[Novel] สายใยรัก & Love You Only และตอนตัวอย่างของ Love U Andy
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Novel] สายใยรัก & Love You Only และตอนตัวอย่างของ Love U Andy  (อ่าน 155632 ครั้ง)

ออฟไลน์ nbee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 849
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #180 เมื่อ30-01-2010 19:27:40 »

เคยสวนครั้งหนึ่ง ไม่ค่อยเจ็บหรอกแต่มันอายมากกว่าอ่ะ

ก็ตอนนั้นยังไม่เคยนี่นา  :o8:



แม็กกี้คงโล่งเลยล่ะนะ
 :z2:

ออฟไลน์ จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า

  • I LOVE MY SMILE
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1892
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-4
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #181 เมื่อ30-01-2010 22:10:37 »

เคยสวนครั้งหนึ่ง ไม่ค่อยเจ็บหรอกแต่มันอายมากกว่าอ่ะ

ก็ตอนนั้นยังไม่เคยนี่นา  :o8:



แม็กกี้คงโล่งเลยล่ะนะ
 :z2:


รีบนจ๋าไม่เคยอะไรจ๊ะ

แม็กกี้น่าสงสารมากมายอ่ะ :m15:

ออฟไลน์ iiดาวพระสุขლii

  • คิดการใหญ่ ใจต้องเหี้ย(ม),,
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +746/-3
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #182 เมื่อ30-01-2010 22:32:53 »

มาให้กำลังใจคุณพ่อมือใหม่... :L2:

ltahset

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #183 เมื่อ31-01-2010 01:17:49 »

เข้ามาให้กำลังใจ
กับถือโอกาศกด + ให้
เคยอ่านมาแล้วจากอีกบอร์ด

ยังไงก็ ขอบคุณมากๆนะคะ
เรื่องนี้แม็กกี้น่าสงสาร
อ่านไปเล่นเอาเสียน้ำตาเลยทีเดียว

^^

ออฟไลน์ kungyung

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #184 เมื่อ31-01-2010 07:58:56 »

 o13 o13 o13

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #185 เมื่อ31-01-2010 10:24:28 »

สายใยรัก บทที่ 14..
“…สละเวที…”

------------


“สวัสดีค่ะ ต้องการให้ช่วยมั้ยคะ”
“ขอบคุณครับ” จิมหันมายิ้มให้ทำเอาพนักงานสาวใจเต้นตึกตัก
“ยินดีรับใช้ค่ะ กำลังหาเรื่องอะไรอยู่หรือคะ”
จิมบอกชื่อหนังการ์ตูนที่ทอมสั่งซื้อให้พนักงานของร้าน
“คอยสักครู่นะคะ”
“ดูเองหรือให้เด็กๆ ที่บ้านดูคะ” พนักงานสาวหยั่งคำถามลองเชิงขณะลูกค้าหนุ่มชำระเงิน
“เอ่อ.. ครับ ก็ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่นั่งดูกันทั้งบ้าน”
จิมตอบคำถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพราะนึกแล้วอดขำไม่ได้ ORDER หนังการ์ตูนชุดวันนี้คนที่อยากดูคือทอม แรกๆ ก็เปิดให้ลูกดู ดูไปดูมาพ่อกลับเป็นคนติดเสียเอง
“ลูกชายซีนะคะ ต้องดีใจมากแน่ๆ เลย คุณพ่อซื้อหนังการ์ตูนให้ดูเป็นชุด”
จิมหัวเราะรีบปฏิเสธ “ผมไม่ใช่พ่อเด็กครับ”
“อุ๊ย ! ขอโทษค่ะ คงจะเป็นหลานๆ ใช่มั้ยคะ”
“ไม่รู้เป็นหลานหรือเปล่า เด็กเป็นลูกของ คนรัก น่ะครับ”
“โอ! งั้นหรือคะ ใจดีแบบนี้คงเข้ากับเด็กได้ดี เด็กคงรักและอยากให้เป็นคุณพ่อเร็วๆ แน่เลย”
จิมยิ้มหวานให้ กล่าวขอบคุณและจบการสนทนาแต่เพียงเท่านี้ ถ้าไม่กลัวว่าเธอจะตกใจจนทอนเงินผิดล่ะก็ เขาจะบอกต่อว่า…. “เด็กไม่ต้องการผมเป็นพ่อหรอกครับ คนรักของผมเป็นพ่อของเด็กอยู่แล้ว…”

 o13

ทอมขยับผ้าห่มคลุมร่างเล็กและก้มลงจูบเบาๆ ที่แก้ม พิศดูสีหน้าขณะหลับของแม็กกี้วันนี้ไม่ส่อแววทุกข์เหมือนวันแรกๆ ที่พากลับมา พรุ่งนี้ก็จะครบ 3 สัปดาห์เต็มที่เด็กชายกลับมาใช้ชีวิตอยู่กับเขาที่บ้าน บาดแผลที่ศีรษะและร่องรอยฟกช้ำตามร่างกายหายเป็นปกติแล้ว เหลือเพียงอาการบาดเจ็บที่แขนซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีก 2 สัปดาห์ หมอจะนัดเปลี่ยนเป็นเฝือกอ่อนให้

หมอมาริสาแวะมาเยี่ยมเด็กชายสัปดาห์ละครั้ง ครั้งหลังสุดเมื่อสองวันที่ผ่านมาหมอถึงกับออกปากว่า แม็กกี้มีพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจที่ดีขึ้นมาก กล้ามองและสบตาคน แม้จะยังไม่ยอมเอ่ยปากพูดแต่หมอยืนยันว่าเด็กเข้าใจเรื่องราวที่ได้ยินและได้รับฟัง จึงขอให้ทุกคนในบ้านพยายามพูดคุยด้วยเหมือนปกติ สำหรับความจำถ้าเด็กจำเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้เรื่องอื่นๆ ก็จะตามมา และเมื่อความจำกลับมาแล้วการฟื้นฟูจิตใจก็เป็นเรื่องง่าย เนื่องจากเด็กถูกทำร้ายจากคนอื่นที่ไม่ใช่คนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัว และหมอเชื่อว่าความรักและความอบอุ่นที่ได้รับจากพ่อจะช่วยรักษาและฟื้นฟูจิตใจเด็กชายได้เป็นอย่างดี   สามคืนแล้วที่แม็กกี้นอนหลับยาวถึงเช้าโดยไม่ฝันร้ายและสะดุ้งตื่นกลางดึก ทอมดีใจและมีความสุขมากกว่าการได้รับรางวัลจากการประกวดครั้งใดๆ เสียอีก

ทอมปิดไฟที่หัวเตียงและล้มตัวลงนอน สะดุ้งเฮือกเมื่อหันไปเห็นเงาของร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกพิงประตูมองดูเขาอยู่ รีบลุกจากเตียงเดินเข้าไปหา
“บ้าจัง มายืนทำอะไรมืดๆ ตรงนี้ ตกใจหมดเลย”
จิมยิ้มให้เทพบุตรแสนรัก ไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์โกรธ หน้ามุ่ยหน้างอขนาดไหน ทอมก็ดูดีและน่ารักน่าใคร่สำหรับเขาเสมอ
“จะนอนแล้วเหรอ..”
“อืมม์..”
จิมขยับเข้าไปประชิดและกระซิบข้างหู
“ขอนอนด้วยคนได้มั้ย”
ทอมหน้าตื่นรีบผละออกทันที
“จะบ้าเหรอ.. แม็กกี้นอนอยู่ด้วยเนี่ยนะ”
“ช่างปะไร เตียงออกกว้าง นอน 3 คนสบายอยู่แล้ว”
“ไม่ได้หรอกฉันไม่ไว้ใจนาย เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว นายจ้องแต่จะเขมือบฉัน”
จิมยกมือขวาขึ้นทำตาละห้อย
“ฉันสัญญาจะไม่ล่วงเกิน ขอแค่กอดก็พอ นะทอมนะ คิดถึงจะแย่อยู่แล้วอ่ะ ..”
“ประสาทหรือเปล่าจิมมี่.. คิดถึงบ้าบออะไร อยู่บ้านเดียวกัน เห็นหน้าพูดคุยกันอยู่ทุกวัน”
ทอมหมุนตัวจะเดินกลับไปนอน ก็ถูกจิมเดินตามเข้ามาประชิดและรั้งตัวเข้าไปสวมกอด
“ไม่ได้กอด ไม่ได้จูบ เกือบ 3 อาทิตย์แล้วนะทอม นายยุ่งอยู่กับแม็กกี้จนฉันไม่กล้าเข้าไปกวน และพอฉันไม่เป็นฝ่ายเข้าหา นายก็ลืมฉันไปเลย…”
ทอมพยายามดันจิมออกแต่สู้แรงไม่ได้ เขาไม่อยากส่งเสียงดังด้วย กลัวแม็กกี้ตกใจตื่น
“ปะ.. ปล่อยก่อนแล้วค่อยพูด”
“ไม่ปล่อย.. จนกว่านายจะอนุญาตให้ฉันนอนด้วย”
จิมไม่พูดเปล่า ฝังจมูกลงที่ซอกคอและสูดกลิ่นกายของเทพบุตรทอมที่เขาแสนจะเสน่หาให้สมกับความคิดถึง
“ปล่อยนะ…บอกแล้วไงว่าฉันยังไม่พร้อม ทำไมไม่ไปหาทางระบายกับผู้หญิงที่นายเคยนอนด้วยเล่า”
จิมชะงักรีบปล่อยมือและผละออกจากทอมทันที รู้สึกเสียใจจนน้ำเสียงที่กล่าวออกมาแหบพร่า
“ขอโทษ.. ที่มารบกวน ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร ฉันจะกลับไปนอนที่ห้อง”
จิมผละไปที่ประตู ก่อนจะก้าวออกจากห้องเขาหันไปบอกในใจอีกครั้ง
“ความรู้สึกที่ฉันมีให้นายไม่ใช่ความใคร่ ไประบายออกกับใครไม่ได้หรอก ทอม.. และนายก็คงไม่รู้หรอกว่า ทุกวันนี้ฉันไม่จำเป็นต้องพึ่งผู้หญิงที่ไหนอีก ถ้าเป็นแค่ความใคร่.. ฉันจัดการเองได้ กู๊ดไนท์ ทอม.. หลับฝันดีนะ”

ทอมถอนใจเฮือกแทนที่จะรู้สึกโล่งอกที่จิมออกจากห้องไป กลับรู้สึกไม่สบายใจจนข่มตานอนไม่หลับ ความจริงเตียงก็กว้างพอที่จะนอน 3 คนโดยไม่ต้องเบียด เขาไม่น่าตัดรอนไล่จิมกลับออกไปเลย ทุกเรื่องที่จิมทำให้เขาทุกวันนี้ไม่ได้ทำเพราะหน้าที่แต่ทำด้วยใจ ซึ่งมันมากมายจนเขาทดแทนไม่หมด ทำไมแค่ความสุขใจที่จิมต้องการจากเขาเพียงน้อยนิดก็ให้กลับคืนไปไม่ได้

ทอมขยับตัวขึ้นนั่งและคว้าโทรศัพท์ที่หัวเตียงกดสายใน เสียงเรียกดังอยู่หลายครั้งจนเขาเกือบจะวางอยู่แล้ว
“เอ่อ… คือ.. ม..ไม่มีอะไร แค่จะบอกว่าฉันลองขยับไปนอนใกล้แม็กกี้อีกหน่อย ก็ยังเหลือที่ว่างพอให้นักกีฬาซูโม่นอนกลิ้งไปมาได้อย่างสบาย ถ้านายหลับแล้วก็ไม่เป็นไร เท่านี้นะ กู๊ดไนท์..”
แล้วคืนนั้นเจมส์ การ์เซีย ก็ได้นอนกอดเทพบุตรทอม แม็คกิลล์ ของเขาสมใจปรารถนา แต่กว่าจะได้นอนก็โต้เถียงกันด้วยน้ำเสียงกระซิบอยู่พักใหญ่
“นายนอนข้างแม็กกี้ฝั่งนั้นนะ ฉันไม่อยากให้เขานอนริม เดี๋ยวตกเตียง”
“เอ๋?.. จะดีเหรอ.. เดี๋ยวแม็กกี้ตื่นขึ้นมากลางดึกเห็นหน้าฉันจะตกใจร้องไห้นะ ถึงจะคุ้นเคยกันแล้วแต่ก็ไม่เคยนอนด้วย”
จิมพยายามให้เหตุผลเข้าทางที่สุด และเพื่อให้สอดรับกับเหตุผลที่เขาเข้ามาขอนอนด้วย
“อืมม์.. จริงของนาย.. งั้นนอนข้างฉันล่ะกัน”
ทอมล้มตัวลงนอนแต่พอหัวถึงหมอนก็ลุกพรวดขึ้น จิมซึ่งกำลังจะล้มตัวลงนอนลุกขึ้นนั่งตาม
“อย่าลืมสัญญานะ ถ้าผิดคำพูดล่ะก็ ฉันไม่ยกโทษให้นายแน่”
“สัญญา ?.. อะไรเหรอ ?…”
จิมแสร้งไม่เข้าใจ เมื่อทอมอ้าปากจะโวยก็ถูกเขารั้งตัวเข้ามาสวมกอดและกระซิบข้างหู
“สัญญาว่าจะไม่ล่วงเกินอะไร ขอแค่กอดใช่มั้ย”
“ใช่ รู้แล้วก็ปล่อยซี..”
“เอ๋?... ไม่ปล่อยหรอก นี่อยู่ในข้อตกลงไม่ใช่เหรอ แค่กอดไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย แต่ถ้านายดิ้นมากๆ ฉันอาจจะเกิดอารมณ์อยากทำอะไรมากกว่ากอดนะ”
“อ๊ะ ! ไอ้บ้า.. ลองดูซี ฉันจะ..”

ทอมพูดได้แค่นั้นก็ถูกปิดปากด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวของจิม จะออกแรงดิ้นหนีให้สุดกำลังก็ทำไม่ได้เพราะกลัวแม็กกี้จะตื่น ชั่วอึดใจเรี่ยวแรงของเขาก็ถูกทานลงจนไม่เหลือกำลังที่จะผลักไส เขาถูกจิมมี่เจ้าเล่ห์ดันตัวลงนอนช้าๆ โดยไม่ยอมถอนริมฝีปากออก ถึงจะรู้สึกเคลิ้มกับสัมผัสที่ได้รับมากมายขนาดไหน แต่ถ้าจิมล่วงเกินเขามากกว่านี้ เขาไม่มีวันยกโทษให้แน่นอน

จิมถอนริมฝีปากออกด้วยความเสียดายก่อนจะหยุดยั้งอารมณ์ตัวเองไม่ได้
“ฉันจะไม่..”
ทอมถูกปิดปากอีกครั้งเมื่อพยายามจะพูดต่อ ครั้งนี้จิมปิดปากเขาด้วยมือ ริมฝีปากร้อนผ่าวของจิมเปลี่ยนที่หมายไปที่ซอกคอ เขาถูกจิมขบกัดเบาๆ ที่ติ่งหูก่อนจะส่งเสียงกระซิบไปพร้อมกัน
“ยังจะโวยอะไรอีก หือ… เดี๋ยวลูกก็ตื่นหรอก นอนเถอะฉันง่วงแล้ว”
จิมขยับตัวลงนอนตะแคง เอามือออกจากปากเลื่อนลงมากอดเอวทอมไว้
“สัญญาว่าขอแค่นอนกอดก็นอนกอดอย่างเดียวซี กลัวอะไรหือ.. กู๊ดไนท์ ทอม.. หลับฝันดีนะ”
น้ำเสียงของจิมเหมือนคนง่วงนอนจริงๆ แต่เขาไม่ไว้ใจหรอก ยังนอนลืมตานิ่งรอรับสถานการณ์ นึกฉุนตัวเองไม่น่าใจอ่อนเรียกกลับมานอนด้วยเลย จะถูกลักหลับตอนไหนก็ไม่รู้

ทอมรู้สึกละอายใจกับความคิดของตัวเองเมื่อได้ยินเสียงกรนเบาๆ
…ไม่อยากเชื่อเลย จิมหลับสนิทไปแล้ว… แสดงว่าง่วงและแค่อยากนอนกอดเขาจริงๆ…

ทอมค่อยๆ เอามือจิมออกจากตัว และขยับร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่ายให้นอนในท่าที่สบาย ถึงจิมจะหลับสนิทไปแล้วก็เถอะ แต่เล่นนอนตะแคงหายใจรดต้นคอเขาอย่างนี้ นอกจากจะทำให้นอนไม่หลับแล้ว ยังทำให้จิตใจรู้สึกหวั่นไหวชอบกล

ทอมขยับตัวนอนตะแคงหันหลังให้จิมและหันหน้าเข้าหาเจ้าหนูแม็กกี้ของเขา ได้เห็นสีหน้าขณะหลับของเด็กชายแล้ว มันทำให้เขาหลับอย่างมีความสุขมากขึ้น แต่กำลังจะเคลิ้มหลับก็สะดุ้งเฮือกเมื่อถูกฝ่ามือใหญ่ตะปบเข้าที่เอวก่อนจะเลื่อนลงมาเกาะกุมที่หน้าท้องเขา เสียงบ่นงัวเงียของจิมทำให้เขาตาสว่างขึ้นมาทันที
“อย่าหันหนีซี..บอกแล้วไงว่าขอนอนกอด.. ไม่เชื่อใจแล้วเรียกกลับมานอน ด้วยทำไม หือ..”
ทอมลอบถอนใจบอกตัวเองว่าไม่น่าหาเรื่องเลย แต่ก็จริง.… ไม่เชื่อใจแล้วเรียกกลับมานอนด้วยทำไม…

เมื่อจิตใจคลายความกังวล เทพบุตรทอมก็เข้าสู่ห้วงนิทราตามเด็กชายและชายหนุ่มคนรักไปด้วยความสบายใจ…

 :กอด1:

“แค่จะเปิดบัญชีให้แม็กกี้ ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร ทำไมต้องเป็นวันนี้ด้วย หือ.. ทอม รู้มั้ยว่าต้นเดือนแบงค์คนแน่นขนาดไหน ”
“มาวันนี้นายจะได้เบิกเงินเดือนด้วยไง”
ทอมยื่นเช็คให้ จิมเหลือบตามองดูเช็คในมือและส่ายหน้า
“บอกแล้วไงว่าฉันไม่รับเงินเดือนจากนายอีกแล้ว ลืมเหตุผลที่ฉันเคยบอกแล้วหรือไง หรือเป็นเพราะว่าจริงๆ แล้วนายไม่เคยคิดหรือยอมรับว่าฉันอยู่กับนายทุกวันนี้ในฐานะคนรัก..” จิมกล่าวด้วยอารมณ์ฉุนนิดๆ
ทอมรีบพับเช็คใส่กระเป๋าทันที แก้ตัวเสียงอ่อย
“ไม่รับก็ไม่รับซี ทำไมต้องอารมณ์เสียด้วย ฉันลืมไปว่าเราคุยกันแล้ว..”

จิมเลี้ยวรถเข้าแบงค์ ปากยังบ่นต่อ..แต่ด้วยอารมณ์ที่เบิกบานขึ้น
“ทำไมต้องเป็นแบงค์นี้ด้วยล่ะ ฉันไม่อยากให้นายมาโชว์ตัวในที่สาธารณะอย่างนี้ ที่นี่ไม่มีคนรู้จัก ถ้าเป็นที่สำนักงานใหญ่ยังพอมีคนช่วยเดินเรื่องให้ นายก็แค่นั่งรออยู่ในห้องเฉยๆ”
“ไม่ได้หรอก.. ไกลเกินไป.. เดี๋ยวไม่ทันแม็กกี้ตื่น ถ้าไม่อยากให้ฉันตกอยู่ในวงล้อมของสาวๆ หน้าเคาน์เตอร์ล่ะก็.. หาทางให้ฉันเข้าไปนั่งรอในห้องผู้จัดการซี ที่รัก.. นายเคลียร์ได้นี่.. หรือว่าไม่ได้อยู่ในฐานะลูกจ้างแล้วถือว่าไม่ใช่หน้าที่…”
จิมยิ้มแก้มแทบฉีกกับคำว่า “ที่รัก” สุดปลื้มจนเกือบจะโผเข้าสวมกอดและจูบเทพบุตรแสนรักในทันที ถ้าไม่ติดว่ามีรถอีกคันกำลังเข้ามาจอดอยู่ใกล้ๆ ล่ะก็..
“ได้ซีครับบ๊อส.. นั่งรออยู่ในรถเดี๋ยวนะ อย่าออกไปเดินป้วนเปี้ยนล่ะ เดี๋ยวลงมารับ..”
จิมลงจากรถเข้าไปจัดการเคลียร์พื้นที่ตามคำสั่งด้วยหัวใจพองโต แค่ถูกทอมกระเซ้าด้วยคำพูดเขาก็สุขใจจนเกือบจะเดินตัวลอยแล้ว

ทอมเอื้อมมือไปปิดกุญแจดับเครื่องรถ เพื่อไม่ให้เกิดมลพิษกับอากาศข้างนอก เขาหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวมก่อนจะลดกระจกลง สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อสั่น รีบกดรับสายทันทีที่เห็นเบอร์
“เจ้านายครับ คุณหนูตื่นแล้ว.. ไม่เห็นหน้าเจ้านายร้องไห้ใหญ่เลย ป้าทิพย์กับแววเอาไม่อยู่ คุณหนูไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ครับ”

 :m15:

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #186 เมื่อ31-01-2010 10:41:33 »

กว่า 6 สัปดาห์แล้วที่สุดยอดนายแบบ 3 สมัย ทอม แม็คกิลล์ ปลีกวิเวกออกจากวงการในขณะที่กำลังมีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่งบนเวทีแคทวอล์ค

ข่าวว่าทอมต้องการหยุดพักผ่อนระยะหนึ่งเพราะเหน็ดเหนื่อยจากงาน นิตยสาร และห้องเสื้อชั้นนำหลายแห่งที่รอจ่อคิวจองตัวทอมกันเป็นเดือนๆ ถูกปฏิเสธงานโดยไม่มีกำหนด ยิ่งไปกว่านั้นการที่ทอมปฏิเสธแม้กระทั่งการเดินทางไปประกวดสุดยอดนายแบบโลกที่ประเทศญี่ปุ่น เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ทำให้ผู้มีส่วนได้เสียทั้งหลายเกิดความคลางแคลงใจจนเกิดข่าวลือกันไปต่างๆ นาๆ ว่า…

..ทอม แม็คกิลล์ แอบไปมีครอบครัวที่อเมริกาแล้ว บ้างว่า.. ทอมทำนางแบบสาวท้องแล้วหนีความรับผิดชอบหลบไปอยู่เมืองนอก ..หรือแม้กระทั่ง…ทอมไม่ได้ไปอเมริกาตามข่าวลือ แต่นอนป่วยอยู่ที่บ้านด้วยโรคร้ายแรงสุดฮิทที่คนมีชื่อเสียงมักจะถูกลือคือ โรดเอดส์…

ทอมรับรู้ข่าวลือของตนเองแต่ไม่สนใจ กลับพูดหน้าตาเฉยว่าอยากลือก็ลือไปเบื่อก็เลิกเอง เป็นเพราะช่วงนี้ทอมกำลังมีความสุขมาก ดีใจที่แม็กกี้มีพัฒนาการดีขึ้น ยอมออกปากเรียกทอมว่า แด็ดดี้ ในขณะที่มีสติ ไม่ได้หลับหรือกำลังตกใจกลัวเหมือนที่ผ่านมา

แต่ในขณะที่ทอมไม่สนใจ จิมกลับรู้สึกเป็นห่วงสถานภาพของเทพบุตร ทอม แม็คกิลล์ ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจิมได้รับโทรศัพท์สอบถามข่าวคราวของทอมวันละหลายสิบราย จนทำให้ทั้งเขาและทอมต้องยกเลิกเบอร์มือถือเดิมที่ใช้อยู่ และตัดสายโทรศัพท์บ้านออกชั่วคราว

ล่าสุดเมื่อสองวันที่ผ่านมา นักข่าวจากนิตยสารบันเทิง 2-3 ฉบับ มาเฝ้ารอหน้าบ้านเพื่อขอสัมภาษณ์ทอม แม็คกิลล์ เนื่องจากสืบจนรู้แน่ชัดว่าทอมไม่ได้เดินทางไปอเมริกาตามข่าวที่แจ้งไว้ แต่ประตูบ้านแม็คกิลล์กลับไม่ยอมเปิดต้อนรับใครตามคำสั่งของทอม ทำให้กระจอกข่าวเหล่านั้นรวมกลุ่มกันเขียนข่าวซุบซิบถึงทอมโดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เจ้าตัวออกมาแก้ข่าว…

…ข่าวซุบซิบหลังสุดเขียนขึ้นจากกระจอกข่าวผู้หนึ่งที่เฝ้าแอบดูพฤติกรรมของทอมอยู่หน้าบ้านแม็คกิลล์ตั้งแต่เช้าจรดค่ำจนเห็นกับตาว่า…

…สาวน้อยสาวใหญ่ที่เป็นแฟนนายแบบหนุ่มสุดฮอทแห่งปี ทอม แม็คกิลล์ เตรียมตัวช็อคกับข่าวร้อนๆ ล่าสุดนี่จ้า~ .. กระจอกข่าวของเราเห็นมากับตาว่าเทพบุตรทอม ขวัญใจของพวกเราเปลี่ยนรสนิยมไปชอบเด็กผู้ชายเอ๊าะๆ แล้วนะจะบอกให้ ถึงขนาดป้อนข้าวป้อนนมกันเลย สงสัยคงหลงหัวปักหัวปำ ขนาดยอมหยุดอนาคตที่กำลังรุ่งโรจน์ของตัวเองไว้แค่นี้ น่าเสียดายจังนะคะ เทพบุตรขา… ถ้าคิดจะคืนสู่เวทีแคทวอล์คอีกครั้ง รีบหวนกลับมาตอนนี้ยังทันนะคะ ช้ากว่านี้อาจสายเกินไป เพราะเจ้าของห้องเสื้อและคุณนายไฮโซทั้งหลายกำลังรวมตัวกันแอนตี้ ไม่เรียกใช้บริการอีกแล้วนะ เจ้าคะ…

จิมร้อนใจกับข่าวซุบซิบล่าสุดนี้จนนั่งไม่ติด แต่ทอมกลับไม่สนใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ และตัดบทให้จิมออกข่าวไปว่าเขาจะเลิกอาชีพนายแบบ ไม่หวนกลับไปเดินโชว์รูปร่างหน้าตาหากินอีก ขอเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีชื่อเสียงเพื่อจะได้มีชีวิตเป็นส่วนตัวบ้าง แต่จิมไม่เห็นด้วย ทอมมีชื่อเสียงขึ้นมาไม่ใช่เพราะแฟนๆ นิยมชมชอบในความงดงามของรูปร่างหน้าตาเท่านั้นแต่เพราะอัธยาศัยใจคอที่ดีด้วย จึงไม่ควรปล่อยให้คนที่นิยมชมชอบหมดศรัทธาไปเพราะความเข้าใจผิด

“แล้วจะให้ทำยังไง ออกไปให้สัมภาษณ์เรื่องจริงทั้งหมดเลยดีมั้ย ว่าเด็กผู้ชายเอ๊าะๆ ที่ฉันกำลังหลงรักหัวปักหัวปำ ที่แท้เป็นใคร..”
“ไม่ได้นะทอม.. ยังไม่ถึงเวลาที่จะเปิดเผย”
“งั้นก็รอจนกว่าจะถึงเวลาที่นายว่าเหมาะสม แล้วค่อยบอกทีเดียว”
“โอ! ทอม.. เวลาที่เหมาะสมยังไม่ใช่เร็วๆ นี้ แต่นายต้องให้ข่าวในวันสองวันนี้แล้วไม่ยังงั้นเราอยู่ไม่เป็นสุขแน่ คู่แข่งของนายอาจถือโอกาสให้ข่าวซ้ำเติมจนนายกลับไปยืนบนเวทีไม่ได้อีก”
“ช่างปะไรเล่า บอกแล้วไงว่าฉันตัดสินใจไม่กลับไปยืนบนเวทีนั่นอีกแล้ว ฉันจะเลิกอาชีพนายแบบ รู้อะไรมั้ย จิม.. ฉันไม่เคยได้พักผ่อนเต็มที่เลยตั้งแต่ได้ตำแหน่งสุดยอดนายแบบมาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว นายไม่รู้หรอกว่าฉันเหนื่อยมากขนาดไหน ตั้งแต่หยุดรับงานมาดูแลแม็กกี้ที่บ้าน ถึงจะเหนื่อยทั้งใจและกายแต่ฉันก็มีความสุขมาก…. มากจนไม่อยากอยู่ห่างและไม่มีวันปล่อยให้แม็กกี้จากไปไหนอีกแล้ว ฉันยังนึกเสียใจอยู่ทุกวันนี้ที่ไม่ยอมรับความจริงตั้งแต่แรก ก็เพราะชื่อเสียงและสถานภาพของทอม แม็คกิลล์ ที่นายกำลังห่วงอยู่นี่ไง ทำให้วันนี้แม็กกี้ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้.."

“ไม่เอาน่าทอม.. ได้โปรดอย่านึกถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วเลย เราย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ ชีวิตของแม็กกี้ในวันนี้และวันข้างหน้าต่างหากที่เราต้องช่วยกันดูแลให้ดีที่สุด

..ฟังนะ ทอม.. ถึงไม่คิดจะกลับเข้าวงการอีก สุดยอดนายแบบ 3 สมัยอย่าง ทอม แม็คกิลล์ ต้องลงจากเวทีแคทวอล์คอย่างสง่างาม ออกไปเพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่านายยังเป็นเทพบุตรทอมคนเดิมที่งดงามไม่เปลี่ยนแปลง อันดับ 2 และ 3 อย่างนายแดนและปีเตอร์ วิ่งให้ฝุ่นตลบยังไงก็ยังไล่ตามนายไม่ทัน ที่สำคัญข่าวลือและข่าวซุบซิบบ้าบอจะได้จบลงซะที เราจะเคลียร์ทุกเรื่องให้จบลงในวันนั้น และประกาศหยุดพักหรือออกจากวงการให้ทุกคนรับรู้เป็นเรื่องเป็นราว จากนั้นนายก็กลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอยู่กับแม็กกี้ที่บ้านตามเดิม โอเค…”

ทอมถอนใจเฮือก ไม่คิดเลยว่าการจะขอลงจากเวทีแคทวอล์คเป็นเรื่องที่ยากเย็นและวุ่นวายยิ่งกว่าตอนขึ้นไปเดินซะอีก คงเป็นเพราะตำแหน่ง 3 สมัยที่ค้ำคอเขาอยู่กระมัง

“ก็ได้.. งั้นเราถือโอกาสบอกความจริงเรื่องแม็กกี้เลยนะ”
“อืมม์… ก็ได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แค่ครึ่งเดียวก่อน”
“ครึ่งเดียว.. ยังไง.. แปลว่าอีกครึ่งเป็นเรื่องโกหกเหรอ..”
“ไม่ได้โกหก ฉันรู้ว่านายไม่อยากปิดบังเรื่องแม็กกี้ แต่เราไม่จำเป็นต้องเปิดเผยทั้งหมด ความจริงเพียงครึ่งเดียวจะทำให้ทุกคนปลาบปลื้มและยกย่องเทพบุตรทอมมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าบอกความจริงทั้งหมดคนที่รับฟังอาจไม่แฮปปี้ แทนที่จะได้ลงจากเวทีอย่างสง่างามนายอาจถูกผลักตกลงมา”
“ลองดูซีวะ หน้าไหนมันกล้าผลักฉัน ฉันจะขึ้นไปกระทืบมันให้น่วมคาตีนฉันเลย”
จิมหัวเราะกับสีหน้าและท่าทีเอาจริงของทอม เขาโอบไหล่เทพบุตรสุดรักเข้ามากอด
“สมมติน่ะ ทอม.. แค่เปรียบให้ฟังเฉยๆ ถ้ามีใครทำอย่างนั้นกับนายจริงๆ ไม่ต้องร้อนถึงนายปีนกลับขึ้นไปกระทืบมันหรอก ฉันจะกระโดดขึ้นไปเหยียบมันให้แบนคาตีนฉันเองเลย..”
ทอมตาเขียวใส่ จิมชอบพูดเปรียบเปรยจนเขาตามไม่ทันอยู่บ่อยๆ
“จะทำอะไรก็ทำเถอะ ฉันให้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวช่วงแม็กกี้นอนกลางวัน เลือกสถานที่ที่ใกล้บ้านที่สุดด้วยนะ จะได้ไปมาไม่เสียเวลา”
ในที่สุดทอมก็ต้องจำนนกับเหตุผลของจิม ยอมออกไปพบปะกระจอกข่าวทั้งหลายเพื่อให้ข่าวลือต่างๆ ของเขาจบลงซะที หลังจากนั้นจะได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่กับแม็กกี้ที่บ้านอย่างสงบสุข โดยไม่มีเรื่องซุบซิบกวนใจให้เสียสุขภาพจิตอีก

 :เฮ้อ:

“ทำไมต้องนัดที่โรงแรมด้วย จิม.. ทำไมไม่เลือกที่ที่เป็นส่วนตัวกว่านี้”
อารมณ์ของทอมเริ่มไม่สู้ดีแต่พยายามสะกดกลั้นไว้ เพราะต้องคอยฉีกยิ้ม พยักหน้าและโบกมือทักทายแฟนๆ ที่พบเห็น ตั้งแต่โถงหน้าล็อบบี้เรื่อยมา

วันนี้ทอมอยู่ในชุดหล่อเนี้ยบ สูทลำลองสีขาวทั้งชุดตัดกับเชิ้ตตัวในสีดำ แว่นกันแดดที่สวมอยู่ยิ่งทำให้ทอมดูเด่นและสมาร์ทมากขึ้นจนละสายตาไม่ได้ ทั้งใบหน้าและเรือนผมถูกช่างเสริมสวยส่วนตัว ซึ่งจิมนัดเจอหน้าปากซอยเนรมิตให้ขณะอยู่ในรถโดยใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที

จิมจ้ำอ้าวตามทอมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาใช้โรงแรมเป็นสถานที่นัดจริง แต่ห้องที่กำลังเดินไปไม่ใช่ที่ที่เขานัดพบ กระจอกข่าวแค่ 2-3 คนเขาไม่บ้าเปิดห้องขนาดรับรองคนกว่าครึ่งร้อยต้อนรับหรอก ให้ตายเถอะ ! นี่มันงานแถลงข่าวแล้ว เขาถูกนักข่าวพวกนั้นหักหลัง ทอมต้องเข้าใจเขาผิดแน่

“ฉันไม่ได้นัดพวกเขาที่ห้องนี้นะ ทอม.. ฉันนัดที่ค้อฟฟี่ช้อบ ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น..”
“ฉันไม่สน.. นายต้องรับผิดชอบจิม.. บอกไว้ซะก่อนว่าฉันมีเวลาให้นายแค่ชั่วโมงเดียวหรือทันทีที่เอ๊ดดี้โทรมารายงานว่าแม็กกี้ตื่นแล้ว ฉันจะนั่งมอเตอร์ไซด์กลับ ได้ยินมั้ย..”
“ได้ยินครับ ได้ยิน.. อย่าโมโหซี เดี๋ยวไม่หล่อนะ”
“ไม่หล่อก็ดี รู้มั้ยว่าตอนนี้ฉันอยากให้หน้าฉันเหมือนเจ้าเอ๊ดดี้ จะได้หมดปัญหาวุ่นวายซะที.”
จิมหมดเวลาโต้เถียงกับทอมแล้ว เพราะทันทีที่ประตูเปิดออกทั้งเขาและทอมก็ต้องตะลึงกับการต้อนรับที่ไม่คาดฝันของเหล่ากระจอกข่าว เพื่อน ๆ ในวงการเดียวกัน เจ้าของห้องเสื้อชั้นนำที่เคยให้การสนับสนุน รวมถึงผู้เกี่ยวข้องที่ไหนอีกก็ไม่รู้และแฟนคลับอีกมากหน้าหลายตาตั้งแถวต้อนรับ ส่งเสียงเรียกกันเซ็งแซ่
“ยินดีต้อนรับ เทพบุตรทอม แม็คกิลล์”
“ยินดีต้อนรับ ทอม.. พวกเราคิดถึงคุณมากๆ..”
มิสเตอร์โรเจอร์ตรงเข้ามาทักทายทอมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ยกสองแขนขึ้นทำท่าจะสวมกอดทอมซึ่งยืนตะลึงอยู่ จิมรีบก้าวเข้าไปขวางไว้และจับมือทักทายด้วย
“ Hi !.. คุณโรเจอร์.. งานวันนี้ฝีมือคุณใช่มั้ยครับ น่าจะบอกให้เรารู้ล่วงหน้าสักนิด ทำเซอร์ไพรส์อย่างนี้ คุณทอมของผม ตกใจนะครับ..”
มิสเตอร์โรเจอร์ยิ้มแห้งๆ ไม่รู้ว่าถูกจี้จุดเรื่องการจัดงานหรือเพราะคำว่า คุณทอมของผม ที่จิมจงใจพูดดักคอเขากันแน่

 :man1:

เด็กชายในสภาพงัวเงียเพราะเพิ่งตื่นนอน นั่งตัวสั่นน้ำตานองหน้าอยู่บนโซฟาในห้องพักผ่อน ไม่มีใครกล้าเข้าไปปลอบได้แต่นั่งเฝ้าอยู่ห่าง ๆ เพราะคุณหนูจะส่งเสียงกรีดร้องดังลั่นเมื่อถูกจับต้องร่างกาย ทั้งแม่บ้านทิพย์ สาวใช้แวว นายเอ๊ดดี้ และแม้กระทั่งนายแก้วคนสวนก็เข้ามานั่งจับกลุ่มเฝ้าดูด้วยความเป็นห่วง

หลังอาหารกลางวันแม็กกี้จะงีบหลับประมาณ 1-2 ชั่วโมงทุกวัน วันนี้ทอม กล่อมเด็กชายให้นอนกลางวันเร็วขึ้น รอจนหลับสนิทก็รีบแว่บออกจากบ้านพร้อมกับจิมเพื่อไปพบปะนักข่าวที่นัดไว้ โดยสั่งให้สาวใช้แววนั่งเฝ้า หากแม็กกี้ตื่นก่อนเขากลับให้รีบโทรบอกทันที

หลายวันที่ผ่านมานี้สุขภาพจิตของแม็กกี้ดีขึ้นมากแล้ว ไม่ตกอยู่ในภวังค์ร้ายและผวาตื่นกลางดึกเหมือน 2-3 สัปดาห์แรก และยังมีอารมณ์เบิกบานขึ้นเริ่มยิ้มตอบให้ทอมบ้างโดยเฉพาะเวลาที่เขาส่งยิ้มหวานให้ แต่ถึงจะดีขึ้นมากอย่างไรทอมก็ยังไม่วางใจ เหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นและยังอยู่ในความทรงจำ อาจจะหวนกลับเข้ามาสู่ความนึกคิดของเด็กชายเมื่อไรก็ได้

เหตุการณ์วันนี้น่าจะผ่านพ้นไปด้วยดี ถ้าไม่ใช่เพราะความซุ่มซ่ามของสาวใช้แววทำแจกันในห้องพักผ่อนตกแตกจนทำให้เด็กชายสะดุ้งตื่น หลังจากทอม ออกจากบ้านไปเพียงครึ่งชั่วโมง

จริงๆ แล้วแม็กกี้ก็พร้อมจะหลับต่อ หากตื่นขึ้นมาเห็นรอยยิ้มและได้ยินเสียงกล่อมเบาๆ จากทอมเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่ทว่าแทนที่จะได้เห็นใบหน้าที่สวยงามของแด๊ดดี้ทอม กลับเป็นใบหน้าของสาวใช้แววที่เด็กชายไม่คุ้นเคยและยังเสียงปลอบของนายเอ๊ดที่ไม่เข้าหูเลยสักนิด

เป็นเพราะตลอด 6 สัปดาห์ที่แม็กกี้กลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านแม็คกิลล์ ทอมเฝ้าดูแลเด็กชายไม่เคยห่างกายเลย ทุกครั้งที่ลืมตาตื่นขึ้นมาแม็กกี้จะได้เห็นใบหน้าและรอยยิ้มที่อบอุ่นของทอมเสมอ ตามด้วยจูบเบาๆ ที่หน้าผากและแก้มทุกครั้ง เวลาที่ทอมห่างกายและออกมาทำธุระส่วนตัวได้ ก็คือเวลาที่หนุ่มน้อยนอนหลับสนิทแล้วเท่านั้น

“แกนะแก นังแวว.. ซุ่มซ่ามจนทำให้คุณหนูตกใจตื่น เธอยิ่งไม่ปกติอยู่”
แม่บ้านทิพย์ต่อว่าสาวใช้
“โธ่! ป้า.. ฉันไม่ได้ตั้งใจ ทำยังไงดีล่ะ โทรบอกคุณทอมดีมั้ย”
“ไม่ได้นะ” นายเอ๊ดท้วงเมียรัก “คุณทอมกำลังคุยธุระสำคัญ เดี๋ยวไปขัดจังหวะและอาจทำให้เสียเรื่องได้”
นายเอ็ดเป็นคนเดียวในบ้านที่รับรู้เรื่องของเจ้านายมากที่สุด และวันนี้เขาก็ได้รับคำสั่งลับจากจิมว่า ถ้าแม็กกี้ตื่นก่อนหนึ่งชั่วโมงให้ถ่วงเวลาไว้จนกว่าจิมจะเป็นฝ่ายโทรมา..
“แล้วจะให้ทำยังไงดีล่ะ สงสารคุณหนูร้องไห้ใหญ่แล้ว เมื่อสองวันก่อนยังยอมให้ฉันนั่งอยู่ใกล้ๆ ด้วยเลย”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2010 10:57:03 โดย j-muay »

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #187 เมื่อ31-01-2010 11:01:22 »

ทุกวันนี้แม็กกี้ยอมให้ทุกคนในบ้านเข้าใกล้ได้ แต่นั่นหมายถึงต้องมีทอม อยู่ข้างๆ ด้วย แม้แต่จิมเองก็ยังไม่เคยอยู่กับเด็กชายสองต่อสองเลย
“นึกออกแล้ว โทรหาคุณจิมดีกว่า”
นายเอ็ดหาทางออกจนได้ คุณจิมเป็นคนเดียวที่จะช่วยแก้สถานการณ์เลวร้ายต่างๆ ในบ้านให้ดีขึ้นได้ เพราะเป็นคนเดียวที่เอาเจ้านายอยู่ ยอมให้คุณจิมโวยดีกว่าให้เจ้านายทอมโกรธ

 :เฮ้อ:

ทอมจ้ำอ้าวออกจากห้องแถลงข่าวโดยไม่สนใจเสียงเรียกของใครทั้งสิ้น
“ทอม.. เฮ้!.. รอด้วยซี..”
จิมวิ่งตามทอมที่กำลังเดินหายเข้าไปในลิฟท์
“ท่านหญิงเรียก นายไม่ได้ยินเหรอ..” จิมกล่าวด้วยน้ำเสียงหอบเล็กน้อย หลังจากวิ่งผลุบเข้ามาในลิฟท์อย่างฉิวเฉียด
“ช่างปะไร ฉันไม่สน หมดเวลาสำหรับเทพบุตรทอม แม็คกิลล์แล้ว นับจากนาทีนี้ไปฉันจะเป็นแด๊ดดี้ทอมของแม็กกี้คนเดียว"
ทอมยกมือขึ้นดูเวลาและตวาดใส่จิมด้วยอารมณ์โกรธ
"บอกแล้วใช่มั้ยว่าฉันให้เวลาแค่ชั่วโมงเดียว นี่มันปาเข้าไปเกือบสองชั่วโมงแล้ว"

ทอมก้าวออกจากลิฟท์ด้วยสีหน้างอหงิก เดินจ้ำอ้าวไปที่รถโดยไม่สนใจปั้นหน้าทักทายใครต่อใครที่พากันยิ้มให้นายแบบหนุ่มสุดฮอทแห่งปี จิมก้าวตามมาติดๆ รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ทอมกำลังโกรธและอารมณ์เสียมาก เหตุการณ์วันนี้เป็นเรื่องสุดวิสัยที่เขาเองก็คาดไม่ถึง

ทอมพยายามกดโทรศัพท์เข้าบ้านแต่สายไม่ว่าง เป็นเพราะนายเอ๊ดซึ่งพยายามโทรติดต่อจิมเมื่อครู่วางสายไม่สนิท ยิ่งทำให้ทอมหัวเสียมากขึ้น เพราะตอนอยู่ในงานทอมไม่มีโอกาสได้คุยโทรศัพท์เลย แต่ก็ยังรู้สึกวางใจเพราะเขาสั่งนายเอ๊ดไว้แล้วว่าให้โทรหาทันทีที่แม็กกี้ตื่น เมื่อไม่มีการโทรก็แปลว่าเด็กชายยังหลับอยู่

แต่ตอนนี้ในใจทอมร้อนรุ่ม เพราะเลยเวลาที่เด็กชายควรจะตื่นมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทอมบอกให้จิมเช็คโทรศัพท์ของตัวเองซึ่งลืมไว้ในรถว่ามีใครที่บ้านโทรมาหรือเปล่า จิมหยิบโทรศัพท์ขึ้นเช็คปรากฎเบอร์ที่บ้าน Miss Call 4-5 ครั้ง ในเวลาติดๆ กันเกือบหนึ่งชั่วโมงผ่านมาแล้ว ใจหายวาบจะบอกว่ามีก็ใช่ที่ ยิ่งจะทำให้อารมณ์เสียมากขึ้น ไหนๆ ก็กำลังจะกลับบ้านอยู่แล้ว จิมรีบปิดโทรศัพท์และยัดเข้ากระเป๋ากางเกงโดยบอกทอมว่าแบตหมดพอดี จึงถูกทอมด่า 2 คำสั้นๆ ว่า "ทุเรศ"

"ใครใช้สายวะ... แม็กกี้ตื่นหรือยังก็ไม่รู้ ขับเร็วกว่านี้หน่อยได้มั้ย จิม.."
"โอเค.. ทอม.. ใจเย็นหน่อยซี อย่ากังวลไปเลย แม็กกี้คงยังไม่ตื่นหรอก หรือถึงตื่นก็อาจจะนั่งดูทีวีอยู่ ไม่งอแงอย่างที่นายคิดก็ได้.."
"ขอให้เป็นอย่างที่พูดเถอะ รู้มั้ยว่านายทำให้ฉันเสียเวลา แทนที่จะช่วยตัดบทกลับปล่อยให้นักข่าวบ้าพวกนั้นตั้งคำถามงี่เง่าอยู่ได้"
"อย่าอารมณ์เสียซี ทอม.. เรื่องจบลงด้วยดีแล้ว ทุกคนประทับใจกับเรื่องของนายมาก นั่งฟังกันน้ำตาซึมเลยนะ.."
ทอมแค่นหัวเราะ
"ใช่ซี.. เรื่องจริงแค่ครึ่งเดียวของนายมันน่าประทับใจมากจริงๆ ลองให้ฟังเรื่องจริงทั้งหมดดูบ้างมั้ย ว่าจะยังประทับใจอยู่หรือเปล่า"
"ไม่เอาน่า ทอม.. มันดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ตอนนี้ มันทำให้นายได้ใช้ชีวิตอยู่กับแม็กกี้โดยไม่ต้องปิดบังหรือแคร์สายตาใครอีก ที่สำคัญเรื่องที่บอกไปวันนี้อยู่บนพื้นฐานของความจริง เราไม่ได้โกหกเพียงแค่บอกไม่หมดเท่านั้น.."

เหตุการณ์พลิกผันในวันนี้ ทำให้จิมไม่อาจปล่อยให้ทอมเป็นผู้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดด้วยตัวเองแม้จะซักซ้อมกันมาอย่างดีแล้ว เขาใช้ตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวขอเป็นผู้แถลงเรื่องราวทั้งหมดแทน โดยจะให้ทอมเป็นผู้ตอบข้อซักถามทีหลัง แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว คนตอบคำถามก็เป็นเขาอยู่ดี ทอมได้แต่นั่งผืนยิ้มอยู่ข้างๆ พยักหน้ารับทราบไปตามเรื่องตามราว

 :เฮ้อ:

…ทุกวันเกิดของปี ทอม แม็คกิลล์ จะมีกิจกรรมส่วนตัวคือเลี้ยงอาหารและมอบของใช้ให้กับเด็กกำพร้าและเด็กพิการตามสถานดูแลต่างๆ หากไม่มีเวลาไปด้วยตัวเองก็จะมอบเป็นเงินช่วยเหลือให้ เมื่อสองเดือนที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบ 27 ปี ย่างเข้าปีที่ 28 ของทอม ปีนี้ทอมมีเวลาว่างไปด้วยตัวเองและได้เลือกสถานที่ที่หลายท่านอาจไม่เคยนึกถึงมาก่อน สถานที่นั้นคือบ้านคุ้มครองเด็ก…

…ที่นี่… ทอมได้พบเด็กชายวัย 12 ปี อยู่ในสภาพที่น่าสงสาร มีคนพบเด็กถูกทำร้ายร่างกายนอนหมดสติอยู่ เด็กได้รับการช่วยเหลือพาไปรักษาตัวจนบาดแผลทางกายดีขึ้นและถูกพามาฝากไว้ที่บ้านคุ้มครองเนื่องจากเด็กมีอาการความจำเสื่อม นอกจากจะจำใครไม่ได้แล้วยังอยู่ในสภาพที่ช่วยตัวเองไม่ได้ ผู้ที่ให้การช่วยเหลือไม่สามารถดูแลเด็กในสภาพนี้ได้จึงพามาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิให้ช่วยดูแลและฟื้นความจำให้

…ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนั้น เด็กไม่ยอมให้ใครแปลกหน้าเข้าใกล้ ไม่เคยพูดหรือเอ่ยเรียกใคร แต่วันนั้นทอมสามารถยืนอยู่ตรงหน้าโดยที่เด็กไม่ร้องกลับจ้องมองทอมตาแป๋ว ก่อนจะผวาเข้าสวมกอดและเอ่ยคำพูดแรกออกจากปากว่า “แด๊ดดี้” เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความแปลกใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนเป็นอย่างมาก และมากยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเด็กไม่ยอมปล่อยมือจากทอมจนเจ้าหน้าที่ต้องมาช่วยแยกตัวออก แต่กว่าจะแยกออกได้ก็ทำเอาทอมตกใจจนขวัญเสีย เพราะเด็กชายเอาแต่กรีดร้องและร้องเรียกให้ทอมช่วย “ แด๊ดดี้.. ช่วยด้วย ”

…ทุกท่านในที่นี้คงเคยเห็นแต่รอยยิ้มมีเสน่ห์ของทอม แม็คกิลล์ คงไม่เชื่อใช่มั้ยครับว่าวันนั้นเทพบุตรทอมของพวกคุณนั่งน้ำตาซึมมาในรถ..

…ตั้งแต่กลับจากบ้านคุ้มครองวันนั้น ทอมเหม่อลอยและไม่มีสมาธิทำงาน ครุ่นคิดถึงเด็กชายคนนั้นตลอดเวลา หลับก็ฝันถึง จนในที่สุดก็ทนความต้องการของหัวใจไม่ไหว สั่งให้ผมยกเลิกแผนการเดินทางไปประกวดสุดยอดนายแบบโลกที่ญี่ปุ่น ยกเลิกงานที่รับไว้และงดรับงานใหม่ทั้งหมด…

….หลังจากเคลียร์งานที่ค้างไว้ทั้งหมดแล้ว ทอมกลับไปที่บ้านคุ้มครองอีกครั้ง ทันทีที่เด็กชายเห็นหน้าก็โผเข้ากอดและยังเรียกทอมว่าพ่อเหมือนเดิม ทอมไม่อาจผลักไสเด็กออกจากอ้อมกอดได้ ตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะช่วยเด็กให้พ้นจากการถูกทารุนไม่ว่าจากใครก็ตาม เพราะเมื่อความจำกลับคืนมาเด็กอาจต้องกลับไปตกอยู่ในสภาพเดิมอีก ทอมจึงขอรับอุปการะเด็กชายคนนั้นในฐานะบุตรบุญธรรมและพากลับมาพักอยู่ด้วยที่บ้าน ดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำให้จริงตามข่าวที่พวกคุณเขียนออกไป และนั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เทพบุตรทอมของพวกคุณตัดสินใจละจากเวทีแคทวอล์คก่อนเวลาอันควร…

“เด็กไม่มีพ่อแม่หรือไงครับ คุณทอมถึงต้องรับมาอุปการะ หรือว่าเด็กถูกพ่อแม่ทำร้าย ถ้าเป็นเช่นนั้นก็น่าจะเป็นญาติพี่น้องของเด็กที่จะมีสิทธิรับเด็กไปอุปการะ ทางมูลนิธิไม่น่าจะมอบเด็กให้คุณทอมซึ่งเป็นคนอื่น”

เจอคำถามแรกทอมถึงกับอึ้ง แต่จิมกลับหัวเราะและตอบคำถามกระจอกข่าวหนุ่มหัวหมอแทน

“เรากำลังพูดถึงเด็กที่อยู่ในบ้านคุ้มครองนะครับไม่ใช่เด็กในครอบครัวปกติ เราไม่ได้แย่งสิทธิในการเลี้ยงดูเด็กจากใคร และเหตุผลที่ทอมขอรับอุปการะก็เพราะกว่าครึ่งเดือนที่เด็กถูกส่งตัวมาพักฟื้นอยู่ที่บ้านหลังนั้น ไม่มีข่าวตามหาเด็กจากพ่อแม่ ญาติพี่น้องหรือคนรู้จักของเด็กเลย ทอมได้ตกลงกับทางมูลนิธิว่าจะขอดูแลเด็กจนกว่าจะมีญาติมาติดต่อขอรับไป ซึ่งตราบใดที่ยังไม่มีใครติดต่อมาสิทธิในการอุปการะดูแลเด็กในขณะนี้อยู่ที่มูลนิธิ ซึ่งทางมูลนิธิก็ได้ตรวจสอบและพิจารณาแล้วว่า ทอม แม็คกิลล์ สามารถดูแลและปกป้องเด็กได้…

…พวกคุณคงไม่รู้ว่าในแต่ละเดือน มูลนิธิคุ้มครองเด็กมีค่าใช้จ่ายสูงถึงกว่าสองแสนบาท มันไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอกหรือที่เราสามารถแบ่งเบาภาระให้กับสังคมได้ มีอีกเรื่องที่ผมคิดว่าพวกคุณควรรู้เพื่อยุติคำถามว่า ทำไม ทอม แม็คกิลล์ ถึงยอมทิ้งอนาคตและความฝันสูงสุดของตัวเองกับเด็กชายที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิต พวกคุณในที่นี้มีใครเคยสัมผัสความทุกข์เช่นนี้มั้ย คนที่คุณรักมากและเขาก็รักคุณมากที่สุด มองคุณเป็นคนอื่นไปแล้ว…

"ทอมอยากให้เด็กหาย เพื่อเด็กจะได้จำคนที่เขารักได้ เท่านั้นเองครับ"

เรื่องที่จิมบอกเล่าในวันนี้จำเป็นต้องบิดเบือนจากความเป็นจริงไปบ้างเพื่อรักษาภาพพจน์ของทอม เขาได้พูดคุยกับหมอมาริสาและขออนุญาตทางมูลนิธิไว้แล้ว ถึงความจำเป็นที่ต้องบอกกล่าวเรื่องราวของทอมให้ออกมาในรูปนี้ ซึ่งทางมูลนิธิไม่ขัดข้องเพราะยึดถือชีวิตและอนาคตของเด็กเป็นสำคัญ เหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับเด็กทุกคนในบ้านหลังนี้ ทางมูลนิธิถือเป็นจรรยาบรรณที่ไม่อาจเปิดเผยหรือให้ข้อมูลอื่นใดกับคนภายนอกที่ไม่ใช่ผู้ปกครองหรือญาติพี่น้องที่ใกล้ชิดของเด็ก....

 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #188 เมื่อ31-01-2010 11:09:46 »

ทอมโล่งอกเมื่อพบว่าแม็กกี้ยังนอนหลับอยู่ที่โซฟา แต่แปลกใจที่คนรับใช้มานั่งล้อมวงเฝ้ากันหมดทั้งบ้าน
"ทำอะไรกัน อย่าบอกว่ามานั่งเฝ้าแม็กกี้นะ"
"เอ่อ.. คือ ครับ เจ้านาย"
นายเอ๊ดอึกอัก ….ระเบิดลงแน่ถ้าเจ้านายรู้ความจริงว่าคุณหนูแม็กกี้ที่ดูเหมือนยังหลับไม่ตื่นอยู่นั้น จริงๆ แล้วนั่งร้องไห้อยู่เป็นชั่วโมงจนหมดแรงผล็อยหลับไป…..
"พวกเรามานั่งเฝ้าคุณหนูครับ"
"บ้าหรือเปล่า งานอื่นไม่มีทำกันหรือไง ฉันสั่งให้แววนั่งเฝ้าคนเดียวไม่ใช่เหรอ หรือว่า.. เกิดอะไรขึ้น.."

ลางสังหรณ์ของทอมไวมากเมื่อเห็นสีหน้าของแต่ละคน โดยเฉพาะสาวใช้แววก้มหน้าหลบทันทีที่เขาเอ่ยถึง

ทอมไม่รอคำตอบรีบเดินเข้าไปทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เด็กชาย เข้ามาใกล้จึงพบว่าเจ้าหนูอยู่ในท่านอนที่ผิดปกติ เสื้อผ้าเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อและยังฉี่รดจนแฉะนองไปทั้งโซฟาร์ เพียงแค่นี้เขาก็รู้คำตอบแล้วว่าทำไมทุกคนจึงมาอยู่กันพร้อมหน้า ทอมค่อยๆ ขยับร่างเด็กชายที่นอนตะแคงซุกหน้ากับหมอนขึ้น

..โอ! พระเจ้า!!! คราบน้ำตาและขนตาที่ยังเปียกชื้น ไม่ได้ทำให้ทอมรู้สึกตกใจเพราะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว ว่าแม็กกี้ต้องร้องไห้ถ้าตื่นขึ้นมาไม่เห็นหน้าเขา แต่ที่ทำให้รู้สึกโกรธจนระงับอารมณ์แทบไม่อยู่คือขอบตาทั้งสองข้างของเด็กชายบวมและแดงช้ำ บอกให้รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักและยาวนานจนหมดแรงผล็อยหลับไป

"เมื่อไร"
คำถามสั้นๆ แต่ไม่เจาะจงว่าถามใครทำให้ทอมไม่ได้รับคำตอบ เขายิ่งโกรธหนักเป็นทวีคูณ

"ฉันถามว่าเมื่อไร เอ๊ดดี้!!.. แม็กกี้ตื่นตั้งแต่กี่โมง ฉันสั่งไว้แล้วไม่ใช่หรือว่าให้โทรบอกทันทีที่ตื่น.."
"เอ่อ.. ขอโทษครับ ผมเกรงว่าเจ้านายอาจยังติดธุระสำคัญอยู่ กลัวจะขัดจังหวะทำให้เสียเรื่องครับผม"
"ใครสั่งให้แกสู่รู้และหวังดีขนาดนั้น หา!!!.."
"เอ่อ.. ค.. คุณจิมสั่งไว้ว่าถ้าเอาคุณหนูอยู่ก็ไม่ต้องโทรหา นอกจากไม่ไหวจริงๆ ครับ.."
ทอมเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มวาววับด้วยอารมณ์โกรธ จ้องเขม็งไปที่จิมซึ่งยืนกอดอกเฝ้าดูอยู่ห่างๆ
"ฉันสั่งเอง ทอม.." จิมตอบรับสั้นๆ โดยไม่ให้เหตุผลประกอบยิ่งทำให้ทอมฉุนหนัก
"…มาออกคำสั่งขัดกับฉันทำไม จิม.. รู้อยู่แล้วว่าไม่มีใครในบ้านเอาแม็กกี้อยู่นอกจากฉัน"
ทอมละสายตาจากจิมมาที่คนรับใช้ในบ้าน กวาดสายตาจ้องมองทุกคนที่นั่งอยู่ด้วยความรู้สึกเสียใจและผิดหวัง
"อุตส่าห์อยู่กันพร้อมหน้าทำได้แค่นั่งดูเด็กร้องไห้ สนุกนักหรือไง หา!!!.."

ทอมโกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ตวาดใส่เสียงดังลั่น ไม่เฉพาะคนที่ถูกต่อว่าเท่านั้นที่สะดุ้ง เด็กชายซึ่งหลับไปเพราะความเพลียก็สะดุ้งเฮือกตกใจตื่นเช่นกัน

ทอมใจหายเมื่อดวงตาคู่สวยซึ่งเปลี่ยนกลับเป็นสีน้ำทะเลสดใสเหมือนเดิมในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะนี้กลับกลายเป็นสีเทาหม่นอีกครั้ง ชั่วอึดใจร่างบางที่นอนนิ่งอยู่ก็สะอื้นอย่างแรง ทอมช้อนร่างเด็กชายขึ้นมาสวมกอดแนบอกและกระซิบปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"ไม่ร้องนะ แม็กกี้.. แด๊ดอยู่นี่แล้วครับ กลับมากอดลูกแล้วนะ เด็กดี.."
ทอมใจหายวาบเมื่อปฏิกิริยาที่แม็กกี้สนองกลับเหมือนเห็นเขาเป็นคนอื่น มือซ้ายของเด็กชายพยายามดันตัวเขาออก เท้าสองข้างเตะถีบไปมา จนจิมต้องเข้ามาช่วยจับขาไว้
"แม็ก.. แม็กกี้.. นี่แด๊ดนะ ลูก.. ดูก่อนซีครับว่าใช่หรือเปล่า เฮ้!.."
ทอมพยายามจะสบตาด้วยแต่แม็กกี้ส่ายหน้าหนีไปมา เสียงครางดังขึ้นเรื่อยๆ จนทอมตกใจ อ้อมกอดของเขาไม่เคยได้รับการปฏิเสธจากเด็กชายเลย นับตั้งแต่เริ่มคุ้นเคยกันเจ้าหนูก็ยินยอมให้เขากอดแต่โดยดี จริงๆ แล้วแค่กอดและกระซิบเบาๆ แม็กกี้ก็น่าจะจำได้แล้ว ทำไมวันนี้เด็กชายจึงมีอาการตื่นกลัวรุนแรงแบบนี้
"อย่าดิ้นหนีซี แม็กกี้.. นี่แด๊ดนะ.. จำไม่ได้เหรอลูก หือ.."

ทอมจูบหน้าผากและแก้มเด็กชาย พยายามเรียกให้รู้สึกตัวแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล แม็กกี้เริ่มกรีดร้อง ดวงตาเบิกโพลง ร่างกายสั่นเร่าๆ สีหน้าหวาดกลัวและเจ็บปวด โอ! พระเจ้า!!! หัวใจทอมแทบสลาย รู้สึกเหมือนตัวเองหลุดเข้าไปอยู่ในภวังค์ร้ายของเด็ก มองเห็นร่างเล็กบางในอ้อมกอดกำลังถูกไอ้เดนนรกกระทำทารุณอย่างโหดร้าย ร่ายกายและหัวใจของเขาสัมผัสถึงความเจ็บปวดของเด็กชายจนรู้สึกแน่นและเจ็บที่หน้าอก มือไม้สั่น

ทอมรีบปล่อยแม็กกี้นอนลงและผละลุกขึ้นมายืนตัวสั่นด้วยความตกใจ คนรับใช้ในบ้านแตกวงล่าถอยกันไปหมดแล้ว ไม่มีใครกล้าอยู่ขวางหูขวางตาในขณะที่จิมยังเฝ้าอยู่ใกล้ไม่ห่าง รู้สึกตกใจที่ทอมเอาเด็กชายไม่อยู่ ไม่เข้าใจว่าทำไม.. ทั้งๆ ที่แม็กกี้มีอาการดีขึ้นมากแล้ว แต่ถึงอย่างไรสภาพของสองพ่อลูกตอนนี้ อาการตกใจกลัวของพ่อดูท่าจะหนักกว่า ในขณะที่เด็กชายหยุดกรีดร้องและสงบลงเล็กน้อยแล้ว แต่ยังส่งเสียงครางและนอนตัวสั่นอยู่บนโซฟาร์

"ทอม.. ทอม.."
จิมเอ่ยเรียกเบาๆ เมื่อเห็นทอมยืนหน้าซีดเหงื่อซึมเพราะออกแรงกอดปล้ำกับลูก จิมขยับเข้าไปช่วยถอดสูทให้และพูดปลอบ
"ไม่เป็นไร ทอม.. รอให้แม็กกี้สงบลงอีกหน่อยค่อยเข้าไปปลอบ"
ทอมยืนนิ่งสบตาจิมด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของอีกฝ่ายหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
"จะโทรหาใครหรือ ทอม.. บอกซี ฉันต่อสายให้" จิมกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่ได้เอะใจว่ากำลังถูกตรวจเช็คโทรศัพท์อยู่
"หาเบอร์ใครเหรอ.." จิมเลิกคิ้วเมื่อทอมมีสีหน้าเครียดขึ้นและเดินถอยห่างออกไป
จิมใจหายวาบเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาบอกทอมไว้ว่าโทรศัพท์แบตหมด..
"เอ่อ.. ท.. ทอม.. หาเบอร์ใครเหรอ.." จิมแสร้งทำใจดีสู้เสือ ไหนๆ ก็หลีกหนีไม่พ้นอยู่แล้ว

แทนคำตอบ!!!   โทรศัพท์มือถือของจิมถูกเขวี้ยงลงพื้นอย่างแรง  หน้ากากแตกกระจาย  ตัวเครื่องอยู่ทาง  แบตอยู่ทาง จิมสะดุ้งเล็กน้อยมองตามตาปริบๆ เตรียมใจรองรับอารมณ์โกรธของทอม แต่ทอมกลับไม่มีโอกาสได้ใส่อารมณ์กับจิมในนาทีนั้นเพราะเสียงโทรศัพท์ที่กระแทกกับพื้นไม้ปาร์เก้อย่างแรง ไม่ได้ทำให้จิม ตกใจคนเดียว หากแต่เด็กชายที่นอนครางอยู่ก็สะดุ้งสุดตัวส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมาอีก

ทอมตกใจกับเสียงร้อง รีบถลาเข้าไปสวมกอดเด็กชายที่นอนตัวสั่นอยู่ด้วยความสงสารจับใจ
"แด๊ดอยู่นี่ แม็กกี้.. ไม่กลัวนะลูก .."
"ปล่อย~ ปล่อย~ ๆๆ "
ทอมใจหายเมื่อแม็กกี้ยังจำเขาไม่ได้
"นี่แด๊ดนะ แม็กกี้.. แด๊ดกลับมาแล้ว ลูก.. ดูซีครับว่าใช่หรือเปล่า"
ทอมพยายามสบตากับเด็กชาย ดวงตาสีเทาหม่นเหม่อมองอย่างไร้จุดหมายและความรู้สึก …โอ! พระเจ้า!!!.. แม็กกี้จำเขาไม่ได้แล้วจริงๆ…
ทอมสะอื้นไห้เสียใจและผิดหวังอย่างแรง รู้สึกเหมือนของมีค่าที่สุดในชีวิตกำลังจะหลุดลอยจากเขาไป
"ไม่นะแม็กกี้.. อย่าทำอย่างนี้.. อย่าทิ้งแด๊ดไป.. เพื่อลูก..แด๊ดยอมทิ้งทุกอย่างไปแล้ว ลูกทำอย่างนี้ไม่ได้นะ ลืมแด๊ดไม่ได้นะ แม็กกี้.. แม็ก.."
ทอมร่ำไห้สวมกอดเด็กชายแน่น ร่างเล็กในอ้อมกอดดิ้นขลุกขลักด้วยความหวาดกลัวและอึดอัด

จิมยืนอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้า แม้รู้ว่าทอมกำลังโกรธและไม่มีทางเชื่อคำพูดของเขาในเวลานี้ แต่เขาก็ไม่สามารถยืนนิ่งรอดูลูกชายที่จิตใจไม่ปกติช็อคไปในอ้อมกอดของพ่อเพราะตกใจกลัวและหายใจไม่ออก
"ทอม.. อย่าทำอย่างนี้ ปล่อยแม็กกี้ก่อน.." จิมเข้าไปรั้งเด็กชายออกจากอ้อมกอดที่รัดแน่นอยู่
"ไปให้พ้น!! " ทอมตะโกนไล่โดยไม่ยอมปล่อยเด็กชาย กลับกอดรัดแน่นขึ้นอย่างขาดสติ
"เพราะนาย.. แม็กกี้ถึงเป็นแบบนี้ นายมันงี่เง่า ลากฉันไปงานแถลงข่าวบ้าบอยังไม่พอ ยังเจ้าเล่ห์กับฉัน แกล้งลืมโทรศัพท์ไว้ในรถ โกหกฉันว่าไม่มีใครโทรหา ฉันเกลียดนาย จิมมี่.. ไปให้พ้น!!.. ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย "

จิมผงะ ถ้อยคำด่าว่าที่ออกจากปากทอมเวลาโกรธหรือหัวเสียอย่างแรง เขาได้ยินจนชินแล้ว แต่ 3 ประโยคสุดท้ายนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน แม้จะรู้สึกเสียใจและเจ็บปวดแต่ก็ไม่ใช่เวลาที่เขาจะนึกถึงอารมณ์และความรู้สึกของตัวเอง

"เรื่องของฉันไว้คุยทีหลังได้มั้ย ทอม.. ตอนนี้ปล่อยแม็กกี้ก่อน"
"ไม่.. แม็กกี้เป็นลูกฉัน ฉันไม่ปล่อย.. ไม่ยอมให้ห่างจากฉันอีกต่อไปแล้ว นายนั่นแหล่ะ ไปให้พ้น ไม่ต้องมาแนะนำดี ไม่ต้องมาห่วงชื่อเสียงของฉันอีก ฉันไม่สนใจ ฉันไม่แคร์อีกต่อไปแล้ว ออกไป.."

เด็กชายสะดุ้งเฮือกดวงตาเบิกโพลง เสียงตะโกนของทอมและอ้อมกอดที่รัดแน่นขึ้นทำให้ร่างบอบบางสะท้านและเกร็งด้วยความกลัวถึงขีดสุด เสียงพึมพำในลำคอ 2-3 คำ ก่อนที่ร่างเล็กบางจะอ่อนยวบลงพร้อมดวงตาที่ค่อยๆ หรี่ลงจนปิดสนิท ทอมใจหายวาบรีบคลายอ้อมแขนออก เห็นเด็กชายแน่นิ่งไปจิตใจก็ยิ่งไม่อยู่กับตัว

“แม็ก.. แม็กกี้.. ตื่นซีลูก.. ตื่น.. อย่าเป็นอะไรนะ ตื่น..”
“วางแม็กกี้นอนลง ทอม.. ฉันจะโทรตามหมอเดี๋ยวนี้”
“ไม่นะ.. ไม่ให้ตาม..” ทอมเงยหน้าขึ้นจ้องมองจิม ดวงตาคู่สวยคลอด้วยน้ำใสฉายแววขุ่นแค้นและโกรธเคือง
“อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันไม่ให้นายตามหมอ ไม่ยอมให้ใครมาพรากแม็กกี้ไปจากฉันอีกแล้ว รวมทั้งนายด้วย ไปให้พ้น”

จิมหมดความอดทน เทพบุตรของเขาขาดสติจนพูดดีด้วยไม่ได้แล้ว เขาจับข้อมือทอมกระชากขึ้นมาอย่างแรง และกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันที่อีกฝ่ายไม่เคยได้ยินมาก่อน

ฉันไปแน่ แม็คกิลล์.. นายจะไม่ได้เห็นหน้าฉันอีกตลอดชีวิตนี้เลย แต่ต้องหลังจากที่หมอมาริสาได้มาดูอาการของแม็กกี้แล้ว ถ้านายรักลูก อยากให้เขาอยู่กับนายจริงๆ ล่ะก็ รีบปล่อยเขานอนลง แล้วหยิบโทรศัพท์ของนายให้ฉันโทรหาหมอเดี๋ยวนี้ โทมัส..”

ทอมตาค้าง สติกลับคืนเพราะเสียงตะคอกของจิม
“ก.. ก็ได้.. ปล่อยมือซี ฉันเจ็บ..”
จิมคลายมือออกก็ปรากฎรอยนิ้วมือของเขาเป็นจ้ำรอบข้อมือของทอม
ทอมปล่อยแม็กกี้นอนลงและล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ส่งให้จิม ก่อนจะก้มลงไปกระซิบข้างหูเด็กชายด้วยน้ำเสียงสะอื้น
“อย่าเป็นอะไรนะ แม็กกี้.. จำแด๊ดไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ขอแค่ลูกสบายดีก็พอ ไว้เราค่อยทำความรู้จักกันใหม่ก็ได้ แด๊ดรักลูกนะ แม็กกี้.. รักสุดหัวใจเลย”

จิมกดโทรศัพท์หาหมอมาริสาด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หัวใจของคนที่เขารักกำลังจะแหลกสลายลงเพราะฝีมือของเขา เพราะความวุ่นวายเจ้ากี้เจ้าการของเขาจริงอย่างที่ทอมต่อว่า ถ้าแม็กกี้เป็นอะไรไปเขาจะไม่อภัยให้ตัวเองเลย

 :เฮ้อ:

ทอมขยับผ้าห่มคลุมร่างเล็กก่อนจะก้มลงจูบแก้มเนียนใสเบาๆ นึกภาวนาในใจขอให้ความจำของเด็กชายกลับคืนมาในตอนเช้า และตื่นขึ้นมาทักทายเขาด้วยรอยยิ้มและแววตาที่สดใสเหมือนเช่นทุกวัน

“ทำใจให้สบายนะคะคุณทอม ไม่มีอะไรเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่หรอกค่ะ นั่งร้องไห้หาพ่อเป็นชั่วโมง สำหรับเด็กจิตใจไม่ปกติอย่างแม็กกี้แล้ว ถือว่ากระทบกระเทือนความรู้สึกมากไปหน่อย แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ หมอให้ยาช่วยผ่อนคลาย เด็กได้นอนหลับพักผ่อนเต็มที่ ตื่นขึ้นมาอารมณ์และจิตใจจะดีขึ้น ถ้าหากยังจำคุณทอมไม่ได้จริงๆ อย่าตกใจนะคะ พูดคุยกับแกเหมือนที่คุณเคยคุยด้วย ครั้งนี้อาจจะแค่ไม่กี่ชั่วโมงแกก็จำคุณได้แล้ว หมอเชื่อว่าคุณทอมทำได้ค่ะ..”

“จิมล่ะ” ทอมถามหาจิมเมื่อรู้ว่าต้องนั่งทานอาหารเย็นคนเดียว
“คุณจิมออกไปส่งคุณหมอ ยังไม่กลับเลยค่ะ”

ทอมสั่งสาวใช้เก็บโต๊ะอาหารและเดินกลับขึ้นห้องไป รู้สึกหงุดหงิดและอารมณ์เสียไม่ใช่เพราะต้องนั่งกินคนเดียว แต่เพราะรู้ว่าจิมออกไปส่งหมอเองทั้งๆที่เขาสั่งให้เอ๊ดดี้ไปส่งแล้ว

ทอมเอนกายลงนอนข้างเด็กชายที่กำลังหลับสนิท เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับแม็กกี้เมื่อตอนบ่ายทำให้เขาขาดสติจนพูดจาต่อว่าจิมอย่างรุนแรง

…ฉันไปแน่ แม็คกิลล์ นายจะไม่ได้เห็นหน้าฉันอีกตลอดชีวิตนี้เลย แต่ต้องหลังจากที่หมอมาริสาได้มาดูอาการของแม็กกี้แล้ว…

ทอมใจหายวาบผุดลุกขึ้นนั่ง …หรือว่า… จิมจะไปแล้ว…
…ทุเรศนะ จิมมี่.. ถ้านายไป.. ฉันจะยิ่งโกรธนายอีกร้อยเท่า พันเท่า…

 :o12:

จิมรู้สึกโล่งอกเมื่อหมอมาริสายืนยันกับเขาว่า อาการของแม็กกี้ไม่น่าเป็นห่วง เป็นเพราะจิตใจได้รับความกระทบกระเทือนและตกใจมากไปหน่อย ภาพเหตุการณ์ร้ายจึงย้อนกลับเข้ามาในจิตสำนึกจนหลงภาพปัจจุบันไปชั่วขณะ

…ขอให้เป็นเช่นนั้นเถอะ ฉันไม่อยากผิดคำพูดที่ให้ไว้กับนาย ฉันจะจากไปได้ยังไง.. ตราบใดที่ความทุกข์ยังสุมอกนายมากขนาดนี้…

จิมรำพึงอย่างหมดหวัง ถ้อยคำด่าว่าทั้งตวาดและไล่ส่งอย่างโกรธแค้นของทอมทำให้จิมเริ่มมั่นใจแล้วว่า ความรู้สึกที่ทอมมีให้เขาเป็นแค่ความรักฉันเพื่อนสนิทไม่ได้พิเศษหรือลึกซึ้งเหมือนความรู้สึกที่เขามีให้ ความไม่พร้อมของทอมอยู่ที่จิตใจ และเมื่อใจไม่พร้อมก็อย่าหวังการตอบสนองทางกาย

จิมมองร่างสง่างามที่นอนเหยียดยาวอยู่ด้วยความรู้สึกรักใคร่และห่วงใย อิจฉาร่างเล็กบอบบางที่นอนอยู่ข้างๆ นับตั้งแต่วันแรกที่เหยียบย่างเข้ามาในบ้านแม็คกิลล์จนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 4 เดือนแล้ว แต่เพียงแค่ 4 เดือนเจ้าหนูก็สามารถจับจองเป็นเจ้าของหัวใจของทอม ในขณะที่เขายืนอยู่เคียงข้างทอมมานานกว่า 3 ปี ยังไม่มีโอกาสได้ก้าวเข้าไปในหัวใจของเทพบุตรที่เขาหลงรักเลย ป่านนี้ทั้งสี่ห้องหัวใจของทอมคงถูกแม็กกี้ยึดครองหมดแล้ว

…ถึงจะเข้าไปนั่งในหัวใจไม่ได้ ถึงจะถูกตะเพิดออกมา ฉันก็ไม่มีวันตัดใจ นายไม่รักฉันได้ แต่จะห้ามฉันไม่ให้รักนายไม่ได้หรอกนะ แม็คกิลล์…

แสงสลัวจากไฟกลางคืนที่หัวเตียงสว่างพอที่เขาจะเห็นใบหน้างามของเทพบุตรทอม แม้ในยามหลับสีหน้าก็ยังส่อแววกังวลและเป็นทุกข์ คิ้วเรียวขมวดมุ่นเล็กน้อย เสียงกรนเบาๆ แสดงถึงความเหนื่อยและเพลีย นับตั้งแต่วันที่ทอมรู้ว่าเด็กชายเป็นสายเลือดของตัวเองจริงๆ เกือบ 2 เดือนแล้วกระมังที่ทอมไม่ได้หลับอย่างเป็นสุขเลย ไหนจะต้องตื่นกลางดึก ไหนจะต้องตื่นเช้า หลายคืนที่เขาแอบเข้ามาจ้องมองทอมในยามหลับ คืนนี้สีหน้าทอมส่อแววทุกข์และเหนื่อยใจมากกว่าทุกคืนที่ผ่านมา รู้สึกสงสารจับใจจนอยากสวมกอดเอาไว้ อยากช่วยแบ่งเบาความทุกข์ อยากอยู่เคียงข้าง ไม่อยากจากไปไหนเลย…

จิมจ้องมองใบหน้าของเทพบุตรแสนรัก ริมฝีปากบางสวยที่เผยอขึ้นเล็กน้อยเหมือนเชิญชวน ทำให้เขาห้ามใจไม่ไหวเผลอโน้มตัวลงช้าๆ

…ไปให้พ้นนะ ฉันเกลียดนาย จิมมี่.. ไม่อยากเห็นหน้านายอีก…

จิมชะงักเมื่อเสียงตวาดไล่ของทอมแว่บเข้ามาในโสตประสาท รีบผละขึ้นยืนและถอยห่างออกจากเตียง

…ตั้งแต่คืนพรุ่งนี้เขาต้องกลับไปนอนที่คอนโดของตัวเอง ถึงเวลาที่เขาต้องหยุดและถอยกลับมายืนอยู่กับที่แล้ว ที่ผ่านมาเขาวิ่งตามทอมตลอด ยิ่งวิ่งไล่ทอมก็ยิ่งหนี บางขณะเคยคิดว่าเขาจับทอมไว้ได้แล้ว แต่เปล่าเลย.. ที่จับและสัมผัสได้เป็นเพียงแค่ร่างกายเท่านั้น ที่สุดแล้ว.. การตัดใจเฝ้าแอบรักและคอยดูแลอยู่ห่างๆ อาจเป็นหนทางที่ดีที่สุด ที่จะทำให้การคบหากันระหว่างเขาและทอมยั่งยืนและยาวนานตลอดไป...


TBC>>>> 15

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #189 เมื่อ31-01-2010 11:17:36 »

แอรยสสสสสสสสสสสสสสส

เจ้หมวย อย่าทำร้ายแม็กกี้อีกเลย ขอร้อง

 :o12:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
« ตอบ #189 เมื่อ: 31-01-2010 11:17:36 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #190 เมื่อ31-01-2010 11:37:02 »

เจ้หมวยจะเลิกทำร้ายแม๊กกี๊แต่มาทำร้ายจิมมี่แทนใช่ไหม

ตอนนี้จิมน่าสงสารเกินไปแล้ว

ทำอะไรก็ไม่ดีซักอย่าง แถมทอมยังทำร้ายจิตใจอยู่บ่อยๆอีก


ออฟไลน์ sakiko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-25
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #191 เมื่อ31-01-2010 12:16:40 »


…ตั้งแต่คืนพรุ่งนี้เขาต้องกลับไปนอนที่คอนโดของตัวเอง ถึงเวลาที่เขาต้องหยุดและถอยกลับมายืนอยู่กับที่แล้ว ที่ผ่านมาเขาวิ่งตามทอมตลอด ยิ่งวิ่งไล่ทอมก็ยิ่งหนี บางขณะเคยคิดว่าเขาจับทอมไว้ได้แล้ว แต่เปล่าเลย.. ที่จับและสัมผัสได้เป็นเพียงแค่ร่างกายเท่านั้น ที่สุดแล้ว.. การตัดใจเฝ้าแอบรักและคอยดูแลอยู่ห่างๆ อาจเป็นหนทางที่ดีที่สุด ที่จะทำให้การคบหากันระหว่างเขาและทอมยั่งยืนและยาวนานตลอดไป...


จิม ของ ช้าน น น น น น น น   :serius2:

เราว่า จิม น่าสงสารมากกว่าแม๊คกี้อีก 

แง้ๆๆๆ

อ่านแล้วน้ำตาซึมเลย   :sad4:

ออฟไลน์ kungyung

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #192 เมื่อ31-01-2010 12:38:49 »

 :m15: :monkeysad: :sad11: :impress3: :o12:

nithiwz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #193 เมื่อ31-01-2010 17:25:01 »

เมื่อไหร่จะจำได้สักที  แม็กกี้  สงสารเธอเหลือเกิน   :m15:

1582

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #194 เมื่อ31-01-2010 21:17:43 »

สงสารทั้ง 3 คนเลย  เจ๊หมวยขา  อย่าใจร้ายกับคนอ่านเลยนะค๊า  :sad4:

คิดถึงหัวอกจิมแล้วยิ่งเศร้า  อยากกอดปลอบใจคุณจิมจัง  :กอด1:

ออฟไลน์ PeeYaR

  • >///<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-3
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #195 เมื่อ31-01-2010 22:12:12 »

โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
สงสารแม็กกี้อ่ะ สงสารทอมด้วย TT^TT
แต่ไม่ขอสงสารจิมได้มั๊ยอ่ะ เคืองจิมอ่าาาาาา
ทั้งๆที่เรื่องกำลังจะดีแล้วแท้ๆเชียว ถ้านายไม่ทำแบบนั้นเรื่องมันก็คงไม่แย่แบบนี้หรอก
ถ้าเกิดแม็กกี้อาการหนักกว่าเดิมจริงๆ มันจะไม่ยิ่งเศร้าไปกว่านี้หรอ
เข้าใจนะว่ารักทอมมานานอ่ะ
แต่อย่าลืมนะว่าแม็กกี้น่ะลูกแท้ๆของทอมเลยล่ะ เจอแบบนี้ก็ต้องโกรธมากเป็นธรรมดา
อย่ามัวแต่มานั่งน้อยใจทอม แต่มาช่วยกันหาทางแก้ปัญหาดีกว่านะจิมมี่
แค่นี้แม็กกี้ก็น่าสงสารเกินพอแล้วน้า TT^TT

ปล.รู้สึกว่าตัวเองอินเกินไปมั๊ย 555 พล่ามยาวได้อีก

bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #196 เมื่อ01-02-2010 02:40:59 »

เป็นกำลังใจให้ทั้ง แม็กกี้ ทอม แล้วก็จิม... :L2:

ปล. คนแต่งด้วยค่ะ... :L2:


ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #197 เมื่อ01-02-2010 08:13:19 »

สายใยรับ บทที่ 15..
 “ อ้อมกอดพ่อ.. เป็นยาวิเศษ 2 .. ”

---------------------------

ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก เสียงกรีดร้องดังโหยหวนอยู่ในลำคอเพราะถูกปิดปาก ด้วยผ้าเทปขนาดใหญ่ น้ำตาไหลพรากอาบสองแก้ม ร่างกายบอบช้ำและเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส  พยายามรวบรวมกำลังที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดถดร่างหนีแต่แล้วก็รู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุน พร้อมกับความเจ็บปวดแผ่ซ่านจากศีรษะลงไปทั่วร่างกาย  เสี้ยววินาทีก่อนที่สติจะดับวูบลง  ใบหน้าของทอม แม็คกิลล์ คือมโนภาพสุดท้ายที่เด็กชายนึกถึง

         “นี่ที่ไหน?..”

เด็กชายรำพึงด้วยความแปลกใจ เมื่อลืมตาขึ้นเห็นบรรยากาศรอบตัวเป็นเหมือนหมอกควันและไอสีขาว  ขยับตัวขึ้นนั่งก็รู้สึกสดชื่นและปลอดโปร่งเหมือนอยู่บนสวรรค์
มือเล็กคว้าควันสีขาวเล่นอย่างเพลิดเพลินอยู่ชั่วครู่ก็หยุดชะงัก เมื่อรู้สึกเหมือนมีใครกำลังเดินฝ่าหมอกควันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ร่างเล็กนั่งตัวแข็งใจเต้นตึกตัก บอกไม่ถูกว่าทำไมรู้สึกกลัวมากขนาดนี้ เหมือนตัวเองเพิ่งผ่านเรื่องโหดร้ายอะไรมาสักอย่างแต่นึกไม่ออก
   
เด็กชายนั่งตะลึงเมื่อร่างสูงสง่าก้าวมาหยุดยืนเบื้องหน้าตัวเอง ไม่ใช่เพราะเห็นปีกและวงแหวนสีขาวลอยอยู่เหนือศีรษะของร่างสง่างามนั้น และไม่ได้ตกใจที่รู้ว่าที่ที่นั่งอยู่นี่คือสวรรค์จริงๆ  แต่ตกใจและไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเพราะหน้าตาเทวดาเหมือนใครคนหนึ่งที่รู้จัก แต่รอยยิ้มที่อ่อนโยนแบบนี้ต้องไม่ใช่แน่นอน..

หนุ่มน้อยรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองเบาหวิว เมื่อถูกเทวดารูปงามช้อนร่างขึ้นไว้ในอ้อมแขน ปีกสองข้างของเทวดาหุบเข้ามาโอบตัวเขาไว้  ได้ยินเสียงกระซิบข้างหูเบาๆ ว่า 

         “หลับซะ เด็กดี.. ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้วนะ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป..”

..อา!!.. อุ่นจัง อยากอยู่ในอ้อมกอดนี้นานๆ ถ้าได้อยู่ด้วยตลอดไปจริง ๆ เราจะไม่กลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว..
เด็กชายรำพึงในใจก่อนเคลิ้มหลับไปในอ้อมอกอุ่น..

 :m1:

ทุกเช้าที่ทอมรู้สึกตัวตื่นขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมานี้  สิ่งที่ทำเป็นกิจวัตรแรกคือ หันไปสวมกอดร่างเล็กบางที่นอนอยู่ข้างกายและจูบอรุณสวัสดิ์เบาๆ   ส่วนใหญ่เด็กชายจะยังหลับอยู่ มีเพียง 2 ครั้งที่ตื่นก่อนและลุกขึ้นนั่งจ้องมองรอจนเขาตื่นโดยไม่ปลุกหรือสะกิดเรียกสักคำ  และเมื่อเขาลืมตาขึ้นเจ้าหนูก็ส่งยิ้มหวานให้แบบเดียวกับที่เขาทำเลย

   เช้านี้ทอมรู้สึกตัวตื่นขึ้นด้วยอารมณ์ไม่สดใสนัก ไม่รู้ว่าเมื่อคืนหลับไปตอนไหน  รีบหันดูเด็กชายที่นอนอยู่ข้างกายเห็นยังหลับอยู่ก็โล่งอก  ขยับเข้าไปสวมกอดและจูบเบาๆ ที่แก้มเหมือนทุกวัน  วันนี้เขาต้องการให้แม็กกี้เป็นฝ่ายตื่นขึ้นมาเห็นรอยยิ้มของเขาก่อนเหมือนทุกเช้าที่ผ่านมา และภาวนาขอ ให้เจ้าหนูตื่นขึ้นมาจำเขาได้เหมือนเดิม

   ทอมเลิกคิ้วเมื่อร่างเล็กในอ้อมแขนขยับเข้ามาซุกกับอก และพยายามจะกอดเขาด้วยแขนขวาที่ใส่เฝือกอ่อนอยู่  เสียงพึมพำเบาๆ
   “ให้อยู่จริงๆ นะ  ผมอยากอยู่ด้วย  อยากอยู่ที่นี่ตลอดไป”

   ..โอ! พระเจ้า.. เขาไม่รู้ว่าแม็กกี้ละเมอพูดประโยคเหล่านี้ออกมาได้ยังไง ไม่ใช่เสียงครางหรือร้องขอให้ช่วยเหมือนที่เคยได้ยิน  หากแต่เป็นถ้อยคำอ้อนวอนขอร้องถึง 3 ประโยคที่เขาฟังแล้วทั้งดีใจและเจ็บปวดไปพร้อมกัน
   “ให้อยู่ด้วยซีครับ ให้อยู่ตลอดไปเลย แด๊ดจะไม่จากลูกไปไหนอีกแล้ว และจะไม่ยอมให้ลูกจากไปไหนด้วย เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปเลยนะ แม็กกี้..”
   ทอมสวมกอดเด็กชายและกล่าวปลอบอย่างอ่อนโยน ร่างเล็กซุกหน้าอยู่กับอกเขาจึงไม่เห็นว่าเจ้าหนูลืมตาขึ้นแล้ว
   “ขอบคุณสวรรค์  ขอบคุณ..”
             ทอมพึมพำเบาๆ ความเข้าใจของทอมขณะนี้คือ แม็กกี้ยังจำเขาได้แถมยังมีอาการดีขึ้นด้วย 
            “ขอบคุณสวรรค์ด้วยครับ  ที่ช่วยให้เทวดาเหมือนคุณทอมของผม”
            เด็กชายเอ่ยขอบคุณสวรรค์บ้าง แต่ด้วยน้ำเสียงอู้อี้ฟังไม่ค่อยได้ศัพท์
   ทอมได้ยินชื่อตัวเองแว่วๆ รีบคลายอ้อมแขนและเงยหน้าเด็กชายขึ้นก็เห็นดวงตาสีน้ำทะเลจ้องมองเขาตาแป๋ว รู้สึกตื่นเต้นและยินดีเพราะสีของดวงตาบอกให้รู้ว่าอารมณ์และจิตใจของแม็กกี้กลับสู่ภาวะปกติแล้ว
   “ว่าไงนะ ลูก..”
   “เทวดาเรียกเด็กว่าลูก.. เหรอครับ”
   “อ.. เอ่อ..”
   ทอมอึ้งกับคำถาม แต่พูดได้เป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้ก็แปลว่าอาการของเด็กชายดีขึ้นแล้วอย่างน่ามหัศจรรย์
   “พูดถึงใครหรือ แม็กกี้.. เทวดาที่ไหนเหรอ หือ..”
   “คุณไม่ใช่เทวดาเหรอครับ  ที่นี่ไม่ใช่บนสวรรค์เหรอ”

   ทอมใจหายเมื่อรู้สึกว่าอาการเด็กชายดีขึ้นก็จริง แต่ความจำอาจยังไม่กลับคืนมาหรือสับสนมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาไม่มีวันหมดกำลังใจ     อย่างน้อยดวงตาคู่สวยที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ขณะนี้ก็มีชีวิตชีวาและสดใสมากขึ้น  แถมยังคุยจ้อได้ขนาดนี้  เขาควรคล้อยตามไปก่อนดีกว่า...

   “ถ้าลูกมีความสุข ที่นี่ก็คือสวรรค์ของลูก  อยากให้เป็นเทวดาหรือใครก็ได้ที่ลูกต้องการ”
   แม็กกี้จ้องมองเขาตาไม่กระพริบก่อนถามย้ำอย่างไม่แน่ใจ   
            “อยากให้เป็นใครก็ได้จริงเหรอครับ”
   ทอมยิ้มหวานให้  ก้มลงจูบหน้าผากเด็กชายเบาๆ
   “จริงซีครับ บนสวรรค์ทุกเรื่องเป็นจริงได้เสมอ  อยากให้เป็นเทวดาหรือใครก็ได้ที่ลูกรักและคิดถึงเขา  อยากเห็นหน้าเขา”
   เด็กชายนอนตะลึงจ้องมองเขาตาค้าง
   “ว่าไงล่ะ อยากให้เป็นใคร.. หลับตาแล้วอธิษฐานดังๆ ลืมตาขึ้นลูกก็จะได้เห็นหน้าคนคนนั้นเลย”
   ดวงตากลมคู่สวยหลับพริ้มลงทันที เหมือนรอคอยอยากจะอธิษฐานอยู่นานแล้ว
   “ผมบอกว่าอยากเห็นใครก็จะได้พบจริงๆ นะครับ”  เด็กชายถามย้ำอีกทั้งที่หลับตาเตรียมพร้อมแล้ว
   “จริงครับ”  ทอมรู้สึกตื่นเต้น คำตอบที่เขาต้องการได้ยินคือ  ..ผมอยากเจอแด๊ดดี้ครับ..
   “ผม.. ผมอยากเห็น..อยากเจอ.. คุณทอม แม็คกิลล์ ครับ”

   ครั้งนี้ทอมเป็นฝ่ายตะลึง  เกือบสองเดือนที่เฝ้าดูแลแม็กกี้มา เขาไม่เคยได้ยินชื่อตัวเองจากปากเด็กชายเลยสักครั้งไม่ว่าในยามหลับหรือตื่น แม้จะรู้สึกเสียใจที่แม็กกี้จำเขาในฐานะทอม แม็คกิลล์ ไม่ได้  แต่อย่างน้อยความทรงจำเรื่องพ่อยังอยู่  การที่เด็กชายเห็นเขาเป็นตัวแทนของพ่อ  เป็นเรื่องที่น่ายินดีและสร้างความสุขใจให้เขาอย่างมาก ดีกว่าที่แม็กกี้จะจำเขาในฐานะอะไรไม่ได้เลย

   ทอมรู้สึกตัวเมื่อร่างเล็กในอ้อมกอดสะอื้นไห้ และกอดเขาแน่นเหมือนกลัวจะจากไป
   “ผมเสียใจครับคุณทอม.. ผมขอโทษที่แอบหนีไปไม่บอกลาคุณก่อน  ผมคงไม่มีโอกาสได้พบคุณทอมอีกแล้ว  แต่ผมก็จะคิดถึงคุณทอมตลอดไป”
   ..โอ!!.. พระเจ้า.. เด็กชายเรียกชื่อเขาพร้อมกับความทรงจำที่หวนกลับ คืนมา  ทอมตกใจและดีใจจนตั้งรับสถานการณ์แทบไม่ทัน
   “อย่าร้องไห้ลูก.. เอ่อ.. ไม่ร้องนะ แม็กกี้..”
ทอมใช้สรรพนามแทนตัวไม่ถูก เขาควรกลับไปเป็นคุณทอมเหมือน เดิมก่อน..
   “ฉันก็คิดถึงเธอ  คิดถึงมากเลย  สัญญานะว่าจะไม่หนีจากไปไหนอีก”
   แม็กกี้เงยหน้าขึ้นจ้องมองเขา  ใบหน้าฉ่ำนองด้วยน้ำตา
   “ผมต้องไปครับ ผมอยู่นานไม่ได้ สวรรค์คงไม่อนุญาตหรอก ผมตายแล้ว.. ฮึก.. ฮือ..”    ประโยคสุดท้าย.. เด็กชายสะอื้นโฮ
   ทอมเข้าใจแล้วว่าทำไมแม็กกี้จึงเอ่ยถึงสวรรค์และเทวดา เขาสวมกอดร่างเล็กแน่นและหัวเราะอย่างมีความสุข ในขณะที่เจ้าหนูนอนน้ำตาร่วงผล็อยอยู่ในอ้อมแขน   ทอมแนบแก้มตัวเองกับหน้าผากมนและกระซิบเบาๆ
   “คนตายแล้วที่ไหนตัวอุ่นแบบนี้ หือ.. สวรรค์ก็สวรรค์เถอะ ฉันไม่ให้เธอกลับไปซะอย่างใครจะทำไม  ถ้าจะเอาเธอไปต้องเอาฉันไปด้วย  บอกแล้วไงว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่จากกันอีกแล้ว เด็กดีของฉัน ฉันรักเธอนะ แม็กกี้ รักหมดหัวใจเลย..”

   แม็กกี้รู้สึกอบอุ่นและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ตัวเบาหวิวเหมือนกับจะลอยได้ 
    ...อา!!.. อุ่นจัง.. อ้อมกอดของคุณทอมจริงเหรอ.. ที่นี่ไม่ใช่สวรรค์เหรอ..  จะเป็นที่ไหนก็ช่าง..  จะเป็นใครแม็กไม่สนใจแล้ว อยากอยู่ด้วย..  อยากอยู่ในอ้อมกอดนี้ตลอดไปเลย...

 :m1:


ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #198 เมื่อ01-02-2010 08:18:09 »

แล้วทอมก็พบว่าความทรงจำของแม็กกี้กลับคืนมาเพียงบางส่วน จะด้วยความเมตตาของสวรรค์หรือพรศักดิ์สิทธิ์ที่เทพองค์ใดประทานให้ก็สุดแล้วแต่ ได้มอบความจำทุกเรื่องกลับคืนให้เด็กชายแต่เก็บความทรงจำที่เลวร้ายไว้

   แม็กกี้จำเรื่องราวก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ร้ายได้ทั้งหมด  จำได้ว่าตัวเองเป็นใคร เดินทางมาหาทอมเพื่ออะไร และเพราะเหตุใดจึงแอบหนีออกจากบ้านแม็คกิลล์ เด็กชายเล่าว่าตั้งใจจะเดินทางไปหาเพื่อนของแม่ที่เกาะ สมุย แต่ระหว่างเดินทางไปขนส่งเกิดอุบัติเหตุถูกรถจักรยานยนต์เฉี่ยวล้มลง  แม็กกี้คิดว่าตัวเองตายแล้วเพราะรู้สึกคลับคล้ายว่าเหมือนได้อยู่บนสวรรค์ ได้เจอเทวดาที่มีหน้าตาเหมือนคุณทอมเปี๊ยบเลย  แต่พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ในอ้อมกอดของคุณทอมบนเตียงแล้ว

   แม็กกี้จำเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับตัวเองรวมถึงช่วงเวลาที่ความทรงจำหายไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงจำไม่ได้ด้วยว่าได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่กับทอมที่บ้านแม็คกิลล์ในฐานะลูกชายนานเกือบ 2 เดือนแล้ว  และทอมเองก็ไม่ได้ใส่ใจจะบอกเพราะมัวแต่ตะลึงกับเรื่องราวที่เด็กชายบอกเล่า 
ทอมเพิ่งรู้ความจริงว่าเหตุการณ์ในคืนนั้นนอกจากเขาจะต่อว่าแม็กกี้อย่าง รุนแรงแล้ว เขายังเป็นคนออกปากไล่เด็กชายไปจากบ้านด้วย หลงคิดว่าเจ้าหนู หนีจากไปเพราะต้องการให้เขารับเด็กในท้องแคธรีนเป็นลูกอย่างสบายใจ

   “ขอโทษนะ แม็กกี้..  เรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้นฉันขอโทษ  ทำไมไม่อยู่รอคุยให้รู้เรื่องก่อน  หนีไปแบบนั้นรู้มั้ยว่าฉันเสียใจมากขนาดไหน..”
   “ผม.. ผมไม่ได้อยากหนี  ผมจำเป็นต้องไป..”
   “เด็กโง่.. จะบอกว่าจำเป็นต้องไปเพราะคิดจะเสียสละพ่อของตัวเองให้คนอื่นงั้นเหรอ.. หือ..”
   แม็กกี้หน้าแดงกับคำว่า  ‘พ่อของตัวเอง ’  ..หูฝาดไปหรือเปล่านะ..
   “ก็.. ผมไม่อยากให้เด็กคนนั้นเหมือนผม อยากให้เด็กได้อยู่กับพ่อตั้งแต่แรกเกิดพ่อจะได้รักมากๆ ครับ”
   ทอมใจหายวาบ ..คำพูดของเด็กชายเหมือนที่เขียนไว้ในจดหมายเลย..
   “ใครบอกหรือ แม็กกี้.. ไปเอาความคิดนี้มาจากไหน”   ทอมถามทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นคำพูดของตัวเองขณะเมาไม่มีสติ..
   “ก็.. คุณทอมเป็นคนบอก ว่าการเลี้ยงลูกต้องเลี้ยงตั้งแต่แรกเกิดถึงจะมีความรักให้ เด็กโตแล้วอย่างผม ถึงเป็นลูกก็ไม่รู้ว่าจะมีความรักให้ได้หรือเปล่า ผมเลยคิดว่าให้โอกาสเด็กในท้องดีกว่า..”
   น้ำเสียงเด็กชายสั่นเครือขณะกล่าว น้ำตาที่แห้งไปแล้วเอ่อล้นขึ้นมาอีก
   ..โอ!!.. พระเจ้า.. ทอมนึกเกลียดชังตัวเองจับใจ เขาสวมกอดเด็กชายไว้แนบอกละล่ำละลักกล่าวขอโทษ
   “ไม่จริงนะ แม็กกี้.. ไม่จริงเลยรู้มั้ย  ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นให้หมด อย่าไปเชื่อคำพูดของคนเมาไม่มีสติแบบนั้น หมอนั่นยังไม่ได้เป็นพ่อของลูก ไม่รู้หรอกว่าขึ้นชื่อว่า ‘ลูก’ แล้ว    ไม่ว่าจะได้อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดหรือเพิ่งได้พบเจอเมื่อโตแล้ว   ความรักที่มีให้ก็ไม่แตกต่างกันหรอก”
   ทอมรั้งเด็กชายออกจากตัวเพื่อสบตาด้วย
   “จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้นะ แม็กกี้..  แต่ขอให้รู้ไว้ว่าเด็กโตแล้วอย่างเธอ… ตอนนี้เป็นสุดที่รักของฉันแล้วนะ รู้มั้ย..”
   สีหน้าหนุ่มน้อยงงงวย    ทอมรีบเฉลยให้หายข้องใจ
   “ฟังให้ดีนะ แม็กกี้.. เด็กในท้องของแคธรีนไม่ใช่ลูกของฉัน  เธอแต่งงานกับพ่อของเด็กไปเรียบร้อยแล้ว  เด็กคนนั้นมีพ่อของตัวเองแล้ว  เพราะฉะนั้นไม่ต้องคิดเสียสละพ่อของเธอให้เด็กคนอื่นอีก..”
   “พ่อของผม..”  แม็กกี้พึมพาเบาๆ  คิ้วขมวดมุ่น 
   “หมายถึงคุณเหรอครับ.. เรายังไม่ได้พิสูจน์ความจริงกันเลย ผมอาจไม่ใช่ลูกของคุณก็ได้  แต่ถึงไม่ใช่ผมก็ไม่เสียใจหรอก  ผมดีใจที่ได้มารู้จักและได้เห็นตัวจริงของคุณครับ”
   “เอ๋!.. ไม่เสียใจจริงเหรอ.. พูดตรงกับใจหรือเปล่า หือ..”
   ดวงตาคู่สวยหลุบต่ำลงพร้อมกับเบือนหน้าหนี ทอมหันหน้าเด็กชายมาสบตาด้วย
   “ใจเธอเชื่อเต็มร้อยว่าฉันเป็นพ่อ  แล้วยังจะต้องพิสูจน์อะไรกันอีก”
   “ผมเชื่อเพราะแม่บอก..  ตอนเด็กๆ ผมเชื่อสนิทเลยแต่พอโตขึ้นผมชักไม่แน่ใจ  คิดว่าแม่อาจหลอกเพื่อให้ผมสบายใจก็ได้  ผมจึงอยากพิสูจน์ความจริง  ถ้าพิสูจน์แล้วไม่ใช่  ผมก็จะไม่เสียใจและไม่โกรธแม่หรอกครับ  ผมจะถือว่าแม่อยากให้คุณเป็นตัวแทนของพ่อ.. แต่คุณจะเชื่อผมง่ายๆ ไม่ได้นะครับ ผมเป็นเด็กแปลกหน้าสำหรับคุณ เพิ่งรู้จักกันไม่นานเอง..”
   “โอ!.. แม็กกี้..  เมื่อ 4 เดือนที่แล้วอาจจะใช่  แต่วันนี้.. นาทีนี้.. เธอไม่ใช่เด็กแปลกหน้าสำหรับฉันต่อไปแล้ว  ฉันยอมรับและเชื่อว่าเธอเป็นลูกแล้วนะ แม็กกี้.. เพราะฉะนั้นไม่ต้องพิสูจน์อะไรกันอีกแล้ว  ตั้งแต่วันนี้เรามาเป็นพ่อลูกกันนะ ..”
   หนุ่มน้อยมีสีหน้าตื่นเต้นและตกใจ  ทอมเห็นแล้วยิ่งหลงรักมากขึ้น  นึกไม่ถึงว่าคำพูดที่ออกจากปากเจ้าหนูจะกลายเป็นคำปฏิเสธอย่างแข็งขันไปได้
   “ไม่ได้ฮะ  ต้องพิสูจน์ความจริงก่อน  ผมไม่อยากเป็นภาระของคุณโดยที่ผมไม่ใช่ลูก ถ้าไม่พิสูจน์ผมก็อยู่กับคุณไม่ได้หรอก  ผมต้องไปจากที่นี่ ผมจะไปอยู่กับ..”
   ทอมใจหายอย่างแรง  เอามือปิดปากเด็กชายแทบไม่ทัน
   “ไม่นะ..  ไม่ให้ไป  ไปไหนไม่ได้นะ แม็กกี้..”

   ...โอ!.. พระเจ้า เป็นอย่างที่จิมบอกจริงๆ  เด็กชายวัย 12 ปี คนนี้กุมหัวใจเขาไว้แล้ว แค่บอกว่าจะไปเท่านั้นหัวใจเขาก็แทบจะหลุดลอยตามไปด้วย  จิตใจและอารมณ์ของแม็กกี้อาจยังไม่ปกติ  เขาควรโอนอ่อนและยอมตามใจก่อนจะดีกว่า

   “โอเค!!.. พิสูจน์ก็พิสูจน์  รอให้สุขภาพแข็งแรงกว่านี้อีกหน่อย เราค่อยไปตรวจดีเอ็นเอกันนะ โอเค..”
   ครั้งนี้เด็กชายพยักหน้ารับด้วยดี
   ทอมรั้งร่างเล็กเข้ามาสวมกอดด้วยความรักสุดหัวใจ  หลายสัปดาห์ที่เฝ้าดูแลเจ้าหนูในฐานะพ่อ ทำให้เขารู้สึกรักและผูกพันจนไม่อาจถอนใจและปล่อยเด็กชายให้หลุดมือจากไปได้อีก
   ...วันนี้.. เขา ทอม แม็คกิลล์  กลับเป็นฝ่ายโหยหาและต้องการความรักจากเด็กชายแม็คกิลล์ สแตนลีย์  อยากให้เจ้าหนูเชื่อและยอมรับเขาเป็นพ่อโดยไม่ต้องพิสูจน์ความจริงเลยด้วยซ้ำ...

   ... สวรรค์ลงโทษเขาอีกแล้ว...  คงแกล้งให้เขารู้จักและสัมผัสกับความรู้สึกอย่างเดียวกับที่แม็กกี้เคยรู้สึกกับเขามาก่อน ...

 :m17:

          “ผมอาบเองได้ฮะ”
   ทอมเลิกคิ้ว  นึกขึ้นได้ว่าเด็กชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเวลานี้กลับเป็นเจ้าหนูแม็กกี้คนเดิมแล้ว จึงยอมให้อาบเองแต่บอกว่าห้ามล็อกประตูห้องน้ำและเปิดแง้มไว้ให้เขาได้ยินเสียงด้วย

   ตั้งแต่พาเด็กชายกลับมาอยู่ที่บ้านแม็คกิลล์ในฐานะลูกชาย ตลอดเวลาที่ผ่านมา.. ทอมเฝ้าดูแลปรนนิบัติเจ้าหนูตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้าจนกระทั่งพาเข้านอนในตอนหัวค่ำ เขาทำทุกอย่างให้แม็กกี้ด้วยตัวเองจนกลายเป็นภาระ หน้าที่ที่ต้องปฏิบัติไปแล้ว  ไม่ใช่เพราะอาการบาดเจ็บที่แขนซึ่งเข้าเฝือกไว้ แต่เพราะเขาไม่อาจวางใจปล่อยให้เด็กชายวัย 12 ปี ที่มีวุฒิภาวะไม่ต่างจากเด็กเล็กทำอะไรด้วยตัวเอง  โดยเฉพาะไม่อาจปล่อยให้อยู่ในห้องน้ำเพียงลำพังได้

   ทอมเข้าไปช่วยเด็กชายแต่งตัวก็ถูกขัดขืนเล็กน้อยก่อนจะยินยอมด้วยดีเมื่อเขาแสร้งกล่าวด้วยสีหน้าน้อยใจ
   “แค่แต่งตัวให้ก็ไม่ยอม จะเป็นพ่อลูกกันในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว ถ้าไม่เปิดใจยอมรับพิสูจน์ไปก็ไร้ความหมาย..  หรือเห็นฉันอายุไม่มากพอที่จะเป็นพ่อของเธอได้ใช่มั้ย..”
   “เปล่านะฮะ.. ผมไม่ได้คิดแบบนั้นซะหน่อย ผมแค่แต่งตัวเองได้ ผมโตแล้ว..”
   “โตสำหรับใคร   คนเป็น ลูก ใช้คำว่าโตแล้วกับ พ่อ ไม่ได้หรอกนะ”
   ทอมสวมบทพ่อเอ็ดเด็กชายเสียงเขียว ทำเอาเจ้าหนูคอตกยินยอมให้ทอมผัดแป้งแต่งตัวให้แต่โดยดี
   “โอเค.. หล่อแล้วครับ”   ทอมจูบแก้มขาวนวลและหอมอีกหนึ่งฟอดอย่างชื่นใจ

            แม็กกี้หน้าแดงก้มหน้างุดเพราะความเขิน   :m13:
           ...นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่คุณทอม แม็คกิลล์ สุดยอดนายแบบคนดังกำลังจะกลายเป็นพ่อของแม็กจริงๆ แล้ว...

   “เอาล่ะ.. แด๊ดว่าเราไปเซอร์ไพรส์คุณจิมก่อนอาหารเช้ากันดีกว่าลูก..”

   แม็กกี้หูผึ่งกับคำว่า ‘แด๊ดและลูก’ เป็นคำที่แม็กรอคอยมานานแสนนาน ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณทอมยอมรับแม็กเป็นลูกได้อย่างสนิทใจทั้งที่ยังไม่ได้พิสูจน์ ความจริง  คุณทอมเรียกตัวเองว่า แด๊ด และเรียกแม็กว่า ลูก เหมือนเคยเรียกมาก่อนเลย   เหมือนเป็นพ่อลูกกันจริงๆ มาตั้งแต่เกิดด้วย...

 :m17:

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #199 เมื่อ01-02-2010 08:22:43 »

หมูพูห์จ๋า  เจ๊หมวยเลิกใจร้ายกับแม็กกี้แล้วน้า~ 
อ่านตอนนี้แล้วคงสบายใจ  นอนหลับฝันดีซะที

เพื่อน ๆ น้องๆ ทุกคนด้วย  นอนตาหลับกันได้แล้วนะ

 :เฮ้อ:

ไปทำงานก่อนนะ  บ่ายๆ มาต่อให้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
« ตอบ #199 เมื่อ: 01-02-2010 08:22:43 »





ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #200 เมื่อ01-02-2010 09:10:10 »

เป็นข่าวดีรับเช้าต้นเดือนที่วิเศษสุดครับเจ้หมวย

ขอบคุณมากครับ

 :กอด1:

rero

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #201 เมื่อ01-02-2010 11:32:16 »

วันนี้ดีใจที่เข้ามาอ่านตอนเช้า

ตามอ่านทันพอดี...
มีความสุขกับเรื่องดีดี ตอนเช้าจริงๆ

พ่อลูกคู่นี้น่ารักจริง ...เกิดมาเพื่อรักกันจริง ๆ

aekporamai2

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #202 เมื่อ01-02-2010 13:06:03 »

ขอบคุณครับ
 :L2: :3123: o13

bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #203 เมื่อ01-02-2010 13:27:52 »

ขอบคุณนะคะที่มาต่อให้ o13 :L2:
ยิ่งอ่านยิ่งหลงรัก ทั้งคุณพ่อคุณลูก  :กอด1:

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #204 เมื่อ01-02-2010 13:34:34 »

          “หลับแล้วเหรอ”
   จิมถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แม้ในใจจะยังรู้สึกขมขื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายวาน  หากแต่เป็นความรู้สึกส่วนตัวที่เขาต้องเก็บซ่อนไว้  วันนี้ทอมอารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใสทั้งวัน เพราะความทรงจำของแม็กกี้กลับคืนมาได้ราวกับปาฏิหาริย์  ทำให้เทพบุตรของเขาลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นจนหมดสิ้น

   ทอมทรุดตัวลงนั่งด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน หากสีหน้าฉายแววสุขใจเต็มเปี่ยม
   “กว่าจะยอมนอนได้ทั้งปลอบทั้งดุ  จะขอกลับไปนอนห้องเดิมของตัวเองท่าเดียว”
   “จะให้นอนกับนายตลอดไปเลยเหรอ”
   “เปล่า..  ก็แค่รออีกสักพัก  ให้สุขภาพแข็งแรงดีกว่านี้ก่อน”
   “สุขภาพของแม็กกี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนี่นา  ไม่อยากให้ลงมาอยู่ห้องเดิมก็ให้นอนห้องข้างๆ ซี”
   “ไม่อ่ะ.. ให้แน่ใจก่อนว่าแม็กกี้จะไม่ฝันร้ายอีก  ฉันกลัวว่าความทรงจำร้ายๆ  ยังหลงอยู่ในความฝันเค้า”
   จิมพยักหน้าเห็นจริงด้วย ความจำในเหตุการณ์ร้ายแค่ยังไม่กลับคืนมาเท่านั้น  อาจหลงเข้ามาในความฝันเมื่อไรก็ได้  ถ้าลืมได้เลยก็คงดีซีนะ..
   “โอเค.. ถ้าไม่มีอะไรแล้ว  วันนี้ฉันขอตัวกลับไปนอนที่คอนโดนะ”
   อารมณ์เบิกบานของทอมสะดุดลง  คิ้วเรียวขมวด
   “ทำไม.. ที่คอนโดมีอะไร..  ทำไมต้องไปนอนด้วย”
   จิมนึกขันกับท่าทีและคำถามของทอม คงลืมไปแล้วว่าคอนโดที่พูดถึงที่จริงแล้วคือบ้านของเขา
   “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่จะแวะไปนอนบ้าง  ไม่ได้เข้าไปดูแลเป็นเดือนๆ แล้ว”
   “ดูแล?  หมายถึงทำความสะอาดใช่มั้ย   ถ้าใช่.. พรุ่งนี้ให้เอ๊ดดี้พาแววไปจัดการซี  ทำไมต้องไปเองด้วย”
   “เอ่อ.. เปล่า ทอม.. ฉันจะไปนอนน่ะ ไม่ได้ไปทำความสะอาด”
   “นอน? ทำไมต้องไปนอนด้วย ถ้าจะแค่แวะไปดู ไปตอนกลางวันก็ได้นี่..”
             ทอมเปลี่ยนใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเอาแต่ใจตัวเองมากไป
            “โอเค.. จะไปก็ไป แค่คืนเดียวไม่เป็นไรหรอก พรุ่งนี้ต้องเข้ามาแต่เช้านะ  ฉันกับแม็กกี้จะรอทานอาหาร”
            “ทอม..”     จิมขยับเข้ามาใกล้จับมือทอมกุมไว้   
            “ฉันไม่ได้ขอกลับไปนอนที่คอนโดแค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้นนะ.. แต่ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป..”
   “อะไร?  พูดอะไรจิม.. ฉันไม่เข้าใจ”
   “ฟังนะ ทอม.. ฉันจะไปให้พ้นจากชีวิตของนายตามที่สัญญาไว้ แต่จะให้จากไปตอนนี้เลยฉันทำไม่ได้  ขออยู่ดูแลอีกสักระยะ แต่จะอยู่ห่างๆ ไม่สร้างความวุ่นวายให้นายอีกจนกว่าแม็กกี้จะหายดี  ถึงวันนั้น.. ฉันจะจากไปและไม่กลับมาให้นายเห็นหน้าอีก”

   ทอมนั่งตะลึง
   ...ไปให้พ้น!!..  ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย  ฉันเกลียดนาย จิมมี่...
   ..ให้ตายเถอะ!.. มันเป็นถ้อยคำต่อว่าที่รุนแรงจริงๆ  แต่เขาพูดไปเพราะอารมณ์โกรธนี่นา..  ไม่ได้หมายความตามที่พูดจริงๆ ซะหน่อย..
   “ทอม..  ทอม..”
             ทอมนั่งนิ่งไม่พูดจาใบหน้าขาวซีดจนจิมตกใจเขย่าเรียกเบาๆ
             “ทะ.. ทำไม~”   น้ำเสียงทอมสั่นเครือ   
             “คิดจะจากไปเพราะคำพูดของฉันงั้นเหรอ.. ฉันเสียใจที่พูดไม่ดีกับนายเมื่อวาน ตั้งใจจะขอโทษตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้คุย  วันนี้เห็นนายยิ้มและหัวเราะได้นึกว่าหายโกรธแล้ว..”   ทอมทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้   
   “ฉันยังไม่ได้จากไปไหนนะ ทอม.. แค่ขอกลับไปนอนที่คอนโดเท่านั้น  ยังมาหานายทุกวันเหมือนเดิม โอเค..”
   “ไม่โอเค ฉันพูดออกไปเพราะกำลังโกรธ ไม่ได้หมายความตามที่พูดซะหน่อย  นายทำเหมือนไม่รู้จักนิสัยฉัน”
   จิมลอบถอนใจ ทำไมเขาจะไม่รู้จักนิสัยทอม เขารู้ว่าคำพูดของคนที่กำลังโกรธและโมโหมักไม่ได้อยากให้เป็นตามที่พูดหรอก     ... ฉันรู้.. นายไม่ได้อยากให้ฉันจากไปจริงๆ หรอก ทอม..   นายไม่ได้เกลียดฉันด้วย  แต่ไม่ได้รักฉันอย่างที่ฉันรักนาย...   
ทอมออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
   “ฉันขอสั่งห้าม!!.. ไม่ให้นายกลับไปนอนที่คอนโด  แต่ถ้ายืนยันจะไปให้ได้ก็เชิญเลย  แล้วไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก  ไม่ต้องมาสร้างระยะห่างเพื่อรอเวลาไปจากฉัน  เก่งจริงก็จากไปวันนี้เลย..”
   “โอเค!!..”    จิมตอบรับสั้นๆ  และยิ้มให้เทพบุตรของเขา 
             ทอมใจหายวาบกับคำตอบน้ำตาร่วงผล็อยพร้อมอาการสะอื้น จิมตกใจขยับเข้าสวมกอดและกล่าวปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
   “อย่าร้องไห้ซี ทอม..”
   “ฉันขอโทษ จิมมี่.. ฉันไม่ได้อยากให้นายจากไปจริงๆ”  ทอมซบหน้ากับไหล่กว้างสะอื้นเหมือนเด็ก
   “นายไปแล้วฉันจะอยู่กับใคร ให้ฉันอยู่กับแม็กกี้สองคนเหรอ  แปลว่าที่นายบอกรักฉันเป็นเรื่องโกหกใช่มั้ย  หรือว่านายไม่รักฉันแล้ว ไม่มีคนรักกันที่ไหนทำกันแบบนี้หรอก  จู่ๆ ก็มาทิ้งกันไป ปล่อยให้ฉันอยู่กับลูกสองคน”
   จิมใจหายเมื่อถูกตัดพ้อด้วยเรื่องที่เขาแคร์มากที่สุดในชีวิต 
   “ไม่จริงนะทอม.. ไม่จริงสักนิด นายก็รู้ว่าฉันรักนายหมดหัวใจ รักนายคนเดียว  รักมาก.. มากที่สุดในชีวิต.. มากจนฉันตายแทนนายได้นะ ทอม..”
   ทอมผละจากอ้อมแขนแข็งแรงที่สวมกอดเขาอยู่ คิ้วเรียวขมวด ไม่เข้าใจคำพูดของจิมเพราะมันสวนทางกับการกระทำโดยสิ้นเชิง
   “รู้มั้ยว่าฉันเจ็บปวดแค่ไหน ที่ต้องตัดใจบอกลาจากนาย”
   “แล้วตัดทำไม  ทำไมต้องไปด้วย”
   “เพราะฉันรักนาย  ไม่อยากเสียนายไป  ไม่อยากให้นายเกลียดฉัน”
   สีหน้าทอมสลดลง  คำพูดของเขามักย้อนกลับมาสร้างความเจ็บปวดให้ตัวเขาเองเสมอ
   “ฉันขอโทษ ฉันไม่ดีเองชอบด่าว่านายด้วยอารมณ์ ฉันรู้ว่ามันเป็นการแก้ตัว  แต่.. แต่ฉันไม่ได้เกลียดนายจริงๆ นะ  จิมมี่..”
   จิมยิ้มอ่อนโยนมือใหญ่สัมผัสและลูบไล้แก้มขาวเนียนของเทพบุตรแสนรักเบาๆ
   “ฉันรู้ ทอม.. นายไม่ได้เกลียดฉัน”
“รู้.. รู้แล้วจะจากไปทำไม ถ้าเป็นเพราะคำพูดของฉัน  ฉันขอถอนคำพูดทั้งหมดเดี๋ยวนี้ก็ได้  ฉันไม่ได้เกลียดนาย  ไม่ได้อยากให้นายไปให้พ้น อยากให้นายอยู่เคียงข้างฉันกับแม็กกี้ตลอดไป.. ครั้งนี้ฉันพูดจริง ไม่ได้โกหก  ถ้าโกหกขอให้สวรรค์....”
   จิมเอามือปิดปากทอมและรั้งตัวเข้ามาในอ้อมกอด
   “ฉันโอเคไปแล้ว ยังจะสาบานอะไรอีก กับสวรรค์อย่าพูดโดยไม่คิดก่อน”
   “โอเค.. โอเคว่าจะไปจากฉันวันนี้เลยน่ะเหรอ..”  ทอมสะบัดตัวดิ้นหนีจากอ้อมกอดเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจ 
   “งี่เง่า!!.. ปล่อยนะ อุตส่าห์ขอโทษแล้วก็ยังไม่ยอม อยากไปก็ไปเลย ไปให้พ..”
   ทอมถูกปิดปากอีกครั้ง   ครั้งนี้ด้วยริมฝีปากร้อนของจิม
   “อือ~~ ”  ทอมรู้สึกดีกับสัมผัสที่ได้รับ ปลายลิ้นอุ่นไล้เลียริมฝีปากของเขาอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน  ก่อนสอดเข้ามาสำรวจภายในอย่างดูดดื่ม
   ทอมยอมนั่งนิ่งให้อีกฝ่ายสัมผัสแต่โดยดี ไม่คิดขัดขืนเพราะพบว่าความ รู้สึกจริงๆ ของตัวเองไม่ได้รังเกียจการกระทำและสัมผัสที่ได้รับจากจิมเลยแม้ แต่น้อย
   อารมณ์ของทอมเริ่มปั่นป่วน  สองมือทึ้งเสื้อจิมด้วยความลืมตัว  จิมรีบถอนริมฝีปากออกก่อนที่เทพบุตรของเขาจะขาดใจ ทอมไม่ชินกับการหายใจทางจมูกขณะถูกเขาจูบ  ซึ่งจะเป็นเฉพาะกับเขาเท่านั้น  กับผู้หญิงทอมไม่เคยมีปัญหานี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร
   ไม่รู้เป็นเพราะหายใจไม่ทันหรือเพราะความรู้สึกเสียวซ่านทางอารมณ์กันแน่จึงทำให้สีหน้าทอมแดงเรื่อ ดวงตาที่หลับพริ้มอยู่ช่างเชื้อเชิญเสียนี่กระไร  จิมเห็นแล้วต้องใช้ความพยายามอย่างสูงระงับอารมณ์ไว้  บอกตัวเองว่าไม่ใช่เวลานี้   เขาจับศีรษะทอมซบกับไหล่กระซิบถาม
   “ตกลงจะให้ไปหรือไม่ให้ไปกันแน่ หือ..”
   ทอมไม่ตอบแต่ส่ายหน้าไปมา
   “ก็บอกโอเคไปแล้วนี่นายังจะงอนอะไรอีก  ถ้าจะให้ฉันจากไปวันนี้เลยโดยไม่ต้องกลับมาให้นายเห็นหน้าอีก  ฉันคงขาดใจตายแน่แม็คกิลล์”
   “แปลว่า.. ไม่ไปแล้วใช่มั้ย”
   ทอมเอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบา ศีรษะยังซบนิ่งกับไหล่กว้างเพราะรู้สึกเขินที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ถ้าจิมไม่ได้เป็นฝ่ายผละออกเขาก็ยังยินยอมให้สัมผัสอยู่อย่างนั้น  ช่างน่าอายจริงๆ
   “ก็นายสั่งห้ามไม่ให้ไปฉันก็ไม่ไปแล้วไง..  แต่บอกอีกครั้งได้มั้ยว่านายไม่เกลียดฉัน..”
   “อือ..”   ทอมไม่บอกแต่ตอบรับสั้นๆ
   “ไม่เกลียดแล้วยังรักแบบคนรักเหมือนเดิมหรือเปล่า”
   จิมรุกคำถามต่อเพื่อความแน่ใจ  ทอมอึกอักเล็กน้อยก่อนตอบรับสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงในลำคอ
   “อื้อ..”
   จิมหัวเราะและสวมกอดเทพบุตรของเขาไว้ด้วยความรักสุดหัวใจ  อะไรจะเกิดต่อไปในอนาคตค่อยคิดแก้ไขเถอะ  ตราบใดที่ทอมยังต้องการให้เขาอยู่ใกล้  ถึงไม่มีความรักให้ฉันท์คนรักเขาก็ไม่คิดจากไป แค่ได้เฝ้ามองและเห็นคนที่ตัวเองรักมีความสุขเขาก็พอใจแล้ว

 :กอด1:

ทอมเรียกสมาชิกในบ้านมาประกาศให้รับรู้ทั่วกันต่อหน้าเด็กชายว่าแม็กกี้เป็นลูกชายของเขา  ถึงจะยังไม่ได้พิสูจน์ความจริงแต่เขาเชื่อว่าแม็กกี้เป็นลูกจริง จึงขอให้ทุกคนปรนนิบัติและดูแลแม็กกี้ในฐานะคุณหนูของบ้านแม็คกิลล์ด้วย  เล่นเอาเด็กชายนั่งตะลึงทั้งตกใจและดีใจเพราะคาดไม่ถึง 

   เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้แม็กกี้ระลึกถึงเหตุการณ์ร้าย ทอมกำชับทุกคนในบ้านให้ปิดเรื่องที่เขาดูแลแม็กกี้ในฐานะลูกชายก่อนหน้าที่ความจำจะกลับคืน  รวมถึงห้ามพูดคุยและบอกเล่าถึงอาการป่วยที่ผ่านมาด้วย    เพราะอาจทำให้เด็กชายพยายามนึกถึงสาเหตุที่ทำให้ตัวเองป่วย 

   ณ เวลานี้แม็กกี้รับรู้แต่เพียงว่าตัวเองนอนป่วยไม่มีสติอยู่บนเตียงนานหลายสัปดาห์ เพราะสมองได้รับความกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุถูกรถจักรยานยนต์ชนในวันที่หนีออกจากบ้าน   คุณทอมตกใจและเสียใจมากที่แม็กกี้หนีไป   ถึงกับลงประกาศตามหาในหน้าหนังสือพิมพ์จนพบตัวและพากลับมาอยู่ด้วยที่บ้านตามเดิม คุณทอมยอมหยุดรับงานชั่วคราวเพื่ออยู่เฝ้าดูแลจนกระทั่งแม็กมีอาการดีขึ้น

   “อย่าทำอย่างนั้นอีกนะ แม็กกี้.. อย่าแอบหนีไปแบบวันนั้นอีก  รู้มั้ยว่าฉันกินไม่ได้นอนไม่หลับ คิดถึงและเป็นห่วงมากขนาดไหน”
   “ผมขอโทษครับ..”  แม็กกี้กล่าวเสียงอ่อย 
   “ผมจะไม่แอบหนีไปอีกแล้ว..  ถ้าต้องไปผมจะบอกลาคุณก่อน”
   “ไม่นะ ไม่ให้ไป!!..”  ทอมเอ็ดเสียงเขียวด้วยความลืมตัวทำเอาเด็กชายสะดุ้งและหน้าเสีย
ทอมรีบสวมกอดและกล่าวปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนลง นึกโกรธตัวเองที่มีนิสัยเจ้าอารมณ์แก้ไม่หายสักที..
   “ไปไหนไม่ได้นะ แม็กกี้.. เธอต้องอยู่ที่นี่  ฉันจะรับเธอเป็นลูกอยู่แล้วยังจะไปไหนอีก”
   “แต่ถ้าพิสูจน์แล้วไม่ใช่ล่ะฮะ”
   “ไม่สน ใช่หรือไม่ใช่ฉันก็รักเธอเหมือนลูกหมดหัวใจแล้ว  จะไม่ปล่อยให้เธอจากไปไหนอีก เข้าใจมั้ย แม็กกี้..”
   ทอมสวมกอดเด็กชายแน่น  อยากรู้เหลือเกินว่าถ้าแม็กกี้จำเหตุการณ์ตอนอยู่กับเขาในฐานะลูกชายได้  ยังคิดจะพิสูจน์ความจริงอยู่หรือเปล่า..

 :กอด1:

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #205 เมื่อ01-02-2010 13:45:26 »

จิมยืนกอดอกมองดูสองพ่อลูกนั่งนัวเนียกันอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์  ทอมกำลังสอนแม็กกี้เล่นเกมโดยเล่นให้ดูเป็นตัวอย่างก่อน   เด็กชายพยักหน้าหงึกๆ บอกเล่นเป็นแล้ว   แต่ทอมก็ยังไม่ยอมปล่อยมือให้เจ้าหนูเล่นเองซะที    เป็นครั้งแรกที่จิมได้เห็นแม็กกี้ยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุข  มีอารมณ์ร่าเริงสนุกสนานอย่างเด็กผู้ชายคนอื่นในวัยเดียวกัน ไหนจะรอยยิ้มที่เปี่ยมสุขของผู้เป็นพ่อเห็นแล้วไม่อาจละสายตาได้เลย

เจ้านายหนุ่มสุดหล่อของบ้านแม็คกิลล์อารมณ์ดี หัวเราะเล่นหัวกับลูกชายหนุ่มน้อยตลอดทั้งวันแบบนี้ ทำให้สมาชิกทุกคนในบ้านพลอยมีความสุขอารมณ์เบิกบานแจ่มใสไปด้วย

 :L1:

สองสัปดาห์ผ่านไป.. อาการบาดเจ็บที่แขนของแม็กกี้หายเป็นปกติแล้ว   ทอมอนุญาตให้เด็กชายย้ายไปนอนห้องข้างๆ เพราะเห็นว่าหลายคืนที่ผ่านมาแม็กกี้นอนหลับสนิทตลอดคืน ไม่มีอาการฝันร้ายอย่างที่เขาวิตก  หากแต่กลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมาทั้งทอมและจิมตกใจตื่นเพราะเสียงกรีดร้องของเด็กชาย  วิ่งเข้าไปดูก็พบเจ้าหนูกำลังตกอยู่ในภวังค์ร้าย ต้องปลุกขึ้นมาปลอบกันอยู่พักใหญ่กว่าจะหายตกใจ

แม็กกี้ไม่ยอมบอกว่าฝันเห็นอะไร บอกแต่ว่ากลัวและกอดทอมแน่น... จนทอมต้องพากลับไปนอนที่ห้องด้วยเหมือนเดิม  สีหน้าของทอมส่อแววกังวลใจและตื่นกลัวยิ่งกว่าเด็กชายซะอีก

   “รู้อะไรมั้ย ทอม.. ฉันไม่กังวลเรื่องที่แม็กกี้จะจำเหตุการณ์ร้ายได้เลย อยากให้จำได้เร็วๆ ด้วยซ้ำ เพราะอะไรรู้มั้ย”
   จิมสบตาเทพบุตรแสนรักของเขาและกล่าวอย่างมั่นใจ
   “ตราบใดที่มีนายอยู่ข้างๆ แม็กกี้จะรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เขาจะไม่กลัวอะไรถ้าได้อยู่ในอ้อมกอดของนาย  เพราะฉะนั้นเลิกกังวลซะ เตรียมสองแขนไว้กอดลูกเมื่อถึงเวลานั้นก็พอ..”
   “จริงเหรอ..”
   จิมหัวเราะหันไปมองเด็กชายที่นอนหลับอยู่ข้างๆ สีหน้าไม่ได้ส่อเค้าว่าเพิ่งผ่านอาการฝันร้ายมาเลย
   “ไม่จริงแล้วจะหลับปุ๋ยอย่างนี้ได้ยังไง  ให้ฉันปลอบจนถึงเช้าก็ไม่รู้ว่าจะยอมหลับหรือเปล่า”   กล่าวจบก็เอนตัวลงนอน 
   “นอนเถอะ ทอม.. เลิกวิตกกับเหตุการณ์ที่ยังมาไม่ถึง  ถึงเวลาจริงๆ มันไม่เลวร้ายอย่างที่นายกังวลหรอก”
   ทอมพยักหน้าหงึกล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย ถูกจิมขยับเข้าสวมกอดก็สะดุ้งรีบลุกขึ้นนั่ง
   “อ๊ะ!.. จะนอนต่อที่นี่เหรอ..  กลับไปนอนห้องนายซี จิม..”
   จิมส่ายหน้าและฉุดทอมนอนลง 
   “ไม่เอาอ่ะ..  ขี้เกียจ.. นอนด้วยกันสามคนนี่แหล่ะ”
   “แต่ว่า.. แม็กกี้..”   
   จิมเอามือปิดปากทอมไว้   
   “แม็กกี้นอนซ้าย ฉันอยู่ขวาเกี่ยวอะไรด้วย  ดีเสียอีก นายจะได้เลือกกอดได้ตามใจชอบไง  แต่ที่รู้ๆ ตอนนี้ฉันขอกอดนายก่อนนะ”
   ทอมแกะมือจิมออกและตวาดด้วยน้ำเสียงกระซิบ
   “ไม่เอา จะนอนด้วยก็ได้แต่ห้ามกอดห้ามแตะต้องตัวฉัน ไม่งั้นก็กลับไปนอนที่ห้องนายเลย ไป..”
   “ก็ได้.. ไม่กอดก็ได้..”   จิมกล่าวเสียงอ่อนและตะแคงข้างหันหลังให้  แปลว่าจะไม่ยอมกลับไปนอนที่ห้องแน่นอน
   ทอมลอบถอนใจ เขาไม่อยากให้จิมกอดหรือสัมผัสถูกตัวไม่ใช่เพราะไม่ไว้ใจจิม  แต่ไม่ไว้ใจตัวเองต่างหาก  จิมย่องเข้ามาขอนอนกับเขา 2 คืนแล้ว พอเห็นแม็กกี้ไม่ได้นอนด้วยก็ถือโอกาสเข้ามาอ้อนขอนอนด้วยทันที และที่เขาปฏิเสธไม่ได้ก็เพราะถูกจิมสัมผัสนี่แหล่ะ..
   “จิม..”
   จิมกำลังจะเคลิ้มหลับก็สะดุ้งกับเสียงกระซิบเรียก
   “หือ..”
   “โกรธหรือเปล่า”
   จิมขยับตัวนอนหงายก็เจอใบหน้าของเทพบุตรสุดรักอยู่ห่างไม่ถึงคืบ กระทั่งในความมืดสลัวยังงดงามได้ถึงเพียงนี้
   “เรื่องอะไร”
   “ฉันไม่ได้ไล่นะ  แค่ไม่อยากให้กอดเท่านั้น”
   จิมซ่อนยิ้ม  เขารู้เหตุผลว่าเพราะอะไรแต่แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ
   “แค่กอดเฉยๆ ทำไมไม่ได้ล่ะ หือ..”
   “ก็.. เอ่อ..”    ทอมกัดริมฝีปากตัวเอง  ...ใครจะบอกได้ล่ะว่าเพราะอะไร..
   “ไม่มีอะไร  ก็แค่ไม่อยากให้กอด เดี๋ยวแม็กกี้ตื่นขึ้นมาเห็น”
   ทอมให้เหตุผลตัดบทและล้มตัวลงนอน   จิมขยับเข้ามากระซิบข้างหู
   “ไม่ใช่กลัวมีอารมณ์เหรอ หือ..”
   ทอมสะดุ้ง  อ้าปากจะโวยก็ถูกมือใหญ่ปิดไว้
   “อย่าเสียงดังนะ เดี๋ยวลูกก็ตื่นหรอก  ไม่ใช่เรื่องน่าอายสักนิด ฉันเองแค่คิดถึงนายอารมณ์ก็เตลิดไปไกลแล้ว รู้มั้ย..”
   ทอมทั้งโกรธและอาย ถึงจะเป็นเสียงกระซิบก็เถอะ ถ้าแม็กกี้ไม่ได้หลับสนิทได้ยินเข้าจะทำยังไง  จิมนะจิม.. พอดีด้วยหน่อยก็ชักจะเหลิง  ทอมขยับแขนขวาศอกเข้าร่างสูง
   “อุ๊บ!..”    ครั้งนี้ทอมเป็นฝ่ายเอามือปิดปากจิมและกระซิบหยอก
   “อย่าเสียงดังนะ  เดี๋ยวแม็กกี้ตื่น..  นี่เป็นวิธีแก้อารมณ์ที่กำลังเตลิดให้กลับคืนมา รู้มั้ย..”
   จิมพยักหน้ารับทราบไม่ร้องไม่โวย  ทอมจึงปล่อยมือ
   ร่างสูงยันกายลุกขึ้นจากเตียงทั้งที่กำลังจุก
   “จะไปไหนอ่ะ”   ทอมถามเสียงดังด้วยความลืมตัว ลุกขึ้นนั่งตามก่อนลดเสียงลงเป็นน้ำเสียงกระซิบ
“หยอกเล่นแค่นี้ต้องหนีกลับห้องด้วยเหรอ”
   จิมก้มลงมากระซิบตอบ
   “วิธีของนายใช้ไม่ได้ผล  มันยิ่งเร่งเร้าฉันมากขึ้น รู้มั้ย.. ฉันทนไม่ไหวต้องหาทางถอนพิษออกแล้ว..”
จิมขยายความต่อด้วยการคว้ามือเทพบุตรของเขามาสัมผัสที่กลางลำตัว  ทอมสะดุ้งเฮือกใบหน้าร้อนผ่าวรีบชักมือกลับ  ถ้าไม่ติดว่าแม็กกี้นอนหลับอยู่คงส่งเสียงเอ็ดตะโรดังลั่นแล้ว ทอมกระโดดลงจากเตียงคว้ามือร่างสูงกึ่งดึงกึ่งลากไปที่ประตู
“ออกไป..   กลับไปห้องนายเดี๋ยวนี้เลย ไป..”
   ทอมถอนใจโล่งอกเมื่อจิมยอมออกจากห้องไปแต่โดยดี
   ...บ้าที่สุดเลย ถูกอัดจนจุกยังมีอารมณ์ได้ขนาดนั้น นายต้องเป็นซาดิสต์แน่ๆ เลย จิมมี่...

   แม้ทอมจะยอมรับกับตัวเองแล้วว่ามีความรู้สึกพิเศษกับจิมฉันท์คนรัก แต่จนถึงวันนี้เขาก็ยังไม่เปิดใจยอมมีเซ็กซ์กับจิมจนถึงขั้นสุดท้าย และจิมเองก็ไม่เคยบังคับหรือเอ่ยขอ บอกว่าจะรอจนกว่าเขาจะพร้อม แค่ได้เป็นฝ่ายปลดปล่อยอารมณ์ให้เขา จิมก็มีความสุขยิ้มไม่หุบทั้งวันแล้ว  แม้บางครั้งตัวเองจะอารมณ์ค้างเพราะความไม่พร้อมของเขาแต่จิมกลับไม่หงุดหงิด  ยังพร่ำบอกรักซ้ำไปมาจนทอมอายแทบจะแทรกที่นอนหนี

   สาเหตุที่จิมอารมณ์ค้างส่วนใหญ่เพราะคิดแต่จะมอบความสุขให้ทอมโดยไม่ได้ปลดปล่อยอารมณ์ให้ตัวเองไปพร้อมๆ กัน  บางครั้งทอมรู้สึกเหมือนตัวเองเห็นแก่ตัว  เขาน่าจะเป็นฝ่ายช่วยปลดปล่อยให้จิมบ้างแต่เขาก็ไม่ทำ เขาทำไม่ได้เพราะใจยังไม่ยอมรับการมีเซ็กซ์ระหว่างผู้ชายกับผู้ชายด้วยกัน  ซึ่งจิมเข้าใจดี  ความหมายของคำว่า ‘ขอแค่ได้รัก ’ ของจิมจึงหมายความรวมถึงขอแค่ได้เป็นฝ่ายให้ความสุขกับทอมก็เพียงพอแล้ว..

   คืนนี้ก็เช่นกัน จิมยอมกลับไปนอนที่ห้องแต่โดยดีคงเป็นเพราะอารมณ์ค้างไปแล้วเมื่อตอนหัวค่ำ ถ้าครั้งนี้ยังไม่ได้ปลดปล่อยอีกคงไม่ดีต่อสุขภาพจิตแน่   ป่านนี้คงกำลังถอนพิษให้ตัวเองอยู่ 
             ...ขอโทษนะ จิมมี่.. ฉันยังไม่พร้อมอ่ะ  ฉันทำไม่ได้... ยังไงก็ไม่ได้..

 :serius2:

เช้าวันหนึ่ง… ในสองสัปดาห์ต่อมา…

    เด็กชายกระโดดลงจากเตียงโผเข้ากอดทอมที่กำลังเดินออกจากห้องน้ำด้วยอาการตกใจกลัวสุดขีด น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม ร่างเล็กสั่นสะท้านละล่ำ ละลักให้ทอมช่วยด้วย
    :m15:“แด๊ดดี้ ช่วยด้วย..  ฮึก.. ฮือ.. ”
   ทอมเข้าใจว่าแม็กกี้ฝันร้ายเหมือนทุกครั้ง  หากแต่ประโยคชัดถ้อยชัดคำที่เด็กชายเงยหน้าขึ้นถามด้วยอาการสะอื้น ทำให้รู้ว่าวันที่เขาเฝ้ากังวลที่สุดมาถึงแล้ว
   “พวกมันจะมาอีกมั้ย  แด๊ดดี้..  มันจะมาทำผมอีกมั้ย  ผมเจ็บ.. ผมกลัว.. ฮือ..”
   “ไม่กลัวลูก.. ไม่ต้องกลัว”
             ทอมละล่ำละลักปลอบด้วยอาการตกใจเช่นกัน  พยายามตั้งสตินึกถึงคำพูดของจิมได้ก็ขยับแขนสวมกอดเด็กชายแน่นขึ้น
             “นี่บ้านเรา แม็กกี้.. ไม่ต้องกลัว ไม่มีใครกล้าเข้ามาทำร้ายลูก  ที่ผ่านมาเป็นแค่ฝันร้ายเท่านั้น  ลืมมันซะ แม็กกี้.. ลืมซะนะ..”
             ทอมช้อนร่างเล็กไว้ในวงแขนพามานั่งที่เตียง  เด็กชายกอดเขาแน่นเหมือนกลัวจะถูกใครตามมาทำร้าย
   “ไม่กลัวลูก.. ไม่ต้องกลัวนะ”   ทอมพร่ำปลอบและเช็ดน้ำตาให้  แต่เช็ดเท่าไรก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล
   “ผมไม่ได้ฝันร้าย..  ผมถูกทำร้ายจริงๆ  ผมถูกมัด ถูกไฟจี้ ถูก.. ถูก .. ฮึก.. ฮือ.. ช่วยด้วย!!.. ผมเจ็บ.. ผมจะตายแล้ว แด๊ดดี้  ฮือ..”
    :m15:  เด็กชายร้องครางดวงตาเบิกโพลงด้วยความกลัวสุดขีดเหมือนหวนกลับไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง
             ...โอ! พระเจ้า.. หัวใจทอมแทบสลายเมื่อร่างเล็กในอ้อมกอดเกร็งตัวดิ้นเร่าๆ  เขาจับศีรษะเด็กชายซุกไว้แนบอกและกระซิบปลอบด้วยน้ำเสียงสะอื้น
   “ไม่เป็นไร ลูก.. ไม่เป็นไรแล้ว มันจบลงแล้ว แด๊ดพาลูกกลับมาอยู่ที่บ้านเราแล้ว  ไม่มีใครกล้ามาทำร้ายลูกอีก  ไม่กลัวนะ แม็กกี้..  ไม่ต้องกลัว..”
   ทอมจูบซับน้ำตาที่แก้ม นอกจากพร่ำปลอบด้วยคำพูดแล้วเขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ดีไปกว่าการสวมกอดเด็กชายไว้แนบอก
    :m15:  “พวก.. พวกมันเผาสมุดของผมด้วย ... ฮือ.. มันบอกว่าถ้าผมไม่ร้องจะคืนสมุดให้  แต่.. แต่ผมเห็น.. มันเผาสมุดรูปแด๊ดไปแล้วอ่ะ.. ฮือ..”
   ทอมสะอื้นในอกเมื่อรู้ว่าเด็กชายห่วงและหวงสมุดที่มีรูปเขาเป็นตัวแทนพ่อถึงขนาดยอมเจ็บตัวเพื่อให้ได้สมุดคืน
   “โอ!.. แม็กกี้.. ยังต้องดูรูปในสมุดอีกเหรอ.. แด๊ดอยู่ใกล้ๆ กอดลูกอยู่นี่แล้วไงครับ..  ไม่ต้องกลัวนะ แม็กกี้..  ไม่มีอะไรแล้ว ที่นี่บ้านเรา แด๊ดไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องลูกอีก  ใครกล้ารังแกลูก  แด๊ดจะฆ่ามันให้ตายกับมือเลย..”
            ทอมไม่รู้ว่าเขาพูดประโยคสุดท้ายออกมาได้อย่างไร  รู้แต่ว่าเขาทำได้จริงอย่างที่พูดแน่นอน
   “ใช่!!.. ใครบังอาจแตะต้องแม็กกี้ของฉันแม้เพียงปลายเล็บ ฉันจะหักมันเป็นสองท่อนเลย..”
   ทอมสะดุ้งเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นเห็นจิมยืนยิ้มให้สีหน้าอ่อนโยนขัดกับน้ำเสียงและคำพูดที่ออกมา  น้ำเสียงที่ทรชนถ่อยคนใดได้ฟังแล้วไม่กล้าเสี่ยงแตะต้องแม็กกี้ของเขาแน่
   ทอมยิ้มให้จิมแทนคำขอบคุณ  คำพูดของเขาและจิมคงทำให้แม็กกี้คลายความหวาดกลัวลง มือเล็กที่ขยุ้มเสื้อคลุมเขาอยู่คลายออก ทอมรีบสัมทับ คำพูดของจิมเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้เด็กชายเชื่อมั่นและหายกลัวกับเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น
   “ไม่มีใครกล้ารังแกหรือทำร้ายลูกอีกแล้วนะ แม็กกี้..  นอกจากแด๊ดแล้วยังมีคนเยอะแยะในบ้าน  คุณจิมก็อยู่ด้วยทั้งคน ลูกไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้วนะ รู้มั้ย.. คุณจิมเป็นครูฝึกเทควันโดสายดำเชียวนะ ใครกล้าแตะต้องลูกมีหวังถูกหักเป็นสองท่อนจริงๆ  ไม่เชื่อก็ลองถามดูว่าคุณจิมทำได้จริงอย่างที่พูดหรือเปล่า..”
   ใบหน้าที่ซุกนิ่งอยู่กับอกทอมเงยขึ้นมองจิม  ดวงตากลมฉ่ำนองไปด้วยน้ำตา  จิมยิ้มอ่อนโยนและพยักหน้าให้   แม็กกี้หันมาถามทอมด้วยน้ำเสียงสะอื้น
   “ผมอยากเป็นเทควันโดสายดำได้มั้ย.. ผมจะหักมันเป็นสองท่อนด้วย..”
   ทอมอึ้งไปก่อนหัวเราะออกมาอย่างสุขใจ  คาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดนี้ แม็กกี้เลิกหนีและหันหน้าสู้แล้ว   แสดงว่าจะไม่กลัวและไม่ฝันร้ายอีกต่อไป
   “ได้เลยแม็กกี้.. ลูกต้องได้เป็นแน่นอน เราสมัครเป็นลูกศิษย์คุณจิมพร้อมกันเลยดีมั้ย  ใครกล้าเข้ามาทำร้ายลูกอีก เราช่วยกันหักมันเป็นสี่ท่อนเลยนะ”    ทอมเงยหน้าขึ้นกล่าวกับจิม
             “คิดค่าสอนเท่าไร จิม..  ฉันกับแม็กกี้จะสมัครเรียนเทควันโดนะ เตรียมชุดไว้ให้ด้วย..”
   ร่างสูงทรุดตัวลงเบื้องหน้าสองพ่อลูก 
   “ขอเปลี่ยนค่าสอนเป็นขอร่วมวงจัดการกับไอ้วายร้ายด้วยคนได้มั้ย แม็กกี้ ช่วยกันสามคนมันจะได้ถูกหักเป็นหกท่อนไง..”
   แม็กกี้มองจิมตาปริบๆ  ก่อนเอ่ยถามเบาๆ อย่างไม่แน่ใจ
   “แบบนี้มันก็ตายสนิทเลยซีฮะ..”
   “ใช่!!..”  ทอมประสานเสียงกับจิม
   “มันสมควรตายสนิท ใครบังอาจรังแกหรือทำร้ายลูกอีก มันต้องถูกหักหกท่อนแน่นอน..”   ทอมกล่าวย้ำให้เด็กชายมั่นใจและเลิกกลัว
   แม็กกี้คลายความหวาดกลัวลงแล้ว  เด็กชายยิ้มให้ทอมและซุกหน้ากับอกอุ่นอีกครั้ง
   “ผมไม่ได้อยากหนีไป ผมอยากอยู่กับแด๊ดดี้ อยากอยู่ด้วยตลอดไปครับ”
   ..โอ!.. พระเจ้า.. ความรู้สึกปวดร้าวเมื่อครู่มลายสิ้น  ทอมปลื้มปีติและสุขใจเหลือที่จะกล่าว  เพิ่งรู้ตัวว่าแม็กกี้เรียกเขาว่า แด๊ดดี้  แล้ว...
   “แด๊ดก็อยากอยู่กับลูกตลอดไปแม็กกี้.. ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้ว แด๊ดรักลูกและเชื่อว่าลูกเป็นลูกตั้งแต่วันแรกที่เล่าให้ฟังแล้วรู้มั้ย.. แด๊ดขอโทษที่ไม่กล้ายอมรับความจริง และยังทำร้ายจิตใจลูกมาตลอด ยกโทษให้แด๊ดนะ แม็กกี้..”
   “ผมไม่ยกโทษหรอก แด๊ดไม่ผิด.. ผมต่างหากอยู่ๆ ก็เข้ามาทำให้ชีวิตของคุณทอมวุ่นวายไปหมด  ทำให้นายแบบคนดังต้องกลายเป็นพ่อของลูกที่โตแล้วแบบผม  ถ้ามันทำให้แด๊ดดี้เสียชื่อเพราะเป็นเรื่องที่รับไม่ได้  ผมขออยู่ด้วยในฐานะอะไรก็ได้ครับที่ไม่ใช่..”
   ทอมปิดปากเจ้าหนูไว้ทัน
   “ชูว์~~  จะอยู่ในฐานะอะไรไม่ได้ทั้งนั้นนอกจากลูก.. เข้าใจมั้ย..”
   ทอมเช็ดคราบน้ำตาบนแก้มเนียนและก้มลงจูบเบาๆ  แม็กกี้ซุกหน้าลงกับอกทอม    ครั้งนี้เด็กชายซุกหนีเพราะเขินอาย   

เสียงปรบมือเปาะแปะของจิมดังขึ้น  ในที่สุดทอมก็ทำสำเร็จ  อ้อมกอดที่อบอุ่นและเปี่ยมด้วยความรักของทอมเป็นเหมือนยาวิเศษ ที่ช่วยรักษาจิตใจของเด็กชายให้คลายความเจ็บปวดและหวาดกลัวลงได้จริงๆ

ในที่สุดแม็กกี้ก็ได้พบกับความจริงที่เฝ้ารอคอยมาตั้งแต่จำความได้  เป็นความจริงที่ตัวเองต้องการแค่พิสูจน์ ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับการยอมรับและได้รับความรักตอบแทนกลับมามากมายขนาดนี้  ไม่ใช่แค่จากทอมผู้เป็นพ่อ..  แต่จากจิมและทุกๆ คนในบ้านแม็คกิลล์ด้วย

 :dad2:


>>>> 16

bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #206 เมื่อ01-02-2010 14:13:05 »

อ่านแล้วเคลิ้ม  :-[ ยิ้มไม่หุบเลย.... รู้สึกอบอุ่นจัง  :กอด1:

ต่อไปแม็กกี้น่าจะมีความสุขแล้วสินะ แต่เมื่อไหร่ทอมจะยอมจิมหว่า :z1:


ขอบคุณนะคะที่มาต่อให้รอบบ่าย (อู้งานมาอ่านเหมือนกัน คิกคิก)  :L2:

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #207 เมื่อ01-02-2010 14:31:12 »

ถามจริงๆ อ่านตอนนี้แล้วน้ำตาคลอกันบ้างมั้ย

ตอบตามจริงนะ  อย่าพูดปด   อยากรู้จริงๆ

 :teach:

bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #208 เมื่อ01-02-2010 15:11:35 »

เอาจริงๆนะคะ...

น้ำตาคลอมากช่วงที่
1.ไปรับแม็กกี้กลับมาจากโรงพยาบาลอ่ะค่ะ แบบว่าทอมต้องคอยดูแลทุกอย่างเลย
2.ทุกครั้งที่ทอมว่าจิมแบบแรงๆอ่ะค่ะ แล้วก็เวลาที่จิมบอกทอมว่าจะไปแล้วคอยดูห่างๆอย่างห่วงๆทำนองนี้อ่ะค่ะ...สงสารจิมมากมาย
เหมือนจะตอบไม่ตรงคำถามป่าวหว่า :m28:


แต่ว่าตอนล่าสุดที่มาโพสท์อ่านแล้ว อบอุ่นนะคะ เวลาที่ทอมคอยปลอบโยนแม๊กกี้อ่ะค่ะ  ทำให้ยิ้มได้มากกว่า :-[ :กอด1:

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #209 เมื่อ01-02-2010 15:32:16 »

ขอบคุณที่ชวยบอกเล่าความรู้สึก  เจ๊หมวย +2 ให้ค่ะ  บวกวันนี้ไปแล้ว  พรุ่งนี้ค่อยบวกให้อีก   o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด