ในวันแรกการฝึกยังคงไม่หนักมากนัก เป็นเพียงการเตรียมความพร้อมและทดสอบกำลังใจของ นศท. ที่เค้ารับการฝึก บรรยากาศ จึงยังครึกครื้นสนุกสนานอยู่ ยังไม่มีใครเหนื่อยอ่อนหรือหมดแรง สิ้นเสียงนกหวีด ครูฝึกประจำกองร้องปิดไฟแล้ว ในตอนแรกทุกอย่างดูเหมือนจะเงียบเชียบวังเวง เพราะอยู่ท่ามกลางป่าเขาที่ค่อนข้างเงียบสงัดในเวลากลางคืน แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงซุบซิบคุยกันลอดออกมาจากเต็นท์ทีละเต็นท์สองเต็นท์ มีเสียงก็อบแกรบจากการเปิดห่อขนมขบเคี้ยว จนเสียงดังฟังชัด บางคนถึงกับออกมานั่งคุยกันนอกเต็นท์ มีกลุ่มสาวเทียม และ เด็กหนุ่มเฮี๊ยว ๆ หลายคนวิ่งวุ่นมุดเต็นท์หยอกล้อกันไปมาส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดอย่างสนุกสนาน
“เฮ่ย... นังบ๊อบมุดเต็นท์ไอ้ไผ่เว้ย พวกเรา” เสียง นศท. คนหนึ่งดังขึ้น พร้อมกับการเฮโลไปรุมล้อมกันที่เต็นท์ของทิวไผ่ เพื่อน ๆ ต่างเชียร์ให้ทิวไผ่กอดปล้ำบ๊อบกันอย่างสนุกสนาน เจ้าหล่อนก็ส่งเสียงครวญครางตามจริตจกร้านเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ ๆ จนเพื่อน ๆ สนุกสนานล้อเลียนกันใหญ่ แม้แต่สายฟ้าและต้นข้าวเองก็อดที่จะอยากรู้อยากเห็นไม่ได้
“นี่ ๆ ต้น ต้นคิดว่าไผ่จะปล้ำยัยบ๊อบมันจริง ๆ หรอ” สายฟ้าลุกขึ้นถามความเห็นของต้นข้าวอย่างกระวนกระวาย แต่ก็พยายามเก็บอาการเป็นห่วงและสงสัยคลางแคลงใจไว้
“ห่วงกันมากนักรึไง นายนั่นจะทำอะไรก็ชั่งเค้าสิ ไม่เกี่ยวกับเรา ถึงขนาดยัยบ๊อบมันมุดเข้าไปหาขนาดนั้น อะไรจะเกิดขึ้นก็คิดดูเองละกัน” ต้นข้าวตอบมาอย่างหงุดหงิด เพราะส่วนหนึ่งของจิตใต้สำนึก ที่ลึกลงไปในก้นบึ้งของหัวใจก็อยากรู้เหมือนกันว่า ทิวไผ่ทำอะไรกับยัยบ๊อบกันแน่ โดยที่ต้นข้าวเองก็ไม่ทราบสาเหตุ แต่รากลึกแห่งความเกลียดชังก็กลบเกลื่อนมันหายไปอย่างรวดเร็ว
สายฟ้าได้รับคำตอบของต้นข้าวกลับมาในแบบที่เขาคาดไว้จริง ๆ และคิดว่าไม่น่าถามต้นข้าวเลย เพราะ มันยิ่งทำให้เขาวุ่นวายใจหนักขึ้นไปอีก จนอดที่จะโผล่หน้าออกนอกเต็นท์มองไปทางเต็นท์ของทิวไผ่ที่มีกลุ่มเพื่อน ๆ รุมล้อมกันอยู่อย่างอดใจไม่ได้ ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“เฮ้ย ! บอกให้นอนก็นอนซิวะ พวกเอ็งอยากลุกขึ้นมาวิ่งรอบกองร้อย ซัก10 รอบ แก้หนาวก่อนรึไง...เดี๋ยวเถอะ พวกนี้ เจอเล่นทั้งกองร้อยเดี๋ยวจะรู้สึก” สิ้นเสียงตวาดคำแรกของครูฝึกประจำกองร้อยดังขึ้น สรรพสำเนียงทั้งปวงที่เคยดังระงมเซ็งแซ่ พลันเงียบกริบไปในบัดดล คนที่อยู่นอกเต็นท์วิ่งเข้าเต็นท์ตัวเองถูกบ้างผิดบ้างกันอย่างโกลาหลวุ่นวาย
สิ้นสุดคำขู่ของครูฝึก ทุกอย่างจึงเงียบลงเข้าสู่ภาวะปกติ มีเสียงพูดคุยเล็ดลอดออกมาบ้าง ไม่นานเสียงพูดคุยต่าง ๆ ก็เงียบหายไป ทดแทนด้วยเสียงลมหายใจอย่างสม่ำเสมอ และมีเพียงเสียงหรีดหริ่งเรไรสรรพสำเนียงจากธรรมชาติส่งเสียงร้องดังระงมขับกล่อมเซ็งแซ่ไปทั้งราวป่าเขาลำเนาไพร ยิ่งดึกมากขึ้นเท่าไหร่ ความเงียบสงัดยิ่งเข้าปกคลุมมากขึ้นเท่านั้น เสียงเพลงขับกล่อมจากเหล่าแมลงป่าทั้งหลายจางหายไปเรื่อย ๆ จนเงียบกริบ เวลาล่วงเข้าสองยาม พระจันทร์คืนเดือนแรมชั่งมืดมิดสนิทดำ มีแต่เพียงเสียงลมพัดใบไม้แห้งดังหวีดหวิวนำพาความเหน็บหนาว มาเป็นระยะ ๆ สลับกับเสียงสุนัขจิ้งจอก ส่งเสียงร้องหอนอย่างโหยหวนลอยมาตามลม จน นศท. ที่เข้าเวรยามผลัดดึก ถึงกับผวาสั่นสะท้านไปทั้งสรรพางค์ ด้วยอากาศที่หนาวเย็นอยู่แล้วบวกกับบรรยากาศสุดแสนจะวิเวกวังเวงจนชวนขนหัวลุก มันยิ่งทำให้หนาวเหน็บเหมือนกับหัวใจจับตัวกันเป็นเกล็ดน้ำแข็งไปเลยทีเดียว
ผ้าเต็นท์ถึงแม้จะช่วยกำบังความหนาวเย็นจากกระแสลมไปได้บ้าง แต่พื้นดินที่เคยอบอุ่นในตอนกลางวัน กลับกลายสภาพเป็นเตียงน้ำแข็งไปเสียแล้ว ยิ่งดึก ไอความเย็นจากก้อนหินภูเขาและผิวดินก็ส่งผ่านขึ้นมาตามเสื่อและแผ่นผ้าใบแผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่กำลังหลับใหลอยู่ในห้วงราตรีกาล ถึงแม้จะมีใบไม้แห้งกันความชื้นและความเย็นแล้วก็ตาม
ต้นข้าวนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ภายในถุงนอน แต่กระนั้นไอความเย็นจากชั้นหินก็ยังเล็ดลอดเข้ามาได้ ต้นข้าวรู้สึกหนาวจนจับขั้วหัวใจ ริมฝีปากสั่นสะท้านเหมือนกับว่ากำลังอยู่ท่ามกลางดงน้ำแข็งขั้วโลก
แต่ความอบอุ่นก็แผ่ซ่านเข้ามาแทนที่ เมื่อมีร่างกายอุ่น ๆ เข้ามาเบียดแนบชิดและกกกอดต้นข้าวไว้ในอ้อมกอด เสียงลมหายใจอุ่น ๆ ของคน ๆ นั้นเปล่ารดที่หูและต้นคออย่างแผ่วเบา เขากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ความอบอุ่นจากร่างกายแผ่ซ่านส่งผ่านให้กันและกัน จนต้นข้าวรู้สึกหายหนาวเป็นปลิดทิ้ง นอนหลับตาพริ้มและอมยิ้มอย่างมีความสุข
“ต้นครับ ไผ่มาหาต้นตามสัญญา แล้วนะครับ หายหนาวรึยังจ๊ะที่รัก” พูดจบทิวไผ่ก็ก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของหนุ่มร่างบางนั้นก่อนจะแนบศีรษะลงนอนเคียงข้าง
แต่ทว่าเสียงนั้นมันกลับเหมือนเสียงของปีศาจร้ายที่ทำให้ต้นข้าวตื่นจากภวังค์ในทันที พร้อมกับงอเข่าและถีบออกไปอย่างสุดแรง
“โอ๊ย!” สายฟ้าส่งเสียงร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด เมื่อโดนถีบเข้าที่หน้าท้องอย่างจัง จนทำให้ต้นข้าวลืมตาตื่นขึ้นอย่างตกใจในเสียงร้องของเพื่อนรัก
“ฟ้า ฟ้า เป็นอะไร” ต้นข้าวถามไถ่สายฟ้าอย่างเป็นห่วง
“ก็นายน่ะสิ ถามได้ ถีบเราเข้าอย่างจังเลย คนอุตส่าห์สงสารเห็นนอนหนาวสั่นอยู่ เลยเข้ามากอดหวังว่าจะช่วยให้อุ่นขึ้น แล้วไง ผลตอบแทน โดนถีบเข้าให้ จุกนะเนี่ย” สายฟ้าหน้านิ่วตอบกลับไปอย่างตัดพ้อ
“อ้าว นายหรอกเหรอ... เราขอโทษเราไม่ได้ตั้งใจนะ ขอโทษจริง ๆ เรานึกว่าเป็น....” ต้นข้าวหน้าเสีย เฝ้าขอโทษขอโพยเพื่อนรักเป็นการใหญ่ เมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เป็นอะไรของนาย ฝันร้ายรึไง ถ้ารู้ว่าจะโดนแบบนี้ปล่อยให้นอนหนาวตายก็ดีหรอก” สายฟ้าพูดอย่างน้อยใจ
“แหมเพื่อนรักของเราไม่ปล่อยให้เรานอนหนาวตายหรอก เรารู้ ขอบใจนะที่อุตส่าห์เป็นห่วงเรา มามะ มานอนกอดกันดีกว่า จะได้อุ่น ๆ ถุงนอนเราก็นอนได้สองคนเลยนะ นายย้ายมานอนกับเราเลยดีกว่า จะได้รวมผ้าห่มกันด้วยทีนี้จะได้หายหนาวซะที” ต้นข้าวสวมกอดสายฟ้าที่กำลังงอน และพูดเย้าแหย่เพื่อนรักอย่างสำนึกผิดพร้อมกับเสนอให้สายฟ้าย้ายมานอนในถุงนอนเดียวกัน
ตลอดคืน ต้นข้าวต้องเป็นฝ่ายกอดสายฟ้าแทน เพราะตัวโตกว่า และตัวเขาเองไปทำร้ายเพื่อนก่อนจึงเป็นการไถ่โทษไปด้วยในตัว
……………………………………………………………………………………………….
‘ปรี๊ดดด! ปรี๊ดดด! ปรี๊ดดด! ปี๊ด!’
“อีก 15 นาทีรวม” เสียงนกหวีดดังลั่น ปลุกให้ นศท. ทุกคนตื่นขึ้นมาประกอบภารกิจส่วนตัว ล้างหน้าแปลงฟัน และเข้าห้องน้ำ ก่อนรวมพลกองร้อย เพื่อประกอบกิจกรรมกายบริหาร ในเวลา ตี 5 ครึ่ง
ยามเช้าตรู่ในฤดูหนาว บรรยากาศภายนอกยังมืดสลัวปกคุมไปด้วยสายหมอก และความหนาวเย็นยะเยือก จนทำให้ทุกคนอิดเอื้อนที่จะต้องตื่นแต่เช้ามืด แต่ทหารต้องปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ไม่เช่นนั้น แล้วจะถูกลงโทษ สายฟ้าปลุกต้นข้าวที่กำลังงัวเงียสุดขีดให้รีบตื่นไปล้างหน้าล้างตา
สายน้ำที่ถูกกวักขึ้นกระทบผิวหน้าถึงกับทำให้หน้าชาเหมือนถูกตบเข้าฉาดใหญ่ เพราะน้ำในอ่างซีเมนต์เย็นยะเยือกยังกับน้ำแข็งเลยทีเดียว
จากนั้นก็มีเสียงนกหวีด รวมพล จัดแถวยืนระยะห่างพอประมาณในการทำกายบริหารและอบอุ่นร่างกายเพื่อเรียกเหงื่อซึ่งจะช่วยผ่อนคลายความหนาวเย็นลงไปได้บ้าง ก่อนจะมีการแยกย้ายไปบำเพ็ญประโยชน์ทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ กองร้อย ในเวลา 6 โมง 15 และปล่อยให้ไปทำภารกิจส่วนตัว แต่งเครื่องแบบฝึก เวลา 6 โมง 30 และรอรับประทานอาหารเช้า ในเวลา 7 โมงเช้าต่อไป
“ตกลงเมื่อคืนฝันร้ายอะไรหรือเปล่า” สายฟ้าถามต้นข้าวขณะที่กำลังแต่งตัวกันอยู่ภายในเต็นท์
“เปล่าหรอก แค่เราเป็นคนนอนดิ้น แล้วก็ไม่ชินเมื่อมีคนมากอดก็เท่านั้นเอง” ต้นข้าวหลีกเลี่ยงที่จะพูดความจริงกับเพื่อนรัก
“จริงอ่ะ” สายฟ้าซักไซ้ อย่างไม่อยากจะเชื่อคำพูดของเพื่อนรักเท่าไหร่นัก
“จริงสิ” ต้นข้าวยืนยันคำพูดของตน ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่สองแล้ว ที่ทิวไผ่ตามมารังควาน เขาถึงในความฝัน คิด ๆ ก็ให้เจ็บใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ‘แค่คำพูดของนายนั่นว่าจะแอบมามุดเต็นท์เรา ทำไมต้องเก็บมานอนฝันร้ายด้วยวะ’
และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ต้นข้าวอารมณ์เสียขึ้นมาอีกครั้ง
...