ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG  (อ่าน 314719 ครั้ง)

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
สายฟ้า สู้ ๆ  :give2:  :give2:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
สงสารสายฟ้ามากๆเลย เศร้าๆๆๆๆๆๆๆ :sad4:

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 o12 o12  เมื่อไหร่พี่สายชลจะลงมือบุกเข้ามาดามหัวใจให้น้องสายฟ้าซะทีละครับ  มัวแต่เขินอยู่ได้  คุณน้องแกร้องไห้เสียใจจะแย่อยู่แล้ว :sad5: :sad5:

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
เห็นด้วยกะรีบนเป็นที่สุดค๊าบบบบบบบบบบ   o13 o13 o13 o13 :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
ง่า... :o11:
ตอนนี้ฟ้าน่าสงสารสุดๆ ไปเลยอ่ะ :sad4: :sad4:
ต้องลุ้นให้พี่สายชลรุกเร็วๆ ซะแล้ว :o9: :o9: :o9: :o9:

sabishiikant

  • บุคคลทั่วไป
(มุมหนึ่งของโดม)

“เข็มมีอะไรหรอคับ ถึงลากผมมาคุยตรงนี้อ่ะ ที่จริงเราคุยกันตรงข้างสนามก็ได้นี่”

“มันเสียงดังน่ะค่ะ คุยกันไม่รู้เรื่องหรอก ตรงนี้ล่ะดีแล้ว เป็นส่วนตัวดีด้วย” สาวน้อยพูดจาอย่างจัดจ้าน แต่ทิวไผ่เองได้แต่ยกมือขึ้นลบหัวม่อย ๆ แก้เขิน
“อาทิตย์นี่เข็มไม่มีซ้อมหลีดพอดี ไผ่ว่างมั้ยคะ” ดวงตาใสแป๋วดูเหมือนจะไร้เดียงสาจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังเคอะเขินและไม่กล้าสบตาด้วย

“คือ...วันอาทิตย์นี้มีแข่งครับ” หนุ่มหน้าเข้มตอบไปตามจริง

“ว้า....เสียดายจัง เข็มไม่ได้ดูตารางแข่งอ่ะค่ะ ขอโทษนะคะ งั้นเดี๋ยวเข็มจะมาช่วยเชียร์ไผ่เหมือนเดิมนะ”
“ครับ...เอ่อ...เข็มครับ ของขวัญ............” ทิวไผ่ยังไม่ทันได้พูดจบเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของปานฝันก็ดังขึ้นขัดจังหวะ

“...........”
“ขอตัวแป๊บนะคะ ไผ่” ‘โอ๊ย...จะโทรมาทำไมตอนนี้วะเนี่ย’ เธออุทานเบา ๆ อย่างหัวเสียก่อนจะหันไปกดรับโทรศัพท์ และเดินออกไปคุยห่าง ๆ

“โหล อีอ้อม มีไรวะ”
“.......อีเข็มมรึงอยู่ไหน........”

   “..........”
ทิวไผ่ทำหน้าเหวอ ‘สาว ๆ สมัยนี้พูดเพราะแฮะ’

“เออ เมิงโทรมาได้จังหวะมากนะเว้ย เมิงรู้มั้ยว่ากรูทำไรอยู่”
“………เมิงกำลังปล้ำผู้ชายอยู่รึไง.... กรูมีเรื่องสำคัญ มรึงมาหากรูด่วนเลย……...”
“บ้านเมิงดิ ไม่ต้อง ๆ ....สำคัญอะไร ว่ามา เร็วเลย อารมณ์เสียนะเว้ย”
“.....ไอ้พี่บอยแฟนเมิงมันหิ้วอีเด็กมนุษย์ไปนั่งคั่วอยู่ร้านเหล้าหลัง ม. แน่ะ...สำคัญยัง เมิงรีบมาเลย ไปจัดการมัน.......”
“เออ ๆ ๆ กรูจะไปเดี๋ยวนี้แหละ ...บ้าชิบ.... ” ดวงหน้าสวยดูบูดบึ้งผิดไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง


“เอ่อ ไผ่คะ วันนี้เข็มมีธุระสำคัญต้องไปทำน่ะค่ะ วันหลังค่อยคุยกันนะคะ เดี๋ยวคืนนี้เข็มโทรหาค่ะ” ปานฝันก็รีบเดินกึ่งวิ่งไปที่รถมอเตอร์ไซค์ขับออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ทิวไผ่จะร้องตามได้ทัน

“เข็ม เดี๋ยว...” ให้ตายสิ แล้วของขวัญนั่น จะเอาไงดีล่ะเนี่ย พูดกันยังไม่รู้เรื่องเลย ไอ้เราตอนแรกก็ซื่อบื้อรับไว้ซะ และจะหาทางทางคืนยังไงดีว้า ถึงจะไม่ให้เสียน้ำใจ ถ้าเก็บไว้ก็เหมือนเป็นการให้ความหวังซะมากกว่า แต่เข็มก็ดูน่ากลัวเกินไปจริง ๆ เอ้อ…เข็มไปเอาเบอร์โทรเรามาจากไหน...

“วีดวิ้ว ๆ ...ไอ้ไผ่มรึงทำอะไรเข็มวะ วิ่งแจ้นออกมาจากมุมอย่างนั้น นั่นแน่ ไม่เบานะเมิงเนี่ย” เสียงแซวดังมาจากกลุ่มเพื่อนทีมบาสของเขาที่นั่งพักรวมกันอยู่ข้างสนามหลังจากที่เห็นเขาเดินตามหลังเข็มออกมา
“บ้าน่า พวกเมิง ไม่มีอะไร แค่คุยกันเฉย ๆ”

“เฉย ๆ เจี้ยรายวะ เข็มวิ่งแจ้นอกมาอย่างนั้น หน้าตายิ่งดูไร้เดียงสาอยู่ด้วย เมิงค่อยเป็นค่อยไปดิ อย่าเพิ่งผลีผลามเดี๋ยวไก่ตื่น...”

ไร้เดียงสา …?
“ไก่ตื่นบ้านเมิงเดะ ไอ้พวกนี้นี่ กลับแล้วโว้ย แล้วเจอกัน....” ยังมีเสียงแซวตามมาอย่างไม่ยอมหยุด แต่หนุ่มหน้าเข้มไม่ได้หันไปสนใจแต่อย่างใด

...


“ฟ้า ถึงแล้ว ลงมาดิ นั่งเหม่ออยู่ได้หิวข้าวไม่ใช่เหรอ” ต้นข้าวเรียกให้สายฟ้าลงจากรถไฟฟ้าเมื่อรถมาจอดที่หน้าศูนย์อาหารหน้าหอพัก

“กินไรกันดี”

“แล้วแต่นายละกัน”

“มาแปลกแฮะ.....ป้าเอาข้าวกะเพราะหมูกรอบ 2 จาน ค้าบ...”
“นี่เป็นไรมากเปล่าเนี่ย เพื่อนชั้น ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้นี่น่า...กลางวันก็เห็นดี ๆ อยู่ ค่ำมาไหงเป็นงี้ไปได้อ่ะ” ต้นข้าวพูดพลางจ้องมองแววตาเหม่อลอยไร้จุดหมายของเพื่อนรักที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“เอ๊ะ รึว่า... ใช่ ชัวร์เลย อาการแบบนี้เป็นอื่นไปไม่ได้นอกเสียจาก.... อกหัก”

คำว่า ‘อกหัก’ จากปากเพื่อนรัก เหมือนหอกแหลมที่ปักลงกลางใจอย่างฉับพลัน แต่มันก็ช่วยปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์ได้อย่างน่าประหลาดใจ

“เฮ่ย อกหักบ้าไร ไม่มี้...นายพูดไรเนี่ย” ต้องปฏิเสธไว้ก่อน ‘เออ แล้วนี่บ้าเฮิร์ตอะไรนักหนาวะไอ้ฟ้า แกนี่’
“อ่ะ ข้าวมาแล้วกินกันเถอะ เหนื่อย จะได้ขึ้นห้องอาบน้ำ แล้วก็นอนซะที” ได้เวลาเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างทันทีทันใด ขอบคุณคุณป้าที่ยกข้าวมาเสิร์ฟได้ทันเวลาพอดีนะครับ

“เหอะ กระปรี้กระเปร่าขึ้นผิดหูผิดตาเชียว กลบเกลื่อนไรปะ” ต้นข้าวทำหน้างง ๆ

“กิน ๆ ๆ อย่าพูดมาก หิว” แต่เมื่อข้าวเข้าปากได้เพียงคำเดียวก็เหมือนมีก้อนอะไรแข็ง ๆ มาจุกอยู่ที่ลำคอ ของเขา การกลืนข้าวลงคอแต่ละคำดูชั่งจะยากเย็นซะเหลือเกิน

“อ้าว อิ่มแล้วหรอ ไหนบอกหิวมากมายไง ข้าวยังไม่พร่องจานเลย” ต้นข้าวเงยหน้าขึ้นถาม เมื่อเห็นสายฟ้าวางช้อน แล้วดื่มน้ำไปเกือบหมดแก้ว

“อิ่มอ่ะ สงสัยตอนกลางวันกินเยอะไปหน่อย” สายฟ้าพยายามตอบด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ แต่แววตากลับฉายแววหม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด

“อืม คิดว่า นึกอยากจะเพี้ยนอะไรขึ้นมาอีก... เออ เดี๋ยวขึ้นห้องมีไรจะคุยด้วยหน่อยนะ” ต้นข้าวหันกลับไปลงมือกินข้าวในจานของตนเองต่อ

...

หลังจาก 2 หนุ่มกินข้าวเสร็จ เดินขึ้นมาบนห้องก็พบกับร่องรอยเสื้อผ้าชุดที่ทิวไผ่ใส่เล่นบาส กับร้องเท้าผ้าใบวางอยู่ที่ชั้น แต่ไม่เห็นร่างเจ้าของของมันแต่อย่างใด

‘สงสัยไอ้หมอนั่นลงไปกินข้าวมั้ง คงคลาดกันเมื่อซักครู่ ดี จะได้มีเวลาส่วนตัวคุยกับฟ้าได้’

‘ออกไปกินข้าวกับแม่สาวคนนั้นล่ะมั้ง เฮ่อ....ยิ่งคิด ยิ่งเห็น ยิ่งเจอ ยิ่งห่อเหี่ยว ถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกันคงทำใจได้ง่ายหน่อย ...แต่นี่เจอกันเกือบจะตลอด 24 ชั่วโมงเชียวนะ’

บรรยากาศอึมครึม ชวนอืดอัดเข้าปกคลุมห้องอย่างรวดเร็วเมื่อประตูปิดลง 2 หนุ่มนั่งอยู่บนขอบเตียงของตนเอง หันหน้าเข้าหากัน ต้นข้าวพยายามจ้องหน้าเพื่อนรักแต่สายฟ้ากลับเอาแต่ก้มหน้า

“ฟ้า วันนี้ฟ้าเป็นอะไร บอกเราได้ไหม”

“ไม่มีอะไรหรอกต้น แค่เครียด ๆ นิดหน่อย” สายฟ้าก้มหน้าตอบเสียงเนือยเบา

“นี่เครียดอะไรบอกเราสิ เผื่อเราจะช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของนายได้บ้าง”
“..........”
“ฟ้า เราเป็นเพื่อนกันนะ คบกันมาตั้ง 6 ปีกว่าแล้ว นายเป็นอะไรทำไมเราจะไม่รู้ นายเป็นแบบนี้เราไม่สบายใจรู้ไหม”

“ต้น......” เสียงหนุ่มน้อยร่างเล็กเริ่มสันเครืออย่างชัดเจน ทรวงอกสะท้อนขึ้นลงตามแรงสะอื้น เป็นจังหวะ แรงขึ้น ๆ หยดน้ำใส ๆ หยดติ๋งลงพื้นห้อง

“เพราะนายนั่นใช่ไหม...”

“ต้น.....หยุดเถอะ เราขอร้องอย่าซักเราอีกเลย...ฮือออ” สายฟ้าโถมตัวเข้าสวมกอดเพื่อนรัก ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดที่จะทานไหว
“เค้าไม่เกี่ยวอะไรด้วยหรอกนะต้น เค้าไม่เกี่ยว ไม่เกี่ยวเลยซักนิด ...เรามันบ้า เราคิดไปเองคนเดียว เราผิดเอง อย่าโทษเค้าเลยนะต้น...”

ต้นข้าวกอดตอบเพื่อนรักของเขา หยดน้ำใส ๆ เริ่มที่จะเอ่อล้นออกมาคลอพร้อมที่หยดลงทุกเมื่อ หนุ่มร่างบางเงยหน้าขึ้นพยายามกลั้นน้ำตาไว้ให้มันไหลย้อนกลับอย่างสุดความสามารถ ไม่ได้สิ เวลานี้เพื่อนของเขาต้องการคนปลอบใจ
‘นายจะอ่อนแอไปอีกคนไม่ได้นะต้น นายต้องเข้มแข็งเข้าไว้’

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา...เค้าไม่เคยมีทีท่าอะไรกับเราเลยแม้แต่น้อย แต่เรากลับเหมารวมเอาว่ามิตรภาพและไมตรีที่เค้ามีให้ มันเป็นอะไรที่มากกว่านั้น ทั้งที่จริงมันไม่ใช่ ไม่ได้พิเศษอะไร มันก็เหมือนกับเค้ามีให้กับทุกคน แต่วันนี้เรารู้แล้ว ว่ามันไม่ใช่ เค้าก็แค่คนปกติคนนึง แต่เราพยายามจะดึงให้เค้ามาเป็นเหมือนเรา เรามันบ้า เรามันไม่ดี...เราจะทำลายชีวิตเค้ารึไง....” สายฟ้ายังคงพูดด้วยเสียงสะอื้น

“อืม...เราเข้าใจนะ ว่ามันยาก มันเจ็บ แต่ฟ้าต้องเข้มแข็ง รู้ไหม...นายยังมีเรานะฟ้า คนที่พร้อมจะเคียงข้างนายเสมอ” ต้นข้าวจับต้นแขนสองข้าง ของหนุ่มตัวเล็กกว่าผลักออกจากลำตัว เขาใช้นิ้วหัวแม่มือ ปราดหยดน้ำตาที่ไหลนองแก้มออกอย่างแผ่วเบา

“ต้น....เราตัดสินใจแล้ว เราจะตัดใจจากเค้าล่ะ เราสัญญา เราจะเข้มแข็งเราจะทำให้ได้...” เสียงพูดยังสะอื้นสั่นเครือไม่หยุด แต่แฝงไว้ด้วยความหนักแน่นและเด็ดเดี่ยว

“จ้า...พ่อคนเก่ง....งั้นก็หยุดขี้แงซักทีสิ ดูสิทำเสื้อเราเปียกหมดแล้ว มิหนำซ้ำเกือบพาลพาเราร้องไห้ไปด้วยอีกคน”
ต้นข้าวพูดลากเสียงเชิงล้อเลียน พลางใช่นิ้วหัวแม่มือหยิกสองแก้มป่องเปื้อนคาบน้ำตาของหนุ่มเพื่อนรักขยี้ไปมาเบา ๆ อย่างเอ็นดู

“ทำยังกับนายเป็นพี่ชายเรายังงั้นแหละ”

“อ๊ะ เป็นให้ก็ได้นะ ไอ้คุณน้องฟ้าจอมขี้แยสุดที่รักของพี่ต้น...”
   
   “ไอ้พี่ต้นแก....บังอาจเรียกเราจอมขี้แย แบบนี้ต้องจับจี้เอวซะให้เข็ด”
 “....ฮะฮะฮะ...” บรรยากาศตอนนี้ กลายเป็นเสียงหัวเราะทั้งน้ำตา แบบว่าขำ ๆ น้ำตาเล็ดไปซะแล้ว กว่าจะหยุดวิ่งไล่กวดกันได้ก็เล่นเอาหอบแฮ่ก ๆ กันไปทั้งคู่

“ไปอาบน้ำได้แล้วน้องฟ้าของพี่ เดี๋ยวไอ้หมอนั่นกลับมารู้ว่ามีคนขี้แงร้องไห้ขี้มูกโป่งจะโดนล้อเอานะ”

“จ้ะ ไอพี่ต้น...เดี๋ยวเหอะ ยังไม่หยุดเล่นอีกนะ....ไปอาบน้ำแล่ววว... ช่วยเก็บของด้วยละกัน กระจัดกระจายเกลื่อนห้องไปหมด”

“ค้าบ เจ้านาย...” ยอมเป็นเบ๊ซักวันวะ ยังไงก็ยังโล่งอกที่ทำให้เจ้าตัวเล็กหัวเราะได้ จะได้หายเศร้าได้บ้าง ไม่มากก็น้อยล่ะ

........สายน้ำเย็นฉ่ำจากฝักบัวซ่านเซ็นกระทบผิวกายจนเปียกชุ่ม ความเย็นจากสายน้ำแผ่ไปทั่วทุกอณูผิว ช่วยให้จิตใจที่ดูหดหู่ และเหี่ยวเฉาของสายฟ้าได้สดชื่นขึ้นมาบ้าง แต่จะให้กลับคืนสู่สภาพปกติเลยทีเดียวคงต้องใช้เวลาอีกซักระยะ นอกเสียจากว่า จะมียาสมานแผลขนานเอกค่อยเยียวยาแผลใจดวงน้อยของเขาให้หายวันหายคืนอย่างรวดเร็วเท่านั้น

ภายใต้ความมือสนิทที่ปกคลุมไปทั้งห้อง มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศครางอย่างแผ่วเบา และเสียงหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอของหนุ่มหน้าเข้มที่หลับใหลไปอย่างรวดเร็วเพราะความเพลียจากการแข่งบาสมาช่วงหัวค่ำ
แต่ยังมีแววตาดวงน้อยที่ยังเบิกโพลง กับความคิดสับสนวุ่นวายโลดแล่นไปมาอยู่ในหัวสมอง ‘อีกนานเท่าไหร่นะ อีกนานแค่ไหน ที่จะลืมเขาได้ มันยากเหลือเกิน’ สายฟ้ามองผ่าความมืดไปยังร่างแกร่งที่นอนอยู่บนเตียงฝั่งตรงข้ามอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ กว่าหนุ่มน้อยจะหยุดความคิดวุ่นวายและบังคับจิตใจที่ว้าวุ่นให้สงบลงได้ และย่างก้าวเข้าสู่ห้วงนิทราก็เลยเวลาสองยามเศษเข้าไปแล้ว

ยังมีสายตาอีกคู่ ที่ยังไม่ยอมหลับใหล เขาเฝ้ามองอาการกระสับกระส่ายของเพื่อนรักอยู่ท่ามกลางความมืดของรัตติกาล เมื่อเพื่อนของเขายังไม่หายทุกข์ใจ เขาจะหลับตาลงได้อย่างไร ‘นายต้องทำได้นะฟ้า เราเชื่อมั่นในตัวนาย นายต้องทำได้ อีกไม่นาน นายจะกลับมาเป็นสายฟ้าน้อย ผู้สดใสร่าเริงเหมือนเดิม’
‘แล้วไอ้หมอนั่น มีใครคนนั้นจริง ๆ น่ะหรือ ทำไมอยู่ดี ๆ ใจมันถึงวูบแบบนี้ล่ะ เพราะอะไร ....อ๊าก....ปลอบเพื่อนมาหยก ๆ กลับเป็นซะเองตรู’
เมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวน้อยของเขา เข้าสู่ห้วงนิทรารมย์อย่างแท้จริง ต้นข้าวจึงถึงคราปิดเปลือกตาลงและผล็อยหลับไปอย่างง่วงงัน


…………………………………………………………………………………………………

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
น้องเข็มแรงมากกกกกกกกก ต่อไปต้องกลายเป็นตัวปัญหาแน่ๆ

แล้วประทับใจความรักระหว่างเพื่อนของต้นข้าวกับสายฟ้ามากเลยคับ ซึ้งๆๆๆ :impress:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
มาเป็นกำลังใจให้ครับ

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
สู้เค้าน้า ทั้งต้น และ ฟ้า o12 o12 o12 o12 o12 o12

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
แปะไว้ก่อนนะครับ

เดี๋ยวมาอ่าน

คิกคิก

 :kikkik:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ยัยเข็มแรงจริงๆ  แต่ขอขำเธอหน่อยเถอะ  แบบจินตนาการภาพสาวสวยดาวคณะ  พูดแบบนั้นแทบไม่ออกเลย  หน้ามือเป็นหลังมือจริงๆ 55

โธ่  สงสารสายฟ้าอะ  รักเขาข้าวเดียว  ตอนนี้ต้นน่ารักดี   :like6:

รออ่านต่อจ้า  :impress:

ปล กานต์เรื่องที่ฝากถาม อืม.. ไปดูในลิสต์มาแย้วว  เหมือนไม่มีตัวนี้เพียวๆให้ซื้ออะ มีแต่ในอาหารเสริม  :sad2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
อกหักกับแอบรักเขา อย่างใดเล่าจะช้ำกว่ากัน  :sad2:

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 :impress2: :impress2:  หวังว่าคุณพี่สายชลจะมาเปนยาสมานใจให้คุณน้องสายฟ้าเร็วนะครับ o17 o17 

 :o :o แล้วอาการใจหายวูบๆขอบคุณต้นเนี่ยะ  มันยังไงๆอยู่นา :haun5: :haun5:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
โอ๋ๆ นู๋ฟ้าอย่าร้องไห้นะ
เดี๋ยวพี่สายชลก็มาปลอบแล้ว :haun5: :haun5: :haun5: :haun5:

ยัยเข็มนี่แรงนะ
ท่าทางจะป่วนไปได้หลายฉากเลยนะเนี่ย
 o16 o16 o16

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
อกหักกับแอบรักเขา อย่างใดเล่าจะช้ำกว่ากัน  :sad2:

เฮ้อ มันมีแต่ช้ำกับช้ำ  :เฮ้อ:

sabishiikant

  • บุคคลทั่วไป
“นี่ต้น เธอเป็นเมทของไผ่ใช่มะ ได้ข่าวว่าเป็นเพื่อนกันมาแต่โรงเรียนเก่าด้วยนี่” สาวสวยดาวคณะเดินเข้ามาคุยกับหนุ่มหน้าใส ระหว่างหยุดพักเหนื่อยจากการซ้อมเชียร์ลีดเดอร์

“อืม ไมหรอ”

“ไผ่ มีแฟนรึยัง” คำถามนี้เล่นเอาหนุ่มร่างบางแทบสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่ เพื่อนสาวคนสวยดาวคณะคนนี้ชั่งกล้าถามแบบตรง ๆ อย่างไม่อ้อมค้อมเลยซักนิด

“ไม่รู้สิ ไม่ได้สนใจ ทำไมไม่ถามเค้าเองล่ะ” ถามถึงใครไม่ถาม มาถามถึงคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้าอยู่แล้วถึงจะมาจากโรงเรียนเดียวกัน พักห้องเดียวกันก็เถอะ

“อะไรเนี่ย เป็นเพื่อนกันภาษาไร ไม่รู้เรื่องของเพื่อนซักอย่าง...งั้น ขอบใจไม่กวนละ” ถึงมีก็คงไม่แปลกอะไรและคงไม่หนักหนาสาหัสถ้าปานฝันคิดจะแย่งมาซะอย่าง

‘เหอะ ก็ตรูไม่รู้นี่ฟระ นายนั่นจะเป็นจะตายก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้วนี่ แต่...เข็มสนใจนายนั่นหรอ...’ แล้วทำไมหัวใจเขาเกิดหวิว ๆ ขึ้นมาอย่างพิกลล่ะ

“...เอ้าน้อง ๆ คะ มาตั้งแถวกันต่อเลยค่ะ รีบ ๆ ด้วย ถ้าไม่ได้ท่านี้ เดี๋ยวดึกนะ...” เสียงพี่ที่คุมซ้อมหลีด ตะโกนเรียกรุ่นน้องไปเข้าแถวซักซ้อมกันต่อ ช่วยปลุกหนุ่มหน้าใสตื่นจากภวังค์น้อย ๆ แล้วรีบกุลีกุจอ ไปร่วมซ้อมกับเพื่อน ๆ ต่อทันที

ใกล้วันปิดการแข่งขันกีฬาภายในเข้ามาทุกทีแล้ว สแตนเชียร์และเชียร์ลีดเดอร์ของทุกคณะต่างโหมซ้อมกันอย่างหนักโดยเฉพาะเชียร์ลีดเดอร์จะแยกซ้อมต่างหากจากสแตนด์ บางวันซ้อมกันจนดึกจนดื่น ก่อนจะมีการนำหลีดไปซ้อมเข้ากับสแตนด์บ้างเป็นบางครั้งและในวันซ้อมใหญ่ของแต่ละคณะ
“วันนี้ฟ้าเลิกซ้อมรึยังนะ” ต้นข้าวบ่นพึมพำขณะเดินออกมาจากคณะหลังเลิกซ้อมเวลาเกือบ 5 ทุ่มแล้ว
“....ตู๊ดดด.....ตู๊ดดด....ตู๊ดดด ๆ ๆ ๆ” ตรูไม่ช่ายตุ๊ดว้อย..... ‘รับสิฟ้า ปล่อยให้ไอ้โทรศัพท์บ้านี่ด่าเราอยู่ได้’ “....ท่านกำลังเข้าสู่บริการฝากหมายเลขโทรกลับ....Welcome to ………”

“ไม่รับโทรศัพท์ สงสัยยังซ้อมอยู่มั้ง ไปรอที่ห้องดีกว่า” ต้นข้าวเดินมาขึ้นรถไฟฟ้าที่หน้าคณะเพื่อเดินทางกลับห้องพัก


“โอ๊ย....” ขณะที่ต้นข้าวกำลังจะเปิดประตูเข้าห้องไปก็ชนโครมเข้ากับร่างหนาแกร่งอย่างจังจนคนร่างบางเซถลาเกือบจะล้ม แต่ทิวไผ่คว้ามือหนุ่มหน้าใสไว้ได้ทัน

“จะรีบไปตายที่ไหนเนี่ย เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลย เจ็บนะเฟร้ย” เมื่อตั้งตัวได้คำพูดมากมายก็พรั่งพรูออกมาสาดใส่อย่างไม่ยั้ง
“ปล่อยซะทีเดะ” เมื่อเห็นว่าหนุ่มหน้าเข้มตัวแสบมีทีท่าจะไม่ยอมปล่อยมือเขาง่าย ๆ

“ไม่ปล่อย ขอบคุณซักคำก่อน” ทิวไผ่ทำสีหน้ากรุ้มกริ่มมือแข็งแรงกำข้อมือน้อย ๆ ของหนุ่มหน้าใสไว้แน่น

“ปล่อยยย.....”  ต้นข้าวสะบัดข้อมืออย่างแรง จนรู้สึกเจ็บแปรบที่ท่อนแขน แต่หาได้หลุดพ้นจากเกาะกุมไม่

‘.........ยิ่งร้ายก็ยิ่งรัก รัก เธอ ไม่รู้ทำไมไม่เคย คิดจะเกลียดเธอซักครั้ง ส่วนลึกมันเรียกร้อง ให้เธอรับฟัง แอบหวังคงมีสักวัน เราจะเข้า ใจกัน ซักที...........’

เสียงเรียกเข้ามือถือของทิวไผ่ดังลั่น เขาสะดุ้งน้อย ๆ ก่อนปล่อยมือออกอย่างรวดเร็วเพื่อรับโทรศัพท์ เมื่อหลุดพ้นพันธนาการ ต้นข้าวสะบัดข้อมือเบา ๆ คลายอาการเคล็ด

“หวัดดีครับเข็ม...เดี๋ยวไผ่จะลงไปเดี๋ยวนี้ละครับ บายจ้ะ เดี๋ยวเจอกันครับ...” เขาวางสายไป
“ฝากไว้ก่อนนะ เดี๋ยวจะมาเอาคืน...ไปล่ะ” ทิวไผ่ทำหน้ายียวน ก่อนหันหลังรีบเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับถุงกระดาษที่ติดมืออยู่ก่อนแล้ว
   
   “ไม่รับฝากเว้ย....” ต้นข้าวตะโกนตามหลังไปแต่กลับได้รับการตอบกลับมาเป็นเสียงปิดประตูดังปังเบา ๆ
   ‘ยัยเข็ม....อย่างนี้นี่เอง ซ้อมหลีดเสร็จก็นัดผู้ชายออกไปหาเลยนะ...’ ต้นข้าวพึมพำพร้อมความคิดว้าวุ่นสับสนวุ่นวายเกี่ยวกับหนุ่มหน้าคมเข้ม ประทังเข้ามาในหัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ ‘หึงแทนเพื่อน...รึเปล่า…? เพราะอะไรล่ะ ในเมื่อสายฟ้าบอกจะตัดใจอย่างเด็ดขาดแล้วนี่....อ๊าก....บ้าอีกแล้วไอ้ต้น เพราะแก ไอ้ขี้เก๊ก ตัวสร้างปัญหา...’ เมื่อหาสาเหตุไม่ได้ การกล่าวโทษดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้
   
ต้นข้าวเดินหน้าบึ้งตึงอย่างหงุดหงิดออกไปเอาผ้าเช็ดตัวที่ผึ่งลมไว้ที่ระเบียงเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำ แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นชายหญิงคู่หนึ่งยืนคุยกันอยู่ข้างถนนหน้าหอพักเบื้องล่าง
‘เฮ่ย มาหาถึงที่เลยเหรอ’ แบบนี้มันช่วยไม่ได้ ต่อหน้าต่อตาต้องแอบดู การกระทำไวเท่าความคิดต้นข้าวพยายามเพ่งสายตาไปที่คนทั้งคู่ อย่างไม่ยอมคลาดสายตา แต่หัวใจเขากลับเต้นตุบ ๆ แรงขึ้นเรื่อย ๆ
 ‘พูดอะไรกันเนี่ย ไม่ได้ยินเลย อยากรู้ว้อย.....’ เพราะอยู่ไกลเกินไป ต้นข้าวจึงไม่ได้ยินการสนทนาของคนทั้งคู่ มันยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว
‘อ๊าก...มีการจับมือถือแขนกันด้วย ให้ของกันอีกตะหาก แล้วในถุงนั่น มีอะไร.....ยัยนั่นก็เล่นตัวซะยื้อยุดอยู่ได้” อะไรเข้าสิงเขาไม่รู้ถึงได้เกิดอารมณ์เป็นเดือดเป็นแค้นบ้าบอได้ขนาดนี้
‘โอ๊ย....ไปอาบน้ำแล้วว้อย ไม่ดงไม่ดูมันแล้ว ยังกะดูละครใบ้ รมณ์เสีย…’ หนุ่มร่างบางดึงเอาผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่บนราวตากผ้าที่ใช้กำบังตัวเมื่อซักครู่เดินเข้าห้องไปอย่างหงุดหหงิด

สายน้ำเย็น ๆ จากฝักบัวในคราวนี้คงจะช่วยบรรเทาอารมณ์เดือดพล่านของเขา จากภาพที่เห็นเมื่อซักครู่ให้เย็นลงได้ ‘อย่างนี้นี่เอง วันนั้นไอ้ฟ้ามันคงไปเห็นภาพอะไรบาดตาบาดใจมาแน่ ๆ เลย’ มือเรียวลูบไล้สบู่เหลวไปตามส่วนของร่างกาย แต่สมองกับครุ่นคิดอยู่กับอีกเรื่องอย่าง ไม่ได้ใส่ใจกับการอาบน้ำเลยแม้แต่น้อย
‘แล้วนี่ฟ้ามันจะตัดใจแล้ว มันบอกเป็นมั่นเป็นเหมาะ แล้วเรามาบ้าคิดมากแทนมันทำไมวะ’ คิดมากแทนเพื่อนรึเปล่า หรือเพราะใจดวงน้อยของเขาสั่งมาเองก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้น้ำแชมพูสระผมที่ฟอกไว้บนหัวไหลอาบลงมาเข้าตาเขาเข้าให้แล้ว
“อ๊าก...แสบ ๆ ๆ” ต้นข้าวกวักน้ำในอ่างล้างหน้าขึ้นล้างดวงตาเป็นพัลวัน

“ต้น ๆ เป็นอะไร ร้องลั่นเชียว” สายฟ้าเดินเข้าห้องมาได้ยินเสียงร้องของเพื่อนรักเขาเข้าพอดี

“ไม่มีไร แชมพูเข้าตาน่ะ” ต้นข้าวตอบกลับออกมาจากในห้องน้ำ

“วันนี้กลับดึกจัง แล้วก่อนขึ้นมานายเจออะไรไหม” ต้นข้าวยิงคำถามลองเชิงเพื่อนรักทันทีที่ออกมาจากห้องน้ำ

“พี่เค้าอยากให้ฟิต ๆ ไว้น่ะ.....อืมเจอ เจอยามหน้าตึก ทำไมหรอ”

“เออนะอารมณ์ยังดีอยู่ หายห่วงละ”

“นี่มีอะไรหรอ อย่ามาทำให้อยากแล้วจากไปดิ”

“เปล่า..... เออ ๆ ก็ได้ ไผ่กะเข็ม เจอไหม”

“ก็....เจอ” สายฟ้าตอบแผ่วเบา กับใบหน้าเรียบเฉย แต่สายตามันฟ้อง ต้นข้าวหันมาสบตาเพื่อนรักขณะกำลังเช็ดผมให้แห้ง

“เอ่อ....เราขอโทษนะ ไม่น่าถามนายแบบนี้เลย” หนุ่มหน้าใสแววตาหม่นลงทันทีอย่างรู้สึกผิด

“ไม่เป็นไรน่า...อย่าคิดมากดิ เราบอกกับนายแล้วไม่ใช่เหรอ นายมั่นใจเถอะ เราต้องทำได้แน่ ถึงมันจะยากและนานซักเท่าใดก็ตาม ขอเวลาเราหน่อยนะต้น”
หนุ่มร่างเล็กตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แล้วเสียงก็เปลี่ยนเป็นแผ่วเบาลงพร้อมแววตาฉายความเศร้าสร้อย
ต้นข้าวเดินเข้ามานั่งเคียงข้างหนุ่มน้อยแล้วโอบไหล่ไว้พลางตบเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ

“สองหนุ่มซึ้งไรกันอยู่หรอครับ ผมขัดจังหวะปะเนี่ย” เสียงทุ้ม ๆ ดังขึ้นมาหลังจากเสียงประตูห้องเปิดออก

“ใช่ ขัดมาก ๆ เพื่อนรักเค้าคุยกันอยู่คนอะไรไม่มีมารยาท” อารมณ์หงุดหงิดที่ค้างเก่าชั่งถึงเวลาเข้าผสมโรงระบายออกได้เหมาะเจาะเสียงจริง ต้นข้าวตอบไปแต่ไม่หันไปมองใบหน้าคมเข้มนั้น แล้วเด้งตัวลุกขึ้นไปแต่งตัวต่ออย่างรวดเร็ว

“งั้นต้องขอโทษด้วยนะครับ เอ่อ...ว่าแต่ว่าวันนี้ฟ้ากลับดึกจังนะครับ”

“พี่เค้าสอนท่ายากให้น่ะครับ เลยเลิกช้า” สายฟ้ายิ้ม แล้วตอบไปอย่างไม่ยอมสบตาด้วย กลัวว่าคนที่ตนสนทนาด้วยรู้ความในใจที่แอบซ่อนไว้

“ว่าแต่นายล่ะ ดาว เดือนคณะ ชั่งเหมาะสมกันจังนะ” ต้นข้าวค่อนขอดกลับทันควัน ทิวไผ่ทำหน้างงนิด ๆ
“ทำไมขึ้นมาเร็วจังจ๊ะ นึกว่าจะออกไปต่อข้างนอกกันซะอีก อุ๊บ...” ไม่ทันแล้ว พูดไปแล้ว

 “อ่านะ อะไรหรอ เอ๋...รึว่านายแอบดู” ทิวไผ่พูดเสียงเล็กเสียงน้อย

“แอบดูบ้าไร เราอาบน้ำอยู่ว้อย ไม่ใช่โรคจิตนะ จะได้ไปถ้ำมองชาวบ้านจู๋จี๋กันข้างถนนน่ะ...อุ๊บ...” อ๊าก....อีกแล้วตรู ไอ้ต้น......ดูเหมือนยิ่งพูดอารมณ์จะยิ่งพาไปเผยไต๋ตัวเองซะหมดล่ะทีนี้ ยิ่งพูดยิ่งมัดตัวเอง แถมมันยังรู้สึกจี๊ดที่หัวใจแปลก ๆ อีกตะหาก ไม่เอา ๆ งั้นเลิกพูดดีกว่า

“นั่นสิครับไผ่ ต้นแอบดูอะไรหรอ” สายฟ้าทำหน้าฉงนได้เนียนมาก ๆ

‘เอาตัวรอดเก่งนะนาย เออเนอะ เรามันแกว่งปากหาเสี้ยนเองนิ’

“ฟ้าอยากรู้ก็ถามเพื่อนของฟ้าดูสิครับ ว่าแอบดูอะไร ใช่มั้ยต้น…” หนุ่มหน้าเข้มลากเสียงล้อ ยิ้มกรุ้มกริ่ม อย่างอารมณ์ดี แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป

“ไอ้ ๆ ๆ ไอ้บ้า” หมดปัญญา แพ้ภัยปากตัวเองอย่างราบคราบ ได้แต่ก่นด่าตามหลังไป

สายฟ้ายักคิ้วและยิ้มให้กำลังใจ ในความผิดพลาดจนตกเป็นรองของเพื่อนรัก

...
(ถนนหอพักเมื่อซักครู่ก่อนหน้านี้)


“หวัดดีค่ะ ไผ่ เข็มต้องขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้โทรหาเมื่อคืนก่อน” สาวสวยดาวคณะกล่าวทักทายเพื่อนหนุ่ม

“ดีครับ แหม เข็มไม่ต้องลำบากก็ได้ครับ” หนุ่มหน้าเข้มกล่าวทักทายตอบตามมารยาท และเขาก็สังเกตเห็นริ้วรอยจาง ๆ บนใบหน้าสวยนั้นด้วยแสงจากหลอดไฟข้างถนน ถึงแม้เธอจะพยายามแต่งหน้าให้เข้มเป็นพิเศษก็ตามที ‘คงมีเรื่องมาคืนนั้นสินะ’

“เข็มโทรนัดผมออกมามีอะไรหรือเปล่าครับ”

“อ๋อ ไม่มีหรอกค่ะ แค่คิดถึงเลยมาหา ได้เจอหน้าไผ่ก่อนนอนเข็มจะได้นอนหลับฝันดีน่ะค่ะ” ทิวไผ่เกิดอาการเหวอเข้าให้อีกแล้วกับวาจาและสายตายั่วยวนเชิญชวน ของแม่สาวคนนี้ เธอชั่งดูจัดจ้านเหลือเกินไม่ค่อยเข้ากับใบหน้าสวยแววตาไร้เดียงสาของเธอเวลาอยู่ต่อหน้าคนส่วนใหญ่เลยสักนิด

“เหอะๆ…ครับ” หนุ่มหน้าเข้มหน้าเจื่อน ไม่กล้าสบตาคู่สวยและร้อนแรงนั้นแบบตรง ๆ

“เอ้อ...เข็มครับ เรื่องของขวัญนี่... ผม....รับไว้ไม่ได้จริง ๆ ครับ อย่าหาว่าผมรังเกียจที่ไม่ยอมรับมันไว้เลยนะครับ” ทิวไผ่พยายามรวบรวมความกล้า และเอ่ยปากพูดอย่างยากเย็น แต่กระนั้นก็ไม่วายประหม่าอยู่ดี

“อ้าว ทำไมล่ะคะ เข็มอุตส่าห์ซื้อให้คุณด้วยใจจริงนะ” สาวเจ้าทำหน้างุนงง

“แต่.....”

“น่า.... รับไว้เถอะค่ะ นึกซะว่า เพื่อนให้เพื่อนก็ได้นี่คะ” เธอพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะยอมรับของคืน ‘เสียฟอร์มหมดสิยะ ผู้ชายเอาของมาคืน มันเป็นการปฏิเสธเยื่อใยกันชัด ๆ’

“คือ....มันดูไม่ค่อยเหมาะสม ยังไง ไม่รู้น่ะครับ ผมต่างหากที่ควรจะให้ของขวัญเข็มมากกว่า ไม่ใช่เข็มมาให้ผม แบบนี้” หนุ่มหน้าเข้มพูดเก้ ๆ กัง ๆ ด้วยเสียงเนือยเบา อย่างเขินอาย

หาว่าชั้นแรดเหรอเนี่ย ? “งั้น.....ไผ่ จะให้อะไรเข็มดีล่ะคะ” ไม่บอกก็คงรู้ว่าความหมายของเธอ ว่าต้องการอะไรจากเขากันแน่ สาวเจ้าจีบปากจีบคอ ยั่วยวนสุดฤทธิ์ มิหนำซ้ำยังกรีดนิ้วลูบไล้ตนแขนเขาไปมา จนทิวไผ่ขนลุกเกรียว

‘ไม่ได้การละ เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับแม่เสือสาวซะนี่.... ต้องชิงตัดไฟตั้งแต่ต้นลม’
“เข็มครับ... ผมขอโทษนะครับ ผมรับไว้ไม่ได้จริง ๆ นะ หอจะปิดแล้ว เดี๋ยวผมขอตัวขึ้นห้องก่อนนะครับ”
ทิวไผ่ฉวยมือหล่อนขึ้นมาแล้วยัดเยียดถุงกระดาษที่มีกล่องของขวัญที่หล่อนให้เขาอยู่ภายในใส่มือเธอไว้ ซึ่งเขายังไม่ได้เปิดดูว่าเป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย

“เดี๋ยวสิคะไผ่....”

“ไว้เจอกันพรุ่งนี้ครับ วันนี้ดึกแล้ว ราตรีสวัสดิ์ครับ” เขากล่าวลาแล้วรีบหันหลังเดินขึ้นหอไปโดยไม่ได้หันกลับมามองอีกเลย สาวน้อยหน้าบูดบึ้งอย่างขัดใจ

“ไอ้ผู้ชายทึ่มเอ๊ย หล่อซะเปล่า แม่อุตส่าห์หอบ...มาเสนอถึงที่ เจือกไม่เอาอีก โง่แบบแกฉันไม่เอาแล้วโว้ย เสียเวลาว่ะ แต่อย่าหวังว่าคนที่ปฏิเสธอีเข็ม จะได้เสวยสุขกับอีหน้าไหนได้อย่างมีความสุขนะเมิง...”
คราบสาวน้อยผู้ใสซื่อไร้เดียงสา ที่สร้างภาพมามันหดหายไม่มีเหลือ ตอนนี้ปานฝันเหมือนกับนังเสือร้ายที่พลาดหวังจากเหยื่ออันโอชะไปต่อหน้าต่อตา หล่อนเขวี้ยงถุงกล่องของขวัญที่ทิวไผ่คืนให้ลงพื้น กระทืบอย่างแค้นเคือง ก่อนเตะมันกระเด็นเข้าป่าหญ้าข้างทางไปอย่างไม่ใยดี ก่อนจะสตาร์ทรถออกไปอย่างรวดเร็ว

ปานฝันบึ่งรถไปจอดอยู่หน้าบาร์แห่งหนึ่งข้าง ม. แล้วเดินเข้าไปนั่งข้างในสั่งมิกเซอร์มาดื่ม เพื่อบรรเทาอารมณ์เสีย  ท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังอย่างอึกทึกคึกโครม จนปวดแก้วหู
“เฮ่ย... อีอ้อม มรึงออกมาหากรูที่บางกอกด่วน คืนนี้ไม่ข้งไม่เข้าหอแมร่งมันแล้วโว้ย เซ็ง... นั่งแดร๊กเหล้า คอยหิ้วอีพวกผู้ชายจอมหื่นไปสนุกกันดีกว่า....”
นังเสือสาวโทรจิกเพื่อนคู่ใจออกไปท่องราตรีเป็นเพื่อนหล่อน บรรยากาศภายในบาร์นั้นดูมืดสลัว แสงไฟลากสีกระพริบสลับกันไปมาอย่างน่าเวียนหัว แต่กลับดูแสนจะศิวิไลซ์สำหรับนักดื่มนักเที่ยวทั้งหลายไม่น้อย


…………………………………………………………………………………………………


ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ตามมาทันแล้นนนน

สงสารฟ้าจังเลย

ท่าทางเรื่องจะไม่จบง่ายๆ

รอดูต่อปายยยยยย

 :o11:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
อิอิ นายต้น ตายเพราะปากแท้ๆ

แต่แม่เข็มนั้นก็ อีด-อก มากเลยนะ

ออฟไลน์ Daow

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ต๊ายยยยยยยยยยยยย ไผ่จ๋า ฉลาดมาก นึกว่าจะไม่รู้เท่าทันมารยาหญิงซะอีก
ดีแล้วตัดให้ขาดดัง ฉับๆๆๆ

เค้ามีตัวจริงอยู่แล้วย่ะ ยัยเข็มทู่ เชอะๆๆๆ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ยายเข็มที่แรงเกินจริงไปรึเปล่า  :try2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ RN

  • Global Moderator
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1650/-14
ตามมารออ่านนนนนนน

ขอบคุณนะ ที่มาลงให้อ่านอ่ะ..อิอิ

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
ยัยเข็ม...แรงนะยะหล่อน :try2:
ชิ o12 o12 o12


sabishiikant

  • บุคคลทั่วไป
   หลังจากแต่ละคณะทุ่มเทกำลังแรงกายแรงใจซักซ้อมกันมาอย่างหนัก ก็ถึงเวลาโชว์สปิริตเชียร์ หรือสแตนเชียร์กันแล้วในเย็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ที่สอง ในการแข่งขันกีฬาภายในของมหาวิทยาลัย
   18 สโมสรนิสิต ต่างผลัดเปลี่ยนกันขึ้นโชว์พลังความสามัคคี ความคิดสร้างสรรค์และความสวยงามของทีมเชียร์ของตนอย่างเต็มความสามารถ
ถึงแม้ว่าจะไม่มีการประกวดประชันขันแข่งอะไรกัน เพราะเป็นธรรมเนียมของทางมหาวิทยาลัยที่ต้องการให้ทุกคณะรู้จักความสามัคคีกลมเกลียวกันมากกว่า ไม่ใช่แต่จะมุ่งเอาชนะกันและกัน แต่กระนั้นทุกสโมสรฯ ก็ทุ่มเทอย่างสุดกำลังความสามารถ เพราะมันคือศักดิ์ศรีของคณะนั่นเอง
คณะแรกขึ้นโชว์ตั้งแต่ 4 โมงเย็น จนถึงคณะสุดท้ายขึ้นโชว์จบลงตอน 4 ทุ่ม เสียงเชียร์ เสียงกรีดร้อง ตบมือชื่นชมของรุ่นพี่และผู้ชมคือยาชูกำลังขนานเอก ทุกคนต่างไชโยโห่ร้องอย่างดีใจหลังจากทีมของตนเองโชว์จบลง ดูเหมือนมันจะเป็นวันแห่งความสุขของรุ่นน้องปี 1 เกือบทุกคน เพราะเป็นวันที่พวกเขาได้โชว์ความสามารถที่ได้ทุ่มเทกับการซ้อมมาตลอดหนึ่งเดือนเต็มให้รุ่นพี่ได้เห็น และที่สำคัญมันยังเป็นวันปลดแอกห้องเชียร์อีกต่างหาก จะไม่มีการต้องมาขึ้นห้องเชียร์ซ้อมตามวันเวลาที่กำหนด นั่งแหง็กตั้งแต่ 5 โมงเย็น ถึง 3 ทุ่ม อีกต่อไป ไม่มีการลงวินัยในห้องเชียร์ที่รุ่นน้องทุกคนแสนจะเกลียดอีกต่อไปแล้ว

“ฟ้ากับต้นเต้นเก่งทั้งคู่เลยนะครับ” ทิวไผ่เอ่ยปากชมสองหนุ่มหน้าใส

“ขอบใจ ที่ชม” ต้นข้าวตอบห้วน ๆ
 “ขอบคุณครับไผ่ ดีใจจังครับที่ไผ่ไปดูด้วย ที่จริงก็ไม่ได้เต้นเก่งอะไรหรอกครับ เพราะฟ้าก็ไม่เคยเป็นหลีดมาก่อน ก็แค่ทำท่าตามให้เข้ากับจังหวะ และเสียงกลองเชียร์เท่านั้นแหละครับ” สายฟ้าพูดอย่างถ่อมตัว

“อย่างนี้แหละครับเรียกว่าเก่งขนาดไม่เคยเป็นหลีดมาก่อนยังทำได้สุดยอดขนาดนี้” หนุ่มหน้าเข้มยังชมไม่หยุด จนสายฟ้าออกอาการเขิน

“เอ้อนี่ต้น เย็นวันเสาร์พี่แจงนัดเลี้ยงสายรหัสเรานะ ทำตัวให้ว่างด้วยล่ะ พี่เค้าสั่งห้ามเบี้ยวเด็ดขาด ไม่งั้นมีเคือง”

“เออน่า... รู้แล้ว พี่เค้าโทรมาบอกแล้ว”

“อ้าว...แล้วก็ไม่ยอมบอกว่าพี่บอกแล้ว หน้าแตกหมดเลย...” ทิวไผ่ทำหน้าเจื่อน พูดแหย ๆ

‘ดีสม ใครจะไปอยากเสวนากับนายนักหนาล่ะ’ ต้นข้าวกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ

“แล้วฟ้าล่ะครับ ไปด้วยกันไหม”

“เอ่อ...ไม่รบกวนดีกว่าครับ เกรงใจพี่รหัสไผ่กับต้นน่ะ”

“ฟ้าไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ พี่เค้าให้ชวนเมทไปได้นะ”

“คือ...อีกอย่างฟ้าต้องไปทำรีพอร์ตที่บ้านเพื่อนด้วยน่ะครับ อาจมีค้างด้วย...”

“ว้า...เสียดายจัง”

“งั้น...เดี๋ยวฟ้าให้ต้นกินเผื่อนะครับ”

“แอ๊...เราเกี่ยวไรด้วยไอ้ตัวเล็ก ใครชวนก็ให้คนนั้นกินเผื่อดิ บังอาจชวนตัดหน้าเราก่อนทำไม หึ” ต้นข้าวแย้งขึ้นมาทันทีที่ถูกพาดพิงถึง

“.......ได้ ๆ เดี๋ยวห่อกลับมาฝากฟ้าละกัน” ทิวไผ่เงียบไปพักหนึ่งก่อนตอบกลับมาอย่างทีเล่นทีจริง

“บ้าดิไผ่...ทำแบบนั้นน่าเกลียด...แต่ถ้าห่อมาได้ก็ดีนะครับ” สายฟ้าตอบกลับทีเล่นทีจริงบ้าง ก่อนตามมาด้วยเสียงหัวเราะคิกคักของทั้งสองฝ่าย

...

(งานนี้เพื่อพี่รหัส ต้องสงบศึกไว้ก่อน)

เย็นวันเสาร์ในตอนแรกทิวไผ่จะเอามอเตอร์ไซค์ไป เพราะพี่รหัสบอกจะเลี้ยงที่ร้านหมูกระทะหลัง ม. แต่พี่แจงโทรมาแคนเซิลก่อนว่าจะมารับ เพราะแฟนพี่เค้าและพวกเพื่อน ๆ จะไปร่วมแจมด้วย เลยจะพาเข้าไปเลี้ยงในเมือง

รถเก๋งโตโยต้าวีออสสีบอร์นเงินเคลื่อนมาจอดอยู่หน้าร้านแห่งหนึ่ง ต้นข้าวมองสำรวจบรรยากาศภายในแล้วมันดูไม่เหมือนร้านอาหารหรือร้านหมูกระทะบุพเฟ่ต์เลยซักนิด เหมือนร้านเหล้าเสียมากกว่ามีวงดนตรีเพื่อชีวิตบรรเลงขับกล่อมแขกเหรื่ออยู่ภายในร้าน

พอเดินไปถึงโต๊ะมุมหนึ่งมีพี่ผู้ชาย 3 คน และพี่ผู้หญิงอีก 2 คน นั่งรออยู่แล้ว พี่แจงแนะนำให้ต้นข้าวกับทิวไผ่รู้จัก พี่ทั้ง 3 คน ซึ่งเป็นเพื่อนแฟนพี่เค้าเอง
หลังจากทุกคนนั่งลงทุกอย่างก็เฉลยขึ้น เมื่อวงดนตรีเล่นเพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์ แล้วพี่ ๆเกือบทุกคนก็ตบมือและร้องตาม ทิวไผ่กับต้นข้าวได้แต่ทำหน้างง ๆ

“วันนี้วันเกิดแฟนพี่น่ะ ช่วยหน่อยนะ” พี่แจงมากระซิบที่ข้างหูน้องรหัส ก่อนสองหนุ่มจะรีบรับมุขตามอย่างรวดเร็ว จากนั้นอาหารก็ถูกสั่งมาวางจนเต็มโต๊ะ ก่อนจะตามมาด้วยเครื่องดื่ม น้ำอักลม ประเภทน้ำส้มถูกเสิร์ฟให้ผู้หญิง แก้วเหล้าถูกตั้งลงตรงหน้าของสองหนุ่ม ทิวไผ่ดูจะไม่แปลกใจอะไรนัก แต่หนุ่มหน้าใสถึงกับนิ่งอึ้ง เขาหันไปสบตากับพี่รหัสเชิงถามอย่างสงสัยทันที

“อ้าว...น้องต้นไม่ดื่มเหล้าหรอจ๊ะ งั้น...ยายอิ๋วเปลี่ยนเป็นน้ำอัดลมให้น้องละกัน” พี่แจงพูดขึ้นแล้วหันไปบอกให้เพื่อนสาวเปลี่ยนแก้วให้ต้นข้าว

“เฮ่ย...ไม่ได้ ๆ ดูถูกกันเกินไปแล้วแกนี่ น้องเค้ายังไม่เห็นปฏิเสธอะไรเลยนะ” เสียงพี่ผู้ชายคนหนึ่งแย้งขึ้นมา

‘เอาล่ะสิ ไอ้ต้นแก เจอเข้าให้แล้วมั้ยล่ะ จะทำยังไงดีว่ะเนี่ย ถึงจะไม่ให้เสียฟอร์ม’ หนุ่มหน้าใสครุ่นคิดหาทางออกอย่างสับสนทิวไผ่เริ่มสังเกตเห็นอาการกังวลของหนุ่มร่างบางที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา
“เอ่อ...”

“ใช่มั้ยครับน้อง เป็นผู้ชายก็ต้องหัดกินเหล้าเป็นธรรมดาบ้างสิ ถึงจะเรียกว่าลูกผู้ชาย” ไอ้พี่คนเดิมสวนขึ้นมาก่อนที่ ต้นข้าวจะได้ทันพูดอะไร ‘ผมไม่เคยกินเหล้าจริง ๆ ครับพี่ จะทำไงดี ๆๆ…’ ต้นข้าวกระวนกระวายใจ เหมือนทิวไผ่จะรู้ใจ

“พี่ครับ คือ เพื่อนผม....”

   ‘เอาวะ...ตายเป็นตาย อย่างมากแค่น็อก ลองซักตั้งจะเป็นไร’ หนุ่มหน้าใสตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวทั้งที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทำได้หรือไม่
“....ผ...ผมกินได้ครับพี่.....ไม่ต้องเปลี่ยนแก้วหรอกครับ...ขอบคุณครับ” ต้นข้าวตอบแบบไม่เต็มเสียงสวนขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนที่ทิวไผ่จะได้พูดจบประโยค
หนุ่มหน้าใสจ้องมองแก้วเหล้าตรงหน้าด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ พลางกลืนก้อนแข็ง ๆ ลงคออย่างยากเย็น ‘ทำไมมันดูแก้วใหญ่นักวะ...เฮ้อ...’

‘หึหึ คงกลัวเสียฟอร์มสินะ คอยดูซิว่านายจะไปได้ซักกี่น้ำ ไอ้หน้าอ่อน...เอ๊ย....คนอุตส่าห์จะช่วยพูดอยู่แล้วเชียว’ หนุ่มหน้าคมเข้มลอบมองคนข้าง ๆ อย่างสบประมาท แต่เหมือนต้นข้าวจะรู้ตัวว่าถูกมองอยู่

‘นายดูถูกชั้นเรอะ เดี๋ยวจะโชว์ให้ดูว่าคนอย่างไอ้ต้นก็กินได้ว้อย แค่เหล้าเนี่ย

>>> คุยกันด้วยกระแสจิต ซะงั้น อิอิ.......

บทสนทนาบนโต๊ะอาหารดูจะออกรสชาติ และมีสีสันอย่างมาก 2 หนุ่มน้อยเป็นที่สนใจ ของรุ่นพี่สาว โดยเฉพาะ ทิวไผ่ ถูกชวนคุยอยู่ตลอดเวลา จนรุ่นพี่หนุ่มทั้งหลายอิจฉาไปตาม ๆ กัน

เวลาผ่านไปนานจนอาหารและกับแกล้มในจานพร่อง แต่เหล้าผสมในแก้วของต้นข้าวยังไม่พร่องแม้แต่หยดเดียว และเริ่มเจือจางเพราะน้ำแข็งละลาย ขนาดข้าวติดคอ หนุ่มร่างหน้าใสยังอุตส่าห์เร่งรีดน้ำย่อยมาช่วยหล่อลื่นคออย่างเต็มที่จนปวดกรามไปหมด
ทิวไผ่ดูจะไม่ยุ่งยากอะไรนัก เพราะเขาเคยดื่มกับเพื่อนฝูงมาแล้วเล็ก ๆ น้อย ๆ

แต่แล้วสวรรค์ฤาจะไม่ช่วยเขาไปตลอด เมื่อต้นข้าวกินพริกเม็ดโตที่ติดไปกับกับข้าว เข้าไปอย่างไม่รู้ตัวความเผ็ดวิ่งจี๊ดขึ้นสู่สมองจนแทบน้ำตาเล็ด จะคายทิ้งก็ดูจะเสียมารยาท เหล้าไม่เหล้าไม่สนแล้วตอนนี้ หนุ่มหน้าใสคว้าแก้วได้ก็ยกกระดกลงคอทันที เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด แทนที่จะหายเผ็ด กับมีรสชาติออกแนวขม ๆ ของเหล้าเข้ามาอีก แต่ก็ต้องทนกล้ำกลืนลงท้องไปเกือบจะหมดแก้ว
‘แหวะ ขมชะมัด อร่อยตรงไหนวะ ทำไมคนถึงชอบกินกันนัก’ ต้นข้าวก้มหน้าเหยเก สบถในใจตามประสาคนพึ่งเคยกินเหล้าครั้งแรก

“หึหึ” หนุ่มหน้าเข้มกลั้วหัวเราะในลำคอ กับสีหน้าหนุ่มหน้าใส แต่คนข้าง ๆ ก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน
“อะ...โอ๊ะ...” เท้าของทิวไผ่ถูกกระทืบอย่างจัง ใบหน้าเริ่มออกอาการเจ็บปวดนิด ๆ แต่เขาพยายามกั้นเสียงร้องเอาไว้ ‘….นี่คือ โทษฐานที่หัวเราะเยาะ....’ ต้นข้าวมีสีหน้ากรุ้มกริ่มอย่างสะใจ

“น้องไผ่เป็นอะไรหรอคะ ทำไม....”

“อ่อ...เปล่าหรอกครับ ผมจะบอกว่าต้นเขาต้องการเติมเหล้าเพิ่มน่ะครับพี่” แผนการแก้เผ็ดเริ่มขึ้นอย่างทันควัน พร้อมกับยกเท้าหนีคลาดจากการโดนกระทืบซ้ำไปนิดเดียว

“แหมน้องต้นเนี่ยผลัดจะดื่มก็ไม่เบานะคะ เร่งเชียว ทีแรกพี่เห็นนั่งมองแก้วมาตั้งนานสองนาน” ต้นข้าวยิ้มแห้ง ๆ ให้กับรุ่นพี่ ก่อนจะหันไปหน้าบึ้งมองคนข้าง ๆ ตาเขียวปั้ด มือน้อย ๆ ตรงเข้าบิดสีข้างหนุ่มหน้าเข้มอย่างแรง ทิวไผ่นั่งบิดตัวงอไปตามแรงบิด เข้ากั้นเสียงร้องจากการเจ็บปวดอย่างเต็มที่

“น้องไผ่เป็นไรอีกคะ นั่งบิดไปบิดมาเชียว”

“ไม่มีอะไรคับพี่ ยุงกัดน่ะคับ” หนุ่มหน้าเข้มตอบรุ่นพี่สาวเสียงแหย ๆ
‘ยุงกัดเหรอ งั้นต้องเอาให้หนักกว่านี้….’ ต้นข้าวยิ่งบิดหนักมือขึ้น จนหนุ่มหน้าเข้มส่งสายตาอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร ต้นข้าวมองตอบด้วยแววตาบ่งบอกความสะใจอย่างสุด ๆ

‘ฝากไว้ก่อนเหอะ เดี๋ยวจะเอาคืนให้สาสม’
‘ยังไม่เข็ดใช่มั้ย จะเอาอีกเรอะ’
‘…อ๊ากกก....ม่ายเอ๊า...ยอมแว้วค้าบบบ...’ >>> ส่งสายตาคุยกันด้วยกระแสจิตอีกละ โฮะ ๆ ๆ....


ยิ่งดึก โต๊ะอาหารเริ่มกลายเป็นวงเหล้าและวงสนทนา พี่ ๆ ผู้ชายเริ่มออกอาการคุยเฮฮาหัวเราะเสียงดัง บ้างโยกย้ายร่างกายตามเสียงเพลง เพราะแอลกอฮอล์เริ่มออกฤทธิ์แล้ว รุ่นพี่สาวบางคนเริ่มเปลี่ยนจากแก้วน้ำอัดลมมาเป็นแก้วเหล้ากับเขาบ้าง

“น้อง ค้าบบบ เหล้าในแก้วน้องสองคนไม่ค่อย พร่องกันเลย ให้เกียรติพวกพี่หน่อยจิค้าบ...วันเกิดเพื่อนพี่ท้าง...ที” เสียงพูดอ้อแอ้ ๆ ของรุ่นพี่คนหนึ่ง

“นี่อย่ามาบังคับน้องชั้นดื่มมากนักนะ เดี๋ยวได้เมากันพอดี” พี่รหัสรีบออกรับหน้าให้อย่างน่ายกย่อง

ทิวไผ่หมดไปสองสามแก้วแล้วเขาเริ่มมีอาการมึน ๆ นิดหน่อย ส่วนหนุ่มหน้าใส แก้วแรกที่ดื่มเข้าไปเพราะความเผ็ดก็เล่นเอามึน หัวหมุนติ้วซะแล้ว ตอนนี้ยังโดนพี่ ๆ คะยั้นคะยอดื่มอีก จนบางทีเกรงใจต้องยกแก้วขึ้นจิบอยู่บ่อย ๆ

ซักพักเสียงโทรศัพท์พี่แจงดังขึ้น รุ่นพี่สาวเดินออกไปคุยอยู่หน้าร้าน ก่อนเดินเข้ามาบอกว่าขอตัวกลับก่อนมีธุระต้องไปทำ และฝากให้แฟนเค้าไปส่งน้องรหัสให้ด้วย แล้วพี่รหัสก็เดินออกไปพร้อมกับเพื่อนสาวอีกคน

‘ทีนี้ล่ะหมดกันแม่ไก่ผู้เคยสยายปีกปกป้องลูกเจี๊ยบ กลับไปซะแล้ว...ตายห่าสิ ไอ้ต้นแก.....’ ยังพอมีสติครุ่นคิด ทั้งที่เริ่มมีอาการปวดหัวตุบ ๆ จากเหล้าแก้วที่สองที่ทยอยไหลลงคอไปจนหมดแก้ว แล้วแก้วใหม่ก็ผลัดเปลี่ยนมาตั้งแทนที่อย่างรวดเร็ว
ทิวไผ่ดูจะคอแข็งกว่ามาก เพราะยังไม่แสดงอาการออกมาให้เห็นถึงจะดื่มมากกว่าเขาไปหลายแก้ว ต่างกับต้นข้าวที่เริ่มโงนเงน ๆ ไปมาอย่างเห็นได้ชัด หนุ่มหน้าเข้มเริ่มเป็นห่วงคนข้าง ๆ แล้วสิ ตัวเขาน่ะพอไหว แล้วนายอวดเก่งนี่ล่ะเริ่มออกอาการแล้ว รุ่นพี่สาวที่เหลืออยู่คนเดียวก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย กับร่วมดื่มไปด้วยเสียอีก
แล้วทางรอดสุดท้ายก่อนจะพากันเมาไปมากกว่านี้ก็ผุดขึ้นมาในสมอง

“เอ่อ....พี่ครับ พวกผมอยู่หอในกัน ต้องเข้าหอกันก่อน 5 ทุ่มนะครับ นี่ 4 ทุ่มครึ่ง แล้วครับพี่” ทิวไผ่พูดขึ้นเมื่อเริ่มเห็นอาการของต้นข้าวไม่สู้จะดีนัก

“ค้าบ ๆ เดี๋ยว พี่ไปส่ง แป๊บ ๆ...” พี่กอล์ฟ แฟนพี่รหัสของเขาตอบกลับมา แต่ยังคงสนุกสนานเฮอากับเพื่อน ๆ ต่อตามเดิม แถมยังถูกชวนแกมบังคับให้ดื่มเหล้าอยู่เรื่อย ๆ

เวลาปาไป 5 ทุ่มเศษแล้ว ทิวไผ่เริ่มออกอาการอึดอัด เป็นห่วงต้นข้าวมากขึ้น เพราะดูเหมือนจะเหม่อไปซะแล้ว เพราะไม่ได้กระวนกระวายสนอกสนใจเวลาเหมือนที่เขาเป็นอยู่เลย ครั้งจะเร่งให้ไปส่งบ่อย ๆ ก็เกิดอาการเกรงใจรุ่นพี่

“พี่ครับ เอ่อ เลยเวลาเข้าหอแล้ว…” ทิวไผ่พูดเสียงแผ่วเบาอย่างเกรงอกเกรงใจปนกระวนกระวายกลัวขึ้นหอพักไม่ได้ พี่กอล์ฟคนที่จะไปส่งเองก็ไม่ได้ดูเมาอะไร เพราะดื่มไม่มาก เพียงแต่ยังห่วงสนุกอยู่กับเพื่อน ๆ ของเขา

“น่านะ...เพื่อพวกเพ่ และ มิตรภาพ ของเรา หมดแก้วนี้...กลับได้” เสียงพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่ออกอาการเมาอย่างเห็นได้ชัด พูดขึ้น

‘จะให้ตรูดื่มหมดได้ยังไง กระดกพร่องแก้วที่ไร แมร่งก็เติมใหม่ให้จนเต็มทุกที แล้วมันจะมีโอกาสได้หมดมั้ยเนี่ย....เอาล่ะวะ แก้วนี้ ต้องเอารวดเดียวหมดโว้ย.....’ ทิวไผ่สบถในใจ ก่อนยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มปล่อยให้เหล้าในแก้วไหลผ่านลำคอลงท้องรวดเดียวหมด จนรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัวด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ แล้วอาการมึน ๆ ที่มีอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว ยิ่งทวีหนักขึ้นเรื่อย ๆ

“หมด...แล้วพี่ กลับได้ยังครับ...”

“ม่าย ๆ น้องต้นยังไม่ยอมดื่มเลย...เอางี้... ถ้าน้องต้น... กินเหล้าแก้วนี้หมดดดด... เพ่จะให้ไอ้กอล์ฟ ไปส่งเลย....ไม่งั้นก็ไม่ต้อง...กลับบบ นั่งต่ออยู่กับพวกเพ่นี่ล่ะ เอิ้กกก....” ไอ้รุ่นพี่ขี้เมาคนเดิมเริ่มหันมาเล่นงานต้นข้าวบ้างแล้ว

หนุ่มหน้าใสที่เหม่อลอยอยู่ตื่นจากภวังค์เมื่อถูกรุ่นพี่เรียกชื่อ

“เอ้า น้องต้นดื่ม.....” ไอ้พี่ขี้เมาคะยั้นคะยอไม่ยอมหยุด ทิวไผ่มองใบหน้าแดงกร่ำจากฤทธิ์เหล้าของต้นข้าวและนัยตาที่พร่ามัวนั้นอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้

ด้วยความเกรงใจ บวกกับจะได้กลับหอซะที ต้นข้าวกำแก้วแน่นกลั้นหายใจไว้ แล้วเหล้าแก้วที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ล่ะ (ลืม) ก็ถูกยัดเยียดลงคอจนหมดแก้วรวดเดียวเช่นกัน เสียงเฮฮา ตบมือเกรียวกราวดังมาจากกลุ่มรุ่นพี่ขี้เมาทั้งหลายหลังหนุ่มหน้าใส กินเหล้าแก้วนั้นหมด

ต้นข้าวรู้สึกเย็บวาบไปทั้งตัว กับอาการมึน ๆ จนหัวหมุนติ้วไปหมด มองหน้าหนุ่มหน้าเข้มที่นั่งมองเขาอยู่ข้าง ๆ ก็ยิ่งรู้สึกมึนงง เมื่ออยู่ ๆ คนตรงหน้าที่เขามองอยู่ก็แยกร่างเป็น 2 คน จาก 2 เป็น 4 วิ่งขวักไขว่กันไปมาอย่างวุ่นวายจนต้องขยี้ตาที่พร่ามัวนั้น แล้วมองไปทางกลุ่มรุ่นพี่ ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ทันใดนั้นก็เหมือนกับว่า ตัวเขาเบาหวิว แล้วทุกอย่างก็หมุนติ้วเคว้งคว้างไปมาราวกับว่าเขากำลังนั่งอยู่บนรถไฟเหาะตีลังกาใน ดิสนีย์แลนด์ไม่มีผิด
และแล้วเปลือกตาที่หนักอึ้งสุดที่ฝืนให้ลืมไว้ได้ ก็ปิดสนิทลงมา สติสัมปชัญญะของเขาดับวูบไปในทันที

“ต้น ๆ...ต้นเป็นอะไรมากเปล่า”.....ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่คุณเรียก.....ทิวไผ่เขย่าร่างหนุ่มหน้าใสไปมาเบา ๆ เมื่อเห็นต้นข้าวฟุบลงกับโต๊ะต่อหน้าต่อตา จนหัวใจเขาหล่นวูบลงไปอยู่ที่เท้าทั้ง 2 ข้าง กลัวว่าคนตรงหน้าจะเป็นอะไรไป

“อ้าว...น็อกซะแล้วเหรอ เพราะเมิงเห็นมั้ยไอ้โอ๊ต เมิงไปบังคับน้องเค้าดื่มจนแฮงค์ไปเลย ดีนะไม่อ้วกเรี่ยราดร้านเค้าเอา” พี่กอล์ฟพูดขึ้นเมื่อเดินกลับจากเข้าห้องน้ำ และพบกับสภาพต้นข้าวที่เป็นอยู่อย่างที่เห็น

“...เอาแล้วไอ้เน่ โบ้ยกรูซะง้าน...เมิงก็เห็นดีเห็นงามไม่ได้ห้ามกรูนิ แล้วน้องมานก็แดร๊กของมานเองกรูมะได้จับกรอกปากมันซะมะหร่าย...”

‘ถ้าเพื่อนต่อยปากกันเองตรูกะต้นจะได้กลับหอมั้ยเนี่ย รึจะโดนหางเลขติดคุกไปด้วยวะ...’

“กรูไม่ห้ามแต่ไม่ได้หมายความว่าเห็นดีเห็นงามด้วยนะโว้ย” รุ่นพี่คนที่ดูมีสติมากกว่าสวนกลับทันควัน

“........”

“พี่ครับ พอเถอะครับ อย่าเถียงกัน ผมขอน้ำแข็งกับผ้าทีครับ” ทิวไผ่ชิงห้ามก่อนที่อีกฝ่ายจะตอบโต้กลับ รุ่นพี่ผู้หญิงคนเดียวที่เหลืออยู่รีบเดินไปขอผ้าเย็นจากร้านมาให้ทิวไผ่เช็ดหน้าต้นข้าว

ทิวไผ่ประคองศีรษะหนุ่มหน้าใส่พิงไหล่ข้างหนึ่งของเข้าแล้วค่อย ๆ ใช้ผ้าเย็นเช็ดหน้าให้อย่างเบามือ

“ปะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง เราแบกเพื่อนไหวมั้ย”

“ไหวครับพี่” ทิวไผ่ผลักร่างบอบบางวางพาดไว้บนเก้าอี้ตัวที่ต้นข้าวนั่งกึ่งนอนอยู่ มือประคองศีรษะไว้ cแล้วลุกขึ้นยืน และรู้สึกว่าตัวเขาเองก็เซนิด ๆ จนต้องหยุดยืนให้นิ่งก่อนที่จะเคลื่อนไหวร่างกายต่อ
ทิวไผ่สอดแขนแข็งแรงช้อนร่างไร้สติของต้นข้าวอุ้มไว้แนบอกก่อนจะเดินกึ่งเซ ไปยังรถที่พี่กอล์ฟเปิดประตูรออยู่ก่อนแล้ว


   ทิวไผ่นั่งอยู่เบาะหลังโดยมีหนุ่มร่างบางนอนหลับใหลไม่ได้สติหนุนตักเขาอยู่ หนุ่มหล่อเหลาใช้ผ้าเย็นเช็ดหน้าให้เป็นระยะเผื่อต้นข้าวจะได้สบายตัวขึ้นบ้าง เขาจ้องมองใบหน้าเนียนขาวที่แดงระเรื่อด้วยพิษเหล้าผ่านแสงไฟตามท้องถนนที่สาดส่องเข้ามาในตัวรถเป็นระยะ ๆ ดวงตาปิดสนิทขนตางอนงามตามธรรมชาติอย่างน่าหลงใหล คิ้วโก่งได้รูป ริมฝีปากเรียวสวยน่าจูบ เขาอดไม่ได้ที่จะไล้นิ้วเล่นกับปอยผมสลวยนุ่มมือนั่น ก่อนจะเลื่อนนิ้วลงมาไล้ที่ดวงแก้มเนียน ไปมาเบา ๆ อย่างทะนุถนอม
‘ทำไมนายน่ารักยิ่งกว่าผู้หญิงซะอีกนะ’

   “...อืมมม...เวลาเข้าหอ 5 ทุ่ม ใช่ไหม…” เสียงพี่กอล์ฟกระแอมไอดังขึ้น ปลุกทิวไผ่ให้ฟื้นคืนสติกลับมา
   
   “ครับพี่” ทิวไผ่มองสบตาพี่กอล์ฟที่มองมาจากกระจกมองหลัง

   “โห...จะตี 1 แล้วเนี่ย ทำไงล่ะจะเข้าหอได้”

   “เข้าน่ะเข้าได้ครับพี่ แต่ต้องลงชื่อเข้าล่วงเวลา ถ้าเมามานี่สิ ยุ่ง.....”

   “...อืม...แล้วเราล่ะไหวมั้ย พี่เห็นเราคอแข็งเหมือนกันนี่ ไม่เหมือนเพื่อนนาย...” พี่กอล์ฟถามต่อ

   “ผมน่ะพอไหวครับ....แต่ ต้นไม่เคยกินเหล้าเลยครับพี่...แต่กลัวเสียฟอร์มที่ ถูกสบประมาท...” ทิวไผ่ตอบพลางหัวเราะแห้ง ๆ

   “งั้นเราแบกเพื่อนขึ้นหอไหวมั้ย อยู่ชั้นไหนล่ะ”

   “ชั้น 4 ครับ ไหวครับพี่ ไอ้เจ้านี้ตัวเล็ก ๆ เอง สบายมากครับ”

   “โห...ชั้นบนสุดเลยเหรอ ถ้าไม่ไหวบอกพี่ล่ะ”

   “ขอบคุณครับพี่ ยังไงถ้าไม่ไหวผมให้ยามช่วยก็ได้ครับ”

   “งั้นเดี๋ยวพี่เคลียร์ยามให้ละกัน”

รถเคลื่อนมาจอดที่หน้าป้อมยามทางเข้าหอพัก จากนั้นพี่กอล์ฟระงับกลิ่นเหล้าด้วยน้ำยาฉีดดับกลิ่นปากจนแน่ใจว่าไม่มีแน่ แล้วจึงเดินลงจากรถไปคุยกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำหอพัก อยู่ ซักพัก ก่อนจะเดินมาบอกว่าเข้าหอล่วงเวลายังไงก็ต้องลงชื่อเข้า นิสิตใหม่ครั้งแรก ยังไม่มีการตัดคะแนนความประพฤติเพียงแต่ลงชื่อไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น และวันนี้เป็นวันหยุด เด็กส่วนใหญ่ที่อยู่หอพักบ้างก็กลับบ้านกัน จึงมีการอนุโลมเป็นพิเศษ ทิวไผ่สะบัดศีรษะไล่ความมึนงง แล้วเดินให้ตรงที่สุด ลงไปแสดงบัตรนิสิต และบัตรหอพัก พร้อมทั้งลงชื่อให้ต้นข้าวด้วย เขากล่าวขอบคุณพี่กอล์ฟ แล้วพยายามปลุกต้นข้าว แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าหนุ่มหน้าใสจะรู้สึกตัว

“ต้นนะต้น ถ้าใครหลอกไปมอมเหล้าจะเป็นยังไงเนี่ย...ปลุกยังไงก็ไม่ยอมตื่น...เฮ้อ...” ทิวไผ่ตัดสินใจแบกต้นข้าวขึ้นหลัง แล้วพยายามเดินขึ้นหอไปให้โซซัดโซเซน้อยที่สุด โดยมีสายตายามและพี่กอล์ฟมองตามไปจนลับมุมบันได

“เด็กเป็นอะไรมาหรอ” ยามถามอย่างสงสัย

“เมา... เอ้ย !...หลับขี้เซาไปหน่อยน่ะครับ ลูกคุณหนูไม่เคยนอนดึกน่ะ” เกือบตอบว่าเมาจนน็อกไปแล้วมั้ยล่ะ

“อืม....คนแบกก็เดินโซเซยังกะคนเมานะ” ยามคนเดิมยังคลางแคลงใจไม่หายสงสัยง่าย ๆ

“คงหนักมั้งครับ ตัวเล็กแน่นใน เหอะๆ งั้นผมกลับล่ะครับ ฝากดูแลน้องผมด้วยละกัน” เมื่อมั่นใจว่า 2 หนุ่มรอดพ้นด่านยามไปได้แล้วรุ่นพี่หนุ่มก็ขึ้นรถขับมุ่งหน้าไปกินเหล้าต่อกับเพื่อน ๆ ทันที



ทิวไผ่แบกหนุ่มหน้าใสขึ้นบันไดมาจนถึงชั้น 4 อย่างทุลักทุเล ซ้ำอาการมึน ๆ จาก ฤทธิ์เหล้า เกือบจะทำให้ทั้งคู่ตกบันไดไปตั้งหลายครั้ง ทุกห้องปิดไฟนอนกันเกือบหมดแล้วเหลือแต่ความเงียบสงัดกับแสงไฟตรงบันไดมุมตึกเท่านั้น
ประตูห้องพักถูกเปิดออกและปิดลง ทิวไผ่พยายามจะวางร่างหนุ่มน้อยที่เขาแบกขึ้นตึกมาลงบนเตียง แต่ก็ต้องทรุดฮวบอย่างหมดเรี่ยวแรงลงไปกองอยู่บนเตียงด้วยกันทั้งคู่
ทิวไผ่พลิกตัวลงนอนข้าง ๆ ต้นข้าว หลับตาพักอย่างเหนื่อยหอบ ทันใดนั้น ก็มีแขนขาคู่หนึ่งพาดขึ้นมาบนลำตัวของเขา ทิวไผ่ตาเบิกโพลง!!! ใจเขาเต้นไม่เป็นส่ำ
‘กลายเป็นหมอนข้างไปซะแล้ว ....อืมนะ นายนี่ติดหมอนข้างนี่นา’ หนุ่มหน้าเข้มหันไปมองใบหน้าเนียนใสข้าง ๆ ผ่านแสงไฟสลัวจากหน้าระเบียงห้อง

เหมือนสวรรค์จะกลั่นแกล้งหรือเปล่าไม่รู้ อยู่ ๆ หนุ่มหน้าใสที่นอนก่ายกอดเขาอยู่ก็พลิกตัวปีนขึ้นมานอนทาบทับบนตัวเขาซะแล้ว ‘นอนดิ้นพิสดารอีกแน่ะ’ กลิ่นกายหอมกรุ่นของหนุ่มน้อยผิวเนียนผ่องยั่วเย้าอารมณ์ของเขาให้กระเจิดกระเจิง

   ใบหน้าเนียนสวยที่แดงระเรื่อซบอยู่ที่หน้าอกของเขา เสียงหัวใจสองดวงเต้นเป็นจังหวะพร้อมกันอย่างหน้าแปลกใจ ไม่เพียงแค่จะนอนอยู่เฉย ๆ หนุ่มร่างบางซุกไซ้จมูกฟุดฟิด ๆ อยู่ที่ต้นคอเขา เล่นเอาทิวไผ่ถึงกับขนลุกซู่ เสียวซ่านไปทั้งตัว เขาเริ่มหัวใจเต้นแรงอย่างสะเปะสะปะ

หนุ่มร่างบางบนตัวเขายังดิ้นไม่ยอมหยุด หน้าขาสองหนุ่มเสียดสีกันไปมาจนเจ้ามังกรน้อยของทิวไผ่เริ่มสำแดงเดช มันเริ่มพองตัวอย่างควบคุมไม่ได้ ไอร้อนผ่าวแผ่ซ่านออกจากส่วนนั้น ทิวไผ่พยายามกอดรัดต้นข้าวไว้แน่นเพื่อให้หยุดดิ้นก่อนที่เขาจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้

‘ต้นอย่า...หยุดยั่วผมซะที ผมจะไม่ไหวแล้ว.......อ๊าก...’ ในที่สุดตบะที่สั่งสมมาอย่างแก่กล้าก็แตกกระเจิง ทิวไผ่พลิกร่างบอบบางลงมาอยู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าเจ้าของร่างที่ทำให้เขาปั่นป่วนจะสงบลงแล้ว แต่เจ้ามังกรตัวร้ายของเขาสิ มันผงกหัวหงึก ๆ ไม่ยอมหยุดอยู่ตลอดเวลา มันไม่ยอมสงบลงง่าย ๆ ซะแล้ว

ทิวไผ่จ้องมองดวงหน้าเนียนขาวที่หลับตาพริ้มไม่ได้สติด้วยความเอ็นดูและน่าทะนุถนอม แต่หนึ่งในความรู้สึกนั้นคือความหื่นกระหาย ดวงตาวาวโรจน์ของเขาบ่งบอกถึงลาวาในกายที่พร้อมจะปะทุออกมาได้ทุกเมื่อ เขาเลื่อนสายตาลงมาจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากเรียวบางสวยได้รูป ริมฝีปากคู่ที่เขาเคยได้ลิ้มรสความหอมหวานมาแล้วครั้งหนึ่ง และโหยหามันมาตลอดแต่ไม่มีโอกาสอีกซักครั้ง คราวนี้สวรรค์ได้มอบของขวัญล้ำค่านี้ให้แก่เขาอีกครั้งแล้ว
หนุ่มหน้าเข้มก้มลงประกบริมฝีปากนั้นอย่างแผ่วเบา เขาบดขยี้ริมฝีปากอย่างนุ่มนวลทะนุถนอม ไม่นานก็สามารถเปิดริมฝีปากต้นข้าวให้เผยอออกได้สำเร็จ เขาฉกลิ้นเข้าไปแล้วเริ่มลงมือสำรวจภายในอย่างละเอียดทุกซอกมุม รสเหล้าที่ตกค้างหลงเหลืออยู่ช่วยให้จุมพิตนี้หอมหวานกลมกล่อมไม่น้อย เนิ่นนานทีเดียว แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนทิวไผ่รู้สึกตกใจ เมื่อต้นข้าวมีอาการตอบสนองด้วยการแลกลิ้นกับเขาทั้ง ๆ ที่ยังนอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่ในอ้อมกอดของเขา

“นายยังหอมหวานเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนเลย” ทิวไผ่ถอนริมฝีปากออก พูดกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู
“งั้น ผมขอนะคับที่รัก” ต้นข้าวสะดุ้งน้อย ๆ เหมือนจะรู้สึกตัว แต่ไม่ แถมซ้ำท่อนแขนยังกอดรัดร่างหนาแกร่งของเขาไว้ ตอนนี้อารมณ์พิศวาสครอบงำเขาอย่างเต็มตัวแล้วทิวไผ่เริ่มฉกลิ้นตวัดซุกไซ้ที่ใบหูและลำคอหนุ่มหน้าใส และบรรเลงประพรมจูบไปทั่วใบหน้าใส มือสองข้างของเขาเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข เขาสอดมือลูบไล้เข้าไปใต้เสื้อยืดของต้นข้าวสะกิดเม็ดติ่งที่ยอดอกทั้งสองข้างจนแข็งเป็นไตสู้มือ แล้ววนนิ้วรอบยอดอกนั้นไปมา ทิวไผ่เริ่มไล้ริมฝีปากเลื่อนมาจุมพิตอย่างดูดดื่มอีกครั้ง เขาใช้มือเกี่ยวขอบชายเสื้อยืดของต้นข้าวดึงขึ้นไปจนอยู่เหนือยอดอก ลิ้นแข็ง ๆ ฉกตวัดลงที่หัวนมสีชมพูสวยที่กำลังแข็งเป็นไตจนหนุ่มหน้าใสสะดุ้งแอ่นอกสู้ลิ้นอย่างลืมตัว อาการตอบสนองของต้นข้าว มันเป็นการยั่วยุให้เขายิ่งหน้ามืดเข้าไปอีก

“อย่า.....” เสียงครางกระเส่าเบา ๆ ดังเล็ดรอดไรฟันของหนุ่มร่างบางที่นอนหลับตาปรืออย่างเซ็กซี่ด้วยอารมณ์พิศวาส เมื่อทิวไผ่ลงลิ้นและดูดดุนที่ยอด อก ของต้นข้าวอย่างหนักหน่วง แอลกอฮอล์ในเลือดบวกแรงปรารถนาที่โหยหามานาน มันทำให้ทิวไผ่ไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้วนอกจากความต้องการปลดปล่อยของตัวเอง

เสื้อยืดถูกดึงออกจากตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เหลือแต่เพียงหน้าอกเปลือยเปล่ากันทั้งคู่ ทิวไผ่ยังคงจูบพรมไปทั้งตัวของต้นข้าวอย่างหิวกระหายเหมือนจะกลืนกินชนิดไม่ให้เหลือหรอ ต้นข้าวนอนบิดตัวไปมาอยู่บนเตียง สองมือตะกองกอดศีรษะหนุ่มหน้าเข้มไว้ไม่ยอมปล่อย

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
วายยยยยยยยย  :-[

คงไม่มีใครมาขัดจังหวะนะ  o3

คุณกานต์ต่ออีกหน่อยจิ อยากรู้ผล  :laugh:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณครับ  เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
อ้ากกกกกกกกกกกกกกก นายทิวไผ่อดใจไม่อยู่เหรอเนี่ย ตายแล้วๆๆๆๆๆลุ้นๆๆๆๆๆ  :-[

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
X กันแว้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววว

 :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:

 :จ้อบจัง1: :จ้อบจัง1: :จ้อบจัง1: :จ้อบจัง1: :จ้อบจัง1:

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
และแล้วก้อมาถึงบทอัศจรรย์ที่รอคอย                 เอ..........ว่าแต่ สร่างเมาแล้วจาเป็นไงน้า :try2: :try2: :try2: :try2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ และแล้วก็.... จนได้  :haun5:  :haun5:
ต่อด่วนเลยคร้าบบบบบบบบบบบบบ  o11  o11

ออฟไลน์ Daow

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ค้างเติ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง :sad2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด