ตอนที่ 56 ศึกชิงนาย
“น้ากันต์ขา” เสียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กผิวขาววัยสี่ขวบครึ่งในชุดกระโปรงพื้นขาวลงลายดอกไม้เล็กๆ สีฟ้า มีโบว์สีน้ำเงินผูกคาดกลางตัวดังเจื้อยแจ้วมาระหว่างทางที่วิ่งเข้ามาหาผม หลังกระโดดลงมาจากรถทันทีที่จอดสนิท จนผมต้องรีบวิ่งเข้าไปรับตัวเพราะกลัวหลานสาวจะวิ่งสะดุดหกล้ม
“สวัสดีค่ะ” เด็กหญิงตัวเล็กที่ถูกผมช้อนตัวอุ้มขึ้นมากระพุ่มมือขึ้นไหว้อย่างสวยงาม ก่อนยกมือขึ้นกอดคอผมไว้เพราะกลัวตก
“สวัสดีครับพี่ภา” ผมเอ่ยทักแม่ของเด็กหญิงที่ถูกผมอุ้มอยู่
“พี่ฝากหลานไว้วันนึงนะกันต์” พี่ภาบอกผม ส่วนไอ้ภพที่มาพร้อมกันเดินหายเข้าบ้านไปแล้ว คงเอาตะกร้าของหลานมันที่ถือมาไปเก็บไว้ในบ้าน
“ครับ พี่ภาไม่ต้องเป็นห่วง แล้วตอนนี้พี่ต้นเป็นยังไงบ้างครับ” ผมถามถึงสามีของพี่ภาที่ประสบอุบัติเหตุรถชนเมื่อตอนเช้ามืดที่ผ่านมา ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลที่เชียงใหม่ พี่ภากับไอ้ภพกำลังจะขึ้นไปดูอาการพี่ต้นและจัดการเรื่องส่งตัวเข้ามารักษาต่อที่กรุงเทพฯ จะพากอหญ้าไปด้วยก็ไม่สะดวกเลยพามาฝากไว้กับผมเพราะพี่เลี้ยงที่ดูแลก็ดันมาลากลับบ้านที่ต่างจังหวัดช่วงนี้ จะส่งไปอยู่กับปู่ย่าตายายก็ไม่ได้อีกเพราะอยู่ไกลกันหมด มีผมที่อยู่ใกล้ๆ เลยเอามาฝากไว้
ผมเจอกับกอหญ้าตั้งแต่เขาเกิดนะตอนนั้นกลับมาเยี่ยมบ้านพอดี พอกลับมาไทยอีกครั้งกอหญ้าก็อายุได้สองขวบแล้ว กลับมาแรกๆ ผมไปหาพี่ภากับกอหญ้าบ่อย ไปหาทีไรกอหญ้าก็ติดผมแจ ถ้าวันรุ่งขึ้นไปหาอีกก็ยังจำได้อยู่เข้ามาเล่นเรียกน้ากานขาๆ เพราะยังพูดไม่ค่อยชัด แต่พอผมหายไปนานๆ แล้วไปหาอีกทีกอหญ้าจะไม่กล้าเข้ามาเล่นแล้ว ต้องตีสนิทกันใหม่ แต่มาตอนนี้กอหญ้าเริ่มรู้ประสามากขึ้น ผมไปหาแล้วหายไปไม่เจอกันสองสามอาทิตย์กลับมาเจอกันก็ยังซี้กันอยู่เรียก น้ากันต์ขาๆ ทุกครั้งที่เจอผม จนลืมน้าแท้ๆ อย่างไอ้ภพไปเลย ล่าสุดเพิ่งไปหาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง
ส่วนไอ้ภพเองก็ปัญญาอ่อนมีการมางอนผมเพราะเห็นว่าหลานมันติดผมมากกว่า แล้วยังไม่ยอมเรียก ”น้าภพขา” อย่างที่เรียกผมว่า “น้ากันต์ขา” อีก มีการมาว่าผมอีกนะว่าชอบเอาของเล่นมาหลอกหลานมัน หลานมันเลยติดผม
“แขนขวาหักกับหัวแตก หมอบอกว่าสแกนสมองแล้วปกติดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” พี่ภาพูด ถึงจะบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่สังเกตสีหน้าพี่ภาแล้วดูยังไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่ คงต้องไปเห็นอาการพี่ต้นด้วยตาตัวเองจริงๆ ก่อนถึงจะยอมวางใจได้
“ครับ” ผมตอบรับ ถึงตอนนี้ไอ้ภพมันก็เดินออกมาจากบ้านผมแล้ว มีกรเดินออกมาด้วย ที่ไม่ลงมาพร้อมกันเพราะตอนผมลงมากรเพิ่งเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ
“สวัสดีครับ” เสียงกรเอ่ยทักพี่ภา กรกับพี่ภาเคยเจอกันมาก่อนแล้ว ตอนผมพาไปกินข้าวที่ร้านของพี่ภา แต่กรยังไม่เคยเจอกับกอหญ้า
“จ๊ะ พี่ไปก่อนนะกันต์ พี่ฝากหลานด้วย แล้วจะรีบกลับมารับ” พี่ภาบอก ก่อนจะก้มลงดูนาฬิกา เพราะจะช้าอยู่ไม่ได้เดี๋ยวตกเครื่อง
“วันนี้กอหญ้าอยู่กับน้ากันต์น้ากรนะคะ แล้วอย่าดื้ออย่าซนล่ะ” พี่ภาพูดบอกลูกสาวก่อนขยับเข้ามาหอมแก้ม โดยที่กอหญ้าเองก็ยื่นแก้มไปให้คุณแม่หอมซ้ายทีขวาที
“ค่ะ” กอหญ้ารับปากอย่างเด็กว่านอนสอนง่าย
“ขอบใจนะมึง กูไปละเย็นๆ จะรีบกลับมารับ น้าไปนะคะกอหญ้า” ไอ้ภพพูดก่อนโบกมือลาหลานสาว แล้วเดินกลับไปขึ้นรถพร้อมพี่ภา กอหญ้าเองก็โบกมือเล็กๆ กลับไปให้น้าของตัวเอง คราวนี้ก็เหลือกันสามกอแล้ว ผม กร แล้วก็กอหญ้า
.
.
.
“กอหญ้ากินข้าวเช้ามาหรือยังคะ” ผมถามระหว่างทางเดินเข้าบ้าน ตอนนี้ปล่อยกอหญ้าลงเดินเองแล้วครับ
“แม่ให้กินนมมาแล้วหนึ่งกล่องค่ะ แต่ยังไม่ได้กินข้าว” กอหญ้าตอบแล้วยกมือขึ้นมาจับมือผมเพื่อให้ผมจูง
“แล้วกอหญ้าหิวหรือยังคะ อยากกินอะไรเดี๋ยวน้าทำให้ดีไหม” ผมถาม แล้วหันไปมองกรที่เดินตามมาเงียบๆ พอเขาเห็นผมหันไปก็ส่งยิ้มบางๆ กลับมาให้
“ข้าวต้มกุ้งได้ไหมคะ” หลานสาวตัวน้อยของผมบอก
“ได้ค่ะ เดี๋ยวน้าทำให้ ใส่กุ้งตัวโตๆ เลยเนอะ” ผมบอก กอหญ้าก็ผงกหัวตอบกลับมาหงึกๆ
“น้ากันต์คะ น้าคนนั้นเขาชื่ออะไรคะ” กอหญ้ากระตุกมือถามผม พร้อมเหลียวหลังหันไปมองกรที่เดินตามมาติดๆ
“น้ากรค่ะ” ผมตอบ แล้วหยุดเดินเมื่อกอหญ้าหยุด
“กอหญ้ายังไม่ได้สวัสดีน้ากรเลย” กอหญ้าส่งเสียงเล็กๆ ตอบกลับมา แล้วเงยหน้ามองผมเหมือนไม่แน่ใจว่าต้องทำยังไงดี
“งั้นก็หญ้าก็หันไปสวัสดีน้ากรสิคะ” พอผมพูดจบ กอหญ้าก็ดึงมือออกจากผม แล้วกระพุ่มมือเล็กๆ ขึ้นไหว้
“สวัสดีค่ะ น้ากร” เสียงเล็กๆ พูด
“สวัสดีค่ะ กอหญ้าจะกินข้าวต้มใช่ไหม เราไปช่วยกันทำดีไหม” เสียงกรตอบรับ ก่อนจะย่อตัวลงคุยกับกอหญ้า
“ค่ะ กอหญ้าช่วย กอหญ้ากินผักได้ด้วยนะ ใส่ผักได้” เสียงเล็กเจื้อยแจ้ว ก่อนวิ่งมาจับมือผมแล้วเดินเข้าบ้าน
.
.
.
“น้ากันต์กับน้ากรเป็นอะไรกัน”
“เป็นพี่น้องกันหรอคะ” กอหญ้าถามระหว่างนั่งระบายสีลงในสมุดภาพและดูผมกับกรช่วยกันทำข้าวต้มกุ้งไปด้วย พอได้ยินกอหญ้าถามขึ้นมาแบบนั้นผมกับกรถึงกับหันมามองหน้ากันทันที ผมว่าผมทำหน้าเฉยๆ นะ แต่กรนี่ยิ้มกรุ้มกริ่มเสียเหลือเกิน
“แล้วใครเป็นพี่ใครเป็นน้องคะน้ากันต์หรือน้ากร” กอหญ้าถามต่อเมื่อผมกับกรยังไม่ตอบอะไร พอถามจบก็หันมองหน้าผมกับกรสลับกัน
“แล้วกอหญ้าคิดว่าใครเป็นพี่ล่ะคะ” เสียงกรถามมาจากหน้าเตา พร้อมกับใช้ทัพพีคนข้าวต้มในหม้อไปด้วย
“น้ากรเป็นพี่” เสียงใสตอบมาเสียงดังฟังชัดด้วยความมั่นใจ
“อุ๊บ หึ หึ” ผมพยายามกลั้นหัวเราะอยู่ครับ พยายามอย่างเต็มที่ด้วย ส่วนอีกคนถามพอได้คำตอบถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว
“ทำไมถึงคิดว่าน้ากรเป็นพี่ล่ะคะ” ผมถามกอหญ้าระหว่างหั่นต้นหอมผักชีสำหรับโรยหน้า กอหญ้าก็เงยหน้าขึ้นมาจากสมุดภาพแล้วตอบผม
“น้ากรสูงกว่า ตัวใหญ่กว่า น้ากรก็ต้องเป็นพี่สิคะ” คำตอบของเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่อยู่ข้างผมทำให้ใครอีกคนที่ยืนอยู่อีกด้านยิ้มออกมาได้เลยครับ
“น้ากันต์เป็นพี่ของน้ากรค่ะ” ผมเฉลย
“แล้วใครหล่อกว่าคะ น้ากันต์หรือน้ากร” เสียงกรถามมาอีก ระหว่างตักข้าวต้มใส่ชามใบใหญ่สองใบและใบเล็กอีกหนึ่ง
คราวนี้กอหญ้าเงียบไปนาน แล้วมองหน้าผมทีหน้ากรทีสลับไปสลับมา มีทำคิ้วขมวดอีก คิดถูกไหมเนี่ยที่รับเอาลูกเขามาเลี้ยง ผมชักจะเริ่มสงสารหลานขึ้นมาแล้วสิ
“น้ากันต์หล่อกว่าค่ะ” กอหญ้าเงียบไปสักพักกว่าจะตอบออกมา ตอนนี้กรยกชามข้าวต้มมาให้ผมโรยต้นหอมผักชีลงโรยหน้าเรียบร้อยแล้ว
“ว้า เสียใจจัง” กรทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่หลาน
“น้ากรก็หล่อค่ะ แต่น้ากันต์หล่อกว่าจิ๊ดนึง” กอหญ้าพูดพร้อมยกนิ้วก้อยขึ้นมาชูให้เห็น เป็นการบอกให้รู้ว่าแค่จิ๊ดเดียวอย่างที่พูดจริงๆ
“เท่ากันไม่ได้หรอ” กรยังไม่ยอมครับ ขอต่อรองอีก คงอยากจะรู้มากกว่าครับว่ากอหญ้าจะตอบว่ายังไง
“ตอนนี้ยังไม่ได้ค่ะ กอหญ้ารักน้ากันต์มากกว่า กอหญ้าต้องให้น้ากันต์หล่อกว่า ให้น้ากรหล่อเท่ากัน เดี๋ยวน้ากันต์เสียใจ” ให้มันได้อย่างนี้สิหลานสาว ว่าแล้วผมก็ก้มไปหอมแก้มใสของหลานสาวฟอดใหญ่
“น้ากรก็รักน้ากันต์เหมือนกันนะ ให้หล่อเท่ากันได้ยัง” ไอ้นี่นิพูดจา เดี๋ยวหลานจำไปพูดจะว่ายังไง พูดออกมาได้ คนมันเขินเหมือนกันนะเฮ้ย ถึงได้ยินมาบ่อยแต่ไม่เคยชินสักที
“หนูรักมากกว่า” เอาล่ะสิครับ คราวนี้กอหญ้ายกมือขึ้นท้าวเอวทำท่าขึงขังเลยทีเดียว แถมมองหน้ากรไม่วางตา แต่ผมว่าดูแล้วน่ารักมากกว่าน่ากลัวนะ
“หยุดเลยกร ไปแหย่หลานอยู่ได้” ผมพูดปรามขึ้นมาเมื่อเห็นกรกำลังจะพูดอะไรต่อ กับเด็กสี่ขวบก็ไม่เว้นนะคนเรา
“ไม่ได้จะว่าอะไรสักหน่อย” เสียงกรตอบแล้วยกถ้วยข้าวต้มออกไปวางที่โต๊ะ ส่วนผมก็เก็บสมุดแล้วก็สีไม้ของกอหญ้าก่อนจูงหลานไปที่โต๊ะกินข้าว
“กอหญ้านั่งตักน้ากันต์นะคะ” ผมรับตัวหลานสาวขึ้นมานั่งบนตัก เพราะให้นั่งเองคงพ้นโต๊ะมาแค่คอ
“ระวังร้อนนะ” ผมเตือนก่อนเลื่อนชามข้าวมาขนพอให้อุ่นๆ ก่อนส่งกลับไปให้ กอหญ้าก็ใช้ช้อนตักข้าวต้มขึ้นเบาอีกครั้งก่อนส่งเข้าปาก
“เอาพริกไทยหรือเปล่า” กรถามขึ้นมา พอผมพยักหน้ากรก็ลุกจากโต๊ะไปหยิบขวดพริกไทยในครัว เจ้าตัวเล็กบนตักผมพอได้ยินกรพูดกับผมก็มองกรไม่วางตา พอกรเดินหายไปก็ก้มหน้าก้มตากินต่อ พอกรเดินกลับมาก็มองอีก เมื่อกรเดินถือขวดพริกไทยมาเหยาะลงไปในชามข้าวต้มให้ผม
“อร่อยไหมคะ” กรถาม แล้วส่งยิ้มมาให้กอหญ้า
“อร่อยค่ะ” กอหญ้าไม่มองคนถามนะครับ แต่เงยหน้าขึ้นมาพูดกับผมแทน เอาล่ะสิสงสัยหลานผมจะไม่กินเส้นกับกรซะแล้วมั้ง
“ตอนสายๆ เราไปเที่ยวห้างกันไหม” ผมก้มลงไปถามกอหญ้า จะให้อยู่บ้านผมก็กลัวจะเบื่อ แล้วก็ไม่รู้ว่าเด็กเขาชอบเล่นชอบทำอะไรกัน พาไปเดินเล่นน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับวันนี้
“ไปค่ะ ไป น้ากันต์พาไปกินไอติมด้วยนะคะ” กอหญ้าพูด ตามีประกายสดใสขึ้นมาทันทีเลยครับ
“’งั้นหนูก็บอกน้ากรสิคะว่าพาหนูไปหน่อย น้ากรเขาใจดีนะ พูดเพราะๆ นะ น้ากรซื้อไอติมให้หนูเยอะแยะแน่เลย” ผมพูด พอกอหญ้าได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าลังเลนิดหน่อย
“ลองบอกสิคะ” ผมพูดกระตุ้นอีกนิด
“น้ากรพากอหญ้าไปกินไอติมนะคะ” เด็กตัวเล็กบนตักผมพูดเสียงอ้อมแอ้ม
“ไปสิคะ” กรตอบกลับมา กอหญ้าก็เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้ผมนิดนึง แล้วลงมือกินข้าวต้มต่อ
...............................................................
ช่วงเช้าหลังจากกินข้าวกันเสร็จแล้ว ผมก็ปล่อยให้กอหญ้านั่งเล่นระบายสีไปครับ ผมช่วยบ้างนิดหน่อยตามคำชวน เล่นอยู่ไม่นานก็หลับ ระหว่างกอหญ้าหลับผมกับกรเลยออกไปช่วยกันล้างรถ ช่วงนี้ฝนตกบ่อยขี้เกียจเอาออกไปล้างข้างนอกเสียดายเงินเลยลงมือล้างกันเอง แล้วรถก็ไม่ได้สกปรกมากล้างง่ายล้างสามคันใช้เวลาสองชั่วโมงก็เสร็จ ระหว่างที่ล้างรถผมไม่ได้ทิ้งกอหญ้าไปทีเดียวนะครับ เพราะมุมที่ผมล้างรถกันมองเข้าไปในบ้านจะเห็นกอหญ้านอนอยู่ แล้วก็คอยมองเป็นระยะ กลัวตื่นมาไม่เจอใครเดี๋ยวจะตกใจ ล้างรถเสร็จก็ผลัดกันขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ พอผมอาบน้ำเสร็จลงมา กรกำลังจะขึ้นไปอาบบ้าง กอหญ้าก็ตื่นพอดี ผมเลยพาไปล้างหน้าล้างตาปะแป้ง รอกรลงมาก็พากันออกไปกินข้าวกลางวันแล้วตามด้วยไอติมตามที่ตกลงกันไว้ แล้วจนถึงตอนนี้กอหญ้าไม่ยอมคุยกับกรอีกเลยครับ เอาแต่ติดผมแจ
“กอหญ้าเอารสไหนคะ” ผมถาม เมื่อเห็นกอหญ้ามองไอติมที่หลากสีละลานตาอยู่ในตู้อยู่สักพักแล้ว
“เอาสองสีได้ไหมคะ” กอหญ้าเอี้ยวตัวกลับมาถาม ตอนนี้ผมอุ้มกอหญ้าอยู่ครับ เพราะตัวสูงพ้นตู้มาไม่เท่าไหร่ ถ้าผมไม่อุ้มคงมองไม่เห็นอะไรแน่ๆ
“ได้สิคะ แล้วเอาสีไหน” ผมถามต่อ ส่วนกรตอนนี้เดินไปนั่งที่โต๊ะเรียบร้อยแล้วครับ
“เอาสีฟ้ากับสีเขียวค่ะ” พอเลือกได้แล้วผมก็พากลับมานั่งที่โต๊ะ แล้วก็สั่งพนักงานที่รอจดอยู่รายการอยู่แล้ว
“สั่งยัง” ผมถามกรครับ เขาก็พยักหน้ากลับมา ผมเลยหันไปสั่งส่วนของผมบ้าง
“รสอะไร” ผมถามถึงไอติมที่อยู่ในถ้วยของกรครับ เห็นสีแปลกๆ แล้วปกติผมเองก็ไม่เคยสั่งรสอะไรต่างจากเดิมเท่าไหร่ มาถึงไม่สั่งรสชาเขียวก็สั่งรัมลูกเกดสองรสนี้แค่นั้น
“ชิมไหม” กรเลื่อนแก้วของตัวเองมาตรงหน้าผมครับ ผมก็ลองยื่นช้อนไปตักมาชิมดู สักพักก็มีแรงสะกิดเบาๆ จากนิ้วเล็กของเด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมครับ
“อร่อยดี” ผมบอกกร ก่อนหันไปหากอหญ้า
“ชิมของกอหญ้าก็ได้” กอหญ้าพูดแล้วเลื่อนแก้วใส่ไอติมของตัวเองมาให้ผมชิมบ้าง คงจะกลัวน้อยหน้ากรมั้งครับ เพราะตั้งแต่มาคู่นี้ยังไม่ยอมแพ้กันเลย
ตอนเดินเข้ามาในห้างผมกับกรเดินข้างกันไม่ได้เลยครับ พอกรย้ายมาเดินอีกฝั่ง กอหญ้าก็จะปล่อยมือผมแล้ววิ่งมาแทรกกลางระหว่างผมกับกร แล้วคว้ามือผมไปจับไว้ทันที กรก็แกล้งหลานเปลี่ยนไปเดินข้างผมอีกฝั่ง กอหญ้าก็วิ่งอีก แต่กอหญ้าไม่ร้องโวยวายนะครับ ถ้ากรเปลี่ยนฝั่งกอหญ้าก็เปลี่ยนตามไปมาอยู่แบบนั้น กรไปหลอกหลานก็มี ทำท่าจะเดินเปลี่ยนฝั่งแล้วไม่เปลี่ยน หลอกให้กอหญ้าวิ่งไปจับมือผมอีกข้าง จนผมนี่แหละที่เวียนหัวบอกกับสงสารหลานจนต้องคว้าตัวกอหญ้ามาอุ้มไว้เอง
จนเข้ามาในร้านอาหารพอกรตักอะไรมาให้ผม กอหญ้าก็จะตักตามครับ จนผมต้องบอกให้หยุดเพราะจานมันจะล้นเอา บอกกรนะครับ กอหญ้าไม่ต้องบอกหรอก ถ้าเขาเห็นกรหยุดเขาก็หยุดตาม แล้วไอ้คนที่มันน่าดุ ใช่หลานสาวผมเสียที่ไหน คนที่หล่อน้อยกว่าผมต่างหาก
“ครับๆ” ผมรับคำหลานสาวตัวน้อย ก่อนใช้ช้อนตักไอติมสีฟ้กับเขียวที่มันเริ่มปนกันแล้วมาชิม
“อร่อยไหมค่ะ” มีถามผลอีกแน่ะ
“อร่อยค่ะ” พอผมตอบแบบนั้น กอหญ้าก็หันไปยักคิ้วให้กรครับ ใครสอนมาล่ะเนี่ย สงสัยไอ้ภพไปทำให้หลานสาวมันเห็นแน่ๆ
>> R R R R R <<
“เป็นไงบ้างวะ” ผมถามไอ้ภพที่โทรเข้ามา
[กูทำเรื่องส่งพี่ต้นเข้ากรุงเทพฯ เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวกูจะบินกลับไฟลท์บ่ายสอง แล้วกอหญ้าเป็นไงบ้างวะ อยู่ได้หรือเปล่า]
“ก็เรียบร้อยดี ตอนนี้กินไอติมอยู่ ไม่ต้องห่วงหรอก”
[เออ ๆ พี่ภาจะคุยกับกอหญ้า มึงส่งโทรศัพท์ให้หลานกูที]
“กอหญ้า คุณแม่จะพูดด้วยค่ะ” ผมหันไปเรียกหลานสาวแล้วส่งโทรศัพท์ให้
“กินไอติมอยู่ค่ะ น้ากันต์พามา หนูไม่ดื้อ ไม่ซนด้วย” กอหญ้าพูดใหญ่เลยครับ
“น้ากรแกล้งกอหญ้า ชอบแย่งน้ากันต์” กอหญ้าพูด พอกรได้ยินชื่อตัวเองถูกพาดพิงแบบนั้นถึงกับหันมามองเลยครับ จากที่ตอนแรกนั่งกินไอติมของตัวเองอยู่เฉยๆ
“ใครแย่งใครกันแน่” กรพูดเสียงเบาครับ ตั้งใจจะแกล้งหลานไปถึงไหนเนี่ย
“พอเลย” ผมพูดกับกรครับ ส่วนกอหญ้ายังคุยกับพี่ภาอยู่
“ค่ะ ค่ะ บ้ายบาย”
“คุยเสร็จแล้วค่ะ” กอหญ้าพูด แล้วส่งโทรศัพท์คืนมาให้ผม ส่วนพี่ภาก็วางสายไปแล้ว หลังจากกินไอติมหมดไปเป็นที่เรียบร้อยผมก็พากอหญ้าไปเดินเล่นต่อที่แผนกของเล่นครับ แล้วก็อนุญาตให้กอหญ้าเลือกของเล่นได้ชิ้นหนึ่ง แต่อีกคนที่มาด้วยกับผมนี่สิครับ หลังจากหายตัวไปสักพักก็หอบโมเดลรถกลับมาตั้งสี่คัน แล้วผมก็ต้องมาปวดหัวอีกครั้งตอนจ่ายเงินนี่แหละครับ
“น้ากรโตแล้วยังเล่นของเล่นอีก” กอหญ้าพูดขึ้นมาตอนถือของไปคิดเงินครับ
“น้ากรเอาไปใส่ตู้โชว์ค่ะ” ผมตอบแทน
“แล้วทำไมน้ากรไม่จ่ายเอง น้ากันต์จ่ายให้ทำไมคะ” กอหญ้ายังถามต่อครับ เมื่อเห็นผมมารอจ่ายเงิน ส่วนกรยืนรออยู่ข้างหลัง
“น้ากรลืมกระเป๋าตังค์ไว้ที่บ้านค่ะ น้ากันต์เลยจ่ายให้ก่อน” ผมตอบก่อนส่งบัตรไปให้พนักงาน
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องซื้อสิคะ น้ากรซื้อตั้งเยอะ แพงด้วย” กอหญ้าพูดกลับมา
“ก็น้ากรเป็นน้องน้ากันต์ไงคะ น้ากันต์เลยซื้อให้ เหมือนที่น้าซื้อให้กอหญ้าไง” ผมพูด แล้วยื่นมือไปรับถุงใส่ของจากพนักงาน กรเองก็มาช่วยรับไปอีกต่อ
“จริงหรอคะ เพราะน้ากันต์รักกอหญ้าเลยซื้อให้ใช่ไหมคะ” เสียงเล็กๆ พูดต่อ
“ครับ” ผมตอบรับ
“แล้วน้ากรกับกอหญ้า น้ากันต์รักใครมากกว่ากัน น้ากันต์ซื้อให้น้ากรมากกว่ากอหญ้าอีก” ถึงตอนนี้กรเริ่มหันมาสนใจบทสนทนาระหว่างผมกับหลานสาวบ้างแล้วครับ ส่วนผมก็ยังไม่ตอบ มือถือถุงข้างหนึ่ง อีกข้างใช้จูงกอหญ้า
“รักเท่ากันครับ ของน้ากรมีชิ้นเดียวเท่ากอหญ้าที่เหลือเป็นของน้ากันต์เองครับ” ผมก้มลงไปตอบ แต่ดูเหมือนว่าหลานสาวผมจะยังไม่พอใจคำตอบเท่าไหร่ ทำหน้ามุ้ยเชียว
“รักกอหญ้ามากกว่านิดนึงก็ได้” ผมพูดใหม่ คราวนี้เจ้าตัวเล็กยิ้มออกแล้วครับ ก่อนจะปล่อยมือผม แล้วไปดึงข้อมือกรให้หันมาสนใจตัวเองแล้วพูดด้วยว่า
“น้ากร น้ากันต์รักหนูมากกว่าแหละ” กอหญ้าพูดแล้วยิ้มหวานใส่กร ก่อนจะปล่อยมือแล้ววิ่งกลับมาหาผมต่อ กรก็ไม่ได้พูดอะไรครับ แค่ส่ายหน้าแล้วยิ้มแบบขำๆ
-------------------------------------------------------