รักนี้...ลิ้นกับฟัน ตอน 28 ธันวา (อัพ 28/12/2016) หน้า 67
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักนี้...ลิ้นกับฟัน ตอน 28 ธันวา (อัพ 28/12/2016) หน้า 67  (อ่าน 1110342 ครั้ง)

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
5555 ถ้วยฟูน่ารักอ่ะ
แบบนี้ถ้วยฟูยอมเสียตัวเพื่อญี่ปุ่น

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
ถ้วยฟูงอนเนียนมาญี่ปุ่นเฉย555555555

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ถ้วยฟูอยากเที่ยวกี่รอบดีล่ะ สองพอเหรอ อิอิ :haun4:

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
น่ารักจริงๆ เกิดถ้วยฟูอยากมาหลายรอบพี่ธันก็ต้องเสียน้ำหลายรอบเลยดิ  :o8:

ออฟไลน์ jbook

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :-[ :impress2: น่ารักมากเลยจ้า ><

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0

ออฟไลน์ DarkAki

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

น้องถ้วยฟู!!!!!!!!!!!!!!

คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

แต่ทำไมเวลาน้องร้องไห้ พี่ฮาวะ 55555

รอตอนต่อค่าาาาาาาาาาาาา  :hao7: :hao7: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ว๊ายยๆๆๆ ขอตามคู่สะมีภรรยาไปเที่ยวโตเกียวด้วยคนคร้าาาาา~~ ฟูฟูเกรียนไม่เปลี่ยนแปลงเลยจริงๆ

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
เกรียนกันทั้งคนพี่และคนน้องนะคะ ^^
สงสัยคงมี รักนี้ อินโตเกียวรอบสองแน่เลยค่ะ อิอิ
ขอบคุณคุณบัวมากค่า  :mc4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ถ้วยฟูก็ยังเป็นถ้วยฟูทำอะไรต้องมีแผนตลอด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ urmein

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 871
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-2
ถ้วยฟูจะฮาไปไหนนนนนน 55555
คิดถึงถ้วยฟู คิดถึงพี่ธัน คิดถึงโตเกียววววว

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10
น่าจะชวนกิ๊ฟฟุกะพี่โตไปด้วย เป็นฮันนีมูน?คู่ 5555

ออฟไลน์ ployspy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
สุดยอด สมเป็นถ้วยฟูจิงๆ
รอตอนต่อไปอยู่
งานนี้ถ้วยฟูจะป่วนขนาดไหนละเนี๊ย

wsutawan

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องนี้สนุกมาเลยค่ะ อ่านจบวันเดียวรวด ตอนนี้ตกหลุมรักนายถ้วยฟูแล้ว นางตลกผสมแสนซื่อ? ฮาดี ชอบค่ะ

คุณพี่ธันก็มาดเข้มสมกับภาพลักษณ์ภายนอกที่น้องถ้วยฟูบรรยายเอาไว้ ยิ่งช่วงแรกเรียกชื่อเต็มของถ้วยฟู เรายงสะดุ้งแทนนางเลยค่ะ แต่ก็หล่อเข้มดี สมกันมากค่ะ

เดี๋ยวจะติดตามเรื่องถัดไปนะคะ  :L2:


ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
วีซ่ามาญี่ปุ่นของถ้วยฟูคงถี่ๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-8
NOV: รักนี้...ลินกับฟัน
By: Dezair
ตอนพิเศษ…รักนี้…อินโตเกียว!!
..............................................
2



แดดอย่างจัดครับท่านผู้อ่าน!!



   เริ่มต้นวันที่สอง ณ โตเกียวด้วยวัดอาซาคุสะ วัดชื่อดังที่ไม่ว่าทัวร์ไทย ทัวร์จีน ทัวร์แขก ทัวร์ฝรั่ง ทัวร์ไหนแวะมาเยี่ยมโตเกียวก็ต้องมาจอดที่นี่ทั้งนั้น ผมพาพี่ธันมายเลิฟโผล่หัวออกจากสถานีรถไฟใต้ดินตอนแปดโมงนิดๆ ตลอดเส้นทางเดินจากสถานีรถไฟไปจนถึงตัววัดมีร้านค้ามากมายสองข้างทางเอาไว้ดูดทรัพย์นักท่องเที่ยว แถมเซอร์วิสมายด์สุดๆด้วยการทำหลังคาสูงกันแดดกันฝนไปจนถึงปากทางเข้าวัดนู่นเลย แต่เนื่องจากว่าเรามากันเช้ามาก หลายๆร้านเลยยังไม่เปิด...แต่...มากับถ้วยฟูศิษย์เจ้าแม่ปานดาวนักช้อปตัวยง มีเหรอจะทอดทิ้งถนนแห่งการละลายทรัพย์แห่งนี้!!...



   ...ประเดี๋ยวจะหาว่าเรามาไม่ถึงโตเกียว ผมเลยมีแพลนว่าวันสุดท้ายก่อนกลับ ผมจะลากพ่อยอดขมองอิ่มมาช้อปกระจายตายสงบ ณ วัดแห่งนี้เป็นการสั่งลา!...



   “นี่คือวัดอาซาคุสะหรือเรียกอีกชื่อว่าวัดเซน...”



...เซน...เซนอะไรวะ?!! เซนอะไรสักอย่าง!!! แต่มันเซนอะไรล่ะ?!!!... ผมเริ่มอึกอักเล็กน้อย แอบเหลือบดูไอ้พี่ธัน เห็นมันกำลังสนใจร้านขายของข้างทางก็คิดเอาเองว่ามันอาจจะยังไม่ตั้งใจฟัง เพราะงั้นตัดตอนข้ามไปที่รายละเอียดเลยแล้วกัน!



“...เอ่อ...ที่นี่เป็นที่ประดิษฐานของเจ้าแม่กวนอิม ในสมัยก่อนมีเรื่องเล่าว่ามีสองพี่น้องคนหาปลาไปตกปลาแล้วได้เป็นพระพุทธรูปขึ้นมาจากแม่น้ำใกล้ๆนี่ แล้วก็เลยเอาพระพุทธรูปนั้นมาตั้งที่บ้าน เป็นจุดเริ่มต้นของวัดแห่งนี้” ผมให้ไอ้โจบรีฟรายละเอียดต่างๆที่จะทำให้ผมดูฉลาดอย่างคาดไม่ถึงยัดใส่สมองมา ซึ่งจากการบรีฟของไอ้โจที่นับว่าสั้นแล้ว เมื่อมันมาเก็บในสมองความจำต่ำของผมก็เลยกลายเป็นสั้นลงกว่าเดิมมากมายครับ



“วัดนี้นับว่าเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียวเลยนะ มีความศักดิ์สิทธิ์มากๆเลยล่ะ!”



ไอ้หล่อหันมามองหน้าผม หึ! นี่มันคงจะเริ่มชื่นชมในโชคชะตาตัวเองแล้วล่ะสิ! ที่ได้มารักกับคนที่ไม่ได้หล่อแค่ภายนอก แต่ภายในยังมีสมองที่ชาญฉลาดซุกซ่อนอยู่!! หึหึหึ บอกแล้วว่าคบกับปวินไม่มีวันผิดหวัง!!!



   ในขณะที่กำลังยกหางตัวเองจนตัวเกือบลอยไปถึงดาวอังคาร คำถามของไอ้พี่ธันก็ฉุดขาผมกระชากลงมากระแทกกับพื้นโลกจุกแอ้กๆ!



“ทำไมได้พระพุทธรูปขึ้นมาจากแม่น้ำ แต่กลายเป็นว่าสุดท้ายแล้วเป็นวัดเจ้าแม่กวนอิมล่ะ” ...ห๊ะ!! คำถามอะไรของมึงเนี่ย!!!...



“ก็เมื่อกี้ ถ้วยฟูบอกว่าคนหาปลาตกได้พระพุทธรูป แล้วก็เอากลับมาประดิษฐานที่บ้านเป็นต้นกำเนิดของวัดนี้ใช่มั้ยล่ะ แล้ว...ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นวัดเจ้าแม่กวนอิม ไม่ใช่วัดพุทธธรรมดาหรอกเหรอ” เออ นั่นสิ...หรือผมท่องจากไอ้โจมาผิดวะ?!...



ผมเริ่มอึกอักเล็กน้อย เหลือบตาสบกับตาไอ้หล่อก็เห็นมันจับจ้องมาที่ผมอย่างรอคอยคำตอบ...กูจะรู้ม้ายยยย!! กูก็ถือพาสปอร์ตไทยเหมือนมึงอ่ะ!! เทือกเถาเหล่ากอไม่ใช่คนญี่ปุ่นนะโว้ย!!!...



“อ้อ หรือว่าพระพุทธรูปที่ตกได้เป็นพระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิม” มันย้อนถามอีกรอบ งานนี้ถ้าไม่เออออไปกับคำพูดไอ้พี่ธันก็เปลี่ยนชื่อผมจากถ้วยฟูเป็นควายน้อยได้เลยครับ



“ใช่ๆ!! คนหาปลาตกได้พระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิมน่ะ!...เอ่อ...เราเดินต่อกันเหอะ!! วัดอยู่ข้างหน้านู่น” ผมรีบชักชวนมายเลิฟให้ออกเดิน ก่อนที่มันจะตั้งคำถามอะไรให้ผมเผยไต๋ความโง่มากกว่าไปนี้ นานทีปีหนก็ให้กูดูหล่อ ดูฉลาด ดูเป็นสมาร์ทแมนนานๆหน่อยเถ้อออออ....



   ผมพายอดรักเดินฉลุยเพราะคนไม่มากไปจนถึงตัววัด ผ่านประตูขนาดใหญ่ที่มีหุ่นเทพตัวเบ้อเริ่มขนาบข้างประตูให้ความรู้สึกเหมือนวัดแจ้งวัดโพธิ์เล็กๆครับ แต่ด้วยโคมไฟยักษ์สามอัน ซ้ายขวาเป็นสีดำทอง ส่วนอันตรงกลางเป็นสีแดงแป้ดที่ห้อยอยู่เหนือประตูทางเข้า แถมเสียงซาวด์แทร็กโนะเนะๆจากคนรอบข้างและอากาศต่ำกว่าสิบก็ทำให้ผมนึกถึงเมืองไทยแดนร้อนระอุไม่ลง

 

พ้นประตูทางเข้าที่มีเทพตระหง่านก็จะพบทางเดินปูด้วยหิน สองฝั่งซ้ายขวาเป็นเรือนไม้ชั้นเดียวปลูกเป็นแนวยาวขนานไปกับถนน ทางซ้ายมือ ถัดจากเรือนชั้นเดียวออกไปเล็กน้อยเป็นเจดีย์ห้าชั้นสูงตระหง่านให้แชะภาพเป็นที่ระลึก ก่อนที่เราจะหันกลับมาสนใจทางเดินกว้างขวางปูด้วยแผ่นหินต่อ เจ้าทางเดินนี้ทอดตัวไปสู่บันไดขึ้นอาคารไม้ขนาดใหญ่ที่มีโคมไฟยักษ์สีแดงห้อยอยู่เหนือบันได ใต้หลังคาแบบปลายงอขึ้นสไตล์เอเชียตะวันออกครับ และนั่นล่ะคือจุดมุ่งหมายของเราสองคน!!



ผมและมันมุ่งหน้าไปยังอาคารไม้ขนาดใหญ่เบื้องหน้าที่มีบันไดทอดตัวลงมา ควันธูปโขมงจากกระถางธูปขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่หน้าบันไดเริ่มมีคนรายล้อมกวักควันธูปเข้าหาตัวเองตามความเชื่อ ให้บรรยากาศขลังๆดีพิลึก



   ภายในอาคารไม้นั้น ที่มุมซ้ายและขวา เอาตู้กระจกเตี้ยๆมากั้นเป็นสี่เหลี่ยมทำเป็นจุดขายเครื่องราง ส่วนตรงกลางอาคารคือที่โยนเหรียญซึ่งมีเสียงดังกรุ้งกริ้งตลอดเวลาจากญาติโยมที่มาโยนเหรียญขอพรไหว้พระตามแรงศรัทธา ถัดจากช่องโยนเหรียญลึกเข้าไปคือตาข่ายกั้น และหลังตาข่ายนั้นผมมองเห็นไม่ชัดเนื่องจากแสงสลัวภายใน ดูคล้ายตี่จู่เอี้ยแถวบ้านเรา แต่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ แล้วทุกอย่างดูเหลืองอร่ามจับกับแสงเทียนหรือแสงไฟอะไรสักอย่าง ดูลึกลับ ทึบทึม แต่ก็น่าเลื่อมใสครับ



   “โฮยยยยย...” ผมที่ไม่เคยไปวัดของศาสนาพุทธนิกายอื่น เพราะงั้นก็เลยตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ



   “มาไหว้พระตรงนี้” ไอ้หล่อข้างกายดึงผมไปที่หน้าช่องโยนเหรียญแล้วยัดเหรียญใส่มือผม



   “แล้ว...ไหว้ยังไงอ่ะ” แม้จะท่องมาอย่างดีว่าจะต้องทำตัวดูฉลาด แต่บางครั้งเราก็ต้องทำโง่บ้างเพื่อให้สุดที่รักของเราได้รับรู้ถึงรสชาติของการเป็นผู้นำ ผมมองซ้ายมองขวา ไม่มีใครนั่งพับเพียบกราบสามครั้งแบบบ้านเราเลย ดอกไม้ธูปเทียนและกระบอกเขย่าเสียมซีไม่ต้องพูดถึง เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่คนยืนไหว้ ยืนตบมือ ยืนโยนเหรียญ



   “โยนเหรียญ ตบมือ แล้วไหว้” มันว่าอย่างนั้นก่อนจะหันไปโยนเหรียญลงในช่องโยนเหรียญแล้วยกมือตบสองแปะตามญี่ปุ่นชนคนอื่น ก่อนจะไหว้พระ ผมเห็นมันทำ ก็เลยทำตามบ้าง แต่...ไอ้จะไหว้อย่างเดียว มนุษย์โลภอย่างผมก็ทำไม่เป็นซะด้วยสิ...



   ผมโยนเหรียญ ตบมือ แล้วพนมมือค้างเอาไว้ หลับตาลงแล้วพูดขมุบขมิบให้รู้ในใจแค่ตัวเองกับเทพเจ้า



   ...ขอให้ผัวรักผัวหลง ขอให้ผัวไม่นอกใจ ขอให้ผัวมีความสุข ร่างกายแข็งแรงเตะปี๊บดัง หาเงินได้ทองหาทองได้เพชรและให้ทั้งทองทั้งเพชรแก่ผมคนเดียว ห้ามเอาไปแบ่งอีหนูที่ไหน ขอให้ครอบครัวผมและครอบครัวพี่ธันมีความสุข แข็งแรงและร่ำรวย ขอให้...ขอให้...ขอให้...ขอให้อะไรอีกดีล่ะ...โยนไปตั้งร้อยเยนนะนั่น...อ่า...ขอให้...ขอให้คนรอบข้างมีแต่ความสุข ความเจริญ สมปรารถนาทุกประการ...เพี้ยงงงง!!!



   หลังจากอธิษฐานจนเห็นสมควรว่าเหมาะกับร้อยเยนที่โยนไปแล้ว ผมก็ผละไปเดินดูเครื่องรางของขลังที่วัดเอามาขาย ปล่อยให้สุดเลิฟศึกษาสถาปัตยกรรมของวัดไปแล้วกัน



   วัดนี้เข้าใจทำการค้าครับ เขาไม่ได้จ้างคนธรรมดามาขายเครื่องราง แต่ให้พระมาขาย ผมไม่รู้ว่าเรียกว่าพระรึเปล่า แต่เอาเป็นว่าใส่ชุดแบบนักบวชก็แล้วกัน เครื่องรางที่มีขายก็เป็นพวกรูปเจ้าแม่กวนอิมหลายขนาด ถุงผ้าเขียนตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นซึ่งแน่นอนว่าผมอ่านไม่ออก มีทั้งราคาระดับรากหญ้าห้าร้อยเยนและราคาระดับรากแก้วหนึ่งพันเยนครับ



   “อ่า...ไอ ว้อนท์...เอ่อ...ซัมติง ฟอร์ เฮ้ลตี้...” เรามันคนไทย ไปวัดไหนที่มีของขลังมันก็อดไม่ได้ เลยต้องขอรับไปบูชาสักหน่อย



   คนขายในชุดนักบวชหยิบถุงสีน้ำเงินถุงใหญ่ให้ แต่ผมรีบส่ายหน้า



   “โน โน...เอาห้าร้อยเยน...ห้าร้อยภาษาอังกฤษพูดว่าไงวะ” ถุงเครื่องรางถุงใหญ่ราคาหนึ่งพันเยน แต่ผมอยากได้ราคาระดับรากหญ้าห้าร้อยเยนพอ และภาษาอังกฤษของนายถ้วยฟูคนนี้ก็พร้อมต้อนรับ AEC มากครับ! แค่ห้าร้อยกูยังนึกไม่ออกว่ามันพูดว่ายังไง!!!...



   ...ร้อยนี่ภาษาอังกฤษคืออะไรวะ? ฮันเดร็ด! ใช่ๆ หนึ่งร้อยก็ วันฮันเดร็ด สองร้อยก็ทูฮันเดร็ด สามร้อยก็ทรี...



   “Oh!” ไม่ทันที่ผมจะท่องภาษาอังกฤษในใจจนครบห้าร้อย คนขายก็เหมือนจะเข้าใจ เพราะแกหันไปหยิบถุงเล็กมาให้ผมแทน ผมรีบพยักหน้ารับรัวๆ ให้เขารู้ว่าผมจะเอา



   ...เห็นมั้ยครับ! ผมบอกแล้วว่ามาประเทศนี้ ภาษาอังกฤษไม่ได้ไม่ใช่ปัญหา!!...



   “แอนด์...เอ่อ...มันนี่!” แน่นอนว่าผมไม่ได้หยุดอยู่ที่การซื้อแค่ห่อเดียว ผมสั่งถุงเครื่องรางถุงต่อไปทันที และภาษาอังกฤษระดับฝรั่งงงก็ยังคงไม่อาจทำอะไรพี่ยุ่นของเราได้ครับ แกรู้เรื่อง เข้าใจ และต้องการขายของ เพราะพี่นักบวชคนขายหยิบถุงสีทองมาให้ผมอีกถุง ซึ่งเป็นถุงเล็กราคาระดับรากหญ้า แกคงรู้แล้วล่ะว่าผมมันนักท่องเที่ยวรายได้น้อย เลยหยิบถุงราคาห้าร้อยมาให้ผมโดยไม่นำเสนอถุงราคารากแก้วอีก



   “แอนด์...เลิฟ!!” ผมยังคงใช้ภาษาอังกฤษระดับดีเยี่ยมต่อไป ซึ่งมันน่าแปลกมากที่สื่อสารกับคนขายรู้เรื่อง ในที่สุดก็ได้ถุงเครื่องรางมาสามถุง ประกอบด้วยถุงเครื่องรางเพื่อสุขภาพสำหรับพ่อ ถุงเครื่องรางเพื่อการเงินสำหรับแม่ และถุงเครื่องรางเพื่อความรักสำหรับสาวโสดอย่างนางสาวปุยฝ้าย



   ...แต่ยังขาดของพี่ตวง ของป๋าและคุณแม่วิพ่อแม่ไอ้พี่ธัน แล้วก็ของพี่น้องของไอ้พี่ธันอีก ทั้งพี่สิงหา พี่ตุลา และน้องเมษาผู้ซึ่งพ่วงสถานะน้องรหัสสุดที่รักของผมด้วย...



   “อ่า...เฮ้ลตี้...อีก...ทู!” ผมชูนิ้วสองนิ้วให้รู้ว่าขอเครื่องรางเพื่อสุขภาพอีกสองห่อสำหรับพ่อแม่ไอ้พี่ธัน



   “แล้วก็...แล้วก็...เลิฟ อีก วัน!...เอ่อ ทู...ทู เลยแล้วกัน” อันนี้ของพี่ตวงและน้องเม หลวงพี่นักบวชหยิบถุงเครื่องรางออกมาวางบนโต๊ะกระจกอย่างมันมือตามที่ผมสั่ง แต่ไอ้ผมนี่ล่ะครับที่เริ่มใจสั่นตอนที่เห็นถุงเครื่องรางกองพะเนินอยู่ตรงหน้า



ถุงละห้าร้อยเยนเชียวนะเว้ยเฮ้ย! พี่น้องของไอ้พี่ธันไม่ต้องเอาแล้วกัน...เอ?...แต่...มันจะดูไม่ดี...ถ้าให้แต่พี่น้องตัวเอง แต่พี่น้องผัวไม่ได้...



   “อ่า...ดู ยู แฮป ซัมติง ฟอร์ เวิร์ค ออร์ จ็อป” คือไม่รู้จะถามยังไง แค่อยากถามว่ามีเครื่องรางสำหรับการงานมั้ย แต่...ผมบอกแล้วว่าภาษาอังกฤษเลเวลพร้อมรับ AEC ของผมนั้น เป็นที่เข้าใจได้ง่ายและรวดเร็ว เพราะคนขายแกหยิบถุงสีน้ำเงินออกมาให้



   “โอเค! ไอ ว้อนท์ ทู” ไม่ลืมภาษากายชูนิ้วสองนิ้วให้ดูด้วย จะได้เข้าใจไม่คลาดเคลื่อน



   สรุปตรงหน้าผมตอนนี้ มีเครื่องรางเพื่อสุขภาพ 3 อัน สำหรับป๋า แม่วิ และพ่อของผม เครื่องรางเพื่อความรัก 3 อันสำหรับพี่ตวง ปุยฝ้าย และน้องเม เครื่องรางเพื่อเงินทอง 1 อันสำหรับแม่ผม และเครื่องรางเพื่อการงาน 2 อันสำหรับพี่สิงหาและพี่ตุลา พี่ชายและน้องชายของไอ้พี่ธัน



   ผมทำนิ้ววนรอบถุงเครื่องรางทั้งหมดเพื่อเป็นการบอกให้เช็คบิล คนขายหันไปกดเครื่องคิดเลขแปบนึงก็หันมาส่งเครื่องคิดเลขให้ผมดู และตัวเลขที่ปรากฏบนนั้นก็ทำเอาผมเกือบตาเหลือก



   ...ฉิบหาย!! 4,500 เยน!!!…



   แค่ถุงเครื่องรางยังฟาดแบงค์ห้าพันเยนกูไปหนึ่งใบ! ได้กลับมาเป็นเหรียญกลมๆเหรียญเดียว...ถ้ามีใครจน เจ็บ ป่วย อกหักหรือตกงาน ทั้งๆที่ได้ถุงเครื่องรางไปแล้วล่ะก็!! คงไม่ต้องบอกนะ!! ว่ากูคนนี้จะแค้นแค่ไหน!!!!...



   “ซื้ออะไร” แล้วพอจ่ายตังค์ปุ๊บ พระเอกก็ปรากฏตัวปั๊บ ไทม์มิ่งมึงเป๊ะมากกกกกก!!!



   “เครื่องราง นี่ อันนี้เพื่อสุขภาพของป๋าแล้วก็แม่วิ อันนี้เพื่อความรักของน้องเม แล้วก็อันนี้เพื่อหน้าที่การงานของพี่สิงห์กับพี่ตุล” คนขายแยกถุงกระดาษให้แต่ละอัน ผมเลยหยิบปากกามาเขียนกันลืมเพราะทุกอันแม่งหน้าตาเหมือนกันหมดต่างกันแค่สีเท่านั้นเอง แล้วคิดว่าคนอย่างผมจะจำได้มั้ยครับว่าสีไหนแปลว่าอะไร เอาเป็นว่าก้าวพ้นประตูวัดก็คงลืมแล้วล่ะ



   “ยิ้มไรอ่ะ” ผมหันมาเห็นมันยังมองผมนิ่ง แถมเอาแต่ยิ้มแล้วนึกเสียวสันหลัง เมื่อคืนก็ฉลองคืนแรกในโตเกียวซะสองรอบครึ่ง เมื่อเช้าเกือบตื่นไม่ไหวแล้วนะโว้ย



   มันส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย ก่อนจะถามไปอีกเรื่องในขณะที่มือเก็บถุงเครื่องรางทั้งหมดลงในกระเป๋าเป้ของมัน เนื่องจากผมไม่นิยมพกกระเป๋าเป้ครับ เดินตัวปลิวหล่อๆแบบนายแบบเท่ห์กว่าเยอะ เพราะงั้นไอ้คนที่ต้องแบกทุกสรรพสิ่งก็เลยเป็นมายเลิฟของผมแทน



   “แล้วเราจะไปไหนกันต่อ”



   “ศาลเจ้า”



   “ศาลเจ้า?” มันถามย้ำอย่างตกใจ...ไม่เชื่อล่ะสิ ว่าหน้าตาอย่างกูจะเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีเยี่ยงนี้ พามึงมาวัดแล้วต่อด้วยศาลเจ้า หึ...กูทำตามแพลนที่ไอ้โจเคยพาพี่ปอมมาเที่ยว ขนาดไฟลท์บินยังเลือกไฟลท์เวลาเดียวกับมันทั้งไปทั้งกลับ! ไม่คิดเอง ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ทุกอย่างเหมือนไอ้โจเป๊ะ!!



   “ใช่ ศาลเจ้า...อยู่ตรงข้ามกับฮาราจูกุพอดีเลยอ่ะ ก็เลยกะว่าไปศาลเจ้าอันนั้นแล้วก็ข้ามมาฮาราจูกุเลย”



   แล้วเราสองคนก็ออกเดินทางอีกครั้ง มุ่งหน้าสู่อีกฟากของโตเกียว แต่...ก่อนที่ผมจะก้าวลงบันไดขั้นสุดท้ายของตัววัด อะไรบางอย่างก็ทำให้ผมชะงัก



   ...ตอนนี้ผมอยู่โตเกียว...ใช่ ผมอยู่โตเกียว... โตเกี่ยวซึ่งเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น แล้ว...แล้วคนที่นี่ก็พูดภาษาญี่ปุ่น...แล้ว...แล้ว...แล้วเทพเจ้าล่ะ...



   ...เทพเจ้า...ก็คง...พูดภาษาญี่ปุ่นเหมือนกันสินะ...



   “เวรแล้ว ตอนโยนเหรียญดันขอเป็นภาษาไทย แล้วเทพจะฟังรู้เรื่องมั้ยเนี่ย!!!”



……………………………..



   หลังจากปลงกับหนึ่งร้อยเยนที่โยนไปแต่ดันอธิษฐานเป็นภาษาไทยไปซะเยอะ และเทพเจ้าก็คงจะอำนวยพรให้ไม่ได้เพราะท่านไม่เข้าใจ ผมก็พยายามกลับมาร่าเริงสดใสอีกครั้ง เพราะกลัวว่ายอดรักจะหมดสนุกไปด้วย



   ศาลเจ้าตามแพลนของไอ้โจที่ผมก็อปมันมานั้นอยู่ฝั่งตรงข้ามกับถนนวัยรุ่นชื่อดังย่านฮาราจูกุครับ แต่พอดีวันที่ผมมาดันเป็นวันธรรมดา เลยไม่ค่อยมีคนมากมายเสียเท่าไหร่ ผมออกจากสถานีรถไฟมองส่งไปฝั่งตรงข้ามที่เป็นถนนวัยรุ่นนามว่าทาเคชิตะแล้วแปะโป้งเอาไว้ เดี๋ยวขอไปไหว้พระสวดมนต์หาความเจริญใส่ชีวิตแล้วจะมาหลีสาวนักเรียนญี่ปุ่นให้กระชุ่มกระชวยนะจ๊ะ!!



   ศาลเจ้าที่ไอ้โจแนะนำว่าร่มรื่นและน่าแวะมาเยี่ยมเยียนชื่อว่าศาลเจ้าเมจิ อยู่ท่ามกลางต้นไม้สูงตระหง่านที่ทำให้บริเวณภายในศาลเจ้าเงียบสงบอย่างที่ไม่ควรจะเป็นทั้งๆที่ตั้งอยู่ติดกับสี่แยกแท้ๆ



   “ที่นี่เรียกว่าศาลเจ้าเมจิ เป็นศาลเจ้าที่สร้างเพื่ออุทิศแด่จักรพรรดิเมจิและเมีย...เอ่อ...พระภรรยา...เอ่อ...เมียจักรพรรดิ...เอ่อ...” ผมมันเด็กวิศวะฯสายไม่เอาคณิต ไม่เอาฟิสิกข์ ไม่เอาภาษาอังกฤษ และไม่เอาภาษาไทย คำราชาศัพท์สำหรับผมคือการเอาคำธรรมดามาใส่คำว่า ‘พระ’ นำหน้า ซึ่ง...ผมยอมรับครับ ว่ามันวิบัติมากกกกก...



“จักรพรรดินี” ส่วนไอ้เด็กวิศวะฯที่เอาทุกวิชาตั้งแต่วิชางานบ้านไปจนถึงฟิสิกข์ เคมี ชีวะอย่างไอ้พี่ธันนั้น รู้รอบไปซะทุกเรื่อง ซึ่งมันช่วยผมได้มาก แม้มันจะพูดไปมองผมอย่างระอาไปก็เถอะ



“เออ นั่นล่ะจักรพรรดิเมจิกับจักรพรรดินีเป็นบุคคลที่สำคัญมากของญี่ปุ่นในการปฏิรูปประเทศนี้ให้ทันสมัย” การจะเที่ยวให้สนุกก็ต้องมีความรู้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยนิดๆหน่อยๆเอาไว้เอนเตอร์เทนผู้ร่วมเดินทางครับ ผมหาความรู้(มาจากไอ้โจ)เป็นอย่างดีว่าศาลเจ้าแห่งนี้เป็นเช่นไร แล้วระหว่างที่เดินชมนกชมไม้จากปากทางเข้าไปยังตัวศาลเจ้าก็อธิบายให้ไอ้หล่อข้างกายฟังไปด้วย



“ที่นี่เคยถูกไฟไหม้ครั้งนึงเพราะถูกโจมตีทางอากาศตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่คนญี่ปุ่นทั่วประเทศก็ช่วยกันออกเงินเพื่อบูรณะขึ้นมาใหม่ แล้วก็นั่น!...นั่นคือถังหมักสาเกที่คนญี่ปุ่นบริจาคมาที่นี่เหมือนกัน!” ผมชี้ไปที่ถังหมักสาเกจำนวนมากที่ถูกตั้งเรียงสูงเป็นกำแพงริมทางเดินช่วงสั้นๆให้นักท่องเที่ยวอย่างพวกเราแวะเวียนไปถ่ายรูปกันสักเล็กน้อย



“แล้วข้างในยังมีสาเกมั้ย” คำถามจากไอ้พี่ธันทำเอาผมชะงัก



“ไม่รู้สิ” กูจะไปรู้ได้ไง กูไม่ใช่คนบริจาค และกูก็เพิ่งมาเห็นถังนี่ครั้งแรกพร้อมมึงนี่ล่ะ!



“อ้าว”



“ช่วยถามอะไรที่มันง่ายๆหน่อยได้มั้ย ถามทำไมว่าในถังพวกนี้มีสาเกรึเปล่า ใครจะไปรู้!” ผมโวยแหลก ซึ่งไอ้หล่อก็ทำตัวเป็นผัวที่ดีครับ ยกมือยอมแพ้ไม่เถียงสู้ ก่อนจะออกเดินต่อ



   ทางเดินจากถนนใหญ่ไปจนถึงศาลเจ้ามีต้นไม้สูงสองข้างทางเดินที่ทำเอาอากาศหนาวหนักกว่าเดิม คงเป็นเพราะมีร่มเงาต้นไม้ แดดเลยยิ่งส่องลงมาไม่ถึง ผมกระชับผ้าพันคอซึ่งวันนี้ไม่มีการคล้องเพื่อความเท่ห์อีกแล้ว เนื่องจากอากาศแห้งมากเลยยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนคอแห้งตามไปด้วย



   หลังจากเดินมาได้พักหนึ่งก็เข้ามาถึงจุดที่เป็นที่ตั้งของศาลเจ้า ที่นี่ไม่ใช่ศาลเจ้าเล็กๆนะครับ อาณาบริเวณกว้างขวางใหญ่โตและสะอาดสะอ้านมากเลย ก่อนถึงทางเข้า ทางซ้ายมือจะมีบ่อน้ำสำหรับล้างมือและบ้วนปาก แต่พวกผมทำไม่เป็นเราก็เลยตรงเข้าไปยังจุดที่ใช้สำหรับเคารพสักการะแล้วโยนเหรียญขอพร



ซึ่งแน่นอนว่า...ครั้งนี้ผมไม่อธิษฐานเป็นภาษาไทยอีกแล้ว!



   ...โอมมมมม...พลีส เซ้นด์ แฮปปี้ เฮลตี้ มันนี่ แอนด์ เลิฟ ทู มายแฟมิลี่แอนด์ไอ!!...เพี้ยง!!!...



   ไงล่ะ! บอกแล้วว่านายถ้วยฟูคนนี้พร้อมรับ AEC!!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-08-2014 20:23:28 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-8



พวกผมเดินเล่นในศาลเจ้าอีกพอประมาณ แวะเวียนถ่ายรูปกับจุดห้อยแผ่นป้ายไม้สำหรับเขียนอธิษฐานซึ่งอยู่รอบต้นไม้ใหญ่กลางศาลเจ้า ตัวอาคารไม้มุมต่างๆที่ให้ความรู้สึกว่าเป็นแบบญี่ปุ้นญี่ปุ่นอดไม่ได้ที่จะได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก จนท้องเริ่มร้องโหยหวนด้วยความหิว ผมก็เลยเสนอร้านสุดเด็ดที่เพื่อนของเพื่อนของเพื่อนแนะนำมา



   “ไปกินบุฟเฟ่ต์เค้กกัน”



   “ห๊ะ!” ไอ้พี่ธันตาเหลือกตามสไตล์พระเอกมาดเข้มไม่นิยมขนมหวาน



   ไม่ต้องตกใจไป ยอดรัก...กูเป็นเจ้าของสวนอาหารก็ต้องอยากไปกินอะไรที่มันแปลกหูแปลกตาจะได้เอามาพัฒนากิจการของตัวเองยังไงล่ะ! พูดไปนี่น้ำตาจะไหลกับความรักที่มีให้แก่กิจการของพ่อแม่ที่ตกทอดมาถึงมือผมจริงๆ



   “บุฟเฟ่ต์เค้กแต่เช้าเนี่ยนะ?”



   “เช้าที่ไหนเล่า สิบโมงกว่าแล้ว!” คนมันจะกิน ต่อให้ตีห้า กูก็ไม่คิดว่าเช้าหรอก!



   ผมลากไอ้พี่ธันออกจากศาลเจ้าเมจิ ข้ามถนนมาอีกฝั่งที่หมายตาไว้ตั้งแต่แรก ถนนทาเคชิตะหรือที่พวกเราชาวไทยติดปากเรียกว่าฮาราจูกุนั่นล่ะครับ!



   ถนนแห่งนี้เป็นถนนแคบๆขนาดประมาณรถวิ่งได้เลนเดียว ปากทางเป็นทางลาดลงบอกให้รู้ว่าถนนทาเคชิตะต่ำกว่าถนนที่พวกผมเพิ่งข้ามมาเมื่อกี้ชนิดที่ถ้าไอ้ถนนนี้อยู่ที่เมืองไทย รับรองได้ว่ามึงเจอน้ำท่วมแน่นอน



สิบโมงกว่าๆวันธรรมดาไม่ค่อยมีวัยรุ่นมากมายเท่าไหร่ แต่ก็พอเห็นเป็นกลุ่มๆเดินสวนผมไปสวนผมมาอยู่นี่ ร้านค้าในถนนนี้ส่วนใหญ่จะเน้นหากินกับดาราครับ สังเกตได้จากที่มีรูปดาราหนุ่มๆสาวๆแปะเรียงรายเรียกลูกค้าเป็นแนว นอกจากนั้นก็มีร้านขายเสื้อผ้า รองเท้าสไตล์วัยรุ่น และที่สะดุดตาผมยิ่งกว่าอะไรก็คือร้านขายเครป!



   “ฮูย!! เครปก็น่ากินอ่ะ!!”



   โดยเฉพาะโมเดลเครปที่อยู่ในตู้กระจกนี่ล่ะครับ ตัวเรียกลูกค้าชั้นยอด!! ต่อให้ตอนแรกไม่อยากกิน แม่งมาเห็นโมเดลหน้าตาฟรุ้งฟริ้งแบบนี้ ร้อยละเก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าก็น้ำลายสอกันขึ้นมาทั้งนั้นล่ะครับ!



   ...สงสัยใช่มั้ย ว่าทำไมคนที่น้ำลายสอถึงขาดไปศูนย์จุดศูนย์หนึ่ง...



   ...นั่นก็เพราะ...



   “พี่ว่าถ้ากินเครปก็ไม่ต้องกินบุฟเฟ่ต์เค้กหรอก” ผัวผมเองครับ ขนาดมีโมเดลของหวานตั้งอยู่หน้าร้านเป็นสิบประหนึ่งนางกวักโบกมือเรียกลูกค้า ไอ้พี่ธันยังขยาดกันหน้าตาเฉย! แถมยังมีหน้ามาชี้แนะว่าถ้ากินเครปก็ไม่ต้องกินเค้กอีกต่างหาก! เรื่องอะไรล่ะเว้ย!! คนอย่างนายถ้วยฟู ไม่เคยโลเล โมเม นอกใจอยู่แล้ว!!



   “ไม่! จะกินเค้ก” ผมปฏิญาณหนักแน่น ก่อนจะออกเดินต่อแล้วทิ้งร้านขายเครปกับพ่อค้าหนุ่มสุดหล่อไว้ด้านหลัง



   ...เดี๋ยวก่อน...รอกูก่อน...กูต้องอยู่โตเกียวอีกหลายวัน มึงต้องเสร็จกูแน่เครป!...



   ตามโพยที่ไอ้โจบอกมานั้น ร้านบุฟเฟ่ต์เค้กอยู่ไม่ไกลจากปากทางเข้าถนนทาเคชิตะเสียเท่าไหร่ แต่ทางเข้าร้านลึกลับเล็กน้อยจนถึงปานกลางเพราะต้องเดินเข้าตึกไหนสักตึกกดลิฟต์ขึ้นไปชั้นไหนสักชั้น ซึ่งไอ้โจเพื่อนยากแนะนำมาว่า



    ‘มึงก็ดูป้ายร้านอ่ะ มันแปะบอกไปทางไหนก็ไปทางนั้น’



   เป็นคำแนะนำที่แลดูเต็มใจแนะนำเป็นอย่างยิ่งใช่มั้ยครับ แต่ในท้ายที่สุดด้วยอานุภาพแห่งรักและความภักดี ผมก็มาเหยียบอยู่หน้าประตูร้านบุฟเฟ่ต์เค้กที่ไอ้โจเคยพาพี่ปอมมากินจนได้



   พนักงานร้านสาวหน้าตาคิคุอาโนเนะโค้งกายเหมือนผมเอาทองมาแจก แล้วส่งเสียงเป็นภาษาญี่ปุ่นใส่หน้าผมผู้ซึ่งแค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่านอกจากเชื้อจีนจากเหล่ากงเหล่าม่า ผมและคำว่าญี่ปุ่นก็ไม่มีอะไรที่ใกล้เคียงกันอีก



   แต่...เพราะมากับยอดชู้นามว่าธันวา การที่ผมจะทำหน้าตาซื่อบื่อมันดูไม่เท่ห์ในสายตาคนรักเอาซะเลยครับ แม้จะไม่เข้าใจคำพูดของพนักงานสาวหน้าตาน่ารักเลยสักนิด แต่ผมก็ส่งเสียงตอบกลับไปอย่างคล่องแคล่ว



   “ทู!” พร้อมชูสองนิ้วให้รู้ว่ากูมาแค่สองคน พนักงานสาวชะงักไปเล็กน้อยกับความคล่องแคล่วของผม(มั้ง) ก่อนจะฝอยภาษาญี่ปุ่นใส่หน้าผมต่อไป



…เอ่อ...การที่ผมพูดภาษาอังกฤษกลับไป แล้วยังพ่นภาษาญี่ปุ่นกลับมาใส่หน้าผมนี่คืออะไร...คือการบอกกลายๆว่าไม่ว่าคุณลูกค้าจะพูดภาษาอะไรมา กูผู้เป็นพนักงานก็จะพูดภาษาญี่ปุ่นค่ะ อย่างงั้นเหรอ แหม้! สุดยอดของความชาตินิยมจริงๆ!!



และในเมื่อภาษาญี่ปุ่นเป็นพืดยังลอยละล่องออกมาจากปากสาวน้อยพนักงานหน้าตาจิ้มลิ้ม ไอ้เรามันเป็นผู้ชายแมนๆมาจากประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องสุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ถูกพ่อแม่ครูบาอาจารย์สั่งสอนมาตั้งแต่ตีเท่าฝาหอยว่าห้ามทำร้ายผู้หญิง จะมาทำหน้าตางงงวยก็เกรงว่าอีกฝ่ายจะน้อยใจที่เขาอุตส่าห์พูดมาตั้งยาว เราเสือกฟังไม่รู้เรื่อง เพราะงั้น...สิ่งเดียวที่ผมทำได้ก็คือ...



“อาฮะ! โอเค! เยส!!” สามคำกันตาย และพยักหน้าอย่างเดียว พนักงานเห็นการตอบโต้บทสนทนาของผมแล้วก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม คงคิดว่าผมฟังรู้เรื่อง ทั้งที่ในความจริงแล้ว ถ้ากูฟังรู้เรื่องกูไม่ตอบกลับไปเป็นภาษาอังกฤษหร้อก!!!



พนักงานสาวผายมือผมไปที่ตู้อะไรสักอย่างที่ตั้งอยู่หน้าร้าน คล้ายตู้เกมส์แถวบ้านเราอันป็นแหล่งสถิตของหนุ่มแว้นซ์สาว’ก๊อยซ์นั่นล่ะครับ ผมเดินตามไปดู เห็นหล่อนกดนิ้วจึกๆบนหน้าจอ ก่อนจะชี้ให้ผมดูว่ามันคือตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นเป็นเบือและเลข 2 พร้อมด้วยคำนวนเงินค่าบุฟเฟ่ต์สำหรับสองคนเสร็จสรรพ!!



   ...อู้ฮู!! นี่มันเครื่องคิดเลขเวอร์ชั่นพัฒนาหน้าตาชัดๆ!! โคตรจะน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับมนุษย์ชาวไทยที่ไม่เคยเห็นไอ้เครื่องพรรค์นี้มาก่อน ประหนึ่งถูกดีดน้ำมันพรายผมควักกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาหยิบแบงก์พันเยนส่งให้พนักงานไปสามใบแบบไม่มีอิดออดเลยแม้แต่นิด!!...



   พนักงานสาวโค้งแช่มช้อยรับเงินไปใส่เข้าไอ้เครื่องไฮเทคเครื่องนั้น มันดูดแบงก์เข้าไปแล้วคายสลิปค่าบุฟเฟ่ต์ออกมาหนึ่งแผ่นและเงินทอนเป็นเศษเหรียญ หล่อนส่งทั้งหมดให้ผม ก่อนจะเดินนำผมไปที่โต๊ะ



   ในร้านมีลูกค้าไม่มากคงเพราะเพิ่งจะเปิดร้าน แต่ที่น่าแปลกคือลูกค้าของร้านบุฟเฟ่ต์เค้กแห่งนี้มีตั้งแต่วัยรุ่นสาวกลุ่มใหญ่ๆ ไปจนถึงแก๊งค์วัยรุ่นผู้ชายสามสี่คนที่คะเนจากหน้าตาดูแล้ว แม่งไซด์ไลน์ต้องเป็นสมุนแก๊งยากุซ่าแน่ๆ แต่หัวใจมันคงจะเฮลโล คิตตี้มากจริงๆ ถึงได้นัดประชุมแก๊งค์กันในร้านบุฟเฟ่ต์เค้กแบบนี้



   พนักงานพาพวกผมเดินผ่านไลน์ของหวานหน้าตาน่าอร่อยมากมายไปจนถึงโต๊ะ ก่อนจะพูดโนะๆเนะๆอีกหลายประโยค แล้วจึงจากลาไป และเมื่อเหลือเพียงเราสองแล้ว ไอ้พี่ธันก็ทำตัวรู้หน้าที่ครับ มันทรุดตัวลงนั่งแล้วเอ่ยปาก



   “ไปตักก่อนไป” เรามันมาจากประเทศที่เกือบจะเอารายได้จากอาชญากรรมรวมเข้าไปใน GDP เพราะงั้นมันเลยต้องทำหน้าที่เป็นยามให้ก่อนในช่วงที่ผมไปตักอาหาร ในขณะที่ลูกค้าสาวญี่ปุ่นโต๊ะข้างๆหายกันไปทั้งโต๊ะ มีแค่กระเป๋าสพายจองที่เท่านั้น



   เมื่อสามีทำตัวสุภาพบุรุษเสียสละให้ผมไปตักอาหารก่อน ผมก็เลยรีบแว่บไปที่ไลน์เค้กอย่างว่องไว ซึ่งก็สมกับที่ร้านนี้เรียกตัวเองว่าบุฟเฟ่ต์เค้กครับ เพราะมีให้เลือกทั้งเค้กแยม เค้กครีม ไหนจะพายอีกมากมาย และที่สำคัญมีการเบรกของหวานด้วยอาหารจำพวกแกงกะหรี่และข้าวสวย พาสต้า สปาเก็ตตี้ก็มีนะเออ! เลือดในกายผมลุกฮือ ผมสาบานว่ากลับเมืองไทยไปได้ ผมจะเปิดบุฟเฟ่ต์เค้กในนามร้านเตาถ่านสาขา 2! ต่อให้แม่จะไม่ยอม ต่อให้พ่อจะร้องไห้กับการเอาชื่อร้านมาปู้ยี้ปู้ยำ แต่ผมจะทำให้ได้!! ทุกคนช่วยไปอุดหนุนด้วยนะครับ!!



   ผมตักเค้กมาห้าชิ้น แกล้มด้วยสปาเก็ตตี้ผัดแฮมอีกเล็กน้อยพร้อมด้วยน้ำอัดลมสำหรับดับเลี่ยนแล้วจึงกลับมาที่โต๊ะ



   “พี่ธัน มีข้าวแกงกะหรี่ด้วยนะ แล้วก็มีกาแฟร้อนด้วย” ผมรู้ว่ามันชอบกินอาหารจานหลักมากกว่ามาโด๊ปของหวาน ตอนที่ไปตักอาหารก็เลยสอดส่ายสายตาดูของไม่หวานมาเผื่อมัน ไอ้หล่อพยักหน้ารับสั้นๆ ก่อนจะเดินตรงไปที่ไลน์อาหาร ผมมองส่งเล็กน้อยด้วยความห่วงใยกลัวว่ามันจะอ้วกใส่ขนมของเขาซะก่อนเนื่องจากเลี่ยนในกลิ่นหวาน แต่พอเห็นมันตรงดิ่งไปยังอาหารคาว ผมก็เลิกสนใจอีก หันมาลัลล้ากับขนมที่ตักมาดีกว่า



   ...น่ารัก น่ากิน น่าสวาปามที่ซู้ดดดดดด!!...



.....................................



   หลังจากชิมเค้กทุกชนิดในร้าน ผมก็หิ้วปีกไอ้ถ้วยฟูออกมาด้วยสภาพที่ท้องมันกลมอย่างกับลูกแตงโม อยากบ่นมันอยู่หรอกครับว่ากินไม่ดูตัวเอง แต่พอเห็นสภาพมันที่สะโหลสะเหลแบบนี้แล้วก็นึกสงสารมากกว่าจะอยากดุ



   “ไหวมั้ย” ผมถามไอ้คนกินไม่เจียม ตอนนี้มันยืนลิ้นห้อยสูดอากาศอยู่นอกร้าน ใกล้เที่ยงเข้าไปทุกทีแล้ว คนที่ถนนแห่งนี้ก็เยอะขึ้นตามไปด้วย



   “ไหว...” มันตอบแต่ดูจากสภาพหน้ามันแล้ว มันคงงดของหวานไปสามเดือน ผมเปิดกระเป๋าเป้เอาขวดน้ำออกมาส่งให้มันจิบแก้เลี่ยน มันก็รับไปอย่างว่าง่าย



   “แล้วเราจะไปไหนกันต่อ” ผมถามมันที่ดูสีหน้าจะดีขึ้นเล็กน้อยหลังจากได้อากาศเย็นๆพัดผ่านหน้า



   “เดินกลับไปที่สถานีเมื่อกี้แล้วเดี๋ยวไปชินจูกุ” ผมพยักหน้ารับ ก่อนที่เราสองคนจะเริ่มออกเดินกลับไปทางเดิม ซึ่งแน่นอนว่าตอนที่ผ่านร้านเครปที่มันหมายตาไว้ตอนแรก ไอ้นี่ก็ยังชะเง้อคอยืดคอยาวมองจนผมต้องดึงแขนมันออกมา



   เรากำลังจะเดินจนถึงปากทางอยู่แล้ว ถนนใหญ่อยู่ตรงหน้านี่เอง แต่...ไอ้ตัวแสบดันเหลือบไปเห็นอะไรดีๆ(สำหรับมัน)เข้า



   “พี่ธันๆ เดี๋ยวๆ!!” มันชะงักแล้วรั้งแขนผมไว้ ผมหันกลับไปมอง เห็นมันกำลังจับจ้องไปที่ตรอกเล็กๆที่มีบันไดทอดตัวลงชั้นใต้ดิน ซึ่งผนังข้างบันไดมีรูปผู้หญิงสองคนโพสต์ท่าเหมือนกำลังถ่ายรูปด้วยกัน



   “ข้างล่างนี่ต้องมีตู้ถ่ายรูปแน่เลยอ่ะ!” มันว่าอย่างนั้น แล้วมองรูปผู้หญิงที่ติดอยู่ข้างผนังด้วยสายตาวิบวับ...สรุปว่ามึงสนใจตู้ถ่ายรูป หรือสนใจผู้หญิง?...



   “ลงไปดูกันเหอะ” มันเบี่ยงสายตาจากรูปผู้หญิงหันมาชวนผม และไม่ทันที่ผมจะเรียกมันเอาไว้ ไอ้แสบก็รีบก้าวขาลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว



   ...ถ้าเกิดข้างล่างเป็นรังยากุซ่า มึงจะขึ้นมาทันมั้ย ไอ้แสบ!!...


............................



   “อู้ฮู้!! นี่มันอาณาจักรโฟโต้กราฟฟี่ชัดๆ!!” 



โคตรน่าตื่นตาตื่นใจเลยครับ!! ชั้นใต้ดินที่หัวใจพาปลายเท้าของผมลงมานั้น คือจุดที่อัดแน่นไปด้วยตู้ถ่ายรูปนับได้เกือบสิบเครื่อง ทุกเครื่องหน้าตาจะมุ้งมิ้งกว่าบ้านเรามากนัก เนื่องจากว่าจะมีรูปของสาวๆหน้าตาน่ารักติดอยู่ทั่วทุกตู้เป็นการเชิญชวนว่าตู้นี้ถ่ายออกมาแล้วคนถูกถ่ายจะออร่าปิ๊งปั๊งแบบนั้นแบบนี้ ผมเดินเหล่ตามตู้ บางตู้มีกลุ่มวัยรุ่นผู้หญิง 2-3 คนยืนออกันอยู่ข้างตู้ซึ่งเป็นหน้าจอมอนิเตอร์ให้แต่งรูปภาพที่เพิ่งถูกถ่ายครับ ผมแอบชำเลืองมองก็เห็นว่ามีการตกแต่งรูปภาพด้วยวิกได้ด้วย! แหม้!! ถ้ามันจะศิวิไลซ์แบบนี้ เห็นทีต้องลองสักหน่อย!



“เอาตู้นี้แล้วกัน!” ผมเลือกตู้ที่ดูหวานแหววที่สุดในบรรดาทุกตู้ รอบตู้ติดด้วยโปสเตอร์ภาพผู้หญิงสองคนในชุดสีชมพู้ ชมพู มีประกายวิ้งวั้งดูแล้วเชิญชวนให้เรารู้สึกว่าถ้าถ่ายรูปตู้นี้ ก็จะออกมาสไตล์นี้ล่ะ!!



...แล้วคิดถึงไอ้ผู้ชายไทยแท้ร้อยเปอร์เซ็นที่มากับผมสิครับ ถ้าไอ้โปสเตอร์ข้างตู้ไม่หลอกลวงผู้บริโภคแล้วล่ะก็ รูปที่มันถ่ายออกมาก็วิ้งกระจายแบบโปสเตอร์...หึ หึ หึ นี่จะกลายเป็นงานแบล็กเมล์ระดับชาติทีเดียว!!!...



“จะถ่ายเหรอ?!” ดูเหมือนไอ้พี่ธันจะรู้ตัวซะแล้วว่างานอาจงอกที่มัน ผมเลยต้องรีบมารยาสาไถทำหน้าเศร้าแล้วเอานิ้วเขี่ยที่ตู้ถ่ายรูปให้มันเห็นว่าผมอยากถ่ายจริงจริ๊ง!!



“ก็...ฟูไม่เคยเห็นตู้แบบนี้เลยอ่ะ...วันๆทำแต่งานในครัว เห็นแต่ตู้เย็น ตู้ล้างจาน ตู้เก็บผักเก็บเนื้อ พอได้มาเห็นไอ้ตู้แบบนี้ก็เลย...ก็เลยคิดว่ามันน่าถ่ายจัง...แต่จะถ่ายคนเดียว ฟูก็...ฟูก็มีแฟนอ่ะ! ฟูอยากถ่ายกับแฟน...” ตอนท้ายทอดเสียงเบาอย่างโคตรอ่อย อยากจะอ้วกกับคำว่า ‘ฟูอยากจะถ่ายกับแฟน’ จริงๆเลยว่ะ ให้ตายเถอะ! นี่ถ้าไม่ใช่เพราะว่าอยากจะแกล้งมัน เอ๊ย! อยากจะถ่ายรูปกับมัน ผมไม่มีวันพูดอะไรแบบนี้เด็ดขาด!!



“จริงๆนะ ฟูอยากมีรูปถ่ายกับพี่ธันเป็นที่ระลึกว่าครั้งนึงเราเคยมาโตเกียวด้วยกัน เราเคยมาถ่ายรูปที่ฮาราจูกุด้วยกัน ตอนแก่ที่ไปไหนไม่ไหวแล้ว จะได้เอารูปพวกนี้มานั่งดู ...” น้ำตายังทำให้ผมหอบผ้าหอบผ่อนมาถึงโตเกียวได้ เพราะงั้นไอ้หน้าเศร้าๆก็ต้องทำให้ผมได้ถ่ายรูปในตู้นี้กับมันได้เหมือนกัน!!...



ไอ้พี่ธันมองหน้าผมแล้วเหลือบมองตู้ถ่ายรูปก่อนจะถอนหายใจเฮือก...ไอ้ถอนหายใจนี่ล่ะครับ บอกให้รู้ว่ามันติดกับผม!!...



“เอาตู้นี้เหรอ” มันถามถึงตู้ที่ผมกำลังเอานิ้วเขี่ยอย่างกับจะขอเลขซื้อหวย



“อือ” ผมพยักหน้ารับด้วยดวงตาอันหวานซึ้ง จะกระตู้วู้ตอนนี้ไม่ได้ เดี๋ยวไอ้พี่ธันรู้ว่าผมมีแผนชั่วจะเอารูปนี้ไปปล่อยให้ประชาชีทั่วล้าได้ยล แล้วมันจะไม่ยอมตกหลุมพรางที่ผมขุดเอาไว้



ไอ้หล่อจ้องผมแล้วยกนิ้วชี้หน้าเป็นการสั่ง(เสีย)



“ถ่ายแล้ว ห้ามเอาไปให้ใครดู เข้าใจมั้ย” มันคงรู้แล้วล่ะว่าชีวิตมันจะต้องเจออะไรถ้าหากก้าวเข้าไปในตู้ถ่ายรูปเครื่องนี้กับผม



ผมทำเป็นยิ้มหวาน แล้วรับคำอย่างจริงใจสุดๆ



“ไม่ให้ใครดูแน่นอน” มันถอนหายใจอีกรอบก่อนจะเดินเข้าไปในตู้ถ่ายรูป ทิ้งให้ผมมองตามด้วยความรักสุดฤทธิ์ที่มีให้กับมัน



...เรื่องอะไรกูจะเอาไปให้ใครดูล่ะ! กูจะอัปโหลดลงยูทูป แล้วถ้าใครอยากดูก็เข้ามาดูกันเองต่างหาก! นี่กูไม่ได้เอาไปให้ใครดูนะ! คนอื่นเขามากันเอง!! กูไม่เกี่ยว!!! คริ คริ คริ...



...............................

      



   “ญี่ปุ่นนี่แม่งสุดยอดจริงๆ รูปนี้พี่ธันตลก ฮ่าฮ่า” ผมเหลือบตามองไอ้ถ้วยฟูที่กำลังกลั้นหัวเราะท้องแข็งกับรูปที่อยู่ในมือมัน ในขณะที่เรากำลังนั่งรถไฟจากสถานีฮาราจูกุไปยังสถานีชินจูกุซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน



   ...และไอ้สิ่งที่ทำให้มันกลั้นหัวเราะจนตัวงอก็คือไอ้เครื่องถ่ายรูปอัจฉริยะนั่นสร้างมาเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะ โดยเครื่องจะใส่บิ๊กอายให้ในรูปทันที แถมด้วยแก้มชมพู ปากชมพู...เอาง่ายๆว่ารูปออกมา ผมอุบาทจนอยากจะริบจากมือมันมาฉีกทิ้งทุกวินาที!



   “เหมือนกะเทยเลยอ่ะ ฮ่าฮ่า” การเป็นกะเทยไม่ใช่เรื่องตลก แต่เพราะในรูปนั่นเป็นผมที่ถูกเครื่องจับใส่ตาดำใหญ่ๆ ใส่แก้มชมพู แถมไอ้ถ้วยฟูยังอุตริเติมวิกผมยาวให้อีกต่างหาก ผมถึงได้บอกว่าสนุกมันล่ะ!



   “รับปากพี่แล้วนะว่าจะไม่ให้ใครดู” ผมย้ำ กันมันลืมอีกที ไอ้แสบเงยหน้ามองผมตาวิบวับ ดูแล้วไม่น่าวางใจเลยสักนิด



   “เออหน่า...” ผมถอนหายใจ แล้วปล่อยให้มันเสพสุขกับรูปในมือต่อไป ส่วนตัวผมเริ่มมองดูข้างทาง เพราะจากสถานีฮาราจูกุมาสถานีชินจูกุนั้นค่อนข้างใกล้ ถ้าเอาแต่ดุไอ้แสบ เดี๋ยวได้นั่งเลยกันพอดี



   “แต่พี่ธันก็แต่งหญิงขึ้นเหมือนกันนะ สวยดุสวยดุ โอ๊ย!” มะเหงกสักทีเถอะมึง ตอนแรกว่าจะไม่ดุแล้ว แต่เสือกพูดจาน่าโดนก็เอาสักหน่อยแล้วกัน! อย่าคิดว่าออกนอกประเทศแล้วกูจะดูแลอย่างเดียว กูดุได้เหมือนเดิม



เสียงประกาศบอกสถานีดังขึ้น บอกให้รู้ว่าป้ายหน้าคือสถานที่ที่พวกผมจะต้องลง ผมก็เลยดึงรูปในมือมันมาเก็บลงกระเป๋าเป้เพื่อเตรียมตัว ก่อนที่รถไฟจะวิ่งเข้าสู่ชานชาลาที่พลุ่กพล่านที่สุดแห่งหนึ่งของโลก



   ...สถานีชินจูกุครับ...


...........................................



   ชินจูกุ!! วู้ฮู้!!! ชินจูกุ!!!!!



ชินจูกุคือแหล่งที่รวมทุกอย่างเอาไว้ด้วยกัน มีตั้งแต่แนวโชห่วยไปจนถึงห้างสรรพสินค้าหรูๆ มีตึกสำนักงานเตี้ยๆและมีอาคารสูงเสียดฟ้า มองไปทางไหนก็เบลอตาไปหมดเพราะแม่งดูแน่นขนัดชนิดที่ว่าพอมุดหัวออกมาจากสถานีแล้วยืนงงจนอยากจะกรีดร้องว่ากูจะไปทางไหนต่อดี!!    



   “ไอ้โจบอกว่าตึกชื่อนี้มีของเล่นขาย” 



จริงๆไอ้โจบอกว่าย่านนี้มีถนนที่มีแต่บาร์เกย์ด้วย แต่บังเอิ้น บังเอิญผมเป็นคนดี ไม่ฝักใฝ่ ไม่หมกหมุ่นกับเรื่องพวกนั้น อยู่ในศีลธรรมและขนบประเพณีอันดีงามของสยามประเทศ ผมก็เลยไม่สนใจหรอกครับ (จริงๆแล้ว ผมกลัวว่าไปเดินแถวนั้นแล้วไอ้พี่ธันจะถูกฉกไปจากอ้อมอก หล่อๆรวยๆดีๆแบบมันไม่ได้มีขายแบกับดินนะครับ! ต้องตบตีแย่งชิงกว่าจะได้มาอยู่ในกำมือ แถมต้องใช้เรือนร่างอันสยิวเสียวซ่านของผมในการทำให้มันหลงหัวปักหัวปำไปไหนไม่ได้อีก ดูสิครับ!! เหน็ดเหนื่อยแค่ไหนกว่าจะประคับประคองให้มันหน้ามืดตามัวอยู่กับผมได้นานขนาดนี้! แล้วเรื่องอะไรจะยอมให้มันมาเสร็จผู้ชายป้ายเหลืองที่ประเทศนี้ ให้ตายยังไงนายถ้วยฟูคนนี้ก็ไม่ย้อม!ไม่ยอม!!!)



ผมเปิดโทรศัพท์มือถือขึ้นมาให้ไอ้พี่ธันดูรูปที่ผมจิ๊กมาจากไอ้โจ ซึ่งแน่นอนว่ารูปที่จิ๊กมานั้นเป็นรูปถ่ายคู่ของไอ้โจกับพี่ปอมซึ่งมีชื่อตึกเป็นฉากหลังไกลลิบๆ แต่ผมตัดมาเฉพาะชื่อตึก แอบติดหัวไอ้โจมาหน่อยนึง



   “ตึกนั้นรึเปล่า” ไอ้พี่ธันดูชื่อตึกแล้วมองซ้ายมองขวาก่อนจะชี้ไปที่ตึกฝั่งตรงข้ามที่มีสะพานลอยเชื่อมไปถึงพอดี



   “ใช่ๆ!!”



ผมกำลังจะก้าวขาออกเดิน แต่ถูกดึงแขนเอาไว้ซะก่อน



   “ผ้าพันคอจะหลุดแล้ว” มันเอ่ยปากบอก



   “ถ้างั้นมัดให้หน่อย เอาแบบเมื่อวานก็ได้ หลุดยากดี”



   “มัดแบบเมื่อวาน? ผูกโบว์น่ะเหรอ” ไอ้หล่อถามแซวๆ แต่ ณ จุดนี้ที่ยอดชายนายปวินมีจิตใจจดจ่ออยู่กับของเล่นที่จะไปสอยก็เลยเลิกสนใจความเท่ห์แล้วครับ



   “เออๆ เอาแบบนั้นแหละ” ผมหันหลังให้มันช่วยมัดให้



   “เอาโบว์มาผูกไว้ข้างหน้ามั้ย” มันถามยิ้มๆ



...ไอ้นี่...มึงจะทำให้กูดูน่ารักมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งมากไปแล้วนะเว้ย!!! กูหล่อนะโว้ยยยยย! ชอบดาวน์เกรดจากความหล่อของกูให้กลายเป็นความน่ารักเรื่อยเลย!! 



   แต่อย่าคิดว่าผมจะตีโพยตีพายให้เสียภาพลักษณ์ ระดับผมต้องปฏิเสธแบบผู้ดีเท่านั้น



   “อย่าเลย แค่โบว์อยู่ข้างหลัง เมื่อวานยังโดนไปสองรอบครึ่ง ถ้าโบว์อยู่ข้างหน้า กลัวใจคนแถวนี้จะฟาดห้ารอบ” ไอ้พี่ธันหัวเราะแล้วล็อกคอผมเข้าไปใกล้แล้วกระซิบเบาๆแต่โคตรหื่นอย่างหาตัวจับยาก



   “พรุ่งนี้ไม่ต้องตื่นเช้าใช่มั้ย คืนนี้เตรียมตัวได้เลย”



ผมเหล่ตามองมันแล้วตบอกตัวเองดังปั้กๆ!



   “อย่าตายคาอกแน่นๆนี่แล้วกัน!” อย่าคิดว่ามึงจะหื่นเป็นคนเดียว กูก็หื่นไม่แพ้กัน!!!



   มันหัวเราะลั่นแล้วลากคอผมออกเดิน แขนมันยังคล้องอยู่บนบ่าผม ไออุ่นจากร่างกายของมันถ่ายทอดมาถึงผม ลมหนาวพัดมาอีกแล้ว ลมแรงหอบเอาอุณหภูมิต่ำกว่าสิบองศามาปะทะร่างให้ผมหาโอกาสเบียดเข้าหาไอ้หล่อมากกว่าเดิม มันเหลือบตามองผม เราสบตากัน ยิ้มให้กันน้อยๆ มันรู้ว่าผมเขินที่ทำเหมือนอ้อนมันแบบนี้ แต่มันก็รู้ว่าไม่ควรพูดอะไรออกมา



   จากหน้าสถานีไปจนถึงตึกที่ผมหมายตาใกล้นิดเดียว ถ้าวิ่งไปก็คงจะถึงในอึดใจ แต่...ท่ามกลางอากาศหนาว...ไออุ่นของร่างกายที่ถ่ายทอดให้กันกลับยิ่งเด่นชัดให้รับรู้ว่าเรายังอยู่ข้างๆกัน เจ็ดปีแล้ว...เจ็ดปีแล้วที่เราคบกัน และเรายังอยู่ข้างๆกันเหมือนเจ็ดปีที่ผ่านมา



   แขนมันที่วางพาดบนบ่าผมโอบไหล่ผมเข้าหามันเบาๆ ก้าวเดินที่ช้าลงทำให้เราได้อยู่ด้วยกันมากขึ้น ทำให้เราได้รับรู้กันและกันนานขึ้น และผมหวังว่าอีกเจ็ดปีข้างหน้า และอีกเจ็ดปีต่อไป ต่อไป ต่อไป...เราจะอยู่ด้วยกันแบบนี้...



ผมหวัง ผมภาวนา และผมจะทำวันนี้ให้ดีพอที่อีกเจ็ดปีข้างหน้ามันจะยังคงอยากอยู่กับผม



   ผมสัญญา



つづく

อะแหน่ะ! รอสองรอบในห้องน้ำกันใช่ม้ายยยยย เก็บเอาไว้ให้เขารู้กันสองคนบ้างเนอะ เล่าตลอดไม่ได้หรอก ฮ่าฮ่า :hao7:

สำหรับ “รักนี้ อิน โตเกียว” น่าจะมีทั้งหมดประมาณ 6-7 ตอน บัวพิมพ์ยังไม่จบ เลยบอกชัวร์ๆไม่ได้ แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะถึง 10 ตอนค่ะ และด้วยความที่มันเป็นสเปฯ เพราะฉะนั้นบอกเลยว่าไร้สาระตั้งแต่ต้นจนจบค่ะ ฮ่าฮ่า

ตอนแรกที่จะเอาลง ค่อนข้างกังวลมากๆ กลัวคนอ่านอ่านแล้วไม่อิน เพราะว่ามันไม่ใช่เมืองไทยก็ด้วย แล้วสถานที่ที่สองคนนี้ไปเกือบ 90 % ถึงจะมีอยู่จริงในโตเกียว แต่มันก็ไม่ใช่ลักษณะที่ใกล้เคียงกับบ้านเราเลย ทั้งวัด ทั้งแหล่งช้อปปิ้ง เพราะงั้น...ถ้าใครนึกไม่ออก เซิร์จถามอากู๋นะคะ แหะๆ

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนคิดถึงถ้วยฟูและพี่ธัน ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ
เจอกันใหม่อาทิตย์หน้า

ป.ล. จะบอกว่า...ที่ถ้วยฟูเจอคนญี่ปุ่นพูดไทยได้ฟังไทยออกที่นาริตะในพาร์ทแรกนั้น เกิดขึ้นจริงกับบัวนะคะ T^T จำจนทุกวันนี้ จังหวะนั้นมันเงิบมากถึงมากที่สุดจริงๆ โลกเราไร้พรมแดนมากไปแล้ววววว กระทั่งคนญี่ปุ่น ก็ยังพูดไทยได้ฟังไทยออกด้วยเหตุผลที่ว่า “ผมมีภรรยาเป็นคนไทยครับ”  :mew5: 

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
น้องฟูฮาตลอด 55555
น่ารักด้วย

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
ึ7ปี  ยังหื่นไม่เปลี่ยน  :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
โถๆ น้องถ้วยฟูวววว
จะน่ารักไปไหนเนี่ย 5555555

ขอบคุณคุณบัวที่มาต่อนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
 ฟูแกมันน่ารัก อ่านทีไรยิ้มทุกที หื่นพอกัน  :heaven
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-08-2014 22:01:37 โดย kinjikung »

ออฟไลน์ qq_oo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +143/-4
สนุกมากๆๆๆเลยจ้า
ดีใจที่มีตอนพิเศษเพิ่ม
รอๆๆตอนต่อไป

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
 :z2:  อ่านแล้วอยากไปญี่ปุ่นอีกรอบเลยค่าาา เห็นภาพมากๆเลยค่าา

รอตอนต่อไปค่าาา+1 :mew1:

ออฟไลน์ jaja-jj

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
จะไร้สาระจะไม่ดราม่า จะฮาน่ารักอย่างนี้ไปอีกสิบตอนใช่ม่าาาาาาา.  ฟินนนนนน/////(-w-)//////

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
นุ้งถ้วยฟูน่ารักน่าเอ็นดูอีกแล้ว
เจ็ดปีแล้ว ขอให้ความหื่นจงสถิติอยู่ในตัวทั้งคู่ตลอดไป (เดี๋ยวๆ 5555)
ชอบมารยาน้องตอนอ้อนพี่ธันจริงๆ
ชอบตอนที่กอดคอกันเดินท่ามกลางอากาศหนาวๆ ด้วย
โอ้ยยย เป็นโมเม้นท์ที่น่ารักมาก น้ำตาไหลพราก อ่านไปยิ้มไป
ฮือออออออ พรุ่งนี้ไม่ต้องตื่นเช้าใช่มั้ย? พี่ธันจัดไปเลยนะคะะะะะ 55555555

 :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :mew1: 7ปีแระยังน่ารัก หื่น ฮาไม่เปลี่ยนเลย

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ถึงถ้วยฟูจะตลกจะฮาหื่นอะไรก็ตาม แต่สิ่งที่คิดล้วนเป็นสิ่งดี
เราขออวยพรให้ถ้วยฟูได้ครองรักกับพี่ธันตราบนานเท่านาน

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
น่ารักเนอะ แบบรักเรายังหวานอยู่ อะไรแบบนี้

ออฟไลน์ saruttaya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 926
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-6
น้องถ้วยฟูกับพี่ธันว์น่ารักมากกก หวานกันจัง 555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด