“อย่าร้องไห้ อ้ายเส็งอย่าร้องไห้เด็ดขาด” เส็งกระซิบบอกตัวเอง “วันนี้วันมงคลของนายเอ็ง อย่าได้ร้องไห้เทียวนะ”
หนุ่มน้อยนั่งหน้าละห้อยอยู่ที่หน้าเรือนเทา ตรงบริเวณเฉลียงหน้าบ้านวันนี้เป็นวันสุกดิบตามธรรมเนียมการแต่งงาน คุณหลวงจะเข้าพิธีวันนี้ และพรุ่งนี้ พอยกขันหมากและส่งตัวแล้ว หยาดก็จะย้ายมาอยู่ที่นี่ เป็น “คุณหยาด” ภรรยาของหลวงพินิจราชอักษรในที่สุด แม้หล่อนจะมานอนอยู่บ้านนี้ และให้คุณหลวงกลับไปอยู่บ้านเจ้าคุณไพรัชกิจมาสามวันตามธรรมเนียมแล้วก็ตาม
เส็งนอนที่เรือนบ่าวอย่างเหงาใจตลอด สามคืนนั้น
วันนี้เป็นวันก่อนฤกษ์แต่งงานหนึ่งวันหรือ "วันสุกดิบ" เมื่อเช้านี้ เจ้าคุณและคุณหญิงไพรัชกิจได้ขนผ้าไหว้และขันหมาก ไปบ้านของคุณหยาด ให้เป็นของกำนัลแก่ เจ้าคุณและคุณหญิงไพศาลเสนีย์คนละสำรับ และมีผ้าขาวสำหรับไหว้ผีพ่อ ผีแม่ หรือผีปู่ย่าตายายอีกสำรับหนึ่ง ซึ่งผ้านี้พอคุณหญิงไพศาลรับไปแล้วก็จะต้องนำไปตัดเย็บย้อมเป็นสบงจีวร หรือเย็บเป็นมุ้งเพื่อถวายพระสงฆ์ อุทิศส่วนกุศลให้แก่ผีบรรพบุรุษตามประเพณีแต่โบราณ
ขันหมากที่เตรียมไปด้วยนั้นมี สอง อย่างตามประเพณีคือ "ขันหมากเอก" เป็นขันใส่ข้าวสารหมากพลูจีบและ มีตะลุ่มหรือโต๊ะใส่หมากพลูหมูต้มห่อหมกขนมจีบตามธรรมเนียม "ขันหมากเลว" มีอ้อย มะพร้าวอ่อน เหล้าใส่ขัน พานถั่วงา มีขนม ส้มสูกลูกไม้ต่าง ๆ
ขณะนี้ก็เย็นแล้ว จะต้องมีการนิมนต์พระสงฆ์มาสวดมนต์ที่เรือนหอ ซึ่งก็คือเรือนเทานี้เอง คุณหลวงแต่งตัวเต็มยศ ขึ้นเรือนไปกับเพื่อนเจ้าบ่าวที่นัดแนะมาแล้วหลายคน นั่งฟังสวดอยู่ด้านในเส็งไม่อาจเป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าบ่าวได้เพราะเป็นเพียงคนใช้คนหนึ่งเท่านั้นเท่านั้น จะยกตัวขึ้นไปทัดเทียมเป็นเพื่อนของนายไม่ได้ แม้คุณหลวงเห็นชอบก็ตาม แต่คุณหญิงไพรัชกิจก็บอกว่า
“มันเป็นบ่าวนะแสง ลูกจะยกบ่าวขึ้นมาเป็นเพื่อนได้หรือ”
หากแต่ เทิดกลับได้ขึ้นไปฟังสวดด้วยเพราะเคยเป็นเพื่อนของคุณหลวงมาตั้งแต่เด็ก รายนี้คุณหลวงไม่ได้ต้องการแต่ในเมื่อคุณหญิงสั่งมาก็ต้องทำตามไปอย่างนั้น
เส็งดูไม่ออกว่าคุณหลวงมีความสุข หรือทุกข์ใจมากกว่ากัน เพราะสีหน้าของเขาก็บึ้งตึงอยู่ตลอดตั้งแต่ที่เตรียมตัวเมื่อเช้า แต่พอเพื่อนๆเจ้าบ่าวมาเท่านั้นก็กลับดูอารมณ์ดี จะบอกว่าปั้นหน้าก็อาจจะได้ เส็งทำอาหารเลี้ยงพระเลี้ยงแขกอยู่ไกลๆ มองมาก็เห็นว่าคุณหลวงแอบยืนนิ่งไม่คุยกับเพื่อนฝูงบ้าง อาจจะคิดสะระตะอะไรในใจ แต่ก็อีกนั่นแหละ คนเราแต่งงานได้ครั้งเดียวในชีวิตต่อให้ไม่รัก ก็ต้องมีตื่นเต้น แอบดีใจบ้างนั่นแหละ เส็งยกสำรับอาหารมาเลี้ยงแขกก่อนหลวงพินิจจะขึ้นมาสวดมนต์ก็แอบได้คุยกับคุณหลวงอยู่สองสามคำ
“ช่วงนี้คงต้องนอนที่เรือนบ่าว หลังเสร็จพิธีอะไรแล้วเราจะให้กลับมานอนด้วยกัน เส็งเอาห้องนอนแขกเป็นห้องของเส็งไปเลย ห้องที่เราอยู่กันทุกวันนี้ เราให้แม่หยาดนอน ตอนกลางคืน เราได้แอบมานอนกับเส็งนะ” เขาแอบกระซิบเบาๆ “เข้าใจเรานะเส็ง ไม่น้อยใจนะจ๊ะ”
“ขอรับ วันนี้วันดี คุณหลวงอย่ากังวลใจเลยขอรับ”
พอพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์จบแล้ว คุณหญิงไพศาลเสนีย์ก็พาเจ้าสาวออกมา ให้นั่งใกล้กันกับคุณหลวง มีญาติฝ่ายคุณหยาดนั่งคั่นกลางอยู่คนหนึ่ง ให้พระสังฆนายกสวมมงคลแฝดให้ทั้งคู่ มงคลแฝดนี้เป็นมงคลคู่มีสายสิญจน์ล่ามติดกัน ฝ่ายเพื่อนเจ้าบ่าวจะนั่งเรียงต่อจากเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาวก็นั่งเรียงต่อจากเจ้าสาว พระสงฆ์สวดพร้อมกัน มีพระสังฆนายกซัดน้ำพุทธมนต์ไปทั่ว
หมดพิธีแล้ว ต่างคนต่างก็ทยอยกันกลับบ้าน โดยเฉพาะคุณหยาดที่ต้องรีบกลับบ้านของหล่อน เพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว ฟังโอวาทจากคุณหญิงไพศาลเสนีย์ อบรมให้ทำหน้าที่ภรรยาที่ดี หล่อนอ้วนขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีใครสังเกต คิดว่ากินได้ นอนหลับดีอิ่มเอมใจที่ได้แต่งงาน ต่างจากคุณหลวงของเส็งที่นับวันจะยิ่งผ่ายผอม โดยเฉพาะเวลาสามวันมานี้ที่ไม่ได้อยู่กับเส็งเลยสักวัน บ่าวหนุ่มเดินกลับเรือนบ่าว เพราะค่ำแล้ว คุณหลวงจะต้องเข้านอนอยู่ที่หอนี้ ทบทวนสติให้เป็นเจ้าบ่าวที่ดีต่อไป มีเครื่องดนตรีดีดสีตีเป่า ขับร้องเรียกว่า "กล่อมหอ" จนถึงวันฤกษ์ดีในวันพรุ่งนี้ ก็จะยกขันหมากไป ส่งตัวเจ้าสาว แล้วก็ถือว่าแต่งงานกับคุณหยาดได้เสร็จสิ้นพิธีการ
พออ้อมตัวตึกมาถึงด้านหลังเส็งก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างห้องนอนคุณหลวง เห็นชายหนุ่มโผล่หน้าออกมาก็ดีใจส่งยิ้มให้กันด้วยความรักและคิดถึง แต่ก็ทำได้แค่นั้นเอง เขาจะต้องอยู่ห่างหลวงพินิจไปอีกนานแค่ไหน เส็งห้ามตัวไม่ให้ร้องไห้ แต่ก็ประสบความสำเร็จเพียงยามอยู่ต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น ทันทีที่กลับมาถึงเรือนบ่าว หนุ่มน้อยก็น้ำตาไหล ร้องไห้กับหมอนอย่างช้ำใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น ... วันฤกษ์ดี หรือวันแต่งงาน พระสงฆ์มาพร้อมแล้ว คู่บ่าวสาวจึงตักบาตรร่วมกันด้วยทัพพีเดียวกัน ตอนจับทัพพีเชื่อกันว่าใครอยู่บน ก็จะมีอำนาจเหนือผู้ที่มืออยู่ด้านล่าง คุณหญิงไพศาลเสนีย์ถือเรื่องนี้ จึงกำกับให้หลวงพินิจจับมือแม่หยาดจับทัพพีให้เท่าๆกัน ไม่มีใครต่ำกว่าใครได้มีสิทธิเสมอกัน เส็งแอบเห็นหลวงพินิจตักบาตรไป ก็เหลือบมองหนุ่มน้อยไป คงจะนึกถึงวันที่ตื่นมาใส่บาตรตอนเช้าด้วยกันบ่อยๆกระมัง
จากนั้นตลอดเช้าก็เป็นงานเลี้ยงพระสงฆ์ ถวายไทยธรรมต่าง ๆ โดยของถวายนั้นทั้งสองฝ่ายแบ่งปันกันตามที่ตกลงไว้แล้ว เส็งเป็นคนเตรียมอาหารนี้ด้วยตัวเอง มีขนมจีนน้ำยาป่า ตามความเชื่อให้รักนั้นยืดยืนยาวอย่างเส้นขนมจีน ห่อหมก ขนมและผลไม้ต่างๆ เวลานี้หยาดจะต้องกลับบ้านของตนเพื่อให้ฝ่ายชายยกขบวนขันหมากไป พอพระสงฆ์ฉันเสร็จ ก็ถึงเวลาแห่ขันหมาก พอบ้านไพศาลเสนีย์ส่ง “ของเลื่อน” หรือขนมหวานต่างๆมาให้เป็นสัญญาณว่าให้นำขันหมากไปได้ เจ้าคุณไพรัชกิจก็ให้ผู้ใหญ่ในกระทรวงที่เป็นเถ้าแก่ฝ่ายชายนำยกขันหมากไปบ้านของเจ้าสาวในที่สุด
ฝ่ายชายจัดขบวนแห่ไปบ้านฝ่ายหญิง โดยยกขันหมากเอกนำหน้าไป มีหญิงรุ่นสาวที่เป็นบ่าวไพร่ ในจำนวนนี้มีแก้ว มะลิ และชิดอยู่ด้วย แต่งตัวยกไปหน้าเตียบ ซึ่งเตียบนั้นผู้ที่ได้ยกจะเป็นหญิงมีตระกูล ที่แต่งงานแล้วยกเป็นคู่ ๆ ซึ่งเจ้าคุณไพรัชกิจก็หามาจากญาติๆกันหรือคนรู้จักมาเดินยก ต่อจากนั้นก็จะเป็นผ้าไหว้ แล้วจึงเป็นขันหมากเลว ซึ่งยกโดยบ่าวผู้ชายมีเทิดอยู่หน้า ตามด้วยเส็งและมั่นและคนอื่นๆ เรียงตามลำดับไป
เมื่อถึงบ้านของคุณหยาด คนในบ้านก็จัดผู้ใหญ่นำเด็กแต่งตัว ถือขันพานรองมีหมากพลูลงไปรับ เรียกว่าการ เชิญขันหมากขึ้นมาบนเรือนหอ ซึ่งมีเถ้าแก่ออกมารอรับขันหมาก แล้วเปิดเตียบเป็นคู่ ๆ เถ้าแก่ฝ่ายคุณหยาดยกเตียบ กับขันใส่เหล้า มะพร้าวอ่อน พานผ้าไหว้ผีไปไว้ในเรือน เจ้าคุณไพศาล และคุณหญิงภรรยาก็ เซ่นบอกปู่ ย่า ตา ยาย ตามประเพณี
จากนั้นเถ้าแก่ฝ่ายเจ้าบ่าว ก็จะเรียกเอาทุนจากเถ้าแก่ฝ่ายหญิง เจ้าคุณและคุณหญิงไพรัชกิจก็เอาทุนออกมานับ ตรวจจนครบถ้วนเรียกว่า "สินสมรส" ให้เป็นเงินก้นถุงถือเป็นเคล็ด เพื่อก่อให้เกิดความเจริญงอกงาม จากนั้นเถ้าแก่ทั้งสองฝ่ายก็นำเงินมารวมกันแล้วเคล้าด้วยถั่วงาแห้งน้ำมันหอม แล้วมอบให้เจ้าคุณพ่อและคุณหญิงแม่ของฝ่ายหญิง จากนั้นฝ่ายเจ้าสาวก็จัดเลี้ยงเก้าแก่ และผู้ร่วมขบวนขันหมาก พร้อมมอบสิ่งของให้เถ้าแก่กับผู้ยกขันหมากเอก ส่วนผู้ยกขันหมากเลวซึ่งมีเส็งรวมอยู่นั้น จะได้รับแจกเงินที่เรียกว่า ของแถมพก เสร็จแล้วเถ้าแก่ฝ่ายหญิงซึ่งก็เป็นผู้ใหญ่ในกระทรวงเช่นกัน แบ่งขันหมากเลวเป็น สองส่วน คือให้เจ้าคุณและคุณหญิงไพรัชกิจ สำหรับไปเลี้ยงพวกเจ้าบ่าวที่ยกขันหมากมาส่วนหนึ่ง และ ให้คุณหยาดเก็บไว้เองอีกส่วนหนึ่ง
สุดท้ายเถ้าแก่ฝ่ายชาย ก็จะพากันยกขบวนกลับ
ช่วงบ่ายฝ่ายเจ้าบ่าว ยกขบวนมาอีกครั้ง ฝ่ายหญิงก็จัดให้เด็กถือพานหมาก มาเชิญเจ้าบ่าว หลวงพินิจก็ให้บำเหน็จแก่เด็กตามธรรมเนียม แล้วจึงขึ้นเรือนคุณหยาด ซึ่งจะมีฝ่ายเจ้าสาวถือสร้อยคอทองคำบ้าง แพรสีบ้างยืนกั้นขวางประตูไว้เรียกกันว่า กั้นประตูเงิน ประตูทอง ชั้นสามเรียกว่าประตูแก้ว จากนั้นพวกเจ้าบ่าวที่เรียกว่า "บ่าวนำ" ก็ให้เงินแก่พวกเจ้าสาวเป็นเหมือนค่าผ่านทาง เพื่อจะไปรับเจ้าสาว ซึ่งกว่าจะผ่านไปจนครบ ก็เห็นว่าหลวงพินิจได้มีการเตรียมเงินไว้พอควร เมื่อเสร็จจากขั้นตอนการรับเจ้าสาวแล้ว เพื่อนเจ้าสาวก็ยกพาน น้ำชา ขนมมาเลี้ยงพวกเจ้าบ่าวเหลือรดน้ำ และส่งตัวแล้วเท่านั้น คุณหยาดก็จะมาเป็นนายอยู่ที่บ้านอย่างสมศักดิ์ศรีภรรยาคุณหลวงในที่สุด
พิธีรดน้ำจัดในตอนเย็น พระสงฆ์มาจะสวดพุทธมนต์ คุณหลวงนั่งฟังสวดแต่เพียงผู้เดียว พอสวดจบก็พักรออยู่ จากนั้นผู้ใหญ่ญาติพี่น้องของ ทั้งสองฝ่ายก็มาพร้อมกัน ฝ่ายแม่ญาติได้จัดที่รดน้ำไว้แล้ว มีเตียงปูเสื่อตามสมควร เมื่อเถ้าแก่พาเจ้าสาวออกมานั่งทางซ้าย ท่านผู้ใหญ่ในกระทรวงก็สวมมงคลคู่ซึ่งพระสงฆ์ ทำไว้ให้สวมศีรษะทั้งสองซึ่งหมอบก้มอยู่ ประธานและพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย พร้อมกันรดน้ำพระพุทธมนต์ด้วยสังข์ และขันสัมฤทธิ์ผู้ใหญ่รดที่ศีรษะ ผู้น้อยก็จะรดที่มือ เส็งได้รับอนุญาตให้เข้าไปรดด้วยเพราะเห็นว่าเป็นคนสนิท เทิดเข้าไปก่อนเส็ง บ่าวหนุ่มจึงสังเกตท่าทีของเทิดได้
เทิดดูแปลกๆ ก้มหน้าหลบตาไม่มองทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาว พูดสั้นๆ แล้วก็รีบเดินออกไป เส็งไม่เข้าใจนักว่ากิริยานั้นคืออะไร แต่เจ้าบ่าวคงรู้ดีจึงไม่ได้ติดใจถามอะไร พอเทิดไปแล้ว เส็งก็เข้าไปรดน้ำบ้างกลั้นใจเต็มที่ไม่ให้ร้องไห้ แล้วก็รดน้ำคุณหลวงกับคุณหยาด
“ขอให้คุณหลวงและคุณหยาดมีความสุขขอรับ”
“สุขแน่ถ้ามีเอ็งคอยรับใช้ที่เรือน” แม่หยาดว่า “ดีจริงนะได้มารับใช้กันอีก”
“ขอรับ” เส็งรับคำ
“ปกติเส็งก็นอนที่ในเรือนนั่นแหละ กะไว้ว่าพอเสร็จพิธีอะไรแล้ว ก็จะให้เส็งกลับมาอยู่ นอนเฝ้าอยู่หน้าห้องได้เรียกรับใช้เมื่อใดก็ได้” หลวงพินิจถือโอกาสนี้ พูดเปรยๆกับหยาด ตอนที่หล่อนอารมณ์ดี เหมือนเป็นเชิงขออนุญาตอยู่กลายๆ
“ดีซีคะ เส็งใช้ง่าย ฉลาด เอาไว้อยู่ใกล้ๆ เป็นคนสนิทก็ดี” หยาดยิ้มให้อย่างใจดี “ให้เส็งเป็นพี่เลี้ยงลูกเรานะคะ”
เส็งหน้าเสีย เมื่อหยาดพูดถึงลูก หลวงพินิจก็มีอาการคล้ายสะดุ้ง หากแต่ก็ทำใจเย็นๆ ทั้งสองคน เส็งรีบเดินออกไปให้พ้นในที่สุด ก่อนจะทนไม่ไหว โผเข้าไปบีบคอหยาดที่พูดแทงใจดำ!
พอรดน้ำเสร็จเจ้าบ่าวหนุ่มก็ออกมาผลัดผ้านุ่ง มีเงินขอดชายผ้าไว้ตามสมควร ให้จัน เด็กของหยาดนำไปซัก เงินที่ขอดไว้จะเป็นของเด็ก ตามธรรมเนียมหากไม่มีเงินจันจะสามารถเก็บผ้านั้นไว้เป็นรางวัลได้
หลังพิธีรดน้ำ ก็เป็นพิธีไหว้ผีปู่ย่า พ่อกับแม่ของเจ้าสาวนำผ้าขาวยาว สี่ ศอก ปูลงกลางเรือน ยกเตียบกับขวดเหล้ามะพร้าวอ่อน ผ้าไหว้ผีวางลงบนผ้าขาว เจ้าบ่าวหนุ่มจุดเทียนแฝดคู่หนึ่ง ธูปคู่หนึ่ง แล้วเถ้าแก่จึงนำคุณหยาดเจ้าสาวคนสวยมาไหว้ผีปู่ยาตายายพร้อมเจ้าบ่าว เถ้าแก่ให้เจ้าบ่าวยกมือขวาขึ้นข้างหนึ่ง เจ้าสาวยกมือซ้ายขึ้นข้างหนึ่ง ประนมมือกราบลงพร้อมกัน สามครั้ง แล้วหลวงพินิจก็ออกมาไหว้ เจ้าคุณและคุณหญิงไพศาล รวมถึงญาติเจ้าสาว ตามที่ได้จัดผ้าไปนั้นเรียงไปตามลำดับ เจ้าคุณไพศาล และคุณหญิงก็รับไหว้ให้พร
“ฝากลูกหยาดด้วยนะ รักกันนานๆ มีอะไรก็พูดคุยกันให้ดีล่ะ อย่าไปใช้อารมณ์ รีบมีหลานให้ปู่ย่า ตายายอุ้มเร็วๆนะ”
หลวงพินิจเก็บอาการไว้ได้ แต่คุณหยาดทำตาล่อกแล่กไปมา เส็งจึงเข้าใจว่าเจ้าคุณและคุณหญิงยังไม่รู้เรื่องที่แม่หยาดท้องก่อนแต่งอย่างแน่นอน เทิดที่ยืนอยู่ข้างๆเส็งและมั่นดูลุกลี้ลุกลนพิกล เส็งก็อดใจถามไม่ได้
“พี่เทิดเป็นอะไรหรือ ดูแปลกๆไปนะจ๊ะ”
“เอ้อ” เขายกมือขึ้นเกาหัว “พี่มีธุระนิดหน่อยแต่จะกลับก็ยังไม่ได้ใช่ไหมเล่า ก็เลยดูรีบๆกระมัง”
“เอ ธุระอะไรหรือ ฉันว่าถ้าพี่เทิดกลับตอนนี้ก็คงไม่เป็นไร”
“รอก่อนดีกว่าเดี๋ยวก็ได้กลับเรือนเทาแล้ว”
เจ้าคุณไพศาลให้เงินและสิ่งของเล็กๆน้อยๆแก่เจ้าบ่าวหนุ่มตามธรรมเนียมจากนั้น เพื่อนเจ้าบ่าวก็แยกย้ายกันกลับ คุณหลวงรวมถึงบรรดาบ่าวไพร่ก็กลับเรือนเทาไป
ตามธรรมเนียมแต่โบราณแล้วการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวนั้น ต้องหาฤกษ์อีกครั้งตามตำราที่เรียกว่า "วันเรียงหมอน" ได้ฤกษ์เมื่อไหร่บิดามารดา จึงส่งตัวเจ้าสาวให้ บางครั้งเจ้าบ่าวต้องนอนเฝ้าหอคนเดียวเป็นเวลาหลายวัน แต่สำหรับคู่คุณหลวงมันเป็นคืนวันรุ่งขึ้นเท่านั้น วันนั้นทั้งวันคุณหลวงต้องอยู่ที่เรือนหอคนเดียว ใครจะเข้าไปยุ่งไม่ได้นอกจากจัดสำรับเข้าไปให้ ซึ่งเส็งเป็นคนทำหน้าที่นี้อยู่ประจำ จึงถือโอกาสได้คุยกับคุณหลวง ...หลวงพินิจลุกขึ้นทันทีที่เห็นบ่าวหนุ่ม
“เส็ง ดีใจเหลือเกินที่เข้ามา คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว” บ่าวหนุ่มหลบตาต่ำ วางสำรับให้ไว้บนโต๊ะอาหาร ทำท่าไม่สนใจนายของตน “เส็ง ขอกอดสักครั้งเถอะนะ”
“คุณหลวงขอรับโบราณเข้าถือ”
“เขาห้ามเจ้าบ่าวเจอเจ้าสาว ไม่ได้ห้ามกอดกับคนรักนี่นา”
เส็งเกือบจะหัวเราะกับคำพูดบ่ายเบี่ยงที่แสนจะฟังไม่ขึ้นของคุณหลวง
“ไปดีกว่าขอรับคุณหลวง ให้เสร็จพิธีก่อนนะขอรับ”
“เสร็จพิธีแล้วจะไม่ยอมให้ปฏิเสธเลย” เขาว่า “เราก็รู้ดอกนะ ว่าเส็งก็คิดถึงเราเหมือนกัน”
“ขอรับ บ่าวนอนคนเดียวมา สี่ห้าวันแล้ว เหงาเหลือเกิน คิดถึงคุณหลวงก็ได้แต่เห็นหน้าอยู่ไกลๆ จะกอด จะจูบให้สาแก่ใจก็ทำไม่ได้... แต่อย่างน้อย เราก็ยังเห็นหน้ากันทุกวันจริงไหมขอรับ” บ่าวหนุ่มหันหลังพูดเศร้าๆ แล้วก็จากไป
ปกติบิดา มารดาหรือเถ้าแก่ก็จะนำเจ้าสาว มาส่งให้เจ้าบ่าวที่เรือนหอ ในเวลายามหนึ่งหรือยามเศษ ในกรณีของหยาด เจ้าคุณไพศาลเสนีย์เป็นคนมาส่งด้วยตัวเอง ในคืนนั้นมีคุณหญิงสั่งสอนลูกสาวอยู่ข้างๆ
“รักเขาแล้ว ให้เคารพ นอบน้อมเขาด้วย สามีน่ะก็เหมือนพ่ออีกคนที่จะดูแลปกป้อง เลี้ยงดูเรา เป็นคนมีบุญคุณกับเราไม่ใช่ศัตรู มีอะไรคุยกันด้วยเหตุผล อย่าไปใช้อารมณ์อย่าไปดีแต่จะเคียดแค้น ทำร้ายกันด้วยคำพูด รักสามีรักลูกให้มากๆนะจำที่แม่พูดได้ไหมแม่หยาด”
“เจ้าค่ะ คุณแม่”
“กับข้าวกับปลา งานบ้านงานเรือนต้องทำด้วย ไม่ใช่มีบ่าวก็ใช้บ่าว ถ้าเหนื่อยก็ต้องคอยดูแลสอดส่อง ควบคุมบ่าวไพร่ให้ได้ อย่าไปนั่งๆนอนๆเฉยๆรู้ไหม จะหาว่ามาเกาะเขากินได้”
“เจ้าค่ะ”
“เราไม่เคยผ่านมือชาย ไม่เคยให้ใครได้แตะเนื้อต้องตัว แม่เข้าใจ แต่อย่าได้กลัวเลย เป็นผัวเมียกันแล้วไม่มีอะไรต้องคิดมากดอก” หยาดแกล้งทำเป็นขวยเขินตามที่แม่ว่า หารู้ไม่ว่าคนอย่างหยาดเห็นอย่างนี้ไม่ใช่ไม่เคยผ่านมือชาย แต่ผ่านมาจนถึงไหนแล้ว ไม่อย่างนั้นไม่ท้องจนคุณหลวงปฏิเสธไม่แต่งงานไม่ได้หรอก คุณหญิงไพศาลเสนีย์ เป็นคนพาหยาดเข้าไปหาถึงเรือนหอโดยให้ลูกสาวกราบเจ้าบ่าว แล้วคลานเลยเข้าไปอยู่ในม่านของเตียงสี่เสานี้ โดยหารู้ไม่เลยว่า ตรงนี้เองเป็นที่ที่คุณหลวงได้นอนกอดก่าย พลอดรักเส็งมาแล้วกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
หลวงพินิจไหว้คุณหญิงแล้ว คุณหญิงไพศาลก็ให้เจ้าบ่าวหนุ่มยืนมือเข้าไปในม่าน ให้เจ้าสาวยื่นมือมาจับเกี่ยวกันไว้ แสดงความหมายว่า ได้ยอมยกทั้งสองให้เป็นคู่สิทธิ์ขาดแก่กันแล้ว
จากนั้น คุณหญิงจึงบอกให้ลูกสาวของตนกราบหมอนเจ้าบ่าวก่อน แล้วจึงนอนลงในที่เจ้าสาวก่อนเจ้าบ่าว เพื่อจะให้เป็นเคล็ดให้เจ้าบ่าวมีความยำเกรงเจ้าสาว แล้วสอนลูกของตน
“เวลาจะนอน ให้กราบเท้าคุณหลวงก่อนนอนทุกวัน ได้เป็นศรีแก่ตน ได้มีความเจริญไปภายหน้า เข้าใจไหมลูก”
“เจ้าค่ะ”
“คุณหลวง แม่ฝากลูกแม่ด้วยนะ รักมันให้มาก ดูแลมันให้ดีแทนแม่ด้วยนะลูก” คุณหญิงกล่าวสั่งสอน แล้วก็ลงเรือนไปน้ำตาคลอเบ้าด้วยความปิติที่ลูกสาวได้เป็นฝั่งเป็นฝาในที่สุด
ทันทีที่คุณหญิงไพศาลกลับออกไป หลวงพินิจราชอักษรก็เตรียมตัวจะเดินออกไปจากห้อง
“พี่แสงจะไปไหนคะ” หล่อนเรียกอย่างสนิทปาก เปลี่ยนสรรพนาม และคำลงท้ายอย่างสนิทสนม หลวงพินิจไม่หันกลับมามองหล่อน เขาเปิดประตูออกแล้วบอกเพียงสั้นๆว่า
“ไปนอนห้องโน้น”
“แล้วกัน” หล่อน ลุกออกมาจากเตียง “เราเป็นสามี ภรรยากันแล้วนะคะ เราจะไม่นอนด้วยกันเทียวหรือคะ”
“แม่หยาด ฉันเคยบอกหล่อนแล้วไม่ใช่หรือ ว่าฉันไม่อย่ากแต่งกับหล่อน และเกือบจะไม่ต้องแต่งกับหล่อนแล้ว ถ้าไม่เป็นเพราะ... ไม่เป็นเพราะวิธีสกปรกของหล่อนที่หัวหิน”
“พี่แสงคะ” หยาดร้องโวยออกมา “น้องบอกแล้วนี่คะว่ามันเป็นอุบัติเหตุ น้องไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น พี่แสงจะตั้งแง่กับน้องอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหนคะ!”
“ฉันไม่เคยรักหล่อน และไม่คิดว่าจะรักได้ด้วย ที่แต่งงานกันนี่ก็เห็นแก่ลูกในท้องเธอ เพราะเด็กมันมีเลือดของฉันอยู่ด้วย ครึ่งหนึ่ง” หลวงพินิจว่าเบา “ฉันไม่ได้จะทะเลาะหรือตั้งแง่อะไรกับหล่อน ไหนๆก็แต่งแล้วก็อยู่กันอย่างสันติเถิด ขอให้แม่หยาดเข้าใจด้วย ฉันจะเลี้ยงแม่หยาดอย่างดี บ่าวไพร่บริวารใช้ได้เต็มที่ ไม่ให้ลำบาก อยากได้อะไร อยากไปไหนทำอะไรก็บอก ฉันให้ได้ทุกอย่าง
ฉันตบฉันแต่งแม่หยาดเป็นเมียออกหน้าออกตาก็จริง แต่ฉันไม่ได้รักแม่หยาด ดังนั้นจึงขออย่างเดียวจากแม่หยาด ขอดีๆ อย่างที่คนเคยเป็นเพื่อนรักกัน รู้ใจกันตอนเด็กๆเพียงว่า ขออย่ามารักฉันมาก และอย่าหวังให้ฉันรักแม่หยาดเลย ฉันไม่อยากให้แม่หยาดต้องเสียใจ แม่หยาดไม่ต้องรับใช้ทำอะไรให้ฉัน ฉันมีเส็งทำให้ทุกอย่างอยู่แล้ว ฉันให้แม่หยาดได้แค่นี้ ขอนอนแยกห้องกันเถอะ เพราะฉันไม่อาจทำผิดต่อคนที่ฉันรักได้”
“ใครกันคะ”
“ให้แม่หยาดรู้เพียง ฉันรักของฉันมากก็แล้วกัน และฉันก็ไม่อยากให้เขาต้องเป็นทุกข์ด้วย” หลวงพินิจว่าเท่านั้น “ฝันดีแล้วกันนะแม่หยาด ฉันพยายามแล้ว ฉันให้แม่หยาดได้แค่นี้จริงๆ”
คุณหลวงหนุ่มออกไปแล้ว หญิงสาวที่อยู่คนเดียวในห้องนอนน้ำตาคลอ ด้วยความมั่นใจเป็นหนักหนาแล้วว่า จะทำอย่างไรก็คงไม่มีทางเปลี่ยนหัวใจผู้ชายที่นอนอยู่ห้องข้างๆให้มารักหล่อนได้เลย หญิงสาวลูบท้องของตนเบาๆ สิ่งที่อยู่ในนี้เท่านั้นเองที่ทำให้หล่อนได้มานอนอยู่ในเรือนเทาของหลวงพินิจราชอักษร หากเด็กคนนี้แท้ง หรือไม่ถูกใจคุณหลวง หล่อนไม่กลายเป็นหมาหัวเน่าที่ไม่มีใครเอาดอกหรือ หล่อนคิดในใจ คิดอะไรอย่างอื่นต่อไปอีกหลายอย่างก็หลับ
หลวงพินิจเดินมาเข้าห้องข้างๆ ทิ้งตัวลงนอนยกมือก่ายหน้าผาก ทำอย่างนี้คงดีกับทุกฝ่ายกระมัง เหลือฝ่ายเดียวคือเส็งที่คงต้องนอนเหงา แต่คืนพรุ่งนี้เท่านั้นละ คืนพรุ่งนี้เขาก็จะให้เส็งกลับขึ้นเรือนมา ได้มาอยู่กับเขาเหมือนเดิม มีสิ่งที่ต่างไปเพียงเปลี่ยนห้องอยู่และมีคนอีกคนมาอยู่ห้องข้างๆเท่านั้น
แล้วเขาจะทำอย่างไรต่อจากนี้...
อยู่อย่างนี้ต่อไป จะดีกว่านี้หน่อยตรงที่เดี๋ยวคืนพรุ่งนี้เส็งก็จะได้กลับมาอยู่กับเขา เขาจะได้นอนกอดบ่าวหนุ่มให้อุ่นกาย และอุ่นใจ พรมจูบไปทั่วร่าง อยู่กันอย่างมีความสุขเท่านั้นหรือ ปัญหายังไม่จบเสียหน่อย ลูกของเขาล่ะ ลูกจะรู้สึกอย่างไรที่พ่อไม่ได้รักแม่ จะรู้สึกอย่างไรถ้ารู้ว่าที่พ่อมีลูกมาได้ ก็เพราะแม่ย่องเข้าห้องพ่อ ตอนที่พ่อเมาไม่มีสติ ไม่ได้ตั้งใจให้มีหนูออกมาเลย!
ลูกของเขาก็จะกลายเป็นเด็กขาดความอบอุ่น เป็นเด็กมีปัญหาไม่เหมือนกับเด็กคนอื่นๆหรือ
หรือว่าเขาจะลองรักแม่หยาดดู ลองเปิดใจยอมรับ ทำตัวดีๆกับหล่อนให้โอกาสหล่อนพิสูจน์ตัวว่า หล่อนมีค่าพอที่จะทำให้เขารักได้ แต่มาคิดดีๆ จะทำได้หรือ จะเอาใครสักคนมาอยู่ในใจได้หรือ ในเมื่อใจทั้งใจของเขามีเจ้าของแล้ว มีคนยึดครองพื้นที่มันไปหมดแล้ว เขาจะรักหยาดได้อย่างไรในเมื่อเขารักเส็งเหลือเกิน
หลวงพินิจพลิกตัว กอดหมอนคิดจินตนาการว่าเป็นเส็ง เขาจูบหมอนข้างเบาๆ “รักเส็งเหลือเกิน” แล้วเขาก็หลับได้อย่างมีความสุขในที่สุด
เส็งเห็นคุณหญิงไพศาลเสนีย์ออกไปแล้ว ไม่มีคุณหยาดกลับไปด้วยก็มั่นใจแล้วว่าป่านนี้ ชายที่เขารักคงกำลังนอนอยู่กับนายเก่าของเขา เป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์ในคืนนี้เอง เส็งอดไม่ได้ที่จะร้องไห้กับหมอนเงียบๆอีกครั้ง โดยที่บ่าวไพร่ผู้ชายไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่ก็ไม่มีใครถาม หรือสงสัย เพราะเส็งเป็นอย่างนี้ทุกคืนที่กลับมานอนที่เรือนบ่าว
เส็งไม่รู้หรอกว่า ตนต้องร้องไห้เสียใจอย่างนี้ ทุกคืนแม้ตายไปแล้วก็จะยังคงเป็นอยู่อย่างนี้ไม่มีวันหลุดพ้นไปจากความทุกข์ใจได้ง่ายๆเลย
******************************************************************************************
ย้อนไปอ่านหน้า 22 เม้นสุดท้ายกันด้วยนะครับผม