จิมสูดหายใจรวบรวมความกล้า อะไรจะเกิดก็เกิด ความเจ็บปวดที่เขาจะได้รับเพราะถูกทอมโกรธเกลียด ยังน้อยกว่าความเจ็บปวดที่ทอมจะได้รับจากเรื่องราวที่เขากำลังจะบอกเล่าหลายเท่านัก
ประตูเปิดออกในขณะที่จิมยืนพิงอยู่ ร่างสูงใหญ่จึงหงายหลังล้มลงไม่เป็นท่า
“โอ๊ะ!!.. โอ๊ย!!..”
“อ๊ะ!!.. ฮ้า!!..”
เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมกัน ทอมส่งเสียงพร้อมอาการสะดุ้งเฮือก หายจากตกใจสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที
“ไปไหนมา!!.. หายไปครึ่งค่อนวัน กลับมา… ป่านนี้..”
น้ำเสียงขึ้งเคียดอ่อนลงในตอนท้าย เมื่อจิมเงยหน้าขึ้นมองเขาตาปริบๆ ไม่เคยเห็นสีหน้าของจิมหดหู่เศร้าหมองแบบนี้มาก่อน
“มือถือแบตหมดเหรอ.. ฉันพยายามโทรหาก็ติดต่อไม่ได้ โทรไปที่คอนโดก็ไม่มีใครรับสาย กำลังจะออกไปตาม เผื่อนายอยู่ที่นั่นแล้วไม่ยอม...”
ทอมชะงักคำพูดไว้แค่นั้น จิมลุกขึ้นคุกเข่าตรงหน้าเขาในอาการที่ทอมเห็นแล้วใจหายวาบ
“เอ่อ.. ฉันไม่ได้โกรธนะ จิม.. ฉันเป็นห่วงอ่ะ นายไม่ยอมโทรกลับมาบอกสักคำว่าไปทำอะไร อยู่ที่ไหน…”
“ฉันปิดมือถือ ฉันไม่พร้อมจะคุยกับนาย”
จิมบอกความจริงด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ไม่ห่วงว่าทอมจะโกรธหรือโมโหเพราะอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เขาอาจถูกเทพบุตรแสนรักเกลียดชังจนตัดความสัมพันธ์หรือเลิกคบไปเลยก็ได้
ทอมยืนนิ่งกับคำตอบที่ได้รับทั้งที่ควรฉุนเฉียวและโวยใส่ สภาพอารมณ์ของจิมทำให้เขาตกใจและเป็นห่วงจนไม่มีเวลานึกถึงเรื่องโกรธ ตั้งแต่คบหาและอยู่ร่วมชายคาเดียวกันมา จิมไม่เคยไปไหนโดยไม่บอกกล่าวเขาเลย และถึงบอกแล้วก็ยังโทรมารายงานทุกระยะจนเขารำคาญ วันนี้จิมหายไปตั้งแต่บ่ายสองจนเวลานี้เที่ยงคืนกว่าแล้ว สองสามวันมานี้เขาคงพูดจากดดันจนจิมรู้สึกเครียดมากต้องหลบไปสงบสติอารมณ์
“ฉันทำให้นายรู้สึกแย่ใช่มั้ย จิม.. ฉันขอโทษที่เอาแต่อารมณ์”
จิมรู้สึกผิดมากขึ้นเมื่อทอมเป็นฝ่ายเอ่ยขอโทษก่อน
“อย่า.. ทอม.. อย่าขอโทษฉัน ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษนายร้อยครั้ง..พันครั้ง.. ฉันมีเรื่องจะสารภาพ.. หลังจากที่ฉันแจ้งข่าวแม็กกี้กับนายแล้ว..”
ทอมเบิกตาโพลง ทรุดตัวลงละล่ำละลักถามด้วยความดีใจ
“ห๊ะ!!.. ได้ข่าวแม็กกี้แล้วเหรอจิม.. รู้แล้วใช่มั้ยว่าเค้าอยู่ที่ไหน..”
จิมพยักหน้า สีหน้ากังวลและเป็นทุกข์จนทอมเอะใจ
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น รู้ข่าวแม็กกี้แล้วจริงเหรอ… หลอกให้ฉันดีใจเล่นหรือเปล่า”
จิมส่ายหน้า “ไม่ได้หลอก ฉันเจอแม็กกี้แล้วจริงๆ”
“เจอแล้ว!!.. อย่าบอกนะว่าที่นายหายไปวันนี้ เพราะไปหาแม็กกี้มา”
จิมพยักหน้ารับ ก็ถูกทอมผลักหงายลงก้นกระแทกพื้นอีกครั้งด้วยความโมโห
“บ้าที่สุดเลย.. ทำไมไม่ให้ฉันไปด้วย ทำไมไม่คอย ทำไมไม่เข้าไปบอก แอบหนีไปคนเดียว รู้ก็รู้ว่าฉันคิดถึงเค้า ทำไมไม่ให้ฉันไปด้วยล่ะ” ทอมน้ำตาคลอทั้งโกรธและดีใจไปพร้อมๆ กัน
จิมใจหายวาบ ...แค่ได้ข่าวเด็กชาย ทอมก็น้ำตาร่วงแล้ว นี่เขาจะบอกความจริงเรื่องเจ้าหนูยังไงดี...
“จริงซี!!..” ทอมกระชากคอเสื้อจิมเข้ามาใกล้
“ไหนๆ ก็ไปพบมาแล้ว ทำไมไม่พากลับมาด้วย นายไม่ได้บอกเด็กเหรอว่าฉันต้องการให้เค้ากลับมาอยู่ด้วยกัน ทำไมกลับมาคนเดียว แล้วทำไมมาป่านนี้..”
ทอมอารมณ์เสียหนักขึ้นเมื่อได้กลิ่นเหล้าจากอีกฝ่าย
“นี่นายดื่มมาเหรอ... เวลาอย่างนี้นายยังมีอารมณ์ไปนั่งดื่ม นายกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ จิมมี่..”
“ปะ.. ปล่อยก่อน ทอม.. ฉันหายใจไม่ออก”
ทอมปล่อยมือออกแต่ยังไม่คลายอารมณ์โกรธลง สีหน้าถมึงทึงจนจิม หายใจไม่ทั่วท้อง อุตส่าห์หลบไปดื่มเหล้าย้อมใจมาแล้ว ไม่ได้ช่วยให้กำลังใจดีขึ้นเลย
“ฉันพากลับมาด้วยไม่ได้ แม็กกี้ไม่สบาย”
“อะไรนะ.. ไม่สบายอีกแล้วเหรอ.. เป็นอะไรอ่ะ ทำไมไม่พากลับมา จะได้พาไปหาหมอ”
“เอ่อ.. ที่.. ที่นั่นมีหมอดูแลอยู่แล้ว ทอม..”
“ที่นั่นมีหมอ.. ที่ไหนกันน่ะ แม็กกี้อยู่ที่ไหนเหรอ นายไปหาเค้าที่ไหนกันแน่..” ทอมจับไหล่จิมเขย่า
“บอกมาเดี๋ยวนี้นะ จิมมี่.. นายไปพบแม็กกี้ที่ไหนมา ที่ที่มีหมอ.. คือโรงพยาบาลใช่มั้ย ทำไมไม่โทรมาบอกให้ฉันตามไป นายปิดฉันทำไม รู้ก็รู้ว่าฉันคิดถึงและเป็นห่วงเค้ามาก..”
“ฉันไม่ได้คิดจะปิดนะทอม.. ที่รีบร้อนออกไปโดยไม่บอกเพราะไม่แน่ใจว่าจะใช่แม็กกี้จริงหรือเปล่า ใจเย็นลงหน่อยได้มั้ย.. ฉันกำลังจะรายงานทุกอย่างให้ฟังอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว”
ทอมปล่อยมือและผละจากจิมขยับไปนั่งชันเข่าพิงผนังห้อง สีหน้าบูดบึ้งจ้องมองจิมเขม็ง
“ว่ามา”
จิมยิ้มแห้งๆ
“จะนั่งคุยกันตรงนี้เลยเหรอ ไปที่โซฟาหรือที่เตียงดีกว่ามั้ย” จิมลุกขึ้นยืนหันไปปิดประตูที่ยังเปิดคาไว้และยื่นมือให้ทอม
ทอมเบือนหน้าหนีแต่ก็ยอมส่งมือให้โดยดี จิมฉุดทอมขึ้นยืน เขาเดินมานั่งที่เตียงแต่อีกฝ่ายกลับเดินไปที่โซฟา
จิมลอบถอนใจ ที่ผ่านมาแม้จะรู้สึกเหนื่อยใจที่ต้องเป็นฝ่ายวิ่งตามทอม แต่เขาก็ตามจนทันและหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งทุกครั้ง เพราะสามารถทำให้ทอมยิ้มและหัวเราะได้ แต่สำหรับคืนนี้เขาหมดหนทางที่จะแก้ไขสถานการณ์ที่แสนจะเลวร้ายนี้ได้จริงๆ
ทอมนั่งนิ่งสายตาจ้องเขม็งมาที่เขา คิ้วเรียวขมวดมุ่นเหมือนกับจะถามว่าเมื่อไรจะเริ่มเรื่องซะที..
จิมสูดหายใจลึกรวบรวมจิตใจให้เข้มแข็ง ก่อนจะเริ่มถ่ายทอดเรื่องราวของเด็กชายที่ได้รับรู้และได้เห็นกับตาในวันนี้ให้ทอมฟังอย่างกระชับที่สุด
“ฉันได้รับโทรศัพท์แจ้งเรื่องแม็กกี้ตอนนายเข้าไปถ่ายสองช็อตสุดท้าย..”
ทอมนั่งตะลึงหัวใจแทบหยุดเต้น ทุกคำพูดของจิมเหมือนหนามแหลมคมนับพันเล่มทิ่มแทงลงกลางหัวใจ เขาเคยได้ยินได้ฟังเรื่องโหดร้ายทำนองนี้ในหน้าหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยครั้ง ทุกครั้งก็ได้แต่นึกเกลียดชังคนกระทำและเวทนาเด็กที่ถูกทำร้าย และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเรื่องโหดร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นกับเด็กหรือคนใกล้ตัวที่เขารู้จัก แต่ถึงมีก็คงไม่เจ็บปวดจนแทบจะขาดใจเหมือนที่เขากำลังรู้สึกอยู่ในขณะนี้ เป็นเพราะเด็กที่เขารู้จักคนนี้คือเจ้าหนูแม็กกี้ เด็กชายที่เขาเคยรู้สึกเกลียดชังจับใจในวันแรกที่เหยียบย่างเข้ามาในบ้านแม็คกิลล์ เพราะบังอาจมายืนอยู่ตรงหน้าเขาและบอกด้วยรอยยิ้มซื่อๆ ว่า " ….ผมอยากพิสูจน์ความจริงว่าคุณทอมเป็นพ่อผมจริงหรือเปล่า…"
“ทอม.. ทอม..”
จิมเขย่าร่างปากก็เรียกเทพบุตรของเขาให้รู้สึกตัว ทอมนั่งนิ่งฟังเขาเล่าโดยไม่แสดงอาการตกใจมากมายอย่างที่เขาวิตก หากแต่อาการนิ่งเฉยและนั่งฟังอย่างสงบกลับน่ากลัวยิ่งกว่า เพราะสีหน้าของทอมขณะนี้แทบจะไม่มีสีเลือดแล้ว
จิมดันตัวทอมเอนลงพิงพนักและบีบนวดที่ขมับให้ แต่อาการก็ยังไม่ดีร่างเพรียวกระตุกเหมือนขาดอากาศหายใจ
“ทอม.. หายใจลึกๆ ทอม.. หายใจ..”
จิมใจหายอย่างแรง ไม่เคยเห็นทอมหายใจติดขัดรุนแรงแบบนี้มาก่อน ใบหน้างามขาวซีดแทบไม่มีสีเลือด ..โอ!.. พระเจ้า ทอมตกอยู่ในอาการช็อกจนไม่สามารถหายใจด้วยตัวเองได้
“ฮะ… ฮา..” ทอมพยายามหายใจทางปาก นิ้วเรียวจิกที่ต้นแขนเขาเหมือนกับจะบอกว่า.. ช่วยหน่อย.. จิมมี่..
จิมเงยหน้าทอมขึ้น เขาต้องช่วยทอมหายใจ ต้องช่วยให้อากาศเข้าไปในปอดก่อน จิมใช้มือบีบจมูกทอมไว้และประกบริมฝีปากของเขาลงบนริมฝีปากซีดเขียว ค่อยๆ เป่าลมเข้าก่อนจะคลายมือที่บีบจมูกออก มันเป็นวิธีผายปอดเพื่อช่วยคนที่หัวใจหยุดเต้น แต่นอกจากวิธีนี้แล้วเขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงที่จะให้อากาศเข้าไปในปอดได้ ถ้ามัวแต่คิดและลังเลอยู่เทพบุตรสุดรักของเขาคงขาดอากาศหายใจและหัวใจคงหยุดเต้นจริงๆ
นอกจากจิมแล้วไม่มีใครรู้ว่าเทพบุตรทอม แม็คกิลล์ สุดยอดนายแบบ 3 สมัย มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบการหายใจ ทอมจะมีอาการหายใจติดขัดทุกครั้งที่รู้สึกเครียดอย่างหนัก จิมเคยปรึกษาหมอที่เขารู้จักได้รับการสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นอาการบีบรัดตัวของหลอดลมในขณะที่เกิดอาการเครียด จิมเคยขอให้ทอมไปตรวจเช็คร่างกายเพื่อหาทางรักษาอาการประหลาดนี้ แต่ทอมไม่ยอมไปกลับบอกเขาหน้าตาเฉยว่า …นายก็อย่าทำให้ฉันเครียดซี…
ด้วยเหตุนี้.. หน้าที่ของจิมจึงไม่ใช่แค่ผู้จัดการส่วนตัวคอยดูแลและจัดคิวงานให้สุดยอดนายแบบทอมเท่านั้น นอกเหนือเวลางานจิมต้องติดตามทอมไปทุกที่เหมือนเงาตามตัว หลายคนให้ตำแหน่งบอดี้การ์ดประจำตัวเทพบุตรทอมกับจิม แต่เขากลับรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ต่างจากคนรับใช้ส่วนตัวของทอม แต่ถึงยังงั้นก็เถอะ จิมไม่ได้ยอมทำทุกอย่างตามคำสั่งของทอมเพราะหวังเงินค่าจ้าง แต่เขาทำตามคำสั่งของหัวใจตัวเองที่อยากปกป้องและทำทุกอย่างเพื่อคนที่ตัวเองรัก
จิมช่วยทอมหายใจอยู่ชั่วครู่ อาการของทอมก็ทุเลาขึ้นจนสามารถหายใจเองได้ ใบหน้าเริ่มมีสีเลือด สักครู่ก็กลับสู่อาการปกติ เขาสวมกอดทอมไว้และลูบหลังไปมาเพื่อปลอบโยนให้คลายความตกใจ เสียงหัวใจเต้นแรงมากจนจิมต้องสูดลมหายใจเข้าออกเพื่อเรียกสติกลับคืนมา เพราะเสียงที่ได้ยินเป็นหัวใจที่กำลังตื่นตระหนกของเขาเอง
ทอมซบหน้ากับไหล่กว้าง รู้สึกดีขึ้นเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดที่แข็งแรงและอบอุ่นนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหายใจติดขัดอย่างรุนแรง ถ้าจิมไม่ช่วยไว้เขาคงขาดใจตายแน่ เขาไม่ได้กลัวตายแต่เขาตายตอนนี้ไม่ได้ มีภาระใหญ่หลวงที่เขาต้องรับผิดชอบรออยู่ ชีวิตเด็กชายวัย 12 ปีที่อาจจะเป็นสายเลือดของเขา ต้องประสบเคราะห์กรรมที่โหดร้ายเพราะเขาเป็นต้นเหตุ ถ้าไม่ชดใช้ถึงตายก็คงนอนตาไม่หลับ
“ขอบใจนะ จิม.. ขอบใจที่ช่วยชีวิตฉันไว้” ทอมกล่าวเสียงแผ่วเบา
จิมผงกศีรษะรับ ทอมรู้สึกว่าร่างกายตัวเองสะท้าน คิดว่าอาการอาจกำเริบขึ้นอีกจึงสวมกอดจิมแน่นขึ้น แต่แล้วก็ต้องรีบผละออกเมื่อรู้ว่าอาการสะท้านไม่ได้มาจากร่างกายของตัวเอง
ทอมตกใจเมื่อเห็นใบหน้านองน้ำตาของจิม จิมร้องไห้.. ทำไม?.. เขาต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายหลั่งน้ำตาไม่ใช่จิม..
“ฉันขอโทษทอม.. ฉันขอโทษ..” น้ำเสียงสั่นเครือของจิมยืนยันความ รู้สึกจากส่วนลึกว่าเขาเสียใจมากจริงๆ
ทอมกัดริมฝีปากเพื่อระงับอาการเสียใจของตัวเอง
“อย่าร้องไห้ซี จิม.. ขอโทษทำไม.. ไม่ใช่ความผิดของนายซะหน่อย ฉันต่างหากที่ผิด”
จิมร้องไห้เพราะตกใจกับอาการของทอม ถ้าวิธีช่วยหายใจเมื่อครู่ไม่ได้ผลและทอมเป็นอะไรไป เขาจะไม่ยกโทษให้ตัวเองเลยตลอดชีวิตนี้
“อย่าโทษตัวเองซีทอม.. นายไม่ผิด.. เรื่องที่เกิดขึ้นกับแม็กกี้เป็นเคราะห์กรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เหมือนที่นายและเด็กได้มาพบกันก็เป็นเพราะสวรรค์ลิขิตไว้”
คำพูดของจิมกระทบจิตใจทอมอย่างแรง ทำนบที่กั้นบ่อน้ำตาไว้ทะลายลงน้ำใสไหลพรากอาบแก้ม
จิมใจหายวาบ เขาพยายามจะปลอบแต่กลับทำให้ทอมเสียใจมากขึ้นถึงขั้นปล่อยโฮสะอื้นไห้
“ฮึก.. ฮือ.. เพราะฉันไม่ดีเอง ฉันขี้ขลาดไม่กล้ารับความจริง เคราะห์กรรมของแม็กกี้ฉันเป็นคนหยิบยื่นให้ ฉันโหดร้ายยิ่งกว่าไอ้เดนมนุษย์พวกนั้น ฉันเลวมากใช่มั้ย จิม.. ฉันเป็นคนเลว.. ฮือ..”
จิมรั้งทอมเข้าสวมกอด ทอมเสียใจและตีโพยตีพายต่อว่าตัวเองแบบนี้ดีกว่านิ่งอึ้งไปและอยู่ในอาการช็อกแบบเมื่อครู่
“ไม่นะ ทอม.. นายไม่ใช่คนเลว ได้โปรดอย่าว่าตัวเองแบบนี้ ถ้านายผิด ฉันก็ผิดด้วย ฉันเลวร้ายยิ่งกว่านายหลายเท่า เคราะห์ร้ายที่เกิดขึ้นกับแม็กกี้มันผ่านพ้นไปแล้ว เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอดีตแต่เราดูแลอนาคตของเด็กได้ บอกฉันซิว่านายยังยินดีที่จะเลี้ยงดูแม็กกี้อยู่หรือเปล่า หือ..”
ทอมผละออกใบหน้านองน้ำตามองจิมอย่างไม่พอใจ
“ทำไมถามแบบนี้ นายคิดว่าแม็กกี้เป็นสิ่งของที่ถูกทำลายจนแตกหัก และกลัวว่าฉันจะไม่อยากเก็บรักษาไว้แล้วยังงั้นเหรอ..”
…ไปโน่น… จิมตาปริบๆ อึ้งกับคำเปรียบเทียบของทอม
“เปล่านะ.. ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นซะหน่อย แค่ถามย้ำให้แน่ใจอีกครั้งจะได้ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ ว่าเราจะรับเด็กมาดูแลต่อหลังจากที่เด็กอาการดีขึ้นแล้ว”
“อีกนานแค่ไหน จิม.. ฉัน.. ฉันอยากพาเขากลับมาอยู่ด้วยพรุ่งนี้เลย”
“ไม่ได้หรอกทอม.. ต้องรอให้อาการป่วยของแม็กกี้หายดีกว่านี้ก่อน พรุ่งนี้ฉันจะพานายไปเยี่ยม ตอนนี้ดึกมากแล้วนอนพักผ่อนก่อนเถอะนะ”
ทอมพยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยเต็มใจ จิมจึงลุกขึ้นยืน
“จะไปไหนอ่ะ” น้ำเสียงตระหนกของทอมเหมือนกลัวว่าจิมจะออกไปไหนอีก
จิมหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ไปอาบน้ำซีครับ บ๊อส.. ดึกป่านนี้ไม่ออกไปไหนแล้วล่ะครับ”
“อาบที่นี่เลยซี คืนนี้ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว นอนเป็นเพื่อนได้มั้ย จิม..”
จิมเห็นสีหน้าทอมแล้วสงสารจับใจ
“อย่าคิดมาก ทอม.. ไปนอนก่อนนะ ฉันอาบน้ำเสร็จแล้วจะมานอนเป็นเพื่อน โอเค..”
“ฉันจะหยิบเสื้อนอนให้”
ทอมลุกขึ้นยืนก็ถูกจิมฉุดไว้พาเดินมาที่เตียง
“ฉันจัดการเองได้ นอนได้แล้วทอม ดึกมากแล้ว”
ทอมเอนตัวลงนอนอย่างว่าง่าย จิมห่มผ้าให้และก้มลงจูบหน้าผากเบาๆ รู้สึกแปลกใจตัวเอง ทำไมคืนนี้เขาไม่นึกอยากแตะต้องทอมด้วยความเสน่หาเลย ทั้งที่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดขนาดนี้