<เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน  (อ่าน 159356 ครั้ง)

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #270 เมื่อ20-05-2010 22:07:56 »

รอตอนต่อไปนะคะ เพราะยังเม้นท์อะไรไม่ออกเลย เฮ้ออออ

Lucio

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #271 เมื่อ20-05-2010 22:31:02 »

งานนี้ บทตัวร้ายขอยกให้ คุณ ศิลา   

เผ่นแน่บ   :z10:

wisa

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #272 เมื่อ21-05-2010 01:31:26 »

ศิลา เป็นพระเอก หรือผู้ร้าน กันแน่


 :a5:

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #273 เมื่อ21-05-2010 11:51:02 »

 :เฮ้อ:สงสารทุกคนนนนน   เกียจน้องพีอะหลายใจจจจจจจจจจจจ o13

ash

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #274 เมื่อ21-05-2010 13:02:22 »

เข้มข้นเหมือนน้ำจิ้มแม่ประนอม(เกี่ยวกันป่ะ)

ANUNTAYA

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #275 เมื่อ21-05-2010 14:31:23 »

น่าค้นหา


เหมือน เธอคนนั้น  มิมีผิด   


อิอิ  (เกี่ยวกันป่า)

yunjaejoong

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #276 เมื่อ21-05-2010 16:12:20 »

มาต่อไวๆน่ะชักอยากรู้เสียแล้วล่ะว่าไอ้พี่แจ๊คจะเล่าเรื่องไรให้ฟัง

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #277 เมื่อ21-05-2010 16:23:43 »

มาต่อแล้วค่า หวังว่าคงรวดเร็วทันใจคุณยุงแจจุงนะคะ

ขอบคุณผู้อ่านทุก ๆ คนเลยค่ะ   :pig4::L2: :3123: :L1: :pig4:

ภาคต่อ ตอนที่ 20

“นี่คุณแจ๊ค ตกลงคุณพาผมมาทำไมเนี่ย” พีร์แหวคนข้าง ๆ อย่างสงสัยปนขัดใจเพราะอีกฝ่ายตั้งแต่ขึ้นรถมาก็ตะบึงพาเขาออกมานอกเมืองอย่างเดียวเลย
“คุณสงบสติได้หรือยัง” พลกฤษณ์ถามเรียบ ๆ
“อืม ๆ” พีร์ปาดคราบน้ำตา พยักหน้า
“คุณเห็นสองคนนั้นทะเลาะกันแล้วใช่ไหม”
“อือ” เขาตอบเศร้า ๆ ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีที่มีผู้ชายมาต่อยกันเพราะเขา
“พวกมันต่อยกันกลางงานเลี้ยงของพ่อเจ้าพจซะด้วย ผมรับรองว่าเรื่องนี้ไม่จบแน่ ๆ”
“แล้วคุณพาผมมาทำไม”
“ผมไม่อยากให้เพื่อนผมกับเจ้าพจเดือดร้อน” เขาตอบนิ่ง ๆ “ผมเชื่อว่าถ้าคุณยังอยู่ที่นั้นไอ้หยกกับพจมันจะเดือดร้อน และคนที่จะซวยยิ่งกว่าพวกมันสองคน ก็คือคุณ” พลกฤษณ์หันมาตอบเน้นคำว่า “คุณ”กับพีร์
“คิดดูสิ ถ้าพ่อเจ้าพจมันรู้ว่าต่อยกันเพราะคุณ และคุณยังอยู่ที่นั่นด้วย จะซวยกันแค่ไหน”
พีร์อึ้งกับความรอบคอบของคนข้าง ๆ เขาไม่เชื่อเลยว่าคนที่เขาคิดว่าไร้สาระไปวัน ๆ อย่างพลกฤษณ์จะคิดอะไรได้รอบคอบขนาดนี้
“อีกอย่างนะ ผมคิดว่าแพรวกับเป้เค้าแก้สถานการณ์กันได้” เขาเลี้ยวรถเข้าตัวเมือง แล้วพูดว่า “ถ้าหลักฐานถูกขโมยไปอย่างนี้ พวกมันจะได้แก้ตัวง่ายขึ้นไงล่ะ”

“บอกมาสิ พวกแกเป็นบ้าอะไรกันวันนี้!” เจ้าสัววิชาพาต้นเหตุของเรื่องในสภาพสะบักสะบอมทั้งคู่ มาเคลียร์กันที่ห้องใกล้ ๆ หลังจากให้วงดนตรีในงานทำหน้าที่สร้างบรรยากาศสนุกสนานเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องในงาน
   ศิลากับศิริพจน์ที่ตอนนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยช้ำและรอยเลือด มองหน้ากันขวาง ๆ ข้างกายของคนทั้งสองมี นลพรรณและปกรณ์คอยทำแผลให้
“ตอบมา!” เขาหันไปถามลูกเขย “หยก แกเป็นอะไรไปหะ มีเรื่องอะไรกับน้องมัน คุยกันดี ๆ ไม่ได้หรือไง” เจ้าสัวพูดไปตามผิดถูกเพราะเห็นว่างานนี้ลูกเขยตนเข้ามาเริ่มก่อน
“ลูกชายคุณพ่อมันยุ่งเรื่องของผัวเมียมากไปหน่อยหรือเปล่าครับ” ศิลาพูดขวาง ๆ ศิริพจน์มองหน้าศิลาอย่างโกรธเคือง
“หยก!” นลพรรณตบบ่าสามี ให้เขารู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป
“หมายความว่าไงหะพจ”
“คุณพ่อครับ คุณพ่อถามพี่หยกสิครับว่าผมไปยุ่งเรื่องอะไร” ศิริพจน์ถามท้าทาย
นลพรรณเห็นท่าจะไปกันใหญ่ เลยตอบรับแทน “คือ พจเค้าอยากให้แพรวโอนหุ้นที่เป็นชื่อบ้านเราในบริษัทหยกหน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบหน้าเสีย ศิริพจน์มองพี่สาวแบบมีคำถาม ศิลานั้นรู้ดีว่าไม่ใช่แต่ก็รอฟังอยู่
“ยังไงหะ ไหนยัยแพรวลองเล่ามาสิ”
“คือ พจเค้าบอกว่า บริษัทของหยกมีผลประกอบการตกลงใน 3 เดือนที่ผ่านมาอ่ะค่ะ แล้วเศรษฐกิจปีนี้มีแนวโน้มไม่ดี เลยอยากให้แพรวรีบโอนหุ้นที่เป็นชื่อบริษัทบ้านเราให้เป็นชื่อของคนแทนอ่ะค่ะ” นลพรรณจับต้นชนปลายเอา “แล้วหยกเค้าไม่พอใจตาพจอ่าค่ะ ที่เหมือนเอาเรื่องธุรกิจมายุ่งกับครอบครัว ใช่ไหมคุณ” เธอหันไปถามสามี หวังให้เขารับคำ
“ครับ ๆ” ศิลาเออออ
“งั้นเหรอ แล้วทำไมหะพจ แกเรียนมากไปป่าว ทำไมแกคิดอะไรแบบนี้”
ศิริพจน์หัวเราะหึ ๆ เขามองหน้าศิลาอย่างสมเพช และตอบไปว่า
“ก็ผมกลัวว่าบ้านเราจะเสียเปรียบหน่ะครับ อุตส่าห์ลงทุนยกลูกสาวคนเดียวให้เค้าไป จะปล่อยให้ขาดทุนได้ไง”
“ไอ้พจ!” ผู้เป็นพ่อเงื้อมือจะตบ แต่คนเป็นแม่คว้ามือไว้ทัน และพี่สาวคนเดียวของเขาเข้ามาปกป้องน้องชายอย่างเป็นห่วง
“ฮึ้ย!!!” เจ้าสัววิชาหงุดหงิด เหวี่ยงไม้เหวี่ยงมือ แต่คนเป็นภรรยาลากแขนไปคุยกันสองคนซะก่อน
“นี่คุณ ที่ลูกพูดก็ถูกนะ”
“ยังไง มันจะทำให้บ้านพี่สาวมันแตกล่ะสิ”
“คุณ ลูกเป็นห่วงบริษัทเรานะ ถึงได้ทำแบบนี้ เค้าคงเป็นห่วงยัยแพรวด้วยหน่ะ”
“ได้ไง มันคิดให้ผัวเมียแตกกันชัด ๆ”
“ลูกเรายังเด็ก และก็ร้อนวิชาด้วย อีกอย่างเค้าก็เป็นห่วงพวกเรานะ”
เขาฟังภรรยาและสงบสติอารมณ์ ก่อนจะเข้าไปหาลูกชายกับลูกเขย
“โอเค หยก ทีหลังมีอะไรก็คุยกันดี ๆ ละกันนะ พ่อรู้ว่าเราไม่อยากให้ใครมายุ่ง แต่อย่าลืมพจมันก็เป็นน้อง มันก็ต้องเป็นห่วงแพรวเป็นธรรมดา”
“ผมขอโทษครับ” ศิลายกมือไหว้พ่อตา
“เจ้าพจ ทีหลังอย่าไปยุ่งกับเรื่องของครอบครัวพี่แพรวเขามาก อย่าลืมว่าพี่เขาแต่งงานไปแล้ว เรื่องของครอบครัวเขา เขาคิดเองได้”
“ผมขอโทษครับพ่อ” เขายกมือไหว้พ่อตัวเอง แต่ส่งสายตาสมเพชไปที่พี่เขย
“โอเค ๆๆ หมดเรื่องแล้วก็พวกแกก็กลับกันไปก่อน พ่อขี้เกียจตอบคำถามคนอื่น เดี่ยวพ่อขอไปดูที่งานต่อละกันนะ เอ่อ แพรวกับเป้ พ่อฝากทางนี้ด้วยละกัน”
“ค่ะ ๆ”
เจ้าสัววิชากับคุณศิริพรเดินกันออกไป เหลือแต่หนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่หายใจกันอย่างโล่งอก
“พี่แพรวทำไมบอกคุณพ่ออย่างนั้น” ศิริพจน์ถามพี่สาวอย่างขัดเคือง
“พจ พี่ทำเพื่อลูกหน่ะ” เธอตอบเศร้า ๆ
ชายหนุ่มมองพี่สาว รู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ จึงบอกพี่สาวว่า “ผมขอโทษครับพี่แพรว”
“พี่รู้นะว่าพจจะบอกคุณพ่อว่าอะไร แต่อย่าลืมสิว่าบอกไปแล้วก็มีแต่คนเดือดร้อนด้วยกันทั้งนั้น และคนที่เดือดร้อนที่สุดก็คือคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรอย่างลูกพี่นะ”
ศิลาเดือดขึ้นมาทันที “แกนั่นหล่ะไอ้พจ ถ้าแกไม่เข้ามายุ่งเรื่องของชั้นกับน้องพี ชั้นคงไม่เป็นอย่างนี้หรอก”
“ผมผิดเหรอ ที่ผมทนไม่ได้ที่เห็นพีต้องถูกพี่ล่ามโซ่ขังเค้าเอาไว้ในเงา บังคับเค้า เห็นเค้าเป็นสิ่งของ  ผมว่านะถ้าพี่ยังมีสำนึกของคนเป็นพ่อและสามีอยู่ พี่จะมาหาเศษหาเลยกับเด็กฝึกงานอย่างพีได้เหรอ!”
“ไอ้พจ!” ศิลาเข้ามาคว้าขอเสื้อศิริพจน์ คนห้ามศึกทั้งสองทำหน้าปวดหัว เพราะยกที่สองกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
“ทำไมครับพี่หยก ถ้าพี่มีรสนิยมอย่างว่าจะยอมแต่งงานกับพี่แพรวทำไม”
 ศิริพจน์จ้องหน้าพี่เขย “หรือเพิ่งมารู้เอาตอนนี้หะ”
ศิลาผลักอกอีกฝ่าย ทำให้นลพรรณกับปกรณ์รีบจับคนทั้งสองแยกกันทันที
“ไอ้พจ ชั้นไม่ได้คิดจะหาเศษหาเลยกับน้องพี ชั้นรักน้องพี และแกก็ไม่มีสิทธิ์มาแย่งไปแบบนี้” เขาพยายามดิ้นให้หลุดจากปกรณ์ที่จับไว้
“แล้วพี่หยกจะขังพีร์ไว้ทำไมล่ะ มันมีความสุขนักเหรอหะ ที่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ พี่หยกไม่คิดเหรอว่าพีร์เค้าจะต้องถูกตราหน้าว่าไปแย่งสามีใครมา ทำไมพี่ไม่ปล่อยพีให้ไปเจอคนที่พร้อมกว่าล่ะ”
“ไอ้พจ!..”
“พจพอซะทีเถอะนะ” พี่สาวที่กำลังจับเขาอยู่ออกปากปราม “อีกสองวันเราก็จะไปอยู่ที่อื่นกับน้องพีแล้ว เรายังจะเอาอะไรอีก”
“หะ แพรว คุณว่าไงนะ” ศิลาหยุดชะงักเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“อ่อ ผมกับพีร์จะไปอยู่ด้วยกันที่สิงค์โปร์หน่ะครับ พี่หยกคงจะยังไม่รู้สินะ” ศิริพจน์ยิ้มเป็นต่ออย่างผู้ชนะ
“หยก ยอมรับความจริงเถอะ ปล่อยน้องพีไปตามทางของแกได้ไหม”
“พีบอกผมเองนะครับว่าเค้าเต็มใจไปกับผม” ศิริพจน์ยิ้มเยาะ
ศิลาอึ้ง คนรักของเขาจะต้องจากเขาไปตลอดเพื่อไปอยู่กับคนอื่นแล้วจริง ๆ ร่างอวบที่เคยกอดนอนเมื่อคืนก่น จะกลายเป็นความทรงจำของเขาตลอดไปอย่างนั้นหรือ?
“ว่าแต่ แล้วนังหนูไปไหนคะเนี่ยะ” ปกรณ์นึกได้ ทำให้ทุกคนนึกได้ตามมา
“เดี๋ยวผมโทรหาเองนะ” ศิริพจน์หยิบโทรศัพท์กดขึ้นมาโทรออก

พีร์ที่นั่งเงียบ ๆ มาหลังทราบเหตุผลจากพลกฤษณ์ สะดุ้งทันทีเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ก็ปรากฎเบอร์ของศิริพจน์โทรเข้า
“ฮัลโหล พจจจจจ......พจเป็นอะไรมากมั๊ย” เขาล่ะล่ะละลักถามศิริพจน์ด้วยความเป็นห่วง
“ผมไม่เป็นไรหรอก..แล้วคุณอยู่ไหนเนี่ยะ”
“ผมเอ่อ...” เขากำลงจะบอว่าอยู่กับใคร พลกฤษณ์เลยขอพูดกับศิริพจน์เอง
“แป๊บนึงนะ” เขาส่งโทรศัพท์ให้พลกฤษณ์
“ฮัลโหลพจ”
“พี่แจ๊ค พีไปอยู่กับพี่ได้ไง” ศิริพจน์เรียกชื่อปลายสาย ทำให้คนทั้ง 3 ที่รอฟังอยู่ประหลาดใจ
“ไอ้แจ๊ค..” ศิลาก็ตกใจ
“อืม พี่เอง ไม่ต้องห่วงนะ น้องพีอยู่กับพี่ ตอนนี้กำลังขับรถไปส่งเค้าที่หอ”
“หะ ยังไงครับ..”
พลกฤษณ์เล่าว่าทำไมเขาถึงพาพีร์หนีออกมาอย่างละเอียด และถามสถานการณ์ทางนู้นด้วย
“ก็ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วหล่ะครับ โหยยย ขอบคุณพี่แจ๊คมากเลยนะครับ”
“อืม ๆ ไม่เป็นไร” เขารับคำ “เดี๋ยวคุยกับพีละกันนะ” เขาส่งโทรศัพท์ให้พีร์
“พจ..”
“พี...ถึงหอแล้วโทรหาผมนะ”
“พจ พีขอโทษนะที่ทำให้พจต้องเดือดร้อนอีกแล้ว”
“ไม่หรอก...อย่าคิดมากนะ เจอกันนะครับ บะบาย”
“บายครับ” พีร์ถอนหายใจ วางสายและร้องไห้ออกมา
“ร้องไห้ทำไม” พลกฤษณ์ถาม เพราะตอนเขาคุยกับศิริพจน์ก็บอกกับพีร์ว่าไม่ต้องห่วงทางโน้น
“ผมมันแย่มาก พจต้องมาเจ็บตัวเพราะผม” เขาค่อยพูดต่อ “ตอนผมเจ็บ เค้าเป็นคนที่เข้ามาดูแลผมอย่างดี แต่ตอนนี้เค้าเจ็บผมไม่ได้ดูแลเค้า ฮือ ๆ”
“อืม..” เขารับทำ “ทำใจดี ๆ ไว้นะ”
“ขอบคุณครับ”
“เลี้ยวหน้าก็ถึงแล้วใช่ไหม”
“ครับ ใช่ครับ”
“อ่ะ  ถึงแล้ว”
“ขอบคุณมากนะครับ” เขายกมือไหว้
“ไม่เป็นไร...อ่อ ผมมีอะไรจะบอกนะ”
พีร์ตั้งใจฟังอย่างสนใจ
“ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณต้องเข้มแข็งไว้นะ”
“ครับ ขอบคุณครับ” เขาปิดประตูรถหรู และเดินเข้าไปในตัวอาหาร พลกฤษณ์มองตามร่างอวบและยิ้มเศร้า ๆ ให้กับเด็กหนุ่มที่ทิ้งกลิ่นหายหอมสดใสไว้ต่างหน้าให้เขาสูดดม เขาได้แต่หวังว่าพีร์คงจะผ่านพ้นเรื่องทั้งหลายนี้ไปได้ด้วยตัวเอง

“พจ พีร์ถึงหอแล้วนะ” เขาโทรหาศิริพจน์ทันทีอย่างที่บอก
“อืม ขึ้นมาเลย ผมมารออยู่บนห้องแล้ว”
“จริงเหรอ งั้นพีร์รีบขึ้นไปเลยนะ”
“มาเลย”
“เจอกันนะ” เขากดวางสายก่อนจะกดลิฟท์ขึ้นไปบนห้องพักของเขา และรีบวิ่งไปไขกุญเจเปิดประตูห้องอย่างเป็นห่วงศิริพจน์  เขาเปิดไฟก็เห็นศิริพจน์ยืนส่งยิ้มให้เขาเหมือนเดิม
“พจจจ” พีร์เข้าไปลูบใบหน้าหล่อเหลา ที่สะบักสะบอมไปด้วยรอยช้ำ ณ ตอนนี้ อย่างเบามือ
ศิริพจน์ลูบหัวพีร์เบา ๆ อย่างแสนรัก พีร์จึงเข้าไปกอดเขาด้วยความรู้สึกข้างใน
“พจ ฮือ ๆๆๆๆ”
“ไม่เอาน่า ขี้แงอีกแล้วนะ” เขากอดพีร์ปลอบโยน และโยกตัวพีร์ไปมาเบา ๆ ในอ้อมแขน
“ผมขอโทษ...”
“ไม่เห็นต้องขอโทษอะไรเลย” เขาก้มลงพูดกับพีร์ “เหนียวตัวละ ไปอาบน้ำกันดีกว่า”
“อืม ๆ” พีร์ยิ้มออกมาได้ และพากันไปอาบน้ำด้วยกัน
“ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณต้องเข้มแข็งไว้” เขานึกถึงคำพูดของพลกฤษณ์ที่บอกเขา “เขาจะเข้มแข็งไว้

รุ่งเช้ามาถึง พลกฤษณ์ให้เด็กรับใช้ไปซื้อหนังสือพิมพ์และหนังสือบันเทิงทุกฉบับเพื่อมาเช็กข่าวว่ามีข่าวของศิลากับศิริพจน์หรือเปล่า ในหนังสือพิมพ์ทุกฉบับนั้นไม่มี เขาคิดว่านลพรรณคงจะจ่ายเงินปิดปากนักข่าวไปแล้ว แต่เขาก็ต้องลมจับเมื่อพบว่า...
“เวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน เก้งตัวพ่อ ลงทุนตามง้อเด็กใหม่”
เป็นพาดหัวใหญ่ของนิตยสารแนวปาปารัสซี่เล่มหนึ่ง ที่มีรูปเขากำลังตามง้อพีร์ที่เดินบนฟุตบาท เขารีบเปิดไปดูเนื้อข่าวข้างในทันที ก็ยังมีรูที่เขาลากจูงมือพีร์ออกมาจากลิฟท์อยู่อีกด้วย
“โอ๊ยยยย....” เขาทำท่าปวดหัว “พร้อมพึมพำ ทำไมปาปารัสซีมันไวจังวะ”
เขานึกว่าเรื่องของเพื่อนจะจบด้วยดี แต่กลายเป็นเขาเองนี่หล่ะ ที่ต้องรับเคราะห์
เขานึกถึงพีร์ คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย จะรู้สึกอย่างไรบ้างหนอ เมื่อเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #278 เมื่อ21-05-2010 16:45:32 »

แบบนี้ใช่ไหมค่ะเนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ 555

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #279 เมื่อ21-05-2010 17:39:47 »

อย่าได้สนใจค่ะ รีบบินไปเมืองนอกด่วยเลยค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
« ตอบ #279 เมื่อ: 21-05-2010 17:39:47 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ wowhaha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #280 เมื่อ21-05-2010 20:12:01 »

อยากให้พี ได้กับแจ๊คอ่ะ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #281 เมื่อ21-05-2010 22:16:15 »

อยากให้พี ได้กับแจ๊คอ่ะ
คือจะให้พี่แจ๊คเป็นตาอยู่มาคว้าพีร์ไปอ่ะเหรอคะ... o18
แต่ก็น่าคิดอยู่เนอะ... :laugh:
+1 ขอบคุณไรเตอร์ค่ะ ต้องใช้สัญชาตญาณในการเดาว่าไรเตอร์จะมาต่อนะเนี่ย 55+

Lucio

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #282 เมื่อ21-05-2010 22:53:36 »

พี่แจคซวยเลยอ่ะ อุตส่าห์ไปช่วยเค้าโดนซะเอง

แต่ว่าอย่าได้แคร์ อีกไม่กี่วันพีก็บินไปนอกแล้ว พี่แจคน่าจะจัดการข่าวได้

เอาใจช่วยคนแต่งนะคับ  o13

yunjaejoong

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #283 เมื่อ21-05-2010 23:25:04 »

พี่แจ๊ค ช่วยเค้าแท้ๆแต่กับมาโดนเอง ไม่เป็นไรนะ
ไปดู ศิลาเหอะรู้แล้วนี้ว่าน้องพีจะไปอยู่สิงคโปร์แล้วจะทำงัยล่ะทีนี้ ชักจะสงสารขึ้นมาซะแล้วล่ะซิทีนี้
อย่าไปเลยนะน้องพี

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #284 เมื่อ21-05-2010 23:31:47 »

กร๊ากกกกกกก

สงสัยพีร์ คงจะดังไปกันใหญ่

bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #285 เมื่อ22-05-2010 08:56:14 »

น้องพีจะไปอยู่สิงคโปร์แล้วคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง กลัวแต่จะไม่ได้ไปเพราะพี่หยกอ่ะดิ

andy_kwan

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #286 เมื่อ22-05-2010 13:40:25 »

มีแววว่าน้องพีร์จะขอสามซะแล้ว
แต่พี่หยกทำแบบนี้คะแนนหดทันที   ช่วยไม่ได้นะ   อิอิ

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #287 เมื่อ22-05-2010 16:03:45 »

ภาคต่อ ตอนที่ 21

  วันนี้พีร์ไปทำงานแต่เช้าตามปกติ ส่วนศิริพจน์เองออกเดินทางไปสิงค์โปร์พร้อมกับครอบครัวตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ถึงแม้เขาจะไม่ได้ไปส่งศิริพจน์ถึงสนามบิน แต่เขาก็ไม่เสียดาย เพราะวันพุธนี้เขาก็จะลาออกจากงานตามไปอยู่กับศิริพจน์ที่โน่นอยู่ดี
  เขาไม่นึกแปลกใจที่ครอบครัวของศิริพจน์จะตามไปส่งกันทั้งบ้าน เพราะก็เป็นธรรมดาของพ่อแม่ที่ต้องเป็นห่วงลูก ยิ่งไปทำงานต่างบ้านต่างเมืองก็ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาว่าจะต้องไปดูว่าลูกจะอยู่อย่างไร
  แต่ระหว่างการเดินทางบนรถไฟฟ้าของเขานั้น พีร์สังเกตเห็นสายตาของคนรอบข้างมองเขาแปลก ๆ โดยเฉพาะผู้หญิง เขาไม่คิดอะไรมาก แต่ก็อดประหม่าและสงสัยไม่ได้ จนกระทั่งตอนเย็นเขาที่เขาไปตัดผมที่ร้านแถว ๆ ที่พัก
“เลือกทรงไว้หรือยังคะ” ช่างตัดผมถามขณะคลุมผ้าให้
“อ่อ ทรงนี้หล่ะครับ ขอสั้นลง”
“ค่ะ ได้เลย” เธอรับคำและหยิบอุปกรณ์ขึ้นมาจัดการ พีร์มองในกระจกก็เห็นสาวออฟฟิศสองคนที่นั่งรอคิว กำลังซุบซิบนินทาเขาอยู่  เขาจึงส่งสายตาเหวี่ยง ๆ มองหน้าคนทั้งสองอย่างไม่พอใจ พวกเธอเห็นอย่างนั้นจึงต้องหยุดเมาท์ แต่พอสักพักพีร์ที่ไปล้างผมเสร็จกลับมานั่งที่เดิม ขาเมาท์หนึ่งในสองก็เข้ามาถามพีร์อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“เอ่อ ขอโทษนะคะ คุณเป็นแฟนแจ๊คตัวพ่อใช่ไหมคะ”
“หะ..อะไรนะครับ!”
“ก็นี่ไงคะ ที่คุณแจ๊คตามไปง้อคุณ ใช่ไหมคะ” เธอหยิบหน้าปกนิตยสารเจ้าปัญหาให้พีร์ดู พีร์ตกใจจนพูดไม่ออกแต่เป็นไปได้ก็อยากกรี๊ดออกมาดัง ๆ เขาถอดแว่นดูเพื่อประจักษ์กับสายตาว่านี่คือรูปของเขากับพลกฤษณ์
เขาตั้งสติ แล้วตอบคนสอดรู้ไป
“เอ่อ ไม่ใช่หรอกครับ แค่หน้าเหมือนเฉย ๆ”  
“เหรอคะ งั้นก็ขอโทษนะคะ” เธอพูดเก้อ ๆ แล้วเดินไป แต่พีร์ยังมีสีหน้าตกใจเหมือนเห็นผีตอนกลางวันแสก ๆ
“แฟนคุณแจ๊คหน้าเหมือนน้องมากเลยนะคะ” ช่างตัดผมออกความเห็น
“อ่อ ครับ คือ ผมคงหน้าโหลอ่ะคับ” พีร์พยายามระงับอาการ
เขากล่าวโทษพลกฤษณ์ในใจ “ตาบ้า พาเราซวยแล้วไหมล่ะ”

“คุณพ่อคุณแม่ครับ มาสิงค์โปร์กับผมนี่มีอะไรหรือเปล่า” ศิริพจน์ถามพ่อแม่เนื่องจากรู้สึกเหมือนบุพการีของเขามีเจตนาแฝง หลังจากทุกคนเสร็จจากการช่วยจัดแจงเรื่องที่อยู่ของเขา
“อ่อ ไหน ๆ แกก็จะมาเอาดีที่นี่แล้ว พ่อกับแม่เลยจะมาขอเมียที่นี่ให้แกเลย”
“หะ อะไรนะครับ..” ชายหนุ่มไม่เชื่อหูตัวเองว่าพ่อกับแม่ของเขายังไม่เลิกล้มความตั้งใจในเรื่องนี้อีก
“ก็ใช่หน่ะสิ อย่าคิดนนะว่าอยู่ไกลหูไกลตาแบบนี้แล้วแกจะรอด ดีซะอีก หาเมียให้แกที่นี่จะได้หมดเรื่อง”
“ไม่ได้นะครับคุณพ่อ” ศิริพจน์ค้าน
“ทำไมจะไม่ได้หะ”
“ผมแต่งงานกับผู้หญิงไม่ได้” ศิริพจน์ไม่กลัว แต่นลพรรณตกใจที่น้องชายจะมาบอกกับผู้เป็นพ่อเรื่องนี้
“ทำไมแกจะแต่งไม่ได้ แกเป็นขันทีหรือไง”
“ใช่ ผมเป็นเกย์”
สิ้นคำตอบ ฝ่ามือหนัก ๆ ก็ตบลงบนที่หน้าของลูกชายอย่างโกรธเคือง นลพรรณรีบเข้ามาดูน้องและพูดกับคนเป็นพ่อ
“ตาพจแกคงไม่อยากแต่งงานจริง ๆ หน่ะค่ะ เลยอ้างโน่นนี่”
“พี่แพรวครับ อย่าเลย” เขาหันไปพูดกับพ่อตัวเอง “คุณพ่อได้ยินแล้วใช่ไหมครับว่าผมเป็นเกย์ ผมมีลูกกับผู้หญิงไม่ได้”
“แต่ยังไงแกก็ต้องแต่ง ชั้นกับทางโน้นรับปากกันไว้มั่นเหมาะแล้ว”
“คุณพ่อ!”
“คุณพ่อคะ” นลพรรณพยายามช่วยน้องตัวเอง
“พอเลย ชั้นไม่สนใจว่าแกจะเป็นห่าเหวอะไรนั้นนั้น ยังไงแกก็ต้องแต่งงานกับคนที่ชั้นเลือกให้ ฮึ้ยย!!”
ผู้เป็นพ่อออกไปอย่างไม่สบอารมณ์เหลือแต่พี่สาวกับแม่เขาที่คอยตบไหล่ลูบหลังให้กำลังใจ

“ฮัลโหล แจ๊ค ว่าไง” ศิลารับโทรศัพท์จากพลกฤษณ์ในวันอังคารตอนบ่าย
“หยก แกเห็นในหนังสือแล้วใช่ไหมเรื่องของชั้นอ่ะ”
“อืม เป็นแล้ว” ศิลาตอบเรียบ ๆ ไม่ได้โกรธเพื่อน เพราะรู้เรื่องทุกอย่างดี
“เออ คือ เวลานักข่าวสัมภานส์ถ้าชั้นตอบอะไรเรื่องนี้แกอย่าตกใจนะ”
“แล้วแกจะตอบว่าอะไรวะ”
“เอาน่า คอยดูละกัน แต่รับรองว่า น้องพีจะไม่เสียหาย”
“เฮ้ย จริงเหรอวะ ยังไงวะไม่เข้าใจ”
“เอาน่า  คอยดูละกันอย่าเพิ่งถามอะไร อยู่เฉย ๆ สงบสติ อย่าทำให้อะไรมันยุ่งยากอีก”
“อืม...”
“เออ แล้วว่าแต่น้องพีเค้าทำงานที่ไหนวะ แกมีเบอร์เค้าหรือเปล่า”
“ไม่มีว่ะ เค้าเปลี่ยนเบอร์หนีชั้นตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่รู้ว่าเค้าทำงานที่ไหน”
“เหรอ งั้นบอกมาเลย” พลกฤษณ์รอฟัง เพราะเขามีจุดประสงค์จะไปขอโทษพีร์ด้วยตัวเขาเอง

  
พีร์เก็บของบนโต๊ะทำงานลงในลังกระดาษเพราะพรุ่งนี้เขาก็จะไม่มาทำงานที่นี่แล้ว ขณะเก็บของเพิ่มเติมอยู่นั้น สาวออฟฟิศปากมากคนหนึ่งก็เข้ามาหาพีร์แบบจิกกัด
“ว่าไงคะเด็กแจ็คตัวพ่อ” พีร์ตกใจ ที่จู่ ๆ ก็มีคนเข้ามาหาเรื่องในวันสุดท้ายของการทำงาน เขาพยายามไม่สนใจเพราะไม่ใช่เรื่องจริง
“แหม แล้วนี่สามีมารับหรือเปล่าคะคุณน้อง” กระเทยออฟฟิศพรรคพวกสาวปากมากเข้ามาสมทบด้วยเสียงพลังแปดหลอด เพราะกะจะประจานเด็กหนุ่มให้อายไปเลย
“เอ่อ ผม..”
“แหม ไม่ต้องผมเผิมหรอกค่ะ พูดหนูเลยดีกว่า เจ้ก็เพิ่งรู้นะคะว่าหนูเนี่ยก็เป็นเหมือนเจ็ แต่ก็นะคะแอ๊บแมนมาตลอด มาโป๊ะแตกเอาตอนนี้ เริ่ดมากค่ะ ที่หาผัวได้หล่อเร้าขนาดนี้”
พีร์ที่เริ่มหน้าแดงด้วยความโกรธและอาย พยายามระงับอารมณ์อยู่ เขาไม่มองหน้าคนปากแร้งทึ้ง

“แหมแก น้องเค้าอุตส่าห์ลาออกไปเป็นแม่บ้านนะคะ ตอนแรกไอ้เราก็คิดว่าจะไปทำงานที่อื่น แต่ที่ไหนได้ ออกไปอยู่กับสามีนี่เอง สามีคุณน้องเนี่ยคงจะน้ำดี เอ๊ย! เลี้ยงดีนะคะ ถึงได้อ้วนท้วนซะขนาดนี้ ว่าแต่ที่ลาออกเนี่ยะสามีให้ออกเหรอคะ..”
“ครับ..ใช่แล้ว” เสียงหล่อ ๆ ดังเข้ามาจากทางประตู ปรากฎร่างสูงใหญ่ของพลกฤษณ์ในชุดสูทปลดกระดุมคอและช่วงอก  
พนักงานปากแร้งทึ้งทั้งสองถึงกับอึ้งเป็นถูกสาป พลกฤษณ์เข้ามาโอบไหล่ปกป้องพีร์ที่เริ่มน้ำตาตก
“ผมเป็นห่วงว่าที่รักของผมจะทำงานหนักไปหน่ะครับ ถึงงานที่เค้าอยากทำจะดีแค่ไหน แค่เจอเพื่อนร่วมงานแย่ ๆ มันเสียสุขภาพจิตนะครับ สู้อยู่เป็นแม่บ้านนั่งนับเงินให้ผมดีกว่า” เขาตอบยิ้ม ๆ แต่ส่งสายตาพิฆาตไปยังพวกปากดีและไทมุงคนอื่น
“ที่รักเก็บของเสร็จยัง ผมรอคุณนานแล้วนะ” เขาลูบหน้าพีร์ที่ยืนอึ้ง ๆ อย่างเป็นห่วง เขารวบรัด “เสร็จแล้วใช่ไหม งั้นไปกันเลยนะ ผมคิดถึงคุณจะแย่อยู่แล้ว” เขาทำหน้าอ้อน ๆ ให้คนรอบข้างหมั่นไส้เล่น ๆ แล้วยกลังกระดาษของพีร์ออกจากโต๊ะ
“ไปกันเถอะครับ” เขาโอบไหล่พีร์ลงไป ท่ามกลางสายตาเข็ดหลาบจากพนักงานทุกคน
“แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” สองขาเมาท์กรี๊ดออกมาอย่างเจ็บใจ

“มาทำไม” พีร์ถามขณะอยู่ในลิฟท์กันสองคน
“ผมมาขอโทษคุณ” เขาตอบจากใจ เพราะรู้สึกเป็นห่วงพีร์จริง ๆ
“ไม่เป็นไรหรอก คุณไม่จำเป็นต้องมายุ่งกับผมก็ได้”
“ได้ไง ตอนนี้คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณดังใหญ่แล้วนะ” พลกฤษณ์พูดต่อ “ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้นะ”
“ผมรู้...แต่คุณไม่ต้องมายุ่งกับผมอีกได้ไหม เพราะอีกสองวันผมก็จะไม่อยู่เมืองไทยแล้ว”
“เรื่องนั้นผมรู้ผมถึงได้มาขอโทษคุณไง”
   ลิฟท์ถึงชั้นล่างพอดี พลกฤษณ์กับพีร์จึงออกมาจากลิฟท์
“ส่งลังมาให้ผม” พีร์ร้องขอ “เมื่อกี๊ผมขอบคุณมากนะที่มาช่วยทัน”
“อืม ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปทานข้าวเป็นเพื่อนผมหน่อยได้ไหม นะครับ ถือซะว่าให้ผมไถ่โทษ” เขายังไม่ยอมส่งลังให้
“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้”
“น่า ให้ผมได้เลี้ยงข้าวคุณสักมื้อเถอนะ”
“ถ้าอยากจะไถ่โทษจริง ๆ ก็อย่ามายุ่งกับผมอีกเลย ผมขอร้อง” พีร์ตอบเหวี่ยง ๆ ท่ามกลางสายตาคนรอบข้างที่เริ่มมองคนทั้งคู่อย่างสนใจ
พลกฤษณ์ลอบยิ้ม เด็กหนุ่มคนนี้ท่าทางจะไม่ปลื้มเขามาก ๆ อย่างที่คิดไว้จริง ๆ
“เฮ้ออ ผมอยากพาคุณไปเลี้ยงข้าวจริง ๆ นะ”
“ผมไม่หิว” แต่ทันใดนั้นเสียงท้องก็พีร์ก็ร้องออกมา
“น่าไปเถอะ ท้องร้องขนาดนี้แล้วยังจะดื้ออีก” พลกฤษณ์ไม่พูดเปล่า แต่จูงมือพีร์ที่ยังไม่ทันตั้งตัวให้มาด้วยกันที่
BMW M3 Coupe สีดำของเขา พลกฤษณ์เปิดประตูรถดันให้พีร์ขึ้นไปนั่ง แล้วก็เข้ามาประจำที่ของตัวเอง
“นี่เป็นอะไร เจอผมทุกครั้งทำไมชอบทำหน้างอ” ชายหนุ่มแซวร่างอวบที่ทำหน้าบึ้งตึง
“อยากกินอะไรล่ะหึ” เขาถามพีร์ที่ไม่พูดไม่จา
“งั้น กินสเต็กละกัน”
“ไม่เอานะ!” พีร์ค้านออกมา “ผมกินมังสวิรัติ ไม่อยากกินอะไรเนื้อ ๆ ถ้าคุณกินผมไม่กินนะ”
“เหรอ” เขามองร่างอวบยิ้ม ๆ
“ยิ้มอะไร ถึงผมจะรูปร่างอย่างนี้ผมก็ดูแลตัวเองละกัน”
“อืม ๆๆ ก็ไม่ได้ว่าอะไร..” เขายิ้มส่ายหัวกับแฟนเด็กของเพื่อน
“งั้นผมพาไปกินร้านนี้ก็ละกัน” เขาตัดสินใจขับรถไปร้านอาหารมังสวิรัติย่านสุขุมวิท


   ตลอดมื้ออาหาร พลกฤษณ์มองเห็นพีร์ดูมีความสุขกับการกินมาก ถึงแม้เขาจะไม่ได้ชอบกินอาหารพวกนี้เท่าไหร่แต่การมองเห็นคนตรงหน้ากินอย่างเอร็ดอร่อยก็ทำให้เขามีความสุขไปด้วย
   เดี๋ยวร่างอวบตรงหน้าก็จะไม่อยู่เมืองไทยแล้ว เขาก็หวังว่าพีร์คงจะโชคดีกับชีวิตที่ต่างแดนกับศิริพจน์

  วันแรกของการทำงานที่สิงคโปร์ของศิริพจน์ เป็นไปได้ด้วยดี เขารู้สึกว่างานที่นี่ท้าทายและหลากหลายกว่าที่เมืองไทยมาก แต่เขาก็ไม่รู้สึกกดดันอะไร นอกเสียจากความรู้สึกสนุกกับงานใหม่ของเขาจากการที่ปรับตัวได้รวดเร็ว
   “Hi I’m Katherine Koh.” หญิงสาวชาวสิงคโปร์ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่เขาจำได้ว่าได้รับคัดเลือกพร้อมเขา เข้ามาทักทายขณะพักกลางวัน
“I’m ศิริพจน์,nice too meet you.” เขาตอบกลับตามมารยาท
“อ่าว เป็นคนไทยเหรอคะ” หญิงสาวตอบกลับด้วยภาษาไทยชัดเจนจนทำให้ศิริพจน์ตกใจ
“ครับ” เขาตอบรับ “ทำไมพูดภาษาไทยได้ล่ะครับ”
“อ่อ ชั้นเพิ่งจบปริญญาตรีจากเมืองไทยหน่ะค่ะ” เธอยิ้ม ๆ ศิริพจน์ถามจนได้ความว่าเธอจบจากมหาวิทยาลัยเดียวกับพีร์ในคณะเศรษฐศาสตร์ภาคภาษาอังกฤษ และเพิ่งทำงานที่นี่เป็นที่แรก แต่คนทั้งสองก็คุยเรื่องส่วนตัวกันได้แค่นั้น เพราะหลังจากที่ศิริพจน์เปิดประเด็นเรื่องเศรษฐกิจและการลงทุน จึงทำให้บทสนทนาของทั้งสองคนนี้เป็นไปในเรื่องงานล้วน ๆ ศิริพจน์มองแคทเธอรีนอย่างทึ้ง ๆ แคทเธอรีนเองก็ชอบใจในความคิดของเพื่อนร่วมงานคนนี้ในบางมุมเช่นกัน

“แคทครับ คุณกลับบ้านยังไงเหรอ”
“ออ ชั้นขับรถมาหน่ะค่ะ คุณล่ะคะพจ”
“อ่อ ผมนั่งรถไฟใต้ดินครับ แต่วันนี้ผมต้องไปธุระกับครอบครัว” เขาพูดหน่าย ๆ เมื่อนึกถึงว่าพ่อแม่จะนัดเขาไปดูตัววันนี้
“อ่อ ค่ะ ชั้นก็ต้องรีบกลับบ้านเหมือนกัน เพราะที่บ้านก็มีแขก”
“ครับ เจอกันนะครับ บาย”
“ค่ะ บายค่ะ” เธอรับคำก่อนจะหันหลังเดินไปที่จอดรถ สักพัก mini classic สีฟ้าสดใสของแคทเธอรีนก็ขับฝ่านหน้าศิริพจน์ไป พร้อมกับโบกมือให้ชายหนุ่มอย่างเป็นมิตร

เขานั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปทางตอนเหนือของตัวเมือง เพื่อไปยังบ้านของมิสเตอร์โรเบริ์ต ตามที่พ่อแม่กำชับไว้ว่าห้ามเบี้ยว เขาเดินไปตามทางที่พ่อแม่บอกไว้ และก็เจอบ้านสไตล์ชิโนโปรตุกีสหลังใหญ่ที่ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ หน้าบ้านบอกว่าเป็นของมิสเตอร์โรเบริ์ต เขาจึงบอกยามและเดินตามคนรับใช้เข้าไปในบ้าน
“อ่า พจมาพอดีเลย” เจ้าสัววิชาดีใจที่เห็นคนรับใช้พาลูกชายของเขามาที่ห้องรับแขกของบ้าน “มานี่เลย มา นี่ครับ ศิริพจน์ลูกชายผม” พ่อของศิริพจน์แนะนำให้กับเจ้าของบ้านที่นั่งอยู่
“เจ้าพจ นี่คุณโรเบริ์ต คุณลิซ่า และนี่ หนูแคทเธอรีน”
 ศิริพจน์ยกมือไหว้ตามประสาคนไทย แต่ทั้งสามก็รับไหว้เขาเช่นกัน เขามองไปก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าแคทเธอรีนเพื่อนร่วมงานของเขาคือคนที่พ่อแม่จะให้คลุมถุงชนด้วย
“พจ...” หญิงสาวตกใจไม่แพ้กัน
“แคท...”
“อ่าวรู้จักกันแล้วเหรอลูก” เจ้าสัวโรเบริ์ตหันไปถามลูกสาว
“ค่ะ คุณพจกับลูกทำงานที่เดียวกัน”
“ฮ่ะ ๆๆๆ บังเอิญจริง ๆ” พ่อของเธอหัวเราะ “ดีเลยลูก สมกับเป็นคู่กันจริง ๆ ใช่ไหมคุณวิชา”
“ใช่ ๆ ซินแสนี่แม่นจริง ๆ บอกว่าสองคนนี้ดวงสมพงศ์กัน แต่งงานกันยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี” เจ้าสัววิชานึกได้ “นี่ต้องขอบใจเจ้าหยกที่พูดถึงคุณขึ้นมานะ ไม่งั้นผมละกลุ้มตายเลยว่าจะหาใครให้ลูกดี”
ศิริพจน์มองหน้าพ่ออย่างตกตะลึง เมื่อรู้ว่าการคลุมถุงชนครั้งนี้เป็นฝีมือของศิลา
“เถ้าแก่คะ ซินแสหวางส่งนี่มาให้แล้วค่ะ”
เขารับไว้จากแม่บ้าน “รวดเร็วทันใจจริง ๆ”
“อะไรหน่ะคะคุณลุง” นลพรรณถาม
“อ่าวก็ฤกษ์งานหมั้นของยัยแคทกับตาพจไงล่ะหนู อ่าไหนขอดูหน่อย...ไอ่ยา....ไว้จริง ๆ” เจ้าสัวยิ้มถูกใจ
 “ทำไมล่ะคุณโรเบริ์ต” ผู้เป็นพ่อของศิริพจน์ถาม
“ซินแสบอกว่าให้จัดงานหมั้นได้เลยภายในเดือนนี้”
ผู้เป็นพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายดีใจ แต่คนเป็นลูกทั้งสองมีสีหน้าบอกบุญไม่รับ โดยเฉพาะศิริพจน์ที่หน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด เขาเหมือนถูกสายฟ้าผ่าลงมาที่ตัวและหัวใจ เพราะต้องพรากจากคนรักโดยที่ไม่ทันได้ทั้งตัวรับมือแก้ไขอะไรเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-05-2010 16:05:51 โดย น้ำพริกแมงดา »

ออฟไลน์ wowhaha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #288 เมื่อ22-05-2010 16:37:20 »

แล้วจะเป็นงัยต่อเนี่ย

bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #289 เมื่อ22-05-2010 20:24:17 »

มันอีกแค่สองวันเองนะที่พีร์จะมาอยู่ด้วยอ่ะ
แล้วถ้ามาแล้วต้องมาเจอว่าพจน์หมั้นกับแคท น้องพีรืคงแย่ไปเลยทีเดียว...เฮ้ออออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
« ตอบ #289 เมื่อ: 22-05-2010 20:24:17 »





ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #290 เมื่อ22-05-2010 20:33:35 »

ชีวิตนี้ของนังหนูพีร์ จะวุ่นวายรันทดได้มากกว่านี้อีกไปไหมค่ะ

ตั้งแต่เป็นเมียน้อย ยังจะได้เป็นเมียเก็บอีกแล้ว อีป้าแก่ๆ มึนค่ะ

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #291 เมื่อ22-05-2010 21:02:47 »

โธ่พีร์

อะไรที่มันกำลังดีขึ้น

ก็ต้องมีอะไรมาขัดตลอดเลยยยย

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #292 เมื่อ22-05-2010 21:46:55 »

เหอๆ พีร์ยังไม่ทันจะตามมาเลย เกิดเรื่องยุ่งๆซะแล้ว
พี่แจ๊คก็ยังไงๆอยู่นะเนี่ย...แอร๊ยย วุ่นวือได้อีกค่ะ :serius2:

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #293 เมื่อ22-05-2010 22:11:15 »

สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทีรักทุกคน ขอบคุณมากนะคะสำหรับทุกกำลังใจ ที่ส่งมอบให้ไม่ว่าจะเป็น และการติดตาม,คะแนนโหวตหรือดอกไม้ช่อโตแบบนี้  :L2: :L2:

เนื่องจากพรุ่งนี้จะไม่ได้อยู่บ้านหนึ่งวันค่ะ เลยเอามาลงให้ จะได้ไม่ขาดตอน ขอบคุณทุกคนมากนะคะ :pig4:

ปล.คือเปลี่ยนหัวชื่อเรื่องไม่เป็นอ่ะค่ะ o22 มันทำยังไงเหรอคะ รบกวนช่วยสอนด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ  :pig4:

ภาคต่อ ตอนที่ 22


เมื่อผู้ใหญ่เปิดโอกาสให้หนุ่มสาวคุยกันตามลำพังสองคน ศิริพจน์กับแคทเธอรีนก็มองหน้ากันแบบทำอะไรไม่ถูก ศิริพจน์จึงถามไปว่า
“แคทครับ คุณรู้สึกยังไงมั่ง”
“งงค่ะ จู่ ๆ คนที่พ่อกับแม่บอกว่าจะมาดูตัวจากเมืองไทยก็เป็นครอบครัวคุณ” หญิงสาวตอบแบบตั้งตัวไม่ถูกเช่นกัน
“แล้วคุณเห็นด้วยกับพ่อแม่เหรอ”
“ไม่หรอกค่ะ” หญิงสาวถอนหายใจ “แต่จะให้ชั้นทำไงได้”
“แล้วคุณมีแฟนหรือเปล่าครับ”
แคทเธอรีนส่ายหน้าใหญ่ “ไม่หรอกค่ะ ใครจะมาชอบผู้หญิงบ้าหุ้นอย่างชั้นล่ะคะ”
“อืม..” เขาพอเข้าใจ และอีกอย่างแคทเธอรีนนั้นมีบุคลิกแบบเด็กน้อยมากกว่าหญิงสาววัยสะพรั่ง
“แล้วคุณล่ะคะ มีแฟนอยู่หรือเปล่า”
“มีครับ” ศิริพจน์ตอบโดยไม่ลังเล แคทเธอรีนมองหน้าชายหนุ่มแบบรับรู้ และไม่แปลกใจเพราะว่าศิริพจน์ก็จัดว่าเป็นผู้ชายที่รูปร่างหน้าตาดีมากคนนึง
“แคทครับ คุณฟังผมนะ ผม – เป็น- เกย์” เขาพูดช้า ๆ ชัด ๆ ให้อีกฝ่ายรับรู้ง่าย ๆ
“คะ?” หญิงสาวตกใจเล็กน้อย
“ผมมีแฟนเป็นผู้ชายครับ” ศิริพจน์พูดอย่างเต็มปาก พร้อมหยิบโทรศัพท์ให้ดูรูปที่เขาถ่ายกับพีร์ มีรูปส่วนหนึ่งที่ต่างคนต่างหอมแก้มกัน รูปพวกนั้นหล่ะคือรูปที่ศิริพจน์ตั้งใจอยากให้หญิงสาวดู
“น่ารักดีหนิคะ” เธอยิ้มรับ ไม่ได้แสดงอาการรังเกียจหรือตกใจอะไร
“ครับ ผมบอกคุณพ่อแล้ว แต่คุณพ่อผมไม่ยอมลูกเดียว ยังไงก็จะให้ผมแต่งงานให้ได้”
“ค่ะ”
“เดี๋ยววันศุกร์นี้เค้าก็จะย้ายมาอยู่กับผมที่นี่แล้ว”
“อ่อ ค่ะ”
“แคท แล้วอย่างนี้คุณยังจะอยากแต่งงานกับผมอีกไหม”
“ชั้นว่า คุณต้องคุยกับผู้ใหญ่ให้รู้เรื่องดีกว่านะคะ”
“หะ” เขาสงสัย  “คุณไม่เห็นเหรอว่าพ่อแม่พวกเรายอมซะที่ไหน”
หญิงสาวกล่าวหน้าเศร้า ๆ พร้อมพยักหน้าเออออ “อืม นั่นสิคะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหมายความว่าเราจะต้องแต่งงานกันใช่ไหม”
   สองหนุ่มสาวมองหน้ากันอย่างทุกข์ใจในชะตากรรมของตน แต่แคทเธอรีนก็เปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุคและเข้าเว็บการลงทุนแก้เซ็ง ศิริพจน์เห็นอย่างนั้น จึงเข้าไปคุยกันหญิงสาวเรื่องนี้อย่างมีความสุขตามประสาคอเดียวกัน สองหนุ่มสาวพอได้กลับมาสู่จุดนี้ ก็เหมือนเรื่องเคร่งเครียดเมื่อครู่นั้นหายไปทันตา

“แจ๊ค ชั้นมีเรื่องสำคัญจะบอก” ศิลาทำท่าอ้ำอึ้งบอกกับเพื่อนขณะที่ไปไดร์ฟกอล์ฟด้วยกันในเย็นวันพฤหัสบดี
“อะไรวะ” พลกฤษณ์ถามขณะที่ทำลังตั้งท่าหวดลูก
“ไอ้พจกำลังจะหมั้นกับยัยแคท”  ศิลาพูดก่อนจะหวดลูกกอล์ฟให้ไกลออกไป
“หะ..แกว่าไงนะ” พลกฤษณ์ถึงกับวางไม้กอล์ฟเมื่อได้ยินอย่างนั้น “เจ้าพจ..จะแต่งงาน”
“อืม ใช่”
“เป็นไปได้ไงวะ แล้วน้องพีล่ะ...”
“น้องพีก็จะไม่ได้ไปอยู่มันหน่ะสิ” เขาพูดเรียบ ๆ แต่รู้สึกสะใจลึก ๆ
“เดี๋ยว ไอ้หยก มันเกิดอะไรขึ้นวะ อยู่ดี ๆ เจ้าพจมันจะไปแต่งงานได้ไง”
“คุณพ่อมาปรึกษาชั้นเรื่องคลุมถุงชนนี้เองหล่ะ” เขาพูดนิ่ง ๆ ต่อ “เมื่อก่อนชั้นก็เกลียดนะ ไอ้การคลุมถุงชนเนี่ย และก็ยิ่งเกลียดมันมากขึ้นตั้งแต่ชั้นรู้จักน้องพี”
“ชั้นรู้สึกว่าตัวเองมันโชคร้ายที่มีทุกอย่าง ยกเว้นโอกาสที่จะเลือกอะไรให้ตัวเอง” ศิลาถอนหายใจ “หึหึ แต่ก็ต้องขอบคุณไอ้การคลุมถุงชนนี่เหมือนกัน ที่ใช้จัดการไอ้พจให้ไกลจากชีวิตของชั้นกับน้องพีได้ซะที”
“ไอ้หยก!” พลกฤษณ์ตกใจ ไม่คิดว่าเพื่อนจะทำแบบนี้ รู้สึกโกรธแค้นแทนคนทั้งคู่“แล้วแกรู้หรือเปล่าว่าแกทำอะไรลงไป แกกำลังทำลายชีวิตของคนสองคนเลยนะเว้ย!”
“ทำไมล่ะ ในเมื่อลึก ๆ แล้วน้องพีก็ยังต้องการชั้น ชั้นก็รักน้องพี”
“งั้นแกก็หย่ากับแพรวแล้วมาขอน้องพีแต่งงานเลยสิ!!” เขาคำราม คว้าคอเสื้อของเพื่อนอย่างโกรธเกรี้ยว
“ทำไมวะ แกเป็นอะไรของแกหะ” เขาตกใจ พยายามแกะคอเสื้อออกจากมือเพื่อน
“แกมันเห็นแก่ตัวไอ้หยก แกไม่คิดเหรอว่าแกกำลังจะทำลายชีวิตคนอื่นเพราะความเห็นแก่ตัวของแก”
“ไอ้แจ๊ค!”
“ทำไมแกไม่หยุดทำร้ายจิตใจน้องพีซะทีหะ สิ่งที่แกทำลงไปทั้งหมด แกคิดเหรอว่าน้องพีจะกลับมารักแกเหมือนเดิม แกรู้ตัวไหมว่าตั้งแต่แกไปทำร้ายน้องเค้าคราวนั้น มันก็แทบหมดโอกาสของแกแล้ว”
“แกจะไปรู้อะไรหะไอ้แจ๊ค ถ้าน้องพีเกลียดชั้นจริง ทำไมน้องพีถึงยอมนอนกับชั้นตอนที่ไอ้พจไม่อยู่” ค่อยพูดใส่หน้าเพื่อนที่กำลังเดือดอยู่
“แล้วทำไมแกไม่ปล่อยให้เค้าไปหาคนที่พร้อมกว่าแกล่ะหะ”
“ไอ้พจหน่ะเหรอพร้อม” เขาหัวเราะเยาะ “ไอ้เด็กเมื่อวานซืน แกคิดว่ามันจะต่างอะไรกับพวกชั้นเหรอ สักวันมันก็ต้องเป็นแบบชั้น ที่ต้องเก็บน้องพีไว้ข้างหลังทั้งที่เค้าเป็นคนที่ชั้นรัก”
พลกฤษณ์เย็นลง ถอนหายใจอย่างสงบสติตัวเอง เขารู้สึกเดือดดาลแทนพีร์กับศิริพจน์มากไป
“แล้วแกจะทำไงต่อหะ ไอ้พจมันจะแต่งงาน แล้วน้องพีล่ะ เค้าจะไปสิงค์โปร์พรุ่งนี้แล้วนะ แกจะบอกเรื่องไอ้พจกับเค้าไหม”
“ยังไงชั้นก็ต้องบอกน้องพีให้ได้” เขาหมายมาด พลกฤษณ์มองศิลาแต่รู้สึกเป็นห่วงจิตใจของพีร์เสียเหลือเกิน

พีร์ที่กำลังเดินกลับมาที่พักหลังจากออกไปหามื้อเย็นรับประทาน เขาจึงมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ ๆ ก่อนจะขึ้นห้อง แต่ จู่ ๆ ก็มีโทรศัพท์โทรมาหาเขา เขาดูหน้าจอก็พบว่าเป็นแม่เขาเองที่โทรมา
“ฮัลโหล ม้า”
“ฮัลโหลพี ม้ามีอะไรจะคุยด้วย” คนเป็นแม่เสียงน้ำเสียงเคร่งเครียดกรุ่นคิดมาตามสาย
“ครับ ม้ามีอะไร”
“พี ลูกมีแฟนเป็นผู้ชายใช่ไหม” เธอถามเสียงสั่น ๆ เหมือนจะทำใจไม่ได้เมื่อพูดถึงตรงนี้ ข้างกายมีคนเป็นพ่อนั่งคร่ำเครียดอยู่เช่นกัน
“ม้า...” ปลายสายแทบทรุดเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาเริ่มร้องไห้ออกมาเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของแม่
“เด็กในร้านเอาหนังสือที่มีรูปลูกกับผู้ชายคนนั้นมาให้ม้าดู ตอบม้ามาก่อนสิว่านั่นใช่แฟนลูกไหม”
“ม้าครับ คือ...”
“พี มีอะไรก็บอกม้ามาตรง ๆ ลูกเป็นเกย์ใช่ไหม….”
พีร์ร้องไห้สะอึกสะอื้น ความเป็นเกย์นี้คือสิ่งที่เขาพยายามปกปิดกับที่บ้านมานานตั้งแต่เล็กจนโต เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เขาสองจิตสองใจที่จะบอกที่ให้ครอบครัวรับรู้  แต่เด็กหนุ่มก็เลือกที่จะปิดบังมาโดยตลอด การปิดบังนี้เหมือนใจของเขามีหินก้อนใหญ่กดทับอยู่เวลาอยู่กับครอบครัว แต่ว่าวันนี้สิ่งที่เขากลัวมานานก็เกิดขึ้นแล้ว พ่อแม่ของเขารับรู้จนได้ว่าเขาเป็นเกย์ พีร์ถือโทรศัพท์ค้างเติ่ง ปลายสายที่เป็นบุพการีคงจะได้ยินเพียงแต่เสียงร่ำไห้ของคนเป็นลูกเท่านั้น
“ฮัลโหล พี ๆๆๆๆๆ พีได้ยินม้าไหมลูก”
“ฮือ ๆๆๆ”
“ป๊า ๆๆๆ ลูกเป็นอะไรไปอ่ะ” เธอส่งโทรศัพท์ให้สามีที่ตื่นตระหนกไม่แพ้กัน
“ฮัลโหล พี  นี่ป๊าเองนะลูก” ชายวัยกลางคนเริ่มสะอื้น เขาเองก็ไม่อยากเห็นลูกเจ็บปวดเหมือนกัน
“พี ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไร ป๊ากับม้าก็ยังรักลูกนะ บอกป๊ามาสิลูกว่าแกเป็นเกย์หรือเปล่า”
“ฮือ ๆๆๆๆๆ”
“พี ไม่เอาลูก อย่าร้องไห้” คนเป็นแม่แย่งไปพูด
“ม้า พีชอบผู้ชาย ฮือ ๆๆๆๆ” พีร์พูดได้เพียงแค่นั้น ก็ปล่อยโฮออกมาอีกระลอกใหญ่ ส่วนคนเป็นพ่อแม่ประจักษ์แก่ตัวเองแล้วว่า ลูกชายคนเดียวนั้นเบี่ยงเบนอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด
ใช่ว่าคนเป็นพ่อแม่จะไม่รู้ เพราะตั้งแต่เล็กจนโต พีร์ก็ไม่ค่อยเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไปเสียเท่าไหร่ ทั้งอุปนิสัยใจคอ รสนิยม คนทั้งสองรู้จักลูกตัวเองดีพอ แต่ก็อดตกใจและเสียใจไม่ได้ที่ลูกชายคนเดียวของบ้านจะไม่มีสิทธิมีหลานให้อุ้มอีกต่อไป
“พี ฟังม้านะลูก อย่างที่ป๊าบอก ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไร ลูกก็ยังเป็นลูกของม้ากับป๊าเสมอ นะลูกนะ”
“ม้า..”
“ป๊ากับม้ารักลูกนะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว เอาล่ะ ไปพักผ่อนซะ แล้วค่อยคุยกันใหม่นะลูก จำไว้นะ ม้ากับป๊ารักลูกเสมอ”
“ครับ มาม้า ฮือ ๆๆๆ”
“นะ แค่นี้นะลูก ม้ารักพีนะ”
“ครับ” เขารอจนคนเป็นแม่วางสาย และก็ปล่อยโฮออกมา อย่างสุดจะกลั้น

“น้องพี!” ศิลาที่เดินตามหาพีร์ในสวนสาธารณะนี้หันมาเจอพีร์ที่กำลังร้องไห้อยู่
“ฮือ ๆๆๆ” ศิลาเห็นอย่างนั้นเลยเข้าไปกอดปลอบคนรักไว้ในอกอย่างเป็นกังวล เขาไม่รู้ว่าพีร์ร้องไห้ด้วยเรื่องอะไรอีก
“น้องพี เป็นอะไร ใครทำอะไรน้องพีหึ”
“พี่หยก พ่อกับแม่พีรู้แล้วว่าพีเป็นเกย์ ฮือ ๆๆๆๆ” หนุ่มน้อยตัวสั่นในอ้อมอกของศิลาที่กำลังจะมาบอกข่าวเรื่องศิริพจน์  เห็นอย่างนี้แล้วเขาก็ไม่อยากบอกข่าวร้ายเพื่อตอกย้ำจิตใจของหนุ่มน้อยเลย
“ทำไมล่ะครับ หืมม์”
“พี่ไม่อยากให้ป๊ากับม้ารู้ว่าพีเป็นเกย์ ฮือ ๆๆ พีกลัวเค้าเสียใจ”
“แล้วเค้าว่าอะไรน้องพีมาหรือเปล่า” ชายหนุ่มลูบหัวเบา ๆ
“เปล่าครับ”
“น้องพี พี่จะบอกอะไรให้ฟังนะครับ น้องพียังโชคดีกว่าพี่มากเลยรู้ไหม ถ้าเป็นพ่อแม่พี่ เค้าคงฆ่าพี่ตายคามือแน่ ๆ”
“พี่หยก”
“น้องพี่ครับ พ่อแม่น้องพีเค้าคงเข้าใจน้องพีมาก ๆ หน่ะ ไม่เอานะครับ ไม่มีใครว่าอะไรน้องพีแล้วนะ” เขากอดร่างอวบปลอบใจ นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ทำหน้าที่นี้กับร่างอวบเลย
เมื่อพีร์นั้นสงบลง เขาก็รู้สึกตัวได้ถึงผละออกจากศิลา ศิลานั้นเสียดายเล็กน้อย แต่ก็ไม่ลืมบอกเรื่องสำคัญของเขาในวันนี้
“น้องพี อย่าไปสิงคโปร์ได้ไหม” เขาพูดด้วยเสียงขอร้อง
“ทำไมล่ะครับ”
“พจ กำลังจะหมั้นกับผู้หญิงที่ทางบ้านหามาให้ที่สิงคโปร์” คำพูดนั้นทำเอาพีร์ช็อกแทบลมจับ
“หะ...อะ..อะไรนะครับ”
“พจเค้ากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงสิงคโปร์”
เท่านั้นหล่ะ ถึงกับทำให้พีร์เองล้มทั้งยืน ร่างอวบทรุดตัวลงร้องไห้อย่างอ่อนแรง เขาคิดว่า จุดจบของเรื่องของเขากับศิริพจน์ก็ต้องเป็นไปในรูปแบบนี้เข้าสักวัน แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะมาถึงโดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้
“ทำไม..ทำไมพจไม่บอกพีก่อนล่ะ” เขาที่ทรุดลงร้องไห้ ถามขึ้นมาเบา ๆ
“พจเค้าคงไม่รู้เหมือนกันหรอกว่าจะต้องเจออะไรที่นู่น”
“พี่หยกมาบอกพีแค่นี้ใช่ไหมครับ”
“น้องพี...”
“กลับไปเถอะครับ พีขอร้อง” เขาอยากอยู่คนเดียวจริง ๆ เพราะปัญหาทั้งหลายรุมเร้าเขาในเวลาเดียวกัน เขาเลยอยากใช้เวลาอยู่คนเดียวบ้าง
“น้องพี..”
“นะครับ ขอพีอยู่คนเดียวก่อนนะครับ” หนุ่มน้อยขอร้องคนรัก ศิลาเห็นอย่างนั้นจึงปลีกตัวออกไป ปล่อยให้หนุ่มน้อยอยู่คนเดียวตามที่ขอ แต่พีร์ค่อย ๆ เดินไปที่หน้าที่พักของเขา
เมื่อศิลาไม่อยู่ พีร์ก็กดโทรศัพท์ข้ามประเทศหาศิริพจน์ทันที
“ฮัลโหลพี...” ศิริพจน์รับสายเสียงเศร้า ๆ
“พจ..พจกำลังจะแต่งงานใช่ไหม”
“พี...”
“ใช่ไหมพจ”
“คับ ใช่ ที่พ่อกับแม่ผมมาด้วยเพราะว่าจะพาผมมาดูตัว แล้วเค้าก็กำหนดวันหมั้นไว้แล้วด้วย”
“พจ....ฮือๆๆๆๆ”
“ผมไม่รู้ว่าพ่อกับแม่นัดหมายอะไรไว้ ผมขอโทษที่พาคุณไปเสี่ยงกับความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ของผม”
“พจ พจไม่ต้องขอโทษพีร์หรอก” เขาร้องไห้อย่างจนใจเช่นกัน เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของชายหนุ่มเลย
“พีเข้าใจว่าเรื่องของเรามันต้องจบลงแบบนี้เข้าสักวัน ใครจะยอมเสียลูกชายอนาคตไกลอย่างพจให้คนเป็นเกย์อย่างพีล่ะ”
“พี ....”
“แล้วใครจะดูแลคุณล่ะ คุณจะรับมือกับเรื่องพี่หยกไหวเหรอ ถ้าเค้ามาทำอะไรคุณอีกล่ะ” ชายหนุ่มหมายถึงการที่ศิลากลับมาอยู่กับพีร์ก็เท่ากับว่า พีร์ก็ต้องถูกขังไว้ในเงาเหมือนเดิมหน่ะหรือ
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะพจ ต่อไปนี้จะไม่มีใครทำอะไรพีร์ได้ทั้งนั้น” เขาทำเสียงเข้มแข็ง
“พี...”
“ที่ผ่านมา พีร์ทำให้พจลำบากมาเยอะแล้ว ถ้าชีวิตของพีร์มันเป็นของพี่หยกจริง ๆ พี่ก็คงเลี่ยงไม่ได้หล่ะ”
“พี.....” เขาได้ยินอย่างนั้นก็รู้ทันทีว่า พีร์ก็คงก้มหน้ายอมรับชะตากรรมของคนในเงาบางส่วนไว้แล้ว
“ผมจะคุยกับคุณพ่อ ผมไม่อยากแต่งงาน”
“ไม่ได้นะพจ อย่าให้ผมทำให้คุณเดือดร้อนอีกเลยนะ” เขาร้องขอ “ถือซะว่าที่คุณแต่งงานออกไป คุณทำเพื่อผมแล้วกัน นะครับ”
“....”
“รับปากนะครับพจ อย่าเสียใจที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างที่หวังเอาไว้ ผมยังรักคุณ เราจะยังรักกันได้ไม่ใช่เหรอ”
“ครับ” น้ำตาลูกผู้ชายของศิริพจน์ไหลออกมาช้า ๆ เรื่องของเขากับพีร์มาด้วยกันสุดทางแล้วจริง ๆ
“ขอให้คุณมีความสุขนะครับ” พีร์อวยพรศิริพจน์ทั้งน้ำตา เขาพยายามเก็บเสียงร้องไห้ แต่ก็เหมือนทุกอย่างบุบเบลอ พีร์หมดสติลงทันทีจากการร้องไห้อย่างหนักหน่วง
“ติ๊ด ๆๆๆๆ” ปลายสายส่งเสียงสัญญาณขาด
“พี ๆๆๆ!!!” เขาเป็นห่วงคนรัก ที่ตัดสายไป
   “น้องพี”  พลกฤษณ์ที่ตามมาดูเพราะเป็นห่วงพีร์เห็นเหตุการณ์ จึงเข้ามาประคองทันที เขาเห็นพีร์หมดสติลงไป ศิลาที่แอบดูอยู่อีกมุมหนึ่งก็ออกมาดู พวกขาจึงตัดสินใจพาพีร์ส่งโรงพยาบาลทันที

“คุณหมอครับ เอ่อ คนไข้เป็นไงมั่งครับ” ศิลาถามนายแพทย์ที่มาตรวจอย่างเป็นห่วง พลางมองดูพีร์หลับหมดสติให้น้ำเกลืออยู่บนเตียงนอน
“คนไข้หมดสติเพราะช๊อกหน่ะครับ ให้น้ำเกลือวันสองวันก็คงดีขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่กับกำลังใจของคนไข้ด้วยหน่ะครับ”
“ครับ ขอบคุณมากครับ” ศิลากับพลกฤษณ์ยกมือไหว้นายแพทย์ที่ขอตัวออกไป พวกเขาคิดว่าเขาตัดสินใจกันถูกแล้วที่พาพีร์ส่งโรงพยาบาล เพราะตอนแรกระหว่างทางมาโรงพยาบาลศิลาจะขอไปดูแลพีร์เอง แต่พลกฤษณ์คัดค้านเพราะอาการของพีร์นั้นสมควรเข้าโรงพยาบาลได้แล้ว
“โถ น้องพี...” ศิลาลูบหน้าผากคนรักเบา ๆ อย่างเป็นห่วงเป็นและสงสาร
“นี่ไงล่ะ พอใจหรือยังไอ้หยก..” พลกฤษณ์เดือดขึ้นมาอีก
“แจ๊ค...”
“ทำไมแกไม่เคยคิดบ้าง ว่าน้องเค้าจะรับได้ไหม แกเป็นคนรักภาษาอะไรวะ รู้ก็รู้ว่าน้องเขาบอบบางแค่ไหน แกยังจะทำอย่างนี้อีก”
“ถึงชั้นไม่บอกสักวันน้องพีก็รู้ว่าไอ้พจต้องแต่งงาน”
“แล้วไง ถ้าไม่มีแกสักคนไอ้พจมันก็คงไม่ต้องแต่งงานกับญาติแกหรอก”
“ทำไมหะ ทำไมแกเดือดร้อนแทนสองคนนี้นัก ไอ้แจ๊ค”
“ก็ชั้นทนไม่ได้ที่เห็นเพื่อนตัวเองไปทำร้ายคนอื่นหน่ะสิ!!” เขาพูดใส่หน้าเพื่อนตัวเอง “โดยเฉพาะน้องพี..”
“ไอ้แจ๊ค”
“ชั้นไม่เคยทำอะไรเลว ๆ แบบนี้ใส่คนอื่น ใช่! ชั้นมันเก้งตัวพ่อ! ชั้นมันคนเจ้าชู้ แต่ชั้นก็ไม่เคยไปทำให้ใครเสียใจขนาดนี้” เขาชี้ไปที่ร่างที่หลับสนิท
“แกทนเห็นน้องพีเค้าเสียใจได้ไงวะหะ!” พลกฤษณ์สะเทือนใจแทนเด็กหนุ่ม
ศิลาเห็นท่าว่าคุยกับเพื่อนต่อไม่ได้แล้ว เลยต้องออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ พลกฤษณ์ร้องไห้ออกมาอย่างสงสารในตัวพีร์ สักพักก็มีโทรศัพท์ดัง เขามองดูก็พบว่าเป็นของพีร์ที่แม่ของพีร์โทรมาอีกครั้ง

“สวัสดีครับ” เขารับสาย แม่ของพีร์ตกใจเมื่อได้ยินเสียงหล่อ ๆ นั้นก็รู้ว่าไม่ใช่ลูกตัวเองแน่นอน
“เอ่อ ฮาโหล ขอสายพีหน่อยค่ะ” เธอเกร็ง ๆ เพราะเดาว่าผู้ชายที่รับสายนี้คงจะเป็นผู้ชายที่เป็นข่าวกับลูกของเธอ
“พี เอ่อ พีหลับไปแล้วครับ” เขาตอบเลี่ยง ๆ ไม่ให้คนที่บ้านหนุ่มน้อยเป็นห่วง
“อ่าวเหรอคะ เพิ่งจะสองทุ่มเอง” เธอเป็นห่วง
“เมื่อกี๊พีร้องไห้จนหลับไปหน่ะครับ คุณน้ามีอะไรหรือเปล่าครับ”
“อ่อ ค่ะ ว่าแต่คุณเป็นผู้ชายที่เอ่อ....ที่เป็นข่าวกับลูกน้าหรือเปล่าคะ” เธอตามตรง ๆ ตามนิสัยคนใต้
“ครับ ใช่ครับ” พลกฤษณ์ยอมรับ
คนเป็นแม่ตกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าสัญชาติญาณจะถูกต้องตรงประเด็น “เอ่อ แล้วนี่คุณกับพีอยู่ไหนกันคะ”
“อยู่ที่ห้องพีครับ ผมมาดูเค้า” ชายหนุ่มจำต้องโกหกไป
คนเป็นแม่ค่อยโล่งใจ เพราะลูกชายไม่ได้ออกไปไหนและที่สำคัญก็มีคนมาดูแล
“ค่ะ แล้วพีเล่าอะไรให้ฟังไหมคะ”
“เปล่าครับ มีอะไรกันเหรอครับคุณน้า” เขาลองเชิง เพราะศิลาเล่าให้ฟังในรถแล้วว่าพ่อแม่ของพีร์รู้เรื่องลูกชายตัวเองเป็นเกย์เพราะมีข่าวกับเขา
แม่ของพีร์เลยเล่าเรื่องให้พลกฤษณ์ฟัง และถามเรื่องของพลกฤษณ์บ้าง
“แล้วนี่ เออ พ่อแม่ของคุณว่ายังไงคะ ตอนรู้ว่าคุณเป็นแบบนี้”
“อ่อ ครับ คุณน้าครับ อย่าเรียกผมว่าคุณเลยนะครับ เรียกผมว่าแจ๊คเฉย ๆ ดีกว่า นะครับ”
“อ่า ค่ะ เอ่อ แจ๊ค แล้วพ่อแม่ของแจ๊คเป็นไงมั่ง”
“ก็ปกติหนิครับ พ่อแม่ผมรับได้ เพราะพ่อกับแม่ผมแนวฝรั่ง ๆ ปล่อยให้ลูกคิดเองหน่ะครับ”
“แล้วพ่อแม่คุณ เอ่อ พ่อแม่แจ๊ครู้เรื่องของพีหรือเปล่าคะ”
“รู้สิครับ” เขาตอบตามจริง “แต่ก็เฉย ๆ หน่ะครับ ไม่ได้ว่าอะไรผม เพราะตอนนี้ผมยังไม่ได้พาพีร์ไปไหว้พ่อแม่ผมเลย”
“อ่อ ค่ะ”
“เอาอย่างนี้นะครับ สุดสัปดาห์หน้าผมจะลงไปสวัสดีคุณน้าทั้งสองกับพีถึงบ้านเลย นะครับ”
“ค่ะ ก็ดีค่ะ”
“ครับ ผม เอ่อ ผมขอโทษนะครับ ที่ทำให้พีต้องมาเดือดร้อนเพราะผม”
“ค่ะ น้ารู้ว่าพีมีคนดูแลก็ดีแล้วค่ะ น้าฝากลูกน้าด้วยนะคะ”
“ครับ ไม่ต้องกังวลนะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับคุณน้า ไม่ต้องกังวลนะครับ”
“ค่ะ สวัสดีค่ะ”
“ครับ สวัสดีครับ”  เขากดวางสาย และนึกสงสารพีร์ยิ่งขึ้นที่ต้องเผชิญเรื่องที่ไม่ได้ตั้งตัวถึงสองเรื่อง เขาโทรศัพท์ไปบอกให้เด็กที่บ้านจัดเสื้อผ้ามาให้ แต่สักพัก กลายเป็นพ่อกับแม่ของเขาที่เอาของที่เขาสั่งมาให้เองกับมือ
“แจ๊ค หนูคนนี้ใช่ไหมที่เราไปง้อเค้า” คุณเจนนิเฟอร์ผู้เป็นแม่ที่มีเชื้อสายอังกฤษถามทันทีเมื่อเห็นว่าพลกฤษณ์มาเฝ้าใคร
“ครับ”
“ปกติลูกป๊าไม่เคยตามง้อใครนี่หว่า” คุณกำชัยแซวลูกชายตัวเองที่ดูจริงจังกับเด็กหนุ่มคนนี้มาก
“ไม่รู้สิครับป๊า แล้วป๊าว่าไง”
“อ่า ป๊าก็ไม่รู้ว่ะ แล้วแต่แก ว่าไงเจนนี่” เขาหันไปถามภรรยาของเขา
“ไม่รู้สิ เรื่องนี้เป็นเรื่องของลูกนะ แต่ม้าก็ดีใจนะ ที่เราจริงจังซะที”
“โธ่ ม้าครับ” เขาพูดอะไรไม่ออก เพราะเหมือนกลายเป็นว่าตอนนี้เขากับพีร์กลายเป็นอย่างที่ข่าวเสนอ เพราะเขาเองก็เล่าเรื่องของพีร์กับศิริพจน์และศิลาให้พ่อแม่ฟังไม่ได้เหมือนกัน
 แต่ก็ดีเหมือนกัน ที่ทุกคนเข้าใจว่าพีร์เป็นของเขา พีร์จะได้ปลอดภัยมากขึ้น เขาคิดอย่างนั้น
“น่า อย่าปฎิเสธตัวเองเลยแจ๊ค ถ้าชอบหนูคนนี้และอยากให้ป๊ากับม้าชอบด้วย ก็ลองให้มาอยู่บ้านเราซะเลย จะได้รู้กันว่าเป็นไร” คนเป็นแม่เสนอ
“เออ ดี เหมือนกันนะลูก ป๊าเห็นด้วย”
“ครับ ก็ได้ครับ แต่ต้องรอให้พีหายก่อนนะครับ”
คนเป็นพ่อแม่ยิ้มตกลง พลกฤษณ์ยิ้มกับพ่อแม่เช่นกัน เขามองพีร์ที่นอนอยู่บนเตียงอย่างมีความหวัง แต่พีร์จะรู้สึกยังไงบ้างหนอที่ต้องตกกระไดพลอยโจนไปกับเขาด้วย
"ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่ตุ๊กตาของใคร แต่ที่ผมทำไปเพราะว่าผมเป็นห่วงคุณ" เขาคิดในใจ พลางมองไปที่พีร์อย่างต้องการปกป้อง

คนของเธอ - แมว จิระศักดิ์

http://www.youtube.com/v/Ky1XlVr8oow
  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-10-2010 15:11:53 โดย น้ำพริกแมงดา »

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #294 เมื่อ22-05-2010 22:22:48 »

รู้สึกเหมือนมีแต่คนคอยตัดสินแทนพีร์ตลอดเวลาเลยอะ
จากวันที่เป็นแค่นิสิตเดินเข้าไปฝึกงานจนวันนี้ โชคชะตาเล่นตลก(ร้าย)กับหนุ่มน้อยพีร์น่าดูเลย

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #295 เมื่อ22-05-2010 22:25:16 »

กรี๊ดหรือว่านี่จะตัวจริง

การทดลองครั้ง(คน)ที่3 พอดี

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #296 เมื่อ22-05-2010 22:40:18 »

พีร์ผู้แสนบอบบาง ถ้าวันนั้นกลับหาดใหญ่ตอนฝึกงานจบทันก่อนศิลามารั้งไว้ นิยายคงไม่เดินมาถึงตรงสินะ

ออฟไลน์ wowhaha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #297 เมื่อ22-05-2010 22:54:15 »

"ตาอยู่"

andy_kwan

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #298 เมื่อ23-05-2010 00:54:40 »

น้องพีร์ขอสาม   คนแต่งจัดให้แล้วค่ะ   อิอิ

bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #299 เมื่อ23-05-2010 10:06:32 »

ไม่ค่อยมีคนคิดถึงจิตใจพีร์เลยอ่ะ เอาแต่คิดถึงแต่ตัวเอง ไม่มีใครสู้เพื่อน้องพีร์จริงๆซักที แม้กระทั่งพจน์ที่คิดว่าน่าจะเป็นตัวจริงแล้วก็ยังไม่ใช่ หวังว่่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่พีร์จะได้พบกับความสุขจริงๆถึงแม้มันอาจจะให้เวลามากหน่อยในการเปิดใจนะ...เฮ้ออออออออ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด