สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทีรักทุกคน ขอบคุณมากนะคะสำหรับทุกกำลังใจ ที่ส่งมอบให้ไม่ว่าจะเป็น และการติดตาม,คะแนนโหวตหรือดอกไม้ช่อโตแบบนี้
เนื่องจากพรุ่งนี้จะไม่ได้อยู่บ้านหนึ่งวันค่ะ เลยเอามาลงให้ จะได้ไม่ขาดตอน ขอบคุณทุกคนมากนะคะ
ปล.คือเปลี่ยนหัวชื่อเรื่องไม่เป็นอ่ะค่ะ
มันทำยังไงเหรอคะ รบกวนช่วยสอนด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
ภาคต่อ ตอนที่ 22
เมื่อผู้ใหญ่เปิดโอกาสให้หนุ่มสาวคุยกันตามลำพังสองคน ศิริพจน์กับแคทเธอรีนก็มองหน้ากันแบบทำอะไรไม่ถูก ศิริพจน์จึงถามไปว่า
“แคทครับ คุณรู้สึกยังไงมั่ง”
“งงค่ะ จู่ ๆ คนที่พ่อกับแม่บอกว่าจะมาดูตัวจากเมืองไทยก็เป็นครอบครัวคุณ” หญิงสาวตอบแบบตั้งตัวไม่ถูกเช่นกัน
“แล้วคุณเห็นด้วยกับพ่อแม่เหรอ”
“ไม่หรอกค่ะ” หญิงสาวถอนหายใจ “แต่จะให้ชั้นทำไงได้”
“แล้วคุณมีแฟนหรือเปล่าครับ”
แคทเธอรีนส่ายหน้าใหญ่ “ไม่หรอกค่ะ ใครจะมาชอบผู้หญิงบ้าหุ้นอย่างชั้นล่ะคะ”
“อืม..” เขาพอเข้าใจ และอีกอย่างแคทเธอรีนนั้นมีบุคลิกแบบเด็กน้อยมากกว่าหญิงสาววัยสะพรั่ง
“แล้วคุณล่ะคะ มีแฟนอยู่หรือเปล่า”
“มีครับ” ศิริพจน์ตอบโดยไม่ลังเล แคทเธอรีนมองหน้าชายหนุ่มแบบรับรู้ และไม่แปลกใจเพราะว่าศิริพจน์ก็จัดว่าเป็นผู้ชายที่รูปร่างหน้าตาดีมากคนนึง
“แคทครับ คุณฟังผมนะ ผม – เป็น- เกย์” เขาพูดช้า ๆ ชัด ๆ ให้อีกฝ่ายรับรู้ง่าย ๆ
“คะ?” หญิงสาวตกใจเล็กน้อย
“ผมมีแฟนเป็นผู้ชายครับ” ศิริพจน์พูดอย่างเต็มปาก พร้อมหยิบโทรศัพท์ให้ดูรูปที่เขาถ่ายกับพีร์ มีรูปส่วนหนึ่งที่ต่างคนต่างหอมแก้มกัน รูปพวกนั้นหล่ะคือรูปที่ศิริพจน์ตั้งใจอยากให้หญิงสาวดู
“น่ารักดีหนิคะ” เธอยิ้มรับ ไม่ได้แสดงอาการรังเกียจหรือตกใจอะไร
“ครับ ผมบอกคุณพ่อแล้ว แต่คุณพ่อผมไม่ยอมลูกเดียว ยังไงก็จะให้ผมแต่งงานให้ได้”
“ค่ะ”
“เดี๋ยววันศุกร์นี้เค้าก็จะย้ายมาอยู่กับผมที่นี่แล้ว”
“อ่อ ค่ะ”
“แคท แล้วอย่างนี้คุณยังจะอยากแต่งงานกับผมอีกไหม”
“ชั้นว่า คุณต้องคุยกับผู้ใหญ่ให้รู้เรื่องดีกว่านะคะ”
“หะ” เขาสงสัย “คุณไม่เห็นเหรอว่าพ่อแม่พวกเรายอมซะที่ไหน”
หญิงสาวกล่าวหน้าเศร้า ๆ พร้อมพยักหน้าเออออ “อืม นั่นสิคะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหมายความว่าเราจะต้องแต่งงานกันใช่ไหม”
สองหนุ่มสาวมองหน้ากันอย่างทุกข์ใจในชะตากรรมของตน แต่แคทเธอรีนก็เปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุคและเข้าเว็บการลงทุนแก้เซ็ง ศิริพจน์เห็นอย่างนั้น จึงเข้าไปคุยกันหญิงสาวเรื่องนี้อย่างมีความสุขตามประสาคอเดียวกัน สองหนุ่มสาวพอได้กลับมาสู่จุดนี้ ก็เหมือนเรื่องเคร่งเครียดเมื่อครู่นั้นหายไปทันตา
“แจ๊ค ชั้นมีเรื่องสำคัญจะบอก” ศิลาทำท่าอ้ำอึ้งบอกกับเพื่อนขณะที่ไปไดร์ฟกอล์ฟด้วยกันในเย็นวันพฤหัสบดี
“อะไรวะ” พลกฤษณ์ถามขณะที่ทำลังตั้งท่าหวดลูก
“ไอ้พจกำลังจะหมั้นกับยัยแคท” ศิลาพูดก่อนจะหวดลูกกอล์ฟให้ไกลออกไป
“หะ..แกว่าไงนะ” พลกฤษณ์ถึงกับวางไม้กอล์ฟเมื่อได้ยินอย่างนั้น “เจ้าพจ..จะแต่งงาน”
“อืม ใช่”
“เป็นไปได้ไงวะ แล้วน้องพีล่ะ...”
“น้องพีก็จะไม่ได้ไปอยู่มันหน่ะสิ” เขาพูดเรียบ ๆ แต่รู้สึกสะใจลึก ๆ
“เดี๋ยว ไอ้หยก มันเกิดอะไรขึ้นวะ อยู่ดี ๆ เจ้าพจมันจะไปแต่งงานได้ไง”
“คุณพ่อมาปรึกษาชั้นเรื่องคลุมถุงชนนี้เองหล่ะ” เขาพูดนิ่ง ๆ ต่อ “เมื่อก่อนชั้นก็เกลียดนะ ไอ้การคลุมถุงชนเนี่ย และก็ยิ่งเกลียดมันมากขึ้นตั้งแต่ชั้นรู้จักน้องพี”
“ชั้นรู้สึกว่าตัวเองมันโชคร้ายที่มีทุกอย่าง ยกเว้นโอกาสที่จะเลือกอะไรให้ตัวเอง” ศิลาถอนหายใจ “หึหึ แต่ก็ต้องขอบคุณไอ้การคลุมถุงชนนี่เหมือนกัน ที่ใช้จัดการไอ้พจให้ไกลจากชีวิตของชั้นกับน้องพีได้ซะที”
“ไอ้หยก!” พลกฤษณ์ตกใจ ไม่คิดว่าเพื่อนจะทำแบบนี้ รู้สึกโกรธแค้นแทนคนทั้งคู่“แล้วแกรู้หรือเปล่าว่าแกทำอะไรลงไป แกกำลังทำลายชีวิตของคนสองคนเลยนะเว้ย!”
“ทำไมล่ะ ในเมื่อลึก ๆ แล้วน้องพีก็ยังต้องการชั้น ชั้นก็รักน้องพี”
“งั้นแกก็หย่ากับแพรวแล้วมาขอน้องพีแต่งงานเลยสิ!!” เขาคำราม คว้าคอเสื้อของเพื่อนอย่างโกรธเกรี้ยว
“ทำไมวะ แกเป็นอะไรของแกหะ” เขาตกใจ พยายามแกะคอเสื้อออกจากมือเพื่อน
“แกมันเห็นแก่ตัวไอ้หยก แกไม่คิดเหรอว่าแกกำลังจะทำลายชีวิตคนอื่นเพราะความเห็นแก่ตัวของแก”
“ไอ้แจ๊ค!”
“ทำไมแกไม่หยุดทำร้ายจิตใจน้องพีซะทีหะ สิ่งที่แกทำลงไปทั้งหมด แกคิดเหรอว่าน้องพีจะกลับมารักแกเหมือนเดิม แกรู้ตัวไหมว่าตั้งแต่แกไปทำร้ายน้องเค้าคราวนั้น มันก็แทบหมดโอกาสของแกแล้ว”
“แกจะไปรู้อะไรหะไอ้แจ๊ค ถ้าน้องพีเกลียดชั้นจริง ทำไมน้องพีถึงยอมนอนกับชั้นตอนที่ไอ้พจไม่อยู่” ค่อยพูดใส่หน้าเพื่อนที่กำลังเดือดอยู่
“แล้วทำไมแกไม่ปล่อยให้เค้าไปหาคนที่พร้อมกว่าแกล่ะหะ”
“ไอ้พจหน่ะเหรอพร้อม” เขาหัวเราะเยาะ “ไอ้เด็กเมื่อวานซืน แกคิดว่ามันจะต่างอะไรกับพวกชั้นเหรอ สักวันมันก็ต้องเป็นแบบชั้น ที่ต้องเก็บน้องพีไว้ข้างหลังทั้งที่เค้าเป็นคนที่ชั้นรัก”
พลกฤษณ์เย็นลง ถอนหายใจอย่างสงบสติตัวเอง เขารู้สึกเดือดดาลแทนพีร์กับศิริพจน์มากไป
“แล้วแกจะทำไงต่อหะ ไอ้พจมันจะแต่งงาน แล้วน้องพีล่ะ เค้าจะไปสิงค์โปร์พรุ่งนี้แล้วนะ แกจะบอกเรื่องไอ้พจกับเค้าไหม”
“ยังไงชั้นก็ต้องบอกน้องพีให้ได้” เขาหมายมาด พลกฤษณ์มองศิลาแต่รู้สึกเป็นห่วงจิตใจของพีร์เสียเหลือเกิน
พีร์ที่กำลังเดินกลับมาที่พักหลังจากออกไปหามื้อเย็นรับประทาน เขาจึงมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ ๆ ก่อนจะขึ้นห้อง แต่ จู่ ๆ ก็มีโทรศัพท์โทรมาหาเขา เขาดูหน้าจอก็พบว่าเป็นแม่เขาเองที่โทรมา
“ฮัลโหล ม้า”
“ฮัลโหลพี ม้ามีอะไรจะคุยด้วย” คนเป็นแม่เสียงน้ำเสียงเคร่งเครียดกรุ่นคิดมาตามสาย
“ครับ ม้ามีอะไร”
“พี ลูกมีแฟนเป็นผู้ชายใช่ไหม” เธอถามเสียงสั่น ๆ เหมือนจะทำใจไม่ได้เมื่อพูดถึงตรงนี้ ข้างกายมีคนเป็นพ่อนั่งคร่ำเครียดอยู่เช่นกัน
“ม้า...” ปลายสายแทบทรุดเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาเริ่มร้องไห้ออกมาเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของแม่
“เด็กในร้านเอาหนังสือที่มีรูปลูกกับผู้ชายคนนั้นมาให้ม้าดู ตอบม้ามาก่อนสิว่านั่นใช่แฟนลูกไหม”
“ม้าครับ คือ...”
“พี มีอะไรก็บอกม้ามาตรง ๆ ลูกเป็นเกย์ใช่ไหม….”
พีร์ร้องไห้สะอึกสะอื้น ความเป็นเกย์นี้คือสิ่งที่เขาพยายามปกปิดกับที่บ้านมานานตั้งแต่เล็กจนโต เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เขาสองจิตสองใจที่จะบอกที่ให้ครอบครัวรับรู้ แต่เด็กหนุ่มก็เลือกที่จะปิดบังมาโดยตลอด การปิดบังนี้เหมือนใจของเขามีหินก้อนใหญ่กดทับอยู่เวลาอยู่กับครอบครัว แต่ว่าวันนี้สิ่งที่เขากลัวมานานก็เกิดขึ้นแล้ว พ่อแม่ของเขารับรู้จนได้ว่าเขาเป็นเกย์ พีร์ถือโทรศัพท์ค้างเติ่ง ปลายสายที่เป็นบุพการีคงจะได้ยินเพียงแต่เสียงร่ำไห้ของคนเป็นลูกเท่านั้น
“ฮัลโหล พี ๆๆๆๆๆ พีได้ยินม้าไหมลูก”
“ฮือ ๆๆๆ”
“ป๊า ๆๆๆ ลูกเป็นอะไรไปอ่ะ” เธอส่งโทรศัพท์ให้สามีที่ตื่นตระหนกไม่แพ้กัน
“ฮัลโหล พี นี่ป๊าเองนะลูก” ชายวัยกลางคนเริ่มสะอื้น เขาเองก็ไม่อยากเห็นลูกเจ็บปวดเหมือนกัน
“พี ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไร ป๊ากับม้าก็ยังรักลูกนะ บอกป๊ามาสิลูกว่าแกเป็นเกย์หรือเปล่า”
“ฮือ ๆๆๆๆๆ”
“พี ไม่เอาลูก อย่าร้องไห้” คนเป็นแม่แย่งไปพูด
“ม้า พีชอบผู้ชาย ฮือ ๆๆๆๆ” พีร์พูดได้เพียงแค่นั้น ก็ปล่อยโฮออกมาอีกระลอกใหญ่ ส่วนคนเป็นพ่อแม่ประจักษ์แก่ตัวเองแล้วว่า ลูกชายคนเดียวนั้นเบี่ยงเบนอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด
ใช่ว่าคนเป็นพ่อแม่จะไม่รู้ เพราะตั้งแต่เล็กจนโต พีร์ก็ไม่ค่อยเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไปเสียเท่าไหร่ ทั้งอุปนิสัยใจคอ รสนิยม คนทั้งสองรู้จักลูกตัวเองดีพอ แต่ก็อดตกใจและเสียใจไม่ได้ที่ลูกชายคนเดียวของบ้านจะไม่มีสิทธิมีหลานให้อุ้มอีกต่อไป
“พี ฟังม้านะลูก อย่างที่ป๊าบอก ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไร ลูกก็ยังเป็นลูกของม้ากับป๊าเสมอ นะลูกนะ”
“ม้า..”
“ป๊ากับม้ารักลูกนะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว เอาล่ะ ไปพักผ่อนซะ แล้วค่อยคุยกันใหม่นะลูก จำไว้นะ ม้ากับป๊ารักลูกเสมอ”
“ครับ มาม้า ฮือ ๆๆๆ”
“นะ แค่นี้นะลูก ม้ารักพีนะ”
“ครับ” เขารอจนคนเป็นแม่วางสาย และก็ปล่อยโฮออกมา อย่างสุดจะกลั้น
“น้องพี!” ศิลาที่เดินตามหาพีร์ในสวนสาธารณะนี้หันมาเจอพีร์ที่กำลังร้องไห้อยู่
“ฮือ ๆๆๆ” ศิลาเห็นอย่างนั้นเลยเข้าไปกอดปลอบคนรักไว้ในอกอย่างเป็นกังวล เขาไม่รู้ว่าพีร์ร้องไห้ด้วยเรื่องอะไรอีก
“น้องพี เป็นอะไร ใครทำอะไรน้องพีหึ”
“พี่หยก พ่อกับแม่พีรู้แล้วว่าพีเป็นเกย์ ฮือ ๆๆๆๆ” หนุ่มน้อยตัวสั่นในอ้อมอกของศิลาที่กำลังจะมาบอกข่าวเรื่องศิริพจน์ เห็นอย่างนี้แล้วเขาก็ไม่อยากบอกข่าวร้ายเพื่อตอกย้ำจิตใจของหนุ่มน้อยเลย
“ทำไมล่ะครับ หืมม์”
“พี่ไม่อยากให้ป๊ากับม้ารู้ว่าพีเป็นเกย์ ฮือ ๆๆ พีกลัวเค้าเสียใจ”
“แล้วเค้าว่าอะไรน้องพีมาหรือเปล่า” ชายหนุ่มลูบหัวเบา ๆ
“เปล่าครับ”
“น้องพี พี่จะบอกอะไรให้ฟังนะครับ น้องพียังโชคดีกว่าพี่มากเลยรู้ไหม ถ้าเป็นพ่อแม่พี่ เค้าคงฆ่าพี่ตายคามือแน่ ๆ”
“พี่หยก”
“น้องพี่ครับ พ่อแม่น้องพีเค้าคงเข้าใจน้องพีมาก ๆ หน่ะ ไม่เอานะครับ ไม่มีใครว่าอะไรน้องพีแล้วนะ” เขากอดร่างอวบปลอบใจ นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ทำหน้าที่นี้กับร่างอวบเลย
เมื่อพีร์นั้นสงบลง เขาก็รู้สึกตัวได้ถึงผละออกจากศิลา ศิลานั้นเสียดายเล็กน้อย แต่ก็ไม่ลืมบอกเรื่องสำคัญของเขาในวันนี้
“น้องพี อย่าไปสิงคโปร์ได้ไหม” เขาพูดด้วยเสียงขอร้อง
“ทำไมล่ะครับ”
“พจ กำลังจะหมั้นกับผู้หญิงที่ทางบ้านหามาให้ที่สิงคโปร์” คำพูดนั้นทำเอาพีร์ช็อกแทบลมจับ
“หะ...อะ..อะไรนะครับ”
“พจเค้ากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงสิงคโปร์”
เท่านั้นหล่ะ ถึงกับทำให้พีร์เองล้มทั้งยืน ร่างอวบทรุดตัวลงร้องไห้อย่างอ่อนแรง เขาคิดว่า จุดจบของเรื่องของเขากับศิริพจน์ก็ต้องเป็นไปในรูปแบบนี้เข้าสักวัน แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะมาถึงโดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้
“ทำไม..ทำไมพจไม่บอกพีก่อนล่ะ” เขาที่ทรุดลงร้องไห้ ถามขึ้นมาเบา ๆ
“พจเค้าคงไม่รู้เหมือนกันหรอกว่าจะต้องเจออะไรที่นู่น”
“พี่หยกมาบอกพีแค่นี้ใช่ไหมครับ”
“น้องพี...”
“กลับไปเถอะครับ พีขอร้อง” เขาอยากอยู่คนเดียวจริง ๆ เพราะปัญหาทั้งหลายรุมเร้าเขาในเวลาเดียวกัน เขาเลยอยากใช้เวลาอยู่คนเดียวบ้าง
“น้องพี..”
“นะครับ ขอพีอยู่คนเดียวก่อนนะครับ” หนุ่มน้อยขอร้องคนรัก ศิลาเห็นอย่างนั้นจึงปลีกตัวออกไป ปล่อยให้หนุ่มน้อยอยู่คนเดียวตามที่ขอ แต่พีร์ค่อย ๆ เดินไปที่หน้าที่พักของเขา
เมื่อศิลาไม่อยู่ พีร์ก็กดโทรศัพท์ข้ามประเทศหาศิริพจน์ทันที
“ฮัลโหลพี...” ศิริพจน์รับสายเสียงเศร้า ๆ
“พจ..พจกำลังจะแต่งงานใช่ไหม”
“พี...”
“ใช่ไหมพจ”
“คับ ใช่ ที่พ่อกับแม่ผมมาด้วยเพราะว่าจะพาผมมาดูตัว แล้วเค้าก็กำหนดวันหมั้นไว้แล้วด้วย”
“พจ....ฮือๆๆๆๆ”
“ผมไม่รู้ว่าพ่อกับแม่นัดหมายอะไรไว้ ผมขอโทษที่พาคุณไปเสี่ยงกับความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ของผม”
“พจ พจไม่ต้องขอโทษพีร์หรอก” เขาร้องไห้อย่างจนใจเช่นกัน เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของชายหนุ่มเลย
“พีเข้าใจว่าเรื่องของเรามันต้องจบลงแบบนี้เข้าสักวัน ใครจะยอมเสียลูกชายอนาคตไกลอย่างพจให้คนเป็นเกย์อย่างพีล่ะ”
“พี ....”
“แล้วใครจะดูแลคุณล่ะ คุณจะรับมือกับเรื่องพี่หยกไหวเหรอ ถ้าเค้ามาทำอะไรคุณอีกล่ะ” ชายหนุ่มหมายถึงการที่ศิลากลับมาอยู่กับพีร์ก็เท่ากับว่า พีร์ก็ต้องถูกขังไว้ในเงาเหมือนเดิมหน่ะหรือ
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะพจ ต่อไปนี้จะไม่มีใครทำอะไรพีร์ได้ทั้งนั้น” เขาทำเสียงเข้มแข็ง
“พี...”
“ที่ผ่านมา พีร์ทำให้พจลำบากมาเยอะแล้ว ถ้าชีวิตของพีร์มันเป็นของพี่หยกจริง ๆ พี่ก็คงเลี่ยงไม่ได้หล่ะ”
“พี.....” เขาได้ยินอย่างนั้นก็รู้ทันทีว่า พีร์ก็คงก้มหน้ายอมรับชะตากรรมของคนในเงาบางส่วนไว้แล้ว
“ผมจะคุยกับคุณพ่อ ผมไม่อยากแต่งงาน”
“ไม่ได้นะพจ อย่าให้ผมทำให้คุณเดือดร้อนอีกเลยนะ” เขาร้องขอ “ถือซะว่าที่คุณแต่งงานออกไป คุณทำเพื่อผมแล้วกัน นะครับ”
“....”
“รับปากนะครับพจ อย่าเสียใจที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างที่หวังเอาไว้ ผมยังรักคุณ เราจะยังรักกันได้ไม่ใช่เหรอ”
“ครับ” น้ำตาลูกผู้ชายของศิริพจน์ไหลออกมาช้า ๆ เรื่องของเขากับพีร์มาด้วยกันสุดทางแล้วจริง ๆ
“ขอให้คุณมีความสุขนะครับ” พีร์อวยพรศิริพจน์ทั้งน้ำตา เขาพยายามเก็บเสียงร้องไห้ แต่ก็เหมือนทุกอย่างบุบเบลอ พีร์หมดสติลงทันทีจากการร้องไห้อย่างหนักหน่วง
“ติ๊ด ๆๆๆๆ” ปลายสายส่งเสียงสัญญาณขาด
“พี ๆๆๆ!!!” เขาเป็นห่วงคนรัก ที่ตัดสายไป
“น้องพี” พลกฤษณ์ที่ตามมาดูเพราะเป็นห่วงพีร์เห็นเหตุการณ์ จึงเข้ามาประคองทันที เขาเห็นพีร์หมดสติลงไป ศิลาที่แอบดูอยู่อีกมุมหนึ่งก็ออกมาดู พวกขาจึงตัดสินใจพาพีร์ส่งโรงพยาบาลทันที
“คุณหมอครับ เอ่อ คนไข้เป็นไงมั่งครับ” ศิลาถามนายแพทย์ที่มาตรวจอย่างเป็นห่วง พลางมองดูพีร์หลับหมดสติให้น้ำเกลืออยู่บนเตียงนอน
“คนไข้หมดสติเพราะช๊อกหน่ะครับ ให้น้ำเกลือวันสองวันก็คงดีขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่กับกำลังใจของคนไข้ด้วยหน่ะครับ”
“ครับ ขอบคุณมากครับ” ศิลากับพลกฤษณ์ยกมือไหว้นายแพทย์ที่ขอตัวออกไป พวกเขาคิดว่าเขาตัดสินใจกันถูกแล้วที่พาพีร์ส่งโรงพยาบาล เพราะตอนแรกระหว่างทางมาโรงพยาบาลศิลาจะขอไปดูแลพีร์เอง แต่พลกฤษณ์คัดค้านเพราะอาการของพีร์นั้นสมควรเข้าโรงพยาบาลได้แล้ว
“โถ น้องพี...” ศิลาลูบหน้าผากคนรักเบา ๆ อย่างเป็นห่วงเป็นและสงสาร
“นี่ไงล่ะ พอใจหรือยังไอ้หยก..” พลกฤษณ์เดือดขึ้นมาอีก
“แจ๊ค...”
“ทำไมแกไม่เคยคิดบ้าง ว่าน้องเค้าจะรับได้ไหม แกเป็นคนรักภาษาอะไรวะ รู้ก็รู้ว่าน้องเขาบอบบางแค่ไหน แกยังจะทำอย่างนี้อีก”
“ถึงชั้นไม่บอกสักวันน้องพีก็รู้ว่าไอ้พจต้องแต่งงาน”
“แล้วไง ถ้าไม่มีแกสักคนไอ้พจมันก็คงไม่ต้องแต่งงานกับญาติแกหรอก”
“ทำไมหะ ทำไมแกเดือดร้อนแทนสองคนนี้นัก ไอ้แจ๊ค”
“ก็ชั้นทนไม่ได้ที่เห็นเพื่อนตัวเองไปทำร้ายคนอื่นหน่ะสิ!!” เขาพูดใส่หน้าเพื่อนตัวเอง “โดยเฉพาะน้องพี..”
“ไอ้แจ๊ค”
“ชั้นไม่เคยทำอะไรเลว ๆ แบบนี้ใส่คนอื่น ใช่! ชั้นมันเก้งตัวพ่อ! ชั้นมันคนเจ้าชู้ แต่ชั้นก็ไม่เคยไปทำให้ใครเสียใจขนาดนี้” เขาชี้ไปที่ร่างที่หลับสนิท
“แกทนเห็นน้องพีเค้าเสียใจได้ไงวะหะ!” พลกฤษณ์สะเทือนใจแทนเด็กหนุ่ม
ศิลาเห็นท่าว่าคุยกับเพื่อนต่อไม่ได้แล้ว เลยต้องออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ พลกฤษณ์ร้องไห้ออกมาอย่างสงสารในตัวพีร์ สักพักก็มีโทรศัพท์ดัง เขามองดูก็พบว่าเป็นของพีร์ที่แม่ของพีร์โทรมาอีกครั้ง
“สวัสดีครับ” เขารับสาย แม่ของพีร์ตกใจเมื่อได้ยินเสียงหล่อ ๆ นั้นก็รู้ว่าไม่ใช่ลูกตัวเองแน่นอน
“เอ่อ ฮาโหล ขอสายพีหน่อยค่ะ” เธอเกร็ง ๆ เพราะเดาว่าผู้ชายที่รับสายนี้คงจะเป็นผู้ชายที่เป็นข่าวกับลูกของเธอ
“พี เอ่อ พีหลับไปแล้วครับ” เขาตอบเลี่ยง ๆ ไม่ให้คนที่บ้านหนุ่มน้อยเป็นห่วง
“อ่าวเหรอคะ เพิ่งจะสองทุ่มเอง” เธอเป็นห่วง
“เมื่อกี๊พีร้องไห้จนหลับไปหน่ะครับ คุณน้ามีอะไรหรือเปล่าครับ”
“อ่อ ค่ะ ว่าแต่คุณเป็นผู้ชายที่เอ่อ....ที่เป็นข่าวกับลูกน้าหรือเปล่าคะ” เธอตามตรง ๆ ตามนิสัยคนใต้
“ครับ ใช่ครับ” พลกฤษณ์ยอมรับ
คนเป็นแม่ตกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าสัญชาติญาณจะถูกต้องตรงประเด็น “เอ่อ แล้วนี่คุณกับพีอยู่ไหนกันคะ”
“อยู่ที่ห้องพีครับ ผมมาดูเค้า” ชายหนุ่มจำต้องโกหกไป
คนเป็นแม่ค่อยโล่งใจ เพราะลูกชายไม่ได้ออกไปไหนและที่สำคัญก็มีคนมาดูแล
“ค่ะ แล้วพีเล่าอะไรให้ฟังไหมคะ”
“เปล่าครับ มีอะไรกันเหรอครับคุณน้า” เขาลองเชิง เพราะศิลาเล่าให้ฟังในรถแล้วว่าพ่อแม่ของพีร์รู้เรื่องลูกชายตัวเองเป็นเกย์เพราะมีข่าวกับเขา
แม่ของพีร์เลยเล่าเรื่องให้พลกฤษณ์ฟัง และถามเรื่องของพลกฤษณ์บ้าง
“แล้วนี่ เออ พ่อแม่ของคุณว่ายังไงคะ ตอนรู้ว่าคุณเป็นแบบนี้”
“อ่อ ครับ คุณน้าครับ อย่าเรียกผมว่าคุณเลยนะครับ เรียกผมว่าแจ๊คเฉย ๆ ดีกว่า นะครับ”
“อ่า ค่ะ เอ่อ แจ๊ค แล้วพ่อแม่ของแจ๊คเป็นไงมั่ง”
“ก็ปกติหนิครับ พ่อแม่ผมรับได้ เพราะพ่อกับแม่ผมแนวฝรั่ง ๆ ปล่อยให้ลูกคิดเองหน่ะครับ”
“แล้วพ่อแม่คุณ เอ่อ พ่อแม่แจ๊ครู้เรื่องของพีหรือเปล่าคะ”
“รู้สิครับ” เขาตอบตามจริง “แต่ก็เฉย ๆ หน่ะครับ ไม่ได้ว่าอะไรผม เพราะตอนนี้ผมยังไม่ได้พาพีร์ไปไหว้พ่อแม่ผมเลย”
“อ่อ ค่ะ”
“เอาอย่างนี้นะครับ สุดสัปดาห์หน้าผมจะลงไปสวัสดีคุณน้าทั้งสองกับพีถึงบ้านเลย นะครับ”
“ค่ะ ก็ดีค่ะ”
“ครับ ผม เอ่อ ผมขอโทษนะครับ ที่ทำให้พีต้องมาเดือดร้อนเพราะผม”
“ค่ะ น้ารู้ว่าพีมีคนดูแลก็ดีแล้วค่ะ น้าฝากลูกน้าด้วยนะคะ”
“ครับ ไม่ต้องกังวลนะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับคุณน้า ไม่ต้องกังวลนะครับ”
“ค่ะ สวัสดีค่ะ”
“ครับ สวัสดีครับ” เขากดวางสาย และนึกสงสารพีร์ยิ่งขึ้นที่ต้องเผชิญเรื่องที่ไม่ได้ตั้งตัวถึงสองเรื่อง เขาโทรศัพท์ไปบอกให้เด็กที่บ้านจัดเสื้อผ้ามาให้ แต่สักพัก กลายเป็นพ่อกับแม่ของเขาที่เอาของที่เขาสั่งมาให้เองกับมือ
“แจ๊ค หนูคนนี้ใช่ไหมที่เราไปง้อเค้า” คุณเจนนิเฟอร์ผู้เป็นแม่ที่มีเชื้อสายอังกฤษถามทันทีเมื่อเห็นว่าพลกฤษณ์มาเฝ้าใคร
“ครับ”
“ปกติลูกป๊าไม่เคยตามง้อใครนี่หว่า” คุณกำชัยแซวลูกชายตัวเองที่ดูจริงจังกับเด็กหนุ่มคนนี้มาก
“ไม่รู้สิครับป๊า แล้วป๊าว่าไง”
“อ่า ป๊าก็ไม่รู้ว่ะ แล้วแต่แก ว่าไงเจนนี่” เขาหันไปถามภรรยาของเขา
“ไม่รู้สิ เรื่องนี้เป็นเรื่องของลูกนะ แต่ม้าก็ดีใจนะ ที่เราจริงจังซะที”
“โธ่ ม้าครับ” เขาพูดอะไรไม่ออก เพราะเหมือนกลายเป็นว่าตอนนี้เขากับพีร์กลายเป็นอย่างที่ข่าวเสนอ เพราะเขาเองก็เล่าเรื่องของพีร์กับศิริพจน์และศิลาให้พ่อแม่ฟังไม่ได้เหมือนกัน
แต่ก็ดีเหมือนกัน ที่ทุกคนเข้าใจว่าพีร์เป็นของเขา พีร์จะได้ปลอดภัยมากขึ้น เขาคิดอย่างนั้น
“น่า อย่าปฎิเสธตัวเองเลยแจ๊ค ถ้าชอบหนูคนนี้และอยากให้ป๊ากับม้าชอบด้วย ก็ลองให้มาอยู่บ้านเราซะเลย จะได้รู้กันว่าเป็นไร” คนเป็นแม่เสนอ
“เออ ดี เหมือนกันนะลูก ป๊าเห็นด้วย”
“ครับ ก็ได้ครับ แต่ต้องรอให้พีหายก่อนนะครับ”
คนเป็นพ่อแม่ยิ้มตกลง พลกฤษณ์ยิ้มกับพ่อแม่เช่นกัน เขามองพีร์ที่นอนอยู่บนเตียงอย่างมีความหวัง แต่พีร์จะรู้สึกยังไงบ้างหนอที่ต้องตกกระไดพลอยโจนไปกับเขาด้วย
"ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่ตุ๊กตาของใคร แต่ที่ผมทำไปเพราะว่าผมเป็นห่วงคุณ" เขาคิดในใจ พลางมองไปที่พีร์อย่างต้องการปกป้อง
คนของเธอ - แมว จิระศักดิ์
http://www.youtube.com/v/Ky1XlVr8oow