บทที่ ๑๒
น้ำหมุนตัวไปทางตึกคณะ มองเห็นอาจารย์ที่สอนในคาบวิชาแรก กำลังเดินลงจากบันไดตึก จึงกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหา ทีแรกอาจารย์หญิงท่านนั้นมีสีหน้าเหมือนจะตำหนิ แต่น้ำก็อธิบายเหตุผลของการขาดเรียน สีหน้าของอาจารย์จึงดีขึ้น น้ำจึงยกมือขึ้นไหว้ลาแล้วเดินไปสมทบกับกลุ่มของเพื่อนๆ ที่กำลังเดินไปทางม้าหินใต้ต้นกระถินณรงค์ ที่อยู่ในบริเวณตึกคณะนั่นเอง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของรุ่นพี่ปี ๔ ที่นั่งกันอยู่บนศาลาหน้าทางเข้าตึกคณะนั่นเอง
“แล้วพี่หมูเค้าเป็นอะไร” จินถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไรมากหรอกน่า แกไม่ต้องทำท่าห่วงใยขนาดนั้นก็ได้” น้ำรู้สึกขำเมื่อเห็นสีหน้าของจิน
“ยัยจินมันปลื้มรูมเมทแกมากกกก ...” เจนลากเสียงยาว ทำเอาจินหันมาค้อนให้วงใหญ่
“ชื่อพี่หมูใช่มั๊ย ... ชั้นว่าชื่อมันดูน่ารักเกินไปหว่ะ ไม่เข้ากับท่าเงียบๆซึมๆของเค้าเลย” เยาว์ออกความเห็น
“ว่าแต่เมื่อกี้เรียนอะไรไปมั่ง เอาเลคเชอร์มาดูหน่อย” น้ำเปลี่ยนเรื่อง
“อะ ... เอาไปดู” ชตยื่นสมุดเลคเชอร์ให้น้ำ แต่พอเห็นสีหน้าเหมือนไม่อยากได้ของน้ำแล้วก็ต้องดึงกลับ “ ทำไมวะ สมุดเราน่ารังเกียจเหรอไง”
“เปล่า” น้ำทำน้าเจื่อนๆ “แต่แกแน่ใจเหรอว่าจด เห็นมาลอกจากเราทุกที”
“ตามใจ” ชตพูดห้วนๆ แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง
“อะไรวะ พูดแค่นี้ก็โกรธ” น้ำโอดครวญ
“ไปง้อสิ” โรจน์บอกพลางยื่นสมุดเลคเชอร์ให้น้ำ
“เรื่องไร ... เราไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย”
น้ำพูดแล้วก็หันไปสนใจกับตัวหนังสือในสมุดเลคเชอร์ของโรจน์ จึงไม่เห็นเพื่อนๆสบตากันแล้วอมยิ้มอย่างมีความหมาย
....................................................................
.....................................
“ไอ้น้ำ ทำไมมาเดินอยู่คนเดียว” โดมถามแล้วจอดรถจักรยานอยู่ข้างๆ นุชกับเก๋ก็จอดรถจักรยานเยื้องไปเล็กน้อย
“พวกมันรวมหัวกันอะพี่ ไม่ยอมเอาผมไปกินข้าวด้วย” น้ำทำแก้มป่อง คิ้วขมวดเข้าหากัน
“ไปทำอะไรเข้าล่ะ” นุชถามแล้วหันไปหัวเราะกับเก๋
“หมั่นไส้ที่น่ารักเกินไปมั๊งพี่” พูดแล้วน้ำก็หัวเราะชอบใจ
“ย่ะ” เก๋ทำท่าหมั่นไส้ โดมหันไปมองแล้วอดยิ้มไม่ได้
“ขึ้นมา เดี๋ยวพี่ไปส่งที่โรงอาหาร”
โดมพูดยังไม่ทันจบประโยค น้ำก็ยิ้มกว้างนั่งอยู่บนเบาะหลังของรถจักรยานเรียบร้อยแล้ว โดมยิ้มอย่างเอ็นดูในตัวเด็กหนุ่มรุ่นน้อง แล้วรถจักรยานทั้ง ๓ คันก็มุ่งตรงไปยังโรงอาหารของมหาวิทยาลัย
น้ำถือจานข้าวเดินตรงไปหาโต๊ะที่เพื่อนๆนั่งอยู่ แล้วก็เดินผ่านไปเฉยๆ ทำให้จินกับเจนมองหน้ากันงงๆ รวมทั้งชต และโรจน์ด้วย
“นี่ ดูมันทำสิ” เยาว์บอกเพื่อนๆ
พอทุกคนหันไปดู ก็เห็นน้ำหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ ทำเอาทุกคนอดขำไม่ได้ แล้วน้ำก็ไปนั่งรวมกับรุ่นพี่ปี ๔ ที่นั่งอยู่ห่างไปพอสมควร
“นี่กินได้นะ พี่ซื้อมาเผื่อ เกี๊ยวกรอบของโปรดน้ำ” นุชชวนให้กินเกี๊ยวกรอบที่ใส่จานแยกไว้ต่างหาก
“ผมไม่ได้ชอบเกี๊ยวกรอบนะ พี่นุชจำสับกันอีกแล้ว” น้ำแย้ง ทำแก้มพอง
“อะ ...” นุชตกใจ ยกมือขึ้นปิดปาก “พี่ลืมไป น้องน้ำ พี่ขอโทษ”
“ก็พอเข้าใจอะพี่ เรื่องแบบนี้มันทำใจยากเหมือนกัน” น้ำทำหน้าจริงจัง
“แกก็อย่าเผลอบ่อยนักแล้วกัน น้องน้ำเสียใจแย่” เก๋ติง
“ใช่พี่ อย่างตอนนี้นะ ผมเสียใจมากเลย ต้องแก้ด้วยการกินของที่ไม่ชอบ” พูดแล้วน้ำก็ใช้ส้อมจิ้มเกี๊ยวกรอบเข้าปาก เคี้ยวดังกร๊อบๆ เพราะความกรอบของเนื้อแป้ง แล้วจิ้มอีกชิ้นหนึ่งไว้รอ
“ไหนว่าไม่ชอบไง” โดมพูดกลั้วหัวเราะ
“ก็กำลังฝืนใจกินอยู่นี่ไงพี่เห็นป่ะ”
ทุกคนในวงสนทนาก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน แล้วก็กินข้าวพลางสนทนาเรื่องต่างๆไปเรื่อยๆ
“แล้วเมื่อเช้าทำไมมาเรียนสายล่ะ” จู่ๆเก๋ก็ถามขึ้น
“ก็เมื่อคืนรูมเมทผมไม่สบายอะสิพี่ ผมตื่นมาดูแลตอนดึก เช้านี้เลยตื่นสาย” น้ำตอบ
“เหรอ ... แล้วใครมาส่งล่ะ พวกพี่เห็นนะ” โดมทำเสียงเหมือนจะล้อเลียน
“ก็รูมเมทผมไงพี่คงรู้ตัวว่าทำผมตื่นสาย เลยอาสามาส่ง” พูดแล้วน้ำก็ก้มหน้าไม่มองคนในวงสนทนา
“แล้วรูมเมทน้องน้ำชื่ออะไรน่ะ เรียนคณะไหนเหรอ” นุชพยายามทำเสียงให้ปรกติ
“ชื่อหมูน่ะพี่ อยู่วิทยาฯปี ๓” น้ำตอบด้วยแววตาที่ทอประกายสดใสออกมา
นุชเห็นถึงความแตกต่างกันอย่างชัดเจนอีกประการหนึ่ง ระหว่างน้ำหยดและน้องน้ำ ถ้าเป็นน้ำหยด ตอนนี้คงจะมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีแม้แต่ความผิดปรกติในแววตา ที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่แท้จริงภายในใจเหมือนคนตรงหน้าเธอตอนนี้