[Novel] สายใยรัก & Love You Only และตอนตัวอย่างของ Love U Andy
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Novel] สายใยรัก & Love You Only และตอนตัวอย่างของ Love U Andy  (อ่าน 155310 ครั้ง)

ออฟไลน์ sakiko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-25
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #120 เมื่อ26-01-2010 22:00:08 »

กลับมา ต่อ เด๋ว นี้ เรยนะ เจ้    :serius2:


ตัด ตอน แบบ นี้ เอา มี มาแทง กัล เรย ดี ก่า   :beat:

ค้าง อย่างรุน แรง    :z3:

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #121 เมื่อ26-01-2010 22:36:49 »

จิมกลับถึงบ้านเกือบตี 1 ทอมเมาหลับอยู่ที่โซฟาในสภาพที่เห็นแล้วอดยิ้มด้วยความรู้สึกเอ็นดูไม่ได้ ไม่ใช่ทอมที่เขารู้สึกเอ็นดูแต่เป็นเจ้าหนูแม็ก.. นี่คงนั่งเฝ้าทอมจนเมาพับไปอย่างที่เขาสั่งไว้จริงๆ และยังอุตส่าห์เอาผ้ามาห่มให้ด้วย กลัวว่าที่คุณพ่อสุดหล่อจะเป็นหวัดหรือไง แม็กกี้..

จิมดึงผ้าห่มที่คลุมร่างทอมออกและนำไปคืนเด็กชายที่ห้อง เขาหมุนลูกบิดประตูโดยไม่เคาะเรียกเพราะตั้งใจจะเข้าไปเงียบๆ และห่มผ้าให้ แต่ปรากฎว่าห้องล็อค ทำให้แว่บถึงเหตุการณ์ในคืนวันที่เขาเมาจนขาดสติ นึกถึงทีไรรู้สึกละอายใจและโกรธตัวเองมาก

ดึกป่านนี้เจ้าหนูคงหลับปุ๋ยไปแล้ว อากาศก็อ้าวๆ ห้องไม่มีแอร์ไม่ห่มผ้าคงไม่เป็นไร จิมวางผ้าห่มไว้ที่พื้นหน้าห้องเด็กชายและกลับไปที่ห้องพักผ่อน แบกทอมซึ่งหลับไหลไม่ได้สติพาขึ้นไปนอน ตลอดทางเขาต้องพึมพำเตือนตัวเองว่า
"พาเจ้านายไปนอน.. พาเจ้านายไปนอน.."


 :m5:


...เกือบตี 3 แล้ว.. แต่เด็กชายยังนอนตาค้างอยู่ เพราะทุกครั้งที่หลับตาจะเห็นใบหน้าถมึงทึงของคุณทอมเกรี้ยวกราดใส่ด้วยความโกรธ หนุ่มน้อยขยับศีรษะไปมากับหมอนเพื่อหาที่แห้งๆ หนุนนอน แต่ขยับไปทางไหนก็เปียกชุ่มไปหมด  จนต้องดึงหมอนออกมาสวมกอดไว้แทน

แม็กกี้เก็บเสื้อผ้าชุดเก่าและของใช้ส่วนตัวที่เป็นของตัวเองจริงๆ รวมถึงสมุดบันทึกด้วยใส่กระเป๋าเป้ไว้เรียบร้อยแล้ว แม็กเขียนจดหมายฝากให้คุณทอมหนึ่งฉบับ เพราะไม่มีโอกาสลาด้วยคำพูดก็ต้องลาด้วยตัวหนังสือ

แม็กกี้หยิบกระดาษที่อยู่ญาติของแม่ขึ้นมาอ่านดูอีกครั้ง น้าเอ๊ดดี้เคยอธิบายให้ฟังแล้วว่าต้องไปขึ้นรถที่สถานีขนส่งสายใต้ หารถนั่งไปที่จังหวัดสุราษฎ์ฯ ก่อนแล้วค่อยต่อเรือไปอีกที แม็กไม่รู้ว่าจะไปถูกหรือเปล่าแต่ก็ต้องเสี่ยงไป กรุงเทพฯ ไม่เคยมายังมาได้เลย ถึงเวลาต้องไปแล้ว …สัญญาต้องเป็นสัญญา…

แม็กรู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเดินออกจากบ้านแม็คกิลล์ไปพร้อมกระเป๋าเป้โดยไม่มีใครท้วงถาม เพราะฉะนั้นทางเดียวที่จะออกไปได้คือ ต้องแอบหนีไป…


 :m15:


"เข้ามา"

สาวใช้แววโผล่หน้าเข้ามาก่อนเพื่อดูว่าคุณจิมอยู่ในสภาพใด เพราะหลายครั้งที่เธอเดินเข้ามาในห้องทั้งๆ ที่ได้รับอนุญาตแล้วก็ตาม กลับพบคุณจิมอยู่ในสภาพเกือบเปลือยบางครั้งสวมกางเกงในเพียงตัวเดียว มันทำให้เธอแอบเก็บไปนอนฝันหวานอยู่หลายคืน เกือบจะเผลอเรียกนายเอ๊ดเป็นคุณจิมตั้งหลายครั้ง ดีว่ายั้งปากไว้ทัน

แววถอนใจโล่งอกเมื่อพบคุณจิมอยู่ในชุดเสื้อคลุม คงเพิ่งอาบน้ำเสร็จ คุณจิมตื่นเช้าเป็นนิสัย ไม่ว่าจะนอนดึกขนาดไหนก็จะตื่นไม่เกินหนึ่งโมงเช้า ผิดกับคุณทอมนอนดึกมากน้อยแค่ไหน ถ้าให้ตื่นเองโดยไม่ต้องปลุก ไม่เคยตื่นก่อนเที่ยง

"มีอะไรแต่เช้า แวว.."
"มีจดหมายถึงคุณทอมค่ะ"
จิมหัวเราะในลำคอ เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเลือกหาชุดที่จะสวม
"จดหมายคุณทอมก็รอให้คุณทอมตอนเขาตื่นซี บ๊องส์ใหญ่แล้วนะ แวว.."
"เอ่อ.. แต่ว่า.. มันเป็นจดหมายจากแม็กกี้ค่ะ"
จิมใจหายขึ้นมาทันที หันไปดึงจดหมายในมือสาวใช้มาพลิกดู
"พวกเราเรียกหาแม็กกี้รอบบ้านแล้วค่ะ พบจดหมายฉบับนี้อยู่ใต้หมอน ก็เลย…"
สาวใช้แววหยุดรายงานแต่เพียงเท่านี้เพราะจิมไม่ยืนรอฟังเธอพูด วิ่งพรวดออกไปจากห้องแล้ว…

 :sad11:

จิมเข้ามาในห้องเด็กชายสำรวจข้าวของของเจ้าหนูด้วยตัวเอง เสื้อผ้าที่เขาซื้อมาฝากเมื่อ 2 วันก่อนยังแขวนอยู่เรียบร้อย ดูแล้วแทบจะไม่มีอะไรหายไปจากห้องเลย เป็นเพราะตอนมาเด็กชายมีเพียงกระเป๋าเป้ใบย่อมๆ 1 ใบ มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนแค่หนึ่งชุด เขายังจำสภาพมอซอของเจ้าหนูในวันแรกได้ติดตา เสื้อยืดกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบเก่าๆ นั่นคือของใช้ส่วนตัวของเด็กชายจริงๆ ซึ่งตอนนี้ไม่มีอะไรเหลืออยู่ให้เห็นต่างหน้าแล้ว

…เกิดอะไรขึ้น แม็กกี้.. ทำไม.. ทั้งๆ ที่มาถึงวันนี้แล้วแท้ๆ หรือเป็นเพราะเธอรู้เรื่องลูกในท้องของแคธรีน จึงต้องการหลีกทางให้…

"เด็กโง่.. บอกแล้วใช่มั้ยว่ามันเป็นปัญหาที่ฉันจะจัดการเอง ทำไมไม่อดทน แม็กกี้.. อีกแค่ 2-3 วันเอง แท้ๆ"

จิมทรุดตัวลงบนเตียงอย่างอ่อนแรง ถ้าเป็นเมื่อหนึ่งเดือนก่อนเขาคงโล่งใจที่เด็กชายซึ่งเป็นขวากหนามในการก้าวไปสู่เวทีนายแบบโลกของทอมจากไปแล้ว แต่วันนี้ ไม่ใช่.. ความรู้สึกของเขาในขณะนี้คือ เสียใจอย่างมาก…

เขาได้แอบไปตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างทอมกับเด็กชายมาแล้ว และเพิ่งรู้ผลเมื่อวาน ตั้งใจจะบอกแต่ไม่มีโอกาส หนำซ้ำทอมยังกลับมาในสภาพเหมือนนกปีกหัก ลูกในท้องของแคธรีนเป็นปัญหาใหญ่ที่ร้ายแรงมากสำหรับทอม เขาจำต้องเก็บเรื่องของแม็กกี้ไว้รอให้ปัญหานี้คลี่คลายลงเสียก่อน หรือเมื่อทอมพร้อมจะพาเด็กชายไปหาความจริงเมื่อไร ก็กะว่าจะยื่นผลตรวจให้ดูตอนนั้นเลย

"ผลการตรวจดีเอ็นเอจากเซลล์เส้นผมสองชุดนี้ มีความสัมพันธ์กันครับ ถ้าชุดที่สองเป็นของเด็กตามที่พี่ระบุมา ชุดที่หนึ่งก็คือพ่อของเด็กแน่นอน งานลับๆ แบบนี้อย่ามีมาบ่อยนะครับพี่จิม.. ว่าแต่ว่า… ชุดที่หนึ่งใช่ของพี่หรือเปล่า?.."

…โอ! พระเจ้า.. ขนาดเขายังเสียใจ แล้วทอมล่ะ… ถ้าทอมรู้ความจริงเรื่องแม็กกี้จะเสียใจมากกว่าที่เขารู้สึกกี่เท่า…


 o7


ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #122 เมื่อ26-01-2010 22:52:25 »

….ถึงคุณทอมที่เคารพรักของผม..  :m15:

…ผมเสียใจมากครับ ที่เข้ามาทำให้ชีวิตของคุณทอมวุ่นวายไม่สงบสุข ผมคิดได้แล้วว่าระหว่างคุณทอมกับผมไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ความจริงหรอกครับ คุณทอมเป็นพ่อของผมตั้งแต่ผมจำความได้แล้ว จนถึงวันนี้และวันข้างหน้าคุณทอมก็ยังเป็นพ่อของผมตลอดไปอยู่ดี ถ้าพิสูจน์แล้วเกิดไม่ใช่ผมต้องเสียใจตายแน่ เพราะผมเลิกรักคุณไม่ได้แล้ว…

…จริงอย่างที่คุณทอมพูดครับ มีลูกทั้งทีก็ต้องเลี้ยงดูกันมาตั้งแต่แรกเกิด เด็กโตแล้วอย่างผมถึงเป็นลูกจริงๆ ก็ไม่มีสิทธิเรียกร้องความรักจากคุณหรอก ผมขอจากไปเพื่อตัดปัญหาเรื่องวุ่นวายของผม คุณทอมจะได้รับลูกในท้องของผู้หญิงคนนั้นด้วยความสบายใจ ผมไม่เสียใจที่ตัดสินใจแบบนี้ เพราะทำให้เด็กที่กำลังจะเกิดมาอีก 1 คนไม่ต้องมีชีวิตเหมือนผม ผมอยากให้เขาได้มีโอกาสอยู่กับพ่อตั้งแต่เกิด เขาจะได้รับความรักจากพ่อมากๆ…

…ขอบคุณมากครับที่ให้โอกาสผมได้อยู่ใกล้ชิดด้วยถึง 2 เดือน ผมจะไม่ลืมเลยตลอดชีวิตนี้ ผมสัญญาว่าตั้งแต่วันนี้ไปจะไม่กลับมาให้คุณทอมเห็นหน้าอีก…

…รักมากครับ….
 :m15:
แม็กกี้..




จิมยืนนิ่งเตรียมพร้อมรอรับสถานการณ์และอารมณ์ของบ๊อสทอม ที่กำลังอ่านจดหมายของเด็กชายในสภาพที่ยังงัวเงียเพราะเพิ่งตื่นนอน จริงๆแล้วมันไม่ใช่เวลาที่เขาควรจะยื่นจดหมายให้อ่าน แต่เป็นเพราะทอมเรียกหาเด็กชายทันทีที่รู้สึกตัว บอกว่ามีเรื่องต้องคุยค้างต่อจากเมื่อคืน

ทอมอ่านจดหมายทวนไปมาถึง 3 รอบ พร้อมๆ กับนึกทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไปด้วย นึกออกบ้างไม่ออกบ้างจนปวดหัวตึบ แม้ในใจจะรู้สึกเหมือนสูญเสียและเจ็บปวดแต่ที่แสดงออกมากลับเป็นอารมณ์โกรธ

"หึ!.. เด็กบ้า!!.. ทั้งบ้า ทั้งโง่.. อยากจะเป็นผู้เสียสละยังงั้นเหรอ คิดว่าไปจากฉันแล้ว ฉันจะยอมรับเด็กในท้องแคธรีน ฝันไปเถอะ แม็กกี้.. ฉันไม่รับใครเป็นลูกทั้งนั้นรวมทั้งตัวเธอด้วย ไปให้พ้นซะได้ก็ดี เด็กโง่!!.."

ทอมขยำจดหมายเขวี้ยงลงพื้น ก่อนหงายหลังลงบนที่นอนเอามือกุมศีรษะไว้เพราะรู้สึกเหมือนสมองจะระเบิดออก
"โอย…ปวดหัว จิม.. ช่วยด้วย..ปวดหัว~ หัวจะระเบิดอยู่แล้ว…โอย~ ฮึก.."

จิมส่ายหน้าไม่เชื่อว่าทอมปวดหัวมากถึงขนาดน้ำตาไหล บอกว่าปวดใจจะน่าเชื่อกว่า... เขาเดินเข้าห้องน้ำหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นมาวางที่หน้าผากทอม ก่อนจะกดโทรศัพท์สั่งสาวใช้ให้ยกอาหารขึ้นมา
"ทานอะไรรองท้องก่อนแล้วค่อยทานยานะ"

จิมใช้สองมือบีบนวดที่ขมับและศีรษะให้ทอมซึ่งยังนอนหลับตานิ่ง ไม่ร้องโอดครวญแล้วแต่น้ำใสยังไหลจากหางตาเป็นทาง จิมใช้นิ้วเกลี่ยซับให้เบาๆ นี่ขนาดยังไม่รู้ผลพิสูจน์ ยังเจ็บเพียงนี้เลยนะทอม.. ถ้ารู้ล่ะ..

"ฉันไม่ควรดื่มมากเลย.." ทอมเอ่ยประโยคแรกหลังจากนอนนิ่งอยู่นาน
"ไม่เคยปวดมากขนาดนี้เลย.."
"ใช่.. คราวหน้าอย่าดื่มมากแบบนี้อีกนะ นอกจากจะไม่ดีต่อสุขภาพแล้ว การพูดจาหรือการกระทำตอนที่เราขาดสติ มักเป็นเรื่องไม่ดีเสมอ"
ทอมลืมตาขึ้นก็สบสายตากับจิมที่จ้องมองอยู่ ทอมคิดว่าจิมจงใจแขวะจึงปัดมือออกและลุกขึ้นนั่งหน้างอ
"นายว่าฉันหรือ จิม.. คิดว่าเป็นเพราะฉันพูดหรือทำอะไรให้เด็กเสียใจจนต้องหนีไปงั้นเหรอ.."
"เปล่านะ ทอม.. ฉันว่าตัวเองต่างหาก เพราะฉันเคยเมาจนขาดสติและทำเรื่องเลวๆ กับแม็กกี้มาแล้ว"
"แต่ฉันไม่ได้ทำแบบนาย ไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันจำได้ว่าฉันไม่ได้ทำอะไร แค่นั่งคุยกันเฉยๆ แค่คุย…"
ทอมพยายามนึกทบทวนเหตุการณ์ขณะนั่งคุยกับแม็กกี้ เขาพูดอะไรออกไปบ้างนะ ที่เจ้าหนูเขียนบอกในจดหมายเขาเป็นคนพูดจริงเหรอ..

ทอมปวดหัวจี๊ดขึ้นมาอีก เขาจำไม่ได้จริงๆ ว่าตัวเองพูดอะไรแบบนั้นออกไป …เด็กบ้า!.. ทำไมไม่รอคุยกันให้รู้เรื่องก่อน อยากมาก็มา นึกจะไปก็ไป เห็นฉันเป็นคนไม่มีหัวใจหรือไง…

 o7

"ผมตัดสินใจให้เลยไม่ได้หรอกครับ ต้องปรึกษาคุณทอมก่อนว่าจะรับหรือเปล่า ถึงจะเป็นการกุศลก็เถอะ คุณทอมไม่ชอบงานแสดงครับ อีกอย่างเขาต้องเตรียมตัวเข้าประกวดนายแบบโลกอีก 2 อาทิตย์ที่จะถึงนี้ เกรงว่าจะไม่มีเวลา ถ้ายังไงผมจะแจ้งกลับไปให้ทราบอีกครั้ง "
จิมตัดบทการสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อเห็นทอมรู้สึกตัวและขยับลุกขึ้นนั่ง   ถึงจะอยู่ในสภาพงัวเงียผมเผ้ากระเซิงแต่สีหน้าดีขึ้น คงหายปวดหัวแล้วเพราะได้ยาระงับไป
"ตื่นแล้วเหรอ.. หายปวดหัวหรือยัง หือ.."

ทอมพยักหน้าหงึก สีหน้าเรียบเฉยแต่ดวงตามีแววครุ่นคิดอย่างหนัก   จิมทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ใช้มือเสยผมกระเซิงของทอมให้เข้ารูปทรง หน้าที่ของเขาจริงๆ แล้วเป็นเพียงผู้จัดคิวงานให้ แต่ที่ผ่านมาเขาทำทุกอย่างที่ทอมออกปาก  แม้ไม่ใช่คำสั่งเขาก็ทำให้ด้วยความเต็มใจ บางครั้งเหมือนเป็นเลขาส่วนตัวบางครั้งก็เหมือนคนรับใช้

"จะให้ตามมั้ย ทอม.." จิมเอ่ยถามสั้นๆ เขารู้ว่าทอมเข้าใจความหมาย
คิ้วเรียวขมวดมุ่นและคลายออกในทันที
"ตามทำไม นึกอยากจะมาก็มา อยากไปก็ไป ช่างปะไร ฉันไม่สนใจ ปัญหาปวดหัวยังมีอีกหลายเรื่อง"
"ถ้าหมายถึงเรื่องแคธรีน ฉันคุยกับเธอแล้ว ให้เวลาเธอไปไตร่ตรองใหม่"
"หมายความว่าไง"
"ฉันถามเธอว่า แน่ใจหรือเปล่าว่า ทอม แม็คกิลล์ เป็นพ่อของเด็กในท้อง"
"ว่าไงนะ!! ถามแบบนี้เธอไม่โกรธเหรอ"
"ทำไมต้องกลัวเธอโกรธด้วย เธอต่างหากที่ต้องกลัวฉันจะโกรธ ฉันแค่บอกให้เธอไปนับดูใหม่ว่าเธอนอนกับใครก่อนและหลังนาย คนไหนใกล้เคียงกับอายุเด็กในท้องมากที่สุด ถ้ายังแน่ใจว่าเป็นนายค่อยกลับมาคุยกันใหม่"
ทอมนั่งอึ้งมองชายหนุ่มตรงหน้าซึ่งสูงวัยกว่าถึง 8 ปีอย่างรู้สึกทึ่ง จิมกำลังพยายามหาทางปกป้องเขาจากสถานการณ์เลวร้ายนี้ให้ผ่อนหนักเป็นเบาลง
"เอ่อ.. แล้วถ้าเกิดเธอกลับมายืนยันว่าใช่ล่ะ"
"ถ้าเธอยังยืนว่าใช่.. ฉันจะเสนอให้เธอหลบไปอยู่เมืองนอกจนกว่าจะคลอดลูก.. นายจะรับเป็นพ่อเด็กก็ต่อเมื่อได้พิสูจน์แล้วว่าใช่.. แต่ถ้าไม่ใช่.. เธอจะต้องชดใช้ค่าเสียความรู้สึกของทอม แม็คกิลล์ อย่างสาสม นอกจากเธอจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้อีกต่อไปแล้ว อาจมีชีวิตที่ตกต่ำลงก็ได้"
"พิสูจน์.. อีกแล้วเหรอ.." ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอย่างรู้สึกเจ็บปวด แต่เพียงแว่บเดียวก็ระบายยิ้มออกมา
"ไม่อยากเชื่อเลยว่านายขู่เธอกลับไปได้"
"เงื่อนไขก็คือ ทอม แม็คกิลล์ จะรับเป็นพ่อเด็กตามกฎหมายเท่านั้น ส่วนตัวเธอ.. นายอยากได้เป็นภรรยามั้ย"
ทอมรีบสั่นศีรษะปฏิเสธ สีหน้าหวาดกลัวอีกต่างหากทำให้จิมรู้สึกขัน
"ฉันปฏิเสธไปแล้วว่านายไม่ขอข้องเกี่ยวกับเธออีก ส่วนเด็กเธอจะเลี้ยงดูเองก็ได้ แต่ถ้าเธอไม่ต้องการนายก็ต้องรับมา"
"หา... รับมา.. ล้อเล่นใช่มั้ย.."
"ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ ทอม.. ถ้านายเป็นพ่อเด็กจริงก็ต้องเลี้ยงดูเขา ถึงเด็กจะเกิดขึ้นจากพ่อและแม่ที่ไม่ได้มีความรักให้กัน แต่เมื่อเขาเกิดมาแล้ว เขาต้องการความรักในฐานะลูกเหมือนเด็กทุกๆ คน ฉันเชื่อว่านายทำได้ ทอม.. นายเป็นพ่อของลูกเล็กๆ ได้อย่างสบาย ไม่ต้องห่วงว่าใครจะวิจารณ์หรือนินทาลับหลัง ไม่เหมือนกับ…"
"พอแล้ว พอ!!.. ฉันไม่อยากฟัง ไม่ต้องไปเปรียบกับเด็กโง่นั่น…"
ทอมแสดงอาการโกรธแค้นและชิงชังเด็กชาย แต่หารู้ไม่ว่าสีหน้าและดวงตาคู่สวยส่อแววเจ็บปวดและเสียใจเห็นๆ
"ฉันอุตส่าห์เอ็นดูแล้วแท้ๆ กลับทำอวดเก่ง อยากเป็นผู้เสียสละยอมไปจากฉันเพราะอยากให้ฉันรับเด็กในท้องแคธรีนเป็นลูก ไร้สาระสิ้นดี เด็กบ้า!! เด็กโง่!! ฉันเกลียด.."

จิมปิดปากเทพบุตรทอมไว้ได้ทัน เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายสงบอารมณ์ลงจึงปล่อยมือ ทอมนั่งนิ่งอยู่ชั่วครู่ก็ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"ไม่ต้องใส่ใจเรื่องแม็กกี้อีกต่อไปแล้วนะ จิม.. กลับไปแล้วก็จบกัน ไม่ต้องตามหรอก พิสูจน์ออกมาก็อาจจะไม่ใช่ ถึงตอนนั้นก็ต้องจากไปอยู่ดี"

จิมใจหายวาบ อยากจะบอกความจริงแต่กลัวทอมรับปัญหาไม่ไหว รอให้เรื่องแคธรีนจบลงด้วยดีก่อนดีกว่า
"ตามใจนะ ทอม.. แล้วแต่นายจะสั่ง ขอคุยเรื่องงานต่อนะ ตั้งแต่วันนี้ไปฉันอยากให้นายลืมปัญหาต่างๆ ให้หมด ทำใจให้สบาย นายต้องเข้าคัดเลือกรอบสุดท้ายในอีก 2 อาทิตย์ วันเสาร์นี้จะนัดซ้อมใหญ่ ช่วยยืนยันกับฉันอีกครั้งได้มั้ยว่านายยังต้องการเดินไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้"
"แน่นอนซี จิม.. มาถึงขนาดนี้แล้ว หยุดได้ไง"
"โอเค.. ถ้างั้นจำไว้เลยว่าตอนนี้นายไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น ทุกเรื่องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันจัดการเอง"
"ขอบใจนะ จิม.. ขอบใจมาก ฉัน ร.. เอ่อ.."    ทอมชะงักคำพูดไว้แค่นั้นเพราะนึกขึ้นได้ว่าจิมไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาไม่ควรเอ่ยประโยคนั้นอีก
จิมเลิกคิ้ว
"นอนพักต่ออีกหน่อยก็ได้นะ วันนี้ฉัน Cancel งานหมดแล้ว"
จิมออกจากห้องไปโดยไม่มีคำพูดและการกระทำหยอกเย้าเหมือนก่อน มันน่าจะทำให้ทอมรู้สึกดีและสบายใจ หากแต่ความรู้สึกขณะนี้กลับโดดเดี่ยวและอ้างว้างเหมือนถูกทอดทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง

…จิมมี่คนเดิมหายไปจากชีวิตของเขาแล้ว ไหนจะเจ้าเปี๊ยกนั่นอีก อุตส่าห์หลงเอ็นดูแล้วแท้ๆ นึกอยากจะไปก็ไป ทุกคนเห็นเขาเป็นคนไม่มีหัวใจกันหมด…

ทอมมองจดหมายเด็กชายที่ถูกเขาขยำและเขวี้ยงทิ้งไปเมื่อครู่ จิมคงเก็บมันขึ้นมาและวางคืนให้ที่หัวเตียง ทอมหยิบจดหมายขึ้นมาทำท่าจะเปิดอ่านแต่แล้วก็เปลี่ยนใจสอดเข้าไปใต้หมอนก่อนจะล้มตัวลงนอนทอดอาลัยกับปัญหาวุ่นวายที่ทับถมเข้ามาในชีวิต…

 :sad2:


เอาให้สุดๆ กันไป 

TBC >>>>>>>> พรุ่งนี้

 :o12:

nithiwz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #123 เมื่อ27-01-2010 02:36:58 »

ดูวุ่นวายจริงๆ  สุดท้ายหนูแม็กกี้ก็ผละออกไปจากชีวิตจริงๆ เสียแล้ว
เศร้าอ่ะคับ  รอว่าจะลงเอยยังไง  :m15:

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #124 เมื่อ27-01-2010 04:12:17 »

ทอมเมื่อไรจะเลิกทำตัวเป็นเด็กซะทีล่ะ

เป็นพ่อคนแล้วนะ โธ่แม๊กกี้เตลิดไปไหนแล้วก้อไม่รู้

รออ่านตอนต่อไป รอลุ้นไม่ให้ชีวิตแม๊กกี้รันทดไปกว่านี้

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #125 เมื่อ27-01-2010 09:07:21 »

 :sad4:  ม่ายเอาแล้ว


ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #126 เมื่อ27-01-2010 09:21:43 »

ฮือๆๆๆ

จะใจร้ายกันไปถึงไหน

เอาแม็กกี้ของผมคืนมาน่ะ











เค้าจะเอามาเหยาะไข่ดาว

ฟิ้วววว

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #127 เมื่อ27-01-2010 11:47:15 »

บทที่ 10
“ ฝั น ร้ า ย ของเทพบุตร ”

-----------------------


จิมประหลาดใจเมื่อเห็นสาวใช้ถืออุปกรณ์ทำความสะอาดออกมาจากห้องพักของเด็กชาย  คำตอบที่ได้รับทำให้เขารู้สึกสะท้อนใจ
“คุณทอมสั่งให้ทำความสะอาดทุกวันค่ะ”
..ไม่ให้ตามแล้วสั่งให้ทำความสะอาดทำไมล่ะทอม.. เผื่อว่าเด็กอาจจะกลับมาเองในวันใดวันหนึ่งยังงั้นเหรอ…
จิมดูเวลาที่ข้อมือ  …สายป่านนี้แล้วทอมยังไม่ลงมา  ย้อนกลับขึ้นไปตามก็พบเทพบุตรของเขาก้าวออกจากห้องด้วยท่าทีอ่อนระโหย
“ไม่สบายหรือเปล่าทอม.. สีหน้าไม่ดีเลย”
“เปล่า.. ฉันโอเค..”
“ทำไมหน้าเซียวจัง นอนไม่หลับเหรอ”
“อือ.. นอนกลางวันมากไป เมื่อคืนเลยนอนไม่ค่อยหลับ”
“ถ้างั้นเดี๋ยวงีบหลับในรถล่ะกัน ถึงแล้วฉันจะปลุก”
ทอมพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย จิมเห็นสภาพแล้วชักไม่แน่ใจว่างานถ่าย Outdoor วันนี้จะไปรอดหรือเปล่า ไม่ใช่วิสัยของทอมที่นอนกลางวันแล้วจะนอนไม่หลับตอนกลางคืน

...นอนไม่หลับเพราะคิดมากเกินไปหรือเปล่า ทอม...


 :m28:


จิมตกใจเมื่อเห็นทอมมีสีหน้าไม่ดีขณะเดินออกจากห้องน้ำ รีบตรงเข้าไปประคองพามานั่งที่เตียง
“เป็นอะไร ทอม.. ท้องเสียเหรอ..”
ทอมส่ายหน้า
“วันนี้งานที่ไหน แดดร้อนหรือเปล่า สองวันติดกันฉันไม่ไหวนะ”
จิมไม่สนใจคำถาม ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
“หน้าซีดอย่างนี้จะทำงานได้ยังไง นายต้องขายหน้าตานะ ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า หือ..”
จิมลอบถอนใจ ...ขณะเขาพูดสติของทอมยังไม่อยู่กับตัว ใจลอยไปอยู่ไหนก็ไม่รู้...
“ทอม.. ทอม..”
ทอมสะดุ้ง  “หือ.. อ.. อะไร..”
จิมใช้สองมือเสยเรือนผมเทพบุตรแสนรัก  เขาเคยปฏิบัติกับทอมยังไง ทุกวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม เพียงแค่ห้ามใจตัวเองไม่ให้คิดหรือกระทำใดๆ เกินเลยเหมือนก่อนเท่านั้น
“ไม่สบายใจใช่มั้ย เมื่อคืนก็นอนไม่หลับอีกใช่หรือเปล่า”
“เอ่อ..” ทอมพยักหน้าหงึก
“บอกฉันซิว่าไม่สบายใจเรื่องอะไร เป็นห่วงเรื่องแคธรีนกับลูกในท้องของเธอหรือเปล่า..”
“เปล่า.. ฉัน.. ฉันฝันร้าย” น้ำเสียงของทอมแหบพร่า ดวงตาคู่สวยส่อแววกังวลและเป็นทุกข์
“ฝันร้าย.. คิดมากเกินไปรู้มั้ยถึงฝัน”
“นายรู้เหรอว่าฉันฝันอะไร..”
“ไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าความฝันของคนเรามาจากจิตใต้สำนึกของตัวเอง ฝันร้ายของนายเป็นสิ่งที่นายกังวลและนึกถึงอยู่ใช่มั้ย”

ทอมเบือนหน้าหนีสายตาจิมที่จ้องมองอย่างรู้ทัน เขาไม่เคยปิดบังความรู้สึกของตัวเองกับจิมได้เลย แค่สบตาด้วยอีกฝ่ายก็มองทะลุไปถึงหัวใจเขาได้แล้ว   ทอมลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า

“ช่างเถอะ ก็แค่ฝัน ไปทำงานดีกว่า วันนี้ใส่ชุดไหนดี จิม..”

จิมส่ายหน้าเมื่อทอมตัดบทไม่คุยดื้อๆ  เขาเดินเข้าไปเลือกชุดสบายๆ ให้ หันกลับมาก็พบทอมในสภาพเปลือยกำลังสวมกางเกงใน เขาถือชุดรอด้วยอาการนิ่งเฉย   ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงแกล้งกระเซ้าด้วยการสวมกอดและช่วยแต่งตัวให้แล้ว
ทอมรับชุดไปสวมไม่พูดไม่จา จิมนิ่งมองไม่เซ้าซี้ถามต่อ เขารู้ว่าทอมมีเรื่องกังวลและนึกถึงใครอยู่ แต่เมื่อทอมไม่อยากบอกเขาก็จะไม่ถาม เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึงสองอาทิตย์   เขาก็จะส่งเทพบุตรผู้นี้ขึ้นไปเดินอยู่บนเวทีนายแบบโลกแล้ว เขาเชื่อว่าทอมต้องคว้าตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งกลับมาได้   หลังจากนั้นเขาจะหาทางบอกความจริงเรื่องแม็กกี้และออกตามหาเจ้าหนู เขารู้จากเอ็ดดี้ว่าเด็กชายจะเดินทางไปอยู่กับญาติที่เกาะสมุย ป่านนี้คงไปถึงแล้ว…

...รอก่อนนะ แม็กกี้.. แล้วฉันจะไปรับ เธอคือของขวัญพิเศษสุดที่ฉันจะนำมาส่งมอบให้แด๊ดดี้ทอมของเธอ...


 :เฮ้อ:


“มิสเตอร์การ์เซีย..”
จิมเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ รู้สึกไม่ชอบใจน้ำเสียงที่เรียกเขา
“เกิดอะไรขึ้นกับทอม เขารู้หรือเปล่าว่าวันนี้เราซ้อมอะไรกัน”
จิมพับหนังสือพิมพ์โยนลงบนโต๊ะ   เขาไม่ชอบขี้หน้าหมอนี่อยู่แล้ว  เป็นแค่ผู้ช่วยตากล้องแต่ทำแอ๊คพูดจาใหญ่โตไม่เข้าหูคน
“มีปัญหาหรือ แจ๊ค..”
จิมลุกขึ้นยืน ร่างสูงใหญ่ของเขาทำให้อีกฝ่ายเสียงอ่อยลง
“เอ่อ.. ไม่ใช่ผมหรอกครับที่มีปัญหา แต่เป็นคุณทอม.. คุณเคย์ให้ผมมาตามคุณ”
“งั้นเหรอ.. แสดงว่าหน้าที่ของนายคือ คุณเคย์ให้มาตามฉันใช่มั้ย”
“เอ่อ.. ครับ..”
จิมหัวเราะในลำคอเมื่อผู้ช่วยตากล้องแจ๊คจ๋องลงทันตาเห็น ก่อนผละจากมาเขาฝากคำพูดที่ทำให้หมอนั่นสันหลังวาบ
“คุณคงไม่รู้ใช่มั้ย แจ็ค.. ว่าผมเคยเป็นครูฝึกเทควันโดให้นักกีฬาเยาวชนทีมชาติมาก่อน  และงานในหน้าที่ของผมก็ไม่ใช่แค่ผู้จัดการส่วนตัวของสุดยอดนายแบบทอม แม็คกิลล์  แต่ผมเป็นบอดี้การ์ดด้วย”


 :a2:


“มีปัญหาอะไรหรือครับคุณเคย์..”
“อ้อ!.. คุณจิม.. รบกวนหน่อยครับ ช่วยไปดูทอมให้หน่อย วันนี้เขาทำงานไม่ได้เลย ใจเหม่อลอยไปไหนก็ไม่รู้”
จิมมองขึ้นไปบนเวที มีนายแบบจากประเทศในกลุ่มอาเซียน 4-5 คน เดินซ้อมอยู่แต่ไม่พบทอม
“ทอมอยู่ข้างใน ผมให้เขาพัก เขาเดินผิด 2-3 รอบทำให้นายแบบคนอื่นหัวเราะจนเกือบจะมีเรื่องชกต่อยกัน แคทวอล์คง่ายๆ แค่นี้ระดับทอม แม็คกิลล์แล้วหลับตาเดินก็ยังได้ ผมคิดว่าเขามีเรื่องไม่สบายใจ คุณช่วยเข้าไปดูหน่อย จิม..”
“ขอบคุณที่เข้าใจครับ คุณเคย์.. ผมจะเข้าไปดูเขาเดี๋ยวนี้”

…ทอมนะทอม.. ถามก่อนมาแล้วว่าไหวมั้ย สีหน้าตอนตื่นนอนเมื่อเช้าก็เหมือนเมื่อสองวันที่ผ่านมา นอนไม่หลับมาสามคืนติดกันแล้วยังปากแข็งไม่ยอมเล่าให้ฟังว่ากลุ้มใจเรื่องอะไร ถึงฉันจะรู้แต่ถ้านายไม่พูดฉันจะแก้ปัญหาอะไรให้นายได้..

จิมใจหายเมื่อเห็นเทพบุตรของเขานั่งกอดเข่าอยู่ในสภาพเหม่อลอย กว่าสองปีที่ทำงานอยู่กับทอม นี่เป็นครั้งแรกที่ทอมมีความทุกข์ในใจจนไม่สามารถทำงานได้

“ทอม..” จิมเรียกเบาๆ แต่ทอมยังนิ่งเฉย จึงใช้มือแตะไหล่
“ทอม..”
ทอมสะดุ้งเฮือกหันมาจะโวยใส่เห็นเป็นจิมก็โผเข้าสวมกอดและต่อว่าเหมือนเด็กถูกทิ้ง
“ไปไหนมาอ่ะ จิม.. ทำไมทิ้งฉันอยู่คนเดียว ฉันไม่อยากซ้อมแล้ว จะกลับบ้าน”
จิมรีบสวมกอดและกล่าวปลอบ
“ฉันออกไปหากาแฟดื่มน่ะ เรายังกลับบ้านไม่ได้ นายต้องซ้อมเดินสัก 2 รอบก่อน คราวนี้ฉันจะอยู่ดูด้วย โอเค..”
“ไม่เอา.. ฉันไม่อยากซ้อม อยากกลับบ้าน.. เดี๋ยวนี้เลย”
...ให้ตายเถอะ!.. เกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ทอมก็งอแงเหมือนเด็ก จะว่าตื่นเวทีก็เป็นไปไม่ได้...
“ไม่เอาน่ะ ทอม.. นี่ไม่ใช่ซ้อมเดินแบบธรรมดานะ เรายังกลับไม่ได้จนกว่านายจะซ้อมผ่าน..”
“ให้ฉันซ้อมต่อไปก็ไม่ผ่านอยู่ดี”
ทอมเงยหน้าขึ้น น้ำใสเอ่อรื้นคลอดวงตาคู่สวย
“ฉันซ้อมไม่รู้เรื่องหรอก ในหัวฉันมีแต่เสียงร้องของแม็กกี้ ฉันฝันถึงเด็ก 3 คืนติดกันแล้ว ฉันได้ยินเสียงร้องไห้ของเขา ฉันไม่น่าพูดจารุนแรงกับแม็กกี้เลย ฉันทำให้เค้าเสียใจจนต้องหนีไป ฉันพยายามจะไม่คิดถึงแล้วแต่มันทำไม่ได้... ฉันคิดถึงแม็กกี้ทุกเวลา..ทุกนาทีเลย จิมมี่.. ฮึก..”

ทอมซุกหน้ากับอกกว้างสะอื้นไห้ จิมใจหายวาบ แม้ความในใจที่ระบายออกมาจะเป็นเรื่องเดียวกับที่เขาคิดไว้ แต่ไม่คิดว่าทอมจะอยู่ในอาการเสียใจมากขนาดนี้ เหมือน สูญเสียของรัก ที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป

...ให้ตายเถอะ!!.. นี่ขนาดทอมยังไม่รู้ว่าตัวเองมีความสัมพันธ์กับแม็กกี้ จริงๆ ยังเสียใจมากขนาดนี้ ความรู้สึกที่ทอมมีต่อเด็กชายคงเป็นเพราะสายใยรัก.. ของความสัมพันธ์ที่มีต่อกันกระมัง…

“อย่าร้องไห้ ทอม.. อย่าร้อง.. คิดถึงก็ไปตามกลับมา ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย”
“จริงเหรอจิม.. ตามแม็กกี้กลับมาได้จริงเหรอ นายรู้หรือว่าเด็กอยู่ไหน”

ทอมละล่ำละลักถามด้วยอาการตื่นเต้นดีใจ จิมใช้สองมือเสยผมเทพบุตรของเขา ไม่สนใจว่าทรงผมจะถูกเซ็ทให้เข้ารูปไว้แล้ว ทอม แม็คกิลล์ ซะอย่าง ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหนก็ดูดีเสมอ ขอแค่อย่ามีสีหน้าอมทุกข์แบบนี้

“มีอะไรที่ฉันทำให้นายไม่ได้ ทอม.. บอกแล้วใช่มั้ยว่ามีอะไรขอให้บอก เก็บความทุกข์ไว้คนเดียวแบบนี้ไม่ใช่วิสัยนายเลย”
“ฉันกลัวนายหัวเราะเยาะ   ฉันเคยสั่งให้นายกำจัดเด็กไปให้พ้นจากชีวิตฉัน   แต่พอเด็กไปจริงๆ ฉันไม่กล้าบอกให้นายไปตามกลับมา~”
น้ำเสียงทอมสั่นเครือน้ำตาที่เอ่อคลออยู่ร่วงผล็อยลงอีก   จิมควักผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาให้
“เหลวไหล.. ฉันจะหัวเราะทำไม หน้าที่ของฉันคือทำให้นายมีความสุข ใจนายคิดยังไงกับเด็กทำไมฉันจะไม่รู้..”
ทอมยิ้มออกทั้งน้ำตา
“ขอบใจนะจิมมี่.. นายยังเหมือนเดิม ยังเป็นจิมคนเดิมของฉันจริงๆ ด้วย เราจะไปตามแม็กกี้กันที่ไหน ไปด้วยกันเดี๋ยวนี้เลยมั้ย..”
“NO ทอม.. ไม่ใช่ตอนนี้ เราไม่รู้ที่อยู่แน่นอนของเด็ก รู้แต่ว่าแม็กกี้น่าจะเดินทางไปหาญาติที่สมุย ฉันจะให้เอ๊ดดี้ล่วงหน้าไปตามหาก่อน เราอยู่ที่นี่รอฟังข่าว มีอีก 2-3 งานที่นายต้องเคลียร์ให้เสร็จภายในอาทิตย์นี้ก่อนเดินทางไปประกวด”
ทอมขมวดคิ้วทำท่าจะปฏิเสธก็ถูกจิมขัดคอก่อนอย่างรู้ทัน
“ไม่ทำไม่ได้นะ ทอม.. ไม่ว่าจะเบื่อ.. ขี้เกียจหรือทุกข์ร้อนใจยังไง งานก็คืองาน รับมาแล้วต้องทำให้ลุล่วง ฝากความทุกข์ทั้งหมดของนายไว้ที่ฉัน ทำใจให้สบายแล้วออกไปข้างนอกแคทวอล์คงามๆ สัก 2 รอบ ให้พวกนั้นตะลึงไปเลย นายทำได้อยู่แล้วนี่ทอม.. หือ..”
“ก็ได้.. แต่นายต้องสั่งเอ๊ดดี้ให้เตรียมตัวไปบ่ายนี้เลยนะ”
“โอเค..” จิมรับปากแต่โดยดี ทอมยิ้มออกและลุกขึ้นยืน
“คุณทอมพร้อมหรือยังคะ คุณเคย์ให้มาตามค่ะ” สต๊าฟสาวโผล่หน้าเข้ามา
“พร้อมแล้วครับ จะออกไปเดี๋ยวนี้” จิมตอบรับแทนในขณะที่ทอมยืนหันหลังเช็ดน้ำตาอยู่ เขาดึงแว่นกันแดดของตัวเองออกมาสวมให้ทอม  เอามือเสยผมให้
“อุ๊ย!!.. คุณจิมขา.. ทำไมทำผมคุณทอมยุ่งอย่างนั้นล่ะคะ ไม่มีเวลาเซ็ทให้ใหม่แล้วนะ”
“ใครจะให้เซ็ทใหม่ล่ะ ลูซี่.. ทอมจะออกไปแบบนี้แหล่ะ เธอออกไปคอยดูหน้าเวทีล่ะกันว่า ทอม แม็คกิลล์ ในสภาพนี้.. จะสู้นายแบบคนอื่นๆ ได้หรือเปล่า..”
“ไปได้แล้วทอม.. เดี๋ยวฉันตามออกไปดู”
“ให้เอ๊ดดี้ไปเครื่องนะจิม.. จะได้รู้ข่าวเร็วหน่อย กำชับให้เอาโทรศัพท์ไปด้วยนะ”
“รับทราบครับ บ๊อส..”
จิมถอนใจเฮือก ทอมยอมออกไปซ้อมโดยมีข้อต่อรองมากมาย ถ้าหาเด็กไม่พบก่อนออกเดินทาง ปัญหาใหญ่รออยู่ข้างหน้าแน่

เมื่อจิตใจสบาย ทอม แม็คกิลล์ ก็กลับเป็นเทพบุตรทอมคนเดิม  ทุกย่างก้าวบนเวทีสง่างามจนไม่อาจละสายตาได้  แว่นดำที่สวมปิดบังดวงตาคู่งามที่ผ่านการร้องไห้เมื่อครู่  ทำให้ทอมดูเข้มและเด่นขึ้นจนเป็นเป้าสายตาของทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวที แม้แต่ มร.เคย์ ซึ่งเป็นทั้งผู้กำกับเวทีและตากล้องยังมองด้วยความทึ่งและหันมากระซิบกับจิมว่า

“สมแล้วที่เป็นสุดยอดนายแบบ 3 ปีซ้อน คุณทำยังไงหรือ จิม.. มีคาถาวิเศษหรือเปล่า..”

 :m12:

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #128 เมื่อ27-01-2010 12:46:08 »

“สองวันแล้วนะ จิม.. ทำไมเอ๊ดดี้ยังหาแม็กกี้ไม่พบอีก”
“อืมม์.. นั่นซีนะ อุตส่าห์มีรูปเด็กติดไปด้วย นึกว่าจะหาง่ายขึ้น”

จิมถ่ายรูปเด็กชายไว้โดยบังเอิญก่อนที่เจ้าหนูจะออกจากบ้านไปสองวัน เพื่อนที่ญี่ปุ่นส่งกล้องดิจิตอลรุ่นใหม่มาให้ เขาเลยถือโอกาสลองกล้องโดยให้เด็กชายเป็นแบบ

“เราลงไปช่วยตามหาไม่ดีกว่าเหรอ.. อาทิตย์หน้าก็ต้องเดินทางแล้ว ถ้ายังหาเด็กไม่เจอ ฉันไม่อยากไปเลย”

...เอาแล้วไง!!.. เป็นอย่างที่นึกไว้จริงๆ ทอมนะทอม...
มือถือของจิมดังขึ้น เขารีบกดรับสายเผื่อว่าจะเป็นข่าวดีจากนายเอ๊ด แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ จิมคุยโทรศัพท์โดยไม่มีคำพูดหลุดออกมาเลยเอาแต่รับคำฝ่ายเดียว ไม่ถึงนาทีก็วางสายและส่งยิ้มหวานให้ทอมที่นั่งหน้าตาไม่จอยอยู่

“อย่าทำหน้าบึ้งซี.. อยากฟังข่าวดีมั้ย แต่ไม่ใช่เรื่องแม็กกี้นะ”
ทอมทำท่าดีใจแต่ก็เซ็งลงทันทีเมื่อรู้ว่าไม่ใช่เรื่องเด็กชาย
“ภาณุเดช ไบรอัน โทรมาเชิญฉันกับนายไปงานแต่งงานของเขา”
สีหน้าทอมเหนื่อยหน่ายสุดขีด
“นี่น่ะเหรอข่าวดี มันเป็นข่าวดีของเจ้าไบรอันไม่ใช่ของฉัน มันอยากจะยกเสาลงหลุมก็เรื่องของมันไม่เกี่ยวกับฉัน”
จิมสะดุ้งน้อยครั้งนักที่ทอมจะพูดจาหยาบคายหรือใช้ถ้อยคำเหน็บแนมคนอื่น นี่แสดงว่าอารมณ์บูดจริงๆ
“ทำไมพูดจาไม่เพราะเลยทอม.. หือ..”
“ก็.. ฉันไม่สนใจเรื่องของคนอื่นนายก็รู้ มาบอกทำไมล่ะ”
“เป็นเรื่องของคนอื่นที่ไหน เรื่องของนายโดยตรงเลย ฟังให้จบก่อนซี.. ไม่อยากรู้หรือว่าเจ้าสาวของไบรอันเป็นใคร?..”
ทอมนั่งนิ่งไม่สนใจอยากรู้แต่ก็ไม่ปฏิเสธ
“เจ้าสาวของไบรอันคือ แคธรีน นางแบบสาวสวยสุดเซ็กซี่ของนายไง”
ทอมอ้าปากหวอ ไม่อยากเชื่อเลยว่าในที่สุดจิมก็สามารถแก้ไขสถานการณ์ ที่สุดแสนจะเลวร้ายของเขาไว้ได้
“หมายความว่า.. ไบรอันเป็นพ่อของเด็กในท้องเธอใช่มั้ย”
“คงงั้นมั้ง แต่ที่แน่ๆ คือไม่ใช่นาย..”
“โอ!.. จิม.. ฉันรักนาย รักที่สุดเลย”

ทอมโผเข้าสวมกอดร่างสูง อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวจึงล้มลงบนที่นอนด้วยกันทั้งคู่   จิมตกใจ  พลิกร่างเทพบุตรแสนรักหงายลงบนที่นอนและผละลุกขึ้น ใบหน้ายิ้มระรื่นของทอมเจื่อนลง สีหน้างุนงงและตกใจที่จิมแสดงอาการเหมือนรังเกียจ

“เป็นอะไรจิม... รังเกียจฉันเหรอ...”
“เปล่านะทอม.. ฉันไม่ได้รังเกียจ ไม่เคยแม้แต่จะคิด ฉันให้สัญญาไว้ว่าจะไม่แตะต้องหรือล่วงเกินนายอีก ถ้าไม่ผละออกมา.. ไม่รู้ว่าจะห้ามใจตัวเองไหวหรือเปล่า.. ขอโทษที่ทำให้ตกใจ..”

ทอมลุกขึ้นนั่ง เขาลืมสนิทเลยว่าจิมเคยลั่นวาจาไว้ว่าจะไม่แตะต้องเขาด้วยความเสน่หาอีก ไม่นึกเลยว่าจิมยังเอาจริงกับคำสัญญานั้น หลายวันที่ผ่านมานี้เขากังวลและเป็นทุกข์กับเรื่องของแม็กกี้ จิมคอยอยู่เคียงข้างทั้งปลอบและให้กำลังใจ ทั้งที่ยังปฏิบัติกับเขาเหมือนเดิมแท้ๆ แล้วทำไม..

“ทอม.. ทอม..” จิมแตะไหล่ทอมซึ่งนั่งก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จา
ทอมปัดมือออกและเงยหน้าขึ้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“อย่ามาจับ!!.. อย่าแตะต้องฉัน ถ้าคิดจะรักษาสัญญาของนายต่อไปก็ไม่ต้องมาอาทรฉันอีก ไม่ต้องมาคอยอยู่เคียงข้าง คอยปลอบหรือให้กำลังใจ   ถ้านายคิดว่าทุกเรื่องที่ทำให้ฉันอยู่ตอนนี้เป็นหน้าที่ล่ะก็ พอกันที!!.. ต่อไปงานของนายแค่ดูคิวงานให้ฉันก็พอ ปัญหาและเรื่องส่วนตัวฉันจะจัดการเอง วันนี้ไม่มีงานอะไร นายอยากไปไหนก็ไป ฉันจะอยู่คนเดียว”

จิมใจหายวาบไม่เคยได้ยินน้ำเสียงและสายตาเย็นชาแบบนี้จากทอม รู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองกำลังจะหลุดลอยไป รีบทรุดตัวลงคว้ามือทอมขึ้นมากุมไว้
“ไม่นะทอม.. อย่าโกรธซี.. ได้โปรด.. ทุกเรื่องที่ฉันทำ ฉันไม่เคยรู้สึกว่าเป็นหน้าที่เลย นายรู้อยู่เต็มอกนี่นาทอม.. ว่าฉันคิดยังไงกับนาย”
“ฉันไม่รู้ ปล่อยมือ..” ทอมชักมือกลับแต่จิมไม่ยอมปล่อย ดึงมือทอมขึ้นมาจูบและแนบไว้ที่แก้ม
“ฉันไม่ปล่อยจนกว่านายจะหายโกรธและยกเลิกคำสั่งเมื่อครู่นี้”

จิมรู้ว่าทอมไม่ได้โกรธและเกลียดเขาแค่น้อยใจเท่านั้น ทอมเบือนหน้าหนีสีหน้างอเง้าของเทพบุตรแสนรักช่างโดนใจเสียนี่กระไร.. ยิ่งได้รู้ว่าทอมไม่พอใจที่เขายึดคำมั่นสัญญานั้น ทำให้จิมไม่สามารถอดทนและอดกลั้นความ รู้สึกที่มีต่อทอมได้อีก
จิมไม่ยอมปล่อยมือแต่กลับลุกขึ้นโผเข้าสวมกอดทอมด้วยความรักสุดหัวใจโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว จึงพากันหงายหลังลงบนที่นอนอีกครั้ง ใบหน้าคมเข้มซุกลงที่ซอกคอเทพบุตรแสนรัก สัมผัสและสูดดมความหอมให้สมกับความคิดถึง เสียงทุ้มกระซิบแผ่วข้างหู

“ฉันขอโทษที่ผละออกจากนายเมื่อกี้นี้ ฉันไม่ได้อยากทำอย่างนั้นเลย ขอฉันแก้ตัวใหม่นะทอม นะ..”
“แก้ตัวบ้าบออะไร ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้นะ ฉันอึดอัด” ทอมทุบหลังร่างสูงอย่างแรงจนเขาสัมผัสความแรงนั้นได้ แต่จิมกลับไม่สะดุ้งสะเทือน
“ให้ฉันอยู่ข้างล่างแบบเมื่อกี้นี้ก็ได้ นายจะได้ไม่อึดอัด โอเค..”

ทอมนอนอึ้งใบหน้าร้อนผ่าว ริมฝีปากบางขบแน่นเบือนหน้าหนีสายตากะลิ้มกะเหลี่ยของอีกฝ่าย
….จิมมี่เจ้าเล่ห์คนเดิมกลับมาแล้วซีนะ…

จิมใช้มือข้างที่ว่างอยู่สัมผัสริมฝีปากบางสวยตรงหน้าอย่างแผ่วเบา
“อย่ากัดซีทอม.. ริมฝีปากนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันเลยนะรู้มั้ย นายไม่เจ็บแต่ฉันเจ็บนะ”
ทอมยอมทำตามอย่างว่าง่ายไม่กัดริมฝีปากตัวเอง คิ้วเข้มเลิกขึ้นเสียงทุ้มลอดไรฟัน
“ขอบใจที่ไม่ทำร้ายของรักของฉัน”

ร่างสูงขยับตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้อีกฝ่ายคลายความอึดอัดลง จิมยิ้มให้ทอมด้วยความชื่นชมและรักใคร่ดุจเดิม ครั้งนี้ทอมสบสายตาเขาอย่างท้าทาย เรียวปากสีชมพูเรื่อช่างเย้ายวนจนจิมห้ามใจไม่ไหว ไม่สนแล้วกับคำสัญญาที่เคยให้ไว้ ..ถ้าไม่ติดสองนิ้วของเขาที่ถูกงับอยู่ล่ะก็..

“โอย!.. ซี้ด.. อย่ากัดขาดนะทอม ฉันไม่อยากพิการอ่ะ”

จิมไม่ละสายตาจากริมฝีปากบางสวยที่กำลังงับนิ้วเขาอยู่ และเหมือนทอมรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร คิ้วเรียวขมวดเข้าหาและกัดสองนิ้วของเขาแรงขึ้นจนห้อเลือด จิมไม่ร้องแต่แกล้งกัดฟันนิ่วหน้าให้เห็นว่าเขาเจ็บมาก
ทอมอ้าปากขึ้นด้วยความตกใจ จิมชักนิ้วออกได้ก็ประกบริมฝีปากลงบนเรียวปากนุ่มที่เย้ายวนตรงหน้าและส่งลิ้นอุ่นแทรกผ่านเข้าไปโดยที่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสได้ตั้งตัวเลย

“อึ๊…อือ.. อื้อออ…”
...อีกแล้วหรือนี่... จิมมี่คนเดิมกลับมาแล้วจริงๆ เรี่ยวแรงของทอมถูกถ่ายออกจากร่างทีละน้อย อย่าว่าแต่จะผลักไสเลยเขาไม่เหลือกำลังที่จะเบือนหน้าหนีด้วยซ้ำ ได้แต่นอนนิ่งปล่อยจิมมี่เจ้าเล่ห์ลักจูบตามใจปรารถนา
“อื้อ.. อือ..” ทอมใจหายเมื่อมือของจิมเริ่มซุกซนไปตามส่วนต่างๆ บนร่างกายของเขา

…R R R R…..

โทรศัพท์มือถือของจิมดังขัดจังหวะ แต่เจ้าของไม่สนใจยังคงอ้อยอิ่งอยู่ที่ริมฝีปากอ่อนนุ่มตรงหน้าด้วยความเสน่หา ทอมสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกฝ่ามือร้อนสัมผัสลูบไล้ไปมาที่หน้าขา รีบควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของจิมคว้าขึ้นมากดรับสายและจ่อเข้าไปที่หูของเจ้าตัวทันที

“หวัดดีครับคุณจิม.. ผมเอ๊ดดี้ครับ”

จิมชะงักเมื่อเสียงที่ผ่านเข้าหูมาเป็นนายเอ๊ด จำใจผละจากริมฝีปาก หวานตรงหน้าด้วยความเสียดายในขณะที่ทอมกลับรู้สึกโล่งอก จิมรับโทรศัพท์มาถือไว้ รู้สึกฉุนเล็กๆ ที่ถูกขัดจังหวะ แต่ไม่รับก็ไม่ได้เรื่องสำคัญที่กำลังรอคอยซะด้วย ไหนๆ ทอมก็เริ่มจะใจอ่อนแล้ว ถ้ารีบทำคะแนนตอนนี้ความหวังของเขาก็อาจจะสัมฤทธิ์ผลในเร็ววัน
“ว่าไง เอ๊ดดี้.. หาเด็กเจอมั้ย”
ทอมเบิกตากว้างด้วยความยินดี ผลักร่างสูงใหญ่พลิกหงายลงบนที่นอนและลุกพรวดขึ้นนั่ง งงกับเรี่ยวแรงตัวเอง เมื่อครู่แค่จะเบือนหน้าหนียังไม่มีแรง
“เอ๊ดดี้ว่าไง จิม..”
จิมนิ่งฟังปลายสายด้วยสีหน้าเรียบเฉย จนทอมเดาไม่ถูกว่าเรื่องดีหรือ ไม่ดี
“โอเค.. รออยู่ที่นั่นอีก 2 วัน เผื่อเด็กอาจจะยังไปไม่ถึง ”
ทอมหน้าจ๋อยเมื่อรู้ว่ายังหาแม็กกี้ไม่พบ
“ทำไมถึงไม่พบล่ะ จิม.. แม็กกี้ไม่ได้ไปที่นั่นใช่มั้ย หรือว่าจะกลับบ้านที่เมืองกาญจน์”
จิมนอนนิ่งสมองใช้ความคิดอย่างหนัก   เอ๊ดดี้สามารถหาร้านอาหารซึ่งเจ้าของร้านมีศักดิ์เป็นลุงของเด็กชายจนเจอ  อาศัยว่าจำชื่อร้านอาหารได้ แม้จะไม่รู้ว่าอยู่ที่หาดไหนของเกาะ แต่ก็ไม่เกินความสามารถของนายเอ๊ดตามหาจนเจอโดยใช้เวลา 2 วัน
“ลุงของแม็กกี้เป็นฝรั่งชื่อ พอล ครับ เขายืนยันว่าเด็กไม่ได้มาและเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าเด็กจะมาหา ผมเลยขอให้เขาช่วยติดต่อเราด่วนถ้าแม็กกี้แวะไป”
จิมส่ายหน้าเมื่อทอมเอ่ยถึงเมืองกาญจน์ ที่ๆ เด็กชายจากมา
“เป็นไปไม่ได้หรอก แม็กกี้หนีพ่อเลี้ยงมา ไม่มีทางย้อนกลับไปแน่”
“หนีมา!!.. ทำไมฉันไม่รู้ ทำไมนายรู้.. รู้แล้วทำไมไม่เล่าให้ฉันฟังเลย”
ทอมไม่พอใจที่จิมรู้เรื่องแม็กกี้แล้วไม่ยอมบอก
“อ๊ะ!!.. ก็นายไม่เคยถาม นายไม่สนใจอยากรู้เรื่องของเด็ก แค่ฉันจะเอ่ยชื่อนายยังไม่อยากได้ยินเลย”
ทอมอึ้งไปเมื่อจิมพูดเรื่องจริง ช่วงสองอาทิตย์แรกเขาเกลียดเจ้าหนูแม็กจับใจเลย แม้แต่หน้าก็ไม่อยากจะมอง
“นายรู้เรื่องอะไรของแม็กกี้บ้าง เล่าให้ฉันฟังหน่อยซี…”
ทอมกล่าวเสียงอ่อย จิมหัวเราะก่อนเล่าเรื่องราวของเด็กชายเท่าที่เขารู้ให้ทอมฟัง….

 :impress:

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #129 เมื่อ27-01-2010 12:51:52 »

…แม็กกี้อยู่กับแม่แอนนาสองคนแม่ลูกจนอายุได้ 10 ขวบ แม่ก็แต่งงาน พ่อเลี้ยงของแม็กกี้เป็นพ่อม่ายอายุมากกว่าแม่เกือบ 20 ปี มีลูกชาย 3 คนโตเป็นหนุ่มกันหมดแล้ว แม็กกี้ไม่มีปัญหากับพ่อเลี้ยงแต่กลับมีปัญหากับลูกชายโดยเฉพาะคนเล็กอายุมากกว่าแม็กกี้ 3 ปี แม็กกี้ต้องนอนห้องเดียวกับเด็กหนุ่มนั่น แต่ถูกกลั่นแกล้งสารพัดจนต้องหนีออกมานอนนอกห้องเกือบทุกคืน แม็กกี้ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับแม่เพราะไม่อยากให้แม่กังวลและไม่สบายใจ จึงพยายามหาวิธีหลบเลี่ยงปัญหาต่างๆ ด้วยตัวเองมาตลอด แต่ตอนที่แม่ป่วยหนัก แม็กกี้จึงรู้ว่าแม่รู้ปัญหาของเขาและเฝ้าดูอยู่ตลอด ก่อนตายเธอสั่งเสียแม็กกี้ไว้สองเรื่อง เรื่องที่หนึ่ง ถ้ามีโอกาสได้พบกับทอม แม็คกิลล์ ให้บอกเขาว่าเธอมีอะไรด้วยในคืนนั้นเพราะความรักไม่ใช่เพราะหน้าที่ เรื่องที่สอง หากตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ไม่สามารถอาศัยอยู่กับพ่อเลี้ยงต่อไปได้ ก็ให้เดินทางไปอาศัยอยู่กับญาติผู้พี่ของเธอซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของแม็กกี้ ตอนเล่าให้ฉันฟังแม็กกี้ไม่ได้บอกว่าลุงอยู่ที่ไหน คนที่รู้คือเอ๊ดดี้..

หลังจากแม่จากไป แม็กกี้ก็ไม่สามารถอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นต่อไปได้ พ่อเลี้ยงซึ่งเคยดีด้วยก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน นอกจากจะถูกใช้งานหนักจากพ่อแล้วยังถูกลูกชายทั้งสามคนรุมรังแก จนต้องตัดสินใจหนีออกมาหลังงานศพแม่ผ่านไปเพียง 2 อาทิตย์ แม็กกี้ไปขออาศัยนอนที่วัดอยู่เกือบเดือนก่อนตัดสินใจเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อทำในสิ่งที่แม่สั่งไว้ก่อนตาย ส่วนเรื่องการขอพิสูจน์ความจริงกับนายเป็นความต้องการของแม็กกี้เอง ไม่เกี่ยวกับแม่แอนนา..

ทอมนั่งอึ้งฟังเรื่องราวของเด็กชายจากคำบอกเล่าของจิม นึกไม่ถึงว่าจิมจะรู้เรื่องส่วนตัวของแม็กกี้มากขนาดนี้ ทั้งที่เด็กชายเป็นปัญหาส่วนตัวของเขา แต่เขากลับไม่รู้อะไรเลย...

“ทำไมนายรู้เรื่องแม็กกี้มากขนาดนี้ ตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่เล่าให้ฉันฟังบ้างเลย”
“เมื่อไม่นานนี้เอง 2-3 วันก่อนที่แม็กกี้จะออกจากบ้านไป รู้สึกจะเป็นวันเดียวกับที่ฉันขอให้เป็นแบบลองกล้อง จริงซิ.. ฉันเพิ่งรู้ด้วยนะว่าตาของเจ้าหนูเปลี่ยนสีได้ จากสีเขียวน้ำทะเลวันนั้นเปลี่ยนเป็นสีฟ้าใสสวยมากเลย..”

ทอมทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ จิมมีสีหน้าปลื้มขณะพูดถึงแม็กกี้ แถมยังรู้เรื่องของเด็กชายมากมายในขณะที่เขาไม่คิดจะรับรู้อะไรเลย
“อย่าทำหน้าอย่างนั้นซี .. โกรธที่ฉันแอบสนใจเด็กเหรอ..”
“ใช่!!.. ฉันโกรธ.. โกรธตัวเองที่ไม่เคยใส่ใจ ไม่เคยสนใจถามเรื่องส่วนตัวของแม็กกี้เลย ถ้าฉันรู้เหมือนที่นายรู้ วันนั้นฉันคงไม่พูดจาให้เด็กเสียใจ ฉันโหดร้ายใจดำ ไม่มีน้ำใจ ฉันเป็นคนไล่เด็กออกไปจากบ้าน...”    ทอมน้ำตาคลอเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น
“ไม่เอาน่ะทอม.. อย่าว่าตัวเองแบบนี้ วันนั้นนายเมา นายไม่มีวันพูดแบบนั้นแน่ถ้านายมีสติ” จิมรั้งศีรษะทอมซบไหล่และกล่าวปลอบ
“นายไม่ได้โหดร้ายใจดำซะหน่อย นายใส่ใจเด็กมากกว่าฉันนะ ทอม.. ฉันแค่เอ็นดูเท่านั้นแต่นายไม่ใช่.. นายรักเขา.. รู้ตัวหรือเปล่าว่านายรักแม็กกี้.. ตั้งแต่เมื่อไรรู้มั้ย หือ..”
ทอมส่ายหน้า
“หลังจากที่นายทดสอบเขาในวันฝนตก นายก็หลงรักเด็กแล้วทอม.. ตอนแม็กกี้ยื่นกุญแจรถให้นายด้วยมือที่สั่นระริก นายก็ถูกกามเทพแผลงศรเข้าตรงกลางหัวใจ ความเกลียดชังที่นายมีต่อเด็กละลายไปกับสายฝนตั้งแต่
วันนั้นแล้ว รู้มั้ย..”
ทอมผละออกสีหน้าไม่เชื่อที่จิมพูด
“ไม่เชื่อเหรอ.. จำได้มั้ย.. วันรุ่งขึ้นเด็กไม่สบาย นายโทษตัวเองเป็นวรรคเป็นเวร จะไปเยี่ยมให้ได้ทั้งที่มีคิวถ่ายแบบสำคัญรออยู่”
“ก็ฉันเป็นต้นเหตุทำให้เด็กไม่สบายนี่ เป็นใครก็ต้องรู้สึกเสียใจทั้งนั้น”
“ถ้ามันเกิดขึ้นกับคนที่เราเกลียดจริงๆ เราจะไม่รู้สึกเสียใจหรอก ทอม.. มีแต่จะแอบดีใจหรือสะใจกันทั้งนั้น..”
“นายเป็นพ่อมดหรือเปล่าจิม.. ทำไมถึงรู้ใจฉันทุกเรื่อง”
จิมหัวเราะ
“ถ้าฉันเป็นพ่อมด ฉันจะร่ายมนต์ให้นายรักฉันอย่างที่ฉันรักนาย..”
ทอมหน้าแดงตะคอกใส่ปิดบังความเขิน
“บ้าน่ะ.. ไม่ใช่เวลามาพูดเล่นนะ ตกลงเรื่องแม็กกี้จะเอายังไง ถ้าไม่กลับเมืองกาญจน์แล้วจะไปไหน..”
“เอ๊ะ!!.. นี่นายเห็นฉันเป็นพ่อมดจริงๆ หรือเนี่ย.. งั้นขอนั่งทางในดูก่อนนะว่าตอนนี้แม็กกี้ไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหน”
“อย่าล้อเล่นได้มั้ย ฉันซีเรียสนะ หรือว่าแม็กกี้หลงทางไปไม่ถูก จริงซี.. ฉันฝันร้ายได้ยินเสียงแม็กกี้ร้องไห้ บางทีเขาอาจได้รับอันตราย ไม่งั้นป่านนี้ก็น่าจะไปถึงแล้ว หรือว่าไม่สบายระหว่างทาง.. เขายิ่งไม่ค่อยแข็งแรงอยู่ หรือว่าถูกล่อลวงไปไหน.. หรือว่า..”
“พอแล้ว ทอม.. พอแล้ว..” จิมรีบเอามือปิดปากเทพบุตรของเขา
“คิดมากเกินไปแล้ว นายเป็นห่วงเด็ก คิดถึงมากจนเก็บเอาไปฝัน ไม่เกิดเรื่องแย่ๆ อย่างนั้นหรอกน่า แม็กกี้เป็นเด็กฉลาด.. ต้องเอาตัวรอดได้แน่ ขนาดมากรุงเทพฯ ครั้งแรก ยังมาตามหานายจนเจอเลย เพราะฉะนั้นหยุดคิดมากเรื่องฝันร้ายนั่นได้แล้ว ว่าแต่นายเถอะ ถ้าเจอแม็กกี้แล้วจะให้เขากลับมาอยู่ด้วยในฐานะอะไร หือ.. จะให้เรียกพ่อหรือเปล่า..”
ทอมสะดุ้ง
“วะ.. ว่าอะไรนะ นายพูดเหมือนมั่นใจหรือรู้แล้วว่าเด็กเป็นลูกฉัน เรายังไม่ได้พิสูจน์ความจริงกันเลยนะ”
“เอ่อ.. คือ..”        จิมลืมไปว่าเขายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับทอม แสร้งตีสีหน้ากล่าวน้ำเสียงเครียด
“ยังจะต้องพิสูจน์อีกหรือ ทอม.. ความรู้สึกที่นายมีต่อเด็กวันนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้เหรอ.. ถ้าหากพิสูจน์แล้วแม็กกี้ไม่ใช่ลูกของนาย นายจะเลิกรักเขาใช่มั้ย ”
ทอมใจหาย จิมได้ทีรีบสำทับเหตุผลที่จะทำให้ทอมไม่ใส่ใจกับการพิสูจน์ความจริง
“นายอาจเลิกรักแม็กกี้ได้ทอม.. เพราะนายเพิ่งรู้จักเขาไม่ถึง 3 เดือน แต่นายจะเลิกได้หรือไม่ก็ไม่สำคัญเท่าความรู้สึกของเด็ก สำหรับแม็กกี้นายคือพ่อเขาตั้งแต่จำความได้แล้ว ถ้าผลพิสูจน์ออกมาว่าไม่ใช่ แม็กกี้ต้องเสียใจมากเพราะเขาเลิกรักนายไม่ได้ แต่รู้อะไรมั้ย ทอม.. ฉันเชื่อว่าแม็กกี้เป็นลูกนาย..”
ทอมนั่งนิ่งไม่โต้ตอบ ..ประโยคสุดท้าย ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลย..
“ฉันเชื่อว่าแอนนาไม่โกหกลูกของเธอ และนับวันฉันก็ยิ่งมั่นใจเพราะนิสัยและอารมณ์ของแม็กกี้ถอดแบบมาจากนายเป๊ะเลย เค้าหน้าโดยรวมอาจ จะเหมือนแม่ แต่ริมฝีปากบางได้รูปพิมพ์เดียวกับนายชัดๆ ”
ทอมเหล่มองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ
“รู้ได้ยังไงว่าพิมพ์เดียวกัน อย่าบอกนะว่านายคอยจ้องมองปากแม็กกี้ คิดจะทำมิดีมิร้ายอีกงั้นเหรอ..”
จิมสะดุ้งโหยง
“บ้าน่ะทอม.. พูดอะไรแบบนั้น”
สายตาทอมจ้องมองเขาอย่างคาดคั้นแสดงว่าไม่ได้พูดเล่น   จิมตกใจกับข้อกล่าวหา   เป็นเพราะเขาเคยทำผิดพลาดมาแล้ว แต่ครั้งนั้นเพราะเขาเมาต่างหาก  จิมตีหน้าสลดขยับเข้าสวมกอดทอมเอาดื้อๆ
“ฉันขอสารภาพก็ได้ ทอม.. ฉันแอบจ้องมองทุกครั้งที่มีโอกาส อยากจะจูบอยู่ตลอดเวลาจริงๆ”
“ห๊ะ!!.. ไอ้บ้า!!..”
ทอมขยับหนีจากอ้อมกอดแต่จิมไม่ยอมปล่อย กลับออกแรงกอดรัดแน่นขึ้นกว่าเดิม ปากก็พูดพร่ำต่อโดยไม่สนใจอาการโกรธของอีกฝ่าย
“ฉันชอบมองหน้าแม็กกี้เวลาพูดคุยด้วย   ถึงได้รู้ว่าปากเจ้าหนูพิมพ์เดียวกับนายเลย   แต่ที่จ้องอยากจะจูบอยู่ตลอดเวลา คือปากของนายต่างหาก”
ทอมนั่งนิ่ง ขณะกำลังงงอยู่กับคำพูดริมฝีปากบางสวยก็ถูกประทับแนบสนิทอีกครั้งโดยไม่ทันตั้งตัว
“อึ๊!!.. อือ~~ ”
จิมขบริมฝีปากอ่อนนุ่มของทอมเบาๆ ก่อนแทรกลิ้นอุ่นผ่านเข้าไปลิ้มรสความหวานภายใน จิมหยุดรุกเมื่อรู้สึกว่าได้รับการสนองตอบ ลิ้นนุ่มของทอมแทรกตามเข้ามาพัวพันกับลิ้นเขา
“ปากนี้ต่างหากที่ฉันอยากจูบ เพราะมันสนองตอบได้”
เสียงจิมพึมพำเบาๆ ทำให้สติของทอมกลับคืน ใบหน้างามร้อนวูบ ผลักร่างสูงใหญ่ออกและคว้าหมอนตีใส่อย่างแรงก่อนกระโดดลงจากเตียง
“นายมันจอมกะล่อน จอมฉวยโอกาส อยากจะมีเซ็กซ์กับฉันมากใช่มั้ย ก็ได้.. ถ้าช่วยฉันตามหาแม็กกี้กลับมาได้ ฉันจะยอม.. แต่ถ้าไม่ได้ห้ามมาแตะต้องตัวฉันอีก”
จิมตกใจกับข้อเสนอ เขาคิดว่าทอมพูดด้วยอารมณ์โกรธ แต่สีหน้าทำไมจริงจังขนาดนั้น..
“พูดเล่นใช่มั้ย ทอม..”
ทอมขบริมฝีปากแน่นเพราะรู้สึกกระดาก ไม่ยอมพูดย้ำอีกครั้งแต่ส่ายหน้าความหมายว่าไม่ได้พูดเล่น ทั้งที่ควรจะดีใจแต่จิมกลับนั่งอึ้งไม่รู้สึกยินดีเลยสักนิด นึกไม่ถึงว่าทอมจะตั้งเงื่อนไขยอมมีเซ็กซ์กับเขาโดยแลกเปลี่ยนกับการตามหาแม็กกี้กลับมา...
จิมลุกขึ้นยืนยิ้มให้เทพบุตรสุดรัก
“ฉันสัญญาจะหาแม็กกี้ให้พบ จะพาเขากลับมาหานายให้ได้ แต่ไม่ต้องแลกด้วยการยอมมีเซ็กซ์กับฉันหรอกนะ ”
“ฉันไม่ได้อยากมีอะไรกับนายเพราะต้องการระบายความใคร่   ฉันไม่ได้ต้องการแค่ร่างกายแต่ต้องการหัวใจของนายด้วย ให้รอถึงเมื่อไรก็ได้จนกว่านายจะรู้สึกต้องการฉันอย่างที่ฉันรู้สึกกับนาย แต่ถ้าไม่มีวันนั้นก็ไม่เป็นไร ฉันขอแค่ได้เป็นฝ่ายรัก.. ก็พอ..”
ใบหน้าทอมแดงซ่านหัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ จิมพร่ำบอกรักเขาตั้งหลายครั้งแต่ไม่เคยมีครั้งไหนทำให้หัวใจของเขาแทบจะละลายแบบนี้เลย    ทอมเสเปลี่ยนเรื่องสนทนา
“ตกลงจะไปหาแม็กกี้ที่ไหนล่ะ จิม.. ลงประกาศในหนังสือพิมพ์ได้มั้ย”
“ประกาศหาในหนังสือพิมพ์เหรอ.. ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”
สีหน้าจิมเอาจริงแปลว่าไม่ได้พูดเล่น..

 o18

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
« ตอบ #129 เมื่อ: 27-01-2010 12:51:52 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #130 เมื่อ27-01-2010 13:12:58 »


แวะเข้ามาทักทายเจ้ ด้วยความคิดถึงคะ  อิอิ

nithiwz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #131 เมื่อ27-01-2010 15:33:23 »

แม็กกี้จะเป็นอะไรเปล่าอ่ะคับ
ขอให้รอดปลอดภัยนะ  สงสารตาทอมมันเถอะ เหอะๆๆๆๆ  :m15:

ตอนนี้สวีวี่วีกันจริงๆ ตาทอม กับ ตาจิม เหอะๆๆๆๆ

ป.ล. อยากรู้อดีตของหนูแม็กกี้อ่ะ ดูพี่ชายรุมรังแก  ฮ่าๆๆๆๆ รังแกอะไรหว่า

ออฟไลน์ CorNnE PRiNCeS

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #132 เมื่อ27-01-2010 16:51:23 »

:z1: :z1: :z1:


มาทำให้คนเค้า

หลงรักเจ้าหนูแม็กกี้

กันอีกแล้วอ่ะเจ้

อิอิ

 :really2: :really2:



ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #133 เมื่อ27-01-2010 18:56:52 »

หนูแม๊กกี้ไปอยู่หนใดแล้ว

อย่าเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นเลยนะ

แค่นี้ก้อใจคอไม่ดีแล้ว :m15:

ออฟไลน์ iiดาวพระสุขლii

  • คิดการใหญ่ ใจต้องเหี้ย(ม),,
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +746/-3
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #134 เมื่อ27-01-2010 19:48:58 »

ถูกใจเรื่องนี้อย่างแรง...  o13




ออฟไลน์ จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า

  • I LOVE MY SMILE
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1892
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-4
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #135 เมื่อ27-01-2010 20:19:16 »

แม็กกี้จะเป็นอะไรไหมเนี่ยะ :m15:

ออฟไลน์ sakiko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-25
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #136 เมื่อ27-01-2010 20:20:19 »

กรีส ส ส สส ส

อยากอ่านต่อ

 o13

ออฟไลน์ kungyung

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #137 เมื่อ27-01-2010 20:29:28 »

เจ้าหนูแม็กกี้หายไปไหนอ่ะ
หวังว่าคงไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดกะเจ้าหนูนะ :monkeysad:

ออฟไลน์ WEERACHOT

  • ฉันดีใจที่มีเธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +337/-5
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #138 เมื่อ27-01-2010 23:29:11 »

ตามอ่านทันจนได้ เหะๆ สนุกมากๆ บีบใจสุดๆ

รอครับรอ มาต่ออีกน่ะ เยอะเลย

ปล.เรื่องนี้แต่งจบแล้วใช่มั้ยครับ แล้วจะโพสจนจบเปล่า :กอด1:

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #139 เมื่อ28-01-2010 11:20:39 »

“พักนี้ทอมเป็นอะไร จิม.. ไม่ร่าเริงเลย เหม่อลอยอีกต่างหาก”
“ทอมมีเรื่องวุ่นวายทางบ้านนิดหน่อยครับ แต่เคลียร์เรียบร้อยแล้วไม่มีปัญหา”
“งั้นเหรอ.. ช่วยดูแลหน่อยนะ.. อีก 5 วันจะเดินทางแล้ว ผมไม่อยากให้ทอมหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาเป็นตัวเก็งในกลุ่มเอเชียเลยนะ คุณก็รู้… ถึงไม่ได้นายแบบโลกแต่สุดยอดในกลุ่มต้องได้อยู่แล้ว”
“ผมทราบครับคุณโรเจอร์.. ผมจะดูแลทอมอย่างดี แต่ได้ยินมาว่าทอมอาจถูกตัดชื่อไม่ให้อยู่ในกลุ่มเอเชียเพราะมีเชื้อสายไทยแค่ 1 ใน 4”
“เหลวไหล!!.. เรื่องนี้คุณไม่ต้องกังวลหรอกจิม เป็นหน้าที่ผมจัดการเอง คุณดูแลทอมของผมให้ดีล่ะกัน เขาต้องเพอร์เฟ็กต์ที่สุดในวันเดินทางนะ”
“ครับ คุณโรเจอร์” จิมวางสายมิสเตอร์โรเจอร์ เจ้าของห้องเสื้อชื่อดัง สปอนเซอร์ใหญ่ที่สนับสนุนทอมเข้าประกวดครั้งนี้อย่างไม่สบอารมณ์
“ทอมของผม.. ชะ!!.. น้อยๆ หน่อย ไอ้เฒ่าหัวงู.. ทอมเป็นของฉันโว้ย.. ไม่ใช่ของแก..”

“บ่นอะไร จิม..”   
ทอมเดินมาทรุดตัวลงนั่งพัก หนุ่มอ๋อมช่างแต่งหน้าของสตูดิโอตามมานัวเนียอยู่ข้างๆ
“เปล่า.. ก่อนเดินทางโรเจอร์อยากให้นายหาเวลาสัก 2-3 วัน ไปเข้าคอร์สอาบน้ำแร่แช่น้ำนมอะไรทำนองนั้น”
“จะบ้าหรือเปล่า!!  ไม่ได้ประกวดนางงามนะ เรื่องมากเดี๋ยวไม่ไปซะเลย”
“เอ๋!!.. คุณทอมฮ้า.. เดี๋ยวนี้ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายที่ต้องอาศัยความงามของหน้าตาและรูปร่างหาเงิน ถ้าอยากให้ดูดีขึ้น เขาต้องบำรุงและเสริมความงามกันทั้งนั้นล่ะฮ่ะ ใครจะเหมือนคุณทอมล่ะฮะ หล่อได้หล่อดี ไม่ได้บำรุงอะไรกับเขายังหล่อขนาดนี้ ถ้าอาบน้ำแร่แช่น้ำนมขึ้นมาล่ะก็ อุแม่เจ้า!..คงจะงามราวเทพบุตรบนสวรรค์เลยนะฮ้า..”
ทอมทำหน้าเบื่อหน่ายและเบือนหลบเมื่อช่างอ๋อมถือพัฟในมือยื่นมาที่หน้าเขา
“พอที.. หน้าหนาเป็นฟุตแล้ว ตบอยู่ได้”
“พอแล้ว เจ๊อ๋อม.. ให้คุณทอมนั่งพักสักครู่”
จิมกล่าวน้ำเสียงเรียบ หนุ่มอ๋อมรีบผละออกทันที
“แหม.. ไปก็ได้ แค่นี้ต้องหงุดหงิดด้วย”
ช่างอ๋อมไม่กล้าเซ้าซี้ต่อปากต่อคำกับจิม   จิมไม่ชอบพูดเล่นและหยอกล้อกับใคร   แต่ถ้าพูดเป็นการเป็นงานล่ะก็นั่งคุยได้นาน
“อีก 2 ช็อตเองทอม อย่าขมวดคิ้วนิ่วหน้าซี เดี๋ยวไม่หล่อนะ”
“งานนี้สุดท้ายแล้วใช่มั้ย”
“อะฮะ  งานสุดท้ายก่อนออกเดินทาง  กลับมามีงานรอจ่อคิวอยู่ 2-3 งานแต่ยังไม่ได้คอนเฟิร์ม ต้องดูผลประกวดก่อน”

ทอมถอนใจเฮือกหน้าตาและอารมณ์ไม่ค่อยจอย ด้วยเรื่องอะไรจิมรู้ดีแต่พยายามไม่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน จิมส่งยิ้มหวานให้เมื่อทอมสบตาเขาด้วยสีหน้าหงุดหงิดเต็มที

ทอมอารมณ์เสียมากขึ้นเมื่อจิมนั่งใจเย็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่ยอมเอ่ยปากถามสักคำทั้งที่รู้ว่าเขาร้อนใจเรื่องอะไร จึงแกล้งยกเท้าขึ้นวางพาดบนตักด้วยความโมโห แทนที่จิมจะโกรธกลับหัวเราะและถอดร้องเท้าเขาออก

“เมื่อยเท้าเหรอ.. จะนวดให้นะ"

ทอมนั่งมองจิมบีบนวดนิ้วเท้าให้ รู้สึกสบายและผ่อนคลายจึงยกเท้าอีกข้างขึ้นวางบนตักอย่างว่าง่าย จิมถอดรองเท้าอีกข้างของทอมออกและบีบนวดนิ้วเท้าทั้งสองข้างไปพร้อมๆ กัน ซ่อนยิ้มในสีหน้าเมื่อสามารถทำให้เทพบุตรแสนรักสงบลง ร่างสง่างามเอนหลังพิงพนักในท่าที่ผ่อนคลาย

“สามวันแล้วใช่มั้ย จิม.. ไม่มีใครโทรมาเลยเหรอ…”
จิมหัวเราะ ...ในที่สุดก็ไม่มีอะไรทำให้ทอมใจสงบลงได้...
“อืมม์.. คงต้องใช้เวลาอีกหน่อยน่ะทอม..”
ทอมชักเท้าออกลุกขึ้นนั่งหน้ามุ่ย
“อีกหน่อยของนายน่ะ กี่วัน?.. นายลงประกาศเล็กไป ฉันบอกให้ลงใหญ่กว่านี้ก็ไม่เชื่อ.”
“ไม่เอาน่ะ ทอม.. อย่าหงุดหงิดซี นี่อยู่ระหว่างงานนะ”
“ไม่รู้ล่ะ ถ้ายังไม่พบก่อนเดินทาง ไปหรือไม่ไปก็มีค่าเท่ากัน นายก็รู้ว่าฉันทำงานไม่ได้เวลาไม่สบายใจหรือไม่มีอารมณ์”
“คุณทอมครับ.. ฉากเซ็ทเสร็จแล้ว พี่เปี๊ยกให้เชิญเลยครับ”
สต๊าฟโผล่หน้าเข้ามาเรียกและผลุบออกไป ทอมลุกขึ้นยืนพยายามระงับอารมณ์และกล่าวกับจิมด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
“สิบวันแล้วนะที่แม็กกี้จากไป นายว่านายเข้าใจความรู้สึกของฉัน แต่ถ้านายเป็นฉัน นายไม่มีทางนั่งใจเย็นอยู่อย่างนี้”

ทอมเดินกลับไปทำงานในสภาพที่จิมเห็นแล้วรู้สึกกังวลใจอย่างมาก
…ฉันใจเย็นก็จริง แต่ไม่ได้อยู่เฉยนะทอม..

จิมพยายามทุกวิถีทางแล้วในการตามหาเด็กชายแม็คกิลล์ แสตนลีย์ เหลือเพียงหนทางเดียวคือไม่ได้แจ้งตำรวจ..

จิมเรียกนายเอ๊ดขึ้นมาจากสมุย และจ้างนักสืบลงไปสืบหาเด็กชายแทน โดยแยกไปตามหาที่เมืองกาญจน์ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเจ้าหนูด้วย ซึ่งที่นั่นเขาไม่มีข้อมูลอะไรเลย จำได้แค่ชื่อโรงเรียนที่แม็กกี้เคยเรียนอยู่ แต่เพียงแค่นั้นสำหรับนักสืบมืออาชีพแล้วก็สามารถสืบหาจนพบบ้านพ่อเลี้ยงของเด็กชาย

...เด็กไม่ได้กลับไปที่เมืองกาญจน์ครับ คนในบ้านบอกว่าเด็กหนีออกจากบ้านไปเกือบ 4 เดือนแล้ว...

...ถามหาทั่วเกาะแล้วโดยเฉพาะที่ท่าเรือไม่มีใครพบเห็นเด็กเลย ลุงของเด็กรับปากว่าถ้าเด็กมาถึงจะรีบแจ้งให้ทราบแน่นอนครับ ถ้าไม่มีเหตุการณ์ ร้ายเกิดขึ้นเป็นไปได้ว่าเด็กอาจมีที่อื่นไปนอกจากสองที่นี้ แต่ผมจะให้คนเฝ้าที่ท่าเรือไว้เผื่อเด็กมาถึงล่าช้า ผมส่งคนสืบหาตามสถานีรถทุกแห่งในกรุงเทพฯ ด้วย แล้วจะรายงานให้ทราบเป็นระยะครับ...

จิมถอนใจเฮือกใหญ่ ถ้าหาแม็กกี้ไม่พบเขาจะกล้าบอกความจริงกับทอมได้ยังไงว่าเจ้าหนูเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขจริงๆ เพราะขนาดยังไม่รู้แน่ชัดทอมยังทุกข์ร้อนใจขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าใช่.. ทอมคงโกรธและเกลียดเขาจนตัดญาติขาดมิตรฐานที่ไม่ยอมบอกความจริงตั้งแต่แรก..

...ให้ตายเถอะ!.. เขาจะรู้ได้ยังไงล่ะ ว่าทอมจะเมามากจนไม่มีสติและเอ่ยปากไล่เด็กไปในคืนนั้น….

…R R R R R R…..

จิมรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย ภาวนาขอให้เป็นข่าวดีจากสายสืบ
“ฮัลโหล!!..”
“.............................”
“ใช่ครับ ผมเจมส์ การ์เซีย เป็นคนลงประกาศเอง”
“...........................................................................”
จิมนั่งอึ้งหลังวางสาย
...มีคนเห็นประกาศที่เขาลงตามหาแม็กกี้แล้ว แทนที่จะรู้สึกยินดีเขากลับภาวนาขอให้ไม่ใช่...

 :call:

“ทางนี้ครับ เจ้านาย..”
“จิมล่ะ..”
ทอมส่งชุดที่อยู่ในไม้แขวนให้นายเอ๊ดถือ เป็นชุดที่ใส่ถ่ายแบบเมื่อครู่ เขาถูกใจเลยขอซื้อแต่เจ้าของห้องเสื้อยินดียกให้ฟรี
“คุณจิมมีธุระด่วน ให้ผมเข้ามารอรับเจ้านายและพากลับบ้านก่อนครับ”
“ธุระอะไร.. ไปนานหรือยัง”
“เอ่อ.. บอกแต่ว่าธุระครับ เพิ่งออกไปได้ประมาณ 5 นาทีครับ”
“5 นาที บ้าที่สุดเลย รอกันหน่อยก็ไม่ได้”

ทอมเดินจ้ำอ้าวไปที่รถ อารมณ์หงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คำตอบที่ได้รับทำให้รู้สึกโกรธและหัวเสียอย่างแรง เป็นครั้งแรกที่ถูกจิมทิ้งให้กลับบ้านเอง หนำซ้ำยังเป็นเหตุผลที่ห่วยแตกที่สุด

..ธุระ.. เหตุผล 2 คำ สั้นๆ เนี่ยนะ..

นายเอ๊ดวิ่งตามมาติดๆ เรื่องของเจ้าหนูแม็กกี้ทำให้เจ้านายทอมอารมณ์เสียและหงุดหงิดบ่อยๆ จนไม่มีใครเข้าหน้าติด มีคุณจิมคนเดียวที่เอาอยู่ วันนี้ก็ดันหนีไปทำธุระซะได้..

 :เฮ้อ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
« ตอบ #139 เมื่อ: 28-01-2010 11:20:39 »





ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #140 เมื่อ28-01-2010 11:46:45 »

สายใยรัก บทที่  11 ..
 “ ใจ    ส ล า ย ”
----------------------------



จิมกระดกเหล้าอึกสุดท้ายและสั่งเช็คบิล เขาแค่ดื่มย้อมใจเท่านั้นไม่ได้ตั้งใจเข้ามานั่งดื่มจริงจัง  เพราะตั้งแต่เมาจนขาดสติทำเรื่องไม่ดีกับแม็กกี้ในคืนนั้น   เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ดื่มเหล้าจนตกอยู่ในอาการมึนเมาแบบนั้นอีก   

ร่างสูงก้าวลงจากแท็กซี่ยืนชั่งใจอยู่หน้าประตูรั้วบ้านแม็คกิลล์  ...เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว ป่านนี้ทอมนอนหรือยัง   คงโกรธมากที่เขาหายหัวไปตั้งแต่บ่าย    แถมยังไม่ติดต่อกลับมารายงานสักคำว่าทำอะไรอยู่ที่ไหน..

จิมถอนใจเฮือกจนป่านนี้เขายังนึกไม่ออกว่าจะเริ่มต้นยังไง   ไม่รู้ว่าคืนนี้เขาจะรั้งอารมณ์ทอมไว้ได้หรือเปล่า...
 

. . . ใ จ     o7   ส  ล   า  ย . . .

 
“สวัสดีค่ะคุณการ์เซีย ดิฉัน.. มาริสา จิตแพทย์ประจำมูลนิธิ และเป็นพี่เลี้ยงพิเศษให้กับเด็กค่ะ กรุณาตามมาดูก่อนนะคะว่าใช่เด็กคนเดียวกันหรือเปล่า”

จิมไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้มีโอกาสเข้ามาในสถานที่แห่งนี้  นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเหยียบย่างเข้ามาใน "บ้านคุ้มครองเด็ก"  เคยแต่ได้ยินได้ฟังและได้รับรู้เรื่องราวจากหน้าหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยครั้งถึงความเลวร้ายหลายรูปแบบ ที่เด็กๆ ในสถานที่แห่งนี้ได้รับ  ชีวิตน้อยๆ ทุกชีวิตเข้ามาในสถานที่นี้ในสภาพที่เจ็บปวดทุกคน ที่เห็นวิ่งเล่นอยู่แม้ความเจ็บปวดทางกายจะหายแล้ว แต่สภาพจิตใจยังต้องได้รับการบำบัดและฟื้นฟูอย่างมาก  เด็กบางคนแค่เขาเดินผ่านและสบตาด้วยก็สะดุ้งสุดตัวและวิ่งหนีไป

        จิมใจเต้นระทึกขณะเดินตามจิตแพทย์สาว ซึ่งเป็นแพทย์ประจำมูลนิธิและเป็นผู้ที่โทรหาเขาเพื่อแจ้งข่าวเด็กชายแม็คกิลล์ สแตนลีย์   เขาภาวนาตลอดทางขณะเดินตามเธอไปว่า ..ขออย่าให้ใช่เลย.. ถึงต้องการจะพบแม็กกี้มากแค่ไหน   แต่เขาก็ไม่อยากพบเจ้าหนูในสถานที่แห่งนี้ 

        จิมเดินตามเธอไปที่ห้องพักคนไข้ ใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเธอพามาหยุดยืนที่ม่านบานเกล็ดและเปิดออก จึงพบว่าเป็นหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นทุกมุมภายในห้องคนไข้ได้อย่างชัดเจน และที่เขาเห็นอยู่ขณะนี้คือ ร่างเล็กบอบบางของเด็กชายนอนตะแคงหันหลังให้อยู่บนเตียง แขนขวาถูกเข้าเฝือกไว้  แม้จะยังไม่เห็นหน้า ไม่รู้ว่าใช่แม็กกี้หรือเปล่า แต่เพียงแค่ด้านหลังก็ให้ความรู้สึกคุ้นเคยจนหัวใจเขาเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ

        “หลับอยู่นี่ครับ”   น้ำเสียงเขาแหบพร่า
        “ไม่หรอกค่ะ คอยสักครู่นะคะ”      แพทย์สาวสั่งให้พยาบาลเข้าไปจับเด็กชายหันหน้ามาให้เขาเห็น
        พยาบาลร่างใหญ่วัยกลางคนเข้าไปจับเด็กชายให้นอนตรงๆ  ร่างเล็กดิ้นหนีไม่ยอมให้จับแต่ก็สู้แรงไม่ได้  พยาบาลหันศีรษะเด็กชายมาในจังหวะเดียวกับที่เจ้าหนูหลับตานิ่วหน้าและร้องครางอย่างขัดใจ 
        จิมยืนนิ่งแทบไม่หายใจ

        ..โอ!.. พระเจ้า..   เป็นเด็กชายลูกครึ่งจริงๆ แต่ใบหน้าซูบตอบและขาวซีด    ดูยังไงก็ไม่เหมือนเจ้าหนูแม็กกี้ของเขา จิมผ่อนลมหายใจออกด้วยความรู้สึกโล่งอก  แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น เพราะเมื่อเด็กชายลืมตาขึ้นหัวใจเขาก็แทบหยุดเต้นและออกอาการเซจนเกือบจะล้มทั้งยืน  ดวงตาสีน้ำทะเลคู่สวยที่เขาแอบหลงปลื้มและชื่นชมอยู่บ่อยๆ  แม้ที่เห็นอยู่ขณะนี้จะเปลี่ยนเป็นสีเทาหม่นเหมือนไม่ใช่ดวงตาคู่เดิม หากแต่น้ำใสที่คลอระริกและหยดไหลอาบแก้มเนียนที่ขาวซีด  เป็นภาพที่เขาคุ้นตาจนไม่อาจหลอกตัวเองได้ว่าไม่ใช่…

       “คุณการ์เซียคะ   คุณการ์เซีย”
        “หือ.. เอ่อ.. ครับ”
        “คุณโอเคหรือเปล่าคะ  ต้องการยาดมมั้ย  หน้าคุณซีดมาก”
        “ครับ ผมโอเค..  แต่ผมก็.. อยากได้ยาดมด้วย..”
        แพทย์สาวยิ้มอ่อนโยน  เธอเข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่มดีแม้จะยังไม่รู้ว่ามีความสัมพันธ์กับเด็กชายอย่างไร เพราะไม่ว่าใครก็ตามหากได้มาพบเด็กที่ตัวเองกำลังตามหาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้… ก็ต้องมีอาการช็อกแบบนี้ทุกราย
        “ถ้าโอเค.. เชิญทางนี้ค่ะ  เราจะคุยเรื่องเด็กต่อ”
        “เอ่อ.. ผมอยากขอเข้าไปดูใกล้ๆ ได้มั้ยครับ”

แพทย์สาวบอกเขาถึงเหตุผลที่ต้องให้ยืนดูอยู่ด้านนอกว่า เด็กชายจะมีอาการผวาและร้องโหยหวนทุกครั้งที่มีผู้ชายร่างสูงใหญ่เข้าใกล้
“ผมอยากให้แน่ใจว่า.. ใช่เด็กของผมหรือเปล่า..”
ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของจิมทำให้แพทย์สาวจำต้องโอนอ่อน
“จะลองดูก็ได้นะคะ  เชิญค่ะ”

        แล้วจิมก็ต้องล่าถอยออกมาจากห้องทั้งที่ยังอยู่ในอาการตะลึง  อธิบายความรู้สึกตัวเองไม่ถูก  รู้แต่ว่าทุกความรู้สึกเกิดขึ้นรุนแรงพอๆ กัน   ถึงจะภาวนาไว้ว่าขออย่าให้ใช่เลย แต่ที่สุดแล้วเขาก็ยังดีใจที่ได้พบว่าเป็นแม็กกี้จริงๆ  พร้อมกับที่รู้สึกตกใจ เสียใจและเจ็บปวด.. ที่ได้มาพบเด็กชายในสภาพเช่นนี้ 

…พระเจ้า!!… ขนาดเขายังรู้สึกช็อก   แล้วทอมล่ะ …


. . . ใ จ     o7   ส  ล   า  ย . . . 


จิมนั่งกุมขมับ  เสียงกรีดร้องของเด็กชายยังดังก้องอยู่ในหูเขา  มีเพียงเสียงและดวงตาเท่านั้นที่บอกให้รู้ว่าร่างเล็กผอมบางจนแลเห็นกระดูกซี่โครงเป็นแนวคือคนเดียวกับเด็กชายแม็คกิลล์ สแตนลีย์ ที่เขากำลังตามหาเพื่อนำไปส่งคืนให้กับทอม แม็คกิลล์ เทพบุตรของเขา 

เข้าไปใกล้จึงพบว่านอกจากแขนขวาของเด็กชายจะถูกเข้าเฝือกไว้ ยังมีผ้าพันแผลปิดที่ศีรษะบริเวณท้ายทอยและคิ้วซ้าย  ผมสีน้ำตาลอ่อนหยักศกที่เคยยาวเป็นลอนอย่างทรงโจ๋  ซึ่งหลังจากเด็กชายกลับจากโรงพยาบาล ทอมสั่งให้สาวใช้แววที่พอจะมีฝีมือในการตัดผมอยู่บ้าง  ซอยผมแม็กกี้ให้เป็นทรงอย่างที่เด็กผู้ชายควรจะไว้ แต่คงเพราะอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ จึงทำให้ผมของเด็กชายถูกกร้อนออกจนสั้นเกรียนติดหนังศีรษะ 

ถ้าไม่เคยได้เห็นกับตามาก่อนว่าดวงตาของแม็กกี้เปลี่ยนสีได้  เขาคงยังไม่ปักใจเชื่อว่าเด็กชายผู้นี้คือแม็กกี้  ดวงตาคู่งามที่เคยเป็นสีน้ำทะเลสดใส… ในวันนี้เปลี่ยนเป็นสีเทาหมอง ไหนจะเสียงครางด้วยอาการตื่นกลัวก็เป็นเสียงที่เขาคุ้นหู เพราะคืนที่เด็กชายถูกเขารังแกก็ส่งเสียงร้องครางแบบนี้ หากแต่เสียงครางที่ดังขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเสียงกรีดร้องที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน ทำให้เขาต้องรีบผละออกด้วยความตกใจ  เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทำให้เด็กชายเจ็บปวด

        “เด็กถูกส่งมาพักฟื้นที่นี่ได้ 3 วันแล้ว  มีคนพบเด็กในตึกร้างย่านชานเมือง  เด็กถูกทำร้ายและถูกทำทารุณทางเพศ ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ช่องทวารและอวัยวะเพศ  จนวันนี้ยังไม่สามารถขับถ่ายและปัสสาวะเองได้ นอกจากนี้ยังมีอาการบาดเจ็บที่ร่างกายหลายแห่ง โดยเฉพาะที่ศีรษะถูกกระแทกอย่างแรงจนมีอาการเลือดคั่งในสมอง โชคยังดีที่ไม่โดนตำแหน่งที่อันตราย แพทย์สามารถผ่าตัดเอาเลือดที่คั่งออกได้อย่างปลอดภัย   แต่เมื่อเด็กรู้สึกตัวก็ไม่ยอมพูดจาและส่งเสียงใดๆ เลย   แพทย์ที่ให้การรักษาสันนิษฐานว่าสมองในส่วนความจำถูกกระทบกระเทือนบางส่วน แต่ที่กระทบรุนแรงมากที่สุดคือภาวะจิตใจของเด็ก ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาและบำบัดไปพร้อมๆ กับอาการป่วยทางกายด้วย...”

        “....เด็กถูกส่งตัวมาที่นี่เพื่อให้ได้รับการบำบัดและดูแลอย่างถูกวิธี  ดิฉันในฐานะจิตแพทย์มั่นใจว่าเด็กมีอาการลืมความทรงจำเพราะได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงที่จิตใจไม่ใช่ที่ศีรษะ    เรียกง่ายๆ ก็คือยังอยู่ในภาวะช็อก  ความทรงจำบางส่วนยังหลงเหลืออยู่   หากแต่เป็นความทรงจำที่เจ็บปวด   ทุกครั้งที่มีใครเข้าใกล้โดยเฉพาะผู้ชายร่างสูงใหญ่   แกจะร้องครางและส่งเสียงโหยหวนอย่างที่คุณเห็นและได้ยินเมื่อครู่...”
        “ใครเป็นคนพบเด็กครับ ตั้งแต่เมื่อไร.. ทำไมเหตุร้ายแรงแบบนี้ไม่เป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์”
        คำตอบที่ได้รับทำให้จิมใจหายอย่างแรง เมื่อรู้ว่าแม็กกี้ต้องประสบกับชะตากรรมที่โหดร้ายตั้งแต่วันแรกที่ออกจากบ้านแม็คกิลล์ไป
        “ถ้าเหตุร้ายแบบนี้ถูกนำเสนอเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกเรื่อง  ในแต่ละวันคงไม่มีข่าวอื่นให้เราอ่าน คนที่พบและช่วยพาเด็กไปส่งโรงพยาบาลเป็นเจ้าของที่บริเวณนั้น ไม่อยากให้เป็นข่าวลงหน้าหนังสือพิมพ์ด้วย  ตั้งใจว่าจะรอให้เด็กรู้สึกตัวแล้วค่อยแจ้งให้ผู้ปกครองทราบ แต่ปรากฏว่าเมื่อเด็กรู้สึกตัวแล้วกลับจำความอะไรไม่ได้  เขาจึงขอรับผิดชอบโดยออกค่าใช้จ่ายในการรักษาและติดตามเรื่องคดีจนกว่าเด็กจะหายหรือจำความได้ และจะประกาศตามหาผู้ปกครองให้...”

       บทสนทนาสุดท้ายของจิตแพทย์สาวประจำมูลนิธิยังก้องอยู่ในโสตประสาทของจิม

        “..ดิฉันคิดว่าเด็กยังมีความทรงจำที่ดีหลงอยู่ เวลานอนจะส่งเสียงพึมพำเรียกหาใคร  ดิฉันพยายามเงี่ยหูฟังอยู่หลายครั้งกว่าจะจับความได้ ไม่ทราบว่าคุณเป็นคนที่เด็กเรียกหาหรือเปล่า  คุณเป็นแด๊ดดี้ของเด็กหรือเปล่าคะ...”


 o7 o7
 

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #141 เมื่อ28-01-2010 11:58:07 »

จิมสูดหายใจรวบรวมความกล้า อะไรจะเกิดก็เกิด ความเจ็บปวดที่เขาจะได้รับเพราะถูกทอมโกรธเกลียด  ยังน้อยกว่าความเจ็บปวดที่ทอมจะได้รับจากเรื่องราวที่เขากำลังจะบอกเล่าหลายเท่านัก

ประตูเปิดออกในขณะที่จิมยืนพิงอยู่ ร่างสูงใหญ่จึงหงายหลังล้มลงไม่เป็นท่า
        “โอ๊ะ!!.. โอ๊ย!!..”
        “อ๊ะ!!.. ฮ้า!!..”

เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมกัน ทอมส่งเสียงพร้อมอาการสะดุ้งเฮือก หายจากตกใจสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที 
        “ไปไหนมา!!..  หายไปครึ่งค่อนวัน  กลับมา… ป่านนี้..”

น้ำเสียงขึ้งเคียดอ่อนลงในตอนท้าย เมื่อจิมเงยหน้าขึ้นมองเขาตาปริบๆ  ไม่เคยเห็นสีหน้าของจิมหดหู่เศร้าหมองแบบนี้มาก่อน
        “มือถือแบตหมดเหรอ.. ฉันพยายามโทรหาก็ติดต่อไม่ได้ โทรไปที่คอนโดก็ไม่มีใครรับสาย กำลังจะออกไปตาม เผื่อนายอยู่ที่นั่นแล้วไม่ยอม...”

        ทอมชะงักคำพูดไว้แค่นั้น จิมลุกขึ้นคุกเข่าตรงหน้าเขาในอาการที่ทอมเห็นแล้วใจหายวาบ 
        “เอ่อ.. ฉันไม่ได้โกรธนะ จิม.. ฉันเป็นห่วงอ่ะ นายไม่ยอมโทรกลับมาบอกสักคำว่าไปทำอะไร อยู่ที่ไหน…”
        “ฉันปิดมือถือ  ฉันไม่พร้อมจะคุยกับนาย”
        จิมบอกความจริงด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ไม่ห่วงว่าทอมจะโกรธหรือโมโหเพราะอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า  เขาอาจถูกเทพบุตรแสนรักเกลียดชังจนตัดความสัมพันธ์หรือเลิกคบไปเลยก็ได้

        ทอมยืนนิ่งกับคำตอบที่ได้รับทั้งที่ควรฉุนเฉียวและโวยใส่ สภาพอารมณ์ของจิมทำให้เขาตกใจและเป็นห่วงจนไม่มีเวลานึกถึงเรื่องโกรธ  ตั้งแต่คบหาและอยู่ร่วมชายคาเดียวกันมา  จิมไม่เคยไปไหนโดยไม่บอกกล่าวเขาเลย  และถึงบอกแล้วก็ยังโทรมารายงานทุกระยะจนเขารำคาญ วันนี้จิมหายไปตั้งแต่บ่ายสองจนเวลานี้เที่ยงคืนกว่าแล้ว  สองสามวันมานี้เขาคงพูดจากดดันจนจิมรู้สึกเครียดมากต้องหลบไปสงบสติอารมณ์
        “ฉันทำให้นายรู้สึกแย่ใช่มั้ย จิม..  ฉันขอโทษที่เอาแต่อารมณ์”
        จิมรู้สึกผิดมากขึ้นเมื่อทอมเป็นฝ่ายเอ่ยขอโทษก่อน
        “อย่า.. ทอม.. อย่าขอโทษฉัน  ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษนายร้อยครั้ง..พันครั้ง.. ฉันมีเรื่องจะสารภาพ.. หลังจากที่ฉันแจ้งข่าวแม็กกี้กับนายแล้ว..”
        ทอมเบิกตาโพลง ทรุดตัวลงละล่ำละลักถามด้วยความดีใจ
        “ห๊ะ!!..  ได้ข่าวแม็กกี้แล้วเหรอจิม..   รู้แล้วใช่มั้ยว่าเค้าอยู่ที่ไหน..”
        จิมพยักหน้า  สีหน้ากังวลและเป็นทุกข์จนทอมเอะใจ
        “ทำไมทำหน้าอย่างนั้น รู้ข่าวแม็กกี้แล้วจริงเหรอ… หลอกให้ฉันดีใจเล่นหรือเปล่า”
        จิมส่ายหน้า    “ไม่ได้หลอก  ฉันเจอแม็กกี้แล้วจริงๆ”
        “เจอแล้ว!!..  อย่าบอกนะว่าที่นายหายไปวันนี้ เพราะไปหาแม็กกี้มา”
        จิมพยักหน้ารับ ก็ถูกทอมผลักหงายลงก้นกระแทกพื้นอีกครั้งด้วยความโมโห
        “บ้าที่สุดเลย.. ทำไมไม่ให้ฉันไปด้วย ทำไมไม่คอย ทำไมไม่เข้าไปบอก แอบหนีไปคนเดียว  รู้ก็รู้ว่าฉันคิดถึงเค้า  ทำไมไม่ให้ฉันไปด้วยล่ะ”   ทอมน้ำตาคลอทั้งโกรธและดีใจไปพร้อมๆ กัน

        จิมใจหายวาบ  ...แค่ได้ข่าวเด็กชาย ทอมก็น้ำตาร่วงแล้ว นี่เขาจะบอกความจริงเรื่องเจ้าหนูยังไงดี...

       “จริงซี!!..”   ทอมกระชากคอเสื้อจิมเข้ามาใกล้ 
        “ไหนๆ ก็ไปพบมาแล้ว ทำไมไม่พากลับมาด้วย นายไม่ได้บอกเด็กเหรอว่าฉันต้องการให้เค้ากลับมาอยู่ด้วยกัน  ทำไมกลับมาคนเดียว  แล้วทำไมมาป่านนี้..”
        ทอมอารมณ์เสียหนักขึ้นเมื่อได้กลิ่นเหล้าจากอีกฝ่าย
        “นี่นายดื่มมาเหรอ... เวลาอย่างนี้นายยังมีอารมณ์ไปนั่งดื่ม นายกำลังทำอะไรอยู่กันแน่  จิมมี่..”
        “ปะ.. ปล่อยก่อน ทอม.. ฉันหายใจไม่ออก”
        ทอมปล่อยมือออกแต่ยังไม่คลายอารมณ์โกรธลง สีหน้าถมึงทึงจนจิม หายใจไม่ทั่วท้อง  อุตส่าห์หลบไปดื่มเหล้าย้อมใจมาแล้ว  ไม่ได้ช่วยให้กำลังใจดีขึ้นเลย
        “ฉันพากลับมาด้วยไม่ได้  แม็กกี้ไม่สบาย”
        “อะไรนะ.. ไม่สบายอีกแล้วเหรอ..  เป็นอะไรอ่ะ ทำไมไม่พากลับมา จะได้พาไปหาหมอ”
        “เอ่อ.. ที่.. ที่นั่นมีหมอดูแลอยู่แล้ว ทอม..”
        “ที่นั่นมีหมอ.. ที่ไหนกันน่ะ  แม็กกี้อยู่ที่ไหนเหรอ  นายไปหาเค้าที่ไหนกันแน่..”   ทอมจับไหล่จิมเขย่า
        “บอกมาเดี๋ยวนี้นะ จิมมี่.. นายไปพบแม็กกี้ที่ไหนมา ที่ที่มีหมอ.. คือโรงพยาบาลใช่มั้ย ทำไมไม่โทรมาบอกให้ฉันตามไป  นายปิดฉันทำไม  รู้ก็รู้ว่าฉันคิดถึงและเป็นห่วงเค้ามาก..”
        “ฉันไม่ได้คิดจะปิดนะทอม.. ที่รีบร้อนออกไปโดยไม่บอกเพราะไม่แน่ใจว่าจะใช่แม็กกี้จริงหรือเปล่า ใจเย็นลงหน่อยได้มั้ย..  ฉันกำลังจะรายงานทุกอย่างให้ฟังอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว”
        ทอมปล่อยมือและผละจากจิมขยับไปนั่งชันเข่าพิงผนังห้อง  สีหน้าบูดบึ้งจ้องมองจิมเขม็ง
        “ว่ามา”
        จิมยิ้มแห้งๆ   
        “จะนั่งคุยกันตรงนี้เลยเหรอ  ไปที่โซฟาหรือที่เตียงดีกว่ามั้ย”   จิมลุกขึ้นยืนหันไปปิดประตูที่ยังเปิดคาไว้และยื่นมือให้ทอม 
        ทอมเบือนหน้าหนีแต่ก็ยอมส่งมือให้โดยดี  จิมฉุดทอมขึ้นยืน  เขาเดินมานั่งที่เตียงแต่อีกฝ่ายกลับเดินไปที่โซฟา

        จิมลอบถอนใจ ที่ผ่านมาแม้จะรู้สึกเหนื่อยใจที่ต้องเป็นฝ่ายวิ่งตามทอม แต่เขาก็ตามจนทันและหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งทุกครั้ง เพราะสามารถทำให้ทอมยิ้มและหัวเราะได้  แต่สำหรับคืนนี้เขาหมดหนทางที่จะแก้ไขสถานการณ์ที่แสนจะเลวร้ายนี้ได้จริงๆ 
        ทอมนั่งนิ่งสายตาจ้องเขม็งมาที่เขา  คิ้วเรียวขมวดมุ่นเหมือนกับจะถามว่าเมื่อไรจะเริ่มเรื่องซะที..
       จิมสูดหายใจลึกรวบรวมจิตใจให้เข้มแข็ง ก่อนจะเริ่มถ่ายทอดเรื่องราวของเด็กชายที่ได้รับรู้และได้เห็นกับตาในวันนี้ให้ทอมฟังอย่างกระชับที่สุด
        “ฉันได้รับโทรศัพท์แจ้งเรื่องแม็กกี้ตอนนายเข้าไปถ่ายสองช็อตสุดท้าย..”



ทอมนั่งตะลึงหัวใจแทบหยุดเต้น ทุกคำพูดของจิมเหมือนหนามแหลมคมนับพันเล่มทิ่มแทงลงกลางหัวใจ  เขาเคยได้ยินได้ฟังเรื่องโหดร้ายทำนองนี้ในหน้าหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยครั้ง  ทุกครั้งก็ได้แต่นึกเกลียดชังคนกระทำและเวทนาเด็กที่ถูกทำร้าย  และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเรื่องโหดร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นกับเด็กหรือคนใกล้ตัวที่เขารู้จัก  แต่ถึงมีก็คงไม่เจ็บปวดจนแทบจะขาดใจเหมือนที่เขากำลังรู้สึกอยู่ในขณะนี้ เป็นเพราะเด็กที่เขารู้จักคนนี้คือเจ้าหนูแม็กกี้  เด็กชายที่เขาเคยรู้สึกเกลียดชังจับใจในวันแรกที่เหยียบย่างเข้ามาในบ้านแม็คกิลล์ เพราะบังอาจมายืนอยู่ตรงหน้าเขาและบอกด้วยรอยยิ้มซื่อๆ ว่า  " ….ผมอยากพิสูจน์ความจริงว่าคุณทอมเป็นพ่อผมจริงหรือเปล่า…"

       “ทอม.. ทอม..”
        จิมเขย่าร่างปากก็เรียกเทพบุตรของเขาให้รู้สึกตัว ทอมนั่งนิ่งฟังเขาเล่าโดยไม่แสดงอาการตกใจมากมายอย่างที่เขาวิตก หากแต่อาการนิ่งเฉยและนั่งฟังอย่างสงบกลับน่ากลัวยิ่งกว่า เพราะสีหน้าของทอมขณะนี้แทบจะไม่มีสีเลือดแล้ว
        จิมดันตัวทอมเอนลงพิงพนักและบีบนวดที่ขมับให้  แต่อาการก็ยังไม่ดีร่างเพรียวกระตุกเหมือนขาดอากาศหายใจ
        “ทอม..  หายใจลึกๆ ทอม.. หายใจ..”
        จิมใจหายอย่างแรง ไม่เคยเห็นทอมหายใจติดขัดรุนแรงแบบนี้มาก่อน ใบหน้างามขาวซีดแทบไม่มีสีเลือด ..โอ!.. พระเจ้า ทอมตกอยู่ในอาการช็อกจนไม่สามารถหายใจด้วยตัวเองได้ 
        “ฮะ… ฮา..”  ทอมพยายามหายใจทางปาก นิ้วเรียวจิกที่ต้นแขนเขาเหมือนกับจะบอกว่า..  ช่วยหน่อย..  จิมมี่..

        จิมเงยหน้าทอมขึ้น เขาต้องช่วยทอมหายใจ ต้องช่วยให้อากาศเข้าไปในปอดก่อน จิมใช้มือบีบจมูกทอมไว้และประกบริมฝีปากของเขาลงบนริมฝีปากซีดเขียว ค่อยๆ เป่าลมเข้าก่อนจะคลายมือที่บีบจมูกออก  มันเป็นวิธีผายปอดเพื่อช่วยคนที่หัวใจหยุดเต้น  แต่นอกจากวิธีนี้แล้วเขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงที่จะให้อากาศเข้าไปในปอดได้ ถ้ามัวแต่คิดและลังเลอยู่เทพบุตรสุดรักของเขาคงขาดอากาศหายใจและหัวใจคงหยุดเต้นจริงๆ

        นอกจากจิมแล้วไม่มีใครรู้ว่าเทพบุตรทอม แม็คกิลล์ สุดยอดนายแบบ 3 สมัย มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบการหายใจ  ทอมจะมีอาการหายใจติดขัดทุกครั้งที่รู้สึกเครียดอย่างหนัก  จิมเคยปรึกษาหมอที่เขารู้จักได้รับการสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นอาการบีบรัดตัวของหลอดลมในขณะที่เกิดอาการเครียด จิมเคยขอให้ทอมไปตรวจเช็คร่างกายเพื่อหาทางรักษาอาการประหลาดนี้  แต่ทอมไม่ยอมไปกลับบอกเขาหน้าตาเฉยว่า   …นายก็อย่าทำให้ฉันเครียดซี…

        ด้วยเหตุนี้.. หน้าที่ของจิมจึงไม่ใช่แค่ผู้จัดการส่วนตัวคอยดูแลและจัดคิวงานให้สุดยอดนายแบบทอมเท่านั้น  นอกเหนือเวลางานจิมต้องติดตามทอมไปทุกที่เหมือนเงาตามตัว  หลายคนให้ตำแหน่งบอดี้การ์ดประจำตัวเทพบุตรทอมกับจิม  แต่เขากลับรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ต่างจากคนรับใช้ส่วนตัวของทอม แต่ถึงยังงั้นก็เถอะ  จิมไม่ได้ยอมทำทุกอย่างตามคำสั่งของทอมเพราะหวังเงินค่าจ้าง แต่เขาทำตามคำสั่งของหัวใจตัวเองที่อยากปกป้องและทำทุกอย่างเพื่อคนที่ตัวเองรัก

        จิมช่วยทอมหายใจอยู่ชั่วครู่ อาการของทอมก็ทุเลาขึ้นจนสามารถหายใจเองได้ ใบหน้าเริ่มมีสีเลือด สักครู่ก็กลับสู่อาการปกติ เขาสวมกอดทอมไว้และลูบหลังไปมาเพื่อปลอบโยนให้คลายความตกใจ เสียงหัวใจเต้นแรงมากจนจิมต้องสูดลมหายใจเข้าออกเพื่อเรียกสติกลับคืนมา เพราะเสียงที่ได้ยินเป็นหัวใจที่กำลังตื่นตระหนกของเขาเอง

        ทอมซบหน้ากับไหล่กว้าง  รู้สึกดีขึ้นเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดที่แข็งแรงและอบอุ่นนี้   นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหายใจติดขัดอย่างรุนแรง    ถ้าจิมไม่ช่วยไว้เขาคงขาดใจตายแน่  เขาไม่ได้กลัวตายแต่เขาตายตอนนี้ไม่ได้  มีภาระใหญ่หลวงที่เขาต้องรับผิดชอบรออยู่ ชีวิตเด็กชายวัย 12 ปีที่อาจจะเป็นสายเลือดของเขา ต้องประสบเคราะห์กรรมที่โหดร้ายเพราะเขาเป็นต้นเหตุ  ถ้าไม่ชดใช้ถึงตายก็คงนอนตาไม่หลับ

        “ขอบใจนะ จิม.. ขอบใจที่ช่วยชีวิตฉันไว้”   ทอมกล่าวเสียงแผ่วเบา
        จิมผงกศีรษะรับ ทอมรู้สึกว่าร่างกายตัวเองสะท้าน คิดว่าอาการอาจกำเริบขึ้นอีกจึงสวมกอดจิมแน่นขึ้น  แต่แล้วก็ต้องรีบผละออกเมื่อรู้ว่าอาการสะท้านไม่ได้มาจากร่างกายของตัวเอง
        ทอมตกใจเมื่อเห็นใบหน้านองน้ำตาของจิม  จิมร้องไห้.. ทำไม?.. เขาต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายหลั่งน้ำตาไม่ใช่จิม..
       “ฉันขอโทษทอม.. ฉันขอโทษ..” น้ำเสียงสั่นเครือของจิมยืนยันความ รู้สึกจากส่วนลึกว่าเขาเสียใจมากจริงๆ
        ทอมกัดริมฝีปากเพื่อระงับอาการเสียใจของตัวเอง     
        “อย่าร้องไห้ซี จิม.. ขอโทษทำไม.. ไม่ใช่ความผิดของนายซะหน่อย ฉันต่างหากที่ผิด”
        จิมร้องไห้เพราะตกใจกับอาการของทอม ถ้าวิธีช่วยหายใจเมื่อครู่ไม่ได้ผลและทอมเป็นอะไรไป  เขาจะไม่ยกโทษให้ตัวเองเลยตลอดชีวิตนี้
        “อย่าโทษตัวเองซีทอม.. นายไม่ผิด.. เรื่องที่เกิดขึ้นกับแม็กกี้เป็นเคราะห์กรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เหมือนที่นายและเด็กได้มาพบกันก็เป็นเพราะสวรรค์ลิขิตไว้”
        คำพูดของจิมกระทบจิตใจทอมอย่างแรง  ทำนบที่กั้นบ่อน้ำตาไว้ทะลายลงน้ำใสไหลพรากอาบแก้ม 
        จิมใจหายวาบ เขาพยายามจะปลอบแต่กลับทำให้ทอมเสียใจมากขึ้นถึงขั้นปล่อยโฮสะอื้นไห้ 
        “ฮึก.. ฮือ.. เพราะฉันไม่ดีเอง ฉันขี้ขลาดไม่กล้ารับความจริง เคราะห์กรรมของแม็กกี้ฉันเป็นคนหยิบยื่นให้ ฉันโหดร้ายยิ่งกว่าไอ้เดนมนุษย์พวกนั้น  ฉันเลวมากใช่มั้ย จิม..  ฉันเป็นคนเลว.. ฮือ..”
        จิมรั้งทอมเข้าสวมกอด ทอมเสียใจและตีโพยตีพายต่อว่าตัวเองแบบนี้ดีกว่านิ่งอึ้งไปและอยู่ในอาการช็อกแบบเมื่อครู่
        “ไม่นะ ทอม.. นายไม่ใช่คนเลว ได้โปรดอย่าว่าตัวเองแบบนี้  ถ้านายผิด  ฉันก็ผิดด้วย ฉันเลวร้ายยิ่งกว่านายหลายเท่า เคราะห์ร้ายที่เกิดขึ้นกับแม็กกี้มันผ่านพ้นไปแล้ว เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอดีตแต่เราดูแลอนาคตของเด็กได้  บอกฉันซิว่านายยังยินดีที่จะเลี้ยงดูแม็กกี้อยู่หรือเปล่า หือ..”
        ทอมผละออกใบหน้านองน้ำตามองจิมอย่างไม่พอใจ
        “ทำไมถามแบบนี้ นายคิดว่าแม็กกี้เป็นสิ่งของที่ถูกทำลายจนแตกหัก  และกลัวว่าฉันจะไม่อยากเก็บรักษาไว้แล้วยังงั้นเหรอ..”
        …ไปโน่น… จิมตาปริบๆ อึ้งกับคำเปรียบเทียบของทอม
        “เปล่านะ..  ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นซะหน่อย  แค่ถามย้ำให้แน่ใจอีกครั้งจะได้ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ ว่าเราจะรับเด็กมาดูแลต่อหลังจากที่เด็กอาการดีขึ้นแล้ว”
        “อีกนานแค่ไหน จิม..  ฉัน.. ฉันอยากพาเขากลับมาอยู่ด้วยพรุ่งนี้เลย”
        “ไม่ได้หรอกทอม.. ต้องรอให้อาการป่วยของแม็กกี้หายดีกว่านี้ก่อน  พรุ่งนี้ฉันจะพานายไปเยี่ยม  ตอนนี้ดึกมากแล้วนอนพักผ่อนก่อนเถอะนะ”
        ทอมพยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยเต็มใจ  จิมจึงลุกขึ้นยืน
        “จะไปไหนอ่ะ” น้ำเสียงตระหนกของทอมเหมือนกลัวว่าจิมจะออกไปไหนอีก
        จิมหัวเราะเบาๆ  ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
        “ไปอาบน้ำซีครับ บ๊อส..  ดึกป่านนี้ไม่ออกไปไหนแล้วล่ะครับ”
        “อาบที่นี่เลยซี  คืนนี้ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว นอนเป็นเพื่อนได้มั้ย จิม..”
        จิมเห็นสีหน้าทอมแล้วสงสารจับใจ 
        “อย่าคิดมาก ทอม.. ไปนอนก่อนนะ ฉันอาบน้ำเสร็จแล้วจะมานอนเป็นเพื่อน โอเค..”
        “ฉันจะหยิบเสื้อนอนให้”
        ทอมลุกขึ้นยืนก็ถูกจิมฉุดไว้พาเดินมาที่เตียง
        “ฉันจัดการเองได้  นอนได้แล้วทอม  ดึกมากแล้ว”
        ทอมเอนตัวลงนอนอย่างว่าง่าย  จิมห่มผ้าให้และก้มลงจูบหน้าผากเบาๆ  รู้สึกแปลกใจตัวเอง ทำไมคืนนี้เขาไม่นึกอยากแตะต้องทอมด้วยความเสน่หาเลย ทั้งที่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดขนาดนี้






ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #142 เมื่อ28-01-2010 12:06:04 »

จิมออกจากห้องน้ำเทพบุตรแสนรักก็หลับปุ๋ยไปแล้ว เขาถอนใจด้วยความโล่งอกก่อนซุกตัวลงใต้ผ้าห่มอย่างเงียบกริบ แต่ในขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับก็สะดุ้งกับเสียงเรียก

        “จิม.. หลับรึยัง..”
        ร่างสูงขยับตัวนอนตะแคง
        “ทำไมยังไม่นอนอีก.. อยากไปหาแม็กกี้แต่เช้าไม่ใช่เหรอ ถ้านอนไม่พอจะปวดหัวนะ”
        “ฉันนอนไม่หลับ ในหัวมีแต่เสียงร้องของแม็กกี้ ฉันนึกถึงความฝันที่ได้ยินเสียงเขาร้องไห้ ฉันบอกนายแล้วว่าแม็กกี้อาจถูกทำร้าย อาจได้รับบาดเจ็บ นายก็ไม่เชื่อ”
        จิมลอบถอนใจ … ไม่น่าหาวิธีปลอบด้วยการเอ่ยชื่อเจ้าหนูขึ้นมาเลย…
        “ฉันไม่อยากพิสูจน์ความจริงกับแม็กกี้แล้ว จิม.. ถ้าฉันเป็นพ่อเขาจริงๆ ฉันคงทนไม่ได้แน่..”
        “ทนไม่ได้เรื่องอะไร  นายไม่อยากให้แม็กกี้เป็นลูกของนายจริงๆ เหรอ”
        “ฉันกลัว.. แค่คิดว่าฉันอาจเป็นพ่อเขา ฉันก็เจ็บมากขนาดนี้แล้ว ถ้าเป็นพ่อจริงๆ  จะเจ็บปวดมากกว่านี้กี่เท่าก็ไม่รู้”
        จิมใจหายกับความวิตกกังวลของทอม  ถึงเวลาที่เขาต้องบอกความจริงแล้วกระมัง แสงไฟกลางคืนที่หัวเตียงสว่างพอที่เขาจะเห็นสีหน้าและดวงตาของทอมส่อแววทุกข์ใจจริงๆ   จิมจับมือทอมบีบเบาๆ
        “ฟังนะทอม.. นายจะไม่เจ็บมากไปกว่านี้อีกแล้ว นายไม่รู้ตัวหรอกว่าความรู้สึกที่นายเป็นอยู่ขณะนี้  ไม่ใช่ความรู้สึกของคนที่คิดว่าตัวเองอาจจะเป็นพ่อของเด็ก นายคิดถึงแม็กกี้ โหยหาและห่วงใยเมื่อเขาจากไป  ดีใจที่ได้พบ เสียใจและเจ็บปวดที่รู้ว่าเขาเจ็บ ทุกความรู้สึกของนายที่มีต่อแม็กกี้วันนี้ คือความรู้สึกของคนที่อยู่ในฐานะพ่อเต็มตัวแล้ว รู้มั้ย..”
        “จริงเหรอ..”    น้ำเสียงแผ่วเบาของทอมเหมือนไม่แน่ใจ
        “จริงซี.. ไม่เชื่อเหรอ..”
        “อือ.. ฉันเชื่อนาย จิม.. นายไม่เคยคิดหรือทำอะไรผิดพลาดเลยสักครั้ง งั้นนอนต่อเถอะ  จะได้ตื่นแต่เช้าไปหาแม็กกี้กัน”
        ทอมคว้าหมอนข้างมาสวมกอด
        “กู๊ดไนท์ จิมมี่.. ปลุกฉันแต่เช้าเลยนะ..”
        “โอเค.. กู๊ดไนท์ ทอม..”
        ครั้งนี้จิมเป็นฝ่ายนอนไม่หลับเผลอขยับตัวไปมา 2-3 ครั้ง  ทอมหันมาถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
        “เป็นอะไร จิม.. นอนไม่หลับเหรอ..” 
        “เอ่อ.. ฉันมีเรื่องอยากจะบอก..”  จิมผุดลุกขึ้นนั่ง  ถ้าไม่ได้บอกความจริงเขาไม่มีทางนอนหลับแน่
        “เรื่องอะไร.. ไว้พรุ่งนี้ล่ะกัน นายบอกเองว่าให้รีบนอน  ยังจะมัวคุยอะไรอยู่อีก”
        “เอ่อ..เรื่องแม็กกี้  มีเรื่องหนึ่งที่ฉันรู้แล้วแต่นายยังไม่รู้”
        ทอมลุกพรวดขึ้นนั่ง   อ้าปากจะโวยก็ถูกจิมเอามือปิดปากไว้
        “ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงทอม.. เป็นเรื่องดี แต่รับปากก่อนว่าจะไม่อารมณ์เสีย ไม่เอะอะโวยวายตอนนี้ ถ้าโกรธและไม่พอใจฉันก็เก็บเอาไว้คิดบัญชีวันหลัง ตกลงมั้ย.. ถ้าไม่ตกลงฉันก็จะไม่บอกอะไรนาย และจะไม่พานายไปหาแม็กกี้ด้วย..”

        คิ้วเรียวขมวดเมื่อได้ยินข้อต่อรองประโยคหลังก่อนพยักหน้ายินยอมโดยดี   จิมจึงปล่อยมือออก
        “ฉันแค่อยากจะบอกนายว่า... แม็กกี้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนายจริงๆ ฉันแอบเอาเส้นผมของนายกับแม็กกี้ไปตรวจดีเอ็นเอ ผลปรากฏออกมาก่อนหน้าที่แม็กกี้จะหนีไป 2 วัน  ฉันตั้งใจจะบอกนายแต่เกิดปัญหาเรื่องลูกในท้องแคธรีนขึ้นมาซะก่อน เลยกะว่า.. เอาไว้บอกวันที่นายจูงมือแม็กกี้ไปพิสูจน์ความจริง แต่พอเด็กหนีไปฉันก็เลยไม่รู้จะบอกนายยังไง ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดเรื่องนี้ตลอดไปแค่ยังไม่มีโอกาสบอกเท่านั้น จะโกรธก็ยอมนะทอม.. แต่อย่าเกลียดฉัน” 
        ทอมนั่งเงียบรับฟังโดยไม่พูดไม่จา ไม่โวยไม่ถาม เล่นเอาจิมใจไม่ดีกลัวจะช็อกอีกเป็นรอบที่สอง  ขยับเข้าไปจะกอดปลอบอีกฝ่ายก็ล้มตัวลงนอนเอาดื้อๆ จิมถอนใจด้วยความโล่งอก ทอมยอมรับเรื่องที่เขาบอกเล่าด้วยดีอย่างไม่น่าเชื่อ
        “จะรีบนอนแล้วใช่มั้ย    พรุ่งนี้ฉันจะปลุกแต่เช้าพาไปหาแม็กกี้นะ”
        จิมกระซิบเอาใจก่อนล้มตัวลงนอน แต่จู่ๆ ทอมก็ลุกพรวดขึ้นนั่งอีก  ร่างสูงผวาขึ้นนั่งตามด้วยความตกใจ
        “ฉันจะไปตอนนี้ จะไปหาแม็กกี้เดี๋ยวนี้เลย ฉันคิดถึงเค้า คิดถึงแม็กกี้ ได้ยินมั้ยจิม..  ฉันคิดถึง.. ฮึก..”   ทอมนั่งกอดเข่าสะอื้น
        “ใจเย็นๆ ซีทอม..  รอให้เช้าก่อนค่อยไปนะ”
        จิมนึกโมโหตัวเองว่าไม่น่าบอกความจริงเวลานี้เลย
        “ไม่เอา!!.. จะไปเดี๋ยวนี้ ถ้าเขาไม่ให้เข้า เราก็จอดรถรออยู่ข้างหน้าจนถึงเช้าหรือจนกว่าเขาจะเปิด”
        ทอมกระโดดลงจากเตียงตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า
        “นายจะพาฉันไปหรือเปล่าจิมมี่.. นี่เป็นเวลานอน นายไม่ไปก็ได้แต่ฉันจะไป”
        จิมนั่งอึ้งมองตาปริบๆ  ทอมเปลี่ยนชุดด้วยความรวดเร็วไม่ถึง 2 นาทีก็อยู่ในสภาพพร้อมจะออกจากบ้าน  ทอมเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือก่อนจะตรงมาหาเขา  โยนสมุดโน้ตปากกาและกุญแจรถให้
        “เลือกเอาจิม.. ถ้าไม่พาฉันไป  ก็เขียนแผนที่มา”

 :o12: :o12:

ในยามวิกาลเช่นนี้…    กว่าชายหนุ่มสองคนจะได้รับอนุญาตให้เข้ามาในบ้านคุ้มครองเด็กก็เล่นเอาวุ่นวายพอสมควร จิมลงไปเจราจากับยามรักษาความปลอดภัยขออนุญาตเข้าไปเยี่ยมเด็กเป็นกรณีพิเศษ    แต่ยามไม่ยอมให้เข้าอ้างว่าไม่ใช่เวลาเยี่ยมและขอให้มาใหม่ในตอนเช้า  แต่พอทอมตามลงมาพูดคุยด้วยไม่กี่ประโยค ร.ป.ภ. หนุ่มใหญ่ก็รีบเปิดทางให้โดยดี  ไม่ใช่เพราะคลับคล้ายคลับคลาว่าทอมเป็นนายแบบชื่อดัง  แต่เพราะคำพูดของทอมที่จิมเองก็แทบไม่เชื่อหูตัวเอง

        “…ผมไม่ได้มาเยี่ยมเด็ก ผมมาหาลูก ลูกผมอยู่ข้างใน ถ้าคุณพี่อยู่ในฐานะพ่อ..เหมือนผม คงจะเข้าใจความรู้สึกของผมตอนนี้ กรุณาให้ผมได้เข้าไปหาลูกเถอะนะครับ..”

        ร.ป.ภ. ยอมเปิดทางให้เพราะเขาเองก็อยู่ในฐานะพ่อคนเหมือนกัน จึงเข้าใจความรู้สึกของทอมตอนนี้ดี  แต่ขอให้เขาได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ที่อยู่เวรดูแลด้านในก่อนและโชคดีเหลือเกินที่เจ้าหน้าที่อยู่เวรดูแลคืนนี้คือแพทย์หญิงมาริสา

        หมอมาริสาได้รับแจ้งจาก ร.ป.ภ. ว่ามีพ่อของเด็กที่อยู่ในบ้านหลังนี้จะขอเข้ามาเยี่ยมลูก   แต่ที่เธอพบกลับเป็น เจมส์ การ์เซีย ชายหนุ่มที่เธอพบปะและพูดคุยด้วยเมื่อตอนบ่าย มาพร้อมกับ ทอม แม็คกิลล์ นายแบบหนุ่มผู้มีชื่อเสียงโด่งดังบนเวทีแคทวอล์ค

        หมอมาริสาขอคุยกับจิมเป็นการส่วนตัว โดยบอกให้พยาบาลพาทอมไปหาเด็กชายที่ห้องก่อน จิมไม่อยากให้ทอมเห็นสภาพของแม็กกี้โดยที่ไม่มีเขาอยู่ด้วย แต่ทอมกลับตอบรับด้วยความยินดีและรีบเดินตามพยาบาลไป จิมมองตามด้วยความเป็นห่วง

        “เกิดอะไรขึ้นคะคุณการ์เซีย.. เราเพิ่งคุยกันไปเมื่อตอนบ่าย คุณบอกว่าคุณไม่ใช่พ่อของเด็ก แต่คุณกลับบุกเข้ามาในยามวิกาลเช่นนี้โดยอ้างกับยามว่าจะมาหาลูก ดิฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองฟังผิดหรือคุณตั้งใจพูดปด เพราะยังตกใจเลยไม่กล้ารับความจริงเรื่องความสัมพันธ์ของคุณกับเด็ก  ช่วยอธิบายให้กระช่างชัดด้วยค่ะ แต่คงไม่บอกดิฉันว่านายแบบหนุ่มที่มากับคุณด้วยเป็น พ่อ ของเด็กนะคะ..”

        แม้จะได้รับรู้ถึงสภาพและอาการบาดเจ็บของเด็กชายจากคำบอกเล่าของ จิมมาก่อนแล้ว แต่เมื่อได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ทอมก็เกือบตกอยู่ในอาการช็อกอีกครั้ง เพราะจังหวะที่พยาบาลพาเขาเข้ามาในห้อง แม็กกี้กำลังส่งเสียงร้องครางเหมือนกำลังเจ็บปวด  ทอมถลาเข้าไปหาด้วยความตกใจ  หัวใจแทบสลายกับสภาพของเด็กชายที่นอนอยู่ตรงหน้า
        ทอมไม่รู้ว่าเขายืนตะลึงอยู่นานแค่ไหน รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงครางสลับกับเสียงเรียก
        “อือ~~  อือ~~ แด๊ดดี้.. แด๊ดดี้.. อือ~~ ”

        …โอ!..พระเจ้า.. คนที่แม็กกี้เรียกหาขณะกำลังได้รับความเจ็บปวดคือ พ่อ..
        ทอมหวนนึกถึงความฝันของตัวเองใน 2 - 3 คืนแรกที่เด็กชายจากไป เสียงร้องเรียกให้ช่วยของแม็กกี้ผ่านเข้ามาในความฝันของเขา  แสดงว่าเจ้าหนูต้องเชื่อมั่นว่าเขาคือพ่อจริงๆ จึงสื่อความรู้สึกถึงเขาได้
        ...เด็กโง่!!.. ในเมื่อเชื่อมั่นขนาดนี้แล้วยังจะต้องการพิสูจน์อะไรอีก หากพิสูจน์ออกมาแล้วไม่ใช่.. คนที่จะเสียใจและเจ็บปวดคือตัวเธอเองนะ แม็กกี้..
        ...เพราะสำหรับฉันในวันนี้.. ต่อให้เธอไม่ใช่สายเลือดของฉัน ฉันก็ยินดีที่จะเลี้ยงดูเธอ  เพราะอะไรรู้มั้ย.. เพราะฉันหลงรักเธอเข้าแล้ว แม็กกี้.. ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร..  รู้แต่ว่าวันนี้ฉันรักเธอสุดหัวใจของฉันเลย...

จิมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ทอมนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงเด็กชายด้วยอาการสงบ  ไม่มีความรู้สึกใดๆ แสดงออกบนสีหน้า  ดวงตาคู่สวยไม่มีน้ำใสไหลรินหรือเอ่อคลอให้เห็น   ทั้งที่ในใจกำลังเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส  ทอมกลับสงบสติอารมณ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

  . . . ใ จ       ส  ล   า  ย . . .


ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #143 เมื่อ28-01-2010 12:15:45 »



แหะๆ  :try2:   บริการกระดาษทิชชูค่า~

อย่าตาเขียวใส่เจ๊หมวยเลย  เนื้อเรื่องเป็นแบบนี้    :sad4:

เขียนเรื่องนี้เจ๊หมวยเสียน้ำตาเป็นปี๊บเลย  เขียนไปร้องไห้ไป

 :o12:

ออฟไลน์ iiดาวพระสุขლii

  • คิดการใหญ่ ใจต้องเหี้ย(ม),,
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +746/-3
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #144 เมื่อ28-01-2010 12:45:39 »

 :m15:

เข้ามารับบริการทิชชู่...

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #145 เมื่อ28-01-2010 13:59:57 »

 :m15: :m15: :m15:

ทิชชู่ไม่พอหรอก

ขอผ้าขนหนูด่วน

แม๊กกี้ ไม่น่าเลย :serius2:


ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #146 เมื่อ28-01-2010 14:51:22 »



เอาเข้ามาวางให้   แล้วรีบวิ่งหนีออกไป

 :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ WEERACHOT

  • ฉันดีใจที่มีเธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +337/-5
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #147 เมื่อ28-01-2010 15:21:40 »

มันเจ็บยังไม่พอเจ้ เอาให้เจ็บกว่านี้อีก  :laugh:

บีบใจสุดทน เครียดดดด


ออฟไลน์ tatum1234

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-1
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #148 เมื่อ28-01-2010 16:25:07 »

 o22ช๊อก.....

 :serius2:ม่ายยยย..ไม่จริง...แม็กกี้...ไม่ไม่ไม่...ม่ายยยยยยยยย

:sad4:แม๊กกกกกี้...

ออฟไลน์ sakiko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-25
Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
«ตอบ #149 เมื่อ28-01-2010 18:55:45 »

นี่มาน อาราย ก๊า น นน น น นน    :a5:

ไม่ได้ นั่ง ตาเขียว นะ

แต่นั่ง ตาแดง มากกว่า

 :sad4:   :sad4:   :sad4:

 :z3: 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด