<เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน  (อ่าน 159302 ครั้ง)

bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #240 เมื่อ16-05-2010 18:49:58 »

มันจะทดแทนกันได้จริงเหรอ ถ้าตราบใดที่ใจพียังมีพี่หยกอยู่ พีก็คงไม่ได้พบกับความสุขที่แท้จริงหรอก...เง้อออออออ จะเป็นไงต่อไป สงสัยพี่หยกต้องถอยไปตั้งหลักใหม่แล้วหล่ะ :z3:

bakanishi1

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #241 เมื่อ16-05-2010 20:07:23 »

สงสัยจะลุ้นไม่ขึ้นแล้วระหว่างคุณหยกกับพีร์

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #242 เมื่อ16-05-2010 21:17:44 »

พจน์คุณดีเกือบครบแล้วนะครับ

พีร์ อะไรไม่ได้ดั่งใจก็ปล่อยวางบ้างน้าาา

Lucio

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #243 เมื่อ16-05-2010 22:11:50 »

ตอนนี้ขอหันมาเชียร์พจแทนละกัน
พจเป็นคนที่ดีมากๆเลย แถมไม่มีเมียเหมือนพี่หยกอีก

ส่วนพี่หยก ตัดใจแล้วกลับไปเลี้ยงลูกเมียดีกว่าพี่  o13

ANUNTAYA

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #244 เมื่อ18-05-2010 15:08:20 »

สาบเเช่งพวกแย่งแฟน


ฝากเพลงนี้ให้คนบางคนฟัง

อิอิ  อินจัด

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #245 เมื่อ18-05-2010 19:08:47 »

สงสารพจน์ ศิลาก็น่าสงสาร แต่ไมไม่สงสารนายเอกเลย  :laugh: เห็นแก่ตัวเนอะ
ชอบเพื่อนศิลาจัง "เก้งตัวพ่อ"  :-[

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #246 เมื่อ18-05-2010 19:55:56 »

ผิดหวังกับพีร์ นะเนี่ย ไหงเป็นแบบนี้

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #247 เมื่อ18-05-2010 20:05:46 »

ภาคต่อ ตอนที่ 17


“พีค๊าบบบ”
“หะ มีอะไรเหรอพจ”  พีร์ที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอก ได้ยินศิริพจน์เรียกจากโต๊ะเขียนหนังสือเลยรีบไปหา
“พจมีอะไรจะบอก..”
“อะไรเหรอ” พีร์เข้ามาโอบไหล่และก้มลงถามคนที่ใส่แว่นดูหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่
“พจจะไปทำงานสิงค์โปร์นะ”
“หะ…” พีร์ตกใจ มองหน้าอีกฝ่ายแบบคาดไม่ถึง
“จริงนะ....” เขากอดเอวพีร์อ้อน ๆ “พจอยากทำงานที่สเตทส์ไทม์หน่ะ มันเป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดของแถวนี้เลยนะ”
 “ก็ดีหน่ะสิ” เขาเห็นด้วยกับศิริพจน์
“ตอนนี้พจส่งเอกสารสมัครงานไปแล้วหล่ะ รอเค้าตอบกลับ”
“อืม..”
“พีครับ ถ้าพจน์ได้งานใหม่ที่สิงค์โปร์แล้ว เราไปอยู่สิงค์โปรกันมั๊ยพี” ศิริพจน์เงยหน้าอ้อนร่างที่เขากอดอยู่
“พจ...”
“นะครับ ผมไม่อยากทิ้งให้คุณอยู่เมืองไทยคนเดียว ผมเป็นห่วงคุณ”
“แล้ว หมายความว่าผมก็ต้องไปหางานใหม่ตามคุณใช่ไหม” เขาเริ่มสับสน กับการต้องย้ายไปบ้านอื่นเมืองอื่นกะทันหัน
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้หรอกพีร์ คุณไปเป็นแม่บ้านให้ผมก็ได้ เดี๋ยวผมเลี้ยงคุณเอง”
พีร์ตกใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น ท่าทางศิริพจน์จะทุ่มเทกับการพาเขาไปด้วยจริง ๆ
“จะดีเหรอพจ พีว่าพีอยู่กรุงเทพฯอย่างนี้ก็ดีแล้วนะ”
“ไม่ดีเหรอพีคุณจะได้กลับบ้านที่หาดใหญ่ได้บ่อย ๆ ไง เห็นคุณชอบบ่นคิดถึงบ้านไม่ใช่เหรอ”
“ก็...พีงง ๆ หน่ะพจ ขอเวลาพีตัดสินใจละกันนะ..” เขาลูบหัวศิริพจน์เบา ๆ
“อ่าครับ ผมคงคิดถึงคุณแย่เลยอ่า ถ้าคุณไม่ไปกับผม” เขาอ้อนคนรักเหมือนเด็ก ๆ อ้อนแม่
พีร์ยิ้มขำและหยิกแก้มศิริพจน์อย่างเอ็นดู แต่ก็ในก็เริ่มกลัดกลุ้ม
ศิริพจน์รักเขามากแค่ไหน เขารู้ดี
การย้ายไปอยู่สิงค์โปร์กับศิริพจน์นั้น เหมือนว่าชีวิตของเขากับศิริพจน์คงจะได้ลงเลยกันด้วยดีจริง ๆ
มันก็เหมือนความฝันของเขาที่อยากมีใครสักคนมาดูแลกัน สิ่งที่ศิริพจน์เสนอมาให้เขาก็เหมือนความฝันนั้นกำลังจะเป็นจริง
แต่เขาก็ไม่อยากไปจากเมืองไทย
เพราะเขาไม่อยากอยู่ห่างไกลจากศิลาเลย...

   อีกไม่กี่วันต่อมา ศิริพจน์ก็ได้อีเมลล์ตอบกลับจากทางสิงค์โปร์ ทำให้เขาต้องเดินทางไปสัมภาสน์ที่สิงค์โปร์เป็นเวลาสามวัน ศิริพจน์กะจะหาลู่ทางสำหรับที่อยู่และงานของพีร์ไว้ด้วยถ้าหากอีกฝ่ายตกลงมาอยู่กับเขาที่นี่จริง ๆ
การสัมภาสน์งานของเขาเป็นไปด้วยดี เพราะดูท่าเจ้านายใหม่ของเขาก็ตะลึงในความสามารถของศิริพจน์อยู่หลาย ๆ ด้านเช่นกัน ถึงแม้จะมีคนเข้ามาสมัครมากมาย แต่ดูท่าทางแล้วศิริพจน์ก็มีแนวโน้มจะเป็นคนที่ได้รับคัดเลือกเข้าทำงาน  
“ท่าทางจะไปได้สวย” เขาคิดอย่างนั้นกับเรื่องงานและเรื่องชีวิต เพราะตอนชายหนุ่มบอกกับพ่อแม่ของตนว่าจะมาทำงานที่ต่างแดน พวกท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ออกจะเห็นดีด้วยซ้ำ เพราะคงเห็นแววนักค้าหุ้นในตัวลูกชายคนรอง จึงไม่อยากตัดอนาคต
   อีกอย่างถ้าพีร์มาอยู่ด้วย เขาก็จะได้ใช้ชีวิตกับอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ เพราะสังคมสิงค์โปร์ไม่ค่อยเคร่งครัดเรื่องเกย์เท่าไหร่
เขาไม่แน่ใจในตัวเองเหมือนกันว่าชอบผู้ชายจริง ๆ หรือเปล่า แต่เขาแน่ใจว่าเขารักพีร์
เพราะรักนี่หล่ะ ศิริพจน์ถึงได้อยากพาพีร์มาอยู่ด้วยกัน อีกอย่างหนึ่งคือ เขาคิดว่าพีร์เองก็ยังตัดใจจากศิลาไม่ขาดเสียทีเดียว หนำซ้ำศิลาเองก็ขยันตามพวกเขาอย่างไม่ลดละ
“งั้นก็ย้ายมาสิงค์โปร์ด้วยกันซะก็หมดเรื่อง” ศิริพจน์ยิ้มในวิธีการของตัวเอง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้บังคับพีร์ให้มาด้วยกัน แต่เขาก็เชื่อว่าพีร์เองก็ต้องอยากมากับเขา
  เพราะเขาไม่อยากบังคับจิตใจของพีร์ แต่เขาเองก็ไม่อยากให้พีร์อยู่ห่างเขาไปเหมือนกัน

    “ พรุ่งนี้ก็คริสมาสแล้ว ผมเสียดายจังที่ไม่ได้กลับไปอยู่กับคุณ” ศิริพจน์คุยกับคนรักในMSN ด้วยความคิดถึง
“ไม่เป็นไรหรอก แหม เราไม่ใช่ฝรั่งซะหน่อยจะได้ฉลองคริสมาส” พีร์ตอบกลับ
“ก็คิดถึงนี่…แล้วพีไม่คิดถึงผมเหรอ”
“คิดถึงสิ”
“ตื่นเต้นอ่ะ พรุ่งนี้เค้าถึงประกาศผล”
“อ่าวเหรอ ทำไมอ่ะ”
“คนมาสมัครเยอะมากเลยพี จากเมืองไทยรู้สึกจะมีผมคนเดียวมั๊ง”
“จ้า เก่ง ๆ”
“อ่าแน่นอน ไม่เก่งแค่เรื่องเดียวหล่ะผมอ่ะ”
“อะไรอ่ะ เรื่องอย่างว่าเหรอ” พีร์หยอกล้อ
“อื้อหือ ไม่ได้เลยนะคุณเนี่ยะ”
“ผมไม่เก่งอยู่เรื่องเดียวก็คือเรื่องความอดทนหน่ะ...อดทนคิดถึงคุณไม่ได้”
“เน่า” พีร์ยิ้มขำ
“ไมอ่ะ พูดจริง ๆ นะ”
“ไม่คุยด้วยแล้ว พรุ่งนี้ไปทำงานแต่เช้า แล้วนี่ก็นอนซะนะพจ”
“ค๊าบ ๆๆ ฝันดีนะคับ”
“คับ เช่นกัน ฝันดีล่ะ”
“บะบาย”

เขาหัวเราคิกคักกับหน้าจอและปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ของเขาเพื่อเตรียมตัวจะนอน เขาปิดไฟที่ห้องและจะล้มตัวนอน แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเขา จึงลุกออกไปดูที่ตาแมวก็พบว่า..
“พี่หยก...” พีร์ตกใจ เพราะสภาพศิลานั้นยืนไม่เต็มเท้า เขาคาดว่าอีกฝ่ายคงเมามาแน่ ๆ
“น้องพีค๊าบบ เปิดประตูให้พี่หน่อยได้ม๊ายยย”
พีร์สองจิตสองใจ อีกใจหนึ่งเขาก็ไม่อยากอยู่ใกล้ แต่อีกใจเขาก็เป็นห่วงชายหนุ่มเสียเหลือเกิน
“น้องพีค๊าบ ฮือ ๆๆๆๆ” เขาได้ยินเสียงอีกฝ่ายร้องไห้ออกมาก็ตั้งใจฟัง
“น้องพีค๊าบบบ พี่รักน้องพี ทำไมไม่ให้โอกาสพี่บ้าง…”
“น้องพี....” ก่อนเขาจะพูดอะไรออกมา พีร์ก็ออกมาเปิดประตูห้องให้เขา เขาที่ตอนนี้เมาเกือบไม่ได้สติเมื่อเห็นอย่างนั้นก็ดีใจและเข้าไปหาหนุ่มน้อยอย่างคิดถึง
“น้องพี..” เขาสวมกอดร่างอวบที่พยายามประคองเขาให้ทรงตัวได้ พีร์ค่อยปิดห้องและพาศิลาไปที่ข้างใน
“พี่หยก  ทำไมดื่มหนักอย่างนี้ล่ะครับ”
ศิลาไม่ตอบอะไร เมื่อเห็นพีร์ประคองเขามาใกล้เตียงนอนแล้ว จึงพยายามล้มตัวเองให้ทาบทับพีร์อยู่ข้างล่าง พีร์ที่ตอนนี้ถูกศิลาทาบทับอยู่เบื้องล่างตกใจเพราะศิลาเหมือนจะไม่ได้สติจริง ๆ เขาค่อย ๆ เขย่าตัวศิลาเบา ๆ เพื่อเรียกสติอีกฝ่ายกลับมา
 “พี่หยกครับ ๆๆ”
  ศิลาที่ซบอกอิ่มของเขาอยู่ตอนนี้ส่งเสียงงึมงำในลำคออย่างคนไม่รู้สึกตัว แขนแข็งแรงนั้นกอดหนุ่มน้อยเหมือนกลับมาสู่คนรักที่คุ้นเคย และหลับไปอย่างหมดกังวล
  พีร์มองหน้าของคนรักที่ไร้สติอยู่ในอ้อมอก เขาร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกที่หลากหลายอยู่ภายใน พีร์ค่อยลูบผมและจูบเบา ๆ อย่างแสนจะคิดถึงศิลาเช่นเดียวกัน
 แต่สำนึกของเขาก็กลับมา เมื่อรู้ตัวว่าเขากำลังกลับไปสู่อตีด ชายคนนี่ไม่ใช่เหรอที่เคยเป็นผู้ชายในฝันของเขา ชายคนนี้ไม่ใช่เหรอที่เป็นผู้ชายที่เขารักและก็รักเขาอย่างหมดหัวใจ ชายคนนี้ที่เคยทำให้เขาเป็นสุขเหมือนขึ้นสวรรค์ และทำให้เขาต้องเจ็บปวดเหมือนตกนรกทั้งเป็น
เขาควรจะอยู่กับปัจจุบัน ที่ชายอีกคนเข้ามาโอบอุ้มเขาจากนรกนั้นด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน ชายที่ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเขาเลย ชายที่ทำให้ทุก ๆ วันของเขามีความสุขเรียบง่าย  และชายที่รักเขาอย่างหมดหัวใจเช่นกัน
 พีร์มองหน้าศิลาแล้วร้องไห้ เขากอดอีกฝ่ายแน่น แต่ในใจเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงต่อไปดี
ว่าเขาจะเลือกอดีตที่หวานขมของเขากับศิลา
หรือปัจจุบันและอนาคตที่สดใสของเขากับศิริพจน์

“โอ๊ะ..”ศิลาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองเหลือแต่ชั้นในตัวเดียว เนื้อตัวของเขารู้สึกเบาขึ้นเหมือนได้รับการเช็ดตัว เขายิ้มสำเร็จที่พีร์ก็เริ่มใจอ่อน
“รู้งี้แกล้งเมาตั้งนานก็ดีแล้ว” เขาคิดอย่างนั้น และมองหาพีร์ คาดว่ารายนั้นคงจะอยู่ในห้องน้ำ เขาจึงแกล้งเดินโผเผไปหาอีกฝ่าย ที่กำลังหันหลังซักผ้าขนหนูที่อ่าง เขาลอบยิ้ม และเขาไปโอบกอดอีกฝ่ายจากทางด้านหลังแบบคนเมา
“น้องพี....” เขาซบหน้าลงบนต้นคอนุ่ม ๆ ปลายจมูกโด่งนั้นฝังลงบนซอกหูพีร์ หนุ่มน้อยตกใจเพราะศิลาเข้ามาถูกจุดอ่อนของร่างกายพอดี เขาพยายามบ่ายเบี่ยงออกจากอ้อมกอดนั้น แต่ศิลาก็กอดรัดเขาไม่ปล่อย
“อย่าหนีพี่ไปอีกนะ” เขาพูดแบบเมา ๆ อ้อน ๆ ข้าง ๆ หูคนรัก
“พี่หยก ปล่อยพี..พี่จะไปนอน”
“น้องพีอย่าทิ้งพี่ไปนะ...” เขากอดแน่นขึ้น พีร์ชะงัก เพราะศิลาเหมือนจะร้องไห้ออกมา
“ไหนว่าจะไม่ทิ้งพี่ไปไหนไง”
“พี่หยก เลิกเถอะครับ” เขาพยายามทำเสียงแข็ง “พี่หยกเองไม่ใช่เหรอครับที่ทำให้เป็นอย่างนี้”
“พี่ขอโทษ ๆๆๆ” เขาพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “น้องพีพอใจหรือยัง”
“พอเถอะครับ ตอนนี้ชีวิตพีก็ดีอยู่แล้ว พี่หยกปล่อยพีไปเถอะ”
ศิลาได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกโกรธ แต่ก็ไม่แสดงออกมา “น้องพี แล้วน้องพีกล้าพูดออกมาไหมล่ะว่าน้องพีไม่รักพี่แล้ว”
“พีไม่รักพี่หยกแล้ว” เขาสะบัดหน้า พูดออกมาอย่างยากลำบาก
“พี่ไม่เชื่อ”  เขาพลางลูบไล้อกนิ่มของพีร์ที่เริ่มละลายลงเมื่อได้สัมผัสจากเขา “น้องพี ยังรักพี่อยู่ แล้วทำไมยังหนีหน้าพี่อีกล่ะหืม..”  เขาพลางใช้ปากขบเม้มต้นคออย่างเย้ายวน เนื้อตัวของเขาที่เปลือยเปล่าแนบกับตัวพีร์ที่มีแค่ผ้าชุดนอนบางเบากั้น ช่วงล่างของเขาที่เหลือแค่ปราการชั้นเดียวนั้นตื่นตัวจากการหลับใหล  พีร์เองที่ร้างรารสรักนี้มานานก็เคลิบเคล้มไปเช่นกัน ศิลานั้นปรนเปรอจูบเขาอย่างโหยหา พีร์รู้สึกว่าเขาเองก็เมารสจูบจากชายหนุ่มเช่นกัน ศิลาค่อยถอดเสื้อผ้าของพีร์และปราการสีขาวของเขาออก เขาค่อยดันตัวพีร์ให้นั่งบนขอบอ่างก่อนจะปรนเปรอรสรักร้อนแรงที่เขาร้างราให้กับหนุ่มน้อย เมื่อเขามองเห็นสีหน้าที่แสดงความเร่าร้อนของพีร์ถึงขีดสุดแล้ว เขาจึงค่อยให้หนุ่มน้อยเกี่ยวเอวเขาและเกาะคอไว้ให้ดี เพราะเขาจะประคองหนุ่มน้อยมายังฝักบัวใกล้ ๆ
  ภายใต้สายน้ำเย็นฉ่ำจากฝักบัว ปรากฏความร้อนแรงจากคู่รักที่พลัดพราก กระแสน้ำจากฝักบัวไม่ได้ทำให้ความร้อนแรงของไฟรักนั้นลดลงเลย พีร์นั้นรู้สึกเหมือนตัวเองจะลายไปกับไฟรักของศิลาที่จุดโชนลงบนตัวเขา ไฟรักนี้หล่ะที่เขาโหยหา ….

   ศิลาค่อยใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมพีร์อย่างเบามือ เหมือนครั้งแรกที่ทั้งสองเป็นของกันและกัน พีร์มองหน้าคนรักด้วยสายตาที่อ่อนลงกว่าแต่ก่อน ศิลารู้ตัวว่าคนรักผู้อ่อนวัยกว่ามอง จึงรามือ และมอบจูบลึกล้ำนั้นให้พีร์แทนคำพูด เมื่อเขาถอนริมฝีปากออก ก็พบว่าพีร์มองเขาอยู่อย่างเขินอาย
“จะเขินอะไรพี่อีกหะ..” เขาลูบหัวพีร์เบา ๆ อย่างเอ็นดู
“ก็มันเขินหนิ”
“พรุ่งนี้ไปทำงานไหวมั๊ยเนี่ยะหะ..”
“ไม่ไหวก็ต้องไหวล่ะ” เขาตอบงอน ๆ ด้วยความเป็นคนมีความรับผิดชอบสูง
“นึกว่าจะไม่ไปทำงานซะอีก” เขาลูบหน้าพีร์เบา “พี่จะได้....”
“พอเลยพี่หยกอ่า..” พีร์ทำหน้าไม่ถูก ทั้งเขินอาย ทั้งเหนื่อยอ่อน “นอนกันดีกว่า เสื้อพี่หยกคงแห้งทันพรุ่งนี้เช้าหล่ะ เพราะมะกี๊พีร์เอาไปปั่นให้แล้ว”
“อ่าคับ” เขาหอมแก้มพีร์  “กูดไนท์คับ” แล้วโอบกอดร่างอวบนั้นอย่างสมปรารถนา
“คับ” พีร์รับคำและนอนนิ่งในอ้อมอกของศิลา เขานึกถึงศิริพจน์ และก็อดเกลียดตัวเองไม่ได้ขึ้นมาทันที
“พจ..พีขอโทษ” เขารำพึงในใจต่อชายอีกคนที่รักเขา

อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน - ทาทา ยัง

http://www.youtube.com/v/Rsg7HwCLMUU


  เทศกาลคริสต์มาสนี้ พลกฤษณ์และครอบครัวมาร้องเพลงที่โบสถ์ร่วมกับคริสต์ชนคนอื่น พ่อแม่ของเขากับพี่ชายและน้องชายทั้งสองอยู่กันพร้อมหน้า กะว่ามาร่วมกิจกรรมที่โบสถ์เสร็จแล้ว เขาก็จะไปรับประทานอาหารร่วมกันที่บ้าน
  เขาภาวนาให้พระผู้เป็นเจ้าดูแลชีวินที่ไปอยู่กับพระองค์แล้ว ถึงแม้ชีวินจะจากเขาไปเป็นสิบปี แต่ทุกครั้งที่เขามาใช้เวลากับพระผู้เป็นเจ้า เขาก็ขอให้พระองค์ดูแลชีวินทุกครั้ง
  แค่คนที่เขารักไปอยู่อย่างมีความสุข เขาก็สุขใจแล้ว
 สำหรับตัวเขา เขาไม่อยากจะภาวนาเรื่องความรักของเขาต่อพระผู้เป็นเจ้านัก  เพราะเรื่องนี้เขาเชื่อตัวเองมากกว่า
ถึงแม้ทุกวันนี้เขาจะยังไม่เจอรักแท้ก็ตาม
เขาไม่คาดหวัง เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอย่างไร ถ้ามันเป็นเหมือนที่เกิดกับชีวินแล้วล่ะ ก็คงจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแน่นอน
แต่ใครจะรู้พระทัยของพระผู้เป็นเจ้าล่ะ สักวันเขาอาจจะพบรักแท้ก็ได้
แต่มันคงไม่มาในเร็ววันนี้หรอก เขาคิดอย่างนั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-10-2010 14:50:49 โดย น้ำพริกแมงดา »

yunjaejoong

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #248 เมื่อ18-05-2010 20:14:32 »

 :เฮ้อ:เค้าไม่รู้ว่าจะให้น้องพีเลือกใครดีง่ะ ลำบากใจจังเลย

wisa

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #249 เมื่อ18-05-2010 20:28:19 »

แล้วอย่างนี้ น้องพี จะเลือกใคร

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
« ตอบ #249 เมื่อ: 18-05-2010 20:28:19 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #250 เมื่อ18-05-2010 21:10:26 »

เฮ้อ...น้องพี ทำแบบนี้ไม่ดีเลยอ่ะ ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจแล้วล่ะ...

เอาพลกฤษณ์ ไปคู่กับพจน์ดีมะ ..เหอเหอ..จะได้มีคนดามอกทั้งคู่

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #251 เมื่อ18-05-2010 21:26:17 »

กลายเป็นนางวันทอง จนได้ หนูพีเอ้ย...... เวรกรรม +1

ออฟไลน์ wowhaha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #252 เมื่อ18-05-2010 22:04:46 »

ตอนแรกที่บอกว่าพีเป็นคนเห็นแก่ตัว ตอนนี้คิดว่าทุกคนเป็นคนเห็นแก่ตัว เพียงเพื่อความสุขของตัวเองทำให้ต้องทำร้ายผู้อื่น

Lucio

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #253 เมื่อ18-05-2010 22:16:48 »

ไม่ว่าพีจะเลือกทางไหนก็ต้องมีคนเจ็บทั้งนั้น

เอาใจช่วยพีนะ

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #254 เมื่อ18-05-2010 23:19:50 »

พีร์เข้มแข็งสิ

สงสารพจน์

andy_kwan

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #255 เมื่อ19-05-2010 12:41:18 »

น้องพีร์ขอสองค่ะ   เหมาหมดขอคุณพลกฤษณ์แถมเป็นของหวานด้วย   อิอิ

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #256 เมื่อ19-05-2010 14:23:43 »

เคยอ่านตอนภาคแรกแล้วนึกว่าจบแล้ว เลยไม่ได้ตามต่อค่ะ วันนี้สังหรณ์ใจลองคลิกมา อ้าวกรรม มีตอนต่อตอนพิเศษอีกหลายหน้าเลย เลยนั่งอ่านรวดเดียวเลยค่ะ
น้องพีร์ผู้ใสซื่อสมัยฝึกงาน ตายไปแล้วสินะ พอโตแล้วเลยมีแง่มุมที่ซับซ้อนขึ้น dark side เริ่มออก ออกแนวไขว่คว้าหาคนสมบูรณ์แบบแต่ไม่มีทางเจอ เพราะมันแบ่งภาคอยู่ในคนสองคนที่มีความสัมพันธ์ด้วย เลยเหมามันสองคนซะเลย สุดท้ายคนที่เจ็บก็จะเป็นสองคนนั้นนะ น้องพีร์ไม่น่าได้คู่ใครหรอกค่ะ คนโลเล ไม่คู่ควรกับใครเลย เปรียบเสมือนเถาวัลย์ไม้เลื้อย เลื้อยเกาะตามต้นนั้นต้นนี้ไปเรื่อย
ณ ตอนนี้เราสงสารพจน์นะ หนุ่มแสนดี อนาคตไกล จริงใจ ดูแลดี แต่เร่าร้อนไม่เท่าพี่ศิลาผู้เป็นรักแรกที่พีร์ฝังใจ เลยโดนสวมเขาให้ขณะเดินทางสู่ความฝัน ทั้งๆที่ความฝันนั้นก็มีพีร์อยู่เคียงข้างด้วยแท้ๆ พีร์ยังปล่อยให้อำนาจฝ่ายต่ำชนะความถูกต้องจนได้ แต่พี่ศิลาล่ะ ผู้ชายที่พลาดไปแล้วครั้งนึง พีร์กลับไม่ให้อภัยเลย ที่เค้าพลาดเผลอรุนแรงก็เพราะเค้ารักพีร์มากเกินไปด้วยซ้ำ แต่พีร์กลับทำเป็นลืมเรื่องที่ผ่านมาไปสิ้น? ไปสร้างความสัมพันธ์ใหม่ (ที่ในที่สุดก็ไม่มั่นคง) กับพจน์ แล้วมาโลเลอีกตอนหลัง พีร์ไม่น่าได้คู่ใครเลยสรุป เสียแรงที่คุณแพรวอุตส่าเอ็นดูนะ มาทำทั้งสามีทั้งน้องชายเค้าป่วนอย่างนี้ มองหน้าติดเหรอ?  :seng2ped:
โดยรวมแล้วเรื่องสนุกมากค่ะ ดูไม่เป็นนิยายดี ตัวละครมีแง่มุมแบบมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบแท้ๆ จะติดตามต่อไปนะคะ :pig4:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #257 เมื่อ19-05-2010 14:26:48 »

แล้วแบบนี้ใครเป็นขุนแผน หรือ ขุนช้างดีละ
เวรกรรมจริงๆ น้องพีร์ ทำไมเป็นคนอ่อนไหวโลเลแบบนี้ แข็งใจบ้างไรบ้างดีกว่ามั้ย
ทำตัวแบบนี้ สุดท้ายไม่เหลือใคร ก็จะไม่มีใครเห็นใจนะ

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #258 เมื่อ19-05-2010 18:14:49 »

ภาคต่อ ตอนที่ 18


   ศิลาพลิกตัวมาทางซ้ายเพื่อหวังจะโอบกอดร่างอวบนั้นอีกครั้งในคืนนี้ แต่เมื่อเขาวางแขนไปก็รู้สึกว่าที่นอนข้าง ๆ นั้นไม่มีร่างอวบ เขาลืมตาขึ้นมาอย่างตกใจ และมองไปรอบห้องอย่างสำรวจ เขาไม่ค่อยแน่ใจนักจึงลุกออกจากเตียงแล้วเดินไปดูรอบ ๆ ห้องอย่างร้อนรน เขามองตรงไปที่หัวเตียงก็พบกระดาษA4แผ่นหนึ่งแปะไว้ เขามองดูใกล้ ๆ ก็พบว่าเป็นจดหมายของพีร์ที่เขียนถึงเขา จึงรีบแกะมาอ่าน...

พี่หยกครับ..
     พีต้องขอโทษด้วยที่หายออกมาอย่างนี้ พีรู้ว่าพี่หยกรักและคิดถึงพีมากเพียงใด แต่นั้นมันก็ยิ่งทำให้พีรู้สึกละลายใจมากขึ้นเท่านั้น ตอนนี้เราทั้งคู่ต่างก็มีคนของเราแล้ว ถ้าเราทำแบบเมื่อคืนมันจะทำให้คนของเราเสียใจนะครับพี่หยก ที่พีนอนกับพี่หยกเมื่อคืน พียอมรับว่าพีมีความสุขมาก แต่มันก็ทำให้พีเกลียดตัวเองมากเหมือนกัน เพราะว่าพีทำผิดกับพจมาก ๆ พี่หยกไม่รู้หรอกครับว่าพจเค้าดีกับพีมากแค่ไหน พีรู้สึกว่าตัวเองช่างเลวร้ายนักที่ทำร้ายจิตใจของพจในบางครั้ง และยิ่งครั้งนี้ พีรู้สึกว่าตัวเองเหมือนผู้หญิงแพศยาเข้าไปทุกทีแล้ว
      พี่หยกครับ ที่ผ่านมาตั้งแต่พี่ได้รู้จัก และรักพี่หยก พีรู้สึกว่าความฝันที่ลอยอยู่ในอากาศของพีมันเป็นความจริงเพราะมีพี่หยก  พีอยากจะบอกว่า ไม่มีวันไหนที่พีไม่เคยลืมพี่หยก แต่พีก็มีพจ อีกคนที่พีรักคอยดูแลพีแล้ว พี่หยกครับ เรื่องที่เราทำลงไป ถือซะว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายนะครับที่เราจะพบกันอีก ถึงแม้เราจะรักกันแค่ไหน แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้เราได้อยู่ด้วยกันอย่างที่พี่หยกต้องการหรอกครับ เราจากกันซะตั้งแต่วันนี้ดีกว่าเราจะทำให้คนที่รักเราเจ็บปวดในภายหลังนะครับ เราต่างก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนแต่ก่อน แต่ความรักที่เรามีมันจะอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไปครับ คงจะมีเพียงปราฏิหารเท่านั้นหล่ะครับที่จะทำให้เราอยู่ด้วยกันได้ ลาก่อนครับ

รักพี่หยกเสมอนะครับ
น้องพีของพี่

  ศิลาอ่านจดหมายด้วยความรู้สึกตกตะลึง เขาเหมือนคนที่นอนหลับฝันดีและถูกปลุกมาเจอความจริงที่โหดร้าย เขาค่อย ๆ พับจดหมายนั้น แล้วร้องไห้ออกมาเบา ๆ
  เขาไม่เชื่อว่าจุดจบของความรักจะมาถึงในรูปแบบนี้ เขาอยากจะมีชีวิตอยู่โดยที่มีพีร์อยู่ข้างหลังให้เขารู้สึกอุ่นใจ  แต่นี่พีร์เลือกที่จะจากเขาไป  อีกครั้ง
“เรารักกันก็ได้ แต่เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน” อย่างนั้นหน่ะเหรอที่หนุ่มน้อยต้องการ
เอาเถอะในเมื่อปราฏิหาริย์มันไม่มีจริง เขาก็คงต้องยอมรับความจริงของเขาต่อไป


  พีร์ที่ขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงาน ยืนเหม่อลอยด้วยความรู้สึกเศร้าอยู่เต็มหัวใจ เขาต้องเลือกที่จะบอกลาอดีตที่ไม่มีวันเป็นไปได้ของเขา ถึงแม้ชายคนนี้จะเป็นคนที่เขารักแค่ไหนก็ตาม
  แต่เขาก็ไม่ควรปล่อยให้ชายอีกคนที่เขารักต้องเจ็บปวดเพราะเขา เขาควรจะก้าวสู่วันข้างหน้าที่สดใสกับศิริพจน์
  เอาเถอะ ปีใหม่นี้เขาจะพาศิริพจน์ไปบ้านเขาที่หาดใหญ่ และเขาจะบอกทุกอย่างกับศิริพจน์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นภายหลัง เขาก็อยากสารภาพกับศิริพจน์ในความผิดนั้นด้วยตัวเอง
“นังแพรว สรุปน้องพจขาจะไปทำงานที่สิงค์โปร์ใช่มั๊ย” ปกรณ์ถามเพื่อนสาวขณะช๊อปปิ้งอยู่ด้วยกันที่ห้างหรู
“จริงสิ นี่ได้ข่าวว่าถ้าได้ทางนู้นรับนะ หลังปีใหม่นี้ก็ย้ายไปอยู่สิงค์โปร์เลย”
“ต๊ายย ไฮโซ” เขาทำท่านึกอะไรออก “อ่าวแล้วอย่างนี้นังหนูไม่เป็นแม่สายบัวเหรอคะ”
“ใครบอกล่ะจ๊ะ เค้าจะย้ายไปอยู่ด้วยกันต่างหากล่ะ”
“จริงงงงงง!” ปกรณ์ทาบอกอย่างตกใจ
“จ้ะ พจบอกว่ารอน้องพีตัดสินใจว่าจะไปอยู่กับเค้าไหม”
“ต๊ายย ตาย น้องพจขา มาแรงแซงทางโค้งนะคะ คบกับนังหนูไม่เท่าไหร่ก็ไวไฟอยู่ด้วยกันจริงจังซะแล้ว”
“แล้วแกว่าไงล่ะ”
“ชั้นต้องถามแกต่างหากล่ะว่าว่าไง น้องแกนะยะ”
“ก็ดีสิ ถ้าน้องชั้นได้อยู่กับงานที่เรารัก และมีคนที่เค้ารักอยู่ข้าง ๆ น้องชั้นโชคดีนะแกว่าไหม” นลพรรณยิ้มเศร้า เมื่อนึกย้อนถึงตัวเองที่ไม่เคยมีสิทธิ์เลือกหรือต่อรองอะไรกับบุพการีเหมือนศิริพจน์เลย
“ไม่เอาน่านังแพรว จะมาอะไรกันตอนนี้ ลูกสองแล้วนะยะ ที่เหลือก็คือหล่อนจะทำยังไงกับลูกก็เท่านั้น”
“อืม จริงของแกนะเป้”
ปกรณ์ลองถามเล่น ๆ “ว่าแต่ ถ้าหากน้องพจไม่ได้นังหนูมาครองอย่างนี้ คือ ชั้นหมายความว่า นังหนูกับคุณหยกยังคบกัน แกจะทำยังไงหะ”
“ทำยังไงเหรอ...” เธอทวนคำเพื่อน ก่อนนึกออก “ก็คงไม่สนใจอะไรมั๊ง ถึงแม้น้องพีแกจะน่าเห็นใจแค่ไหนก็ตาม แต่หยกเค้าก็คงไม่อยากให้ชั้นไปยุ่งกับเรื่องนี้หรอก เออ ว่าแต่ถ้าแกเป็นคุณหยกล่ะนังเป้ แกจะทำยังไง”
“ถ้าเป็นชั้นนะคะ ชั้นก็จะเอามาอยู่บ้านเดียวกันเลยค่ะ แกก็เป็นเมียที่หนึ่ง ส่วนนังหนูก็เป็นเมียที่สอง เหมือนมงกุฎดอกส้มไงคะ เก๋ ๆ”
“ได้ไง คุณพ่อคุณแม่ไม่หัวใจวายกันพอดีเหรอ” เธอยิ้มขำความคิดเพื่อน
“อ่าว ก็ไม่ดีหรือไงคะแก ในเมื่อแกกับนังหนูก็ปรองดองกันซะขนาดนี้แล้ว อีกอย่างในฐานะผู้ชายนะคะ ก็ต้องดูแลเมียตัวเองสิคะ ถึงได้ทำแบบนี้”
“อ่าจ้ะ แต่มันคงจะเป็นไปไม่ได้กับบ้านชั้นหรอก”
“อ่าค่ะ แล้วเรื่องของน้องพจขาล่ะ แกไม่กลัวสักวันพ่อแม่จะรู้เหรอ”
“กลัวสิ แต่ชั้นเชื่อว่าคนอย่างพจหน่ะ ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ อยู่แล้ว”
“เฮ้ออ นังหนูเอ๊ย ชั้นล่ะเห็นใจเธอจริงจริ๊งง” ปกรณ์ถอนใจกับเรื่องของคนทั้งสาม
“อืม ชั้นก็เหมือนกัน”
“ค่ะ แล้วว่าแต่ปีใหม่นี้บ้านแกจะไปเที่ยวไหนกันป่ะยะ”
“อืม ไปญี่ปุ่นกันหน่ะ รู้สึกว่าหยกเค้าจะไปด้วยนะ ส่วนพ่อกับแม่ชั้นไปเยี่ยมตาพลที่อังกฤษหน่ะ”
“อ่าค่ะ แล้วน้องพจกับนังหนูล่ะคะ แกรู้ป่าว”
“อ่อ เห็นพจบอกว่าจะไปบ้านน้องพีที่หาดใหญ่นะ”
“ต๊ายยย พาไปให้คุณพ่อคุณแม่ดูตัวกันเลยเหรอคะเนี่ยะ เริ่ดมากแก อย่างนี้เท่ากับว่าเรื่องของน้องแกก็โอเคระดับนึงแล้วใช่ไหมเนี่ยะ”
“อืม ก็คงงั้นหล่ะ”
“สวยมากค่ะ” เขาเว้นวรรคและพูดอะไรออกมา “ชั้นว่าจะพาผู้ชายไปให้พ่อชั้นรู้จักบ้างอะไรบ้างดีกว่าแก”
“จ้ะ ตามสบาย ถ้าคุณลุงไม่ไล่เตะแกออกมานะ”
“ค่ะ” เขารับคำ และมองเห็นพี่ชายกับพี่สะใภ้พาหลาน ๆ และลูกของนลพรรณมาแล้วจึงตามเข้าไปสมทบ ก่อนจะพากันเดินไปหาอะไรรับประทาน


“ฮัลโหล ม้าเหรอครับ” พีร์กรอกเสียงลงไปยังโทรศัพท์หาผู้เป็นแม่หลังจากถึงสนามบินหาดใหญ่ในเวลาห้าโมงเย็นของวันเดินทางกลับบ้านวันแรกในช่วงเทศกาลปีใหม่
“อ่าว่าไงลูก ตอนนี้อยู่ไหนแล้ว และเจอกับเพื่อนยัง” เธอหมายถึงศิริพจน์ที่พีร์บอกว่าจะมาจากสิงค์โปรเพื่อมาที่บ้านเขา
“ยังเลยครับหม่าม้า พีร์เพิ่งลงเครื่องเอง เดี๋ยวจะโทรหาเค้าอ่าครับ”
“อ่อ ดี ๆๆ ให้ป๊าขับรถไปรับไหม”
“ไม่ต้องหรอกครับม้า เดี๋ยวพีกับเพื่อนนั่งโชเล่ไปได้”
“งั้นเหรอลูก โอเค ๆ เดี๋ยวม้ากับป๊าจะรอละกัน นะ”
“คับ ๆ เจอกันนะคับม้า”
“อ่า เจอกันลูก”
“สวัสดีครับ” เขากดวางสาย และมองหาศิริพจน์ ทันใดนั้นก็มีมือมาสะกิดเขาทางด้านขวา พอเขาหันไปก็ไม่เจอ เขาจึงหันไปทางด้านซ้ายก็พบกันศิริพจน์ที่ยืนยิ้มให้เขาอยู่อย่างดีใจ
“พจอ่า..มานานยังเนี่ยะ”
“ก็ถึงก่อนพีร์สักชั่วโมงนึ่งหล่ะ” เขายิ้มดีใจที่เจอคนรัก อยากจะบอกว่าคิดถึงเหลือเกิน แต่ก็คงทำไม่ได้ในที่นี้
“อืม..” พีร์ยิ้มรับ แต่ในใจก็เริ่มรู้สึกละอาย เขาจึงตัดบท บอกว่า “ป่ะ งั้นไปบ้านพีกันเถอะ ป๊ากับม้าพีรอแล้ว”
“ค๊าบบ” คนทั้งสองเดินออกไปจากบริเวณอาคารผู้โดยสาร และออกไปเรียกรถรับจ้างหรือที่เรียกว่าโชเล่ย์ให้ไปส่งบริเวณในตัวตลาด
   บ้านของพีนั้นเป็นร้านขายอะไหล่รถยนต์แห่งหนึ่งในตัวเมืองหาดใหญ่  ศิริพจน์รู้สึกตื่นเต้นที่ได้มาสัมผัสครอบครัวของคนรัก เพราะเหมือนจะเป็นสัญญาณที่ดีระหว่างความสัมพันธ์ของเขากับพีร์
“อ่ะ ถึงแล้ว” พีร์กับศิริพจน์ลงมาจากรถรับจ้าง มาจอดที่ตึกแถวสองคูหาที่เป็นร้านขายอะไหล่ ชายหญิงวัยกลางคนก็ออกมาต้อนรับพวกเขาอย่างใจดี
“ป๊า ม้า สวัสดีครับ” พีร์ยกมือไหว้บุพการี แล้วเข้าไปสวมกอดคนทั้งสองอย่างคิดถึง
“อืม ป๊าละรอเมื่อไหร่แกจะกลับมา” ผู้เป็นพ่อยิ้มลูบหัวลูกชาย
“ใช่ ๆ ม้าก็รอเหมือนกัน” ผู้เป็นแม่กอดพีร์แน่น “รอว่าเมื่อไหร่หมูน้อยของม้าจะมาหา”
“ม้าอ่า..” พีร์ยิ้มดีใจกับการกลับมาหาครอบครัว เขานึกขึ้นได้ว่าศิริพจน์ยืนอยู่ข้างหลัง จึงรีบแนะนำ
“ป๊า ม้า นี่ พจ เพื่อนพีร์เองคับ” พีร์ผายมือแนะนำ ส่วนศิริพจน์ก็ยกมือไหว้คนทั้งสองอย่างนอบน้อบ
พ่อกับแม่ของพีร์รับไหว้ศิริพจน์ และมองชายหนุ่มอย่างเป็นมิตร
“มาเหนื่อย ๆ มาพักผ่อนก่อนเถอะนะจ๊ะ”
“ครับ ขอบคุณครับคุณอา” ศิริพจน์ยกมือไหว้
“ม้า แล้วจี้ไม่กลับมาเหรอ” เขาถามถึงพี่สาวของตัวเองที่แต่งงานออกไปแล้ว
“อ่อ มาเมื่อวานแล้วหล่ะ เนี่ยะกีต้องกลับไปช่วยงานบ้านแฟนไง”
“อ่อ น่าเสียดายจัง”
“ก็ไปหากีได้นี่ จะยากอะไร กีอยู่แค่ปีนังเอง” ผู้เป็นพ่อออกความเห็น
“โหย ไม่เอาล่ะป๊า ไว้วันหลังค่อยเจอกันก็ได้”
“อ่านี่พี พาเพื่อนไปเก็บข้าวเก็บของบนบ้านก่อนเร็ว เดี๋ยวค่อยลงมากินข้าวกัน”
“คับ ๆ” พีร์พาศิริพจน์ขึ้นไปบนห้องนอนของเขา เมื่อเขาปิดประตู ศิริพจน์ก็เข้ากอดเขาอย่างคิดถึง
“คิดถึงน้า รู้ป่าว” เขากอดพีร์แน่น “เนี่ยะ ผมยังไม่ได้บอกคุณเลยว่า ผมได้งานใหม่แล้ว” เขากระซิบบอกพีร์อย่างตื่นเต้น
พีร์เองเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกดีใจกับศิริพจน์ “จริงดิ่พจ”
“ช่ายแล้ว เค้ารับผม แล้วก็มีคนสิงค์โปร์คนนึง และก็คนฟิสิปปินส์อีกคนเข้าทำงานหล่ะ”
“อืม เก่งอ่ะ คุณเนี่ยะ”
“ไหนขอรางวัลหน่อย” ศิริพจน์เอียงแก้มให้หอม พีร์เองก็รู้งานจึงเขย่งตัวขึ้นไปหอมแก้มศิริพจน์ทั้งสองข้าง
“อ่า ชื่นจายยย” เขากอดและโยกตัวพีร์เบา ๆ แต่ในใจของพีร์นั้นความรู้สึกผิดและละอายใจก็ฉายออกมาอย่างท่วมท้น
  “ป่ะ ลงไปกินข้าวกัน เดี๋ยวป๊าม้ารอนานนะพจ”
“ได้เลย” ทั้งสองช่วยกันเก็บของและล้างหน้าล้างตาก่อนลงไปรับประทานอาหารเย็นกับครอบครัวของพีร์
  
บรรยากาศในโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความอบอุ่น ทั้งสองนั้นมีท่าทีเอ็นดูกับศิริพจน์มาก ศิริพจน์ใช้ตะเกียบในการรับประทานอาหารอย่างคล่องแคล้ว ยิ่งทำให้คนทั้งสองรู้สึกดีกับชายหนุ่มมากขึ้น  ผู้เป็นพ่อเลยไถ่ถามเรื่องขนบธรรมเนียมของชาวจีนโพ้นทะเลกับชายหนุ่มเห็นการลองเชิง
 “นี่เตอเจียซื่อเค่อเจียเหรินมา” ผู้เป็นพ่อถามเป็นภาษาจีนกลางว่า ครอบครัวของศิริพจน์เป็นชาวจีนฮักกาเหมือนพวกเขาหรือไม่
“อ่อ หว่อเตอเจียบู๋ซื่อเค่อเจียเหริน.ซื่อเฉาโจวเหริน” ศิริพจน์ตอบไปว่าที่บ้านของเขาเป็นชาวจีนแต้จิ๋ว
“อ่า หว่อเหล่าผอ ทาเหนิงซัวเฉาโจวฮั้วเตอ” ผู้เป็นพ่อบอกว่าแม่ของพีร์สามารถพูดแต้จิ๋วได้
“น่า หว่อบู้เค่ออี้ซัวเตอ หว่อจื่อ อีเดี๊ยนเดี่ยนทิงต่งม่อฮั่ว”  ศิริพจน์บอกว่าเขาพูดไม่ได้ แต่ฟังออกบางคำแค่เล็กน้อย
“คุยกันเข้าไป ไม่สนใจเค้าเลยใช่มะว่าฟังไม่รู้เรื่อง” พีร์ที่ใช้ช้อนซ้อมกินข้าวคนเดียวเริ่มเหวี่ยง เพราะเขาไม่ชอบเมื่ออยู่ในสถานการณ์ทำนองนี้
“ทำไมล่ะพี ป๊ากับม้าแค่ถามเพื่อนเราเฉย ๆ แค่นี้ไม่ได้เหรอ”
“ก็ทำไมไม่คุยภาษาไทยล่ะ”
“อ่าว ป๊าเค้าก็แค่ลองถามเพื่อนเราดู..พอเลย อายเพื่อนเรามั่ง อย่ามางอแงอย่างนี้นะ” คนเป็นแม่ปราม
พีร์ก้มหน้ากินข้าวต่ออย่างงอน ๆ ผู้เป็นพ่อถอนหายใจกับความแสนงอนของลูกชายตัวเอง จึงบอกกับศิริพจน์ว่า
“ลูกอาขี้งอนเหมือนผู้หญิงมั๊ยพจ”
“ไม่หรอกครับคุณอา” เขาตอบยิ้ม ๆ ทั้งที่ความจริง เขานี่หล่ะคือคนที่โดนพีร์สำแดงเดชนางพญาบ่อยที่สุดแล้ว
“เหรอ..แสดงว่ายังไม่สนิทกันเท่าไหร่ ฮ่ะ ๆๆๆ”
“อ่าคับ” เขายิ้มกับผู้เป็นพ่อแม่ของคนรัก พวกท่านจะรู้ไหมนี่ว่าเขานี่หล่ะคือสามีของลูกชายแสนงอนของพวกท่าน

   กินข้าวเสร็จทั้งสองขอออกมาเดินเล่นชมแสงสีหาดใหญ่ยามค่ำคืน ก่อนพีร์จะขับมอเตอร์ไซค์พาศิริพจน์ข้ามสะพานติณสูลานนท์ 1 ไปยังเกาะยอ แต่ทั้งสองไม่ได้ไปถึงเกาะยอเสียทีเดียว กลับจอดรถอยู่ตรงกลางสะพานที่แสงไฟส่องสว่างและยืนชมบรรยากาศกันอย่างสุขล้นใจ
     ศิริพจน์มองไปรอบ ๆ กับความกว้างใหญ่ของทะเลสาบสงขลายามพลบค่ำเขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ อากาศช่างดีจริง ๆ เขาคิดอย่างนั้น เขาหันไปมองพีร์ที่ยิ้มเศร้าอยู่ก็พอเดาได้ว่าพีร์ต้องมีเรื่องอะไรกับเขาแน่ ๆ เพราะจากท่าทีตอนที่เจอกันมานี้ เหมือนพีร์พยามหาโอกาสบอกอะไรเขาอยู่
“พี...คุณมีอะไรหรือเปล่า” เขาหันไปถามคนรักเบา ๆ พีร์ไม่นึกแปลกใจ เพราะศิริพจน์เป็นคนเดียวที่รับรู้ว่าเขามีอะไรในใจที่จะสื่ออยู่
“พจ พี คือ พจจะโกรธจะเกลียดพีก็ได้นะ ถ้าพีเล่าเรื่องนี้”
ศิริพจน์ชะงัก แต่ก็หันมาฟังด้วยความสนใจ “อะไรเหรอ ว่ามาสิพี”
“คือ ตอนที่พจไม่อยู่อ่ะ พี่หยกเค้ามาหาพี”
“อืม”
“แล้ว เค้าเมามาก พีก็เลยให้เค้ามานอนในห้อง”
ศิริพจน์ตั้งใจฟังฝ่ายนั้นเล่าเรื่อง
“แล้วทีนี้ พีร์ก็เช็ดตัวให้เค้า และ..” พีร์เริ่มร้องไห้ออกมา “และพีกับเค้าก็...มีอะไรกัน” พีร์ปล่อยโฮออกมาอย่างขื่นขม ศิริพจน์เองรับฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“พีเกลียดตัวเองนักที่พียอมให้เค้าเข้ามา และก็ยอมมีอะไรกับเค้า ฮือ ๆๆๆ พจจะทำอะไรพีก็ได้เลยนะ จะตบตีให้พีสำนึกก็ได้นะ ฮือ ๆๆๆ”
“ทำไมผมจะต้องทำอย่างนั้นล่ะ” เขาถามด้วยเสียงอ่อนโยน
“ก็พีมันเลวไง พีไม่เคยทำอะไรให้พจเลย แถมพจยังเป็นคนที่ดูแลพีมาตลอด แต่พีกลับทำอย่างนี้อ่ะ”
“ไม่เอาน่า” เขาเข้าไปกอดร่างอวบที่สะอื้นไห้ตัวโยน “มันผ่านไปแล้ว และคุณก็คิดจะบอกผม ผมจะต้องไปโกรธคุณทำไมล่ะ” เขาถอนหายใจ "อีกอย่างเหมือนผมไปแย่งคุณมาจากพี่หยกนะ มันก็ไม่แปลกหรอกที่เจ้าของจะตามมาทวงเข้าสักวัน"
“พจ อย่าพูดอย่างนี้สิ” เขาพูดสั่น ๆ “พจยิ่งเป็นคนดีเท่าไหร่ พีก็รู้สึกว่าพีมันเลวเท่านั้นนะ”
“อย่าคิดอย่างนั้นสิ ผมบอกแล้วไง ให้ผมอยู่กับคุณให้ผมได้รักคุณ ผมก็ดีใจแล้วหล่ะ”
“พจจจจ ฮือ ๆๆๆ” เขากอดอีกฝ่ายแน่นขึ้น “พีขอโทษ..”
“คุณยังรักเค้าใช่ไหม” ศิริพจน์ตัดสินใจถามไปตรง ๆ
“ใช่” พีร์ตอบออกมาจากใจจริง ทำให้ศิริพจน์ถึงกับหน้าชา
“แล้วผมล่ะ”
“คุณ ผมก็รัก ฮือ ๆๆๆ” พีร์ก็ตอบจากใจจริงเช่นกัน เพราะที่เขายอมรับการเข้ามาของศิริพจน์ก็เป็นเพราะว่า เขาก็มีใจให้เช่นกันและตอนนี้เขาก็รักศิริพจน์ไม่ต่างกับศิลาเลย
ศิริพจน์ได้ยินอย่างนั้นแล้วก็เข้าไปกอดพีร์อย่างปลอบโยน เขาบอกกับร่างอวบว่า “แค่ได้ยินว่าคุณรักผม ผมก็ดีใจแล้วหล่ะ”
“อย่าคิดมากเลยนะ เราจะไปเริ่มชีวิตใหม่ด้วยกัน” ชายหนุ่มสมทบ
“พจ ผมขอโทษ”
“ไม่เอาน่าพี..” เขากอดปลอบร่างอวบ ที่ร้องไห้โฮอยู่ นานกว่าจะสงบลงเพราะไออุ่นจากอกของศิริพจน์ จึงได้สูดหายใจเข้าปอดปิดท้าย และหันไปกอดคนดีของเขา
“พจจจ”
“อ่าฮะ”
“พจ...ที่พจชวนพีร์ไปอยู่สิงค์โปร์ด้วยกันหน่ะ” ศิริพจน์ชะงัก เพราะเขาได้รับคำตอบที่รอคอยมานานสักที
“อืม ว่าไง..”
“พีตกลงนะ”
“จริงเหรอ....” เขาก้มลงและเขย่าตัวพีร์เบา ๆ
“อืม เราจะได้อยู่ด้วยกันจริง ๆ ซะทีไงล่ะ” พีร์ยิ้มออกมา
“ดีมากเลย ผมจะได้มีแม่บ้านไว้คอยดูแล ฮ่ะๆๆ” ศิริพจน์พูดขำ ๆ ให้ฝ่ายนั้นหายเศร้า
พีร์ที่สีหน้าสบายใจขึ้นมองศิริพจน์อย่างมีความหมาย เพราะทั้งหมดของชีวิตข้างหน้านี้ เท่ากับว่า ศิริพจน์กับเขาจะเดินไปด้วยกัน
แต่เขาคงนึกไม่ถึงหรอกว่า โชคชะตาของคนเรามักจะพลิกผันอยู่เสมอ

ปล. กี เป็นคำภาษาจีนแคะไว้แทนสรรพนามบุรุษที่ 3 ค่ะ (เขา หรือ เธอ ที่เป็นคนที่ 3 นั่นเอง)
     จี้ แปลว่า พี่สาว ค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-05-2010 18:02:41 โดย น้ำพริกแมงดา »

ออฟไลน์ jantaro

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #259 เมื่อ19-05-2010 22:11:19 »

ขอบคุนมากๆคราบผมม  :z13:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
« ตอบ #259 เมื่อ: 19-05-2010 22:11:19 »





ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #260 เมื่อ19-05-2010 22:26:43 »

ดูท่าจะวุ่นวายได้มากกว่านี้นะค่ะ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #261 เมื่อ19-05-2010 22:42:41 »

ในที่สุดพีร์ก็เลือกแล้วสินะ ดีใจด้วยกับทางที่คุณเลือกนะคะ  :กอด1:
เอิ่ม ยังไม่จบใช่มั้ยคะ  :really2:

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #262 เมื่อ19-05-2010 22:50:07 »

How to พิกผันครับ

bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #263 เมื่อ20-05-2010 08:49:17 »

มันเหมือนจะลงเอยได้สวยนะ....
แต่เอ ทำมันมันต้องมีพลิกผันตอนท้ายด้วยล่ะนี่....มันต้องมีเหตุอะไรแน่ๆเลย


ปล.อ่านตอนนี้แล้วพจนี่แบบ เป็นคนดี โคตรใจกว้างเลย...

yunjaejoong

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #264 เมื่อ20-05-2010 16:55:36 »

ไม่รู้จะบอกว่างัยดี เลือกซักทางมันก้อใช่ แต่เราก้อสงสาร หยก ง่ะไม่รู่ว่าจะเป็นงัยบ้าง จะรับได้หรือเปล่า

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #265 เมื่อ20-05-2010 17:53:40 »

ภาคต่อ ตอนที่ 19

    หลังจากที่ศิริพจน์กับพีร์กลับจากหาดใหญ่แล้ว เขาก็เดินทางมาเก็บของที่กรุงเทพฯกัน พีร์นั้นไม่ได้บอกกับพ่อแม่ว่าจะไปอยู่สิงค์โปร์กับศิริพจน์ เขาคิดว่ารอให้เขาหางานทำที่นั่นได้ก่อนค่อยบอก เพราะเขาจะยังไม่ย้ายตามไปพร้อมกัน รอให้เขาเคลียร์งานที่เมืองไทยเสร็จก่อน เขาจะตามไปทันที
   เพราะเขาไม่อยากให้ศิริพจน์ลำบากใจ เขาคิดว่าต่อจากนี้ไป เขาจะทุ่มเทให้ศิริพจน์ให้สมกับที่อีกฝ่ายทุ่มเทเพื่อเขามาโดยตลอด
  การจะย้ายไปใช้ชีวิตอยู่กับศิริพจน์ที่สิงค์โปร์ในครานี้ มันคงจะเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ตามที่ศิริพจน์บอกไว้จริง ๆ


   ศิริพจน์ยิ้มกริ่มมองดูสัมภาระที่จะต้องเดินทางไปต่างแดนกับเขา ชายหนุ่มถามตัวเองนี่เขากำลังจะเดินตามทางของตัวเองจริง ๆ แล้วหรือ เขาไม่นึกไม่ฝันว่าตัวเองจะได้ทำงานที่รักอย่างนี้
   เพราะตอนเรียนอยู่พ่อแม่ของเขาเคี่ยวเข็ญและเกลี้ยกล่อมให้เขาเรียนไปเพื่อทำอย่างอื่นมากกว่าจะมาเป็นนักค้าหุ้น พ่อของเขาบอกว่า
“มันเป็นอาชีพของคนที่จะถีบตัวในสังคม แกน่าจะเรียนมาช่วยที่บ้านดีกว่า”
แต่เมื่อเขาได้ยินอย่างนั้น เขาก็เหมือนรู้ว่าต้องทำอย่างไร เขาจึงนำเสนอแง่มุมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในแง่การลงทุนให้บุพการีฟัง อีกทั้งเพื่อนฝูงของพ่อแม่เขาหลายคนในวงการนี้ก็มองศิริพจน์ไกลในฐานะว่าที่พ่อมดการเงินคนใหม่เลยทีเดียว ทั้งสองจึงเห็นด้วยและปล่อยลูกชายคนกลางให้เป็นนักค้าหุ้นสมใจอยาก
      การไปทำงานที่สิงค์โปร์จึงเป็นก้าวแรกของการเติบโตของชายหนุ่ม เขาวางแผนมาตั้งแต่เรียนว่า จะรีบไปทำงานที่สิงค์โปร์ในขณะที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว ประกอบกับพ่อแม่ของเขาเคี่ยวเข็ญลูก ๆ ของตนในการเรียนภาษาจีนเป็นอย่างหนัก ทำให้เขาได้งานนี้มาไม่ยาก
    อีกอย่าง เขาก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ก็มีความรัก มีคนที่เขารักอยู่ข้างกายและตกลงปลงใจที่จะไปใช้ชีวิตกับเขา ถึงจะเป็นความรักที่เหมือนเจ้าตัวต้องแย่งชิงมาก็เถอะ
    เขาถอนหายใจเมื่อนึกถึงตอนที่พีร์เข้ามาสารภาพกับเขาว่าทำอะไรกับศิลามา และยังรักศิลาอยู่ เขาก็ไม่ได้แปลกใจ เพราะบางครั้งที่อยู่ด้วยกัน แววตาของพีร์มันฟ้องว่าพีร์ยังไม่ลืมอีกฝ่าย และการที่ศิลายังติดตามพวกเขาอยู่ มันก็ทำให้เขาหนักใจในบางครั้งว่า พีร์จะใจอ่อนเลือกศิลาหรือไม่  เขาไม่แปลกใจที่สักวันศิลาจะต้องมาหาพีร์ในรูปแบบนี้ และก็ไม่แปลกใจที่พีร์จะยอมศิลา เขาดีใจที่คนรักของเขาสำนึกและสารภาพ นั่นก็แสดงว่าพีร์ก็คงรู้ผิดชอบชั่วดีกับความเป็นคนรักของเขาเหมือนกัน
    แต่การที่พีร์บอกกับเขาตรง ๆ แบบนี้ มันก็ไม่สำคัญเท่ากับพีร์ได้ตัดสินใจเลือกเขา
   เพราะขอเพียงพีร์ให้เขาเพียงแค่เสี้ยวใจ เขาก็มีความสุขแล้ว


  ส่วนศิลาที่วันนี้เขามารับประทานอาหารกับครอบครัวของนลพรรณที่ร้านอาหารจีนสุดหรูแห่งหนึ่ง เขากับพ่อตาแม่ยายนั้นคุยกันด้วยดี  จนกระทั่งผู้เป็นพ่อตาเปรย ๆ ขึ้นมาว่า
“เฮ้อออ ตาหยก พ่อล่ะกลุ้มใจเจ้าพจจริง ๆ” ศิลาหูผึ่งทันดีเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“ทำไมเหรอครับคุณพ่อ” เขาวางตะเกียบลงและตั้งใจฟังผู้เป็นพ่อตา
“มันจะไปทำงานที่สิงค์โปร์ล่ะ”
เขาดีใจลึก ๆ เพราะยังไม่รู้ว่าพีร์จะย้ายไปอยู่ด้วย “เหรอครับ”
“ใช่หน่ะสิ พ่อยังไม่ได้หาเมียให้มันเลย มันไม่อยู่อย่างนั้นไปคว้าใครมาพ่อจะทำไง ไอ้ลูกคนนี้มันยิ่งไม่ฟังใครซะด้วย”
ศิลาได้ยินอย่างนั้นก็สะท้อน เมื่อพ่อตาพูดถึงคำว่า “เมีย”
“ก็มันนั่นหล่ะแย่งเมียผม” เขาอาฆาตในใจ แต่ก็ตั้งใจฟังพ่อตาพูดต่อ
“พาใครมาให้มันดู มันก็ไม่ชอบ ๆๆ ไม่เอา มันบอกว่า ขอมันทำงานก่อนค่อยหาให้มัน นี่มันก็ทำงานแล้ว พ่อจะหาเมียให้ไปอยู่กับมันเลย จะได้มีลูกเร็ว ๆ” ชายวัยกลางคนตอบตามความคิดที่ยึดตามธรรมเนียมชาวโพ้นทะเล
นลพรรณมองหน้าพ่อตัวเองแบบรับไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร
“แหม คุณ ผู้หญิงสิงค์โปร์หน่ะดูดีออก” ผู้เป็นแม่ยายแทรก
“ดียังไง ถ้ามันไม่ใช่คนที่เรารู้จักก่อน เถือกเถาเหล่ากอที่ไหนใครจะรู้”
ศิลาได้ยินอย่างนั้นก็มีความคิดบางอย่างเข้าหัว เขายิ้มร้ายที่มุมปาก ก่อนจะบอกพ่อตาว่า
“คุณพ่อครับ คุณพ่อจำโก๊ะ หลุง เปา ได้ไหมครับ”
“หือ ใครนะ”
“อ่อ มิสเตอร์โรเบริ์ต โก๊ะ ไงครับ ญาติฝ่ายแม่ของผม ที่เป็นคนสิงค์โปร์หน่ะ เค้ามางานแต่งของผมกับแพรวด้วย คุณพ่อพอนึกออกไหมครับ”
“อ่ออ จำได้ล่ะ ที่เค้าให้สิงโตหยกเขียวเป็นของขวัญแต่งงานใช่ไหม” คนเป็นแม่จำได้
“อ่าครับ ใช่”
“ทำไมหึ หยก มีอะไรเหรอ”
“คือ คุณลุงโรเบิร์ต มีลูกสาวหน่ะครับ”
ศิลาพูดจบประโยคนี้ทำเอาคนทั้งหมดถึงกับมองหน้าเขาเป็นตาเดียว คนเป็นพ่อแม่สะดุดใจ แต่นลพรรณมองหน้าสามีอย่างรู้ทัน
“ลูกสาวเหรอ”
“ครับ อายุประมาณเจ้าพจหล่ะครับ เค้าส่งมาเรียนเศรษฐศาสตร์ที่มหาลัยในเมืองไทยด้วย เวลาตรุษจีนทีไร ถ้ายัยแคทกลับสิงค์โปร์ไม่ได้ก็จะมาไหว้กับที่บ้านผม”
“เหรอ แล้วตอนนี้หนูคนนั้นอยู่ไหน” ผู้เป็นพ่อสนใจทันที
“รู้สึกจะกลับสิงค์โปร์ไปแล้วหล่ะครับ”
“แล้วหยกจะแน่ใจได้ยังไงว่าเค้าไม่มีแฟน”
“สบายใจครับ คุณลุงโรเบริ์ตฝากที่บ้านผมคุมเข้มเรื่องนี้ ยัยแคทไม่มีแฟนแน่นอน และอีกอย่าง รู้สึกเหมือนคุณลุงโรเบริ์ตคงจะหาผู้ชายดี ๆ ให้ลูกเองหน่ะครับ” เขาตอบยิ้ม ๆ
“ดีเลย แล้วพ่อจะติดต่อกับเค้าได้ไง”
“ไม่ยากครับ ผมไปคุยให้ก็ได้ คุณพ่อคุณแม่จะหาเรื่องไปเยี่ยมเจ้าพจที่สิงค์โปร์แล้วไปเจอเค้า หรือจะให้เค้ามาเมืองไทยก็ได้”
“เฮ่ยยย ได้ไง จะไปขอลูกสาวเค้า เราก็ต้องไปสิ จริงมั๊ยคุณ”
“ใช่ ๆๆ” คนเป็นแม่เห็นด้วย
“อ่าครับ คุณพ่อคุณแม่คงหมดกังวลเรื่องเจ้าพจซะทีนะครับ”
“ใช่ ๆๆ เอ้ออ ขอบใจหยกจริง ๆ นะลูก ดีล่ะ เราสองบ้านจะได้สนิทชิดเชื้อกันมากขึ้นล่ะ ๆๆๆๆ”
“ครับ” ศิลารับคำ ยิ้มมุมปากอย่างมีความหวัง ส่วนนลพรรณมองหน้าสามีและถอนหายใจกับชะตากรรมของน้องชายตัวเอง

  อีกสองวันคือวันเดินทางของศิริพจน์ แต่คืนนี้มีงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัทพ่อเขา จึงชวนพีร์ไปในงานนี้ด้วย ภายในงาน นอกจากพนักงานในบริษัทแล้ว ยังเป็นการรวมตัวของบรรดาไฮซ้อไฮโซทั่วฟ้าเมืองไทยอีกด้วย       ศิริพจน์พาพีร์เข้าไปสวัสดีกับเจ้าภาพอย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินเข้ามาในงาน
  พีร์เหลียวมองไปรอบตัวอย่างเก็บความรู้สึกตื่นตา เพราะมีแต่คนดังในวงสังคมที่เขาเคยเห็นแต่ในหน้าหนังสือพิมพ์มาเดินรายล้อมรอบตัวเขา ศิริพจน์ที่เดินเคียงข้างเขา ดูหล่อเนี้ยบในชุดสูทแบรนด์หรู เช่นเดียวกับพีร์ที่ลงทุนกับค่าเสื้อผ้าคืนนี้ไปไม่น้อย
   พีร์มองศิริพจน์อย่างหลงใหล คืนนี้ชายหนุ่มข้างกายเขาดูดีมาก ๆ ศิริพจน์เองก็ยิ้มปลื้มกับสายตาแบบนั้นของคนรัก  การที่พีร์มองศิริพจน์อย่างนั้น อยู่ในสายตาของศิลาที่ยืนมองอยู่ตลอด
  พีร์รู้สึกว่าตัวเองถูกมอง จึงหันไปมองรอบข้างช้า ๆ ก็พบศิลาที่ยืนมองเขาอยู่เศร้า ๆ
เขาตกใจแต่ก็ไม่ได้แสดงอะไรออกมา จึงทำเป็นไม่สนใจฝ่ายนั้น เขามองศิริพจน์ต่อด้วยสายตาที่ชื่นชมเช่นเคย
   มันทำให้ศิลาเริ่มรู้สึกไม่พอใจ
“ตาพจ ทางนี้ ๆ” พี่สาวคนเดียวของเขาที่ยืนกับเพื่อนกระเทยยักษ์ส่งสัญญาณเรียกน้องชายเบา ๆให้มาหาพวกเขาบริเวณมุมหนึ่งของงาน ศิริพจน์เห็นอย่างนั้นก็พาคนรักเดินเข้าไปหาพี่สาวอย่างดีใจ
“สวัสดีครับพี่แพรว พี่เป้”
“หวัดดีจ้ะน้องพี” นลพรรณรับไหว้ เธอรู้สึกดีใจที่พีร์มางานนี้ แต่ก็อดกังวลแทนไม่ได้เพราะศิลาก็อยู่ในงานนี้เช่นกัน
 “วันนี้น้องพจขาหล๊ออ หล่อนะคะ เจ้ขอยืมมาควงสักวันได้ไหม” ปกรณ์หยอกเย้า
“ได้เลยครับ ตามสบาย อิอิ”
“ค่ะ ขอบใจนะคะ คริ คริ”
    งานเลี้ยงนี้เป็นงานคอกเทล จึงมีเครื่องดื่มสีสวยมากมายหลายชนิดให้เลือกสรร บริกรยกแก้วเครื่องดื่มมาให้คนทั้งสี่ ทั้งสี่รับไว้และชนแก้วกันอย่างยินดี
   ศิริพจน์ยกแก้วขึ้นดื่ม เขาหันไปทางซ้ายก็พบศิลายืนจ้องเขาตาเขม็งอยู่ไกล ๆ เขาลอบยิ้มเย้ยพี่เขย และโอบไหล่พีร์แสดงความเป็นเจ้าของต่อหน้าศิลา
  “นี่คงยังไม่รู้ล่ะสิว่าเราจะพาพีหนีไปแล้ว” เขาคิดอย่างนั้น เพราะหลังวันที่เขาไปสิงค์โปร์ได้หนึ่งสัปดาห์พีร์ก็จะลาออกจากงานตามเขาไปอยู่ด้วยกันที่สิงค์โปร์
   “เดี๋ยวก็รู้ไอ้พจ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน!” ศิลาเจ็บใจ แต่ก็นึกถึงเรื่องที่เสนอกับพ่อแม่ของศิริพจน์ขึ้นมา งานนี้รับรองว่าศิริพจน์จะต้องเจอทางตันแน่ ๆ
    นลพรรณมองน้องชาย และก็สังเกตว่าศิริพจน์กับศิลากำลังส่งสายตาท้าทายกันอยู่ในระยะไกล เธอพอจะรู้รังสีอำมหิตจากทั้งสองฝ่ายที่แผ่ซ่านใส่กันอยู่
“อุ๊ย ได้เวลาพีธีการแล้ว” ปกรณ์ทัก เพราะคุณพ่อของนลพรรณขึ้นมากล่าวอวยพรทุกคนบนเวทีแล้ว
 “สวัสดีปีใหม่ทุกคนครับ มามาฉลองด้วยกัน ไชโย ไชโย ไชโย!” ผู้เป็นประธานงานนี้ชูแก้วเครื่องดื่มในมือพร้อมกล่าวไชโย ร่วมกับคนในงาน
พีร์ที่ตอนนิ้ยืนอยู่คนเดียวในมุมหนึ่งของงาน ก็ชูแก้วฉลองไปด้วย แต่ด้วยความซุ่มซ่ามส่วนตัว ทำให้ระหว่างชูแก้วนั้น เครื่องดื่มบางส่วนก็กระฉอกหกใส่เขา ศิลาที่ยืนอยู่อีกมุมเห็นอย่างนั้นก็อยากเข้าไปเช็ดให้จึงรีบเดินเข้าไปหา แต่ก็ช้ากว่าศิริพจน์ที่เข้ามาทันพอดี
“เป็นอะไรไหม...” ศิริพจน์ค่อย ๆ ใช้เช็ดหน้าหรูที่มากับชุดเช็ดหน้าให้พีร์อย่างเป็นห่วง สายตาของเขามองดูศิลาที่มองดูพวกเขาอยู่ด้วยความรู้สึกเดือดดาล สัญชาติญาณการเอาชนะของเพศชายของทั้งคู่ก็ประทุขึ้นทันที
พีร์ที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย บอกว่า “ไม่เป็นไรคับ ผมไม่เป็นไร”
“ไหน ขอดูสิ” เขาค่อยก้มลงไปดมชุดที่พีร์ใส่และให้ศิลาเห็นว่าเขาลงไปดมที่หน้าพีร์ “อื้ม มีกลิ่นเหล้าอยู่จริง ๆ ด้วย” เขาไม่สนใจ เพราะคนในงานคงคิดว่าเขาเป็นพนักงานคนหนึ่งเพราะเขาเป็นคนที่ไม่เคยออกงานสังคมเลย จึงไม่สนใจที่จะทำอะไรล่อแหลมแบบนี้เท่าไหร่ และมุมที่เขาอยู่นี่ก็เป็นมุมที่ค่อนไม่มีใครมองด้วย
พีร์มองหน้าเขาดุ ๆ ที่ทำอะไรแบบนั้น เขาค่อยลูบหน้าพีร์อย่างเป็นห่วง
“อยากกลับหรือยังครับ”
“อืม..” พีร์ตอบได้แค่นั้นแต่ก็ทำหน้าตกใจถึงขีดสุดก็เพราะว่า...

“ผลั๊ว!!!! พล่อก!!!!” ศิลาเข้ามาสะกิดให้ศิริพจน์หันหาและจัดการประเคนหมัดเข้าที่หน้าทันที พีร์เอามืออุดปากตัวเองเพื่อกั้นเสียงกรีดร้องอย่างตกใจที่สุด เสียงวีดว้ายจากคนรอบข้างดังขึ้น ศิริพจน์มองหน้าศิลาอย่างท้าทาย เขาคลำจมูกที่มีเลือดออก แล้วเสยหมัดให้กับคนที่มองหน้าเขาอยู่อย่างตอบแทนเช่นกัน นลพรรณกับปกรณ์ได้เห็นอย่างนั้นจึงรีบเข้ามาห้ามศึก
“นังแพรว ศึกชิงนางเกิดขึ้นแล้วมั๊ยล่ะ” เพื่อนสาวกระซิบนลพรรณเบา ๆ อย่างตกใจ
   “ทำไม ทนไม่ได้เหรอครับที่เห็นผม หะ” ศิริพจน์ท้าทายขณะที่ต่างคนต่างดันเข้าวงล้อมกัน
“ไอ้พจ คนอย่างแกต้องเจอแบบนี้” ศิลาระบายความคับแค้นออกมา หมัดลุ่น ๆ จึงเสยเข้าใส่หน้าศิริพจน์อีกครั้ง
  เสียงวี้ดว้ายยังไม่หยุดลงพร้อมด้วยเสียงห้ามจากพ่อกับแม่ นลพรรณกับปกรณ์ไม่กล้าเข้าใกล้เพราะกำลังเดือดได้ที่กันทั้งคู่  ศิริพจน์เองก็ไม่ยอม เขาเข้าต่อยที่หน้าและชายโครงของคนเป็นพี่เขยอย่างไม่ยอมแพ้จนศิลาล้มลงด้วยความจุก และลุกขึ้นมาซัดชายหนุ่มที่ชายโครงอีกครั้งก่อนจะหิ้วคอเสื้อชายหนุ่มที่เพลี่ยงพล้ำให้เขาขึ้นมาและพูดใส่หน้า
“แค่นี้มันยังน้อยไปกับคนอย่างแก!!”
คนรอบข้างเห็นเหตุการณ์สงบลงแล้วจึงรีบจับแยกทันที นลพรรณรีบเข้าไปจับศิลาแยก ส่วนปกรณ์นั้นเข้าไปกระกบศิริพจน์ทันที
  “นี่มันเกิดอะไรกันขึ้น!!” เสียงประกาศิตจากคนเป็นพ่อถามด้วยความฉุนเฉียวปนสงสัย ศิริพจน์กับศิลายังมองหน้ากันฮึดฮัด แต่นลพรรณกับปกรณ์มองหน้ากันแบบสลดและทำหน้าเหมือนโลกกำลังจะแตก ทั้งสองมองหาพีร์ แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของหนุ่มน้อย

หญิงสาวสงสัย “แล้วน้องพีล่ะไปไหน..”

ในขณะที่พีร์กำลังอุดปากกลั้นเสียงกรีดร้องของตัวเองกับภาพที่เห็นตรงหน้านั้น ก็มีมือปริศนาเข้ามาลากเขาออกจากงาน เขาสะบัดมือไม่อยากไป แต่มือนั้นยังคงลากเขา เขาจึงหันไปมองจึงพบว่า..
“คุณแจ๊ค...” เขามองหน้าหล่อนั้นด้วยความตกใจปนสงสัย
“รีบไปก่อนเถอะ เร็ว!”
“ไม่!..”
“ไปเถอะเชื่อผม ถ้าไม่อยากให้ไอ้หยกกับเจ้าพจต้องเดือดร้อนเพราะคุณ” พลกฤษณ์กระซิบเฉียบขาด ทำให้พีร์ต้องมากับเขาในสภาพที่มีพลกฤษณ์คอยจูงข้อมือวิ่งออกมา
“คุณ...” พีร์ถามขณะอยู่ในลิฟท์ เขาสงสัยในพลกฤษณ์แต่ก็อดเป็นห่วงศิริพจน์ไม่ได้
“ไม่ต้องถามอะไรมากตอนนี้ รีบออกจากงานนี้ก่อน”
“ปล่อยผม!” พีร์พยายามสะบัดข้อมือที่พลกฤษณ์จับอยู่
เขาปล่อยข้อมือของพีร์ออก แต่พอลิฟท์ถึงชั้นล็อบบี้ที่ต้องลง เขาก็ลากจูงข้อมือพีร์ให้ไปขึ้นรถด้วยกัน
“นี่ปล่อยนะ!.. ผมเดินเองได้”
“แล้วคุณจะไปไหน”
“ผมก็จะรอพจอยู่ที่นี่”
“รอหรอ....ผมว่าคุณกลับไปก่อนดีกว่า”
“ทำไม...”
“ให้ผมไปส่ง แล้วผมจะเล่าให้ฟัง”
“ไม่ ผมกลับเองได้”
“พี คุณ เดี๋ยว..” เขาเรียกพีร์ที่เดินออกไปหน้าโรงแรม เขาเห็นไม่ทันการ จึงรีบไปที่รถของตัวเองทันที

  พีร์เดินช้า ๆ บนฟุตบาทจากโรงแรมอย่างเศร้า ๆ เขาค่อย ๆก้มหน้าแล้วร้องไห้ออกมา แต่ทันใดก็ได้ยินเสียงแตรรถและเครื่องยนต์กระหึ่มใกล้ ๆ เขา
“นี่คุณ คุณพี ไปกับผมเถอะน่า...” เสียงหล่อ ๆ เรียกเขาจากข้างหลัง เขาหันไปก็พบพลกฤษณ์กำลังขับ Porsche Cayman S สีควันบุหรี่ ชะลอเครื่องตามเขาอยู่
“ไม่ ทำไมผมต้องไปกับคุณ” เขาหันไปตอบ พร้อมกับก้มหน้าร้องไห้
“คือ ไปกับผมเถอะนะ เดี๋ยวผมไปส่ง คุณกลับสภาพนี้ได้ไง”
“ผมกลับเองได้..”
“ไปกับผมเถอะ นะ ขอร้อง รถผมชะลอเครื่องนานไม่ได้นะ เดี๋ยวเครื่องฟังหมด” เขาไม่รู้จะทำไงแล้วเลยต้องพูดอย่างนี้
“เรื่องของคุณ”
“เฮ้ยย นะ ไปกับผมนะครับ นะ ไม่อยากรู้เหรอว่าทำไมผมถึงลากคุณมาแบบนี้” พีร์ชะงัก และหันไปมองหน้าของพลกฤษณ์
“นะครับนะ ให้ผมไปส่งเถอะ แล้วผมจะเล่าให้ฟัง ผมรับรองคืนนี้คุณถึงบ้านปลอดภัย นะ” เขาชูสามนิ้วล้อเลียน ทำให้พีร์ขึ้นมาบนรถหรูนั่น และพลกฤษณ์ก็ขับออกไปด้วยความโล่งใจที่เกลี้ยกล่อมคนดื้อดึงสำเร็จ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-05-2010 18:01:03 โดย น้ำพริกแมงดา »

bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #266 เมื่อ20-05-2010 18:04:58 »

ศิลาไม่หักห้ามใจเลยอ่ะ
เดี๋ยวพ่อแม่ก็ต้องถามว่าเกิดจากอะไร ทีนี้ล่ะงานเข้าแน่ๆๆๆ

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #267 เมื่อ20-05-2010 18:05:56 »

ดูไม่เป็นนิยายดี ตัวละครมีแง่มุมแบบมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบแท้ๆ จะติดตามต่อไปนะคะ :pig4:

นี่ล่ะค่ะ สิ่งที่พยายามจะสื่อในภาคต่อของเรื่องเด็กฝึกงานนี้ (แต่ก็ยังมีแง่มุมความเป็นนิยายอยู่นะคะ) ขอบคุณ คุณsilverspoon มากค่ะ ที่กลับมาติดตามและให้กำลังใจกัน ขอบคุณค่ะ

และก็ขอบคุณผู้อ่านทุกคนนะคะ ขอบคุณค่ะ ที่ติดตามกันมาอย่างเหนียวแน่น

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #268 เมื่อ20-05-2010 20:03:20 »

อ่าาา..พี่หยกทำไมทำงี้ล่ะ...เรื่องมันจะไม่ไปกันใหญ่เหรอเนี่ยยย o22
แล้วคุณแจ๊คจะมาไม้ไหนน้าาา...เฮ้อ เหนื่อยแทนนะนู๋พีร์ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #269 เมื่อ20-05-2010 21:11:36 »

แจ็ค คิดไรมากกว่าช่วยเหลือป่าว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด