Chapter 30“พี่พีมมมมมมมม!!!" --
-ก็อกๆ ก๊อกๆๆ---
"เปิดๆ เปิดเร็วพี่.. แฮ่กๆ แฮ่กๆๆ ได้แล้ว ทำได้แล้ว 3.00 พอดีเปะ! ไม่ขาดไม่เกิน แฮ่กๆ
เย้!!~ ที่รักๆ ดีใจมั้ย หื.. น้ำเชี่ยวจะได้ไปอยู่กะที่รักที่บ้านแล้ว
เย้~!” ทันทีที่เข้ามาถึงในรถ น้ำเชี่ยวก็โถมทั้งตัวเข้าไปกอดคนน่ารักที่ดูจะอึ้งๆงงๆกับอาการดีใจเว่อร์ๆของเจ้าตัวแสบที่ตีอกชกหัวตัวเองหน้าตาลั้นล๊าไม่มีใครเกิน ..
“ด เดี๋ยวๆนะ น้ำ.. คือ มัน.. มันหมายถึงอะไรเหรอ ที่ว่าจะมาอยู่ที่บ้านน่ะ..” เฮ้ยไรว๊าาา..บอกแค่จะให้กุญแจบ้านกะรีโมทประตูไม่ใช่เหรอ แล้วไอ้เพี้ยนนี่มันฟังอีท่าไหนว่าจะมาอยู่กับเราล่ะเนี่ย -_-‘งงเรยยย???
“พี่~ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ ไม่ดีเหรอ ต่อไปน้ำเชี่ยวก็จะไปหาพี่ทุกวัน กินด้วยกัน นอนด้วยกัน มันก็ไม่ต่างอะไรกับอยู่ด้วยกันหรอกน่า จริงม๊ายยยยยยย
ที่รัก หืม~ มา หอมหน่อย คิดถึงอ่ะ..จูบด้วย” - -‘ได้ข่าวว่าเมื่อกี้ก่อนมันจะไปก็เพิ่งหอมเพิ่งจูบไป ยังไม่ถึง20นาทีเลย มานจะคิดถึงอะไรนักหนา ฟร่ะ!
“เอ้ย.. ไอ้น้ำเชี่ยว ไม่เอาๆ เดี๋ยวคนเห็น อื้อ! อื้ออออ” ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรม สองแขนรวบเอาคนตัวบางมาแจกจูบแจกหอมไปจนทั่วใบหน้า .. ทำเอาพีมตะลึงงันจะดิ้นก็คงไม่หลุดไปจากรถคันนี้ได้ อยากจะเคลิ้มไปกับวงหน้าหล่อๆของคนตรงหน้าก็ไม่ใช่เวลา เพราะต้องคอยเหลือกตาแทบปลิ้นสอดส่องมองว่าจะมีใครผ่านมาเห็นบ้างหรือเปล่า.. เฮ้อออ เกิดมาไม่เคยเห็นใครหน้ามึนได้ขนาดนี้มาก่อน -_-‘
“
พี่!..ไปฉลองกัน วันนี้น้ำเชี่ยวเป็นเจ้ามือเอง 555+” เจ้าตัวแสบหน้าบานอยู่ในอารามดีใจพูดพลางพลิกกระดาษรายงานผลคะแนนของตัวเองไปมาก่อนจะยกขึ้นมาจูบอย่างทะนุทนอมแล้วบรรจงพับสอดไว้ในหนังสือเรียนราวกับว่าเป็นพินัยกรรมล้ำค่า
“อืม..ที่ไหนอ่ะ” น้ำเสียงเรียบเฉยๆตอบกลับมา สองตาเรียวลอบมองดูพฤติกรรมของคนข้างๆแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแอบยิ้มเล็กๆก่อนจะเคลื่อนรถออกไป
“ไปห้างได้เป่า น้ำอยากซื้อของไปฝากเพื่อน อยากไปเดินห้างอ่ะ น๊ะ” แทบไม่ต้องคิดที่จะปฏิเสธมันเลยทีเดียว หน้าเป็นเด็กขี้อ้อน ตาแป๋วเชื่อมมาซะขนาดนี้ เอ้า..ลองเสี่ยงขึ้นหน้าหนึ่งบันเทิงก็อสสิบให้มันเสียวสันหลังเล่นดูซักวันว่ะ คงไม่แจ๊คพ็อตหรอกมั้ง
“งั้นไปหาร้านเงียบๆหน่อยล่ะกัน ..ว่าแต่ทำไมต้องซื้อของไปให้เพื่อนด้วยล่ะ เพื่อนคนไหน ผู้หญิง? ผู้ชาย?” น้ำเสียงเรียบนิ่งที่ถามออกไปเหมือนจะไม่ใส่ใจ ต่างจากสายตาหลุกหลิกที่รอดผ่านแว่นกันแดดสีสวย ..ร้อยวันพันปีเจ้านี่ไม่เห็นเคยซื้อของซื้ออะไรไปให้ใครสักที อยู่ๆวันนี้มันนึกครึ้มอะไรถึงต้องซื้อของไปฝากคนอื่น
“ผู้ชายครับ เค้าเป็นบัดดี้น้ำในคลาสแล็บน่ะ เค้าช่วยน้ำหลายอย่างเลยนะ ทั้งรายงาน เล็คเชอร์ ก่อนสอบเค้าก็ช่วยสรุปเนื้อหามาให้ บางทีน้ำเชี่ยวขาดเรียนตัวที่เค้าไม่ได้ลงเค้าก็ช่วยไปนั่งเล็คเชอร์ให้ เรียกว่า3.00นี้ น้ำต้องขอบคุณเค้าเลยแหละ ไม่งั้นไม่มีทางแน่” ร็อกเกอร์หนุ่มในคราบนักศึกษาพูดไปพลางควานหาเจ้าPSPเครื่องเกมส์สุดโปรดออกมาแล้วก้มหน้าก้มตารัวปุ่มยิกๆอย่างเอาเป็นเอาตาย
“เอี้ยยดดดด!!...” เหอะ! ไอ่ขี้โกง
“โป๊กกกกกก!” สรุปว่าที่มันสอบได้ เพราะไม่ได้ทำเองใช่มั้ยเนี่ย มันน่าภูมิใจยังไงกันว่ะ แล้วไอ้นั่นมันเป็นใคร มันคิดอะไรรึเปล่า ทำไมมันต้องช่วยไอ้เด็กโขล่งนี่ขนาดนั้นว่ะ มันไม่รู้รึไงว่าทำอย่างนี้มันเรียกว่าช่วยแบบผิดๆว้อยยยยย!!
“
โอ้ยยย!!! พี่พีมมมมม!” สามเสียงดังไล่กันมาเป็นทอดๆ อย่างเสียมิได้ ..หัวจะปูดมั้ยเนี่ยยยย
“พี่พีมอ่ะ..เบรคเบาๆไม่เป็นรึไง บอกกี่ทีแล้วให้ขับรถช้าๆ หัวโขกเลย น้ำเชี่ยวเจ็บนะ อื้ออออๆ..เกมส์หล่นเลยด้วย” หนุ่มน้อยเอามือคลำหน้าผากตัวเองป้อย หันไปโวยใส่คนข้างๆ อีกมือก็ควานหาเครื่องเกมส์คู่ชีพที่หล่นกระจายเพราะแรงเบรคกะทันหันของรถยนต์คันงาม
“ก็ไอ้คันหน้ามันเบรคก่อนอ่ะ นายก็ลงไปด่ามันมั่งดิ
ไม่พอใจมาขับเองมั้ย ห๊ะ” หนุ่มร่างบางหันมาแยกเขี้ยวถลึงตาเถียงเสียงเขียว ชี้โบ้ชี้เบ้โทษไปรถคันอื่นเอาดื้อๆซะอย่างนั้น
“แล้วนี่เป็นไรอีกเนี่ย ทำไมต้องโมโหขนาดนี้ น้ำยังไม่ได้ว่าอะไรมากมายเลย ไม่มีเหตุผลอีกแล้ว ตัวเองขับมาเร็วเอง รถข้างหน้ามันติดเค้าก็ต้องเบรคอยู่แล้ว ..
เป็นอะไรเนี่ย ห๊ะ! ทำไมต้องมาใส่อารมณ์กับน้ำเชี่ยวเนี่ย ห๊ะ!” เมื่อคนนึงเหวี่ยงเสียงดังมาแถมยังพาลไม่มีเหตุผล อีกคนก็เริ่มขุ่นเสียงเขียวเหวี่ยงกลับไปบ้าง
“เหอะ..ก็ไอ้นั่นมันทำให้นายขนาดนี้ มันชอบนายล่ะสิ! ห๊ะ!” นั่นไง ว่าแล้ว ไม่ใช่แค่เรื่องขับรถหรอก เมื่อเห็นอาการโกรธจัดเพราะลมหึงของคนข้างๆ ก็ทำเอาเด็กหนุ่มอมยิ้มขำในใจไม่ได้ ดีนะที่ทำให้รู้ว่า ที่แปลงร่างแล้วโมโหโวยวายอย่างนี้เพราะลมหึง ไม่ใช่โมโหไม่มีเหตุผลไม่งั้นงานนี้รับรองเรื่องยาวแน่
“ไม?..ยิ้มอะไร เดี๋ยวให้มาขับเองเลย เอามั้ย?”
“เหอะ! ไอ้เรารึก็เผลอภูมิใจแทน ที่ไหนได้ ที่แท้ก็ให้คนช่วย มันจะยากสักแค่ไหนเชียว
ก็อีแค่ 3.00 ทำเองไม่เป็นรึไง! ” ไม่เขินไม่อายมันแล้วที่ถูกจับได้ว่าหึง เลยลิมิตความอายไปนานแล้ว แต่มันไม่ได้อย่างใจ หงุดหงิด โดยเฉพาะไอ้เรื่องนั้น ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ทำไมจะต้องไปซื้อของไปฝากเค้าด้วย ยิ่งเจ้ากบนี่ยิ้มแป้นมาเท่าไหร่มันก็ยิ่งหมั่นไส้ ขอระบายอารมณ์ผ่านเท้าน้อยๆข้างขวาที่ยังคาอยู่ที่คันเร่งนี้แล้วกัน
“เอ้ย!..เบาๆ จะขับเร็วไปไหนเนี่ย พี่พีม พี่พีมมมมม” เมื่อสัญญาณไฟสว่างจ้าที่สีเขียว เจ้ารถคันงามก็ออกตัวเอี๊ยดดไม่บันยะบันยังปานจะไปลงสนามควอเตอร์ไมล์ยังไงยั่งงั้น ทำเอาเจ้ากบนั่งหน้าตั้ง ได้แต่หลับตาปี๋ขยำขยี้เข็มขัดนิรภัยไว้แน่น
“เอ้ยยยย!! พอได้แล้ว ช้าๆหน่อย ช้าๆ ไม่ขับช้าๆ จะไม่พูดไม่เล่าอะไรให้ฟังอีกแล้วนะ เง้อๆ~ น้ำเชี่ยวกลัว
กลัวเว้ยยยย!! เพ่~” ลืมตามาที สติ๊ชท์แรลลี่นี่ก็ปาดซ้ายทีขวาทีทำเอาหัวใจเขาแทบจะกระเด้งกระดอนออกไปนอกรถซะให้ได้ แต่ก็ดูเหมือนสิ่งที่พูดออกไปจะได้ผล เพราะทันทีที่จบประโยค ระดับความเร็วของรถก็ลดลงทันที พร้อมกับสายตายียวนผ่านแว่นกันแดดสีสวยบนใบหน้าง้ำงอของคนข้างๆ
“นี่ๆ ไม่ต้องมาทำตาเขียวเลยนะ ไม่มีอะไรทั้งนั้น..เค้าบอกเค้าเป็นแฟนคลับน้ำ เค้าเลยอยากทำให้ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
ไม่มีอะไรในกอไผ่ เข้าจั้ย? ทุกวันนี้น้ำยังทำอะไรให้พี่สงสัยอีกเหรอว่าน้ำไม่รักพี่ จะให้เปิดแถลงข่าวหรือให้แม่ไปขอเลยมั้ย ทำจริงๆนะ พี่กล้ารึเปล่า .. ขับรถไปเลย นู่นๆ หันไปมองทางนู้น มันอันตราย!” ดูเหมือนคำพูดของน้ำเชี่ยวจะเตือนสติของพีมได้เป็นอย่างดี ทำให้ย้อนกลับไปคิดถึงคำว่า เชื่อใจ ที่น้ำเชี่ยวมีให้เขามาตลอด แต่ทำไมนะ สิ่งที่เขากำลังทำ..
“แล้วก็เรื่องเรียนนั่นอีก เค้าก็แค่คอยจดเล็คเชอร์ให้ พี่ไม่เห็นเหรองานน้ำเยอะแยะจะไปเรียนทุกวันเหมือนเค้าได้ไง แต่ก่อนจะสอบน้ำก็มาอ่านเองหรอกน่า ถ้าเค้ารู้ข้อสอบแล้วมาบอกน้ำก็ว่าไปอย่าง นี่มันก็ไม่มีใครรู้แนวข้อสอบสักคน แล้วน้ำไม่ได้ไปลอกข้อสอบใครเค้าด้วย แบบนี้มันขี้โกงตรงไหนห๊ะ
พี่นั่นแหละพาล เอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาปนกันวุ่นวายไปหมด”
“
เออๆ ขอโทษก็ได้ พี่ขอโทษๆ เลิกบ่นเป็นตาแก่สักที หนวกหู” ..สิ่งที่น้ำเชี่ยวทำให้เราตั้งแต่แรกที่เจอกัน มันก็บ่งบอกถึงความรักที่น้ำเชี่ยวมีให้มาตลอด ที่ผ่านมาความรักของน้ำเชี่ยวมีแต่จะเพิ่มขึ้น แม้แต่งานที่จีจี้มีส่วนร่วมด้วย น้ำเชี่ยวยังเลือกที่จะเชื่อใจเราเลย แต่ที่เราทำกลับตรงกันข้าม นายโง่อีกแล้วนะพีม..
.
.
.
ภายในห้องทำงานกว้างสีขาวสะอาดที่ถูกออกแบบให้ฟากหนึ่งของห้องหันหน้าออกไปทะลุกับสวนหย่อมเล็กๆเขียวขจี หญิงสาวผิวขาวร่างเล็กในชุดสบายๆ ผมที่ยาวสลวยถูกมัดไว้อย่างลวกๆ ดวงตาเรียวลอดผ่านแว่นสายตาอันงามจับจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์สลับกับกองเอกสารตรงหน้า
“ก็อกๆ ก็อกๆ”
“สวัสดีค่ะพี่พัด โห..อะไรค่ะเนี่ย วันหยุดอยู่บ้านยังหอบงานมาทำอีกเหรอค่ะ” จีจี้ร้องทักเมื่อเห็นว่าคนในห้องดูท่าจะไม่ล่ะจากกองเอกสารตรงหน้าเอาง่ายๆ
“อะไรกัน ไม่ต้องมาแซวเลย รู้อยู่ว่าพี่งานยุ่ง แล้วนี่มาได้ไง หอบอะไรมาเต็มเลยล่ะนั่น” พัดเอ่ยถามแขกที่เพิ่งเข้ามา ตาเหลือบไปมองถุงกระดาษใบใหญ่เต็มสองมือที่จีจี้หอบหิ้วมาด้วย
“พ่อกับแม่จีเพิ่งกลับมาจากเยอรมันน่ะคะ มีของฝากพีมกับพี่พัดเต็มเลย จีเลยรับอาสาเอามาให้คะ”
“โอย.. ทำไมไม่โทรมาบอกพี่ก่อน จะได้ไปรับที่บ้าน ไม่ได้ไปขอบคุณคุณลุงคุณป้าด้วยตัวเองเลย เกรงใจเปล่าๆ อุตห์ส่ามีของมาฝากแล้วยังต้องลำบากจีเอามาให้อีก” พัดพูดพลางเดินไปรับข้าวของพลุงพลังจากมืออีกคนมา
“ไม่เป็นไรคะ จีอยากมาอยู่แล้ว ว่าจะมาคุยกับพีมน่ะคะ เห็นที่บริษัทฯบอกว่า งานตัวใหม่ติดต่อพีมมาร่วมงานด้วย แต่ยังไม่ได้รับคำตอบเลย” สาวสวยหน้าคล้ายตุ๊กตาพูดพลางวางถุงต่างๆลงบนโต๊ะรับแขกขนาดย่อม
“เหรอๆ ไม่รู้เค้าอยู่บ้านรึเปล่านะ เรียกเด็กไปตามให้มั้ย ..เออ หนูมาลีมาพอดีเลย พีมเค้าอยู่บ้านมั้ยหื” พัดพูดพลางหันไปถามหนูมาลีที่เพิ่งยกถาด ผลไม้ น้ำหวานและของว่างต่างๆเข้ามา
“คุณพีมออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว ยังไม่กลับมาเลยคะ แต่เดี๋ยวก็คงกลับนะคะ เพราะเมื่อกี้คุณพีมโทรมาบอกว่าให้หนูมาลีทำกับข้าวเย็นไว้ให้น.. เอ่อ ให้ทำ..ไว้เยอะๆน่ะคะ” หนูมาลีตอบเสียงใส หากแต่หางตากลับหลุบตาต่ำลง เพราะเกือบพลั้งปากพูดบางอย่างออกไป
..อึ๋ยย จะโกหกก็ไม่ได้ แต่บอกไม่หมดคงไม่เป็นไร.. จริงๆแล้วคุณพีมโทรมาบอกหนูมาลีว่าให้ทำกับข้าวที่น้องน้ำเชี่ยวชอบไว้เยอะๆ เย็นนี้น้องน้ำเชี่ยวจะมาค้างที่บ้าน แต่ถ้าหนูมาลีบอกไปหมด ดูแล้ววันนี้บ้านคุณพีมคงมีทั้งคุณน้องน้ำเชี่ยวแล้วก็คุณจีจี้มาค้างกันหมดเลยแน่ๆ ว๋ายยยยย .. ปวดหัวแทนจริงๆ - -‘
“เหรอ..งั้นเดี๋ยวจีอยู่ทานข้าวกับพี่ก่อนก็ได้ เดี๋ยวเค้าก็คงกลับนั่นแหละ .. ไป หนูมาลีไม่มีอะไรแล้ว ไปช่วยในครัวเค้าทำกับข้าวเถอะ”
.
.
ทางด้านสองหนุ่มที่กว่าจะฝ่าการจราจรที่แสนจะติดขัดอย่างมหาโหดมาได้ เมื่อถึงบ้านเด็กหนุ่มก็กระโดดลงจากรถวิ่งถลาไปใช้กุญแจบ้านดอกใหม่ที่พีมเพิ่งไปปั้มมาไขเข้าบ้านราวกับเป็นบ้านตัวเองทันที ทิ้งให้อีกคนที่เพิ่งจะหายหัวเสียจากสภาพการจราจรอันโหดร้ายขนของลงจากรถอยู่เพียงลำพัง
“
เย้!...ถึงบ้านซักทีเว้ยยย
โอ้!..เจ้าปลาน้อย เป็นไง คิดถึงพ่อมั้ยลูก โอ๋ๆๆ ตัวอ้วนขึ้นตั้งเยอะน้าเราอ่ะ กินเยอะอ่ะซี่ หื้อๆ..”
“เน่..ไอ่เคโระ เห็นชั้นเป็นเด็กขนของรึไง ซื้อมาก็ตั้งเยอะแยะแล้วยังไม่ช่วยกันขนอีกเนี่ย” เมื่อพีมเห็นอาการลั้นล๊าของน้ำเชี่ยวที่กำลังเกาะขอบอ่างเลี้ยงปลาตรงข้างโซฟาห้องนั่งเล่น จนลืมทิ้งให้เขาหอบของพรุงพรังอยู่คนเดียว แล้วก็อดไม่ได้ที่จะแขวะเสียงเขียวใส่ ..ไม่รู้จะซื้ออะไรมานักหนา ทำอย่างกะจะย้ายบ้านงั้นแหละ แถมยังกล้าทิ้งให้เรานั่งรอในรถได้เป็นชั่วโมงๆ หึ นี่ถ้าไม่กลัวว่าจะเป็นข่าวพ่อจะลงไปโวยแหลกมันกลางห้างให้ดู เหอะ..
เหนื่อยโว้ย!“โอ๋ๆๆๆ..ที่รักอ่ะ แค่นี้ต้องหน้าบูดด้วย น้ำเชี่ยวแค่คิดถึงลูกปลาน้อยของน้ำอ่ะ มาๆเดี๋ยวน้ำช่วย หมดยังๆ มีอีกป่ะ หือ มาๆ เดี๋ยวน้ำเชี่ยวถือให้น๊า” เมื่อหันไปเห็นคนน่ารักที่ตอนนี้หน้าบูดเป็นตูดเพราะกำลังถูลู่ถูกังถุงฉุดกระชากลากถุงพลาสติกใบใหญ่มากมายขึ้นบ้านเพียงลำพังก็ทำเอาเขาอดขำไม่ได้ต้องรีบแล่นเข้าไปพะเน้าพะนอช่วยเป็นการใหญ่ก่อนที่พ่อคนขี้หงุดหงิดจะเกิดอาการวีนแตกมาซะก่อน
“หมดแล้ว ร้อนๆ เปิดแอร์ยังอ่ะ” คนหน้าบูดทิ้งตัวลงกับโซฟายาวอย่างเหนื่อยอ่อน มือนึงก็ขยุ้มเสื้อสะบัดพัดไล่ความร้อนในร่างกายไปปากก็บ่นให้อีกคนไป
“เปิดแล้วๆ โอ๋ๆๆ มา เดี๋ยวน้ำเชี่ยวเอาน้ำเย็นมาให้กินนะ สติ๊ชท์น้อยผู้น่าสงสาร หายหน้าบูดนะน๊ะ เดี๋ยวไม่หล่อนะ น้า” เจ้าเด็กหน้ากบกุลีกุจอวิ่งไปเอาน้ำเย็นมาประเคนป้อนให้ถึงปากคนขี้งอนอย่างเอาอกเอาใจ ..ครั้นพอเห็นท่าว่าอีกคนเริ่มจะอารมณ์ดีขึ้นก็กลับไปแหมะที่ขอบอ่างเลี้ยงปลาอีกครั้ง
“พี่ๆ มันอ้วนขึ้นเยอะเลยดูดิ พี่ไม่อยู่ตั้งหลายวัน ทำไมมันอ้วนเอาๆอ่ะ” ดวงตากลมโตส่องประกายกวาดจ้องไปตามสิ่งมีชีวิตสองตัวที่วนว่ายอยู่ท่ามกลางโลกทะเลย่อส่วนที่เขาสร้างขึ้นกับมืออย่างไม่วางตา
“ก็หนูมาลีไง พี่ให้หนูมาลีเอาอาหารปลาให้มันกินทุกวัน นี่พี่อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้ทีละน้อยๆ เดี๋ยวมันจะอ้วนเกิน สงสัยหนูมาลีให้มันกินเยอะแน่ๆ ดูพุงพุ้ยเลย ดูดิไอ้เสี่ยวฮื้อจะว่ายน้ำไม่ไปแล่ว เห็นป่ะนั่นๆ” พีมพูดพลางกระเถิบตัวมาเกาะขอบอ่างอีกด้าน เพ่งมองไปตามลูกปลาตัวน้อยสีเหลือบเขียวที่เวียนว่ายอย่างเชื่องช้า ตาเรียวคู่สวยวิบวับไปตามแรงสะบัดของคลีบเล็กพลิ้วไสว
“หงา?~..อะไรนะ อะไรฮื้อๆ หื้อๆ นะพี่?” สิ้นประโยคจากคนตัวขาวๆที่มาเกาะขอบอยู่ฝั่งตรงข้าม ก็ทำเอาน้ำเชี่ยวฉงนงงงวยกับชื่อเรียกแปลกๆที่ออกมาจากปากของพีม จนต้องโงหัวขึ้นมานั่งจ้องขอคำตอบจากอีกคนอีกครั้ง
“ก็นี่ไง ไอ้ตัวสีเขียวเนี่ยชื่อเซียวฮื้อยี้ ส่วนไอ้สีฟ้านี่ก็เซียวเข่ออ้าย น่ารักป่ะ พี่คิดตั้งนานนะกว่าจะนึกออก ฮ่าๆๆๆ” หนุ่มร่างขาวทำหน้าบ้องแบ๊วตาแป๋วเอ่ยออกมาอย่างภูมิอกภูมิใจ นิ้วมือเรียวเกาะเคาะอ่างเล่นกับเจ้าปลาน้อยสองตัว ส่ายหัวไปมาราวกับเด็กเล็กๆ
“โห~พี่ ตั้งชื่ออะไร ทำไมมันตลกงี้อ่ะ นี่มันปลาฝรั่งนะ ตั้งชื่อซะปักกิ่งเลยอ่า แล้วมันแปลว่าอะไรมั่งล่ะเนี่ย เรียกก็ยาก ฮือๆหื้อๆ ไรก็ไม่รู้” น้ำเชี่ยวพูดพลางยันตัวเองออกมาจากอ่าง มองอีกคนที่กำลังจุ๊ปากยื่นปากยาวคุยกับปลาน้อยอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ทำไม..ปลาฝรั่งแล้วมันจะมีชื่อเป็นภาษาจีนมันผิดตรงไหน น่ารักดีจะตาย เซียวฮื้อยี้แปลว่า ลูกปลาน้อย เซียวเข่ออ้ายก็แปลว่า น่ารัก สองตัวรวมกันก็แปลว่า ลูกปลาน้อยน่ารักไง
ฮ่าๆๆ เรียกมันว่า เสี่ยวฮื้อ เสี่ยวยี้ เสี่ยวเข่อ หรือเข่ออ้าย ก็ได้ เนอะๆ.. เสี่ยวยี้ๆ เข่ออ้ายๆ พวกแกต้องลดความอ้วนแล้วน้า ว่ายน้ำจะไม่ไปกันแล้ว เดี๋ยวอืดตายกันพอดี รู้ป่ะ บลาๆๆ..”
v
v
v
(((มีต่อๆ)))