[Novel] สายใยรัก & Love You Only และตอนตัวอย่างของ Love U Andy
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Novel] สายใยรัก & Love You Only และตอนตัวอย่างของ Love U Andy  (อ่าน 155161 ครั้ง)

ออฟไลน์ kungyung

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1756
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #60 เมื่อ21-01-2010 23:04:06 »

 :m15: :m15: :m15: :m15:

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #61 เมื่อ22-01-2010 10:13:04 »


สายใยรัก… บทที่ 5
"แผนร้าย… ของจิม "

--------------------



ไม่บ่อยครั้งนักที่สุดยอดนายแบบทอม แม็คกิลล์ จะได้มีโอกาสนั่งมองแสงสีตามถนนหนทางในยามค่ำคืน  ทุกครั้งที่ขึ้นรถเขามักจะผล็อยหลับไปภายในเวลาไม่นาน ขึ้นอยู่กับจิมว่าจะใช้เวลาพูดคุยบอกรายละเอียดของงานวันถัดไปให้เขานานแค่ไหน  วันไหนเห็นเขาเหนื่อยมากจิมจะบอกให้นอนพักเลยโดยไม่ชวนคุย จะบอกแต่เพียงสั้นๆว่าพรุ่งนี้มีงานเช้าหรือบ่ายเท่านั้น

วันนี้เขาไม่รู้สึกเหนื่อยเลยเพราะช่วงบ่ายมีงานถ่ายซ่อมปกหนังสือแค่หนึ่งช็อต ช่วงเย็นถึงหัวค่ำได้รับเชิญไปโชว์ตัวในงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จและต้อนรับการกลับบ้านของด๊อกเตอร์หนุ่มลูกชายตระกูลไฮโซชื่อดัง   งานนี้เขาไม่ได้ถูกเชิญให้มาเดินแบบเพราะเจ้าภาพมีเพื่อนนายแบบจากอังกฤษมาเดินให้  แต่ได้รับการขอร้องให้ช่วยขึ้นไปแจมเป็นคู่กับนายแบบและนางแบบโดยไม่ต้องเปลี่ยนชุดซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้เขาเหน็ดเหนื่อย  กลับรู้สึกได้ Relax และมีโอกาสได้รู้จักกับเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกันจากต่างประเทศ

นั่งอยู่ในรถนานกว่าสิบนาทีแล้วและทอมก็ไม่ได้หลับ แต่ตั้งแต่ขึ้นรถมาจิมพูดคุยกับเขานับคำได้ และที่พูดก็เป็นเพราะเขาถาม 
"พรุ่งนี้มีงานหรือเปล่าจิม.." เป็นครั้งแรกตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาที่ทอมต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถามตารางงานเอง

ทอมถามย้ำเพราะอีกฝ่ายนั่งเหม่อออกไปนอกรถ
"เอ่อ.. ฉันลืมบุ๊คไว้ที่บ้านน่ะ ถ้าจำไม่ผิดคิดว่ามี 2 งานช่วงบ่ายนะ เดี๋ยวกลับไปดูให้อีกที"

นั่งนิ่งกันไปอีกชั่วครู่ทอมก็อดรนทนไม่ไหวเพราะอีกฝ่ายผิดปกติไปอย่างเห็นๆ ไม่คุยเรื่องงานก็ไม่แปลก แต่นี่ไม่พูดคุยหยอกล้อ ไม่กระเซ้า ไม่แม้แต่จะจับมือเขาไว้อย่างที่เคยทำบ่อยครั้งในเวลากลางคืน

จิมชอบจับมือเขาบีบโดยอ้างว่าเป็นการถ่ายทอดพลังให้ ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกดีจริงๆ  และหลายครั้งที่ไม่ใช่แค่จับอย่างเดียวแต่ยกขึ้นจูบเอาดื้อๆ เพราะนึกว่าเขาหลับสนิทแล้ว

"เป็นอะไร จิม.."
"หือ.. เปล่านี่"
"โกหก ทำไมไม่พูดอะไรเลย คิดอะไรอยู่ หรือว่า… นายกำลังคิดหาวิธีจัดการกับแม็กกี้"
"ใช่.. ก็นายห้ามไม่ให้ใช้วิธีรุนแรงกับเด็กอีก จนป่านนี้ฉันก็ยังคิดไม่ออกว่าจะหาวิธีนุ่มนวลจัดการกับเด็กยังไง"
ทอมขยับเข้าไปกระแซะเอาใจเมื่อสำนึกขึ้นได้ว่าเป็นปัญหาส่วนตัวของเขาแท้ๆ แต่กลับต้องให้จิมช่วยจัดการให้
"ไม่เป็นไรหรอกจิม.. มีเวลาอีกตั้ง 3 อาทิตย์ ค่อยๆ คิดก็ได้"
จิมพยักหน้าให้โดยไม่กล่าวอะไร เอนศีรษะพิงพนักและหลับตา

ทอมอึ้งไปก่อนจะขยับตัวออกห่างและกระเถิบไปนั่งพิงประตูอีกด้านโดยไม่พูดอะไรอีก เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  จิมจึงหมางเมินและเย็นชาขนาดประชิดถึงตัวแล้วยังไม่ยอมสวมกอด.....ไม่แม้แต่จะยกมือขึ้นโอบไหล่เหมือนที่เคยทำทุกๆ ครั้งจนเป็นเรื่องปกติวิสัย



"ไง! ลุง พักร้อน 1 เดือน สมบูรณ์ขึ้นเยอะเลยนะ"
จิมกล่าวทักนายแก้วคนสวนที่ลากลับบ้านต่างจังหวัดไปนานกว่าหนึ่งเดือนตามคำสั่งของทอม
“เป็นพระคุณครับที่เจ้านายกรุณาเรียกผมกลับมา ผมอยู่ไม่ค่อยเป็นสุขเลยกลัวถูกเจ้าหนูแม็กเลื่อยขาเก้าอี้”
จิมหัวเราะลั่น กิริยาท่าทีผิดกับตอนอยู่ในรถเป็นคนละคน ทอมเห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้ ผละขึ้นตึกไปโดยไม่ทักทายและพูดจากับใคร
“เอ่อ.. คุณทอมคงจะเหนื่อยซีนะครับ ทำงานหนักทุกวันอย่างนี้ผมเป็นห่วงสุขภาพจริงๆ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกลุง วันนี้คุณทอมของลุงไม่ได้เหนื่อยหรอก เขาแค่หงุดหงิดเท่านั้น”

จิมทักทายและสั่งงานนายแก้วให้ดูแลงานทุกอย่างเหมือนเดิม โดยให้เด็กชายเป็นแค่ลูกมือช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ  เมื่อวิธีใช้เด็กทำงานอย่างหนักไม่ได้ผล เขาจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีใหม่แต่ก็ไม่ได้เร่งรัดหาวิธีจัดการอย่างที่ทอมเข้าใจ  ตั้งใจจะปล่อยให้เจ้าหนูพักผ่อนสบายๆ สักระยะ เพราะผลงานสุดท้ายที่เขาทำไว้ ยังรู้สึกละอายใจทุกครั้งที่นึกถึง  สองวันเต็มๆ ที่เด็กชายนอนซมไม่สามารถลุกจากเตียงได้ เนื่องจากฝ่ามือทั้งสองข้างเป็นแผลระบมและอักเสบจนไข้ขึ้น เขาต้องปฐมพยาบาลเด็กชายด้วยตัวเอง ไม่กล้าพาไปหาหมอเพราะอาการป่วยครั้งนี้ต่างจากครั้งที่แล้ว จะให้เขาบอกหมอว่าเด็กไปทำอะไรมาจึงมีสภาพเช่นนี้

จิมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อไฟในห้องสว่างขึ้น เทพบุตรทอมนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงนอนของเขา  แม้จะอยู่ในท่าที่ผ่อนคลายและดูเหมือนกำลังหลับสบาย หากแต่สีหน้ากลับส่อแววไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด

จิมทรุดตัวลงนั่งข้างๆ   ทอมรู้ว่าเขาอารมณ์ไม่ดีแต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร จะให้เขาอารมณ์ดีและเอ็นจอยอยู่ได้ยังไง  ในเมื่อบรรยากาศในงานเลี้ยงของกลุ่มไฮโซคืนนี้มีเหตุการณ์ที่ขัดตาขัดใจเขาอย่างมาก  และคนที่ทำให้เขาเสียความรู้สึกก็เป็นเทพบุตรสุดรักของเขาเอง

เริ่มจากการที่ทอมแนะนำเขากับเจ้าของงานรวมถึงกลุ่มหนุ่มสาวไฮโซ..ไฮซ้อ..ทั้งหลายว่าเขาเป็นผู้จัดการส่วนตัว  ทอมยกย่องและชมเขาต่อหน้าแขกในงานว่าที่มีชื่อเสียงและเป็นนายแบบชื่อดังในวันนี้ได้ก็เพราะเขา.. ฟังดูแล้วน่าภูมิใจไม่น้อยแต่เปล่าเลย.. ความรู้สึกของเขาในคืนนี้แทบไม่เหลือศักดิ์ศรีในตัวเอง  ไม่อยากเชื่อเลยว่าไม่มีใครสักคนจดจำหรือคลับคล้ายว่าเขาเคยเป็นนายแบบมาก่อน

การแนะนำของทอมยิ่งทำให้สายตาของกลุ่มไฮโซในงานคืนนี้ มองเขาเป็นแค่ลูกจ้างหรือผู้ติดตามของทอม แม็คกิลล์ สุดยอดนายแบบชื่อดังเท่านั้น จิมรู้สึกเหมือนตัวเองแปลกปลอมและเป็นส่วนเกินของคนในงาน ในขณะที่ทอมได้รับการยกย่องถูกล้อมหน้าล้อมหลัง  นอกจากในฐานะนายแบบที่มีชื่อเสียง   ทอม แม็คกิลล์ ยังเป็นลูกชายคนเดียวของท่านทูตจอห์น แม็คกิลล์ อดีตกงศุลใหญ่สหรัฐฯ ประจำประเทศไทย  จึงมีชาติตระกูลเป็นที่ยอมรับของกลุ่มไฮโซ   

จิมปลีกตัวออกมานั่งจิบไวน์เงียบๆ อยู่มุมห้อง และเพื่อไม่ให้เขาดูเหมือนหมาถูกเจ้าของทิ้ง เขาจำเป็นต้องทำทีเป็นนั่งคุยโทรศัพท์   เริ่มตั้งแต่เช็คคิวงานล่วงหน้าให้ทอมถึง 2 อาทิตย์และคุยสัพเพเหระกับเพื่อน แต่ระหว่างพูดคุยสายตาของเขาไม่ได้ละจากทอมเลย  ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาต้องจับจ้องเอาไว้เหมือนหมาหวงเจ้าของยังไงยังงั้น หวง...!!.. ใช่..เขาหวงทอม จะไม่ให้รู้สึกหวงได้ยังไง...  ในเมื่อรอบกายของทอมคืนนี้มีแต่หนุ่มสาวไฮโซที่กำลังหิวโซในเรื่องเซ็กซ์ทั้งนั้น

จิมรู้สึกฉุนและไม่สบอารมณ์อย่างมากเมื่อด็อกเตอร์หนุ่มเจ้าภาพของงานพร้อมด้วยเพื่อนนายแบบหนุ่มตาน้ำข้าวร่างบึ๊ก
ตามประกบทอมซ้ายขวาจนสาวๆ ที่ล้อมรอบอยู่ไม่สามารถแทรกเข้าแทนที่ได้ โดยเฉพาะด็อกเตอร์หนุ่มที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา  ไม่ต้องพูดคุยด้วยแค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นเกย์ เพื่อนนายแบบตาน้ำข้าวถ้าเดาไม่ผิดก็คงเป็นคู่ขา  สายตาของเจ้าด๊อกหนุ่มที่มองทอมหวานเยิ้มแทบจะหยด มือไม้ป่ายเปะปะไปทั่ว คนหนึ่งโอบไหล่ คนหนึ่งกอดเอว เขาหัวเสียและไม่พอใจกับภาพที่เห็นอย่างมาก ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมคนที่เขาโกรธกลับกลายเป็นทอม  อาจเป็นเพราะแทนที่จะหาทางเลี่ยงและลุกหนี ทอมกลับนิ่งเฉยยอมให้สองเกย์หนุ่มขี้หลีนั่งแทะโลมเหมือนพึงพอใจ

เขาพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไว้จนมีโอกาสได้สบตากับทอม จึงพยักหน้าให้ความหมายว่ากลับบ้านได้แล้ว  ซึ่งทอมก็เข้าใจรีบลุกขึ้นขอตัวกลับแต่โดยดี ไม่ดื้อดึงขออยู่ต่อเหมือนบางงาน 

จิมไม่สบอารมณ์อย่างมากถึงขนาดตลอดทางที่นั่งรถกลับบ้านอย่าว่าแต่จะพูดคุยเล่นเลย   แม้แต่คิวงานของวันรุ่งขึ้นที่เขาต้องแจ้งให้ทอมรับรู้เป็นกิจวัตรทุกวันเขายังไม่อยากเอ่ยถึง   ไอ้ด๊อกหนุ่มและคู่ขาบังอาจสวมกอดและหอมแก้มทอมตอนขอตัวลากลับเท่านั้นเขาก็รู้สึกโกรธมากแล้ว  แต่ที่โกรธและหัวเสียจนพูดอะไรไม่ออกก็เพราะทอมปฏิบัติตอบกลับไปแบบเดียวกัน

“โกรธฉันเรื่องอะไรเหรอ จิม..”
จิมสะดุ้งมัวแต่นั่งเหม่อและตกอยู่ในภวังค์จนไม่รู้ว่าเทพบุตรของเขารู้สึกตัวตอนไหน หันมาก็เห็นนอนท้าวแขนทำหน้าละห้อยอยู่ 
“บอกซี.. ฉันทำอะไรให้นายโกรธ ในงานเลี้ยงใช่มั้ย”
จิมสั่นศีรษะปฏิเสธ สำนึกได้ว่าจริงๆ แล้วเขาไม่มีสิทธิที่จะโกรธ
“ไม่จริง นายโกรธฉัน นายโกรธที่ฉันปล่อยให้นายนั่งอยู่คนเดียวใช่มั้ย ก็นายคุยโทรศัพท์ตลอดเลยอ่ะ มองไปทีไรก็ไม่ยอมวางสายซะที”
จิมหัวเราะกับคำตอบที่ทอมเฉลยให้ตัวเอง
“ไม่ใช่เหรอ.. ถ้างั้นเพราะอะไรล่ะ พูดซี... จิมมี่..” ทอมผุดลุกขึ้นนั่ง เริ่มอารมณ์ฉุนขึ้นตามนิสัย
“อยากรู้จริงๆ หรือ ทอม..”
ทอมพยักหน้า จิมจึงบอกเหตุผลที่ทำให้เขาไม่พอใจและหงุดหงิด ทอมอ้าปากค้างนึกไม่ถึงว่าเรื่องเล็กๆ
และไร้สาระเช่นนี้จะทำให้จิมโกรธเขามากจนไม่ยอมพูดด้วย
“ให้ตายเถอะ จิม.. นายคิดอะไรอยู่ รู้หรือเปล่าว่าด๊อกเตอร์อลงกรณ์กับคุณเคนเป็นเกย์และเขาก็เป็น..เอ่อ..คนรักกันน่ะ"
จิมแค่นหัวเราะ
“ฉันรู้”
“อ๊ะ ! รู้เหรอ.. รู้แล้วโกรธเรื่องอะไร ถ้าเป็นสาวๆ นั่งเบียดอยู่ข้างฉันก็ว่าไปอย่าง  แต่จะว่าไปแล้วนายไม่เคยใส่ใจเลยไม่ใช่เหรอว่าฉันจะยืนสังสรรค์อยู่ท่ามกลางหนุ่มหรือสาว ทำไมคืนนี้ต้องสนใจด้วย”

จิมอึ้งไป
...ถูกของทอม... ทำไมเขาต้องสนใจด้วย ที่ผ่านมาเขาไม่เคยใส่ใจทอมทุกฝีก้าว งานเลี้ยงกึ่งโชว์ตัวแบบนี้ บางครั้งเขาปล่อยให้ทอมอยู่ในงานคนเดียวด้วยซ้ำ เขาแค่ไปส่งหรือไปรับเท่านั้น  แต่มาในระยะหลังโดยเฉพาะช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ทอมมีงานมากและเหนื่อยจากงานทุกวัน  จนเขาต้องให้ความเอาใจใส่และดูแลทอมใกล้ชิดมากขึ้น ห่วงใยและใส่ใจดูแลทุกๆ เรื่อง  ในแต่ละวันภาระและหน้าที่ของเขาจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อทอมเข้านอนแล้ว

ระยะหลังนี้…จิมยอมรับว่าเขามีความสุขเวลาได้อยู่ใกล้ชิดทอม จนบางครั้งลืมไปเลยว่าเขาอยู่ในฐานะลูกจ้าง  ทุกวันนี้เขาแทบไม่อยากรับเงินเดือนจากทอม เพราะทุกเรื่องที่เขาทำให้ทอมวันนี้ ไม่ได้ทำตามหน้าที่แล้วแต่ทำด้วยใจ  ถ้าเขาไม่ได้ทำงานนี้ก็คงไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดทอม เมื่อไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่มีความสุข  แต่เหมือนสิ่งสำคัญบางอย่างในชีวิตขาดหายไป

ความรู้สึกที่เขามีให้ทอมในวันนี้จะเป็นความรู้สึกใดไปไม่ได้นอกจากความรัก ใช่!.. เขารักทอม  ไม่ใช่ในฐานะลูกจ้างกับนายจ้าง… ไม่ใช่ในฐานะเพื่อนหรือพี่ชาย... เขาเชื่อว่าทอมรับรู้และเข้าใจความรู้สึกที่เขามีให้ เพราะทอมไม่ใช่หนุ่มน้อยที่ยังอ่อนต่อโลก  ก่อนที่เขาจะมาร่วมงานด้วย ทอมเป็นนายแบบหนุ่มเสน่ห์แรงเปลี่ยนสาวควงไม่ซ้ำหน้า  มาในระยะหลังลดความเป็นเพลย์บอยลง หันมามุ่งมั่นเรื่องงาน ทอมรักงานเป็นชีวิตจิตใจ ตั้งใจเดินไปสู่จุดสูงสุดแล้วต้องทำให้ได้  แต่ถึงจะรับรู้ความรู้สึกของเขาทอมก็ไม่สามารถสนองตอบ กลับรู้สึกดีกับเขาแค่เพียงในฐานะเพื่อนและพี่ชายเท่านั้น 

"จิม.. จิม.." ทอมกระซิบเรียกเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งอึ้งไปนาน
"เอ่อ.. ขอโทษนะ ทอม.." จิมลุกขึ้นยืน
"จริงของนาย ทำไมฉันต้องโกรธด้วย ฉันไม่มีสิทธิจะรู้สึกอย่างนั้น ฉันเป็นแค่ลูกจ้างของสุดยอดนายแบบทอม แม็คกิลล์
หน้าที่ของฉันคือจัดคิวการทำงานและคอยอำนวยความสะดวกทุกๆ เรื่องให้นายเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นฉันไม่ควรเข้าไปยุ่ง  ที่จริงแล้วคืนนี้ฉันควรจะรออยู่ในรถ ไม่ควรสะเออะเข้าไปในงานด้วยซ้ำ สังคมชั้นสูงแบบนั้นมันไม่เหมาะกับคนชั้นต่ำอย่าง…"
"พอแล้ว…หยุดได้แล้วจิม.."
ทอมลุกพรวดขึ้นเอามือปิดปากผู้จัดการคู่ใจของเขาไว้ เพราะไม่อาจทนฟังต่อไปได้
"ทำไมต้องตัดพ้อขนาดนี้ด้วย ฉันไม่เคยคิดว่านายเป็นลูกจ้างเลยนะ นายโกรธฉันเรื่องนี้ด้วยใช่มั้ย
ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้นายเสียความรู้สึกนะจิม.. ฉันขอโทษ "
ทอมปล่อยมือออกยืนเผชิญหน้ากับจิม
"นายไม่ใช่ลูกจ้าง เพราะฉะนั้นนายมีสิทธิจะคิดยังไงกับฉันก็ได้ ถ้ามันทำให้นายมีความสุข แต่สำหรับคืนนี้ฉันแค่ไม่เข้าใจเท่านั้นว่านายห่วงอะไรกับเกย์สองคนที่นั่งประกบฉัน  ทั้งๆ ที่พวกเขาเป็นคู่ขากัน ถ้านั่งอยู่คนเดียวก็ว่าไปอย่าง"

อีกครั้งที่จิมแค่นหัวเราะ ทอมยังไม่รู้จักนิสัยของผู้ชายที่มีรสนิยมรักร่วมเพศว่ามีหลากหลายขนาดไหน  เขาเองก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาศึกษาและทำความรู้จักกับพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้  ถ้าไม่ใช่เพราะความรู้สึกและความต้องการของตัวเองเริ่มแปลกๆ ไป ที่จริงแล้วเขาไม่อยากจัดตัวเองอยู่ในกลุ่มรักร่วมเพศ  เพราะนอกจากทอมแล้วเขาไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวหรือเกิดจิตพิศวาสกับชายหนุ่มคนไหนเลยไม่ว่าจะหน้าตาดีขนาดไหนก็ตาม เขายังพอใจที่จะมีเซ็กส์กับผู้หญิงเหมือนผู้ชายธรรมดาทั่วๆ ไป

"เป็นคู่ขากันแล้วยังไง ทอม.. นายไม่ได้เห็นอย่างที่ฉันเห็น  ไม่รู้หรอกว่าทั้งสีหน้าและสายตาของเจ้าด๊อกและคู่ขาของมันแทบจะกลืนกินนายเลยทีเดียว และการที่นายแสดงกิริยาเหมือนยอมรับและไม่รังเกียจ รับรองได้เลยว่านายจะต้องได้รับเชิญไปงานเลี้ยงของเจ้าด๊อกอีกหลายงาน จนกว่าหมอนั่นจะได้กลืนกินนายสมใจ"
"จะบ้าหรือจิม.. นี่ฉันอยู่ในสายตาของนายตลอดเวลาเลยยังงั้นเหรอ ไม่อยากเชื่อเลย.. ฉันไม่ใช่เด็กหนุ่มไร้เดียงสานะ
ฟันหญิงมานับไม่ถ้วนแล้วฉันรู้ว่าฉันทำอะไรอยู่ ขอบใจที่เป็นห่วง แต่ไม่ต้องจับจ้องฉันทุกฝีก้าวแบบนี้ ฉันดูแลตัวเองได้"
"ขอโทษนะทอม.. ฉันไม่เคยจับจ้องนายแบบนี้มาก่อน เพิ่งจะมีงานเลี้ยงคืนนี้เท่านั้นที่ฉันรู้สึกผิดปกติตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าไปในงาน ฉันไม่เคยห่วงเวลานายอยู่กับผู้หญิง แต่กับผู้ชายประเภทนี้ฉันห่วง นายไม่แสดงทีท่ารังเกียจพวกเขาก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว แต่ก็ควรสงวนเนื้อตัวไว้บ้างไม่ใช่เปิดโอกาสให้จับต้องตามสบาย ป่านนี้เจ้าด๊อกนั่นคงเก็บไปนอนฝันหวานแล้ว"
"พอแล้ว จิมมี่.. พอซะที หยุดแสดงความเห็นในเรื่องไร้สาระได้แล้ว ที่นายพูดมาทั้งหมดนี่ฉันชักไม่แน่ใจแล้วว่า นายห่วงหรือหวงฉันกันแน่ "
"ทำไมฉันจะต้องสงวนเนื้อตัวอะไรนักหนา ถ้าร่างกายของฉันทำให้คนที่ได้พบเห็นหรือได้สัมผัสแล้วมีความสุข ก็ถือว่าฉันได้บุญไปด้วย  ใครอยากจะจับต้องอยากสัมผัสก็จับไป ฉันมี Limit ของฉัน นายเองก็น่าจะรู้ดี ฉันไม่เคยหวงตัวกับนายเลยไม่ใช่เหรอ.. แต่ฉันก็ให้เท่าที่จะให้ได้เท่านั้น  เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงว่าใครจะมากลืนกินฉันได้ง่ายๆ ถ้าฉันจะยอมให้ใครกลืน ฉันไม่ลืมหรอกว่านายอยู่หัวแถว นายต้องเป็นคนแรกของฉันเลยจิม.. ไม่ต้องห่วงนะ"

ทอมสวมกอดจิมเอาใจ  คิดว่านี่เป็นคำพูดปลอบประโลมที่ดีที่สุดแล้ว หารู้ไม่ว่าเป็นคำปลอบโยนที่ทำให้หัวใจของจิมแหลกสลายไม่มีชิ้นดี   

จิมอึ้งไปพูดอะไรไม่ออก ต้องใช้ความพยายามอย่างสูงข่มความเจ็บปวดให้คลายลงด้วยการยกแขนขึ้นสวมกอดและลูบหลังทอมไปมา ดูแล้วเหมือนทอมกำลังถูกเขาปลอบ แต่เปล่าหรอกเขากำลังปลอบใจตัวเองต่างหาก

"ลืมที่ฉันพูดทั้งหมดในคืนนี้ซะทอม.. ฉันจะไม่วุ่นวายเรื่องส่วนตัวของนายอีก พรุ่งนี้มีงาน 10 โมงเช้า นายควรพักผ่อนได้แล้ว"

จิมคลายอ้อมกอดจากเทพบุตรของเขา …ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาใกล้ชิดทอมในลักษณะนี้ เขาจะไม่สัมผัสหรือจับต้องทอมด้วยความเสน่หาอีกต่อไป เขาจะไม่ยอมเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่จ้องจะกลืนกินทอม  เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเขายืนอยู่หัวแถวของคนพวกนั้น ไม่รู้เลยจริงๆ …

"กู๊ดไนท์ ทอม.. ฉันจะปลุกนายตอน 2 โมงครึ่ง "
จิมเดินไปที่ประตู ชะงักเมื่ออีกฝ่ายร้องเรียก
"จะไปไหน จิม.. นี่ห้องนายไม่ใช่เหรอ.."
จิมหันกลับมาฝืนยิ้มให้
"ฉันคอแห้งน่ะ จะลงไปหาอะไรดื่มหน่อย ไปพักผ่อนได้แล้วนะทอม.. ดึกมากแล้ว"

จิมก้าวออกจากห้องในขณะที่ทอมยืนนิ่งไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง  เขาน่าจะดีใจที่จิมยอมปล่อยวางไม่วุ่นวายเรื่องส่วนตัวของเขาอีก แต่ทำไมความรู้สึกตอนนี้ถึงเจ็บลึกๆ ชอบกล…


 o7
 


ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #62 เมื่อ22-01-2010 10:27:34 »

จิมกระดกเหล้าผ่านเข้าลำคอทีเดียวหมดแก้ว ทั้งๆ ที่รู้สึกมึนและหัวหมุนจนนั่งทรงตัวแทบจะไม่อยู่แล้ว  ทำไมคำปลอบโยนที่เฉือนหัวใจประโยคนั้นยังไม่เลือนออกไปจากโสตประสาทเขาซะที 

….นายห่วงหรือหวงฉันกันแน่... ถ้าฉันจะยอมให้ใครกลืนกิน ฉันไม่ลืมหรอกว่านายอยู่หัวแถว นายต้องเป็นคนแรกของฉันเลยจิม ไม่ต้องห่วง…

ให้ตายเถอะ!.. นึกไม่ถึงเลยว่าความจริงใจที่เขามีให้ทอมตลอดเวลาที่ผ่านมา สำหรับทอมแล้วเขาไม่ได้วิเศษและแตกต่างไปจากชายหนุ่มที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศคนอื่นๆ ที่เข้ามารุมล้อมทอมเลย  เขาถูกทอมจัดอันดับให้อยู่หัวแถวด้วยซ้ำ ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีเหลือเกิน...

จิมรินบรั่นดีใส่แก้วที่วางเรียงกัน 5 ใบ เขาไม่ใช่คอทองแดงแต่ก็เคยเป็นนักดื่มตัวยง  ก่อนมาทำงานกับทอมเขาดื่มเกือบทุกวันแต่ไม่เคยดื่มจนเมา  หลังจากมารับหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวให้สุดยอดนายแบบผู้นี้เขาก็เลิกดื่ม  จะดื่มเฉพาะเวลาไปงานส่วนตัวแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น งานไหนมีทอมไปด้วยเขาจะไม่ดื่มเลย

"….ฉันเคยหลงคิดว่านายอาจมีใจให้ฉันบ้าง นายทำให้ฉันมีความหวังจนพร้อมที่จะรอ นานแค่ไหนฉันก็จะรอ… ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันคิดไปคนเดียว ฉันเพิ่งรู้ว่าทุกครั้งที่ฉันกอดและสัมผัสนาย ความรู้สึกของนายตอนนั้นคือ การทำบุญ…"

…ถ้าร่างกายของฉันทำให้คนที่ได้เห็นหรือได้สัมผัสแล้วมีความสุข ก็ถือว่าฉันได้บุญไปด้วย…

จิมรู้สึกสมเพชกับสภาพของตัวเองในเวลานี้ ถูกทอมตัดเยื่อใยด้วยการบอกว่าพบคนที่ชอบพอและถูกใจแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายเขาจะไม่เสียใจเท่านี้เลย…

"คุณจิมครับ.. คุณจิม.."
"อืมม์.."
จิมขานรับด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้เมื่อได้ยินเสียงเรียกเบาๆ ด้านหลัง หันไปก็พบเจ้าหนูแม็กกี้ยืนมองตาปริบๆ
"แม็กกี้เหรอ.. ว่าไง.. ดึกป่านนี้แล้วทำไมยังไม่นอน.."
"ผมลุกมาเข้าห้องน้ำครับ เห็นไฟเปิดอยู่เลยเดินมาดู ดึกมากแล้วนะครับ ยังนั่งดื่มอยู่อีกเหรอ.."
"หึ.. ไม่ใช่เรื่องของเด็ก กลับไปนอนซะไป"
"แล้วคุณล่ะครับจะนอนหรือยัง ถ้าจะนอนแล้วเดี๋ยวผมช่วยพาคุณไปส่งที่ห้องก่อนครับ"
แม็กกี้กล่าวอย่างมีน้ำใจเพราะเห็นคุณจิมเมามากแล้ว แต่เมื่อถูกย้ำให้กลับไปนอนอีกครั้ง  ด้วยสายตาและน้ำเสียงของคนเมาที่กำลังไม่สบอารมณ์ เจ้าหนูก็รีบหันหลังวิ่งกลับเข้าห้องทันที


 :m15:


เที่ยงคืนกว่าแล้ว…..

แม็กกี้ขยับตัวขึ้นนั่ง ลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกทีไร นอนต่อไม่หลับทุกที  แม็กเปิดไฟที่หัวเตียงและหยิบสมุดบันทึกใต้หมอนขึ้นมาเปิดดู เวลาที่ว่างจากงานแม็กจะนั่งเขียนบันทึกถึงแม่และพ่อ  บางทีก็เปิดอ่านและดูรูปเฉยๆ ทุกครั้งที่มองดูรูปคุณทอมในสมุดบันทึกของตัวเอง แม็กไม่เคยรู้สึกว่าเป็นคนอื่นเลยนอกจากพ่อ..  แต่ทำไมเวลาอยู่ใกล้คุณทอมตัวจริงกลับรู้สึกเหมือนเป็นคนอื่น อยู่ที่นี่นานกว่า 5 สัปดาห์แล้ว แม็กไม่เคยมองหน้าคุณทอมเต็มตาเลยสักครั้ง   ตั้งแต่คุณทอมชักสีหน้าไม่พอใจและจ้องแม็กด้วยสายตาขุ่นเคืองในวันแรกที่พูดคุยตกลงกัน ตั้งแต่วันนั้นมาแม็กไม่กล้ามองหน้าและสบตากับคุณทอมอีกเลย ได้แต่แอบมองอยู่ไกลๆ ถ้ามองก็แค่แว่บเดียวส่วนใหญ่จะก้มหน้ารับคำสั่งมากกว่า  แต่ตั้งแต่อยู่ที่นี่คุณทอมเคยสั่งงานด้วยตัวเองแค่ครั้งเดียว คือตอนที่ให้ไปหากุญแจกลางสนามในวันที่ฝนตก

"….แม่ครับ เหลืออีกแค่ 20 วันเท่านั้นผมก็จะได้พิสูจน์ความจริงแล้ว ผมจะอดทนจนถึงวันนั้นให้ได้…"
แม็กกี้สะดุ้งเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น รีบเก็บสมุดบันทึกไว้ใต้หมอนและลุกขึ้นไปเปิดประตู
"คุณจิม.."
แม็กเอ่ยเรียกด้วยความแปลกใจมากกว่าตกใจ ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณจิมยังนั่งดื่มเหล้าอยู่จนถึงเวลานี้ นี่มันผ่านมาชั่วโมงกว่าแล้วที่แม็กออกไปเข้าห้องน้ำ
"ยังไม่ขึ้นไปนอนอีกเหรอครับ"
"อืมม์… แม็กกี้.."
จิมยืนโงนเงนไปมาทรงตัวแทบไม่อยู่ แม็กกี้รีบเข้ามาช่วยประคอง กลิ่นเหล้าโชยคลุ้งจนหนุ่มน้อยต้องเบือนหน้าหนี
"ผมจะพาคุณขึ้นไปนอนนะครับ"
ร่างเล็กก้าวเท้าจะเดินออกจากห้อง แต่ร่างสูงใหญ่กลับเดินเข้าไปในห้องและรั้งเด็กชายตามเข้าไปด้วย
"อ๊ะ! คุณจิมจะไปไหนครับ ห้องคุณอยู่ข้างบน"
"ฉันจะนอนนี่ ขอฉันนอนด้วยคนนะ แม็กกี้.."
ร่างสูงล้มตัวลงนอนเหยียดยาวบนเตียงนอนของเด็กชาย หลับตาพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์

แม็กกี้ยืนเกาหัวไม่รู้จะทำยังไงดี จะวิ่งไปปลุกน้าเอ๊ดดี้ก็เกรงใจ ยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ก็นึกขึ้นได้ว่าจะต้องทำให้คุณจิมสร่างเมาก่อน

จิมเบือนหน้าหนีและใช้มือปัดผ้าออกด้วยความรำคาญ แต่แม็กกี้ไม่ยอมแพ้พยายามเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าให้ ถึงจะเมามากแต่จิมก็ยังพอมีสติ เขารู้ว่าเด็กชายพยายามจะช่วยให้เขาสร่างเมา

"คุณจิม.. คุณจิมครับ ค่อยยังชั่วหรือยัง"
"อืมม์…" จิมลืมตาขึ้นก็พบหนุ่มน้อยนั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงจ้องมองเขาอยู่
"คุณจิมรู้สึกตัวแล้ว ผมจะพาขึ้นไปบนห้องนะครับ"
เด็กชายลุกขึ้นยืนพยายามประคองจิมขึ้นจากที่นอน แต่กลับถูกอีกฝ่ายสวมกอดและรั้งเข้าไปซบที่ลำตัว
"อู๊ยย~~~ คุณจิมปล่อยซี ไปนอนที่ห้องคุณเถอะ สบายกว่านอนตรงนี้"
"ขอนอนด้วยคนนะ แม็กกี้.. เธอรังเกียจฉันเหรอ"
"ผมเปล่ารังเกียจ ก็ได้ครับ ถ้าคุณอยากจะนอน ผมจะออกไปนอนข้างนอก ปล่อยซีครับ คุณจิม.."
ร่างเล็กพยายามยันตัวขึ้น แต่ถูกจิมกอดแน่นไม่ยอมปล่อย
"อืมม์… ฉันอยากให้เธอนอนด้วย นอนด้วยกันที่นี่นะ แม็กกี้.."
จิมขยับเด็กชายนอนลงข้างๆ โดยให้อยู่ด้านในติดผนังห้อง เจ้าหนูขยับจะลุกขึ้นก็ถูกเขาดันให้นอนลง
"อื้อ.. อย่าดื้อซี แม็กกี้.. บอกให้นอนก็นอนซี"
แม้จะอยู่ในอาการมึนเมา แต่น้ำเสียงของจิมชัดถ้อยชัดคำจนหนุ่มน้อยต้องยอมนอนนิ่งๆ ตามคำสั่ง
"ดีมาก.. แม็กกี้.. รู้มั้ยว่านายเป็นเด็กที่น่ารักมาก ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากจะช่วยให้นายสมหวัง"

แม้จะรู้สึกยินดีที่คุณจิมเริ่มจะเห็นใจ แต่ตอนนี้แม็กกี้อยากจะลุกขึ้นเพราะรู้สึกอึดอัดมาก  เตียงเล็กแค่ 3 ฟุตไม่เหมาะที่จะนอนสองคนคนซะหน่อย คุณจิมตัวใหญ่นอนคนเดียวก็เกือบจะเต็มแล้ว ที่แย่กว่านั้นก็คือ อยู่ใกล้คุณจิมตอนนี้แม็กหายใจไม่ออกเพราะกลิ่นเหล้าคละคลุ้งไปหมด  ปกติทุกครั้งที่เข้าใกล้คุณจิมหรือแค่คุณจิมเดินผ่าน แม็กจะได้กลิ่มหอมอ่อนๆ บ้าง หอมฉุนบ้าง ล้วนแต่เป็นกลิ่นที่ดึงดูดให้เข้าใกล้ แต่ตอนนี้กลิ่นเหล้ากลบกลิ่นน้ำหอมจนหมดแล้ว

"คุณจิมครับ เตียงมันเล็กเกินไปนอน 2 คนไม่ได้หรอก คุณจะนอนไม่สบายนะครับ"
"ฉันไม่ต้องการความสบายทางกายหรอก แม็กกี้.. ขอแค่สบายใจก็พอ"

จิมขยับตัวนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาเด็กชาย ผ้าเย็นชุบน้ำทำให้เขาสร่างเมาขึ้นมาก สีหน้าลำบากใจของเจ้าหนู   ทำให้จิมรู้สึกขันและผ่อนคลายความทุกข์ใจลง เขาเอื้อมมือเสยผมหนุ่มน้อยไปมาด้วยความรู้สึกเอ็นดู

"รู้มั้ยอะไรมั้ย แม็กกี้.. นายเป็นเด็กดีและน่ารักมาก ไม่ได้เกเรและจอมแสบอย่างที่ฉันคิดไว้ตอนแรกเลย"

แม็กกี้นอนนิ่งไม่ตอบอะไร รู้งี้..ไม่ทำให้สร่างเมาดีกว่า ปล่อยให้หลับไม่มีสติไปก็จบเรื่องแล้ว

ขณะที่มือกำลังเสยผมเด็กชายไปมา ใบหน้าหล่อเหลามีเสน่ห์ชวนฝันของ ทอม แม็คกิลล์ ก็ฉายซ้อนขึ้นมาดื้อๆ อารมณ์ที่รู้สึกผ่อนคลายลงเมื่อครู่กลับเจ็บปวดขึ้นมาอีก ในเมื่อทอมไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งเป็นพิเศษกับเขาเลยแม้เพียงสักนิด เขาก็จะไม่หวังหรือรอคอยอะไรอีก  จิมพิศมองเด็กชายตรงหน้าอย่างครุ่นคิด อารมณ์และนิสัยของเจ้าหนูแม็กกี้เหมือนทอมมาก
แม้หน้าตาจะไม่ละม้ายคล้ายคลึง แต่อาจเป็นเพราะถอดแบบมาจากแม่ เขาอยากบอกเจ้าหนูเหลือเกินว่า

….ไม่ต้องพิสูจน์ความจริงหรอก แม็กกี้.. ถ้าเชื่อมั่นว่าแม่ไม่มีใครจริงๆ แล้วล่ะก็ นายจะเป็นลูกใครได้ล่ะ  นอกจากเทพบุตรที่ฉันหลงรักจนถอนใจไม่ขึ้นแล้ว แต่เขารับนายเป็นลูกไม่ได้หรอก และด้วยหน้าที่ของฉัน ฉันจำเป็นต้องปกป้องเขา …

"ยังอยากพิสูจน์ความจริงกับคุณทอมอยู่หรือเปล่า แม็กกี้.."
เด็กชายพยักหน้ารับ
"ฉันช่วยได้นะ ถ้านายผ่านการทดสอบอีกครั้งในคืนนี้"
"ทดสอบอะไรเหรอ.. อ๊ะ ! คุณจิมอย่าทับผมซี ผมอึดอัด"
แม็กกี้ใช้สองมือยันหน้าอกจิมไว้ เพราะอีกฝ่ายเล่นขยับเข้ามาเบียดจนหายใจแทบไม่ออกแล้ว
"ไม่ยากเย็นเลยแม็กกี้.. ไม่ต้องเหนื่อยหรือใช้กำลังเหมือนครั้งก่อนๆ
ฉันจะหาทางช่วยให้นายได้พิสูจน์ความจริงเร็วขึ้นโดยไม่ต้องผ่านการทดสอบอะไรอีก"
"พูดเหมือนคุณทอมไม่รู้เรื่องการทดสอบครั้งนี้ คุณจะหักหลังคุณทอมมาช่วยผมเหรอ.."
"ใครบอกล่ะ หือ.." จิมยอมรับว่านอกจากเจ้าหนูแม็กจะเป็นเด็กดีและน่ารักแล้วยังฉลาดและทันคนด้วย
"คุณทอมเป็นคนที่ทำให้ฉันคิดแผนนี้ขึ้นมาได้ต่างหาก เขาไม่เชื่อหรอกว่านายจะสามารถผ่านการทดสอบนี้ได้  และเมื่อไม่ผ่านนายก็ต้องเก็บเสื้อผ้าออกจากบ้านแม็คกิลล์ทันทีเช่นกัน"

แม็กกี้ใจหาย.. ทำไมคุณทอมถึงเกลียดชังแม็กมากขนาดนี้ คงอยากให้แม็กแพ้และรีบจากไปเร็วๆ  หลงคิดว่าคุณทอมคงคลายความเกลียดชังลงบ้างแล้ว อุตส่าห์ให้ย้ายขึ้นมาพักบนตึก  งานที่ได้รับมอบหมายก็เบาลงตั้งเยอะเพราะลุงแก้วกลับมาแล้ว วันๆ แม็กแทบจะไม่มีงานทำ  หลายวันแล้วที่แม็กถูกน้าเอ๊ดดี้แย่งงานล้างรถไปเฉยเลย

"ว่าไงล่ะ คิดอะไรอยู่ พร้อมจะรับการทดสอบหรือยัง หือ.." จิมเสยผมเด็กชายและจูบที่หน้าผากเบาๆ
แม็กกี้พยายามกระเถิบหนีแต่หนีไม่ได้เพราะหลังชนผนังห้องแล้ว หัวใจเต้นแรง  รู้สึกแปลกๆ กับการกระทำของคุณจิม และยิ่งแปลกมากขึ้นเมื่อถูกถามว่าพร้อมหรือยัง
"คุณจะให้ผมทำอะไรครับ ผมจะพยายามเท่าที่ผมจะทำได้ แต่ขอเป็นพรุ่งนี้เช้าได้มั้ยครับ ตอนนี้ดึกมากแล้ว"
"เฮ้!.. การทดสอบนี้ต้องทำเวลาดึกมากๆ แหล่ะ ดี.. ว่าไงล่ะ นายไม่มีทางเลือกอื่นนะแม็กกี้.. บอกแต่ว่าจะทดสอบหรือไม่ทดสอบเท่านั้น ถ้าไม่.. ฉันก็จะลุกขึ้นและออกจากห้องไปเดี๋ยวนี้เลย พรุ่งนี้เช้านายก็เก็บกระเป๋าเตรียมไว้ ฉันจะให้เอ๊ดดี้ไปส่งที่ท่ารถตอนสายๆ โอเค.."

เด็กชายหน้าเสีย แต่ยังคงนอนนิ่งไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ดวงตาสีน้ำทะเลแสนสวยส่อแววกังวลและคิดหนัก  คงกำลังชั่งใจว่าจะทดสอบดีหรือไม่

จิมผละจากเด็กชายลุกขึ้นยืน รู้สึกเหมือนห้องกำลังหมุนจนต้องทรุดตัวลงนั่ง เขาไม่ปฏิเสธเลยว่าตัวเองกำลังเมา
ใช่เขาเมา.. เมาทั้งเหล้า.. เมาทั้งรัก..

"เอ่อ.. เดี๋ยวครับ คุณจิม.." แม็กกี้ตัดสินใจรับการทดสอบ คว้าชายเสื้อร่างสูงใหญ่ที่ทำท่าจะลุกขึ้น
"ตกลงครับ ทดสอบก็ได้จะได้หมดเรื่องไป ถ้าผมแพ้พรุ่งนี้ผมก็จะไปจากที่นี่.."
จิมหันมายิ้มและส่งสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งให้ แต่เจ้าหนูคงไม่รับรู้และไม่เข้าใจความหมายใดๆ  สีหน้าขณะนี้ส่อแววฉงน กล้าๆ กลัวๆ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะถูกทดสอบอะไร
"จะให้ผมทำอะไรล่ะครับ ผมพร้อมแล้ว" เด็กชายขยับตัวจะลุกขึ้นนั่งก็ถูกจิมผลักให้นอนลง
"นอนลง แม็กกี้.. การทดสอบบทนี้เธอต้องนอนลง"

จิมก้มลงจูบที่แก้มเนียนใสของเด็กชายเบาๆ แม็กกี้นอนนิ่งตาปริบๆ เพราะยังงงและตั้งตัวไม่ทัน  แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกตัวสั่นด้วยความตกใจ เมื่อถูกริมฝีปากร้อนของร่างสูงใหญ่สัมผัสเบาๆ ที่ริมฝีปากตัวเอง สองมือยันหน้าอกจิมไว้และพยายามเบือนหน้าหนี….

"คุณจะทำอะไร!! ไหนบอกว่าจะทดสอบไง.."
"นี่แหล่ะคือการทดสอบ แม็กกี้.."
จิมกระซิบข้างหูก่อนจะซุกไซ้ซอกคอเด็กชายด้วยอารมณ์ปรารถนาที่เริ่มก่อตัวขึ้น
“ไม่นะ… ไม่เอา… ผมไม่ทดสอบแบบนี้ ปล่อยนะคุณจิม.. ปล่อยผม.."
แม็กกี้ส่ายหน้าหนีไปมาและเริ่มส่งเสียงดังจนจิมต้องจับใบหน้าเด็กชายหันมาเผชิญหน้าด้วย
"ฟังนะ แม็กกี้.. คุณทอมมอบหน้าที่ให้ฉันจัดการทดสอบนายด้วยวิธีไหนก็ได้ที่จะทำให้นายยอมแพ้และไปจากที่นี่  ครั้งนี้จะเป็นการทดสอบครั้งสุดท้ายหากนายชนะก็พิสูจน์ความจริงกับทอมได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้ครบสองเดือน  แต่ถ้าปฏิเสธไม่ยอมทดสอบก็อยู่ในเงื่อนไขเดิม คือปรับแพ้ทันที ตกลงจะยอมแพ้ใช่ไหม แม็กกี้.."
เด็กชายพูดไม่ออกได้แต่ส่ายหน้าเพราะยังไม่หายสั่นจากอาการตกใจ จิมพยายามปลอบโยนให้หายกลัว ไม่ว่าเจ้าหนูจะยอมทดสอบหรือไม่ เขาได้ประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งล่อง
"ถ้าไม่อยากแพ้ก็ทำตามที่ฉันแนะนำซะ แม็กกี้.. รู้หรือเปล่าว่าฉันแอบเข้าข้างนายตั้งแต่แรกแล้ว เพราะฉันไม่เห็นว่าการพิสูจน์ความจริงจะเสียหายอะไร ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง  นายก็ต้องไปจากคุณทอมโดยไม่หวนกลับมาให้เขาเห็นหน้าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ.."
แม็กกี้พยักหน้าให้ เริ่มรู้สึกคลายความตกใจลงบ้างแต่หัวใจยังเต้นแรงอยู่
"ฉันถึงบอกว่าอยากช่วยให้นายชนะไง ฉันไม่ได้หักหลังทอม แค่แนะนำวิธีที่จะทำให้นายชนะได้ต่างหาก ฟังนะ แม็กกี้.. แค่อย่าตกใจและอย่ากลัวเท่านั้น การทดสอบครั้งนี้ก็จะผ่านฉลุย  คุณทอมจะเป็นฝ่ายแพ้และนายก็จะได้พิสูจน์ความจริงเร็วขึ้นโดยไม่ต้องผ่านการทดสอบอื่นๆ อีก"
เด็กชายตาปริบๆ ฟังด้วยสีหน้าครุ่นคิด จิมจึงรีบตัดบทเพื่อไม่ให้เจ้าหนูขอยอมแพ้โดยไม่ทดสอบเลย
"ทำทุกอย่างตามที่ฉันบอก แม็กกี้.. แล้วการทดสอบจะผ่านไปด้วยดี"
จิมถกเสื้อยืดเด็กชายขึ้นและจุมพิตผิวเนื้อนวลเนียนของเจ้าหนูซึ่งมีอาการสั่นขึ้นมาอีก
"ไม่ต้องกลัว แม็กกี้.. นึกถึงตอนที่นายจะได้พิสูจน์ความจริงเข้าไว้"

ร่างสูงใหญ่ขยับขึ้นไซ้ซอกคอหนุ่มน้อย กลิ่นกายเยาว์วัยของเด็กชายให้ความรู้สึกบริสุทธิ์และไร้เดียงสาจนอารมณ์ปรารถนาของจิมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  ร่างเล็กนอนนิ่งไม่ดิ้นหนีแต่อาการสั่นรุนแรงขึ้น จนเขาต้องรีบรุกเพราะกลัวเจ้าหนูจะยกธงขาวยอมแพ้ซะก่อน

แม็กกี้ใจหายวาบเมื่อถูกดึงกางเกงนอนออก ไม่สามารถอดทนกับการทดสอบด้วยวิธีนี้แล้ว พยายามจะขยับตัวลุกขึ้นก็ลุกไม่ได้เพราะถูกร่างสูงใหญ่นอนคร่อมไว้ แม็กกี้ร้องครางด้วยความกลัวจับใจเมื่อถูกคุณจิมจับต้องน้องชายตัวเล็ก

"อือ… คุณจิมผมกลัว… ผมไม่เอาแล้ว.."
จิมเอามือปิดปากเด็กชายไว้ไม่ให้พูดต่อ
"อย่านะ แม็กกี้.. อย่าพูดออกมาเชียว ฉันไม่ให้นายยอมแพ้"
จิมคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กที่หัวเตียงมัดข้อมือสองข้างของเด็กชายไว้ พร้อมๆ กับกระซิบปลอบโยนไปด้วย
"ฉันไม่ได้ทำร้ายนะ แม็กกี้.. แค่ไม่อยากให้ดิ้นหนี ไม่อยากให้ยอมแพ้"
"อือ..ไม่เอา..ผมไม่อยากทดสอบแบบนี้ ผมกลัว.."
จิมปิดปากเจ้าหนูไว้ก่อนจะโวยวายเสียงดังไปกว่านี้ และล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาขมวดเป็นก้อนยัดเข้าปาก
"ถ้าพูดไม่ได้ก็ยอมแพ้ไม่ได้ด้วยใช่มั้ย แม็กกี้.. คราวนี้ก็ถึงเวลาทดสอบจริงแล้วนะ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องตกใจ
ฉันไม่ทำให้เจ็บ.. เป็นเด็กดีนะ แม็กกี้.."
"ฮือ.. ฮือ…" แม็กกี้ร้องครางด้วยความกลัวจับใจ น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม

…ทำไมคุณทอมให้คุณจิมใช้วิธีนี้ทดสอบกับแม็ก สู้ใช้ให้แม็กทำงานหนักจนตายเลยยังจะดีกว่า…

.....ฮือ... แม่จ๋า... แด๊ดดี้.. ช่วยด้วย... ฮือ ๆๆ…..

ในขณะที่เด็กชายกำลังหวาดกลัวสุดขีดกับการกระทำที่คิดว่าทอมเป็นคนสั่งการ  ทว่าเสียงร้องเรียกให้ช่วยที่ดังอยู่ในลำคอก็ไม่พ้นที่จะเรียกหาทอมเช่นกัน  หากแต่เป็นคุณทอมในสมุดบันทึกผู้ซึ่งมีมโนภาพอยู่ในฐานะพ่อของเด็กชายตั้งแต่จำความได้แล้ว....


 :m15:


ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #63 เมื่อ22-01-2010 10:53:34 »

 :beat:  เรียกสติคุณจิม

gypsy

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #64 เมื่อ22-01-2010 13:46:50 »

โอ้ว ว่าแล้วเชียว

ซื้อหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้

วิธีทดสอบคงไม่พ้นเรื่องเซ๊กส์แน่ๆ

เฮ่อ ผิดหวังจากพ่อก็เลยมาเอาลูกแทนเนี่ยนะนายจิม

 :oo1:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #65 เมื่อ22-01-2010 19:07:07 »

แมร่งเลว

สงสารแม็กกี้

กระซิกกระซิก

ออฟไลน์ จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า

  • I LOVE MY SMILE
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1892
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-4
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #66 เมื่อ22-01-2010 19:21:36 »

 :z6: :z6: :z6:จิมมี่


 :o12: :o12:สงสารแม็กกี้อ่ะ

ออฟไลน์ nbee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 849
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #67 เมื่อ22-01-2010 20:04:14 »

อ๊ากกกกกกกกกกกกก
จิมมี่ชักจะเกินไปแล้วมั้ง

หรืออยากได้อะไรไปพิสูจน์

ไว้ใจได้มั้ยเนี่ยจิมมม


ออฟไลน์ kungyung

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1756
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #68 เมื่อ22-01-2010 21:36:37 »

 :angry2:ไอ้จิมมี่ :z6: :z6:เลวจริงๆๆ

ออฟไลน์ tatum1234

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-1
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #69 เมื่อ22-01-2010 22:43:40 »

 :m31: อ๊าคคคคคคเลวร้ายที่สุด


 :serius2:ปล่อยแม็กกี้เดียวนี้เลยยยยยย...แล้ว


 :-[มาลงที่ผมแทน...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
« ตอบ #69 เมื่อ: 22-01-2010 22:43:40 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #70 เมื่อ22-01-2010 23:32:16 »

ฮ่วย! กำลังเห็นใจจิมอยู่แหม๊บๆ
...เอามันไปเก็บที
  :z10:

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #71 เมื่อ23-01-2010 01:29:12 »

เฮ้ย!   :a5:  o22   นี่มัน... :beat:   มีสติหน่อยซิวะ!    :angry2:     :z6:    :m31:


Ps.แน่ใจว่าแนวDaddy?  ไม่ใช่แนวShotaหรอกเหรอ?   :m28:

nithiwz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #72 เมื่อ23-01-2010 02:58:48 »

กด 1134 โทรหามูลนิธิปวีณา
อีตาทอม กับ อีตาจิม  มันรุมหัวกันแกล้งเด็กน้อยแม๊กกี้อ่าคร้าบบบบบบบบ

สงสารหนูแม๊กกี้อ่ะ  ทำไมถึงทำร้ายแบบนี้ด้วย
สงสารอ่ะ  ทั้งงานหนักกาย  สองงานก็กระอักเลือดแล้ว
งานหนักสุดท้ายนี่ก็เครียด TT[]TT สงสารแม๊กกี้จริงจัง

 o18 เอามีดจ้วงพุงลุงจิมให้ได้สติเลยแม๊กกี้  อย่าไปยอม (ดันโดนมัดมือไปแล้ว  อ๊ากกกกกกกกก)
เพิ่งมาอ่าน  เศร้าดีครับ  แต่ชอบ  อยากรู้จะเป็นไงต่อไป

nithiwz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #73 เมื่อ23-01-2010 03:02:45 »

คอมเม้นท์เสร็จแล้วเพิ่งคิดอะไรได้  สงสัยอีตาลุงจิมจะเอาน้ำเชื้อของหนูแม็กกี้ไปพิสูจน์ดีเอ็นเอแน่เลย
สงสัยกำลังเตรียมการเก็บน้ำเชื้อ
ต่อไปคงไปเก็บน้ำเชื้อ  อีตาทอมต่อ อิอิ
จะได้รู้ว่าเป็นพ่อลูกกันจริงอะไรจริง   :haun5:
 :sad4: ล้ำลึกยิ่งนัก  ตาลุงจิม  สุดยอด  เหอะๆๆๆๆ  :z1:

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #74 เมื่อ23-01-2010 12:03:07 »

ช่างคิดกันนักนะ พวกเรา
คิดกันไปได้
มาอ่านต่อเหอะ  ว่านายจิมจะได้ลูกหรือได้พ่อ
----------------------

บทที่ 5 (ต่อ)..

ทอมเอื้อมมือเปิดไฟที่หัวเตียงและลุกขึ้นนั่ง ตกใจเมื่อเห็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขานอนไม่หลับ แค่มีปากเสียงกับจิมนิดหน่อยเขาถึงกับนอนไม่หลับเลยหรือนี่…

ทอมดับไฟเข้านอนตั้งแต่ 4 ทุ่มครึ่ง จริงๆ แล้วเขายังไม่อยากนอนแต่จิมบอกว่าพรุ่งนี้มีงานตอนสาย ปกติถึงไม่ง่วงแต่ถ้าหัวถึงหมอนเมื่อไร เขาสามารถหลับได้ภายในเวลาไม่กี่นาที แต่คืนนี้เขานอนไม่หลับเพราะสมองยังวนเวียนอยู่แต่เรื่องของจิม

ทอมรู้สึกว่าตัวเองพูดรุนแรงหลายเรื่อง จิมนิ่งไปไม่ใช่เพราะเข้าใจที่เขาพูดหรือโกรธแต่คงเพราะเสียใจ เขาควรไปขอโทษและพูดคุยกับจิมใหม่อีกครั้ง เพราะขนาดเป็นคนพูดเองยังนอนไม่หลับ แล้วจิมล่ะ… ป่านนี้ยังนอนตาค้างอยู่หรือว่าหลับปุ๋ยไปแล้ว…

ทอมตัดสินใจลุกจากเตียงไปปรับความเข้าใจกับจิมใหม่ แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อไม่พบจิมในห้องนอน เขาเดินวนไปมาจนนึกขึ้นได้ว่าก่อนออกจากห้องจิมบอกว่าจะลงไปหาอะไรดื่ม แต่จะดื่มอะไรนานขนาดนี้ หรือว่าออกไปข้างนอก…

ทอมผลุนผลันออกจากห้องนอนจิมกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงบันไดมาก็พบไฟที่บาร์เปิดอยู่ โล่งอกเมื่อเห็นหลักฐานที่แสดงว่าจิมไม่ได้ออกไปหาอะไรดื่มข้างนอก แก้วเปล่าหลายใบวางเรียงรายอยู่พร้อมขวดบรั่นดีที่เหลือเพียงก้นขวด นี่หรือเครื่องดื่มที่ว่า.. นอกจากในงานเลี้ยงแล้วเขาไม่เคยเห็นจิมดื่มเหล้าในเวลาอื่นเลย แม้จะนั่งสังสรรค์เฮฮาอยู่กับเพื่อนฝูง เต็มที่ก็จิบเบียร์เย็นๆ แค่ 2-3 แก้ว  นี่เขาทำให้จิมโกรธและเสียใจมากถึงขนาดต้องดื่มเหล้าดับอารมณ์เชียวหรือ…

ทอมเดินหาจิมตามห้องต่างๆ เหลียวซ้ายแลขวากวาดสายตาไปทั่วบริเวณเผื่อว่าอาจจะนอนหลับไม่ได้สติอยู่ที่ไหนสักแห่ง เพราะความเมา แต่หาจนทั่วก็ไม่พบจึงออกไปชะโงกดูที่โรงรถให้แน่ใจอีกครั้งก็พบว่ารถยังจอดอยู่ครบ 3 คัน แสดงว่าจิมต้องอยู่บริเวณไหนสักแห่งในบ้าน เขาเกือบจะกดสายในเรียกเอ๊ดดี้ด้วยความเคยชิน แต่นึกขึ้นได้ว่าดึกมากแล้ว จะพลอยทำให้คนรับใช้คนอื่นๆ ตื่นกันหมด

ทอมเดินขึ้นไปสำรวจห้องพักชั้นบนทุกห้อง เมื่อไม่พบก็กลับลงมาชั้นล่างหาใหม่อีกครั้ง เขาเดินเข้าออกทุกห้องแม้กระทั่งห้องน้ำและห้องครัว เริ่มใจเสียเมื่อหาจิมไม่พบ

"นายอยู่ไหนอ่ะ.."

ทอมเป็นห่วงกลัวว่าจิมจะเมาหลับอยู่กลางสนามหรือที่ไหนสักแห่งในบ้าน เขาคนเดียวคงไม่มีปัญญาหาแน่ จึงตัดสินใจเดินไปปลุกเอ๊ดดี้ที่ห้องแทนการเรียกสายในเนื่องจากโทรศัพท์ถูกติดตั้งไว้หน้าห้องนอนนายเอ๊ดและสาวใช้แวว ซึ่งทั้งคู่มีความน่าจะเป็นในการถูกเรียกใช้งานมากที่สุด แต่กว่าจะตื่นขึ้นมารับสายเขาเดินไปเรียกหน้าห้องจะเร็วกว่า

ทอมเดินผ่านห้องครัวตรงไปที่เรือนคนรับใช้ซึ่งอยู่ด้านหลัง เขาหยุดชะงักเมื่อเดินผ่านห้องซึ่งอยู่สุดทางเดินถัดจากห้องครัว มันคือห้องพักคนรับใช้ซึ่งปกติจะปิดว่างไว้ แต่ตอนนี้กลายเป็นห้องพักของแม็กกี้ หนุ่มน้อยที่เขาแสนจะเกลียดชังจับใจ โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรกที่พักอยู่ที่นี่ แต่วันนี้ย่างเข้าสัปดาห์ที่ 6 แล้ว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าความรู้สึกเกลียดชังอย่างรุนแรงคลายลงไปได้อย่างไรและตอนไหน แต่ถึงจะเกลียดน้อยลงเขาก็ยังอยากให้เด็กชายจากไป โดยไม่ต้องมาวุ่นวายขอพิสูจน์ความจริงที่แสนจะเลวร้ายนั้น

ทอมยืนนิ่งอยู่หน้าห้องชั่งใจว่าควรจะปลุกเจ้าหนูแม็กขึ้นมาถามดีมั้ย เผื่อว่าเด็กอาจจะเห็นจิมนั่งดื่มเหล้าอยู่และได้พูดคุยอะไรกันบ้าง ทอมทำท่าจะเคาะประตูแต่แล้วก็เปลี่ยนใจเดินผละจากไปเพราะเห็นว่าดึกมากแล้ว ที่สำคัญเขาไม่อยากพูดคุยกับเด็กชายโดยไม่จำเป็น ที่ผ่านมาเขาพยายามเลี่ยงไม่พูดคุยด้วย ส่วนใหญ่ให้จิมออกหน้าแทนอยู่แล้ว

ทอมผละมาที่ประตูทางออก ก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อได้ยินเหมือนเสียงร้องของเด็กชายดังแว่วออกมา เขาถอยกลับมายืนหน้าห้อง สงสัยเจ้าหนูคงจะฝันร้ายกระมัง นึกถึงสิ่งที่เขาและจิมกระทำกับเด็กที่ผ่านๆ มาแล้วมันก็น่าอยู่หรอก… เสียงเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะดังแว่วออกมาอีก ครั้งนี้เขาได้ยินถนัดว่าเป็นเสียงร้องครางออกจากลำคอเหมือนเด็กชายกำลังหวาดกลัวสุดขีด

…ให้ตายเถอะ !.. ไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองเลยว่าทำไมเขาต้องใส่ใจด้วย พักเรื่องจิมไว้.. เข้าไปปลุกเจ้าหนูให้ตื่นจากฝันร้ายก่อน คงไม่เสียเวลามากเท่าไร…

เร็วเท่าใจคิด... ทอมขยับลูกบิดประตูเมื่อพบว่าไม่ได้ล็อค จึงเปิดเข้าไปช้าๆ

 o2

ทอมยืนตะลึงกับภาพที่เห็น !!!…. คาดไม่ถึงว่าจะได้พบจิมในห้องเด็กชาย เขาควรจะดีใจแต่กลับตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น !!!!..

เจ้าหนูแม็กกี้ในสภาพเกือบเปลือยมือถูกมัดไขว้หลัง มีผ้าเช็ดหน้าอุดปากไว้ เด็กอยู่ในท่านอนคว่ำ ส่วนจิมอยู่ในท่าคุกเข่าคร่อมร่างเล็กและกำลังจูบไซ้แผ่นหลังของเด็กชายที่นอนตัวสั่นอยู่ข้างใต้  จิมชะงักและตกอยู่ในอาการตะลึงเช่นกันเมื่อหันมาเห็นเขา

…โอ! พระเจ้า… ทอมอธิบายความรู้สึกของตัวเองกับภาพที่เห็นตรงหน้าไม่ถูก เขาเดินเข้าไปหาในอาการที่ยังตะลึงอยู่ ในขณะที่จิมหายมึนเป็นปลิดทิ้งและยังหายจากอาการตะลึงได้เร็วกว่า รีบเผ่นแผล็วลงจากเตียง   จิมอ้าปากจะอธิบายก็ถูกหมัดกระแทกเข้าที่หน้าจนถลาล้มลง ที่ล้มไม่ใช่เพราะแรงจากหมัด แต่เพราะฤทธิแอลกอฮอลล์ทำให้จิมคุมการทรงตัวไม่อยู่

ทอมตามมาคว้าคอเสื้อจิมลากออกจากห้อง…
"ฟังฉันอธิบายก่อน ทอม.."
ทอมไม่ฟังคำแก้ตัวใดๆ
"ชั่วร้ายมากจิมมี่.. ไม่อยากเชื่อเลยว่านายกล้าทำเรื่องชั่วๆ แบบนี้ได้ แม็กกี้ไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ของนาย  ออกไปหาที่ระบายตัณหานอกบ้าน ไป!!.. ออกไป!!.."
"ฟังฉันก่อน ทอม.. ฉันไม่ได้ระบายอารมณ์นะ ฉัน.."
"ไป!!.. ไปให้พ้น!!.."

ทอมปิดประตูห้องนอนใส่หน้าจิม เขาโกรธและเสียใจจนพูดอะไรไม่ออก เรื่องจิมไว้จัดการทีหลัง ที่เขาต้องทำตอนนี้คือปลอบเจ้าหนูให้หายจากอาการตกใจก่อน

ทอมเดินไปที่เตียง แม้จะเห็นว่าเป็นเขาเด็กชายก็ยังถดร่างหนีและส่งเสียงครางในลำคอด้วยความหวาดกลัว เขารีบดึงผ้าที่อุดปากออก เสียงครางที่ฟังไม่ได้ศัพท์จึงชัดถ้อยชัดคำขึ้น

"ฮือ.. อย่า.. อย่าทำ.. ผมกลัวแล้ว.. ผมกลัว.."
ทอมรีบแก้มัดที่มือให้และกล่าวปลอบไปด้วย
"ไม่ต้องกลัวแม็กกี้.. ไม่ต้องกลัวนะ ฉันไล่เขาไปแล้ว "
ทอมไม่รู้เลยว่าคำปลอบโยนของเขายิ่งทำให้เด็กชายหวาดกลัวมากขึ้น   คำพูดของเขาไม่ต่างจากคำพูดของจิมเมื่อสักครู่เลย
…ไม่ต้องกลัวนะ แม็กกี้ ฉันไม่ทำให้เจ็บ เป็นเด็กดีนะ…
เด็กชายขยับตัวนอนหงายทันทีที่มือถูกแก้มัด เพียงแว่บเดียวที่ได้สบตากับทอมหนุ่มน้อยก็ผวาพร้อมกับอาการสะอื้น รีบคว้าหมอนปิดหน้าเพราะไม่รู้จะถอยหนีไปไหนได้อีก
ทอมตกใจเมื่อเห็นอาการหวาดกลัวของแม็กกี้ แม้แต่เขา.. เจ้าหนูก็ไม่เชื่อใจ เขาจับมือเด็กชายบีบเบาๆ ก็ถูกสะบัดหนี หดมือเข้าใต้หมอน เขาดึงหมอนออกหนุ่มน้อยก็เบือนหน้าหนีเข้าผนังห้อง
"แม็กกี้.. ฉันทอมนะ …"
เด็กชายส่ายหน้าน้ำตาไหลเป็นทางแต่ไม่มีเสียง เป็นครั้งแรกที่ทอมรู้สึกสงสารเจ้าหนูจนอยากปลอบโยนด้วยการสวมกอด  แต่ก็ทำได้เพียงแค่ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างให้และกล่าวปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"นอนนะแม็กกี้.. ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว หมอนั่นจะไม่กล้าเข้ามารังแกเธออีก ฉันสัญญา…"
ทอมลุกขึ้นยืนเมื่อหนุ่มน้อยดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเหตุการณ์เลวร้ายที่จิมก่อขึ้นเมื่อครู่จะทำให้แม็กกี้หวาดกลัวเขาไปด้วย ถึงขนาดไม่กล้ามองหน้าหรือสบตา ทั้งๆ ที่เคยแอบเฝ้ามองเขาอยู่บ่อยๆ เวลาที่เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้และไม่สนใจ

ทอมชะงักขณะกำลังจะก้าวออกจากห้องเด็กชาย
"คุณทอม~~ ผมขอทดสอบวิธีอื่นแทนได้มั้ย.. ให้ผมทำงานหนักแค่ไหนก็ได้"

ทอมใจหายวาบ หันกลับไปก็พบเด็กชายโผล่หน้าออกจากผ้าห่มจ้องมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอนน้ำตายังฉ่ำนองใบหน้าอยู่  เขากลืนน้ำลายลงคอเกือบจะมองหน้าเด็กชายไม่ติด เข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าหนูถึงกลัวเขาด้วย
…จิมนะจิม.. นายคิดจะรังแกเด็กโดยอ้างว่าเป็นการทดสอบ แผนของนายชั่วร้ายเกินกว่าที่ฉันคาดถึง ฉันผิดหวังในตัวนายมาก…

"โอเค!.. แม็กกี้.. นอนซะ ดึกมากแล้ว ไว้เราค่อยคุยกันพรุ่งนี้ กู๊ดไนท์.. ไอ้หนู.."

ทอมออกจากห้องเด็กชายโดยไม่ลืมกดล็อคประตูให้ รายต่อไปที่เขาต้องจัดการคือ เจมส์ เมเนนเดซ การ์เซีย ผู้จัดการแสนดีที่เขารู้สึกรักใคร่ชอบพอดุจเพื่อนสนิทและพี่ชาย แต่เวลานี้เขากำลังรู้สึกเกลียดชังชายหนุ่มผู้นี้จับใจ  ที่บังอาจทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ในบ้านเขา คิดจะสนองอารมณ์ใคร่ของตัวเองกับเด็กชายวัยเพียง 12 ปีคนนี้ ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าเด็กอาจจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ให้ตายเถอะ !.. ถึงเขาจะไม่ชอบไอ้หนูนี่และไม่คิดจะยอมรับ แต่เขาก็ไม่มีวันยอมให้จิมทำเรื่องชั่วร้ายแบบนี้กับเด็ก…

ทอมผลักประตูห้องอย่างแรงด้วยความโกรธ ผู้จัดการสุดแสบของเขาดูท่าจะสร่างเมาแล้วเพราะทั้งศีรษะและใบหน้าเปียกโชก น้ำจากเส้นผมหยดเป็นทางลงที่ลำตัวและพื้นห้อง จิมนั่งนิ่งอยู่ปลายเตียงเหมือนเตรียมพร้อมรอคำพิพากษาอยู่แล้ว ทอมถลาเข้าไปเปิดฉากก่อนทันที

"เกิดอะไรขึ้นกับแม็กกี้ นายคิดจะทำอะไร จิม.. การที่ฉันไว้ใจและเชื่อใจให้นายจัดการปัญหาของฉันกับเด็กนั่น ไม่ได้หมายความว่านายมีสิทธิจะทำอะไรเด็กก็ได้ตามที่ใจต้องการ รู้มั้ยว่าฉันเสียความรู้สึกกับนายแค่ไหน.."
"ฉันเสียใจ.. ฉันขอโทษ.."
"แค่เสียใจและขอโทษ 4 คำ ก็จบยังงั้นเหรอ.. นายทำเรื่องที่ชั่วร้ายมากรู้ตัวหรือเปล่า จิม.. ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่า นายคิดจะระบายอารมณ์ใคร่กับเด็กโดยอ้างว่านี่คือการทดสอบ นายทำให้แม็กกี้เข้าใจว่าฉันเห็นด้วยกับสิ่งที่นายทำ นายทำได้ไง.. จิมมี่.. ทั้งๆ ที่เด็กนั่นอาจจะเป็น…"

ทอมไม่สามารถหลุดคำพูดออกมาได้ เขายอมรับว่ากลัว กลัวมากจริงๆ…

จิมนั่งก้มหน้านิ่งไม่แก้ตัวใดๆ กับเรื่องที่ตัวเองก่อ สมควรแล้วที่ทอมจะโกรธ เขาคิดแผนการเลวร้ายนี้ขึ้นมาด้วยอารมณ์ชั่ววูบ กะจะยิงนก 2 ตัวด้วยกระสุนนัดเดียว เขากำลังเสียใจและเคืองทอม จึงคิดจะหยอกกระเซ้าเจ้าหนูแม็กในฐานะที่อาจจะเป็นสายเลือดของคนที่เขารัก เขาไม่ได้คิดระบายอารมณ์ใคร่กับเด็กจริงๆ ด้วยวิธีนี้เขาเชื่อว่าเด็กชายจะต้องขอยอมแพ้ แต่กว่าจะยอมแพ้เขาก็ได้หยอกเย้าจนสนุกแล้ว แต่เอาเข้าจริงๆ เขากลับหยุดยั้งอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เผลอใช้กำลังบังคับเด็กชายจริงๆ ถ้าทอมไม่เข้าไปขัดจังหวะ ป่านนี้เขาอาจทำเรื่องที่เลวทรามชั่วช้าไปแล้ว…

"ฉันขอโทษ ทอม.. ฉันยอมรับว่ามันเป็นแผนที่ชั่วร้ายมาก แต่ฉันไม่ได้คิดจะทำอะไรจริงๆ แค่จะแกล้งให้เด็กยอมแพ้และไปจากนายเท่านั้น"
"โกหก!!.. จะให้เชื่อที่นายพูดเหรอ นายกำลังทำอะไรตอนที่ฉันเข้าไป หา!." ทอมคว้าคอเสื้อจิมกล่าวด้วยน้ำเสียงปวดร้าว
"นายคิดแผนเลวทรามนี้ขึ้นมาได้ยังไง จิมมี่.. นายไม่คิดถึงใจเด็กว่าเขาจะเจ็บปวดแค่ไหนก็น่าจะนึกถึงใจฉันบ้าง ฉันให้นายจัดการหาวิธีทำให้เด็กไปจากที่นี่ ไม่ได้หมายความว่านายคิดจะทำอะไรก็ได้ ถึงฉันจะเกลียดและไม่ยอมรับเขาก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยินยอมให้นายทำเรื่องเลวร้ายกับเด็กคนนี้ "
จิมนั่งนิ่งเหมือนยอมรับว่าตัวเองมีความคิดและการกระทำที่เลวร้ายจริงๆ มันทำให้ทอมยิ่งโกรธมากขึ้น
"นายทำให้ฉันผิดหวังมาก จิม.. ถ้าฉันไม่คิดจะขอโทษนายก็คงไม่ได้พบเห็นเหตุการณ์ในคืนนี้ ฉันเพิ่งเห็นธาตุแท้ของนายวันนี้เอง หึ! น่าขำ นายว่าด๊อกเตอร์อลงกรณ์ กับโจอยากจะกลืนกินฉันยังงั้นเหรอ ต่อให้เป็นจริงอย่างที่ว่า สองคนนั่นก็ดีกว่านายหลายเท่าที่ไม่คิดจะกลืนกินเด็กชายที่ไม่มีทางสู้"

จิมสะอึก สิ่งที่เขาทำกับเจ้าหนูแม็กกี้ทอมจะด่าว่าเขาเลวยังไงก็ได้ เขายอมรับผิดแต่โดยดี แต่การที่ทอมเปรียบเขากับเกย์ไฮโซคู่นั้น มันตอกย้ำความรู้สึกเจ็บปวดที่เขาได้รับจากคำพูดของทอมก่อนหน้านั้น

…..ฉันไม่ลืมหรอกว่านายอยู่หัวแถว นายต้องเป็นคนแรกที่จะได้กลืนกินฉัน…

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-01-2010 12:08:43 โดย j-muay »

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #75 เมื่อ23-01-2010 12:18:08 »

เมื่อครู่เขาเสียใจและน้อยใจกับคำพูดของทอมที่แสดงให้รู้ว่า นอกจากเขาจะไม่มีความหมายใดๆ เป็นพิเศษกับทอมแล้ว เขายังไม่ต่างจากเกย์หลายๆ คนที่ห้อมล้อมทอมด้วยความหวัง แต่โชคดีกว่าตรงที่ทอมจัดให้เขาอยู่หัวแถว

หากแต่ครั้งนี้จิมรู้สึกฉุนและโกรธมาก ทอมเอาการกระทำของเจ้าด๊อกกับคู่ขาของมันมาเปรียบกับเขา ไหนจะสายตาของทอมที่จ้องมองเขาอยู่ขณะนี้ ช่างส่อแววเหยียดหยามและเย้ยหยันจนจิมหมดความอดกลั้น

จิมลุกขึ้นยืนประจันหน้าเทพบุตรแสนรักด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าว เขาผลักทอมล้มลงบนเตียงและตามลงไปคร่อมทับโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัว

"ปล่อยนะ จิม.. ทำบ้าอะไร"

เป็นครั้งแรกที่ทอมถูกร่างสูงใหญ่ประชิดตัวในลักษณะนี้ จิมทาบทับอยู่บนร่างของเขา สัมผัสลมหายใจที่ร้อนผ่าวและกลิ่นเหล้าคละคลุ้งทำให้ทอมต้องเบือนหน้าหนี

"ลุกขึ้นนะ ไอ้บ้า !!.. นายเมาก็นอนซะ ไว้เราค่อยคุยกันต่อพรุ่งนี้"
จิมแค่นหัวเราะ
"ด่าว่าให้พอใจเลย ทอม.. ก่อนที่ฉันจะทำอะไรบางอย่างให้สมกับที่เป็นคนบ้าและคนเลวในสายตาของนาย"
"จะ.. จะทำอะไร ปล่อยนะ จิมมี่.. นายตัวหนัก ฉันอึดอัดนะ"
จิมแค่นหัวเราะ ทอมร้องให้ปล่อยไม่ต่างจากเจ้าหนูแม็กเมื่อครู่เลย
"จะทำอะไรงั้นเหรอ.. ก็ทำอย่างที่ทำกับแม็กกี้ไง แต่กับเจ้าหนู.. ฉันสาบานได้ว่าไม่ได้ตั้งใจจะเลยเถิดไปไกล เด็กตัวกะเปี๊ยกแค่นั้นจะกลืนกินเข้าไปได้ยังไง… นายต่างหากที่ฉันต้องการ ทอม.. ในสายตาของนายฉันไม่ต่างจากเกย์คนอื่นๆ เลยไม่ใช่เหรอ นายยังยกให้ฉันอยู่หัวแถวเลยด้วยซ้ำ นายว่าฉันเลวกว่าเจ้าด๊อกและคู่ขาของมันซะอีก ฉันจะแสดงให้ดูว่าฉันจะกลืนกินนายยังไงถึงจะได้รสชาด"

ทอมตาเหลือกไม่คิดว่าจะถูกจู่โจมในลักษณะนี้ เขารู้ว่าจิมทำเพราะกำลังโกรธและเสียใจไม่ใช่เพราะเสน่หา
"ไม่นะ จิมมี่.. ปะ..ปล….." น้ำเสียงร้องห้ามของทอมขาดหายเพราะถูกจิมปิดปากแน่นสนิท จิมไม่ได้ปิดปากเขาด้วยมือแต่ด้วยริมฝีปาก
"อื้อ… อือ…" ทอมได้แต่ร้องครางมือสองข้างถูกจิมล็อคไว้

ทอมมีรูปร่างสูงโปร่งสมส่วนอย่างชายชาตรีและสวยงามราวเทพบุตร เมื่อเปรียบกับจิมซึ่งมีความสูงกว่าเล็กน้อย แต่อีกฝ่ายตัวใหญ่และล่ำกว่าซ้ำยังเป็นนักกีฬาเทควันโดสายดำด้วยแล้ว พละกำลังของทอมไม่มีทางสู้จิมได้ สถานการณ์ขณะนี้คือทอมหมดทางดิ้นรนเพราะจิมคร่อมทับเขาไว้ทั้งตัว ที่พอทำได้คือเบือนหน้าหนีไปมา แต่จิมก็สามารถประกบริมฝีปากตามไปมาไม่ยอมปล่อย

ใบหน้าของทอมร้อนผ่าวสีหน้าแดงซ่านสลับกับซีดขาว พยายามสะบัดหน้าหนี หากแต่ลิ้นอุ่นของอีกฝ่ายก็ยังตามสอดแทรกและซอกซอนแผ่วหวานละมุน หนักหน่วงและรุนแรง รุกเร้าปะปนไปมาอย่างช่ำชอง สัมผัสที่ได้รับทำให้ทอมไร้เรี่ยวแรงผลักไส

….นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่ได้รับสัมผัสเช่นนี้จากผู้ชายด้วยกัน มันไม่ใช่แค่การจูบลาหรือจูบทักทายกันธรรมดา แต่เป็นการจูบจริงและจูบอย่างดูดดื่มเหมือนที่หนุ่มสาวกระทำในขณะที่มีอารมณ์รักใคร่เสน่หาต่อกัน จิมพยายามจะจูบปากเขาหลายครั้งแต่ไม่เคยได้โอกาส ครั้งนี้เพราะความโกรธทำให้จิมใช้กำลังทำตามที่ใจต้องการจนได้…

แม้จะรู้สึกโกรธและเสียใจหากแต่ในอารมณ์ส่วนลึก ทอมยอมรับว่ามันเป็นการจูบที่ดูดดื่มมาก มากจนเขานอนหลับตานิ่งเพราะเคลิ้มกับสัมผัสที่ได้รับจนไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง ทำไมจู่ๆ อีกฝ่ายก็ถอนริมฝีปากออกและพร่ำเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก

"ทอม.. ทอม.. ฉันขอโทษ ไม่เป็นไรนะ ทอม.. หายใจซี สูดหายใจลึกๆ.."

จิมรั้งทอมขึ้นนั่งและลูบหลังไปมา สติและอารมณ์ที่กำลังล่องลอยเตลิดไปไกลถูกดึงกลับคืนมาในเสี้ยววินาที เมื่อร่างกายของทอมสั่นและเกร็งใบหน้าแดงก่ำจนเขาถอนริมฝีปากแทบไม่ทัน …ให้ตายเถอะ ! ทอมไม่ยอมหายใจขณะถูกเขาจูบนานกว่า 1 นาที ไม่รู้ว่าตกใจจนลืมหรือจงใจทำเพื่อประชดเขา…

ทอมพยายามสูดหายใจเข้าปอดตามเสียงแว่วของจิม ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงรู้สึกอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ
เป็นเพราะเขาไม่ได้หายใจหรอกหรือ..

"ขอโทษนะทอม.. ฉันขอโทษ"

ทอมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเมื่อร่างกายได้รับออกซิเจนตามปกติ ได้ยินเสียงพร่ำขอโทษไปมาอยู่ใกล้ๆ ลืมตาขึ้นก็พบจิมในสภาพโทรมสุดๆ นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า แค่สบตาด้วยทอมก็รับรู้ทุกอารมณ์ของอีกฝ่าย เข้าใจแล้วว่าเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับแม็กกี้ในคืนนี้เพราะเขาเป็นต้นเหตุ เพราะคำพูดของเขา

"ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ ถ้าฉันไม่ทำให้นายเสียใจ นายก็คงไม่ลงไปนั่งดื่มเหล้า เหตุการณ์บ้าๆ นั่นก็คงไม่เกิดขึ้น"

จิมซบหน้าลงกับตักและกอดขาทอมไว้ เขาได้แต่พร่ำบอกเสียใจกับการกระทำของตัวเองในคืนนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อครู่กับแม็กกี้ และตอนนี้กับทอม เขาเคยสัญญากับทอมไว้ว่า ตราบใดที่ทอมไม่มีใจให้เขาจะไม่แตะต้องหรือเกินเลยทอมมากไปกว่าการกอดและจูบแบบทักทายธรรมดา แต่การกระทำเมื่อครู่นอกจากทอมจะไม่ยินยอมแล้ว มันยังทำให้ทอมช็อคจนหายใจไม่ออกไปชั่วขณะ ถ้าเขารู้สึกตัวช้ากว่านี้เทพบุตรสุดรักของเขาจะเป็นยังไง

"ยกโทษให้ฉันด้วยทอม.. ฉันขอโทษ…เรื่องที่เกิดกับแม็กกี้ ขอโทษที่ทำกับนาย…" จิมเงยหน้าขึ้นจากตักน้ำตานองหน้า
ทอมใจหาย ระยะเวลากว่า 2 ปีที่คบหากันมาวันนี้เขาเพิ่งเห็นจิมร้องไห้เป็นครั้งแรก
"ลงโทษฉันซี ทอม.. ให้สมกับความผิดที่ฉันทำในคืนนี้ ไล่ฉันออกจากงานก็ได้"
"จะบ้าเหรอจิม.. นายไม่เคยบกพร่องเรื่องงานเลย มีแค่เรื่องของแม็กกี้ที่นายทำเกินไป.. แค่นายยอมรับผิดและสัญญาว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกก็พอแล้ว"
จิมส่ายหน้า สำนึกในขณะนี้คือรู้สึกว่าตัวเองผิดและเลวร้ายมากจริงๆ กับการกระทำในคืนนี้ โดยเฉพาะเรื่องที่เกิดกับเด็กชายวัยเพียง 12 ปี ที่อาจจะเป็นสายเลือดของทอมด้วยซ้ำ
"ฉันชั่วร้ายมากอย่างที่นายว่าจริงๆ ทอม.. ถ้านายไม่ลงโทษฉัน ก็ขอให้ฉันได้ลงโทษตัวเอง" จิมลุกขึ้นยืนเดินผละไปที่ตู้เสื้อผ้า
ทอมใจหายเมื่อเห็นจิมเก็บเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นบางอย่าง
"จะทำอะไรอ่ะ เก็บเสื้อผ้าทำไม"
"ฉันต้องไปจากที่นี่ คืนนี้เก็บไปแค่ที่ใช้ก่อน วันหลังค่อยมา…."
จิมพูดไม่จบเพราะถูกทอมตามเข้ามากระชากกระเป๋าไปจากมือ และเขวี้ยงไปที่มุมห้อง
"ไม่นะ ฉันไม่ให้ไป จะบ้าหรือเปล่า จิมมี่.. นายไปแล้วใครจะช่วยฉันเรื่องงาน ทำแบบนี้นอกจากจะชั่วร้ายแล้วยังเห็นแก่ตัวอีก นายมันไอ้ทุเรศ ถ้าคิดจะไปจริงๆ ชาตินี้ก็อย่ามามองหน้ากันอีก ฉันจะเกลียดนายชั่ว…"

จิมใจหายวาบ รีบเอามือปิดปากเทพบุตรแสนรักและรั้งตัวเข้ามาสวมกอด ได้ยินทอมบอกเกลียดด้วยอารมณ์โกรธยังรู้สึกแย่ขนาดนี้ ถ้าทอมเกลียดเขาจากใจจริงจะเจ็บปวดขนาดไหน ทุกวันนี้ทอมแค่ไม่ได้รู้สึกพิเศษกับเขาเท่านั้น แต่ยังมีความรักให้เขาในฐานะเพื่อนสนิทและพี่ชาย

"ไม่นะทอม.. อย่าเกลียดฉัน… ฉันไม่ได้คิดจะไปจากนาย แค่ขอกลับไปนอนที่คอนโดเท่านั้น เรื่องงานทุกอย่างยังเหมือนเดิม อย่าโกรธนะ ทอม.. ได้โปรด.."

จิมปล่อยมือเมื่อกล่าวจบ ทอมยังมีสีหน้าบึ้งตึงไม่สบอารมณ์อยู่ ผมเผ้ายุ่งเหยิงปกระใบหน้า เขาใช้สองมือเสยเรือนผมชายหนุ่มเบาๆ

"นายไม่ถือโทษ.. ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกผิดมากขึ้น ขอให้ฉันได้ลงโทษตัวเองด้วยการอยู่ห่างจากนายสักระยะ จนกว่าความรู้สึกของเราจะดีขึ้น เรายังเจอกันในเวลางานเหมือนเดิม ฉันจะมารับนายไปทำงานและส่งกลับบ้าน นายเข้านอนเมื่อไรฉันถึงจะกลับ โอเค.."

ทอมหน้างอถึงจะเข้าใจเหตุผลแต่เขาก็ไม่เห็นด้วย เขาไม่ได้นอนอยู่ในบ้านหลังใหญ่นี้คนเดียวมานานมากแล้ว
"ตามใจ.. ความจริงนอกเหนือจากเวลางาน นายจะอยู่ที่ไหนก็เป็นสิทธิของนาย ฉันจะไม่สนใจอีกแล้ว"

จิมยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แม้จะเป็นการอนุญาตแบบไม่เต็มใจ
"ไม่สนใจหรือไม่รักฉันก็ไม่เป็นไรหรอก ทอม.. ขอแค่อย่าเกลียดก็พอ "

ทอมอ้าปากจะเถียงแต่เปลี่ยนใจ

กลางดึกคืนนั้นจิมเก็บเสื้อผ้ากลับไปนอนที่คอนโด ก่อนไปไม่ลืมนัดแนะเรื่องงานกับทอมโดยที่อีกฝ่ายนิ่งฟังด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ….


 o12


ต่อบทที่ 6 >>

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #76 เมื่อ23-01-2010 12:28:38 »

สาย ใย รัก บทที่ 6
… ไอ้หนูยกธงขาว …

 :m8:
------------------

ทอมชะงักเท้าเมื่อเห็นร่างเล็กนั่งคอยอยู่ที่ขั้นบันได เด็กชายรีบลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นเขา
"กู๊ดมอร์นิ่ง แม็กกี้.. มีธุระอะไรหรือเปล่า.. จิมกลับไปนอนที่คอนโดของเขาแล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ"

ทอมจำต้องทักทายและฝืนยิ้มให้แม้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเขาจะไม่ได้เป็นคนก่อแต่มันก็ทำให้เขามองหน้าเจ้าหนูไม่ติด
"ผมเสียใจที่ทดสอบแบบนั้นกับคุณจิมไม่ได้ ทำไมคุณทอมไม่ทดสอบเองล่ะครับ ถ้าเป็นคุณทอมผมจะอดทน.. ผมจะไม่…"

ทอมใจหายวาบกับคำพูดของเด็กชาย เอามือปิดปากเจ้าหนูแทบไม่ทัน
"ลืมมันซะ แม็กกี้.. จะไม่มีเรื่องอย่างเมื่อคืนเกิดขึ้นอีก จะไม่มีการทดสอบอะไรบ้าๆ แบบนั้นอีก เข้าใจมั้ย.."

สีหน้าละห้อยของเด็กชายและดวงตาสีน้ำทะเลคู่งามมีน้ำใสเอ่อรื้นขึ้น ทำให้เขาต้องรีบตัดบทก่อนจะใจอ่อนลงมากกว่านี้
"ไว้ค่อยคุยกันใหม่ ฉันต้องรีบไปทำงานแล้ว"

เด็กชายยืนหน้าละห้อยมองทอมเดินจากไป  …ทำไมคุณทอมไม่ค่อยอยากพูดกับผมเลย คุณทอมกลัวว่าจะต้องรับผมเป็นลูกเหรอครับ ผมแค่อยากรู้ความจริง แค่อยากให้คุณทอมใช่พ่อของผมจริงๆ เท่านั้น ผมไม่อยากเป็นลูกไม่มีพ่อเหมือนที่คนอื่นๆ ล้อ…

 :m15:

"คุณจิมมีเรื่องอะไรกับคุณทอมหรือเปล่าเอ๊ดดี้.. ไม่เห็นนอนที่บ้านสองคืนแล้ว.."
"เปล่านี่..ก็คุยกันปกติ แต่ดูคุณจิมเงียบๆ ไปเหมือนกัน ไม่ค่อยคุยเล่นกับเจ้านายเลย เป็นไปได้ว่าอาจมีเรื่องขัดใจกันนิดหน่อย.." นายเอ๊ดสันนิษฐานอย่างผู้รู้
"แล้วมันเรื่องอะไรล่ะวะ เอ็งรู้หรือเปล่า"
"จะไปรู้หรือป้า ฉันไม่ได้ตามติดเจ้านายตลอด 24 ชั่วโมงนี่ คนที่ควรจะรู้คือเจ้านี่.."
นายเอ๊ดพยักหน้าไปที่เด็กชายซึ่งนั่งก้มหน้าทานข้าว ไม่พูดไม่จากับใครเอาแต่ฟังอย่างเดียว
"นอนอยู่บนตึกน่าจะรู้อะไรบ้าง ใช่มั้ยแม็กกี้.. รู้มั้ยว่าคุณทอมมีเรื่องขัดใจกับคุณจิมหรือเปล่า"

แม็กกี้เงยหน้าขึ้นส่ายหน้าพร้อมกับตอบปฏิเสธว่าไม่รู้ รีบขอตัวเอาจานไปล้างเพราะอิ่มพอดี แม็กต้องรีบผละจากวงสนทนาเพราะไม่อยากถูกซักมากความ แม็กไม่มีวันบอกเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นกับใครหรอก   ไม่อยากให้ทุกคนมองคุณจิมไม่ดี คุณจิมทำไปเพราะต้องการให้งานที่ได้รับมอบหมายจากคุณทอมลุล่วง แต่คืนนั้นคุณจิมเมามากจึงคิดแผนทดสอบร้ายๆ แบบนั้นขึ้นมา เพราะวันรุ่งขึ้นคุณจิมแอบมากระซิบขอโทษแม็กแล้ว

"แม็กกี้.."  จิมคว้าข้อมือเล็กไว้เมื่อเด็กชายทำท่าจะเดินหนี
"ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ทำอะไร.. ฉันอยากขอโทษเรื่องเมื่อคืน ยกโทษให้ฉันได้มั้ยแม็กกี้.."
"ผมไม่ได้โทษคุณ ผมไม่ได้โกรธ"
เด็กชายตอบโดยไม่ยอมมองหน้าจิม หวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วใจเต้นตุ้บตับ ยังรู้สึกกลัวอยู่เลย
"เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับคุณทอมนะแม็กกี้.. คุณทอมไม่รู้เรื่องด้วย ฉันคิดเองทำเองทั้งหมด ฉันขอรับผิดคนเดียว"
แม็กกี้เห็นสีหน้าและดวงตาของคุณจิมตอนนั้นแล้วหายกลัวทันที นอกจากไม่นึกโกรธแล้วยังดีใจและโล่งอกมาก
ที่ได้รู้ว่าคุณทอมไม่ได้เป็นคนสั่งให้คุณจิมทำเรื่องแบบนั้น


 :m13:

"ถึงบ้านแล้วทอม.. ทอม.." จิมกระซิบข้างหูเทพบุตรสุดรักของเขา
...แม้รู้ว่าทอมไม่มีใจให้เขาอย่างแน่นอนแล้ว แต่จิมก็ยังตัดใจจากทอมไม่ได้ ไม่ว่าทอมจะรู้สึกกับเขาอย่างไร ขอเพียงแค่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดได้ดูแลปรนนิบัติ ตราบเท่าที่ทอมยังไม่มีใคร เขาก็มีความสุขไม่หวังและต้องการอะไรอีก ...
"ถึงแล้วเหรอ..."
ทอมรู้สึกตัวแต่ไม่ยอมลืมตา วันนี้เขาเหนื่อยมากจริงๆ ถ่าย Outdoor กลางแดดร้อนเปรี้ยงร่วมกับนายแบบชื่อดังคนอื่นๆ อีกหลายคน ใช้เวลาหลายชั่วโมงเพราะมากคนก็มากเรื่อง
"เหนื่อยมากเลยจิม.. ไม่รับงานแบบนี้อีกแล้วนะ "
"รับทราบครับบ๊อส.. "
จิมเห็นสภาพความวุ่นวายในวันนี้ก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่รับงานประเภทนี้ให้ทอมอีก ที่จริงแล้วงานนี้ถ้าไม่ใช่เจ้าของหนังสือขอร้องเองเขาก็คงไม่รับ

ทอมก้าวลงจากรถด้วยอาการเหนื่อยและเพลียจริงๆ วนไปมาอยู่กลางแดดร้อนเปรี้ยงตลอดบ่ายไม่จับไข้ก็เก่งแล้ว
จิมเดินตามในระยะกระชั้นชิดเมื่อเห็นท่าเดินของทอม ไม่จำเป็นจริงๆ เขาพยายามเลี่ยงไม่แตะต้อง แต่แล้วเมื่อทอมเดินเซขณะก้าวขึ้นบันได จิมก็ถลาเข้าไปประคองเทพบุตรของเขาไว้ในวงแขนทันทีด้วยความลืมตัว

ทอมหลับตาหงายหลังลงบนที่นอนทันที่ที่จิมประคองลงนั่ง จิมผละไปเตรียมน้ำอุ่นให้สักครู่ก็เดินเข้ามาก้มลงกระซิบ
"เตรียมน้ำอุ่นให้แล้วนะทอม.. อาบเสร็จก็รีบพักผ่อนซะ หลับให้สบาย พรุ่งนี้ว่างทั้งวัน"
"หือ.. มีงานไม่ใช่เหรอ เมื่อเช้านายยังบอกอยู่เลย"
"ฉันขอเลื่อนน่ะ วันนี้เหนื่อยมากฉันอยากให้นายพัก"
ทอมลืมตาขึ้นก็สบสายตาคมเข้มที่จ้องมองเขาอยู่ด้วยความรักใคร่และห่วงใยเหมือนเดิม
"ฉันกลับก่อนนะ พรุ่งนี้จะโทรหา กู๊ดไนท์ทอม.. หลับฝันดีนะ"

ทอมนอนนิ่งตาปริบ ๆ เมื่อจิมตัดบทบอกลาดื้อๆ เขามองจิมเดินผละจากไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ  ไม่อยากเชื่อเลยว่าเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นในคืนนั้นจะทำให้จิมตัดใจจากเขาได้   5 คืนแล้วที่จิมขอแยกกลับไปนอนที่คอนโดของตัวเอง และยังเป็น 5 วันเต็มๆ ที่จิมไม่แตะต้องเขาด้วยความเสน่หาเลย  ไม่กระเซ้าหรือหยอกเย้าด้วยการสวมกอด ไม่แม้แต่จะจูบราตรีสวัสดิ์เหมือนที่เคยทำ

"เมื่อไรอ่ะ จิม.. เมื่อไร.."
จิมชะงักเท้าที่หน้าประตูหันมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม  แต่เพียงแค่เห็นสีหน้าของเทพบุตรสุดรักก็เข้าใจความหมายของคำถามแล้ว อยากจะเข้าไปสวมกอดและจูบลาใจจะขาด แต่เท่าที่ทำได้ขณะนี้คือแสร้งยืนงงไม่เข้าใจคำถาม

ทอมนอนนิ่งจ้องมองมาที่เขา ไม่ยอมพูดอะไรต่อจนจิมต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถาม
"อะไรหรือทอม.."
"เปล่า.. ไม่มีอะไร.. กู๊ดไนท์จิมมี่.. ขับรถระวังด้วย"

จิมขับรถออกจากบ้านแม็คกิลล์ด้วยอาการเจ็บแปลบที่หัวใจ เขาไม่ได้อยากทำเย็นชากับทอมแบบนี้เลย  แต่เขาต้องฝืนใจทำให้ได้ เพราะทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น เขารู้สึกว่าตัวเองเลวร้ายเกินกว่าที่จะได้รับการให้อภัย   เขาทำลายความเชื่อใจและไว้ใจที่ทอมมีต่อเขาจนหมดสิ้น

….นายจะรักฉันด้วยความรู้สึกแบบไหนก็เรื่องของนาย แต่สำหรับฉัน…. ฉันรักนายแบบพี่ชาย และเชื่อว่านายเป็นพี่ชายที่ดีของฉัน ไม่รังแกหรือบังคับฝืนใจในสิ่งที่ฉันไม่ชอบ…..

คืนนั้นเขาทำเรื่องที่ชั่วร้ายและน่าอายถึงสองครั้ง นอกจากจะรังแกเด็กชายวัยแค่ 12 ปีที่ไม่มีทางสู้แล้ว เขายังใช้กำลังบังคับทอมจนตกอยู่ในอาการช็อคอีก   วันนี้เขาจึงต้องอดทนกับความเจ็บปวดเพราะการกระทำของตัวเอง เขาไม่ได้แตะต้องทอมด้วยความเสน่หามา 5 วันแล้ว   แค่จับแขนหรือโอบไหล่ในเวลางานเท่านั้น เขาต้องใช้ความอดกลั้นอย่างสูงบังคับใจตัวเอง  ไม่ให้เผลอสวมกอดเทพบุตรสุดรักของเขาซึ่งบางครั้งยืนอยู่ห่างไม่ถึงคืบ ถ้าไม่ได้อยู่ใกล้ชิดก็ว่าไปอย่าง แต่นี่…. บางขณะเหมือนทอมจงใจประชิดตัวเขา บางครั้งนั่งซบ บางครั้งยืนพิงด้วยอาการเหนื่อยอ่อน สิ่งที่เขาทำได้คืออาการนิ่งเฉย แสร้งเบือนความสนใจหาเรื่องพูดคุยหรือหันไปทำกิจกรรมอื่นๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอดทนได้นานแค่ไหน…

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-01-2010 12:35:00 โดย j-muay »

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #77 เมื่อ23-01-2010 13:14:20 »

"เป็นอะไรแม็กกี้.. กับข้าวไม่ถูกปากใช่มั้ย วันไหนไม่ได้กินของเหลือเจ้านายก็งี้แหล่ะ ทนๆ กินเข้าไปเถอะ"
สาวใช้แววค่อนขอดแม่บ้านทิพย์เรื่องอาหาร เพราะตัวเองรู้สึกเช่นนั้นแต่ไม่กล้าบ่น ถือโอกาสเหน็บเมื่อเห็นเด็กชายมีท่าทางเบื่ออาหาร เอาแต่เขี่ยข้าวในจานไปมา
"เอ็งว่าอะไรนะ นังแวว หาว่าอาหารที่ข้าทำไม่ได้เรื่องงั้นเหรอ"
"ฉันไม่ได้พูดงั้นซะหน่อย แค่บอกว่ากินของเหลือเจ้านายอร่อยกว่าเท่านั้น"
"หน็อย!... เจ้านายไม่อยู่จะทำอะไรเลิศหรูนักหนา ต่อไปเอ็งอยากกินอะไรก็ทำเอง ข้าไม่ใช่ขี้ข้าเอ็ง "
"เอ่อ.. ป้าครับ อาหารอร่อยแต่ผมทานไม่ลงเอง ผมปวดท้อง" แม็กกี้รีบตัดบททันทีก่อนที่ป้าทิพย์และน้าแววจะมีปากเสียงกัน
"อ้าว! ปวดท้องเหรอ เห็นมั้ยนังแวว เอ็งมันรู้มาก เด็กปวดท้องถึงกินไม่ลงดันมาหาว่าข้าทำไม่อร่อย.."
แม่บ้านทิพย์หันไปโวยสาวใช้ต่อ เด็กชายเห็นท่าไม่ดีรีบยกจานข้าวไปเก็บล้างและเลี่ยงออกจากครัว

แม็กกี้กลับเข้ามาในห้องพักคว้าสมุดบันทึกมากอดไว้   แม็กกินข้าวไม่ค่อยลงมาสองวันแล้ว กินไปได้หน่อยก็อยากจะอาเจียน วันนี้นอกจากจะทานไม่ลงแล้วยังปวดท้องอีกด้วย  ตอนแม่ยังอยู่ทุกครั้งที่ไม่สบายหรือเจ็บปวดจากอะไรก็ตาม
แม็กจะรู้สึกดีขึ้นทุกครั้งที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของแม่ แต่วันนี้แม็กไม่มีแม่แล้ว มีแค่สมุดบันทึกเล่มนี้แทนตัวแม่แอนนาและแด๊ดดี้ของแม็ก

เด็กชายหน้านิ่วงอตัวลงเพราะรู้สึกปวดจี๊ดที่ท้องน้อยขวาเป็นระยะๆ แม็กปวดแบบนี้มาหลายวันแล้วแต่วันนี้ปวดมากกว่าทุกวัน  ร่างเล็กขยับตัวลงนอนเอาสมุดบันทึกใส่ไว้ในปลอกหมอนและเอาหมอนทับท้องไว้ คิดว่าควรจะหลับสักงีบหนึ่ง
ตื่นขึ้นมาอาการปวดจะได้ทุเลาขึ้นเหมือนทุกๆ ครั้ง

 :m15:

เด็กชายผวาตื่นกลางดึกอีกครั้งด้วยอาการบีบตัวอย่างแรงบริเวณท้องน้อยด้านขวา รู้สึกปวดท้องมากจนร้องครางออกมาด้วยความลืมตัว
"อือ…แม่จ๋า.. ผมปวดท้อง..โอย.. ฮือ...."

แม็กกี้น้ำตาไหลเมื่อนึกขึ้นได้ว่าแม่จากไปแล้ว และห้องที่นอนอยู่ตอนนี้ก็เป็นที่พักอาศัยชั่วคราว อีกไม่กี่วันแม็กก็ต้องไปจากที่นี่แล้ว   ที่นี่เป็นคฤหาสน์หลังงามของคุณทอม แม็คกิลล์ นายแบบชื่อดัง รูปหล่อและสง่างามราวเทพบุตร  ถ้าเปรียบคุณทอมเป็นเทวดา แม็กก็เป็นแค่เด็กผู้ชายเดินดินที่ได้แต่เงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า ไม่มีทางได้สัมผัสหรือจับต้องเทวดาผู้สูงศักดิ์

"โอ้ยยยย.. อือ…"
แม็กกี้ร้องครางและงอตัวด้วยความปวด รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ เหมือนกับจะเป็นไข้ ไม่เคยปวดมากขนาดนี้มาก่อน ตอนเด็กๆ แม็กชอบปวดท้องกลางดึกเป็นประจำแต่ไม่เคยปวดแบบนี้ ส่วนใหญ่ปวดเพราะนอนไม่ห่มผ้าแถมยังชอบถกเสื้อขึ้นมาอีก   แม็กถูกแม่ดุเป็นประจำแต่ถึงดุแม่ก็ปลอบไปด้วย ทายาให้และกล่อมจนแม็กหลับไป

….. 6 สัปดาห์กว่าแล้วที่แม็กพักอาศัยอยู่ที่นี่  นี่เป็นครั้งที่ 3 ที่แม็กไม่สบาย ครั้งแรกป่วยเป็นไข้เพราะตากฝนหากุญแจให้คุณทอม ครั้งที่ 2 ปวดเมื่อยไปทั้งตัวและไข้ขึ้นเพราะขุดอ่างปลาให้คุณทอมทั้งวันจนหมดแรง แต่ครั้งนี้คุณทอมปล่อยให้แม็กอยู่สบายๆ แท้ๆ แต่แม็กก็ไม่สบายอีกจนได้ แม็กไม่อยากทำให้คุณทอมเดือดร้อนเลย….

"เราต้องอดทน เราจะไม่ทำให้คุณทอมเดือดร้อนอีก…"

แม็กกี้ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มเพราะรู้สึกหนาว เอาหมอนทับท้องไว้อีกชั้นเพื่อให้อุ่นขึ้น อาการปวดทุเลาลงเล็กน้อย กำลังจะเคลิ้มหลับก็ต้องผวาขึ้นมาอาเจียนลงข้างเตียง พร้อมๆ กับอาการปวดอย่างรุนแรงกำเริบขึ้นอีก

แม็กใจหายวาบ แค่เอามือแตะบริเวณที่ปวดก็รู้สึกเจ็บแล้ว หวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา  แม็กและเพื่อนๆ เล่นฟุตบอลที่โรงเรียน จู่ๆ บุญโชคก็ล้มลงนอนบิดไปมาเพราะปวดท้อง  แม็กจำได้ว่าบุญโชคบอกปวดที่ท้องน้อยด้านขวาแม็กและเพื่อนพาบุญโชคไปส่งบ้าน เช้าวันต่อมาคนที่บ้านบุญโชคมาส่งข่าวว่าบุญโชคตายแล้ว เป็นไส้ติ่งอักเสบและแตกตั้งแต่ตอนเล่นฟุตบอล แต่พ่อเลี้ยงของบุญโชคเอาแต่กินเหล้าเมา แม่ก็ไม่สนใจเอาแต่เล่นไพ่ ตอนนั้นบุญโชคเพิ่งอายุได้ 10 ขวบเอง

“ฮือ ๆ… แม่จ๋า.. ผมปวดท้อง ผมเป็นไส้ติ่งหรือเปล่า…"
เด็กชายน้ำตาไหลพรากตัวสั่นด้วยความกลัว ไม่รู้ว่าจะอดทนนอนต่อไปหรือลุกขึ้นไปหาคนช่วยดี  ดึกป่านนี้ทุกคนคงกำลังหลับสบาย แม็กไม่อยากรบกวนใครๆ เลย…

 :m15:

ทอมสะดุ้งตื่นเมื่อลูกแก้วที่ถืออยู่ในมือตกแตก เขาฝันประหลาดคล้ายๆ กันมา 2 คืนแล้ว ฝันว่าเขาเป็นเจ้าของลูกแก้วสีน้ำทะเลซึ่งมีขนาดใหญ่เท่ากำปั้น ส่องประกายสวยงามมาก แต่แล้วก็มีหญิงสาวรูปงามยื่นลูกแก้วอีก 2 ดวงให้เขา ขนาดเล็กกว่าที่อยู่ในมือแต่เป็นสีรุ้งสวยงามไปอีกแบบ เขารับลูกแก้ว 2 ดวงจากหญิงสาวมาถือไว้ในมือรวมเป็น 3 ดวง เขาประคองลูกแก้วทั้งหมดไว้ด้วยความระวังแล้ว แต่กลับพลาดทำลูกแก้วดวงแรกตกลงกับพื้นแตกกระจาย…

ทอมส่ายหน้าเมื่อนึกถึงความฝันไร้สาระของตัวเอง เขาลุกขึ้นจากเตียงเดินไปเปิดตู้เย็นหาน้ำดื่ม เหลือบดูเวลาเพิ่งจะเที่ยงคืนกว่าเอง ไม่อยากเชื่อเลยเพิ่งหลับไปได้ไม่ถึงชั่วโมงก็ฝันเป็นเรื่องเป็นราว แต่ถึงจะเป็นแค่ความฝันความรู้สึกก็ยังตามติดออกมา   ….เสียดายจัง ไม่น่าทำลูกแก้วสีน้ำทะเลดวงแรกแตกเลย…

ทอมเดินกลับมาที่เตียง กำลังจะล้มตัวลงนอนก็ได้ยินเสียงกุกกักอยู่ชั้นล่าง ดึกป่านนี้แล้วใครยังทำอะไรอยู่ อาจเป็นสาวใช้แววหรือแม่บ้านทิพย์ ทอมไม่สนใจล้มตัวลงนอนต่อ เขาไม่เคยห่วงเรื่องขโมยขึ้นบ้าน เพราะบ้านแม็คกิลล์มีระบบรักษาความปลอดภัยรอบตัวบ้านและตลอดแนวรั้ว สัญญาณส่งตรงไปที่ป้อมตำรวจหน้าหมู่บ้านและสถานีตำรวจในท้องที่ เขาไม่จ้าง รปภ. เพราะวุ่นวาย ลำพังคนรับใช้ 4 คนก็มากเพียงพอแล้ว

กำลังจะเคลิ้มหลับทอมก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเหมือนของตก      เขานอนนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะลุกพรวดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าจิมไม่ได้นอนที่นี่แล้ว หากไม่ใช่แม่บ้านหรือสาวใช้ล่ะ….

ทอมเปิดลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงหยิบปืนพกขึ้นมาถือกระชับไว้ในมือ ถ้าเป็นจิมคงลงไปตรวจตั้งแต่ได้ยินเสียงกุกกักตอนแรกแล้ว นี่ถ้าไม่ใช่เพราะตกใจตื่นจากฝันประหลาดล่ะก็  เขาไม่มีทางตื่นขึ้นมาเพราะเสียงกุกกักแค่นี้แน่

ทอมย่องออกจากห้องนอนอย่างเงียบกริบ เขาไม่ได้กลัวแค่ตื่นเต้นเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าจิมอยู่อย่าหวังเลยว่าจะได้ถือปืนเดินหน้าลงมาหาคนร้ายแบบนี้…

ทอมเดินสำรวจเกือบทั่วทุกห้องตั้งแต่โถงหน้าบันได.. ห้องพักผ่อน.. ห้องหนังสือ.. ห้องอาหารและห้องครัว ไม่พบอะไรผิดปกติเลย ไม่มีร่องรอยว่าจะมีใครเข้ามาทำเสียงกุกกักอะไรได้ ประตูบ้านก็ปิดอยู่ในสภาพเรียบร้อย จึงเดินไปสำรวจที่ประตูหลัง ก็พบประตูห้องนอนของเด็กชายเปิดแง้มอยู่ ทำให้นึกขึ้นได้ว่ายังมีเจ้าหนูแม็กกี้อยู่เป็นเพื่อนเขาอีกหนึ่งคนในตึกใหญ่หลังนี้

แต่แล้วทอมก็ต้องแปลกใจเมื่อไม่เห็นเด็กชายอยู่ในห้อง หรือว่าเสียงกุกกักที่ได้ยินเป็นฝีมือของแม็กกี้เอง… ทอมเปลี่ยนความตั้งใจในการค้นหาคนร้ายเป็นเดินหาเจ้าหนูแม็กแทน แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่วางใจยังคงถือปืนกระชับไว้ในมือ

ทอมชะงักขณะเดินผ่านห้องน้ำ เสียงครางโอดโอยของเด็กชายดังแว่วออกมา หัวใจเต้นแรงขึ้นทันทีเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์ในคืนที่จิมเข้าไปรังแกเจ้าหนูในห้องนอน ทอมถือปืนกระชับไว้ในท่าเตรียมพร้อม หากเด็กชายถูกรังแกอีกครั้งนี้ต้องเป็นฝีมือคนร้ายอย่างแน่นอนแล้ว

….ให้ตายเถอะ! เวลาแบบนี้จิมกลับไม่อยู่ เขาต้องเล่นบทบู๊ด้วยตัวเองจริงๆ หรือนี่….  ทอมสูดหายใจรวบรวมความกล้าก่อนผลักประตูห้องน้ำเปิดออก…

--- o8

ร่างเล็กนอนขดตัวอยู่ที่พื้นห้องน้ำ หลับตานิ่วหน้าและส่งเสียงครางเหมือนกำลังเจ็บปวด ทอมยืนตะลึงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะวางปืนลงในอ่างล้างหน้าและทรุดตัวลงช้อนร่างเด็กชายไว้ในวงแขน มือสำรวจไปทั่วร่างกายของเจ้าหนูเพื่อหาบาดแผล
"แม็กกี้.. เป็นอะไร เฮ้!.. ไอ้หนู…"
ทอมเสยผมที่ปกระใบหน้าเด็กชายจึงพบว่าเจ้าหนูมีไข้และยังมีสีหน้าซีดเซียวจนน่าตกใจ
"ฉันทอมนะแม็กกี้.. ไม่สบายเหรอ… หือ.."
เด็กชายพยักหน้าเหมือนรับรู้แต่ยังหลับตาส่งเสียงคราง ทำให้เขาใจหายอย่างบอกไม่ถูก
"อือ… อือ… เจ็บ… อือ…"
"เจ็บตรงไหนแม็กกี้.. บอกซิว่าเจ็บตรงไหน ไม่สบายตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่บอก"
ทอมขยับร่างเล็กไปมาเพื่อหาบาดแผลก็พบว่าเจ้าหนูนิ่วหน้าเหมือนเจ็บปวดมากขึ้น จึงเปลี่ยนมาลูบคลำแขนขาและลำตัวเบาๆ เขาเพิ่งสังเกตุเห็นร่องรอยเศษอาหารที่อาเจียน  แสดงว่าเด็กชายไม่สบายมากจริงๆ
"ไม่สบายตรงไหนล่ะแม็กกี้.. บอกซิว่าเจ็บตรงไหน"
"คุณทอม.." เด็กชายปรือตาขึ้นและเรียกชื่อเขา
"ใช่.. ฉันเอง ไม่สบายเป็นอะไร เจ็บตรงไหนบอกซิแม็กกี้ หือ…"

ทอมถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ความขุ่นเคืองและไม่ชอบใจในตัวเด็กชายซึ่งนับวันจะลดน้อยลงเรื่อยๆ  จนถึงนาทีนี้…ความรู้สึกเหล่านั้นมลายหายไปจนหมดสิ้น  เขาเสยผมเจ้าหนูไปมาเผื่ออาจจะช่วยให้รู้สึกสบายและผ่อนคลายความเจ็บปวดลงบ้าง แต่คงไม่ได้ผล..แม็กกี้นิ่วหน้าและกัดฟันเหมือนอาการเจ็บกำเริบขึ้นอีก   ทอมเพิ่งสังเกตเห็นเด็กชายเอามือกุมท้องน้อยไว้ ยังไม่ทันจะเอ่ยถามเจ้าหนูก็ร้องครางขึ้นอีกด้วยน้ำเสียงสะอื้น

"อือ... ผมปวดท้อง… เจ็บอ่ะ.. ฮึก.. ฮือ…"
"ปวดท้องเหรอ.. ปวดตรงไหนแม็กกี้.. "
ทอมเอามือเด็กชายออกและเลิกเสื้อยืดขึ้น หน้าท้องเจ้าหนูเกร็งและแข็งผิดปกติ เขาใช้นิ้วคลำและกดเบาๆ วนไปรอบๆ ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกและร้องครางขึ้นอีกเมื่อเขาแตะถูกท้องน้อยด้านขวา
"โอ๊ย!…. เจ็บ.. ผมเจ็บ.. อือ…"
....โอ! พระเจ้า.. เขาแค่แตะถูกเบาๆ เจ้าหนูก็ร้องเจ็บ แสดงว่าอาการคงไม่น้อยแล้ว ดูจากตำแหน่งที่ปวดน่าจะเป็นไส้ติ่ง…
"อดทนนะแม็กกี้.. จะพาไปหาหมอนะ"
ทอมอุ้มเด็กชายออกจากห้องน้ำพามานอนที่โซฟาร์ เขาเงยหน้าขึ้นจะตะโกนเรียกจิมก็นึกขึ้นได้ว่าจิมไม่ได้นอนนี่แล้ว จึงคว้าโทรศัพท์กดสายในไปที่เรือนคนรับใช้ ระหว่างรอสายก็พูดปลอบเด็กชายไปด้วย
"ไม่เป็นไรนะแม็กกี้.. คงจะเป็นไส้ติ่งอักเสบ เดี๋ยวหมอให้ยามาทานก็หาย"
ทอมไม่กล้าพูดอะไรมากกว่านี้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าอาการของเด็กชายอาจต้องผ่าตัด แต่ขนาดบอกเพียงสั้นๆ  แม็กกี้ก็ยังผวาและตกใจกลัว
"ไม่เอา.. ผมไม่อยากเป็นไส้ติ่ง ผมกลัว.."
"ไม่ต้องกลัว... ไส้ติ่งไม่ใช่โรคร้ายแรง ไม่มีอันตรายเลยรู้มั้ย"
"ไม่ฮะ ผมไม่อยากเป็นไส้ติ่ง.. ฮึก.. ฮือ ๆ…" เด็กชายสะอื้น.. น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม
เป็นครั้งแรกที่ทอมเห็นเจ้าหนูแสดงความอ่อนแอและร้องไห้อย่างเด็กๆ  ไม่เข้มแข็งและอดทนเหมือนเวลารับการทดสอบจากเขาและจิม รู้สึกสงสารจนอยากกอดปลอบแต่ก็ทำได้เพียงเช็ดน้ำตาให้และปลอบโยนด้วยคำพูด
“ไม่เป็นไร แม็กกี้.. ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว.."
"ผมเอ๊ดดี้ครับเจ้านาย.." เสียงจากปลายสายดังขึ้น

ทอมสั่งนายเอ๊ดให้เอารถออกพาแม็กกี้ไปโรงพยาบาลโดยด่วน อีกฝ่ายรีบรับคำโดยไม่มีคำถามใดๆ  เพียงชั่วครู่คนรับใช้ในบ้านก็เข้ามายืนเรียงหน้าสลอน รอรับคำสั่งด้วยสีหน้าตื่นตระหนก   ทอมสั่งนายแก้วอุ้มเด็กชายไปรอที่รถ ก่อนจะวิ่งกลับขึ้นไปบนห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

"จิม.. แม็กกี้ปวดท้องมาก สงสัยจะเป็นไส้ติ่ง ฉันจะพาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ ถ้าหมอถามว่าฉันเป็นอะไรกับเด็ก จะตอบว่าไง"    ทอมคุยโทรศัพท์ไปด้วยขณะเปลี่ยนเสื้อผ้า น้ำเสียงตื่นตระหนกจนปลายสายต้องกล่าวปลอบ
"ใจเย็นทอม..ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันจัดการเอง...ไปเจอกันที่โรงพยาบาล..."
"โอเค!.. ไปเดี๋ยวนี้เลยนะ"   ทอมวางสายจิมด้วยความโล่งอก เขาไม่ได้ทำอะไรตัวคนเดียวมานานมากแล้ว ปัญหาทุกเรื่องของเขาต้องมีจิมช่วยตัดสินใจให้เสมอ

ทอมกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาที่รถ นายเอ๊ดเตรียมเปิดประตูตอนหน้าให้ เพราะเด็กชายนอนยาวยึดที่นั่งตอนหลังไว้หมดแล้ว
ทอมกำลังจะก้าวขึ้นรถเห็นเจ้าหนูนอนบิดสีหน้าเจ็บปวดก็เปลี่ยนใจ บอกนายเอ๊ดว่าเขาจะนั่งข้างหลัง

ทอมนั่งนิ่ง รู้ว่าร่างเล็กซึ่งกำลังนอนหนุนตักเขาอยู่ขณะนี้กำลังได้รับความเจ็บปวดอย่างมาก แต่ทั้งๆ ที่เจ็บมากขนาดนี้... เจ้าหนูก็ไม่ได้ร้องโอดครวญงอแงอย่างที่เด็กควรจะทำ มีเพียงเสียงครางเบาๆ เป็นระยะๆ เท่านั้น

ทอมสั่งเอ๊ดดี้ลดแอร์เมื่อเห็นแม็กกี้มีอาการสั่น มือซ้ายของเจ้าหนูกุมท้องน้อยบริเวณที่ปวด ในขณะที่มือขวากอดลำตัวไว้เหมือนให้ความอบอุ่นกับตัวเอง ทอมไม่สามารถนั่งนิ่งอยู่ต่อไปได้ ทั้งๆ ที่เด็กชายนอนหนุนตักเขาอยู่แท้ๆ แต่กลับต้องอดทนและกัดฟันสู้กับความเจ็บปวดเพียงลำพัง เขาดึงแจ็กเก็ตของจิมที่วางพาดอยู่ที่พนักเบาะหน้ามาห่มให้ร่างเล็ก
และปลอบโยนด้วยการลูบศีรษะเจ้าหนูไปมา มืออีกข้างจับมือเด็กชายกุมไว้ แม้จะไม่ได้ช่วยคลายความเจ็บปวดลงแต่ก็ดีกว่าที่เขาจะนั่งอยู่เฉยๆ อย่างน้อยแม็กกี้จะได้รู้ว่ามีเขาอยู่เป็นเพื่อน

ทอมรู้สึกว่าเด็กชายกำลังเจ็บมาก มือของเขาถูกบีบอย่างแรง เสียงครางที่ลอดออกจากริมฝีปากเจ้าหนูกลายเป็นชื่อเขา
"..อือ..คุณทอม.."
"ว่าไง แม็กกี้.. อดทนหน่อยนะ จะถึงแล้ว"
ทอมไม่รู้จะปลอบเด็กชายยังไงนอกจากบอกให้อดทน
"ผมจะ~ตาย~มั้ย  ถ้าตายแล้ว~จะไปอยู่ไหน~"
โอ! พระเจ้า.. ทอมไม่คิดว่าจะได้ยินคำถามนี้จากปากเด็กชายวัย 12 ปี ไม่รู้ว่าถ้าเป็นเมื่อหนึ่งเดือนก่อนคำถามนี้จะทำให้เขารู้สึกใจหายแบบนี้หรือเปล่า…
"เหลวไหล แค่ปวดไส้ติ่งเท่านั้น จะตายได้ยังไง หือ.."
ทอมเอื้อมมือเปิดไฟ เขาต้องการเห็นหน้าเจ้าหนูแม็กกี้คนเก่ง ที่อดทนต่อการทดสอบโหดๆ มาได้ทุกครั้ง แต่แค่ปวดท้องไส้ติ่งเท่านั้นก็ทำท่าจะบอกลาแล้ว
"บุญโชคยังตายเลย~ เขาปวดไส้ติ่ง~ เหมือนผม"
ทอมเดาเอาว่าบุญโชคคงเป็นใครสักคนที่เด็กชายรู้จัก
"มันไม่เกิดขึ้นกับทุกคนหรอกแม็กกี้.. หมอที่กรุงเทพฯเก่งๆทั้งนั้น ผ่าตัดออกมา 3 วันก็วิ่งเล่นได้แล้ว"
"ผมต้อง~ผ่าตัดเหรอ~" น้ำเสียงสะอื้น น้ำใสที่เอ่อคลออยู่ร่วงผล็อยลงอีกเมื่อได้ยินว่าต้องผ่าตัด
"เอ่อ.." ทอมโมโหตัวเองไม่น่าหลุดปากออกไปเลย ทำให้เด็กชายใจเสียและกลัวมากขึ้น
"แค่อาจจะเท่านั้น แม็กกี้.. ไม่ต้องกลัวนะ เหมือนนอนหลับเลย ตื่นขึ้นมาก็หายปวด สองวันก็กลับบ้านได้"

นายเอ๊ดแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาไม่เคยได้ยินน้ำเสียงและคำปลอบโยนที่อ่อนโยนเช่นนี้จากเจ้านายทอมมาก่อน โดยเฉพาะกับเจ้าหนูแม็กกี้.. เด็กชายที่เข้ามาสร้างความวุ่นวายและไม่สบอารมณ์ให้เมื่อ 6 สัปดาห์ก่อน อย่าว่าแต่จะพูดคุยด้วยเลย.. แม้แต่หน้าเจ้านายก็ยังไม่อยากจะเห็น

"แต่ถ้าผมตายล่ะ~ ผมต้องถูกเผาเหลือแต่กระดูกเหมือนแม่~ ใช่มั้ย.. คุณทอม… อือ~"
เด็กชายร้องครางและบีบมือทอมอย่างแรง เหมือนอาการเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังพยายามพูดต่อ
"ให้กระดูกผม~อยู่ที่บ้านคุณทอมได้มั้ย~ ตรงไหนก็ได้~ อยู่ใกล้ๆ อ่างปลาก็ได้~ ผมชอบปลา~"

โอ! พระเจ้า.. ทอมใจหายอย่างแรง เจ้าหนูแม็กกี้กำลังสั่งเสียเขาหรือนี่…

"เหลวไหลนะแม็กกี้.. ถ้าอยากจะอยู่กับฉันต้องมีชีวิตอยู่ ตายไม่ได้นะรู้มั้ย.. ฉันไม่ต้องการแค่กระดูกของเธอ ได้ยินมั้ยไอ้หนู.. ลืมเรื่องสำคัญระหว่างเราไปแล้วเหรอ.. ความจริงยังไม่ได้พิสูจน์เลย คิดจะยอมแพ้หรือไง หือ.."

ทอมไม่รู้ว่าเขารั้งเด็กชายขึ้นมาสวมกอดตั้งแต่เมื่อไร รู้สึกตัวอีกทีเมื่อเจ้าหนูซบหน้าลงกับอกเขาด้วยสีหน้าที่ยังเจ็บปวด
เขาไม่เคยปวดไส้ติ่งไม่รู้ว่ามันเจ็บและทรมานขนาดไหน รู้แต่ว่าหากเขาเจ็บแทนร่างเล็กในอ้อมกอดขณะนี้ได้ เขายินดี…

"ผมไม่น่า~มาหาคุณทอมเลย~ทำให้คุณ~เดือดร้อน~ต้องเสียเงิน~รักษาผมอีก~ แล้ว~"
น้ำเสียงกระท่อนกระแท่นดังอู้อี้เพราะซบอยู่กับอก ทอมไม่รู้จะพูดปลอบอะไรอีกแล้ว ได้แต่กอดเด็กชายไว้และลูบศีรษะไปมา
"หลับซะแม็กกี้.. ไม่พูดอะไรแล้วนะ นอนหลับซะ เด็กดี.."

แม็กกี้ไม่พูดอะไรอีกยอมหลับตาแต่โดยดี ทอมยังสัมผัสความเจ็บปวดของเจ้าหนูได้จากร่างกายที่ผวาขึ้นเป็นระยะๆ
และมือเล็กที่ดึงรั้งแขนเสื้อเขาทุกครั้งที่รู้สึกเจ็บ

ทอมกระซิบบอกเด็กชายเมื่อรถเลี้ยวเข้าโรงพยาบาล
"ถึงโรงพยาบาลแล้วนะแม็กกี้.. เข้มแข็งนะ ไม่ต้องกลัว ฉันจะอยู่ใกล้ๆ"

ทอมไม่รู้หรอกว่าร่างเล็กในอ้อมกอดของเขาสงบลงไม่ใช่เพราะหลับ แต่หมดสติไปเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับมากมายเกินกว่าที่ร่างกายเด็กชายจะรับไหว

 :m15:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #78 เมื่อ23-01-2010 17:09:56 »

^
^
^
^
จิ้มก่อนอ่านค่ะ ^__^



ง่า ไมเป็นแบบนี้หล่ะ เศร้าอ่ะ  T______T
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-01-2010 17:19:02 โดย iamnan »

ออฟไลน์ tatum1234

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-1
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #79 เมื่อ23-01-2010 17:22:32 »

 :o12:แม็กกี้กกกกกก...ทำไมชีวินหนูมันยิ่งกว่าวรรณลี บวกด้วย ดาวพระศุกร์ แล้วคูณด้วยโอชินแบบนี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
« ตอบ #79 เมื่อ: 23-01-2010 17:22:32 »





gypsy

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #80 เมื่อ23-01-2010 17:50:02 »

จนถึงตอนปัจจุบัน ยังหมั่นไส้จิมกับทอมอยู่เลย

สงสารหนูแม็กกี้

เฮ่อ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ kungyung

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1756
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #81 เมื่อ23-01-2010 20:34:55 »

 :m15: :m15: :m15:เจ้าหนูแม็กกี้จะเป็นอะไรมากมั้ยเนี้ยยยยยย

nithiwz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #82 เมื่อ24-01-2010 00:57:13 »

แล้วตาจิมก็ไม่ได้เก็บน้ำเชื้อไปตรวจ (ซะงั้น  :seng2ped:)
อ่านแล้วเศร้าอ่ะ  :m15: สงสารเจ้าหนูแม็กกี้เป็นไส้ติ่งอีกต่างหาก
จะตายมั้ยเนี่ย  แต่คงไม่ตายหรอกนะ  สู้ๆ เพื่อพิสูจน์ความจริง
สงสัยจะได้พิสูจน์แล้วแหละ  นายทอมเริ่มใจอ่อนแล้ว  เหอะๆๆๆๆ

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #83 เมื่อ24-01-2010 11:01:43 »

"ทอม.. ทอม.."
"แม็กกี้ออกมารึยังจิม.." ทอมเอ่ยประโยคแรกทันทีที่สะดุ้งตื่น
"ยังเลย นายกลับก่อนดีมั้ย ฉันจะอยู่เฝ้าเอง"
"แค่ไส้ติ่งเองทำไมนานจัง เกือบ 3 ชั่วโมงแล้วนะ "
"แม็กกี้ไส้ติ่งแตกตอนหมอลงมีดพอดี.."
"วะ.. ว่าไงนะ… ไส้ติ่งแตก..แปลว่าอะไร เค้าจะตายมั้ย" ทอมละล่ำละลักถามสีหน้าตื่นตกใจ เล่นเอาจิมตกใจไปด้วย
"เฮ้! ทอม.. ทำไมต้องตื่นเต้นด้วย แม็กกี้ปลอดภัยดี แค่ไส้ติ่งแตกหมอต้องใช้เวลานานหน่อยเท่านั้น ตอนนี้คงใกล้เสร็จแล้ว ฉันอยากให้นายกลับไปพักผ่อนที่บ้าน อย่านอนแกร่วอยู่ที่นี่เลย"
"ไม่!!.. ฉันยังไม่กลับ จะรอจนกว่าแม็กกี้จะออกมา ให้ฉันเห็นกับตาก่อนว่าเขาปลอดภัย"

ทอมโล่งอกเมื่อรู้ว่าเด็กชายปลอดภัย ก็เจ้าหนูเล่นพูดจาสั่งเสียเขาไว้มากมายขณะอยู่ในรถ จะไม่ให้เขากังวลใจได้ยังไง

จิมลอบถอนใจ ความรู้สึกของทอมที่มีต่อเด็กชายแม็คกิลล์ สแตนลีย์ ในวันนี้มันเปลี่ยนไปแล้วโดยสิ้นเชิง ไม่รู้ว่าทอมรู้ตัวหรือเปล่าว่าความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อเจ้าหนูแม็กกี้วันนี้คืออะไร เขาควรจะอยู่เฉยหรือทำอะไรสักอย่างดี หรือปล่อยให้เรื่องทั้งหมดเป็นไปตามที่สวรรค์ลิขิต

การก้าวไปสู่เวทีนายแบบโลกของทอมอาจชะงักลง ซึ่งโอกาสจะหลุดลอยและผ่านไปโดยไม่มีทางหวนกลับคืนมาอีก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่นายแบบวัย 27 ปี จะได้รับการเสนอชื่อให้เข้าร่วมเวทีคัดเลือกนายแบบระดับโลก เป็นเพราะทอมมีความงดงามสมบูรณ์แบบโดนใจกรรมการ  ถ้าปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไป ความฝันที่จะได้ตำแหน่งสุดยอดนายแบบโลกของทอมก็ต้องจบลงอย่างน่าเสียดาย

 :เฮ้อ:

"ให้เอ๊ดดี้อยู่เฝ้าจะดีเหรอ.."
จิมเลิกคิ้ว น้ำเสียงทอมเนือยๆ เหมือนพูดเปรยโดยไม่ต้องการคำตอบ เขาจึงย้อนถามกลับไป
"ทำไมล่ะ นายอยากอยู่เฝ้าเหรอ.."
"เอ่อ.. เปล่า.. ใครจะมีเวลาไปเฝ้าล่ะ ฉันหมายถึงเฉพาะตอนที่เด็กรู้สึกตัวขึ้นมา ถ้าได้เห็นหน้านายหรือฉันอยู่ด้วย เขาคงมีกำลังใจดีขึ้น ฉันแค่ไม่อยากให้เด็กคิดว่าเราทอดทิ้งเขา"
จิมส่ายหน้าลอบยิ้มในใจ
"เด็กผ่าตัดไส้ติ่งนะ ทอม.. ศีรษะไม่ได้กระทบกระเทือน รับรองว่า.. ตื่นขึ้นมาแม็กกี้ยังจำได้ว่านายเป็นคนพาเขาไปส่งโรงพยาบาล ไม่ต้องได้เห็นหน้าหรอก แค่นึกถึงตอนที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของคุณทอม เจ้าหนูแม็กก็หายวันหายคืนแล้ว.."
จิมกระเซ้าเล่นแต่ทอมกลับหน้างอไม่ชอบใจคิดว่าจิมพูดค่อนขอดเขา
"ทำไมต้องประชดด้วย ฉันแค่ทำในสิ่งที่ควรจะทำเท่านั้น เด็กปวดท้องจนคิดว่าตัวเองกำลังจะตายอยู่แล้ว นายจะให้ฉันใจแข็งทำโหดร้ายใจดำอยู่ได้ยังไง ฉันไม่ใช่นายนี่ จะได้บังคับอารมณ์และจิตใจตัวเองให้ทำดีหรือเลวร้ายเมื่อไรก็ได้ ฉันเก็บอารมณ์และฝืนความรู้สึกตัวเองไม่เป็น ฉันไม่หน้าตาย ไม่เย็นชาอย่างนายนี่….นายมันคนไม่มีหัวใจ…"

จิมตกใจกับอารมณ์ของทอม เขาชะลอรถเข้าข้างทางก่อนจะเหยียบเบรคให้รถหยุด  เสียงยางล้อรถเบียดถนนดัง เอี๊ยดดด!!!!!…. ความเร็วของรถที่วิ่งมาในยามวิกาลเช่นนี้ แม้รถจะถูกชะลอก่อนแต่ถูกบังคับให้หยุดกระทันหันด้วยอารมณ์ฉุนนิดๆ ของเขา   เหตุการณ์ไม่คาดฝันจึงเกิดขึ้น!!! ร่างของทอมถลาไปกระแทกกับคอนโซลรถ ศีรษะกระแทกกับกระจกด้านหน้าอย่างแรง…

จิมใจหายวาบ เขาไม่รู้และไม่ทันสังเกตว่าทอมไม่ได้คาดเซฟตี้เบลท์
"โอ! พระเจ้า… ขอโทษ ทอม.. ฉันขอโทษ…เจ็บตรงไหนบ้าง"
จิมรีบสำรวจอาการบาดเจ็บของทอมในขณะที่เจ้าตัวยังอยู่ในอาการมึนงง
"เกิดอะไรขึ้น หยุดรถทำไมอ่ะ จิม.." ทอมคลำศีรษะป้อย ไม่ได้ร้องโอดครวญทั้งๆ ที่ได้รับบาดเจ็บ
"เอ่อ.." จิมอึ้งกับคำถาม

…ใช่! หยุดรถทำไม.. เขาหยุดรถกระทันหันเพราะฉุนที่ถูกทอมต่อว่า ให้ตายเถอะ !.. นี่เขาทำเรื่องบ้าอะไรลงไป ถ้าเกิดอุบัติเหตุและทอมได้รับบาดเจ็บมากกว่านี้เขาจะทำยังไง…

จิมสวมกอดทอมและพร่ำขอโทษ
"ขอโทษทอม.. ฉันขอโทษ… ไม่รู้ว่านายไม่ได้คาดเข็มขัด ฉันเสียใจที่ทำนายเจ็บ ขอโทษนะทอม.. เจ็บตรงไหนบ้าง เจ็บมากมั้ย.. "

จิมลูบคลำศีรษะบริเวณที่เจ็บของทอม  โดยที่อีกฝ่ายนั่งนิ่งไม่ได้ต่อว่าหรือย้อนถามว่าเพราะอะไรถึงหยุดรถ แต่กลับเอ่ยประโยคที่ทำให้จิมคลายอ้อมแขนและผละออกทันที

"ถ้าฉันไม่เจ็บนายไม่คิดจะกอดฉันอีกแล้วซีนะ"
"นายตัดใจจากฉันได้แล้วเหรอ จิมมี่.."

ทอมรุกคำถามต่อเมื่ออีกฝ่ายนิ่งเงียบไป ทำเอาจิมอึ้งหนักเข้าไปอีก จู่ๆ เทพบุตรทอมก็เบนประเด็นการสนทนาจากเจ้าหนูแม็กกี้มาเป็นเรื่องเขา

"เอ่อ.." จิมอึกอัก ความอดกลั้นกำลังจะสิ้นสุดลงเมื่อทอมซบศีรษะกับไหล่เขากล่าวน้ำเสียงอ้อน
"ทำไมอ่ะ จิม.. ทำไมต้องเป็นแบบนี้ เหมือนเดิมไม่ได้เหรอ.. ถึงฉันจะไม่ได้รักนายแบบเดียวกับที่นายรักฉัน แต่ฉันก็อยากให้นายอยู่ใกล้ๆ ฉันขาดนายไม่ได้"

…โอ! พระเจ้า จิมไม่สามารถบังคับและฝืนหัวใจตัวเองได้อีก เขาสวมกอดทอมด้วยความรักสุดหัวใจ ความรู้สึกที่เขามีให้ทอมไม่ใช่รักร่วมเพศอย่างที่คนอื่นเป็น ถ้าไม่ใช่ทอมแล้วเขาไม่เคยมองชายหนุ่มรูปงามคนไหนด้วยความเสน่หา เขายังต้องการที่จะคบหาและมีเซ็กซ์กับผู้หญิงเหมือนผู้ชายปกติทั่วไป เพียงแต่หัวใจของเขาไม่มีที่ว่างสำหรับใครอื่นแล้ว เทพบุตรทอมนั่งอยู่ทุกห้องในห้วใจเขา

"ฉันไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ แต่ฉันจำเป็นต้องฝืนใจออกห่างจากนาย ไม่อยากให้มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นระหว่างเราอีก"
จิมคลายอ้อมแขนมองหน้าเทพบุตรแสนรัก  ควงตาคมเข้มฉายแววรักใคร่สุดหัวใจ
 
"นายอาจมองว่าฉันเป็นเกย์ รักชอบผู้ชายด้วยกัน  รู้อะไรมั้ย  ฉันไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนอื่น   ฉันรักนายเพราะนายคือ โธมัส แม็คกิลล์ ไม่ว่านายจะเป็นหญิงหรือชาย นายคือคนที่ฉันรัก ไม่มีใครแทนที่นายได้ และไม่มีวันที่ฉันจะตัดใจเลิกรักนายได้"

ทอมนั่งอึ้ง เขาเข้าใจที่จิมพูดและกำลังสับสนความรู้สึกของตัวเอง
"ฉันก็รักนายนะจิม.. ไม่มีใครแทนนายได้เหมือนกัน ความรู้สึกของฉันเหมือนของนายหรือเปล่า.."
"อยากรู้ว่าเหมือนหรือไม่เหมือน ง่ายนิดเดียว นายอยากมีเซ็กซ์กับฉันหรือเปล่าล่ะ หือ.." 
"เอ่อ.. ซ..เซ็กซ์เหรอ.. หมายถึงที่นายชอบทำกับฉัน กอดและจูบ.. ใช่มั้ย"
"ใช่.. แต่ไม่ใช่แค่นั้น นายมีเซ็กซ์กับผู้หญิงยังไงก็ยังงั้นแหล่ะ"

จิมหัวเราะเมื่อทอมนั่งอึ้งไม่พูดอะไรต่อ
"รู้หรือยังว่าความรู้สึกของนายเหมือนฉันหรือเปล่า สำหรับฉัน… ไม่ใช่แค่อยากมีเซ็กซ์กับนายเท่านั้น บางครั้งฉันอยากจะกลืนกินนายเลยรู้มั้ย.."

ทอมสะดุ้งโหยงถอยร่างพิงประตู   จิมหัวเราะลั่น
"ล้อเล่นน่ะ ทอม.. นั่งดีๆ รัดเข็มขัดซะ ใกล้จะเช้าแล้ว…จะได้รีบกลับไปพักผ่อนต่อ โชคดีที่วันนี้ไม่มีคิว นายนอนได้ทั้งวันเลย.."

สองหนุ่มนั่งนิ่งเงียบมาในรถด้วยความรู้สึกต่างกัน จิมขับรถกลับบ้านด้วยความสบายใจที่ได้มีโอกาสบอกความรู้สึกที่แท้จริงของเขาให้ทอมรู้ แม้ว่าทอมจะไม่สามารถสนองตอบได้ ขอเพียงรับรู้และเข้าใจความรู้สึกที่เขามีให้ก็พอ..

ในขณะที่จิมรู้สึกสบายใจ ทอมกลับกังวลและสับสนกับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อจิมจนลืมเรื่องของแม็กกี้ไปชั่วขณะ คำพูดของจิมทำให้ทอมนั่งครุ่นคิดมาตลอดทาง เขาเคยมั่นใจว่าไม่ได้รักจิมแบบเดียวกับที่จิมรักเขา แต่วันนี้ชักไม่แน่ใจแล้ว….

เขารู้สึกอบอุ่นเวลาอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มผู้นี้ และรู้สึกดีทุกครั้งที่จิมจูบปลอบขวัญหรือหยอกเย้าเล่น และที่เหลือเชื่อไปกว่านั้นก็คือ วันที่เขาถูกจิมใช้กำลังบังคับขณะถูกจูบความรู้สึกเหมือนกำลังล่องลอยไปอีกโลกหนึ่ง บอกไม่ถูกว่าชอบหรือไม่... รู้แต่ว่าถ้าจิมจะทำแบบนั้นกับเขาอีก เขาจะไม่ดิ้นรนและขัดขืนเลย

ทอมขนลุกเมื่อนึกถึงคำพูดของจิมเรื่องมีเซ็กซ์ แต่ถ้าถึงขนาดมีเซ็กซ์แบบเดียวกับที่ผู้ชายและผู้หญิงมีต่อกันแล้วเขาคงรับไม่ได้ และเมื่อเขาไม่รับนั่นหมายถึงเขาคงรักจิมแบบพี่ชายหรือเพื่อนสนิทจริงๆ กระมัง

 :confuse:

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #84 เมื่อ24-01-2010 11:08:08 »

ทอมยืนมองเด็กชายแม็คกิลล์ แสตนลีย์ ที่กำลังหลับสนิทอยู่อย่างพิจารณา พิศดูดีๆ แล้ว เค้าหน้าของเจ้าหนูถอดแบบผู้เป็นแม่มาเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะดวงตาและจมูก เขายอมรับว่าจำหญิงสาวที่ชื่อแอนนาไม่ได้แล้วจริงๆ เด็กชายผู้นี้พาตัวเองมาหาเขาและยังมารื้อฟื้นความหลังที่เขาไม่ต้องการจะจำ ความรู้สึกที่มีต่อแม็กกี้ในวันแรกๆ จึงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่ ณ เวลานี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าความไม่ชอบใจและความรู้สึกเกลียดชังในตัวเจ้าหนูแม็กหายไปไหนและตั้งแต่เมื่อไร

วันนี้เป็นวันที่สองที่เด็กชายนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาล เมื่อวานเขาไม่ได้มาเยี่ยมเพราะกว่าจะได้นอนก็เกือบรุ่งเช้า ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ปาเข้าไปบ่าย 2    จริงๆ แล้วเขาอยากจะมาแต่จิมบอกให้มาวันนี้จะดีกว่า   จิมไม่อยากให้เขาแสดงความห่วงใยเด็กชายมากเกินไป เพราะจะทำให้เจ้าหนูตัดใจไปจากเขาลำบาก หากไม่ยอมกลับขึ้นมาจะยุ่ง จิมคงไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกที่เขามีต่อเด็กชายวันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว..

สีหน้าของเด็กชายเหมือนกำลังอยู่ในห้วงของความฝัน และคงฝันไม่ค่อยดีเท่าไร คิ้วขมวดเล็กน้อยและส่งเสียงพึมพำเบาๆ เหมือนเรียกหาใคร ทำให้ทอมไม่อาจยืนนิ่งอยู่ได้ โน้มตัวลงเงี่ยหูฟังด้วยความอยากรู้

"แด๊ด.. แด๊ดดี้.. แด๊ดดี้.."

ทอมใจหายวาบ หัวใจเต้นแรงจนต้องผละจากเตียงมานั่งพักที่โซฟาร์ เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องกลัวการพิสูจน์ความจริงด้วย  เขาไม่น่ายื้อและพยายามหาวิธีหลีกหนีความจริงด้วยการตั้งเงื่อนไขบ้าๆ หาวิธีทดสอบและรังแกเด็กชายทุกวิถีทางเพียงเพื่อให้เจ้าหนูยอมแพ้และหนีกลับบ้าน

…… แม้หลายเรื่องเขาจะไม่ได้กระทำด้วยตัวเอง แต่ถ้าไม่ใช่เพราะความต้องการของเขา จิมก็ไม่มีวันทำเรื่องเช่นนั้นได้ นึกถึงความทารุณต่างๆ ที่เด็กชายได้รับจากการทดสอบแต่ละครั้ง เขารู้สึกว่าตัวเองเลวร้ายมาก การกระทำของเขาไม่ใช่แค่ผู้ใหญ่รังแกเด็กเท่านั้น เขาต้องหยุดการกระทำที่เลวร้ายตั้งแต่วินาทีนี้ ก่อนที่เขาอาจจะกลายเป็นพ่อใจยักษ์ เพราะหากความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแม็กกี้พิสูจน์แล้วเป็นความจริง ไม่ว่าเขาจะรับเจ้าหนูเป็นลูกหรือไม่ ก็ไม่สามารถหลีกหนีความจริงได้ว่า เขาคือ "พ่อ" และ แม็กกี้ เป็น "……"

"คุณทอม.. คุณทอมครับ"

ทอมออกจากภวังค์ รู้สึกตัวก็พบเด็กชายกำลังจ้องมองเขาตาแป๋วและส่งยิ้มให้ สีหน้าซีดเซียวขณะหลับเมื่อครู่สดชื่นขึ้นอย่างประหลาด เขาจึงลุกขึ้นเดินเข้าไปหา

"Hi!.. แม็กกี้ ไง!.. หายปวดท้องหรือยัง"
"หายแล้วครับ ผมไม่ปวดท้องแล้ว แต่ยังเจ็บอยู่"
ทอมขยับเข้าไปใกล้เตียงและก้มลงถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"เจ็บแผลใช่มั้ย.. เจ็บมากหรือเปล่า หือ.."
"ไม่มากครับ ผมทนได้ ไม่เหมือนตอนปวดท้อง ผมนึกว่าผมต้องตายแล้ว"
ทอมใจหายเมื่อได้ยินเด็กชายพูดถึงเรื่องตายอีก
"เหลวไหล.. แค่ปวดไส้ติ่งจะตายได้ยังไง ตอนนี้หายปวดเป็นปลิดทิ้งแล้วใช่มั้ย"
"ครับ ขอบคุณคุณทอม..ที่ช่วยพาผมมาโรงพยาบาล ผมทำความเดือดร้อนให้คุณทอมต้องเสียเงินรักษาผมตั้งหลายครั้ง ผมเป็นหนี้บุญคุณ เป็นหนี้ชีวิตด้วย… ผมสัญญาว่าจะไม่ทำความเดือดร้อนให้คุณทอมอีก ผมไม่ต้องการรู้ความจริงอะไรแล้วครับ ผมหายดีเมื่อไรผมจะไปจาก…"

ทอมเอามือปิดปากแม็กกี้ไว้ทัน เขาเป็นฝ่ายรอคอยอยากจะให้เด็กชายพูดคำนี้มานานแล้ว แต่พอเจ้าหนูจะพูดเขากลับไม่อยากได้ยิน
"พอแล้ว.. หยุดเดี๋ยวนี้ ห้ามพูดอะไรอีก ไม่ใช่เวลาที่เธอจะพูดมากแบบนี้ แม็กกี้.. ตอนนี้ต้องพักผ่อนมากๆ เข้าใจมั้ย"
ทอมปล่อยมือเด็กชายก็พูดต่อทันที
"แต่ผมมีเรื่องอยากจะบอกคุณ อยากให้คุณเข้าใจ"
ทอมขมวดคิ้ว รู้สึกระอาใจกึ่งไม่พอใจ
"เธอพูดเหมือนฉันไม่เข้าใจอะไรยังงั้นแหล่ะ ตกลง… อยากจะบอกอะไรก็บอก เพราะฉันเองก็มีเรื่องอยากจะบอกเธอด้วย"
"ผม.. เอ่อ.. ผมอยากจะบอกคุณว่าผมไม่ได้..."
"เฮ้!.. แม็กกี้... หวัดดีไอ้หนู หายปวดท้องหรือยัง"
หนุ่มน้อยเอ่ยความในใจได้เท่านี้เพราะถูกขัดจังหวะด้วยเสียงทักทายของผู้มาเยือน
"หวัดดีครับ คุณจิม.."

แม็กกี้จำใจทักตอบก่อนจะแอบถอนใจด้วยความเสียดาย โอกาสที่จะได้อยู่ตามลำพังกับคุณทอมมีไม่บ่อยนัก ที่สำคัญแม็กกำลังจะได้บอกความในใจของตัวเองให้คุณทอมรู้แล้ว คุณจิมไม่น่าเข้ามาขัดจังหวะเลย…

ทอมผละจากเตียงเลี่ยงมานั่งที่โซฟา เขานัดจิมให้มารับตอนบ่าย 2 นี่ยังไม่บ่ายเลย ไม่รู้ว่าจะรีบมาทำไม…

….เป็นครั้งแรกที่ทอมและเด็กชายมีความรู้สึกตรงกัน สายใยสัมพันธ์เริ่มเกาะกุมหัวใจชายหนุ่มอย่างไม่รู้ตัวแล้ว.…



 :dad2:
 


ออฟไลน์ kungyung

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1756
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #85 เมื่อ24-01-2010 11:28:47 »

เจ้หมวยคร้าบบบบบบบบ
วันนี้จะมาต่ออีกมั้ยคร้าบบบบบบบบบ
รอนะคร้าบบบบบบบ

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #86 เมื่อ24-01-2010 11:35:37 »

สายใยรัก บทที่ ..7..
“เทพบุตรยอมจำนน”

----------------


"จิม.."
"หือ.."
ทอมนั่งเงียบมาในรถกว่า 10 นาทีแล้ว ผิดวิสัยที่เคยเป็นปกติถ้าไม่หลับทอมมักจะมีเรื่องเล่าหรือไม่ก็บ่นเรื่องงานให้เขาฟังเสมอ
"ฉันมีเรื่องจะปรึกษา…"
"เรื่องแม็กกี้ใช่มั้ย" จิมดักคอเทพบุตรของเขาอย่างรู้ทัน
"ใช่... "
"ว่ามาซี ปรึกษาเรื่องอะไร"
"ฉัน.. เอ่อ.. ฉันตัดสินใจจะพิสูจน์ความจริงกับแม็กกี้ จะไม่เลี่ยงหรือหลบหลีกด้วยวิธีใดๆ อีกแล้ว ที่ผ่านมาฉันขี้ขลาดและเลวร้ายมากเกินกว่าจะให้อภัยตัวเองได้ ฉันเคยว่านายชั่วร้ายแต่จริงๆ แล้วฉันต่างหากที่ชั่วไม่ใช่นาย "
"เฮ้!.. หยุดนะทอม.. อย่าว่าตัวเองแบบนั้น ฉันต่างหากที่ทำเรื่องชั่วร้ายกับเด็ก ไม่ใช่นาย.."
"แต่นายทำตามคำสั่งของฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉันสั่งให้นายหาวิธีกำจัดเด็ก นายจะทำเรื่องแบบนั้นได้หรือจิม.."
"จะยังไงก็ช่าง ฉันไม่อยากให้นายโทษตัวเองแบบนี้ นายว่าฉันชั่ว.. ฉันยังไม่รู้สึกแย่เท่ากับได้ยินนายว่าตัวเอง ถ้าเป็นคนอื่นพูดว่านายให้ฉันได้ยินแบบนี้ ป่านนี้ถูกอัดลงไปกองอยู่กับพื้นแล้วรู้มั้ย เพราะฉะนั้นอย่าว่าตัวเองแบบนั้นให้ฉันได้ยินอีก"
ทอมเอ่ยถามเสียงอ่อย
"นายจะอัดฉันลงไปกองด้วยเหรอ.."
"เปล่า.. ฉันจะปิดปากนายไม่ให้มีโอกาสได้พูดอีก ไม่ใช้มือปิดด้วย รู้ใช่มั้ย.. ว่าจะใช้อะไร.." จิมหันมาส่งยิ้มและสายตาเจ้าเล่ห์ให้
ทอมหน้าแดงรีบตัดบทเข้าเรื่องที่คุยค้างไว้
"ตกลงฉันจะพิสูจน์ความจริงกับแม็กกี้ นายเห็นด้วยมั้ย"
"……… " จิมนิ่งคิด

…..จริงๆ แล้วเขาเห็นด้วยถ้าทอมตัดสินใจพิสูจน์ความจริงตั้งแต่ตอนที่เด็กชายมาใหม่ๆ เพราะแม้ความจริงที่ปรากฎเจ้าหนูจะเป็นสายเลือดของทอม แต่ความรู้สึกของทอมที่มีต่อเด็กชายในขณะนั้น นอกจากจะไม่มีความผูกพันใดๆ ต่อกันแล้ว ยังรู้สึกไม่ชอบใจถึงขั้นเกลียดชังเลยด้วยซ้ำ หากเด็กชายทำตามสัญญาที่ให้ไว้ คือยอมจากไปด้วยดีโดยไม่หวนกลับคืนมาอีก ในเวลานั้นย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับทอม …แต่ ณ วันนี้ ความจริงที่ปรากฎ ไม่ว่าแม็กกี้จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของทอมหรือไม่ การจากไปของเจ้าหนูต้องไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีสำหรับทอมอย่างแน่นอน….

"ว่าไงจิม เห็นด้วยหรือเปล่า" ทอมถามย้ำเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบไปนาน
"ไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้หลังเสร็จงานแล้วดีมั้ย"
"ทำไมคุยตอนนี้ไม่ได้ โยกโย้แบบนี้แปลว่านายไม่เห็นด้วยใช่มั้ย" ทอมหน้ามุ่ยเริ่มหงุดหงิดเพราะถูกขัดใจ
"ทำไมล่ะจิม.. ลืมแล้วเหรอว่านายเคยบอกให้ฉันพิสูจน์ความจริงไปซะ ถึงยังไงเด็กนั่นก็ต้อง..ไปจากเรา.. อยู่แล้ว.."

ทอมอึ้งกับคำพูดของตัวเอง ...จริงซิ.. ตัวเขาเองก็ลืมเรื่องนี้ไปด้วย เพิ่งนึกขึ้นได้ตอนพูดนี่เอง…

จิมลอบถอนใจเมื่อเทพบุตรแสนรักหน้าเสียลงกับคำพูดของตัวเอง …บอกแล้วว่าการจากไปของเจ้าหนูแม็กในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีสำหรับ ทอม….

"ฟังนะ ! ทอม.. ไม่ว่านายจะเชื่อใจฉันในฐานะอะไร ขอให้รู้ว่าถ้าเป็นความต้องการจากใจจริงของนายแล้ว ไม่ว่าจะมีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรขวางอยู่ ฉันจะจัดการเคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อย อะไรที่นายต้องการแม้จะอยู่ไกลสุดขอบฟ้า ฉันจะไขว่คว้าหามาให้จนได้"

ทอมหน้าเหรอ
"ฉันแค่อยากพิสูจน์ความจริงกับแม็กกี้นะ จิม.. ไม่ได้ต้องการอะไรที่อยู่ไกลสุดขอบฟ้าเลย"
จิมหัวเราะ
"ฉันเปรียบให้ฟังน่ะ ทอม.. หากมีปัญหาหรือสถานการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นหลังความจริงปรากฎ ฉันมีหน้าที่แก้ปัญหาให้นายไม่ใช่เหรอ.."
"หมายความว่าไง จะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ.."
จิมชะลอรถและมองหาที่จอดข้างทาง ไหนๆ ทอมก็ดันทุรังจะคุยให้ได้ เขาควรจะหยุดพูดเรื่องสำคัญนี้อย่างเป็นการเป็นงานเสียก่อน
"ปัญหาจะเกิดหรือไม่อยู่ที่ตัวนาย ทอม.. ถ้าความจริงปรากฎออกมาว่าแม็กกี้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนายจริงๆ จะทำยังไงต่อไปคิดไว้หรือยัง "
"เอ่อ.." ทอมนั่งนิ่ง จริงๆ แล้วปัญหานี้แหล่ะ ที่เขาจะมาขอคำปรึกษาจากจิมว่าควรจะทำยังไง
"แล้วนายคิดว่าฉันควรทำยังไงล่ะ ควรรับเค้าเป็น…เอ่อ… เป็นลูก.. หรือเปล่า"
"ไม่ควร.."
คำตอบชัดถ้อยชัดคำทำเอาทอมหน้าเสีย จิมรีบขยายความต่อทันที
"ไม่ควรให้คนอื่นนอกจากคนในบ้านล่วงรู้ ไม่ควรเปิดเผยกับสังคม"
"หมายความว่ารับได้.. แต่ปิดไม่ให้ใครรู้ใช่มั้ย" สีหน้าทอมดีขึ้น น้ำเสียงส่อแววยินดี
"ใช่.. รับได้.. ถ้าแม็กกี้ยินดีให้นายรับนะ "
"หมายความว่าไง ถ้ายินดี…"
"ก็นายเพิ่งบอกฉันเองว่า ไม่ว่าผลพิสูจน์จะออกมายังไงเด็กก็ต้องไปจากเราอยู่แล้ว"
"ก็.. นายเป็นคนเสนอเงื่อนไขนี้ให้เด็กไม่ใช่เหรอ คิดดูแล้วมันเป็นการเอาเปรียบเกินไป เราขอเปลี่ยนเงื่อนไขใหม่ได้นี่.."
จิมอมยิ้มอยากจะหัวเราะก๊ากด้วยซ้ำ เทพบุตรของเขาเพิ่งรู้ตัวว่าเอาเปรียบเด็ก วันที่นั่งตกลงกันเห็นยิ้มสะใจกับเงื่อนไขของเขา
"จะบอกอะไรให้นะ ทอม.. จริงๆ แล้วเงื่อนไขนี้เป็นความต้องการของแม็กกี้เอง เขาขอแค่ได้พิสูจน์ความจริงให้รู้ว่านายใช่พ่อหรือไม่ใช่เท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้นายรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น แค่อยากรู้ว่าตัวเองไม่ได้กำพร้าพ่อ ก็พอ.."
"ถ้ายังงั้นจะมาพิสูจน์หาอะไร!!.." ทอมไม่สบอารมณ์ทันทีเมื่อรู้ว่าเงื่อนไขนี้เป็นความต้องการของเด็กชาย
"ทำไมนายไม่บอกฉันล่ะ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกฉันจะไม่รอให้ถึงวันนี้เลย ป่านนี้เรื่องวุ่นวายต่างๆ คงจบไปนานแล้ว ทั้งฉันและนายก็ไม่ต้องกลายเป็นผู้ใหญ่ใจยักษ์โหดร้ายใจดำ รังแกเด็กให้เสียความรู้สึกแบบนี้…"
จิมส่ายหน้า เพราะคนที่กำลังเสียความรู้สึกไม่ใช่เขาแต่เป็นทอม และไม่ใช่แค่เสียความรู้สึกธรรมดา สีหน้าของทอมขณะนี้เหมือนคนผิดหวังจากความรัก…
"ฟังนะ ! ทอม.. นี่คือเหตุผลที่ฉันบอกกับนายว่ามีปัญหารออยู่ข้างหน้า แต่ทุกปัญหาฉันแก้ไขให้นายได้ขอแค่นายยอมพูดความจริง ตอบคำถามฉันด้วยความรู้สึกจากใจจริงเหมือนหมอรักษาคนไข้ คนไข้ต้องให้ความร่วมมือบอกอาการที่แท้จริงด้วย"
ทอมพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้
"รู้สึกยังไงกับแม็กกี้ ทอม.. ฉันหมายถึงวันนี้.. เวลานี้..”
"ฉัน.. เอ่อ.."
จิมถอนใจเมื่อเห็นสีหน้าครุ่นคิดของทอม …โธ่เอ๊ย! ทอม.. มันไม่ใช่คำตอบที่ต้องใช้เวลาคิดเลยนี่นา แค่บอกตามที่หัวใจรู้สึกเท่านั้น…   
จิมเปลี่ยนคำถามใหม่เมื่อเห็นทอมยังนั่งนิ่งอยู่
"นายยังเกลียดเด็กอยู่หรือเปล่า ทอม.. เกลียดเท่าวันแรกที่เห็นหน้ามั้ย"
"ไม่.. เอ่อ.. จริงๆ แล้วฉันไม่ได้เกลียด.. แค่ไม่ค่อยชอบหน้า.."
"ไม่ได้เกลียด… แปลว่ารักหรือเปล่า.."
"เปล่านะ ฉันไม่ได้รัก.. เอ่อ.." ทอมรีบปฏิเสธแต่กลับชะงักด้วยด้วยความไม่แน่ใจ
"ฉัน..แค่ไม่ได้เกลียด แต่ฉันก็.. เอ่อ.. ฉันยังไม่ได้รัก…"
ทอมก้มหน้าลงเอามือกุมศีรษะเหมือนอยู่ในอาการกดดัน จนจิมต้องรีบผ่อนคลายด้วยการพูดปลอบ
"โอเค! ทอม.. ฉันเข้าใจแล้ว นายไม่ได้เกลียดเด็กแต่ก็ยังไม่ได้รัก แปลว่าแค่ชอบเฉยๆ รู้สึกดีกับเจ้าหนูมากกว่าเมื่อก่อนใช่มั้ย ตอบแค่ว่า.. ใช่หรือไม่..ก็พอ"
จิมบีบมือให้กำลังใจเทพบุตรของเขา ที่ทำเหมือนกำลังตกหลุมรักสาวแล้วไม่กล้าพูดหรือยอมรับความจริงว่าตัวเองชอบ..
ทอมไม่พูดแต่พยักหน้าให้ทั้งๆ ที่ยังก้มหน้างุดอยู่ ทำให้จิมอดหัวเราะไม่ได้
"โอเค !.. ถ้างั้นก็เดินหน้าพิสูจน์ความจริงกับแม็กกี้ได้เลย จะเป็นวันนี้หรือพรุ่งนี้หรือรอให้ครบ 2 เดือนก่อนก็ได้ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน แต่ควรบอกให้เด็กรู้ตัวก่อนจะได้มีกำลังใจและหายเร็วๆ ปัญหาอะไรที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันจัดการเอง โอเค!.."

ทอมยิ้มออก
"โอเค!.. งั้นไปทำงานกันได้แล้ว เสร็จจากงานเราแวะไปเยี่ยมแม็กกี้ก่อนกลับบ้านนะ อ้อ!.. มีอีกเรื่อง.. ตั้งแต่คืนนี้นายต้องย้ายกลับมานอนที่บ้านนะ จิม.. นี่เป็นคำสั่งไม่ใช่เรื่องปรึกษา.."

จิมอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะรับคำสั่งอย่างแข็งขัน
"รับทราบครับ บ๊อส.. เจมส์ เมเนนเดส  การ์เซีย จะปฏิบัติตามคำสั่งครับผม"

จิมสตาร์ทรถออกเดินทางต่อ เขาลอบยิ้มในใจกับอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของ ทอม

…นี่ไม่ใช่แค่รู้สึกดีธรรมดา ชอบก็ยังน้อยไป นายหลงรักเด็กเข้าแล้ว ทอม.. แต่รักหมดใจหรือยังต้องรอดูกันต่อไป…

…ไม่อยากเชื่อเลยว่าเกมทดสอบครั้งนี้ เจ้าหนูแม็กกี้เป็นฝ่ายชนะขาดลอย ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านแม็คกิลล์ได้ไม่ถึง 2 เดือน ก็กุมหัวใจเทพบุตรทอมของเขาไว้ในกำมือแล้ว ดีนะที่เป็นเด็กและอยู่กันคนละฐานะ ไม่ยังงั้น.. นายต้องกลายเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของฉันแน่ แม็กกี้...


 o13


หนุ่มน้อยแม็คกิลล์เปิดสมุดบันทึกมองภาพคุณทอมและแม่แอนนาสลับไปมาอย่างมีความสุข ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง…. คุณทอมยินดีพิสูจน์ความจริงแล้ว แต่มีเงื่อนไขว่าเรื่องนี้ต้องเป็นความลับ และไม่ว่าความจริงจะปรากฏออกมาว่าใช่หรือไม่ก็ตาม คุณทอมจะเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะให้แม็กจากไปหรือไม่ คุณจิมเป็นคนกลางเจรจาตกลงให้เหมือนเดิม ครั้งนี้คุณทอมอารมณ์ดีแถมยังมองหน้าและยิ้มอย่างใจดีให้แม็กด้วย ไม่เหมือนครั้งที่แล้วนอกจากจะหน้าบึ้งไม่สบอารมณ์แล้วยังไม่ยอมชายตามองสักนิดเลย

แม็กกี้ออกจากโรงพยาบาลได้ 3 วันแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะครบกำหนด 2 เดือนที่คุณทอมนัดว่าจะพิสูจน์ความจริงด้วย คุณจิมบอกว่าจะไม่ใช้วิธีเจาะเลือดเพราะให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้ แต่จะเป็นวิธีไหนถึงเวลาแล้วจะรู้เอง…

“ดีใจด้วยนะ แม็กกี้.. ในที่สุดคุณทอมก็ใจอ่อนยอมพิสูจน์ความจริงด้วย ถ้าผลออกมาว่าใช่.. ก็ต้องกลายเป็นคุณหนูแม็กแล้วล่ะซี ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วยนะครับ คุณหนู.."
"อย่าล้อซีครับ น้าเอ๊ดดี้.. ผมไม่มีโอกาสได้เป็นคุณหนูหรอก"
"อ้าว! ทำไมล่ะ ถ้าใช่ก็ต้องได้เป็นซี.."
"เอ่อ.."
แม็กกี้ก้มหน้านิ่ง พอว่าจะได้พิสูจน์จริงๆ ก็เริ่มกลัว ..กลัวว่าถ้าไม่ใช่ลูกคุณทอมจริงๆ ก็จะต้องกลายเป็นเด็กไม่มีพ่อ..
"ผมไม่ได้เป็นหรอกครับ น้าเอ๊ดดี้.. รู้ความจริงแล้วผมก็ต้องไปจากที่นี่ตามสัญญา"
"เฮ้!.. เอาจริงเหรอ แม็กกี้.. จะทำตามสัญญาจริงๆ เหรอ บางทีคุณทอมอาจเปลี่ยนใจยอมรับก็ได้นะ.."
"ไม่หรอกครับ คุณทอมรับผมไม่ได้หรอก คุณทอมมีชื่อเสียง อายุก็ยังน้อยเกินกว่าที่จะมีลูกโตๆ อย่างผม ผมจะไม่ทำให้คุณทอมลำบากใจหรอกครับ ผมต้องไป…"

นายเอ๊ดถอนใจเฮือกกับความตั้งใจแน่วแน่ของเจ้าหนูแม็กกี้ ทั้งๆ ที่รักและเทิดทูนคุณทอมมากขนาดนี้ก็ยังพร้อมจะเป็นฝ่ายจากไป แต่จะว่าไป.. เด็กชายก็เตรียมที่จะมาพบเพื่อจากอยู่แล้ว คนที่น่าเป็นห่วงดูท่าจะเป็นเจ้านายของเขามากกว่า ความรู้สึกของคุณทอมที่มีต่อเจ้าหนูแม็กวันนี้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ดูรูปการณ์แล้วคงไม่ยอมปล่อยให้เด็กชายจากไปแต่โดยดีแน่…

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-01-2010 11:37:57 โดย j-muay »

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #87 เมื่อ24-01-2010 11:43:00 »

"แม็กกี้.. บอกแล้วไงว่าอย่าเข้ามายุ่มย่ามในครัว รีบวางมือแล้วไปนอนพักผ่อนซะ ยังไม่หายดีเลย ถ้าคุณทอมมาเห็นเข้าป้าจะถูกดุ"
"แต่ผมนอนทั้งวันจนเบื่อแล้วนี่ครับ ผมอยากออกมาช่วยทำอะไรบ้าง"
แม่บ้านส่ายหน้าด้วยความเอ็นดูกึ่งระอาใจ เด็กชายยังล้างผักต่อไปเรื่อยๆ ไม่ยอมวางมือ
"แม็กกี้ ๆ อยู่ในครัวหรือเปล่า.." เสียงสาวใช้แววเรียกหาเด็กชายอยู่ด้านนอกก่อนจะเดินเข้ามาในครัว
"เสียงมาก่อนตัวเลยนะ นังแวว.. ตามหาแม็กกี้ทำไม ถ้าจะให้ไปช่วยเอ็งถูบ้านล่ะก็ หยุดเลยนะ.."
"อะไรกันป้า อยู่ๆ ก็มาหาเรื่อง อ๊ะ! ..ทีป้าล่ะ ใช้ไอ้หนูล้างผักทำไม เดี๋ยวจะฟ้องคุณทอม"
"เอ่อ.. อย่าเถียงกันครับ ผมเป็นคนเข้ามาช่วยป้าเอง"
แม็กกี้รีบขัดจังหวะ ไม่อยากให้ป้าทิพย์และน้าแววมีปากเสียงกันเพราะตัวเอง รีบวางมือจากงานล้างผักและเดินเข้าไปหาสาวใช้แวว
"น้าแววมีอะไรให้ผมช่วยหรือครับ"
"อุ๊ย! น้าไม่กล้าหรอกจ๊ะ คุณจิมโทรมาสั่งว่าอาหารเย็นมื้อนี้คุณทอมจะให้แม็กกี้ทานร่วมโต๊ะด้วย อีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะกลับถึงบ้านแล้ว"
แววเมียงมองเด็กชาย เธอได้รับคำสั่งให้มีหน้าที่เป็นพยาบาลพิเศษ คอยดูแลเด็กชายในระหว่างที่แผลผ่าตัดยังไม่หายดี
"ก็ไม่มอมแมมเท่าไร แต่น้าว่าไปอาบน้ำปะแป้งให้หอมๆ สักหน่อยดีกว่า เออ!.. จริงซี.. แผลยังไม่หายดีคงต้องเช็ดตัวไปก่อน มาเถอะ.. น้าจะช่วยจัดการให้"
"อะไรนะครับ ให้ผมทานร่วมโต๊ะด้วยจริงเหรอ"
"นั่นน่ะซี แวว.. เอ็งหูฝาดหรือเปล่า"
"ตอนแรกฉันก็นึกว่าตัวเองหูฝาด ย้ำถามคุณจิมไปตั้ง 3 รอบกว่าจะรู้เรื่อง"
"รู้เรื่องว่าไง.."
"รู้ว่า.. คุณจิมปากจัดน่ะซี เธอว่าฉันหัดแคะหูซะบ้าง ถ้าแคะเองไม่ได้ก็ให้พี่เอ๊ดดี้แคะให้ อย่ามัวแต่เอาเวลาไปแคะอย่างอื่น ดู๊.. ดู.. ป้า.. ปากคุณจิม มิน่าล่ะ!. ถึงยังไม่มีเมีย.."
"นี่..พอแล้วนังแวว.. แอบนินทาเจ้านาย ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ" แม่บ้านเอ็ดสาวใช้จบก็หันมากล่าวกับเด็กชายเสียงอ่อนลง
"ไปเช็ดตัวเปลี่ยนชุดใหม่ซะ แม็กกี้.. เดี๋ยวรอทานอาหารพร้อมคุณๆ"
"ผมต้องทานร่วมโต๊ะด้วยจริงเหรอ ไม่ทานได้มั้ยครับ"
แม็กกี้รำพึงเสียงอ่อย ก็เจอสาวใช้แววเสียงแข็งใส่ทันที
"ไม่ได้นะ แม็กกี้.. นี่เป็นคำสั่งคุณทอม"
"ก็ได้ครับ งั้นผมไปเช็ดตัวก่อน ผมจัดการเองได้ครับ น้าแววอยู่ช่วยป้าทำอาหารเถอะครับ " เด็กชายหมดทางโยกโย้เมื่อได้ยินว่าเป็นคำสั่งของคุณทอม
"แปลกจังนะป้า จู่ๆ คุณทอมก็เกิดเอ็นดูแม็กกี้ขึ้นมา ทั้งๆ ที่ตอนมาใหม่ๆ หน้าก็ยังไม่อยากจะมอง "
"เรื่องของเจ้านายอย่าอยากรู้ให้มากนักเลย มาช่วยกันทำอาหารเร็วเข้า"

แม่บ้านทิพย์กล่าวอย่างไม่สนใจ ทั้งๆ ที่ในใจเองก็นึกสงสัยแต่เธอก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรมากไปกว่าสาวใช้แวว รู้แต่เพียงว่าเด็กชายวัย 12 ปีคนนี้ต้องเข้ามาในบ้านแม็คกิลล์ด้วยจุดประสงค์บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเจ้านายหนุ่มของเธออย่างแน่นอน และคนรับใช้เพียงคนเดียวที่รู้เรื่องทั้งหมดดีก็คือนายเอ๊ด แต่คงเป็นเรื่องลับเฉพาะที่เจ้านายไม่ต้องการให้ใครรู้ นายเอ๊ดจึงปิดปากเงียบ ขนาดเมียรักเซ้าซี้ถามอยู่ทุกคืนยังไม่ยอมบอก บอกแต่เพียงว่าถึงเวลาก็จะรู้เอง…


 :กอด1:


"กับข้าวไม่ถูกปากหรือ แม็กกี้.."   
ทอมตั้งคำถามหวังให้เด็กชายเงยหน้าขึ้นตอบ เพราะเจ้าหนูเล่นก้มหน้าก้มตาตักข้าวในจานเข้าปากโดยไม่สนใจกับข้าวตรงหน้า
เด็กชายเงยหน้าขึ้นก็เจอะสายตาสองคู่กำลังจ้องมองมาที่ตัวเอง คุณจิมอมยิ้ม.. แต่คุณทอมซิ… คิ้วขมวดเหมือนไม่พอใจ
"เอ่อ.. ถูกครับ"
"ถูกแล้วทำไมไม่ตักกับข้าวทานล่ะ ฉันไม่ได้ให้เธอมานั่งทานข้าวเปล่านะ"
"ครับ"
เด็กชายรีบตักกับข้าวใส่จานมือไม้สั่นจนทอมสงสาร เขาไม่ได้ดุสักหน่อยแค่เสียงดังนิดเดียวเท่านั้น ทำไมต้องกลัวด้วยนะ…
ทอมตักปลาทอดใส่จานให้เจ้าหนูและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
"ทานเยอะๆ จะได้หายเร็วๆ จริงซิ.. ยังเจ็บแผลอยู่หรือเปล่า"
"ถ้าไม่แตะถูกก็ไม่เจ็บครับ"
"หมอนัดตัดไหมพรุ่งนี้ใช่มั้ย แม็กกี้.." จิมกลัวน้อยหน้าจึงชวนเด็กชายคุยบ้าง แต่แทนที่จะได้รับคำตอบจากเจ้าหนูกลับได้รับคำถามจากทอมแทน
"ตัดไหม?.. ต้องตัดด้วยเหรอ.."
"อ้าว! ตัดซีครับ บ๊อส.. จะรอให้มันเปื่อยเองเหรอ"
"แย่จัง ทำไมหมอไม่ใช้ไหมที่เย็บแล้วไม่ต้องตัดล่ะ ตัดยังไง เจ็บมั้ยจิม.."
จิมหัวเราะ ทอมบ่นอุบเหมือนถูกเย็บแผลเองยังงั้นล่ะ ในขณะที่เจ้าตัวทำท่าจะตอบคำถาม แต่ไม่มีโอกาสได้ตอบเพราะโดนทอมแทรกคำถามขึ้นอีก
"ก็คงเจ็บๆ คันๆ นิดหน่อย เหมือนดึงด้ายออกจากผ้ามั้ง"
ทอมนิ่วหน้าในขณะที่แม็กกี้นั่งตาปริบๆ ฟังด้วยความสนใจเช่นกัน
"แค่เจ็บๆ คันๆ นิดหน่อย ทนได้ใช่มั้ยแม็กกี้.. ปวดมากกว่านี้ยังทนไหวเลยนี่นา..." ทอมหันมาพูดให้กำลังใจเด็กชาย
"พรุ่งนี้จะให้เอ๊ดดี้พาไปโรงพยาบาลนะ ฉันกับคุณจิมไม่ว่าง…"
"ไม่เป็นไรครับ ผมไปเองได้ครับ.."
ทอมสั่งเด็กชายหลังเรียบร้อยจากอาหารมื้อเย็นวันนี้
"ต่อไปวันไหนที่ฉันและคุณจิมอยู่ทานข้าวที่บ้าน ให้มานั่งร่วมโต๊ะทุกครั้งนะ แม็กกี้.. แต่ถ้าไม่อยู่ก็ให้ทานในครัวเหมือนเดิม เข้าใจมั้ย.."
"เอ่อ.. จะดีเหรอครับ"
"ต้องตอบว่าเข้าใจครับ ไม่ใช่ถามว่าจะดีหรือครับ "
"เข้าใจครับ คุณทอม.."

จิมอมยิ้มเมื่อแม็กกี้ตกที่นั่งเดียวกับเขา คำสั่งของคุณทอมไม่มีใครกล้าขัดหรือไม่เข้าใจหรอก…

ทอมห่วงใยเจ้าหนูแม็กมากขึ้นทุกวัน ถึงขนาดชวนให้มานั่งร่วมโต๊ะอาหารด้วยก็ไม่ใช่แค่ความรู้สึกชอบแล้ว…


TBC>>>> 8


จบบทนี้หวังว่าจะยิ้มกันออกนะ

 :bye2:

ออฟไลน์ tatum1234

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-1
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #88 เมื่อ24-01-2010 16:17:27 »

 :เฮ้อ:โล่งใจ...แม็กกี้ปลอดภัย

 :o8:คุณทอมเห่อลูกชาย..ฮิ้วๆ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #89 เมื่อ24-01-2010 17:57:24 »

ให้ยังงัยก็เกลียดขี้หน้าทอมกะจิมอยู่ดี

ชิส์

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด