บทที่ ๑๐
เป็นอีกครั้งที่น้ำรู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึก พอลืมตาแล้วก็ต้องยกมือขึ้นขยี้ตาเพราะแสงไฟในห้อง พอเริ่มคุ้นเคยกับความสว่าง ก็เหลือบมองไปยังเตียงตรงข้ามโดยอัตโนมัติ น้ำเห็นภาพเดียวกับที่เห็นเมื่อหลายคืนก่อน คนที่นั่งอยู่บนเตียงยังจ้องมองดูหมูที่หลับไหลอยู่นิ่งๆ น้ำมองดูภาพนั้นอยู่นาน จนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากออกไป
“เอ้อ ... ขอโทษนะครับ เพื่อนพี่หมูเหรอครับ” น้ำพูดพลางยันตัวลุกขึ้นนั่ง
“ครับ” เสียงทุ้ม นุ่ม รื่นหูตอบกลับมา น้ำมองเห็นเพียงต้นคอเป็นสีน้ำตาลอ่อนแบบคนผิวสีน้ำผึ้ง “น้องนอนต่อเถอะ เดี๋ยวพี่ก็ไปแล้ว”
เสียงนั้นบอกมาอีก น้ำรับคำล้มตัวลงนอนต่อ แล้วก็หลับไปทันทีที่หัวถึงหมอน แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเสียงของคนที่นอนอยู่อีกเตียงหนึ่ง
“น้ำ ... น้ำ” เสียงของหมูค่อนข้างดัง
น้ำลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ ภายในห้องมืดมิด มีพียงแสงสลัวจากแสงไฟที่ลอดเข้ามาทางช่องลม
“น้ำ เราขอโทษ อย่าไปนะ น้ำ” เสียงของหมูแผ่วลง ขาดเป็นห้วงๆเหมือนเสียงสะอื้น
น้ำได้ยินก็รีบลุกขึ้น เดินไปนั่งลงบนเตียงของหมู
“พี่หมู เป็นอะไรรึเปล่า” น้ำจับต้นแขนของหมู ถามด้วยความเป็นห่วง
“น้ำ อย่าไป...เราขอโทษ”
หมูทะลึ่งตัวขึ้นมารวบตัวน้ำเข้าไปกอดไว้แน่น น้ำตกใจจนตัวแข็ง รู้สึกว่าตัวของหมูสั่นน้อยๆ หน้าของหมูซบลงบนไหล่ลมหายใจอุ่นๆรดลงบนต้นคอ จนน้ำรู้สึกร้อนวูบวาบ แล้วความรู้สึกเปียกชื้นที่เกิดขึ้นตรงต้นคอ ก็ทำให้น้ำตกใจ ... พี่หมูร้องไห้
“พี่หมู พี่เป็นอะไรรึเปล่า” น้ำพยายามดึงตัวของหมูออก แต่สู้แรงที่กอดรัดไม่ได้ จึงต้องปล่อยให้หมูกอดอยู่แบบนั้น
“น้ำ ... เราขอโทษ อย่าจากเราไปไหนอีกนะ ... น้ำ ... อย่าทิ้งเรานะ” เสียงพูดปนกับเสียงสะอื้น ทำให้น้ำรู้สึกสับสน
“ครับ... น้ำไม่ไปไหนหรอก” น้ำเอียงหน้าไปกระซิบ ยกมือทั้งสองขึ้นโอบกอดหมูไว้ แล้วลูบไหล่หมูเบาๆ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดที่น้ำกระซิบบอก หรือเพราะสัมผัสปลอบประโลม เหมือนว่าหมูจะค่อยๆสงบลง วงแขนที่กอดรัดผ่อนแรงลงเล็กน้อย แต่พอน้ำจะดึงแขนนั้นออก หมูก็เพิ่มแรงกอดราวกลับกลัวว่าคนในอ้อมกอดจะหายไป
“ดึกแล้วนอนนะครับพี่หมู น้ำไม่ไปไหนหรอก น้ำนอนเป็นเพื่อนพี่หมูแล้วกัน”
น้ำขยับตัวเอนร่างลงนอน ทั้งๆที่อยู่ในอ้อมกอดของหมู พร้อมกับดึงตัวหมูให้นอนลงด้วย จึงกลายเป็นคนทั้งสองนอนตะแคงกอดกันไว้ แต่ศรีษะของหมูยังคงซบอยู่กับซอกคอของน้ำ แรกๆน้ำหนักที่กดทับมาก็ทำให้อึดอัด รวมทั้งการแนบชิดของร่างกายที่ทำให้รู้สึกแปลกๆ หัวใจของน้ำเต้นแรง แต่สักพักก็กลับเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอบอุ่น แล้วน้ำก็ผลอยหลับไป
หมูตื่นนอนด้วยความรู้สึกว่า หมอนที่เขาคงเอามากอดไว้ระหว่างที่หลับ วันนี้ช่างตึงแน่นและอบอุ่นเสียเหลือเกิน กลิ่นอ่อนๆแปลกไปจากเดิม แต่มันหอมเสียจนเขาอดไม่ได้ที่จะซุกจมูกลงไป สูดดมความหอมนั้นอย่างแรง
“อื้อ ... พี่หมู”
เสียงใสๆทำให้เขาแปลกใจ หรือว่าเขากำลังฝันอยู่ หมอนใบนี้จึงกลายเป็นหมอนพูดได้ เขาจึงพลิกตัวจากนอนตะแคงเป็นนอนคว่ำ หมอนนุ่มนิ่มใบโตจึงไปอยู่ใต้ร่าง แต่ก็ต้องประหลาดใจ ว่าทำไมหมอนใบนี้จึงใหญ่โตเกือบเท่าตัวเขา หมูลืมตาขึ้นแล้วยกศรีษะขึ้นเล็กน้อย ก็เห็นว่า ‘หมอน’ ใบนั้นกำลังจ้องมองเขาด้วยดวงตากลมโต ใบหน้าแดงกล่ำ ทำให้เขาสะดุ้งสุดตัว ลุกขึ้นจากที่นอนทันที
“อูย ...” น้ำลุกขึ้นจากที่นอนบ้าง พอยืนขึ้นได้ก็บิดตัวไปมา ยกมือบีบแขนสลับกันทีละข้าง “กี่โมงแล้วอะพี่”
“เอ้อ” หมูยังไม่หายตกใจ แต่ก็หันไปมองนาฬิกาบนโต๊ะเขียนหนังสือ “๙ โมง”
น้ำได้ยินก็ขมวดคิ้ว แต่ไม่พูดอะไร เดินไปหยิบแปรงสีฟันในแก้วน้ำบนโต๊ะเขียนหนังสือ แล้วหยิบผ้าขนหนูที่แขวนไว้มาผลัดเปลี่ยน หยิบขันน้ำที่มีกล่องสบู่ หลอดยาสีฟัน และขวดแชมพูสระผม หันไปหยิบพวงกุญแจ จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป
หมูมองดูกิริยาของรูมเมทรุ่นน้องอย่างไม่วางตา ผิวกายสีน้ำตาลอ่อนที่อยู่ภายใต้ผ้าขนหนูเพียงผืนเดียว ทำให้เขารู้สึกปั่นป่วน ลมหายใจติดขัด จนต้องนั่งลงระงับสติอารมณ์อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวมาผลัดเปลี่ยนบ้าง เพื่อจะไปอาบน้ำชำระร่างกาย แล้วจะได้กลับมาแต่งตัวเพื่อออกไปเรียนในคาบ ๒ ระหว่างที่อาบน้ำอยู่ หมูทบทวนความทรงจำว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น น้ำจึงได้มานอนอยู่บนเตียงของเขา หมูจำได้เพียงว่าเมื่อคืนนี้เขาฝัน ... เหมือนกับฝันที่เกิดขึ้นบ่อยๆในช่วงปีกว่า นับตั้งแต่วันนั้น
ในฝันหมูมองเห็นน้ำหยดยืนมองเขาอยู่ด้วยรอยยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่เศร้าศร้อย เขายืนนิ่งอย่างสำนึกในความผิด และความปรารถนาที่จะได้รับการให้อภัย ยิ่งกว่านั้นเขาอยากให้น้ำหยดกลับมาอยู่ข้างกายเขาอีกครั้ง ... ถึงแม้จะไม่เหมือนเดิมก็ตาม
... แล้วจู่ๆ ร่างของน้ำหยดก็เหมือนจะค่อยๆออกห่างไปจากเขา
... เขาวิ่งตาม แต่ระยะห่างดูจะยิ่งมากขึ้นทุกที
... เขาตะโกน ... ร่ำร้อง ... น้ำ เราขอโทษ อย่าจากเราไป
... เขาร้องเรียก ... ซ้ำแล้วซ้ำแล้ว ... แต่เหมือนจะไม่เป็นผล
... เขาทรุดตัวลงกับพื้น ก้มหน้าลงอย่างหมดแรง ... เมื่อร่างของน้ำหยดลับสายตาไป
... แต่เขาก็ยังร่ำร้อง ... ตะโกนจนเสียงแหบพร่า ... ยกมือขึ้นไขว่คว้า
... เขาก็ต้องพบกับความว่างเปล่า ... ทุกครั้ง
แต่วันนี้ ... มือของเขาก็สัมผัส ... คนที่เขาคิดว่าเป็นน้ำหยด
แขนของเขารวบร่างนั้นเข้ามาในอ้อมกอด
แล้วพร่ำรำพันคำพูดเดิม ... ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
... น้ำตาของเขาไหลริน ... แล้วเขาก็ได้ยิน
ครับ ... น้ำไม่ไปไหนหรอก
เขาเงยหน้าขึ้นมองเห็นน้ำหยดนั่งอยู่ตรงหน้า ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน
แล้วเขาก็โอบกอดร่างนั้นไว้แนบแน่น ราวกับจะไม่ยอมปล่อยให้คนในวงแขน ต้องห่างหายไปอีกครั้ง