มีมั่นที่เพิ่งมาสมทบยืนอยู่ข้างๆ

    บ่าวลูกจีนสาบานเอาอะไรก็ได้ว่า หลวงพินิจกวาดตามองไปรอบๆ ราวกับจะหาเขา พอตาประสานตา แทนที่จะได้เห็นรอยยิ้มจากหลวงพินิจราชอักษร เส็งกลับเห็นเพียงแววตาเฉยชาราวกับว่าบ่าวหนุ่มไม่มีตัวตน มองเห็นแล้วก็มองผ่านไปเท่านั้น
    เส็งประหลาดใจ เกิดอะไรกับคุณหลวง เหตุใดหลวงพินิจจึงทำเช่นนี้กับเขา บ่าวลูกจีนเห็นแก้วก้มลงกราบ ก่อนจะพูดอย่างประจบประแจง
    “คุณหลวงกลับมาแล้ว ดีใจจังเลยเจ้าค่ะ คุณหลวงไม่อยู่พวกบ่าวเหง๊า เหงา ไม่รู้จะไปรับใช้ใครเจ้าค่ะ”
   หลวงพินิจยิ้มนิดๆ แม้จะแค่นิดๆ แต่ก็ยังมีรอยยิ้มให้เห็นไม่ใช่ทำหน้าปั่นปึ่งใส่อย่างที่ทำกับเส็ง บ่าวหนุ่มน้ำตาคลอแทบจะร้องไห้เมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้ของคุณหลวง
    “เอาเถอะๆ พวกเอ็งไปเตรียมสำหรับมาให้เจ้าคุณพ่อกับคุณหญิงแม่เถิด ไม่เห็นต้องมารับกันขนาดนี้” หลวงพินิจว่า “ดูแลบ้านกันดีหรือเปล่า”
    “ดีขอรับไม่มีขโมยขโจรหรืออะไรเสียหายเลย ขอรับ” ตามีเป็นคนตอบ น้ำตาของเส็งเกือบจะไหลลงแก้มอยู่แล้ว แต่พอได้ยินคุณหลวงเรียกชื่อเขาบ่าวหนุ่มก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ
    “เส็ง” คุณหลวงหันมาคุยกับเขา หากแต่ไม่มีแววแห่งความรัก เมตตาแฝงอยู่เหมือนที่เคย “เอ็งดูแลเรือนเทาดีหรือเปล่า”
   เท่านั้นเองหรือ เส็งคิดในใจ ดูแลเรือนดีหรือเปล่า ไม่มีบอกว่ารัก บอกว่าคิดถึง หรืออย่างน้อยก็รอยยิ้มอย่างอบอุ่นที่มักจะใช้กับเขาคนเดียวอีกแล้วหรือ หนุ่มน้อยก้มหน้า น้ำตาหยดลงพื้นหญ้า ไม่ได้ไหลอาบแก้มให้คุณหลวงได้เห็นชัด
    “ดะ... ดีขอรับ” บ่าวหนุ่มน้อยตอบ
    “ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว บ่าวผู้ชายช่วยอ้ายเทิดมันขนของของข้า และคุณหญิงแม่ เจ้าคุณพ่อขึ้นเรือน บ่าวผู้หญิงไปเตรียมกับข้าว” หลวงพินิจออกคำสั่ง “เส็ง เอ็งไม่ทิ้งอะไรไว้ที่ตั่งหน้าเรือนห้องข้าใช่ไหม วันนี้เจ้าคุณพ่อ และคุณหญิงแม่จะนอนค้างอยู่ที่นี่”
    “มะ... ไม่ขอรับ” บ่าวหนุ่มน้อยตอบ
    “ดีแล้ว คืนนี้เอ็งก็นอนที่เรือนบ่าวเหมือนเดิมก็แล้วกัน”
    เท่านั้นเอง หลวงพินิจราชอักษร เจ้าคุณพ่อ และคุณหญิงแม่ของเขาก็เดินเข้าเรือนเทาไป บรรดาบ่าวไพร่ต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานของตนตามที่หลวงพินิจมอบหมาย มีเพียงเส็งเท่านั้นที่ยืนคว้างไม่รู้จะขยับไปทางไหน ทำอะไรไม่ถูก
    เส็งกำลังจะก้าวเท้าออกเดิน ก็ได้ยินแก้วพูดขึ้นข้างๆ เดินเบียดบ่าวหนุ่มไปอย่างตั้งใจ “ไงละเอ็ง คุณหลวงเขาไม่เห็นสนใจเอ็งเลย อย่าได้ลำพองไปหน่อยเลยย่ะ ว่าคุณหลวงเขาจะโปรดเอ็งอยู่ได้นานเหมือนที่โปรดปรานฉันน่ะ คุณหลวงเขาก็เห่อบ่าวใหม่อย่างนี้ทุกคน พอเก่าแล้วเขาก็ลืม ไม่สนใจอะไรเหมือนฉันที่เคยโปรดอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น”
หล่อนหัวเราะอย่างสาแก่ใจ ก่อนจะเดินกลับไปยังเรือนบ่าวเพื่อทำอาหารมื้อค่ำ มาให้คุณหลวงรับประทาน
    
   เส็งรู้ดีว่าเขาไม่ควรเก็บเอาคำพูดของแก้วมาใส่ใจ แต่มันก็ทำได้ยากเหลือเกินที่จะไม่สนใจสิ่งที่บ่าวสาวคนนั้นพูด แม้เส็งจะรู้ว่าหล่อนตั้งใจพูดให้เขาเสียใจ และไม่ยุ่งไม่เข้าใกล้คุณหลวงเกินไปอย่างเมื่อก่อน แต่เขาก็อดเก็บมาคิดเล็กคิดน้อยไม่ได้ว่า คำพูดของหล่อนจะเป็นจริง “พอเบื่อแล้วก็ลืม”
   คุณหลวงคงไม่เคยมีบ่าวที่ไหน อ่านหนังสือออกแบบเขา หรือทำงานฝีมือได้สวยแบบเขา คงจะถูกใจเอ็นดูไปอย่างที่เคยบอกเขาเท่านั้น คำพูดอย่าง “จะรักไปแสนนานมิรู้ลืม” คงไม่จริงอะไร เป็นเพียงตัวอักษรที่ขีดๆ เขียนๆ ร้อยกรองมาอย่างที่คิดอย่างไรก็เขียนไปอย่างนั้น คงไม่ได้พิจารณาไตร่ตรองมาเลยกระมัง ... คุณหลวงไม่ได้รักเขาจริงอย่างที่เขียนบอกไว้
    หรือคุณหลวงเพียงแค่ไม่อาจแสดงออกอะไรมากนักต่อหน้าเจ้าคุณ และคุณหญิงไพรัชกิจเท่านั้น แต่หากไม่ต้องการแสดงออกอะไรเพราะไม่เหมาะกับกาลเทศะจริงๆ อย่างน้อยก็น่าจะเพียงแค่ยิ้มมาเท่านั้น เขาก็ดีใจแล้ว บ่าวหนุ่มนอนก่ายหน้าผาก คิดมาก แต่คิดอะไรไปได้ไม่เท่าไหร่ก็เผลอหลับไปอีกครั้ง ไม่ทันเห็นบ่าวไพร่คนอื่นๆเดินเข้ามาในหอนอนสักคน
 
    เส็งตื่นมาอีกทีก็พบว่าบ่าวผู้ชายเข้านอนกันหมดแล้ว แถมเสียงพูดคุย ทำอะไรอยู่ด้านนอกก็เงียบหมดแล้ว ชายหนุ่มจึงอนุมานเอาเองว่าเวลานี้คงจะดึกมากแล้ว หนุ่มน้อยหลับตา พลิกตัวนอนคว่ำหน้า เปลี่ยนท่าไปมาอยู่หลายครั้งก็รู้ว่าตาสว่าง สมองตื่นเกินกว่าจะนอนต่อแล้ว ก็ลุกออกจากหอนอนมาที่นอกชาน
   ในหัวคิดเพียงแต่ว่า หากคุณหลวงไม่รักเขาแล้วอย่างนี้ เขาจะอยู่บ้านนี้ไปอีกทำไม หนีไปตายเอาดาบหน้าข้างนอกไม่ดีกว่าหรือ หนุ่มน้อยเดินลงจากเรือนบ่าวมา ตาก็มองไปยังหน้าต่างห้องหนังสือด้วยความเคยชิน เขาจึงเห็นว่าโคมไฟในห้องนั้น เปิดอยู่!
     คุณหลวงรอเขาอยู่หรือ
    เป็นไปได้หรือเปล่าว่า คุณหลวงเพียงแค่ไม่อาจแสดงออกต่อหน้าใครๆ ได้หากแต่ตอนนี้กำลังรอพบเขาอยู่ตามลำพัง เหมือนคราวนั้นก่อนที่คุณหลวงจะไปหัวหิน หนุ่มน้อยกึ่งเดินกึ่งวิ่งอย่างดีใจไปทางเรือนเทาด้วยความสุขลึกๆว่า จะได้พบคุณหลวง ได้คุยกันตามลำพังแม้สักพัก ก็คงอุ่นใจ
    แต่หากคุณหลวงไม่ได้รักเอ็งเล่าเส็ง ถ้าเอ็งโผล่ไปอย่างนี้ แล้วคุณหลวงเกิดบอกว่าเขาไม่ได้จริงจัง บัดนี้รักแต่คุณหยาดและจะแต่งงานกับหล่อนเล่า เอ็งจะทำอย่างไร บ่าวหนุ่มคิด
    แต่อาจเพราะเส็ง เป็นคนประเภท ใช้หัวใจมากกว่าสมอง ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาจึงพาตัวเองมาถึงด้านหลังของเรือนเทาในไม่กี่นาทีต่อมานั้นเอง บ่าวลูกจีนเงยหน้ามองหน้าตาห้องหนังสือก็พบว่า แสงไฟยังอยู่ แต่ไม่มีคุณหลวงที่หน้าต่าง เขาอาจจะกำลังเดินลงมา หรือว่าหลับไปแล้วเพียงแต่เปิดไฟทิ้งไว้ ลืมปิดไฟห้องหนังสือเท่านั้น
    บ่าวหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้นสักครูเดียวความคิดก็วิ่งวนไปมาในหัว
    มันจะต้องออกมาดีซี ออกมาอย่างใจคิด ข้อความในกลอนเพลงยาวของคุณหลวงก็บอกทุกอย่างแล้วไม่ใช่หรือว่าคุณหลวงคิดอย่างไรกับเขา คุณหลวงก็ดูมั่นใจดีไม่ใช่หรือ จะมาเปลี่ยนใจง่ายๆ เพียงแค่ไปเที่ยวกับคุณหยาดมาสิบวันเท่านั้นหรือ คุณหลวงคงไม่ได้เปลี่ยนใจไปจากเอ็งหรอกเส็ง ที่คุณหลวงต้องทำท่าปั้นปึ่งใส่ ก็เพราะต้องแสดงออกต่อหน้าเจ้าคุณพ่อและคุณหญิงแม่ของเขาเท่านั้น ว่าไม่ได้มีใจเอนเอียงมาหาบ่าวหนุ่มให้เจ้าคุณและคุณหญิงไพรัชกิจสงสัยในตัวลูกชายเหมือนคืนก่อนที่เขาจะเดินทางอย่างไรล่ะ
   แต่เอ็งก็ต้องเผื่อใจนะเส็ง ต้องคิดเผื่อด้วยว่าหากหลวงพินิจเกิดรักคุณหยาด ด้วยเห็นความดี เห็นใจ สงสารหรืออะไรก็แล้วแต่ตลอดเวลา สิบ วันที่หัวหินมันก็เป็นไปได้ไม่ใช่หรือ หากเขารักกันจะแต่งงานกัน ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือถ้าเขาจะทำท่าปั้นปึ่ง ไม่สนใจเอ็ง แล้วหากเขารักกันจริงๆละก็ เอ็งจะทำลายชีวิตคู่ของเขาได้ลงเชียวหรือ เอ็งควรจะจบความสุขลมๆแล้งๆของเอ็งไว้เสียตรงนี้เลยไม่ดีหรือ เส็งว้าวุ่นในใจ
    จะทำอย่างไร ยืนอยู่รอเขาลงมา หรือกลับไปเรือนบ่าว แล้วตัดใจเสีย วันรุ่งขึ้นหรือวันไหนก็ขอลาออกจากเรือน ไปทำมาหากินข้างนอก ไม่ทันได้ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร เส็งก็เห็นร่างของบุคคลคนหนึ่งเปิดประตูหลัง ก้าวออกมาจากเรือนเทาด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่บอกความรู้สึกใด
   หลวงพินิจราชอักษร เดินออกมายังสนามหญ้าหลังตึกใหญ่ มองเส็งด้วยแววตาที่ยากจะบอกได้ว่าหมายถึงอะไร รู้สึกอะไรหลังม่านตาสีดำคู่นั้น ท่อนบนดูกำยำ แม้ถูกปิดทับด้วยเสื้อสีขาวโปร่งบาง และกางเกงผ้าแพรที่คุณหลวงมักใส่นอนประจำ ผมทรงรองทรงของคุณหลวงยาวขึ้น หนวดเคราขาดการโกนมาสองสามวัน ร่างกายซูบผอมอย่างเห็นได้ชัด กระนั้น สำหรับเส็ง บนโลกนี้ ใต้แสงจันทร์ดวงเดียวกับที่เขาเห็นอยู่นี้ ไม่มีใครรูปงามเกินหลวงพินิจราชอักษรของเขาอีกแล้ว
    ชายหนุ่มเดินตรงมาหาเส็งใบหน้าบอกได้ยากว่ารู้สึกอะไร หัวใจของเส็งเต้นโครมคราม ด้วยไม่อาจเดาได้เลยว่า คนที่อยู่ข้างหน้าคิดอะไรกับเขาอยู่กันแน่

***********************************************************************************************

ปล. ขำคุณกิต อิอิ ><
ปล2 ทุกคนใจร้ายยยย ไม่มีใครเห็นใจพาทิศเลย 555+
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 28-11-2010 19:24:05
แงงงงงงงงงงงงง
สั้นเกิ๊นนนนนนนน
ขออีกหน่อยได้ไหมค๊า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 28-11-2010 19:31:56
ทำไมอ่า ทำไมอยู่ๆ ถึงมาเฉยชากะเส็งอ่าาาา
มาต่อไวๆนะคะ อยากรู้ๆๆๆ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 28-11-2010 19:46:19
มันเกิดอะไรขึ้นที่หัวหินเหรอคะ ทำไมคุณหลวงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้อ่ะ
แล้วไอ้ที่เดินมาหาเส็งนี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่เลยอะ :sad4:
อ๊ากกกก อยากอ่านต่อ +1 ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 28-11-2010 19:52:48
 o22 o22 o22ทำไมเป็นจังซี่อ่ะ   คุณหลวงเป๊ยนไป๋
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 28-11-2010 20:22:30
เอ้ยยย  เกิดอะไรขึ้นน่ะ  ทำไมคุณหลวงเย็นชากับเส็งจัง
หรือว่าความจะแตกซะแล้ว  เลยทำให้คุณหลวงต้องทำแบบนั้นกับเส็ง
แต่วาจาที่พูดกับเส็งนี่บาดหูชะมัด  ที่ว่าเส็งจะทิ้งร่องรอยอะไรไว้ที่เรือนเทาหรือเปล่านั่นน่ะ
ใจร้ายไปหรือเปล่านะ  คุณหลวง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 28-11-2010 21:13:57
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:คุณหลวงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 28-11-2010 21:17:50
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก สั้นเกินไปอะปล่าวค่ะไรเตอร์  :serius2: :serius2: :serius2:



ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงมาก เกิดอะไรขึ้นกับคุณหลวงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 28-11-2010 21:24:28
ทำไมคุณหลวงเปลี่ยนไปแบบนี้อ่ะ เย็นชาสุดๆ
เกิดอะไรขึ้นที่หัวหินกันนะ คุณหลวงถึงได้เปลี่ยนเป็นคนละคนแบบนี้
เหมือนการพบกันของเส็งและคุณหลวงครั้งนี้จะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเลย
สงสารเส็งจังค่า 
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 28-11-2010 21:45:39
เกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณหลวงเปลี่ยนไป สงสารเส็ง  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 28-11-2010 22:36:51
ค้างอะรีบมาต่อนะ

 :o8:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Meen_Emp ที่ 28-11-2010 22:58:58
--**--
คุณหลวงเป็นอะไรไปอ่ะ.....

สงสารเส็งจังเลย...
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: *SparklinG* ที่ 28-11-2010 23:03:37
สรุปหลวงพินิจเป็นอะไรไปละนี่????
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 28-11-2010 23:38:15
คุณหลวงเป็นอะไรไปอะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: w1234 ที่ 29-11-2010 00:22:41
คุณหลวงเปลี่ยนไปได้ยังไงอะ


 :pig4: :pig4: :pig4:

 :call: :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 29-11-2010 00:37:48
คุณหลวงทำเยี่ยงนี้  บ่าวหวั่นใจนะเจ้าคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 29-11-2010 03:19:16

• ปล. ขำคุณกิต อิอิ ><
วุ้ย ขำกิต.! หรือว่า มัน.......Made in China คะ  :dont2:
ว้าย คุณหลวงโดนของ....  o9
๙๙ + ๑ = ๑๐๐
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: pu4755 ที่ 29-11-2010 14:23:45
สั้นไปไหมค่ะ คุณไรเตอร์   ค้างมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆ

มาต่อด่วน ๆ เลยจ้า


^_^
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 29-11-2010 14:56:22
คุณหลวงเป็นอะไรไปคะ

ไปรับข้อมูลอะไรผิดๆ มารึเปล่า

จนตรอมใจ ผ่ายผอมลงไป

 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 29-11-2010 18:21:45
คุณหลวงเป็นอะไรไป

อ่านแล้วแอบสงสารเส็ง เผื่อใจไว้หน่อยนะลูก  :monkeysad:

จะเป็นยังไงต่อไปหละเนี่ย ค้างๆ  :serius2:

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Lesses ที่ 01-12-2010 06:32:29
คุณหลวงใจร้ายจัง ยิ้มให้ก็ไม่ได้ ทำให้น้องร้องไห้เลย สงสารน้องอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: jobi ที่ 01-12-2010 08:18:54
เป็นเรื่องแรกที่เคยอ่านสำหรับแนวนี้
ถูกใจมาก โดนใจสุดๆ
ยิ่งอ่านความอยากรู้ยิ่งเพิ่มพูน55+
อีตาคุณหลวงไปพบเจออะไรมา ทำไมถึงเปลี่ยนไป

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 01-12-2010 13:50:33
มารอเส็งกับคุณหลวงค่ะ  :call: :call: :call:


ไรเตอร์อย่ารังแกเส็งมากน๊าาาาาาาาาาาาาา สงสารเส็ง :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 02-12-2010 21:48:01
๑๘

    คุณหลวงจ้องหน้าเขาอยู่อีกอึดใจเดียว ก็กางแขนรั้งเขาเข้าไปกอด สองแขนกระหวัดพันอยู่รอบร่างของเขา แนบแน่นแทบจะกลืนกันเป็นคนเดียว ตอนแรกนั้นเส็งตกใจจนทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนตัวเกร็งปล่อยให้หลวงพินิจกอดร่างเขาไว้แน่น ใบหน้าซุกอยู่ที่ต้นคอ ลมหายใจเป่ารดลงไม่เป็นจังหวะ พอๆกับแรงสั่นของหัวใจ ที่ดังอยู่ทางด้านขวาของหน้าอกของเส็ง ความตกใจเปลี่ยนเป็นความอบอุ่น เป็นความรู้สึกที่เส็งเรียกไม่ถูก วาบหวิวไปหมดทั้งตัว
    หากรักมันดีอย่างนี้ ก็คงไม่แปลกหรอกที่ใครต่อใครต่างก็อยากมีความรักกันทั้งนั้น
    เส็งยืนตัวแข็งอยู่ได้อีกพักเดียวก็ยกมือขึ้นกอดที่แผ่นหลังแข็งแรงของคุณหลวงแนบหน้าของเขาลงชิดกับใบหน้าของคุณหลวงหนุ่มที่เขารักเหลือเกิน แปลกตรงที่ แม้ตรงนั้นจะเงียบ แต่ก็ไม่ได้เงียบถึงขนาดว่าสงัด ยังมีเสียงน้ำ เสียงลม เสียงจิ้งหรีดเรไร ร้องอยู่ให้ได้ยิน แต่สำหรับเส็งเขาไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงหายใจ และเสียงใจเต้นของตน และคุณหลวงสอดประสานกันไพเราะราวกับเสียงเพลงจากวงมโหรีก็ไม่ปาน
    หลวงพินิจเงยหน้าขึ้นจากซอกคอขาวเนียนของเส็ง เลื่อนปากมาที่ใบหู แล้วกระซิบเบาๆว่า
    “คิดถึงเส็งใจจะขาด อยากทำอย่างนี้กับเส็งมาตั้งนานแล้วรู้หรือเปล่า”
    บ่าวหนุ่มขนลุกซู่ไปทั่วร่าง ความอบอุ่นจากร่างกายที่เบียดชิดแนบกันก็เทียบอะไรไม่ได้กับความอบอุ่นจากคำพูดของหลวงพินิจราชอักษร อ้อมแขนของเส็งกระชับเข้ากอดคุณหลวงแน่นกว่าเดิม แล้วจู่ๆน้ำตาก็พาลไหลลงมาอาบแก้มเสียเฉยๆอย่างนั้น
    น้ำตาของเส็งคงจะไหลเปียกแก้มคุณหลวง ฝ่ายนั้นคงรู้สึกได้จึงผละออกจากร่างของหนุ่มน้อย สองมือที่ใช้เขียนกลอนรัก ยกขึ้นประคองใบหน้าของบ่าวหนุ่มอย่างทนุถนอม นิ้วโป้งทั้งสองข้างลูบผ่านใต้ดวงตาของบ่าวหนุ่ม เช็ดน้ำตาที่ไหลอยู่ตรงนั้นออกไปให้พ้นจากหน้า
    “ร้องไห้ทำไมหรือ เราทำอะไรผิดไปหรือเปล่า”
    “เปล่าขอรับ”
    “แล้วร้องทำไม เราไม่สบายใจเลย” คุณหลวงจ้องเข้ามาในดวงตาของเขา แม้จะใฝ่ฝันให้ได้มีช่วงเวลาอย่างนี้ระหว่างเขาและคุณหลวงบ้าง แต่บ่าวหนุ่มก็ไม่อาจบังคับใจไม่ให้เขินอายจนหลบตาต่ำได้ หลวงพินิจยังประคองดวงหน้าของเส็งไว้ อย่างเบามือแฝงด้วยความรักใคร่ที่สัมผัสได้อย่างเป็นรูปธรรม
    “บ่าวไม่คิดเลยขอรับว่าจะมีวันนี้... บ่าว คิดว่า บ่าวคงคิดไปเอง คุณหลวงคงจะไม่มีใจอะไรกับบ่าว มากกว่าความเอ็นดูที่นายพึงมีต่อบ่าวเท่านั้นขอรับ” เส็งสะอื้นออกมาเป็นคำพูด อธิบายความในใจให้หลวงพินิจได้รู้
    “เส็ง ฟังให้ดีนะ” คุณหลวงลดเสียงลง “เรารักเส็ง รักมากกว่าใครทั้งหมดบนโลกนี้ และจะไม่มีวันใดที่เราจะหมดรักเส็งได้ ขอให้เส็งยึดคำของเราวันนี้เป็นเหมือนคำสัญญา ให้ระลึกไว้เสมอนะ ว่าเรารักเส็งจากใจจริง มิได้พูดไปเพราะอารมณ์ชั่วครู่ ชั่วคราว”
    เส็งสะอื้น ร้องไห้ด้วยความตื้นตัน หลับตาแน่น แล้วก้มหน้าร้องไห้กับพื้นดินอย่างน่าสงสาร จนหลวงพินิจต้องดึงเขาเข้าไปกอดอีกครั้ง เส็งร้องไห้กับแผงอกของคุณหลวงหนุ่ม มีชายผู้เป็นที่รักกอดไว้กับร่างกายด้วยความรักและความทนุถนอม
    “อย่าร้องเลยนะ น้ำตาไม่เหมาะกับเส็งเลยจริงๆ”
    บ่าวหนุ่ม ยิ้มให้หลวงพินิจทั้งน้ำตา จนคุณหลวงหนุ่มต้องหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างห้ามไม่ได้ เขาจับมือเล็กๆ นุ่มนิ่มของเส็งไว้ในมือใหญ่แข็งแกร่งของเขา แล้วเดินจูงมือเส็งให้ออกเดินไป ทั้งคู่ไม่พูดจากันสักคำ ปล่อยให้มีแต่เสียงหรีดหริ่งเรไร ที่ร้องเพลงประสานให้ได้ฟังราวกับอยู่บนวิมานชั้นฟ้า หลวงพินิจจูงเส็งมาถึงท่าน้ำ ก็นั่งลงที่ริมน้ำปล่อยขาห้อยลงน้ำอย่างสบายใจ เส็งเองก็ทำตาม หากแต่แม้จะนั่งลงมั่นคงแล้วเพียงใดหลวงพินิจก็ไม่ยอมปล่อยมือเขาออกจากมือเส็ง
    “คุณหลวง ปล่อยมือบ่าวเถิดขอรับ”
    “ไม่ปล่อย” เขาว่าอย่างเด็กรั้นๆ “กว่าจะจับได้นี่ก็ต้องทนรอมานานแล้ว ได้จับเสียทีเรื่องอะไรจะปล่อยง่ายๆ”
    เส็งก้มหน้างุด
    “โธ่ คุณหลวงเดี๋ยวใครมาเห็นเข้าขอรับ”
    “ก็ให้เห็นไปซี” เขาว่า “จะได้รู้ว่าเรารักเส็งแค่ไหน”
   บ่าวหนุ่มยิ้มเขินเข้าไปใหญ่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามอง สายตาอบอุ่นของหลวงพินิจราชอักษรที่จับจ้องอยู่แต่บนหน้าของบ่าวหนุ่มไม่อาจถอนตาได้ ยามเส็งอายนั้น น่ารักยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมดบนโลกนี้เสียอีก
    “รู้ไหมว่าดีใจแค่ไหนที่เห็นเส็งมารอที่ท่าน้ำ” เขาเริ่มพูดอีกครั้ง “นึกว่าจะ ตัดรักตัดสวาทตัดอาลัย ตัดสิ้นแล้วก็จากไปเสียอีก”
    “ก็บ่าว...” เส็งก้มหน้า
    “เส็งทำไมหรือ” หลวงพินิจ กระเถิบเข้ามาใกล้ จ้องหน้าเส็งด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปทั้งหน้า ด้วยอยากได้ยินประโยคต่อมาของเส็งเหลือเกิน
    “ไม่มีอะไรขอรับ”
   “ไม่มีได้อย่างไร เส็งพูดแล้วพูดต่อให้จบซี” คุณหลวงกระเซ้า
    “ก็บ่าวไม่ได้ขุ่นข้องหมองจิตอะไรนี่ขอรับ” เส็งตอบเสียงเบา แทบจะไม่มีเสียงใดลอดออกมาจากปากบางแดงของเขาเลย หากหลวงพินิจไม่ได้อยู่ติดกับบ่าวหนุ่มอย่างนี้ คงจะไม่ได้ยินว่าเส็งพูดอะไร
    “แล้วไม่ขุ่นข้องหมองจิตนี่มันหมายความว่าอะไรหรือ” หลวงพินิจยิ้มกว้าง ยังกระเซ้าแหย่เส็งอย่างกับเด็กหนุ่มแรกรุ่น
    “แหมคุณหลวงละก็ บ่าวกระดากปากขอรับ”
   หลวงพินิจยังยิ้มอยู่ไม่หุบยิ้ม แต่ก็แกล้งเส็งโดยการหันหน้าออกจากบ่าวหนุ่ม “ถ้ากระดากก็ไม่เป็นไรดอก เราคิดเอาเองก็ได้”
    เส็งเงยหน้าขึ้นมองคุณหลวง ก็เห็นว่าอีกฝ่ายเบือนหน้าไปจากเขาเสียแล้ว จึงสูดหายใจเข้ารวบรวมความกล้า
    “บ่าวจะบอกว่า ก็บ่าวรักคุณหลวงเหมือนกันนี่ขอรับ จะให้ตัดรักไปเสียได้อย่างไร” บอกไปแล้วก็เหมือน ยกเขาไกรลาศออกจากอก กระนั้นก็ยังขวยเขินจนต้องรีบก้มหน้างุดๆ ไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายที่หันมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
    “ว่าอย่างไรนะเส็ง เราไม่ได้ยิน”
    “เอ้อ บ่าวบอกว่า บ่าวรักคุณหลวงขอรับ”
    “ว่าอย่างไรนะ ว่าอีกทีซี”
    เท่านี้ เส็งก็เข้าใจว่าคุณหลวงก็แค่แกล้งเขาเท่านั้นเอง จึงเงื้อมือทุบแขนหลวงพินิจสุดแรงเท่าที่จะทำได้
    “โอ๊ย ทุบทำไมเล่า”
    “คุณหลวง แกล้งบ่าวนี่ขอรับ”
    “ก็อยากได้ยินเส็งบอกรักเราบ้างมิได้หรือ” คุณหลวงแกล้งตัดพ้อ
    “แหม ครั้งแรกก็น่าจะพอแล้ว ให้บอกซ้ำบอกซาก บ่าวเขินนี่ขอรับ” เส็งว่าเสียงมุบมิบ แทบจะไม่ได้ยิน “อีกอย่าง...”
    “อีกอย่างอะไรหรือ”
    “บ่าวว่า คำว่ารัก มันเป็นคำสำคัญที่สุดเท่าที่คนเราจะบอกแก่กันได้ บ่าวไม่อยากพูดพร่ำเพื่อเหมือนกับคำปกติทั่วไปที่ไม่ได้มีค่าอะไรกว่าลมปากเท่านั้น เมื่อใดที่บ่าวพูด บ่าวก็จะต้องแน่ใจว่าบ่าวหมายความอย่างที่พูดจริงๆขอรับ”
    หลวงพินิจนิ่งไป ไม่อยากเชื่อว่าคนพูดน้อยๆอย่างเส็งจะพูดอะไรออกมาได้มากขนาดนี้
    “จ้ะ” หลวงพินิจว่า น่าแปลกที่คำว่าจ้ะคำเดียว กลับทำเอาเส็งขนลุกไปได้ทั้งตัว หลวงพินิจไม่เคยพูดจ๊ะจ๋ากับใครเลยสักคนเดียว ครั้งนี้เป็นครั้งแรก “เป็นอะไรขนลุกทั้งตัวเลย หนาวหรือ”
    แขนของเส็งที่เบียดอยู่กับแขนหลวงพินิจคงจะทำให้คุณหลวงสัมผัสได้กระมังว่า อีกคนขนลุกซู่เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดของเขา ไม่ใช่เพราะลมที่พัดผ่านมาพอดีอย่างนั้น
    “ขอรับ”
    หลวงพินิจเขยิบตัวเข้าชิดกับเส็งโอบแขนไปรอบตัวบ่าวหนุ่มแล้วดึงเข้ามาซบกับไหล่กว้างๆ ของเขา เส็งไม่ขัดข้อง แม้จะขวยเขินก็ตามแต่ก็อบอุ่นใจเกิดกว่าจะปฏิเสธได้ มือของหลวงพินิจลูบต่ำลงมากอดไว้ที่เอวขาวเนียนของเส็ง และค้างไว้ตรงนั้นไม่ยอมปล่อย
    “คุณหลวงขอรับ”
    “จ๋า”
    เส็งขนลุกซู่อีกครั้ง
    “เอ้อ คุณหลวงพูดจ๊ะ จ๋าอย่างนี้ บ่าวกระดากเหลือเกินขอรับ ไม่เคยได้ยินคุณหลวงพูดกับใคร มันไม่ชินขอรับ” เส็งว่า เสียงแทบไม่ออกจากลำคอ
    “เอ้า ก็เราเก็บไว้พูดให้คนรักของเราฟังคนเดียวนี่ จะเคยได้ยินได้อย่างไรล่ะจ๊ะ” ผู้พูดไม่ได้รู้เลยว่า ผู้ฟังนั้นขวยเขินแค่ไหนเมื่อได้ยินทั้งคำว่า คนรัก ทั้งคำขาน จ๊ะ จ๋า จ้ะอยู่ในประโยคเดียวกัน เขินจนต้องกระถดตัวหนีจากคุณหลวงหนุ่ม อีกฝ่ายก็ได้แต่หัวเราะ แต่ก็ไม่ตามมาโอบ มากอดอีกด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะรำคาญเสียก่อน
    “วันนี้ตอนที่คุณหลวงกลับมา คุณหลวงไม่ทักบ่าวเลยขอรับ คิดไปเองแล้วว่าคุณหลวงคงลืมบ่าวเสียแล้ว”
    “แล้วกัน” เขาว่า “จะลืมได้อย่างไร ไป สิบวันเองนะ ต่อให้ไปเป็นเดือนก็ไม่ลืมดอก ที่ต้องทำปั้นปึ่งใส่ก็กลัวคุณพ่อคุณแม่ท่านผิดสังเกต คุณแม่ท่านเคยพูดครั้งหนึ่งแล้วว่าเราบ่นถึงเส็งบ่อยเหลือเกินกลัวท่านจะรู้ความจริง”
    เงียบ ต่างฝ่ายต่างคิดอะไรไปเรื่อย
    หากเจ้าคุณไพรัชกิจรู้... ไม่ต้องถึงเจ้าคุณไพรัชกิจหรอก หากคุณหญิงรู้เข้าจะเกิดอะไรขึ้น เรื่องแบบนี้ในสมัยของเส็งเป็นเรื่องที่ไม่มีใครจะมีวันเข้าใจ หากไม่เป็นด้วยตัวเอง ก็คงไม่มีทางที่จะเข้าอกเข้าใจและปล่อยให้ความสัมพันธ์เป็นไปอย่างนั้นได้เลย แล้วทำไมถึงจะไม่เข้าใจ สิ่งที่ทำอยู่นี่มันคือสิ่งผิดหรือเปล่านะ
    แต่ หากมันจะผิด ก็ยอมละ เส็งคิด หากความผิดบาปมันก่อความสุขให้ได้มากขนาดนี้ อ้ายเส็งก็จะยอมทำผิดต่อไปอย่างนั้นแหละ
    “เส็ง” หลวงพินิจทำลายความเงียบขึ้นมาในที่สุด
    “ขอรับ”
    “ดูอะไรโน่นซี” เขาชี้มือไปทางขวา เส็งก็มองตามมืออย่างไม่คิดอะไร
    “อะไรหรือขอรับ” ทันทีที่เส็งหันหน้าออกจากคุณหลวง ชายหนุ่มก็แอบขโมยหอมแก้มเข้าฟอดใหญ่ ฝ่ายถูกหอมตกใจหันมามองแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร รู้ว่าหากพูดไปคุณหลวงก็ต้องย่อมหาอะไรมาอ้างได้อยู่แล้ว
    หลวงพินิจยิ้มหวานเมื่อเห็นเส็งไม่ว่าอะไร
    “เส็ง”
    “ขอรับ”
    “ขอนอนหนุนตักหน่อยได้ไหม” เขาว่าทำตาซึ้งเสียจนหนุ่มน้อยพยักหน้าเล็กๆ โดยไม่เอ่ยปากพูดอะไรออกมาเลย หลวงพินิจเห็นอย่างนั้น ก็นอนลงเอาหัวหนุนตักเส็งต่างหมอน เงยหน้ามองบ่าวหนุ่มอย่างรักใคร่ อีกฝ่ายก็ก้มมิงคุณหลวงทั้งรอยยิ้มเช่นกัน
    “มีความสุขเหลือเกิน อยากเป็นอย่างนี้ทุกวันเลยจริงๆนะเส็ง”
    บ่าวหนุ่มก้มหน้านิ่ง
    “ขอรับ” ตอนแรกกะจะไม่พูดอะไรต่อแต่ปากมันทำงานไปก่อนสมองแล้ว เส็งจึงพูดออกมาว่า “บ่าวก็มีความสุขมากขอรับ”
    “จริงหรือ”  เขาว่า เส็งไม่ตอบ แต่เปลี่ยนท่าเอาแขนมาวางพาดหน้าอกหลวงพินิจ เหมือนจะโอบคุณหลวงไว้หลวมๆ ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างมีความสุข เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกเหลือเพียงแต่เขาสองคนเท่านั้น ไม่มีใครหรืออะไรอีกเลย
    คืนนั้นเป็นคืนสว่างแสงจันทร์สาดส่องได้เต็มรัศมีไม่มีเทฆมาบทบัง ทำให้ทั้งคู่เห็นใบหน้าของกันและกันในความมืดสลัวได้ชัดเจน จึงบอกกับตัวเองได้ว่าความสุขที่ตนมีนั้น ไม่ต่างอะไรกับอีกฝ่ายเลย ต่างฝ่ายต่างก็มีความสุขสงบ ยินดีเป็นอย่างยิ่งไม่ต่างกัน
    “เส็งผอมลงนะ กินอาหารไม่อร่อยหรือ”
    “ขอรับ คุณหลวงก็เหมือนกันนะขอรับ”
    หลวงพินิจพยักหน้า
    “กินแต่อาหารทะเล หน้าจะเป็นกุ้งอยู่แล้ว” สองหนุ่มหัวเราะ สิ้นเสียงหัวเราะหลวงพินิจก็พูดต่อ “เส็งเคยเห็นทะเลหรือเปล่า”
    “ไม่เคยขอรับ”
    “จริงหรือ ไว้เราลางานได้คราวหน้าจะพาเส็งไปทะเล ต่อลงไปถึงปีนัง และถ้ามีอัฐเหลือเยอะพอ จะพาข้ามไปถึงสิงคโปร์” หลวงพินิจว่า เส็งไม่ได้ก้มหน้าลงมามอง แต่มองเหม่อๆ ไปที่ละเมาะไม้ฝั่งตรงข้าม “เมืองสิงคโปร์สวยมาก ไม่มีอะไรเหมือนพระนคร บ้านเมืองเล็กๆน่ารักมาก มีทั้งฝรั่ง แขก จีนอยู่เต็มไปหมด ตอนเราไปเรียนเมืองฝรั่งก็ต้องลงไปเปลี่ยนเรือใหญ่ที่สิงคโปร์ก่อน”
    “ทำไมหรือขอรับ”
    “ก็เรือที่ออกจากสยามนั้น ต้องเป็นลำเล็กเพราะแม่น้ำเจ้าพระยามันไม่ลึกมาก แต่เรือเดินสมุทรที่ใช้ข้ามไปถึงยุโรปนั้นต้องเป็นลำใหญ่ ตอนเราไปเรียนที่ฝรั่งเศสก็ต้องเปลี่ยนเรือก่อน ทีนี้ เรือมันคนแน่นมากไปกันไม่ได้ก็ต้องรอลำต่อไป ต้องค้างแรมที่สิงคโปร์อยู่เกือบอาทิตย์ ตอนขาไปจำได้ว่ากันดารมาก แต่ขากลับมาเมื่อห้า หกปีมานี้เมืองเจริญขึ้นแทบจำไม่ได้ ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเจริญไปถึงไหน”
    “แล้วทำไมจึงเจริญเร็วอย่างนั้นล่ะขอรับ”
    “ก็เมืองสิงคโปร์อยู่ในทำเลที่เหมาะสม พวกจีน ญี่ปุ่นถ้าจะเอาสินค้าไปขายที่ยุโรปก็ต้องผ่านช่องแคบมะละกาไป จะเดินทางได้ง่ายกว่า ส่วนพวกชาวฝรั่งจะมาซื้อข้าว ซื้อเครื่องเทศของป่าจากเอเชียก็ต้อง มาผ่านที่สิงคโปร์เช่นกัน ทีนี้พอมีพ่อค้าหลายๆชาติมารวมกัน การทำมาค้าขายก็มีมาก ตรงนั้นจึงเจริญร่ำรวยอย่างไรล่ะ” คุณหลวงเล่า “อย่างที่บางรักนั่นแหละ มีฝรั่งหลายชาติมาอยู่ก็เลยเจริญกว่าแถบอื่น รถรางก็มีวิ่งผ่านตรงนั้นที่แรกเหมือนกัน”
    เส็งจำได้ตอนคุณหลวงพาไปบางรัก แถวนั้นมีตึกฝรั่ง ร้านรวงอะไรเต็มไปหมด ทั้งฝรั่ง แขก จีน สยาม เดินกันวุ่นวายไปหมด โดยเฉพาะตรงตลาดบางรัก คนแน่นขวักไขว่จนเส็งแทบตาลายตอนเดินผ่าน
    “บ้านเมืองเราก็กำลังจะเจริญ ถึงช้ากว่าสิงคโปร์แต่อย่างน้อย ก็กำลังจะเจริญละ” หลวงพินิจยิ้ม “อะไรที่ไม่มีก็กำลังจะมี บ้านเมืองเราได้ศิวิไลซ์เสียที”
   “บ่าวแทบจะไม่เข้าใจอะไรที่คุณหลวงพูดเลยขอรับ” เส็งยอมรับอย่างขำขัน คุณหลวงก็ส่งยิ้มให้
    “เดี๋ยวจะค่อยๆอธิบายวันหลัง วันนี้ขอคุยสบายๆแล้วกัน” เขาว่า ก่อนจะกุมมือเส็งที่พาดอยู่บนตัวเขาเอาไว้ ทั้งสองคนยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
    “คุณหลวงไปหัวหินเป็นอย่างไรบ้างขอรับ เล่าให้บ่าวฟังได้หรือเปล่า”
    เส็งเห็นหลวงพินิจ หน้าเจื่อนไปนิดหนึ่ง แต่เขาก็ตีสีหน้ากลับมาเป็นปกติในไม่กี่วินาทีเส็งจึงไม่ติดใจอะไร คุณหลวงเล่าให้ฟังว่า
    “ไม่เป็นอย่างไรเลย พวกฝรั่งอยากกินอาหารทะเล อยากเที่ยวทะเลสยามก็พาไปเที่ยวเท่านั้น ที่ดีหน่อยก็คือเราได้พักกันที่บ้านของเพื่อนเจ้าคุณพ่อ ที่อยู่ติดทะเลได้ยินเสียงทะเลร้องครืนๆทั้งวัน แม้ตอนกลางคืนก็ยังได้ยิน เปิดหน้าต่างออกไปก็เห็นทะเลกว้างใหญ่สุดสายตา อยากให้เส็งไปอยู่ด้วย”
    หลวงพินิจเงียบไปสักครู่
    “หากเป็นกวีจะแต่งนิราศมาฝากสักบท แต่ยังไม่สามารถขนาดนั้น ขึ้นไว้ได้บาทหนึ่งว่า ครืนครืนยินเสียงคลื่นกระทั่งฝั่ง คล้ายดังเสียงพี่ร้องคะนึงถึง เท่านั้นก็แต่งต่อไม่ไหว” หลวงพินิจหัวเราะ
    “คุณหลวงเก่งขอรับ” เส็งชม
    “ยังไม่เก่งดอก หากเทียบกับกวีชั้นครูหลายๆท่าน”
    “ก็จะเทียบทำไมเล่าขอรับ สำหรับบ่าวคุณหลวงเก่งมากแล้ว”
    “ขอบใจนะเส็ง” เขาว่า “เส็งเป็นกำลังใจให้เราเสมอ เวลาเราเหนื่อยและท้อใจ”
    เส็งนั่งยิ้ม
    “แล้วเส็งล่ะ ทำอะไรบ้าง” หลวงพินิจถามบ้าง
    “ก็อ่านวรรณคดีอย่างที่คุณหลวงสั่งไว้ขอรับ แล้วก็จัดห้องทำความสะอาดเรือนให้คุณหลวง”
    “ไม่ใช้บ่าวคนอื่นทำเล่า จะเหนื่อยทำไม”
    “บ่าวก็เป็นบ่าวนี่ขอรับ มิได้เป็นนายจะให้อยู่เฉยๆ ได้อย่างไร” เขาว่า
    “แต่เป็นคนรักของนาย ก็เท่ากับเป็นนายแล้ว” หลวงพินิจว่า “ไม่อยากให้เส็งลำบากเลย”
    “มิได้ดอกขอรับ” เส็งว่า “อย่างไรอ้ายเส็งคนนี้ก็ยังเป็นบ่าว ไม่กล้าทำตัวเป็นคางคกขึ้นวอดอกขอรับ”
    “น่ารักถ่อมตัวอย่างนี้แหละนะเส็ง” หลวงพินิจชม ทั้งคู่นั่งอยู่ในความเงียบ และมืดสักพักเส็งก็อ้าปากหาววอด เพราะเริ่มง่วงเสียแล้ว
    “ง่วงแล้วหรือจ๊ะ”
    “ขอรับ”
    “ถ้าอย่างนั้นก็ไปนอนกันเถิด” หลวงพินิจลุกขึ้นจากตักของเส็ง “วันนี้ต้องแยกกันนอนก่อนนะ เจ้าคุณพ่อกับคุณหญิงแม่ยังอยู่ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะขอให้เส็งมาอยู่กับเรา จะขัดข้องหรือเปล่า”
    “บ่าวไม่ขัดข้อง แต่เห็นว่าไม่สมควรขอรับ”
    “เอ้า แล้วกันทำไมอย่างนั้นเล่า” หลวงพินิจขมวดคิ้ว
    “ก็ถ้าบ่าวขึ้นนอนบนเรือนกับคุณหลวง ก็จะโดนครหานินทาได้ขอรับ” บ่าวลูกจีนอธิบาย
    “เอ้า ทีแต่ก่อนก็ยังมานอนได้เลย”
   “ก็ตอนนั้น บ่าวไม่ได้ทำอะไรนี่ขอรับ ใครจะว่าอย่างไรบ่าวก็ถือเสียว่าไม่ได้ทำ แต่หากคุณหลวงจะ...” เส็งนึกคำพูดไม่ออก “จะใกล้ชิดกับบ่าวถึงเพียงนั้นพอเกิดอะไรขึ้น ใครว่าอะไรบ่าวก็จะเถียงไม่ได้อีก”
    “แต่ถ้าเราออกมาหากันอย่างนี้ เส็งกลับไปนอนทีหลังคนอื่น เขาไม่ยิ่งสงสัย ยิ่งว่ากันหรือ” หลวงพินิจย้อนถาม “หรือเส็งไม่อยากอยู่ใกล้เราหรืออย่างไร”
    “ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับ บ่าวเองก็อยาก แต่ก็ไม่อยากให้ใครคิดได้ว่าคุณหลวงลำเอียง”
    “ไม่ได้ลำเอียงเสียหน่อย ก็เรารักของเรา บ่าวคนอื่นก็แค่บ่าว เส็งเป็นคนรัก เราก็ต้องปฏิบัติด้วยให้แตกต่างอยู่แล้ว” หลวงพินิจว่า “ใครจะว่าอะไรก็ช่างซี เราจะบอกว่าต่อไปนี้ให้เส็งช่วยเราเรื่องงานเอกสาร คอยคัดลอกหนังสือให้ รับใช้อยู่ใกล้ๆ ใครจะกล้าว่าอะไร”
    เส็งเถียงไม่ออก จึงได้แต่เงียบคุณหลวงจึงถือว่าบ่าวหนุ่มตกลงอยู่กลายๆ ก็ลุกขึ้น ยื่นมือให้เส็งจับ ประคองคนรักของเขาขึ้น
    “ไปนอนกันเถิด ดึกแล้วเดี๋ยวเราเดินไปส่งที่เรือนบ่าว”
    หลวงพินิจเดินจูงมือเส็งมาจนถึงหน้าเรือน ไม่อาจไปส่งไกลกว่านั้นได้ หลวงพินิจไม่ยอมปล่อยมือ แต่ดึงมืออีกข้างมาจับไวด้วยกันทั้งสองข้าง
    “พรุ่งนี้ทำซุปหอมใหญ่ กับสตูว์เนื้อให้รับได้ไหม อยากอาหารฝรั่งจะแย่แล้ว” เขาว่า
   “ขอรับ”
    “ถ้าอย่างนั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”
    “ขอรับ” เส็งเดินจากคุณหลวงมา ได้สองสามก้าวคุณหลวงก็เรียกชื่อเส็ง พอบ่าวหนุ่มหันมาตามเสียงเรียกก็พบเข้ากับริมฝีปากของคุณหลวงที่โน้มลงมาประทับบนปากของเข้าพอดี
    ริมฝีปากสวยเป็นรูปกระจับ สัมผัสแนบแน่นเข้ากับริมฝีปากบางเรียวของเส็ง มันประทับเข้าหากันตามสัณชาตญาณค้างนิ่งไว้อย่างนั้นไม่แยกออกจากกันด้วยรสจูบนั้นหวานกว่าน้ำผึ้งป่าในเดือนห้าของปี หวานกว่าน้ำตาลอ้อยที่ไม่ขัดสีอย่างน้ำตาลในปัจจุบัน หวานกว่าอาหารทิพย์ใดๆในโลก หลวงพินิจกอดร่างของเส็งไว้จูบแนบสนิทนานเท่าที่จะนานได้แล้วจึงถอนปากออก ไม่ลืมที่จะฝากจุมพิตบนหน้าผากเนียนสวยของหนุ่มน้อยเป็นของแถมก่อนจะบอกว่า
    “ฝันดีนะ เส็ง”
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 02-12-2010 21:48:38

    สตูว์เนื้อหอมกรุ่นฝีมือเส็ง วางอยู่บนโต๊ะหน้าตั่งไม้ในห้องลายครามไม่รู้เพราะอะไรคุณหลวงถึงมานั่งรอเส็งอยู่ที่นี่ บ่าวหนุ่มตามหานายแทบพลิกบ้านจึงรู้ว่ามาอยู่ในห้องนี้ มารู้เหตุผลทีหลังว่า คุณหลวงชอบห้องลายคราม เพราะเครื่องลายครามนั้นเป็นกระเบื้องมาจากจีน เหมือนหนุ่มน้อยที่เป็นลูกหลานจีนอย่างนั้น พอหนุ่มน้อยวางสตูว์ลง พร้อมข้าวสวยขาวหอมกรุ่น และซุปหอมใหญ่ เสร็จแล้ว หลวงพินิจก็ไล่บ่าวคนอื่นออกจากห้องไปหมด ปิดประตูไว้ไม่ให้ใครเข้ามาได้เห็นเขาอยู่กับเส็งเพียงสองคน
    “หอมทีเดียว มีคนช่วยทำหรือเปล่า”
    “ไม่มีขอรับ ทำเองหมดทุกขั้นตอนเลยขอรับ ตื่นมาเคี่ยวแต่เช้า หวังว่าจะไม่เหนียวเหมือนคราวที่แล้วนะขอรับ” หลวงพินิจหัวเราะ
    “เหนียวก็ชอบ” เขาว่า “เส็งมานั่งด้วยกันซี”
    บ่าวหนุ่มลุกมานั่งข้างๆอย่างว่าง่าย แต่หลวงพินิจกลับโอบเอวดึงเข้าไปนั่งชิดกันเสียแทบจะนั่งตักกันได้
    “ป้อนหน่อยซีแขนไม่มีแรงเลย”
    เส็งหัวเราะลงลูกคอเบา
    “คุณหลวงละก็อ้อนเป็นเด็กไปได้ รับเอ็งสิขอรับเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
    “ไม่อาว ไม่กิน” หลวงพินิจแกล้งทำเสียงเด็ก “ถ้าเส็งไม่ป้อนเราจะยอมไม่กินเลย เอาซี”
    เส็งมองหน้าหลวงพินิจกึ่งขัน กึ่งระอาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากตักอาหารป้อนนายบ่าว หลวงพินิจรับประทานไปคำแรกก็ออกปากชม
    “อร่อย”
    เส็งตักป้อนอยู่หลายคำ จนคุณหลวงพูดขึ้นมา
    “เส็งจ๋า”
    “ขอรับ คุณหลวงอย่างจ๊ะจ๋าซีขอรับ เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า”
    “ช่างเขาซี” หลวงพินิจหัวเราะ “เส็ง... ขอหอมได้ไหม”
    “คุณหลวง” เส็งอุทานออกมาเสียงดัง ก่อนจะรู้ตัวแล้วลดความดังของเสียงลง “กลางวันแสกๆ นะขอรับ”
    หลวงพินิจหัวเราะออกมาดัง
    “ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ ไม่ใช่ขอหอมแก้ม ขอหอมน่ะ หมายถึงหอมใหญ่ในซุป จริงๆต้องกินซุปก่อน มาถึงก็ป้อนแต่สตูว์อย่างเดียวเลย อยากกินซุปบ้าง”
    เส็งเขินจนหน้าแดง
    “คุณหลวงละก็ แกล้งบ่าวอีกแล้วขอรับ”
    “อะไร ไม่ได้แกล้งสักหน่อยเส็งตีความผิดเองนี่นา” เขาว่า “หรืออยากให้เราหอมจริงๆ”
    “คุณหลวงละก็!” เส็งโวย กำลังจะกระถดตัวออกห่างจากหลวงพินิจ แต่ไม่ทันแล้ว อีกฝ่ายโน้มตัวลงหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ จนหนวดที่โกนไม่เกลี้ยงของคุณหลวงทิ่มแก้มแดงไปหมด
    “หอมนี้แล้ว ขอหอมนั้นนะ” เขาชี้ถ้วยซุป เส็งก็แกล้งไสถ้วยให้ส่งๆ อย่างงอนๆ จนอีกฝ่ายต้องตักซุปกินเอง แต่ถึงงอนอย่างไรเส็งก็ไม่ออกจากอ้อมแขนของหลวงพินิจ ก็มันอุ่นเสียขนาดนั้น จะหนีไปทำไมเล่า
    “เส็ง ไม่ต้องกินข้าวที่เรือนบ่าวนะ กินด้วยกันนี่แหละ” หลวงพินิจว่า “เช้านี้ไม่ค่อยหิว มันอิ่มใจแล้ว กายเลยอิ่มตาม”
    บ่าวหนุ่มหัวเราะ
   “ถ้าคุณหลวงยังพูดจาอย่างนี้อยู่อีก บ่าวคงกลืนอะไรไม่ลงขอรับ”
    “ทำไมล่ะ” หลวงพินิจกระเซ้า “อิ่มใจเหมือนกันหรือไร”
    “คุณหลวงละก็ ไม่ใช่ขอรับ” เส็งว่า แต่ไม่ทันได้พูดอะไรเพราะหลวงพินิจตักสตูว์ใส่ปากเขาเสียแล้ว เส็งเคี้ยวกลืนลงคอไปจะอ้าปากพูดหลวงพินิจก็ป้อนซุปเขาอีก จนอาหารแทบจะหมดพอดี เส็งจึงมีโอกาสพูด “วันนี้คุณหลวงจะไปไหนหรือเปล่าขอรับ”
    “ไม่ไป” เขาว่า “ทำงานอยู่ที่นี่ทั้งวันละ”
    “อย่างนั้นหรือขอรับ อย่างนั้นบ่าวขอไปหาผลไม้มาแกะให้คุณหลวงรับตอนบ่ายๆดีไหมขอรับ ได้ชื่นใจ” เขาว่า
    “ไม่ดีกว่า” หลวงพินิจราชอักษรบอก “อยู่ใกล้ๆเราช่วยเราทำงานดีกว่า ไม่มีอะไรอย่างอื่นทำไม่ใช่หรือ”
    “ขอรับ”
    “ดีละ ถ้าอย่างนั้น จะเรียกบ่าวคนอื่นมาเก็บจานชามแล้วนะ เดี๋ยวไปทำงานที่ห้องทำงานกัน” หลวงพินิจว่า เส็งก็รับคำ แต่ไม่ทันได้เรียกบ่าวผู้หญิงที่นั่งรอหน้าห้องมาเก็บข้าวของ หลวงพินิจ ก็พูดอะไรขึ้นมาอีก “เส็ง ก่อนทำงานขออะไรได้ไหม”
    “ได้ขอรับ หวังว่าไม่ใช่ขอหอมอีกนะขอรับ”
    หลวงพินิจหัวเราะ
    “เปล่าไม่ขอหอมแล้วคราวนี้ แต่ขอให้หอมบ้างต่างหาก” หลวงพินิจยิ้มอย่างขี้เล่นก่อนจะยื่นแก้มให้บ่าวหนุ่ม เส็งเขินอยู่แรกๆ แต่ก็ยื่นหน้าไปหอมแก้มหลวงพินิจราชอักษรเช่นกัน... จะมีอะไรที่เป็นสุขมากไปกว่านี้อีกหรือเส็ง?

   มะลิเดินไปที่เรือนบ่าวพร้อมด้วยภาชนะที่เก็บมาจากหลวงพินิจนั่งทบทวนอะไรในใจก็อดสงสัยไม่ได้ว่า สิ่งที่หล่อนได้ยินมาคืออะไรกันแน่ พอนึกไปว่าเรื่องมันอาจจะจริง ก็เกิดขนลุกขึ้นมา หล่อนไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนายพูดอะไร เพราะรู้ว่าหากนายปิดประตูห้องแล้วนั่นหมายความว่าไม่อยากให้ใครมารู้เรื่องที่เกิดในห้องแต่สิ่งที่หล่อนบังเอิญได้ยินลอดออกมานอกประตูต่างหากที่ทำให้หล่อนรู้สึกกระดาก จะว่าขยะแขยงก็ไม่ถึงขั้นนั้น แต่แปลกๆในใจก้ำกึ่งระหว่าง ขยะแขยงกับแปลกใจ ปะปนกันจนขนลุก
    หลวงพินิจบอกเส็งว่า “ขอหอมหน่อย”
   อีกฝ่ายโวยวายว่า “คุณหลวง! กลางวันแสกๆนะขอรับ”
    อะไรล่ะนี่ หล่อนไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นมันจริงตรงกับสิ่งที่หล่อนคิดหรือเปล่า แต่ “หอม” นี่จะหมายถึงอะไรอื่นได้อีกถ้าไม่ใช่ว่า คุณหลวงกับเส็ง เป็นพวกลักเพศ เป็นชายรักชายหรือ
    มะลิขนลุก พยายามจะปัดความคิดนี้ออกจากใจแต่จนแล้วจนรอดก็ทำไม่ได้ จนแม้นั่งร้อยมาลัย ร้อยด้ายเข้าเข็มก็อดคิดไม่ได้ว่า นอกจากหอมแล้ว คุณหลวงกับเส็งจะ “ทำอย่างอื่น” กันด้วยหรือเปล่า ... อย่างร้อยด้ายเข้าเข็มนี้ จะทำได้อย่างไรในเมื่อผู้ชายมีแต่ “ด้าย” ไม่มี “เข็ม” ... หรือจะแทนรูเข็มที่แสนเล็กนี่ ด้วยรูอื่นหรือ
    หล่อนสะบัดสะบิ้งเมื่อนึกไปถึงรูอื่นที่ว่า ขยะแขยงเต็มทน
    “อะไรยะแม่ นั่งสะบัดอะไรอยู่ตั้งนานแล้ว” ชิด เพื่อนบ่าวคนสนิทของมะลิเอ่ยขึ้น อย่างอดใจไม่ได้
    “อู๊ยนางชิด ฉันไม่รู้จะพูดอย่างไร” หล่อนว่า “รู้หรือเปล่าว่าฉันไปได้ยินคุณหลวงพูดอะไรกับอ้ายเส็ง”
    แค่คำว่าคุณหลวงกับอ้ายเส็งเท่านั้น ชิดก็คลานเข้ามาหามะลิอย่างคนอยากรู้อยากเห็นเต็มที บ่าวคนอื่นๆใกล้ๆนั้นหันมามองอย่างสอดรู้เช่นกันแต่ไม่มีใครกล้าจะเข้ามานั่งฟังด้วย เพราะเข็ดเต็มทีกับประเด็น คุณหลวงและเส็งนี่ คราวที่แล้วก็ทำเอามั่นและแก้วทะเลาะกันแทบตาย มะลิกับชิดเห็นบ่าวคนอื่นสนใจ จึงเข้ากระซิบที่หูแทนพูดออกมาดังๆ
    “คุณพระคุณเจ้า อกอีชิดจะแตก” นางยกมือขึ้นแนบอกประกอบคำพูด ตาเบิ่งกว้างอย่างตกอกตกใจ “ตายแล้วขนาดนี้เทียวหรือนางมะลิ กลางวันแสกๆนี่นะ ไม่อายผีสางเทวดาหรือไร”
    “พวกหล่อนคุยอะไรกันน่ะ” แก้วลุกขึ้น เดินกรีดกรายเข้ามา “ได้ยินคำว่าอ้ายเส็ง อ้ายเจ๊กนั่นมันเป็นอย่างไร”
    ตั้งแต่คราวที่แล้วที่ทะเลาะกัน แก้วก็ไม่คุยกับเส็งอีก ที่เส็งผอมโซไม่ใช่เพราะอาหารไม่ถูกปาก แต่เพราะยายนอมกับแก้วรวมหัวกันแกล้งเส็งไม่เหลืออาหารไว้ให้เขากินต่างหาก มั่นจึงได้แต่ตักส่วนของตัวเองมาแบ่งเส็ง วันไหนหิวมากๆ ก็ต้องแอบสองแม่ลูกตำน้ำพริกอะไรกันเอง กินประทังหิวไปวันๆ เท่านั้น นอกจากนั้นแก้วยังไปคุยจนทั่วสร้างข่าวไม่ดีเกี่ยวกับเส็งมากมายจนเส็งแทบจะคุยกับใครไม่ได้เลยในบ้าน
    โชคดีหรือโชคร้ายไม่รู้ที่เขาได้รับอนุญาตไปอยู่เรือนใหญ่ จึงไม่ต้องทนอ้ำอึ้งคุยกับใครก็ไม่ได้ บางครั้งเส็งก็แอบร้องไห้ ได้แต่หวังลึกๆในใจว่าสักวันคุณหลวงกลับมาแล้วจะได้มีที่พึ่งทางใจ ได้มีความสุขกับใครเขาบ้าง
    มะลิกับชิดมองหน้ากันเลิ่กลั่กไม่กล้าตอบแก้ว
    “เอ๊ะ อีพวกนี้ เดี๋ยวกูได้ตบทั้งเข็มร้อยมาลัยนี่ดอก เล่ามาเดี๋ยวนี้นะ”
    เท่านั้นมะลิจึงต้องเล่าใหม่ให้แก้วฟังแต่แรก และอีกครั้งมั่นผ่านมาได้ยินเข้าพอดีอีก แก้วได้ยินก็ยกมือขึ้นทาบอกอาการเดียวกันกับชิดไม่ต่าง มั่นเองได้ยินเข้าก็ตกใจ จะก้าวขาหนีก็ทำไม่ได้เพราะอยากรู้เรื่องบ้างเช่นกัน
    “ตายแล้วนี่มันอะไร บ้านเมืองเปลี่ยนไปจะเหมือนเมืองฝรั่งหมดแล้ว ยังจะมีอย่างนี้อีก เดี่ยวนี้ผู้ชายไม่ต้องชอบผู้หญิงแล้วดอกรึ หันไปชอบผู้ชายด้วยกันเองแบบนี้ แถมยังมาพลอดรักอะไรกันกลางวันแสกๆอีก” แก้วโวย
    “นางแก้ว” มั่นเดินเข้ามา “ข้าว่าจะไม่ยุ่ง แต่ขอยุ่งหน่อยเถิด เอ็งพูดอะไรอย่างนั้น วันนี้เส็งมันทำซุปหอมใหญ่ไม่ใช่หรือมะลิได้ยินแต่หอมๆ ก็คิดไปเองหรือเปล่าว่าเป็นหอมอะไรอย่างนั้น”
    แก้วเชิดหน้าไม่สนใจคำพูดมั่น
    “มะลิ เอ็งได้ยินแน่ๆหรือว่าเป็นอย่างนั้น”
    ต่อให้แน่ใจ มะลิก็ไม่อยากให้เรื่องมันเลยเถิดไปกันใหญ่กว่านี้ จึงก้มหน้างุดตอบปฏิเสธ “ฉันได้ยินแต่หอมๆ อะไรนี่แหละจ้ะเลยคิดไปเองว่าเป็นหอม เอ้อ หอมแก้ม”
   “เอ้อ เห็นแล้วไหมล่ะ ทีนี้จะพูดจะจาอะไรกันก็ระวังหน่อย เดี๋ยวคุณหลวงรู้เข้าจะโดนโบยกันหมด พูดถึงเจ้าถึงนายกันอย่างนี้ได้หรือ บุญคุณที่เลี้ยงเราอย่างดีนี่ก็แค่ไหนแล้ว” นี่ล่ะนิสัยของคนสมัยเส็ง ความจงรักภักดีมันมีเปี่ยมอยู่ในใจบ่าวทุกคน พอพูดเรื่องบุญคุณเข้าหน่อยก็ไม่มีใครกล้าว่าร้ายอะไรนายของตน ต่อให้นายจะเลวร้าย ตัวเป็นบ่าวก็ต้องเข้าข้างช่วยเหลือนายทุกเรื่องไป
    ไม่ทันที่ใครจะได้เถียงอะไรอีก หลวงพินิจราชอักษรก็เดินขึ้นชานมาพอดี บ่าวทุกคนเห็นเข้าก็ตกใจรีบหมอบกับพื้นกันอย่างกลัวความผิด คิดว่าคุณหลวงรู้เรื่องทั้งหมด หลวงพินิจราชอักษรยืนเอามือไขว้หลัง กวาดตามองบ่าวทุกคน โดยไม่พูดอะไรอยู่พักหนึ่ง
    จนเส็งที่เดินเข้ามาด้วยข้างหลังเข้าใจดีแล้วว่า เหตุใดบ่าวไพร่ถึงกลัวคุณหลวงกันหมดอย่างนี้
    “พูดอะไรกันอยู่ งานการไม่รู้จักทำกัน” หลวงพินิจว่า บ่าวก็ก้มหน้างุดไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นตอบโต้ “เรามาเพื่อจะบอกว่า เส็งมันทำงานคัดลอกหนังสือที่สั่งไว้ก่อนไปหัวหินได้เรียบร้อยดีมาก จึงตบรางวัลให้เป็น เซเครแตร์ ประจำตัวเรา คอยทำงานที่มอบหมายทางด้านหนังสืออยู่ที่เรือนใหญ่ จะให้ทำงานดึกๆแล้วเดินมานอนที่เรือนบ่าวค่ำๆ มืดๆก็กลัวงูเงี้ยวจะฉกเอา เราจะให้เส็งนอนอยู่กับเราที่เรือนใหญ่ กางมุ้งนอนเฝ้าหน้าห้อง เช้ามาได้ทำงานกับเราที่โน่น เข้าใจหรือไม่”
    ทุกคนรับคำไม่มีใครกล้าออกความเห็นใดๆทั้งสิ้น
    “เวลาจัดอาหารไปให้ก็จัดไปสองที่เผื่อเส็งด้วย” จบประโยคนี้แก้วเงยหน้าขึ้นมอง ปากเกือบหลุดพูดว่า อย่างนี้ก็ถือว่าอ้ายเจ๊กเป็นนายเราอีกคนหรือเจ้าคะ แต่ก็ไม่ได้พูดออกมาได้แต่มองเส็งอย่างเคียดแค้น จงเกลียดจนชังเหลือแสน หลวงพินิจเห็นก็จ้องแก้วตาเขม็งก็กล่าวเสียงดังว่า “ใครมีอะไรจะขัดข้องหรือไม่”
    ไม่มีใครว่าอะไร หลวงพินิจจึงบอกต่อไปว่า
    “เอาละเส็ง เข้าไปเก็บข้าวของเอ็งแล้วรีบกลับไปทำงาน อย่าชักช้าเล่า งานไม่เสร็จจะโดนโบย” สั่งเท่านั้นหลวงพินิจราชอักษรก็เดินกลับเข้าบ้านไป ส่วนเส็งก็เดินเข้าไปเก็บของพยายามจะไม่สนใจสายตาใครทั้งนั้น ไม่มีใครพูดอะไรแต่เส็งแน่ใจมากว่าคนจะต้องนินทาเขาอย่างแน่นอนทันทีที่ก้าวเท้าลงจากเรือนบ่าวนี้
    
    เส็งอาบน้ำแล้ว ยืนดูหนังสืออยู่ที่ห้องหนังสือชั้นบนกำลังคิดว่าเล่มไหนหนอที่เขายังไม่ได้อ่าน จะได้อ่านให้หลวงพินิจฟัง แต่ไม่ทันจะเลือกได้นายหนุ่มหน้าคมสันก็โอบกอดเขาจากด้านหลัง บรรจงจูบไหล่เปลือยเปล่าของบ่าวหนุ่มน้อยค่อยจะเลื่อนปากมาจูบที่แก้มเนียนใส
    “คุณหลวงขอรับ บ่าวตกใจหมด”
    “ตกใจทำไม น่าจะรู้ไม่ใช่หรือว่าในบ้านนี้ คนที่ทำกับเส็งแบบนี้ได้มีแต่เราคนเดียวเท่านั้น” หลวงพินิจกระซิบข้างหู ก่อนจะเม้มขบติ่งหูเบาๆจนเส็งตัวสั่นไปหมดด้วยความเสียวกระสัน “เส็งจ๋า ที่รักของแสง”
    หลวงพินิจเรียกตัวเองด้วยชื่อจริง ยิ่งทำเอาเส็งตัวสั่นไหวไปทั้งตัว
    “รู้หรือเปล่าว่ารอเวลาอย่างนี้มานานแล้ว”
    เส็งไม่ตอบ ได้แต่ตัวสั่นไป หลวงพินิจแนบสนิทเข้าทางด้านหลังแบบนี้ อะไรต่อมิอะไรก็เสียดสีแนบแน่นกันจนเส็งหลับตาพริ้ม หลวงพินิจซุกหน้าลงที่ซอกคอขาวเนียน ก่อนจะกระซิบว่า
   “ไปที่ห้องเราเถิดนะ” ชายหนุ่มอุ้มเส็งขึ้นก่อนจะเดินออกไปเข้าห้องนอน วางลงบนเตียงสี่เสา รูดม่านลงปิด ดับแสงโคมไฟฟ้าก่อนจะขึ้นคร่อมอยู่เหนือร่างของเส็ง คุณหลวงหนุ่มก้มลงหอมแก้มอีกครั้ง ก่อนจะพูดว่า “เป็นของเรานะเส็ง”
      บทรักของหลวงพินิจนุ่มนวล เปี่ยมด้วยรัก รสสัมผัสไม่เหมือนที่เขาเคยอ่านจากบทอัศจรรย์ของวรรณคดีเรื่องใดเลย เป็นบทอัศจรรย์เฉพาะของเขากับหลวงพินิจราชอักษรสองคนแต่เท่านั้น

     “อิเหนาเริ่มแต่งถ้ำทอง    ให้แนบเนื้อนวลน้องต้องประสงค์
ก่ายกอดพลอดรักนวลอนงค์        ฟ้าดินก็คงเป็นใจ
พญาหงส์ลงสู่ถ้ำแล้ว       ไม่แคล้วเสียวกระสันหวั่นไหว
จนน้ำพุพุ่งเป็นสายฉับไว       ข้างในถ้ำทองสองเรา”

******************************************************************************************************

ทุกคนกำลังจะเกลียดคุณหลวงและที่ทำเส็งร้อง ผมต้องรีบช่วยคุณหลวงก่อน งิงิ
ที่คุณหลวงบอกว่าไม่มีอะไรที่หัวหิน มีใครเชื่อบ้างมั๊ยเอ่ย? ยกมือออ
ตอนหน้า เตรียมถ้วยเตรียมตะเกียบนะครับ ผมจะเสิร์ฟมาม่า รส "โป๊ะแตก" อร่อยๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 17 :หลวงพินิจกลับมาจากหัวหินแล้ว! แต่... 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 02-12-2010 21:48:49
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :-[ :-[ :-[

อ้่านไปเขินไปเจ้าค่ะ อาบแทน จ๊ะ จ๋า น่ารักเสียนี่กะไรคุณหลวงหละก็  เล่นเอาคนอ่านอายม้วนแทบตกเตียงนอนเลยทีเดียว
และแล้วก้เสร็จคุณหลวงจนได้นะเจ้าเส็ง  :haun4:


ว่าแต่ ก่อนมาม่า โป๊ะแตก  อยากได้มาม่าน้ำตก เลือดสาดอะค่ะ เลือด ข้าอยากเสียเลือดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:

+1เลยสำหรับตอนที่น่ารักที่สู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 18แล้ว! :เมื่อเส็งต้องเสีย น้ำตา 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 02-12-2010 22:02:48
แย่หล่ะ คราวหน้าสงสัย เตรียมชามแบ่งไว้ได้เลย มาม่ามาแน่นอน
ที่คุณหลวงพูดไปเพราะไม่ให้เส็งกังวลรึเปล่า เฮ้อ จะเศร้าแล้วใช่ม๊ายเนี่ยะ
 :monkeysad: :monkeysad: ร้องไห้ไว้ก่อนล่วงหน้าเลย อิอิ :z2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 18แล้ว! :เมื่อเส็งต้องเสีย น้ำตา 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 02-12-2010 22:10:45
ชอบภาษาที่ใช้และการดำเนินเรื่องจริง ๆ โดยเฉพาะตอนย้อนเรื่องแบบนี้
รู้สึกว่ามันระรื่นหูไปหมด  กลอนก็ไพเราะนะเจ้าคะ
+1  ให้กับตอนหวาน ๆ รอรับมาม่าชามโตในตอนหน้า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 18แล้ว! :เมื่อเส็งต้องเสีย น้ำตา 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 02-12-2010 22:36:05
ต้องมีอะไรเกิดขึ้นที่หัวหินแน่เลย
แต่ที่คุณหลวงไม่บอกเส็งเพราะกลัวเส็งกังวลหรือเปล่า
ตอนหน้าจะเศร้าแล้วหรือคะ  ขออย่าเศร้ามากนะคะสงสารเส็ง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 18แล้ว! :เมื่อเส็งต้องเสีย น้ำตา 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 02-12-2010 22:46:36
คุณหลวงหวานเว่อม๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก >//<
มาม่ามาแล้วเหรอ กาซิกๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 18แล้ว! :เมื่อเส็งต้องเสีย น้ำตา 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 02-12-2010 23:37:57
เชื่อแล้วครับ ว่าหวานกว่าน้ำผึ้งเดือนห้า

อ่านแล้วอินจนเขินตามเลย   :-[
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 18แล้ว! :เมื่อเส็งต้องเสีย น้ำตา 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 03-12-2010 00:25:37
คุณหลวงนะคุณหลวง ทำเอาใจแป๊ว นึกว่าคุณหลวงจะหมดรักน้องเส็งซะแล้วววววววววววววว


กลับมาอีกที คุณหลวงหวานนนนนนนนนแบบน้ำตาลไม่ต้องมากๆๆ :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:


แต่ไรเตอร์ขา เพิ่งสุขได้แค่ตอนเดียว จะมาม่าดราม่าอีกแล้วเหรอค่ะ โฮ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 18แล้ว! :เมื่อเส็งต้องเสีย น้ำตา 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 03-12-2010 00:28:07

• เส็งเห็นหลวงพินิจ หน้าเจื่อนไปนิดหนึ่ง แต่เขาก็ตีสีหน้ากลับมาเป็นปกติในไม่กี่วินาทีเส็งจึงไม่ติดใจอะไร
ต๊าย คุณหลวงไป’รับเสต็กกับฝรั่งก่อนจะกลับมาชิมสตูว์ฝีมือเส็งรึคะ   :sad4:
๑๐๓ + ๑ = ๑๐๔
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 18แล้ว! :เมื่อเส็งต้องเสีย น้ำตา 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 03-12-2010 00:38:08
+1ให้จ้า   หวานจริงอะไรจริงเนอะตอนนี้   แต่ตอนหน้าจะเศร้าอีกแล้วเหรอพี่   หน่าสงสารเส็งอ่ะ :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 18แล้ว! :เมื่อเส็งต้องเสีย น้ำตา 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: w1234 ที่ 03-12-2010 03:30:22
+1 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 18แล้ว! :เมื่อเส็งต้องเสีย น้ำตา 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 03-12-2010 10:32:45
เก็บความหวานในครั้งนี้
เป็นกำลังใจหล่อเลี้ยง
สำหรับมาม่าในครั้งหน้า

เฮ้ออออ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 18แล้ว! :เมื่อเส็งต้องเสีย น้ำตา 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 03-12-2010 11:24:56
ความหวานครั้งนี้จะทดแทนมาม่าครั้งหน้าได้รึเปล่าคะเนี่ย

ขอเศร้าก่อนล่วงหน้า  :monkeysad:

ปล. คุณหลวงทำเค้าเขินไปหลายที  :o8:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 18แล้ว! :เมื่อเส็งต้องเสีย น้ำตา 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 03-12-2010 18:07:35
และแล้ว...เส็งก็เสร็จคุณหลวง
555+
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 18แล้ว! :เมื่อเส็งต้องเสีย น้ำตา 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 03-12-2010 20:56:35
 :-[ เขินแทนเส็งเลยอ่า

น่ารัก ..... :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 18แล้ว! :เมื่อเส็งต้องเสีย น้ำตา 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 04-12-2010 10:13:06
เขินนน

คุณหลวงหวานมากกกกก

หวานเหมือนเอาน้ำเชื่อมมาราดทั่วตัว


ปล.ขำกลอน "ถ้ำทอง" เอิ๊กกๆๆๆๆ
 
+1
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 18แล้ว! :เมื่อเส็งต้องเสีย น้ำตา 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Lady-Rabbit ที่ 05-12-2010 03:32:06
บทอัศจรรย์ แค่ไม่กี่ประโยคที่ตัดมาจากอิเหนานี่ก็จิ้นไปไกลแล้วค่ะ
เข้ากับอารมณ์เ้รื่องดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 18แล้ว! :เมื่อเส็งต้องเสีย น้ำตา 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 05-12-2010 11:16:12
เส็งมีความสุขก้ดีใจด้วย
แต่แอบห่วง บ่าวๆทั้งหลาย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 18แล้ว! :เมื่อเส็งต้องเสีย น้ำตา 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 05-12-2010 20:19:59
๑๙
   
   เส็งไม่รู้ว่า คนเรามีขีดจำกัดของความสุขหรือเปล่า แล้วหากมี... จะมีแค่ไหน จุดสูงสุดของความสุขจะอยู่เพียงที่เขามีอยู่ตอนนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เส็งนอนตะแคงข้างมีหลวงพินิจกอดซ้อนอยู่ด้านหลัง ร่างกายเปลือยเปล่าแนบชิดสนิทกันบนเตียง อุ่นไอจากกายของกันและกันมีมากจนไม่อยากผละออกจากกันสักนาที หลวงพินิจกระหวัดมือรอบเอวบางนุ่มนิ่มของเส็ง ใบหน้าแนบอยู่บนหน้าของบ่าวหนุ่ม ทั้งคู่นอนค้างอยู่ในท่านี้สักพักหนึ่ง หลับตาพริ้มราวจะบันทึกความทรงจำนี้ให้อยู่ในส่วนลึกที่สุดของสมองไม่ให้มีวันใดที่จะลืมไปได้สักนาที
    หลวงพินิจหอมแก้ม ก่อนจะบรรจงจูบซอกคอ และไหล่ขาวสะอาดของเส็ง บ่าวหนุ่มเองก็ชอบเหลือเกินเมื่อคุณหลวงทำแบบนี้ให้ จึงพลิกตัวหันเข้าหา ซุกหน้าเข้าร่างกายที่แข็งแรงกำยำของหลวงพินิจเพื่อหาไออุ่นหนุนอกแข็งแกร่งของนายผู้เป็นที่รักไว้
    เส็งหลับตาพริ้มแต่หลวงพินิจลืมตาอยู่ ไม่อาจถอดสายตาไปจากหนุ่มน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาได้
    “เจ็บหรือเปล่า” เขาถามขึ้นในที่สุด ด้วยเสียงแผ่วเบา คนถูกถามไม่ตอบ แต่ซุกหน้าเข้าหาร่างของหลวงพินิจแนบแน่นใกล้ชิดขึ้นอีกเท่าที่จะทำได้ เส็งอาจจะอาย หลวงพินิจเข้าใจจึงไม่คิดเซ้าซี้ ได้แต่กอดร่างนั้นไว้กับอกอยู่อย่างนั้นอีกพักหนึ่ง ก่อนจะกล่าวขึ้นอีกว่า “ขอให้เรามีสิทธิ์ทำแบบนี้กับเส็งคนเดียวนะ อย่ายอมให้ใครมาสัมผัสเส็งแบบที่เราทำ”
    มือของคุณหลวงลูบไปตามต้นแขนเส็งอย่างรักใคร่
    “ขอรับ” เขาพึมพำกับหน้าอกของคุณหลวงหนุ่ม
    “เส็งนิ่มไปทั้งตัว หอมเสียด้วย” เข้าจูบหน้าผากกลมมนอีกครั้ง “ไม่กล้าทำอะไรแรงเลย กลัวจะช้ำไปหมด”
    บ่าวหนุ่มหัวเราะ
    “เรานอนด้วยกันอย่างนี้ทุกคืนนะเส็ง” เจ้าของชื่อพยักหน้า หลวงพินิจก็กระซิบถามเบาๆที่ข้างหู “เหนื่อยหรือเปล่า”
    “ขอรับ”
    “งั้นหลับเถิดนะ”
    “ขอรับ” เส็งรับคำ “คุณหลวงขอรับ”
    “จ๋า”
    “บ่าวรักคุณหลวงขอรับ” เป็นครั้งแรกที่เส็งกล่าวคำนั้นก่อน และเป็นครั้งสุดท้ายที่หลวงพินิจได้ยิน หลวงพินิจราชอักษรซุกจมูกเข้ากับผมของเส็งที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ มีความสุขจนไม่อาจบรรยายออกมาได้ อยากอยู่อย่างนั้นไปนานแสนนาน
    “เราก็รักเส็ง” เขากระซิบเบาๆ “ไม่อยากปล่อยเส็งเลย อยากนอนกอดอยู่อย่างนี้ตลอดไป ไม่ลุกไปทำอะไรอีก”
    เส็งหัวเราะเบาๆ
    “บ่าวนอนแล้วนะขอรับคุณหลวง พรุ่งนี้เช้าจะตื่นทำกับข้าวไปใส่บาตรขอรับ พรุ่งนี้เป็นวันพระ”
    “จริงซี” เขาว่า “เราไปทำด้วยนะเส็ง”
    “ขอรับ”
    “ชาติหน้าได้เกิดมาเจอกันอีก เป็นคนรักของเราอีกนะเส็ง” เขาว่า  
    เส็งชอบคำว่า “คนรัก” มันฟังดูอ่อนหวาน นุ่มนวล ละเมียดละไม บ่งบอกชัดเจนว่า คนสองคนนี้เป็นคนที่รักกัน ไม่เหมือนคำว่า เมีย หรือ ผัว ที่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันชัดเจน เส็งเป็นคนรักของคุณหลวง และคุณหลวงก็เป็นคนรักของเส็ง อย่างนี้จะไม่มีใครเป็นช้างเท้าหน้า หรือช้างเท้าหลัง ไม่มีใคร ใหญ่กว่าใคร มีแต่คนที่รักกันอย่างเท่าเทียมทั้งสองคนเท่านั้น
    เขาพยักหน้าเบาๆ
   “นอนเถิดหนายาหยีพี่จะกล่อม งามละม่อมมิ่งขวัญอย่าหวั่นไหว” หลวงพินิจกระซิบเบาๆที่ข้างหู
    “คุณหลวงจำได้ด้วยหรือขอรับ”
    “จำได้ซี ท่องมาเป็นพิเศษ เผื่อไว้ว่าหากวันไหนได้นอนกล่อมเส็งจะขับบทเห่กล่อมนี้ให้ฟัง เสียงไม่เพราะเท่าเส็งดอกนะ แต่ก็ตั้งใจร้อง”
   “เพราะที่สุดแล้วขอรับคุณหลวง” เส็งว่า
    “นอนเถิด กล่อมเรามาตลอดแล้ว วันนี้เราจะกล่อมเส็งเอง” หลวงพินิจว่าเห่กล่อมไปเรื่อย กระทั่งเสียงเงียบไปเส็งก็แอบลืมตาขึ้น กลายเป็นว่าหลวงพินิจหลับไปก่อนเขาเสียอีก
    “คงเหนื่อยกระมัง” เส็งนึกในใจ มองหน้าคุณหลวงยามหลับก็อดยิ้มไม่ได้ หน้าคุณหลวงนั้น “งามพร้อมดังเลขา” จริงๆ คือดูงดงามราวกับวาดรูปไว้ ตรงไหนวาดไม่สวยก็ลบออกแล้ววาดใหม่ จะวาดให้สวยงามสมบูรณ์แบบอย่างไรก็ได้ เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้เลยว่า เส็งจะมานอนกอดคนที่บ่าวไพร่กลัวเกรงกันทั้งเรือนอย่างนี้ เสียงกระเส่าร้อง “เส็ง... เส็ง” ยังดังก้องอยู่ในหูไม่มีวันลืม บ่าวหนุ่มกระเถิบตัวขึ้นขโมยหอมแก้มหลวงพินิจไปเสียฟอดใหญ่
    “ขโมยหอมแก้มเขาตอนหลับอย่างนี้ จับมาลงโทษดีไหมนะ”
    “คุณหลวง” เส็งผละออกมา หน้าแดงก่ำ “ยังไม่หลับหรือขอรับ”
    หลวงพินิจลืมตาขึ้นหัวเราะ
    “จะหลับได้อย่างไร ก็เส็งเล่นหายใจรดหน้าอก รดต้นคอเราอยู่ เราไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะจะทำใจให้หลับได้”
    “คุณหลวง อย่าบอกนะขอรับ”
    “ไม่บอกหรอก จะทำเลย” เขายิ้มยั่ว ก่อนจะดึงเส็งขึ้นมาไว้บนตัว เหวี่ยงผ้าแพรผืนบางคลุมโปง มีแต่เสียงหัวเราะระริกระรี้ ดังอยู่ไม่ขาด ตามมาด้วยเสียงอื่นทื่ทำเอาจิตใจของหลวงพินิจกระเจิงไปไกล

    อีกเดือนกว่าต่อมา หลวงพินิจก็ไม่ยอมออกไปไหนเลย อยู่แต่กับเส็งทั้งวัน บอกว่าจะเร่งทำงานส่งกระทรวงธรรมการห้ามบ่าวไพร่คนไหนมายุ่ง พอหิวก็ให้เส็งไปยกสำรับจากโรงครัวมาให้ กินกันในห้องสองคนกระหนุงกระหนิงไม่มีใครกล้าขึ้นมาบนตึกใหญ่สักคน ความสุขของทั้งคู่ไม่จางหายไป หวานชื่นอย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้น ไม่ลดน้อยลงเหมือนคู่อื่นๆ
    วันนี้ เส็งออกมานั่งที่ท่าน้ำริมคลอง โปรยเศษข้าวที่ติดก้นหม้อให้ปลาน้อยใหญ่เป็นทาน ส่วนหลวงพินิจออกมานั่งทำงานอยู่ที่ศาลาริมสระบัว แต่ทั้งคู่ก็ยังพอเห็นกันได้ในระยะสายตา
    ที่ท่าน้ำนี้เองที่เส็งตื่นแต่เช้ามาใส่บาตรกับคุณหลวง
    เส็งยังจำได้คืนแรกที่นอนกับหลวงพินิจได้ กว่าจะได้นอนก็ดึกดื่นเต็มที กระนั้นเส็งก็ยังอุตส่าห์ตื่นมาแต่เช้าเพื่อทำกับข้าวใส่บาตร พอเส็งผละตัวออกจากคุณหลวงในตอนเช้า อีกฝ่ายก็คว้าข้อมือดึงบ่าวหนุ่มน้อยกลับมาบนเตียง
    “จะไปไหน”
    “ใส่บาตรไงขอรับคุณหลวง”
    “ไม่ไปไม่ได้หรือ อยู่อย่างนี้ต่ออีกหน่อยเถิดนะ”
    “ไม่ได้ขอรับ วันนี้วันพระนะขอรับคุณหลวง ทำอย่างนี้ไม่ได้แล้วขอรับ” บ่าวหนุ่มกระซิบอย่างร้อนใจ
    “โธ่เส็ง ก็อยู่ใกล้เส็งอย่างนี้ เราก็อยากอีกแล้วนี่นา”
    “คุณหลวง” เส็งโวยวาย “เมื่อคืนก็สองแล้วนะขอรับ อ้ายเส็งไม่ไหวแล้วขอรับคุณหลวง ไปแล้วเดี๋ยวไม่ทันพระบิณฑบาตขอรับ”
    เท่านั้น บ่าวหนุ่มก็รีบวิ่งหนี แต่คุณหลวงกลับวิ่งไล่ ทั้งที่ยังไม่นุ่งผ้าทั้งคู่ไล่จับกัน จนล้มลงไปบนเตียงอีกครั้ง ทั้งสองคนหัวเราะอย่างสนุกสนาน หลวงพินิจ หอมแก้มเส็งอีกแล้วก็พยายามเลื่อนปากลงมาต่ำกว่านั้น
    “คุณหลวง วันพระนะขอรับ” บ่าวหนุ่มน้อยอ้างเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่คุณหลวงจะหน้างอผละออกจากเส็งปล่อยให้บ่าวหนุ่มลุกขึ้นจากเตียง
    “ไม่รู้ละ เราจะทบไปรวมกับพรุ่งนี้”
    เส็ง แลบลิ้นใส่หลวงพินิจก่อนจะคว้าผ้าวิ่งเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ
    พออาบเสร็จนายบ่าวก็เดินออกจากเรือนมาพร้อมกัน หลวงพินิจนั่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำ ปล่อยให้เส็งเดินไปโรงครัวคนเดียว พอถึงโรงครัวก็พบกับมะลิและชิด ที่มองเส็งแปลกๆราวกับไม่เคยเห็นหน้าเพื่อนบ่าวรุ่นน้อง
    “พี่มะลิ พี่ชิดทำอะไรอยู่จ๊ะ หอมเชียว”
    “แกงป่าหน่อไม้” หล่อนว่า “เอ็งจะเอาอะไร คุณหลวงหิวแล้วหรือ”
    “เปล่าจ้ะ คุณหลวงให้ทำกับข้าวใส่บาตรพระเช้านี้”
    มะลิพยักเพยิดไปทางแคร่ตัวใหญ่ที่วางอยู่ใกล้กันนั้น มีผักสดของกินอะไรต่อมิอะไรวางอยู่เต็มไปหมด
    “ของอยู่ตรงนั้น เอ็งจะทำอะไรก็ทำเถิดก่อนแก้วมันจะมาเห็น”
    เส็งยังไม่รู้เลยว่าแก้วเสียสติเพียงใดเมื่อเส็งได้ไปนอนกับคุณหลวงบนเรือนใหญ่เพียงสองคน กล่าวกับบ่าวไพร่ทุกคนว่าหากเจอเส็งเมื่อใดจะฆ่าทิ้งเสียดังนั้น ทั้งชิดทั้งมะลิจึงตกใจแทบจะทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นเส็งเดินมาหา
    เส็งไม่ใส่ใจ รวบรวมข้าวของประมาณหนึ่งเตรียมทำอาหารใส่บาตรกับคุณหลวง มะลิกับชิดอยู่ห่างจากเส็งมากที่สุดเท่าที่พวกหล่อนเคยเป็น ปกติหากเจอเพื่อนบ่าวคนนี้ หล่อนสองคนก็จะพูดโน่น พูดนี่อย่างคนช่างนินทา แต่คราวนี้ กลับเงียบไม่พูดอะไรเลย เส็งไม่ทันผิดสังเกตเพราะมัวแต่ขมักเขม้นทำกับข้าว พอทำเสร็จก็ขอตัวออกมาโดยไม่รู้เลยว่า สองบ่าวรู้สึกประหลาดเพียงใดกับเขา
    หลวงพินิจรออยู่ พอเส็งเดินเข้ามาก็ช่วยประคองยกของไปรอที่ท่าน้ำ รอพระพายเรือมาบิณฑบาต ก็ใส่บาตรรับพรกันไป หลวงพินิจลอบมองเส็ง บ่าวหนุ่มก็มองอีกฝ่ายเช่นกัน ยิ้มให้กันตรงนั้นทั้งๆที่รับพรอยู่ จนพระพายเรือออกไปแล้ว หลวงพินิจก็ชวนเส็งไปบางรัก ซื้อข้าวซื้อของฝรั่งมาไว้ที่บ้าน
    เขาว่าคนทำบุญร่วมกันจะได้เกิดมาเจอกันอีกชาติหน้า เส็งไม่รู้หรอกว่ามันจะจริง


    นึกถึงเหตุการณ์วันนั้นได้ไม่นานนัก เส็งก็รู้สึกว่ามีใครเดินมานั่งข้างๆ ด้วยความเคยชินก็พูดออกไปเองว่า
    “คุณหลวงหิวแล้วหรือขอรับ เดี๋ยวบ่าว...” พอหันหน้ามาก็กลับพบกับมั่นไม่ใช่คุณหลวง ก็ชะงักเก็บคำว่า เดี๋ยวบ่าวทำอาหารให้ไปรับพร้อมๆกัน ลงคอไปได้ทันท่วงที เพื่อนบ่าวรุ่นพี่นิ่วหน้าอย่างครุ่นคิดว่า เส็งพูดกับคุณหลวงราวกับว่าหลวงพินิจจะมานั่งข้างๆ กับบ่าวถึงขนาดนี้หรือ
    “ไงเส็ง เดี๋ยวนี้แทบไม่ได้เจอไม่ได้คุยกันเลย” มั่นว่า “สบายดีหรือ”
    “จ้ะ” เส็งสงวนท่าที เก็บปากไว้ไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น
    “ข้าไม่อ้อมค้อมล่ะนะ ข่าวพูดลือกันให้ทั่วว่าเอ็งไปบางรักกับคุณหลวง เดินคู่กันสนิทสนมทัดเทียบนายเลยหรือ” เส็งไม่ตอบ นิ่งเงียบไปเสียเฉยๆ มั่นก็ตีความเอาเองว่า สิ่งที่เขาพูดคงจะถูกต้องแล้ว “ข้าไม่รู้ดอกนะว่าเอ็งคิดอะไร จะทำอะไร ข้าก็ไม่ใช่นายไม่ใช่ญาติผู้ใหญ่จะว่ากล่าวตักเตือนก็เพราะหวังดี แต่ถ้าจะไม่ฟัง ก็เข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องของข้า”
     “ฉันนับถือพี่มั่นเป็นเหมือนพี่แท้ๆของฉันจ้ะ”
    “เอาเถิด ข้าจะเตือนเอ็งว่า บ่าวไพร่มันพูดกันหนาหูเรื่องเอ็งกับคุณหลวง เอ็งน่าจะรู้ว่าคุณหลวงไม่เคยโปรดใครเกินเอ็ง ขนาดเทิดถ้าจะให้ค้างที่เรือนใหญ่ก็มีบ้างวันสองวันเท่านั้นไม่เคยค้างอยู่ตลอดแบบนี้ แล้วไม่มีใครเห็นว่าเอ็งทำอะไร ไม่ทำอะไร ก็สงสัยกันว่าเอ็งกับคุณหลวงจะทำอะไรกันเกินเลยหรือเปล่า” มั่นว่าไม่หยุด จนมาถึงตรงนี้ก็ยังจะพูดต่อเส็งจะเถียงก็ไม่ได้ เลยได้แต่เงียบฟังเฉยๆ “มะลิมันก็เคยได้ยินเสียงเอ็งพูดจากับคุณหลวงมันบอกว่าไม่เหมือนบ่าวคุยกับนาย แล้วเมื่อคืนอ้ายฟักมันหนีเที่ยวกลับมาดึกก็เลยขึ้นท่าน้ำ ก่อนเขตเรือนเรา เดินเลาะมาทางหน้าเรือนเทา พออ้อมมาข้างหลังมันก็ได้ยินเสียงเอ็งกับคุณหลวง...”
    มั่นเงียบไม่รู้จะพูดต่ออย่างไร
    “เอ้อ... เสียงแบบแปลกๆ มันก็ว่าขนลุกไม่คิดว่าเอ็งจะกล้าเล่นสวาทกับคุณหลวงถึงบนเรือน” มั่นเงียบในที่สุด
    เส็งพอเงียบก็ไม่ตอบโต้หรือแก้ตัวอะไร ได้แต่นั่งเฉยเพราะไม่มีอะไรจะแย้งเพราะที่มั่นพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด
    “ข้าไม่เชื่อ ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไรข้าก็เข้าข้างเอ็งมาตลอด แต่ข้าก็เคยเห็นสายตาของคุณหลวงเวลามองเอ็ง” เขาเงียบ “แล้วก็ท่าทาง การพูดจาไม่เหมือนกับเวลาพูดกับบ่าวคนอื่นๆ  อีกทั้งที่เอ็งพูดเมื่อครู่ น้ำเสียงที่เอ็งใช้มันไม่เหมือนเวลาบ่าวพูดกับนาย ข้าเองก็เลยชักไม่แน่ใจ”
     “พี่มั่น ฉัน...”
    “ข้าจะไม่ถามเอ็งดอกนะว่า เอ็งกับคุณหลวงทำอะไรกัน เป็นอะไรกัน แต่จะบอกว่าไม่ว่าจะทำอะไรอย่างที่ข้าคิด หรือคนอื่นคิดหรือไม่ อย่างน้อยๆความจริงเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครพร้อมจะเชื่อ ต่างก็เชื่อแต่สิ่งที่ตัวเองคิดว่าใช่คิดว่าถูกกันทั้งนั้น เอ็งจะให้คนอื่นมองเอ็งไม่ดี ให้คนอื่นมองคุณหลวงไม่ดีหรือเส็ง” พี่บ่าวพูดอย่างจริงจัง จนเส็งอดหน้าเศร้าไม่ได้ “ข้าไม่รู้หรอกว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร แต่เอ็งต้องเลิก”
    “เลิกหรือ...”
    “ใช่ อย่าให้เรื่องถึงเจ้าคุณไพรัชกิจ เลยเทียว ไม่อย่างนั้นเอ็งได้ตาย คุณหลวงได้โดนเฆี่ยนเป็นแน่ แล้วอีกอย่าง เอ็งไม่สงสารคุณหยาดนายเก่าเอ็งหรือ”
คุณหยาด ต้องพูดถึงคุณหยาดอีกแล้วหรือ ทำไมทุกคนต้องพูดถึงคนคนนี้ทุกทีด้วย “คุณหยาดจะมาเป็นภรรยาของคุณหลวงที่นี่ หากเอ็งยังทำอย่างนี้ต่อไป หรือต่อให้เอ็งไม่ทำ แต่ปล่อยให้คนอื่นคิดอย่างนี้ต่อไป เอ็งคิดว่าผลดีจะตกอยู่ที่ใครบ้างหรือ”
    เงียบ เป็นความเงียบที่ยาวนานกว่าครั้งใดที่เส็งเคยคุยกับมั่น
    “ที่มาเตือนก็เพราะหวังดี ถ้าไม่อยากให้เข้าใจผิดกันมากกว่านี้ มาอยู่เรือนบ่าวเหมือนเดิมเถิด หรืออยู่ไม่ได้จริงๆก็ขอคุณหลวงออกจากเรือนเสีย ไปอยู่กับข้าที่ต่างจังหวัด ทำนา ทำไร่ช่วยกันกับข้า คงไม่ลำบากเท่าไรดอก”
    เส็งน้ำตาคลอ ไม่เขาจะไม่มีวันไม่จากคุณหลวง ไม่มีวันเด็ดขาด
    “พี่มั่น แล้วพี่มั่นไม่สงสารฉันบ้างหรือ”
    “ข้าไม่รู้ดอกเส็ง ว่าสิ่งที่เอ็งทำอยู่มันเป็นสิ่งที่ดีหรือเปล่า แต่หากมันดีเหตุใดคนไม่เป็นกันทั้งพระนคร เหตุใดมีแต่เอ็ง และคนบางคนที่ยังต้องหลบๆซ่อนๆอยู่ทุกวันนี้ เพื่อผลดีต่อเอ็ง และคุณหลวงเอ็งต้องเลิก
    ให้คุณหลวงเขาได้มีลูกมีเมีย ออกหน้าออกตาให้สมเกียรติเถิด”
    พูดได้เท่านั้น มั่นก็ทำท่าจะลุกออกไป ปล่อยเส็งให้ทอดความคิดทบทวนอะไรไปเรื่อย กระทั่งเส็งมองเหม่อลอยไปทางต้นน้ำ ก็เห็นเรือจ้างลำหนึ่งลอยามกระแสน้ำมา พอเห็นคนที่อยู่บนเรือก็ตกใจไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกครั้งเร็วขนาดนี้ เส็งพูดชื่อของคนบนเรือที่ยิ้มให้เขาอย่างใจดีออกมาอย่างเผลอตัว จนมั่นไม่ได้ลุกไปไหนต้องกลับมารับคนคนนั้น
    “คุณหยาด” เส็งพูดได้เท่านั้นจริงๆ


หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพจบบทที่ 18แล้ว! :เมื่อเส็งต้องเสีย น้ำตา 19.00 - 28/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 05-12-2010 20:20:34
    สตรีในเสื้อแพรไหม โจงกระเบนสีเข้ากันเดินแช่มช้อยขึ้นมาบนท่าเรือ หล่อนยังงามอยู่ไม่ต่างจากที่เส็งเคยเห็นจนเบื่อ แต่หล่อนดูมีเรื่องทุกข์ มีเรื่องกังวลอยู่ในใจแววตาดูเศร้าหมองไม่เหมือนคนกำลังจะแต่งงานในอีก สองสัปดาห์เลย กระนั้นหล่อนก็ยังยิ้มอย่างสง่างามเมื่อเห็นเส็ง
    “ว่าอย่างไร พ่อคนเก่ง” หล่อนทักอย่างยั่วล้อ “อยู่สุขสบายดีหรือ ดูท้วมๆขึ้น จากครั้งที่แล้วที่เห็นคงกินดีอยู่ดีซีท่า”
    ดีมากขอรับ เส็งอยากตอบแบบนี้ ดีกว่าตอนอยู่กับคุณหยาดมากนักขอรับ หากความจริงตอบได้แต่เพียง “ดีขอรับ คุณหลวงเธอเมตตาบ่าวมากขอรับ” เท่านั้น
    “แหม ฉันไม่ดีกับเอ็งเลยกระมัง”
    “มิได้ขอรับ”    
   หยาดหัวเราะลงลูกคอเบาๆ ก่อนจะพูดว่า
    “แล้วคุณหลวงอยู่เรือนหรือเปล่ามาหาไม่ได้บอกล่วงหน้า มีเรื่องด่วนจะแจ้งให้คุณหลวงทราบ”
    “อยู่ที่ศาลาขอรับ บ่าวจะพาคุณหยาดไปหาขอรับ”
    เส็งลุกขึ้นจากพื้นไม้ ให้หยาดเดินนำหน้าไปเล็กน้อยแล้วจึงตามไปอย่างสงบเสงี่ยม พอถึงศาลา คุณหลวงคงเห็นหยาดมาแต่ไกลจึงไม่ได้มีสีหน้าประหลาดใจนัก รับไหว้หล่อนอย่างไม่สู้เต็มใจ เส็งเห็นอยู่เต็มตาว่าทั้งคู่ไม่ได้รักกันแม้แต่น้อย จะให้แต่งงานกันแล้วให้เขาถอยเปิดทางให้หรือ ทั้งที่หลวงพินิจก็รักเขาอยู่เต็มอก
    เส็งสังเกตว่าไม่ใช่เพียงแต่คุณหลวงเท่านั้น ที่มีสีหน้าเรียบเฉย คุณหยาดเองก็วางสีหน้าเรียบสนิทไม่ได้ยิ้มแย้มอย่างทุกครั้งที่เจอนายบ่าวของเขาราวกับมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสองที่หัวหิน โดยที่เส็งไม่ได้รู้เรื่องด้วย
    “แม่หยาดมาหาฉันมีธุระอะไรหรือ” สรรพนาม “พี่” เปลี่ยนเป็น “ฉัน” อย่างห่างเหิน ทั้งมั่นทั้งเส็งต่างก็รู้สึกได้เช่นกัน “นั่งก่อนซี”
    หยาดนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับคุณหลวง
    “ดีฉันมีเรื่องมาแจ้งให้คุณหลวงทราบเจ้าค่ะ” หล่อนว่าด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานนอบน้อมเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน เส็งแอบคิดในใจว่าคงหนีไม่พ้นเรื่องแต่งงาน แต่คุณหลวงหนุ่มก็ชิงพูดขึ้นก่อน ราวรู้ใจเส็ง
    “ถ้าจะมาย้ำว่าอีกสองอาทิตย์จะได้แต่งงานกันละก็ ไม่จำเป็นดอกนะ ฉันยังจำได้อยู่ขึ้นใจ”
    หยาดมองหลวงพินิจอย่างเคืองๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรตอบโต้ ยังคงคุมสติอยู่ได้ พูดเรื่อยๆไปในสิ่งที่หล่อนจะต้องมาพูด
    “คุณหญิงไพรัชกิจมาเยี่ยมคุณหญิงแม่ที่เรือนวันนี้เจ้าค่ะ พอดีมีคนบอกข่าวว่า ที่วัดพระเชตุพน จะมีเทศน์มหาชาติวันเสาร์ และวันอาทิตย์นี้ คุณแม่เห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ทำบุญใหญ่ก่อนวันแต่งงาน จึงให้ดีฉันเป็นเจ้าภาพกัณฑ์มัทรี พอดีว่าคุณหญิงไพรัชกิจก็เห็นดีด้วย ก็เลยบอกรับให้คุณหลวงเป็นเจ้าภาพกัณฑ์กุมารเจ้าค่ะ ทีนี้คุณหญิงไพรัชกิจกับคุณหญิงแม่เจอกันแล้วก็อยากคุยกันประสาแม่ๆ จึงวานให้ดีฉันมาแจ้งเจ้าค่ะว่า เริ่มเทศน์กัณฑ์กุมารตอนเวลาประมาณหนึ่งทุ่มดีฉันและคุณหญิงแม่จะทำเครื่องกัณฑ์ไปเตรียมการสำหรับกัณฑ์มัทรีหลังจากนั้นเล็กน้อย ทางคุณหลวงตอนแรกคุณหญิงไพรัชกิจก็จะเป็นฝ่ายเตรียมให้ ทีนี้เห็นว่าที่นี่มีเส็งอยู่ด้วย” หลอนหันมาทางเส็ง ประกอบคำพูด “เลยวานให้ดีฉันมาบอกว่า ให้เส็งช่วยเตรียมกับข้าวกับปลา เครื่องคาวหวานไปให้สมฐานะเจ้าภาพ ขอให้ทำสุดฝีมือเจ้าค่ะ”
    หลวงพินิจฟังเรื่องแสนยาวนี้จบ คิดว่าจะต้องนั่งเบื่อว่าต้องไปฟังเทศน์กับแม่หยาด แต่พอได้ยินชื่อเส็ง ก็นึกสนุกว่าจะมีงานใหญ่มาให้บ่าวหนุ่มคนรักทำไปอวดใครได้ออกหน้าออกตา
   “ดี เส็งได้แสดงฝีมือเต็มที่ เส็งจะขัดข้องหรือเปล่า” คุณหลวงจบประโยคก่อนจะทันได้พูด จ๊ะ
    “มิขัดข้องเลยขอรับ เต็มใจอย่างยิ่งเลยขอรับ”
    ได้ทำงานใหญ่แบบนี้ทั้งที เส็งนึกสนุกเหลือเกินนึกถึงตอนตรุษจีนเมื่อครั้งพ่อแม่ยังอยู่ ต้องเตรียมทำขนมจีบ ซาลาเปา ขนมเทียน ขนมเข่งอะไรกันวุ่นวายไปหมด แต่ถึงเหนื่อย ถึงวุ่นวายก็ยังสนุก งานนี้เส็งว่าก็คงสนุกเช่นกัน หากได้ไปกับคุณหลวงด้วย
    “ดีแล้ว ช่วยกันเตรียมงานไป แล้วก็คุมอาหารไปกับเราด้วยเสียเลยนะ ในวันงาน” หลวงพินิจยิ้ม
    หยาดเห็นหลวงพินิจอารมณ์ดี หล่อนก็อดอารมณ์ดีด้วยไม่ได้ จนเมื่อหลวงพินิจพูดประโยคต่อมาหล่อนถึงกลับไปอารมณ์ขุ่นมัวอีกครั้ง
    “แม่หยาดเสร็จธุระแล้ว จะให้มั่นไปส่งที่ท่าน้ำ”
    “ยังไม่เสร็จเจ้าค่ะ” หล่อนว่า เสียงเริ่มแข็งมาบ้าง “ดีฉันขอรบกวนเวลาคุณหลวงไม่นาน คุยกับคุณหลวงเป็นการส่วนตัว คงจะไม่ขัดข้องนะเจ้าคะ”
    ด้วยเหตุนี้ หลวงพินิจจึงมองหล่อนขวางๆ ก่อนจะบอกมั่นให้กลับเรือนบ่าวไปก่อน ให้เส็งรอเขาอยู่ที่ศาลานี้ ตัวเองเดินเข้าประตูหลังของบ้านไป ผ่านห้องครัว มาห้องนั่งเล่น แต่ไม่ได้นั่งลงกับตั่งไม้ แต่ยืนไขว้หลัง หันหลังให้หล่อนให้เห็นชัดเจนว่า ไม่อยากคุยกับหล่อนเพียงใด
    “คุณหลวงก็ทราบแล้ว ดีฉันคงไม่ต้องย้ำเรื่องงานแต่งงาน”
    “ไม่ต้องดอก”
    “คุณหลวงจะไม่หันมาพูดดีๆ กับดีฉันสักครั้งจริงๆหรือเจ้าคะ” หล่อนว่าเสียงสั่นคลอราวกับน้ำตาจะหลั่งออกมาเดี๋ยวนั้น “คุณหลวงไม่สงสารดีฉันบ้างหรือคะ ที่ต้องแต่งงานกับคนที่เขาไม่รัก”
    น้ำตาไหลรินอาบแก้มหยาดอย่างห้ามไม่ได้
    “ทำไมคะ ดีฉันไม่ดีตรงไหน เสื่อมเสียตรงไหน ต่ำต้อยตรงไหนคุณหลวงถึงไม่สนใจดีฉันบ้างเลย” หล่อนโพล่งออกมาอย่างควบคุมไม่ได้อีกต่อไป คำขานเจ้าคะอย่างเจียมตัว ลดมาเป็นเพียง คะ อย่างเพื่อน หรืออย่างคนรักใช้กันเท่านั้น “คุณหลวงทำท่าปั้นปึ่งกับดีฉันมาตลอด ตอนไปหัวหินก็ไม่คิดจะคุยกับดีฉัน แถมยังจะเรื่อง....” หล่อนเงียบไปสักพัก เรียบเรียงคำพูดแล้วจึงพูดต่อ “เราจะแต่งงานกันอยู่แล้วนะคะ คุณหลวงไม่คิดจะทำดีกับดีฉันบางเลยหรือ พี่แสงไม่คิดจะมองน้องในสายตาบ้างเลยหรือ”
    หลวงพินิจจะอ้าปากตอบ แต่หล่อนก็ว่าต่อไป
    “พี่แสงเคยสัญญากับน้องนะคะ ว่าจะอยู่กับน้อง อยู่กับน้องน้องตั้งแต่ก่อนไปเมืองนอก แล้วนี่อะไรคะ พี่แสงเป็นหลวงพินิจราชอักษร น้องเป็นแค่อีหยาด ต้องเรียก “คุณหลวง” ต้องเรียก “ดีฉัน” พูดเจ้าคะเจ้าขาราวกับเราอยู่คนละฐานะ ราวกับไม่ใช่เพื่อนเล่นกันตั้งแต่สมัยเด็กๆ แม้แต่อยู่เป็นเพื่อนพี่แสงยังทำตามสัญญาไม่ได้ ทุกวันนี้ เราปฏิบัติต่อกันไม่ต่างจากแค่คนรู้จักเลยนะคะ
    พี่แสงตกลงแต่งงานกับน้องทำไม ถ้าพี่แสงไม่รักน้อง หรือกลัวขัดใจเจ้าคุณไพรัชกิจ ถ้าเป็นเพียงเท่านั้น เราอย่าแต่งงานกันเลยค่ะ น้องเคยเชื่อนะคะ ว่าสักวันพี่แสงจะหันมาหาน้อง จะรักน้องบ้าง แต่นี่ อีกไม่กี่สิบวันจะแต่งงานกันอยู่แล้ว พี่แสงก็ยังไม่ไยดี น้องทำผิดอะไรคะ พี่แสงถึงไม่รักน้องบ้าง ไม่ไยดีน้องบ้างเลย ถ้าพี่แสงคิดว่ามีเพียงพี่แสงเท่านั้นที่ไม่อยากแต่งกับน้อง พี่แสงก็คิดผิดละค่ะ เพราะน้องเองก็ไม่อยากแต่งงานกับคนที่เขาไม่รักเราเหมือนกัน”
    “ว่าอย่างไรนะ” หลวงพินิจหันมา มีสีหน้ายินดีปรากฏอยู่บนหน้าอย่างซ่อนไว้ไม่มิด
    “พี่แสง...”
    “แม่หยาดไม่อยากแต่งหรือ ดีละ ถ้าอย่างนั้นพี่จะบอกเจ้าคุณพ่อให้ยกเลิกถอนหมั้นเสีย ไม่แต่งก็ได้จะได้ไม่เป็นการทำร้ายจิตใจกัน”
    “พี่แสง!” หยาด น้ำตาไหลรินอย่างห้ามไม่ได้อีกต่อไป “ทำไม ทำไมพูดถึงเพียงนี้ นี่ไม่เห็นใจน้องบ้างเลยหรือคะ”
    หลวงพินิจรู้สึกผิด เมื่อเห็นน้ำตาไหลรินออกจากดวงตาคู่สวยของแม่หยาดอย่างนั้น เขารู้สึกตัวว่าพูดแรงเกินไป แต่หากไม่พูดอย่างนี้ เรื่องมันจะจบได้อย่างไร หลวงพินิจตัดสินใจแล้วว่า จะต้องพูดให้รู้เรื่อง วันนี้เรื่องจะต้องจบไป เขาจะต้องพูดกับหยาดให้รู้เรื่อง ก่อนพูดกับเจ้าคุณพ่อ และคุณหญิงแม่ ว่าเขาจะไม่มีวันยอมให้ใครมาจับคลุมถุงชนอย่างคร่ำครึอีกต่อไป
    “แม่หยาด ไม่รักก็คือไม่รัก ถ้าไม่รักตอนนี้ ต่อให้เวลาผ่านไปแค่ไหนก็คือไม่รัก” เขาว่าก่อนจะหันหลังให้หยาดเพราะไม่อาจทนเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาอย่างนั้นได้ กลัวว่าจะเห็นใจ กลัวว่าจะเผลอไปมีใจให้หยาดเข้า
    แต่หยาดไม่ยอมแพ้ หล่อนตรงเข้ามากอดหลวงพินิจราชอักษรจากข้างหลัง “แต่น้องรักพี่แสงนะคะ ถ้าหากรักไปแล้ว ต่อให้เวลาผ่านไปแค่ไหน หรือเกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็คือรัก เช่นกัน”
    หลวงพินิจแกะแขนของหยาดออก
    “พี่แสง...” หล่อนสะอื้นไห้
    “แม่หยาด ตัวเป็นหญิงมากอดชายก่อนแบบนี้ไม่งามนะ” เขาพูดเบาๆ
    “พี่แสง... แล้วเรื่องที่หัวหินล่ะคะ”
    “ไม่มีเรื่องอะไรที่หัวหินทั้งนั้น” หลวงพินิจราชอักษรพูดเสียงเข้ม “ไม่เคยมีเรื่องอะไรระหว่างเราเกิดขึ้นที่หัวหินทั้งนั้น ไม่เข้าใจหรือแม่หยาด”
    “เข้าใจแล้วค่ะ” หยาดว่า “ถ้าอย่างนั้นน้องก็ต้องขอขมาพี่แสงด้วย น้องรู้แล้วว่าไม่ว่าจะอย่างไรคงเปลี่ยนหัวใจพี่แสงไม่ได้ ไม่รัก ไม่แต่ง ก็แล้วกันค่ะ หลังงานเทศน์มหาชาติน้องจะบอกเจ้าคุณพ่อเองว่าน้องไม่แต่งกับหลวงพินิจราชอักษร เพราะน้องมีคนอื่นที่น้องรักอยู่แล้ว”
    “เอ้า ใครกัน เหตุใดไม่บอกแต่แรกว่ามีคนที่รักอยู่แล้ว” หลวงพินิจงุนงงตามหยาดไม่ทัน ได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
    คำตอบของหยาดทำเอาหลวงพินิจเงียบไป
    “ดีฉันไม่อยากแต่งงานกับหลวงพินิจราชอักษร เพราะดีฉันไม่ได้รักเขา และเขาก็ไม่ได้รักดีฉัน คนที่ดีฉันรักและอยากแต่งงานด้วยคือพี่แสง เพื่อนเล่นสมัยเด็ก ที่ดีฉันรู้จัก แต่ดูเหมือนเขาจะได้ตายจากดีฉันไปแล้วตั้งแต่เขาเดินทางไปฝรั่งเศส” หล่อนหลับตา น้ำตาหยดสุดท้ายไหลรินไปถึงคาง “กลับมาแต่หลวงพินิจราชอักษร ที่ดีฉันไม่เคยรู้จัก และไม่เคยเข้าใจ ดังนั้นดีฉันจะไม่แต่งงานกับใครเลย!”
    หล่อนว่าเท่านั้นก็ปาดน้ำตาเดินออกจากห้อง แล้วตรงออกจากเรือนขึ้นเรือจ้างจากไปในที่สุด
    หลวงพินิจราชอักษรนั่งลงบนตั่งไม้ยกมือกุมขมับ จริงอยู่ที่เขาไม่รักแม่หยาด จริงอยู่ที่เขาไม่สนใจว่าแม่หยาดจะคิดอะไร รู้สึกอย่างไรแต่เขาก็เป็นคนไม่ชอบถูกทำร้าย และไม่ชอบทำร้ายใครเช่นกัน ไม่ว่าจะทางกาย วาจา หรือใจก็ตาม แล้วดูเขาตอนนี้ซี เขาทำร้ายแม่หยาดได้ลงคอ เพื่อนเล่นสมัยเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร เพียงถูกคลุมถุงชนกับเขา เท่านั้น หล่อนก็แค่เล่นไปตามบท ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่า เขาไม่ได้รัก หรือห่วงใยหล่อนเลยแม้แต่น้อย
    แล้วหล่อนผิดอะไร เขาถึงต้องทำร้ายหล่อนได้ถึงเพียงนี้
    ถ้าเขาจะแค่แต่งงานไปตามบทเช่นกัน ไม่รักแต่ก็ไม่ทิ้ง ไม่เลิกเพื่อรักษาน้ำใจหล่อน หยาดคงจะดีใจและมีความสุข .... แน่หรือ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกน่ะหรือว่าสามีไม่ได้รักเลย หยาดเอง ก็คงเสียใจกล้ำกลืนฝืนทน อยู่กันแบบรอวันตายจากกันเท่านั้น แล้วเส็ง...
    เส็งเปิดประตูเข้ามา เห็นหลวงพินิจนั่งอยู่ท่าทางเคร่งเครียดก็เข้ามากอดเขาไว้ด้วยความรัก ด้วยความอบอุ่น
    ... แล้วเส็งเล่า ถ้าเขาแต่งกับหยาดเส็งก็คงเสียใจไม่แพ้กัน เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ เขาได้อยู่กับคนที่เขารัก หยาดก็ไม่ต้องฝืนอยู่อย่างไม่มีความสุข อย่างนี้ก็น่าจะดีสำหรับทุกฝ่ายแล้วนี่
    แปลกอย่างหนึ่งตรงที่ อ้อมกอดของใครคนหนึ่งมันช่างต่างจากอีกคนเสียนี่กระไร อ้อมกอดของใครคนนี้มันทำให้เขารู้ตัวว่า เขาไม่ได้ต้องการอ้อมกอดของใครอีกคนมากแค่ไหน อ้อมกอดของคนที่เขารัก เท่านี้ก็เพียงพอแล้วให้เขาหลุดพ้นออกจากภาวะตึงเครียด ไม่สบายใจ เขากอดเส็งตอบ นานมาก นานโดยที่เส็งก็ไม่คิดถามว่าเขาพูดอะไรกับหยาด ตลกตรงที่พูดระบายอารมณ์กับคนนับร้อยนั้นเทียบอะไรไม่ได้เลยกับการกอดคนที่รักและเข้าใจเราแค่คนเดียว
    หลวงพินิจกระซิบข้างหูเส็งด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ดวงตารื้นไปด้วยน้ำตา กระนั้นก็เป็นน้ำตาแห่งความสุขเช่นกัน “เราไม่ต้องแต่งงานกับแม่หยาดแล้วนะ”
    อย่างนี้แหละ อย่างนี้ดีแล้วสำหรับทุกฝ่าย หลวงพินิจคิดในใจ
    แต่หากมันดีจริง เหตุใดเขาถึงยังคิดถึงแม่หยาด เหตุใดถึงเป็นห่วงและรู้สึกผิดถึงเพียงนี้เล่า

******************************************************************************************************
รอบนี้เสิร์ฟมาม่าน้ำขลุกขลิก นิยายผมไม่มีร้องทีเดียวจบนะครับ
แต่น้ำตาจะซึมไปเรื่อยๆ เพิ่มดีกรี จนตาบวมกันไปข้างหนึ่ง 5555+ (ข้างหนึ่ง = ไม่คุณหลวง ก็เส็ง)
ส่วนไรท์เตอร์ ร้องไปแล้ว สองรอบ ให้บทบทเดียวที่แต่งยากที่สุดในเรื่อง ซึ่งอีกไม่นานทุกคนก็คงจะรู้ครับว่าตอนไหน

ปล. กลอนจากตอนที่แล้วผมแต่งเองครับ ไม่ได้เอามาจากบทพระราชนิพนธ์อิเหนา ยืมชื่อ "อิเหนา" มาใช้เฉยๆ อิอิ
ปล2 ขำคุณ Samsoon แอบหื่น ไม่สิ หื่นอย่างเปิดเผยนะครับ 555+
ปล3 คุณกิต ไม่ใช่เสต็กหรอกครับ แต่เป็น... หึหึ เดี๋ยวก็รู้ครับ
ปล4 คุณzombi ห่วงใครหรอค้าบบ
ปล5 คนอื่นที่ผมไม่เอ่ยชื่ออย่าน้อยใจนะคร้าบจะพยายามทักทายให้ครบทุกคนคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เสิร์ฟบทที่ 19 พร้อมมาม่า! :มีแขกมาเยือนที่เรือนเทา! 20.15 - 5/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 05-12-2010 20:59:01
ช่วงข้าวใหม่ปลามันหวานกันสุดๆ อ่านแล้วเขิน  :haun4:

แต่หวานตอนต้น ท้ายๆ เริ่มดีกรีเผ็ดๆ ขึ้นมาทีละหน่อยตั้งแต่นายมั่น+คุณหยาด เส็งเลยเหมือนเจอ 2 เด้งไปเลย แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นโป๊ะแตกทะเลเดือด ยังพอทำจายยยยยยยยยยยยยยยยยยยได้ค่ะ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

กลัวใจแม่หยาดจริงๆ ท่าทางเธออาจจะไม่ยอดจบง่ายๆ เหมือนที่ปากว่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เสิร์ฟบทที่ 19 พร้อมมาม่า! :มีแขกมาเยือนที่เรือนเทา! 20.15 - 5/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 05-12-2010 21:11:26
 “โธ่เส็ง ก็อยู่ใกล้เส็งอย่างนี้ เราก็อยากอีกแล้วนี่นา”
 “คุณหลวง” เส็งโวยวาย “เมื่อคืนก็สองแล้วนะขอรับ อ้ายเส็งไม่ไหวแล้วขอรับคุณหลวง
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

อร๊่างงงงงงงงงงงงคุณหลวงหละก็ บ่าวเขินจริงๆ อ่านแล้วยิ่มไปหน้าแดงไป พลางจิ้นว่า คนสมัยนั้นกับสมัยนี้ เวลา "ทำรัก" มันจะเหมือนกันไหมหละหนอ ไม่มีบรรยายให้อ่านหน่อยหรือเจ้าคะ อิชั้นหละอยากจะรู้จริงเทียว ว่ามันจะต่างกันแค่ไหน หุหุ เค้าป่าวหื่นจริงๆน๊า



อ่านมาตอนท้ายๆดูมั่นมันห่วงเส็งเนอะแอบชอบป่าว  แล้วเรื่องที่หัวหิวคือไรน๊า อยากรู้จริงๆเทียว


ไปแล้ว มาอ่านและ+1สำหรับตอนหว้านนนนนนนนนนนนนหวานนนนนนนนนนนนนนนปนมาม่านิดหน่อย o13

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เสิร์ฟบทที่ 19 พร้อมมาม่า! :มีแขกมาเยือนที่เรือนเทา! 20.15 - 5/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 05-12-2010 21:37:12
หยาดเป็นคนแรงอ่ะ นิสัยก็ไม่ไหวจะเคลียร์ เส็งเป็นแค่บ่าวจิเอาอะไรไปสู้เค้าเนี่ยะ
โอ๋ยยยยย  :z3: :z3: แต่ว่านะ หวานน้ำตาลเรียกพี่จริงๆนะเนี่ยะ  o18 o18
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เสิร์ฟบทที่ 19 พร้อมมาม่า! :มีแขกมาเยือนที่เรือนเทา! 20.15 - 5/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 05-12-2010 22:26:00
 :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เสิร์ฟบทที่ 19 พร้อมมาม่า! :มีแขกมาเยือนที่เรือนเทา! 20.15 - 5/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 05-12-2010 22:56:08
ยังเดาไม่ออกเลยว่าจุดจบในภาคอดีตมันคือรูปแบบไหน
มาม่าที่ไม่อยากกิน แต่ต้องกินใช่ไหม ฮือออ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เสิร์ฟบทที่ 19 พร้อมมาม่า! :มีแขกมาเยือนที่เรือนเทา! 20.15 - 5/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 05-12-2010 23:13:24
พอจะเดาออกว่าจุดจบของตอนย้อนเรื่องจะเป็นแบบไหน
แต่บทสรุปของแต่ละคนในภพปัจจุบันนี่สิจะเป็นอย่างไร
พาทิศต้องทำอย่างไรเพื่อที่จะปลดปล่อยเส็งได้  เฮ้อออ
จริง ๆ แล้วตั้งใจว่าจะให้ผ่านมาม่าไปก่อนแล้วค่อยเข้ามาอ่านทีเดียว
เวลาที่เรื่องยังไม่ถึงบทสรุปนี่ไม่ค่อยอยากอ่านเท่าไหร่
กลัวจะนอนไม่หลับ  แบบค้างน่ะ  เก็บเอาไปคิดต่อคนเดียวได้อีก
เฮ้อ  กลุ้มใจตัวเอง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เสิร์ฟบทที่ 19 พร้อมมาม่า! :มีแขกมาเยือนที่เรือนเทา! 20.15 - 5/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: w1234 ที่ 05-12-2010 23:40:14
 :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เสิร์ฟบทที่ 19 พร้อมมาม่า! :มีแขกมาเยือนที่เรือนเทา! 20.15 - 5/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: viky_mama ที่ 05-12-2010 23:40:38
เห็นแววเศร้าอยู่รำไรอีกแล้ว มีอะไรเกิดขึ้นที่หัวหินหรือคุณหลวง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เสิร์ฟบทที่ 19 พร้อมมาม่า! :มีแขกมาเยือนที่เรือนเทา! 20.15 - 5/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: แมววาย ที่ 06-12-2010 00:47:12
ที่หัวหินเกิดอะไรขึ้นอ่า   เดาว่าเกือบจะมีอะไรกันแน่เลย  แต่คุณหลวงหยุดก่อนทำนองนั้นหรือเปล่าคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เสิร์ฟบทที่ 19 พร้อมมาม่า! :มีแขกมาเยือนที่เรือนเทา! 20.15 - 5/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 06-12-2010 01:43:19

• คุณกิต ไม่ใช่เสต็กหรอกครับ แต่เป็น... หึหึ เดี๋ยวก็รู้ครับ
วั้ย แค่เสต็กนี่ก็หนักหนาแล้วละค่ะ
กิต.มิกล้าเดาเป็นอื่น เกรงจะไม่งาม หุหุ  :-[

๑๐๗ + ๑ = ๑๐๘
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เสิร์ฟบทที่ 19 พร้อมมาม่า! :มีแขกมาเยือนที่เรือนเทา! 20.15 - 5/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 06-12-2010 09:56:39
อ่านแล้วเหมือนกับว่าที่พาทิศขับรถชนนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลยอะคะ..
เหมือนมีใครซักคนทำเพราะอยากให้หลับยาวววววววววว..(พร้อมสายน้ามเกลือ...T^T)
แต่สงสารเส็งจังเลย...อยากให้ได้อยู่กับคุณหลวงเร็วๆคะ..^ ^
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เสิร์ฟบทที่ 19 พร้อมมาม่า! :มีแขกมาเยือนที่เรือนเทา! 20.15 - 5/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 06-12-2010 10:15:45
+ให้พี่คนแต่งค่ะ  ไม่รู้จะสงสารใครดีอ่ะ


แต่หลังจากอ่านตอนนี้ก้ทำให้รู้ว่า  เส็ง  กับคุณหลวงแอบเห็นแก่ตัวนะเนี่ย



แต่ก็นะมีใครในโลกบ้างที่ไม่เห็นแก่ตัว  อย่างน้อยก็ต้องมีบ้างไม่มากก็น้อย



แต่ไม่ว่ายังไงก็ชอบคู่นี้อ่ะ


ปล.หน่าคิดถึงพาทิศแล้วอ่ะ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เสิร์ฟบทที่ 19 พร้อมมาม่า! :มีแขกมาเยือนที่เรือนเทา! 20.15 - 5/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 06-12-2010 11:29:31
เกิดอะไรขึ้นที่หัวหินกันนะ อยากรู้ๆ

รอบหน้ายังคงต้องกินมาม่าต่อใช่ไหมคะเนี่ย  :m15:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เสิร์ฟบทที่ 19 พร้อมมาม่า! :มีแขกมาเยือนที่เรือนเทา! 20.15 - 5/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 06-12-2010 18:12:33
เกิดไรขึ้นที่หัวหินอะ

คุณหลวงแอบนอกใจเส็งหรอ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เสิร์ฟบทที่ 19 พร้อมมาม่า! :มีแขกมาเยือนที่เรือนเทา! 20.15 - 5/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 06-12-2010 18:41:26
แอบสงสารหยาด

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เสิร์ฟบทที่ 19 พร้อมมาม่า! :มีแขกมาเยือนที่เรือนเทา! 20.15 - 5/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: sornvat ที่ 08-12-2010 07:31:20
แต่งได้ละเมียดละไมมาก สุดประทับใจเลย
ถ้าผมได้กลอนแบบที่เส็งได้จากคุณหลวง คงจะถูกสลักจิตเหมือนกันแน่
แรกๆแอบเดาพาทิศเป็นหยาด อ่านไปๆมาๆ
พาทิศ-ณัฐนี่ เหมือนเป็นแสง-เส็ง ภาคปัจจุปันเลย
แต่คิดว่าไม่ใช่แน่ ถ้าพาทิศเป็นคุณหลวง ณัฐนี่เป็นหยาดที่มารอความรักชาตินี้หรือเปล่า
อ่านรวดเดียวมาถึงตอนนี้ค้างจังครับ แต่เห็นผู้แต่งเกริ่นๆถึงน้ำตาจะท่วมเรื่อยๆ ก็กลัวๆ
แอบกลัวใจแทนเส็ง ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เสิร์ฟบทที่ 19 พร้อมมาม่า! :มีแขกมาเยือนที่เรือนเทา! 20.15 - 5/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 08-12-2010 13:00:51
สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นที่หัวหินกันแน่   :serius2: :serius2: :serius2:

มีแววว่าเราจะได้บริโภคมาม่าไปอีกหลายตอนสินะค่ะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เสิร์ฟบทที่ 19 พร้อมมาม่า! :มีแขกมาเยือนที่เรือนเทา! 20.15 - 5/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: BiGgYDrIb ที่ 08-12-2010 23:40:50
ไม่ค่อยได้อ่านนิยายย้อนยุคแบบไทยๆ
จีบกันน่ารักจัง เขียนกลอนให้ พูดเกี้ยวกันซะเราเขินแทน
จะรออ่านต่อไปนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เสิร์ฟบทที่ 19 พร้อมมาม่า! :มีแขกมาเยือนที่เรือนเทา! 20.15 - 5/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: jobi ที่ 09-12-2010 13:58:33
นึกว่าคุณหลวงเปลี่ยนไป ที่แท้เค้าเก็กไว้นี่เอง
คุณหลวงกับเส็งหวานชื่นกันได้ไม่เท่าไหร่ ความเศร้าก็จะมาเยือนอีกแล้ว=__=
รอบนี้เทคะแนนสงสารให้คุณหยาดดีกว่า

ขอบคุณมากจ้า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เสิร์ฟบทที่ 19 พร้อมมาม่า! :มีแขกมาเยือนที่เรือนเทา! 20.15 - 5/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 09-12-2010 16:40:34
 :กอด1:
เข้ามาเป็นกำลังใจให้คุณหลวงกับนายเส็ง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เสิร์ฟบทที่ 19 พร้อมมาม่า! :มีแขกมาเยือนที่เรือนเทา! 20.15 - 5/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 09-12-2010 18:47:40
แด่... คนที่อยากรู้เรื่องที่หัวหิน และ แด่ผู้ที่รอมาม่า
คำเตือน เตรียมยาดม+พาราไว้คนละ 2 เม็ด เผื่อได้ใช้เมื่ออ่านจบบทนี้ครับ

******************************************************************************************************
๒๐

    เส็งนอนก่ายอยู่บนตัวหลวงพินิจราชอักษร หนุ่มน้อยหลับสนิท ดวงตาหลับพริ้มเห็นขนตาเป็นแผงสวยราวดวงตาหญิงสาว ร่างกายที่ทั้งเล็กทั้งบอบบางกระชับแน่นเข้าหาร่างที่แกร่งกว่า หลับซุกไออุ่นอย่างเคยชิน หากแต่ผู้ให้ไออุ่นนี้กลับไม่อาจหลับลงได้เลย
    ชายหนุ่มกอดร่างของเด็กน้อยที่เขารักแสนรักด้วยมือซ้าย หากแต่มือขวายกขึ้นหนุนที่ท้ายทอย แม้หมอนจะนุ่ม หนุนสบายอยู่แล้วแต่ชายหนุ่มก็ยังรู้สึกปวด แข็งเกร็งที่ต้นคอด้วยความตึงเครียดที่มาเยือนในจิตใจ แม้กายจะล้าและเรียกร้องให้พักผ่อนอย่างไร ใจก็ยังไม่พร้อมจะหลับ ยังตื่นคิดโน่นคิดนี่อยู่แม้จะเลยสองยามมานานมากแล้วก็ตาม
    หลวงพินิจราชอักษรนึกไปถึงวันที่เขาเดินทางไปยังหัวหิน ชายหนุ่มยอมรับกับใจตัวเองว่า ไม่มีความสุขเลยจริงๆ หากแต่ต้องคงสีหน้าไว้เหมือนว่าเต็มใจมาร่วมเดินทางในครั้งนี้ด้วยเสียเหลือเกิน เขาสนุกที่จะคุยภาษาฝรั่งกับบรรดาข้าราชการต่างชาติชั้นผู้ใหญ่หลายๆคน พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กัน เกี่ยวกับความเป็น อารายธรรมของสยามว่าพัฒนาไปมากเพียงใด ในสมัยพระพุทธเจ้าหลวง
    ตั้งแต่ต้นรัชกาล พระองค์ทรงงานอย่างหนักมาโดยตลอดเพื่อพัฒนาสยามประเทศให้เจริญทัดเทียมชาติตะวันตกที่เข้ามาล่าอาณานิคม ให้ชาวตะวันตกเห็นว่า ชาติสยามเป็นชาติที่มีวัฒนธรรมไม่ต่างจากอารยประเทศในยุโรป เนื่องจากชาวตะวันตกในสมัยนั้นมองว่าคนเอเชียป่าเถื่อน ไม่มีวัฒนธรรมไม่รู้ความรู้ความสามารถที่จะใช้ชีวิตให้มีคุณภาพได้เทียบเท่าชาติอังกฤษ ฝรั่งเศส โปรตุเกศ เยอรมัน ทั้งจารีตประเพณีบางอย่างยังคร่ำครึ บางอย่างขัดต่อหลักศีลธรรม จำเป็นต้องแก่ไขอย่างยิ่ง
    ชาติตะวันตกเชื่อว่าเป็นหน้าที่ของพวกเขาที่จะต้องเข้ามาให้ความรู้ ให้วิทยาการต่างๆ แนะแนวการปกครอง และช่วยเหลือให้เปิดประเทศเพื่อความเจริญทางเศรษฐกิจแก่พวกด้อยพัฒนาอย่างคนดำในแอฟริกา หรือคนเอเชียชาวยุโรปเชื่อว่าหน้าที่เหล่านี้เป็น “ภาระของคนขาว” ที่ต้องทำให้เกิดความเจริญทัดเทียมกันทั่วโลก กระนั้นหลวงพินิจราชอักษรเข้าใจว่าจริงๆแล้วสิ่งที่ชาวตะวันตกเหล่านี้พูดนั้น เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น
    การล่าอาณานิคมของชาวตะวันตกนั้น มีจุดประสงค์เพื่อขยายแหล่งการค้ามากกว่า เนื่องจากลัทธิพาณิชยนิยมกำลังแพร่หลายไปทั่วยุโรป แต่ละประเทศต่างแก่งแย่งชิงดีกันขยายผลผลิตทางการเกษตร และให้ได้มาซึ่งความมั่งคั่งร่ำรวย บวกกับความอุดมสมบูรณ์ด้านทรัพยากรมนุษย์ หรือแรงงานทาสในแอฟริกาและความมั่งคั่งทางทรัพยากรธรรมชาติในเอเชีย ทำให้ยุโรปยิ่งต้องเข้ามาจับจองยึกดินแดนในแถบนี้เป็นของตัวเองให้ได้เพื่อได้มีแหล่งวัตถุดิบ และแรงงานในมือมากๆ รวมถึงได้มีแหล่งตลาดเพื่อระบายสินค้าที่เหลือใช้จากในยุโรปอีกด้วย
    เหตุนี้เองที่ทำให้พระพุทธเจ้าหลวงซึ่งทรงรู้เท่าทันชาวตะวันตกเร่งพัฒนาประเทศเพื่อลดข้ออ้างเรื่อง “ภาระคนขาว” ให้หมดไป จะได้ไม่ต้องเสียเอกราชให้ประเทศใดมาปกครองสยาม
    สยามเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด เห็นได้ชัดที่สุดก็เรื่องเครื่องแต่งกายนี่เอง ทรงนิยมให้ชาวสยามเริ่มแต่งตัวเหมือนชาวตะวันตก ยกเลิกประเพณีหมอบคลานต่างๆ รวมถึงทรงสร้างสาธารณูปโภคมากมายในพระนครเช่นทรงให้มีการใช้กระแสไฟฟ้า ให้มีประปา สร้างโรงหมอ สุขาภิบาลต่างๆ ทรงสนับสนุนให้ชาวสยามได้รับการศึกษา มีการมอบทุนเล่าเรียนหลวงให้นักเรียนที่มีความรู้ความสามารถได้ไปศึกษาที่ต่างประเทศเพื่อให้นำความรู้ของชาวตะวันตกกลับมาพัฒนาชาติบ้านเมืองในอนาคตต่อไป รวมไปถึงทรงตัดถนน สร้างรถรางวิ่งในพระนคร รวมไปจนถึงสร้างทางรถโฟโยงใยไปทั่วทั้งสยาม สามารถเดินทางไปหัวเมืองไกลๆ ได้อย่างสะดวกสบายกว่าแต่ก่อนมาก
    อย่างรถไฟสายกรุงเทพ หัวหินที่หลวงพินิจราชอักษรนั่งนี้ก็เช่นกัน เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2434 แล้ว
    หยาดวี้ดว้าย ตามประสาผู้หญิงมีบ่าวผู้หญิงชื่อ อีจัน ที่มารับใช้เป็นลูกคู่ชี้นกชี้ไม้ หัวเราะกันระริกระรี้อย่างมีความสุข ส่วนตัวเขาเองมีเทิดคอยอยู่ใกล้ๆใช้ทำโน่นทำนี่ก็จริง แต่น่าแปลกตรงที่ว่า แต่ก่อนหลวงพินิจจะใช้อะไรเทิดก็เห็นความคล่องแคล่วดี ทำงานใช้ได้มาโดยตลอด มากระทั่งการเดินทางในครั้งนี้แหละ ที่รู้สึกว่าใช้อะไรก็ไม่ได้ดังใจ จะคุยอะไรด้วยก็รู้สึกไม่สนุก ชวนให้ไม่อยากคุยไปเสียอย่างนั้น ผิดที่เทิดทำงานไม่ดีหรือ เพราะเทิดไม่ใช่เส็งกันแน่ หลวงพินิจก็ไม่แน่ใจ
    คิดถึงเส็งขึ้นมาหลวงพินิจก็กอดร่างบ่าวคนรักเข้ากระชับในอ้อมอก ก้มลงจูบหน้าผากขาวเนียน ก่อนจะคิดถึงเหตุการณ์ในหัวหินต่อไป
    
    เจ้าคุณที่เป็นสหายของ เจ้าคุณพ่อของเขาชื่ออะไรเขาก็จำไม่ได้ จำได้แต่เขาเรียกเจ้าคุณๆ จนติดปากมาแต่เด็ก มีบ้านพักอยู่ริมหาดที่หัวหิน เรียงรายอยู่สองสามหลัง หลังหนึ่งมีห้องประมาณสามห้อง เจ้าคุณไพรัชกิจ และเจ้าคุณไพศาลเสนีย์ นอนอยู่ร่วมบ้านหลังใหญ่เดียวกัน รวมถึงบรรดาแขกฝรั่งที่เป็นอาวุโสไม่อยู่รวมกับหลวงพินิจด้วย ส่วนตัวเขาเองและ หยาดอยู่บ้านหลังเล็กที่อยู่ติดกันแยกออกมาต่างหาก เทิดไปนอนอยู่ร่วมกับพวกบ่าวไพร่ของบ้านเจ้าคุณที่นี่ ส่วนอีจัน ตกลงกับนายว่าจะนอนเฝ้าอยู่หน้าห้องนอนของหยาด
    หลวงพินิจไม่จำเหตุการณ์ทั่วไปอย่างกินอาหารทะเล หรือ ลงเล่นน้ำนั่งเล่นอยู่ริมหาด เกือบทั้งอาทิตย์ เพราะเขามักใช้เวลาที่ทำกิจกรรมเหล่านั้นคิดถึงบุคคลที่นอนกอดเขาอยู่ตรงนี้ มากกว่าจะจดจำรายละเอียดที่เกิดขึ้นตอนนั้น แต่เขาจำคืนก่อนกลับได้อย่างแม่นยำทีเดียว เพราะมันเป็นคืนที่สำคัญที่สุด... ไม่มีวันลืมที่สุด
    วันนั้นมีงานเลี้ยง ตามปกติของฝรั่งมังค่าที่จะต้องดื่มเหล้ากันครึกครื้น มีการทำอาหารทะเลปิ้งกินกันอยู่ที่ริมหาด บรรดาเจ้าคุณก็สนทนากันไปตามประสาหนึ่งโต๊ะ แขกฝรั่ง หลวงพินิจ และแม่หยาดอยู่อีกโต๊ะ ปกติหลวงพินิจเป็นคนไม่ดื่มเหล้า อย่างมากก็จิบเหล้าองุ่น หรือที่เขาเรียกกันว่า ไวน์ หรือ แวง ในภาษาฝรั่งเศส เป็น อาเป-ราตีฟ คือเหล้าเรียกน้ำย่อยบ้างเท่านั้น หากแต่จะดื่มเหล้าเมาหัวราน้ำนั้น หลวงพินิจไม่เคย
    มาครั้งนี้แขกฝรั่งคะยั้นคะยอให้ดื่มกันมาก ด้วยความที่หลวงพินิจเป็นคนเข้าสังคม จึงดื่มไปตามที่เขายั่วยุ แม่หยาดเอง ดื่มไปได้แก้วเดียวก็เมาหน้าแดง นั่งเงียบไม่พูดไม่จา พอๆกับหลวงพินิจที่พอเมาเมื่อใด ก็จะง่วงทำอะไรไม่ได้ ไม่มีสติไปเมื่อนั้น สุดท้ายเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องไม่ได้สติแล้ว เทิดก็อาสา พยุงหลวงพินิจไปที่บ้านพัก ที่อยู่ไกลจากตรงนั้นพอควร เป็นบ้านหลังเล็กๆ เปิดประตูเข้าไปก็มีเพียงส่วนให้นั่งเล่นส่วนหนึ่ง เข้าไปก็เป็นห้องนอนแล้ว เทิดพยุงหลวงพินิจไปถึงเตียง ถอดกระดุมเสื้อจะเปลี่ยนชุดนอนให้นายหนุ่ม แต่พอปลดไปได้เพียงโยนเสื้อออกพ้นตัว หลวงพินิจก็ล้มลง ด้วยความตกใจ เขาคว้าแขนทนายหนุ่มไว้หาที่ยึดมั่น แต่กลับกลายเป็นว่า หลวงพินิจราชอักษรฉุดเทิดล้มลงไปบนเตียงด้วยกันทั้งคู่
    หากเป็นปกติ หลวงพินิจคงผงะออกจากทนายหนุ่มเหมือนถูกไฟช็อต หากแต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ชายหนุ่มก็ลืมตัวโอบแขนรอบตัวเทิด ปากครางหาเส็งอย่างไม่รู้สึกตัว เทิดโดนเข้าอย่างนั้นก็ขนลุก ผลักนายหนุ่มออก รีบออกจากห้องให้เร็วที่สุด กระนั้นเพราะความเมาอีกนั่นแหละ ชายหนุ่มก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่า เลือดลมสูบฉีด อยากระบายอารมณ์ทางเพศกับใครเสียเหลือเกิน หากแต่ก็สะกดใจเดินกลับเรือนบ่าวไปก่อน
    หลวงพินิจเริ่มรู้สึกตัวตอนที่มีคนมาเคาะประตู แม้จะมึนเกินกว่าจะรับรู้อะไรได้ตลอดแต่เขาก็จำได้ว่าพาตัวเองเดินไปจนถึงหน้าประตูเปิดประตูให้กับผู้มาเยือน ด้วยคิดว่าเป็นเทิด แต่เปล่าคนที่มาเปิดประตูคือคนที่เขาไม่อยากพบมากที่สุด...
“แม่หยาด”
    หยาด เดินเข้ามาในห้องทั้งที่หลวงพินิจไม่ทันได้กล่าวอะไร หล่อนโวยวายเรื่องอะไรหลวงพินิจก็จำไม่ได้เพราะขาดสติด้วยกันทั้งคู่ รู้แต่แม่หยาดเดินตรงเข้ามาเขา ปากพูดพึมพำทำนองว่า “พี่แสงไม่รักหยาด” ไล่ต้อนหลวงพินิจจนต้องเดินถอยไปชนกับขอบเตียง เหยียบชายโจงกระเบนที่ปล่อยลอยชายไว้จนหลุดออกจากร่างกลายเป็นว่าเขาอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ล้มลงไปนอนด้วยกันบนเตียงทั้งคู่
    ด้วยความที่ไร้สติ หยาดโอบรอบร่างของหลวงพินิจซุกเข้าหาด้วยความรัก และนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่หลวงพินิจราชอักษรจำได้ในคืนนั้น

 เช้าวันรุ่งขึ้นหลวงพินิจตื่นมาแต่เช้าเขาเวียนหัวเล็กน้อยแต่ก็มีสติพอที่จะพบว่า ตัวเองอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ชายหนุ่มตกใจแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ เหตุใดเขาจึงอยู่ในสภาพนี้ หรือว่าเขากับเทิด... ไม่ซีไม่ใช่เทิด คนที่เข้ามาสุดท้ายคือแม่หยาด เขาไม่อยากเชื่อว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับแม่หยาด มันเป็นไปไม่ได้ จะเป็นไปได้ได้อย่างไรเขาไม่ได้รักแม่หยาดแม้แต่น้อย คนเดียวที่เขารักเต็มหัวใจและเป็นคนเดียวที่เขาจะหลับนอนด้วยได้ คือเส็งต่างหาก!
แต่เมื่อรูปการณ์ออกมาเป็นอย่างนี้มันก็ค่อนข้างชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ แม่หยาดเข้ามาตอนสุดท้าย แต่เขาก็จำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั้น เพราะเหล้าหรือ... เพราะเหล้าทำให้เขาไม่มีสติ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่รู้สึกตัวขนาดนั้นเลยเทียวหรือ
“คุณหลวงขอรับ” เทิดเคาะประตูสองสามที หลวงพินิจก็สะดุ้งขึ้นจากความคิด “ตื่นแล้วหรือยังขอรับ”
 คุณหลวงหนุ่มคว้าผ้ามาผูกไว้ที่เอวอย่างลวกๆ ก็จะเดินไปเปิดประตู “มีอะไรหรือ”
 เทิดมองหน้าหลวงพินิจ มีแววตาของความรู้สึกผิดเจืออยู่ เขาไม่กล้าสบตาหลวงพินิจราชอักษรตรงๆ แต่ก้มมองพื้นตลอดเวลาที่คุณกับนายหนุ่ม หลวงพินิจสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ ก็ตีความไปว่าทนายหน้าหอของเขา คงรู้สึกกระดากกับเหตุการณ์เมื่อคืน ที่ชนกันล้มบนเตียงกระมัง ... เทิดจำได้หรือเปล่าว่าเขากอกกระหวัดทนายหนุ่มไว้ แต่กลับพูดถึงชื่ออีกคน ที่คิดถึงและอยากเจอเหลือเกิน
 “เอ้อ เจ้าคุณให้มาแจ้งขอรับ ว่าจะออกเดินทางกันแล้ว ให้กระผมมาช่วยคุณหลวงจัดกระเป๋าขอรับ”
 “เข้ามาซี” เขาว่าเปิดประตูให้ทนายหนุ่มเดินเข้ามาในห้อง
“คุณหลวงอาบน้ำก่อนไหมขอรับ ได้สดชื่นเตรียมตัวกลับอย่างไรเล่าขอรับ” เทิดว่า หากแต่ตาไม่ได้มองหลวงพินิจ ได้แต่เก็บผ้าเก็บผ่อน ที่ตกกองอยู่ตามพื้นตามที่ทางเดิน มาเตรียมใส่ชะลอมกลับพระนคร
“ดีเลย ช่วยข้าหน่อยละกัน” หลวงพินิจว่า พลางนึกในใจว่า หากเส็งมาเขาคงช่วยกันเก็บผ้าอย่างมีความสุข ลอบมองหน้าบ่าวหนุ่มอย่างใกล้ชิด ด้วยความรักใคร่อยู๋ใกล้ๆ แต่พอพบว่าเป็นเทิดทุกอย่างก็จบ หลวงพินิจไม่รู้สึกอะไรกับทนายหนุ่ม
 หลวงพินิจไม่ได้รักชอบชายด้วยกัน เสียหมดทุกคน แต่ชอบเป็นคนๆต่างหาก อย่างเส็งเป็นต้นที่ทั้งรักทั้งชอบ และคิดถึงอยากกลับไปหาเต็มทน อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคิดเรื่องของหยาดอยู่ ไม่ยอมลบไปจากใจ

หลวงพินิจเดินไปที่ชายหาดเพื่อดูทะเลเป็นครั้งสุดท้าย นึกอยากให้เส็งมาด้วยเสียเหลือเกิน บ่าวหนุ่มคงไม่เคยเห็นทะเล ได้เห็นคงตื่นตาตื่นใจมีความสุขอย่างมากเป็นแน่ คิดถึงเส็งไม่นาน พอเดินไปได้สักพักชายหนุ่มก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นสตรีร่างบางที่ยืนห่างจากเขาไป แม้ไกลอยู่บ้างจะหันหลังกลับ เดินหนีไปดื้อๆหล่อนก็คงไม่รู้ตัว หากแต่ไม่รู้ว่าอะไรมาดลใจหล่อนหันมาพอดีก็เห็นหลวงพินิจ
 เขาไม่อยากทักหล่อนเลย แต่ก็ต้องจำใจ เรื่องที่ค้างอยู่ในใจมันกัดกร่อนทำร้ายเขาจนไม่อาจอยู่เป็นสุขได้ การหมั้นหมายก็เป็นห่วงคล้องเขากับแม่หยาดอยู่แล้ว หากมีเรื่องเมื่อคืนอีกละก็ คราวนี้เขาได้ดิ้นไม่หลุดต้องจำใจแต่งงานกับหล่อนจริงๆแล้วเป็นแน่
 “จะต้องกลับพระนครแล้ว แม่หยาดจะไปรับเช้าพร้อมพี่หรือไม่ ได้เดินไปส่ง” เขากล่าว ขณะที่หล่อนเดินเข้ามาใกล้ ไม่มีใครมองหน้าใครสักคน ต่างก็มองไปยังเส้นขอบฟ้าที่มีพระอาทิตย์โผล่มาทักทายเท่านั้น
“เจ้าค่ะ” หล่อนว่าเบาๆ ไม่เต็มใจพูดเช่นกัน
   ทั้งคู่ได้แต่เดินเคียงคู่กับไปแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น ไม่มีใครกล้าทำลายความเงียบที่น่าอุ่นใจนั้น ในเมื่อก็รู้ดีแก่ใจทั้งคู่ว่าเมื่อคืนก่อนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่
    หยาดคงอึดอัด หล่อนจึงพูดขึ้นมาก่อนแต่เบาๆว่า
    “อีกสองเดือนกว่าๆก็จะแต่งงานแล้วนะเจ้าคะ
    “แม่หยาดจะย้ำทำไม” หลวงพินิจราชอักษรเผลอขึ้นเสียง “พี่รู้อยู่เต็มอก แม่หยาดไม่จำเป็นต้องมาเตือนดอก ว่าใกล้เวลาที่พี่ต้องอยู่กับแม่หยาดไปจนตายแล้วแค่ไหน”
    หยาดตกใจ หยุดเดิน จนหลวงพินิจต้องหันมาคุยด้วย
    “คุณหลวงพูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”
    “ไม่ได้หมายความว่าอย่างไร ก็หมายความตามที่พูดว่ารู้อยู่แล้ว ไม่ต้องมาย้ำมากนักหรอก”
    “คุณหลวงไม่อยากแต่งหรือเจ้าคะ”
    หลวงพินิจหันหลังกลับ เดินไปทางหมู่บ้านที่พัก จนหยาดต้องเดินตามมาด้วยให้ทัน
    “แม่หยาดเราไม่พูดเรื่องนี้ได้ไหม”
    “แต่ดีฉันเห็นว่าต้องพูดเจ้าค่ะ” หล่อนตอบ อย่างหนักหน่น มากพอจนหลวงพินิจราชอักษรไม่คิดว่าจะได้ยินจากสตรีคนใดในสยาม เขาหยุดนิ่งหันไปฟังหยาดอย่างเสียไม่ได้ “เราจะต้องอยู่ด้วยกันนะเจ้าคะ ดีฉันจะต้องเป็นภรรยา จะต้องดูแลคุณหลวง หากเราไม่เต็มใจแต่งงานกันแต่แรกแบบนี้ ดีฉันจะอยู่ร่วมกับคุณหลวงได้อย่างไรเจ้าคะ”
    “แม่หยาด เราไม่เต็มใจไม่ได้หมายความว่าจะไม่แต่ง”
    “แต่ถ้าแต่งแบบไม่เต็มใจ ดีฉันก็ไม่อยากเช่นกันเจ้าค่ะ” หลวงพินิจรู้ว่าหล่อนพูดไปอย่างนั้น ถ้าจะบอกว่าไม่แต่งหล่อนก็ต้องร้องไห้ฟูมฟาย และไม่ยอมจะต้องแต่งให้ได้เสียอีกต่างหาก จนไม่อยากทำให้หล่อนเสียน้ำใจมากไปกว่านี้ ได้แน่นิ่งฟังไปเรื่อย “ดีฉันหวังว่าคุณหลวงจะรักดีฉัน จะสนใจดีฉันบ้าง หากมาหัวหินครั้งนี้เราก็คงนึกถึงวันวานที่เคยวิ่งเล่น เคยเป็นพี่แสงกับน้องหยาด คุณหลวงคงเต็มใจแต่ง...”
    “อ้อ” หลวงพินิจตวาดออก ไปใจนึกแค้น เมื่อคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน “หล่อนจึงต้องใช้วิธีอย่างเมื่อคืนซีนะแม่หยาด!”
    “คุณหลวง!” หล่อนตกใจ ยกมือทาบอกอุทานออกมา
    “ไม่นึกเลย ฉันไม่นึกเลยว่าเธอจะใช้วิธีนี้ ฉันคิดว่ามันคงเป็นอุบัติเหตุ เธอคงไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะทำตัวได้ต่ำเช่นนี้ หวังว่ามีอะไรกันแค่ครั้งเดียวแล้ว ฉันจะอยากแต่งกับหล่อนอย่างเต็มใจหรือ!”
    “คุณหลวง” น้ำตาของหยาดคลอเบ้า หากแต่ความแค้นมีมากกว่า จึงไม่ได้ร้องไห้อย่างอ่อนแอ เพียงชักสีหน้าไม่พอใจ ให้เห็นว่าหล่อนทั้งเสียใจ ทั้งโกรธแค้นแค่ไหน “ดีฉันตั้งใจไปพูดกับคุณหลวงให้เข้าใจ เรื่องนอกนั้นดีฉันไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น”
    “หล่อนสารภาพออกมาเองแล้วแม่หยาด... หวังว่าเราจะได้รักกันหรือ อุบัติเหตุหรือ เธอเป็นผู้หญิงประเภทไหน วางแผนมาหัวเมืองกับผู้ชาย แล้วบุกเข้าหาถึงห้อง หล่อนก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงโคมเขียว!” หลวงพินิจตวาด เคราะห์ดีที่ไม่มีใครอยู่แถวนั้น จึงไม่มีใครได้ยิน คนที่ได้ยินอยู่คนเดียวน้ำตาไหลอาบแก้ม ด้วยไม่เคยฟังถ้อยคำที่เจ็บแสบเท่านี้มาก่อน “หวังให้มีพันธะระหว่างเราใช่ไหม หวังให้เห็นใจใช่ไหมได้... หล่อนอยากให้เห็นใจก็เห็นแล้ว เห็นว่าใจของหล่อนมันสกปรกเพียงไหน  ถ้าหล่อนกล้าพอที่จะทำถึงเพียงนี้เพื่อให้ได้แต่งงาน ฉันก็กล้าพอที่จะแต่ง แต่ขอให้รู้ไว้ว่าฉันไม่ได้รักหล่อน ไม่ได้แต่งเพราะความเต็มใจอย่างที่หล่อนคิด แต่จะแต่งเพราะความสมเพชเวทนา ว่าผู้หญิงคนนี้กล้าย่องเข้าห้องผู้ชาย เพื่อมัดไว้ให้ได้แต่งงาน!”
    หลวงพินิจว่าแต่เพียงเท่านั้นก็เดินหุนหันออกมา ทิ้งหยาดให้ยืนร้องไห้ ... เมื่อคืนและวันนี้เป็นวันที่อัปยศเหลือเกินสำหรับหล่อน

ด้วยเหตุนี้เอง หลวงพินิจจึงทะเลาะกับหยาดวันนี้ตอนเย็น หล่อนทำเรื่องเสื่อมเสียขนาดนั้นแล้ว ยังมีหน้ามาหาเขาอีกได้อย่างไร แล้วยังมาตัดพ้อ ราวกับเขาเป็นฝ่ายผิด ราวกับว่าเรื่องที่หัวหินที่ทำให้เขาเกลียดหล่อนเข้าไส้นั้นไม่เคยเกิดขึ้น มาทบทวนดูอีกครั้ง...ถึงหลวงพินิจจะรู้สึกผิด แต่ก็เกิดเพราะหล่อนร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสารต่างหาก แต่มาพิจารณาดีๆแล้ว เปล่าเลย หยาดสมควรแล้วที่จะเป็นอย่างนี้ เขากับหล่อนไม่ควรแต่งงานกัน ไม่ว่าจะด้วยพ่อแม่บังคับ หรือด้วยสถานการณ์บังคับอย่างที่หล่อนต้องการทำกับเขา ถ้าเขาจะแต่งกับใครก็ต้องเป็นเพราะเขารักคนคนนั้น อย่างน้อยต้องรัก เหมือนกับร่างที่หลับสนิทนอนนิ่งในอ้อมอกเขาอย่างนี้ต่างหาก ที่เขารักเหลือเกิน รักจนต่อให้อะไรมาพราก เขาก็จะไม่ยอมจากหนุ่มน้อยคนนี้เป็นอันขาด
 หลวงพินิจราชอักษร กอดร่างเล็กที่แสนบอบบางนั้นด้วยแขนทั้งสองข้าง มีความสุขเหลือเกินเมื่อรู้ว่า พรุ่งนี้หยาดจะคุยกับเจ้าคุณพ่อ และคุณหญิงแม่ของหล่อนแล้วเขาจะได้ไม่ต้องเข้าพิธีแต่งงานกับหล่อน อยู่กินกันกับเส็งไปจนตาย

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เสิร์ฟบทที่ 19 พร้อมมาม่า! :มีแขกมาเยือนที่เรือนเทา! 20.15 - 5/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 09-12-2010 18:49:36
กลายเป็นว่าวันเสาร์ นั้นเป็นวันที่วุ่นวายที่สุดเท่าที่เส็งเคยเห็นตลอดเวลาที่อยู่เรือนนี้มา บรรดาบ่าวไพร่วิ่งวนทำขนม ขต้มกันวุ่นวายไปหมด คุณหลวงเองก็มาคุมอยู่ที่เรือนบ่าวคอยดูว่าเอาอะไรไม่เอาอะไร อะไรเหลืออะไรขาดได้จัดการถูก
 ที่ใต้ถุนเรือนบ่าว บ่าวไพร่แยกกันเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งทำขนมกง ตำแป้งกันแล้วเอามานวด ลงทอดน้ำมันเสียงดังฉ่าไปหมด ออกมาเป็นกงสวย มะลิและชิดคอยเป็นแม่งาน หยิบฟืนเข้า เอาฟืนออก ให้ไฟร้อนแต่พอดี ไม่ให้ไหม้เกรียมเกินไปจนดูไม่สวย แต่ก็ไม่ใช่ว่าไฟอ่อนเสียจนแป้งไม่สุก อีกส่วนของโรงครัวมีแก้วและยายนอมคอยนวดแป้งทำข้าวเม่า ใส่น้ำตาล ใส่มะพร้าวที่มีบ่าวไพร่คอยขูดอยู่นวดเข้าเป็นห่อใส่กล้วยไข่ที่ต้องมีคนคอยช่วยปอกเปลือกส่งให้ นางแก้วทำหน้าที่ปั้นให้สวยเพียงอย่างเดียว แล้วส่งให้ยายนอมลงทอดในกระทะเพราะ
“กวนแป้งเดี๋ยวมือเลอะ” แต่ไม่ขูดมะพร้าวเพราะ “มือข้าได้ลอกหมด มือหยาบๆอย่างพวกเอ็งก็ขูดไปซี” แล้วก็ไม่ยอมทอดเพราะว่ากลัว “น้ำมันกระเด็นเดี๋ยวเสียโฉมหมด”
ในโรงครัวทำขนมกันไป ตรงแคร่ข้างเรือนบ่าว ทางปากทางสวน หลวงพินิจนั่งอยู่กับเส็ง บ่าวหนุ่มน้อยและบรรดาบ่าวสาวอีกสองสามคนที่เส็งเป็นคนฝึก นั่งแกะมะละกอเป็นลายราชสีห์ กินรี คนธรรพ์ อย่างลายตามวัดตามโบสถ์ที่เส็งเคยอยู่มา
 “ไม่ต้องสวยมากนะเส็ง” หลวงพินิจกระซิบข้าหูบ่าวหนุ่มเบาๆ ตอนที่บ่าวไพร่ไม่เห็นกัน “เดี๋ยวใครแถวนี้จะอิจฉาอีก”
 เส็งหัวเราะเบาๆแต่ก็ไม่เสียสมาธิ นั่งแกะมะละกอต่อไป
    บรรดาบ่าวผู้ชายยกกระจาดใส่ผลไม้ในสวนมา หลวงพินิจก็เลือก เอามะม่วง มะไฟ เผือก มันเท่าที่มี แล้วก็หันมาปรึกษาเส็งว่าลูกไหนสวย ลูกไหนไม่สวย ลูกไหนใหญ่เล็กอย่างไร บ่าวหนุ่มก็ตอบไปเท่าที่รู้ สุดท้ายหลวงพินิจก็ให้บ่าวไปหา อ้อย หาแตงโม ส้มโอมาเพิ่ม
    “เอ แล้วนี่มีใครซื้อเครื่องบริขารหรือยัง”
    “บ่าวซื้อมาแล้วขอรับ” มั่นว่า ตอบ
    “บ่าวเอาไว้ที่ท่าน้ำแล้วขอรับ มีเด็กนั่งเฝ้าไว้อยู่อะไรที่ทำเสร็จแล้วบ่าวให้ทยอยไปไว้ที่โน่นให้หมดแล้วขอรับ” เส็งช่วยเสริม หลวงพินิจก็พยักหน้าพอใจ บอกขอบใจที่ช่วยแบ่งเบาภาระ
     “แล้วผ้าไตรเล่า มีใครเตรียมผ้าไตรหรือยัง”
    “ตาย ยังขอรับ” เส็งว่า “บ่าวลืมไป ขอโทษขอรับคุณหลวง”
    “ไม่เป็นไรดอกของมันลืมกันได้  ดีที่นึกได้แต่เนิ่นๆ มั่นให้ตามีไปหามาซีว่าที่ไหนมีผ้า มาทำผ้าไตรบ้าง” วุ่นวายกันไปจนเย็นมากแล้วก็เหมือนงานใกล้จะเสร็จทุกฝ่าย หลวงพินิจราชอักษรก็ขึ้นเรือนไปอาบน้ำ เรียกเส็งกลบเกลื่อนว่า
   “มาเตรียมเสื้อเตรียมผ้าให้ที”
    หลวงพินิจเข้าอาบน้ำพร้อมเส็ง ใต้สายน้ำที่พรมลงมาเย็นสดชื่น ลูบไล้เนื้อตัวจนสะอาดก็ออกมาเช็ดตัวให้บ่าวหนุ่ม ประแป้งให้แล้วก็ผลัดกันแต่งตัวให้อีกฝ่าย เส็งสวมเสื้อป่านของคุณหลวงได้เกือบพอดี แม้ใหญ่ไปสักหน่อยแต่ก็ดูไม่น่าเกลียด
    “วันนี้เส็งน่ารัก”คุณหลวงเดินเข้ามาใกล้คล้ายจะโน้มตัวลงมาจูบ บ่าวหนุ่มทุบอกหลวงพินิจเบาๆ
    “วันพระนะขอรับ”
    “อีกแล้ว วันพระแล้วจะชมไม่ได้หรือ”
    “ได้นะมันได้ขอรับ แต่ไม่เห็นต้องเข้ามาใกล้ขนาดนี้ด้วยนี่ขอรับ มันไม่งาม” เส็งพยายามผลักหลวงพินิจออก แต่อีกฝ่ายก็ยังเดินเบียดเข้ามา
    “ทำไมล่ะวันนี้ยังไม่ได้กอดเส็งเลย” เขาว่า
    “กอดนะขอรับ” บ่าวหนุ่มหน้าแดงปล่อยให้คนรักกอดด้วยความรักใคร่ ไม่กอดตอบเพราะเคร่งครัดอย่างมากเรื่องวันพระ
    “จะเคร่งอะไรหนักหนา ไม่ใช่พระเสียหน่อยกอดแค่นี้เอง” หลวงพินิจไม่ยอมปล่อย “กอดแล้วจูบได้หรือเปล่า”
    “คุณหลวงขอรับ!” เส็งโวย แล้วก็ผลักคุณหลวงออกไปได้ในที่สุด
    “เส็ง เจ็บนะ” เขาแกล้ง แต่ซ่อนสีหน้าอมยิ้มไว้ไม่มิดเส็งจึงจับได้ว่าเพียงแกล้งเท่านั้น จึงไม่ได้เข้าไปดูว่าเจ็บจริงหรือเปล่า “เสื้อยับแล้วเส็ง”

     เส็งเห็นอย่างนั้นก็ถอนใจเดินเข้ามาช่วยจัดเสื้อของคุณหลวง เจ้าของเสื้อยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะก้มลงหอมแก้มบ่าวหนุ่ม
    “คุณหลวงละก็” เส็งผละออก “แกล้งบ่าวอีกแล้ว จะไม่เข้าใกล้แล้วนะขอรับหากยังแกล้งอยู่อีกอย่างนี้”
    “โถ่ ก็เรารักของเรานี่จ๊ะ” หลวงพินิจว่า นั่งลงบนเตียงก่อนจะตบที่ข้างๆให้เส็งเดินมานั่ง แต่พอบ่าวหนุ่มจะนั่ง ชายหนุ่มกลับเลื่อนตัวมา รั้งเส็งเข้าไปนั่งตัก
    “คุณหลวงขอรับ ปล่อยขอรับ ทำอย่างนี้ไม่ได้ วันพระนะขอรับ”
    “ทำอะไรเล่า... ให้นั่งตักเฉยๆนี่นา” เขาว่า
    เส็งไม่พูดอะไรแต่ก้มหน้าพึมพำทำนองว่า ก็ของคุณหลวงมันโดน เบาๆแต่ก็ไม่ได้มีทีท่าจะลุกออกไป หรือขัดขืนแต่อย่างใด
    “วันนี้มีความสุข เหนื่อยแต่มีความสุข”
    “เพราะอะไรล่ะขอรับ” เส็งถามเบา ขืนตัวไม่ยอมแนบชิดกับหลวงพินิจ พยายามเบี่ยงก้นมานั่งที่ต้นขาสักข้างหนึ่ง
    “ก็วันนี้แม่หยาดจะบอกเจ้าคุณไพศาลนะซีว่า จะไม่แต่งกับเรา” หลวงพินิจยิ้มออกมาอย่างดีใจ “เจ้าคุณก็ต้องยอมเพราะเป็นวันดี เราได้ไม่ต้องแต่งงาน แล้วก็อยู่กับเส็งด้วยกันอย่างนี้สองคนตลอดไป”
    หลวงพินิจว่า เขาเคยเล่าให้เส็งฟังถึงความเป็นมาแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับหยาดในวันที่หยาดมาบ้าน ถ้ามีอะไรที่ไม่ได้เล่าก็เรื่องที่หัวหินเท่านั้น เส็งได้ยินก็อดมีความสุขไม่ได้ เอนหลังลงมาแนบกับร่างของหลวงพินิจ ไม่สนอีกแล้วว่าอะไรมันจะสัมผัสโดนอะไร ปล่อยให้หลวงพินิจกอดเขาไว้อยู่ในท่านั้น คุยกันเบาๆอีกสองสามประโยคแล้วก็ลุกออกไป นั่งเรือไปที่วัดทันที

    พอหลวงพินิจราชอักษรไปถึงศาลา พระท่านก็เทศน์จบกัณฑ์มหาพนพอดี บ่าวไพร่ช่วยกันยกเครื่องกัณฑ์ ทั้งขนม ผลไม้มาไว้ ส่วนพานหมากประจำกัณฑ์ก็ยกเข้ามาพร้อมพานผ้าไตร พานหมากอยู่หน้า พานผ้าไตรอยู่หลัง ปูเสื่อเบาะหมอนนั่งพอจุดธูปเทียนบูชาเสร็จแล้ว เจ้าคุณ และคุณหญิงไพรัชกิจจาก็มาถึงกันพอดี พร้อมด้วยเทิดและพ่อของเขา คุณหลวงหนุ่มสบตาเทิด ก็เห็นอีกฝ่ายหลบตาไป จึงตีความได้ว่าเทิดคงยังกระดากอยู่ไม่หายเรื่องที่หัวหิน ก็ไม่ได้พูดไม่ได้ทักอะไร
    เส็งนั่งอยู่ข้างหลวงพินิจ ก็รู้สึกอุ่นใจได้มาฟังเทศน์ฟังธรรมทำบุญร่วมกันอย่างนี้ก็รู้สึกดี อุ่นใจหนักหนาว่า ชาติหน้าได้เกิดมาพบกันอีก พระท่านให้ศีลแล้วก็ว่าจุลณียบท เทศน์กัณฑ์กุมารไป
    เนื้อหาของกัณฑ์นี้กล่าวเตือนสติให้ญาติ โยมที่มาฟังรู้ถึงความรับผิดชอบของตน อย่างพระกัณหา พระชาลี ที่แม้จะเกลียดจะกลัวชูชกอย่างไรก็ต้องยอมให้พระเวสสันดรยกให้เขาไปเป็นทาส เพื่อรับผิดชอบในหน้าที่ ที่ต้องเป็นส่วนหนึ่งในการบำเพ็ญปุตรทานของพระเวสสันดร เพื่อให้พ่อได้บำเพ็ญกุศลแล้วตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าต่อไปในอีกไม่กี่ชาติภพ ตอนที่พระเวสสันดรกล่าวให้โอวาทลูกที่ลงไปซ่อนตัวอยู่ในสระน้ำเกี่ยวกับ สำเภาโลกีย และโลกุตรที่เรียกกันว่าแหล่สำเภาทองนั้น ก็เท่ากับสอนให้คนที่มาฟังเทศน์ ยึดมั่นอยู่ในคุณความดี ไม่หวั่นไหวต่ออุปกิเลสที่มาขัดขวางไม่ให้ไปถึงนิพพานเหมือนกับสำเภาโลกุตรที่มั่นคงมุ่งสู่จุดหมายแม้ต้องฝ่าฟันพายุสักเพียงใดก็ตาม
    ตอนที่พระกัณหา พระชาลีขึ้นจากสระแล้วตรงเข้ากอดพ่อร้องไห้นั้นเส็งถึงกับต้องน้ำตาไหลด้วยความที่ซึ้งในความรักที่พ่อมีต่อลูกขนาดนี้ โดยเฉพาะตอนบรรยายว่า น้ำตาพระเวสสันดรหยดลงหลังลูก และน้ำตาของลูกหยดลงเบื้องเท้าของพ่อแล้ว เส็งก็พาลคิดถึงเตี่ยเขาไม่ได้
    เส็งเหลือบไปมองคุณหลวงก็เห็นว่าฝ่ายนั้นก็มองเขาอยู่เช่นกัน สายตาที่แสนจะอบอุ่นจับต้องอยู่ที่เขา คงรู้ว่าบ่าวหนุ่มน้อยร้องไห้กระมังจึงคอยจ้องให้เส็งเหลือบมา พอเส็งเหลือบไปเห็นปุ๊บ คุณหลวงก็ส่งยิ้มมาให้ ยิ้มที่ให้กำลังใจเส็งทุกครั้งที่เขาทุกข์ใจ
    พระท่านเทศน์ไม่จบกัณฑ์ดี แม่หยาดก็มา แต่งตัวมาเต็มยศ พร้อมด้วยเจ้าคุณพ่อ และคุณหญิงแม่ หล่อนเดินตามหลังทั้งคู่มา มีบ่าวไพร่คอยถือเครื่องกัณฑ์มาอยู่ข้างๆ ทั้งหลวงพินิจ ทั้งเส็งเห็นเหมือนกันคือ หยาดดูไม่สบาย หล่อนยกมือปิดปากไว้ตลอดเวลา คอยออกห่างจากบรรดาอาหาร เครื่องกัณฑ์ต่างๆ อย่างขยะแขยงรังเกียจ หลวงพินิจถึงกับตกใจ เพราะ อาการอย่างนี้มัน....
    จิตใจของหลวงพินิจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกต่อไป เขาไม่ได้ฟังอีกว่าพระท่านเทศน์ว่าอย่างไรบ้าง รู้แต่ว่าเมื่อจบกัณฑ์เขาก็ตรงเข้าไปถวายเครื่องกัณฑ์มีเส็งและเทิดคอยช่วยอยู่ใกล้ๆ พอถวายเสร็จ ปี่พาทย์ก็บรรเลงไป จากนั้นบ้านพาศาลเสนีย์ก็เข้ามาในศาลา จุดธูปเทียนเตรียมฟังเทศน์ พระท่านต่อมาก็ขึ้นธรรมมาสน์ ให้ศีลแล้วกล่าวจุลณียบทเทศน์กัณฑ์มัทรี
    ผู้ฟังกัณฑ์มัทรีส่วนมากจะสะเทือนใจตอนที่นางมัทรีวิ่งหาลูก และร้องไห้จนสลบเมื่อพบว่าลูกได้ถูกให้เป็นทานไปแล้ว แต่ที่แม่หยาดสะเทือนใจถึงขั้นร้องไห้ คือตอนที่พระเวสสันดร ต่อว่านางมัทรีที่หายตัวไปทั้งวัน ทั้งๆที่พระเวสสันดรไม่ได้โกรธแต่ต้องทำเพื่อเบี่ยงประเด็นไม่ให้นางสนใจเรื่องลูก นางมัทรีเสียใจที่ต้องโดนคนที่รักด่าว่าให้เสียน้ำใจยิ่งนัก
    หยาดคิดถึงตัวเองและคุณหลวงจนอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้
     เทศน์เสร็จแล้ว จะถวายเครื่องกัณฑ์ หยาดก็ถวายได้เพียงพานหมาก และผ้าไตร พอถึงขนม ผลไม้หล่อนก็ขอตัวออกมาจากศาลา บอกว่าไม่ใคร่สบายนัก ไม่มีใครสงสัยอะไรมีเพียงหลวงพินิจเท่านั้นที่ไม่สบายใจเสียเลย
    เสร็จทุกอย่างแล้วบ้านไพรัชกิจ และบ้านไพศาลเสนีย์ก็ออกมาจากศาลามาพบกันใกล้ๆนั้นเอง คุณหญิงทั้งสองพูดคุยกันสัพเพเหระ ส่วนเจ้าคุณก็แลกเปลี่ยนความคิดเรื่องบ้านเมืองกันอย่างทุกครั้ง มีเพียงหลวงพินิจและหยาดที่ต่างคนต่างเงียบไม่ดุยอะไรกัน
    นั่งคุยไปสักพักก็มีคนของวัด เดินเอาอาหารมือค่ำมาเลี้ยง เป็นข้าวต้มหอมกรุ่น ต่างคนต่างก็รับมาถ้วยหนึ่ง หลวงพินิจหยิบมาส่งให้เส็งกลัวบ่าวหนุ่มน้อยจะไม่กล้าหยิบเอง ก็บังเอิญได้ยินเสียงคุณหญิงไพศาลพูดขึ้นเสียงแหลม
    “เอ แม่หยาดเป็นอะไร ทำหน้ากระอักกระอ่วน เขาอุตส่าห์ทำมาให้กินก็รับไปซี จะเสียมารยาทเปล่าๆ”
    หลวงพินิจราชอักษรเห็นหญิงสาวทำท่าคล้ายจะอาเจียนก็เกิดกลัวอะไรขึ้นในใจ หยาดทำท่าเช่นนี้อยู่แล้วก็พูดขอตัว ว่า เหม็นหมูเหลือเกินไม่อาจทนกลิ่นได้วิ่งออกไปจากตรงนั้น หลวงพินิจก็วิ่งตามไป เจ้าคุณและคุณหญิงทั้งสองบ้านมองหน้ากันอย่างฉงนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ไม่เข้าใจท่าทีของลูกของตน ตอนนั้นเองที่ความกลัวก่อขึ้นในใจเส็งมากเหลือเกิน บ่าวหนุ่มน้อยหันมองไปตามทางที่คุณหยาดวิ่งไป ก็เห็นเทิดชะเง้อมองอย่างอยากรู้เช่นกัน
    เส็งไม่รู้หรอกว่า เกิดอะไรขึ้นกว่าจะรู้ก็คืนนั้นแหละ หลังจากที่กลับบ้านและเข้านอนกับหลวงพินิจแล้ว
     
    คุณหลวงหนุ่มตามไปเห็นหยาดยืนอยู่ในที่หลับตาคน กำลังโก่งคอจะอาเจียนอดสงสารไม่ได้ก็เดินเข้ามาช่วยลูบหลัง ไม่ถามอะไรทั้งสิ้นเพราะรูปการณ์มันฟ้อง กระนั้นแม่หยาดก็อุตส่าห์เงยหน้าขึ้นบอกชายหนุ่มทั้งที่ฝ่ายผู้ฟังไม่ได้ถาม และไม่ได้อยากรู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย
    “ดีฉันแพ้ท้องมา สองสาม วันแล้วเจ้าค่ะคุณหลวง!”

********************************************************************************************************

ปล. แก้คำครับผิด ผมพิมพ์ผิดไปเองขอน้อมรับความผิดไว้เต็มๆครับ ตรวจแล้วก็ยังพลาดอยู่ ดี  :z3:
ตอนที่อยู่หัวหินหยาดบอกว่า "อีกสองเดือน..." จะแต่งนะครับไม่ใช่สองสัปดาห์
พอกลับมาจากหัวหิน คุณหลวงได้กับเส็งแล้ว เดือนกว่าๆ ต่อมาหยาดก็มาหาที่เรือนเทา หลวงพินิจบอกว่า "ถ้าจะมาย้ำว่าอีกสองสัปดาห์จะแต่ง..." เท่ากับว่า

อยู่หัวหิน เหลือ 2 เดือน
กลับมาอยู่บ้านเวลาผ่านไป เดือนกว่าๆ
ก็เลยเหลือ 2 อาทิตย์นะครับผม
คอนเฟิร์มว่า หยาดท้องจริงๆครับ

ขอโทษคร้าบบบ ฮืออออ

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เสิร์ฟบทที่ 19 พร้อมมาม่า! :มีแขกมาเยือนที่เรือนเทา! 20.15 - 5/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 09-12-2010 18:50:07
คนสมัยก่อนนี่ท้องเร็วเนอะ จำได้รางๆว่า 4 สัปดาห์ แต่นี้ไม่น่าจะถึง หรือว่าถึงแล้วหว่า หรือไม่ก็นางหยาดตอแ_ล


ไม่จริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง :beat: :beat:นางหยาด
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 20 เสิร์ฟคู่มาม่าชามยักษ์! : เหตุเกิดที่หัวหิน... 18.45 - 9/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 09-12-2010 19:55:37
ยาหอม ยาลม ยาดม ยาหม่อง ด่วนนนนนนนนน

อิชั้นจะเป็นลม  :undecided:

งานช้างเข้าซะแล้วหละ สงสารเส็งขึ้นมาจับใจ  :o12:

โอย อยากจะบ้าตาย มาท้องอะไรตอนนี้ค่ะเนี่ย 

คุณหลวงไม่อยากแ่ต่ง ก็ต้องแต่งแล้วหละ  :z3:

ปล.สงสัยต้องยัดพาราสักแผง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 20 เสิร์ฟคู่มาม่าชามยักษ์! : เหตุเกิดที่หัวหิน... 18.45 - 9/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 09-12-2010 20:20:40
เกลียดนังหยาดจริงๆเล้ย  o18

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 20 เสิร์ฟคู่มาม่าชามยักษ์! : เหตุเกิดที่หัวหิน... 18.45 - 9/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 09-12-2010 20:31:24

 
   ทั้งคู่ได้แต่เดินเคียงคู่กับไปแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น ไม่มีใครกล้าทำลายความเงียบที่น่าอุ่นใจนั้น ในเมื่อก็รู้ดีแก่ใจทั้งคู่ว่าเมื่อคืนก่อนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่
    หยาดคงอึดอัด หล่อนจึงพูดขึ้นมาก่อนแต่เบาๆว่า
    “อีกสองอาทิตย์กว่าๆก็จะแต่งงานแล้วนะเจ้าคะ
    “แม่หยาดจะย้ำทำไม” หลวงพินิจราชอักษรเผลอขึ้นเสียง “พี่รู้อยู่เต็มอก แม่หยาดไม่จำเป็นต้องมาเตือนดอก ว่าใกล้เวลาที่พี่ต้องอยู่กับแม่หยาดไปจนตายแล้วแค่ไหน”
 



จากวันนั้นที่หัวหิน จนถึงวันนี้ ยังไม่ถึงสองสัปดาห์แน่นอน  แต่... 

“ดีฉันแพ้ท้องมา สองสาม วันแล้วเจ้าค่ะคุณหลวง!”


แม่หยาด  หล่อนแพ้ท้องได้เร็วมากเกินไปกระมัง
นายเทิด  ไม่กล้าสบตา มีนัยอะไรแอบแฝงหรือเปล่า
กระผม    เป็นกำลังใจให้คุณหลวง และ คุณ Purple_Sky ครับ
 
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 20 เสิร์ฟคู่มาม่าชามยักษ์! : เหตุเกิดที่หัวหิน... 18.45 - 9/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 09-12-2010 21:28:14

 
   ทั้งคู่ได้แต่เดินเคียงคู่กับไปแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น ไม่มีใครกล้าทำลายความเงียบที่น่าอุ่นใจนั้น ในเมื่อก็รู้ดีแก่ใจทั้งคู่ว่าเมื่อคืนก่อนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่
    หยาดคงอึดอัด หล่อนจึงพูดขึ้นมาก่อนแต่เบาๆว่า
    “อีกสองอาทิตย์กว่าๆก็จะแต่งงานแล้วนะเจ้าคะ
    “แม่หยาดจะย้ำทำไม” หลวงพินิจราชอักษรเผลอขึ้นเสียง “พี่รู้อยู่เต็มอก แม่หยาดไม่จำเป็นต้องมาเตือนดอก ว่าใกล้เวลาที่พี่ต้องอยู่กับแม่หยาดไปจนตายแล้วแค่ไหน”
 



จากวันนั้นที่หัวหิน จนถึงวันนี้ ยังไม่ถึงสองสัปดาห์แน่นอน  แต่... 

“ดีฉันแพ้ท้องมา สองสาม วันแล้วเจ้าค่ะคุณหลวง!”


แม่หยาด  หล่อนแพ้ท้องได้เร็วมากเกินไปกระมัง
นายเทิด  ไม่กล้าสบตา มีนัยอะไรแอบแฝงหรือเปล่า
กระผม    เป็นกำลังใจให้คุณหลวง และ คุณ Purple_Sky ครับ
 

ว่าแต่เจ้าเทิดมันจะไปทำแม่หยาดตอนไหนล่ะ  ถ้าไม่ใช่ที่หัวหิน
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 20 เสิร์ฟคู่มาม่าชามยักษ์! : เหตุเกิดที่หัวหิน... 18.45 - 9/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 09-12-2010 21:45:13
ทำไมหยาดท้องเร็วจังเลยอ่ะ แถมเทิดก็ทำตัวน่าสงสัยอีก
งานนี้คนที่น่าสงสารที่สุดก็คงไม่พ้นเส็ง
โอย ดูท่ายาดม ยาหม่องก็เอาไม่อยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 20 เสิร์ฟคู่มาม่าชามยักษ์ + แก้คำผิด! : เหตุเกิดที่หัวหิน... 18.45 - 9/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 09-12-2010 22:13:06

ว่าแต่เจ้าเทิดมันจะไปทำแม่หยาดตอนไหนล่ะ  ถ้าไม่ใช่ที่หัวหิน


น่าจะเป็นตอนนี้รึเปล่าครับ


    หากเป็นปกติ หลวงพินิจคงผงะออกจากทนายหนุ่มเหมือนถูกไฟช็อต หากแต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ชายหนุ่มก็ลืมตัวโอบแขนรอบตัวเทิด ปากครางหาเส็งอย่างไม่รู้สึกตัว เทิดโดนเข้าอย่างนั้นก็ขนลุก ผลักนายหนุ่มออก รีบออกจากห้องให้เร็วที่สุด กระนั้นเพราะความเมาอีกนั่นแหละ ชายหนุ่มก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่า เลือดลมสูบฉีด อยากระบายอารมณ์ทางเพศกับใครเสียเหลือเกิน หากแต่ก็สะกดใจเดินกลับเรือนบ่าวไปก่อน
    

ผมไม่แน่ใจว่า ชายหนุ่มที่รู้สึกกระปรี้กระเปร่า เป็นคุณหลวง หรือ นายเทิด
เพราะคุณ Purple_Sky ใช้สรรพนาม "ชายหนุ่ม"  2 ครั้งครับ

ตอนแรก ชายหนุ่มที่ลืมตัวโอบแขนรอบตัวเทิด ปากครางหาเส็ง  นั้นเป็นคุณหลวงแน่นอน
ตอนท้าย  ชายหนุ่มที่กระปรี้กระเป่า เลือดลมสูบฉีด อยากระบายอารมณ์ทางเพศ แต่ก็สะกดใจเดินกลับเรือนบ่าวไปก่อน  นั้นน่าจะเป็นเทิดรึเปล่า???

ผมพยายามที่จะไม่ตั้งข้อสังเกตให้มาก เนื่องจากนิยายเรื่องนี้ไม่ใช่แนวสืบสวนสอบสวน (จริงๆ แล้วมันคือแนว ดราม่า แฟนตาซี พีเรียด รึเปล่าครับ 555)
และเพราะผมก็ไม่ได้ย้อนกลับไปอ่านความเดิมก่อน  จึงทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องเวลาครับ แต่คุณ Purple_Sky ก็ได้เข้ามาแก้ไข และชี้แจงเรื่องช่วงเวลาแล้ว(ขอบคุณครับ)

ถ้าเป็นดังนั้น แสดงว่า เริ่มเฉลยเรื่องราวต่างๆ ให้คนอ่านพอจับทางได้แล้วว่่า ใครเป็นใคร ทำอะไรเอาไว้บ้าง สินะครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 20 เสิร์ฟคู่มาม่าชามยักษ์ + แก้คำผิด! : เหตุเกิดที่หัวหิน... 18.45 - 9/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: w1234 ที่ 09-12-2010 22:27:46
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 20 เสิร์ฟคู่มาม่าชามยักษ์ + แก้คำผิด! : เหตุเกิดที่หัวหิน... 18.45 - 9/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 10-12-2010 00:28:27
ตอนที่แล้วบอกว่ามีมาม่า เราก็เลี่ยงๆ ขออ่านตอนที่ขายมาม่าหมดแล้ว
อุตสาห์อดทนรอ... ทำไมคุณหลวง(Purple_Sky)ถึงทำกับคนอ่านได้  :m16:
ถ้าเส็งรู้มิเสียใจแย่หรือ

ปล.เส็งตัดใจจากคุณหลวงเถอะ คนแถวนี้ยังว่าง ยังมีอกอุ่นๆคอยซับน้ำตาให้
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 20 เสิร์ฟคู่มาม่าชามยักษ์ + แก้คำผิด! : เหตุเกิดที่หัวหิน... 18.45 - 9/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Panny ที่ 10-12-2010 09:10:38
กำๆๆๆๆ ท้องกับคุณหลวงจริงๆ เหรอยัยหยาดเนี่ย แผนการร้ายยยยย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 20 เสิร์ฟคู่มาม่าชามยักษ์ + แก้คำผิด! : เหตุเกิดที่หัวหิน... 18.45 - 9/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 10-12-2010 10:21:34
งานเข้าแล้วววววววววว
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 20 เสิร์ฟคู่มาม่าชามยักษ์ + แก้คำผิด! : เหตุเกิดที่หัวหิน... 18.45 - 9/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: *SparklinG* ที่ 10-12-2010 12:24:11
งานเข้าคุณหลวงซะงั้น = = "
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 20 เสิร์ฟคู่มาม่าชามยักษ์ + แก้คำผิด! : เหตุเกิดที่หัวหิน... 18.45 - 9/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: BiGgYDrIb ที่ 10-12-2010 13:17:56
ดิฮั้นคิดว่าคุณหยาดไม่ได้ตั้งครรภ์กับคุณหลวงนะเจ้าคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 20 เสิร์ฟคู่มาม่าชามยักษ์ + แก้คำผิด! : เหตุเกิดที่หัวหิน... 18.45 - 9/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 11-12-2010 01:40:37

ว้าย ที่แท้ คราบที่พี่ทิดเจอในตอนที่แล้ว . . . .

ก็คือ

คราบเลือด

ที่คุณหลวง

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

ใช้ตรวจ DNA นี่เอง 5555

๑๐๘ + ๑ = ๑๐๙
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 20 เสิร์ฟคู่มาม่าชามยักษ์ + แก้คำผิด! : เหตุเกิดที่หัวหิน... 18.45 - 9/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 11-12-2010 03:43:32
ดิชั้นว่า นางหยาดต้องตแ_ล แน่ๆเลย สนุกมากมาย ได้อารมณ์มากๆ ต้องหาฉากจากแต่ปางก่อนกับมาลัยสามชายมาดูประกอบจะอินสุดๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 20 เสิร์ฟคู่มาม่าชามยักษ์ + แก้คำผิด! : เหตุเกิดที่หัวหิน... 18.45 - 9/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 11-12-2010 07:10:34
คงต้องรอพร้อมผ้าเช็ดหน้าแล้วมั้ง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 20 เสิร์ฟคู่มาม่าชามยักษ์ + แก้คำผิด! : เหตุเกิดที่หัวหิน... 18.45 - 9/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 11-12-2010 17:02:46
 :monkeysad:สงสารเส็งและคุณหลวงงงงงงงงงงงงงงง


อยากรู้ว่าพาทิศคือใครรรรรรรรร


ชอบณัฐมากกกกอยากไห้คู่กะพาทิศนะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 20 เสิร์ฟคู่มาม่าชามยักษ์ + แก้คำผิด! : เหตุเกิดที่หัวหิน... 18.45 - 9/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 12-12-2010 16:48:34
เพิ่งได้อ่าน  สนุกมากจริงๆครับ

มาตอนนี้ก้อสงสารทุกคนเลยครับ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 20 เสิร์ฟคู่มาม่าชามยักษ์ + แก้คำผิด! : เหตุเกิดที่หัวหิน... 18.45 - 9/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 12-12-2010 17:04:56
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 20 เสิร์ฟคู่มาม่าชามยักษ์ + แก้คำผิด! : เหตุเกิดที่หัวหิน... 18.45 - 9/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: แมววาย ที่ 12-12-2010 19:11:08
อิฉันว่า แม่หยาดคงท้องกับเทิด  แต่หากแต่งกับเทิดคงขายขี้หน้าประชาชี  ถึงต้องมาจับคุณหลวงเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 20 เสิร์ฟคู่มาม่าชามยักษ์ + แก้คำผิด! : เหตุเกิดที่หัวหิน... 18.45 - 9/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 12-12-2010 22:47:19
พูดคุยก่อนครับ
ตอนที่ 21 นี้ ช่วงหลังๆอาจจะน่าเบื่อสักนิดเพราะว่าเป็นตอนที่มีข้อมูลประเพณีไทยโบราณเยอะมาก
อันที่จริงข้อมูลเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องใส่ไปก็ได้ เพราะนี่คือนิยาย ไม่ใช่สารคดีประวัติศาสตร์ หรือพงศาวดาร
แต่ก็เสียดายเพราะนับวันคนจะรู้ธรรมเนียมของไทยเราน้อยลงไปทุกที ตอนแต่งเถียงกับตัวเองอยู่นาน แต่ก็ตัดสินใจใส่ลงไป
ผมตั้งใจแต่งตอนนี้มาก+ตรวจทานตอนนี้บ่อยที่สุด ดังนั้นจึงหวังเล็กน้อยว่า ผู้อ่านจะตั้งใจอ่านรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเหล่านั้นด้วยนะครับ
ตอนที่แล้วมีคนเดาอะไรไว้เยอะแยะเลย อันที่จริงก็เดากันมาแทบจะทุกตอน
ปมของเรื่องนี้มีมากเหลือเกินนานวันไปก็ยิ่งเพิ่มขึ้นๆ ไม่เฉลยสักที ขอบอกเลยว่า กำลังจะเริ่่มเฉลยทีละนิดแล้วนะครับ
เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่นิยายสืบสวน ผมจึงไม่ปล่อยให้ผู้อ่านเดาๆๆ ไป แล้วก็เฉลยทีเดียวตอนท้าย แต่จะค่อยๆเฉลยไป ผู้อ่านจะได้ค่อยๆรับได้นะครับ 555+

ตอบคำถาม
คุณ Sornvat - ขอบคุณมากๆเลยครับ :) เรื่องพาทิศเป็นใครนั้น... หุหุ
คุณ O_Cha - เข้าใจเรื่องสรรพนามถูกแล้วครับ
คุณ กิต - จะให้ผมขำทุก เม้นเลยรึเปล่าครับ? ;P
คุณ samsoon - มาลัย3ชายตอนแรกๆ ได้ครับ หลังๆนี่เลยยุคแล้วอ่ะครับ 555
คุณ packy - อย่ากินยาเยอะครับ เดี๋ยวจะโอเวอร์โดส อิอิ

มีคนสงสารหยาดด้วย ผมก็สงสารเธอนะครับ เรื่องนี้ไม่มีใครดีใครเลวเลย ทุกคนมีความผิดติดตัวมาหมดอ่ะครับ ทั้งเส็ง คุณหลวง หยาด และอีกหลายๆคน เหมือนกับมนุษย์ทั่วไป
ผมพยายามปั้นตัวละครให้กลมๆ คิดว่าได้ผลนะครับ จริงไหมครับ?

ถามผู้อ่านบ้าง
ผมย้อนไปดูคำถามที่คนเคยถามเมื่อตอนเริ่มเรื่องแรกๆ จำกันได้ไหมครับ มาวันนี้เลยอยากถามผู้อ่านบ้างว่า
มาถึงตอนนี้ คุณคิดว่าใครเป็นพระเอก-นายเอกของเรื่องอะครับ? ช่วยตอบหน่อยนะ เพราะผมตอบตัวเองไม่ได้ 555+
ถึงจะมีคนชอบ คุณหลวง-เส็งมาก แต่ก็มีที่ชอบ พาทิศ-ณัฐเหมือนกัน เอาเป็นว่ามี 2 คู่ดีไหมครับ อิอิ

แล้วคิดว่าพาทิศเป็นใครในอดีตหรอครับ? อยากรู้ความคิดของผู้อ่านครับผม


เอาหละ ไปต่อกันเลยนะครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 20 เสิร์ฟคู่มาม่าชามยักษ์ + แก้คำผิด! : เหตุเกิดที่หัวหิน... 18.45 - 9/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 12-12-2010 22:48:14
๒๑
   
    ตอนที่เส็งรู้ความจริง หนุ่มน้อยถึงกับเข่าอ่อนแทบจะปิดหูไม่อยากได้ยินอะไรต่อทั้งนั้น พอทั้งคู่กลับมาจากงานเทศน์มหาชาติ หลวงพินิจก็จูงเส็งเข้าห้องนอน หนุ่มน้อยเดาจากท่าทางก็รู้ว่าคงไม่ได้คุยกันเรื่องไม่แต่งงานแน่ๆ  เขารู้อยู่เต็มอกไม่ใช่ไม่รู้ว่าอย่างไรก็ตามหลวงพินิจราชอักษรก็คงต้องแต่งงานกับคุณหยาด ถึงเจ้าตัวจะบอกว่าไม่อยากแต่ง และจะให้หยาดไปผ่อนผันกับเจ้าคุณไพศาลเสนีย์อย่างไร แต่เส็งก็เชื่อลึกๆว่า อย่างไรบ้านไพศาลเสนีย์คงไม่อยากให้ลูกของตนเสื่อมเกียรติว่าหมั้นก็แล้ว กำหนดฤกษ์แต่งงาน ฤกษ์ส่งตัวก็แล้ว ฝ่ายชายยังจะไม่เอา
    แต่พันธะที่ใหญ่ยิ่งกว่าเพียงแค่แหวนหมั้นและฤกษ์ยาม ที่ทำให้หลวงพินิจตัดสินใจแต่งงานกับหยาดในที่สุดก็คือ หยาดกำลังตั้งท้อง และลูกในท้องคือลูกของหลวงพินิจเองเสียด้วย!
    เพียงคำแรกว่า “หยาดท้อง” เส็งก็รู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่ง ตกลงมาจากสวรรค์วิมานลงมาในนรกเลยทีเดียว เส็งตกใจหน้าซีด เขาไปได้กันอย่างไร เมื่อไหร่ทำไมเส็งจึงไม่รู้ เส็งไม่พูดอะไรไม่คิดจะว่า ตัดพ้อหรือน้อยใจ ไม่แม้แต่จะร้องไห้ฟูมฟายเหมือนหยาด เพียงแต่จ้องหน้าของหลวงพินิจ ดวงตาเลื่อนลอยราวกับไม่ได้มีอารมณ์ใดอยู่ ใบหน้าเฉยชาแบบนี้แหละ ที่ทำให้คุณหลวงหนุ่มเสียใจ ไม่ใช่รู้สึกผิดแบบที่รู้สึกกับแม่หยาด แต่เสียใจ และเกลียดตัวเองมากจนเขาเองก็พูดอะไรไม่ออก
    “เส็งจะไม่พูดอะไรหน่อยหรือ”
    บ่าวหนุ่มน้อยไม่ตอบ หลวงพินิจจึงเข้ามากอดเขาไว้หลวมๆ ถึงจะไม่ขัดขืน ไม่ดิ้นออก แต่ตัวของเส็งก็ไม่อบอุ่นอีกต่อไปแล้ว หลวงพินิจไม่รู้สึกอบอุ่นเหมือนอย่างที่เป็นทุกครั้ง หากแต่เย็นเฉียบไม่อาจบอกได้ว่าหนุ่มน้อย โกรธ เสียใจ น้อยใจหรืออย่างไรแน่

   “เส็ง ฟังให้ดีนะ”... เรารักเส็ง รักมากกว่าใครทั้งหมดบนโลกนี้ และจะไม่มีวันใดที่เราจะหมดรักเส็งได้ ขอให้เส็งยึดคำของเราวันนี้เป็นเหมือนคำสัญญา ให้ระลึกไว้เสมอนะ ว่าเรารักเส็งจากใจจริง มิได้พูดไปเพราะอารมณ์ชั่วครู่ ชั่วคราว”
    คุณหลวงเคยพูดอย่างนี้ เคยบอกบอกว่ารักเขา แล้วไปนอนกับคุณหยาดจนท้องได้อย่างไร...
    “เส็ง เราขอโทษ เราผิดไปแล้วจริงๆคืนนั้นเราเมามาก ไม่มีสติ เส็งให้อภัยเราเถิดนะ” แต่บ่าวหนุ่มน้อยก็ยังไม่ตอบ ลำคอของเขาแห้งผากจนไม่รู้ว่าหากคำพูดมันไหลออกมานั้น มันจะบาดลึกลงไปในคอให้เจ็บมากเท่าที่ใจของเขาเจ็บอยู่หรือไม่ “เส็ง โกรธหรือ พูดอะไรกับเราหน่อยนะ นะจ๊ะเส็ง”
    “บ่าวไม่โกรธดอกขอรับ” เส็งพูดขึ้นมาเบาๆ ในที่สุดเมื่อพูดได้คำหนึ่งแล้ว คำต่อๆไปก็ย่อมไม่ลำบากนัก “บ่าวเป็นบ่าว จะโกรธนายได้อย่างไรขอรับ”
    “เส็ง” หลวงพินิจครางออกมา “เส็งอย่าพูดอย่างนี้ เราไม่ใช่นายบ่าวกันนะเส็ง เรา... เราเป็น... เส็งเป็นคนที่เรารักมากที่สุดนะเส็ง”
    น้ำตาคลอเบ้าบ่าวหนุ่มน้อยในที่สุด เปียก รื้นจนถ้าใครมองเห็นแล้ว หากไม่ใช่คนใจดำ ก็คงต้องสงสารเส็งจับใจ เขาไม่ร้องไห้ ไม่โวยวาย ไม่ตัดพ้อต่อว่า แต่ยืนน้ำตาคลอเบ้าอย่างนั้น อย่างที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรต่อไป เห็นไหมล่ะเส็ง เห็นหรือเปล่าว่าการไม่หักห้ามใจแต่แรกมันเป็นอย่างไร เอ็งรับรักคุณหลวง ถลำลึกไปถึงเพียงนี้ มาถึงตรงนี้แล้ว คุณหลวงจะแต่งงานแล้วเอ็งจะทำอย่างไรเล่า
    “บ่าวเป็นคนรัก แล้วคุณหยาดล่ะขอรับ... เป็นภรรยาออกหน้าออกตา แล้วบ่าว.... บ่าวจะต่างอะไรจากเมียน้อยล่ะขอรับ”
    “เส็ง” หลวงพินิจ กุมมือเส็งไว้บีบแน่นด้วยความเสียใจ รู้สึกผิดอยู่เต็มอก “เส็งเป็นที่หนึ่งสำหรับเราเสมอนะ เรารักเส็งเสมอ ถึงเราจะแต่งกับแม่หยาด เราก็แต่งแต่กาย ใจเราอยู่กับเส็งเสมอนะ เส็งเราขอละ อย่าพูดจาอย่างนั้นอีกเลยนะ”
   “คุณหลวงไม่รักคุณหยาด แต่คุณหลวงกำลังจะมีลูกกับคุณหยาดนะขอรับ” เส็งว่า สุดท้ายก็กลั้นไม่อยู่ น้ำตาไหลพรากลงอาบแก้ม “ต่อให้ไม่รัก แต่ถ้าจะมีลูกกันแล้ว อย่างไรก็ต้องรัก อย่างไรก็มีบ่วงรัดคุณหลวงไว้กับคุณหยาดแล้ว”
    “เส็ง”
    “คุณหลวงต้องเข้าพิธีอาทิตย์หน้าแล้ว ไม่ควรมาอยู่กับบ่าวอย่างนี้อีกขอรับ” เส็งว่าก้มหน้านิ่ง หลวงพินิจเห็นน้ำตาของเส็งหยดลงพื้น ก็รู้สึกเจ็บปวดไปจนถึงขั้วหัวใจ น้ำตาพาลจะไหลออกมาจนได้
    “เส็ง ไม่อยากให้เราแต่งงานใช่ไหม...”
    “มิได้ขอรับ คุณหลวงต้องแต่งงาน คุณหลวงต้องทำหน้าที่ลูกที่ดีสำหรับเจ้าคุณไพรัชกิจ ทำหน้าที่สามีที่ดีของคุณหยาด และเป็นพ่อที่ดีของลูกของคุณหลวง... ส่วนบ่าว บ่าวก็ต้องทำหน้าที่บ่าว จะให้ทำลายชีวิตนายอย่างนี้ บ่าวทำไม่ได้ บ่าวคงต้องลาคุณหลวง ขอไปตามทางของบ่าว จะไปหาทางทำมาหากินไม่อยู่ทำลายชีวิตครอบครัวของคุณหลวงดอกขอรับ”
    “เส็ง อย่าพูดอย่างนี้” หลวงพินิจโผเข้ากอดร่างของชายหนุ่มอีกครั้ง น้ำตาที่เอ่อคลอเบ้าพาลจะไหลออกมาจนได้ ชายหนุ่มแนบหน้าเข้ากับหน้าของคนที่ตนรักสุดหัวใจ กอดไว้แน่นราวกับคำว่า “ลา” ของเส็งจะทำให้เส็งหายไปต่อหน้าต่อตาตรงนั้นก็ไม่ปาน “อย่านะเส็ง อย่าไปเลยนะ ขอร้อง อย่าไปจากเรา ถ้าเส็งไม่อยากให้เราแต่งเราก็จะไม่แต่ง เราจะอยู่กับเส็งคนเดียว”
   “แล้วลูกของคุณหลวงเล่าขอรับ” เส็งสะอื้น “คุณหลวงไม่สงสารคุณหยาด
และลูกบ้างหรือถ้าเขาต้องเกิดมาไม่มีพ่อ!”
    “เราไม่สน เราไม่ยอมให้เส็งไปไหนทั้งนั้น” หลวงพินิจร้องไห้ ร้องกับไหล่ของเส็งจนน้ำตาเปียกเสื้อป่านที่ยังไม่ทันถอดของเส็ง พอๆกับที่เส็งเองก็ร้องไห้ หน้าซุกเข้าหาหลวงพินิจ ใจหนึ่งก็รัก อยากจะเห็นแก่ตัว อยากรั้งหลวงพินิจให้อยู่กับเขาตลอดไป ใจหนึ่งก็เจ็บ เจ็บที่หลวงพินิจช่างทำได้ลงคอ ทำให้มีพันธะกับคุณหยาด... ทำให้คุณหยาดท้อง ทีนี้ความรับผิดชอบในใจก็ก่อตัวขึ้นบอกให้จากไปเสีย
    “คุณหลวงต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่คุณหลวงทำไปขอรับ” เส็งกลั้นใจพูด กัดริมฝีปากด้านในจนชาไปหมดแล้ว
    “ไม่... เราไม่ยอมให้เส็งไปไหนทั้งนั้น ขอร้องละช่วยอยู่กับเราอย่างนี้ไปตลอดไม่ได้หรือ ขอร้อง...เราอยู่ไม่ได้จริงๆถ้าไม่มีเส็ง นะ อย่าทิ้งเราไปนะเส็ง” เส็งผละตัวออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่มก็เห็นหลวงพินิจร้องไห้จนตาแดง เขาไม่เคยเห็นน้ำตาของชายหนุ่มคนนี้ พอเห็นแล้วก็อดเห็นใจไม่ได้... แต่คุณหยาดล่ะ ลูกของคุณหยาดกับคุณหลวงล่ะ เขาจะไม่เสียใจกว่านี้หรือ หากเส็งดึงดันอยู่กับคุณหลวง หากเส็งยังจะเห็นแก่ตัวต่อไป คนที่เสียใจจะมีถึง สองคน อาจจะ สามหรือสี่ จนเป็นสิบถ้านับพ่อแม่ ญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่ายเมื่อรู้ว่าหลวงพินิจทำแม่หยาดท้องแล้วไม่รับ ยกเลิกพิธีแต่งงานเพียงเพื่อมาอยู่กับบ่าวลูกจีนที่ไม่สลักสำคัญอะไรทั้งนั้น
    “เชื่อบ่าวนะขอรับคุณหลวง นับจากนี้เราอย่านอนร่วมห้องกันอีก มันไม่เป็นมงคล คุณหลวงต้องแต่งงานแล้วมันไม่ดีต่อใครสักคนเดียว บ่าวจะต้องขอลา พรุ่งนี้บ่าวจะกลับไปอยู่กับหลวงพ่อที่วัด คุณหลวงต้องอยู่ให้ได้นะขอรับ”
    “เส็ง ไม่ เส็ง อย่าไป”
    บ่าวหนุ่มน้อยตัดใจ เดินออกจากคุณหลวง ทันทีที่หันหลัง น้ำตาก็ร่วงพรูอย่างที่กลั้นไม่อยู่อีกต่อไป ก่อนที่หนุ่มน้อย จะเดินพ้นประตูห้องไปเสีย หลวงพินิจราชอักษรก็ตามมา นั่งคุกเข่ากอดขาของเส็งไว้ไม่ยอมให้บ่าวหนุ่มไปไหน
    “เส็ง ถ้าเส็งไปเราคงอยู่ไม่ได้... ชีวิตเราจะมีความหมายอะไรหากไม่มีเส็ง” บ่าวหนุ่มก้มหน้ามาเห็นหลวงพินิจที่เงยหน้าขึ้นมองตน ตาแดงก่ำร้องไห้จนไม่เหลือรูปของ หลวงพินิจราชอักษร ที่เป็นที่เคารพยำเกรงของบ่าวไพร่อีกต่อไป เส็งสงสารหลวงพินิจเป็นที่สุด ในใจว้าวุ่นไปหมดไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไร “อย่าทิ้งเราไปเลยนะเส็ง เราเอาอย่างนี้ได้ไหม เราจะแต่งงานตามที่เส็งบอก เราจะรับผิดชอบแม่หยาดและลูก แต่เราต้องอยู่ด้วยกันนะเส็ง เส็งบอกเราว่าจะอยู่กับเราไปตลอด อย่าทิ้งเราไปเลยนะเส็ง เราจะแต่งไปตามหน้าที่ แต่หัวใจ และชีวิตของเรา จะอยู่กับเส็งคนเดียว... เส็ง เข้าใจเรานะ”
    เส็งอดใจไม่ไหวอีกต่อไป เขานั่งลงกอดหลวงพินิจ ทั้งคู่โผเข้าหากัน กอดกัน ร้องไห้จนแสบตา จนเชื่อว่าร้องกันหมดน้ำตาแล้วอย่างนั้น หลวงพินิจพรมจูบไปทั่วร่างของบ่าวหนุ่ม ร้องไห้หนักอย่างที่ไม่มีใครมีโอกาสได้เห็นอีก
    “จำได้หรือเปล่า เราเคยพูดว่า เรารักเส็งคนเดียว รักมากกว่าใครทั้งหมดบนโลกนี้ และจะไม่มีวันใดที่เราจะหมดรักเส็งได้ แล้วก็ขอให้เส็งยึดคำของเราไว้เป็นเหมือนคำสัญญา เส็งจำได้หรือเปล่า”
    เส็งพยักหน้าเบาๆ
    “เรายังจำได้ และคิดจะรักษาสัญญาอยู่ตลอด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่างน้อยขอให้เราได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้เรื่อยไปนะเส็ง” หลวงพินิจกระซิบที่ข้างหูของบ่าวหนุ่ม เสียงสะอื้น ประทับอยู่ในหัวใจ
    “ขอรับ” เส็งยอมแพ้แก่ความผิดชอบชั่วดี รับคำคุณหลวง กอดเขาและคิดได้ในที่สุดว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น... เขายึดคำพูดนี้ของหลวงพินิจราชอักษรเป็นคำสัญญา... เขาจะอยู่กับคุณหลวงอย่างนี้ตลอดไป ในฐานะอะไร บ่าวใช้ คนรัก อะไรก็แล้วแต่ ขอให้ได้มีคุณหลวง ขอแค่คุณหลวงจะยังรักเขาอยู่เท่านั้น เขาก็พอใจแล้ว
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 20 เสิร์ฟคู่มาม่าชามยักษ์ + แก้คำผิด! : เหตุเกิดที่หัวหิน... 18.45 - 9/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 12-12-2010 22:53:59
    “อย่าร้องไห้ อ้ายเส็งอย่าร้องไห้เด็ดขาด” เส็งกระซิบบอกตัวเอง “วันนี้วันมงคลของนายเอ็ง อย่าได้ร้องไห้เทียวนะ”
    หนุ่มน้อยนั่งหน้าละห้อยอยู่ที่หน้าเรือนเทา ตรงบริเวณเฉลียงหน้าบ้านวันนี้เป็นวันสุกดิบตามธรรมเนียมการแต่งงาน คุณหลวงจะเข้าพิธีวันนี้ และพรุ่งนี้ พอยกขันหมากและส่งตัวแล้ว หยาดก็จะย้ายมาอยู่ที่นี่ เป็น “คุณหยาด” ภรรยาของหลวงพินิจราชอักษรในที่สุด แม้หล่อนจะมานอนอยู่บ้านนี้ และให้คุณหลวงกลับไปอยู่บ้านเจ้าคุณไพรัชกิจมาสามวันตามธรรมเนียมแล้วก็ตาม
    เส็งนอนที่เรือนบ่าวอย่างเหงาใจตลอด สามคืนนั้น

    วันนี้เป็นวันก่อนฤกษ์แต่งงานหนึ่งวันหรือ "วันสุกดิบ" เมื่อเช้านี้ เจ้าคุณและคุณหญิงไพรัชกิจได้ขนผ้าไหว้และขันหมาก ไปบ้านของคุณหยาด ให้เป็นของกำนัลแก่ เจ้าคุณและคุณหญิงไพศาลเสนีย์คนละสำรับ และมีผ้าขาวสำหรับไหว้ผีพ่อ ผีแม่ หรือผีปู่ย่าตายายอีกสำรับหนึ่ง ซึ่งผ้านี้พอคุณหญิงไพศาลรับไปแล้วก็จะต้องนำไปตัดเย็บย้อมเป็นสบงจีวร หรือเย็บเป็นมุ้งเพื่อถวายพระสงฆ์ อุทิศส่วนกุศลให้แก่ผีบรรพบุรุษตามประเพณีแต่โบราณ
    ขันหมากที่เตรียมไปด้วยนั้นมี สอง อย่างตามประเพณีคือ "ขันหมากเอก"  เป็นขันใส่ข้าวสารหมากพลูจีบและ มีตะลุ่มหรือโต๊ะใส่หมากพลูหมูต้มห่อหมกขนมจีบตามธรรมเนียม "ขันหมากเลว" มีอ้อย มะพร้าวอ่อน เหล้าใส่ขัน พานถั่วงา มีขนม ส้มสูกลูกไม้ต่าง ๆ
    ขณะนี้ก็เย็นแล้ว จะต้องมีการนิมนต์พระสงฆ์มาสวดมนต์ที่เรือนหอ ซึ่งก็คือเรือนเทานี้เอง คุณหลวงแต่งตัวเต็มยศ ขึ้นเรือนไปกับเพื่อนเจ้าบ่าวที่นัดแนะมาแล้วหลายคน นั่งฟังสวดอยู่ด้านในเส็งไม่อาจเป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าบ่าวได้เพราะเป็นเพียงคนใช้คนหนึ่งเท่านั้นเท่านั้น จะยกตัวขึ้นไปทัดเทียมเป็นเพื่อนของนายไม่ได้ แม้คุณหลวงเห็นชอบก็ตาม แต่คุณหญิงไพรัชกิจก็บอกว่า
    “มันเป็นบ่าวนะแสง ลูกจะยกบ่าวขึ้นมาเป็นเพื่อนได้หรือ”
    หากแต่ เทิดกลับได้ขึ้นไปฟังสวดด้วยเพราะเคยเป็นเพื่อนของคุณหลวงมาตั้งแต่เด็ก รายนี้คุณหลวงไม่ได้ต้องการแต่ในเมื่อคุณหญิงสั่งมาก็ต้องทำตามไปอย่างนั้น
    เส็งดูไม่ออกว่าคุณหลวงมีความสุข หรือทุกข์ใจมากกว่ากัน เพราะสีหน้าของเขาก็บึ้งตึงอยู่ตลอดตั้งแต่ที่เตรียมตัวเมื่อเช้า แต่พอเพื่อนๆเจ้าบ่าวมาเท่านั้นก็กลับดูอารมณ์ดี จะบอกว่าปั้นหน้าก็อาจจะได้ เส็งทำอาหารเลี้ยงพระเลี้ยงแขกอยู่ไกลๆ มองมาก็เห็นว่าคุณหลวงแอบยืนนิ่งไม่คุยกับเพื่อนฝูงบ้าง อาจจะคิดสะระตะอะไรในใจ แต่ก็อีกนั่นแหละ คนเราแต่งงานได้ครั้งเดียวในชีวิตต่อให้ไม่รัก ก็ต้องมีตื่นเต้น แอบดีใจบ้างนั่นแหละ เส็งยกสำรับอาหารมาเลี้ยงแขกก่อนหลวงพินิจจะขึ้นมาสวดมนต์ก็แอบได้คุยกับคุณหลวงอยู่สองสามคำ
    “ช่วงนี้คงต้องนอนที่เรือนบ่าว หลังเสร็จพิธีอะไรแล้วเราจะให้กลับมานอนด้วยกัน เส็งเอาห้องนอนแขกเป็นห้องของเส็งไปเลย ห้องที่เราอยู่กันทุกวันนี้ เราให้แม่หยาดนอน ตอนกลางคืน เราได้แอบมานอนกับเส็งนะ” เขาแอบกระซิบเบาๆ  “เข้าใจเรานะเส็ง ไม่น้อยใจนะจ๊ะ”
    “ขอรับ วันนี้วันดี คุณหลวงอย่ากังวลใจเลยขอรับ”
    พอพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์จบแล้ว คุณหญิงไพศาลเสนีย์ก็พาเจ้าสาวออกมา ให้นั่งใกล้กันกับคุณหลวง มีญาติฝ่ายคุณหยาดนั่งคั่นกลางอยู่คนหนึ่ง ให้พระสังฆนายกสวมมงคลแฝดให้ทั้งคู่ มงคลแฝดนี้เป็นมงคลคู่มีสายสิญจน์ล่ามติดกัน ฝ่ายเพื่อนเจ้าบ่าวจะนั่งเรียงต่อจากเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาวก็นั่งเรียงต่อจากเจ้าสาว พระสงฆ์สวดพร้อมกัน มีพระสังฆนายกซัดน้ำพุทธมนต์ไปทั่ว
    หมดพิธีแล้ว ต่างคนต่างก็ทยอยกันกลับบ้าน โดยเฉพาะคุณหยาดที่ต้องรีบกลับบ้านของหล่อน เพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว ฟังโอวาทจากคุณหญิงไพศาลเสนีย์ อบรมให้ทำหน้าที่ภรรยาที่ดี หล่อนอ้วนขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีใครสังเกต คิดว่ากินได้ นอนหลับดีอิ่มเอมใจที่ได้แต่งงาน ต่างจากคุณหลวงของเส็งที่นับวันจะยิ่งผ่ายผอม โดยเฉพาะเวลาสามวันมานี้ที่ไม่ได้อยู่กับเส็งเลยสักวัน บ่าวหนุ่มเดินกลับเรือนบ่าว เพราะค่ำแล้ว คุณหลวงจะต้องเข้านอนอยู่ที่หอนี้ ทบทวนสติให้เป็นเจ้าบ่าวที่ดีต่อไป มีเครื่องดนตรีดีดสีตีเป่า ขับร้องเรียกว่า "กล่อมหอ" จนถึงวันฤกษ์ดีในวันพรุ่งนี้ ก็จะยกขันหมากไป ส่งตัวเจ้าสาว แล้วก็ถือว่าแต่งงานกับคุณหยาดได้เสร็จสิ้นพิธีการ
     พออ้อมตัวตึกมาถึงด้านหลังเส็งก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างห้องนอนคุณหลวง เห็นชายหนุ่มโผล่หน้าออกมาก็ดีใจส่งยิ้มให้กันด้วยความรักและคิดถึง แต่ก็ทำได้แค่นั้นเอง เขาจะต้องอยู่ห่างหลวงพินิจไปอีกนานแค่ไหน เส็งห้ามตัวไม่ให้ร้องไห้ แต่ก็ประสบความสำเร็จเพียงยามอยู่ต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น ทันทีที่กลับมาถึงเรือนบ่าว หนุ่มน้อยก็น้ำตาไหล ร้องไห้กับหมอนอย่างช้ำใจ

    เช้าวันรุ่งขึ้น ... วันฤกษ์ดี หรือวันแต่งงาน พระสงฆ์มาพร้อมแล้ว คู่บ่าวสาวจึงตักบาตรร่วมกันด้วยทัพพีเดียวกัน ตอนจับทัพพีเชื่อกันว่าใครอยู่บน ก็จะมีอำนาจเหนือผู้ที่มืออยู่ด้านล่าง คุณหญิงไพศาลเสนีย์ถือเรื่องนี้ จึงกำกับให้หลวงพินิจจับมือแม่หยาดจับทัพพีให้เท่าๆกัน ไม่มีใครต่ำกว่าใครได้มีสิทธิเสมอกัน เส็งแอบเห็นหลวงพินิจตักบาตรไป ก็เหลือบมองหนุ่มน้อยไป คงจะนึกถึงวันที่ตื่นมาใส่บาตรตอนเช้าด้วยกันบ่อยๆกระมัง
    จากนั้นตลอดเช้าก็เป็นงานเลี้ยงพระสงฆ์ ถวายไทยธรรมต่าง ๆ โดยของถวายนั้นทั้งสองฝ่ายแบ่งปันกันตามที่ตกลงไว้แล้ว เส็งเป็นคนเตรียมอาหารนี้ด้วยตัวเอง มีขนมจีนน้ำยาป่า ตามความเชื่อให้รักนั้นยืดยืนยาวอย่างเส้นขนมจีน ห่อหมก ขนมและผลไม้ต่างๆ เวลานี้หยาดจะต้องกลับบ้านของตนเพื่อให้ฝ่ายชายยกขบวนขันหมากไป พอพระสงฆ์ฉันเสร็จ ก็ถึงเวลาแห่ขันหมาก พอบ้านไพศาลเสนีย์ส่ง “ของเลื่อน” หรือขนมหวานต่างๆมาให้เป็นสัญญาณว่าให้นำขันหมากไปได้ เจ้าคุณไพรัชกิจก็ให้ผู้ใหญ่ในกระทรวงที่เป็นเถ้าแก่ฝ่ายชายนำยกขันหมากไปบ้านของเจ้าสาวในที่สุด
    ฝ่ายชายจัดขบวนแห่ไปบ้านฝ่ายหญิง โดยยกขันหมากเอกนำหน้าไป มีหญิงรุ่นสาวที่เป็นบ่าวไพร่ ในจำนวนนี้มีแก้ว มะลิ และชิดอยู่ด้วย แต่งตัวยกไปหน้าเตียบ ซึ่งเตียบนั้นผู้ที่ได้ยกจะเป็นหญิงมีตระกูล ที่แต่งงานแล้วยกเป็นคู่ ๆ ซึ่งเจ้าคุณไพรัชกิจก็หามาจากญาติๆกันหรือคนรู้จักมาเดินยก ต่อจากนั้นก็จะเป็นผ้าไหว้ แล้วจึงเป็นขันหมากเลว ซึ่งยกโดยบ่าวผู้ชายมีเทิดอยู่หน้า ตามด้วยเส็งและมั่นและคนอื่นๆ เรียงตามลำดับไป
    เมื่อถึงบ้านของคุณหยาด คนในบ้านก็จัดผู้ใหญ่นำเด็กแต่งตัว ถือขันพานรองมีหมากพลูลงไปรับ เรียกว่าการ เชิญขันหมากขึ้นมาบนเรือนหอ ซึ่งมีเถ้าแก่ออกมารอรับขันหมาก แล้วเปิดเตียบเป็นคู่ ๆ เถ้าแก่ฝ่ายคุณหยาดยกเตียบ กับขันใส่เหล้า มะพร้าวอ่อน พานผ้าไหว้ผีไปไว้ในเรือน เจ้าคุณไพศาล และคุณหญิงภรรยาก็ เซ่นบอกปู่ ย่า ตา ยาย ตามประเพณี
    จากนั้นเถ้าแก่ฝ่ายเจ้าบ่าว ก็จะเรียกเอาทุนจากเถ้าแก่ฝ่ายหญิง เจ้าคุณและคุณหญิงไพรัชกิจก็เอาทุนออกมานับ ตรวจจนครบถ้วนเรียกว่า "สินสมรส" ให้เป็นเงินก้นถุงถือเป็นเคล็ด เพื่อก่อให้เกิดความเจริญงอกงาม จากนั้นเถ้าแก่ทั้งสองฝ่ายก็นำเงินมารวมกันแล้วเคล้าด้วยถั่วงาแห้งน้ำมันหอม แล้วมอบให้เจ้าคุณพ่อและคุณหญิงแม่ของฝ่ายหญิง จากนั้นฝ่ายเจ้าสาวก็จัดเลี้ยงเก้าแก่ และผู้ร่วมขบวนขันหมาก พร้อมมอบสิ่งของให้เถ้าแก่กับผู้ยกขันหมากเอก ส่วนผู้ยกขันหมากเลวซึ่งมีเส็งรวมอยู่นั้น จะได้รับแจกเงินที่เรียกว่า ของแถมพก เสร็จแล้วเถ้าแก่ฝ่ายหญิงซึ่งก็เป็นผู้ใหญ่ในกระทรวงเช่นกัน แบ่งขันหมากเลวเป็น สองส่วน คือให้เจ้าคุณและคุณหญิงไพรัชกิจ สำหรับไปเลี้ยงพวกเจ้าบ่าวที่ยกขันหมากมาส่วนหนึ่ง และ ให้คุณหยาดเก็บไว้เองอีกส่วนหนึ่ง
    สุดท้ายเถ้าแก่ฝ่ายชาย ก็จะพากันยกขบวนกลับ
    ช่วงบ่ายฝ่ายเจ้าบ่าว ยกขบวนมาอีกครั้ง ฝ่ายหญิงก็จัดให้เด็กถือพานหมาก มาเชิญเจ้าบ่าว หลวงพินิจก็ให้บำเหน็จแก่เด็กตามธรรมเนียม แล้วจึงขึ้นเรือนคุณหยาด ซึ่งจะมีฝ่ายเจ้าสาวถือสร้อยคอทองคำบ้าง แพรสีบ้างยืนกั้นขวางประตูไว้เรียกกันว่า กั้นประตูเงิน ประตูทอง ชั้นสามเรียกว่าประตูแก้ว จากนั้นพวกเจ้าบ่าวที่เรียกว่า "บ่าวนำ" ก็ให้เงินแก่พวกเจ้าสาวเป็นเหมือนค่าผ่านทาง เพื่อจะไปรับเจ้าสาว ซึ่งกว่าจะผ่านไปจนครบ ก็เห็นว่าหลวงพินิจได้มีการเตรียมเงินไว้พอควร เมื่อเสร็จจากขั้นตอนการรับเจ้าสาวแล้ว เพื่อนเจ้าสาวก็ยกพาน น้ำชา ขนมมาเลี้ยงพวกเจ้าบ่าวเหลือรดน้ำ และส่งตัวแล้วเท่านั้น คุณหยาดก็จะมาเป็นนายอยู่ที่บ้านอย่างสมศักดิ์ศรีภรรยาคุณหลวงในที่สุด
    
    พิธีรดน้ำจัดในตอนเย็น พระสงฆ์มาจะสวดพุทธมนต์ คุณหลวงนั่งฟังสวดแต่เพียงผู้เดียว พอสวดจบก็พักรออยู่ จากนั้นผู้ใหญ่ญาติพี่น้องของ ทั้งสองฝ่ายก็มาพร้อมกัน ฝ่ายแม่ญาติได้จัดที่รดน้ำไว้แล้ว มีเตียงปูเสื่อตามสมควร เมื่อเถ้าแก่พาเจ้าสาวออกมานั่งทางซ้าย ท่านผู้ใหญ่ในกระทรวงก็สวมมงคลคู่ซึ่งพระสงฆ์ ทำไว้ให้สวมศีรษะทั้งสองซึ่งหมอบก้มอยู่ ประธานและพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย พร้อมกันรดน้ำพระพุทธมนต์ด้วยสังข์ และขันสัมฤทธิ์ผู้ใหญ่รดที่ศีรษะ ผู้น้อยก็จะรดที่มือ เส็งได้รับอนุญาตให้เข้าไปรดด้วยเพราะเห็นว่าเป็นคนสนิท เทิดเข้าไปก่อนเส็ง บ่าวหนุ่มจึงสังเกตท่าทีของเทิดได้
    เทิดดูแปลกๆ ก้มหน้าหลบตาไม่มองทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาว พูดสั้นๆ แล้วก็รีบเดินออกไป เส็งไม่เข้าใจนักว่ากิริยานั้นคืออะไร แต่เจ้าบ่าวคงรู้ดีจึงไม่ได้ติดใจถามอะไร พอเทิดไปแล้ว เส็งก็เข้าไปรดน้ำบ้างกลั้นใจเต็มที่ไม่ให้ร้องไห้ แล้วก็รดน้ำคุณหลวงกับคุณหยาด
    “ขอให้คุณหลวงและคุณหยาดมีความสุขขอรับ”
    “สุขแน่ถ้ามีเอ็งคอยรับใช้ที่เรือน” แม่หยาดว่า “ดีจริงนะได้มารับใช้กันอีก”
    “ขอรับ” เส็งรับคำ
    “ปกติเส็งก็นอนที่ในเรือนนั่นแหละ กะไว้ว่าพอเสร็จพิธีอะไรแล้ว ก็จะให้เส็งกลับมาอยู่ นอนเฝ้าอยู่หน้าห้องได้เรียกรับใช้เมื่อใดก็ได้” หลวงพินิจถือโอกาสนี้ พูดเปรยๆกับหยาด ตอนที่หล่อนอารมณ์ดี เหมือนเป็นเชิงขออนุญาตอยู่กลายๆ
    “ดีซีคะ เส็งใช้ง่าย ฉลาด เอาไว้อยู่ใกล้ๆ เป็นคนสนิทก็ดี” หยาดยิ้มให้อย่างใจดี “ให้เส็งเป็นพี่เลี้ยงลูกเรานะคะ”
    เส็งหน้าเสีย เมื่อหยาดพูดถึงลูก หลวงพินิจก็มีอาการคล้ายสะดุ้ง หากแต่ก็ทำใจเย็นๆ ทั้งสองคน เส็งรีบเดินออกไปให้พ้นในที่สุด ก่อนจะทนไม่ไหว โผเข้าไปบีบคอหยาดที่พูดแทงใจดำ!
    พอรดน้ำเสร็จเจ้าบ่าวหนุ่มก็ออกมาผลัดผ้านุ่ง มีเงินขอดชายผ้าไว้ตามสมควร ให้จัน เด็กของหยาดนำไปซัก เงินที่ขอดไว้จะเป็นของเด็ก ตามธรรมเนียมหากไม่มีเงินจันจะสามารถเก็บผ้านั้นไว้เป็นรางวัลได้

    หลังพิธีรดน้ำ ก็เป็นพิธีไหว้ผีปู่ย่า พ่อกับแม่ของเจ้าสาวนำผ้าขาวยาว สี่ ศอก ปูลงกลางเรือน ยกเตียบกับขวดเหล้ามะพร้าวอ่อน ผ้าไหว้ผีวางลงบนผ้าขาว เจ้าบ่าวหนุ่มจุดเทียนแฝดคู่หนึ่ง ธูปคู่หนึ่ง แล้วเถ้าแก่จึงนำคุณหยาดเจ้าสาวคนสวยมาไหว้ผีปู่ยาตายายพร้อมเจ้าบ่าว เถ้าแก่ให้เจ้าบ่าวยกมือขวาขึ้นข้างหนึ่ง เจ้าสาวยกมือซ้ายขึ้นข้างหนึ่ง ประนมมือกราบลงพร้อมกัน สามครั้ง แล้วหลวงพินิจก็ออกมาไหว้ เจ้าคุณและคุณหญิงไพศาล รวมถึงญาติเจ้าสาว ตามที่ได้จัดผ้าไปนั้นเรียงไปตามลำดับ เจ้าคุณไพศาล และคุณหญิงก็รับไหว้ให้พร
    “ฝากลูกหยาดด้วยนะ รักกันนานๆ มีอะไรก็พูดคุยกันให้ดีล่ะ อย่าไปใช้อารมณ์ รีบมีหลานให้ปู่ย่า ตายายอุ้มเร็วๆนะ”
    หลวงพินิจเก็บอาการไว้ได้ แต่คุณหยาดทำตาล่อกแล่กไปมา เส็งจึงเข้าใจว่าเจ้าคุณและคุณหญิงยังไม่รู้เรื่องที่แม่หยาดท้องก่อนแต่งอย่างแน่นอน เทิดที่ยืนอยู่ข้างๆเส็งและมั่นดูลุกลี้ลุกลนพิกล เส็งก็อดใจถามไม่ได้
    “พี่เทิดเป็นอะไรหรือ ดูแปลกๆไปนะจ๊ะ”
    “เอ้อ” เขายกมือขึ้นเกาหัว “พี่มีธุระนิดหน่อยแต่จะกลับก็ยังไม่ได้ใช่ไหมเล่า ก็เลยดูรีบๆกระมัง”
    “เอ ธุระอะไรหรือ ฉันว่าถ้าพี่เทิดกลับตอนนี้ก็คงไม่เป็นไร”
    “รอก่อนดีกว่าเดี๋ยวก็ได้กลับเรือนเทาแล้ว”
     เจ้าคุณไพศาลให้เงินและสิ่งของเล็กๆน้อยๆแก่เจ้าบ่าวหนุ่มตามธรรมเนียมจากนั้น เพื่อนเจ้าบ่าวก็แยกย้ายกันกลับ คุณหลวงรวมถึงบรรดาบ่าวไพร่ก็กลับเรือนเทาไป
    
    ตามธรรมเนียมแต่โบราณแล้วการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวนั้น ต้องหาฤกษ์อีกครั้งตามตำราที่เรียกว่า "วันเรียงหมอน" ได้ฤกษ์เมื่อไหร่บิดามารดา จึงส่งตัวเจ้าสาวให้ บางครั้งเจ้าบ่าวต้องนอนเฝ้าหอคนเดียวเป็นเวลาหลายวัน แต่สำหรับคู่คุณหลวงมันเป็นคืนวันรุ่งขึ้นเท่านั้น วันนั้นทั้งวันคุณหลวงต้องอยู่ที่เรือนหอคนเดียว ใครจะเข้าไปยุ่งไม่ได้นอกจากจัดสำรับเข้าไปให้ ซึ่งเส็งเป็นคนทำหน้าที่นี้อยู่ประจำ จึงถือโอกาสได้คุยกับคุณหลวง ...หลวงพินิจลุกขึ้นทันทีที่เห็นบ่าวหนุ่ม
    “เส็ง ดีใจเหลือเกินที่เข้ามา คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว” บ่าวหนุ่มหลบตาต่ำ วางสำรับให้ไว้บนโต๊ะอาหาร ทำท่าไม่สนใจนายของตน “เส็ง ขอกอดสักครั้งเถอะนะ”
    “คุณหลวงขอรับโบราณเข้าถือ”
    “เขาห้ามเจ้าบ่าวเจอเจ้าสาว ไม่ได้ห้ามกอดกับคนรักนี่นา”
    เส็งเกือบจะหัวเราะกับคำพูดบ่ายเบี่ยงที่แสนจะฟังไม่ขึ้นของคุณหลวง
    “ไปดีกว่าขอรับคุณหลวง ให้เสร็จพิธีก่อนนะขอรับ”
    “เสร็จพิธีแล้วจะไม่ยอมให้ปฏิเสธเลย” เขาว่า “เราก็รู้ดอกนะ ว่าเส็งก็คิดถึงเราเหมือนกัน”
     “ขอรับ บ่าวนอนคนเดียวมา สี่ห้าวันแล้ว เหงาเหลือเกิน คิดถึงคุณหลวงก็ได้แต่เห็นหน้าอยู่ไกลๆ จะกอด จะจูบให้สาแก่ใจก็ทำไม่ได้... แต่อย่างน้อย เราก็ยังเห็นหน้ากันทุกวันจริงไหมขอรับ” บ่าวหนุ่มหันหลังพูดเศร้าๆ แล้วก็จากไป
     ปกติบิดา มารดาหรือเถ้าแก่ก็จะนำเจ้าสาว มาส่งให้เจ้าบ่าวที่เรือนหอ ในเวลายามหนึ่งหรือยามเศษ ในกรณีของหยาด เจ้าคุณไพศาลเสนีย์เป็นคนมาส่งด้วยตัวเอง ในคืนนั้นมีคุณหญิงสั่งสอนลูกสาวอยู่ข้างๆ
    “รักเขาแล้ว ให้เคารพ นอบน้อมเขาด้วย สามีน่ะก็เหมือนพ่ออีกคนที่จะดูแลปกป้อง เลี้ยงดูเรา เป็นคนมีบุญคุณกับเราไม่ใช่ศัตรู มีอะไรคุยกันด้วยเหตุผล อย่าไปใช้อารมณ์อย่าไปดีแต่จะเคียดแค้น ทำร้ายกันด้วยคำพูด รักสามีรักลูกให้มากๆนะจำที่แม่พูดได้ไหมแม่หยาด”
    “เจ้าค่ะ คุณแม่”
    “กับข้าวกับปลา งานบ้านงานเรือนต้องทำด้วย ไม่ใช่มีบ่าวก็ใช้บ่าว ถ้าเหนื่อยก็ต้องคอยดูแลสอดส่อง ควบคุมบ่าวไพร่ให้ได้ อย่าไปนั่งๆนอนๆเฉยๆรู้ไหม จะหาว่ามาเกาะเขากินได้”
    “เจ้าค่ะ”
    “เราไม่เคยผ่านมือชาย ไม่เคยให้ใครได้แตะเนื้อต้องตัว แม่เข้าใจ แต่อย่าได้กลัวเลย เป็นผัวเมียกันแล้วไม่มีอะไรต้องคิดมากดอก” หยาดแกล้งทำเป็นขวยเขินตามที่แม่ว่า หารู้ไม่ว่าคนอย่างหยาดเห็นอย่างนี้ไม่ใช่ไม่เคยผ่านมือชาย แต่ผ่านมาจนถึงไหนแล้ว ไม่อย่างนั้นไม่ท้องจนคุณหลวงปฏิเสธไม่แต่งงานไม่ได้หรอก คุณหญิงไพศาลเสนีย์ เป็นคนพาหยาดเข้าไปหาถึงเรือนหอโดยให้ลูกสาวกราบเจ้าบ่าว แล้วคลานเลยเข้าไปอยู่ในม่านของเตียงสี่เสานี้ โดยหารู้ไม่เลยว่า ตรงนี้เองเป็นที่ที่คุณหลวงได้นอนกอดก่าย พลอดรักเส็งมาแล้วกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
    หลวงพินิจไหว้คุณหญิงแล้ว คุณหญิงไพศาลก็ให้เจ้าบ่าวหนุ่มยืนมือเข้าไปในม่าน ให้เจ้าสาวยื่นมือมาจับเกี่ยวกันไว้ แสดงความหมายว่า ได้ยอมยกทั้งสองให้เป็นคู่สิทธิ์ขาดแก่กันแล้ว
    จากนั้น คุณหญิงจึงบอกให้ลูกสาวของตนกราบหมอนเจ้าบ่าวก่อน แล้วจึงนอนลงในที่เจ้าสาวก่อนเจ้าบ่าว เพื่อจะให้เป็นเคล็ดให้เจ้าบ่าวมีความยำเกรงเจ้าสาว แล้วสอนลูกของตน
    “เวลาจะนอน ให้กราบเท้าคุณหลวงก่อนนอนทุกวัน ได้เป็นศรีแก่ตน ได้มีความเจริญไปภายหน้า เข้าใจไหมลูก”
    “เจ้าค่ะ”
    “คุณหลวง แม่ฝากลูกแม่ด้วยนะ รักมันให้มาก ดูแลมันให้ดีแทนแม่ด้วยนะลูก” คุณหญิงกล่าวสั่งสอน แล้วก็ลงเรือนไปน้ำตาคลอเบ้าด้วยความปิติที่ลูกสาวได้เป็นฝั่งเป็นฝาในที่สุด

     ทันทีที่คุณหญิงไพศาลกลับออกไป หลวงพินิจราชอักษรก็เตรียมตัวจะเดินออกไปจากห้อง
    “พี่แสงจะไปไหนคะ” หล่อนเรียกอย่างสนิทปาก เปลี่ยนสรรพนาม และคำลงท้ายอย่างสนิทสนม หลวงพินิจไม่หันกลับมามองหล่อน เขาเปิดประตูออกแล้วบอกเพียงสั้นๆว่า
    “ไปนอนห้องโน้น”
    “แล้วกัน” หล่อน ลุกออกมาจากเตียง “เราเป็นสามี ภรรยากันแล้วนะคะ เราจะไม่นอนด้วยกันเทียวหรือคะ”
    “แม่หยาด ฉันเคยบอกหล่อนแล้วไม่ใช่หรือ ว่าฉันไม่อย่ากแต่งกับหล่อน และเกือบจะไม่ต้องแต่งกับหล่อนแล้ว ถ้าไม่เป็นเพราะ... ไม่เป็นเพราะวิธีสกปรกของหล่อนที่หัวหิน”
    “พี่แสงคะ” หยาดร้องโวยออกมา “น้องบอกแล้วนี่คะว่ามันเป็นอุบัติเหตุ น้องไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น พี่แสงจะตั้งแง่กับน้องอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหนคะ!”
     “ฉันไม่เคยรักหล่อน และไม่คิดว่าจะรักได้ด้วย ที่แต่งงานกันนี่ก็เห็นแก่ลูกในท้องเธอ เพราะเด็กมันมีเลือดของฉันอยู่ด้วย ครึ่งหนึ่ง” หลวงพินิจว่าเบา “ฉันไม่ได้จะทะเลาะหรือตั้งแง่อะไรกับหล่อน ไหนๆก็แต่งแล้วก็อยู่กันอย่างสันติเถิด ขอให้แม่หยาดเข้าใจด้วย ฉันจะเลี้ยงแม่หยาดอย่างดี บ่าวไพร่บริวารใช้ได้เต็มที่ ไม่ให้ลำบาก อยากได้อะไร อยากไปไหนทำอะไรก็บอก ฉันให้ได้ทุกอย่าง
    ฉันตบฉันแต่งแม่หยาดเป็นเมียออกหน้าออกตาก็จริง แต่ฉันไม่ได้รักแม่หยาด ดังนั้นจึงขออย่างเดียวจากแม่หยาด ขอดีๆ อย่างที่คนเคยเป็นเพื่อนรักกัน รู้ใจกันตอนเด็กๆเพียงว่า ขออย่ามารักฉันมาก และอย่าหวังให้ฉันรักแม่หยาดเลย ฉันไม่อยากให้แม่หยาดต้องเสียใจ แม่หยาดไม่ต้องรับใช้ทำอะไรให้ฉัน ฉันมีเส็งทำให้ทุกอย่างอยู่แล้ว ฉันให้แม่หยาดได้แค่นี้ ขอนอนแยกห้องกันเถอะ เพราะฉันไม่อาจทำผิดต่อคนที่ฉันรักได้”
    “ใครกันคะ”
    “ให้แม่หยาดรู้เพียง ฉันรักของฉันมากก็แล้วกัน และฉันก็ไม่อยากให้เขาต้องเป็นทุกข์ด้วย” หลวงพินิจว่าเท่านั้น “ฝันดีแล้วกันนะแม่หยาด ฉันพยายามแล้ว ฉันให้แม่หยาดได้แค่นี้จริงๆ”
     คุณหลวงหนุ่มออกไปแล้ว หญิงสาวที่อยู่คนเดียวในห้องนอนน้ำตาคลอ ด้วยความมั่นใจเป็นหนักหนาแล้วว่า จะทำอย่างไรก็คงไม่มีทางเปลี่ยนหัวใจผู้ชายที่นอนอยู่ห้องข้างๆให้มารักหล่อนได้เลย หญิงสาวลูบท้องของตนเบาๆ สิ่งที่อยู่ในนี้เท่านั้นเองที่ทำให้หล่อนได้มานอนอยู่ในเรือนเทาของหลวงพินิจราชอักษร หากเด็กคนนี้แท้ง หรือไม่ถูกใจคุณหลวง หล่อนไม่กลายเป็นหมาหัวเน่าที่ไม่มีใครเอาดอกหรือ หล่อนคิดในใจ คิดอะไรอย่างอื่นต่อไปอีกหลายอย่างก็หลับ

    หลวงพินิจเดินมาเข้าห้องข้างๆ ทิ้งตัวลงนอนยกมือก่ายหน้าผาก ทำอย่างนี้คงดีกับทุกฝ่ายกระมัง เหลือฝ่ายเดียวคือเส็งที่คงต้องนอนเหงา แต่คืนพรุ่งนี้เท่านั้นละ คืนพรุ่งนี้เขาก็จะให้เส็งกลับขึ้นเรือนมา ได้มาอยู่กับเขาเหมือนเดิม มีสิ่งที่ต่างไปเพียงเปลี่ยนห้องอยู่และมีคนอีกคนมาอยู่ห้องข้างๆเท่านั้น
    แล้วเขาจะทำอย่างไรต่อจากนี้...
    อยู่อย่างนี้ต่อไป จะดีกว่านี้หน่อยตรงที่เดี๋ยวคืนพรุ่งนี้เส็งก็จะได้กลับมาอยู่กับเขา เขาจะได้นอนกอดบ่าวหนุ่มให้อุ่นกาย และอุ่นใจ พรมจูบไปทั่วร่าง อยู่กันอย่างมีความสุขเท่านั้นหรือ ปัญหายังไม่จบเสียหน่อย ลูกของเขาล่ะ ลูกจะรู้สึกอย่างไรที่พ่อไม่ได้รักแม่ จะรู้สึกอย่างไรถ้ารู้ว่าที่พ่อมีลูกมาได้ ก็เพราะแม่ย่องเข้าห้องพ่อ ตอนที่พ่อเมาไม่มีสติ ไม่ได้ตั้งใจให้มีหนูออกมาเลย!
    ลูกของเขาก็จะกลายเป็นเด็กขาดความอบอุ่น เป็นเด็กมีปัญหาไม่เหมือนกับเด็กคนอื่นๆหรือ
    หรือว่าเขาจะลองรักแม่หยาดดู ลองเปิดใจยอมรับ ทำตัวดีๆกับหล่อนให้โอกาสหล่อนพิสูจน์ตัวว่า หล่อนมีค่าพอที่จะทำให้เขารักได้ แต่มาคิดดีๆ จะทำได้หรือ จะเอาใครสักคนมาอยู่ในใจได้หรือ ในเมื่อใจทั้งใจของเขามีเจ้าของแล้ว มีคนยึดครองพื้นที่มันไปหมดแล้ว เขาจะรักหยาดได้อย่างไรในเมื่อเขารักเส็งเหลือเกิน
    หลวงพินิจพลิกตัว กอดหมอนคิดจินตนาการว่าเป็นเส็ง เขาจูบหมอนข้างเบาๆ “รักเส็งเหลือเกิน” แล้วเขาก็หลับได้อย่างมีความสุขในที่สุด

   เส็งเห็นคุณหญิงไพศาลเสนีย์ออกไปแล้ว ไม่มีคุณหยาดกลับไปด้วยก็มั่นใจแล้วว่าป่านนี้ ชายที่เขารักคงกำลังนอนอยู่กับนายเก่าของเขา เป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์ในคืนนี้เอง เส็งอดไม่ได้ที่จะร้องไห้กับหมอนเงียบๆอีกครั้ง โดยที่บ่าวไพร่ผู้ชายไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่ก็ไม่มีใครถาม หรือสงสัย เพราะเส็งเป็นอย่างนี้ทุกคืนที่กลับมานอนที่เรือนบ่าว
    เส็งไม่รู้หรอกว่า ตนต้องร้องไห้เสียใจอย่างนี้ ทุกคืนแม้ตายไปแล้วก็จะยังคงเป็นอยู่อย่างนี้ไม่มีวันหลุดพ้นไปจากความทุกข์ใจได้ง่ายๆเลย

******************************************************************************************

ย้อนไปอ่านหน้า 22 เม้นสุดท้ายกันด้วยนะครับผม :)
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 12-12-2010 23:05:26
น้ำตาท่วม จอไป กับเจ้าเส็งน้อย เห้อ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 12-12-2010 23:06:46
 :monkeysad:สงสารเส็งกับคุณหลวงมากกกกกกกกกกกกกกกก


เกียจนางหยาดดดดดดดดดดดด :angry2:


แล้วพาทิศจะเป็นงัยมั่งอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สงสารรรรรรร :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: sornvat ที่ 12-12-2010 23:19:22
อินจนน้ำตกในไปตามเส็ง อยากจะจับมาจูบซับน้ำตาเสีย
อ่านมาหลายเรื่องในบอร์ดและผ่านมานักในชีวิตจริง
อดคิดไม่ได้ว่า ความรักเป็นเครื่องนำพาให้เศร้าหมองอย่างแท้จริง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 12-12-2010 23:39:40
ตอนนี้อ่านแล้วอึกอัดใจจังเลยอ่ะ น้ำตาคลอๆ  ถ้าเราเป็นเส็งออกไปก่อร่างสร้างตัวข้างนอกแล้วให้คุณหลวงแอบไปหาเรื่องราวคงไม่จบแบบนี้เนอะ แต่ก็คงไม่ง่ายที่เส็งจะทำแบบนั้นนอกเสียจากมีคุณหลวง ค่อยอุ้มชู


สำหรับซัมคิดว่า ในชาติก่ิอน คุณหลวงกับเส็งนี้หละ พระเิอก นายเอก

ส่วนปัจจุบัน ก็ยังคงเป็น  พาทิศ กับ เส็ง นะ  ส่วนณัฐ อาจจะเป็นคุณหยาดมาเกิดใหม่ก็ได้ ต้องมาค่อยชดใช้กรรมที่เคยทำกับคุณหลวงและเส็งเอาไว้ซึ่งเราเดาเอาอะนะ
 
เราว่า พาทิศ น่าจะเป็นคุณหลวงมาเกิดใหม่ นี่หละ สิ่งที่ทำให้พาทิศกลับมาที่นี้ ถ้าไม่ใช้จิตของตัวเองที่ยังคงฝั่งแน่นก็คงจะเป็นเส็งที่นำพาให้พาทิศกลับมาที่นี้อีกครั้ง แต่เราเดาว่าอาจจะเป็นจิตของตัวเองนั้นหละที่ดึงพาทิศกลับมาหาเส็งอีกครั้งหนึ่ง

เดาล้วนๆ หุหุ :o8:



หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 13-12-2010 00:34:27
 :L1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 13-12-2010 02:25:37
ได้กินมาม่าชามโตกับตอนนี้จนอิ่มไปเลย :a5: :a5: :a5:

นั่งอ่านไปจะร้องไห้ตามเส็งไป ฮือ ฮือ sad สุดๆ ต่อจากนี้ไปก็จะมีแต่มาม่าใช่ไหมค่่ะไรเตอร์ :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 13-12-2010 03:31:03

๑๐๙ + ๑ = ๑๑๐
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 13-12-2010 06:11:08
สงสารเส็งจังเลย  :m15:

เราชอบคู่ของคุณหลวงกับเส็งมากกว่านิดหน่อย

 :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 13-12-2010 06:16:57
คือว่าทำใจอ่านไม่ได้ตั้งแต่สามตอนที่แล้ว หรือก่อนหน้านั้นอีกก็ไม่รู้ :monkeysad:
กลัวน้ำตาแตกท่วมจอ (คอม) :sad4:
แล้วไงล่ะ มาอ่านตอนนี้ก็น้ำตาแตกอยู่ดี แง้ๆๆๆๆๆ :sad4:
เค้าสงสารเส็งอ๊า แต่เรื่องที่ไรท์เตอร์ถาม ขออุบเงียบไว้ในใจก่อน
ตอนนี้ +1 พร้อมน้ำตา T^T
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 13-12-2010 07:05:10
ขอบคุณไร้ท์เตอร์ ได้ความรู้มากๆ ค่ะ ไม่เคยรู้เกี่ยวกับพิธีแต่งงานสมัยก่อนเลย สุดยอดจริงๆ
เกิดต้องมีเอี่ยวเรื่องเลวๆ นี่แน่เลย มีพิรุธๆๆๆ
อดีตมันผ่านไปแล้ว อยากให้เส็งพ้นทุกข์เสียที แล้วพาทิศก็กลับใจดีกับณัฐซะนะ เหมาะแล้ว
หรือพาทิศชาติที่แล้วจะเป็น"เทิด"  o21 คุณหลวงถึงมายืนจ้องพาทิศแบบนั้นอ่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: jobi ที่ 13-12-2010 08:34:04
รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับพิธีแต่งงานมาก รายละเอียดเยอะจริงๆ
เทิดอ่ะ ชักจะยังไงอยู่นะ
สำหรับพาทิศ คิดว่าอาจจะเป็นคุณหลวงก็ได้
ไม่น่าจะใช่เส็ง เพราะวิญญาณเส็งยังอยู่ยังไม่ไปเกิด
แต่ก็หวังว่าพาทิศคงไม่ใช่แม่หยาดในชาติก่อนหรอกนะ :m20:

เริ่มคิดถึงคู่พาทิศกับณัฐแล้ว
ขอบคุณนะคะ :bye2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 13-12-2010 10:00:09
หลังจากที่อ่านแล้ว อ่านอีก คิดไปคิดมาไม่เป็นอันทำงานทำการ ก้อตอบเลยละกันครับ

พระ-นาย ก้อไม่พ้น คุณหลวง กะ เส็ง อ่ะนะ ก้อเค้าชอบของเค้าอ่ะ  :-[
ส่วนพาทิศ เห็นทีคงไม่พ้นคุณเทิศเป็นแน่แท้

อ่านตอนนี้ ก้อ  :monkeysad:


หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 13-12-2010 10:19:55
แม่หยาดท้องกับนายเทิดแหงมๆ


สาธุให้พาทิศคือคุณหลวงเถอะ


แต่พาทิศเป็นโรคถ้ำมอง  อาจเป็นคนที่มาแอบดูก็ได้


คิดถึงพาทิศแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 13-12-2010 11:49:07
เทิดมีพิรุธมากมาย  หรือว่าจะเป็นอย่างที่ทุกคนคิดกัน
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: maew189870 ที่ 13-12-2010 13:49:16
เป็นห่วงเส็งเนอะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 13-12-2010 18:42:47
เทิดมันมีพิรุธมากเลยอ่ะ หรือแม่หยาดจะท้องกะเทิด

แต่ตอนนี้สงสารเส็งเหลือเกิน ขอร้องคุณหลวงอย่าไขว้เขวไปหาแม่หยาดนะ

ที่เส็งอยู่ก็เพราะคำของคุณหลวง คุณหลวงอย่าทำให้เส็งผิดหวังเลย แค่นี้เส็งก็เจ็บมากแล้ว

ตอนนี้ทิชชู่ไม่พอ ต้องผ้าเช็ดตัว น้ำตาท่วมเลย  :o12: :o12:

ปล. ขอบคุณคนแต่งสำหรับความรู้เรื่องงานแต่งงานค่ะ ได้ความรู้มากมาย  :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: BiGgYDrIb ที่ 13-12-2010 18:57:02
เป็นเพศทางเลือกช่างน่าเศร้าใจ
ถึงจะมาก่อน แต่ก็ต้องอยู่อย่างลับๆ หลบๆซ่อนๆอย่างกับขายของเถื่อน

ว่าแต่คุณหยาดเถอะ ไปนอนกับ...มาชิมิ
ไม่รู้ว่าระหว่างความลับของคุณหลวงฯกับคุณหยาดเนี่ย อันไหนมันจะงามหน้า งามไส้กว่ากัน
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: anata9 ที่ 13-12-2010 19:31:53
จำได้ที่บอกว่า ผ่านฟ้าไม่ใช่ลูกหลาน ก็แสดงว่า ลูกของหยาด ไม่ใช่ลูกของคุณหลวงแน่ แต่เป็นของใครหละ เทิดหรือเปล่า

ส่วนสาเหตุการตายของคุณหลวง บอกว่าฆ่าตัวตาย ก็ต้องดูว่า ระหว่างคุณหลวงกับเส็ง ใครเสียชีวิตก่อนกัน

ที่พาทิศเจออะไรในไห (หรือแจกัน หรือ ...) นั่น เดาว่าน่าจะเป็นกระดูกของเส็ง ที่อาจจะถูกใครฆ่า แล้วเอาไปซ่อนหรือเปล่า

ถ้าเดาอย่างนั้น เส็งก็น่าจะตายก่อนคุณหลวง ไม่งั้นเส็งก็ควรจะรู้ว่าคุณหลวงฆ่าตัวตาย ไม่งั้นไม่รอคุณหลวงพาไปเพชรบุรี

ส่วนที่ถามว่า คิดว่าพาทิศเป็นใครกลับชาติมาเกิด ไม่แน่นะ อาจจะเป็นเทิด ก็ได้นะ แต่ก็ไม่แน่อาจจะเป็นหยาดก็ได้



หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 13-12-2010 20:27:54
แม่หยาด การโกหกเป็นบาปนะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 13-12-2010 20:29:19
สำหรับผม เรื่องนี้ไม่มีช่วงไหนน่าเบื่อเลยสักนิดครับ

อ่านตอนนี้แล้ว ผมกลับไม่สะเทือนใจมากเหมือนคนอื่นๆ
อาจเพราะเนื้อเรื่องมันต้องมาแนวๆ นี้อยู่แล้วมั้ง
แต่ผมแอบฮาคุณหลวงในหลายๆ ครั้งมากกว่า เหมือนเด็กเอาแต่ใจเลยครับ ยิ่งตอนอยู่กับเส็งนะ... หึยยย หมั่นเขี้ยวเลย

เรื่องคู่ พระ - นาย
คู่หลัก  ผมให้  คุณหลวง - เส็ง  ครับ
คู่รอง  ขอเป็น  พาทิศ - นัฎ  นะครับ   :man1:

ส่วนเรื่องที่ถาม  พาทิศคือใครในอดีต  
ตอบ  เทิดครับผม
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: deva ที่ 13-12-2010 21:41:35

พึ่งได้อ่านเรื่องนี้ครับ  ตอนนี้อ่านยังไม่ทันเลย
ถึงตอนที่ 13 แล้ว  (รู้สึกแย่กับตัวเองที่มาติดนิยายเอาตอนจะช่วงสอบแบบนี้)
แต่ดีใจมากจริงๆ และคงเสียดายมากถ้าหากพลาดไม่ได้อ่านเรื่องนี้ไป
(ที่เสียดายไปแล้วคือ น่าจะรู้จักเรื่องนี้ก่อนโหวตเซ็งเป็ดอวอร์ดเพราะจะโหวตให้อย่างแน่นอน
รอบหน้าก็ไม่มีสิทธิโหวดให้เรื่องนี้แล้วเีสียดายจริงจัง)

ตอนอ่านช่วงแรกๆ ที่คุณ Purple_Sky ออกมาพูดเกี่ยวกับพล็อตบ้าง
การวางตัวละครบ้าง อย่างเช่นตัวพาทิศ ที่ผิดปกติทางจิต ทางเพศ
เรานึกว่าสงสัยเรียนมาสาขาเดียวกับคุณแน่ๆเลย  ยิ่งมีช่วงหนึ่ง
ที่บอกว่าทำวิจัยเกี่ยวกับรักร่วมเพศด้วย (ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็ยินดี)
แนววิจัยๆแบบนี้ยิ่งคิดว่าเราน่าจะเรียนคณะเดียวกันด้วยซ้ำ
(เริ่มสงสัยว่าเรื่องนี้เป็นผลงานเขียนของเพื่อนในคณะหรือเปล่า)

แต่หลังจากอ่านเรื่องต่อไปอีกหลายๆบทก็รับรู้ได้ถึง
ความรู้ที่กว้างขวางมากของคุณ  จนตอนนี้เดาไม่ถูกแล้วว่า
จริงๆคุณเรียนมาทางสาขาไหนกันแน่  แต่เดาว่าน่าจะอยู่คณะ
ด้านสังคมศาสตร์   หรือถ้าไม่ใช่เลยคุณก็ต้องเป็นคน
ที่ขยันค้นคว้า เรียนรู้เอาข้อมูลมาใช้ได้อย่างเหมาะเจาะ

หลายตอนที่เอ่ยถึงวรรณคดี ยกกลอนมาเป็นบท
หรือเรื่องสังคม การบ้านการเมือง ประวัติศาสตร์ก็ดี
ทุกอย่าง เท่าที่อ่านมาไม่มีตอนไหนที่รู้สึกว่าหลุด
ไม่สัมพันธ์กัน  ยิ่งอ่านก็ยิ่งเชื่อ  จนตอนนี้อยากจะเชื่อ
ไปแล้วว่าคุณหลวงพินิจราชอักษรมีตัวตนจริงๆ
หรือบางทีคุณอาจเป็นเส็งกลับชาติมาเกิดแล้วระลึกชาติได้

ล่าสุดพึ่งอ่านตอนที่คุณหลวงฯเขียนกลอนบอกรักเส็ง
เฮ้ย ปลื้มคนเขียนจัง  คุณเก่ง  เก่งมากๆ

พล็อตคุณก็เหมาะเจาะดีจัง  อ่านไปก็เหมือนโดนดูด
หลงใหลอยากอ่านรวดเดียวให้จบถึงตอนล่าสุด
ไม่มีตอนไหนน่าเบื่อ  ชวนติดตามทุกตอน 
เพราะเราไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าอะไรซ่อนตัวอยู่
แล้วเหตุการณ์ในเรื่องจะพลิกผันไปในทิศทางใด
ยากจะคาดเดาจริงๆ  แม้ในใจลึกๆจะแอบเดาไปบ้างแล้ว
 ตอนนี้เชื่อว่า พาทิศคือคุณหลวง
เพราะตอนมาซื้อบ้าน ผีเส็งบอกประมาณว่าการรอคอย
ของเขาสิ้นสุดลงแล้ว  สิ้นสุดเมื่อพาทิศมาซื้อบ้านจะมาอยู่
ทำให้้สรุปไปเองเบื้องต้นว่า  พาทิศนี่แหละคือคุณหลวง
แต่ข้องใจบ้างที่ทำไมเวลานิมิตร พาทิศไม่ได้เห็นผ่านมุมมองคุณหลวง
แล้วคืนหนึ่งที่พาทิศขับรถไปดูบ้าน ยังเห็นผีคุณหลวงอยู่เลย

แล้วก็คือว่า คุณบรรยายถึง ณัฐได้เหมือนกับบรรยายถึงเส็ง
จนอดไม่ได้ที่จะคิดว่าณัฐคือเส็งในชาตินี้ แต่อีกใจหนึ่ง
มันก็แย้งว่าวิญญาณเส็งยังล่องลอยอยู่เลย ณัฐคงไม่ใช่

และที่สำคัญจะรู้สึกว่าต้องอ่านแบบประณีต
ระมัดระวังด้วย  เพราะไม่อยากตกหล่นไปสักตัวอักษรเดียว
อยากจินตนาการไปด้วยให้เต็มที่  เราไม่เจอ
นิยายแบบนี้ที่ให้เราได้หลายๆสัมผัสขนาดนี้มานานแล้ว
ขอบคุณ คุณPurple_Sky จริงๆ เราปลื้มคุณ ปลื้มงานเขียน
ของคุณมากจริงๆ ณ ตอนนี้

สุดท้ายถามจริงเหอะ คุณเป็นนักเขียนที่มีผลงานกับสำนักพิมพ์มาบ้างแล้วใช่มั้ย
หรือว่าเป็นนักเขียนอาชีพ  ผลงานคุณมืออาชีพมากจริงๆ 
ถ้ารวมเล่มจะซื้อแบบไม่ต้องคิดเลย สำหรับเรื่องนี้


รักผู้เขียน รักคุณหลวงฯ รักเส็ง รักพาทิศ รักณัฐ  รักตัวละครทุกตัว  (รวมไปถึงหยาดและแก้วด้วย อย่านอยไปเลย)



หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Miku ที่ 14-12-2010 04:59:17
อ่านรวดเดียวมาจนถึงตอนนี้เลยค่ะ เหมือนดูละครไทยภาคที่ไม่อาจฉายในทีวีได้
แอบฮาตรงคอมเม้นนึงที่เอามาทำเป็นละครหลังข่าวซะจริง
อ่านแล้วรู้สึกสงสารปนไม่สบายใจ(เฮ้ยเราเกี่ยวไรด้วยเนี่ย) เพราะเอาตามหลักผิดชอบชั่วดีที่เส็งคิดมันก็ถูก
แต่จะเอาตามความรักของคุณหลวงมันจะเป็นไปได้แค่ไหน
ดูแล้วทางที่เลือกมันมืดมนมองไม่เห็นทางออก แต่ก็เลือกที่จะทำ
ช่วยลุ้นอยู่ว่า เมื่อไหร่ การรอคอยจะสิ้นสุดลงซักที

อยากบอกว่าฉากอัศจรรย์แต่งได้น่ารักมาก อย่างเช่นตอนขอหอมเนี่ย อ่านแล้วจั๊กจี้หัวใจ  :-[

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 14-12-2010 11:36:57
หวานปนเศร้า...
แต่ก็ใกล้จะคลายปมที่สงสัยแล้วใช่มั้ยคะ

ชอบจังที่มีสอดแทรกประเพณีโบราณด้วย
ยิ่งงานแต่งงาน .... อลังการมากเลยค่ะ

ขอบคุณผู้แต่งนะคะ ชอบเรื่องนี้มากเลย
รอตอนต่อไปด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 14-12-2010 20:13:59
 :o12: เกิดเป็นเส็งชีวิตมันน่าเศร้า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 14-12-2010 20:21:19
สงสารเส็ง
แล้วจะเป็นไงต่อไปล่ะเนี๊ย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 16-12-2010 21:28:13
ตอบคุณ deva ครับ
ขอบคุณมากๆนะครับที่อุตส่าห์ชอบปางบรรพ์ และชมผมเสียเยอะเลย ไม่รู้เคยบอกหรือเปล่า แต่จะบอกไว้ตรงนี้ว่า เรื่องนี้ผมได้พล็อตมาจากในฝันของผมเองครับ!!! ฉากที่คุณหลวงฝันครั้งแรกนั่นแหละ เป็นฉากที่ผมเคยฝันจริงๆ ในฝันของผม หยาดเอาเส็งมาฝากคุณหลวง คุณหลวงก็ถูกชะตา แล้วก็ไปหาเส็งที่เรือนบ่าว มีแค่นั้นเอง ผมเลยได้แรงบันดาลใจอยากเอาตัวละครที่ผมฝันถึง ให้มีชีวิตจริงๆอยู่ในนิยายสักเรื่อง เลยเอาความฝันนั้นแหละมายืดเรื่องออก กลายเป็นเรื่องราวต่างๆที่อ่านๆกันอ่ะครับ ผมใช้เวลาหาข้อมูลต่างๆ ให้ฉากที่ผมจะเขียนนั้น เหมือนจริงที่สุด ผมหาข้อมูลทั้งด้านประวัติศาสตร์ ขนบประเพณี การเมืองการปกครองเท่าที่มีในสมัยนั้นอยู่ถึง 7 เดือน เพื่อสร้างเรื่องให้เหมือนจริงที่สุด กระนั้น ผมก็ไม่ใช่มืออาชีพ เขียนไปแบบเริ่มครั้งแรกจริงๆ ผมไม่เคยเขียนนิยายแนวย้อนยุคแบบนี้ แล้วก็ไม่ได้เรียนมาทางประวัติศาสตร์ ฉะนั้นอาจมีช่องโหว่อะไรบ้างถ้าใครเป็นผู้รู้ หรือเรียนมาโดยเฉพาะอาจจะเห็นข้อบกพร่องเหล่านั้นก็ขอโทษด้วยนะครับ

ผมไม่ใช่นักเขียนอาชีพอย่างที่คุณ deva คิด (คิดอย่างนั้นจริงๆหรอครับ? 555+) แล้วเรื่องเรียนของผม ผมต้องขออุบไว้นะครับ ไม่อยากบอกเลย ถ้าบอกทุกคนจะตกใจ 555

ยังไงก็ฝากปางบรรพ์ไว้ด้วยนะครับผม :)

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 16-12-2010 21:33:01
๒๒
[/color]

    วันรุ่งขึ้น เส็งก็ย้ายกลับขึ้นมาบนเรือน วิถีชีวิตของเขาแทบไม่ต่างอะไรจากเดิมที่เคยเป็นอยู่เลย หากจะมีอะไรแปลกไป ก็เพียงว่ามีนายเก่าของเขามาอยู่ร่วมหลังคาเรือนเดียวกันเท่านั้น เกือบครึ่งปีแล้วซี ที่เขามาอยู่กับหลวงพินิจ ครึ่งปีแล้วที่เสียพ่อเสียแม่ และพี่ชายทั้งสองไป บัดนี้เขากำลังอยู่ในสภาพ บ่าว คนหนึ่งที่มีอภิสิทธิ์เหนือบ่าวอื่นๆ ตรงที่ได้นอนบนเรือนใหญ่ มีอาหารเตรียมมาให้ตลอด และได้นอนกับนายของตนทุกวันเท่านั้น
    แต่ให้เรียกตัวเองว่าเป็น “คนรัก” ของหลวงพินิจอีก เขาก็ทำไม่ได้ ในเมื่อห้องข้างๆมี “ภรรยา” ของคุณหลวงอยู่ด้วยแล้วทั้งคน เรื่องอภิสิทธิ์ของเขาสามข้อนี้เป็นเรื่องที่คุณหยาดไม่เข้าใจ ตั้งแต่เช้าวันแรกในฐานะ ภรรยาหลวงพินิจราชอักษร
    ตื่นเช้ามาหล่อนลุกขึ้นจากเตียง อาบน้ำเปลี่ยนผ้า พอโผล่ออกมาจากห้องก็เห็นประตูห้องนอนห้องข้างๆเปิดไว้เสียแล้ว หล่อนเดินไปเข้าห้องนั้นก็เห็นสภาพเตียงที่มีผ้าคลุมยับยู่เป็นหลักฐานว่ามีคนมานอนอยู่ที่นี่ทั้งคืนจริงๆ หากแต่ตอนนี้คนคนนั้นตื่นก่อนหล่อน และไม่ได้อยู่ที่เตียงแล้ว
    หลวงพินิจราชอักษรสามีของหล่อนไปอยู่ที่ใดเสียล่ะ
    หยาดเดินลงบันไดมาก็เห็นหลวงพินิจนั่งอยู่ในห้องอาหาร นั่งกินข้าวกับเส็ง บนโต๊ะอาหารอย่างสนิทสนม! เพียงแวบแรกที่หล่อนเห็นก็ตกใจ ที่บ่าวขึ้นมานั่งกินข้าวอยู่กับนายแบบตีเสมออย่างนี้ ใครช่างสั่งช่างสอน อยู่บ้านหล่อน หล่อนก็ไม่ได้สอนให้เป็นอย่างนี้เสียหน่อย
    “เอ พ่อเส็ง นี่นั่งกินบนโต๊ะ เท่ากันกับคุณหลวงเลยหรือ”
    “ก็อย่างนั้นซีแม่หยาด” หลวงพินิจว่า “เรากินแบบนี้กับเส็งมาตลอด บอกตรงๆว่าอยู่คนเดียวมานานไม่มีเพื่อน ก็ได้เส็งนี่ละคุยภาษาเดียวกันรู้เรื่องหน่อย”
    หยาดงง พูดอะไรไม่ถูกทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนอยู่ที่เดิม
    “ไม่รับเช้าหรือ แม่หยาด”
    “เอ้อ รับค่ะ” หล่อนว่า แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าหล่อนคงดูโง่เง่าเสียเหลือเกินที่มายืนค้ำหัวคุณหลวงอยู่อย่างนี้ จึงเดินเข้ามาร่วมโต๊ะ พอเห็นว่าบนโต๊ะนั้นมีขนมปัง เนย นมโค และไข่ลวก เห็นแล้วก็อยากจะอาเจียนออกมาเดี๋ยวนั้น
    “ลืมไปว่าแม่หยาดไม่รับอาหารฝรั่ง” หลวงพินิจหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “เอ้ามะลิ ที่เรือนครัวมีอะไร ยกมาให้คุณหยาดเธอซี”
    กลายเป็นว่าเมียกินกับข้าวบ่าว ส่วนบ่าวมากินกับข้าวแบบเดียวกับผัวเสียแล้ว หยาดเอ๋ยหล่อนยังต้องปรับตัวอีกมากทีเดียว

    อภิสิทธิ์ข้อที่สองก็คือ เส็งเป็นคนเดียวในเรือนเทาที่สามารถเข้าไปอยู่กับคุณหลวงในห้องทำงานได้ เพราะบ่าวหนุ่มอ่านออกเขียนได้ หลวงพินิจมักใช้ให้เขาคัดลอกหนังสือ เป็นอาลักษณ์ส่วนตัวเสมอ คนที่เขียนหนังสือคล่อง อย่างคุณหลวงจะเขียนหวัด จนอ่านไม่รู้เรื่องเพราะชินกับวิธีเขียนหัวสะบัดหางอะไรอยู่แล้ว แต่กับเส็ง ที่ต่อให้เขียนเป็นก็ไม่ได้เรียนมาแต่เกิด จะถนัดเขียนอักษรจีนมากกว่า เวลาเขียนหนังสือไทย จึงต้องบรรจงเขียนอย่างตั้งอก ตั้งใจ จนตัวหนังสือออกมาสวยราวกับพิมพ์ทุกครั้ง เวลาคุณหลวงเอาหนังสือไปส่งคนที่กระทรวงจะมีแต่คนชมว่า
    “นี่คุณหลวงพินิจมีเครื่องพิมพ์อยู่ที่บ้านหรือ”    
    “กระผมมีมือดีคอยช่วยขอรับ” หลวงพินิจอดชมเส็งให้ใครต่อใครฟังไม่ได้ คนที่เขาชมให้ฟังมากที่สุด ก็เมียเขาที่อยู่ร่วมเรือนกันอย่างไร
    “เส็งมันเก่ง มีแต่คนชมว่าเขียนสวยเหมือนพิมพ์”
    หลวงพินิจหายไปในห้องทำงานกับเส็งแทบทั้งวัน จึงกลายเป็นว่า หยาดไม่มีอะไรทำเสียแล้ว ได้แต่นั่งๆนอนๆอยู่ในบ้าน ออกมาเดินรอบสระบัว นั่งในศาลา นั่งที่ท่าน้ำ ฆ่าเวลาจนกินข้าวกลางวัน แล้วก็เป็นอย่างนี้ จนถึงเวลากินข้าวเย็น แล้วเข้านอน หล่อนเป็นอย่างนี้อยู่หลายวัน จนเริ่มเบื่อชีวิตในเรือนเทาเสียแล้ว
     ที่หยาดพอจะเข้าใจได้มากที่สุดคือการที่เส็งได้มานอนอยู่บนเรือนเทา ทั้งที่บ่าวไพร่คนอื่นไม่มีสิทธิ์แม้ย่างกรายมาในเวลากลางคืน เพราะ หลวงพินิจเคยอ้างกับหล่อนเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า
    “เอาไว้ใกล้ๆ ได้เรียกใช้ ตอนกลางค่ำกลางคืนเกิดเป็นอะไรขึ้นมา จะได้ช่วยกันได้ เส็งมันฉลาด ตัดสินใจทำอะไรหลายๆอย่างได้”
    ที่หล่อนไม่รู้คือคำว่า “เอาไว้ใกล้ๆ” ของคุณหลวงนั้นคือ นอนก่ายกันหลับไปทุกคืนต่างหาก หล่อนคิดว่านอนเฝ้าอยู่ที่ตั่งหน้าห้องเท่านั้น เพราะทุกเช้า เส็งจะคอยเอามุ้งสีขาวสะอาด และผ้าห่มสีตุ่นๆ มาวางหลอกไว้บนตั่งไม้หน้าห้อง พอหยาดตื่นมาเมื่อใดก็เห็นว่าเส็งตื่นแล้วเมื่อนั้น จึงไม่ได้รู้เลยตลอดสัปดาห์แรกว่า “ผัว” ของหล่อนโดยนามจะต้องไปเป็น “ผัว” ของบ่าวโดยกายและใจแทบทุกคืน
    
    นับแต่หยาดเข้ามาอยู่ในฐานะเมียคุณหลวง แก้วก็ดูเหมือนจะหย่อนพิษสงลงไปบ้าง หล่อนพบกับหยาดในวันที่สองของการมาอยู่เรือนเทา เพราะเป็นคนยกสำรับอาหารมาให้หยาดรับอยู่คนเดียวในห้องอาหาร
    คุณหลวงและเส็งออกจากบ้านกันไปแต่เช้า
    ในสายตาหยาด แก้วเป็นผู้หญิงที่สวย ไม่ได้สวยแบบไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง แต่สวยแบบชาวบ้าน มีขมิ้น มีสมุนไพรเป็นตัวขับให้ยิ่งสวยขึ้นเท่านั้น หล่อนผิวเหลืองแบบคนสยามทั่วไปแต่ดูผุดผ่องกว่าเล็กน้อย หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มแถมช่างเอาอกเอาใจ ก็แน่นอนอยู่แล้วที่แก้วจะต้องนอบน้อมโอนอ่อนให้คุณหยาด หล่อนเคยคุยกับเพื่อนบ่าวสองสามคนว่า
    “คุณหลวงมีเมียแล้ว ไม่ได้หมายความว่าข้าจะเป็นเมียน้อยไม่ได้โว้ย” และถ้าหล่อนจะเป็นเมียน้อยจริงๆแล้วละก็ “ผูกมิตรกับเมียหลวงไว้ก่อนแต่แรกได้ไม่มีปัญหาทีหลังอย่างไรล่ะ”
    พอยกข้าวสวยร้อนๆ พร้อมผัดผัก ปลาเค็ม แกงมะระมาให้คุณหยาด นายสาวสวยก็เอ่ยทักหล่อนขึ้นก่อน
    “ชื่ออะไรน่ะเรา”
    “ชื่อแก้วเจ้าค่ะ” เจ้าของชื่อนั่งก้มหน้ายิ้มที่มุมปากอย่างมีจริต พับเพียบอยู่แทบเท้าของนายสาว
    “สวยน่ารักสมชื่อ นะ ตัวเล็ก จุ๋มจิ๋มเหมือนดอกแก้วจริงๆเสียด้วย”
    “คุณต่างหากล่ะคะที่สวย” หล่อนว่าอย่างประจบประแจง “เห็นเพียงครั้งแรกก็คิดว่านางสวรรค์หยาดฟ้ามาดินเจ้าค่ะ เป็นบุญของอีแก้ว ได้มารับใช้รองบาท คนสวยอย่างคุณ”
    หยาดหัวเราะชอบใจ
    “ช่างประจบนะเรา อยากได้อัฐเป็นรางวัล ไม่มีให้ดอกนะ คุณหลวงไม่ทิ้งไว้สักสตางค์แดงเดียว” หยาดยิ้มอย่างอารมณ์ดี
    “แหมคุณละก็ อีแก้วมันคนซื่อเจ้าค่ะ เห็นอะไรอย่างไรก็ว่าไปตามที่เห็นเจ้าค่ะ” บ่าวสาว ยิ้มเล็กยิ้มน้อยเป็นเชิงประจบประแจงแต่พองาม ส่วนนายสาวต่อให้ดูออกว่าประจบ ก็ยังชอบใจเออออตามน้ำ ทำเป็นไม่รู้ไปอย่างนั้นจึงไม่แปลกเลยที่หลายๆวันต่อมานางแก้วจะคอยมารับใช้อยู่ใกล้ๆเป็นคนสนิทหยาดไปในที่สุด
    
   ถึงหยาดจะได้คนรู้ใจเป็นนางแก้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าฟังมันบ่นนินทาเพื่อนบ่าวคนโน้นคนนี้ แม่นี่ก็รักกับพ่อนั่น พ่อนั้นก็หนีเที่ยวไปหาแม่นี้ที่ตลาดอะไรวุ่นวายไปหมด อยู่ไปได้สิบกว่าวัน หยาดก็เบื่อ ขอลาหลวงพินิจไปเยี่ยมแม่ที่บ้านเดิมของหล่อน ขอกลับไปข้างคืนสองคืน ตัวสามีก็ไม่คัดค้านอะไร ซ้ำยังสนับสนุนให้ไปเสียให้พ้นๆอีกต่างหาก
    หยาดจึงได้กลับไปเยี่ยมบ้านอย่างง่ายดายราวกับว่าต่อให้ไม่ได้ขอก็คงให้ไปได้ และแน่ละหล่อนเอาแก้วไปด้วย
    “ขอแม่แก้วไปเถิดนะคะคุณพี่ ถ้าไปอยู่บ้านกับคุณแม่คนเดียวจะเหงา น้องติดแม่แก้วนี่ ช่างพูดช่างจาเหมือนนกแก้วนกขุนทอง คุยด้วยแล้วเพลินดี”
    “เอาไปเถิด ฉันไม่ว่าอะไร”
     แก้วออกอาการวี๊ดว๊ายเมื่อขึ้นเรือจ้าง ออกจากคลองไปถึงปากแม่น้ำ แล่นเรือไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา หยาดต้องหัวเราะกับท่าทางที่เกินจริงจนเกือบเป็นแสร้งทำของแก้ว เมื่อเรือโคลงไปโคลงมา ก็กรีดร้องอย่างมีจริต ทั้งนายทั้งบ่าว หัวเราะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
    “พระนครสวยขนาดนี้ อีแก้วไม่เคยได้มาเห็นเลยเจ้าค่ะ”
   หล่อนเห็นความงามของวัดวาอาราม ปราสาทราชวัง เรือจ้าง เรือสินค้า อะไรมากมายเต็มไปหมด ก็ชี้โน่นชี้นี่ ด้วยความตื่นเต้น
    “นี่หล่อนเป็นคนพระนครจริงหรือยะ”
    “แหมคุณละก็” แก้วส่งค้อนแบบทีเล่นทีจริง “อีแก้วเกิดในเรือนเจ้าคุณไพรัชกิจ อยู่มาสิบกว่าปีก็ย้ายมาอยู่เรือนคุณหลวง ชีวิตมันก็มีอยู่เท่านี้ล่ะเจ้าค่ะ”
    หยาดหัวเราะกับคำพูดคำจาของบ่าวคนสนิทไปตลอดทางจนถึงเรือนของหล่อน เรือนไทยขนาดใหญ่มีหมู่เรือนของญาติพี่น้องมากมายเชื่อมกันเป็นบริเวณเดียว แก้วเดินตามหยาดอย่างประจบประแจง ตกตะลึงในความใหญ่โตของบริเวณบ้าน กระทั่งหยาดเข้าไปพบคุณหญิงแม่ของหล่อน แก้วจึงได้แต่นั่งรออยู่นอกชาน
    แม่เห็นหน้าลูกสาวก็ตกใจ
    “เอ้า แม่หยาด กลับมาทำไม มีอะไรกับคุณหลวงหรือ”
    “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ” หล่อนตอบ ร่างกายที่ดูท้วมขึ้นมากเพราะท้องมาเกือบสามเดือน ทำให้แม่ผิดสังเกต แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรหล่อนจึงไม่บอก เดี๋ยวซักไปซักมาจะรู้เสียว่าท้องตั้งแต่ก่อนแต่งแล้ว “คิดถึงคุณแม่ก็มาหา”
    “ต้องมีอะไรซี ไม่อย่างนั้นจะถ่อมาถึงคลองสานรึ”
    “คุณแม่ละก็รู้ใจลูกทุกเรื่องเลยนะเจ้าคะ” หล่อนหัวเราะ “ลูกเบื่อเต็มทนเจ้าค่ะ วันๆคุณหลวงมัวแต่ขลุกอยู่แต่ในห้อง อยู่กับพ่อเส็งทำงานอะไรกันทั้งวัน ลูกไม่มีอะไรทำเลยเจ้าค่ะ”
    “แล้วกันซี” คุณหญิงไพศาลเสนีย์ เดินเข้ามาหาลูก “อย่างนี้เมื่อไหร่แม่จะได้อุ้มหลานละเนี่ย”
    “คุณแม่”แก้วหลบตา “เรื่องอย่างนี้เดี๋ยวก็มาเจ้าค่ะ”
   มาตั้งนานแล้วเจ้าค่ะ แต่คุณแม่อย่าเพิ่งรู้เลยนะเจ้าคะ หล่อนแอบแย้งในใจ คนแม่ไม่อาจล่วงรู้ได้ จึงไม่ได้ว่าอะไร
    “รีบๆ เข้าเถอะเราน่ะ ได้ข่าวว่าใครจะไปเมืองนอกเมืองนา จะเอาคุณหลวงผัวหล่อน ไปด้วยอีกแล้ว”
    “เอ ไม่เห็นคุณหลวงบอกนี่เจ้าคะ” หยาดขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ
    “เจ้าคุณพ่อยังคุยกันอยู่ในกระทรวง ไม่ได้ไปเป็นคณะทูตใหญ่อะไรดอก เพียงเอาสินค้าไปส่ง ทีนี้ล่ามเกิดมาป่วยหนักกลัวว่าจะไปไม่ได้เขาก็คุยๆกันว่าจะให้ใครไปแทน ก็เห็นว่าหลวงพินิจก็แกร่งกล้าดี แต่ก็ไม่แน่ คุณพระสนิทอะไรสักคนก็เก่งพอกันยังไม่รู้ดอกว่าจะให้ใครไป” คุณหญิงวรรคหายใจ “รีบมีลูกเข้าเถิด”
    “เจ้าค่ะ แต่คุณหลวงก็ดูไม่ค่อยรักลูกอยู่ดีนะเจ้าคะ”
    “เอ้อ” คุณหญิงไพศาลค้อน ลูกสาว “ไม่รักก็ไม่เกี่ยวใครเขาแต่งงานเพราะรัก มีแต่แต่งงานเพราะเหมาะสม”
    หยาดฟังเรื่องทำนองนี้จากแม่มาเกือบสิบร้อยครั้งเสียแล้ว
    “มีลูกเขาได้หนีเราไม่พ้น เลี้ยงดูเราไปจนตาย แม่หยาดได้สุขสบายไปตลอดชาติ” คุณหญิงส่งสายตาแบบ แม่รู้ดีน่า ให้ลูกสาว “เราก็รู้ไม่ใช่หรือว่าเจ้าคุณพ่อชอบไปเล่นไพ่เล่นพนันอะไรกับพวกฝรั่ง เป็นหนี้ท่วมหัว หมดตัวมาวันไหนใครจะรู้ จริงไหม”
    หยาดพยักหน้า หล่อนไม่ชอบให้แม่ย้ำนิสัยนี้ของพ่อ แต่พูดกันอย่างนี้ก็ดีได้ไม่ต้องมีอะไรปิดบังกัน
    “ลูกจะทำอย่างไรดี” พูดไปอย่างนั้นแหละ ก็หล่อนท้องอยู่แล้วนี่... กระนั้นหยาดก็ยังวิตกอยู่ลึกๆในใจ เด็กคนนี้... เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของคุณหลวงด้วยความเต็มใจ... พอดีคนแม่พูดออกมาอีกประโยคหนึ่ง หล่อนก็เลยหยุดความคิดอยู่แค่นั้น
    “ก็เอาใจเข้าซี ปรนนิบัติพัดวี ทำสำรับกับข้าวเลี้ยงเข้า... ไม่เคยได้ยินหรือ เสน่ห์ปลายจวัก ผัวรักจนวันตายน่ะ”
    
    ที่นอกชาน แก้วนั่งเอาหูแนบประตูด้วยความอยากรู้ แต่ประตูไม้สักทองคงจะหนาเกินไป หล่อนจึงไม่ได้ยินอะไรที่คนข้างในพูดเลย และเพราะแนบหูอยู่อย่างนั้น  หล่อนจึงได้ยินเสียงฝีเท้าคนสะท้อนดังอยู่ในไม้เสียเต็มหู หันไปก็พบว่าคนที่เข้ามาเยือนไม่ใช่ใครอื่น คือทนายหน้าหอของหลวงพินิจนั่นเอง
    ชายหนุ่มขึ้นมาบนชานเห็นแก้วก็ตกใจ เกือบสะดุดขั้นบันไดล้ม
    “แก้ว มานี่ได้อย่างไร”
    หญิงสาวไม่ได้ตกใจ หล่อนประหลาดใจที่เห็นเทิดก็จริงแต่หล่อนก็รู้ว่าควรทำอะไรอย่างไร ไม่เหมือนชายหนุ่มที่อะไรๆก็กลัว อะไรๆก็ไม่กล้าไปหมด
    “เอ้าพี่เทิด” หล่อนลุกขึ้น แกล้งโน้มตัวให้หน้าอกหน้าใจเหลืองนวลรัดเต่งด้วยผ้าคาดโผล่วับๆ แวมๆให้ ชายหนุ่มที่ยืนกลืนน้ำลายเอื๊อกอย่างพวกไก่อ่อน เห็น ก่อนจะเดินเข้าไปหา “ฉันก็มากับคุณหยาดนายใหม่ฉันอย่างไรเล่าจ๊ะ”
    “คุณหยาดมาหรือ” เทิดมีแววฉงนอยู่ในตา หากแต่ท่าทางดูจะควบคุมไว้ดี ไม่เหมือนว่าตกใจสักเท่าใด
    “ก็แหงซี ไม่อย่างนั้นฉันก็ต้องมากับคุณหลวง” หยาดเห็นเหงื่อเริ่มซึมตามไรผมของชายหนุ่มก็ส่งสายตายั่วยวนที่หางตา เพราะเข้าใจไปว่าชายหนุ่มประหม่าเมื่อได้อยู่ใกล้หล่อน “พี่เทิดเล่า มาทำอะไรไม่ไปหาฉันที่เรือนบ้างเลยนะ ตั้งแต่หายไปหัวหินกับอีจัน”
    หล่อนทำหน้าท้าทาย เดินเข้าไปเอาไหล่เปลือยเปล่า สีผ่านตัวชายหนุ่มเดินสวนไปโอบเข้าจากด้านหลัง “ได้ใหม่แล้วลืมเก่าหรือไงจ๊ะ”
    “แก้ว เดี๋ยวใครมาเห็น”
    “ทีอย่างนี้ละกลัว” หล่อนถอนตัวออกมาปรายมองเขาด้วยหางตา “ทีเวลาไปทำเสียงเป็นนกฮูก นกเค้าแมวเรียกฉันลงจากเรือนละไม่กลัว เอ หรือพี่เทิดกลัวอีจัน มากกว่ากลัวคุณหลวง”
    “ไม่คุยด้วยละ ถ้าเอ็งพูดแบบนี้”
    แก้วหัวเราะ ลงลูกคอ
    “ไม่พูดก็ได้ ว่าแต่อีจันคงไม่อยู่บนเรือนนี้ดอกนะ ถ้าจะหาคงต้องไปหาเรือนบ่าวกระมัง”
    “พี่ไม่ได้มาหาจัน พี่มีธุระ มาแทนพ่อ พอดีเจ้าคุณไพรัชใช้มาหาเจ้าคุณบ้านนี้”     พูดได้เท่านั้นหยาดก็โผล่ออกมาจากห้อง หล่อนชะงักไปอย่างตกใจ แล้วเอ่ยขึ้นว่า
    “อุ๊ยฟ้ามืดอย่างนี้ ฝนตกแน่ละ” หล่อนปรายตามองแก้ว ที่บัดนี้ แกล้งทำเป็นยืนไม่รู้ไม่ชี้อยู่ห่างจากทนายหนุ่ม ทั้งที่เมื่อครู่นี้ไม่ถึงนาที หล่อนเบียดเขาเสียจะปืนขึ้นไปอยู่บนตัวเสียแล้ว “แม่แก้วขนข้าวของเก็บเถิด”
    แก้วรับคำแล้วก็ยกข้าวของเตรียมเดินไปเก็บตามที่คุณหยาดว่า
    “พ่อเทิดมาทำอะไร” หยาดทักในที่สุด
    “เจ้าคุณไพรัชกิจ ให้มาหาเจ้าคุณไพศาลขอรับ”
    “เจ้าคุณพ่อไม่อยู่” ป่านนี้คงแอบไปเล่นไพ่ เล่นพนันบ้านใครไปแล้วหล่อนก็ไม่รู้ และไม่อยากบอกจึงได้แต่พูดสั่งกลายๆว่า “คุยกับคุณแม่แล้วกัน”
    แล้วนายบ่าวสองสาว ก็เดินไปเข้าห้อง เทิดกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาคุณหญิงไพศาลเสนีย์ อยากจะคุยธุระให้เสร็จๆ รีบออกจากบ้านนี้ไปเสียเดี๋ยวนั้น

    
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 16-12-2010 21:33:41
หยาดเรียกแก้วมาหาเช้าวันหนึ่ง ชวนให้มาเย็บปักถักร้อยกันประสาผู้หญิง ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่นายและบ่าวทำได้ตรงกัน และทำได้ดีทั้งคู่ เอาเข้าจริงก็เป็นเรื่องหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่เส็งเองก็ทำไม่ได้ด้วย
    “คุณเจ้าขา ดิ้นพวกนี้ไปหาจากไหนเจ้าคะ สวยทีเดียวบ่าวไม่เคยเห็นสวยเท่านี้เลยเจ้าค่ะ”  แก้วว่าอย่างประจบ ทั้งๆที่มันก็เป็นเพียงดิ้นทองธรรมดา ไม่ได้งดงามถึงขนาดต้องทำตาโตเพียงนั้น
    “แม่แก้ว ตาโตเป็นไข่ห่านแล้ว” หล่อนหัวเราะ คิกคัก “ฉันสะสมของพวกนี้จ้ะ ที่เรือนเก่ามีเยอะมาก นี่ขนมาส่วนหนึ่งเท่านั้น จะปักให้เป็นลาย แม่แก้วมาช่วยกัน”
    ธรรมชาติของหญิงสาว เมื่อมีเวลาว่างได้อยู่ด้วยกันแล้ว ถ้าไม่นินทาผู้หญิงคนอื่น ก็จะต้องคุยเรื่องผู้ชายกันเสียไปหมดทุกครั้ง อย่างแก้วและหยาดในวันนี้ก็เหมือนกัน ผู้เปิดประเด็นก็คือหยาด หล่อนเอ่ยเป็นเชิงระบายด้วยความน้อยใจว่า หลวงพินิจราชอักษรไม่ค่อยสนใจหล่อนเลยเท่าที่ควร
    “คุณหลวงนะ คุณหลวง วันๆขลุกอยู่แต่กับบ่าวไพร่ เห็นว่าจะแลกหน้าที่กันเสียแล้ว เมียมาเป็นบ่าว บ่าวไปเป็นเมียแทน” หล่อนค้อนอากาศอยู่ขวับๆ
    “แหม...” แก้วชายตาแบบมีจริต มีแววประชดเจืออยู่ในน้ำเสียงเช่นทุกครั้งที่พูดถึงเส็ง “บ่าวไพร่ที่ไหนล่ะคะคุณ ถ้าจะพูดให้เจาะจงต้องบอกว่า อยู่กับพ่อเส็งเขาทั้งวันจึงจะถูก”
    หยาดหัวเราะ
    “ไม่รู้มีอะไรดีหนักหนา ถึงได้ชอบใจเหลือเกิน อะไรๆก็เส็งๆ สงสัยเราจะดีสู้บ่าวไม่ได้กระมัง”
    “ก็แน่ซีคะ” หล่อนว่า จีบปากพูดแบบสนุกปาก “พ่อเส็งน่ะเก่งไปหมดทุกอย่าง กับข้าวกับปลาก็ทำได้ถูกปาก อาหารฝรั่งก็ทำได้กินได้ อ่านหนังสือก็ออก เขียนหนังสือก็ได้นะเจ้าคะ จะไม่ให้โปรดได้อย่างไร”
    “นั่นซี” หยาด มองตาลอยๆ “เด็กๆน่าจะตั้งใจเรียนหนังสือที่เจ้าคุณพ่อสอน”
    “คุณหยาดเจ้าขา...” นางแก้วลากเสียงเป็นเชิงประชด “ประทานโทษเถอะเจ้าค่ะ แต่ต่อให้คุณหยาดแต่งรามเกียรติ์ฉบับใหม่ได้คุณหลวงเธอก็ยังโปรดพ่อเส็งอยู่เหมือนเดิมนั่นละเจ้าค่ะ”
    “เอ แม่แก้วพูดแปลกๆ พูดอย่างกับว่า ทำอย่างไรคุณหลวงก็คงไม่รักฉัน นี่ฉันมันแย่ถึงขนาดให้บ่าวมาดูถูกหรือนี่”
    “อุ๊ย ไม่ใช่อย่างนั้นเจ้าค่ะ” แก้วรีบ คลานเข้าไปทำประจบสอพลอ “อีแก้วตั้งใจจะบอกว่า ...แหมเหมือนนินทาเจ้านาย แต่จะบอกเจ้าค่ะ ว่าคุณหลวงเธอไม่สนใจผู้หญิงเจ้าค่ะ”
    บ่าวสาวกระแทกเสียงที่ท้ายประโยค จนหยาดสะดุ้ง แทบจะหล่อนยกมือขึ้นทาบอก ตกใจน้ำเสียงนั่นเรื่องหนึ่ง แต่ตกใจเนื้อความนี่อีกเรื่อง แถมยังเป็นเรื่องใหญ่อีกด้วย
    “ว่าอย่างไรนางแก้ว ทำไมหล่อนพูดอย่างนั้น”
    “คุณหยาดรู้แล้วอย่าไปบอกคุณหลวงนะเจ้าคะ บ่าวไม่อยากเดือดร้อน” หล่อนพูดเบาเกือบจะกระซิบ “ก็คุณหลวงนะซีเจ้าคะ ชอบปิดห้องอยู่กับอ้ายเส็งมันสองคน อยู่กันทั้งวันนะเจ้าคะ ตอนรับกับข้าวนะเจ้าคะ คนอื่นต้องออกเรือนหมด ให้อยู่กับเส็งได้แค่สองคน แถมให้จัดอาหารให้เส็งด้วย ขนาดพ่อเทิดนะเจ้าคะ เป็นทนายแท้ๆ ต้องเดินมาหาข้าวกินเองเลยเจ้าค่ะ”
    “เอ็งจะบอกว่าคุณหลวง เป็น... พวกลักเพศหรือ”
    “อุ๊ย บ่าวไม่มีหน้าไปปักปรำนายดอกเจ้าค่ะ แต่อ้ายเส็งเนี่ยไม่แน่ บ่าวเคยเห็นนะเจ้าคะ มันมองคุณหลวงแปลกๆ ประจบเอาใจเกินไปด้วยเจ้าค่ะ”
    “แต่ที่เอ็งพูดนั่นมันก็ไม่มากไปหรือ เขาอาจชอบ ถูกใจกันเฉยๆก็ได้ คุณหลวงก็ไม่มีน้อง ส่วนเส็งเองพี่เขาก็เพิ่งตาย...”
    “คุณละก็ ถ้ามีเท่านี้บ่าวจะกล้าพูดหรือเจ้าคะ เนี่ยวันนั้นอีมะลิมันได้ยินเต็มสองหูเลยเจ้าค่ะ ปิดห้องกันตอนกลางวันแสกๆ มีขอหงขอหอมอะไรกันด้วยนะเจ้าคะ”
    “คุณพระ” หยาดอุทาน
    “เจ้าค่ะ ที่แย่ไปกว่านั้นเคยมีบ่าวเดินผ่านตึกใหญ่ตอนกลางคืน ได้ยินเสียงนะเจ้าคะ อ้ายเส็ง กับคุณหลวงหัวเราะกันคึกคัก อ้ายเส็งร้องอย่านะขอรับ อย่านะ แล้วก็หัวเราะกันอย่างนี้ คุณหยาดไม่คิดแบบบ่าวหรือเจ้าคะ”
    “ไม่คิดว่าคุณหลวงจะเป็นแบบนี้” แม่หยาดทำหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก อึดอัดอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร หล่อนเคยได้ยินเรื่องพวกนี้ก็ได้แต่ขนลุกขยะแขยง ไม่คิดว่าจะมาเจอเข้ากับตัว
    “แต่คุณหลวงเขาก็แต่งงานกับคุณนี่เจ้าคะ”
    “โธ่ แต่งก็แต่ในพิธี กลับมานอนกับฉันสักคืน เขายังไม่ทำเลย หรือฉันจะต้องเลิกกับคุณหลวงแล้วหนีกลับไปอยู่บ้านคุณหญิงแม่”
    “ว้าย” แก้วร้อง “ไม่ได้เจ้าค่ะคุณหยาด ถึงบ่าวจะคุยอะไรให้ฟังก็ตาม แต่เราก็ไม่เคยเห็นกับตาแล้วก็ไม่เคยถามกันให้รู้ไปตรงๆด้วย ดังนั้นคุณหยาดยังมีโอกาสนะเจ้าคะ ช่วงนี้คุณก็ลองสังเกตไปก่อนซีเจ้าคะว่าเขามีอะไรกันหรือเปล่า ถ้ายังไม่แน่ใจก็แสดงว่าคุณยังมีหวังนะเจ้าคะ รีบผูกใจคุณหลวงเข้าเจ้าค่ะ”
    หยาดมองหน้าบ่าวคนสนิทอย่างไม่แน่ใจนักว่าจะเชื่อดีหรือไม่
    “เอาเถิดเจ้าค่ะ อย่างไรเสียผู้ชายก็เกิดมาคู่กับผู้หญิง อ้ายเส็งมันสำรวยอ้อนแอ้นอย่างนั้นก็จริง แต่จะสู้กับคุณหยาดของบ่าวได้หรือเจ้าคะ” หล่อนมองหยาดอย่างเจ้าเล่ห์ อย่างคนมีแผนในใจ “เชื่อบ่าวเจ้าค่ะ คุณหยาดจะต้องเปลี่ยนใจคุณหลวงได้แน่ ได้ชื่อว่าแมวยังไงก็ต้องกินปลาเจ้าค่ะ จะหลงไปกินผัก กินหญ้าบ้างมื้อสองมื้อเพราะไม่ตั้งใจ แต่สุดท้ายแล้วเกิดเป็นแมวยังไงมันก็ต้องกินปลา”
    
   วันสองวันต่อมา หยาดก็เริ่มปฏิบัติการ “เสน่ห์ปลายจวัก ผัวรักจนวันตาย” ในที่สุด
     หล่อนทำอาหารง่ายๆ หากแต่มั่นใจว่าทำได้รสอร่อย กว่าใคร มีแก้วเป็นคนแนะนำว่าครัวอยู่ตรงไหน อุปกรณ์อะไรต่อมิอะไรอยู่ที่ใดบ้าง สุดท้ายอาหารมื้อนั้นจึงออกมาเป็นมื้อหนึ่งที่หล่อนมั่นใจว่า รสเลิศที่สุดเท่าที่หล่อนคยทำมาในชีวิต
    หยาดและแก้ว ยกสำรับไปให้หลวงพินิจราชอักษรก็พบว่า นั่งกินอาหารเช้ากับเส็งอยู่ก่อนแล้ว หยาดหยุดชะงัก เพราะเส็งและคุณหลวงนั่งฝั่งเดียวกัน กินข้าวข้างกันอย่างสนิทสนม แก้วหันมามองหน้าหล่อนทำนองว่า “เห็นไหมเจ้าคะ”
    แต่หยาดก็ไม่ยอมแพ้ หล่อนเดินเข้าไปจนถึงตัวคุณหลวง นั่งลงที่พื้นข้างๆตัวคุณหลวงหนุ่ม ที่ก้มหน้าลงมาพูดกับหล่อน
    “เอ้าแม่หยาด วันนี้ทำกับข้าวกินเองหรือ”
    หน้าแตก หน้าแตกยับ แค่คำแรกคุณหลวงก็ประกาศออกมาแล้วเสียขนาดนั้น ว่าเขาจะไม่กินอาหารของหล่อน... แต่หล่อนก็ยังไม่ยอมแพ้อีก
    “น้องทำมาให้คุณพี่รับเจ้าค่ะ”หล่อนอุตส่าห์พูดเบาๆ ยกสำรับขึ้นวางบนโต๊ะให้หลวงพินิจราชอักษรรับ แต่คุณหลวงหนุ่มก็ยกมือขึ้นห้าม
    “แม่หยาดรับเถิด ฉันอิ่มเสียแล้ว กับข้าวของเส็งอร่อยเหลือเกิน” เขาว่าหันไปยิ้มให้บ่าวหนุ่ม “ถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่อีกคงอ้วนละ วันนี้จะไปทำธุระฝั่งขะโน้น พาเส็งไปด้วย มันไม่เคยข้ามไปฝั่งโน้นเลย”
    ฝั่งโน้นที่คุณหลวงว่าก็คือ กรุงธนบุรีนั่นเอง
    เป็นอันว่าความพยายามในวันแรกของแม่หยาดล้มเหลวไม่เป็นท่า
     หลวงพินิจราชอักษร นั่งชิดกับเส็งมือข้างขวากุมมือเส็งเอาไว้หลวมๆ วางหมวกทับเอาไว้ไม่ให้ใครคนขับเรือรู้ว่าแอบจับมือกัน หลวงพินิจถามตัวเองว่าทำไมต้องปิดบังเมื่อเขาก็รักเส็งด้วยใจบริสุทธิ์ทั้งใจ  ก็ได้คำตอบ จากตัวเองนี่แหละไม่ต้องเป็นคำตอบจากคนอื่นเลยว่า คนส่วนใหญ่รับไม่ได้ในสิ่งที่เขาทำ แล้วทำไมถึงรับไม่ได้ ในเมื่อมันก็ไม่ผิดอะไรสักหน่อยมิใช่หรือ
    แต่เขาก็รู้คำตอบได้ด้วยตัวเองว่าอีกนั่นละว่า... มันไม่ผิด ไม่มีอะไรบนโลกนี้ที่ถูกหรือผิด มีแต่ แตกต่าง กันเท่านั้น เมื่อสิ่งหนึ่งต่างจากสิ่งหนึ่ง สิ่งใดที่คนส่วนใหญ่ยึดถือปฏิบัติหรือชอบพอถูกใจแล้ว เราก็ตั้งชื่อมันว่า “สิ่งถูก” อะไรที่ต่างไปแล้วตนไม่ชอบไม่ยอมรับละก็ผู้คนก็จะตีตราว่าเป็น “สิ่งผิด” เสมอไป ทั้งที่สิ่งที่ใครบางคนไม่ชอบและเห็นว่าเป็นสิ่งผิด อาจจะเป็นสิ่งที่คนอีกพวกยึดถือว่าถูกก็ได้ หลวงพินิจได้แต่ถอนใจ คิดเอาเองในใจว่า ในอนาคต เมื่อสยามพัฒนาไปมากแล้ว เรื่องสิทธิมนุษยชน เรื่องความเท่าเทียมกันในสังคม ก็คงต้องพัฒนาขึ้นบ้าง
    ตอนนี้ได้แต่รักแบบหลบๆซ่อนๆ ก็รักไปก่อนเถิด ดีกว่าเกิดมาชาติหนึ่งแล้วไม่ได้รู้จักเลยว่ารักนั้นเป็นอย่างไร
    กระนั้น เส็งก็ยังรู้สึกผิดต่อหยาด จนไม่ยอมพูดอะไรกับเขาสักคำเดียวตั้งแต่ออกจากเรือนเทามา เส็งเคยเปรยๆกับเขาหลายครั้งว่า สิ่งที่เขาทำอยู่มันไม่ดี ไม่ถูก และไม่เหมาะกับหยาด แต่หลวงพินิจก็ย้อนทุกครั้งว่า
    “เรารักกันก่อนนะเส็ง แม่หยาดเขามาแต่งทีหลัง อีกอย่างเราก็ไม่ได้รักเขาอย่างนี้ใครเป็นฝ่ายผิดกันแน่เส็ง” แม้บ่าวหนุ่มอยากจะย้อนกลับบ้างเหลือเกินว่า
    “แต่จริงๆแล้วบ่าวมาทีหลังนะขอรับ แล้วคนที่พาบ่าวมารู้จักกับคุณหลวงก็คุณหยาดนี่ไม่ใช่หรือขอรับ” แต่เส็งก็ไม่ย้อนไปจนแล้วจนรอด ทั้งคู่ก็เลยไม่เคยทะเลาะกัน สักครั้ง
    คุณหลวงอาจจะใจร้อนมากขนาดที่ใครๆก็กลัวอารมณ์ที่รุนแรงของเขา แต่คุณหลวงก็เย็นลงได้ทุกครั้งที่อยู่กับเส็ง เขาจะทำร้ายคนคนนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเขารัก ทะนุถนอมเสียสุดหัวใจขนาดนี้ ดังนั้นไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น หลวงพินิจราชอักษรจะชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา ด้วยเหตุผลและอารมณ์ที่ยึดเอาความรักต่อเส็งเป็นใหญ่เสมอ จะตะโกนใส่หน้ากันราวกับจ้องจะทำร้ายกันนั้นไม่เคยมี
    “เส็ง” หลวงพินิจทักขึ้น เมื่อเรือพายมาถึงฝั่งธนบุรี กำลังจะเข้าคลองเล็กๆที่นำไปสู่ปลายทางที่เขาตั้งใจจะมา “จะไม่พูดกับเราเลยหรือ”
    บ่าวหนุ่มหันหน้ามามองคนรัก กล่าวเบาๆอย่างเสียไม่ได้
    “คุณหลวงมีเรื่องอะไรพูดกับบ่าวเล่าขอรับ”
    “เส็ง” หลวงพินิจบีบมือเส็งแน่น “จะโกรธเราจริงๆหรืออย่างไร”
    “บ่าวไม่ได้โกรธนะขอรับ แต่บ่าวอึดอัด” เขาว่า พูดเบาแทบจะเป็นกระซิบ “ทุกวันนี้มันไม่เหมือนกับแต่ก่อน บ่าวเห็นหน้าคุณหยาดทีไร บ่าวก็ต้องรู้สึกผิดทุกที มันเหมือนบ่าวกำลังทำบาปอะไรอยู่ เหมือนกำลังทำให้คุณหยาดเธอ... เสียใจ”
    หลวงพินิจไม่ว่าอะไร เพราะรู้ดีว่าถ้าพูดไปแล้วคงต้องพูดกันยาว เรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ ต้องขุดต้องรื้อมาคุยกันแล้วคุยกันอีกอย่างนี้ไม่จบ ความเงียบเป็นอะไรที่รักษาน้ำใจกันได้ดี เส็งกับหลวงพินิจจึงมาถึงที่หมายโดยไม่ทันได้ทะเลาะกัน
    
    เส็งรู้แต่ว่าคุณพระคนนี้ชื่อ พระสนิท แต่ไม่รู้ว่าสนิทอะไรเพราะคุณหลวงไม่บอก ทั้งคู่เดินเข้าบริเวณบ้านทรงไทยที่ปลูกไว้ในสวนต้นไม้ขึ้นครึ้มไปหมด ก่อนที่จะเดินขึ้นเรือ หลวงพินิจหันมาหาเส็ง เห็นใบไม้ร่วงอยู่บนผมของบ่าวหนุ่มก็หยิบออกให้อย่างอ่อนโยนส่งสายตาที่หวานซึ้ง แฝงด้วยความรักให้
    “เส็ง เรายังอยู่ด้วยกันก็ดีแล้วนะ อะไรอย่างอื่นที่มองข้ามได้ก็มองข้ามไปเถิดนะ” เขาว่าเบาๆ “อุปสรรคมันเยอะแยะไปหมด เราก็ฝ่าฟันมันมาได้เรื่อยๆแล้ว เราเชื่อว่าสุดท้ายเรื่องนี้คงมีทางออกเช่นกัน”
    เส็งหยุดนิ่ง เหมือนน้ำตาจะเอ่อออกมาอีกครั้ง
    “กว่าเราจะได้เจอกัน กว่าเราจะได้รักกัน กว่าเราจะได้รู้ใจกันมันก็นานใช่ไหม ยากลำบากใช่หรือเปล่า”
    บ่าวหนุ่มพยักหน้า
    “เราจะทิ้งเวลาดีๆ ทิ้งสิ่งที่เราผ่านมาด้วยกันไปง่ายๆเพราะคนคนเดียวเทียวหรือ” คุณหลวงหนุ่มกระซิบ “เราได้รักกันก็ดีแค่ไหนแล้ว ใครคนอื่นจะเป็นอย่างไรก็ช่างเถิดนะ”
    “ขอรับ”
    “คนดี” หลวงพินิจยิ้มกว้าง “เข้าไปคุยธุระแล้ว เส็งรอข้างนอกนะจ๊ะ ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นละ”

    ประเดี๋ยวเดียวของคุณหลวงหนุ่มคือเกือบครึ่งชั่วโมง แต่เส็งก็รอได้โดยไม่รู้สึกว่านานอะไรนัก พอคุณหลวงเดินกลับออกมา เส็งก็เห็นว่าสีหน้าของคนรัก ดูเจื่อนลงกว่าตอนก่อนเข้าไปข้างในเล็กน้อย กระนั้นพอเห็นเส็งเขาก็ยิ้มออกมาให้บ่าวหนุ่มอย่างคนพยายามสงบอารมณ์ให้ได้
    เส็งไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะถามว่าหลวงพินิจเข้าไปทำอะไรมา เขาวางตนให้เป็นเพียงบ่าวคนหนึ่งเท่านั้น แต่คุณหลวงไม่เคยเห็นคนรักเป็นบ่าวอยู่แล้ว จึงพูดออกมาเองทันทีที่ก้าวลงเรือ ไม่ได้รอให้บ่าวหนุ่มถามก่อน
    “เส็ง ศุกร์นี้เราไปเพชรบุรีกันนะ”
    “ว่าอย่างไรนะขอรับ” เส็งตาโต อย่างเด็กที่รู้ว่าจะได้ของเล่นอย่างไรอย่างนั้น “ไปเพชรบุรีหรือขอรับ ไปทะเลหรือเปล่าขอรับ”
    “ไปทะเลซี” เขาหัวเราะ
    “คุณหลวงไปทำงานหรือขอรับ”
    “เปล่าไม่ได้ไปทำงาน เอางานมาส่งคุณพระ คุณพระเห็นว่าเรียบร้อยดีเลยอนุญาตให้ไปเที่ยวหัวเมืองได้”
    “ดีจริงขอรับ”
    “ก็เพราะเส็งช่วยงานนั่นแหละถึงออกมาถูกใจคุณพระอย่างนี้” ทั้งคู่มีความสุขจนลืมคิดเล็กคิดน้อยไปเลย คุณหลวงพูดโน่นพูดนี่ให้เส็งฟังอย่างสนุกปาก เส็งเองก็ฟังไป ยิ้มไป หัวเราะบ้างตามโอกาส เพราะมีความสุขเหลือเกินที่จะได้ไปเห็นทะเล
    ไม่รู้หรอกว่าเรื่องที่คุณหลวงบอกนั้น เป็นเพียงครึ่งเดียวของเรื่องทั้งหมด ที่เขาได้เข้าไปคุยกับคุณพระสนิทมา

    คืนนั้นทั้งสองคนกลับบ้านด้วยกันก็ตรงเข้าไปอาบน้ำ ยืนกอดจูบกันใต้สายน้ำอย่างคิดถึงคะนึงหา ไม่ได้ระวังตัวเพราะได้อยู่กันเพียงสองคนในที่รโหฐาน ในที่สุด โดยหารู้ไม่เลยว่าเขาสองคนกำลังถูกจับตามองอยู่โดยสายตาคู่หนึ่งที่ตื่นตระหนกเกินกว่าจะรับความจริงที่เห็นได้
    หยาดถอนตาออกจากรูเล็กๆที่ผนังห้องนอนของหล่อน ด้วยความตกใจ
     หล่อนนึกไม่ถึงว่า รูเล็กๆที่หล่อนใช้คนเจาะไว้แอบดูคุณหลวงและเส็ง จะทำให้หล่อนได้เห็นความจริงได้กระจ่างชัดเต็มตาถึงเพียงนี้ ชัดเจนจนไม่อาจลบภาพออกได้แม้ยามข่มตาหลับ... ข่มตาหลับทั้งน้ำตาด้วยความแค้นใจที่แพ้ให้ใครไม่แพ้ มาแพ้ให้เส็งบ่าวลูกเจ๊กตัวเล็กๆที่ไม่มีค่าอะไรเลยเมื่อเทียบกับ ลูกพระยาไพศาลเสนีย์ อย่างหล่อน
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ เชิญรับบทที่ 21 พร้อมผ้าซับน้ำตาครับ! 22.50 - 12/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: sornvat ที่ 16-12-2010 21:38:01
จากฝันเหรอครับ แล้วนำมาต่อร้อยเรียงเป็นเรื่องราวขนาดนี้
ยิ่งอึ้งนะครับ แรงบันดาลใจบรรเจิดมาก หุหุ
ขอชมอีกคนว่า คุณศึกษาข้อมูลมาประพันธ์+จินตนาการมาได้กลืนกันมาก

ว่าแต่ รอคุณมาต่ออยู่นะครับ ^^
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ: จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 16-12-2010 21:49:46
งานเริ่มเข้าอย่างจริงจังแล้วสิทีนี้ >.<
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ (P.23เม้นสุดท้าย): เมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/1
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 16-12-2010 23:01:39
สรุป คนเจาะรูห้องน้ำไว้แอบส่องดูคือ แม่หยาดนี่เอง  :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ (P.23เม้นสุดท้าย): เมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/1
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 16-12-2010 23:11:07
 ตอนต่อไปต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ เลย  :m15:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ (P.23เม้นสุดท้าย): เมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/1
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 16-12-2010 23:58:15
มันใกล้เข้ามาแล้วใช่ไหมคะความจริง!
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ (P.23เม้นสุดท้าย): เมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/1
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 16-12-2010 23:59:57
 :monkeysad:สงสารเส็งและคุณหลวงงงงงงงงงงงงงงงงง  ไม่ได้มีความสุขกันอะๆๆๆๆๆๆ



เกียจนางหยาดและนางแก้วววววววและทุกคนที่ทำร้ายเส็งและคุณหลวงงงงงงงงงงง :angry2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ (P.23เม้นสุดท้าย): เมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/1
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 17-12-2010 00:27:23
หยาดจะร้าหรือเปล่าอะ

อย่านะสงสารเส็ง

 :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ (P.23เม้นสุดท้าย): เมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/1
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 17-12-2010 07:54:42

ต๊าย clip ค่ะ คุณหยาด post ด่วนเลยค่ะ อิอิ
๑๑๔ + ๑ = ๑๑๕
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ (P.23เม้นสุดท้าย): เมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/1
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 17-12-2010 11:09:41
ยิ่งรับรู้ที่มาของนิยาย ยิ่งภูมิใจในตัวผู้แต่งนะคะ
เก่งมากทีเดียว จากความฝัน มาสู่เรื่องราวในนิยาย
แถมมีหาข้อมูลประกอบอีก ขอชื่นชมจริงๆค่ะ

 o13

มารอต่อว่าเส็งจะได้ไปเพชรบุรีรึเปล่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ (P.23เม้นสุดท้าย): เมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/1
เริ่มหัวข้อโดย: V_we ที่ 17-12-2010 11:52:57
ตามอ่านรวดเดียวตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ
ตื่นมาก็มาต่อ อ่านแล้วหยุดไม่ได้เลย
ชอบสำนวนมากเลยค่ะ มันละมุนละไม
อ่อนหวาน แล้วก็บรรยากาศในเรื่องด้วย
แม้ว่าจะอ่านไปจะมีคำถามมากมายผลุดตามมา
โดยเฉพาะแล้วเรื่องอดีตมันจะโยงเข้ากับปัจจุบันได้อย่างไร

ตอนที่คุณหลวงรักกับเส็งแรกๆ อ่านไปก็บิดตัวไป
เขินแทนเส็งอ่ะ ฮ่าฮ่า
คุณหลวงช่างอบอุ่นและอ่อนหวานอะไรขนาดนั้น

ส่วนตอนล่าสุดเป็นอะไรที่กลั้นใจอ่านมาก
สงสารคนที่รักกัน ทำไมต้องมีคนคอยขัดขวางด้วย

(แอบแซวเล่น) รูนั่นเป็นของคุณหยาดเองหรือนี่
แหมๆๆๆ เป็นผู้หญิงไปเจาะรูดูผู้ชายอาบน้ำน้อ
 :z1:

+1 และเป็นกำลังใจให้นะคะ
ขอบคุณทีแต่งนิยายสนุกๆ มาให้อ่านค่ะ
 :pig4:


หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ (P.23เม้นสุดท้าย): เมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/1
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 17-12-2010 12:45:24
ถ้าคุณหลวงไม่อยู่เส็งก็โดยเมียหลวงรังแกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ (P.23เม้นสุดท้าย): เมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/1
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 17-12-2010 15:29:34
ปัญหารักของคุณหลวง+เส็ง+คุณหยาด

จะบานปลายไปเช่นไรหนอ.....
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ (P.23เม้นสุดท้าย): เมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/1
เริ่มหัวข้อโดย: anata9 ที่ 17-12-2010 21:50:13
เริ่มมีพูดถึงเมืองเพชรบุรีแล้ว เส็งจะเป็นยังไงน้อ รอวันที่คุณหลวงจะพาไปเพชรบุรี  :m15:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ (P.23เม้นสุดท้าย): เมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/1
เริ่มหัวข้อโดย: Lady-Rabbit ที่ 18-12-2010 00:05:54
บางทีก็แิอบสงสารคุณหยาดนะคะ
ถ้าเกิดเธอเลือกได้ก็คงจะไม่อยากแต่งกับคนที่ไม่ได้รักเธอหรอก เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ (P.23เม้นสุดท้าย): เมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/1
เริ่มหัวข้อโดย: BiGgYDrIb ที่ 18-12-2010 09:40:09
คุณหลวงน่าจะไปทำคุณไสยให้หยาดกับนังแก้วรักกันไปเลยนะจ๊ะ
เป็นเพื่อน เล่นเพื่อนกัน จะได้ไม่มีอุปสรรค

ถ้าคุณหยาดเป็นสาววายก็ดีสินะ โฮะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ (P.23เม้นสุดท้าย): เมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/1
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 18-12-2010 11:04:22
มันใกล้ความจริงเข้ามาทุกที

สงสารเส็ง  :m15:

ปล.รูนั้น แม่หยาดเจาะไว้เองหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ (P.23เม้นสุดท้าย): เมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/1
เริ่มหัวข้อโดย: bellity ที่ 18-12-2010 11:22:51
รูพิศวงนั้นเป็นรูคุณหยาดนั้นเอง

รอมาม่าชามใหญ่บิ๊ก :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ (P.23เม้นสุดท้าย): เมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/1
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 18-12-2010 20:04:44
ตามอ่านจนทันแล้วค่ะ
เรื่องสนุกแล้วก็ดูสมจริงมากๆ
อ่านไปก็เอาใจช่วยไป
รอลุ้นตอนต่อไปนะคะ

^^
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ (P.23เม้นสุดท้าย): เมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/1
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 18-12-2010 21:41:33
ตอนต่อไปต้องเศร้าแน่เลย :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ (P.23เม้นสุดท้าย): เมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/1
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 18-12-2010 22:58:01
โอ้วว ความลับไม่มีในโลกจริงๆ :z3:
แล้วทีนี้จะทำไงดีอ่า หายนะเริ่มส่อเค้ามาเยือนแล้วเส็งน้อย :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ (P.23เม้นสุดท้าย): เมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/1
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 19-12-2010 19:23:38
อ้อ  รูแม่หยาดนี่เอง

ยิ่งอ่านยิ่งชอบค่ะเรื่องนี้


จนหน่าไปแนะนำเพื่อนซึ่งปกติไม่อ่านแนวนี้ให้ลองอ่านดู


แต่แค่เห็นบทนำเพื่อนก็กรี๊ดเลยบอกภาษาสวยมาก


เป็นนักเขียนมืออาชีพรึเปล่า


แต่หน่านับถือนะที่เขียนเป็นครั้งแรกแต่ภาษาดีมาก


ยิ่งตอนกลอนเพลงยาวที่ถึงขั้นเอาไปเพ้อให้เพื่อนฟังเลย

พี่สุดยอดมากอ่ะ

เหตุการณ์ต่างๆก็ดูมีมิติสมจริง


ตัวละครก็สมเหตุสมผล


มีเหตุที่เหมาะแก่การกระทำนั้นๆ


ตัวละครไม่ดีเกินไปไม่เลวเกินไปสมจริงสุดๆ

อย่างตัวเอกก็ไม่ได้ดีเวอร์  มีความเห็นแก่ตัวบ้าง

เพราะคนจริงๆมันก้เป็นอย่างนี้

ไม่เคยแสดงความคิดเห็นยาวๆอย่างนี้สักที


หวังว่าพี่คนแต่งคงไม่ว่าอะไรนะคะ


 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:


หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ (P.23เม้นสุดท้าย): เมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/1
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 19-12-2010 21:39:31
ผิดคาดเรื่องคนเจาะรูมาก  ตอนแรกนึกว่าเป็นคุณหลวงจะเจาะไว้แอบดูเส็ง
เรื่องพาทิศคือใครในชาติผ่านมาไม่กล้าเดา  แม้ใจจะเอนเอียงไปทางคุณหลวงก็เถอะ
เฮ้อออ  อ่านเรื่องนี้ไปใจเต้นไปด้วย  ครบรสจริง ๆ
+1 ให้เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ (P.23เม้นสุดท้าย): เมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/1
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 19-12-2010 21:52:25
อึ้งเรื่องคุณหยาดเป็นคนเจาะรูปเหมือนทุกท่านแล
คิดได้ยังไงครับเนี่ย เจาะห้องอาบน้ำนี่ จริงๆ กะแอบดูคุณหลวงอาบน้ำเฉยๆ แต่ดันมาแจ๊คพ็อตเข้าซะก่อนรึเปล่าครับ

เรื่อง พาิทิศ ผมตอบเทิด เพราะอยากเก็่บพาทิศไว้ให้นัฐครับ ไม่ได้อาศัยหลักการเดาใดๆ ทั้งสิ้น  5555

คืนนี้จะมามั้ย รออยู่นะครับ  :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ (P.23เม้นสุดท้าย): เมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/1
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 19-12-2010 23:55:51
๒๓

    หยาดกำลังวางแผนอยู่กับแก้วว่าจะแอบดูหลวงพินิจได้อย่างไรดี เพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่าเขามีอะไรลึกซึ้งกับเส็งหรือไม่ตอนที่หลวงพินิจราชอักษรออกไปกับเส็งแล้ว คุยกันไปได้ไม่เท่าไรนักเทิดก็เข้ามาที่เรือนพอดี จะว่าไปก็สวนทางกับคุณหลวงเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ ทนายหนุ่มหน้าเข้มเดินขึ้นเรือนเทาจะมาหาคุณหลวงก็พบเข้ากับบ่าวที่เฝ้าอยู่ในเรือน พอพูดจากันรู้เรื่องว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่ เดินทางไปทำธุระที่ฝั่งธนบุรี เทิดก็คิดจะกลับในทันที
    เขาหลีกเลี่ยงไม่อยากเจอหญิงสาวบางคนในบ้าน
    กระนั้นโชคชะตาก็ไม่เคยเข้าข้างหนุ่มน้อยเลยสักครั้ง เพราะพอเขาหันหลังให้บ่าวที่อยู่เฝ้าเรือน แก้วก็ชะโงกหน้าออกมามองจากขั้นบนสุดของบันไดพอดี
    “เอ้า พี่เทิด มาลับๆล่อๆ จะมาทำอะไรหรือ”
     ทนายหนุ่มแทบชักสีหน้าอย่างห้ามตัวไม่ทัน กระนั้น หญิงสาวสวยผุดผาดที่โผล่มาข้างหลังแก้วกลับทำให้เขาทำหยาบคายไม่ออก ชายหนุ่มไม่กล้าทำอะไร ไม่แม้แต่จะกล้าสบตาคุณผู้หญิงของบ้าน
    “พ่อเทิด” เสียงของหล่อนเบา สั่นเครือ จะด้วยอารมณ์ที่ค้างอยู่เรื่องหลวง พินิจไม่รับอาหารที่หล่อนอุตส่าห์ทำหรืออย่างไร เทิดไม่อาจรู้ได้ จึงได้แต่ตอบรับเพียง ขอรับ เบาๆเท่านั้น หยาดเงียบไปอึดใจเดียว ก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “พ่อเทิด...ขึ้นมาหน่อย”
    ทนายหนุ่มไม่ตอบ แต่ไม่ฝืนคำสั่งเช่นกัน เขาเดินก้มหัวช้าๆ อย่างเจียมตัวขึ้นไปถึงชั้นสองของเรือน ตามหยาดเข้าไปในห้องนอนของหล่อน
    “ฉันมีอะไรให้พ่อเทิดช่วยสักหน่อย”
    “ขอรับ”
    “ช่วยเจาะรูที่ผนังนี้ให้ทีเถิด” หยาดพูดอย่างเขินอาย ไม่กล้าสบตาชายหนุ่มตรงๆคล้ายๆ ว่าหล่อนกำลังพูดให้แก้วฟังมากกว่าจะพูดให้ทนายหน้าหอของหลวงพินิจราชอักษรฟังเสียอีก หยาดเขินอาย อายเกินกว่าจะบอกว่า หล่อนจะเจาะรูที่ผนังนี้ไว้ ดูสามีของหล่อนกับคนรัก! ถ้าไม่เห็นด้วยตา หยาดก็จะไม่เชื่อเด็ดขาด ว่าทั้งคู่มีสัมพันธ์กันจริงๆ วิธีนี้ ที่แก้วย้ำนักย้ำหนาว่า “เชื่อสิเจ้าคะ ตานี้ได้เห็นกับตัวเอง คุณหยาดได้ไม่หาว่าบ่าวกุเรื่อง” จึงดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ในตอนนี้กระมัง
    หยาดนึกขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ทำให้เทิดไม่ถามอะไรอีก นอกจากจะถามว่า ให้เจาะตรงไหนแล้วก็ไปหยิบเครื่องมือมาลงมือทำตามคำสั่งไปในที่สุด พอที่ผนังมีรูขนาดเกือบให้นิ้วสอดไปได้เรียบร้อยแล้วหยาดก็ลองก้มลงส่องดู
    ปรากฏว่าไม่ตรงกับห้องนอนอย่างที่ตั้งใจ แต่กลับเป็นตรงห้องน้ำ
    “ตายแล้วเจาะผิด แม่แก้ว เห็นแต่ห้องน้ำ” หล่อนอุทานแล้วฟันมาพูดกับบ่าวสาวของหล่อน
    “อ้ายเทิดเอ็งนี่เจาะอย่างไรของเอ็งยะ ไม่ตรงห้องนอนแบบนี้” แก้วหันไปว่าเทิดราวกับว่าตนเป็นนายของเขาอีกคน เทิดไม่ตอบโต้ แลดูเขาจะกลายเป็นคนพูดน้อยไปเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาว ชายหนุ่มจ้องหน้าแก้วแต่ไม่ว่าอะไร สายตาบอกไม่ได้ว่า โกรธหรือรำคาญ หรือแค่ขวางๆอย่างไรแน่
    “กระผมเจาะให้ใหม่ได้ขอรับ” เทิดกล่าวกับหยาดเบาๆ ยังคงก้มหน้าและไม่มองหล่อน
    “ไม่ต้องแล้ว” หล่อนถอนใจอย่างคนเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง พออารมณ์เสีย ก็พาลไปหมดกับทุกคน “เจาะเยอะแยะเขาได้จับได้กันพอดี”
    หยาดมองออกนอกหน้าต่างไปไกล จ้องอยู่อย่างนั้นเหมือนมันมีอะไรน่าสนใจเหลือเกิน หญิงสาวถอนใจอีกครั้งก็หันมาบอกเทิดทำนองว่าให้ไปได้แล้ว ทนายหนุ่มก็ทำตามอย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆเช่นกัน หล่อนรู้สึกสิ้นหวัง ความอยากรู้ตอนนี้สงบลงแล้ว กลายเป็นว่า หล่อนเริ่มรู้สึกกระดาก รู้สึกผิดแปลกๆ จะเพราะอะไรหล่อนก็ไม่ได้พูดออกมา บ่าวสาวที่นั่งนวดขาให้หล่อนอยู่จึงไม่รู้ว่าใจของนายคิดอะไรอยู่แน่ ที่แน่ๆคงเป็นเรื่องคุณหลวงและเส็ง
    สมน้ำหน้า แก้วแอบนึกในใจไม่ได้ คุณหลวงเขาไม่ได้รักคุณหรอกเจ้าค่ะ คุณกับเขาไม่คู่ควรกันเลย แก้วต่างหากที่เหมาะกับคุณหลวง ขั้นแรกต้องให้คุณหยาดหึงเสียจนเกลียดเส็ง ทำอย่างไรก็ได้ให้เส็งได้ออกไปจากเรือน ทำอย่างไรก็ได้ให้สองคนนั้นเลิกกันเสียก่อน ขั้นที่สองค่อยเป่าหูหยาดให้รังเกียจคุณหลวง ให้หล่อนเสียหน้า เสื่อมเกียรติ แล้วจากเรือนหลังนี้ไปในที่สุด ทีนี้แหละนางแก้วก็จะหมดคู่แข่ง คุณหลวงก็จะไม่มีใครให้รักอีกแล้ว
    ตำแหน่งนายผู้หญิงของเรือนเทาหลังนี้ ก็จะเป็นของหล่อนแต่เพียงผู้เดียว
    ท่ามกลางความเงียบ ความคิดของหญิงสาวสองคนสวนทางกันโดยสิ้นเชิง หยาดไม่ได้คิดถึงหลวงพินิจราชอักษร แต่คิดถึงอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องสำคัญกว่านั้น หญิงสาวยกมือขึ้นลูบที่ท้องของหล่อนเบาๆ ใจลอยคิดอะไรไปไกล
    ไม่ได้รู้เลยว่าคืนนั้น พอหลวงพินิจราชอักษรกับบ่าวหนุ่มของเขากลับมาแล้ว ไอ้เจ้ารู้เล็กๆที่เทิดเจาะผิดที่นั้นเองก็ทำให้หล่อนตาสว่าง เห็นอะไรในแบบที่มันเป็นจริงๆ
    
    หลวงพินิจราชอักษร ยังมีสีหน้ากังวลยามนั่งอยู่คนเดียว แม้ว่าพอเส็งหันมาครั้งใด คุณหลวงหนุ่มจะพยายามยิ้มกลบเกลื่อนทุกครั้ง แต่ก็ไม่วายเส็งยังอุตส่าห์เห็นสีหน้าวิตกของคุณหลวงอยู่ได้เวลาที่ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้ระวังตัว
    ทะเลที่เพชรบุรีสวย แม้ไม่สวยเท่าหัวหินในสายตาหลวงพินิจราชอักษร แต่ก็สวยพอแล้วสำหรับคนไม่เคยเห็นทะเลมาก่อนในชีวิตอย่างเส็ง ... อย่าว่าแต่ทะเลเลย แม้ม้าเหล็กที่เขานั่งมาจากพระนครจนถึงเพชรบุรีเส็งก็ไม่เคยเห็น รถไฟเอย รถรางเอยเป็นของใหม่ของคนสยาม ต่อให้เปิดใช้บริการเป็นสิบๆปีแล้วในตอนนั้น ก็ยังมีคนสยามบางคนที่ไม่เคยใช้บริการ หรือแม้แต่เคยเห็นมาก่อน
    เส็งกลัวเวลารถไฟหวูดสัญญาณดังก่อนจะเคลื่อนที่ออกจากชานชาลา แต่ก็ทำได้เพียงกุมมือคนรักของเขาไว้แน่นจะโผเข้ากอดอย่างลืมตัว ก็ต้องห้ามใจ ให้ทำได้เพียงเท่านั้น เพราะคนบนรถไฟก็มีอยู่ไม่ใช่น้อย แม้หลวงพินิจจะไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่เขาก็ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในคนสยามไม่กี่คนที่พูดภาษาฝรั่งได้ ใครเห็นก็จำได้ ทำงานกับฝรั่ง ฝรั่งก็ชอบเพราะหัวดี ช่างพูด กล้าแสดงออก แต่จะทำงานกับคนไทย คนไทยก็รักเพราะความสุภาพนอบน้อมของเขานั่นแหละ
    อย่างการเดินทางคราวนี้เหมือนกันหากไม่ใช่เพราะคนที่ทำงานด้วยกัน ชอบใจเขาละก็ หลวงพินิจราชอักษรก็ยังไม่รู้ว่า จะไปพักได้ที่ไหน
    ทั้งคู่จึงต้องวางตัวให้เหินห่างเล็กน้อย เว้นระยะให้ไม่ดูชัดเจนเกินไปจนน่าเกลียด อันที่จริงจะแสดงออกซึ่งความรักระหว่างกัน อย่างจับมือถือแขนโอบไหล่กันยังไม่ได้เลย ไม่ต้องไปพูดถึงว่าจะกอด จูบกันในที่สาธารณะเลยด้วยซ้ำ
    เส็งมองบรรยากาศข้างทางก็รู้สึกร่มรื่น ด้วยต้นไม้ ใบหญ้ามันเขียวชะอุ่มสวยงามไปหมด หากผ่านลำธารเล็กๆ ก็จะเห็นลูกเด็กเล็กแดง วิ่งไล่กันบ้าง ลงแช่น้ำบ้าง ดูเป็นบรรยากาศที่สวยงาม จับใจ ลมตีเข้าหน้าเส็ง แต่หนุ่มน้อยก็ไม่กลัว กลับยื่นหน้ารับลมที่พัดมาแรงๆ รู้สึกเย็นสบาย ได้ปล่อยตัวตามสบาย พักผ่อนฟอกปอดอย่างนี้ก็ดีหน่อยสำหรับเส็ง
    พอหลวงพินิจบีบมือเส็งเบาๆ เด็กหนุ่มก็หันมามอง
    “อย่ายื่นหน้าออกไปมาก เดี๋ยวกิ่งไม้จะเกี่ยวเอา” นายหนุ่มของเขาว่า หัวเราะหึหึในลำคอ  “อีกอย่างลมพัดหน้าเส็งหลุดไปเราจะทำอย่างไร”
    บ่าวหนุ่มยิ้มให้นาย แล้วก็กลับไปนั่งพิงเก้าอี้คิดโน่นนี่ในใจไปเรื่อย เรื่องที่คิดหนักที่สุดก็เห็นจะเป็นเรื่องสีหน้ากังวลของคุณหลวงหนุ่มนั่นแหละ ไม่รู้ว่าหลวงพินิจมีอะไรที่ไม่ได้บอกเขาอยู่หรือเปล่า
    เขาไม่รู้หรอกว่าเรื่องใดบนโลกจะหนักหนาจนกระทั่งบอกเขาไม่ได้ เอาเป็นว่าหากหลวงพินิจราชอักษรกล้าบอกเขาว่าตนต้องแต่งงานกับหยาดเพราะหยาดท้องได้ละก็เรื่องอื่นๆก็ย่อมไม่หนักหนาถึงขนาดบอกเขาไม่ได้อีกแล้ว
    แต่เส็งยังไม่อยากคิดอะไรตอนนี้ เพราะพอหันไปหาคุณหลวง นายหนุ่มก็นั่งยิ้มให้เขาแล้ว ไม่ได้บึ้งตึงอยู่อีก หนุ่มน้อยจึงไม่ได้ติดใจอะไรนัก
    บ้านที่หลวงพินิจพาเส็งมาอยู่นั้นเป็นบ้านที่คุณพระสนิทพิพิธประเทศ
ซื้อไว้เฉยๆ กะว่าบั้นปลายชีวิตหากออกจากกระทรวงแล้วจะมาอยู่ที่นี่ มันจึงเป็นบ้านไม้ขนาดเล็กไม่หรูหรา ไม่มีเครื่องเรือนอะไรมากมายไปหมดเหมือนเรือนเทาของหลวงพินิจ แม้บ้านหลังนี้จะไม่ได้อยู่ติดทะเลเหมือนบ้านของเจ้าคุณที่หัวหิน แต่กระนั้น พอมองไปก็ยังจะเห็นผืนน้ำสีครามสวย ระยิบระยับล้อแสงแดดอย่างงดงาม กว้างไกลไปสุดลูกตา แทบจะกลืนเป็นส่วนหนึ่งกับแผ่นฟ้าสวยอยู่ไม่ไกลนัก บ่าวหนุ่มยืนมองจากหน้าต่าง มีรอยยิ้มกว้างอยู่บนใบหน้าไม่ต่างจากเด็กๆเห็นของเล่นใหม่
    “คุณหลวงขอรับ ทะเลสวยจริงขอรับ”
    “จ้ะ” หลวงพินิจรับคำ ตัวเขานอนอยู่บนเตียงอย่างเอกเขนกเต็มที ขี้เกียจจะลุกไปทำอะไรที่ไหน
    “คุณหลวง ไปที่ทะเลกันเถิดขอรับ”
    “เดี๋ยวก่อนซี เพิ่งมาถึง ขอนอนเอาแรงก่อน”
    “โธ่” เส็งบ่นอย่างน้อยใจ ก่อนจะเดินไปที่เตียง ปีนขึ้นไปนอนซุกกายอุ่นของหลวงพินิจราชอักษร “ไปเถิดนะขอรับ บ่าวอยากลงเล่นน้ำเต็มที อยากรู้ว่าน้ำทะเลเป็นอย่างไรขอรับ”
    หลวงพินิจหัวเราะลงลูกคอ
    “ไม่ละ เราหมดแรง นั่งมานานๆเมื่อยตัวเต็มที ขอพักก่อนเถิด”
    “คุณหลวงขอรับ...” เส็งอ้อน “นะนะนะ ไปกันนะขอรับ”
    “นอนเอาแรงก่อน พรุ่งนี้ถึงจะพาไป”
    “คุณหลวงละก็” บ่าวหนุ่มแกล้งทำเป็นน้อยใจ หลวงพินิจราชอักษรจึงลุกขึ้นมา กอดซ้อนจากเบื้องหลัง
    “หมดแรง”
    เส็ง เอี้ยวตัวไปหอมแก้มเนียนสีเข้มของคุณหลวงหนุ่ม
    “มีแรงหรือยังขอรับ”
    หลวงพินิจไม่ตอบ แต่ช้อนตัวเส็งวิ่งอุ้มออกจากที่พักแบบเด็กๆ หัวเราะก้องบริเวณนั้นไปหมด ไม่กลัวใครต่อใครจะเห็น เพราะคิดว่าคงไม่มีคนรู้จักอยู่ใกล้ๆแถวนั้นอยู่แล้ว แต่หากใครมาเห็นจริงๆก็คงจะเห็นภาพของชายหนุ่มร่างใหญ่กำยำ วิ่งอุ้มเด็กหนุ่มหัวเราะระริกระรี้ไปจนถึงทะเลใครๆก็คงดูออกว่าสองคนนี้รักใคร่ผูกพันกันแค่ไหน หากใครจะคิดว่าความรักที่เกิดขึ้นระหว่างชายสองคนนี้จะวิปริตผิดเพศ ก็คงเป็นคนที่ยึดติดแต่กับธรรมเนียมปฏิบัติอะไรเดิมๆ ใช้สมองมองอะไรต่อมิอะไรไปหมด ทั้งๆที่ความจริงแล้ว เพียงใช้ตามองก็คงรู้ได้ว่า ความรักของทั้งสองคนนี้เป็นความรักที่สวยงาม บริสุทธิ์เกิดจากความผูกพันรักใคร่เป็นห่วงเป็นใยกันไม่ใช่โรคร้าย   ไม่ใช่ความผิดบาป
    ไม่ได้ต่างอะไรจากความรักระหว่างชายกับหญิงเลย
    ชายและหญิงบางคนเสียอีกที่ต้องจำใจอยู่ด้วยกันไปจนตาย ทั้งที่ไม่ได้รัก ไม่ได้ผูกพันอะไรกันเลย อย่างคุณหลวงกับแม่หยาดนี่ไง... อย่างไหนกันแน่ที่เป็นรักที่สวยงามที่ถูกต้องตามความสมัครใจ และอย่างไหนคือความผิดที่ต้องไปบังคับให้คนไม่รักกันอยู่ด้วยกัน อยู่ไปก็ทุกข์ใจไปเฉยๆ
    
    เส็งว่ายน้ำไม่เป็นจึงได้แต่ลอยคออยู่นิ่งๆให้คลื่นซัดเข้าฝั่ง หัวเราะอย่างมีความสุข หลวงพินิจราชอักษรนั่งดูอยู่จากที่ชายหาดบ้าง ลงมาเคลียคลอบ่าวหนุ่มในน้ำบ้าง หรือไม่ก็วิ่งไล่จับกันอย่างมีความสุขบ้าง สักพักพอเหนื่อยก็ขึ้นมานอนอยู่บนหาดนอนกอดกันราวกับเป็นหาดสวรรค์ของทั้งสองคน เพราะคุณพระไม่ได้บอกหลวงพินิจว่าที่นั่นมีบ้านของเพื่อนอยู่อีกหลังหนึ่งและเพื่อนคนนั้นก็อยู่บ้านด้วย หลวงพินิจจึงคิดเอาเองว่า ไม่มีใครอื่นนอกจากเขาและคนรัก จะกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างไร ก็ไม่ได้คิดหน้าคิดหลังเลยว่าอาจจะมีคนมาเห็นได้
    “คุณหลวงขอรับ” เส็งเอ่ยขึ้นเบาๆ เมื่อฟ้าเริ่มจะมืดลง พระอาทิตย์เกือบจะพ้นขอบฟ้า ผืนฟ้ากว้างเริ่มเปลี่ยนจากสีฟ้าใสอย่างตอนกลางวันมาเป็นสีน้ำเงินเข้ม แกมม่วงดูสวยงามจับใจ
    “ว่าอย่างไร”
    “บ่าวมีความสุขขอรับ” เส็งกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของหลวงพินิจ คุณหลวงหนุ่มก็หัวเราะแล้วตอบไปทำนองว่าเขาเองก็มีความสุขมากเช่นกัน “อยากให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป ไม่ต้องกลับพระนคร ไม่ต้องไปพบกับความจริงว่า คุณหลวงกำลังจะมีลูก และแม่ของลูกคุณหลวงก็คือคุณหยาด”
    หลวงพินิจเงียบ ไม่รู้ว่าไม่อยากพูดอะไร หรือไม่มีอะไรให้พูดกันแน่
    “บ่าวไม่อยากคิดอย่างนี้เลยขอรับ แต่บ่าวก็คิดแล้ว บ่าวรักคุณหลวงนะขอรับ รักแบบที่ไม่อยากให้คุณหลวงไปรักใคร หรือมีสัมพันธ์อะไรกับคนอื่นอีก” เส็งว่าต่อไป “บ่าวอาจเห็นแก่ตัว แต่บ่าวอยากเป็นของคุณหลวงคนเดียว อยากรักแต่คุณหลวง และก็อยากให้คุณหลวงรักบ่าวแต่เพียงผู้เดียวเช่นกัน
    บ่าวลำบากใจเหลือเกินที่เมื่อตื่นมาครั้งใดก็ต้องพบว่าคุณหยาดเธอต้องนอนคนเดียวอยู่ห้องข้างๆ ทั้งๆที่เธอก็เป็นคนพาบ่าวมาให้คุณหลวงเอง ทั้งๆที่คุณหลวงก็หมั้นอยู่กับเธอมานาน ลำบากใจที่ต้องไปแบ่งใจของคุณหลวงมาจากคุณหยาด ต้องรักกันแบบหลบๆซ่อนๆ ในขณะที่คุณหยาดสามารถรักกับคุณหลวงอย่างเปิดเผยก็ได้ แต่ไม่ทำเพราะคุณหลวงรักอยู่กับบ่าวแล้ว
    บ่าวไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้ ไม่อยากทำร้ายคุณหยาด แต่ก็ไม่อยากจากคุณหลวงเช่นกัน เพราะว่าบ่าวรักคุณหลวงเหลือเกิน รักเสียสุดหัวใจ รักจนไม่อาจทนเห็นคุณหลวงได้มีลูกสักวัน ได้เลี้ยงดูลูกร่วมกับคุณหยาด สุดท้ายคุณหลวงก็จะรักคุณหยาด สุดท้ายคุณหลวงก็จะลืมบ่าว”
    หลวงพินิจหันหน้ามองเด็กหนุ่มเต็มตา
   “ไม่ดอกเส็ง ตลอดเวลามานี่ เรายังไม่ได้พิสูจน์ให้เส็งเห็นอีกหรือว่า เรารักเส็งคนเดียว และเราทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเส็งได้ตลอด”
    เส็งเงียบไปนาน จนกว่าจะพูดอีกครั้ง ฟ้าก็มืดแทบไม่เห็นหน้ากันเสียแล้ว
    “บ่าวอยากอยู่กับคุณหลวงเพียงสองคนบนโลกเหลือเกิน ขอรับ”
   “เราก็เหมือนกัน” อีกฝ่ายว่าอย่างเศร้าสร้อย ในใจว้าวุ่นไปหมดว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตรักของตนดี “เอาอย่างนี้ไหมล่ะเส็ง เราจะขอร้องหยาดดีๆ เราจะส่งเสียเลี้ยงดูหยาด ยกสมบัติทั้งหมดให้หล่อน แล้วเราก็หนีมาอยู่ด้วยกันเพียงสองคนที่นี่ ที่เพชรบุรี”
    “คุณหลวง!”
    “เส็งจะว่าเราพูดเป็นเล่นใช่ไหม เราพูดจริงๆ” หลวงพินิจว่า “หยาดก็คงไม่ชอบใจนักหากต้องอยู่ในฐานะเมีย แต่ไม่ได้รับความรักความสนใจจากผัวเลย”
    “แต่เราจะหนีมาอยู่กันแค่สองคนหรือขอรับ คุณหลวงต้องทิ้งทุกอย่าง การงาน ทรัพย์สิน เกียรติยศ และครอบครัวนะขอรับ หากเจ้าคุณพ่อรู้เข้า.... คุณหลวงจะต้องเดือดร้อนแน่ขอรับ”
    “ก็จะเดือดร้อนทำไม” ชายหนุ่มว่า “ที่นี่ก็ไม่มีใครรู้จักเราไม่ใช่หรืออย่างไร การงาน ทรัพย์สิน เกียรติยศ อะไรเราก็ไม่ต้องการ เราต้องการแค่อยู่กับเส็งเท่านั้น” เขาว่า “แล้วถ้าเราไม่มีการงาน ทรัพย์สินอะไรพวกนั้น เส็งจะยังเหมือนเดิมหรือไม่”
    “คุณหลวง บ่าวไม่เคยต้องการได้ทรัพย์สินอะไรของคุณหลวง...”
    “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหา เราจะอยู่อย่างนี้กันก็ได้นี่ อยู่อย่างจนๆ พอมีพอกินไปตามเรื่อง ทรัพย์สินเงินทอง สมบัติทั้งหมด เรายกให้แม่หยาดเป็นค่าเลี้ยงดูลูก เส็งจะยอมไหมล่ะ หากจะมาอยู่แต่ตัวกับเราที่นี่ มาเริ่มต้นทุกอย่างกันใหม่ ปลูกผักหาปลากินกันไปวันๆหนึ่ง จนแก่เฒ่าไปด้วยกัน”
    เส็งไม่ตอบแต่กอดร่างของหลวงพินิจแน่นเข้า
    “เราจะแก่เฒ่าไปด้วยกัน” บ่าวหนุ่มกระซิบแผ่วเบาที่อกของหลวงพินิจ
    “แล้วเรื่องครอบครัว เราก็จะรอจนเจ้าคุณพ่อหายโกรธเสียก่อนค่อยไปขอขมา ได้ไม่มีเวรกรรมอันใดที่โกรธแค้นระหว่างกัน ดีไหมเส็ง”
    “ขอรับ” บ่าวหนุ่มยิ้มอยู่ในความมืด เช่นเดียวกับหนุ่มคนรัก เหมือนคืนที่พบกันก่อนหลวงพินิจไปหัวหินกับแม่หยาด เหมือนคืนที่หลวงพินิจเพิ่งกลับมา ได้บอกรักกันเป็นครั้งแรก กระนั้นคราวนี้ไม่เหมือนคราวก่อนๆ เพราะนอกจากจะสุขที่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว ก็ยังจะทุกข์ใจเมื่อต้องมีเรื่องอะไรต่อมิอะไรอยู่ในหัวเต็มไปหมด อีกด้วย
    ทั้งคู่รู้ดีพอๆกับที่รู้ว่าต่างฝ่ายต่างรักกันมากเหลือเกิน ว่าทั้งสองไม่เหมาะสมกัน ทั้งฐานะ ชาติตระกูล วิถีชีวิต และ เพศ แต่ทั้งคู่ก็ยังดื้อดึง ยังฝืนรักกันถลำลึกจนถอนใจจากกันและกันไม่ได้ ยังทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันอย่างคนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆในชีวิต ทั้งๆที่ทุกอย่างจะง่ายขึ้นมากหากหลวงพินิจตัดใจจากเส็งตั้งแต่รู้ว่าตนต้องเข้าพิธีแต่งงานกับหยาด
    ป่านนี้เขาคงมีความสุขอยู่กับภรรยา คงตั้งหน้าตั้งตารอเลี้ยงดูลูก แม้อาจจะลืมเส็งไม่ได้ง่ายๆ และคิดถึงหนุ่มน้อยบ้างเป็นครั้งคราว แต่ก็คงมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่นานเกิน เดือนสองเดือน เขาก็คงลืมเส็ง คงลืมไปว่าเคยรักใครเสียหัวปักหัวปำ ชีวิตเขาก็จะดำเนินต่อไปอย่างง่ายดาย รุ่งโรจน์ เขาอาจได้เลื่อนยศเป็น พระพินิจราชอักษร ไม่แน่อาจได้เป็น พระยาอย่างพ่อของเขาสักวัน มีลูกคอยเลี้ยงดูเมื่อแก่เฒ่า ตายดีอย่างมีเกียรติสมฐานะ สมชาติตระกูล
    แล้วหากเขาเลือกทิ้งอนาคตที่เขาเห็นรางๆอยู่นี้เล่า เขาก็คงมาอยู่ที่นี่กับเส็ง “ที่นี่” ไม่ได้หมายความว่ามีที่อยู่แล้วนะ หมายความแต่ว่าอยากมาอยู่ทะเล เพราะเส็งชอบทะเลเท่านั้น ยังไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนซื้อบ้านแถวนี้ แล้วเรื่องอาหาร การงานอะไรเล่า อยู่แถวนี้หลวงพินิจคงไม่มีโอกาสใช้ภาษาฝรั่งเต็มศักยภาพหาเลี้ยงชีพได้เงินเยอะๆเสียแล้ว คงต้องยอมรับว่า ตนต้องหามื้อกินมื้อ ปลูกผัก หาปลากินไปวันๆเท่านั้น อาจต้องอดมื้อกินมื้อหรือเปล่า บ่าวไพร่บริวารก็ไม่มี หากจับไข้ขึ้นมา ใครจะดูแล มีเส็งอยู่ข้างเขาคนเดียว แต่พอแล้วหรือ หากเขาเป็นอะไรสาหัสแบบที่เส็งเองก็ช่วยไม่ได้ จะเอายาจากไหน เอาหมอจากไหน ไม่ป่วยตายไปเสียกลางป่าอย่างนี้หรือ คงไม่มีงานศพสมเกียรติเพราะพ่อแม่เขาคงไม่ให้อภัยเขาง่ายๆ ชายหนุ่มคงต้องเป็นศพไร้ญาติ เผาตามวัดแถวนี้ นี่ในกรณีที่เขาตายก่อนนะ
    หากเส็งตายก่อนเขาเล่า เขาจะอยู่อย่างไร กลับไปหาหยาด หาเจ้าคุณพ่อ คุณหญิงแม่ กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ก็คงทำไม่ได้อีก อยู่คนเดียวที่นี่ไปจนตาย จะทำได้หรือไม่
    อีกอย่างที่คิดคือ แล้วหยาดเล่า หล่อนจะเสียใจแค่ไหน สิ่งที่เขาสองคนทำนั้นมันผิดต่อหล่อนเพียงใด แล้วลูกอีก ลูกจะมีปมด้อยเกิดมากำพร้าพ่อโตไปก็จะเป็นเด็กมีปัญหา ไม่มีใครคอยช่วยเลี้ยงดู คอยให้การศึกษา หยาดจะถูกว่า ว่าเป็นหญิงไม่ดี ที่แม้แต่สามียังไม่เอา
    แต่เรื่องของคนอื่นไม่สำคัญกับพวกเขาเท่าเรื่องของตัวเองอีกแล้วในเวลานั้น ด้วยความรักอย่างแรงกล้า บวกความอยากเอาชนะ บวกความหลงแล้ว ทั้งคู่ต่างก็มั่นใจว่าจะอยู่กับอีกคนหนึ่งต่อไป การหนีกันมาอยู่ที่เพชรบุรี เป็นความคิดที่เข้าท่า แม้จะเป็นแบบเห็นแก่ตัวไปสักนิด แต่ก็จะทำให้ทั้งเขาสองคน และหยาดมีความสุขเท่าๆกันได้ทุกฝ่าย
    หลวงพินิจราชอักษรไม่รู้ว่าทั้งเขาและบ่าวคนรักนอนกอดกันเงียบๆอยู่นานเพียงใด กระทั่งเริ่มรู้สึกถึงหยดน้ำตกลงต้องผิวกาย สักพักก็รู้ว่าฝนตก ไม่ถึงนาที จากฝนปรอยๆ โปรยมาเป็นละอองก็กลายเป็นฝนตกห่าใหญ่ ตกโครมลงมาจนเปียกโชกไปหมดสองหนุ่มโอบประคองกันและกันรีบวิ่งเข้าที่พักอย่างเร็วที่สุด
   หลวงพินิจกอดเส็งไว้แนบกาย ไออุ่นจากตัวเขา ทำให้หนุ่มน้อยอบอุ่นเหลือเกิน ทั้งคู่ยืนนิ่งในอ้อมกอดของกันและกันหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนผ้า พร้อมนอนแล้ว หนุ่มน้อยยืนมองบรรยากาศอันแสนน่ากลัวของชายทะเลที่มีมรสุมเข้า อยู่ตอนนั้น มีหลวงพินิจราชอักษรกอดมาจากข้างหลัง วางใบหน้าที่เริ่มมีหนวดแข็งๆขึ้น ไว้บนไหล่ของเส็ง
    ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่า ควรจะบอกเขาไปหรือเปล่า ว่าความจริงที่พระสนิทพิพิธประเทศบอกเขาในวันนั้นคืออะไร กระทั่งรวมรวมสมาธิได้ หลวงพินิจก็เอ่ยขึ้น
    “เส็ง”
    “ขอรับ”
    “เรามีอะไรจะบอกสักหน่อย” อาจเพราะน้ำเสียงของหลวงพินิจนั้นจริงจังมากไปสักนิดกระมัง เส็งจึงหมุนตัวมายืนมองหน้าคุณหลวงหนุ่มอย่างนี้
    “มีอะไรหรือขอรับ”
    “เอ้อ”พอถึงเวลา เรื่องที่พูดง่ายๆกลับพูดยากอย่างไรไม่รู้ “จำวันนั้นที่เราเอางานไปส่งคุณพระสนิทได้หรือไม่”
    “จำได้ซีขอรับ”
    “อันที่จริงคุณพระเธอไม่ได้ให้เราหยุดมาเที่ยวหัวเมืองได้ง่ายๆดอก อันที่จริงเธอชอบงานของเรามาก จึงบอกกับผู้ใหญ่ที่กระทรวง ที่เผอิญอยู่ที่นั่นด้วยในวันนั้นว่า” หลวงพินิจกลืนน้ำลาย “เธออยากให้เราช่วยไปกับเรือขนสินค้าที่จะไปยุโรปเที่ยวนี้ด้วย เพราะไม่มีใครจะไปพูดเจรจากับบริษัทขนส่งทางโน้นได้แล้วนอกจากเราคนเดียว”
    เส็งหน้าชา เขาเบื่อเหลือเกินที่ต้องได้ยินเรื่องที่ไม่น่าฟังแบบนี้จากหลวงพินิจครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่ไปหัวหิน จนหยาดท้อง จนแต่งงาน มาตอนนี้ทำท่าจะไปได้ดีก็กลายเป็นว่า ต้องจากเขาไปจนถึงยุโรปอีกแล้ว
    “ไปเมื่อไหร่ขอรับ” พอพูด เสียงก็สั่นเครือ น้ำตาก็เอ่อล้นมาคลอเบ้าอีกครั้งทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ ให้เป็นแบบนี้เลย หลวงพินิจเห็นเส็งตาแดงกก่ำก็ใจเสีย ก้มหน้าไม่กล้าสบตาบ่าวหนุ่ม
    “อาทิตย์หน้านี้แล้ว”
    “โธ่” เส็งร้องออกมา “อาทิตย์หน้าแล้ว คุณหลวงขอรับทำไมเร็วเหลือเกิน”
    หลวงพินิจไม่อาจตอบได้ เขาก้มหน้านิ่งไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้นให้บ่าวหนุ่มช้ำใจมากไปกว่านี้
    “ไปถึงเมืองฝรั่ง คราวนี้คงไม่ได้รีบไปรีบกลับแน่” น้ำตาของบ่าวหนุ่มไหลเป็นทาง “ต้องไปนานจริงหรือไม่ขอรับ”
    “ก็คง สักสามสี่เดือน หรือหกเดือนเป็นอย่างมาก”
    “หกเดือน!” เส็งอุทาน ร้องไห้อย่างทุกข์ใจ แค้นสวรรค์ที่ทำให้เขาได้พบกับรักที่อ่อนหวาน แต่ก็ทำร้ายเขาด้วยความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า “ทำไมความรักของเราต้องลำบากถึงเพียงนี้ด้วยขอรับ”
    “เส็ง” หลวงพินิจเช็ดน้ำตาคนรัก พลางเข้ามากอดหวังให้หยุดร้อง กระนั้นเส็งก็ยังคงยิ่งร้อง ร้องแล้วร้องอีก ไม่มีท่าว่าจะหยุด “เส็งน้อยใจหรือ... อย่าเพิ่งเบื่อ อย่างเพิ่งน้อยใจซี เราต้องผ่านกันไปได้นะเส็ง เราก็ไม่ได้อยากไป แต่ก็ไม่มีใครที่คุณพระไว้ใจให้ไปอีกแล้ว แล้ว เพราะงานครั้งนี้เราอาจได้เลื่อนยศ อาจจะ...”
    “คุณหลวง” บ่าวหนุ่มกัดริมฝีปาก “คุณหลวงไม่สงสาร ไม่เห็นใจบ่าวบ้างหรือขอรับ”
    เท่านั้นหลวงพินิจก็รู้สึกเหมือนถูกเส็งตบหน้า เหมือนถูกพระยายมราช คว้าหัวใจแล้วบีบทิ้งให้เละเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขามันเป็นคนรักที่แย่ที่สุด เขาทิ้งเส็งไปหัวหินมาครั้งหนึ่ง ทำหยาดท้อง เข้าพิธีแต่งงานให้เส็งต้องทุกข์ใจมาก มาคราวนี้ก็จะทิ้งเส็งไปอีกแล้ว แล้วไปถึงยุโรป เจ้าตัวรู้ดีว่าสามสี่เดือนที่บอกเส็งนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่เขาจะกลับมาได้ กว่าจะเดินทางไปถึงก็หลายเดือน และคงไม่ได้อยู่ที่เดียว เขาอาจต้องไปฝรั่งเศส ไปอังกฤษ ดีไม่ดีได้ไปรัสเซียอีก กว่าจะได้กลับก็คงนาน ขากลับก็ต้องใช้เวลาอีกเป็นเดือน คงครึ่งปีหรือเกือบปีกระมังกว่าที่เขาจะได้กลับมาพบหนุ่มคนรัก
    “เส็ง” เขาว่า น้ำตาปริ่มจะไหลออกมาบ้าง “เราขอโทษนะเส็ง เราจำเป็นต้องไปจริงๆ”
    “คุณหลวง” เส็งสาวเท้าเข้ามากอดร่างของนายหนุ่มกล่าวทั้งน้ำตา “ตั้งแต่รู้จักกันมา อ้ายเส็งคนนี้ยังไม่เคยได้ขออะไรจากคุณหลวงเลยนะขอรับ คราวนี้จะขอสักครั้ง ไม่ไป ไม่ได้หรือขอรับ”
    “เส็ง” เขากระซิบเบาๆ ไม่อาจห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลอาบแก้มเป็นทางมาจน หยดลงบนตัวเส็งอย่างนี้ได้เลย “มันเป็นวิธีเดียวที่เราต้องทำ จะได้บอกกับทางผู้ใหญ่ว่าทำงานเหนื่อยมากแล้ว จะออกมาอยู่บ้านเฉยๆ ออกมาอยู่ด้วยกันกับเส็งแค่สองคน”
    บ่าวหนุ่มได้แต่ฟัง แล้วก็ร้องไห้ ส่ายหน้าราวกับว่าทำอย่างนั้นแล้วหลวงพินิจจะไม่จากไปจริงๆอย่างนั้น
    “ขอให้เส็งคิดว่าทุกวันนี้ เราได้ทำทุกอย่าง ทุกทางแล้วจริงๆให้เราได้อยู่ด้วยกันนะเส็ง” หลวงพินิจราชอักษร หน้าซีดเผือด อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดูเป็นคนที่ “แพ้” ให้ทุกอย่างแล้วในชีวิตตอนนี้ “พอเรากลับจากยุโรป เราจะไปลาออกจากงานที่กระทรวง คุยกับแม่หยาดให้รู้เรื่อง แล้วก็ไปรับเส็งมาอยู่กับเราที่นี่ ที่เพชรบุรีนี้นะเส็ง”
    บ่าวหนุ่มทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องไห้จนน้ำตาแห้ง กอดร่างของหลวงพินิจไว้อย่างนั้น ยอมรับชะตากรรมอันแสนจะอาภัพของตน ขี้เกียจจะเสียใจ น้อยใจ ขอร้องอะไรจากหลวงพินิจราชอักษรอีก ได้แต่หวังลึกๆในใจ ลึกๆจริงๆว่าเมื่อหลวงพินิจกับมายุโรปแล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้นจริงๆ เขาคงจะได้อยู่กับหลวงพินิจราชอักษรสองคน ไปจนตาย ... หารู้ไม่ว่า ตนเองจะไม่มีโอกาสเช่นนั้นจริงๆ

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 22 อัพแล้วครับ (P.23เม้นสุดท้าย): เมื่อคุณหยาดกับแก้ว แท๊คทีมกัน! 21.30 - 16/12/1
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 19-12-2010 23:56:40
    ร่างของพาทิศนิ่งสงบ นานถึงสามอาทิตย์จนเกือบจะขึ้นอาทิตย์ที่สี่แล้ว ที่เขายังนอนนิ่งเป็นเจ้าชายนิทราอยู่บนเตียงอย่างนี้ ชายหนุ่มหลับตาพริ้มอยู่ในเสื้อของโรงพยาบาล อกสะท้อนขึ้นลงเบาๆ ช้าๆตามจังหวะการหายใจที่แผ่วเบาลงมากขึ้นทุกทีๆ  ผมเผ้าถูกตัดออกไปเพื่อผ่าตัดเลือดคั่งในสมอง กระดูกแขนที่หักสมานกันดีหรือยัง ไม่มีใครรู้ เพราะพาทิศยังไม่ฟื้น และจะเอาไปเอ็กซ์เรย์ดูก็ไม่ได้เพราะญาติผู้ป่วยที่ดูเหมือนแม่มดแก่ๆนั้น ยืนยันว่าต้องให้มีโถเครื่องลายครามอยู่ข้างๆตัวชายหนุ่มตลอดเวลา มิเช่นนั้นเขาจะต้องหมดลมหายใจไปอย่างง่ายๆ อย่างนั้น
    “ญาติผู้ป่วยที่ดูเหมือนแม่มดแก่ๆ” คนนั้นนั่งอย่างสงบอยู่ข้างเตียง ตาหลับสนิท เพ่งสมาธิไปยังร่างที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง มีหนุ่มสาวสองคนยืนอยู่ริมเตียง คนที่เป็นชายหนุ่มยืนเกาะขอบเตียงมองเพื่อนหนุ่มอยู่ด้วยสายตาน่าสงสาร มีหญิงสาวที่รวบผมหางม้าตึงอยู่ที่ท้ายทอย ยืนอยู่ข้างๆหลัง มือแตะอยู่ที่บ่าของชายหนุ่มที่วางมือของเขาบนมือของเธออีกทีหนึ่งราวกับจะขอบคุณกำลังใจที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กัน
    ไม่มีใครกล้ารบกวนสมาธิของจิตรา
    หญิงชราพยายามเพิ่งจิตให้เข้าไปเตือนพาทิศว่า ให้ดึงจิตของเขากลับมายังปัจจุบันได้แล้ว แต่หล่อนก็ไม่สามารถทำได้ ราวกับใครบางคนที่ทำให้พาทิศเห็นภาพนิมิตเหตุการณ์ในอดีตของเขาในครั้งนี้ ต้องการให้เฉพาะพาทิศเท่านั้นที่รู้เรื่องราว ต่อให้จิตรารู้ตอนจบของเรื่องนี้อย่างมั่นใจแน่นอนแล้ว หล่อนก็ยังไม่รู้สาเหตุที่มาที่ไปของเรื่องอยู่ดี จึงอยากเข้าไปมีส่วนร่วมในการรับรู้เรื่องนี้บ้าง และหล่อนก็ยังไม่แน่ใจด้วยว่า พาทิศเป็นใครในอดีตกันแน่
    ถามหล่อนว่า หากจิต หรือความทรงจำของคนที่ใครต่อใครรวมทั้งพาทิศก็เห็นกันที่เรือนเทา นั้นเป็นเส็ง แสดงว่าพาทิศจะเป็นเส็งไม่ได้หรือ หล่อนจะตอบว่าอาจได้ แม้บ่อยครั้งไปที่ความทรงจำบางส่วนของคนจะฝังอยู่ในที่ที่ตาย จนจิตที่เข้มแข็งนั้นไม่ยอมพ้นจากโลกไปสู่ร่างใหม่ในชาติภพใหม่ แต่หล่อนก็ยังไม่แน่ใจว่า คนเราจะแบ่งจิตเป็นสองที่อยู่ในที่หนึ่ง แล้วมาเกิดอีกที่หนึ่งได้หรือไม่
    มันจะมีคำอธิบายที่ดีทีเดียว สำหรับการเห็นเหตุการณ์ เดจา วู คือจิต หรือความทรงจำที่เคยเกิดมาก่อนในชาติภพก่อนยังฝังอยู่ในที่ที่หนึ่งไม่ไปไหน แม้จิตส่วนหนึ่งจะมาอยู่ในร่างใหม่แล้วก็ตาม เมื่อร่างใหม่นี้กลับไปยังที่เดิมที่เคยฝังจิต และความทรงจำไว้ ก็จะจำสิ่งต่างๆที่เคยเกิดขึ้นได้อย่างการระลึกชาติ แต่ในเมื่อพาทิศเคยเห็นเส็ง ในรูปของคน แม้จะเป็นเพียงจิตส่วนหนึ่งแต่หากแกร่งกล้าพอที่จะปรากฏเป็นรูปร่าง ก็ย่อมแสดงว่า จิตของเส็งนั้นต้องมีอยู่ครบดวง ฝังอยู่ในเรือนเทานั้นไม่ได้ไปเกิดใหม่ จะแบ่งอยู่ที่เรือนเทาส่วนหนึ่ง มาเกิดเป็นพาทิศอีก ก็ไม่น่าจะได้แล้ว
    กระนั้นจิตราก็ไม่แน่ใจ พาทิศจะเป็นใครก็ได้ ตั้งแต่เส็ง หลวงพินิจราชอักษร คุณหยาด แก้ว มั่น เทิด เจ้าคุณ หรือคุณหญิงไพรัชกิจ หรือแม้แต่มะลิ หรือชิดก็เป็นได้ทั้งนั้น แล้วจริงๆ พาทิศเป็นใครกันแน่ หล่อนทำอะไรไม่ได้ นอกจากปล่อยให้พาทิศรู้ของเขาเอง ทีนี้พอรู้แล้ว ก็จะได้ช่วยกันหาวิธีแก้ต่อไป
    แล้วจิตรามีส่วนได้ส่วนเสียอะไร
    หล่อนจะตอบว่าไม่ก็ได้ แต่ในฐานะของคนที่มีสัมผัสที่หก เมื่อได้ไปสัมผัสถึงจิตของ “ใคร”ที่อยู่ในบ้านนั้นก็ย่อมอยากรู้ว่า จิตที่ยังสิงสถิตย์อยู่นั้นเป็นใคร และต้องการอะไรกันแน่ หล่อนรู้ไม่ใช่ไม่รู้ เกี่ยวกับสัมพันธ์ของหลวงพินิจราชอักษร และเส็ง หล่อนเห็นใจว่าการรอคอยใครสักคน ยาวนานข้ามศตวรรษมันทรมาณเพียงไหน เพราะหล่อนเองก็รอใครสักคนอย่างนั้นเหมือนกันแม้ไม่ข้ามศตวรรษแต่หล่อนก็รู้ว่า การรักใครสักคนแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันมันทรมาณเพียงใด
    จิตราไม่แต่งกับผ่านฟ้าเพราะหมั่นไส้ในความร่ำรวยของเขา มารู้จริงๆว่าหล่อนมีใจให้ชายหนุ่มผู้นั้น ก็สายไปแล้ว หล่อนก็ได้แต่รอให้เขาหันกลับมาแต่ในที่สุดเขาแต่งงานมีลูกไปเรียบร้อย แต่งกับน้องสาวหล่อน จึงได้แต่เศร้าสร้อย โทษตัวเองได้เท่านั้น เพราะความหลงในหนุ่มรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยของหล่อนนั่นเอง
    แต่หล่อนก็ยังตั้งคำถามว่า ที่หลวงพินิจรักเส็งนั้น ใช่รัก อย่างที่หล่อนรักผ่านฟ้าหรือไม่ หรือเป็นเพียงหลง จนอาจจะตัดสินใจผิดไม่เลือกคุณหยาด อย่างที่หล่อนเลือกรุ่นพี่ผู้นั้น แทนที่จะเป็นผ่านฟ้ากันแน่
    จิตราลืมตาในที่สุด เพื่อนหนุ่มของพาทิศก็โผเข้ามาหาหล่อน ถามด้วยเสียงร้อนรน “คุณป้าครับ ไอ้ทิศ... ไอ้ทิศจะไม่ฟื้นจริงๆหรือครับ”
    “ฟื้นแน่ค่ะ แต่ไม่ใช่ตอนนี้” หล่อนหลับตาว่าด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เจ้าของนิมิตยังไม่อยากให้เขาฟื้นค่ะ”
    “แต่นี่เกือบเดือนแล้วนะครับ คุณป้าผมไม่อยากให้มันเป็นเหมือนตอนนั้นอีก แล้วตอนนั้นก็เพียงแค่อาทิตย์เดียว..”
    “คุณณัฐอย่าห่วงเลยค่ะ ตอนนี้คุณพาทิศได้รับอาหารจากทางสายน้ำเกลือ แล้วพยาบาลก็คอยมาขยับพลิกตัวอยู่ทุกวัน คนไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” สร้อยฟ้ายิ้มให้ชายหนุ่มผู้ซึ่งยิ้มกลับอย่างอบอุ่น
    “ขอบคุณคุณสร้อยมาก ที่อยู่ข้างผมมาตลอด... ถ้าผมไม่ได้คุณสร้อยผมคงจะแย่” จิตราสังเกตเห็นเลือดฝาดขึ้นหน้าหลานสาว พอๆกับสายตาอบอุ่นของเพื่อนหนุ่มของหลานชายเพื่อนหล่อน ก็หลับตาลงยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะพูดแทรกขึ้นมาเฉยๆว่า
   “จริงของแม่สร้อยค่ะ คุณณัฐอย่าเป็นห่วงไปเลย อีกอย่าง จิตของคุณ
พาทิศเข้มแข็งขึ้นแล้ว เรื่องคงกำลังจะเข้มข้นขึ้น จิตคุณพาทิศใกล้จะกลับเข้าร่างในที่สุด ดิฉันว่า เรื่องคงกำลังจะจบแล้วล่ะค่ะ” ใช่เรื่องความรักในอดีตระหว่างหลวงพินิจราชอักษรและเส็งกำลังจะจบลง แม้ความรักของทั้งคู่ยังไม่จบลงในปัจจุบัน ยืดยาวมาเป็นศตวรรษก็ตาม ในขณะที่ความรักของหนุ่มสาวที่อยู่ด้วยกันกับหล่อนคู่นี้กำลังเริ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ...จิตรายิ้มอย่างพอใจ    

*********************************************************************************************

ขอโทษทีครับที่ตอนนี้มาต่อช้าเหลือเกิน พอดีเพิ่งเสร็จธุระนะครับผมม
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นนะครับที่เป็นกำลังใจให้ ขอบคุณมากครับ
คุณหน่าครับ ...จะเม้นสั้น เม้นยาว ผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ ดีใจเสียอีกที่มีคนติดตาม และอุตส่าห์เม้นให้กำลังใจไว้ด้วย ตื้นตันมากๆครับ
ตอนนี้คงจะเครียดๆหน่อยนะครับ อันที่จริงหมดช่วงหวานแล้ว ฉากนี้เป็นฉากหวานเล็กๆน้อยๆ ฉากสุดท้าย
หนทางข้างหน้ามีแต่ขวากหนาม ครับผม

ตอนหน้าจะยิ่งเศร้า เป็นตอนที่พีค และแต่งยากที่สุดตอนหนึ่งเลยครับ ยอมรับว่าแต่งตอนต่อไปนี้ตอนเดียว แทบจะทั้งวัน
และบทต่อไปนี้แหละครับที่ผู้เขียนเองต้องเสียน้ำตาให้กับมันด้วย เรียกได้ว่าเป็น มาม่า ต้มยำทะเลเดือดไซส์ยักษ์จริงๆ
ยังไงก็ติดตามกันนะครับผม อิอิ

ปล. ขำเม้น คุณ Big...
ปล2 ขำเม้นคุณกิตเช่นเคย :]
ปล3 ขำทุกเม้นที่เขียนว่า "รู"คุณหยาด 555+
ปล4 ยินดีต้อนรับคุณ V_we และ คุณ Itahset
รวมทั้งคนอื่นๆที่เพิ่งมาตามอ่านนะครับ ฝากคุณหลวง และเส็ง รวมทั้งพาทิศและคนอื่นๆไว้ในใจอีกสักคนสองคนด้วยนะครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 20-12-2010 00:40:39
เป็นกำลังใจให้เส็ง

 :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 20-12-2010 01:01:42
 :monkeysad:สงสารเส็งคุณหลวง


เกียจทุกคนที่ขัดขวางความรักกกกกกกกกกกกกก :angry2:


พาทิศตื่นมาเร็วน้าณัฐรออยู่ๆๆๆๆๆๆๆ


อยากรู้ว่าพาทิศเป็นใครด้วยยยยยยยยยยยยยยยย o13
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 20-12-2010 01:15:25
ใกล้ถึงจุดที่ทุกคนอยากรู้แล้วใช่ไหมค่ะ ว่าเส็งและคุณหลวงตายยังไง จะรออ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 20-12-2010 01:56:00
สงสัยเส็งจะตายเสียก่อนกระมั้งเนี้ย

แล้วใครที่อยู่ในสะบัวเล่า หรือจะเป็นนางแก้ว พวกขี้ข้าหวังตีตัวเสมอเจ้านายนี้น่าจะถูกจับกดสระนะอาจจะเป็นนายเทิดที่ฆ่าแก้ว  พอคุณหลวงกลับมาก็เลยตรอมใจตายเลยที่รู้ว่าเส็งเสียแล้ว



อยากรู้มากอ่ะวาจะออกมาเป็นแบบไหน
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Miku ที่ 20-12-2010 03:45:44
แอบลุ้นๆว่าพาทิศน่ะ คือคุณหลวง
แต่ก็รู้สึกไขว้เขวนิดๆแล้ว

ตอนนี้เริ่มๆจะบีบคั้นหัวใจแล้ว
กลัวว่าคุณหลวงไปแล้วเส็งจะโดนคนอื่นแกล้งจนตายไปจริงๆ
ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว คุณหลวงกลับมาจะเป็นยังไง
แล้วหายไปครึ่งปี จะยังรักเหมือนเก่ามั๊ย(เห็นตอนต้นเกริ่นๆเหมือนมีคนเล่าว่าคุณหลวงตายเพราะรักคุณหยาดมาก)
ถ้าคุณหลวงไม่เหมือนเก่า แล้วเส็งที่ตายไป รอไปเพื่ออะไร

อยากอ่านต่อมากเลยค๊าาา

(ส่วนตัวแล้วแอบเห็นใจคุณหยาดนะ แต่งเข้ามาแล้วเขาก็ไม่รัก)
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 20-12-2010 04:01:20

ต๊าย นุ่งโจงลงเล่นน้ำทะเล เท่พิลึก
/กิต. นึกถึงภาพ....ผ้านุ่ง ลอยกระเพื่อมๆ อิอิ

๑๒๐ + ๑ = ๑๒๑
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 20-12-2010 08:30:32
ณัฐกับสร้อยฟ้า  จะเข้าทำนองคุณหลวงกับแม่หยาดหรือเปล่านะ
ดูเหตุการณ์จะคล้าย ๆ กัน  อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกความรักทำให้คนเห็นแก่ตัวนะ
รักแล้วก็อยากครอบครอง  ผิดมั๊ยก็ไม่ผิดหรอก
แต่ในสถานการณ์แบบนี้มันก็ไม่ถูก  เฮ้ออ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: V_we ที่ 20-12-2010 15:03:57
มันหวานๆ ปนเศร้า แล้วก็แถมด้วยอาการหวาดระแวง
คิดไปสารพัดว่าอะไรที่จะแยกสองคนนี้ออกจากกันจริงๆ
ความจริงใกล้มากแล้วสินะคะ เตรียมผ้าเช็ดหน้าไว้รอ
 :sad11:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 20-12-2010 16:01:07
เตรียมใจรอรับมาม่าชามยักษ์ :sad11:

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 20-12-2010 16:24:16
ไม่อยากให้ถึงตอนหน้าเลย  :m15:

ขอตัวไปเตรียมผ้าเช็ดตัวก่อนนะคะ ทิชชู่คงไม่พอ

สงสารเส็งงงงงงงงง  :sad11:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 20-12-2010 16:42:27
 :impress3: เรื่องมันเศร้า

ทำไมคุณหลวงทำกับเส็งเยี่ยงนี้
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: BiGgYDrIb ที่ 20-12-2010 18:01:36
ใกล้ climax แล้วสินะ

ได้เวลาที่พจเส็งจะลุกขึ้นมาถักเปีย ถือชะลอมเดินเข้าบ้านชายคลอง โดยไม่มีคุณหลวงชายกลาง

ไม่รู้หม่อมแม่กับหญิงเล็กจะแผลงฤทธิ์อะไรบ้าง

กำพร้าสามีชั่วคราว แล้วยังถูกโขกสับอีก
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 20-12-2010 20:13:16
ณัฐรักกับสร้อยฟ้าจริงๆ หรอ แล้วพาทิศล่ะ ฮือออออออออ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 20-12-2010 20:42:57
เส็งโดนจับกดน้ำแน่เลยอ่ะ 


พาทิศคู่กับณัฐเหรอพี่



แล้วพาทิศทำไงอ่ะ


เชียร์นัทกับพาทิศเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 20-12-2010 23:45:29
เพิ่งได้ติดตามอ่านแบบรวดเดียวถึงหน้าปัจจุบัน
สนุกมากๆค่ะ แถมใช้คำได้สละสลวยสมเป็นนิยายพีเรียด ^^
ตอนแรกอ่านแล้วไม่ถูกชะตากับพาทิศสักเท่าไร  แต่พออ่านๆไปอยากให้พาทิศคู่กับณัฐมากกว่าให้นัฐไปคู่กับสร้อยฟ้าแฮะ
สงสารเส็ง รักคนที่อยู่สูงกว่าแล้วยังมีแต่อุปสรรคอีก จะเศร้าไปไหน TTATT
แต่แม้ว่าจะดราม่าสักแค่ไหน จะคลุกเคล้าน้ำตาเพียงใด
ก็จะตามอ่านต่อไปค่ะ อยากรู้ว่าถึงที่สุดของแต่ละคนจะเป็นยังไง^^
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 21-12-2010 05:11:31
ตอนหน้า น่าเป็นห่วงจริงๆ

อย่าเศร้ามากนะ เดี๋ยวคนอ่านบางคนจะใจสลาย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 21-12-2010 10:47:45
อยากรู้เมือนกันว่าพาทิศจะเป็นใคร
แล้วเกี่ยวอะไรกับโถ
เรื่องนี้มีแต่ความสงสัย
อยากอ่านต่อจัง

^^
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Lady-Rabbit ที่ 21-12-2010 21:07:52
อ่านแล้วรู้สึกได้ถึงความรัก ความหลงระหว่างคนทั้งคู่จริงๆค่ะ
คุณหลวงจริงๆก็ค่อนข้างจะบูชาความรักอยู่มากเหมือนกัน

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: jobi ที่ 22-12-2010 17:24:55
ยังคิดไม่ตกว่าพาทิศเป็นใคร
จากที่อ่านอาจจะเป็นคุณหยาด
เพราะว่ามาส่องรูเดียวกัน
ส่วนพาทิศคราวนี้นอนนานจังเลย ณัฐร้อนใจแย่

ขอบคุณมากๆค่า สำหรับนิยายสนุกๆ
รอติดตามตอนหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: viky_mama ที่ 22-12-2010 22:37:13
อ้าวกำ น้องณัฐเราจะน้องใจพาทิศหรือไง ไม่นะ T^T

ปล เตรียมเศร้าแน่เลยตอนหน้า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: dezzetoeiiz ที่ 22-12-2010 23:02:57
สวัสดีค่ะ :)) .. หลังจากเพิ่งได้อ่านเมื่อวานนี้ มาจนถึงตอนปัจจุบัน
เรารู้สึกเสียใจมากที่เข้ามาอ่านเร็วเกินไป เพราะมันค้างมาก
แล้วก็เสียใจที่เข้ามาอ่านช้าเกินไป เพราะมันทำให้รู้สึกว่าไม่ได้ติดตามมาัตั้งแต่ต้น  :z3:

ตอนช่วงที่คุณหลวงเริ่มจีบเส็งนี่เราก็อิ๊นนนนน อินจนม้วนแทนเส็งไปประมาณสามสิบตลบ
แต่พอมาตอนจะไคลแมกซ์ ที่คาดว่าสะเทือนใจคนอ่านมากมายแน่นอน อันเป็นต้นว่า เส็งคนโดนไม่แก้ว คุณหยาด หรือเทิด หรือใครก็ตามรังแก และในที่สุดก็คงต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน
แอบเห็นด้วยว่าพาทิศอาจจะเป็นคุณหยาดกลับชาติมาเกิดจริงๆ เหมือนว่าโรคชอบถ้ำมองจะเป็นบาปกรรมติดตัวมาแต่ชาติก่อนที่ไปเจาะรูแอบดูเขา !

แค่นี้ก็เศร้าพอแล้วค่ะ คิดๆแล้วไม่อยากอ่านตอนต่อไป กลัวเศร้าเกินนน
อย่างน้อยในปัจจุบันก็ยังอยากให้เขาได้เจอกันในภพภูมิที่ดี ไม่ต้องมีอะไรขัดขวางความรักอีกต่อไป เศร้า

จิตเป็นอนัตตา .. หลังจากนี้คงต้องทำใจ  :o12:

ขอบคุณค่ะ TT
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: deva ที่ 23-12-2010 16:11:31

แอบโดนอิทธิพลทางความคิดจาดคุณ dezzetoeiiz  ครอบงำ 555
หลังจากที่ได้อ่านความเห็นก็เริ่มคิดตาม

ไม่เคยคิดมาก่อนว่า พาทิศจะเป็นคุณหยาดเมื่อชาติก่อน
แต่จากพฤติกรรม ส่องรูคุณหยาดแบบนี้  แล้วยังเห็นเส็ง
อาบน้ำเหมือนกันด้วย ว้าว ยิ่งเหมือนกันไปใหญ่่ ท่าทางพาทิศ
จะเป็นคุณหยาดแน่ๆเลย เป็นการเดา ณ ขณะนี้

ถ้าอย่างนั้น คุณหลวงกับเส็งในชาตินี้ถ้าจะมีคงหนีไม่พ้น
สร้อยฟ้า กับ คุณณัฐแน่ๆเลย


อ่านทันมาได้สักพักแล้ว + อ่านตอนล่าสุดแล้วด้วย
ทั้งๆที่อยู่ในช่วงสอบเนี่ยแหละ ห้ามใจไม่ไหวจริงๆ
รัก รัก รัก เรื่องนี้มากๆเลย 

ขอบคุณ Purple_sky ด้วยที่ตอบเม้นมาคุยกันตั้งยาว
จะบอกคุณว่า ถ้าสำนวนการเขียนบอกหน้าตาคนเขียนได้นะ
คุณคงเป็นคนที่หน้าตาดีมากๆ  หล่อสุดในสามชาติ 555
ปลื้มคนเขียน อิอิ

ตอนหน้าเนื้อหาคงพีคแล้วสิ  เชื่อเหมือนคนอื่นว่า
คงไม่พ้นฉากการตายอย่างทรมานของเส็ง
แค่คิดก็บีบหัวใจ  กับฉากหัวใจแตกสลายของคุณหลวง
เมื่อพบว่าสูญเสียคนรักไป  ตามมาด้วยการ
ตรอมใจหรือฆ่าตัวตายตามไป ฮือๆๆๆ บทสรุปใกล้เข้ามาแล้ว

เริ่มอยากรู้จริงจังแล้วสิว่าคนเขียนเรียนมาด้านไหนนะเนี่ย
เห็นบอกว่า "รู้แล้วจะอึ้ง" หรือว่าจะเป็น... หมอ
ไม่รู้เหมือนกัน แตรู้สึกว่าคงไม่ใช่ด้านสังคม ด้านมนุษยแบบที่คิดไว้มั้ง
ก็น่าจะเป็นด้านวิทย์ สักอย่างหนึ่ง  ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง
แล้วเขียนได้ขนาดนี้ หาข้อมูลได้ขนาดนี้  คุณเจ๋งมากเลยรู้มั้ย
แค่รู้ว่าเรื่องนี้เริ่มต้นมาจากฝันคุณก็ทึ่งแล้วนะ บวกกับ
ใช้เวลาทำการบ้านหาข้อมูลถึง 7 เดือนทุ่มเทสุดๆไปเลย
ยกย่องมากๆ  ถ้าไม่เขียนด้วยใจคงไม่กลั่นกรองข้อมูลนานขนาดนั้น

อ่านเรื่องของคุณแล้วอยากเขียนเรื่องแนวย้อนยุคบ้าง  ตอนนี้ยอมแพ้ไปแล้ว
หาข้อมูลไม่ไหวจริง  ทุกอย่าง ฉากเอย การพูดการจา การแต่งตัว สิ่งของ
ความเชื่อ แต่งแล้วกลัวจะไม่โบราณจริง  สู้รออ่าน ปางบรรพ์ ของคุณดีกว่า


แต่แอบขัดใจอ่ะ คุณหลวงกับเส็งทำไมไม่ระมัดระวังกว่านี้
ตอนล่าสุด ไปเมืองเพชร กันแล้วมีบ้านเพื่อนพระสนิทอยู่ใกล้ๆ
เขาเห็นเข้าจะเอาไปฟ้องใครหรือเปล่าก็ไม่รู้  เื่ผลอๆแดงถึงเจ้าพระยาไพศาลราชกิจจะทำเยี่ยงไร


ปล ปลื้มคนเขียน และรักทุกตัวละครต่อไป แม้จะต้องฝืนใจ เจือดความรักไปให้นังแก้ว กับคุณหยาดบ้างก็เถอะ



หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 23-12-2010 22:55:30
๒๔

   เจ้าคุณไพรัชกิจมาหาหล่อน พร้อมกับเทิดในเช้าวันหนึ่ง เป็นเช้าที่อากาศขุ่นมัวฟ้ามืดครึ้มราวกับว่าฝนพร้อมจะตกลงมาเมื่อใดก็ได้ เสียงนอกเรือนก็เงียบสงัดราวกับไม่มีใครอยู่บ้าน อันที่จริงก็ไม่ค่อยมีใครอยู่บ้านจริงๆนั่นแหละ บ่าวไพร่หลายคนพากันลากลับหัวเมืองบ้าง หนีหายไปเฉยๆบ้าง เพราะไม่อาจทนพฤติกรรม “เล่นสวาท” ของนายหนุ่มของตนได้ นับแต่วันที่หลวงพินิจกลับมาจากหัวหิน เจ้าของบ้านก็แสดงออกอย่างชัดเจนในท่าทีของเขาที่มีต่อเส็ง จะโอบกอด จูงมือก็ทำโดยไม่สนใจว่าบ่าวไพร่คนใดจะเห็น แม้คุณหลวงจะไม่ได้แสดงบทรักอย่างโจ๋งครึ่มให้ใครต่อใครเห็นแต่ก็ไม่คิดจะปิดบังท่าทีที่แสดงให้เห็นว่าเป็นการปฏิบัติต่อคนรักอีกต่อไปเพราะในใจของทั้งคู่เริ่มอยากเอาชนะ และไม่สนใจสังคมรอบข้างเสียแล้ว
    ไม่มีใครคิดจะทำอะไรกับเรื่องนี้ คนเป็นบ่าว จะทำอะไรได้นอกจากทนมองพฤติกรรมที่ยากจะยอมรับได้ของนาย คนที่ทนได้บ้างก็ยังเลี่ยงไม่ขึ้นเรือนเทา ไม่อยาก “เห็น” หรือ “ได้ยิน” อะไรอีก บางคนทนไม่ได้ก็ออกไปเสียง่ายๆ เรือนเทาจึงเริ่มเสื่อมโทรม มีมั่น แก้ว มะลิ ชิด ที่เป็นคนใกล้ชิดกันมาเท่านั้นที่กล้าขึ้นเรือนมาปัดกวาดเช็ดถูกทำความสะอาด แม้แต่หยาดเอง ก็ประกาศตนอย่างชัดเจนว่าจะไม่สนใจเส็งอีกแล้ว แต่ก็ไม่ขับไล่หรือดุด่า เพราะหล่อนมีแผนจะให้ใครบางคนจัดการสิ่งนั้นแทนหล่อน
    คนที่เหมาะสมที่สุดที่จะรับบทนี้จะเป็นใครอีก ถ้าไม่ใช่เจ้าคุณไพรัชกิจเพียงแต่หยาดไม่คิดเท่านั้นว่า เจ้าคุณจะมาหาหล่อนเอง โดยที่หล่อนไม่ต้องส่งใครวิ่งโร่ไปฟ้อง
   “จริงหรือไม่หนูหยาด ที่เขาลือกันว่าตาแสงไม่ใยดีหนูเลย ทิ้งไว้ให้อยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้ดูแลเอาใจใส่ ออกหน้าออกตาในสังคมเท่าที่ควร” เจ้าคุณไพรัชกิจเปิดฉากมาอย่างไม่อ้อมค้อม ไม่คิดชวนคุยชักแม่น้ำปัญจมหานทีแม้สักสายเดียว เขาพูดออกมาตรงๆโผงผางตามนิสัยของเขา
    คงตรงเกินไปจนหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้วยตกใจ
    หล่อนดูอวบขึ้นมากแล้ว เพราะท้องมาได้กว่าสี่เดือน แม้ไม่มีท้องกลมยื่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ดูออกชัดเจนว่าดูอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี ใครมองผ่านๆคงคิดว่าหลวงพินิจดูแลหล่อนดี ขุนจนอ้วนพร้อมเป็นคุณแม่มากกว่าจะคิดว่าอ้วนขึ้นเพราะท้องก่อนแต่ง

     หยาดกระมิดกระเมี้ยน จะตอบได้อย่างไรว่า “พี่แสงไม่ใยดี ดีฉันเลยเจ้าค่ะ วันๆเอาแต่นอนกกอ้ายเส็ง ไม่ได้ดูแลดีฉันเลยเจ้าค่ะ” แต่จะทำเหมือนไม่มีอะไรก็จะไม่สมกับเป็น “คุณหยาด” ผู้เอาแต่ใจตัวเอง รวมไปถึงแผนการในการกำจัดเส็งของแก้ว ที่พวกหล่อนเพิ่งคุยปรึกษากันว่า
    “ต้องบอกเจ้าคุณไพรัชกิจเจ้าค่ะ ได้ไล่อ้ายเส็งมันออกจากเรือนไปให้พ้นๆลูกตา คุณหยาดได้มีโอกาสใกล้ชิดคุณหลวงเต็มที่อย่างไรล่ะเจ้าคะ”
    หยาดจำได้ว่าหล่อนเคยตอบแก้วไปว่า
    “ไม่ดอกแก้ว ฉันเข้าใจแล้วว่าเขาไม่รักฉัน ถ้าคุณหลวงเธอรักชอบของเธออย่างนั้น ก็แล้วแต่เธอไปซี ฉันหวังแต่เพียงทรัพย์สมบัติและความสบายเท่านั้นแหละ” แม้จะเข้าทางแก้วแต่บ่าวสาวก็ยังยุอีกว่า
    “คุณเจ้าขา... ลูกในท้องคุณก็เป็นลูกคุณหลวงนี่เจ้าคะ อย่างไรทรัพย์สมบัติของคุณก็ต้องได้อยู่แล้ว แต่ถ้าได้ใจคุณหลวงมาด้วยก็จะยิ่งสะใจ จริงหรือไม่เจ้าคะ อย่างน้อยได้ตอกหน้าอ้ายเจ๊ก พิสูจน์เจ้าค่ะว่าอย่างไรก็ตาม ผู้หญิงอย่างเราต่างหากที่คู่ควรกับผู้ชาย”
    คำว่า “เรา” ของแก้วเป็นสรรพนามบุรุษที่หนึ่งพหูพจน์สำหรับหยาด แต่หยาดไม่รู้ว่า ผู้พูดตั้งใจพูดให้เป็นสรพพนามบุรุษที่หนึ่งเอกพจน์ ... ตั้งใจให้หมายความถึงตัวหล่อน – นางแก้วเองต่างหาก
    คิดถึงคำยุจากแก้ว ก็ทำให้หยาดนึกแค้นใจ ฮึดสู้ขึ้นมาได้บ้าง เอ่ยปากขึ้น
    “มิได้เจ้าค่ะ ดีฉันจะว่าสามีของดีฉันเอง อย่างนั้นได้อย่างไร” หยาดก้มหน้าให้เจ้าคุณตีความเอาเองว่าหล่อนแอบซ่อนความระหว่างบรรทัดไว้ในท่าที ซึ่งสายตาที่เฉียบคมของเจ้าคุณก็เผอิญเฉียบพอที่จะเห็นท่าทีนั้นแฝงอยู่สมความตั้งใจเสียด้วย
    “อย่าโกหกพ่อเลย เขาลือกันทั้งพระนครว่า ตั้งแต่แต่งกันมายังไม่เห็นหน้าลูกพระยาไพศาลเสนีย์ออกไปไหนกับสามีเลย” เจ้าคุณมองอย่างเพ่งพิศ เวลาที่เจ้าคุณมองใครอย่างนี้ เป็นใครก็ร้อนๆหนาวๆอยู่บ้าง แต่สำหรับหยาด หล่อนไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น เพียงแต่อิ่มใจที่แผนของหล่อนได้ผลพอแล้วที่ให้เจ้าคุณซักเอาเอง ไม่ใช่ว่าหล่อนเป็นคนวิ่งโร่ไปบอก
    “ก็คงไม่ได้ไปไหนจริงๆ กระมังเจ้าคะ” หล่อนยิ้มแบบเย็นๆ
    “แล้วลูกสุขสบายดีหรือ มีอะไรลำบากหรือไม่สบายใจบ้างไหม”
    “ดีฉันอยู่สบายดีเจ้าค่ะ” หล่อนตอบ และยังคงยิ้มแบบน่าสงสารให้เจ้าคุณอยู่ ค่อยๆ ดำเนินการตามแผนที่วางไว้ อย่างช้าๆ แต่มั่นคง และดูท่าจะไปได้สวย “ถ้าวันไหนคุณหลวงเธอไปข้างนอก หรือทำงานอะไรยุ่งอยู่ ดีฉันก็อยู่กับแม่แก้วสอนให้ร้อยมาลัยสวยๆ หรือปักผ้ากันเป็นลายใหม่ๆ กันเจ้าค่ะ”
    “แล้วตาแสงวันๆมันทำอะไรบ้าง ไม่ไยดีหนูหยาดเลยหรือ”
   หยาดยิ้มอย่างสะใจที่แผนหล่อนมาถึงขั้นรุกเสียแล้ว หล่อนแสร้งพูดเบาๆอย่างเกรงอกใจเกรงใจ ยังคงหลบตาเจ้าคุณ ให้เห็นว่าหล่อนไม่ได้ตั้งใจฟ้อง แต่ตอบไปแบบไม่เต็มใจเท่านั้น
    “คุณหลวงเธอคงมีงานเยอะเหลือเกินเจ้าค่ะ วันๆขลุกอยู่แต่กับเส็ง จะไปไหนก็พาบ่าวคนนี้ไปเพราะเห็นว่าพูดจากันรู้เรื่อง ดีฉันไม่รู้ภาษาอะไรกับคุณหลวง ก็เลยไม่เป็นประโยชน์อะไรกับคุณหลวงเธอเท่าใดกระมังเจ้าคะ”
    หยาดตอบเพียงเท่านี้ เจ้าคุณก็ถอนตาที่มองเพ่งเหมือนคนในยุคปัจจุบัน “มองลอดแว่น” นั้นออกไป แล้วมองหยาดด้วยแววตาสงสารเท่านั้น พระยาไพรัชกิจถอนใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยว่า
    “เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พ่อหนักใจที่สุด” เขาว่าเบาๆ
    เป็นครั้งแรกที่หยาดมองเห็น “คนแก่” คนหนึ่ง นั่งอยู่ตรงหน้า สภาพเหนื่อยโทรม ไม่มีความสุขกับชีวิต ไม่เหมือน เจ้าคุณไพรัชกิจที่มั่งคั่งร่ำรวย เป็นที่เคารพยำเกรงของคนอื่นเสียเลย เขานั่งตาลอย เหมือนสนใจผนังที่อยู่ด้านหลังของหยาดมากกว่าคนที่เขาสนทนาอยู่ด้วย
    “บรรดาบ่าวไพร่คนเก่าคนแก่เขามาฟ้อง ว่าตาแสงปล่อยให้หนูหยาดต้องทุกข์ต้องเศร้าใจ ได้แต่อยู่กับบ้าน ไม่ได้ออกไปเปิดหูเปิดตาที่ไหน แถมยังขลุกอยู่แต่กับ อ้ายเส็งคนนั้นละ” เขาลอบถอนใจ “กลัวว่าลูกเรามันจะเป็นพวกลักเพศ เห็นใครๆก็ว่ากันอย่างนี้”
    หยาดนิ่งเฉย หล่อนรู้ดีว่า หากพูดแทรกขึ้นเฉยๆอย่างนี้ ก็จะดูว่าหล่อนอยากฟ้องเสียเต็มแก่ตั้งแต่แรก จึงเงียบไม่ตอบอะไร จนกว่าเจ้าคุณจะถามขึ้นมาเองละ ทีนี้หล่อนจึงจะตอบทั้งหมดที่เขาถามไม่ว่าจะอะไรทั้งสิ้น
    “ไอ้เรารังเกียจก็รังเกียจ รับไม่ได้ดอกอ้ายพวกบัณเฑาะก์พวกนี้” เจ้าคุณเสียงแข็งขึ้นตามพายุแห่งอารมณ์โกรธที่ค่อยๆก่อขึ้นในใจ “แต่พอคิดว่าเป็นลูกก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อีกอย่างยังไม่รู้เลยว่าที่เขาพูดๆกันนี่ จะเป็นจริงหรือไม่”
    เงียบ ไม่มีใครตอบอะไร หยาดเหลือบมองตาเทิดแวบหนึ่งก่อนจะก้มหน้านิ่งไปอีกครั้ง จนเจ้าคุณพูดขึ้นมาอีกว่า
    “หนูจะไม่พูดกระไรหน่อยหรือ”
     หยาดเงยหน้าขึ้นในที่สุด แกล้งบีบน้ำตาเท่าที่ทำได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ทำได้แต่ให้เสียงสั่นเครือคล้ายคนจะร้องไห้เท่านั้น
   “เจ้าคุณจะให้ดีฉันพูดกระไรเจ้าคะ สามีของดีฉันนะเจ้าคะ” หล่อนแสร้งทำได้น่าสงสารพอที่เจ้าคุณไพรัชกิจจะคลายแววโกรธในดวงตาไปได้บ้าง “ดีฉันรักคุณหลวง และไม่เชื่อว่าคุณหลวงจะเป็นแบบนั้นเด็ดขาด ใครมันจะพูดอะไร ไปเอามายืนยันเถิดเจ้าค่ะ กล่าวหากันง่ายๆเฉยๆแบบนี้ดีฉันไม่ยอมรับเด็ดขาด”
    เจ้าคุณส่ายหน้า
    “จะไปเอามายืนยันอย่างไรลูกเอ๋ย เขาพูดกันปากต่อปาก ไม่มีใครเขาคิดหาเรื่อง หากมันไม่มีมูล ใครจะเอาอะไรมาพูด”
    นั่นละ หยาดได้จังหวะในที่สุด
    “คุณหลวงเธอแค่ให้เส็งนอนในเรือนเทา และอยู่ในห้องทำงานกันทั้งวันทั้งคืนเท่านั้นนะเจ้าคะ ไม่มีหลักฐานอะไรเลยจะประกันได้ว่าคุณหลวงเธอเป็น... เป็นพวกลักเพศนี่”
    “ว่าอย่างไรนะ ให้นอนบนเรือนหรือ” เจ้าคุณแผดเสียงออกมาดังลั่นด้วยความโกรธ ไม่ทันเห็นว่า แก้วกับหยาดลอบสบตากันอย่างสะใจเพียงไร “สมควรที่คนเขาจะพูดกัน อ้ายแสงมันคิดอะไรอยู่ นอนที่ไหนแม่หยาด บอกพ่อมาซี!”
    “เอ้อ” หล่อนแกล้งทำอึกอัก “นอนในห้องเจ้าค่ะ คุณหลวงเธอนอนกับเส็งห้องหนึ่งเห็นว่าทำงานกันดึกๆ ลูกนอนอีกห้องหนึ่งเจ้าค่ะ”
    เท่านั้นเอง เจ้าคุณไพรัชกิจก็ปวดหัวปรี๊ด เส้นเลือดในสมองแทบแตก หน้าแดงก่ำด้วยทั้งโกรธ และอาย รังเกียจเรื่องราวที่ได้ยินได้จินตนาการคิดตามไปถึงไหนๆ ...มันทำได้อย่างไร ทำไปได้อย่างไร เสื่อมเกียรติ ฉีกหน้าบรรพบุรุษเสียย่อยยับไม่มีชิ้นดี
    “ต่ำ! สกปรกที่สุด! เรื่องที่เขาลือกันเห็นจะจริงกระมัง”

    
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 23 แล้วครับ (P.24): ตามเส็ง+คุณหลวงไปเพชรบุรีกัน! 00.05 - 20/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 23-12-2010 22:56:46
คนบนเรือนไม่รู้หรอกว่า คนที่กำลังพูดถึงนั้น นั่งเรือพายอย่างสุขสบายใจมากับคู่กรณี หัวเราะกันอย่างแช่มชื่น สนุกสนาน ไม่ได้รู้เหมือนกันว่าคนในบ้านกำลังเป็นฟืนเป็นไฟเพียงใด เดินขึ้นจากท่ามาไม่เห็นใครมาต้อนรับก็ไม่ทันผิดสังเกตเดินหัวเราะเคียงคู่กันมา จนเกือบถึงเรือนเทาจึงได้ยินเสียงโวยวายของคนที่ตนคุ้นเคยเป็นอย่างดี
    เสียงก่นด่า ฟังแล้วร้าวไปถึงเบื้องลึกที่สุด ดังออกมาจากปากพ่อบังเกิดเกล้า หลวงพินิจหันหน้ามามองเส็งอย่างเต็มตาเห็นแววประหม่า ตกใจในดวงตาของกันและกัน
    “เจ้าคุณพ่อมา” หลวงพินิจครางออกมาเบาๆ
    คำว่า “วิปริต ผิดเพศ” ดังสะท้อนออกมานอกเรือน จนหลวงพินิจแทบไม่ต้องเดาเลยว่า คนข้างในกำลังพูดถึงเขากับคนรักของเขาเป็นแน่
    “คุณหลวงขอรับ ... คุณหลวงทำอย่างไรดี”
   “เส็งไม่ต้องทำอย่างไรทั้งนั้น กลับไปเรือนบ่าวก่อนเถิด”
    “คุณหลวง บ่าวไม่ไปไหนทั้งนั้น”
    “ไปเรือนบ่าวเดี๋ยวนี้เส็ง! ถือว่าเราขอร้องเส็งสักเรื่อง” หลวงพินิจคว้าต้นแขนของเส็งมากุมแน่นพยายามทำตัวให้เข้มแข็งไม่ให้เสียสติกันไปมากกว่านั้น
    หลวงพินิจไม่ฟังคำทัดทานใดจากเส็งอีก เขาเปิดประตูเรือนเข้าไป เจอบ่าวที่นั่งหน้าซีดอยู่ก็ตะโกนถามอย่างร้อนใจ
    “เจ้าคุณพ่ออยู่ไหน”
   “หอนั่งเจ้าค่ะ”
    คุณหลวงหนุ่ม เดินเข้าไปในห้อง พอดีกับคำถามของเจ้าคุณพ่อของเขาว่า “แล้วอ้ายตัวดีมันอยู่ที่ใด”
    “อยู่นี่ขอรับ” หลวงพินิจก้าวเข้าไปในห้องอย่างเต็มตัวยืนประจันหน้ากับพ่อบังเกิดเกล้า ด้วยสีหน้าที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใดในโลกนี้
     ทั้งสองได้แต่ยืนจ้องหน้ากันต่างฝ่ายต่างถือตัวว่าตนเป็นฝ่ายถูกจึงไม่มีใครยอมให้กับใคร แม้คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็น หยาด แก้ว หรือเทิด ต่างก็พากันก้มหน้างุดด้วยความกลัว ต่างก็รู้ดีว่า หลวงพินิจราชอักษรนั้น อารมณ์แรงเป็นที่สุด หากจะมีใครที่แรงพอจะสู้กันได้ก็คงเป็นเจ้าคุณไพรัชกิจ เมื่อบัดนี้ทั้งคู่มายืนจ้องหน้ากันราวจะเข่นฆ่าอย่างนี้ ใครเห็นแล้วไม่กลัวย่อมแสดงว่าไม่รู้จักสองพ่อลูกดีพอ
    เจ้าคุณไพรัชกิจเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน
    “มาแล้วรึอ้ายแสง” เส้นเลือดที่ขมับ เต้นตุบบีบรัดสมองจนปวดร้าวไปหมด แต่เจ้าตัวก็ยังเค้นเสียงพูดออกไปเท่าที่ร่างกายจะอนุญาต “พ่อไม่อ้อมค้อมละ เอ็งบอกพอมาตามตรงซีว่า เอ็งมีอะไรวิปริตกับอ้ายบ่าวลูกเจ๊กนั่นอย่างที่เขาลือกันให้เสื่อมเกียรติของตระกูลเรา จริงหรือไม่!”
    หากเพียงหลวงพินิจบอกว่า
    “ไม่ขอรับ” แล้วแก้ตัวอย่างนอบน้อมว่า “ลูกเพียงเอ็นดูมันอย่างนายเอ็นดูบ่าว จะรักใคร่แบบพวกผิดเพศนั้นเห็นจะไม่จริงขอรับ” อย่างที่เจ้าคุณอยากได้ยินละก็ เรื่องคงจบ เจ้าคุณอาจจะขอโทษลูกก็ได้ ที่เข้าใจผิดไป
    หากแต่โทสะ ที่พ่อเรียกความรักของเขาว่า “วิปริต” และเรียกคนรักว่า “อ้ายบ่าว ลูกเจ๊ก” รวมกับทิฐิที่ถือความคิดของตนเป็นใหญ่แท้ๆ มาบันดาลใจ หลวงพินิจราชอักษรจึงโพล่งออกไป อย่างไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ว่า
    “ลูกกับเส็ง... เป็นคนรักกันขอรับ”
    ผัวะ! เจ้าคุณตบหน้าลูกชายสุดแรงเกิด เท่าที่เขาเคยทำมากับใครบนโลก แม้กับบ่าวไพร่เจ้าคุณก็ไม่ทำเช่นนี้ หลวงพินิจเซ ล้มลงไปกองอยู่กับพื้นเงยหน้าขึ้นมามองพ่อด้วยอารมณ์ที่ผสมกันไปหมด ทั้งโกรธ ทั้งแค้น ทั้งน้อยใจ เสียใจสุดประมาณ อีกทั้งยังอาย ที่ถูกกระทำอย่างไม่ไว้หน้าต่อหน้าเทิด และบ่าวอย่างแก้ว

    “เป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ นี่อย่างไรล่ะ” เจ้าคุณไพรัชกิจหยิบกระดาษที่อยู่ที่ตั่ง ข้างกายเขาตลอดบทสนทนาระหว่างเขาและแม่หยาด ด้วยมือสั่นเทาขึ้นมาถือให้ลูกเห็น กระดาษนี้เองที่เป็นเหตุผลให้เจ้าคุณไพรัชกิจต้องถ่อมาถึงนี่ “จดหมาย เพื่อนของพระสนิทเขียนมาหาพ่อ ว่าแกเอาอ้ายเจ๊กนี่ไปนอนกกถึงเพชรบุรี พลอดรักกันไม่ได้สนใจสายตาคนรอบข้าง ให้เขาด่าว่าพ่อเลี้ยงดูอย่างไรแกถึงออกมาวิปริตเพียงนี้”
    เจ้าคุณขยำกระดาษแผ่นนั้นปาเข้าถูกหน้าลูกชายของเขาพอดี
   หลวงพินิจไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ที่เขาจ้องมองพ่อจากที่พื้นอย่างนั้น รู้เพียงว่าสิ่งที่ทำให้เขาลุกขึ้นมานั้น เป็นสิ่งที่ทำให้เขาน้ำตาคลอแทบจะร้องโฮออกมาอย่างเด็กๆ ... เส็งเข้ามาประคองเขาลุกขึ้น ด้วยสัมผัสที่อ่อนโยน เบา และทนุถนอม ประหนึ่งว่าหากสัมผัสแรงไปกว่านั้นอีกนิดแล้ว คนรักของตนจะเจ็บกว่านั้นก็ไม่ปาน เส็งพูดด้วยภาษาสยาม ชัดถ้อยชัดคำ หากแต่สั่นเครือเพราะความโกรธ กลัว และเสียใจระคนกันว่า
    “หากเจ้าคุณจะทำร้ายคุณหลวงอีก ขอให้ฆ่าอ้ายเส็งคนนี้แทนเถิดขอรับ”
    ประโยคนั้นประโยคเดียวทำคนทั้งห้องนิ่งเงียบ ชั่วขณะแรกคือ ทุกคนตกใจไม่คิดว่าเส็งจะกล้าทำถึงเพียงนี้ กับเจ้าคุณที่ใครๆก็ต่างกลัวกัน จากนั้นจึงรู้สึกประหลาดใจว่าหนุ่มน้อยคนนี้พูดราวกับหลวงพินิจราชอักษรเป็นของรัก เป็นสมบัติล้ำค่าควรแก่การรักษาไว้ เป็นสิ่งที่จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนทั้งนั้นมาทำลาย
    สำหรับทุกคน ความรักแบบ “บัณเฑาะก์” นี้เป็นบาป เป็นกิเลสตัณหาที่ไม่ยับยั้งชั่งใจ เป็นความต้องการทางเนื้อหนังที่เกิดขึ้นแล้วไม่รู้จักควบคุมว่า เกิดกับเพศเดียวกัน ไม่ควรปล่อยให้เลยเถิดไป กลับเป็นทาสของเมถุนให้มันกัดกิน กลายเป็นพวกวิปริต พวกน่ารังเกียจ เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ต่างจากสัตว์ เมื่อเกิดอารมณ์ก็ขึ้นขี่ได้ไม่ว่าเพศไหน ไม่มีใครเคยคิดเลยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างหลวงพินิจกับเส็งนี้ เป็นความรักแบบที่เป็น รักแท้ รักบริสุทธิ์ ไม่ต่างอะไรจากความรักของชายหญิง เป็นรักที่อยากให้คนรักเป็นสุข และไม่อาจทนอยู่ได้เมื่อคนรักเป็นทุกข์ เป็นความรักที่ยอมเสียสละเพื่อกัน ยอมเจ็บ ยอมตายเพื่อกันได้
    แวบสุดท้ายของอารมณ์ที่เกิดขึ้นในใจของพระยาไพรัชกิจ คือความเกลียด เกลียดความคิดเมื่อครู่ที่เกิดขึ้นในใจคน กลายเป็นพาลรังเกียจเส็ง และความสัมพันธ์บริสุทธิ์นั้นไปด้วย เขาไม่อาจยอมรับได้ แม้เห็นกับตาก็ตามว่าความรักครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องผิด ด้วยทิฐิ หรืออะไรก็แล้วแต่ เจ้าคุณไพรัชกิจกลับโมโหมากขึ้นกว่าเดิม
    “อ้อ อย่างนั้นหรืออ้ายเจ๊ก หากเอ็งต้องการอย่างนั้นก็ได้” เจ้าคุณไพรัชกิจ ร้อง ให้เทิดวิ่งไปหยิบไม้มา พร้อมเฆี่ยนบ่าวคนรักของหลวงพินิจราชอักษร แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าคุณตกใจไปกว่าเดิมคือ
    หลวงพินิจเดินเข้าไปโอบลากตัวเส็งเข้ามากอด น้ำตาคลอเบ้า ตาแดงก่ำ จ้องอยู่ที่หน้าของเจ้าคุณพ่อแสดงสีหน้าวิงวอน และท้าทายแบบอวดดีไปในเวลาเดียวกัน ราวจะประกาศว่า “ของของข้า ใครอย่ามายุ่ง” บ่าวหนุ่มซุกหน้าเข้าหาตัวของหลวงพินิจ สะอื้นไห้อย่างน่าสงสาร กระนั้น สำหรับเจ้าคุณไพรัชกิจ ไม่มีอะไรบนโลกอีกแล้วที่เขาจะขวางหูขวางตาได้มากถึงเพียงนี้
   ลูกของเขา ลูกชายคนเดียวของเขาแท้ๆต้องมาแปดเปื้อนมลทิน แปดเปื้อนกามตัณหา เพราะอ้ายบ่าวคนนี้คนเดียว แค้นก็แสนแค้น แต่เสียใจมากกว่า ราวกับว่าเขาได้เสียลูกไปแล้ว เสียไปให้กับหนุ่มลูกจีนคนหนึ่งที่ไม่ได้สำคัญอะไรเลย
    “พอได้แล้วลูกจะให้พ่อตายให้เห็นหรืออย่างไร!” เจ้าคุณตวาดก้อง น้ำตาของหลวงพินิจไหลรินมาในที่สุด “ทุเรศ... ทุเรศลูกตาที่สุด! ปล่อยมือออกจากลูกข้าเดี๋ยวนี้อ้ายเส็ง อ้ายอัปรีย์! มึงจะไปทำชั่วช้าสามานย์ที่ไหนก็ไป ขอร้อง อย่ามาทำให้กูเห็น!”
    “คุณพ่อขอรับ” หลวงพินิจสะอื้นไห้ “ลูกก็จะขอร้องคุณพ่อเหมือนกัน ตั้งแต่เป็นพ่อลูกกันมา ลูกเคยทำอะไรผิดให้คุณพ่อต้องเจ็บแค้นใจสักครั้งหรือ ลูกเคยทำตัวเหลวไหล ให้คุณพ่อต้องหนักใจเพียงสักครั้งหรือ ที่ผ่านมาไม่ใช่อ้ายแสงคนนี้หรือที่เป็นลูกที่คุณพ่อภูมิใจ ที่เชิดหน้าชูตาคุณพ่อ ที่ทำทุกอย่าง... อะไรก็ได้ให้คุณพ่อกับคุณแม่มีความสุข ลูกไม่อยากไปเมืองนอกก็ไป ลูกไม่อยากทำงานกระทรวงก็ทำ ลูกไม่อยากแต่งกับแม่หยาดลูกก็แต่ง มีหรือที่ลูกจะขัดใจคุณพ่อ ถ้าหากมันทำให้คุณพ่อสบายใจ ลูกทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น  มันยังเป็นข้อพิสูจน์ไม่ได้อีกหรือขอรับ ว่าลูกพยายามแล้วแค่ไหนที่จะเป็นลูกที่ดีของคุณพ่อ!”
    หลวงพินิจสะอื้น กอดเส็งเข้าแน่นร้องไห้น้ำตาหยดลงบนหลังของคนรัก
    “ลูกขอเรื่องเดียวจากคุณพ่อ ทั้งชีวิตนี้ว่า คนคนนี้ลูกรักของลูกมากจริงๆ รักอย่างที่ลูกไม่อาจรักใครอีก รักโดยไม่สนว่าเขาเป็นใคร อยู่ฐานะใด เป็นเพศอะไร รักมากเท่าที่ใครคนหนึ่งจะรักใครอีกคนที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องร่วมสายเลือดได้ รักพอๆกับที่คุณพ่อรักคุณแม่ ลูกกราบละครับ” หลวงพินิจก้มลงกราบประกอบคำพูด และไม่เงยหน้าขึ้นมาอีก จรดดวงหน้าอยู่แทบเท้าพ่อบังเกิดเกล้าเท่านั้น “ขอร้อง คุณพ่อเข้าใจลูกด้วยเถิดขอรับ”
    เจ้าคุณถอยหลังผละออกจากลูกชาย
    “แกจะให้พ่อเข้าใจอะไรแก เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาขอให้เข้าใจ! แกต้องเลิก” เจ้าคุณตวาดลั่น จนบ่าวในเรือนทั้งหลังได้ยินกันจนทั่ว “เรื่องวิปริตแบบนี้ พ่อไม่ขอเข้าใจ แล้วอย่าเอาแม่ของแกมาเกี่ยว อย่าเอาแม่ไปเปรียบกับอ้ายลักเพศนี่”
    เส็งหน้าชา หลวงพินิจเองก็หน้าชา ทั้งคู่เริ่มทำใจยอมรับ แม้จะรู้ตั้งแต่แรกแล้วก็ตามว่า ไม่ว่าจะทำอย่างไร ถ้าเจ้าคุณรับไม่ได้เสียแล้ว อย่างไรก็ไม่มีวันรับได้อยู่ดี หลวงพินิจรวบรวมแรงสุดท้ายกล่าวคำที่รุนแรงที่สุดออกมา
    “อย่างนั้นก็ฆ่าลูกเสียซีขอรับ” เขาตวาดออกมาสุดเสียงพอๆกับเสียงเจ้าคุณพ่อของเขา คับแค้นอยู่เต็มอก “ถ้าลูกมันเลวมาก ทุเรศมากจนคุณพ่อรับไม่ได้ก็อย่าให้ลูกคนนี้มันมีชีวิตอยู่อีกเลย ไหนๆ เจ้าคุณพ่อก็ให้ชีวิตลูกมาแล้ว จะขอคืนเสียวันนี้ ก็ไม่ผิดอะไรนี่ขอรับ!”
    เจ้าคุณลืมไปเสียแล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือลูกชายที่ฟูมฟักทนุถนอมเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด ตั้งแต่โกนจุก ตั้งไข่ บวชเรียน ส่งตามคณะทูตไปเมืองนอก ลูกชายที่เขารักหนักหนา ภูมิใจหนักหนาบัดนี้เหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจ้าคุณถลาเข้าไปหาลูก โมโหเสียจนจะฆ่าจะแกงตามคำท้าทายนั้น
    เส็งถลาเข้าไปหา กอดขาเจ้าคุณให้หยุดไว้เสียก่อนถึงตัวคุณหลวง แล้วก้มลงกราบ  ปากก็ร้องว่า “อย่าทำคุณหลวง ขอร้องล่ะขอรับ อย่าทำคุณหลวง”กระนั้น แทนที่เจ้าคุณจะเห็นใจ กลับรู้สึกขวางขึ้นมาอีกเป็นล้นพ้น เตะเส็งกระเด็นไป ไม่สนว่าจะถูกส่วนใดของหน้า
    ปรากฏว่าโดนจมูก เลือดไหล ออกมาเป็นทาง
   คนที่อยู่ในห้องต่างร้องออกมาเมื่อเห็นเลือด กระนั้นก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย มีเพียงหนุ่มคนรักที่รีบเข้ามาหากอดหนุ่มน้อยร้องไห้ อย่างไม่กลัวเลือดของเส็ง แม้มันจะเปื้อนตัวเขาอย่างไรก็ตาม
    “เส็ง!”
    “บ่าวไม่เป็นไรขอรับ คุณหลวงขึ้นเสียงกับเจ้าคุณเกินไปแล้ว ถ้าเห็นแก่บ่าวละก็ขอโทษเจ้าคุณพ่อเสียเถิดขอรับ”
    เจ้าคุณ ปวดหัวตุบๆ เริ่มรู้สึกตัวว่าทำเกินกว่าเหตุเมื่อ เห็นสายตาของลูกจ้องมองอย่างตัดพ้อ เมื่อหมดความโกรธแค้นแล้ว ความสงสารลูกก็เอ่อล้นขึ้นมาจับใจ กระนั้นก็ไม่อาจยอมรับให้ปล่อยเรื่องนี้ไปได้ น้ำตาของเจ้าคุณไหลออกมาอาบแก้มทั้งที่ไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็น
    แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นหลวงพินิจคลานเข่าเข้าไปกราบพ่อด้วยน้ำตา
    “ลูกขอโทษขอรับ อภัยให้ลูกเถิดขอรับ”
    คนเป็นพ่อรู้จักนิสัยของลูกดี หลวงพินิจเป็นคนไม่เคยลงให้ใคร ต่อให้ศาลตัดสินว่าเขาผิด หากเขาไม่ผิดก็จะเถียงจนกว่าศาลจะกลับคำตัดสิน ต้องให้มีการฆ่าแกงกันหลวงพินิจก็เอาด้วย กับเขาเองก็เหมือนกัน ได้ชื่อว่าเป็นพ่อ บอกอะไรก็เชื่อฟังก็จริง แต่หากหลวงพินิจกำลังโกรธอยู่อย่างเมื่อครู่ ให้พ่อสั่งให้ขอโทษอย่างไร ก็ไม่มีทางยอม ให้จิกหัวลงกราบ ก็จะขืนไว้ให้คอหักเสียด้วยซ้ำ
    แล้วเส็งเป็นใคร เป็นเพียงบ่าวแต่กลับออกคำสั่งให้ลูกของเขาทำตามได้ และ ไม่ได้ทำแบบขอไปทีเพราะถูกสั่งด้วย แต่ลูกชายของเขาเชื่อฟัง และกราบขอโทษเขาอย่างนอบน้อมที่สุด
    เจ้าคุณรวบรวมกำลังเพียงพอก็เอ่ยปากออกมาจนได้
   “ถ้าจะคุยกันดีๆ พ่อก็จะพูดดีๆ” เขาไม่มองหน้าลูกชายที่น้ำตาไหลอาบหน้าอย่างน่าสมเพช และหลบตาเส็งที่เลือดไหลอาบหน้าเช่นกัน “พ่อรับไม่ได้กับเรื่องนี้ ใครก็รับไม่ได้ พ่อจะขอให้แกเลิก แล้วพ่อจะให้อภัยทุกอย่าง ให้เส็งกลับไปอยู่ที่ที่มันเคยมา ลูกก็ทำหน้าที่ของลูก พ่อจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”
    หลวงพินิจนับหนึ่งถึงร้อยในใจ่อนจะกัดฟันว่าอย่างเจ็บปวด
    “เรื่องนี้เกิดขึ้นแล้วขอรับ ลูกจะไม่เลิกกับเส็ง ขอร้องให้คุณพ่อเข้าใจ”
    ดื้อ... ดื้อพอกันทั้งสองฝ่าย เส็งคิดในใจ แล้วก็กระซิบบอกคุณหลวงว่า
    “อย่างไรท่านก็เป็นพ่อนะขอรับคุณหลวง คุณหลวงยอมเถิด”
    “ไม่เส็ง เราสัญญากับเส็งไว้แล้ว เราจะทำตามสัญญา” หลวงพินิจกระซิบบอกเส็งก่อนจะหันไปหาพ่อบังเกิดเกล้า “ถ้าเจ้าคุณพ่อยังยืนยันให้เส็งออกจากเรือนนี้ละก็ โบยลูกเสียเถิดขอรับ อย่างไรลูกก็ไม่ยอมให้เส็งไปจากลูก”
    “เอ็งพูดเองนะ” พ่อกลั้นใจพูด แกล้งทำเป็นข่มไปอย่างนั้น คิดว่าลูกจะกลัว แต่เปล่าหลวงพินิจมุ่งมั่นจะทำให้ได้อย่างที่เขาว่า “ถ้าจะให้อยู่ต่อก็ได้ แต่ต้องแยกกันอยู่ ไม่ให้อยู่เรือนนี้ แล้วต้องเลี้ยงดูแม่หยาดให้ดี ออกหน้าออกตาอย่างเมียคนหนึ่ง ให้สมศักดิ์ศรีลูกพระยาไพศาลเสนีย์”
    หลวงพินิจรู้ดีว่า ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้ว ก็เอ่ยขึ้นเบาๆ
    “อ้ายเทิดไปหยิบหวายมา”
    “คุณหลวง!” เส็งร้อง “อย่าเลยขอรับ... บ่าวไม่อยากให้คุณหลวงเจ็บ ให้บ่าวถูกโบยเองก็ได้ขอรับ”
    “ไม่ เราตัดสินใจแล้วเส็ง” หลวงพินิจเห็นเทิดยังลังเลจึงตวาดออกไปอีกทั้งน้ำตา    “อ้ายเทิด มึงไปเอาไม้หวายมาเดี๋ยวนี้ ถ้ามึงไม่อยากถูกโบยต่อจากกู!”
    เทิดตาลีตาลาน วิ่งไปหยิบไม้หวายเส้นหนามา หลวงพินิจยืนหลับตาปล่อยให้น้ำตาไหล เขาทำอะไรก็ได้... ได้ทุกอย่างขอเพียงให้เขาได้อยู่กับเส็ง ได้เห็นหน้าเส็ง ไม่ต้องนอนด้วยกันบนเรือนก็ได้หากเป็นคำสั่งของเจ้าคุณพ่อ อย่างน้อยให้ได้เห็นทุกวันอย่างเมื่อแรกรัก เขาก็ยอม
    ทันทีที่ไม้หวายมาอยู่ในมือของเจ้าคุณ เขาก็จูงมือลูกชายออกมานอกบ้าน เส็งวิ่งตาม คว้าข้อมือหลวงพินิจคนรักของเขา
    “คุณหลวง ให้เจ้าคุณเฆี่ยนบ่าวแทนเถิดขอรับ”
    “อย่ามายุ่ง” หลวงพินิจตวาดว่าอย่างเจ็บใจ
    “คุณหลวง...”
    “บอกว่าอย่ามายุ่ง! หลบเข้าไปในบ้านเดี๋ยวนี้” ตะโกนร้องจนสุดเสียง เส็งก็ได้แต่ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้กับพื้น ฝ่ายเจ้าคุณพอมาถึงกลางลานหลังเรือนเทาหน้าศาลาสีขาวก็หยุดตะโกนก้องทั้งน้ำตา ด้วยทั้งรัก ทั้งแค้นเหลือประมาณ
    “ฟังไว้ หากใครคิดประพฤติตน อัปรีย์จัญไรอย่างนี้ แม้เป็นลูกกูก็ไม่เว้น อย่าให้กูได้เห็นใครทำแบบนี้ให้เสื่อมเกียรติอีก วันนี้กูเขียนเสือให้วัวกลัว วันหน้าหากมีวัวคิดอวดดี กูจะเชือดวัวตัวนั้นเสีย”
    หลวงพินิจราชอักษรถอดเสื้อ ขว้างกองไว้ข้างๆ ให้เจ้าคุณพ่อของเขาได้ฟาดไม้หวายเข้าเนื้อได้อย่างจัง
    “คุณหลวง...” เส็ง สะอื้น ร้องไห้ออกมาสุดเสียงปานว่าจะขาดใจ มีมั่น
ล็อกแขนเอาไว้มิให้วิ่งเข้าไป มิเช่นนั้น เส็งคงวิ่งเข้าไปขวางไว้เพียงเสียงหวาย ผ่านอากาศดังขวับแรกเสียแล้ว
    เจ้าคุณไพรัชกิจฟาดหวายลงหลังของหลวงพินิจอย่างแรงที่สุด เท่าที่เขาเคยทำ ระบายความรักและโทสะลงกับหลังของลูกครั้งแล้ว ครั้งเล่า คนที่ถูกเฆี่ยนต่อให้เจ็บแค่ไหนก็กัดริมฝีปากไม่ร้องออกมาสักแอะ แค้นก็แค้น เสียใจก็เสียใจ ไม่รู้ว่าตนผิดอะไรได้แต่ก้มหน้ารับความเจ็บนั้น อย่างน้อยก็อุ่นใจว่า ตนเป็นฝ่ายเจ็บเสียเอง ไม่ใช่เส็ง
    จนกระทั่ง
    เจ้าคุณขว้างไม้ลงพื้น หอบจนตัวโยน เมื่อเหนื่อยเกินกว่าจะฟาดหวายนั้นลงบนเนื้อของลูกชายได้อีก น้ำตาที่เกือบจะแห้งไปหมดแล้วไม่ได้ทำให้เขาเห็นชัดเจนน้อยลงเลยว่า ลูกชายเจ็บจนหมดสติล้มลงนอนกองอยู่กับพื้น เส็งวิ่งเข้ามาประคองร่างไร้สตินั้นไว้ในอ้อมอก ร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือดนั้นเป็นอย่างไร เส็งเข้าใจในวันนี้ มันไม่ใช่เลือดจริงๆดอกที่ไหลออกมาจากตา แต่เป็นเลือดในอกที่ไหลปนกับน้ำตาออกมาด้วยความเจ็บแค้น
    “ปล่อยลูกกูแล้วมึงไปอยู่บ้านในสวนเสีย อ้ายมั่นจัดสำรับไปให้พออิ่ม เช้ากลางวัน เย็น เท่านั้น ห้ามออกมาจากสวนแม้สักก้าวเดียว เอ็งดูไว้ด้วย หากอ้ายเส็งเข้ามาในบริเวณเรือนให้บอกข้าทันที ข้าจะเป็นคนมาลากมันออกไปจากอาณาเขตบ้านข้าเอง” พูดเสร็จก็หันหลัง “ส่วนอ้ายแสงปล่อยเอาไว้ตรงนั้นให้มันได้สติแล้วจึงให้มันเข้าบ้านไปเอง อย่าให้ใครช่วยมันเข้าไปล่ะ เทิด เอ็งดูไว้ให้ข้า ดึกแล้วถึงค่อยกลับเรือนใหญ่”
    เท่านั้น เจ้าคุณก็เดินออกจากตรงนั้นไปที่ท่าเรือ หันกลับไปมองลูกที่เส็งเพิ่งจะผละออกมาเพราะมั่นเข้าไปลากแยกเขาออกจากกัน เจ้าคุณเห็นหลวงพินิจราชอักษรแล้วก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า... เขาเสียลูกชายไปแล้วตลอดกาล
    พอๆกับคุณหลวงหนุ่ม สติสุดท้ายที่เขาล้มลง เขาลอบมองหน้าพ่อ มองพ่อเป็นครั้งสุดท้าย... พ่อที่เลี้ยงดูเขา มีบุญคุณแทบจะยกชีวิตให้ได้ง่ายๆ พ่อที่เขารักเคารพ เทิดทูนและยกไว้เป็นแบบอย่าง เขาอดคิดในใจไม่ได้เช่นเดียวกันว่า เขาได้เสียพ่อไปแล้ว บัดนี้ชายชราที่เฆี่ยนเขาจนสลบเป็นเพียง คนคนหนึ่งที่ใจร้ายพอที่จะไม่เข้าใจอะไรเลย และทำร้ายได้แม้กระทั่งลูกตัวเองเท่านั้นแล้วสำหรับเขา... เขาไม่เคยมีพ่อชื่อพระยาไพรัชกิจ
    แล้วหนุ่มน้อยข้างกายนี้เล่า เขายังจำได้ จำได้ดีว่าเป็นเพียงบ่าวหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่น่าสะดุดตาอะไรนัก เขาจำวันที่เส็งคลานเข้ามาอย่างประหม่าตอนที่หยาดเพิ่งจะเอาบ่าวหนุ่มมาฝากเลี้ยงไว้ใช้งาน จำไดว่าพอเส็งเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็รู้แน่แล้ว ว่าคนคนนี้คือคนที่เขาจะรัก ทนุถนอมเลี้ยงดูไปตลอดชีวิต
    เขาจำได้ถึงตอนที่ทำแผลให้เส็ง จำวันที่เส็งทำให้เขาประหลาดใจด้วยการริ้วมะปรางมาให้ ซ้ำยังท่องกาพย์เห่เครื่องคาวหวานอย่างคล่องปาก จำวันที่หลับไปเพราะเสียงเห่กลอม “หลับเถิดหนายาหยีพี่จะกล่อม” ได้ จำวันที่เส็งทำให้ทั้งโต๊ะอาหารคึกครื้นได้ด้วย ฟักเจ็ดชิ้น แกะเลียนแบบเรื่องสังข์ทองได้ จำวันที่เขาห่มผ้าให้บ่าวหนุ่มด้วยความรัก จำได้ว่าเคยทำอาหารฝรั่งกัน จำได้ว่าเคยจีบเส็งกลายๆผ่านเรื่องบัวสี่เหล่า... จำได้ว่าเขาทำได้เพียงเท่านั้นเอง ณ. ตอนนั้น ไม่อาจใกล้ชิดได้อีก เพราะเป็นเพียงนาย และบ่าว
    เขาจำได้ว่าเขียนกลอนเพลงยาวให้เส็งว่า “จะรักไปแสนนานมิรู้ลืม” เมื่อจะจากไปหัวหิน จำได้ว่าคิดถึงเส็งเพียงใดตลอดเวลาที่อยู่หัวเมือง และไม่แน่ใจสักนิดว่า เส็งจะรับรักเขาอย่างที่เขียนไว้ในกลอนเพลงยาว
    เขายังจำได้ว่าเมื่อกลับมาจากหัวหิน เขาทำปั่นปึ่งใส่เส็งอย่างไร เขาจำอ้อมกอดแรก สัญญาแรก จูบแรก คืนแรก ระหว่างเขากับเส็งได้ จำตอนหอมแก้มได้ว่า จากได้แต่ยืนมองไกลๆ พอได้มาหอมแก้มสักครั้ง “ปรางค์อิ่มอาบซาบนาสา”จริงๆ เขาจำได้ว่าเขาเตรียมงานไปงานเทศน์เหนื่อยอย่างไร และเส็งอยู่ช่วยเขาข้างกายอย่างไร ตอนเขารู้เรื่องหยาดแต่งงาน เขาสัญญาอะไรกับเส็ง เขาจำได้ว่าเส็งอยู่กับเขาแทบจะตลอดทั้งงานแต่ง เขาจำทุกวันที่อยู่กับเส็งร่วมเรือนเดียวกับหยาดได้อย่างไร เขาจำวันเวลาแสนสุขที่เพชรบุรีได้ว่าเขาไม่อยากจากมาอย่างไร
   เขาจำสัญญาว่าจะไปอยู่กับเส็งที่เพชรบุรีได้ทุกคำ
   เขามาไกลแล้วเหลือเกิน จากวันแรกๆ มาจนวันนี้เขาผ่านอะไรมามากมาย มาจนวันนี้แม้จะดูเหมือนว่ามันกำลังจะจบ แต่มันก็ยังไม่จบ เส็งก็ยังอยู่กับเขา อยู่ข้างเขามาตั้งแต่คลานเข้าหอนั่งมาในวันแรก จนมากอดเขาไว้อย่างไม่รังเกียจเลือดจากหลังของเขาในตอนนี้... อย่างนี้เรียกว่าวิปริตหรือเปล่า... อย่างนี้เรียกว่าตัณหาหรือ... จะเรียกว่า “รัก” ได้หรือยัง
    หลวงพินิจแม้เหนื่อยอ่อนใกล้สิ้นสติเต็มทีก็ยังอุตส่าห์กระซิบแผ่วเบาให้เส็งได้ยินแต่เพียงผู้เดียว ก่อนที่มั่นจะแยกเส็งออกไปจากเขา
    “เรารักเส็ง... รักมากกว่าใครทั้งหมดบนโลกนี้ และจะไม่มีวันใดที่เราจะหมดรักเส็งได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่างน้อยขอให้เราได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้เรื่อยไปนะเส็ง... เราพูดอะไรไว้เราจำได้ทั้งหมด... เราตั้งใจทำอย่างที่เราพูดจริงๆ” ฟ้าที่มืดครึ้มในที่สุดก็ทนไม่ไหว ตกลงมาเป็นฝนพร้อมกับน้ำตาของคู่รักสองคนตรงนั้น “เห็นหรือยังว่าเราพูดอะไรจากใจ มิได้พูดไปเพราะอารมณ์ชั่วครู่ เห็นหรือยังว่าเราทำได้อย่างที่พูดไว้ทุกคำ”
   พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่า ฝนที่หลั่งไหลลงมานั้นเป็นน้ำตาของพระองค์เองนั่นละ ที่ร้อง ให้กับคู่รักที่รักกันมั่นคงยิ่งนัก คู่นี้
   หากใครสักคนจะสำนึกผิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก็ควรจะเป็นแก้วและหยาด น่าแปลกที่แก้วสำนึกผิดได้ทันทีตั้งแต่ที่เห็นน้ำตาของทั้งสองคน หล่อนร้องไห้ไปพร้อมกับหลวงพินิจและเส็ง บอกตัวเองว่าจะไม่ยุ่งกับหลวงพินิจอีก แต่หยาดต่างหาก ที่ไม่ได้รู้สึกผิดแม้สักนิด สะใจเสียอีก ที่ในที่สุดเส็งก็แพ้หล่อน ผู้ชนะหนึ่งเดียวในเกมรักครั้งนี้ก็คือหล่อน ...หยาด ผู้ที่ดูเหมือนแพ้มาตั้งแต่ต้นนั่นเอง

***************************************************************************************

อุอิ เห็นเดาอะไรกันใหญ่เลย ไม่บอกนะครับว่าเดาถูกหรือเปล่า
เห็นบางคนเริ่มอะไรกับณัฐ และสร้อยฟ้า หึหึ ติดตามกันต่อไปครับ งานนี้คงมีคนสมหวังบ้าง ผิดหวังบ้างก็จะพยายามให้เฮิร์ทน้อยที่สุดครับ

ปล. คุณ deva อย่าเดาเลยว่าผมเรียนอะไร หึหึ เดี๋ยวจะอึ้งจริงๆ แล้วเรื่องหน้าตา ผมขอปฏิเสธครับ ผมอัปลักษณ์มากๆ 555+
ยังไงก็ช่วยอยู่เป็นกำลังใจต่อไปด้วยนะคร้าบบบ

อ้อแล้วก้อ เจ้าคุณชื่อไพรัชกิจ แล้วก็ไพศาลเสนีย์นะครับ ไม่มีไพศาลราชกิจ อิอิ :)

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 24 แล้วครับ: คุณหยาดมีแขก! 22.53 - 23/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 23-12-2010 23:02:24

ต๊าย ชะรอยแม่แก้วจะ avatar มาเกิดเป็นคุณจิตรากระมังคะ  o15
ส่วนแม่หยาด เป็นผีในสระอโนดาต(ที่โรงแรม) อิอิ
๑๒๓ + ๑ = ๑๒๔
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 24 แล้วครับ: คุณหยาดมีแขก! 22.53 - 23/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: viky_mama ที่ 23-12-2010 23:15:57
น้ำตาหมดไปปี๊บนึงแล้วค่ะไรเตอร์ มันโดนใจมาก

แอบตกใจนิดหน่อยที่แก้วกลับใจได้ แต่ก็ดีแล้วล่ะน่ะ ส่วนคุณหยาดนี่สิ เกินเยียวยาจริงๆ

ปล หรือว่าวิญญาณคุณหลวงเธอจะไปรอเส็งอยู่ที่หัวหิน?
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 24 แล้วครับ: คุณหยาดมีแขก! 22.53 - 23/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 23-12-2010 23:28:51
อีหยาดมันน่าตบจริง ๆ :fire:

 :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 24 แล้วครับ: คุณหยาดมีแขก! 22.53 - 23/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 23-12-2010 23:32:57
สักวัน กรรมจะสนองมึงอีหยาด !
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 24 แล้วครับ: คุณหยาดมีแขก! 22.53 - 23/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 23-12-2010 23:50:28
 :impress2:
โอ้วว เจ๋งค่ะ o13 ชอบ ชอบ  เพิ่งมาอ่ะค่ะ เดี๋ยวอ่านเรื่อยๆ  อ่านแล้วก็ขนลุกนิด นิด  หึ หึ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 24 แล้วครับ: คุณหยาดมีแขก! 22.53 - 23/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Pamphlet ที่ 24-12-2010 01:02:49
เพิ่งเข้ามาตามอ่านค่ะ...อ่านรวดเดียวจบอ่านแล้วไม่อยากหยุดเลยค่ะ
เรื่องนี้พอถึงคราวหวานก็หวานปานน้ำผึ้ง แต่พอถึงยามเศร้าก็เล่นเอาสะเทือนใจไปตามๆกันเลยค่ะ
อยากบอกว่าเป็นนิยายที่ใช้ถ้อยคำได้ละเมียดละไมสวยงามจริงๆค่ะ
แต่ละบทแต่ละคำที่ใช้ก็ทำให้มองเห็นภาพได้จริงและรู้สึกตามได้จริง
แต่ตอนนี้อยากบอกว่าสงสารคุณหลวงแล้วก็เส็งมากเลยค่ะ คนจะรักกันทำไมมันต้องอุปสรรคขนาดนี้นะ  :เฮ้อ:
แล้วคนที่ร้ายด้วยหัวจิตหัวใจจริงๆคงไม่ใช้แก้วสินะ เพราะคนที่สำนึกร้ายๆแสดงออกมาอย่างชัดเจนแล้วก็คือหยาด
แถมจริงๆแล้วคนที่มีปมน่าสงสัยที่สุดในเรื่องตอนนี้ก็คือนายเทิด
เพราะลูกของหยาดจริงๆแล้วอาจจะไม่ใช่คุณหลวงก็ได้ อาจจะเป็นของเทิดก็ได้ใครจะรู้
และถึงแม้จะไม่ใช้อย่างที่พูดมาข้างต้น แต่คนที่น่าสงสัยก็ยังไม่พ้นนายเทิดอยู่ดี
เพราะดูว่าจะรู้ๆอะไรอยู่ไม่ใช่น้อย
แล้วพอกลับมาด้านฝั่งปัจจุบันก็น่าสงสารพาทิศไม่ใช่น้อย ที่ต้องมาเจอกับเรื่องราวแบบนี้
แถมคนรักก็ดูเหมือนจะอะไรๆกับสร้อยอยู่เหมือนกัน
ยังไงตอนจบก็ขอแบบแฮปปี้เอนดิ้งละกันนะคะ สงสารทุกคน(รวมทั้งตัวเองด้วยที่อินจนเศร้าตาม)
มาต่อตอนหน้าเร็วๆนะคะ จะคอยเป็นกำลังใจให้เสมอค่ะสำหรับผลงานคุณภาพแบบนี้  :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 24 แล้วครับ: คุณหยาดมีแขก! 22.53 - 23/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 24-12-2010 12:44:28
หวังว่าคุณหลวงจะไม่ทิ้งเส็งไปก่อนนะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 24 แล้วครับ: คุณหยาดมีแขก! 22.53 - 23/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Natavishi ที่ 24-12-2010 13:48:52
T^T   สงสาร  เส็ง  จริง ๆๆ  .....
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 24 แล้วครับ: คุณหยาดมีแขก! 22.53 - 23/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: sornvat ที่ 24-12-2010 14:01:35
ผู้แต่ง ท่าจะเป็นช่างบิ้วท์ อิน เปล่าครับเนี่ย
 ^^ บิ้วท์จนอารมณ์คนอ่านอินตามทั้งคู่แล้ว
ผมอยากมีเส็งบ้างง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 24 แล้วครับ: คุณหยาดมีแขก! 22.53 - 23/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 24-12-2010 16:06:48
อย่าบอกว่าคุณหยาดร้ายเลย  ผู้หญิงทุกคนที่แต่งงานแล้วโดนทำแบบนี้ก็คงสติแตกทุกคนนั่นแหละ
เพราะคุณหยาดเองก็ไม่ได้รู้แต่แรกว่าคุณหลวงมีคนรักเป็นเส็งอยู่ตั้งแต่แรก
รู้แค่ว่าคุณหลวงไม่ได้รักแค่นั้นเอง  แต่ถ้าคุณหยาดจะไม่น่าสงสารก็น่าจะเป็นเรื่องที่ว่าท้องกับคุณหลวงจริงหรือเปล่านั่นแหละ
เรารู้สึกว่าเทิดมีพิรุธมาก ๆ ๆ กับคุณหยาดและน่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย
สำหรับคุณหลวงคงต้องบอกว่า "ความรักทำให้เห็นสิ่งที่ไม่ควรเป็นสิ่งที่ควรไป"  ในที่นี้หมายถึงเลือกที่จะแสดงออกโดยไม่แคร์อะไร
ทั้ง ๆ ที่สภาพสังคมในตอนนั้นเรื่องโฮโมถือเป็นเรื่องผิดปกติร้ายแรงในสังคมที่ไม่มีใครยอมรับได้
ถ้าคุณหลวงเลือกที่จะแสดงออกความรักอย่างเหมาะสมแล้ว  บางทีเรื่องอาจไม่จบแบบนี้ก็ได้
.... สำหรับแก้วแล้ว  ก็สมควรที่หล่อนจะสำนึกเพราะเรื่องนี้หล่อนไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลย
หล่อนก็เป็นแค่แมวขโมยที่จ้องจะมาแย่งปลาย่างของคนอื่นเท่านั้น
... สงสารทุกคน  และจะไม่เดาอะไรอีกแล้ว  เพราะเดาไม่ถูกจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 24 แล้วครับ: คุณหยาดมีแขก! 22.53 - 23/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 24-12-2010 18:20:45
เกลียดอิคุณหยาด  :beat:

ไม่สำนึกบ้างเลย เลวมาก

ปล.สงสารคุณหลวงกับเส็งมากกก  :m15:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 24 แล้วครับ: คุณหยาดมีแขก! 22.53 - 23/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 24-12-2010 18:48:43
น่าสงสารจังเลยคะ...T^T....สมัยนู้นเค้าลงโทษกันรุนแรงจัง...
สงสารคุณหลวงอะคะ....น่าน้อยใจคุณพ่อจริงๆเลย...T_T
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 24 แล้วครับ: คุณหยาดมีแขก! 22.53 - 23/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: dezzetoeiiz ที่ 24-12-2010 21:52:50
ถ้าเธอจะเห็นว่าความรักเป็นเกมส์ที่ต้องเอาชนะ เธอก็แพ้ไปแล้วตั้งแต่ต้นนั่นแหล่ะแม่หยาด  :z13:

คนที่รักกัน มันจำเป็นเหรอว่าเขาจะต้องเป็นของชั้น ชั้นจะต้องเป็นผู้ที่มีความสุข .. สุขคนเดียว เศร้าเพิ่มขึ้นตั้ง 2 คน
น่าแปลกใจที่คนตั้งต้นจะร้ายมาแต่แรกอย่างแก้วกลับสำนึกผิดได้อย่างรวดเร็ว เพราะความทุกข์ของคน 2 คนที่รักกัน
ในขณะที่คนที่ร้ายลึก กลับเป็นหยาดจอมเอาแต่ใจ .. เหม่ อุตส่าห์คิดว่าเธอจะไม่ได้เจ้าคิดเจ้าแค้นอะไรมากมายขนาดนั้น (ถ้าไม่แค้นเรื่องเศร้าก็ไม่เกิดดิ่!)
ตอนนี้เจ้าคุณโหดร้ายมาก เรื่องความรักมันบังคับกันได้เหรอว๊า ห๊ะ .. มันบังคับกันได้เหมือนสั่งเส้นเล็กต้มยำเหรอ ถึงจะมาสั่งให้รักใคร เลิกใคร

อยู่ด้วยกันก็เหมือนไม่อยู่ด้วยกัน ในเมื่อถูกกักบริเวณอย่างนั้น .. แต่เจ้าคุณไม่ได้สั่งไว้ใช่ป๊ะ ว่าห้ามอ้ายแสงไปหาเส็ง  :laugh:
เรื่องนี้จะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ผีๆ คนๆ มีความสุขได้หรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป

ปอลอ. ถ้าผู้แต่งจะทำร้ายจิตใจคนอ่านขนาดนี้  :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 24 แล้วครับ: คุณหยาดมีแขก! 22.53 - 23/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 24-12-2010 22:22:33
โฮกกกกก น้ำตาร่วงเลย ก็เข้าใจอยู่ว่าในสมัยก่อน การรักเพศเดียวกันมันยังคงน่าอับอายสำหรับวงศ์ตระกูล  แต่สลดใจมาก ที่ถึงกับจะฆ่าจะแกงจนตายกันเลยรึ TTATT
เดาไม่ถูกว่าใครจะเกิดมาเป็นใคร เพราะพอจะเดาคนนี้ คนโน้นก็น่าจะใช่ เลยสรุปกับตัวเองว่า รอเฉลยดีกว่า(ฮา)
ตอนหน้าจะน้ำตาท่วมกว่านี้อีกไหมคะ เพราะดูแววแล้ว จะท่วมเยอะมากเลย
อยากเห็นกรรมตามสนองแม่หยาดเหลือเกินแล้ว หล่อนร้ายลึกชนิดที่ร้ายเปิดเผยอย่างแม่แก้วเทียบไม่ได้เลยทีเดียวเชียว
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 24 แล้วครับ: คุณหยาดมีแขก! 22.53 - 23/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 25-12-2010 04:26:47
อ่านรวดเดียวถึงตอนล่าสุดเลย o13
ชอบมากๆเลยค่ะ อ่านไปแล้วมันเห็นภาพอ่ะ

ภาพตัวอย่างบ้านคุณหลวง ก็เด๊ะๆเลยกับที่คิดไว้
บรรยากาศโดยรวม ภาษาก็ใช้ได้เลยทีเดียว

นี่ขนาดไปอาบน้ำในหัวยังมีแต่คุณหลวงกับเส็ง แล้วก็เรื่องพาทิศเป็นใคร(ยังเดาอยากอยู่เลยค่ะ แต่มีความคิดแว๊บ!นึงนะ ว่าเป็นคุณหยาด เหอๆๆ แบบเป็นคนสั่งเจาะช่องถ้ำมอง ชาตินี้เลยกลายเป็นคนถ้ำมอง อะไรงี้อ่ะ 555+//////// แต่อีกความคิดหนึ่งก็คิดว่าเป็นคุณหลวงนะ ด้วยเพราะว่าเป็นตัวนำเรื่องก็น่าจะมีบทบาทที่ยิ่งใหญ่ ฮา~ )

ส่วนตาเทิดเนี่ย มีพิรุธมากค่ะ เราคิดว่าลูกหยาดต้องเป็นลูกตาเทิดแหงๆ= =" แบบหยาดก็เมาเธอคงจำไม่ได้เหมือนกันว่ามีอะไรกับใคร แต่ตื่นขึ้นมาเจอคุณหลวง เลยเข้าใจผิดกันหมด(>>เดาๆ)

แล้วมาต่ออีกไวไวนะ :z13:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 24 แล้วครับ: คุณหยาดมีแขก! 22.53 - 23/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 25-12-2010 09:51:57
 :m15: คนรักกัน ใกล้ตัวแต่เข้าหาไม่ได้ มันทรมานมากนะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 24 แล้วครับ: คุณหยาดมีแขก! 22.53 - 23/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: BiGgYDrIb ที่ 25-12-2010 11:04:49
ไม่น่าเชื่อว่าแก้วจะสำนึกผิดได้เร็วขนาดนี้
สรุปว่าคุณนายหยาดใจร้าย แอ๊บใสเหมือนคุณระย้านี่เอง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 24 แล้วครับ: คุณหยาดมีแขก! 22.53 - 23/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 25-12-2010 12:28:40
น้ำตาไหล จนจะกลายเป็นสายเลือดตามเส็งไปติดๆ :sad4:
มันอินมากกกกกก...สะเทือนใจสุดๆๆๆๆ ร้องไห้ไม่ไหวแล้ว สงสารเส็ง :o12:
+1 ขอบคุณค่า เรื่องราวมันจะเป็นยังไงต่อไปไม่รู้ ที่รู้คือตอนนี้เศร้าสุดๆ :impress3:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 24 แล้วครับ: คุณหยาดมีแขก! 22.53 - 23/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 25-12-2010 14:11:08
 :angry2:ทำไมเลวอย่างนี้

ทำให้คนที่รักกันต้องพรากจากกัน

มีความสุขรึยังล่ะ เหอะ ขอหน่อยเถอะ

 :beat: :z6:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 24 แล้วครับ: คุณหยาดมีแขก! 22.53 - 23/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 26-12-2010 21:38:37
ไปต่อกันครับ

*************************************************************************************************

๒๕

    พอเจ้าคุณพายเรือลับตาไปแล้ว มั่นก็พาเส็งไปยังเรือนไม้หลังเล็กที่อยู่ลึกเข้าไปในสวน
    เส็งไม่เคยรู้ว่ามีเรือนหลังนี้ อยู่ในอาณาเขตของหลวงพินิจราชอักษรด้วย เพราะเขาไม่เคยเข้ามาในสวนลึกถึงเพียงนี้ จากตรงนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าจะเห็นคุณหลวงเลย แม้แต่เรือนเทาเส็งก็ไม่อาจมองเห็นได้อีก ต้นไม้สูงลิ่วแผ่กิ่งก้านใบปกคลุมศีรษะไว้ทำให้ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็ไม่อาจเห็นอะไรได้นอกจากต้นไม้ และฟ้าครึ้มดำที่ส่งเสียงคำราม และโปรยปรายสายฝนลงมาไม่ขาด
    บ้านหลังนั้นเป็นบ้านเล็กๆ ปลูกแบบเพิงไม้ธรรมดาไม่ได้สวยงามหรือยิ่งใหญ่เท่าเรือนเทาที่หลวงพินิจอาศัยอยู่ รอบๆบ้าน มีเล้าไก่ที่บัดนี้ไม่มีไก่อยู่แล้ว วางระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ มีแคร่ไม้วางอยู่ใกล้ๆกันเต็มไปด้วยข้าวของที่เก่าเก็บแทบไม่ใช้ แม้ตอนมั่นเปิดประตู ก็แทบจะต้องพังประตูเข้าไปเสียด้วยซ้ำ ด้วยความที่ฝืดอย่างที่ไม่ได้เปิดใช้มานานแล้ว
    เส็งเดินเข้าบ้านไปอย่างหมดอาลัย แม้ฝุ่นจะเยอะ และกลิ่นจะอับอย่างไรหนุ่มน้อยก็แทบจะไม่ได้สนใจ เดินเข้าไปหาตั่งไม้เล็กๆพอนอนทอดกายได้คนเดียว แล้วหย่อนก้นนั่งอย่างหมดอาลัย เนื้อตัวเปียกปอนไปหมด ได้ยินเสียงฝนตกซู่อยู่ข้างนอกดังอยู่ไม่ขาดสาย มั่นจะพูดอะไรเขาก็จับใจความได้กระท่อนกระแท่น ได้ยินบ้าง ไม่ได้ยินบ้าง สนใจบ้างไม่สนใจบ้าง เพราะมัวแต่เป็นห่วงคุณหลวงของเขาสุดหัวใจ
    “ตอนยังไม่มีเรือนเทา สวนแห่งนี้ก็เป็นของเจ้าคุณไพรัชกิจอยู่แล้ว แกสร้างบ้านหลังนี้ไว้ให้คนสวนอยู่ คอยส่งผลไม้ขาย พอคุณหลวงมาสร้างเรือนเทา สร้างเรือนบ่าวไว้ก็ให้พวกเราที่เป็นบ่าวดูแลสวน คนสวนเก่าก็เลยกลับไปอยู่บ้านกับลูกเมียที่หัวเมือง พอบ้านไม่มีคนอยู่ก็ปิดเอาไว้อย่างนี้ ไม่ได้ทุบทิ้ง”
    มั่นว่า พลางหาผ้าโยนมาให้เส็งเช็ดเลือดที่จมูก และเช็ดตัวให้แห้ง หนุ่มน้อยรับผ้ามาไว้ก็จริงแต่รับมาถือไว้เฉยๆ ไม่ได้เช็ดตัวอย่างที่บ่าวหนุ่มรุ่นพี่ตั้งใจ เขานั่งแหงนหน้าพิงเสาไม้ตรงนั้น ปล่อยสายตาเหม่อลอยอย่างหมดอาลัย
    “จะมานั่งเสียใจก็ไม่ทันแล้วละเส็ง” มั่นกล่าวอย่างตำหนิ พลางยอบตัวนั่ง เก้าอี้ที่อยู่ตรงข้าม ผู้ฟังได้ยินประโยคนั้นก็ข้องใจ ขมวดคิ้วด้วยไม่เข้าใจคำพูดของบ่าวรุ่นพี่สักนิด “ข้าเตือนเอ็งแล้วหรือไม่ใช่ ว่าให้เลิกเสียก่อนที่เจ้าคุณจะรู้”
    เงียบ ไม่มีใครว่าอะไร กระทั่งเส็งถอนใจออกมานั่นละ มั่นจึงพูดต่อ
    “แต่เอาเถิด ในเมื่อเรื่องมันก็เป็นเช่นนี้ไปแล้วจะแก้ไขอะไรก็ไม่ได้ เสียแล้ว” มั่นกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากเรือน ปิดประตูไม่ถึงนาที ก็เปิดกลับเข้ามาใหม่ “เย็นนี้จะยกกับข้าวมาเอง อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”
    เส็งไม่ตอบ ไม่พยักหน้า หรือส่ายหน้าอย่างที่คุณหลวงชอบทำตามธรรมเนียมฝรั่ง เพียงแต่นั่งนิ่งไม่สนใจมั่นอีกต่อไปแล้ว บ่าวหนุ่มรุ่นพี่จึงถอนใจเฮือกสุดท้ายก่อนจะออกมาจากบ้านไม้หลังเล็กนั้น
    มั่นเดินออกมาจากบ้านก็พบว่าฝนเริ่มจะหยุดตก กระนั้นก็ยังปรอยๆอยู่ให้ตัวเปียกอีกครั้ง มองไปเบื้องหน้าฟ้าก็มืดเสียเหลือเกินแล้ว ไม่รู้ว่าเย็นค่ำอย่างไร ก็รีบเดินกลับเรือนบ่าว เผื่อว่าเย็นแล้วได้ช่วยบ่าวคนอื่นๆทำงานให้เสร็จก่อนมืดค่ำ พอโผล่พ้นออกมาจากสวนก็เห็นแก้วลงจากเรือนกำลังจะตรงสวนมาทางเดียวกับเขา มั่นจึงออกมาขวางไว้ ขมวดคิ้วเข้าอย่างสงสัย
    “เอ็งจะไปไหน”
   แก้วไม่เห็นมั่น แต่เมื่อได้ยินก็สะดุ้งสุดตัว เงยหน้าขึ้นมาเห็นบ่าวหนุ่มร่างใหญ่ ก็ยืนนิ่ง รวบรวมสติ เอ่ยเบาๆว่า
    “จะไปหาอ้ายเส็ง”
    “ไปทำไม” มั่นก้าวเข้าไปหาบ่าวสาวน้อยอย่างหาเรื่อง เพราะคิดว่าหล่อนคงจะไปเพื่อหาเรื่องเส็งเป็นแน่ หากแต่เมื่อเข้าไปใกล้ และเห็นสายตาของหล่อนแล้วเขาก็ยิ่งสงสัยเข้าไปอีก
    ไม่มีเปลวไฟแห่งความริษยาอยู่ในแววตาของแก้วอีกแล้ว หล่อนจ้องหน้าเขาด้วยแววตาอย่าง “ผู้แพ้” เพิ่งรู้สึกตัวว่าที่ทำไปทั้งหมด นั้นเป็นความโง่เขลาของหล่อนเองแท้ๆ สุดท้ายเมื่อหลวงพินิจถูกแยกกับเส็งจริง หล่อนกลับต้องมาเสียใจแทนที่จะสะใจว่าแยกหลวงพินิจกับเส็งได้แล้วในที่สุด หล่อนเป็นคนชอบเอาชนะ ชอบกลั่นแกล้งก็จริง แต่จะอยากทำร้ายให้ถึงชีวิตหรือเจ็บจนหมดสติแบบนี้หล่อนไม่เห็นชอบด้วย เมื่อรู้ว่าทั้งคุณหลวงและเส็งต้องทุกข์ร้อนอย่างนี้ หล่อนก็กลัวบาปขึ้นมาทันตา จะพูดอธิบายก็กลัวมั่นไม่เข้าใจ จะไม่ตอบก็เดี๋ยวจะถูกมองว่าร้ายเกินไปอีก หล่อนจึงตัดสินใจพูดตามแนวหล่อนว่า
    “ฉันจะไปคุยกับมันเรื่องวันนี้” หล่อนกระแทกเสียง แต่ทำได้ไม่แข็งกร้าวเท่าที่ผ่านมานัก “ให้มันรู้ว่าฉันไม่ได้ฟ้อง ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดอะไรอย่างนี้ขึ้น”
    มั่นมองหน้าขาวเหลืองจิ้มลิ้มอย่างสาวพระนครที่กำลังโตเป็นสาวรุ่นเต็มที่ หญิงสาวตรงหน้าเขาสวยเหลือเกิน หากเพียงแต่ใจของหล่อนจะสวยได้เท่ารูปกายละก็ แก้วจะเป็นคนที่ชายหลายๆคนหมายปองทีเดียว
    อยากจะยิ้มก็ยิ้มไม่ได้กลัวเสียฟอร์มจึงพูดเสียงแข็งตามเดิมว่า
    “จะไปพูดซ้ำเติมมันอีกทำไม คนมันเจ็บพอแล้ว ไม่ต้องไปว่าอะไรกับมันดอก ให้เรื่องเงียบไปเฉยๆ ข้าสงสารมัน”
    แก้วหลบตามั่น คำว่า “เจ็บพอแล้ว” ของเขานั้นดูเหมือนหล่อนจะมีส่วนร่วม มีส่วนรู้เห็นอยู่เหมือนกัน จึงรู้สึกผิดพอจะสบตาบ่าวหนุ่มตรงหน้าหล่อนตรงๆ
   “ฉันรู้นะพี่ว่าฉันผิด” หล่อนเอ่ยอย่างไม่อยากยอมรับนัก “อยากให้มันเข้าใจว่าฉันไม่ได้ตั้งใจให้ทั้งคุณหลวง ทั้งมันต้องมาเจ็บถึงเพียงนี้ ฉันจะแกล้งเพราะไม่ชอบ เพราะหมั่นไส้ก็ส่วนหนึ่ง แต่เรื่องจะทำร้ายจะฆ่าจะแกงกันนั้นไม่มี”
    มั่นได้ยินก็คลายสีหน้าบึ้งตึง เกือบจะเป็นยิ้มเป็นครั้งแรกที่คุยกับหล่อน
   “คิดได้ก็ดีแล้ว แต่เส็งคงไม่อยากเจอเอ็งตอนนี้ ข้าจะไปบอกให้เอง”
    แก้วยิ้มเจื่อนๆ อยากยิ้มอย่างสวยงามและสดใสก็ทำไม่ได้ด้วยรู้ตัวว่ามีความผิดติดอยู่ยังไม่คลายไป
    “แล้วก็อยากจะบอกมันว่า ไม่มีใครไปดูคุณหลวงเลย ทุกคนกลัวพี่เทิดจะไปฟ้องเจ้าคุณ” หล่อนกระซิบเบาๆ “คุณหยาดเธอก็คงเสียใจ ปิดประตูลงกลอนอยู่ในห้องยังไม่ออกมา ฉันจะตามเส็งไปหาคุณหลวง คุณหลวงเธอคงอยากเจอมัน”
    มั่นเลิกคิ้วอย่างไม่อยากเชื่อ ยังไม่ทันที่จะถามอย่างไม่ไว้ใจ แก้วก็เป็นฝ่ายกล่าวแก้ตัวเสียเอง
    “ไม่ได้มีแผนอะไร หรือจงใจจะแกล้ง ฉันผิดฉันก็อยากแก้ไข แล้วคุณหลวงก็คงจะไม่ได้เจอมันอีกเพราะพี่เทิดจะมาอยู่ที่เรือนเทาเสียเองนับจากนี้” หล่อนว่า “แต่ป่านนี้พี่เทิดคงกลับแล้วพี่มั่นไปตามเส็งเถอะ”
    มั่นรับคำอย่างเข้าใจก่อนที่แก้วจะเดินกลับไปเรือนบ่าว เขาก็ตัดสินใจรวบรวมความกล้า โพล่งออกไปจนได้ทั้งที่ห้ามใจแล้ว ว่าอย่าพูดออกไปเทียว
    “แก้ว เอ็งคิดได้ก็ดีแล้ว หวังว่าเอ็งจะตัดใจจากคุณหลวงได้ แล้วสนใจคนรอบข้างเอ็งบ้างสักทีนะ” เขาว่าเสร็จก็เงียบรอฟังคำจากอีกฝ่าย
    “สนใจไปก็เท่านั้น คงไม่มีใครอยากได้ฉันดอกพี่มั่น” หล่อนว่า “ฉันคงถูกมองไม่ดีเสียแล้ว”
    “สำหรับข้าคนที่ผิดและกลับใจ ประเสริฐกว่าคนถูกอย่างไม่เคยผิดมากนัก” พูดไปแล้วจะเอาคำพูดกลับมาก็ไม่ได้จึงได้แต่ยืนหลบตา แก้วยิ้มให้อย่างเศร้าสร้อย แล้วจากไปในที่สุด ส่วนมั่นเองพอหล่อนเดินไปลับตาแล้วก็หันกลับจะไปตามเส็ง… เขาไม่แน่ใจว่าเห็นเทิดเดินลงมาจากเรือนเทาหรือไม่ ชั่วขณะที่หมุนตัวจะเดินกลับไปบ้านในสวนนั้นเอง พอมานึกย้อนไปอีกทีก็จำไม่ได้เสียแล้วว่าร่างดำๆตะคุ่มๆนั้นใช่เทิดหรือไม่ แต่เขาเห็นจริงหรือ เทิดบอกว่าจะมาอยู่ที่เรือนเทาก็จริง แต่แน่นอนว่าต้องไม่ใช่วันนี้ แล้วทนายหนุ่มจะมีธุระอะไรที่ต้องขึ้นไปบนเรือนเทาด้วยเล่า ในเมื่อหลวงพินิจก็ไม่อยู่ ซ้ำคุณหยาดเธอก็อยู่ของเธอคนเดียวทั้งบ้าน
    
    เส็งมือสั่นไปหมด เขาจับไหล่ทั้งสองข้างของหลวงพินิจราชอักษรพยายามประคองให้นายหนุ่มลุกขึ้นนั่งแต่ด้วยแรงเท่าที่มีเส็งทำได้เพียงย้ายหลวงพินิจจากที่พื้นขึ้นมาอยู่บนตัวเขาเท่านั้น ทั้งคู่ยังคงอยู่ติดพื้นจะประคองให้ลุกยืนให้ได้ก็ไม่สามารถ เนื้อตัวทั้งคู่เปียกฝน และเปื้อนโคลนไปหมด สภาพดูน่าสมเพชไม่ต่างจากสัตว์สี่เท้าน้อยใหญ่ที่คลุกดินคุลกฝุ่นให้ตัวเปื้อนแล้วก็ไม่รู้จักอาบน้ำ อย่างไรอย่างนั้น
    บ่าวหนุ่มไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ว่าจะมีคนใจร้ายพอที่จะไม่เข้ามาช่วยหลวงพินิจ ทั้งที่เขาก็เป็นนายซ้ำยังเลี้ยงดูบ่าวทุกคนในบ้างเป็นอย่างดี พอมาถึงเวลาจริงๆกลับไม่มีใครกล้าตอบแทนบุญคุณ เพียงแค่เข้ามาช่วยพยุงให้พ้นไปจากฝนเท่านั้น แต่คิดๆไปบ่าวไพร่คนอื่นก็คงทำถูกแล้ว เพราะต่อให้หลวงพินิจมีอำนาจใหญ่โตเพียงใดในบ้าน แต่เจ้าคุณไพรัชกิจย่อมมีอำนาจมากกว่า ด้วยเจ้าคุณเป็นพ่อแท้ๆของคุณหลวง เมื่อสั่งอย่างไรก็ต้องทำอย่างนั้น จะฝ่าฝืนไม่ได้เด็ดขาด
    ดวงหน้าของหลวงพินิจราชอักษรยังคงนอนนิ่งดูซีดเซียว อ่อนเพลียเพราะถูกเฆี่ยนเจ็บไปหมด จนไร้สตินอนสลบเพราะทนความเจ็บปวดที่แผลไม่ไหว เจ้าคุณโบยคุณหลวงหนุ่มไปกี่ครั้งก็ไม่มีใครนับ รู้แต่เป็นสิบๆครั้ง เผลอๆจะถึงร้อยก็เป็นได้ อย่างนี้แหละที่เขาว่า ยิ่งรัก ก็ยิ่งแค้น
     เส็งปัดเศษดินออกจากดวงหน้าของหลวงพินิจ ดวงตาของบ่าวหนุ่มแดงก่ำหากแต่ไม่ได้ร้องไห้ ส่วนหนึ่งเพราะร้องมานานมากจนหมดน้ำตาแล้ว แต่อีกส่วนคือเขายังมีความอุ่นใจแฝงอยู่แม้เพียงน้อยก็พูดได้ว่าอุ่นใจ ... อุ่นใจที่เขายังมีคุณหลวงอยู่ในอ้อมอก ได้กอดตระกองคุณหลวงไว้อีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีกต่อไป
    “คุณหลวงของบ่าว” เส็งกระซิบก่อนจะแนบหน้าของเขาลงบนหน้าของคุณหลวงแนบสนิทหลับตาพริ้มด้วยความรัก หากหยุดเวลาได้ เขาก็จะหยุดไว้เสียตอนนี้ เพราะจะย้อนอดีตไปในตอนที่รักกันนั้นย่อมไม่ได้แล้ว แต่อนาคตก็น่ากลัว มืดมนจนเดาอะไรไม่ออก เส็งจึงไม่อยากไปเผชิญ เขาอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ ให้อยู่ในอ้อมกอดของกันและกันอย่างนี้ตราบนิรันดร์
    ฝนยังไม่หยุดตก ลมก็กระหน่ำพัด แรงขึ้นแรงขึ้นจนเส็งรู้สึกตัว ร้องหามั่น
    “พี่มั่น พี่มั่นมาช่วยกันหน่อย พยุงคุณหลวงขึ้นเรือนที”
    มั่นไม่รอให้เรียกซ้ำ แม้เขาจะเบือนหน้าไม่มองเส็งกอดหลวงพินิจไว้อย่างนั้น แต่พอบ่าวรุ่นน้องเรียก เขาก็ตัดสินใจตรงเข้าไปหิ้วปีกหลวงพินิจกึ่งลากกึ่งประคองขึ้นเรือนเทาไป... เรือนเทาที่เส็งจะไม่ได้มาเหยียบอีก เส็งนึกในตอนนั้น สถานที่แห่งความทรงจำ บัดนี้เขาได้มาเหยียบมันเป็นครั้งสุดท้าย ไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสได้กลับมาอีกหรือไม่

    ทันทีที่ลากหลวงพินิจเข้าบ้านไป เส็งก็พบกับหยาด ยืนอยู่ที่หัวบันได
    หล่อนมองเส็ง มองอย่างไม่เหมือนนายเก่าพึงมองบ่าวที่เคยชอบใจหนักหนา หากแต่มองด้วยสีหน้าเย็นชา ราวกับว่าเส็งเป็นเพียงหนอนแมลง น่าเกลียดที่มาคลานอยู่ในบ้านของหล่อนเท่านั้น แม้เสียงที่ผ่านลำคอของหล่อนก็เรียบเฉย เย็นชาจนเส็งไม่แน่ใจว่า ใช่เสียงของนายเก่าเขาจริงๆหรือ
    “เอ็งเข้ามาอีกทำไม” หล่อนเดินตรงเข้ามา “พยุงคุณหลวงมาทำไม เจ้าคุณไพรัชกิจสั่งไว้อย่างไรก็ได้ยิน ยังจะหน้าด้านพาเข้ามาอีกหรือ”
    เส็งขี้เกียจตอบ จึงเดินเลยตัวหล่อนไปอย่างไม่ใยดี ประคองหลวงพินิจขึ้นบันไดไปชั้นบน แต่หยาดก็ยังจะเดินแซงมา ยืนขวางอยู่ข้างหน้า ถามเส็งด้วยน้ำเสียงเดิมที่ทำให้เส็งเริ่มรู้สึกน้อยใจ รำคาญใจอยู่กลายๆ
    “ว่าอย่างไร เจ้าคุณสั่งแล้วมิใช่หรือ ว่าไม่ให้ใครช่วย...”
    “เจ้าคุณเธอไม่ได้เห็นลูกชายจับไข้ตายต่อหน้านี่ขอรับ แล้วคุณหยาดเองต่อให้เห็นสามีเป็นอย่างนั้นก็คงทนได้กระมัง แต่บ่าวเห็นคุณหลวงของบ่าวเป็นอะไรไปไม่ได้ดอกขอรับ” เส็งเด็ดเดี่ยวเดินผ่านหยาดไปอย่างไม่สนใจหล่อนนัก ลากหลวงพินิจเข้าห้องนอน พาเข้าไปถึงห้องน้ำแล้วก็หันมาพูดกับมั่น “ฉัน จะเช็ดตัว เปลี่ยนผ้าให้คุณหลวง”
    “อย่างนั้น ข้ากลับเรือนบ่าวก็แล้วกัน” บ่าวหนุ่มรุ่นพี่ว่าเบาๆ ก่อนจะเดินออกไป    คนที่ยังทู่ซี้ไม่ไปไหนคือหยาด ที่ยืนพิงประตูมองดูเส็ง ค่อยๆถอดผ้าม่วงที่เปียกแฉะออกจากร่างของหลวงพินิจ หยาดเห็นเส็งปลดผ้าคุณหลวงก็หันหน้าไปทางอื่นในใจนึกรังเกียจแต่ก็ขี้เกียจพูด อย่างไรก็คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เส็งจะได้อยู่กับคนที่เขารัก หยาดรู้ดีเรื่องเกี่ยวกับความรักและความผิดหวังจึงไม่ได้ว่าอะไร
    หล่อนเพียงเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า
    “เอ็งคงสนิทกับคุณหลวงมากกระมัง ถึงทำกับเธอได้ขนาดนี้”
    “ขอรับ” เส็งตอบแบบขอไปที ลูบผ้าแห้งไปตามตัวหลวงพินิจให้ตัวแห้งจากการเปียกฝน พอมาถึงบริเวณแผลก็ค่อยๆซับเลือด ความเจ็บปวดที่ริมแผลทำให้หลวงพินิจสั่นไหวเล็กน้อยหากยังไม่รู้ตัว เขาเพ้อออกมาเพรียกหาคนที่กำลังเช็ดตัวให้เขาด้วยความรัก
    “เส็ง... เส็ง”
    “บ่าวอยู่นี่ขอรับ” เขากระซิบเบาๆ ตารื้นด้วยน้ำตา ปิ้มว่าจะร้องไห้อีกครั้ง
    เช็ดตัวไปก็เช็ดน้ำตาที่ซึมออกมาไปด้วย พอเปลี่ยนผ้าให้คุณหลวงเสร็จ เส็งก็ค่อยๆ พยุงหลวงพินิจออกมาจากห้องน้ำ หยาดเห็นเส็งไม่ถนัดก็เข้ามาช่วยพยุงพาหลวงพินิจมาถึงเตียงสี่เสา
    “ข้าก็เห็นใจเอ็งนะ” หล่อนว่าเบาๆ ยืนห่างออกมาจากเส็งที่ลูบผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดหน้าเช็ดตาให้หลวงพินิจ “แต่เอ็งเป็นผู้ชายอย่างไรก็คงอยู่กับคุณหลวงไม่ได้ หากเอ็งเป็นผู้หญิงข้าก็คงจะเปิดทางให้ ขอโทษด้วยเถอะนะที่ต้องพูดตรงๆ”
    เส็งเงยหน้ามองหยาด ดวงตาบอกได้ยากว่ารู้สึกอย่างไรแน่
    “วันนี้มีคนพูดตรงๆเยอะแล้วขอรับ” เขาว่าเบาๆ
    หยาดหัวเราะหึๆเบาๆเท่านั้นแล้วก็ว่าต่อไป
    “เอ็งมันโชคดีมากแล้วที่ได้มาเจอคุณหลวง ได้เป็นคนโปรดได้รับใช้ใกล้ชิด อนาคตเอ็งคงจะยาวไกลกว่านี้มากนัก หากเอ็งรู้จักห้ามใจระงับกามตัณหาระหว่างเพศเดียวกันเสียก็คงไม่เป็นอย่างนี้” เส็งขี้เกียจจะเถียงก้มหน้าก้มตาเช็ดตัวหลวงพินิจต่อไป “เอ็งไม่ควรเข้ามาในเรือนเทาอีก เท่าที่อยู่มานานเพียงนี้ก็ถือว่าโชคดีแค่ไหนแล้ว เช็ดตัวเสร็จแล้วก็รีบออกไปเสีย แล้วอย่ากลับมาอีก พรุ่งนี้เป็นต้นไปเทิดจะมาอยู่ที่เรือนเทาหากมันเห็นเอ็งละก็ ได้โดนเจ้าคุณเฉดหัวออกจากเรือนเป็นแน่ ถ้าเอ็งฉลาดเอ็งจะไม่กลับออกมาจากบ้านสวนอีกเลย” 
    เส็งไม่ว่าอะไรอีก พอเช็ดตัวเสร็จก็ไม่สนใจว่าหยาดจะมองหรือไม่ ก้มลงหอมแก้มหลวงพินิจ ก่อนจะกระซิบแผ่วเบาว่า “บ่าวรักคุณหลวงนะขอรับ”
    ก่อนจะออกจากเรือนเทา กลับเข้าสวนไปในที่สุด เส็งรู้ว่าเขาไม่ได้รับอนุญาตให้มาเจอหลวงพินิจอีก แต่เขาก็ไม่รู้จริงๆว่า เขาจะไม่มีวันได้เห็นหน้าหลวงพินิจราชอักษรอย่างใกล้ชิดอย่างนี้อีกเลยนับแต่นั้น
    
    
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 24 แล้วครับ: คุณหยาดมีแขก! 22.53 - 23/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 26-12-2010 21:40:01
    กว่าหลวงพินิจราชอักษรจะตื่นก็สายจนเกือบเที่ยงของอีกวันหนึ่ง ชายหนุ่มปวดหัวแทบจะระเบิด แม้จะรู้สึกตัวแต่เขาก็ยังไม่ลืมตา ยังคอยภาวนาว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝัน หากเขาลืมตาตื่นก็คงพบกับใบหน้าอ่อนเยาว์ขาวเนียน ของเส็ง ริมฝีปากบางเรียวสีชมพูใสคงเผยอ ออกพูดกับเขาว่า
    “ยกสำรับมาแล้ว จะรับเลยหรือไม่ขอรับ”
    แต่เมื่อหลวงพินิจราชอักษรลืมตาขึ้นมาจริงๆ เขาก็มึนหัวไปหมดต้องล้มตัวลงนอนหลับตาแน่นด้วยความเจ็บปวด แล้วทันทีที่หลังถึงพื้นเตียง หลวงพินิจก็ต้องสะดุ้งสุดตัว ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
    แผลที่หลังเป็นของจริง เขาไม่ได้หลับฝันไป เสียงที่ได้ยินไม่ใช่เสียงของเส็ง คนที่พูดอย่างอ่อนหวานว่า “ตื่นแล้วหรือคะ” ไม่ใช่เส็งแต่เป็นหยาด คู่หมั้นของเขา... ไม่ซี ภรรยาของเขา สำหรับหลวงพินิจเขาไม่เคยเห็นหยาดเป็นภรรยาจนแล้วจนรอด “เส็งอยู่ไหน”
    “เรือนในสวนค่ะ” หยาดตอบอย่างไม่ใยดี “คุณพี่นอนคว่ำเถิดค่ะน้องจะทายาให้”
    “ปวดหัว”หลวงพินิจยกมือขึ้นกุมขมับ ไม่ยอมทำตาม
    “อย่างนั้นดื่มยาก่อนค่ะ” หล่อนว่า “ลุกไหวไหมคะดื่มยาก่อนได้หายไวๆ เทิดหยิบยามาที”
    หลวงพินิจรู้ในที่สุดว่าในห้องไม่ได้มีหยาดอยู่คนเดียว แต่ยังมีเทิดอยู่ด้วยอีกคนหนึ่ง เขาไม่ลืมตาขึ้นมองเสียที ได้แต่หลับตาแน่น ด้วยความเจ็บปวดทั้งที่หัวและหลัง ความทรมาณครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตเท่าที่เขาเคยประสบมาก็คือตอนจับไข้เมื่อครั้งถูก “แนจ” หรือ “สโนว์” ในฝรั่งเศสเข้า แต่ครั้งนั้นก็ยังเจ็บปวดทรมาณสู้ครั้งนี้ไม่ได้ เพราะครั้งนี้ นอกจากปวดหัว ครั่นเนื้อครั่นตัวแบบคนเป็นไข้แล้วยังเจ็บหลังเพราะแผลถูกโบยด้วย หลวงพินิจสัมผัสความเย็นของกระเบื้องใส่ยาแผนโบราณกลิ่นเหม็นรุนแรง ก่อนจะสัมผัสความร้อนของตัวยาสีดำขุ่นขลั่กที่เมื่อจิบไปนิดเดียวก็รับรู้ได้ถึงความขม จนเกือบจะอาเจียนออกมา
    “ร้อน! ขม!” เขาร้องอย่างเด็กๆ เบ้หน้าไม่ยอมรับยานั้น “ยาฝรั่ง... ขอยาฝรั่งดีกว่า”
    “ไม่มีค่ะ” น่าแปลกที่หยาดยังควบคุมเสียงของหล่อนให้เป็นปกติได้แม้จะรำคาญหลวงพินิจมากเพียงใด “รับยาสยามไปก่อนเถิด ไว้น้องจะออกไปหายาฝรั่งมาให้ทีหลังก็แล้วกัน”
    ด้วยคำนี้หลวงพินิจจึงต้องจำใจดื่มยานั้นไปจนหมดแก้ว พอดื่มหมดเขาก็แลบลิ้นเบ้หน้าอย่างเด็กๆ ยาขมที่เขาเกลียดนักหนาอย่างที่ถูกบังคับกินตอนเด็กๆ กลับมาทำร้ายเขาอีกจนได้
    “คุณพี่นอนคว่ำค่ะ น้องจะทายาให้”
    หลวงพินิจทำตามอย่างเสียไม่ได้ นอนคว่ำให้หยาด เอาตุ้มยากลิ่นฉุนแรง และส่งไอร้อนอย่างน่ากลัวมาประคบตามรอยแผล
    “โอ๊ย” หลวงพินิจร้อง กระถบตัวหนีแทบทนความเจ็บปวดไม่ได้
    “อย่างดิ้นซีคะ น้องทาครู่เดียวก็เสร็จค่ะ ทนหน่อยนะคะ”
    หลวงพินิจเจ็บจนน้ำตาเล็ด แต่ก็พยายามชวนหยาดคุยเพื่อเบี่ยงความสนใจของตัวเอง เผื่อจะเจ็บน้อยลงได้บ้าง
    “เมื่อวาน... เรากลับมาบนเรือนได้อย่างไร”
    หยาดยิ้มทั้งที่ คนที่หล่อนยิ้มให้ไม่มีโอกาสได้เห็นเพราะนอนคว่ำอยู่ก็ตาม หล่อนตอบว่า “น้องกับอ้ายเทิดช่วยกันค่ะ”
    หลวงพินิจเย็นวาบไปทั้งตัว แม้ยาจะร้อนเพียงใดก็ตาม
    “แล้ว... แล้วเส็งล่ะ”
    “ก็อยู่ในสวนซีคะ ไม่ออกมาอีกเลย”
    หลวงพินิจขมวดคิ้วแน่น เขาจำไม่ได้ก็จริงว่าใครพาเขากลับขึ้นเรือน แต่ก็ไม่อยากเชื่อว่าเป็นหยาด กระนั้นราวหยาดจะอ่านใจเขาออก หล่อนพูดยืนยันอีกครั้งว่า “ก็เจ้าคุณบอกไม่ให้พบ เส็งก็คงไม่กล้ามาพบดอกค่ะ น้องเห็นคุณพี่นอนตากฝนอยู่กลัวจะจับไข้ก็เลยพยุงมาขึ้นบ้าน”
    เส็ง... หลวงพินิจรำพึงในใจ ...กลัวเจ้าคุณพ่อถึงเพียงนี้ ใจร้ายกับเราได้ถึงเพียงนี้หรือ เขาหลับตาแน่น สุดท้ายคนที่เฝ้าปรนนิบัติพัดวีเขาตลอดเวลาที่นอนซมจับไข้ไปอีกสามสี่วันต่อมาก็มีเพียงหยาดเท่านั้น เขาไม่เห็นแม้เงาของเส็งเลยสักวันเดียว
    ตอนเวลาที่เหลือจนถึงวันที่หลวงพินิจจะเดินทางไปยุโรป เขาก็ไม่ได้พบกับเส็งอีกเลย กระนั้นเขาก็ว้าวุ่นใจ คิดถึงเส็งอยู่แทบทุกขณะจิต เมื่อใดที่หยาดไม่อยู่ใกล้ๆ เขาก็จะเรียกมั่นเข้ามาซักทำนองว่า
    “เส็งเป็นอย่างไรบ้าง กินอิ่มนอนหลับดีหรือไม่”
    มั่นก็จะมีหน้าที่วิ่ง โร่ไปมาระหว่างเรือนเทากับ บ้านสวน คอยไปบอกเส็งว่า “คุณหลวงแกถามหา” หรือไม่ก็บอกว่า “สำรับนี้คุณหลวงกำชับให้ข้านั่งดูเอ็งกินให้หมดแล้วเอาจานชามเปล่ากลับไปให้ดู คุณหลวงกลัวเอ็งจะไม่ยอมกินอะไรเดี๋ยวจะผอมตายเสียก่อน”
     ครั้งแรกที่รู้ว่าเส็งเองก็ยังคิดถึงเขา หลวงพินิจก็มีกำลังใจใช้ชีวิตมากขึ้น เขากลับมากินอิ่ม นอนหลับอย่างเดิม ทำอะไรตามปกติมีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจะไปยุโรป ในใจยึดมั่นอย่างเดียวว่า ไปยุโรปแล้วหาทางกลับมาให้เร็วที่สุด รับเส็งไปอยู่ด้วยกันที่เพชรบุรี กระนั้นเขาก็ไม่เคยบอกแผนการนี้กับใครโดยเฉพาะกับหยาด ที่จนป่านนี้ทั้งคู่ก็ยังไม่ได้นอนด้วยกัน
    แน่ละทั้งสองนอนร่วมกันในห้องเดียว แต่ก็ไม่มีสัมพันธ์อะไรต่อกัน ไม่ว่าจะทางเพศ หรือในทางรักใคร่ แม้จะโอบ จะจูบก็ไม่มีสักนิดเดียวถึงเวลานอนก็หันหลังให้กันต่างคนต่างหลับไปในที่สุด
    หากจะมีสิ่งใดเปลี่ยนไปในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็คงต้องบอกว่า หลวงพินิจราชอักษรใส่ใจหยาดมากขึ้นกระมัง เป็นห่วงเป็นใย ทนุถนอมมากขึ้น ทั้งนี้เพราะท้องของหยาดมันโตออกไปเรื่อยๆ เมื่อย่างเข้าเดือนที่ห้า ก็เริ่มเห็นชัดแล้วว่า หล่อนท้องจริงๆ หลวงพินิจไม่ได้รักหล่อนมากขึ้นจากเดิมสักนิดก็จริง แต่ความเอ็นดูลูกน้อยที่อยู่ในท้องของหยาด ที่กำลังจะมาเกิดนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง
    อย่างน้อยๆหลวงพินิจก็มีความรักลูกอยู่บ้าง
    เขาเคยเอื้อมมือมาลูบท้องหยาดอยู่ครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรกับหล่อน ลูบเฉยๆ มองตาลอยๆอย่างไม่มีความหมายไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่เท่านั้นละที่ใกล้เคียงการแสดงความรักของหลวงพินิจต่อหยาดมากที่สุดเท่าที่เคยทำ นอกจากนั้นสิ่งที่พัฒนาไปมากในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็คือ หลวงพินิจเริ่มพูดจาดีๆกับหยาดอย่างสามีพึงปฏิบัติต่อภรรยาบ้างแล้วด้วย
    “ลูกคงจะคลอดตอนพี่ไปยุโรปพอดี คงไม่ทันได้เห็นลูกเกิด”
    “ค่ะ แต่ไม่เป็นไรดอกค่ะ กลับมาแกคงเพิ่งเดินได้ คงวิ่งไล่จับพ่อสนุกเทียว” คำว่า “พ่อ” มีอิทธิพลต่อเขามาก เขากำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว ในอีกไม่นานเท่านั้นเอง กระนั้นทุกครั้งที่นึกถึงลูก เขาก็จะนึกถึงเส็ง นึกถึงคำตัดพ้อของเส็งที่เพชรบุรีว่า
    “คุณหลวงได้มีลูกสักวัน ได้เลี้ยงดูลูกร่วมกับคุณหยาด สุดท้ายคุณหลวงก็จะรักคุณหยาด สุดท้ายคุณหลวงก็จะลืมบ่าว”
    ทุกครั้งที่นึกถึง หลวงพินิจก็จะเขียนข้อความใส่กระดาษฝากมั่นไปให้เส็งทุกครั้ง ซึ่งอีกฝ่ายก็จะเขียนตอบกลับมา ไม่ว่าใครจะเห็นก็ไม่ต้องกลัวว่าใครจะรู้เรื่อง จะบอกรักอย่างไรก็ไม่มีใครมาล่วงรู้
    กระทั่งมั่นมาบอกหลวงพินิจนั่นละว่า
    “บ่าวขอลากลับบ้านขอรับ แม่ของบ่าวป่วยหนักเขาส่งข่าวต่อๆกันมา เห็นว่าจะไม่รอดแน่แล้วอยากกลับไปดูใจ” บ่าวหนุ่มร่างใหญ่ว่าอย่างไม่อ้อมค้อม หลวงพินิจจะว่าอะไรได้นอกจากจะยอมให้ไป จะมีสิทธิ์อะไรไปรั้งมั่นไว้ ในเมื่อมันเป็นเรื่องของความเป็นความตายของแม่เสียอย่างนั้น
    ที่หลวงพินิจแปลกใจคือแก้วจะไปกับมั่นด้วย
    “เอ้า แล้วกัน... นึกอยากไปก็ไปกันทีเดียวหมดหรือ”
    “บ่าวรักแก้วขอรับ จะพาไปเลี้ยงดูอยู่กินเป็นเมียที่บ้าน แม่ได้สบายใจ ว่าบ่าวมีเมียแล้ว ไม่นานคงมีหลานให้แม่ขอรับ แกจะได้มีกำลังใจอยู่ต่อไปอีก”
     ดังนั้นบ่าวในบ้านจึงลดลงไปอีกสองคน มั่นจากไปอย่างเงียบๆ เพราะปกติพรรคพวกบ่าวผู้ชายก็ไม่ค่อยชอบมั่นอยู่แล้วเพราะคิดว่าอยู่เป็นฝ่ายเส็ง จึงไม่มีใครอาลัยนัก อย่างดีก็มะลิ และชิดที่พอคุยกันรู้เรื่องที่กล่าวอำลาอย่างอาวรณ์จริงๆ สุดท้ายก็คือเส็งที่มั่นและแก้วอุตส่าห์ไปหาในวันเดินทาง
    “ถ้าพี่มั่นจะต้องไปจริงๆฉันก็ดีใจ” บ่าวหนุ่มน้อยยิ้มอย่างเย็นใจ “ได้กลับไปอยู่กับแม่ เลี้ยงดูปูเสื่อแกได้ไม่ลำบาก”
    ก่อนไปเส็งอุตส่าห์กล่าวขอบคุณมั่นจากใจจริง
    “ขอบคุณพี่มั่นมากที่ช่วยฉัน อยู่ข้างฉันมาตลอดเวลาที่ฉันอยู่เรือนนี้ตั้งแต่แรกจนพี่มั่นไปในวันนี้ บุญคุณของพี่มั่นฉันจะไม่มีวันลืมเลย”
    ส่วนแก้ว หล่อนเป็นนางมารร้ายมาตลอด แม้จะจากไปแล้วหล่อนก็ยังรักษาท่าทีไม่ให้ดูเป็นนางเอกเกินไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือกลัวเสียหน้า แม้จะเสียใจในสิ่งที่ตนทำลงไป และแม้ว่าจะเห็นใจเส็งมากเพียงใดก็ตาม
    “อยู่ให้ดีนะเอ็ง ไม่มีข้าอยู่ขวางแล้วคงสบายใจ”
    “ฉันขอโทษพี่แก้วถ้าเคยพูดจาไม่ดีเอาไว้กับพี่ หรือทำกิริยาอะไรที่มันไม่ถูกใจพี่ไป ขอให้พี่อภัยให้ด้วย”
    “ฉันไม่ติดใจอะไรย่ะ” หล่อนเชิดหน้าอย่างแสร้งไว้ตัวกระนั้น แต่ท่าทีสุดท้ายก่อนออกนั้นก้ทำให้เส็งเกือบจะเสียดายที่ไม่ได้รู้จักแก้วให้ดีกว่านี้ “ฉันเองก็ผิดกับพ่อเส็งไว้มาก จะขอโทษก็รู้ดีว่าเอ็งคงไม่ให้อภัย แต่ก็ขอให้รู้ว่าฉันสำนึกผิดก็พอ ถ้าหากจะอโหสิกรรมให้ฉัน จะได้หรือไม่เล่า”
    “ฉันไม่เคยผูกแค้นใจอะไรพี่แก้วจ้ะ” เส็งว่าไปตามจริง แก้วก็เดินออกจากบ้านของเส็งไปก่อน มั่นตามไปทีหลัง ทิ้งจดหมายฉบับสุดท้ายที่เขาจะสามารถนำมาส่งให้ได้ ไว้ให้เส็งอ่าน เมื่อเขากลับออกไป เส็งก็อ่านข้อความในกระดาษนั้นอย่างรวดเร็วก่อนจะเผาทิ้งไม่ให้เหลือหลักฐานอะไร
    จดหมายนั้นเขียนไว้ว่า    

    เราจะไปยุโรปอีกสามวันจากนี้ ไปแต่เช้า เส็งมาหาเราที่ปากทางเข้าสวนนะ เราอยากเห็นเส็งครั้งสุดท้ายก่อนไป เราจะรีบไปรีบกลับมารับเส็ง ไปอยู่ด้วยกันสองคนที่เพชรบุรี เราตัดสินใจแน่แล้ว ถ้าเส็งรอได้ขอให้อดทนรอเรานะ แต่หากเส็งลำบากเกินจะทนต่อไป จะจากเราไปก่อนเราก็ยอม ยอมอะไรก็ได้ให้เส็งมีความสุข
 
                เส็งอดทนเพื่อเรานะ…รักสุดใจ
แสง

    สามวันที่รอจะได้เจอหน้าหลวงพินิจราชอักษรเป็นสามวันที่ทรมาณที่สุดเท่าที่เส็งเคยประสบมาในชีวิต มันทรมาณพอๆกับตอนที่รอหลวงพินิจกลับมาจากหัวหิน แต่ตอนนั้นก็ยังมีอะไรให้ทำ มีหนังสือให้อ่าน มีงานให้เขียนให้ยุ่งอยู่ตลอดไม่มีเวลาจะนั่งฟุ้งซ่านอยู่นานขนาดนี้ เพราะที่บ้านสวนไม่มีอะไรให้เส็งทำทั้งนั้น นอกจากนั่งๆ นอนๆ เดินเล่นไปรอบๆเท่านั้น แต่การเดินไปเดินมา ก็ทำให้เส็งพบทางที่เปิดออกไปสู่คลองที่จะพาเขาไปยังแม่น้ำเจ้าพระยา
    เขาเคยถามตัวเองอยู่สองสามครั้งว่า เหตุใดเขาจึงไม่เรียกเรือจ้างที่ผ่านไปผ่านมาสักลำ แล้วหนีไปจากเรือนนี้ ไม่ต้องมาถูกขังทรมาณอยู่ในเพิงไม้เก่าๆจะพังมิพังแหล่อย่างนี้
    แต่เขาก็ได้คำตอบว่า ก็เขารอคุณหลวงอย่างไรล่ะ รอได้พบคุณหลวงวันที่คุณหลวงจะเดินทางไปยุโรป ได้เห็นหน้าหรือผูกคุยกันสักประโยคก็คงทำให้เขามีแรงพอที่จะอยู่ไปได้อีกสักอาทิตย์สองอาทิตย์... แต่หลังจากนั้นเล่า หลังจากนั้นเขาจะทำอย่างไรให้ทนอยู่บ้านไม้เก่าๆ โดยไม่มีอะไรทำไปอีกหลายเดือนกว่าจะได้พบคุณหลวงอีก กว่าจะได้ไปอยู่เพชรบุรีกับคุณหลวง เล่า
    เขาไม่รู้หรอก รู้แต่คำว่าเพชรบุรี มันเป็นเหมือนอาคมที่ตรึงให้เส็งยังอยู่ที่บ้านนั้นต่อไป เขาฝันที่จะได้มีชีวิตรักที่มั่นคงและสมบูรณ์อยู่กันสองคนอย่างสงบสุขในบั้นปลายชีวิต มีทะเลเป็นเพื่อน มีกันและกันเป็นกำลังใจในการใช้ชีวิต ข้อนี้ละทำให้เส็งตัดสินใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างหลายเดือนที่เขารอคุณหลวง เขาก็จะรอ รอจนได้มีวันที่งดงามที่รอเขาอยู่ในสุดปลายทาง
    ไม่นานเส็งก็พบความบันเทิงใหม่ของเขา เมื่อพบทางที่เปิดออกสู่คลอง ก็กลายเป็นว่าเขามีช่องทางให้ดูได้ว่าใครจะเข้า ใครจะออกบริเวณเรือนเทาในแต่ละวัน เขาเห็นเทิดพายเรือมาวันหนึ่ง แล้วก็ไม่พายกลับ จึงสงสัยว่าจะพายออกคลองอีกด้านหนึ่ง หรือว่าค้างอยู่ที่เรือนเทากันแน่ เส็งได้แต่สงสัยไม่รู้ว่าจะหาคำตอบให้ตนเองอย่างไร แต่คำตอบก็มาหาเขาอย่างง่ายๆ ในเช้าวันหนึ่งที่มะลิยกสำรับอาหารมาให้ “พ่อเทิดเขานอนบนเรือนเทา” มะลิว่าอย่างสาวช่างคุย
    เส็งจำได้ในที่สุดว่าหยาดเคยบอกเขามาแล้วครั้งหนึ่งเรื่องนี้
    “ทีอย่างนี้ละไม่ว่า พี่เทิดเป็นหนุ่ม อยู่บนเรือนกับคุณหยาดสองคน”
    มะลิส่งสายตาแบบว่า เงียบไปเถอะ ไม่ควรพูด มาให้ก่อนที่หล่อนจะชวนคุยเล่นๆอีกสองสามคำแล้วก็ขอตัวกับเรือนบ่าว มะลิกับชิด ต่อให้ช่างคุยแค่ไหนก็ต้องรีบขอตัวกลับ เส็งก็รู้ว่านางทั้งสองปฏิบัติกับเขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว แต่ก็ไม่ติดใจอะไร ความคิดเขามุ่งอยู่ที่สองเรื่องเท่านั้น คือเรื่องคุณหลวงและเรื่องเทิด
    เทิดมีท่าทีแปลกๆกับคุณหยาด ตั้งแต่กลับมาจากหัวหินคราวนั้น ทำไมเส็งจะดูไม่ออก เพียงแต่ไม่อาจหาคำตอบให้ได้จนแล้วจนรอด ทั้งงานเทศน์มหาชาติ ทั้งงานแต่ง และทุกครั้งที่เทิดมาเหยียบเรือนเทา และมีคุณหยาดอยู่ด้วย เทิดจะต้องทำตัวแปลกๆทุกครั้ง ...เส็ง ไม่กล้าคิดว่าความจริงเป็นอย่างไร แต่เขาตั้งใจว่าจะสืบเรื่องนี้ให้รู้เรื่องให้ได้

    วันที่หลวงพินิจราชอักษรเดินทาง เส็งมารอที่ปากทางเข้าออกสวนข้างเรือนบ่าว จากตรงนั้น ไกลพอที่จะเห็นว่าใครทำอะไรก็จริงแต่ไม่อาจเห็นหน้าของหวงพินิจราชอักษรได้ชัดเจนนัก
    หนุ่มน้อยเห็นหลวงพินิจลงจากเรือนเทา สวมชุดราชปะแตน ผ้าม่วงยกจีบสวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นคุณหลวงใส่ กระนั้นเส็งก็ดูไม่ชัดนักว่าบนสีหน้าของคุณหลวงมีความกังวลใจหรือดีใจ หรือเสียใจอย่างไรหรือไม่ รู้แต่ว่าหลวงพินิจราชอักษรเดินมาหยุดที่ท่าเรือ เงยหน้ามองเรือนเทาที่เขาจะต้องจากไปเป็นครึ่งปี นอนบนเรือหรือแม้แต่นอนที่เมืองฝรั่งจะสบายเท่านอนบนเตียงที่นอนร่วมกับเขาหรือ
   หลวงพินิจมองศาลาสีขาวทรงแปดเหลี่ยมตรงนี้เองที่เขารับอาหารเช้าพร้อมเส็งกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เมื่อมองเลยมายังเรือนบ่าว ก็มองเลยมายังปากทางเข้าสวนเห็นเส็งยืนอยู่ตรงนั้น อยากวิ่งเข้าไปหา อยากกอด จูบ ลูบผมสีดำทรงหลักแจวนั้นเบาๆ แล้วบอกรักเส็ง ก่อนจะกล่าวคำอำลาอย่างที่เขาควรทำเหลือเกิน แต่เท่าที่หลวงพินิจทำได้จริงก็คือ ยืนมองเส็งอยู่ตรงนั้น นานเท่าที่เส็งจะจินตนาการได้
    “จะไปได้หรือยัง” เสียงเจ้าคุณไพรัชกิจดังขึ้น มันดังพอที่เส็งจะได้ยิน เพียงเท่านี้เส็งก็เข้าใจท่าทีของคุณหลวง เขาไม่อาจวิ่งเข้ามาหาคนรักได้ เพราะเจ้าคุณพ่อมายืนคุมอยู่ที่ท่าเรือนั่นเอง หลวงพินิจเดินขึ้นเรือที่ท่านั้นเอง แล้วคนพายก็พายเรือลำนั้นออกจากท่าไป
    เท่านั้นเองหรือ... ได้เท่านั้นเอง สามวันเต็มๆเขารอมาเพื่อยืนดูหลวงพินิจจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรกันเลยเท่านั้นเองหรือ… แต่แล้วเส็งก็นึกออกว่าจะคุยกับหลวงพินิจได้อย่างไร เขาวิ่งกลับเข้าสวน วิ่งไปตามทางที่ถางไว้ให้เดินสะดวก โผล่มาบริเวณเปิดโล่งให้เห็นคลองมองเห็นหลวงพินิจเข้ามาใกล้มากขึ้นมากขึ้น จนห่างกันเพียงสิบก้าวถึง เส็งจำไม่ได้ว่าหลวงพินิจดูเป็นอย่างไรบ้างในตอนนั้น เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเหลือเกิน เขาตะโกนสุดเสียง “บ่าวรักคุณหลวงขอรับ”
    “เส็งจะรอเราได้หรือไม่” อีกฝ่ายตะโกนกลับมา เรือลอยห่างเลยเส็งไปจนหลวงพินิจต้องหันหลังกลับมาเพื่อจะมองใบหน้าที่เขาจะจดจำไว้ตลอดเวลาที่ยุโรป
    “ถ้าบ่าวไม่รอคุณหลวง บ่าวจะเหลือใครในชีวิตให้รอเล่าขอรับ” เส็งตะโกนก้องกลับไป เส็งแน่ใจว่าเขาหมายความอย่างที่เขาพูดจริงๆ

******************************************************************************************
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 26-12-2010 22:16:09
เศร้าอ่ะ  แล้วเส็งก็รอจริง ๆ รอข้ามภพข้ามสมชาติมาจนถึงตอนนี้
เทิดกับหยาดซัมติงกันแน่นอน
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: dezzetoeiiz ที่ 27-12-2010 00:35:34
เฮ้ย .. หรือเส็งจะตายเพราะไปสืบรู้เรื่องอ้ายเทิดกับนังหยาด  :m15:
ถ้าเป็นอย่างนั้นนี่ .. โอยยย อยู่เฉยๆไว้ดีกว่าจะเส็ง ระหว่างคุณหลวงไม่อยู่เนี่ย ทำอะไรไม่มีคนมาออกโรงปกป้อง อันตรายตายเลย

“ถ้าบ่าวไม่รอคุณหลวง บ่าวจะเหลือใครในชีวิตให้รอเล่าขอรับ” .. เ็ป็นประโยคที่เราชอบมากจริงๆ
แล้วคุณหลวจะรู้หรือไม่ ว่าเส็งรอคอยมาตลอดอย่างที่พูดจริงๆ

แต่หยาดนี่ ร้ายลึกไม่ไหวจะเคลียร์ ตกลงคุณหลวงรู้มั๊ยเนี่ยว่าคนมาพาตัวขึ้นเรือนคือเส็ง ไม่ใช่หยาด ?
แหลกันได้หน้าตาเฉยนะคนเรา   :beat:

รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อนะคะ  :o12:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 27-12-2010 01:25:34

ต๊าย ต้องเป็นแม่หยาดกับเจ้าเทิด
ช่วยกันจับเส็งกดน้ำ เพื่อปิดปาก
แน่ๆเทียว

 :serius2:
๑๒๖ + ๑ = ๑๒๗
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 27-12-2010 01:36:49
นั่งอ่านรวดเดียว ตั้งแต่ต้นถึงปัจจุบัน

สงสารทั้งสองเลยค่ะ เหมือนหยาดจะไม่ค่อยร้ายและพอทำใจได้อยู่ว่าคุณหลวงท่านไม่รัก หากเมื่อเอาเข้าจริงแล้วเธอกับคิดแค้นและไม่เข้าใจอะไรเลย
เราเดาว่าพาทิศเป็น หยาด หรือก็พ่อของคุณหลวงมั้งนะเมื่อชาติที่แล้ว แต่ก็ไม่อยากเดาอะไรมากเดี๋ยวผิด รออ่านต่อไปดีกว่า
เทิดกับหยาดต้องมีอะไรกันแน่ๆ แล้วลูกในท้องก็เป็นลูกของเทิด พอเช้ามาก็จัดฉาก ทำเป็นว่าหล่อนมีอะไรกับคุณหลวง ให้มีพันธะจะได้รับผิดชอบแล้วทรัพย์สมบัตรก็จะตกมาเป็นของเธอกับลูก
แค่นี้ก็สบายไปทั้งชาติแล้ว เดา เดา ก็ได้แต่เดาไปก่อนละ

คุณแม่ของพาทิศนี่สปอยคุณลูกแบบสุดๆ แต่ก็เป็นไฮโซที่เลี้ยงลูกมาอย่างไม่ให้งอมืองอเท้า

ณัฐ เราชอบนายมากเลยอ่ะ ดูเป็นคนที่รักมั่นคงดีจากภาพที่ตัวเองวาด ก็บอกได้แล้วละว่าณัฐยังรู้สึกดีกับเขาอยู่
แต่สร้อยนี่สิ จะหวั่นไหวมั้ยน้า????

     เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 27-12-2010 02:34:06
คุณหลวงไม่อยู่แล้วเส็งจะรอดมั้ยยยยยยย....T^T
คุณหลวงไปตั้งนาน...แล้วปล่อยให้เส็งอยู่กับคุณหยาดเนี่ยนะ...
หวังว่าคงจะไม่โดนแกล้งนะคะ....คนอ่านกลัวคุณหยาดแทนเส็งจริงๆเลย...>O<
ผู้หญิงอะไรใจร้าย...ขี้โกหกที่สุดเลย....
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Miku ที่ 27-12-2010 02:56:41
อ้างถึง
“ถ้าบ่าวไม่รอคุณหลวง บ่าวจะเหลือใครในชีวิตให้รอเล่าขอรับ”
เหมือนเป็นสัญญาว่าจะกลับมาเจอกัน มีหวังอยู่แต่ก็เศร้าเป็นที่สุด
เอาใจช่วยเส็งกับคุณหลวง ทุกตอนเลย T^T

ปล.เรื่องแม่หยาดกับนายเทิดน้องเส็งจะไปลืบยังไงได้ล้ะเนี่ย หรือจะแอบดูที่ท่าน้ำอีก? สองคนนี้เค้าต้องแอบมีลับลมคมในแน่นอน
**สงสัยต้องไปแอบดูที่รูคุณหยาด
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 27-12-2010 09:15:45
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 27-12-2010 10:53:33
เศร้า.. :o12:

+1 เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์น๊ะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Pamphlet ที่ 27-12-2010 16:20:06
เฮ้อ...นี่คงจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายของทั้งคุณหลวงแล้วก็เส็งสินะ
ส่วนเทิดนี่น่ากลัวว่าจะเป็นคนที่มีอะไรกับหยาดคืนนั้นที่หัวหินแน่ๆแล้วหล่ะมั้ง
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: ณยฎา ที่ 27-12-2010 18:29:38
 :a5:

สารภาพตามตรงว่าอ่านทันเมื่อตอนเช้ามืดแต่เพิ่งจะมาเม้นท์ให้ค่ะ แบบว่าตอนนั้นมันหลอนๆอ่ะเนอะ นอนไม่หลับเลย

อ่านอย่างต่อเนื่องรวดเดียว เพราะมันสนุก น่าติดตามจนหยุดไม่ได้จริงๆ

ถึงตอนแรกจะสะดุดชื่อนิยายอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้คลิ๊กเข้ามาอ่าน จนเมื่อคืนนั่นแหละถึงได้รู้ว่าพลาดอะไรไป

จะหาว่าลำเอียงก็ได้ แต่ชอบคู่คุณหลวงกับเส็งมากๆเลย โรแมนติกแบบย้อนยุคดี อยากตอนหวานๆของคู่นี้ซ้ำๆแล้วซ้ำอีก

ให้ความรู้สึกแบบที่บรรยายออกมาไม่ถูก แต่เอาเป็นว่าชอบมากๆก็แล้วกันเนอะ บทในอดีตให้ความสมจริงได้ค่อนข้างมากซึ่งตรงนี้ถือเป็นเสน่ห์ของเรื่อง

รู้สึกได้ถึงความตั้งใจของผู้เขียน ยังไงก็จะรออ่านตอนต่ิไปและจะเป็นกำลังให้นะคะ

 o13
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 27-12-2010 18:45:39
กินมาม่ามาสามตอนติดแล้วค่ะ  :o12: :o12:

มันจะไม่ใช่การพบกันครั้งสุดท้ายใช่ไหม สงสารเส็ง

ปล.ระหว่างเทิดกับหยาดต้องมีอะไรแน่ๆเลยอ่ะ  :o
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 27-12-2010 19:44:25
ชะตากรรมของเส็งจะเป็นไงต่อ ไม่อยากจะคิดเลย ฮือออออออ >,<
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 27-12-2010 20:46:48
 :เฮ้อ:

ใกล้ปึใหม่แล้ว ขอเห็นทั้งคู่มีความสุขเสียทีเถิด
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: viky_mama ที่ 28-12-2010 00:07:42
เกลียดแม่หยาดมาก ผู้หญิงคนนี้จิตใจทำด้วยอะไร
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 28-12-2010 03:41:45
มาอ่านตอนสองแระ 55ทำมายยยพระเอกมันแอบจิตนิดๆเนี่ย : 222222: (แต่ทำมายยเราช้าจางงง)
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Lesses ที่ 28-12-2010 05:38:18
สงสารทั้งสองคนมากๆ หวังว่าพาทิศจะช่วยคลี่คลายเรื่องต่างๆลงได้ และคนที่ทำไม่ดีก็จะได้รับกรรม
สุขสันต์ปีใหม่นะครับทุกคน!
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 28-12-2010 20:53:00
 :เฮ้อ: ความสุขเพียงช่วงเวลาสั้นๆ

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 29-12-2010 07:45:10
แม่หยาดช่างร้ายเหลือ
เมื่อไรจะมีคนมากระชากหน้ากากของสองคนนี้เสียที แค้นแทนเส็งยิ่งนัก
ฤาว่า สองคนนี้เป็นต้นเหตุแห่งมรณกรรมของเส็ง เพราะไปรู้เรื่องที่ปิดบังไว้ *0*
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: แมววาย ที่ 01-01-2011 00:57:49
สวัสดีปีใหม่จ้า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 01-01-2011 14:14:53
สวัสดีปีใหม่ค่า
มาอวยพรและให้กำลังใจคุณPurple_Sky ค่ะ
ขอให้มีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง พบเจอแต่สิ่งดีๆ คิดสิ่งใดก็ขอให้สมปรารถนามีความสุขมากๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 01-01-2011 14:26:20
... :mc4: Happy New Year 2011... :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Jploiiz ที่ 01-01-2011 23:07:58
อ่านรวดเดียว ๒๕ ตอนรวด!
อยากจะบอกว่าชอบแนวนี้อยู่แล้วค่ะ
แล้วมาเจอพล็อตพีเรียดขนาดนี้
โอ๊ยย ย  คนอ่านใจจะขาดรอนๆ

ไม่อยากจะเดาเลยว่าพาทิศเป็นใครในชาติก่อน
ใจมันตงิดๆ อยู่สามคนว่าไม่คุณหลวง ก็หยาด หรือไม่ก็เทิด
เพราะสามคนนี้น่าจะเป็นใครสักคนที่ทำให้เส็งดลใจให้เห็น
เหมือนกับว่าทำผิดกับเส็งไว้มาก อะไรประมาณเนี้ย
เผอิญเป็นคนเดาเรื่องไม่เก่ง เดาเรื่องไหนไม่เคยถูกซักเรื่อง ๕๕

หมั่นไส้หยาดสุดๆ
หล่อนเป็นคนที่ร้ายมาก แต่ก็นะ
ทั้งหมดที่หล่อนทำแน่ใจหรือไงว่ารักคุณหลวง?
ตอนนี้หล่อนแอบเล่นชู้กับเทิดอยู่แน่ๆ เลย
ช่วงที่คุณหลวงไปยุโรปนี่ ก็เป็นช่วงที่สองคนนั้นเล่นชู้กัน
เส็งสืบได้ รู้เรื่อง
สองคนนั้นเลยวางแผนฆ่าเส็ง?
เดาไปเรื่อย - -;;;

ตอนนี้เหมือนเส็งตัวคนเดียวเลย
มั่นกับแก้วไปแล้ว ก็ไม่มีใครเข้าใจเส็งอีกแล้ว
คุณหลวงก็ไม่อยู่ หลังจากนี้มันจะดราม่าหนักกว่าเดิมอีกใช่ไหมเนี่ย?  :m15:

แค่คิดก็เสียใจแล้วว  :z3:
คิดถึงพาทิศ คิดถึงณัฐ
ถ้าพาทิศเป็นคุณหลวงจริงๆ
ณัฐคงต้องคู่กับสร้อยจริงๆ ล่ะ ถึงแม้จะไม่อยากก็เถอะ ง่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 02-01-2011 23:38:14
๒๖

    “คุณหลวงขอรับ เมื่อใดจะมารับบ่าวไปอยู่กับคุณหลวงเสียที” เส็งสะอื้นไห้กับปลอกหมอน บ้านในสวนนั้นน่ากลัวขึ้นเป็นร้อยเท่า เมื่อไม่มีหลวงพินิจราชอักษรอยู่ในบริเวณใกล้เคียง คุณหลวงหนุ่มจากไปหลายเดือนแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านช่างต่างไปจากที่มันเคยเป็นอยู่มาก
    ทั้งที่จริงแล้วเส็งไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง แต่ฟังมาจากมะลิอีกทีต่างหาก
    เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า คนก็ลืมเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในเรื่อนเทาแห่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างมะลิกับชิด ที่ทำตัวห่างเหินไปได้พักหนึ่ง ก็กลับมาพูดจาดีด้วยเหมือนเดิม จนเมื่อเวลาผ่านไปเดือนสองเดือน หล่อนสองคนก็ถึงกับเอากับข้าวกับปลามานั่งกินด้วยกันกับเส็งที่บ้านสวนแทบทุกวัน เส็งยังจำได้ว่าวันนี้ พอวางกับข้าวลงบนแคร่นอกตัวบ้านแล้ว มะลิก็เอ่ยปากบ่นอย่างคับแค้นใจทันที
    “ดู ดู๊ ไม่รู้ไปเอามาจากไหน เล่นไพ่เล่นพนันกันเนี่ย เล่นกันแต่ละทีไม่เป็นอันทำการทำงาน เริ่มเล่นเช้า กว่าจะเลิกก็ดึก เลิกแล้วก็หลับ ตื่นมาก็เล่นอีกแล้ว” หล่อนยกขาข้างหนึ่งขึ้นวางบนแคร่ เปิบข้าวใส่ปากอย่างอร่อยเอร็ด เคี้ยวข้าวไปก็บ่นไป มีชิดคอยเป็นลูกคู่
     “โดยเฉพาะยายนอม แก่จนจะ... วุ๊ย ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่รู้จักห้ามปราม ซ้ำยังชวนกันเล่นแบบเอาเงิน เนี่ยจนเงินเดือนไม่มีแล้ว ซื้อของอะไรส่วนตัวกันไม่ได้ก็มารีดเอาจากฉันกับมะลิ” ชิดว่า ทำหน้าทำตาใส่อารมณ์เต็มที
    “ไม่ให้ก็โดนด่าเอา” มะลิช่วยเสริมอีกแรง
    “ยายนอมแกไม่ทำอะไรเลยจริงหรือ แกแก่ที่สุดก็น่าจะปรามๆบ้าง” เส็งถามอย่างประหลาดใจ ปกติยายนอมเจ้าระเบียบจะตาย
    “อู๊ย นั่นละเจ้ามือเทียว” มะลิว่า “ตามีก็ไม่อยู่เสียแล้ว ไม่มีใครจะมาช่วยห้ามปรามกันดอก”
    ตามี เสียไปตั้งแต่เมื่อครั้งคุณหลวงออกจากเรือนไปยุโรปใหม่ๆ แล้วผู้ที่อาวุโสที่สุดในบ้านก็เลยกลายเป็นยายนอมไป คุมทั้งบ่าวผู้หญิง และบ่าวผู้ชายเสียคนเดียว จะชี้ซ้ายชี้ขวาอย่างไรก็ได้ไม่มีใครคอยแย้ง
    “แล้วคุณหยาดเล่า ไม่ทำอะไรหรือ”
    มะลิส่งสายตาอย่างเหนื่อยระอามาให้เส็งก่อนจะว่าต่อไป
    “คุณหยาดเธอก็ท้อง จะมาสนใจรึว่าเรือนบ่าวเขาทำอะไรกัน เธอก็อยู่ของเธอบนเรือนเทา” มะลิแอบลอบถอนใจ “พ่อเทิดก็เอากับเขา ถ้าวันไหนไม่หายไปในเรือนเทากับคุณหยาดแล้วละก็ ต้องลงมาเล่นไพ่กับพวกบ่าว ตานี้ละเงินที่คุณหลวงให้ช่วยดูแล ก็เอามาเล่นไพ่ เล่นพนันหมด ฉันยังไม่ได้เล่าให้พ่อเส็งฟังใช่ไหมว่าพ่อเทิดเขาเล่นชนไก่ด้วย”
    เส็งตะลึง ก่อนจะส่ายหน้าแทนคำปฏิเสธ คล้ายๆที่คุณหลวงชอบทำ
    “ชนไก่... เลี้ยงเอาไว้หลายตัวอยู่หลังเรือนเทานั้นละ ทำอย่างกับเป็นบ้านตัวเองจะแต่งจะเติม จะรื้อจะถอนอะไรก็ทำ ตานี้ซื้อไก่เขามาก็ต้องเสียอยู่โข พอเอาไก่ไปชนได้เงินมาก็เอามาเล่นไพ่ แล้วเล่นทีไรก็ชนะเสียด้วยนะ เงินจากพวกบ่าวก็เลยไปอยู่ที่พ่อเทิดเขาหมด แล้วเขาก็เอาไปพนัน พอเล่นเสียบ้างเงินในบ้านก็ออกไปจมนอกบ้าน พอเล่นได้อีกก็มาเล่นที่ในบ้านอีก วนเวียนไปอย่างนี้ไม่มีจบละเอ็งเอ๋ย” มะลิอธิบายต่อ “อย่างวันนี้ก็ออกไปกับคุณหยาด ไม่รู้ว่าพาไปเรือนเพื่อนๆของมันที่ชอบเล่นพนันหรือเปล่า”
    “คุณหยาดก็เล่นหรือจ๊ะ” เส็งถามอย่างฉงน
    “เปล่าดอก เธอชอบดูเฉยๆ เขาว่ากันว่า พ่อเทิดมันเล่นเก่ง เล่นทีได้เงินมาก อยู่สบายไปเป็นเดือนๆ ทีเดียวละ”   
    “แล้วนี่” ชิดรีบแทรกขึ้นมาก่อนที่ตนจะไม่มีโอกาสได้พูด เพราะมะลิพูดนานเหลือเกิน “ได้เงินมาเยอะๆ แทนที่จะขึ้นเงินให้พวกเรา เปล๊า เอาเข้าตัวหมด เงินที่ปกติคุณหลวงให้รายเดือน พ่อเทิดนึกอยากให้ก็ให้ ไม่นึกอยากให้ก็ไม่ให้ แล้วไม่ชอบหน้าใครก็ไม่ให้ด้วย อย่างฉันกับมะลิไม่ได้เงินใช้ส่วนตัวมานานแล้ว”
    เส็งมองมะลิและชิดอย่างเห็นใจ
    “คุณหยาดไม่รู้เรื่องนี้หรือ”
    “ไม่รู้หรอก หรือรู้แล้วไม่ทำอะไรก็บอกไม่ได้ คุณหยาดเองก็เถอะ เงินในบ้านเอาไปซื้อเสื้อซื้อผ้าเสียหมดตามสมัยนิยมต้องเป็นเสื้อลูกไม้ แขนพอง มีกี่ตัวต่อกี่ตัวแล้วก็ยังซื้ออีกอ้างว่าอ้วนขึ้นเรื่อยๆ ฉันว่าใส่วันละตัวนี่ก็อยู่ได้เป็นเดือนเทียว”ชิดตอบ “ไม่รู้ว่าคิดว่าเป็นนายบ้านนี้เองหรือไงเนอะ พ่อเทิดกับคุณหยาดนี่”
    ชิดทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะบอกว่า
    “พ่อเทิดน่ะไม่มีสิทธิ์คิดแน่ แต่คุณหยาดก็อาจจะคิดได้” มะลิว่าไปตามน้ำ “ลูกของคุณก็ลูกเจ้าของจริงๆนี่นา โตมาก็คงได้เป็นเจ้าของบ้านเสียอีกคน”
    “แต่จะลูกคุณหลวงจริงๆหรือ เขาไม่เห็นรักใคร่กันสักนิด”
     “แหมก็เขาแต่งงานกันเขาก็ต้องนอนด้วยกันบ้าง ถ้าไฟมันใกล้ฟืนอย่างไรก็ต้องมีควัน เราไม่ได้ไปเฝ้าไว้เราจะรู้หรือว่าเขาทำอะไรกันวันๆหนึ่ง” มะลิไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้เส็งไม่สบายใจ แต่ก็โพล่งไปแล้วอย่างไม่รู้ตัว ซ้ำไม่รู้จะแก้อย่างไร เห็นเส็งหน้าสลดลงก็หยุดพูดไปเฉยๆ รีบกินข้าวให้หมดแล้วก็เดินกลับเรือนบ่าวไป ทิ้งเส็งนอนไม่สบายใจอยู่เพียงคนเดียวในบ้านสวนอย่างตอนนี้
    ไม่สบายใจแล้วก็ไม่สบายกายด้วย เตียงไม้เก่าๆในบ้านหลังนี้นอนไม่สบายเลย แรกๆมาที่นอนเส็งถึงกับปวดหลังไปอยู่เป็นอาทิตย์ กว่าจะชินได้ก็พักใหญ่ๆหลังจากนั้น ยุงเยอะบินว่อนกัดเขาจนต้องตื่นขึ้นมาปัดยุงอยู่หลายครั้งเพราะไม่มีแม้แต่ยุ้งจะใช้กางกันยุง เส็งต้องไปขุดตะไคร้มาแขวนไว้ซึ่งก็ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้างเป็นครั้งคราว แต่เส็งก็ไม่คิดบ่นหรืออะไร เขาเคยชิดกับการอยู่วัด และอยู่เรือนที่แสนจะลำบากของหยาดพอๆกับที่ชินกับการนอนเตียงสี่เสาปูเบาะนุ่มของคุณหลวงเสียแล้ว
    คิดถึงคำพูดของมะลิก็พาลคิดถึงคุณหลวงขึ้นมา
    ป่านนี้คุณหลวงจะอยู่ที่ไหน อยู่อังกฤษหรือฝรั่งเศส อยู่สบายดีหรือเปล่า หรือว่าต้องทนทุกข์ทรมาณสักเพียงใดกับการที่ต้องอยู่โคลงไปเคลงมาบนเรือที่แล่นข้ามมหาสมุทรไปถึงยุโรป เส็งไม่ห่วงหลวงพินิจเรื่องอาหารการกิน เพราะคุณหลวงชอบอาหารฝรั่ง ได้ไปกินของจริงก็คงดีกว่ากินฝีมือเขาอยู่แล้ว เขาห่วงแต่ว่าคุณหลวงจะสุขสบายมีคนคอยรับใช้ มีเตียงนุ่มๆให้นอน มีใครให้พูดคุยด้วยอย่างไรบ้างหรือเปล่าเท่านั้น
    แต่ในความเป็นห่วงก็ยังมีความทุกข์ใจอยู่... ทุกข์ใจ น้อยใจ ระแวง สงสัยว่า บนเรือคงไม่ได้มีแต่คนแก่ๆและคุณหลวง จะต้องมีบ่าวไพร่ ฝีพายหนุ่มๆ อะไรที่ไว้ใช้งานด้วย ... จะมีสักคนไหมที่คุณหลวงถูกตา ต้องใจอย่างเขา คุณหลวงจะใกล้ชิด จะตกหลุมรักใครบ้างหรือเปล่า สุดท้ายแล้วจะมีใครแทนเขาไหม ในขณะที่เขาเองก็ยังไม่ไปไหน ยังรอหลวงพินิจกลับมารับเท่านั้น แล้วหลวงพินิจเล่าจะนับวันรอกลับมาเจอเขา เหมือนที่เขาทำหรือเปล่า หรือรักแท้จะแพ้ใกล้ชิด หลวงพินิจจะเผลอใจ ไป “ก่อควัน” กับฟืนที่ไหนอย่างที่มะลิว่าเสียก่อน เส็งไม่แน่ใจ
    ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ เขาจะต้องสะบัดหัวแรงๆแล้วดึงความคิดตัวเองกลับมา คิดในใจทุกครั้งว่า “เราต้องเชื่อมั่นในตัวคุณหลวง” แต่พอเก็บเรื่องมาคิดมากจนนอนไม่หลับขนาดนี้ เส็งจึงตัดสินใจลุกออกจากบ้านสวนในที่สุด ออกมาเดินเล่นนอกบ้าน ไปนั่งที่คลองชมจันทร์เพลินๆคงจะดี

    เส็งเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยมาจนถึงริมคลองที่เขามักจะมานั่งดูคนพายเรือสัญจรไปมา แต่มืดค่ำป่านนี้ เขาไม่คิดหรอกว่าจะเจอใครพายเรือไปไหน หรือกลับมาจากไหนอีก เขาหย่อนขาลงน้ำแกว่งน้อยๆพอให้รู้สึกสบายที่เท้า คิดถึงตอนที่นั่งหย่อนขาที่ริมท่าน้ำกับคุณหลวง... ป่านนี้ท่าน้ำจะยังอยู่ดีหรืออย่างไร
    นอกจากท่าน้ำแล้ว ศาลาไม้แปดเหลี่ยมสีขาวนั่นอีกล่ะ แล้วยังจะเรือนเทา ในนั้นเป็นสถานที่แห่งความทรงจำที่สำคัญที่สุดระหว่างเขากับหลวงพินิจทีเดียว สถานที่ที่พบกันครั้งแรก ที่ที่สัมผัสต้องกายกันครั้งแรก ที่ที่นอนร่วมเตียงกันครั้งแรก  รวมถึง เป็นที่ที่ได้ใกล้ชิดกันเป็นครั้งสุดท้ายด้วย ไม่รู้เพราะอะไร เส็งอยากกลับไปที่เรือนเทาเหลือเกิน หลังจากที่ไม่ได้เห็นมาหลายเดือนแล้ว... รู้ก็รู้ว่าตนถูกห้ามไม่ให้เข้าไปในบริเวณนั้นอีก แต่ใจกลับทำงานไวกว่าสมอง มันสั่งให้เขาลุกขึ้น เดินมุ่งหน้าไปยังเรือนเทา ไปเยือนที่ที่ทุกมุมมีความทรงจำเกี่ยวกับความรักระหว่างเขาและหลวงพินิจราชอักษร
     เส็งเดินอย่างรวดเร็วไปที่ทางออกสวนมองเห็นเรือนเทาอยู่ไม่ไกลจากสายตา สิ่งแรกที่เห็นคือ บ้านทั้งหลังเปิดไฟไว้สว่างแทบจะทุกห้อง เพียงเห็นเส็งก็ปะติดปะต่อเรื่องราวในหัวอย่างรวดเร็ว มะลิ และชิดบอกว่าวันนี้คุณหยาดกับเทิดออกไปข้างนอกกัน และไปเล่นพนันเสียด้วย กว่าจะเลิกก็คงดึกป่านนี้น่าจะยังไม่กลับ ยิ่งบ้านเปิดไฟไว้สว่างขนาดนี้ ยิ่งทำให้เส็งมั่นใจ หากในบ้านไม่มีคนอยู่ หากไม่ใช่ว่าทิ้งไปหลายวัน แต่ไปธุระที่ไหนชั่วประเดี๋ยวละก็ หลวงพินิจสั่งทุกคนไว้ว่า ให้เปิดไฟไว้เสีย ขโมยขโจรจะได้คิดว่ามีคนอยู่บ้าน ไม่ขึ้นมาขโมยข้าวของบนเรือน
    เส็งเดินช้าๆ เร้นกายในความมืดตรงไปยังเรือนเทา เขาไม่กลัวว่าใครจะเห็น จันทร์คืนนี้ มืดเกินกว่าที่จะมีใครเห็นตัวเขาได้จากที่เรือนบ่าว เส็งจึงมั่นใจที่จะกลับไปเรือนเทาในครั้งนี้ ไปสัมผัสที่ที่ยังอบอวลไปด้วยรักของเขาและคุณหลวงหนุ่ม เพื่อเติมแรงใจที่ใกล้จะริบหรี่เต็มทีของเขาให้เต็มอีกครั้ง
    บ่าวลูกจีนมองไปบริเวณรอบๆ แม้ทุกอย่างจะยังอยู่ในที่ที่มันอยู่ ไม่เปลี่ยนไปมากนัก ทั้งท่าน้ำ และศาลาทรงแปดเหลี่ยมที่ริมสระบัว แต่เขาก็ดูออกว่า ตรงนั้น ขาดการดูแลรักษา ปล่อยไว้จนทรุดโทรมจริงๆอย่างที่มะลิ และชิดพูดเอาไว้ หญ้าสูงขึ้นมาเกือบพ้นข้อเท้า มีเศษใบไม้แห้งตกเกลื่อนกลาด อย่างไม่มีใครคิดจะเก็บกวาดเสียให้เรียบร้อย
    บ่าวลูกจีนเดินมาถึงประตูบ้าน ก็เห็นว่าบ้านใส่กลอนไว้อย่างมิดชิด สองคนนั้นไม่อยู่ที่บ้านจริงๆ แต่เส็งไม่คิดว่าเขาจะเข้าบ้านไม่ได้ เพราะหากไม่ใช่เขาแล้วก็ไม่มีใครอีกเลยที่รู้ว่า หลวงพินิจราชอักษรเก็บกุญแจสำรองเอาไว้ที่ใด
    เส็งเดินกลับมาที่ศาลาไม้ทรงแปดเหลี่ยม ลงนั่งคุกเข่าใช้มือคลำไปบริเวณใต้ที่นั่งฝั่งที่เขามักจะนั่งเสมอเวลารับเช้ากับหลวงพินิจที่นี่ ก็พบเข้ากับลูกกุญแจดอกเล็กนิดเดียว เสียบไว้อย่างชาญฉลาดตรงสุดขอบเก้าอี้ ไม่ว่าใครก็จะหามันไม่พบเด็ดขาด นอกจากเขาที่หลวงพินิจเป็นคนบอกที่ซ่อนนี้เอง ด้วยความรักและวางใจ บ่าวหนุ่มน้อยไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าจะมีวันที่เขาได้ลอบเข้ามาในบ้านหลังนี้ ด้วยวิธีไขประตูเข้ามาอย่างไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้าน
    เพียงเสียบลูกกุญแจเข้าแม่กุญแจแล้วบิดดัง คลิกเดียว กลอนประตูก็เปิดออกรับเขาอย่างง่ายดาย... เขากลับมาแล้ว ที่นี่เอง ที่เขาสมควรอยู่ด้วยความรักและเต็มใจจากเจ้าของ มิใช่บ้านไม้เก่าๆ ในสวนที่มืดมิด และน่ากลัวหลังนั้น
    หนุ่มน้อยก้าวขาเข้าบ้าน ปิดประตู ตัวสั่นน้ำตาแทบไหล
    เหตุใดบ้านของคุณหลวงจึงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้! มันดูเก่า สกปรก ราวกับไม่มีใครนึกปัดกวาดเช็ดถู ซ้ำเมื่อเข้ามาถึงหอนั่งที่หลวงพินิจพบเขาครั้งแรกก็พบว่า เครื่องเรือนถูกย้ายไปไว้ริมผนังไม่อยู่กลางห้องอย่างเดิม เพื่อให้มีบริเวณกลางห้องไว้นั่งเล่นไพ่กันบนพรมนุ่ม ที่พื้นมีไพ่กองทิ้งไว้ กระจัดกระจายเป็นหลักฐานสนับสนุนความคิดของเขา เศษอาหารกองอยู่ตามมุม เห็นได้ว่าคนเล่นคงเล่นจนเพลินขนาดไม่หยุดพักทำอะไรเลยเล่นไปกินไป เล่นกันเสร็จก็ไปนอน กองข้าวของทิ้งไว้ ไม่คิดปัดกวาด
    เส็งเห็นก็แทบใจสลาย แต่เขาก็ไม่อาจชักช้าอยู่ตรงนั้นได้ เพราะหยาดกับเทิดจะกลับมาเมื่อใดก็ไม่รู้ เขาจึงเดินผ่านห้องอื่นๆอย่างรวดเร็ว ขึ้นไปจนถึงชั้นบน
   หนุ่มน้อยขึ้นบันไดเวียน มองไปทางซ้ายมือเห็นตั่งไม้ตัวเดิมที่คุณหลวงของเขาเคยนอนให้เขาอ่านบทเห่กล่อมให้ฟัง เสียงของเขาก้องอยู่ในหัวราวกับมันเกิดขึ้นเดี๋ยวนั้น ไม่ใช่เกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว “หลับเถิดหนายาหยีพี่จะกล่อม...” เสียงนั้นยังคงวิ่งวนอยู่ในหัวจนน้ำตาเอ่อล้นมาจนรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้า ในอกสั่นหวิวคล้ายคนหลับไม่พอ เขารู้สึกราวกับว่าหลวงพินิจราชอักษรยังไม่ไปยุโรป แต่นั่งอยู่บนตั่งนั้น รอให้เขาเข้าไปนั่งใกล้ๆ
    หนุ่มน้อยเดินไปนั่งมือลูบตั่งไม้เบาๆ ราวกับว่าหากลูบอยู่อย่างนั้นแล้ว จะสัมผัสเจอมืออุ่นของหลวงพินิจราชอักษร และได้ยินเสียงห้าว แต่นุ่มลึกกล่าวอย่างขันๆขึ้นมาเฉยๆว่า “จับมือเราอย่างนี้กลัวจะหนีไปไหนหรือ”
    “คุณหลวง บ่าวคิดถึงคุณหลวงเหลือเกินขอรับ” น้ำตาของเส็งหล่นลงสัมผัสตั่งไม้นั้น น้ำตามิได้ซึมลงได้เร็วเหมือนน้ำฝนซึมเข้าพิ้นทราย แต่ความรักความคิดถึงของเส็ง แผ่ซ่านไปทั่วทั้งตั่งไม้นั้นเสียแล้ว หากใครมาสัมผัสมันต่อจากเขาละก็ คงจะรู้สึกถึงความรักของบ่าวหนุ่ม ไออุ่นจากผ้าแพรสีนวลที่เจ้าของบ้านเป็นคนห่มให้คนที่เคยนอนบนนี้เมื่อนานมาแล้ว และหยาดน้ำตาที่ฝังลึกอยู่ในเนื้อไม้นี้ได้บ้างกระมัง
    เส็งเช็ดน้ำตาออกจากหน้าเดินไปเข้าห้องหนังสือ เพียงเปิดประตูไปก็เหมือนกับจะเห็นร่างของคุณหลวงหนุ่มอ้าแขนรอพร้อมกอดรัดบ่าวลูกจีนคนนี้ไว้แนบอก เหมือนครั้งที่เคยทำมาแล้วด้วยอารามตกใจว่าหนุ่มน้อยจะลื่นล้มได้รับบาดเจ็บในครั้งแรกที่เขาเข้ามาที่นี่ เขาเดินไปลูบโต๊ะไม้กลางห้องด้วยความอาลัยตรงนี้เองมิใช่หรือที่เขายืนอ่านกลอนเพลงยาวที่คุณหลวงใช้บอกรักเขา ตรงนี้เองที่หลวงพินิจสวมกอดเขาแล้วกระซิบเบาๆว่า
    “ตกใจทำไม น่าจะรู้ไม่ใช่หรือว่าในบ้านนี้ คนที่ทำกับเส็งแบบนี้ได้มีแต่เราคนเดียวเท่านั้น” จากนั้นจึงจบคืนนั้นลง และอีกหลายๆคืนต่อมาด้วยการก่ายกอดพลอดรักนวลอนงค์ จนสมใจกันทั้งคู่ คิดแล้วก็อดใจหาย ที่ไม่มีโอกาสได้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว ทุกคืนที่มีหลวงพินิจอยู่ข้างกาย กลายเป็นคืนที่อ้างว้างอยู่คนเดียว ท่ามกลางไม้สวน และยุงแมลงต่างๆ
    เส็งเดินออกจากห้องไม่รู้ว่าใช้เวลานานแค่ไหนที่เข้ามาอยู่ที่นี่ ในใจรู้สึกราวกับเป็นปีเป็นชาติที่ได้มาอยู่ในที่ที่เขาคะนึงหาที่สุด บ่าวลูกจีนเดินไปเปิดหน้าต่าง บานที่อยู่ตรงกันกับห้องนอนแขก ดูว่ามีเรือลำใดผ่านมาแถวนี้บ้างหรือไม่คุณหยาดและเทิดกลับมาแล้วหรือยัง เขาชะโงกหน้าออก แต่มองก็ไม่เห็นว่าจะมีเรือสักลำที่มาจากพระนคร
    เขาจึงผละออกมาจากหน้าต่างบานนั้น เข้าไปในห้องที่อยู่ตรงข้ามกับมัน ก่อนจะจบที่ห้องนอนของหลวงพินิจราชอักษร ไม่รู้ตัวเลยว่าเขาจะไม่มีโอกาสได้กลับออกมาจากห้องนั้นอีก เพราะบุคคลที่เขามองหานั้น ไม่ได้พายเรือมาจาก
พระนครก็จริง แต่มาจากอีกทางต่างหาก เพราะสถานที่ที่ทั้งสองไปมาในวันนี้ คือบ้านของคุณพระสนิทที่ฝั่งธนบุรี!

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ อัพบทที่ 25 เย่ๆ : คุณหลวงไปยุโรปแล้ว T-T 21.40 - 26/12/10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 02-01-2011 23:40:12
    เรือเทียบท่าเรียบร้อยแล้ว เทิดก็ขึ้นไปบนท่าไม้ก่อน ยื่นมือให้หยาดพยุงหล่อนขึ้นจากเรือ แล้วเดินไปยังตัวบ้าน พร้อมๆกับที่เรือจ้างลำนั้นเองก็รีบร้อนพายออกไปราวกับว่ามีธุระที่ไหนอีก
    “สนุกหรือไม่ คุณหยาด” ไม่มีคำว่าขอรับ ที่ท้ายประโยค เมื่อเขาอยู่กับหญิงสาวตามลำพัง
    “สนุกซี ไม่เคยได้เล่น เพิ่งลองครั้งแรกก็ติดใจ เลยอยู่เสียดึกเลยดูเอาเถิด” หล่อนหัวเราะเบาๆ มือกุมท้องราวกับว่าทำอย่างนั้นแล้วลูกในท้องจะหัวเราะไปด้วย “รู้อย่างนี้ไม่ทนดูอยู่เฉยๆฝ่ายเดียวตั้งนานแล้ว”
    เทิดหัวเราะ
   “คุณจะรับอะไรหรือเปล่า ได้ไปที่ครัวหาอะไรมาให้”
    “ไม่หรอก เทิด” หล่อนไม่เรียกว่าอ้ายเทิด หรือแม้แต่พ่อเทิดอย่างไว้ตัวอีกต่อไป “เพลียแทบแย่ อยากขึ้นนอนเต็มที”
    เดินมาถึงประตูก็ล้วงหยิบกุญแจที่เหน็บไว้ที่เอว แต่หล่อนก็พบว่ากุญแจดอกนั้นคนไม่จำเป็นต้องใช้เสียแล้ว ประตูไม่ได้ลงกลอนไว้!
    “มีอะไรทำไมไม่สะเดาะกลอนเล่า”
    “ไม่ได้ลงกลอนไว้นี่” หล่อนว่า “เอ ตอนออกไปเทิดมิได้ลงกลอนดอกรึ”
    ทนายหนุ่ม เข้ามามองใกล้ๆราวกับไม่เชื่ออะไรนอกจากสายตาตัวเอง
    “เอ สงสัยไม่ได้ลงกลอนจริงๆ แต่ก็มั่นใจทีเดียวนะว่าก่อนออกไป ได้ลงกลอนไว้แล้ว” เขาขมวดคิ้วแน่น
    “แล้วประตูจะเปิดเองได้อย่างไร” หล่อนว่าอย่างสงสัย
    “ไม่รู้ซี ไม่มีใครมีกุญแจแล้วนี่ คุณหลวงทิ้งกุญแจไว้ที่ฉันคนเดียว”
    “ตายละ หรือขโมยมันงัด ของหายหรือเปล่าไม่รู้”
    หยาดรีบพรวดพราดเข้าไปในบ้าน กลัวจะพบกับสภาพที่ของมีค่าข้างในหายไปหมด พอเห็นว่ายังอยู่ในสภาพเดิมอย่างดี ก็โล่งอก พอหันไปทางซ้ายมือ ก็พบว่า แม่กุญแจวางเฉยไว้ตรงชั้นเล็กๆนั้นอยู่ที่เดิมที่หลวงพินิจให้หล่อนวางเอาไว้
    “นี่อย่างไร แม่กุญแจอยู่นี่” หล่อนว่า “เธอลืมลงกลอนจริงๆ”
    “โล่งอกไปที นึกว่าถูกงัดเสียแล้ว” เปล่าเทิดไม่ได้ลืมลงกลอน ทั้งสองไม่รู้ว่าเส็งสะเดาะกลอนแล้ว ก็วางแม่กุญแจไว้ที่เดิมตามความเคยชิน ตรงกับที่หลวงพินิจสั่งไว้ให้หยาดทำ
    เพราะไม่รู้อย่างนั้นทั้งคู่จึงเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน ไม่ได้คิดเลยว่าจะพบเข้ากับเส็ง แล้วเหตุการณ์ทั้งหลายแหล่ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น จะนำความยุ่งยากอย่างใหญ่หลวงมาสู่ทั้งคู่ เกินกว่าที่เคยพบมาในชีวิต
    
   เส็งเดินเข้าห้องนั้นไป ความทรงจำก็ไหลทะลักเข้าสมองมาราวกับน้ำเชี่ยวกราดในแม่น้ำ ห้องนี้เป็นห้องที่เขาเคยอยู่ด้วยทั้งความสุข และทุกข์ในเวลาเดียวกัน สุขเพราะได้นอนกอดก่ายหลวงพินิจจนหลับไปแทบจะทุกคืน และทุกข์ก็เพราะว่า ทุกคืนจะมีคนอีกคนนอนอยู่ห้องข้างๆ รอคอยว่าสามีของหล่อนจะออกจากห้องนี้ไปหาหล่อนบ้างหรือไม่ ในขณะที่กำลังระเริงสุขอยู่กับบ่าวหนุ่มน้อย
    ไม่ได้รู้หรอกว่าเส็งเองก็ไม่ได้มีความสุขนักเลยเมื่อต้องรู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลาว่า เขาควรแล้วหรือที่มานอนอยู่กับสามีคนอื่น ทั้งๆที่ตัวเขาเองก็ขึ้นชื่อได้ว่า เป็นคนรักของผู้ชายคนเดียวกันนี้ เส็งอาวรณ์คุณหลวงเสียเกินกว่าจะรู้ว่า ป่านนี้มีคนสองคนที่เขาไม่ควรพบที่สุดกำลังเดินเข้าบริเวณบ้านมาแล้วและไม่กี่นาทีก็คงเดินเข้ามาในเรือนเทาแล้วก็จะพบกับเขาเข้าในที่สุด ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องน้ำ ไม่ได้สนใจว่าเปิดประตูห้องนอนทิ้งไว้เสียแทบจะสุดวงประตู!
    เขาเดินเข้าไปถึงบริเวณที่อาบน้ำ ตรงนี้เองซีนะ ใต้ท่อนี้เองที่สายน้ำเย็นสบายไหลเทลงรดร่างของคุณหลวงหนุ่มและคนรักของเขาแทบทุกคืน และก็เป็นที่นี่เอง ที่หญิงสาวที่กำลังจะเดินขึ้นบันไดมานี้แอบเห็นเขากับคุณหลวงแทบจะทุกครั้งที่หล่อนแนบตาลงกับรูเล็กๆใต้กระจกเงาที่เส็งไม่ทันสังเกตเห็น
    บ่าวลูกจีนลูบสัมผัสกระเบื้องแต่ละแผ่นที่ช่างลื่นมือ และเย็นเฉียบที่ปลายนิ้วเพราะอากาศที่เย็นจัดของหน้าหนาว กระนั้นเขาก็ยังสัมผัสความอบอุ่นได้ในหัวใจ ยังจำได้ว่า หลวงพินิจราชอักษรมักจะพรมน้ำลงบนผมของเขาให้เปียกเสียก่อน แล้วแล้วจึงลงมือลูบไล้คอขาวยาวระหง มาถึงแผงอกขาวเนียน ทำความสะอาดให้จนแทบทุกส่วน ก่อนจะบรรจงจูบลงแต่ละจุดที่เขาลูบเครื่องหอมผ่านไป
    เส็งจำได้และคิดถึงสัมผัสนั้นเหลือเกิน ไม่รู้เลยว่าเมื่อใดจะได้สัมผัสนั้นกลับมาอีก หันไปมองกระจกก็พบใบหน้าของตนมองจ้องกลับมา ด้วยแววตาเศร้าสร้อย ทั้งที่แต่ก่อน หันไปครั้งใดก็จะพบกับเงาสะท้อนของตน และนายหนุ่มคนรักยิ้มให้กับเงาของกันและกันทุกครั้ง และหากแจกันดินเผาสีน้ำตาลที่มีดอกไม้หอมใส่เอาไว้หน้ากระจกนั้นจะเป็นพยานได้ มันก็คงจะยืนยันกับเขาแล้วว่า เมื่อก่อนเขามีความสุขเพียงใด ต่างจากตอนนี้ ที่ทั้งเศร้าสร้อย และทุกข์ใจเสียเหลือเกิน
    เส็งกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำ ก็พอดีได้ยินเสียงที่คุ้นหูอย่างน่าประหลาด แม้ว่าจะไม่ได้ยินมานานเพียงใด ก็ยังจำได้ ราวกับเป็นเสียงเตือนใจเขาอยู่ตลอดว่า เจ้าของเสียงนี้มีทั้งบุญคุณที่ทำให้เขาได้เจอคุณหลวง ทั้งแค้นที่พรากเขาไปจากคุณหลวงเช่นกัน
    เสียงของหยาดพูดขึ้นอย่างตกใจว่า
    “เอ๊ะ! ใครเปิดประตูห้องนอนเล็ก”
    เส็งตกใจจนหน้าซีด ทำตัวไม่ถูก ตกอยู่ระหว่างความไม่แน่ใจว่า จะเปิดประตูออกไป ยอมรับว่าเป็นเขาเอง จะโดนลงโทษอย่างไรก็ยอมรับไปอย่างนั้น หรือ ว่าจะหลบซ่อนอยู่ในห้องน้ำนี้เสียก่อน แล้วรอให้ทั้งคู่เข้าห้องของคุณหลวงไปแล้วค่อยแอบหนีไปทีหลัง... แต่หากเทิดนอนที่ห้องนี้ เขาจะมีโอกาสหนีได้ละหรือ ในเมื่ออย่างไรก็ตามทนายหนุ่มก็ต้องเข้ามาอาบน้ำ ก่อนนอน แล้วถ้ามาเจอเข้าตอนนั้นเขาจะแก้ตัวอย่างไร
    บ่าวหนุ่มหน้าจีน ไม่รู้จะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร ความคิดทั้งหมดนี้วิ่งผ่านมาในหัวเขาเพียงไม่ถึงนาที เมื่อไม่ได้คำตอบ ด้วยความกลัวหนุ่มน้อยก็ตัดสินใจเลือกทางเลือกที่สองไปก่อน
    ไวเท่าความคิด หนุ่มน้อย เอื้อมมือไปปิดประตูห้องน้ำ ให้เร็วที่สุด และเบาที่สุด จนเจ้าของเสียงข้างนอกไม่ได้ยินแม้สักนิด เพราะเสียงปิดประตูที่แผ่วเบานั้น เกิดขึ้นพร้อมๆกับที่เทิดเอ่ยขึ้นพอดี
    “เอ สงสัยจะลืมปิด”
    แปลก แปลกที่สุด เส็งรู้สึกว่ามีอะไรแปลกไปในน้ำเสียงของเทิด แม้เขาจะยังไม่รู้ในทันที แต่ก็เดาออกว่าเทิดกับหยาดคงมีอะไรสักอย่างระหว่างกันที่เขาไม่ได้ล่วงรู้ด้วยเลย บ่าวหนุ่มน้อย แนบหูเข้ากับประตูไม้นั้นไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง กลัวว่าคนข้างนอกจะพบเข้า
    โชคดีที่ทั้งสองคนนั้นไม่คิดจะเข้ามาตรวจดูในห้องน้ำเส็งจึงยังปลอดภัย
    “ตั้งแต่เช้านะหรือ” เสียงดังขึ้นใกล้ๆ แสดงว่าผู้พูดเข้ามาอยู่ในห้องเสียแล้ว เส็งกดหูเข้ากับบานประตูแน่นขึ้นเพื่อให้ได้ยินชัดขึ้น
    เอ... น้ำเสียงของหยาดก็แปลกไป เส็งคิดในใจ ปกติหยาดคงต้องพูดอะไรประมาณว่า ‘ตั่งแต่เช้าเชียวหรือพ่อเทิด’ มากกว่า เหตุใดจึงใช้คำพูดอย่างสนิทสนมถึงเพียงนั้น เวลาไม่กี่เดือนที่หลวงพินิจไม่อยู่ ทำให้เขาสองคนสนิทกันได้ถึงเพียงนี้หรือว่า... พอดีหยาดพูดต่อ เส็งจึงหยุดคิดแล้วฟังเฉยๆ “เป็นไปได้หรือ แล้วทำไมตอนลงไปไม่เห็นละว่าไม่ได้ปิดประตู”
    “ก็รีบไปนี่ ใครจะสังเกตเล่า” สำเนียงของเทิดประหลาดยิ่งกว่าคุณหยาด คุณหยาดอาจจะพูดอย่างไม่ไว้ตัวได้ แต่เทิดต้องไม่พูดจาอย่างตีตนเสมอท่านอย่างนี้ นอกเสียจากว่า... เส็งไม่อยากคิดเลย
    หยาดหัวเราะคิก
    “ก็แหม ไปถึงฝั่งขะโน้น จะได้ไปเห็นบ้านเก่าฉันก็ตื่นเต้นซี เธอเองก็รีบไปเล่นไพ่มิใช่หรือ”
    ทนายหนุ่มหัวเราะ ก่อนจะเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง เส็งไม่เห็นด้วยตาจึงไม่รู้ว่า เทิดโอบหยาดมาจากข้างหลัง มือลูบท้องของหล่อนเบาๆด้วยความรักใคร่!
    “ลูกดิ้นหรือเปล่า”
    หยาดหัวเราะอย่างอารมณ์ดีอีกครั้ง
    “จะดิ้นได้อย่างไร คงตัวเล็กนิดเดียวอยู่ท้องยังไม่โตมาก จับดูแล้วไม่รู้หรือ” หล่อนตอบอย่างไม่คิดอะไร แต่บุคคลที่สามที่ได้ยินซี เป็นฝ่ายคิดมาก
     เทิดจับท้องคุณหยาดหรือ... หรือว่ามันมีอะไรอย่างที่เส็งคิดจริงๆ
    “ก็แหมมันดังตุบๆอย่างนี้นี่ จะรู้ได้อย่างไรว่านื่คือดิ้นหรือเปล่า” เสียงทนายหนุ่มตอบ “นี่ลูกคนแรกของกระผมนะ ยังไม่เคยมีลูกเลยสักคนจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อใดดิ้นได้ เมื่อใดดิ้นไม่ได้เล่า”
    เส็งตกใจแทบจะล้มไปกองตรงนั้น ไม่ต้องบอกมาตรงๆหรอก เท่านี้เส็งก็อ่านความได้ตลอดแม้ในระหว่างบรรทัดแล้วว่า ลูกที่อยู่ในท้องของคุณหยาดไม่ใช่ลูกของหลวงพินิจราชอักษรหนุ่มคนรักของเขา แต่เป็นลูกของเทิด ทนายหนุ่มผู้รับใช้อยู่ใกล้ชิด! นี่ล่ะนะที่เขาว่าไว้แต่โบราณ ช้างสาร งูเห่า ข้าเก่า เมียรักไว้ใจไม่ได้
    หลวงพินิจคงจะไม่มีวันรู้เลยว่า ถูก “ข้าเก่า” กินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา โดยที่ “เมียรัก” ร่วมมือกันปิดบังหลอกลวงเขาอย่างนี้
    แล้วนี่ไปได้กันเมื่อใดเล่า
    เส็งนึกย้อนกลับไป เขาสงสัยมานานแล้วว่าเหตุใดเทิดจึงมีท่าทีแปลกๆหลังจากกลับมาจากหัวหิน คงไม่ใช่ว่าไปแอบได้เสียกันริมหาดสวรรค์หรอกนะ แล้วเรื่องที่หลวงพินิจเมาแล้วหลับไปพร้อมคุณหยาดเล่า เป็นการจัดฉากย้อมแมวหรือเปล่า เส็งกลัวว่าจะเป็นอย่างนั้นเหลือเกิน วิธีนี้ง่ายดายมากที่จะจับหลวงพินิจราชอักษรไว้ให้ได้อยู่มือ... ก็อะไรจะมัดใจชายหนุ่มให้อยู่กับหญิงสาวคนหนึ่งไปได้ตลอดชีวิตเล่า หากไม่ใช่คนที่เขาคิดว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่เกิดร่วมกัน
    คุณหยาดฉลาด ฉลาดเหลือเกินที่เลือกใช้วิธีนี้ นับว่าก็ได้ผลอยู่เมื่อคิดว่าท้ายที่สุดหล่อนก็ได้แต่งกับหลวงพินิจสมใจ!
    ‘อ้อ มิน่าล่ะ’ เส็งนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์แปลกๆ ที่เทิดเป็นมาในช่วงหลังจากกลับจากหัวหิน ตั้งแต่ครั้งที่ฟังเทศน์มหาชาติ เทิดก็มีท่าทีแปลกๆต่อคุณหลวง คงเป็นความรู้สึกผิดที่ไปทำชั่วมาล่ะซีท่า แล้วตอนที่คุณหยาดวิ่งคลื่นไส้อาเจียนไปตอนที่รับชามข้ามต้มในวัดวันเทศน์นั้น เทิดก็มองตามหญิงสาวไปด้วยความอยากรู้พอกัน... อยากรู้ว่าหยาดท้องกับตนหรือเปล่าละซี
    แล้วตอนนั้นอีก ตอนรดน้ำสังข์ในงานแต่งงานที่เทิดมีท่าทีแปลกๆ ไม่สบตาทั้งหลวงพินิจ ทั้งคุณหยาด เพราะรู้สึกผิดต่อคุณหลวง หรือเสียดายว่าคุณหยาดได้หลุดมือตนไปเป็นภรรยาของหลวงพินิจตามประเพณีก็เป็นไปได้ทั้งสองอย่าง ไม่ผิดหรอกที่เทิดจะกระดากจนอยากกลับบ้าน ถึงกับต้องแก้ตัวว่า
    “พี่มีธุระนิดหน่อยแต่จะกลับก็ยังไม่ได้ใช่ไหมเล่า ก็เลยดูรีบๆกระมัง” หรอก แล้วพอเขาถามว่าทำไมไม่ขออนุญาตกลับก่อนก็บอกว่า “รอก่อนดีกว่าเดี๋ยวก็ได้กลับเรือนเทาแล้ว” หากรอได้จะกระวนกระวายทำไมแต่แรกเล่า หากไม่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายจริงๆ จะทำเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนั้นทำไม
    บ่างหนุ่มลูกจีนไม่อยากได้ยิน ไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว เรื่องนี้มันเกินกว่าที่เขาจะรับได้ กระนั้นเมื่อคนข้างนอกคุยกันต่อไปอีก เขาก็ยังคงตั้งใจฟังอยู่อย่างเสียมิได้ เพราะไม่อาจจะหนีไปไหนได้จากตรงนั้น
    “นั่นซี ลูกคนแรกก็ไม่รู้อะไรเลย” หล่อนว่า “คลอดออกมาจะรู้หรือเปล่าว่าต้องทำอย่างไรบ้าง”
    “ก็ถามเอาจากบ่าวแก่ๆซี อย่างยายนอมคงจะเลี้ยงเด็กแรกเกิดเป็นอยู่บ้าง” เทิดออกความเห็น คลายกอดจากหยาด แล้วจูงมานั่งลงที่เตียง เสียงจึงเงียบไปพักหนึ่ง เส็งไม่รู้ว่าทั้งคู่ทำอะไรอยู่ จึงร้อนอกร้อนใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะได้ยินเสียงพูดต่อไป
    “คลอดแล้วก็ต้องอยู่ไฟ ต้องลำบากเลี้ยงอีก”
    “โธ่ คุณอย่าพูดเหมือนเด็กคนนี้เป็นสิ่งที่ไม่น่าต้องการนักซี” เสียงของเทิดตัดพ้อ เส็งแทบจะจินตนาการเอาได้ว่า หนุ่มหน้าคมราวแขกขายวัวคนนี้คงทำสายตาวิงวอนอย่างออดอ้อนแค่ไหน “ไหนๆ เขาก็จะมาเกิด เกิดจากกระผม ไม่ได้เกิดจากคุณหลวง ฟ้าคงลิขิตมาแล้วให้เป็นเช่นนี้”
    หยาดเงียบไปพักหนึ่ง เทิดก็ว่าขึ้นมาอีก
    “คุณหยาดยังไม่ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นหรือ”
    “ลืมไม่ลง” หล่อนตอบเสียงเบา เบาเสียจนเส็งแทบไม่ได้ยินจากในห้องน้ำ กระนั้นประโยคต่อมา แม้จะแฝงความเศร้าโศกเอาไว้อย่างไรก็ยังมีเสียงกลั้วหัวเราะคล้ายกับว่าจงใจให้น้ำเสียงฟังอ่อนลงมาบ้าง “เวรกรรมอะไรไม่รู้ เล่นตลกเกินไป... อย่างไรก็ไม่ลืม เรื่องมันเกิดขึ้นแล้วไม่ใช่ไม่เคย จะให้แกล้งว่าไม่เคยเกิดอย่างไรได้เล่า”
    “คุณหยาด ลืมเรื่องนี้เถิดนะ หรือไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดให้กระผมได้ยินก็ได้ หากคุณไม่คิดจะลืมจริงๆ!” เทิดกระแทกเสียงคล้ายประโยคระคนความน้อยใจเอาไว้อย่างชัดเจน
    “ฉันจะลืมได้อย่างไร ฉันเป็นเมียแต่งของหลวงพินิจราชอักษร แต่มีลูกกับทนายหน้าหอของเขาด้วยความบังเอิญ ฉันรู้สึกผิดอยู่เต็มอก”
    “กระผมก็รู้สึกผิด” เขาว่าเสียงดังแทบจะเป็นตะคอก  “เราพูดเรื่องนี้กันกี่ครั้งแล้ว และคุณก็รู้ว่าเรื่องมันจบลงอย่างไรทุกครั้ง แล้วจะยังพูดไปอีกทำไม ในเมื่อไอ้เด็กที่คุณไม่อยากให้มันเกิดนี้ ก็ให้ประโยชน์มากมายแก่คุณ! ก็ไอ้เด็กคนนี้ไม่ใช่หรือ ไอ้คนที่มันเกิดจากกระผมนี้ไม่ใช่หรือที่คุณใช้บีบบังคับให้หลวงพินิจแต่งงานกับคุณเพื่อจะมาแบ่งเอาสมบัติของเขา”
    “ไม่ต้องย้ำแล้วเทิด!” หยาดตวาดก้อง
    “ทำไม คุณหยาดเป็นคนรื้อเรื่องนี้ขึ้นมาพูดก่อนเองนี่ กระผมก็จะย้ำต่อไปอย่างนี้ละ ถ้าคุณไม่คิดจะใช้ประโยชน์จากเด็กคนนี้เอาสมบัติคุณหลวง ทำไมคุณไม่หนีไปกับกระผมแต่แรก ทำไมเราไม่ไปอยู่กันสองคนตามประสาผัวเมีย ในเมื่อเราก็มีลูกด้วยกันแล้ว” เขาหยุดกลืนน้ำลาย หรือพักหายใจเส็งไม่รู้ แต่ชั่วอึดใจเดียวเขาก็พูดต่อไปอีก “ทำไมน่ะหรือ คุณหยาดรู้ดี กระผมเองก็รู้ดี อยากจะให้ย้ำละก็ได้ อยากขุดคุ้ยเรื่องนี้มาพูดก็ได้ กระผมก็จะพูด ก็เจ้าคุณพ่อของคุณเป็นหนี้เจ๊กกิมจนหมดตัวแล้วอย่างไร! กลัวไม่มีเงินไว้กินไว้ใช้ กลัวไม่สบายอย่างไรล่ะ!”
    หยาดเงียบไม่ว่าไม่ตอบโต้อะไร เงียบไปนานพอควรก่อนที่หล่อนจะว่าเสียงสั่นเครือ เส็งไม่เห็นน้ำตาก็พอจะเดาได้ว่าป่านนี้หล่อนคงร้องไห้น้ำตาไหลอยู่
    “แล้วเทิดรักฉันบ้างหรืออย่างไร ถ้าเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นเทิดเคยคิดจะรักฉันหรือ มีทั้งอีแก้ว อีจันอยู่แล้ว เทิดเคยคิดจะรักฉันด้วยอย่างนั้นหรือ”
    “ถ้ากระผมจะตอบว่ารัก คุณหยาดจะเชื่อหรือ” เขาว่า “กระผมรู้ดี ว่าตัวเองมันเป็นแค่ขี้ข้า คุณหยาดเป็นถึงลูกพระน้ำพระยา จะให้คว้าเดือนอย่างคุณหยาดกระผมไม่มีปัญญา ก็ได้แต่คว้าเงาจันทร์ในน้ำไปแทนเท่านั้น”
    เงียบไปพักหนึ่ง
    “กระผมดีใจแค่ไหนคุณหยาดไม่รู้ดอก พอรู้ว่าคุณท้องกระผมก็แทบเต้น ต่อให้เรื่องคืนนั้นที่หัวหินจะเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ แต่กระผมก็ดีใจที่ได้มีโอกาส... มีโอกาสหลับนอนกับคุณหยาด และดีใจมากที่สุดเมื่อรู้ว่าลูกในท้องคุณหยาดเป็นลูกของกระผม เพราะคุณหยาดไม่เคยนอนกับคุณหลวงเลย”
    เส็งตกใจ คุณหลวงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนไม่เคยร่วมรักกับคุณหยาด!
    “เทิด เธอไม่เคยบอกฉัน”
    “กระผมกลัวคุณหยาดไม่เชื่อ กลัวคุณหยาดจะคิดว่ากระผมอ้างเพียงต้องการส่วนแบ่งสมบัติคุณหลวงด้วย ในฐานะที่ออกตัวว่ารักคุณ” หยาดคงเชื่อ แต่เส็งไม่เชื่อ คำพูดอย่างนี้ท่องมาอย่างดี เตรียมตัวมาดีพอที่จะหลอกให้ต่างฝ่ายต่างเชื่อใจกัน สุดท้ายแล้ว ความรักระหว่างคู่ชายหญิงนี้ก็ไม่ใช่ความรักจริงๆหรอก เป็นเพียงการหาผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างคนสองคนมากกว่า
    อย่างนี้ไม่ควรถูกประณามยิ่งกว่าเขาและคุณหลวงหรือ
    “ขอให้ลูกหน้าเหมือนคุณหยาด คุณหลวงจะได้ไม่รู้”
    เงียบไป เทิดโน้มตัวลงจูบหยาดแผ่วเบา แล้วกระซิบเบาๆจนเส็งแทบไม่ได้ยินว่า “กระผมรักคุณหยาด” เสียงเงียบไปพักหนึ่งตามด้วยเสียงประตูปิดดังปัง แล้วความเงียบก็ทิ้งตัวลงภายในห้องนั้น
    คุณหยาดกับเทิดคงออกไปแล้วเส็งจะต้องรีบใช้โอกาสนี้หนีออกจากเรือนเทา ทำอย่างไรก็ได้ให้เจ้าคุณไพรัชกิจรู้ความจริงเรื่องนี้ คุณหยาดจะได้มาหลอกเอาเงินจากคุณหลวงไปไม่ได้ เส็งเปิดประตูห้องน้ำออกไปก็ตกใจแทบจะปิดมันกลับตามเดิม ... หยาดและเทิดยังอยู่ในห้อง ผละจากกันและกันมองเห็นเส็งเต็มตา

******************************************************************************************

สุขสันต์วันปีใหม่คร้าบบบบ!!!
ขอให้ผู้อ่านทุกคนของผมทั้งหน้าใหม่ หน้าเก่า ขาประจำ ขาจร มีความสุขมากๆเลยนะครับ คิดหวังสิ่งใดขอให้สมปราถนาทุกประการ
เจริญก้าวหน้าทั้งเรื่องงาน เรื่องเรียน เรื่องชีวิต เรื่องรัก ครับ และที่สำคัญขอให้เป็นคนดีกันทุกๆคน ติดตามงานของผมไปเรื่อยๆนะคร้าบบบบ

สำหรับในเรื่องก็ใกล้จบแล้วนะครับ คงเดากันได้ T-T
ดูซิว่าจามีกี่บท อิอิ

เรื่องหยาดกับเทิดนี่ เห็นมีคนเดาถูกหลายคนเลยย ผม foreshadow ไว้เยอไปหรือเปล่าไม่รู้นะเนี่ย 555
นอกจากเรื่องนี้ มีคนเดาถูกอีกคน แต่เรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับตัวละครในปัจจุบัน ยังไม่มีใครเดาถูกเลยแฮะ
ติดตามกันต่อไปเรื่อยๆนะคร้าบบ ผมรักทุกคนเลยย จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 03-01-2011 00:14:34
อย่างที่คิดเลยเรื่องของเทิด  แต่ที่เกินจากที่คิดคือพฤติกรรมของทุกคนหลังจากที่คุณหลวงไม่อยู่
โห  สุด  ๆ จริง ๆ จะเกิดอะไรต่อไปไม่ขอเดาละ  เพราะเดาไม่ถูกแน่  รอคนแต่งมาเฉลยดีกว่า อิ อิ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: dezzetoeiiz ที่ 03-01-2011 00:44:19
มันน่าเศร้า ....  :m15:
ไม่น่ารีบร้อนเลยเส็งน้อยเอย ... แล้วอย่างนี้มีหรือจะรอด ... ได้ยินเต็มๆขนาดนี้
ทั้งๆที่ิอีกไม่นาน คุณหลวงคงจะกลับมาแล้วแท้ๆ ..

เห็นทีจะโดนเทิดเอาโถดินเผาฟาด เอาศพไปอำพรางในน้ำรึเปล่านี่  :z3:

อ่านไปตื่นเต้นไป (ว่าเส็งจะเอาชีวิตรอดผ่านตอนนี้ไปได้มั๊ย) ตอนหน้ารู้็แน่แล้วอยากจะร้องไห้จริงๆ
ยิ่งเห็นบ่าวแต่ละคน พอนายไม่อยู่ละเอาใหญ่ แบบนี้พอคุณหลวงกลับมาจะทำยังไงกันล่ะเนี่ย ?
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 03-01-2011 01:17:58
ชาตินี้คงไม่มีบุญได้ครองคู่กัน

ชาติหน้าขอให้สมหวังในรักนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 03-01-2011 01:34:57
ถ้าเป็นภาษาปัจจุบันต้องบอกว่า เส็งงานเข้าอย่างแรงงงงงงง
แปลว่าตอนหน้าเส็งจะหมดลมแล้วสินะ โฮกกกกก
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 03-01-2011 02:17:21
ซวยแล้วค่ะเส็ง จะออกมาทำไมกันเล่าเนี่ย คราวนี้น่ะไม่รอด ถูกฆ่าปิดปากจับถ่วงแม่น้ำแน่ๆ
บ่าวทำตัวยังกับไม่มีนาย หยาดเป็นภรรยาแท้ๆแทนที่จะห้ามๆบ้างนี่อะไร เข้าทางที่ว่าแมวไม่อยู่หนูร่าเริงเลยสิ ยังมีปริศนาที่ยังไม่กระจ่าง

คิดว่า (เดาอีกแล้ว) พาทิศไม่น่าใช่คุณหลวงนะ  แล้วก็ขอให้ไม่ใช่จริงๆเพราะหากใช่ณัฐก็ต้องไม่มีคู่สิ เสียใจTT_T^^

           Happy new year of ribbit! Happiness, through the year!.
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 03-01-2011 06:37:30

ว้าย นายเชิดจับเส็งกดน้ำ
แม่หยาดหั่นบอดี้เป็นชิ้นๆ
ใส่ถุงดำ เอาไปทิ้งในถังขยะหลังห้างที่ย่านวังบูรพา
กลายร่างเป็นนางแม่มด
แล้วสะกดวิญญาณเส็งไว้ในโถใบนั้น....
/กิต. ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว

๑๒๗ + ๑ = ๑๒๘
ขอบคุณ และสวัสดีปีใหม่ นะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: 2Botaku ที่ 03-01-2011 07:03:22
เส็งจะโดนอะไรหรือปล่าวเน้อ ไปรู้ความลับเข้าเนี่ย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 03-01-2011 07:08:06
 อยากอ่านจนจบเร็วๆมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆแบบว่าปัญหามันคาใจสุดๆเลยอ่ะ หุหุ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: jobi ที่ 03-01-2011 07:53:14
โอ๊ะโอ๋ ตัดแบบเร้าใจมาก อีตาเทิดชั้นว่าแล้ว ชิส์
เรื่องแดงอย่างนี้คุณหลวงจะได้กลับมาเห็นหน้าเส็งรึเปล่าเนี่ย
ต้องขอโทษคนแต่งด้วยนะคะที่ไม่ได้เม้นท์ทุกตอน
แบบว่านานๆจะแอบลักลอบ(เค้า)เข้ามาอ่านซักที55+
ขอบคุณมากค่า สุขสันต์วันปีใหม่เช่นกันจ้า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 03-01-2011 09:49:20
เส็งโดนแจกันดินเผาใส่ดอกไม้ทุบหัวตายแหงมๆ


จากนั้นเศษแจกันนั่นก็ถูกนำไปซ่อนในโถเครื่องลายคราม

เอาศพเส็งไปทิ้งน้ำให้คนคิดว่าจมน้ำตาย

คุณหลวงกลับมาก็  โอ้  เส็งตายไปแล้วหรือนี่

แล้วพี่แกก็ตรอมใจตาย  โดยที่ไม่รู้ว่าลูกในท้องหยาดไม่ใช่ลูกตัว

แล้วไอ้อีคนชั่วอย่างนังหยาดกับไอ้เทิดก็รอดตัวไป  สบายแฮ


กรึ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด



สงสารเส็งกับคุณหลวง

พาทิศด้วยอีกคน

รีบๆฟื้นเน่อพาทิศ  เดี๋ยวณัฐโดนสร้อยฟ้าบคาบไปแดกไม่รู้ด้วย


พี่ฟ้าม่วงหน่าคิดถึงพาทิศแล้วอ่ะ

ไงก็  สู้ๆนะพี่

ปล.ยิ่งอ่านยิ่งชอบจ้า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 03-01-2011 11:58:51
+1 เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์

แต่อย่าให้เศร้านักนะ สงสารเส็ง  :sad4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 03-01-2011 12:07:39
พอคุณหลวงไม่อยู่แต่ละคนก็ปล่อยปละละเลยหน้าที่ตัวเองทั้งนายทั้งบ่าวเลย
สงสารทั้งเส็งทั้งคุณหลวงเลย ตอนหน้าทั้งคู่ก็จะจากกันจริงๆไม่ได้เจอกันอีกจนถึงปัจจุบันเลย แล้วเมื่อไหร่คุณหลวงจะกลับมาแล้วรู้ความจริงซะที อยากให้ทั้งหยาดทั้งเทิดรับกรรมที่ตัวเองทำไว้เร็วๆจัง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 03-01-2011 13:07:16
ตอนหน้าเส็งคงไม่รอดแล้วใช่ไหมเนี่ย  ม่ายยยย  :serius2:

ว่่่าาแล้วเชียวว่าต้องเป็นลูกของเทิด เลวจริงๆ

ตอนหน้าอย่าให้กระทบกระเทือนจิตใจมากนักนะคะ สามสี่ตอนที่ผ่านมา น้ำตาตกในหลายลิตรแล้วค่ะ

สงสารเส็งและคุณหลวง  :o12:  :o12:

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 03-01-2011 17:10:30
โอ้ ไม่นะ :z3:

เส็งใจร้อนไปหน่อยนะลูก รอสักพักแล้วค่อยออกมาก็ได้


ฮือๆ ไม่มีหวังกับการรอดชีวิตของเส็งเลย (เพราะตายแหงๆ)

โฮๆ คุณหลวงตรอมใจตายใช่ไหมอ่ะ หรืออีไอ้คู่นั้นมันทำอะไรอีก :serius2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Lady-Rabbit ที่ 03-01-2011 18:47:15
โอ้ยยยย หัวใจจะวาย แทนเส็งจริงๆ
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดสุดๆ
แต่อย่างงี้ก็แสดงความตระกูลของคุณหลวงที่สืบเชื้อสายต่อๆกันมา
ก็ไม่ใช่เชื้อสายจริงๆน่ะสิคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 03-01-2011 20:56:58
 :serius2:จบแบบแฮปปี้นะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


เกียจอีคุนหยาดกะไอเทิดมากกกกกกกก ทำคนรักแตกแยกกกกกกกกก :angry2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Jploiiz ที่ 03-01-2011 21:23:10
นั่นไง!
เป็นอย่างที่คิดไปเป๊ะๆ เลย
ที่แ้ท้เด็กในท้องก็ลูกของเทิด
ไม่แปลกที่คุณหลวงตอนตายไปแล้วถึงเหี้ยนขนาด
แต่ตอนหน้านี่สิ ไม่อยากนึกเลย  :monkeysad:
เส็งจะตายตอนหน้าจริงๆ น่ะหรอ ง่ะๆ
เมื่อไหร่คุณหลวงจะกลับมา
คิดถึงคุณหลวงแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Miku ที่ 04-01-2011 00:45:39
อ่อ อย่างนี้นี่เอง โดนฆ่าปิดปากแน่ เส็งเอ๋ย นี่มันโศกนาฏกรรมชัดๆ
โผล่ไปถูกจังหวะซะจริ๊ง
แอบตะหงิดๆตอนที่แล้วเหมือนกันว่าลูกคนนี้อาจเป็นลูกเทิด แล้วก็จริงอย่างที่แอบคิด
แต่แบบว่า อย่าทำอะไรน้องเส็งได้มั๊ย ฮือ ฮือ... คุณหลวงจะรู้เข้าต้องใจสลายแน่เลย  :sad4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 04-01-2011 10:49:50
คุณหลวงกลับมา

ความจริงจงปรากฎ  :really2:

 :call:

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Pamphlet ที่ 04-01-2011 12:14:23
ไม่ผิดจากที่คาดเท่าไหร่เลยแฮะ
แต่สองคนนี้นี่เลวได้ใจจรงๆเลยแฮะ  :fire:
เฮ้อ...สงสารเส็งกับคุณหลวงจริงๆเลย แล้วก็ตอนหน้าแล้วสินะที่เส็งจะโดนสองคนนี้ปิดปาก
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้เสมอค่า  :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 04-01-2011 13:54:34
นี่สินะ สาเหตุที่ทำให้เส็งไม่ได้ออกจากห้องนี้

คู่นี้เหมาะสมกันจัง หญิงก็ร้าย ชายก็ร้ายกว่า

สงสารคุณหลวงกับเส็งจริงๆ

.....

สวัสดีปีใหม่ค่ะ มีความสุขมากๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 04-01-2011 15:03:41
อ้อ พอคุณหลวงไม่อยู่เลยเปิดตัวเลยล่ะซิ
อย่างนี้เส็งก็ถูกฆ่าแน่ๆ
น่าสงสารเส็งจัง

สวัสดีปีใหม่ ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆนะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 04-01-2011 18:08:02
โอมม!!!  ล่มจมๆๆ ด้วยเทอญ สาธุ

อ้ากกก ทำไมมันชั่วกันอย่านี้ รู้มั้ยว่ามันทำให้คนที่รักกันต้องเจ็บช้ำ

 :beat: :beat:

ปล. HAPPY NEW YEAR 2011
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 06-01-2011 18:35:59
มาดันกระทู้และให้กำลังใจคุณ Purple_Sky ค่า

อยากให้ความจริงเปิดเผยเร็วๆจัง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 08-01-2011 08:44:31
๒๘
   ร่างของพาทิศบนเตียงนอนสีขาวสะอาดของโรงพยาบาล กระตุกขึ้นอย่างแรงจนตัวลอยขึ้นจากเตียงคล้ายโดนปั๊มหัวใจ คุณนายเพลงพิณร้องว๊ายขึ้นอย่างตกใจ แล้ววิ่งเข้ามาเกาะขอบเตียง ท่ามกลางสายตาของ จิตรา ณัฐ และ สร้อยฟ้าที่มองอยู่ตกใจไม่แพ้กัน
    “คุณลูกเป็นอะไรคะ คุณพี่จิตรา!” เพลงพิณร้องเสียงแหลมกดปุ่มเรียกพยาบาล เมื่อเห็นลูกชายที่สะดุ้งคล้ายคนตื่นจากฝันร้าย แต่แล้วก็กลับลงไปนอนนิ่งตามเดิม
    พยาบาลสาวหน้าหมวยร่างอวบวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น เพราะขณะนั้นเป็นเวลาดึกมากแล้ว หล่อนนึกว่าคนไข้ที่หลับไปเป็นเดือนนั้นกำลังจะฟื้นขึ้นมา แต่ที่ไหนได้พอเห็นเขานอนอยู่หล่อนก็ถอนใจ อย่างรำคาญ
    “คุณพยาบาลคะ คุณลูกของดิฉัน แก... แกกระตุก แต่ยังไม่ฟื้นค่ะ”
   “คุณแม่ต้องให้ผู้ป่วยพักนะคะ ไม่อย่างนั้นบาดแผลจะกระทบกระเทือนได้” หล่อนว่าเมื่อเห็นเพลงพิณกอดร่างลูกชายเอาไว้เสียแน่น กลัวกระดูกกระเดี้ยวที่น่าจะสมานกันดีแล้วเกิดหักไปอีกรอบ “คนไข้ยังไม่ฟื้นหรอกค่ะ คลื่นหัวใจก็ยังเต้นคงที่อยู่เลย”
    “แต่คุณลูกกระตุกจริงๆนะคะ ไม่เชื่อถามคนอื่นซี ใช่มั๊ยคะคุณพี่ ใช่มั๊ยจ๊ะลูกณัฐ หนูสร้อย”
    “ครับ” ณัฐเป็นคนอ้าปากตอบ “พาทิศกระตุก ตัวลอยเหมือนจะฟื้นแต่แล้วก็ลงไปนอนอยู่ตามเดิม เอ๊ะ... คุณพยาบาลครับทำไม...”
    ณัฐอ้าปากค้างหน้าซีดด้วยความตกใจ จู่ๆ ร่างของพาทิศก็มีเหงื่อไหลออกมาท่วมตัว ทั้งที่อุณหภูมิในห้องยังคงที่อยู่เท่าเดิม ผ้าที่พันรอบศรีษะที่แตกและเย็บไว้แล้ว เกิดแต้มสีแดงเข้มขึ้นเป็นวงเล็กๆ ก่อนจะขยาย เลือดไหลออกจากแผลเก่า ย้อยลงมาที่หน้ามากจนเปียกหมอนไปหมด พยาบาลสาวเห็นอย่างนั้นก็ตกใจ เปิดประตูออกไปตะโกนเรียกหมอเวรให้รีบวิ่งเข้ามา
    “คุณหมอคะ คนไข้แผลแตกค่ะ” หมอชายวัยกลางคนวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา พอเห็นสภาพของพาทิศก็รีบให้พยาบาลเข็นร่างที่ไร้สติของเขาไปห้องผ่าตัด เพื่อห้ามเลือดและเย็บแผลเสียใหม่ แต่ก็ไม่วายหันมาถามญาติผู้ป่วยว่า
    “เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมคนไข้ถึงแผลแตกเลือดออกมากขนาดนี้”
    “ไม่ทราบค่ะ จู่ๆแกก็กระตุกตัวโยน แล้วเลือดก็ไหลออกมาเอง”
    “ไม่ใช่ว่าคุณไม่กระทบแผลเขาเข้านะครับ”
    “คุณหมอคะ ดิฉันเป็นแม่นะคะ! แม่ที่ไหนจะอยากเห็นลูกเจ็บบ้างคะ” เพลงพิณเถียงเสียงแหลม สั่นเครือเพราะน้ำตาที่ไหลริน จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสำหรับคนเป็นแม่ เพียงลูกแผลถลอกเจ็บนิดๆหน่อยๆก็ร้อนใจแล้ว นี่ต้องมาเห็นลูกชายเลือดท่วมตัวมาสองครั้งสองครา ก็อดใจหายไม่ได้
    “ผมขอโทษครับ เคสนี้เป็นอะไรที่หินมากสำหรับเรา มันมีอะไรประหลาดไปหมด จนแพทย์ผู้เกี่ยวข้องเครียดกันไปหมดแล้ว ผมเองก็เครียดไปด้วย ต้องขอโทษนะครับหากพูดจาไม่ดี” เขาว่าเบาๆอย่างรับผิด “แล้วจู่ๆแผลก็มาแตกอย่างไร้สาเหตุเหมือนโดนอะไรตี อย่างนี้โดนของหรือเปล่าไม่รู้”
    เงียบ สายตาทุกคู่หันมามองจิตรา ราวกับหล่อนเป็นตัวการที่ทำให้พาทิศกลายเป็นแบบนี้ หญิงชราไม่ถือสากลับพูดขึ้นมาเบาๆว่า
    “คุณหมอรีบไปเถอะค่ะ” หล่อนเดินมาที่โต๊ะเล็กข้างเตียงคนไข้ “ฝากเอาโถนี้ไปด้วย คุณพาทิศจำเป็นต้องให้มันอยู่กับเขาตลอดเวลาค่ะ”
    นายแพทย์ผู้นั้นไม่ว่าอะไร แต่ก็รับโถลายครามนั้นรับเดินตามไป ที่ห้องฉุกเฉิน เพลงพิณเดินตามหมอไป จะไปอยู่เฝ้าลูกชายหน้าห้องผ่าตัด จิตราเห็นว่าน้องสาวเพื่อนกำลังเสียขวัญจึงเดินตามไปเป็นเพื่อนอย่างมีน้ำใจ ฝ่ายหลานสาวของหล่อน และเพื่อนหนุ่มของผู้ป่วย เห็นว่าอยู่ในห้องนี้เฉยๆก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจึงเดินตามทั้งสองออกไปด้วย
    “ โธ่! คุณพี่จิตรา เมื่อไหร่ลูกชายจะฟื้นคะ นี่หลับมาเป็นเดือนแล้ว ลูกชายต้องเป็นเจ้าชายนิทราจริงหรือคะ” ผู้เป็นแม่ร้องไห้ออกมาด้วยความรัก และเป็นห่วงเปี่ยมล้นหัวใจ หากเลือกได้ คุณนายเพลงพิณย่อมต้องการมานอนนิ่งไม่รู้สึกตัวอย่างนี้แทนลูกชายเสียด้วยซ้ำ “แล้วเลือดเมื่อกี้มาจากไหน”
    “แม่พิณ อย่าเพิ่งฟูมฟายเลย เชื่อฉันเถอะ ไม่นานพาทิศก็จะฟื้นแล้วที่ร่างกระตุกก็เป็นเพราะจิตเขากลับเข้าร่างแล้ว เพราะเรื่องเกี่ยวกับเขามันน่าจะจบแล้วเหลือรอให้ฟื้นขึ้นมาเท่านั้น ทีนี้พอจิตกลับเข้าร่างก็มีปฏิกิริยาต้านเล็กน้อยเพราะมันออกไปนานเกิน ผลก็ออกมาเป็นเลือดทะลักนั่นละ” หล่อนว่า แต่เมื่อเห็นสายตาของเพลงพิณที่มองมาราวกับว่าหล่อนเป็นตัวประหลาด จิตราก็เข้าใจ “เธอจะว่าฉันเลอะเลือนก็ตามใจ ฉันพูดแต่สิ่งที่ฉันรู้”
    เพลงพิณโทรเรียกสามี มาอยู่เป็นเพื่อน พอพ่อของพาทิศมาเกือบชั่วโมงหนึ่งถัดมา จิตราก็ทิ้งให้พ่อแม่เขาอยู่เฝ้าลูกไป ขอตัวกลับบ้านเดี๋ยวนั้น
    ณัฐกับสร้อยฟ้าเห็นว่าเป็นการดีที่จะได้ซักถามเรื่องราวความเป็นไปของอาการที่พาทิศกำลังเป็นอยู่ จึงขอตัวขับรถไปส่งหญิงชรา ซึ่งฝ่ายจิตราก็ไม่ได้ปฏิเสธ ซ้ำยังยิ้มเหมือนจะพอใจที่ ดึงเอาณัฐและ สร้อยฟ้าออกมาจากเพลงพิณได้ ต่อหน้าเพลงพิณ หล่อนเป็นหญิงแม่มดแก่ๆที่เสียสติเท่านั้น แต่ต่อหน้าณัฐ และสร้อยฟ้า หล่อนเป็นเหมือนผู้รู้ในทุกเรื่อง เป็นที่พึ่งพาและเลื่อมใสของหนุ่มสาวทั้งสอง เห็นดวงตาก็รู้ว่าสองคนนี้เชื่อในเรื่องที่หล่อนพูดและต้องการรู้มากกว่านั้น
    พอณัฐขึ้นรถไปนั่งที่คนขับ จิตราก็เปิดประตูเข้าไปนั่งข้างหลังโดยที่ไม่ต้องให้ชายหนุ่มบอกอะไร กลายเป็นว่าสร้อยฟ้าต้องไปนั่งข้างคนขับเป็นเพื่อนณัฐไปอย่างนั้น
    “เอ้อ พ่อณัฐ อย่าไปบ้านฉันเลย วานพ่อไปส่งฉันอีกที่จะได้ไหม”
   สร้อยสุวรรณ กำลังจะออกจากโรงแรม ก็พบเข้ากับป้าของหล่อน มาพร้อมพี่สาวและเพื่อนหนุ่ม ก็ออกจะตกใจ ถอดแว่นกันแดดอันโตสีชาออกมองหน้าทั้งสามคนอย่างไม่แน่ใจว่าเห็นเขาเหล่านั้นที่นั่นจริงๆหรือเปล่า นี่มันเกือบตีหนึ่งแล้วเหตุใดยังมาอยู่ที่นี่กันอีก ไม่แยกย้ายกันกลับบ้านเล่า
    “คุณป้า สวัสดีค่ะ” หล่อนน้อมตัวไหว้อย่างงดงาม เหมือนทุกครั้งเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณป้า ไม่มีมาดของนางแบบสาวหัวฝรั่งอย่างที่แสดงกับหลายๆคน  “มาถึงนี่เสียดึกดื่นมีธุระอะไรหรือคะ”
    “หาที่เงียบๆคุณกับสองคนนี้จ้ะ ร้านที่อื่นปิดหมดแล้วต้องมาอยู่ตามโรงแรมนี่ละ” หล่อนตอบอย่างเยือกเย็น ยิ้มให้นิดๆ เพราะไม่เจอหลานสาวคนเล็กมานานแล้ว “แม่สุ จะไปไหนหรือสวมแว่นอย่างนี้แดดจ้ามากหรือจ๊ะ ตอนตีหนึ่ง”
    “เอ้อ ไม่ได้ไปไหนเป็นพิเศษค่ะ” หล่อนตอบอย่างเอียงอายติดนิสัยชอบสวมแว่นเสียแล้ว ด้วยความที่เป็นคนดังแม้มีเพียงแสงจากไฟฟ้าเท่านั้นหล่อนก็ต้องสวมแว่นไว้เสมอ เหลือบมองสร้อยฟ้าแล้วเลยไปมองณัฐก่อนจะกลับมามองพี่สาวส่งสายหน้ารู้ทันแบบที่ทำให้พี่ของหล่อนหน้าแดงได้ไปให้ “คุณป้ามาดูดวงหาฤกษ์แต่งงานหรือคะ”
    ณัฐไม่เข้าใจ คิดว่าปกติจิตราทำอย่างนั้นอยู่แล้วจึงไม่ติดใจอะไร แต่สร้อยฟ้าซี เข้าใจดีว่าน้องต้องการแหย่ตามประสาคนขี้เล่น จึงหน้าแดง ส่งสายตาแบบ แกตายแน่ ให้น้องสาว
    “เปล่าหรอกคุยเรื่องทั่วๆไป” หล่อนว่า “แม่สุจะมานั่งด้วยกันไหมล่ะ”
    หล่อนลังเลไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดีใจหนึ่งอยากนั่งอยู่ด้วย จับพิรุธในพฤติกรรมของพี่สาว แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากได้ยินอะไรที่จิตราว่า นอกจากหล่อนจะไม่นับถือแล้ว หลายๆครั้งยังรำคาญเอาเสียด้วย ใจหลังดูจะหนักแน่นกว่า หล่อนจึงตัดสินใจตอบว่า “ไม่ดีกว่าค่ะ”
    “ตามใจเถอะ” คนป้ายิ้ม ก่อนจะเดินหน้าต่อไปยังร้านกาแฟในโรงแรม แต่ก็หยุดชะงัก หันมาหาสร้อนสุวรรณอีกครั้ง “เอ้อ แม่สุ พอจะรู้ไหมว่า พ่อของหนูเขาเคยงมดูใต้สระบัวหลังเรือนเทาก่อนจะเอามาทำโรงแรมหรือเปล่า”
    สร้อยสุวรรณขมวดคิ้ว เรื่องนี้สำคัญอะไรหรือ
    “เอ เหมือนจะไม่เคยพูดถึงเลยนะคะ แต่คงช้อนบัวช้อนปลาออก แล้วทำเป็นสระน้ำเฉยๆ มังคะเพราะไม่มีบัวหรือปลาหรืออะไรแล้วในสระ จะเคยดำไปใต้น้ำหรือเปล่า ไม่เคยเล่าค่ะ” หล่อนว่า เห็นจิตราไม่พูดอะไรอีกก็ยกมือไหว้อย่างอ่อนช้อย เดินออกจากโรงแรมไป
    ณัฐและสร้อยฟ้าต่างก็พิศวงว่า ป้าจิตราพูดถึงอะไร ต่างจากหญิงชราที่หมดข้อสงสัยใดๆแล้ว
    ในที่สุดหล่อนก็เข้าใจเสียทีว่า เพราะเหตุใดเส็งจึงยังไม่ไปผุดไปเกิด นอกเสียจากจิตของเขาจะผูกพันรอคอยคุณหลวงเป็นบ่วงพันธนาการไว้ชั้นหนึ่งแล้ว สิ่งที่อยู่ใต้สระ และสิ่งที่อยู่กับพาทิศที่ห้องผ่าตัดในตอนนี้ก็ยังจะเป็นเหมือนกุญแจอันใหญ่ ล็อกบ่วงแห่งความผูกพันนั้น มิให้คลายออกได้ แน่นหนามากขึ้นไปอีกชั้นหนึ่งด้วย ไม่แปลกใจเลยที่เส็งจะต้องติดต่อกับพาทิศ หรือหากพาทิศเป็นเส็งเองก็ไม่แปลกเลยที่เขาจะต้องมาในร่างมนุษย์ เพื่อปลดทั้งกุญแจ ทั้งบ่วงที่ขังตัวเองไว้ที่นี่เสีย
    “คุณป้าคะ” พอสร้อยฟ้าเรียกนั้นแหละจิตราถึงได้รู้ว่าหล่อนปล่อยให้จิตตัวเอง ลอยไปถึงไหนๆแล้ว เห็นหลานสาวมองอย่างเป็นห่วงหล่อนก็ยิ้มให้
    “ว่าอย่างไร”
    “คุณป้าเงียบไปนะคะ” หล่อนว่าเบาๆ
    “อ้อ ใช่คิดอะไรนิดหน่อยน่ะจ้ะ แต่ว่า เราคงจะไม่ไปที่ร้านกาแฟอย่างที่ฉันอ้างกับแม่สุหรอกนะ ฉันตั้งใจมาที่นี่” หล่อนบุ้ยใบ้ไปทาง “สระอโนดาต” แล้วก็เดินนำหนุ่มสาวไปล่วงหน้า
    สร้อยฟ้าหันหน้ามองณัฐอย่างไม่เข้าใจ ตามความคิดของหญิงชราไม่ทัน
    “คุณป้าครับ ผมอยากรู้ว่าทำไปพาทิศถึงกระตุกอย่างนั้นล่ะครับที่โรงพยาบาล” ณัฐเดินตามหล่อนมาทันในที่สุด กระซิบถามอย่างร้อนใจ
    “อย่างที่ป้าบอกคุณเพลงพิณนั่นแหละ หลานเอ๋ย” ป้าจิตราเปลี่ยนสรรพนามไปเป็นอย่างนี้มาพักใหญ่แล้ว หล่อนรู้สึกสนิทสนมกับณัฐมากราวกับจะเป็นหลานชายป้าหลานกันจริงๆ “จิตของคุณพาทิศ เพิ่งกลับเข้าร่างตอนนั้นจ้ะ พอจิตมันไม่ชินกับร่างที่มันทิ้งไปนาน เลือดก็ไหลอย่างนั้นละ เป็นเหมือนผลข้างเคียงอะไรอย่างนี้ล่ะ”
     ณัฐงงงวย
    “ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดีครับ ทำไมคราวที่แล้วถึงนอนไปเฉยๆ ตื่นมาเฉยๆ แต่คราวนี้ถึงกับต้องเลือดออกด้วย”
    จิตราเงียบไปพักหนึ่งเรียบเรียงเรื่องในใจให้เข้าใจง่ายที่สุดสำหรับหนุ่มน้อย พอมั่นใจแล้วว่าจะพูดอะไรก็กล่าวเบาๆว่า
    “เคยได้ยินเรื่องที่อาถรรพ์เจ้าของสมบัติไหม อย่างที่พีระมิด มีสมบัติฟาโรห์อยู่ ใครเอาออกมาก็ต้องมีอันเป็นไปน่ะ” หล่อนเห็นณัฐพยักหน้าก็พูดต่อ “ที่จิตหลุดออกจากร่างเพราะโถลายครามนั้น มันดลให้พาทิศเขาถูกรถชน ของเขาอยู่ในบ้านไปเอาของเขาออกมาเจ้าของบ้านเขาหวง ทีนี้ พาทิศควรตายตั้งแต่โดนรถชนแล้ว เพราะชนฝั่งที่เขานั่งอย่างจังพอดี”
    ณัฐขนลุกซู่
    “แต่เจ้าของนิมิตเขาเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่คุณพาทิศหมดสติพอดีก็ดึงจิตของพาทิศไปดูเรื่องในอดีตต่อจากคราวที่แล้ว ปกติคนเขาถอดจิตไปดูนิมิต จะเริ่มจากเพ่งกสิณ พอวัตถุที่เพ่งมันหายไปแล้วจิตก็กลับเข้าที่เดิม หรือไม่ก็คนที่ดลใจให้เขาเห็นอนุญาตให้กลับได้ แล้วทีนี้เรื่องมันก็คงจบแล้วในส่วนของเขาจิตก็เลยกลับเข้าร่างอย่างไรล่ะ แล้วตอนที่จิตหลุดออกไป มันถูกกระชากออกไปแรงมาก ตอนกลับเข้ามาก็คงต้องใช้แรงพอๆกัน เลือดก็เลยออกกระมัง”
    หล่อนว่า แต่ก็ขมวดคิ้วอย่างไม่แน่ใจเป็นครั้งแรก
    “คุณป้าบอกว่าพาทิศควรจะตายไปแล้ว แล้วอย่างนี้ถ้าจิตของพาทิศกลับเข้าร่างแล้ว มันจะต้องตายไหมครับ”
    จิตราไม่ได้ตอบในทันที อันที่จริงหล่อนกลัวคำตอบ ทั้งที่ค่อนข้างมั่นใจตั้งแต่อยู่โรงพยาบาลแล้วก็ตามแต่บางทีอาจมีทางช่วยพาทิศได้ หล่อนจึงมาที่นี่ พอหญิงชราเข้ามาในห้องอโนดาต หล่อนก็ตรงเข้าไปที่สระ จุ่มมือลงในในน้ำนั้น
    ฉับพลัน
    ใบหน้าของหนุ่มลูกจีน ขาวซีดดวงตาเรียวเล็กก็เงยหน้าขึ้นมาจากสระ เลือนรางคล้ายจิตของเขาถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนที่แสดงให้จิตราเห็นจึงเลือนเกือบจะใส ไม่เข้มแข็งเท่าจิตที่แข็งแรงอยู่เต็มดวง จิตราเข้าใจแล้วว่า จิตของเส็งถูกแบ่งเป็นสองส่วนจริงๆ ส่วนหนึ่งอยู่ที่นี้ อีกส่วนอยู่ที่โรงพยาบาล ในห้องผ่าตัดที่เพลงพิณนั่งเฝ้าอยู่! ไม่ใช่แค่จิตรา แต่ณัฐและสร้อยฟ้าก็เห็นใบหน้านั้นด้วย
    หญิงสาวนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ไม่เชื่อสายตาตัวเอง ยกมือชี้อากาศ ปากอ้าพะงาบคล้ายจะกรีดร้องแต่ก็ไม่มีเสียงผ่านลำคอออกมา หล่อนพยายามเรียกป้าให้กลับออกมาจากสระ แต่เมื่อไม่อาจพูดได้ จิตราจึงไม่ได้ยินความคิดหลานสาว ยังจุ่มมือลงใปในสระ ราวจะทดลองอะไรบ้างอย่าง
    แล้วหญิงชราก็ถูกผลักออกจากสระน้ำนั้น ล้มหงายตึงลงไป จึงหนุ่มสาวที่ติดตามมาต้องรีบเข้ามาช่วยประคอง จิตราหลับตาพริ้ม กระซิบถามเบาๆว่า “เป็นฉันก็ไม่ได้หรือ”
     แล้วเหมือนหล่อนจะถามเองตอบเอง หล่อนพยักหน้าอย่างเข้าใจ หยาดน้ำตาไหลอาบแก้ม ยิ้มให้กับสิ่งที่อยู๋ในสระ เขาใจทุกอย่าง กระจ่างชัดแล้วในวันนี้เอง หนุ่มสาวที่ประคองหล่อนอยู่ตกใจ น้ำตาของหญิงชรา แต่จิตราก็ไม่แสดงความอ่อนแอให้เห็นนานนัก หล่อนปาดน้ำตาแล้วหันมาพูดว่า “คำตอบของคำถามคุณณัฐคือ ใช่ค่ะ คุณพาทิศอาจตายได้ แม้แต่ดิฉันเองก็ไมมีสิทธิ์เข้าไปช่วย”
     .ในขณะเดียวกันที่ห้องผ่าตัดของโรงพยาบาล พาทิศไม่รู้ตัวเลยว่า เหตุใดนิมิตที่ดูเหมือนจบลงแล้ว จึงยังไม่จบ เขารู้สึกถึงความว่างเปล่าที่แสดงให้รู้ว่าจิตของเขากลับเข้าร่างแล้วพร้อมจะเข้าสมาธิดึงตัวเองออกจากนิมิต แต่แล้วไม่กี่นาทีต่อมานั้นเอง ชายหนุ่มก็รู้สึกวูบวาบที่หน้าท้อง นิมิตใหม่เริ่มขึ้นทันทีโดยที่เขาไม่อาจควบคุมมันได้อีก

    เมื่อหยาดสะดุ้งตื่นในวันรุ่งขึ้นหล่อนก็พบว่า เทิดไม่ได้นอนอยู่ข้างกายหล่อนอีกแล้ว หญิงสาวปาดเหงื่อที่ผุดพราวทั่วใบหน้าจากฝันร้ายเมื่อคืนนี้ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง มองลงไปยังสระบัวที่อยู่ห่างจากตัวเรือนออกไปหลายสิบก้าว ขนลุกซู่จนต้องลูบแขนเบาๆ หล่อนฝันเห็นเส็งตะเกียกตะกาย ร้องหาความช่วยเหลือจากหลวงพินิจราชอักษร เห็นดวงตาที่ถลนโปนออกมาเมื่อชายหนุ่มหายใจไม่ออกอีกต่อไป หล่อนก็กลัวจับใจ ปากสั่นมือสั่นไปหมด ไม่รู้จะทำอย่างไรดี หล่อนไม่อยากฝันร้ายไปตลอดชีวิต อยากจะเล่าให้ใครฟังอยากระบาย อยากสารภาพบาปกับใครสักคน แต่ก็ทำไม่ได้ หล่อนไม่อยากเป็นฆาตกรในสายตาคนอื่น คงไม่มีใครรับได้แน่หากหล่อนเล่าออกไปตามตรง
    แล้วเทิดก็ดันมาหายไปอีก หายไปไหน จะเล่าเรื่องที่เกิดขี้นให้ใครฟังหรือเปล่า หล่อนกัดริมฝีปากล่างอย่างระแวงแคลงใจ ตัดสินใจเดินออกจากห้องไปตามหาเทิด แต่ไม่ทันจะได้เปิดประตูก็เห็นทนายหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้น หยาดโผเข้าหาเทิด กอดเขาเอาไว้ในอ้อมแขน ตัวสั่นราวกับลูกนกลูกกากกตัวเข้าหาแม่ของมัน
    “เทิด เธอหายไปไหนมา ฉันกลัวแทบตาย” เสียงหล่อนสั่นเครือ เมื่อพูดไป น้ำตาก็พาลจะไหลไป “ฉันกลัว ฉันเห็นมัน เห็นอ้ายเส็ง ฉันเห็นมันในฝัน มันคงแค้นคงผูกใจเจ็บกับฉันมาก ฉันจะทำอย่างไรดีหาเทิด ฉันตกใจตื่นก็หวังจะพบเธอ เธอก็มาหายตัวไป เธอไม่รุ้หรอกว่าฉันใจเสียแค่ไหนที่ไม่พบเธอ”
    “คุณหยาดเสียใจที่ไม่พบ หรือกังวลว่ากระผมจะเล่าเรื่องเมื่อคืนนี้ให้ใครฟังกันแน่” ทนายหนุ่มเอ่ยปากถาม
    หยาดถอดตัวออกจากอ้อมกอดของเทิด หล่อนมองเขาราวกับไม่รู้จัก จริงอยู่เทิดเดาใจหล่อนออก หล่อนไม่ได้กลัวที่ไม่ได้เจอเขาในฐานะคนที่รักใคร่ผูกพันกันจนมีลูกด้วยกัน หล่อนกลัวว่าเขาจะเอาเรื่องไปบอกใครจริงๆ แต่หยาดก็ยังไม่อยากเชื่อว่า เทิดจะกล้าพูดแบบนี้กับหล่อน ราวกับว่าไม่ใช่เขาที่เคยบอกหล่อนกับหูว่าเขารักหล่อนเสียเหลือเกิน
    “ทำไมเธอพูดอย่างนี้ ฉันไม่เหลือใครให้พึ่งแล้วนะเทิด สามีฉันก็ไม่อยู่ เจ้าคุณพ่อกับคุณหญิงแม่ของฉันก็กำลังลำบาก จะกลับไปหาก็ไม่ได้ ส่วนเธอ... เธอก็เป็น” หยาดนึก หล่อนจะใช้คำว่าอะไรดีนะ “เธอเป็นพ่อของลูกฉัน ฉันคงขาดเธอไม่ได้ ขาดเธออีกสักคนฉันคงไม่มีอะไรให้ยึดมั่นในชีวิต”
    เทิดมองหยาดอย่างสมเพชเวทนา ไม่เชื่อสักคำที่หล่อนพูด แต่ในใจก็ยังสงสารอยู่ดี จึงรั้งหล่อนมากอดไว้หลวมๆ พร้อมกับเอ่ยปากบอกหล่อนในเรื่องที่เขาจำเป็นต้องบอก
    “กระผมกลับไปที่เรือนของเจ้าคุณไพศาลมาเมื่อเช้านี้”
    คำว่า เจ้าคุณไพศาลทำให้หยาดถอนตัวออกมาจากอ้อมกอดของเทิด ยืนมองเขาอย่างใจจดใจจ่อรอคอยสิ่งที่เขาจะบอกต่อไป หล่อนหวังในใจว่าอย่าให้เป็นเรื่องร้าย หวังว่าเทิดคงไม่หลุดปากบอกเจ้าคุณพ่อ หวังต่างๆนาๆ
     “จะไปลา แล้วจากไปเสีย กระผมทนอยู่กับความรู้สึกผิดบาปไม่ได้”
    “เทิด เธอบอกเจ้าคุณพ่อหรือเปล่า!”
    “คุณคงกลัวแค่นี้ซีนะ” เขาว่าเสียงเย็นชาหันหลังให้หล่อน อย่างไม่ใส่ใจนัก “ผมไม่ได้บอกดอก ไม่มีโอกาสได้บอก พอรู้เรื่องก็รีบมาบอกคุณว่าเจ้าคุณและคุณหญิงถูกฆ่าตายเสียแล้ว พบศพระหว่างทางกลับเรือน คนแถวนั้นบอกมาสันนิษฐานกันว่า โดนลอบฆ่าเพราะไม่มีเงินใช้หนี้ เจ๊กกิม”
    หยาดทรุดลงนั่งน้ำตาไหลโดยไม่มีเสียงสะอื้นใดๆ นี่นะหรือ เวรกรรม มันตามหล่อนทันเร็วขนาดนี้เทียวหรือ หล่อนอดไม่ได้ที่จะหันไปทางสระบัว เสี้ยวนาทีหนึ่งไม่รู้ว่าหล่อนคิดไปเองหรือไม่ หยาดเห็นใบหน้าของเส็ง จ้องมองหล่อนมาจากบริเวณนั้น สีหน้าสะใจราวกับมีชัยชนะเหนือหล่อนจนได้
    
    วันต่อมา พอทำใจเรื่องพ่อแม่ได้แล้ว หยาดก็ทำทีเข้าไปหาเส็งที่บ้านสวน แล้วก็เดินกลับออกมาอย่างที่เตรียมแผนไว้ในใจแล้วอย่างแยบยล แสร้งร้องตะโกนหน้าเรือนบ่าวอย่างหัวเสีย
    “พวกเอ็งออกมาทีซี ข้าหาอ้ายเส็งมันไม่เจอ”
    บ่าวไพร่โผล่หน้าออกมา มะลิ และชิดมองหน้ากันหวาดกลัว บ่าวทั้งคู่รู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่า เส็งหายไปจากบ้านสวน แต่ก็ไม่กล้าบอกคุณหยาด เพราะนายสาวกำลังเศร้าเรื่องพ่ออยู่
    “มันหายไปไหนมีใครรู้บ้าง” ไม่มีใครตอบ หยาดก็ตะโกนถามมะลิ “เอ็งเป็นคนยกข้าวปลาไปให้มันมิใช่รึ มะลิ เอ็งรู้ไหมว่ามันหายไปไหน”
    “ไม่รู้เจ้าค่ะ” บ่าวสาวตอบ “ยกกับข้าวไปให้แต่เมื่อวานก็ไม่เห็นแล้วเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่าหายไปไหน”
    “มันคงทนลำบากไม่ไหวซีท่า” หยาดว่า “อยากรู้นักว่าถ้าคุณหลวงรู้ จะเป็นอย่างไร บ่าวคนรักที่ถูกใจหนักหนา รอเธอกลับมาไม่ได้ หนีหายไปเสียแล้ว”
    เท่านี้ก็สำเร็จตามแผน หยาดแอบยิ้มเมื่อหมุนตัวกลับขึ้นเรือน แต่ก็ต้องมานั่งเสียใจอีกทุกคืนเมื่อคิดถึงเจ้าคุณพ่อและคุณหญิงแม่ของตัวเอง หล่อนไม่มีโอกาสได้ไปงานศพพ่อ เพราะเทิดแนะนำให้ซ่อนตัวเสียแต่ที่นี่ไม่ให้ใครเห็นหน้าค่าตา เพราะอาจโดนดักฆ่าได้ ตัวเขาไปเป็นตัวแทนหล่อนเอง ญาติพี่น้องถามหาอย่างไร เทิดก็เอาแต่บอกว่าหล่อนติดตามหลวงพินิจราชอักษรไปยุโรปด้วย หลายคนเชื่อเสียสนิทแถมต่อว่าผ่านทนายหนุ่มมาว่าหยาดนึกอยากไปไหนก็ไป ไม่ยอมมาลาไหว้ใครสักคน
    หญิงสาวทนทุกข์ทรมาณทางใจอยู่ได้ไม่กี่เดือน ก็ต้องมาทรมาณกายเพิ่มอีก เมื่อหล่อนเจ็บท้องขึ้นมาวันหนึ่ง
    “เทิด ฉันเจ็บท้อง ฉันว่าลูกจะออก” หล่อนร้องอย่างคนไร้สติ เทิดเองก็ตกใจทำอะไรไม่ถูกพักหนึ่ง เพราะจู่ๆก็มาเจ็บท้องเอาตอนกลางคืนจะตามหมอที่ไหนก็ไม่รู้ จึงได้แต่วิ่งไปปลุกบ่าวไพร่กันจนหมดเรือน ยายนอมก็ใช้บ่าวผู้ชายพายเรือไปตามหมอตำแยที่คุ้งน้ำถัดไป มาทำคลอดให้อย่างเร็วที่สุด
    ทนายหนุ่มดูร้อนรนจนหลายคนผิดสังเกต เพราะไม่มีใครรู้ว่าเด็กในท้องหยาดเป็นลูกของเขา บ่าวไพร่จึงพาลคิดไปว่าเทิดคงไม่เคยเห็นผู้หญิงร้องโอดครวญหนักเท่านี้มาก่อน บวกกับนายเทิดก็เป็นคนรับใช้สนิทกันมาแต่ไหนแต่ไร จะตื่นเต้นตกใจไป ใครๆก็ว่าเป็นเรื่องธรรมดามิได้ติดใจอะไรนัก
    พอหมอตำแยมา เทิดก็ถูกไล่มาอยู่ชั้นล่าง ได้ยินเสียงหยาดร้องครวญครางราวกับถูกฆ่าฟันก็เดินงุ่นง่านไปมา จนมะลิรำคาญ เอ่ยถามว่า
    “พี่เทิดเป็นพ่อเด็กหรือไง อยู่ไม่ติดที่เลย”
    “อีบ้า มึงพูดอะไรเดี๋ยวเหาก็ขึ้นหัวดอก เขาเป็นนายพูดอย่างนี้คุณหยาดเธอเสีย ไม่ใช่กู” เทิดตวาดลั่น พอดีกับที่ได้ยินเสียงเด็กร้องดังลั่น
    เทิดวิ่งขึ้นไปด้านบน มะลิและชิดก็อดตามขึ้นไปไม่ได้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น หมอตำแยเดินออกจากห้องมาพอดี ก็บอกว่า “เป็นเด็กผู้ชาย”พอเทิดเดินเข้าห้องไปก็ยกเด็กทารกตัวแดงใหญ่ดูสมบูรณ์ดีขึ้นมาไว้ในอ้อมอก มองดูด้วยความรัก พูดเบาๆว่า  “ลูกพ่อ”
    โชคดีที่มะลิ และ ชิดไม่กล้าเข้าไปในห้องจึงไม่ได้ยิน แต่ก็อดสงสัยกันตามประสาสาวช่างพูดช่างคุยว่า เหตุใดเทิดจึงดูรักเด็กคนนี้เหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 26 รับศกใหม่! : ความจริงระหว่างเทิด กับหยาด! 23.35 - 2/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 08-01-2011 08:45:03
    สามสี่เดือนต่อมา หลวงพินิจราชอักษรก็เดินทางกลับสยาม ไม่เสียเวลาแวะที่ไหนเลย ไม่แม้แต่จะขึ้นเรือนเทาไปหาภรรยาและลูกที่เขาคำนวนไว้แล้วว่าคงจะเกิดมาได้เกือบ ห้าเดือนพอดีแล้ว แต่ตรงกลับเรือนวิ่งเข้าไปในสวนไปหาเส็งท่ามกลางสายตาของบรรดาบ่าวไพร่ที่แปลกใจนักว่าเหตุใดคุณพ่อคนใหม่นี้ไม่รีบขึ้นเรือนไปหาลูก กลับตรงไปหาบ่าคนหนึ่งที่ทุกคนแทบลืมไปแล้วว่าเป็นคนรักเก่าของคุณหลวง
    เส็ง... เราคิดถึงเส็งเหลือเกิน เรามาหาเส็งแล้ว ไปเถิดนะ ไปอยู่เพชรบุรีกันสองคนเถิด หลวงพินิจเปิดประตูบ้านไม้ในสวนออกพร้อมกับร้องขึ้นว่า
    “เส็ง เรากลับมาแล้ว”
    แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมาว่า
    “บ่าวกำลังรอคุณหลวงอยู่เลยขอรับ” ให้เขาได้ยิน มีเพียงบ้านที่ว่างเปล่าฝุ่นเกาะหนาให้เห็นว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลยมาเป็นเวลานานแล้ว
    หลวงพินิจราชอักษรไม่รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร แน่ โกรธ ผิดหวัง เสียใจ น้อยใจ หรืออะไรไม่รู้ เขาเดินตาลอยออกมาจากสวนผลไม้ เห็นบรรดาบ่าวไพร่เข้ามาหาอย่างจงรักภักดี ก็ชะเง้อหาหน้าขาวผ่อง ตาเรียวเล็กเป็นประกาย ในหมู่บ่าวนั้น ก็ไม่พบกับคนที่เขากำลังหาอยู่เลย
    “เส็งอยู่ไหน” หลวงพินิจได้ยินเสียงเขาดังออกจากปากไป เป็นเสียงแหบทุ้มลึก ฟังดูไม่ใช่เสียงเขาเลยแม้แต่น้อย
    “อ้ายเส็งไปแล้วขอรับ” เทิดที่เพิ่งเข้ามาสมทบ ได้ยินพอดีก็พูดตอบ
    “ไปแล้ว...” เขาว่า ขอบตาร้อนผ่าว ปวดแน่นหน้าอกไปหมด รู้สึกโหวงเหวงในท้องอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน สิ้นหวัง และเสียใจราวกับคนที่อุตส่าห์ขุดดินให้ลึกลงไปที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อหาทองที่ฝังไว้ แต่กลับพบเพียงกรวดทรายเท่านั้น เหมือนคนก่อปราสาท ฉาบทองอย่างงดงาม แล้วจู่ๆก็พังทลายลงไปกับตา
    ตอนแรกเขาไม่เข้าใจว่าเส็งหายไปไหน ไปทำไม แต่เมื่อมานึกขึ้งจดหมายที่เขาเขียนให้เส็งก่อนจะจากไปขึ้นมาได้ว่า “ถ้าเส็งรอได้ขอให้อดทนรอเรานะ แต่หากเส็งลำบากเกินจะทนต่อไป จะจากเราไปก่อนเราก็ยอม ยอมอะไรก็ได้ให้เส็งมีความสุข” ตอนเขียนนั้น เขาตั้งใจจะหมายความอย่างนั้นจริงๆ แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าอย่างไรเส็งก็คงรอเขา หลังจากที่ผ่านอุปสรรคนานาชนิดมาด้วยกัน เส็งควรจะทนได้ซี เส็งควรจะรอเขาได้ ในเมื่อเขาเองก็รอจนกลับมาหาเส็งได้เช่นกัน
    แล้วนี่เขาจะรอเส็งไปทำไม ถ้าเส็งไม่รอเขา
    เขาจะกลับมาที่นี่ทำไม ถ้าไม่ได้กลับมาเจอเส็ง เขาจะตั้งใจทำงานพากเพียรทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินรางวัลมาก้อนหนึ่งเพื่อไปก่อร่างสร้างตัวกับเส็งที่เพชรบุรีทำไม เมื่อเส็งจากเขาไปแล้ว
    หลวงพินิจรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าแก้มเขาเปียกรื้นด้วยน้ำตา ชายหนุ่มไม่คิดจะปาดมันออกแม้อยู่ต่อหน้าบ่าวไพร่ แต่ถามเสียงแห้งๆอย่างไม่รู้ตัวว่า
    “ไปไหน... ไปทำไม”
    “เห็นมะลิกับชิดว่า อ้ายเส็งมันบ่นว่าอยู่เรือนในสวนนั้นลำบากขอรับ”
    “จริงหรือ”
    มะลิและชิดยืนยันเพราะเส็งเคยพูดอย่างนั้นมาแล้วครั้งหนึ่ง
    เห็นอย่างนี้แล้วหลวงพินิจก็ไม่อาจทนอยู่ตรงนั้นได้ต่อไป หากเป็นอย่างในงานเขียน นิทานหรือละครแนวโศกนาฏกรรมที่เขาเคยดูในอังกฤษละก็ชายหนุ่มคงจะร้องไห้ฟูมฟาย วิ่งไปปาดน้ำตาไป ยังเรือนเทา หามีดสักเล่ม แล้วปาดคอฆ่าตัวตายเสีย แต่ชายหนุ่มก็พบว่า แม้อยากตายไปเดี๋ยวนั้น เขาก็ไม่อาจทำได้ เขาไม่มีแรงพอจะทำอะไรได้อีกแล้ว นอกจากเดินขึ้นเรือนเทาไป ตรงไปยังห้องนอนของเขา ไม่ทันจะเข้าไป หยาดก็เปิดประตูออกมารับ อุ้มเด็กน้อยวัยห้าเดือนไว้ในอ้อมอก เห็นหลวงพินิจกลับมาก็ยิ้มแก้วปริตรงเข้ามาหา
    “คุณพี่กลับมาสักทีนะคะ น้องดีใจเหลือเกินค่ะ” หล่อนว่า ก่อนจะก้มลงทำเสียงเล็กเสียงน้อยพูดกับลูกของหล่อน “เจ้าหนูเห็นคุณพ่อไหมลูก คุณพ่อกลับมาแล้ว... น้องยังไม่ได้ตั้งชื่อเลยค่ะ รอพี่แสงมาตั้ง...”
    “สมใจหล่อนแล้วซีนะ” หลวงพินิจเบียดหล่อนอย่างไม่ใส่ใจเข้าไปในห้อง
    “เอ๊ะ ว่าอย่างไรนะคะ คุณพี่” หยาดว่าขณะที่หลวงพินิจก้าวขึ้นเตียงสี่เสานอนหันหลังให้หล่อน น้ำตาไหลรินอย่างห้ามเอาไว้ไม่ได้ เขาไม่ฟูมฟาย ไม่สะอึกสะอื้นใดๆ เพียงแต่ไม่อาจคุมน้ำตาที่ไหลลงมาเป็นทางให้มันหยุดได้เลยเท่านั้น
    “ฉันว่า หล่อนคงสมใจแล้วที่เส็งไปจากฉันแล้วในที่สุด หล่อนคงจะกลั่นแกล้งหรือหาเรื่องอะไรเส็งไว้ละซี”
    “คุณพี่!” หล่อนร้องอย่างตกใจ “นี่คุณพี่ยังไม่เลิกมองน้องในแง่ร้ายอีกหรือคะ เส็งมันไปของมันเอง ไปตั้งแต่คุณพี่ไปยุโรปใหม่ๆแล้ว ถ้ายังไม่เชื่อ ก็ลองถามบ่าวไพร่คนอื่นซีคะ”
    หลวงพินิจราชอักษรไม่ต่อคำกับหล่อน ได้แต่นอนร้องไห้อย่างไม่ใส่ใจต่อไป จนหยาดทนไม่ไหว ก็ขึ้นเสียงกับเขาบ้าง
    “ใจคอคุณพี่จะสนใจแต่เส็งหรือคะ ลูกเรานะคะ คุณพี่จะไม่สนใจบ้างหรืออย่างไร” แม้ยกลูกมาอ้าง หลวงพินิจก็ยังไม่สนใจหล่อน ยังนอนร้องไห้อย่างนั้นต่อไป หยาดเห็นอย่างนั้นแล้วก็รำคาญใจเดินออกจากห้องไปในที่สุด
    หลวงพินิจตัดพ้อเส็งในใจ เขียนระบายเป็นโคลงถึงความรักที่เขามีต่อเส็งไว้บทหนึ่ง ทิ้งไว้ในห้องทำงานว่า  
    “ทรัพย์สินมีมากล้น ถึงฟ้า
มีค่าเหลือคณา        นับได้
       หากพินิจดูนา          ปรากฏ เห็นแฮ
       มิอาจเทียบรักไซร้         ห่อนล้างหมดลง”
    หลวงพินิจราชอักษรไม่ออกจากห้องนอนของเขาเลยสักวัน นับแต่เขากลับมาจากยุโรป ชายหนุ่มได้แต่นอนซมอยู่ในห้อง ไม่พูดไม่จากับใคร ไม่แม้แต่จะกินข้าวเข้าไปแม้สักคำ ชีวิตของเขาหมดความหมาย เขาขาดแรงใจ ขาดกำลังใจในการเดินหน้าต่อไป แม้เจ้าคุณไพรัชกิจ และคุณหญิงจะมาเยี่ยมลูกชายถึงบ้าน หลวงพินิจก็ต้อนรับจากในห้องนอน อ้างว่าป่วย จนเจ้าคุณพ่อและคุณหญิงแม่ก็ได้แต่ถามสารทุกข์สุขดิบทั่วไปแล้วก็กลับไปในที่สุด
    หลวงพินิจเริ่มป่วยจริงๆก็สองสามวันหลังจากนั้น เขาผอมซูบเพราะไม่ยอมกินอะไร จนใกล้จะตรอมใจตายอยู่แล้ว หยาดจึงเรียกหมอมาตรวจถึงในบ้าน หมอบอกว่าอาการแบบนี้เรียกว่าป่วยทางใจ บังคับให้หลวงพินิจกินอาหารเสียบ้าง และทิ้งยาลูกกลอนไว้ให้ขนานหนึ่งกินวันละเม็ดหลังอาหารเย็น ช่วยให้หลับสบายและหายฟุ้งซ่าน หลวงพินิจทำตามแต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้นอีกจนเมื่อหยาดพูดกับเขาว่า “คุณพี่จะไม่ลืมเส็งจริงๆหรือคะ ถ้ามันลืมคุณหลวงได้คุณพี่ก็ต้องลืมมันได้ค่ะหล่อนว่าอย่างนั้น”
    “ไม่ลืม ไม่มีวันลืมเด็ดขาด”
    หลวงพินิจยังรั้นและไม่ทำตามอะไรจนอาการทรุดลงเรื่อยๆ
    ตอนนั้นหยาดหมดอาลัยหลวงพินิจแล้ว ช่างปะไรหล่อนจะได้ใจเขาหรือไม่ก็ไม่ต่างแล้ว ในเมื่อทำดีแค่ไหนก็ไม่มีวันได้ใจคุณหลวงหล่อนก็ปลงใจได้ในที่สุด ไม่คิดจะเอาใจคุณหลวงอีกต่อไป ซ้ำยังแอบอยากให้หลวงพินิจราชอักษรตายไปเสียเร็วๆ หล่อนจะได้อยู่กับเทิดสองคน และทรัพย์สมบัติทั้งหมดของหลวงพินิจก็จะกลายเป็นของหล่อนแต่เพียงผู้เดียว
    วันหนึ่ง หยาดไม่อยู่ แอบออกไปทำธุระไรหลวงพินิจไม่ได้ใส่ใจถาม ลูกของเขาร้องงอแงมาจากในเปลจนคุณหลวงไม่อาจนอนได้ เขาจึงขอให้เทิดอุ้มบุตรชายของตนไปที่อื่นเสียให้หยุดร้อง พอเทิดอุ้มเด็กคนนั้นขึ้นมาเท่านั้น หลวงพินิจก็รู้สึกราวกับตบหน้าอย่างแรง
    “เทิด”
    “คุณหลวงมีอะไรใช้กระผมหรือขอรับ”
    “เอาลูกมาใกล้ๆข้าซี” เขาว่าเบาๆ เทิดก็รู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่าลงกลางหัวร้อนๆหนาวๆว่าหลวงพินิจจะรู้ความจริงหรือไม่
    เมื่อคุณหลวงเอาลูกตัวเองมาพินิจพิจารณาเสียใกล้ๆก็ยิ่งเห็นชัดเจนว่าเด็กคนนั้นไม่มีอะไรเหมือนเขา ยิ่งโตจนคลานได้ เริ่มนั่งได้แล้ว เค้าหน้าก็ยิ่งชัด จะด้วยอุปาทานหรืออะไรมาดลใจ ทั้งที่มองยาก แต่หลวงพินิจก็มั่นใจว่าเขามองถูก เด็กคนนี้ผิวเข้มกว่าเขามาก ซ้ำผมบนหัวยังหยักศกลู่ตามรูปศีรษะ ไม่ได้ตรงแหลมชี้อย่างของเขา ดวงตากลมโตดำสนิท และคิ้วก็ยังเข้มราวกับลูกแขก หลวงพินิจหลับตาลง ใจที่แหลกเป็นเสี่ยงๆอยู่ ป่านนี้สลายเป็นผุยผง เสียแล้ว
     เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเขา เพราะหน้าของหนูน้อยไม่ได้เหมือนเขาเลย แต่เหมือนชายหนุ่มที่อุ้มอยู่นี่ต่างหาก!
    “ไปเถิดเทิด ไม่มีอะไรใช้เอ็งแล้ว”
    
    เย็นนั้นเทิดรีบดักพบหยาดตั้งแต่ที่ท่าน้ำไม่กล้าเสี่ยงที่จะคุยกับหล่อนบนเรือนกลัวว่าหลวงพินิจจะยิน หญิงสาวไม่ตกใจที่พบเทิด แต่ก็ไม่อาจใจเย็นได้เมื่อเดาว่าน่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นถึงได้มาดักรอหล่อนอย่างนี้
   “คุณหลวงน่าจะสงสัยแล้ว ว่าลูกไม่ใช่ลูกของแก”
    หยาดนิ่งไปพักหนึ่งหน้าซีดเผือด แต่ก็คุมสติได้ดีพอที่จะไม่ว้าวุ่นใจจนทำอะไรไม่ถูก หล่อนถามเสียงเย็นชา
    “รู้ได้อย่างไร”
    “จู่ๆ คุณหลวงก็บอกให้อุ้มลูกมาให้ดูใกล้ๆ ลูกก็น่าเหมือนกระผมเสียด้วย โอยเราจะทำอย่างไรดีคุณหยาด” กลายเป็นว่าเทิดเสียอีกที่ควบคุมสติไม่ได้ ไม่ใช่หล่อน หยาดล้วงซองกระดาษที่เหน็บไว้ที่โจงกระเบนชูให้เทิดดู
    “ฉันผสมในยาที่ให้คุณหลวงกินทุกวัน มันหมดแล้วก็ไปซื้อมาใหม่พอดี กะว่าจะให้ค่อยๆกินไปเรื่อยๆ สุดท้ายได้ตายไปเองอย่างธรรมชาติ”
    “คุณหยาด!” เทิดสะดุ้งตกใจ ไม่คิดเลยว่าหยาดจะโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้ จนแล้วจนรอด เขาก็ยังพยายามเชื่ออยู่ว่าหยาดฆ่าเส็งไปเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่นี่ถึงกับวางแผนมานานแล้ว คิดได้อย่างเดียวว่า หยาดเป็นผู้หญิงเลือดเย็น ที่เสียสติจนแยกผิดชอบชั่วดีไม่ออก เป็นหญิงที่กล้าทำเลวได้สองครั้งสองครา เทิดไม่อยากเข้าใกล้หล่อนอีกเลย
    “หรือเทิดจะรอให้เขารู้แล้วฆ่าเราเสียล่ะ ฉันน่ะไม่โง่พอจะให้ใครจับได้ดอก” หล่อนว่าเบาๆ “คอยดูแล้วกัน ฉันจะทำให้ไม่มีใครจับได้เลยสักคน”

    แผนของหยาดคือ หลอกล่อให้หลวงพินิจออกจากบ้านไปวันหนึ่ง ไปด้วยกันสามคน บอกว่าจะพาไปที่วัดที่หล่อนเจอเส็งครั้งแรกแล้วถูกใจรับมาเลี้ยงดู หลวงพินิจไม่ได้คิดอะไร ออกไปกับหยาด ทั้งวัน แสร้งทำเป็นตามหาเส็งไป “คงหนีไปหามั่นที่หัวเมืองกระมังคะ” เป็นข้ออ้างเมื่อหาเส็งไม่เจอจริงๆ ขั้นตอนสุดท้ายของแผนการคือหล่อนหายตัวไปกับเทิดเฉยๆ ปล่อยให้หลวงพินิจกลับบ้านเองคนเดียว หยาดกับเทิดกลับแยกไปอีกทางหนึ่ง
     หล่อนให้เทิดไปซื้อยาพิษ หล่อนแสร้งเดินผ่านหน้าร้านในตรอกเล็กๆนั้น ตะโกนลั่นว่า “คุณหลวงอยู่ไหนเจ้าคะ” จนคนได้ยินกันทั้งซอย ก่อนที่เทิดจะแกล้งหนีเข้าร้านนั้นตามแผนที่หล่อนวางไว้
    “คุณหลวงนั่นคือคุณหรือเจ้าคะ เห็นเขาเรียก” เจ้าของร้านที่แก่เหลือเกินถามขึ้น มองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ
    “ใช่หนีเมียมา” เขาว่า “ขอซื้อ...”
    แผนที่หยาดวางไว้ลุล่วงไปด้วยดี แต่ซับซ้อน และวางแผนไว้ดีกระทั่งไม่มีใครตามทัน แม้แต่เทิดก็ไม่เข้าใจว่าทำอย่างนี้ทำไม
    จนกระทั่งค่ำ สิ่งที่อยู่เหนือแผนหล่อนก็เกิดขึ้นจนได้ และหล่อนเองก็เป็นฝ่ายสูญเสียไม่ใช่คุณหลวง ระหว่างทางกลับบ้านนั้น หยาดอดใจไม่ได้เมื่อต้องผ่านบ้านเก่าของหล่อน แม้เทิดจะค้านอย่างไร หล่อนก็ไม่ฟัง เทิดจึงต้องยอมทำตามให้หล่อนกลับมาเห็นบ้านของหล่อนอีกครั้ง ลงจากเรือจ้างเดินกันมาอยู่ดีๆทนายหนุ่มถามหยาดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า
    “คุณหยาดทำอย่างวันนี้จะได้อะไรหรือ”
    หล่อนกำลังจะหันไปอธิบายก็เห็น ใครคนหนึ่งแอบอยู่หลังต้นไม้ เล็งปืนมาทางหล่อนอย่างมาดร้าย หยาดกรีดร้องออกมาอย่างตกใจ พร้อมๆกับที่เสียงปืนดังลั่นขึ้น แล้วเลือดอุ่นๆก็สาดกระเซ็นไปทั่วร่างของหยาด
     เปล่าเลย เลือดนั้นไม่ใช่เลือดของหล่อน แต่เป็นเลือดของเทิด! ชายหนุ่มคว้าร่างของหยาดกระชากให้หมอบลงกับพื้น ตัวเองเข้าไปบังกระสุนไว้ราวกับพระเอกหนังละครในสมัยนี้ ในละคร นางเอกคงหันมาขอบคุณพระเอกร่ำลาสั่งเสียกันอีกนานสองนานโดยที่ตัวร้าย ไม่ทำอะไรเลยพอลาเสร็จนั่นละถึงจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรเก็บนางเอกไว้ต่อไป
    แต่เผอิญว่า เรื่องมันไม่ได้สวยหรูง่ายดายอย่างนั้น
    หยาดไม่แม้แต่จะขอบคุณหรืออยากช่วยเหลือเทิด หล่อนวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน โดยที่ชายลึกลับนั้น วิ่งไล่ยิงมาจนปืนหมดกระสุนแล้วก็หยุดไล่หล่อนต่อไป ชีวิตของหยาดจะเอามาเมื่อใดก็ได้ไม่ต่างอะไรกับพ่อแม่ของหล่อนเลย แต่เขาไม่ได้อยากได้ชีวิตหล่อน เขาอยากได้เงินคืนต่างหาก หญิงสาววิ่งหัวซุกหัวซุนมาจนขึ้นเรือ รีบตะโกนสั่งให้คนพาย รีบพายออกไปโดยเร็ว อกสั่นขวัญแขวนอย่างไม่รุ้จะทำอะไร จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก เพราะยังคงตกใจอยู่มากกว่าจะเสียดายชีวิตเทิด เพราะชีวิตของหล่อนนั้น ห่างคำว่าตายมาได้เพียงคืบเดียวเท่านั้น เมื่อครู่
    น่าแปลกที่หญิงสาวรักชีวิตของหล่อนเหลือเกิน แต่กลับไม่ยักเสียดายชีวิตของคนที่หล่อนได้ฆ่าตายไป รวมถึงคนที่ถูกฆ่าแทนหล่อนด้วย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 08-01-2011 09:06:52
เส็งตายแล้วอะ :m15:

อยากรู้จุดจบของอีหยาดแล้วอะ  :fire:

 :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: maew189870 ที่ 08-01-2011 09:34:08
เรื่องนี้ผมติดตามมาตลอดเลยฮะ

ผมว่าใกล้จบแล้วนะ

สมัยอดีผ่านไปแล้ว

ผมว่า 

ปัจจุบันต้องมี

เส็ง  และ  หลวงพินิจแน่ๆ

เร็วๆนะคับ

ผมจะรอพี่ทุกวันเลย  ตามคำสัญญาปางบรรพ์
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 08-01-2011 09:42:28
ตอนแรกก็สมเพชเวทนาหล่อนนะนังหยาด
ที่พ่อแม่ต้องมาตายตกตามกรรมที่ก่อ แต่ยิ่งนับวัน หล่อนยิ่งทำตัวได้อุบาวท์ชาติเหลือเกิน
เมื่อไรกันที่กรรมจะตามหล่อนมาทันเสียที บุญเก่าหล่อนอาจจะมีมากมาย
แต่ปัจจุบันสร้างแต่กรรมไว้เช่นนี้ ขอให้หล่อนจงเตรียมรับกรรมในเร็ววันนี้เถิด
เส็งจากไปแล้ว คุณหลวงก็กำลังจะตรอมใจตายตามไป  พาทิศก็กำลังโคม่า
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกก ช่วงนี้ดราม่าได้ใจยิ่งนัก
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 08-01-2011 10:42:40
น่าสงสารเส็งเป็นที่สุด  สงสารและเห็นใจคุณหลวงด้วย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Lady-Rabbit ที่ 08-01-2011 12:00:57
สงสารคุณหลวงกับเส็งจริงๆ
เป็นเพราะหยาดคนเดียว !!
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 08-01-2011 12:25:06
รอดูจุดจบของอิคุณหยาด

ไม่สำนึก แถมยังก่อกรรมเพิ่ม เลวไม่มีที่ติ  :angry2:

ปล. เส็งตายแล้ว  :o12: :o12:

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: V_we ที่ 08-01-2011 12:49:12
ง่า หยาดทำไมถึงได้ร้ายแบบนี้อ่ะ
แล้วหล่อนจะกลับชาติมาเกิดเป็นใครล่ะเนี่ย
หรือว่าเป็นพาทิศ เห็นชอบแอบมองที่รูตอนแรกๆ อ่ะ
 o18
เศร้าใจกับความรักของคุณหลวงกับเส็ง
สงสารมากมาย คนรักกันแต่ไม่สมหวัง
 :o12:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 08-01-2011 13:18:38
 :monkeysad:สงสารเส็งกับคุนหลวงงงงงงงงงงง


สมน้ำหน้าไอเทิดดดดดดดดด


แล้วนางหยาดเล่า จะตายเยี่ยงไรรรรรรรรร :angry2:


แล้วพาทิศจะเป็ยงัยบ้างงงง   จะได้คู่กัณัฐหรือไม่ๆๆๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Pamphlet ที่ 08-01-2011 15:26:28
ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้มีจิตใจเลวร้ายขนาดนี้นะ
สงสารเส็งกับคุณหลวงมากๆเลย
ส่วนเทิดนี่จะว่ากรรมตามทันเหมือนกันดีไหมนี่
ส่วนพาทิศนี่คงไม่เป็นไรใช่ไหมคะ  :sad4:
แต่แอบคิดลึกแฮะว่าพาทิศจะเป็นเส็งรึเปล่าเพราะภาพที่พาทิศเห็นมักจะเป็นตอนที่อยู่กับเส็งเสมอ
แถมพอเส็งถูกฆ่าตายจิตก็ถูกดึงกลับเข้าร่าง แต่ก็ยังมีข้อขัดกันอยู่ตรงที่จิตของเส็งถูกกักขังอยู่
ยังไงก็มาต่อเร็วๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่า  :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Jploiiz ที่ 08-01-2011 15:48:06
เกลียดอิหยาด!
ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวมาก
เหมือนกลายเป็นโรคจิตไปซะแล้ว
  เธอเห็นแต่ตัวเองสำคัญ
น่าสงสารเทิดเหมือนกัน
ตอนแรกเหมือนจะเลวมาก
แต่สุดท้ายก็น่าสงสารที่ยอมตายเพื่อผู้หญิงเลวๆ แบบนั้น
อย่างน้อยเทิดก็สำนึกผิด
ไม่เหมือนหยาด ที่นับวันๆ ยิ่งร้ายมากเรื่อยๆ
สงสารคุณหลวง  :m15:
โดนหยาดวางยา แถมยังไม่รู้อีกว่าเส็งหายไปไหน
ดราม่าขั้นเทพ  :sad4:

ไม่อยากให้พาทิศตายเลย

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 08-01-2011 16:15:44
ช่วยเส็งให้ได้นะ พาทิศอย่าตายน๊าาา แย่แล้วๆๆๆๆ มาต่อไวๆนะคะ ค้างอ่าาาา
ส่วนคุณหยาดจะไปไหนก้ไปเถอะ เฮ้อ ทำกรรมไว้เยอะจริงๆ  :m16:
ไม่น่าไปช่วยหยาดไว้เลยอ่ะเทิด ตายฟรีมันไม่เห็นเหลียวแล เอาตัวเองสบายไว้ก่อน เหอะๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 08-01-2011 16:31:48
ทั้งสับสน สงสาร สะเทือนใจ ปนเปอยู่ในตอนเดียวนี้เลย  o13

อ่านๆ ไป ก็ให้คิดว่าพาทิศน่าจะเป็นเส็ง แต่ก็ เอะใจตาม คห.บนว่าไว้เหมือนกัน อีกทั้งเจ้าของโถเค้าก็ไม่ให้พาทิศมีชีวิตอยู่ต่ออีก  ก็เลย งงๆ กันต่อไป
(ความหวังของผมที่จะเห็นนัฐกับพาิทิศแฮปปี้สวีวี่วีด้วยกันตอนจบก็ท่าจะแห้วละงานนี้   :sad11:)

เทิดก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไป มีที่ทำผิดพลาดพลั้งไป แม้จะสำนึกได้ ก็ยังทำผิดต่อไป ทำให้ความละอายตามติดตัวอยู่ตลอดเวลา
ตอนที่อุ้มลูกขึ้นมาแนบอกและพึมพัมว่า "ลูกพ่อ" สัณชาตญาณความรักที่มีต่อลูก ก็ทำให้ผมอดที่จะสะเทือนใจไม่ได้

เส็งนั้น ตั้งแต่เดาได้ว่าเส็งจะตายแบบไหน ก็เลยสงสารล่วงหน้าไปหลายตอนแล้วครับ แต่ก็ยังไม่วายโดนหยาดใส่ร้ายว่าทิ้งคุณหลวงหนีความลำบากไปซะีอีก
น่าสงสารไม่จบสิ้นจริงๆ เส็งเอ๋ย

ส่วนคุณหลวงก็น่าสงสารจับใจ และไม่รู้ว่าจุดจบจะน่าสงสารไปกว่านี้สักเท่าไหร่ จะได้รู้ความจริงรึเปล่าว่าเส็งยังรอคอยอยู่ไม่ได้ทิ้งหนีหายไปไหน และยังถูกหยาดฆ่าตายถ่วงน้ำไปแล้ว

คุณ Purple_Sky ครับ  :pig4: ครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 08-01-2011 17:08:36
เกลียดนังหยาด เมื่อไหร่จะตายๆไปซะที

อ้ากก!!!  :beat: :beat: :beat:

ปล.ค้างมากๆ  :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 08-01-2011 17:19:36
ใกล้จะถึงตอนจบของทุกเรื่องแล้วใช่ไหมเนี่ย ตอนนี้ไม่สามารถคาดเดาได้แล้วว่าใครมาเกิดใหม่เป็นใคร รอไรต์เตอร์มาไขความกระจ่างนะคะ  :sad4: :sad4: :sad4:

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 08-01-2011 17:34:09
คุณหลวงอย่าเข้าใจเส่งผิดนะ

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 08-01-2011 18:18:46
สงสารเส็งกับคุณหลวงจังคะ...T^T
ทำร้ายกันแล้วทำให้หายไปได้ง่ายๆอย่างนี้เลยหรอ....คนใจร้ายจริงๆเลย...
เด็กคนนั้นถ้าเป็นลูกคุณหลวงจริงๆ...คุณหลวงอาจจะดีขึ้นนะคะ..เหมือนเป็นกำลังใจให้...
แต่ไม่น่าหลอกลวงกันอย่างนี้เลย.....อยากให้เจ้าคุณพ่อรู้เรื่องผู้หญิงที่ท่านเลือกเร็วๆจัง...
ยังไงก็ขอให้คู่นี้ได้เจอกันเร็วๆนะคะ...อยู่ใกล้กันแค่นี้เองเน้อออ...ทำไมไม่ได้อยู่ด้วยกันซักที...T_T
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 08-01-2011 18:19:57
หยาดเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจมาก
ฆ่าเส็งแล้วยังจะวางแผนฆ่าคุณหลวงอีก
ส่วนเทิดก็ได้รับผลกรรมที่ทำไว้แล้ว
คงต้องรอดูหยาดว่าจะได้รับผลกรรมเช่นไร
ตอนนี้สงสารคุณหลวง เข้าใจผิดคิดว่าเส็งรอตนไม่ไหวจนหนีไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 08-01-2011 21:03:14
ตายแล้วเรื่องกำลังเข้มข้นเชียว
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: dezzetoeiiz ที่ 08-01-2011 22:50:38
แม้จะบรรยายฉากที่เส็งตายน้อยมาก แต่ก็รู้สึกเจ็บปวดอยู่ดี  :m15:

น่าสงสารกันทั้งคุณหลวงทั้งเส็ง อีกแค่ไม่กี่เดือนก็จะได้เจอกัน ได้อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตแล้วแท้ๆ
ไม่น่าต้องมาเป็นแบบนี้เลย ตอนนี้บาปกรรมมันก็ติดจรวดตามทันหล่อนขนาดนี้แล้วนะแม่หยาด ยังไม่ได้คิดจะสำนึกอะไรเลยหรือ ?
ชีวิตคนทั้งคน .. ถ้าสำนึกผิด แม้ตัวเองจะต้องรู้สึกเจ็บปวดมากที่พรากมันไปจากใคร แต่มันก็คงจะช่วยลดความรู้สึึกผิดบาปในใจได้บ้าง
หล่อนนี่ช่างเลวบริสุทธิ์จริงๆ นี่ก็ยังจะคิดฆ่าคุณหลวงอีก

สิ่งที่อยู่ในสระบัว จะเป็นกระดูกของเส็งได้ไหมนะ ผ่านมาเป็นร้อยปีแล้ว -*-
แปลว่าเจ้าตัวไม่ได้อาลัยร่างเลย แต่ไปอาลัยคุณหลวงมากกว่าเสียอีก ความรักนี่ช่างมีอานุภาพยิ่งใหญ่  :o12:

แม้ว่าสุดท้ายคุณหลวงคงตายในเรือนเทาจริง แต่ทำไมวิญญาณ 2 ดวง ที่อยู่ในที่แห่งเดียวกันจึงยังไม่พบกันสักที
ตอนต่อไปมาเร็วๆเถอะค่ะ รอไม่ไหวใจมันจะขาดดดดดดดดดดด ฮืออออออออ
ระยะเวลาที่รอคอยร้อยกว่าปี คงทำให้เส็งทรมานมาก แค่นี้ก็เศร้าพอแล้ว

 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 08-01-2011 22:56:35
รอจุดจบของแกอยู่นะ หยาด! ปวดใจ คุณหลวงเข้าใจผิดแล้ว ทำไมนะทำไมเธอนี่เลวจริงๆ

 เทิดไม่น่าไปปกป้องคนที่ไม่เห็นค่าของใครนอกจากตัวเองเลยนะ เสียดายชีวิตจัง แต่เทิดก็เลวเหมือนกันแหละ ถึงจะมาสำนึกได้ตอนหลังมันก็สายไปเสียแล้วล่ะ

รอวันที่เธอจะต้องชดใช้นะ หยาด :beat:
ภาทิศ หวังว่าจะรอด
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 09-01-2011 01:12:10

• ใบหน้าของหนุ่มลูกจีนขาวซีด ดวงตาเรียวเล็ก ก็เงยหน้าขึ้นมาจากสระ
เลือนราง คล้ายจิตของเขาถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน
ส่วนที่แสดงให้จิตราเห็นจึงเลือน เกือบจะใส
ไม่เข้มแข็งเท่าจิตที่แข็งแรงอยู่เต็มดวง
จิตราเข้าใจแล้วว่า จิตของเส็งถูกแบ่งเป็นสองส่วนจริงๆ
ส่วนหนึ่งอยู่ที่นี้ อีกส่วนอยู่ที่โรงพยาบาล ในห้องผ่าตัดที่เพลงพิณนั่งเฝ้าอยู่!
ว้าย หรือว่า.......
เส็ง....possessed พาทิศ

ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: deva ที่ 09-01-2011 14:59:38
ขอบคุณ purple_sky มากๆเลยนะ
ที่เอามาให้อ่านอย่างสม่ำเสมอ

ความไขว้เขวยังคงไม่สิ้นสุด
แม้ว่า จิตราจะบอกว่า ร่างของเส็ง
แบ่งเป็นสองส่วนที่ในสระส่วนหนึ่งกับโรงพยาบาล
ใจหนึ่งก็คล้อยตามไปกับเรื่องว่า พาทิศควรจะเป็นเส็ง

แต่พอคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าไม่มีแรงจูงใจเท่าไหร่ที่เส็งจะ
ให้พาทิศเห็นตัวเองในอดีต  ใจหนึ่งก็ยืนยันความเชื่อเดิมว่า
พาทิศควรจะเป็นคุณหลวงในอดีตมากกว่า
จะตอนต้นเรื่องที่เส็งบอกว่าการรอคอยสิ้นสุดลงแล้ว
ในเวลาที่พาทิศเข้ามาเช่าบ้านหลังนี้ แปลว่าพาทิศเป็นคุณหลวง
และดูมีน้ำหนักมากขึ้น เมื่อคิดว่าเส็งต้องการให้พาทิศหรือคุณหลวงในชาติก่อน
เห็นเส็งเองเนื่องจากต้องการจะแก้ไขความเข้าใจผิดของคุณหลวงต่อเส็งในชาติก่อน
เส็งอยากให้คุณหลวงหรือพาทิศในชาตินี้รู้ว่าเส็งไม่ได้หนีไป แต่รอคอยเสมอ
แม้จะถูกฆ่าอยู่ในสระน้ำก็ตาม

อ่านตอนนี้แล้วคุณหลายอำมหิต เลือดเย็นมาก 
ฮันนิบาลมาเกิดเลยเนี่ย 

รอติดตามต่อไปนะ  ให้กำลังใจคนเขียนด้วย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 09-01-2011 21:15:15
หรือ...พาทิศ คือ หยาด
ที่กลับมาชดใช้กรรมที่ทำเอาไว้
แม้ป้าจิตรา ก็แทนกันไม่ได้
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Miku ที่ 10-01-2011 02:07:47
อ๊าย ไม่เอา ไม่สาสมเลย ฮึ้ย ค้างคามากค่ะ อยากอ่านต่อใจจะขาดแล้วเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 10-01-2011 14:41:15
+1 เป็นกำลังใจให้เส็ง กับ คุณหลวง  :L1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: jobi ที่ 10-01-2011 16:18:04
หยาดร้ายกาจมากๆ
รู้จุดจบของเทิดแล้ว ยิ่งอยากรู้จุดจบของคุณหยาดมาก
หวังว่าคุณหลวงจะรู้ความจริงว่าเส็งไม่ได้หนีไปเร็วๆ สงสารเส็งโดนเข้าใจผิดT^T

ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 12-01-2011 18:46:28
ไปต่อกันเลยนะครับ ตอนนี้คุณจะได้รู้สักทีว่าอะไรเป็นอะไร หลังจากปล่อยให้คลุมเครืออยู่นาน ไปติดตามกันเลยครับ!      

**********************************************************
๒๙

    หลวงพินิจราชอักษรตกใจมากเมื่อได้ยินสิ่งที่หยาด พยายามเล่าให้เขาฟังด้วยสติที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนัก เขากำลังจะตำหนิหยาดอยู่ที่หายไปนานเหลือเกินทิ้งให้เขากลับบ้านคนเดียว แต่พอฟังเรื่องเทิดแล้ว หลวงพินิจก็ไม่อยากจะว่าอะไรอีก ได้แต่นั่งเฉยๆบนเตียงมองหญิงสาวเต็มสองตา
    แต่ไหนแต่ไร เขาไม่เคยรักหล่อนเลย ไม่เห็นใจ ไม่สงสาร ไม่เคยมีความรู้สึกใดต่อหญิงสาวคนนี้อยู่ในจิตใจเขา แต่วันนี้ เขากลับสมเพชหล่อนเหลือเกิน หล่อนช่างทำได้นะ ไปมีลูกกับคนอื่นแล้วมาหลอกว่าเป็นลูกของเขาเพียงเพื่อให้ได้แต่งงานกับเขา เป็นเสี้ยนหนามในชีวิตรักของเขากับเส็ง แต่ต่อให้เกลียด สมเพชเวทนาหญิงสาวแค่ไหน เขาก็อดสงสารหล่อนไม่ได้ ในเมื่อเทิดก็เป็นสามีของหล่อน และเป็นพ่อของลูกหล่อนด้วย
    แต่หลวงพินิจก็ไม่ได้ปลอบหยาด เขานั่งเงียบไปเฉยๆ จนหยาดอึดอัดและเดินจากห้องไปเสียเอง

    พิธีฌาปณกิจศพของเทิดเริ่มขึ้นง่ายๆ ญาติพี่น้องมากันไม่มากนัก สวดอยู่สามวันก็เผา เมื่อควันลอยออกจากเมรุแล้วก็เท่ากับว่า เทิดจากภรรยาของเขาไปในที่สุด หล่อนไม่เหลือสิ่งใดในชีวิตแล้วนอกจากลูกของหล่อนคนเดียวเท่านั้น หญิงสาวยินประสานมืออยู่เงียบๆ มองควันไฟที่ลอยล่อง พาเทิดไปเกิดใหม่
    หล่อนอธิษฐานในใจ
    “เทิดเอ๋ย เธอกับฉันเจอกันช้าไป หากฉันได้รู้จักกับเธอก่อนที่จะรู้จักคุณหลวง ฉันคงรักเธอแล้วหมดหัวใจ เราคงไม่ต้องพึ่งเหตุบังเอิญเพื่อให้ได้รักกัน หากชาติหน้ามีจริง ฉันขอให้เธอได้มารักฉันอีก รักก่อนที่ใครจะรักฉัน รักฉันแต่เด็กเหมือนที่ฉันรักคุณหลวง เมื่อนั้นแล้วฉันก็มั่นใจว่า ฉันจะรักเธออย่างตั้งใจ และมีแต่เธอคนเดียวตลอดไปเช่นกัน”
     หยาดอุ้มลูกนึกในใจว่าจะตั้งชื่อลูกว่า “ทศ” ให้คล้องกับชื่อพ่อว่า เทิด และเพราะเด็กคนนี้อายุครบ 10 เดือนพอดีเมื่อพ่อของเขาจากไป
    หญิงสาวทิ้งระยะห่างไปอีกสองเดือน มีชีวิตอยู่ด้วยความซึมเศร้าในหัวใจ เมื่อลูกของหล่อนโตได้ครบหนึ่งขวบเริ่มเดินได้ เริ่มพูดได้ หน้าของเขาก็เอนเอียงไปทางทนายหนุ่มผู้ล่วงลับอย่างชัดเจน หล่อนแน่ใจแล้วว่าไม่นานหลวงพินิจคงจะระแคะระคายเรื่องที่เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเขามากขึ้นเป็นแน่ จึงต้องรีบทำอะไรสักอย่างก่อนที่ความจริงจะถูกตีแผ่ออกมา
    หล่อนพูดกับลูกยามที่เด็กน้อยหลับไม่รู้เรื่อง เสมอว่า
    “ลูกเป็นทุกอย่างของแม่ แม่ต้องให้ลูกเติบโตไปเป็นใหญ่ได้เหมือนหลวงพินิจราชอักษคนที่แม่รักหมดใจ แม้เขาไม่ใช่พ่อของลูก แต่ลูกต้องมียศ มีศักดิ์ มีสกุล แม่จะไม่ให้หนูลำบากเหมือนพ่อเด็ดขาด ดังนั้นแม่จะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าพ่อที่แท้ของหนูคือพ่อเทิด หนูต้องเติบใหญ่ในฐานะหลานปู่ของพระยาไพรัชกิจ เมื่อฝ่ายนั้นเสียไป ลูกต้องได้สมบัติทุกอย่าง แม่ต้องแน่ใจว่าชีวิตของหนูจะเป็นอย่างที่แม่วาดไว้ แม่ถึงจะตายตาหลับ”
   หล่อนผสมยาพิษให้หลวงพินิจกินทุกวัน วันละเล็กวันละน้อย จนหลวงพินิจไม่อาจลุกจากเตียงไปไหนได้อีกแล้ว ได้แต่นอนซมอยู่บนเตียงรอวันตายไปเท่านั้น หยาดเข้าไปหาหลวงพินิจราชอักษรในวันหนึ่ง พร้อมถาดยาและน้ำดื่ม
    “ยาค่ะ” หล่อนส่งยาให้หลวงพินิจกินเข้าไป ชายหนุ่มกลืนยาอย่างยากลำบากเต็มทนพูดด้วยเสียงแหบๆ แบบคนไม่มีแรงจะพูดขึ้นว่า
    “กินยาของแม่หยาดทุกวัน ไม่เห็นอาการฉันจะดีขึ้นเลย” เขาหายใจเฮือกใหญ่ “อ้ายหนูไปไหนล่ะ”
    “ลูกทศหรือคะ นอนอยู่ค่ะ” คุณหลวงได้ยินชื่อก็ทำหน้าประหลาดใจ “เมื่อคุณพี่ไม่ตั้งชื่อลูก น้องก็จะเรียกลูกว่าทศ เป็นเครื่องเตือนใจว่า เรามีลูกด้วยกันเมื่อครั้งเดินทางไปหัวหินในเดือนสิบ”
    “จนป่านนี้แม่หยาดยังจะไม่เลิกโกหกอีกหรือ” เขาว่า หยาดตาโตขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำพูดที่รู้ทันของคุณหลวงหนุ่ม “เด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของฉัน เป็นลูกของเทิดต่างหาก”
    เป็นอันว่าหลวงพินิจตัดสินใจบอกหล่อนแล้วซีนะ ว่าเขารู้ทัน ดีแล้วเรื่องอะไรต่อมิอะไรก็คงจะง่ายขึ้น แทนที่จะกลัวหยาด กลับยิ้มออกมา
    “อ๋อใช่ค่ะ แหมคุณพี่นี่ก็รู้เร็วเหลือเกินนะเจ้าคะ”
    “รู้มานานแล้ว แต่อยากจะดูซิว่าแม่หยาดจะบอกฉันวันไหน” เขาหายใจแรง แรงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเริ่มรู้สึกอัดอัดที่หน้าอก “แม่หยาดบอกว่ารักฉัน แต่เปล่า แม่หยาดรักแต่ตัวเอง”
    “ค่ะ” หล่อนตอบอย่างไม่เกรงกลัวอะไร “ตอนนี้น้องรักแต่ตัวเอง แต่หากคุณพี่ไม่ทำอัปรีย์ไว้กับน้อง น้องก็คงจะรักคุณพี่พอๆกับที่รักตัวเองเช่นกัน!”
    “ถ้าพูดถึงเรื่องเส็ง ขอให้เคารพกันบ้าง ว่าฉันรักเส็งจริง และเส็งก็รักฉันจริงเหมือนกัน ไม่ใช่เรื่องอัปรีย์เหมือนอย่างที่แม่หยาดทำกับเทิด และฉัน” หลวงพินิจราชอักษรไออย่างแรงจนรู้สึกเจ็บคอไม่มีแรงจะพูดอะไรต่อไปอีก เขายกมือขึ้นกุมคอ มองถาดยาอย่างรู้ทัน
    “ความรักมันไม่มีจริงดอกค่ะคุณพี่ มันอาจจะมีหลงบ้างแต่มันก็ผ่านมา ตั้งอยู่และดับไป ไม่มีทางจีรังอยู่ได้หรอกค่ะ ดูอ้ายเส็งซี สุดท้ายมันหมดความหลงมันก็จากคุณพี่ไป”
    “ฉันไม่เชื่อ แม่หยาดต้องมีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้แน่ ฉันยังคงรักเส็งอยู่แม้จนวันนี้ที่แม่หยาดวางยาฆ่าฉัน ฉันก็เชื่อว่าเส็งยังไม่หมดรักฉันเช่นกัน!”
    “อ้อ ไม่ค่ะ น้องไม่ได้ฆ่าคุณพี่” หล่อนยิ้มอย่างเย็นชา “เมื่อหลายเดือนที่แล้วคุณพี่ออกไปตามหาเส็งกับน้องแต่หาไม่พบ คุณพี่จึงหายตัวไปเฉยๆอย่างหมดอาลัย และเพื่อประชดชีวิตคุณพี่ไปซื้อยาพิษมาไว้เตรียมจะฆ่าตัวตาย เผอิญว่ามีเรื่องเทิดถูกฆ่าไปเสียก่อน คุณพี่จึงทิ้งเรื่องให้ผ่านมาอีกหลายเดือนกระทั่งวันนี้ วันที่น้องมาคุยกับคุณพี่เรื่องเส็ง ว่าน้องตามมันพบแล้ว กำลังมีความสุขอยู่กับชายอื่น และนั่งรถไฟออกหัวเมือง คุณพี่จึงตัดสินใจกินยาตายในที่สุด”
    หลวงพินิจหน้าซีด แหงนมองหยาดจากเบื้องล่าง
    “แม่หยาด... เรื่องเส็งน่ะ จริงหรือ”
    หยาดยิ้มอย่างผู้ชนะ หลวงพินิจทำปากพะงาบคล้ายจะพูดอะไรต่อ หยาดไม่อาจรู้ได้เพราะหลวงพินิจราชอักษรสิ้นใจไปแล้วในที่สุด หล่อนยิ้มอย่างผู้มีชัยชนะ เป็นยิ้มครั้งที่สามนับจากวันที่เส็งกับคุณหลวงถูกแยกออกจากกัน วันที่เส็งตาย และในวันนี้ที่คุณหลวงตาย
    หญิงสาวกวาดตามองไปรอบๆ สมบัติพัสถาน ทั้งหมดนี้ ตกเป็นของหล่อนและลูกชายแล้วอย่างแน่นอน หยาดน้ำตาไหลด้วยความปิติ ในที่สุดหล่อนก็ได้ทุกอย่างในชีวิตที่หล่อนต้องการ
    หยาดสูดหายใจลึก กรีดร้องออกมาสุดเสียง จนบ่าวไพร่ทั้งเรือนได้ยินกันหมด “ช่วยด้วย คุณหลวงกินยาฆ่าตัวตาย!”
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 27 : ตอนนี้สำหรับคนที่คิดถึงพาทิศ + หลวงพินิจ พร้อมจุดจบของเทิด!! 8.35 - 8/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 12-01-2011 18:47:05
    พาทิศลืมตาตื่นขึ้นมา ง่ายๆอย่างนั้นทันทีที่สิ้นเสียงของหยาดเขาลืมตาเบิกกว้าง นิมิตช่วงหลังนี้เขาจำได้ขึ้นใจ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างอย่างน่าประหลาด ต่างจากนิมิตในช่วงแรกที่จำอะไรได้กระท่อนกระแท่นเหลือเกิน ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งก็พบว่า เขากำลังอยู่ในห้องพักผู้ป่วย น่าแปลกที่เขาไม่เห็นมารดา และเพื่อนหนุ่มของเขา เห็นแต่จิตราเท่านั้นที่นั่งอย่างสงบอยู่ปลายเท้าแต่กลับรู้สึกว่ามีใครอีกคนที่อยู่ใกล้ๆกับเขาด้วย
    “ขอต้อนรับกลับค่ะ คุณพาทิศ เหนื่อยไหมคะคราวนี้ หลับไปเดือนหนึ่งเลยนะคะ” จิตราพูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
    “ไม่เลยครับ คุณป้า” เขาว่า “เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมผมมาอยู่ที่นี่”
    “คุณถูกรถชนค่ะคุณพาทิศ ด้วยอาถรรพ์ของโถลายครามใบนี้” พาทิศหันไปเจอโถลายชามเข้าก็นึกขึ้นได้พอดีว่าก่อนสลบไป เขาไปเจอโถนี้เข้าแล้วก็ตั้งใจจะมาหาจิตราเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น จะอ้าปากพูดจิตราก็แทรกขึ้นมาก่อน “สมองคุณถูกกระทบ แล้วก็แขนหัก แต่ป่านนี้คงจะหายแล้ว จำอะไรได้บ้างไหมคะ”
    พาทิศขยับแขน มันหายดีราวกับว่าเขาหลับไปเฉยๆ ไม่เคยถูกรถชนอย่างนั้น ชายหนุ่มเล่าเรื่องให้จิตราฟังโดยย่อ แต่ก็พยายามไม่ให้รายละเอียดตรงไหนตกหล่นไปได้เลย “ผมอยากรู้ว่าเรื่องต่อจากนั้นเป็นอย่างไร”
    “อ้อ ต่อจากนั้นก็ไม่มีอะไรต้องอยากรู้ค่ะ คุณหยาดเลี้ยงลูกมาจนโตสักพักหล่อนก็เสียชีวิต ดิฉันเดาว่าคงถูกพวกเจ๊กกิมมาทวงหนี้แต่ไม่ใช้คืนจึงถูกเก็บเสีย แต่เขาก็เชื่อกันว่าเป็นอุบัติเหตุ ยิงกันผิดมากกว่า คุณทศเขียนเอาไว้ในหนังสือ “บ้านของเรา” เป็นประวัติตระกูลค่ะ จากนั้น เข้าสู่ยุค รัชกาลที่ 6 คุณทศเธอก็ไปขอนามสกุลพระราชทาน ได้เป็น ไพรัชกิจจาพันธุ์ เพราะเจ้าคุณไพรัชกิจเธออายุยืน อยู่มาจนคุณทศเป็นหนุ่มตอนนั้นคุณทศเธอไม่มีราชทินนาม จึงใช้ราชทินนามของปู่เป็นนามสกุล เป็นต้นสกุลไพรัชกิจจาพันธุ์สืบมา
    “คุณทศแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่ง ลูกของเขาคือแม่ของคุณผ่านฟ้า มีคุณผ่านฟ้าตั้งแต่สาว คลอดคุณผ่านฟ้าได้ก็เสียชีวิต คุณผ่านฟ้า ...ก็อย่างที่ดิฉันเคยเล่า... แต่งงานกับจิตมาศ สร้อยฟ้า สร้อยสุวรรณ จึงเป็นทายาทคนสุดท้ายของคุณหยาด เห็นไหมคะ ว่าไม่ใช่ทายาทเจ้าของบ้าน แต่ละคนไม่มีอะไรผูกพันกับหลวงพินิจ เชื้อสายสืบมาจากคุณหยาด ถ้าจะนับก็ต้องเป็นไพศาลเสนีย์วงศ์ นามสกุลของคุณมากกว่า”
    พาทิศตกใจ เขาลืมคิดไปเลยว่า ราชทินนาม “ไพรัชกิจจา” กลายเป็นนามสกุลของสร้อยฟ้า ส่วน “ไพศาลเสนีย์” กลายเป็นนามสกุลของเขาไปแล้ว
    “ผมยังไม่เคลียร์อยู่อย่างเดียวครับ”
    “เรื่องอะไรคะ”
    “ตอนก่อนตาย หลวงพินิจทำท่าจะพูดอะไรออกมา เขาพูดอะไรหรือครับ”
    จิตราเงียบไปพักหนึ่ง ชั่งใจอยู่ว่า ควรจะบอกชายหนุ่มหรือไม่ว่าความจริงมันเป็นอย่างไรกันแน่
    “คุณหลวงจะพูดว่า หากเส็งไม่รักเราแล้ว ชาติหน้าเราขอไม่ยุ่งเกี่ยวกับเส็งอีกขอให้ได้เกิดใกล้เส็งๆได้อยู่ใกล้กันแต่ขอให้จำกันไม่ได้จะได้ไม่ต้องเสียใจอีก”
    พาทิศตกใจ หลวงพินิจอารมณ์รุนแรงเหลือเกิน พอรักก็รักปานจะกลืนกิน พอชังก็ชังเสียจนขอตัดขาดจากกัน ไม่ให้จำกันได้อีก!
    “แต่คุณพาทิศก็น่าตีจริงค่ะ ขโมยของอย่างนี้ออกมาจากบ้านของคุณหลวงพินิจราชอักษร ไม่รู้หรือคะว่าเส็งเขาหวงของของคุณหลวงเขาแค่ไหน”
    พาทิศตะลึงที่หญิงชรารู้เรื่องไปด้วย
    “มีคนพยายามขโมยของในนั้นหลายครั้งแล้วก็เจอดีกันทุกรายไม่ทันได้เอาออกมาจากบ้าน นี่คุณพาทิศเอาของออกมาได้ไกลถึงเพียงนี้ก็เก่งแล้วค่ะ” หล่อนว่าเรียบๆ
    “ผมไม่ได้จะขโมย แต่ผมรู้สึกถึงแรงดึงดูดอย่างประหลาดกับโถนี้ ก็เลยจะเอามาถามคุณป้าว่ามันคืออะไร” พาทิศว่า
    “แล้วรู้หรือยังคะ”
    “กระจ่างเลยครับ” เขาว่าแล้วหญิงชราก็พยักหน้า
    “เอาเป็นว่าดิฉันเข้าใจถูก คุณหยาดฟาดเส็งจนหัวแตกแล้วดันลืมเศษกระเบื้องดินเผาไว้ในโถลายครามนี้ และคู่แฝดของมันก็ถูกใช้ถ่วงเส็งจนจมน้ำ สองสิ่งนี้ทำให้เส็งเสียชีวิตลง จิตของเขาจึงผูกพันอยู่กับของสองสิ่ง สิ่งหนึ่งอยู่ในบ้าน อีกสิ่งหนึ่งอยู่ในสระบัว อีกอย่าง อย่างที่บอกไปแล้ว เส็งหวงของของคุณหลวงมาก โถลายครามอันหนึ่งหายไป เขาจึงยังมีจิดผูกอยู่กับมันว่าอยากให้มันไปอยู่ที่เดิม ดังนั้นเขาจึงต้องการให้มีใครสักคนนำมันกลับไปไว้ยังชั้นที่เดิมค่ะ คุณพาทิศ ดิฉันเข้าใจตั้งแต่พยายามตามจิตคุณเข้าไปในอดีตด้วย แต่ก็เห็นได้เลือนรางนัก ดิฉันจึงพยายามช่วยคุณไปเปลาะแรกโดยไปตามเอาโถนี้มาจากสระแทนคุณแต่เส็งเขาก็ไม่อนุญาต”
    “หมายความว่าจิตของเส็งยังอยู่ในบ้าน และในสระบัวหรือครับ”
    “ค่ะ แล้วตอนนี้ส่วนหนึ่งของเขาก็มาอยู่กับเราที่นี่ เขาตามโถมาค่ะ” จิตราว่า ไม่น่าล่ะพาทิศถึงได้รู้สึกว่ามีใครอีกคนหนึ่งอยู่ในห้องกับเขาด้วยตรงนี้เอง  
    “ที่เขาเห็นวิญญาณกันก็คือเส็ง ไม่ใช่หลวงพินิจ จิตของหลวงพินิจไปเกิดในร่างใหม่เรียบร้อยแล้วค่ะ”
    “แต่ผมก็เคยเห็นหลวงพินิจ”
    “ไม่ใช่ค่ะคุณพาทิศ ดิฉันไม่รู้ว่าคุณเห็นอะไร เห็นได้อย่างไร แต่ว่าไม่ใช่หลวงพินิจแน่ คุณอาจเห็นภาพนิมิตเฉยๆจากจิตใต้สำนักของตัวเองก็ได้ค่ะ”
    พาทิศเข้าใจแล้ว
    “แต่ทำไมเส็งถึงยังคิดว่าหลวงพินิจไม่กลับมาหาเขาล่ะครับ” เขาถาม “ถ้าจิตของเส็งอยู่ในบ้านทำไมไม่เห็นว่าหลวงพินิจกลับมาแล้วล่ะครับ”
    “ก็เพราะว่า จิตของเส็งยึดมั่นว่าหลวงพินิจจะไม่กลับมาไงคะ คิดแต่ว่าไม่มาสักที ก็เลยรอต่อไปเรื่อยๆ ทั้งที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดหลังจากเขาตาย แต่ก็เหมือนมีอะไรบางๆ มากั้นไว้ เหมือนจิตเขา “เห็น” แต่ “ไม่รับรู้” คล้ายๆว่าแสงกระทบวัตถุเข้าตา แต่ประสาทไม่ตีความส่งไปยังสมองว่าเห็นอะไรอย่างนั้นล่ะค่ะ
     อะไรบางๆที่มากั้นไว้คือ ความฝังใจผิดๆของเขาในขณะที่เขาตายนั่นเอง พอหลวงพินิจมาเข้าใกล้เขาในชาตินี้ ก็จำไม่ได้ เพราะทิฐิของทั้งคู่ไงคะ เคยได้ยินโคลงโลกนิติที่ว่า
    ชังกันบ่แลเหลียว        ตาต่อ กันนา
    เหมือนขอบฟ้ามาป้อง        ป่าไม้มาบัง
ไหมล่ะคะ ทิฐิที่ไม่มั่นใจในตัวคุณหลวง ที่เส็งตัดพ้อเขาไว้นี่ล่ะค่ะมาป้อง ความเข้าใจผิดมาบังทำให้เส็งไม่อาจเห็นคุณหลวงได้”
    “หมายความว่าผมอาจจะเป็นหลวงพินิจหรือครับ”
    จิตราไม่ตอบ
    “คุณ ต้องจำได้ด้วยตัวเองค่ะคุณพาทิศ ยังจำไม่ได้อีกหรือคะ” จริงซี เห็นความจริงมาจนจบเรื่องแล้ว พาทิศยังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร
    “ถ้าผมไม่อยากจำได้ล่ะครับ แล้วหากผมเพียงแต่ต้องการจะช่วยให้เส็งเขาไปผุดไปเกิดล่ะครับ ให้เขาตามหลวงพินิจราชอักษรไปเกิด ผมจะต้องทำอย่างไรครับ” พาทิศถามอย่างร้อนใจ
    “เส็งอยากให้คุณจำได้ค่ะ ไม่งั้นคุณจะเห็นนิมิตแต่แรกหรือ” หล่อนว่า “พอคุณระลึกชาติได้แล้ว เอาโถไปคืนที่เดิม แล้วก็ติดต่อทางจิตกับเขา บอกเขาว่าคุณหลวงไปเกิดรอเขาแล้ว ให้เขาทิ้งห่วงต่างๆในชาติภพนี้แล้วตามไป เท่านี้เส็งก็คงหมดห่วงพร้อมไปเกิดแล้วล่ะค่ะ”
   พาทิศพยักหน้ารับคำ เขาเข้าใจแล้วว่าจะต้องทำอะไรต่อไป ก็วางแผนเอาไว้ในใจคร่าวๆ
    “จะระลึกชาติได้ก็ต้องฝึกเพ่งเตโชกสิณค่ะ แต่คงต้องรอให้หมออนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลเสียก่อน คุณพาทิศอย่าเพิ่งรีบร้อนนะคะ” จิตราว่า “คืนนี้นอนเอาแรงเสียก่อนเถอะค่ะ วันนี้เขาไปดูละครเวทีกันเห็นว่าเพื่อนคุณที่ชื่อวรวิทย์อะไรนี่ได้เล่นด้วย คงไม่มีใครกลับมาเยี่ยมเพราะเลิกดึกอยู่ แต่พรุ่งนี้น่าจะมากันค่ะ คุณพาทิศรอในโรงพยาบาลนะคะ ดิฉันจะขอตัวกลับบ้านแล้วค่ะ”
    หญิงชราเดินออกจากห้องไปในที่สุด
    พาทิศขำคำพูดของจิตรา เขานอนมาเป็นเดือนแล้ว จะให้นอนอะไรอีกหนักหนาเล่า!

    โรงแรมเกตออฟพาราไดส์ เปิดไฟสีเหลืองทองไว้ดูสวยงามหรูหราอย่างที่เขาเคยเห็นมาหลายครั้ง แต่พาทิศกลับมองข้ามแสงสีสวยงาม และเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงที่รายล้อมอยู่แถวนั้น แทบจะเห็นได้เลยว่า ประตูทางเข้านี้เป็นเขตสวนเก่าของเรือนเทา ส่วนเมื่อเข้ามาในลอบบี้แล้ว ตรงนี้เคยเป็นเรือนบ่าวมาก่อนแทบจะมองเห็นเส็งนั่งริ้วมะปรางอยู่ที่ล็อบบี้นั้นเอง มองไปทางซ้ายมือแทบจะท่าน้ำอยู่ไกลๆ เห็นหลวงพินิจราชอักษร และเส็งนั่งหย่อนขาแกว่งเท้าในน้ำอย่างมีความสุข ก่อนที่ฝ่ายแรกจะนอนลงหนุนตักบ่าวหนุ่มพูดจากันกระหนุงกระหนิงด้วยความรัก แล้วหยาดช่างใจร้ายขนาดนี้ ช่างมาพรากเขาจากกันได้ลงคอ แถมฆ่าทั้งเส็ง ทั้งคุณหลวงตายทั้งคู่อีกด้วย
    “สวัสดีครับ” กินนร หนุ่มตรงรีเซปชั้นเคาน์เตอร์พนมมือไหว้อย่างนอบน้อม  แต่ปิดบังสายตาสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นพาทิศมาในชุดของโรงพยาบาล มือขวาหิ้วโถลายครามเก่าๆไว้อย่างประหลาด โชคดีที่พนักงานคนนั้นไม่ฉลาดพอ จะผิดสังเกตมากไปกว่าคิดว่า เพิ่งออกจากโรงพยาบาลก็หิ้วของมาให้ใครที่ โรงแรมนี้เสียแล้วเขาจึงได้แต่ถามในที่สุดว่า “จองห้องไว้หรือเปล่าครับ”
    “ผมมาพบคุณสร้อยสุวรรณครับ” เขาว่า “เธออยู่หรือเปล่าไม่ทราบ”
    “ไม่ได้นัดไว้หรือครับ”
    “เอ้อ ผมเป็นเพื่อนสนิทกับสร้อยฟ้าครับ”พาทิศอ้างไปอย่างนั้นปรากฏว่ากินนรหนุ่มปักใจเชื่ออย่างง่ายดาย
    “รบกวนคุณช่วยเขียนชื่อนามสกุลให้ด้วยนะครับ” ชายหนุ่มเขียนส่งให้เคาะนิ้วกับเคาน์เตอร์อย่างร้อนใจ “คุณสร้อยสุวรรณครับ คุณ ณัฐ วณิชกุล ขอพบครับ”
    หากบอกว่าเป็นพาทิศสร้อยสุวรรณคงจำเขาไม่ได้แน่ๆ แต่ถ้าบอกว่าเป็นณัฐละก็คงพอจะจำได้ ในเมื่อณัฐสนิทกับสร้อยฟ้าจริงๆ พาทิศก็เดาว่าพี่สาวของหล่อนคงจะเล่าอะไรให้ฟังบ้าง โชคดีสร้อยสุวรรณรู้จักณัฐจริงๆ กินนรหนุ่มจึงบอกเขาว่า “เชิญขึ้นชั้น 23 ครับห้อง 2301 เลี้ยวขวาตรงนี้ มีลิฟท์อยู่ครับ”
     พาทิศพยักหน้ารับ แล้วก็เดินเข้าไปทางลิฟต์ พอเห็นป้ายเขียนไว้อย่างวิจิตรว่า “ห้อง อโนดาต” ชายหนุ่มก็ไม่รีรอที่จะรีบเดินเข้าไป
    เห็นศาลาสีขาวสะอาดก็รู้สึกใจหาย ตรงนี้เป็นที่ที่คู่รักสองคนกินอาหารเช้าร่วมกัน เป็นที่ที่แอบมาเจอกันบ่อยๆในตอนดึก แล้วยังเป็นสถานที่ที่หลวงพินิจราชอักษรถูกเฆี่ยนจนสลบ แล้วบ่าวหนุ่มเข้ามาช่วยดูแลประคองขึ้นไปจนถึงเรือนเทา น่าเศร้าเหลือเกินที่ทั้งคู่ไม่ได้ครองรักกันในท้ายที่สุด และยังต้องมาเข้าใจกันผิดเพราะหยาดคนเดียว
    พาทิศรู้สึกเกลียดหยาดจนตัวสั่นเทิ้ม หากเจอละก็... หากเจอแล้วเขาจะทำอะไรเล่า ฆ่าหล่อนหรือ ให้ผูกกันเป็นเวรเป็นกรรมไม่สิ้นหรือ ไม่อีกแล้ว วันนี้เขาตั้งใจมาช่วยเส็งให้ได้ไปผุดไปเกิด เขามั่นใจว่าตัวเองคือหลวงพินิจราชอักษร ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น เขาจะมาเห็นนิมิตทั้งหมดนี้เพื่ออะไร แล้วเขาจะรู้สึกผูกพัน อยากรู้จักอยากเจอเส็งได้อย่างไร พาทิศวางโถลายครามใบที่หนึ่งไว้ริมสระ
    “เส็ง เรากลับมาหาเส็งแล้ว”
    ตูม! เขากระโจนลงน้ำไปในที่สุด

    น้ำเย็นเฉียบจนน่าตกใจเมื่อคิดว่าความเย็นนี้มันแทรกผ่านจมูก ผ่านลำคอของเส็งลงไปถึงปอด มันคงไม่ต่างอะไรจากเศษแก้วที่บาดลึกลงไปทั้งร่างให้เจ็บปวดทรมาณ กว่าจะตายก็คงเจ็บจนแทบจะไม่เจ็บแล้ว พาทิศพยายามดำลงไปใต้น้ำ เขามองอะไรไม่เห็นเพราะน้ำขุ่นเหลือเกิน กะใช้มือคลำไปให้เจอ นึกในใจว่าเทิดคงไม่มีแรงมากพอจะโยนเส็งไปถึงกลางสระหรอก เขาจำได้ว่าโถมันน่าจะตกไปตรงไหน แต่ก็ลงไปได้ไม่ลึกพอ ต้องโผล่พ้นขึ้นมาหายใจแล้วค่อยดำกลับลงไปอีก คราวนี้ เขาคว้าได้เชือกที่เคยผูกเอาไว้กับคอของเส็งถ่วงเขาให้ถึงตายได้
    ชายหนุ่มหน้าผากกลมสวย ดึงเชือกนั้นสาวเข้าหาตัวก็พบว่า โถลายครามนั้นผูกไว้ติดกับปลายอีกข้างหนึ่ง เขาอุ้มมันไว้ในอ้อมแขน อย่างง่ายดาย เพราะว่ายน้ำเป็นและแรงเยอะกระมังพาทิศถึงว่ายพาโถใบนี้ขึ้นไปจะถึงผิวน้ำได้ แต่สำหรับเส็งที่ว่ายน้ำไม่เป็น แถมยังอ้อนแอ้นไม่ค่อยมีแรง แล้วก็หมดสติอยู่ด้วยแล้ว โถนี้ก็หนักพอที่จะถ่วงเขาลงไปตายอยู่ก้นสระได้
    อีกไม่กี่นิ้วเขาก็จะโผล่ขึ้นมาถึงผิวน้ำได้แล้ว แต่ฉับพลันพาทิศก็รู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนคว้าคอของเขาไว้ ดึงลงไปใต้น้ำอย่างแรงจนหายใจไม่ออก!
    พาทิศตกใจ ปล่อยโถลายครามจมลงไปก้นสระอีกครั้ง แต่ไม่รู้เพราะกรรมลิขิตหรืออย่างไร บ่วงที่เคยผูกคอเส็งไว้ลอยไปด้วยอำนาจบางอย่างที่พาทิศมองไม่เห็น มันตกลงสวมบนคอของเขาพอดี โถลายครามใบนั้น ดึงพาทิศจมดิ่งลงก้นสระแทบจะทันที ชายหนุ่มตกใจ คว้าเชือกไว้ พยายามจะแกะมันออกจากคอ แต่เขาก็รู้สึกตื้อเกินกว่าจะยื้อกับมันได้ไหวอีกต่อไป เขาจมดิ่งลง ดิ่งลงเรื่อยๆ
    “เส็ง ผมมาช่วยคุณนะ” เขาคิดในใจ “ผมมาช่วยคุณ ไม่ได้มาขโมยของไปจากคุณขอร้อง ช่วยผมเถอะ ปล่อยผมเถอะเส็ง ผมมาช่วยให้คุณได้เป็นอิสระ จากการที่ต้องได้แต่คอยมาเป็นร้อยปีนะ ปล่อยผมเถอะเส็ง”
    ทันใดนั้นเอง ร่างของพาทิศก็ผลุดขึ้นมา ราวกันถูกกระชาก ให้โผล่พ้นน้ำมาในที่สุดมือไขว่คว้าหาขอบสระ แล้วก็ปลดเชือกออกจากคอของตน ถึงโถลายครามขึ้นมาจากน้ำ วางไว้ข้างสระก่อน จะนอนหอบอยู่ตรงนั้น ด้วยความเหนื่อยอ่อน และทรมาณ
    แต่จะทรมาณสู้เส็งได้หรือ... ไม่!
    แค่นี้ยังน้อยกว่าที่เส็งโดนมากนัก เขายังมีสติสัมปชัญญะมากพอ และกำลังเขาก็มีมากกว่าเส็งหลายเท่า บ่าวหนุ่มน้อยคนนั้นสิ แรงก็น้อยพออยู่แล้ว แถมยังโดนตีเสียเจ็บบั่นทอนแรงไปตั้งเยอะ สติก็ไม่มี ไม่แปลกใจเลยว่าจะตายง่ายๆอย่างนั้นได้จริงๆ
    ขั้นตอนที่ว่ายากผ่านไปแล้ว แต่ขั้นตอนที่ยากกว่านอนทอดตัวรอเขาอยู่ข้างหน้าต่างหาก... เขาจะเอาโถนี้กลับเรือนเทาอย่างไรโดยไม่โดนพนักงานต้อนรับ และยามรักษาความปลอดภัยจับเอา ชายหนุ่มนอนคิดก็คิดไม่ออก ทางออกทางเดียวจากที่นื่ ที่เขารู้จัก คือประตูหน้าที่เขาเพิ่งผ่านมา เรื่องจะไปออกที่อื่นเป็นไปไม่ได้เลย ณ.ขณะนี้ คงมีทางเดียวแล้วซี
    พาทิศลุกขึ้นยืน สูดหายใจเข้า วิ่งออกจากห้องนั้นอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พาทิศวิ่งผ่านกินนรหนุ่มที่ชำเลืองเห็นเขาทางหางตาไปได้ ฝ่ายนั้นก็ร้องลั่นโถง
    “เฮ้ย... คุณ.. ขโมย!”
    พนักงานต้อนรับที่แต่งชุดกินนรนั้น ยกวิทยุสื่อสารขึ้นเรียก รปภ.ที่อยู่ข้างนอก พอพาทิศวิ่งพ้นประตูใหญ่ไปเท่านั้น เขาก็เห็น พนักงานรักษาความปลอดภัย สองสามคน วิ่งมาจากทางขวา
    โชคดีที่ถ้าจะไปเรือนเทาเขาต้องไปทางซ้าย พาทิศจึงวิ่งต่อไปไม่ยอมเสียเวลารีรอ เขา กระโดดข้ามพุ่มไม้ วิ่งข้ามลานจอดรถไปจนถึงถนนใหญ่ มือทั้งสองถือโถลายครามสองใบที่เข้าชุดกันนั้นข้างละใบ วิ่งไปจึงถึงประตูใหญ่ ก็ใช้เท้าเตะประตูเหล็กลูกกรงปิดโครม รปภ. ที่ตามมาข้างหลังชนเข้ากับประตูนั้นพอดี จึงสกัดให้ตามมาได้ช้าลงกว่าเดิม แน้นิดเดียวก็ดีกว่าถูกไล่ทันแล้วจะต้องเสียเวลาตอบคำถาม อาจต้องขึ้นโรงขึ้นศาลด้วยซ้ำ
    พาทิศ รีบวิ่งไปตามถนนใหญ่ หันกลับมามองก็พบว่า  ยามสามคนนั้นยังวิ่งตามมาอยู่ เขาไม่รู้จะทำอย่างไร แรงก็น้อยลงมากเพราะต้องแบกโถที่หนักอึ้งนี่พออยู่แล้ว ยังต้องมาคอยระวังว่าจะชนใครที่อยู่ตามทางเท้าหรือเปล่าอีก ยามคนหนึ่งตะโกนลั่น
    “ขโมย! จับไว้ที คนบ้าขโมยของในโรงแรม!” แต่ดูเหมือนจะเป็นผลดีต่อพาทิศคนบนบาทวิถีได้ยินคำว่าขโมย ก็กลัวจะถูกทำร้าย พากันหลบเป็นการเปิดทางให้พาทิศไปได้สบาย แต่แล้วปัญหาต่อมาก็มาถึง... ด้านหน้ามีป้อมตำรวจ
    นายตำรวจหนุ่ม เดินออกมาจากป้อม เห็นความวุ่นวายตรงนั้นก็ปรี่เข้ามาหวังจะช่วย พาทิศจะไปข้างหน้าก็ไม่ได้ ไปข้างหลังก็ไม่ได้ ไปทางขวาก็จะโดนรถชน แล้วเขาจะเอายังไงดี
    วินาทีสุดท้าย พาทิศ กระโจนเข้าไปในซอยแคบๆ ที่เป็นทางตันตรงซ้ายนั้นอย่างรวดเร็ว เขารู้ว่าอย่างไรก็หลบไม่พ้น สุดท้ายหนีไปไหนไม่รอดก็ต้องตันอยู่ที่นี่ ทั้งยามทั้งตำรวจคงจะต้องตามมาทันอยู่ดี แต่ในขณะที่สิ้นหวังนั้น ไม่รู้ว่าเคราะห์ดีหรือเคราะห์ร้าย คนขับรถบรรทุกคันหนึ่งเมายาบ้าไม่ได้สติขับรถเสยทางเท้าชนเข้ากับปากทางเข้าซอยที่พาทิศหลบเข้ามาพอดี ดัง โครม! ใหญ่
    เท่ากับว่าพาทิศถูกปิดอยู่ในซอยนั้นแล้ว แล้วชายหนุ่มจะทำอย่างไรจึงจะหนีไปได้เล่า เขาได้ยินเสียงตำรวจตะโกนมาจากอีกฟากของรถบรรทุกว่า
    “มอบตัวเสียดีๆ มีอะไรก็ออกมาพูดกัน คุณหนีไปไม่พ้นหรอก”
    แต่ชายหนุ่มไม่ยอมแพ้ เขา โยนโถลายครามข้ามกำแพงที่ตันอยู่นั้นไป หากตอนที่เขารถชนมันรอดปลอดภัยมาถึงตอนนี้ได้ โยนข้ามกำแพงแค่นี้คงไม่เป็นไร พาทิศปีนกำแพง กระโดดไปอีกฝั่งก็พบว่า ตัวเองมาอยู่ในละเมาะไม้ฝั่งที่ติดกันกับเรือนเทาแล้ว และ อย่างที่เขาคิดไว้แต่แรก
    โถลายครามสองใบนั้นยังอยู่ปลอดภัยดี
    
    พาทิศลากสังขารมาได้จนถึงหน้าเรือนเทา เขานั่งลงกับขอบถนนนั้น หอบตัวโยนอย่างเหน็ดเหนื่อย เขาสาบานกับตัวเองว่าจะไม่มีวันทำอะไรแบบนี้อีกเลยไม่ว่าจะด้วยเหตุจำเป็นหรืออะไรทั้งสิ้น พอหายเหนื่อยชายหนุ่มก็เดินช้าๆไปยังซีกตะวันตกของเรือนเทา จะเอาโถลายครามเข้าไปเก็บที่ห้องตามเดิม กระนั้นก็พบว่าสร้อยฟ้าคงมาซ่อมกุญแจบ้านแล้ว เพราะมันล็อกไว้เสียแน่นหนาไม่เหลือสภาพเดิมที่เขาใช้จอบฟันไว้เสียเละอย่างคราวก่อนซ้ำจอบนั้นก็ไม่อยู่ที่เดิมเสียด้วย
    พาทิศหัวเสียเดินกลับไปยังซีกตะวันออก วางโถลายครามลง แล้วเอื้อมมือไปจะเปิดประตูก็พบว่าประตูล็อกไว้อีกเช่นกัน
   “คุณพาทิศหรือ” เสียงคนแก่คนหนึ่งดังขึ้น ชายหนุ่มหันไปก็พบว่าเป็นลุงอิ่ม ลุงอิ่มเห็นชายหนุ่มอยู่ในสภาพเปียกปอน ก็ตกใจแต่ไม่อยากซักอะไร ตาเหลือบไปเห็นโถลายครามที่วางไว้แทบเท้าก็ตกใจหนักเข้าไปใหญ่ พาทิศเอามันออกมาจากบ้านได้อย่างไร ในเมื่อไม่เคยมีใครเคยเอาอะไรแม้แต่เศษผ้า หรือกระดาษสักแผ่นออกไปได้เลย ลุงอิ่มร้อง “นี่มันอะไรกัน”
    “ผมไม่มีเวลาอธิบายครับลุง ช่วยเปิดประตูบ้านให้ผมหน่อย”
    ลุงอิ่มมองพาทิศขวางๆ ไม่รู้ว่าจะไว้ใจดีหรือไม่ สุดท้ายความใจอ่อนประสาคนแก่ก็เอาชนะความสงสัยได้ ลุงอิ่มเปิดประตูให้พาทิศเข้าไปในที่สุด
    พาทิศเห็นบ้านหลังนั้นก็รู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตา ราวกับว่าจะร้องไห้โฮออกมาง่ายๆตรงนั้น เขาไม่ได้ยินลุงอิ่มถามว่า เขาเอาเครื่องลายครามมาจากไหน ก็เลยเดินเอาโถสองใบวางไว้ที่เชิงบันได “ลุงมีเทียนหรือเปล่าครับ”
    “มีอยู่ในห้องพระ คิดจะทำอะไรหรือคุณพาทิศ”
    “ขอบคุณมากครับว่าจะไหว้พระ” เขาว่า เดินไปหยิบโถลายครามพร้อมจะเดินขึ้นไปข้างบน ลุงอิ่มก็ทักขึ้น
   “อย่าโกหกคนแก่เลย จะทำอะไรผมไม่ว่าหรอก แต่ผมเขม่นตาขวาชอบกลเหมือนจะมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้น คุณพาทิศระวังตัวให้ดีล่ะ” ลุงอิ่มว่า ชายชราหันกลับมามองเรือนเทาเต็มตาเมื่อเดินกลับออกไป เขาสังหรณ์ใจอย่างไรไม่รู้ว่าเขาจะไม่ได้เห็นเรือนเทาหลังนี้อีกเลย ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย
    ในใจพาทิศเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาอยากรู้เหลือเกินว่าเขาเป็นใคร เขาอยากเจอเส็ง อยากให้เรื่องมันจบลง แต่ว่าหากเรื่องมันจบลงจริงๆล่ะ แล้วเขาจะทำอย่างไรกับชีวิตเขาต่อไป แต่งนิยายออกมาสักเล่มหนึ่งหรือ แล้วก็เท่านั้น ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นในชีวิตอีก กลับไปใช้ชีวิตเสเพลตามเดิมหรืออย่างไร
     เขาได้ยินเสียงตัวเองก้องในหูว่า
    “ณัฐไปอยู่กับเราที่บ้านนะ เราจะไม่ทิ้งณัฐไว้คนเดียวอีกแล้ว”
    พาทิศนึกออกในที่สุดว่าเขาอยากทำอะไรที่สุดในชีวิต เขา อยากพาณัฐมาอยู่ที่นี่กับเขา ครองรักกันให้นาน รักณัฐเพียงคนเดียวเรื่อยไป ทดแทนให้ความรักของหลวงพินิจและเส็งที่เคยเป็นไปไม่ได้ในครั้งนั้น

    เทียนสีเหลือง ตั้งอยู่ได้ด้วยน้ำตาเทียนบนโต๊ะไม้เล็กๆ ที่หัวเตียง พาทิศนั่งขัดสมาธิบนเตียงสี่เสานั้นเอง ข้างๆเขาเป็นโถลายครามสองใบเจ้าปัญหา ชายหนุ่มวางมือขวาทับมือซ้าย เพ่งที่เปลวเทียนอย่างไร้จุดหมายเขาไม่รู้ว่าการเพ่งเตโชกสิณมันทำได้อย่างไร แต่เท่าที่ฟังจากจิตรา และสร้อยฟ้ามามันก็คล้ายๆอย่างนี้ เขาลองดูอย่างลองผิดลองถูก
    จ้องเปลวไฟไป พาทิศก็เพิ่งจิตถึงเส็งไปเหมือนเวลาเขากำหนดจิตตอนเข้านอน ที่จิตราเคยให้ทำคล้ายเป็นแบบฝึกหัด มองแต่เปลวไฟที่วูบวาบไปมาจนตาเบลอ กระนั้นก็รู้สึกว่าสมาธิแกร่งกล้ามากกว่าทุกครั้ง พาทิศมองเลยเปลวไฟไปข้างหลัง ตรงกำแพงที่กั้นห้องนี้ กับห้องที่เส็งตาย เพียงจ้องกำแพงที่ไม่หนาเท่าใดนักเท่านั้นเอง พาทิศรู้สึกเหมือนกำลังเคลิ้มหลับ รู้สึกวูบที่หน้าท้อง เหมือนมีคนมาจับเอาเครื่องในของเขายืดขยายออกแล้วกระชากสุดแรงเหมือนเวลาเร่งเครื่องรถยนต์
    พาทิศพบว่าตัวเองยังอยู่ในห้องนั้นไม่ได้ไปไหน แต่ความรู้สึกบอกเขาว่าเขาได้กลับมาในอดีตอีกครั้ง เขามองออกนอกหน้าต่าง ตรงนั้นไม่มีโรงแรมเกต ออฟ พาราไดส์อยู่อีก แต่เป็นเพียงละเมาะไม้ไกลสุดลูกตาเท่านั้น ชายหนุ่มเดินไปที่ประตู จะเปิดออกข้างนอกไปยังห้องข้างๆ ก็พบว่าเขาเปิดประตูไม่ได้ จึงเดินกลับมาที่เตียง นั่งลงอย่างหงุดหงิด
    กลับมาในอดีต แต่ไม่เห็นอะไร ทำอะไรไม่ได้เลยเนี่ยนะ
    แล้วชายหนุ่มก็นึกขึ้นได้ เขาเคยมองลอดผ่านรูเล็กๆที่พื้นตรงนี้ไปยังห้องฝั่งโน้นนี่นา คราวนี้ หากลองดูอาจจะเห็นหรือเปล่าว่า อีกฝั่งคืออะไร ไวเท่าความคิด พาทิศ รีบวิ่งเข้าไปแนบหน้าลงกับรูนั้นก็พบกับภาพที่เห็น และเสียงที่ได้ยินก็ทำให้เขาเกือบจะผงะถอยหลัง  “เรื่องนี้จะตายที่นี่หรืออ้ายเส็ง มึงนั่นแหละที่จะต้องตายที่นี่!” เขาเห็นเหตุการณ์ตอนที่ เส็งผลักหยาดแล้วออกวิ่ง ก่อนที่เทิดจะเข้ามาขวางไว้เสียก่อน ชกเส็งเต็มแรงจนล้มลงกับพื้น จากนั้น หยาดก็เซไปชนกับแจกัน พอลุกขึ้นได้หล่อนก็ฟาดแจกันดินเผานั้น เข้าที่หัวของเส็งอย่างเต็มแรง จนหล่อนเองก็ล้มลงไปนอนกับพื้น
พาทิศพบว่าเมื่อหยาดลุกขึ้นเขาก็ลุกตาม แล้วกำแพงตรงนั้นก็หายวับไป กลายเป็น เขาลุกขึ้นมายืนประจัญหน้ากับหยาด หญิงสาวตกใจที่เห็นเขาเหมือนตอนที่หล่อนตกใจครั้งที่ฆ่าเส็ง ในขณะที่พาทิศก็ตกใจที่เขาเห็นหยาดชัดเจนราวกับยืนอยู่ต่อหน้ากันจริงๆ เขาหันไปข้างหลังก็พบว่าห้องนั้นไม่ใช่ห้องนอนของหลวงพินิจ แต่เป็นห้องน้ำที่เกิดเหตุที่เส็งตาย เมื่อหันกลับมาก็พบกับหยาดที่เพิ่งหันกลับมาจากการหันหลังเช่นกัน พาทิศยกมือซ้ายขึ้น หยาดก็ยกมือขวา แล้วเขาก็เข้าใจ  เขาไม่ได้กำลังยืนประจัญหน้ากับหยาด เขาประจัญหน้ากับตัวเองอยู่หน้ากระจกเงา เขา พาทิศ ไพศาลเสนีย์วงศ์ คือ หยาด ลูกสาวเจ้าพระยาไพศาลเสนีย์!
ร่างของเส็งที่นอนจมกองเลือดอยู่แทบเท้าเขาลุกขึ้นมาอย่างน่าสยด สยองเลือดไหลย้อนกลับเข้าร่าง กลายเป็นเส็งที่อยู่ในสภาพปกติดี กระนั้นก็ดูดีกว่าที่เขาเคยเห็นในนิมิต เป็นจิตที่สะอาดบริสุทธิ์ของหนุ่มน้อย
“จำตัวเองได้แล้วหรือขอรับ คุณหยาด”
ปัง! ลมพัดหน้าต่างกระชากเปิดออก แรงลมทำให้เทียนไขเล่มนั้นตกลงบนพรม ไฟติดขึ้นอย่างง่ายดาย ร่างของพาทิศที่นั่งนิ่งอยู่นั้นปลอดภัยดี แต่เรือนเทานี่สิ ชั้นบนที่เป็นไม้ กำลังลุกเป็นไฟ!

************************************************************
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 12-01-2011 19:08:35
ไม่แน่ใจลงจบรึยังอ่ะคะ แต่รออยู่นานยังไม่เห็นมาอ่ะ
ถ้าเราตอบคั่นเด๋วมาลบนะคะ ขอเม้นก่อน อิอิ
สรุปว่า พาทิศ เป็นหยาดหรอ  o22 o22
ไอ้หยา ผิดคาดนึกว่าเป็นคุณหลวงซะอีกอ่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 12-01-2011 19:28:28
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 12-01-2011 19:34:27
เป็นหยาด!!!!!
โอก๊อด!!!!!!!!!!!!
แล้วจะจบยังไงเนี่ย?
พาทิศคงไม่ตายเพราะต้องชดใช้กรรมนะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: dezzetoeiiz ที่ 12-01-2011 19:45:43
แฮร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เราทายถูกด้วยย  :m4:

แต่คราวนี้ดูท่าทางจะเจอศึกหนักนะพาทิศเอ๋ย ... เหอะๆๆๆๆ
ถ้าเรือนเทาไหม้ไป ของที่เป็นสิ่งดูต่างหน้าทั้งหมดก็ย่อมไหม้ไปด้วย แล้วทีนี้ละพรหมลิขิตจะบันดาลชักพาให้คุณหลวงกับเส็งมาเจอกันได้อย่างไร

ในเมื่อพาทิศคือหยาด แล้วเหตุใดจึงอยากเจอเส็ง ทั้งๆที่จิตในชาติที่แล้วควรตั้งไว้ว่าอย่าได้พบอย่าได้เจอกันอีกมากกว่า
แต่ในเมื่อจะได้พาเส็งไปผุดไปเกิด ก็เป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยรักในชาติก่อนไม่สมหวัง ก็ขอให้ชาตินี้ได้สมหวังเถอะ  :monkeysad:
แก้ความเข้าใจผิดของเส็งได้ แต่จะแก้ความเข้าใจผิดของคุณหลวงได้ยังไง ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นคุณหลวง
หวังว่าจะไม่ใช่ ณัฐ กับสร้อยฟ้าหรอกนะคะ -*- .. เอ๊ะ .. แล้วตกลงคุณหลวงไปเกิดแล้วแต่เส็งยังไม่ไปเกิดใ่ช่ไหมคะ ?
ไม่งั้น ตอนนี้ให้เส็งไปเกิด แต่คุณหลวงเกิดนานแล้ว กลายเป็นโชตะไปนะ ???  :z3:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Pamphlet ที่ 12-01-2011 19:51:43
เอ่อ...แอบอึ้ง
พาทิศเป็นหยาดหรอกรึนี่  :a5: o22
ตอนนี้ช่วยไขข้อข้องใจให้ได้เยอะแต่ก็ออกจะหักมุมนิดหน่อย
เหมือนกับว่าพาทิศเกิดมาเพื่อใช้กรรมจริงๆเลยแฮะ
ในชาติที่แล้วเลวซะแต่ชาตินี้พอจะเป็นคนดีก็ต้องมาชดใช้ซะอีก
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: ซึมลึก ที่ 12-01-2011 19:59:52
อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว ต้องขอชมนิยายเรื่องนี้ด้วยใจจริงเลยครับ
ถือเป็นการเขียนที่วางพล็อตได้เยี่ยมมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้สำนวนภาษา
การศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อนำมาประกอบในเรื่อง
ทั้งหมดที่กล่าวมาก็สามารถทำได้อย่างลงตัวด้วย
และที่จะไม่กล่าวถึงเลยคงไม่ได้นั่นก็คือ การหักมุมของเรื่อง
สามารถทำได้อย่างลงตัวมากๆๆ เลยครับ เป็นการเพ่ิมเสน่ห์ให้กับนิยายเรื่องนี้อีกเท่าตัว
(เพราะนิยายส่วนใหญ่คนอ่านมักจะคาดเดาได้ว่าใครเป็นใคร...ตั้งแต่ต้นเรื่องหรือกลางเรื่องแล้ว)
แต่เรื่องนี้กลับนำการหักมุมแนวสืบสวนสอบสวนฮาร์ดคอเข้ามาผสมผสานเข้าไป...
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 12-01-2011 20:05:55
ตอนนี้ตื่นเต้นมากๆค่ะ ลุ้นตลอดว่าพาทิศจะเป็นใคร  แสดงว่าที่พาทิศพาตัวเองมาเกี่ยวข้องด้วยคือแรงแค้นของเส็งแน่ๆ โฮกกกก วางพลอตได้สุดยอด ลุ้นมากๆ

แต่ถ้าหยาดเป็นพาทิศ แล้วเทิดเป็นใคร ณัฐเหรอ??? ยังมองไม่เห็นว่าใครจะคือคู่คุณหลวงกับเส็ง  แต่คุณหลวงใจร้ายอ่ะ ยังไม่ทันสืบสาวราวเรื่องเลย โกรธเส็งซะงั้น ฮึกกกกก
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 12-01-2011 20:44:29
เหนื่อยจังเลยอะ

 :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 12-01-2011 21:00:41
ทายถูก!! กรี๊ดดดด
เจ๊หยาดสั่งเจาะรู ชาตินี้เลยเป็นโรคจิตชอบแอบดูไปเลย กร๊ากกก :laugh:

ฉะนั้นแล้ว คุณหลวงล่ะเจ้าคะ เกิดมาเป็นผู้ใด
เดาว่าณัฐ น่าจะเป็นเทิด

แหง่ม ลุ้นมากง่ะ  ใกล้จบแล้วสิเนี่ย o13
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 12-01-2011 21:14:41
เอ่อ งงตอนจบนิดๆแฮะ

หมายความว่าไฟไหม้รึ

แล้วตกลงพาทิศคือ คุณหยาด ?

 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 12-01-2011 21:39:41
ทำไมเอ็งน่าสงสารเยี่ยงนี้เส็งเอ๋ย  ตายแล้วยังไปมัวแต่หวงของๆ เค้า อุตส่าห์ไม่ไปผุดไปเกิดรอเค้ามารับ  เค้าก็ยังมาหมดอาลัยซะดื้อๆ หนีไปเกิดซะอีก   :เฮ้อ:

หยาดนี่เห็นแก่ตัวตั้งแต่ต้นจนจบเลย  แต่บุญเก่าเธอก็แรงจริงๆ ทั้งที่โกงสมบัติเค้ามาขนาดนั้น เกิดใหม่ก็ยังมาเป็นลูกเศรษฐีอีก

ถ้าหยาดมาเกิดเป็นพาทิศ งั้นเทิดก็คงมาเกิดเป็นณัฐสินะ ถึงได้ตามรักพาทิศตั้งแต่เด็กตามคำอธิษฐานของหยาด(อธิษฐานได้เห็นแก่ตัวมาก  แทนที่จะขอให้ได้เกิดมารักกัน ดันมาขอให้เค้ามารักมาหลงตัวตั้งแต่เด็ก)

ว่าแล้วก็เชียร์ไม่ลงเลยคู่นี้ (ทั้งๆ ที่ผมเชียร์ พาทิศ กับ ณัฐ มาตั้งแต่ต้นแท้ๆ  :o12:)

ผมอินมากเลยนะเนี่ย  แนะนำให้เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น "เหตุเกิดจากรู...หยาด" ดีกว่าครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 12-01-2011 21:59:18
พลิกล็อกอย่างแรง  พาทิศคือหยาดกลับชาติมาเกิด  สุดยอดจริง ๆ คนแต่งเนี่ยะ
+1 ให้หน่อยเถอะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: *SparklinG* ที่ 12-01-2011 23:22:08
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ด้วยคน สรุปว่าหยาดรึนี่่...
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Miku ที่ 13-01-2011 00:15:35
กรี๊ด ม่ายนะ ผิดคาดอย่างแรง
แล้วคุณหลวงล่ะ คุณหลวงอยู่ที่ไหน คัมแบค พลีสสสสสสส



ps. ถึงว่าทำไมพาทิศเกิดมาชาตินี้โรคจิตชอบส่องรู
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 13-01-2011 00:35:12
หักมุมอย่างนึกไม่ถึงจริงๆ  :z3: :z3: :z3: :z3:

พอรู้ว่าพาทิศคือนังหยาดแล้ว เชียร์ให้มีความสุขไม่ลงจริงๆ ค่ะ ขอให้ใช้กรรมต่อไปอีกหลายๆ ชาติเถอะนะ อย่างที่ข้างบนบอกว่า อธิษฐานก็ยังเห็นแก่ตัวสุดๆ อะ รักใครไม่เป็นนอกจากตัวเองจริงๆ


แล้วสรุป คุณหลวงไปเกิดเป็นใครละเนี่ย แล้วเส็งจะได้เจอคุณหลวงไหม โอ้ยยยยยยยยยยยย ลุ้น
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: ิbadbad ที่ 13-01-2011 00:52:26
ไม่รู้จะเชียร์พาทิศต่ิอรึป่าว
อย่างนี้เค้าเรียกทั้งรักทั้งเกลียด
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 13-01-2011 01:32:54
อร๊าาา ลุ้นค่ะลุ้น จะจบยังไงอ่าเนี่ย  :call: ขอให้เส็งกับคุณหลวงเข้าใจกันเหอะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 13-01-2011 02:34:04
 :serius2:ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง


พาทิศกะณัฐๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 13-01-2011 07:06:23
แล้วไงต่อๆๆๆ ไฟไหม้แล้วอ่า >.<
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 13-01-2011 07:48:52
+1 ให้ไรเตอร์ กลับมาต่อไวไวน้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 13-01-2011 08:35:06
ตื่นเต้นมากกกกกกกก

ถึงจะเดาถูกว่าพาทิศคือหยาด
แต่เดาไม่ถูกเลย ว่าจะจบยังไง

คนแต่งคะ เก่งมากเลยค่ะ

+1ให้เลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 13-01-2011 09:28:27
กลับมาอ่านอีกรอบตอนเช้า  และเห็นด้วยกับหลาย ๆ คนที่บอกว่าณัฐก็คือเทิดกลับชาติมาเกิด
เพราะไม่ว่าพาทิศจะเป็นยังงัย  ณัฐก็ยังวาดภาพรอแต่พาทิศคนเดียวเท่านั้นจริง
ตอนนี้มานั่งคิดว่าใครนะที่จะเป็นคุณหลวง  ประเด็นอยู่ตรงที่ว่า  คุณหลวงขอให้ได้เกิดมาอยู่ใกล้กับเส็งแต่จำเส็งไม่ได้อีกต่อไป
ทำให้นึกไม่ออก  ที่อยากให้เป็นก็คือชาตินี้ไม่มีคุณหลวง  แต่พาทิศได้มาปลดปล่อยเส็งให้ได้ไปเกิด
ส่วนหยาดก็ใช้กรรมไป  และชาติต่อไปที่คุณหลวงกับเส็งจะได้เจอกันอีกครั้ง
ถ้าคนแต่งอยากให้จบแบบมีความสุขนะ  แต่ถ้าจะจบด้วยแต่ละคนต่างก็ใช้กรรมในชาตินี้
สำหรับเราแล้วก็ถือว่า  จบบริบูรณ์แล้วล่ะ 
ต้องขอบคุณคนแต่งจริง ๆ เรื่องนี้หลายรสมาก  ภาษาก็สวย  เล่าเรื่องก็ดีมาก
มีหลายจังหวะให้ลุ้น  และหักมุมได้อย่างคาดไม่ถึง  ชวนให้ติดตามจริง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: V_we ที่ 13-01-2011 10:32:40
เดาถูกกับเค้าด้วยวุ้ย เป็นหยาดจริงๆ ด้วย
 :m4:
ว่าแต่เรื่องจะเป็นยังไงต่อล่ะนี่
ต่อด่วนเลยค่ะ
ค้างคามากมาย
 :m5:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: *SparklinG* ที่ 13-01-2011 10:48:21
ขอเดาว่าลุงอิ่มเป็นหลวงพินิจ เพราะอยู่ใกล้ แต่จำไม่ได้ ใช่รึไม่ แถมยังเป็นผู้ที่รู้สึกถึงการมีอยู่ของวิญญาณ แล้วยังมาช่วยดูแลเรือนเทาด้วย หึๆๆ งานนี้ขอเดาว่าลุงอิ่มเป็นหลวงพินิจเป็นคำตอบสุดท้ายคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 13-01-2011 16:45:06
ไม่ขอเดาอะไรแล้ว
ผิดพลาดอย่างแรง
งั้นไม่ลุ้นให้ณัฐได้คู่กับพาทิศแล้ว หยาดเห็นแก่ตัวเกินไป
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: jobi ที่ 13-01-2011 17:44:30
โอ้..กำลัวตื่นเต้นอย่างมาก
ในที่สุดพาทิศก็คือหยาด ตะหงิดตั้งแต่มาส่องรูเดียวกันแล้ว แต่ไม่กล้าเดา55+
เส็งจะแก้แค้นรึเปล่า รอลุ้น
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Resonance ที่ 13-01-2011 18:25:56
หยาดชาตินี้ดันมาตกหลุมรักเส็งซะงั้น = =;
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 13-01-2011 18:50:43
เรานี่เดาได้ผิดพลาดอย่างแรง

แล้วจะเป็นยังไงต่อหละเนี่ย

อยากรู้ว่าคุณหลวงมาเกิดเป็นใครหว่า??
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Jploiiz ที่ 13-01-2011 19:56:48
ตอนแรกคิดไว้ว่าไม่เทิดก็คุณหลวง
แต่ก็แอบคิดๆ หยาดไว้ แต่ไม่ได้เอนเอียงมาทางนี้มาก
แต่นี่! หยาดมาเต็มๆ
เส็งอยากให้พาทิศกลับมาชดใช้สิ่งที่ตัวเองเคยทำในชาติที่แล้วหรอ
แล้วตกลงคุณหลวงไปเกิดยังเนี่ย
โอ๊ยย ย ค้างค่ะๆ  :a5:
ตอนนี้มันอึดอัดมากที่จบค้างแบบนี้
เม้นท์อะไรไม่ออกเลย  :เฮ้อ:

อยากให้จบแบบมีความสุขนะคะ
ยังอยากเห็นคุณหลวงกับเส็งรักกันต่อไป
แต่ไม่รู้จะได้ไหมนี่สิ  :sad4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 14-01-2011 03:09:20

ต๊าย หยาดบาปหนานะคะ
จะมาเกิดเป็นพาทิศ
มีวาสนาบารมีสามารถฝึกสมาธิกับคุณจิตราเทียวรึคะ

ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: maew189870 ที่ 14-01-2011 13:50:43
ยังรอเหมือนเดิมคับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 14-01-2011 16:22:43
 :serius2:
ตามมาทันแล้วววว รออยู่อย่างใจจดใจจ่อ
ที่แท้ก็เป็นหยาดนี่เองพาทิศ  o22
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 14-01-2011 19:40:32
เดาถูกด้วย!! ดีใจค่ะดีใจมากๆๆๆเลยอ่ะ

อึ้งผสมกับโล่งที่ความจริงกระจ่างแต่ไม่ทั้งหมด แล้วคุณหลวงอยู่ไหนกัน อาจเป็นเพื่อนของภาทิศคนใดคนหนึ่งก็ได้มั้ง

สุดท้ายก็ยังคงยืนยัน นั่งยัน นอนยันเหมือนเดิมว่า ณัฐเท่านั้นที่คุณชายภาทิศคู่ควร^^
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 15-01-2011 22:10:20
แล้วพาทิศจะตายมั้ยเนี่ย :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: w1234 ที่ 16-01-2011 06:40:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 16-01-2011 12:16:45
ถ้าพาทิศต้องตายเพราะใช้กรรมมันก็คงจะสมควรอยู่หรอกมั้ง :z3:
แต่ที่ไม่รู้คือคุณหลวงมาเกิดเป็นใครนี่แหละ :monkeysad:
ไม่รู้ว่าเรื่องจะจบยังไง แต่ว่าลุ้นตัวโก่งมากๆเลยค่า ทำใจอยู่นานกว่าจะอ่านได้
สงสารเส็งมากมายอ๊า :m15:
ขอบคุณค่า รออ่านตอนต่อไปน้าา
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Pamphlet ที่ 16-01-2011 14:34:27
เข้ามารอตอนใหม่ค่ะ...อยากอ่านต่อมากๆเลยค่ะตอนนี้
ยังไงมาต่อเร็วๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 16-01-2011 18:35:58
สุดยอดดดดดดดดดดอ่ะ
ยกนิ้วให้คนแต่งเลย
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านแล้ววางไม่ลงจริงๆ (ถ้ามันจะเป็นหนังสือนิยายเล่มๆอ่ะนะ)
อ่านแบบรวดเดียวจบเลย
สนุกมากๆ ชั้นเชิงในการเขียน มิติของตัวละคร แถมยังแทรกสาระ (ที่หาได้ยากในนิยายปัจจุบัน) เข้าไปอีก
แบบว่าลุ้นและอินไปด้วย
อ่านเรื่องนี้แล้ว อยากอ่านเรื่องอื่นๆของคุณคนเขียนด้วยจัง
แต่ขอเรื่องนี้ให้จบก่อนนะคะ (หวังว่าเส็งกับคุณหลวงจะได้พบกับความสุขจริงๆซะทีนะ)


+1 ให้แรงๆเลย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 16-01-2011 18:37:08
เพิ่งมาอ่านค่ะ ลุ้นสุดๆ อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ
สรุปว่าพาทิศคือหยาดซะงั้น  :a5: ตกใจมากค่ะ ไม่อยากจะเชื่อเลย
แม้จะรู้สึกตะหงิดๆที่มาส่องรูเดียวกันอย่างที่คนอื่นๆบอกไว้ก็เถอะค่ะ
แต่ยังไงก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเป็นหยาดจริงๆ
ยังไงก็เถอะ หยาดแม่งชั่วช้าได้ใจจริงๆ อ่านแล้วอยากพุ่งเข้าไปบีบคอเทียวล่ะค่ะ
แต่ว่า พอเป็นพาทิศแล้วแบบ สงสารอ่ะ จะต้องตายไปอย่างนี้จริงๆเหรอ
อีกอย่าง ตอนท้ายนี่เส็งแบบดูหลอนนะคะ น่ากลัวอ่า  :sad4:
แล้วก็ในชาติที่แล้ว จบไม่ดีเลยค่ะ สงสารเส็งกับคุณหลวง จบแบบไม่เคลียร์แท้ๆ
และก็ยังเดาไม่ออกด้วยค่ะว่าตกลงแล้วคุณหลวงคือใครกันแน่
แต่ก็เป็นไปได้เหมือนกันที่จะเป็นลุงอิ่ม เพราะคุณหลวงมาเกิดนานแล้วนี่ ใกล้เคียงกับอายุลุงอิ่มไง

รอตอนต่อไปนะคะ กำลังลุ้นเลยอ่ะ พาทิศจะตายมั้ยเนี่ย  :m15:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 16-01-2011 21:07:38
 :a5: อ่านค้างถึงตอนที่คุณPurple_Sky ลงตอนที่ 7
แล้วนี่มันอะไรกันเนี่ย บัดนาวตอน 29 เชียวรึ!
เห็นแว๊บๆ พ่อเส็งของป้าเป็นอะไรคะ โอยยยย---อกป้าใจจะขาด ใจสั่น  :serius2:เด๋วขอไปอ่านละเอียดๆ ก่อนนะคะ
 :กอด1: Purple_Sky หนุบหนับๆ เด๋วป้า(ยก)ของพ่อเส็งจะมาใหม่นะคะ  :oni1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 16-01-2011 22:30:00
๓๐

    “คุณสร้อยสุวรรณครับ”  หัวหน้าพนักงานที่แต่งตัวเป็นหนุ่มกินนรเคาะประตูห้องทำงานของสร้อยสุวรรณอย่างร้อนใจ โชคดีที่หญิงสาวยังไม่ได้อาบน้ำแต่งตัว หล่อนจึงเปิดประตูออกมารับแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียง
    ห้องทำงานของสร้อยสุวรรณ อยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม เป็นห้องแบบห้องสูท ตรงกลางเป็นห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว และมีส่วนของที่พักอยู่ในนั้นเสร็จสรรพ ปกติหน้าที่บริหารงานโรงแรมเป็นของพ่อ แต่พอพ่อเสีย แม่ก็ไม่อยากทำต่อ จะยกให้สร้อยฟ้าก็เห็นว่ามีหน้าที่การงานที่มั่นคงอยู่แล้ว แต่สร้อยสุวรรณ รายได้จะมาเป็นพักๆจากการเดินแบบหรือถ่ายนิตยสาร ครั้งหนึ่งก็จะได้เงินมากๆมาที แต่หากไม่มีงานก็จะขาดเงินไปเลย ไม่อาจจะกำหนดได้ว่ารายได้ของหล่อนตกเดือนละเท่าไหร่ มารดาจึงยกโรงแรมให้หล่อนบริหาร โชคดีที่สร้อยสุวรรณพอจะมีหัวด้านนี้อยู่บ้างโรงแรมจึงอยู่รอดมาได้ทุกวันนี้
    “ว่าอย่างไร ทีป มาหาเสียดึกค่ำ” หล่อนส่งสายตาตำหนิ แต่เห็นท่าทางของหนักงานหนุ่มที่ร้อนรนเต็มที จึงเปิดประตูให้เข้ามา “มานั่งก่อนซี”
    หล่อนเดินไปนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ผายมือให้พนักงานหนุ่มนั่ง
    “เมื่อกี้นี้คนที่อ้างจะพบกับคุณ...”
    ยังไม่ทันพูดจบประโยค สร้อยสุวรรณก็แทรกขึ้นมาพอดี
    “อ้อ คุณณัฐ ใช่ลืมไปเลยไหนว่าจะขึ้นมาพบ ไม่เห็นมา”
    “เอ้อ คุณรู้จักเขาจริงๆหรือครับ”
    “รู้จัก” หล่อนขมวดคิ้ว “เคยคุยอยู่หลายครั้ง แต่ทีปมาหาฉันเพื่อซักฉันเท่านี้หรือว่ารู้จักแขกหรือเปล่า”
    “เปล่าครับ แต่ว่า” เขาลังเลไม่รู้จะเรียบเรียงประโยคอย่างไรดีให้ฟังรู้เรื่องที่สุด “ผมว่าเขาแปลกๆ เมื่อกี้นี้เขาใส่ชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลมา แถมยังหิ้วถ้วยลายครามอะไรมาด้วยครับ ตอนแรกนึกว่าเอาของมาให้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะเปลี่ยนชุดก่อนมาใช่ไหมครับ นี่มาเสียเต็มยศเชียวแล้ว เอ้อ พอผมบอกทางให้ขึ้นมาหาคุณก็เดินหายไป ผมคิดว่าคงพบคุณแล้วแต่เปล่าครับ อีกแปบเดียวเขาก็แบกถ้วยลายครามอีกใบหนึ่งวิ่งออกไปจากโรงแรม ตัวงี้เปียกไปหมดเหมือนไปอาบน้ำมาน่ะครับ”
    สร้อยสุวรรณตะลึง งงไปหมดว่าเรื่องมันอย่างไรกันแน่
    “ตัวเปียกหรือทีป... เป็นไปได้ไหมว่า” หล่อนชะงัก เมื่อคิดถึงคำพูดของจิตรา เมื่อวานนี้ “แม่สุ พอจะรู้ไหมว่า พ่อของหนูเขาเคยงมดูใต้สระบัวหลังเรือนเทาก่อนจะเอามาทำโรงแรมหรือเปล่า” เรื่องนี้เกี่ยวกับจิตราด้วยหรือนี่ สร้อยสุวรรณขนลุกซู่ อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับจิตรา มักไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลย ถ้าไม่มีความตายเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ต้องมีมนตร์ดำไสยาศาสตร์อะไรด้วยทุกครั้ง “ทีป เป็นไปได้ไหมว่าเขาลงไปในสระอโนดาต”
    “น่าจะใช่นะครับ เดี๋ยวผมถามไอ้พวกข้างล่าง”
    ประทีป ยกวิทยุสื่อสารขึ้นจ่อปาก เรียกให้พนักงานที่ยังอยู่ข้างล่างดูว่ามีร่องรอยอะไรพอจะรู้ได้ไหมว่า มีคนลงไปในสระหรือเปล่า เสียงในวิทยุตอบกลับมาว่า “ป้าศรี แกบ่นอยู่เลยว่าใครทำน้ำเปียกเป็นทาง ตั้งแต่สระอโนดาตไปถึงประตูใหญ่ ลำบากแกเช็ดพื้น”
    สร้อยสุวรรณได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งสงสัยไปใหญ่ หล่อนจับแพะชนแกะได้ความว่า อะไรบางอย่างนอนอยู่ใต้สระอโนดาตอย่างที่จิตราเคยเปรยถาม แต่ว่า
”อะไร” ที่ว่านั่นก็ควรจะเป็นอะไรที่สำคัญกว่าแค่โถลายครามไม่ใช่หรือ ที่ทำให้ชายหนุ่มคนนั้นลงทุนลงสระไปงมเอาขึ้นมา
    หวังว่าโถนั้นคงไม่ใช่หม้อถ่วงผีหรืออะไรไว้ใต้สระหรอกนะ
    “คุณสร้อยสุวรรณว่า โถนั้นมันสำคัญมากหรือครับ”
    “ก็คงอย่างนั้น” หล่อนพยักหน้าแต่ความลังเลยังแสดงชัดเจนอยู่บนสีหน้า
    “ทีนี้ที่น่าแปลกคือ เจ้าคนนั้นวิ่งหนีเข้าไปในซอยตันตรงก่อนถึงแยกหน้าปากซอยเนี่ยครับ แล้วมันก็หายไปในซอยนั้นเสียเฉยๆ”
    “จะบ้าหรือ” สร้อยสุวรรณแย้งอย่างไม่เชื่อนัก “เขาปีนกำแพงหนีไปเสียละมั้ง”
    “ตอนแรกยามก็คิดอย่างนั้นครับ แต่เขาแบกโถไปเต็มสองมือ จะปีนข้ามกำแพงได้ไง ถ้าจะทำยังงั้นก็ต้องทิ้งโถไว้ฝั่งนี้ ไม่ก็โยนโถข้ามกำแพงไป แต่ตำรวจบอกว่าอีกฝั่งของกำแพงไม่มีเศษโถอะไรนั่นแตกอยู่เลย พูดง่ายๆคือ เขาหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว ประหลาดไหมครับ”
    ประหลาดมากทีเดียว สร้อยสุวรรณคิด แต่ลองเรื่องออกมาอย่างนี้แล้ว หล่อนก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่า ป้าจิตราจะต้องมีส่วนรู้เห็นแน่นอน หล่อนรู้ในที่สุดว่าควรทำอย่างไร “ทีปไปเถอะ ฉันรู้แล้วว่าจะทำยังไงต่อ ปล่อยให้ฉันจัดการแล้วกัน”
    ประทีปออกจากห้องไปแทบจะทันที
    
    ละครเวทียังไม่จบ เพื่อนของณัฐออกมาไม่กี่ฉากด้วยความที่ไม่ได้เป็นตัวแสดงหลักเลย แต่ว่าจิตราก็รู้สึกกระสับกระส่าย ไม่สบายใจอยู่ลึกๆทำให้ดูได้ไม่สนุกเท่าที่ควร หล่อนไม่อาจสัมผัสจิตของพาทิศได้เลยตลอดทั้งการแสดง บางครั้งพาทิศอาจจะหลับไปฝันถึงเหตุการณ์หลังจากนั้นบ้าง
    แต่ว่าหากพาทิศรั้นเกินกว่าจะรอหล่อนป่านนี้พาทิศก็คงกลับไปเรือนเทา ทำอะไรสักอย่างเพื่อติดต่อกับเส็งเป็นแน่
    จิตรามองเรื่องออกแล้วทุกอย่าง เหลืออย่างเดียวคือ ทำไมต้องเป็นพาทิศ พาทิศเป็นใครกันแน่ในอดีตชาติ เส็งจะเรียกพาทิศกลับมาทำไม ก่อนหน้านั้นหล่อนมั่นใจพอๆกับชายหนุ่มนั่นละว่า พาทิศคือส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดของจิตของหลวงพินิจราชอักษร ที่มาสู่ร่างใหม่ในชาติภพนี้ เรียกง่ายๆอย่างที่เขาเรียกกันว่า พาทิศกลับชาติมาเกิดใหม่นั่นละ แต่เมื่อนิมิตของพาทิศจบลง และเล่าให้หล่อนฟัง รวมถึงเมื่อตอนไปที่สระอโนดาตเมื่อวานนี้ จิตราถึงเข้าใจว่า ความจริงแล้ว พาทิศไม่ใช่หลวงพินิจราชอักษร!
    แล้วเขาเป็นใคร ส่วนหนึ่งของเส็งก็ไม่น่าใช่  จิตของเส็งอยู่ในโถลายครามสองใบพร้อมกันแล้ว จะแบ่งมาอยู่ในร่างของพาทิศอีกย่อมเป็นไปได้ยาก แล้วพาทิศเป็นใคร หยาด เทิด มั่น แก้ว มะลิ ชิด หรือ เจ้าคุณและคุณหญิงทั้งสองบ้านจิตราไม่รู้ด้วยปัญญาของหล่อนไม่อาจหยั่งลึกได้ถึงเพียงนั้น อันที่จริงได้เพียงนี้ก็ถือว่าเยอะหนักหนาแล้ว
    หญิงชราดูละครไม่รู้เรื่องอีก หล่อนกระสับกระส่าย รู้สึกเหมือนโดนบีบหัวใจ สังหรณ์แปลกๆว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพาทิศ เส็ง ไม่ก็เรือนเทาอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่รู้หรอกว่ามันเกิดขึ้นพร้อมกันทั้ง สามอย่าง ในที่สุดพอละครจบหล่อนก็ตัดสินใจรีบออกมาจากโรงละคร
    ทันทีที่พ้นประตู เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
    “แม่สุ” หล่อนทักสั้นๆ แล้วก็เงียบไป ณัฐ และสร้อยฟ้าได้ยินชื่อน้องสาวก็หยุดรอ จิตราฟังเรื่องที่ฝ่ายโน้นบอกก็ขมวดคิ้วที่ได้ยินชื่อของชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆเขา “คุณณัฐอยู่กับป้า จะไปที่โรงแรมได้อย่างไร”
    เงียบไปอีกนาน สร้อยสุวรรณเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ตั้งแต่เรื่องชุดโรงพยาบาล ไปถึงเรื่องของโถลายคราม จิตราก็เข้าใจในที่สุด หล่อนทบทวนเรื่องราวทั้งหมดในหัว ทั้งเรื่องในอดีต เรื่องในปัจจุบัน นิสัยของพาทิศ สิ่งที่เขาพูด สิ่งที่เขาทำ สิ่งที่เขาเป็น และ หากพิจารณาดีๆ หน้าตาของพาทิศก็ค่อนข้างจะคล้ายคนคนนั้นเหลื่อเกิน หล่อนหน้าซีด พาทิศเอาโถลายครามไปแล้วถ้าข้อสันนิษฐานของหล่อนถูกต้องมันก็สมเหตุสมผลที่เส็งจะต้องการให้พาทิศรู้เรื่องทั้งหมด และมันก็สมเหตุสมผลที่จะให้พาทิศเป็นคนเอาโถนั้นกลับไปด้วยตัวเอง
    ถ้าให้เดา ตามนิสัยใจร้อนเอาแต่ใจของพาทิศป่านนี้ชายหนุ่มน่าจะกลับเข้าบ้านไปแล้ว เผลอๆคงจะลองทำเตโชกสิณด้วยตัวเองไปแล้วด้วยซ้ำ...
    ไม่ได้ พาทิศจะไปหาเส็งคนเดียวไม่ได้ เขาต้องเอาหล่อนไปด้วย ไม่อย่างนั้นเขาไม่รอดแน่!
    “แม่สุ ป้าขอร้องให้แม่สุทำอะไรสักอย่างได้ไหม”
    “คะ คุณป้า”
    “แม่สุไปที่เรือนเทา ไปห้องนอนชั้นสองฝั่งทิศตะวันออก คุณพาทิศจะนั่งสมาธิอยู่หน้าเทียนไขเหมือนที่ป้าเคยทำ แม่สุดับเทียนเสียนะ แล้วคุณพาทิศเขาจะตื่น แต่ถ้าไม่แม่สุช่วยทำอย่างไรก็ได้ให้เขาตื่นด้วย เขาจะเป็นอันตรายมาก ถ้าปล่อยเขาไว้อย่างนั้น!” ณัฐ และสร้อยฟ้ามองหน้ากันด้วยความตระหนกตกใจ ตายแล้ว นี่ถึงขั้นอันตรายมากเลยทีเดียวหรือ
    คนฟังคำสั่ง งงก็งง กลัวก็กลัว ถ้าเลือกได้ หล่อนไม่คิดจะกลับไปที่นั่นเลยให้ตายเถอะ แต่จะฝืนคำสั่งป้าหล่อนก็มั่นใจว่าคงจะมีแต่ข้อเสียมากกว่าข้อดี หล่อนจึงเดินไปแหวกม่านมองดูเรือนเทาที่ต่ำลงไป 23 ชั้นเบื้องล่าง แล้วก็ร้องออกมาอย่างตกใจ แทบจะเป็นลมไปเดี๋ยวนั้น
    “ว้าย คุณป้าขา มีควันออกมาจากชั้นสองค่ะ เรือนเทาไฟไหม้ค่ะคุณป้า!”

    พาทิศ ไม่เคยรู้สึกผิดอย่างแรงกล้าอย่างนี้มาก่อน เขาไม่เคยทำผิดแล้วถูกเรียกพบผู้ปกครอง หรือขึ้นโรงขึ้นศาล เขาจึงไม่เข้าใจว่าเมื่อทำผิดร้ายแรงอะไรกับใครไว้แล้ว พอถูกจับได้ว่าผิดนั้น จะทั้งละอาย ทั้งเสียใจ ได้ขนาดนี้ ตอนถูกจับได้ว่าเป็นถ้ำมองนั้นอาจเคยอายบ้าง แต่ไม่รู้สึกผิด เพราะเขาไม่เคยคิดว่าพฤติกรรมรักร่วมเพศ และเป็นโรคถ้ำมองของเขานั้นเป็นสิ่งผิดปกติเลย แต่มาครั้งนี้เขารู้แล้วว่า สิ่งที่เขาทำมันผิดมหันต์ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอดีตชาตินั้น เขาเป็นคนกำหนดมันเอง โดยไม่สนใจเลยว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไร
    พอเกลียดเส็ง อยากเอาชนะเขาก็ต้องเอาชนะให้ได้ ถึงกับแยกเส็งกับคุณหลวงผ่านการลงมือของเจ้าคุณไพรัชกิจ พออยากแต่งกับคุณหลวง ยังไงก็ต้องแต่งให้ได้ต่อให้ต้องโกหกอย่างไรก็โกหก พอเส็งรู้ความจริงเรื่องเขากับเทิด เขาก็ทำได้ทุกอย่างเพื่อปกปิดความลับต่อให้ต้องฆ่าเส็งก็ตาม แม้ทุกอย่างเหมือนจะจบด้วยดีแล้ว เขายังจะฆ่าหลวงพินิจเพื่อให้ความลับนั้นตายในที่สุด และได้ทรัพย์สมบัติตลอดจนความสะดวกสบายทั้งหมดมาเป็นของตน ทั้งๆที่ทุกข้อที่ผ่านมานั้น หล่อนไม่มีสิทธิ์จะได้เลยสักข้อ
    “ผมขอโทษ” เขาพูดในที่สุด แม้แต่ก่อนจะอยากพบเส็งมากสักแค่ไหน แต่เมื่อมายืนอยู่ต่อหน้าบ่าวหนุ่มลูกจีนนั้น ความพิสวาทถูกตาต้องใจทั้งหมดก็หายไป กลายเป็นความรู้สึกผิด ที่คงงจะสายเกินไป “ผมเสียใจจะบอกว่า อภัยให้เถิด ก็ไม่กล้าพูด กลัวว่าสายไปเสียแล้ว”
    “ไม่สายไปดอกขอรับคุณหยาด” เส็งว่าเบาๆ เมื่อเรียกพาทิศว่าหยาด ชายหนุ่มก็ร้อนๆหนาวๆ เพราะเมื่อตอนเห็นนิมิต พาทิศจำได้ว่าเขาเกลียดผู้หญิงที่น่าสมเพช น่าขยะแขยงคนนี้เหลือเกิน สุดท้ายเมื่อรู้ว่าเป็นเขาเอง ความรังเกียจก็ยิ่งทวีคูณขึ้นมาเกือบเป็นเท่าตัว “บ่าวรอมานานเหลือเกินให้ได้เจอคุณหยาด รอได้เห็นคุณหยาดมาใช้กรรม”
    “เพราะอย่างนี้หรือถึงมาปรากฏตัวให้เห็น” พาทิศได้ยินเสียงตัวเองตอบไปเป็นเสียงของหญิงสาว ก็ขนลุก ก้มลงมาตัวเองก็พบว่า เขาคือหยาด ไม่ใช่นายพาทิศอีกต่อไป จิตของคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกับร่างกายเสมอไป “ถึงให้ฉันสนใจเธอ”
    “บ่าวไม่ได้ทำอะไรเลยขอรับ” เขาว่า “คุณหยาดรู้สึกเอง เพราะบาปที่ทำไว้กับบ่าว ทำให้คุณหยาดรู้สึกผูกพัน อยากพบ อยากเจอ เป็นแรงกระตุ้นให้คุณหยาดอยากรู้เรื่องในอดีตไงเล่าขอรับ บ่าวเพียงถ่ายทอดความทรงจำในอดีตชาติให้คุณหยาดรับรู้ส่วนหนึ่ง แต่คุณหยาดก็ระลึกได้เองส่วนหนึ่ง”
    “มิน่าถึงจำได้บ้าง จำไม่ได้บ้าง”  และมิน่าเล่า ถ้าเส็งไม่ได้มาปรากฏตัวให้เขาเห็น แต่เขาเห็นได้เอง เพราะความรู้สึกผิด ผูกพันอยากจำเขาให้ได้อย่างนี้ ก็ไม่แปลกเลย ที่เขาได้เคยเห็นคุณหลวงด้วย นั่นคงเกิดขึ้นเพราะความรู้สึกผิด และขยาดกลัวอีกเหมือนกันนั่นแหละ ไม่มีทั้งวิญญาณของเส็งและคุณหลวง แต่เป็นนิมิตที่เห็นได้ยามตื่นอย่างที่จิตราเคยบอก เกิดจากความรู้สึกผิด และความผูกพันในใจ จิตเขาและเส็งจึงมาสัมผัสกันพอดีซีนะ
     เงียบไปพักใหญ่ เส็งก็เดินเข้ามาใกล้มากขึ้น
     “ที่ฉันเกิดมารักร่วมเพศด้วยก็เพราะอย่างนี้หรือ เพื่อได้สนใจเส็งเท่านั้นหรือ” พาทิศพูดขึ้นอีกครั้ง
    “บ่าวว่าคงเป็นไปตามกงล้อแห่งกรรม กระมังขอรับ” เขาว่าเบาๆ “คุณหยาดเคยว่าบ่าววิปริต เคยรังเกียจบ่าว ทำทุกวิธีที่จะทำให้บ่าวและคุณหลวงแยกจากกันให้ได้ ชาตินี้จึงมาเกิดเป็นแบบบ่าว คงจะเข้าใจบ่าวได้บ้างกระมังขอรับ”
    พาทิศรู้สึกวูบวาบในท้อง ขอบตาร้อนผ่าวราวจะร้องไห้
    “เข้าใจแล้วเส็ง” เขากระซิบเบาๆ “ที่เป็นถ้ำมอง และอยากรู้อยากเห็น ก็คงเป็นเพราะชอบแอบดูเธอกับคุณหลวง คงเป็นเพราะชอบไปยุ่งเรื่องของเธอซีนะ”
    “ขอรับ และมันก็ทำให้คุณหยาดอยากรู้เรื่องในอดีตชาติมากขึ้นด้วยอย่างไรล่ะขอรับ” บ่าวหนุ่มลูกจีนตอบเบาๆ
    “ถ้าเรื่องที่ฉันเป็นเกย์และเรื่องถ้ำมองมาเกี่ยวกับเรื่องในอดีตด้วยถ้าอย่างนั้น ที่ฉันไม่รักใครไม่ชอบใครเลย ไม่อาจทนคบหาอยู่กับใครเขาได้นาน จนเบื่อไปเอง เลิกไปหลายคน หลายๆครั้งก็ต้องอ้างว้างอยู่คนเดียวนี่ก็น่าจะเป็นเพราะ...”
    “เพราะคุณหยาดกีดกันความรักของบ่าว เพราะคุณหยาดพรากบ่าวไปจากคุณหลวงอย่างไรล่ะขอรับ”
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 29 (p.28) : ในที่สุดปมปริศนาก็คลี่คลาย!! 18.45 - 12/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 16-01-2011 22:37:59
    ลมพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ เปลวไฟลุกโชติช่วง ทั่วทั้งห้อง ลามจากตรงนั้นไปยังห้องข้างๆ  เหลือพื้นที่รอบๆ เตียงเท่านั้นที่ไม่ถูกไฟไหม้ อย่างน่าประหลาด ร่างกายของพาทิศยังคงนั่งสงบอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่
    นอกบ้าน ลุงอิ่มกำลังยืนร้อนรนอยู่กับเอหลานชาย เห็นรถวิ่งเข้ามาจอดก็หันไปมอง พบว่าเป็นสร้อยสุวรรณ ที่รีบวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น พอเห็นสภาพบ้าน
ก็ยกมือขึ้นปิดปาก ไฟไหม้ไปครึ่งหนึ่งของชั้นสอง ชั้นล่างยังปลอดภัย หากแต่มีควันพวยพลุ่งอยู่ตลอดเวลาทำให้หล่อน และคนดูแลบ้านทั้งสองไม่อาจเข้าไปได้
    “คุณหนูสุครับทำอย่างไรดี”
    “ฉันโทรตามรถดับเพลิงแล้วไม่ต้องห่วง” หล่อนว่า มองเรือนเทาที่ลุกเป็นไฟราวกับบ้านกระดาษที่ถูกเผาในวันตรุษจีนก็ใจหาย “คุณพาทิศอยู่ในนั้น ต้องให้ใครสักคนมาช่วยค่ะ”
    เอทำท่าอาสาจะเข้าเอง แต่สร้อยสุวรรณก็สั่งห้ามไว้
    “อย่าเลยมันอันตราย รอเจ้าหน้าที่กู้ภัยเขามาดีกว่า” หล่อนว่า “ตายแล้ว แล้วป้าจิตราก็ยังไม่มา เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่มาทำไงดีล่ะนี่”
    ยืนร้อนรนกันอยู่ไม่นาน รถอีกคันก็ตรงเข้ามาจอดหลังรถของสร้อยสุวรรณ คนที่ก้าวลงมาจากรถก่อนคือคนขับ ณัฐวิ่งเข้ามาใบหน้าซีดเซียวตกใจยิ่งกว่าครั้งไหน พาทิศจะทำเขาหัวใจวายให้ได้สักครั้งกระมัง ตอนแรกก็หลับไปเป็นอาทิตย์ตื่นมาได้ก็ทั้งโล่งใจ ทั้งตกใจ ครั้งที่สองก็ถูกรถชนหลับไปเป็นเดือน ครั้งนี้ กำลังจะโดนไฟคลอกหรือ
    “พาทิศยังอยู่ข้างในหรือครับ” ชายหนุ่มว่าด้วยความร้อนรน เห็นสร้อยสุวรรณพยักหน้าอย่างกล้าๆกลัวๆ ก็ตาแดงน้ำตาจะไหลออกมาให้ได้
    “คุณป้าคะ ป่านนี้..”สร้อยฟ้าหันไปหาจิตราก็พบว่า เป็นครั้งแรกที่หล่อนเห็นหญิงชราควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ หล่อนหน้าซีดอย่างเดียวไม่พอ แต่ปากสั่นตัวสั่นราวกับว่าจะเป็นลมล้มพับลงไปตรงนั้นเมื่อใดก็ได้
    “คุณป้า ... พาทิศตายหรือยังครับ” ณัฐวิ่งเข้ามาถาม จับแขนทั้งสองข้างของหล่อน แทบจะลืมตัวเขย่าเค้นความจริงออกมา หลับตาลง แล้วหลานสาวทั้งสอง รวมทั้งณัฐก็สะดุ้งตกใจ
    หญิงชราร้องไห้ น้ำตาไหลรินลงมาอาบแก้ม
    “ตอนนี้ยังค่ะ แต่ก็ไม่แน่”
    ทุกคนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ณัฐหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดโทรออก สร้อยฟ้าก็ถามว่าจะทำอะไร
    “โทรตามรถดับเพลิง”
    “รถคงใกล้มาแล้วค่ะ” คนตอบคือ สร้อยสุวรรณหล่อนดูหน้าซีดแม้แสงสีส้มของเปลวไฟจะฉายชัดอยู่บนหน้าก็ตาม
    “ผมไม่รอแล้ว จะไปช่วยพาทิศ” ณัฐตะโกน วิ่งเข้าไปที่ประตูบ้านอย่างไม่เกรงกลัวอันตราย น้ำตาร่วงเป็นสาย จนคนที่พบเห็น ต่างก็เห็นใจกันทุกคน โดยเฉพาะสร้อยฟ้า ที่อดคิดในใจไม่ได้ว่า หากเป็นหล่อนที่ติดอยู่ในนั้น ณัฐจะมีใจพอที่จะอยากเข้าไปช่วยหล่อนโดยไม่กลัวตายอย่างนี้บ้างหรือไม่
    ชายหนุ่มผิวขาวสะอาดวิ่งเข้าไปเกือบถึงตัวบ้าน ไม่ทันจะได้จับประตู หน้าต่างชั้นสองที่เปิดไว้อย่างน่าประหลาดใจ ก็ถูกไฟเผาจนไหม้เกรียม หักตกลงมาขวางไว้ตรงหน้าพอดี ณัฐเกือบจะหยุดไม่ทัน หงายหลังล้มไป เห็นว่าเปลวไฟยังคงลุกไหม้อยู่ที่หน้าต่าง เขาจะเข้าไปอย่างไรได้
    “คุณณัฐ!” สร้อยฟ้าวิ่งเข้ามารั้งชายหนุ่มไว้ ไม่ยอมให้เข้าไปใกล้กว่านั้น เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นของชายหนุ่มมีหยาดน้ำตาเปียกใบหน้าก็สงสาร ชายหนุ่มโผเข้ากอดหล่อน หญิงสาวก็กอดกลับ รู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาด แต่อยู่ได้ไม่นานนัก ณัฐก็รู้ว่าเขาควรทำอย่างไร
     “ลุงอิ่ม!” ชายหนุ่มตะโกนก้อง “ลุงมีกุญแจเข้าบ้านไม่ใช่หรือ เปิดให้ผมเข้าไปฝั่งโน้นหน่อยเถอะครับ “
    ชายหนุ่มหมายความถึงฟากตะวันตกของบ้าน
    “ไม่ได้หรอกค่ะคุณณัฐ  คนที่เฝ้าอยู่เขาไม่อนุญาต”จิตราตอบ
    “แต่เราก็น่าจะลองก่อนนะครับ”
    “ก็ลองซีคะ แต่ก็คงเข้าไม่ได้หรอกค่ะ” หล่อนว่าอย่างใจเย็น ลุงอิ่มก็ทำตามที่ณัฐบอก แต่ทันทีที่เสียบกุญแจเข้าในตัวล็อก แล้วบิดเบาๆเท่านั้น ลูกกุญแจก็หักคาแม่กุญแจ ติดค้างอยู่อย่างนั้นจะเปิดประตูก็ไม่ได้อีก
     ในขณะเดียวกัน ที่ถนนใหญ่บริเวณแยกที่จะเข้าซอยที่พามายังเรือนเทา รถสิบล้อที่ไล่ล่าพาทิศเมื่อตอนดึกๆนั้น ถูกรถลาก ลากจะเอาไปซ่อมที่ศูนย์ แต่จู่ๆพอขับผ่านซอยนั้นปุ๊บ รถลากก็ดับลง ทำอย่างไรก็สตาร์ทไม่ติด กลายเป็นว่า มันปิดทางเข้าออกซอยนี้อยู่ คนในจะออกก็ไม่ได้  ก็นอกก็เข้าไม่ได้อีก พอรถลากหยุดกระทันหัน รถคันที่ตามมาก็เบรกไม่ทัน จนโครมเข้ากับรถสิบล้อที่พังยับเยินนั้น รถคันถัดมาก็ชนเข้าไปอีก จากหน้าปากซอยนั้นเอง ยาวตลอดไปทั้งถนน จึงกลายเป็นสภาพรถติด อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนบนถนนสายนี้ ไม่มีรถคันไหนไปไหนได้เลย จอดค้างกันอยู่ตรงนั้นเอง รวมถึงรถดับเพลิงที่สร้อยสุวรรณเรียกด้วย
    พาทิศจึงถูกขังอยู่ในเรือนเทา อย่างที่ไม่อาจมีใครช่วยเขาออกมาได้
    
    ชายหนุ่มจ้องหน้าบ่าวลูกจีน มัวแต่กังวลกับเรื่องตรงหน้าเสียจนแทบไม่เห็นว่าฉากหลังของนิมิตเริ่มเลือนลางเหลือเกินแล้ว ราวกับว่า มันพร้อมจะจางหายไปพร้อมกับเรือนเทาที่ผุพังลงเรื่อยๆ
     “ฉันขอโทษนะเส็ง” เขาว่า “ฉันรู้ว่าฉันเคยทำผิดไว้มากในอดีต เธอเองก็ไม่ลืมถึงรอมาได้ป่านนี้  แต่เธอจะยกโทษให้ฉันได้ไหม ให้อภัยฉันได้หรือเปล่า เธอจะได้ไปเกิดเสียที”
    “ขอโทษหรือขอรับ!” เขาตวาดก้อง เสียงที่เคยนุ่มลึก ป่านนี้ไม่ต่างจากเสียงของพญาราชสีห์ คำรามก้องเข้าไปบีบขั้วหัวใจของพาทิศ “คุณหยาดยังไม่สำนึก ยังไม่รู้สึกตัวอีกหรือขอรับ ว่าทำให้บ่าวทรมาณแค่ไหน”
    เส็งพุ่งเข้ามาหาเขา เวลานั้นพาทิศไม่กลัวเลยหากจะถูกเส็งบีบคอให้ตาย หรือล้วงไส้ล้วงพุงเขา จะทำอะไรกับเขาก็ได้ เขาพร้อมจะรับกรรมทุกอย่างแล้ว
    ศีรษะของเส็งแตกออก เลือดไหลท่วมกายราวกับต้องการจะแสดงให้เห็นว่า “บ่าวทรมาณแค่ไหน” มันคือแค่นี้ แล้วก็กลับไปเป็นร่างปกติของเส็งที่ยืนส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ มีแวววูบของน้ำตาอยู่เต็มสองข้าง หยาดรู้สึกสงสารจับใจ ซ้ำยังเข้าใจแล้วว่า เมื่อตอนที่เขาไปที่โรงแรม เกต ออฟ พาราไดส์ครั้งแรก ตอนที่เขาอยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดของจิตมาศนั้น เหตุใดเขาถึงสำลักน้ำ และรู้สึกทรมาณได้จนขนลุกไปหมด เส็งต้องการให้เขาเข้าใจ เมื่อเขาเผอิญไปอยู่ในที่ที่เขาตายพอดี
    และตอนที่เลือดไหลครั้งที่เขานอนอยู่ในโรงพยาบาลนั้น ไม่ใช่ปฏิริยาข้างเคียงจากการที่จิตของเขากลับเข้าสู่ร่างอย่างที่จิตราเข้าใจ แต่เป็นเพราะเส็งเองนี่แหละที่ต้องการทำให้เขารู้สึกว่าความทุกข์ทรมาณที่เขาก่อให้เกิดกับบ่าวหนุ่มน้อยเป็นอย่างไร
    “ฉันรู้ดีว่าฉันผิดไปมากเหลือเกินเส็ง” เขาว่า เขายังรู้สึกว่าตัวเองยังคงเป็นพาทิศ แต่เมื่อพูดเสียงเขากลับเป็นเสียงของหยาดอย่างน่าประหลาดใจ “ฉันพร้อมจะใช้กรรมแล้วละ ฉันเอาโถลายครามมาคืน”
    ชายหนุ่มรู้สึกถึงความโล่งบางเบาของบรรยากาศมากขึ้นเมื่อพูดถึงโถสองใบนั้นที่เส็งหวงหนักหนา พาทิศจำได้ว่าในนิมิตที่เส็งดลใจให้เขาเห็นนั้น คุณหลวงชอบห้องลายครามเป็นพิเศษ เพราะเครื่องลายครามนั้นเป็นเครื่องกระเบื้องมาจากจีน เหมือนหนุ่มน้อยที่เป็นลูกหลานจีน อีกอย่างเมื่อครั้งที่เข้าไปในห้องนั้นครั้งหนึ่ง มันเคยมีความรัก ความอบอุ่นเล็กๆน้อยที่ซึมซับอยู่ในทุกอณูของเนื้อกระเบื้อง
    “ของของคุณหลวง” เส็งเข้ามากอดกระเบื้องนั้นด้วยความรัก “มันกลับมาอยู่ปลอดภัยในเรือนแล้วขอรับคุณหลวง”
    พาทิศเห็นหยาดน้ำตาของเส็งหยดลงกระทบเครื่องลายครามก็อดลังเลไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เขาเห็นว่าจิตของเส็งกำลังจางลง คล้ายกับว่าจะโปร่งใสหายไปจากตรงนั้น
    “เธอต้องการให้ฉันเอามาคืน ฉันก็มาคืนแล้ว เธอคงจะไปเกิดได้เสียทีนะเส็ง” พาทิศได้ยินเสียงของหยาดดังผ่านปากของเขาออกไปเบาๆ
    “ไปเกิดหรือ” เขาทวนคำ
    “ใช่ ก็เธอตายแล้ว เธอหมดห่วงแล้วเธอก็ต้องไปเกิดซี” พาทิศอธิบาย
    “บ่าวไม่ไป” เส็งว่า “บ่าวไม่ไปไหนทั้งนั้น คุณหลวงยังไม่กลับมา บ่าวจะรอคุณหลวงที่นี่ แม้จะต้องรอไปอีกนานแค่ไหนก็ตาม!”
    “เธอไม่ต้องรอแล้วเส็ง” พาทิศสูดหายใจเข้า พร้อมจะบอกความจริงกับบ่าวหนุ่ม ความจริงที่จะทำให้การรอคอยกว่าร้อยปีนั้นจบลงได้ในที่สุด “หลวงพินิจราชอักษรกลับมาแล้ว เขากลับมาที่นี่ ตายที่นี่ และเขาก็ไปเกิดใหม่แล้ว เธอจะต้องไปเกิดตามเขาได้แล้วนะเส็ง ไม่ต้องทรมาณรออยู่ที่นี่แล้ว”
    “ไม่! คุณหยาดพูดอย่างนี้เพื่อจะได้หนีจากปัญหานี่ขอรับ พูดให้บ่าวไปเกิด คุณหยาดจะได้ลอยนวลไปได้สบายหรือไม่มีทางดอก”
    “เปล่านะฉันพูดจริงๆ” เขายังดึงดันต่อไป เริ่มรู้สึกร้อนๆ แสบผิวได้อย่างไรก็ไม่รู้ เมื่อเปลวไฟลามลงถึงชั้นล่าง อำนาจจิตของเขาก็ไม่สามารถต้านแรงไปได้อีก มันลามเข้ามารอบเตียงติดม่านสี่เสาเป็นเหมือนกำแพง ขังพาทิศไว้ตรงกลางเตียงอีกชั้นหนึ่ง “เธอไม่เห็นคุณหลวง เพราะเธอคิดว่าคุณหลวงจะยังไม่มารับเธอ เธอไม่แน่ใจในตัวคุณหลวง เธอคิดว่าคุณหลวงจะมีคนอื่นนอกจากเธอ”
    ใช่ ข้อนี้ฝังลึกอยู่ในจิตใจของเส็ง ลึกจนเขาแทบไม่รู้ตัว เขาแอบกังวล แอบคิดในใจว่า ที่คุณหลวงมาช้าเหลือเกินก็คงเป็นเพราะหลวงพินิจไปติดใจใครอยู่ที่ไหนอย่างนั้น ความเข้าใจผิดและทิฐิข้อนี้เองที่พอกหนาขึ้นราวกับไอน้ำที่เกาะกระจก จะว่าเห็นก็เห็น แต่ไม่รู้ว่าใคร ไม่รู้ว่าอะไรกันแน่ที่อยู่อีกฟากของกระจก
    ไม่ได้รู้หรอกว่าหลวงพินิจราชอักษรเคยมาที่บ้านนี้ หลายครั้งแล้ว!
    “เธอจำคุณหลวงไม่ได้ เพราะก่อนคุณหลวงตายฉันไปหลอกเขาไว้” พูดไปก็ขนลุกไป ละอายต่อความผิดก็ละอาย แต่ความรู้สึกผิดนั้นเองนั่นแหละ บอกให้เขาพูดความจริงกับเส็ง ให้เขาเข้าใจได้ถูกจริงๆ “ฉันไปหลอกเขาว่าเธอจะไปหัวเมืองกับผู้ชายอื่น เธอทิ้งคุณหลวงไปก่อนที่เขาจะกลับมา คุณหลวงก็เลยน้อยใจ อธิษฐานขอว่าเมื่อเกิดมาชาตินี้ขอให้จำเธอไม่ได้อีก”
    เส็งตาโต ตกใจกับเรื่องนี้มากเหลือเกิน จนต้องนั่งลงกับขอบเตียงในนิมิตนั้นหมดแรงจะยืนอีกต่อไป ไม่ได้สังเกตว่าป่านนี้สภาพบ้านในนิมิตจางลงเต็มที กลายเป็นเพียงห้องที่อบอวลไปด้วยกลุ่มควัน ส่วนสภาพห้องจริงนั้น ถูกไฟลามเลียไปทั่ว จนพื้นจะพังทะลุลงไปด้านล่างแล้ว
    “เส็ง ไปเกิดเถอะนะ ไปหาคุณหลวง”
    “คุณหยาด ทำกับบ่าวไว้เมื่อตอนมีชีวิตยังไม่พอ คุณหยาดยังจะทำกับบ่าวแม้ว่าบ่าวจะตายแล้ว ด้วยหรือขอรับ” เส็งตะโกน อดกลั้นไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
    “ฉันผิดไปมากเมื่อชาติที่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าตอนนั้นฉันทำไปได้อย่างไรฉันมันเลว เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ แต่เธอก็ต้องไม่ลืมนะ ว่าฉันหมั้นกับคุณหลวงไว้ก่อนเธอจะได้เจอกัน และก็ฉันเองนี่แหละที่เป็นคนพาเธอมาพบคุณหลวง”
    คราวนี้กลายเป็นเส็งที่เงียบไปบ้าง
    “เธอไม่คิดว่าฉันจะเสียใจบ้างหรือ” พาทิศว่า “เราผิดกันทั้งสามคนอย่างไรล่ะเส็ง ไม่มีใครผิดมากน้อยไปอยู่คนเดียว เธอถึงต้องทุกข์ได้แต่รอคุณหลวง เหมือนที่ฉันรอเขามาทั้งชาติที่แล้ว และเพราะฉันไปพรากเธอจากกัน ชาตินี้ฉันถึงทุกข์หนักไม่มีใครที่จะรักฉันอยู่ได้ตลอดไป คุณหลวงก็คงคล้ายๆกัน เห็นไหมล่ะเส็ง ว่าเราต่างก็ผิดกันทั้งนั้น ชาตินี้ฉันถึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้เธอกับคุณหลวงได้เจอกันในที่สุด ไปเกิดกันชาติใหม่ แล้วรักกันอีกครั้ง จะตัดเวรตัดกรรมเสีย หากเธอยังพยาบาทฉัน หากฉันก็ทิฐิไม่ยอมเธอ เราไม่ต้องตามจองเวรกันอย่างนี้ไปอีกทุกชาติหรือเส็ง... ไปเกิดเถอะเส็ง ไปหาคุณหลวงเถอะ”
    เมื่อพูดถึงขนาดนี้ เส็งก็ลังเล ความแค้นฝังลึกที่มีอยู่เมื่อครู่เกือบจะดับวูบลง กระนั้นความกังวลก็ยังไม่หมดไปจากใจ เมื่อนึกขึ้นได้ว่า
    “คุณหยาดก็พูดได้ คุณไม่ได้มาเป็นอย่างบ่าวนี่ขอรับ” เขาพูดทั้งน้ำตา “หากบ่าวไปเกิดก็คงจำคุณหลวงไม่ได้อีกตามอธิษฐานที่คุณหยาดแท้ๆเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้น!”
    สุดท้ายก็กลับมาเป็นอย่างเดิม เส็งไม่ยอมเข้าใจอะไรเลยจริงๆ
    แต่เส็งก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นอย่างนี้ไม่ใช่หรือ เขาแทบไม่เคยทำอะไรใครเลย มีแต่เขาเป็นฝ่ายถูกแกล้ง ถูกทำร้ายอยู่ตลอดเวลา
    “ในเมื่อคุณหยาดทำให้มันเกิดขึ้น คุณก็ต้องให้มันจบลง ถ้าบ่าวยังไม่เจอคุณหลวง บ่าวก็จะรอคุณหลวงเรื่อยไปอย่างนี้ คุณหยาดนั่นละต้องมารอคุณหลวงเป็นเพื่อนบ่าวขอรับ!”
    โครม
    พื้นไม้พังทลายลง ชั้นสองของบ้านเริ่มถล่มลงมา น่าแปลกตรงที่บริเวณห้องที่พาทิศอยู่นั้น ยังคงไม่เสียหายมากเท่าส่วนอื่นๆ ทั้งที่ตรงนั้นเป็นต้นไฟแท้ๆ ร่างของเขายังนั่งนิ่ง ปกติแล้วตราบใดที่เปลวเทียนไม่ดับลง ผู้เข้ากสิณจะไม่ฟื้นขึ้นจากนิมิต แต่นี่เปลวเทียวลามเป็นเพลิงไหม้ทั้งเรือนเทาอยู่อย่างนี้คงต้องอาศัยแค่รถดับเพลิงเท่านั้นกระมังจึงจะปลุกให้พาทิศรู้สึกตัวได้
    หรือไม่ก็คงต้องให้เขาถูกไฟลวกตายเสียก่อน อย่างนั้นก็ไม่ต้องฟื้นแล้ว แต่หลับไปตลอดกาลเสียเลย

    “ไอ้ทิศ” ณัฐตะโกนก้อง จะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม ชายหนุ่มพยายามวิ่งเข้าไปในบ้านให้ได้ มีลุงอิ่ม และเอ ดึงตัวเขาไว้อย่างน่าสงสาร ณัฐพยายามสะบัดออกแต่ก็ไม่อาจทำได้ เขาอยากวิ่งฝ่าไฟเข้าไป จะเป็นจะตายอย่างไรเขาก็ยอม หากมันจะช่วยชีวิตเพื่อนหนุ่มได้ แต่นอกจากคนที่อยู่ในบ้านจะไม่ยอมแล้ว คนที่ยังอยู่ข้างนอกก็ไม่ยอมด้วย
    สร้อยฟ้า อยู่ดูแลจิตรา หญิงชราลมจับ ยืนเกาะรถไว้แทบจะเป็นลม รับรู้แทบจะทุกอย่างที่พาทิศคุยอยู่กับเส็ง
    “แค้นขนาดนั้นเลยหรือเส็ง” หล่อนรำพึง แต่หญิงสาวที่ยื่นยาดมให้หล่อนดมอยู่นั้น กลับไม่ได้ยิน เพราะกำลังสนใจแต่ชายหนุ่มผู้ที่กำลังร้องลั่นหาเพื่อนหนุ่มอยู่อย่างนี้ แทบว่ายอมตายแทนกันได้เลย
    หล่อนไม่เคยถาม เพราะไม่อยากรู้ แต่มั่นใจว่า ณัฐและพาทิศคงจะมีความสัมพันธ์อะไรกันมากกว่าเพื่อนเสียแล้ว แต่หล่อนก็ไม่อาจห้ามใจให้คิดมากกว่าเพื่อนอย่างนี้กับคนอื่นได้ ณัฐเป็นคนแรกที่ให้เกียรติหล่อน รักหล่อน เอาใจหล่อน ต่อให้เป็นแค่อย่างเพื่อน แต่ก็มากพอสำหรับหญิงสาวที่ไม่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างนี้จากใครอื่น หลงรักเขาได้ง่ายๆ โดยมากสร้อยฟ้าจะมีแต่ลูกคนรวยแบบ รวยมากๆหน่อยมาจีบ มามีสัมพันธ์ด้วย แต่ก็เป็นสัมพันธ์ฉาบฉวย ที่ต้องการแต่จะ “ได้” จากหล่อนมากกว่า “ให้” อย่างที่หนุ่มน้อยคนนี้ทำ สร้อยฟ้ายังเคยคิดด้วยซ้ำว่า หากหล่อนจะปลงใจแต่งงานกับใครสักคน ก็คงต้องเป็นณัฐเท่านั้น
    แต่เขาจะแต่งกับหล่อนหรือ ในเมื่อเขาไม่สนใจผู้หญิงคนใดเลยบนโลกนี้
    “ฮัลโหลค่ะ” สร้อยสุวรรณต่อโทรศัพท์ติดในที่สุด หลังจากที่พยายามมานาน พอหล่อนพูดเท่านั้น คนทั้งหมดที่อยู่ตรงนั้นด้วยก็หันมา รอฟังอย่างใจจดใจจ่อว่าหล่อนคุยอะไรกับใคร “ดิฉันโทรจากโรงแรมเกต ออฟ พาราไดส์ค่ะ ไฟไหม้บ้านโบราณหลังโรงแรม...”
    แล้วหล่อนก็เงียบไป เงียบแบบที่ทำให้ใครหลายคนทรมาณใจเหลือเกิน อึดใจต่อมาหล่อนก็วางหูโทรศัพท์ หันช้าๆ ไปยังทิศที่จิตราอยู่ ณัฐหลุดออกจากวงแขน ของลุงอิ่มและเอ เดินเข้ามารอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
    “รถดับเพลิงเข้ามาไม่ได้ ข้างหน้ามีอุบัติเหตุขวางทางเข้าซอยค่ะ เขาให้เจ้าหน้าที่กู้ชีพ พยายามเข้ามาอยู่ค่ะ คงไม่นานนัก”
    “ไม่นานนักแต่พาทิศอาจจะตายได้นะครับ!” ณัฐว่า “ทำไมมันซวยอย่างงี้วะ อะไรๆก็เลวร้ายไปหมด ถ้าไอ้ทิศตายนะ ... ถ้ามันตาย”
    ชายหนุ่มหลับตาไล่ความคิดออกจากหัวแต่ก็ทำไม่ได้ เขาเดินไปยังเรือนเทา นึกถึงเด็กชายหน้าทะเล้นวัยสิบสองขวบนอนอยู่ข้างๆ เขาในเต็นท์เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ทั้งคู่นอนเอาหัวออกมาข้างนอก มองเห็นดาวดารดาษไปทั่วฟ้า
    “เห็นดาวดวงนั้นป่าว” เด็กชายพาทิศกระซิบข้างๆ “ดวงนั้น ดวงที่สว่างที่สุด ใครจะเรียกดาวเหนือก็เรียกไป แต่เราจะเรียกดาวนี้ว่าดาวณัฐ เพราะมันสว่างที่สุด แล้วก็สวยเหมือนตาของนาย” เขาพูดเบาๆ ทำเอาเด็กชายข้างๆขนลุกไปหมด
    “ถ้างั้น ดวงนั้นเป็นดาวทิศนะ” เขาว่า ชี้ดาวที่อยู่ตรงกันแต่อยู่ห่างกันมากเหลือเกินให้เพื่อนดู
    “ทำไมอยู่ตรงนั้นล่ะ ไกลจากดาวณัฐจะตาย”
    “ก็มันอยู่ตรงกันไงถึงไกลกัน ก็ตรงกัน มองเห็นกันและกันตลอดไป”
    “ตลอดไปหรือ” พาทิศถาม “ทำไมล่ะสักวันดาวมันอาจเปลี่ยนที่ก็ได้นะ”
    “คุณครูสอนแล้วนี่นาเทอมที่แล้ว ว่าดาวเหนือไม่เปลี่ยนทิศ” เขาชี้ไปยังดาวเหนือ ตัวแทนของเขาเอง
    “แต่ดาวทิศอาจเปลี่ยนนะ เมื่อคืนมันไม่เห็นอยู่ตรงนั้นเลย” เขาว่า “คืนพรุ่งนี้อาจจะไม่อยู่ก็ได้ แต่คืนนี้มันอยู่ตรงกับดาวณัฐ”
    เด็กน้อย พลิกตัวขึ้นคร่อมเพื่อนหนุ่ม ทำสิ่งที่เขาไม่เคยทำ แต่อยากทำ และทำไปตามที่เคยเห็นบ่อยๆในหนังเท่านั้น ไม่ได้รู้เลยว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร ณัฐเคลิบเคลิ้มไปกับทุกอย่างโดยไม่อาจเดาได้ล่วงหน้าว่า คืนต่อๆไป “ดาวทิศ” นั้น จะอยู่ไม่ตรงกับ “ดาวณัฐ” เสียแล้ว และเขาคงทนไม่ได้ หาก “ดาวทิศ” ต้องลับขอบฟ้าไปเร็วกว่า “ดาวณัฐ” อย่างนี้
     หลุดจากความคิดของตัวเอง ณัฐก็ได้ยินเสียงจิตราพูดว่า
    “ไม่ตายหรอกค่ะ” หล่อนผละออกมาจากสร้อยฟ้า “ป้าจะเข้าไปเอง”

******************************************************

ใกล้จบเข้าไปทุกทีแล้วนะครับสำหรับเรื่องนี้
หวังว่าตอนนี้จะช่วยตอบคำถามของเพื่อนๆ ให้หลายๆคนหายสงสัยกันได้นะครับ
สำหรับใครที่สงสัย หรือไม่เห็นด้วยในทิศทางของนิยายตั้งแต่นี้ไป ก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ ที่ไม่สามารถตามใจผู้อ่านได้ เป็นความต้องการของผู้เขียนเองที่จะให้เป็นแบบนี้ ขอโทษคร้าบบบ

และขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นต์ที่เข้ามาชมกันนะครับ ผมขอบอกว่าผมเป็นมือสมัครเล่นจริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขียนแล้วเหนื่อยที่สุด แต่ก็ภูมิใจที่สุดด้วย หากมีข้อผิดพลาดไปบ้างก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ

เห็นมีคนพูดถึงผลงานเรื่องอื่นๆ ของผม ขอบอกว่ามีเตรียมไว้รับปีใหม่แล้วครับ
และคงจะไม่ใช่แนวนี้ บางทีอาจจะแตกต่างกันจนสุดขั้วเลยก็ว่าได้
แต่ตอนนี้ ปางบรรพ์ ยังไม่จบเลย ขอยังไม่พูดถึงเรื่องใหม่แล้วกันนะครับ

เอาใจช่วย ให้เส็งเจอคุณหลวง ให้พาทิศพ้นผิด (หรือรับผิด?) ให้พาทิศลงเอยกับณัฐ (หรือ ให้สร้อยฟ้าสมหวัง) กันต่อไปนะคร้าบบบ :) ขอบคุณทุกคนที่ติดตามครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 16-01-2011 22:50:47
 :monkeysad: สงสารณัฐอะ


อยากไห้ณัฐกะพาทิศคู่กันนนนนนนนนนนนนนนนนนน  o13
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 16-01-2011 22:54:21
เง้อ เครียดดดดด
เส็งยึดติดกับความแค้นมากๆเลยอ่ะ  กลัวเส็งไม่ได้ไปเกิดจัง
ถึงแม้จะไม่ชอบหยาดในอดีตมากๆ แต่ก็ไม่อยากให้พาทิศตาย  :เฮ้อ:
แล้วป้าจิตราคือใครในอดีต อย่าบอกนะว่าเป็น.... :serius2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 16-01-2011 23:14:06
^
^
^
เป็นคุณหลวง!!!!!!!
ลุ้นน๊าๆๆๆๆๆๆ
ไม่น่าเข้ามาอ่านเรื่องนี้ก่อนนอนเลย
จิ้นไปไกลจนนอนไม่หลับแล้วหง้า
ไรเตอร์
 :dont2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: sornvat ที่ 16-01-2011 23:22:26
ง่ะ แรกๆหวานซึ้ง ทำไมทิศทางเบี่ยงรันทด เจ็บปวดเสียนี่
ไหนบอก จะรักไปแสนนานมิรู้ลืม...
หรือว่าจะต้องร้องบท โอ้ว่าอนิจจาความรัก พึ่งประจักษ์ดั่งสายน้ำไหล
ตั้งแต่เชี่ยวเป็นเกลียวไป ไหนเลยจะไหลคืนมา ฮ่าๆ
จะอย่างไร ก็แล้วแต่ ใครต้องได้รับกรรมอะไรที่ใครทำมา
 แต่อย่างน้อย ขอให้รักแท้มีอยู่จริง ให้เส็งได้เจอคุณหลวง จะรักหรือหมดรัก ก็อย่าให้จมอยู่กับการรอคอยคนเดียวอีกเลย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 16-01-2011 23:30:46
รอต่อไปค่ะ ลุ้นมากๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 16-01-2011 23:43:31
ลุ้นมากเหมือนกันค่ะ แต่เราอยากให้พาทิศรอดแล้วคู่ณัฐนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: dezzetoeiiz ที่ 16-01-2011 23:55:24
^
^
^

จริงนะๆ ... แอบเห็นด้วย เพราะป้าจิตราก็เป็นอีกคนที่ได้รับรู้นิมิตนี้บ้าง ได้เข้าใกล้ แต่ไม่อาจจำได้
ขนาดหยาดยังมาเกิดเป็นผู้ชายได้ ทำไมคุณหลวงจะมาเกิดเป็นผู้หญิงไม่ได้ ฮ่ะๆๆๆ -*-
ถ้าใช่ แล้วเข้าไป พอดีครบตัวละครที่ทำให้เกิดเรื่องรักรันทดนี้เลยทีเดียว ก็ขอให้เคลียร์กันซะ
ขอให้ได้ไปเกิดใหม่ พบรักกันใหม่ ลบล้างคำอธิษฐานในชาติก่อนไปเสียเถอะ

กรรมใครกรรมมัน อโหสิให้ก็ใช่จะหมดกัน ต้องชดใช้อยู่ดี แต่สถานหนักคงกลายเป็นเบา

อยากรู้จริงๆ ค่ะว่าเรื่องจะไปในแนวไหนต่อ เพราะมาเป็นแบบนี้เสียแล้ว ฮะๆๆ  :z3:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 17-01-2011 00:02:16
ลุ้นสุดๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 17-01-2011 00:08:01
ป้าจิตรา เป็นคุณหลวง!!!!!... หรือเปล่าาา


กรี๊ดดด แอบช๊อค (ไว้ช๊อคตอนหน้า o22)
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: *SparklinG* ที่ 17-01-2011 00:11:51
กรี้ดดด ตื่นเต้นมากกกกก ตอนนี้เริ่มสงสัยแล้วว่าป้าจิตราจะเป็นคุณหลวง = = "
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: PsychicLine ที่ 17-01-2011 00:20:07
เข้ามาคอมเมนท์ให้แล้วนะ หลังจากที่แอบอ่านมานาน ฮ่ะ ฮ่ะ ชอบและติดตามเรื่องนี้มาประมาณเกือบเดือนแล้ว
ลุ้นติดขอบสนาม รสชาติเหมือนเกี้ยวกุ้ง อร่อยกลมกล่อม (เกี่ยว?) มันเป็นเรื่องของจิตวิญญาณ ผลของการกระทำ(กรรม)
รู้สึกดีที่พาทิศคือหยาดและณัฐคือเทิด ตัวร้ายก็ใช่ว่าต้องร้ายตลอดไป ตัวประกอบก็ใช่ว่าต้องเป็นตัวประกอบตลอดไป
ทุกคนต่างมีบทบาทที่สำคัญ ทุกการกระทำเกี่ยวโยงถึงกัน โรคจิตของพาทิศมีที่มา มีเหตุและมีผล และมีทางแก้ไข
พาทิศมีข้อเสีย แต่ก็มีข้อดีที่คนอื่นบางคนอาจไม่มี พาทิศกล้าหาญ มีความมุ่งมั่น นี่คือสิ่งที่ประทับใจในตัวเอกของเรื่อง
เนื้อเรื่องสนุกน่าติดตาม มีข้อคิดแฝงไว้ในเรื่อง คนเขียนทำการบ้านหาข้อมูลมาด้วย แต่ก็ไม่เน้นหนักข้อมูลจนเสียรสชาติ
อ่านช้าๆสบายๆ ได้คิดตามไปด้วย เสียอย่างหนึ่งคือตอนแรกที่อ่าน อ่านรวดเดียวยันดึก เล่นเอาขนหัวลุกกันเลยทีเดียว 55+
ยังไงก็ ขอบคุณนะค้าบบบบบ+++  :o8:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: w1234 ที่ 17-01-2011 00:33:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Pamphlet ที่ 17-01-2011 00:37:58
อ่านตอนนี้แล้วทั้งเศร้า สงสาร แต่ก็แอบมีลุ้นระทึกด้วยเหมือนกัน
อยากให้ทุกอย่างจบลงด้วยดีจังเลยค่ะ จะได้หมดเวรหมดกรรมกันไปซักที
อยากจะรู้มากเลยค่ะว่าใครกันแน่ที่เป็นคุณหลวง แอบสงสัยว่าจะเป็นป้าจิตราเช่นกันค่ะ
ส่วนณัฐก็น่าจะเป็นคนใดคนหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน...จะเป็นเทิดรึเปล่าน้อ?
ยังไงก็มาต่อตอนใหม่เร็วๆนะคะ ตอนนี้ค้างมากๆเลยค่ะอยากจะรู้ความเป็นไปของตอนหน้าเร็วๆ
เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 17-01-2011 04:00:08
 :o12: ไม่อยากคิดอะไรไปก่อนทั้งนั้น

รอคุณหลวงกลับมา ทำให้ทุกอย่างถูกต้องและลงตัวที่สุด
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 17-01-2011 06:09:10

วุ้ย คุณป้ากับลุงคนสวน อายุพอๆกันไหมคะ  :m22:
๑๓๔ + ๑ = ๑๓๕
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 17-01-2011 06:33:41
ไม่ป้าจิตราก็ลุงอิ่มล่ะมั้งคะที่เป็นคุณหลวง :เฮ้อ:
อ๊ากกก ลุ้น ตื่นเต้น สงสาร ฮืออ ครบทุกรสเลย :monkeysad:
ยิ่งใกล้จะถึงตอนจบก็ยิ่งลุ้น สนุกสุดๆ รออ่านแทบไม่ไหวแว้ววว
ขอบคุณนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: jobi ที่ 17-01-2011 07:22:00
เอ๊ะ เอ๊ะ หรือว่าณัฐจะเป็นคุณหลวง
มีอะไรให้เดาสนุกๆเสมออ่ะ ตั้งแต่ต้นจนจะจบ

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 17-01-2011 09:12:15
ทุกอย่างมีจุดเริ่มต้น ก็ต้องมีจุดสิ้นสุด
อยู่ที่ใครจะ ละ เว้น เลิก ได้ก่อนกัน

มารอตอนใกล้จบนะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 17-01-2011 10:07:07
เข้าใจกระจ่างชัดแจ้งเห็นจริงเลยค่ะ
เราไ่ม่โทษเส็งเลยนะ ที่ไม่ยอม ผูกใจเจ็บขนาดนั้น
เป็นเรา เราก็แค้นละว้า โดนซะขนาดนั้น
สุดท้ายก็ยังไม่รู้เลยว่าตกลงแล้วคุณหลวงคือใครกันแน่
หรือว่าจะเป็นสร้อยฟ้า  :a5: แต่ก็ยังดีกว่าเป็นลุงอิ่มนั่นแหละ
เห้ยย หรือว่าป้าจิตรา่.. เป็นไปได้เหมือนกันนะเนี่ย
ยังไงเราก็ว่าพาทิศคงไม่ตายหรอก ตัวเอกจะตายได้ไงเนาะ  :o12: (ปลอบใจตัวเอง)
แล้วก็ ขอเป็นพาทิศณัฐเถอะค่ะ ไม่เอาสร้อยฟ้านะ!  :angry2:
ชอบเรื่องนี้จริงๆเลยค่ะ ดูมีมิติ สมจริงมากๆ อ่านเพลินกันเลยทีเดียว
แถมยังเป็นนิยายไม่กี่เรื่องที่เราเดาเรื่องไม่ออกด้วยละ  o22
รอตอนต่อไปนะคะ  :mc4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 17-01-2011 10:08:42
+1 เอาใจช่วยทุกๆคนให้พ้นเคราะห์ซะที :L1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Miku ที่ 17-01-2011 10:50:15
อยากรู้เหลือเกิน ใครนะคือคุณหลวงในชาตินี้

แล้วจะเจอกันจะจำกันได้มั๊ย ลุ้นจนสุดตัวไปหมดแล้ว


ป.ล. เราไปฟังเพลงนางครวญแล้ว นึกถึงเรื่องนี้ตลอดเลย เนื้อหาเฝ้ารอคนรักมาก อยากเอามาให้ฟังต้องทำยังไงอ่ะเนี่ย ลงเป็นแต่ลิ้งอ่ะค่ะ
>>>เพลงนางครวญ<<< (http://www.youtube.com/watch?v=7CJfaO9OCsc)

ขึ้นเพลงมานี่ ภาพท่าน้ำกับภาพเรือนเทาลอยขึ้นมาในหัวเลย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 17-01-2011 11:25:29
ใครคือคุณหลวงคิดไม่ออก  หรืออาจเป็นสร้อยสุวรรณก็ได้
คงต้องเป็นคุณหลวงเท่านั้นถึงจะบอกให้เส็งไปเกิดได้
ก็เข้าใจเส็งนะ  เจอมาเยอะก็เลยไม่ไว้ใจ  กลัวโดนหลอกอีก
ตอนนี้สงสารณัฐและเส็งที่สุด
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 17-01-2011 11:45:05
ป้าจิตราเป็นคุณหลวงแน่ๆ

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 17-01-2011 12:05:11
ตื่นเต้นลุ้นระทึก สนุกมากมาย  :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 17-01-2011 12:38:32
คิดเหมือนกันว่าป้าจิตราคงเป็นคุณหลวง เป็นผู้จบปัญหาครั้งนี้ เส้าแน่ๆ เลย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Lady-Rabbit ที่ 17-01-2011 13:57:04
โอ้ยย ลุ้นสุดๆเลยค่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Jploiiz ที่ 17-01-2011 19:11:34
ยอมรับเลยค่ะว่ายิ่งอ่านยิ่งไม่อยากคาดเดาอะไรทั้งนั้น
เนื้อเรื่องจะเป็นยังไงก็ยอมรับในทิศทางที่เป็นไป
เพราะตอนนี้คนอ่านอยากบ้าตาย  :o12:
สงสารพาทิศ สงสารเส็ง สงสารทุกคนในเรื่อง
เฮ้อออออออออออออออ
ยิ่งอ่าน ยิ่งซึมซาบไปกับตัวละคร
อยากรู้ว่าคุณหลวงเป็นใคร
อยากรู้แต่ก็ไม่อยากเดาอีกเช่นเคย
ปล่อยให้มันเป็นไปในทิศทางของคนแต่งค่ะ
ตอนสุดท้ายก็อยากให้เส็งได้เจอกับคุณหลวงอีกครั้ง
ส่วนณัฐ ก็ยังอยากให้สมหวังกับพาทิศนะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 17-01-2011 20:44:08
ลุ้นๆ ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: V_we ที่ 18-01-2011 08:30:10
เทิดเป็นณัฐแหง่มๆ
รักพาทิศมาแต่เด็กเหมือนคำอธิฐานของหยาด
ส่วนป้าจิตรานั่นน่าสงสัย
เข้าไปในบ้านแล้วอาจจะช่วยพาทิศออกมา
แต่เป็นตัวเองที่ต้องตาย
แล้วก็ไปเกิดใหม่พร้อมกับเส็ง
 :m20:
(เดา เอามัน)
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 18-01-2011 19:11:36
ไม่ขอเดาดีกว่า เดาทีไรไม่เคยถูก ฮ่าๆ

ลุ้นมากเลย ใครคือคุณหลวงกันแน่นะ

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: maew189870 ที่ 19-01-2011 11:17:10
เอาใจช่วยพี่นะคับ

แต่ได้ดีมากๆคับผม

จะติดตามผลงานของพี่นะคับ

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Pamphlet ที่ 20-01-2011 20:11:43
เข้ามารอตอนใหม่ค่ะ...มาต่อเร็วๆนะคะ  :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 20-01-2011 22:48:01
            
๓๑
    สร้อยฟ้าเดินเข้ามาขวางหญิงชราไว้ ไม่ยอมให้เข้าไปใกล้บ้านที่กำลังลุกไหม้อยู่ตอนนั้น แม้หญิงชรา จะไม่ได้แก่มากแต่หล่อนก็ไม่ใช่สาวรุ่นอย่างหล่อน หากจิตราเข้าไปในบ้านหลังนั้น สร้อยฟ้าไม่คิดว่าป้าของหล่อนจะกลับออกมาได้อีกครั้ง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องทนความร้อนจากเปลวไฟเลย แค่สูดควันเข้าไป จิตราจะหายใจออกหรือไม่ ขนาดเข้าไปในเมืองจิตรายังไม่อาจทนกลิ่นควันรถได้เลย แล้วนี่ควันไฟขนาดนี้จะไม่เป็นลมล้มพับลงไปเลยหรือ
    “คุณป้าคะ อย่าเข้าไปเลยค่ะ” หล่อนว่าเสียงสั่น “มันอันตราย คุณป้าเข้าไปจะ... จะไหวหรือคะ สร้อยเข้าไปเองค่ะ”
    “ไม่ได้ครับ” ณัฐแทรกขึ้นมาทันที “ผมเป็นผู้ชาย แล้วยังเป็นเพื่อนสนิทของพาทิศผมไม่ควรปล่อยให้ผู้หญิงเข้าไปเสี่ยงภัย แทนผมครับ ผมจะเข้าไปเอง”
    จิตราส่ายหัวเบาๆ ไม่ตะโกนเถียงอะไร แต่ส่ายหัวอย่างนิ่งๆอย่างนั้น เหมือนว่าหล่อนไม่แคร์อะไรทั้งนั้น หล่อนตัดสินใจแล้วไม่มีใครมาเปลี่ยนใจหล่อนได้ง่ายๆหรอก
    “ต้องเป็นป้าเท่านั้นค่ะคุณณัฐ” หล่อนว่า “ถ้าเป็นป้าเขาคงอนุญาตให้เข้าไป ถ้าเป็นคนอื่น ป้าไม่แน่ใจ”
    หญิงชรายิ้มอย่างเยือกเย็น สงบตามแบบของหล่อน
    “อีกอย่าง คนแก่อย่างป้าอยู่ไปได้อีกไม่นานก็ตายแล้ว ให้ป้าได้ทำอะไรเพื่อคนอื่นก่อนตายป้าก็จะดีใจมาก พวกหนูอย่าห้ามป้าเลยนะ”
    “ไม่ค่ะ หนูไม่ให้คุณป้าเข้าไป”
    “เชื่อเถอะ เรายังหนุ่มยังแน่น อย่าเอาชีวิตมาเสี่ยงเลยจ้ะ อยู่ต่อไปอีกให้มันนานๆยังไม่แต่งงานมีลูกอย่าเพิ่งมาเสี่ยง” หล่อนว่าแล้วก็ออกเดินไป กระนั้นสร้อยฟ้าก็ยังยึดคุณป้า ผู้ซึ่งเป็นเหมือนแม่ เลี้ยงหล่อนมาตั้งแต่เด็กเอาไว้ไม่ยอมให้เข้าใกล้เรือนเทามากกว่านั้น
    “คุณป้า...”
    “ป้าพึงพอใจให้มันเป็นอย่างนี้ หนูสร้อยอย่าห้ามป้าเลย ป้าสัญญาว่าคุณพาทิศจะรอดกลับมาค่ะคุณณัฐ” ประโยคสุดท้าย หญิงชราหันไปพูดกับชายหนุ่มโดยเฉพาะ “เอาล่ะค่ะ เสียเวลามากแล้ว ป้าไปแล้วล่ะค่ะ ถ้าป้าจะตายจริงๆ ป้าก็หมดห่วง ไม่มีอะไรแล้วทางนี้ นอกจากแม่สร้อยจะได้แต่งงาน มีลูกสืบสกุลไป”
    หญิงชรา แกะมือสร้อยฟ้าออก ฉับพลันหล่อนก็เข้าใจแล้วว่า เมื่อจิตราบอกอย่างนี้ ก็ต้องเป็นอย่างนี้ จะไปเปลี่ยนใจหล่อนไม่ได้
    “คุณณัฐ ป้าฝากแม่สร้อยด้วย”
     พอเห็นณัฐพยักหน้าและรับคำหล่อนแล้ว จิตราก็เดินไปที่ประตูหน้าเรือนเทาที่มีเศษหน้าต่างไม้ตกลงมาเมื่อครู่นี้ หล่อนจับมันโยนไปพ้นทางอย่างง่ายดาย แล้วก็ก้าวเข้าไปในเรือนเทาในที่สุด ก่อนปิดประตูหล่อนหันมาหาสร้อยฟ้า และณัฐ ยิ้มให้หลานทั้งสองคนอย่างอิ่มใจ หล่อนพร้อมที่จะเข้าไปในเรือนเทา แล้วไม่กลับมาอีกเลย
    “ณัฐคะ รอยยิ้มคุณป้า” สร้อยฟ้าเห็นป้าของหล่อนก็น้ำตาไหล “คุณป้ายิ้มแบบนี้ ...เหมือนคุณพ่อยิ้มตอนที่ท่านเสีย ยิ้มแบบคนปลงตก ฉัน... ฉันไม่สบายใจเลยค่ะ ฉันไม่อยากเสียคุณป้าไปอีกคน”
    ณัฐรวบตัวหล่อนเข้ามากอดไว้แนบอก ไม่ต่างจากเวลาพาทิศกอดให้กำลังใจเขา หากพาทิศเคยทำให้เขารู้สึกดีได้ เขาก็อยากทำให้คนอื่นรู้สึกดีเพราะเขาได้ด้วย อ้อมกอดของณัฐต่างจากพาทิศตรงที่ มันอบอุ่น แนบแน่น แม้คำพูดของณัฐก็เป็นคำพูดที่กลั่นกรองมาแล้วจากใจ ไม่ใช่พูดไปอย่างนั้น อย่างเสียงที่ผ่านลำคอมากระทบอวัยวะในปาก ไม่มีความหมายจริงใจอย่างพาทิศ
    “ผมจะดูแลคุณเอง ไม่ทิ้งไปไหนเด็ดขาดอย่างที่สัญญากับป้าจิตราไว้”
    จิตราเดินผ่านเปลวไฟกองแล้วกองเล่าไปอย่างไม่เกรงกลัว กายของหล่อนอาจจะแสบร้อน หรือเจ็บปวด แต่จิตของหล่อนไม่เจ็บไปด้วย จิตราเข้าใจว่าเมื่อแยกสองสิ่งนี้ให้เป็นคนละอย่างกันแล้ว หล่อนก็ไม่เกรงกลัวอะไรอีก ร่างกายหล่อนถูกทำลายได้ง่ายๆ แต่จิตที่เข้มแข็งของหล่อนไม่มีทางถูกทำลายไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม หญิงชราเห็นทุกอย่างรอบกาย ก็นึกถึงตอนที่หล่อนเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก พร้อมกับพ่อแม่ของหล่อน เมื่อครั้งพามารู้จักกับผ่านฟ้า
    หล่อนจำได้ว่ารังเกียจ และกลัวบ้านหลังนี้แค่ไหน แม้จะรู้สึกราวกับเคยเห็นมาก่อน เคยอยู่มาก่อนแล้วก็ตาม แต่หล่อนก็ไม่อยากเข้าใกล้บ้านหลังนี้สักครั้ง หล่อนรู้สึกว่ามีใครบางคน “เฝ้า” บ้านหลังนี้อยู่ รอคอยใครสักคนที่จะกลับมาหาเขา หล่อนรู้สึกว่าบ้านหลังนี้ไม่คู่ควรกับหล่อน แม้ผ่านฟ้าก็ไม่คู่ควร เขาไม่ใช่ทายาทของหลวงพินิจราชอักษร เขาเป็นทายาทของเทิด ถ้าบ้านหลังนี้ไม่คู่ควรกับเทิด มันก็ไม่คู่ควรกับเขาเช่นกัน หล่อนจึงพูดตลอดเวลาให้เขาออกจากบ้านนี้ไปเสีย พอรู้ว่าไม่ทำตามคำสั่ง หล่อนก็พาลไม่ชอบหน้าเขาขึ้นมา
    หล่อนตัดสินใจพลาดไม่แต่งงานกับเขา พลาดที่ไม่ยอมมาอยู่บ้านนี้
     แต่ตอนนี้ เมื่อบ้านที่ไม่ใช่ของหล่อนกำลังพังทลายลง หล่อนกลับนึกเสียใจ อาลัยอาวรณ์มันขึ้นมาอย่างไม่มีประโยชน์อันใดเลย เพราะหล่อนไม่สามารถรักษามันไว้อีก เสียดายแทนที่คนที่ “เฝ้า” มันมาตลอด ไม่มีโอกาสได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อีกครั้ง ในฐานะ “คน” คนหนึ่ง เป็นเพียงจิตที่ปกปักษ์รักษามันเอาไว้นานเป็นร้อยปีเท่านั้น น่าเสียดายที่รอ “ใครอีกคนหนึ่ง” มาหาที่นี่ แต่กลับไม่มีโอกาสจะได้พบ ไม่มีโอกาสจะได้อยู่ที่นี่ด้วยกัน
    จิตราขึ้นไปชั้นบน บางส่วนของเฉลียงพังทลายลงไปด้านล่างแล้วก็จริง แต่ทางที่หล่อนใช้เดินเข้าไปถึงห้องนอนของหลวงพินิจราชอักษรกลับปลอดภัยดีอยู่ หล่อนเดินเข้าไปได้เฉยๆ สบายๆ พื้นห้องมีไฟลุกอยู่ท่วม แต่มันแหวกเป็นทางไว้อย่างน่าประหลาดไปจนถึงตัวพาทิศได้
    ในขณะที่จิตราเดินเข้ามาถึงตัวชายหนุ่ม แสงสีขาวก็สว่างจ้าจนเส็งตกใจ พาทิศเองก็ประหลาดใจ ก้มมองดูจิตของตนก็เห็นว่า เสื้อผ้าของหยาดหายไปแล้ว เขากลับมาเป็นพาทิศคนเดิม จู่ๆ จิตของชายหนุ่มก็สว่างขึ้น สว่างขึ้นเรื่อยๆ แล้วฉับพลันก็หายวูบไปอย่างนั้นเสียเฉยๆ “คุณหยาด จะไปไหน อย่าเพิ่งไปขอรับ!”
    จิตราแตะบ่าพาทิศเบาๆ ชายหนุ่มลืมตาขึ้นอย่างง่ายดาย
    “คุณป้า!” เขาตกใจ เมื่อเห็นสภาพรอบๆตัว มีไฟพวยพลุ่งอยู่ตลอดเวลา อย่างน่ากลัว  หญิงชราอยู่ข้างๆเขาดูสงบอย่างที่หล่อนเป็นอยู่ตลอด “เกิดอะไรขึ้นครับ”
    “ไม่เห็นหรือคะ ไฟไหม้ค่ะ ดิฉันไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร แต่น่าจะเทียนล้ม” หล่อนอธิบาย “พบเส็งแล้วหรือคะ”
    “ครับคุณป้า ผม... ผมคือหยาดครับคุณป้า” พาทิศน้ำตาไหลอย่างห้ามไม่ได้ น้ำตาของเขานึกอยากมาก็มาง่ายๆอย่างนั้น พาทิศเข้าใจดีว่ามันเป็นความอัดอั้นที่อยู่ในใจ เมื่อได้ระบายออกมาก็สุดจะทนเก็บไว้ได้อีก เขาร้องโฮออกมาอย่างเด็กๆ ร้องอย่างที่เสียใจสุดชีวิต
    “ดิฉันพอจะเดาได้ค่ะ”
    “คุณป้าไม่บอกผมเลย...”
    “ดิฉันเพิ่งนึกออกวันนี้เอง ขอโทษด้วยนะที่บอกไม่ทัน คิดโน่นคิดนี่ จับนี่ผสมนั่นก็นึกได้ค่ะว่าคงเป็นคุณหยาด”
    “ป้าจิตราครับ ผมมันเป็นคนบาป ผม... ผมฆ่าเส็ง ผมฆ่าหลวงพินิจ ผมโกหก ผิดลูกผิดเมียผู้อื่น ผมมันแย่ครับคุณป้า มิน่าผมถึงได้เกิดมาเป็นเกย์ เป็นโรคถ้ำมองเป็นคนไม่รู้จักรักใครสักคน เพราะผมทำเขาเอาไว้มาก ผมมันไม่ควรจะอยู่ต่อไปเลย สมควรตายเสียอยู่ที่นี่ครับคุณป้า”
     “คุณพาทิศคะ สิ่งที่มันเคยเกิดขึ้นในอดีตก็คือสิ่งที่เกิดในอดีตค่ะ คุณจะตามไปแก้ไขมันไม่ได้ แต่อย่าลืมซีคะว่ากรรมน่ะเป็นแค่ตัวกำหนดสภาพของมนุษย์เท่านั้น มันกำหนดปัจจุบันของคุณได้ แต่มันกำหนดอนาคตคุณไม่ได้ ไม่ใช่ว่ามันจะต้องตามคุณไปทุกๆชาตินี่คะ เราตัดกรรมได้ด้วยการทำความดีนะคะ คุณพาทิศ ความชั่วเก่าเราก็ไปชดใช้ให้หมด พอไม่ทำชั่วใหม่สุดท้ายก็มีแต่ความดีเท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้นพระพุทธเจ้าท่านจะปรินิพพานได้หรือคะ
    คุณพาทิศลองคิดดีๆนะคะ ว่าสิ่งที่คุณได้ทำไว้ในอดีตชาติของคุณ มันสมควรแล้วหรือยัง ที่จะส่งผลมาให้คุณเป็นแบบนี้ในชาตินี้ ถ้าคุณพาทิศเห็นว่าไม่สมควร ก็ฟูมฟายโทษตัวเองอย่างนี้ต่อไปเถอะค่ะ แต่ถ้าเห็นว่าเราผิดจริง เวลาที่เราจะแก้ไขมันก็พอมีไม่ใช่หรือคะ”
    พาทิศนั่งฟังจิตรามาตลอดก็เข้าใจ เห็นด้วยกับที่หล่อนว่าทุกประการ
    “ผมเอาของมาคืนแล้ว ผมขอโทษเขาแล้ว แล้วควรทำอย่างไรอีกต่อไปดีครับคุณป้า”
    “คุณพาทิศทำเท่าที่จะทำได้แล้วนี่คะ ถ้าในอนาคตจะทำอะไรอีก ก็แล้วแต่คุณพาทิศจะคิดได้เถอะค่ะ ดิฉันเห็นว่าคุณทำมาเยอะแล้ว คราวนี้ถึงตาดิฉันบ้าง” หล่อนยิ้มให้พาทิศ พูดราวกับว่าที่สอนไปเมื่อครู่นั้นเหมือนสอนตัวเองมากกว่าจะสอนชายหนุ่มตรงหน้า “ไปเถอะค่ะ ข้างนอกยังมีใครรอคุณอยู่อีก คุณยังหนุ่มยังแน่น ทำอะไรให้สังคม ให้คนอื่นได้อีกตั้งเยอะ เอาเรื่องนี้เป็นแรงขับ เร่งทำความดีเสียให้มากเถอะค่ะ”
    พาทิศลุกขึ้นแต่ก็ยัง ไม่รีบออกไป
    “คุณป้า... จะดีหรือครับ ไฟไหม้อย่างนี้ เกิดบ้านพังขึ้นมา”
    “ดีซีคะ ดิฉันจะปลอดภัย คุณพาทิศไปเถอะ”
    เงียบ แล้วพาทิศก็ทำสิ่งที่เขาไม่คิดจะทำ
    “คุณป้าครับ ผมขอกอดคุณป้าได้ไหมครับ” จิตรายิ้ม ดึงพาทิศเข้ามากอด ช่วงเวลาสั้นๆที่ได้คุยกัน ฝ่าฟันเรื่องต่างๆมาด้วยกันทำให้พาทิศรู้สึกผูกพันกับหญิงชราคนนี้เหลือเกิน เขากระซิบเบาๆ ว่า“ผมอยากเป็นหลานแท้ๆของคุณป้าจริงๆครับ คุณป้าดีกับผมเหลือเกิน ดีกว่าที่ใครเคยทำ ทั้งๆที่เราก็รู้จักกันได้ไม่นานเอง”
    จิตรายิ้มเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะดันหลังพาทิศออกไปจากห้องนั้น ก่อนปิดประตูหล่อนบอกเขาเบาๆว่า
    “ชาติที่แล้วดิฉันทำคุณเสียใจมาพอแล้วค่ะ”
    พอประตูปิดลง พาทิศก็ขนลุกซู่ ไม่รู้จะเชื่อสายตาของตัวเองดีหรือไม่ เพราะแวบสุดท้ายที่เหลือบมองหญิงชรา เขาไม่ได้เห็นจิตราอย่างที่ควรจะเห็น แต่กลับเห็นใครอีกคนหนึ่งที่เขาไม่คิดว่าจะเห็นต่างหาก ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาช่างเขลาจนนึกไม่ออกเลยจริงๆ แต่มาตอนนี้เขามั่นใจว่าเรื่องมันต้องเป็นอย่างที่เขาคิด... ทำไมจิตราถึงเข้ามาช่วยเหลือเขาแต่แรก ทำไมจิตราถึงดีกับเขาทุกอย่าง ให้ความรัก ความผูกพันอย่างกับเป็นหลานแท้ๆ ทำไมจิตราถึงรู้ว่าหลวงพินิจราชอักษรพูดอะไรไว้ก่อนตาย ถ้าหากว่ามันไม่เป็นอย่างที่เขาคิด มันจะเป็นอย่างอื่นไปได้หรือ!
    ในห้องนั้น จิตราหลับตาแน่น ยืนอยู่กลางห้องไม่สนใจอะไรอย่างอื่นแม้ไฟจะลุกไปทั่ว ลามขึ้นมาตามกระโปรงของหล่อนแล้ว จิตราก็ได้แต่ยืนหลับตา ดึงจิตเข้าสู่สมาธิหล่อนกางแขนออกราวกับจะกอดใครแม้จะไม่มีใครอยู่ตรงหน้า “เรากลับมาหาแล้วนะเส็ง...”
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 30: พาทิศเจอกับเส็งแล้ว จะเกิดอะไร ติดตามครับ!! 22.35 - 16/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 20-01-2011 22:48:50
    ใจของคนเป็นหลานแทบจะสลาย เมื่อเห็นป้าหายเข้าไปในบ้านนานขนาดนั้นหล่อนยังไม่พร้อมให้จิตราเป็นอะไรไปตอนนี้ หญิงชราเป็นเหมือนเสาหลักในชีวิตหล่อน เป็นคนสอนทุกอย่างให้กับหล่อน ทั้งการเรียน การใช้ชีวิต หล่อนได้ความเรียบร้อย ความเป็นกุลสตรี ความพอเพียง และความคิดบวก มาจากจิตราหล่อนไม่เคยเห็นจิตราเป็นทุกข์ จึงยึดคุณป้าไว้เป็นแบบอย่าง ชีวิตของหล่อนจะได้มีความสุขเหมือนกับหญิงชราผู้นั้น ถ้าหล่อนต้องเสียจิตราไปจริงๆ หล่อนจะทำอย่างไร พ่อก็คนหนึ่งแล้ว ขาดป้าไปเสียอีกคนหล่อนก็แทบไม่เหลือใคร จะว่ากันตามจริงต่อให้มีแม่อยู่หล่อนก็ไม่สนิทด้วยเท่า
    บัดนี้ แม้อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มที่หล่อนรัก ก็ยังไม่เหมือนอ้อมกอดของคุณป้าจิตราของหล่อน มันอบอุ่นเป็นที่พึ่งพิงได้ก็จริง แต่มันก็ไม่เหมือนกัน
    สร้อยฟ้าร้องไห้กับอกของชายหนุ่ม ปากเรียกหาคุณป้าอย่างน่าสงสารน้ำตาเปียกเสื้อของเขาไปหมด จนชายหนุ่มต้องถอนตัวออกจากอ้อมกอดของหล่อน ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา แล้วพูดว่า
    “สร้อย ถ้าไม่สบายใจ ผมจะไปตามคุณป้าเอง”
    “ไม่ค่ะ ถ้าจะเสียคุณป้าแล้วยังเสียคุณอีก ฉันคงไม่เหลือใครแล้วจริงๆ”
หล่อนร้องไห้ น้ำตาแทบจะเหือดไปหมด “อย่าเลยค่ะขอร้อง”
    “ผมไม่อยากให้คุณเสียใจ ผมจะเข้าไปดูเอง” ณัฐว่า “อยู่ที่นี่อย่าไปไหนนะ ผมไปแปบเดียว เดี๋ยวกลับมา”
    สร้อยฟ้ายึดมือของชายหนุ่มไว้
    “สัญญาว่าจะไม่ทิ้ง ก็ไม่ทิ้งซี ผมไม่เป็นอะไรหรอก” เขาว่า แล้วก็ออกวิ่งเข้าไปในบ้านอีกคน ทันทีที่ปิดประตู ชั้นสองของบ้านก็ทลายลงมาอย่างน่าใจหายว่า ชายหนุ่มที่เพิ่งเข้าไปในนั้น จะยังปลอดภัยดีอยู่หรือเปล่า
    ณัฐเข้ามาก็พบว่าในเรือนแทบไม่มีอากาศหายใจ ควันไฟลอยหนา ปกคลุมตรงนั้นอยู่ทำให้เขามองอะไรไม่เห็น แสบตาจะหลับตาก็ไม่ได้เดี๋ยวไม่เห็นทาง พยายามหลบเปลวไฟร้อนระอุราวกับถูกย่างทั้งเป็น ชายหนุ่มพยายามแหวกควัน ไปได้ไม่นาน ก็พบว่าตัวเองไม่ได้ไปไหนไกลจากประตูทางเข้าเลย ชายหนุ่มลืมไปว่าเคยเรียนมาสมัยเด็กๆว่าเวลาไฟไหม้ให้คลานต่ำ เพราะควันจะลอยอัดเข้าไปในปอด ส่งแก๊สคาร์บอนมอนออกไซด์ไปตามกระแสเลือดของชายหนุ่มหน้าใส สมองของเขาขาดออกซิเจนจนไม่อาจทำงานอยู่ได้ต่อไป
    ชายหนุ่มล้มลง หมดสติไปเสียอย่างนั้น
    เส็งอยู่ท่ามกลางหมอกควันที่บังตาเขาไปหมด พร้อมๆกับที่เรือนเทาของจริงกำลังจะพังลง บ่าวหนุ่มน้อยไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ว่า หยาดจะจำเหตุการณ์ได้แล้ว ได้เจอเขาแล้วก็หายไปเฉยๆโดยไม่ได้ชดใช้อะไร ส่วนเขาก็ยังต้องมานั่งเหงาอยู่ที่เดิม จะเอาวิญญาณหยาดมาอยู่เป็นเพื่อนให้ทรมาณไปด้วยกัน ให้สาสมกับที่หล่อนทำไว้กับเขา ก็สายไปแล้ว เกิดอะไรขึ้นไม่รู้จู่ๆหยาดก็หายไปเฉยๆอย่างนั้น
    หนุ่มน้อยซุกหน้าเข้ากับฝ่ามือไม่อยากเชื่อว่า สิ่งเดียวที่จะนำเขาไปสู่ความหลุดพ้น และได้พบคุณหลวงในที่สุดได้หลุดลอยจากมือเขาไปแล้ว ซ้ำยังมีเรื่องคำอธิษฐานอะไรนั่นอีก หากหยาดไม่ได้โกหก หลวงพินิจจะต้องจำเขาไม่ได้ แล้วนี่เขาจะไม่ได้เจอคุณหลวงอีกเลยหรือนี่
    บ่าวหนุ่มลูกจีนร้องไห้โฮ เขาจะรอไปทำไม เฝ้ารอคอยคุณหลวงมาเป็นร้อยปี สุดท้ายก็ไม่ได้เจอ สุดท้ายคุณหลวงก็จะจำไม่ได้อีก เรื่องนี้จะจบลงง่ายๆเพียงนี้หรือ คุณหยาดพาทิศ ก็ไปตามทางของเขา เส็งเองก็ต้องทนทุกข์ทรมาณอยู่อย่างนี้ต่อไปหรือ ส่วนคุณหลวงก็ไปเกิดจำอะไรไม่ได้ ไม่รู้อะไรเลย ลืมความรักความผูกพันระหว่างเขาไปง่ายๆอย่างนี้หรือ
    ท่ามกลางความสิ้นหวังท้อแท้ เสียงๆหนึ่งก็ก็ดังขึ้นใกล้ๆ เป็นเสียงที่คุ้นหู ที่เขารอคอยมานานเหลือเกิน เอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวล ทุ้มลึกราวกับว่าเขาเพิ่งจะได้ยินเสียงนี้ครั้งสุดท้ายแค่เมื่อวานนี้เอง
    “เรากลับมาหาแล้วนะเส็ง...”
    บ่าวหนุ่มลูกจีนเงยหน้าขึ้น เห็นชายหนุ่มตรงเข้ามาหา อ้าแขนรับ บ่าวหนุ่มก็ขยี้ตา ไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้น มันอยู่ตรงหน้าเขาจริงๆ น้ำตาทำให้คนเห็นอะไรต่อมิอะไรไปเองได้ชัดขนาดนี้เทียวหรือ ปาดน้ำตาออกจากหน้าแล้วแม้ตาแห้งเส็งก็ยังเห็นชายหนุ่มข้างหน้าเขาอยู่ดี เป็นคนเดิมที่เขาเคยเห็น รัก ห่วงใย ทะนุถนอม คิดถึงและรอคอยอยู่ตลอดเวลา
    หลวงพินิจราชอักษรดูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน อาจดูดีกว่าครั้งใดที่เขาพบ เพราะครั้งนี้หลวงพินิจมาอย่างยิ้มแย้ม ร่าเริง ความสุขเปี่ยมล้นแฝงอยู่ในทุกอณูผิว ตาคมกริบเป็นประกายใต้คิ้วเข้มสวยได้รูป จมูกโด่งยาว ริมฝีปากอวบอิ่มที่เคยกระซิบว่ารักที่ข้างหู คลี่ออกเป็นรอยยิ้มที่สวยที่สุด มีเสน่ห์ที่สุด ตรึงใจเขาได้มากที่สุด บ่าวลูกจีนยังคงตะลึงไม่ได้ก้าวเข้าไปหาอย่างดีใจแบบที่ควรจะเป็น ไม่ได้รำพันคำรักอย่างที่เขาคิดไว้ล่วงหน้า เขาได้แต่มองเท่านั้น
    มองอยู่นานเพื่อที่ว่า หากชายหนุ่มคนนี้หายไปอีกครั้ง เขาจะได้จำรายละเอียดทุกอย่างที่เป็นคนคนนี้ได้อย่างไม่ตกหล่น ไม่ลืมอีกเลย
    “แล้วกัน” พอเห็นเส็งไม่ว่าหรือทำอะไร หลวงพินิจก็ลดมือลง ทำหน้าเศร้าปากก็พูดอย่างตัดพ้อว่า “นึกว่ารอเราอยู่เสียอีก ไม่ดีใจสักนิดเลยหรือที่ได้เจอกันอีกครั้ง หลังจากเวลาทั้งหมดนี้”
    “คุณหลวง... คุณหลวงจริงๆหรือขอรับ” ปากถามไปอย่างนั้น แต่พอสิ้นเสียง หนุ่มน้อยก็ไม่รอฟังคำตอบ วิ่งโผเข้าไปหาชายหนุ่มที่เขารักจนหมดใจ น้ำตาไหลรินออกมาด้วยความปิติ ด้วยความคิดถึงจนหมดหัวใจ ปากก็ร้องพร่ำซ้ำไปซ้ำมา “คุณหลวง ... คุณหลวงขอรับ คุณหลวงของบ่าว”
    “เราอยู่นี่เส็ง” เขากระซิบแผ่วเบา ราวกับจะกลัวว่าหากพูดดังกว่านั้นแก้วหูของบ่าวคนรัก จะบอบช้ำไปอย่างไรอย่างนั้น คุณหลวงหนุ่มน้ำตาไหลพรากเป็นทางไม่ต่างจากหนุ่มน้อยคนรัก “เราอยู่นี่แล้ว”
    ร่างกายที่เบียดเข้าหากันนั้น ทั้งเย็นสบาย ทั้งอบอุ่นผสมกันไปหมดหลายอย่าง หลายอารมณ์ หลายความรู้สึกจนไม่รู้ว่าจะบรรยายออกมาอย่างไรให้อีกฝ่ายได้รู้ เวลาร้อยกว่าปี ที่รอคอยมลายหายไปหมดแล้ว มันไม่สำคัญอีกแล้ว... ไม่สำคัญเท่านาทีนี้ ที่เขาทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลทั้งนั้น ไม่มีหยาดที่ต้องแต่งงานด้วย ไม่มีเจ้าคุณที่คอยกีดกัน ไม่มีอะไรขวางเขาสองคนได้ทั้งสิ้น
   เหมือนโลกนี้มีเพียง เส็ง และ คุณหลวง เท่านั้น
    “บ่าวไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ขอรับคุณหลวง” เขากระซิบเบาๆ “อย่าไปไหนอีกนะขอรับ ขอร้อง บ่าวไม่ให้คุณหลวงจากบ่าวไปอีกแล้ว”
    “ไปห้องน้ำก็ไม่ได้หรือ”
    “คุณหลวง” เส็งทุบอกหลวงพินิจ “แกล้งบ่าวเหมือนเดิมเลยนะขอรับ”    “ไม่ชอบเห็นเส็งร้องไห้นี่นา” เขาว่า “ยิ้มหน่อยซี”
    เส็งยิ้มกว้างให้หลวงพินิจอย่างว่าง่าย แม้ดวงตาจะยังรื้นไปด้วยน้ำใสๆแห่งความปิติก็ตาม ปากบางสีชมพูคลี่ออกเป็นรอยยิ้มที่สวยงามได้ไม่นาน ก็ถูกปิดด้วยริมฝีปากหนาอวบอิ่มของหลวงพินิจราชอักษร รอยจูบนั้น เป็นจูบแรกในรอบร้อยปี ที่หวานที่สุด ดีที่สุด จนเส็งไม่อยากถอนปากออกจากหนุ่มคนรักเลย

    พาทิศลงบันไดมาชั้นล่าง เห็นแต่ควันไฟก็หมอบลงกับพื้น พยายามคลานต่ำเข้าไว้จะได้ไม่เป็นอะไรไป ชายหนุ่มคลานมาได้เกือบถึงประตูก็เห็นร่าง ร่างหนึ่งนอนอยู่ที่พื้น พาทิศขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างประหลาดใจว่า ในเรือนนี้ยังมีใครอยู่อีกหรือ นอกจากเขาหรือจิตรา หรือจะเป็นภาพนิมิตที่เขาเห็นไปเองอีก
    เปล่าพอเข้ามาใกล้พอที่จะเห็นหน้า พาทิศก็รู้ว่าไม่ใช่เขาเห็นนิมิตอะไรไปเองอีก แต่เป็นณัฐ ที่นอนหมดสติอยู่ตรงนั้น!
    ชายหนุ่ม รีบเข้าไปคว้าร่างนั้นไว้... เกิดอะไรขึ้น ทำไมณัฐถึงมาอยู่ตรงนี้
    “ณัฐ” เขาร้อง โวยวายออกมา “มึงเป็นอะไร เฮ้ยณัฐ ตื่นสิมึงมาอยู่นี่ได้ไง”
    ชายหนุ่มไม่รู้สึกตัวเลยแม้เพียงสักนิด พาทิศจึงลุกขึ้นรีบวิ่งไปเปิดประตูเพื่อจะออกไปให้เร็วที่สุดเพราะณัฐไม่รู้ตัวเลยอย่างนี้ อยู่นานไปเพื่อนหนุ่มจะสูดควันพิษเข้าไปมากอีก จะทนอยู่ได้นานสักแค่ไหนก็ไม่รู้ แต่พอเขาผลักประตู มันกลับไม่เปิดออก ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ล็อกกลอนเสียด้วย ซวยแล้วไหมล่ะ
    พาทิศใช้ไหล่กระแทกประตู หนักขึ้นๆกระทั่งเริ่มหอบ เริ่มหมดแรงเกินกว่าจะทนอยู่ได้เหมือนกัน ชายหนุ่มรวบรวมแรงสุดท้าย ตะโกนออกไปหวังให้คนข้างนอกได้ยิน
    “ช่วยด้วย!  มีใครอยู่บ้าง”
    ด้านนอกสร้อยฟ้ากำลังจ้องเรือนเทาที่ลุกไหม้อย่างน่ากลัว คานข้างบนหักพังลงมากองอยู่ที่ประตูหน้า บ้านทั้งหลังกำลังจะพังไปแล้ว บ้านที่หลวงพินิจรักเหลือเกิน บ้านที่เส็งเฝ้าไว้ตลอดเวลา บัดนี้มันกำลังจะกลายเป็นเพียงเถ้าธุลีไม่ต่างจากทุกสิ่งบนโลก... สุดท้ายจะเป็นอะไรก็ไม่สำคัญ เมื่อทุกอย่างย่อมจบลงอย่างที่เห็นอยู่นี้ เป็นเศษขี้เถ้า เศษผงทุลี เล็กๆเท่านั้นเอง
    จู่ๆ หล่อนก็ได้ยินเสียง อะไรบางอย่างกระแทกประตูดังตุบ ตุบ ราวกับใครสักคนติดอยู่ข้างในแล้วร้องขอความช่วยเหลือ หรือเพราะคานที่หล่นลงมาเมื่อครู่นี้จะทำให้ณัฐเปิดประตูไม่ได้ หล่อนวิ่งไปที่หน้าประตู ใกล้ที่สุดที่จะเข้าไปได้โดนไม่ถูกไฟลวก
    “ช่วยด้วย” หล่อนได้ยินเสียงผู้ชายตะโกนดังออกมาจากในตัวเรือน
    “ณัฐหรือคะ” หล่อนตะโกนถาม
    “คุณสร้อย นั่นคุณหรือ ผมพาทิศเองนะ” เข้าตะโกนลอดช่องกุญแจออกมาก “ผมติดอยู่ในนี้ ออกไปไหนไม่ได้ ณัฐสลบไม่ได้สติ คุณป้าจิตราอยู่ชั้นบน คุณมาช่วยผมที”
    ประโยครองสุดท้ายทำให้หล่อนตกใจ ชั้นบนไหนเล่า ชั้นบนมันพังลงมาหมดแล้ว ป้าจิตราจะขึ้นไปอยู่ชั้นบนได้อย่างไร!
    “คุณพาทิศ ก้มต่ำไว้นะคะ ดิฉันจะไปช่วยค่ะ” หล่อนตะโกนตอบ แม้ใจจะไม่เป็นสุข คิดมากเรื่องป้าจิตราอย่างไร หล่อนก็ไม่อาจเอามาคิดมากตอนนี้ได้นานนัก สิ่งแรกและสิ่งเดียว ที่หล่อนจะต้องทำคือ ช่วยพาทิศ และณัฐออกมาจากเรือนเทาให้ได้
    หญิงสาว เห็นประตูหน้าจะใช้การไม่ได้แล้ว ก็วิ่งไปที่รถ โชคดีที่มีทั้งน้ำทั้งผ้าเช็ดเหงื่อ หล่อนเทน้ำจนชุ่มผ้า แล้วเอาคลุมตัวไว้ วิ่งไปที่หลังบ้านทันที ประตูหลังล็อกอยู่แต่เมื่อเรียกให้ลุงอิ่มมาเปิดมันก็เปิดออกได้สบาย สร้อยฟ้าสูดหายใจเข้าเต็มปอดรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน ความชื้นจากผ้าทำให้ไฟทำอันตรายหล่อนไม่ได้มากนัก แต่ยังแสบร้อนที่ผิวอยู่จนไม่แน่ใจว่าจะไปถึงไหวหรือไม่ แต่ด้วยแรงขับอะไรก็แล้วแต่ ทำให้หล่อนมาถึงตัวสองหนุ่มพอดี
   “คุณพาทิศคะ” หล่อนตรงเข้าไปหา “คุณป้าล่ะคะ”
    “อยู่ข้างบน” เขาตอบ หายใจติดขัดเต็มที
    “แต่ข้างบนถล่มลงมาแล้วนะคะ” หล่อนว่าอย่างร้อนรน แต่พาทิศไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว เขากำลังไออย่างเป็นบ้าเป็นหลัง เพราะสูดควันพิษเข้าไปมากเหลือเกิน สร้อยฟ้าเห็นอย่างนั้นก็ได้สติ “เอ้อ เรารีบไปเถอะค่ะคุณพาทิศ คุณเดินไหวหรือเปล่า”
    ชายหนุ่มพยักหน้า ช่วยกันหิ้วณัฐไปคนละปีก
    โชคดี หรือเพราะจิตอันแกร่งกล้าของจิตราคอยคุ้มกันก็ไม่รู้ แต่สองหนุ่มหนึ่งสาวออกมาข้างนอกได้ปลอดภัย ทันทีที่ได้อากาศบริสุทธิ์พาทิศ และสร้อยฟ้าก็สูดหายใจเข้าไปเต็มปอด
    “ผมสาบานว่าต่อไปถ้าผมเห็นใครทำมลภาวะทางอากาศผมจะด่ามัน” พาทิศหอบพูดอย่างติดตลก ลืมไปว่าอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด “เพิ่งรู้ว่ามีอากาศบริสุทธิ์ให้หายใจนี่มันดีเหลือเกิน”
    “คุณพาทิศคะ” สร้อยฟ้าร้องออกมา เสียงสั่นราวกันจะร้องไห้ “ป้าของฉัน... ป้าจิตรา ชั้นบนมันถล่มลงมาแล้ว ป้าฉันจะปลอดภัยไหมคะ”
    พาทิศ ตกใจที่เห็นหล่อนจะร้องไห้ แต่ปลอบใครอย่างไรเขาก็ทำไม่เป็น
   “เอ้อ ปลอดภัยซีครับ เดี๋ยวผมจะเข้าไปดูให้”
    “เข้าๆออกๆอยู่อย่างนี้ละค่ะ ถึงได้เป็นอย่างนี้” หล่อนหมายถึงณัฐ ผู้ที่เข้าไปช่วยจิตราและพาทิศมาจนตัวเองต้องมาเจ็บเสียเอง “ทำไมพนักงานกู้ภัยไม่มาสักทีนะ”
    เหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะได้ยินคำพูดของสร้อยฟ้า ในที่สุดรถดับเพลิงก็เข้ามาถึง เจ้าหน้าที่กู้ภัย รีบตรงเข้ามาหาทุกคนตรงนั้น ทุกอย่างชุลมุนวุ่นวายไปหมดท่ามกลางเรื่องราวต่างๆ มีเพียงสองคนเท่านั้นที่สงบเหลือเกินในคืนนี้
    
     เส็งจูงมือหลวงพินิจราชอักษร อบอุ่นใจที่ได้อยู่ด้วยกันจนไม่อยากจะแยกกันสักนาทีเดียว ไม่ได้สนใจว่าในโลกแห่งความจริงนั้น ใครจะวุ่นวาย ใครจะเจ็บป่วยอย่างไร ทั้งคู่ไม่รับรู้อะไรเลย เพียงเดินอยู่ท่ามกลางหมอกควัน รู้สึกอุ่นสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ตัวเบาหวิวๆ คล้ายจะลอยขึ้นไปบนฟ้าได้
    “สรุปว่าหยาดฆ่าเส็งหรือนี่” หลวงพินิจราชอักษรถาม เมื่อเส็งเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่หลวงพินิจจากบ้านไปยุโรปให้เขาฟัง
    “ขอรับ” เขาว่า “บ่าวไปได้ยินเขาคุยกันเรื่องลูก ว่าไม่ใช่ลูกคุณหลวง คุณหยาดเธอกลัว ว่าบ่าวจะไปบอกคุณหลวงแล้วไล่เธอออกจากเรือน ก็เลยฆ่าบ่าวเสีย ได้ไปฟ้องไม่ได้”
    หลวงพินิจถอนหายใจ
    “ถ้าบอกกันดีๆ ก็คงไม่ว่าอะไรหรอก เราก็ไม่ได้รักเขาอยู่แล้ว” เขาว่า “อย่างไรก็จะไปอยู่กับเส็งที่เพชรบุรีอยู่ดี ให้เงินเขาใช้ทั้งหมดยังได้เลย ไปอยู่กันสองคนจนแก่เฒ่าไปด้วยกัน ต่อให้ไปตัวเปล่าก็คงจะดีกว่ามีเงินทองเต็มมือแต่ไม่มีคนที่เรารัก..”
    “คงไม่มีโอกาสแล้วละขอรับ”
    “ไม่มีได้อย่างไร ก็ไปกันเสียตอนนี้ยังได้เลยนี่เส็ง”
    เส็งยิ้มให้ เมื่อคุณหลวงบีบมือเขาเบาๆ
    “บ่าวรู้สึกตัวเบาอย่างไรชอบกล” เขาว่า “ไม่รู้อย่างนี้เรียกว่าจะไปเกิดใหม่ หรือเปล่าขอรับ”
    หลวงพินิจเอื้อมมือมาขยี้หัวบ่าวหนุ่มน้อยด้วยความรักสุดหัวใจ
    “จะรู้ได้อย่างไรล่ะ ไม่เคยตายนี่นา” เขาหัวเราะเสียงดัง “เอ... เคยซี แต่ต่อให้เคยก็คงจำไม่ได้แล้วละว่าต้องทำตัวอย่างไรบ้าง”
    เส็งหลบตาหลวงพินิจ เมื่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมาได้เขาก็นึกเรื่องหนึ่งได้อีก
    “คุณหยาดบอกว่า คุณหลวงอธิษฐานว่า หากเกิดชาติหน้าจะไม่ขอจำบ่าวได้ไม่ใช่หรือขอรับ” เส็งพูดเบาๆ “อธิษฐานไปอย่างนี้ ไม่กะจะรักบ่าวในชาติหน้าเลยใช่ไหมขอรับ”
   ชายหนุ่มหัวเราะ
    “ไม่ใช่อย่างนั้น ก็ตอนนั้นเข้าใจผิดนี่นา หยาดเขาบอกว่าเส็งไปหัวเมืองกับชายอื่นแล้ว เราก็น้อยใจเป็นธรรมดา” คุณหลวงหนุ่มตอบ
    “คุณหยาดนี่เธอทำกับเราไว้หลายอย่างนะขอรับ”
    “เขาผิดไปแล้วสำนึกได้ก็ช่างเถอะ” หลวงพินิจว่า “เราอโหสิกรรมให้เขาไปตั้งแต่ก่อนตายแล้ว เส็งจะยังผูกใจเจ็บอีกทำไม”
    “ไม่ผูกแล้วก็ได้ขอรับ” เขาหัวเราะเบาๆอย่างว่าง่าย
    “มาเกิดเป็นพาทิศก็ตั้งใจทำดีแล้ว ก็ดีแล้วเนอะ”
    “ขอรับ แต่มาดีตอนพักหลัง ตอนแรกๆก็ทำให้คุณที่ชื่อนัดเสียใจมาแล้วกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง” เขาว่าเบาๆ แต่คุณหลวงไม่ต่อบทสนทนา อาจเพราะไม่สนใจจะคุยเรื่องนี้อีก จึงเงียบไปในที่สุด เส็งพลิกตัวกลับไปหาคุณหลวง กอดเขาไว้แนบกาย พิงศีรษะซบลงกับอกผึ่งผายของชายหนุ่ม ว่าจะไม่พูดอะไรปล่อยให้ได้ยินแต่ความเงียบที่แสนสงบและเปี่ยมสุขไปอย่างนั้น แต่ก็ห้ามปากไว้ไม่ได้
    บ่าวหนุ่มน้อยถอนตัวออกจากอ้อมกอดของหลวงพินิจเอ่ยถามว่า
    “คุณหลวงขอรับ ถ้าหากไปเกิดแล้วจำกันไม่ได้จริงๆ อย่างนี้จะทำอย่างไรดีขอรับ”
    หลวงพินิจยังไม่ตอบในทีเดียวแต่ รวบเส็งไปกอดไว้หลวมๆอีกครั้งจากข้างหลังแนบดวงหน้าลงข้างแก้มเส็ง หอมแก้มเนียนใส ที่มีกลิ่นหอมจางๆ ของ
น้ำอบ วางคางเกยไว้บนไหล่ขาวเนียน แล้วก็พูดเบาๆที่ข้างหู
    “ถ้าให้ตอบตรงๆเราจะบอกว่า เราจะไม่ทำอะไรเลย” เขากระซิบแผ่วเบา เนียนนุ่ม ราวผ้าแพรสีขาวนวลที่เคยห่มร่างทั้งสองให้หลับสบายทุกคืน “เพราะเราได้เกิดมาเจอเส็งชาติหนึ่งก็ดีพอแล้ว ได้รู้ว่ารักเป็นอย่างไร ตายไปแล้วก็ไม่เสียดายชีวิต ว่าอย่างน้อยเกิดมาชาติหนึ่ง ก็ได้รักใครสักคนมากมายเหลือเกิน และที่สำคัญคือคนที่เรารักนั้น ก็รักเราตอบเช่นกัน 
   ความรักของเราสองคนมีค่ามากนะ ไม่เหมือนความรักของคนอื่นที่แต่งไปก่อนแล้วก็รักกันเอง หรือรักฉาบฉวย นอนด้วยกันครั้งหนึ่งแล้วก็จบกันไป แต่เราฝ่าฟันอุปสรรคมาเยอะแยะมากมายเหลือเกิน จะด้วยเรื่องฐานะของเราที่เป็นนายบ่าวกัน เพศของเราที่เหมือนกัน เรื่องของค่านิยมในสังคม เรื่องของครอบครัว มีคนกีดกัน มีคนอิจฉา มีคนไม่เต็มใจให้เราอยู่ด้วยกันก็มากมาย แต่ดูเอาซี เราไม่เคยไม่อยากรักเส็ง ไม่เคยท้อต่ออุปสรรคแล้วอยากเลิกง่ายๆ เราดีใจที่มีเส็ง อุ่นใจที่มีเส็ง ภูมิใจที่มีเส็ง วันนี้แม้ผ่านมาร้อยกว่าปีแล้วเราก็ยังรักกันเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
    จนเราไม่อยากมีรักอีกครั้ง เพราะเราไม่แน่ใจว่า เมื่อเราได้รักในครั้งใหม่แล้ว รักนั้นจะเหมือนรักของเรากับเส็งหรือเปล่า ถ้าหากมันไม่ดีเท่า เราก็จะเสียใจ แต่หากมันดีกว่ามีความสุขกว่า ได้มาง่ายกว่า มันก็จะทำให้เรามองรักในชาตินี้ของเรามีค่าน้อยลง เราไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น
    เราถึงอยากหยุดตรงนี้ หยุดที่เส็ง ไม่อยากรักใครอีกเลย”
    เงียบไปนานเหลือเกิน จนเส็งไม่รู้ว่า นานขนาดไหน สู้เวลาร้อยปีที่เขารอหลวงพินิจได้หรือไม่ รู้แต่คำพูดของคุณหลวงหนุ่ม ไม่ต่างอะไรจากฝนที่ตกลงมาหยดแรกของชาวนา ข้าวที่ได้กินเม็ดแรกของขอทาน และ ... อะไรเล่าที่มันมีค่าและมีความสุขได้มากพอจะเอามาเปรียบได้อีก
    “เงียบไปเลย หลับแล้วหรืออย่างไร ฟังเราพูดเสียนานเทียว”
    “เปล่าขอรับ บ่าวแค่... บ่าวรักคุณหลวงขอรับ” คำเดียวของเส็ง เท่ากับความรู้สึกในเวลาหนึ่งปีที่ใครคนหนึ่งจะพูดกันได้ ลึกซึ้ง จริงใจ และมีค่าเหลือเกิน
    “เราก็รักเส็ง” เขาว่าเบาๆ
    ไม่รู้เหมือนกันว่ามีใครมาบอก หรือ มีอะไรแนะนำเขาอย่างไร แต่เมื่อแสงสว่างสีทองเจิดจ้าฉาดฉายขึ้นด้านทิศตะวันออก หลวงพินิจกับเส็งก็หันไปมองพร้อมกัน แสงสีทองฉาบหน้าของทั้งคู่ดูคล้ายรูปปั้นปิดทองที่สวยและมีค่ามากที่สุด สำหรับกันและกัน หลวงพินิจราชอักษรเอื้อมมือไปจับมือเส็ง
    พนักงานดับเพลิง ดับไฟที่ทำให้บ้านหลังนั้นมอดไหม้ไม่เหลือเค้าเดิมไปหมดสิ้นแล้ว บ้านนั้นไม่เหลืออะไรที่ดูเหมือนเดิมอีก ไม่มีเครื่องเรือน ไม่มีผนัง พื้นพรมหรืออะไรก็ตาม ไม่มีแม้แต่ร่างที่ไร้ชีวิตของจิตรา ทิ้งไว้แต่ขี้เถ้า เศษไม้ที่ไหม้เกรียมเป็นสีดำสนิท เมื่อแสงเงินแสงทองพ้นขอบฟ้าขึ้นย้อมท้องฟ้ายามเช้ามืดเป็นผ้าไหมสีเงินเดินดิ้นทองนั้น เรือนเทาของหลวงพินิจราชอักษรก็ได้จากไปแล้ว
พร้อมน้ำตา และหมอกควัน และความรัก … จากไป พร้อมๆกับเจ้าของของมันเอง
    “ถึงเวลาแล้ว” หลวงพินิจกระซิบแผ่วเบา “พร้อมหรือเปล่า”
    “พร้อมขอรับ” เส็งกระซิบตอบ กระชับมือของเขาเข้ากับหนุ่มคนรัก
    “ไม่ว่ามันจะพาเราไปไหน หรือไปเป็นใครอีกก็ตาม...”
    “...เราก็จะยังคงรักกันอย่างนี้ ตลอดไป”
    ทั้งคู่ยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินเคียงข้างกันไปยังทิศทางของแสงนั้น ไม่รู้จริงๆว่ามันจะพาเขาไปไหนกัน แต่ก็มั่นใจจริงๆว่าทั้งคู่จะได้เจอกันอีก ได้รักกันอีก ได้มีกันและกันอย่างนี้ไปอีก ทุกภพ ทุกชาติไป...

    ***************************************************************

จบลงไปแล้วนะครับ กับเรื่องราวความรักระหว่าง เส็ง-คุณหลวง-คุณหยาด
หลายๆคนเดาตอนนี้ไว้ถูกเผ็งเลยครับ เก่งมากๆ : )

ถึงรักสามเศร้าในชาติก่อนจะจบไปแล้ว
แต่รักสามเศร้าในชาตินี้ : พาทิศ-ณัฐ-สร้อยฟ้า ยังไม่จบนะครับ ใครเอาใจช่วยพาทิศอยู่ วันอาทิตย์นี้พบกันในบทที่ 32 ครับ
สำหรับใครที่เต็มอิ่มกับคู่คุณหลวงแล้วก็ตามไปเอาใจช่วยพาทิศเขาหน่อยนะครับผมม

ปล. ปางบรรพ์ จะ อวสานในวันที่ 27 ครับ เหลือ อีก 2 บทอิอิ ใครยังไม่เบื่อผมก็ตามมาอ่านนะคร้าบบบ รักทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Pamphlet ที่ 20-01-2011 22:57:11
ดีจังเลยในที่สุดคุณหลวงกับเส็งก็ได้เจอกันจนได้...(ป้าจิตราเป็นคุณหลวงจริงๆด้วยแฮะ)
แต่แอบเศร้านิดๆเหมือนกันค่ะที่ป้าจิตราจะต้องจบชีวิตลงแค่นี้
ส่วนเรื่องณัฐกับพาทิศก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไปหวังว่าทั้งคู่จะได้อยู่ด้วยกันนะคะ
แต่แอบกลัวเล็กๆอยู่เหมือนกันว่าณัฐอาจจะต้องไปแต่งงานกับสร้อยแล้วพาทิศจะต้องอยู่คนเดียว
อยากให้เรื่องนี้จบแบบแฮปปี้มากๆเลยค่ะทุกคนเจ็บมาเยอะแล้ว
เข้าใจในส่วนสร้อยที่ว่าไม่เหลือใครแล้วและก็รักณัฐมากแต่พาทิศก็เป็นคนที่มาก่อนแต่ณัฐสัญญากับป้าจิตราไปแล้วเหมือนกันว่าจะดูแลสร้อย  :เฮ้อ:
ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี จะรออ่านตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 20-01-2011 23:12:17
 :impress2:เส็งคุณหลวงจบด้วยความสุขขขขขขขขขข


พาทิศกับณัฐเท่านั้นนนนนนนนนนนนนนน   o13


สร้อยฟ้าถอยออกไปปปปปปปปปปปปป :serius2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 20-01-2011 23:14:03
ทำไมถึงอวสานเร็วนักนะ
 เศร้า  ซึ้ง  สมหวัง  หลากหลายจริง ๆ ตอนนี้
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 20-01-2011 23:19:39
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 20-01-2011 23:28:00
 :sad11:
สงสารเส็งกับคุณหลวงจัง...ขอให้ได้เจอได้รักกันทุกชาติไป
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 20-01-2011 23:30:34
อย่างน้อยๆสุดท้าย คุณหลวงกะเส็งก็มีความสุขน๊าาา
รอสามเส้า ของณัฐ กะพาทิศนี่หล่ะ ลุ้นให้คู่กันอ่ะ T^T
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: dezzetoeiiz ที่ 20-01-2011 23:40:25
แฮร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :m3: :m3:

ไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องราวของเส็งกับคุณหลวงจะจบลงไปแล้วจริงๆ ยังอยากให้มีต่ออยู่เลยล่ะค่ะ -*-
แต่ในเมื่อทั้งคู่ได้พบกันแล้ว ได้ไปยังที่แห่งนั้นพร้อมกันแล้ว ก็คงไม่มีอะไรต้องห่วงอีก ชาติหน้าเกิดมา ยังไงก็คงจะเจอกันอีกเป็นแน่แท้
สุข สมหวังกันทั้งคู่ หลังจากเจ็บปวดทรมานมาเป็นร้อยๆปี แล้วป้าจิตราหายไปซะเฉยๆแบบนั้นเหมือนข้ามภพไปเลยหรือคะ

ส่วนอีกสองตอนที่เหลือจะเป็นของพาทิศล้วนๆเลยรึเปล่าคะ สำหรับคนสำนึกผิดอย่างจริงใจ จะหมั่นทำความดีตอนนี้ก็คงไม่สายเกินไปนัก
บทเส็งจะว่าง่ายล่ะก็นะ พูดคำเดียวก็รู้เรื่องจริงๆ

เราล่ะอยากให้มี side story เหมือนเรื่องเล่าจากความฝันของคุณนุ่นจริงๆเลยค่ะ แต่หากจะให้มันยุติลงตรงนี้ ก็จะถือว่าจบบริบูรณ์แล้วล่ะเนอะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: sornvat ที่ 20-01-2011 23:45:07
ซึ้ง
อิน
อ่านแล้วอิ่มใจ เมื่อจะมีรักก็ขอให้มันเป็นรักแท้แบบนี้..^^
ขอบคุณคนเขียนครับบบ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: PsychicLine ที่ 20-01-2011 23:51:00
“เรากลับมาหาแล้วนะเส็ง...”

ร้องไห้เลย  :m15: ฮือออออออ............................

เราเดาป้าจิตราถูกด้วยล่ะ แต่เพิ่งเดาได้เมื่อสองตอนก่อนหน้านี่แหละ 55
ตั้งแต่อ่าคำอธิษฐานของหยาด ก็รู้เลยว่าพาทิศกับณัฐคงเป็นหยาดกับเทิด
แต่เรื่องคุณหลวงตอนนั้นเดาไว้สองคนคือคุณผ่านฟ้ากับป้าจิตรา
จะติดตามต่อไปนะ ขอบคุณสำหรับเรื่องที่มีข้อคิดดีดีแบบนี้  :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 21-01-2011 00:03:44
มีความสุข เข้าใจกันไปหนึ่งคู่
มารอลุ้นช่วยพาทิศ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 21-01-2011 00:21:42
ไม่มีต่อ พิเศษ คุณหลวง กับเส็งตอนเกิดใหม่อีกเสียหน่อยหรือเจ้าคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 21-01-2011 00:34:23
^
^
^
แอบเชียร์เหมือนเม้นข้างบนค่ะ จริงๆแอบอยากให้มีต่อภาคเส็ง-คุณหลวงเกิดใหม่เลยอ่าค่ะ น่าประทับใจ อิอิ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 21-01-2011 00:45:04
ดีใจแทนเส็งกับคุณหลวง ในที่สุดก็ได้เจอกัน มีความสุขไปแล้วหนึ่งคู่
ทีนี้ก็เหลือคู่ณัฐกับพาทิศแล้ว อยากให้คู่นี้สมหวังกันจังค่า
สงสารพาทิศ ชาติที่แล้วไม่สมหวังในความรัก ชาตินี้ก็อยากให้สมหวังบ้างจังค่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 21-01-2011 02:07:01
ในที่สุดเส็งกับคุณหลวงก็ได้เจอกันซะที ดีใจด้วย  :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

แต่เหมือนยังไม่อิ่มกับทั้งคู่เลยค่ะ ขอตอนพิเศษตอนทั้งคู่มาเกิดใหม่หน่อยได้ไหมค่ะ ไรเตอร์  :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: w1234 ที่ 21-01-2011 03:04:19
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 21-01-2011 06:55:56
บวกให้ค่า ป้าจิตราสุดยอดมากกกกกกกกก
ภาคปัจจุบันถ้าพาทิศรู้ว่าณัฐกับสร้อยฟ้ารักกัน พาทิศคงหลีกทางแน่เลย คงไม่อยากเป็นเหมือนอดีตอีกแล้ว >"<
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 21-01-2011 07:27:25
+1 ให้ไรเตอร์

สุขใจกับเส็งและคุณหลวงจริงๆ   :กอด1:

อยากได้ตอนพิเศษที่คุณหลวงกับเส็งได้เกิดใหม่และกลับชาติมาเจอกันจัง...

หวังว่าไรเตอร์จะใจอ่อนน๊ะจ๊ะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 21-01-2011 07:39:18
 :monkeysad: ซึ้งมากกกกก
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 21-01-2011 09:27:30
+1 ให้คนแต่งด้วยค่า
จบในส่วนของคุณหลวงกับเส็ง ได้อย่างงดงาม

จะตามไปเชียร์ในส่วนของ พาทิศ+ณัฐ+สร้อยฟ้า
ด้วยแน่นอนค่ะ

เห็นด้วยกับรีบนๆ อยากได้ตอนพิเศษที่คุณหลวงกับเส็ง
จะได้เจอกันอีกครั้งด้วยคนนะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 21-01-2011 11:58:31
ชอบคำพูดสุดท้ายของคุณหลวงมาก  :impress2: ที่ว่า
"อยากหยุดตรงนี้ หยุดที่เส็ง ไม่อยากรักใครอีกเลย"
  :L1:
พอมองดูตัวเองแล้วก็  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 21-01-2011 13:21:44
ซาบซึ้งตรึงใจบอกไม่ถูก :monkeysad:
ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้ แม้ต้องใช้ความพยายามสูงมากๆๆๆๆๆ
ได้อ่านในบอร์ดของg-gang แล้วมาต่อที่นี้ก็ยังลุ้นว่าจะจบแบบไหน
ขอบคุณไรเตอร์ที่สร้างสรรค์เรื่องดีๆมาให้อ่านครับ
 :L2: :3123: :L1:
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมจริงๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 21-01-2011 15:39:23
ทั้งๆที่เกลียดหยาดในชาติที่แล้วมาก แต่กลับสงสารพาทิศซะงั้น
ถ้าเกิดว่าคนทำผิดยอมรับผิด และแก้ไขตัวเองได้ก็น่าจะได้รับการอภัยใช่ไหม
แต่ว่าบางเรื่องก็ไม่สมควรให้อภัยเช่นกัน เฮ้อออออ
แล้วถ้าณัฐกับสร้อยฟ้าจะได้ครองคู่กันในอนาคต คิดว่าพาทิศคงถอนตัว เพราะไม่อยากให้วงล้อชีวิตแบบชาติก่อนเกิดขึ้นซ้ำอีกเป็นแน่
แต่ยังไงก็ยังเชียร์พาทิศกับณัฐอยู่ดี ฮึกกกกกก
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 21-01-2011 18:31:54
ซึ้งในความรักของคุณหลวงและเส็ง อึ้งค่ะที่คุณป้าเป็นคุณหลวง

p.s คุณไรท์เตอร์เขียนชื่อสร้อยฟ้าผิดเป็นหยาด
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 21-01-2011 18:47:25
คุณป้าเป็นคุณหลวงหรือนี่ อึ้งไปเลย

จบเรื่องของคุณหลวงกับเส็งได้งดงามมากค่ะ อ่านแล้วอินเลย

ไปเกิดใหม่ก็ขอให้กลับมารักกัน อยู่ด้วยกันทีเถอะ

ส่วยพาทิศนี่แอบสงสาร ให้ได้คู่กับณัฐเถอะค่ะ

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 21-01-2011 22:32:10
 o13 Happy Ending ไปแล้ว 1 คู่

แล้วพาทิศกับณัฐล่ะ เฮ้อ

 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 21-01-2011 22:46:35
ในที่สุดคุณหลวงกับเส็งก็ได้อยู่ด้วยกันรักกันตลอดไป.. คงไม่มีอะไรจะสุขไปได้มากกว่านี้อีกแล้วล่ะ
และแล้วสุดท้ายป้าจิตราก็คือคุณหลวงนี่เอง
เสียใจนิดหน่อยที่ป้าจิตราต้องตาย ไม่เหลือกระทั่งศพด้วยซ้ำ  :sad4:
แต่อย่างน้อยก็มีความสุขนี่นะ ดีจริงๆ ไ้ด้อยู่กับคนที่รักตลอดไป
ส่วนอีกคู่.. ขอเป็นพาทิศณัฐเถอะค่ะ สร้อยฟ้าอย่าเลย  :serius2:
แอบใจหายนิดหน่อยนะคะเนี่ย จะจบแล้ว
ไม่อยากให้จบเลย อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ ชอบมากๆเลยค่ะ
ว่าแต่ จะรวมเล่มรึป่าวคะเนี่ย? ถ้ารวมเราขอจองไว้ก่อนเลยเล่มนึง
รอตอนต่อไปนะคะ ขอพาทิศณัฐเถอะน๊า  :impress2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Miku ที่ 22-01-2011 01:21:27
ขอให้รักกันทุกชาติไป

เต็มอิ่ม ดื่มด่ำ หวานล้ำ และลึกซึ้ง

ในที่สุดการรอคอยของเส็งก็สิ้นสุดลงเสียที

ขอให้ชาติหน้าของพวกเขาได้รักกันอย่างที่อธิฐานด้วยเถอะค่ะ เอาใจช่วยมาจนจบแล้ว
รู้สึกดีมากๆ ที่ได้ตามอ่านเรื่องนี้

ตอนนี้คงไม่ต้องฟังเพลงนางครวญแล้ว ฟังเพลงคำหวาน ดีกว่า

ขอบคุณคนเขียนนะคะที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้มาให้ เรายังชอบมากตรงบทเพลงยางที่เขียนจีบกัน
แบบว่าแต่งได้ไง เก่งมากเลย  ทำเอาเราต้องไปหาเพลงไทยเดิมเพราะๆมาฟังอินบรรยากาศตามไปด้วยเลย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 22-01-2011 14:03:44
ชอบเรื่องนี่จังให้อารมณ์จริงๆ คือเข้าใจว่าเมื่อก่อนนุ้นๆๆ เรื่องอย่างนี่มันรับกัน เขียนออกมาดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Jploiiz ที่ 22-01-2011 17:40:51
ในที่สุดคุณหลวงกับเส็งก็ได้เจอกันซะที
รักสามเศร้าคู่นี้จบอย่างมีความสุขแล้ว
ชอบคำพูดของคุณหลวง  :-[

ทีนี้ก็เหลือสามเศร้ายุคปัจจุบัน
ณัฐเริ่มรักสร้อยฟ้าแล้วหรอ? หรือยังไง?
คำพูดที่บอกว่าจะดูแล
ง่ะ อยากให้พาทิศคู่กับณัฐ
อย่างน้อยพาทิศก็สำนึกแล้วที่แยกคนรักเขาออกจากกัน
พาทิศเองก็คงอยากรักใครซักคนจริงๆ เหมือนกัน
แล้วพาทิศก็เริ่มรักณัฐแล้วนิ?
อีก 2 ตอน ไม่อยากให้จบเลยค่ะ  :เฮ้อ:
ชอบเรื่องนี้มากๆ มีปมให้ขบคิดเยอะดี เดาไปเรื่อยด้วย ๕๕

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: jobi ที่ 23-01-2011 07:21:00
อะเมซิ่งมากมาย คุณป้าจิตราเป็นคุณหลวง
ณัฐไปรับปากดูแลสร้อยฟ้า แล้วกับพาทิศล่ะจะทำไง
ใกล้จบแล้ว ไม่อยากให้จบเลย
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 23-01-2011 18:29:34
ณัฐรับปากว่าจะดูแลสร้อยฟ้า แล้วพาทิศล่ะณัฐจะทำยังไง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 23-01-2011 21:29:28
         
๓๒   
เรื่องของหลวงพินิจราชอักษร กับเส็งจบไปแล้ว  แต่เรื่องของพาทิศ ณัฐ และสร้อยฟ้ายังไม่จบลงด้วย
    ชายหนุ่มหน้าใสสะอาดราวตุ๊กตา นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงในห้องพัก ห้องหนึ่งของโรงแรมเกต ออฟ พาราไดส์ มีหญิงสาวลูกเจ้าของโรงแรมนั่งอยู่ข้างเตียง กุมมือเขาเอาไว้หลวมๆ ราวกับกลัวว่าหากจับแรงกว่านี้ ชายหนุ่มที่หลับไม่รู้เรื่องจะฟื้นขึ้นมาร้องโอย อย่างนั้น หญิงสาวนั่งเก้าอี้แต่ฟุบหน้าลงบนเตียงข้างๆชายหนุ่ม หล่อนไม่ได้หลับ แต่เหนื่อยใจเกินกว่าจะลุกขึ้นนั่งตรงๆได้ ต่อให้ดูเข้มแข็งเพียงไร หล่อนก็ยังเป็นหญิงสาวที่อ่อนไหวไม่ต่างจากสตรีเพศทั่วไปอยู่ดี
    หล่อนเสียพ่อไป ไม่กี่เดือน บัดนี้ก็เสียป้าผู้เปรียบเสมือนแม่ที่เลี้ยงหล่อนมาแต่เด็กๆไปด้วยอีกคน เมื่อยอมรับกันตามตรงแล้ว หล่อนต้องบอกว่า หล่อนเสียใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้ มากกว่าครั้งที่เสียพ่อมากนัก คงเพราะรู้สึกผูกพันกับป้ามากกว่าพ่อเหลือเกินกระมัง
    น้องสาวของสร้อยฟ้า ยืนพิงกำแพง นิ่งเงียบ หน้ามองเพดานสีหน้าหมดอาลัย แต่ไหนแต่ไรมาหล่อนไม่เคยชอบป้าของหล่อน เพราะหญิงชราผู้นั้น ทั้งเคร่งครัด คร่ำครึ และประหลาดลึกลับ อย่างที่หล่อนไม่มีวันเข้าใจและไม่อย่ายุ่งสุงสิงด้วยถ้าหากว่าเลือกได้ แต่กระนั้น เมื่อไม่มีจิตราเสียแล้ว  หล่อนก็อดใจหายไม่ได้ เพราะจะว่าไปจิตราก็สนิทกับหล่อน พอๆกับที่หล่อนสนิทกับแม่ เพียงแต่ไม่ได้รัก ไม่ได้ผูกพันจึงไม่ได้เสียใจขนาดร้องไห้คร่ำครวญเท่านั้น
    สองสาวเงียบตั้งแต่ออกจากบริเวณเรือนเทามา บ้านทั้งหลังเหลือเพียงตอไม้ และเศษอิฐดำๆ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น น่าเสียดายข้าวข้องที่แพงแสนแพงมาจากต่างประเทศ หลายๆชิ้น หนังสือดีๆหลายเล่ม รวมถึงเสียดายความสำคัญของความเป็นอนุสรณ์สถานแห่งรักข้ามภพ ข้ามชาติของเส็งและหลวงพินิจด้วย
    สองพี่น้องไม่คิดถามอะไรพาทิศว่าเหตุการณ์เป็นมาอย่างไรบ้านถึงมาไฟไหม้เสียทั้งหลังอย่างนั้น รวมถึงเกิดอะไรขึ้นในบ้าน และเครื่องลายครามมันมีอะไร เรื่องของคุณหลวงและเส็งจบอย่างไร ไม่มีใครอยากรู้ในเวลานี้ พอรถดับเพลิงจากไปแล้ว สร้อยฟ้าก็วิ่งเข้าไปหาร่างของป้าของหล่อน แต่ก็อย่างที่กลัวไว้แต่แรก หล่อนไม่พบจิตราเลย ไม่พบแม้แต่ร่างที่ไร้ชีวิตด้วยซ้ำ
    ในเมื่อมีแต่ความอาลัยหญิงชราผู้ล่วงลับ และเป็นห่วงชายหนุ่มที่นอนสงบอยู่บนเตียง ไม่ฟื้นเพราะหายใจเอามลพิษเข้าไปเสียมากมาย หญิงสาวจึงตัดสินใจมาที่โรงแรมเพื่อตั้งหลักกันเสียก่อน ไม่กล้าโทรบอกจิตมาศว่าอะไรเป็นอะไร อาจรอให้ถึงพรุ่งนี้ หรือเย็นๆวันนี้คงต้องบอก
    ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด นั่งอยู่บนโซฟาอย่างรู้สึกผิด ผิดทั้งกับคนในอดีต ผิดทั้งกับคนในปัจจุบัน นึกรังเกียจตัวเอง หมดอาลัยตายอยากไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อไปดี เขาทำผิดกับใครต่อใครไว้มากอย่างนี้ ไม่กล้าจะสู้หน้าใครเลย โดยเฉพาะสร้อยฟ้า ที่ต้องมาเสียป้าไปอย่างนี้ แม้แต่ณัฐ เมื่อฟื้นขึ้นมาจะมองหน้าเขาติดหรือไม่เมื่อรู้ว่า เขาคือหยาด ฆาตกรเลือดเย็นคนนั้น เขาไม่ได้ฆ่าแค่เส็ง และหลวงพินิจในอดีตชาติเท่านั้น แต่ยังเท่ากับว่าฆ่าป้าจิตราไปด้วยอีกคน และยังเป็นเหตุให้เรือนเทาพังมลายลงไปทั้งหลังอีกต่างหาก
    ชายหนุ่มซุกหน้าลงกับฝ่ามือ เมื่อเห็นว่าห้องเงียบมานานก็เงยหน้าขึ้น ทำลายความเงียบเป็นคนแรก
    “ผมขอโทษคุณสร้อยฟ้ากับคุณสร้อยสุวรรณด้วย” เขาเอ่ยเบาๆ อย่างไม่แน่ใจว่าควรหรือไม่อย่างไร “ผมผิดเอง ผมเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด”
    สร้อยฟ้าเงยหน้าขึ้นพูดทั้งน้ำตา
    “ไม่หรอกค่ะคุณพาทิศ คุณไม่ผิดหรอก” หล่อนกระซิบแผ่วเบาราวกับไม่มีแรงจะทำอะไรแม้แต่เอ่ยปากพูด “เรื่องนี้ไม่มีใครผิดสักคนค่ะ เราต่างก็มีเวรมีกรรม ทำมาไว้ร่วมกัน จึงต้องมารับผลของมันอย่างในวันนี้ ดิฉันไม่คิดโทษใครหรอกค่ะ”
    หล่อนหายใจเข้าอย่างยากลำบากก่อนจะพูดต่อ
    “เรื่องป้าจิตรา ถ้าจะโทษก็เป็นความผิดของดิฉัน ที่ปล่อยให้คุณป้าเข้าไป” พูดไปก็อดใจหายไม่ได้ หล่อนยกมือปิดปาก สะอื้นไห้อย่างหน้าสงสาร เผลอบีบมืออีกข้างกระชับแน่นเข้ากับมือของณัฐ
    แสงอาทิตย์ สาดพ้นมุมตึก เข้ามาในห้อง เพราะม่านเปิดเอาไว้กว้างมันจึงไม่ได้ช่วยบังแสงไว้ได้เลย รังสีจากแสงอาทิตย์กระทบลงกับใบหน้าของชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงเต็มๆ หนุ่มผู้นั้นขมวดคิ้วแน่น อย่างกับว่าเปลือกตาที่กั้นเขากับแสงอาทิตย์นั้นมันบางเกินไปอย่างไรอย่างนั้น
    ชายหนุ่มจะยกมือขึ้นบังแดดก็พบว่า มีมืออีกมือกุมมือเขาไว้
    น่าแปลกที่ว่า แทนที่จะคิดว่าเจ้าของมือนั้นเป็นเพื่อนหนุ่มที่ สนิทกันมาตั้งแต่เล็กๆ ณัฐกลับคิดถึงหญิงสาวผู้ที่รู้จักกันมาไม่นาน เขาลืมตาขึ้น กระซิบคำว่า “คุณสร้อย ผมสัญญาแล้วว่าจะไม่ทิ้งคุณไป”
    เขาลืมตาขึ้นเห็นหญิงสาวกุมมืออยู่ข้างเขาจริงๆ ก็อุ่นใจ ส่งยิ้มกว้างให้หล่อนไม่ได้สนใจว่ามีคนอยู่ในห้องนั้นอีกกี่คน
    “คุณสร้อย คุณป้าจิตราอยู่ไหน... หรือผมเข้าไปช่วยท่านไม่ทัน”
    หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตากับน้องสาว สร้อยสุวรรณก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากตอบ “คุณป้าท่านไปสบายแล้วค่ะ” หล่อนยิ้ม “ท่านคงดีใจที่ได้ไปสวรรค์พร้อมกับเรือนเทา”
    ณัฐ ตกใจ ผงกหัวขึ้นพบพาทิศที่นั่งอยู่ที่โซฟาปลายเตียง ก็รู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาในใจ อดคิดไม่ได้ว่า เพราะชายหนุ่มคนนี้แท้ๆที่ทำให้เรื่องทั้งหมดทั้งสิ้นมันวุ่นวายไปได้ถึงเพียงนี้
    “ใครช่วยผมออกมาจากบ้านครับ” ชายหนุ่มหันไปพูดกับสร้อยฟ้า
    “เอ้อ...”
    “คุณสร้อยเขาเข้าไปช่วย” พาทิศเป็นคนตอบ “กูลงมาก็เจอว่าประตูเปิดไม่ได้แล้ว คุณสร้อยเขาเข้ามาช่วยจากประตูหลัง”
    ชายหนุ่มเดินเข้ามาที่เตียง ส่งสายตาหาสร้อยฟ้าเป็นเชิงบอกว่า ให้ณัฐรู้ไว้แค่นี้ก็คงพอแล้ว    “ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม”
    “ก็เกือบตาย” เขาว่า ไม่มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า ... เพื่อนหนุ่มที่เขารักคนนี้ จะทำร้ายเขาไปถึงไหนกันนะ
    “ณัฐกูขอโทษ”
    “ไม่เห็นต้องขอโทษเลย” เขาว่าเบาๆ อย่างน้อยใจ “ขอโทษกี่ครั้งก็ยกโทษให้ทุกครั้ง คราวหลังถ้าทำผิดอีกก็ไม่ต้องขอโทษแล้วนะรู้ไหม เพราะยังไงก็ต้องอภัยให้อยู่ดี”
    พาทิศฟังอย่างนั้นก็ตกใจ ไม่คิดว่าณัฐจะโกรธเขามากถึงเพียงนี้ คิดว่าณัฐจะรู้ คิดว่าณัฐจะเข้าใจเขาเสียอีก พาทิศรู้สึกน้อยใจขึ้นมาครั้งแรกตลอดเวลาที่คบกับณัฐ เขาเป็นฝ่ายทำให้หนุ่มผู้นั้นเสียใจมาโดยตลอด มาครั้งนี้พอถึงตาเขาบ้าง ณัฐก็ช่างทำร้ายเขาให้เจ็บใจได้ผลดีนัก แววตาเย็นชาที่มองจ้องกลับมา ต่างไปจากดวงตาที่อบอุ่น เป็นมิตรที่ใช้มองสร้อยฟ้าราว ฟ้ากับเหว นึกย้อนไป ก็เหมือนเวลาที่พาทิศอยู่กับเป๊ก หรือเด็กอื่นๆของเขาไม่ต่าง  เมื่อณัฐหึงหวงเขาพาทิศก็จะมองด้วยแววตาเย็นชาไม่สนใจอะไร แล้วกลับใช้สายตาที่อ่อนโยน เปี่ยมไปด้วยความรัก ที่ควรจะมอบให้กับณัฐแต่เพียงผู้เดียว ไปใช้มองคนอื่นๆที่ผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่ได้มีความหมายนอกจากเครื่องฆ่าเวลาเท่านั้น
    โดนเข้ากับตัวเองคราวนี้ พาทิศก็รู้ซึ้ง และเข้าใจดีแล้วว่าเพื่อนหนุ่มรู้สึกอย่างไร เขาจึงไม่คิดจะโกรธเพื่อนหนุ่มตาโต ผิวขาวสะอาดคนนี้เลย
    “หวังว่าคงไม่เป็นอะไรมากนะ” เขาว่าเบาๆ “ขอโทษทุกคนที่ดื้อรั้น ไม่ยอมฟังคุณป้า จนวันนี้ ที่ต้องเสียทั้งคุณป้า ทั้งเรือนเทา ทั้งความรู้สึกดีๆของทุกคนไป ผมเข้าใจแล้วว่าผมเป็นคนผิดเองทั้งหมด และไม่คิดจะขอให้ทุกคนให้อภัย หวังว่าทุกคนจะหายเศร้าเพราะผมเร็วๆนี้นะครับ”
    ชายหนุ่มทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ไม่มีโอกาสอยู่ฟังคำอธิบาย หรือคำให้อภัยของใคร สิ่งที่เขาทำไปทั้งในอดีตชาติในฐานะหยาด และ ปัจุบันชาติ ในฐานะของพาทิศ มันไม่ควรค่าต่อการให้อภัยจากใครเลย เขาเดินออกจากห้องนั้น เดินลงจากตึกไป ยังไม่คิดจะกลับมาเจอสามคนนี้อีกเร็วๆนี้
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 31: เส็ง...คุณหลวง...หยาด รักสามเศร้าครั้งนี้จะจบอย่างไร เข้ามา!! 22.45 - 20/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 23-01-2011 21:30:39
   งานฌาปนกิจของจิตรา จัดขึ้นที่วัดหนึ่งใกล้กันกับบ้านของหล่อน  ไม่กี่วันหลังจากนั้น แขกเหรื่อมากันมากมายอย่างสมเกียรติ ตัวหล่อนนั้นแม้จะเคยเป็นคนไม่ดีไม่มีใครรักมาก่อนในอดีต แต่ก็กลับใจได้เร็ว และปฏิบัติตนเป็นคนดีมาตลอด ทำให้คนทั่วไป ไม่คิดจะตำหนิ หรือโกรธเกลียดหล่อน ต่างพากันให้อภัยสรรเสริญยกย่องหล่อนจากใจจริงกันทั้งนั้นศาลาที่ไว้ศพจึงแน่นขนัดไปหมดในวันนี้
    สร้อยฟ้า และสร้อยสุวรรณ ซึ่งปกติจะแต่งหน้าแต่งตัวจัด กลับใส่ชุดเดรสสีดำแค่เข่าง่ายๆ แต่งหน้าอ่อนๆทั้งสองคน ดูแปลกตาสำหรับแขกทั้งหลาย สองสาวคอยยืนช่วยแจกธูปเทียนให้ไหว้ศพกันอยู่อย่างพยายามไม่ให้บรรยากาศดูหดหู่นัก แต่ก็ได้แต่พยายาม หล่อนไม่อาจทำให้งานนั้นดูหดหู่น้อยลงได้จริงๆหรอก
    ใครก็อาลัยจิตรา ใครก็รักและเคารพหล่อนกันทั้งนั้น
    จิตมาศ เป็นเจ้าภาพในวันนี้ หล่อนคอยเดินต้อนรับแขกเหรื่ออยู่ได้ไม่นานนักก็เหนื่อยอ่อนต้องเดินไปนั่งพักที่เก้าอี้แถวหน้า ปล่อยให้หน้าที่รับรองแขกเป็นของหนุ่มน้อยที่หล่อนเพิ่งจะรู้จัก แต่ถูกชะตาอย่างเหลือเชื่อรับผิดชอบแทน
    ณัฐใส่เสื้อเชิ้ตสีดำ พอดีตัว กางเกงแสลคดำ รองเท้าหนังอย่างให้เกียรติ เมื่อจิตมาศเห็นครั้งแรกก็รู้สึกสงสัยในใจว่า หนุ่มคนนี้จะใช่ “เพื่อน” อย่างที่สร้อยฟ้าแนะนำหรือเปล่า เพราะแม้จะอยู่ในสภาพที่เศร้าโศกจากงานศพ แต่ลูกสาวคนโตของหล่อนก็ดูเหมือนอุ่นใจ สบายใจที่ได้พบกับหนุ่มน้อยอย่างเห็นได้ชัด
    ณัฐไหว้หล่อนอย่างนอบน้อมตั้งแต่เห็นหน้า กิริยา ท่าทางของเขาดูเรียบร้อย นุ่มนวล ผิวพรรณก็ดูสะอาด สะอ้าน ดูดีมีชาติตระกูล มีหลักฐานสนับสนุนเป็นพ่อ กับแม่ที่เขาพามาด้วยในวันนี้ ทำให้รู้ว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเป็นอย่างไร ทั้งพ่อทั้งแม่ของณัฐเองก็เรียบร้อยดูผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วเสียจริง ข้อเสียเดียวของณัฐคือดูนุ่มนิ่มไปสักนิด แต่สำหรับจิตมาศนั้น ความประทับใจแรกของหล่อนต่อหนุ่มผู้นี้ ถือว่าผ่านฉลุยได้เอบวกไปอย่างง่ายดาย
    หล่อนจึงไว้ใจให้เขาช่วยดูแลแขกให้หล่อนดยไม่คิดลังเล “ช่วยแม่เถอะจ้ะ แม่เหนื่อยเหลือเกิน อะไรก็ปุบปับไปหมด เร็วไปหมดยังทำใจได้ไม่ทัน”
    ชมนาด เพื่อนของพี่สาวมาถึงก่อนพระสวดไม่นานตามมาด้วยเพลงพิณ และสามี ทั้งสามแต่งตัวอย่างไม่มีใครยอมใคร แม้เป็นชุดดำเรียบๆก็เป็นของดีมีระดับของดีไซเนอร์ดังๆทั้งนั้น ขนเครื่องประดับมาเต็มตัวราวมางานประกวดมิใช่งานศพอย่างนั้น แต่จิตมาศไม่ถือสา เพราะเข้าใจดีว่าถึงบ้านนี้จะดูน่าหมั่นไส้อย่างไร ก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ คบได้ดีทีเดียว
    เข้ามาในงาน ชมนาดก็ตรงเข้าไปหาหล่อน น้องสาวของผู้เสียชีวิต ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม “ขอบคุณที่มาค่ะ คุณพี่ชมนาด”
    “ขอบคง ขอบคุณอะไรเพื่อนเสียทั้งทียังไงก็ต้องมา”
    “ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ” เพลงพิณเอ่ยเสียงหวาน
    “ขอบคุณค่ะ เอ แล้วลูกชายไม่มาด้วยหรือคะ”
    “คุณลูกกำลังตามมาค่ะ หลงทางเล็กน้อย แต่คิดว่าคงจะใกล้ถึงแล้ว”
    ใกล้จะถึงแล้วของเพลงพิณคือ อีกกว่าครึ่งชั่วโมงต่อมา พระเริ่มสวดไปแล้ว ชายหนุ่มผู้รู้สึกผิดเต็มหัวใจว่าตนเป็นต้นเหตุของความตายในวันนี้ก็มาถึง เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีดำสนิท ตัวนอกเป็นเสื้อของเวอร์ซาเช่ อย่างดีทับไว้ กางเกงแสลคพอดีตัวสวมทับอยู่บนขา ที่เท้าเป็นรองเท้าหนังหัวแหลมใส่ไว้ ดูสง่างามจนใครต่อใครต้องหันมอง
    กระนั้นเมื่อเข้ามาในบรรยากาศของงานอย่างนี้ ชายหนุ่มกลับดูเซื่องซึม ไม่เหมือนกับเขาแม้สักนิด สีหน้าของเขาดูซีดเซียวไร้ชีวิตชีวาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเขาเริ่มผมยาวมากแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมตัดเสียที หวีเสยให้พ้นหน้าผากกลมสวยเอาไว้เท่านั้น ปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนมองออกว่า เสียใจกับสิ่งที่ตนทำไปจริงๆ
    พอเข้ามาถึงศาลาเขาก็ตรงเข้าไปไหว้เจ้าภาพ ท่าทางของจิตมาศดูไม่ผิดปกติอะไร แสดงว่าคงไม่รู้เรื่องที่เขาเป็นคนก่อให้เกิดเพลิงไหม้ครั้งนั้นเองเป็นแน่
    “ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ”
    “พาทิศ” เสียงหนึ่งดังจากข้างหลัง ณัฐเดินตรงเข้ามาหาอย่างเดิม ไม่มีแววโกรธขึ้งแฝงไว้ แต่ก็ไม่มีแววสุขเป็นประกายอย่างเดิมเช่นกัน “ไปไหว้พระก่อน”
    เขาพยักหน้าตามเพื่อนหนุ่มไป พอเดินห่างออกมาได้สักพักเพื่อนหนุ่มน้อยก็เอ่ยปากเบาๆว่า “บอกทุกคนว่า ไฟตะเกียงตกลงมา ไม่มีใครอยู่ในบ้านก็เลยไฟไหม้ ป้าจิตรามาที่เรือนเทาพร้อมพวกกูดึงดันจะเข้าไปหยิบของ แล้วก็ติดอยู่ในนั้น กว่าจะเรียกรถดับเพลิงมาถึงบ้านก็ไหม้หมดแล้ว”
    เพื่อนหนุ่มผายมือไปที่พระพุทธรูป “บอกไว้ได้รู้ตรงกันเผื่อใครเขาถามตอบผิดจะซวยเอา”
    เท่านั้นเอง ไม่พูดถึงเรื่องของเขาสองคนเลย
    พอไหว้พระเสร็จ ณัฐก็พาเขามาที่โลง ในโลงไม่มีศพป้าจิตราก็จริง แต่เลือกชุดที่ป้าจิตราชอบใส่ และลูกแก้วใสที่เคยใช้ฝึกกสิณกับพาทิศมาใส่ไว้ราวกับว่าให้วิญญาณของจิตรามารับรู้ด้วยในวันนี้ ไม่มีใครรู้เลยว่า หล่อนได้ขึ้นสวรรค์ไปกับเส็งแล้ว กำลังพร้อมจะมาเกิด
    สร้อยฟ้ายิ้มให้เขาอย่างแปลกๆ คล้ายมุมปากกระตุกเท่านั้น หล่อนไม่ได้โกรธ เกลียดชายหนุ่ม แต่ก็อดขุ่นข้องในใจไม่ได้ว่าชายหนุ่มเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้จริงๆ หล่อนยื่นธูปให้พาทิศหนึ่งดอก แล้วชายหนุ่มก็นั่งคุกเข่าลง
    อธิษฐานถึงหลวงพินิจราชอักษร
    “คุณหลวงครับ ผมไม่ทราบมาก่อนว่าคุณหลวงคือป้าจิตรา ขอบคุณจริงๆที่อโหสิกรรมให้ผมตั้งแต่ชาติที่แล้ว มาชาตินี้ยังอุตส่าห์ตามมาช่วยเหลือกันอีกอย่างนี้ ผมขอบคุณมากจริงๆ ผมเสียอีก ทำกรรมไว้ในชาติที่แล้วอย่างไร ชาตินี้ก็ยังคงเหมือนเดิม ยังทำให้คนอื่นเสียใจเพราะผม ผมตัดสินใจจะแก้ไขปัญหาทั้งหมดทั้งมวลรอบตัวผมให้เรียบร้อย เรื่องณัฐ เรื่องคุณสร้อย เรื่องงานเขียนนิยายเรื่องสุดท้ายของผม แล้วผมก็ตัดสินใจแล้วว่า จะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไป
    คุณหลวงบอกผมในร่างของป้าจิตราว่า
    กรรมเป็นแค่ตัวกำหนดสภาพของมนุษย์เท่านั้น มันกำหนดปัจจุบันของเราได้ แต่มันกำหนดอนาคตเราไม่ได้ เราตัดกรรมได้ด้วยการทำความดี ที่ผ่านมาผมพยายามแก้ไขมามากแล้วแต่ ถ้าในอนาคตจะทำอะไรอีก ก็แล้วแต่ผมจะคิดได้
ตอนนี้ผมคิดได้แล้วว่าจะทำอย่างไร และก็มั่นใจแล้วด้วยว่า จะทำอย่างนั้นได้จริงๆขอให้คุณหลวงช่วยเป็นแรงใจให้ผมด้วยนะครับ
    ฝากบอกเส็งด้วยว่าผมขอโทษจริงๆ และหากชาติหน้ามีจริง ผมขอให้คุณหลวงกับเส็งได้เกิดมาคู่กัน ครองรักกันอย่างมีความสุขเสียทีเถอะครับ ส่วนผมนั้น อย่าได้มาเจอกันอีกเลย ขอให้คุณหลวงไปสู่ สุคติครับ”
     พาทิศปักเทียนลงกระถางธูป ลมพัดน้อยๆเจือกลิ่นน้ำอบของเส็ง คู่มากับกลิ่นสุคนธรสฝรั่งที่หลวงพินิจใช้ประพรมร่างกาย ราวกับจะบอกว่า รับรู้เรื่องที่อธิษฐานในใจมาแล้ว ขอบใจมาก...

    พระสวดเสร็จแล้ว แขกเหรื่อทยอยกลับกันไปเป็นคู่ๆ แต่พาทิศยังพยายามรั้งท้ายให้อยู่เป็นคนท้ายสุด เพื่อได้หาโอกาสคุยกับณัฐให้รู้เรื่องรู้ราวในสิ่งที่เขาคิดทบทวนมาโดยตลอดสองสามวันที่ไม่เจอกันนี้  เพลงพิณชวนลูกชายกลับบ้าน แต่พาทิศก็ปฏิเสธเบาๆ อ้างว่า
    “ผมเคยไปรบกวนคุณป้าจิตราเรื่องฝึกกรรมฐาน อยากอยู่ช่วยงานต่ออีกครับคุณแม่” เหตุผลเท่านั้น เพลงพิณก็ฟัง หล่อนพบว่าลูกชายของหล่อนเปลี่ยนไปมาก นับแต่รู้จักกับจิตรา สุขุมขึ้น อ่อนโยนขึ้น ดูเป็นคนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ที่ลูกของหล่อนได้ดีขั้นมาได้ขนาดนี้ ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะจิตราด้วยจึงไม่คิดอยากขัด
    ช่วยกันเก็บกวาดอยู่สักพัก พาทิศก็เดินไปเก็บแก้วน้ำ บริเวณที่ณัฐกวาดพื้นอยู่อย่างตั้งใจ เดินไปกระซิบว่า
    “กลับพร้อมกันนะ เรามีเรื่องจะคุยด้วย”
    ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเดาไปเองต่างๆนานาว่า เพื่อนหนุ่มจะตอบอย่างไร จากนั้นก็โล่งใจเมื่อเห็นเพื่อนหนุ่มพยักหน้า ทำความสะอาดต่อไปไม่นานเท่าไหร่นัก ณัฐก็ลากลับบ้าน พาทิศจึงรีบลาออกไปด้วย เดินคู่กันมาจนถึงลานจอดรถ พอเห็นว่าลับตาคนดีแล้วก็คว้าข้อมือของเพื่อนหนุ่มไว้ ณัฐไม่สะบัดมือนั้นออกอย่างที่ชายหนุ่มกลัว แต่กลับหันมามองพาทิศเต็มตา
    สายตาที่พาทิศเกลียดที่สุดที่จะเห็นจากณัฐ ไม่ใช่สายตาขุ่นข้อง รำคาญ หรือเคียดแค้นอย่างที่เขาจะเกลียดเมื่อมันมาจากคนอื่น แต่สายตาที่รื้นไปดวงน้ำตายามต้องแสงไฟฟ้าในเวลากลางคืนอย่างตอนนี้สิ ที่พาทิศเกลียดจับใจ
    มันเป็นสายตาตัดพ้อ ที่แฝงความหมายไว้มากมายเกินกว่าจะอธิบายออกมาได้หมด มันเป็นสายตาที่ย้ำเตือนเขาว่า ณัฐดีแค่ไหน และเขาเลวแค่ไหนที่ทำให้ณัฐเสียใจซ้ำแล้วซ้ำอีก มันเป็นเหตุผลหลักที่เขาไม่ยอมปลงใจรักณัฐสักครั้งหรือเปล่า หากว่าคบกันไปแล้วเขานอกใจไปตามประสาหนุ่มเจ้าชู้ เขาก็คงจะเลวมากหากตกลงเป็นแฟนแล้วทำณัฐเสียใจอย่างนั้น
    เขาไม่รู้จะเริ่มพูดอย่างไร ไม่รู้เลย จึงได้แต่เงียบมองณัฐอยู่อย่างนั้น จนคนที่ถูกมองต้องหลบตาก่อน และพูดขึ้นในที่สุด
    “ไหนว่ามีเรื่องจะคุย ถ้าบอกว่ามีเรื่องจะมอง จะได้ไม่มาเสียแต่แรก”
    “ณัฐ ทำไมต้องพูดถึงขนาดนี้” เขาว่า “พูดเหมือนเกลียดกัน”
    พาทิศเข้าไปใกล้คล้ายจะดึงเพื่อนหนุ่มมากอด
    “อยู่ในวัดนะ อย่าเลย” ณัฐเป็นฝ่ายเดินห่างออกไป “มีอะไรคุยกันบนรถ”
    สองหนุ่มเดินขึ้นรถไปในที่สุด ทุกอิริยาบถ มีสร้อยฟ้าเป็นจักษุพยาน เห็นทุกๆอย่างหมดเรียบร้อยแล้ว

    รถนั้นเป็นรถคันเดิมที่คุ้นเคย แต่เหตุใดพาทิศถึงรู้สึกว่า ณัฐปฏิบัติต่อมัน ราวกับเพิ่งรู้จัก เพื่อนหนุ่มนั่งเบาๆ ปิดประตูเบาๆ ตาจ้องออกนอกกระจกอย่างไม่มีโฟกัส มองล่องลอยเรื่อยเปื่อยไปอย่างนั้น
     “ณัฐ” พาทิศรวบรวมกำลังใจถามขึ้นในที่สุด “เห็นดาวดวงนั้นหรือเปล่า”
    ชายหนุ่มชี้ดาวเหนือ เสียงสั่นคลออย่างไม่ตั้งใจทว่าก็ดูจริงใจเหลือเกินเมื่อมันไม่ได้เป็นการเตรียมตัวมาล่วงหน้า จนหนุ่มน้อยข้างๆ น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่ตั้งใจอีกเหมือนกัน เมื่อคิดถึงเรื่องเก่าๆ เขาพยักหน้าเบาๆ
    “รู้หรือเปล่าว่าชื่ออะไร” เพื่อนหนุ่มไม่ตอบ พาทิศจึงพูดเอาเอง “เราเรียกมันว่าดาวณัฐจำได้หรือเปล่า มันสว่าง สุกใสเหมือนตาของณัฐ”
    พาทิศเอื้อมมือไปจับมือของชายหนุ่ม
    “ดาวที่อยู่ตรงกันก็ดาวทิศไง ตอนนั้นอยู่ตรงกัน ตอนนี้ก็ยังอยู่ตรงกัน เห็นไหม" เขาหันมามองหน้าณัฐเต็มตา แต่ก็ไม่เห็นว่า เพื่อนหนุ่มจะหันกลับมามองบ้าง “จะไม่หันมามองจริงๆ หรือ”
    ไม่ตอบ พาทิศสูดหายใจเข้า
    “โกรธเราเรื่องอะไรณัฐ”
    ชายหนุ่มที่ถูกถามไม่หันมาตอบ แต่พูดขึ้นลอยๆราวกับพูดกับกระจกรถนั้น “ไม่ได้โกรธ แต่รู้สึกแปลกๆ... รู้สึก เสียใจมั้ง ผิดหวัง น้อยใจ เรียกว่าอะไรดี” บทจะพูดณัฐก็พูดอย่างรวดเร็วจนเขาตั้งตัวไม่ทัน คำพูดหลั่งไหลออกมา พรั่งพรูพร้อมกับน้ำตาของเขา “นายเคยเห็นใจเราหรือเปล่า เคยแคร์เราบ้างไหมตลอดเวลาที่ผ่านมานี้”
    กลับไปใช้สรรพนามอย่างตอนเด็กๆอีก พาทิศก็รู้สึกสะเทือนใจ คิดถึงวันวานเก่าๆ ขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
    “เคยคิดถึงคนทางนี้ไหมว่าเขาเป็นห่วงแค่ไหน ตอนนั้นหายไปอาทิตย์หนึ่งเต็มๆ พอเจอกันก็ผอมซูบไม่มีแรงเหมือนคนป่วย รู้หรือเปล่าว่าเป็นห่วงแค่ไหน กินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่รู้จะทำอย่างไร พอกลับมาดีเหมือนจะมีความสุข ได้อยู่ด้วยกันไปพักหนึ่ง ก็ดีก็อุ่นใจ แล้วอย่างไร ไปหาเรื่องให้รถชน เราไปเฝ้าทุกวัน ข้าวต้องซื้อใส่กล่องมากินในห้อง อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ไม่มีอะไรทำ ได้แต่นั่งรอว่า เมื่อไหร่จะฟื้น เมื่อไหร่จะฟื้นขึ้นมาสักที เป็นเดือน กว่าจะฟื้นขึ้นมา พอฟื้นแล้วจะเห็นใจหรือเปล่า จะเข็ดหรือเปล่า ก็ไม่ ไปเพ่งกสิณอะไรอีก ทั้งที่ก็รู้ว่าไม่เคยทำ น่าจะรอป้าจิตรา แล้วเกิดอะไรขึ้น เห็นหรือเปล่า เราเข้าไปช่วยเพราะเป็นห่วง ป้าจิตราไปช่วยเพราะเป็นห่วง คุณสร้อยเองรู้จักกันไม่นานก็ยังเป็นห่วง นายจะทำให้คนอื่นห่วงไปถึงไหนพาทิศ ผลที่ได้คืออะไร นอกจากเสียใจแล้ว ป้าเขาก็มาจากไปอีก เราไม่อยากโทษว่าเป็นเพราะนาย แต่เคยคิดสักนาทีหนึ่งไหมว่าคนเขาเป็นห่วง คนเขาแคร์ คิดถึงแค่ไหน” ณัฐสูดหายใจเข้า “คิดไหมว่าเรารักนายแค่ไหน!”
    พาทิศสะอึก หากณัฐคว้าปืนขึ้นมายิงทะลุหัวใจเขาตอนนี้ ชายหนุ่มยังมั่นใจเลยว่า เขาจะเจ็บน้อยกว่านี้อยู่มากนัก กัดฟันตอบไปว่า
    “คิดซี เรารู้มาตลอดว่า ณัฐดีกับเราเหลือเกิน ทำทุกอย่างเพื่อเรา รักเรามากกว่าใคร” เขาว่า “เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ขอให้ผ่านไปเถอะนะณัฐ เราตั้งใจจะบอกณัฐวันนี้ หลังจากที่คิดมาอย่างดีแล้วว่า เราเองก็รักณัฐเหลือเกิน รักเกินกว่าจะรักใครอีก หากจะหยุดชีวิตเราไว้กับใครสักคน ก็คงเป็นณัฐนี่แหละ”
     ชายหนุ่ม เลื่อนหน้าเข้าไป จะจุมพิตที่แก้มเนียนใส แต่อีกฝ่ายกลับหันหน้าหนีอย่างขุ่นเคือง พาทิศจึงว่าต่อไป
    “ณัฐ ไปอยู่กับเรานะ ไปอยู่ที่บ้านที่ไหนก็ได้ ที่สีลม สาธร หรือที่ไหนก็ได้ที่ณัฐอยากไป เราสัญญาว่าเราจะไม่มีวันทิ้งณัฐไปไหนอีก... นะ”
    ณัฐได้ยินอย่างนั้นก็ถอนมือออกจากมือของพาทิศ หันหน้ามามองเขาอย่างประหลาดใจ เลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม
    “สัญญาหรือ นายสัญญากับเรามาแล้วกี่ครั้งพาทิศ” เจ้าของชื่อไม่ตอบ ผู้พูดจึงว่าต่อไป “เราไม่นับสมัยเด็กๆ หรือสมัยวัยรุ่น เอาสัญญาเฉพาะไม่กี่เดือนนี้ วันก่อนที่จะไปงานเลี้ยงป้าจิตมาศ ก็สัญญาไม่ใช่หรือว่าจะไม่ทิ้งให้เราเหงาอีก แล้วทำได้หรือเปล่า... ไม่ แล้วตอนที่ฟื้นขึ้นมา ตอนไปฝึกกรรมฐานสัญญาว่าอย่างไร จะอยู่กับเราที่เรือนเทา จะไม่ทิ้งเรา ทำได้หรือเปล่า พาทิศ ...ไม่ได้ไง!”
    “โธ่ ณัฐ มันเป็นเพราะเราติดเรื่องในอดีตเท่านั้นแหละ” เขาว่า “ต่อจากนี้จะไม่มีอีกแล้วนะ ณัฐนะ”
    “ข้ออ้างมันมีเรื่อยๆแหละ คนเราจะอ้างอะไรก็ได้ แต่ถ้าทำให้เห็นไม่ได้ แม้ครั้งเดียวก็เกินพอที่จะไม่เชื่ออีกแล้ว นายจะเอาอะไรมารับประกันว่า ถ้านายไปเจอเรื่องอื่นๆอีก อย่างนิมิตประหลาดๆอะไรอีก นายจะไม่เอาใจไปผูกไว้กันมัน”
    “ณัฐ ที่เราเป็นอย่างนี้ก็เพราะเรื่องในอดีตนะ” เขาว่า “นายกำลังจะปฏิเสธเรา เพราะกรรมของเรา ในอดีต เพราะเราไปพรากคุณหลวงจากเส็ง เราก็เลยไม่อาจลงเอยกับใครได้ ณัฐแต่นายต้องไม่สนเรื่องนั้นนะ แม้ว่านาย... แม้ว่านายกับเรา... จะเคยคู่กันมาก่อนก็ตาม”
    “ไม่เข้าใจ”
    “ณัฐ เรามาพิจารณาดูแล้ว” เขากลืนน้ำลาย “ถ้าเราเป็นหยาด นาย... นายก็คือเทิด!”
    แปลกตรงที่พอคิดได้ พาทิศตกใจเสียเต็มที่ แต่ณัฐกลับไม่สนใจ ไม่ยินดียินร้าย หรืออะไรเลยทั้งสิ้น นั่งฟังอย่างกับว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่สุด ไม่น่าสนใจที่สุดที่คนสองคนจะยกมาคุยกันได้
    “เรามาคิดๆดูแล้ว ตามคำอธิษฐานของหยาดที่ให้เทิดมาเกิดแล้วรักหยาดตั้งแต่เด็กๆเหมือนที่หยาดรักคุณหลวง แล้วจะได้รักกันตั้งแต่เริ่มแรก สมหวังด้วยกันทั้งคู่นี้ มาคิดดูแล้วก็ตรง นายกับเราก็รู้จักกัน รักกันแต่เด็ก แล้วก็ผิดใจกันหลายครั้ง อยู่ด้วยกันไม่ได้ก็เพราะกรรมเรื่องเส็งกับคุณหลวงพินิจราชอักษรนี่แหละ ของร้องนะณัฐ อย่าไปสนใจกรรม ขอร้อง... ไปอยู่กับเรานะณัฐ”
    ชายหนุ่มถอนใจ ตามองที่พาทิศอย่างเหนื่อยอ่อน
    “ทิศ เราไม่สนเรื่องนั้น เราคือณัฐ ไม่ใช่เทิด ต่อให้ใช่จริงๆ เราก็จำเรื่องในอดีตไม่ได้ เราไม่ได้คิดว่าอะไรทุกอย่างที่เราทำและตัดสินใจในชาตินี้ ต้องเป็นผลมาจากชาติที่แล้ว เราไม่คิดว่าเราเป็นเทิด และไม่คิดว่าเราจำเป็นต้องตกลงปลงใจอยู่กับนาย” พาทิศตกใจ น้ำตาซึมคลอเบ้า
    เหมือนถูกบีบหัวใจ เหมือนว่าสิ่งที่คิดที่รอมาตลอดมันไม่สมหวัง เขาไม่ได้คิดจะมาหลอกณัฐ อันที่จริงเขาไม่คิดหลอกณัฐสักครั้ง แต่สิ่งที่เขาพูด สิ่งที่เขาสัญญานั้น เป็นสิ่งที่เขาคิดมาดีแล้วว่าเขาจะทำได้ หากทำไม่ได้ พาทิศก็ไม่คิดว่าเป็นการผิดสัญญาแต่อย่างใด เมื่อสิ่งที่ผิดสัญญานั้นไม่เป็นไปเพราะความตั้งใจ   
    ณัฐยังพูดต่อไปอีก
    “นายกำลังหลงทาง เส็งคงไม่ได้อยากให้นายเห็นอดีตแล้วมาจับแพะชนแกะตีความอะไรเอาเองอย่างนี้ เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็คือผ่านมาแล้ว อะไรที่เป็นความผิดแก้ได้ก็แก้ แต่ไม่จำเป็นต้องเอามากำหนดชีวิตตัวเองเสียหมด เรากับนายอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอกพาทิศ”
    “ทำไม นายไม่รักเราแล้วหรืออย่างไร ณัฐ”
    “ไม่ใช่ไม่รัก รักมาก รักมากจนเจ็บมาก แต่ชีวิตคนเราเกิดมาก็มีทุกข์ติดตัวกันทุกคนอยู่แล้วทิศ เราไม่จำเป็นต้องหาความทุกข์ใส่ตัวอีกหรอก เรารักนาย แต่ไม่เหมาะกับนาย เราต้องการความมั่นคง ต้องการตื่นมาเจอคนที่เรารักทุกเช้า หลับพร้อมกับเขาทุกคืน ไม่ใช่หลับไปแล้วกลัวว่าวันรุ่งขึ้นเขาจะหายไปไหนอีก จะตื่นขึ้นมาหรือเปล่า จะไปเป็นไปตายที่ไหนให้เป็นห่วงไหม นายให้เราไม่ได้พาทิศ”
    ณัฐว่าเศร้าๆ อย่างนั้น จนพาทิศคล้อยตาม ไม่อยากดึงดันอีกต่อไป
    “เชื่อเถอะ คงมีคนที่เหมาะกับนายมากกว่าเรา”
    “แล้วนายหรือไงคิดว่ามีคนที่เหมาะกับนายมากกว่าเรา”
    “มีแล้ว เราตั้งใจจะแต่งงานกับเขา” เท่านั้น ทุกอย่างก็จบลง ง่ายๆ ต่างจากตอนเริ่มที่ยากเหลือเกิน พาทิศใจลอย เสียใจ ผิดหวัง ท้อแท้ ยิ่งกว่าครั้งใดในชีวิต แต่ก็มีสติ มีแรงพอที่จะขับรถไปส่งเพื่อนหนุ่มที่บ้าน เขาอยากขอกอดณัฐสักครั้ง เป็นครั้งสุดท้าย แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจเอ่ยปากขึ้นมาอีกได้ เพราะหากเขาอยู่กับณัฐอีกแม้นาทีเดียว เขาคงจะลงไปกอดขาเพื่อนหนุ่ม ร้องไห้ขอร้องไม่ให้ไปอย่างน่าสมเพชเวทนา  แล้วหากเพื่อนหนุ่มไม่ยอมอีก เขาคงไม่มีหน้าไปรักใครอีกแล้ว และต่อให้ณัฐตอบตกลง พาทิศก็รู้ดีว่าคงตกลงเพราะเห็นใจ มากกว่ารักและตัดสินใจอยากอยู่กับเขาจากใจจริงๆ ชายหนุ่มจึงปล่อยณัฐลงไปจากรถ เห็นเขาเดินจากรถไปขึ้นบ้านก็อดรู้สึกไม่ได้ว่า ณัฐกำลังเดินจากชีวิตเขาไปหาคนอื่นแล้วเช่นกัน... กรรมมีวิธีทำงานของมันเองอย่างนี้เสมอหรือเปล่านะ

    ณัฐเดินช้าๆ แต่มั่นคงเข้าไปในห้องอโนดาต เห็นหญิงสาวนั่งอ่านหนังสืออย่างสบายใจอยู่ในศาลาแปดเหลี่ยม ก็ตรงเข้าไปหา เขาไม่ได้เจอสร้อยฟ้ามาเกือบอาทิตย์ตั้งแต่เสร็จงานศพของป้าจิตรา เพราะหญิงสาวเดินทางไปเที่ยวกับครอบครัว เพื่อหย่อนใจถึงยุโรป ป้าจิตราเคยบอกว่าอยากไปยุโรปสักครั้ง หากตายแล้วให้เอาอัฐิไปที่ยุโรปด้วย แต่ในเมื่อไม่มีอัฐิก็เอาลูกแก้วลูกนั้นไปแทน หล่อนเพิ่งกลับมาเมื่อวาน ณัฐรู้ข่าวจากสร้อยสุวรรณว่ายังทำใจพักที่บ้านของจิตราไม่ได้จึงมาอยู่ที่นี่ก่อนชั่วคราว เสียงเท้าของเขาคงจะดังไปกระมังหญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นมาก่อนที่เขาจะถึงตัวเสียอีก ณัฐยิ้มกว้าง แล้วก็พบว่า หญิงสาวยิ้มกลับอย่างสดชื่น
    “กลับมาแล้วมีของฝากให้ผมหรือเปล่าครับ”
   “ไม่มีไม่ได้ค่ะ” หล่อนยิ้มกว้าง “ซื้อมาแล้ว แต่ไม่ได้อยู่กับตัว อยู่ที่ห้องข้างบนค่ะ ก็จริงๆเรานัดกัน ค่ำๆไม่ใช่หรือคะ สร้อยว่าจะเอาไปให้ตอนนั้น”
    ชายหนุ่มยิ้มกว้าง
   “มีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ ไม่ได้เจอกันนาน ...คิดถึง รอไม่ไหว”
    หญิงสาวหลบตาไม่กล้ามองเขา กระนั้นณัฐก็ยังมองออกว่าสร้อยฟ้าอายจนหน้าแดง ผมตรงเรียบสีดำขลับยาวสลวยปรกใบหน้าจนณัฐอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปเสยมันขึ้น ทัดหูหญิงสาวไว้ สร้อยฟ้าพูดเบาๆ
     “คิดถึงสร้อยทำไมคะ คิดถึงคุณพาทิศดีกว่า” หล่อนว่า เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่า ชายหนุ่มมองหน้าหล่อนอยู่อย่างไม่เข้าใจ “วันนั้นสร้อยเห็นค่ะ ที่งานศพ คุณพาทิศจับมือณัฐอย่างสนิทสนมเกินเพื่อน สมัยนี้เขายอมรับกันแล้ว สร้อยก็รับได้นะคะ ถ้าณัฐอยากจะบอก บอกสร้อยเป็นคนแรกได้ค่ะ รับรองว่าไม่บอกใคร”
    “ตกลง” เขาว่า “งั้นฟังให้ดีนะ”
    “สำหรับคุณผมอาจจะเป็นเกย์คนหนึ่ง แต่ผมอยากให้รู้ว่าผมไม่เคยรักผู้ชายคนไหนในโลก นอกจากพ่อและพาทิศเท่านั้น ผมไม่เคยชอบ หรือสนใจผู้ชายที่เดินคนไหนก็ได้ ผมรู้แต่ว่าผมรักใคร ผมก็รักเขาคนนั้นที่เป็นเขา ไม่ได้สนใจว่าเขาจะเป็นชายหรือหญิง คุณอาจจะมองว่าผมเป็นไบเซกชวลก็ได้แต่ผมมองว่าผมเป็นผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น ผมจะรัก จะชอบใคร เพศอะไรก็เรื่องของผม ผมไม่อยากให้ใครมาคิดคำจำกัดความให้”
    เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง
    “ผมเคยรักพาทิศก็จริง รักมาตลอดโดยที่ถูกเขาทำร้ายมาโดยตลอดเช่นกัน แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมไม่จำเป็นที่จะต้องรักใครเพื่อให้เขาไม่แคร์ ไม่ห่วง หรือให้เขามาทำให้เราเสียใจ ในเมื่อผมสามารถรักคนอีกคนหนึ่งได้ โดยไม่ต้องเจ็บเพราะเขาเลย” ณัฐเงียบ พักหายใจแปบหนึ่งก่อนจะว่าต่อไป “รู้หรือเปล่า ว่าคนที่ทำให้ผมคิดแบบนี้ได้ก็คือคุณ”
    สร้อยฟ้าเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง หล่อนงงงัน ตกใจ ดีใจระคนกันไปหมด หล่อนรักเขามากก็จริง แต่ไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาก็รู้สึกอย่างเดียวกับหล่อน ต่อให้เขาเคยมีสัมพันธ์กับพาทิศหล่อนก็รับได้ ด้วยรักและเข้าใจผู้ชายคนนี้เหลือเกิน ใครจะมองอย่างไร หล่อนไม่สนใจอีกแล้ว แต่จะให้พูดอะไรตอบ ก็อายเกินกว่าจะทำได้ จึงยิ้มให้เขาอย่างจริงใจเท่านั้น
    “สร้อยฟ้า คุณไม่ติดใจอะไรใช่ไหม ไม่คิดว่าผมมาหลอกคุณ หรือประชดพาทิศนะครับ” เขาว่าเบาๆ พอหญิงสาวพยักหน้า  ชายหนุ่มก็ลุกขึ้น เดินไปข้างๆหล่อน คุกเข่าลงกับพื้น หยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงเล็กๆออกมา เปิดให้หล่อนเห็นแหวนเพชรที่อยู่ข้างใน แล้วเอ่ยประโยคที่เขาไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้พูดกับใครเลย “สร้อยครับ ผมรักคุณ ...แต่งงานกับผมนะครับ”
    
    พาทิศวางการ์ดเชิญร่วมงานแต่งงาน ระหว่าง สร้อยฟ้าและ ณัฐ ลงบนโต๊ะทำงานของเขา ยิ้มให้กับแผ่นกระดาษสีขาวนวลนั้น ไม่อยากคิดว่าสุดท้ายแล้วเขากลับไม่โกรธเกลียด หรืออิจฉาณัฐเลยที่ได้มีความสุขเป็นฝั่งเป็นฝาในที่สุด พาทิศเพิ่งเข้าใจว่า “รักคือการให้” เป็นอย่างไรก็ตอนนี้ ชายหนุ่มเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค พร้อมแล้วที่จะเริ่มต้นแต่งนิยายเรื่องสุดท้ายของเขา ก่อนที่จะพักทางโลกไว้ตลอดชีวิต แต่เขาจะเริ่มเรื่องอย่างไรดี ที่จะเกริ่นเรื่องให้คนอ่านเห็นภาพกว้างๆของความรักระหว่างเส็ง และหลวงพินิจที่มากมาย เหลือล้นไม่ขึ้นกับการเวลา ให้ดึงดูดความสนใจคนอ่านได้ตั้งแต่บรรทัดแรก... คิดได้สักพัก เขาก็เริ่มพิมพ์...
    “เวลากว่าร้อยปีไม่ได้ทำให้เส็งเหนื่อย แก่ โทรมหรือเจ็บป่วยแต่อย่างใด
    เวลาไม่มีความหมายสำหรับเขา…”
    พาทิศไม่เห็นว่าจะมีแบบไหนที่เหมาะสมไปกว่านี้อีกแล้ว
**************************************************************
จบลงไปแล้วนะครับ สำหรับเรื่องรักที่แสนจะยุ่งเหยิงทั้งในอดีต และปัจจุบัน อาจจะไม่ถูกใจใครไปบ้าง ก็ขอโทษด้วยนะครับ แหะๆ เรื่องหน้าจะไม่ทำร้ายจิตใจคนอ่านอีกแล้วคร้าบบบบบ สัญญา :)

สำหรับตอนหน้าจะเป็นบทส่งท้าย แต่จะเกี่ยวกับอะไรนั้น ขอไม่บอกนะครับ
อย่าลืมติดตามกันล่ะ

ตอบเพื่อนๆ ผู้อ่าน
@คุณ Berlyn ขอบคุณมากครับ ถึงจะอ่านตรวจยังไงก็หลุดทุกทีเลย ขอโทษด้วยนะครับ เบลอจริงๆ ขอรับผิดทุกประการ 555+
@คุณ maple ผมเพิ่งลงเรื่องนี้จบเรื่องเป็นเรื่องแรก ยังไม่รู้เลยว่าถ้าอยากรวมเล่มจริงๆ จะต้องทำยังไง และจะมีคนซื้อรึเปล่า (แหะๆ) ยังไงช่วยแนะนำหน่อยนะครับ
@คุณ dezzetoeiiz คุณ นุ่นนี่ หมายถึงใครหรอครับ? แหะๆ ผมงง
@คุณ samsoon, pinky, zeen … หึหึ หุหุ

ขอบคุณทุกคนจากใจจริงอีกครั้งครับ สำหรับกำลังใจ ผมซึ้งมากเลยจริงๆนะครับ
เรื่องแรกก็ตอนรับอย่างดีขนาดนี้ ขอบคุณจริงๆครับ

ปล. ขอถามนิดนะครับ ถ้ามีรวมเล่มจริงๆ จะมีใครอยากได้มั๊ยอ่า ><
ปล.2 ถามอีกข้อ แหะๆ ที่นี้เค้านิยม ลงนิยายหลายเรื่องพร้อมกันไหมครับ?
ผมมีโปรเจคต์อยู่ 2-3 เรื่อง คนละรส คนละแนวเลย อยากลองลงดูพร้อมกัน เป็นการทดลองเกี่ยวกับกลการเขียนนิดหน่อยอ่ะครับ เพื่อนๆคิดว่าไงกันเอ่ยยย

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบครับ (ฮา)
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 23-01-2011 22:08:48
ก็ดี...แล้วในเหตุและผลที่สมควร ณัฐจะได้รักและมีความสุขกับสร้อยฟ้า

แต่ไม่ดีในความคิดของตัวผู้อ่านอย่างเราซึ่ง...ไม่ชอบสร้อยฟ้า555+ ถึงแม้จะเป็นผู้หญิงเหมือนกันก็เหอะนะ
แกได้ณัฐไปครองงงงงงง !! แต่ไม่เป็นไรค่ะ

ก็ดีแล้วที่เลือกรักคนที่รักและพร้อมจะอยู่ข้างเราไปตลอดชีวิต แล้วเราว่าสร้อยฟ้า คงเป็นผู้หญิงที่มองโลกในแง่ดีมากๆ ไม่เอาเรื่องในอดีตมาคิดเล็กคิดน้อย ผ่านมาแล้วก็คือผ่านมาแล้ว
        ภาทิศนี่ก็สุขุมขึ้นเยอะเลยนะ ทำใจได้ไว
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 23-01-2011 22:48:44
^
เห็นด้วยรีฯ บน ไม่ชอบสร้อยฟ้าเหมือนกัน
พยายามเข้าใจความคิดณัฐ
สงสารพาทิศ
+1
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: pu4755 ที่ 23-01-2011 22:51:04
มาตอบคำถามไรท์เตอร์

ถ้ามีรวมเล่มขอจอง 1 เล่ม^_^

ลงนิยายหลาย ๆ เรื่องได้ครับ แต่เข้ามาอัป บ่อย ๆ ละกันนะครับ


แล้วจารอติดตามอ่านนิยายเรื่องอื่น ๆ นะครับ   :3123:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: dezzetoeiiz ที่ 23-01-2011 23:20:02
@ไรท์เตอร์ เราหมายถึง คุณนุ่น anajulia ค่ะ .. มีหนึ่งในผลงานเรื่องคือ เรื่องเล่าจากความฝัน เป็นแบบมีตอนย่อยๆ ที่ตัวเอกไปเกิดในชาติภพต่างๆกัน แต่ก็ยังพบรักกันน่ะค่ะ

สำหรับตอนนี้ แรกๆก็ไม่ค่อยชอบพาทิศอยู่หรอกนะ แต่พอเห็นโดนปฏิเสธเอาซะอย่างนี้ก็สงสารขึ้นมาตงิดๆ โถๆ ทำใจรับกรรมเถอะพ่อคุณ
เอาตามจริงๆ สำหรับเราแล้ว การมีผู้หญิงในนิยายวาย ก็เหมือนมีมือบุคคลไม่พึงประสงค์นั่นแหล่ะค่ะ (แม้เราจะเป้นผู้หญิง -*-)

ปอลอ. ตอนพิเศษตอนหน้านี่จะกล่าวถึงชาติภพใหม่ของเส็งกับคุณหลวงรึเปล่าคะ โอยยยยย เราล่ะตื่นเต้นนน
ปอลอลอ. ถ้ามีรวมเล่มเราก็ขอจอง 1 เล่มด้วยเช่นกันค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ

จะคอยติดตามผลงานเรื่องต่อๆไปนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 23-01-2011 23:28:38
เหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจณัฐเท่าไหร่อ่ะ แต่ก็นะ เป็นไปตามกรรมอะนะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 23-01-2011 23:33:53
 :monkeysad:เห้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


เสียใจอะ เราจะเอาพาทิศๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :serius2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: cinny ที่ 23-01-2011 23:48:48
 :เฮ้อ:รู้สึกเสียดายกับตอนจบมากมายเลยค่ะ...พออ่านจบก็รู้สึกเกลียด"สร้อยฟ้า" เลย
ก็อย่างว่านะค่ะ พอมาอยู๋สาย(Y)นี้แล้ว ได้มาเจอตอนจบของเรื่องแบบนี้ก็แอบไม่ค่อยปลื้มเท่าที่ควร

ตอนท้ายๆนี่กลั้นใจอ่านมากๆ(ลุ้นเอาเองว่าจะมีหักมุมให้บ้างมั้ย)

แต่ก็เป็นสิทธิ์ของผู้แต่งน่ะค่ะ ที่จะแต่งออกมาแบบไหน
ซึ้งโดยรวมของเรื่องนี้ เราชอบมากค่ะ ถือว่าผู้แต่ง แต่งดีเลยทีเดียว

ถ้าไม่นับตอนนี้......สำหรับเราเรื่องนี้จะจบแค่ถึงภาคอดีตเท่านั้น(มันดีที่สุดแล้ว)


ปล.สำหรับนิยายY การมีผู้หญิงอยู่ในเรื่องไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แต่การมีผู้หญิงมาคู่กับตัวเอกของเรื่องมันเป็นการทำร้ายใจคนอ่านจริงๆค่ะ


ปล.ถ้าจบแบบณัฐกับพาทิศไม่ต้องคู่กันก็ได้ แต่ณัฐก็ไม่ต้องแต่งกับสร้อยฟ้ามันจะดีกว่านี้มั้ย
หรือว่าที่ต้องแต่งงานกันจะได้มีลูกเพื่อที่เส็งหรือคุณหลวงจะได้มาเกิด??



ปล.ชอบเรื่องนี้น๊า....แต่ตอนจบอยากจะโหยหวนจริงๆค่ะ :o12:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 24-01-2011 00:05:34
นี่นะเหรอผลของการกระทำจากชาติปางก่อน

ทำให้คนๆนึงต้องมีชีวิตที่เปลี่ยนไปตลอดกาล

เฮ้อ จบอย่างเศร้าๆ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 24-01-2011 02:23:39
เศร้าอ่ะ สงสารพาทิศจัง
สุดท้ายก็ไม่ได้คู่กับใครเลย นี่คงเป็นผลกรรมที่ไปพรากเส็งกับคุณหลวงแน่ๆ

จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 24-01-2011 02:35:03
จบได้อย่างเศร้าจริงๆ สำหรับพาทิศคงเจ็บปวดเหมือนกัน แต่สำหรับณัฐคงคิดว่านี่เป็นทางออกที่ดีสำหรับเขาแล้ว จะรอผลงานเรื่องต่อไปนะครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 24-01-2011 02:48:57
อืม.... เอ่อ...... โห่ยยยยย มันเจ็บจี๊ดๆ ไปกับพาทิศจริงๆ="=

อยากรู้ตอนหน้าอ่ะค่ะ

อยากรู้ว่า คุณหลวง กับเส็ง เกิดมาเป็นใคร แล้วคู่กันหรือเปล่า
แ้ล้วพาทิศเขียนหนังสือเสร็จแล้วละทางโลก ไปบวชเลยหรอ=[]= (คิดไปไกล) :z10:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 24-01-2011 04:03:21
แอบสงสารพาทิศเหมือนกันนะ  :L3:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 24-01-2011 06:12:04

• ชายหนุ่มเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค พร้อมแล้วที่จะเริ่มต้นแต่งนิยายเรื่องสุดท้ายของเขา
ก่อนที่จะพักทางโลกไว้ตลอดชีวิต
คิดได้สักพัก เขาก็เริ่มพิมพ์...
    “เวลากว่าร้อยปีไม่ได้ทำให้เส็งเหนื่อย แก่ โทรมหรือเจ็บป่วยแต่อย่างใด
    เวลาไม่มีความหมายสำหรับเขา…”
    พาทิศไม่เห็นว่าจะมีแบบไหนที่เหมาะสมไปกว่านี้อีกแล้ว
วุ้ย เรื่องนี้ กิต.เคยอ่านค่ะ อิอิ
/กิต. รออุ้มหมอน
๑๔๐ + ๑ = ๑๔๑
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: winney555 ที่ 24-01-2011 06:14:01
ตอนจบของณัฐนี่แหล่ะที่จะเป็นที่มาของคำว่า  "ผัวของฉัน แต่เมียคนอื่น" 5555555
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 24-01-2011 08:21:21
+1 เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์  :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 24-01-2011 08:38:18
ก็ถือว่าจบได้อย่างสมบูรณ์ ขาดแต่ชาติหน้านิดหน่อย 
ยังหวังว่าจะไอ้อ่านพาร์ทของคุณหลวงกับเส็งในชาติต่อไปอยู่
สนับสนุนเรื่องรวมเล่ม  อยากบอกว่า  อยากได้มากกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 24-01-2011 10:10:12
เราก็เสียใจนะ  :monkeysad: :monkeysad: อยากให้พาทิศคู่ณัฐมากกว่า มะแนวมะแนว
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 24-01-2011 10:19:34
ชาติหน้าก็ขอให้ได้อยู่กับคนที่รักแล้วกันนะพาทิศ :man1:
ในความรู้สึกก็จบแบบคอมพลีทจริงๆค่ะ ไม่ได้รู้สึกค้างคาอะไร คิดว่าทุกอย่างมันเฉลยที่มาที่ไปหมดแล้วแหละ
บทส่งท้ายอยากให้เป็นเส็งกับคุณหลวงจังเลยอ่า :o8:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 24-01-2011 11:01:24
เฮ้อ.. ขอสารภาพว่า อ่านจบแล้ว เข้าใจเหตุและผลที่เป็น แต่หัวใจมันไม่ยอมคอมพลีทด้วย T^T
ถึงชาติก่อนจะเป็นยังไง แต่ชาตินี้ ถ้าสำนึกผิดแล้ว จะไม่ได้รับการอภัยเลยเหรอ (อันนี้เข้าโหมดงี่เง่าส่วนตัว แบบว่าอยากให้พาทิศคู่กับณัฐมากกว่า)   เฮ้อออออ    ขอโทษสร้อยฟ้าด้วย แต่ทำใจยอมรับไม่ได้จริงๆ ฮือออออ
อยากอ่านตอนชาติหน้าเช่นกันค่ะ อยากเห็นคู่คุณหลวงกับเส็ง  แบบว่าเป็นตอนพิเศษที่กล่าวถึงคู่นี้ก็ได้ค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 24-01-2011 11:22:30
 o13 o13 o13 o13 o13

พี่ฟ้าม่วงเขียนเรื่องได้สมบูรณ์สุดยอด

แต่ว่าสงสารพาทิศมากเลยค่ะ

 :impress3: :impress3: :impress3: :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32:
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 24-01-2011 15:22:40
ดีแล้ว


อ่ากลับมาเขียนต่อพอดีอ่านจบแล้วนอยด์อ่ะ เลยเปะไว้แปบ

แล้วคิดว่าโดยรวมเลยจบได้อย่างงดงามและสมบูรณ์แบบ ต่างคนต่างชีวิตไปมีจุดเริ่มต้นใหม่ ยังไงเรื่องนี่ เส้งก็เป็นนายเอก ก็จบอย่างแฮบปี้ดีแล้ว
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 24-01-2011 18:07:51
มันสมเหตุสมผลนะคะ

แต่ใจเรามันยอมรับไม่ได้จริงๆ  :sad11: (ขอโทษนะคะ)

เจ็บแทนพาทิศ อ่านไปก็สงสาร เค้าสำนึกผิดแล้ว ไม่ให้อภัยกันเลยหรือ ฮือๆๆๆๆๆ

ปล.อยากให้มีตอนพิเศษ คุณหลวงกับเส็งค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: Panny ที่ 24-01-2011 19:39:56
ยินดีกับพาทิศที่หลุดพ้นค่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 24-01-2011 23:23:18
เส็งพอได้เจอกับคุณหลวงแล้วว่าง่ายขึ้นทันตาเห็น...55+
คุณหลวงใจดี...น่ารัก.ขี้เล่น..แถมไม่เคยโกรธใคร...เลยมีแต่คนมาหลงรักเน้อ
สงสารพาทิศจังคะ...พอได้รู้ว่าตัวเองเป็นคุณหยาดแล้วก็มีแต่เรื่องเศร้าตลอดเลย...T^T
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 25-01-2011 00:29:41
รู้สึกเศร้าจังค่ะ  :m15:
นิยายไม่สมหวังเรื่องแรกในรอบเดือนเลยนะเนี่ย
เกลียดสร้อยฟ้าา แง้  :o12:
โหดร้ายมากก สงสารพาทิศอ่า
ก็ยินดีนะคะที่ณัฐมีความสุขซะที
แต่มันก็อดรู้สึกปวดใจแปล๊บๆไม่ได้อยู่ดีค่ะ ฮืออ  :sad4:
อยากให้พาทิศคู่กับณัฐจัง  :z3:
รอตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 25-01-2011 04:00:51
เพิ่งเข้ามาอ่าน แล้วก็ต้องอึ้ง ทึ่ง กับเรื่องนี้มาก!!
เป็นเรื่องที่เราลุ้นได้ตลอดเรื่อง มีเสน่ห์ลึกลับดึงดูดให้ชวนติดตามจนไม่น่าเชื่อ
ตอนจบก็ทำได้ดีสมเหตุสมผลมาก แม้กระทั่งระหว่างพาทิศ ณัฐ และสร้อยฟ้า
เพราะเรามองว่า ชาติก่อนเก่าเทิดเคยเอาชีวิตตนเองปกป้องหยาดแต่หยาดกลับทิ้งเขาไปด้วยห่วงแต่ตัวเอง ชาตินี้แม้ท้ายสุดพาทิศจะเห็นค่าความรักของณัฐ แต่ก่อนหน้านั้นล่ะ ก่อแผลในใจให้ณัฐกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แล้วเพียงแค่พาทิศสำนึกได้ว่าคนที่เขารักและรักเขาคือณัฐ คงไม่สมควรที่เขาจะได้อย่างที่เขาอยากให้เป็นหรอก เพราะฉะนั้น ตอนจบแบบนี้แหละถือว่า complete แล้วในมุมมองของเรา
ขอบคุณไร้ท์เตอร์มากนะคะสำหรับเรื่องราวที่สุดยอดเรื่องนี้^^
ปล.ถ้าจะรวมเล่มขอยกมือจองด้วยคนค่ะ \(^_^)/
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: Miku ที่ 25-01-2011 04:46:48
คิดถึงคุณหลวงจัง มาโผล่เอาตอนท้ายแล้วก็พาเส็งจากไป

ส่วนคุณหยาด ชาตินี้จะได้สมหวังในรักกับเขาไหมก็ไม่รู้ อุตส่าห์กลับตัวแล้วในชาตินี้
แต่ชาติที่แล้วก็ร้ายจริงๆ รู้สึกที่ได้รับมันไม่สาสมเลย

ส่วนณัฐ แต่งกับคุณสร้อยแล้ว ยังงี้แสดงว่าเป็นไบ
ถ้าเราเป็นคุณสร้อยคงระแวงไม่หาย

ตอนส่งท้าย เรายังอยากให้เขียนถึงคุณหลวง คิดถึงคุณหลวง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: jobi ที่ 25-01-2011 08:51:13
พาทิศอกหักอ่ะT^T
ณัฐเป็นเทิด??
ทุกคนที่ร่วมชะตากรรมเดียวกันในอดีต กลับมาเจอกันหมดเลย

ขอบคุณมากค่า รอตอนจบT^T
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 27-01-2011 22:14:02
บทส่งท้าย

   รถยนต์สีดำสนิทเป็นเงา เลี้ยวเข้าซอยหลังโรงแรมเกต ออฟ พาราไดส์ไปอย่างคุ้นทาง เพียงเลี้ยวผ่านหัวมุมก็พบว่า บริเวณนั้นเปลี่ยนไปแทบจะเป็นคนละเรื่องกับเมื่อ 25 ปีก่อน ป่ารกชัฏตรงนั้น ถูกถอนทำลายไปหมดแล้ว กลายเป็นชุมชนขนาดย่อมมีบ้านเรือนน้อยใหญ่ ร้านรวงต่างๆ เติบโตมากมายในยุคโลกาพิวัฒน์แบบนี้ เรื่องราวความอาถรรพ์ของบ้านตรงเกือบสุดซอย แทบจะไม่หลงเหลือมาถึงผู้อาศัยรายใหม่เลยแม้เพียงเสี้ยว มันหายไปพร้อมกับบ้านหลังนั้น
    รถยนต์เลี้ยวเข้าไปจอดในบริเวณวัด ที่ปลูกอยู่บนพื้นที่เดิมของเรือนเทา คนขับก้าวลงจากรถเป็นคนแรก ก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้ภรรยา
    ชายวัย เกือบห้าสิบ ทิ้งความหล่อเหลา เจ้าสำอางค์ไปสิ้น เหลือไว้ก็แต่ความสง่างาม ดูปราดเปรียว แม้อายุมากก็ยังคล่องแคล่ว ร่างสูงนั้นดูบึกบึนขึ้นอย่างคุณพ่อทั่วไป ตากลมโตดูเป็นประกายบอกความสดใสเมื่อเห็นภรรยาของเขาก้าวลงจากรถ หล่อนดูสวยไม่ต่างจากเดิม เป็นกุลสตรี เป็นแม่บ้านแม่เรือน ไม่เคยนำเรื่องทุกข์ใจใดๆมาให้สามีต้องเครียดอย่างหลายๆคน
    สองสามีภรรยาเดินนำลูกสาวและแฟนหนุ่มเข้าไปยังศาลา ทุกอิริยาบถอยู่ในสายตาของเจ้าอาวาส ผู้มองทั้งสองอย่างเฉยเมยที่สุด ไม่มีแววของความดีใจที่เก็บเอาไว้เสียข้างในให้เห็น พาทิศ รู้จักควบคุมอารมณ์ได้อย่างดี เมื่อเวลาผ่านไปนานเสียเพียงนี้ พอก้าวขึ้นมาแล้ว ทั้งคู่ก็คลานเข่านำลูกเข้ามา กราบเบญจางคประดิษฐ์ ทำความเคารพพระพุทธรูปก่อนจะปราศรัยกับภิกษุวัยกลางคน ที่เคยเป็นเพื่อน และคนรักมาก่อนอย่างสำรวม ไม่แสดงความใกล้ชิดจนเกินไป
    “สวัสดีค่ะหลวงพี่ ไม่ได้มาเยี่ยมตั้งนาน อยู่สบายดีนะคะ” สร้อยฟ้ากล่าวทักด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมอย่างเคย
    “ก็สบายดีตามอัตภาพนั่นละ” เขายิ้มน้อยๆ “โยมทั้งสองสบายดีนะ”
    “สบายดีครับ” ณัฐเป็นคนตอบ “พอดี ลูกสาวกลับมาจากยุโรปได้สักพัก ก็เลยพามากราบหลวงพี่ ให้เป็นศิริมงคล ลูกจะแต่งงานในอีกไม่กี่เดือนแล้วครับ”
    ลูกสาวที่ว่า คลานเข่าเข้ามากราบพาทิศอย่างอ่อนช้อย พอเงยหน้าขึ้นมาเท่านั้น พาทิศก็มีโอกาสได้เห็นดวงหน้านั้นชัดเจน ลูกสาวของณัฐและสร้อยฟ้าไม่มีอะไรเหมือนพ่อแม่เลย อันที่จริงถ้าสังเกตดีๆก็จะดูคล้ายบ้าง แต่ก็ไม่เหมือนทีเดียวหากเจอกันที่อื่นก็คงไม่รู้ว่าเป็นลูกสาวของเขาสองคน แวบแรกที่เห็นพาทิศ พาลคิดไปถึงจิตราสมัยสาวๆมากกว่า
    ตาโตคล้ายพ่อ แต่เข้มกว่า คมกว่า คิ้วเข้มสวย ดูหน้าดุหากไม่ได้รอยยิ้มสะอาด จริงใจแบบแม่มาก็คงดูเหมือนจะไปหาเรื่องใครอยู่ตลอดเวลาได้ จมูกโด่งสวยเข้ากันกับปากหนาอวบอิ่ม ผิวพรรณเรียบเนียนสะอาดสะอ้านเป็นสีน้ำผึ้ง ผมดำสวยตามธรรมชาติ ดัดอ่อนๆ เคลียบ่า มองผ่านๆคิดว่านางเอกละครไทยที่ไหน
    พาทิศเอ่ยปากถาม
    “ชื่ออะไรหรือโยม”
    “ชื่อ เพชร ค่ะ หลวงพ่อ” น้ำเสียงอ่อนหวานแต่หนักแน่น ตอบอย่างมั่นใจในตัวเอง ก่อนที่หล่อนจะคลี่ปากเป็นรอยยิ้มที่งามจับใจ
    “ไปเรียนที่ยุโรป เรียนทางไหนมา”
    “ลูกเรียน Political Science จบมาจากฝรั่งเศสค่ะ” ผู้เป็นแม่เป็นคนตอบ “เจอกับพ่อเอสเขา ตั้งแต่ก่อนไปเรียนที่โน่นแล้ว สัญญิง สัญญาอะไรกันไว้พอกลับมาเห็นว่ายังซื่อสัตย์ดี ก็เลยตกลงปลงใจเป็นแฟนกัน เราก็เห็นว่าเทคแคร์ดูแลดี เป็นคนช่างพูดช่างจา กิริยาเรียบร้อย แล้วก็รักลูกเพชรจริง ซื่อตรงไม่เคยนอกใจ ดิฉันเห็นว่าชอบพอกัน แล้วก็ยังเหมาะสมกันอีก ก็เลยไฟเขียว เขาก็ให้พ่อแม่มาสู่ขอตามธรรมเนียมแล้วจะแต่งเดือนกุมภานี้แล้วล่ะค่ะ”
    ‘หลวงพ่อ’ ยิ้มให้หญิงสาวแล้วก็เลยไปมองหนุ่มเอส
    เขาเป็นผู้ชายหน้าตาสะอาดสะอ้าน แม้จะดูสำอางค์ก็มาดแมน ผมดำยาวอย่างหนุ่มเกาหลี ปิดหน้าไว้แต่ก็ดูออกว่าเป็นคนหน้าตาดีทีเดียว ต่อให้ตัดผมสั้นก็คงจะหล่อไม่ต่างกัน มองไปคล้ายๆ ณัฐตอนเป็นหนุ่มเหมือนกัน เว้นไว้ก็แต่ดวงตา ที่แทนที่จะกลมโตอย่างพ่อตา แต่กลับเรียวเล็ก เป็นหนุ่มตี๋ที่ดูดี ไม่ใช่ตี๋ตามเยาวราชทั่วไป รูปร่างก็สูงใหญ่ดูอบอุ่นอย่างผู้ชายรักครอบครัว
    “ได้ฤกษ์ยามแล้วก็ดีใจ แล้วจะไปอยู่ไหนล่ะ อยู่บ้านหนูเพชร หรือบ้านพ่อเอสกันล่ะโยม” เขาถามเรียบๆ
    “ว่าจะไปอยู่กันที่เพชรบุรีค่ะ” ลูกสาวของณัฐเป็นฝ่ายตอบ พาทิศเลิกคิ้วน้อยๆอย่างฉงนก่อนจะคลายสีหน้าลงสำรวมตามเดิม “พอกลับไทยมาก็ใจตรงกันว่าอยากไปเพชรบุรี ไม่รู้ทำไมเหมือนกันค่ะ พอไปเที่ยวแล้วก็ชอบ ถูกใจบ้านเมืองเขาไปหมด ทะเลสวยแต่ไม่ค่อยเสียงดังเหมือนภูเก็ตพัทยา”
    “บ้านที่ซื้อไว้เป็นเรือนหอนี่สวยทีเดียวครับ” เอสเป็นคนตอบ “เป็นบ้านโบราณสมัยรัชกาลที่ห้า อยู่ใกล้ทะเล ตอนนี้ก็ปรับปรุงให้อยู่ง่ายทันสมัย พอเราเห็นกันครั้งแรกก็ถูกใจเลย อยากได้มาอยู่มาก โชคดีทีเดียวครับเจ้าของเขาขายไม่แพง เขาว่าไม่มีใครกล้าอยู่ ใครอยู่กันก็อยู่ไม่ได้ตลอดรอดฝั่ง”
    “ที่มาก็จะมาปรึกษาเรื่องนี้ด้วยแหละครับ” ณัฐว่าเบาๆ “เอ้อ ไม่รู้ว่าบ้านนี้จะไม่เป็นมงคลหรือเปล่า แล้วก็ไม่อยากให้ลูกไปอยู่ไกลนักด้วย”
    “ไม่หรอก โยม” พาทิศหลับตา ยิ้มนิดๆ ให้กำลังใจเพื่อนหนุ่ม “อาตมาว่า ที่ใครก็อยู่ไม่ได้ เพราะบ้านหลังนี้มันรอเจ้าของมันไปอยู่อย่างไรล่ะ”
    เพชร และแฟนหนุ่มหันมามองหน้ากันอย่างฉงน ไม่เข้าใจนัก
    “ไปเถอะ อาตมาสนับสนุน เรื่องนี้ไม่มีอะไรเลย ถ้ากลัวว่าอยู่ไกล ก็ไม่ไกลเท่าไหร่นี่ ขับรถจริงๆก็ไม่ไกลมาก อีกอย่างสองคนนี้ก็ดูเป็นเด็กดี คงดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะออกนอกลู่นอกทางหรอกนะ”
    เพื่อนหนุ่มยกมือไหว้
    “ขอบคุณหลวงพี่มากที่กรุณาให้คำปรึกษาครับ”
    “ไม่หรอก อาตมาแนะเท่าที่จะแนะได้”
    พอ เพื่อนหนุ่ม และภรรยาโล่งใจแล้วก็ถวายสังฆทานเพื่อความเป็นศิริมงคล พูดคุยกันจิปาถะแล้วก็ขอลากลับ ณัฐยิ้มให้หลวงพี่ ไม่นึกเสียดายที่เดินออกมาจากพาทิศเมื่อ ยี่สิบห้าปีก่อน ดีใจเสียอีกที่พาทิศละทางโลกได้แล้วในที่สุด ส่วนเขาเองก็มีความสุขอยู่กับสร้อยฟ้าด้วยดี จนลูกโตเป็นสาว เผลอแปบเดียวก็จะแต่งงานแล้ว คนเป็นพ่อมันปลื้มใจก็ตรงนี้แหละที่รู้ว่าลูกสาวได้สามีดี ที่จะรักและดูแลลูกของเขาไปตลอดชีวิต
    จะกังวลก็ตรงเรื่องไปเพชรบุรีนี่เอง แต่พอคุยกับพาทิศแล้วก็สบายใจ เดินตัวลอยจะกลับบ้าน
    พอดีลูกสาวสะกิด ก็ปล่อยตัวเองหลุดออกจากความคิด หันมาถามพ่อ
    “พ่อขา เดี๋ยวหนูกับเอส ขอตัวไปปรึกษาอะไรหลวงพ่อสักนิดนะคะ” หล่อนว่าเบาๆ ณัฐก็ไม่คัดค้านอะไร พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ลูกสาวจึงยิ้มออก แล้วจูงมือแฟนหนุ่มกลับเข้าไปที่ศาลา
    “เอ้า ลืมอะไรหรือโยม” พาทิศเอ่ยถามอย่างสงสัย
    “หลวงพ่อคะ ดิฉันมีเรื่องจะปรึกษาอีกหน่อยน่ะค่ะ” หล่อนกระซิบแผ่วเบา “ตลอดเวลาที่ดิฉันอยู่ที่ยุโรป นอกจากจะคิดถึงเอสแล้ว ยังจะคิดถึงเรื่องหนึ่งตลอดเวลาเลยค่ะ ทั้งๆที่มันอาจจะฟังดูประหลาด หลวงพ่ออย่าหาว่าหนูพูดจาเหลวไหลนะคะ”
    เจ้าอาวาสหนุ่มใหญ่พยักหน้า
    “หนูฝันเห็นบ้านที่เพชรบุรี คิดอยากจะไปตลอดเวลา แล้วก็ยังฝันถึงที่นี่ด้วย ฝันว่าเคยอยู่ ที่นี่เคยมีบ้านโบราณๆ เป็นสีเทาหรือเปล่าคะ”
    พาทิศยิ้ม แล้วก็เอ่ยเบาๆว่า
     “เคยซี ที่ตรงนี้พอดี ตรงศาลานี่ละ”
    “มิน่า ถึงคุ้นๆนะครับ เพชร” เขาว่า
    “รถเลี้ยวเข้าซอยมา เพชรก็จำได้เลยว่าตรงนี้แหละที่เห็นในฝันบ่อยๆ”
    แฟนหนุ่มพยักหน้า
    “หลวงพ่อครับ” คราวนี้ หนุ่มตี๋เป็นคนพูดขึ้นบ้าง “ผมเคยอ่านหนังสือนิยายเรื่องหนึ่ง ตอนนี้เขาจะสร้างเป็นละครโทรทัศน์ เป็นเรื่องของนักเขียนคนหนึ่งที่มาอยู่ที่บ้านโบราณ แล้ว ตัวละครบางตัวก็เหมือน น้าณัฐ กับ น้าสร้อยเลยครับ ผมลองสืบหานักเขียนดูก็พบว่าชื่อพาทิศ แล้วผมก็เคยได้ยิน น้าณัฐเรียกหลวงพ่อว่าพาทิศด้วย ผมอยากถามว่า นักเขียนคนนั้น กับตัวเอกในนิยายใช่คนเดียวกันหรือเปล่าครับ”
    พาทิศพยักหน้า
    “ถ้าอย่างนั้น นักเขียนคนนั้น กับหลวงพ่อก็ ... คนเดียวกันหรือครับ”
    “เรื่องนั้น อาตมาบอกไม่ได้หรอก เกรงว่าจะเป็นการอวดอุตริมนุสธรรม”
    “แล้ว...”
    “โยม” พาทิศตัดบทเสียก่อนที่ชายหนุ่มจะทันได้พูดอะไรอีก “เรื่องในอดีต ก็คือเรื่องในอดีต แล้วมันก็ไม่มีผลอะไรกับโยม รู้แล้วจะเป็นภัยกับตัวอย่างอาตมา โยมควรจะคิดถึงปัจจุบันและอนาคตให้มาก ก่อร่างสร้างตัว แต่งงานอยู่กินกันให้ดีแล้วก็ประพฤติตัวเป็นคนดีเถิด”
    ทั้งสองกราบพาทิศ
    “ขอบพระคุณหลวงพ่อค่ะ ดิฉันสบายใจแล้ว ขอลาละค่ะ” หญิงสาวคลานเข่าถอยหลังมาสองสามก้าว ก่อนจะลุกขึ้น มีชายหนุ่มคอยประคองไม่ให้เซไป
ทั้งสองคนเดินออกมานอกศาลาอย่างปิติยินดี แม้เรื่องที่ชายหนุ่มอยากรู้จะยังไม่ได้รับการคลี่คลาย แต่เขาก็วางใจได้เมื่อรู้ว่า มันไม่เกี่ยวข้องกับเขาและแฟนสาว หันมาอีกทีก็พบว่า เพชร เดินร้องไห้มาเงียบๆ น้ำตาไหลเป็นทาง แต่ไม่มีเสียงสะอื้นแต่อย่างใด
    “เพชรร้องไห้ทำไม” เขาว่า “ผมใจไม่ดีเลย”
    “เพชรดีใจค่ะ ที่เราจะได้แต่งงานกันเสียที  ต้องรอมานานขนาดนี้ ตั้ง 6 ปีที่เพชรไปเรียน เอสก็ยังอยู่รอ เพชร... เพชรตื้นตันใจยังไงบอกไม่ถูกค่ะ”
    ชายหนุ่ม ยกมือขึ้นปาดน้ำตา ก่อนจะกระซิบเบาๆว่า
    “หกปีมันไม่นานหรอกเพชร ต่อให้รออีกเป็นสิบ เป็นร้อยปี ผมก็รอคุณได้ รู้อย่างเดียวว่า ถ้าได้เจอได้อยู่ด้วยกันแล้ว ผมจะไม่รออีก จะรักคุณไปตลอดอย่างไม่ต้องรอฤกษ์ยาม ไม่ต้องรอวันเวลา เพราะไม่มีใครรับประกันได้ว่า จะไม่มีอะไรมาแยกเราจากกัน”
    หญิงสาวพยักหน้าน้ำตายังไหลอยู่ไม่หยุด
    “เพชรรักเอสเหลือเกินค่ะ”
    “ผมก็รักเพชรมากครับ” เขายิ้มอย่างอบอุ่น “มาผมช่วยถือกระเป๋าดีกว่า เดี๋ยวปวดบ่าอีกทีนี้ต้องไปหาหมอนวดอีกนะ...”
    ชายหนุ่มพูดไม่ผิด หกปีมันไม่นานเลย ไม่นานถ้าเทียบกับ ร้อยกว่าปีที่เขาเคยรอหล่อนมา คู่รักทั้งสองคนเดินไปขึ้นรถ ที่พ่อและแม่ต่างก็นั่งรออยู่แล้ว ก่อนที่รถสีดำคันนั้นจะขับจากไป สาวน้อยในเบาะหลังก็หันไปมองศาลาวัดที่หล่อนเพิ่งจากมา หญิงสาวแทบจะเห็นบ้านโบราณแบบฝรั่ง สีเทาสวยขรึม ดูสง่าตัดกับต้นไม้นานาพันธุ์ด้านหลัง เป็นบ้านกึ่งไม้กึ่งตึก สมมาตร ซ้ายขวาเท่ากัน มีลายฉลุที่ขอบหลังคาที่ปูกระเบื้องสีเทาเข้ม
    หล่อนแทบจะเห็นว่าตรงหน้าต่างฝั่งซ้ายมือของหล่อนนั้น มีใครคนหนึ่งยืนรอหล่อนอยู่อย่างใจจดใจจ่อ นับวันนับเดือนคอย ไม่ต่างจากแฟนหนุ่มที่อยู่ข้างๆ หล่อนหันไปหาเขาแล้วก็ยิ้มเบาๆ อุ่นใจที่มีชายหนุ่มอยู่เคียงข้าง บริเวณวัดลับตาไปแล้ว หล่อนไม่แน่ใจว่าจะได้กลับมาเห็นมันอีกเมื่อไหร่ แต่ก็ตื่นเต้นกับบ้านที่เพชรบุรี ที่หล่อนกำลังจะพาพ่อแม่ไปดูมากกว่า เพชร ลืมเรื่องเรือนเทาหลังนั้นไปในที่สุดแค่เพียงรถยนต์คันสวยเลี้ยวพ้นเขตวัดไป
    ทุกกิริยาของทั้งคู่อยู่ในสายตาของภิกษุหนุ่มใหญ่ตลอด เขาเห็นภาพตรงหน้าแล้วก็อดยิ้มอย่างสบายใจไม่ได้ว่า ในที่สุด พวกเขาก็ได้พบกันและกำลังจะไปอยู่กันที่เพชรบุรีอย่างในสัญญาที่ให้ไว้เมื่อร้อยกว่าปีก่อน แต่คราวนี้คงไม่จบแบบเดิม ไม่จบแบบเจ็บปวด และเศร้าโศกอีก เพราะในชาตินี้ ทั้งสองเกิดมาสมบูรณ์ เหมาะกันในทุกๆเรื่องไม่ว่าจะ ฐานะ การศึกษา เพศ และวัย เรียกได้ว่า กลับมาเกิดเพื่อให้ได้ครองคู่กันสมใจ ให้เรื่องราวของทั้งคู่ จบลงอย่างมีความสุข
    พาทิศเห็นทั้งคู่เดินจากไปขึ้นรถก็มั่นใจแล้วว่า เขาเห็นหลวงพินิจราชอักษรเดินนำไปอย่างเชื่องช้า มีเส็งถือสัมภาระให้อย่างไม่คิดเกี่ยงงอน
    เรื่องราวของทั้งคู่ในปางบรรพ์จบลงได้ด้วยดีแล้วในที่สุด


จบบริบูรณ์
อาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน 2553
เวลา 19.31 น.
ร้านกาแฟสตาร์บั๊คส์ สาขาสยามพารากอน
   
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 27-01-2011 22:21:16
ติดตามนิยายเรื่องใหม่ ของ ฟ้าม่วง 2 เรื่อง 2 รส
จันทร์ และ พุธ - คุณชาย
ทำไมคุณชายต้องเป็นคุณชาย ทำไมคนที่รักเขาสุดหัวใจไม่เป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น หนุ่มน้อย นที  เฝ้าถามตัวเองทุกวันนับแต่ที่เขาได้รู้จักหม่อมราชวงศ์ ภาสกร รชตานันท์ ชายหนุ่มที่สูงส่งทั้ง ชาติตระกูล การศึกษา และความเป็นอยู่...ตัวเขา ต่ำต้อย มีแต่ปมความเจ็บปวดในอดีต เกี่ยวกับ พ่อ แม่ และพ่อเลี้ยงคอยหลอกหลอน  ต่อให้มีเหตุการณ์ทำให้ทั้งคู่ผูกพันกันมากมาย แต่ฝ่่ายนั้นจะรักเขาอย่างที่เขาเป็นได้หรือ นี่ไม่ได้พูดเรื่องที่เขาสองคนต่างก็เป็นเพศเดียวกันด้วยนะ เพียงตัวตนก็ต่างกันมากเพียงนี้ นทีจะได้แต่แอบรักภาสกรในใจไปอย่างนี้ หรือจะได้รักกันจริงๆสักวันก็ไม่อาจเดาได้... ต่อให้รักกันจริง คำว่า “รัก” คำเดียวจะทำลายกำแพงของคำว่า “ความเหมาะสม” ได้หรือ

ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ - ทางสามสาย
เป็นเอก ได้มีโอกาสไปพักที่ Palazzo di Loei รีสอร์ทหรูกลางหุบเขา ของมารดาของ โรม เพื่อนสนิทเขา ที่นั่นนอกจากจะได้ช่วยตกแต่งงานแต่งงานครั้งใหม่ของ มารดาของเพื่อนสนิทแล้ว ชายหนุ่มยังจะได้รู้จักและ ได้ผูกพันสนิทสนมกับพี่ชาย และน้องชายของโรม ด้วย... เวนิส พี่คนโตของบ้าน สุขุมเป็นผู้ใหญ่ ช่างเอาใจ... มิลาน หนุ่มน้อยน้องคนสุดท้อง หล่อเหลาน่ารักเจ้าเสน่ห์ ยิ่งนานวัน ยิ่งได้สนิทกันมากขึ้น ยิ่งถลำลึกไป เป็นเอกก็ยิ่งได้รู้ว่า ชายหนุ่มที่ต่างกันมากทั้งสามนี้ จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางชีวิตเขาเมื่อมันมาถึงทางแยก การต้องเลือกอะไรสักอย่างจากอีกอย่างหนึ่งว่ายากแล้ว การเลือกทางเดินที่ต่างกันถึงสามสาย ช่างยากกว่าที่เป็นเอกเคยคิดไว้เหลือเกิน

เริ่ม จันทร์ที่  14 กุมภาพันธ์ นี้

ไว้เจอกันคร้าบบบบบบ



หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: sornvat ที่ 27-01-2011 22:25:53
จบลงแบบ ยิ้มด้วยน้ำตา ทั้งโศก ทั้งซึ้ง ทั้งเศร้า
สุขที่ได้อ่าน ฮ่าๆๆ
เหมือนว่าเรื่องทั้งหมดมันจะต้องลงเอยแบบนี้
ขอบคุณผู้เขียนมากครับ ที่เขียนเรื่องดีๆมาให้ได้อ่าน
จะติดตามเรื่องต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: JAN ที่ 27-01-2011 22:38:53
เวลาผ่านไปหลายปี
ในตัวละครอาจยอมรับในสิ่งที่เป็นไป

แต่เราเพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน
มันทำใจไม่ได้กับเรื่องของณัฐกับพาทิศยังไงไม่รู้สิ

แต่ก็ไม่ขัดใจผู้แต่งค่ะ  ว่าไงก็ว่าตามนั้น

แต่ก็ยังดีที่คุณหลวงกับเส็งได้ลงเอยกัน
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 27-01-2011 22:56:49
ขอบคุณมากครับ และเป็นกำลังใจสำหรับเรื่องใหม่  :L2:
+1
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 27-01-2011 22:59:22
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆจบได้เลศมากๆเลยค่ะ ชอบจังเลยอ่ะ เตรียมตัวรอ อีกสองเรื่องสองรสนะเจ้าคะ ท่าทางจะสนุกมิช่ายน้อยเลยทีเดียว

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: w1234 ที่ 27-01-2011 23:09:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Pamphlet ที่ 27-01-2011 23:11:24
ในที่สุดก็จบลงด้วยดี  :กอด1:
บอกตรงๆว่าอ่านตอนที่แล้ว แล้วเม้นท์ไม่ออกเลยจริงๆ
กะว่าถ้าตอนนั้นเป็นตอนสุดท้ายก็คงจะไม่เม้นท์อะไรแต่ในเมื่อจบลงด้วยดีแบบนี้ก็รู้สึกว่าก็อาจจะดีแล้วหล่ะที่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมา
จะรอติดตามผลงานใหม่ต่อไปนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 27-01-2011 23:28:13
 :เฮ้อ:เสียดายพาทิศกะณัฐ อยากไห้คู่กันนนนนนนนน


ขอบคุณคุณฟ้าม่วงที่นำเรื่องราวดีๆมาไห้อ่านนนนนนน o13
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: dezzetoeiiz ที่ 28-01-2011 00:02:00
.... หืม .. ??? ...  "พาทิศเห็นทั้งคู่เดินจากไปขึ้นรถก็มั่นใจแล้วว่า เขาเห็นหลวงพินิจราชอักษรเดินนำไปอย่างเชื่องช้า มีเส็งถือสัมภาระให้อย่างไม่คิดเกี่ยงงอน"


..... ฮะ ??? .. คุณหลวงเป็นเพชร เส็งเป็นเอส ... ถูกมั๊ยคะ ? ....


เอ่อ ...  :m15: :m15:

ได้รักกันแล้ว ได้รักกันแล้ว ได้รักกันแล้ว

รอติดตามเรื่องต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่ะ ... ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆแต่ทำให้เรามีอารมณ์หลากหลายขณะอ่าน
ขอบคุณมากค่ะ

*ล่องลอยจากไปอย่างเมาๆ*  :z10:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Resonance ที่ 28-01-2011 00:06:50
จบแบบนี้เวิร์คสุดแล้วล่ะ ไม่อยากให้ณัฐกับพาทิศได้คู่กัน แต่ก็ไม่อยากให้คู่กับสร้อยฟ้าอ่ะนะ = =
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 28-01-2011 00:19:13
ขอบคุณค่ะ ติดตามเรื่องต่อไปจ้ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 28-01-2011 04:24:31
อ่านสนุกมากจริงๆ แถมได้ความรู้เพิ่มอีกต่างหาก  ขอบคุณมากๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 28-01-2011 07:26:59
+1 ให้ไรเตอร์

มีความสุขที่ได้อ่านค่ะ  :L1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 28-01-2011 11:46:18
จบแบบมีความสุขทุกฝ่าย
ทั้งเส็งและคุณหลวงก็ได้เกิดมาคู่กันในชาติภพใหม่ ทีนี้ทั้งคู่ก็สมหวัง มีความสุขซะที
ขอบคุณเรื่องดีๆนะคะ
รอติดตามเรื่องต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 28-01-2011 11:55:18
รวมเล่มนะคะ  อยากได้  จบได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด
+1
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 28-01-2011 12:13:38
จบได้อย่างสมบูรณ์จริงๆ ต้องขอบคุณไรเตอร์มากๆ ที่เขียนเรื่องดีๆ แบบนี้ออกมาให้อ่าน เรื่องของเวรกรรม เรื่องของการเีวียนว่ายตายเกิดเพื่อชดใช้กรรมจบอย่างสมเหตุสมผลในสิ่งที่ควรจะเป็นจริงๆ ค่ะ

ดีใจกับเส็งและคุณหลวง ที่สมหวังได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในที่สุด หลังจากต้องทนทุกข์มาเป็นร้อยปี แต่เพราะยังยึดมั่นในความดี ชาตินี้อุปสรรคที่เคยได้รับจากเรื่องการไม่ได้รับการยอมรับจนต้องพลัดพรากถึงได้หมดไป ได้ครองคู่กันดังที่ปรารถนาทุกประการ  :mc4: :mc4: :mc4:

ส่วนพาทิศ ก็ได้พยายามสร้างกรรมดีเพื่อชดใช้กรรมชั่วในสิ่งที่ตัวเองทำมาในชาติก่อน กรรมที่หยาดทำไว้หนักหนานัก อาจไม่สามารถชดใช้ได้หมดในชาติเดียวถึงไม่ได้สมหวังในรัก แต่คนเราถ้ามีโอกาสรู้ว่าตนเคยทำผิดอะไรไว้แล้วสามารถคิดจะชดใช้แก้ไขได้ก็เป็นสิ่งที่ดีมากแล้วค่ะ เกิดเป็นมนุษย์ ไม่ได้มีแค่การได้สมหวังในรักถึงจะเรียกว่ามีความสุขบริบูรณ์ แต่การมีชีวิตอยู่แล้วก่อแต่กรรมดี จิตใจสงบสุข นั้นเป็นสุขที่ยืนนานกว่าหลายเท่า  o13 o13 o13

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับนิยายที่ให้แง่คิดดีๆ เกี่ยวกับกฎแห่งกรรมด้วยนะคะ แล้วจะรอติดตามผลงานเรื่องใหม่ด้วยค่ะ  :bye2: :bye2: :bye2:



หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 28-01-2011 18:41:55
เยี่ยมที่สุดอ่ะมันต้องจบแบบนี่แหละ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Jploiiz ที่ 28-01-2011 19:11:04
จบลงแบบน้ำตาคลอๆ ดีใจที่เรื่องนี้คุณหลวงกับเส็งได้สมหวังแต่งงานแล้วก็จะได้ไปอยู่บ้านพี่เพชรบุรีด้วยกันอย่างมีความสุข แม้จะแอบเศร้าๆ เรื่องพาทิศกับณัฐที่ไม่ได้รักกันก็ตาม แต่เรื่องนี้ก็สมบูรณ์แล้วค่ะ
จบแล้วจริงๆ หรอเนี่ย แล้วต่อไปนี้จะอ่านอะไร รออะไร  :monkeysad:
ไม่เป็นไรๆ รอเรื่องใหม่ละกันค่ะ ๑๔ กุมภาวันวาเลนไทน์จะมานั่งรอ ๕๕
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 28-01-2011 19:39:53
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:จบได้สวยมากเลยค่ะ

จะรออ่านอีกสองเรื่องนะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 28-01-2011 20:02:15
จบได้ดีมากเลยค่ะ

ชอบเรื่องนี้ จะรอติดตามผลงานต่อไปนะคะ น่าติดตามทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 28-01-2011 20:21:34
จบได้ขนลุกมากกกกกกกกก (จริงๆ ขนลุกมาทุกตอน)
แต่งเก่งจริงๆ ค่ะ อยากจะคารวะๆๆๆๆๆๆๆ

ส่วนสองเรื่องใหม่ ทำไมได้กลิ่นมาม่าโชยกันหมดเลย
แต่ยังไงก็ติดตามแน่นอนค่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: C3MJPG2I ที่ 28-01-2011 23:12:56
จบเศร้าจังค่ะ แต่เรื่องราวมันก็ควรจะเป็นอย่างงี้ล่ะเนาะ

คุณหลวงกับเส็งในชาติใหม่ก็สมหวัง กับการรอคอยแล้ว

ทำให้กลับมาคิดเลยนะค่ะ ว่าความรักมัน...ดูยิ่งใหญ่ขนาดนี้เลยหรอ อ่านแล้วน้ำตาคลอเลยค่ะ

ตามอ่านมาจะอาทิตย์แล้วกว่าจะจบ.. ความจริงน่าจะจบเร็วกว่านี้ได้ 55

ถ้าไม่สะเทือนใจเกิน สงสารตัวละคร อ่านต่อไปไม่ไหว ทำใจอยู่นาน

แต่ขอนับถือในการใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยของพล๊อตนะค่ะ หาข้อมูลเก่งมากเลย

แต่งกลอนก็เก่ง 55 ไม่รู้ว่าจะเคยเขียนจีบใครบ้างรึป่าวววว 55

ขอบคุณนะค่ะสำหรับนิยายเรื่องนี้ ให้อะไรมากมายจริง!!

จะติดตามเรื่องต่อไปนะค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^ :กอด1: รักคนแต่ง ขอกอดทีนึง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 28-01-2011 23:29:56
จบแบบนี้แฮปปี้เอ็นดิ้งจริงๆเลยค่ะ :L1:
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆเรื่องนี้ และจะติดตามผลงานเรื่องต่อๆไปแน่นอนค่า :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 28-01-2011 23:59:38
ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆๆ

ประทับใจคุณหลวงกับเส้งมากๆเลยค่ะ

ประทับใจในความรักของคนทั้งคู่

สื่อสารออกมาได้ดีมากเลยค่ะ  โดยเฉพาะภาษา เราชอบมากๆเลยอ่ะ :L2:


ยอดเยี่ยม  ยิ่งกลอนของคุณหลวงที่แต่งให้เส้งนั้น อ่านกี่ทีๆก็ไม่เบื่อ

ถ้าจะทำเป็นหนังสือ หากราคาไม่แพงมาก(หรือ ณ ตอนนั้นพอมีเงิน)  เราจะซื้ออย่างไม่ต้องลังเลเลย TT


แต่ช่วงนี้ช็อตสุดๆ ย้ากกกกกกกกกกส์!



สำหรับเรื่องของพาทิศและณัฐ ปฎิเสธไม่ได้จริงๆว่า เสียดาย แอบอยากให้ณัฐอยุ่กับพาทิศ  แต่ว่าแบบนี้ก็ดีแล้ว มันไม่จำเป้นที่จะต้องทำตามใจผ้อ่านตลอด

ไรเตอร์มีจุดยืนของไรเตอร์  ดีแล้วล่ะ   :D


ปล เรารักคุณหลวงกับเส็งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 29-01-2011 01:08:52
reply # 1000 พอดีเลยยย เย้ๆ
ขอบคุณทุกคนนะครับที่เข้ามาติดตามและช่วยให้กำลังใจตลอดเลย ขอบคุณมากจริงๆ
แค่เรื่องแรกก็มี รีพลายเป็นพีนแบบนี้ ปลื้มจังครับ (จริงๆแล้วน้อยรึเล่าไม่รุ แต่ผมว่าเยอะ 555+)

สำหรับเรื่องรวมเล่ม ผมขอดูก่อนนะครับว่าจะเป็นไปได้ไหม ขอลองหาข้อมูลก่อนว่าทำไงดี ไม่เคยง้ะ อิอิ

ปล. กำลังวางแผนอยู่ว่าถ้าจะรวมเล่มจริงๆ อาจจะเขียนตอนพิเศษ เกี่ยวกับณัฐและพาทิศ ตั้งแต่เด็ก จนก่อนจะถึงปางบรรพ์สัก10-20หน้า
ใส่เป็นของแถมให้ไรงี้นะครับ แต่ขอดูก่อนว่ามีคนสนใจเยอะไหม แล้วก็ผมจะรวมยังไงที่ไหนอีกที

สำหรับตอนนี้ขอบคุณทุกคนจริงๆครับ :]
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 29-01-2011 01:19:12

ต๊าย แล้ว..วันอังคารกับวันพฤหัสล่ะคะ?
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Lady-Rabbit ที่ 29-01-2011 23:17:35
จบแล้ว!!!!!!!!!!!!! ซึ้งๆยังไงไม่รู้ค่ะ
ดีมากๆเลยเรื่องนี้ ประทับใจมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: deva ที่ 30-01-2011 09:35:26

จบซะแล้ว  ยังไม่อยากให้จบเลย
ยังอ่านไม่จบนะแต่  อยากเข้ามาขอบคุณก่อน
ไม่ว่าจะจบลงยังไงก็ยังชอบเรื่องนี้ ปลื้มคนเขียนเหมือนเดิม
เขียนเก่งมากๆเลย  ผูกเรื่องได้น่าทึ่งมาก
หวังว่าจะได้อ่านเรื่องใหม่ของคุณด้วย 
แล้วก็เรื่องนี้  อย่าลบออกไปนะขอร้อง
อยากกลับไปอ่านอีกหลายๆรอบ

"ขอบคุณ"
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: -N- ที่ 30-01-2011 13:07:44
นิยายเรื่องนี้ยอมรับว่าทำเอากินไม่ได้นอนไม่หลับ อ่านติดตามจนจบ
และเสียน้ำตาอย่างหนักตอนที่คุณหลวงโดนเฆี่ยน ตอนนั้นร้องไห้หนักมากกก
และร้องเรื่อยมาจนจบเรื่อง จบแล้วก็ยังเศร้าอยู่ดี เศร้าปนสุขแบบบอกไม่ถูก
อยากบอกคนแต่งว่าชอบเรื่องนี้มากกกกค่ะ มันจริงเหลือเกิน อ่านแล้วอินมากราวกับทุกตัวละครมีอยู่จริงและสามารถเกิดได้จริง


ขอบคุถณมากนะคะที่สร้างสรรค์เรื่องดีๆมาให้อ่าน จรรโลงมากๆ เป็นหนังสือจะตามเก็บไว้ด้วยคนนะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่ง$
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 30-01-2011 18:59:46
พาทิศกับณัฐตอนเด็ก อืมน่าสนใจ ถึงจะรู้ว่าไม่ได้กิ๊กกัน T-T เอาเถอะ

หวังลึกว่าอยากให้แต่โลกคู่ขนาจ แบบว่าณัฐเลือกพาทิศไงเงี้ย

แต่ว่าจบแบบนี่ก็ดีอ่ะ เอองงกับชีวิตตัวเองเหลือเกิน

+1ให้เลย

ปล. รอนิยายเรื่องใหม่
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Miku ที่ 30-01-2011 22:49:40
บอกได้คำเดียววว่า ปิดฉากอย่างสวยงาม
ถึงแม้คุณหลวงจะมาในภาพหญิงสาวแต่ทั้งคู่ได้สมหวังครองรักกันอย่างที่ควรเป็นแล้ว
โล่งใจ ปนดีใจจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Ska_Devil ที่ 31-01-2011 03:34:39
จบแบบสมบูรณ์มาก ชอบๆๆ ก็ดีแล้วนะคับที่พาทิศ(หยาด)บวชชดใช้กรรมเก่า เพราะทำเค้าไว้มากเหลือเกิน แถมตอนที่เป็นหยาดยังไม่สำนึกจนกระทั่งตัวตาย และตอนที่เทิดตายก็ดูเหมือนหยาดยังคงรักตัวเองมากกว่าใครๆ ถ้าเกิดพาทิศได้อยู่กับณัฐจริง เชื่อว่าพาทิศก็คงไม่หยุดอยู่ที่ณัฐอีกเป็นแน่ (ดูจากนิสัยของหยาด ที่ติดตัวมากับพาทิศ)จบแบบนี้แหละสมบูรณ์จริงๆ ขอบคุณมากๆที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้สนุกมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: pay-it-forward ที่ 31-01-2011 09:44:42
สนุกมาก ซึ้งสุดๆ
ประทับใจความรักระหว่างคุณหลวงกับเส็งมาก
ยิ่งตอนสุดท้าย ที่คุณป้าจิตราหรือคุณหลวงกลับมาหาเส็ง
อ่านปุ๊บ น้ำตาร่วงปั๊บ ในที่สุดเส็งก็ได้เจอคนที่รอมานานแสนนานซะที
ขอบคุณผู้แต่งมากๆนะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ
 :L2:
+1 ค่า
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: maew189870 ที่ 31-01-2011 10:58:13
ติดตามจนจบอ่ะคับ

ชอบมากๆเลยคับ

ยังไงขอให้พี่มีสุขภาพแข็งแรง  แล้วกลับมาเขียนเรื่องใหม่ๆอีกนะคับ

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Ska_Devil ที่ 31-01-2011 18:48:47
อ่านจบแล้วนึกถึงเพลงพวกนี้ เลยหาเพลงมาประกอบการอ่านคับ เพิ่มอรรถรสในการอ่านให้สนุกยิ่งขึ้น เพลงตัวคุณหลวง แทนความรู้สึกที่มีต่อเส็ง http://www.youtube.com/watch?v=n09YRhc5z_Y
เพลงของเส็งที่มีต่อคุณหลวง http://www.youtube.com/watch?v=cIa3He4154M ลองเปิดฟังไปด้วย อ่านไปด้วยสนุกอีกแบบนนะคับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 31-01-2011 18:57:40
รายงานตัวว่าเริ่มอ่านมานานแล้วค่ะ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่จบ
เหตุผลหนึ่งคืออยากจะค่อยๆอ่าน ไม่อยากให้ถึงตอนจบ
อีกเหตุผลเพราะกลัว เรื่องรักของตัวละครสะเทือนถึงหัวใจเอาจริงๆ
.....แถมกลัวตอนจบอีก
แต่พอเห็นว่าจบแล้วเลยลัดมาขอบคุณคุณPurple_Skyก่อน
ขอบคุณมากนะคะ

ปล.ถ้ามีโครงการทำเป็นหนังสือช่วยประกาศดังๆด้วยนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: คุณหนูไฉไล ที่ 31-01-2011 23:50:21
ใช้เวลากับนิยายเรื่องนี้นานมาก ลากจนจบจนได้ (แต่ยอมรับว่าเก็บแต่เนื้อ ๆ เพราะใจร้อน เดี๋ยวจะอีกรอบเพื่อเก็บรายละเอียด)

1. ผูกปมเรื่องเก่งมาก
2. สอดแทรกเรื่องราวประเพณี รายละเอียดเกี่ยวกับยุคสมัย บรรยากาศบ้านเมือง ได้ดีมาก
3. ผู้เขียนมีความเข้าใจในเรื่องกงกรรมกงเกวียน เรื่องกรรมมาก ๆ อ่านแล้วใช่เลย
4. ช่องมากสีอย่ารอช้า ซื้อลิขสิทธิ์แล้วเอาไปทำละคร ณ บัดนี้ .. อีเย็น + อาญารัก + ไทรโศก ยังต้องยอมศิโรราบ อิอิอิ

.
.

สนุกมาก เอาล่ะ ได้เวลาไปหาข้าวกินซักที

ขอบคุณฟ้าม่วงมาก ๆ ง๊าบบบบบบ +
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: nenoramy ที่ 01-02-2011 02:11:38
อ่านมาจนจบด้วยความรู้สึกที่ว่า "หากมีใครสักคนเฝ้ารอเราด้วยความรักแบบนี้บ้างก็คงดี" แต่พอมาคิดๆ ดู การรอคอยมันแสนจะทรมาณ ไม่ว่าจะเฝ้ารอด้วยความรู้สึกแบบไหน ไม่อยากให้ใครต้องมาทนทรมาณแบบนั้นเพราะตัวเราเอง

จะว่าเรื่องนี้เป็นเหมือนกระจกเงาก็คงจะได้ อ่านแล้วสะท้อนให้เห็นตัว ทุกคนมีกรรมเป็นตัวขับเคลื่อน ทั้งกรรมดีกรรมชั่วแล้วแต่คน ทำกรรมดีไว้เสีย เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่กรรมชั่วที่เคยได้ทำไว้จะตามมา

หากจะบอกว่าข้อความข้างบนไม่ได้คิดมาจากการอ่านเรื่องนี้ก็คงได้ เพราะทุกวันนี้ก็ยังคงต้องชดใช้กรรมชั่วที่ติดตัวมาแต่อดีต มาชาตินี้ก็ยังคงก่อกรรมชั่วมาโดยตลอดจนเพิ่งมารู้ตัวเมื่อไม่นานมานี้

นิยายเริ่องนี้ไม่ได้แต่งขึ้นมาเกินความเป็นจริงเลย ทุกเหตุการณ์ในเรื่องมีสิทธิ์เกิดขึ้นจริงกับใครก็ได้ บางคนเคยพบเจอมากับตัวเองแล้วก็มี แต่สำหรับเราสิ่งเดียวที่ยังไม่เกิดคือการรับรู้ถึงเหตุแห่งกรรมในอดีต ไม่รู้ว่าเคยได้ก่อกรรมไว้กับใคร หนักหนาแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยนึกอยากจะรู้ ไม่เคยคิดจะติดตามหาสถานที่ต่างๆ ที่เคยฝันเห็น หรือหากมีเหตุให้ได้ไปยังสถานที่นั้นๆ ก็ไม่เคยนึกอยากจะรู้ไปมากกว่าความรู้สึกคุ้นเคย ทำมากทีุ่สุดก็คงแค่หาข้อมูลต่างๆ มายืนยันกับตัวเองว่าสถานที่นั้นมีอยู่จริงไม่ใช่เราฟุ้งซ่านไปเองคนเดียว ความอยากรู้ทำให้มนุษย์พัฒนาก็จริง แต่บางครั้งมันก็เป็นเหมือนดาบที่คอยแร่เนื้อเถือหนังตัวเราเหมือนกัน

สุดท้ายขอขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ที่มีมาให้อ่านกันนะคะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 01-02-2011 13:03:09
อ่านแล้วตื้นตันจังค่ะ
จบได้ดีมากๆเลยอ่ะ จบแบบนี้มันเป็นอะไรที่สมบูรณ์ที่สุดแล้วล่ะ
ถึงแม้ว่าพาทิศกับณัฐจะไ่ม่ได้คู่กันก็เถอะ
และแล้วคุณหลวงกับเส็งก็ได้รักกันจนได้ ดีใจจัง  :o8:
แต่ก็แอบใจหายนิดหน่อยที่มันจบแล้ว  :sad4:
ยังไม่อยากให้จบเลยค่ะ อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆๆเลย
ยังไงก็จะติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ ติดใจซะแล้วสิ
ถ้ามีรวมเล่มก็รบกวนแจ้งทางนี้ด้วยนะคะ เราจะเอาให้ได้เลย  :z2:
แล้วก็ขอบคุณนะคะ สำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้  o13 ชอบมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 01-02-2011 14:45:22
 :L2:
PERFECT!!! จบไปแล้วอย่างสวยงาม ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ รอติดตามผลงานต่อๆไปคับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: NUKWUN ที่ 01-02-2011 23:14:27
ชอบมากอ่านรวดเดียวจนหมด
แต่ละตอนมันเต็มไปด้วยจิตวิญญาณและมนต์ขลังจริงๆ
มันให้ความรู้สึกเหมือนจริงมากจนน่ากลัว ทำให้คิดอะไรได้เยอะมากจริงๆ
ทั้งความรักและความจริง มันเหมือนไม่ใช่นิยายเลย
จนขนลุกไปหมด สนุกมากๆ
แบบว่าอ่านจบอารมณ์ไม่จบ
มันยังตรึงอยู่ในความทรงจำอยู่เลย
ไม่รู้จะอธิบายยังไง เอาเป็นว่านี่เป็นเรื่องแรก
ที่ให้ความรู้สึกแบบนี้ ต้องขอบคุณมากสำหรับนิยายดีๆแบบนี้
เป็นไปได้ก็อยากจะอ่านอีก
 o13 :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 02-02-2011 07:31:24
เข้ามาขอบคุณอีกรอบ พร้อมรายงานตัวอ่านจบแล้วค่ะ

เป็นอีกเรื่องที่ย้ำว่าโลกนี้ไม่มีคำว่าบังเอิญนะคะ....ทุกอย่างล้วนมีเหตุแล้วจึงมีผล
จะรออ่านงานเขียนครั้งต่อๆไปค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: beautyless ที่ 03-02-2011 09:10:56
อ่านจนจบแล้วแต่มีข้อสงสัยอยู่เรื่องนึงว่า
ใครยังรออยู่ในเรือนเทา
เพราะเข้าใจว่าทุกคนไปเกิดหมดแล้ว


เรื่องที่ให้เส็งกับคุณหลวงในชาตินี้กลายเป็นคู่ชายหญิงกันไปอยู่ที่บ้านริมทะเลที่เพชรบุรี ผมปลื้มใจที่เขาได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็แอบนอยด์นิดๆ เพราะคิดได้ว่าสุดท้ายแล้วคนเป็นเกย์ก็เป็นเพราะมีกรรมจริงๆ เมื่อหมดกรรมในลักษณะนี้แล้วจึงไปเกิดเป็นเพศชายหญิงปกติ ผมทำใจอยู่ครึ่งคืนก็สบายใจขึ้นเมื่อได้คิดตามว่ากรรมสามารถกำหนดอดีต และปัจจุบันได้แต่กำหนดอนาคตไม่ได้ ดังนั้นในความไม่สง่างามในเพศของตัวเองผมก็ยังคงยืดอกเชิดหน้าขึ้นได้อยู่ ด้วยเพราะเรายังสร้างกรรมดีได้อยู่ จึงขอชื่นชมนักเขียนที่กล้ายอมรับในความบกพร่องของเพศของพวกเราอย่างภาคภูมิ

ในจุดๆ หนึ่ง ผมตกใจมากเมื่อรู้ว่าแท้จริงคุณน้าก็คือคุณหลวง ตกใจจริงๆ แต่ยังไม่เท่าที่เมื่อคุณน้าได้รู้ความจริงไปพร้อมกับพาทิศแล้ว ก็เดินเข้าไปหาคนรักของตนที่รอคอยอยู่คนเดียวมาเป็นร้อยปีโดยไม่กลัวความตาย เป็นจุดที่สวยงามที่สุดของเรื่อง เป็นชอธ์ทที่แอบร้องไห้มากที่สุด แต่มันไม่ใช่ความเสียใจเหมือนกับตอนร้องไห้ให้ก้ับตอนที่คุณหลวงถูกเฆี่ยน ความรู้สึกของผม สุดท้ายแล้วคุณหลวงก็เป็นคนที่อบอุ่นและ"ปกป้อง"คนที่อยู่เป็นบริวารเหมือนเดิม ในเรื่องการที่เกิดใหม่เป็นหญิงเริ่มไม่สำคัญอีกต่อไปในเมื่อความรักของคุณหลวงในร่างของป้ายังคงห่วงใยเส็งเหมือนเช่นเดิม ผมแอบเสริมความคิดเข้าไปเองว่าที่คุณหลวงไม่เคยได้เกิดเป็นชายอีกคงเป็นเพราะเขาได้เสียสละปกป้องทุกคนมานานเกินพอแล้ว จึงสมควรได้รับการปกป้องกลับบ้าง

ผมถือว่านี่เป็นนิยายที่มีคุณภาพมากที่สุดเรื่องหนึ่ง เนื้อเรื่องไม่ได้เข้าข้างใครหรือเพศใดมากเกินไป แต่มันตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎแห่งกรรม ตั้งแต่จุดเริ่มต้น -> แสดงผลเป็นกรรมในชาติเดียวกัน -> กรรมยังคงดำเนินต่อไปในชาติต่อมา -> วิธีหยุดกรรม อีกทั้งความดีความชั่วของทุกคนในเรื่อง สิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่ห่างไกลเกินเอื้อมเลย ล้วนแล้วแต่อยู่ในใจดวงเดียวกันของคนแต่ละคน อยู่ที่จะหยิบอะไรมาใช้เท่านั้น และการได้รู้ว่าผลของการนำแต่ละสิ่งมาใช้จะเป็นอย่างไรคงช่วยเราให้เท่าทันมันได้บ้าง

บางครั้งผมก็คิดได้ว่าการนั่งตามอ่านนิยายในเว็ปต่างๆ คือการตามหาเรื่องราวที่จะเสริมความมั่นใจในเพศของตัวเองว่าไม่ใช่สิ่งผิด แต่หลังจากนี้ผมคงต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่แล้วยอมรับมันอย่างเต็มรูปแบบแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: pu4755 ที่ 10-02-2011 10:51:20
อ่านแล้วอ่านอีก อ่านหลายรอบแระ จนทนไม่ไหว
ต้องเข้าแจ้งว่า ขอจองแบบรวมเล่มด้วยนะครับ
เปิดจองเมื่อไร รบกวนแจ้งด้วยครับ อยากได้มาเก็บ
ไว้ใน Collection สำหรับนิยายดี ๆ

หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 13-02-2011 13:23:33
แวะมาคุยกับเพื่อนๆ นักอ่านครับ
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นนะครับทีมีทั้งติทั้งชม ขอบคุณมากๆผมจะเก็บไปปรับปรุงในเรื่องต่อๆไปครับ

@ คุณSka_Devil
ผมเห็นเหมือนคุณเลย ผมก็เลยตัดสินใจว่าให้พาทิศบวชใช้กรรมไปดีกว่า รู้ไหมครับตอนณัฐลงจากรถแล้วเดินเข้าบ้าน ถ้าพาทิศร้องขอให้ณัฐกลับไปกับเขาล่ะก็ ณัฐจะยอมทำตามอย่างง่ายดายเลย เพราะตอนเดินขึ้นบ้านไปณัฐก็หวังอยู่ลึกๆว่าพาทิศจะง้อตนมากกว่านั้นอีกนิด
แต่พาทิศคงรู้ตัวดีว่าถ้าทำให้ณัฐเจ็บมากกว่านั้นอีกตัวเองก็จะยิ่งบาปหนา ยิ่งต้องผูกกรรมกับใครต่อใครต่อไปอีก ก็เลยตัดสินใจอย่างนั้น ผมมั่นใจว่านิสัยคนมันปรับกันไม่ได้ง่ายๆหรอกครับ อย่างพาทิศถ้าลองปลงใจกับณัฐแล้ว ยังไงก็ไม่ยอมหยุดที่ณัฐคนเดียวแน่ๆ ก็เลยถือว่าถ้ารักคนคนเดียวไปตลอดชีวิตไม่ได้ ก็ไม่รักมันเลย บวชดีกว่า 555+
ขอบคุณสำหรับเพลงที่อุตส่าห์หามาให้ฟังนะครับ ชอบมากๆ โดยเฉพาะเพลงแรกเข้ากับบรรยากาศ อ้อ เพลง “ลาวม่านแก้ว” ที่ประกอบแต่ปางก่อนผมก็ชอบนะครับ เขียนฉากที่คุณหลวงอยู่กับเส็งทีไรทำนองเพลงนี้จะดังขึ้นมาก่อนเลย ฮ่าๆ

@คุณเป๊กซ์
ขอบคุณสำหรับคำชมครับ เล่นเอาผมเขินไปเลย 555+

@คุณ nenoramy
ขอบคุณมากๆครับ เห็นคนอ่านได้คิดอะไรต่อจากนิยายของเราก็ชื่นใจครับ ยังไงก็ติดตามเรื่องต่อๆไปด้วยนะครับ

 @ คุณ เมเปิ้ล
“ยังไงก็จะติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ ติดใจซะแล้วสิ” อย่าลืม มาติดตามคุณชาย กับ ทางสามสายนะครับ

@ คุณ beautyless
ไม่มีใครรออยู่หรอกครับ ผมบรรยายว่า เพชรรู้สึกได้ เหมือนว่ามีคนรออยู่น่ะครับ “หล่อนแทบจะเห็นว่าตรงหน้าต่างฝั่งซ้ายมือของหล่อนนั้น มีใครคนหนึ่งยืนรอหล่อนอยู่อย่างใจจดใจจ่อ นับวันนับเดือนคอย ไม่ต่างจากแฟนหนุ่มที่อยู่ข้างๆ หล่อนหันไปหาเขาแล้วก็ยิ้มเบาๆ” เหมือนว่าเกิดเดจาวู อะไรอย่างงี้อ่ะครับ แต่ว่าไม่มีใครจริงๆ ผมใช้คำว่า “แทบจะ” เห็นไหมครับ แสดงว่าเขารู้สึกอยู่ในใจว่าเคยมีคนรอเขาอย่างนี้นะ ประมาณนี้อ่ะครับ
แล้วเรื่องที่ผมให้ชาติต่อมาของหลวงพินิจ และเส็งมาเกิดเป็นชายหญิงนั้น เพราะผมต้องการสื่อว่า ถ้าชาวเกย์อยากให้ชายหญิงในสังคมมองว่าความสัมพันธ์ระหว่างชาย-ชาย เป็นรักบริสุทธิ์ที่ไม่มีอะไรผิดแล้ว เราก็ควรจะยอมรับความรักของ ชาย-หญิงด้วย ผมไม่ได้บอกว่าความสัมพันธ์แบบไหนดีกว่ากัน แต่จะบอกว่า มันคือความรักเท่าๆกัน เส็งรักคุณหลวงยังไง เอสก็รักเพชรอย่างนั้น ไม่ได้เกี่ยวกับเพศของเขาเลยครับ
(แอบบอกว่าชาติก่อนคุณหลวงก็เป็นผู้หญิง แล้วก็เป็นคุณหลวงไปชาติหนึ่ง กลับมาเป็นหญิงตอนป้าจิตราแล้วก็เป็นเพชรอีกชาตินึง 555)
“บางครั้งผมก็คิดได้ว่าการนั่งตามอ่านนิยายในเว็ปต่างๆ คือการตามหาเรื่องราวที่จะเสริมความมั่นใจในเพศของตัวเองว่าไม่ใช่สิ่งผิด แต่หลังจากนี้ผมคงต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่แล้วยอมรับมันอย่างเต็มรูปแบบแล้วสินะ”

คุณหลวงรักเส็งมาก จนมองว่า ชายรักชายไม่ผิด แต่มันผิดขนบที่ปฏิบัติกันมา ตามสายตาของเจ้าคุณไพรัชกิจ แล้วใครจะเป็นคนตัดสินล่ะครับว่าอะไรถูก อะไรผิดกันแน่  
ผมว่าบนโลกนี้ไม่มีอะไรที่ถูกหรือผิดหรอกครับ มีแต่”แตกต่าง”เท่านั้นเอง : ]

ขอบคุณทุกคนมากที่ติดตามมาตั้งแต่ต้นจนจบ
อย่าลืมนะครับ พรุ่งนี้เรามีนัดกับ นิยายเรื่องใหม่ของผม
“คุณชาย” มาติดตามนะครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 13-02-2011 15:47:46
^

^

^

มารอเรื่องต่อไป
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: pupuzaa ที่ 13-02-2011 17:44:48
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: kaowkong ที่ 14-02-2011 02:54:43
อิอิ...มาแปะก่อน..เด๋วตามมาอ่านนะคร้าบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: mink2538 ที่ 16-02-2011 19:30:33
ติดตามอ่านมารวดเดียวจบ
สนุกมากค่ะ
ในที่สุดคุณหลวงกับเส็งก็ได้คู่กันสมใจ
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Cosine ที่ 16-02-2011 20:43:19
สุดยอดมากเรื่องนี้ อยากอ่านแบบสมัยก่อนมานานแล้วเจอเรื่องนี้แบบยิ่งชอบค่ะ คุณหลวงกับเส็งเป็นอะไรที่น่ารักมาก เรารู้สึกว่าคนสมัยก่อน ความรักมันดูหวานซึ้งกว่าคนสมัยนี้มาก คุณหลวงแทบไม่ถูกตัวเส็งเลยตอนที่ยังไม่ล่วงรู้ความคิดอีกฝ่าย เราว่ามันเป็นสิ่งที่ดีนะคะ
อ่านเรื่องนี้ไปขนลุกไป ไม่ใช่เพราะน่ากลัวนะ แต่มันแบบรู้สึกดีมากกกกก 555 อธิบายไม่ถูกค่ะ  o13
อ่านจบแต่อารมณ์ยังคงวนเวียน กลอนที่คุณหลวงเขียนให้เส็งนี่เป็นอะไรที่สุดๆแล้วค่ะ
แต่เอาจริงๆนะ ถ้าเพราะเส็งไม่เกิดอยากจะขึ้นเรือนก็คงไม่ถูกฆ่าตายหรอก แต่คุณหยาดก็ทำเกินกว่าเหตุ

ส่วนพาทิศกับณัฐ ตอนที่พาทิศเข้าไปเห็นว่าณัญวาดรูปตัวเองไว้เยอะ และเก็บความทรงจำทุกอย่างเป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าณัฐรักพาทิศมากจริงๆ แอบอยากให้พาทิศคู่กับณัฐนะคะ แต่ก็เข้าใจว่าพาทิศทำกรรมไว้เยอะ จบด้วยการให้พาทิศบวชก็เป็นอะไรที่จบได้ดีมากค่ะ

ปล.ตอนแรกแอบคิดว่าพาทิศคือเทิดนะ 555 พอรู้ว่าคือคุณหยาดนี่อึ้งมากค่ะ
ปล2.คุณหลวงเกิดเป็นผู้หญิงอีกแล้ว 55555 ขอให้เอสกับเพชรรักกันอย่างมีความสุขไร้อุปสรรคนะคะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 16-02-2011 21:39:50
ตอนนี้ ผมมีผลงานใหม่เรื่อง "คุณชาย" อย่าลืมตามไปติดตามด้วยนะครับ

อ่านคุณชายได้ที่นี่เลย: http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21986.0
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 18-02-2011 20:58:19
เขียนดีจังเลยค่ะ ตอนแรกไม่กล้าอ่านกลัวเศร้าT^T

แต่ในที่สุดก็จบดี ชอบบบบบบบบ

เขียนดีจังเลยค่ะ อย่างที่มีคนเคยบอก เรื่องนี้น่าเอาไปสร้างเป็นละครจังน๊า

สำนวนเริ่ดมาก ข้าพเจ้าขอซูฮก

จอรอเรื่องต่อไปนะคะ

ปล.ที่ชอบอีกอย่างคือเรื่องนี้เหมือนนิยายธรรมะเลยค่ะ ไม่ใช่นิยายธรรมดา แต่สอดแทรกอะไรให้เราคิดมากมาย

เริ่ดค่ะ!
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 21-02-2011 19:38:52
สวัสดีค่ะ
เจี๊ยบอ่านไปห้าหน้าเองค่ะ ต้องรีบนอนตื่นไปทำงาน
อยากจะบอกว่าชอบนิยายเรื่องนี้มากกกก มากจนบรรยายออกมาไม่ถูก
ภาษาสวยมาก

จะติดตามเรื่องต่อๆไปด้วยค่ะ

คุณเยี่ยมจริงๆ

เดี่ยวจะมาเมนท์ต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: mumu2pm ที่ 23-02-2011 23:46:01
ขอบคุณมากๆ ที่นำเรื่องราวดีๆมาให้อ่าน มันเป็นเรื่องที่ผมอ่านแล้วรู้สึก..ยังไงอ่ะ อธิบายไม่ถูกเลยครับ คุณฟ้าม่วงครับ คุณแต่งได้เยี่ยมจริงๆ ขอบคุณอีกครั้งจริงๆครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: naja-kitase ที่ 26-02-2011 07:25:10
หลังจากใช้เวลาอ่านข้ามคืน จนไม่ได้นอน
ขอบอกเลยว่า คุณ Purple_Sky  เขียนได้ดีมากๆ ดีมากจริงๆ
และด้วยความที่เราชอบเรื่องย้อนยุคอยู่แล้ว เพราะรู้สึกว่ามันมีความโรแมนติคมาก
ทำให้ชอบเรื่องนี้เป็นพิเศษ

ทุกอย่างดูสมเหตุสมผลมากค่ะ
ดีใจมากที่ ในที่สุดเส็งกับคุณหลวงก็ได้สมหวังกัน
แต่แอบเสียใจกับคู่ณัฐกับพาทิศ (เลยขออ่านตอนจะจบแบบผ่านๆละกัน)
ก็รู้ว่า ที่ต้องให้ณัฐแต่งงานกับสร้อยฟ้าเพราะเป็นทางให้เส็งกับคุณหลวงกลับมาเกิด ฮ่าๆ
แต่ก็นั่นแหละ เราเชียร์พาทิศมากกว่า แม้ว่าในชาติที่แล้วจะเกลียดเข้าไส้ก็ตาม
ยังไงก็ตาม ต้องขอบคุณ คุณPurple_Sky มากๆ
ที่แต่งนิยายดีๆอย่างนี้ให้ได้อ่าน ขอบคุณมากจริงๆ
รู้สึกดีมากกกกกกกกกกกกกก ที่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้
ขอบอกว่าประทับใจจริงๆ


ไม่รู้ว่า Purple_Sky จะได้กลับมาอ่านคอมเม้นท์นี้มั้ย
แต่อยากขอ เรื่องย้อนยุคอีกซักเรื่องได้หรือเปล่า
แบบว่า เราชอบเรื่องรักย้อนยุคมากจริงๆ ฮ่าๆ และคุณPurple_Sky ก็เขียนได้ดีมากกกกกกก
ก็เลยอยากอ่านผลงานแนวนี้ของคุณPurple_Sky อีกซักเรื่องนะ

ขอบคุณมากๆที่สร้างสรรค์นิยายดีๆอย่างนี้ให้เราได้อ่านกัน  o13
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 27-02-2011 21:47:59
แวะเข้ามาดูว่ายังมีคนอ่านหรือเปล่า เห็นคอมเมนต์ของคุณnaja-kitase แล้วขอบคุณมากครับสำหรับคำชม
การแต่งนิยายแนวย้อนยุคนั้นยากมากๆถ้าเทียบกับนิยายที่เหตุการณ์ดำเนินอยู่ในปัจจุบันเพราะมีแหล่งอ้างอิงจากชีวิตประจำวันให้เลือกมาใช้ในนิยายได้
แต่ถ้าเป็นแนวนี้แล้วลำบากมากครับ อย่างที่บอกเรื่องปางบรรพ์ ผมใช้เวลาหาข้อมูลอย่างเดียวอยู่กว่า 7 เดือนจึงลงมือแต่ง
เพราะเราไม่รู้ว่าสมัยนั้นเขาอยู่กันยังไง กินข้าวแบบไหน ไปมาหาสู่กันยังไง พูดจา แต่งกายกันยังไง ศัพท์บางคำอย่างคำง่ายๆเช่น "สวัสดี" สมัยนั้นยังไม่ใช้กัน จะเอามาใส่ไม่ได้เลย (ตอนเขียนต้นฉบับ ก็เผลอให้คุณหลวง สวัสดีเส็งอยู๋หลายครั้ง) บางฉากอยากให้คุณหลวงพาเส็งไปเดินซื้อของกินข้าวนอกบ้านก็ทำไม่ได้ สมัยนั้นไม่มีห้าง ไม่มีร้านอาหาร อย่างดีก็ตลาด เป็นต้น ฉะนั้นการเดินเรื่องโดยใช้จินตนาการอย่างเดียวจึงไม่พอ ต้องมีกรอบของประวัติศาสตร์ สภาพสังคมในสมัยนั้น ฯลฯ มาตีวงประกอบการเขียนด้วย

โชคดีที่ปางบรรพ์ไม่ใช่นิยายพีเรียดโดยตรง เป็นแนวลึกลับ แฟนตาซีที่มีเนื้อหาบางส่วนที่ย้อนไปในอดีตเท่านั้นจึงไม่ลำบากมาก

ตอนนี้ผมเขียนเรื่อง คุณชาย และ ทางสามสายอยู่ ทั้งสอวเรื่องจะต่างจากปางบรรพ์มาก และเขียนง่ายหน่อยเพราะเป็นเรื่องในปัจจุบัน
คุณ naja-kitase ขอให้ผมเขียนแนวพีเรียดอีกสักเรื่องนั้นผมขอรับไว้พิจารณาเพราะตั้งใจจะเขียนแนวพีเรียดอีก สักเรื่องสองเรื่องอยู่แล้วแต่ยังไม่แน่ใจว่าจะต่อจากเรื่องคุณชาย และทางสามสายหรือเปล่า เพราะอย่างที่บอกนิยายย้อนยุคต้องใช้เวลาหาข้อมูลนาน และเวลาเขียนก็ต้องระวังแล้วก็ต้องตรวจทานอีกวุ่นวาย ฉะนั้นคงยังไม่ใช่เร็วๆนี้ ขอให้คุณ naja-kitase อดทนรออีกสักหน่อยครับ รับรองว่ามีเรื่องย้อนยุคเพียวๆมาให้อ่านจุใจแน่นอน มีพล็อตในหัวเรียบร้อยเหลือแต่หาข้อมูลและวางโครงเรื่องแบบละเอียดให้สอดคล้องกับสภาพสังคมในสมัยนั้นอีกที คิดว่าน่าจะเป็นโปรเจคต์ใหญ่ปลายปีนะครับ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด :)

แอบบอกก่อนว่าเรื่องหน้าจะเป็นยุคสมัยต่อจากปางบรรพ์ซึ่งจบลงตอนปลายรัชกาลที่ห้า เรื่องนี้จะเป็นเหตุการณ์ระหว่าง ร.6 ถึงต้น รัชกาลปัจจุบัน (ใครที่ชอบสี่แผ่นดิน หรือ คู่กรรม อาจจะชอบเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องในสมัยใกล้ๆกันครับ)

อย่างไรก็ติดตามคุณชาย และทางสามสายไปก่อนนะครับผม
ขอบคุณมากๆจริงๆครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: naja-kitase ที่ 01-03-2011 01:44:46
^
^
^


โว้วววววว ดีใจๆ
ขอบคุณนะคะ แล้วจะติดตามผลงานไปเรื่อยๆค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่ง$
เริ่มหัวข้อโดย: soul_merupa ที่ 07-03-2011 00:08:31
ไม่ได้ตามอ่านเป็นตอน อาศัยอ่านรวดเดียวจบค่ะ..
จริงๆพี่แนะนำมาค่ะ ว่าให้อ่านเรื่องนี้ ตอนที่พี่สาวอ่านก็เวิ่นเว้อในทวิตเตอร์ใหญ่เลย แล้วก็ส่งไฟล์มาให้อ่าน
กว่าจะหยิบขึ้นมาอ่าน .. เริ่มเมื่อคืน ตอนเที่ยงคืนกว่าๆ
ตอนเข้าเรื่องมา หลอนมากค่ะ ขอบอก แบบว่า ห้องก็เงียบๆ ดึกๆ อยู่ในห้องคนเดียว
แล้วการบรรยาย บริบทในเรื่อง ตั้งแต่พาทิศเข้าเรือนเทามาก็ น่ากลัวจริงอะไรจริง
ตอนแรกว่าจะพับเก็บเข้ากรุ แล้วนอนก่อนดีกว่า ก่อนที่จะนอนไม่หลับ
แต่ก็อ่านยันตีสาม แล้วค่อยเข้านอน.. (ฮ่าๆ)
วันนี้..ใช้เวลาตั้งแต่ตื่นมานั่งอ่านต่อจนจบ แบบว่า ยังไงดี รู้สึกได้ทุกอารมณ์เลยค่ะ
ตื่นเต้น ลุ้นระทึก เศร้า หวาน แถมยังได้ศัพท์โบราณ ร่วมสมัยที่ไม่เคยได้ยินอีกต่างหาก
(ใครว่าการอ่านนิยายไร้สาระกัน อย่างน้อย บัณเฑาะก์ ก็เป็นอีกสิ่งที่ได้เรียนรู้นะ.55+)

ชอบที่ดีเทลล์ละเอียด สามาถตอบข้อสงสัยได้ในทุกคำถามที่เกิดขึ้นในใจ
ค่อยๆเฉลยในรูปแบบการเขียนของนักเขียนเอง หลอกล่อให้ลุ้นโดยคำพูดต่างๆของตัวละคร
ดูทุกบทบาทมีชีวิตจริงๆ การเล่าเรื่องของเส็งกับคุณหลวงก็เหมือนไปนั่งดูในโรงหนังอย่างที่พาทิศบอกไว้จริงจังค่ะ
โดยส่วนตัวชอบมาก โมเมนท์ของคุณหลวงกับเส็ง ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนก่อนจะจากกัน

พอต้องจากกันแล้วก็เศร้ามากเลยค่ะ ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น แต่มันก็ช่วยไม่ได้
สงสารเส็งก็สงสาร สงสารคุณหลวงก็สงสาร อ่านไปก็ด่าไป เทิดกับ หยาด (จริงๆแล้วมีคำนำหน้าชื่อด้วย แต่เกรงว่าคงหยาบไป 55+)
เดาไปต่างๆนานาว่า พาทิศต้องเป็นคุณหลวง แล้วณัฐก็เป็นเส็ง พอเนื้อเรื่องค่อยๆคลาย ก็เริ่มเดาทางอื่นเพราะคิดว่าตัวเองคงจะมั่วนิ่มแน่นอนแล้ว (ฮ่าๆ)
แต่พอเริ่มไปท้ายเรื่องเห็นบทของคุณป้าจิตก็ลองพูดเล่นๆว่า ถ้าคุณป้าเป็นคุณหลวงคงฮาก๊าก.. พอเฉลยฉากในกองเพลิงเท่านั้นแหละ
เจอคำตอบจริงแล้วฮาไม่ออก ขนลุกจริงแบบไม่ได้โม้เลย อารมณ์ร่วมมาสุดๆ เพลงที่ฟังไปอ่านไปก็ไม่สนใจ กดปุ่มพอส เพราะกลัวอ่านไม่รู้เรื่อง.. โมเมนท์นั้นอยากได้ใครสักคนมาแบ่งปันความคิดเห็นด้วยกันอย่างจริงจัง (พูดมาถึงจุดนี้ก็อยากจะหัวเราะดังๆ ดูตัวเองบ้าไปแล้ว หลุดมากๆ)
นานๆครั้งนะคะ ที่อ่านนิยายแล้วจะรู้สึกโหวงแบบนี้ เราเหมาเอาว่าเป็นความรู้สึก ตราตรึงแล้วก็ประทับใจน่ะค่ะ มันไม่ใช่ความรู้สึกที่อยากจะอ่านอีกครั้ง แต่มันก็เหมือนอยากอ่านไปพร้อมๆกัน แต่ถ้าอ่านแล้วมันก็คงไม่สนุกเท่ารอบแรกที่อ่าน (เพราะมันเฉลยไปหมดแล้วนี่) ..ฟังดูป่วงๆงงๆ แต่ก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ แล้วก็มารู้สึกกับเรื่องนี้ค่ะ รู้สึกมาก ประทับใจมาก ชอบมาก รู้สึกคุ้มกว่าการไปสุ่มซื้อนิยายในร้านหนังสือ แล้วพอเปิดอ่านกลับเจอเรื่องที่ไม่ถูกใจ อะไรเทือกนั้น..

ขอบคุณที่ขยันขันแข็งแต่งออกมาได้ดีขนาดนี้นะคะ ถ้าคิดจะแต่งอีกก็จะสนับสนุนเต็มที่เลยค่ะ แนวนี้ จะพีเรียดผสมแฟนตาซี หรือจะ ร่วมสมัย อะไรก็แล้วแต่ แต่เราอยากบอกว่า เราถูกใจฝีมือคุณมากๆ

สู้ๆค่ะ

ป.ล. "เส็งของบ่าว".. เป็นชื่อที่ไว้เพ้อถึงน้องเส็งระหว่างที่อ่านค่ะ ๕๕๕
ป.ล. ๒  จะบอกว่า ระหว่างที่อ่านฟังเพลงของมาช่า เพลง ใจเอย น่ะค่ะ .. หูย เข้ากันสุดยอด ตอนที่เส็งของบ่าวยังแอบรักคุณหลวงเงียบๆน่ะค่ะ ฟังแล้วจี๊ดมาก >//<
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: heaven13 ที่ 07-03-2011 11:49:52
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 07-03-2011 12:31:37
สวัสดีค่ะ คุณฟ้าม่วง

อ่านจบเเล้วค่ะ
ขอบคุณมากกกกกกกกกื สำหรับนิยายที่ดี o13
ได้เเง่คิดมากมายเลย
ตอนนี้ติดตามเรื่องอื่นๆของคุณอยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่ง$
เริ่มหัวข้อโดย: ♠♥♦♣ ที่ 08-03-2011 02:17:31
เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ ตอนนี้ยังไม่จบเลย แหะๆ แต่คาดว่าจะจบตอนเช้าพอดี(คือกะอ่านไม่หลับไม่นอนกันเลยทีเดียว55)
เขียนได้ดีมากค่ะ สนุก ตื่นเต้น น่าค้นหาทำให้อยากรู้และสงสัยจนปิดคอมไม่ได้เลย
ทั้งๆ ที่เป็นคนขวัญอ่อน(ป๊อดมาก)อ่านไปก็กลัวไม่กล้านั่งอ่านคนเดียวเลย แต่ก็ไม่ยอมเลิกอ่าน ติดมากกกกก
รายละเอียดเป๊ะมาก บรรยายความรู้สึกได้ดี อ่อนหวานและืซาบซึ้ง เหงาและสะเทือนใจ รู้สึกเหมือนดูละครอยู่เลยเห็นภาพชัดมาก
น่าจะเอาไปทำละครนะคะ(แนะนำให้เอาพล็อตไปเสนอผู้จัดช่องเจ็ด ช่องห้าไม่แนะนำนะเดี๋ยวมันจะแรงไป55+)
สุดท้าย ขอบคุณผู้แต่งค่ะที่แต่งนิยายดีๆ มาให้อ่าน ประทับใจมากค่ะ(นี่ยังอ่านไม่จบเลยนะเนี่ย เว่อซะ55)
**********edit************
จบแล้วค่ะ บทส่งท้ายน้ำตาไหลเลย ทั้งๆที่ไม่ได้ร้องมาตลอดเรื่องแท้ๆ
ได้แต่คลอๆ ฮืม ฮ้า เอ๋ เอ๊ะ โ๊อ๊ะ อ้อ อืมม เฮ้ยยย โอ๊ย อารมณ์จะประมาณนี้ตลอดแต่พอบทสุดท้ายตอนที่เค้าบอกว่าดีใจที่รอกันได้ตั้ง 6 ปี น้ำตาก็ไหลเลย ก็เค้ารอของเค้ามาตั้งเป็นร้อยปียังรอได้นี่นา(ตอนพิมพ์ประโยคเมื่อกี๊ก็จะคลออีกแระ)
จบได้ดีแล้วค่ะ ทุกอย่างสวยงาม ขอบคุณจากใจอีกทีสำหรับความทุ่มเทใส่ใจของคุณคนแต่ง
จะตามไปอ่านเรื่องใหม่นะคะ(จะไปตามหาอ่านเรื่องเก่าด้วย) แต่ต้องหลังจากตื่นนอนก่อนนะ55+
                                                                +1 ขอบคุณคุณฟ้าม่วง.....จากฟ้าเหลือง กร๊ากกกก
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Rawint_PK ที่ 15-03-2011 08:25:19
ข้าไม่อาจไม่ผิดสัญญากับตัวเองได้อีกต่อไป
.
.
.
ขอข้ามมาตอบกระทู้ก่อนที่จะรู้ว่าใครเป็นใครบ้าง
คนอื่นไม่เดา
แต่เดาว่า
ณัฐ คือคุณหยาด..
อย่าถามหาเหตุผล
บอกแล้วว่าเดา
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Rawint_PK ที่ 16-03-2011 05:05:21
จบลงแล้ว
บรรยายไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร
อิ่ม..อุ่น..ตื้นตัน..และ..ปีติ....
โดยเฉพาะที่ฉากพระพาทิศ ยืนมองเพชรและเอสเดินกลับไป...
อยากจะบอกว่า
ร้องไห้แทบทั้งเรื่อง
ไม่ไหวแล้วครับ...
ไม่เคยมีนิยายเรื่องไหน
ทำผมอ่อนแอได้มากขนาดนี้
.
.
.
.
.
.
และดีใจครับ ที่ไม่เดาอะไรมาก
เพราะถ้าเดาไป ก็คงผิดหมด นี่เดาคนเดียว ก็เลยผิดคนเดียว..
นับถือจริงๆครับ
คุณมีความสามารถมาก...
ขอบคุณ สำหรับความสามารถและความตั้งใจที่ทำให้ผมและทุกคนที่ติดตามเรื่องราวของคุณหลวงและเส็ง
ได้รับความอิ่มเอมและประโยชน์หลายๆอย่างจากปลายปากกาของคุณ (สมมุติว่าเป็นนิยายเล่ม)
ถึงจะอย่างไร
คุณคือนักเขียนคนหนึ่ง
ที่เป็นนักเขียนจริงๆ...ไม่ใช่สักแต่ว่าเขียนให้เป็นนิยาย ความจริงเป็นอย่างไรกูไม่สน
คารวะจากใจจริง
....
อ้อ ขออนุญาติเดาอีกอย่างหนึ่งนะครับ...บุคลิกของคุณฟ้าม่วงนี่..น่าจะคล้ายๆพี่มั่นนะครับ
หุหุ
แว้กกกกกกก.....(หลบเกิบ)
 :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Irendell ที่ 17-03-2011 02:45:15
 :sad4: ณ จุดๆ นี้แล้ว
ขอบอกว่าอ่านด้วยความกลัวสุดๆ เลยค่ะ

กลัวแต่อ่านจนมันจบเรื่องนี่แหละ
คนเขียนสุดยอดดดดดดดดดดดดดมาก
เรื่องข้อมูลแน่ปึ๊กเลยค่ะ ^___________^

ซึ้งกับความรักของคนทั้งสองมาก
แม้จะเกิดชาติใหม่แล้วแต่ก็ยังได้คู่กัน
ชอบคุณหลวงที่สุด อบอุ่น อ่อนโยนนนน

ประทับใจเส็ง เฝ้ารอจนได้พบคุณหลวง จนในที่สุดก็ได้รักกัน
แฮ่~ ขอบอกว่าไม่เคยอ่านนิยายประเภทนี้แล้วรู้สึกอินกับมันไปด้วยเลย
พอได้อ่านเรื่องนี้ รู้สึกกลัว สงสาร สงสัย สารพัด
แล้วก็หักมุมด้วย เก่งมากกกกกกกกกกกกกกกกก
สร้างอารมณ์เก่งมากๆ ด้วย ชอบตอนที่เส็งบอกให้คุณหยาดอยู่เป็นเพื่อน
อันนี้ยอมรับว่าโคตรกลัว แบบมันขนลุก อ่านตอนกลางคืนอีก
อยากจะหยุดอ่านแต่ว่ามันค้างคาใจพิลึก

ปล.เรื่องนี้เดาอะไรไม่ได้เลย ฮ่าๆ
ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: beautyless ที่ 17-03-2011 07:29:43
...
@ คุณ beautyless
ไม่มีใครรออยู่หรอกครับ ผมบรรยายว่า เพชรรู้สึกได้ เหมือนว่ามีคนรออยู่น่ะครับ “หล่อนแทบจะเห็นว่าตรงหน้าต่างฝั่งซ้ายมือของหล่อนนั้น มีใครคนหนึ่งยืนรอหล่อนอยู่อย่างใจจดใจจ่อ นับวันนับเดือนคอย ไม่ต่างจากแฟนหนุ่มที่อยู่ข้างๆ หล่อนหันไปหาเขาแล้วก็ยิ้มเบาๆ” เหมือนว่าเกิดเดจาวู อะไรอย่างงี้อ่ะครับ แต่ว่าไม่มีใครจริงๆ ผมใช้คำว่า “แทบจะ” เห็นไหมครับ แสดงว่าเขารู้สึกอยู่ในใจว่าเคยมีคนรอเขาอย่างนี้นะ ประมาณนี้อ่ะครับ
แล้วเรื่องที่ผมให้ชาติต่อมาของหลวงพินิจ และเส็งมาเกิดเป็นชายหญิงนั้น เพราะผมต้องการสื่อว่า ถ้าชาวเกย์อยากให้ชายหญิงในสังคมมองว่าความสัมพันธ์ระหว่างชาย-ชาย เป็นรักบริสุทธิ์ที่ไม่มีอะไรผิดแล้ว เราก็ควรจะยอมรับความรักของ ชาย-หญิงด้วย ผมไม่ได้บอกว่าความสัมพันธ์แบบไหนดีกว่ากัน แต่จะบอกว่า มันคือความรักเท่าๆกัน เส็งรักคุณหลวงยังไง เอสก็รักเพชรอย่างนั้น ไม่ได้เกี่ยวกับเพศของเขาเลยครับ
(แอบบอกว่าชาติก่อนคุณหลวงก็เป็นผู้หญิง แล้วก็เป็นคุณหลวงไปชาติหนึ่ง กลับมาเป็นหญิงตอนป้าจิตราแล้วก็เป็นเพชรอีกชาตินึง 555)
“บางครั้งผมก็คิดได้ว่าการนั่งตามอ่านนิยายในเว็ปต่างๆ คือการตามหาเรื่องราวที่จะเสริมความมั่นใจในเพศของตัวเองว่าไม่ใช่สิ่งผิด แต่หลังจากนี้ผมคงต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่แล้วยอมรับมันอย่างเต็มรูปแบบแล้วสินะ”

คุณหลวงรักเส็งมาก จนมองว่า ชายรักชายไม่ผิด แต่มันผิดขนบที่ปฏิบัติกันมา ตามสายตาของเจ้าคุณไพรัชกิจ แล้วใครจะเป็นคนตัดสินล่ะครับว่าอะไรถูก อะไรผิดกันแน่  
ผมว่าบนโลกนี้ไม่มีอะไรที่ถูกหรือผิดหรอกครับ มีแต่”แตกต่าง”เท่านั้นเอง : ]


รับทราบครับ เข้าใจดีแล้ว เรื่องแบบนี้มันไม่ผิด แต่แค่มันผิดขนบธรรมเนียมเท่านั้นเอง
ก็คงเป็นสาเหตุที่เกย์หลายคนยอมรับในตัวเอง แต่ไม่กล้าให้คนอื่นรู้เพราะส่งผลต่อตัวเองหลายอย่าง

ผมย้ำอีกทีครับ นิยายเรื่องนี้อ่านแล้วรู้สึกสนุก ซึ้ง ได้คุณธรรม ยิ่งกว่าดูละครดังๆ ตอนนี้หลายขุม
มีความสุขมากที่ได้อ่าน เพราะมีเนื้อเรื่องที่จรรโลงใจคนเป็นเกย์มาก ต่างจากความคิดของเกย์หลายคน
ที่ยังจมอยู่ในทะเลกาม แต่จะว่าไปคุณหยาดในชาติปัจจุบันเองก็ได้เริ่มจากการลุ่มหลงเซ็กซ์มาก่อน
แต่สุดท้ายก็ได้สำนึกตัวและมองหาสิ่งที่เป็นความสุขที่มีค่ากว่าแต่ก็สายไป จนต้องละความสุขในแบบ
ของฆราวาสไป ส่วนเส็งและคุณหลวงผมนับถือในความมั่นคงในรักของทั้งคู่จริงๆ
ในตอนท้าย ความรักนี้ได้พัฒนาก้าวข้ามความลุ่มหลงไปจนหมดสิ้น

ผมยังเชื่อว่าถึงแม้พาทิศจะไม่ได้พบเจอจิตของเส็งและได้รู้เรื่องราวในอดีตชาติ
สมมติให้พาทิศเป็นแค่คนธรรมดา ใช้ชีวิตธรรมดา วันหนึ่งเขาจะเข้าใจโลกนี้
และปล่อยวางสิ่งผิดได้ เพราะคนเราเมื่อเสพสุขมากเข้าไปมากๆ จนมันไม่รู้สึกว่าเป็นความสุข
ปัญญาจะทำให้คิดและเข้าใจได้เอง ดังนั้นผมไม่เกลียดคุณหยาดอีกต่อไป

ตอนที่ีผมอ่านเรื่องนี้เหมือนหลับอยู่ในฝันดี คุณเคยรู้สึกมั้ย ความฝันที่ไม่ได้หลับจริง
แต่เปี่ยมด้วยความสุขจนขนลุก มันอิ่มเอิบและเติมเต็มความคิดผมมากจริงๆ
ผมจะคอยติดตามเรื่องเล่า/นิยายเรื่องต่อไปของคุณ Purple_Sky นะครับ นักเขียนคนเก่ง
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 19-03-2011 03:24:18
 :L2:
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: amkang12 ที่ 25-03-2011 01:44:53
ชอบนิยายเรื่องนี้ สุดๆๆเลยครับ ผมอ่านมาก็หลายปี แต่ขอบอกเลยว่า

นิยายเรื่องปางบรรพ์ เป็นนิยายที่ผมประทับใจมากๆๆ ประทับใจทุกด้านเลยครับ

ทั้งการวางโครงเรือง การวางตัวละคร และสลับหลอกล่อ คนอ่าน ให้เราได้คิดตาม แล้วก็ ที่สุดยอดสุดๆ

ไปเลยก็ คื อการ แทรกวัฒนธรรมไทย ลงไปในนิยายเรืองนี้ ขอบคุณ มากน่ะครับ ที่สละเวลามาแต่งนิยายเรื่องนี้

อ่านไปแล้วก็ บีบ หัวใจสุดๆๆไปเลย โดนเฉพาะ คุณหลวง กับ เส็ง น่ารักมากๆๆ ครับ สุดท้ายก็ ได้ครองคู่กัน

พาทิศ กับ ณัฐ ก็เป็นอีกคู่แอบเอาใจช่วย อิอิ.............

สรุปแล้ว ผมรักนิยาย เรื่องนี้ที่สุด เลบครับ ผม ^^

ปล.1 ผมแอบคิดไว้ว่า คุณหลวง คือ อ๋อม อรรคพันธ์ อ่ะครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 27-03-2011 05:28:37
ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี มันบรรยายออกมาไม่ถูก ชอบนิยายเรื่องนี้จริงๆ ชอบไปหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นโครงเรื่อง ภาษาที่ใช้ แม้แต่ตอนจบ มันสมบูรณ์จริงๆ อยากให้ค่ายละครมาเอาไปทำหนังมากๆ

คุณ ฟ้าม่วง มีผลงานเรื่องอื่นๆก่อนเรื่องนี้มั้ยคะ ถ้ามีจะหาอ่านได้ที่ไหน หรือมีว่างขายที่ไหนหรือเปล่า สนใจจริงๆคะ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทส่งท้าย: จบบริบูรณ์แล้วครับ 22.10 - 27/1/11
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 28-03-2011 20:59:17
ประกาศ
ผมตัดสินใจรวมเล่มปางบรรพ์แล้ว!

ขอบคุณทุกความเห็น ข้อติชม รวมถึงคำแนะนำให้รวมเล่มนะครับ
ในที่สุดผมก็ตัดสินใจจะรวมเล่มแล้ว วันนี้มาประกาศเพื่อสำรวจความเห็นไว้ก่อน เรื่องราคา การโอน การจองอะไรต่างๆ ไว้จะมาประกาศอีกครับ
 
ปางบรรพ์ จะเป็นหนังสือนิยายของ เอ5 ปกอ่อนธรรมดา หนาประมาณ 520 หน้าไม่มีของแถมอย่างคนอื่นๆครับ จะเหมือนว่าคุณได้นิยายที่หาซื้ออ่านได้ทั่วไป ไว้ในครอบครอง ความพิเศษ เท่าที่คิดไว้คือ จะเขียนตอนพิเศษเกี่ยวกับชีวิตของพาทิศ และณัฐตั้งแต่พบกันมา จนเริ่มเรื่องปางบรรพ์ ผ่านมุมมองของณัฐครับ สำหรับแฟนคลับณัฐ-พาทิศโดยเฉพาะ

ราคาคงไม่แพงมาก เท่าที่เคยกะไว้คือ ประมาณ 320 บาท แต่หากรวมค่าจัดส่ง และอะไรทั้งหลายที่ผมยังไม่แน่ใจก็อาจจะแพงกว่านี้ ขอให้ทำใจไว้ก่อนนะครับ

จำนวนคนก็จะมีส่วนผันแปรกับราคาด้วย นั่นคือจุดประสงค์ที่ผมมาโพสต์วันนี้คือตั้งใจสำรวจจำนวนผู้อ่านก่อน หากดูแล้วมีจำนวนที่พอเหมาะ คุ้มที่จะตีพิมพ์ ก็จะตัดสินใจเดินเรื่องเลย แล้วคงจะเอารายละเอียดทั้งหมดมาให้วันหลังนะครับ ช่วยโพสต์ไว้หน่อยนะครับว่า “ชื่อLog-in ... สนใจซื้อปางบรรพ์ฉบับรวมเล่ม” จะได้ดูว่ามีคนสนใจมากน้อยแค่ไหน ขอบคุณมากครับ

***********************************************************************


พูดคุย :
@คุณsoul_merupa คุณChCh13 และ คุณ Irendell
ขอบคุณสำหรับคำชมนะครับ นักเขียนจะประสบความสำเร็จที่สุดไม่ใช่ได้เงินจากการตีพิมพ์ หรือได้รางวัลอะไรหรอกนะครับ แต่เป็นเวลาที่มีคน “อิน” กับเรื่องของเรามาก จนสามารถสร้างอารมณ์ให้เกิดกับคนอ่านได้ ยิ่งหลายอารมณ์อย่างที่คุณเม้นไว้ ยิ่งได้ความณู้อีก ยิ่งภูมิใจครับ  งานเราจะมีค่าก็ตรงคนชอบและได้รับอะไรจากการอ่านงานของเรานี่ละครับ อย่าลืมตามไปอ่าน “ทางสามสาย” และ “คุณชาย” นะครับ
ตอนนี้ผมจะรวมเล่มปางบรรพ์แล้ว หวังว่าคุณ จะจองไปเก็บไว้นะครับผม 5555+

@คุณRawint_PK
ขอบคุณมากครับ ชมเสียผมตัวลอยเลย ยิ่งตรงสองสามบรรทัดสุดท้ายยิ่งตื้นตัน ขอบคุณมากครับ หายเหนื่อยเลยครับ ผมยึดคำพูดของคุณทมยันตีเป็นแรงจูงใจเวลาแต่งนิยายครับว่า “เวลาแต่งนิยายอย่าคิดแต่ว่าสักๆแต่แต่งไป แต่ให้คิดว่าสักวันงามของเราจะเป็นวรรณกรรมที่มีคุณค่าต่อไป” ถึงปางบรรพ์จะไม่มีวันได้เป็นวรรณกรรมแต่ผมก็ดีใจครับที่อย่างน้อยมันก็มีคุณค่าสำหรบคุณ
อ้อ ผมไม่ค่อยเหมือนพี่มั่นหรอกครับ 555+ เวลาสร้างตัวละครจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้มีตัวเองอยู่ในนั้นไม่งั้นจะให้ความสนใจกับตัวละครตัวนั้นมากไป แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่ในเรื่อง ทางสามสายที่แอบใส่ตัวเองไว้ด้วย (เป็นใครนั้นตามไปอ่านแล้วเดาซีครับ ถ้าเดาถูกผมมีรางวัลให้ 555+)

@คุณ beautyless
ขอบคุณสำหรับคำชมครับ ตื้นตันมาก
ส่วนตัวผมเห็นว่าหากพาทิศไม่ไปที่บ้านนั้น กว่าเขาจะรู้ตัวกว่าเขาจะคิดได้ คงจะตอนแก่มากๆ สายไปที่จะกลับตัวกลับใจ มีเวลาทำความดีอยู่ในโลกนี้น้อยไปเสียแล้ว เลยชักจูงเขาไปเรือนเทานั่นแหละครับ ไม่งั้นป่านนี้ คงจะยังออกเที่ยวทุกคืน หิ้วเด็กกลับบ้านทุกวันเหมือนเดิม แน่ๆ 555+

@คุณ amkang12
ขอบคุณมากครับ ส่วนตัวผมว่าพี่อ๋อมไม่ค่อยเหมาะกับคุณหลวงเท่าไรนัก เพราะคุณอ๋อมจะดูคมไปนิดนึงอ่ะครับ
ไม่รู้ซี แต่ก็อาจจะได้ก็ได้... เอางี้แล้วกัน โทรไปปรึกษาคุณแดงดีไหมครับ 555+

@คุณ NoaT
มีเรื่องรอยรัก เขี้ยวคมที่แต่งจบเรื่องเป็นเรื่องเดียวครับ  แต่งสั้น สำรวนภาษาไม่เหมือนปางบรรพ์เลย เพราะเขียนไว้ตอนเด็กๆ เป็นแนวแฟนตาซี เบาๆ สั้นๆครับ นอกนั้นจะมีเรื่องสั้นเล็กๆไม่ค่อยดีเท่าไรครับ
ถามผมว่างานไหนเป็นเรื่องจบเรื่องเรื่องแรก ผมจะตอบว่าปางบรรพ์ครับ ผมรักนิยายเรื่องนี้มาก
ส่วนคุณชายที่กำลังลงในเล้าอยู่ จริงๆเขียนก่อนปางบรรพ์ แต่ไม่จบเพราะแวบมาเขียนปางบรรพ์ก่อน ตอนนี้กลับไปแต่งคุณชายมาลงแล้ว อย่าลืมตามไปอ่านนะคครับ (เห็นไปอ่าน ทางสามสายอยู่ อย่าลืมติดตามคุณชายด้วยนะครับ)

ขอบคุณนักอ่านทุกๆคนนะคร้าบบบบบ

หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 28-03-2011 21:39:17
จอง 1 ชุดค่ะ
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: beautyless ที่ 28-03-2011 21:48:06
ผมด้วยครับ สนใจซื้อเก็บไว้เป็นที่ระลึกครับ

Username beautyless สนใจซื้อปางบรรพ์ฉบับรวมเล่ม 1 ชุดครับ
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: parn11 ที่ 29-03-2011 00:19:09
สนใจคะ ขอจองไว้เล่มนึงนะคะ :)
อยากให้มีตอนเสริม ของเส็งกับคุณหลวงบ้างจังคะ
ชอบอะไรย้อนๆ
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: Ska_Devil ที่ 29-03-2011 01:52:42
Ska_devil สนใจซื้อบางบรรพ์ร่วมเล่ม1ชุดคับ
เมื่อวันก่อนนั่งtaxiได้ฟังเพลงเท่ห์อุเทนเพลงหนึ่ง แล้วนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ว่าเจอแล้วล่ะเพลงแทนตัวเส็งที่มีต่อคุณหลวง แต่ขอไปหาชื่อเพลงก่อนอิอิ
ปล.อยากให้มีตอนพิเศษ คุณหลวง+เส็งด้วย ชอบมากๆคับ
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: Bong ที่ 29-03-2011 02:40:10
Bong สนใจคะ..ขอจอง 1 ชุด
ชอบเรื่องนี้มากๆ
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 29-03-2011 03:29:37
 :man1:
 Log-in : BaoBao สนใจซื้อปางบรรพ์ฉบับรวมเล่ม
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: V_we ที่ 29-03-2011 09:02:12
จองด้วยจ้า 1 เล่ม
log-in : V_we
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 29-03-2011 10:03:41
เข้ามายกมือค่ะ

1 เล่ม

anajulia
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: pics ที่ 29-03-2011 12:18:42
“ชื่อ AutomaticLM สนใจซื้อปางบรรพ์ฉบับรวมเล่ม”


^^
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: tommy ที่ 29-03-2011 17:48:01
user  tommy   สนใจซื้อบางบรรพ์ร่วมเล่ม1ชุดคับ  :3123:
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: hanaminky ที่ 29-03-2011 17:49:00
จองด้วยจ้า 1 เล่ม
log-in :hanaminky
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: vavacoco ที่ 29-03-2011 17:51:18
vavacoco จองรวมเล่ม 1 ชุดค่า :L2:
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม 
เริ่มหัวข้อโดย: kanyavii ที่ 29-03-2011 21:59:04
user : kanyavii
ขอจองไว้ 3 ชุด ค่ะ

> <

โดยส่วนตัวแล้ว เราเป็นคนชอบอ่านนิยายแนวย้อนยุคมากกก
ยิ่งมีการย้อนอดีตกับชาติภพปัจจุบัน ยิ่งรู้สึกชอบมากเข้าไปอีก

อยากบอกไรเตอร์มากนะคะ
ว่าประทับใจเรื่องนี้มาก ... อ่านแบบไม่หลับไม่นอนเลยทีเดียว > <

เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์เสมอค่ะ
ส่วนคอมเม้นเรื่อง เราตั้งใจว่า จะอ่านอีกรอบแล้วคอมเม้นยาว *แหะๆ*
<3 รักมากมายค๊า
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: pungplaza ที่ 30-03-2011 11:04:24
pungplaza ค่ะ จองด้วยคน 1 ชุดค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: dezzetoeiiz ที่ 30-03-2011 11:57:51
dezzetoeiiz จอง 1 ชุดจ้าา

ดีใจที่จะมีรวมเล่มปางบรรพ์นะคะ (แม้ว่าตอนนี้ รายจ่ายอิชั้นจะติดลบ -0-) ..

ยังไงก็ยังอยากให้เรื่องของคุณหลวงกับเส็ง เป็นเรื่องที่ไม่มีตอนจบอยู่ดี .. แบบว่า .. รักไม่มีวันตายอ่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: intel ที่ 01-04-2011 23:18:26
intel จองหนึ่งชุดค่ะ
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: GaIta ที่ 02-04-2011 19:47:29
login : GaIta จอง 1 ชุดค่ะ ^^
เรื่องนี้ยังไม่เคยอ่านเลย
แต่ชอบนิยายแนวย้อนยุคค่ะ
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: Kalos ที่ 03-04-2011 22:00:55
จอง 1 ชุดด้วยจ้า

Kalos   นะคะ
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: genieposh ที่ 04-04-2011 22:42:29
 genieposh สนใจซื้อปางบรรพ์ฉบับรวมเล่ม 1 เล่มจ้า
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: gear ที่ 05-04-2011 00:40:59
login : gear

จอง 1 ชุด ค่ะ
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: mizuths ที่ 05-04-2011 09:48:57
Mizuths สนใจจองปางบรรพ์ ฉับบรวมเล่ม 1ชุด  o13
*พิมพ์ตกไปซะงั้น * :serius2:
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: rachanok ที่ 05-04-2011 09:49:26
log-in : rachanok
จอง 1 ชุดค่ะ
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: painza ที่ 05-04-2011 23:25:40
login painza  สนใจซื้อปางบรรพ์ฉบับรวมเล่ม 1 เล่มค้าบบบบ

//  กายค้าบบบบ   พี่โต่งเองนะ  ตามมาสั่งซื้อหนังสือแร้ววววว
ดีใจด้วยน้าาา กับความสำเร็จของเรื่องปางบรรพ์  พี่กับพี่วีดีใจด้วยจริง ๆ  :L2:
เด๋วจะไปตามอ่านนิยายเรื่องต่อไปของกาย  ถึงยังไม่ได้อ่าน  ก็มั่นใจแน่ ๆว่าต้องสนุก และน่าติดตามอย่างแน่นอน

 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: YYY ที่ 06-04-2011 01:22:19
YYY จอง1เล่มค่ะ
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: tiktok ที่ 06-04-2011 09:33:05
tiktok
จองด้วยคน 1 ชุดค่ะ
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 06-04-2011 19:23:43
+1 ค่ะ
เพิ่งได่อ่านเรื่องนี้ ,, อ่านแบบรวดเดียวจบเลยล่ะค่ะ
ขอบอกว่า หลอนมากๆ กลัวจะหลับแล้วฝันไป ฮ่าๆๆๆ
ชอบตัวละคร ทุกตัวเลยค่ะ
เป็นเรื่องที่ชวนให้ติดตามจริงๆ อยากรู้ไปเรื่อยๆ ว่าใครทำอะไรไว้มั่ง
สงสารเส็งมากนะ ที่ต้องรอคุณหลวงมา ร้อยกว่าปี
อย่างน้อย หยาดก็ได้ชดใช้อะไรให้ทั้งสองคนบ้าง
บวชก็ดีค่ะ ,, คงช่วยได้เยอะ ...
ตอนที่รู้ว่า พาทิศ คือ คุณหยาด ตกใจมาก
ถึงจะแอบคาดการณ์ไว้เล็กๆแล้ว ว่าอาจจะเป็นคุณหยาด ก็ตาม
พาทิศเอง ก็คงตกใจมากอ้ะ เพราะแบบ โคตรเกลียด แต่ดันกลายมาเป็นตัวเอง
เส็ง คงกะทำให้รู้จริงๆ ว่าชาติปางก่อนตัวเองเลวแค่ไหน

ความรักนะ ไม่ว่าจะนานเท่าไร ก็ยังมีอานุภาพเสมอ
^^
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดี เรื่องนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: r4inbow ที่ 07-04-2011 01:13:31
r4inbow ขอจอง 1 ชุดค่ะ
แอบอยากให้มีตอนพิเศษของเส็งกับคุณหลวงอีกจังเลยอยากอ่านคู่นี้หวานๆอีกจัง

อ่านรวดเดียวจบ
สนุกมากเลยและใช้ภาษาได้สวยมาก
คุณPurple_Skyอธิบายและใส่รายละเอียดของเหตุการณ์ต่างๆได้ดีมากทำให้อ่านแต่ละตอนเหมือนได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ(อ่านเรื่องนี้เหนื่อยมากเพราะบางตอนก็เศร้าและทรมานเหมือนกำลังจะโดนไฟไหมอย่างในเรื่อง 555)
จุดเด่นของเรื่องนี้คือสร้างปมให้คนอ่านได้คิดตามและร่วมลุ้นไปด้วยได้น่าสนใจมากๆ

ปอลอ เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ
ปอลอสอง แต่งแนวนี้อีกนะคะหาอ่านแนวช-ชแนวนี้และมีภาษาสวยงามได้ยากมากๆ
 :L2:
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 07-04-2011 01:45:13
จองด้วย 1 ชุดคะ
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: tummy22 ที่ 08-04-2011 19:49:04
ขอบคุณครับผม........
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: panis ที่ 09-04-2011 16:16:17
จอง 1 ชุด ค่ะ log in panis จ้า
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 10-04-2011 02:05:44
อึ้ง เคยเห็นคนชมมาเยอะ ดูแว่บๆ ก็ยังคิดว่าจะเป็นเรื่องประมาณย้อนเวลาไปย้อนเวลามาหรือเปล่า
เลยไม่ได้เข้ามาอ่านสักที พออ่านแล้ว ชวนให้นึกถึงนิยายของแก้วเก้า ทั้งขนลุก ทั้งซึ้งมาก

ตอนจบก็มีทั้งอย่างที่คิด และต่างไปก็เยอะ อ่านเรื่องทำนองนี้ทีไรไม่กล้าสร้างกรรมเพ่ิมเลย
ขอบคุณคุณฟ้าม่วงมากน่ะครับที่นำเรื่องมาแบ่งปัน
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: dee-dee ที่ 10-04-2011 22:01:46
จองด้วยจ้า 1 เล่ม
log-in : dee-dee

หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: C3MJPG2I ที่ 10-04-2011 23:18:36
log in : C3MJPG2I

จองไว้ด้วยค่ะ 1 ชุด ^^

คือไม่ค่อยได้เข้าเวบนี้บ่อยอ่ะค่ะ ถ้ามีรายละเอียดเพิ่มเติม ส่งเข้าเมล์ได้มั๊ยค่ะ T T  จะ pm ไปนะค่ะ

ขอบคุณค๊า ><
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: naja-kitase ที่ 10-04-2011 23:42:22
ขอจองไว้ด้วยหนึ่งชุดค่ะ ยูสที่ใช้อยู่เลยค่ะ naja-kitase

(แล้วจะเก็บตังค์ไว้รอนะคะ)
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: kut ที่ 11-04-2011 12:11:21
อยากสั่งจองด้วยนะ แต่ต้องทำอย่างไรบ้าง
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 11-04-2011 20:23:58
จอง1ชุดค่ะ user name:jeaby
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: amkang12 ที่ 11-04-2011 22:19:39
สนใจด้วยครับ ผมของจอง 1 ชุดน่ะครับๆๆๆๆ

ขอเป็นกำลังจให้กับ คนแต่งด้วยน่ะครับ สู้ๆๆๆ ^^ o13
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: saruttaya ที่ 12-04-2011 01:23:05
จองหนึ่งชุดค่ะ

ยูส saruttaya
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 14-04-2011 13:02:06
ร่วมด้วยช่วยจอง ๑ ชุดครับพ๊ม ....  o18
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: AginaJang ที่ 14-04-2011 16:16:19
สนใจจองด้วยคนค่ะ

User AginaJang
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 15-04-2011 17:14:11
ชื่อLog-in ... maple4120
สนใจซื้อปางบรรพ์ฉบับรวมเล่มค่ะ

เราไม่ค่อยได้เข้ามาเช็คเลยค่ะ กลัวพลาดจัง TT
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: oppee ที่ 16-04-2011 23:17:57
login : oppee
จอง 1 ชุดครับ
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: ใจฉันอยู่ที่ใคร ที่ 16-04-2011 23:26:07
สนใจซื้อนิยาย ปางบรรพ์ รวมเล่มค่ะ

User name: ใจฉันอยู่ที่ใคร   :impress2:

ขอบอกว่าเป็นนิยายคุณภาพอีกเรื่องหนึ่งของเล้าเป็ดเลยค่ะ 
คนเขียนทำการบ้านมาอย่างดีมากๆ  :pig4:
 ถ้าไม่ติดเป็นนิยาย ชาย-ชาย จะเชียร์ให้ไปเสนอสำนักพิมพ์ หรือคนจัดทำละครหลังข่าวเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: kut ที่ 18-04-2011 18:52:38
สั่งจองหนังสือ
หัวข้อ: Re: [ประกาศรวมเล่ม ปางบรรพ์] ขอสำรวจจำนวนผู้สนใจครับ 20.50 - 28/3/11 [P.35 rep#1044]
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 18-04-2011 19:59:25
    สวัสดีครับเพื่อนๆนักอ่านทุกท่าน
หลังจากที่ผมสำรวจยอดคนที่สนใจสั่งซื้อปางบรรพ์แล้วก็เห็นว่ามีจำนวนพอประมาณที่จะตัดสินใจรวมเล่มได้ ดังนั้นจึงขอประกาศอย่างเป็นทางการแล้วนะครับว่า นิยายเรื่องปางบรรพ์ จะรวมเล่มขายแน่นอนแล้วครับ (เย้!) 
มาดูรายละเอียดหนังสือ และระเบียบการโอนต่างๆกันเลยครับ

รายละเอียดของหนังสือ
หนังสือนิยายเรื่องปางบรรพ์ ราคา  400 บาท   (ราคารวมค่าจัดส่งแบบลงทะเบียนแล้วครับ)
นิยายหนาทั้งหมด 533 หน้า แบ่งเป็น บทนำ + เนื้อหา32 บท + บทส่งท้าย และ ตอนพิเศษครับ
กระดาษที่พิมพ์เป็นกระดาษถนอมสายตา ปกพิมพ์ 4 สีครับ

การจัดหน้านิยาย
preview1 - จัดหน้าแรกของแต่ละบทไว้หน้าฝั่งขวาครับ ให้ดูเป็นสัดเป็นส่วนอ่านง่าย:)
(http://upload.zeedasia.com/image-630E_4DA191BF.jpg)

preview2 - เนื้อหาด้านในเป็นฟ้อน 14 cordia new ตามแบบนิยายที่วางขายทั่วไปครับ หัวกระดาษหน้าซ้ายเป็นนามปากกา "ฟ้าม่วง" หน้าขวาเป็นชื่อเรื่อง "ปางบรรพ์" ครับ เลขหน้าจัดไว้มุมล่าง ซ้ายขวาตามที่เห็นครับ
(http://upload.zeedasia.com/image-E1B6_4DA1ABEC.jpg)

หน้าปกและอื่นๆ
ปกหน้า - ให้เพื่อนช่วยวาด + ใช้สีไม้ครับ จะได้ดูโบราณคลาสสิกๆ ตามใจผู้แต่ง แต่ไม่รู้ว่าจะชอบกันไหม555+
ปกหลัง - มี quote จากในนิยายสำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่าน จะได้ตื่นเต้นครับเพราะส่วนที่มาลงเป็นส่วนที่พอจะทำให้อยากอ่านมากขึ้น (มั้ง) :)
(http://upload.zeedasia.com/image-9A34_4DA1AF03.jpg)

รายละเอียดการสั่งซื้อ+โอนเงิน
เปิดให้สั่งซื้อทางเมลล์และโอนเงินตั้งแต่วันพรุ่งนี้  19 เมษายน 2554 – 20 พฤษภาคม 2554  
รบกวนผู้ที่สนใจซื้อนิยายจริงๆ ช่วนส่งอีเมลล์ยืนยันมาที่ Guy_purplesky แอท Hotmail.com เพื่อขอรายละเอียดการโอนเงินได้เลยนะครับผม  ตั้งชื่อตามนี้นะครับ

Subject: login name สั่งจองหนังสือปางบรรพ์จำนวน x เล่ม
แล้วผมจะส่งรายละเอียดการโอนให้อีกทีว่าโอนมาที่ไหนอย่างไร โอนแล้วต้องทำอย่างไรนะครับ
ราคาของหนังสืออย่างที่บอกขั้นต้นว่า  400 บาท   (ราคารวมค่าจัดส่งแล้วครับ)
เมื่อครบกำหนดแล้วผมจะปิดโอน และนับจำนวนเล่มทั้งหมด สั่งพิมพ์ตามจำนวนที่โอนมาจริงๆ อีกทีนะครับ

ผมเพิ่งรวมเล่มครั้งแรก ถ้าข้อมูลไม่ละเอียดผิดพลาดอย่างไรต้องขอโทษด้วยครับ : )
ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจกันมาตั้งแต่วันแรก มาจนถึงวันนี้ อุ่นใจมากๆครับ ขอบคุณจริงๆครับผม
หัวข้อ: Re: [รายละเอียด+เปิดโอน ปางบรรพ์] วันนี้ - 20 พค! 19.55 - 18/4/11 [P.37 rep#1089]
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 18-04-2011 20:03:33
พูดคุยครับ
@คุณA-J.seiya*
- ขอบคุณมากๆครับ ชมเสียผมตัวลอยเลย

@คุณ r4inbow
– ขอบคุณมากครับ สำหรับตอนพิเศษ คงไม่ใช่ตอนของคุณหลวงและเส็งนะครับ เพราะเรื่องราวที่สำคัญ แล้วก็น่าติดตามในชีวิตของเขาสองคนผมก็เอามาเล่าให้ฟังหมดแล้ว ก็เลยไม่มีเหลือให้เขียนตอนพิเศษอีกเลยครับ สำหรับนิยายเรื่องใหม่ ตอนนี้ผมกำลังลง คุณชาย และ ทางสามสาย เป็นตอนๆในเล้าเป็ดอยู่ ถึงไม่ใช่นิยายย้อนยุคแต่ก็แนะนำให้ลองไปติดตามครับ สำนวนการเขียนคล้ายๆกัน  ตอนนี้ก็หาข้อมูลเตรียมไว้สำหรับแต่งนิยายย้อนยุคเรื่องอื่นๆ หลังจากปางบรรพ์อีก ยังไงก็ช่วยติดตามต่อไปนะครับ

@คุณlitlittledragon
– ขอบคุณมากๆครับ ผมอ่านนิยายของ แก้วเก้า และ ว. วินิจฉัยกุลแทบทุกเรื่อง ยกให้เป็นอาจารย์ เป็นไอดอลด้านการแต่งนิยายเลยทีเดียวครับ ดังนั้นจึงได้อิทธพลในการเดินเรื่องสำนวนภาษามาจากอาจารย์คุณหญิงวินิตาเยอะพอควร ก็พยายามปรับปรุงให้มีเอกลักษณ์ของตัวเองแล้ว แต่ให้ใครอ่าน ใครก็บอกว่า อืม อารมณ์เหมือนแก้วเก้าเลย 555+ ขอบคุณอีกครั้งที่เป็นกำลังใจให้นะครับ

@คุณ ใจฉันอยู่ที่ใคร
– ขอบคุณครับผม หาข้อมูลมาเขียนนานพอสมควรได้ออกมาอย่างนี้ก็ภูมิใจครับ ขอบคุณที่ชมนะครับ

หัวข้อ: Re: [รายละเอียด+เปิดโอน ปางบรรพ์] วันนี้ - 20 พค! 19.55 - 18/4/11 [P.37 rep#1089]
เริ่มหัวข้อโดย: kanyavii ที่ 19-04-2011 10:29:34
เย๊ !!! ในที่สุดก็เปิดโอนแล๊ววววววว


 o13


เดี๋ยววีส่งเมลล์ไปอย่างด่วนเลยค่ะ ^ ^


 :z2:



Edit*


ส่งเมลล์ไปแล้วนะค๊าาาาาา


 :laugh:

((ละ แล้วจะขำทำไม ???))
หัวข้อ: Re: [รายละเอียด+เปิดโอน ปางบรรพ์] วันนี้ - 20 พค! 19.55 - 18/4/11 [P.37 rep#1089]
เริ่มหัวข้อโดย: beautyless ที่ 19-04-2011 23:55:51
ส่งแมวแล้วครับ รอแมวกลับ
หัวข้อ: Re: [รายละเอียด+เปิดโอน ปางบรรพ์] วันนี้ - 20 พค! 19.55 - 18/4/11 [P.37 rep#1089]
เริ่มหัวข้อโดย: YYY ที่ 21-04-2011 13:47:12
เมล์ไปแล้วนะคะรอโอนตังค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [รายละเอียด+เปิดโอน ปางบรรพ์] วันนี้ - 20 พค! 19.55 - 18/4/11 [P.37 rep#1089]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 22-04-2011 00:26:37
หน้า 23 แล้ว สุดยอดมากๆคะ
แต่ถ้าอ่านต่อพรุ่งนี้ไปทำงานไม่ไหวแน่ ๆ
เสียดายที่เพิ่งได้มาอ่าน...

หัวข้อ: Re: [รายละเอียด+เปิดโอน ปางบรรพ์] วันนี้ - 20 พค! 19.55 - 18/4/11 [P.37 rep#1089]
เริ่มหัวข้อโดย: tiktok ที่ 25-04-2011 11:10:15
ส่ง mail ไปจองแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: [รายละเอียด+เปิดโอน ปางบรรพ์] วันนี้ - 20 พค! 19.55 - 18/4/11 [P.37 rep#1089]
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 28-04-2011 20:20:11
ส่งเมลล์ไปแล้วนะคะ  :-[
หัวข้อ: Re: [รายละเอียด+เปิดโอน ปางบรรพ์] วันนี้ - 20 พค! 19.55 - 18/4/11 [P.37 rep#1089]
เริ่มหัวข้อโดย: dee-dee ที่ 29-04-2011 13:36:12
เราเข้าเมล์ไม่ได้อ่ะค่ะ  เลยต้องมาแจ้งรายละเอียดการโอนที่ PM
ถ้าได้รับแล้ว  ตอบกลับเราทีนะคะ  ขอบคุณค่ะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [รายละเอียด+เปิดโอน ปางบรรพ์] วันนี้ - 20 พค! 19.55 - 18/4/11 [P.37 rep#1089]
เริ่มหัวข้อโดย: Patty-Tata ที่ 29-04-2011 18:16:18
จบแล้ววววว รู้สึกดีี่ได้อ่าน เป็นนิยายอีกเรื่องที่ชอบเลย คนเขียนแต่งดีมาก
แรกๆ หลอน หลังๆ มาเริ่มรู้สึกสงสารและชื่นชมกับความรักมั่นของเส็ง

อีกอย่างคือการสอดแรกเรื่องกรรมด้วย คนเขียนแต่งดีมาก
ราวกับเป็นคนใดคนหนึ่งในตัวละครเลย ขอบคุณปางบรรพ์

ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: [รายละเอียด+เปิดโอน ปางบรรพ์] วันนี้ - 20 พค! 19.55 - 18/4/11 [P.37 rep#1089]
เริ่มหัวข้อโดย: painza ที่ 01-05-2011 21:08:05
 ส่งเมลล์ไปแร้วเหมือนกันค้าบบบ  :L2:

ดีใจจัง  ตื่นเต้น ๆ

 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: [รายละเอียด+เปิดโอน ปางบรรพ์] วันนี้ - 20 พค! 19.55 - 18/4/11 [P.37 rep#1089]
เริ่มหัวข้อโดย: pu4755 ที่ 02-05-2011 13:32:04
มา Confirm จอง 1 เล่มนะครับ
ส่งเมล์เรียบร้อยแล้ว รอเมล์ตอบกลับครับ
หัวข้อ: Re: [รายละเอียด+เปิดโอน ปางบรรพ์] วันนี้ - 20 พค! 19.55 - 18/4/11 [P.37 rep#1089]
เริ่มหัวข้อโดย: akazu ที่ 05-05-2011 08:24:41
 o18เค้าส่งเมล์ไปแล้ว ยังไม่ได้รับเมล์ตอบกลับเลยน้าาา
หัวข้อ: Re: [รายละเอียด+เปิดโอน ปางบรรพ์] วันนี้ - 20 พค! 19.55 - 18/4/11 [P.37 rep#1089]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 05-05-2011 21:41:09
เอิ่มม  ฟ้าม่วงคะ  พี่แจ้งโอนเงินไปทางเมลกว่าสัปดาห์แล้ว
ไม่ทราบว่าสถานะเป็นยังงัย  ได้รับเมลหรือเปล่าคะ
ตอบกลับทางเมลด้วย  จะขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [รายละเอียด+เปิดโอน ปางบรรพ์] วันนี้ - 20 พค! 19.55 - 18/4/11 [P.37 rep#1089]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 06-05-2011 11:11:27
ขอบคุณคุณฟ้าม่วงนะคะ

เป็นประสบการณ์การอ่านที่น่าจดจำมากๆ ในหลายเรื่องด้วยกัน เรื่องแรกเลยก็คือเทคนิคการเขียนที่มีกลิ่นอายของ metafiction อยู่ด้วย คือเรื่องซ้อนเรื่องนั่นเอง ส่วนอีกเรื่องก็คือ ความรักที่หวานจนน้ำตาลยังอายของเส็งและคุณหลวง

แม้จะรู้สึกขัดใจกับตอนจบอยู่สักหน่อย เพราะแอบสงสารพาทิศซึ่งดิฉันเชียร์มาโดยตลอดว่าอยากให้ได้คู่กับณัฐ อยากจะให้พาทิศได้แก้ตัว แต่ก็...จบได้สมบูรณ์แล้วละค่ะ

จะจดจำเรื่องนี้ค่ะ

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
หัวข้อ: Re: [รายละเอียด+เปิดโอน ปางบรรพ์] วันนี้ - 20 พค! 19.55 - 18/4/11 [P.37 rep#1089]
เริ่มหัวข้อโดย: pu4755 ที่ 06-05-2011 12:42:38
มีแจ้งโอนเงินไปทางเมล์แล้วนะครับ
รอการตอบกลับเพื่อ Confirm ครับ
หัวข้อ: Re: [รายละเอียด+เปิดโอน ปางบรรพ์] วันนี้ - 20 พค! 19.55 - 18/4/11 [P.37 rep#1089]
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 08-05-2011 10:41:31
สวัสดีครับ

พอดีที่ผ่านๆมาผมยุ่งๆ ก็เลยไม่ได้แวะเข้ามาอัพเดทอะไรเลย ขอโทษนะครับ
อัพเดทรายชื่อผู้ที่ได้โอนเงินเรียบร้อยแล้วครับ :
อ้างถึง

Anajulia
Kut
Kanyavii
punplaza
Dee-Dee
Kitz
gear
panis
applappl
ศศิวิมล
อ้างถึง

Iforgive
Rachanok
Mickey Bravo
Nomo9
Mizuts
TikTok
V_we
Cherry Blossom
Pu4755
Chaoyui
vava

รายชื่อผู้ที่ส่ง อีเมลล์มาจองหนังสือแล้วแต่ยังไม่ได้โอนครับ :
อ้างถึง
Naja-kitase
jeaby
Hanaminky
YYY
Beutyless
GaIta
Kalos
C3MJPG21
Genieposh
R4inbow
อ้างถึง
Amkang12
Maple4120
Maemo
akazu
Jaroen
Tuktukta
mini_belieber

รายชื่อผู้ที่จองผ่านเว็บ แต่ไม่ได้ส่งอีเมลล์มาขอรายละเอียดการโอนครับ :
อ้างถึง
Oppee
ใจฉันอยู่ที่ใคร  
parn11 Vavacoco
BaoBao
Intel
AutomaticLM
บุหรง
AginaJang
Sarattaya
Noat
Bong
Dezzetoeiiz
Ska_devil
tommy

วันนี้วันที่ 8 แล้ว เหลืออีกไม่กี่วันก็จะปิดโอนแล้วนะครับ ใครที่ยังไม่ได้โอนเงิน รีบหน่อยนะฮ้าฟ
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: naja-kitase ที่ 10-05-2011 21:44:43
คืออยากถามว่า เรื่องจะจัดส่งหนังสือน่ะค่ะ
คือหนังสือจะถึงบ้านภายในพฤษภาหรือว่าหลังจากนั้นอ่าคะ
ช่วงนี้เปลี่ยนที่อยู่บ่อย เลยไม่แน่ใจว่าจะให้ส่งที่ไหนดี แหะๆ เดี๋ยวมั่นใจจะส่งที่ไหนแล้วจะรีบไปโอนนะฮ๊าบบบบบ
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: genieposh ที่ 10-05-2011 23:16:43
 รับทราบครับ ถ้าว่างจะรีบไปโอนให้นะครับ
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 12-05-2011 00:59:52
เพิ่งเข้ามาอ่าน >////<
สนุกมากๆ อ่านไปร้องไห้ไป สงสารเส็ง กับคุณหลวง
คุณหลวงเป็นคนรักที่น่ารักมาก บทจะหวานก็เล่นเอาซะหวานเชียว คนอ่านก็อายแทนเส็งไปเลย
บทจะเศร้าก็อินจน้ำตาแตก
สรุปได้ครบทุกรส สนุกค่ะ ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 12-05-2011 19:25:32
จองหนังสือด้วยคนนะคะ
ขอรายละเอียดไปทางเมล์นะคะ
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 15-05-2011 01:26:56
       อ่านเสร็จก็ขอเม้นยาวๆสักทีนะจ๊ะ (ตาลายนักก็ข้ามๆได้จ่ะ ขอให้คนอ่านได้เพ้อหน่อย) อ่านแล้ววางไม่ลงจริงๆ ได้บรรยากาศมากเพราะอ่านตอนกลางคืน อ่านไปก็แอบหันไปมองข้างหลังเป็นระยะๆ(เผื่อใครมานั่งอ่านเป็นเพื่อน) พอดูนาฬิกาอีกทีเกือบสว่างแล้ว ไม่นึกว่าจะมารทอนได้ขนาดนี้ ตามอ่านสองวันเต็มๆ ชอบเรื่องนี้มาก แม้จะสุขปนเศร้า แต่ก็ประทับใจ แหวกตลาดดี สำหรับเราไม่ค่อยเจอนิยายพีเรียทของนักเขียนรุ่นใหม่ถูกใจบ่อยนัก  คำผิดน้อย ภาษาก็อ่านลื่น มีเพลงยาว มีกงมีกลอน ให้พอเพลินๆ ชอบตรงมีแทรกพวกประเพณี  ศาสนา เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้ตลอด เนื้อเรื่องก็ลุ้นตลอดเรื่อง เดาผิดบ้างถูกบ้างสนุกดีที่ได้คิดตาม  ถ้าใครเอาไปทำหนังจริงๆน่าจะดีนะ  ดีกว่าพวกละครน้ำเน่าหลังข่าวหลายเรื่องเลย (ลองส่งไปให้เขาดูดีมั้ยพี่ คิคิคิ)
        บางตอนถึงกับอ่านไปเช็ดน้ำตา เช็ดขี้มูกไป สงสารทั้งคู่ อ่านแล้วปวดเข้าไปถึงเส้งจี๊ ยิ้มและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน(แม่ผ่านมาเห็นตกใจ ลูกกุเป็นอะไร) อีกใจก็สงสารพาทิศ ลุ้นกับอิตานี่ไปตลอด... อิมเมจตัวละครคุณหลวง พี่เจ้าของเรื่อง ช่างใจตรงกันอะไรเช่นนี้ ตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว อ่านปุ๊บหน้าพี่มาร์ทก็ลอยมา(แต่พอช่วงพีคชักคิดถึงแอนดริว คนนี้เค้าชอบทำหน้านิ่งบาดจิต แต่บทจะหวานก็หวานได้) แต่เส็งเค้านึกถึงน้องนิชคุณสมัยยังละอ่อน(ยังไม่ล่ำและตัวโตเท่าตอนนี้) น้องคุณดูนุ่มนิ่ม ดูหวานดี แม้ตาโตไปหน่อย...ก็แล้วแต่ใครจะจิ้นกันไป
       ตอนจบก็อีกนั่นแหละ ทั้งสุขทั้งเศร้า สุขที่คุณหลวงกับเส็งลงเอยได้ด้วยดี แล้วก็เศร้าไปกับพาทิศ ตอนแรกเกลียดมันมาก(ในชาติก่อน) แต่พอสุดท้ายก็เกลียดไม่ลงจริงๆ...ด้วยความที่เป็นนิยายY จบแบบนี้ก็ขัดใจนิดหน่อย แต่ถ้าเป็นในชีวิตจริง สังคมจริงๆ คำตอบของเรื่องนี้ก็ถือว่าสุขที่สุดแล้ว เค้าว่าต่อให้เส็งเกิดเป็นใครเพศไหนคุณหลวงก็คงยังรักของแกนั่นแหละ แต่หมั่นไส้คุณหลวงนิดหน่อย ให้เส็งรอตลอดอ่ะ น่าจะให้อิตาคุณหลวงรอน้องบ้าง...คู่ของณัฐ ผิดหวังนิดหน่อยเพราะเชียร์พาทิศ หวังว่าชาติหน้าสองคนนี้จะกลับมารักกันได้เหมือนอีกคู่
       ขอบคุณพี่ฟ้าม่วงจริงๆที่แต่งมาให้อ่านกัน  มีเรื่องใหม่มาลงก็จะตามไปอ่านอีกนะจ๊ะ(แต่ขอไปอ่านใกล้ๆจบนะ เค้าไม่ชอบค้าง) ขอให้มีกำลังใจในการเขียนเรื่องใหม่ๆน่าอ่านอย่างนี้ ต่อไปจ้า (แอบเห็นเกริ่นเรื่องใหม่ พ่อคนนี้แต่งนิยายก็มีฤกษ์มียามตลอดนะ)  :pig4:    :L1:

 :a5:อ๊ะ!!!นี่ชั้นเม้นนิยายหรือเขียนเรียงความ ทำไมมันยาวเยี่ยงเน้
ปล.อยากจองแต่ตังค์ไม่มี จะขอแม่ก็เกรงใจ ปิดเทอมพักหาตังค์ แต่พอล้วงเป๋าตังค์ ตังค์กลับไม่มี T__T
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: painza ที่ 16-05-2011 20:16:04
โอนเงินไปแล้วนะค้าบบ   ส่งที่อยู่ผ่านเมลล์แร้วด้วย   :L2:


ดูแลสุขภาพด้วย  นักเขียนคนเก่งงงงง

 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: hanaminky ที่ 17-05-2011 17:56:53
โอนเงินแล้วนะคะ แจ้งทางเมลล์แล้วช่วยเชคด้วยนะคะขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: Jomkan ที่ 17-05-2011 20:59:37
ผมส่งเมลจองไป  ทำไมไม่ตอบเมลผมอะ 
กลัวโอนไม่ทัน
จอง 1 ชุดครับ
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: Mai.IcySakura ที่ 18-05-2011 02:53:06
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ น่าสนใจมากเลยๆ
ตอนนี้อ่านไปแค่หน้าเดียว(สองสามตอน) แอบน่ากลัวนะเนี่ย..ยิ่งตอนนี้จะตีสามแล้ว บรึ๋ย~

แล้วจะปิดจองหนังสือวันที่20นี้แล้วหรอ..อ่าาา นี่มันวันที่18แล้ว เพิ่งอ่านไปได้หน้าเดียวเอง
จะรีบสปีดอ่านอย่างเร่งด่วนให้ทันวันที่20..จะได้ตัดสินใจว่าซื้อไม่ซื้อ (จะทันมั้ยเนี่ย =[]=)
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: YYY ที่ 18-05-2011 04:10:52
โอนเงินพร้อมแจ้งโอนทางเมล์ไปแล้วค่ะ^^
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: Mai.IcySakura ที่ 19-05-2011 18:08:17
อ่านจบแล้วค่ะ ประทับใจมากๆ แบบว่ามีทุกรสในเรื่องเดียว (อาจจะตลกน้อยหน่อย ฮ่าๆ)
บทจะหวานก็หว๊านหวาน ยิ่งตอนอ่านกลอนเพลงยาวนะเล่นเอาเขินตามเส็งไปด้วย ฮาๆ
บทจะเศร้าก็น้ำตาร่วง ยิ่งตอนที่เจ้าคุณพ่อจับได้แล้วมาหาถึงบ้านนะ  :sad4:
แล้วไหนจะเครียดจะลุ้นเรื่องพาทิศแต่ละทีอีก อ่านไปก็อดจินตนาการตอนหน้าๆไปด้วยไม่ได้
อีกอย่างที่ชอบคือภาษาที่แต่งมันอ่านแล้วอินเป็นสมัยนั้นจริงๆ แถมยังมีความรู้อยู่ในเรื่องด้วย

เดาถูกด้วยที่ว่าพาทิศเป็นคุณหยาดกลับชาติมาเกิด..
เพราะคิดว่าชาติที่แล้วทำเขาพรากกันชาตินี้เลยต้องมาขอโทษ แล้วก็ทำให้เขาได้รักกัน (ตอนนั้นคิดว่างั้น)
ยิ่งพอส่องรูข้างเตียงนี่ยิ่งมั่นใจขึ้นกว่าเดิม แล้วพองานศพเทิดที่อธิษฐานนั่น อืมม ใช่แล้วแหละ
แต่คิดไม่ถึงจริงๆว่าคุณป้าจิตราจะเป็นคุณหลวง =[]=

ชอบบทสรุปของเรื่องนี้มากๆ มันสมเหตุสมผลดี ไม่รู้สึกไม่ข้องใจอะไรเลย
แต่แอบเสียดายที่ชาติใหม่ของคุณหลวง กับเส็งไม่วาย ฮ่าๆ แต่ก็ดีใจที่ในที่สุดก็ได้ครองรักกันที่เพชรบุรีสมใจเสียที
ที่จริงถ้ารุ่นใหม่วายก็แอบจินตนาการไปว่าอยากให้มีภาคสอง เป็นปางบรรพ์ภาคสอง แนวซอฟต์ๆ ขำๆ กุ๊กกิ๊กไรงี้ เพราะคุณพ่อก็เคยเป็นมาก่อนคงเข้าใจลูก ฮ่าๆ

ดีใจมากๆที่ได้อ่ารเรื่องนี้นะคะ ขอบคุณคุณฟ้าม่วงที่แต่งเรื่องสนุกๆแบบนี้ขึ้นมา
ว่าแต่..6โมงเย็นของวันที่19เนี่ย ยังจะจองทันมั้ยคะเนี่ย อีกไม่กี่ชั่วโมงก็วันที่20แล้วง่ะ

หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: vizaa ที่ 20-05-2011 22:16:30
แวะเข้ามาแสดงความยินดีกะน้องกายครับ

เห็นแล้วปลื้มจริงๆ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: kanyavii ที่ 21-05-2011 23:50:49
อ่า ... เราเป็นตัวแทนของคุณ Purple_Sky นะคะ

จะเข้ามาแจ้งให้ทุกคนทราบว่า ขณะนี้คุณ Purple_Sky ติดธุระสำคัญที่ทำให้ไม่สามารถอยู่หน้าคอมได้ซักระยะหนึ่ง

แล้วก็ขอถือโอกาส ปิดจอง ตั้งแต่โพสนี้เป็นต้นไปด้วยค่ะ

ส่วนรายละเอียดอื่นๆของการส่งหนังสือให้ถึงมือผู้รับนั้น

เราขอให้ทุกคนอดใจรอซักนิดนะคะ

แล้วจะมีการอัพเดทข่าวสารให้ทุกคนทราบเป็นระยะค่า *โค้ง*


ต้องขออภัยทุกคนมา ณ ที่นี้ ด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: amkang12 ที่ 23-05-2011 22:51:37
รับทราย ครับผม ขอเป็นกำลังให้กับ ผู้จัดทำ น่ะครับ ผม
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: intel ที่ 08-06-2011 11:46:37
ตกลงหนังสือไปถึงไหนแล้วค้าาา
มาอัพเดทให้ทราบหน่อย :m15:
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: naja-kitase ที่ 09-06-2011 06:10:41
ไม่ทราบว่าเรื่องหนังสือไปถึงไหนแล้วคะ?
คือหายไปนานเลย

ก็ทีแรกเห็นบอกว่าจะจัดส่งก่อนสิ้นพฤษภา เหะๆ
ยังไงก็ช่วยมาอัพเดทกันนิด
หายไปอย่างนี้มันไม่ดีนะคะ
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: amkang12 ที่ 09-06-2011 11:39:57
เท่าที่ทราบตอนนี้ ทางพี่เค้าได้ ส่งe-mail แจ้งมาบอกล่ะน่ะครับ ว่ากำลังทำการจัดส่งขอไปให้ ทุกๆๆคนแล้ว

ก็ขอบคุณมากน่ะครับที่เสียสละเวลา มาทำหนังสือ ยังไงก็เป็นกำลังให้ครับ  o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: genieposh ที่ 09-06-2011 21:57:43
 ได้รับเมล์แจ้งข่าวเหมือนกัน ตอนนี้เริ่มส่งหนังสือแล้วบางส่วน คาดว่าน่าจะได้รับเร็วๆนี้
 
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: naja-kitase ที่ 09-06-2011 21:59:01
อ่าาา ได้รับเมลล์แล้วค่ะ  :pig4:

รอหนังสือ  o18
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: intel ที่ 10-06-2011 11:25:36
ได้รับหนังสือแระค้าาา :mc4:
หนังสือสวยมาก สภาพเรียบร้อยสมบูรณ์
ตัวหนังสือก็อ่านง่าย ขอบคุณมากนะค่ะ
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 10-06-2011 14:06:03
 :man1:ได้รับหนังสือแล้วนะคะ การพิมพ์ดูดีทีเดียวค่ะ มีตอนพิเศษให้โด้ย (ยิ้มแก้มปริเลย)
ขนาดเล่มหน้าพอควรแต่ไม่ค่อยหนัก ชอบปกแกรมหนาดีค่ะ ท่าจะทนทาน สีปกก็เรียบสวยงาม (เริ่ดคร่า)

มาถึงการติเพื่อก่อนะคะ (อย่าเคืองกานน๊า)
1. ปกหลังอ่ะค่ะ ตัวอักษรมันเกือบกลืนไปกับพื้นหลังของปก แล้วยังดูลางๆ เลือนๆ อักษรไม่คมชัด (ครั้งหน้าขอนิ๊งๆ นะคะ)
2. การห่อ โดยรวมโอเคได้รับแบบไม่บุบสลาย แต่ครั้งหน้ารบกวนอย่าเอาเทปใสแปะกับปกหนังสือได้มะคะ :sad4: หนังสือเค้ามีกาวจากเทปใสติดอยู่กับปก เห็นแล้วมันร้าวเหลือเกินอ่ะค่ะ

จบแล้วค่ะ มะมีไรจะติแหละ ทุกอย่างดีเริ่ดแล้วค่ะ

ขอบคุณนะคะที่เสียสละเวลามาทำรูปเล่ม คนอ่านดีใจจริงๆ คร่า

ปล. เค้ายังอยากอ่านคมเขี้ยวฯ อยู่นะคะคุณฟ้าม่วง :z13: 
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: pu4755 ที่ 10-06-2011 15:59:27
ได้รับหนังสือแล้วจ้า   

ข้อติขอเหมือนเม้นบนเลยค๊าบ  ^_^
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: hanaminky ที่ 10-06-2011 18:07:18
ยังไม่ได้รับหนังสือเลยค่ะ :m15:ตั้งตารออ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#110
เริ่มหัวข้อโดย: naja-kitase ที่ 10-06-2011 20:13:43
แวะมาแจ้งว่าได้รับหนังสือแล้ว  แต่ยังไม่เห็นหนังสือเลย เพราะหนังสืออยู่บ้าน
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: genieposh ที่ 10-06-2011 22:18:14
 ได้รับหนังสือแล้วจ้า แกะห่อแล้วบนปกหลังมีรอยรักจากเทปใสเช่นกัน T_T
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: amkang12 ที่ 11-06-2011 21:14:09
ได้รับหนังสือแล้วน่ะครับ ปกสวยมากครับ การพิมพ์ก็ดีมากๆๆ อ่านง่าย

แล้วก็ เหมือนข้างบนเลยครับ คือ ติดเทบใสกับปกอ่ะ เสียดายๆๆๆ แต่ไม่เป็นไรครับ

ขอบคุณมากๆเลยน่ะคัรบ ที่สละเวลามาทำหนังสือให้พวกเราได้อ่านกัน แล้วก็ ตอนพิเศษด้วยๆๆ

สรุปแล้ว ปลื้มมากครับ  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: tuktukta ที่ 13-06-2011 00:42:59
เอ๊ะ ทำไมเรายังไม่ได้เลยอะ งุงิ เครียดจังเลย
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: dee-dee ที่ 13-06-2011 14:34:43
ได้รับแล้วเช่นกันค่ะ

อยากแจ้งว่าหนังสือเราบุบมุมหน่อยนึง+หน้าสุดท้ายมันยับอ่ะ
แบบรอยพับหลายๆชั้นอ่ะค่ะ  แงๆๆ 
ส่วนสก็อตเทปเหมือนของคนอื่นจ้า

ปล...เราขอลายเซ็นต์คนเขียน  ไหงไม่เซ็นต์ให้เราอ่ะ :m15:
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: hanaminky ที่ 13-06-2011 18:19:45
วันนี้ได้รับหนังสือแล้วค่ะ แอบเศร้านิดนึงที่หนังสือเปื้อนรอยสติ๊กเกอร ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 14-06-2011 23:10:55
ได้หนังสือแล้วค่ะ :กอด1:
แต่น่าจะใส่ซองพลาสติกให้หน่อยเนอะ มันเป็นรอยเทปกาวอะค่ะ
หรือว่าลดโลกร้อน?
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: pungplaza ที่ 15-06-2011 11:28:06
ได้รับหนังสือแล้วนะคะ
ได้รับมาหลายวันแล้ว แต่ไม่ได้เข้ามาแจ้ง
ทุกอย่างโอเคสวยงามค่ะ
ตั้งแต่หน้าปกจนถึงขนาดของตัวหนังสืออ่านง่ายดีค่ะ

ส่วน...รอยเหนียวจากเทปใสที่อยู่บนปก
พยายามเอาออกแล้วยังคงเหลืออยู่นิดหน่อย
ไม่เป็นไรค่ะ ห่อปกพลาสติกแล้วก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 555+

เป็นกำลังใจให้ในผลงานดี ๆ ชิ้นต่อไปนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: jackybkk ที่ 19-06-2011 19:39:25
สนุกมากจ้า...
ได้รับความบันเทิง และสาระดีๆจากเรื่องนี้มากๆ
เป็นคนอ่านที่มาอ่านตอนจบเรื่องแล้ว...
เลยไม่ได้อินอยู่ในกระแสและมาคอยแชร์ความรู้สึกด้วย
ขอให้คุณคนเขียน มีไอเดียดีๆ แรงบันดาลใจ
สำหรับเรื่องอื่นๆอีกเยอะนะครับ
คุณเยี่ยมมากครับ
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: Demure ที่ 19-07-2011 16:49:37
เคยเข้ามาอ่านเรื่องนี้ในบทต้นๆ ตั้งแต่ปีที่แล้ว แล้วด้วยเหตุที่กลัวว่าจะเกิดความโศกเศร้ามากมายจึงได้เลิกอ่านไป

เพิ่งได้กลับมาเริ่มอ่านใหม่เมื่อสองวันที่ผ่านมา ยอมรับจริงๆว่านักเขียน เขียนเก่งมาก รู้สึกอินกับเรื่องราวที่เล่า อ่านตั้งแต่เช้าจนดึกดื่น อ่านไปเรื่อยๆก็ค่อยๆเศร้าและทุกข์ไปเรื่อยๆ ความเห็นใจเกิดขึ้นให้คู่ของคุณหลวงกับเส็ง

หลายครั้งในวันเดียวกันที่อ่านรู้สึกจิตใจเศร้ามาก ยอมรับอีกครั้งว่า เขียนได้สุดยอดมากครับ  :L2:

จบแบบไม่คาดคิดเหมือนกัน เรียกได้ว่าจบแบบสุขมากก็คงไม่ได้มั้ง... ถึงพาทิศจะเคยเป็นคนไม่ดีอย่างไงในอดีต แต่ตอนนี้คือปัจจุบัน อยากรู้จังว่าถ้าวันนั้น นัฐ ได้ลองใจอ่อน อีกครั้ง ตอนจบเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร

ขอบคุณนักเขียนนะครับ ^ ^  :L2:

คุณหลวง กับ เส็ง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: gummin ที่ 20-07-2011 12:04:34
สนุกมากค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: XOXO ที่ 26-07-2011 20:31:59
สนุกมากกกกกค่ะ อ่านรวดเดียวจบ 6 ขั่วโมง ตาแฉะเลย *0*
อินมาก ตอนจบร้องห่มร้องไห้ร้องไห้ นึกว่าพาทิศจะได้คู่กับณัฐซะอีก ;___;
แต่ฉากที่คุณหลวงกับเส็งมาเจอกัน ประทับใจมาก ร้อยกว่าปี ในที่สุด..
ชอบรายละเอียดแล้วก็เกร็ดความรู้ในเรื่องมากค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ

ปล. เสียดายมาไม่ทันสั่งหนังสือ ฮือๆ มีเหลืออีกไหมคะ?
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 10-08-2011 12:12:00
อ่านไปขนลุกไป  o22

ยิ่งอ่านดึกๆ ยิ่งหลอน คนแต่งเรื่องนี้ผูกเรื่องเก่งดีจริง  o13

จะติดตามผลงานต่อไป
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: midnightblue ที่ 29-08-2011 15:54:42
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกก  แต่ไม่ชอบตอนท้ายนิดหน่อย

ณัฐรักพาทิศและทนมาตั้งนานอีกแค่นิดหน่อยทำไมตัดใจง่ายๆแบบนี้

แต่ก็นะคนเรา.....เวลามีคนอีกคนเข้ามาทำให้ใจมีความสุขแม้เพียงเล็กน้อย

ก็ทำให้สั่นคลอนได้ง่ายๆ.............เสียดาย...
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: Pblshinee ที่ 12-09-2011 15:54:09
อ่านจบแล้ว :pig4:
 
แต่บอกนิยายเรื่องนี้ช่างเป็นเรื่องที่    หักมุม   ได้ตลอดจริงๆๆๆๆ  ไม่คาดคิด แม้กระทั่งเส็งจะกลายเป็นฝ่ายรุกในชาติปัจจุบัน แม่เจ้า :a5:
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: GaIta ที่ 17-09-2011 21:24:00
เรื่องนี้บอกได้คำเดียวว่า สุดยอดมากๆๆๆ เมื่อคืนเอาหนังสือออกมาอ่าน
หลังจากดองไว้นาน - -" อ่านจบตีสี่กว่า
คนเขียน เขียนได้ดีมากๆ ภาษาสวย  เราอ่านนิยาย y มาเกือบ 3 ปี เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ทำให้เรา
อ่านแล้วอินไปกับตัวละครได้ถึงขนาดนี้ เสียน้ำตาไปเยอะเหมือนกัน   :o8:
สงสารเส็ง กับคุณหลวงจับใจ  :m15:

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะค่ะ ไว้เขียนนิยายดีๆ ออกมาให้พวกเราได้อ่านกันอีกน้า
ขอบคุณมากๆ ค่ะ^^
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 20-09-2011 08:37:17
ประทับใจเรื่องนี้มาก ๆ แต่งได้สุดยอดจริง ๆ  o13

ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ๆ ที่น่าจดจำนะค่ะ  :3123:
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: Tayn ที่ 24-09-2011 02:40:58


ซึ้งมากเลยฮะ :m15:
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 25-09-2011 04:41:39
คนเขียนเรื่องนี้เขียนแต่ละตอนก็ย้าวยาว แล้วจะมาเม้นสั้นมันก็กระไรอยู่
แต่ก็ไม่รู้จะเม้นยาวเท่าไหนนะคะ เพราะเราเขียนไม่เก่ง แล้วก็วกไปวนมา โปรดทำใจก่อนอ่านบรรทัดถัดไปค่ะ ๕๕
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กะว่าจะอ่านนานมากแล้ว กดไว้เป็น fev. ก็นานมากแล้วด้วย แต่ก็ไม่ได้เปิดอ่านซักที
จนได้ฤกษ์มาอ่านแล้วก็ต้องอ่านรวดเดียวไม่หลับไม่นอนเพราะมันหยุดไม่ได้

ก็พอเดารางๆมาว่าพาทิศน่าจะเป็นคุณหยาดเมื่อตอนที่ให้เทิดไปเจาะรูฝั่งห้องคุณหลวงนั่นแหละ เพราะก็นึกย้อนไปว่าพาทิศเป็นโรคชอบถ้ำมอง
นับถือความอดทนเส็งนะคะ ที่จะรอให้พาทิศจำได้ด้วยตัวเอง แต่ก็นะ รอคุณหลวงมาตั้งกี่สิบปี แค่รอให้คุณหยาดรู้ตัวไม่กี่เดือนมันเทียบกันไม่ได้เลย
ตอนที่อยู่ในห้องที่ไฟไหม้ ตอนนั้นแอบกลัวใจเส็ง ไม่อยากให้เส็งทำแบบนั้นกับคุณหยาด กลัวเรื่องมันไม่จบไม่สิ้น  สงสารเส็งแล้วก็เห็นใจเส็ง
วันนั้นถ้าคุณป้าไม่เข้าไป เส็งก็จะต้องอยู่อย่างนั้นคนเดียวไปจนถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อย่างน้อยก็อีกทศวรรษนึงแหละ
แต่เพราะคุณป้าเป็นคุณหลวงที่รักเส็ง แล้วจะให้ทิ้งเส็งออกมาเพียงเพราะว่าตัวเองจะตาย แบบนั้นมันก็ไม่ใช่คุณหลวง
และเราก็คงไม่ปลื้มเท่าไหร่ด้วยถ้าคุณหลวงจะคิดและทำแบบนั้น ^^
ส่วนเรื่องณัฐแอบผิดคาดค่ะ แต่ก็พอทำใจเผื่อไว้เหมือนกันว่าถ้าณัฐไม่เลือกพาทิศก็ไม่แปลก  (เรื่องนี้จะมาเดานู่นนี่ลำบาก เดายากเหมือนกันค่ะ)
เพราะพาทิศที่ทำได้ถึงขนาดนี้ การที่จะมาฟูมฟายหรือทำทุกอย่างให้ณัฐรับรักตัวเองก็คงไม่มี
ดูเป็นคนที่เข้าใจชีวิตมากขึ้นนะคะ หลังจากได้รับรู้สิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป

เพราะเรื่องมันดำเนินมาแบบหวานๆแล้วก็มีมาม่ามาแบรก กินกันจนจุกไปข้าง  พอจบเลยจบแบบแฮปปี้เบาๆด้วยละมั้ง
ตอนที่ได้รู้ว่าเค้าจะไปอยู่เพชรบุรี ดีใจจนเหมือนตัวเองจะไปอยู่เองเลยค่ะ
อ่านแล้วมันอุ่นซ่านไปทั้งใจเลยจริงๆ ใหความรู้สึกว่าจะได้ไปอยู่ "บ้านของเรา" แล้วจริงๆ
รอคอยกันมาร้อยกว่าปี มาสมหวังตอนนี้ก็ยังไม่สายเนอะ

สุดท้ายขอบอกจากใจจริง เราชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ
รู้สึกดีที่ได้อ่าน ถึงจะอ่านแล้วหลอนไปด้วยก็เถอะ อ่านไคลแมกซ์ตอนกลางคืน น่ากลัวมาก แต่ก็คุ้มกับที่ใจตุ๊มๆต่อมๆค่ะ มีความสุขก่อนนอน(แบบเปิดไฟ)ละนี่
ภาษาที่คุณฟ้าม่วงใช้ก็ไม่ได้อานยากจนเกินไป แล้วก็เรียบเรียงประโยคได้ดีมากเลยค่ะ อ่านไม่สะดุด
อีกอย่างหนึ่งที่เราชอบก็คือ คุณฟ้าม่วงดูจะเน้นการบรรยายมากกว่าที่จะใช้คำพูดสื่อสารกัน  อันนี้เราชอบอ่าน มันเข้าถึงอารณ์ของตัวละครดีค่ะ

สุดท้ายแล้วจริงๆ   ขอบคุณนะคะ ที่เขียนอะไรดีๆแบบนี้มาให้อ่าน  ^^
ติดคุณชายแล้วด้วย
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 25-09-2011 20:24:35
 :pig4:  :pig4:
มีหลากหลายอารมณ์สุดๆเลยค่ะ
บางตอนอ่านแล้วยิ้มหวานตาม บางตอนอ่านแล้วน้ำตาซึมเลย
วางโครงเรื่อง เปิดทีละปม ให้ตามคิดตามสงสัยได้ทุกตอน
ตอนจบถึงจะไม่ได้จบแบบ วาย แต่ก็สมเหตุสมผลของการกระทำของแต่ละคนแล้วล่ะ
ยังงัยซะ คุณหลวงกับเส็งก็ได้รักกัน อยู่ด้วยกันด้วยความรักอยู่ดี
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: hara soma~i ที่ 18-10-2011 09:33:25
พอดีเพิ่งจะได้อ่านนิยายเรื่องนี้จบเมื่อคืนนี้
ชอบมากกกกก ประทับใจที่สุด
พอดีว่าอยากได้หนังสืออะค่ะ
ยังพอมีเหลือให้เราซักเล่มมั้ยคะ  :m15:
หนูอยากได้
หัวข้อ: Re: [อัพเดทสถานะ การรวมเล่ม ปางบรรพ์] หมดเขต 20 พค! 10.50 - 8/4/11 [P.37 rep#1105]
เริ่มหัวข้อโดย: wickedwoman ที่ 20-10-2011 17:22:06
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
สนุกมากๆเลย แล้วก็ประทับใจมากโดยเฉพาะคู่ของเส็ง
ที่แม้ว่าจะรอกันมานานแต่ในที่สุดก็ได้พบกันและสมหวังซักที
ส่วนณัฐนี่เราแอบคิดนิดนึงว่าการที่จะรักคนๆนึงมาตั้งแต่อายุ12
รักจนเอาเหตุการณ์ต่างๆมาวาดภาพเก็บไว้เป็นความทรงจำได้
แถมยังรอมาตั้งนาน แม้ว่าจะรู้สึกไม่ดีไปบ้างในเหตุการณ์ไฟไหม้
แล้วจะเปลี่ยนใจไปชอบผู้หญิงอีกคนนึงที่เจอกันแค่พักเดียวมันดูไม่ง่ายขนาดนี้
แต่ก็ถือว่าจบออกมาได้ดีค่ะ เนื้อเรื่องสนุกมากเลย :)
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: i-meud ที่ 26-10-2011 12:49:45
ฟืดดดดดด~
สูดน้ำมูกนำ เอาให้รู้ว่า ไอ-มืด คนนี้ได้เสียน้ำตาให้กับ "ปางบรรพ์" ไปแล้วเรียบร้อยโรงเรียนฟ้าม่วง  :monkeysad:

แหมพิมพ์แล้วน้ำตามันก็พาลจะไหลลงมาอีก  :o12:

เริ่มร้องไห้มาตั้งแต่ตอนที่คุณหลวงพินิจโดนพ่อโบย
มันวูบๆ สงสารทุกคนยกเว้น หยาด
เจ็บมากกับประโยคที่คุณหลวงคิดประมาณว่า นี่เหรอที่ว่า วิปริต...จะเรียกว่า "รัก" ได้หรือยัง
...เหมือนมีใคร :z6:เลยอ่ะ

อาจเป็นเพราะรู้มาตั้งแต่แรกว่าคุณหลวงสุดหล่อกับเส็งจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน
เพราะงั้นเรื่องราวเศร้าๆในตอนที่ทั้งคู่มีชีวิตอยู่เลยไม่ค่อยส่งผลอะไรกับมืดเท่าไหร่

กลายเป็นตอนที่คุณฟ้าม่วงเฉลยซะอีกว่าใครเป็นใครในอดีตและปัจจุบัน
ที่ทำให้มืดต้องหยุดอ่านเป็นพักๆ...เพื่อร้องไห้  :m15:

ตอนที่รู้ว่าพาทิศคือหยาดที่กลับชาติมาเกิด มืดตกใจนะ
ตกใจจนน้ำตาไหลไม่รู้ตัว
"สงสาร" ... คือสิ่งที่รู้สึกตอนนั้น
ไม่ได้สงสารหยาด แต่สงสารพาทิศ มันจะรู้สึกเจ็บใจแค่ไหนที่มารู้ความจริงว่าคนๆนั้นคือ ตัวเอง
คนอ่านอย่างไอ้มืดคิดแล้วยัง.... :serius2:

ตอนพาทิศคุยกับเส็งในเรือนเทาที่กำลังไฟไหม้
ประโยคที่จิตราพึมพำว่า "แค้นขนาดนั้นเลยเหรอเส็ง" ทำให้เราน้ำตาไหลอีกเหมือนกัน
มันรู้สึกหมดหวังอ่ะ ตอนนั้นคิดว่า พาทิศไม่รอดชัวร์

แต่ตรงที่ถึงกับต้องปล่อยโฮเขื่อนแตก คือตอนที่คุณหลวงในร่างจิตราพูดว่าเขากลับมาหาเส็งแล้วนะ
ร้องไห้หนักมากก เกร็งจนปวด น้ำตาไหลยังกะน้ำตกสาลิกา สงสาร ตกใจ ดีใจ เสียใจ ตีกันมั่วไปหมด
แล้วคุณหลวงก็ทำมืดหัวเราะทั้งน้ำตากับแค่คำว่า "แล้วกัน" กับ "เข้าห้องน้ำก็ไม่ได้เหรอ"
ดีใจแทนเส็งแบบไม่รู้ตัว ฮึๆ   เค้ากลับมาแล้วแหละเส็ง...
คุณหลวงจ๊ะจ๋าขี้เล่นของเส็งคนนั้นกลับมาหาเส็งแล้วนะรู้เปล่า?
สุดท้ายก็มาเป็นเพชรกับเอส..."ดีใจ" นั่นแหละที่มืดรู้สึก

เรื่องของณัฐกับพาทิศ ไม่แน่ใจว่ารู้สึกยังไงที่มันกลายเป็นแบบนี้
แต่ในเมื่อมันเป็นไปแล้ว ก็แค่อยากจะให้พาทิศเป็นคนชดใช้กรรมของหยาดให้หมด
ให้ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายที่ดวงจิตดวงนี้จะเป็นทุกข์เพราะความรัก

...
..
.
............เอาล่ะ (ปาดน้ำตา)
เม้นเศร้ามาเยอะละ ต่อไปนี้ขอแบบ โหด มันส์ ฮา บ้าง เพราะจริงๆแล้วมืดเป็นคนอารมณ์ดี (บอกทำไม - -*)
ม่ะ!...เข้าเรื่อง
ตอนแรกที่อ่านเจอว่าพาทิศเป็นพวกถ้ำมองคือตกใจมาก ทิศแม่งจิตว่ะ << คิดเงี้ยอ่ะ555
แล้วยิ่งตอนที่รู้ว่าพาทิศคือหยาดนะ ความคิดแล่นแว๊บบบบ
เอาแล้วเมิง พาทิศแม่งใช้รูร่วมกันกับหยาดนี่หว่าา!!! 5555+ 
รูฝาบ๊านนน  แหมคิดอะไรร~  เอิ๊กๆๆ

มาที่คุณหลวงสุดหล่อกับเส็งน้อย
มันกริ๊บกริ้วมาตั้งแต่ต้นแล้วไงว่าคู่นี้เค้าสวีทหวาน โรมองติก กันเพียงใด หุหุ
ประเด็นคือพอคุณหลวงบอกรักปุ๊บพี่ท่านก็มาจ๊ะจ๋าจ้ะกับเส็งไง
ตอนอ่านคือคิดว่า ตรูหมั่นไส้คุณหลวงนี่ผิดป่าววะ 5555

เขินจริงอะไรจริงกับตอนคุณหลวงเหมือนบอกรักกลายๆครั้งแรก
ที่เหมือนบอกว่าคนที่รักเค้าคงไม่รู้ตัว ถ้ารู้แล้วเค้าคงไม่ถาม
ตอนนั้นยิ้มแล้้วก็หลุดคำว่า แฮ๊..อิบ้า ออกมาด้วย 5555 ก็มันเขินนน  :-[

คุณฟ้าม่วงเป็นคนเก่งมากๆนะจะบอก..
มืดอินแบบอินมากกก รู้เปล่ามืดอ่านเรื่องนี้ทั้งคืนเลย
ดูก็รู้ว่าศึกษารายละเอียดมาก่อนพอสมควร
ใส่ใจในทุกๆอย่างของเนื้อเรื่อง  นับถือๆ

หมดแล้วแหละ เรื่องจะเม้น คือมันเป็นอะไรที่ยาวมากไง5555
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุกๆนะคะ
ถ้ามีผลงานอีกก็อย่าลืมเอามาให้อ่านเน้อ เป็นกำลังใจให้เสมอค่าา~
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: rabbitshii ที่ 27-10-2011 18:32:18
เนื้อเรื่องเอาไปทำละครได้เลยนะ เข้มข้น น่าลุ้นทุกตอน
ภาษาสวยมาก อ่านแล้วไม่ติดขัดเหมือนอ่านนิยายดีๆสักเรื่อง
รู้สึกชอบที่ให้พาทิศเป็นหยาด เพราะเขาจะได้กลับมาแก้สิ่งที่ตัวเองได้ทำผิดเอาไว้
ตอนท้ายๆรู้สึกเห็นใจพาทิศมากๆ ทั้งที่ตอนแรกๆก็ไม่อยากให้คู่กับณัฐเลยนะ
แต่พอณัฐเปลี่ยนใจจากพาทิศเอาง่ายๆ ทั้งที่เคยรักพาทิศมากก็รู้สึกแย่ยังไงไม่รู้
คุณหลวงกับเส็งกลับมาเกิดใหม่ก็ไม่ค่อยอินเท่าไหร่
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: CorNnE PRiNCeS ที่ 04-11-2011 17:38:04
ทั้งอึ้ง ทั้งซึ้ง

ทุกคำบรรยาย เกินจะบอกออกมาเป็นคำพูดได้คับ

บรรจงอ้างอิงทุกสิ่งทุกอย่างได้เหมาะเจาะลงตัว ทุกประการ

อย่างเรื่องการแต่งงานแบบไทยโบราณ หรือไม่แม้กระทั่ง เรื่อง พระเวสสันดรชาดก

หยิบยก ทุกอย่างมาอย่างละเอียดจริงๆ

ขอบพระคุณที่แบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้ได้อ่านคับ

ขอบคุณครับ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ปล. เสียใจตอนท้าย อ่ะ พาทิศเป็นเจ้าอาวาส ไม่ได้ครองคู่กะ ณัฐ เลย เฮ้อออออ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: boran ที่ 08-11-2011 14:04:38
ทำไมคนแต่งเก่งอย่างนี้ครับนี่ เห้อออ ไม่อยากให้จบอย่างนี้เลยยย แต่ว่าทุกอย่างก็ลงตัวว

เจ๋งๆๆๆมากครับ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: ภัทร ที่ 12-11-2011 17:58:12
 :เฮ้อ: จบซะที  ชอบมากมายเลยนะครับ สนุกด้วยลุ้นด้วย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: MokGaLaKom ที่ 15-11-2011 16:41:44
สนุกมากเลยค่ะ ภาษาสวยมากเลยการบรรยายตัวละครหรือเนื้อเรื่องก็สนุก ปมต่างๆของเรื่องก็น่าติดตาม
ยิ่งมาแนวโบราณเก่าๆระลึกชาติ เรายิ่งชอบมากเลย พออ่านมาถึงตอนจบก็ใจหายวาบเลย
อ่านแล้วน้ำตาคลอเป้าเลย อินมากมายอ่ะ ถึงจะสงสารพาทิศ แต่เราคิดว่าจบแบบนี้ลงตัวที่สุดแล้ว
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ

หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 16-11-2011 11:35:10
ิ่ตอนแรกที่อ่าน อ่านไปยิ้มไปกับความรักของคุณหลวนกับเส็ง

แต่พอกลางเรื่องปุ๊บ บ่อน้ำตาแตกทันที น่าสงสารอ่า

แต่ตอนจบก็แฮปปี้ดีคับ ชอบมาก ขอบคุณน้า
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: โน๊อา ที่ 19-11-2011 12:12:52
ยังอ่านไม่จบเลยค่ะ ชอบนะคะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: zomtum ที่ 20-11-2011 03:09:05
 o13 o13 o13 o13  สนุกมากๆๆเรยอ่ะครับ

อ่านรวดเดียวพึ่งจบ   เหมือนดูละครเลย ภาษา สวยงามมากๆๆครับ

จ่ะบอกว่าอ่านไปหลอนนิดๆๆ นะครับ 55 o22 o22

อ่านจนนึกเป็นภาพออก  เลยอ่ะ อิอิ แต่งเก่งอ่ะครับ ชอบมาก 

ความรักของคุณหลวงกับเส็ง เป็นความรักที่  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: วยงามอ่ะครับ นึกคำไม่ออก อิอิ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: SiNa ที่ 25-11-2011 12:41:16
เพิ่งได้อ่านเมื่อสามสี่วันนี้เอง อ่านรวดเดียวจบเลย ตอนแรกมีคนมาแนะนำ เราก็เห็นชื่อเรื่องแปลกดี
ดูแนวไทยๆ ก็เลยลองอ่านดู นักเขียนใช้ภาษาในการเขียนได้ดีมาก เราเหมือนหลุดไปในอดีตจริงๆ เลย
มีการผูกเรื่องได้เยี่ยมมากค่ะ เราไม่ค่อยได้อ่านนิยายที่เนื้อเรื่องเจ๋งๆ แบบนี้มานานแล้ว ขอชมอีกทีว่าเยี่ยมมากค่ะ
ทุกเหตุการณ์มีเหตุมีผลของมัน เข้าใจได้ มีความเชื่อทางศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง
ให้ข้อคิดเรื่องเวรกรรมส่งผลต่อชาติหน้า แม้เราจะไม่ใช่พุทธศาสนิกชน

สิ่งที่ชอบอีกอย่างคือได้เห็นวิถีชีวิต วัฒนธรรมของคนในสมัยนั้น
คาดว่านักเขียนคงทำการบ้านหาข้อมูลหนักมาเพื่อให้เขียนได้ขนาดนี้ ชื่นชมมากๆ ค่ะ
เราไม่เคยรู้จักริ้วมะปรางมาก่อน อ่านที่เขียนแล้วรู้สึกอย่างกินขึ้นมาทันที
ชอบวิธีการพูดของคนสมัยก่อน การจีบการเกี้ยว เขียนกลอนให้กัน โอ้ น่ารักมากกกก หวานจริงๆ

ตอนแรกรู้สึกว่าทำไมคุณหลวงรักเส็งเร็วจัง เจอกันแปปเดียวก็บอกกับเทิดแล้วว่าอยากอยู่กับคนนี้ตลอดไป
แรกๆ เราก็ยังไม่เชื่อความมั่นคงของคุณหลวง แต่จากฉากโดนเฆี่ยน มันเป็นฉากดราม่าที่สุดยอดจริงๆ
ความรู้สึกของพ่อที่ทั้งรักทั้งแค้น ลูกที่มั่นคงในรัก มันอัดอั้นจนร้องไม่ออก น้ำตาคลอแต่ในอกอึดอัดมาก
จากฉากนั้นเราได้รับรู้ความมั่นคงของคุณหลวงอย่างเต็มเปี่ยมเลย

เราเป็นคนกลัวผี บางฉากก็อ่านข้ามๆ บ้าง กลัวอ่ะ ฮ่าๆๆ
ความลึกลับในเรื่องเรารู้สึกว่ามันไม่ดูเกินจริงนะ ปกติเราไม่ชอบอ่านแฟนตาซีนะคะ
แต่เรื่องนี้ไม่รู้สึกว่าแฟนตาซีเลย แนวลึกลับๆ มากกว่า

ชอบตอนจบที่มีไคลแม็กซ์ป้าจิตรา....คนนี้ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยจนกระทั่งนางเดินเข้าไปหาไฟ
ส่วนพาทิศพอจะเดาออกตอนกลางๆ เรื่องที่หยาดเจาะรูดูสองหนุ่ม
ตอนที่วิญญาณทั้งสองดวงได้เจอกัน เราร้องไห้หนักเลย แหะๆ มันซึ้งมาก แต่ก็ปนขำเล็กๆ เมื่อคุณหลวงแกล้งเส็ง
ขอบคุณที่จบ happy นะคะ อ่านแล้วอิ่มอกอิ่มใจมาก ขอบคุณที่มีชาติต่อไปของคุณหลวงกับเส็งด้วย สมกันดี
แต่เราอยากเห็นคู่วายมากกว่า เช่นเดียวกับณัฐและพาทิศ ยอมรับว่าแอบเซ็งที่ณัฐไปแต่งกับผู้หญิง
แต่มันก็สมเหตุสมผลกับกรรมที่พาทิศเคยก่อไว้ ไว้ชาติหน้าค่อยเกิดมาคู่กันนะ คราวนี้อยากให้พาทิศทะนุถนอมณัฐให้ดี
เพราะคนคนนี้แหละที่รักเขาจริงและเกิดมาคู่กัน

ปล.เหมือนอีกหลายๆ คนที่อยากเห็นเรื่องนี้เป็นพล็อตละครมากเลย ฮ่าๆๆ อ่านไปก็นึกภาพคนที่มีเนื้อหนังมาวิ่งเล่นอยู่

ปล.2 แนวๆ เสียคนรักไป นึกถึงเพลงนี้เลยค่ะ The one that got away ของ Katy Perry
in another life, I'd be your girl
we keep all our promises, be us against the world

http://www.youtube.com/watch?v=Ahha3Cqe_fk&ob=av2e
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: THELOOM ที่ 25-11-2011 16:01:36
จบเรื่องได้สวยงามมากครับ มีความสุขที่ได้อ่านเรื่องนี้และจะติดตามเรื่องต่อไปครับ

หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: greensoda ที่ 28-11-2011 11:19:33
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งดีมากกก  ขอยกนิ้วให้คนแต่งจริงๆ 
อ่านจบภายในวันเดียวเลยค่ะเพราะทนความอยากรู้ไม่ไหว
สงสัยจะติดนิสัยพาทิศมา 5555
มันสนุกมากจนเลิกอ่านไม่ได้เลย ยิ่งอ่านก็ยิ่งติด

อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่สามารถหาสิ่งใดมาบรรยายได้จิงๆ
คุณหลวงกับเส็งเป็นตัวแทนความรักที่งดงามมาก
อ่านตอนที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันแล้วเขินมาก หวานกันจริงๆ
ตอนที่เส็งรอคุณหลวงเป็นร้อยๆปี แค่คิดก็สงสารเส็งจนน้ำตาคลอ เศร้ามาก
แต่ตอนจบทั้งคู่ก็ได้กลับมารักกัน แม้จะแอบตกใจที่เส็งกลายเป็นผู้ชายแล้วคุณหลวงเป็นผู้หญิง แต่ก็รู้สึกดีที่ทั้งคู่ได้รักกันโดยไม่มีเพศมาเป็นตัวขัดขวางอีก

สำหรับพาทิศตอนแรกรู้สึกไม่ค่อยชอบตัวละครตัวนี้เท่าไหร่
เพราะดูเหมือนคนโรคจิต แต่อ่านไปแล้วก็เข้าใจว่าทำไมพาทิศถึงเป็นแบบนี้
ตอนกลางเรื่องแอบเดาเล่นๆว่าพาทิศคือคุณหยาด พอเฉลยมากลับถูกซะงั้นน
ความจริงคนแต่งก็มีบอกใบ้หลายอย่างเหมือนกัน

สำหรับตอนท้ายแม้จะเดาไว้แล้วว่าณัฐต้องคู่กับสร้อยฟ้าแล้วพาทิศออกบวช
แต่พอมาอ่านจริงก็แอบรับไม่ได้ แอบคิดว่าจะมีหักมุม 5555
พอมาคิดอีกทีจบแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าจะจบตามใจคนอ่านมันก็เหมือนไม่ใช่นิยายที่คนเขียนต้องการสื่อ แต่เป็นนิยายที่ออกมาเพื่อสนองความต้องการคนอ่านแทน ดังนั้นจบแบบนี้ก็โอเคแล้วว

สุดท้ายก็ขอบคุณคนเขียนด้วยนะคะ ที่แต่งนิยายมีคุณภาพแบบนี้มาให้อ่าน   :pig4:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: beernf ที่ 21-12-2011 13:05:24
ขอบคุณมาก ๆ นะคับสนุกมากเลย ตอนสุกท้ายอ่านแล้วขนลุกเลย
ขอบคุณผู้แต่งด้วยคับ                                                                                 ก             
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: cool_water ที่ 14-01-2012 04:52:09
เพิ่งจะมาไล่อ่านเรื่องนี้จนจบ
ตอนแรกหลอนมากเลยค่ะ อ่านไปก็ขนลุกไป
แต่ก็ชอบมาก จนต้องตะลุยอ่านกันอยู่สามวัน ไปเรียนกลับมาก็อ่าน หลับไปตื่นมาก็อ่านแล้วก็ไปเรียน
เพราะมันสนุกมากๆจริงๆ

ชอบตอนอดีตมาก
เวลาคุณหลวงอยู่กับเส็งรู้สึกว่าบรรยากาศมันลอยๆ
มีความสุขจนต้องยิ้มตาม
เดาเรื่องไม่ถูกเลยด้วยว่าใครเป็นใคร
ถ้าเดาก็คงผิดหมดอยู่ดี

ร้องไห้หนักมากตอนคุณหลวงโดนเฆี่ยน
แล้วก็มาน้ำตาแตกอีกทีตอนที่คุณหลวงบอกว่ากลับมาแล้ว...
(ร้องไห้อีกแล้ว)
มันจุกอยู่ในอก ร้องไห้แบบอึดอัดมาก

คือเข้าใจในความรู้สึกของคนรอเลยค่ะ
รอกันมาเป็นร้อยปี...
กว่าจะเจอกัน ทรมานมากแค่ไหนกันนะ...
เป็นนิยายที่ทำให้เราเสียน้ำตาเป็นถังๆเลยจริงๆ

อาจจะอ่านช้าไปหน่อย
แต่ก็ชื่นชอบมากจริงๆนะคะ ...
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ  :o12:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 16-01-2012 11:05:33
อ่านรวดเดียวจบ  สนุกมากค่ะ  o13   แต่แอบเชียร์ให้คุณหลวงกับเส็งเกิดมาเป็นวายทุกชาติไป :laugh:
เป็นเรื่องที่น่าประทับใจ และจะติดตรึงในความทรงจำไปอีกนานแสนนานค่ะ
สามคำ>>>เลิศ อ่ะ ตัว  :impress2:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: momotar ที่ 30-01-2012 22:58:38
ก่อนอ่านเรื่องนี้มีคนเตือนให้ระวังนะ
นึกว่าจะน่ากลัวขนาดขนหัวลุกซะอีก

เรื่องนี้ทำเอาช็อคตอนจบ
ว่าใครกลลับชาติมาเกิดเป็นใครบ้าง
สงสารคุณหลวงกับเส็งเหลือเกิน
ความรักแลดูละมุมละไมมาก
อ้ายเส็งเอ๋ย ข้าสงสารเอ็งแท้
ต้องรอคุณหลวงท่านมาตั้งกี่ปีกันเล่า
แต่สุดท้ายเรื่องราวก็จบลงด้วยดี
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 31-01-2012 17:02:34
อ่านรวดเดียวจบเลย อ่านแล้วไม่อยากหยุดอ่ะเรื่องนี้
เป็นเรื่องแรกที่อ่านแนวย้อนยุคแบบกลับไปในอดีต ลุ้นมาก
ชอบคนเขียนอะ ผูกปมเรื่องได้ดีมาก นึกไมุ่ถึงเลยว่าพาทิศก็คือคุณหยาด
แอบสงสารพาทิศตอนจบที่ไม่ได้ลงเอยกับณัฐ แต่คู่คุณหลวงกับเส็งน่่ารักมาก
ถึงฉากหวานก็หวานซะ เศร้าก็เศร้าน้ำตาคลอ TT^TT ชอบมากเลยค่ะ ติดตามผลงานน๊า~
 o13
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Magistel ที่ 01-02-2012 00:05:08
นั่งอ่านอยู่4ชั่วโมงได้....ตอนอ่านไป บางฉากถึงกับขนลุกเลย สนุกมากครับผม ครบทุกอารมณ์จริงๆ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 02-02-2012 09:06:31
เพิ่งเข้ามาอ่านเมือคืนนี้ตอน 5 ทุ่มเศษ อ่านไปสะท้านไป อ่านไปคอมพ์มันเริ่มอืดๆ
เม้าส์มันเริ่มไม่ขยับ แถมมีเงาตะคุ่มๆ หน้าห้องคอมพ์ ใจหายวาบรีบปิดเรื่องทันควัน
หันไป อ่อ หลานเรานี้เอง เล่นเอาใจหายเลย 555

แอบกลัวตอนส่องกล้องทางไกลแล้วเจอภาพคุณหลวงจ้องกลับมา นึกแล้วสะท้านหลัง ขนลุก มากๆเลยค่ะ แต่งได้ดีจริงๆ นับถือ^^
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 02-02-2012 23:01:17
นี่ถ้าเป็นละครที่แสดงอยู่ ผู้ชมคงลุกขึ้นปรบมือให้กับละครเรื่องนี้กันอย่างเนืองแน่น
เพราะเป็นบทกวีที่มีคุณภาพ หนักแน่นไปด้วยสาระความรู้ เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก
เรียกได้ว่าถ้าเปิดขายบัตรคงหมดภายใน 2 นาทีเพราะผู้ชมคงแย่งกันจับจองเพื่อได้
เข้าชมละครดีดีเรื่องนี้ 

ขอปรบมือให้ดังๆสุดแรงที่มือเลยค่ะ  เป็นบทกวีที่ดีมาก ดีเสียจนละครบางเรื่องที่ดัง
ยังเทียบไม่ได้กับบทกวีชิ้นนี้  ถ้าได้ทืเป็นละครที่มีนักแสดงจริงๆ คาดว่าคงดังไม่แพ้
คู่กรรม แต่ปางก่อนเลยค่ะ  ชื่นชมคนแต่งมากๆค่ะ ดีใจมากที่ได้มีโอกาสได้อ่านบทกวี
ชิ้นนี้  ขอบคุณมากนะค่ะ  ที่เหนื่อยเพื่อพวกเรา หาข้อมูลตั้ง 7 เดือนเพื่อให้ทุกอย่าง
สมจริง  แล้วก็ได้ดั่งใจหวัง

จะติดตามเรื่องอื่นๆ นะค่ะ  ขอสมัครเป็นแฟนคลับด้วยคนนะค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: snownut ที่ 06-02-2012 19:06:53
เขียนดีมากเลย ฉากจบน้ำตาซึมเลย ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: eyeaptchy ที่ 06-02-2012 20:06:25
จิ้มก่อนเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Ammieちゃん ที่ 07-03-2012 03:27:18
ใช้เวลาอ่านเรื่องนี้อยู่ประมาณ 3-4 วัน ในที่สุดก็จบ.......  :กอด1:

เป็นเรื่องที่พลอตสุดยอดมาก มีการวางโครงเรื่อง รายละเอียด หักมุม ให้คอยสังเกต คิด สืบสวน ไปพร้อมๆ กับตัวละคร
แนวภาษาการเขียนก็สวยมากค่ะ อ่านแล้วเห็นเป็นฉากๆ อย่างกับละครหลังข่าว เหมาะไปทำละครจริงๆ นะคะเนี่ย
อยากได้หนังสือมากกกกกกกกกกกกก  :o12: มีเหลือให้เค้าบ้างไหม ขอด้วยคน เค้าอยากได้ งื่ออออออ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: pigrabbit ที่ 09-03-2012 04:11:11
 :กอด1: เรื่องนี้สนุกๆมากๆเลยค่ะ เราเพ้อไปเป็นวันเลย
เหมือนเราเห็นฉากในเรื่อง(สมัยก่อน)อยู่จริง  o22

เสียดายตอนจบนิดหน่อย  :sad4: แต่ไม่เป็ฯไรค่ะ แอบอยากได้หนังสือจัง  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: jing_sng ที่ 10-03-2012 23:52:54
เพิ่งจะได้อ่าน อยากบอกคนเขียนว่า
มันช่างยอดเยี่ยมมาก ทั้งการวางพล็อต
ทั้งการใช้ภาษาและสุดท้าย ตอนจบ คือมันจบจริงๆ
ทุกคนหมดเวรต่อกัน ทุกคนใช้ชีวิตต่อไปได้
ทุกคนอยู่อย่างสง่างามไม่ต้องหวาดระแวง
อดีตและอนาคต 

ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆ มาให้อ่าน
นิยายหาง่ายแต่อ่านแล้วประทับใจและไม่ติดค้างมันหายาก
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Homepage ที่ 15-03-2012 11:24:14
ประทับใจกับเรื่องนี้มาก ได้ครบทุกอารมณ์สุข เศร้า จนอยากให้มีตัวละครเหล่านี้เกิดขึ้นมาจริง ๆ เลยครับ
แทรกข้อคิดไว้อย่างมากมาย ตัวละครทุกตัวมีมุมมองความคิดในแต่ละแบบของตัวเอง
แอบเสียใจนิดหน่อยตอนที่๊ัณัฐปฏิเสธพาทิศ รู้สึกสงสารมาก แต่ตอนจบโอเคเลยทีเดียวครับ
อย่างน้อยครั้งหนึ่งก็ยังเคยได้รักกัน ดีกว่าเกิดมาครั้งหนึ่งแล้วไม่ได้รักกันเลย ^ ^"
ขอบคุณนะครับสำหรับเรื่องราวดี ๆที่นำมาแบ่งปัน  :L1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: หมาน้อย ที่ 29-03-2012 08:25:25
เดาถูกว่าพาทิศต้องเป็นหยาดแน่ๆ

แต่คุณป้าจิตราคือคุณหลวงนี่สิค่อนข้างอึ้ง :a5:
คือประทับใจความรักของคุณหลวงที่มีต่้อเส็งมากๆ เพราะคุณหลวงรักมั่นคงกับเส็งมากจนไม่มองใครอื่นเลย
บรรยายฉากที่เส็งกับคุณหลวงแสดงความรักหรือบอกรักต่อกันได้แบบว่ากินเข้าไปถึงใจจริงๆ
เชื่อหมดหัวใจเลยว่าความรักของคุณหลวงมั่นคงและยิ่งใหญ่ขนาดไหน
แต่พอมาเป็นคุณป้าซึ่งในวัยสาวแกทั้งชอบคุณผ่านฟ้า ทั้งไปหลงไหลรุ่นพี่จนท้อง นิสัยไม่เห็นมั่นคงเหมือนคุณหลวง
แล้วดูไม่ผูกพันกับเส็งเลย ถึงจะมารู้ว่าอธิษฐานให้จำเส็งไม่ได้ก็เถอะ น่าจะมีสัญญาอะไรบางอย่างอยู่บ้าง ก็เลย... :เฮ้อ:
มาเป็นคุณป้าเลยความรู้สึกโรมองติกลดลงไปพอสมควร แถมสรุปกลายเป็นว่ามีแต่เส็งคนเดียวที่ยังรอคุณหลวง
ดีที่จบแบบในร่างเส็งกับคุณหลวง ไม่งั้นคงเป็นอะไรที่คาใจว่าทำไม๊ๆๆๆๆ :z3:


ต่อมา ณัฐได้กับสร้อยฟ้า เง้อออออ
ยอมรับว่าใจรู้สึกต่อต้านการลงเอยคู่นี้มาก ก็อ่านนิยาย Y ก็ต้องเชียร์คู่แบบชายรักชายมากกว่าอยู่แล้ว รักผู้ชายแต่เลือกผู้หญิงซะงั้นนะณัฐ
แต่ไม่ค่อยปลื้มหยาดกับเทิดอยู่แล้ว พอมาเป็นคนเดียวกับพาทิศกับณัฐเลยไม่อะไรมาก เลือกใครก็เลือกไปเถิด ถึงจะเลือกขัดใจก็เถอะ เชอะ
แต่รู้สึกว่าเทิดก็ก่อเวรกรรมไว้ไม่น้อยทำไมมีบทสรุปชีวิตชาติปัจจุบันที่ลงตัวด้วยดีเหมือนกับไม่ต้องชดใช้กรรมอะไรขนาดนี้
(แต่ณัฐกับเทิดนี่เหมือนคนละคนเลย ป้าจิตรากับคุณหลวงด้วย ไม่อ่านแล้วรู้สึกสัมผัสได้ว่าเป็นคนเดียวกันอย่างพาทิศกับหยาด)


สุดท้าย เส็งกับคุณหลวงมาเกิดเป็นคู่ชายหญิงปกติในตอนส่งท้าย อึ้งสุดขีด อันนี้แอบเซ็งนิดๆ :o12:
เข้าใจอ่ะว่ายังไงชายหญิงสังคมก็มองว่าเหมาะควรกว่า และคงอยากให้สมบูรณ์แบบสมค่านิยมความเป็นจริง
แต่อย่างที่ว่า ที่เสพย์นิยาย Y ก็อยากให้มีบทสรุปที่สวยงามในแบบชายรักชายมากกว่าสิ ไม่อินกับคู่ชายหญิงเลยอ่ะ
แล้วที่อ่านไปลุ้นไปกับการฝ่าฟันอุปสรรคความรักในแบบชายรักชายของคุณหลวงกับเส็งมาทั้งเรื่องมันคืออะไร้ T_T
ยิ่งพอได้มาเกิดในยุคที่ชายรักชายสามารถมีความสุขได้เต็มที่โดยแทบไม่มีอุปสรรคอะไรแล้ว จะหวานกันสมใจอยากแค่ไหนก็ได้
ดันกลับมาเกิดเป็นชายหญิงปกติซะงั้น เคืองมากกกกกกก :fire:


บ่นตอนจบไปนิดนึงบ้างอะไรบ้าง แต่ท้ายสุด ขอขอบคุณคนแต่ง
ถึงแม้ว่าจะมีลงเอยแบบเป็นคู่ชายหญิงถึงสองคู่มาทำร้ายความรู้สึกไปเล็กน้อยในตอนจบก็ตาม
(เลยแอบคิดเองเอาว่าจบไปตั้งแต่ตอนเส็งกับคุณหลวงได้เจอกันในที่สุดละกัน >.< )
แต่อยากบอกว่าประทับใจความรักของเส็งกับคุณหลวงมากถึงมากที่สุด 
ฉากแสดงความรักต่อกันอ่านแล้วมีความสุขมาก อินมาก ย้อนกลับไปละเลียดอ่านซ้ำบ่อยมาก :กอด1:


ปล มา edit เพิ่ม
นึกได้ว่ามีความเห็นนึง คุณผู้แต่ง casting นักแสดง เลยมาขอร่วมสนุกแบบดีเลย์ส่ง casting ตามที่จิ้นด้วย
อันนี้จินตนาการส่วนตัวนะ อาจจะไม่ตรงกับที่คนแต่งหรือผู้อ่านท่านอื่นจินตนาการไว้

คุณหลวง จิ้นว่าเป็น พี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์
(http://1.bp.blogspot.com/-HrtTC8nrfRI/T1hSVxmmovI/AAAAAAAAldk/jbH-csw5GDI/s400/9.jpg)

ส่วนเส็ง จิ้นเป็น น้องกัน ณัฏฐนันท์ พูลสวัสดิ์  ที่เล่นหนังเรื่อง เฉือน โตเป็นหนุ่มน้อยแล้วตี๋เคะมากมาย
(http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/224173_217217301630752_3275642_n.jpg)
ลองดูบทบาทเคลื่อนไหวน้องเค้าได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=EEOVONFaLEk

หยาด จิ้นเป็น เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ หน้าแอบร้ายดี
(http://www.thairath.co.th/media/content/2011/05/31/175574/hr1667/630.jpg)

ตั้งแต่แรกๆ ละ อ่านไปภาพในหัวก็จิ้นไปอยู่ 3 คนใน 3 บทนี้แหละ ส่วนบทอื่นไม่ได้จิ้นใครเลย
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: miruku_love ที่ 30-03-2012 20:58:33
เรื่องนี้ทำเราติดมากค่ะ
อ่านแบบไม่หลับไม่นอนเลยทีเดียว
ในที่สุดก็จบ ... :)
ตอนอ่านที่แบบว่าทุกอารมณ์มาก น่ารัก เขิน เศร้า โกรธ
ยิ่งตอนหลังๆ แอบเจ็บจี๊ดๆจนน้ำตาไหลพรากๆเลยทีเดียว
และด้วยความที่อ่านแบบนอนสต็อปเนี่ยละมั้ง
ทำเอาเรานอนฝันตอนที่เส็งจมน้ำกันเลยทีเดียว =[ ]= ทำเอาเราซึมไปหลายวัน 55
แต่ตอนจบก็โล่งขึ้นมา (นิดนึง) โศกมาราธอนนานเกินไป 55
บอกได้เลยว่าเป็นนิยายที่สุดๆยอดมากๆ ประทับใจสุดๆเลยค่ะ :)
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Japanlie ที่ 06-05-2012 08:17:01
นึ่เป็นหนึ่งในนิยายที่ดีที่สุดที่ได้เคยอ่านมา

คุณภาพระดับสามารถนำไปสร้างเป็นหนังหรือละครได้

แทบไม่คิดว่านี่คือนิยายวาย เพราะเนื้อหาเป็นกลางเกี่ยวกับเพศที่เปลี่ยนไปทุกชาติเนื่องจากผลกรรมหรืออะไรก็ตาม

แต่มีความรู้สึกว่าผู้แต่งไม่ได้ตั้งใจจำกัดไว้ให้เป็นแค่นิยายชายรักชาย แต่ต้องการให้เป็น วรรณกรรม

และจากที่ได้อ่านมา นี่คือวรรณกรรมชั้นดี มีเนื้อหาสนุกจนลืมไม่ลง อีกทั้งภาษาและเนื้อหารายละเอียดขั้นสุดยอด

ความรู้สึกตอนนี้ ก็เหมือนกับทุกครั้งที่ได้อ่านผลงานชิ้นเยี่ยม คือ อ่านจบแต่อารมณ์ไม่จบตาม

ขอขอบคุณ คุณฟ้าม่วงที่แต่งผลงานดีๆแบบนี้มาให้อ่านและหวังว่าจะพบนิยายพีเรียดชั้นดีแบบนี้อีก

ปล. รักคุณหลวง รักเส็ง รักคนแต่ง จ๊วฟๆ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 27-05-2012 13:57:25
อ่านแล้วนึกถึงเรื่องแต่ปางก่อน
แต่งดีจริงๆค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าเพิ่งแต่งเป็นครั้งแรก อ่านแล้วไม่รู้สึกขัดเลย แถมสนุกน่าติดตาม อ่านไม่เบื่อเลย ดีกว่าที่สนพ.เขาทำหนังสือขายหลายๆเรื่องเลย o13
มีสอดแทรกวัฒนธรรมไทยที่สวยงามอย่าง ริ้วมะปราง สลักฟักเป็นเรื่องสังข์
เราเสียน้ำตาให้กับตอนที่คุณหลวงโดนหวายไปหลายแหมะเลย อินมาก :monkeysad:
อ่านไปลุ้นไป และเดาเรื่องไม่ถูกจริงๆ แต่พอเฉลยแล้วก็สมเหตุสมผล ลงตัวที่สุด
จบได้สวยงามครบถ้วน เหมาะควรทุกประการ
อีกสิ่งที่ได้อย่างมากจากเรื่องนี้คือเรื่องของเวรกรรม ทำให้เราไม่กล้าทำชั่ว และอยากทำแต่สิ่งดีๆค่ะ
บวกโหวตบวกเป็ด :L2:  :pig4:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: lazat.mchub ที่ 12-06-2012 01:19:01
ไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกอยากมากอย่างไรเลยค่ะ
 ทุกตอนไม่สามารุคาดเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรต่อไป
สนุกและประทับใจมากค่ะ อ่านๆอยู่บางตอนก็ขนลุกตามซะงั้น
ไม่เคยเจอนิยายเรื่องไหนที่อ่านแล้วละเอียดเท่านี่เลยค่ะ
ทุกฉากทุกตอนนั้นได้คิดไว้หมดแล้วทำให้การร้อยเรียงเรื่องเป็นไปอย่าลงตัวมาก
ไม่มีที่ติทีเดียวค่ะ
ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆมาให้เราอ่านกันนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 15-06-2012 03:01:06
ตอนอ่านอยู่ก็คิดไว้แล้วคะว่าจะมาคอมเม้นยาวๆไปเลยให้สมกับความสุกของเรื่องนี้
แต่พออ่านจบก็ตื่อๆ อยากแต่จะพิมพ์ว่าสนุกมากคะอย่างเดียวเลย ^_^ 
ชอบการวางปมเรื่องมากคะ ลึกลับ แล้วก็น่ากลัวได้อีก อยากจะบอกว่าอ่านจบแล้วยังคิดอยู่เลยว่าไม่กล้าเดินไปห้องน้ำนะ 55+
ตอนแรกก็คิดว่าพาศินจะเป็นใครนะ คิดไว้ว่าน่าจะเป็นคุณหลวงอะ อ่านๆไปเอะมันไม่ใช้อะ ยิ่ตอนหลังๆ ก็ขอแต่ว่าอย่างเป็นคุณหยาดเลย สงสารอะ แต่ก็ใช่ เล่นเอากลัวมากเลยคะ คนเขียนเก่งมากเลยนะคะ ทั้งๆที่กลัวแต่เราก็อยากรู้ เลยต้องอ่านต่อวางไม่ลงเลยละ แล้วก็ชอบกลอนในเรื่องเพราะดีคะ อ่านๆชักอยากเอาขุนช้างขุนแผนมาอ่านบ้างซะแล้วสิ ปล แอบสงสัยอะคุณผู้แต่งต้องชอบอะไรธรรมๆใช่ไหมคะ เขียนแบบให้อินได้แบบนี้อะ ถ้ามีผลงานใหม่ๆอย่าลืมมาแบ่งกันอ่านนะคะ แต่เรื่องหน้าอย่าเอาให้น่าสงสารอย่างนี้นะคะ เพราะเศร้าๆบวกกลัวๆมากเลยคะ 55+ (แต่ก็หยุดอ่านไ่ม่ได้อะ )
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Saku Saku ที่ 29-09-2012 01:31:13
มาเม้นต์อีกแล้วครับ หวังว่าผู้แต่งคงได้อ่านความเห็นนะครับ

อยากให้ทุกคนมาอ่านจริงๆ สนุกมากกกกกกกกก

ในบรรดานิยายที่มีอยู่เป็นพันในเล้านี้นั้น เวลาผมจะเลือกอ่านผมจะดูจากยอดวิวครับ
ถ้าเรื่องไหนมียอดวิวสูงก็จะคลิกไปทันทีเลย แต่ส่วนมากก็ต้องผิดหวังครับ
เมื่อพบว่ายอดอ่านที่มากนั้นไม่ได้มีส่วนช่วยการันตีคุณภาพของนิยายเรื่องนั้นได้จริงๆ เลย
ผมจึงหาต่อมาในกระทู้แนะนำนิยาย ผมชอบนิยายที่มีปมให้ลุ้นและดูสมจริง
จึงตัดสินใจตามมาอ่านเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกไม่มั่นใจว่าจะสนุกอย่างที่ว่าจริงหรือเปล่าเพราะยอดวิวน้อยเหลือเกินครับ
แต่พอได้อ่านผมก็พบว่าเหมือนตนเองได้หลุดเข้าไปสู่ในโลกของนิยายเรื่องนี้จริงๆ

ผมชื่นชมผู้เขียนมากครับ เพราะดูอย่างไรก็รู้ว่าคงตั้งใจและทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ใช้ภาษาได้ไพเราะมาก
มีการสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมไทยสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี จำได้ว่าเรื่องริ้วมะปรางนั้น ผมต้องไปหาจากกูเกิ้ลเลย
ที่ผมชอบที่สุดก็คงเป็นความสมจริงของเนื้อเรื่องมั้งครับ อย่างนิยายบางเรื่อง พออ่านไปได้ไม่เท่าไหร่ ผมก็ต้องตัดใจเลิกอ่าน
เพราะเรื่องนั้นดูไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ผมทำใจจินตนาการตามยากครับ
เพราะเนื้อเรื่องส่วนใหญ่นั้นเป็นการแต่งเพื่อสนองความต้องการของผู้แต่งเองและผู้อ่านเสียมากกว่า
เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ก็คาดเดาได้ และดูเหมือนว่าแต่ละตอนนั้นผู้แต่งงคิดอะไรอยู่ก็แต่งออกมาอย่างนั้น ไม่ชวนติดตาม
แต่ว่านิยายที่ดีก็มีอยู่บ้างครับ อย่างนิยายของ (ขอเอ่ยนามเลยนะ) คุณ G_Wa ครับ นี่ก็เรื่องมีปมอีกเหมือนกัน
อ่านไปจิตใจก็ขึ้นๆ ลงๆ ไปตามนิยายทุกทีครับ (เหมือนเรื่องนี้ด้วย  :o8:)

ผมอยากบอกว่านี่เป็นนิยายชายรักชายเรื่องที่ดีที่สุดเท่าทีี่่ผมเคยอ่านมาเลยครับ
คงไม่ใช่เพราะผมอ่านนิยายแนวนี้มาน้อยหรอกครับ แต่ผมรู้ได้จากความรู้สึกที่อยากเอาตัวเองไปเป็นตัวละครตัวหนึ่งในนั้นเลยครับ
อีกอย่างหนึ่งที่ผมแอบคิดไม่ได้คือ นิยายเรื่องนี้มีคุณค่าของเื้นื้อเรื่องให้สามารถทำเป็นละครหลังข่าวได้ดีเลยทีเดียว
ผมว่าคงเรียกเรตติ้งเป็นกอบเป็นกำในแต่ละตอนเป็นแน่ เพียงถ้าสังคมเปิดใจรับเรื่องพวกนี้ได้
เสียดายที่ผมไม่ได้ติดตามอ่านตอนโพสต์เรื่อง ไม่อย่างนั้นคงจะได้แสดงความคิดเห็นเป็นตอนๆ อย่างสนุกแล้วล่ะครับ  :เฮ้อ:

สุดท้ายขอบอกผู้อ่านว่าหลวงพินิจราชอักษรที่ผมจิ้นมาตลอดนั้นไม่ใช่ ปอ ทฤษฎี อย่างที่ผู้แต่งคิดไว้นะครับ
แต่ผมจิ้นเป็น โป๊ป (ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ) ครับ   เป็นไงครับคุณหลวงของผมคนนี้  ผมว่าเหมาะมากๆๆ ผมชอบมากเลยคนนี้

(http://image.dek-d.com/24/2764461/107514446)

ส่วนเส็งนั้นเป็น... บอกไปคงไม่รู้ครับ เป็นขวัญใจผมเอง ผมจิ้นอยู่ทุกวัน ฮ่าๆๆๆๆ


หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Saku Saku ที่ 01-10-2012 23:05:17
คราวนี้อ่านจบแล้วนะครับ

ไม่เคยมีนิยายเรื่องไหนทรมานใจผมได้เท่าเรื่องนี้มาก่อนเลย

ผมอาจรู้สึกไม่เหมือนคนอื่นๆ เพราะผมรู้สึกว่านิยายเรื่องนี้มันจบไปตั้งแต่ตอนที่เส็งและคุณหลวงได้กลับมาเจอกันแล้ว
ผมไม่รู้สึกใส่ใจกับคู่พาทิศ-ณัฐเลย ผมกลับคิดแต่ว่าเส็งและคุณหลวงมีตัวตนจริงๆ เป็นเหมือนตำนานรักแม่นาคพระโขนง
ผมใจหายมากที่เส็งและคุณหลวงได้กลับมาเจอกันเพียงแค่ไม่นานแล้วพากันไปเกิดใหม่
พูดจริงๆ แล้ว ไม่อยากให้ทั้งคู่ไปเกิดใหม่เลย 555 อยากหยุดสองคนไว้เวลานั้นให้นานที่สุดจริงๆ
พอสองคนไปเกิดใหม่ผมกลับไม่มีความรู้สึกเลยว่าเขาคือเส็งและคุณหลวงในอดีต

ผมขอโทษนะครับถ้าจะบอกว่าไม่อยากให้เรื่องนี้จบแบบนี้เลย ผมรู้สึกว่ามันทำให้กลิ่นอายความรักของทั้งคู่หายไปเลย
ยังไงเสียผมก็อยากให้เส็งเป็นเส็ง คุณหลวงเป็นคุณหลวง ได้ครองรักกันในสภาพสังคมเมื่อกว่าร้อยปีก่อนนั้นแหละ
เพราะรู้สึกเสียดายอานุภาพของความรักที่เคยเกิดขึ้น เป็นรักที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่เพราะความใคร่จริงๆ

แอบฝันให้ผมได้เจอรักแท้อย่างนี้บ้างจัง

ยังไงก็ตามต้องขอขอบคุณผู้แต่งมากๆๆๆๆๆๆๆ เลยนะครับ ผมไม่เคยอ่านนิยายเรื่องไหนที่ดีเท่าเรื่องนี้เลย

จนผมคิดเอาไว้จริงๆ ว่าถ้าเอาไปสร้างเป็นละคร คงดังไปทั่วเอเชียแน่นอน เหมือนรักแห่งสยาม เพราะมีหลายชาติที่ชอบละครไทยหนังไทยอยู่มาก
อยากให้กลายเป็นละครโทรทัศน์เรื่องประวัติศาสตร์ที่ตัวเอกเป็นชายทั้งคู่ คงดีไม่น้อยเลยครับ ว่าไปนั่น 555

หลังจากนี้ผมคงทำใจได้แล้วล่ะครับ สงสารเส็งและคุณหลวงจับใจจริงๆ (ยังสงสารอยู่เพราะเวลาที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันทำไมมันน้อยจริงๆ)

ปล.หลังจากอ่านเรื่องนี้จบแล้ว มีเพลงอยู่ 2-3 เพลง ติดอยู่ในหัวผมครับ

http://www.youtube.com/watch?v=A2nm0uyNPeY

http://www.youtube.com/watch?v=A2nm0uyNPeY

http://www.youtube.com/watch?v=Tn5GO30Ysjs

ผมว่ามันเข้ากับเนื้อเรื่องมากๆ ลองฟังกันดู
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: witchhound ที่ 02-10-2012 02:13:44
จบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว
เรื่องนี้เหมือนได้สอนอะไรหลายๆอย่าง
ที่เด่นชัดที่สุดก็คงจะเป็น"กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นอย่างตามสนอง"
ตัวละครแต่ละตัวต่างได้รับผลกรรมจากการกระทำของตนเองทั้งสิ้น
และดำรงชีวิตตามผลบุญผลกรรมของแต่ละคน
ขอบคุณผู้เขียนสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: squalo ที่ 07-10-2012 22:48:53
คุณณัฐกับคุณสร้อย.. ไม่แฟร์เลย
ขอโทษจริงๆนะค่ะ
รู้สึก หดหู่มาก ที่แอบอ่านสปอย์
แล้วรู้ว่าสองคนนี้คู่กัน

อ่านมาได้ครึ่งเรื่องแล้วละค่ะ
แต่คงต้องหยุด แต่ถ้าอ่านก็คงอ่านแต่ตอนอดีต
ปัจจุบันคงไม่แล้ว คงต้องข้าม รับไม่ได้จริงๆ
ขอโทษจริงๆนะค่ะ ไม่ไหว
เสียดายคุณณัฐ จะว่าเป็นตัวละครตัวโปรดเลยก็ว่าได้
พอเจอแบบนี้ไปมันไม่ใช่ค่ะ
รักกันมาตั้งแต่เด็ก ณัฐดูจะรักมาก ย้ำ มาก
เจอคุณสร้อยไปไม่นาน เห่ย ...

เฮ้อ หนักอกหนักใจ ทำยังไงดีค่ะ
คุณคนแต่งเขียนตอนพิเศษมาหลอกเราได้มั้ย
ว่าคุณณัฐไม่ได้คู่กับคุณสร้อย รู้สึกตัวเองอินจัด
จนต้องหยุดอ่าน ไม่ไหวแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 11-10-2012 14:30:59
ขอบคุณมากค่ะ
เรื่องนี้สุดยอดมากๆ บอกตามตรงว่าแม้จะมีขัดใจบ้างบางเรื่อง
แต่ก็สมเหตุสมผลมากค่ะ สิ่งที่คุณหยาดทำไว้ พาทิศชาตินี้จึงต้องลงเอยชดใช้แบบนี้
แม้ใจเราจะอยากให้พาทิศมีความสุขก็ตาม แอบสงสาร  :sad11:

อย่างไรก็ตามขอบคุณมากจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 11-10-2012 19:19:57
จริงๆอยากจะเม้นท์แค่คำว่าสนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
แต่คงจะไม่ได้สำหรับนิยายเรื่องนี้
คนอ่านอ่านไปแค่ 16 หน้าแต่อยากจะเม้นท์ก่อน
เป็นเรื่องที่ใช้ภาษาน่าติดตามมาก  ทั้งๆที่คนอ่านไม่ชอบอ่านอะไรที่เวิ่นเว้อ
แต่เรื่องนี้ทำให้เราอ่าน  ติดตามทั้งๆที่ไม่ชอบแนวพีเรียด
เพราะว่าการใช้ภาษามีมนขลัง  มีเสน่ห์   มีปมที่ชวนให้สงสัยอยากรู้ว่าเรื่องจะเป็นยังไงต่อไป
ตอนย้อนอดีตนี่แบบว่าเหมือนได้เข้าไปอยู่ในเรื่องด้วยเลย   เห็นภาพ  เห็นทุกอย่าง
รู้สึกผูกพันกับตัวละครมาก   ตัวละครมีความสมจริง  สมเหตุสมผล
และอยากบอกว่ารักณัฐมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เราเสียใจมากว่าพลากอ่านเรื่องนี้ไปได้ยังไง   คนเขียนสามารถทำให้ห้องทำการบ้านบ้านของเรา
หลุดเข้าไปอยู่อีกภพหนึ่ง    อ่านแล้วหยุดไม่ได้   อ่านจนมืดค่ำ   ไม่สามารถละสายตาไปจากเรื่อง
จริงๆแล้วมีคนแนะนำนิยายเรื่องนี้เยอะมากแต่ก็ไม่ได้เข้ามาอ่าน
เพราะก็คิดว่าเป็นนิยายย้อนยุคข้ามภพทั่วไปแบบที่ผู้ใหญ่ชอบ  น่าเบื่อๆเพราะดูจากชื่อเรื่อง
แต่พออ่านแล้วกลับพบว่าเป็นเรื่องที่สนุกกว่าที่คาดไว้เยอะ   ไม่แปลกใจเลยที่จะมีแต่คนชอบเรื่องนี้
ขอบคุณคนเขียนมากๆที่เขียนนิยายดีๆแบบนี้มาให้อ่านกัน   ทำให้วันที่น่าเบื่อๆสนุกขึ้นมาได้
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Final_love ที่ 18-10-2012 00:18:07
สุดยอดมากค่ะ o13

จบเรื่องได้ดีมากจริงๆ

บอกตรงๆเลยนะคะว่าอ่านนิยายเรื่องนี้แล้วพลิก 2ลอคเลย

ลอคแรก คือพาทิศเป็นคุณหยาด ซึ่งบอกตรงๆว่าอ่านในตอนแรกๆแล้วคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้
แต่พอมาอ่านเฉลย สาเหตุต่างๆก็เข้าใจถึงนิสัยของพาทิศค่ะ

ลอคสอง ซึ่งบอกตรงๆว่าเสียดายมาก ตอนแรกนึกว่าจะให้พาทิศคู่กะณัฐซะอีก
ที่ไหนได้ตอนจบ อยู่โดดเดี่ยวไปบวช แล้วก็จบเลย

แต่ก็ไม่ได้จะบอกว่าน่าผิดหวังอะไรนะคะ จบแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบ คิๆๆ

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 23-10-2012 21:51:01
สวัสดีครับ

ผมหายตัวไปนานเลย คิดถึงกันไหมครับ?
ผมกำลังแต่งนิยายแนวๆปางบรรพ์อยู่ แล้วสะดุดไปต่อไม่ได้เลยเข้ามาหากำลังใจ
เห็นว่ายังมีมาอ่านเพิ่มเรื่อยๆ ก็ดีใจครับ มีกำลังใจในการเขียนเรื่องใหม่เยอะเลย
เรื่องนี้เขียนยากกว่าปางบรรพ์ และตัดสินใจนานมากว่าจะเขียนดีหรือเปล่า
เพราะปางบรรพ์เป็นที่สุดแล้วที่ผมเคยแต่งมา กลัวมาแต่งเรื่องใหม่แล้วดีได้ไม่เท่าครับ
แต่หยุดไอเดียของตัวเองไม่ได้จริงๆ เลยจำเป็นต้องเขียนต่อ รอหน่อยนะครับ
ไว้เสร็จได้สักครึ่งเรื่องแล้วจะทะยอยมาลงนะครับ

ขอบคุณทุกคนที่ยังรักกันครับ ^^
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 23-10-2012 22:41:17
สวัสดีครับ

ผมหายตัวไปนานเลย คิดถึงกันไหมครับ?
ผมกำลังแต่งนิยายแนวๆปางบรรพ์อยู่ แล้วสะดุดไปต่อไม่ได้เลยเข้ามาหากำลังใจ
เห็นว่ายังมีมาอ่านเพิ่มเรื่อยๆ ก็ดีใจครับ มีกำลังใจในการเขียนเรื่องใหม่เยอะเลย
เรื่องนี้เขียนยากกว่าปางบรรพ์ และตัดสินใจนานมากว่าจะเขียนดีหรือเปล่า
เพราะปางบรรพ์เป็นที่สุดแล้วที่ผมเคยแต่งมา กลัวมาแต่งเรื่องใหม่แล้วดีได้ไม่เท่าครับ
แต่หยุดไอเดียของตัวเองไม่ได้จริงๆ เลยจำเป็นต้องเขียนต่อ รอหน่อยนะครับ
ไว้เสร็จได้สักครึ่งเรื่องแล้วจะทะยอยมาลงนะครับ

ขอบคุณทุกคนที่ยังรักกันครับ ^^

คิดถึงและยังรอเสมอ ^^
หากผู้เขียนพอใจแล้ว ถึงค่อยเอามาลงก็ได้ค่ะ
รอได้ มะมีปัญหา (กอดหนุบหนับ)

หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: mallow0206 ที่ 24-10-2012 09:26:05
พึ่งจะอ่านปางบรรพ์จบคะ ชอบมากกกกกกกกกกกก ประทับใจมากกกกก
และหวังว่าจะได้อ่านแนวๆนี้จากคุณฟ้าม่วงอีกนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 24-10-2012 15:04:15
คุณฟ้าม่วงค่ะ.  ดีใจมากเลยที่คุณเข้ามาอ่าน
คนอ่านอยากอ่านนิยายแนวๆปางบรรพ์มากค่ะ.  ขอบคุณน่ะค่ะ
คนอ่านหวังในใจลึกๆว่าคุณฟ้าม่วงจะมาต่อนิยายแบบแนวๆปางบรรพ์อีก
แล้วคุณก็มาจริงๆด้วย.  อยากขอบคุณสักล้านๆๆๆๆๆๆครั้ง
ถึงคุณฟ้าม่วงน่ะค่ะ.     คุณไม่อยากลองไปส่งสำนักพิมพ์ทูบีเลิฟหรอค่ะ
นิยายของคุณดีมากๆ. อยากให้คนอื่นที่อยู่นอกเล้าได้อ่านกันด้วยค่ะ
การันตีว่าขายดีชัวร์
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 24-10-2012 15:27:10
เราเพิ่งอ่านเรื่อปางบรรพ์จบไปได้สองสามวันค่ะ

ตอนนี้ยังเปิดไฟนอนอยู่เลย 55

ประทับใจมากกกกกกกกก รู้สึกเสียดายที่ปล่อยเวลาไปนานเชียวกว่าจะมาอ่าน

แต่ก็รู้สึกโชคดีที่ไม่ได้พลาดเรื่องดีๆแบบนี้ไป
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 24-10-2012 20:42:25
@bud_sob หลายๆคนเคยยุผมมาแล้วครับ แต่ว่างานผมมันเครียดและยาวมาก ไม่เหมาะกับสำนักพิมพ์นั้นเท่าไหร่ เกรงว่าเขาคงไม่รับครับ ^^
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 24-10-2012 22:42:07
มันพลิกโผ จากที่ดิดไปมากมาย  :a5:

สนุกมากจริงๆค่ะ เขียนได้ดี และน่าติดตามจริงๆ  o13   

รักคนเขียนค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 26-10-2012 12:57:03
อ่านจบแล้ว แทบจะบอกความรู้สึกของตัวเองไม่ถูกเลย มันเต็มอ่ะ เต็มไปด้วยเรื่องราว เนื้อหา ยุคสมัย ความรู้สึก ของคน
มันอิ่ม อย่างนี้หรือป่าวที่เค้าเรียกว่า อิน จัด อ่านไปแล้ว เหมือนว่าจะหักมุม แต่ ความรู้สึกมันใช่อ่ะ จบแบบนี้หละ....ใช่ เลย

ขอบคุณมากเลยค่ะ สำหรับเรื่องราวดีดี

ปล. น่าทำเป็นละครเนอะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: vassalord4822 ที่ 27-10-2012 01:46:00
 :really2:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: mamimew ที่ 28-10-2012 08:31:00
อ่านจบไปหลายวันแล้ว
แล้วอ่านแบบรวดเดียวเลยด้วย ไม่ได้นอน ฮ่าๆๆๆ
แต่เหมือนอารมณ์มันยังตกตะกอนอยู่
เป็นนิยายที่สมจริงมากๆค่ะ เข้าถึงอารมณ์ตัวละครทุกตัวในเนื่อง
เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่เคยอ่านมาเลยหละ ^^
อยากได้หนังสือมาเก็บไว้จังค่ะ สนใจรีปรินท์มั้ย 55555
จะตามไปอ่านเรื่องอื่นๆต่อนะคะ ^__________^   o13
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: lingphed ที่ 11-11-2012 11:20:58
เพิ่งสมัครสมาชิกเพื่อบางปรรพ์โดยเฉพาะเลยครับ
เป็นอีกเรื่องนึงใน thaiboyslove ที่ผมคิดว่าคุณภาพ เข้าถึงอารมณ์ ไม่ต่างจากผลงานของนักเขียนชื่อดัง
และที่สำคัญคือเป็นวรรณกรรมที่สอดแทรกเรื่องผลแห่งกรรมได้อย่างน่าสนใจ
ผมชอบบทสรุปของทุกตัวละครในเรื่องครับ

แล้วจะรออ่านผลงานใหม่นะครับ
ูู^^
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Saku Saku ที่ 18-11-2012 21:55:42
ดีใจที่สุดครับที่คุณฟ้าม่วงเข้ามาตอบ นึกว่าจะหายไปไหนซะแล้ว

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ผมสมัครสมาชิกเว็บนี้ เหมือนคนข้างบนเลย อิอิ

ผมยังติดใจเรื่องที่คุณฟ้าม่วงเคยบอกว่าจะแต่งแนวพีเรียดสมัย ร.6 - ร.7

ไม่ทราบว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง แค่ช่วงสมัยก็อยากย้อนเวลาไปซะแล้ว อยากอ่านมากๆ ครับ
หัวข้อ: Re: ปางบรรพ์ บทที่ 32: พาทิศ...ณัฐ...สร้อยฟ้า บทสรุปของเรื่องรักข้ามภพนี้จะเป็นอย่างไร!! 21.25 - 23/
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงติ๊งต๊อง ที่ 21-11-2012 18:18:07
เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้ตอนเรียนหนังสือ (แอบอ่าน)

เฮือกก!! หยุดไม่ได้ อ่านไปก็จินตนาการว่ามันจะเป็นแบบนั้นมันจะเป็นแบบนี้

พอมาตอนหลังๆ คิดว่าพาทิศจะได้คู่กับณัฐแต่ที่ไหนได้มันเอ่อ....

เจ็บมากคะ ...เจ็บสุดๆเลย เจ็บจนแบบว่าอ่านนิยายมาปกติมันจะจบแบบโลกสวย

เจอเรื่องนี้เข้าไปซึ้งเลย แต่ก็นะ.... ยังไงคุณหลวงกับเส็งก็ได้คู่กันนนน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 21-11-2012 21:50:10
สุดยอด o13
คนเขียนเก่งมากๆค่ะ ผูกเรื่องได้น่าสนใจมาก
เรื่องในอดีตก็สมจริงมากเหมือนกัน ทั้งฉากทั้งคำพูดของตัวละครเหมือนย้อนยุคกลับไปจริงๆ
โดยเฉพาะเรื่องการใช้ภาษาที่ดูโบราณเข้ากับเนื้อหาของเรื่องมากๆ
ตอนจบก็สมบูรณ์มากๆค่ะ  จบได้สมบูรณ์ไม่ค้างคาในใจคนอ่านสักนิด
+1 ให้เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Choiaop ที่ 06-12-2012 23:00:04
เพิ่งอ่านจบรวดเดียวตั้งแต่บ่ายวันนี้จนขณะนี้
จริงๆสารภาพว่าเคยอ่านเรื่องนี้เมื่อหลายเดือนมาแล้ว
แต่อ่านไปได้4-5ตอนก็เลิกอ่านค่ะ เพราะคิดว่าเรื่องเข้าใจยากเหลือเกิน
แถมส่วนตัวก็ไม่ค่อยชอบแนวย้อนยุคเท่าไร จิ้นไม่ค่อยออก 555

แต่ เมื่อไม่กี่วันมานี้ ไปเห็นน้องคนนึงเวิ่นในทวิตถึงนิยายเรื่องนี้
แบบน้องเค้าพูดถึง จนทำให้เรามีความรู้สึกอยากอ่านขึ้นมาทันที
และก็ไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ หลังจากอ่านจบแล้ว
เป็นความรักที่น่าประทับใจจริงๆ ระหว่างคุณหลวงกับเซ็ง
รู้สึกขนลุกและมีอารมณ์ร่วมกับหลายๆฉาก รวมถึงร้องไห้ไปหลายตอนทีเดียว

สุดท้ายก็ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ
ถ้าไม่ได้อ่านเรื่องนี้ คงพอๆกับพลาดอะไรดีๆไปเรื่องนึงเลย
แต่ก็แอบอยากได้หนังสือ ไม่รู้มีเหลือหรือเปล่าเอ่ย
แต่เราคงมาช้าไป(มาก) ป่านนี้แล้วคงไม่มีแล้ว 5555

ขอเก็บคุณหลวงกับเส็งไว้เป็นคู่ที่ประทับใจอีกคู่นึงค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 10-12-2012 15:41:03
ขอบคุณผู้อ่านหน้าใหม่ หลายๆคนที่ให้ความสนใจเรื่องนี้ และตามอ่านกันเรื่อยๆนะครับ
หนังสือปางบรรพ์หมดไปตั้งแต่ครั้งนั้นแล้ว คงไม่รีปรินท์อีก เพราะวุ่นวายมาก งานที่ผมทำอยู่ก็ค่อนข้างยุ่งกว่าช่วงที่เอาปางบรรพ์มาลง
เลยคิดว่าคงต้องขอโทษท่านผู้อ่านหลายๆคนที่อยากได้หนังสือนะครับ เอาเป็นว่าติดตามเรื่อง คุณชายและรอลุ้นเรื่องต่อไปที่กำลังเขียนอยู่นะครับ

เรื่องที่เขียนอยู่ เป็นแนว พีเรียด สืบสวน โรแมนซ์ คล้ายๆปางบรรพ์ครับ จะมีชื่อว่า "แต่เพรงกาล"
เป็นเรื่องรักหลายๆเส้า ที่เกิดขึ้นปลายรัชกาลที่ 6 ผ่านภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ สงครามโลก และ การเปลี่ยนแปลงการปกครองครับ
ความผันผวนทางการเมืองในช่วงนั้น มีรายละเอียดที่ต้องทำความเข้าใจอยู่มาก และผมพยายามร้อยเรื่องในนิยายกับบริบททางสังคมให้ไปด้วยกันได้ เขียนยากกว่าปางบรรพ์ ต้องขอเวลานะครับ ตอนนี้เขียนไปได้ 50 กว่าหน้าเอง ยังไม่ถึง 1 ใน 3 ของเรื่องเลยครับ (555) ยังไงก็วานทุกคนรอหน่อยนะครับ จะพยายามปรับปรุงให้ดียิ่งกว่าปางบรรพ์ครับ ขอบคุณครับ :)
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 10-12-2012 16:01:24
ขอบคุณผู้อ่านหน้าใหม่ หลายๆคนที่ให้ความสนใจเรื่องนี้ และตามอ่านกันเรื่อยๆนะครับ
หนังสือปางบรรพ์หมดไปตั้งแต่ครั้งนั้นแล้ว คงไม่รีปรินท์อีก เพราะวุ่นวายมาก งานที่ผมทำอยู่ก็ค่อนข้างยุ่งกว่าช่วงที่เอาปางบรรพ์มาลง
เลยคิดว่าคงต้องขอโทษท่านผู้อ่านหลายๆคนที่อยากได้หนังสือนะครับ เอาเป็นว่าติดตามเรื่อง คุณชายและรอลุ้นเรื่องต่อไปที่กำลังเขียนอยู่นะครับ

เรื่องที่เขียนอยู่ เป็นแนว พีเรียด สืบสวน โรแมนซ์ คล้ายๆปางบรรพ์ครับ จะมีชื่อว่า "แต่เพรงกาล"
เป็นเรื่องรักหลายๆเส้า ที่เกิดขึ้นปลายรัชกาลที่ 6 ผ่านภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ สงครามโลก และ การเปลี่ยนแปลงการปกครองครับ
ความผันผวนทางการเมืองในช่วงนั้น มีรายละเอียดที่ต้องทำความเข้าใจอยู่มาก และผมพยายามร้อยเรื่องในนิยายกับบริบททางสังคมให้ไปด้วยกันได้ เขียนยากกว่าปางบรรพ์ ต้องขอเวลานะครับ ตอนนี้เขียนไปได้ 50 กว่าหน้าเอง ยังไม่ถึง 1 ใน 3 ของเรื่องเลยครับ (555) ยังไงก็วานทุกคนรอหน่อยนะครับ จะพยายามปรับปรุงให้ดียิ่งกว่าปางบรรพ์ครับ ขอบคุณครับ :)

รอเสมอค่ะ
เป็นกำลังใจให้ ^^
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 12-12-2012 22:34:06
ขอโทษที่เม้นรอบเดียวหลังอ่านจบนะคะ
อยากบอกว่าเป็นนิยายที่ดีและหาได้ยากมาก
สอนเราหลายเรื่องมากเลย
เราไม่เคยอ่านอะไรที่มันแอบหลอนมาก่อน หนังผีเกิดมาไม่เคยดูสักเรื่อง
นี่อาจจะหลอนสุดเท่าที่เราเคยอ่านเคยดูมาเลย
แต่เราว่ามันคุ้มค่ามากเลยที่ได้อ่าน

ขัดใจอยู่อย่างนึง เราไม่ชอบสร้อยฟ้าเอามากๆ
คือเราก็คิดว่ามันจะดีกว่าถ้าพาทิศไม่คู่กะณัฐ (ถึงเราจะชอบคู่นี้มากกว่าคุณหลวงหลายเท่า)
แต่เราไม่อยากให้คู่กะสร้อยฟ้าจริงจัง 5555

ยังไงก็เหอะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: ไก่จ้า ที่ 16-12-2012 18:20:18
 :3123: :3123: เพิ่งเข้ามาอ่าน ประทับใจมาก
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: naja-kitase ที่ 16-12-2012 20:49:29
โอ้ววววววว เรื่องใหม่น่าอ่านมากๆๆๆๆๆๆ
มาลงชื่อรออ่าน "แต่แพรงกาล" ด้วยคนค่ะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Ellette ที่ 31-12-2012 02:57:44
อ่านได้ถึงตอนคุณหลวงบอกรักเส็ง
ไม่รู้ทำไมอยากจะร้องไห้ขึ้นมา  :sad4:
ตื้นตันแทนเส็งมากจริงๆ ไม่รู้จะบอกยังไง
แต่หลายอารมณ์ในหนึ่งบท ทั้งยิ้มทั้งร้องไห้
คนเขียนแต่งเก่งมากกก ข้อมูลแน่นปึกเลย
แล้วก็แอบเปิดไปดูตอนจบ (ยัยนี่) เพราะเมื่อปีก่อนๆเคยเข้ามาอ่าน
พอหวานเสร็จก็จะดราม่าจนไม่กล้าอ่านเลย
แอบเปิดแล้วก็ร้องไห้อีก  :o12: จบไม่เศร้าเลย แต่น้ำตาไหลพราก เปื้อนหมอนเบาๆ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: mabi ที่ 02-01-2013 10:35:32
ต้องขอชมจากใจ โค้งให้งาม ๆ ที่เข้ามาเพราะสะดุดกับชื่อเรื่อง เพราะผมเป็นคนชอบอะไรเก่า ๆ แต่หลังจากได้อ่าน นับถือผีมือจริง ๆ ถ้าเป็นสมัยก่อน เห็นจะต้องถอดสร้อยถอดแหวนบูชาฝีมือกัน

ภาษาแทบไม่มีที่ติเขียนกลอนได้เห็นภาพมากครับ เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การเก็บและใช้คำว่า วรรณกรรม ได้อย่างเต็มภาคภูมิ

รายละเอียดเป็นสิ่งหนึ่งที่ในเล้าเป็ดหาได้ไม่ง่าย แต่คุณทำได้ดี เรียกว่าภาษาโบราณ ต้องใช้คำว่า ตีได้ละเมียดมาก เก็บได้ทุกดอกทุกเม็ด

เนื้อเรื่อง คุณผูกได้ดี ไม่ได้เป็นพล๊อตง่าย ๆ ที่อ่านสามบรรทัดก็เดาทางได้ตลอดเรื่อง มีความซับซ้อน ตัวละครมีมิติอย่างชัดเจน อาจจะมีขาด ๆ เกิน ๆ นิดหน่อย แต่ไม่ได้ทำให้คุณค่าของวรรณกรรมเรื่องนี้ด้อยค่าลงเลย

แล้วใครที่น้อยใจว่าทำไม ความรักคู่ของเกย์ไม่สนหวัง กลับกลายเป็นว่า ณัฐ เปลี่ยนตั้วเองไปรักผู้หญิง แล้วสุดท้ายคู่คุณหลวงก็มาอยู่ในร่างของชายหญิง

อยากบอกจากประสบการณ์ตรง สมัยที่ผมยังเลวนิสัยเจ้าชู้ ทำให้คนที่รักเสียใจนับครั้งไม่ถ้วน เพราะคิดว่าแฟนตัวเองของตาย สุดท้าย เมียมีเมียใหม่ คือ เรายังรักกันเค้ายังรักเรา แต่เค้าทนเจ็บกับสิ่งที่เราทำไม่ไหว พอมีใครเข้ามา ที่เค้าคิดว่า คนนี้ไม่น่าทำเค้าเจ็บ เค้าเลยไปไม่แคร์ว่าแบบไหน แคร์อย่างเดียว ใจ และเหมือนกันเลย ถ้าเราง้ออีกนิดเค้าก็อยู่ แต่ผมไม่ทำ ต้องมานั่งเสียใจฟูมฟายว่าเสียเค้าไป โชคดีว่าสุดท้าย โชคช่วย เราได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Vocaliist ที่ 02-01-2013 15:26:35
ชอบเรื่องนี้ขอรับ

ขอบคุณที่แต่งมันขึ้นมาขอรับ

 o13
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 08-01-2013 22:37:36
เพิ่งมาเห็นเรื่องนี้ช้าไปมาก
ประทับใจ ซาบซึ้ง เศร้า หงุดหงิด หลอน ครบทุกอารมณ์
ได้ความรู้ด้วย สอดแทรกประเพณี วัฒนธรรมได้อย่างลงตัว คนแต่งตั้งใจจริง ชื่นชม
อยากได้หนังสือมากกกกกกกก เชื่อว่ามีหลายคนที่มาอ่านทีหลังก็อยากได้เรื่องที่ชอบไว้เป็นสมบัติ
คนแต่งไม่คิดจะรีปริ้น ?
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: pockypocky ที่ 13-01-2013 00:51:17
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ ทั้งสนุก ทั้งน่าสนใจ แถมยังดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม
แต่มีแอบเซ็งนิดนึงตรงที่ทายผิดอยู่นั่นแหละว่าพาทิศเป็นใครกันแน่ 555  :o8:
ขอบคุณจริงๆนะคะสำหรับเรื่องดีๆที่นำมาให้อ่าน อ่านเรื่องนี้แล้วนอกจากจะสนุกยังให้แง่คิดหลายๆเรื่องเลยล่ะค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: libra82 ที่ 14-01-2013 23:49:29
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ บอกตามตรงว่าประทับใจมาก
ทั้งสำนวน ภาษาและความรู้ เป็นนิยายวายที่ลึกลับชวนให้คิดหาคำตอบตลอดเวลา
มีปมให้ฉุกคิด เหมือนจะเดาทางได้แต่ดันไปไม่ถูก ตอนแรกคิดว่าผาทิศเป็นคุณหลวงกลับชาติมาเกิด
แต่เดาผิด มาเฉลยเอาตอนเกือบจบ สงสารเส็งจับใจไม่โกรธเส็งเลยที่จะทำให้พาิทิศพบเจอเรื่องต่าง ๆ กระทั่งอุับัติเหตุ
เข้าใจว่าสมัยก่อนเรื่องอย่างนี้มันยอมรับยาก หากจะรักกันต้องไว้ใจกันเชื่อใจกัน อ่านไปน้ำตาไหลไป
แต่ทุกอย่างมีเหตุมีผล พอจะจบถึงได้เข้าใจสิ่งที่พาิทิศเป็น กรรมแต่ชาติปางก่อนแท้ ๆ แล้วก็ดีใจกับเส็งที่ในที่สุดก็ได้ครองคู่กับคุณหลวงสมใจถึงจะช้าไปถึงสองชาติก็ตาม แต่สงสารพาิทิศผิดหวังจากทุกคนเพราะสิ่งที่ทำไว้ อ่านไปฟังเพลงแต่ปางก่อนไปเข้ากันดี
ขอบคุณมากนะคะที่สละเวลาแต่งนิยายสนุกอย่างนี้ให้ได้อ่านกัน จะติดตามผลงานเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Millamiw ที่ 17-01-2013 16:13:52
งง~~~ เว็บเล่นไงหว่า -*-;;
อยากบอกว่าสมัครสมาชิกเพราะนิยายเรื่องนี้เลยนะ >____<
เสียดายอ่ะ มาเจอช้าไป เค้าอยากได้หนังสือ~~ TTOTT ขนาดหาที่เป็นมือสองยังไม่มีเลยอ่ะ
เพราะฉะนั้น... พี่ฟ้าม่วงคะ!!! รีปริ๊นท์อีกรอบเถอะค่ะ!! พลีส~~~~~~ TT :sad4: :sad4: :sad4: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: 1andonly ที่ 22-01-2013 15:05:08
Unique and splendid !!

รู้มานานแล้วว่าเรื่องนี้ควรจะต้องอ่าน แต่ตอนแรกทำใจไม่ได้เพราะเป็นเรื่องในอดีต (มันเขินๆนะ) และคิดว่าน่าจะเศร้า
แต่สุดท้ายก็กลับมาอ่านเพราะไม่อยากพลาดเรื่องดีๆ
อ่านแล้วทึ่งมาก เขียนได้ดีมาก (จริงๆดีเกินกว่าที่จะมาลงแค่ใน internet นะ)
ตอนที่รู้ว่าบุคคลต่างๆในชาติที่แล้วได้เกิดมาเป็นใครในชาตินี้เล่นเอาขนลุกเกลียวกันเลยทีเดียว

ขอบคุณมากที่นำเรื่องดีๆมาให้อ่านกันค่ะ
คงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อ่านแล้วลืมไม่ลง (เพราะร้องไห้จนตาบวม)

ชื่นชมความสามารถในการเขียน การเรียบเรียง การคิด plot เรื่อง และความอดทนในการหาข้อมูล

จะติดตามอ่านผลงานเรื่องอื่นๆต่อไปนะคะ




หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 25-01-2013 18:03:37
เป็นนิยายที่มีค่ามากจริงๆค่ะ เห็นในกระทู้แนะนำนิยายอยู่หลายทีแล้ว แต่โดยส่วนตัวไม่ค่อยชอบอ่านแนวพีเรียดเท่าไรเลยกลายเป็นว่าเปิดอ่านบทนำไปครั้งเดียวแล้วเว้นระยะห่างไปอีกร่วมเดือนถึงเปิดกลับมาอ่านอีกครั้ง ด้วยอะไรไม่รู้ดลใจให้อ่านไปสามตอนแล้วติดงอมแงม อ่านไปทีเดียวเกือบยี่สิบตอนเลยทีนี้ รวมเวลาทั้งหมดก็น่าจะประมาณแปดชั่วโมงตั้งแต่ต้นจนจบ คุณฟ้าม่วงผูกเรื่องได้ดีมากเลยค่ะ ตามประสาคนเขียนที่รู้เรื่องทุกอย่างดีอยู่แล้วแต่กลับต้องมาคลายออกแบบค่อยเป็นค่อยไปทีละปมทีละปมถ้าเป็นผู้อ่านคนนี้คิดว่าเป็นอะไรที่อึดอัดและทรมานอย่างมากเป็นแน่
เรื่องการบรรยายที่ตอนแรกคิดว่าต้องเยิ่นเย้อแน่ๆแต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้นค่ะเพราะอ่านไปแล้วทำให้ไม่รู้สึกว่าเยิ่นเย้อ เพราะแม้จะช้าเนิบนาบแต่ก็เป็นสิ่งที่ละเมียดละไมมากจริงๆ แต่พอเข้าบทจะระทึกก็ลุ้นแบบต้องเอานิ้วปาดแท็บเล็ตหาตอนต่อไปไวๆเลยค่ะ จำได้ว่าฉากไคลแม็กซ์นี่อ่านแบบรวดเดียวรีบๆปาดเพราะมันลุ้นบีบหัวใจเหลือเกิน
ช่วงเวลาที่คุณหลวงกับเส็งได้อยู่ด้วยกันก็ทำให้อินมากเหลือเกินเพราะคุณฟ้าม่วงทำให้ผู้อ่านคนนี้หลุดเข้าไปในโลกแห่งนิยายโดยสมบูรณ์แบบชนิดที่ว่าลืมวันเวลาไปเลย คล้ายๆกับพาทิศตอนที่ได้เห็นอดีตชาติอย่างไรอย่างนั้น
ชื่นชมเรื่อง'กรรม' ที่คุณฟ้าม่วงใช้มันเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในนิยายเรื่องนี้ เพราะมีส่วนที่ตรงกับความคิดของผู้อ่านหลายๆอย่างเช่นว่าทำไมถึงต้องเป็นอย่างนี้ ทำไมเขาต้องทำร้ายเราทั้งๆที่เราก็ไม่เคยทำร้ายเขามาก่อน แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเป็นเพราะกรรมที่เคยผูกกันไว้แต่กาลก่อน กาลก่อนอาจเป็นเมื่อหนึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชาติที่แล้วก็ได้ไม่มีใครล่วงรู้ แม้จะมีบางวรรคบางท่อนเรื่องการตัดกรรมที่ไม่ตรงกับความเห็นของผู้อ่านเท่าไรเพราะคิดว่าไม่น่าจะทำได้ แต่ก็มีการขยายความว่าไม่ใช่การตัดกรรมเหมือนอย่างที่เคยนิยมกันในช่วงหนึ่งแต่เป็นการผ่อนหนักให้เป็นเบาด้วยความดีงามนั่นเอง
เรื่องตัวละครทุกคนมีมิติมากแม้แต่นักแสดงรับเชิญที่ออกมาไม่กี่ฉากแต่ก็ทำให้อินมาก คุณหลวงกับเส็งก็น่ารักมากๆมันหวานๆเย็นๆไม่ได้ฉาบฉวยเร่าร้อน ชอบโมเม้นท์แบบนี้มากๆจนเผลอเขินเผลอยิ้มตามทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่ามาม่าแน่นอน แล้วก็ชอบตอนสุดท้ายที่คุณหลวง(จิตรา)บอกกับเส็งว่าแม้เกิดมาภพหน้าจะจำกันไม่ได้ก็ตามแต่ก็ไม่เสียใจเพราะในชาตินี้(ชาติก่อน)ได้เคยรักคนๆหนึ่งอย่างสุดหัวใจเป็นสิ่งที่มีค่ามากจนไม่เสียดายแม้อาจจะไม่เกิดขึ้นอีกครั้งก็ตาม
สุดท้ายนี้ก็คงต้องขอขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ มีหลายอย่างเหมือนกันที่อยากจะพิมพ์บอกแต่ยังนึกไม่ออกและเหมือนที่พิมพ์ๆมามันก็เยอะอยู่แล้วด้วย ขอบคุณจริงๆค่ะ
ป.ล. คิดว่าที่คุณแต่งนิยายเรื่องนี้ขึ้นมา ที่ผู้อ่านคนนี้ได้เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้นั่นอาจเป็นเพราะเศษเสี้ยวกรรมส่วนนึงก็ได้ หรือคุณคิดว่าอย่างไรคะ? ^___^
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 27-01-2013 19:33:52
อ่านเรื่องนี้รวดเดียวจบเลยค่ะ
ต้องยอมรับว่าเคยเปิดอ่านตอนต้นนิดนึงเมื่อนานมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้อ่านต่อ
คราวนี้อ่านต่อดู ปรากฎว่าชอบมาก ปกติเป็นคนชอบแนวพีเรียดอยู่แล้ว
คนเขียนมาให้ความรู้ความเข้าใจเป็นระยะ
ทำให้รู้จักเรื่องได้ตามที่คนเขียนต้องการสื่อมากขึ้น

อ่านตอนท้ายๆช่วงที่เส็งคุยกับพาทิศแล้วน้ำตาไหลไม่รู้ตัวค่ะ เหมือนมันบีบหัวใจ
บทส่งท้ายเขียนได้ดีมาก ให้รู้สึกว่าจบจริง

ส่วนตัวการที่คนเขียนให้จบแบบนี้ไม่ขัดความรู้สึกเรานะคะ คนเราตายไป เกิดมาก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นทั้งหญิงและชาย
อ่านเรื่องนี้แล้วประทับใจค่ะ ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆสนุกๆมาให้อ่านกันนะคะ

รออ่าน แต่เพรงกาล อยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Timpooh ที่ 01-02-2013 00:30:16
เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ ประทับใจมาก
เคยเปิดผ่านๆเพราะอ่านตอนแรกแล้วรู้สึกโหวงๆ 555
พออ่านเรื่อยๆติดซะงั้น ทำใจว่าต้องดราม่าแต่พอเจอปุ๊บน้ำตาไหลเป็นทาง
อ่านจบแล้วซึมไปสองวันมันสงสารเส็งจับใจ รออยู่คนเดียวนานเป็นร้อยปีกว่าจะได้พบคุณหลวงอีกครั้ง
เสียดายที่ไม่ได้ไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่เพชรบุรีในชาติที่เป็นเส็งกับคุณหลวง มันเจ็บตรงจุดนี้จริงๆ
ชอบตอนจบมากให้ความรู้สึกว่ามันจบจริงๆ รู้สึกว่าพอแล้วให้จบแบบนี้แหละสวยงามแล้ว

ขอบคุณคนเขียนที่เขียนนิยายดีๆประทับใจแบบนี้ขึ้นมา จะรอติดตามผลงานนะคะ

ปล.อยากให้มีรีปริ้นจังอยากได้มาก ไม่เคยคิดจะอ่านนิยายดราม่าเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกประทับใจ
อยากมีเก็บไว้จัง :)
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Rainbow roses ที่ 03-02-2013 01:03:35
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ
ปกติเป็นคนที่ชอบอ่านนิยายอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เรียกน้ำตามากที่สุด
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 06-03-2013 14:15:22
กรี๊ดดดดดรักเรื่องนี้มากที่สุดในเล้าเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 19-03-2013 10:53:39
รอ"แต่เพรงกาล"น่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: verdaslyful ที่ 23-03-2013 13:33:15
ในที่สุด หลวงพินิจราชอักษรก็ได้ครองคู่กับเส็งตามที่สัญญาไว้ :กอด1: :กอด1: :กอด1:



ขอบคุณผู้เขียนมากๆๆๆเลยค่ะทำให้เห็นแง่มุมของความรัก :pig4: :pig4:


ของคุณหลวงกับเส็งว่าคุณหลวงยังรักและไม่เคยลืมสัญญา :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: princessrain ที่ 24-03-2013 02:19:33
สวัสดีค่ะ
เพิ่งได้มีโอกาสมาอ่าน ทั้งๆที่เล็งไว้นานแล้ว
รวมถึงเราเป็นคนชอบแนวพีเรียตมากๆ
อ่านรีวิวมาจากหลายๆที่ว่าเรื่องเด็ดจริงอะไรจริง
ไม่ผิดหวังค่ะ เด็ดทุกอย่างทุกมุมจริงๆ
เป็นเรื่องที่ทุกอย่างมีเหตุมีผลในตัวเองมัน
ตอนจบหักมุมสุดๆเลยค่ะ
แต่อ่านแล้วเข้าใจในเหตุผลนะคะว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น..
มันสมเหตุสมผลด้วยตัวของมันเอง
เรียกได้ว่า เข้าถ่องแท้เลยเชียวคำว่า
"หน้าชื่น อกตรม" มันเป็นอย่างไร (หมายถึงเรานะคะที่ หน้าชื่นอกตรม T T )
ขอบคุณมากนะคะที่มีนิยายดีๆมาให้อ่านกัน
ขอบคุณมากจริงๆค่ะ

ปล.คุณนักเขียนรู้ไหม ตอนอ่านช่วงเส็งริ้วมะปราง
เราไปเสริทหาวิธีการริ้วบ้างเลย นี่รอหน้ามะปรางก่น
มีเมื่อไหร่จะลองทำแน่ๆ อ่านแล้วอึ้งมากค่ะ
ไม่รู้จริงๆว่าสยามประเทศเรามีอะไรที่ สุดยอดมากๆแบบนี้ด้วย
เรื่องได้ว่าเรานี่กบในกะลาสุดๆ ขอบคุณมากนะคะ :L2:

สุดท้ายอยากบอกว่า รักคุณหลวงกะพาทิศที่สุ๊ดดดด  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 01-04-2013 20:57:51
 o13
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: meew ที่ 07-04-2013 00:12:53
อ่านจบแล้วประทับใจมาก เป็นนิยายที่ดีมาก ชอบที่ผูกเรื่องแบบนี้ อ่านไปกรี๊ดไป #น้ำตาจะไหล#ชอบมาก#ดีมาก
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Benzt ที่ 07-04-2013 02:06:57
อืม มันจบเเล้ว...

อยากขอบคุณคนเขียนมากๆ ที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆออกมาให้ได้เสพกัน

เเต่งดีนะ ดีมาก เราว่าคุณเป็นคนที่ละเอียดอ่อนเเละประณีตมากๆเเต่ละตอนอ่านเเล้วมันให้อารมณ์ได้เลย

มันอ่านเเล้วรู้สึกดีนะ เวลามาเจอนิยายที่ทำให้เรามีอารมณ์ร่วมไปด้วย มันอาจจะฟังดูเวอร์

เเต่มันก็ทำให้เรามีความสุข เราว่าคุณเก่งนะทำให้คนอื่นมีความสุขได้ สามารถทำให้คนอื่นชอบได้

ดีใจที่ได้อ่านผลงานดีๆเเบบนี้  ขอให้คุณสร้างสรรค์ผลงานเเบบนี้ไปเรื่อยๆอีกนะครับ ผมเชื่อว่าใครหลายคนจะต้องชอบ

หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: junjou ที่ 08-04-2013 14:46:58
มาตามอ่านค่ะ เห็นในห้องแนะนำนิยายบ่อยๆเลยตัดสินใจชะแว้บมาซะ 555
ตอนแรกไม่กล้าอ่าน กลัวชื่อเรื่อง (นี่บอกเลยนะ  :sad4:)
แล้วเราดั๊นนนนนนนไปเริ่มอ่นตอนประมาณเที่ยงคืนกว่าๆอ่ะ ผลก็คือ....กลัวจ้า  :ling3: :ling3:
ตอนต้นๆเรื่องนี่น่ากลัว ขนลุกมาก แต่เราก็ชอบอ่ะ มันมีมนต์ขลังดี  :heaven
สนุกมากค่ะ รีบตื่นมาแต่เช้า (ปกติวันหยุดตื่นบ่าย  :m29: ) มาอ่านต่อ
อตนนี้อ่านจบแล้ว สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ขอยกเรื่องนี้ขึ้นหิ้งเลยค่ะ ประทับใจมากๆ ทุกสิ่งทุกอย่างทุกองค์ประกอบในเรื่องนี้มันเจ๋งจริงๆ
รู้ได้เลยว่าผู้เขียนทำการบ้านมาดีมากๆ ในเรื่องการหาข้อมูล การเขียน โอ้ยยยย เอาง่ายๆืคือทุกสิ่งอย่างค่ะ
ตอนจบประทับใจมากค่ะ ชอบที่จบแบบนี้ ดีแล้วสำหรับทุกฝ่าย
เรื่องนี้อ่นแล้วขนลุกทุกตอน บ่องตงงงง
ตอนหวานๆก็เขินจนหัวจะทิ่มคีย์บอร์ด 555555
ประทับใจมากๆค่ะ เรื่องนี้ขอเก็บไว้ในดวงใจน้อยเลย

ปล. ถ้ามีรีปริ้นท์ก็อย่าลืมบอกน้าาาาาาาา อยากได้  :katai4:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: l2_in* ที่ 08-04-2013 18:59:17
เราชอบพีเรียดดดดด  เพิ่งจะได้เข้ามาอ่าน >< ตอนแรกอ่านกลางคืนกลัว ต้องมาเปิดอ่านใหม่ตอนเช้า 555
เรารู้สึกว่านิยายเรื่องนี้เป็นอะไรที่มีคุณค่า ได้แง่คิดจากมุมมองของแต่ละคนในเรื่อง
และเมื่ออ่านถึงบรรทัดสุดท้าย มันเป็นอะไรที่ 'อิ่ม'
ทั้งการผูกเรื่อง ซ่อนปมต่างๆ ที่ต้องไขไปเรื่อยๆ
ความรักของคุณหลวงกับเส็งเป็นอะไรที่น่าติดตาม น่าสงสารและน่ายกย่อง
การรักตัวเองของหยาด แต่สุดท้ายเมื่อเสียเทิดไปเธอก็ยังรู้สึกเสียใจและคิดได้
แก้วที่กลับตัว และมั่นที่พร้อมจะอภัยให้คนผิด ไหนจะ ณัฐ สร้อย พาทิศ
มันเป็นอะไรที่ลงตัวมาก ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีนะคะ มันเป็นอะไรที่มากกว่านิยาย

จะติดตามต่อไปนะคะ ตอนนี้ขอตัวไปอ่าน 'คุณชาย' ก่อน 
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: MADWHALE ที่ 15-04-2013 19:20:37
คุณหลวงสารภาพรักได้น่ารักมาก  :L2:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: ช็อคโกแลตสีม่วง ที่ 15-04-2013 19:27:58
เคยอ่านเรื่องนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกของเล้าเป็ดเลย


ตอนนี้เป็นสมาชิกแล้วก็เลยถือโอกาสมาเม้นย้อนหลัง


จะบอกว่าชอบเรื่องนี้มากๆครับ ครบรสมาก อ่านแล้วอิน ตอนเศร้าก็ทำเอาน้ำตาไหล ตอนน่ารักๆก็ทำเอาเขินตามไปด้วย


แต่อ่านไปก็ต้องแอบมองข้างหลังตัวเองไปด้วย ก็ผมกลัวผีง๊ะ 555+


จะรอเรื่องต่อไปครับ จะรอติดตามนะครับ


 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: MADWHALE ที่ 16-04-2013 18:46:27
I have died everyday waiting for you
Darling don't be afraid I have loved you
For a thousand years
I'll love you for a thousand more

And all along I believed I would find you
Time has brought your heart to me
I have loved you for a thousand years
I'll love you for a thousand more


ถึงจะมาช้าไปสองปี แต่พออ่านเรื่องนี้ก็มีเพลงนี้ลอยเข้ามาในหัวค่ะ

สารภาพตามตรงว่าตอนแรกไม่คิดจะอ่านเรื่องนี้เพราะเป็นแนวพีเรียด ภาษาจะย้อนยุคเราอ่านไม่ค่อยเข้าใจ TT
แต่ก็ลองอ่านดูเพราะว่ามีคนแนะนำเยอะมากกกกกก แล้วก็พบว่าไม่ผิดหวังจริงๆหลังจากได้อ่าน

ความรักของคุณหลวงกับเส็งเป็นความรักที่น่าชื่นชม ต่อให้เวลาผ่านไปร้อยปี พันปี หรือว่าภพไหนก็ยังคงรักกันทุกชาติไป
เป็นความรักที่ใสบริสุทธิ์ของคนสองคน ไม่มีเรื่องตัณหาเข้าใสเกี่ยวข้อง เกิดจากความผูกพัน และความรักล้วนๆ

ขอบคุณคุณฟ้าม่วงมากนะคะ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความรักดีๆแบบนี้มาให้อ่าน จะติดตามคุณฟ้าม่วงในเรื่องต่อๆไปค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 03-05-2013 20:05:15
อ่านจบรวดเดียว

บอกได้คำเดียวว่านิยายเรื่องนี้ดีมาก สมที่คนแต่งตั้งใจจริง ๆ ครับ
ประทับใจในความรักของเส็งและคุณหลวง งดงามมาก
คุณหยาด ทุกอย่างที่ทำก็เพราะรัก แต่เป็นรักตัวเอง

ตอนนี้อยู่เยอรมันครับ
ตะกี๊อ่านบนมือถือในรถใต้ดิน อ่านถึงตอนที่ป้าจิตราเดินเข้าเรือนที่ไฟไหม้ไปหาเส็ง
ตอนที่บอกเส็งว่ากลับมาแล้ว น้ำตาแตกครับ
ฝรั่งแถวนั้นงงเลย 555 อายจัง

ขอบคุณที่แต่งนิยายที่ดีมากเรื่องนี้ขึ้นมาะครับ

ฟังเพลงนี้แล้วผมว่าเหมาะกับเรื่องนี้ดีครับ ผมว่ามันบอกความรู้สึกของเส็งได้เลยนะ
http://www.youtube.com/watch?v=V9dFIeeVXww&feature=youtu.be&a
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 03-05-2013 21:23:57
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ตามมาอ่านหลังคนแต่งนานหลายปี เสียดายที่เข้ามาอ่านช้าไป

แต่ก็ขอบอกว่าสนุกมาก ๆ จ๊ะ

 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 04-05-2013 21:21:06
ขอบคุณที่ยังตามอ่านกันแท้จะผ่านมาหลายปีแล้วนะครับ
ตอนนี้เรื่องใหม่เริ่มเข้าใกล้ครึ่งทางแล้วฮะ รออีกไม่นานจะได้อ่านกันแน่นอนครับ ^^
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 05-05-2013 14:55:45
ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้นะคะ ดีใจเหลือเกินที่ได้อ่าน โดยส่วนตัว แอบสงสารพาทิศ เรื่องนี้ทำน้ำตาไหลสุดๆ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: cinn1st ที่ 06-05-2013 13:16:18
ใช้เวลาอ่านรวดเดียว 2 วันจบ สนุกและน่าติดตามมาก รักเรื่องนี้เลยค่ะ ^^
ก่อนหน้านี้เคยเริ่มอ่าน 1-2 ตอนแรกแต่ก็หยุดอ่านไป ไม่รู้อะไรดลใจให้กดมาเริ่มอ่านใหม่
และทีนี้ก็ติดงอมแงมเลย รักคนเขียน รักนิยาย รักตัวละครในเรื่องนี้มากค่ะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: cokebundit ที่ 11-05-2013 01:47:59
 :sad4: ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้ได้อ่านคับ  :mew3:

 o13 ขอบคุณครับ  :bye2:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 14-05-2013 12:55:34
ขอบคุณที่ยังตามอ่านกันแท้จะผ่านมาหลายปีแล้วนะครับ
ตอนนี้เรื่องใหม่เริ่มเข้าใกล้ครึ่งทางแล้วฮะ รออีกไม่นานจะได้อ่านกันแน่นอนครับ ^^


รอแต่เพรงกาลเสมอน่ะค่ะ. รอมานานมากกกกและจะรอต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: `ลoงสิจ๊ะ™ ที่ 14-05-2013 21:14:14
พึ่งมาอ่าเรื่องนี้คะ เห็นชื่อเรื่องแปลกเลยเขามาอ่า อ่านตอนแรกๆบอกตามตรงกลัวมากเลยคะ :sad4:
พอหลังๆนี่ก็ได้อ่านเรื่องเห็นถึงความรักของคุณหลวงและเส็ง
สุดท้ายคุณหลวงและเส็งก็ได้มาอยู่ด้วยกัน  :impress2:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: heLLangeL ที่ 15-05-2013 00:46:58
เป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบมีที่มาที่ไปอย่างสมเหตุสมผลจริงๆค่ะ ขอบคุณที่สร้างผลงานดีๆแบบนี้มาแบ่งปันกันน้าค้า ขอบคุณค่าา >/\<
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: VICTORY ที่ 16-05-2013 21:56:43
เป็นนิยายที่ซึ้งกินใจมากค่ะ ชอบมากๆ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: namminzz ที่ 26-07-2013 12:04:19
สนุกมากเลยค่ะ
แหวกแนวสุดๆ ต่างจากทุกแนวที่เคยอ่านมา
แอบเชียร์ให้ณัฐคู่กับสร้อยฟ้าด้วย เป็นครั้งแรกที่เชียร์ให้ตัวเอกเลือกผู้หญิง555
แถมได้คู่กันจริงๆซะด้วย
ตอนเริ่มอ่านเดาไม่ถูกจริงๆว่าเรื่องนี้จะจบยังไง
อ่านตอนจบแล้วก็รู้สึกว่าจบได้ดีมากๆเลยค่ะ
ปกติไม่ชอบอ่านดราม่า แต่เรื่องนี้ยอมเลยค่ะ
คุณหลวงกับเส็งน่ารักมากๆ

ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ :L1:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 26-07-2013 20:09:10
เพิ่งได้มีบุญมาเปิดเจอนิยายเรื่องนี้

อะไรมันจะละเอียดละออขนาดน้านน

คนแต่งแต่งได้ดีมากเลย

พอได้อ่านเรื่องนี้ มันทำให้เราได้รู้จักกับ "มะปรางริ้ว"

เกิดมาเป็นสิบๆปีเพิ่งเคยได้ยิน ไม่รู้มัวไปมุดอยู่ท่อไหน

ขอมอบนี่ให้คนแต่ง  :L2:  :L2:  :L2:

นี่ด้วย  :กอด1:  :กอด1:  :กอด1:

นี่ด้วย  :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 27-07-2013 23:17:15
อ่านจบแล้วมันรู้สึกติดค้างอะไรในใจไม่รู้ค่ะ
ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าจบอย่างมีความสุขแล้ว แต่ในใจก็เหมือนติดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไรจำ
อ่านแรกๆ รับรู้สึกถึงความเศร้าตั้งแต่เริ่มอ่านเลยค่ะ แล้วก็มานั่งร้องไห้ตรงที่พาทิศเห็นเส็งในสระ หนักเข้าก็คงจะตอนที่อ่านกลอนที่คุณหลวงแต่ให้กับเส็งก่อนที่จะไปหัวหินนั่นแหละคะ ไม่รู้เป็นอะไรทั้งๆ ที่กลอนมันก็หวานแต่กลับรู้สึกเศร้าจับใจ
แล้วก็เรื่องของพาทิศ ตอนแรกๆ ก็นึกว่าเป็นคุณหลวง แต่คิดไปคิดมาไม่น่าใช่ตัดข้อสงสัยนั้นออกไป เหลือ คุณหยาด เทิดแล้วก็แก้วที่ดูแล้วน่าจะต้องชดใช้กับเรื่องที่เกิดขึ้นมากที่สุด
จนในที่สุดก็ถึงตอนเฉลยถึงกับอึ้งเลยค่ะ ไม่คิดว่าคุณหลวงจะอยูใกล้ตัวขนาดนี้ แถมยังเกลียดเรือนเทาที่ตัวเองเคยรักหนักหนาจนไม่อยากเข้าใกล้
แล้วอีกตอนที่นั่นเช็ดน้ำตาปอยๆ ก็เห็นจะเป็นตอนที่คุณหลวงถูกโบยแล้วต้องพรากจากเส็ง แล้วก็ตอนที่เส็งรับรู้เรื่องของคุณหยาดกับเทิค ตอนสุดท้ายก็ตอนที่คุณหลวงกลับมาจากยุโรปแล้วไม่พบเส็ง อยากจะบอกคนเขียนว่าทุกตอนบีบหัวใจเราเหลือเกิน จนไม่อาจละจากเรื่องนี้ไปอ่านเรื่องอื่นได้ ถ้าไม่อ่านจบในวันเดียวคงจะนอนไม่หลับจริงๆ ตะบี้ตะบันอ่านจนจบได้รู้ว่าในที่สุดทั้งคู่ก็กลับมารักกันเหมือนเดิม
เอะใจอยู่นิดๆ กับตอนพิเศษลูกของณัฐและสร้อยฟ้าที่บรรยายถึงลูกของทั้งสอง ยิ่งลูกสาวตาดุๆ ผมดำๆ ก็คิดถึงคุณหลวง ส่วนแฟนของลูกสาวที่ว่าตาตี๋ๆ เจ้าสำอางค์ก็คิดว่าคงเป็เส็ง แต่งงตรงที่สลับหน้าที่กันนี่แหละ อาจจะเป็นเพราะว่าชาติก่อนคุณหลวงเคยดูแลเส็ง ชาตินี้เส็งจึงเกิดมาดูแลคุณหลวงบ้าง
หวังว่าทั้งคู่คงมีความสุขกันที่เพชรบุรี ดั่งที่เคยสัญญากันไว้ในอดีตนะ
แม้จะสงสารพาทิศบ้างเล็กน้อย อยากให้มีคู่กับเขา อยากรู้ว่าเทิคไปไหน แต่คิดว่าน่าจะไม่ใช่ณัฐที่เป็นเทิคหรอก
โอ้ย! บรรยายมาซะขนาดนี้ยังไม่เท่าครึ่งของใจที่คิดเลยนะคะเนี่ย
แต่อยากจะบอกคนเขียนว่าชอบมากเลยค่ะ ทั้งภาษาการเรียบเรียงคำพูด คำบรรยาย การขมวดปม หรือลักษณะของตัวละคร ทุกอย่างดูลงตัวมากเลยค่ะ แม้จะมีผิดพลาดเล็กน้อยก็ไม่ทำให้เสียรสชาติเลย ชอบที่มีเนื้อหาวิชาการในสมัยนั้นๆ มาสอดแทรกพอให้เป็นสาระประดับสมอง ทำให้รู้เลยว่าคนเขียนใส่ใจกับรายละเอียดขนาดไหน
อ่านเสร็จแล้วคิดทันทีเลยว่าอยากให้มีภาค 2 จัง
สุดท้ายแล้วอยากจะบอกคนเขียนว่าจะมาสมัครเป็นแฟนคลับนะคะ แม้จะเคยอ่านเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ก็จะรอหาอ่านเรื่องอื่นดู แม้อาจจะไม่ใช่แนวเดียวกัน แต่ว่าความสนุกก็คงไม่ต่างกัน
ยังไงก็ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ที่สอดแทรกประวัติศาสตร์เรื่องนี้นะคะ ชอบมากถึงมากที่สุดเลยค่ะ อยากให้คนเขียนผลิตงานที่ดีอย่างนี้ต่อๆ ไปนะคะ ขอบคุณค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 30-07-2013 11:11:18
เพิ่งได้มีโอกาสมาอ่านเรื่องปางบรรพ์ แรกเลยที่อ่านให้ความรู้สึกว่านิยายเรื่องนี้ค่อนข้างหนักทางอารมณ์ เพราะผูกปมไว้ทุกตอน กว่าจะคลี่คลายออกก็ตายกันไปมากโขแล้ว 55555 อ่านแล้วใจสั่นทั้งเรื่องเลย อ่านตอนแรกก็ปักใจเชื่อเลยว่าพาทิศต้องเป็นไม่หยาดก็เทิด พอมาเป็นหยาดก็แอบยิ้มนิดๆ แต่ก็นั่นแหละ กว่าจะมาเป็นหยาดก็มาม่าพอดู เป็นหยาดได้ไม่นาน คุณหลวงก็โผล่ พร้อมคำว่า "เรากลับมาแล้วเส็ง.." น้ำตานองหน้าเลย มันให้ความรู้สึก ถึงจุดสูงสุดของตัวละครจริงๆ แล้วตอนจบถึงแม้จะจบแฮปปี้ และก็เป็นอย่างที่คิดไว้เลย พาทิศต้องบวชตลอดชีวิตแน่ๆ ก็อดใจหายไม่ได้ ที่สุดท้ายแล้วไม่เหลือใครเลย ทุกคนลงเอยกันหมด แต่ก็นั่นแหละ การบวชถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอกของเรานี้ เพราะกรรมเก่านั้นถึงแม้เจ้ากรรมนายเวรจะอโหสิกรรมให้ แต่ก็มีมากโขนัก เห้อออ อ่านแล้วก็อารมณ์หนักๆเบาๆ เรียกได้ว่า อ่านแล้วนอนฝันผวาถึงเรื่องนี้ สะดุ้งตื่นกลางคืนเลยล่ะครับ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Purple_Sky สำหรับนิยายที่สนุก ตื่นเต้น ลุ้น ระทึก ดราม่า และโรแมนติกเรื่องมากๆครับ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadaharu ที่ 03-08-2013 15:19:02
ชอบนิยายเรื่องนี้มาก ขอบคุณผู้แต่งที่สร้างงานแบบนี้มาให้ได้อ่านกัน ทำให้ผมไปทำงานสายมาหลายวันเนื่องจากอ่านจนถึงตี4 วางไอแพดไม่ลง 555
ชอบที่คุณหลวงบอก "เรากลับมาแล้วเส็ง" มันเหมือนการสิ้นสุดทุกอย่าง ปลดปล่อยจากพันธนาการที่รั้งเส็งมานาน ขอบคุณจากใจอีกครั้งครับ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: aiakimako ที่ 03-08-2013 22:40:16
อ่านจบแล้วแต่ความรู้สึกที่มีต่อเรื่องนี้ยังไม่จบเลย
มันยังค้างอยู่ในใจ อะไร อย่างไร บอกไม่ถูกเลยค่ะ
อยากบอกว่าเรื่องนี้ทำให้เราอิ่มใจ เสียใจ ร้องไห้ สงสาร ไปต่างๆนานา
นิยายเรื่องนี้บอกได้เลยว่ามีคุณภาพมากจริงๆ ลุ้นอยู่ตลอดเวลา
ขอบคุณมากๆเลยนะค่ะ ที่เขียนนิยายดีๆแบบนี้ให้เราได้อ่าน
อยากอ่านนิยายสำนวนการเขียนภาษาของคุณในแบบรักใสๆๆดูบ้างจังเลยค่ะ   
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 08-09-2013 11:44:23
สนุกมากๆอ่านแล้ววางภม่ลงจิงๆ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: wochima ที่ 14-09-2013 02:34:04
      อ่านจบ  2.32
วันที่ 14 กันยายน 2556
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 15-09-2013 23:34:52
พูดได้คำเดียวว่าตั้งแต่อ่านนิยายมา เรื่องนี้ประทับใจมากคะ ทั้งเรื่องความรัก เวรกรรม ทุกสิ่งทุกอย่างมันลงตัวกันหมด เดาไม่ออกเลยจนนาทีสุดท้าย ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆๆให้อ่านกันคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: ronlbb ที่ 16-09-2013 00:29:08
สนุกมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Supak-davil ที่ 25-09-2013 14:08:01
ขอบคุณค่ะ ที่แต่งนิยายดี ๆ แบบนี้มาให้อ่าน เพราะเพิ่งได้เข้ามาอ่านเหมือนกัน เสียดายที่ไม่มีหนังสือให้เก็บแล้ว แต่อยากเสนอเนะว่า ไม่มีเวลาพิมพ์เป็นเล่มแล้ว เพราะยุ่งยาก (เห็นจากโพสต์อันนึง) เลยขอเสนอให้ทำเป็น EBOOK อ่ะค่ะ เพราะเห็นมีหลายเว็บรับทำแล้ว จริง ๆ แล้ว ก็อยากอ่านตอนพิเศษที่มีอยู่ในหนังสือเหมือนกันค่ะ ถ้าทำได้คิดว่าคงมีผู้อ่านหลายท่านที่สนใจอยู่ สนับสนุน EBOOK ค่ะ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Yundori ที่ 07-10-2013 21:12:35
ดิฉันอ่านจบเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2556
แต่เรื่องนี้น่าจะจบไปนานแล้ว
มันเป็นอะไรที่น่าประทับใจมาก ที่มีนิยายดีๆแบบนี้ให้อ่าน
ไม่ต้องมีจำนวนหน้าที่เยอะ ก็ประทับใจไม่รู้ลืม
ตอนแรกได้ยินกระแสมานาน แต่ก็ยังไม่กล้าอ่าน
จนมีเวลาเข้ามาอ่าน ทำให้รู้สึกว่า ชอบมาก จนกลายเป็นความประทับใจ
คุณทำให้ใครหลายๆคนประทับใจเรื่องแนวพีเรียด
คุณทำให้ได้รู้ความรู้อะไรใหม่เข้ามาเยอะมาก
อย่างตอนพิธีแต่งงาน ดิฉันไม่เคยคิดเลยว่าพิธีมันมีขั้นตอนอะไรบ้าง
ต้องขอบคุณคุณคนแต่งจริงๆค่ะ ที่สละเวลาสร้างสรรค์เรื่องนี้ขึ้นมา
อีกทั้งยังมีการค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม ทำให้เรื่องมีคุณค่าเข้าไปอีก
น่าเสียดายที่ดิฉันมาไม่ทันตอนรวมเล่มซะแล้ว
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ สร้างสรรค์ผลงานดีๆแบบนี้เรื่อยๆต่อไปค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 21-10-2013 01:04:03
#แต่เพรงกาล  -  24.10.56
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 21-10-2013 09:22:37
^
^
^

เข้ามากรี๊ด อีก 3 วัน รออ่านและให้กำลังใจนะคะ อยากกระซิบถามว่าตอนนี้หนังสือเรื่องปางบรรพ์ยังมีขายอยู่หรือไม่คะ อยากซื้อเก็บไว้อ่านมากๆ ยังประทับใจไม่หาย ^_^  :mew1:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: up2goo ที่ 24-10-2013 18:38:19
ผิดความคาดหมายเล็กน้อยที่พาทิศคือคุณหยาดกลับชาติมาเกิด
หลงคิดว่าเป็นคุณหลวงซะตั้งนาน แถมแอบเชียร์ไปแล้วด้วย 55+

จริงๆแล้วก็เห็นใจพาทิศนะ ที่ไม่ได้ลงเอยกับใครเลย
แต่การบวชถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วล่ะ กับบาปกรรมที่มันมากมายขนาดนั้น
การชดใช้ที่ดีที่สุดคือหยุดทำบาปแล้วสร้างความดี เพื่อกรรมที่ได้รับจะได้เบาบางลงบ้างนี่แหล่ะดีที่สุดแล้ว

เรื่องนี้สนุก น่าติดตาม สร้างปมให้เราคาดเดา( ถึงแม้จะเดาไม่ถูกก็เถอะ อิอิ )
ยิ่งอ่านยิ่งอยากรู้จนไม่อยากหยุดอ่านเลย ภาษาก็อ่านง่าย แถมแทรกเกร็ดความรู้อยู่ตลอดอีก ต้องขอบคุณคนเขียนมากจริงๆ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Sunny.Day. ที่ 23-11-2013 23:11:19
เพิ่งได้มาอ่านตอนแต่งจบไปซะแล้ว  รู้สึกเสียดายมากกก  เสียดายตรงที่โวยวายใส่ไรเตอร์ไม่ได้  ว๊ากกกก
พาทิศณัฐ   เป็นคู่ที่ชอบที่สุดแล้วในเรื่องนี้  (มิได้เหลียวแลปันใจให้คุณหลวงกับนายเส็งแม้แต่น้อย)
อ่านมาจนจบชอบเนื้อเรื่อง ปมปริศนา  ตัวละคร(แน่นอนว่าเป็นพาทิศกับณัฐ)  เกร็ดความรู้ และอีกหลายๆอย่าง
ตั้งใจอ่านและเฝ้ารอตอนที่พาทิศกับณัฐจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข  ล..แล้วทำไมเป็นอย่างนี้!!! :katai1:
สร้อยฟ้า..ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ฉันไม่เคยรู้สึกโกรธเกลียดเธอเลย  แต่อ่านจบแล้วอยากให้ฟิคเรื่องนี้ไม่มีเธอเลยจริงๆ
ณัฐก็คิดอะไรไม่รู้ ตัดสินใจอย่างนั้นได้ยังง้ายยย  สงสารพาทิศ 
ทั้งๆที่เรื่องจบลงอย่างดีพาทิศกับณัฐก็จะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขแล้วแท้ๆ
อ่านมาตั้งแต่ต้นจนจบบทที่ดราม่ามากๆเราไม่เคยรู้สึก  ไม่เคยร้อง  มาร้องก็ตอนที่ณัฐไปแต่งงานกับสร้อยฟ้านี่แหละ
ไรเตอร์บ้า บ้า บ้า บ้า...    :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
แต่มาโวยวายระบายความอัดอั้นตันใจค่ะ  ไม่มีเจตนาร้ายใดๆทั้งสิ้น
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆให้่อ่านค่ะ  คุณฟ้าม่วง...     
กอดค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 30-01-2014 11:42:45
อ่านจบแล้วนึกถึงเพลงนี้เลยครับ 

เพลงประกอบละคร สาปพระเพ็ง

อาจเป็นเพียงกาลเวลาที่ต่างไป
ความผูกพันยังโยงใยเรามาเจอ
ด้วยความรักที่ฉันนั้นมีต่อเธอ
ที่นำทางเราพบเจอทุกชาติไป

แค่มีเธอคอยรำพันคำว่ารัก
กอดฉันไว้ให้รับรู้เสียงหัวใจ
วันพรุ่งนี้แม้ต้องพบเจออะไร
ไม่หวั่นไหวเพียงข้างกายฉันมีเธอ

ต่อให้ฉันต้องสูญเสียสักเท่าไรก็ยอม
แค่เพียงขอให้ชีวิตฉันมีเธอ
หากจะตายฉันก็ยอม ยอมตายเพื่อเธอ
ใจดวงนี้มันรักเธอไม่เสื่อมคลาย

ต่อให้ฉันต้องสูญเสียสักเท่าไรก็ยอม
แค่เพียงขอให้ชีวิตฉันมีเธอ
หากจะตายฉันก็ยอม ยอมตายเพื่อเธอ
ใจดวงนี้มันรักเธอไม่เสื่อมคลาย

ต่อให้ฉันต้องสูญเสียสักเท่าไรก็ยอม
แค่เพียงขอให้ชีวิตฉันมีเธอ
หากจะตายฉันก็ยอม ยอมตายเพื่อเธอ
ใจดวงนี้มันรักเธอไม่เสื่อมคลาย
ปรารถนาจะรักเธอตลอดไป
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: aumapornmay ที่ 17-02-2014 15:08:49
เพิ่งอ่านจบหมดทิชชูไปหลายม้วนเลย :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 06-04-2014 22:31:08
ตามมาอ่านจากเพรงกาลคะ  ตอนแรกที่อ่านรู้สึกแค่ เสียดายและดีใจ

เสียดายที่ไม่ได้อ่านเรื่องนี้ตั้งแต่แรกเลยอดจองหนังสือเลย  :'(

ดีใจที่อย่างน้อยก็ได้อ่านได้ทราบความรักที่บริสุทธิที่สุดเรื่องนึง

สุดท้ายต้องบอกว่า  "ขอบคุณ" ผูแต่งมากๆนะคะ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ความรู้ต่างๆที่สอดแทรก ขอบคุณที่เหนื่อยเพื่อคนอ่านได้ขนาดนี้  ขอบคุณจริงๆคะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: jessiblossom ที่ 07-04-2014 18:35:40
http://www.youtube.com/watch?v=3phJe_gupmI
ฟังเพลงนี้แล้วนึกถึงเส็งเลย :mew6:
อยากให้เรื่องนี้แป็นละครจริงๆ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 15-05-2014 23:53:35
ตอนแรกไม่กล้าอ่าน เพราะบรรยากาศของเรื่องมันทำให้เศร้า
แต่พออ่านแล้วก็อยากอ่านอีก มันให้อรรถรสมากมาย
ทั้งความสุข ความทุกข์ ความเศร้า ความผิดหวัง มันมีทุกอย่าง
แต่ก็ทำให้อิ่มเอมไปกับการอ่านเช่นกัน
ขอบคุณมากค่าสำหรับนิยายดีๆ แบบนี้  :L2:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 03-07-2014 08:39:50
ถึงจะเข้าใจว่าทำไมจบแบบนี้ แต่ก็ยังสงสารพาทิศอยู่นะ เมื่อคิดได้แล้วกลับตัวแล้วแต่ก็ยังไม่สมหวังและไม่มีใครอยู่ข้างกาย
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Simple ที่ 09-07-2014 20:17:36
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้

เขียนได้ดีมากๆครับ หักมุมสุดๆ :L2:  :pig4:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: houkuto ที่ 14-07-2014 16:10:08
17 ก.ค. 2557 (วันจันทร์ หยุดชดเชยวันเข้าพรรษา )

เรื่องนี้สนุกมากค่ะ อ่านแบบไม่กินข้าวไม่กินปลา
เพราะได้กิน มาม่า ชามโตจากเรื่องนี้ไปแล้ว
อิ่มเอมเปรมใจ ดีทีเดียวค่ะ
แม้บางตอนจะเผ็ดจนน้ำตาไหล แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกินต่อ
คนเรามักมีความซาดิสต์ในตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่า
ต้องร้องไห้แน่ๆแต่ก็อดใจไม่ไหว เข้ามาอ่าน
สรุปสุดท้าย ปวดกระบอกตา

ผู้แต่ง เขียนดีมากเลยค่ะ ภาษาสวย อ่านแล้วไม่ขัดเลย
มีการเตรียมตัวดีมาก แถมชอบสับขาหลอกซะ
เดาไปเลยเถิดเลยทีเดียว
ส่วนตัวแล้ว เราเป็นพวก เข้าข้างนายเอกนะ
เห็นเส็งร้องไห้ทีแล้วแบบ ปิ่มว่า ปวดอกหนึบๆทีเดียว

ไม่รู้ว่าสายไปไหม ที่เพิ่งอ่านจบ แต่อยากบอก คุณฟ้าม่วงว่า
ขอบคุณมากๆนะคะ ที่แต่งนิยายดีๆแล้วนำมาแบ่งปันกันค่ะ o13


หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: pedgampong ที่ 18-07-2014 21:21:55
 :katai5: fabulous fiction ever! Thx indeed (:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: เพลิงพิษ ธิดาซาตาน ที่ 18-10-2014 07:19:34
ชอบมากกก ขอบคุณนะครับที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้ มาให้อ่านกัน เป็นเรื่องที่ภาษาสวย ความรู้แน่น ถ่ายทอดอารมณ์ของความรักได้อย่างเหลือเชื่อ เรื่องแบบนี้หาอ่านยากมากกกก รอนิยายแนวพีเรียดเรื่องใหม่ของคุณอีกนะครับ แต่เพรงกาล ถ้าลงแล้ว อย่าลืมมาแจ้งข่าวน้าาาา ขอบคุณครับ :L1:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 26-10-2014 14:53:06
อ่านจบแล้ว เรื่องนี้ขอยกนิ้วให้ o13 ให้เป็นที่หนึ่งแนวย้อนยุคของเล้าเลยค่ะ
แต่งได้ดีเยี่ยมมากๆ ทำการบ้านมาดีมากๆ ทั้งการวางพลอต ผูกปมอะไรต่างๆ แล้วแก้ปมไปทีละนิด
ที่จริงสำหรับเราไม่เคยอ่านนิยายลี้ลับแนวผีๆในเล้าเลยนะ เพราะคิดว่าส่วนมากมักจะไม่สนุก ไม่ชวนให้น่าติดตาม
แต่ยอมรับว่าเรื่องนี้ทำให้หลอนและกลัวไปเลย ขนาดตอนนอนก็ยังต้องคิดถึง หลอนมากจริงๆ

สำหรับในพาทิศที่สุดท้ายคือ "หยาด" ที่กลับชาติมาเกิดนั้น  จากเหลุผลและการกระทำทำให้เชื่อได้จริงๆว่าคือหยาด
ในทีแรกก็คิดว่าพาทิศคือคุณหลวงเหมือนๆกับคนอื่น เพราะคิดว่า เส็งมาดลจิตทำให้พาทิศเห็นภาพในอดีต
เพื่อจะมาช่วยปลดปล่อยให้เส็งได้ไปผุดไปเกิด และทำให้พาทิศรู้ว่าเส็งตายเพราะอะไร ใครฆ่า แล้วทำไมถึงไปเกิดไม่ได้

ชอบโศกนาฏกรรมความรักของคุณหลวงกับเส็งมาก ถือเป็นความรักที่บริสุทธิ์และเสียสละ แต่เป็นเรื่องที่คนทั่วไปไม่ยอมรับ
ก็เลยทำให้ความรักที่สวยงามของสองคนกลายมาเป็นโศกนาฎกรรม 

เสียดายที่มาไม่ทันตอนทำหนังสือ อยากได้หนังสือมากเหลือเกิน มีคุณค่าแก่การเก็บรักษาไว้มาก

สงสารพาทิศนะ ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้คู่กับใคร อุตส่าห์เชียร์ให้ได้กับณัฐเหมือนกัน คิดซะว่าเป็นเวรกรรมของพาทิศ
ที่ต้องชดใช้ต่อในชาตินี้ จึงทำให้เขาไม่เหลือใคร ส่วนคุณหลวงกับเส็งก็ได้ไปเกิดและกลับมาเคียงคู่รักกันอย่างสวยงาม

เรื่องนี้จะเป็นอีกเรื่องนึงที่เราประทับมาก และขอเก็บไว้ในความทรงจำค่ะ

ปล.อยากแสดงความคิดเห็นอีก แต่กรั่นกรองเป็นคำพูดให้สวยงามยากมาก  :L2:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: BUNNz4 ที่ 28-10-2014 21:01:17
เป็นนิยายอีกเรื่องที่อ่านแล้วติดมาก บอกได้คำเดียวว่าสุดยอดจริงๆค่ะ
อ่านแล้วได้แง่คิดเหตุของผลและผลของกรรม ภาษาสวยมากอ่านแล้วไม่รู้สึกติดขัดเลยสักนิด
สงสารเส็งจริงๆการรอคอยใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่ายหากไม่รักไม่ผูกพันกันมากจริงๆ
ชอบตอนสุดท้ายที่คุณหลวงกับเส็งได้เจอกันอีกครั้ง
มันตื้นตันมากกับประโยคที่ว่า “เรากลับมาหาแล้วนะเส็ง...”
คือคลอเลยค่ะน้ำตานองเลย อ่านตรงนี้แล้วความรู้สึกปลดระวางผุดขึ้นในอกทันที
สิ้นสุดแล้วนะเส็งกับการรอคอยที่ไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อใด รออย่างมีหวังทั้งที่ไม่รู้จะได้เจอกันอีกหรือเปล่า

คือมันเป็นจุดพีคสำหรับเราจริงๆ

แอบขัดใจที่ณัฐไปแต่งงานกับสร้อยฟ้าอยู่ไม่น้อย... แต่พอมาคิดอีกทีแล้วจบแบบนี้คง(อาจจะ)ดีที่สุด
หากคู่กันจริงแล้วชาติหน้าก็คงไม่แคล้วกัน(นี่อินไปยันชาติหน้า?)5555555

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ จะติดตามและตามติดนิยายของคุณฟ้าม่วงไปเรื่อยๆ
คอยเป็นกำลังใจให้ค่ะ[/color]
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: pplotti ที่ 13-11-2014 21:10:47
 :กอด1: นึกว่าจะเป็นแต่ปางก่อน + นิมิตมาร  ดันหักมุม พลอตเรื่องสวยงามเป็นไปตามกรรม ประทับใจฝุดๆ เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนนะครับ ทั้งรักทั้งสงสารเส็ง
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 18-11-2014 19:58:14
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน ภาษาสวยมากเลย

รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหนึ่งตัวละครอยู่ในนิยาย

ชอบมาก ๆ ขอบคุณสำหรับนิยายนะจ๊ะ >3
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: nutty2554 ที่ 26-12-2014 14:45:54
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ประทับใจมากค่ะ
ในตอนแรกที่อ่าน ถูกใจที่เป็นแนวลึกลับ  น่าค้นหา 
คิดไว้ว่าจะเป็นการกลับมาเกิดของคุณหลวง  เพื่อปลดปล่อยเส็งที่รอคอยอยู่ตรงนั้นมาตลอด
ในขณะเดียวกัน ก็เริ่มสับสนเมื่อพาทิศพบคุณหลวงในคืนนั้น
จึงเริ่มเขวว่า ในเมื่อคุณหลวงก็ปรากฏกาย  เส็งก็แสดงตัว  แล้วคุณพาทิศล่ะ?

แล้วมาเริ่มถูกผู้แต่งกล่อมอีกครั้งในความสัมพันธ์ของพาทิศ กับณัฐ 
หลายอย่างในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ทำให้นึกถึงเส็งและคุณหลวง
ครั้งจะเดาว่าณัฐ คือเส็ง  แต่เส็งก็ยังอยู่ในบ้านหลังนั้น  คือก้ำกึ่งจะฟันธงแล้วล่ะว่าทั้งคู่กลับชาติมาเกิด
เพื่อพบ เพื่อชดใช้ เพื่อสัญญาใด ๆ ก็ตาม  แต่ก็ยังติดที่อีกฟากของกำแพงนั้น  ยังคงมีเส็งอยู่
ประกอบกับความเฮี้ยนของบ้านโบราณจากปากต่อปาก  เหมือนว่าผู้ที่ยังอยู่นั้นคือคุณหลวง
และคุณหลวงฆ่าตัวตาย  ดังนั้นหากจะเป็นคุณหลวงที่ยังรอคอย ยังเฝ้า และหวงของอยู่ที่บ้าน
แล้วเส็งที่พาทิศเห็นคือใคร  คาดเดาไปถึงขนาดที่ว่าเส็งเป็นภาพอดีตของพาทิศ... เกือบจะเชื่อ แต่ยังติดใจ

นับถือคุณฟ้าม่วงค่ะ ในการผูกพล็อต สร้างเรื่องราวให้เหมาะเจาะ ลงตัว
หลายอย่างในการกระทำของตัวละครพาร์ตปัจจุบัน บางอย่างเหมือนไร้สาระ  เหมือนเป็นชีวิตวัยรุ่นธรรมดา
หรือแม้กระทั่งอุปนิสัยของตัวละครอย่างพาทิศ ที่ชอบแอบดูโน่นนี่มาตั้งแต่เด็ก 
หลายอย่างล้วนมีเหตุมีผลมาจากกรรม การกระทำในปางก่อนทั้งสิ้น รวมถึงที่ไม่มีใครรัก ไม่พบรักที่จริงใจ
ซึ่งตอนแรก เราเดาไปว่าเป็นเพราะพาทิศ คือคุณหลวง หรือเส็ง  ที่ยังไม่พบคู่ของตนนั่นเอง
ไม่คิดเลยว่าในตอนท้าย คุณหลวง เป็นคนที่ไม่มีใครคาดคิด และอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ
และคุณพาทิศ เป็นใครอีกคนที่ไม่น่าจะใช่  แต่คุณฟ้าม่วงก็มีคำอธิบายในเหตุผลทั้งหมดไว้แล้ว ซึ่งสำหรับเรามันเหมาะสมดีค่ะ

หลายฉากขนลุกเกรียวในความรู้สึกของเส็ง  เจ็บแค้น และโกรธ ขยะแขยงคนเช่นหยาด
สงสารคุณหลวงที่ไม่รู้ว่าลับหลังพวกเขาทำอะไรกับเส็ง กับเรือนคุณหลวงบ้าง 
และยิ่งสงสารที่คุณหลวงรู้อยู่แล้วว่าเขาวางยา  และสิ้นลมไปด้วยคำโกหก จนต้องอธิษฐานเช่นนั้นไว้
คำอธิษฐาน สาปแช่งใด ๆ ที่เกิดจากความรัก ความแค้น  รุนแรงเสมอ

อ่านจบแล้วสงสารพาทิศ  นับว่าแม้ในอดีตเคยเลวร้ายขนาดไหน แต่ในภพนี้ ชาตินี้ พาทิศพยายามอย่างเต็มที่
และสามารถปลดปล่อยเส็งได้  และเก็บความผิดหวัง เสียใจกับการกระทำของตัวเองไปตลอด

ขอบคุณบทส่งท้ายที่ทำให้นิยายเรื่องนี้สมบูรณ์  แม้ว่าตอนจบ จะสิ้นสุดในส่วนของเนื้อหา
แต่บทส่งท้ายทำให้เรารู้สึกว่าอิ่มแล้ว ทั้งที่ตอนแรกรู้สึกขาดไปเพราะณัฐแต่งงาน
(เพราะระหว่างที่อ่าน ยังฝังใจว่า ณัฐ น่าจะเป็นคู่ของพาทิศ  แม้จะรู้ตอนท้ายว่าพาทิศไม่ใช่คุณหลวงก็ตาม)
ส่วนที่บอกว่าอิ่ม ไม่ใช่ที่พาทิศบวช แต่อิ่มเพราะตัวละครสองตัวสุดท้ายที่เพิ่งเผยโฉมออกมา
กำลังจะได้อยู่เคียงคู่กันเพราะรักที่บ้านที่ทั้งคู่ฝันจะไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
ฉากที่เรา "อิ่ม" ที่สุดนั้น คือหลวงพินิจราชอักษร เดินนำไปอย่างเชื่องช้า และมีเส็งถือสัมภาระให้อย่างไม่เกี่ยงงอน

ปลื้มค่ำ  :L2:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: vanila ที่ 30-12-2014 22:33:55
บอกได้เลยว่ารื่องนี้ทำให้อ่านแล้วขนลุกตลอดเวลา คุณฟ้าม่วงบรรยายได้เข้าถึงอารมณ์มาก
บอกเลยว่ากลัวอ่าา แต่ด้วยความที่อยากอ่านก้อ่านไปทั้งๆที่กลัวนี่แหละ ฮ่าาาา
จะมีไม่น่ากลัวก้ตอนที่บรรยายอดีตของคุณหลวงกับเส็งนี่แหละ
ความรักของเส็งกลับคุณหลวงนี่เป็นอะไรที่มั่นคงในรัก มั่นคงในกันและกันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ดีใจค่ะที่สุดท้ายแล้วที่สองคนนี้ได้สมหวังกันสักทีทุกสิ่งอย่างดูเหมาะสมและตัว

ส่วนพาทิศสัตว์โลกย่อมเปนไปตามกรรม
แอบเสียใจนิสนุงเรื่องณัฐ แต่สละได้แล้วทางโลกนั้นเป็นสิงที่น่ายินดียิ่งกว่า :)

ไม่เม้นไม่ได้จริงๆ

หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: masakiei ที่ 03-01-2015 01:40:54
 :m15: :monkeysad: :sad11: อินมากๆ 10 10 10 คุณฟ้าม่วงสุดยอด กันตนาน่าจะเอาไปทำเป็นละครนะครับ รับรองต้องปังแน่
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: tanya ที่ 03-01-2015 10:46:56
ขออนุญาติ copy ไปโพสต์ที่เวปอื่นน๊ะครับ :L2:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 16-04-2015 11:23:06
 :hao3: :call:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: amkang12 ที่ 11-05-2015 21:54:27
กลับมาอ่านอีกรอบครับ ยังคงตราตรึงในใจไว้ได้จริงๆเลย

สุดยอดครับ  11/5/2558
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: mida ที่ 05-07-2015 02:26:44
หึหึหึ อ่านสองวันจบ หึหึหึ ตีสองครึ่ง หึหึหึ คุณหลวงของบ่าวววววววว
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: LETUS ที่ 03-10-2015 20:10:47
พูดอะไรไม่ออกจริงๆครับ ตอนอ่านเรื่องนี้จบ

บอกได้แค่ว่า เนื้อเรื่องมันสอดคล้องและลงตัวไปในตัวของมันเอง

ซาบซึ้งและเสียน้ำตาไปให้กับเรื่องราวระหว่างคุณหลวงและเส็งมาก แต่จนท้ายที่สุด ทั้งสองก็ได้มาพบกัน
ได้ทำตามความฝันที่ดูเหมือนจะไม่มีวันเป็นจริงในชาตินั้น ชอบมากๆครับ

ในส่วนของพาทิศหรือหยาดก็ถือว่าเหมาะสมแล้วที่จะให้จบไปอย่างนั้น อย่างน้อยก็ได้สร้างบุญสร้างกุศลต่อไป
แอบตกใจเรื่องป้าจิตราเล็กๆ แต่ก็สมเหตุสมผลดีแล้ว

รักเรื่องนี้มากๆครับ เป็นยิ่งกว่านิยาย ได้ซึบซับอะไรมากมายจากเรื่องนี้ ถ้าคุณตนเขียนมาอ่าน ก็ขอชื่นชมและขอบคุณมากๆนะครับ เป็นกำลังใจให้สร้างสรรค์ผลงานดีๆแบบนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆนะครับ

...ด้วยรักและคิดถึงน้องเส็งและพี่แสง...
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Palmieri ที่ 16-10-2015 14:44:55
ชอบทุกเรื่องราว ชอบทุกตัวละครในเรื่องนี้ โดยเฉพาะคุณหลวงกับเส็งคือน่ารัก. หวานกันสุดด. เรื่องนี้เป็นเรื่องนึงที่ทำให้อินได้ขนาดนี้. ขอบคุณคนแต่งที่แต่งนิยายดีๆออกมาให้ได้อ่านกัน.
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 02-11-2015 12:56:07
อ่านจบด้วยความรู้ยากจะอธิบาย เอาเป็นว่าเราเสียตาให้กับความรักของคุณหลวงและเส็งไปเยอะมากเลย

 :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 03-11-2015 18:46:48
ชอบเรื่องนี้มากกก  พึ่งมาอ่าน แบบเศร้าจนน้ำตาไหลเลยตอนจบ :hao5: แต่ก็มีเรื่องสงสัยคือ ตอนเส็งโดนถ่วงน้ำผ่านไประยะนึงศพน่าจะเปื่อยแล้วหลุดออกมา  ไม่มีใครเจอ? หรือบ่าวหนีไปหมดเเล้ว? แล้วเวลาผ่านไป100กว่าปีเชื่อกที่มัดเส็งก็ยังอยู่เหมือนเดิม? สงสัยเล่นๆไม่คิดจริงจัง ฮือออออ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Kitsune1st ที่ 12-11-2015 16:11:33
เพิ่งได้มาอ่านจนจบเป็นครั้งแรก
เเต่งได้ซ่อนเงื่อนมากจริงๆ
ผิดคาดมากที่พาทิศกลายเป็นหยาด แต่บริบทในเรื่องมันก็สื่อให้เป็นอย่างนั้น
ก็สงสารพาทิศนะ เหมือนเกิดใหม่ ก็ไม่ได้รู้เรื่องในอดีตแต่ก็ยังต้องมารับกรรมที่ตัวเองเคยก่อ
แต่ในเรื่องนี้ไม่สงสารใครไปกว่าเส็งและคุณหลวงแล้ว
เส็งน่ารักมาก และน่าสงสารมาก
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: taktooza ที่ 14-11-2015 19:59:54
ชอบมากเลยค่ะ  จบได้ดีมากๆๆๆๆๆ  ซึ้งใจมากเลยย มันคือรักแท้สินะ    :-[
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 16-11-2015 19:30:49
ซึ้งกับความรักของคุณหลวงกับเส็งมาก
เส็งน่ารักมากจริงๆ ถ้าได้เกิดในสมัยนี้ก็คงดี ไม่ต้องหลบซ่อน
แต่ในที่สุดก็ลงเอยด้วยดีแล้ว
ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ ร้องไห้ไปหลายรอบเลยทีเดียว


ป.ล.อ่านเรื่องนี้จบ ดูวันที่เรื่องจบ
แล้วหันกลับมาดูวันที่ที่หน้าจอด้านขวา

16 พฤศจิกา 2558
19.32  น.

บังเอิญเดือนและเวลาใกล้กันมากจริงๆ 55555
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Pinkish ที่ 17-11-2015 05:37:46
คือ...เพิ่งจะได้อ่านเรื่องนี้
มีความรู้สึกว่า...

"นี้ชั้นไม่มุดหัวอยู่ไหนมา!!!!!"

เสียน้ำตาไปหลายลิตรมากกับเรื่องนี้
ยิ่งฉากที่คุณหลวงกลับมาหาเส็ง
โอ้ววววว ร้องไห้เปนวรรคเปนเวร
อย่างกับเปนเส็งซะเอง

เรื่องนี้ให้ข้อคิดอะไรหลายๆอย่าง
รวมไปถึงประวัติศาสตร์ไทยด้วย
ชอบมาก ประทับมากกับเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: bittertam ที่ 18-11-2015 08:36:32
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ตอนปี2015จ้า เสียใจที่ได้อ่านช้า ไม่รู้ไปมุดอยู่ไหนมา แต่ก็ดีใจที่ไม่พลาดนิยายดีๆแบบนี้ไป ดีใจที่ได้อ่านมากเลยค่ะ คุณคนเขียนเขียนดีมาก ลงตัวทุกอย่าง ทั้งโครงเรื่อง ภาษาที่ใช้ก็สละสลวยอ่านไหลลื่นมาก ดีทุกอย่างเลย เราเองก็อ่านรวดเดียวตั้งแต่เมื่อวานจนดึกดื่นจนเกือบเช้า(555) ตื่นมาเช้านี้เรื่องก็ยังติดอยู่ในหัว แบบว่าต้องมาคอมเมนท์ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆแบบนี้ไว้ให้เราได้อ่าน o13

ขอพูดถึงเนื้อเรื่องนิดนึง ยังมีหลายปมที่เรายังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ อย่างตอนต้นๆที่พาทิศไปแอบส่องเส็งแล้วเจอคุณหลวงจ้องมาแทนนี่ คืออาจจะเป็นเส็งทำให้พาทิศเห็น หรือพาทิศตาฝาดเองจริงๆ หรือจิตที่หลงเหลืออยู่ของคุณหลวง จริงๆสิ่งที่เราคาดไม่ถึงเลยคือป้าจิตราเป็นคุณหลวง แต่สมเหตุสมผลมากจริงๆ เราไม่แน่ใจว่าป้าจิตรารู้มานานแค่ไหนเรื่องที่ชาติก่อนเป็นคุณหลวง แต่ด้วยคำอธิษฐานเนอะทำให้จำเรื่องเส็งไม่ได้ เส็งเองก็ด้วยความไม่ยอมรับรู้ก็เลยสัมผัสไม่ได้ถึงจิตของคุณหลวงในตัวป้าจิตรา

ตอนอ่านเราก็ไม่คิดอยากให้พาทิศคู่ณัฐนะ บทสรุปของพาทิศ-ณัฐ-สร้อยฟ้าคือตรงใจเราจริงๆ การที่ณัฐเลือกถูกก็เป็นส่วนช่วยให้พาทิศได้ไปสร้างกุศลต่อด้วย

สิ่งที่เราไม่คาดคิดอีกอย่างคือคุณหลวงกับเส็งเกิดใหม่เป็นคู่ชายหญิง จริงๆคือคาดว่าคงจะเกิดเป็นคู่เกย์นี่แหละแต่ไม่โดนกีดกันละ แต่เราก็ชอบทุกบทสรุปนั่นแหละ555

ชอบที่สุดก็ตอนช่วงที่คุณหลวงนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาของตัวเองกับเส็ง(ช่วงหลังจากโดนเจ้าคุณพ่อโบยหรือเปล่าไม่แน่ใจ) ผ่านอุปสรรคอะไรมาบ้าง แต่แล้วก็ยังอยู่ตรงนี้ ใจยังรักกันเหลือเกิน คำตอบที่ว่าไม่ใช่แค่ความหลงความใคร่แน่นอน เป็นความรักจริงๆ น้ำตาไหลเลยค่ะ ประทับใจมาก

มีอีกหลายอย่างที่อยากพูดแต่ยังนึกไม่ออก ขืนพิพม์ออกมาหมดคงยาวเท่านิยายพอดี ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ค่ะ ประทับใจและชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 13-01-2016 22:56:51
เพิ่งอ่านจบค่ะ (ตายังบวมอยู่)
ขอบคุณจริงๆค่ะ ที่เขียนเรื่องนี้ให้อ่าน ไม่รู้จะอธิบายยังไง :ling1:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 30-01-2016 17:34:30
 :hao5: :hao5:ขอบคุณคุณคนแต่งมากคับสำหรับเรื่องๆราวดีๆที่แต่งให้เราได้มีโอกาศอ่านแต่ในมุมของเราเองเราเป็นเกย์ที่ไม่เคยมีแฟนหรือมีคนรักเลยเพราะเรารับรู้มาตลอดว่าความรักแบบนี้มันหายากจะมีสักกี่คนที่รักกันและได้ใช้ชีวิติด้วยกัน
แล้วยิ่งมาอ่านเรื่องของคุณหลวงกับเส็งมันนอยด์มากเพราะมันเหมือนตอกยำว่าความรักแบบนี้แบบชายกับชายมันผิด
และยิ่งตอนจบที่ทั้งสองได้มาครองรักกันเราดีใจกับตัวละครทั้งสองจริงๆที่ได้มาเกิดเป็นชายกับหญิงปกติแล้วได้รักกัน
เรื่องนี้แต่งดีจบดีเราชอบแต่อ่านจบแล้วสงสารตัวเองเราคงเป็นหยาดซินะถงต้องอยู่คนเดียว :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: ygirlloveyaoi ที่ 15-05-2016 18:19:42
เพิ่งจะได้เข้ามาอ่าน แต่จำได้รางๆว่าป้าจิตราบอกว่าผ่านฟ้าไม่ใช่ลูกของคุณหลวง ถ้างั้นก็แสดงว่าหยาดฟ้าไม่ได้ท้องกับคุณหลวงใช่มั้ยอ่าค่ะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: yamapong ที่ 17-05-2016 23:40:15
กรี้ดดดดด พึ่งอ่านเรื่องนี้หลังจากที่เห็นมานานน
 พลาดมากๆๆๆๆ อ่านรวดเดียวสองวันสองคืน (ช่วงสอบซะด้วยนะ 555
ผู้เขียนสุดยอดมากค่าาา แต่งได้ดีมาก สนุก น่าติดตาม
คลายปมได้อึ้งมาก ภาษานี่ไม่ต้องพูดถึง อ่านไม่มีสะดุด ความรู้ก็จัดเต็ม

ในส่วนของตอนจบ เราไม่ติดใจ และเห็นด้วยทุกประการเลยค่ะ
เพราะส่วนตัวตอนอ่าน ไม่คิดว่าณัฐกับพาทิศจะได้คู่กันอยู่แล้วค่ะ
มันเป็นความรุ้สึกที่บอกไม่ถูก แล้วยิ่งพอรู้ว่าพาทิศเป็นใครในชาติก่อน
็ยิ่งคิดเลยว่าไม่ควรจบแบบได้คู่กัน เหมือนกรรมเก่าที่ทำไว้ยังชดใช้ไม่หมด
ให้พาทิศละทางโลกเข้าสู่ทางธรรมแบบนี้ดีแล้วค่ะ เป็นตอนจบที่เราอิ่มเอมมากเลยค่ะ
อ่านเรื่องนี้แล้วคือ ไม่มีความรู้สึกว่าเป็นนิยายวาย ที่ต้องได้คู่ชายxชายเท่านั้น
คือมันเลยไปเป็นเรื่องของความรักของคนสองคนที่บริสุทธิ์จริงๆค่ะ ซึ้งมาก
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 18-05-2016 13:50:23
เนื้อเรื่องสนุกมาก การบรรยายดำเนินเรื่องยอดเยี่ยมมาก รับรู้ถึงความรักของเส็งกับคุณหลวงที่มีต่อกัน
คุณหลวง-เป็นคนที่น่าสงสารที่สุด ในเรื่องนี้
หยาด -ไม่ได้เลวร้ายขนาดนนั้น แอบสงสารนาง
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: huoan ที่ 05-07-2016 20:20:49
สั้นๆ  - ดีมาก ชอบมาก

หลงรักเส็งเลย

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 01-01-2017 19:40:38
หนึ่งวันเต็ม ๆ อ่านเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ดีมากจริง ๆ สงสารคุณหลวงและเส็งมาก

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: ahcitnan ที่ 03-01-2017 00:58:04
เพิ่งมีโอกาสได้อ่านเรื่องนี้เพราะเพิ่งหลงเสน่ของนิยายพีเรียดค่ะ เรื่องนี้ทั้งภาษาดี ดำเนินเรื่องลุ้นทุกตอน อ่านแล้วมีสภาพแบบ

  :katai1: หงึกๆๆ ยิ่งอ่านตอนกลางคืน อยากจะกำพระเบาๆให้อุ่นใจ5555555
บรรยายออกมาเป็นภาษาเขียนไม่ถูกว่าอ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกยังไง แต่ซาบซึ้งกับความรักของคุณหลวงกับเส็งที่มีให้กันมากๆ การรอคอยนานกี่ปีหรืออาจเป็นโชคชะตาที่ทำให้ลืม แต่สุดท้ายแล้วก็ยังกลับมารักกันได้อีก อ่านตอนที่ป้าจิตราอ้าแขนแล้วพูดกับเส็งว่ากลับมาหาแล้วนี่คือร้องไห้แรงที่สุดเท่าที่จำได้ ไม่เคยอ่านเรื่องไหนแล้วซึ้งขนาดนี้ เดาไม่ถูกจนถึงตอนนั้นจริงๆ ว่าคือคุณหลวง ฮืออ
ขอบคุณคนเขียนที่เขียนนิยายดีๆมีคุณค่าแบบนี้ให้อ่านนะคะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: iiiiiiiiih ที่ 03-01-2017 02:11:13
พึ่งได้มีโอกาสเข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ (คอมเม้นท์ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นอย่างนี้เนอะ)
ขอชื่นชมคุณนักเขียนมากเลยค่ะ อ่านแล้วรับรู้ถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียด
การค้นคว้าข้อมูลเพื่อนำมาแต่งนิยายเรื่องนี้ เป็นบทประพันธ์ชั้นยอดหนึ่งเรื่องของเล้าเป็ดเลยค่ะ
อยากติดตามผลงานของคุณต่ออีกหลายๆเรื่องนะคะ ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านกันค่ะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 08-01-2017 20:22:44
มีคนแนะนำว่าให้ลองมาอ่านเรื่องนี้ พอเข้ามามันเป็นนิยายแนวพีเรียดนี่หว่า แล้วเราไม่เคยอ่านนิยายแนวนี้ด้วย ย้ำเลยว่าไม่เคย อาจเป็นเพราะเราเรียนด้านประวัติศาสตร์โดยตรง เลยไม่ค่อยอยากให้ข้อมูลมาตีกัน ในเมื่อมีคนแนะนำก็เลยลองอ่านสักครั้งล่ะกัน..
พอได้เริ่มอ่านแล้วเรารู้สึกประทับใจเรื่องนี้มาก ทั้งภาษา ทั้งเนื้อเรื่องที่คนเขียนได้ใส่ใจค้นคว้าอ้างอิงถึงเหตุการณ์ทางด้านประวัติศาสตร์ มันยากมากที่จะถ่ายทอดเรื่องราวได้ดีขนาดนี้ เรานับถือคุณมากๆค่ะ ทางด้านตัวละครของเรื่องก็มีมิต เหมือนพวกเขามีชีวิตจริงอยู่ในช่วงนั้น ยอมรับเลยว่าเราอินกับความรักของคุณหลวงและเส็งมาก
จนถึงตอนนี้เรายังห้ามน้ำตาของตัวเองไม่ได้เลย มันทั้งสงสาร และทั้งมีความสุข มีความสุขที่คุณหลวงและเส็งได้กลับมาพบกันอีกครั้ง และได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง
ขอบคุณคนเขียนที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวความรักของคุณหลวงและเส็งได้งดงามขนาดนี้ เราประทับใจไม่มีวันลืมเลย :pig4:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 09-02-2017 16:45:53
สวัสดีครับ นักอ่านทุกท่าน

ขอบคุณที่ยังติดตามปางบรรพ์กันมาตลอดจนบัดนี้นะครับ
เรื่องปางบรรพ์อาจมีการรีปรินท์ กับสำนักพิมพ์ใดสักสำนักพิมพ์หนึ่ง ฝากติดตามด้วยครับ
คราวนี้ ผมตั้งใจเขียนนิยายเรื่องใหม่มาลงในเล้าด้วยนะครับ ชื่อเรื่อง ธ า ร ด า ร า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58096.0) จะลงบทนำวันนี้ (9/2/17) เวลา 21.21 น. ยังไงก็ฝากเข้าไปอ่าน เป็นกำลังใจให้ผมหน่อยนะครับ

ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 09-02-2017 17:32:36
สวัสดีครับ นักอ่านทุกท่าน

ขอบคุณที่ยังติดตามปางบรรพ์กันมาตลอดจนบัดนี้นะครับ
เรื่องปางบรรพ์อาจมีการรีปรินท์ กับสำนักพิมพ์ใดสักสำนักพิมพ์หนึ่ง ฝากติดตามด้วยครับ
คราวนี้ ผมตั้งใจเขียนนิยายเรื่องใหม่มาลงในเล้าด้วยนะครับ ชื่อเรื่อง ธ า ร ด า ร า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58096.0) จะลงบทนำวันนี้ (9/2/17) เวลา 21.21 น. ยังไงก็ฝากเข้าไปอ่าน เป็นกำลังใจให้ผมหน่อยนะครับ

ขอบคุณมากครับ

จะรออุดหนุนคุณฟ้าม่วงนะคะ คราวก่อนพลาดรูปเล่มไปโดยปริยาย แต่คราวนี้รับรองว่าไม่พลาดแน่ๆ ค่ะ รู้สึกว่าเป็นนิยายเรื่องที่ควรมีเก็บไว้อ่านเป็นรูปเล่มมากๆ เพื่อเอากลับมาอ่านหลายๆ รอบ ^____^

ไม่ทราบว่าคุณฟ้าม่วงมีเพจหรืออะไรที่สามารถจะติดตามข่าวได้บ้างไหมคะ? กลัวพลาดอะไรหลายอย่างน่ะค่ะ

เดี๋ยวขอตัวไปติดตามอ่านธารดาราก่อนนะคะ

ป.ล. ไม่ทราบว่าบอกได้ไหมคะ ว่าตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ไหน ถ้าบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไรค่า เดี๋ยวรอให้คุณฟ้าม่วงมาบอกทีหลัง
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: MOLI ที่ 09-02-2017 22:24:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 14-02-2017 00:00:43
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: b02290 ที่ 17-02-2017 06:30:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: shishikima ที่ 08-04-2017 11:57:54
เย้ เย้ จะรอนะคะ :mew1: :mew3:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Carnival ที่ 08-05-2017 00:03:26
• บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg947843#msg947843) •
บทที่ ๑.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg949780#msg949780) บทที่ ๑.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg951928#msg951928) บทที่ ๑.๓ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg954886#msg954886)
บทที่ ๒.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg957703#msg957703) บทที่ ๒.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg960666#msg960666)
บทที่ ๓.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg964992#msg964992)   บทที่ ๓.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg972606#msg972606)
บทที่ ๔.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg977782#msg977782) บทที่ ๔.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg995359#msg995359)
บทที่ ๕.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1012425#msg1012425) บทที่ ๕.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1017539#msg1017539)
บทที่ ๖.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1034904#msg1034904) บทที่ ๖.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1052461#msg1052461) บทที่ ๖.๓ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1075008#msg1075008)
บทที่ ๗ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1129783#msg1129783)
บทที่ ๘ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1139619#msg1139619)
บทที่ ๙.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1143791#msg1143791) บทที่ ๙.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1152392#msg1152392)
บทที่ ๑๐.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1158968#msg1158968)    บทที่ ๑๐.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1165563#msg1165563)
บทที่ ๑๑.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1169406#msg1169406) บทที่ ๑๑.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1174942#msg1174942)
บทที่ ๑๒.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1178992#msg1178992) บทที่ ๑๒.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1184617#msg1184617)
บทที่ ๑๓ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1188809#msg1188809)
บทที่ ๑๔.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1194617#msg1194617) บทที่ ๑๔.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1198832#msg1198832)
บทที่ ๑๕.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1205231#msg1205231) บทที่ ๑๕.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1205232#msg1205232)
บทที่ ๑๖.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1209840#msg1209840)    บทที่ ๑๖.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1209845#msg1209845)
บทที่ ๑๗.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1216395#msg1216395)    บทที่ ๑๗.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1220490#msg1220490)
บทที่ ๑๘.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1226417#msg1226417)    บทที่ ๑๘.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1226421#msg1226421)
บทที่ ๑๙.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1230652#msg1230652)    บทที่ ๑๙.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1230654#msg1230654)
บทที่ ๒๐.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1235262#msg1235262)    บทที่ ๒๐.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1235267#msg1235267)
บทที่ ๒๑.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1238905#msg1238905)    บทที่ ๒๑.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1238920#msg1238920)
บทที่ ๒๒.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1243847#msg1243847)    บทที่ ๒๒.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1243849#msg1243849)
บทที่ ๒๓.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1247818#msg1247818)    บทที่ ๒๓.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1247820#msg1247820)
บทที่ ๒๔.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1252912#msg1252912)    บทที่ ๒๔.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1252917#msg1252917)
บทที่ ๒๕.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1256667#msg1256667)    บทที่ ๒๕.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1256669#msg1256669)
บทที่ ๒๖.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1264579#msg1264579)    บทที่ ๒๖.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1264582#msg1264582)
(บทที ๒๗ ไม่มีค่ะ คาดว่าน่าจะใส่เลขตอนผิด)
บทที่ ๒๘.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1270767#msg1270767)   บทที่ ๒๘.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1270769#msg1270769)
บทที่ ๒๙.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1276569#msg1276569)    บทที่ ๒๙.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1276571#msg1276571)
บทที่ ๓๐.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1281697#msg1281697)    บทที่ ๓๐.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1281710#msg1281710)
บทที่ ๓๑.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1286944#msg1286944)   บทที่ ๓๑.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1286947#msg1286947)
บทที่ ๓๒.๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1290508#msg1290508)    บทที่ ๓๒.๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1290513#msg1290513)
บทส่งท้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.msg1295931#msg1295931)  

ไม่ต้องนอนกันแล้ว
:mc4:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Pikata ที่ 07-06-2017 21:35:50
ขอบคุณผู้เขียนที่เขียนมาให้อ่านมาก มีหลายอารมณ์ที่เกิดขึ้นขณะอ่าน ชอบเรื่องนี้ พึ่งอ่านจบเมื่อกี๊เอง ไม่รู้จะพิมพ์อะไร อธิบายความรู้สึกไม่ค่อยถูก ดีใจมาก ที่คุณหลวงกับเส็งมีความสุขจ้า :mc3:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: vavavivi ที่ 08-06-2017 00:04:32
ตามมาเม้นย้อนหลังจากอ่านไปแล้ว สนุกมากๆ ค่ะ ซึ้งกับความรักของคุณหลวงมาก และหักมุมสุดๆ เดาอะไรทำไมมันผิดพลาดไปหมดน้า
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 22-06-2017 03:21:25
ชอบนิยายแนวพีเรียดเลยเฟบเรื่องนี้ไว้นานแล้ว
อยู่ดีๆก็นึกอยากอ่านขึ้นมาเมื่อวานตอนเช้า
เริ่มอ่าน ประมาณ 9 โมง อ่านจบ ตี3 ของอีกวัน เรียกว่ารวดเดียวจบจริงๆค่ะ

สารภาพว่าตอนแรกที่อ่านก็คิดไว้ว่าพาทิศไม่ใช่บุคลิกพระเอก 555
แล้วเห็นว่าเป็นแนวพาทิศเล่าเรื่อง ก็รู้สึกไม่ค่อยอยากอ่าน แบบไม่ใช่แนว
แต่มีความเอ็นดูเส็งมากๆตั้งแต่ฉากเปิดตัว
ยิ่งอ่านยิ่งหลงรักเส็งและคุณหลวง
ถือเป็นนิยายที่หวานโรแมนติกมากกกกกกก

แต่ก็ครบรสจริงๆค่ะ คุณหยาดนี่ก็ร้ายลึกสุดๆ
แผนการแต่ละแผนนี่ระดับเทพเลย สมควรที่เส็งจะแค้นมากๆ
เทิดก็ถือว่ารุ้เห็นทุกอย่างแต่อาจจะเพราะไม่ได้ลงมือเองแล้วก็ตายไปก่อนรึเปล่า เส็งเลยไม่ได้แค้นอะไร

สุดท้ายจริงๆเราแอบสงสารพาทิศ คุณหยาดที่นางเกลียดมาตลอดสุดท้ายคือตัวเอง
มาจำได้ทุกอย่างก็ตอนสุดท้ายที่เกือบจะตายอยู่แล้ว
เป็นเราตอนนั้นก็คงช็อคอ่ะ แบบก็รับรู้ว่าคุณหยาดเลวจริงๆ แต่ชาตินี้ก็เป็นพาทิศมาตั้ง20-30ปี คงสับสนอยุ่เยอะเลย
ดีที่คุณหลวง(ป้าจิตรา)เข้ามาพอดี
แต่สวสัยว่าเส็งไม่รู้ว่าจิตราคือคุณหลวงหรอ แสดงว่าฝังใจว่าโดนทิ้ง แล้วก็จำได้คุณหยาดจริงๆ
รู้สึกว่าการที่ป้าจิตราเข้าไปหาเส็งเพื่อหยุดไม่ให้เส็งจองเวรต่อพาทิศแน่ๆเลย
คุณหลวงดีมากๆ ชาติก่อนก็อโหสิให้หยาดกับเทิด ชาตินี้ยังมาช่วยเป็นตัวกลางปลดบ่วงกรรมนี้อีก

สุดท้ายคุณหลวงกับเส็งก็ได้เกิดใหม่มาคู่กันในชาตินี้จนได้
รู้สึกยินดีกับทั้งคู่มากกกกๆๆๆๆ อ่านแล้วปริ่มมมมม
ส่วนพาทิศกับณัฐรู้สึกเข้าใจว่าคุณหยาดทำเวรทำกรรมไว้เยอะมากจริงๆไม่แปลกที่จะไม่สมหวัง
และคิดว่าณัฐคือเทิดนั่นแหละ แบบที่พาทิศคิดไว้ตอนอยุ่บนรถ แต่เพราะยังไม่หมดเวรเลยน่าจะทำให้ไม่สมหวัง

สุดท้ายจากใจเราเลยนะคะ
ไม่เคยคอมเม้นนิยายเรื่องไหนยาวเท่านี้มาก่อน
แต่รู้สึกอัดอั้นถ้าไม่ได้ระบายออกมาค่ะ 555
ขอบคุณคุณฟ้าม่วงมากนะคะ ที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้มาให้พวกเราอ่าน
ถึงแม้ว่าเราจะเจอช้าไปหน่อย ตั้ง 7 ปี แต่ยอมรับเลยค่ะว่าเรื่องนี้ตรึงใจมากๆ

"เส็ง หลวงพินิจราชอักษร และเรือนเทา" จะอยู่ในใจเราตลอดไปเลยนะคะ

ปล.เราชอบตอนจบมากค่ะ สุดท้ายนิยายที่พาทิศแต่งก็คือเรื่องนี้สินะคะ 555555
และก็ถือว่าทำให้พาทิศประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานก่อนจะออกบวชด้วย ถือเป็นเรื่องดีๆในชีวิตพาทิศสินะคะ

22 มิถุนายน 2560
เวลา 3.26 นาฬิกา
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์]
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 06-11-2017 18:47:28
สวัสดีครับ

ปางบรรพ์มีรีปรินท์กับฟาไฉแล้วนะครับ
ใครที่พลาดรอบแรกไป คราวนี้มีทั้งบ็อกซ์เซ็ต ทั้งเรื่องสั้นที่แต่งใหม่ด้วย
ติดตามได้ที่เฟสบุ๊คของ สนพ.ฟาไฉนะครับ :)

ฝากปางบรรพ์กลับมาอยู่ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะครับบบบ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์] แจ้งข่าว คห.#1289
เริ่มหัวข้อโดย: GF_pp ที่ 21-11-2017 16:40:13
เรื่องนี้สุดยอดเลยค่ะ  ทำให้เห็นถึงความรักที่เส็งกับคุณหลวงมีให้กันอย่างสุดซึ้งและยาวนาน  :mew1:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์] แจ้งข่าว คห.#1289
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 21-11-2017 17:42:49
แปะโป้งไว้ก่อนนะจ้ะ  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์] แจ้งข่าว คห.#1289
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 23-11-2017 19:43:33
สิ่งเดียวที่ผมขัดใจคือ...ตอนจบของเรื่องนี้

ทั้งที่ในยุคปัจจุบันที่มีการยอมรับเรื่องรักร่วมเพศมากขึ้น แต่ก็ยังต้องเกิดเป็นชายหญิงถึงจะได้แต่งงานกันได้

มันเป็นตลกร้ายมากเลยนะครับ เหมือนกำลังจะบอกว่าโลกนี้ไม่มีที่ยืนให้กับคนเป็นเกย์หรอก ถ้าอยากแต่งงานกันน่ะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์] แจ้งข่าว คห.#1289
เริ่มหัวข้อโดย: p^tarn ที่ 02-12-2017 15:26:33
สิ่งเดียวที่ผมขัดใจคือ...ตอนจบของเรื่องนี้

ทั้งที่ในยุคปัจจุบันที่มีการยอมรับเรื่องรักร่วมเพศมากขึ้น แต่ก็ยังต้องเกิดเป็นชายหญิงถึงจะได้แต่งงานกันได้

มันเป็นตลกร้ายมากเลยนะครับ เหมือนกำลังจะบอกว่าโลกนี้ไม่มีที่ยืนให้กับคนเป็นเกย์หรอก ถ้าอยากแต่งงานกันน่ะ

คิดเหมือนกัน. เรื่องนี้เราผิดหวังกับตอนจบมาก.  เราไม่สามารถจะเข้าใจได้ว่าทำไมนิยายวายถึงมีตอนจบแบบนิยายนอมอลได้. นิยายของนักเขียนคนนี้จะไม่มีวันอยู่ในชั้นหนังสือวายของเราแน่นอน. มันทำลายความฝันกันเกินไป
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์] แจ้งข่าว คห.#1289
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 13-02-2018 20:46:05
พล็อตแปลกแหวกแนว แต่บรรยายได้ดีสนุกน่าติดตามไปในทุกๆตอน
แม้จะจบได้เจ็บปวดไปนิดหนึ่ง จนคิดไปไกลว่าจะมีความสมหวังในคนเพศที่สามบ้างไหม
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์] แจ้งข่าว คห.#1289
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 17-02-2018 14:25:36
เพิ่งเข้ามาอ่าน เนื้อเรื่องแปลกใหม่ ยังไม่เคยอ่านแนวนี้เลย
อ่านไปด้วย พยายามทำความเข้าใจไปด้วย

แปลก แต่สนุก ทำให้ติดตามไปเรื่อย ๆ ว่า คืออะไรกันแน่

ชอบ ๆ ๆ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์] แจ้งข่าว คห.#1289
เริ่มหัวข้อโดย: tong_x_zhi ที่ 03-07-2019 16:52:54
สนุกดีครับ  เคยเห็นหนังสือนานแล้ว  กับผ่านๆตอนเลือกหานิยายอ่าน นึกว่าพาทิศคือคุณหลวงซะอีก ตัวเอก(สำหรับเรา)ดันเป็นหยาดในชาติปัจจุบันซะงั้น  ดำเนินเรื่องได้น่าติดตามและอยากอ่านต่อไม่อยากวางเลยครับ สรุปนอนตีสองมา สองสามวันแร่ะ  ฮ่ะๆๆ   ขอบคุณนะครับ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์] แจ้งข่าว คห.#1289
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 03-07-2019 23:40:31
เนื้อเรื่องน่าสนใจมากเลยค่ะ
ติดตามต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์] แจ้งข่าว คห.#1289
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 28-08-2019 02:47:11
ร้องไห้หนักหน่วงมากค่ะ
สนุกมากจริงๆ
มีเหตุมีผลดีค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ป า ง บ ร ร พ์] แจ้งข่าว คห.#1289
เริ่มหัวข้อโดย: SeventeenCarat ที่ 22-01-2022 00:03:07
เรื่องนี้โครงเรื่องดี สนุกมาก บทบรรยายดี

อ่านไปลองเดาว่าใครเป็นใครถูกด้วย แอบดีใจ อิอิ

ซึ้งในความรักมั่นคงของทั้งสอง นายและบ่าว

แถมตอนจบก็ตามที่แอบคิดไว้เลย เพราะพาทิศทำกรรมมาหนักเหลือเกิน..

 :pig4: :pig4: