ภาคต่อ ตอนที่ 17
“พีค๊าบบบ”
“หะ มีอะไรเหรอพจ” พีร์ที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอก ได้ยินศิริพจน์เรียกจากโต๊ะเขียนหนังสือเลยรีบไปหา
“พจมีอะไรจะบอก..”
“อะไรเหรอ” พีร์เข้ามาโอบไหล่และก้มลงถามคนที่ใส่แว่นดูหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่
“พจจะไปทำงานสิงค์โปร์นะ”
“หะ…” พีร์ตกใจ มองหน้าอีกฝ่ายแบบคาดไม่ถึง
“จริงนะ....” เขากอดเอวพีร์อ้อน ๆ “พจอยากทำงานที่สเตทส์ไทม์หน่ะ มันเป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดของแถวนี้เลยนะ”
“ก็ดีหน่ะสิ” เขาเห็นด้วยกับศิริพจน์
“ตอนนี้พจส่งเอกสารสมัครงานไปแล้วหล่ะ รอเค้าตอบกลับ”
“อืม..”
“พีครับ ถ้าพจน์ได้งานใหม่ที่สิงค์โปร์แล้ว เราไปอยู่สิงค์โปรกันมั๊ยพี” ศิริพจน์เงยหน้าอ้อนร่างที่เขากอดอยู่
“พจ...”
“นะครับ ผมไม่อยากทิ้งให้คุณอยู่เมืองไทยคนเดียว ผมเป็นห่วงคุณ”
“แล้ว หมายความว่าผมก็ต้องไปหางานใหม่ตามคุณใช่ไหม” เขาเริ่มสับสน กับการต้องย้ายไปบ้านอื่นเมืองอื่นกะทันหัน
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้หรอกพีร์ คุณไปเป็นแม่บ้านให้ผมก็ได้ เดี๋ยวผมเลี้ยงคุณเอง”
พีร์ตกใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น ท่าทางศิริพจน์จะทุ่มเทกับการพาเขาไปด้วยจริง ๆ
“จะดีเหรอพจ พีว่าพีอยู่กรุงเทพฯอย่างนี้ก็ดีแล้วนะ”
“ไม่ดีเหรอพีคุณจะได้กลับบ้านที่หาดใหญ่ได้บ่อย ๆ ไง เห็นคุณชอบบ่นคิดถึงบ้านไม่ใช่เหรอ”
“ก็...พีงง ๆ หน่ะพจ ขอเวลาพีตัดสินใจละกันนะ..” เขาลูบหัวศิริพจน์เบา ๆ
“อ่าครับ ผมคงคิดถึงคุณแย่เลยอ่า ถ้าคุณไม่ไปกับผม” เขาอ้อนคนรักเหมือนเด็ก ๆ อ้อนแม่
พีร์ยิ้มขำและหยิกแก้มศิริพจน์อย่างเอ็นดู แต่ก็ในก็เริ่มกลัดกลุ้ม
ศิริพจน์รักเขามากแค่ไหน เขารู้ดี
การย้ายไปอยู่สิงค์โปร์กับศิริพจน์นั้น เหมือนว่าชีวิตของเขากับศิริพจน์คงจะได้ลงเลยกันด้วยดีจริง ๆ
มันก็เหมือนความฝันของเขาที่อยากมีใครสักคนมาดูแลกัน สิ่งที่ศิริพจน์เสนอมาให้เขาก็เหมือนความฝันนั้นกำลังจะเป็นจริง
แต่เขาก็ไม่อยากไปจากเมืองไทย
เพราะเขาไม่อยากอยู่ห่างไกลจากศิลาเลย...
อีกไม่กี่วันต่อมา ศิริพจน์ก็ได้อีเมลล์ตอบกลับจากทางสิงค์โปร์ ทำให้เขาต้องเดินทางไปสัมภาสน์ที่สิงค์โปร์เป็นเวลาสามวัน ศิริพจน์กะจะหาลู่ทางสำหรับที่อยู่และงานของพีร์ไว้ด้วยถ้าหากอีกฝ่ายตกลงมาอยู่กับเขาที่นี่จริง ๆ
การสัมภาสน์งานของเขาเป็นไปด้วยดี เพราะดูท่าเจ้านายใหม่ของเขาก็ตะลึงในความสามารถของศิริพจน์อยู่หลาย ๆ ด้านเช่นกัน ถึงแม้จะมีคนเข้ามาสมัครมากมาย แต่ดูท่าทางแล้วศิริพจน์ก็มีแนวโน้มจะเป็นคนที่ได้รับคัดเลือกเข้าทำงาน
“ท่าทางจะไปได้สวย” เขาคิดอย่างนั้นกับเรื่องงานและเรื่องชีวิต เพราะตอนชายหนุ่มบอกกับพ่อแม่ของตนว่าจะมาทำงานที่ต่างแดน พวกท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ออกจะเห็นดีด้วยซ้ำ เพราะคงเห็นแววนักค้าหุ้นในตัวลูกชายคนรอง จึงไม่อยากตัดอนาคต
อีกอย่างถ้าพีร์มาอยู่ด้วย เขาก็จะได้ใช้ชีวิตกับอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ เพราะสังคมสิงค์โปร์ไม่ค่อยเคร่งครัดเรื่องเกย์เท่าไหร่
เขาไม่แน่ใจในตัวเองเหมือนกันว่าชอบผู้ชายจริง ๆ หรือเปล่า แต่เขาแน่ใจว่าเขารักพีร์
เพราะรักนี่หล่ะ ศิริพจน์ถึงได้อยากพาพีร์มาอยู่ด้วยกัน อีกอย่างหนึ่งคือ เขาคิดว่าพีร์เองก็ยังตัดใจจากศิลาไม่ขาดเสียทีเดียว หนำซ้ำศิลาเองก็ขยันตามพวกเขาอย่างไม่ลดละ
“งั้นก็ย้ายมาสิงค์โปร์ด้วยกันซะก็หมดเรื่อง” ศิริพจน์ยิ้มในวิธีการของตัวเอง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้บังคับพีร์ให้มาด้วยกัน แต่เขาก็เชื่อว่าพีร์เองก็ต้องอยากมากับเขา
เพราะเขาไม่อยากบังคับจิตใจของพีร์ แต่เขาเองก็ไม่อยากให้พีร์อยู่ห่างเขาไปเหมือนกัน
“ พรุ่งนี้ก็คริสมาสแล้ว ผมเสียดายจังที่ไม่ได้กลับไปอยู่กับคุณ” ศิริพจน์คุยกับคนรักในMSN ด้วยความคิดถึง
“ไม่เป็นไรหรอก แหม เราไม่ใช่ฝรั่งซะหน่อยจะได้ฉลองคริสมาส” พีร์ตอบกลับ
“ก็คิดถึงนี่…แล้วพีไม่คิดถึงผมเหรอ”
“คิดถึงสิ”
“ตื่นเต้นอ่ะ พรุ่งนี้เค้าถึงประกาศผล”
“อ่าวเหรอ ทำไมอ่ะ”
“คนมาสมัครเยอะมากเลยพี จากเมืองไทยรู้สึกจะมีผมคนเดียวมั๊ง”
“จ้า เก่ง ๆ”
“อ่าแน่นอน ไม่เก่งแค่เรื่องเดียวหล่ะผมอ่ะ”
“อะไรอ่ะ เรื่องอย่างว่าเหรอ” พีร์หยอกล้อ
“อื้อหือ ไม่ได้เลยนะคุณเนี่ยะ”
“ผมไม่เก่งอยู่เรื่องเดียวก็คือเรื่องความอดทนหน่ะ...อดทนคิดถึงคุณไม่ได้”
“เน่า” พีร์ยิ้มขำ
“ไมอ่ะ พูดจริง ๆ นะ”
“ไม่คุยด้วยแล้ว พรุ่งนี้ไปทำงานแต่เช้า แล้วนี่ก็นอนซะนะพจ”
“ค๊าบ ๆๆ ฝันดีนะคับ”
“คับ เช่นกัน ฝันดีล่ะ”
“บะบาย”
เขาหัวเราคิกคักกับหน้าจอและปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ของเขาเพื่อเตรียมตัวจะนอน เขาปิดไฟที่ห้องและจะล้มตัวนอน แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเขา จึงลุกออกไปดูที่ตาแมวก็พบว่า..
“พี่หยก...” พีร์ตกใจ เพราะสภาพศิลานั้นยืนไม่เต็มเท้า เขาคาดว่าอีกฝ่ายคงเมามาแน่ ๆ
“น้องพีค๊าบบ เปิดประตูให้พี่หน่อยได้ม๊ายยย”
พีร์สองจิตสองใจ อีกใจหนึ่งเขาก็ไม่อยากอยู่ใกล้ แต่อีกใจเขาก็เป็นห่วงชายหนุ่มเสียเหลือเกิน
“น้องพีค๊าบ ฮือ ๆๆๆๆ” เขาได้ยินเสียงอีกฝ่ายร้องไห้ออกมาก็ตั้งใจฟัง
“น้องพีค๊าบบบ พี่รักน้องพี ทำไมไม่ให้โอกาสพี่บ้าง…”
“น้องพี....” ก่อนเขาจะพูดอะไรออกมา พีร์ก็ออกมาเปิดประตูห้องให้เขา เขาที่ตอนนี้เมาเกือบไม่ได้สติเมื่อเห็นอย่างนั้นก็ดีใจและเข้าไปหาหนุ่มน้อยอย่างคิดถึง
“น้องพี..” เขาสวมกอดร่างอวบที่พยายามประคองเขาให้ทรงตัวได้ พีร์ค่อยปิดห้องและพาศิลาไปที่ข้างใน
“พี่หยก ทำไมดื่มหนักอย่างนี้ล่ะครับ”
ศิลาไม่ตอบอะไร เมื่อเห็นพีร์ประคองเขามาใกล้เตียงนอนแล้ว จึงพยายามล้มตัวเองให้ทาบทับพีร์อยู่ข้างล่าง พีร์ที่ตอนนี้ถูกศิลาทาบทับอยู่เบื้องล่างตกใจเพราะศิลาเหมือนจะไม่ได้สติจริง ๆ เขาค่อย ๆ เขย่าตัวศิลาเบา ๆ เพื่อเรียกสติอีกฝ่ายกลับมา
“พี่หยกครับ ๆๆ”
ศิลาที่ซบอกอิ่มของเขาอยู่ตอนนี้ส่งเสียงงึมงำในลำคออย่างคนไม่รู้สึกตัว แขนแข็งแรงนั้นกอดหนุ่มน้อยเหมือนกลับมาสู่คนรักที่คุ้นเคย และหลับไปอย่างหมดกังวล
พีร์มองหน้าของคนรักที่ไร้สติอยู่ในอ้อมอก เขาร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกที่หลากหลายอยู่ภายใน พีร์ค่อยลูบผมและจูบเบา ๆ อย่างแสนจะคิดถึงศิลาเช่นเดียวกัน
แต่สำนึกของเขาก็กลับมา เมื่อรู้ตัวว่าเขากำลังกลับไปสู่อตีด ชายคนนี่ไม่ใช่เหรอที่เคยเป็นผู้ชายในฝันของเขา ชายคนนี้ไม่ใช่เหรอที่เป็นผู้ชายที่เขารักและก็รักเขาอย่างหมดหัวใจ ชายคนนี้ที่เคยทำให้เขาเป็นสุขเหมือนขึ้นสวรรค์ และทำให้เขาต้องเจ็บปวดเหมือนตกนรกทั้งเป็น
เขาควรจะอยู่กับปัจจุบัน ที่ชายอีกคนเข้ามาโอบอุ้มเขาจากนรกนั้นด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน ชายที่ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเขาเลย ชายที่ทำให้ทุก ๆ วันของเขามีความสุขเรียบง่าย และชายที่รักเขาอย่างหมดหัวใจเช่นกัน
พีร์มองหน้าศิลาแล้วร้องไห้ เขากอดอีกฝ่ายแน่น แต่ในใจเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงต่อไปดี
ว่าเขาจะเลือกอดีตที่หวานขมของเขากับศิลา
หรือปัจจุบันและอนาคตที่สดใสของเขากับศิริพจน์
“โอ๊ะ..”ศิลาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองเหลือแต่ชั้นในตัวเดียว เนื้อตัวของเขารู้สึกเบาขึ้นเหมือนได้รับการเช็ดตัว เขายิ้มสำเร็จที่พีร์ก็เริ่มใจอ่อน
“รู้งี้แกล้งเมาตั้งนานก็ดีแล้ว” เขาคิดอย่างนั้น และมองหาพีร์ คาดว่ารายนั้นคงจะอยู่ในห้องน้ำ เขาจึงแกล้งเดินโผเผไปหาอีกฝ่าย ที่กำลังหันหลังซักผ้าขนหนูที่อ่าง เขาลอบยิ้ม และเขาไปโอบกอดอีกฝ่ายจากทางด้านหลังแบบคนเมา
“น้องพี....” เขาซบหน้าลงบนต้นคอนุ่ม ๆ ปลายจมูกโด่งนั้นฝังลงบนซอกหูพีร์ หนุ่มน้อยตกใจเพราะศิลาเข้ามาถูกจุดอ่อนของร่างกายพอดี เขาพยายามบ่ายเบี่ยงออกจากอ้อมกอดนั้น แต่ศิลาก็กอดรัดเขาไม่ปล่อย
“อย่าหนีพี่ไปอีกนะ” เขาพูดแบบเมา ๆ อ้อน ๆ ข้าง ๆ หูคนรัก
“พี่หยก ปล่อยพี..พี่จะไปนอน”
“น้องพีอย่าทิ้งพี่ไปนะ...” เขากอดแน่นขึ้น พีร์ชะงัก เพราะศิลาเหมือนจะร้องไห้ออกมา
“ไหนว่าจะไม่ทิ้งพี่ไปไหนไง”
“พี่หยก เลิกเถอะครับ” เขาพยายามทำเสียงแข็ง “พี่หยกเองไม่ใช่เหรอครับที่ทำให้เป็นอย่างนี้”
“พี่ขอโทษ ๆๆๆ” เขาพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “น้องพีพอใจหรือยัง”
“พอเถอะครับ ตอนนี้ชีวิตพีก็ดีอยู่แล้ว พี่หยกปล่อยพีไปเถอะ”
ศิลาได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกโกรธ แต่ก็ไม่แสดงออกมา “น้องพี แล้วน้องพีกล้าพูดออกมาไหมล่ะว่าน้องพีไม่รักพี่แล้ว”
“พีไม่รักพี่หยกแล้ว” เขาสะบัดหน้า พูดออกมาอย่างยากลำบาก
“พี่ไม่เชื่อ” เขาพลางลูบไล้อกนิ่มของพีร์ที่เริ่มละลายลงเมื่อได้สัมผัสจากเขา “น้องพี ยังรักพี่อยู่ แล้วทำไมยังหนีหน้าพี่อีกล่ะหืม..” เขาพลางใช้ปากขบเม้มต้นคออย่างเย้ายวน เนื้อตัวของเขาที่เปลือยเปล่าแนบกับตัวพีร์ที่มีแค่ผ้าชุดนอนบางเบากั้น ช่วงล่างของเขาที่เหลือแค่ปราการชั้นเดียวนั้นตื่นตัวจากการหลับใหล พีร์เองที่ร้างรารสรักนี้มานานก็เคลิบเคล้มไปเช่นกัน ศิลานั้นปรนเปรอจูบเขาอย่างโหยหา พีร์รู้สึกว่าเขาเองก็เมารสจูบจากชายหนุ่มเช่นกัน ศิลาค่อยถอดเสื้อผ้าของพีร์และปราการสีขาวของเขาออก เขาค่อยดันตัวพีร์ให้นั่งบนขอบอ่างก่อนจะปรนเปรอรสรักร้อนแรงที่เขาร้างราให้กับหนุ่มน้อย เมื่อเขามองเห็นสีหน้าที่แสดงความเร่าร้อนของพีร์ถึงขีดสุดแล้ว เขาจึงค่อยให้หนุ่มน้อยเกี่ยวเอวเขาและเกาะคอไว้ให้ดี เพราะเขาจะประคองหนุ่มน้อยมายังฝักบัวใกล้ ๆ
ภายใต้สายน้ำเย็นฉ่ำจากฝักบัว ปรากฏความร้อนแรงจากคู่รักที่พลัดพราก กระแสน้ำจากฝักบัวไม่ได้ทำให้ความร้อนแรงของไฟรักนั้นลดลงเลย พีร์นั้นรู้สึกเหมือนตัวเองจะลายไปกับไฟรักของศิลาที่จุดโชนลงบนตัวเขา ไฟรักนี้หล่ะที่เขาโหยหา ….
ศิลาค่อยใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมพีร์อย่างเบามือ เหมือนครั้งแรกที่ทั้งสองเป็นของกันและกัน พีร์มองหน้าคนรักด้วยสายตาที่อ่อนลงกว่าแต่ก่อน ศิลารู้ตัวว่าคนรักผู้อ่อนวัยกว่ามอง จึงรามือ และมอบจูบลึกล้ำนั้นให้พีร์แทนคำพูด เมื่อเขาถอนริมฝีปากออก ก็พบว่าพีร์มองเขาอยู่อย่างเขินอาย
“จะเขินอะไรพี่อีกหะ..” เขาลูบหัวพีร์เบา ๆ อย่างเอ็นดู
“ก็มันเขินหนิ”
“พรุ่งนี้ไปทำงานไหวมั๊ยเนี่ยะหะ..”
“ไม่ไหวก็ต้องไหวล่ะ” เขาตอบงอน ๆ ด้วยความเป็นคนมีความรับผิดชอบสูง
“นึกว่าจะไม่ไปทำงานซะอีก” เขาลูบหน้าพีร์เบา “พี่จะได้....”
“พอเลยพี่หยกอ่า..” พีร์ทำหน้าไม่ถูก ทั้งเขินอาย ทั้งเหนื่อยอ่อน “นอนกันดีกว่า เสื้อพี่หยกคงแห้งทันพรุ่งนี้เช้าหล่ะ เพราะมะกี๊พีร์เอาไปปั่นให้แล้ว”
“อ่าคับ” เขาหอมแก้มพีร์ “กูดไนท์คับ” แล้วโอบกอดร่างอวบนั้นอย่างสมปรารถนา
“คับ” พีร์รับคำและนอนนิ่งในอ้อมอกของศิลา เขานึกถึงศิริพจน์ และก็อดเกลียดตัวเองไม่ได้ขึ้นมาทันที
“พจ..พีขอโทษ” เขารำพึงในใจต่อชายอีกคนที่รักเขา
อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน - ทาทา ยัง
http://www.youtube.com/v/Rsg7HwCLMUU เทศกาลคริสต์มาสนี้ พลกฤษณ์และครอบครัวมาร้องเพลงที่โบสถ์ร่วมกับคริสต์ชนคนอื่น พ่อแม่ของเขากับพี่ชายและน้องชายทั้งสองอยู่กันพร้อมหน้า กะว่ามาร่วมกิจกรรมที่โบสถ์เสร็จแล้ว เขาก็จะไปรับประทานอาหารร่วมกันที่บ้าน
เขาภาวนาให้พระผู้เป็นเจ้าดูแลชีวินที่ไปอยู่กับพระองค์แล้ว ถึงแม้ชีวินจะจากเขาไปเป็นสิบปี แต่ทุกครั้งที่เขามาใช้เวลากับพระผู้เป็นเจ้า เขาก็ขอให้พระองค์ดูแลชีวินทุกครั้ง
แค่คนที่เขารักไปอยู่อย่างมีความสุข เขาก็สุขใจแล้ว
สำหรับตัวเขา เขาไม่อยากจะภาวนาเรื่องความรักของเขาต่อพระผู้เป็นเจ้านัก เพราะเรื่องนี้เขาเชื่อตัวเองมากกว่า
ถึงแม้ทุกวันนี้เขาจะยังไม่เจอรักแท้ก็ตาม
เขาไม่คาดหวัง เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอย่างไร ถ้ามันเป็นเหมือนที่เกิดกับชีวินแล้วล่ะ ก็คงจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแน่นอน
แต่ใครจะรู้พระทัยของพระผู้เป็นเจ้าล่ะ สักวันเขาอาจจะพบรักแท้ก็ได้
แต่มันคงไม่มาในเร็ววันนี้หรอก เขาคิดอย่างนั้น