Chapter 33มือบางหยิบเอาซองกระดาษที่บรรจุรูปจำนวนมากปึกหนึ่ง ที่เขาค้นเจอในกระเป๋าเป้ของน้ำเชี่ยวที่ลืมไว้ในรถออกมา
“ขอโทษด้วยนะที่กูบังเอิญเก็บจดหมายรักของไอ้ชั่วนั่นได้ ทีหลังของสำคัญอย่างนี้ก็อย่างทิ้งเรี่ยดราดไว้ในรถคนอื่นแล้วกัน” ซองกระดาษสีน้ำตาลที่บรรจุภาพถ่ายมากมายของน้ำเชี่ยวถูกโยนลงตรงหน้าของเด็กหนุ่มก่อนที่พีมจะเดินพ้นประตูออกไปอย่างไม่ใยดี “พี่พี..ม..” แค่รูปถ่าย แต่พี่พีมบอกมันเป็นจดหมายรัก อะไรกัน ..ยังไม่ทันที่น้ำเชี่ยวจะหยิบรูปตรงหน้าขึ้นมาดูอีกครั้ง
“เคล้งงงงงงง!! เพล้งงงงงงงงง!!!” พลันเสียงบางอย่างก็ดังขึ้นมาจากข้างนอกเสียก่อน
ร่างสูงพุ่งกระโจนออกไปตามเสียงที่ดังมาจากโต๊ะอาหารข้างนอกทันที แต่เมื่อมาถึงน้ำเชี่ยวก็แทบช็อค ได้แต่ยืนตะลึงกับซากจากชามที่ถูกปัดแตกลงมาที่พื้นอย่างไม่เป็นชิ้นดี เศษอาหารต่างๆเกรอะเกลื่อนเต็มโต๊ะ และเอ็มที่ยืนตะลึงเอ๋ออยู่อีกฟากนึงของห้อง ..โดยไม่ต้องเคาเดาให้ยาก แผลงฤทธิ์อาละวาดทำลายข้าวของให้พังพินาศได้อย่างนี้มีอยู่คนเดียวเท่านั้น สองตาพลันกวาดไปเห็นชามซุบที่พลิกตะแคงยังหลงเหลือน้ำซุบที่ส่งไอร้อนลอยอยู่ค่อนชาม เศษแก้วแตกและหยดเลือดเล็กๆที่มุมโต๊ะสามสี่หยด
“พี่พีม!!” “
น้ำเชี่ยว! เดี๋ยว อย่าไป..
น้ำเชี่ยว!” ทางด้านเอ็มเมื่อเห็นน้ำเชี่ยวตะโกนเรียกชื่อพีมลั่น หุนหันจะออกจากห้องไป จึงรีบวิ่งมายื้ดฉุดตัวของน้ำเชี่ยวไว้ทันที
“
ปล่อยยย! ปล่อยเรา
พี่พีมมมม!! เราจะไปตามพี่พีม ฮือออ พี่พีมต้องถูกแก้วบาดแน่
ฮือออ พี่พีมกำลังเจ็บอยู่นะ
ปล่อยยย ปล่อยเรา พี่พีมมมม”
“
แต่นายไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอยู่นะ! จะออกไปทั้งอย่างนี้น่ะเหรอ
พี่พีมเค้าไม่เป็นไรมากหรอกน่า อย่าไปเลยน้ำเชี่ยว!”“นายรู้ได้ไงว่าเค้าไม่เป็นมากน่ะ
นายเห็นมั้ย ที่โต๊ะนั่นมีรอยเลือดด้วย ของพวกนั้นก็ยังร้อนอยู่
ฮือๆๆ แล้วทำไม เมื่อกี้นายไม่พูดกับพี่พีม
ทำไม ฮือๆๆ ทำไมล่ะเอ็ม เฉยอยู่ทำไม ฮึก ทำไมไม่บอกพี่พีมไปว่าไม่มีอะไร
ฮืออๆๆ”
“คะ คือ เรา คือเราตกใจน่ะ”
“ตกใจอะไร ทำไม..มันแปลกมากนักเหรอ ถ้าเราจะรักพี่พีมอ่ะ”
“ยังไง เราก็ต้องไปบอกพี่พีมให้เข้าใจ ไปเถอะเอ็ม เปลี่ยนเสื้อผ้าเร็ว” ปากก็พร่ำไปแต่ใจนั้นไปเร็วกว่า เมื่อกลับเข้ามาถึงห้องน้ำเชี่ยวก็ลั่นบอกให้อีกคนเตรียมตัว รอเพียงเขาสวมเสื้อผ้าให้เสร็จก็จะไปกัน
“ไป? .. ไปไหนเหรอ”
“ไปบ้านพี่พีม ไปอธิบายให้เขาเข้าใจ” แทบจะทนอยู่ไม่ได้ ปานจะขาดใจเมื่อหันไปเห็นซากความวุ่นวาย เศษจานชามที่แตกเกลื่อนพื้นและหยดเลือดเล็กๆบนโต๊ะ เขารู้นิสัยคนที่เขารักดี เมื่อไรที่พี่พีมโกรธที่สุดจนต้องลงกับข้าวของให้พังพินาศ นั่นหมายถึงพี่พีมกำลังตัดจบเรื่องนั้นแล้ว ความอดทนนั้นกำลังจะหมดสิ้นและมันเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังเดินสาละวนคว้ากางเกงควานหาเสื้อมาสวมใส่ยิ่งร้อนใจอยากจะรีบไปอธิบายทุกอย่างให้ฟังเร็วที่สุด ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายไป
“ปัง!” ทางด้านเอ็ม ที่กำลังคิดหาเหตุผลที่จะไม่ต้องไปอธิบายเรื่องราวงี่เง่าบ้าบอที่จะทำให้ทั้งคู่กลับมาเข้าใจกันอีกได้ ก็พลันต้องชะงักหยุดไว้แค่นั้นเมื่อดวงตากลมโตที่ตอนนี้จ้องเขม็งกร้าวมาที่เขา พร้อมกับชูมือถือเครื่องหรูเจ้าปัญหาที่น้ำเชี่ยวค้นได้จากกางเกงยีนส์ตัวเดิมที่ใส่เมื่อวาน
“เอ็ม เมื่อเช้านายเอามือถือเราไปใช้หรือเปล่า”
“..เอ่อ.. ปะ เปล่า ระ..เรา ไม่รู้ มือถือ คะ..คือ มือถือของน้ำเชี่ยว อยู่ไหน เรา มะ..ไม่รู้” ประหลาดที่ดวงตากลมโตคู่นั้นทำให้เอ็มรู้สึกชาวูบไปทั้งตัว ..น้ำเชี่ยวเวลาที่โกรธ ดูดุดัน และช่างน่ากลัวอย่างที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน
“
ไม่รู้! จริงเหรอเอ็ม?.. มือถือนี่ มันอยู่ในกางเกงเราไง
กางเกงที่มันหลุดไปจากตัวเราเมื่อไหร่ไม่รู้..
กางเกงที่เราไม่เคยคิดที่จะพาดมันไว้ที่เก้าอี้ แล้วยังมือถือที่เราไม่เคยคิดจะปิดมันถ้าแบตไม่หมด
มือถือที่เราไม่รู้มันต่อสายโทรไปหาพี่พีมได้ยังไงถ้าหากว่ามันปิดเครื่องอยู่? นายไม่รู้จริงๆเหรอ! ห๊ะ?” ดวงตากลมโตวาวลุกโชนไปด้วยแรงเกรี้ยวโกรธ สองมือแกร่งส่งแรงบีบหัวไหล่เพื่อนหนุ่ม เพื่อนที่เขาเคยคิดว่าเป็นคนซื่อๆน่าคบหา แต่กลับไม่ใช่อย่างนั้น น้ำเชี่ยวออกแรงเขย่าร่างสูงตรงหน้าจนตัวโยนตามอารมณ์ที่กำลังพุ่งทยานหวังจะคาดคั้นเอาความจริงจากปากให้ได้เดี๋ยวนั้น
“นายไม่รู้แน่งั้นเหรอ หา?!!! บอกเรามานะ บอกเรามา!! นายทำอะไร เมื่อเช้านายทำอะไร!!!” “มะ..
ไม่ เราไม่ได้ทำอะไรนะ.. ม..มือถือมันอาจจะดับไปเองก็ได้ ละ..แล้วเรา จะทำอย่างนั้นทำ..ไม” สิ่งที่หนุ่มเจ้าเล่ห์พูดออกมา ถ้าหากคนที่ได้ยินเป็นน้ำเชี่ยวคนเดียวกับเมื่อเช้า เขาก็อาจจะเชื่อคำพูดชุ่ยๆที่เพื่อนคนนี้บอกออกมาแล้ว
ถ้าเพียงเขาไม่เพิ่งได้รู้ว่า ข้างหลังรูปถ่ายมากมายที่นายเอ็มคนนี้เพียรส่งให้เขามาตลอด มันมีความนัยแฝงไว้ผ่านตัวอักษรข้างหลังภาพพวกนั้น ความนัยที่เขาไม่เคยล่วงรู้มาก่อน ความนัยที่คนส่งก็คิดไปเองว่าส่งถึงผู้รับสารแล้ว แน่นอนว่ามันทำให้เอ็มเองก็เข้าใจผิดและคิดเตลิดไปไกล แต่ที่ร้ายไปกว่านั้น คนที่ค้นพบและเจอข้อความพวกนี้ก่อนดันเป็นพี่พีมซะอีก.. เด็กหนุ่มนึกไปก็รู้สึกอยากจะขย่ำหัวตัวเองเสียจริงที่ปล่อยทิ้งภาพพวกนี้ที่ไม่เคยคิดหยิบมาดู ว่าเอ็มได้เขียนอะไรๆไว้ข้างหลังรูปบ้าง แถมซ้ำเขายังเซ่อซ่าไปลืมของพวกนี้ไว้ในกระเป๋าบนรถของพีม ทุกอย่างก็เลยไปกันใหญ่
“พรึบ!!.. แล้วนี่อะไรล่ะ? ข้างหลังรูปพวกนี้มันอะไร” ซองที่บรรจุภาพถ่ายมากมายถูกโยนใส่หน้าเพื่อนหนุ่มอย่างแรงเพื่อหยุดประโยคมดเท็จนั่นลงซะก่อนที่เขาจะโมโหควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่จนต้องลงไม้ลงมือใส่เพื่อนคนนี้อีกคน
++ 09-11-07 ..น้ำเชี่ยว วันนี้นายร้องเพลงเพราะมาก มันคงจะดีถ้านายร้องให้เราคนเดียว ++
++ 12-01-08 ..เราคิดถึงนายมากนะน้ำเชี่ยว แล้วเจอกันนะ ++
++ 16-03-08 ..เราชอบนายมากกกก ถ้าไม่รังเกียจกัน ก็ช่วยยิ้มให้เราบ่อยๆได้มั้ย ++
++ 20-06-08 ..น้ำเชี่ยว เรารักนาย เรารักนาย เรารักนาย! ++“ขอโทษนะ ที่เราทำให้นายเข้าใจผิด ที่ผ่านมา ที่เราทำกับนายก็เพราะเราเห็นนายเป็นเพื่อน ไม่ใช่เพราะเรารู้สึกดีกับคำบอกรักพวกนี้ ตลอดมาเราไม่เคยสังเกตเห็นข้อความพวกนี้เลยด้วยซ้ำ หากเราทำอะไรให้นายเข้าใจผิดไปเราก็ขอโทษด้วย เราไม่เคยคิดอะไรกับนายมากไปกว่าเพื่อนเลยจริงๆ”
“หา..? นะ นาย หมายความว่า..” เสียงอึกอักแผ่วๆออกมาจากปากของเอ็มที่ยังคงยืนนิ่งมองภาพถ่ายปึกใหญ่ที่ถูกน้ำเชี่ยวขว้างกระจายเกลื่อนเต็มพื้นห้อง.. เป็นไปได้ยัง น้ำเชี่ยวจะไม่เห็นมันได้ยังไง รูปถ่ายมากมาย เราเขียนมันลงไปเกือบทุกใบ ทุกอย่าง เราเขียนทุกอย่..า..ง
“ใช่..ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เราไม่เคยเอารูปพวกนี้ออกมาดูเลยสักครั้ง ไม่เลย เราไม่เคยดูมันเลย
เราไม่ได้สนใจมันเลย” รู้ว่าสิ่งที่พูดออกไปต้องทำร้ายจิตใจเพื่อนคนนี้อย่างแน่นนอน แต่มันก็ยังดีเสียกว่าที่จะให้อะไรๆมันเลยเถิดจนเกินไป เพราะแค่นี้มันก็วุ่นวายมากพออยู่แล้ว ตอนนี้คงมีแต่ความจริงเท่านั้นที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
“เอ็ม เราถามนายจริงๆเถอะ เมื่อเช้านายทำอะไร นายพูดอะไรกับพี่พีม นายบอกเราได้มั้ย ทำไมอยู่ๆพี่พีมถึงเป็นแบบนั้น นายบอกเรามาเถอะ เราสัญญาว่าเราจะไม่โกรธ”
“...” น้ำเชี่ยว.. ไม่ว่ายังไง นายก็ไม่เคยเห็นเราอยู่ในสายตาเลยใช่มั้ย ที่ผ่านมาไม่เคยมีเลยสักครั้งเลยอย่างนั้นเหรอ
..ร่างสูงเริ่มสั่นเทิ้มจากการกลั้นสะอื้นไห้ ได้แต่ยืนนิ่งมองรูปถ่ายและข้อความมากมายที่เขาเฝ้าตามไปถ่าย บรรจงเขียนทุกๆตัวอักษรลงบนหลังรูปพวกนั้น แต่ประโยคที่กำลังได้ยินจากปากของน้ำเชี่ยวตอนนี้กลับมีแต่เรื่องราวของคนๆนั้น มันช่างสะท้อนความไม่มีตัวตนของเขาซะจริงๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมามันไม่มีค่าอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
“เอ็ม เราขอร้องล่ะ นายไปกับเรานะ ช่วยไปอธิบายให้พี่พีมเข้าใจหน่อยได้มั้ย เราขาดพี่พีมไม่ได้ ร..เรา คง อยู่ไม่ได้ ถ้าพี่พีม เ.รา”
“เราก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน! เราก็ทนเห็นนายกับไอ้นั่นมีความสุขด้วยกันไม่ได้เหมือนกัน!” ฝันไปเถอะน้ำเชี่ยว ถ้าจะให้เราไปพูดเพื่อให้นายกับมันเข้าใจกันน่ะ ไม่มีวันซะหรอก
ไม่มีวัน..
.
.
ถึงแม้จะผิดหวังที่ต้องเสียเพื่อนที่เขาเคยเชื่อใจและไว้ใจไป แต่อย่างน้อยเรื่องนี้มันก็สอนให้เขารู้ซึ้งในคำว่า ‘ซื่อ’ กับ ‘โง่’ สำหรับเขาแล้ว สองคำนี้ต่างกันเพียงแค่เส้นแบ่งบางๆกั้นเท่านั้นจริงๆ .. หยาดน้ำใสใหลคลอจนตื้นเต็มหน่วยตาทั้งสองข้างของร่างสูงที่กำลังบึ่งรถไปด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในหัวคิดวนเวียนถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เพิ่งผ่านมาเมื่อชั่วโมงก่อน ภาพของพีมที่ยืนกลั้นสะอื้นด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดเมื่อเห็นเขาในสภาพเช่นเมื่อเช้า น้ำตาหยดแล้วหยดเล่ากับน้ำเสียงสั่นเครือของคนที่เขารัก แรงตบจากฝ่ามือหนาของเขาที่ฟาดไปเต็มแรงบนใบหน้าใสทำเอาผิวขาวน่าทะนุถนอมแดงเห่อจนขึ้นริ้ว ริมฝีปากบางที่เขาหวงแหนหนักหนาก็ถูกทำให้แตกจนเลือดซิบ ..นี่เขาทำเรื่องแบบนี้ลงไปได้อย่างไร ทำร้ายคนที่ตัวเองรักกับมือได้อย่างไร ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเจ็บจนตื้อเขาไปถึงในอก อยากจะหายตัวไปให้ถึงบ้านคนตัวเล็กของเขาเสียให้ได้ในทันที ได้แต่พร่ำขออ้อนวอนอยู่ในใจคนเดียว ให้คนโง่คนนี้มีโอกาสได้แก้ตัวอีกครั้ง ขอให้พี่พีมใจเย็นรับฟังความจริงทั้งหมดจากปากของเขาด้วยเถิด
“
พี่หนูมาลี ขอน้ำเชี่ยวเข้าไปหน่อยเถอะ ให้น้ำเข้าไปหาพี่พีมเถอะนะ” ดวงตากลมโตสั่นระริกอ้อนวอนสาวใช้ร่างเล็กที่ยืนกางแขนกางขาบังบานประตูใหญ่ที่ถูกล็อคจากด้านใน ไม่ให้ใครหน้าไหนเข้าไปได้
“ไม่ได้คะ คุณพีมสั่งห้าม ไม่ให้ใครหน้าใหนทั้งนั้นเข้าไปคะ
ถ้าหนูมาลีไม่ทำตาม คุณพีมจะส่งหนูมาลีกลับไปอยู่ดอยคะ” ไม่ว่าจะอ้อนวอนอย่างไร สาวใช้ม้าเต่อก็เสียงแข็งตอบคนตรงหน้าด้วยสีหน้าเข็มงตึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนน้ำเชี่ยวอ่อนใจหมดเรี่ยวแรงทรุดลงไปนั่งกับชานหน้าบ้านอย่างเหนื่อยอ่อน
“ปึกๆๆ
ปึ่กๆๆ! .. ปึกๆๆ
ปึ่กๆๆ!”
“
พี่พีมมมม.. น้ำขอโทษ! พี่พีมเปิดประตูให้น้ำเชี่ยวเข้าไปเถอะ
น้ำขอโทษ!! น้ำผิดไปแล้ว น้ำจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว”
“น้ำเชี่ยวอยากเจอพี่ อยากเข้าไปดูว่าพี่มีแผลตรงไหนหรือเปล่า พี่เจ็บมั้ย ให้น้ำเชี่ยวเข้าไปหน่อยเถอะ
พี่พีมมมม ที่รัก! เปิดประตูให้น้ำเถอะนะ
น้ำขอโทษ!” เมื่อดูลู่ทางแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะทำให้หนูมาลีใจอ่อนไม่ขวางได้ แต่ยังไงประตูก็คงถูกล็อคลงกลอนจากข้างในอยู่ดี เด็กหนุ่มจึงวิ่งลัดไปทางบานกระจกระเบียงห้องนอน ออกแรงทุบปึงปังเรียกคนข้างในพร้อมกับตะโกนโหวกเหวกขอโทษดังลั่นไม่ขาดปาก จนหนูมาลีต้องวิ่งตาตั้งมาเตือนอีกครั้ง
“ปึกๆๆ
ปึ่กๆๆ! .. ปึกๆๆ
ปึ่กๆๆ!”
“คุณน้องน้ำเบาๆคะ เบาๆ เดี๋ยวคุณพัดบ้านนู้นก็ได้ยินหมดพอดี ทีนี้เรื่องใหญ่แน่ ถ้าไม่อยากจะใส่คอนเวิรด์เลิกกันถาวร ก็เบาๆนะคะ”
“
พี่พีม! น้ำเชี่ยวขอโทษ ฮึกๆ..ขอโทษ~ ให้น้ำเข้าไปอธิบายให้พี่ฟังบ้างเถอะนะ
น้ำรักพี่นะ น้ำไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พี่เจ็บ น้ำเชี่ยวผิดไปแล้ว
ฮืออออ.. พี่พีมมมม ฮึกๆ ครั้งเดียวนะ ให้โอกาสน้ำเชี่ยวสักครั้งเถอะนะ
ให้น้ำเชี่ยวเข้าไปเถอะ ฮือออออออ” ..จะให้เขาทำอย่างไรได้ เวลานี้ มีเพียงหนทางนี้เท่านั้น ถ้าไม่ตะโกนร้องอ้อนวอนอย่างนี้ ทางสุดท้ายก็คงต้องพังบ้านพังประตูเข้าไปอย่างเดียวแล้ว ข้างในใจในอกเจ็บแปลบร้อนรนไปหมด คนในบ้านจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้
“
คะ..คุณน้องน้ำค่ะ
นั่นๆ คุณพี..ม ” ไม่นานหนูมาลีที่ยืนจังก้าอยู่ ก็หันมาเรียกน้ำเชี่ยวพร้อมกับบุ้ยหน้าไปทางประตูบ้านที่ถูกแง้มออกไว้อย่างงงๆ ทำเอาเด็กหนุ่มตะลึง ดีอกดีใจพรวดพลาดวิ่งเข้าไปในบ้านโดยไม่รอให้พีมต้องเปิดปาก
“สิบนาที ชั้นให้เวาลานายสิบนาที พล่ามเรื่องที่นายอยากจะพล่ามมาซะให้หมด แล้วก็รีบๆกลับไป” หัวใจของเด็กหนุ่มยิ่งหวิวไหวไปหนัก เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เย็นชา และเบื้องหลังของคนตัวบางที่เดินเบี่ยงตัวหนีไปในทันทีที่เขาอย่างก้าวเข้ามาในบ้าน ..ทว่าความรวดร้าวภายในจิตใจจากคำพูดที่แสนจะยะเยือกนั้นดูเหมือนจะไม่สร้างความเจ็บปวดให้เขาได้เท่าความรวดร้าวในอกที่ไกล้จะคลั่งเต็มทีเมื่อเหลือบไปเห็นรอยแผลที่รืมฝีปากสวยและที่หลังฝ่ามือบางของพีมที่กำลังพยามจะเดินหลบฉาดเขาไปยังห้องนอนเสียให้ได้
“อ๊ะ! ..
ปล่อยยยย!! อย่ามาโดนตัวชั้น ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ
ปล่อยเซ่!!! ไอ้..”
“พี่ก็อยู่นิ่งๆสิ ..” สองแขนแกร่งรวบเอาแผ่นหลังคนตัวขาวๆเขามาในอ้อมกอดดื้อๆ
“ขอน้ำดูแผลหน่อยนะ.. พี่เจ็บมากมั้ย ให้น้ำเชี่ยวทำแผลให้พี่นะ นะครับ” เสียงทุ้มนุ่มพูดออกมาแผ่วเบาเจือด้วยความห่วงใยอย่างเต็มล้นในน้ำเสียง พลางยกมือบางของคนในอ้อมกอดขึ้นมาพลิกดูเบาๆ ก่อนจะค่อยๆผยุงพาคนรักให้ไปนั่งที่โซฟาและรีบลุกขึ้นไปเอากระเป๋ายามาสำหรับทำแผลให้คนตรงหน้า
“เจ็บนิดนึงนะ น้ำจะทำเบาๆนะพี่” กระเป๋ายาใบย่อมและอุปกรณ์ทำแผลจำนวนหนึ่งถูกเอาออกมาวางเตรียม พร้อมกับร่างสูงที่เข้ามาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าคนตัวบางที่ได้แต่นั่งเสมองหน้าออกไปทางนอนตัวบ้านอย่างไม่ใยดี
“พี่พีม..น้ำเชี่ยวขอโทษ น้ำรู้ สิ่งที่น้ำทำมันไม่น่าให้อภัย .. แต่อย่างนึงที่น้ำอยากให้พี่รู้ไว้.. ว่าน้ำเชี่ยวไม่เคยนอกใจพี่ ไม่เคยคิดจะสนใจใครเลย สักครั้งก็ไม่เคย ..น้ำเองก็เพิ่งรู้ว่าเอ็มเขาคิดยังไง น้ำมันโง่เอง ดูคนก็ดูไม่เป็น แล้วยังกล้าตีพี่อีก ก็สมควรแล้วที่พี่จะโกรธน้ำเชี่ยว”
“แต่พี่รู้มั้ย..แผลที่พี่เป็น มันเจ็บปวดได้ไม่เท่า..แผลที่น้ำกำลังเจ็บอยู่ในใจตอนนี้หรอก เจ็บ เจ็บจริงๆ ตอนนี้น้ำเชี่ยวเจ็บมากๆ ยิ่งมองพี่น้ำก็ยิ่งเจ็บ” มือหนาค่อยๆบรรจงแต้มยาใส่แผลไปตามฝ่ามือบางอย่างเบามือที่สุด พร้อมกับความในใจที่พรั่งพรูออกมาจากส่วนลึก เวลานี้ที่มองไปยังคนตรงหน้า สภาพบอบช้ำทั้งร่างกาย ดวงตาที่บวมและแดงก่ำ ก็ทำเอาน้ำเชี่ยวไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยคำขออภัยให้ใดๆจากคนตัวเล็ก ขอแค่คนตรงหน้าเข้าใจในความบริสุทธิ์ใจของเขาเท่านั้นก็ดีที่สุดแล้ว
“เหลืออีกสามนาที รีบๆทำๆให้มันเสร็จไปซะ แล้วก็กลับบ้านนายไป” ดวงตาเรียววูบไหว แอบลอบมองใบหน้าเศร้าหมองคอตกๆของคนข้างหน้าแล้ว ก็พลอยทำเอาใจสั่นโอนอ่อนขึ้นมา เรื่องราวต่างๆมากมายแล่นวนเวียนมั่วไปหมดในสมองตอนนี้ ส่วนนึงก็ยังคงโกรธอยู่ ส่วนนึงก็เอนไหวไปตามหางตกตกๆคู่นั่น .. เพราะแค่เจ้าคนตัวโตตากลม ทำหัวคิ้วผูกโบว์ มาคุกเข่าทำแผลให้เขาแค่นี้ ความคิดที่ว่าจะเอ่ยปากบอกเลิกเจ้าเด็กโง่นี่ก็มีอันต้องสั่นคลอนลงอย่างไม่เป็นท่าซะแล้ว
อันที่จริงแล้วเรื่องเมื่อเช้า ระหว่างทางขับรถกลับบ้านพีมเองก็เริ่มเอ๊ะใจในบางอย่างที่ดูเหมือนถูกจัดฉากไว้อยู่แล้ว บวกกับหน้าตางงๆและคำปฏิเสธเสียงแข็งของน้ำเชี่ยวตอนที่ตื่นขึ้นมา ดูแล้วก็น่าเชื่ออยู่ไม่น้อย ว่าสองคนคงไม่น่าจะมีอะไรเกินเลย โดยเฉพาะช่วงก่อนที่พีมกำลังจะหุนหันออกจากห้องไป แว๊บหนึ่งที่เขาสังเกตุเห็นดวงตาโตฉ่ำของนายเอ็มที่ฉายแววประกาศชัดอย่างผู้ชนะที่กำลังเย้ยหยันเขาเสียเต็มประดา ทำให้พีมยั้งอารมณ์ไม่อยู่จนต้องพังทลายข้าวของทุกอย่างตรงหน้าแทนความคับแค้นที่กลำงประทุอยู่ในใจ แต่ในอีกทางมันก็ทำให้เขาได้ฉุกคิดและทบทวนอะไรๆใหม่อีกครั้งว่า นายเอ็มคนนี้คงไม่ใช่ธรรมดา และเหตุการณ์ทั้งหมดน่าจะมีเบื้องหลัง ทุกอย่างอาจถูกวางแผนไว้แล้ว และน้ำเชี่ยวเองก็คงไม่รู้ ..
แต่สุดท้าย.. แม้ว่าเรื่องนี้น้ำเชี่ยวจะไม่รู้เรื่อง ต้องตกอยู่ในฐานะเหยื่อหรืออะไรก็ตาม ถึงอย่างไรสิ่งนึงที่เขาเองก็รู้สึกผิดหวังในตัวของน้ำเชี่ยวอยู่ไม่น้อยก็คือ ความซื่อที่ดูเหมือนจะเซ่อได้ทุกสถานการณ์ แยกแยะไม่ออกว่าคนไหนร้ายคนไหนดี นี่ถ้าบังเอิญน้ำเชี่ยวไม่ได้รู้ความจริง ไม่รู้เจตนาจริงๆของฝ่ายนั้น แล้วหลงเชื่อไปตามแผนที่นายนั่นวางไว้ ก็คงจะไม่โผล่มาง้อเขาอย่างที่เป็นอยู่นี้ก็ได้
..ยิ่งคิดก็พาลให้ยิ่งอารมณ์เสีย เจ็บก็เจ็บทั้งแผลที่มือและที่ใบหน้า ไอ้เด็กสมองกลวงนี่นอกจากจะโง่แล้วยังกล้ามาตบหน้าเขาจนเป็นแผลได้ขนาดนี้ ถ้าจะมาอ้อนวอนขอคำให้อภัยกันตอนนี้ คงไม่ไหว.. ยังทำใจไม่ได้จริงๆ ..หรือบางทีเรื่องระหว่างเขากับน้ำเชี่ยว อาจถึงเวลาที่เราสองคนต้องมานั่งทบทวนกันใหม่เสียแล้ว
((ต่อข้างล่างคับ เฮ้ออออ.. โพสต์ยากมากกกกกกกกกกกกก ))