มาต่อๆๆห้องอัดเสียง GS เอนท์ฯ
“ว่าไง ไอ้เด็กแก่แดด ..โห วันนี้แต่งซะหล่อไม่แพ้สุดที่รักของนายเลยนะ” โจเอ่ยทักเจ้าเด็กหน้ากบที่แต่งตัวหล่อเป็นพิเศษด้วยกางเกงยีนส์ขาเดปตัวเท่กับเสื้อยืดพอดีตัวทับด้วยแจ๊คเก็ตหนังกับทรงผมที่ถูกเซตมาอย่างดี
“แฮะๆ ครับ น้ำเชี่ยวมีถ่ายแบบ แล้วเดี๋ยวช่วงบ่ายต้องแถลงข่าวโฆษณาตัวใหม่ที่สตูดิโอข้างล่างอ่ะครับ ตอนนี้รอช่างภาพอยู่ยังมาไม่ถึง เลยแวะมาขึ้นดูพี่พีมก่อน อัดเสียงกันอยู่เหรอพี่” น้ำเชี่ยวพูดพลางชะเง้อคอยืดคอยาวหาคนตัวขาวๆน่ารักๆของเขาที่อยู่ในห้องกระจกเก็บเสียงด้านใน
“ยังหรอก แค่เทียบเสียง เทียบคีย์ หาไลน์คอรัสอยู่น่ะ จะเข้าไปก็ได้นะ”
อา..วันนี้พี่พีมแต่งตัวหล่อและน่ารักอีกแล้ว เสื้อยืดสีขาวตัวนี้ซื้อที่ฮ่องกงนี่น้ำเชี่ยวจำได้ เข้าชุดกับกางเกงฟิตๆสีขาว เอวต่ำอีกแระ ดีนะที่มีสูทลำลองสีชมพูอ่อนทับไว้หน่อย หึ..
“ไม่เข้าหรอก ให้พี่เขาทำงานตามสบายดีกว่าครับ เวลาพี่พีมทำงานแล้วน้ำเชี่ยวเข้าไปยุ่ง โดนเหวี่ยงกลับมาทุกทีเลย ไม่ไปดีกว่า แล้วจะเสร็จกันประมาณกี่โมงอ่ะครับพี่โจ”
“ก็เรื่อยๆนะ เที่ยงก็พัก แต่คงไม่เย็นมากหรอก เห็นเขาว่าต้องไปงานเปิดกล้องละครต่อหนิ แล้วนายล่ะมีไรป่าว”
“อ๋อไม่หรอกครับ เผื่อน้ำเชี่ยวถ่ายเสร็จจะได้ขึ้นมารับพี่เค้าไปกินข้าวอ่ะ เดี๋ยวตอนเย็นก็ไม่ได้เจอกันแล้ว พี่พีมไม่ยอมให้น้ำเชี่ยวไปรับที่กอง แล้วก็ไม่ยอมไปปาร์ตี้กับพวกไมค์ด้วย บอกว่าละครเปิดกล้องแล้วไม่อยากนอนดึก เดี๋ยวหน้าไม่เด้ง ฮ่าๆๆ” หนุ่มหน้าคมตาหวานพูดพลางจ้องมองเจ้าชายชุดขาวตัวน้อยของเขาที่กำลังคร่ำเคร่งอยู่กับการขยับปากขมุบขมิบอ่านเนื้อเพลงตามตัวโน๊ตบนกระดาษในมือภายในห้องกระจกตรงหน้าอย่างไม่วางตา
“เออ ก็ขึ้นมาสิ พวกพี่ก็อยู่นี่แหละ” โจตอบแบบยิ้มๆให้กับเด็กน้อยหน้าหล่อที่ยืนพยักเพยิดชะเง้อคอมองพีมตาไม่กระพริบ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเพื่อนของเขาถึงทั้งรักทั้งหวงเจ้าเด็กคนนี้มากเป็นพิเศษ คงเพระความทะเล้นน่ารัก ใสซื่อ จริงใจ ตรงไปตรงมา แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นในตัวของเด็กคนนี้ที่แม้แต่คนที่เฝ้ามองอยู่ห่างๆยังรู้สึกได้ ทำให้เจ้าเพื่อนเพลย์บอยรสนิยมแปลกของเขายอมหมอบราบคาบได้อย่างง่ายดาย
“ครับ”
ขณะที่ยืนเมียงมองคนน่ารักขวัญใจหนุ่มสาวค่อนประเทศและยังเป็นหวานใจรักที่สุดสุดที่รักของเขาอีก เด็กหนุ่มก็ปิ๊งไอเดียหนึ่งขึ้นมา ก็ในเมื่อพี่พีมของเขารักและชอบโมเม้นท์เวลาที่ได้จับไมค์ร้องเพลงได้ถ่ายทอดความสุขผ่านบทเพลงเป็นชีวิตจิตใจขนาดนี้ มันก็คงจะดีถ้าได้มีบางสิ่งที่เขาพอจะทำได้ แม้ว่าจะแค่ได้เป็นเพียงส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งในสิ่งที่พี่พีมรัก แต่นั่นมันคงทำให้คนอย่างเขารู้สึกดีและมีความสุขจนล้นเหลือเลยทีเดียว
“พี่โจ ส่วนใหญ่เพลงของค่ายเราพี่กับทีมแต่งเองทั้งหมดเลยรึป่าวครับ”
“ก็ไม่หรอก มีเยอะแยะที่เพื่อนๆพี่ๆที่รู้จักกันจากนอกค่ายมันก็มาช่วยแต่ง กระจายรายได้ไปให้เพื่อนฝูงอีกทางนึง ทำไมอ่ะเรา?”
“อยากลองแต่งมั่งดูรึเปล่าล่ะ ฮืม” โจเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าน้ำเชี่ยวดูจะสนใจถามนู้นี่และอยากรู้เกี่ยวกับงานแต่งเพลง
“จริงๆเมื่อก่อนน้ำก็เคยแต่งเล่นกับเพื่อนน่ะพี่ แต่ช่วงหลังๆไม่ค่อยมีเวลา แต่ตอนนี้สอบเทอมใหญ่ก็ใกล้เสร็จแล้ว น้ำเลยว่าจะกลับมาแต่งอีก มีเพลงเก่าๆที่น้ำเคยแต่งไว้เยอะเลย อยากให้พี่ช่วยแนะนำหน่อย ว่างๆน้ำเชี่ยวจะเอามาให้พี่โจดูนะครับ”
“ได้สิไอน้อง เอามา เดี๋ยวพี่ดูให้ อย่างเราเล่นเครื่องดนตรีได้หลายอย่างแต่งเพลงไม่ใช่เรื่องยากอยู่แล้ว แต่งบ่อยๆเล่นดนตรีบ่อย เอาให้คล่องๆหน่อย โปรดิวส์อัลบั้มให้ตัวเองได้สบาย”
“ครับพี่ รับปากแล้วนะ วันหลังน้ำจะเอามาให้ดู” หนุ่มหน้าหล่อร่างสูงพูดพลางควานหาโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋ามาดู ก่อนจะแอบกระซิบสองคำหลังแผ่วๆฝากโจไปให้คนน่ารักที่นั่งอยู่ในห้องข้างใน
“เดี๋ยวน้ำเชี่ยวต้องลงไปทำงานต่อแล้วทีมงานโทรมาแระ ฝากบอกพี่พีมด้วยนะครับว่าน้ำเชี่ยวแวะมาหา ..คิดถึง..”
“เออๆ รีบไปเลยไอ่แก่แดด ชั้นจะอ้วก ..แล้วเจอกันเว้ย”
.
.
.
“เที่ยงกว่าแล้ว น้ำเชี่ยวเดี๋ยวไปกินข้าวกับขวัญนะ น้ำเชี่ยวอยากกินอะ..” สาวสวยอกอึ๋มตาคมเอ่ยปากชวนทันทีที่น้ำเชี่ยวเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาจากห้องแต่งตัวเสร็จ
“ไม่ล่ะ ขวัญไปเถอะ น้ำมีนัดแล้ว” เสียงห้วนสวนตอบอีกฝ่ายไปตั้งแต่ยังไม่จบประโยค เมื่อเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือเรือนสวยบ่งบอกเวลาว่าเลยเที่ยงมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว เด็กหนุ่มจึงคว้ากระเป๋าเป้สาวเท้ายาวๆเตรียมออกจากสตูดิโอ
“แต่น้องน้ำจ๊ะ อีกชั่วโมงเราก็ต้องเตรียมตัวสำหรับงานแถลงข่าวแล้วนะ จะกลับมาทันเหรอ เนี่ยจอมขวัญเขาอุตส่าห์ตั้งใจว่าจะเลี้ยงข้าวน้ำเพื่อเป็นการขอโทษเรื่องข่าวเมื่อคราวก่อนเลยนะ น้องสาวพี่เสียน้ำใจแย่เลย” เมื่อเห็นว่าน้องสาวแสนซื่อที่ดูเหมือนจะเซ่อยืนเอ๋อเพราะโดนฝ่ายชายชิงตัดบทเอาดื้อๆ พี่สาวร่างอ้วนพ่วงตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวของจอมขวัญจึงรีบปรี่เข้ามาสมทบอีกแรง
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะนัดของน้ำเชี่ยวก็ไม่ได้ไปไกลจากตึกนี้เท่าไรหรอก ส่วนเรื่องขอโทษ ขวัญไม่ต้องลำบากหรอก น้ำเชี่ยวขอแค่ครั้งนี้ขวัญพูดกับนักข่าวให้ตรงกับความจริงก็พอ ถ้านักข่าวถามน้ำเชี่ยวก็จะพยามเลี่ยงๆ น้ำเชี่ยวอยากให้ขวัญเป็นคนพูดเองมากกว่านะ ถ้าน้ำเชี่ยวพูดไป บางทีนักข่าวอาจจะเอาไปตีความผิดๆขวัญเองก็จะเสียเข้าไปอีก ทำแค่นี้ให้น้ำเชี่ยวก็พอแล้วขวัญ น้ำไปล่ะ ขอตัวก่อนนะครับพี่นุ่น” ยิ่งฟังคำที่หนุ่มหน้าคมคนที่เธอหลงรักมากว่าสองปีพูดมา เหมือนไม่แคร์ไม่รับรู้ความหมายใดๆที่เธอพยามสื่อสารออกไป ทั้งที่น้ำเชี่ยวเองก็รู้ ..ถ้าตอนนี้บอกนักข่าวไปว่าไม่มีอะไร ขวัญเองก็จะเหมือนคนโลเล เมื่อเดือนที่แล้วบอกว่าเป็นคนรู้ใจ แล้วจะให้พูดอย่างไรว่าคนรู้ใจจะเปลี่ยนสถานะ กลายมาเป็นเพื่อนได้ในเวลาแค่เดือนเดียว
“น้ำเชี่ยว!..เดี๋ยวก่อนสิ.. ขวัญ มีเรื่องจะถามน้ำเชี่ยวน่ะ น้ำ” เมื่อเห็นท่าว่าร็อคเกอร์หนุ่มกำลังจะเดินออกไปสาวร่างอ้วนจึงขยิบตาส่งซิกพร้อมกับดันหลังน้องสาวให้ทำอะไรซักอย่างเพื่อรั้งเค้าไว้ สองแขนเรียวจึงคว้าเอามือหนาของชายหนุ่มไว้จนร่างสูงเซถลากลับมาตามแรงยื้อ
..ถ้าสิ่งที่ขวัญแสดงออกมาตลอดไม่ทำให้น้ำเชี่ยวรับรู้อะไรเลย งั้นขวัญก็จะบอกน้ำเชี่ยวเอง ขวัญไม่อยากทนเก็บมันไว้อย่างนี้อีกแล้ว
“น้ำ..”
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก! ” เป็นเวลาเดียวกับที่ประตูห้องที่ถูกเปิดอ้าเอาไว้ถูกเคาะเบาๆตามมารยาทจากใครบางคนที่เพิ่งเข้ามา ทำให้บทสนทนาของทั้งสามต้องหยุดลง
“
พี่พีม..!” มือหนาแทบจะสะบัดออกจากแขนของจอมขวัญไม่ทัน เมื่อหันไปเห็นจากชายหนุ่มผิวขาวยืนพิงประตูจ้องมาที่พวกเค้าอยู่
“
อุ้ย! คุณพีม .. เออใช่ คุณพีมก็อยู่ตึกนี้นิเนอะ เพิ่งเคยเห็นตัวจริง ฮืมมม ตัวเล็กกว่าในทีวีตั้งเยอะแนะ ผิวดีจังเลย หน้าก็หว้านนหวานเชียวนะคะ” น้ำนุ่นสาวร่างอ้วนผู้ซึ่งเข้ามาโลดแล่นในวงการด้วยการขอมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้กับน้องสาว ในช่วงหนึ่งปีให้หลังในขณะที่จอมขวัญพอจะมีชื่อเสียงขึ้นมาบ้าง ทำให้สาวอ้วนยังคงไม่เจนต่อวงการซักเท่าไร เวลาเจอกับดาราหรือคนดังๆก็มักจะหลุดออกอาการตื่นเต้นดีใจทุกครั้งไป ดวงตาโตโปนประดับด้วยแผงขนตาปลอมหนาเตอะไล่มองสำรวจไปทั่วเนื้อตัวของหนุ่มซูเปอร์สตาร์ร่างเล็กตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพินิจพิเคราะห์
“ครับ เอ่อ..เสร็จงานกันรึยังครับ ผมมารบกวนรึป่าว” เสียงแหบตอบออกไปตามมารยาท ริมฝีปากบางยักยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับเดินก้าวเข้ามาในห้อง ดวงตาเรียวกวาดไปรอบๆก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หนุ่มร่างสูงผู้ซึ่งกำลังยืนปั้นหน้าไม่ถูก ขณะที่น้ำเชี่ยวเองก็รู้สึกหวั่นๆกับรอยยิ้มเย็นๆของคนตัวบางคนนี้จริงๆ ไม่รู้ว่าใบหน้าที่ฉาบด้วยรอยยิ้มแบบนั้นแล้วข้างในคิดกำลังอะไรอยู่ หรือว่าจะปี๊ดปรอทแตกออกมาอีกหรือเปล่า
“ไม่กวน.. กวนอะไรเล่าพี่ น้ำเชี่ยวกำลังจะขึ้นไปหาพอดีเลย พี่อัดเสียงเสร็จนานแล้วเหรอ” ยังไม่ทันที่สาวอ้วนจะอ้าปากพูดใดๆ เสียงห้วนของน้ำเชี่ยวก็รัวประโยคตอบนักร้องดังกลบขึ้นมาก่อน ทำเอาน้ำนุ่นและจอมขวัญถึงกับอึ่งปนงงว่า นัดที่น้ำเชี่ยวบอกเมื่อกี้หมายถึงนัดกับดาราซูเปอร์สตาร์รุ่นพี่คนนี้น้นหรือ
“ยังไม่ได้อัดหรอก มันมีอะไรต้องแก้อีกนิดหน่อยน่ะ พี่เห็นเราไม่ขึ้นมาซักที ก็เลยลองแวะมาดู เสร็จแล้วใช่มั้ย ไปกันได้รึยังล่ะ?” ขณะที่จอมขวัญยังยืนนิ่ง พยามคิดในแง่ดีว่านัดของน้ำเชี่ยวครั้งนี้คงไม่มีอะไรพิเศษ อาจจะเป็นเรื่องงานของทั้งคู่ก็เป็นได้
ซึ่งต่างจากพี่สาวร่างอ้วนของเธอโดยสิ้นเชิง เพราะดูเหมือนน้ำนุ่น ณ ขณะนี้จะช็อคเข้าสู่ภวังค์เอ๋อไปเรียบร้อย เมื่อสายตาเรดาร์ของเธอโฉบไปเห็นนาฬิกาเรือนสวยบนข้อมือของหนุ่มหน้าหวานตรงหน้าเข้าอย่างจัง มันจะเป็นเรื่องบังเอิญไปหรือเปล่าที่สองหนุ่มจะใจตรงกันขนาดซื้อนาฬิกายี่ห้อดังเรือนหรูที่เธอเคยเปิดเจอในนิตรสารไฮโซบ่อยๆ มันรุ่นเดียวกัน คลอเลคชั่นเดียวกัน ต่างกันเพียงแค่สีเท่านั้น.. มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจกันแน่
“เสร็จแล้วพี่.. ไป! ไปกัน”
“ดะ เดี๋ยวก่อนสิ
น้ำเชี่ยว! ..” สองมือเรียวเอื้อมไปฉุดคว้าเอามือของน้ำเชี่ยวเอาไว้อย่างเร็วเมื่อชายหนุ่มกำลังจะเดินผาดหน้าเธอไปอย่างไม่สนใจ น้ำเสียงหวานที่แม้จะตะกุกตะกักแต่ก็หนักแน่นอยู่ในทีที่เธอเอ่ย ทำเอาทั้งน้ำเชี่ยวและพีมต้องหยุดชะงักหันกลับมา
“น้ำเชี่ยว.. คือขวัญ.. ขอเวลาแป็บนึง ข..ขอคุยด้วย แป็บนึง นะ” สองมือเรียวที่คว้าข้อมือไว้ได้ค่อยเปลี่ยนมากระชับท่อนแขนของคนตัวสูงให้แน่นขึ้น ดวงตาคมสั่นระริกวาวเชิงขอร้องอ้อนวอนอีกฝ่ายให้เห็นใจ ทำเอาน้ำเชี่ยวเกิดอาการเลิ่กลั่กหันซ้ายมองจอมขวัญที หันขวามองพีมที เหงื่อเริ่มผุดออกมาตามไรผม ทั้งๆที่อุณหภูมิให้ห้องก็ออกเย็น กระทั่งหันมาสบเข้ากับดวงตาเรียวรีของคนตัวเล็กที่ดูเหมือนจะเริ่มเหลือกโตกว่าปกติแล้วจ้องเขม็งมาที่เขา ริมฝีปากบางถูกกัดเม้มไว้เล็กๆบ่งบอกถึงสัญญาณอันตรายบางอย่าง
“มะ
ไม่เอา! ไม่คุย คุยไม่ได้แล้ว น้ำเชี่ยวต้องไปแล้ว” เสียงห้วนเอะอะบอกปัดออกมาลั่นเมื่อถูกดวงตาวาวเหลือกถลึงจ้องตั้งแต่หน้าเขาแล้วต่ำลงมาเรื่อยจนถึงท่อนแขนที่ยังคงถูกสาวสวยพันธนาการไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ก่อนจะเปลี่ยนมาเหลือกถลนขึ้นมาจ้องหน้าเขาเขม็งอีกครั้งอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ทำเอาน้ำเชี่ยวถึงกับหน้าซีดฉี่แทบราด ทั้งสะบัดทั้งปัดแขนจอมขวัญออกเป็นพันละวัน
“ไปเร็วพี่พีม หิว พี่หิวแล้วใช่มั้ย ไปพี่ อยากกินอะไรอ่ะ น้ำเชี่ยวเลี้ยงๆ!” ตอนนี้หนุ่มหน้ากบหลอนยิ่งกว่าถูกวิญญาณอาฆาต ดิอายมาเองเลย น่ากลัว เสียงพูดตะกุกตะกักขาดเป็นห้วงๆ
..ไม่เอาๆ น้ำเชี่ยวไม่ได้ทำอะไรเลยพี่เห็นใช่มั้ย.. ก่อนที่สติชท์จะถอดวิญญาณแปลงร่าง ร่างสูงก็คว้าแขนคนตัวเล็กเดินออกไปอย่างไม่สนใจใยดีอีกสองสาวที่ยืนอึ้งตลึงอยู่เลย
“หมายความว่าไงเหรอ..? พี่นุ่น” เสียงเล็กลอดออกมาจากปากหญิงสาวที่ได้แต่ยืนนิ่ง เม่อมองประตูที่สองหนุ่มเดินพ้นออกไปเมื่อสักครู่
“หึ..หมายความว่างยังไงเหรอ.. หมายความแกน่ะโง่ หลงรักเกย์มาตลอดสองปีไง ชัดมั้ย” สาวอ้วนแดกดันตอบน้องสาวพลางเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟา
“น้ำเชี่ยวน่ะเหรอ ..ไม่จริง ...ขวัญไม่เชื่อ”
“เออ เอาเข้าไปสิ เฮ้อ..เมื่อไหร่แกจะเลิกทำตัวไร้เดียงสาซะทีห๊ะ ผู้ชายทั้งคนยังให้เกย์ให้ตุ๊ดแย่งไปได้ ชั้นอยากรู้ แกจะเอาอะไรไปสู้ไอ้ซูเปอร์สตาร์หน้าหวานนั่นได้ห๊ะ.. นมแกเหรอ รึก้นบ๊ะๆของแก แล้วเงินล่ะแกมีมั้ย รู้มั้ยไอ้นั่นน่ะลูกเศรษฐี ไม่ต้องเป็นดารามันก็อยู่ได้ไม่เดือดร้อน แกเห็นนาฬิกาที่มันซื้อประเคนผู้ชายของแกรึป่าว สองเรือนนั่นน่ะ ผ่อนรถแกได้สบายเลยนะ ..ทีนี้แกจะเชื่อชั้นได้รึยัง ว่าไอ้ความโนเนะของแกน่ะ มันซื้อใจไอ้นักร้องหน้าโง่นั่นไม่ได้หรอก หึ”
.
.
.
“พี่พีมมมม รอน้ำเชี่ยวด้วยสิ รอน้ำด้วย” เสียงห้วนร้องเรียกคนตัวเล็กที่เดินจ้ำนำหน้าไปที่ลิฟต์อย่างไม่สนใจ ในขณะที่สองมือก็หอบหิ้วเป้สัมภาระของตัวเองให้วุ่น
“พี่พีม พี่พีม โกรธน้ำเชี่ยวเหรอ.. อย่าโกรธน้ำเลยนะ มันไม่มีอะไรจริงๆนะ เชื่อน้ำนะ นะ พี่พีม” เมื่อมาหยุดอยู่ที่หน้าลิฟต์หนุ่มร่างสูงจึงได้เอ่ยถามออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ ดวงตาเรียวแม้จะไม่ส่งแววเขม่นเคืองเหมือนเมื่อครู่ แต่ก็จ้องเขม็งมองไปแต่ข้างหน้าไม่หันมาสับตากันเหมือนทุกๆครั้ง
คิดอะไรของเขาอยู่นะ โกรธน้ำเชี่ยวอยู่แน่ๆเลย
“.....” พี่จะโกรธน้ำได้ยังไง ในเมื่อพี่ก็รู้และเห็นทุกอย่าง น้ำพยามๆปฏิเสธเค้าไปแล้ว.. พี่ไม่อยากเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลอีกแล้ว แต่ความรู้สึกอย่างนี้มันห้ามยากจริงๆ พี่รักน้ำเชี่ยวมากนะ ไม่อยากให้มีใครมาเข้าใกล้น้ำเลย
--- ติ้ง! ---
“พี่พีม อย่าโก..รธ..
อึก!” ทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดลง ซูเปอร์สตาร์ร่างบางก็โถมตัวเข้าไปสวมกอดอีกคนไว้แน่น ใบหน้าหวานซุกลงกับบ่าคนตัวสูงจนมิดสองมือขยำเสื้อยืดตัวโคร่งด้านหลังของน้ำเชี่ยวไว้จนยับยู่
“ไม่โกรธ พี่ไม่ได้โกรธ แต่พี่.. พี่หวง ไม่อยากเห็นแบบนี้เลย ไม่ชอบเลย พี่เชื่อใจน้ำเชี่ยวได้ใช่มั้ย? ได้ใช้มั้ยครับที่รัก” เสียงทุ้มแหบบอกประโยคอู้อี้ออกมาเพราะริมฝีปากบางยังคงซุกอยู่กับบ่าคนตัวสูง สองแขนมีแต่จะกระชับรัดแน่นขึ้น ทุกถ้อยคำของชายหนุ่มก้องชัดเข้าไปในโสตประสาทของน้ำเชี่ยวเป็นอย่างดี จนปากหนายกยิ้มอย่างอิ่มใจ
“ได้สิ น้ำบอกพี่แล้วไง น้ำไม่สนใครอีกแล้ว แค่มีพี่พีมคนเดียว พอแล้ว ไม่อยากได้อะไรอีกแล้ว น้ำเชี่ยวรักพี่นะ” เสียงทุ้มตอบคนรักไปอย่างแผ่วเบาหากแต่น้ำเสียงกลับแฝงไปด้วยความหนักแน่นและจริงจัง สองแขนแกร่งค่อยๆยกขึ้นกอดตอบ ฝ่ามือหนาลูบไปบนแผ่นหลังที่คุ้นเคย เพื่อปลอบประโลมอีกคนที่กำลังทำท่าเหมือนเด็กๆอยู่ในอ้อมอกเขา ทั้งดีใจ ทั้งภูมิใจ และอบอุ่นใจที่คนตรงหน้าแสดงออกว่ารักและหวงแหนเขามากมายขนาดนี้
.
.
((เจอกันตอนหน้าค้าบบบบบ))
ปล.เอ่อ.. อยากรบกวนคุณผู้อ่านสักนิดนึงครับ อยากขอFeedbackเล็กน้อย เกี่ยวกับเรื่องนี้น่ะครับ ว่าโอเคไหมหรืออย่างไร อยากจะเช็คเรทติ้งนิดนึง ว่าผมจะต่อเรื่องนี้เป็นภาค2ดี หรือจะไปเขียนเรื่องใหม่ดีครับ (เพราะจริงๆเรื่องนี้เขียนจบแล้ว แต่แบบว่าเนื้อหามันก็ยังเขียนต่อไปเป็นภาค2ได้อยู่ ผมเลยลังเลๆน่ะครับ ว่าจะเอาไงดี ต่อหรือไม่ต่อ ก็เลยอยากได้ความเห็นจากคนอ่านมั่งอ่ะคับ.. อิอิ ผมจะรออ่านของทุกคนเลยค้าบบบบB a l l o o n