ตอนที่ 61 Shy
“กินข้าวเสร็จแล้วชินจะไปบ้านกับพี่ไหมหรือจะไปกับเพื่อนต่อ” ผมถามน้องข้างบ้านที่นั่งอยู่ข้างกัน ที่ตอนนี้ดูจะนิ่งผิดปกติ
ไม่รู้ว่าผมคิดผิดหรือคิดถูกที่ปล่อยสองคนนี้ไว้ด้วยกัน แล้วเท่าที่เห็นเหมือนอะไร ๆ มันจะกลับตาลปัตรไปหมด จากตอนแรกคนที่ไม่อยากจะพูดเป็นรัก ตอนนี้กลับกลายเป็นฝ่ายชินที่เงียบไปเอง แล้วท่าทางที่เหมือนจะโกรธอีกฝ่ายนั่นอีก ส่วนรักกลายเป็นฝ่ายที่นั่งมองเหมือนอยากจะพูดด้วยแต่ก็ไม่กล้า ที่ตอนเขาให้พูดด้วย ก็ไม่อยากพูดกับเขา พอตอนนี้อยากพูด ก็ไม่กล้าพูดเพราะอีกฝ่ายดันทำท่าไม่อยากสนใจขึ้นมาบ้าง เอากับพวกมันสิ ผมออกไปไม่ถึงยี่สิบนาทีไหงกลับมาอีกทีถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้
“คงกลับไปหาเพื่อนอ่ะพี่กันต์ มากับพวกมันแล้วหายเดี๋ยวพวกมันได้ด่าเอา แล้วพี่กันต์จะไปเที่ยวไหนกันต่อหรือเปล่า” คนที่ผมถามตอบบกลับมา ผมก็สังเกตเห็นว่าชินมันพยายามเลี่ยงไม่มองหน้าคนที่นั่งตรงข้ามผมที่นั่งคอตก กรเองก็คงจะรู้สึกได้เหมือนผม เพราะส่งสายตามาที่ผมเหมือนจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเองก็ได้แต่ส่ายหน้าตอบกลับไป แล้วบุ้ยหน้าไปทางรัก เป็นการบอกให้กรช่วยดูน้องหน่อย
“รักกินข้าวเสร็จแล้วอยากแวะที่ไหนอีกไหมหรือจะเข้าบ้านก่อนแล้วบ่ายๆ ค่อยออกมา” กรหันไปคุยกับรัก
“ไม่อ่ะพี่กรไว้ดึกๆ ค่อยออกมาเดินเล่น หาอะไรกินที่ตลาดหัวหินดีกว่า”
“เอาอย่างนั้นก็ได้” กรตอบน้อง
“แล้วชินกับเพื่อนล่ะ จะไปที่ไหนต่อ”
“ตอนบ่ายพวกมันคงเล่นน้ำกัน ส่วนดึก ๆ เห็นพวกมันว่าจะไปเดินเล่นที่เขาตะเกียบ ที่มันเหมือนตลาดนัดขายของอ่ะพี่กันต์ เขาเรียกว่าอะไรไม่แน่ใจเหมือนกัน ชิเคด้าหรืออะไรนี่แหละมั้ง น่าจะใช่” ชินตอบผม โดยที่ยังคอยระวังตัวไม่ให้หันไปมองทางรัก เหมือนมันสองจิตสองใจ ใจหนึ่งก็อยากมอง อีกใจก็ไม่อยากมอง
“อ๋อ เออใช่ พี่นึกออกแล้ว ที่อยู่ใกล้ ๆ คอนโดฯ ของพี่กาวน์”
“คอนโดฯ พี่กาวน์ พี่กาวน์มาซื้อคอนโดฯ ไว้หรอ”
“โครงการของพี่กาวน์เขาน่ะ ใกล้เสร็จแล้วล่ะ เห็นว่าเหลือแค่ตกแต่งภายในอีกนิดหน่อย อีกสองเดือนก็เข้าอยู่ได้ คนจองเกือบหมดแล้ว เหลืออีกไม่กี่ยูนิตเอง” ผมตอบ ตั้งใจว่าพรุ่งนี้ช่วงสายจะแวะเข้าไปดู
“แล้วพี่กันต์ซื้อไว้หรือเปล่า ชินว่าน่าอยู่ดี”
“พี่น้องกันใครจะไปเสียเงินซื้อ ของแบบนี้มันต้องฟรี” ผมตอบ
“แล้วพี่กาวน์เขาให้หรอ ท่าทางจะหลายล้านนะนั่น”
“ให้ไม่ให้ก็ได้มาแล้ว พรุ่งนี้ว่าจะแวะเข้าไปดู” ผมบอก ก็ลองไม่ให้ดูสิ มีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง ขอแค่นี้ไม่ให้ก็ให้มันรู้ไป ถึงจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาแล้ว หรือเปล่า แต่ยังไงผมก็เป็นน้อง ผมอยากได้มันก็ต้องให้
“อิ่มแล้วหรอ หรือจะเอาอะไรเพิ่มอีก เดี๋ยวพี่เรียกพนักงานให้” ผมหันไปคุยกับรัก เมื่อเห็นว่ารักรวบช้อนส้อมในจานเข้าด้วยกัน
“ไหนว่าหิว เพิ่งกินไปได้นิดเดียวเองแล้วปลาทอดนั่นอ่ะเหลือตั้งเยอะ กินแต่ปลาไปก็ได้ไม่ต้องกินข้าว” กรว่า แล้วตักปลาทอดวางลงในจานของรัก รักก็หันหน้ามองหน้าผมกับกร พอกรพยักหน้าให้ รักก็ยกช้อนขึ้นตักปลาในจานกินต่อ
.
.
.
“พี่กันต์ พี่กร ขอบคุณนะครับ ไว้เจอกันที่กรุงเทพ” ชินยกมือไหว้ผมกับกร
“ขับรถดี ๆ ล่ะ” ผมบอกก่อนจะขึ้นรถ แล้วกรก็ตามขึ้นมาประจำที่คนขับ แต่ก่อนที่ผมจะปิดประตูก็มีเสียงของอีกคนที่ยังไม่ขึ้นรถแว่วมาให้ได้ยิน
“พี่ชิน” เสียงรักเรียกชินที่กำลังขึ้นรถของตัวเอง โดยที่รถของชินจอดห่างจากรถผมโดยมีรถอื่นขั้นกลางไว้คันหนึ่ง ส่วนผมพอได้ยินก็ดึงประตูรถปิดเข้ามาแต่ยังไม่ปิดสนิทแง้ม ๆ ไว้หน่อย ก็อยากรู้ว่าน้องผมสองคนมันจะคุยอะไรกัน คนข้างผมเองก็เหมือนจะสนใจอยู่เหมือนกันยื่นหน้ามาจนจะเกยบนไหล่ผมอยู่แล้ว ผมเลยหันไปถลึงตาใส่ แต่เขาไม่สนใจหรอก แถมยังมาหอมแก้มผมอีก มันใช่เวลาไหม ตอดนิดตอดหน่อยไม่เลือกเวลาจริง ๆ จนผมต้องส่งมือไปข้างหลังแล้วฟาดลงบนตักเขาไปที ก่อนจะสนใจเรื่องของสองคนนอกรถต่อ
“รัก”
“ไอ้เปี๊ยกจะพูดอะไรก็พูดสักทีสิวะ อ้ำ ๆ อึ่ง ๆ อยู่ได้ โอ๊ย กันต์อ่ะ เจ็บนะ” เสียงกรครับ แล้วก็โดนผมฟาดเข้าให้อีกที พูดอยู่ได้ น้องรู้กันพอดีว่าแอบฟังอยู่
“อย่าเสียงดังสิ” ผมดุเสียงไม่ดังนัก
“ก็” กรจะพูดต่อ แต่ถูกผมส่งเสียงห้ามไว้ก่อน
“ชู่ว์ เงียบก่อน” ผมบอกกร อีกฝ่ายเลยไม่พูดอะไรต่อ แล้วก็ตั้งใจเงี่ยหูฟังเสียงจากนอกรถแทน ห้ามได้แต่ปากไม่ให้พูด แต่มือนะจะอะไรนักหนาลูบอยู่นั่น ลูบเข้าไปสิ เดี๋ยวแขน เดี๋ยวท้อง ชอบตอด ชอบนัวเนีย ชาติที่แล้วเป็นลูกครึ่งปลากับปลาหมึกหรือไงกัน นึกภาพตามแล้วอุบาทว์ชะมัด แต่ผมจะทำอะไรมากก็ไม่ได้ ทำได้แค่ตะปบมือเขาไว้ให้อยู่นิ่ง ๆ แต่อีกคนก็ไม่วายพยายามขยับนิ้วเขี่ยไปมาอยู่นั่น ฮึ่ย
“รักขอโทษ” ผมกับกรกันมาสบตากันนิดนึง ก่อนจะหันไปมองนอกรถต่อ ไหนชินว่ารักโกรธมัน แล้วทำไปทำมาไหงกลายเป็นรักที่เอ่ยขอโทษชิน แต่ผมไม่ได้ยินว่าชินพูดอะไรตอบกลับมา น่าตลกดีไหมล่ะ ผู้ชายโต ๆ สองคนมานั่งเบียดกันเพื่อแอบฟังเด็กอายุไม่ถึงยี่สิบสองคนคุยกันหูผึ่ง
“รักโทรหานะ” ไอ้เปี๊ยกของกรกลายเป็นฝ่ายตามง้อเขาไปแล้ว ยังไงกันวะ แล้วก็ไม่รู้ว่าชินตอบกลับมายังไงอีกเหมือนเดิม แต่เห็นรักมันมีรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า แสดงว่าอีกฝ่ายคงตอบตกลง พอเห็นว่ารักกำลังจะหันกลับมาขึ้นรถ เราสองคนที่แอบฟังน้องอยู่ก็ดีดตัวกลับที่แล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ในทันที ถ้าน้องเห็นล่ะก็นะ ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน
“คุยกันยัง” กรถามหลังจากออกรถมาได้ไม่ไกล ทำเหมือนคนไม่รู้ไม่เห็นอะไรมาก่อนหน้านี้ทั้งนั้น น่ากลัวไปแล้วนะแฟนผม หรือว่าผมเองก็พอกัน
“ก็คุยนิดหน่อย” รักตอบกลับมาไม่เต็มเสียง
“หรอ ดีแล้วล่ะ” ผมบอกน้อง ส่วนเรื่องที่ว่าระหว่างคู่นี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเดี๋ยวค่อยหาจังหวะตะล่อมถามกันอีกที ให้มันดีกันแน่ ๆ ก่อน
..............................................................
........................................
“กร กร” ผมเรียกกรที่ยังนอนอยู่ ส่วนผมแปรงฟัน ล้างหน้าแล้ว แต่ยังไม่อาบน้ำ แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้ามาอยู่ในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้น เตรียมออกไปวิ่งตอนเช้า วิ่งกลับมาค่อยอาบน้ำทีเดียว ไม่ได้ตั้งใจว่าจะออกไปวิ่งตั้งแต่แรก แต่พอดีตื่นเช้าขึ้นมาเอง เลยมาปลุกกรไปวิ่งด้วยกัน แต่ไม่รู้ว่ากรจะยอมไปหรือเปล่า ดูนอนสบายขนาดนี้ ส่วนช่วงสายวันนี้ผมตั้งใจว่าจะเข้าไปดูคอนโดฯ ยังไม่ได้คิดไว้ว่าจะตกแต่งยังไง เข้าไปดูที่จริงก่อนค่อยว่ากัน
ตอนแรกพี่กาวน์ก็มาถามผมว่าจะให้ตกแต่งห้องให้เลยไหม แต่ผมปฏิเสธเพราะอยากทำเองมากกว่า พอตอบไปแบบนี้แทนที่จบเรื่อง พี่แกกลับทำท่าเหมือนนึกอะไรอยู่สักพักแล้วก็ยิ้มแปลก ๆ ให้ผมเสียวสันหลังเล่น และแล้วงานก็วิ่งเข้ามาหาผมจนได้ เมื่อสิ่งที่พี่ชายผมเขานึกขึ้นได้นั่นคือ พี่แกเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ามีน้องเป็นสถาปนิก ที่ต้องบอกว่านึกขึ้นได้เพราะพี่แกบอกว่าลืมไปแล้วว่าผมเป็นสถาปนิกเพราะเห็นผมยุ่งอยู่แต่กับการทำหนังสือ
พอนึกขึ้นได้อย่างนั้นก็เลยบอกให้ผมออกแบบตกแต่งห้องของพี่แกให้ด้วย แต่ผมยังไม่รับทำให้ มัณฑนากรที่จ้างมาตกแต่งคอนโดฯ ก็มีอยู่แล้วจะมายุ่งกับผมทำไม แล้วผมก็บอกไปอีกว่าผมจบสถาปัตย์ไม่ได้จบมัณฑณศิลป์ใช้งานผิดแล้ว แต่มีหรอที่พี่ผมมันจะฟัง มันบอกก็คล้าย ๆ กันแหละ แล้วยังบอกอีกว่าทีบ้านผม ผมยังออกแบบตกแต่งเองได้ คอนโดฯ มันก็ต้องทำได้ มันบอกให้คิดว่าทำงานแลกกับที่มันยกคอนโดฯ ให้ผมห้องนึง ผมว่าพี่ผมมันอยากหาเรื่องใช้ผมมากกว่าดูหน้าก็รู้
สุดท้ายก็กลายเป็นว่าผมหางานให้ตัวเองเสียอย่างนั้น ถ้าให้เขาตกแต่งให้เสร็จก็หมดเรื่องแล้ว งานก็ไม่ต้องทำ เงินก็ไม่ต้องเสีย พอตอบปฏิเสธ งานดันเข้าเสียอย่างงั้น เงินค่าตกแต่งห้องก็ต้องเสียเอง แถมต้องคิดงานเพิ่มเป็นสองเท่า เอาวะคิดซะว่าคอนโดฯ มันแพง คุ้มเกินค่างานหรอกถึงยอมทำให้ ที่สำคัญผมอยากรู้ว่าไอ้ห้องที่ผมจะทำให้เนี่ย ผมจะได้ทำตามความชอบหรือรสนิยมของใคร ของพี่ชายผมหรือของน้องชายผมอีกคน มันน่าสนุกตรงนี้นี่แหละ
“ยังเช้าอยู่เลย จะไปไหน” เสียงกรตอบกลับมา เมื่อหันหลังมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วเห็นว่าพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น
“ไปวิ่งกัน” ผมชวน แล้วเดินไปหยิบเสื้อยืด กางเกงขาสั้นและชั้นในมาเตรียมให้กร ก่อนเอามาวางไว้ที่ปลายเตียง
“อืม” ปากตอบรับมาแล้ว แต่ตัวยังไม่ยอมขยับ
“อืมแล้ว ก็ลุก” ผมพูด แล้วดึงแขนกรลากตัวมาให้อยู่ใกล้ขอบเตียง ก่อนจับข้อมือทั้งสองข้างดึงตัวกรให้ลุกขึ้นมา
“เสื้อผ้าอยู่นี่แล้ว กันต์ลงไปรอข้างล่างนะ” ผมบอก พอกรพยักหน้ารับ ผมก็เดินลงมาหาป้านิ่มที่ตอนนี้คงจะอยู่ในครัว แล้วก็กะไว้ไม่ผิด เพราะกลิ่นหอม ๆ ที่ลอยออกมาจากในครัวมันฟ้อง เพิ่งจะหกโมงครึ่งเอง แต่ป้านิ่มลงครัวมาเตรียมมื้อเช้าให้พวกผมเรียบร้อยแล้ว
“เช้านี้มีอะไรกินครับป้านิ่ม” ผมถาม แล้วชะเง้อมองของที่อยู่ในหม้อ แล้วก็เห็นน้ำซุปกระดูกหมู
“ต้มเกี๊ยมอี๋ค่ะ” ป้านิ้มตอบกลับมาระหว่างที่กำลังซอยผักชีต้นหอมสำหรับโรยหน้า มาบ้านที่หัวหินทีไรไม่มีสักครั้งที่จะไม่ได้กินของโปรด
“มีอะไรให้กันต์ช่วยไหมครับ” ผมถาม แล้วเปิดถ้วยนั้นถ้วยนี้ดู ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดนมจืดที่ซื้อมาใส่ตู้เย็นไว้เมื่อคืนออกมา
“ไม่มีแล้วค่ะ ป้าซอยต้นหอมผักชีนี่เสร็จ ก็เสร็จหมดแล้ว”
“ครับ ตอนกลางวันป้านิ่มไม่ต้องทำกับข้าวไว้นะ กันต์จะออกไปข้างนอกกัน แต่ตอนเย็นจะเข้ามานะครับ”
“ค่ะ แล้วพรุ่งนี้จะกลับกันกี่โมงคะ ทานข้าวเช้าก่อนแล้วค่อยออกไปเหมือนเดิมหรือเปล่า”
“ครับ” ผมตอบ
“แล้วนี่จะทานมื้อเช้าเลยไหมคะ เสร็จแล้ว เดี๋ยวป้าตักให้”
“ยังครับป้า กันต์กับกรจะออกไปวิ่ง เดี๋ยวกลับมากินนะครับ” คนตอบไม่ใช่ผมครับ แต่เป็นกรที่ลงมาทันได้ยินป้านิ่มถามผมพอดี พอกรเข้ามาใกล้ ๆ ผมก็ยื่นแก้วนมไปให้
“ค่ะ ไปกันเถอะคะ สายกว่านี้แดดจะร้อน เจ็ดโมงแดดก็เริ่มออกแล้ว” ป้านิ่มบอก ส่วนผมรอกรดื่มนมจนหมดก็เอาแก้วไปเก็บให้
“ไปแล้วครับป้า” กรพูด ก่อนจะดันหลังผมให้เดินออกมาพร้อมกัน แต่ก่อนจะออกจากบ้านก็ต้องแวะไปรับสมาชิกอีกหนึ่งที่จะไปวิ่งด้วยกันก่อน แค่เปิดประตูก้าวออกมาก็เสียงเรียกมาก่อนที่ตัวจะวิ่งกระโจนมาถึงเสียอีก
“ซูชิ เบา ๆ” กรรีบตะโกนห้ามไว้ก่อน เพราะถ้าให้มันกระโจนใส่เต็มแรงมีหวังได้ล้มกันทั้งยืน
พอสมาชิกครบ ผมกับกรก็ยืดเส้นยืดสายกันสองสามนาทีก่อนออกวิ่งกัน เราสองคนกับอีกหนึ่งตัวก็พากันวิ่งไปเรื่อย ๆ ตามถนนเลียบหาด จนกะว่าน่าจะได้สักครึ่งกิโลก็พากันวิ่งกลับ ไปกลับก็กิโลนึงพอดี จะวิ่งไปไกลกว่านั้นก็กลัวซูชิมันจะวิ่งไม่ไว้ แค่ครึ่งโลฯ ก็ลิ้นห้อยแล้ว พอขากลับเลยต้องพากันวิ่งสลับเดิน
พอกลับมาถึงบ้านก็ยังไม่ได้อาบน้ำกินข้าวกัน เพราะไอ้ลูกชายผมมันวิ่งไปคาบลูกบอลพลาสติกมาชวนผมเล่น สงสัยลุงนานไปซื้อมาให้มันเล่น เป็นลูกบอลพลาสติกแบบที่เด็กเขาเตะเล่นกัน พอมันคาบมาทีก็เต็มปาก ผมกับกรก็มองหน้ากันแล้วก็หัวเราะ ก่อนพากันวิ่งนำซูชิลงไปที่หาดหลังบ้าน ลูกชายผมมันฉลาดเตะบอลเป็นด้วย เห็นแล้วก็อยากพากลับไปเลี้ยงที่บ้านด้วย เอาไปเป็นเพื่อนเจ้าเรนที่ตอนนี้กรไปเอามาเลี้ยงที่บ้าน เวลาไม่อยู่ถึงจะเอากลับไปไว้ที่บ้านพ่อแม่ แต่ถ้าเอาซูชิไปผมก็สงสารลุงนานอีก แกคงเหงา เพราะฉะนั้นก็ให้มันอยู่ที่นี่ดีกว่า คิดถึงก็มาหา
ผมว่าเล่นกับมันนี่ได้เหงื่อยิ่งกว่าไปวิ่งเมื่อกี้อีก พอเล่นกันจนเหนื่อยไอ้ลูกชายผมมันก็วิ่งขึ้นบ้านไป ส่วนผมกับกรที่หมดแรงแล้วก็ถูกมันทิ้งให้นอนแผ่กันอยู่ที่เก้าอี้นอนใต้ต้นไม้
.
.
.
“หยุดนะ อย่าเข้ามา” ผมรีบชี้หน้าบอกกรที่ลุกจากเก้าอี้ข้าง ๆ แล้วย่างเท้าเข้ามาใกล้ แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่าคิดจะทำอะไร อย่านะเว้ย
“ทำไม ชี้หน้ากรทำไม”
“เฮ้ย ไม่เล่นนะ” ผมลุกขึ้นจะวิ่งแล้ว แต่มันไม่ทัน ถูกรวบตัวแล้วยกขึ้นพาดบ่าอีกคนไปเรียบร้อย ไม่คิดจะให้โอกาสหนีกันหน่อยหรอ
“เอาน่า ไปเล่นน้ำกันเหอะ เนี่ยอากาศกำลังดีเลย” ไอ้คนที่แบกผมอยู่เนี่ยก็ไม่ได้สนใจเลยว่าผมพูดอะไรบ้าง บอกไม่เล่น ๆ ก็ไม่ได้สนใจเลย
ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบเล่นน้ำหรือยังไง มาทะเลก็เล่นน้ำเกือบทุกครั้งอยู่แล้ว เมื่อวานก็ลงเล่น แต่ที่ยังไม่อยากเล่นตอนนี้เพราะกำลังนอนเพลิน ๆ แล้วก็ไม่รู้ว่ากรเป็นอะไร ถ้าเห็นผมนอนมีความสุขเมื่อไหร่ละก็ชอบเข้ามาแกล้งนักล่ะ ยิ่งเห็นผมโวยวายยิ่งชอบ โรคจิตชัด ๆ ส่วนผมก็พยายามแล้วจะไม่โวยวาย แต่มันอดได้ที่ไหนก็ดูเขาทำกับผมแต่ละอย่าง
“เอ้ย จะอุ้มไปถึงไหน ปล่อยได้แล้ว” ผมร้องบอก เมื่อเห็นว่ากรไม่จับผมทุ่มลงน้ำอย่างทุกทีแต่พาเดินลงทะเลลึกออกไปเรื่อย ๆ
“เฮ้ย จะทำอะไร” ผมร้องเป็นรอบที่สอง เมื่อถูกคนที่แบกลงทะเลจับเปลี่ยนท่าอุ้มใหม่ ขาผมสองข้างถูกจับให้เกี่ยวรอบเอวเขา มีมือเขาทั้งสองข้างมาช้อนสะโพกผมเพื่อรับน้ำหนักไว้ จะดิ้นก็กลัวหงายหลังโครมลงน้ำให้สำลัก เลยได้แต่เกาะบ่าคนอุ้มไว้ แต่รู้สึกว่าท่าทางมันล่อแหลมยังไงพิกล คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง กลางทะเลแบบนี้ ไม่มีอะไรแน่ ๆ ไม่มี ไม่มี
“กร ปล่อย” ปากพูดบอกกรไป แต่สายตาต้องหันกลับไปมองด้านหลังเมื่อไม่เห็นมีใคร ถึงหันมองไปทางอื่น มองจนรบแล้วว่าไม่มีใครถึงกลับมาสนใจกับใบหน้าที่อยู่ใกล้กันแค่คืบ
“ยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แค่พามาเล่นน้ำเฉย ๆ เอง ไม่ปล่อยหรอก” ยังจะมาตอบหน้าตาเฉยอีก ให้ไอ้ที่คิดอยู่มันไม่มีอะไรเหมือนที่พูดเหอะ
“เล่นแบบนี้ไม่เอา เดี๋ยวใครมาเห็น” ผมพูดแล้วมองไปรอบ ๆ อีก
“ไม่มีใครหรอกเช้าขนาดนี้ น้ำก็เย็นใครจะออกมาเล่น” กรตอบ แล้วไอ้บ้าที่ไหนมันมายืนอยู่ในน้ำนี่ล่ะ เป็นคนอื่นมาเห็นผมอาจจะไม่ใส่ใจอะไรมากแล้วก็มีโอกาสน้อยมาที่จะมีคนอื่นมาเห็นเพราะแถวนี้มีแต่บ้านพักส่วนตัว แต่ละหลังก็ห่างกันเป็นโยชน์ แต่ที่ผมกังวลคือคนในบ้านต่างหาก ผมยังไม่อยากทำคนแก่หัวใจวาย
“งั้นไปลึกกว่านี้อีกหน่อยดีกว่า ถ้าเห็นก็เห็นแบบลิบ ๆ เขาไม่รู้หรอก ว่าอะไรเป็นอะไร” กรพูดต่อ เฮ้ย ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น พอพูดจบกรก็พาผมเดินลึกลงไปในทะเลอีก จนกรโผล่พ้นน้ำทะเลมาแค่ช่วงบ่า ส่วนผมอยู่แค่ระดับอกเพราะถูกอุ้มไว้ แล้วไอ้ที่พูดว่าอะไรเป็นอะไร นี่มันคืออะไร
“จะทำอะไร ปล่อยนะกร” ผมบอก
“กร” ผมเรียกชื่อเขาซ้ำ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ มุมปากที่ยกยิ้มแบบไม่น่าไว้ใจ
“กลับขึ้นบ้านเถอะนะ” เมื่อดุแล้วไม่ได้ผล ผมก็ต้องลองใช้ไม้อ่อนดูบ้างเผื่อจะได้ผล ทำยังไงก็ได้ให้ผมรอดจากตรงนี้ไปก่อน
“นะ” นะ นะอะไร อย่ามาพูดสั้น ๆ แบบนี้ ไม่ชอบเลยเวลากรพูดสั้น ๆ เพราะมันจะหมายถึงความไม่ปลอดภัยในสวัสดิภาพของผม ไม่รู้ว่าไอ้คำว่า “นะ” คำเดียวนี่มันกลายเป็นคำสื่อถึงเรื่องอย่างว่าระหว่างผมกับกรไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอกรพูดคำนี้ทีไร รู้ตัวอีกทีของกรก็เกือบจะเข้ามาอยู่ในตัวผมแล้ว ดีที่ครั้งนี้ยังไปไม่ถึงขั้นนั้น
“มะ อุ๊บ” ยังไม่ทันจะตอบอีกคนก็โฉบปากลงมาปิดปากผมไว้เสียก่อน อย่าเพิ่งทำแบบนี้ได้ไหมเล่า ผมพยายามทุบหลังทุบไหล่กรก็แล้ว เบี่ยงหน้านี้ก็แล้ว แต่กรก็ยังไม่ยอมหยุด จนเขาพอใจแล้วถึงได้ยอมถอยออกไปเอง
“อายหรอ” ถามมาได้ ไม่อายก็ด้านเกินไปแล้ว มองดูบ้างนี่มันกลางแจ้ง ถึงจะในน้ำลึกก็เถอะ ผมไม่ตอบแต่ก้มหน้าลงกับบ่าของกรแทน แล้วค่อยพยักหน้าตอบทั้งที่ยังก้มหน้างุดซุกอยู่กับบ่าเขา ตอนนี้รู้สึกว่าหน้าของผมมันร้อนฉ่าไปหมด ทั้งที่ตัวแช่อยู่ในน้ำเย็น การกระทำของผมทำไมมันไม่ไปทางเดียวกับที่คิด ผมควรจะต้องออกแรงทำยังไงก็ได้ให้กรปล่อยตัวผม ไม่ใช่มาตัวอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟก้มหน้าซุกบ่าเขาอยู่แบบนี้
“ปล่อยเหอะ” ผมบอกเสียงอ่อย ถ้าอยู่ท่านี้นาน ๆ เข้า ผมว่าผมคงไม่รอด ยิ่งคลื่นกระแทกตัวเข้ามาที ไอ้อะไร ๆ ที่มันเสียดสีกันอยู่มันก็ยิ่งขยับบดเบียดเข้าหากันไปใหญ่ ผมก็พยายามจะโหย่งตัวหนี แต่อีกคนก็พยายามจะทำให้มันแนบชิดกันมากขึ้นตลอด
“เปลี่ยนบรรยากาศไง ตื่นเต้นดีออก” ใช่ ตื่นเต้นมากเลยล่ะตอนนี้ ทั้งตื่นเต้นทั้งลุ้นระทึก ถูกทำให้ตื่นทั้งตัวเลยตอนนี้ ถ้าตัวไม่เปียกคงเห็นว่าผมขนลุกอยู่
“ไม่เอาตรงนี้” ผมยังยืนยัน ให้ทำตรงนี้ไม่เอาจริง ๆ ยังไงก็ไม่เด็ดขาด
“ถ้าเข้าบ้านแล้วได้ใช่ไหม” พอถูกถามแบบนี้ผมก็รีบพยักหน้าตอบ ทั้งที่ยังซุกหน้าอยู่แบบนั้น ส่วนกรพอผมตอบแบบนั้นเขาก็ยกมือมากดหัวผมให้แนบลงกับบ่าเขาแน่นขึ้น ส่วนมืออีกข้างก็กอดผมไว้จนแน่น ผมเองก็กอดเขาตอบ
“ตอนเช้านะ” กรถามอีก ผมก็พยักหน้าตอบอีก ยังไงก็ได้ ตอนไหนก็ได้ แค่เป็นที่เตียง ไม่ใช่ในทะเลนี่
“งั้นกลับเข้าบ้านกัน” พอได้ยินแบบนั้นผมก็รีบผงกหัวตอบ ได้ยินเสียงกรหัวเราะในคอด้วย แต่ก็ช่างมันเถอะ ผมไม่สนใจแล้ว
-------------------------------------------------------