รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว  (อ่าน 581317 ครั้ง)

ออฟไลน์ nunamicky

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-3
ตอนพิเศษหวานๆ แบบนี้
ขอของคู่ พี่กาวน์&ป่าน ด้วยนะคะ :L2:

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
ยังหวานเหมือนเดิม  :กอด1:

ออฟไลน์ NumPing

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
การมีใครซักคนอยู่เคียงข้าง มันคงเป็นความรู้สึกที่ดีจริง ๆ

 :กอด1:

ออฟไลน์ N.T.❁

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
น่ารักมากเลยยย กันต์กับกรเป็นคู่ที่น่าอิจฉาม๊ากมากกค่ะ
อ่านทีไรก็ยิ้มทุกที  :o8:

ออฟไลน์ Anonymus

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-1
กรี๊ดดดดดดดดดด ชอบคำอธิฐานของกันต์อ่ะ น่ารักกกกกกกกกกกกก

Chocorun

  • บุคคลทั่วไป
ู่คู่นี้ขยันเติมน้ำตาลกันจริง
หวานไม่มีตก

อยากอ่านคู่พี่กาวน์ น้องป่านด้วย
เอามาส่งหน่อยจ้า รอ ๆ ๆ

Sweet cream

  • บุคคลทั่วไป
อยากไปติดกล้องไว้บ้านนี้จัง
เอาไว้ส่องเวลาเขาหวานกัน
 :กอด1:

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
น่ารักได้อีก :กอด1:

ออฟไลน์ noomasoi3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
หวานกันได้ตลอดเวลา...กรกับกันต์น่ารักจังเนอะ

Na na

  • บุคคลทั่วไป
ตอนพิเศษน่ารักทั้งสองเรื่องเลย
เห็นหวานกันแล้ว มีความสุขสุดๆ
 :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รักคือ... รัก >>> All I want for Christmas is you p. 62 29/12/11
« ตอบ #1869 เมื่อ: 31-12-2011 12:38:17 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Mafia Mania

  • บุคคลทั่วไป
 :-[ พี่กันต์ก็โรแมนติกใช่เล่นนะเนี่ย

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
อยากกินไกอบบ้างจัง :z1:

ออฟไลน์ Angel_K

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 263
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +352/-0
ตอนพิเศษ Let‘s go to Japan [1/2]


“กันต์” ผมหันไปเรียกและฉุดมือกันต์ให้เดินตามขึ้นรถไฟเมื่อประตูรถไฟที่จอดสนิทแล้วเปิดออก

“ฮะ” กันต์รับคำแล้วสาวเท้าเดินให้ทันผมที่จูงมือเขานำขึ้นรถไฟ ที่ต้องเรียกนี่ไม่ใช่อะไร ก็กันต์กำลังพุ่งความสนใจไปที่แผนที่และหนังสือนำเที่ยวในมือที่เพิ่งได้มาจากสนามบิน พอเจอหนังสือเป็นอันตัดขาดจากโลกภายนอกไปเลย


ตอนนี้เราสองคนเดินทางถึงประเทศญี่ปุ่นแล้ว และออกเดินทางจากสนามบินนาริตะมาที่สถานีรถไฟเจอาร์ โตเกียว เพื่อขึ้นรถไฟชินคันเซนต่อไปที่สถานีนากาโน่ ซึ่งห่างจากโตเกียวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณสองร้อยกิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณเจ็ดสิบเก้านาที ส่วนสัมภาระที่ติดตัวกันอยู่ตอนนี้ก็มีแค่เป้คนละใบ สำหรับขึ้นไปพักที่สกีรีสอร์ท ส่วนกระเป๋าเดินทางที่บรรจุสัมภาระที่จะใช้สำหรับสามวันที่เหลือในโตเกียวถูกส่งไปที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว

เรื่องกระเป๋าเดินทางนี่กันต์เป็นคนจัดการวางแผน พอรู้ว่าจะไปไหนบ้าง ติดต่อที่พักแล้ว เขาก็จัดการเรื่องกระเป๋าต่อ ว่าจะทำยังไงไม่ต้องลำบากในการเดินทาง แล้วก็ออกมาอย่างที่เห็น เราสองคนมีแค่เป้สะพายขึ้นหลังมาคนละใบจากสนามบิน ส่วนกระเป๋าเดินทางใบใหญ่อีกสองใบอยู่ที่โรงแรม ขนมาสองใบก็จริง แต่ใส่ของมาไม่เต็มหรอกครับ กันที่ไว้ใส่ของกลับ พอขากลับก็เอาเสื้อผ้าใส่รวมกระเป๋าเดียวกัน อีกกระเป๋าจะมีแต่ของฝาก

.
.
.


ตอนแรกที่กันต์ชวนผมมาเที่ยวญี่ปุ่นเขาวางแผนไว้แค่ว่าจะอยู่โตเกียวกันหกวันเต็ม อาจจะนั่งรถไฟออกไปเที่ยวเมืองใกล้ๆ แบบเช้าไปเย็นกลับ แล้วพอคุยกันไปถึงเรื่องสภาพอากาศ ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าไหน ๆ เราก็ไปกันหน้าหนาว มีหิมะตก ทำไมเราไม่ไปเล่นสกีกัน ผมเองก็รู้อยู่ว่ากันต์เล่นสกีได้ถึงได้ชวน

ผมจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่ผมเล่นสกี คือก่อนหน้าที่จะมารู้จักกับกันต์ตอนนั้นไปที่โคโลราโดกับครอบครัว พอครั้งนี้จะไปญี่ปุ่นและไปช่วงหน้าหนาวเลยอยากชวนกันต์ไปเล่นสกีบ้าง กันต์ก็ตกลงทันเพราะเขาเองนอกจากจะเล่นเป็นแล้วยังชอบด้วย สรุปแล้วเราจะไปที่สกีรีสอร์ทเพื่อเล่นสกีกันสามวัน แล้วค่อยกลับลงมาเที่ยวในโตเกียวอีกสามวัน วันที่นับถอยหลังเข้าปีใหม่เราก็จะอยู่กันที่โตเกียว 

พอตกลงกันได้ว่าจะไปเล่นสกี เราเลยต้องหาข้อมูลกันว่าจะไปที่ไหน เพราะไม่ได้ไปกับทัวร์เลยต้องหาข้อมูลแล้วจัดโปรแกรมกันเอง อาศัยว่าเราสองคนเคยมาญี่ปุ่นกันแล้วทั้งคู่ กันต์มาแล้วสี่ครั้ง ส่วนผมมาแล้วสามครั้ง แต่เป็นครั้งแรกที่เราสองคนมาด้วยกัน และเป็นครั้งแรกเช่นกันกับสกีที่ญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น และน่าสนุกสำหรับเราทั้งคู่ อะไรที่เป็นครั้งแรกมันเป็นอะไรที่พิเศษนะผมว่า ผมเลยได้ความตั้งใจที่จะทำเพิ่มในปีต่อๆ ไปอีกข้อว่า เราสองคนจะต้องไปเที่ยวในที่ ๆ เรายังไม่เคยไปด้วยกันอย่างน้อยปีละหนึ่งที่ ขยันเติมเรื่องน่าตื่นเต้น เรื่องสดใหม่เข้าไปชีวิตมันจะได้ไม่น่าเบื่อ

.
.
.


“กันต์ ป่ะ” ผมเรียกกันต์ที่ยังคงให้ความสนใจกับหนังสือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองนากาโน่ ให้เตรียมตัวเมื่อรถไฟใกล้จะถึงสถานี

“ถึงแล้วหรอ” คนที่ก้มหน้าอยู่กับหนังสือในมือหันมาถาม ก่อนหันออกไปมองข้างทาง

“ใกล้แล้ว” พอผมตอบรับ กันต์ก็เก็บหนังสือลงเป้

ระหว่างนั่งรถไฟมาเจ็ดสิบเก้านาทีกันต์อ่านหนังสือสลับกับดูแผนที่ตลอด จะหันมาคุยกับผมบ้างเมื่ออยากถามความเห็นผมว่าเราจะไปที่นั่นที่นี่กันดีไหม เวลาจะพอหรือเปล่า เพราะสถานที่เที่ยวในนากาโน่ถือว่าเยอะและน่าสนใจทั้งนั้น ผมเองก็ไม่ได้ว่าอะไรครับที่กันต์สนใจแต่ตัวอักษร เพราะผมเองก็ฟังเพลงสลับกับมองกันต์ไปเรื่อยเพลิน ๆ ที่จริงก็ฟังด้วยกันนั่นแหละครับ ใส่หูฟังกันคนละข้าง

พอถึงสถานีนากาโน่ก็แวะกินข้าวกลางวันกันก่อน ก่อนที่จะนั่งรถต่อไปที่สกีรีสอร์ท สำหรับมื้อแรกที่ญี่ปุ่นของเราสองคน เป็นอาหารชุดหน้าปลาไหลย่าง สลัดผัก ซุปมิโซะ และอุด้ง พออิ่มแล้วก็ออกเดินทางต่อไปที่อิเคะโนะไทระ สกีรีสอร์ท โดยการนั่งรถใช้เวลาอีกชั่วโมงเศษ 

สำหรับที่พักที่จองไว้ช่วงระหว่างที่เราไปเล่นสกีเป็นที่พักแบบที่เรียกว่า “เรียวกัง” ซึ่งเป็นที่พักแบบที่ผมกับกันต์เคยพักมาแล้วทั้งคู่ แล้วก็ชอบเหมือนกัน เรียวกังเป็นที่พักแบบเรียบง่ายได้บรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิม ประตูห้องพักเป็นประตูเลื่อน เฟอร์นิเจอร์ในห้องมีเพียงโต๊ะเตี้ย ๆ ตัวเดียว มีเบาะรองนั่งวางไว้ให้นั่งรอบ ๆ โต๊ะเตี้ย ๆ มีผ้าห่มหนา ๆ คลุมโต๊ะ ให้เหยียดขาลงไปใต้ผ้าห่ม เพราะมีความอบอุ่นอยู่ใต้โต๊ะที่เกิดจากเตาไฟฟ้า นอกระเบียงมีโต๊ะเล็ก ๆ อีก 1 ตัวกับเก้าอี้ 2 ตัววางไว้ให้ ฝาผนังห้องประดับด้วยภาพแขวนผนังที่วาดด้วยพู่กัน ส่วนที่นอน หมอน ผ้าห่ม ถูกเก็บไว้ในตู้ลึกติดผนังและมีบริการปูที่นอนให้ในเวลาค่ำหลังอาหารมื้อเย็น สุดท้ายที่ผมชอบที่สุด คือชุดผ้าฝ้ายที่เรียกว่า ยูคะตะ ไว้ให้สวมเวลาอยู่ในห้อง


พอไปถึงที่พักก็ไม่ได้ทำอะไรกันมากครับ เก็บของในห้องแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวไปสกีกันทันที ไม่มีพักอะไรทั้งนั้น ออกแนวฟิตกันทั้งคู่ เห็นหิมะนี่แทบกระโดดเข้าใส่ ออกจากสกีรีสอร์ทก็ตรงไปที่สนามสกี ขึ้นกระเช้าไปสกีกันทันที




เรากลับออกมาจากลานสกีอีกทีก็ประมาณสี่โมงเย็นครับ เล่นกันไปสองชั่วโมงเต็ม ขากลับแทบจะต้องลากกันกลับเลยทีเดียว เดินแทบไม่ไปหรือจะบอกว่าเดินแทบไม่เป็นเลยก็ได้ ล้าสุด ๆ ชนิดที่ต้องผลัดกันดันหลังให้เดิน มันก้าวไม่ออกจริง ๆ แต่อย่าคิดว่าพรุ่งนี้จะไม่ต่อนะครับ บ่ายโมงพร้อมที่ลานสกี ที่ไม่ไปตอนเช้าเพราะตอนเช้าจะไปเที่ยวที่อื่นก่อน ถึงจะบอกว่าล้า แต่ของแบบนี้มันต้องซ้ำ ไว้ไปเที่ยวแบบเบา ๆ ที่โตเกียว

สำหรับสกีวันนี้กันต์ทำผมอึ้งอีกแล้วครับ ที่กันต์บอกผมว่าชอบเล่น เล่นเป็น ไอ้ผมก็นึกว่าจะเป็นแบบธรรมดา สกีได้ไม่ล้ม ที่ไหนได้เล่นแบบโปรชัดๆ สกีเทพมาก มีการหันมาบอก สโนว์บอร์ดก็เล่นได้นะ ทำเอาผมมองตามหน้าเหวอ เก่งไปแล้วแฟนใครวะ พรุ่งนี้เลยตกลงว่าจะขึ้นไปคอร์สที่ชันขึ้น ผมเองก็พอไปได้ครับ ลีลาไม่โปรเท่ากันต์ แต่ไม่ล้มหน้าทิ่มให้ขายหน้า


…………………………………………
……………………………
…………….



“ไปแช่น้ำกัน” กันต์ในชุดยูคาตะเช่นเดียวกันกับผมเดินเข้ามาเรียกจากทางด้านหลัง ขณะที่ผมกำลังรื้อของออกจากกระเป๋า ผลัดกันครับ ขามากันต์เป็นคนเก็บของลงกระเป๋า พอมาถึงผมเลยเป็นคนเอาออกจากกระเป๋า ที่จริงก็ไม่ได้รื้ออะไรออกมามาก แค่ชั้นในกับของใช้ส่วนตัวนิดหน่อย เพราะอยู่ที่พักก็ใส่กันแต่ยูคาตะ

“กินข้าวก่อน ดึก ๆ ค่อยไป” ผมหันไปตอบกันต์ แต่ดูสีหน้ากันต์ก็รู้แล้วว่า “ไม่ยอม” มาชวนผม ถึงผมไม่ไปกันต์ก็ไปเองอยู่ดี แต่งานนี้ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ให้กันต์ไปแน่ ๆ

“ไปตอนนี้ก่อน กินข้าวแล้วค่อยไปอีกรอบ” กันต์ตอบกลับมา ส่วนผมยังนั่งหยิบเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าเหมือนเดิมไม่ยอมขยับตัวลุกไปตามคำชวน

.
.
.


กันต์นี่ก็ตามสูตรเป๊ะจริง ๆ คือเวลาที่เรามาพักในที่พักแบบเรียวกัง ที่มีบริการบ่อน้ำพุร้อน โดยปกติจะเริ่มจากการอาบน้ำก่อนมื้อเย็น ซึ่งเป็นอาหารแบบญี่ปุ่นแท้เต็มรูปแบบ และจะอาบน้ำกันอีกครั้งก่อนเข้านอน และก่อนมื้อเช้าในวันรุ่งขึ้น กันต์เขาก็ทำตามนั้นเป๊ะ เป๊ะตลอดล่ะครับคนนี้

ส่วนการใช้บริการบ่อน้ำพุร้อน ก่อนจะลงไปร่วมอาบน้ำร้อนธรรมชาติในบ่อ รวมกับคนอื่น ๆ จะต้องถอดเสื้อผ้าทั้งหมดในห้องโถงก่อนถึงที่อาบน้ำ โดยวางเสื้อผ้าไว้ในตะกร้าหวายที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ ถ้าไม่ใช่ตะกร้าก็เป็นช่องกั้นแบ่งสำหรับแต่ละคนใช้ ทางเรียวกังจะจัดผ้าเช็ดหน้าผืนยาว ไว้ให้ใช้พันร่างกายท่อนกลางเวลาลุกยืนขึ้นในห้องน้ำ นอกจากนั้นผ้าผืนนี้ยังใช้สำหรับเช็ดถูร่างกายด้วย

เริ่มแรกต้องอาบน้ำก่อน ด้วยการนั่งลงบนม้านั่งเตี้ย ๆ ตรงหน้าก๊อกน้ำคู่ร้อนและเย็น ไขน้ำใส่ลงในภาชนะให้เต็ม แล้วเทราดลงบนร่างกายจนเปียกทั่วตัว ถ้าไม่มีก๊อกน้ำก็ใช้ภาชนะนั้นจ้วงตักน้ำในบ่อน้ำร้อนขึ้นมาเทรดตัว หากมีฝักบัวก็ใช้ฝักบัวรดร่างกายจนทั่ว จากนั้นฟอกสบู่จนทั่วแล้วล้างออกให้หมด ทั้งหมดเป็นขั้นตอนที่จำเป็นก่อนลงไปในบ่อน้ำร้อน ขั้นตอนต่อไปค่อย ๆ เดินลงไปในบ่อแช่น้ำพุร้อนตามสบาย จนกว่าจะทนความร้อนไม่ไหวจึงขึ้นไปสวมเสื้อผ้า การอาบน้ำบางที่ก็เป็นห้องอาบรวม แต่จะมีแยกสัดส่วนไม่ปนกันระหว่างชายหญิง

“ถ้าอย่างนั้นกันต์ไปคนเดียว เดี๋ยวเจอกันตอนกินข้าว” กันต์บอกผมแล้วตั้งท่าจะเดินออกจากห้องบ่อน้ำพุร้อน นั่นไงล่ะ คิดไว้อยู่แล้ว ถึงผมไม่ไปกันต์ก็จะไปอยู่ดี

“ไม่เอา” ผมพูดและดึงมือกันต์ไว้ ก่อนลุกขึ้นมายืนประจันหน้ากัน

แค่นึกถึงขั้นตอนการเข้าใช้บริการและนึกภาพจากที่เคยมีประสบการณ์ลงแช่น้ำพุร้อนมาก่อน ผมก็ต้องเบรกกันต์ไว้ก่อน ถึงกันต์เองจะเคยมาแล้วเหมือนกัน แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนตรงที่เขามากับผม แค่ผมลองนึกภาพที่นักท่องเที่ยวที่พักที่นี่พากันไปแช่น้ำพุร้อนก่อนอาหารเย็น โดยมีเพียงผ้าผืนเดียวติดกายหรือไม่มีเลย คิดว่าผมจะปล่อยกันต์ไปไหม จะหาว่าผมหวงเว่อร์ก็ไม่สน เพราะผมหวงของผมจริง ๆ ไม่อยากให้ใครเห็นมีปัญหาอะไรไหม เอาไว้ดึก ๆ คนน้อยแล้วค่อยลงไปแช่

“นอนหลับไปก่อนก็ได้ เสร็จแล้วกลับมารับ” กันต์เปลี่ยนข้อเสนอใหม่ จากที่จะให้เป็นเจอกันที่ห้องอาหาร เป็นกันต์จะกลับมารับผมที่ห้องหลังกันต์แช่น้ำเสร็จแล้ว แต่นั่นยังไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ พอกันต์พูดจบไม่ทันรอให้ผมตอบอะไรกลับไป กันต์ก็ทำท่าจะเดินออกไปอีกรอบ แต่ติดที่ผมไม่ยอมปล่อยมือ จนกันต์ต้องก้มมองไปที่มือสลับกับเงยหน้ามองผม

“ไม่เอา ค่อยไปด้วยกันทีเดียวดึก ๆ” ผมพูดซ้ำ ไม่ได้พูดเสียงดุเพื่อเป็นการบังคับให้ทำตามหรือพูดเสียงแข็งเพื่อเป็นการออกคำสั่ง แต่ใช้น้ำเสียงติดอ้อนแบบขอร้องคนฟังมากกว่า

ถึงผมบอกว่าจะไปด้วยกันตอนดึก ผมก็ตั้งใจจะพากันต์ไปใช้บ่อน้ำพุแบบ “คะชิคิริ” ซึ่งเป็นบ่ออาบแบบส่วนตัว ไม่พาไปบ่อรวมแน่ ๆ ผมทำใจไม่ได้จริง ๆ ที่จะพาเขาไปลงบ่อรวม ถ้าจะถามว่าถ้ามีแบบนี้แล้วทำไมไม่พากันต์ไปเลยตั้งแต่ตอนนี้ ตอบง่าย ๆ คือ มันเต็มครับ แอบไปเช็คมาเรียบร้อยแล้ว

“เป็นอะไร” กันต์ถามผมแบบงง ๆ แล้วมองหน้าผมไปด้วย กันต์มองหน้าผมที่ยืนเงียบไม่ยอมตอบคำถามอยู่สักพัก ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น แล้วเปลี่ยนสายตาจากที่มองผมแบบไม่เข้าใจ เป็นมองจองตาผมนิ่งอย่างกับจะมองให้ทะลุปรุโปร่ง พอเป็นแบบนี้แล้ว ผมรู้เลยว่ากันต์ต้องนึกอะไรขึ้นมาได้แล้วแน่ ๆ ก็คนอย่างผมมันจะมีเหตุผลน้อยลงด้วยเรื่องสักกี่เรื่องกัน คนตรงหน้าใช้เวลาไม่นานก็น่าจะนึกออกแล้ว

“อย่าบอกนะ” กันต์พูดนำมาแค่นั้น เว้นให้ผมเติมประโยคที่เหลือต่อเอาเอง ก่อนจะมองตาผมนิ่งเหมือนจะมองให้ลึกลงไปถึงไหนต่อไหน มองกันแบบนี้ถ้าผมเป็นน้ำแข็งคงละลายกลายเป็นน้ำเจิ่งอยู่กับพื้นไปเป็นที่เรียบร้อย

“ถูกต้องครับ คนเก่ง อย่างที่คิดนั่นแหละ” ผมบอกกันต์ พร้อมกับเก็บรอยยิ้มไว้ไม่มิด ที่ยิ้มไม่ใช้อะไร เห็นกันต์กำลังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนักเพื่อสรรหาคำพูดสักคำมาใช้กับผม ผมมองแล้วก็ขำครับ ลองเริ่มมาอย่างนี้ ผมมั่นใจว่ากันต์ต้องรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ และก่อนที่จะได้ยินสิ่งที่กันต์จะพูดต่อไป ผมก็คิดประโยคนั้นไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว มองหน้าก็รู้


ห้า


สี่


สาม


สอง


หนึ่ง
.
.
.

“ไอ้ บะ”

“บ้า” ผมต่อให้เอง โธ่ มันจะมีคำสักกี่คำกันที่กันต์ชอบใช้ว่าผม

“อะ ไอ้” กันต์ทำท่าฟึดฟัดเหมือนอยากจะพูดอะไร จะว่าอะไรผมแต่สรรหาคำมาพูดไม่ถูก หันหน้าหันหลังเหมือนจะมองหาทางไป แต่ก็ไม่รู้จะไปไหน ในเมื่อห้องมันก็เป็นสี่เหลี่ยมแค่นี้ ไม่มีมุมให้หลบไปไหน นอกจากออกไปนอกห้องหรือระเบียง แล้วผมจับมือเขาอยู่แบบนี้จะไปไหนคงไม่ได้ กันต์จะดึงออกผมก็ไม่ให้ดึง จับไว้แบบนี้แหละจะไปไหนได้

“คิดได้ไงฮะ” เมื่อไม่รู้จะไปทางไหนดี กันต์เลยหันกลับมาพูดกับผมต่อ

“ก็คิดเหมือนทุกทีนั่นแหละ ไม่ได้คิดใหม่” ผมตอบ

“มันก็มีเหมือน ๆ กัน ใครเขาจะมาสนใจฮะ” กันต์พยายามแย้ง

“ก็รู้ แต่ไม่อยากให้ไปนิ” ผมพูดบ้าง กับคนนี้ยังไงก็ห้ามใช้วิธีออกคำสั่งครับ ถ้าขืนทำอย่างนั้นรับรองได้ว่ากี่นาทีให้หลัง กันต์จะลงไปอยู่ในบ่อน้ำพุร้อนเรียบร้อย

กันต์ไม่ใช่คนมีนิสัยชอบประชดประชันนะครับ แต่ไม่ชอบให้ออกคำสั่งหรือบังคับให้ต้องทำตามแค่นั้นเอง ผมลองผิดลองถูกมาหมดแล้ว ถึงขั้นทะเลาะกันก็มี  ถึงได้รู้ว่าจะพูดกับกันต์ยังไงให้เขายอม อย่างกันต์ต้องอาศัยลูกอ้อนเท่านั้น ใช่ว่าจะมีแต่ผมฝ่ายเดียวที่แพ้ลูกอ้อนของกันต์ กันต์เองก็ปฏิเสธเวลาผมอ้อนไม่ได้เหมือนกัน แต่ก่อนจะยอมไม่ใช่ง่าย ๆ เหมือนอย่างที่ผมยอมเขาหรอก

เมื่อก่อนเราสองคนเคยคิดไม่ตรงกันระหว่างไอ้เรื่องหึงกับหวงกันนี่ ทำเอาเราต้องใช้เวลาปรับความเข้าใจให้ตรงกันอยู่พักหนึ่งเลยทีเดียว กันต์หึงเป็นนะครับ  แต่จะไม่หวง ยิ่งกับเรื่องที่มันธรรมดามาก ๆ อย่างใส่กางเกงว่ายน้ำลงสระ ใส่กางเกงตัวเดียวเดินริมทะเล หรือแม้กระทั่งมีผ้าผืนเล็ก ๆ ผืนเดียวติดกายลงแช่น้ำพุร้อน ไอ้ที่ว่ามาทั้งหมดนี่มันก็เคยเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผมเหมือนกัน แต่มันจะกลายเป็นเรื่องไม่ธรรมดาถ้าเป็นกันต์ทำแล้วผมรับรู้หรืออยู่ในสายตาผม ก็ผมหวงของผมนี่ ถึงกันต์จะชอบพูดว่ามองก็เอาไปไม่ได้ก็ตามที แต่ยังไงผมก็ไม่ชอบอยู่ดี

“เออ ไม่ไปก็ได้ กลับไปซื้อ 4S ให้ด้วยแล้วกัน” กันต์พูด แล้วอาศัยช่วงที่ผมยืนอึ้งดึงมือออกจากมือผม และหมุนตัวเดินกลับไปนั่งเท้าคางกับโต๊ะกลางห้องมองตรงมาที่ผมเหมือนกำลังรอคำตอบ มีใช้นิ้วเคาะโต๊ะเป็นจังหวะอีกต่างหาก กดดันกันดีเหลือเกิน มาแบบนี้ไม่ให้ได้ไหมล่ะครับ

“เดี๋ยวนี้มีข้อแลกเปลี่ยน” ผมพูดลอย ๆ แล้วหันหลังหนี นั่งลงเอาของออกจากกระเป๋าต่อ

“เจอกันมื้อเย็น ไปล่ะ” อ้าว เฮ้ย ไหงเป็นงั้น เดี๋ยวนี้มีพัฒนาการไปอีกรูปแบบแล้ว   

“โอเค ๆ 4S แถมเคสให้อีกห้าอันเลยเอ้า” ผมพูด เชื่อเขาเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนแค่ว่าผมแล้วก็จบ ไม่ให้ไป ก็ไม่ไป ไหงตอนนี้หัดมีข้อแลกเปลี่ยน เป็นดาราต้องเสียค่าจ้างให้ถอดเสื้อ แต่กับคนนี้ผมต้องเสียค่าจ้างให้เขาอย่าถอดเสื้อ สงสัยวางแผนไปเที่ยวคราวหน้าผมต้องปรับแผนใหม่ หลีกเลี่ยงทุกสถานที่ที่มันต้องถอด วงเล็บว่าเฉพาะการถอดต่อหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่ผม

“สู้ไม่ได้เลย” ผมพูดแบบลอย ๆ

“อะไร” เสียงนิ่ง ลอยมาทันทีเลย

“เปล่า ไม่ได้พูดอะไรนิ” ผมพูดจบก็หันหน้าไปทางอื่นทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่แอบเหล่หางตามองเขาอยู่ เลยเห็นกันต์มองมาทางผมแบบคาดโทษแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ



……………………………………………….……….



“มาถูหลังให้” ผมเรียกให้กันต์หันหลังมาหาผมตอนที่กำลังอาบน้ำ ก่อนลงแช่ในบ่อน้ำพุร้อน อยู่ในห้องส่วนตัวแบบนี้ค่อยยังชั่ว ก็ดูตัวแฟนผมสิ ถอดเสื้อมาเจอขาวอย่างกับหยวก พอเข้ามาเจอไอร้อนเข้าหน่อยผิวก็แดง ชวนมองน้อยอยู่เมื่อไหร่ ถ้าพาไปอาบแดดให้ผิวแทนขึ้นหน่อย ก็น่ามองใช่เล่นอยู่เหมือนกัน

“เจ็บหรือเปล่า” ผมถามเมื่อเริ่มใช้ผ้าขนหนูถูหลังให้กันต์

“หึ” กันต์ส่งเสียงตอบกลับมาสั้น ๆ แล้วบิดคอไปมาเพื่อคลายเส้น

“หันกลับมาหน่อย” ผมเรียกให้กันต์หันกลับมาเมื่อขัดหลังให้แล้ว พอกันต์หันกลับมาผมก็จับแขนเขาขึ้นมาขัดผิวให้ต่อที่ละข้างจนครบทั้งสองข้าง

“ยืดขามา” ผมบอก พอได้ยินที่ผมบอกกันต์ก็ทำท่าลังเลนิดหน่อย แต่พอผมยื่นมาไปจับขากันต์ กันต์ถึงได้ยอมยืดขาออกมา ผมค่อย ๆ ใช้ผ้าขัดผิวที่ขาเขาให้ทีละข้างจนเสร็จก็ตักน้ำมาราดตัวให้ เตรียมตัวลงไปแช่น้ำพุร้อนกันได้สักที

“เสร็จแล้ว” ผมบอกกันต์

“หันหลังมา เดี๋ยวขัดให้” กันต์ไม่ยอมลุก แต่บอกให้ผมหันหลังไปให้แทน

“ไม่ต้องหรอก”

“เออน่า บอกให้หันมาก็หันมา” อย่าได้หือเลยจริง ๆ ให้ตาย

“เจ็บหรือเปล่า” กันต์ถามกลับมาแบบเดียวกันกับที่ผมถามเขา เมื่อเขาเริ่มใช้ผ้าขนหนูถูหลังให้ผม

“หึ” ผมส่งคำตอบแบบเดียวกันกลับไป พอเสร็จจากหลัง กันต์ก็ทำในแบบเดียวกันกับที่ผมทำให้เขาทุกอย่าง

“ป่ะ” กันต์พูดชวนผมสั้น ๆ ให้ไปลงแช่น้ำพุร้อน หลังจากตักน้ำราดตัวผมเป็นที่เรียบร้อย

ระหว่างนั่งแช่น้ำก็คุยกันถึงวันพรุ่งนี้ว่าตอนเช้าจะไปไหน คุยไปผมก็จับกันต์มานั่งข้างหน้าผม แล้วนวดไหล่ให้เขาไป พอผมนวดไปได้สักพัก กันต์ก็มาแลกสลับที่กับผม แล้วเป็นฝ่ายนวดให้ผมบ้าง ก็แช่กันอยู่สักครึ่งชั่วโมงก็พากันต์ขึ้นจากน้ำครับ เพราะสีผิวแทบจะไม่ต่างจากกุ้งโดนต้มจนสุก กลัวว่าปล่อยให้แช่นานกว่านี้กันต์จะสุกไปจริง ๆ


…………………………………………
……………………………
…………….



เช้าวันรุ่งขึ้นเราไปเที่ยวหมู่บ้านสึมาโกะ เป็นหมู่บ้านซึ่งในอดีตใช้เป็นที่พักระหว่างการเดินทางจากเกียวโตและโตเกียว เป็นหมู่บ้านที่อนุรักษ์ถนน บ้าน หรือบรรยากาศ เลยคงกลิ่นอายความเป็นหมู่บ้านโบราณไว้ได้อย่างดี ทำอาผมลืมครั้งก่อนที่ไปทาคายาม่าเลย เพราะที่นี่ดูไม่ปรุงแต่ง ดูสดและอนุรักษ์มากกว่า บรรยากาศแบบโอท็อป สบายๆ ถึงแม้บริเวณไม่กว้าง แต่สามารถอยู่ได้หลายชั่วโมงสบาย ๆ เลยทีเดียว

ระหว่างที่กำลังเดินดูสองข้างทางไปเรื่อย ๆ กันต์ก็มาดึงแขนผมให้ตามไปที่ร้านขายพวงกุญแจครับ มีพวงกุญแจร้อยเป็นพวงแขวนอยู่เต็มหน้าร้านไปหมด แต่ละแบบล้วนแต่สีสันฉูดฉาดทั้งนั้น




“จะซื้อไปฝากที่ออฟฟิศ”

“เอาสิ” ผมตอบรับ แล้วเดินเข้าไปช่วยเขาเลือกพวงกุญแจตุ๊กตาหมีที่เย็บจากผ้าลายดอกซากุระห้อยด้วยเชือกถักสีสดใส เราสองคนช่วยกันเลือกมาทั้งหมดสิบสี่ตัว เท่ากับจำนวนสาวน้อยสาวใหญ่ในออฟฟิศของกันต์

“เอานี่อีกสองตัว” ผมชูพวงกุญแจที่แอบเก็บไว้ในมือสองอัน เจ้าหมีสองตัวนี้ไม่เหมือนกับที่กันต์กับผมเลือกไปก่อนหน้าเพราะสองตัวนี้เป็นสีดำ ผมเห็นว่าทั้งพวงใหญ่ที่แขวนอยู่มีสีนี้อยู่แค่สองตัวเลยแอบเก็บไว้เอง แล้วเอาออกมาที่หลัง

“เอ้ย น่ารักดี” กันต์รับพวงกุญแจหมีน้อยจากมือผมไปถือไว้เอง ก่อนจะบอกให้เจ้าของร้านคิดเงินเจ้าสองตัวนี้รวมไปด้วย แต่ให้แยกถุงที่ใส่ต่างหาก

เราใช้เวลาอยู่ที่นี่กันตั้งแต่สิบโมงจนถึงเที่ยง หาอะไรกินกันเรียบร้อยถึงได้เดินทางกลับ เพราะตั้งใจไว้ว่าบ่ายโมงจะกลับไปเล่นสกีกันต่อ
 
----------------------------------------------------------------

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2012 00:39:34 โดย Angel_K »

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
«ตอบ #1873 เมื่อ04-01-2012 01:57:14 »

บรรยายจนเห็นภาพ อยากไปเลย  :serius2:
 :mc3: :mc2: :mc1:
สวัสดีปีใหม่ ขอให้มีความสุขมากๆ นะ
+เป็ด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2012 02:00:59 โดย Horizon »

ออฟไลน์ Anonymus

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-1
Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
«ตอบ #1874 เมื่อ04-01-2012 08:34:20 »

กันต์อ่ะทำเป็นเก๊กไปงั้นแหละ เวลากรอ้อนทีไร กันต์ก็ต้องใจอ่อนทุกทีไม่ใช่เหรอ ขยันอ้อนเข้าไว้ กรสู้ๆ   
ว่าแต่...กันต์วางแผนไว้ป่ะเนี่ย รู้ๆอยู่ว่ามีแฟนขี้หวง ไม่ชอบให้โชว์เนื้อตัวให้ใครเห็น
แล้วมาทำฟอร์มจะโชว์เนื้อหนังแบบนี้ กะให้กรหวงแล้วต้องยอมตามใจอะดิ หุหุ ร้ายนะเรา

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
«ตอบ #1875 เมื่อ04-01-2012 08:50:15 »

อิจฉาจัง อยากไปม่างงงงงงงงงงงงงงง :o8:

Akamei

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
«ตอบ #1876 เมื่อ04-01-2012 12:04:00 »

อยากไปบ้างอะไรบ้าง
กรนี่มีของดีก็แบ่งๆกันดูซิ
555555555555555

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
«ตอบ #1877 เมื่อ04-01-2012 12:20:21 »

น่าอิจฉานะเนี่ยได้เวลาไปหวานกันสองคน อิจฉาๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ nunamicky

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-3
Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
«ตอบ #1878 เมื่อ04-01-2012 13:00:40 »

สองคนนี้เค้าดูแลกันดีจัง
น่ารัก :o8:

ออฟไลน์ ladyzakura

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0
Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
«ตอบ #1879 เมื่อ04-01-2012 15:09:42 »


หวานกันไกลในแดนซากุระ อิอิ

กันต์นี่แข็งนอกอ่อนในอ่ะ กรอ้อนบ่อยๆ เลย

รออ่านต่อคร๊า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
« ตอบ #1879 เมื่อ: 04-01-2012 15:09:42 »





Chocorun

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
«ตอบ #1880 เมื่อ04-01-2012 18:55:25 »

 :z1: ขัดถู ขัดถู อาบน้ำ ขัดถู ถูตัว ให้กัน
มันน่าอิจฉาจริง อะไรจริง
อ่านแล้วอยากไปเที่ยวด้วยมากๆ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
«ตอบ #1881 เมื่อ04-01-2012 19:30:15 »

กร ดูแลเทคแคร์ กันต์ดีมากเลยอะ อิจฉาคู่นี้จังเลย  :o8:

ออฟไลน์ nn~~NN

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-1
Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
«ตอบ #1882 เมื่อ04-01-2012 21:17:36 »

สวีตกันจนหิมะละลายแย้วววววว  :กอด1:

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0
Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
«ตอบ #1883 เมื่อ05-01-2012 03:34:39 »

ชอบๆๆ  หวานๆๆเเบบนี้  แต่รู้สึกอิจฉาตาร้อน  ห้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

Sweet cream

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
«ตอบ #1884 เมื่อ06-01-2012 08:17:41 »

 :-[ หวานกันในต่างแดน ชอบจังเวลาเห็นคนรักกันดูแลกันแบบนี้
อบอุ่น เอาใจใส่ คิดถึงความรู้สึกของกันและกัน
เชื่อว่ากันต์เองก็เข้าใจกรที่หวงนะ อาจจะมีข้อแม้บ้าง แต่ลึกๆ แล้วก็ยอมกรแหละ
แต่ยอมง่ายๆ ก็ไม่ใช่พี่กันต์สิเนอะ ^^
ส่วนกรอย่าคิดจะต่อกรกับพี่กันต์เลย แพ้ทางเขาตลอดๆ

ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6
Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
«ตอบ #1885 เมื่อ06-01-2012 11:38:11 »

เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ อ่านอยู่ 1 คืน
เรื่องนี้หวานมากกกกกกกกกกกกกกกกๆๆๆๆๆ
อ่านแล้วซึ้งสุดๆ เป็นอีกรูปแบบชีวิตที่คนส่วนใหญ่ปรารถนาเลยนะเนี่ย

ขอบคุณคนเขียนมากๆ นะคะ จะติดตามอ่านต่อไปเรื่อยๆ ค่า   :pig4:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
«ตอบ #1886 เมื่อ07-01-2012 20:01:07 »

อ่านแล้วอยากไปเที่ยวด้วย

หวานกันดีเหลือเกิน

ออฟไลน์ noomasoi3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
«ตอบ #1887 เมื่อ15-01-2012 13:21:44 »

ที่เมนท์นี่ก็ไม่ได้เร่งรัดอะไรน้า แต่เห็นว่ากร-กันต์ไปญี่ปุ่นกันน๊านนาน...เลยกลัวว่าจะหาทางกลับบ้านไม่เจอ อิ อิ

ออฟไลน์ Angel_K

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 263
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +352/-0
Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
«ตอบ #1888 เมื่อ22-01-2012 00:35:56 »

ตอนพิเศษ Let‘s go to Japan (2/2)            

เช้าวันที่สามหลังจากกินมื้อเช้ากันแล้ว เราสองคนก็ทำตามแผนที่วางไว้คือขึ้นไปสกีกันต่อ แต่วันนี้เราจะอยู่กันแค่ครึ่งวันเช้า ส่วนช่วงบ่ายจะนั่งรถไฟกลับเข้าโตเกียวและไปเที่ยวที่นั่นกันต่อ พอนั่งรถไฟกลับมาถึงโตเกียวก็นั่งรถไฟต่ออีกเพื่อไปถึงโรงแรม เก็บของเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ แล้วออกจากโรงแรมเพื่อไปซื้อของกันที่ย่านกินซ่า ซื้อทั้งของของเราเองที่ตั้งใจมาซื้อ และของฝากคนอื่นทั้งแบบที่ตั้งใจซื้อฝากและถูกบังคับให้ซื้อไปฝากด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกเสื้อผ้ารองเท้า แต่ถ้าของฝากพวกขนม ชาเขียว อะไรที่เป็นญี่ปุ่น ๆ ไว้ไปซื้อพรุ่งนี้เช้า


.
.
.

“สีนี้”

“ไม่ใช่ อยากได้สีเข้มกว่านี้”

“สีนี้”

“ไม่ ๆ อ่อนกว่านี้อีกนิด” อ่อนกว่านี้อีกนิด อยู่ไหนหว่า ผมคิดในใจแล้วสอดส่ายสายตาหาสีของรองเท้าตามที่กันต์อยากได้

“อยากได้สีตรงกลางระหว่างสองสีนี้” กันต์พูด เมื่อมองรองเท้าที่ผมถือเพื่อเปรียบเทียบสีกันอยู่

“เดี๋ยวนะ เหมือนจะเห็นเมื่อกี้” ผมพูด แล้ววางรองเท้าทั้งสองคู่ลงบนชั้น ก่อนจะช่วยกันต์มองหาสีรองเท้าในแบบที่เขาอยากได้ให้เจอ แต่ไม่ต้องห่วงว่า ถ้าผมหาไม่เจอในร้านนี้แล้วจะต้องเดินต่ออีกหลายร้านนะครับ เพราะกันต์จะใส่รองเท้าอยู่แค่สามยี่ห้อ ถ้าในสามยี่ห้อนี้ไม่มีที่ถูกใจ กันต์จะไม่ซื้อเลย และร้านนี้เป็นร้านที่สองที่เข้ามาหลังจากร้านแรกไม่มีของที่กันต์ถูกใจ ออกจากร้านนี้จะเหลืออีกร้านเดียวที่กันต์จะเข้าไปดู

ถ้าเป็นก่อนที่จะรู้จักกันต์ผมคงมองคนแบบกันต์ว่าเรื่องเยอะต้องระบุว่าเป็นยี่ห้อนั่นยี่ห้อนี้เท่านั้น แต่พอมามองกันจริงๆ ผมว่าเป็นนิสัยแบบกันต์กลับเป็นอะไรที่ไม่วุ่นวายด้วยซ้ำ มีให้เลือกแค่สามยี่ห้อนี้ ถ้าไม่มีที่ถูกใจก็ไม่ต้องซื้อมันเลย ใช้ของที่มีอยู่ไป ไว้มีที่ถูกใจค่อยซื้อ ไม่ใช้ประเภทที่บอกว่าอยากได้รองเท้าสีน้ำตาล แล้วต้องเดินมันทุกร้านเพื่อหาแบบและสีที่ถูกใจจนเจอ กันต์ไม่เชิงว่าเป็นคนที่ยึดติดกับยี่ห้อเสียทีเดียว แต่จะเป็นคนที่ถ้าอะไรใช้ดีก็จะใช้อยู่แต่อย่างนั้นมากกว่า จะไม่เสียเวลาไปหาอะไรใหม่ ๆ เขาบอกว่า เดี๋ยวมันก็ทำแบบใหม่ออกมาเอง 

“สีนี้” ผมหยิบรองเท้าคู่ที่สามออกมาจากชั้น แล้วเรียกให้กันต์ซึ่งกำลังดูรองเท้าจากชั้นอีกฝั่งหันมาดู

“อืม ๆ ใช่ สีนี้แหละ” ในที่สุดกันต์ก็ได้ในสิ่งที่เขาต้องการครับ ส่วนผมเจอคู่ที่อยากได้ตั้งแต่เข้ามาที่ร้านไม่ถึงห้านาที ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนเรื่องน้อยหรืออะไร แต่ผมใส่รองเท้าสีดำเป็นส่วนใหญ่ เลยมองหาง่ายหน่อย แต่หลัง ๆ ก็เริ่มมีรองเท้าสีอื่นเข้ามาในตู้บ้างเหมือนกันต์ เห็นกันต์ใส่แล้วก็สวยดี เลยซื้อมาใส่บ้าง หรือถ้าผมไม่ซื้อเอง กันต์ก็เป็นคนซื้อมาให้

“จะซื้ออะไรให้รัก” กันต์หันมาถามหลังจากรับถุงใส่รองเท้ามาจากพนักงานแล้ว สำหรับของของเราที่จะมาซื้อก็มีแค่นี้แหละครับ ที่เหลือก็เป็นของคนอื่น แต่จะว่าไปก็ไม่ใช่คนอื่นซะทีเดียวหรอก ของพี่ ๆ น้อง ๆ ที่สนิทกันทั้งนั้น สนิทจนอยากจะเลิกสนิทก็งานนี้ และสำหรับย่านกินซ่าถ้าใครมาที่นี่เพื่อจะสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นคงต้องผิดหวังหรือจะบอกว่ามาผิดที่ก็ได้ เพราะถ้ามากินซ่าจะได้บรรยากาศเหมือนเดินอยู่แถบยุโรปมากกว่า

“ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวเดินดูก่อน เจออะไรน่าสนใจก็ซื้อ แล้วของชิน จะซื้อที่ไหน”

“ซื้อที่นี่แหละ เมื่อกี้เห็นอยู่ร้านนึง ว่าจะลองเข้าไปดู”

“ไปสิ เผื่อจะซื้อไปให้ไอ้เปี๊ยกมันด้วย” ผมพูด เห็นว่ารักเองก็ใช้โทรศัพท์รุ่นเดียวกันกับชิน ถ้าเจอเคสสวยๆ จะได้ซื้อไปฝากมัน



เราสองคนซื้อของเสร็จภายในเวลาแค่ชั่วโมงเศษ พอดูเวลาแล้วยังมีเวลาอีกเหลือเฟือให้ไปที่อื่นต่อ กันต์เลยชวนผมขึ้นรถไฟไปที่รปปงงิเพื่อจะไปยังจุดหมายปลายทางคือ โตเกียวทาวน์เวอร์ แต่ก่อนไปถึงโตเกียวทาวน์เวอร์ก็หามื้อเย็นกินกันที่รปปงงิก่อน พอจบมื้อเย็นก็ได้เวลาออกเดินตามแผนที่ในมือเพื่อไปให้ถึงโตเกียวทาวน์เวอร์


.
.
.

อันที่จริงโตเกียวทาวน์เวอร์ถือเป็นจุดสำคัญจุดหนึ่งในการนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว และเท่าที่ผมรู้มาจะมีวัดที่อยู่ใกล้ ๆ กันนี้ ซึ่งพอถึงวันสิ้นปีจะมีคนมาต่อคิวตั้งแต่หกโมงเย็น เพื่อรอรับลูกโป่งที่ทางวัดแจกมาเขียนขอพร แล้วปล่อยพร้อมกันเมื่อเข้าสู่วันใหม่ แต่สำหรับวันสุดท้ายของปีเรามีแผนอื่นกันแล้ว 

แล้วโตเกียวทาวเวอร์ ก็ทำเอาเมื่อยขา เพราะดูแผนที่จากรปปงงิ มันไม่น่าไกลมากเลยเดิน แต่พอเดินจริงโคตรไกล ตอนแรกเห็นอยู่ นึกว่าใกล้

"เฮ้ย โตเกียวทาวเวอร์หายไปไหนแล้วอ่ะ" เสียงผมถามคนที่ผมจูงมือเดินอยู่ ตอนนี้ทุ่มกว่าเกือบสองทุ่มแล้วครับ แต่โตเกียวทาวน์เวอร์มันปิดสี่ทุ่มผมเลยมีเวลาเดินไปได้เรื่อย ๆ กะจากแผนที่คร่าว ๆ คงไม่ไกลจนถึงกับใช้เวลาเดินเกินครึ่งชั่วโมง แถมระหว่างทางยังไม่ค่อยมีคน ผมเลยเดินจูงมือกันต์เดินมาตลอดทาง

"ตามแผนที่ก็ถูกแล้วนิ" เสียงกันต์พูดขึ้นมาบ้าง หลังจากก้มลงมาดูแผนที่ในมือผมแล้ว

"อืม ไม่น่าผิดหรอก ถามคนญี่ปุ่นเมื่อกี้ เขาก็ว่าเดินตรงมานี่" ผมตอบบ้าง เมื่อกี้ลองถามทางคนที่เดินสวนมาดูหลังจากเดินมาไกลพอสมควร เขาก็บอกว่ามาถูกทางแล้ว และแนะนำให้เราขึ้นรถไฟใต้ดิน แต่ผมก็ยังยืนยันว่าจะลองเดิน เขาเลยบอกให้เดินตรงไปอีก เดินมาถึงขนาดนี้แล้วเดินอีกหน่อยจะเป็นไร แล้วอีกอย่างผมถือว่ามันเป็นโอกาสหนึ่งที่ผมกับกันต์จะมาทำอะไรร่วมกันแบบนี้ จะมีโอกาสสักกี่ครั้งที่ผมกับกันต์จะมาเดินจูงมือกันเดินได้แบบนี้
 
“กรมีความตั้งใจอย่างนึงนะ” ผมพูดขึ้นมาระหว่างที่เดินไปเรื่อย ๆ

“ตั้งใจว่า”

“เราจะไปเที่ยวที่ใหม่ๆ กันทุกปี”

“อื้อ แล้วคราวหน้าอยากไปไหน” กันต์ถามผมกลับมา

“ไปแบบสมบุกสมบันหน่อยดีไหม แก่แล้วไปไม่ไหว”

“อายุเพิ่งยี่สิบกว่า คิดไปถึงตอนแก่” กันต์พูดกลับมาขำๆ แล้วจับมือผมข้างที่เราจับมือกันเดินยกขึ้น มาเขกหัวผมเบา ๆ ก่อนหัวเราะ

“แล้วมันจริงไหมล่ะ แก่แล้วเราจะไปปีนเขา ดำน้ำ ไปอยู่กลางทะเลทราย ขับรถไกล ๆ หรือเดินไกล ๆ ไหวได้ไง เดินมาแค่นี้ยังเริ่มเมื่อย” ผมพูดต่อ

“อ่อน” กันต์หันมาพูดสั้น ๆ คำเดียวใส่หูผม พอได้ยินที่กันต์พูดผมเลยจับมือเขาทำแบบเดียวกันกับที่เขาทำกับผม แต่กันต์เอียงตัวหลบทัน

“หนีหรอฮะ ว่าใครอ่อนพูดผิดพูดใหม่” ผมพูด แล้วปล่อยมือจากเขา เปลี่ยนเป็นใช้แขนพาดไหล่แล้วดึงเขามาหาตัวแทน

“หึหึ ไม่อ่อนก็ไม่อ่อน แล้วคิดจะไปไหน มีทะเลทราย” กันต์ถามแล้วหลิ่วตามองผมที่ยังกอดคอเขาเดิน

“ก็พิสูจน์มาแล้วนิว่าไม่อ่อน คืนนี้จะให้พิสูจน์อีกก็ได้นะ”

“ไม่ต้องนอกเรื่อง” กันต์พูดเบรกผมก่อนที่ผมจะพาออกนอกเรื่องไปไกล แหม เรื่องแบบนี้มันจะให้หยามกันได้ยังไง

“พูดเผื่อไว้เฉย ๆ ไง แต่อยากลองไปดูสักครั้งเหมือนกัน” ผมพูดกลับเข้าเรื่องเดิม

“ออสเตรเลีย”

“อียิปต์” ผมเฉลย

“พูดเป็นเล่น” กันต์ส่งสายตามาถามว่าผมจะเอาจริงอย่างที่พูดหรือเปล่า

“ถ้าชวนไปจะไปหรือเปล่า”

“ลองดู” กันต์ตอบสั้น ๆ เห็นกันต์เนี้ยบ ๆ แบบนี้ก็ขาลุยอยู่เหมือนกัน ผมเห็นรูปที่เขาเคยไปเที่ยวกับครอบครัวหรือกับเพื่อน ๆ

“งั้นกลางปีเลยเป็นไง”

“ดูวันหยุดก่อน”

“ตกลงจะไปจริง” ผมถามย้ำ

“แล้วอยากไปหรือเปล่า อยากไปก็ไป” กันต์พูดแล้วยักไหล่น้อย ๆ เหมือนจะบอกผมว่า ไม่เห็นจะเรื่องใหญ่นิ อยากไปก็ไป

“ไว้ค่อยคุยกันอีกที ขอไปหาข้อมูลก่อน แล้วกันต์ล่ะ ปีหน้าอยากทำอะไร” ผมถามกันต์กลับบ้าง หลังจากเล่าความตั้งใจของผมให้เขาฟังแล้ว

“ก็ไม่อะไรมาก แค่ทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวันมากกว่า อยากทำให้หนังสือขายดีขึ้น บริษัทฯ โตขึ้น ทีมงานมีไอเดียใหม่ ๆ ไม่ขาด ชีวิตดี ครอบครัวดี แค่นี้ก็พอ”

“อืม” ผมตอบรับ

“แล้วทำไมถึงอยากไปเที่ยวที่ใหม่ๆ ทุกปี”

“ทำอะไรด้วยกันครั้งแรกมันตื่นเต้นดีออก เปลี่ยนที่ไปเรื่อย ๆ มันจะได้รู้สึกว่าเป็นครั้งแรกของเราทุกครั้ง กันต์คิดว่าไง”

“ก็ดี กว่าจะแก่ คงได้ไปกันทั่วโลก ถ้าไม่โดนสิงโตที่แอฟริกาคาบไปกินเสียก่อน”

“ก็ว่าไปนั่น” ผมพูดตอบ ก่อนที่เราจะพากันยิ้มไปด้วยกัน

.
.
.
   

“เดินเล่นอยู่ข้างล่างก็พอมั้ง หรือจะเดินขึ้นไป” กันต์หันมาถาม เมื่อเราพากันเดิน เดิน เดิน มาจนเห็นยอดโตเกียวทาวน์เวอร์ เห็นแล้วค่อยใจชื้นหน่อย

“อืม เดินข้างล่างก็พอแล้วล่ะ” ผมตอบตกลง

เราพากันเดินไปให้ถึงใต้ฐานโครงเหล็กยักษ์สูง 333 เมตร แล้วด้วยความที่กว่าจะเดินมาถึงก็ล่วงเวลาเข้าไปเกือบสามทุ่มบรรยากาศใต้แสงเงายามค่ำคืน จึงเงียบสงบกว่าที่คิด ต่างจากเวลากลางวันที่ผมเคยมาอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวมาเดินเล่นอยู่บ้างประปราย บ้างก็มาถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึก แต่บรรยากาศแบบนี้แหละเป็นบรรยากาศในแบบที่ผมอยากได้ ไม่ได้เป็นบรรยากาศที่สดใส แต่เป็นบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกสงบและสบาย

“พรุ่งนี้จะเดินกันไว้ไหมเนี่ย” ผมพูดขึ้นมาระหว่างที่เราพากันเดินเอื่อยไปเรื่อย ๆ พร้อมกระชับมือที่กุมกันไว้ให้แน่นขึ้น ด้วยอุณหภูมิที่ลดลงอย่างช้า ๆ ตามเวลา

“นั่นสิ แต่พรุ่งนี้ออกสายหน่อยก็ได้ นั่งรถไฟไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงแล้ว”

“อืม”


...........................................................

........................................

..........................




เช้าวันสุดท้ายของปีเราออกเดินทางโดยรถไฟอีกครั้ง เพียงแค่นั่งรถไฟออกไปจากใจกลางเมืองไม่เกินชั่วโมงก็จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตามย่านชานเมืองรอบ ๆ โตเกียว ที่เที่ยวซึ่งไม่มีอยู่ในหนังสือนำเที่ยว แต่จะพบกับมุมมองที่แตกต่างไปจากแหล่งท่องเที่ยวปกติที่นักท่องเที่ยวเขาไปกัน นั่นคือสิ่งที่เราได้รับคำแนะนำมา ก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางมาตามคำแนะนำนั้น


อันที่จริงเราวางแผนไว้ว่าวันนี้จะไปเดินเล่นที่ชิบูยา หรือชินจูกุ ซึ่งเป็นแหล่งที่ใครมาญี่ปุ่นก็ต้องเดินทางไป แต่เมื่อวานตอนที่เล่นสกีบังเอิญพบกับคนไทยที่มาอยู่ที่นี่ เขาเลยแนะนำให้เรานั่งรถไฟออกไปเที่ยวที่ชิโมกิทาซาว่า ถ้าผมจำชื่อไม่ผิด ไม่แน่ใจว่าเรียกถูกหรือเปล่าเพราะผมเองก็เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก เขาบอกว่าถ้าผมไปที่นี่จะได้พบกับหลายบรรยากาศ ตั้งแต่บรรยากาศของร้านขายของชำแบบเก่า ซึ่งร้านเหล่านี้ในแหล่งอื่นเปลี่ยนไปเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่ร้านแถบนี้ยังคงสภาพเดิมเอาไว้ ซึ่งเป็นที่ ๆ หลายคนแสวงหา และถัดมาไม่กี่ก้าวในอีกมุมหนึ่งก็จะเป็นถนนที่เต็มไปด้วยวัยรุ่น

เมื่อมาตามคำแนะนำจนถึงสถานที่จริง ต้องบอกเลยว่าเราสองคนไม่ผิดหวังเลยสักนิด แต่ที่สุดท้ายที่ผมกับกันต์เลือกเดินเล่นก่อนถึงเวลาส่งท้ายปี กลับเป็นถนนสายที่ผู้คนพลุกพล่านและเต็มไปด้วยสีสันอย่างชิบูยา ถึงจะเป็นถนนสายสุดท้ายที่เราสองคนเลือกเดินด้วยกันของวันนี้ แต่ไม่ใช่สถานที่ที่เราเลือกใช้ส่งท้ายปี



ส่วนสถานที่ที่เราวางแผนที่จะไปในวันพรุ่งนี้คือ วัดอาซากุซะ ตอนแรกก็คุยกันว่าคนน่าจะเยอะ เราจะไปหรือไม่ไปดี แต่สุดท้ายก็สรุปกันได้ว่า ไหน ๆ ก็มาแล้ว ก็น่าจะลองทำอย่างที่คนญี่ปุ่นเขาทำกันดู กันต์บอกผมว่าจะออกเช้าหน่อย แต่สำหรับผม ผมคาดว่ากว่าเราจะได้ไปกันจริง ๆ คงเป็นช่วงบ่ายมากกว่า

 
…………………………………………………

.................................................



“กร เอาออก”

“อีกรอบนะ”

“เปลี่ยนก่อน” กันต์พูด พร้อมกับยกมือขึ้นมาดันที่หน้าท้องผม

“ไม่บอกก็ทำอยู่แล้วน่า อย่าใจร้อนดิ”

“ใคร อ้ะ อื้อ”

“อย่าร้องแบบนั้น ถ้าทนไม่ได้หันไปทำแบบไม่ได้ใส่ อย่ามาโทษนะ”

“ไอ้”

“หมดแล้ว” ผมหันหลังไปบอกคนที่นอนนิ่งอยู่บนที่นอน พร้อมชูกล่องเล็ก ๆ ในมือ และทำท่าเทของออกจากกล่อง แต่ไม่มีอะไรร่วงออกมาจากกล่อง

“หมดก็พอ” เสียงกันต์ตอบกลับมาเนือย ๆ แล้วพลิกตัวตะแคงซบหน้าลงกับหมอนนุ่มสีขาวสะอาด

“ไม่ต้องใช้” ผมโยนกล่องลงทีเดิม แล้วก้มลงไปจูบขมับคนที่นอนอยู่ ก่อนพูดเบา ๆ ใส่หูเขา

“ไม่” กันต์ตอบเสียงห้วน แล้วขยับจะพลิกตัวหนี แต่ติดที่ผมยืนแขนคร่อมตัวเขาเพื่อปิดทางไว้ได้ก่อน

“นะ” ผมส่งเสียงอ้อนกันต์

“ไม่” กันต์ตอบเสียงห้วนเหมือนเดิม พอพลิกตัวหนีผมไม่ได้ เขาเลยทำแค่หันหน้าไปอีกด้านแทน

“จะเอา”

“ไม่” กันต์หันหน้ากลับมาตอบ แล้วยกมือขึ้นมาดันหน้าผมที่ก้มลงไปนัวเนียอยู่กับซอกคอเขา ก่อนจะไล่ขึ้นมาจนถึงริมฝีปาก

“น่า” ผมพูด ก่อนจะใช้ริมฝีปากปิดกั้นเสียงของกรไว้ไม่ให้ลอดออกมา

“กร” กันต์เรียกชื่อผมเสียงห้วน เมื่อผละหนีจากริมฝีปากผมได้สำเร็จ

“น่านะ นะ”

“ออกไปซื้อ”

“เฮ้ย นี่มันตีสี่แล้วนะ”

“เออ ตีสี่ งั้นก็นอน ทำอย่างกับไปตายอดตายอยากมะ...”

“อื้อ อ๊ะ... เอาออกไป” กันต์สะดุ้ง มือหนึ่งยกมาดันที่หน้าท้องผม อีกมือก็ยกดันไหล่ ไม่ให้โถมตัวลงไปมากกว่าเดิม เมื่อผมแทรกเข้าไปในตัวเขาแบบไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัว

“เจ็บ อื้อ ไอ้บ้า หยุดเดี๋ยวนี้นะ”

“อย่าเกร็งนะ” ผมพูด แล้วก้มลงไปจูบขมับเขาเบา ๆ

“ถ้าพรุ่งนี้ไปไหน ไม่ได้นะ อ๊ะ”

.
.
.


นั่นแหละครับ แล้วแผนการเดินทางในวันแรกของปีของเราสองคนก็เริ่มขึ้นตอนบ่ายสองโมง

___________________________________
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-01-2012 02:54:52 โดย Angel_K »

paradoxxx

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
«ตอบ #1889 เมื่อ22-01-2012 01:12:17 »


อ่านมาเรื่อยๆ
ตอนท้ายนี้แบบ เอาใจไปเลยอะ 555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด