ตอนที่ 5
ผมเปิดตู้เสื้อผ้าในห้องนอน ควานไปด้านในสุดของราวแขวนเป็นถุงเสื้อสูทแต่ภายในนั้นมีชุดนักเรียนสีขาวถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี
เสื้อที่ใหญ่เกินตัวผมเล็กน้อย...เสื้อของกริช นิ้วของผมไล้เบาๆ ไปตามเนื้อผ้าจนถึงกับเข็มสีทองที่กลัดเหนือชื่อโรงเรียน
"...แล้วสักวันเราจะได้เดินกับกริชในชุดนี้ที่โรงเรียนนะครับ..."
ประโยคที่ผมพูดยังวนเวียนอยู่ในหัว คำสัญญาออกจากปากไปแล้วแม้เขาจะไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงก็ตาม
ภาพกริชที่ยิ้มรับคำของผมและแกะเข็มที่อกเสื้อของผมไปถือไว้
"เฉพาะเข็มนี้เท่านั้น....ของสำคัญที่สุด....ของที่ต้องส่งจากมือผมให้ต้นคนเดียวเท่านั้น"
กริชวางเข็มสีทองลงบนมือซ้ายของผมอย่างแผ่วเบาและบีบมือผมให้กำไว้
"เป็นความเชื่อที่โรงเรียนผมนะ....เข็มนี้คือหัวใจของเจ้าของ....ผมให้ต้นนะครับ"
ผมถอดสิ่งนั้นมากุมไว้แนบอก....เข็มนี้คือหัวใจของเจ้าของ...ผมเองก็รู้เรื่องความเชื่อประจำโรงเรียนนั้นดีเช่นกัน
กริชมอบสิ่งนี้ให้ผมกับมือเขาเองแล้วทำไมผมจะไม่เชื่อใจเขา แม้จะเป็นโลหะเย็นๆ แต่ก็สามารถส่งผ่านความรัก
และความอบอุ่นจากเจ้าของมาให้รู้สึกได้ ความรักของกริชไม่มีวันเปลี่ยนแปลงแน่....ผมต้องเชื่อใจเขา
ดูซิมในมือถือให้แน่ใจแล้วโทรหากริชดีกว่า
"สวัสดีต้น"
"สวั...สวัสดีกริช" รับเร็วจังยังไม่ทันเตรียมใจเลย
"คิดถึงนะเนี่ย โทรหาต้นตั้งหลายทีไม่ติดเลย หายป่วยรึยัง?"
"สบายดีแล้วครับ แล้วกริชล่ะ?"
การสนทนายังคงเป็นการถามไถ่ทุกข์สุขกับเรื่องพื้นๆ เพราะตัวผมในบทบาทนี้ไม่สามารถพูดเรื่องอื่นๆ ได้เลย คิดแล้วอึดอัดใจจัง
"แล้ววันนี้ต้นไม่ทำงานเหรอ?"
"เปล่าครับ.....เอ่อ....เรา..."
"มีอะไรเหรอต้น?"
"เราไม่ทำงานนั้นแล้วนะกริช ตอนนี้เราทำงานอื่นแทนแล้วล่ะ"
"เหรอ .......แล้วต้นจะลำบากรึเปล่า?"
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดแต่ก็จำเป็นต้องโกหก
อย่างน้อยให้กริชสบายใจขึ้นว่าผม 'สะอาด' พอที่จะรักเขาได้ พอที่จะเป็นโลกทั้งใบให้เขาได้
"ดีแล้วล่ะที่หางานอื่นทำได้ ผมเป็นห่วงที่ต้นทำงานแบบนั้น แล้วตอนนี้ต้นทำอะไรล่ะ?"
เออ! ยังไม่ทันคิดเลยว่าตรูจะทำอะไรดี งานที่เด็กอายุ 16 ทำได้จะมีอะไรบ้างล่ะ?
ถ้าตอบมั่วซั่วเกิดโดนซักก็ตายสิ เอาอะไรที่คุ้นเคยดีกว่า....ร้านปืนลมในงานวัดหรือหนูลงรู?
ไม่ๆๆ เดี๋ยวกริชไปหาผมอีกมีหวังต้องเจอวิบากกรรมวิ่งจับหนู
เอางานที่กริชไม่มีวันเจอหน้าผมแน่ๆ....ใส่ชุดเสือโบกธงหน้าปั๊มเอสโซ่หรือไปขายแรงงานที่ซาอุ (ชักจะไปกันใหญ่)
"ท...ทำ...ทำงานพาร์ทไทม์ในโรงหนังน่ะ" เอางานนี้แหละ เคยมีญาติทำโรงหนังเล็กๆ ที่ต่างจังหวัดเลยพอรู้เรื่องบ้างนิดหน่อย
"ดีเนอะแบบนี้คงได้ดูหนังฟรีทุกวันแน่เลย แล้วโรงที่ไหนเหรอต้น?"
...จะซักอีกนานไหมเนี่ย ถ้าตรูเป็นเสื้อคงสะอาดเอี่ยมแน่ แต่ตอนนี้อ่วมครับอ่วม
"เขาให้ย้ายไปเรื่อยๆ น่ะกริช เป็นโรงในเครือ EGV แต่นายอย่ามาเลยนะเจ้านายเขาไม่ค่อยชอบถ้าเราคุยกับคนอื่น"
"ว้าเสียดายจัง แต่ก็ดีแล้วล่ะงานเดิมของต้นมันอันตราย ผมเป็นห่วงต้นจริงๆ นะ"
".....ขอบคุณครับกริช" อย่าทำให้ตรูรู้สึกผิดไปกว่านี้เลย
"ถ้ากริชอยากดูหนัง...ก็..."
"ก็?"
"เราไปเล่นหนังสดกันที่บ้านนายละกัน" คนที่ปลายสายหัวเราะร่วน "ทะลึ่งๆ แล้วต้น"
"...ต้นจะมาเล่นหนังสดกับผมจริงๆ เหรอ?"
น้ำเสียงอ้อนๆ และอบอุ่นเหมือนกริชกำลังกอดผมอยู่จริงๆ แทบรู้สึกได้ถึงใบหน้าและลมหายใจอุ่นๆ ซุกไซ้ที่ต้นคอเลย
"วันเสาร์นี้นะ.....ต้นค้างกับผมได้ไหม?"
"เรายอมกริชทุกอย่างล่ะครับ" .....อ๊าก! เขินโว้ย!!!!! ตรูพูดออกไปได้ไงเนี่ย!!! เขินจนนอนตัวงอเป็นกุ้งเผาแล้ว!
"งั้น...ต้นกับผม...เราสองคน..."
"โอ๊ย! พอแล้ว เขิน!"
"คิดไปถึงไหนน่ะต้น? ผมจะนัดเจอกันตอนเช้าที่ท้องฟ้าจำลองต่างหาก น้องชายคนนี้ทะลึ่งจังน้า"
"ฮะฮะ ก็ทำเสียงอ้อนๆ แบบนั้นทำไมล่ะ"
"แล้วงานของต้นล่ะ?"
"เราลาได้ครับ" ....ก็งานนั้นมันไม่มีจริงอยู่แล้วนี่หว่า....
"ตกลงเสาร์นี้เจอกันที่ท้องฟ้าจำลองสิบโมงเช้านะต้น"
"ครับกริช"
....ท้องฟ้าจำลอง....
ก็ดีเหมือนกันได้เที่ยวกับเขาตอนกลางวันบ้าง ถ้าเป็นที่นั่นก็ไม่ต้องกลัวจะเจอคนรู้จักด้วย
ผมเอาเข็มกลัดของกริชวางใต้หมอน ขอฝันถึงเขาในคืนนี้ด้วยเถอะ
....................................