พิมพ์หน้านี้ - <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 10-01-2010 02:48:57

หัวข้อ: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 10-01-2010 02:48:57
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 



ตอนที่ 1

“โอเคครับ คุณผ่านการสัมภาสน์ ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ” สิ้นเสียงประกาษิตจากหัวหน้าฝ่ายการตลาด ทำให้หนุ่มน้อยใส่แว่นหน้าตาจิ้มลิ้มที่นั่งอยู่แทบกระโดดตัวลอย ร่างค่อนอวบผิวขาวเหลืองในชุดนักศึกษาดีใจแทบเนื้อเต้น
  “ครับ ขอบคุณมากครับ” เขายกมือไหว้ชายวัยกลางคนตรงหน้าด้วยความนอบน้อม ก่อนจะเดินออกจากสำนักงานของบริษัทใหญ่ใจกลางกรุงอย่างตื่นเต้น  บริษัทแห่งนี้เป็นที่ทำงานในฝันของ “พีร์” นักศึกษาหนุ่มปีสามจากคณะบัญชีของมหาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่ง   เพราะนอกจากจะเงินเดือนดีแล้ว เขายังชื่นชม“คุณศิลา”ผู้บริหารหนุ่มของที่นี่เป็นการส่วนตัวอีกด้วย เขาจึงลองสมัครเป็นเด็กฝึกงานที่นี่ เขาคิดว่า นอกจากจะได้ฝึกงานกับบริษัทดัง ๆ ดี ๆ แบบนี้แล้ว ถ้าเขาได้เห็น “คุณศิลา” ตัวจริงสักครั้ง เขาก็คงรู้สึกดีไม่ใช่น้อย นึกแล้วคนร่างอวบมีผุดรอยยิ้มเล็ก ๆ ฉาบบนเครื่องหน้าได้รูปในแว่นกรอบดำนั้นอย่างมีความสุข
คุณศิลา หรือ “คุณหยก” ของเขา เป็นชายหนุ่มวัยใกล้สี่สิบรูปร่างสูงโปร่ง ที่ยังดูดีแบบนักธุรกิจแต่แฝงด้วยหน้าตาที่อ่อนเยาว์กว่าอายุจริงมาก ๆ  เพราะความเป็นชาวไทยเชื้อสายจีนเช่นเดียวกับพีร์ ส่วนตัวพีร์เองชื่นชมคุณหยกของเขา ตั้งแต่เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัย ด้วยภาพลักษณ์นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงจึงเป็นต้นแบบของผู้ที่เรียนในสายธุรกิจ พีร์จึงสนใจในแนวคิดของเขามากเป็นพิเศษ เมื่อเขาศึกษาประวัติของศิลาก็พบว่าชายหนุ่มไม่ได้มีดีแค่การศึกษา ฐานะ และหน้าที่การงานเท่านั้น เขายังมาพร้อมกับภาพลักษณ์ผู้ชายอบอุ่นรักครอบครัว ทำให้เด็กหนุ่มซึ่งเดิมทีเพิ่งรู้ตัวตอนอยู่ปี 1 ว่าชอบผู้ชายด้วยกันอยู่แล้ว ก็อดชื่นชมผู้ชายแบบศิลาไม่ได้ ถึงแม้ว่าศิลาจะมีลูกและภรรยาแล้ว แต่พีร์ก็ขอเก็บศิลาไว้เป็นชายในฝันเล็ก ๆ ของเขาก็พอ
     และเมื่อเขาเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็หวังเล็ก ๆ มาโดยตลอดว่า อยากจะมาฝึกงานหรือทำงานที่บริษัทของคุณหยกของเขาบ้าง แต่เมื่อโอกาศมาถึง เขาจึงไม่รอช้าที่จะสมัคร และตั้งใจพัฒนาตัวเองเต็มที่เพื่อการคัดเลือกในครั้งนี้ สุดท้ายเขาก็ได้เป็นเด็กฝึกงานใน บริษัทของศิลาจนได้

   และเมื่อวันทำงานจริงมาถึงในเดือนมีนามคม พีร์ก็ได้ทำงานกับฝ่ายการตลาด  แต่การทำงานของฝ่ายการตลาดนี้ใช่จะสมใจพีร์ซะเลยทีเดียว เพราะทุกวันเมื่อเขาเข้ามาที่บริษัท เขาก็ต้องออกไปสำรวจตลาดของลูกค้า ตามลักษณะงานของการตลาด เขามีความคิดว่า เขาน่าจะเรียนไฟแนนซ์หรือสถิติให้มันรู้แล้วรู้รอดไปจะได้นั่งตากแอร์ในห้องทำงาน ไม่ต้องมาตากแดดเดินปั้นหน้ายิ้มอย่างนี้ แต่เขาก็รู้สึกโชคดีที่มีรุ่นพี่ช่วยเหลือแนะนำและเมตตาเขาอย่างเต็มที่ ถึงจะเหนื่อยไปซะหน่อยแต่ก็ทำให้เขารู้สึกสนุกกับการทำงานอย่างมากมาย ในแต่ละวันเขากับทีมงานการตลาดก็ต้องตะเวนเดินทางไปในที่ต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ และออกปริมลฑลบ้างในบางครั้ง หนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาเข้าออฟฟิศนับครั้งได้ ส่วนเรื่องที่จะพบเจอคุณหยกนั้น พีร์ก็แทบลืมไปจากหัวแล้วเหมือนกัน จนกระทั่งวันหนึ่ง...

  “น้องพีคะ วันนี้มีประชุมฝ่ายการตลาดกับท่านประธานนะ เดี๋ยวเราเตรียมตัวพรีเซนต์ให้ดี ๆ ล่ะ” รุ่นพี่สาวคนนึงในทีมบอกกล่าว
“ครับพี่ แล้วจะเตรียมตัวพรีเซนต์กันเมื่อไหร่ครับ” หนุ่มน้อยถาม
   “จ้ะ เดี๋ยวเตรียมตัวเลยละกันน้องพี ก็พวกพี่ให้น้องพี พูดในส่วนของ New Target สำหรับ Research ตัวนี้นะจ๊ะ เต็มที่ล่ะน้องพี สู้ ๆ” รุ่นพี่คนเดิมให้กำลังใจ
“ครับ ขอบคุณมากครับพี่”
  พีร์ตั้งใจเตรียมตัวนำเสนอผลการสำรวจตลาดกับรุ่นพี่ทีมงานเพื่อนำเสนอผลงานชิ้นแรกของเขา จนกระทั่งถึงเวลานำเสนองานจริง เขารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เข้าร่วมประชุมกับคนทำงานจริง ในสถานที่,บรรยากาศ และความรู้สึกจริง ที่ค่อนข้างจะตึงเครียดและจริงจังในการทำงาน
“น้องพีร์ ท่านประธานมาแล้ว” รุ่นพี่ในทีมเรียกพีร์ที่กำลังก้มหน้าอ่านรายละเอียดรอบสุดท้ายให้อยู่ในความพร้อมเพื่อต้อนรับท่านประธาน  และเมื่อประตูห้องประชุมเปิด ทุกคนต่างก็ยืนต้อนรับ เขาที่เงยหน้าขึ้นมาก็ตกตะลึงยืนตัวแข็งเหมือนถูกสาปอยู่อย่างนั้น
 “คะ...คุณศิลา..” หนุ่มน้อยอุทานกับตัวเองอย่างคาดไม่ถึง เพราะตอนแรกเขานึกว่า ประธานในการประชุมครั้งนี้เป็นประธานฝ่ายการตลาด ไม่ใช่คุณศิลา  เขามองชายในฝันที่ตอนนี้อยู่ตำแหน่งหัวโต๊ะอย่างคาดไม่ถึง นี่ถ้าเขาเป็นเด็กสาววัยรุ่นก็คงจะกรี๊ดออกมาดัง ๆ ไปเสียแล้ว...
   คุณศิลาตัวจริง หล่อกว่าในรูปแหน่ะ...เขาคิดอย่างนั้น
“เชิญทุกคนนั่งครับ” ร่างสูงโปร่งผายมือเป็นเชิงอนุญาต พีร์ที่กำลังตะลึงได้สติ และนั่งลงไปอย่างเก็บอาการ
 การนำเสนอผลการสำรวจของรุ่นพี่ผ่านไปอย่างราบรื่น จนมาถึงคิวของเขา เขาเองก็พยายามรวบรวมสติสัมปชัญญะทุกอย่าง และพยายามไม่มองหน้าศิลา ตลอดช่วงการนำเสนอของเขา และส่งต่อไปสู่คนอื่นในทีมได้ด้วยดี จนกระทั่งการประชุมจะสิ้นสุดลง...

“เอาล่ะ ผมคิดว่าพวกคุณทุ่มเทกับการเจาะตลาดเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่มาก ไหนผมอยากให้คุณพีร์วิเคราะห์แนวโน้มการตอบรับของกลุ่มเป้าหมายภายในหนึ่งปีซิ”  ศิลากล่าวด้วยเสียงเป็นกันเองแต่กว่าทรงอำนาจ
 รุ่นพี่ทีมงานที่นั่งอยู่เริ่มมองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจ เพราะส่วนนี้เป็นของหัวหน้าทีม และที่สำคัญพวกเขาไม่รู้ว่าในเอกสารที่ใช้สำหรับการนำเสนอที่ให้ไปพีร์อ่านข้อมูลทั้งหมดหรือเปล่า พวกเขาได้แต่มองหน้ากันอย่างหวาดระแวง
“คะ..ครับ สำหรับแนวโน้มการตอบรับในไตรมาสแรกนั้น 30% ของกลุ่มเป้าหมายทั้งหมดที่ตอบรับโครงการนี้ และจะเพิ่มขึ้นอีก20% ของผู้บริโภคในไตรมาศแรกในไตรมาสต่อมา และอีก10% ของจำนวนผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น จะมีในไตรมาสที่สี รวมแล้วเรามีแนวโน้มการตอบรับซึ่งเป็นส่วนแบ่งของตลาดในประเทศ ถึง 40% ครับ” สิ้นคำตอบของพีร์ ทำให้พี่ ๆ ในทีมที่ตอนแรกหน้าถอดสี พรูลมหายใจเบา ๆ อย่างโล่งอกกันถ้วนหน้า
“ครับ ขอบคุณคุณพีร์มาก” ศิลากล่าวพร้อมกับมองร่างอวบอย่างเอ็นดูในความพยายาม พีร์ที่พยายามหลบสายตาศิลามาโดยตลอดก็หยุดชะงักเมื่อสบสายตากับชายหนุ่มอย่างจัง เมื่อความเขินอายมาเยือนเขาจึงค่อย ๆ ก้มหน้าและนั่งลงกับเก้าอี้

     เมื่อจบการประชุม พี่ ๆ ในทีมถึงกับเข้ามาขอบอกขอบใจพีร์กันยกใหญ่รวมทั้งกล่าวชมว่าเป็นเด็กที่ตั้งใจทำงานมาก ๆ เพราะหากพีร์ไม่อ่านเอกสารทั้งหมด ก็กลายเป็นว่าการลงแรงทำงานไปหนึ่งเดือนนั้นล้มเหลวไปครึ่งนึง พีร์เองก็แบ่งรับแบ่งสู้รับคำชมนั้นมา เพราะในใจของหนุ่มน้อยนั้น ยังมีความตื่นเต้นหลงเหลืออยู่มากจากเมื่อสักครู่นี้ จากการสบตากับคุณศิลาตรง ๆ
   “เอ่อ ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับพี่ ๆ” พีร์ขอตัว เนื่องจากอยากจะระงับอาการตื่นเต้นของเขา
เมื่อไปถึงห้องน้ำ เขาก็ตรงไปยังห้องน้ำและปิดประตูขังตัวเองอย่างรวดเร็ว เขาอยากจะกรีดร้องออกมาดัง ๆ ด้วยความประทับใจสุด
ที่สุด หัวใจตอนนี้ก็ชะลอความเร็วลงแล้ว พีร์สูดหายใจลึก ๆ ก่อนจะออกมายังอ่างล้างหน้า เขาเปิดก๊อกเพื่อที่จะล้างมือ แต่ก็ชะงักด้วยได้ยินเสียงทักทายจากข้าง ๆ
“อ่าว คุณพี ยังไม่กลับไปเหรอครับ” น้ำเสียงเป็นกันเองที่เหมือนจะคุ้นหู ทำให้พีร์หันไปมองก็พบว่า ร่างสูงโปร่งในชุดสูทดูดีนั่นที่ยืนยิ้มให้เขาอย่างเป็นกันเอง
“ยัง..ยังครับยัง” พีร์เองก็ตกใจอีกรอบที่คราวนี้เขาได้ยืนอยู่ใกล้คุณหยกของเขา เขาไม่ได้เงยหน้ามองหน้าคุณหยกที่สูงกว่าเลย ได้แต่มองช่วงอกของคุณหยก
“เมื่อกี๊นี้คุณทำได้ดีมากเลยนะครับ รักษาความดีตรงนี้ไว้นะครับ” ชายหนุ่มกล่าวกับพีร์อย่างใจดี
“ขอบคุณครับ ผมจะจำไว้” พีร์ยกมือไหว้ร่างสูงตรงหน้า อย่างนอบน้อม
“ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ” ศิลายิ้มให้ และเดินออกไปจากห้องน้ำ
พีร์เองยิ้มกับกระจกอย่างมีความสุข ถ้าเป็นไปได้ เขาเองก็อยากจะลงไปกองกับพื้นห้องน้ำเหมือนกัน
หัวข้อ: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 10-01-2010 03:05:05
ตอนที่ 2
  เดือนเมษายนมาถึง พีร์นึกกลัวที่ต้องไปทำงานข้างนอกท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าว แต่เหมือนโชคช่วยที่ทำต้องมาเรียนรู้งานออฟฟิศในอีกหนึ่งเดือนที่เหลือ แต่ช่วงเดือนนี้เขากลับตื่นเต้นที่เข้ามาบริษัททุกครั้ง เพราะว่าโอกาศที่จะเจอคุณหยกมีมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน และก็จริงอย่างที่เขาคิดไว้  สองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาได้เจอคุณหยกถึงสามครั้ง และแต่ละครั้งศิลาก็ทักทายเขาด้วยความเป็นกันเอง แต่เขากลับไม่กล้ามองหน้าศิลาอย่างเต็มตาในแต่ละครั้งด้วยเพราะความเขินอายและความดีใจ
  วันสุดท้ายของการทำงานก่อนวันหยุดสงกานต์ พีร์รับหน้าที่จัดการงานที่เหลือของพี่ ๆ เพราะเขาเองไม่ได้กลับบ้านที่ต่างจังหวัด เวลาก้าวเข้าสู่ย่ำค่ำ แสงสว่างและผู้คนรอบตัวลดน้อยลง จนเหลือแสงไฟจากโต๊ะของเขาเพียงแห่งเดียว เขามองนาฬิกาที่บอกเวลาหกโมงเย็น และพิมพ์งานต่ออย่างไม่ย่อท้อ กะว่าแม่บ้านมาไล่เมื่อไหร่เขาถึงค่อยหอบงานไปทำที่หอพักต่อ
  ระหว่างที่เขาตั้งใจอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นั้น ฉับพลันก็สะดุ้งเมื่อมีมือของใครสักคนเข้ามาวางบนไหล่ของเขา พีร์ซึ่งเป็นคนกลัวผีอยู่แล้วออกอาการจึงตกใจมากเป็นพิเศษ ร่างอวบนั้นหลับตาปี๋ด้วยความกลัว แต่คนที่เขามาทักนั้นกลับยิ้มขำอย่างชอบใจ
 “เฮ้ยยย ไม่ต้องตกใจคุณพี นี่ผมเอง ศิลา” ศิลาเขย่าตัวพีร์ด้วยสองแขน พร้อมทั้งมองไปยังดวงตาคู่สวยใต้แว่นกรอบดำ “ลืมตา นี่ผมศิลาเอง” เขาบอกอีกครั้งแต่เจ้าตัวก็ยังไม่ลืมตา ศิลาจึงถอดแว่นของคนตรงหน้าออก
  พีร์ลืมตาขึ้นทันที แต่ก็พบกับใบหน้าได้รูปของศิลาอยู่ตรงหน้า พีร์ได้แต่มองเข้าไปในดวงตากลมโตของศิลา ก็พบว่ามีเงาของเขาทับซ้อนอยู่ในดวงตาทั้งสอง ใบหน้าของทั้งสองใกล้กัน เขามองดูพบว่าศิลาเองยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่น
“จะทุ่มแล้ว ไปทานข้าวเย็นด้วยกันนะคุณพี” ชายหนุ่มบอกอย่างนั้นกับพีร์ พร้อมทั้งปล่อยมือออกจากต้นแขนที่เต็มไปด้วยเนื้อนิ่ม ส่วนพีร์ก็ได้แต่ นั่งมองหน้าชายหนุ่มอย่างตกละลึง
“ครับ” พีร์รับคำเบา ๆ ก่อนจะละจากชายหนุ่มไปบันทึกไฟล์งาน และเก็บเอกสารเข้าแฟ้มเพื่อเตรียมออกไปกินข้าวกับศิลา พีร์ยิ้มให้ตัวเองอย่างตื่นเต้น ก่อนจะไปกับศิลาที่ยืนรออยู่
 
“เป็นไงมั่งคุณพีร์ พอทานได้ไหม” ศิลาในชุดเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมไร้เนคไท ถามร่างอวบตรงหน้าอย่างสนใจ ขณะที่นั่งในร้านอาหารตามสั่งย่านใจกลางเมืองด้วยกัน
“อร่อยมากเลยครับ  เจ้านายมาทานร้านนี้ปล่อยเหรอครับ” พีร์ตอบจากใจจริง เพราะปกติเขาก็เป็นคนที่รักการกินอยู่แล้ว
“บ่อยตอนสมัยเรียนมหาลัยหน่ะ แต่ตอนนี้ไม่ค่อยได้มาเท่าไหร่” ศิลาตอบ “ผมชอบที่นี่นะ บรรยากาศเป็นกันเองดี อาหารก็อร่อยมากด้วย นี่คุณอยากทานอะไรอีกก็สั่งเพิ่มได้เลยนะ”
“พอแล้วล่ะครับ แค่นี้ผมก็ว่าเยอะแล้ว”
“น่า ไม่ต้องเกรงใจ อุตส่าห์ทำงานให้ผมตั้งเยอะ ว่าแต่จบแล้วคุณจะไปไหนต่อ จะทำงานเลยไหมคุณพีร์”
“ครับ คิดว่าจะทำงานเลยครับ” พีร์รับคำ
“ถ้ายังไงทางเราพร้อมจะรับคุณเข้าทำงานเสมอนะ”ศิลายิ้มให้พีร์ด้วยรอยยิ้มใจดีเช่นเคย ทำให้พีร์ก้มหน้ากินข้าวต่อด้วยความเขินอาย
“คุณพีร์ แล้วคุณกลับยังไงเนี่ยะ”  ศิลาถามต่อเมื่อเห็นว่าพีร์เริ่มเงียบ
“ก็ นั่งรถเมลล์กลับอ่าครับ”
“อ่า แล้วตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน”
“ผมอยู่หอแถวปิ่นเกล้าอ่าครับ”
“อ่าว คุณไม่ใช่คนกรุงเทพฯ เหรอ แล้วเป็นคนที่ไหนเนี่ยะ” ศิลาสงสัย
“อ่อ เป็นคนหาดใหญ่ครับ”
“อ่อ  เข้าใจแล้ว...คุณพีร์ คืนนี้ถ้าไม่มีธุระอะไร ไปฟังเพลงเป็นเพื่อนผมหน่อยได้ไหม” ศิลาเอ่ยปากชวนพีร์อย่างเป็นกันเอง
“จะดีเหรอครับ เจ้านาย..คือ”
“คุณไม่ว่างเหรอ...”
“เปล่าครับ คือ...”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า คิดซะว่ามากับพี่ชายก็แล้วกันนะ” ศิลากล่าวด้วยความเป็นกันเอง แต่ในใจพีร์นี่สิ มันยิ่งเต้นระรัวเข้าไปใหญ่
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 10-01-2010 03:08:29
คุณเจ้านาย :haun5: ใจดีจัง
+1 คะ
หัวข้อ: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 10-01-2010 03:27:02
ตอนที่ 3
     ศิลามาส่งพีร์ที่หอพักย่านปิ่นเกล้าในเวลาเที่ยงคืน ระหว่างทางขับรถกลับ เขาคิดถึงวันที่เจอพีร์วันแรกในห้องประชุม เขารู้สึกสะดุดตากับนักศึกษาฝึกงานร่างท้วมใบหน้าจิ้มลิ้มใต้แว่นกรอบดำที่นำเสนองานเข้าอย่างจัง เขาเองก็ไม่รู้เพราะอะไร เพราะนับจากวันนั้นเป็นต้นมา เขาก็มักจะนึกถึงใบหน้ายามตกใจของหนุ่มน้อยหน้าใสเสียทุกที และเหมือนโชคชะตาเล่นตลกที่ทำให้เขาได้เจอกับหนุ่มน้อยร่างอวบอีกหลายครั้ง เขาก็อดที่จะเข้าไปทักทายพีร์ไม่ได้เสียทุกที  เมื่อเย็นที่ผ่านมาอีกเช่นกัน นึกไม่ถึงว่าเด็กฝึกงานเช่นพีร์จะนั่งทำงานอย่างขะมักเขม้น นี่ถ้าเขาไม่อยู่ด้วยก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพีร์จะเป็นยังไง เขายิ้มขำเมื่อนึกถึงตอนที่พีร์ตกใจตอนที่เขาไปแตะตัว และนึกถึงแววตาสดใสของพีร์ตอนที่เขาถอดแว่นของเจ้าตัวออก ก่อนที่จะนึกอะไรไปไกลกว่านั้น ก็มีเสียงโทรศัพท์เข้ามา พบว่าเป็นนลพรรณ ภรรยาของเขาเอง
   “จ้ะ แพรว”
“คุณคะ เดี๋ยวแพรวจะพาลูกกับคุณพ่อคุณแม่ขึ้นเครื่องแล้วนะคะ คุณอยากได้อะไรไหม” นลพรรณหมายถึงการไปเที่ยวเมืองนอกในช่วงหยุดยาวนี้
“ไม่ล่ะครับ พาลูก ๆ กับคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะครับ คุณด้วย”
“เสียดายนะคะ ที่คุณไม่ได้ไปกับเรา”
ศิลาชะงัก ก่อนจะตอบว่า “ผมก็เสียดายเหมือนกันที่ไม่ได้ไปกับคุณ กับลูก”
“ไม่เป็นไรค่ะ แพรวเข้าใจ” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงแสดงความเข้าอกเข้าใจ ศิลาก็เป็นแบบนี้หล่ะ บ้างานจนเป็นนิสัย
“จ้า เที่ยวให้สนุกนะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ อย่าหักโหมนะคะ พักผ่อนบ้างก็ได้” หญิงสาวกล่าวก่อนจะวางสายไป
ชายหนุ่มวางสายภรรยาของตัวเอง และขับรถต่อเขารู้สึกขอบใจนลพรรณที่ไม่เคยเรียกร้องเวลาจากเรื่องงานของเขาเลย เธอเหมือนจะเข้าอกเข้าใจเขาในเรื่องนี้
   ศิลากับนลพรรณเป็นคู่หมั้นกันตั้งแต่วัยรุ่น เพราะพ่อแม่ทั้งสองเห็นชอบให้ลูก ๆ ของตนเกี่ยวดองกันไว้ นลพรรณเองเป็นลูกสาวบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ จึงถือว่ามีทุกอย่างเพียบพร้อมและเหมาะสมกับศิลา เป็นที่สุด เขาเองก็ไม่ขัดข้องอะไรในตอนนั้น เพราะเขากับนลพรรณก็เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ นลพรรณจึงเป็นเหมือนเพื่อนของเขามาโดยตลอด
  แต่เมื่อครู่ที่เขาคิดถึงพีร์ เขากลับประหลาดใจในความรู้สึกของตัวเองเป็นที่สุด เขาไม่เคยสะดุดกับใครมาก่อน ถึงแม้จะโดดเด่นแค่ไหนก็ตาม เขาไม่เคยเหม่อลอยเช่นนี้มาก่อน แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงเป็นกับพีร์และเมื่อเขาคิดถึงพีร์ทีไร เหมือนกลิ่นสดใสจากน้ำหอมของพีร์ก็อยู่ที่ปลายจมูกเขาทุกครั้ง ความรู้สึกของเขาตอนนี้เขาเองก็ไม่แน่ใจว่า ความรู้สึกที่มีให้พีร์นั้นเป็นไปในรูปแบบไหน เแต่เขารู้เพียงว่า เขามีความสุขทุกครั้งที่นึกถึงเด็กฝึกงานร่างอวบคนนั้น

พีร์ตื่นตอนในตอนเกือบเที่ยง และเปิดโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู ก็พบว่ามีคนโทรหาเขาสามสายตอนที่เขาปิดเครื่องอยู่ พบว่าเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเขาจึงไม่โทรไป แต่เบอร์นั้นก็โทรเข้ามาหาเขาในทันที
“สวัสดีครับ” พีร์กรอกสายลงไป
“ครับคุณพี นี่ผมศิลาเองนะ” พีร์ถึงกับหายงัวเงีย เมื่อรู้ว่าเป็นใคร
“ครับ เจ้านาย เจ้านายมีอะไรเหรอครับ”
“ไม่มีหรอกครับ เพียงแต่ อย่าหักโหมทำงานนะ เดี๋ยวเย็นนี้ ผมไปรับ มาทานข้าวเย็นกับผมนะ”
“ครับ ได้ครับ”
“คุณอยากทานที่ไหนดีล่ะ”
“แล้วแต่เจ้านายเถอะครับ”
“เอางี้  เดี๋ยวผมพาคุณไปเอง รับรองว่าคุณต้องชอบแน่ ๆ เจอกันเย็นนี้นะครับ”
“ครับ เจ้านาย” เขาวางสายด้วยหัวใจพองโต ตอนนี้พีได้แต่ปิดตัวด้วยความเขินอายอยู่หน้ากระจกคนเดียวอย่างมีความสุข

เย็นนั้น ศิลาพาพีร์ไปตะเวนกินทั่วเยาวราช ไปจนถึงตลาดสวนหลวง พีร์เองรู้สึกมีความสุขมากที่ได้เดินเที่ยวกับชายในฝันของเขา ส่วนศิลาเองก็มีความสุขเมื่อมองเห็นพีร์กินอาหารต่าง ๆ อย่างเอร็ดอร่อย และจบลงที่ร้านน้ำแข็งไสแห่งหนึ่งในตลาดสวนหลวง
“อิ่มยังครับ” ศิลาถามร่างอวบที่มีความสุขกับการกิน
“อิ่มไม่ไหวแล้วครับ” พีร์ตอบด้วยความจุกเพราะอาการอิ่มจัด
“แต่คุณกินเก่งมากเลยนะคุณพี” ศิลายิ้มเอ็นดูกับร่างอวบตรงหน้า
“เหรอครับ” พีร์หน้าเสีย รู้สึกเหมือนถูกต่อว่า
“เฮ้ย ผมไม่ได้ว่าคุณ ผมชอบนะคนที่มีความสุขกับการกินแบบนี้เนี่ยะ” ศิลากล่าว
“ผมชอบนะ ผมชอบนะ....” คำนี้มันทำให้พีร์ชะงักขึ้นมาทันที ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
 
“ขอบคุณครับที่พาผมไปทานอะไรอร่อย ๆ” พีร์กล่าวกับศิลาก่อนจะลงจากรถ
“ไม่เป็นไร ๆ ผมก็ต้องขอบใจที่คุณอยู่เป็นเพื่อนผม”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” พีร์กล่าวก่อนจะเอี้ยวตัวลงจากรถ
“คุณพี” ศิลาคว้าข้อมือของพีร์ไว้ “พรุ่งนี้เย็น ผมมารับคุณอีกนะ”
พีร์ได้แต่ก้มหน้ายิ้ม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาให้คำตอบกับศิลา “ครับ”
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 10-01-2010 04:25:37
รับเรื่องใหม่   :mc4:
นายเอกไม่เหมือนใครดี
ธรรมดามีแต่ ตัวเล็ก บาง


หัวข้อ: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 10-01-2010 05:32:31
ตอนที่ 4

    เมื่อครู่ที่ศิลามาส่งเขา เขาพยายามบอกตัวเองว่าเขาไม่ได้ฝันไปที่ศิลาจับมือเขา  สายตาของศิลาที่มองเขามานั้นยังฉายแววอบอุ่นเหมือนเคย แต่เมื่อครู่นี้เขากลับไม่ได้แค่ความรู้สึกเช่นนั้นจากศิลา
เหมือนมีอะไรบางอย่างที่รอเขาอยู่ใต้เส้นบาง ๆ
แต่พีร์ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าที่เขาตื่นเต้นกับสัมผัสที่ศิลาจงใจแตะเนื้อต้องตัวเขา เขาได้แต่นอนกอดหมอดแน่นขึ้นและเข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด

หลังจากไปส่งพีร์ที่หอพักแล้ว ศิลากลับมานอนที่คอนโดมิเนียมส่วนตัวของเขาเองที่อยู่ใกล้ ๆ ที่ทำงาน  ที่นี่เป็นที่ที่เขาไม่เคยพาใครมาแม้แต่นลพรรณ เพราะเขาถือว่าเป็นโลกส่วนตัวของเขาจริง ๆ ภายในตกแต่งอย่างเรียบง่าย ไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์มากนัก แต่หนักไปทางของสะสมจำพวกโมเดลรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่เก็บไว้อย่างดีและจัดวางอย่างถนุถนอม เสมือนตัวแทนโลกแห่งความสุขของเด็กชายหยก ที่นายศิลาพยายามเก็บรักษามันไว้อย่างหวงแหน 
 คืนนี้ศิลาพลิกตัวกระสับกระส่าย ด้วยขบคิดเรื่องเดียวที่อยู่ในหัวมาโดยตลอด ยามเขาหลับตาก็เห็นแต่หน้าของพีร์ทุกครั้ง เขาจำกริยาของพีร์ได้ทุกอิริยาบท และชอบมองพีร์ไม่ว่าพีร์จะทำอะไร เขาพบว่าพีร์เป็นคนที่ทำให้เข้ายิ้มและหัวเราะออกมาจากใจริง ๆ ด้วยหน้าที่การงานและการเสี้ยงดูจากครอบครัวนั้น เขาจึงต้องเก็บอารมณ์และวางตัวให้ดูดีเสมอ แต่เมื่ออยู่กับพีร์แล้วเขากลับลืมความรู้สึกดังกล่าวออกไปหมดสิ้น เป็นคนเดียวที่เขาสามารถพูดคุยได้ทุกเรื่องถึงแม้จะสนิทกันในไม่กี่วันที่ผ่านมา ไหนจะกลิ่นน้ำหอมสดใสกับเนื้อตัวนุ่มนิ่มของพีร์ยามที่เขาแตะเนื้อต้องตัวอีกเล่า มันช่างเป็นสัมผัสที่เขาประทับใจเสียจริง  ศิลาคิดทบทวนไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
นี่เขากำลังตกหลุมรัก?
นี่เขากำลังมีความรัก ?
และนี่เขากำลังจะนอกใจภรรยา?
แต่คนที่เขารัก เป็นผู้ชาย....เขาชอบผู้ชายด้วยกัน
หรือว่า นี่เขาเป็นเกย์!!?

     
  พีร์มารอศิลาที่หน้าหอพักเหมือนอย่างเช่นวันก่อน แต่แล้วพีร์ก็แปลกใจในเมื่อวันนี้ศิลาไม่ได้มาพร้อมMercedes Benz C Classคันหรูอย่างที่เคย แต่เจ้าตัวมากับมอเตอร์ไชค์ฮาเล่ย์เดวิสัน ร่างสูงนั้นสวมกางเกงยีนส์และแจ็คเกตหนัง ที่ทำให้ทิ้งมาดขรึมของผู้บริหารไปโดยสิ้นเชิง โดยเขาไม่ลืมเตรียมแจ็คเกตอีกตัวและหมวกกันน๊อคไว้ให้พีร์ด้วยเช่นกัน  พีร์เองก็ดูตื่นเต้นเมื่อเห็นศิลาทำแบบนี้ เพราะพีร์รู้ว่าศิลาชอบรถมอร์เตอร์ไซค์แบบนี้มาก
  “ขึ้นมาเลย วันนี้เราจะตะเวนกรุงเทพฯกัน” ศิลาหมายมาด เขายิ้มอย่างมีความสุข เพราะนี่คือสิ่งที่เขาอยากทำมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาศได้ทำเลย คือการขับมอเตอร์ไซค์พาคนที่เขารักไปกินลมชมวิว ตอนเขาเป็นวัยรุ่นก็เคยชวนนลพรรณเหมือนกัน แต่รายนั้นไม่แม้แต่จะเข้าใกล้พาหนะประเภทนี้ ด้วยจากการปลูกฝังว่าอันตราย แต่เธอก็ไม่เคยห้ามศิลา เพราะเข้าใจว่ามันเป็นความสุขของสามีเธอ
   แต่วันนี้ศิลาก็ได้พาพีร์ คนที่เขาพบว่ารัก ไปนั่งรถมอเตอร์ไซค์ของเขาเที่ยวรอบกรุง เขาเริ่มต้นจากขับผ่านสะพานพระรามแปด ที่เขากับพีร์ลงไปเดินเล่นดูแม่น้ำเจ้าพระยา ก่อนจะไล่มาจนถึงเกาะรัตนโกสิน ถนนราชดำเนินกลาง  เขากับพีร์มีความสุขมาก ๆ 
เหมือนทั้งโลกในตอนนี้มีแค่เขาเพียงสองคน แต่เหมือนฝนฟ้าจะไม่เป็นใจเพราะอากาศร้อนอบอ้าวมาหลายวันแล้ว เมฆดำที่อุ้มน้ำอยู่ก็ปล่อยสายฝนออกมาจากฟ้าอย่างไม่ลืมหูลืมตา  ศิลาเองเลยต้องรีบขับมอเตอร์ไชค์กลับมาที่คอนโดฯ ของตัวเอง เพราะใกล้กว่าที่จะขับไปส่งพีร์ก่อน  แต่เขาเองก็อยากให้พีร์อยู่กับเขา มากกว่าจะแยกกันกลับเหมือนวันก่อน ๆ ไม่รู้ทำไมว่าวันนี้เขารู้สึกต้องการพีร์มากเหลือเกิน
 “พี คืนนี้คุณนอนเป็นเพื่อนผมได้ไหม” ศิลาพูดกับพีร์ขณะจอดรถเสร็จแล้ว เขามองหน้าพีร์ด้วยความรู้สึกต้องการและอ้อนวอนให้พีร์อยู่กับเขา
“คือ..”
“นะครับพี อยู่กับผมนะ” ศิลาคว้าข้อมือทั้งสองมาจับไว้อย่างอ้อนวอน พีร์เองได้แต่ก้มหน้าด้วยความเขินอายปนลำบากใจ เพราะท่าทางของศิลานั้นดูเหมือนชายหนุ่มแรกรุ่นที่ออดอ้อนคนรักไม่มีผิด
“นะครับพี ฝนตกอย่างนี้ เสียเวลาเปล่า ๆถ้าคุณจะกลับไป อยู่เป็นเพื่อนผมนะครับ”ศิลาออดอ้อน และเขย่าข้อมือของพีร์ไปมา
“ครับ” พีร์รับคำเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักของศิลา  เพียงเท่านั้นศิลาไม่รอช้าที่จะจูงมือเขาไปยังห้องพักของเขา

 เมื่อถึงห้องพักสุดหรูขนาดกระทัดรัด ศิลาได้เข้าไปหยิบเสื้อผ้าไว้ให้พีร์เปลี่ยน เป็นนอนแบบเสื้อเชิ้ตและกางเกงยืดขาสั้นพร้อมผ้าเช็ดตัว โดยเขาขอเข้าไปอาบน้ำก่อนเพราะเป็นคนอาบน้ำเร็ว และก็ให้พีร์เข้าไปอาบน้ำ เมื่อพีร์ออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าในห้องเปิดไฟเพียงแค่บนหัวเตียงเพียงเท่านั้น  ประกอบกับข้างนอกหน้าต่างฝนก็ยังคงตกหนักอยู่
  พีร์เดินออกมาด้วยท่าทีเคอะเขินและกังวล เพราะว่าอยู่กับศิลาเพียงสองคนในบรรยากาศแบบนี้ ส่วนศิลาเองที่นั่งรอพีร์อยู่บนเตียงก็หยิบผ้าเช็ดผมและเดินตรงมาหาพีร์
 “ทำไมไม่เช็ดผมล่ะครับ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” ร่างสูงใช้ผ้าขยี้ผมนุ่มของพีร์ไปทั่ว เขาก้มหน้ามองพีร์ที่ตอนนี้ไร้แว่นมาบดบังแววตาที่เคลือบไปด้วยสงสัยระคนกังวลใจ ศิลารามือในการเช็ดผมพีร์ ก่อนจะจูบเบา ๆ ลงบนผมหอมอย่างรักใคร่
“ไม่ต้องกลัวนะ”  ศิลามองหน้าพีร์เพื่อให้อีกฝ่ายเลิกกังวลใจ
“คุณศิลา...” พีร์กล่าวแค่นั้นก่อนจะโผเข้ากอดร่างสูงที่ใฝ่ฝันมาแสนนานอย่างแสนรัก ศิลาเองก็โอบกอดร่างอวบนั้นอย่างถนุถนอมด้วยความรักเช่นกัน ศิลาไม่รอช้าที่จะช้อนวงหน้าเรียวขึ้นมา ก่อนจะประกบริมฝีปากลงอย่างนุ่มนวล เพื่อกระตุ้นให้คนในวงแขนเปิดรับสัมผัสจากเขาก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นดูดดื่มและรุกเร้า
   มือเรียวแกร่งของศิลาลูบไล้ไปตามลำตัวที่เต็มไปด้วยเนื้อหนังอวบอัด เขาค่อยลูบคลำเนื้อนิ่มนั้นอย่างเบามือ พีร์เองอายที่ตัวเองเป็นคนอ้วน จึงได้แต่ปัดป้อง แต่ก็สู้ความต้องการจริง ๆ ของตัวเขาเองละศิลาไม่ได้ ศิลาค่อยผลักพีร์ล้มบนเตียงหนานุ่ม และปล่อยให้ความรักกับความต้องการซึ่งกันและกันเป็นตัวนำทางพวกเขาต่อไป

“พีร์ครับ..” ชายหนุ่มเรียกให้ใบหน้าจิ้มลิ้มที่ซบอกเอียงอายอยู่เงยหน้าขึ้นมา “พี่รักพีนะครับ”  ศิลาเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเอง เพราะอยากให้ใกล้ชิดกับหนุ่มน้อยมากขึ้น
เมื่อร่างอวบได้ยินดังนั้น ก็ซบหน้าลงบนอกอุ่นด้วยความเขินอาย ศิลามิวายกระเซ้าต่อ “แล้วพีร์รักพี่มั่งไหม”
คนเจ้าเนื้อได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้าช้า ๆ เป็นการยอมรับ แต่ศิลาไม่ยอม “ฮะ..อะไร พยักหน้าหมายความว่าอะไร” ศิลาถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้นเจือแววหยอกล้อ เขามองเสี้ยวหน้าของพีร์ภายใต้แสงไฟสลัว ด้วยความรู้สึกเปี่ยมสุข
 “บอกพี่มาสิ รักพี่หรือเปล่า”
“รักครับ” พีร์ตอบเบา ๆ
“รักใครอ่ะ ไม่บอกมาให้หมด” ศิลาเริ่มออดอ้อน
“รักคุณศิลาครับ” คราวนี้พีร์เขินมาก ถึงกับกอดร่างแกร่งของศิลาไว้แน่น
“นี่..ไม่ต้องเรียกพี่ว่าคุณศิลาแล้วนะ” ชายหนุ่มลูบตามในหน้าและลูบผมหนุ่มน้อยอย่างรักใคร่ “อยู่กับสองคนแบบนี้ จะมีแต่พี่หยก กับน้องพี เท่านั้นนะครับ”
“ครับ”
“ไหนลองเรียกพี่หยกสิ” ศิลากระเซ้า พีร์เองก็อยากจะเรียกศิลาแบบนี้มานานแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่า เขาจะได้เรียกชื่อเล่นของชายในฝันอย่างเต็มปากจริง ๆ ในสภาพแบบนี้
“ครับ พีร์รักพี่หยกนะครับ” ร่างอวบเงยหน้าบอกชายคนรักอย่างเต็มใจ และ มองหน้าชายคนรักอย่างมีความหมาย ศิลาก็ก้มลงมาหอมหน้าผากและแก้มนุ่มนั้นอย่างแสนรักเช่นกัน

เรื่องมหัศจรรย์ - โซฟา


http://www.youtube.com/v/yae1VDqQ-bw
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 10-01-2010 13:52:53
แล้วแบบนี้จะเป็นอย่างไงต่อไปอะ รีบๆ มาต่อนะ

ปล. เอากฎเล้ามาแปะด้วยนะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: speedboy ที่ 10-01-2010 15:26:23
มา+1ให้เป็นกำลังใจนะคร้าบ

รวดเร็วทันใจดีคร้าบ

 :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 10-01-2010 21:49:56
พี่หยกของน้องพี ไม่ได้โสดอ่าๆๆ

แล้วจะออกมาในรูปแบบไหนกันเนี่ย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 10-01-2010 21:59:44
เรื่องแปลกดีเนอะ ตัวละครแต่ละตัวก็ไม่ซ้ำกับเรื่องอื่น

รอติดตามต่อจ้า  :z2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 10-01-2010 22:28:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 10-01-2010 22:48:59
เรื่องน่ารักดีอ่ะ
นายเอกไม่เหมือนใครดี
แล้วจะเป็นยังไงต่อน๊า
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 10-01-2010 22:50:36

อย่าเศร้านะ ขอร้อง
สงสารน้องพี
สงสารคนอ่านด้วยนะ
หัวข้อ: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 10-01-2010 23:09:07
 :pig4:ขอบคุณสำหรับการติดตาม การโหวต และคอมเม้นต์ทุกคอมเม้นต์นะคะ  ขอบคุณจากใจค่ะ เป็นกำลังใจให้เขียนต่อได้ดีทีเดียว ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ  :3123:

ตอนที่ 5
   ศิลาตื่นมาในตอนเช้าก็พบว่าตอนนี้เขาอบอุ่นด้วยไออุ่นจากตัวอีกคนที่นอนกอดเขาอยู่ใต้ผ้าห่มหนา เขายิ้มกับตัวเองเหมือนเขาเป็นเจ้าบ่าวที่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันแรกของการเข้าหอ พลางมองหน้าคนรักผู้อ่อนวัยกว่าที่หลับไหลอยู่บนอกด้วยความรู้สึกรักสุดหัวใจ
  เขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต
  เขาอยากเป็นเจ้าของพีร์ ด้วยความรัก ไม่ใช่ด้วยหน้าที่เหมือนที่เป็นมา
   เขาค้นพบความรู้สึกแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยเจอมาก่อนมากมาย จากการเป็นคนเดียวกันกับพีร์เมื่อคืน
  พีร์เป็นคนแรกที่รัก เป็นรักแรกพบของเขา ที่ทำให้เขาค้นพบความรักฉันท์คนรักอย่างแท้จริง ศิลาคิดแบบนั้น

 เขานึกขอบคุณพีร์ที่รักเขาเหมือนกัน เขาค่อย ๆ ลูบผมพีร์อย่างอ่อนโยน จนร่างอวบนั้นงัวเงียขึ้นมาจากอกอุ่นของเขา
“อุ้ย นี่พี่ปลุกเราหรือเปล่าเนี่ยะ” ศิลาขอโทษ เพราะรู้สึกไปรบกวนการนอนหลับของคนรัก
“ไม่หรอกครับ พี่หยกหนักหรือเปล่าครับเนี่ยะ” พีร์ก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน ด้วยร่างกายอวบอ้วนของเขาจะทำให้ศิลาอึดอัดเพราะแรงกดทับ
“ไม่หรอก..อุ่นดีจะตายกอดเราเนี่ยะ  พี่ชอบนะ” มือของศิลาเริ่มซุกซนไปตามแผ่นหลังและหน้าอกของหนุ่มน้อย
“หืม..ชอบอะไรครับ” พีร์เริ่มรู้ตัวว่าโดนลวนลาม จึงแกล้งเฉไฉ
“พีอยากให้พี่ชอบอะไรล่ะครับ” สายตากรุ้มกริ่มของศิลา ทำให้พีร์อายม้วนจนหน้าแดง ไม่พูดอะไรออกมาและพยายามขยับตัวพองาม แต่เพราะความเจ็บปวด ในบาดเจ็บจากเมื่อคืน ทำให้เขานิ่วหน้า ถึงแม้ว่าศิลาไม่ได้กระทำรุนแรงใด ๆ กับเขา  แต่ด้วยนี่เป็นครั้งแรกของเขาจึงเป็นธรรมดาที่มีอาการข้างเคียงในยามเช้า  ศิลาผลิกผ้าห่มหนานั้น เผยให้เห็นคราบเลือดบนผ้าปูที่นอนสีครีม ยิ่งทำให้พีร์ทำหน้าไม่ถูกเข้าไปใหญ่  ศิลาเองก็ลูบไปบนคราบเลือดนั้นเบา ๆ อย่างมีความหมาย
“พี่เป็นคนแรกของพีร์ใช่ไหม” ศิลาถามด้วยเสียงอ่อนหวาน
“ครับ” เสียงเบา ๆ ออกจากริมฝีปากได้รูปนั้นอย่างเขินอาย  
“พี่ดีใจนะครับ ที่เรารักพี่” ศิลาขยับตัวมากอดร่างอวบด้วยความจริงใจ “ตอนนี้เราสองคนเป็นคนเดียวกันแล้วนะครับ”
ร่างอวบพยักหน้าเขิน ๆ ก่อนที่จะขอตัวไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ เขาค่อย ๆ ละออกจากตัวของศิลา อย่างยากลำบาก
  “โอ๊ะ...” เขาอุทานด้วยความเจ็บหลังจากขาถึงพื้น
“ให้พี่พาไปไหม” ศิลาถามคนรักด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
“ไม่ได้ ๆ มานี่” ศิลาเข้าไปพยุง พร้อมตอบด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม“งั้นเดี๋ยวพี่อาบน้ำให้ละกัน”

   วันนั้นทั้งวัน ศิลากับพีร์ก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งวันในห้องนั้น พวกเขาห่างกันเพียงแค่เวลากินข้าวกับเข้าห้องน้ำเท่านั้น ตกเย็นศิลาก็ขับรถไปที่หอพักของพีร์แถวปิ่นเกล้า เพื่อให้พีร์มาเก็บของใช้ส่วนตัว ก่อนจะมาอยู่เป็นเพื่อนเขาอีกครั้ง พีร์เองก็เต็มใจที่จะทำอย่างนั้น ถึงแม้รู้ดีว่าศิลามีครอบครัวแล้ว แต่เขาเองก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า ความรักที่ศิลามอบให้เขานั้นทำให้เขามีความสุขมากเพียงใด แม้จะเป็นรักที่คาดไม่ถึงก็ตาม
    พีร์คิดว่า ชีวิตที่เขาเลือกจะรักผู้ชายด้วยกันนี้ เขาอาจจะไม่ได้เจอรักที่แสนจะอบอุ่นอย่างที่ศิลามอบให้เขาเช่นนี้ก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปในวันข้างหน้า วันหยุดยาวนี้ เขาขอใช้เวลาอยู่กับชายคนรักให้คุ้มค่าและมีความสุขที่สุดก็พอ

  หลังจากวันหยุดยาว บริษัทก็เปิดทำงานปกติ  ศิลากับพีร์เองก็เช่นกัน ต้องกลับมาทำงาน แต่หลังจากที่พวกเขาเป็นของกันและกันแล้ว ความรู้สึกของเขาทั้งคู่ก็เปลี่ยนไป
  “พักเที่ยงแล้ว ไปทานข้าวนะ อย่าโหมงานล่ะ” พีร์เปิดข้อความทางโทรศัพท์ที่ส่งจากศิลา เขายิ้มให้กับข้อความนั้น ก่อนจะเร่งมือพิมพ์งานต่อให้เสร็จด้วยหัวใจที่อิ่มสุข
   หลังเลิกงาน เขาก็นั่งรถเมลล์กลับหอเหมือนทุกวัน แต่บางวันเขาก็ไม่ได้ไปนอนที่หอเพื่อนเหมือนแต่ก่อน เพราะศิลาขอให้เขามาอยู่ด้วยกันในห้องชุดของชายหนุ่ม แต่พีร์ขอเพียงแค่นั้นเพราะไม่ต้องการให้ใครสงสัยในความสัมพันธ์ของพวกเขา และเพื่อรักษาหน้าตากับชื่อเสียงของศิลาด้วย ถึงแม้เขาจะต้องการและรักศิลามากเพียงใด แต่พีร์ก็คิดว่า เขาจะไม่ยอมให้ชายคนรักเสื่อมเสียเพราะเขาเป็นอย่างแน่แท้

  วันเสาร์นี้ ศิลาพาครอบครัวมาเดินเล่นยังห้างสรรพสินค้าสุดหรู เขากับนลพรรณ และลูกสาววัยน่ารักสองคน เขาพานลพรรณไปซื้อเสื้อผ้าและลูก ๆ ไปซื้อของเล่น  ระหว่างนั้นที่เขาขอปลีกตัวไปเข้าห้องน้ำ เขาก็พบกับคู่รักชายชาย ที่เดินจับมือกันอย่างอบอุ่น ชายร่างใหญ่หน้าตาคล้ายลูกครึ่งฝรั่งคาดว่าน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเขา มากับหนุ่มน้อยลูกครึ่งฝรั่งที่ร่างเล็กและอ่อนวัยกว่า โดยทั้งสองจับมือกันและสบตากันตลอดเวลา ชายร่างใหญ่ที่อายุเยอะกว่า ลูบแก้มคนรักร่างบางอย่างเอ็นดู ทำให้เขานึกถึงชายคนรักของเขาขึ้นมาจับหัวใจ
  “พี...พี่ขอโทษ” เขาคิดในใจ ที่ไม่ได้ทำอย่างที่เขาเห็นกับคนรักที่อ่อนวัยกว่า ยิ่งเขาเห็นว่าคนทั้งสองเป็นคู่รักที่มีวัยใกล้เคียงกับเขาและพีร์แล้ว มันยิ่งทำให้เขารู้สึกสะท้อนใจยิ่งนัก  
   และเขาก็นึกขึ้นได้ว่า ต้องรีบกลับไปหาหาภรรยาและลูก ๆ จึงสลัดความคิดแบบนั้นออกไปจากหัว พร้อมกับเดินไปหาครอบครัวที่รออยู่
 “รอนานไหมจ๊ะ” เขาพูดกับนลพรรณที่จ่ายเงินค่าของเล่นให้ลูกสาวอยู่
“ไม่ค่ะ คุณคะ แพรวหิวกับลูกหิวแล้ว  ไปหาอะไรทานกันเถอะ”
“จ้ะ ป่ะ วันนี้น้องพลอย กับ น้องเพชร อยากทานอะไรดีคะ” ศิลารับคำและหันมาถามลูกสาว
“น้องเพชรอยากกินอาหารญี่ปู่นนน” ลูกสาวคนโตตอบ
“ได้เลยค่ะ งั้นเดี๋ยวคุณพ่อพาไป” และเขาก็หันมาทางนลพรรณ “งั้นเราไปข่างล่างกันดีกว่านะ” แล้วเขาก็พาทั้งหมดลงบันไดเลื่อน

จู่ ๆ ลูกสาวคนเล็กก็โพล่งขึ้นมาว่า
“คุณพ่อขา ทำไมผู้ชายจับมือกันคะ” ศิลาที่อุ้มอยู่ทำหน้าแปลกใจที่สุด จึงถามว่า “อะไรนะคะน้องพลอย น้องพลอยถามคุณพ่อว่าอะไรนะคะ”
“ทำไมพี่สองคนนี้จับมือกันคะ” นิ้วน้อย ๆ ชี้ไปยังคู่รักวัยรุ่นชายชายที่ยืนอยู่บนขั้นบันไดข้างหน้า ทั้งสองคนหันมายิ้มให้เด็กน้อยอย่างไม่ถือสา แต่ก็ยังจับมือกันแน่นด้วยความรู้สึกตลกกับเด็กหญิงตัวน้อย ศิลาถึงกับทำหน้าไม่ถูกเมื่อเจอแบบนี้ รู้สึกเหมือนจุดไต้ตำตอเข้าไปทุกที
“อ๋อ ที่เค้าจับมือกัน เพราะว่าเค้ารักกันหน่ะค่ะลูก” ผู้เป็นพ่อตอบอย่างอ่อนโยน ทำให้คู่รักคู่เดิมหันมายิ้มให้อย่างขอบคุณ
“รักกันแบบที่คุณพ่อคุณแม่รักกันไงคะ” ศิลาเสริมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง พร้อมกับเขย่าตัวลูกสาวอย่างเอ็นดู แต่ในใจเขากลับคิดถึงอีกคน คนรักจริง ๆ ของเขาที่ป่านนี้คงนอนพักผ่อนอยู่หอพัก พีร์จะน้อยใจไหมนะ ที่เขาไม่ได้พาไปเที่ยวไหนเลย ยิ่งเขาเห็นคู่รักหลายคู่ที่เดินจับมือกันเปิดเผยอย่างนั้นแล้ว ยิ่งทำให้คิดถึงมือนุ่ม ๆ ของคนรักเป็นอย่างยิ่ง

    "หยก ช่วงนี้หยกเป็นอะไรไปเหรอ แพรวเห็นหยกชอบเหม่อ ๆ นะ หยกมีเรื่องอะไรหรือเปล่า" นลพรรณถามสามีขณะที่อยู่ด้วยกันสองคนในห้องทำงานของเขาที่บ้าน แต่เธอใช้สรรพนามในการคุยกันเหมือนครั้งยังเป็นเพื่อน
    "เปล่าจ้ะแพรว ทำไมแพรวถามผมแบบนั้น" ศิลาพยายามปรับสีหน้า ให้นลพรรณหายสงสัย
     "หยกมีอะไร หยกเล่าให้แพรวฟังได้นะ อย่าลืมสิ ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันมาก่อนนะ" นลพรรณกล่าวด้วยความเป็นห่วง
    "ก็ไม่มีอะไรหรอกแพรว ผมแค่คิดมากเรื่องงานนิดหน่อย แพรวก็รู้ว่าหยกบ้างาน"
    "จ้ะ อย่าคิดมากก็แล้วกัน แพรวไปนอนก่อนนะหยก" หญิงสาวตบไหล่สามีเป็นเชิงปลอบใจ แล้วขอตัวไปนอน ทิ้งให้ศิลาจดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ศิลาเองก็ละมือจากแป้นพิมพ์ และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความถึงพีร์ด้วยความคิดถึง
  "วันนี้พี่คิดถึงน้องพีมากเลย ขอโทษนะครับที่พี่ไม่ได้อยู่ด้วย ฝันดีนะครับน้องพี"

  พีร์ที่กำลังนอนเล่นอยู่ได้รับข้อความทางโทรศัพท์ จึงเปิดขึ้นมาดู และยิ้มสุขใจกับข้อความของชายคนรัก ถึงแม้ว่า เขาจะไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันในวันหยุดเหมือนอย่างที่เคย แต่พีร์ก็เข้าใจศิลาเป็นอย่างดีว่าชายหนุ่มควรจะต้องทำอย่างไร และไม่เสียใจที่รักผู้ชายที่มีพันธะแล้วแบบศิลา
  ขอเพียงแค่ได้รับความรักจากชายหนุ่ม พีร์ก็สุขใจแล้ว
  

 


หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 10-01-2010 23:28:59
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 10-01-2010 23:51:44
บรรยายเรียบๆ ดูอบอุ่น
แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นลึกๆกับความรักของทั้งสองคน
อยากให้หนูพีร์สมหวัง
แต่ก็แอบสงสารครอบครัวคุณศิลาเหมือนกันเนอะ

หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 10-01-2010 23:52:38
น่าสงสารเหมือนกันนะเนี่ย ขอบคุณนะครับ
หัวข้อ: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 11-01-2010 15:28:59
 :pig4: :pig4:ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์นะคะ รู้สึกมีกำลังใจเขียนมากมายเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ  :3123:

ตอนที่ 6

  นลพรรณกรุ่นคิดถึงท่าทีของศิลาหลังจากวันหยุดยาวที่ผ่านมานี้ หล่อนพบว่าสามีของหล่อนมีท่าทางที่แปลกไป นลพรรณสังเกตุว่า ศิลาชอบเหม่อลอย และมักจะมองไปยังที่ไกล ๆ มากกว่าอยู่กับสิ่งรอบตัว
“คล้ายคนกำลังมีความรัก” นลพรรณแน่ใจว่าเป็นอย่างนั้น
  เธอถอนหายหายใจด้วยความเห็นใจในตัวสามี เธอรู้ดีว่า ตลอดเวลาที่เขาอยู่กับเธอมา ตั้งแต่เป็นคู่หมั้นว่าเขาไม่ได้รักเธอเหมือนคนรัก  แต่ศิลาก็ดูแลเธอและให้เกียรติเธอเป็นอย่างดี จึงทำให้เธอไม่เคยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในการที่ศิลาไม่ได้รักเธอแบบคนรักเลย  เธอเองก็พอใจความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่นี้ ในตอนนั้นเธอเองก็ไม่ขัดขืนการจับแต่งงานของพ่อแม่เช่นกัน เพราะรู้ว่าคนที่พ่อแม่เลือกให้คือศิลา เพื่อนสนิทอีกคนของเธอ ดีซะกว่าให้เธอไปแต่งงานกับคนอื่น อย่างน้อยศิลาก็เป็นเพื่อนที่รู้ใจเธอและเข้าใจเธอมากกว่าคนอื่น ถึงแม้เธอกับเขาจะต่างที่นิสัยกันตามประสาชายกับหญิงก็ตาม ตลอดเวลาที่ผ่านมานลพรรณและศิลาอยู่กันได้ด้วยความรักความเข้าใจแบบเพื่อนสนิท ที่ต่างคนต่างรู้นิสัยใจคอกันดีและไม่ถือสาหาความในเรื่องเล็กน้อยของกันและกัน
  แต่การที่ศิลามีความรักนี้ ทำให้เธอคาดไม่ถึงว่า ชีวิตมนุษย์ธุรกิจอย่างศิลา จะไปเจอใครที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ เธอคิดว่า ศิลาและเธอเลยวัยแห่งความรักที่หอมหวานมาแสนนานแล้ว ไม่กลับไม่น่าเชื่อว่า ท่าทีของสามีเธอ ดูเหมือนเด็กวัยรุ่นที่ปิดปังการมีแฟนกับผู้ปกครองยังไงยังงั้น
   เธอรู้สึกยินดีกับสามี ที่เจอความรักในชีวิตนี้ แต่เธอก็กังวลใจว่า ศิลาจะนึกถึงเธอและครอบครัวบ้างหรือไม่?
   
   
 พีร์ตื่นขึ้นมาในยามสายของวันอาทิตย์ เขายิ้มให้กับตัวเองอย่างมีความสุขเมื่อนึกถึงเมื่อคืนที่ได้รับข้อความจากศิลา เขารู้สึกราวกับฝันไป ที่เขาได้อยู่เคียงข้างกับชายในฝัน ถึงแม้จะชั่วระยะเวลานึงก็ตาม แต่สำหรับเขามันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ และเป็นความรักอบอุ่นที่เขารอคอยมาแสนนาน
   เขากับคุณหยกรักกัน แต่คุณหยกมีครอบครัวแล้ว
   แต่เขาก็คิดเหมือนกันว่า ความสัมพันธ์ของศิลากับเขา จะดำเนินต่อไปในรูปแบบใด
   ถ้าเขากับศิลายังคบกันอยู่ มีความสัมพันธ์แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ แบบนี้ ...ไม่เท่ากับว่าเขากลายเป็นเมียเก็บหรอกหรือ
  แล้วถ้าคุณหยกทอดทิ้งเขาไปล่ะ
  เมื่อคิดได้เช่นนั้น น้ำใส ๆ ก็ค่อย ๆ ร่วง ออกมาจากดวงตาคู่สวยนั้นอย่างช้า ๆ
  พีร์คิดว่า สักวัน เรื่องของเขากับคุณหยก มันต้องมีวันจบลง แต่เขาก็ยังทำใจไม่ได้ ถ้าตอนจบนั้น มันจะมาในเร็ววันนี้  เพราะทุกครั้งที่เขาอยู่กับ ศิลา หรือ “พี่หยกของน้องพี” เขารู้สึกมีความสุขมากมาย
 ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากจะหยุดเวลาไว้แค่นั้น
 พีร์ทอดถอนใจอย่างเหน็ดเหนื่อย เอาเถอะ มันจะจบลงเมื่อไหร่ ยังไง แต่เขาก็จะจดจำช่วงเวลาที่ดีที่เขามีชายคนรักอยู่ข้าง ๆ ไว้ในความทรงจำก็พอ

 “ฮัลโหลครับ” พีร์รับสายศิลาในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ แดดจ้าจากข้างนอก ทำให้บรรยากาศในห้องพักเล็ก ๆ ดูสว่างขึ้น
 “ครับน้องพี ตอนนี้เราอยู่ไหนเนี่ยะ” ปลายสายตอบกลับอย่างใจดีเช่นเคย
“อ๋อ ผมอยู่หอครับ”
“เหรอ งั้น ลงมาข้างล่างหน่อยสิ” ศิลากล่าวอย่างตื่นเต้น
“ทำไมอะครับ นี่พี่หยกอยู่ไหนครับ”
“อยู่ใต้หอน้องพีครับ ลงมารับพี่หน่อย นะครับ”
“อ่าว พี่หยกมาตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ จะมาห้องพีเหรอ ห้องพีรกนะ”
“ไม่เป็นไร ๆๆ พี่ไม่ถือ เร็ว ลงมารับพี่เลย”
“ครับๆๆ” พีร์รีบออกไปรับศิลาในทันที เขาไม่เชื่อเลยว่าชายคนรักจะมาอยู่กับเขาในห้องเก่า ๆ ของหอพักนี้
   
 
  เขาลงมาก็เจอศิลาในชุดเสื้อผ้าลำลอง เสื้อคอโปโลกับกางเกงยีนขาเดฟทำให้ศิลาดูหล่อเหลาไปอีกแบบ ใบหน้าหล่อเหลานั้นยืนส่งยิ้มอบอุ่นให้กับร่างอวบอย่างรอคอย เขาพบว่า ศิลาไม่ได้มามือเปล่า แต่ซื้อขนมมาฝากเขาจนเจ้าตัวแทบถือมาไม่หมด
 “โห พี่หยก นี่อะไรเหรอครับ” พีร์งงกับถุงขนมหวานจากร้านดังที่ศิลาถืออยู่
“ก็ พี่ซื้อมาฝากน้องพีไง เห็นเราชอบกิน” ศิลากล่าวยิ้ม ๆ
“โห ไม่ต้องลำบากขนาดนี้ก็ได้ครับ ว่าแต่นี่พี่หยกเหมาทั้งพารากอนมาให้พีเลยเหรอเนี่ยะ” เขามองดูก็พบว่าถุงของแต่ละร้านเป็นร้านขนมหวานจากห้างดัง และมีขนมไม่ซ้ำกันในแต่ละถุง
“อ่ะ พี่ให้”  ศิลากล่าวยิ้ม ๆ
“ขอบคุณครับ” พีร์ยกมือไหว้ขอบคุณคนรักก่อนจะแบ่งมาช่วยถือ

  หลังจากเขาทำเรื่องแลกบัตรเข้าหอให้ศิลาแล้ว ศิลาก็ไม่รอช้าที่จะรีบจับมือคนรักเพื่อที่จะให้พาไปยังห้องพัก
“พี่หยก ไม่เอา..เดี๋ยวใครมาเห็นเค้า” พีร์กล่าวอย่างระแวง เพราะว่าศิลาจูงมือเขาตอนที่เดินอยู่ในหอ
“น่า...พี่คิดถึงพีจะแย่แล้วรู้ไหม” ศิลาไม่พูดเปล่า แต่เปลี่ยนมาโอบไหล่คนรักอย่างรักใคร่
“...” พีร์เองไม่พูดอะไรตอบมา ได้แต่เขินอายตามนิสัย
“นี่ พี่ชอบเวลาน้องพีเขินนะ น่ารักดี” ศิลาก้มลงมาพูดกับร่างอวบ พร้อมกับหยิกแก้มยุ้ยของพีร์อย่างแสนรัก ก่อนที่พีร์จะไขกุญแจห้องเข้าไป 
“ห้องน้องพีก็ไม่รกเท่าไหร่หนิ” ศิลากล่าว หลังจากที่เขามา
“ครับ ขอบคุณครับ” พีร์หันมาตอบขณะที่วางบรรดาของฝากลงบนโต๊ะเขียนหนังสือ
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้ไหม” ศิลาเข้ากระซิบข้าง ๆ หู หลังจากมาประชิดตัวพีร์ทางด้านหลัง โดยสวมกอดร่างอวบนั้นอย่างออดอ้อน
 พีร์เองถึงแม้จะเขินอาย แต่ก็ชอบในการกระทำของคนรัก จึงเขย่งตัวขึ้นไปจรดจมูกโด่งหอมแก้มของศิลาอย่างรักใคร่ ศิลาเองก็เอียงแก้มให้หอมทั้งสองข้างอย่างชอบใจเช่นกัน
 “น้องพี หิวหรือยัง” ศิลาถามพีด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่า ไม่เกี่ยวกับเรื่องของกินเลย
“เค้กเหรอครับ ยังครับ เดี๋ยวค่อยกินดีกว่า” พีร์ตอบไปด้วยอย่างซื่อ ๆ
“เหรอครับ แต่ตอนนี้พี่อยากกินนะ” ศิลากระซิบด้วยเสียงกรุ้มกริ่ม
“หืม ก็ทานสิครับ” พีร์ทำหน้าสงสัย แต่ศิลาก็ตอบกลับมาว่า
“ไม่ใช่อยากกินเค้ก แต่พี่อยากกินน้องพีต่างหาก” ว่าแล้วเขาก็ก้มลงจูบหนุ่มน้อยอย่างโหยหา สองมือนั้นฟอนเฟ้นไปตามร่างอวบและบีบจับเนื้อหนั่นที่นุ่มนิ่มอย่างมันมือ ศิลาถอนปากออกมองหน้าคนรักวัยรุ่นที่ตอนนี้ช่างเย้ายวนเสียเต็มประดา เขาประกบจูบอีกครั้ง ก่อนจะมอบความสุขให้กับคนรักสมกับที่รอคอยมาให้ฉ่ำปอด

  ศิลาซุกหน้าลงบนแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยเนื้อนิ่มของพีร์อย่างอ่อนล้า แต่ก็เต็มไปด้วยความสุข หลังจากเติมเต็มความต้องการให้กันและกัน ความมืดที่เจือแสงไฟจากข้างนอกเข้ามาทำให้บรรยากาศในห้องชวนฝันมากขึ้น แขนแข็งแรงของเขาโอบรอบร่างอวบเหมือนจะบอกว่าเขาไม่ปล่อยให้คนรักหนีหายไปจากอ้อมกอดนี้
  พีร์เองก็มีความสุขมากมายเช่นกัน เขารับรู้ถึงความต้องการในตัวเขาของศิลาที่มีอยู่มากมาย มันถาถมเข้ามาเหมือนคลื่นน้ำที่ซัดเข้าชายฝั่งอย่างไม่รู้จบ เขาประทับใจในบทรักที่ศิลามอบให้เขา ถึงแม้จะเร่าร้อน แต่มันช่างอบอวลไปด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยน เขารู้สึกดีใจที่ศิลาไม่ได้รังเกียจความเป็นคนอ้วนของเขาเลยแม่แต่น้อย เพราะในเกมส์รักแต่ละครั้ง เขามักจะแสดงอาการอายรูปร่างของตัวเอง แต่ศิลาก็คอยบอกว่า เขาชอบที่พีร์เป็นแบบนี้ที่สุด
 
  “เออ น้องพี พี่มีอะไรจะให้” ศิลากระซิบข้างหูของคนรักแผ่วเบา ก่อนจะลุกไปหยิบกล่องเล็ก ๆ ในกระเป๋ากางเกง
“หือ..อะไรเหรอครับ” ร่างอวบในผ้าห่มเอี้ยวตัวมองตาม
“หลับตานะ” ชายหนุ่มกล่าว ก่อนจะพยุงร่างของพีร์ให้นั่งขึ้นมา
 พีร์รู้สึกถึงแรงเจาะบนติ่งหูข้างซ้ายที่มีรอยเจาะ เดิมเขาเจาะหูอยู่แล้ว แต่เมื่อมาฝึกงาน เขาจึงถอดต่างหูที่ชอบใส่ออก เพื่อภาพลักษณ์ที่ดี
  “อ่ะ ลืมตาได้” ศิลาจับพีร์ให้หันไปมองในกระจก
“เป็นไง ชอบไหมครับ” ศิลากระซิบข้างหู พร้อมจูบบนติ่งหูเบา ๆ
พีร์ตกตะลึง เพราะตอนนี้ที่ติ่งหูซ้ายของเขา มีต่างหูเพชรน้ำงามที่ศิลาบรรจงใส่ให้เมื่อครู่ประดับอยู่ ถึงแม้แสงในห้องจะสลัวราง แต่ประกายของเพชรน้ำงามที่เจียระไนเป็นทรงเหลี่ยมนั้น ก็ส่องประกายจนเด่นชัดจนทำให้พีร์ตกใจ
“พี่หยก มันไม่เหมาะกับพีร์หรอกครับ พีร์ไม่ควรจะได้ของมีราคาอะไรแบบนี้” พีร์หันไปบอกกับคนรักอย่างกังวล
“ไม่หรอก พี่อยากจะมอบให้พีร์ มอบให้คนที่พี่รัก” เขาจูบหน้าฝากโหนกนูนของคนรักปลอบขวัญ
“พี่หยกครับ พีร์ว่ามันแพงไปไหม”
“ไม่หรอก...พี่เห็นพีร์ชอบต่างหูหน่ะ และก็พี่เห็นอันนี้ก็คิดถึงเรา ว่ามันน่าจะเหมาะกับน้องพีร์ และก็อะไรที่พี่ว่ามันเหมาะกับเรา มันก็ไม่แพงทั้งนั้นหล่ะ” เขายิ้มพร้อมกับลูบผมพีร์เบา   ๆ
  พีร์มองหน้าชายคนรักด้วยความซาบซึ้ง ก่อนจะบอกว่า
“ขอบคุณครับพี่หยก ไม่ว่าพี่หยกจะทำอะไรให้พี พีก็ชอบทั้งนั้นหล่ะครับ”
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 11-01-2010 17:32:17
อยากรู้ตอนจบของเรื่องจังว่า คนเขียนจะเขียนออกมาแนวไหน แต่ก็อยากให้ ศิลา กับ พีร์ มีความสุขจบแบบแฮปปี้ละนะ

ถ้าเกิดในชีวิตจริงแบบนี้ คง No comment
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 12-01-2010 00:45:43
กลัวว่าจะจบแบบเศร้า   ถ้าเป็นชีวิตจริงนี่เศร้าแน่ๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 12-01-2010 13:20:37
กลัวว่าจะจบแบบเศร้า   ถ้าเป็นชีวิตจริงนี่เศร้าแน่ๆ

อยากรู้ตอนจบของเรื่องจังว่า คนเขียนจะเขียนออกมาแนวไหน แต่ก็อยากให้ ศิลา กับ พีร์ มีความสุขจบแบบแฮปปี้ละนะ

ถ้าเกิดในชีวิตจริงแบบนี้ คง No comment

บรรยายเรียบๆ ดูอบอุ่น
แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นลึกๆกับความรักของทั้งสองคน
อยากให้หนูพีร์สมหวัง
แต่ก็แอบสงสารครอบครัวคุณศิลาเหมือนกันเนอะ



อย่าเศร้านะ ขอร้อง
สงสารน้องพี
สงสารคนอ่านด้วยนะ

เข้ามาซาวด์เสียงคนอ่านค่ะ  :กอด1:

จากรีพลายด์ส่วนใหญ่บอกว่า ไม่อยากให้เรื่องของน้องพีกับพี่หยกจบเศร้า

ทั้ง ๆ ที่ความจริงต้องการจะให้มันมีความเป็นไปได้ในชีวิตจริงมากที่สุด .....

แต่ก็เห็นใจคนอ่านอ่าค่ะ ก็เลยอยากจะมาถามว่าอยากให้ตอนจบเป็นไปในรูปแบบใด ช่วยโหวตด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

1.จบตามแนวโน้มความเป็นจริง (จบเศร้านั่นเอง)

2.จบแบบสมหวัง Happy Ending

ช่ายโหวตกันมาเยอะ ๆ นะคะ ขอบคุณค่ะ  :pig4: :pig4: :3123: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 12-01-2010 13:49:01
หลงดีใจ นึกว่ามาต่อ   :เฮ้อ:
........

แบบ happy ending นะ    :impress2:
เห็นด้วยกะรีฯ บน
ถ้าเรื่องจริง no comment เช่นกัน
เรื่องแต่งขอเถอะ
ให้หัวใจคนอ่านชุ่มชื่นบ้าง
ชีวิตจริงรันทดพอแล้ว    :monkeysad:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 12-01-2010 14:37:04
เห็นด้วยกะรีบนนะ   ชีวิตจริงมันก็รันทดพอดูแล้ว
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 12-01-2010 14:44:34
เห็นด้วยกับ รีบนทั้ง 2 คน อีก 1 เสียงค่ะ ขอแบบแฮปปี้เถอะ เวลาอ่านนิยายที่ชอบๆ แล้วจบเศร้ามันอินไปหลายวันนะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: subaru ที่ 12-01-2010 15:38:43
อย่าเศร้าเลยนะจ๊ะ เอาแบบแฮปปี้ ๆ   o13
หัวข้อ: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 12-01-2010 18:14:03
ตอนที่ 7
"น้องพีเกลียดพี่ไหม" ศิลาถามพีร์ขณะที่เดินพีร์มาส่งเขาที่รถ
พีร์แปลใจที่จู่ ๆ ชายคนรักก็ถามแปลก ๆ ออกมา เขาไม่ทันได้ตอบอะไรศิลาก็พูดต่อ
"น้องพี พี่มันเห็นแก่ตัวมากเลยใช่ไหม"
"พี่หยก ทำไมพี่หยกถามแบบนั้นล่ะครับ"
"ไม่รู้สิ พี่แค่คิดว่าพี่เป็นคนที่ไม่ได้ให้เวลากับเราเหมือนที่เป็นแฟนกันเค้าทำเลย" เขาถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ "พี่เห็นคนอื่นเค้าดูแลกันอย่างดี เค้าไม่อายเลยนะ ที่เค้าาเป็นแบบที่เราเป็นกัน" ศิลาพลางมองมาที่ชายคนรักด้วยสายตารู้สึกผิด "น้องพีน่าจะเจอคนที่เค้าเป็นคนดีกว่าพี่"
"พี่หยก ทำไมคิดแบบนั้นล่ะครับ พีไม่ได้ไม่ได้เกลียดพี่หยกสักนิดเลยนะ พี่หยกครับ พีว่าที่เราคบกันแบบนี้ ถึงมันจะแปลก ๆ แต่พีก็มีความสุขมากแล้ว ขอเพียงพีมีพี่หยกก็พอ" หนุ่มน้อยเริ่มมีน้ำตาออกมา "พีก็ไม่รู้นะว่าเรื่องของเราจะจบยังไง แต่ตอนนี้ พีมีความสุขที่มีพี่หยกครับ"
ศิลาได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างซาบซึ้ง ก่อนจะสวมกอดคนรักด้วยความขอบคุณ

   อีกหนึ่งอาทิตย์ก็จะหมดเวลาฝึกงานของพีร์ในบริษัทนี้ เขารู้สึกว่า เวลาของเขากับศิลาใกล้จะหมดลงทุกทีแล้ว เขาคิดไว้ว่า หากเขาฝึกงานจบแล้ว เรื่องของเขากับศิลาก็คงจบลงแค่นั้น หากเขากับศิลายังคบกันต่อไป ก็คงจะมีแต่เสียกับเสีย เพราะเขากลัวว่าคนที่เขารักจะเดือดร้อนจากความสัมพันธ์นี้ สองเดือนที่ผ่านมา เขามีความสุขมากที่ได้รับความรักจากชายในฝัน แม้มันจะเป็นเวลาสั้น ๆ เขาก็พอใจ
 
  นลพรรณถึงแม้จะสงสัยว่าศิลาไปตกหลุมรักใคร แต่ก็ไม่ได้หึงหวงอะไรมากมาย นอกจากกังวลเล็กน้อยว่า ถ้าศิลาเลือกที่จะทิ้งเธอกับลูกไปมากกว่า ถ้าคนนั้นที่ศิลารักเป็นคนไม่ดี
  เธอมั่นใจว่า ศิลาไม่ทิ้งเธอแน่  
  แต่เธอไม่มั่นใจในมารยาหญิงของคนนั้นมากกว่า เพราะศิลาเองก็ใช่จะตัวเปล่าซะที่ไหน
  
  เธอชักจะอยากรู้เหมือนกันว่าคนรักของศิลาเป็นใคร  คืนนั้น หลังจากสามีเข้านอนด้วยความอ่อนล้า ด้วยความสงสัย เธอจึงถือวิสาสะแอบหยิบโทรศัพท์ของศิลามาดูไฟล์รูปต่าง ๆ
  เป็นโชคดีที่เขาไม่ได้ล็อกเครื่อง
  เธอเข้าไปในแฟ้มไฟล์รูป ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีรูปอะไรนอกจากรูปเธอและครอบครัว
  ทำให้เธออดดีใจไม่ได้ ที่เขายังคิดถึงพวกเธออยู่
  แต่สายตาของเธอ ก็เจออัลบั้มที่ขึ้นชื่อมาว่า "My DEAR" นลพรรณไม่รอช้าที่จะเปิดดู
  แค่ชื่ออัลบั้มก็น่าหมั่นไส้แล้ว เธอคิดอย่างนั้นก่อนจะกดดู
  รูปพวกนั้น ปรากฎแก่สายตา ....เป็นรูปหนุ่มน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มกำลังนอนหลับอย่างเป็นสุขบนอกของสามีเธอ
  เธอไม่รอช้าที่จะเปิดรูปต่อไป ก็พบรูปของสามีเธอกำลังหอมแก้มหนุ่มน้อยที่กำลังหลับคนนั้น
  นลพรรณกระจ่างแล้วซึ่งทุกสิ่ง เธอไม่ได้ร้องไห้โฮออกมา แต่เธอตกใจมากกว่า ที่คนรักของสามีเธอ เป็นผู้ชาย!!!!
  

  หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ศิลายังส่งข้อความหาพีร์ไม่ขาด เขาเองก็ดีในที่ชายคนรักไม่ละเลยการเอาใจใส่ แต่เขาเองก็ต้องเริ่มตัดใจจากชายคนรักอย่างเจ็บปวด
  เขาเชื่อว่า เมื่อเขาไปแล้ว ชีวิตของศิลากับครอบครัวก็คงกลับมาเป็นเหมือนเดิม
  ตลอดเวลาที่คบกับศิลา เขาเจียมตัวและเจียมหัวใจเสมอ
  แค่นี้เขาก็รู้สึกผิด ที่ไปมีใจและตกเป็นเมียเก็บของสามีชาวบ้านมากพอแล้ว
  วันศุกร์นี้เขาไม่ได้ไปอยู่กับศิลา โดยอ้างว่า ขอตัวไปเที่ยวกับเพื่อน

แต่ความจริง เขามานั่งดื่มคนเดียวเงียบ ๆ ในร้านเหล้าแห่งหนึ่ง
 แก้วต่อแก้ว สาดลงคอด้วยความขมขื่น
 น้ำตาค่อย ๆ รินไหลลงมาไม่ขาดสายตั้งแต่ฤทธิ์แอลกอฮอล์ครอบงำ

"หวัดดีครับ นั่งคนเดียวเหรอ ผมนั่งคุยด้วยคนได้ไหมครับ" ชายหนุ่มหน้าตาดีในชุดตระเวนราตรี เข้ามาทักทายคนอ้วนแต่หน้าตาน่ารักอย่างเป็นมิตร
พีร์ยิ้มให้เชิงอนุญาต ชายหนุ่มคนนั้นจึงนั่งลง
"อกหักมาเหรอครับ ดื่มหนักขนาดนี้" ชายหนุ่มคนเดิมถาม
พีร์ไม่ตอบอะไร แต่จากท่าทางของเขาแล้ว ทำให้คนแปลกหน้าเดาออก
"ขอโทษครับ ผมรู้ว่าไม่ควร แต่ผมไม่อยากให้คนน่ารัก ๆ อย่างคุณเสียใจนะ"
พีร์ชะงักกับคำพูดของเขา
 "ช่างมันเถอะครับ วันนี้มาดื่มกับผมดีกว่า" เขาตัดบทก่อนจะสั่งเครื่องดื่มมาเพิ่ม
พีร์ที่เริ่มกรึ่มด้วยน้ำเมาอยู่แล้ว ยิ่งดื่มหนักมากขึ้นเมื่อเจอเพื่อนร่วมร่ำสุราที่ชวนเขาคุยนู่นนี้อย่างสนุกสนาน จนเขาเริ่มไม่รู้สึกตัว ชายหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นลอบยิ้มอย่างสมใจ ก่อนจะพยุงร่างอวบให้ลุกขึ้นตามเขา
 พีร์เองก็เพิ่งรู้สึกตัว จึงพยายามรวบรวมสติ
"ปายยยยย หนายยยยยยยยยย" เขาพยายามบ่ายเบี่ยง
"ไปหาความสุขกันไงครับ" ชายหนุ่มตอบกรุ่มกริ่ม มือข้างที่พยุงเอว ลามลงไปลูบคลำบั้นท้ายอวบใหญ่นุ่มนิ่ม
"อวบ ๆ แบบเนี๊ยะ ผมชอบ" จิ้งจอกราตรีกรอกเสียงใส่หูของพีร์ด้วยความกระสัน
"ม่ายยยย ปายยยยยยยย" พีร์พยายามหนี
"ทำไม ลืมผัวเก่าไม่ได้ล่ะสิ เดี๋ยวพี่จะทำให้น้องลืมหน้าผัวเก่าเลยนะจ๊ะ หึหึหึ" มันไม่พูดแค่นั้นแต่กลับลากพีร์ที่ไร้สติให้ออกไปนอกร้านด้วยกัน
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nootoomtam ที่ 12-01-2010 20:31:58
รอยูน้า มาเร็วๆนะ

ขอจบแบบเศร้าๆ ดีก่า

อิอิ


 :bye2:

 :mc4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-01-2010 20:33:44
เห้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
แบบนี้ไม่เอาน๊า
พี่หยกอยู่ไหนนนนนน


โหวตทันมั๊ยยย ๆๆ
ขอแบบ happy ending นะค๊า
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 12-01-2010 22:23:31
พี่หยกจะมาช่วยทันไหมเนี่ย

หรือจะมีพระเอกม้าขาวคนใหม่มาหว่า


ยังโหวดทันมะเอ๋ย แต่ เลือกเป้น ข้อ 1 + 2 = 3 ได้ไหมเอ่ย

เศร้าจากพี่หยอก แต่มีพระเอกที่ดีมาดูแลได้มะ อิอิ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 12-01-2010 22:31:11
รอลุ้นอยู่ค่ะ

ปล.ขอโหวตให้จบตามความเป็นจริงค่ะ

 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 12-01-2010 23:28:24
ไม่นะ! พี่หยก มาช่วยหนูพีร์ที


  ขอไม่ออกความเห็นค่ะ เลือกไม่ได้ อิอิ
ตามใจคนเขียนจ่ะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Natavishi ที่ 13-01-2010 00:15:29
 :m31: :m31: :m31: :m31: :m31:



ไร ว่ะ


หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Solar cell ที่ 13-01-2010 01:22:22
เฮ้อ.......อย่าให้เรื่องมันเลวร้ายได้ม้ายยยยยยยย
เครียด :serius2:
หัวข้อ: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 13-01-2010 15:40:57
 :L2:ขอบคุณสำหรับทุก ๆ คอมเมนต์และคำตอบค่ะ   :L2:  มาลงต่อแล้วนะคะ

ตอนที่ 8
“ม่ายยยยยยยยยย!!!!” พีร์พยายามร้องขอ แต่ดูเหมือนเสือหิวจะไม่สนใจคำขอร้องใด ๆ ทั้งสิ้น ตอนนี้มันเต็มไปด้วยความกระหายในเนื้อนิ่มของพีร์เต็มที่แล้ว
“อย่าร้องไปเลยครับ ยังไงคืนนี้น้องก็ต้องเป็นเมียพี่ หึหึหึ” มันลากร่างอวบออกมาจนพ้นประตูร้าน เตรียมที่เรียกแท็กซี่เพื่อไปลิ้มรสสวาทของเหยื่อราตรีในคืนนี้
“ใครเป็นเมียคุณครับ” เสียงห้าวตะโกนกร้าวมาจากด้านหลัง ทำให้จิ้งจอกราตรีถึงกับชะงัก ก่อนจะหันไปพบร่างใหญ่หนาที่บึกบึนไปด้วยมัดกล้ามจ้องมองอย่างเอาเรื่อง
“ใครเมียคุณ หะ” ร่างบึกนั้นรุดเขามาหาเขาอย่างเอาเรื่อง “ไม่รู้เหรอน้องอ้วนเนี่ยเด็กผม” เขาประกาศกร้าวพร้อมกระชากร่างอวบที่ไม่ได้สตินั้นให้เข้ามาอยู่ในอาณาเขตของตัวเอง
“เอ่อ ผมขอโทษครับพี่ ผมไม่รู้จริง ๆ ครับ” นักล่าเหยื่อหวาดกลัวในร่างใหญ่ที่เขามาประกาศความเป็นเจ้าของจึงลอบถอยออกไปก่อนจะเสียไปมากกว่านี้
“เออ ดีแล้ว จะไปไหนก็ไป” หนุ่มร่างยักษ์สั่ง ขณะที่ประคองพีร์ไว้ที่ข้างตัว เขามองจนกว่าจิ้งจอกราตรีหายไปจากตรงนั้น จึงถอดถอนใจออกมา
“เฮ้อออ ขวัญเอ๊ยขวัญมานะลูก” เขาลูบหัวพีร์อย่างปลอบขวัญ ก่อนจะตะหวาดแหวไปยังอีกมุม “นังแพรว ออกมาได้แล้ว มาช่วยชั้นหน่อยสิ” จากมาดแมนเขร่งครึมเมื่อสักครู่นี้เปลี่ยนเป็นสาวเหวี่ยงทันทีเมื่อเรียกนลพรรณ เพื่อนสาวคนสนิทที่โทรตามให้หล่อนมาช่วยในการนี้โดยเฉพาะ
 จากการที่นลพรรณรู้แล้วว่าสามีของเธอมีคนรักเป็นเด็กผู้ชาย แต่เธอเองก็อยากจะเห็นกับตาสักครั้งว่า พวกเขาไปนัดพบกันที่ไหน และก็อยากเห็นตัวจริงของเด็กหนุ่มในรูปด้วย เธอจึงสะกดรอยตามสามีในตอนเลิกงาน แต่ก่อนหน้านั้นเธอเห็นพีร์ออกมารอรถเมล์หน้าบริษัท จึงตัดสินใจ สะกดรอยตามพีร์แทน โดยการขับรถตามอย่างประชิด
  เธอพบว่า พีร์ไม่ได้นัดกับสามีเธอที่ร้านเหล้า แต่เขามานั่งดื่มคนเดียวเธอจึงตัดสินใจโทรตามปกรณ์ หรือ เป้ กระเทยร่างยักษ์เจ้าของค่ายมวยซึ่งเป็นเพื่อนสาวคนสนิทของเธอมาช่วย  ระหว่างนั้นเธอกับปกรณ์สังเกตว่าหนุ่มน้อยที่เธอหมายหัวดื่มหนักเหมือนคนมีความสุขแสนสาหัสสุมอก เธอคิดว่า อันที่จริงมันควรจะเป็นเธอไม่ใช่เหรอที่ต้องเป็นแบบนี้ และเมื่อเธอกับกระเทยยักษ์เห็นหนุ่มน้อยตกในอันตราย ก็เกิดความรู้สึกอยากจะเข้าไปช่วยเหลือ มากกว่าจะปล่อยให้ พีร์ ซึ่งอยู่ในฐานะศัตรูหัวใจ ตกอยู่ในอันตราย
“เกือบไปแล้วไหมล่ะนังหนู นี่ถ้าแกไม่ตามชั้นมานังหนูนี้คงเสร็จไอ้หล่อนั่นไปแล้วหล่ะ นี่ถ้าไม่ติดว่าช่วยแกนะ ชั้นละจากไอ้นั่นไปกินให้อร่อยเลย  ดีนะคะ มันยอมไปโดยดี ชั้นก็ไม่อยากมีเรื่องหรอกค่ะ“ เขาหมายมาด เพราะฝีมือทางหมัดมวยของเขาก็ใช่ย่อย ก่อนจะหันมาพูดกับร่างไร้สติของเด็กหนุ่ม “โอ๊ย!อิจฉาหล่อนนะยะ มีแต่ชายมาล้อมหน้าล้อมหลัง ”
“นังเป้ เอาไงต่อดีล่ะ” นลพรรณถามเพื่อนสาว เพราะตอนนี้พีร์ไม่ได้สติอยู่
“เอางี้ ไปไปบ้านชั้น รอจนกว่านังหนูนี่จะได้สติ” เขาจับใบหน้าของพีร์ขึ้นพิจารณา “ว่าไป คุณหยกเค้าก็มีรสนิยมนะแก”
นลพรรณเอะใจ ก่อนจะถามเพื่อนไปอย่างสงสัย “รสนิยมอะไรยะ กินเด็กเหรอ”
“ย่ะ ใครๆ ก็ชอบ กินเด็กเนี่ยะ เนื้อหวานหอม ไม่ ๆๆ ชั้นว่านังหนูนี่มันสวยดีนะ ดูดี ๆ มันสวยกว่าแกเยอะเลยนะยะ มิน่าคุณหยกเค้าถึงได้หลงมันหัวปักหัวปำ”
“พอ ๆๆๆ ชั้นรู้แล้ว ป่ะ ชั้นว่าไปบ้านแกก่อนเถอะ ยีนตรงนี้นาน ๆ ไม่ดี” นลพรรณตัดบทก่อนจะชักชวนให้เพื่อนสาวพาไปในที่ปลอดภัย
    เมื่อถึงบ้านของปกรณ์ ก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนแล้ว ปกรณ์ให้เด็กในบ้านช่วยกันดูแลคนเมาไม่ได้สติ โดยที่เขาปรึกษากับ  นลพรรณ
“แล้วนี่แกจะเอาไงต่อไปหะนังแพรว ถามจริงเหอะ นึกไงถึงได้ช่วยเด็กนั่นหะ มันแย่งผัวแกไม่ใช่เหรอ” กระเทยยักษ์ถามเพื่อนสาวตรง ๆ
“ไม่รู้สิ ชั้นน่าจะปล่อยให้เค้าถูกคนนั้นพาไปย่ำยีใช่ไหม แต่ไม่รู้ทำไมชั้นถึงอยากช่วยน้องเค้าเหมือนกัน” นลพรรณตอบเสียงอ่อนด้วยความสงสาร
“ระวังเหอะ มันจะมาแว้งกัดแก”
“ไม่รู้เหมือนกันนะเป้ ชั้นรู้สึกถูกชะตากับน้องเค้าอ่ะ” นลพรรณตอบ
“ค่ะ ชั้นก็คิดเหมือนแก ไม่แน่ว่าคุณหยกของแกอาจจะไปล่อลวงเค้ามาก็ได้ เด็กนั่นยิ่งดูใส ๆ ซื่อ ๆอยู่” ปกรณ์จีบปากจีบคอตอบ
“คุณหนูคะ เด็กคนนั้นตื่นแล้วค่ะ” แม่บ้านเข้ามาบอกเจ้านายที่กำลังจีบปากจีบคอคุยกับเพื่อนสนิท
“ค่ะ เดี๋ยวน้องเป้ไปดูนะคะ ป้าแช่มช่วยหาน้ำขิงให้น้องเขาดื่มด้วย จะได้สร่างเร็ว ๆ” นายหญิงน้อยของบ้านสั่ง
“ค่ะ คุณหนู”

    พีร์เองที่ตอนนี้คืนสติ มองดูรอบตัวอย่างมึนงง เพราะเป็นสถานที่ที่เขาไม่คุ้น ไม่ใช่โรงแรมม่านรูด แต่เป็นบ้านที่ดูอบอุ่นปลอดภัยมากกว่า แต่เขาก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี เขาก้มมองรอบตัวอย่างสำรวจ แต่ก่อนเขาจะทำอะไรไปมากกว่านั้น เสียงทุ้มที่ดัดให้แหลมเล็กก็ดังเข้ามา
“ตื่นแล้วเหรอคะคุณน้อง” เขามองไปยังต้นเสียงนั้น รู้สึกตกใจที่เป็นคนที่เขาไม่รู้จัก ร่างใหญ่เจ้าของเสียงดัดจริตก็ตอบกลับสายตาสงสัยของเขา
“แหม ก็คุณน้องเกือบจะเสร็จเดนสังคมไปแล้วหน่ะสิคะ ด้วยความที่เป็นพี่เป็นคนสวยและดี ก็เลยเข้าไปช่วยคุณน้องออกมา” เขากระหยิ่ม ส่วนพีร์ได้ยินดังนั้นถึงกับตกใจ และละล่ะลักยกมือไหว้ขอบคุณเขา
“ไม่ต้องขอบใจคุณพี่หรอกค่ะ คุณน้องต้องขอบใจพี่คนนี้มากกว่า” เขาเรียกให้นลพรรณออกมา “นังแพรว มานี่”
พีร์ได้เห็นนลพรรณก็นิ่งอึ้งเหมือนโดนสาบ เรื่องอะไรเขาจะจำนลพรรรณ ภรรยาของศิลาไม่ได้ล่ะ ผู้หญิงคนนี้หล่ะ ที่เมื่อก่อนเขาเคยอิจฉาเล็ก ๆ เพราะเธอเป็นหญิงสาวผู้โชคดีที่เป็นภรรยาชายในฝันของเขา
“คะ...คุณ..” พีร์พูดไม่ออก
“จ้ะ เรียกพี่แพรวดีกว่านะจ๊ะน้อง” หญิงสาวยิ้มให้หนุ่มรุ่นน้องอย่างเป็นมิตร
“ครับ เอ่อ สวัสดีครับ” พีร์ยกมือไหว้หญิงสาวอย่างนอบน้อม
“ค่ะ สวยมาก เมียน้อยเมียหลวงอยู่กันพร้อมหน้า คริ คริ” ปกรณ์มิวายจิกกัด ทำให้นลพรรณส่งสายตาดุ ๆ ปรามเพื่อนสาว
“พี่รู้เรื่องของน้องกับคุณหยกแล้วนะจ๊ะ” หญิงสาวบอกอย่างเรียบง่าย ใจเย็น ไม่แสดงอาการโตกตากออกมา ทำให้พีร์ถึงกับอึ้ง และก้มหน้ายอมรับสภาพ ก่อนที่นลพรรณกับปกรณ์จะซักถามเรื่องทั้งหมดจากปากของผู้ต้องหาอย่างละเอียด
“โห รักแท้ในวัยสามสิบ” ปกรณ์เอามือทาบอก “ต๊ายยย ตาย นี่ถ้าชั้นรู้ว่าคุณหยกก็ชอบผู้ชาย ชั้นไม่พลาดแน่”
“เอ่อ คุณแพรวครับ คุณแพรวสบายใจได้เลยนะครับ วันจันทร์นี้ ผมก็จะหมดหน้าที่เด็กฝึกงานที่บริษัทของคุณหยกแล้ว”
“น้องพีหมายความว่าไงคะ” หญิงสาวสงสัย
“ผมจะไปจากชีวิตของคุณหยกเองครับ!!”
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 13-01-2010 16:05:49
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 13-01-2010 16:37:37
พีร์ เฉียดไปแล้วนะนั่น
ว่าแต่ว่า คุณแพรว จะตัดสินกับเรื่องนี้อย่างไง  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: jantaro ที่ 13-01-2010 16:47:34
สู้ๆๆ  นะครับ

มาต่อไวๆนะครับ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nootoomtam ที่ 13-01-2010 17:19:25
มาต่อไวๆเลย ก่อนที่จะโมโห แงๆๆๆ

อยากอ่านต่ออ่า มาไวๆนะจ๊ะ รอยู

หนุกมั๊กๆ

 :bye2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Natavishi ที่ 13-01-2010 19:02:24
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:


นางเอก  สุด ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 13-01-2010 19:31:21
 :sad11:

สงสารทุก ๆ คนเลย
แต่ไม่เอาเศร้านะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 13-01-2010 19:52:29
น้องพีร์  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: jantaro ที่ 13-01-2010 20:29:00
น้องพีร์
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 13-01-2010 20:35:13
อือ น้องพีร์ด้วยคน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 13-01-2010 23:12:05
3P รึ ?



 o22


พีร์นี่ก็ใจเเข็งจริง ๆ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: panuwattew ที่ 13-01-2010 23:38:33
 :3125: มาต่อเลยกำลังอิน

 o13
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 13-01-2010 23:45:09
เรื่องน่าสนใจดีค่ะ
ไม่อยากให้จบเศร้าเลย แบบว่าแอบสงสารน้องพีร์
แต่ิีอีกใจก็สงสารคุณแพรว
เอาไงดี  :sad4:
หัวข้อ: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 14-01-2010 12:10:07
ตอนที่ 9
  นลพรรณกับปกรณ์ขับรถมาส่งเด็กหนุ่มที่หอพักหลังจากสอบสวนเจ้าตัวจนหมดข้อสงสัยแล้ว นลพรรณมองดูต่างหูเพชรที่หนุ่มน้อยเป็นคนหยิบมาให้ ในอุ้งมือ โดยพีร์บอกว่าฝากคืนศิลาให้ด้วย เพราะเขารู้ดีว่าถึงเขาจะคืนด้วยตัวเองศิลาก็คงไม่รับคืน
 บรรยากาศในรถหรูอึมครึมไปด้วยการใช้ความคิดของคนทั้งสอง จนจู่ ๆ ปรกรณ์ก็เอ่ยขึ้นมาว่า
“นังแพรว แกจะเอาไงต่อไป”
นลพรรณมองหน้าเพื่อนสาวอย่างกังวล “ไม่รู้สิ” แล้วเธอก็หวลคิดถึงคำพูดของเด็กหนุ่มและเหตุการณ์เมื่อตอนที่อยู่ที่บ้านปกรณ์ไม่ได้

“ผมจะไปจากชีวิตของคุณหยกเองครับ!!” เด็กหนุ่มประกาศแน่วแน่
“น้องพี.....” นลพรรณกับปกรณ์ได้ยินคำตอบเด็ดเดียวนั้นจากปากหนุ่มน้อยก็ทำให้อึ้งไปเหมือนกัน
“ครับ ผมขอโทษที่เข้ามาในชีวิตของคุณแพรวกับคุณหยก ผมมันไม่ดีเอง ที่เผลอใจไปรักคุณหยก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเค้ามีภรรยาที่ดีอย่างคุณแล้วอยู่แล้วทั้งคน ฮือๆๆๆๆ” หนุ่มน้อยปล่อยโฮออกมาอย่างรู้สึกผิด  ทำให้โจทย์ทั้งสองมองหน้ากันอย่างเห็นใจ
“โถ ๆๆ นังหนู” ปกรณ์ทนไม่ได้เลยเข้าไปสวมกอดเพื่อนร่วมหัวอกอย่างเข้าใจ “เจ้เห็นใจนะคะ แต่เจ้ก็เห็นใจเพื่อนเจ้เหมือนกัน”
“นังเป้” นลพรรณปรามเพื่อน ก่อนจะพูดอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์ของพีร์ก็ดังขึ้น หน้าจอโชว์เบอร์ของศิลา
“อุ๊ย ๆๆๆๆๆ สามีของหล่อน ๆ โทรมาแหน่” ปกรณ์ตื่นเต้น พีร์มองหน้านลพรรณ ก่อนที่เธอจะพยักหน้าเชิงอนุญาต
“ครับพี่หยก” พีร์กดรับ เพื่อความสบายใจของทุกคนในที่นี้ เขาจึงเปิดระบบลำโพง
“น้องพีร์ครับ อยู่ไหนเนี่ยะ กลับหอยัง” ศิลาถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
พีร์ตอบกลับไปว่า “ครับ ถึงหอแล้วครับ ปลอดภัยดี พี่หยกไม่ต้องเป็นห่วงพีร์นะครับ”
“จะไม่ให้ห่วงได้ไง แฟนพี่ทั้งคน” ศิลาตอบกลับมา ทำให้ คนทั้งสามถึงกับจุก พีร์จุกที่ได้ยินคำนี้ต่อหน้า ปกรณ์และนลพรรณ นลพรรณเองก็ตกใจที่ศิลาเรียกหนุ่มน้อยอย่างเต็มปากว่าแฟน ส่วนปกรณ์นับถือในความกล้าของศิลา
 “ครับ พี่หยก ไม่ต้องเป็นห่วงพีนะ” หนุ่มน้อยกล่าว
“คิดถึงน้องพีจังเลย” ศิลากล่าวเสียงหวาน “เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนบ่ายพี่ไปหาที่หอนะ” ศิลาออดอ้อนมาตามสาย ส่วนพีร์เองก็มองนลพรรณอย่างขอคำอนุญาต ส่วนนลพรรณกับเพื่อนสาวก็พยักหน้าอนุญาตอย่างไม่รีรอ
“ครับ พี่หยก”
“ครับ คืนนี้ฝันดีนะ” ศิลาทิ้งท้าย
“ครับ เช่นกันครับพี่หยก สวัสดีครับ” พีร์กล่าวก่อนจะวางสาย
“ต๊ายยยยยยยยยยย หวานนะคะ” ตุ๊ดยักษ์กรี๊ดออกมาอย่างเก็บอาการไม่ไหว “โอ๊ย ตายแล้ว ทำไมสามีคุณน้องถึงได้น่ารักอย่างนี้…อุ้ย!”  เขาลืมไปว่า นลพรรณก็อยู่ด้วย
 “ไม่ต้องคิดมากนะคะ น้องพีคิดว่าพี่กับพี่หยกรักกันมาก และน้องพีก็เป็นคนเข้ามาทำลายความรักของพี่ใช่ไหมคะ” หญิงสาวเริ่มเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังบ้าง
“ความจริง พี่กับพี่หยก เราคงเป็นได้แค่เพื่อนที่สนิทของกันและกันเท่านั้นหล่ะค่ะ” นลพรรณกล่าวจากใจ ทำให้พีร์เองก็อึ้งเหมือนกันที่รู้ความจริงเรื่องนี้
“เราไม่ได้รักกันเหมือนคนรักหรอกจ้ะ” เธอเว้นช่วง “พี่กับพี่หยกเองถูกบังคับแต่งงานกัน ตอนแรกพี่ก็คิดนะว่าที่เป็นอยู่คือความรัก” หญิงสาวถอนหายใจ “แต่มันไม่ใช่หรอกจ้ะ พี่เองก็ไม่ได้คิดอะไรกับพี่หยกไปมากกว่าเพื่อนรักคนนึงเลย” เธอพูดต่อ “แต่พอมารู้ว่าหยกเค้ามีคนที่รักจริง ๆ แล้ว และก็รู้ว่าเค้ารักคนที่รักเค้าจริง ๆ อย่างน้องพี พี่ก็อดดีใจกับเค้าไม่ได้ จริง ๆ นะ”  
“คุณแพรว...” พีร์อึ้งและพูดต่อ “แต่ถึงยังไงคุณหยกก็ควรจะอยู่กับคุณแพรวมากกว่าผม คุณแพรวครับ ความรักของเกย์อย่างผมมันอายุสั้นอยู่แล้ว แต่แค่ผมได้รักใครสักคนและเลือกที่จะให้เค้ามีชีวิตที่ดีได้ ผมก็จะทำ” เขาแน่วแน่ในคำพูดของตัวเองอีกครั้ง

  บ่ายวันเสาร์ก็มาถึง สำหรับพีร์นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เสพสมกับชายคนรัก เขาเหม่อมองนอกหน้าต่างอย่างใจลอย เขาคิดว่า เมื่อเขาเสร็จเรื่องฝึกงานที่บริษัท บ้าน คือ ที่ที่เขาจะไปพักใจหลังจากนั้น
 เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขารู้ตัวดีว่าต้องทำอย่างไร เขารีบปาดน้ำตาและปรับสีหน้าให้เป็นปรกติ เพื่อลงไปรับศิลา และไม่ใช่ชายหนุ่มสงสัย เมื่อเห็นศิลายืนรออยู่เขาจึงยิ้มให้และเข้าไปหาชายหนุ่ม
“น้องพี........” ศิลากล่าวอย่างคิดถึงขณะอยู่ในห้องกันสองคน ได้ยินแค่นั้นทำให้พีร์ซึ่งไม่เคยเริ่มก่อนเข้าไปสวมกอดร่างโปร่งด้วยความรัก
“เป็นอะไรไปครับเนี่ย คิดถึงพี่ใช่มั๊ย” ศิลากอดร่างอวบนั้นตอบอย่างแสนรัก ส่วนพีร์เองก็พยายามกลั้นน้ำตาและควบคุมตัวเองไม่ให้สะอื้นออกมา
“ครับ พีคิดถึงพี่หยก” พีร์ยิ้มให้ชายคยรัก ก่อนจะเขย่งตัวขึ้นไปจุมพิศริมฝีปากบางนั้นอย่างรักยิ่ง
การกระทำของพีร์นั้นทำให้ศิลาแปลกใจที่จู่ ๆ หนุ่มน้อยขี้อายอย่างพีร์ลุกขึ้นมาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่เขาก็รู้สึกดีใจที่คนรักกล้าแสดงความรักกับเขามากขึ้น เขาเห็นดังนั้น จึงมอบจูบเร่าร้อนให้หนุ่มน้อยเป็นการตอบแทน ก่อนที่จะค่อยปลดปล่อยร่างของเขาและพีร์ให้เปล่าเปลือย
   กายสัมผัสที่โหยหาซึ่งกันและกัน ชายหนุ่มทั้งสองประโคมจุมพิศซึ่งกันและกันทั่วทุกขณะ
  ร่างอวบของพีร์ที่ตอนนี้ครอบครองความเป็นชายของศิลาด้วยท่านั่งหันหน้าเข้าหากัน ศิลาเองก็นั่งประคองชายคนรักด้วยความถนุถนอมเช่นเคย
พีร์มองดวงหน้าหล่อเหลาที่มองเขามาด้วยความรักนั้นอย่างแสนรัก จากการที่ศิลาขยับกายตามธรรมชาติที่ช่วงล่าง ทำให้ชายหนุ่มบนหน้าตักมีความสุขตามความต้องการเช่นกัน พีร์ค่อยจูบหน้าผากของศิลาลากลงมาที่ปลายจมูก และริมฝีปากที่ศิลาเองก็รอคอยที่จะมอบจูบดูดดื่มให้เช่นกัน
มือของพีร์กอดรัดกายศิลาอย่างโหยหา น้ำตาแห่งความสุขค่อย ๆ เอ่อไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยของเด็กหนุ่ม
เมื่อทั้งสองถึงฝั่งฝันศิลาเองก็กอดรัดร่างอวบของพีร์แน่น พีร์เองก็เช่นกัน เขาลืมตามองหน้าศิลาที่กำลังมีความสุขอย่างที่สุด ราวจะเก็บการเติมรักของพวกเขาครั้งนี้ไว้ เป็นความทรงจำครั้งสุดท้าย
  ศิลาชวนเขาไปเที่ยวเล่นข้างนอกในตอนเย็น แต่ชายหนุ่มปฎิเสธ โดยอ้างว่าบอบช้ำจากการร่วมรักเมื่อครู่นี้ ทำให้ศิลายิ้มกริ่ม และขออยู่ดูแลเด็กหนุ่มจนค่ำ เขาถึงได้ขอตัวกลับไป ก่อนจะกลับพีร์เองที่เข้าไปกอดศิลาและมอบจูบดูดดื่มให้ชายคนรักก่อนที่เขาจะไปเดินออกไป
ศิลาเองรู้สึดีที่พีร์แสดงถึงความต้องการมากขนาดนี้
โดยที่เขาไม่เฉลียวใจเลยว่า จูบหวามไหวเมื่อครูนั้น จะเป็นจูบสุดท้ายที่หนุ่มน้อยตั้งใจจะมอบให้เขา!!

ตอนหน้าตอนจบค่ะ ....
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-01-2010 13:02:26
เห้อออออ
จะเปนยังไงต่อไปละเนี่ยยย
น้องพีร์เอาจริงอ้ะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 14-01-2010 13:07:43
สงสารน้องพีร์  :sad4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 14-01-2010 13:42:05
เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ สนุกมากๆๆเลย o13 ขอมาร่วมลุ้นตอนจบด้วยนะคะ...
แต่ตอนนี้สงสารน้องพีร์ :sad4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nootoomtam ที่ 14-01-2010 17:22:01
ไม่ยอมอ่า ไม่ให้จบอ่า  :seng2ped:

แงๆ :sad11:  :m15:

ไม่ยอม

บายจ้า  :t3:

ชอบมั๊กๆ

 :mc4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nootoomtam ที่ 14-01-2010 17:25:14
เศร้า อ่า

 :fire:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 14-01-2010 17:28:04
 :m15:  สงสารน้องพีร์
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 14-01-2010 19:05:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 14-01-2010 22:12:31
มารอลุ้นตอนจบ

จะออกมารูปแบบไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 14-01-2010 22:19:19
พี่หยก จะทำอย่างไงกับปัญหานี้ละ พีร์เขาจะไปแล้วนะ
ลุ้นตอนจบนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: panuwattew ที่ 14-01-2010 22:51:30
 :L3: รีบมาต่อนะจะรอ

เศร้า  :really2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 14-01-2010 23:58:53
สงสารน้องพีร์   :monkeysad:  :กอด1:
พี่หยกไม่สงสัยอะไรบ้างเลยเนอะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Solar cell ที่ 15-01-2010 00:39:18

โอ๋ๆๆๆๆๆๆๆๆ น้องพีร์
ไม่ร้องนะคะคนเก่ง :sad4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Huo_To ที่ 15-01-2010 01:42:44
ตามมาอ่านอย่างช้า  +1  แล้วรอลุ้นตอนจบจ้า  :L2:

แต่ขอเมนท์หน่อยนะจ๊ะ   
พีร์เองก็เช่นกัน เขาลืมตามองหน้าศิลาที่กำลังมีความสุขอย่างที่สุด ราวจะเก็บการสมสู่ครั้งนี้ไว้ เป็นความทรงจำครั้งสุดท้าย
อ่านแล้วสะดุด สมสู่ อ่ะ มันให้ฟีลลิ่งลบ  กำลังนึกว่าคนเขียนน่าตั้งใจเลี่ยงคำซ้ำ หรือว่าตั้งใจให้รู้สึกแย่รึป่าวนิ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 15-01-2010 12:24:20
ตามมาอ่านอย่างช้า  +1  แล้วรอลุ้นตอนจบจ้า  :L2:

แต่ขอเมนท์หน่อยนะจ๊ะ   
พีร์เองก็เช่นกัน เขาลืมตามองหน้าศิลาที่กำลังมีความสุขอย่างที่สุด ราวจะเก็บการสมสู่ครั้งนี้ไว้ เป็นความทรงจำครั้งสุดท้าย
อ่านแล้วสะดุด สมสู่ อ่ะ มันให้ฟีลลิ่งลบ  กำลังนึกว่าคนเขียนน่าตั้งใจเลี่ยงคำซ้ำ หรือว่าตั้งใจให้รู้สึกแย่รึป่าวนิ

โอ้ ขอขอบคุณค่ะ และก็ต้องขอโทษด้วย สำหรับประโยคที่ว่า

ใช่ค่ะ ต้องการจะเลี่ยงคำซ้ำ แต่สำหรับคนเขียน คำว่า "สมสู่" มันเป็นคำความหมายกลาง ๆ อ่ะค่ะ แต่ถ้าทำให้คนอ่าน(ส่วนใหญ่) รู้สึกแย่ ก็ได้เข้าไปแก้ไขให้แล้วค่ะ
หัวข้อ: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 15-01-2010 14:27:27
ตอนที่ 10 (ตอนจบ)
“โอเคครับ การฝึกงานของคุณผ่านไปได้ด้วยดี ขอแสดงความยินดีด้วยครับ หวังว่าเราคงจะได้ร่วมงานกันใหม่นะครับ” ประธานฝ่ายการตลาดกล่าวกับพีร์เพื่อมอบเอกสารผ่านงานให้
“ขอบคุณครับ” พีร์ไหว้อย่างนอบน้อม ก่อนจะรับเอกสารออกมา แล้วหลังจากขอบคุณและร่ำลารุ่นพี่ทีมงาน เขาก็ขอตัวกลับทันที ก่อนเขาเดินออกจากตัวตึกนั้น ศิลาก็โทรหาเขา
“น้องพี ยินดีด้วยนะครับฝึกงานผ่านแล้ว” พีร์ยิ้มดีใจที่ชายคนรักโทรหา แต่นี้คงเป็นการพูดคุยครั้งสุดท้ายของเขากับศิลาแล้ว
“ครับ ขอบคุณครับ” พีร์ปรับเสียงให้สดใสร่าเริงเหมือนเคย แต่ก็ระวังคำพูดเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ
“เย็นนี้ว่างไหมครับ เดี๋ยวพี่พาไปฉลอง”ชายหนุ่มเสนอแนะ
“ไม่อ่าครับ”
“ทำไมครับ” ศิลาถามด้วยความสงสัยปนน้อยใจ
“คือ พีมีนัดกับเพื่อนแล้วครับ” พีร์โกหกเพื่อกลบเกลื่อน
“ครับ งั้นเย็นพรุ่งนี้ละกันนะน้องพี ห้ามปฎิเสธ” ศิลาสั่งด้วยเสียงใจดีเหมือนเคย
“ครับได้ครับ” พีร์ตอบรับ
“โอเค งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ เจอกันพรุ่งนี้ เดี๋ยวพี่ไปรับนะครับ”
“ครับ สวัสดีครับ” พีร์กดวางสายด้วยหัวใจร้าวรอน และเดินไปเพื่อออกจากบริษัท ความรู้สึกของเขาต่างกับตอนที่เขาเข้ามาครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง เขาก้าวจนพ้นตัวตึก แล้วหันหลังกลับไปพูดเบา ๆ ว่า
“ลาก่อนครับ พี่หยก”

“หยก แพรวมีอะไรจะคุยด้วย”  หญิงสาวกล่าวกับสามีที่นั่งดูข่าวภาคค่ำอยู่ ด้วยสีหน้ากังวลปนคาดคั้น ก่อนจะนำหน้าชายหนุ่มไปยังห้องทำงาน แล้วปิดประตูเพื่อไม่ให้คนข้างนอกได้ยิน ศิลาเองก็ประหลาดใจกับท่าทีของภรรยาเช่นกัน
“แพรวมีอะไรเหรอ” เขาสงสัย
“หยก แพรวรู้เรื่องหยกกับน้องพีแล้วนะ” หญิงสาวกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นเคย แต่ทำให้ศิลาตกใจที่สุด
“แพรว.....คุณ หมายความว่าไง” เขาไม่แน่ใจ
“แพรวรู้เรื่องคุณกับน้องพีแล้วนะ” หญิงสาวกล่าวชัด ๆ ทำให้ชายหนุ่มแน่ใจว่าฟังไม่ผิด ศิลาจึงนั่งนิ่ง ฟังต่อ
“หยก หยกอย่าปิดบังแพรวอีกต่อไปเลยได้ไหม” เธอกล่าวเครียด “หยก หยกอย่าลืมสิว่า เราเป็นเพื่อนกันนะ และอีกอย่าง อย่าคิดว่าแพรวไม่รู้สิว่าหยกคิดอะไรอยู่”
“แพรว นี่คุณรู้ได้ไง” เขาสงสัยและแสดงอาการตกใจถึงทีสุด
“แพรวขอโทษที่เคยหยิบมือถือหยกมาดู” เธอสารภาพ “เพราะแพรวสังเกตุ ว่าหยกเปลี่ยนไปนะ หลังจากที่แพรวกลับจากไปเที่ยว”  นลพรรณให้ข้อสังเกตุ ทำให้ศิลาตกใจในสัญชาติญาณความช่างสังเกตุของผู้หญิง
“ แพรวเลยคิดว่าหยกมีคนอื่น แล้วหยกก็มีคนอื่นจริงๆ” หญิงสาวกล่าวด้วยความสลดใจเล็กน้อยเมื่อนึกคำว่านอกใจ  “หยกเหมือนคนมีความรักไงล่ะ ถึงแพรวจะไม่เคยเป็นแบบหยก แต่แพรวก็ดูออกนะว่าคนที่ตกหลุมรักใครแล้วจะเป็นยังไง” เธอเว้นช่วงยิ้ม ๆ “แต่แพรวก็คาดไม่ถึงว่า หยกไปรักเด็กผู้ชาย” เธอกล่าวยิ้ม ๆ อย่างยินดีเมื่อพูดถึงตรงนี้ “น้องพีเค้าน่ารักนะหยก แล้วแกก็รักคุณมากด้วย แพรวก็เลยไม่รู้จะทำยังไงดีกับเรื่องนี้”
“แพรวเคยเจอพีด้วยเหรอ” ศิลาถาม
เธอพยักหน้าเบา ๆ แทนคำตอบ “แพรวเคยเจอแกดื่มคนเดียวที่ผับ วันนั้นแกเมามาก เมาเหมือนคนที่อยากจะดื่มให้ตายไปจากโลกนี้” นลพรรณเล่าต่อ “ แล้วมีคนจะมาพาแกไปย่ำยี แต่ แพรวกับเป้ก็ช่วยแกเอาไว้ได้หน่ะ”
ศิลาเองถึงกับนิ่ง อึ้ง เมื่อได้ยินอย่างนี้ เขารู้สึกผิดที่ปล่อยให้คนรักต้องทุกข์ใจอยู่คนเดียวและไม่ได้ปกป้องคนรักจากสิ่งชั่วร้ายนั้นเลย
ทำไมพีร์จึงต้องปิดปังเขาโดยการแบกทุกข์นั้นไว้คนเดียวอย่างนี้ด้วย?
“หยก แพรวถามหยกจริง ๆ นะ หยกรักน้องพีไหม” เธอถามสามีด้วยน้ำเสียงเย็นนิ่งด้วยความเห็นใจ
“รักสิ ผมรักน้องพี” ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเล ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ร้องไห้ออกมาอย่างรู้สึกผิด “ผมขอโทษ” แล้วเขาก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายนลพรรณที่เข้าไปโอบกอดเขาทันที
“ผมขอโทษ ที่ผมห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้” เขาพูดพลางร้องไห้ออกมา ขณะที่นลพรรณลูบผมเขาอย่างปลอบโยน
“ไม่เป็นไรหรอกหยก แพรวเข้าใจ” หญิงสาวปลอบสามี “หยกรู้ไหม หยกยังโชคดีนะที่หยกยังเจอความรัก ที่เป็นความรักจริง ๆ หน่ะ”  
“ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผมรักเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่” เขาระบายออกมา “น้องพีเค้าเป็นคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมเป็นตัวของตัวเองจริง ๆ เมื่ออยู่กับเค้า อยากออดอ้อนเค้า อยากดูแลเค้า”
“อืม ดีแล้วหล่ะหยก” เธอกล่าวจากใจ “แล้วคุณรักแพรวบ้างหรือเปล่าคะ?” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้คาดคั้น
“รักสิ คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมมาโดยตลอด” เขาตอบ “ความรู้สึกของผมตั้งแต่รู้จักคุณตอนเด็กมันไม่เปลี่ยนไปเลยนะ”
“อื้ม ม แพรวก็เหมือนกัน” หญิงสาวยิ้ม เมื่อนึกถึงวัยเยาว์ของเธอและศิลา “แพรวได้ยินแบบนี้ก็ดีใจแล้วหล่ะ” เธอลูบผมศิลาแล้วก้มลงมาถามชายหนุ่มที่หยุดร้องไห้แล้วว่า “แล้วหยกจะทำไงต่อไปล่ะ”
ศิลาเงยหน้ามองนลพรรณอย่างสงสัย “หืม...เรื่องของน้องพีอ่ะเหรอ”
นลพรรณพยักหน้า
“ผมก็ไม่ได้คิดถึงระยะยาวเลยนะ แค่ผมมีเค้าในทุก ๆวัน ผมก็พอแล้ว”
นลพรรณคาดคั้น “แค่ตอนนี้หยกต้องคิดแล้วนะ หยก หยกอย่าลืมสิ พ่อแม่พวกเรายังอยู่นะ ไหนจะลูกของเราหล่ะหยก..โอเค เรื่องที่เกิดขึ้นมันเริ่มต้นง่าย ๆ แต่หยกต้องคิดนะว่าจัดการเรื่องของหยกกับน้องพีต่อไปยังไงไม่ให้คนอื่นเดือดร้อน” นลพรรณถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “น้องพีเค้าเป็นห่วงหยกมากเลยรู้ไหม”
“น้องพี นี่แพรว...คุณหมายความว่าไงนะ” เขาสะดุดกับคำพูดของภรรยา
“หยกรู้ไหมว่าทำไมน้องพีเค้าถึงดื่มให้เมาลืมโลกขนาดนั้น” หญิงสาวถาม ศิลาส่ายหน้าอย่างคิดไม่ออก
“เพราะเค้าจะตัดใจจากหยกหน่ะสิ”
คำพูดของนลพรรณเป็นเหมือนดาบคมที่ฟันลงบนหัวใจของศิลา
“หะ...ตัดใจเหรอ แพรว คุณเล่ามาให้ผมฟังสิ เล่าให้หมดเลยนะ” เขาร้อนรน
หญิงสาวเริ่มเล่าอย่างยากลำบาก “น้องพีบอกกับแพรวว่า หลังจากฝึกงานเสร็จแล้ว เขาจะไปจากหยก”
“จริงเหรอแพรว ทำไมพีเค้าพูดอย่างนั้นล่ะ” ศิลาในตอนนี้ที่เหมือนถูกดูดวิญญาณ กลั่นคำพูดออกมาอย่างยากเย็น
“เค้าไม่อยากให้คุณเดือดร้อนเพราะเค้าไงล่ะ” เธอเฉลย “ แพรวก็เล่าเรื่องของเราให้น้องเค้าฟังนะ แต่น้องพีเค้าก็ยังยืนยันว่า ชีวิตของคุณจะดีกว่านี้ ถ้าคุณไม่รู้จักเค้า” หญิงสาวเริ่มมีน้ำตา เพราะตื้นตันในการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวของเด็กหนุ่ม
“ไม่ได้นะ น้องพีจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!!!” เขาโผล่งขึ้นมาอย่างไม่ยอม
“แล้วหยกจะทำยังไงล่ะ หรือว่าหยกมีวิธีที่ดีกว่านี้”
“มีสิแพรว” เขาเสนอ “เอางี้นะ ผมไม่ทิ้งคุณกับลูกแน่ ๆ ส่วนคุณพ่อคุณแม่ของพวกเรา อย่าให้ท่านรู้โดยเด็ดขาด และที่สำคัญน้องพีจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” เขาพูดต่อ “ยังไงผมก็ไม่ยอมเสียน้องพีไป”
หญิงสาวยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างเข้าใจ “จ้ะ ดีแล้วหยก” ก่อนจะพูดต่อ “แพรวก็อยากให้หยกมีคนรักจริง ๆ บ้าง”  
“แพรว ผมโทษนะ” ศิลาพูดกับภรรยาอีกครั้ง
“จ้ะบอกแล้วว่าไม่เป็นไร” นลพรรณยิ้มให้อย่างเข้าใจ
“ผมต้องไปตามน้องพีกลับมาแล้วหล่ะ” ชายหนุ่มกล่าว ก่อนจะรีบหยิบกุญแจรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว
“หนูแพรว ตาหยกไปไหนหน่ะ” ผู้เป็นแม่สามีเข้ามาถามนลพรรณ เพราะเห็นลูกชายขับรถออกไปอย่างรีบเร่ง
“อ่อ คุณหยกลืมของไว้ที่ออฟฟิศหน่ะค่ะ พอดีนึกได้เลยรีบกลับไปเอา”  หญิงสาวตอบยิ้ม ๆ กับแม่สามี

  ศิลาเองที่ตอนนี้หัวใจระส่ำกับการขับรถไปหาคนรักที่หอพัก เขาทางติดต่อหนุ่มน้อยแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับเลยแม้แต่น้อย เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะทันการหรือไม่ที่พีร์จะยังอยู่ที่เดิม หรือเจ้าตัวอาจจะตัดสินใจไปจากกรุงเทพฯ แล้วก็ได้
  รถหรูจอดอย่างทันทีเมื่อถึงที่หมาย เขารีบวิ่งลงไปติดต่อที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เพื่อขอโทรติดต่อเจ้าของห้อง เขาดีใจที่มีคนรับ แต่..
“ผมไม่ใช่พีครับ พีออกไปตั้งแต่ช่วงเย็นแล้ว” เป็นเจ้าของห้องตัวจริงที่เพิ่งกลับมาอยู่นี่เอง ศิลาไม่รอช้าที่จะสอบถามข้อมูลจากเพื่อนของพีร์
“น้องพอจะทราบไหมครับว่าน้องพีไปไหน”
“อ่อ เห็นบอกว่า จะกลับไปหาดใหญ่หน่ะครับพี่” ศิลาตกใจเมื่อได้ยินดังนั้น จึงรีบถาม
“แล้วน้องพีเค้าไปยังไงครับ”
“เค้ากลับรถไฟครับ”
เขาจึงถามอย่างอยากรู้ที่สุด “แล้ว น้องพีไปรถไฟเที่ยวไหนครับน้อง”
“รู้สึกจะรอบสองทุ่มครึ่งนะครับ”  ศิลามองนาฬิกาที่ผนัง พบว่าตอนนี้เป็นเวลา หนึ่งทุ่มห้าสิบนาที
“ครับ ขอบคุณน้องมากครับ” เขาวางสายและขอบคุณยาม ก่อนจะรีบบึ่งรถไปหัวลำโพง
  แต่ดูเหมือนสถานการณ์การจราจรจะไม่เป็นใจ ศิลาไม่เคยรู้สึกเกลียดกรุงเทพฯ มากมายเท่าวันนี้เลย เขาดูนาฬิกาที่ตอนนี้บอกเวลาสองทุ่มแล้ว รถติดแบบนี้คงไม่ทันแน่ ๆ เขาจึงตัดสินใจหาที่จอดรถข้างทางและต่อมอเตอร์ไซค์รับจ้างแทน
   เขาคิดไม่ผิดที่ทำแบบนี้ เพราะมอเตอร์ไซค์พาเขาลัดเลาะไปตามทางลัดต่าง ๆ ที่รถยนต์ทำไม่ได้อย่างแน่นอน เขาพลางชะเง้อไปข้างหน้าอย่างหาจุดหมาย พร้อมกับดูนาฬิกาข้อมืออย่างร้อนรน
ในที่สุดมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็ได้พาเขามาถึงที่หมายในเวลาสองทุ่มยี่สิบห้านาที เขากล่าวขอบคุณ และหยิบธนบัตรสีม่วงให้คนขับอย่างรีบเร่งโดยไม่ถามราคา ศิลาวิ่งไปยังข้างในสถานีรถไฟหัวลำโพง สายตาพยายามมองหาร่างอวบที่คุ้นเคย ร่างสูงเด่นนั้นกวาดสายตาไปยังรอบทิศด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
   ไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่ยอมให้พีจากเขาไปอย่างแน่นอน
  ศิลาหน้าเสียเมื่อมองไปทางไหนก็ไม่เจอคนรัก จึงวิ่งไปยังบริเวณชานชาลา บางทีเขาอาจจะเจอพีร์ก็ได้
  เหมือนโชคเข้าข้างเขา ที่มองเห็นหนุ่มน้อยร่างอวบที่คุ้นตากำลังก้าวขึ้นบนรถไฟ เขาแน่ใจว่าเป็นพีร์ แน่ ๆ  จึงไม่รอช้าที่จะวิ่งไปตะครุบร่างอวบนั้นเพื่อไม่ให้ไปไหน
 พีร์ที่กำลังก้าวขึ้นรถไฟชะงักเมื่อมีแขนแข็งแกร่งนั้นมาล็อกตัวเขาไว้จากด้านหลัง เขารู้ทันทีว่าเป็นใคร น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ตลอดจึงค่อย ๆ ไหลออกมาอย่างสุดจะห้าม
“น้องพี....” ศิลาร่ำไห้เมื่อพบคนรักที่ตามหา “น้องพีจะทิ้งพี่ไปไหน” เขากอดร่างอวบของคนรักวัยรุ่นแน่น พร้อมทั้งปล่อยโฮลงบนแผ่นหลังของหนุ่มน้อยอย่างไม่อายสายตาคนรอบข้างที่เริ่มมองอย่างสงสัย
พีร์นิ่ง ไม่มีอาการใด ๆ เขาเชิดหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา แต่สุดท้ายเขาก็สะอื้นออกมาเช่นกัน
“พี่หยกครับ ปล่อยพีเถอครับ พีจะกลับบ้าน” พีร์ที่พูดออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ พยามแกะแขนที่กอดรัดตัวเขาแน่นออก
“ไม่ปล่อย...น้องพี น้องพีจะหนีพี่ไป น้องพีคิดเหรอว่าที่ทำลงไปพี่จะมีความสุข หะ!”
“พี่จะมีความสุขได้ไง ถ้าพี่ไม่มีน้องพี” ศิลาปล่อยโฮออกมาจากใจ
“พอเถอะครับพี่หยก เรื่องของเรา คิดซะว่ามันเป็นแค่ความฝันเถอะครับ รถไฟจะออกแล้ว พีขอตัว” พีร์พยายามพูดเสียงแข็งใส่ชายคนรักที่กอดเขาแน่น
“ไม่น้องพี เรื่องของเรามันเกิดขึ้นจริง พี่รักน้องพี น้องพีก็รักพี่ อย่าทำร้ายกันเองแบบนี้เลย พี่ขอร้องล่ะ”
“แล้วคุณแพรวล่ะครับ พี่หยกคิดถึงเธอมั่งหรือเปล่า” พีร์หันไปถามชายหนุ่ม
“คิดสิ...ฟังนะ พี่จะไม่ให้ใครไปไหนทั้งนั้น น้องพี แพรวเองเค้าก็อยากให้น้องพีไม่ไปไหนนะ” เขาเว้นช่วง “ถึงแม้จะไม่ได้เป็นอย่างนั้น น้องพีก็อย่าทิ้งพี่ไปนะ ฮือๆๆๆๆๆ” ร่างโปร่งยอมจำนนกับกำแพงความแข็งแกร่งของเขา จึงขอร้องคนรักอย่างถึงที่สุด
 เสียงนกหวีดจากนายสถานีดังขึ้น รถไฟเคลื่อนตัวออกจากสถานีช้า ๆ
  พีร์เองที่ตอนนี้ก้มหน้าร้องไห้ในอ้อมแขนศิลาก็ยอมจำนนแล้วเช่นกันกับความรักของชายหนุ่มที่เขาต้องการมาโดยตลอด ถึงแม้เขาจะวิ่งหนีมันมาเพราะข้อจำกัดทางสังคม แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็หนีความรักจากชายหนุ่มและหัวใจตัวเองไม่ได้ เขาจึงหันกลับมากอดศิลา ทั้งสองกอดและร่ำไห้อยู่สักพัก ศิลาปาดเช็ดน้ำตาคนรักด้วยสีหน้าเป็นสุข
“สัญญากับพี่นะ อย่าทิ้งพี่ไปอีกนะครับน้องพี” ศิลาขอร้อง
พีร์พยักหน้าด้วยความยินดี “ครับ”
 แล้วทั้งคู่ก็สวมกอดอกอุ่นของรักอีกครั้ง ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นอยู่เต็มหัวใจ
จบแล้วค่ะ..
 :bye2:

ก็จบลงไปอย่าง Happy Endding แล้วนะคะ หวังว่าคงจะถูกใจและไม่ทำร้ายจิตใจคนอ่านนะคะ
ขอบคุณนะคะ :pig4: สำหรับการตอบรับที่แสนจะอบอุ่น  :กอด1:และก็การติดตามที่เหนียวแน่น ดีใจค่ะ ที่มีคนอ่านชอบเรื่องของน้องพีกับพี่หยกมากมายขนาดนี้ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ  :pig4: :pig4: :pig4:
อ่อ มีคำถามอยากจะถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ (ไม่เกี่ยวก็ได้) ก็สามารถถามกันเข้ามาได้นะคะ ยินดีตอบค่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 15-01-2010 15:05:07

ตอนจบเปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นในชีวิตจริงนะ พีร์ก็ต้องอยู่ในเงาต่อไป

อย่างนี้แหละน้าความรัก ถึงไม่ได้ครอบครอง บางคนขอได้ใกล้ชิดบางครั้งก็ยอมแลก  :m15:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nootoomtam ที่ 15-01-2010 16:32:31
จบแล้วอ่า

แงๆๆ

อย่าลืมมีภาคพิเศษนะ

แงๆ  :bye2:

บายจ้า  :mc4:

ชอบมั๊กๆ  :seng2ped:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 15-01-2010 21:05:13
ความรัก หนอความรัก

แล้วแต่จะเลือก ให้เป็นแบบไหน

จบซะแล้ว ไม่เศร้าด้วย

เจ็บและสุข แบ่งกันไป


แอบคิดให้คุงแพรวมีกิ๊กบ้าง  อิอิ

หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ever-never ที่ 15-01-2010 21:18:23
ขอบคุณนะความรัก
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-01-2010 21:28:23
ในที่สุดก็ happy ending
คุณแพรวน่ารักจังงง
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 15-01-2010 22:01:20
ถ้ามันเคลียร์กันลงตัว
ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้

ความรักก็อย่างนี้แหละ ...อยู่ที่ความเข้าใจ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 15-01-2010 22:17:23
อ่านๆ ไป น้ำตาก็ไหลออกมา

เรื่องจริงทั้งนั้นเลยอ่ะครับ T^T  :sad4: :o12: :m15: :monkeysad: :sad11:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 15-01-2010 22:54:15
ขอบคุณ แม้สั้นไปนิด  :กอด1:

ขอตอนพิเศษนะ writer 
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 16-01-2010 00:22:11
คุณแพรวรับตุ๊กตาทองไปเลยค่ะ   
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 16-01-2010 00:29:54
คุณแพรวใจดีจังเลย
ตกลงอยู่กันสามคนเลยอ่ะ
ขอตอนพิเศษๆๆๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Huo_To ที่ 16-01-2010 11:59:28
ขอบคุณคนเขียนมากมาย  มีแก้ให้เราด้วยอ่ะ  :sad4: 
จบแล้ว ถึงจะไม่หวานซึ้ง แต่ก็ทำให้เราอยากเป็นกำลังใจให้ น้องพีร์กะพี่หยก  อนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ละกันเนอะ
นึกถึงบรรยากาศประมาณเพลง  เพียงแค่ใจเรารักกัน   :n1:

หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 16-01-2010 12:30:21
น่าจะมีตอนพิเศษขยายความอีกสักนิดนะคะ มันดูจบแบบรวบรัดไปหน่อย
สรุปคือ อยากอ่านต่อ นั่นเอง  :m23:
นี่ถ้าแพรวรักหยกและไม่ได้เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เล็กนะ เรื่องคงจบได้ไม่สวยแน่  o21
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 16-01-2010 15:03:35
จบแล้วหรอคับ ^^

ที่เหลือคนอ่านก็คงต้องจิ้นเอาเอง

ว่าการดำเนินชีวิตของคนทั้งสามจะเป็นยังไง

พี่หยกรักน้องพี ต้องหลบซ่อน ไม่ได้รักแพรว

แต่ก็อยู่กันอย่างเปิดเผย  :เฮ้อ:

แต่หนุกดีคับ +1 ให้คนแต่งนะคับ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 16-01-2010 21:29:18
ขอบคุณสำหรับทุก ๆ คอมเม้นต์และทุก ๆ โหวตเลยนะคะ

สำหรับตอนพิเศษ ที่หลายคนถามถึง รับรองว่ามีแน่นอนค่ะ

หรือ จะทำเป็นภาคต่อดีคะ (เพราะตอนนี้เริ่มคิดว่าจะเขียนภาคต่ออ่ะค่ะ)

ยังไงก็เข้ามาขอบคุณผู้อ่านทุกท่านอีกครั้งนะคะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 16-01-2010 22:42:06
ภาคพิเศษ  แล้วตามด้วยภาคต่อเลยจ้า   :o8:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: jantaro ที่ 16-01-2010 22:46:52
 :z13: :z13: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 17-01-2010 10:28:27
คุณแพรวใจกว้างมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  นับถือเลย
เหมือนรีบนๆๆว่า น้องพีร์ก็ยังต้องอยู่ในเงาต่อไปใช่มั้ยคะ ชอบเวลาที่หยกอยู่กับพีร์นะ มากๆ เพราะสื่อออกมาได้ชัดเจนเลยว่าคนนีกำลังมีความสุข กำลังมีความรัก  :กอด1:

ขอบคุณมากๆนะคะ สำหรับเรื่องน่ารักๆ ค่ะ มีตอนพิเศษด้วยได้มั้ยคะ
หัวข้อ: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน - - ภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 17-01-2010 13:52:45
"สัญญานะครับว่าจะไม่ทิ้งพี่ไปแบบนี้อีก" ศิลาขอร้องพีร์ หนุ่มน้อยที่เขารัก ก่อนที่จะลงจากรถ ขณะที่มาส่งเจ้าตัวที่หอพักของพีร์ในมหาลัยแถว ๆ รังสิต ในเช้าวันรุ่งขึ้น
  "ครับ สัญญาครับ" พีร์รับคำยิ้ม ๆ เพราะตั้งแต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อคืน ศิลาพร่ำขอร้องเขาแบบนี้ไม่รู้ต่อกี่รอบแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขานึกรำคาญชายคนรักเลยแม้แต่น้อย
 "พี่กลัวว่า ถ้าพี่ห่างน้องพีไปเมื่อไหร่ น้องพีจะทิ้งพี่ไปแบบเมื่อวานหน่ะสิ" เขานึกถึงเมื่อวาน ที่ทำให้เขาเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกใจจะขาดนั้นมันเป็นอย่างไร คืนนั้นที่เขาตามหาพีร์เจอ เขาจึงใช้เวลาอยู่กับหนุ่มน้อยทั้งคืน แต่มันพิเศษกว่าทุกคืนที่ผ่านมาเพราะศิลารู้สึกว่า เขาไม่เคยต้องการคนรักเท่านี้มาก่อนเลย ทั้งคืนเขาจึงพร่ำบอกรักและโอบกอดคนรักไว้ในอ้อมแขนอย่างหวงแหน
  กลัวว่าถ้าเขาปล่อยให้หนุ่มน้อยออกจากอ้อมอกเมื่อไหร่ พีร์ก็จะหายไปเมื่อนั้น
 
  "พี่หยกครับ พีร์ก็ต้องขอโทษพี่หยกเหมือนกันนะครับ" หนุ่มน้อยกล่าวเพื่อไม่ให้คนรักรู้สึกเศร้ามากไปกว่านี้
  "ครับ" ศิลารับคำ ก่อนจะทำหน้าเหมือนคิดอะไรออก "ว่าแต่ ทำผิดแบบนี้ พี่จะลงโทษเรายังไงดีน้า..." เขามองมาที่พีร์ด้วยสายตากรุ่มกริ่ม "อืมม พี่นึกออกล่ะเมื่อคืนพี่มัวแต่คิดเรื่องอื่น จนลืมทำโทษน้องพีไปเลยนะนี่.." มือของศิลาที่ตอนแรกวางอยู่บนข้อมือของหนุ่มน้อย เริ่มย้ายมาที่ต้นขาอวบ ๆ ของพีร์ สายตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความต้องการในตัวคนรัก
"อื้อ..พี่หยก.." พีร์ส่งเสียงปฎิเสธ "ไปทำงานได้แล้วนะครับ" พร้อมทั้งหาเรื่องให้คนรักกลับมาสู่หน้าที่จริง ๆ ของเขา
"ได้ไง พี่ยังไม่ได้ชื่นใจเราเลยนะ" เขาวอนขอ
"ไม่เอาน่าครับ เดี๋ยวไปทำงานไม่ทันนะ"
"ช่างมันสิครับ นะน้องพี.."
"พี่หยกครับ เดี๋ยวคนอื่นสงสัย" พีร์กล่าวอย่างวิตก ทำให้ชายหนุ่มชะงัก กลับสู่การเผชิญความเป็นจริงทันที
"อืมมม ครับ" เขาสลดลงจนหนุ่มน้อยสังเกตุได้ พีร์รู้สึกว่าทำให้คนรักใจเสีย จึงรีบหอมแก้มชายหนุ่มเป็นการปลอบใจ "ขอบคุณนะครับที่มาส่ง บะบายครับ" แล้วเขาก็ก้าวลงจากรถของศิลา และหันมาโบกมือให้คนรักก่อนจะขึ้นไปบนอาคาร
 ศิลาเองที่ใจชื้นขึ้นมาเพราะการแสดงออกของหนุ่มน้อย ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข มือของเขาลูบแก้มข้างที่พีร์จู่โจมเข้ามาหอมเมื่อครู่นี้อย่างมีความหมาย ก่อนจะขับรถออกไปทำงาน
 เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขารู้ทันทีว่าต้องเป็นนลพรรณ และก็เป็นไปตามคาด
"หยก ไปส่งน้องพีเหรอ" เธอถาม
"จ้ะ ใช่แล้ว นี่หยกกำลังจะเข้าบริษัทเนี่ยะ"
"อืม รีบมานะหยก เพราะเมื่อคืนคุณแม่ถามแพรวว่าหยกไปไหน" หญิงสาวบอกสามี เมื่อคืนหล่อนเองก็โทรถามศิลาเหมือนกันว่าเจอพีร์หรือไม่ แต่ก็ลืมบอกถึงท่าทีของคนที่บ้าน
"แล้วแพรวว่าไง"
"แพรวบอกว่า หยกลืมของไว้ที่บริษัท แล้วก็นอนที่คอนโดหยกเลย"
"อืม ขอบคุณมากครับแพรว" ชายหนุ่มกล่าว
"อืม ไม่เป็นไรหยก แต่ทำอะไรก็ระวังหน่อยละกันนะ อย่าให้คนอื่นผิดสังเกตุ" หญิงสาวสมทบ
"โห แพรว นี่คุณเป็นห่วงผมขนาดนี้เลยเหรอเนี่ยะ"
"ก็ใช่สิหยก แพรวเองถึงแม้จะตกใจและไม่ได้อยากให้ครอบครัวเราเป็นแบบนี้เท่าไหร่หรอกนะ แต่ถ้ามันจะทำให้ชีวิตคุณมีความสุขขึ้นมาบ้าง แพรวก็ไม่ว่าอะไร"
"ครับ ขอบคุณครับ"
"แพรวยอมแค่น้องพีร์คนเดียวเท่านั้นนะคะ" หญิงสาวกล่าวเรียบ ๆ แต่เฉียบขาด
"ครับ ๆๆ ขอบคุณจริง ๆนะแพรว"
"อืม จ้ะ โอเค..เดี๋ยวแพรวไปดูลูกก่อนนะ บายจ้ะ"
"ครับบาย"

   นลพรรณเองวางสายไปด้วยสีหน้าคลายกังวล เธอเองก็เป็นห่วงทั้งสองคนเหมือนกัน
   เมื่อครู่ที่เธอพูดว่า เธอยอมแค่พีร์คนเดียวเท่านั้น เป็นคำพูดที่มาจากใจจริงของเธอ
   เธอนึกถึงตอนแรกที่เธอเจอพีร์ที่ผับ เธอรู้สึกว่าหนุ่มน้อยคนนี้ มีอะไรที่ทำให้เธอรู้สึกเห็นใจมากกว่าจะเข้าไปเหยียบย่ำอย่างที่เธอควรทำ
   และตอนที่คุยกันนั้น เธอก็รู้สึกเห็นใจหนุ่มน้อยมากขึ้น โดยที่เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
  เธอรู้สึกว่าหนุ่มน้อยไม่ได้เสแสร้งขอความเห็นใจจากเธอ แต่เขาพยายามทำตัวให้เข้มแข็งมากที่สุดเพื่อไม่ให้เธอมาสงสารต่างหาก
  แต่เธอก็มองเห็นความอ่อนแอและอ่อนไหวในใจของเด็กหนุ่มต่างหาก
  นลพรรณอมยิ้ม และคิดออกว่าเธอต้องทำอะไรสักอย่าง....

  ชายหนุ่มผิวขาวร่างสูงหน้าตาดีแบบคนไทยเชื้อสายจีนในชุดนิสิตมหาวิทยาลัยดัง กำลังจะเดินออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่ใจกลางเมืองที่เป็นบ้านของเขา ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็สั่นขึ้นเพราะมีสายเข้า เขามองดูหน้าจอ พบว่าเป็นนลพรรณพี่สาวคนโตของเขานั่นเอง
 
  "ครับ พี่แพรว" ศิริพจน์ รับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงร่าเริงสดใส
  "พจน์ เย็นพรุ่งนี้พจน์ว่างหรือเปล่า" นลพรรณกรอกสายลงไป
  "ว่างครับพี่ ทำไมเหรอครับ" เขาไม่นกึสงสัยเพราะว่า ปรกตินลพรรณก็ชอบนัดเจอเขาเพื่อชวนไปเที่ยวเล่นอยู่แล้ว
  "ก็ไม่มีอะไรอ่าจ้ะ เย็นพรุ่งนี้มาเจอพี่หน่อย ได้ไหม"
  "ครับ ๆ ได้ครับ" เขาตอบรับ
  "จ้ะ แต่อาจจะมีน้องคนนึงมากับพี่นะ บอกไว้ก่อน"
  "น้อง..ใครครับ" เขาสงสัย
  "เดี๋ยวก็รู้จ้ะ"
   "ครับ ๆ เจอกันที่ไหนดีพี่แพรว"
   "สยามเซ็น ละกัน หกโมง โอเคไหม"
   "ครับ ๆ ได้เลย"
   "จ้ะ เจอกัน บะบาย"
  "บายครับพี่" เขากดวางสาย พร้อมยิ้มขำกับพี่สาวตัวเอง พร้อมกับงงว่า "คราวนี้พาใครมาด้วยหล่ะเนี่ยะ หวังว่าคงจะไม่ได้จับคู่ให้เราเหมือนที่พ่อกับแม่ทำหรอกนะ" เขาคิดอย่างนั้น
  ศิริพจน์เป็นน้องชายคนกลางของนลพรรณ ตัวเขาเองซึ่งตอนนี้เป็นนิสิตคณะเศรษฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยดังแห่งหนึ่งชั้นปีที่สี เขาเองก็ฝึกงานเหมือนกันในปิดเทอมนี้ โดยเขาเลือกฝึกงานที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารแห่งหนึ่ง มากกว่าที่จะทำงานในบริษัทของครอบครัวตัวเอง โดยเขาให้เหตุผลกับพ่อแม่ว่า
 "อยากลองเป็นลูกน้องคนอื่นดูบ้าง"
 ศิริพจน์เดินไปหน้าปากซอย ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟฟ้าที่เขาจะโดยสารไปไหนมาไหนทุกวันตั้งแต่ตอนเป็นนักเรียน จนกระทั่งใกล้ทำงาน เช่นทุกวันนี้ ทั้ง ๆ ที่ความจริงเขาเองมีรถขับตั้งแต่เป็นเด็กปีหนึ่ง แต่เขาก็ยกให้นลพรรณไปขับแทน ด้วยเหตุผลตามความคิดของนักเรียนเศรษฐศาสตร์ที่ว่า
       "ใช้ทรัพยากรทุกอย่างให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์ที่สุด"
  เขาจึงกลายเป็นคนหนุ่มที่เพียบพร้อมทั้งหน้าตา ฐานะ ความคิดและนิสัยใจคออย่างหาใครมาเทียบยากในสังคมฟุ้งเฟ้อของสังคมมหาวิทยาลัยที่เขาอยู่ เขาจึงเป็นที่หมายปองของคนรอบตัว และ ญาติผู้ใหญ่ที่อยากให้เขาไปเกี่ยวดองด้วย
  ศิริพจน์เองก็สงสัยเหมือนกันว่า เย็นนี้พี่สาวเขาจะพาใครมาด้วย และจะพามาให้เขารู้จักเหมือนที่พ่อกับแม่ของเขาชอบทำหรือเปล่า?

  "น้องพีจ๊ะ นี่พี่แพรวเองนะ" นลพรรณกรอกสาย
  "ครับสวัสดีครับคุณแพรว" พีร์รับสายด้วยเสียงไว้ตัว และให้เกียรติปลายสายเสมอ
  "จ้ะ น้องพี พรุ่งนี้ตอนเย็นๆ น้องพีว่างไหม พี่อยากเจอน้องพีอ่าค่ะ" นลพรรณกล่าว
  "ครับ ว่างครับ" เขารับคำ
  "ดีเลยจ้ะ งั้นพี่ชวนน้องพีเจอพี่ที่สยามเซ็นเตอร์ ตอนหกโมง สะดวกเปล่าจ๊ะ"
  "ครับ ได้ครับ"
  "จ้ะ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ"
  "ครับ สวัสดีครับ"
   พีร์วางสาย นึกประหลาดใจเล็กน้อยที่นลพรรณอยากเจอเขา แต่เขาเองก็คิดว่าดีเหมือนกันที่ได้เจอนลพรรณ เขาเองก็อยากรู้ว่าเธอจะมีท่าทีต่อเขาอย่างไร
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 17-01-2010 14:13:41
แพรวจะทำอะไรของเค้าหว่า
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 17-01-2010 14:45:12
ตอนพิเศษเหรอคะ  ดีจังๆ

ตกลงคุณแพรวคิดจะทำอะไรเนี่ย  :really2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 17-01-2010 15:22:35
อ๊ะ.......หรือว่า


คิดจะ.....จับคู่ให้น้องตัวเอง


แล้วเธอก็จะได้สามีคืน


แอร๊ยยยยย.....ร้ายจริงนะคะ คริๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Solar cell ที่ 18-01-2010 10:19:28
น้องพีกะพี่หยกก็ลงตัวดีแล้ว
จะก่อเรื่องก่อราวขึ้นมาทะไมอีก
ไหนบอกเข้าใจอยากให้สามีมีความรักงัย
อย่านะ..........ถ้าคิดไม่ซื่อกะน้องพี
จะไม่ให้พี่หยกไว้หน้าแกเลย หึ๊ย......... :serius2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 18-01-2010 15:32:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 18-01-2010 20:00:46
จะให้น้องชายมาเป็นคนพิสูจน์ความรักของ พี่หยก กะ น้องพีร์ หรือเปล่า (พยายามคิดในแง่ดีๆๆ  :serius2:)
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 19-01-2010 00:12:53
ร้ายนะยายแพรว
มาแผนสูง
สงสารน้องพีร์
จะทันเค้ามั๊ยเนี่ย
ควรบอกพี่หยกเรื่องนัดนะ
ไม่ควรมองโลกในแง่ดีเกินไป
แต่ดูท่าน้องพีร์จะไว้ใจยายแพรว
จากที่ช่วยเหลือคราวก่อน แน่เลย
หัวข้อ: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 19-01-2010 15:29:57
ตอนพิเศษ 2
  “น้องพีครับ เย็นพรุ่งนี้น้องพีว่างไหม” ศิลากรอกเสียงออดอ้อนหนุ่มน้อยด้วยความคิดถึงเช่นเคย
“เย็นพรุ่งนี้เหรอครับ” พีร์ชั่งใจ เพราะเขามีนัดหมายกับนลพรรณไว้แล้ว
“อ่อ ไม่ว่างครับ” เขาตอบไป ศิลาเลยตอบกลับมาอย่างงอน ๆ ว่า
“ไม่ว่างอีกแล้วเหรอครับเนี่ยะ ไปไหนอ่าครับ” เขาเริ่มซัก
“เอ่อ พีมีนัดกับเพื่อนอ่าครับ ที่สยาม”
“เหรอ เพื่อนนี่ผู้ชายหรือผู้หญิงนะ”
“ผู้หญิงครับพี่หยก”
“แล้วไป”  เขาเว้นช่วง “เอางี้ งั้นตอนสองทุ่มก็รอพี่ที่สยามละกัน เดี๋ยวพี่ไปรับ นะครับ”
“ครับ ได้ครับ”
“คิดถึงน้องพีนะค๊าบบ”
“ครับ คิดถึงพี่หยกเหมือนกัน” เขาบอกรักกันเช่นเคยก่อนวางสาย พีร์เองก็ลอบถอนหายใจเบา ๆ เมื่อนึกถึงนัดหมายในวันพรุ่งนี้เช่นกัน

  และวันนัดหมายก็มาถึง นลพรรณเองก็ตื่นเต้นเหมือนกันที่จะได้เจอพีร์อีกครั้ง และครั้งนี้เธอได้นัดน้องชายของเธอมาด้วย เธออยากให้พีร์รู้จักกับศิริพจน์ไว้
     เผื่อน้องชายเธอจะได้มีแฟนซะที
 เธอยิ้มขำกับความคิดบ้า ๆ ของเธอ จะให้มีแฟนได้ไงล่ะ ศิริพจน์ไม่ได้เป็นเกย์ซะหน่อย
แต่น้องชายเธอก็ไม่เห็นสนใจผู้หญิงเป็นตัวเป็นตนกับเค้าบ้างเลย วัน ๆ ได้แต่เรียน,ทำกิจกรรมออกค่าย หรือไม่ก็เล่นหุ้น
 วัน ๆ นึงศิริพจน์คงจะสนใจแต่ตัวเลขสีเขียว ๆ กับลูกศรหัวขึ้น
น่าตลกชะมัด เธอคิดกับน้องชายอย่างนั้น
 เธอมารอศิริพจน์และพีร์ในร้านไอกรีมแห่งหนึ่ง เธอเลือกที่นั่งริมกระจก ที่สามารถมองเห็นน้ำพุข้างล่างได้
เดี๋ยวหนุ่ม ๆ ก็คงมา เธอคิดอย่างนั้น

ศิริพจน์ที่ก้าวยาวออกจากที่ฝึกงาน มองดูนาฬิกาที่บอกเวลาห้าโมงยี่สิบ จึงรีบเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าที่ไม่ไกลจากที่นี้ เพื่อที่จะได้ทันเวลานัดกับพี่สาวคนโต
 “วันนี้พี่แพรวจะพาใครมาด้วยนะ เขานึกสงสัย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรต่อ รถไฟฟ้าจอดที่สถานีอนุสาวรีย์ เขาไม่ได้สนใจอะไรกับคนที่เข้ามาใหม่ แ
 แต่แล้วเขาก็หันไปเจอผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับเขาในชุดลำลองในเสื้อคอโปโลสีฟ้าอ่อนที่เข้ามาใหม่ ชายคนนั้นยืนห่างจากเขาพอสมควร แต่เขารู้สึกสะดุดตากับหนุ่มคนนั้นเป็นอย่างมาก
 
  พีร์เองที่ตอนนี้อยู่บนรถไฟฟ้า ก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยที่วันนี้เขาจะได้มาเจอกับนลพรรณอีกครั้ง
ก็ดีเหมือนกัน พีร์คิดอย่างนั้น

 เมี่อรถไฟฟ้าถึงสถานีสยาม ผู้คนส่วนใหญ่บนรถต่างก็มีจุดหมายอยู่ที่สถานีนี้ทั้งสิ้น ผู้คนมากมายเบียดเสียดแย่งกันเพื่อจุดหมายในการเดินทาง พีร์เองก็เช่นกัน เขารีบเดินเพื่อที่จะลงบันไดออกจากสถานีเพื่อเข้าไปในสยามเซ็นเตอร์ จนเขาชนกับร่างสูงของใครคนหนึ่งเข้า
 “อุ๊ย! ขอโทษครับ” เขากล่าวกับร่างสูงนั้นอย่างสุภาพ และมองไปยังคนที่เขาชน
“ไม่เป็นไรครับ”  ร่างสูงในชุดหนุ่มออฟฟิศที่เขาชนเองก็ตอบกลับมาอย่างสุภาพเช่นกัน แล้วรีบเดินไป ปล่อยให้เขามองตาม
อืม ก็หน้าตาดีนะ พีร์คิดอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้ต่อยอด เพราะต้องรีบไปตามนัด เท่าที่นลพรรณส่งข้อความมาบอกเขา เธอบอกจะรอเขาอยู่ในร้านไอศกรีมชั้นบนสุด ฝั่งติดพารากอน เขาจึงไม่รอช้า ที่จะสาวเท้าเดินไปตามเป้าหมาย
 พอถึงหน้าร้าน เขาก็พบหนุ่มออฟฟิศที่เขาชนเมื่อครู่นี้เดินเข้าร้านพร้อมกับเขาเหมือนกัน และก็ตอบรับการโบกมือทักทายจากโต๊ะริมหน้าต่าง เขามองตาม ก็พบว่าเป็นนลพรรณที่ก็หันมาส่งยิ้มให้เขาเช่นกันหลังจากทักทายหนุ่มออฟฟิศคนนั้นแล้ว
 เขาประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง ที่จู่ ๆ ก็พบว่าหนุ่มออฟฟิศหน้าตาดีที่เขาเดินชนเมื่อครู่เป็นคนที่นลพรรณนัดไว้เหมือนกัน
 “อ้าว ตาพจ มาพร้อมน้องพีเลย” เขายิ้มแย้มกับคนทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้า พีร์ยกมือไหว้นลพรรณ เธอรับไหว้เขาก่อนจะพูดต่อ “นั่งก่อนเลยจ้ะ” เด็กหนุ่มทั้งสองลงนั่งพร้อมมองหน้ากันอย่างอยากรู้จัก
“อ่อ ลืมแนะนำเลย น้องพีจ๊ะ นี่ตาพจน์ น้องชายพี่เอง” พีร์ถึงบางอ้อ พร้อมกับยกมือไหว้ศิริพจน์
 ศิริพจน์เองก็รับไหว้เขาเช่นกัน
“อ่อ แล้วก็ นี่ น้องพีร์ เป็นเด็กฝึกงานที่บริษัทคุณหยกจ้ะ” เธอแนะนำ
“อ่าว เป็นเด็กฝึกงานเหมือนกันเหรอครับ” ศิริพจน์ตกใจ “งั้นก็รุ่นเดียวกันเลยสิครับเนี่ยะ” เขายิ้มกับพีร์ที่ตอนนี้นิ่งอย่างไว้ตัว “คุณพีร์อยู่ปีอะไรครับ”
“ขึ้นปีสี่ครับ” เขาตอบ
“อ่าว งั้นก็เป็นน้องผมหน่ะสิเนี่ยะ” ศิริพจน์ตอบยิ้ม ๆ กับร่างอวบในเสื้อคอโปโลสีฟ้าอ่อนตรงหน้า ในใจเขานึกว่า อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ คนที่เขาลอบมองมาบนรถไฟฟ้า จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนที่พี่สาวพามาให้รู้จักซะนี้
“ยังไงพี่ก็รู้จักกันไว้นะจ๊ะ น้องพี ตาพจน์” เธอสมทบ
 ตลอดเวลาที่ทั้งสามคนคุยกันนั้น พีร์เองก็รู้สึกว่าศิริพจน์กับนลพรรณค่อนข้างคุยกับเขาด้วยความเป็นมิตร ท่าทีของนลพรรณนั้นเหมือนไม่ได้คิดกับเธอเป็นคนอื่น แต่กลับชวนเขาคุยอย่างสนุกสนาน เขาเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่า นลพรรณเป็นรุ่นพี่ร่วมสถาบันของเขาในคณะรัฐศาสตร์ คงจะเป็นเหตุนี้เองใช่ไหมที่ทำให้อย่างน้อยหล่อนถึงได้คุยกับเขาง่ายขึ้น
    ทั้งสามคุยกันจนถึงเวลาทุ่มกว่า ๆ นลพรรณกับศิริพจน์จึงขอตัวกลับ ส่วนพีร์เองก็ไม่ได้บอก นลพรรณเหมือนกันว่าเขาจะไปทำอะไรต่อ เมื่อเขาแยกกับสองพี่น้องเรียบร้อยแล้ว เขาพบกับศิลาที่มองเขาอย่างไม่พอใจ
 “พี่หยก..” เขาคาดไม่ถึงที่เห็นคนรักมองเขาแบบนั้น
“เพื่อนที่ว่านี่คือแพรวกับพจน์เหรอ” เขาถามอย่างไม่พอใจ
“พี่หยก..ทำไมล่ะครับ พีเจอกับคุณแพรวไม่ได้เหรอ”
“มันไม่ใช่อย่างนั้น” ชายหนุ่มเสียงแข็ง เขาไม่ได้ไม่พอใจที่พีร์ปิดบังเรื่องที่เขามาเจอกับนลพรรรณ แต่เขารู้สึกไม่พอใจนลพรรณต่างหากที่ทำอะไรแบบนี้
 ความจริงศิลาเองก็ไม่ไว้ใจคนรักเมื่อเขาบอกว่าจะมาเจอเพื่อน เขากลัวจะเป็นอย่างที่เคยเกิดขึ้นอีกที่หนุ่มน้อยออกไปนั่งอมทุกข์คนเดียว จึงตัดสินใจมาดักรอหนุ่มน้อยที่สถานีรถไฟฟ้า และสะกดรอยตามมาเรื่อย ๆ จนพบว่า เขามาเจอกับนลพรรณที่พาศิริพจน์มาด้วย
 เขานั่งสังเกตอยู่ห่าง ๆ ก็พอจะเห็นสายตาที่ศิริพจน์มองมาที่พีร์   มันทำให้เขาไม่พอใจ และถ้าไม่กลัวเสียแผนที่คิดไว้ เขาคงจะเข้าไปประกาศตัวแสดงความเป็นเจ้าของให้สองพี่น้องนั้นกระจ่างกว่าเดิมซะที
“พี่หยกครับ...” พีร์เสียงอ่อนเมื่อเห็นคนรักแสดงอาการไม่พอใจ จากความหึงหวง แต่เหมือนท่าทีของศิลาจะยังไม่อ่อนลง
“พีไม่อยากเชื่อเลยนะครับว่าพี่หยกจะเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลขนาดนี้” เด็กหนุ่มกล่าวด้วยเสียงผิดหวัง ก่อนจะเดินห่างออกไป
“น้องพีจะไปไหนหน่ะ” เขายิ่งโมโหเมื่อเห็นคนรักแสดงอาการแบบนี้
“พีจะกลับแล้วครับ” หนุ่มน้อยกล่าวเสียงแข็งใบหน้าบึ้งตึง
“น้องพี กลับไปกับพี่เดี๋ยวนี้!” เขาออกคำสั่งพร้อมกับคว้าข้อมือของพีร์ด้วยอารมณ์หึงหวง
“ไม่ครับ ปล่อยพีเดี๋ยวนี้”
“ไม่ปล่อย น้องพี วันนี้เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง กลับไปคุยกับพี่ที่ห้องให้รู้เรื่อง”
“พอเถอะครับ” เขากล่าวด้วยเสียงเหนื่อยหน่าย “พี่หยกทำไมใจแคบกับคุณแพรวอย่างนี้”
“กับแพรวพี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเค้าทำแบบนี้ แต่พี่ไม่ชอบที่เค้าให้ตาพจน์มาด้วยต่างหาก” ศิลาเค้นเสียง พยายามไม่ให้โมโหเมื่อพูดถึงตรงนี้
“ทำไมครับ”
“ก็พี่ไม่ชอบไงครับ” 
พีร์ได้ยินดังนั้นก็เข้าใจทันทีว่าคนรักหึงหวงเขา
“พี่หยกครับ พีดีใจนะครับที่พี่หยกเป็นห่วงพี” เขากล่าวอาย ๆ “อย่าคิดมากนะครับ ยังไงพีก็รักพี่หยกอยู่แล้ว นะครับ อย่าคิดมากเลยนะครับ” เขากล่าว
ศิลาได้ยินอย่างนั้นค่อยใจชื้นขึ้นมา จึงปรับน้ำเสียงให้เย็นลง และกล่าวอย่างรู้สึกผิดว่า
“พี่ขอโทษ”
“ครับ” พีร์รับคำด้วยความรู้สึกเข้าใจ
“อืม ป่ะ งั้นก็ไปกับพี่ได้แล้ว”
“ไปไหนครับ” พีร์ถาม
ศิลาตอบยิ้ม ๆ “ไม่บอก เดี๋ยวไม่เซอร์ไพรส์”
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 19-01-2010 15:52:23
คุณพี่ศิลา ควรรีบกลับไปจัดการ
กะเพื่อรักวัยเด็กอย่างรีบด่วนเลย   
:beat:  :beat: แสบจริงๆ
เป็นนักธุรกิจใหญ่ อ่านแผนตื้นๆ ไม่ออก ได้ไง
โชคดีนะที่แอบตามมา
น้องพีร์ก้อแสนดีตามเคย

หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 19-01-2010 17:45:03
คุณศิลารีบพาน้องพีร์ไปทำโทษ  อิอิ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 19-01-2010 21:38:34
คุณแพรวจะทำไรเนี่ย นางฟ้าจะลอกคราบเหรอ หรือไง 
ยังคง งง อย่างต่อเนื่อง  :really2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 19-01-2010 22:01:27
ตกลงคุณแพรวเป็นคนยังไงเนี่ย 
คิดทำอะไรอยู่เนี่ย ไม่นะ :serius2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Solar cell ที่ 21-01-2010 01:05:14

พี่หยกอย่ายอมให้ใครมาพรากน้องพีร์ไปได้เน้อ
รีบไปจัดการ :z6:ยัยนวลพรรณด่วน
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 26-01-2010 02:43:18
:call:  :call:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 26-01-2010 10:51:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Aon ที่ 26-01-2010 12:53:23
 :really2: 555+
 
ฮาดีอ่าเรื่องนี้ถึงตอนแรกๆจะดู

เศร้าๆไปบ้างก็เฮอะนะตัวเอง

มาต่อเร็วๆนะจ๊ะอยากรู้อ่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: iliili ที่ 26-01-2010 16:43:23
ต่อคับต่อๆๆๆๆๆ ภาคพิเศษ มาเร็วๆนะคับ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 26-01-2010 17:38:44
 :pig4:  ค่ะ  สำหรับเรื่องราวดีๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: pretty_prince ที่ 27-01-2010 22:52:47
 :call: :call: :call:เปงกำลังใจให้งับ
มาต่อเร็วเร็วละกันสนุกมากงับ
  o13 o13 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 28-01-2010 18:22:43
โอ้ ขอโทษนะคะที่มาต่อช้า เพราะว่าช่วงนี้ทำงานเป็นอาสาสมัครอ่ะค่ะ เลยไม่ได้แตะคอมฯเลย วันนี้มีเวลาว่างก็นำมาลงให้แล้วค่ะ

ขอบคุณทุก ๆๆ คนมากค่ะ

ตอนพิเศษ 3
“เป็นไงมั่งตาพจน์” ผู้เป็นพี่สาวถามศิริพจน์ขณะขับรถพาน้องชายไปส่งที่บ้าน
“อะไรเหรอครับพี่แพรว”
“ก็ น้องพีอ่ะ พจน์ว่าเค้าเป็นไงมั่ง”
ศิริพจน์ทำหน้านึกได้ แล้วมองหน้าพี่สาวอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม “ทำไมอ่ะพี่ พี่หมายความว่าไงอ่ะฮะ”
“ก็ ไม่ไงหรอก ก็เจอกันครั้งแรกไง พี่ก็เลยถามว่าเป็นไงมั่ง”
“ก็ดีหนิครับ...น่ารักดี” เขาตอบไป
“น่ารักเหรอ” นลพรรณทวนคำตอบน้องชายด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
“ก็พี่แพรวพาผมมาเจอเค้าเองหนิ จะจับคู่ให้ผมให้ไหมฮะ”
“ได้ไง เราเป็นผู้ชายนะ แล้วน้องพีก็เป็นผู้ชาย บ้าเหรอ พี่ก็แค่เห็นว่าน้องพีเค้าเป็นเด็กดี ถ้าเค้าเป็นเพื่อนกับเราพี่ก็คงดีหนิ”
“แค่นั้นจริงเหรอครับ” ศิริพจน์ถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้น
“อ่าว ตาพจน์นี่ ทำไมล่ะ ถ้าพี่จับคู่ให้เราเราจะว่าไง”
ศิริพจน์เงียบ ไม่ตอบอะไรพี่สาว ได้แต่หันไปมองนอกกระจกอย่างปลีกวิเวก
 หญิงสาวมาส่งน้องชายที่บ้านเสร็จก็รีบขับรถกลับบ้าน เมื่อถึงห้องนอนเธอก็พบกับศิลาที่ยืนมองหน้าเธออยู่คาดคั้น
“เป็นแม่สื่อให้ตาพจน์สนุกไหม” เขาถามอย่างเก็บอารมณ์ที่ปะทุอยู่ข้างใน
“หยก นี่คุณหมายความว่าไงคะ” หญิงสาวสงสัย
“วันนี้คุณนัดน้องพีไปทำไม แล้วทำไมต้องเอาตาพจน์ไปด้วย”
นลพรรณชะงัก ก่อนที่จะพูดอะไรไปมากกว่านั้น ศิลาก็ชิงพูดออกมาก่อน
“คุณจะทำอะไรกันแน่แพรว ทำไมคุณทำแบบนี้หะ!” เขาปราดเข้าไปจ้องหน้านลพรรณอย่างคาดคั้ด
“แพรวก็แค่อยากให้เค้ารู้จักกัน”
“แล้วไง แล้วตาพจน์จะได้แย่งน้องพีไปเหรอ”
“หยก ตาพจน์เค้าไม่ได้เป็นแบบคุณนะ” นลพรรณหมดความอดทน
“แล้วไง ก็อย่าให้เค้าเป็นสิ  นี่คุณคิดอะไรอยู่หะแพรว ผมไม่เข้าใจคุณจริง ๆ” เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“แพรวก็แค่อยากให้พจน์มีเพื่อนใหม่บ้าง แพรวเห็นน้องพีเค้าเป็นคนดี เลยน่าจะเป็นเพื่อนกับตาพจน์ได้ อีกอย่างนะ วันนี้แพรวก็อยากเจอน้องพีอยู่แล้วด้วย”
“ทีหลังไม่ต้อง!” ศิลาได้ยินอย่างนั้นจึงเกิดความโกรธขึ้นมาอีกครั้ง “คุณจะเจอ คุณก็เจอแค่คนเดียว ทีหลังไม่ต้องเอาใครมาด้วยทั้งนั้น”
 นลพรรณมองหน้าสามีอย่างขุ่นเคือง เธอแปลกใจที่เห็นศิลาออกอาการหึงหวงอย่างออกนอกหน้าเป็นครั้งแรก ไม่ใช่กับเธอแต่เป็นกับเด็กหนุ่มคนนั้น

“จับคู่เหรอ หึหึ” ศิริพจน์ยิ้มขำเมื่อนึกถึงเรื่องที่คุยกับพี่สาวเมื่อเย็น ถ้าหากนลพรรณทำอย่างนั้นจริง เขาก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะดีใจหรือเสียใจดี
  เมื่อนึกแล้วใบหน้าจิ้มลิ้มของร่างอวบที่เจอกันเมื่อเย็นก็ลอยเข้ามาในหัว เขายอมรับว่าไม่เคยสะดุดตาใครเท่านี้มาก่อนเลย
   แต่นี่เป็นผู้ชาย
  เขาเองก็ได้แต่มองหน้าฝ่ายนั้นตลอดเวลาที่คุยกัน เขารู้สึกเพลิดเพลินและมีความสุขเมื่อมองท่าทางสดใสจากชายหนุ่มคนนั้น
  “ก็ดีนะว่าไป หุหุ” เขานึกแล้วยิ้มออกมากับสิ่งที่ตัวเองคิด ก่อนจะล้มตัวนอน
พีร์มองดูตั๋วเครื่องบินในมืออย่างคิดหนัก  ศิลาเป็นคนมอบให้เขาเมื่อเย็นนี้ตอนที่ศิลาพาเขาไปชมวิวบนตึกใบหยก  โดยชายหนุ่มบอกว่า เขาอยากจะไปใช้เวลากับพีร์สองคนอย่างที่เขาอยากทำมานานแล้ว อาทิตย์หน้าเขาต้องไปติดต่องานพอดี เลยอยากจะพาหนุ่มน้อยไปด้วย
    เขารู้สึกลำบากใจที่ต้องทำให้คนรักทุ่มเทอะไรให้เยอะขนาดนี้
   แค่ศิลารักเขาอย่างนี้ เด็กหนุ่มก็พอใจแล้ว
   เอาเถอะ หวังว่าไปเที่ยวกันครั้งนี้มันก็คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรอีกละกัน เด็กหนุ่มภาวนา
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 28-01-2010 19:05:30
อ๊ะมาต่อเเล้ว

แต่ทิ้งไว้เหมือนจะไม่ค่อยดีเเฮะตอนหน้า


ม่ายยยยยยยย น้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 28-01-2010 19:27:28
เห็นเค้าลางพายุมาเเต่ไกลเลย


 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 28-01-2010 21:15:53
 :serius2:ลางร้ายมาแต่ไกลลลลลลลลลลลเลย สู้ๆๆๆๆๆผ่านไปไห้ได้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 28-01-2010 21:52:10
พี่ศิลากะน้องพีร์เข้มแข็งนะ
ไม่เห็นจะจัดการกะยัยตัวแสบเลย    :beat:
หวังว่าคงไม่มีโศกนาฎกรรมนะ writer   :z13:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 28-01-2010 21:58:45
อุปสรรคเริ่มมีให้เห็นลางๆ
เฮ้อๆ ลุ้นไปกับความรักของน้องพีร์ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 29-01-2010 11:45:41
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: mysunsa ที่ 29-01-2010 14:35:54
เวงกำ สับสนการกระทำแปลกๆวุ้ยๆ

 :m15:


 :angry2: ไม่นะ น้องยันพรงยัยแพรวไรนั่นอ่ะ อย่ามายุ่งกับน้องพีร์นะ  :angry2:

 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 09-04-2010 15:16:35
มาแล้วค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ พอดีว่าเป็นช่วงสอบพอดีเลยไม่มีเวลามาเขียนจริงจัง ตอนนี้กลับมาแล้วค่ะ ขอบคุณทุกคนนะคะสำหรับการติดตาม
ตอนพิเศษ จบ

“น้องพีๆๆ” ศิลาเรียกชื่อคนรักที่หลับอยู่เบา ๆเพราะอีกไม่นานก็จะถึงจุดหมายการเดินทางแล้ว
“ครับ” หนุ่มน้อยใต้กรอบแว่นสายตาพยายามปรับสายตามองคนข้าง ๆ
“ถึงฮ่องกงแล้วครับ” เขากระซิบเบา ๆ พร้อมกับลูบผมหนุ่มน้อยอย่างเอ็นดู ศิลาเองก็ยอมรับว่าตื่นเต้นพอสมควร ถึงนี่จะไม่ใช่การมาที่ฮ่องกงครั้งแรกของเขา แต่ก็เป็นครั้งแรกของเขาที่ได้มากับคนที่เขารัก
  หลังจากทั้งสองเข้าถึงที่พัก ซึ่งเป็นห้องพักส่วนตัวของศิลาที่เขาเองซื้อไว้สำหรับเวลามาทำธุระที่นี่ ศิลาอยากจะพาพีรไปเดินเที่ยวข้างนอกแต่พีร์ขอนอนต่ออีกสักครู่ เขาเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ได้แต่นอนโอบร่างคนรักไว้เหมือนเช่นเคย
   แค่อยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้เขาก็รู้สึกดีแล้ว ศิลาคิดอย่างนั้น
 จนถึงคล้อยบ่ายทั้งสองก็ได้พากันไปหาอะไรกินในตลาด ตลอดทางที่เดินด้วยกัน ศิลากุมมือหนุ่มน้อยตลอดทาง ถึงแม้คนบนถนนจะมากมาย แต่เขารู้สึกว่าในสายตาของเขามีแต่พีร์คนเดียวเท่านั้น
  ศิลาเพิ่งเข้าใจว่าอานุภาพของความรักมันมากมายอย่างนี้นี่เอง  
“พี่หยกครับคิดอะไรอยู่เหรอ” พีร์ถามชายคนรักที่กำลังมองวิวข้างนอก ขณะที่ทั้งสองอยู่บนกระเช้าเพื่อไปภูเขาพระใหญ่
“เปล่าครับ พี่ว่าวันนี้ฮ่องกงสวยดีนะ พี่ไม่เคยเห็นฮ่องกงในมุมแบบนี้มาก่อนเลย” ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ พร้อมกับลูบหน้าคนรักเบา ๆ ก่อนจะโอบพีร์จากข้างหลังอย่างรักใคร่
“หมายความว่าไงเหรอครับ”
“ก็หมายความว่า ปกติแล้วตรงนี้มันจะมีหมอกหนาบ่อย ๆ ไง แต่วันนี้แปลกนะ พอเราสองคนมา ท้องฟ้าสดใสมากเลย เห็นมั๊ย” ชายหนุ่มชี้ให้พีร์ที่ตอนนี้อยู่ในอ้อมอกเขาดู บรรยากาศข้างนอกที่สามารถเห็นทิวทัศน์ของทะเลและภูเขาอย่างชัดเจน
“สวยจังเลยนะครับ” พีร์อุทานออกมา แต่ศิลาจัดวางร่างของพีร์ให้หันมามองหน้าเขา พีร์เองก็หันมาตามความต้องการของตัวเองเช่นกัน
 สองร่างกอดกันอย่างอบอุ่น ก่อนที่ทั้งคู่จะมอบจูบอ่อนโยนให้กันและกันจนกระทั่งใกล้ถึงจุดหมาย ทั้งสองจึงเปลี่ยนเป็นจับมือกันลงมาจากกระเช้า
  คู่รักทั้งสองกราบไหว้พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ตั้งตระหง่านเหนือยอดเขาด้วยความศรัทธา ศิลาเองที่ตอนนี้ชิวิตเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนแล้ว แหงนมองพระพักตร์ของพระพุทธรูปอย่างขอความเมตตา ศิลาไม่ได้อธิฐานขออะไรมากมาย เพียงแต่เขาขอแค่กราบไหว้สิ่งที่เขาศรัทธาให้มีแรงไปสู้กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าก็เท่านั้น
  ศิลาหันมองคนข้าง ๆ ที่กำลังพนมมือและแหงนมองไปข้างบนเหมือนเขา ดวงตาคู่สวยนั้นฉายแววอ้อนวอน จนทำให้เขาเองอดใจหายไม่ได้ ที่มองเห็นสายตาแบบนั้นจากคนรัก
 เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าพีร์คิดอะไรอยู่...
  
   “น้องพี เมื่อตอนที่ไปไหว้พระ น้องพีอธิฐานอะไรกับท่านไปบ้างครับ” ศิลาถามคนรักที่นอนซบไออุ่นในวงแขนอย่างอ่อนแรงจากภารกิจรักเมื่อครู่นี้
“พี่หยกอยากรู้เหรอครับ”
“อืม ..พี่เห็นเรามองท่านนานหน่ะ เลยอยากรู้ว่าเราขออะไรไปมั่ง”
“อยากรู้จริง ๆเหรอครับ” พีร์ขยับตัวขึ้นมองหน้าศิลาก่อนจะบอกว่า “พีก็ขอให้ท่านเมตตาพีกับพี่หยกบ้างไงครับ”  
“น้องพี…” เขาพลางลูบหน้าคนรักอย่างปลอบโยน
“พีรู้นะครับว่าสิ่งที่เราทำมันมีความสุข แต่มันก็ไม่ถูกนัก”
ศิลาได้ยินดังนั้น พลันตอบไปว่า “เลิกพูดถึงคำว่า ผิดถูกเถอะครับ” เขาพูดต่อ “ชีวิตพี่ถูกคนอื่นเลือกให้มาเยอะแล้ว น้องพีเป็นคนแรกที่ทำให้พี่รู้ว่า พี่ก็มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรเพื่อตัวเองเหมือนกัน นั่นก็คือการเลือกที่จะมีคนรัก”
พีร์สลดลงเมื่อได้ยินดังนั้น เขารู้ตัวว่าทำให้คนรักรู้สึกแย่ จึงกอดชายหนุ่มอย่างขอโทษ ศิลาเองก็เหมือนจะรู้ว่าพีร์ต้องการจะสื่ออะไร จึงกอดหนุ่มน้อยตอบเช่นกัน
“พี่อยากให้น้องพีจำไว้นะครับว่า น้องพีเป็นคนที่พี่รัก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่าทิ้งพี่ไปนะครับ”
“ครับ” พีร์รับคำพร้อมมองหน้าคนรักอย่างให้ใจ
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น “เรา” จะมีกันและกัน...เขาคิดอย่างนั้น

http://www.youtube.com/v/TGHcHbUxCRs?fs

จบตอนพิเศษแล้วค่ะ ว่าแต่อยากให้มีภาคต่อกันไหมคะ (อันนนี้มาถามความคิดเห็นผู้อ่านนึดนึง) รบกวนช่วยลงความเห็นกันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 09-04-2010 15:57:52
ขอบคุณที่กลับมาอัพ
นายศิลาควรเคลียร์
กะสองพี่น้องให้ชัดเจน
มันค้างคาแปลกๆ
อย่ารอจนเป็นเรื่อง
อยากอ่าน ขออย่าเศร้าเป็นพอ
+1 เป็นกำลังใจ  :L2:

หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 09-04-2010 16:15:40
พึ่งจะได้เข้ามาอ่าน คร๊า~!!!!~  >,,,,,<  อยากบอกว่าน่ารักมากมาย
 
แต่เห็นตอนพิเศษแล้ว ชักกลัวว่า การที่ คุณศิลา ไป โมโหใส่คุณแพรวขนาดนั้น จะทำให้คุณแพรวที่แสนดีเปลี่ยนไปรึป่าว
 
แล้ว ตาพจน์นี่จะมีบทบาทมากอีกแค่ไหน สงสัย จะไม่สั้นแล้ว มั๊งค่ะ  เอิ๊กๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 09-04-2010 20:33:18
อยากอ่านอีก แต่ขอแบบไม่เศร้าๆนะค่ะ :call:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 10-04-2010 00:05:31
เห็นด้วยกับ รีบน ค่า
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 11-04-2010 13:49:08
ภาคต่อมาแล้วค่ะ ขอต่อในกระทู้นี้เลยนะคะ

ภาคต่อ ตอนที่1
   การทำงานของศิลาที่ฮ่องกงผ่านพ้นไปด้วยดี การติดต่องานในครั้งนี้ไม่มีใครรู้ว่าเขาพาพีร์มาด้วย เพราะเขาชิงมาล่วงหน้าก่อนบรรดาทีมงาน 2 วัน เพื่อที่จะมีเวลาอยู่กับพีร์อย่างเป็นส่วนตัว และใช้เวลาอยู่ต่อหลังเลิกงานเสร็จแล้ว
   ศิลาไม่กลัวพวกหูตาสัปปะรดจากเมืองไทย เพราะตั๋วเครื่องบินของทีมงานทั้งหมดเขาเป็นคนจัดการ ดังนั้น วันที่ไปและวันที่กลับของทีมงานเขาเป็นคนกำหนดทั้งสิ้น และเขาก็รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้างกับตารางเวลาเหล่านั้น
  และเมื่อทีมงานทุกคนกลับไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่เขารอคอยอีกครั้ง คือการได้กลับมาอยู่กับพีร์สองคน สองวันแล้วที่เขาทิ้งให้พีร์ต้องอยู่คนเดียว เพราะเขาต้องปลีกตัวเองมาอยู่ที่โรงแรมกับพวกพนักงาน เพื่อความเป็นปกติเหมือนทุกครั้ง เขาทำได้เพียงแต่โทรหาและส่งข้อความในยามว่างและก่อนนอนเท่านั้น แต่ในใจก็นึกเป็นห่วงพีร์อยู่เหมือนกัน แต่เขาก็ต้องทำงานให้เสร็จก่อนถึงจะสามารถทำตามที่ใจเรียกร้องได้
  หลังจากแน่ใจว่าทีมงานกลับหมดแล้ว เขาก็รีบกลับบ้านที่มีคนรักรออยู่ ศิลากะว่าจะกลับไปกินข้าวเย็นฝีมือพีร์ ช่วยหนุ่มน้อยล้างจานและก็ดูรายการทีวีด้วยกันเหมือนคู่รักทั่วไป เขาอมยิ้มเมื่อนึกถึงตรงนี้
 เมื่อถึงที่หมายแล้วก็ไม่รอช้าที่จะเข้าบ้าน เขารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเคาะประตูบ้านก็เป็นไปตามคาดที่หนุ่มน้อยของเขาส่งยิ้มสดใสออกมาต้อนรับ เขาไม่รอช้าที่จะสวมกอดร่างอวบให้หายคิดถึง พีร์เองก็กอดตอบคนรักเช่นกัน ศิลาเองละจากอ้อมกอดก่อนจะหอมเบา ๆ ที่หน้าฝากพีร์
“น้องพีเป็นไง อยู่คนเดียวเหงาไหม”  เขาถามพลางลูบหน้าลูบตาหนุ่มน้อย
พีร์พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะสวมกอดศิลาอย่างคิดถึง
“หืม...เชื่อแล้วว่าคิดถึงพี่จริง ๆ” ศิลายิ้มขำ “หืม ว่าไง วันนี้ทำอะไรให้พี่กินมั่งเนี่ยะ”
“วันนี้พีทำปูนึ่งที่พี่หยกชอบไว้ด้วยหล่ะ และก็ ปลาหิมะนึ่งซีอิ๊ว นี่กะจะทำผัดผักอีกอย่างหน่ะครับ”

“สองอย่างก็พอมั๊งครับน้องพี” แล้ว ศิลาก็ก้มลงกระชิบเบา ๆ บอกกับหนุ่มน้อยด้วยสายตากรุ้มกริ่มว่า
“กินมากเดี๋ยวจุก...ทำอย่างอื่นต่อไม่ได้นะ”
“พี่หยกอ่า....” พีร์เขินจนหน้าแดง พร้อมกับเขย่าที่แขนของคนรักอย่างเสียไม่ได้
“ฮ่ะ ๆๆๆ” ศิลาหัวเราะร่า

   ร่างของพีร์และศิลาเกี่ยวกระหวัดรัดแน่นเหมือนเกลียวเชือก ศิลาโลมไล้ร่างอวบด้วยความสิเน่หา เขาระดมจูบไปทั่วใบหน้าอย่างกระหายในรสรัก ชีพจรของพีร์เองก็เต้นระรัวไปกับการตอบรับของชายคนรัก เสียงใสครางแผ่วออกมาอย่างสุดจะกลั้น
  หลากลีลารักที่ความต้องการชักนำให้ทั้งสองหลอมรวมกันเป็นคนเดียวทยอยออกมาจากความต้องการเบื้องลึกของทั้งสอง เป็นเวลาเนิ่นนานที่จังหวะรักนำพาคู่รักให้พลิ้วไหวไปตามท่วงทำนอง ศิลาและพีร์ต่างเรียกชื่อกันและกันไม่ขาดปาก จนเมื่อถึงจุดหมายของภารกิจรัก ร่างกายของทั้งสองสะดุ้งเฮือกจากการปลดปล่อย ทั้งสองรับรู้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นรัวของคนรักจากร่างกายที่แนบแน่นจนจะหลอมรวม
  ศิลาก้มมองดวงหน้าไร้เสียงสาที่ฉายแววเหนื่อยอ่อนของพีร์อย่างมีความสุข เขาลูบหน้าโทรมเหงื่อนั้นไปทั่ว ก่อนจะจุมพิตที่ริมฝีปากสวยอย่างดูดดื่ม มือของทั้งสองยังคงยึดกันแน่นไม่คลายจากเมื่อครู่นี้เช่นเดียวกับแก่นกายที่ยังคงอยู่ที่เดิม นานเนิ่นกว่าเขาจะละริมฝีปากออกจากคนรัก ก่อนจะกกกอดร่างอวบอย่างหวงแหน
   “พี่หยกครับ รู้ไหมว่าเราทำกันนานแค่ไหน” หนุ่มน้อยถามร่างสูงที่แสดงความเป็นเจ้าของอยู่
“หืมมม์..” ศิลาแหงนมองดูนาฬิกาที่หัวเตียง ก็พบว่านี่ก็เกือบจะห้าทุ่มแล้ว เขากับพีร์เข้านอนตอนสามทุ่ม แสดงว่าเขา....
“แล้วไม่ดีเหรอครับหึ ที่เราทำกันนานอ่ะ...หึหึ” ศิลาหัวเราะในลำคอพลางลูบหัวคนรักอย่างเอ็นดู
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรหนิครับ” พีร์เริ่มเขิน จึงพูดตัดบทไปดื้อ ๆ  
  ศิลาเห็นคนรักเขินเลยไม่ต่อความยาว เขาพลันนึกประหลาดใจในความต้องการพีร์ของตัวเองอยู่เหมือนกัน วัยขนาดเขานี้ ความต้องการตามธรรมชาติน่าจะลดลงได้แล้ว เขานึกถึงตอนที่คุยกับกลุ่มเพื่อนสนิทในเรื่องนี้ยามเจอหน้า เพื่อน ๆ ของเขาทุกคนต่างมีปัญหาความต้องการถดถอย เขาเองก็ได้แต่เออออ เพราะคิดว่าตนเองก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน เพราะหลังจากมีลูกคนที่สอง เขาเองก็รู้สึกไม่อยากจะทำอะไรแบบนั้นอีกต่อไป
 เหมือนที่ผ่านมา มันเป็นแค่หน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ว่าหลังแต่งงานแล้ว ต้องมีลูกสักสองคน
 ซึ่งเขาก็ทำไปแล้ว
    ศิลาเองก็เพิ่งค้นพบว่าความต้องการที่ตอนแรกเขาเข้าใจว่าถดถอยนั้น อันที่จริงเขาไม่ได้ใช้มันออกมาตามวัยที่ผ่านมาเลย แต่พอพบกับพีร์ เมื่อเขากับพีร์เป็นของกันและกัน เขากลับมีความต้องการมากมายในตัวคนรัก ไม่ว่าจะในทางใดก็ตาม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางกายแล้ว เขาไม่เคยรู้สึกพอกับความต้องการในตัวคนรักต่างวัยเลยแม้แต่น้อย

“มาบ้ากามเอาตอนแก่เนี่ยนะเรา..หึหึ” เขายิ้มเขากับความคิดตัวเอง เพราะในบางครั้งแค่เห็นหน้าพีร์เขาก็มีความคิดใน “เรื่องอย่างว่า”  ลอยมาในหัวอย่างฉับพลัน จนบางครั้งเขาเองก็แทบทนไม่ได้เหมือนกันที่ไม่ได้อยู่กับคนรักอย่างที่เขาต้องการ
  ศิลาค่อย ๆ ถอนร่างออกมาจากพีร์เพื่อยั่วยวนคนรัก พีร์นั้นครางเสียงแผ่วออกมา ขาทั้งสองของหนุ่มน้อยหนีบคนรักแน่นไม่อยากให้ไปไหน ศิลาเองก็รับรู้ความต้องการนั้นเช่นกัน
“พี่จะต่อโดยไม่ต้องถอนล่ะนะ” เขากระซิบข้างหู หนุ่มน้อยข้างล่างก็พยักหน้ารับอย่างเต็มใจเช่นกัน
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 11-04-2010 14:40:25
 :m25:
แต่ค้างงงงง
writer รีบมาต่อนะ

+1 เป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ANUNTAYA ที่ 11-04-2010 16:55:34
 :-[ :-[ :-[ :-[


 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[





บอกได้คำเดียวว่า  ค้าง...............................


สอบได้เกรดเยอะป่ะครับ  ไร้เตอร์   ผมเกรดพุ่งมาเลยเทอมเนี้ย



พุ่งลง T_T
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 11-04-2010 17:35:16
แบบว่า...ตอนพิเศษ ค้างอ่ะครับ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 11-04-2010 18:15:28
ขอกรี๊ดดังๆๆๆๆ เพิ่งรู้ว่ามีตอนพิเศษแล้วก็ภาคต่อด้วย เย้ๆๆ :mc4: ดีใจมากมาย นี่เหมือนเป็นช่วงเวลาที่พีร์กับพี่หยกมีความสุขในแบบคนรัก แต่ก็งงกับกาพกระทำของคุณแพรวอ่ะตกลงจะจับคู่น้องพีร์ให้พจน์ใช่มั้ยเนี่ย ดูพจน์ก็สนใจพีร์มากด้วย ท่าจะมีเรื่องยุ่งๆๆอีกแล้วสิ 

รออ่านต่อนะจ๊ะ มาไวๆเน้อ o13
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 12-04-2010 14:14:27
ภาคต่อ ตอนที่ 2
 “น้องพี เป็นไง ไหวไหม” ศิลาถามคนรักที่เขาประคองเดินมาด้วยกันขณะไปหาอะไรกินในย่าน ครอสเวย์เบย์  เขาเองเป็นห่วงหนุ่มน้อยที่จะมีอาการบาดเจ็บจากการผ่านสมรภูมิรักเมื่อคืน
 ศิลาก็งงตัวเองเช่นกันว่าไปเอาแรงมาจากไหนเยอะ เพราะกว่าจะหมดแรงจริง ๆ ก็ปาเข้าไปเกือบตี2
“ไหวครับพี่หยก ไม่ต้องเป็นห่วง” พีร์ตอบคนรักให้ไม่ต้องเป็นห่วงมากมาย ขณะประคองการเดินของตัวเองให้เข้าที่ เขามีอาการแปลบปร่าอยู่บ้างเวลาย่างก้าว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับร่างกายของผู้ชายที่ต้านทานและปรับสภาพ
  เขามองศิลาอย่างขัดใจเล็ก ๆ “พีไม่ใช่ผู้หญิงซะหน่อย ไม่ต้องห่วงพีขนาดนี้ก็ได้”
“น้องพี เราหน่ะเหมือนคนอื่นที่ไหนล่ะ ตัวเราหน่ะช้ำง่ายจะตาย” ศิลาว่าให้ “อีกอย่าง เมื่อคืนเราก็ไม่ได้นอนเฉย ๆ กันนะ” เขาสัพยอกคนรักที่กำลังงอน
“ไม่ต้องพูดมากก็ได้ครับว่าทำอะไรมา” พีร์ตอบกลับ “พีรู้แล้วครับว่าเป็นห่วง แต่พีก็ดูแลตัวเองได้นะ”
“โอเค ๆ พี่เชื่อ” ศิลาทำหน้าเหมือนจะทำอะไรบางอย่าง “งั้นก็วิ่งให้ทันพี่ละกันนะ” เขาฉวยหมวกแบเร่ต์ที่พีร์สวมอยู่วิ่งไกลออกไป พีร์เองก็ตกใจแต่ก็วิ่งไล่คนรักอย่างสนุกสนานเช่นกัน จนศิลาหยุดรอและสวมหมวกนั้นคืนให้พีร์ แล้วพาคนรักไปร้านบะหมีสำหรับอาหารมื้อแรกของวันนี้ เขาโอบเอวร่างอวบเพื่อจะเดินไป แต่ทันใดนั้น
“อ้าว!หยก” เสียงห้าวๆเป็นภาษาไทยดังขึ้นมาจากทางขวามือไม่ไกลคนทั้งสอง ปรากฎร่างสูงขาวของพลกฤษณ์ ในชุดเสื้อยืดขาวกับกางเกงขาเดฟสีดำธรรมดา แต่ทว่าสะดุดตา หน้าหล่อเหลานั้นทักทายศิลาที่กำลังโอบเอวพีร์
“แจ๊ค..” ศิลาอุทานดังนั้นก็ตกใจว่าไม่คิดจะเจอเพื่อนเก่าได้ที่นี่ เขาละจากพีร์เพื่อไปหาชายหนุ่มคนดังกล่าวที่รอคุยกับเขาอยู่
“มาไงวะเนี่ยะ” พลกฤษณ์ถามไถ่
“อ๋อ..มาทำงานหน่ะ” เขาตอบเก้อ ๆ พลางเหลือบไปมองคนข้างหลัง พีร์เองเหมือนรู้แกวเลยทำเป็นหันหลังให้คนทั้งสอง
“แน่ใจเหรอวะ”
“เออสิ ใครจะเป็นฮ่องกงนีสอย่างแกล่ะวะ” เขาแซวเพื่อนที่มีเชื้อสายเป็นชาวจีนฮ่องกง
“เปล่า ชั้นก็ถามไป..ว่าแต่ นั่นใครวะ?” พลกฤษณ์มองไปยังพีร์ที่ทำเป็นไม่ได้มาด้วยกัน
“ใครวะ?”  ศิลาลุ้นว่าเพื่อนตนหมายถึงใคร
“ก็น้องคนนั้นไง” พลกฤษณ์พยักเพยิดให้ดูข้างหลัง
“คนไหนวะ”
“แกเดินมากับใครล่ะเมื่อกี๊ อย่าบอกนะว่า คนที่เดินโอบมาเมื่อกี๊ เป็นไก่ที่แกหิ้วมาได้..”
ศิลารู้ว่าพลกฤษณ์หมายถึงใครและเปรียบเทียบเป็นอะไรก็เริ่มขุ่นลง
“บ้าเหรอ ไก่อะไร นั่นน้องที่บริษัท”
“เหรอ...” พลกฤษณ์ทำหน้าเออออ “แล้วนี่แกจะไปไหนวะ” เขาเปลี่ยนเรื่องถามศิลา
“อ่อ จะไปกินบะหมี่หน่ะ”
“เฮ้ยยย จิงดิ ชั้นก็จะไปกินบะหมี่พอดีเลย” ศิลาทำหน้าไม่ถูก เมื่อได้ยินดังนั้น
“งั้นก็ไปด้วยกันเลยหยก มื้อนี้ชั้นเลี้ยงเอง ชวนน้องคนนั้นมาด้วย” พลกฤษณ์ชักชวน
“อืม ๆ งั้นก็ได้ เดี๋ยวรอแปบนึงนะ” ศิลาขอตัวไปเรียกพีร์ที่เดินทางออกไปก่อน
  พลกฤษณ์มองตามเพื่อนไป เพื่อสังเกตว่าเขาคุยอะไรกับเด็กคนนั้น พลกฤษณ์คิดว่าศิลากับหนุ่มน้อยคนนั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์กันแค่เจ้านายกับลูกน้องอย่างแน่นอน เขาทันเห็นศิลาสวมหมวกให้เด็กคนนั้นพร้อมกับโอบเอวเดินมาด้วยกัน
“มีอะไรเหรอครับพี่หยก” พีร์ถามคนรักที่ทำหน้ากังวลเดินมาหา
“คือ น้องพี มื้อนี้มีเพื่อนพี่ชวนพวกเราไปกินข้าวด้วยหน่ะ”
“เพื่อนพี่..ใครเหรอครับ”
“ขวามือ เสื้อขาว เจาะหูซ้ายครับ” เขาพูดเกรง ๆ “น้องพีรู้จักเค้าใช่ไหม” ศิลาถามอย่างหวาดหวั่น เพราะพลกฤษณ์เป็นหนุ่มไฮโซชื่อดังที่ใคร ๆ ก็เรียกว่า
“แจ๊ค....เก้งตัวพ่อ” พีร์อุทานเบา ๆ ด้วยความตกใจว่าไม่คิดจะได้เจอคนดังที่นี่
พลกฤษณ์  หรือ Jack Wong ไฮโซรูปหล่อที่มีภาพลักษณ์เป็นเกย์หนุ่มเจ้าชู้ จากข่าวนักธุรกิจนำเข้ารถหรูลูกครึ่งฮ่องกงกับบรรดาดาราหนุ่มหน้าหวานที่สื่อบันเทิงตีพิมพ์อย่างโจ่งแจ้ง ทำให้เขาเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในฉายาที่สื่อมวลชนขนานนามเขาว่า “เก้งตัวพ่อ” ด้วยพฤติกรรมที่เปิดเผยความเป็นเกย์ของตัวเองต่อสังคม บวกกับความหล่อเหลาและฐานะที่หรูเลิศ ยิ่งทำให้ชีวิตรักของพลกฤษณ์มันช่างร้อนแรงเต็มไปด้วยสีสันจากคู่ขาหนุ่มที่มาจากหลายวงการ ทั้งดารานักร้อง,นายแบบ,ไฮโซด้วยกันแม้กระทั่งนักศึกษาน้อยใหญ่ ถ้าได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “เด็กคุณแจ๊ค” แล้วละก็ มักจะทำให้เพื่อนฝูงอิจฉาตาร้อนไปนานเลยทีเดียว
“แจ๊คเป็นเพื่อนสมัยมัทยมของพี่หน่ะ” เขาพูดถึงวัยเด็กของเขากับพลกฤษณ์ที่โรงเรียนชายล้วนชื่อดัง เขานึกถึงวัยเด็กและวัยรุ่นที่พลกฤษณ์เป็นขวัญใจของเด็กหนุ่มในโรงเรียน และดูเหมือนเจ้าตัวจะชอบที่เป็นอย่างนั้นซะด้วย
“ครับ”
“น้องพีโอเคนะ” เขาถามอย่างหวงแหน
“ครับ..พี่หยกเองล่ะ อย่าหึงพีจนออกนอกหน้าละกัน” เขายิ้มให้ร่างสูงที่ฉายความหึงหวงออกมา ศิลายิ้มให้ก่อนจะพากันไปหาพลกฤษณ์ที่ยืนคอย
“แจ๊ค นี่ น้องพี” พีร์ยกมือไหว้ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างสุภาพ พลกฤษณ์ก็รับไหวพีร์เช่นกัน
“อ่าวแล้วไม่แนะนำชั้นให้น้องเค้ารู้จักหน่อยเหรอ” พลกฤษณ์แซวเพื่อน
“ไม่ต้องมั๊ง แกดังซะขนาดนี้ ใคร ๆ ก็รู้จักแกอยู่แล้วหนิ”
“ครับ ๆๆ คุณศิลา” ชายหนุ่มหัวเราะเพื่อนที่แซวตัวเอง ก่อนจะพากันเดินไปร้านบะหมี่ที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่นัก

“อ่ะ น้องพีสั่งได้เลยนะครับ มื้อนี้ไอ้แจ๊คเป็นเจ้ามือ” ศิลากล่าวกับพีร์ที่กำลังดูเมนูอยู่ โดยพวกเขานั่งโต๊ะอาหารทรงสี่เหลี่ยม ศิลานั่งข้าง ๆ พีร์ และพลกฤษณ์นั่งด้านตรงกันข้าม
“เอางี้ ชั้นสั่งของว่างมากินก่อนละกัน” พลกฤษณ์กล่าวยิ้ม ๆ ก่อนจะเรียกพนักงานมาสั่งอาหาร พีร์ตกใจเมื่อเห็นพลกฤษณ์พูดคุยกับพนักงานเป็นภาษาจีนกวางตุ้งอย่างคล่องแคล้ว พลกฤษณ์รู้ตัวว่ามีคนมองจึงตัดบทกับพนักงาน และหันมามองพีร์ด้วยสายตาเป็นมิตรแนวหยั่งเชิงตามประสาคนเจ้าชู้
  พีร์เองก็ไม่ชอบสายตาแบบนั้น จึงเชิดใส่อย่างไม่สนใจพร้อมกับดูเมนูต่อ แต่พลกฤษณ์ไม่ถือสาอาการแบบนั้นของเด็กหนุ่ม แต่กลับยิ้มชอบใจ
 “น้องครับ น้องชื่ออะไรนะครับ เอ่อ น้องพีใช่ไหม” พลกฤษณ์ถาม
ศิลามองหน้าพลกฤษณ์อย่างประหลาดใจ พีร์ก็เช่นกัน แต่ก็ตอบไปว่า
“ครับ”
“น้องพีทำงานอะไรเหรอครับ”
“ถามทำไมวะ” ศิลาถามแทน เพราะรู้ว่าพลกฤษณ์ถามไปเพื่อหยั่งเชิง
“เปล่า...เห็นน้องเค้าอายุยังน้อยหน่ะ ก็ถามดู” หันไปก็พบอาหารยกมาพอดี
“อืม มาพอดีเลย” พลกฤษณ์อุทาน “นี่ ๆ ลูกชิ้นกุ้ง อร่อยมาก ๆ นี่ติ่มซำกับซาลาเปานะ ลองกินดู” เขาพูดพลางแจกจ่ายเข่งอาหารไปให้คนทั้งสอง “อ่ะนี่ กินเลย”
พีร์เองที่ร่างกายอ่อนล้าตกค้างจากภารกิจรักเมื่อคืน บวกกับเจออากาศที่หนาวชื้นแบบฮ่องกง และเจอไอร้อนจากอาหารลอยเข้าจมูก ทำให้เขาเริ่มปรับตัวไม่ได้ทัน จึงมีอาการหน้ามืดเล็กน้อย มือที่จับตะเกียบอ่อนลง ศิลาสังเกตได้จึงหยิบตะเกียบออกจากมือคนรัก และหยิบยาดมในกระเป๋าเสื้อพีร์ออกมาให้เจ้าตัวสูดดม พร้อมกับลูบหน้าลูบตาอย่างเป็นห่วง
“น้องพี เป็นอะไรไป” ศิลาถาม
“เวียนหัวนิดหน่อยครับ”
“ดื่มน้ำนะ” เขาหยิบแก้วน้ำแล้วจ่อหลอดดูดที่ปาก แล้ววนยาดมไปรอบ ๆ ปลายจมูกโด่งของหนุ่มน้อย “อ่ะ สูดหายใจลึกๆ”
“โอเคครับ พีโอเคแล้ว” เขาขยับตัวไล่ความล้าก่อนจะตั้งสติ
ศิลามองตามอย่างเป็นห่วง แต่พอนึกได้ว่ามีพลกฤษณ์นั่งอยู่ด้วยก็ตกใจ แต่ก็โล่งใจเพราะหันมาก็พบว่ารายนั้นไม่ได้อยู่แถวนี้แล้ว เมื่อหันไปทางซ้ายมือก็พบเจ้าตัวเดินมา
“อ่าวไปไหนมาวะ”
“อ่อ ไปสั่งอาหารกลับบ้านเพิ่มหน่ะ เมื่อกี๊ม้า BB มาบอกว่าให้ซื้อกลับบ้านไปด้วย เดี๋ยวมีญาติมาหน่ะ”
“เหรอ” ศิลามองอย่างโล่งใจ
“มีไรเหรอวะ”
“เปล่า ๆ เห็นหายไปแล้วใครจะจ่ายวะ ฮ่ะ ๆๆๆ”
“เออ ๆ โทษที มากินกัน”
กินไปได้สักพักพีร์ก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ที่โต๊ะจึงเหลือแต่ศิลากับพลกฤษณ์สองคน
“ไอ้หยก...น้องพีเนี่ยะ เค้าเป็นเกย์ป่ะวะ” คำถามนี้ทำเอาศิลาตกใจเป็นอย่างมาก
“เอ่อออ อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าแต่มีอะไรเหรอวะ” ศิลาตอบเรียบ ๆ
“เหรอ..แล้วแกพอจะรู้ไหมว่าเค้ามีแฟนหรือยัง”
“เฮ้ย อันนี้ไม่รู้ใหญ่เลยว่ะ”
“อืม...” พลกฤษณ์พยักหน้ารับรู้

   “อืม แจ็ค วันนี้ขอบใจนะเว้ยที่เลี้ยงข้าวชั้นกับน้องพี” ศิลาขอบใจเพื่อนก่อนแยกย้าย พร้อมจับมือและตบไหล่เป็นการอำลา
“ไม่เป็นไร ๆ”  พลกฤษณ์ตอบ และเข้าไปกระซิบข้างหูศิลาว่า
“เพลา ๆ มือกับน้องพีเค้าบ้างนะเว้ย วันนี้น้องเค้าช้ำหมดแล้ว” พร้อมยิ้มให้อย่างคนที่มีประสบการณ์มากกว่า
ศิลามองหน้าเพื่อนอย่างคาดไม่ถึง พลกฤษณ์ไม่รอช้าที่จะสมทบไปว่า “อาการแบบนี้ กลับไปให้กินน้ำใบบัวบกเยอะ ๆ นะ”
 พลกฤษณ์มองเห็นท่าเดินของพีร์แล้ว ก็ดูไม่ยากว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับคนทั้งสอง โดยเฉพาะหนุ่มน้อยที่ บ่งบอกว่าผ่านศึกหนักมา ยิ่งเห็นตอนที่พีร์หน้ามืดนั้น ก็ยิ่งแน่ชัดเลยว่า เพื่อนของเขาและน้องพีร์สำลักความสุขมากเพียงใด
“อืม ขอบใจนะแจ๊ค” เขากระซิบกลับ
“อืม ไม่เป็นไร ถนอม ๆ น้องเขาหน่อยละกัน ชั้นรู้ว่าแกฟิต ฮ่ะ ๆๆๆ”
“เออ ๆๆ เจอกันใหม่นะ”
“โอเค บาย” พลกฤษณ์ขอตัวไปก่อน พีร์ยกมือไหว้ฝ่ายนั้นอีกครั้ง พลกฤษณ์เองก็รับไหว้ยิ้ม ๆ ก่อนจะไป
“พี่หยกครับ เมื่อกี๊คุณแจ๊คเค้าว่าอะไรเหรอ” พีร์ถาม เพราะเห็นจากแววตาเจ้าเล่ห์ที่เขาไม่ชอบคู่นั้นแล้ว ทำให้ไม่ไว้ใจ
“อ่อ ไม่มีอะไรครับ แซวกันตามประสาเพื่อนหน่ะ”
“ครับ”
ศิลาตอบเรียบ ๆ แต่ในใจก็คิดว่า “ไอ้แจ๊คนี่มันร้ายจริง ๆ” แล้วอดขันเพื่อนตัวเองไม่ได้


ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์,โหวตและกำลังใจค่ะ
@K'ANUNTAYA เกรดเท่าเดิมค่ะไม่ขึ้นไม่ลง หุหุ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: kikilalakik ที่ 12-04-2010 14:33:22
 :z13:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 12-04-2010 15:35:38
อยากรู้ความคิดคุณแพรวอ่ะครับ
ช่วยเขียน ความคิดคุณแพรวให้หน่อยสิครับ

ว่าเค้าคิดยังไงบ้าง  สงสัย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 12-04-2010 17:48:50
คุณศิลาจะฟิตไปไหนเนี่ย.....น้องพีอาจช้ำในตายได้ หุหุ

หลังจากความสุขผ่านไป เหมือนมีเค้าความทุกข์ตามมาติดๆเลย (คงไม่เป็นอย่างนั้นนะ)

รออ่านต่อจ้า o13
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 12-04-2010 22:46:58
ใจเย็นค่ะคุงพี่หยก น้องพีช้ำกันพอดี นะ  :z1:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 12-04-2010 23:01:36
 :m25: o13
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ash ที่ 14-04-2010 12:28:07
สนุกมากเลยค่ะ
พึ่งมาอ่าน ไม่น่าพลาดเลยเรื่องนี้
รออ่านแบบพิเศษต่อไป :L1:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 16-04-2010 14:53:25
ภาคต่อ ตอนที่ 3
“คุณแจ๊คคะ โทรศัพท์จากเมืองไทยค่ะ” แม่บ้านวัยกลางคนถือโทรศัพท์ไร้สายมาให้ชายหนุ่มที่นั่งจิบไวน์อยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่น
“ขอบคุณ” เขาตอบรับแม่บ้านและกรอกเสียงลงไป “ฮัลโหล”
“ฮัลโหล พี่แจ๊คเหรอครับ...” เสียงออดอ้อนจากปลายสาย คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากชิกิ หนุ่มน้อยคู่ขาของเขานั้นเอง
“ครับ ว่าไงเบ่บี๊...” เขามักแทนฝ่ายตรงข้ามว่าอย่างนั้น
“ป่าปี๊...ไปฮ่องกงทำไมไม่ชวนเค้าไปด้วย” ปลายสายกระเง้ากระงอด
“อ่อ ไปแค่สองวันเองนะ” เขาพูดเรียบ ๆ เพราะปกติแล้วเขาก็ไม่เคยพาใครเข้าบ้านอยู่แล้ว ไม่ว่าจะสนิทชิดเชื้อหรือถูกใจแค่ไหนก็ตาม
“เหรอ งั้น กลับเมืองไทยเมื่อไหร่อย่าลืมโทรหาเค้านะ”
“อืม จ้ะ”
“แล้วอยู่ฮ่องกงเนี่ยะ เจอใครน่ารัก ๆ มั่งไหม” ปลายสายถามมา
“ก็...” พลกฤษณ์เว้นวรรค แต่ก็พูดออกไปว่า “ไม่มีหรอก เจอแต่คนอ้วน ๆ หน่ะ ท่าทางไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ด้วย”  เขาตอบไปด้วยนึกถึงคนที่เพิ่งเจอเมื่อตอนกลางวัน
“เหรอ คนฮ่องกงนี่น่าอิจฉาเนอะ คงจะมีอะไรอร่อย ๆ เลยกินจนอ้วน”
“ฮ่ะ ๆๆๆๆ”
“คิดถึงป่ะปี๊นะ” ปลายสายออดอ้อน
“ค๊าบบ คิดถึงเบ่บี๊เช่นกัน” แล้วเขาก็วางสายไป
 ชิกิเป็นหนุ่มน้อยลูกครึ่งญี่ปุ่นที่เขากำลังคบหาอยู่ แต่ก็แน่นอนล่ะ ไม่ได้มีแค่หนุ่มน้อยคนนี้คนเดียว และชิกิเองก็ไม่ได้มีเขาแค่คนเดียวเช่นกัน
  เหมือนทั้งสองมองความสัมพันธ์แบบนี้เป็นเหมือนอาหาร ที่แต่ละคนที่คบหาอยู่นั้นเหมือนเป็นอาหารหลากรส แต่ตัวเองนั้น ย่อมมีอาหารที่เป็นจานโปรดก็แน่นอนว่าก็ต้องพึงพอใจมากเป็นพิเศษ
แต่จะให้กินซ้ำ ๆ กันทุกวันก็เบื่อกันพอดี มันก็ต้องเปลี่ยนไปกินอย่างอื่นบ้าง ชีวิตจะได้มีสีสัน
ก็อย่างนี้หล่ะ ชีวิตและความสัมพันธ์ที่ไม่มีพันธะของ “ผู้ชายที่เลือกได้”
  เขาขยับแก้วไวน์แล้วกรุ่นคิดถึงศิลา ที่เขาเพิ่งพบว่าเพื่อนเขาคนนี้ก็มีรสนิยมแบบเขาเหมือนกัน เขาไม่เคยนึกมาก่อนว่า ผู้ชายที่ดูจริงจังและเคร่งครัดไปซะทุกเรื่องอย่างศิลา อยู่ดี ๆ จะเปลี่ยนมาชอบผู้ชายไปได้  แถมเป็นเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าอีกด้วย
เขาคิดว่า “ไอ้หยกต้องกับน้องคนนั้นต้องแอบคบกันแน่ ๆ เพราะดูจากแววตาของมันแล้วเหมือนมันจะระแวงเราชอบกล...หรือมันกลัวเราไปยุ่งกับเด็กมันวะ หึหึ”
“แต่น้องคนนี้ก็ดูท่าทางหวงตัวใช่น้อย” เขานึกถึงตอนที่พีร์เชิดใส่เขาอย่างไม่สนใจ เพราะปกติแล้ว ไม่ว่าใครก็แล้วแต่มักจะเล่นหูเล่นตากับเขา หรือไม่ก็มีท่าทีตอบรับ ซึ่งต่างเด็กหนุ่มที่แสดงออกว่าไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย
แต่เด็กหนุ่มเองก็ไม่ใช่สเปคเขาเช่นกัน พลกฤษณ์ชอบแบบที่อายุน้อยกว่าก็จริง แต่เขามักจะสนใจแต่พวกผิวขาวใส ร่างบอบบาง และหน้าตาหวานใส แต่กับคนรักของเพื่อนนี้ช่างตรงกันข้ามกันเกือบทุกอย่าง ยกเว้นหน้าตาจิ้มลิ้มและแววตาสดใสคู่นั้น
 พลกฤษณ์คิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครในครอบครัวศิลารู้แน่ และยิ่งเจ้าตัวมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนอยู่ที่บ้าน พร้อมลูกอีกสองคน ไหนจะพ่อแม่ที่แสนจะเคร่งครัดของทั้งคู่อีก
    เขานึกหัวเราะ เมื่อนึกถึงพ่อแม่ของเขาเอง ที่ตอนนี้ออกไปเล่นกีฬากับเพื่อนฝูงอย่างสนุกสนานข้างนอก เขารับรองได้ว่าพ่อแม่ของศิลาคงไม่มีวันทำอย่างพ่อแม่เขาได้แน่ ๆ เพราะพ่อแม่เขาไม่เคยถือสาและรังเกียจเรื่องรสนิยมของเขาเลยแม้แต่น้อย แถมยังแซวเล่นกันเป็นเรื่องปกติของครอบครัว เขานึกถึงพ่อแม่ของศิลาที่แสนจะเคร่งครัดกับลูกชายคนนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และศิลาก็เป็นเด็กดีของพ่อแม่มาตลอดเสียด้วย จนกระทั่งวันนี้ เขาแน่ใจว่า สิ่งที่ศิลากำลังทำและเป็นอยู่ คงจะต้องเจออุปสรรคมากมายในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน
“โชคดีว่ะ หยก” เขารำพึงออกมาและยกแก้วไวน์กับอากาศ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว เขาก็ได้แต่เอาใจช่วยเพื่อน กับการเผชิญปัญหาครั้งใหญ่ในชีวิต

“สวัสดีค่า เพื่อนสาว” ปกรณ์กดรับโทรศัพท์เมื่อเห็นว่าเป็นสายของนลพรรณ เพื่อนรักของตน
“หวัดดีจ้ะ นี่ทำอะไรอยู่เนี่ยะ”
“เพิ่งออกจากฟิสเนสค่ะ แค่คุยได้นะคะ เมาท์มามีอะไรยะ”
“ก็...ชั้น ทะเลากับหยกอ่ะ”
“ทะเลาะกันเหรอ...เรื่องอะไร” ปลายสายเริ่มสนใจ “อย่าบอกนะว่าเรื่องเกี่ยวกับนังหนูนั่น”
“จะว่าใช่ก็ใช่นะ”
“มีอะไรกันเหรอยะ เล่ามาสิ สามีเธอเหวี่ยงอะไรมากมายไหมฮะ”
“ก็คือว่า หยกโกรธมากเมื่อรู้ว่าชั้นนัดเจอน้องพี”
“ได้ไงยะ เค้าก็น่าจะรู้ว่าแกเป็นคนดีศรีอยุธยา” เพื่อนสาวเว้นวรรค “อีกอย่าง เค้าก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าแกกับน้องพีเคยเจอกันแล้ว”
“คือ ชั้นนัดกับน้องพีอีกครั้งนึงหน่ะ แต่ว่าครั้งนี้ชั้นนัดตาพจมาด้วย”
“ว๊ายยยย น้องพจไปด้วยยย”  ปกรณ์สาวแตกอย่างเก็บไม่อยู่ “ทำไมยะ ทำไมเอาสามีของชั้นไปด้วย”
“น้อย ๆ หน่อยนังเป้” นลพรรณส่ายหน้า “ก็ชั้นอยากให้พวกเค้าได้รู้จักกัน” เธอเว้นวรรค “น้องพีแกน่ารักดีนะ ชั้นก็ชอบน้องเค้าเหมือนกัน ชั้นเลยอยากให้พจรู้จักไง เผื่อน้องเค้าจะไว้ใจชั้นมากขึ้น”
“เหรอ...”
“อีกอย่างนะ ชั้นอยากรู้ว่าตาพจชอบผู้ชายหรือเปล่า” เขากล่าวเบา ๆ
“ว๊ายยย ไม่ต้องไปเจอนังหนูตาแป๋วนั่นหรอกค่ะ เจอชั้นก็พอ”
“บ้าเหรอ กระเทยล็อตไวเล่อร์อย่างแกเนี่ยนะ” นลพรรณว่าเค้าให้
“แหมปากร้ายนะคะนังคนนี้”  แล้วก็ถามต่อ “ทำไมยะ ถ้าน้องแกเป็นเกย์ก็คือ ก็ต้องชอบนังหนูนั่นมั่งหล่ะ ใช่ไหม”
“ก็คงงั้น”
“ต๊ายยย แผนสูงนะคะ” ปกรณ์สะใจ “ถ้าน้องแกเป็นเกย์และชอบน้องพี แกก็ให้น้องพจแย่งน้องพีออกมาจากคุณหยกขาได้ ใช่มะ”
“บ้าเหรอ ชั้นไม่ได้คิดแบบนั้น”
“ชั้นไม่เชื่อ”
“ไม่เชื่อก็ตามใจแก ชั้นพูดได้แค่นี้จริง ๆ”
“ถ้างั้น ทำไมแกไม่หาวิธีอื่นมาพิสูจน์ล่ะ และอีกอย่างทำไมเพิ่งมาสงสัยอะไรเอาตอนนี้หะ”
“ก็น้องชั้นไม่เคยสนใจใครเลยหนิ วัน ๆ ชั้นไม่เห็นเค้าทำอะไรเลยนอกจากเรียน ไปตลาดหุ้น และก็กลับบ้าน”
“เหรอ เค้าไม่ได้บอกแกหรือเปล่า”
“เหอะ ชั้นกับน้องคุยกันทุกเรื่องนะ จำตอนเราอยู่มหาลัยได้ไหม ที่ชั้นเราเรื่องตาพจอกหักมาบอกแกอ่ะ”
“อืม จำได้ ๆ”
“น้องชั้นเล่าให้ฟังทุกเรื่องจริง ๆ นะแก ตอนนี้ก็เถอะ แต่ไม่เห็นเมาท์เรื่องสนใจใครเลย”
“อืมนะ แล้วนึกคึกยังไงถึงอยากให้เจอกับน้องพีล่ะคะ”
“ไม่รู้สิ น้องเค้าดูน่ารักดีนะ ชั้นก็เลยอยากรู้จักเค้ามากขึ้น อีกอย่างให้พจไปด้วย ก็ให้ชั้นแน่ใจไงว่า เค้าน่ารักจริง ๆ หรือเปล่า”
“เหรอ....ค่ะ เชื่อก็ได้ค่ะ” เขาพูดต่อ “แล้วว่าแต่ “คุณหยกขาของหล่อน ๆ หน่ะ เหวี่ยงอะไรมั่งคะ”
“หยกหาว่าชั้นจะจับคู่ให้ตาพจ”
“ค่ะ เป็นใครใครก็คิด”
“เหรอ ทำไมอ่ะ”
“ก็แหม น้องแก ก็ไม่มีแฟน น้องพี ก็แสนจะเป็นสาวน้อยในโลกสีชมพูซะขนาดนั้น”
“ชั้นไม่รู้”
“อืม คงงั้น เพราะแกเป็นชะนี” ก่อนจะพูดต่อว่า “ต๊ายยย งั้นก็แสดงว่า คุณหยกขาเข้าสู่ความเป็นชาวเราเต็มตัวสิคะ”
“ทำไมอ่ะ”
“ก็หึงซะจนมาทะเลากับแกไงล่ะ”
“อืม ก็ใช่อ่ะ เค้าดูหวงน้องพีมาก..” นลพรรณพูดเบาๆ อย่างน้อยใจเล็ก ๆ
“โถ ก็ต้องเข้าใจค่ะ คนเค้าไม่เคยมีแฟนเป็นของตัวเอง”
“อืม ชั้นก็พยายามคิดอยู่”
“เออ แล้วตอนนี้คุยกันหรือยังคะ”
“ยังเลย หยกไปฮ่องกงหลังจากที่ทะเลาะกับชั้น”
“แรงนะคะ หอบผ้าหอบผ่อนหนีกันเลยเนี่ยะ”
“เค้าไปทำงานพอดีจ้ะ”
“อ่าวเหรอ ค่อยโล่งหน่อย ว่าแต่นังหนูนั่นไปด้วยหรือเปล่า”
“อืม ก็ใช่นะ”
“ต๊ายยย ตายยยย แรงค่ะแรง”
“อืม ชั้นอยากให้หยกเค้าทำอะไรบ้างหน่ะ ดูแล้วเค้าเหมือนไม่สนใจคนอื่นเลยว่าจะคิดยังไง”
“ก็เป็นธรรมดาค่ะ ใครจะไม่หวงเมียตัวเองคะ นี่ดีนะคะ ไม่กันแม้กระทั่งหมาตัวผู้” ปกรณ์กลั้วหัวเราะ
“ขนาดนั้นเลยเหรอ...”
“ค่ะ เป็นธรรมชาติค่ะนังแพรว แต่ตอนนี้ชั้นแนะนำว่าแกควรเคลียร์กับคุณหยกให้เรียบร้อย เพราะเรื่องนี้ เป็นเรื่องของพวกแกสองคนจริง ๆ นะ”
“อืม ก็คงอย่างนั้นหล่ะ แต่หยกเค้าก็คงฟังชั้นบ้างล่ะ”
“ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นล่ะค่ะ” ปกรณ์ให้กำลังใจเพื่อน “อุ๊ย ๆๆ มีสายเข้าอ่ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะยะ เจอกันค่อยเมาท์อีกที”
“โอเค ขอบใจมากนะเป้ บายจ้ะ”
“จ้ะ”  เธอกดวางสายและถอนหายใจหนัก ๆ อย่างคนใช้ความคิด เธอไม่อยากให้ศิลากลายเป็นคนที่ตาบอดเพราะความรักที่เขามีเลย
  เธอไม่กังวลในตัวพีร์ ถึงแม้จะรู้จักกันไม่นาน แต่ก็พอเห็นแล้วว่าหนุ่มน้อยใจคอเด็ดเดี่ยวเพียงไหน  แต่กับศิลาที่แสดงออกว่าเวลานี้เขาไม่ฟังใครทั้งนั้นหน่ะสิ ที่เธอกังวลว่า เขาจะทำยังไงกับเรื่องของตัวเอง เพราะเท่าที่เห็นอยู่นี้ ศิลาเหมือนจะไม่สนใจใครเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไปแล้ว
เธอกลัวใจของศิลาจริง ๆ
เสียงโทรศัพท์ดังไล่ความคิดนั้นออกจากหัว มองที่หน้าจอก็ปรากฏว่าเป็นศิริพจน์ที่โทรมา
“ฮัลโหล พี่แพรว อยู่ไหนครับเนี่ยะ”
“อยู่ที่บ้านคุณพ่อคุณแม่หล่ะ คืนนี้พี่พาหลานมานอนที่บ้านเรา มีอะไรหรือเปล่าพจ”
“อ่อ เปล่าฮะ พจนึกว่าพี่แพรวอยู่บ้านพี่หยก คือ พจอยากเจอพี่อ่ะฮะ”
“งั้นก็รีบกลับบ้านเลย ว่าแต่มีเรื่องสำคัญอะไรหรือเปล่า”
“มีสิฮะ แต่เดี๋ยวรอเจอพี่แพรวดีกว่า พจค่อยบอก”
“ได้จ้ะ ได้ ไว้รีบมาบอกพี่ที่บ้านละกันนะ”
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 16-04-2010 20:14:11
อีป้าแก่ๆ อยากอ่านอีก +1 จัดไป อย่าให้เสีย  :pigha2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 16-04-2010 20:45:03
อ่า...พจชอบน้องพีแน่ๆเลย...

แต่อย่างน้อยคู่แข่งตัวแรงแบบเพื่อนพี่หยก ก็คงไม่น่าจะมาสนใจน้องอ่ะนะ...

จบแบบค้างๆ แต่รออ่านต่อนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 16-04-2010 23:25:52
ค้างอะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 17-04-2010 12:16:06
ต่อด่วนนนน
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 17-04-2010 12:30:44
ขัดใจกะพี่สองคู่นี้จริงๆ  :serius2: :beat:
นายศิลาชัดเจนได้แล้ว
เคลียร์จริงจังซะที
สงสารน้องพี อุปสรรคเรียงหน้ามาแล้ว
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 17-04-2010 15:47:45
ภาคต่อ ตอนที่ 4
“อ่าว ตาพจ ว่าไง มีอะไรจะบอกพี่เหรอ” นลพรรณเห็นศิริพจน์ท่าทางดีใจเป็นพิเศษ ก็เลยถาม
“พี่แพรว พจน์ได้งานทำแล้ววววว!!” เขาเข้ามาบอกกับพี่สาวอย่างดีใจ
“เหรอ ที่ไหนล่ะ”
“ตลาดหลักทัพย์พี่แพรว” เขาอมยิ้ม
“ดีใจด้วยนะจ๊ะพจ เธอเก่งจริง ๆ เลย” นลพรรณยินดีกับน้องชายที่ในที่สุดก็ได้งานในฝัน เพราะน้องชายของเธอคนนี้สอบโบรกเกอร์ผ่านอย่างไม่ยากเย็นหลังเรียนจบ เธอยิ้มปลื้มกับน้องชายจากใจจริง
“ครับ ขอบคุณครับ”  เขายิ้มรับ เพราะถ้าเป็นพ่อกับแม่ของเขาคงจะดูไม่ดีใจขนาดนลพรรณแน่ ๆ เพราะไม่อยากให้ศิริพจน์ไปทำงานนอกบ้าน เขาพูดต่อ “พ่อกับแม่คงไม่ดีใจขนาดนี้แน่ ๆ”
“ไม่หรอกพจน์ พวกท่านแค่ไม่อยากให้เราไปทำงานนอกบ้านก็เท่านั้น”
“ไม่ได้หรอกครับ ถ้าวันไหนผมไม่ได้เห็นหุ้นวิ่งขึ้นวิ่งลง ผมคงขาดใจตาย ฮ่ะ ๆๆ” ชายหนุ่มหัวเรากับความคิดของตนเอง
  นลพรรณย้อนนึกถึงน้องชายคนนี้ของเธอ ศิริพจน์ดูเป็นผู้ชายที่เหมือนจะไม่มีอะไรก็จริง แต่ความจริงแล้วเป็นคนที่มีอุดมการณ์กับชีวิตตนเอง จึงทำให้เป็นคนที่ไม่ยอมคน และบางครั้งก็ดื้อเงียบ เรื่องนี้พ่อกับแม่ของเธอรู้ดี เพราะศิริพจน์เป็นลูกคนเดียวที่พวกท่านไม่สามารถเข้าไปจัดการชีวิตของเขาได้อย่างเต็มที่เหมือนลูกคนอื่น เพราะถ้าศิริพจน์อยากทำอะไรแล้ว ก็ไม่มีสิ่งไหนที่จะขวางเขาได้สำเร็จเลย
 “พี่แพรว แล้วนี่พี่หยกกลับมาเมื่อไหร่อ่ะฮะ” เขาถามถึงศิลาพร้อมนั่งลงข้าง ๆ พี่สาว
“อืม พรุ่งนี้หน่ะ” นลพรรณกล่าวด้วยสีหน้าปกติ
“เหรอฮะ”
“อืม...”
“เอ่อ พี่แพรวครับ” ศิริพจน์อ้อมแอ้มเรียกพี่สาว
“มีอะไรอีกเหรอพจน์”
“พี่แพรวคิดว่าผมเป็นคนแบบไหนเหรอครับ” เขาถามพี่สาวเบา ๆ
“เป็นคนแบบไหนเหรอ...”
“เป็นคนแบบไหนในสายตาคนอื่นอ่ะครับ”
“ก็เป็นคนที่ดูธรรมดาทั่วไปล่ะ”
“แล้วไงครับ”
“ก็ถ้าสนิทกับเราสักหน่อยก็จะรู้ว่าพจน์เป็นคนที่สนใจคนรอบข้างมาก ๆ แล้วก็ขี้เหนียวมาก ๆ อีกด้วย”
“โธ่ พี่แพรว เอาจริงสิครับ”
“ก็ไม่เห็นว่าเราจะทำตัวหรูหราเลยหนิ”
“ก็ไม่รู้อ่ะครับ ผมไม่รู้จะเอาเงินไปซื้ออะไรให้ใครดี ผมยังไม่มีแฟนซะหน่อย”
“เหรอ....แล้วอยู่ดี ๆ ทำไมถามพี่แบบนี้นี้หล่ะ หึ”
ก็แค่อยากรู้อ่ะครับว่ากับคนอื่นแล้วผมเป็นคนยังไง ทำไมผมถึงยังไม่มีแฟนซะที”
“แล้วบรรดาคนที่พ่อแม่พามาดูตัวล่ะจ๊ะ ไม่ชอบสักคนหรือไง”
“ไม่อ่ะครับ” เขาส่ายหัว
“แล้วตอนนี้เราอยากมีแฟนหรือเปล่าล่ะพจน์”
ศิริพจน์คิดนานกับคำถามนี้ ก่อนจะตอบไปว่า “ไม่รู้อ่ะครับ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
“แล้วตอนนี้เราแอบชอบใครหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่น่า..พี่แพรว” เขายิ้ม ๆ “ช่างเถอะครับ สักวันเค้าก็คงจะมาเองล่ะมั๊ง”
นลพรรณยิ้ม ๆ กับน้องชาย “จ้า ก็ขอให้เจอเร็ว ๆ ละกัน แต่จะว่าไปนะ น้องพี่ก็เป็นผู้ชายที่ดีนะ แต่ช่างเลือกไปหน่อยก็เท่านั้น”
“ครับ หุหุ”
“แล้วตอนนี้พจน์ชอบผู้หญิงแบบไหนเหรอ”
“ผู้หญิงแบบไหนเหรอ” เขาทวนคำถามพี่สาว “ตอบยากนะ พี่แพรว” เขาหลุดปากถามนลพรรณ
“แล้วถ้าคนที่ผมชอบไม่ใช่ผู้หญิงล่ะ พี่แพรวจะว่าไง” เขาถามทีเล่นทีจริง
“เฮ้ยย ตาพจน์ นี่พูดจริงเหรอ” เธอหัวเราะ เพราะขันที่น้องชายล้อเล่นมุขนี้ “ก็ต้องดูก่อนล่ะ ว่าเค้าเป็นไง”
“พี่คงชอบเค้าน่า...” ศิริพจน์หยอกเย้า
“เฮ่ยย ตาพจ นี่เราหมายความว่ายังไงเนี่ยะ นี่พูดเล่นใช่ไหมฮะ” เธอเริ่มสงสัย
“ผมพูดเล่น ฮ่ะ ๆๆๆๆๆ” เขาหัวเราะออกมาเมื่อเห็นพี่สาวเริ่มเครียด
“เหรอ พี่ก็นึกว่าเราพูดจริงซะอีก” นลพรรณเล่นไปกับน้องชายด้วย
“แหม ก็พี่แพรวเคยพาผมไปเจอผู้ชายไม่ใช่เหรอครับ” เขานึกถึงตอนที่พี่สาวพาไปเจอกับพีร์
“พี่ก็แค่อยากให้เราไปช่วยดูว่าน้องคนนี้โอเคไหมกับพวกเรา” เธอพูดต่อ “อีกอย่างน้องเค้าไม่ใช่ผู้หญิงซะหน่อย คิดอะไรไปได้นี่ตาพจน์”  เธอต่อว่า เพราะศิริพจน์เองก็ไม่น่าคิดแบบนั้น
“อืม เหรอครับ ว่าแต่นึกยังไงอยากไปรู้จักกับเค้าได้ล่ะครับ”
“ก็...” เธอเว้นวรรค “เรื่องมันยาวหน่ะจ้ะ เอาไว้เล่าให้ฟังวันหลังละกัน แต่รวม ๆ แล้ว น้องเค้าน่ารักดี พี่ก็อยากมีน้องอารมณ์แบบนี้บ้างเหมือนกัน”
“เหรอฮะ แล้วนี่พี่หยกไม่ว่าเอาเหรอ ไปตีซี้กับเด็กหนุ่มแบบนี้” เขาสัพยอกพี่ตัวเอง
นลพรรณยิ้มเพื่อซ่อนความรู้สึก แต่ศิริพจน์ก็ถามต่อว่า
“แล้วพีเนี่ยะ เค้ามีแฟนหรือยังเหรอฮะ” ศิริพจน์ถามออกไป
“หืม ทำไมเหรอ”
“ก็ถ้าเค้าโสด ก็น่าเป็นห่วงสิครับถ้าสนิทกับพี่แพรวมาก ๆ” ศิริพจน์เป็นห่วงภาพลักษณ์ของพี่สาว
“อันนี้พี่ว่าพจน์ลองถามพี่หยกจะดีกว่านะ เพราะเค้าเป็นเจ้านายลูกน้องกัน น่าจะพอรู้บ้าง” เธอตอบยิ้ม ๆ ไม่ได้แสดงอาการโกรธหรือหงุดหงิดออกมา
“เหรอครับ”
“เอางี้สิ มะรืนนี้ไปกินข้าวบ้านพี่กัน แล้วเดี๋ยวค่อยถามเค้า โอเคป่ะ”
“ครับ” ศิริพจน์ยิ้ม ๆ
 แต่นลพรรณเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า ศิลาจะทำยังไงเมื่อได้ยินคำถามนี้จากศิริพจน์

“ถามทำไม!!” เสียงแข็งกร้าวตอบมาพร้อมแววตาขุ่นขวางจากศิลา เมื่อได้ยินคำถามนี้จากศิริพจน์
“ก็ ผมก็แค่อยากรู้หน่ะครับ เห็นพี่แพรวเค้าชอบพูดถึงแบบปลื้ม ๆ”
ศิลามองหน้านลพรรณอย่างขุ่นเคือง พร้อมกับพูดกับศิริพจน์ “พี่ว่าไม่ล่ะมั๊ง พี่สาวเราคงอิจฉาน้องเค้าล่ะมากกว่า”
“นี่คุณ...” นลพรรณชักทนไม่ไหว
“เค้ามีแฟนแล้ว!” ศิลาตอบศิริพจน์ด้วยเสียงแข็งกร้าวด้วยความหึงหวงอย่างที่สุด
“เหรอครับ” ศิริพจน์รับคำ “งั้นก็ดีครับ พี่แพรวจะได้ไม่เสียหาย พี่หยกจะได้สบายใจได้ว่าพี่แพรวไม่ได้ใกล้ชิดหนุ่มคนอื่น” เขากล่าวยิ้ม ๆ
ศิลาเองที่เพิ่งนึกได้ว่าหลุดคำพูดรุนแรงออกไปมาก จึงมีท่าทีอ่อนลงเมื่อได้ยินคำพูดของศิริพจน์
“อืม ก็ใช่...” เขาตอบเสียงอ่อนลง

  ศิริพจน์รู้แล้วว่าที่พี่สาวตนเองให้มาถามศิลาเพราะอะไร จากท่าทางและแววตาของศิลาที่มองเขามานั้นเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมากในครั้งนี้ สัญชาตญาณเขาบอกว่าศิลามองเขาอย่างไม่ไว้ใจและเคลือบแคลงไปด้วยความหึงหวง และเมื่อเขาพูดถึงพีร์ ท่าทีของสายตาทั้งหมดยิ่งทวีความรุนแรงเด่นชัดขึ้น
    บ่งบอกชัดเจนแล้วว่าหนุ่มน้อยคนนี้เป็นของศิลา
    เพราะเหตุนี้นี่เองพี่สาวเขาถึงได้สนใจเป็นพิเศษ
    แต่ศิลาเองก็ไม่น่าจะหักหาญจิตใจของพี่สาวเขาได้ขนาดนี้   ถ้ามีรสนิยมแบบนี้ก็ไม่ควรจะมายุ่งกับพี่สาวเขาตั้งแต่แรก
แต่ก็จะทำไงได้ เพราะพ่อแม่บังคับกันทั้งคู่
  ศิริพจน์ถอนใจกับเรื่องของพี่สาว นี่นลพรรณต้องมาตกที่นั่งลำบากขนาดนี้เลยหรือนี่ และดูท่าว่าศิลาจะหวงฝ่ายนั้นมากเสียด้วย
   แต่อะไรก็ไม่เจ็บปวดเท่า เมื่อรู้ว่าพีร์มีเจ้าของแล้ว ศิริพจน์รู้สึกแปลบ ๆ ที่หัวใจ อย่างบอกไม่ถูก

“หยก...” นลพรรรณเข้ามาคุยกับศิลา ขณะที่เตรียมตัวนอน “หยก...คุณรู้หรือเปล่าหมู่นี้คุณดูหงุดหงิดง่ายมากเลยรู้ไหม”
“จะไม่ได้หงุดหงิดได้ไง ก็เพราะคุณหน่ะแหล่ะแพรว นี่คุณจะให้ตาพจน์มาแย่งน้องพีเหรอ หะ..คิดเหรอว่าผมจะเป็นเหมือนเดิม”
“คือ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ ฟังแพรวนะหยก แพรวเองก็อยากรู้จักน้องพีมากขึ้น พี่แพรวให้พจรู้จักด้วย แพรวจะได้แน่ใจได้ไงล่ะว่าน้องเค้าโอเคไหม”
“เหรอ...” ศิลาทำเสียงไม่ค่อยเชื่อ
“คุณก็รู้ว่าแพรวกับน้องสนิทกันแค่ไหน”
“ก็ใช่ แต่คุณเห็นตาพจน์ตอนมองน้องพีไหมล่ะ” เขาหงุดหงิดเมื่อเห็นสายตาของศิริพจน์ตอนที่พูดถึงพีร์
“ทำไมอ่ะ”
“ก็...ฮึ้ยยย!!” เขาหงุดหงิดจนไม่สามารถพูดออกมาได้ด้วยความหึงหวง
“นี่หมายความว่า ตาพจชอบน้องพีเหรอ”
“ไม่รู้ล่ะ ผมไม่อยากคิดอย่างนั้น แต่ผมไม่ชอบก็แล้วกัน”
“แพรวจะไปเข้าใจได้ไงล่ะ แพรวไม่ได้เป็นอย่างพวกคุณนะ”
“ก็นั่นหล่ะ” เขาถอนใจ “เอาเป็นว่าผมขอโทษก็ละกันนะ แต่ผมขอร้องล่ะ ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก และก็บอกพจนด้วยว่า อย่ามายุ่งกับพี”
“อืม...” เธอรับคำ “แล้วนี่คุณจะทำไงต่อไปอ่ะ หยก แพรวอยากให้คุณแบ่งเวลาให้ถูกนะ ถ้าคุณพ่อคุณแม่สงสัยล่ะ”
“ช่างเค้าสิ” ศิลาตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ผมเองก็อยากประกาศให้โลกรู้เหมือนกันว่าผมก็อยากมีชีวิตเป็นของตัวเองเหมือนกัน”
“ได้ไงอ่ะ แล้วลูกพวกเราล่ะ”
คำพูดนี้ทำให้ศิลาชะงักขึ้นมา “ผมขอโทษ” เขากล่าวเบา ๆ “โอเค ผมจะระวังตัวให้มากขึ้น”
“อืม แพรวขอล่ะหยก”
“อืม..โอเค”
   ศิลากับนลพรรณหันหลังให้กันอย่างขอใช้ความคิด นลพรรณเป็นห่วงสิ่งที่จะเกิดในอนาคตกับครอบครัวของเธอและน้องชาย ส่วนศิลาเองก็เช่นกันเขายังคิดไม่ตกเลยว่าจะจัดการกับส่วนต่าง ๆ ของชีวิตให้เรียบร้อยเหมือนเมื่อก่อนอย่างไร
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 17-04-2010 16:04:26
+1 เป็นกำลังใจนายศิลากะน้องพี
ใจเย็นๆ ค่อยๆ แก้ปมไปทีละเรื่อง
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 17-04-2010 20:15:02
หว้า...ชักจะเป็นห่วงน้องพีกะคุณศิลาซะแล้วล่ะซิ มีสุขแล้วก้อยอมมีทุกข์ตามมาแต่มันก้อจะผ่านไปได้ด้วยดีและน่ะเป็นกำลังให้น่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 17-04-2010 20:19:07
มันจะเป็นยังไงต่อไปเนี่ย ...  เรื่องของหยกกับพีร์เริ่มมีคนรู้เยอะขึ้น แถมยังเป็นน้องคุณแพรวอีก..

ท่าทางคู่นี้จะต้องเจออะไรอีกเยอะเลย...สู้ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 17-04-2010 23:26:04
เริ่มส่อเค้าความยุ่งยากแล้วไงละ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 17-04-2010 23:33:59
ความวุ่นวายของแท้กำลังจะเริ่มจริงๆแล้วละสิ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 19-04-2010 16:34:10
ตอนจบจะเจ็บมากไหมครับ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ANUNTAYA ที่ 19-04-2010 19:41:36
 :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:



หึงหวง

ตบจูบ



สุโคร่ย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 21-04-2010 23:11:20
ภาคต่อ ตอนที่ 5
  ในเปิดเทอมนี้ พีร์มีตัวที่จะลงเรียนอีกแค่4 ตัว ก็จบแล้ว เท่ากับว่า เทอมสอง เขาก็ไม่ได้มาเรียนเหมือนเพื่อนนักศึกษาคนอื่น เขาเองก็คิดไว้แล้วว่าเวลาที่เหลือ จะหางานทำเลย
  เขายังใช้ชีวิตนักศึกษาตามปกติ โดยที่ศิลายังแวะเวียนมาหาเขาในบางวัน และนอนค้างกับเขาบ้าง พีร์เองก็รู้สึกดีเหมือนกันที่คนรักไม่ได้ละเลยที่จะไปมาหาสู่กับตนเอง ทั้งๆ ที่แสนจะหาเวลาว่างแทบไม่ได้และตัวเองก็มีที่พักอยู่ค่อนข้างไกลจากกรุงเทพฯ  และวันนี้ก็เช่นกัน
“น้องพีครับ อีกไม่กี่เดือนก็จบแล้ว...”  เขากล่าวขณะที่โอบกอดคนรักอยู่ในอก “ไปทำงานกับพี่นะ”
พีร์เงยหน้ามองศิลาที่ก้มหน้ามองเขาอยู่ “นะครับ...ทำงานที่บริษัทพี่นะ”
“จะดีเหรอครับพี่หยก” หนุ่มน้อยตอบ
“ดีสิครับ พี่ไม่อยากให้น้องพีอยู่ที่อื่นนะ” เขาออดอ้อน
“ครับ” เขารับคำเงียบ ๆ แล้วหลับตาลง แต่ในใจนั้นกลัดกลุ้มอยู่ไม่ใช่น้อย
   พีร์คิดว่า ถึงจะยังไงก็คงไม่ไปทำงานที่บริษัทศิลาแน่ ๆ ถ้าเป็นแต่ก่อนล่ะก็ใช่ ที่เขาอยากจะทำงานที่นี่ เพราะก็เป็นบริษัทที่ดีและมีผลประกอบที่สูงในแต่ละปี
     ด้วยความเป็นหญิงสาวในตัว ที่พีร์เคยบอกเล่าฝันหวานกับเพื่อนสาวว่า อยากมีผู้ชายสักคนมาเคียงข้าง และเขาคนนั้นก็ต้องเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมีฐานะ ถ้าเป็นเจ้าของบริษัทก็อยากจะไปทำงานกับบริษัทของผู้ชายคนนั้น 
   แต่ตอนนี้เขาหนักใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเมื่อความจริงมาเยือนมันก็ไม่ได้หวานหอมเหมือนความฝันของเขาซักเท่าไหร่ แต่เขาก็รู้สึกดีไม่น้อยเหมือนกัน แต่เขาคงไม่ไปทำงานในบริษัทศิลาอย่างแน่นอน
   
“พี ๆๆ ไปทำโปรเจกต์กันป่ะ”  เพื่อนสาวคนนึงในกลุ่มถามขณะนั่งกินข้าวด้วยกัน
“โปรเจกต์อะไรเหรอ”
“อ่อ ของตลาดหลักทรัพย์อ่ะ เป็นโครงการสำหรับเด็กปี4อย่างพวกเราให้ไปเสนอโครงการการลงทุน”
“จะดีเหรอ เราไม่ใช่เด็กเศรษฐฯอย่างเธอนะ”
“เฮ้ยย ไม่เป็นไรๆๆ มีเด็กการตลาดร่วมทีมอ่ะดีออก เพราะว่ามันเป็นเหมือนการประชาสัมพันธ์การลงทุนให้กับประชาชนหน่ะ”
“เหรอ น่าสนใจนะ ว่าแต่รับสมัครเมื่อไหร่ล่ะ” เขาตอบรับ
“อาทิตย์หน้าหน่ะ ว่าแต่ สนใจมะ”
“สนใจสิ”
“เดี๋ยวรายละเอียดส่งให้ในเอ็มก็ละกัน ออนมาก็อย่าลืมทักนะ”
“โอเค ๆๆ ขอบใจนะ”
   เขาสนใจเพราะอย่างน้อย ตอนนี้เขาก็ดูสายงานทางด้านเศรษฐกิจไว้ เพราะงานการตลาดของเขาเป็นอะไรที่มีคนเรียนกันแพร่หลาย เขาก็ไม่หวังรางวัลอะไร ขอแค่มีผลงานน่าสนใจสำหรับบริษัทที่จะไปสมัครงานก็พอ

“คุณแจ๊ค...กลิ่นนี้กับกลิ่นนี้อันไหนหอมกว่ากัน” นักร้องวัยรุ่นคนดังถามพลกฤษณ์ที่มาเดินเล่นด้วยกันในห้างหรูใจกลางเมืองในฐานะเด็กในสังกัด
“หืมม..ไหนดมสิ” เขาคว้าข้อมือบางนั้นมาดม ก่อนจะตอบอย่างกรุ้มกริ่มว่า “พี่ว่าเนื้อเราหอมกว่านะ”
“บ้า...” หนุ่มน้อยขวยเขินท่ามกลางสายตาพนักงานที่มองมาอย่างสนใจแกมหมั่นไส้เล็ก ๆ กับท่าทางดัดจริตของดาราวัยรุ่นคนดัง
“ลองกลิ่นนี้ไหมคะ” พนักงานสาวหยิบขวดน้ำหอมสีส้มมาให้ทั้งคู่
“ไหน ๆๆ” หนุ่มน้อยลองฉีดบนหลังข้อมือพลกฤษณ์แล้วดอมดม “ไม่เอาอ่ะ กลิ่นแปลก ๆ” พร้อมกับย่นจมูกอย่างไม่ชอบใจ
พลกฤษณ์ยกมือตัวเองขึ้นมาดมพร้อมตอบอย่างประหลาดใจว่า “พี่ว่าก็หอมดีหนิ” เขายกมือขึ้นมาดมอีกครั้ง พร้อมมองขวดน้ำหอมอย่างพิจารณา น้ำหอมกลิ่นนี้เหมือนเขาเคยได้กลิ่นจากใครสักคน เขานึกออกได้ไม่ยาก เพราะกลิ่นหอมสดใสนี้ เป็นกลิ่นที่เขาจำได้ว่าเคยได้กลิ่นครั้งแรกจากการเจอกับพีร์พร้อมศิลาที่ฮ่องกง
“ไม่เอาอ่ะ  เค้าไม่ชอบ คุณแจ๊ค สองกลิ่นนี้อ่ะ คุณแจ็คชอบกลิ่นไหนมากกว่า” หนุ่มน้อยยังคงเซ้าซี้กับเรื่องเดิม
“อืม กลิ่นที่ฉีดบนมือซ้ายหน่ะ” พลกฤษณ์ตอบนิ่ง ๆ  พลางนึกถึงแฟนเด็กของเพื่อนตนเองที่ทิ้งกลิ่นหอมติดจมูกไว้ต่างหน้า
 “หึหึ ไอ้หยกมันโชคดีเนอะ มีตัวนิ่ม ๆ หอม ๆให้ฟัด หึหึ” เขานึกถึงเพื่อนตัวเองแล้วหัวเราะน้อย ๆ
“หัวเราะอะไรอ่ะคุณแจ๊ค”
“เปล่า ๆๆ เสร็จยัง พี่หิวและ ไปหาอะไรกินกันเถอะ” เขารวบรัดตัดความ
“ป่ะ ๆ กินอะไรดีอ่ะ”
“ลงไปดูข้างล่างละกัน”
“ อืมมม” เขาตอบรับพร้อมเกาะแขนล่ำนั้นเหมือนลูกแมวติดเจ้าของ เดินออกไปท่ามกลางสายตาคนรอบข้าง
  ใช่ว่าเขาจะไม่เคยได้กลิ่นน้ำหอมนี้จากคนอื่น แต่สำหรับหนุ่มน้อยร่างอวบคนนั้น เขากลับจำได้อย่างแม่นยำ เพราะมันไม่ใช่แค่กลิ่นน้ำหอมอย่างเดียว แต่กลับคลุกเคล้าไปด้วยกลิ่นอายเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนเพศชายคนอื่นแต่ก็ไม่เหมือนเพศหญิงซะทีเดียว กลิ่นน้ำหอมสดใสที่เคล้ากับกลิ่นกายละมุนนั้นเป็นสิ่งที่เขายังจำไม่ลืมจนบัดนี้
 เขากับหนุ่มน้อยคนดังเดินไปในศูนย์อาหารเพื่อหาร้านอาหารสำหรับมื้อเที่ยงท่ามกลางผู้คนหนาตา พลกฤษณ์พลันได้กลิ่นที่เขาติดจมูกลอยเข้ามา หาก็หันไปตามทิศที่ลอยมาในทันที
 พลกฤษณ์มองตามร่างอวบที่เดินผ่านไปทางขวามือ พร้อมเพื่อนสาวสองคน เขามองตามพีร์ที่กำลังเดินเมาท์กับเพื่อนสาวอย่างสนุกสนาน พีร์ไม่ทันมองว่าเขาเดินผ่านใครมา และมีใครกำลังมองตามพร้อมส่งยิ้มให้อยู่

“พจน์ ๆๆ” เสียงเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่เข้ามาหาเขาอย่างรีบเร่ง ศิริพจน์คาดว่าคงมีงานด่วน เพราะตั้งแต่ทำงานมานี้ เขาไม่เคยได้รับงานอื่นนอกจากตำแหน่งที่ปรึกษาการลุงทุนของเขาเลย
“มีอะไรเหรอครับ” 
“นี่ เป็นโครงการให้เด็กปีสี่ทำโปรเจกต์หน่ะ พจน์ช่วยมาเป็นพี่เลี้ยงให้โครงการนี้หน่อยได้ไหม” ว่าพร้อมส่งเอกสารให้ชายหนุ่ม
“อ่อ ได้สิครับ ไม่มีปัญหา” เขามองที่เอกสาร “ว่าแต่ให้ผมเลือกเลยเหรอครับว่าจะทำงานกับทีมไหน”
“อ่อ เปล่า ๆ ให้ช่วยพี่จัดใส่แฟ้มหน่อยหน่ะ ส่วนเรื่องทำกับทีมไหนก็หัวหน้าบอกละกัน”
“ครับ ๆๆ” เขารับคำ
“โอเค ขอบใจมาก เดี๋ยวพี่มานะ คือ มีธุระด่วนจริง ๆ ไม่งั้นไม่มารบกวนเราหรอก”
“ครับ ไม่เป็นไรครับ” ศิริพจน์ยิ้มรับ พร้อมลงมือจัดเอกสารที่เป็นใบสมัครแยกตามแฟ้ม เขาพบว่ามีทีมจากหลากหลายมหาวิทยาลัยทั้งรัฐบาลและเอกชน รวมทั้งทีมจากมหาวิทยาลัยของเขา และรุ่นน้องในคณะของเขาด้วย เขาเปิดมาจนเจอเอกสารของทีมจากมหาวิทยาลัยรัฐบาลอีกแห่ง เขาเปิดดูไปเรื่อย ๆ จนมาสะดุดที่ใบสมัครใบหนึ่ง..
“นายพีร์ ...” เขามองชื่อนามสกุล พร้อมรูปถ่ายในชุดนักศึกษาของพีร์อย่างสนใจปนประหลาดใจ เขายิ้มตลกกับโชคชะตา โลกหนอโลกช่างกลมจริง ๆ 
  ศิริพจน์เองก็หวังว่าเขาคงจะได้ร่วมงานกับพีร์ ในงานนี้ เพราะเหมือนโชคชะตาจะเป็นใจให้เขาได้เจอกับพีร์ ได้สนใจในตัวพีร์ และถ้าไม่ใจร้ายเกินไป เขาก็หวังจะใกล้ชิดกับพีร์โดยโอกาสนี้
   
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: kikilalakik ที่ 21-04-2010 23:13:50
 :z13: คนเขียนก่อนนอน
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 21-04-2010 23:28:52
 :z13: อีป้าแก่ๆขอจิ้มอีกคน 555
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ANUNTAYA ที่ 22-04-2010 15:29:21
สเน่ห์แรงจริง


พีร์




ของเราเนี่ย 



สุดยอด   :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 22-04-2010 21:33:31
เสน่ห์แรงขนาดนี้ พี่หยกรู้เข้ามีหวังตามหึงตามหวงแย่เลย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 23-04-2010 03:08:06
 :serius2: กลุ้มแทนนายหยก
+1
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: OT ที่ 23-04-2010 12:14:55
 o13
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 23-04-2010 13:55:33
ภาคต่อ ตอนที่ 6
“พี ๆ เราได้อีเมลล์ตอบกลับจากทางตลาดหลักทรัพย์แล้วนะ”  เพื่อนสาวที่เป็นคนริทำโครงการนี้โทรมาหาพีร์
“เหรอ แล้ว เค้าว่าไงมั่งอ่ะ”  พีร์ซักถาม
“ก็ บอกว่าให้เริ่มเขียนแผนได้เลย และเค้าจะมีเจ้าหน้าที่มาช่วยเป็นที่ปรึกษาให้ในแต่ละทีมอ่ะ”
“เหรอ...แล้วเราจะเริ่มเขียนแผนกันเมื่อไหร่ดีล่ะ”
“พรุ่งนี้เย็นว่างป่ะล่ะ เจอกันที่ใต้หอแอนตอนหกโมงนะ”
“โอเค ได้ ๆๆๆ”
“โอเค เย็นนี้เจอกันนะ บะบาย”
“บายจ้ะ”
   เขาวางสาย พร้อมคิดถึงศิลา ที่ต่อจากนี้ไปเขาอาจจะมีเวลาให้ศิลาได้น้อยลง แต่ก็กังวลไม่ได้ว่า ถ้าศิลารู้ว่าเขาจะไม่ไปทำงานตามที่ชักชวน คนรักของเขาจะโกรธเขามากน้อยแค่ไหน
  แต่ก็เอาเถอะ เขาจะพยายามอธิบายให้ศิลาเข้าใจให้ได้ ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่
   
 การเขียนแผนงานในวันแรกเป็นไปได้ด้วยดีและมีแนวโน้มจะต่อยอดในวันรุ่งขึ้น พีร์กลับห้องพักมาเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุค และออนไลน์ MSN เพื่อคุยกับเพื่อน ๆ ตามปกติ เมื่อเขาเข้าใช้งานสำเร็จ ก็พบว่ามีอีเมล์ใหม่เข้ามาขอติดต่อเขา เขากดตอบรับอีเมลล์นั้นไป
  ออนไลน์ได้สักพักก็มีผู้ติดต่อรายนึงเข้ามาทักเขา
“หวัดดีครับน้องพี”
พีร์เองก็ประหลาดใจเหมือนกันเพราะยังไม่รู้ว่าเป็นใคร แถมรูปที่ขึ้นบนหน้าจอก็ไม่ใช่รูปของเขา แต่เป็นรูปต้นไม้ใบหญ้า
“คับ”
“ผม พจน์เองนะ จำได้หรือเปล่า น้องพี่แพรวไง”
พีร์จำได้เลยทักไปว่า “คับ จำได้คับ คุณพจน์”
“โห ไม่ต้องเรียกคุณหรอกครับ เรียกพจ เฉย ๆ ดีกว่า”
“ครับ พจ ...แล้วพจได้เมลล์ผมได้ไงครับ”
“อ่อ ก็ ผมเป็นที่ปรึกษาของทีมพีหน่ะ ในโปรเจกต์ของตลาดหลักทรัพย์ไง”
“อ่อ คับ”
“ครับ พีครับ วันพรุ่งนี้ ตอนเย็น ผมอยากเจอพวกคุณหน่ะครับ”
พีร์ไม่ประหลาดใจเพราะคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของศิริพจน์อยู่แล้ว
“ครับ ได้ครับ”
“เอางี้ละกัน ผมไม่อยากให้พวกคุณต้องลำบากมาไกล เดี๋ยวผมไปหาพวกคุณที่มหาลัยนะครับ”
“ครับ ขอบคุณครับ”
 คืนนั้น เขากับศิริพจน์คุยกันอยู่นานพอสมควรอย่างสนุกสนานถูกคอ เขาทึ่งที่ศิริพจน์มีความคิดแบบนักเศรษฐศาสตร์แนวก้าวหน้า และเป็นผู้ที่ชื่นชอบตัวเลขเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่ชอบที่จะใช้ชีวิตหรูหราอย่างคนอื่น
  ก็ดีแล้วหล่ะ เขาและเพื่อน ๆ จะได้เข้ากับศิริพจน์ได้ง่ายขึ้น
    ศิริพจน์มองรูปพีร์ยิ้มสดใสบนหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างมีความสุข เขามีความสุขเพราะไม่ใช่แค่คุยกับพีร์เฉย ๆ แต่กลับมองรูปของพีร์นั้นเสมือนเขาได้คุยกับตัวจริง เหมือนที่เคยเจอกันครั้งแรก
    ในการคุยกับครั้งนี้ เขาให้อีเมลล์ส่วนตัวในการแอดเมลล์ของพีร์ ต่างกับการติดต่อกับเพื่อนร่วมทีมของพีร์คนอื่นที่ใช้อีเมลล์ของที่ทำงานของเขาในการติดต่อ
  “ฝันดีนะครับ” เขาบอกลาพีร์อย่างนั้น
“คับ เช่นกัน” พีร์ตอบกลับ ก่อนจะขึ้นไอคอน “บายๆ” เป็นตัวการ์ตูนน่ารัก
เมื่อพีร์ออฟไลน์ไปแล้ว เขายังไม่ยอมปิดหน้าต่างที่คุยกับพีร์ แต่กลับนั่งอ่านบทสนทนาอย่างตั้งใจอีกครั้ง พร้อมกับกดโทรศัพท์ไปหานลพรรณ
 “ฮัลโหล พี่แพรวครับ”
“จ้ะ มีอะไรเหรอพจน์”
“พรุ่งนี้ตอนเย็นผมขอยืมรถหน่อยได้ไหม”  เขาโทรไปยืมรถของตัวเองที่ยกให้พี่สาวไปตั้งแต่ปีหนึ่ง ยกเว้นว่าเขาอยากใช้รถจริง ๆ จึงจะขับเอง
 
“น้องพีค๊าบบ วันเสาร์อาทิตย์นี้ว่างไหม” ศิลากรอกเสียงมาถามคนรักแบบอ้อน ๆ
“ไม่ว่างอ่ะครับพี่หยก มีอะไรหรือเปล่า”
“ทำไมอ่ะน้องพี มีทำรายงานเหรอ” เขาเสียงอ่อนลงนิดหน่อย
“อ่อ ครับ กลุ่มพีทำโปรเจกต์ส่งประกวดกับตลาดหลักทรัพย์อ่าครับ”
“เหรอ ฟังดูดีเนอะ แล้วเป็นไงมั่ง ทำเรื่องอะไรล่ะ เพื่อพี่จะช่วยได้มั่ง” เขาถามคนรักอย่างสนใจ เพราะตัวเขาเองก็เคยเป็นนิสิตในคณะเศรษฐศาสตร์เหมือนกัน
“ก็ เป็นการประชาสัมพันธ์กับคนภายนอกอ่ะครับว่าจะเข้ามาลงทุนยังไง ก็แบบสร้างความเชื่อมั่น และก็คิดโครงการการลงทุนต่าง ๆ อ่าครับ”
“เหรออ” เขาตอบรับ “งั้นพี่กับน้องพีก็คงไม่ได้เจอกันล่ะสิเนี่ยะ”
“พีก็อยากเจอพี่หยกครับ แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ”
“โอเค ๆๆ งั้นเสร็จเรื่องนี้เมื่อไหร่ พี่จะย้ายข้าวของไปอยู่กับเราเลยนะ” ศิลาหยอกล้อคนรักอย่างสนุกสนาน
“บ้าน่า พี่หยกอ่า...”
  พีร์กับกลุ่มเพื่อน ๆ และศิริพจน์ เข้ากันได้และตั้งใจร่วมกันทำงานเป็นอย่างดี จนผลงานของพวกเขาผ่านเข้ารอบตัดสินเป็น 5 ทีมสุดท้าย ศิริพจน์เองก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาก คือ รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและช่วยชี้แนะกลุ่มรุ่นน้องพวกนี้ได้ตรงประเด็น จนพีร์นึกประหลาดใจเพราะว่าถ้าเป็นคนอื่น คงจะแสดงท่าทีอวดรู้และข่มพวกเขาแน่ ๆ แต่ศิริพจน์นั้นให้ความเป็นกันเองและมีน้ำใจกับพวกเขาทุกคน เพราะเมื่อเลิกจากการทำงานในแต่ละวันนั้น ศิริพจน์ก็ร่วมกินข้าวกับพวกเขาอย่างไม่ถือเนื้อถือตัว รวมทั้งไปส่งเขาที่หอพักซึ่งค่อนข้างไกลจากหอเพื่อน ๆ ในกลุ่ม หรือบางวันศิริพจน์เองก็ขอนอนค้างกับเขาเพราะไม่อยากขับรถกลับไป พีร์เองก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และศิริพจน์เองก็ไม่ได้ทำให้เขาเดือดร้อนเลยแม้แต่น้อย
    ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน เขารู้สึกว่าศิริพจน์เป็นเพื่อนที่ดีอีกคนหนึ่งของเขา ถึงแม้จะไม่ได้รู้จักกันนานมาก แต่ก็เหมือนเข้าอกเข้าใจเขาในหลายเรื่องที่คนอื่นไม่เข้าใจ และก็ไม่ได้ถือสาในเรื่องความคล้ายผู้หญิงในบางเรื่องของพีร์เลย
     ส่วนศิลาเองก็โทรหาเขาบ้าง เขาเองก็เล่าเรื่องทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องที่ศิริพจน์มานอนที่ห้องเขาในบ้างวัน เพราะถ้าศิลารู้เข้า ก็คงจะไม่ปล่อยให้เขาได้อยู่คนเดียวอีกแน่ ๆ พีร์นึกถึงคนรักที่หึงหวงรุนแรงจนบางครั้งก็เหมือนทำอะไรไร้เหตุผลเหมือนกัน
   แต่เขาก็รู้สึกดี ที่ศิลานั้นหวงและห่วงเขามากมาย
    “พรุ่งนี้ก็ถึงวันตัดสินแล้วนะ” พีร์กล่าวอย่างตื่นเต้น ขณะเดินมากับศิริพจน์ที่เดินมาส่งที่หอพักในมหาวิทยาลัย
“ครับ พีตื่นเต้นไหม” เขามองลงไปยังคนที่ตัวเล็กกว่า ที่ดวงตาฉายแววตื่นเต้นอยู่
“นิดหน่อยครับ”
“พีครับ จบแล้วพีคิดไว้หรือยังว่าจะทำงานที่ไหน” ศิริพจน์ถาม เพราะก็อยากรู้เหมือนกันว่าพีร์จะไปทำงานที่บริษัทของศิลาหรือไม่
“ก็ หางานทำเรื่อย ๆ อ่ะครับ”
“เหรอครับ ไม่สนใจมาทำงานกับตลาดหลักทรัพย์เหมือนพจเหรอ”
“ไม่อ่าครับ ไม่ได้เก่งขนาดนั้น”
“ไม่ใช่หรอกครับ” ศิริพจน์โอบไหล่คนร่างอวบ “เก่งไม่เก่งมันอยู่ที่การพัฒนาของเรา ถ้าสนใจก็ลองดูนะครับ มันไม่มีอะไรยากหรอก” เขาพูดพร้อมยิ้มให้อย่างใจดี
พีร์เองก็ยิ้มรับศิริพจน์เช่นกัน
“ขอบคุณนะครับพจที่มาส่ง” พีร์พูดตอนที่ศิริพจน์มาส่งจนถึงหน้าหอพัก
“ครับ ไม่เป็นไร”
พีร์จะหันหลังก้าวเข้าไปเพื่อขึ้นไปบนหอ แต่ศิริพจน์ก็เรียกเขาอีกรอบ
“พีครับ....”
“ครับ...” พีทำหน้าสงสัยเล็กน้อย
“พรุ่งนี้เจอกันนะครับ”
“ครับ เจอกันครับ” พร้อมกับโบกมือให้เหมือนเคย
   ศิริพจน์เดินยิ้มออกมาอย่างมีความสุข อีกใจก็อดใจหายไม่ได้ เขารู้สึกดีที่ได้สนิทสนมกับพีร์ บางครั้งเขาก็สังเกตเห็นพีร์มีท่าทีแปลก ๆ เวลารับโทรศัพท์ตอนกลางคืน เขาก็พอเดาได้ว่าเป็นศิลาโทรมา แต่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และเขาเองก็ไม่ได้ถามเจ้าตัวว่ามีแฟนหรือยังให้รู้แล้วรู้รอด เพราะกลัวคนที่อารมณ์อ่อนไหวอย่างพีร์จะแสดงอาการต่าง ๆ ออกมา เขาก็อดเป็นห่วงความรู้สึกของพีร์ไม่ได้เลย
   ต่อจากนี้ไป เขาก็คงไม่ได้มาหาพีร์บ่อย ๆ แบบนี้เพราะงานแล้วหล่ะ แต่เขาก็ไม่สนใจเรื่องพวกนั้น และไม่สนใจศิลาที่จะรู้ว่าเขาสนิทกับพีร์ด้วย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 23-04-2010 15:28:20
พจเริ่มรุกมากมายอ่ะ แถมยังได้มานอนที่ห้องน้องพีด้วย

ถ้าพี่หยกรู้นี่ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น  :z10:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 23-04-2010 16:20:34
ทำอะไรลงไป ช่างไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย

อีป้าแก่ๆ จะรอดูต่อไป ตอนละเบิดตู้มตาม ก็แล้วกันนะ 555
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 23-04-2010 21:34:20
กีสส

อิจฉาพีร์ซะละ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ptyunjae ที่ 24-04-2010 00:04:54
เรื่องมันจะจบยังไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 24-04-2010 16:00:05
น้องพีร์ทำอะไร
อ่านแล้วขัดใจ  :serius2:
เบรคดีกว่า
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 24-04-2010 16:45:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 24-04-2010 17:50:34
นี่ถ้า ศิลา รู้เรื่องขึ้นมานะ อี๋ยยยย ไม่อยากจะคิด  :serius2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 24-04-2010 20:54:51
เพิ่งจะได้เข้ามาอ่าน

ศิลาหึงรุนแรงมาก  ถ้ารู้เรื่องนี้มีหวัง   :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: surfsurf ที่ 24-04-2010 21:41:48
สนุกมากๆเลยครับ

ชอบเจ๊เป้ตลกดี

พีกับศิลาก็น่ารัก  :L2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 25-04-2010 16:22:55
   ภาคต่อ ตอนที่ 7
     ผลการประกวดได้ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในทีมของพีร์เองนั้นได้รางวัลที่ 3 นั้นก็ทำให้ทุกคนในทีมพอใจเป็นอย่างมากโดยเฉพาะพีร์เองที่ไม่ได้คาดหวังรางวัลอะไรจากการประกวดในครั้งนี้ เขาเพียงแต่หวังหาประสบการณ์เพื่อให้ดูดีตอนไปสมัครงานก็เท่านั้น
   เย็นนี้ที่เสร็จสิ้นโครงการประกวดเป็นวันศุกร์ ศิริพจน์พาทุกคนในทีมไปเลี้ยงฉลองกัน ให้สมกับที่ร่วมมือเหนื่อยมาด้วยกัน โดยพวกเขาเลือกไปที่ร้านสุกี้ชื่อดัง ก่อนจะแยกย้ายกันกลับในเวลาสองทุ่ม เพื่อน ๆ ในกลุ่มของพีร์เป็นคนในกรุงเทพฯ ยกเว้นพีร์ที่ต้องกลับรังสิตคนเดียว ดังนั้น ศิริพจน์จึงรับอาสาไปส่งพีร์ด้วยความเต็มใจ
    “พีครับ...” ศิริพจน์เรียกพีร์ก่อนที่หนุ่มน้อยจะลงจากรถ
“คับ..”
“ผมดีใจนะครับที่รู้จักกับคุณ” ใบหน้าหล่อเหลานั้นยิ้มให้พีร์อย่างจริงใจ
“ครับ เหมือนกัน”
“มีอะไรโทรหาผมได้นะครับ ผมยินดี”
“คับ บะบาย ครับพจ ขอบคุณคุณมาก ๆ เลย” พีร์อำลาก่อนจะลงจากรถ
“ครับ”  เขายิ้มให้ร่างอวบก่อนจะขับรถออกไป
  พีร์ค่อยเดินเข้าไปในอาคารด้วยความรู้สึกดี ที่มีคนเป็นห่วงและเอาใจใส่เขา เขารู้สึกสบายใจเมื่ออยู่กับศิริพจน์
  เหมือนศิริพจน์เป็นคนที่เขาไม่ต้องใช้คำพูด แต่เหมือนฝ่ายนั้นก็รู้ว่ารับรู้ความรู้สึกของเขาได้และควรทำอะไร
  “ว่าไงน้องพี…” เสียงคุ้นหูนั้นแว่วมาด้วยความแข็งกร้าว พีร์หันกลับไปมองอย่างอัตโนมัติ ก็พบว่าศิลานั้นยืนมองเขาอยู่ข้างหลัง
“พี่หยก....” พีร์ตกใจไม่คิดว่าคนรักจะติดตามเขาแบบนี้
“ยังจำพี่ได้ด้วยเหรอฮะ....พี่นึกว่าได้ไอ้พจแล้วลืมพี่แล้วซะอีก” ศิลาปราดเข้ามาบีบต้นแขนพีร์แน่น เหมือนความรู้สึกทั้งหมดที่เก็บกดมานานกำลังจะถูกปลดปล่อยในไม่ช้านี้
“พี่หยก!” พีร์ตกใจ ทั้งโกรธ ทั้งอายยามที่เริ่มมองทั้งสองคน
“ไปคุยกันข้างบนให้รู้เรื่อง” เขากระชิบข้างหูพีร์ด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดก่อนจะ ลากตัวพีร์ไปบนห้องพัก
 เมื่อถึงห้องพัก ศิลาปิดประตูล็อกแน่นก่อนจะเหวี่ยงหนุ่มน้อยลงบนที่นอนด้วยความไม่พอใจ
“พี่หยก! ทำไมทำแบบนี้” พีร์ถามด้วยน้ำเสียงสงสัยปนตกใจ
“พี่น่าจะถามเรามากกว่าว่าทำไมทำแบบนี้กับพี่”
“ทำแบบไหน” เขาสงสัย
“ยังจะต้องถามพี่อีกเหรอว่าแบบไหน ใช่สิ...คงจะลืมไปแล้วว่ายังมีพี่อยู่”
“พี่หยก มีอะไรก็พูดกันตรง ๆ พีไม่ชอบ”
“พีต่างหากที่ต้องพูดกับพี่ตรง ๆ!” เขาตวาดคนรักเสียงกร้าว “ที่ไอ้พจมานอนกับเราเนี่ยะ ยังจะให้พี่ต้องพูดอะไรมากอีกไหม”
“พี่หยก...” เขาตกใจ “นี่พี่หยกตามมาดูเหรอ”
“ใช่” ศิลายอมรับ เพราะเขาเองแอบตามมาดูพีร์ช่วงที่หนุ่มน้อยทำโครงการกับเพื่อนและจ้างนักสืบติดตามหลังจากนั้นเพราะไม่มีเวลามาก จึงพบว่าพีร์ปิดบังว่าคนที่มาช่วยทำงานเป็นศิริพจน์ และยังให้ศิริพจน์พักค้างคืนด้วยในบางเวลา
  เขาแทบทนไม่ได้เมื่อรู้อย่างนั้น แต่ก็ต้องปล่อยไป รอวันสะสางทีเดียวเลยจะดีกว่า
“พี่หยก นี่พี่หยกไม่เคยไว้ใจพีเลยใช่ไหม” พีร์ที่ตอนนี้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือจากการเริ่มร้องไห้
“ใช่ ก็เพราะเราเป็นแบบนี้ไง ทำไมถึงชอบปิดบังพี่นักหา” ศิลาเข้าไปบีบไหล่ทั้งสองข้างของพีร์พร้อมจ้องหน้าอย่างคาดคั้น
“แล้วพี่หยกล่ะ เคยไว้ใจอะไรพีหรือเปล่า” เขาร้องไห้หนักขึ้น “พี่หยกไม่เคยปล่อยให้พีคิดอะไรและทำอะไรเองมั่งเลย พีก็มีหัวใจ มีความคิดนะ” เขาปล่อยโฮและร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดจากแรงบีบที่ต้นแขน
“เจ็บหนักเหรอ ฮะ! แล้วที่ทำกับพี่ไม่คิดมั่งเหรอว่าพี่เจ็บแค่ไหน” เขาเพิ่มแรงบีบโดยไม่สนใจคนรักร่างอวบอีกต่อไป
“พี่หยก...”
ศิลาเขย่าตัวคนรัก “บอกมา ไอ้พจมันดีกว่าพี่ตรงไหน บอกมาสิ!!!!”
“พี่หยก ไม่นะ....” พีร์ไม่มีโอกาสได้พูดอะไรมาก ศิลาก็ฉีกเสื้อผ้าเขาออกอย่างไม่มีชิ้นดี จนตัวของพีร์เปลือยเปล่าในชั่วพริบตา
   ศิลาซุกไซร้ซอกคอนั้นอย่างหื่นกระหาย เขาพลางใช้ฟันแหลมคมนั้นขบกัดอย่างรุนแรงที่ต้นคอ และหน้าอกอวบอิ่มนั้นจนเป็นรอยห้อเลือด มือแข็งแรงนั้นขยำลงบนเนื้อนุ่มอย่างไม่ปราณี
“พี่หยก..อย่า...” พีร์ขอร้องทั้งน้ำตานองหน้า แต่ดูเหมือนศิลาจะไม่สนใจในเสียงร้องไห้นั้น
“หืม ทำไม..” ศิลาถามก่อนจะตอบมาด้วยน้ำเสียงเจือความหื่นหิว “พี่มีอะไรสู้มันไม่ได้เหรอ หา!”
   เหมือนเสือร้ายที่กำลังขย้ำแกะน้อย  ศิลาลงมือกับเนื้อนิ่มนั้นอย่างไม่สนใจในเสียงร้องเจ็บปวดนั้นเลย เขาพลางค่อยถอดเสื้อผ้าชิ้นล่างของตัวเองออกเพราะอารมณ์ดิบของเขาต้องการปลดปล่อยขั้นสุดแล้ว 
“อ๊า......!!!!!!!!” พีร์ที่ไม่ได้มีอารมณ์ร่วม สะดุ้งเจ็บจากการถูกสอดใส่ น้ำตาที่ไหลพรากอยู่ก่อนแล้ว ยิ่งไหลออกมาด้วยความเจ็บปวดจากการถูกกระทำ
“อ๊ะ! อ้าห์.....” ศิลาครางออกมาอย่างสะใจในทุกจังหวะการกระแทกกระทั้น เขาบีบคางร่างที่นอนอยู่ข้างใต้อย่างแสดงความเป็นเจ้าของ
“ลืมตา!”  เขาสั่งร่างอวบที่ร้องไห้ด้วยความทรมานให้เปิดเปลือกตาขึ้น
“ลืมตาซะ.....มองพี่!” เขาบีบคางพีร์แน่นขึ้น พีร์จึงต้องมองหน้าเขาด้วยน้ำตานองหน้า
“จำไว้นะ น้องพีเป็นของพี่” เขาพูดพร้อมกระแทกกระทั้นแรงขึ้น
“อ๋าหหหหหห์” พีร์ครางออกมาอย่างเจ็บปวดรวดร้าว
“น้องพีเป็นของพี่........ของพี่คนเดียวเท่านั้น” พร้อมยิ่งเสริมแรงเข้าไปอย่างไม่หยุดหย่อน และโลมเลียร่างของพีร์ที่ชุมเหงื่ออย่างหิวโหย พีร์มองศิลาด้วยความปวดร้าวในจิตใจ เขาเบือนหน้าขึ้นกรีดร้องอย่างทรมาน ตลอดการลงโทษอันแสนหนักหน่วงในครั้งนี้
“อะ ฮ้าหหหหหหหหหห์”  ร่างของศิลากระตุกด้วยถึงสุดหมายของความต้องการ ก่อนจะกระแทกเน้น ๆ เข้าไปที่ร่างอวบอย่างรุนแรง และฟุบลงไปด้วยความเหนื่อยอ่อน เขาซบลงไปบนตัวคนรักอย่างเคย แต่ครั้งนี้พีร์ตัวสั่นสะท้าน หูของเขาพลันได้ยินเสียงสื้นไห้จากคนรัก เขาจึงค่อยลูบหน้าและจูบซับน้ำตาพีร์ด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะค่อย ๆ ถอนกายออกมา
  พีร์ร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะนอนขดตัวตะแคงข้างอย่างรวดร้าว ศิลาลุกขึ้นและก้มลงไปมองที่เตียง ก็พบคราบไคลสีขาวของเขากับเลือดสด ๆ ที่อยู่บนที่นอน
เพียงเท่านั้น สามัญสำนึกของความเป็นคนรักทั้งหมดก็กลับมาสู่ตัวเขา เขาค่อย ๆ ไปลูบหัวพีร์ที่นอนร้องไห้อยู่ช้า ๆ ก่อนจะกระซิบเบา ๆ ข้างหู
“พี่ขอโทษ.....”   พร้อมก้มมองร่างอวบที่สะอื้นหนักขึ้น
“ออกไป....” เสียงสั่น ๆ จากพีร์กล่าวออกมาอย่างเสียใจที่สุด
“น้องพี...”
“ออกไปเถอะครับ....”
“น้องพี จะออกไปได้ไง แล้วเรา....” ศิลาขอร้อง แต่พีร์ก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
“ออกไปเถอะครับ ก่อนที่พีจะเกลียดพี่หยกมากกว่านี้” เขากล่าวออกมาอย่างอ่อนแรง
“ก็ได้ ๆๆๆ” ศิลายอมปนขัดใจ “พี่ออกไปก็ได้ พรุ่งนี้พี่มาหาใหม่ก็แล้วกันนะ” เขากล่าวเสียงอ่อนลงพร้อมแต่งตัวออกไปจากห้องพักของคนรัก
 พีร์มองศิลาที่ปิดประตูเดินลับไปอย่างปวดร้าว ร่างกายอันบอบช้ำของเขาคงจะสู้หัวใจที่แหลกสลายจากฝีมือของศิลาไปไม่ได้ เขากอดหมอนข้างแน่น น้ำตาไหลพรากอย่างสุดจะกั้น เขานึกถึงวันเก่า ๆ ที่ศิลากับเขาเคยมีด้วยกัน ความห่วงใย ความอ่อนโยนของศิลา ภาพและความรู้สึกมันถูกทำลายไปหมดแล้วเมื่อครู่นี้
 พีร์ปล่อยเสียงร่ำไห้ออกมาด้วยความร้าวรอนกับเรื่องเหล่านั้น เขาเจ็บปวดรวดร้าวไปหมดทั้งใจและกายจากการกระทำย่ำยีของคนที่เขารัก
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: sodium_lows ที่ 25-04-2010 17:07:27
จิ้มก่อนอ่านคับ ขอบคุณคับ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 25-04-2010 17:29:46
เพราะไม่เข้าใจกัน มันก็เป็นเช่นนั้นแล  :เฮ้อ:

อีป้าแก่ๆ เริ่มเจ็บตับแล้วนะ +1 จัดไป
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nootoomtam ที่ 25-04-2010 20:36:45
Oh!
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 25-04-2010 22:13:35
มันไม่ใช่อย่าที่พี่หยกคิดน๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :z3:

สงสารน้องพีอ่ะ.... :m15: งานนี้พีต้องคงกลัวแล้วก็ไม่อยากเจอพี่หยกอีกแน่ๆ ... ทำไมทำกันอย่างเน้ :angry2:


มาต่อไวๆๆๆนะไรท์เตอร์ :monkeysad: สงสารน้องพีอ่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 26-04-2010 18:39:05
โอ้ย

อันนี้ยิ่งน่าอิจฉาาาาาาา
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 26-04-2010 18:57:26
อิพี่หยก 

ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ANUNTAYA ที่ 26-04-2010 19:23:30
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:




แล้้วคนคบกัน





จะมีความลับไว้เพื่ออะไร
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 27-04-2010 17:34:04
ภาคต่อ ตอนที่ 8
“พี่แพรวสวัสดีครับ พี่เป้หวัดดีครับ” ศิริพจน์ยกมือไหว้พี่สาวและเพื่อนที่นั่งเมาท์กันอยู่ เพราะเขาจะมาคืนรถให้นลพรรณแต่เธอบอกว่าให้มาคืนที่บ้านปกรณ์เพราะคืนนี้เธอพาลูก ๆ มานอนบ้านปกรณ์ เด็ก ๆ จะได้มีเพื่อนเล่นกับหลาน ๆ ในบ้านของเขา
“จ้ะ ไปกินข้าวกับแม่สาวน้อยมาเป็นไงมั่งคะสามี” ปกรณ์ออกปากแซว
“โหยย ไม่มีอะไรหรอกครับพี่เป้ แค่ทานข้าวกันเฉย ๆ”
“แล้วว่าแต่ไปส่งน้องเค้าเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” นลพรรณถามน้องชายตัวเอง
“ครับ เรียบร้อยครับ” เขาตอบยิ้ม ๆ นลพรรณเองก็ยิ้มเหมือนกัน เพราะเวลาสามทุ่มย่างสี่ทุ่มอย่างนี้ น้องชายเธอก็กลับมาแล้ว
“เออ แล้วนี่ชวนน้องพีเค้าไปงานรับปริญญาหรือเปล่าหน่ะ พจ” ปกรณ์ถาม เพราะวันพฤหัสที่จะถึงนี้เป็นวันที่ศิริพจน์เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรพอดี
“ยังเลยครับ เนี่ยะ ถ้าพี่เป้ไม่พูดผมก็ลืม ขอบคุณมากครับพี่เป้” แล้วพลันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพีร์
“แหม น้องพจเนี่ยะ ดูท่าทางชอบนังหนูนี่จริง ๆ นะแก” เขาสัพยอก
“ไม่หรอกครับ เดี๋ยวผมก็ชวนทุกคนหล่ะ”เขาตอบรับคนข้าง ๆ ขณะที่รอสาย เขาแอบแปลกใจที่พีร์ไม่รับยอมรับโทรศัพท์ของเขาเสียที จนกระทั่ง
“ฮัลโหล ๆๆ พี...” เขากรอกเสียงลงไป ก็พบแต่ความเงียบ
“ฮัลโหล...” เขาตั้งใจฟัง ชั่วอึดใจก็มีเสียงสะอื้นไห้ตอบรับจากปลายสาย
“พี!!!”  ศิริพจน์ตกใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น ทำให้พี่สาวกับเพื่อนกระเทยต่างก็ตกใจไปด้วย
“พจ น้องพีเป็นอะไร” นลพรรณดูท่าจะตกใจกว่าใครด้วยความเป็นผู้หญิง
“พี....พีเป็นอะไรไป!”  ศิริพจน์งงกับเสียงร้องไห้ที่ดังไม่หยุดจากปลายสาย ด้วยความเป็นผู้ชายของเขา จึงคาดเดาว่าเกิดเรื่องเกียวกับพีร์และศิลาแน่ ๆ
“โอเค ผมจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้นะ รอผมนะ” เขารีบเร่ง ก่อนวางสาย และหันไปถามนลพรรณ
“พี่แพรว ๆๆ โทรหาพี่หยกหน่อยสิครับ”
“มีอะไรตาพจ”
“พี ครับ พี” เขาพยายามจับต้นชนปลาย “พีเค้าร้องไห้อย่างเดียวเลย”
“แล้วทำไมอ่ะค่ะ” ปกรณ์สงสัย
“ผมกลัวว่าพี่หยกจะไปหาพีแล้วทะเลาะกันอ่ะครับ”
“โอเค แล้วจะให้พี่ถามว่ายังไงมั่งพจ”
“พี่ก็ถามเรื่อย ๆ ไป แต่ให้ผมรู้ว่าหนึ่งเค้าอยู่ไหน สองเค้าไปหาพีมาหรือเปล่า และสังเกตตอนที่เค้าพูดดี ๆ โอเคไหมครับพี่แพรว”
“อืม ๆๆ พี่จะลองดู” แล้วเธอก็กดโทรศัพท์ไปหาศิลาทันที
“ฮัลโหลหยก”
“ว่าไง” ศิลาตอบรับเป็นปกติ
“อ่อ นี่คุณขับรถอยู่หรือเปล่าคะ”
“ใช่ ๆ มีอะไร”
“คืนนี้คุณไปหาน้องพีหรือเปล่า”
“ทำไม มีอะไรเหรอ..” น้ำเสียงแอบขวางเล็กน้อย
“อ่อ คือ แพรวจะบอกว่า แพรวมานอนบ้านเป้หน่ะ พาลูกมาด้วย ก็ถ้าคุณไม่กลับบ้านแพรวจะได้บอกคุณพ่อคุณแม่ถูกไง”
“อืม ผมกำลังจะกลับบ้าน ตอนนี้ลงทางด่วนแล้ว”
“โอเคค่ะ ขับรถดี ๆ ล่ะหยก”
“ครับ บาย” นลพรรณวางสาย ท่ามกลางอาการลุ้นระทึกของสองคนที่รอฟัง
“ว่าไงครับพี่แพรว” ศิริพจน์ถาม
“พี่ว่าเค้าไปหาน้องพีมาหล่ะ  เค้าดูหงุดหงิดยังไงไม่รู้หน่ะ”
“พี่แพรว จะว่าอะไรผมไหม ถ้าผมจะไปดูพีเค้า” ศิริพจน์พูดกับพี่สาวอย่างจริงจัง
“ไม่หรอก ดูแลเค้าด้วยละกัน”  เธอยิ้มให้น้องชายที่กำลังจะออกไป
“เดี๋ยวค่ะน้องพจ” ปกรณ์ร้องทัก “ถึงแล้วโทรมารายงานพวกพี่ด้วยนะคะ”
“ครับ ขอบคุณครับพี่แพรว พี่เป้”

    ศิริพจน์ขับรถไปด้วยความเร่งรีบ ปกติแค่ความเร็ว 120 เขาก็คิดว่าเร็วพอแล้วกับการขับรถ แต่นี้เขาไปด้วยความเร็วที่ใส่ไปหมดเท่าที่เขาจะทำได้ เพื่อไปให้ทันเวลา เพราะรู้ว่าหอพักของพีร์จะปิดให้เข้าตอนเที่ยงคืน
   เมื่อเขาไปถึงก็จัดการคุยกับรปภ.และขึ้นไปหาพีร์ทันเวลาที่จะปิดหอ เขาเคาะประตูห้องพีร์รัว และสักพักร่างอวบนั้นก็เดินมาเปิดให้ เมื่อเขาเห็นร่างอวบในชุดนอนด้วยสภาพน้ำตานองหน้า เขาก็ออกปากถาม
“พี.....เกิดอะไรขึ้น..” ร่างอวบนั้นไม่ตอบแต่กลับร้องไห้โฮและโผเข้ามาหาศิริพจน์อย่างหาที่พึ่งพิง
“พี....” เขาลูบหัวที่ซบที่อกเขาเบา ๆ อย่างปลอบโยน “ป่ะ เข้าไปในห้องก่อน” เขาเดินโอบพีร์ไป เมื่อพีร์ทำท่าจะก้าวเดินเขาก็พบร่างอวบนั้นมีอาการเจ็บปวดมาก
“พี....คุณเจ็บมากใช่ไหม” เขาก้มลงพูดกับพีร์ ก่อนจะอุ้มพีร์ขึ้นมา
พีร์ถึงแม้จะกำลังร้องไห้ แต่ก็หยุดร้องโดยทันทีเพราะตกใจที่ศิริพจน์อุ้มเขาที่มีรูปร่างอวบอ้วนได้สบาย ๆ
“พจ คุณทำได้ไงอ่ะ” เขาถามขณะอยู่ในอ้อมอกของอีกฝ่าย
“ทำได้สิ คุณไม่ได้ตัวหนักเท่าไหร่หนิ”
“บ้าน่า” เขายิ้มออกมา ศิริพจน์เองก็ยิ้มออกด้วยเมื่อเห็นพีร์หายเศร้า เมื่อเขาอุ้มพีร์ไปถึงที่นอน เขาเองก็ต้องเป็นฝ่ายตกใจ เมื่อเห็นหลักฐานของความเจ็บปวดของพีร์ยังคงอยู่
พีร์เองเมื่อเห็นอย่างนั้นก็หน้าเสีย แล้วทำท่าจะร้องไห้อีกครัง ศิริพจน์เองก็พอเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เขาค่อยวางพีร์ลงบนที่นอน แล้วค่อยลูบหน้าอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง
“พี่หยกเค้าทำคุณเจ็บไหม....” ศิริพจน์ถามด้วยความรู้สึกสะเทือนใจไม่แพ้กัน
“พจ...คุณ...”
“ผมรู้มาตลอดเลยนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ..พี”
พีร์รับฟังด้วยน้ำตาที่ไหลริน แต่อีกฝ่ายก็พูดออกต่อ “ผมขอมาดูแลคุณได้ไหม”
 พีร์เองไม่ได้ตอบรับอะไรนอกจากร้องไห้ออกมา ศิริพจน์ ลุกออกไปหายาให้พีร์กิน และอยู่ดูแลพีร์จนหลับไป เขากรุ่นคิดคิดถึงศิลาที่มีอารมณ์หึงหวงรุนแรง และเหลือบมองร่างอวบที่นอนหลับด้วยสีหน้าทุกข์ใจ
    เขาไม่ยอมให้พีร์ต้องอยู่กับคนเจ้าอารมณ์อีกต่อไป !!
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 27-04-2010 18:26:11
 :z13: ก่อน
กลัวใครแย่งรีนี้ไปก่อน  :jul3:


ทำไมสองคนนี้ไม่เจอกันก่อนนะ อีป้าแก่ๆ จะเชียร์จนออกนอกหน้าเลย

แต่ พี คะ การทำแบบนี้ มันไม่หมิ่นเหม่ ต่อ จรรยาบรรณ กุลเกย์ เหรอคะ
 
:เฮ้อ:   พักก่อน ค่อยมาคิดต่อ ว่าจะเอายังไงดี หายไวๆนะ อีหนู

+1 ให้คนแต่งค่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 27-04-2010 18:45:47
สรุปใครพระเอกอ่ะครับบ

หรือเหมา

อิอิ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nootoomtam ที่ 27-04-2010 18:59:21
งานเข้าละ

เค้าไม่เอา พจน์เป็นพระเอกน้า

จะเอาๆๆๆพี่หยกอ่า

> แอบเคือง พี่พจน์อ่า <

555

 :m8:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 27-04-2010 19:39:41
พจน์คงเอาจริงแล้วสินะ
ตอนนี้เชียร์พจน์
ยังเคืองอิพี่หยกจากตอนที่แล้ว  :angry2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ANUNTAYA ที่ 27-04-2010 19:50:25
งานเข้าละ

เค้าไม่เอา พจน์เป็นพระเอกน้า

จะเอาๆๆๆพี่หยกอ่า

> แอบเคือง พี่พจน์อ่า <

555

 :m8:




เถียงกันได้ีอีกว่าใครเป็นพระเอก  อิอิ

นี่ถ้าเราเดาไม่ผิดนะ   พระเอกต้องไม่ใช่สองคนนี้แน่นอน


เพราะพระเอกตัวจริงก็คือ  เราเอง


ตกใจใช่ไหมล้าาา  อิอิอิอิิ   
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 27-04-2010 20:01:37
 :z13: อีรีบน ข้อหา ทำให้อีป้าแก่ๆ หมั่นไส้



ใครจะคู่กับใคร อีป้าแก่ๆ ไม่สน

สนแต่ว่า คุณไร้เตอร์ มาบ่อยๆ ยาวๆ เยอะ ๆ อีป้าแก่ๆ ก็พอใจละคะ



การแสดงความรัก ด้วยการข่มขืน นี่คิดว่าดีแล้วเหรอนายหยก เรซิ่น

ทำไปได้ กว่าจะได้รู้สำนึก แกคงหมดเวลาจะได้แก้ตัวมั้ง
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 27-04-2010 21:39:00
สงสารน้องพีอ่ะ..พี่หยกจะหึงหวงแรงเกินไปนะเนี่ย...

แต่ไม่แน่นะถ้าคุณพจน์เข้ามาดูแลพี่จริงๆ พีอาจจะมีความสุขมากขึ้นก็ได้...

รออ่านต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 28-04-2010 21:37:40
มาต่อแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ คะแนนโหวต และกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
ดีใจมากเลยค่ะ ที่ทุกคนรักน้องพี

ภาคต่อ ตอนที่ 9
“ฮัลโหล พี่แพรวครับ” ศิริพจน์ออกไปข้างนอกระเบียงห้องโทรศัพท์หาพี่สาวและเพื่อนหลังจากที่พีร์หลับไปแล้ว
“ว่าไง ตาพจน์ พี่ก็รอโทรศัพท์เราอยู่” นลพรรณรับสายพร้อมเปิดระบบลำโพง
“คือ พีอาการแย่มากเลยครับ ไม่พูดไม่จากับใครเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว ผมเลยให้เค้านอนหลับก่อน ค่อยโทรมาจะดีกว่า”
“เหรอ เค้าแย่ขนาดไหนอ่า” นลพรรณนึกไม่ออก
“ก็ เท่าที่ผมเห็นตอนนี้นะครับ พีช้ำไปหมดทั้งตัว แล้วก็ เอ่อ...มีเลือดออกด้วยครับ”
“หยกเค้าทำร้ายร่างกายน้องพีเหรอพจ”
“มันก็ไม่เชิงอ่ะครับ คือ พี่แพรวลองถามพี่เป้ดูละกัน มันเป็นเลือดที่ออกมาจาก ..เอ่อ..”
“ต๊ายยยย  นังหนูโดนชำเราเหรอคะเนี่ยะ” เสียงแหลม ๆ จากปกรณ์กรีดขึ้นมาอย่างตกใจ
“ก็ทำนองนั้นอ่ะครับพี่เป้” เขาถอนใจพูดออกมา
“เอางี้นะคะ พรุ่งนี้น้องพจไปซื้อยาเหน็บให้นังหนูนะคะ ไม่งั้นคงช้ำในไปอีกหลายวันแน่เลยคะ”
“ยาเหน็บ?” ศิริพจน์สงสัย
“เอ่อ ยาที่ชาวเรามักใช้หลังผ่านศึกหนักอ่ะค่ะ” ปกรณ์อธิบาย
“อ่าครับ....”
“พจ แล้วนี่น้องพีเค้าไม่พูดไม่จาเลยเหรอ” นลพรรณถาม
“ครับพี่แพรว พีเค้าอาการแย่มากเลยครับ ผมก็ตกใจเหมือนกัน ไม่คิดว่าพี่หยกจะทำกันขนาดนี้”
“เฮ้อออ....” คนทั้งสองถึงกับถอนหายใจ
“ครับ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ มีอะไรผมจะโทรหานะครับ”
“อืมจ้ะ ดูแลน้องพีดี ๆ ละกัน”
“ครับ ขอบคุณครับ”
“จ้ะ บาย ๆๆ”
“ครับ”  เขากดวางสาย ก่อนจะเข้าไปในห้อง เพื่อดูแลพีร์  เขามองดูพีร์ที่กอดหมอนข้างด้วยความหวาดผวา แล้วถอนใจ ก่อนจะหยิบฝูกผืนบางมาปูนอนข้างล่างเตียง และล้มตัวลงนอนอย่างเป็นห่วงคนข้างบน
   
   พีร์ตื่นนอนมาด้วยอาการอ่อนเพลียและลืมตาอย่างยากลำบากจากการร้องไห้อย่างหนักเมื่อคืน เขาเหลียวมองไปรอบตัวก็ไม่เห็นศิริพจน์ เขาล้มตัวนอนต่อเพราะคิดว่ารายนั้นกลับไปแล้ว แต่ก็ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกก็เห็นร่างสูงนั้นออกมา
“อ่าว พี ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยะ” เขาถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“เพิ่งตื่นหน่ะคับ”
“อืม อย่าขยับตัวนะ มาแปรงฟันก่อนไหม แล้วหิวยังครับเนี่ยะ”
“คับ”  พีร์ขยับตัวทำท่าจะลุกไปห้องน้ำ ศิริพจน์เลยบอกว่า
“อยู่นิ่ง ๆ ล่ะครับ เดี๋ยวผมไปเอาอ่างน้ำมาให้” แล้วก็รีบไปเอาน้ำใส่กะละมังพร้อมแก้วน้ำกับแปรงสีฟันที่บีบยาแล้วมาให้
“อ่ะ นี่ครับ” เขายื่นแปรงสีฟันให้พีร์ พีร์ยิ้มรับและค่อย ๆ แปรงฟัน พลางมองศิริพจน์ไปด้วย
ศิริพจน์เองก็ยิ้มขำ “มองอะไรค๊าบบ หุหุหุ”
พีร์ที่กำลังแปรงฟันอยู่ก็ยิ้มขำไปด้วย จะไม่ได้มองได้อย่างไรล่ะ ก็ศิริพจน์จ้องเขาตอนแปรงฟันซะขนาดนั้น
“อ่ะ แปรงฟันเสร็จแล้ว ผมเช็ดตัวให้นะ” ศิริพจน์เอาของไปเก็บพร้อมกับเปลี่ยนน้ำใส่กะละมังใหม่พร้อมผ้าขนหนู
  พีร์พยักหน้า ศิริพจน์ค่อยปลดกระดุมชุดนอนอย่างเบามือ ร่องรอยแห่งความทรมานก็พลันปรากฎบนเนื้อตัวของพีร์ที่พยายามเบือนหน้าหนี ศิริพจน์มองหน้าพีร์พร้อมกับมองรอยนั้นอย่างสะเทือนใจ เขาถอดเสื้อของพีร์ออกแล้วค่อยใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดตัวให้อย่างเบามือ รอยห้อเลือดที่ซอกคอและหน้าอกเริ่มออกช้ำนิด ต้นแขนที่เต็มไปด้วยเนื้อนุ่มนั้นปรากฏรอยนิ้วมือเป็นจ้ำ ๆ เขาสังเกตุเห็นพีร์เริ่มมีน้ำตาออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
 เขาพอเข้าใจหล่ะ ว่าอาการของคนที่ถูกขืนใจมันเป็นอย่างไร
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากฝีมือคนที่ตัวเองรัก
 เมื่อเช็ดช่วงบนเสร็จ พีร์ขอให้เขาหยุด เพราะช่วงล่างเขาจะเช็ดตัวเอง ศิริพจน์พยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะส่งห่อยาให้
“ใช้ซะนะครับ”
“อะไรอ่ะ” พีร์สงสัย แต่พอแกะห่อออกมาก็พบว่าเป็นยาเหน็บ เขามองหน้าศิริพจน์อย่างประหลาดใจ “นี่คุณรู้จักยาพวกนี้ด้วยเหรอ”
“อ่อ เปล่าหรอกครับ พี่เป้บอกให้ผมซื้อมาให้” เขายิ้ม ๆ
“พี่เป้?” เขานึกสักพักและนึกออก “อ๋อ ผมจำได้ล่ะ แล้วเค้ารู้ได้ยังไงอ่ะพจ” พีร์เริ่มกังวล
“อ่อ ตอนที่ผมโทรมาหาคุณหน่ะ ผมอยู่กับพี่แพรวและก็พี่เป้ พี่เป้เค้าเดา ๆว่าคุณต้องใช้อ่ะฮะ ก็เลยให้ผมซื้อติดมา”
เขาถามอย่างอาย ๆ “แล้วคุณไม่อายเหรอที่ต้องไปซื้อ..เอ่อ ยานี่อ่ะ”
“ไม่หนิครับ ผมไม่สนใจหรอก” เขายิ้มให้พีร์ พีร์เองก็ยิ้มให้เขาอย่างขอบคุณเช่นกัน
 “อ่ะ ทีนี้หลังจากที่คุณเช็ดตัวก็เหน็บยานะครับพีร์ แล้วมาทานข้าวกัน เดี๋ยวผมเอาผ้าปูที่นอนคุณกับเสื้อผ้าไปซักให้นะ”
“ครับ ขอบคุณมากนะครับ พจ ขอบคุณจริง ๆ” พีร์ละล่ำละลักขอบคุณด้วยน้ำตาคลอนิด ๆ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” เขาเข้ามาลูบหัวร่างอวบเบา ๆ “ผมจะดูแลคุณเองนะ” แล้วหันไปเปลื้องผ้าปูที่นอนใส่ตระกร้าผ้าก่อนจะหิ้วออกไปจากห้อง

ศิริพจน์เสียงโทรศัพท์ของพีร์ดังขึ้น  เขามองเห็นเจ้าตัวกำลังนอนหลับ เลยเหลือบดูเบอร์ เขาพบว่าเป็นศิลาที่โทรเข้ามา เขาไม่อยากยุ่งเรื่องของพีร์นัก แต่มาถึงตอนนี้แล้ว เขาไม่รอช้าที่จะรับสาย เขาหยิบโทรศัพท์ของพีร์ออกไปรับที่นอกระเบียง
“ฮัลโหล น้องพี”
“ว่าไงครับ พี่หยก” ศิริพจน์กรอกเสียงท้าสายลงไป
“ไอ้พจ...แกไปอยู่นั่นได้ไง” ศิลาก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงกร้าวเช่นกัน
“ผมต้องถามสิว่าพี่ทำอย่างนี้กับพีได้ไง”
“ทำไม ชั้นจะทำอะไรน้องพีมันก็เรื่องของชั้น แกยุ่งอะไรด้วย”
“เหรอ...พี่เห็นพีเป็นอะไรเหรอครับ ถึงได้คิดว่าทำอะไรเค้าก็ได้”
“นี่แก...” ศิลาเริ่มมีอารมณ์ปะทุ “แกต่างหากล่ะ ถือดีมายุ่งอะไรกับน้องพีของชั้น หะ! คิดเหรอว่าชั้นไม่รู้ว่าแกเข้าหาน้องพียังไง”
“ดีหนิครับที่รู้แล้ว..” เขากรอกเสียงเย็นเฉียบลงไปด้วยความไม่สนใจ
“ไอ้พจ แกคิดจะแย่งน้องพีไปจากชั้นเหรอ นี่แพรวให้แกทำใช่ไหม”
“เปล่า..” เขาตอบเรียบ ๆ “พี่แพรวไม่เกี่ยวอะไรเรื่องนี้ด้วย เข้าใจซะใหม่นะครับพี่หยก”  เขาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นต่อ “ผมจะรักใครชอบใคร พี่แพรวหรือพ่อแม่ก็ไม่มีสิทธิมายุ่ง เรื่องนี้ทุกคนน่าจะรู้ดีนะครับ...หึหึ...ผมไม่ใช่พี่แพรวกับพี่หนิ ที่ได้ถูกจับแต่งงานกันโดยที่ไม่รู้จักคำว่ารัก”
“ไอ้พจ แก!!!.....” ศิลาโกรธจนพูดไม่ออก
“ผมขอร้องล่ะ อย่าเข้าใจพี่สาวผมผิด และที่สำคัญ พี่รู้ตัวไว้ซะด้วย ว่าพีไม่ใช่สิ่งของ พี่จะได้ทำอะไรกับเค้าก็ได้”
“แกจะทำอะไรหะไอ้พจ”
“พี่หยกคงลืมไปสินะครับว่า ตัวเองก็มีลูก มีภรรยาอยู่แล้ว ผมว่าไปดูแลพี่สาวกับหลานผมดีกว่าครับ ผมยังอยากให้หลานผมมีครอบครัวอบอุ่น แค่นี้นะครับ ผมขอตัวไปดูแลพีก่อน”  เขากดวางสายโดยทันที และกลับเข้าไปในห้อง ก็เห็นพีร์มองเขาอยู่ด้วยท่าทีสงสัย
“เอ่อ ผมเสียมารยาทรับโทรศัพท์คุณไปหน่ะครับ” ศิริพจน์ทำหน้าเก้อ ๆ
“พี่หยกโทรมาใช่ไหม” พีร์ถามด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
ศิริพจน์พยักหน้ารับ พีร์มีสีหน้ากังวล แต่แววตาฉายออกถึงความดีใจ
“เค้าว่ายังไงมั่ง”
“เค้าก็ด่าผมหน่ะสิ” ศิริพจน์ยิ้ม ๆ “ผมไม่อยากให้เค้าคิดว่าจะทำอะไรกับคุณก็ได้นะ”
“พจ ผมเข้าใจเค้านะ” พูดแล้วพีร์ก็ร้องไห้ออกมา เพราะนึกถึงความเจ็บช้ำที่ลอยเข้ามาในหัว ศิริพจน์จึงโอบกอดร่างอวบนั้นอย่างปลอบโยน

หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 28-04-2010 21:56:48
อีป้าแก่ๆ อ่านแล้วได้แต่  :เฮ้อ: พูดอะไรไม่ออกคะ  :เฮ้อ: อีกทีละกัน
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nootoomtam ที่ 28-04-2010 22:08:39
อีป้าแก่ๆ อ่านแล้วได้แต่  :เฮ้อ: พูดอะไรไม่ออกคะ  :เฮ้อ: อีกทีละกัน

เห็นด้วยกะคุณป้าน้า....

อ่านแว้ว

พูดไรไม่ออก

เฉยๆ

ไม่ค่อยสบอารมณ์ > ไม่ค่อยชอบ พจน์ อ่า <

- - ^
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 28-04-2010 22:14:30
หวัดดีค่ะ เพิ่งเข้ามาอ่าน...

อ่านจนตอนนี้คือไม่รู้จะอารมณ์ไหนเลย  :เฮ้อ:
ความรู้สึกเราคือ มันก็จริงที่แบบศิลากะพีร์รู้สึกผิดเพราะแบบศิลามีลูกมีเมียแล้ว
แต่เพราะศิลารักพีร์ เหอๆ

(เห็นด้วยกะสองรีบนค่ะ)

แอบเคืองพจน์ที่เหมือนเข้ามาเป็นมือที่สามอะ
จริงๆคงต้องเคืองแพรวมากกว่า ตอนแรกบอกยอมรับแต่ไปๆมาๆไหงกลายเป็นไม่ยอมขึ้นมาซะงั้น?
แต่พจน์ก็คงแบบ เพราะชอบพีร์ เลยไม่อยากให้พีร์ต้องเจอกับอะไรแบบนี้ แต่ไม่รู้ว่าลืมไปหรือเปล่าว่าพีร์เค้ารักศิลา
ศิลาก็รุนแรงจัง  :เฮ้อ: พีร์เลยเสียความรู้สึกเลยอะ
ทีนี้จะหาทางออกกันยังไง? เลิกกันเหรอ? (แล้วศิลาจะยอมเรอะ???)
คบกะพจน์??? (แต่พีร์รักพจน์เหรอ?)  
ให้ศิลาหย่าๆกะแพรวไปซะเลย (แล้วลูกอีก?)

:z3:  โอ๊ววววววว~ ปวดตับมากอะค่ะ อ่านแล้วตื้อจนแบบ อธิบายไม่ถูก
ถ้าเราเม้นอะไรไม่ดีไม่งามไป ขอโทษล่วงหน้านะคะ (ตอนนี้แบบ สงสัยต้องไปหาอะไรอ่านให้อารมณ์ดีก่อนแล้ว)
อย่าลืมมาต่ออีกนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ  :o12:
 
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 28-04-2010 22:47:47
ต่อยกันๆๆๆๆๆ

เอิ้กๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 30-04-2010 11:59:30
ภาคต่อ ตอนที่ 10
“อ่าว หยก” พลกฤษณ์ทักศิลาที่กำลังวิ่งอยู่บนเครื่องออกกำลังกาย
“ไง แจ๊ค”
“อืม วิ่งเสร็จแล้วค่อยคุยกัน”
“ได้ ๆ”
  พลกฤษณ์มองเพื่อนตัวเองที่เหมือนจะระบายอะไรบางอย่างผ่านการออกกำลังกาย ถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับแฟนเด็กของเขาแน่ ๆ ท่าทางเหมือนคนมีอะไรในใจอย่างนั้นฉายออกมาเด่นชัดจากการวิ่งอย่างบ้าคลั่ง เขาเป็นห่วงศิลาจริง ๆ

“เฮ้ย หยก แล้วนี่มาคนเดียวเหรอวะ” เขาถามเพื่อนขณะนั่งดื่มน้ำด้วยกันหลังออกกำลังกายเสร็จ
“อืม...”
“แล้วแกล่ะแจ๊ค เป็นไงมั่ง”
“เป็นไง หมายถึงอะไรวะ”
“แกคบใครเป็น เป็นไงมั่ง” ศิลาอ้อมแอ้ม
พลกฤษณ์แปลกใจเมื่อได้ยินคำถามนี้จากเพื่อน แต่ก็ตอบไป “เรื่อย ๆ ว่ะ”
“อืม เหรอ”
“แกกับน้องคนนั้นล่ะ เป็นไงมั่ง” คราวนี้พลกฤษณ์ถามตรง ๆ ศิลาถึงกับชะงัก แต่ก็ค่อย  เล่าออกไป
“มีปัญหากันว่ะแจ๊ค”
“เหรอวะ”
“ชั้นไม่รู้จะทำไงดีเนี่ยะ”
“ไหน ลองเล่ามาสิเพื่อน เพื่อชั้นจะช่วยอะไรแกได้”
ศิลาได้ยินอย่างนั้น ก็มองหน้าเพื่อนแบบกลัว ๆ พลกฤษณ์เลยตบไหล่เขาเบา ๆ
“เอาน่า อย่าลืมสิวะ ว่าชั้นกับแก ก็เป็นเหมือน ๆ กันแล้ว”
“อืม...” เขาพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะเล่าปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับพีร์ให้พลกฤษณ์ฟัง
“แกทำเกินไปป่าววะหยก” พลกฤษณ์ทำหน้าตาแหยง ๆ เมื่อได้ยินเพื่อนเล่าว่าไปทำอะไรพีร์
“ชั้นก็ว่าอย่างนั้นหล่ะ แต่ชั้นจะทำไงดีวะแจ๊ค ชั้นไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย”
“แล้วตอนทำทำไมไม่คิดวะ”
ศิลาถอนหายใจอย่างพูดไม่ออก “ชั้นไม่รู้จะพูดยังไงดี ชั้นรักน้องเค้ามาก และชั้นก็ไม่อยากให้ใครมายุ่งกับเค้า”
พลกฤษณ์พยักหน้ารับรู้ “แล้วไม่ถามน้องเค้าสักคำวะว่าจริงหรือเปล่าที่เค้านอกใจแก”
“หลักฐานมันก็พออยู่แล้วไม่ใช่เหรอวะ ตั้งแต่ ปิดชั้นว่าใครมาช่วยทำโปรเจกต์ แล้วยังเอามันมานอนที่หอด้วยกันอีก”
“มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่แกคิดก็ได้หยก”
“ยังไงวะ”เขานึกไม่ออก พลกฤษณ์เลยบอกให้
“เท่าที่เล่ามา เจ้าพจมันไม่ได้แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของน้องพีเลยนี่หว่า มันแค่ทนไม่ได้ที่เห็นแกไปทำอย่างนั้น ลองคิดดี ๆ สิวะ”
“ถ้ามันกับน้องพีเคยมีอะไรกันจริง น้องพีคงไม่เถียงแกอย่างนั้นหรอกว่ะ” เขาถอนใจ “แกลองย้อนดูตัวเองสิวะ ว่าแกเคยถามน้องเขาหรือเปล่าว่าอยากจะทำตามที่แกบอกหรือเปล่า แกอย่าคิดดิ ว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วน้องมันจะต้องทำตามเรา”
ศิลานิ่งเงียบ ทบทวน พลกฤษณ์พูดต่อ “น้องพีเป็นคนทำให้แกรู้ว่าแกชอบอะไร แกเป็นอะไร อีกอย่างน้องเขาก็ไม่ได้อยากให้แกเดือดร้อนเลยนะ แกคิดดูดี ๆ ก็ละกันหยก ว่าแกบังคับจิตใจน้องเขาในบางเรื่องมากไปหรือเปล่า”
“แล้วจะให้ทำไงวะแจ๊ค คบกันไปงั้น ๆ เหรอวะ”
“ไม่ช่ายยย ไม่ช่ายยย” พลกฤษณ์ส่ายหน้า “แกต้องรู้จักเติมเต็มความต้องการให้กัน ไม่ใช่แค่เรื่องอย่างว่าเรื่องเดียวหรอกนะเว้ย”
“แกพูดเหมือนแกเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิงเลยนะ” เขาสัพยอก
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกว่ะหยก ที่พูดมามันเป็นหน้าที่ของคนรัก ต่างหาก ไม่ว่าจะคบกันแบบไหน”
“อืม ขอบใจมากนะแจ็ค” เขาถอนหายใจสบายใจขึ้น “แล้วแกว่าชั้นควรทำไงต่อไป”
“แกก็ต้องตามไปง้ออย่างเดียวแล้วหล่ะว่ะ แต่คราวนี้ชั้นว่าแกเจอหินแล้วหล่ะ”
“ไอ้พจเหรอ”
“หึ” เขาปฎิเสธ “เจ้าพจอ่ะเรื่องเล็ก แต่ตัวน้องพีเองนี่หล่ะ เรื่องใหญ่ เห็นแกเล่าว่าน้องเขาบอบบางซะขนาดนั้น แกทำอย่างนี้ ใครไม่เกลียดแกก็บ้าแล้วว่ะหยก”
“อืม ...”
“เอาน่า สู้ต่อไป ขอให้คืนดีกันเร็ว ๆ ก็ละกันนะ” พลกฤษณ์อวยพร แล้วก็เดินออกไปปล่อยให้ศิลานั่งคิดเรื่องต่าง ๆ อย่างทบทวน
  พลกฤษณ์เหลียวมองเพื่อนที่นั่งจมอยู่กับความคิดคนเดียว เขาเห็นใจทั้งเพื่อนเขา และคนรักที่อ่อนวัยกว่า แต่ก็อยากรู้เหมือนกันว่า ศิริพจน์ เข้ามาเป็นอีกคนที่หลงรักพีร์จริงอย่างที่เพื่อนเขาบอกหรือเปล่า

    สำหรับศิริพจน์ การดูแลพีร์ในหนึ่งวันที่ผ่านมาผ่านไปด้วยดี พีร์มีอาการแจ่มใสขึ้นมาก อาจจะเป็นเพราะว่า เขาไม่เคยปล่อยให้พีร์ได้อยู่คนเดียวนาน ๆ และตกกลางคืนเขาก็ทนไม่ได้ที่เห็นพีร์ร้องไห้ จากที่นอนอยู่ข้างล่างเตียง เขาก็ทนไม่ได้ที่ต้องเห็นพีร์จมอยู่กับฝันร้ายอีกครั้ง เขาค่อยขึ้นไปลูบผมและลูบต้นแขนอย่างปลอบโยน พีร์เมื่อรู้ว่าศิริพจน์มาอยู่ข้าง ๆ เขา เขาจึงโผเข้าไปซบอกอุ่นนั้นในทันที
   ศิริพจน์ยิ้มอบอุ่น ตามความเป็นชายที่ต้องปกป้องดูแลคนรัก เขาประคองร่างอวบนั้นให้นอนลง พีร์เองก็ยังไม่หยุดร้องไห้ แต่ก็รู้สึกดีขึ้นที่มีศิริพจน์มาอยู่ข้าง ๆ
“ไม่ต้องกลัวนะ...ผมอยู่กับคุณแล้ว..” ศิริพจน์กระซิบข้างหูพีร์ด้วยเสียงนุ่มนวล
เขากอดร่างสูงสมชายนั้นแน่นขึ้น ราวกับหาที่พักพิงและความอบอุ่นเพื่อที่จะทำให้รู้สึกดีขึ้นมา จนกระทั่งเขาหลับไปในอ้อมอกด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นและปลอดภัย

“นังแพรว แกจะเอาไงต่อไปดียะเนี่ยะ” ปกรณ์ถามนลพรรณขณะรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันสองคน
“เรื่องอะไร เรื่องของพจกับหยกอ่ะเหรอ” เธอตอบรับ เหมือนจะพอเดาใจของเพื่อนได้
“ก็ใช่หน่ะสิคะ น้องแกกับผัวแก ดูท่าจะประกาศสงครามแย่งนังหนูซะขนาดนั้น แกว่าไงหะ”
“ชั้นจะว่าไงได้ล่ะเป้” เธอถอนหายใจ “ในเมื่อมันเป็นอย่างนี้ชั้นไม่ขอยุ่งด้วยก็แล้วกัน”
ได้ไงหะนังแพรว อีกคนก็น้อง อีกคนก็ผัว แกจะไม่ทำอะไรมั่งเลยเหรอ”
“แล้วแกจะให้ชั้นทำอะไรหะนังเป้ ไหนแกลองบอกมาสิ”
“ก็แบบ เป็นพี่เลี้ยงให้ใครสักคนไงล่ะ อย่างเช่นตอนนี้ แกเป็นพี่เลี้ยงให้น้องชายแก”
“ที่ไหนล่ะ นังเป้ ชั้นเป็นพี่นะ ชั้นไม่ช่วยน้อง ไม่เข้าใจน้อง แล้วชั้นจะเกิดมาเป็นพี่เค้าไปทำไม”
“คร่ะ มันก็ใช่ แต่อีกคน แกก็เห็นดีเห็นงามด้วยไม่ใช่เหรอ ที่จะให้เค้ามีนังหนูนั่น”
“ชั้นไม่อยากให้หยกเค้าเสียใจหน่ะ” นลพรรณพูดเบา ๆ “หยกเค้าน่าเห็นใจนะ ชีวิตเค้ามีแต่คนอื่นเลือกให้มาตั้งแต่เล็กจนโต และก็เรื่องของชั้นอีก น้องพีนี่หล่ะ ทำให้เค้าเจอตัวเองจริง ๆ และก็เป็นสิ่งแรกในชีวิตเขาที่เขาตัดสินใจเลือกเอง”
“เฮ้อออ...” ปรกณ์ถอนใจ “แล้วน้องพจขาล่ะ”
“ชั้นก็ชอบน้องพีนะ และก็รู้สึกดีถ้าน้องเค้าจะมาเป็นแฟนพจ ถึงแม้น้องชั้นจะกลายเป็นเกย์ แต่ชั้นก็รู้สึกดีกว่าถ้าเค้าจะคบผู้หญิงแย่ ๆ”
“เหรอ... ยังไง”
“ชั้นเห็นแต่ละคนที่พ่อแม่พามาดูตัวนะ แล้วก็เพื่อนเค้าบางคนที่คณะนะ ชั้นรู้สึกไม่ชอบเลย ดูแปลก ๆ แรง ๆ ยังไงก็ไม่รู้”
“แล้วนังหนูนี่ล่ะ”
“ก็ ไม่รู้อ่ะ แต่ชั้นชอบเค้านะ”
“ค่ะ สรุปก็คือ แกไม่อยากเข้าข้างใครทั้งนั้น”
นลพรรณพยกหน้า “ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ปล่อยให้มันเป็นไปตามโชคชะตาละกัน ชั้นไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว”
“โอเคค่ะ แต่ชั้นก็ไม่อยากเห็นใครเลือกตกยางออกอีกนะคะ สงสารนังหนูนั่นจังเลยนะแก”
“อืม ...แต่ชั้นมั่นใจนะว่า ถ้าพจออกปากดูแลน้องพีขนาดนี้แล้ว เค้าคงจริงจังล่ะ” เธอพูดอย่างรู้นิสัยน้องชายตัวเองดี
“คร่ะ เฮ้ออออ” ปกรณ์ถอนใจ แล้วฉับพลันก็กรี๊ดออกมาเหมือนผีเข้า
“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย ทำไมไม่มีผู้ชายมารุมรักชั้นเหมือนนังหนูพีมั่งยะ แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!"
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 30-04-2010 12:09:41
อิพี่หยก ชั้นเชียร์แกอยู่นะ ตั้งสติหน่อยสิยะ  :beat:
แต่น้องพจน์ก็แสนดีนะเนี่ย แอร๊ยยย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: maicy ที่ 30-04-2010 13:28:29
นี่ยังมีคนมาชอบน้องพี เพิ่มอีกคน ถ้าเพื่อนพี่หยกชอบน้องพีด้วยล่ะก็ เป็นกำลังให้นะคะ ไม่ค่อยได้เม้นไม่โกรธนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 30-04-2010 13:52:36
 :เฮ้อ:

ไม่รู้จะพูดไง

พี่หยก ตอนนี้ชั้นเชียร์พี่หละกัน   
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 30-04-2010 14:32:36
งานนี้ต้องหน้าด้านอย่างเดียวอ่ะพี่หยก ตามง้อ ตามตื้อ จนกว่าพีจะไว้ใจอีกครั้ง...

หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 30-04-2010 15:12:06
ตื๊อเท่านั้นที่จะครองโลก   พี่หยกพยายามเข้านะ   อิอิ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 30-04-2010 15:39:02
ให้กำลังใจคนแต่ง 1 ช่อจ้า~  :L2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: mean_spy1 ที่ 30-04-2010 16:33:27
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ash ที่ 01-05-2010 10:14:32
เป้น่ารักอ่ะ
เป็นกำลังใจให้คนแต่งจ้า
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 01-05-2010 19:28:05
ภาคต่อ ตอนที่ 11
“พีครับ ผมรับปริญญาวันพฤหัสนี้นะ” ศิริพจน์บอกกำพีร์ขณะที่ทายาตามเนื้อตัวให้อย่างเบามือ “ตอนแรกผมจะชวนคุณไปด้วยนะ แต่เห็นอย่างนี้แล้ว คุณพักผ่อนดีกว่า”
“อืม ใช่ พีก็ว่างั้นหล่ะ” พีร์ยิ้ม ๆ ดีใจที่ศิริพจน์นึกถึงเขาและยังเป็นห่วงเขา
“แล้วนี่คุณไปเรียนไหวไหมเนี่ยะ”
“ก็ต้องไหวล่ะพจ แต่วันจันทร์ผมไม่มีเรียนนะ พักอีกวันก็คงไปเรียนไหว”
“งั้นผมลางานมาอยู่กับคุณดีไหม”
“อย่าเลยพจ” เขาพูดเสียงอ่อน “อย่าให้ต้องเดือดร้อนเพราะพีเลย แค่นี้พีก็รู้สึกแย่มากแล้ว”
“หืม..แย่ยังไงอ่ะครับ”ศิริพจน์หน้าเสียลงนิดนึง
“พีทำให้พจต้องเดือดร้อนมาดูแลพีเนี่ยะ พีเกรงใจ”
ศิริพจน์ค่อยหยิบสองมือนุ่มมาจับไว้ “อย่าคิดมากนะครับ ผมเต็มใจมาดูแลคุณ”
พีร์เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็มองศิริพจน์อย่างซาบซึ้ง ศิริพจน์ยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่นเช่นเคย เขาพลางลูบไปที่รอยช้ำเบา ๆ
“อืม ค่อยยังชั่วขึ้นแล้วนี่นา”
“ก็ใช่ แต่มันคงทิ้งรอยแดงอีกหลายวันเลยหล่ะ เพราะพีตัวช้ำง่าย” พีร์พูดเศร้า ๆ
“น่า เดี๋ยวมันก็ลบไปเองนะครับ” เขาค่อยสวมเสื้อผ้าให้ร่างอวบและหยิบอุปกรณ์ยาไปเก็บ
“เย็นนี้ลงไปกินข้าวกันข้างล่างนะคับพจ” พีร์ชวน
“เฮ้ยยย คุณไหวเหรอพี”
“นะ พีเบื่ออยู่แต่ในห้องจะแย่อยู่แล้ว ให้พีลงไปเดินแป๊บนึงก็ดีนะ”
“ตามใจสิครับ แต่ถ้าคุณเดินไม่ไหวผมไม่อุ้มคุณนะ” เขาพูดล้อ ๆพีร์ที่ร่างกายอวบอ้วน
“ไม่ได้บอกให้อุ้มหนิ”  พีร์พูดงอน ๆ “มาอุ้มเค้าเองทำม่ะ”
   ศิริพจน์ได้ยินอย่างนั้น ก็มองพีร์อย่างยิ้มยั่ว เขาตรงมาที่บนเตียงแล้วตรงเข้าไปจักกะจี๊เอวหนานั้นอย่างมันเขี้ยว ทันใดนั้นเสียงหัวเราะสดใสของพีร์ก็ดังขึ้นมาอย่างอัตโนมัติศิริพจน์ที่เป็นคนทำก็หัวเราะไปกับร่างอวบที่บิดงอบนเตียง พีร์ได้แต่ปัดป้องและหัวเราะอย่างสุดเสียง จนศิริพจน์หยุดเพราะเห็นร่างอวบออกอาการเหนื่อยแล้ว แต่พีร์ยังหัวเราะเบา ๆ ต่อจนสักพัก เขาก็ซบลงบนอกหนาของศิริพจน์อย่างผ่อนคลาย
  พีร์รู้สึกอบอุ่น เมื่อได้ฟังเสียงหัวใจของศิริพจน์เต้น เนื้อตัวอบอุ่นและแขนแข็งแรงที่โอบตัวเขามาของอีกฝ่ายทำให้พีร์รู้สึกว่าตัวเองทำลังอยู่ในการปกป้องของเขา พีร์แหงนขึ้นมองดวงหน้าหล่อเหลานั้นอย่างมีความหมาย และซุกตัวเข้าไปกอดร่างนั้นแน่นขึ้น เหมือนจะบอกอีกฝ่ายว่าอย่าเพิ่งทิ้งเขาไปในเวลานี้
   ศิริพจน์เองก็เหมือนจะรู้ว่าพีร์รู้สึกยังไง เขาจึงจูบเบา ๆ บนหน้าผากร่างอวบอย่างปลอบโยน พีร์เองไม่ได้รู้สึกแย่ที่ศิริพจน์ทำอย่างนั้น แต่กลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นกว่าเดิม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน เขาถึงได้รู้สึกแบบนี้กับศิริพจน์
แต่ก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่าเขาชอบที่ศิริพจน์มาดูแลเขาแบบนี้ก็แล้วกัน เขาคิดอย่างนั้น

และวันจันทร์ที่ศิริพจน์ไม่อยู่ก็มาถึง พีร์รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกัน ที่ต้องอยู่คนเดียวแบบนี้  ถึงแม้เขาจะบอกศิริพจน์ว่าไม่ต้องเป็นห่วงและไม่ต้องมาดูแลเขาอีก แต่ลึก ๆ แล้วเขาก็กลัวอยู่เหมือนกัน
เหมือนเขาหลับตาลงทีไร ก็พบเจอแต่ฝันร้ายที่ศิลาย่ำยีเขา ตามมาหลอกหลอน
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก็พบว่าเป็นศิลาที่โทรมา เขามองเบอร์นั้นแล้วกดสายทิ้ง  แต่สักครู่ก็ได้ยินเสียงเคาะห้องรัว เมื่อเขามองผ่านตาแมวไป ก็พบว่าเป็นศิลาที่อยู่หน้าห้องเขา
“น้องพี เปิดประตูให้พี่หน่อย....น้องพี ๆๆๆๆๆ”
พีร์ตกใจ และเริ่มร้องไห้ออกมาอย่างหวาดกลัว เสียงเคาะประตูนั้นยังดังระรัว เขากอดตัวเองด้วยความหวาดผวาและร้องไห้ออกมาโดยไม่ฟังเสียงเรียกนั้น ตอนนี้เขานึกถึงอ้อมแขนปลอดภัยของศิริพจน์เหลือเกิน
“น้องพี เปิดประตูห้องมาคุยกันเถอะครับ” ศิลาเรียกร้อง
พีร์สูดหายใจก่อนจะกลั้นสะอื้นตอบไป “พอเถอะครับพี่หยก ในเมื่อพี่หยกไม่ไว้ใจพีอีกแล้ว พี่หยกก็ไม่น่าจะทำอย่างนี้กับพีได้”
“น้องพี พี่ขอโทษ ๆๆๆ จะให้พี่ทำอะไรก็ได้อ่ะ น้องพี...”
“เลิกตามพีซะทีเถอะครับ พีขอร้อง ขอให้พีได้อยู่คนเดียวบ้าง”
ศิลาอารมณ์เดือดขึ้นเมื่อได้ยินอย่างนั้น  “อยู่คนเดียวหรืออยู่กับไอ้พจกันแน่หา!”
“พจเค้าไม่เกี่ยวเรื่องนี้ พี่หยกครับ พีว่าพี่หยกกลับไปเถอะครับ พีไม่อยากเจอพี่หยกตอนนี้ พีขอล่ะครับ” เขาพูดออกมาอย่างยากเย็นพร้อมทั้งร้องไห้ออกมา
ศิลาเองก็ได้ยินเสียงคนรักว่าร้องไห้อยู่ เขาก็ใจหายเหมือนกันที่พีร์เป็นอย่างนั้น  “น้องพี...น้องพีจะไม่ให้โอกาสพี่เลยใช่ไหม น้องพีลืมเรื่องของเราไปหมดแล้วเหรอ”
“พีไม่เคยลืม แต่พี่หยกหล่ะครับที่ทำลายเรื่องของเราไปหมดแล้ว ฮือ ๆๆๆ…”
ศิลาเองก็ชะงัก รู้สึกผิดชอบชั่วดีก็แล่นเข้ามาในหัว “น้องพี...”
เสียงสั่นๆ จากในห้องตอบมาว่า “ไปเถอะครับ อย่าให้พีต้องออกปากไล่เลย พีขอร้องล่ะ พีไม่อยากเจอพี่หยกตอนนี้จริง ๆ”
  ศิลาเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีอย่างนั้นก็รู้สึกแย่ แต่ก็ไม่อยากจะให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปกว่านี้ จึงจำต้องกลับไปตามที่พีร์ร้องขอ

“ฮัลโหล พี ว่าไงครับ” ศิริพจน์รับสายด้วยเสียงแจ่มใส ถึงแม้จะงานยุ่งแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็ละออกมารับสายได้
“พจ พีขอโทษนะที่โทรมาหาพจตอนนี้ พีรู้นะว่าพจยุ่งอยู่” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ทำให้ศิริพจน์รู้เลยว่าปลายสายกำลังร้องไห้พูดกับตนอยู่
“พี ... พีเป็นอะไรไปอ่ะ”
“เมื่อกี๊อ่ะพจ พี่หยกเค้ามาหาพี พี..ฮือ ๆๆๆ” ปลายสายเล่าได้แค่นี้และร้องไห้ต่อ ทำให้ศิริพจน์ เองก็รู้สึกวูบลงไปด้วย
“พี แล้วตอนนี้พี่หยกเค้ากลับไปหรือยัง”
“คงจะกลับไปแล้วหล่ะพจ” เขาพยายามสูดหายใจ และหยุดร้องไห้ เพราะเขารู้สึกดีขึ้นตามลำดับ จากการพูดคุยกับศิริพจน์ไม่กี่คำ “พจทำงานต่อไปเถอะ พีรู้สึกดีขึ้นแล้วหล่ะ”
“แน่ใจนะครับว่าไม่เป็นไร” ศิริพจน์กังวล
“ไม่เป็นไรหรอกพจ” พีร์ตอบด้วยน้ำเสียงแจ่มใสกว่าเดิม “ไปทำงานเถอะคับ เดี๋ยวหุ้นลงนะ”
“โอเค ๆ ครับ งั้นเย็นนี้ผมไปหาเอามั๊ย”
“ไม่ต้องหรอกพจ ไกลก็ไกล เดี๋ยวพีฝากเพื่อนซื้อข้าวขึ้นมาให้ก็ได้”
“ครับ  ตอนกลางคืนออนนะ เดี๋ยวคุยกัน บะบายครับ”
“ครับ บาย ๆ ขอบคุณมากนะพจ” 
พีร์วางสายไปด้วยความรู้สึกใจชื้น เมื่อกี๊ที่ศิลามาหาเขา เขารู้สึกราวกับว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับสิ่งที่เขาหวาดกลัว เขานึกถึงอ้อมแขนแข็งแรงของศิริพจน์ที่เคยโอบกอดเขาเหลือเกิน
นี่เขาไม่ได้เผลอใจไปให้ศิริพจน์ใช่ไหม? พีร์คิดอย่างนั้น

“หวัดดีครับพี” ศิริพจน์ทักพีในโปรแกรม MSN “เป็นไงมั่ง กินข้าวยังคับ”
“เรียบร้อยแล้วคับ…พจล่ะไปซ้อมใหญ่มาเป็นไงมั่ง”
“เรื่อย ๆ หน่ะ ก็ ถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ” เขาพิมพ์ต่อ “เสียดายจังเลยที่คุณไม่ได้มาด้วย”
“ขอโทษจริง ๆ คับ….ถ้าผมไม่มีเรียนล่ะก็ไปแน่” เขาหมายถึงในวันพฤหัสที่จะถึง
“พจ ครับ” เขาพิมพ์ต่อ “พีไม่รู้จะขอบคุณพจยังไงดีอ่ะ พจดีกับพีมากเลยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ....ผมเต็มใจ”
“ทำไมอ่ะคับ” พีร์ลองถามฝ่ายนั้นไป
“ไม่รู้สิ บอกไม่ถูกเหมือนกัน คุณกับผมก็สนิทกันระดับนึงนี่นา”
“แล้วพจคิดยังไงกับผมเหรอ” คราวนี้พีร์ถามจริงจัง ทำให้ศิริพจน์ที่นั่งหน้าจอถึงกับเริ่มคิดตาม
“ยังไงเหรอ....” เขาพิมพ์เว้นเพื่อลองซื้อเวลา
“ก็แบบ คิดว่าผมเป็นแบบไหนอ่ะ”
“แบบไหนคืออะไรเหรอฮะ”
“ก็แบบ พจก็รู้ใช่ไหมว่าพีเป็นเกย์....พจรู้มาก่อนใช่ไหม”
“อ่าครับ”
“แล้วทำไมพจถึงกล้าเข้ามาใกล้ชิดพี เข้ามาดูแลพี เข้ามานอนกอดพีแบบนี้ล่ะ” เขาถามด้วยความสับสน เพราะถ้าศิริพจน์ไม่คิดอะไรกับเขาจริง ๆ เขาจะได้บอกตัวเองถูก เพราะจากการอยู่ใกล้ชิด และตอนที่เจอกันครั้งแรก เขาไม่เคยสัมผัสอะไรบางอย่างตามสัญชาติญาณเกย์จากตัวศิริพจน์เลย
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะพี ผมไม่เคยชอบผู้ชายมาก่อนซะด้วย”
พีร์ลุ้นตัวอักษรที่กำลังพิมพ์อยู่ที่ทยอยขึ้นสู่หน้าจอ
“แต่กับคุณผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมผมถึงได้อยากดูแลคุณนัก”
“ผมคงเป็นเกย์ไปแล้วมั๊ง 5555” เขาพิมพ์มาอย่างสบาย ๆ แต่พีร์นี่สิ ลุ้นยิ่งนัก จึงนิ่งเงียบไป
“พีเป็นอะไรไปเหรอครับ” เขาทักมาเนื่องจากเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป
“เปล่าคับ ไม่มีอะไร”
“เหรอคับ”
“พจครับ พรุ่งนี้พีมีเรียนเช้าอ่ะ พีขอตัวก่อนนะ”
“ครับ ตามสบายครับ…ฝันดีนะคับพี แล้วอย่าลืมฝันถึงผมล่ะ 555”
“อ่าคับ บาย ๆๆ” พีร์ออกจากโปรแกรมไปด้วยหัวใจเต้นระรัว นี่แสดงว่า เขาไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่าศิริพจน์เหมือนจะบอกเขากลาย ๆ ว่าคิดยังไงกับเขา เขาหน้าร้อนผ่าวด้วยความรู้สึกสับสนกับบรรดาชายหนุ่มที่เข้ามาในชีวิต
อีกคนหนึ่ง ชายที่เขารัก แต่เขาก็หวาดกลัวและไม่อยากเข้าใกล้ในตอนนี้
ส่วนอีกคน ก็เป็นผู้ชายที่เข้าใจเขาเป็นอย่างดี และให้ความอบอุ่นและปกป้องเขาจากความรู้สึกเลวร้าย
 ถ้าความสัมพันธ์ของศิริพจน์กับเขาก้าวหน้าเหมือนที่เคยเป็นกับศิลา เขาก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเสียเลยทีเดียวเพราะในใจเขายังมีศิลาอยู่ ถึงแม้เขาจะหวาดกลัวกับฝันร้ายครั้งนั้นแค่ไหนก็ตาม
  แต่เขาก็ยอมรับว่า เขาคุ้นชินและโหยหากับอ้อมอกอบอุ่นของศิริพจน์ไปซะแล้ว เขากอดหมอนข้าง พลางนึกถึงอกอุ่นที่เคยซุกอิงนั้นเหลือเกิน
“เขาจะทำอย่างไรกับเรื่องของเขาดี”  พีร์คิดเช่นนั้น
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nootoomtam ที่ 01-05-2010 19:35:45
ต่อตอนต่อไปจ้า

เงียบ

^^

 :bye2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 01-05-2010 19:58:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 01-05-2010 20:49:40
รอ ร๊อ รอ
ตอนต่อไปจร้า
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 03-05-2010 14:39:52
น้องพีร์ไปเปลี่ยนนามสกุลเป็น เหมา สิ อะไรๆก็จะได้ง่ายขึ้น

อิอิ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 03-05-2010 14:46:35
น้องพีร์ ถ้าจะมีคนใหม่ หาคนอื่นที่ไม่ใช่คนใกล้ตัวพัวพันแบบนี้ดีกว่ามั้ยค่ะ   :seng2ped:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ash ที่ 03-05-2010 16:43:01
น้องพีร์มันใกล้ตัวไปอย่าเลย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ANUNTAYA ที่ 03-05-2010 16:58:24
ไม่รู้จะพูดไง

พี่หยก ตอนนี้ชั้นเชียร์พี่หละกัน




ขอแจมด้วยคนครับ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 03-05-2010 17:06:48
ถ้าคนที่พีร์เลือกเป็นพจน์เรื่องมันจบไม่สวยแน่ๆเลย...

รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 03-05-2010 21:03:16
ภาคต่อ ตอนที่ 11
“พีคับ คิดอะไรอยู่เหรอ” ศิริพจน์หันไปถามพีที่กำลังเหม่อมองอย่างคนใช้ความคิด ขณะที่อยู่ด้วยกันในสวนสาธารณะใจกลางเมืองแห่งหนึ่งในยามตะวันยอแสง
“เปล่าหน่ะ พีกำลังคิดว่า พีจะอยู่หอไหนดี” เขาตอบไป เพราะวันนี้พีจะมาดูที่พักใหม่ที่อยู่ในเมืองเนื่องจากตอนนี้อีกไม่ถึงเดือนเขาก็จะจบการศึกษาแล้ว และก็ได้ยื่นไปสมัครงานไปหลายบริษัทอยู่
“จริงเหรอ...” ศิริพจน์ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ เพราะเขาคิดว่าพีร์คงไม่ได้คิดเรื่องนี้ในหัวแน่ ๆ
“ก็ จิงสิพจ...”
“พีมีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามเสียงจริงจัง เพราะจากการที่รู้จักกับพีร์มานานหลายเดือน เขาค้นพบว่าร่างอวบข้าง ๆ เป็นคนที่มีอารมณ์อ่อนไหว และเปราะบางทางความรู้สึกมาก ที่สำคัญยังชอบเก็บเรื่องต่าง ๆ ไว้กับตัวเองอีกด้วย
“พจ เราเป็นอะไรกันอ่ะ” พีตัดสินใจพูดออกไปทันที
“พี......”
“เราอยู่ด้วยกันมาหลายเดือนแบบนี้ และคุณก็ดีกับผมมาก” เขาหันสบตาศิริพจน์ “ผมสับสนมากนะ ที่คุณกับผมนอนกอดกันทุกครั้ง”
“มันก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วหล่ะพี  ว่าคุณอยากให้ผมเป็นอะไร” เขาตอบนิ่ง ๆ ตามประสาคนพูดน้อยแต่จริงจัง
เขาสังเกตว่า พีร์เองยังไม่ลืมศิลา แต่เขาก็ไม่สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ ถ้าพีร์ยังให้เขาดูแล เขาก็พอใจแล้ว
“พจ....”
“ผมไม่ได้ทำอย่างนี้เพราะอยากแยกคุณจากใครนะ” เขาถอนหายใจ “ผมแค่ทนเห็นคุณร้องไห้ไม่ได้หน่ะ”
พีร์มองเขาเหมือนอยากจะร้องไห้ด้วยหลายความรู้สึกในใจ แต่ศิริพจน์ก็เปลี่ยนเรื่องพูดด้วยน้ำเสียงสดใส
“เออ นี่วันศุกร์หน้าวันเกิดคุณแล้วหนิพี”
“อืม ใช่ ๆๆ คุณจำได้ด้วยเหรอ”
“จำได้สิ....” เขายิ้มใจดี “คุณอยากได้อะไรดีล่ะ”
“อยากได้อะไรอ่ะเหรอ...” พีร์ทำหน้าแสนกล บ๊องแบ๊ว “ก็แล้วแต่คนแถวนี้จะเมตตาก็ละกัน..อิอิ”
“โอเค ๆ ฮ่ะๆๆๆ” ศิริพจน์หัวเราะกับความแสนกลของคนข้าง ๆ ก่อนจะชี้ให้พีร์ดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน เขาโอบร่างนั้นที่ซบลงบนบ่าแข็งแรงของเขาแล้วหันไปอมยิ้มให้กันอย่างอบอุ่น

“ฮึ้ยยยย!!!!!!” ศิลาปารูปศิริพจน์เดินเคียงข้างพีร์อย่างหงุดหงิด เพราะถึงแม้เขาจะไม่ได้ตามพีร์เองด้วยงานยุ่ง และไม่รู้จะไปง้ออีกฝ่ายด้วยวิธีไหน เขาจึงทำได้แค่จ้างนักสืบติดตามความเคลื่อนไหวของพีร์ ซึ่งเขาก็พบว่าศิริพจน์เองก็ไม่ค่อยได้อยู่ห่างจากพีร์เลย ถึงแม้จะงานยุ่งแค่ไหนก็ตาม
“พ่อแม่มันไม่รู้ไงวะว่าลูกชอบผู้ชาย” เขาคร้ามในใจ แต่ดูท่าทางของพ่อแม่ศิริพจน์แล้ว จะไม่ค่อยสนใจลูกชายคนนี้ซะเท่าไหร่ เพราะเท่าที่รู้จักเด็กคนนี้มา ศิลาก็เคยนับถือในความเด็ดเดี่ยวและไม่ยอมใครของเขาเหมือนกัน เพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจการเข้ามาจัดแจงของพ่อแม่ แถมพ่อแม่เองก็ทำอะไรเขาไม่ค่อยได้เสียด้วย
เขากุมขมับอย่างกรุ่นคิด ด้วยตันไปหมดทุกเรื่อง แต่เขาพลันได้สติด้วยเสียงเคาะประตู จึงหันไปมอง
“คุณพ่อ.....” ลูกสาวคนโตของเขาวิ่งเข้ามาหาอย่างสดใสร่าเริง
“มีอะไรเหรอคะน้องเพชร”
“คุณพ่อขา คุณพ่ออย่าลืมไปงานปิดเทอมของโรงเรียนน้องเพชรนะคะ” เด็กน้อยอ้อนพ่อ
“งานปิดเทอมเหรอคะ” เขาตกใจ เพราะเหมือนตัวเองละเลยหน้าที่ความเป็นพ่อไปมากมาย
“ได้สิคะ” เขาลูบผมลูกสาวอย่างใจดี
“เย้ ๆๆๆๆ น้องเพชรรักคุณพ่อที่สุดเลยย” เด็กหญิงกอดผู้เป็นพ่อ ทำให้ศิลารู้สึกผิดที่เหมือนหมกหมุ่นกับเรื่องของตัวเองมากเกินไป
“พ่อขอโทษนะคะ” เขารำพึงในใจเบา ๆ

พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันเกิดของพีร์ซึ่งอาทิตย์หน้าก็เป็นวันสอบปลายภาคของเขา ศิริพจน์เองก็ไม่อยากมากวน แต่วันนี้เขาเองก็มาหาพีร์ที่หอพักเช่นเคย
“ฮ่ะ ๆๆๆๆๆๆๆ” เขาหัวเราะออกมาอย่างขบขัน เมื่อเห็นรูปถ่ายของพีร์สมัยมัธยมในคอมพิวเตอร์
พีร์หน้าตึง ไม่ชอบใจ “ขำอะไร มันตลกนักเหรอฮะ” น้ำเสียงห้วน ๆ แสดงอาการเริ่มไม่พอใจ
“ก็เปล่าหรอก แต่หัวเราะไม่ได้เหรอ” เขาตอบแต่ยังไม่หยุดที่จะหัวเราะ  “ก็ตอนม.ปลายอ่ะ คุณจัดฟันด้วย ฮ่ะ ๆๆๆๆ”
“ผมไม่ใช่ตัวตลกนะ ขำอยู่ได้ แค่จัดฟันนี่มันตลกนักเหรอ” ร่างอวบเริ่มงอน
“ฮ่ะ ๆๆๆๆ” เขาขำไม่หยุด ทำให้พีร์สะบัดลุกขึ้นออกไป
ศิริพจน์เห็นอย่างนั้นก็เริ่มสงสัย และก็รีบตามร่างอวบนั้นไปนอกระเบียง
“ตามมาทำไม ไม่นั่งหัวเราะต่อล่ะ” เขาพูดห้วน ๆ อย่างแสนงอน
“หืม....ไม่ล่ะ อยู่กับตัวจริงดีกว่า” ศิริพจน์เขาไปกอดจากข้างหลัง พร้อมกับกดปลายคางลงบนกระหม่อมร่างอวบเบา ๆ
พีร์ที่อยู่ในอ้อมแขนยังหน้าบึ้งตึง “ไม่ต้องมาพูดเลย ผมมันน่าเกลียดนักก็ไม่ต้องมายุ่ง”
ศิริพจน์เห็นว่างานนี้ไม่จบแน่ ๆ เลยบอกไปว่า “น่า ผมขอโทษ นะครับนะ...”
พีร์แอบยิ้มเล็ก ๆ แต่ก็ยังนิ่ง “นะ คุณหน่ะน่ารักที่ซู๊ดดเลยย” เขาพยายามง้อคนแสนงอน
“พอแล้ว ๆๆๆ ไปในห้องกันดีกว่า ยุงกัด” พีร์ขอตัวเข้าไปในห้องปล่อยให้ศิริพจน์มองตามยิ้ม ๆ กับความแสนงอนของพีร์ ซึ่งเขาก็มองว่าก็น่ารักไปอีกแบบ อีกไม่กี่นาทีก็เที่ยงคืนแล้ว เขาจึงเดินเข้าห้องและตั้งใจจะออกไปข้างนอก
 “เออ พี เดี๋ยวผมมานะ”  
“หืมม จะไปไหนเหรอพจ” พีร์มองตามขณะนั่งทำการบ้านอยู่
“ผมไปหาอะไรกินอ่ะ หิว”
“ได้ไง หอจะปิดแล้วนะ”
“อ่อ ซื้อมาแช่ไว้ในตู้เย็นตรงส่วนกลางหน่ะ เดี๋ยวผมมานะ”
“อืม ๆๆ” พีร์ตอบรับ สักพักก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นและศิริพจน์ก็ไขกุญแจเข้ามา
“ซื้ออะไรมากินเหรอพจ” เขาถามแต่ไม่ได้หันหน้าไปดูฝ่ายตรงข้าม ศิริพจน์ตรงไปที่สวิสไฟและกดปิดลงทันที พีร์ทำท่าจะออกปากต่อว่าแต่พอหันไปก็พบว่าศิริพจน์ถือเค้กขนาดหนึ่งปอนด์พร้อมปักเทียนที่ตอนนี้สองแสงนวลตายิ่งนัก
“แฮ๊ปปี้เบริทเดย์ทู้ยู.....” เขาร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดให้ร่างอวบที่กำลังยืนงงอยู่ ศิริพจน์ค่อยเดินไปใกล้ ๆ พีร์ และเมื่อเขาร้องจบ
“เป่าเทียนสิครับ..” เสียงนุ่ม ๆ บอกคนตรงหน้าอย่างใจดีเช่นเคย
พีร์มองหน้าหล่อเหลานั้นด้วยความตื้นตันใจ และเป่าเทียนนั้นดับหมด
“สุขสันต์วันเกิดนะครับ”  ศิริพจน์พูดกับพีร์อีกครั้ง พร้อมวางเค้กบนโต๊ะ เขาทำท่าจะไปเปิดไฟ แต่พีร์..
“อย่าเพิ่งเปิดไฟเลยพจ อย่างนี้อ่ะดีแล้ว” บรรยากาศในห้องช่างอบอุ่น ถึงแม้จะปิดไฟ แต่แสงไฟจากห้างนอกก็สาดเข้ามาให้ดูชวนฝัน
“อืม...กินเค้กกันเถอะ” เขายิ้ม ๆ “ผมรู้นะว่าคุณกลัวอ้วนไม่อยากกินมื้อดึก แต่ผมก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ดีกว่านี้แล้วอ่ะ” ศิริพจน์ตอบตรง ๆ อย่างเขิน ๆ
“ขอบคุณมากนะพจ” เขาตอบรับ กับศิริพจน์กี่ใช้ช้อนตักเค้กให้อยู่
“อ่ะ ..กิน ๆ” เขาป้อนขนมเค้กรสชอกโกแลตนั้นให้พีร์ พีร์ก็กินอย่างมีความสุข และป้อนให้ฝ่ายนั้นบ้าง ต่างคนต่างช่วยกันกินและหมดอย่างรวดเร็ว
  ศิริพจน์มองพีร์ที่มีครีมติดรมฝีปากอย่างเอ็นดู พีร์เองก็รู้สึกได้เหมือนกันกับสายตาแบบนั้น เขารู้สึกว่าศิริพจน์ทำอะไรต่าง ๆ เพื่อเขามามากมาย และก็วันนี้อีกก็เช่นกัน ร่างสูงนั้นก็ยังมองเขามาอย่างมีความหมาย พีร์ก็ตัดสินใจจะขอบคุณศิริพจน์เช่นกัน
 พีร์เขย่งตัวหอมแก้มร่างสูงตรงหน้า ศิริพจน์เองก็อึ้งไปอย่างบอกไม่ถูก ไม่คาดคิดว่าจะได้รับท่าทีที่เปิดรับจากพีร์เช่นนี้ เขามองร่างอวบตรงหน้าที่ด้วยความดีใจปนตกใจ
“พี....” เขาเอามือลูบแก้มเบา ๆ
“ขอบคุณมากนะพจ” เขาเว้นวรรค “ผมขอบคุณคุณมากจริง ๆ เลยนะที่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกนี้อีกต่อไป”
ศิริพจน์ตั้งใจฟังร่างนั้นพูด “จริง ๆนะ” พีร์เน้นย้ำ เพราะเขาย้อนนึกไป ศิริพจน์เป็นคนที่เขาสามารถเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังได้โดยไม่มีอคติ และก็ดูแลเขาเป็นอย่างดีในยามที่เขาทุกข์ใจ
ศิริพจน์เองลอบยิ้ม และหอมแก้มนุ่มของอีกฝ่ายเช่นกัน “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมดีใจนะที่ได้อยู่ดูแลคุณ”
พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็สวมกอดร่างสูงอย่างอบอุ่น ศิริพจน์เองก็กอดตอบเช่นกันด้วยความรัก
พีร์ได้คำตอบกับตัวเองแล้วว่าเขากับศิริพจน์รู้สึกต่อกันและกันแบบไหน
ถึงแม้เขาจะยังลืมศิลาไม่ได้ แต่กับศิริพจน์นี่เขาก็ตอบตัวเองได้ว่า เขาก็ขาดอีกฝ่ายไม่ได้เช่นกัน
เขากอดศิริพจน์แน่นขึ้น เหมือนกับว่ายอมรับรักครั้งใหม่ที่เกิดขึ้นมาของเขาแล้ว
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 03-05-2010 21:13:36
 :pig4: :pig4: :pig4:ลืมขอบคุณผู้อ่านค่ะ  :L2: :L2: :3123:

อย่าเพิ่งหมดหวังและผิดหวังกับนายเอกของเราและตัวละคอนอื่น ๆ นะคะ อยากให้ผู้อ่านติดตามไปเรื่อย ๆ ค่ะ

คือ อยากเขียนให้ผู้อ่านสัมผัสว่าทุกตัวก็เป็นตัวละคอนตัวกลมอ่ะค่ะ คือมีทั้งด้านดีและเสียในคนเดียว

และก็มีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ตามเนื้อเรื่องที่วางไว้อ่ะค่ะ

ขอบคุณทุกคนมากนะคะ สำหรับการติดตาม ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ

ปล.อยากคุยกับผู้อ่านทุกคนมากขึ้นอ่ะค่ะ คิดว่าจะไปตั้งกระทู้คุยกันดีไหมเอ่ย? ขอความคิดเห็นด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 03-05-2010 22:04:38
นั่นแสดงว่าหลายเดือนที่ผ่านมา พจดูแลพีมาตลอด o22 แล้วอิพี่หยกมันไปไหน ไม่มาตามง้อฟระ.....


ถ้าพจเป็นคนดีแบบนี้ตลอดคงดีไม่น้อย แต่ก็ไม่แน่ทางบ้านอาจไม่รับ..เฮ้อ...สงสารแต่พีนี่แหล่ะ ...
รออ่านต่อจ้า o13
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: YourSister ที่ 03-05-2010 23:43:03
เป็นกำลังให้นะจ้า  :L2:  

หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 04-05-2010 11:32:49
มันอะไรเนี่ยน้องพี  :เฮ้อ:

ไม่เข้าใจเลยจริงๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 04-05-2010 12:28:10
กี๊ดดดด

พี่หยกคะ ดั้นยังว่างอยู่ค่ะ มามะ มาซบอกดั้นซะดีๆ

ปล. เเล้วพีจะเลือกใครล่ะนี่ พี่หยกก็รีบๆมาง้อสักที

อะไรกันไล่นิดไล่หน่อยก็ไป สู้ๆหน่อยค่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 04-05-2010 12:55:02
ตอนนี้ดูท่าพจจะคะแนนนำพี่หยกขาดลอย

ถ้าพี่หยกยังไม่กลับมาง้อพีเร็วๆนี้  พี่หยกคงต้องเสียพีให้พจแน่ๆ

ตอนนี้ขอไม่เชียร์ใครดีกว่า  รอดูต่อไป

หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 04-05-2010 16:05:42
 :เฮ้อ:จะบอกว่าเกียจพีร์จะผิดไหมอะ พีหลายใจจจจจม่ายชอบบบบบบบบ  o13
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 06-05-2010 00:12:30
กีสสสสสสสสสสสสสสสส

ไม่มีคำบรรยาย

อิอิ

หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ANUNTAYA ที่ 06-05-2010 10:17:35
อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา อย่าเสวนาคนชั่ว อย่ามั่วอบายมุข อย่าสุขจนลืมตัว อย่ามีผัวเป็นตัวตนนนน


ขำสโลเเกน  ข้างบนอ่ะคับ



อิอิ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 06-05-2010 13:38:38
 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 06-05-2010 14:46:50
ไม่ให้โอกาสหยกแก้ไขอะไรเลยเหรอ อุตส่าห์ฝ่าฟันอุปสรรคมาด้วยกัน ทำไมเป็นแบบนี้ละ พีร์
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 06-05-2010 17:26:48
ภาคต่อ ตอนที่ 12



“หะ พี่พจกับพีเนี่ยะนะ......คบกัน..” บรรดากลุ่มเพื่อนสาวของพีร์ตะลึงเมื่อนั่งกินข้าวเย็นกับคนทั้งสองในร้านข้าวแถว ๆ มหาวิทยาลัย
“อืม...” พีร์ตอบรับนิ่ง ๆ แต่เขินอาย ศิริพจน์เองก็มองพีร์เช่นกันว่าจะตอบเพื่อน ๆ ที่เคยไปทำโครงการด้วยกันมาที่ตอนนี้นั่งอยู่รายล้อมยังไง
“อ๊ายยยยยยยยย” เสียงกรี๊ดอย่างตกใจดังขึ้นด้วยความประหลาดใจที่สุด เพราะแสดงว่าทั้งสองแอบสานรักกันตอนทำงานใช่ไหมนี่ พวกเธอคิดอย่างนั้น
“พี่พจ....” เพื่อนสาวหลายคนทำเสียงเสียดาย เพราะศิริพจน์เองก็เป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมคนหนึ่งเช่นกัน ซึ่งตอนนี้พวกหล่อนก็คงหมดสิทธิ์กันถ้วนหน้าแล้ว
“ช่วยไม่ได้ พวกแกไม่สวยเอง” พีร์ยิ้มเยาะเพื่อน ๆ ตามนิสัยสนุกสนานของตน
“อี๊....” เพื่อน ๆ พร้อมใจกันอุทาน แต่จู่ ๆ ก็มีเพื่อนคนนึงคิดอะไรได้ “นี่แสดงว่า รอยแดง ๆ ที่ชั้นเคยเห็นที่คอแกนี่ก็คงเป็น..ฝีมือพี่พจใช่ไหม” เธอกล่าวออกมาอย่างไม่อยากจะคิดถึงที่มา ใครจะเชื่อ ผู้ชายท่าทางสุภาพบุรุษอย่างศิริพจน์จะทำแบบนั้น
พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็วูบในใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าออกมา ศิริพจน์เองก็มองพีร์อย่างเป็นห่วงความรู้สึกเช่นกัน พีร์แกล้งทำเขินอายพร้อม ๆ กับศิริพจน์ที่ทำหน้าตาเหมือนจะยอมรับกับข้อหานั้น
“อ๊ายยยยยยยย” บรรดาหญิงสาวต่างก็กรี๊ดออกมาด้วยความอิจฉาคู่รักคู่ใหม่ที่พวกหล่อนเพิ่งรับรู้ แต่ก็ยินดีกับพีร์ที่ก็มีแฟนดี ๆ อย่างศิริพจน์
แต่ก็อดเสียดายไม่ได้ ที่เห็นผู้ชายหล่อ ๆ ดี ๆ หมดไปแล้วอีกหนึ่งคน

“หวัดดีครับ พี่แพรว พี่เป้” ศิริพจน์ทักทายทั้งสองคนขณะที่นัดมาเจอกันตามปกติ แต่ครั้งนี้เป็นที่ร้านกาแฟสุดหรูแห่งหนึ่งแถวสุขุมวิท
“เป็นไงมั่งคะ สามี กับนังหนูนั่นเดี๋ยวนี้ได้ข่าวคืบหน้าไปใหญ่แล้วนะคะ”
“อ่อ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับพี่เป้” ศิริพจน์ตอบยิ้ม ๆ
“แต่ก็โอเคใช่ไหมพจ”
“ครับ โอเคเลยพี่แพรว”
“อืม ดีแล้วหล่ะ พี่ก็ดีใจนะว่าสิ่งที่เราเลือกมันโอเค”
“เออ ว่าแต่พี่หยกเป็นไงมั่งฮะ” เขาเลียบเคียง
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะพจ ว่าลึก ๆ แล้วหยกคิดยังไง แต่รวม ๆ แล้วเค้าก็ใส่ใจครอบครัวมากขึ้นนะช่วงนี้ เค้าก็คุยกับพี่ปกติ ไม่มีอะไร แต่พี่ไม่เห็นห่วงนี้เค้าออกไปไหนเท่าไหร่เลยอ่ะ กลับบ้านดึกทุกครั้งก็จริงนะ แต่พี่มั่นใจว่าเพราะงานแน่ ๆ”
“อืม ครับ”
“ทำไมเหรอพจ”
“อ่อ ไม่มีอะไรพี่ ผมนึกว่าพี่หยกจะตามมาทวงทีหลังไง ฮ่ะ ๆๆ”
“ต๊ายย แรงนะคะ น้องแกเนี่ยะ” ปกรณ์กรีดเสียงตกใจและทำให้ทั้งสองคนหัวเราะตามจนได้
“พจ พี่ว่าเราต้องมีรถเป็นของตัวเองแล้วนะ” นลพรรณพูดขึ้นมา
“รถเหรอฮะ ก็คันนี้ไง” เขาพูดถึงรถที่เขาให้นลพรรณไปขับ
“ได้ไง มันสี่ปีมาแล้วนะพจ อีกอย่างเราเองก็ไม่ค่อยได้ขับด้วย เหมือนมันเป็นรถพี่ไปซะแล้วอ่ะ”
“อืม...”
“เดี๋ยวพี่ซื้อให้ใหม่นะ ห้ามปฎิเสธ”
“โอเคครับ”
“พจอยากได้แบบไหนล่ะ ยี่ห้อไหนดี”
“รถญี่ปุ่นก็พอมั๊งครับ ขอประหยัดน้ำมันหน่อยก็ดี  อ่อ ไม่เอาเล็กซัสนะ ผมขอ…ไม่งั้นมันก็ไม่ต่างอะไรจากรถเยอรมันหรอกผมว่า”
“อ่าจ้ะๆๆ” เธอรับคำ “น้องพี่จะได้ขับรถจริงจังซะที คันนี้พี่ซื้อให้นะ อย่าไปยกให้ตาพลขับล่ะ” เธอพูดถึงน้องชายคนเล็กที่เรียนอยู่อังกฤษ
“ขอบคุณครับพี่แพรว”
“เออ คุณน้องพจคะ ว่าแต่มีโครงการจะไปฮันนีมูนกับนังหนูที่ไหนหรือเปล่าคะเนี่ยะ”
“คิด ๆ อยู่ครับ พี่เป้”
“อู๊ยยย เก๋เนอะ”  ร่างยักษ์เอามือทาบอก แล้วพูดต่อ “คราวนี้ล่ะค่ะ น้องพจกับนังหนูจะได้เป็นผัวเมียกันจริง ๆ ซะที”
ศิริพจน์เขินหน้าแดง แต่นลพรรณตีแขนเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ “อิจฉาเค้าล่ะสิ”
“มากค่ะ”
“เป็นไงอย่าลืมมาเล่าให้พี่ฟังมั่งนะคะ คริ คริ”
“อ่าคับ ได้เลย เดี๋ยวมีอะไรผมจะรายงานพวกพี่นะครับ” เขายิ้ม ๆ

 หลังจากสอบเสร็จ ศิริพจน์กับพีร์ก็มีโครงการจะไปเที่ยวทะเลหัวหินด้วยกัน งานนี้ศิริพจน์เองก็เกือบจะไปตรงกับครอบครัวของศิลา เขาจึงปรึกษานลพรรณ และขอร้องให้พี่สาวโน้มน้าวครอบครัวหล่อนให้ไปเที่ยวเขาใหญ่แทน
ไม่งั้นละก็ ทะเลเดือดแน่ เขาคิดอย่างนั้น
พีร์เองตอนแรกเหมือนจะลังเล เพราะว่าในใจแล้ว เขาก็ไม่อยากให้เรื่องของเขากับศิริพจน์ไปไกลกว่านี้ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น เขาก็ได้จัดการเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ เพราะไม่อยากที่จะติดต่อกับอีกฝ่าย ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับศิริพจน์รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว
เขายอมรับว่า เขาเองก็มีใจให้ศิริพจน์
แต่เขายังรักศิลาอยู่ แต่ก็ไม่อาจที่จะทำใจได้กับเรื่องที่ศิลาทำลงไป
คืนใดที่เขาไม่ได้ศิริพจน์มานอนด้วย ฝันร้ายที่เกิดขึ้นจริงก็มาเยือนไปเสียทุกที
หรือถ้าเรื่องของเขากับศิลามันจบลง ณ จุดนี้ เขาก็พอรับได้
พีร์รู้สึกเหมือนศิลากำลังทำอะไรสักอย่างอยู่กับเรื่องของเขา แต่ก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นอะไร
เพราะคนอย่างศิลา ถ้าวิธีไหนไม่ได้ผล ก็จะไม่ทำอีก เรื่องนี้เขารู้ดี
แต่เขาเองก็เดาไม่ถูกเหมือนกันว่าชายหนุ่มจะทำอะไรกันแน่?
 ตอนแรกที่พีร์กะจะไม่ไป แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาของศิริพจน์แล้วทำให้เขาอดที่จะใจอ่อนไม่ได้ อีกอย่าง เขาเองก็อยากจะใช้เวลากับศิริพจน์ อันนี้เขาก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไม
  แต่สุดท้าย ศิริพจน์ก็ได้ไปหัวหินกับพีร์อย่างราบรื่น ศิริพจน์พลางมองคนข้าง ๆ ที่ผลอยหลับซบไหล่เขาขณะอยู่บนรถไฟด้วยกัน เขากุมมือนิ่มนั้นอย่างแสนรักเช่นเคย
เขางงเหมือนกันที่อยู่ดี ๆ จะได้อยู่เคียงข้างคนที่เขาประทับใจจากการเจอกันครั้งแรกแบบนี้ ศิริพจน์คิดไม่ถึงกับโชคชะตาของตัวเอง และก็ลอบมองพีร์ด้วยความรู้สึกรักจากใจของเขา
นี่เป็นครั้งแรกของเขาจริง ๆ ที่ได้มาเที่ยวทะเลกับคนที่เขารัก
  คนทั้งสองถึงหัวหินในเวลาเกือบเที่ยง จึงไปตระเวนหาอะไรกินกัน ซึ่งพีร์ก็ไม่พลาดที่จะตระเวนชิมของอร่อยในร้านต่าง ๆ ตกบ่ายทั้งสองก็ได้เข้าพักที่ห้องเกสเฮาส์ขนาดเล็กที่อยู่ริมชายหาด จนตกเย็นศิริพจน์กับพีร์ก็ออกมาเดินรับลมทะเลด้วยกัน
มือของคนทั้งสองประสานกันอย่างหลวม ๆ เข้ากับบรรยากาศสบาย ๆ
เท้าของทั้งสองเปลือยเปล่า เพื่อรับสัมผัสจากผืนทรายและฟองคลื่นที่กระทบฝั่ง
ทั้งสองคนไม่อยากจะเอ่ยอะไรออกมา ด้วยบรรยากาศพลบค่ำอย่างนี้ ทำให้ความรู้สึกและใจของทั้งสองสื่อสารกันได้มากขึ้น
ศิริพจน์หยุดเดินและหันมามองพีร์ที่ก็มองเขาอยู่เหมือนกัน
“พีครับ..”
“หืม...” ร่างอวบนั้นมองร่างสูงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมายเช่นกัน ศิริพจน์พลางกดอะไรสักอย่างในกระเป๋ากางเกง และเสียงเพลงก็ออกมา
“ชั้นไม่ใช่ผู้วิเศษ....ที่จะเสกปราสาทงามให้เธอ...ไม่มีฤทธิ์เดช ไม่มีราชรถเลิศเลอ...แต่ชั้นมีใจพิเศษที่จะพาเธอผ่านคืนนี้ไป ชั้นเป็น เพียงผู้ชาย คนนี้ที่มีใจมั่นรักเธอ...”
ศิริพจน์ยิ้มให้ร่างอวบที่กำลังประหลาดใจแกมซาบซึ้งอย่างอบอุ่น พีร์นั้นเหมือนจะร้องไห้ออกมาด้วยความซึ้งใจ ศิริพจน์จึงสวมกอดร่างอวบนั้นคลอไปกับเพลงที่เขาตั้งไว้จากโทรศัพท์มือถือ เขาก้มมองดูพีร์ที่ส่งเสียงอู้อี้ในลำคออย่างคนที่มีความสุข แล้วยิ้มออกมา


เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ - เพชร โอสถานุเคราะห์
http://www.youtube.com/v/lpJR-8M52ZQ


“พีครับ ...”
“ผม รักพี นะครับ” เขาก้มลงบอกร่างอวบที่มองเขาอยู่ ทำให้พีร์ยิ่งร้องไห้ออกมาด้วยความซาบซึ้ง
ศิริพจน์ค่อยจูบซับน้ำตานั้นอย่างอ่อนโยน ถึงแม้จะเป็นน้ำตาแห่งความสุขก็ตาม พีร์เองเห็นอย่างนั้น จึงเขย่งตัวขึ้นไปสัมผัสริมฝีปากของศิริพจน์ทันทีเพื่อตอบแทนความรักจากชายหนุ่ม
ศิริพจน์เองก็ตกใจเหมือนกัน แต่ก็รู้สึกดีที่ได้รับสัมผัสลึกซึ้งแรกนี้จากคนที่เขารัก ศิริพจน์ค่อย ๆ ตอบรับสัมผัสนั้นด้วยริมฝีปากอย่างอ่อนโยน เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในโลกอีกใบ ที่ซึ่งมีแต่เขาและพีร์เพียงสองคน
เมื่อถอนริมฝีปากออก เขาก็หอมแก้มนุ่มของพีร์อย่างแสนรักอีกครั้ง และเปลี่ยนเป็นลากจูงร่างอวบนั้นไปเล่นน้ำทะเลด้วยกันอย่างสนุกสนาน
ศิริพจน์หวังว่า การมาเที่ยวทะเลครั้งนี้ คลื่นน้ำจะช่วยพัดพาความเศร้าใจของพีร์ไปได้บ้าง ไม่มากก็น้อย

“พจ วันนี้ผมมีความสุขมากเลยนะ” พีร์พูดขณะที่นอนกอดกับร่างสูงบนเตียงนุ่ม “ขอบคุณมากนะที่ชวนผมมาเที่ยว”
“ไม่เป็นไรหรอก” เขายิ้มรับ และมองใบหน้าของพีร์ที่อยู่ตรงหน้าเขาในระยะปลายจมูกแทบชิดกัน ในตอนนี้ที่ต่างคนต่างโอบกอดกันอยู่ ก็รู้สึกว่าเหมือนมีกระแสไฟอ่อน ๆ ไหลผ่านสัมผัสจากกันและกัน
ริมฝีปากพลันประกบเข้าหากันอย่างอ่อนโยน แต่ทว่าดูดดื่ม เหมือนจะเป็นสัญญาญแรกที่จะนำพาทั้งสองคนให้ไปสู่โลกของพวกเขาอย่างแท้จริง....

“พี....ผมเป็นไงมั่งอ่ะ”  เขาถามร่างอวบที่หนุนแขนของเขาต่างหมอนถึงบทรักของตัวเขาเมื่อครู่นี้
“ก็..ดีนะ” พีร์ยิ้ม ๆ
“เหรอ....” เขาโล่งอก “รู้มั๊ย นี่เป็นครั้งแรกของผมเลยนะ”
พีร์ตกใจเล็กน้อย “ครั้งแรกเลยเหรอ...” เขานึกถึงสิ่งที่เคยได้ยินได้ฟังมาของคู่รักแบบเขา ว่าครั้งแรกของคนนำ มักจะทำได้ไม่เต็มที่ หรือไม่กล้าที่จะรุกเร้าคนตาม แต่นี่..
“หื่นอ่ะ.....” พีร์ล้อเลียนอีกฝ่าย เพราะศิริพจน์สามารถทำให้ภารกิจนี้สำเร็จลุล่วงทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์
ศิริพจน์อมยิ้ม นึกขอบคุณปกรณ์ที่เป็นเหมือนพี่เลี้ยงของเขาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ความจริงเขาก็ไม่เรียกร้องให้ฝ่ายนั้น สอนให้เลย แต่ปกรณ์ก็คะยั้นคะยอบอกเรื่องนี้ให้เขาทุกครั้ง
“แล้วพีไม่ชอบเหรอ...”
“ก็...ชอบสิ” พีร์ตอบเสียงเบา ๆ พลางย้อนนึกถึงครั้งแรกของตัวเองกับศิลาเหมือนกัน
 บทรักของชายหนุ่มสองคนนี้ช่างต่างกันเป็นอย่างมาก พีร์คิดว่าของศิลานั้นเหมือนเหล้าคอกเทลที่หวานหอม แต่ก็เจือไปด้วยความร้อนแรงและบางครั้งก็ทำให้เขาแทบคลั่ง ส่วนของศิริพจน์นั้นก็เหมือนชีสเค้กหวานนุ่ม อบอุ่นและสนุกสนาน และที่สำคัญความอบอุ่นนี้ก็ทำให้เขาลืมความเข็ดขยาดจากการผ่านศึกหนักมาได้
แต่เขาก็เลือกไม่ได้ว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน ณ จุดนี้
“พีคับ ผมก็มีความสุขมากนะ”
“อืมๆ” พีร์หยักหน้าและพูดต่อ “ผมก็เหมือนกันนะ”
“แล้วคุณรักผมมั่งไหม”
“ก็....ซะขนาดนี้แล้ว ไม่รักก็คงไม่ยอมหรอก” พีร์ยิ้มเขิน ศิริพจน์ได้ยินอย่างนั้นจึงหอมสองแก้มอย่างมันเขี้ยว

เวลานี้เขากับพีร์ได้มีชีวิตร่วมกันแล้วอย่างแท้จริง
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: non~animé ที่ 06-05-2010 18:18:39
 :z13:
^
^
เข้ามาจิ้มไรเตอร์....


ขออ่านก่อนนะ ยังตามไม่ทันเรยย  หุหุ

:z2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bakanishi1 ที่ 06-05-2010 18:19:41
พี่หยกหายไปไหน

ทำไมยอมกันง่าย ๆ แบบนี้อะ

โห้ .. เชียร์พี่หยก
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 06-05-2010 18:40:45
พี่หยกจะยอมลามือง่ายๆจริงหรอ

ยังไม่ขอเชียร์ใคร

รอดูต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 06-05-2010 18:52:19
อีตาหยกกว่าจะรู้สำนึกคงอีกนานค่ะ

อีป้าแก่ๆว่า สองคนนี่รักกันก็ดี

ไม่มีปัญหาบั่นทอนสุขภาพจิตของครอบครัวคนอื่นดีคะ

การเป็นมือที่ 3 มันทรมาน กันทั้ง 3 คน นะคะ

แต่ถ้ารักกับคนที่เขารักเรา และไม่มีปัญหาอะไรก็ดีจริงๆ

ขอให้รักกันนานๆ นะคะ อีป้าแก่ๆ เอาใจช่วย

แต่อีป้าแก่ๆ ก็ กังวล คลื่นลมสงบ ก่อนพายุใหญ่จะมา หรือเปล่าคะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 06-05-2010 20:04:05
น้องพีร์  เป็นพี่ พี่ควบหมด

ยังเหลือตาพลอีกคน

หุหุ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 06-05-2010 20:53:38
งานนี้ศึกชิงนายท่าจะมันส์กว่าเก่า แล้วยิ่งลึกซึ้งกับพจน์แล้วด้วยเนี่ย เชื่อเหอะว่าพี่หยกไม่รามือแน่ๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: torto ที่ 07-05-2010 21:25:33
คนแต่ง  ทำไมให้น้องพีง่ายแบบนี้  ไม่ดีเลยขัดใจ  ก็รักกันมากแล้วทำไมความรักที่ร่วมกันทำผิดมาถึงได้ง่ายเหลือเกินที่จะทิ้งมันไป  แล้วไปมีรักใหม่รวดเร็วแบบ

นี้ :m16:


หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 08-05-2010 04:24:34
 o22 :เฮ้อ:






 :pig4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 08-05-2010 19:36:01
ภาคต่อ ตอนที่ 13
ศิลาที่กำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่กับครอบครัวในรีสอร์ทหรู รู้สึกว่ามีสายโทรเข้ามาจากโทรศัพท์ที่ตั้งระบบสั่นไว้ เขาหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นเบอร์ของนักสืบที่จ้างมาเพื่อติดตามพีร์โดยเฉพาะ เขากดสายทิ้งเพราะว่า เขาอยู่กับพ่อแม่และลูก ๆ
“อ่าว ตาหยก กินอิ่มแล้วเหรอลูก” ผู้เป็นแม่ถามขณะเห็นลูกชายวางช้อนส้อมและทำท่าจะออกไปข้างนอก
“ครับ ผมขอไปเข้าห้องน้ำหน่อยหน่ะครับ”
ผู้เป็นพ่อแม่พยักหน้าเข้าใจ ศิลารีบเข้าห้องน้ำและกดโทรกลับทันที
“ฮัลโหล ว่าไง”
“คุณครับ ตอนนี้คุณพีร์กับคุณพจอยู่ที่หัวหินครับ”
ศิลารู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา แต่ก็ถามต่อ “เหรอ แล้วว่าไงมั่ง”
“เดี๋ยวผมส่งรูปให้ดูก็แล้วกันนะครับ”
“โอเค มีอะไรคืบหน้าก็รายงานมาละกัน”
“ครับ ๆ”
“โอเค ขอบใจมาก แค่นี้นะ” เขากดวางสาย พร้อมกับรอข้อความรูปภาพอย่างใจจดจ่อ สักพักก็มีข้อความภาพทยอยส่งมาให้เขา
เขากดดูด้วยความรู้สึกอยากรู้  ในโทรศัพท์ปรากฏภาพที่คนทั้งสองกำลังกอดกันริมชายหาดอย่างหวานชื่น และรูปต่อมาก็เป็นรูปที่ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่ม ศิลามือไม้สั่นด้วยความโกรธแค้นปนหึงหวง เขาพยายามระงับอารมณ์นั้นเพื่อไม่ให้คนข้างนอกผิดสังเกต
ถ้าเป็นไปได้ตอนนี้ เขาอยากจะไปแย่งตัวพีร์ออกมาเสียเหลือเกิน
แต่จะทำได้อย่างไร เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด มาจากความวู่วาม และอารมณ์หึงหวงของเขาเองไม่ใช่เหรอ เขาคิดอย่างนั้น
เขาพยายามสะกดกลั้นและเรียกสติของตัวเองกลับมา เพื่อที่จะได้ไม่ทำอะไรผิดพลาดซ้ำสอง
ถ้าพีร์ไม่อยากเจอเขานักก็ไม่เป็นไร แต่เขาเองก็ไม่ปล่อยให้พีร์ต้องห่างเขาไปไกลกว่านี้อีกเช่นกัน

“พจ เลิกคุยเรื่องหุ้นให้พีฟังได้มะ” พีหงุดหงิดขณะที่ศิริพจน์พูดถึงเรื่องการลงทุนให้เขาฟัง ตอนที่กินก๋วยเตี๋ยวเรือด้วยกันในร้านแถว ๆ อนุเสาวรีย์ชัยหลังเลิกงานในเย็นวันหนึ่ง
“อ่าว ก็ฟังหน่อยไม่ได้เหรอ คือผมก็แค่พูดให้คุณฟังเฉย”
“พีไม่ได้เรียนเศรษฐฯอย่างพจนี่ พีไม่เข้าใจและก็ไม่ชอบด้วย”
“ก็นี่ไง เป็นแฟนหนุ่มตลาดหุ้นอย่างผม จะได้เข้าใจขึ้น” เขายิ้ม ๆ 
“ใครแฟนคุณ หะ”
“อ่ะ โอเค ๆๆ ผมเลิกพูดก็ได้” เขาพยามทำความเข้าใจ เพราะคนอย่างเขาก็ถือว่าเป็นคนแปลก ๆ จากคนวัยเดียวกันหลายคนอยู่ เขาเห็นอีกฝ่ายทำหน้าบึงตึง จึงบอกไปว่า
“อย่าโกรธผมนะ คุณก็ต้องเข้าใจผมบ้างสิ” เขาทำเสียงอ้อน ๆ พีร์นึกได้ จึงมีสีหน้าดีขึ้น
“อืม....พจกินเสร็จแล้วไปเดินดูรอบ ๆ กันนะ”
“ไปสิ” เขายิ้มรับ
  ตลอดการเดินดูรอบ ๆ ของทั้งสองคนนั้น ศิริพจน์มองเห็นพีร์ที่ดูเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว โดยที่เขาเป็นคนหิ้วของให้
“พจจ...ตัวไหนสวยกว่ากัน” เขาถามร่างสูงที่ช่วยหิ้วของอยู่ถึงเสื้อเชิ้ตสองตัวที่กำลังจะเลือกซื้อ
“อืม ตัวไหนก็ได้..”
“ได้ไงอ่ะ เค้าถามว่าตัวไหนสวยกว่ากันนะ...ช่วยเลือกหน่อยสิ”
“อ่า...ตัวสีฟ้าก็แล้วกัน” ศิริพจน์ตอบอย่างเสียไม่ได้ เพราะเขาเองก็ไม่ค่อยมีหัวทางด้านนี้เสียด้วย
“งั้นเอาตัวนี้ก็ละกันครับ”  พีร์บอกกับคนขายและยื่นเสื้อตัวที่ศิริพจน์ลือกให้คนขายเอาไปใส่ถุง
“ป่ะ”
“อืม กลับกันดีกว่า”  ศิริพจน์บอกร่างอวบยิ้ม ๆ “เดี๋ยวผมไปส่งที่หอนะ”
เขารู้สึกดีไปอีกแบบที่ได้มาเดินที่ที่เขาไม่ค่อยได้แวะมา ท่ามกลางคนมากมายที่เร่งรีบ แต่เขากับพีร์ไม่รีบร้อน ค่อยปล่อยให้เวลาที่มีด้วยกันดำเนินไปช้า ๆ
รักเล็ก ๆ ในเมืองใหญ่ ๆ มันน่าชื่นใจแบบนี้เอง ศิริพจน์นึกได้

“หวัดดีเอก” พีร์ที่ออนไลน์โปรแกรม MSN อยู่ตกใจเมื่อมีเมลล์แปลก ๆ ทักมา และก็ยังทักผิดอีก
“นี่ไม่ใช่เอกครับ”
“อ่าวเหรอครับ” ...”ขอโทษครับ” อีกฝ่ายตอบมา
“ครับ”
“พอดีเมลล์คงคล้าย ๆ กันมั๊งครับ ผมเลยพิมพ์ผิด” ฝ่ายนั้นบอกมา
“อ่อ ครับไม่เป็นไรครับ”
“ครับ แล้วนี่คุณชื่ออะไรครับ” พีร์ประหลาดใจที่จู่ ๆ ฝ่ายนั้นก็ถามชื่อ
“อ่อ พีคับ”
“ครับ ผมโจ้นะครับ” อีกฝ่ายตอบกลับมา “ไม่ต้องกลัวผมนะ ผมแอดเมลล์ผิดจริง ๆ”
“อ่าคับ ๆ”
“พีอายุประมาณไหนอ่ะคับ ผมจะได้เรียกถูก ตอนนี้ผม 31 แล้ว” อีกฝ่ายตอบมา
“ผมก็ “26 คับ” พีโกหกไป
“อ่อ ครับ” ฝ่ายนั้นตอบรับและเริ่มชวนคุย “ผมจะแอดเมลล์เพื่อนอ่ะคับ พอดีมันเพิ่งเปลี่ยนเมลล์หนีแฟน 555”
“อ่าคับ” พีร์ตอบรับ ไม่ได้แสดงอาการรังเกียจหรือไม่อยากคุยกับอีกฝ่ายเลย
ทั้งสองคุยกันสักพักนึง พีร์ก็ขอตัวไปนอน ฝ่ายนั้นก็ดูท่าทางเป็นมิตรดีและก็เป็นผู้ใหญ่ดีด้วย พีร์คิดอย่างนั้น เขาบอกว่า เป็นวิศวะของบริษัทแห่งหนึ่งแถวระยอง จากการคุยแล้วก็พอจะรู้เพราะลักษณะการคุยดูคล้าย ๆ คนจบวิศวะมาจริง ๆ

ศิลาอมยิ้ม ที่อย่างน้อยการได้เข้าใกล้พีร์ก็สำเร็จไปในระยะเริ่มต้นแล้ว
เขามองรูปพีร์ยิ้มสดใสในหน้าจอ MSN อย่างมีความสุข และความหวัง เพราะเมื่อกี๊เขาเพิ่งแฝงตัวไปทำเนียนแอดเมลล์ผิดคุยกับฝ่ายนั้น
เขาพยายามเป็นอย่างมากเพื่อให้ฝ่ายนั้นเชื่อและคุยกับเขาเรื่อย ๆ เขาไม่ได้บอกชื่อบริษัทมั่ว ๆ เพราะงานนี้เขาลงทุนโทรไปเตี๊ยมกับเพื่อนที่เป็นวิศวะกรตัวจริงถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่วิศวะโรงงานดังกล่าวพอจะรู้
ถ้าพีร์ยังกลัวเขาอยู่ก็ไม่เป็นไร แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้พีร์ห่างจากเขาไปอีกเช่นกัน
หลายเดือนที่ผ่านมา นอกจากเขาจะส่งนักสืบไปติดตามพีร์อย่างใกล้ชิดแล้วนั้น เขายังคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่เขาทำลงไป คำพูดของเพื่อนเขาลอยมาในหัว
“แกบังคับจิตใจน้องเขามากไปหรือเปล่าวะ”  นึกขึ้นมาทีไร เขาเป็นอันต้องนั่งทบทวนอยู่เสมอ
ที่ผ่านมาเขากับหนุ่มน้อยเข้ากันได้ด้วยดี
เข้ากันได้ หรือ น้องเขาไม่กล้าหือกับเรานะ?
เขาพอจะนึกออก บางอย่างที่พีร์ไม่อยากทำอย่างที่เขาบอก พีร์จะไม่พูด แต่จะไปแอบลงมือทำ จนเขารู้และว่าอะไรไม่ได้นั่นหล่ะ
เขานึกเปรียบเทียบตัวเขากับศิริพจน์ รายนั้นต่างกับเขาแทบทุกอย่าง ทั้งนิสัยใจคอ รูปร่างหน้าตา ที่เขาเป็นชายหนุ่มนักกีฬาร่างสูงโปร่งผิวสีแทน  แต่ศิริพจน์สูงสมส่วนผิวขาวจัด และเรื่องของวัยอีก เขากับพีร์ห่างกันรอบกว่า ส่วนรายนั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
ศิริพจน์ดูแลพีร์ยังไง แล้วพีร์ชอบไหม เป็นสิ่งที่เขาอยากจะรู้นัก
เขาก็คาดเดาไม่ถูกเหมือนกันว่า ลึก ๆ แล้วพีร์ต้องการผู้ชายแบบไหนเข้ามาเติมเต็มกันแน่ แต่เขามั่นใจว่าพีร์ไม่ลืมเขาอย่างแน่นอน
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 08-05-2010 19:55:20
อีป้าแก่ๆอ่านแล้วพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 08-05-2010 20:11:36
ก็ต้องขอโทษผู้อ่านนะคะ ที่ทำให้อึดอัดใจในเรื่องของ พจ กับ พีร์

อยากไห้ติดตามต่อไปค่ะ

อ่อ อันนี้เข้ามาฝากนิยายเรื่องเก่าของตัวเองค่ะ เผอิญคิดถึงละก็ไปอ่านมา ก็นำมาฝากกันค่ะ อยู่ใน เล้าเป็ดนี่เอง เป็นนิยายสไตล์ซีรีย์เกาหลีอ่ะค่ะ อยากให้เพื่อน ๆ ลองอ่านดู

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=1697.0

ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ

หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 08-05-2010 22:52:35
ได้แต่หวังว่า พีร์คงจะเลือกได้ว่า ใครกันแน่ คือ คนที่ใช่  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 09-05-2010 01:34:30
ศิลาใจเย็นไปรัึปล่าว...ค่อยๆเข้าหาแบบนี้มันจะไม่ทันการเอาเน้ออ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 09-05-2010 13:09:21
เห้อ

ผูกปมกันเต็มไปหมด
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 09-05-2010 16:29:55
ภาคต่อ ตอนที่ 14
  Mercedes Benz Coupe คันหรูจอดเทียบลานคอนกรีตกว้างอย่างสุขุม พลกฤษณ์ในชุดลำสองเรียบง่ายแต่ก็ไม่อาจพลางรัศมีความโดดเด่นจากตัวของเขาได้เลย ในมือของเขาถือช่อดอกกุหลาบสีขาวที่จัดเป็นทรงกลมอย่างสวยงาม เขามองกุหลาบสีขาวในมือนั้นอย่างเศร้า ๆ แต่ก็มีรอยยิ้มบาง ๆ ออกมาจากมุมปาก
   ที่ที่เขามาอยู่นี้เป็นสุสานของคริสเตียนที่สำหรับพำนักร่างไร้วิญญาณของคริสชนทั้งหลาย เขาเดินตรงไปยังหลุมของใครคนหนึ่ง คนที่เขาตั้งใจจะนำดอกกุหลาบขาวช่อสวยนี้มาฝาก และเมื่อถึงที่หมาย เขาก็ยืนนิ่ง มองป้ายชื่อที่สลักไว้อย่างคิดถึง
“นายชีวิน.....” เขามองชื่อของเจ้าของร่างล่วงลับที่พักผ่อนอยู่ในนี้ ความทรงจำเก่า ๆ ก็พลันฉายออกมา

“เฮ้ยยยยย ไงวะตุ๊ด เอาการบ้านมาให้ลอกหน่อยดิ!!” อันธพาลในชุดนักเรียนสองสามคนกำลังรุมรังแกเด็กหนุ่มแว่นหนาร่างผอมผิวขาวซีดอยู่อย่างไม่สนใจใยดีที่มุมลับตาคนของโรงเรียนก่อนกลับบ้านวันหนึ่ง ร่างนั้นได้แต่ปัดป้อง เพราะไม่อยากให้พวกนี้แย่งกระเป๋านักเรียนไปได้ แต่ความผอมบางของเขาก็สู้แรงของคนหนึ่งในกลุ่มที่ยื้อแย่งไม่ได้
“อย่านะ! อย่าเอาไปนะ” เขาตกใจ เพราะด้วยกลัวว่าพวกนี้จะเอากระเป๋านักเรียนของเขาไปทิ้ง
อันธพาลขาสั้นไม่สนใจ และเทกระเป๋าของเขาอย่างสะใจ เด็กหนุ่มหน้าซีด หวาดกลัวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้  แต่ขณะที่พวกมันจะก้มหน้าลงไปเล็งว่าจะให้เท้าเหยียบทำลายอะไรดีนั้น หมัดลุ่น ๆ ก็เสยเข้าที่ปลายคางของมันอย่างไม่ปราณี
เด็กนรกตกใจ เลยหน้ามาก็พบร่างสูงใหญ่ในชุดนักเรียนเหมือนกัน มองพวกมันอยู่อย่างเอาเรื่อง
“เฮ้ยยย เสือกอะไรวะ อีตุ๊ดนี่เป็นเมียมึงเหรอฮะ”
ฝ่ายนั้นไม่ตอบ แต่กลับตะบันชกสามเกลออย่างเหนือชั้นกว่า เขากำคอเสื้อหัวโจกอย่างเป็นต่อ และประกาศกร้าวว่า
“จำไว้ ทีหลังอย่ามายุ่งกับวินอีก ไม่งั้น กูเอามึงตาย!” เขาขู่อาฆาต และทำท่าจะสั่งสอนอีก  จนพวกมันยอมแพ้วิ่งหนีไป
เขาปัดมือไม้อย่างผู้ชนะ และหันมามองชีวินที่ยืนด้วยความหวาดกลัวอยู่
“วินไม่เป็นไรนะ”  เขาพลางช่วยร่างผอมเก็บหนังสือและเครื่องเขียนเข้ากระเป๋านักเรียนแบบหิ้ว
“อืม ขอบคุณแจ๊คมากเลยนะ” เขายกมือไหว้ร่างสูงอย่างขอบคุณ
“เฮ้ยย ไม่ต้องไหว้แจ็คหรอก” เขากล่าวยิ้ม ๆ “นี่ ทีหลังระวังตัวด้วยนะวิน ไอ้พวกนี้มันหมา เห็นคนอ่อนแอกว่ามันเลยเข้ามาทำแบบนี้ไง”
“อืม ๆ”
“ว่าแต่ วินจะกลับบ้านเลยใช่ไหมเนี่ยะ”
“ใช่ ๆ” หนุ่มแว่นหนานั้นพยักหน้าอย่างตอบรับ
“เดี๋ยวแจ๊คไปส่งนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกแจ๊ค วินกลับเองได้”
“ได้ไงอ่ะวิน ไม่เอาน่า ให้แจ๊คไปส่งเถอะนะ” เขาพลางช่วยร่างบางถือกระเป๋า
“งั้นก็ได้ ลำบากแจ๊คจริง  ๆ เลย”
“บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร” เขายิ้ม ๆ และเดินไปขึ้นรถเมล์กับร่างบางด้วยกัน
   ชีวิน เป็นเพื่อนนักเรียนสมัยมัธยมของพลกฤษณ์ เขากับชีวินอยู่ห้องเดียวกันตอนม.ปลายในสายวิทย์ – คณิต ห้องคิงส์ของโรงเรียนชายล้วนชื่อดัง พลกฤษณ์เองค่อนข้างจะแตกต่างจากเด็กห้องนี้คนอื่น ก็คือ เขาไม่ใช่คนที่เนริ์ด และไม่เข้าสังคม เขาก็สนใจเรียนและมีผลการเรียนที่ดีมาก แต่ก็เป็นนักเรียนที่ครูฝ่ายปกครองส่ายหน้าไปเสียทุกครั้ง แต่เด็กหนุ่มอย่างเขาก็ยืดอกรับความผิดที่เคยทำถ้าโดนจับได้
   จากเหตุการณ์ในวันนั้นที่เขาช่วยชีวินเอาไว้ในเปิดเทอมวันแรกของม.4  ทำให้เขากับชีวินกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน ถึงแม้ชีวินกับเขาจะต่างกันมาก แต่ก็ไม่ทำให้ความเป็นเพื่อนของทั้งสองแย่ลง ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของกันและกัน เห็นชีวินที่ไหนก็มักจะเห็นพลกฤษณ์ที่นั่น จนหลายคนคิดว่า ชีวินกับพลกฤษณ์เป็นคู่รักกันเพราะพลกฤษณ์เองก็ขึ้นชื่อเรื่องความมีเสน่ห์ของเขา ตรงนี้ทำให้พลกฤษณ์กลัวว่าชีวินจะรับไม่ได้
“วินไม่โกรธพวกนั้นเหรอที่มาว่าวินแบบนั้น” เขาถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“ไม่หรอก” ร่างบางส่ายหน้า พร้อมกับยิ้มล้อ“เค้าก็แค่นินทา แค่เค้าก็ทำอะไรวินไม่ได้หรอก เพราะเค้ากลัวแจ็คไง”
“แล้วไม่อายเหรอที่พวกนั้นมันล้อว่าเป็นแฟนแจ๊ค”  เขาหมายถึงเวลาที่บรรดานักเรียนกระเทย เข้ามาล้อเลียนชีวินด้วยความอิจฉา
“ก็มีบ้างนะ แต่เราไม่ได้เป็นอย่างที่เค้าว่าหนิ เราเป็นเพื่อนกับแจ๊ค และแจ๊คก็เป็นเพื่อนกับเรา เราไม่สนใจหรอก” เขาตอบออกมาอย่างใสซื่อ พลกฤษณ์ยิ้มรับ เข้าใจ แต่ในใจก็เริ่มสั่นไหวเหมือนกัน
มิตรภาพของชีวินกับเขาเต็มไปด้วยความจริงใจและช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกัน พวกเขาต่างไปมาหาสู่ครอบครัวของอีกฝ่ายจนสนิทชิดเชื้อ ชีวินเองด้วยความเป็นคนอ่อนแอจากโรคภัย ทำให้พลกฤษณ์ดูแลเขาเป็นอย่างดี พลกฤษณ์จึงเริ่มตอบตัวเองได้แล้วว่า เขารักเพื่อนคนนี้มากแค่ไหน และเขาก็พร้อมที่จะดูแลชีวินในวันข้างหน้า
  เมื่อเข้าสู่ฤดูสอบเข้ามหาวิทยาลัย ชีวินนั้นอยากจะสอบเข้าคณะวิทยาศาสตร์ ส่วนพลกฤษณ์มีเป้าหมายที่จะสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ ก็เพื่อจบออกมาจะได้สามารถดูแลชีวินได้เต็มที่ แต่เหมือนว่าพระผู้เป็นเจ้าจะประทานชีวิตของชีวินมาได้แค่นี้...
  หลังสอบเอ็นทรานซ์ อาการป่วยด้วยลูคีเมียของชีวินนั้นทรุดลงอย่างรวดเร็ว หมอบอกว่า ชีวินจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึง 1 เดือน และบอกให้ทุกคนทำใจได้แล้ว พ่อกับแม่ของชีวินและพลกฤษณ์เองก็พยายามทำใจ จนผลสอบเอ็นทรานซ์ออกมา พลกฤษณ์เองก็เข้ามาเยี่ยมเพื่อนตามปกติ พร้อมจดหมายสีเขียวอ่อน 2 ซอง
“วิน เรามาลุ้นผลเอนท์กันดีกว่า” เขาพยายามพูดอย่างร่าเริงกับชีวินที่สีหน้าซีดเซียวลงไปมาก
“อืม ๆๆ” ชีวินมีสีหน้าดีขึ้นมานิดหน่อย
“อ่ะนี่” เขายื่นซองสีเขียวนั้นให้ชีวิน ให้ชีวินแกะลุ้นของตัวเอง ส่วนเขาก็แกะซองของเขาเหมือนกัน
ชีวินปรากฏสีหน้าดีใจออกมา เขาเองก็ยิ้มออก แสดงว่าชีวินสมหวังแล้ว ส่วนเขาก็ก้มลงดูผลสอบของตัวเขาเองเช่นกัน
“วิน หายป่วยเร็ว ๆ แล้วมาเรียนด้วยกันนะ” เขาพูดอย่างดีใจ เพราะตัวเขาเองก็ได้สอบเข้าคณะแพทย์ศาสตร์ตามที่หวังไว้ได้เช่นกัน โดยเขากับชีวินนั้นเลือกเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน
ชีวินยิ้มรับ และพยักหน้าเบา ๆ แต่ก็ฉายแววกังวลเล็กน้อย..
 แต่ไม่กี่วันต่อมา อาการของชีวินก็ทรุดหนักลงจนแพทย์เจ้าของไข้ต้องเรียกครอบครัวและคนใกล้ชิดมาอยู่ให้พร้อมหน้า เหมือนจะเป็นการดูใจครั้งสุดท้าย...
และชีวินก็จากเขาไปอย่างสงบ.....

วันนี้ที่เขาเป็นชายหนุ่มเต็มตัว ผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว วันเวลาได้กล่อมเกลาให้เขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่เขาก็ยังไม่ลืมชีวินผู้เป็นรักแรกของเขาได้ลง เขาปาดน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาในยามนี้ พร้อมกับวางช่อกุหลาบขาวลงบนป้ายชื่อนั้น เขาลูบเบา ๆ ที่ป้ายชื่ออย่างคิดถึงคนจากไปเหลือเกิน
 เมื่อชีวินจากเขาไปแล้วนั้น เขาตัดสินใจที่จะไม่เรียนต่อในคณะแพทย์อีกต่อไป เขาผันตัวเองไปเรียนวิศวะกรรมที่ต่างประเทศ ตอนนั้นเขาไม่อยากอยู่เมืองไทย ไม่อยากเจอบรรยากาศที่ทำให้เขาต้องคิดถึงเพื่อนรักของเขา เขาทนไม่ได้จริง ๆ
การเรียนอย่างหนัก,ความต่างที่ทาง.เพื่อนฝูงทั้งหลายและงานที่ได้ทำหลังเรียนจบที่เมืองนอกนั่นหล่ะ ทำให้เขาหายเศร้าไปได้มาก ถึงแม้เขาจะพบเจอความรักความสัมพันธ์กับคนมากมายใน หลากหลายรูปแบบ แต่เขาก็ยังไม่เคยพบเจอความรู้สึกที่เคยมีเหมือนตอนที่เขาอยู่กับชีวินเลย
เขายังคิดถึงชีวินอยู่เสมอ
 “วิน แจ๊คกลับก่อนนะ” เขากล่าวเบา ๆ พร้อมกับหันหลังเดินออกไปด้วยความรู้สึกเป็นสุขที่ได้มาเยี่ยมเพื่อนรักของเขา


“พีครับ งานที่ทำอยู่เป็นยังไงมั่ง” นายโจ้ ที่เคยแอดเมลล์ผิดถามพีร์ขณะที่คุยกันตามปกติ
“ก็ดีอ่ะครับ” พีร์ตอบได้แค่นี้เพราะว่าเขาเพิ่งเริ่มทำงานได้ ไม่ถึงสองเดือนดี
“แล้วงานของพี่โจ้เป็นไงมั่งคับ” พีร์ถามไปบ้าง
“ก็เรื่อย ๆ เหมือนกันอ่ะ”  เขาตอบกลับ “งานของผมจะก็ต้องดูและเครื่องจักรในโรงงาน และก็ตรวจสภาพส่วนประกอบเสมอ ๆ”
“อ่อ คับ”
“พีคับ ผมมีเรื่องจะปรึกษาหน่อย รบกวนช่วยฟังหน่อยนะครับ”
“อะไรเหรอครับ ว่ามาเลย” พีร์เริ่มสนใจ
“คือ ผมมีปัญหานิดหน่อยอ่ะคับ” เขาเริ่มเล่า
“อ่า...”
“คือ ผมเพิ่งเลิกกับแฟนอ่ะคับ”
“คับ เสียใจด้วยนะครับ”
“คับ แต่ผมรู้สึกผิดมากที่ทำให้ผมกับเค้าเลิกกัน”
“ยังไงคับ”
“คือ ผมกับแฟนอายุห่างกันมากไงคับ แฟนผมเป็นแค่เด็กปี 2 เอง ตอนที่คบกัน”
“คับ แล้วเลิกกันนานหรือยัง”
“ยังคับ ไม่กี่เดือนเอง” เขาเล่าต่อ “ตอนนี้น้องเขาก็มีแฟนใหม่แล้วด้วย”
พีร์ไม่ได้ตอบอะไรต่อไป ได้แต่นั่งรับฟังอย่างเดียว
“แถมแฟนใหม่น้องเขายังหล่อกว่า เด็กกว่าผมอีก”
“แล้วพี่รู้สึกผิดยังไงอ่ะคับ”
“ก็ตอนที่ผมกับน้องเขาคบกัน ผมรู้สึกว่าน้องเขามีคนอื่นหน่ะครับ ผมเลยตามไปอาละวาดน้องเขา”
“เราทะเลาะกันแรงมาก จนผมบันดาลโทสะ ตบหน้าเขา”
“ทั้ง ๆ ที่ตอนคบกัน ผมไม่เคยทำอะไรรุนแรงน้องเขาเลย น้องเขาคงเสียใจมากหน่ะครับ เลยเลิกกับผมเลย”
“แต่ความจริงแล้ว ผมมารู้ที่หลังว่าผมเข้าใจผิดไปทั้งนั้น”
“และที่สำคัญ ผมก็ยังรักเค้ามากอยู่”
“อ่าคับ”
“ผมไม่อยากให้น้องเขาไปเป็นของคนอื่นเลย ผมผิดใช่ไหมครับที่ทำแบบนี้”
“อย่าคิดมากเลยครับพี่โจ้” พีร์ตอบกลับ “พี่ก็ทำใจซะเถอะครับ”
“มันสายไปใช่ไหมครับพีที่ผมจะขอโทษเขา”
“ผมก็ไม่รู้ครับพี่ มันเป็นเรื่องของพี่สองคน แต่ผมว่าถ้าพี่ลองคุยดี ๆ เขาอาจจะฟังพี่บ้างก็ได้”
“แล้วพีว่าผมจะมีโอกาสกลับมาคบกันไหม”
“ผมว่าคงไม่แล้วล่ะครับ” พีร์ตอบไป เพราะด้วยที่ว่าฝ่ายนั้นเล่าให้ฟังว่าแฟนเขามีแฟนใหม่แล้ว
“คับ ขอบคุณพีมากเลยนะครับ ผมจะลองดู”
“คับ”

   ศิลามองหน้าจออย่างเคร่งคิดกับบทสนทนาที่ผ่านมา จากท่าทีของพีร์ที่เหมือนให้เขาในคราบโจ้ยอมรับสิ่งที่ทำลงไปและทำใจให้ได้
หรือว่าเขามาผิดทาง เพราะพีร์อาจจะไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่นมากตามนิสัยของเขาก็ได้
ศิลาจึงถามต่อไป
“พีคับ แล้วนี่อายุขนาดนี้ มีแฟนหรือยังล่ะ” เขาถามไป เพราะเขากับพีร์ก็คุยกันมาได้สักพักแล้ว
“ก็มีดู ๆ กันอยู่คับ” เขาตอบมา ศิลาที่สวมรอยโจ้อยู่ก็แทบชะงักไปเหมือนกัน เพราะไม่คิดว่าพีร์จะตอบให้เห็นภาพว่าก็มีอยู่
“เหรอคับ น่ารักไหม”
เขาหันไปมองศิริพจน์ที่นั่งหันหลังดูข่าวให้อยู่ “เอ่อ ตอบยากครับ”
“เค้าไม่สวยเหรอครับ”
“ก็ คงงั้นมั๊งครับ” จะสวยได้ไงล่ะ ก็เป็นผู้ชาย พีร์คิดอย่างนั้น
“ก็ดีแล้วคับ มีใครสักคนมาอยู่ใกล้ ๆ ดูแลเค้าให้ดี ๆ ล่ะ” ศิลาฝืนใจพิมพ์ออกไป
“คับ ผมก็ว่ายังงั้น”
“พี่โจ้คับ เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะคับ”
“คับ ๆ บาย ๆๆ”
“คับ” พีร์ออฟไลน์ออกไป ทิ้งให้ศิลาที่อยู่หน้าจออีกฝ่ายรู้สึกค้าง ๆ เพราะไม่ได้ถามอะไรมากมายเลย
พีร์เองรู้สึกคุ้น ๆ กับคนชื่อโจ้แปลก ๆ เหมือนเขาเคยรู้จักกับผู้ชายคนนี้ แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น
แต่ทำไมเขารู้สึกว่า ศิลาที่เหมือนจะหายไป กลับอยู่ใกล้ตัวเขามากขึ้น เขาก็แปลกใจเหมือนกัน
 “พี พรุ่งนี้ตอนเย็นไปสวัสดีพ่อแม่ผมกันไหม” ศิริพจน์บอกขณะคุยกับพีร์ก่อนนอน
“หะ ...อะไรนะ..”
“อืม ไปไหว้พ่อแม่ผมกัน”
“นี่คุณจะไปแกรนด์โอกับพ่อแม่เลยเหรอ” เขาถามกลัว ๆ เพราะศิริพจน์เคยพูดเล่น ๆ ไว้นานแล้วว่าจะพาพีร์ไปให้พ่อแม่รู้จักในฐานะลูกสะใภ้
“เปล่า แหม ก็พาไปให้รู้จักเฉย ๆ ไม่ได้เหรอ” เขากอดร่างอวบอ้อน ๆ
“ก็ได้สิ” พีร์ตอบยิ้ม ๆแต่ก็แฝงความกังวล
“อย่ากลัวไปเลย พ่อแม่ผมใจดีนะ”
“อืม งั้นเดี๋ยวผมไปบอกเลยว่าคุณเป็นเกย์ ฮ่ะ ๆๆๆ”
“ได้เลย และผมก็จะบอกว่าคุณก็เป็นแฟนผมไง”  เขาพูดพร้อมกับหอมแก้มพีร์ “ราตรีสวัสครับ”
“คับ” พีร์รับคำพร้อมกับหอมแก้มอีกฝ่าย ก่อนจะซุกตัวลงบนอ้อมกอดของศิริพจน์สู่ห้วงนิทรา
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 09-05-2010 16:42:38
โฮ่ ไม่ได้เข้ามาอ่านเรื่องน้องพีนาน กลายเป็นความสัมพันธ์กับพจน์ไปแล้ว

ไม่รู้สิ แต่ถ้าเราเป็นพี เราว่ารักครั้งใหม่มันชุ่มฉ่ำใจกว่า พจน์ก็เข้ามาแบบดีมาก ดูแลเทคแคร์ทุกอย่าง
ไม่มีพันธะข้างหลังที่ยังไงก็ตัดไม่ได้ด้วย
พี่หยก.....ทำใจซะแล้วให้เวลากับลูกและภรรยาที่แท้จริงดีกว่ามั้ย?

ปล. ขอช่วยเรื่องคำผิดนิดนึงนะคะ เอาคำที่ชัดๆก็ "ล่วงลับ" ต้องใช้ ล ลิง นะคะ ไม่ใช่ ร เรือ แล้วก็ คณะแพทยศาสตร์ (ตรง ย ยักษ์ ไม่ต้องมีทัณฑฆาต)
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 09-05-2010 19:35:06
ผลของการกระทำที่ไม่ได้คิดให้ดี มันได้แสดงออกมาให้เห็นชัดขึ้นทุกทีแล้วสิคะ คุณหยก

หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: YourSister ที่ 09-05-2010 21:16:49
 :L2:  เป็นกำลังใจให้จ้า

รอตอนต่อไปนะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 09-05-2010 21:49:16
ใจนึงก็รัก อีกใจนึงก็เจ็บ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 09-05-2010 23:16:00
ทำไมท่าทาง..ศิลาจะถึงทางตันแล้วล่ะเนี่ย....เอ้อ..ให้มันได้อย่างนี้สิ :z3:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Lucio ที่ 10-05-2010 12:35:25
บอกได้คำเดียว

ทำใจเถอะ พี่หยก


ปล แต่ก็ไม่แน่ ทางนู้นก็ยังไม่ลืมพี่เหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ANUNTAYA ที่ 10-05-2010 14:15:30
พี่ศิลา


สู้ ๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 10-05-2010 16:31:54
ฝากเนื้อฝากตัวเป็นเด็กใหม่(ในทู้) :o8:
แบบว่าหวานกับพี่หยกอยู่ดีๆ เป็นเรื่องเป็นราวมากมายเลยทีนี้ :sad4:
แล้วจะเป็นยังไงต่อไปล่ะนี่...
+1 ขอบคุณค่ะ รออ่านตอนต่อไปน้าาา :bye2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 10-05-2010 18:03:46
พี่หยกตัวเองก็มีพันธะอยู่

ยังจะไม่ยอมปล่อยพีไปอีกเนอะ

ปล่อยพีไปเถอะ  ทำใจได้แล้ว
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 15-05-2010 13:05:09
ภาคต่อ ตอนที่ 15

  วันนี้ครอบครัวของศิริพจน์อยู่กันเกือบพร้อมหน้าพร้อมตา ขาดแค่อรรถพลน้องชายคนเล็กที่เรียนอยู่ต่างประเทศเท่านั้น ศิริพจน์โทรชวนพี่สาวคนเดียวของเขามาด้วยในการกินข้าวเย็นวันนี้
  “อย่างน้อยเราก็ยังพอมีกองเชียร์มั่งวะ” เขาคิดอย่างนั้น

เจ้าสัววิชาและคุณศิริพรผู้เป็นพ่อแม่ไม่นึกแปลกใจอะไร แต่ก็นึกอยากรู้จักเพื่อนลูกชายคนนี้เหมือนกัน เพราะเพื่อนคนนี้เหมือนจะเป็นคนที่ศิริพจน์บอกว่าเขาไปพักอาศัยด้วยในบางวัน ทั้ง ๆ ที่ลูกชายก็เป็นคนกรุงเทพฯโดยกำเนิด แต่กลับไปอยู่กับเพื่อน แต่ทั้งสองก็พอเข้าใจลูกชายคนนี้ว่างานที่ทำหน่ะยุ่งแค่ไหน เลยไม่ได้ว่าอะไร แต่ก็แอบบ่นบ้างบางเวลาเพียงเท่านั้น

“พจ  พ่อแม่พจจะว่าอะไรพีมั๊ยอ่ะ” เขาถามศิริพจน์ที่ขับรถอยู่อย่างแอบประหม่า
“จะว่าอะไรคุณได้ล่ะ คุณไม่ได้ทำอะไรผิดหนิ” ศิริพจน์ตอบยิ้ม ๆ
“ก็พีกลัวหนิ”
“ไม่ต้องกลัวนะ” ศิริพจน์วางมือซ้ายลงบนมือขวาของร่างอวบและบีบเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ

 รถซีดานสัญชาติญี่ปุ่นเลี้ยวเข้ารั้วหรูของบ้านหลังใหญ่ และเข้าไปจอดในโรงเก็บรถอย่างสงบนิ่ง พีร์มีเองกังวลเล็กน้อยในการพบปะกับพ่อแม่ของศิริพจน์ในครั้งนี้ แต่อีกฝ่ายก็พยายามยืนยันว่าพ่อแม่ของเขาไม่มีอะไรให้พีร์กังวล

  ศิริพจน์เดินนำพีร์ไปยังห้องนั่งเล่นของบ้าน ก็พบพ่อกับแม่ของศิริพจน์นั่งรออยู่แล้วเช่นกัน
“สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่” ศิริพจน์ยกมือไหว้คนทั้งสอง
“จ้ะ นี่เพื่อนคนนี้ใช่ไหมที่เคยเล่าให้แม่ฟัง” ผู้เป็นแม่ถามด้วยความสนใจ
“ครับคุณแม่ นี่พีร์เพื่อนผมเอง” ศิริพจน์แนะนำร่างอวบที่ดูเรียบร้อยในชุดทำงานให้พ่อแม่รู้จัก พีร์จึงยกมือไหว้คนทั้งสองอย่างนอบน้อบ
“จ้ะ สวัสดี” เธอกับสามีรับไหว้อย่างใจดี “เย็นนี้ทานข้าวด้วยกันนะจ๊ะ”
“ครับ ขอบคุณมากครับ” พีร์ยกมือไหว้  

      ตลอดการรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน บรรยกาศของการสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่น พ่อกับแม่ของศิริพจน์ก็มีท่าทีเปิดรับเพื่อนลูกคนนี้เป็นอย่างดีโดยที่นลพรรณที่ศิริพจน์ให้มาเป็นกองเชียร์ไม่ต้องทำอะไรมาก หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ พ่อกับแม่ของศิริพจน์ก็คุยกับพีร์เรื่องต่าง ๆ เล็กน้อย นัยว่าเป็นการดูเชิงเพื่อนลูกคนนี้ และก็เล่าเรื่องศิริพจน์ให้พีร์ฟังอย่างสนุกสนาน จนทั้งสองปล่อยให้เด็ก ๆ คุยกันเองนั่นหล่ะ นลพรรณและศิริพจน์ถึงได้ทำสีหน้าโล่งอกไปที
    “พจ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ” พีร์หันไปถามศิริพจน์ที่นั่งมองหน้ากับพี่สาวอย่างเบาใจ
“ก็ ลุ้นหน่ะสิว่า พ่อแม่ผมจะคุยอะไรกับคุณบ้าง”
“อ่าว...ไหนว่าพ่อดีกับแม่คุณใจดีไง” พีร์หันไปเริ่มเหวี่ยงคนข้าง ๆ
นลพรรณตอบแทน “ก็พี่เองก็กลัวเค้าพูดอะไรเกี่ยวกับเอ่อ...พี่ไง และก็พูดถึงเรื่องหาแฟนให้พจอ่ะ พ่อแม่พี่เค้าอยากให้ตาพจแต่งงานหลังเรียนจบเลยอ่ะ” เธอพูดอย่างเบื่อหน่ายในเรื่องทำนองนี้
พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีกังวลอะไร นอกจากพูดอะไรขำ ๆ ออกมา
 “ดีสิ ถ้าคุณแต่งงานไป ผมจะได้ไปกินเลี้ยงที่งานแต่งคุณ ฮ่ะๆๆๆ”
ศิริพจน์ยิ้มก่อนตอบว่า “ได้ไงล่ะ คุณเป็นเจ้าสาวนะ กินเยอะได้ไง เดี๋ยวชุดก็ปริหมดหรอก”
“ใครเป็นเจ้าสาวของคุณหะ”
  ศิริพจน์ไม่พูดอะไรได้แต่กอดเอวอวบจากด้านหลังและซบแผ่นหลังลงไปอย่างออดอ้อน พีร์เองก็ยิ้มกับคนรักที่แบบนี้
   นลพรรณยิ้มให้กับภาพตรงหน้า น้องชายเธอกับพีร์ดูมีความสุขและเหมาะสมกันดีในฐานะคู่รัก เธอนึกถึงสภาพของพีร์ตอนที่ยังเป็นของศิลา เขาไม่ได้สดใสร่าเริงเหมือนที่อยู่กับน้องชายเธออย่างนี้
   แต่เธอก็อดเป็นห่วงพีร์กับศิริพจน์ไม่ได้ ว่าเวลาแห่งความสุขของทั้งคู่จะหมดลงไปในเวลาใด
“พจ คุณอายคุณแพรวมั่งก็ได้” พีร์เริ่มเขิน เพราะเห็นนลพรรณก็มองน้องตัวเองอยู่
“นั่นสิพจ  ไม่ได้อยู่กันสามคนนะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าทำไง”
ศิริพจน์ไม่สนใจ“ก็ให้เค้ารู้ไปสิพี่แพรว”
“พจอ่า พูดงี้ได้ไง”
“ล้อเล่น ๆๆ” เขาหันไปพูดกับนลพรรณ “พี่แพรวแล้วนี่บอกทางโน้นว่าไงมั่งครับ” เขาหมายถึงทางครอบครัวของเธอเอง
“อ่อ พี่ก็ไม่ได้บอกหรอกจ้ะว่ามาช่วยน้องชาย”
“อ่าครับ” เขาหัวเราะ “ขอบคุณที่มาเป็นกองเชียร์นะครับ”
“จ้ะ” เธอยิ้มรับ จากใจจริง ส่วนพีร์เองก็รู้สึกสนิทสนมกับตัวเธอมากขึ้น

  “น้องพี วันนี้เป็นไงมั่ง หายเกร็งกับพ่อแม่พี่แล้วนะ” นลพรรณหันมาถามเด็กหนุ่มขณะที่ขับรถไปส่งเขาที่อพาตเมนท์
“ครับ”
“น้องพี เรียกพี่ว่าพี่แพรวเถอะ ต่อไปนี้อ่ะ อย่าเรียกพี่ว่าคุณแพรวเลย”
พีร์มองนลพรรณอย่างเกรง ๆ แต่นลพรรณก็พูดต่อ “เถอะน่า นะ น้องพี ไม่ว่าน้องพีจะเป็นของหยก หรือเป็นของตาพจ น้องพีก็เรียกพี่ว่าพี่แพรวดีกว่านะ”
“ครับ พี่แพรว”
“จ้ะ ดีแล้ว” เธอยิ้มรับ เพราะอย่างน้อยเด็กหนุ่มก็เปิดใจกับเธอมากขึ้น
“ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องคิดมากนะจ๊ะน้องพี  คิดซะว่าพี่เป็นพี่อีกคนก็แล้วกัน”
“ครับ ขอบคุณครับ”
เขาเว้นไปสักพักจึงเพิ่งนึกอะไรออก แล้วล้วงบางอย่างออกจากกระเป๋าเอกสารทรงสะพาย “พี่แพรวครับ ผมฝากอะไรให้พี่หยกได้ไหมครับ”
นลพรรณมองหน้างง ๆ เขาเลยยื่นสิ่งที่เขาเคยฝากหญิงสาวคืนให้ศิลาไปแล้วครั้งหนึ่ง
“น้องพี...”
“ครับ ในเมื่อเรื่องของผมกับพี่หยกมันจบลงแล้ว ตุ้มหูนี่ก็ไม่ควรอยู่กับผม”
หญิงสาวมองหน้าเขาอย่างลำบากใจ
“นะครับพี่แพรว”
“จ้ะ ๆ” เธอทำหน้าลำบากใจ สรุปว่าเรื่องของหนุ่มน้อยกับสามีเธอมันคงจบแล้วใช่ไหมเนี่ย
“อ่ะ ถึงแล้วจ้ะ”
“ครับ ขอบคุณพี่แพรวมากครับ” เขายกมือไหว้
“จ้ะ ไม่เป็นไร เจอกันวันหลังนะจ๊ะ”
“ครับ สวัสดีครับ”
“ค่ะ”
  เขาปิดประตูรถ แล้วเดินเข้าไปในตัวอาคาร แต่ก่อนจะถึงตัวอาคารนั้น..
“น้องพี....” เสียงคุ้น ๆ เรียกชื่อเขา เขาจึงหันหน้าไปมองก็พบร่างสูงที่คุ้นเคยยืนมองเขาด้วยสายตาละห้อย
“พี่หยก” เขายืนนิ่งเหมือนถูกสาบ ร่างสูงเข้ามาหาเขาอย่างคิดถึง เขามองร่างสูงนั้นอย่างหวาดกลัว เขาเตรียมจะเดินหนีแต่ศิลาก็เรียกไว้
“น้องพี คุยกับพี่หน่อยได้ไหมครับ” เขาร้องขอ
“นะครับ” พีร์เห็นท่าทีอย่างนั้นก็เริ่มเย็นลง จึงเดินตามเขาไปห่าง ๆ ที่สวนสาธารณะใกล้ ๆ

“น้องพีครับ เรื่องของเรามันจบลงแล้วจริง ๆ เหรอ” ศิลาถามเสียงละห้อย
“ครับ” พีร์พยักหน้านิ่ง ๆ อย่างเก็บความรู้สึก
“ทำไมอ่ะครับ”
“ยังจะต้องถามอีกเหรอครับว่าทำไม” พีร์พยายามเก็บอารมณ์เสียใจและน้ำตาที่เริ่มจะไหลออกมา
“น้องพี น้องพีจะไม่ให้โอกาสพี่ได้แก้ตัวบ้างเลยเหรอ”
“แล้วพี่หยกล่ะครับ เคยให้โอกาสพีได้อธิบายอะไรมั๊ย” เขาสะบัดหน้ามามองศิลา “ตอนนั้นพีกับพจยังไม่ได้เป็นอะไรกัน พี่หยกก็คิดไปเองทุกอย่าง แต่ตอนนี้ พีกับพจเป็นอะไรกันสมใจพี่หยกแล้วหนิ  พี่หยกจะเอาอะไรอีกล่ะครับ”
“น้องพี น้องพีประชดพี่ใช่ไหม” เขาปราดเข้าไปจับแขนทั้งสองข้างของพีร์  
“เปล่าครับ...พีร์พูดจริง” เขาจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าจริงจัง ตาที่ปริ่มน้ำมองไปอย่างไม่เกรงกลัว
“น้องพี...”
“ตอนนี้พีมีคนอื่นแล้วสมใจพี่หยกแล้ว พี่หยกก็น่าจะเลิกยุ่งกับพีซะทีนะครับ” เขาค่อย ๆ ละออกจากศิลา แต่ศิลานั้นกอดร่างอวบที่คิดถึงนั้นไว้แน่น ไม่ปล่อยไปไหน
“น้องพี พี่ขอโทษ...น้องพีจะให้พี่ทำอะไรก็ได้ กลับมาเป็นของพี่เถอะนะ...”
พีร์ผลักอกอุ่นที่คุ้นเคยนั้นออก แล้วพูดใส่หน้าคนใจร้ายของเขา “พอเถอะครับพี่หยก ทำไมพี่หยกไม่เข้าใจซะทีว่าเราจบกันแล้ว พี่หยกเองก็น่าจะกลับไปดูแลครอบครัวดีกว่ามาตามพีแบบนี้นะครับ” เขาสะบัดตัวออกไป
“ลาก่อนครับ”
“น้องพี ๆ” ศิลาเรียกตามแต่ก็ไร้ประโยชน์ ร่างรวบนั้นเดินออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนจะรีบหนีเขาให้เร็วที่สุด

  พีร์เดินออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ระหว่างช่วงที่ผ่านมุมมืดก็มีมือปริศนาฉวยข้อมือเขาไว้ให้หยุด
“ไอ้น้อง เอาเงินมาแบ่งกันใช้ดิ”
พีร์ตกใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้ตัวว่าถูกชิงทรัพย์ เขามองโจรที่เงื้อมีดพกขู่เขาอย่างพยายามตั้งสติ โจรนั้นเหมือนจะย่ามใจเลยพยายามเอาใบมีดวาวแสงนั้นลูบบนแก้มนิ่มของพีร์เบา ๆ เพื่อขู่เข็ญ พีร์เองก็พยายามเบือนหน้าหนีและพยายามล้วงหากระเป๋าสตางค์ โจรเห็นว่าชักช้าเลยกระชากกระเป๋าสบายของเขามาก่อน
“เร็ว ๆ รีบส่งเงินมา” เจ้าโจรขู่กรรโชก แต่ก็รู้สึกตัวเหมือนมีใครมาสะกิดอยู่ข้างหลัง มันจึงหันไปดู
  หมัดหน่วง ๆ ของศิลาพุ่งเข้าไปที่ครึ่งปากครึ่งจมูกของมัน พีร์รู้สึกดีขึ้นที่มีคนมาช่วย และก็ดีใจมากขึ้นเมื่อรู้ว่าเป็นศิลา เขาอาศัยจังหวะนี้รีบวิ่งไปแจ้งตำรวจที่ป้อมใกล้ ๆ
  โจรนั้นใช้มีดขู่ศิลา แต่ศิลาไม่กลัว จึงเกิดการต่อสู้กันเล็กน้อย ศิลาพยายามล่อโจรให้ออกมาในมุมที่สว่างขึ้น แต่เขาก็พลาดถูกมีดของโจรฟันเข้าที่แขนขวา
“พี่หยก...” พีร์ที่รีบวิ่งไปแจ้งตำรวจแถวนั้น เข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี ตำรวจสองนายเข้าไปล้อมโจรชั่วนั้น และส่งกระเป๋าสะพายให้พีร์  คนทั้งสองไม่ลืมขอบคุณตำรวจที่เข้ามาช่วยจัดการ
“โอย...ซี๊ดดดด” ศิลาร้องด้วยอาการเจ็บแผล
“พี่หยก พี่หยกเป็นอะไรมากไหมครับ” พีร์เข้ามาจับแขนดูอย่างเป็นห่วง “ตายล่ะ พี่หยกเจ็บมากไหมครับ”
“พี่ไม่เป็นไรหรอกครับ” เขาตอบยิ้ม ๆ พร้อมมองหน้าคนรักที่เป็นห่วงเขา
“เดี๋ยวเข้าไปทำแผลที่ห้องพีก่อนนะ”
ศิลายิ้มดีใจ เพราะพีร์ก็ยังมีเยื่อใยให้เขาอยู่ ไม่ใช่แข็งกร้าวอย่างที่แสดงออกมาเมื่อครู่นี้


พีร์ทำแผลให้ศิลาอย่างเบามือ เขาค่อย ๆ ทำความสะอาดและใส่ยาแผลสดนั้น ศิลามองใบหน้าจิ้มลิ้มที่จริงจังกับการทำแผลด้วยความคิดถึงเป็นอย่างยิ่ง
“ขอบคุณพี่หยกมากเลยนะครับที่ช่วยพีร์ไว้” เขายกมือไหว้ศิลาหลังจากทำแผลเสร็จ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” เขาตอบเรียบ ๆ ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากโอบกอดร่างอวบนี้เหลือเกิน แต่เขาก็พอรู้ตัวว่าเขาไม่มีสิทธิ์เสียแล้วในเวลานี้
 “น้องพีครับ คืนนี้พี่ขอนอนด้วยคนได้ไหม”
พีร์เริ่มรู้ตัว ความทรงจำโหดร้ายนั้นก็พลันปรากฏ
“อย่าเลยดีกว่าครับพี่หยก พี่หยกกลับไปเถอะครับ วันนี้พีขอบคุณมาก ๆ นะครับ”
ศิลาหน้าจ๋อยเมื่อเห็นอย่างนั้น แต่ก็ไม่ยอมแพ้ จึงขอร้องพีร์ให้เห็นใจเขาบ้าง จนสุดท้ายจากที่ลึก ๆ แล้วพีร์เองก็ยังรักศิลาอยู่เต็มหัวใจ จึงยอมให้เขานอนค้างคืนด้วย

     “ฮัลโหล พจเหรอ” พีร์โทรศัพท์ไปหาศิริพจน์ ขณะที่ศิลาเข้าไปอาบน้ำ
“ครับ ว่าไง ถึงหอนานแล้วใช่มะ มีอะไรเหรอครับ”
“อืม มีสิ” พีร์เล่าเรื่องเขาถูกชิงทรัพย์ให้ฟังแล้วศิลาเข้ามาช่วยพอดี
“เหรอ แล้วนี่พี่หยกเค้าเป็นไงมั่ง”
“ก็โดนฟันนิดหน่อยหน่ะ คือ ตอนนี้เข้าก็ยังอยู่กับพีหล่ะ”
“ฮะ อยู่กับพีเหรอ”
“อืม เค้าขอนอนด้วยหน่ะ” พีร์พูดอย่างกังวล
“อ่าว แล้วพีทำไงล่ะ”
“ก็ไล่เค้าเค้าก็ไม่ไปอ่ะพจ”
“อืม ให้ผมไปนอนด้วยไหม”
“ไม่ต้องหรอกพจ เดี๋ยวห้องนอนพีกลายเป็นสนามมวยกันพอดี”
“แน่ใจนะ” เขาถามด้วยความเป็นห่วง ไม่ใช่หึงหวง
“อืม แน่ใจสิ เค้าคงไม่ทำอะไรพีหรอก”
“โอเค งั้นดูแลตัวเองละนะครับ” เขาพูดต่อ “แต่ผมเป็นห่วงคุณน้า...ผมอยากไปนอนกับคุณจังเลย”
“หืม....ไม่ต้องห่วงละกันนะพจ”
“ครับ มีอะไรโทรมาบอกผมได้เลยนะ”
“ครับ ๆ งั้นแค่นี้ก่อนนะ”
“ครับ ดูแลตัวเองล่ะ”
“อืม ๆ บาย ๆๆ”
  พีร์วางสายไปด้วยความสบายใจในระดับหนึ่ง  เขามองเห็นศิลาออกจากห้องน้ำแล้ว จึงทำเป็นแกล้งหลับไม่สนใจอีกฝ่ายที่ค่อย ๆ ล้มตัวนอนข้าง ๆ เขา
  ศิลามองพีร์ที่นอนหันหลังให้ เขารู้สึกว่าถึงแม้จะอยู่ใกล้กันแต่ก็เหมือนมีกำแพงหนาที่ขวางระหว่างเขากับพีร์อยู่ เขาอยากจะโอบกอดร่างนั้นไว้เหมือนอย่างที่เคยทำ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะกำแพงหนาที่เขารู้สึกนั้นขวางกั้นพวกเขาไว้อยู่  เขาเคยชอบความมืดที่เจือแสงนวลเมื่ออยู่กับพีร์ แต่ตอนนี้บรรยากาศแบบนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้เขากับพีร์มีความสุขด้วยกันเหมือนแต่ก่อนเลย
   เวลานี้เขาได้แต่นอนมองด้านหลังของคนรัก เท่านี้ก็คงมากพอแล้วสำหรับคนที่ทำร้ายพีร์อย่างเขา
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 15-05-2010 13:23:58
 :z13: :z13:
จิ้มน้องพี   พยายามเข้านะพี่หยก
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 15-05-2010 14:25:06
อืมมม...ยังไงดีน๊าาา..
บอกตรงๆว่าเราเดาใจคุณคนแต่งไม่ออกเลยค่ะ ^^

ไม่รู้จะเชียร์หรือจะสงสารใครดี...เพราะเรื่องทุกอย่างทั้งพีร์ทั้งพี่หยกก็เริ่มมันด้วยตัวเองกันทั้งคู่
จริงๆเราอาจจะอินไปหน่อย แต่ถ้ามองในแง่ความเป็นจริงแล้ว...ใครๆก็คงไม่อยากเป็นคนทำลายครอบครัวคนอื่นหรอกมั้งเนอะ
ถ้าพีร์จะคบกับพจน์แล้วไม่มีปัญหาอะไร รวมถึงพีร์มีความสุขมันก็โอเคในระดับนึง
ถ้าพีร์ไม่รักพี่หยกอีกต่อไปก็บอกไปตรงๆแล้วอย่าเจอกันอีกเลยมันจะดีกว่าไหม?
เราว่าเรื่องมันเริ่มยุ่งก็เพราะแพรวรู้นี่แหละ... เฮ่อออ  :เฮ้อ:

ส่วนพี่หยก...รักพีร์แต่ถ้าพีร์ดันคิดว่าคงกลับไปเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว
ถ้าไม่อยากทำร้ายพีร์ก็อาจจะเสียสละเพื่อความสุขของคนที่รักดีกว่ามั้ง
เพราะหากว่าได้ตัวคืนมาแต่ใจพีร์ไม่เหลือความเชื่อใจให้อีก มันน่าเจ็บปวดกว่าปล่อยเค้าไปตั้งเยอะแน่ะ ^^

พจน์อีก...อันนี้เราก็ไม่รู้ว่าจะรักพีร์มากขนาดไหน แล้วพีร์จะรักพจน์ได้เยอะขนาดไหน
แล้วถ้าวันนึงพจน์โดนจับแต่งงานหลังเรียนจบจริงๆจะกล้าสู้เพื่อพีร์หรือเปล่า?
แต่ถ้ารักกันแล้วทุกอย่างมันดีขึ้นก็อวยพรไปละกันค่ะ

โอ๊ววว...นิยายเรื่องนี้ดราม่าสุดๆอะ เป็นเรื่องนึงที่เรากะว่าอาจจะไม่อ่านแล้วเพราะปวดตับมากมาย
แต่สุดท้ายก็จิ้มมาอ่านอีกจนได้...
เอาเป็นว่าเป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 15-05-2010 14:53:53
ง่า...สงสารพี่หยกจัง เจ็บตัวยังไม่พอ ยังปวดใจอีกต่างหาก
แต่ว่าทุกอย่างมันก็เริ่มจากพี่เองนินา เฮ้ออ :เฮ้อ:
ถอนหายใจได้อย่างเดียว :เฮ้อ:
ขอบคุณค่า รออ่านตอนต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 15-05-2010 15:07:34
เนี่ยแหล่ะน๊าา...อยู่ใกล้แต่เหมือนไกล ..

ตอนนี้เนี่ยไม่ว่าพีร์จะเลือกใครก็คงเจ็บทุกฝ่าย

เพราะถ้าพีร์เลือกพจน์ แต่ใจยังรักพี่หยก พจน์คงรู้แย่ พี่หยกเจ็บ
แต่ถ้าพีร์เลือกพี่หยก พจน์เจ็บ คุณแพรวเจ็บ... :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 15-05-2010 20:14:53
เลือกใครดีเนี่ยยย

เศร้า
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 16-05-2010 18:29:02
ภาคต่อ ตอนที่ 16

“เฮ้ย! ไอ้หยก เบาๆ” พลกฤษณ์ห้ามศิลาที่กระหน่ำสาดเหล้าลงคออย่างคนที่ต้องการลืมโลก ศิลาโทรชวนเขามากินเหล้าด้วยกันที่ร้านดังแถวทองหล่อ เขาเดาว่าเพื่อนของเขาต้องมาระบายทุกข์เรื่องแฟนเด็กให้ฟังอีกตามเคย และก็จริงที่เขาคาดไว้
“ไอ้แจ๊ค....ทามมาย....น้องพี ต้องทามแบบนี้ว้า” ศิลาคร่ำครวญออกมาด้วยฤทธิ์น้ำเมา
“ไอ้หยก  เลิกกินเหล้าเถอว่ะ” เขาจับแขนเพื่อน “แผลยังไม่ทันหาย แล้วอย่างนี้จะไปทำอะไรต่อได้วะเนี่ยะ”
“น้องพี...ฮือ ๆๆๆๆ”
“เมาใหญ่แล้วเพื่อนกู” พลกฤษณ์ถอนหายใจ
“น้องพีเค้าไม่ร๊ากกกูแล้วววววว ฮือ ๆๆๆ”
“เอ้า เอาเข้าไป เมาเป็นหมาอย่างนี้ใครเค้าจะมารักแกล่ะหยก” เขาพยุงเพื่อน “ไป ๆๆ กลับบ้านกัน”
“ม่ายยยกลับบบบ น้องพีเค้าไม่รักชั้นแล้ว ชั้นจะเมาให้ตายไปเลย”
“อ่าว นี่ถ้าแกตายไป เจ้าพจมันไม่ยิ่งได้ใจเหรอวะ”
ศิลาชะงัก มองหน้าเพื่อน “ไอ้พจจ ไอ้น้องชั่ววว ไอ้เลวววววว มันแย้งน้องพีของชั้นปายย”
“เออ นั่นหล่ะ มันยิ่งได้ใจสิวะ เห็นแกเป็นแบบนี้” เขากรอกหูศิลา “ฉะนั้น เลิกเมาซะ กลับไปคิดหาวิธี ถ้าแกยังไม่อยากแพ้เด็กเมื่อวานซืน”
“ป่ะ กลับกานนน”
“ดีมาก งั้นชั้นไปส่งแกที่ไหนดี”
“ที่หอน้องพี”
“ไอ้บ้า ไปสภาพนี้เนี่ยะนะ น้องเค้าได้ยิ่งเกลียดแกสิ” เขาพลางคิด ถ้าศิลากลับบ้านไปในสภาพเมาอย่างนี้ คงจะโดนซักแน่ ๆ  “งั้นเอางี้ ไปนอนบ้านชั้นละกัน จะได้มีคนดูแล”
“ปายยย เอิ๊กก” พลกฤษณ์ประคองเพื่อนที่เมาไม่ได้สติ เขานึกเป็นห่วงเพื่อนที่เมาขนาดนี้ จึงต้องยื่นคำขาดให้เขานึกถึงศิริพจน์
  เพราะรายนั้นได้เปรียบกว่าเห็น ๆ ในตอนนี้ในทุก ๆ เรื่อง และที่สำคัญศิลาเองก็เป็นคนผิดเต็ม ๆ ในเรื่องนี้
พลกฤษณ์คิดได้ว่า เขาควรจะเดือดสติเพื่อนให้รู้ตัวและหันมารับผิดชอบครอบครัวตัวเอง แต่ถ้าเพื่อนเขายังรักอีกฝ่ายอยู่ เขาก็คงจะให้เพื่อนเขาทำใจไว้บ้างก็เท่านั้น
    ศิลาน่าจะระลึกไว้บ้าง ว่าชีวิตใหม่ที่เขาเพิ่งค้นพบ จะต้องเจอกับรักที่ไม่ยั่งยืน
    แต่หากเลือกจะรักแล้ว ก็ต้องรู้จักปล่อยวางในบางเรื่อง


  วันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้ พีร์กับศิริพจน์ก็ออกมาเดินเล่นในห้างหรูแถวพร้อมพงศ์ด้วยกัน พีร์นั้นไม่ค่อยชอบห้างหรูนี้  เพราะไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็แพงไปหมดทั้งสิ้น แต่ศิริพจน์เองชอบเพราะว่าร้านหนังสือสัญชาติญี่ปุ่นที่สาขานี้มีหนังสือเชิงวิชาการให้เลือกอ่านมากมายกว่าสาขาอื่น พีร์เองก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่เมื่อศิริพจน์อยากมา เขาก็ต้องตามใจ
   พีร์เดินดูรอบ ๆ อย่างผ่าน ๆ ที่เขาสนใจก็เพียงหนังสือสายการตลาด แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขามีอาการไม่สนใจคนอื่นอย่างศิริพจน์เลย
  เขามองศิริพจน์งอน ๆ ที่ไม่สนใจมั่งเลยว่าเขาเริ่มเบื่อแล้ว เขาเดินไปหาศิริพจน์ให้รู้ว่าเขาเริ่มเบื่อแล้ว
“พจจจจจ” เขากระเง้ากระงอด ร่างสูงที่อ่านหนังสืออยู่
“หือ..ว่าไง”
“จะอ่านอีกนานมั๊ยเนี่ยะ”
“ทำไมอ่ะ”
“ก็ พี....” เขาไม่ทันได้พูดอะไรก็เห็นพลกฤษณ์เดินมาข้างหลังศิริพจน์ เพื่อเลือกหนังสือแนววิศวะกรรม ที่ตู้ข้าง ๆ ศิริพจน์เห็นพีร์เงียบไปเลยหันไปมอง
“อ่าวพี่แจ๊ค” เขาทักทาย พลกฤษณ์กันมามองคนทั้งสองอย่างตกตะลึง เพราะคาดไม่ถึงว่าจะมาเจอกันที่นี่
พีร์เองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน พลางมองพลกฤษณ์แบบวางตัวและสำรวจชายหนุ่ม
“เข้าร้านหนังสือเป็นด้วยเหรอ..” พีร์คิดในใจ เพราะไม่เชื่อว่าเพลย์บอยอย่างพลกฤษณ์ จะเข้ามาซื้อหนังสืออ่าน
“อ่าวว่าไงพจ” เขาทักทายรุ่นน้องกลับ เพราะศิริพจน์เป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนกับ จุลกฤษณ์ น้องชายคนเล็กของเขา
“มาซื้อหนังสือครับ แล้วพี่ล่ะ”
“พี่ก็มาซื้อหนังสือว่ะ”  เขาถามรุ่นน้องต่อ หยั่งเชิง “แล้วนี่ มากับใครล่ะ”
“อ๋ออ นี่พีครับ แฟนผมเอง” ศิริพจน์แนะนำพีร์เต็มเสียงอย่างภูมิใจ พร้อมโอบไหล่ร่างอวบแสดงสถานะอย่างที่บอก
“อ๋ออ หรอ” พลกฤษณ์ตอบรับ คิดในใจ “ดูท่าเจ้าพจมันจะรักน้องเขาจริงนะเนี่ยะ ถึงขนาดแนะนำว่าเป็นแฟนเลย”
“แล้วพี่แจ๊คมากับใครล่ะครับเนี่ยะ” ศิริพจน์ถาม
“อ่อ พี่มากับ...”
“คุณแจ๊คคคคค........” ยังพูดไม่ทันขาดคำ เด็กหนุ่มร่างบางในชุดนักศึกษาก็โผล่เข้ามาเกาะแขนพลกฤษณ์อย่างออดอ้อน
“นี่คุณแจ๊คทิ้งเค้าไว้ข้างนอกนานแล้วนะ ไหนบอกจะมาซื้อหนังสือไง ทำไมซื้อนานจังเลยอ่า”
พีร์กับศิริพจน์มองหน้ากันด้วยสีหน้าบอกไม่ถูกทั้งคู่ เพราะอีกฝ่ายเพิ่งมาแท้ ๆ หนุ่มน้อยก็ตามมาให้รำคาญใจอีกแล้ว
“ก็ บอกให้มาด้วยกันก็ไม่มาเองนี่นา เค้าก็ตามใจเบ่บี๊แล้วนะ”
เด็กหนุ่มไม่พูดอะไรได้แต่เกาะแขนพลกฤษณ์ คนทั้งคู่เห็นอย่างนั้นก็เลยต้องขอตัวออกมา
“ผมไปก่อนนะพี่” ศิริพจน์บอกลา และหยิบหนังสือสองเล่มที่เลือกไว้ ก่อนจะจูงมือพีร์ไปที่แคชเชียร์
“คุณแจ๊ค นั่นใครเหรอ...” เด็กหนุ่มสอดรู้บ้าง
“อ่อ เพื่อนของเจย์หน่ะ”
“และเค้ามากับแฟนเหรอ”
“อืม ทำไมเหรอ”
“เปล่า ๆ น่ารักดีเนอะ อีกคนก็หล่อ อีกคนอ้วนไปหน่อยแต่ก็น่ารัก เหมาะกันเนอะ”
“อืม น่ารักดี” พลกฤษณ์เห็นด้วย แต่เขาก็นึกถึงเพื่อนที่ป่านนี้สร่างเมาแล้วหรือยังก็ไม่รู้

  พลกฤษณ์มองตามร่างอวบที่มีท่าทางแจ่มใสนั้นออกไป พีร์กับศิริพจน์ดูมีความสุขเมื่อมีกันและกันดีอยู่แล้ว ศิลาก็น่าจะเข้าใจอะไรใหม่ซะบ้าง
“ทำใจเหอะว่ะ หยก” เขาคิดในใจ 

“สวัสดีครับพี่โจ้” พีร์ทักทายศิลาในร่างแฝงของนายโจ้ใน MSN
“ครับ หวัดดีครับพี”
“พี่โจ้เป็นไงมั่งคับ ไม่ได้คุยกันนานเลย”
“อ่อ พี่ก็สบายดี พีล่ะ”
“เรื่อย  ๆ เหมือนกันคับ”
“เอออ ปีใหม่นี้จะไปเที่ยวไหนหรือเปล่า” เขาถาม เพราะว่าเดือนนี้ก็เข้าสู่ปลายปีแล้ว
“ยังไม่รู้เลยครับ คิดว่าจะกลับบ้าน”
“อ่อ เหรอ แล้วบ้านเราอยู่ที่ไหนล่ะ”
“ขอนแก่นครับ” พีร์โกหกไป
“อืม เหรอ ดีเนอะได้เข้ามาทำงานในกรุงเทพ พี่เนี่ยะอยู่ระยองมาตั้งแต่เกิดจนทำงาน ไม่ได้ไปไหนเลย 55”
“คับ ผมว่าก็ดีเหมือนกันนะ”
“อ่า คับ” เขาพิมพ์ต่อ “น้องพีคับ พี่ตามไปคุยกับน้องเขาแล้วครับ”
“น้องเขาบอกว่าเรื่องของเรามันจบแล้ว”
“ครับ” พีร์ตอบรับ
“แต่พี่ก็ยังรักน้องเขามากหน่ะครับ พี่จะทำไงดี”
“ผมว่า พี่ก็รักเขาต่อไปหน่ะแหล่ะครับ แต่พี่แค่ไม่ได้อยู่กับเขาแล้วก็เท่านั้น” พีร์พิมพ์ต่อ “คนเรารักกันเป็นเรื่องที่ดีนะครับผมว่า และพี่ก็น่าจะดีใจนะที่เห็นคนอื่นมาดูแลเขาแทนพี่ได้”
“คับ ขอบคุณน้องพีมากนะคับ”
“ไม่เป็นไรคับพี่ คิดมาก”
  ศิลากรุ่นคิดอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เขาย้อนดูตัวเอง ก็คิดได้ว่าเห็นทีเขาจะต้องเป็นไปตามที่พีร์บอกซะแล้วว่าให้หักห้ามใจเสียบ้าง ถ้าเรื่องมันเป็นไปแบบนี้แล้ว
แต่คงจะเลิกรักพีร์ไม่ได้ เขาคิดอย่างนั้น

   พีร์ปิดคอมพิวเตอร์ และหันไปมองศิริพจน์ที่กึ่งนั่งกึ่งนอนตร่ำเคร่งกับการอ่านหนังสืออยู่บนเตียง  เขารู้สึกว่าชายหนุ่มจะจริงจังอะไรกับการอ่านหนังสือหนักหนา เพราะว่าเจ้าตัวก็พ้นวัยแห่งการอ่านหนังสือสอบมาแล้ว และอีกอย่างที่เขานึกขัดใจก็คือศิริพจน์ออกจะไม่ค่อยสนใจในเรื่องอย่างว่าซะเท่าไหร่  เพราะตั้งแต่ตกลงปลงใจกันครั้งนั้นแล้ว ศิริพจน์กับเขาก็ใช้เวลาบนเตียงกันนับครั้งได้
   อาจจะเป็นเพราะว่าศิริพจน์เป็นมือใหม่ แต่ศิลาเองก็ใช่ว่าจะเคยกับผู้ชายมาก่อน
 เขานึกถึงศิลา ที่แทบไม่เคยปล่อยเวลาการอยู่ด้วยกันให้เป็นอย่างอื่น ศิลาเป็นผู้ชายที่มีความต้องการในตัวเขาสูงมาก และเขาเองก็ต้องการในรสรักของชายหนุ่มเช่นเดียวกัน ถึงแม้บางครั้งเขาไม่มีอารมณ์ร่วมในตอนแรก แต่ฝ่ายนั้นก็สามารถทำให้เขาถึงสวรรค์ได้เช่นกัน 
   แต่กับศิริพจน์ เขาก็ให้อภัยความเป็นมือใหม่ บางครั้งพีร์เองก็มีความต้องการจึงต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ศิริพจน์ก็ตอบสนองเขาได้ไม่ขาดตกบกพร่อง
  เขานึกถึงคำพูดของตัวเอกในภาพยนตร์รัสเซียเรื่องหนึ่งในทำนองที่ว่า “คนทำงานเกี่ยวกับหุ้นจะเซ็กส์เสื่อมเพราะว่าอารมณ์แปรปรวนตามตลาดหุ้น” แต่เมื่อเห็นคนข้าง ๆ แล้วก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะจริง
“พจจจจจ” พีร์เรียกให้คนที่อ่านหนังสืออยู่มาสนใจตนบ้าง
“หืม..มีอะไร”
“พจจ นี่พจไม่สนใจเค้ามั่งเลยเหรอ”
“ทำไมอ่ะพี คุณมีอะไรหรือเปล่า”
“ก็เห็นกลับมาอ่ะ ไม่คุยกับพีเลย”
“อ่าวก็ขออ่านหนังสือมั่งไม่ได้เหรอ” เขาตอบไปงง ๆ
“พจ..” พีร์เริ่มยั่วยวน “เราไม่ได้ทำกันนานแล้วน้า..” มือน้อย ๆ นั้นเริ่มซุกซนบนช่วงล่างของศิริพจน์อย่างปลุกอารมณ์ เขาก็ยอมรับหล่ะว่าก็ต้องการอะไรในด้านนี้เหมือนกัน เพียงแต่ตอนอยู่กับศิลา เขาแทบไม่ค่อยได้เริ่มเองเลย
   ศิริพจน์เริ่มรู้ตัว ว่าละเลยหน้าที่นี้ไป เขาวางหนังสือลงบนหัวเตียง และเข้าไปหอมแก้มคนรัก ก่อนจะทาบทับบนตัวพีร์
“ผมขอโทษ ผมไม่รู้ว่าจะทำบ่อยแค่ไหนดีหน่ะ”
“ก็ทำเรื่อย ๆ หน่ะแหล่ะ” พีร์หยิกแก้มศิริพจน์ที่อยู่ตรงหน้าอกอย่างหมั่นเขี้ยว “ไม่ชอบทำเหรอ นี่พจเซ็กส์เสื่อมป่ะเนี่ยะ ”
ศิริพจน์ได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มยั่ว แล้วจับมือนิ่มของพีร์ที่กำลังปลุกปั่นอารมณ์เขาอยู่ ก่อนกระซิบว่า
“ถ้าเสื่อม แล้วคุณยังจะรักผมไหม”
“ไม่รัก” เขาตอบยิ้มยั่ว ศิริพจน์นั้นยิ้มขำกับคำตอบ และมอบจูบอ่อนหวานให้กับคนช่างยั่วของเขา  มือน้อยสองข้างของพีร์ค่อยประคองศรีษะศิริพจน์ที่กำลังถอดเสื้อเขาอยู่ ศิริพจน์ก้มลงดูดดุนหาอกอิ่ม และความต้องการของพีร์กับเขาก็ได้รับการเติมเต็มสมใจพวกเขา

  ศิริพจน์กับพีร์นอนกอดกันในความมืดหลังจากเสร็จภารกิจรัก พีร์แหงนมองเจ้าของอ้อมกอดที่เขาซุกอิง เขาชอบมองหน้าศิริพจน์ยามหลับ เพราะสีหน้าของอีกฝ่ายนั้น ฉายแววแห่งความอบอุ่นแม้กระทั่งยามหลับ
  ทำให้เขารู้สึกว่าเขาได้รับการปกป้องจากศิริพจน์ตลอดเวลา
  แต่ในใจเขาก็นึกขอโทษศิริพจน์อยู่เช่นกัน เพราะเหมือนบางทีเขาก็เอาแต่ใจกับชายหนุ่มมากเกิน แต่ศิริพจน์เองก็ไม่ได้ว่าอะไรเขา มิหนำซ้ำยังดูแลเอาใจใส่เขาไม่เคยขาดตกบกพร่อง
 ตอนที่ศิริพจน์แนะนำว่า เขาเป็นแฟนกับคนอื่นที่รับได้ มันทำให้เขารู้สึกตื้นตันใจ ที่ชายหนุ่มให้เกียรติเขาเป็นอย่างดี
   จะหาแฟนดี ๆ อย่างนี้ได้ที่ไหนอีกล่ะเรา เขาบอกกับตัวเองอย่างนั้น พร้อมกับลูบหน้าหล่อเหลาอย่างซาบซึ้งในความรักที่ศิริพจน์มอบให้
  แต่ทำไม เขากลับลืมศิลาไม่ลงเสียที..
 เอาเถอะ หวังว่าเวลา กับความรักของศิริพจน์ จะช่วยปัดเป่าอตีดของเขาได้ เขาคิดอย่างนั้น
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: wowhaha ที่ 16-05-2010 18:40:15
พี เห็นแก่ตัว
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 16-05-2010 18:41:25
ปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นที่สุด :z3:
พีร์จ๋าาา...เค้าสงสารพี่หยก แต่ว่าอยู่กับพจน์มันก็ไม่ผิดต่อใคร
ทางออกมันอยู่ไหนเนี่ย ทำไมตอนนี้เค้าหาไม่เจออ่าา :monkeysad:
+1 ขอบคุณค่ะ รออ่านตอนต่อไปน้าา
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 16-05-2010 18:49:58
มันจะทดแทนกันได้จริงเหรอ ถ้าตราบใดที่ใจพียังมีพี่หยกอยู่ พีก็คงไม่ได้พบกับความสุขที่แท้จริงหรอก...เง้อออออออ จะเป็นไงต่อไป สงสัยพี่หยกต้องถอยไปตั้งหลักใหม่แล้วหล่ะ :z3:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bakanishi1 ที่ 16-05-2010 20:07:23
สงสัยจะลุ้นไม่ขึ้นแล้วระหว่างคุณหยกกับพีร์
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 16-05-2010 21:17:44
พจน์คุณดีเกือบครบแล้วนะครับ

พีร์ อะไรไม่ได้ดั่งใจก็ปล่อยวางบ้างน้าาา
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Lucio ที่ 16-05-2010 22:11:50
ตอนนี้ขอหันมาเชียร์พจแทนละกัน
พจเป็นคนที่ดีมากๆเลย แถมไม่มีเมียเหมือนพี่หยกอีก

ส่วนพี่หยก ตัดใจแล้วกลับไปเลี้ยงลูกเมียดีกว่าพี่  o13
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ANUNTAYA ที่ 18-05-2010 15:08:20
สาบเเช่งพวกแย่งแฟน


ฝากเพลงนี้ให้คนบางคนฟัง

อิอิ  อินจัด
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 18-05-2010 19:08:47
สงสารพจน์ ศิลาก็น่าสงสาร แต่ไมไม่สงสารนายเอกเลย  :laugh: เห็นแก่ตัวเนอะ
ชอบเพื่อนศิลาจัง "เก้งตัวพ่อ"  :-[
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 18-05-2010 19:55:56
ผิดหวังกับพีร์ นะเนี่ย ไหงเป็นแบบนี้
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 18-05-2010 20:05:46
ภาคต่อ ตอนที่ 17


“พีค๊าบบบ”
“หะ มีอะไรเหรอพจ”  พีร์ที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอก ได้ยินศิริพจน์เรียกจากโต๊ะเขียนหนังสือเลยรีบไปหา
“พจมีอะไรจะบอก..”
“อะไรเหรอ” พีร์เข้ามาโอบไหล่และก้มลงถามคนที่ใส่แว่นดูหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่
“พจจะไปทำงานสิงค์โปร์นะ”
“หะ…” พีร์ตกใจ มองหน้าอีกฝ่ายแบบคาดไม่ถึง
“จริงนะ....” เขากอดเอวพีร์อ้อน ๆ “พจอยากทำงานที่สเตทส์ไทม์หน่ะ มันเป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดของแถวนี้เลยนะ”
 “ก็ดีหน่ะสิ” เขาเห็นด้วยกับศิริพจน์
“ตอนนี้พจส่งเอกสารสมัครงานไปแล้วหล่ะ รอเค้าตอบกลับ”
“อืม..”
“พีครับ ถ้าพจน์ได้งานใหม่ที่สิงค์โปร์แล้ว เราไปอยู่สิงค์โปรกันมั๊ยพี” ศิริพจน์เงยหน้าอ้อนร่างที่เขากอดอยู่
“พจ...”
“นะครับ ผมไม่อยากทิ้งให้คุณอยู่เมืองไทยคนเดียว ผมเป็นห่วงคุณ”
“แล้ว หมายความว่าผมก็ต้องไปหางานใหม่ตามคุณใช่ไหม” เขาเริ่มสับสน กับการต้องย้ายไปบ้านอื่นเมืองอื่นกะทันหัน
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้หรอกพีร์ คุณไปเป็นแม่บ้านให้ผมก็ได้ เดี๋ยวผมเลี้ยงคุณเอง”
พีร์ตกใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น ท่าทางศิริพจน์จะทุ่มเทกับการพาเขาไปด้วยจริง ๆ
“จะดีเหรอพจ พีว่าพีอยู่กรุงเทพฯอย่างนี้ก็ดีแล้วนะ”
“ไม่ดีเหรอพีคุณจะได้กลับบ้านที่หาดใหญ่ได้บ่อย ๆ ไง เห็นคุณชอบบ่นคิดถึงบ้านไม่ใช่เหรอ”
“ก็...พีงง ๆ หน่ะพจ ขอเวลาพีตัดสินใจละกันนะ..” เขาลูบหัวศิริพจน์เบา ๆ
“อ่าครับ ผมคงคิดถึงคุณแย่เลยอ่า ถ้าคุณไม่ไปกับผม” เขาอ้อนคนรักเหมือนเด็ก ๆ อ้อนแม่
พีร์ยิ้มขำและหยิกแก้มศิริพจน์อย่างเอ็นดู แต่ก็ในก็เริ่มกลัดกลุ้ม
ศิริพจน์รักเขามากแค่ไหน เขารู้ดี
การย้ายไปอยู่สิงค์โปร์กับศิริพจน์นั้น เหมือนว่าชีวิตของเขากับศิริพจน์คงจะได้ลงเลยกันด้วยดีจริง ๆ
มันก็เหมือนความฝันของเขาที่อยากมีใครสักคนมาดูแลกัน สิ่งที่ศิริพจน์เสนอมาให้เขาก็เหมือนความฝันนั้นกำลังจะเป็นจริง
แต่เขาก็ไม่อยากไปจากเมืองไทย
เพราะเขาไม่อยากอยู่ห่างไกลจากศิลาเลย...

   อีกไม่กี่วันต่อมา ศิริพจน์ก็ได้อีเมลล์ตอบกลับจากทางสิงค์โปร์ ทำให้เขาต้องเดินทางไปสัมภาสน์ที่สิงค์โปร์เป็นเวลาสามวัน ศิริพจน์กะจะหาลู่ทางสำหรับที่อยู่และงานของพีร์ไว้ด้วยถ้าหากอีกฝ่ายตกลงมาอยู่กับเขาที่นี่จริง ๆ
การสัมภาสน์งานของเขาเป็นไปด้วยดี เพราะดูท่าเจ้านายใหม่ของเขาก็ตะลึงในความสามารถของศิริพจน์อยู่หลาย ๆ ด้านเช่นกัน ถึงแม้จะมีคนเข้ามาสมัครมากมาย แต่ดูท่าทางแล้วศิริพจน์ก็มีแนวโน้มจะเป็นคนที่ได้รับคัดเลือกเข้าทำงาน  
“ท่าทางจะไปได้สวย” เขาคิดอย่างนั้นกับเรื่องงานและเรื่องชีวิต เพราะตอนชายหนุ่มบอกกับพ่อแม่ของตนว่าจะมาทำงานที่ต่างแดน พวกท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ออกจะเห็นดีด้วยซ้ำ เพราะคงเห็นแววนักค้าหุ้นในตัวลูกชายคนรอง จึงไม่อยากตัดอนาคต
   อีกอย่างถ้าพีร์มาอยู่ด้วย เขาก็จะได้ใช้ชีวิตกับอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ เพราะสังคมสิงค์โปร์ไม่ค่อยเคร่งครัดเรื่องเกย์เท่าไหร่
เขาไม่แน่ใจในตัวเองเหมือนกันว่าชอบผู้ชายจริง ๆ หรือเปล่า แต่เขาแน่ใจว่าเขารักพีร์
เพราะรักนี่หล่ะ ศิริพจน์ถึงได้อยากพาพีร์มาอยู่ด้วยกัน อีกอย่างหนึ่งคือ เขาคิดว่าพีร์เองก็ยังตัดใจจากศิลาไม่ขาดเสียทีเดียว หนำซ้ำศิลาเองก็ขยันตามพวกเขาอย่างไม่ลดละ
“งั้นก็ย้ายมาสิงค์โปร์ด้วยกันซะก็หมดเรื่อง” ศิริพจน์ยิ้มในวิธีการของตัวเอง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้บังคับพีร์ให้มาด้วยกัน แต่เขาก็เชื่อว่าพีร์เองก็ต้องอยากมากับเขา
  เพราะเขาไม่อยากบังคับจิตใจของพีร์ แต่เขาเองก็ไม่อยากให้พีร์อยู่ห่างเขาไปเหมือนกัน

    “ พรุ่งนี้ก็คริสมาสแล้ว ผมเสียดายจังที่ไม่ได้กลับไปอยู่กับคุณ” ศิริพจน์คุยกับคนรักในMSN ด้วยความคิดถึง
“ไม่เป็นไรหรอก แหม เราไม่ใช่ฝรั่งซะหน่อยจะได้ฉลองคริสมาส” พีร์ตอบกลับ
“ก็คิดถึงนี่…แล้วพีไม่คิดถึงผมเหรอ”
“คิดถึงสิ”
“ตื่นเต้นอ่ะ พรุ่งนี้เค้าถึงประกาศผล”
“อ่าวเหรอ ทำไมอ่ะ”
“คนมาสมัครเยอะมากเลยพี จากเมืองไทยรู้สึกจะมีผมคนเดียวมั๊ง”
“จ้า เก่ง ๆ”
“อ่าแน่นอน ไม่เก่งแค่เรื่องเดียวหล่ะผมอ่ะ”
“อะไรอ่ะ เรื่องอย่างว่าเหรอ” พีร์หยอกล้อ
“อื้อหือ ไม่ได้เลยนะคุณเนี่ยะ”
“ผมไม่เก่งอยู่เรื่องเดียวก็คือเรื่องความอดทนหน่ะ...อดทนคิดถึงคุณไม่ได้”
“เน่า” พีร์ยิ้มขำ
“ไมอ่ะ พูดจริง ๆ นะ”
“ไม่คุยด้วยแล้ว พรุ่งนี้ไปทำงานแต่เช้า แล้วนี่ก็นอนซะนะพจ”
“ค๊าบ ๆๆ ฝันดีนะคับ”
“คับ เช่นกัน ฝันดีล่ะ”
“บะบาย”

เขาหัวเราคิกคักกับหน้าจอและปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ของเขาเพื่อเตรียมตัวจะนอน เขาปิดไฟที่ห้องและจะล้มตัวนอน แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเขา จึงลุกออกไปดูที่ตาแมวก็พบว่า..
“พี่หยก...” พีร์ตกใจ เพราะสภาพศิลานั้นยืนไม่เต็มเท้า เขาคาดว่าอีกฝ่ายคงเมามาแน่ ๆ
“น้องพีค๊าบบ เปิดประตูให้พี่หน่อยได้ม๊ายยย”
พีร์สองจิตสองใจ อีกใจหนึ่งเขาก็ไม่อยากอยู่ใกล้ แต่อีกใจเขาก็เป็นห่วงชายหนุ่มเสียเหลือเกิน
“น้องพีค๊าบ ฮือ ๆๆๆๆ” เขาได้ยินเสียงอีกฝ่ายร้องไห้ออกมาก็ตั้งใจฟัง
“น้องพีค๊าบบบ พี่รักน้องพี ทำไมไม่ให้โอกาสพี่บ้าง…”
“น้องพี....” ก่อนเขาจะพูดอะไรออกมา พีร์ก็ออกมาเปิดประตูห้องให้เขา เขาที่ตอนนี้เมาเกือบไม่ได้สติเมื่อเห็นอย่างนั้นก็ดีใจและเข้าไปหาหนุ่มน้อยอย่างคิดถึง
“น้องพี..” เขาสวมกอดร่างอวบที่พยายามประคองเขาให้ทรงตัวได้ พีร์ค่อยปิดห้องและพาศิลาไปที่ข้างใน
“พี่หยก  ทำไมดื่มหนักอย่างนี้ล่ะครับ”
ศิลาไม่ตอบอะไร เมื่อเห็นพีร์ประคองเขามาใกล้เตียงนอนแล้ว จึงพยายามล้มตัวเองให้ทาบทับพีร์อยู่ข้างล่าง พีร์ที่ตอนนี้ถูกศิลาทาบทับอยู่เบื้องล่างตกใจเพราะศิลาเหมือนจะไม่ได้สติจริง ๆ เขาค่อย ๆ เขย่าตัวศิลาเบา ๆ เพื่อเรียกสติอีกฝ่ายกลับมา
 “พี่หยกครับ ๆๆ”
  ศิลาที่ซบอกอิ่มของเขาอยู่ตอนนี้ส่งเสียงงึมงำในลำคออย่างคนไม่รู้สึกตัว แขนแข็งแรงนั้นกอดหนุ่มน้อยเหมือนกลับมาสู่คนรักที่คุ้นเคย และหลับไปอย่างหมดกังวล
  พีร์มองหน้าของคนรักที่ไร้สติอยู่ในอ้อมอก เขาร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกที่หลากหลายอยู่ภายใน พีร์ค่อยลูบผมและจูบเบา ๆ อย่างแสนจะคิดถึงศิลาเช่นเดียวกัน
 แต่สำนึกของเขาก็กลับมา เมื่อรู้ตัวว่าเขากำลังกลับไปสู่อตีด ชายคนนี่ไม่ใช่เหรอที่เคยเป็นผู้ชายในฝันของเขา ชายคนนี้ไม่ใช่เหรอที่เป็นผู้ชายที่เขารักและก็รักเขาอย่างหมดหัวใจ ชายคนนี้ที่เคยทำให้เขาเป็นสุขเหมือนขึ้นสวรรค์ และทำให้เขาต้องเจ็บปวดเหมือนตกนรกทั้งเป็น
เขาควรจะอยู่กับปัจจุบัน ที่ชายอีกคนเข้ามาโอบอุ้มเขาจากนรกนั้นด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน ชายที่ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเขาเลย ชายที่ทำให้ทุก ๆ วันของเขามีความสุขเรียบง่าย  และชายที่รักเขาอย่างหมดหัวใจเช่นกัน
 พีร์มองหน้าศิลาแล้วร้องไห้ เขากอดอีกฝ่ายแน่น แต่ในใจเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงต่อไปดี
ว่าเขาจะเลือกอดีตที่หวานขมของเขากับศิลา
หรือปัจจุบันและอนาคตที่สดใสของเขากับศิริพจน์

“โอ๊ะ..”ศิลาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองเหลือแต่ชั้นในตัวเดียว เนื้อตัวของเขารู้สึกเบาขึ้นเหมือนได้รับการเช็ดตัว เขายิ้มสำเร็จที่พีร์ก็เริ่มใจอ่อน
“รู้งี้แกล้งเมาตั้งนานก็ดีแล้ว” เขาคิดอย่างนั้น และมองหาพีร์ คาดว่ารายนั้นคงจะอยู่ในห้องน้ำ เขาจึงแกล้งเดินโผเผไปหาอีกฝ่าย ที่กำลังหันหลังซักผ้าขนหนูที่อ่าง เขาลอบยิ้ม และเขาไปโอบกอดอีกฝ่ายจากทางด้านหลังแบบคนเมา
“น้องพี....” เขาซบหน้าลงบนต้นคอนุ่ม ๆ ปลายจมูกโด่งนั้นฝังลงบนซอกหูพีร์ หนุ่มน้อยตกใจเพราะศิลาเข้ามาถูกจุดอ่อนของร่างกายพอดี เขาพยายามบ่ายเบี่ยงออกจากอ้อมกอดนั้น แต่ศิลาก็กอดรัดเขาไม่ปล่อย
“อย่าหนีพี่ไปอีกนะ” เขาพูดแบบเมา ๆ อ้อน ๆ ข้าง ๆ หูคนรัก
“พี่หยก ปล่อยพี..พี่จะไปนอน”
“น้องพีอย่าทิ้งพี่ไปนะ...” เขากอดแน่นขึ้น พีร์ชะงัก เพราะศิลาเหมือนจะร้องไห้ออกมา
“ไหนว่าจะไม่ทิ้งพี่ไปไหนไง”
“พี่หยก เลิกเถอะครับ” เขาพยายามทำเสียงแข็ง “พี่หยกเองไม่ใช่เหรอครับที่ทำให้เป็นอย่างนี้”
“พี่ขอโทษ ๆๆๆ” เขาพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “น้องพีพอใจหรือยัง”
“พอเถอะครับ ตอนนี้ชีวิตพีก็ดีอยู่แล้ว พี่หยกปล่อยพีไปเถอะ”
ศิลาได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกโกรธ แต่ก็ไม่แสดงออกมา “น้องพี แล้วน้องพีกล้าพูดออกมาไหมล่ะว่าน้องพีไม่รักพี่แล้ว”
“พีไม่รักพี่หยกแล้ว” เขาสะบัดหน้า พูดออกมาอย่างยากลำบาก
“พี่ไม่เชื่อ”  เขาพลางลูบไล้อกนิ่มของพีร์ที่เริ่มละลายลงเมื่อได้สัมผัสจากเขา “น้องพี ยังรักพี่อยู่ แล้วทำไมยังหนีหน้าพี่อีกล่ะหืม..”  เขาพลางใช้ปากขบเม้มต้นคออย่างเย้ายวน เนื้อตัวของเขาที่เปลือยเปล่าแนบกับตัวพีร์ที่มีแค่ผ้าชุดนอนบางเบากั้น ช่วงล่างของเขาที่เหลือแค่ปราการชั้นเดียวนั้นตื่นตัวจากการหลับใหล  พีร์เองที่ร้างรารสรักนี้มานานก็เคลิบเคล้มไปเช่นกัน ศิลานั้นปรนเปรอจูบเขาอย่างโหยหา พีร์รู้สึกว่าเขาเองก็เมารสจูบจากชายหนุ่มเช่นกัน ศิลาค่อยถอดเสื้อผ้าของพีร์และปราการสีขาวของเขาออก เขาค่อยดันตัวพีร์ให้นั่งบนขอบอ่างก่อนจะปรนเปรอรสรักร้อนแรงที่เขาร้างราให้กับหนุ่มน้อย เมื่อเขามองเห็นสีหน้าที่แสดงความเร่าร้อนของพีร์ถึงขีดสุดแล้ว เขาจึงค่อยให้หนุ่มน้อยเกี่ยวเอวเขาและเกาะคอไว้ให้ดี เพราะเขาจะประคองหนุ่มน้อยมายังฝักบัวใกล้ ๆ
  ภายใต้สายน้ำเย็นฉ่ำจากฝักบัว ปรากฏความร้อนแรงจากคู่รักที่พลัดพราก กระแสน้ำจากฝักบัวไม่ได้ทำให้ความร้อนแรงของไฟรักนั้นลดลงเลย พีร์นั้นรู้สึกเหมือนตัวเองจะลายไปกับไฟรักของศิลาที่จุดโชนลงบนตัวเขา ไฟรักนี้หล่ะที่เขาโหยหา ….

   ศิลาค่อยใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมพีร์อย่างเบามือ เหมือนครั้งแรกที่ทั้งสองเป็นของกันและกัน พีร์มองหน้าคนรักด้วยสายตาที่อ่อนลงกว่าแต่ก่อน ศิลารู้ตัวว่าคนรักผู้อ่อนวัยกว่ามอง จึงรามือ และมอบจูบลึกล้ำนั้นให้พีร์แทนคำพูด เมื่อเขาถอนริมฝีปากออก ก็พบว่าพีร์มองเขาอยู่อย่างเขินอาย
“จะเขินอะไรพี่อีกหะ..” เขาลูบหัวพีร์เบา ๆ อย่างเอ็นดู
“ก็มันเขินหนิ”
“พรุ่งนี้ไปทำงานไหวมั๊ยเนี่ยะหะ..”
“ไม่ไหวก็ต้องไหวล่ะ” เขาตอบงอน ๆ ด้วยความเป็นคนมีความรับผิดชอบสูง
“นึกว่าจะไม่ไปทำงานซะอีก” เขาลูบหน้าพีร์เบา “พี่จะได้....”
“พอเลยพี่หยกอ่า..” พีร์ทำหน้าไม่ถูก ทั้งเขินอาย ทั้งเหนื่อยอ่อน “นอนกันดีกว่า เสื้อพี่หยกคงแห้งทันพรุ่งนี้เช้าหล่ะ เพราะมะกี๊พีร์เอาไปปั่นให้แล้ว”
“อ่าคับ” เขาหอมแก้มพีร์  “กูดไนท์คับ” แล้วโอบกอดร่างอวบนั้นอย่างสมปรารถนา
“คับ” พีร์รับคำและนอนนิ่งในอ้อมอกของศิลา เขานึกถึงศิริพจน์ และก็อดเกลียดตัวเองไม่ได้ขึ้นมาทันที
“พจ..พีขอโทษ” เขารำพึงในใจต่อชายอีกคนที่รักเขา

อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน - ทาทา ยัง

http://www.youtube.com/v/Rsg7HwCLMUU


  เทศกาลคริสต์มาสนี้ พลกฤษณ์และครอบครัวมาร้องเพลงที่โบสถ์ร่วมกับคริสต์ชนคนอื่น พ่อแม่ของเขากับพี่ชายและน้องชายทั้งสองอยู่กันพร้อมหน้า กะว่ามาร่วมกิจกรรมที่โบสถ์เสร็จแล้ว เขาก็จะไปรับประทานอาหารร่วมกันที่บ้าน
  เขาภาวนาให้พระผู้เป็นเจ้าดูแลชีวินที่ไปอยู่กับพระองค์แล้ว ถึงแม้ชีวินจะจากเขาไปเป็นสิบปี แต่ทุกครั้งที่เขามาใช้เวลากับพระผู้เป็นเจ้า เขาก็ขอให้พระองค์ดูแลชีวินทุกครั้ง
  แค่คนที่เขารักไปอยู่อย่างมีความสุข เขาก็สุขใจแล้ว
 สำหรับตัวเขา เขาไม่อยากจะภาวนาเรื่องความรักของเขาต่อพระผู้เป็นเจ้านัก  เพราะเรื่องนี้เขาเชื่อตัวเองมากกว่า
ถึงแม้ทุกวันนี้เขาจะยังไม่เจอรักแท้ก็ตาม
เขาไม่คาดหวัง เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอย่างไร ถ้ามันเป็นเหมือนที่เกิดกับชีวินแล้วล่ะ ก็คงจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแน่นอน
แต่ใครจะรู้พระทัยของพระผู้เป็นเจ้าล่ะ สักวันเขาอาจจะพบรักแท้ก็ได้
แต่มันคงไม่มาในเร็ววันนี้หรอก เขาคิดอย่างนั้น
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 18-05-2010 20:14:32
 :เฮ้อ:เค้าไม่รู้ว่าจะให้น้องพีเลือกใครดีง่ะ ลำบากใจจังเลย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: wisa ที่ 18-05-2010 20:28:19
แล้วอย่างนี้ น้องพี จะเลือกใคร
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 18-05-2010 21:10:26
เฮ้อ...น้องพี ทำแบบนี้ไม่ดีเลยอ่ะ ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจแล้วล่ะ...

เอาพลกฤษณ์ ไปคู่กับพจน์ดีมะ ..เหอเหอ..จะได้มีคนดามอกทั้งคู่
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 18-05-2010 21:26:17
กลายเป็นนางวันทอง จนได้ หนูพีเอ้ย...... เวรกรรม +1
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: wowhaha ที่ 18-05-2010 22:04:46
ตอนแรกที่บอกว่าพีเป็นคนเห็นแก่ตัว ตอนนี้คิดว่าทุกคนเป็นคนเห็นแก่ตัว เพียงเพื่อความสุขของตัวเองทำให้ต้องทำร้ายผู้อื่น
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Lucio ที่ 18-05-2010 22:16:48
ไม่ว่าพีจะเลือกทางไหนก็ต้องมีคนเจ็บทั้งนั้น

เอาใจช่วยพีนะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 18-05-2010 23:19:50
พีร์เข้มแข็งสิ

สงสารพจน์
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 19-05-2010 12:41:18
น้องพีร์ขอสองค่ะ   เหมาหมดขอคุณพลกฤษณ์แถมเป็นของหวานด้วย   อิอิ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 19-05-2010 14:23:43
เคยอ่านตอนภาคแรกแล้วนึกว่าจบแล้ว เลยไม่ได้ตามต่อค่ะ วันนี้สังหรณ์ใจลองคลิกมา อ้าวกรรม มีตอนต่อตอนพิเศษอีกหลายหน้าเลย เลยนั่งอ่านรวดเดียวเลยค่ะ
น้องพีร์ผู้ใสซื่อสมัยฝึกงาน ตายไปแล้วสินะ พอโตแล้วเลยมีแง่มุมที่ซับซ้อนขึ้น dark side เริ่มออก ออกแนวไขว่คว้าหาคนสมบูรณ์แบบแต่ไม่มีทางเจอ เพราะมันแบ่งภาคอยู่ในคนสองคนที่มีความสัมพันธ์ด้วย เลยเหมามันสองคนซะเลย สุดท้ายคนที่เจ็บก็จะเป็นสองคนนั้นนะ น้องพีร์ไม่น่าได้คู่ใครหรอกค่ะ คนโลเล ไม่คู่ควรกับใครเลย เปรียบเสมือนเถาวัลย์ไม้เลื้อย เลื้อยเกาะตามต้นนั้นต้นนี้ไปเรื่อย
ณ ตอนนี้เราสงสารพจน์นะ หนุ่มแสนดี อนาคตไกล จริงใจ ดูแลดี แต่เร่าร้อนไม่เท่าพี่ศิลาผู้เป็นรักแรกที่พีร์ฝังใจ เลยโดนสวมเขาให้ขณะเดินทางสู่ความฝัน ทั้งๆที่ความฝันนั้นก็มีพีร์อยู่เคียงข้างด้วยแท้ๆ พีร์ยังปล่อยให้อำนาจฝ่ายต่ำชนะความถูกต้องจนได้ แต่พี่ศิลาล่ะ ผู้ชายที่พลาดไปแล้วครั้งนึง พีร์กลับไม่ให้อภัยเลย ที่เค้าพลาดเผลอรุนแรงก็เพราะเค้ารักพีร์มากเกินไปด้วยซ้ำ แต่พีร์กลับทำเป็นลืมเรื่องที่ผ่านมาไปสิ้น? ไปสร้างความสัมพันธ์ใหม่ (ที่ในที่สุดก็ไม่มั่นคง) กับพจน์ แล้วมาโลเลอีกตอนหลัง พีร์ไม่น่าได้คู่ใครเลยสรุป เสียแรงที่คุณแพรวอุตส่าเอ็นดูนะ มาทำทั้งสามีทั้งน้องชายเค้าป่วนอย่างนี้ มองหน้าติดเหรอ?  :seng2ped:
โดยรวมแล้วเรื่องสนุกมากค่ะ ดูไม่เป็นนิยายดี ตัวละครมีแง่มุมแบบมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบแท้ๆ จะติดตามต่อไปนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 19-05-2010 14:26:48
แล้วแบบนี้ใครเป็นขุนแผน หรือ ขุนช้างดีละ
เวรกรรมจริงๆ น้องพีร์ ทำไมเป็นคนอ่อนไหวโลเลแบบนี้ แข็งใจบ้างไรบ้างดีกว่ามั้ย
ทำตัวแบบนี้ สุดท้ายไม่เหลือใคร ก็จะไม่มีใครเห็นใจนะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 19-05-2010 18:14:49
ภาคต่อ ตอนที่ 18


   ศิลาพลิกตัวมาทางซ้ายเพื่อหวังจะโอบกอดร่างอวบนั้นอีกครั้งในคืนนี้ แต่เมื่อเขาวางแขนไปก็รู้สึกว่าที่นอนข้าง ๆ นั้นไม่มีร่างอวบ เขาลืมตาขึ้นมาอย่างตกใจ และมองไปรอบห้องอย่างสำรวจ เขาไม่ค่อยแน่ใจนักจึงลุกออกจากเตียงแล้วเดินไปดูรอบ ๆ ห้องอย่างร้อนรน เขามองตรงไปที่หัวเตียงก็พบกระดาษA4แผ่นหนึ่งแปะไว้ เขามองดูใกล้ ๆ ก็พบว่าเป็นจดหมายของพีร์ที่เขียนถึงเขา จึงรีบแกะมาอ่าน...

พี่หยกครับ..
     พีต้องขอโทษด้วยที่หายออกมาอย่างนี้ พีรู้ว่าพี่หยกรักและคิดถึงพีมากเพียงใด แต่นั้นมันก็ยิ่งทำให้พีรู้สึกละลายใจมากขึ้นเท่านั้น ตอนนี้เราทั้งคู่ต่างก็มีคนของเราแล้ว ถ้าเราทำแบบเมื่อคืนมันจะทำให้คนของเราเสียใจนะครับพี่หยก ที่พีนอนกับพี่หยกเมื่อคืน พียอมรับว่าพีมีความสุขมาก แต่มันก็ทำให้พีเกลียดตัวเองมากเหมือนกัน เพราะว่าพีทำผิดกับพจมาก ๆ พี่หยกไม่รู้หรอกครับว่าพจเค้าดีกับพีมากแค่ไหน พีรู้สึกว่าตัวเองช่างเลวร้ายนักที่ทำร้ายจิตใจของพจในบางครั้ง และยิ่งครั้งนี้ พีรู้สึกว่าตัวเองเหมือนผู้หญิงแพศยาเข้าไปทุกทีแล้ว
      พี่หยกครับ ที่ผ่านมาตั้งแต่พี่ได้รู้จัก และรักพี่หยก พีรู้สึกว่าความฝันที่ลอยอยู่ในอากาศของพีมันเป็นความจริงเพราะมีพี่หยก  พีอยากจะบอกว่า ไม่มีวันไหนที่พีไม่เคยลืมพี่หยก แต่พีก็มีพจ อีกคนที่พีรักคอยดูแลพีแล้ว พี่หยกครับ เรื่องที่เราทำลงไป ถือซะว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายนะครับที่เราจะพบกันอีก ถึงแม้เราจะรักกันแค่ไหน แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้เราได้อยู่ด้วยกันอย่างที่พี่หยกต้องการหรอกครับ เราจากกันซะตั้งแต่วันนี้ดีกว่าเราจะทำให้คนที่รักเราเจ็บปวดในภายหลังนะครับ เราต่างก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนแต่ก่อน แต่ความรักที่เรามีมันจะอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไปครับ คงจะมีเพียงปราฏิหารเท่านั้นหล่ะครับที่จะทำให้เราอยู่ด้วยกันได้ ลาก่อนครับ

รักพี่หยกเสมอนะครับ
น้องพีของพี่

  ศิลาอ่านจดหมายด้วยความรู้สึกตกตะลึง เขาเหมือนคนที่นอนหลับฝันดีและถูกปลุกมาเจอความจริงที่โหดร้าย เขาค่อย ๆ พับจดหมายนั้น แล้วร้องไห้ออกมาเบา ๆ
  เขาไม่เชื่อว่าจุดจบของความรักจะมาถึงในรูปแบบนี้ เขาอยากจะมีชีวิตอยู่โดยที่มีพีร์อยู่ข้างหลังให้เขารู้สึกอุ่นใจ  แต่นี่พีร์เลือกที่จะจากเขาไป  อีกครั้ง
“เรารักกันก็ได้ แต่เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน” อย่างนั้นหน่ะเหรอที่หนุ่มน้อยต้องการ
เอาเถอะในเมื่อปราฏิหาริย์มันไม่มีจริง เขาก็คงต้องยอมรับความจริงของเขาต่อไป


  พีร์ที่ขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงาน ยืนเหม่อลอยด้วยความรู้สึกเศร้าอยู่เต็มหัวใจ เขาต้องเลือกที่จะบอกลาอดีตที่ไม่มีวันเป็นไปได้ของเขา ถึงแม้ชายคนนี้จะเป็นคนที่เขารักแค่ไหนก็ตาม
  แต่เขาก็ไม่ควรปล่อยให้ชายอีกคนที่เขารักต้องเจ็บปวดเพราะเขา เขาควรจะก้าวสู่วันข้างหน้าที่สดใสกับศิริพจน์
  เอาเถอะ ปีใหม่นี้เขาจะพาศิริพจน์ไปบ้านเขาที่หาดใหญ่ และเขาจะบอกทุกอย่างกับศิริพจน์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นภายหลัง เขาก็อยากสารภาพกับศิริพจน์ในความผิดนั้นด้วยตัวเอง
“นังแพรว สรุปน้องพจขาจะไปทำงานที่สิงค์โปร์ใช่มั๊ย” ปกรณ์ถามเพื่อนสาวขณะช๊อปปิ้งอยู่ด้วยกันที่ห้างหรู
“จริงสิ นี่ได้ข่าวว่าถ้าได้ทางนู้นรับนะ หลังปีใหม่นี้ก็ย้ายไปอยู่สิงค์โปร์เลย”
“ต๊ายย ไฮโซ” เขาทำท่านึกอะไรออก “อ่าวแล้วอย่างนี้นังหนูไม่เป็นแม่สายบัวเหรอคะ”
“ใครบอกล่ะจ๊ะ เค้าจะย้ายไปอยู่ด้วยกันต่างหากล่ะ”
“จริงงงงงง!” ปกรณ์ทาบอกอย่างตกใจ
“จ้ะ พจบอกว่ารอน้องพีตัดสินใจว่าจะไปอยู่กับเค้าไหม”
“ต๊ายย ตาย น้องพจขา มาแรงแซงทางโค้งนะคะ คบกับนังหนูไม่เท่าไหร่ก็ไวไฟอยู่ด้วยกันจริงจังซะแล้ว”
“แล้วแกว่าไงล่ะ”
“ชั้นต้องถามแกต่างหากล่ะว่าว่าไง น้องแกนะยะ”
“ก็ดีสิ ถ้าน้องชั้นได้อยู่กับงานที่เรารัก และมีคนที่เค้ารักอยู่ข้าง ๆ น้องชั้นโชคดีนะแกว่าไหม” นลพรรณยิ้มเศร้า เมื่อนึกย้อนถึงตัวเองที่ไม่เคยมีสิทธิ์เลือกหรือต่อรองอะไรกับบุพการีเหมือนศิริพจน์เลย
“ไม่เอาน่านังแพรว จะมาอะไรกันตอนนี้ ลูกสองแล้วนะยะ ที่เหลือก็คือหล่อนจะทำยังไงกับลูกก็เท่านั้น”
“อืม จริงของแกนะเป้”
ปกรณ์ลองถามเล่น ๆ “ว่าแต่ ถ้าหากน้องพจไม่ได้นังหนูมาครองอย่างนี้ คือ ชั้นหมายความว่า นังหนูกับคุณหยกยังคบกัน แกจะทำยังไงหะ”
“ทำยังไงเหรอ...” เธอทวนคำเพื่อน ก่อนนึกออก “ก็คงไม่สนใจอะไรมั๊ง ถึงแม้น้องพีแกจะน่าเห็นใจแค่ไหนก็ตาม แต่หยกเค้าก็คงไม่อยากให้ชั้นไปยุ่งกับเรื่องนี้หรอก เออ ว่าแต่ถ้าแกเป็นคุณหยกล่ะนังเป้ แกจะทำยังไง”
“ถ้าเป็นชั้นนะคะ ชั้นก็จะเอามาอยู่บ้านเดียวกันเลยค่ะ แกก็เป็นเมียที่หนึ่ง ส่วนนังหนูก็เป็นเมียที่สอง เหมือนมงกุฎดอกส้มไงคะ เก๋ ๆ”
“ได้ไง คุณพ่อคุณแม่ไม่หัวใจวายกันพอดีเหรอ” เธอยิ้มขำความคิดเพื่อน
“อ่าว ก็ไม่ดีหรือไงคะแก ในเมื่อแกกับนังหนูก็ปรองดองกันซะขนาดนี้แล้ว อีกอย่างในฐานะผู้ชายนะคะ ก็ต้องดูแลเมียตัวเองสิคะ ถึงได้ทำแบบนี้”
“อ่าจ้ะ แต่มันคงจะเป็นไปไม่ได้กับบ้านชั้นหรอก”
“อ่าค่ะ แล้วเรื่องของน้องพจขาล่ะ แกไม่กลัวสักวันพ่อแม่จะรู้เหรอ”
“กลัวสิ แต่ชั้นเชื่อว่าคนอย่างพจหน่ะ ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ อยู่แล้ว”
“เฮ้ออ นังหนูเอ๊ย ชั้นล่ะเห็นใจเธอจริงจริ๊งง” ปกรณ์ถอนใจกับเรื่องของคนทั้งสาม
“อืม ชั้นก็เหมือนกัน”
“ค่ะ แล้วว่าแต่ปีใหม่นี้บ้านแกจะไปเที่ยวไหนกันป่ะยะ”
“อืม ไปญี่ปุ่นกันหน่ะ รู้สึกว่าหยกเค้าจะไปด้วยนะ ส่วนพ่อกับแม่ชั้นไปเยี่ยมตาพลที่อังกฤษหน่ะ”
“อ่าค่ะ แล้วน้องพจกับนังหนูล่ะคะ แกรู้ป่าว”
“อ่อ เห็นพจบอกว่าจะไปบ้านน้องพีที่หาดใหญ่นะ”
“ต๊ายยย พาไปให้คุณพ่อคุณแม่ดูตัวกันเลยเหรอคะเนี่ยะ เริ่ดมากแก อย่างนี้เท่ากับว่าเรื่องของน้องแกก็โอเคระดับนึงแล้วใช่ไหมเนี่ยะ”
“อืม ก็คงงั้นหล่ะ”
“สวยมากค่ะ” เขาเว้นวรรคและพูดอะไรออกมา “ชั้นว่าจะพาผู้ชายไปให้พ่อชั้นรู้จักบ้างอะไรบ้างดีกว่าแก”
“จ้ะ ตามสบาย ถ้าคุณลุงไม่ไล่เตะแกออกมานะ”
“ค่ะ” เขารับคำ และมองเห็นพี่ชายกับพี่สะใภ้พาหลาน ๆ และลูกของนลพรรณมาแล้วจึงตามเข้าไปสมทบ ก่อนจะพากันเดินไปหาอะไรรับประทาน


“ฮัลโหล ม้าเหรอครับ” พีร์กรอกเสียงลงไปยังโทรศัพท์หาผู้เป็นแม่หลังจากถึงสนามบินหาดใหญ่ในเวลาห้าโมงเย็นของวันเดินทางกลับบ้านวันแรกในช่วงเทศกาลปีใหม่
“อ่าว่าไงลูก ตอนนี้อยู่ไหนแล้ว และเจอกับเพื่อนยัง” เธอหมายถึงศิริพจน์ที่พีร์บอกว่าจะมาจากสิงค์โปรเพื่อมาที่บ้านเขา
“ยังเลยครับหม่าม้า พีร์เพิ่งลงเครื่องเอง เดี๋ยวจะโทรหาเค้าอ่าครับ”
“อ่อ ดี ๆๆ ให้ป๊าขับรถไปรับไหม”
“ไม่ต้องหรอกครับม้า เดี๋ยวพีกับเพื่อนนั่งโชเล่ไปได้”
“งั้นเหรอลูก โอเค ๆ เดี๋ยวม้ากับป๊าจะรอละกัน นะ”
“คับ ๆ เจอกันนะคับม้า”
“อ่า เจอกันลูก”
“สวัสดีครับ” เขากดวางสาย และมองหาศิริพจน์ ทันใดนั้นก็มีมือมาสะกิดเขาทางด้านขวา พอเขาหันไปก็ไม่เจอ เขาจึงหันไปทางด้านซ้ายก็พบกันศิริพจน์ที่ยืนยิ้มให้เขาอยู่อย่างดีใจ
“พจอ่า..มานานยังเนี่ยะ”
“ก็ถึงก่อนพีร์สักชั่วโมงนึ่งหล่ะ” เขายิ้มดีใจที่เจอคนรัก อยากจะบอกว่าคิดถึงเหลือเกิน แต่ก็คงทำไม่ได้ในที่นี้
“อืม..” พีร์ยิ้มรับ แต่ในใจก็เริ่มรู้สึกละอาย เขาจึงตัดบท บอกว่า “ป่ะ งั้นไปบ้านพีกันเถอะ ป๊ากับม้าพีรอแล้ว”
“ค๊าบบ” คนทั้งสองเดินออกไปจากบริเวณอาคารผู้โดยสาร และออกไปเรียกรถรับจ้างหรือที่เรียกว่าโชเล่ย์ให้ไปส่งบริเวณในตัวตลาด
   บ้านของพีนั้นเป็นร้านขายอะไหล่รถยนต์แห่งหนึ่งในตัวเมืองหาดใหญ่  ศิริพจน์รู้สึกตื่นเต้นที่ได้มาสัมผัสครอบครัวของคนรัก เพราะเหมือนจะเป็นสัญญาณที่ดีระหว่างความสัมพันธ์ของเขากับพีร์
“อ่ะ ถึงแล้ว” พีร์กับศิริพจน์ลงมาจากรถรับจ้าง มาจอดที่ตึกแถวสองคูหาที่เป็นร้านขายอะไหล่ ชายหญิงวัยกลางคนก็ออกมาต้อนรับพวกเขาอย่างใจดี
“ป๊า ม้า สวัสดีครับ” พีร์ยกมือไหว้บุพการี แล้วเข้าไปสวมกอดคนทั้งสองอย่างคิดถึง
“อืม ป๊าละรอเมื่อไหร่แกจะกลับมา” ผู้เป็นพ่อยิ้มลูบหัวลูกชาย
“ใช่ ๆ ม้าก็รอเหมือนกัน” ผู้เป็นแม่กอดพีร์แน่น “รอว่าเมื่อไหร่หมูน้อยของม้าจะมาหา”
“ม้าอ่า..” พีร์ยิ้มดีใจกับการกลับมาหาครอบครัว เขานึกขึ้นได้ว่าศิริพจน์ยืนอยู่ข้างหลัง จึงรีบแนะนำ
“ป๊า ม้า นี่ พจ เพื่อนพีร์เองคับ” พีร์ผายมือแนะนำ ส่วนศิริพจน์ก็ยกมือไหว้คนทั้งสองอย่างนอบน้อบ
พ่อกับแม่ของพีร์รับไหว้ศิริพจน์ และมองชายหนุ่มอย่างเป็นมิตร
“มาเหนื่อย ๆ มาพักผ่อนก่อนเถอะนะจ๊ะ”
“ครับ ขอบคุณครับคุณอา” ศิริพจน์ยกมือไหว้
“ม้า แล้วจี้ไม่กลับมาเหรอ” เขาถามถึงพี่สาวของตัวเองที่แต่งงานออกไปแล้ว
“อ่อ มาเมื่อวานแล้วหล่ะ เนี่ยะกีต้องกลับไปช่วยงานบ้านแฟนไง”
“อ่อ น่าเสียดายจัง”
“ก็ไปหากีได้นี่ จะยากอะไร กีอยู่แค่ปีนังเอง” ผู้เป็นพ่อออกความเห็น
“โหย ไม่เอาล่ะป๊า ไว้วันหลังค่อยเจอกันก็ได้”
“อ่านี่พี พาเพื่อนไปเก็บข้าวเก็บของบนบ้านก่อนเร็ว เดี๋ยวค่อยลงมากินข้าวกัน”
“คับ ๆ” พีร์พาศิริพจน์ขึ้นไปบนห้องนอนของเขา เมื่อเขาปิดประตู ศิริพจน์ก็เข้ากอดเขาอย่างคิดถึง
“คิดถึงน้า รู้ป่าว” เขากอดพีร์แน่น “เนี่ยะ ผมยังไม่ได้บอกคุณเลยว่า ผมได้งานใหม่แล้ว” เขากระซิบบอกพีร์อย่างตื่นเต้น
พีร์เองเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกดีใจกับศิริพจน์ “จริงดิ่พจ”
“ช่ายแล้ว เค้ารับผม แล้วก็มีคนสิงค์โปร์คนนึง และก็คนฟิสิปปินส์อีกคนเข้าทำงานหล่ะ”
“อืม เก่งอ่ะ คุณเนี่ยะ”
“ไหนขอรางวัลหน่อย” ศิริพจน์เอียงแก้มให้หอม พีร์เองก็รู้งานจึงเขย่งตัวขึ้นไปหอมแก้มศิริพจน์ทั้งสองข้าง
“อ่า ชื่นจายยย” เขากอดและโยกตัวพีร์เบา ๆ แต่ในใจของพีร์นั้นความรู้สึกผิดและละอายใจก็ฉายออกมาอย่างท่วมท้น
  “ป่ะ ลงไปกินข้าวกัน เดี๋ยวป๊าม้ารอนานนะพจ”
“ได้เลย” ทั้งสองช่วยกันเก็บของและล้างหน้าล้างตาก่อนลงไปรับประทานอาหารเย็นกับครอบครัวของพีร์
  
บรรยากาศในโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความอบอุ่น ทั้งสองนั้นมีท่าทีเอ็นดูกับศิริพจน์มาก ศิริพจน์ใช้ตะเกียบในการรับประทานอาหารอย่างคล่องแคล้ว ยิ่งทำให้คนทั้งสองรู้สึกดีกับชายหนุ่มมากขึ้น  ผู้เป็นพ่อเลยไถ่ถามเรื่องขนบธรรมเนียมของชาวจีนโพ้นทะเลกับชายหนุ่มเห็นการลองเชิง
 “นี่เตอเจียซื่อเค่อเจียเหรินมา” ผู้เป็นพ่อถามเป็นภาษาจีนกลางว่า ครอบครัวของศิริพจน์เป็นชาวจีนฮักกาเหมือนพวกเขาหรือไม่
“อ่อ หว่อเตอเจียบู๋ซื่อเค่อเจียเหริน.ซื่อเฉาโจวเหริน” ศิริพจน์ตอบไปว่าที่บ้านของเขาเป็นชาวจีนแต้จิ๋ว
“อ่า หว่อเหล่าผอ ทาเหนิงซัวเฉาโจวฮั้วเตอ” ผู้เป็นพ่อบอกว่าแม่ของพีร์สามารถพูดแต้จิ๋วได้
“น่า หว่อบู้เค่ออี้ซัวเตอ หว่อจื่อ อีเดี๊ยนเดี่ยนทิงต่งม่อฮั่ว”  ศิริพจน์บอกว่าเขาพูดไม่ได้ แต่ฟังออกบางคำแค่เล็กน้อย
“คุยกันเข้าไป ไม่สนใจเค้าเลยใช่มะว่าฟังไม่รู้เรื่อง” พีร์ที่ใช้ช้อนซ้อมกินข้าวคนเดียวเริ่มเหวี่ยง เพราะเขาไม่ชอบเมื่ออยู่ในสถานการณ์ทำนองนี้
“ทำไมล่ะพี ป๊ากับม้าแค่ถามเพื่อนเราเฉย ๆ แค่นี้ไม่ได้เหรอ”
“ก็ทำไมไม่คุยภาษาไทยล่ะ”
“อ่าว ป๊าเค้าก็แค่ลองถามเพื่อนเราดู..พอเลย อายเพื่อนเรามั่ง อย่ามางอแงอย่างนี้นะ” คนเป็นแม่ปราม
พีร์ก้มหน้ากินข้าวต่ออย่างงอน ๆ ผู้เป็นพ่อถอนหายใจกับความแสนงอนของลูกชายตัวเอง จึงบอกกับศิริพจน์ว่า
“ลูกอาขี้งอนเหมือนผู้หญิงมั๊ยพจ”
“ไม่หรอกครับคุณอา” เขาตอบยิ้ม ๆ ทั้งที่ความจริง เขานี่หล่ะคือคนที่โดนพีร์สำแดงเดชนางพญาบ่อยที่สุดแล้ว
“เหรอ..แสดงว่ายังไม่สนิทกันเท่าไหร่ ฮ่ะ ๆๆๆ”
“อ่าคับ” เขายิ้มกับผู้เป็นพ่อแม่ของคนรัก พวกท่านจะรู้ไหมนี่ว่าเขานี่หล่ะคือสามีของลูกชายแสนงอนของพวกท่าน

   กินข้าวเสร็จทั้งสองขอออกมาเดินเล่นชมแสงสีหาดใหญ่ยามค่ำคืน ก่อนพีร์จะขับมอเตอร์ไซค์พาศิริพจน์ข้ามสะพานติณสูลานนท์ 1 ไปยังเกาะยอ แต่ทั้งสองไม่ได้ไปถึงเกาะยอเสียทีเดียว กลับจอดรถอยู่ตรงกลางสะพานที่แสงไฟส่องสว่างและยืนชมบรรยากาศกันอย่างสุขล้นใจ
     ศิริพจน์มองไปรอบ ๆ กับความกว้างใหญ่ของทะเลสาบสงขลายามพลบค่ำเขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ อากาศช่างดีจริง ๆ เขาคิดอย่างนั้น เขาหันไปมองพีร์ที่ยิ้มเศร้าอยู่ก็พอเดาได้ว่าพีร์ต้องมีเรื่องอะไรกับเขาแน่ ๆ เพราะจากท่าทีตอนที่เจอกันมานี้ เหมือนพีร์พยามหาโอกาสบอกอะไรเขาอยู่
“พี...คุณมีอะไรหรือเปล่า” เขาหันไปถามคนรักเบา ๆ พีร์ไม่นึกแปลกใจ เพราะศิริพจน์เป็นคนเดียวที่รับรู้ว่าเขามีอะไรในใจที่จะสื่ออยู่
“พจ พี คือ พจจะโกรธจะเกลียดพีก็ได้นะ ถ้าพีเล่าเรื่องนี้”
ศิริพจน์ชะงัก แต่ก็หันมาฟังด้วยความสนใจ “อะไรเหรอ ว่ามาสิพี”
“คือ ตอนที่พจไม่อยู่อ่ะ พี่หยกเค้ามาหาพี”
“อืม”
“แล้ว เค้าเมามาก พีก็เลยให้เค้ามานอนในห้อง”
ศิริพจน์ตั้งใจฟังฝ่ายนั้นเล่าเรื่อง
“แล้วทีนี้ พีร์ก็เช็ดตัวให้เค้า และ..” พีร์เริ่มร้องไห้ออกมา “และพีกับเค้าก็...มีอะไรกัน” พีร์ปล่อยโฮออกมาอย่างขื่นขม ศิริพจน์เองรับฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“พีเกลียดตัวเองนักที่พียอมให้เค้าเข้ามา และก็ยอมมีอะไรกับเค้า ฮือ ๆๆๆ พจจะทำอะไรพีก็ได้เลยนะ จะตบตีให้พีสำนึกก็ได้นะ ฮือ ๆๆๆ”
“ทำไมผมจะต้องทำอย่างนั้นล่ะ” เขาถามด้วยเสียงอ่อนโยน
“ก็พีมันเลวไง พีไม่เคยทำอะไรให้พจเลย แถมพจยังเป็นคนที่ดูแลพีมาตลอด แต่พีกลับทำอย่างนี้อ่ะ”
“ไม่เอาน่า” เขาเข้าไปกอดร่างอวบที่สะอื้นไห้ตัวโยน “มันผ่านไปแล้ว และคุณก็คิดจะบอกผม ผมจะต้องไปโกรธคุณทำไมล่ะ” เขาถอนหายใจ "อีกอย่างเหมือนผมไปแย่งคุณมาจากพี่หยกนะ มันก็ไม่แปลกหรอกที่เจ้าของจะตามมาทวงเข้าสักวัน"
“พจ อย่าพูดอย่างนี้สิ” เขาพูดสั่น ๆ “พจยิ่งเป็นคนดีเท่าไหร่ พีก็รู้สึกว่าพีมันเลวเท่านั้นนะ”
“อย่าคิดอย่างนั้นสิ ผมบอกแล้วไง ให้ผมอยู่กับคุณให้ผมได้รักคุณ ผมก็ดีใจแล้วหล่ะ”
“พจจจจ ฮือ ๆๆๆ” เขากอดอีกฝ่ายแน่นขึ้น “พีขอโทษ..”
“คุณยังรักเค้าใช่ไหม” ศิริพจน์ตัดสินใจถามไปตรง ๆ
“ใช่” พีร์ตอบออกมาจากใจจริง ทำให้ศิริพจน์ถึงกับหน้าชา
“แล้วผมล่ะ”
“คุณ ผมก็รัก ฮือ ๆๆๆ” พีร์ก็ตอบจากใจจริงเช่นกัน เพราะที่เขายอมรับการเข้ามาของศิริพจน์ก็เป็นเพราะว่า เขาก็มีใจให้เช่นกันและตอนนี้เขาก็รักศิริพจน์ไม่ต่างกับศิลาเลย
ศิริพจน์ได้ยินอย่างนั้นแล้วก็เข้าไปกอดพีร์อย่างปลอบโยน เขาบอกกับร่างอวบว่า “แค่ได้ยินว่าคุณรักผม ผมก็ดีใจแล้วหล่ะ”
“อย่าคิดมากเลยนะ เราจะไปเริ่มชีวิตใหม่ด้วยกัน” ชายหนุ่มสมทบ
“พจ ผมขอโทษ”
“ไม่เอาน่าพี..” เขากอดปลอบร่างอวบ ที่ร้องไห้โฮอยู่ นานกว่าจะสงบลงเพราะไออุ่นจากอกของศิริพจน์ จึงได้สูดหายใจเข้าปอดปิดท้าย และหันไปกอดคนดีของเขา
“พจจจ”
“อ่าฮะ”
“พจ...ที่พจชวนพีร์ไปอยู่สิงค์โปร์ด้วยกันหน่ะ” ศิริพจน์ชะงัก เพราะเขาได้รับคำตอบที่รอคอยมานานสักที
“อืม ว่าไง..”
“พีตกลงนะ”
“จริงเหรอ....” เขาก้มลงและเขย่าตัวพีร์เบา ๆ
“อืม เราจะได้อยู่ด้วยกันจริง ๆ ซะทีไงล่ะ” พีร์ยิ้มออกมา
“ดีมากเลย ผมจะได้มีแม่บ้านไว้คอยดูแล ฮ่ะๆๆ” ศิริพจน์พูดขำ ๆ ให้ฝ่ายนั้นหายเศร้า
พีร์ที่สีหน้าสบายใจขึ้นมองศิริพจน์อย่างมีความหมาย เพราะทั้งหมดของชีวิตข้างหน้านี้ เท่ากับว่า ศิริพจน์กับเขาจะเดินไปด้วยกัน
แต่เขาคงนึกไม่ถึงหรอกว่า โชคชะตาของคนเรามักจะพลิกผันอยู่เสมอ

ปล. กี เป็นคำภาษาจีนแคะไว้แทนสรรพนามบุรุษที่ 3 ค่ะ (เขา หรือ เธอ ที่เป็นคนที่ 3 นั่นเอง)
     จี้ แปลว่า พี่สาว ค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: jantaro ที่ 19-05-2010 22:11:19
ขอบคุนมากๆคราบผมม  :z13:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 19-05-2010 22:26:43
ดูท่าจะวุ่นวายได้มากกว่านี้นะค่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 19-05-2010 22:42:41
ในที่สุดพีร์ก็เลือกแล้วสินะ ดีใจด้วยกับทางที่คุณเลือกนะคะ  :กอด1:
เอิ่ม ยังไม่จบใช่มั้ยคะ  :really2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 19-05-2010 22:50:07
How to พิกผันครับ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 20-05-2010 08:49:17
มันเหมือนจะลงเอยได้สวยนะ....
แต่เอ ทำมันมันต้องมีพลิกผันตอนท้ายด้วยล่ะนี่....มันต้องมีเหตุอะไรแน่ๆเลย


ปล.อ่านตอนนี้แล้วพจนี่แบบ เป็นคนดี โคตรใจกว้างเลย...
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 20-05-2010 16:55:36
ไม่รู้จะบอกว่างัยดี เลือกซักทางมันก้อใช่ แต่เราก้อสงสาร หยก ง่ะไม่รู่ว่าจะเป็นงัยบ้าง จะรับได้หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 20-05-2010 17:53:40
ภาคต่อ ตอนที่ 19

    หลังจากที่ศิริพจน์กับพีร์กลับจากหาดใหญ่แล้ว เขาก็เดินทางมาเก็บของที่กรุงเทพฯกัน พีร์นั้นไม่ได้บอกกับพ่อแม่ว่าจะไปอยู่สิงค์โปร์กับศิริพจน์ เขาคิดว่ารอให้เขาหางานทำที่นั่นได้ก่อนค่อยบอก เพราะเขาจะยังไม่ย้ายตามไปพร้อมกัน รอให้เขาเคลียร์งานที่เมืองไทยเสร็จก่อน เขาจะตามไปทันที
   เพราะเขาไม่อยากให้ศิริพจน์ลำบากใจ เขาคิดว่าต่อจากนี้ไป เขาจะทุ่มเทให้ศิริพจน์ให้สมกับที่อีกฝ่ายทุ่มเทเพื่อเขามาโดยตลอด
  การจะย้ายไปใช้ชีวิตอยู่กับศิริพจน์ที่สิงค์โปร์ในครานี้ มันคงจะเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ตามที่ศิริพจน์บอกไว้จริง ๆ


   ศิริพจน์ยิ้มกริ่มมองดูสัมภาระที่จะต้องเดินทางไปต่างแดนกับเขา ชายหนุ่มถามตัวเองนี่เขากำลังจะเดินตามทางของตัวเองจริง ๆ แล้วหรือ เขาไม่นึกไม่ฝันว่าตัวเองจะได้ทำงานที่รักอย่างนี้
   เพราะตอนเรียนอยู่พ่อแม่ของเขาเคี่ยวเข็ญและเกลี้ยกล่อมให้เขาเรียนไปเพื่อทำอย่างอื่นมากกว่าจะมาเป็นนักค้าหุ้น พ่อของเขาบอกว่า
“มันเป็นอาชีพของคนที่จะถีบตัวในสังคม แกน่าจะเรียนมาช่วยที่บ้านดีกว่า”
แต่เมื่อเขาได้ยินอย่างนั้น เขาก็เหมือนรู้ว่าต้องทำอย่างไร เขาจึงนำเสนอแง่มุมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในแง่การลงทุนให้บุพการีฟัง อีกทั้งเพื่อนฝูงของพ่อแม่เขาหลายคนในวงการนี้ก็มองศิริพจน์ไกลในฐานะว่าที่พ่อมดการเงินคนใหม่เลยทีเดียว ทั้งสองจึงเห็นด้วยและปล่อยลูกชายคนกลางให้เป็นนักค้าหุ้นสมใจอยาก
      การไปทำงานที่สิงค์โปร์จึงเป็นก้าวแรกของการเติบโตของชายหนุ่ม เขาวางแผนมาตั้งแต่เรียนว่า จะรีบไปทำงานที่สิงค์โปร์ในขณะที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว ประกอบกับพ่อแม่ของเขาเคี่ยวเข็ญลูก ๆ ของตนในการเรียนภาษาจีนเป็นอย่างหนัก ทำให้เขาได้งานนี้มาไม่ยาก
    อีกอย่าง เขาก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ก็มีความรัก มีคนที่เขารักอยู่ข้างกายและตกลงปลงใจที่จะไปใช้ชีวิตกับเขา ถึงจะเป็นความรักที่เหมือนเจ้าตัวต้องแย่งชิงมาก็เถอะ
    เขาถอนหายใจเมื่อนึกถึงตอนที่พีร์เข้ามาสารภาพกับเขาว่าทำอะไรกับศิลามา และยังรักศิลาอยู่ เขาก็ไม่ได้แปลกใจ เพราะบางครั้งที่อยู่ด้วยกัน แววตาของพีร์มันฟ้องว่าพีร์ยังไม่ลืมอีกฝ่าย และการที่ศิลายังติดตามพวกเขาอยู่ มันก็ทำให้เขาหนักใจในบางครั้งว่า พีร์จะใจอ่อนเลือกศิลาหรือไม่  เขาไม่แปลกใจที่สักวันศิลาจะต้องมาหาพีร์ในรูปแบบนี้ และก็ไม่แปลกใจที่พีร์จะยอมศิลา เขาดีใจที่คนรักของเขาสำนึกและสารภาพ นั่นก็แสดงว่าพีร์ก็คงรู้ผิดชอบชั่วดีกับความเป็นคนรักของเขาเหมือนกัน
    แต่การที่พีร์บอกกับเขาตรง ๆ แบบนี้ มันก็ไม่สำคัญเท่ากับพีร์ได้ตัดสินใจเลือกเขา
   เพราะขอเพียงพีร์ให้เขาเพียงแค่เสี้ยวใจ เขาก็มีความสุขแล้ว


  ส่วนศิลาที่วันนี้เขามารับประทานอาหารกับครอบครัวของนลพรรณที่ร้านอาหารจีนสุดหรูแห่งหนึ่ง เขากับพ่อตาแม่ยายนั้นคุยกันด้วยดี  จนกระทั่งผู้เป็นพ่อตาเปรย ๆ ขึ้นมาว่า
“เฮ้อออ ตาหยก พ่อล่ะกลุ้มใจเจ้าพจจริง ๆ” ศิลาหูผึ่งทันดีเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“ทำไมเหรอครับคุณพ่อ” เขาวางตะเกียบลงและตั้งใจฟังผู้เป็นพ่อตา
“มันจะไปทำงานที่สิงค์โปร์ล่ะ”
เขาดีใจลึก ๆ เพราะยังไม่รู้ว่าพีร์จะย้ายไปอยู่ด้วย “เหรอครับ”
“ใช่หน่ะสิ พ่อยังไม่ได้หาเมียให้มันเลย มันไม่อยู่อย่างนั้นไปคว้าใครมาพ่อจะทำไง ไอ้ลูกคนนี้มันยิ่งไม่ฟังใครซะด้วย”
ศิลาได้ยินอย่างนั้นก็สะท้อน เมื่อพ่อตาพูดถึงคำว่า “เมีย”
“ก็มันนั่นหล่ะแย่งเมียผม” เขาอาฆาตในใจ แต่ก็ตั้งใจฟังพ่อตาพูดต่อ
“พาใครมาให้มันดู มันก็ไม่ชอบ ๆๆ ไม่เอา มันบอกว่า ขอมันทำงานก่อนค่อยหาให้มัน นี่มันก็ทำงานแล้ว พ่อจะหาเมียให้ไปอยู่กับมันเลย จะได้มีลูกเร็ว ๆ” ชายวัยกลางคนตอบตามความคิดที่ยึดตามธรรมเนียมชาวโพ้นทะเล
นลพรรณมองหน้าพ่อตัวเองแบบรับไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร
“แหม คุณ ผู้หญิงสิงค์โปร์หน่ะดูดีออก” ผู้เป็นแม่ยายแทรก
“ดียังไง ถ้ามันไม่ใช่คนที่เรารู้จักก่อน เถือกเถาเหล่ากอที่ไหนใครจะรู้”
ศิลาได้ยินอย่างนั้นก็มีความคิดบางอย่างเข้าหัว เขายิ้มร้ายที่มุมปาก ก่อนจะบอกพ่อตาว่า
“คุณพ่อครับ คุณพ่อจำโก๊ะ หลุง เปา ได้ไหมครับ”
“หือ ใครนะ”
“อ่อ มิสเตอร์โรเบริ์ต โก๊ะ ไงครับ ญาติฝ่ายแม่ของผม ที่เป็นคนสิงค์โปร์หน่ะ เค้ามางานแต่งของผมกับแพรวด้วย คุณพ่อพอนึกออกไหมครับ”
“อ่ออ จำได้ล่ะ ที่เค้าให้สิงโตหยกเขียวเป็นของขวัญแต่งงานใช่ไหม” คนเป็นแม่จำได้
“อ่าครับ ใช่”
“ทำไมหึ หยก มีอะไรเหรอ”
“คือ คุณลุงโรเบิร์ต มีลูกสาวหน่ะครับ”
ศิลาพูดจบประโยคนี้ทำเอาคนทั้งหมดถึงกับมองหน้าเขาเป็นตาเดียว คนเป็นพ่อแม่สะดุดใจ แต่นลพรรณมองหน้าสามีอย่างรู้ทัน
“ลูกสาวเหรอ”
“ครับ อายุประมาณเจ้าพจหล่ะครับ เค้าส่งมาเรียนเศรษฐศาสตร์ที่มหาลัยในเมืองไทยด้วย เวลาตรุษจีนทีไร ถ้ายัยแคทกลับสิงค์โปร์ไม่ได้ก็จะมาไหว้กับที่บ้านผม”
“เหรอ แล้วตอนนี้หนูคนนั้นอยู่ไหน” ผู้เป็นพ่อสนใจทันที
“รู้สึกจะกลับสิงค์โปร์ไปแล้วหล่ะครับ”
“แล้วหยกจะแน่ใจได้ยังไงว่าเค้าไม่มีแฟน”
“สบายใจครับ คุณลุงโรเบริ์ตฝากที่บ้านผมคุมเข้มเรื่องนี้ ยัยแคทไม่มีแฟนแน่นอน และอีกอย่าง รู้สึกเหมือนคุณลุงโรเบริ์ตคงจะหาผู้ชายดี ๆ ให้ลูกเองหน่ะครับ” เขาตอบยิ้ม ๆ
“ดีเลย แล้วพ่อจะติดต่อกับเค้าได้ไง”
“ไม่ยากครับ ผมไปคุยให้ก็ได้ คุณพ่อคุณแม่จะหาเรื่องไปเยี่ยมเจ้าพจที่สิงค์โปร์แล้วไปเจอเค้า หรือจะให้เค้ามาเมืองไทยก็ได้”
“เฮ่ยยย ได้ไง จะไปขอลูกสาวเค้า เราก็ต้องไปสิ จริงมั๊ยคุณ”
“ใช่ ๆๆ” คนเป็นแม่เห็นด้วย
“อ่าครับ คุณพ่อคุณแม่คงหมดกังวลเรื่องเจ้าพจซะทีนะครับ”
“ใช่ ๆๆ เอ้ออ ขอบใจหยกจริง ๆ นะลูก ดีล่ะ เราสองบ้านจะได้สนิทชิดเชื้อกันมากขึ้นล่ะ ๆๆๆๆ”
“ครับ” ศิลารับคำ ยิ้มมุมปากอย่างมีความหวัง ส่วนนลพรรณมองหน้าสามีและถอนหายใจกับชะตากรรมของน้องชายตัวเอง

  อีกสองวันคือวันเดินทางของศิริพจน์ แต่คืนนี้มีงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัทพ่อเขา จึงชวนพีร์ไปในงานนี้ด้วย ภายในงาน นอกจากพนักงานในบริษัทแล้ว ยังเป็นการรวมตัวของบรรดาไฮซ้อไฮโซทั่วฟ้าเมืองไทยอีกด้วย       ศิริพจน์พาพีร์เข้าไปสวัสดีกับเจ้าภาพอย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินเข้ามาในงาน
  พีร์เหลียวมองไปรอบตัวอย่างเก็บความรู้สึกตื่นตา เพราะมีแต่คนดังในวงสังคมที่เขาเคยเห็นแต่ในหน้าหนังสือพิมพ์มาเดินรายล้อมรอบตัวเขา ศิริพจน์ที่เดินเคียงข้างเขา ดูหล่อเนี้ยบในชุดสูทแบรนด์หรู เช่นเดียวกับพีร์ที่ลงทุนกับค่าเสื้อผ้าคืนนี้ไปไม่น้อย
   พีร์มองศิริพจน์อย่างหลงใหล คืนนี้ชายหนุ่มข้างกายเขาดูดีมาก ๆ ศิริพจน์เองก็ยิ้มปลื้มกับสายตาแบบนั้นของคนรัก  การที่พีร์มองศิริพจน์อย่างนั้น อยู่ในสายตาของศิลาที่ยืนมองอยู่ตลอด
  พีร์รู้สึกว่าตัวเองถูกมอง จึงหันไปมองรอบข้างช้า ๆ ก็พบศิลาที่ยืนมองเขาอยู่เศร้า ๆ
เขาตกใจแต่ก็ไม่ได้แสดงอะไรออกมา จึงทำเป็นไม่สนใจฝ่ายนั้น เขามองศิริพจน์ต่อด้วยสายตาที่ชื่นชมเช่นเคย
   มันทำให้ศิลาเริ่มรู้สึกไม่พอใจ
“ตาพจ ทางนี้ ๆ” พี่สาวคนเดียวของเขาที่ยืนกับเพื่อนกระเทยยักษ์ส่งสัญญาณเรียกน้องชายเบา ๆให้มาหาพวกเขาบริเวณมุมหนึ่งของงาน ศิริพจน์เห็นอย่างนั้นก็พาคนรักเดินเข้าไปหาพี่สาวอย่างดีใจ
“สวัสดีครับพี่แพรว พี่เป้”
“หวัดดีจ้ะน้องพี” นลพรรณรับไหว้ เธอรู้สึกดีใจที่พีร์มางานนี้ แต่ก็อดกังวลแทนไม่ได้เพราะศิลาก็อยู่ในงานนี้เช่นกัน
 “วันนี้น้องพจขาหล๊ออ หล่อนะคะ เจ้ขอยืมมาควงสักวันได้ไหม” ปกรณ์หยอกเย้า
“ได้เลยครับ ตามสบาย อิอิ”
“ค่ะ ขอบใจนะคะ คริ คริ”
    งานเลี้ยงนี้เป็นงานคอกเทล จึงมีเครื่องดื่มสีสวยมากมายหลายชนิดให้เลือกสรร บริกรยกแก้วเครื่องดื่มมาให้คนทั้งสี่ ทั้งสี่รับไว้และชนแก้วกันอย่างยินดี
   ศิริพจน์ยกแก้วขึ้นดื่ม เขาหันไปทางซ้ายก็พบศิลายืนจ้องเขาตาเขม็งอยู่ไกล ๆ เขาลอบยิ้มเย้ยพี่เขย และโอบไหล่พีร์แสดงความเป็นเจ้าของต่อหน้าศิลา
  “นี่คงยังไม่รู้ล่ะสิว่าเราจะพาพีหนีไปแล้ว” เขาคิดอย่างนั้น เพราะหลังวันที่เขาไปสิงค์โปร์ได้หนึ่งสัปดาห์พีร์ก็จะลาออกจากงานตามเขาไปอยู่ด้วยกันที่สิงค์โปร์
   “เดี๋ยวก็รู้ไอ้พจ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน!” ศิลาเจ็บใจ แต่ก็นึกถึงเรื่องที่เสนอกับพ่อแม่ของศิริพจน์ขึ้นมา งานนี้รับรองว่าศิริพจน์จะต้องเจอทางตันแน่ ๆ
    นลพรรณมองน้องชาย และก็สังเกตว่าศิริพจน์กับศิลากำลังส่งสายตาท้าทายกันอยู่ในระยะไกล เธอพอจะรู้รังสีอำมหิตจากทั้งสองฝ่ายที่แผ่ซ่านใส่กันอยู่
“อุ๊ย ได้เวลาพีธีการแล้ว” ปกรณ์ทัก เพราะคุณพ่อของนลพรรณขึ้นมากล่าวอวยพรทุกคนบนเวทีแล้ว
 “สวัสดีปีใหม่ทุกคนครับ มามาฉลองด้วยกัน ไชโย ไชโย ไชโย!” ผู้เป็นประธานงานนี้ชูแก้วเครื่องดื่มในมือพร้อมกล่าวไชโย ร่วมกับคนในงาน
พีร์ที่ตอนนิ้ยืนอยู่คนเดียวในมุมหนึ่งของงาน ก็ชูแก้วฉลองไปด้วย แต่ด้วยความซุ่มซ่ามส่วนตัว ทำให้ระหว่างชูแก้วนั้น เครื่องดื่มบางส่วนก็กระฉอกหกใส่เขา ศิลาที่ยืนอยู่อีกมุมเห็นอย่างนั้นก็อยากเข้าไปเช็ดให้จึงรีบเดินเข้าไปหา แต่ก็ช้ากว่าศิริพจน์ที่เข้ามาทันพอดี
“เป็นอะไรไหม...” ศิริพจน์ค่อย ๆ ใช้เช็ดหน้าหรูที่มากับชุดเช็ดหน้าให้พีร์อย่างเป็นห่วง สายตาของเขามองดูศิลาที่มองดูพวกเขาอยู่ด้วยความรู้สึกเดือดดาล สัญชาติญาณการเอาชนะของเพศชายของทั้งคู่ก็ประทุขึ้นทันที
พีร์ที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย บอกว่า “ไม่เป็นไรคับ ผมไม่เป็นไร”
“ไหน ขอดูสิ” เขาค่อยก้มลงไปดมชุดที่พีร์ใส่และให้ศิลาเห็นว่าเขาลงไปดมที่หน้าพีร์ “อื้ม มีกลิ่นเหล้าอยู่จริง ๆ ด้วย” เขาไม่สนใจ เพราะคนในงานคงคิดว่าเขาเป็นพนักงานคนหนึ่งเพราะเขาเป็นคนที่ไม่เคยออกงานสังคมเลย จึงไม่สนใจที่จะทำอะไรล่อแหลมแบบนี้เท่าไหร่ และมุมที่เขาอยู่นี่ก็เป็นมุมที่ค่อนไม่มีใครมองด้วย
พีร์มองหน้าเขาดุ ๆ ที่ทำอะไรแบบนั้น เขาค่อยลูบหน้าพีร์อย่างเป็นห่วง
“อยากกลับหรือยังครับ”
“อืม..” พีร์ตอบได้แค่นั้นแต่ก็ทำหน้าตกใจถึงขีดสุดก็เพราะว่า...

“ผลั๊ว!!!! พล่อก!!!!” ศิลาเข้ามาสะกิดให้ศิริพจน์หันหาและจัดการประเคนหมัดเข้าที่หน้าทันที พีร์เอามืออุดปากตัวเองเพื่อกั้นเสียงกรีดร้องอย่างตกใจที่สุด เสียงวีดว้ายจากคนรอบข้างดังขึ้น ศิริพจน์มองหน้าศิลาอย่างท้าทาย เขาคลำจมูกที่มีเลือดออก แล้วเสยหมัดให้กับคนที่มองหน้าเขาอยู่อย่างตอบแทนเช่นกัน นลพรรณกับปกรณ์ได้เห็นอย่างนั้นจึงรีบเข้ามาห้ามศึก
“นังแพรว ศึกชิงนางเกิดขึ้นแล้วมั๊ยล่ะ” เพื่อนสาวกระซิบนลพรรณเบา ๆ อย่างตกใจ
   “ทำไม ทนไม่ได้เหรอครับที่เห็นผม หะ” ศิริพจน์ท้าทายขณะที่ต่างคนต่างดันเข้าวงล้อมกัน
“ไอ้พจ คนอย่างแกต้องเจอแบบนี้” ศิลาระบายความคับแค้นออกมา หมัดลุ่น ๆ จึงเสยเข้าใส่หน้าศิริพจน์อีกครั้ง
  เสียงวี้ดว้ายยังไม่หยุดลงพร้อมด้วยเสียงห้ามจากพ่อกับแม่ นลพรรณกับปกรณ์ไม่กล้าเข้าใกล้เพราะกำลังเดือดได้ที่กันทั้งคู่  ศิริพจน์เองก็ไม่ยอม เขาเข้าต่อยที่หน้าและชายโครงของคนเป็นพี่เขยอย่างไม่ยอมแพ้จนศิลาล้มลงด้วยความจุก และลุกขึ้นมาซัดชายหนุ่มที่ชายโครงอีกครั้งก่อนจะหิ้วคอเสื้อชายหนุ่มที่เพลี่ยงพล้ำให้เขาขึ้นมาและพูดใส่หน้า
“แค่นี้มันยังน้อยไปกับคนอย่างแก!!”
คนรอบข้างเห็นเหตุการณ์สงบลงแล้วจึงรีบจับแยกทันที นลพรรณรีบเข้าไปจับศิลาแยก ส่วนปกรณ์นั้นเข้าไปกระกบศิริพจน์ทันที
  “นี่มันเกิดอะไรกันขึ้น!!” เสียงประกาศิตจากคนเป็นพ่อถามด้วยความฉุนเฉียวปนสงสัย ศิริพจน์กับศิลายังมองหน้ากันฮึดฮัด แต่นลพรรณกับปกรณ์มองหน้ากันแบบสลดและทำหน้าเหมือนโลกกำลังจะแตก ทั้งสองมองหาพีร์ แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของหนุ่มน้อย

หญิงสาวสงสัย “แล้วน้องพีล่ะไปไหน..”

ในขณะที่พีร์กำลังอุดปากกลั้นเสียงกรีดร้องของตัวเองกับภาพที่เห็นตรงหน้านั้น ก็มีมือปริศนาเข้ามาลากเขาออกจากงาน เขาสะบัดมือไม่อยากไป แต่มือนั้นยังคงลากเขา เขาจึงหันไปมองจึงพบว่า..
“คุณแจ๊ค...” เขามองหน้าหล่อนั้นด้วยความตกใจปนสงสัย
“รีบไปก่อนเถอะ เร็ว!”
“ไม่!..”
“ไปเถอะเชื่อผม ถ้าไม่อยากให้ไอ้หยกกับเจ้าพจต้องเดือดร้อนเพราะคุณ” พลกฤษณ์กระซิบเฉียบขาด ทำให้พีร์ต้องมากับเขาในสภาพที่มีพลกฤษณ์คอยจูงข้อมือวิ่งออกมา
“คุณ...” พีร์ถามขณะอยู่ในลิฟท์ เขาสงสัยในพลกฤษณ์แต่ก็อดเป็นห่วงศิริพจน์ไม่ได้
“ไม่ต้องถามอะไรมากตอนนี้ รีบออกจากงานนี้ก่อน”
“ปล่อยผม!” พีร์พยายามสะบัดข้อมือที่พลกฤษณ์จับอยู่
เขาปล่อยข้อมือของพีร์ออก แต่พอลิฟท์ถึงชั้นล็อบบี้ที่ต้องลง เขาก็ลากจูงข้อมือพีร์ให้ไปขึ้นรถด้วยกัน
“นี่ปล่อยนะ!.. ผมเดินเองได้”
“แล้วคุณจะไปไหน”
“ผมก็จะรอพจอยู่ที่นี่”
“รอหรอ....ผมว่าคุณกลับไปก่อนดีกว่า”
“ทำไม...”
“ให้ผมไปส่ง แล้วผมจะเล่าให้ฟัง”
“ไม่ ผมกลับเองได้”
“พี คุณ เดี๋ยว..” เขาเรียกพีร์ที่เดินออกไปหน้าโรงแรม เขาเห็นไม่ทันการ จึงรีบไปที่รถของตัวเองทันที

  พีร์เดินช้า ๆ บนฟุตบาทจากโรงแรมอย่างเศร้า ๆ เขาค่อย ๆก้มหน้าแล้วร้องไห้ออกมา แต่ทันใดก็ได้ยินเสียงแตรรถและเครื่องยนต์กระหึ่มใกล้ ๆ เขา
“นี่คุณ คุณพี ไปกับผมเถอะน่า...” เสียงหล่อ ๆ เรียกเขาจากข้างหลัง เขาหันไปก็พบพลกฤษณ์กำลังขับ Porsche Cayman S สีควันบุหรี่ ชะลอเครื่องตามเขาอยู่
“ไม่ ทำไมผมต้องไปกับคุณ” เขาหันไปตอบ พร้อมกับก้มหน้าร้องไห้
“คือ ไปกับผมเถอะนะ เดี๋ยวผมไปส่ง คุณกลับสภาพนี้ได้ไง”
“ผมกลับเองได้..”
“ไปกับผมเถอะ นะ ขอร้อง รถผมชะลอเครื่องนานไม่ได้นะ เดี๋ยวเครื่องฟังหมด” เขาไม่รู้จะทำไงแล้วเลยต้องพูดอย่างนี้
“เรื่องของคุณ”
“เฮ้ยย นะ ไปกับผมนะครับ นะ ไม่อยากรู้เหรอว่าทำไมผมถึงลากคุณมาแบบนี้” พีร์ชะงัก และหันไปมองหน้าของพลกฤษณ์
“นะครับนะ ให้ผมไปส่งเถอะ แล้วผมจะเล่าให้ฟัง ผมรับรองคืนนี้คุณถึงบ้านปลอดภัย นะ” เขาชูสามนิ้วล้อเลียน ทำให้พีร์ขึ้นมาบนรถหรูนั่น และพลกฤษณ์ก็ขับออกไปด้วยความโล่งใจที่เกลี้ยกล่อมคนดื้อดึงสำเร็จ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 20-05-2010 18:04:58
ศิลาไม่หักห้ามใจเลยอ่ะ
เดี๋ยวพ่อแม่ก็ต้องถามว่าเกิดจากอะไร ทีนี้ล่ะงานเข้าแน่ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 20-05-2010 18:05:56
ดูไม่เป็นนิยายดี ตัวละครมีแง่มุมแบบมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบแท้ๆ จะติดตามต่อไปนะคะ :pig4:

นี่ล่ะค่ะ สิ่งที่พยายามจะสื่อในภาคต่อของเรื่องเด็กฝึกงานนี้ (แต่ก็ยังมีแง่มุมความเป็นนิยายอยู่นะคะ) ขอบคุณ คุณsilverspoon มากค่ะ ที่กลับมาติดตามและให้กำลังใจกัน ขอบคุณค่ะ

และก็ขอบคุณผู้อ่านทุกคนนะคะ ขอบคุณค่ะ ที่ติดตามกันมาอย่างเหนียวแน่น
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 20-05-2010 20:03:20
อ่าาา..พี่หยกทำไมทำงี้ล่ะ...เรื่องมันจะไม่ไปกันใหญ่เหรอเนี่ยยย o22
แล้วคุณแจ๊คจะมาไม้ไหนน้าาา...เฮ้อ เหนื่อยแทนนะนู๋พีร์ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 20-05-2010 21:11:36
แจ็ค คิดไรมากกว่าช่วยเหลือป่าว
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 20-05-2010 22:07:56
รอตอนต่อไปนะคะ เพราะยังเม้นท์อะไรไม่ออกเลย เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Lucio ที่ 20-05-2010 22:31:02
งานนี้ บทตัวร้ายขอยกให้ คุณ ศิลา   

เผ่นแน่บ   :z10:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: wisa ที่ 21-05-2010 01:31:26
ศิลา เป็นพระเอก หรือผู้ร้าน กันแน่


 :a5:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 21-05-2010 11:51:02
 :เฮ้อ:สงสารทุกคนนนนน   เกียจน้องพีอะหลายใจจจจจจจจจจจจ o13
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ash ที่ 21-05-2010 13:02:22
เข้มข้นเหมือนน้ำจิ้มแม่ประนอม(เกี่ยวกันป่ะ)
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ANUNTAYA ที่ 21-05-2010 14:31:23
น่าค้นหา


เหมือน เธอคนนั้น  มิมีผิด   


อิอิ  (เกี่ยวกันป่า)
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 21-05-2010 16:12:20
มาต่อไวๆน่ะชักอยากรู้เสียแล้วล่ะว่าไอ้พี่แจ๊คจะเล่าเรื่องไรให้ฟัง
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 21-05-2010 16:23:43
มาต่อแล้วค่า หวังว่าคงรวดเร็วทันใจคุณยุงแจจุงนะคะ

ขอบคุณผู้อ่านทุก ๆ คนเลยค่ะ   :pig4::L2: :3123: :L1: :pig4:

ภาคต่อ ตอนที่ 20

“นี่คุณแจ๊ค ตกลงคุณพาผมมาทำไมเนี่ย” พีร์แหวคนข้าง ๆ อย่างสงสัยปนขัดใจเพราะอีกฝ่ายตั้งแต่ขึ้นรถมาก็ตะบึงพาเขาออกมานอกเมืองอย่างเดียวเลย
“คุณสงบสติได้หรือยัง” พลกฤษณ์ถามเรียบ ๆ
“อืม ๆ” พีร์ปาดคราบน้ำตา พยักหน้า
“คุณเห็นสองคนนั้นทะเลาะกันแล้วใช่ไหม”
“อือ” เขาตอบเศร้า ๆ ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีที่มีผู้ชายมาต่อยกันเพราะเขา
“พวกมันต่อยกันกลางงานเลี้ยงของพ่อเจ้าพจซะด้วย ผมรับรองว่าเรื่องนี้ไม่จบแน่ ๆ”
“แล้วคุณพาผมมาทำไม”
“ผมไม่อยากให้เพื่อนผมกับเจ้าพจเดือดร้อน” เขาตอบนิ่ง ๆ “ผมเชื่อว่าถ้าคุณยังอยู่ที่นั้นไอ้หยกกับพจมันจะเดือดร้อน และคนที่จะซวยยิ่งกว่าพวกมันสองคน ก็คือคุณ” พลกฤษณ์หันมาตอบเน้นคำว่า “คุณ”กับพีร์
“คิดดูสิ ถ้าพ่อเจ้าพจมันรู้ว่าต่อยกันเพราะคุณ และคุณยังอยู่ที่นั่นด้วย จะซวยกันแค่ไหน”
พีร์อึ้งกับความรอบคอบของคนข้าง ๆ เขาไม่เชื่อเลยว่าคนที่เขาคิดว่าไร้สาระไปวัน ๆ อย่างพลกฤษณ์จะคิดอะไรได้รอบคอบขนาดนี้
“อีกอย่างนะ ผมคิดว่าแพรวกับเป้เค้าแก้สถานการณ์กันได้” เขาเลี้ยวรถเข้าตัวเมือง แล้วพูดว่า “ถ้าหลักฐานถูกขโมยไปอย่างนี้ พวกมันจะได้แก้ตัวง่ายขึ้นไงล่ะ”

“บอกมาสิ พวกแกเป็นบ้าอะไรกันวันนี้!” เจ้าสัววิชาพาต้นเหตุของเรื่องในสภาพสะบักสะบอมทั้งคู่ มาเคลียร์กันที่ห้องใกล้ ๆ หลังจากให้วงดนตรีในงานทำหน้าที่สร้างบรรยากาศสนุกสนานเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องในงาน
   ศิลากับศิริพจน์ที่ตอนนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยช้ำและรอยเลือด มองหน้ากันขวาง ๆ ข้างกายของคนทั้งสองมี นลพรรณและปกรณ์คอยทำแผลให้
“ตอบมา!” เขาหันไปถามลูกเขย “หยก แกเป็นอะไรไปหะ มีเรื่องอะไรกับน้องมัน คุยกันดี ๆ ไม่ได้หรือไง” เจ้าสัวพูดไปตามผิดถูกเพราะเห็นว่างานนี้ลูกเขยตนเข้ามาเริ่มก่อน
“ลูกชายคุณพ่อมันยุ่งเรื่องของผัวเมียมากไปหน่อยหรือเปล่าครับ” ศิลาพูดขวาง ๆ ศิริพจน์มองหน้าศิลาอย่างโกรธเคือง
“หยก!” นลพรรณตบบ่าสามี ให้เขารู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป
“หมายความว่าไงหะพจ”
“คุณพ่อครับ คุณพ่อถามพี่หยกสิครับว่าผมไปยุ่งเรื่องอะไร” ศิริพจน์ถามท้าทาย
นลพรรณเห็นท่าจะไปกันใหญ่ เลยตอบรับแทน “คือ พจเค้าอยากให้แพรวโอนหุ้นที่เป็นชื่อบ้านเราในบริษัทหยกหน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบหน้าเสีย ศิริพจน์มองพี่สาวแบบมีคำถาม ศิลานั้นรู้ดีว่าไม่ใช่แต่ก็รอฟังอยู่
“ยังไงหะ ไหนยัยแพรวลองเล่ามาสิ”
“คือ พจเค้าบอกว่า บริษัทของหยกมีผลประกอบการตกลงใน 3 เดือนที่ผ่านมาอ่ะค่ะ แล้วเศรษฐกิจปีนี้มีแนวโน้มไม่ดี เลยอยากให้แพรวรีบโอนหุ้นที่เป็นชื่อบริษัทบ้านเราให้เป็นชื่อของคนแทนอ่ะค่ะ” นลพรรณจับต้นชนปลายเอา “แล้วหยกเค้าไม่พอใจตาพจอ่าค่ะ ที่เหมือนเอาเรื่องธุรกิจมายุ่งกับครอบครัว ใช่ไหมคุณ” เธอหันไปถามสามี หวังให้เขารับคำ
“ครับ ๆ” ศิลาเออออ
“งั้นเหรอ แล้วทำไมหะพจ แกเรียนมากไปป่าว ทำไมแกคิดอะไรแบบนี้”
ศิริพจน์หัวเราะหึ ๆ เขามองหน้าศิลาอย่างสมเพช และตอบไปว่า
“ก็ผมกลัวว่าบ้านเราจะเสียเปรียบหน่ะครับ อุตส่าห์ลงทุนยกลูกสาวคนเดียวให้เค้าไป จะปล่อยให้ขาดทุนได้ไง”
“ไอ้พจ!” ผู้เป็นพ่อเงื้อมือจะตบ แต่คนเป็นแม่คว้ามือไว้ทัน และพี่สาวคนเดียวของเขาเข้ามาปกป้องน้องชายอย่างเป็นห่วง
“ฮึ้ย!!!” เจ้าสัววิชาหงุดหงิด เหวี่ยงไม้เหวี่ยงมือ แต่คนเป็นภรรยาลากแขนไปคุยกันสองคนซะก่อน
“นี่คุณ ที่ลูกพูดก็ถูกนะ”
“ยังไง มันจะทำให้บ้านพี่สาวมันแตกล่ะสิ”
“คุณ ลูกเป็นห่วงบริษัทเรานะ ถึงได้ทำแบบนี้ เค้าคงเป็นห่วงยัยแพรวด้วยหน่ะ”
“ได้ไง มันคิดให้ผัวเมียแตกกันชัด ๆ”
“ลูกเรายังเด็ก และก็ร้อนวิชาด้วย อีกอย่างเค้าก็เป็นห่วงพวกเรานะ”
เขาฟังภรรยาและสงบสติอารมณ์ ก่อนจะเข้าไปหาลูกชายกับลูกเขย
“โอเค หยก ทีหลังมีอะไรก็คุยกันดี ๆ ละกันนะ พ่อรู้ว่าเราไม่อยากให้ใครมายุ่ง แต่อย่าลืมพจมันก็เป็นน้อง มันก็ต้องเป็นห่วงแพรวเป็นธรรมดา”
“ผมขอโทษครับ” ศิลายกมือไหว้พ่อตา
“เจ้าพจ ทีหลังอย่าไปยุ่งกับเรื่องของครอบครัวพี่แพรวเขามาก อย่าลืมว่าพี่เขาแต่งงานไปแล้ว เรื่องของครอบครัวเขา เขาคิดเองได้”
“ผมขอโทษครับพ่อ” เขายกมือไหว้พ่อตัวเอง แต่ส่งสายตาสมเพชไปที่พี่เขย
“โอเค ๆๆ หมดเรื่องแล้วก็พวกแกก็กลับกันไปก่อน พ่อขี้เกียจตอบคำถามคนอื่น เดี่ยวพ่อขอไปดูที่งานต่อละกันนะ เอ่อ แพรวกับเป้ พ่อฝากทางนี้ด้วยละกัน”
“ค่ะ ๆ”
เจ้าสัววิชากับคุณศิริพรเดินกันออกไป เหลือแต่หนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่หายใจกันอย่างโล่งอก
“พี่แพรวทำไมบอกคุณพ่ออย่างนั้น” ศิริพจน์ถามพี่สาวอย่างขัดเคือง
“พจ พี่ทำเพื่อลูกหน่ะ” เธอตอบเศร้า ๆ
ชายหนุ่มมองพี่สาว รู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ จึงบอกพี่สาวว่า “ผมขอโทษครับพี่แพรว”
“พี่รู้นะว่าพจจะบอกคุณพ่อว่าอะไร แต่อย่าลืมสิว่าบอกไปแล้วก็มีแต่คนเดือดร้อนด้วยกันทั้งนั้น และคนที่เดือดร้อนที่สุดก็คือคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรอย่างลูกพี่นะ”
ศิลาเดือดขึ้นมาทันที “แกนั่นหล่ะไอ้พจ ถ้าแกไม่เข้ามายุ่งเรื่องของชั้นกับน้องพี ชั้นคงไม่เป็นอย่างนี้หรอก”
“ผมผิดเหรอ ที่ผมทนไม่ได้ที่เห็นพีต้องถูกพี่ล่ามโซ่ขังเค้าเอาไว้ในเงา บังคับเค้า เห็นเค้าเป็นสิ่งของ  ผมว่านะถ้าพี่ยังมีสำนึกของคนเป็นพ่อและสามีอยู่ พี่จะมาหาเศษหาเลยกับเด็กฝึกงานอย่างพีได้เหรอ!”
“ไอ้พจ!” ศิลาเข้ามาคว้าขอเสื้อศิริพจน์ คนห้ามศึกทั้งสองทำหน้าปวดหัว เพราะยกที่สองกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
“ทำไมครับพี่หยก ถ้าพี่มีรสนิยมอย่างว่าจะยอมแต่งงานกับพี่แพรวทำไม”
 ศิริพจน์จ้องหน้าพี่เขย “หรือเพิ่งมารู้เอาตอนนี้หะ”
ศิลาผลักอกอีกฝ่าย ทำให้นลพรรณกับปกรณ์รีบจับคนทั้งสองแยกกันทันที
“ไอ้พจ ชั้นไม่ได้คิดจะหาเศษหาเลยกับน้องพี ชั้นรักน้องพี และแกก็ไม่มีสิทธิ์มาแย่งไปแบบนี้” เขาพยายามดิ้นให้หลุดจากปกรณ์ที่จับไว้
“แล้วพี่หยกจะขังพีร์ไว้ทำไมล่ะ มันมีความสุขนักเหรอหะ ที่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ พี่หยกไม่คิดเหรอว่าพีร์เค้าจะต้องถูกตราหน้าว่าไปแย่งสามีใครมา ทำไมพี่ไม่ปล่อยพีให้ไปเจอคนที่พร้อมกว่าล่ะ”
“ไอ้พจ!..”
“พจพอซะทีเถอะนะ” พี่สาวที่กำลังจับเขาอยู่ออกปากปราม “อีกสองวันเราก็จะไปอยู่ที่อื่นกับน้องพีแล้ว เรายังจะเอาอะไรอีก”
“หะ แพรว คุณว่าไงนะ” ศิลาหยุดชะงักเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“อ่อ ผมกับพีร์จะไปอยู่ด้วยกันที่สิงค์โปร์หน่ะครับ พี่หยกคงจะยังไม่รู้สินะ” ศิริพจน์ยิ้มเป็นต่ออย่างผู้ชนะ
“หยก ยอมรับความจริงเถอะ ปล่อยน้องพีไปตามทางของแกได้ไหม”
“พีบอกผมเองนะครับว่าเค้าเต็มใจไปกับผม” ศิริพจน์ยิ้มเยาะ
ศิลาอึ้ง คนรักของเขาจะต้องจากเขาไปตลอดเพื่อไปอยู่กับคนอื่นแล้วจริง ๆ ร่างอวบที่เคยกอดนอนเมื่อคืนก่น จะกลายเป็นความทรงจำของเขาตลอดไปอย่างนั้นหรือ?
“ว่าแต่ แล้วนังหนูไปไหนคะเนี่ยะ” ปกรณ์นึกได้ ทำให้ทุกคนนึกได้ตามมา
“เดี๋ยวผมโทรหาเองนะ” ศิริพจน์หยิบโทรศัพท์กดขึ้นมาโทรออก

พีร์ที่นั่งเงียบ ๆ มาหลังทราบเหตุผลจากพลกฤษณ์ สะดุ้งทันทีเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ก็ปรากฎเบอร์ของศิริพจน์โทรเข้า
“ฮัลโหล พจจจจจ......พจเป็นอะไรมากมั๊ย” เขาล่ะล่ะละลักถามศิริพจน์ด้วยความเป็นห่วง
“ผมไม่เป็นไรหรอก..แล้วคุณอยู่ไหนเนี่ยะ”
“ผมเอ่อ...” เขากำลงจะบอว่าอยู่กับใคร พลกฤษณ์เลยขอพูดกับศิริพจน์เอง
“แป๊บนึงนะ” เขาส่งโทรศัพท์ให้พลกฤษณ์
“ฮัลโหลพจ”
“พี่แจ๊ค พีไปอยู่กับพี่ได้ไง” ศิริพจน์เรียกชื่อปลายสาย ทำให้คนทั้ง 3 ที่รอฟังอยู่ประหลาดใจ
“ไอ้แจ๊ค..” ศิลาก็ตกใจ
“อืม พี่เอง ไม่ต้องห่วงนะ น้องพีอยู่กับพี่ ตอนนี้กำลังขับรถไปส่งเค้าที่หอ”
“หะ ยังไงครับ..”
พลกฤษณ์เล่าว่าทำไมเขาถึงพาพีร์หนีออกมาอย่างละเอียด และถามสถานการณ์ทางนู้นด้วย
“ก็ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วหล่ะครับ โหยยย ขอบคุณพี่แจ๊คมากเลยนะครับ”
“อืม ๆ ไม่เป็นไร” เขารับคำ “เดี๋ยวคุยกับพีละกันนะ” เขาส่งโทรศัพท์ให้พีร์
“พจ..”
“พี...ถึงหอแล้วโทรหาผมนะ”
“พจ พีขอโทษนะที่ทำให้พจต้องเดือดร้อนอีกแล้ว”
“ไม่หรอก...อย่าคิดมากนะ เจอกันนะครับ บะบาย”
“บายครับ” พีร์ถอนหายใจ วางสายและร้องไห้ออกมา
“ร้องไห้ทำไม” พลกฤษณ์ถาม เพราะตอนเขาคุยกับศิริพจน์ก็บอกกับพีร์ว่าไม่ต้องห่วงทางโน้น
“ผมมันแย่มาก พจต้องมาเจ็บตัวเพราะผม” เขาค่อยพูดต่อ “ตอนผมเจ็บ เค้าเป็นคนที่เข้ามาดูแลผมอย่างดี แต่ตอนนี้เค้าเจ็บผมไม่ได้ดูแลเค้า ฮือ ๆ”
“อืม..” เขารับทำ “ทำใจดี ๆ ไว้นะ”
“ขอบคุณครับ”
“เลี้ยวหน้าก็ถึงแล้วใช่ไหม”
“ครับ ใช่ครับ”
“อ่ะ  ถึงแล้ว”
“ขอบคุณมากนะครับ” เขายกมือไหว้
“ไม่เป็นไร...อ่อ ผมมีอะไรจะบอกนะ”
พีร์ตั้งใจฟังอย่างสนใจ
“ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณต้องเข้มแข็งไว้นะ”
“ครับ ขอบคุณครับ” เขาปิดประตูรถหรู และเดินเข้าไปในตัวอาหาร พลกฤษณ์มองตามร่างอวบและยิ้มเศร้า ๆ ให้กับเด็กหนุ่มที่ทิ้งกลิ่นหายหอมสดใสไว้ต่างหน้าให้เขาสูดดม เขาได้แต่หวังว่าพีร์คงจะผ่านพ้นเรื่องทั้งหลายนี้ไปได้ด้วยตัวเอง

“พจ พีร์ถึงหอแล้วนะ” เขาโทรหาศิริพจน์ทันทีอย่างที่บอก
“อืม ขึ้นมาเลย ผมมารออยู่บนห้องแล้ว”
“จริงเหรอ งั้นพีร์รีบขึ้นไปเลยนะ”
“มาเลย”
“เจอกันนะ” เขากดวางสายก่อนจะกดลิฟท์ขึ้นไปบนห้องพักของเขา และรีบวิ่งไปไขกุญเจเปิดประตูห้องอย่างเป็นห่วงศิริพจน์  เขาเปิดไฟก็เห็นศิริพจน์ยืนส่งยิ้มให้เขาเหมือนเดิม
“พจจจ” พีร์เข้าไปลูบใบหน้าหล่อเหลา ที่สะบักสะบอมไปด้วยรอยช้ำ ณ ตอนนี้ อย่างเบามือ
ศิริพจน์ลูบหัวพีร์เบา ๆ อย่างแสนรัก พีร์จึงเข้าไปกอดเขาด้วยความรู้สึกข้างใน
“พจ ฮือ ๆๆๆๆ”
“ไม่เอาน่า ขี้แงอีกแล้วนะ” เขากอดพีร์ปลอบโยน และโยกตัวพีร์ไปมาเบา ๆ ในอ้อมแขน
“ผมขอโทษ...”
“ไม่เห็นต้องขอโทษอะไรเลย” เขาก้มลงพูดกับพีร์ “เหนียวตัวละ ไปอาบน้ำกันดีกว่า”
“อืม ๆ” พีร์ยิ้มออกมาได้ และพากันไปอาบน้ำด้วยกัน
“ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณต้องเข้มแข็งไว้” เขานึกถึงคำพูดของพลกฤษณ์ที่บอกเขา “เขาจะเข้มแข็งไว้

รุ่งเช้ามาถึง พลกฤษณ์ให้เด็กรับใช้ไปซื้อหนังสือพิมพ์และหนังสือบันเทิงทุกฉบับเพื่อมาเช็กข่าวว่ามีข่าวของศิลากับศิริพจน์หรือเปล่า ในหนังสือพิมพ์ทุกฉบับนั้นไม่มี เขาคิดว่านลพรรณคงจะจ่ายเงินปิดปากนักข่าวไปแล้ว แต่เขาก็ต้องลมจับเมื่อพบว่า...
“เวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน เก้งตัวพ่อ ลงทุนตามง้อเด็กใหม่”
เป็นพาดหัวใหญ่ของนิตยสารแนวปาปารัสซี่เล่มหนึ่ง ที่มีรูปเขากำลังตามง้อพีร์ที่เดินบนฟุตบาท เขารีบเปิดไปดูเนื้อข่าวข้างในทันที ก็ยังมีรูที่เขาลากจูงมือพีร์ออกมาจากลิฟท์อยู่อีกด้วย
“โอ๊ยยยย....” เขาทำท่าปวดหัว “พร้อมพึมพำ ทำไมปาปารัสซีมันไวจังวะ”
เขานึกว่าเรื่องของเพื่อนจะจบด้วยดี แต่กลายเป็นเขาเองนี่หล่ะ ที่ต้องรับเคราะห์
เขานึกถึงพีร์ คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย จะรู้สึกอย่างไรบ้างหนอ เมื่อเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 21-05-2010 16:45:32
แบบนี้ใช่ไหมค่ะเนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ 555
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 21-05-2010 17:39:47
อย่าได้สนใจค่ะ รีบบินไปเมืองนอกด่วยเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: wowhaha ที่ 21-05-2010 20:12:01
อยากให้พี ได้กับแจ๊คอ่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 21-05-2010 22:16:15
อยากให้พี ได้กับแจ๊คอ่ะ
คือจะให้พี่แจ๊คเป็นตาอยู่มาคว้าพีร์ไปอ่ะเหรอคะ... o18
แต่ก็น่าคิดอยู่เนอะ... :laugh:
+1 ขอบคุณไรเตอร์ค่ะ ต้องใช้สัญชาตญาณในการเดาว่าไรเตอร์จะมาต่อนะเนี่ย 55+
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Lucio ที่ 21-05-2010 22:53:36
พี่แจคซวยเลยอ่ะ อุตส่าห์ไปช่วยเค้าโดนซะเอง

แต่ว่าอย่าได้แคร์ อีกไม่กี่วันพีก็บินไปนอกแล้ว พี่แจคน่าจะจัดการข่าวได้

เอาใจช่วยคนแต่งนะคับ  o13
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 21-05-2010 23:25:04
พี่แจ๊ค ช่วยเค้าแท้ๆแต่กับมาโดนเอง ไม่เป็นไรนะ
ไปดู ศิลาเหอะรู้แล้วนี้ว่าน้องพีจะไปอยู่สิงคโปร์แล้วจะทำงัยล่ะทีนี้ ชักจะสงสารขึ้นมาซะแล้วล่ะซิทีนี้
อย่าไปเลยนะน้องพี
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 21-05-2010 23:31:47
กร๊ากกกกกกก

สงสัยพีร์ คงจะดังไปกันใหญ่
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 22-05-2010 08:56:14
น้องพีจะไปอยู่สิงคโปร์แล้วคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง กลัวแต่จะไม่ได้ไปเพราะพี่หยกอ่ะดิ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 22-05-2010 13:40:25
มีแววว่าน้องพีร์จะขอสามซะแล้ว
แต่พี่หยกทำแบบนี้คะแนนหดทันที   ช่วยไม่ได้นะ   อิอิ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 22-05-2010 16:03:45
ภาคต่อ ตอนที่ 21

  วันนี้พีร์ไปทำงานแต่เช้าตามปกติ ส่วนศิริพจน์เองออกเดินทางไปสิงค์โปร์พร้อมกับครอบครัวตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ถึงแม้เขาจะไม่ได้ไปส่งศิริพจน์ถึงสนามบิน แต่เขาก็ไม่เสียดาย เพราะวันพุธนี้เขาก็จะลาออกจากงานตามไปอยู่กับศิริพจน์ที่โน่นอยู่ดี
  เขาไม่นึกแปลกใจที่ครอบครัวของศิริพจน์จะตามไปส่งกันทั้งบ้าน เพราะก็เป็นธรรมดาของพ่อแม่ที่ต้องเป็นห่วงลูก ยิ่งไปทำงานต่างบ้านต่างเมืองก็ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาว่าจะต้องไปดูว่าลูกจะอยู่อย่างไร
  แต่ระหว่างการเดินทางบนรถไฟฟ้าของเขานั้น พีร์สังเกตเห็นสายตาของคนรอบข้างมองเขาแปลก ๆ โดยเฉพาะผู้หญิง เขาไม่คิดอะไรมาก แต่ก็อดประหม่าและสงสัยไม่ได้ จนกระทั่งตอนเย็นเขาที่เขาไปตัดผมที่ร้านแถว ๆ ที่พัก
“เลือกทรงไว้หรือยังคะ” ช่างตัดผมถามขณะคลุมผ้าให้
“อ่อ ทรงนี้หล่ะครับ ขอสั้นลง”
“ค่ะ ได้เลย” เธอรับคำและหยิบอุปกรณ์ขึ้นมาจัดการ พีร์มองในกระจกก็เห็นสาวออฟฟิศสองคนที่นั่งรอคิว กำลังซุบซิบนินทาเขาอยู่  เขาจึงส่งสายตาเหวี่ยง ๆ มองหน้าคนทั้งสองอย่างไม่พอใจ พวกเธอเห็นอย่างนั้นจึงต้องหยุดเมาท์ แต่พอสักพักพีร์ที่ไปล้างผมเสร็จกลับมานั่งที่เดิม ขาเมาท์หนึ่งในสองก็เข้ามาถามพีร์อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“เอ่อ ขอโทษนะคะ คุณเป็นแฟนแจ๊คตัวพ่อใช่ไหมคะ”
“หะ..อะไรนะครับ!”
“ก็นี่ไงคะ ที่คุณแจ๊คตามไปง้อคุณ ใช่ไหมคะ” เธอหยิบหน้าปกนิตยสารเจ้าปัญหาให้พีร์ดู พีร์ตกใจจนพูดไม่ออกแต่เป็นไปได้ก็อยากกรี๊ดออกมาดัง ๆ เขาถอดแว่นดูเพื่อประจักษ์กับสายตาว่านี่คือรูปของเขากับพลกฤษณ์
เขาตั้งสติ แล้วตอบคนสอดรู้ไป
“เอ่อ ไม่ใช่หรอกครับ แค่หน้าเหมือนเฉย ๆ”  
“เหรอคะ งั้นก็ขอโทษนะคะ” เธอพูดเก้อ ๆ แล้วเดินไป แต่พีร์ยังมีสีหน้าตกใจเหมือนเห็นผีตอนกลางวันแสก ๆ
“แฟนคุณแจ๊คหน้าเหมือนน้องมากเลยนะคะ” ช่างตัดผมออกความเห็น
“อ่อ ครับ คือ ผมคงหน้าโหลอ่ะคับ” พีร์พยายามระงับอาการ
เขากล่าวโทษพลกฤษณ์ในใจ “ตาบ้า พาเราซวยแล้วไหมล่ะ”

“คุณพ่อคุณแม่ครับ มาสิงค์โปร์กับผมนี่มีอะไรหรือเปล่า” ศิริพจน์ถามพ่อแม่เนื่องจากรู้สึกเหมือนบุพการีของเขามีเจตนาแฝง หลังจากทุกคนเสร็จจากการช่วยจัดแจงเรื่องที่อยู่ของเขา
“อ่อ ไหน ๆ แกก็จะมาเอาดีที่นี่แล้ว พ่อกับแม่เลยจะมาขอเมียที่นี่ให้แกเลย”
“หะ อะไรนะครับ..” ชายหนุ่มไม่เชื่อหูตัวเองว่าพ่อกับแม่ของเขายังไม่เลิกล้มความตั้งใจในเรื่องนี้อีก
“ก็ใช่หน่ะสิ อย่าคิดนนะว่าอยู่ไกลหูไกลตาแบบนี้แล้วแกจะรอด ดีซะอีก หาเมียให้แกที่นี่จะได้หมดเรื่อง”
“ไม่ได้นะครับคุณพ่อ” ศิริพจน์ค้าน
“ทำไมจะไม่ได้หะ”
“ผมแต่งงานกับผู้หญิงไม่ได้” ศิริพจน์ไม่กลัว แต่นลพรรณตกใจที่น้องชายจะมาบอกกับผู้เป็นพ่อเรื่องนี้
“ทำไมแกจะแต่งไม่ได้ แกเป็นขันทีหรือไง”
“ใช่ ผมเป็นเกย์”
สิ้นคำตอบ ฝ่ามือหนัก ๆ ก็ตบลงบนที่หน้าของลูกชายอย่างโกรธเคือง นลพรรณรีบเข้ามาดูน้องและพูดกับคนเป็นพ่อ
“ตาพจแกคงไม่อยากแต่งงานจริง ๆ หน่ะค่ะ เลยอ้างโน่นนี่”
“พี่แพรวครับ อย่าเลย” เขาหันไปพูดกับพ่อตัวเอง “คุณพ่อได้ยินแล้วใช่ไหมครับว่าผมเป็นเกย์ ผมมีลูกกับผู้หญิงไม่ได้”
“แต่ยังไงแกก็ต้องแต่ง ชั้นกับทางโน้นรับปากกันไว้มั่นเหมาะแล้ว”
“คุณพ่อ!”
“คุณพ่อคะ” นลพรรณพยายามช่วยน้องตัวเอง
“พอเลย ชั้นไม่สนใจว่าแกจะเป็นห่าเหวอะไรนั้นนั้น ยังไงแกก็ต้องแต่งงานกับคนที่ชั้นเลือกให้ ฮึ้ยย!!”
ผู้เป็นพ่อออกไปอย่างไม่สบอารมณ์เหลือแต่พี่สาวกับแม่เขาที่คอยตบไหล่ลูบหลังให้กำลังใจ

“ฮัลโหล แจ๊ค ว่าไง” ศิลารับโทรศัพท์จากพลกฤษณ์ในวันอังคารตอนบ่าย
“หยก แกเห็นในหนังสือแล้วใช่ไหมเรื่องของชั้นอ่ะ”
“อืม เป็นแล้ว” ศิลาตอบเรียบ ๆ ไม่ได้โกรธเพื่อน เพราะรู้เรื่องทุกอย่างดี
“เออ คือ เวลานักข่าวสัมภานส์ถ้าชั้นตอบอะไรเรื่องนี้แกอย่าตกใจนะ”
“แล้วแกจะตอบว่าอะไรวะ”
“เอาน่า คอยดูละกัน แต่รับรองว่า น้องพีจะไม่เสียหาย”
“เฮ้ย จริงเหรอวะ ยังไงวะไม่เข้าใจ”
“เอาน่า  คอยดูละกันอย่าเพิ่งถามอะไร อยู่เฉย ๆ สงบสติ อย่าทำให้อะไรมันยุ่งยากอีก”
“อืม...”
“เออ แล้วว่าแต่น้องพีเค้าทำงานที่ไหนวะ แกมีเบอร์เค้าหรือเปล่า”
“ไม่มีว่ะ เค้าเปลี่ยนเบอร์หนีชั้นตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่รู้ว่าเค้าทำงานที่ไหน”
“เหรอ งั้นบอกมาเลย” พลกฤษณ์รอฟัง เพราะเขามีจุดประสงค์จะไปขอโทษพีร์ด้วยตัวเขาเอง

  
พีร์เก็บของบนโต๊ะทำงานลงในลังกระดาษเพราะพรุ่งนี้เขาก็จะไม่มาทำงานที่นี่แล้ว ขณะเก็บของเพิ่มเติมอยู่นั้น สาวออฟฟิศปากมากคนหนึ่งก็เข้ามาหาพีร์แบบจิกกัด
“ว่าไงคะเด็กแจ็คตัวพ่อ” พีร์ตกใจ ที่จู่ ๆ ก็มีคนเข้ามาหาเรื่องในวันสุดท้ายของการทำงาน เขาพยายามไม่สนใจเพราะไม่ใช่เรื่องจริง
“แหม แล้วนี่สามีมารับหรือเปล่าคะคุณน้อง” กระเทยออฟฟิศพรรคพวกสาวปากมากเข้ามาสมทบด้วยเสียงพลังแปดหลอด เพราะกะจะประจานเด็กหนุ่มให้อายไปเลย
“เอ่อ ผม..”
“แหม ไม่ต้องผมเผิมหรอกค่ะ พูดหนูเลยดีกว่า เจ้ก็เพิ่งรู้นะคะว่าหนูเนี่ยก็เป็นเหมือนเจ็ แต่ก็นะคะแอ๊บแมนมาตลอด มาโป๊ะแตกเอาตอนนี้ เริ่ดมากค่ะ ที่หาผัวได้หล่อเร้าขนาดนี้”
พีร์ที่เริ่มหน้าแดงด้วยความโกรธและอาย พยายามระงับอารมณ์อยู่ เขาไม่มองหน้าคนปากแร้งทึ้ง

“แหมแก น้องเค้าอุตส่าห์ลาออกไปเป็นแม่บ้านนะคะ ตอนแรกไอ้เราก็คิดว่าจะไปทำงานที่อื่น แต่ที่ไหนได้ ออกไปอยู่กับสามีนี่เอง สามีคุณน้องเนี่ยคงจะน้ำดี เอ๊ย! เลี้ยงดีนะคะ ถึงได้อ้วนท้วนซะขนาดนี้ ว่าแต่ที่ลาออกเนี่ยะสามีให้ออกเหรอคะ..”
“ครับ..ใช่แล้ว” เสียงหล่อ ๆ ดังเข้ามาจากทางประตู ปรากฎร่างสูงใหญ่ของพลกฤษณ์ในชุดสูทปลดกระดุมคอและช่วงอก  
พนักงานปากแร้งทึ้งทั้งสองถึงกับอึ้งเป็นถูกสาป พลกฤษณ์เข้ามาโอบไหล่ปกป้องพีร์ที่เริ่มน้ำตาตก
“ผมเป็นห่วงว่าที่รักของผมจะทำงานหนักไปหน่ะครับ ถึงงานที่เค้าอยากทำจะดีแค่ไหน แค่เจอเพื่อนร่วมงานแย่ ๆ มันเสียสุขภาพจิตนะครับ สู้อยู่เป็นแม่บ้านนั่งนับเงินให้ผมดีกว่า” เขาตอบยิ้ม ๆ แต่ส่งสายตาพิฆาตไปยังพวกปากดีและไทมุงคนอื่น
“ที่รักเก็บของเสร็จยัง ผมรอคุณนานแล้วนะ” เขาลูบหน้าพีร์ที่ยืนอึ้ง ๆ อย่างเป็นห่วง เขารวบรัด “เสร็จแล้วใช่ไหม งั้นไปกันเลยนะ ผมคิดถึงคุณจะแย่อยู่แล้ว” เขาทำหน้าอ้อน ๆ ให้คนรอบข้างหมั่นไส้เล่น ๆ แล้วยกลังกระดาษของพีร์ออกจากโต๊ะ
“ไปกันเถอะครับ” เขาโอบไหล่พีร์ลงไป ท่ามกลางสายตาเข็ดหลาบจากพนักงานทุกคน
“แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” สองขาเมาท์กรี๊ดออกมาอย่างเจ็บใจ

“มาทำไม” พีร์ถามขณะอยู่ในลิฟท์กันสองคน
“ผมมาขอโทษคุณ” เขาตอบจากใจ เพราะรู้สึกเป็นห่วงพีร์จริง ๆ
“ไม่เป็นไรหรอก คุณไม่จำเป็นต้องมายุ่งกับผมก็ได้”
“ได้ไง ตอนนี้คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณดังใหญ่แล้วนะ” พลกฤษณ์พูดต่อ “ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้นะ”
“ผมรู้...แต่คุณไม่ต้องมายุ่งกับผมอีกได้ไหม เพราะอีกสองวันผมก็จะไม่อยู่เมืองไทยแล้ว”
“เรื่องนั้นผมรู้ผมถึงได้มาขอโทษคุณไง”
   ลิฟท์ถึงชั้นล่างพอดี พลกฤษณ์กับพีร์จึงออกมาจากลิฟท์
“ส่งลังมาให้ผม” พีร์ร้องขอ “เมื่อกี๊ผมขอบคุณมากนะที่มาช่วยทัน”
“อืม ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปทานข้าวเป็นเพื่อนผมหน่อยได้ไหม นะครับ ถือซะว่าให้ผมไถ่โทษ” เขายังไม่ยอมส่งลังให้
“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้”
“น่า ให้ผมได้เลี้ยงข้าวคุณสักมื้อเถอนะ”
“ถ้าอยากจะไถ่โทษจริง ๆ ก็อย่ามายุ่งกับผมอีกเลย ผมขอร้อง” พีร์ตอบเหวี่ยง ๆ ท่ามกลางสายตาคนรอบข้างที่เริ่มมองคนทั้งคู่อย่างสนใจ
พลกฤษณ์ลอบยิ้ม เด็กหนุ่มคนนี้ท่าทางจะไม่ปลื้มเขามาก ๆ อย่างที่คิดไว้จริง ๆ
“เฮ้ออ ผมอยากพาคุณไปเลี้ยงข้าวจริง ๆ นะ”
“ผมไม่หิว” แต่ทันใดนั้นเสียงท้องก็พีร์ก็ร้องออกมา
“น่าไปเถอะ ท้องร้องขนาดนี้แล้วยังจะดื้ออีก” พลกฤษณ์ไม่พูดเปล่า แต่จูงมือพีร์ที่ยังไม่ทันตั้งตัวให้มาด้วยกันที่
BMW M3 Coupe สีดำของเขา พลกฤษณ์เปิดประตูรถดันให้พีร์ขึ้นไปนั่ง แล้วก็เข้ามาประจำที่ของตัวเอง
“นี่เป็นอะไร เจอผมทุกครั้งทำไมชอบทำหน้างอ” ชายหนุ่มแซวร่างอวบที่ทำหน้าบึ้งตึง
“อยากกินอะไรล่ะหึ” เขาถามพีร์ที่ไม่พูดไม่จา
“งั้น กินสเต็กละกัน”
“ไม่เอานะ!” พีร์ค้านออกมา “ผมกินมังสวิรัติ ไม่อยากกินอะไรเนื้อ ๆ ถ้าคุณกินผมไม่กินนะ”
“เหรอ” เขามองร่างอวบยิ้ม ๆ
“ยิ้มอะไร ถึงผมจะรูปร่างอย่างนี้ผมก็ดูแลตัวเองละกัน”
“อืม ๆๆ ก็ไม่ได้ว่าอะไร..” เขายิ้มส่ายหัวกับแฟนเด็กของเพื่อน
“งั้นผมพาไปกินร้านนี้ก็ละกัน” เขาตัดสินใจขับรถไปร้านอาหารมังสวิรัติย่านสุขุมวิท


   ตลอดมื้ออาหาร พลกฤษณ์มองเห็นพีร์ดูมีความสุขกับการกินมาก ถึงแม้เขาจะไม่ได้ชอบกินอาหารพวกนี้เท่าไหร่แต่การมองเห็นคนตรงหน้ากินอย่างเอร็ดอร่อยก็ทำให้เขามีความสุขไปด้วย
   เดี๋ยวร่างอวบตรงหน้าก็จะไม่อยู่เมืองไทยแล้ว เขาก็หวังว่าพีร์คงจะโชคดีกับชีวิตที่ต่างแดนกับศิริพจน์

  วันแรกของการทำงานที่สิงคโปร์ของศิริพจน์ เป็นไปได้ด้วยดี เขารู้สึกว่างานที่นี่ท้าทายและหลากหลายกว่าที่เมืองไทยมาก แต่เขาก็ไม่รู้สึกกดดันอะไร นอกเสียจากความรู้สึกสนุกกับงานใหม่ของเขาจากการที่ปรับตัวได้รวดเร็ว
   “Hi I’m Katherine Koh.” หญิงสาวชาวสิงคโปร์ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่เขาจำได้ว่าได้รับคัดเลือกพร้อมเขา เข้ามาทักทายขณะพักกลางวัน
“I’m ศิริพจน์,nice too meet you.” เขาตอบกลับตามมารยาท
“อ่าว เป็นคนไทยเหรอคะ” หญิงสาวตอบกลับด้วยภาษาไทยชัดเจนจนทำให้ศิริพจน์ตกใจ
“ครับ” เขาตอบรับ “ทำไมพูดภาษาไทยได้ล่ะครับ”
“อ่อ ชั้นเพิ่งจบปริญญาตรีจากเมืองไทยหน่ะค่ะ” เธอยิ้ม ๆ ศิริพจน์ถามจนได้ความว่าเธอจบจากมหาวิทยาลัยเดียวกับพีร์ในคณะเศรษฐศาสตร์ภาคภาษาอังกฤษ และเพิ่งทำงานที่นี่เป็นที่แรก แต่คนทั้งสองก็คุยเรื่องส่วนตัวกันได้แค่นั้น เพราะหลังจากที่ศิริพจน์เปิดประเด็นเรื่องเศรษฐกิจและการลงทุน จึงทำให้บทสนทนาของทั้งสองคนนี้เป็นไปในเรื่องงานล้วน ๆ ศิริพจน์มองแคทเธอรีนอย่างทึ้ง ๆ แคทเธอรีนเองก็ชอบใจในความคิดของเพื่อนร่วมงานคนนี้ในบางมุมเช่นกัน

“แคทครับ คุณกลับบ้านยังไงเหรอ”
“ออ ชั้นขับรถมาหน่ะค่ะ คุณล่ะคะพจ”
“อ่อ ผมนั่งรถไฟใต้ดินครับ แต่วันนี้ผมต้องไปธุระกับครอบครัว” เขาพูดหน่าย ๆ เมื่อนึกถึงว่าพ่อแม่จะนัดเขาไปดูตัววันนี้
“อ่อ ค่ะ ชั้นก็ต้องรีบกลับบ้านเหมือนกัน เพราะที่บ้านก็มีแขก”
“ครับ เจอกันนะครับ บาย”
“ค่ะ บายค่ะ” เธอรับคำก่อนจะหันหลังเดินไปที่จอดรถ สักพัก mini classic สีฟ้าสดใสของแคทเธอรีนก็ขับฝ่านหน้าศิริพจน์ไป พร้อมกับโบกมือให้ชายหนุ่มอย่างเป็นมิตร

เขานั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปทางตอนเหนือของตัวเมือง เพื่อไปยังบ้านของมิสเตอร์โรเบริ์ต ตามที่พ่อแม่กำชับไว้ว่าห้ามเบี้ยว เขาเดินไปตามทางที่พ่อแม่บอกไว้ และก็เจอบ้านสไตล์ชิโนโปรตุกีสหลังใหญ่ที่ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ หน้าบ้านบอกว่าเป็นของมิสเตอร์โรเบริ์ต เขาจึงบอกยามและเดินตามคนรับใช้เข้าไปในบ้าน
“อ่า พจมาพอดีเลย” เจ้าสัววิชาดีใจที่เห็นคนรับใช้พาลูกชายของเขามาที่ห้องรับแขกของบ้าน “มานี่เลย มา นี่ครับ ศิริพจน์ลูกชายผม” พ่อของศิริพจน์แนะนำให้กับเจ้าของบ้านที่นั่งอยู่
“เจ้าพจ นี่คุณโรเบริ์ต คุณลิซ่า และนี่ หนูแคทเธอรีน”
 ศิริพจน์ยกมือไหว้ตามประสาคนไทย แต่ทั้งสามก็รับไหว้เขาเช่นกัน เขามองไปก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าแคทเธอรีนเพื่อนร่วมงานของเขาคือคนที่พ่อแม่จะให้คลุมถุงชนด้วย
“พจ...” หญิงสาวตกใจไม่แพ้กัน
“แคท...”
“อ่าวรู้จักกันแล้วเหรอลูก” เจ้าสัวโรเบริ์ตหันไปถามลูกสาว
“ค่ะ คุณพจกับลูกทำงานที่เดียวกัน”
“ฮ่ะ ๆๆๆ บังเอิญจริง ๆ” พ่อของเธอหัวเราะ “ดีเลยลูก สมกับเป็นคู่กันจริง ๆ ใช่ไหมคุณวิชา”
“ใช่ ๆ ซินแสนี่แม่นจริง ๆ บอกว่าสองคนนี้ดวงสมพงศ์กัน แต่งงานกันยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี” เจ้าสัววิชานึกได้ “นี่ต้องขอบใจเจ้าหยกที่พูดถึงคุณขึ้นมานะ ไม่งั้นผมละกลุ้มตายเลยว่าจะหาใครให้ลูกดี”
ศิริพจน์มองหน้าพ่ออย่างตกตะลึง เมื่อรู้ว่าการคลุมถุงชนครั้งนี้เป็นฝีมือของศิลา
“เถ้าแก่คะ ซินแสหวางส่งนี่มาให้แล้วค่ะ”
เขารับไว้จากแม่บ้าน “รวดเร็วทันใจจริง ๆ”
“อะไรหน่ะคะคุณลุง” นลพรรณถาม
“อ่าวก็ฤกษ์งานหมั้นของยัยแคทกับตาพจไงล่ะหนู อ่าไหนขอดูหน่อย...ไอ่ยา....ไว้จริง ๆ” เจ้าสัวยิ้มถูกใจ
 “ทำไมล่ะคุณโรเบริ์ต” ผู้เป็นพ่อของศิริพจน์ถาม
“ซินแสบอกว่าให้จัดงานหมั้นได้เลยภายในเดือนนี้”
ผู้เป็นพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายดีใจ แต่คนเป็นลูกทั้งสองมีสีหน้าบอกบุญไม่รับ โดยเฉพาะศิริพจน์ที่หน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด เขาเหมือนถูกสายฟ้าผ่าลงมาที่ตัวและหัวใจ เพราะต้องพรากจากคนรักโดยที่ไม่ทันได้ทั้งตัวรับมือแก้ไขอะไรเลย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: wowhaha ที่ 22-05-2010 16:37:20
แล้วจะเป็นงัยต่อเนี่ย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 22-05-2010 20:24:17
มันอีกแค่สองวันเองนะที่พีร์จะมาอยู่ด้วยอ่ะ
แล้วถ้ามาแล้วต้องมาเจอว่าพจน์หมั้นกับแคท น้องพีรืคงแย่ไปเลยทีเดียว...เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 22-05-2010 20:33:35
ชีวิตนี้ของนังหนูพีร์ จะวุ่นวายรันทดได้มากกว่านี้อีกไปไหมค่ะ

ตั้งแต่เป็นเมียน้อย ยังจะได้เป็นเมียเก็บอีกแล้ว อีป้าแก่ๆ มึนค่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 22-05-2010 21:02:47
โธ่พีร์

อะไรที่มันกำลังดีขึ้น

ก็ต้องมีอะไรมาขัดตลอดเลยยยย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 22-05-2010 21:46:55
เหอๆ พีร์ยังไม่ทันจะตามมาเลย เกิดเรื่องยุ่งๆซะแล้ว
พี่แจ๊คก็ยังไงๆอยู่นะเนี่ย...แอร๊ยย วุ่นวือได้อีกค่ะ :serius2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 22-05-2010 22:11:15
สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทีรักทุกคน ขอบคุณมากนะคะสำหรับทุกกำลังใจ ที่ส่งมอบให้ไม่ว่าจะเป็น และการติดตาม,คะแนนโหวตหรือดอกไม้ช่อโตแบบนี้  :L2: :L2:

เนื่องจากพรุ่งนี้จะไม่ได้อยู่บ้านหนึ่งวันค่ะ เลยเอามาลงให้ จะได้ไม่ขาดตอน ขอบคุณทุกคนมากนะคะ :pig4:

ปล.คือเปลี่ยนหัวชื่อเรื่องไม่เป็นอ่ะค่ะ o22 มันทำยังไงเหรอคะ รบกวนช่วยสอนด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ  :pig4:

ภาคต่อ ตอนที่ 22


เมื่อผู้ใหญ่เปิดโอกาสให้หนุ่มสาวคุยกันตามลำพังสองคน ศิริพจน์กับแคทเธอรีนก็มองหน้ากันแบบทำอะไรไม่ถูก ศิริพจน์จึงถามไปว่า
“แคทครับ คุณรู้สึกยังไงมั่ง”
“งงค่ะ จู่ ๆ คนที่พ่อกับแม่บอกว่าจะมาดูตัวจากเมืองไทยก็เป็นครอบครัวคุณ” หญิงสาวตอบแบบตั้งตัวไม่ถูกเช่นกัน
“แล้วคุณเห็นด้วยกับพ่อแม่เหรอ”
“ไม่หรอกค่ะ” หญิงสาวถอนหายใจ “แต่จะให้ชั้นทำไงได้”
“แล้วคุณมีแฟนหรือเปล่าครับ”
แคทเธอรีนส่ายหน้าใหญ่ “ไม่หรอกค่ะ ใครจะมาชอบผู้หญิงบ้าหุ้นอย่างชั้นล่ะคะ”
“อืม..” เขาพอเข้าใจ และอีกอย่างแคทเธอรีนนั้นมีบุคลิกแบบเด็กน้อยมากกว่าหญิงสาววัยสะพรั่ง
“แล้วคุณล่ะคะ มีแฟนอยู่หรือเปล่า”
“มีครับ” ศิริพจน์ตอบโดยไม่ลังเล แคทเธอรีนมองหน้าชายหนุ่มแบบรับรู้ และไม่แปลกใจเพราะว่าศิริพจน์ก็จัดว่าเป็นผู้ชายที่รูปร่างหน้าตาดีมากคนนึง
“แคทครับ คุณฟังผมนะ ผม – เป็น- เกย์” เขาพูดช้า ๆ ชัด ๆ ให้อีกฝ่ายรับรู้ง่าย ๆ
“คะ?” หญิงสาวตกใจเล็กน้อย
“ผมมีแฟนเป็นผู้ชายครับ” ศิริพจน์พูดอย่างเต็มปาก พร้อมหยิบโทรศัพท์ให้ดูรูปที่เขาถ่ายกับพีร์ มีรูปส่วนหนึ่งที่ต่างคนต่างหอมแก้มกัน รูปพวกนั้นหล่ะคือรูปที่ศิริพจน์ตั้งใจอยากให้หญิงสาวดู
“น่ารักดีหนิคะ” เธอยิ้มรับ ไม่ได้แสดงอาการรังเกียจหรือตกใจอะไร
“ครับ ผมบอกคุณพ่อแล้ว แต่คุณพ่อผมไม่ยอมลูกเดียว ยังไงก็จะให้ผมแต่งงานให้ได้”
“ค่ะ”
“เดี๋ยววันศุกร์นี้เค้าก็จะย้ายมาอยู่กับผมที่นี่แล้ว”
“อ่อ ค่ะ”
“แคท แล้วอย่างนี้คุณยังจะอยากแต่งงานกับผมอีกไหม”
“ชั้นว่า คุณต้องคุยกับผู้ใหญ่ให้รู้เรื่องดีกว่านะคะ”
“หะ” เขาสงสัย  “คุณไม่เห็นเหรอว่าพ่อแม่พวกเรายอมซะที่ไหน”
หญิงสาวกล่าวหน้าเศร้า ๆ พร้อมพยักหน้าเออออ “อืม นั่นสิคะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหมายความว่าเราจะต้องแต่งงานกันใช่ไหม”
   สองหนุ่มสาวมองหน้ากันอย่างทุกข์ใจในชะตากรรมของตน แต่แคทเธอรีนก็เปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุคและเข้าเว็บการลงทุนแก้เซ็ง ศิริพจน์เห็นอย่างนั้น จึงเข้าไปคุยกันหญิงสาวเรื่องนี้อย่างมีความสุขตามประสาคอเดียวกัน สองหนุ่มสาวพอได้กลับมาสู่จุดนี้ ก็เหมือนเรื่องเคร่งเครียดเมื่อครู่นั้นหายไปทันตา

“แจ๊ค ชั้นมีเรื่องสำคัญจะบอก” ศิลาทำท่าอ้ำอึ้งบอกกับเพื่อนขณะที่ไปไดร์ฟกอล์ฟด้วยกันในเย็นวันพฤหัสบดี
“อะไรวะ” พลกฤษณ์ถามขณะที่ทำลังตั้งท่าหวดลูก
“ไอ้พจกำลังจะหมั้นกับยัยแคท”  ศิลาพูดก่อนจะหวดลูกกอล์ฟให้ไกลออกไป
“หะ..แกว่าไงนะ” พลกฤษณ์ถึงกับวางไม้กอล์ฟเมื่อได้ยินอย่างนั้น “เจ้าพจ..จะแต่งงาน”
“อืม ใช่”
“เป็นไปได้ไงวะ แล้วน้องพีล่ะ...”
“น้องพีก็จะไม่ได้ไปอยู่มันหน่ะสิ” เขาพูดเรียบ ๆ แต่รู้สึกสะใจลึก ๆ
“เดี๋ยว ไอ้หยก มันเกิดอะไรขึ้นวะ อยู่ดี ๆ เจ้าพจมันจะไปแต่งงานได้ไง”
“คุณพ่อมาปรึกษาชั้นเรื่องคลุมถุงชนนี้เองหล่ะ” เขาพูดนิ่ง ๆ ต่อ “เมื่อก่อนชั้นก็เกลียดนะ ไอ้การคลุมถุงชนเนี่ย และก็ยิ่งเกลียดมันมากขึ้นตั้งแต่ชั้นรู้จักน้องพี”
“ชั้นรู้สึกว่าตัวเองมันโชคร้ายที่มีทุกอย่าง ยกเว้นโอกาสที่จะเลือกอะไรให้ตัวเอง” ศิลาถอนหายใจ “หึหึ แต่ก็ต้องขอบคุณไอ้การคลุมถุงชนนี่เหมือนกัน ที่ใช้จัดการไอ้พจให้ไกลจากชีวิตของชั้นกับน้องพีได้ซะที”
“ไอ้หยก!” พลกฤษณ์ตกใจ ไม่คิดว่าเพื่อนจะทำแบบนี้ รู้สึกโกรธแค้นแทนคนทั้งคู่“แล้วแกรู้หรือเปล่าว่าแกทำอะไรลงไป แกกำลังทำลายชีวิตของคนสองคนเลยนะเว้ย!”
“ทำไมล่ะ ในเมื่อลึก ๆ แล้วน้องพีก็ยังต้องการชั้น ชั้นก็รักน้องพี”
“งั้นแกก็หย่ากับแพรวแล้วมาขอน้องพีแต่งงานเลยสิ!!” เขาคำราม คว้าคอเสื้อของเพื่อนอย่างโกรธเกรี้ยว
“ทำไมวะ แกเป็นอะไรของแกหะ” เขาตกใจ พยายามแกะคอเสื้อออกจากมือเพื่อน
“แกมันเห็นแก่ตัวไอ้หยก แกไม่คิดเหรอว่าแกกำลังจะทำลายชีวิตคนอื่นเพราะความเห็นแก่ตัวของแก”
“ไอ้แจ๊ค!”
“ทำไมแกไม่หยุดทำร้ายจิตใจน้องพีซะทีหะ สิ่งที่แกทำลงไปทั้งหมด แกคิดเหรอว่าน้องพีจะกลับมารักแกเหมือนเดิม แกรู้ตัวไหมว่าตั้งแต่แกไปทำร้ายน้องเค้าคราวนั้น มันก็แทบหมดโอกาสของแกแล้ว”
“แกจะไปรู้อะไรหะไอ้แจ๊ค ถ้าน้องพีเกลียดชั้นจริง ทำไมน้องพีถึงยอมนอนกับชั้นตอนที่ไอ้พจไม่อยู่” ค่อยพูดใส่หน้าเพื่อนที่กำลังเดือดอยู่
“แล้วทำไมแกไม่ปล่อยให้เค้าไปหาคนที่พร้อมกว่าแกล่ะหะ”
“ไอ้พจหน่ะเหรอพร้อม” เขาหัวเราะเยาะ “ไอ้เด็กเมื่อวานซืน แกคิดว่ามันจะต่างอะไรกับพวกชั้นเหรอ สักวันมันก็ต้องเป็นแบบชั้น ที่ต้องเก็บน้องพีไว้ข้างหลังทั้งที่เค้าเป็นคนที่ชั้นรัก”
พลกฤษณ์เย็นลง ถอนหายใจอย่างสงบสติตัวเอง เขารู้สึกเดือดดาลแทนพีร์กับศิริพจน์มากไป
“แล้วแกจะทำไงต่อหะ ไอ้พจมันจะแต่งงาน แล้วน้องพีล่ะ เค้าจะไปสิงค์โปร์พรุ่งนี้แล้วนะ แกจะบอกเรื่องไอ้พจกับเค้าไหม”
“ยังไงชั้นก็ต้องบอกน้องพีให้ได้” เขาหมายมาด พลกฤษณ์มองศิลาแต่รู้สึกเป็นห่วงจิตใจของพีร์เสียเหลือเกิน

พีร์ที่กำลังเดินกลับมาที่พักหลังจากออกไปหามื้อเย็นรับประทาน เขาจึงมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ ๆ ก่อนจะขึ้นห้อง แต่ จู่ ๆ ก็มีโทรศัพท์โทรมาหาเขา เขาดูหน้าจอก็พบว่าเป็นแม่เขาเองที่โทรมา
“ฮัลโหล ม้า”
“ฮัลโหลพี ม้ามีอะไรจะคุยด้วย” คนเป็นแม่เสียงน้ำเสียงเคร่งเครียดกรุ่นคิดมาตามสาย
“ครับ ม้ามีอะไร”
“พี ลูกมีแฟนเป็นผู้ชายใช่ไหม” เธอถามเสียงสั่น ๆ เหมือนจะทำใจไม่ได้เมื่อพูดถึงตรงนี้ ข้างกายมีคนเป็นพ่อนั่งคร่ำเครียดอยู่เช่นกัน
“ม้า...” ปลายสายแทบทรุดเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาเริ่มร้องไห้ออกมาเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของแม่
“เด็กในร้านเอาหนังสือที่มีรูปลูกกับผู้ชายคนนั้นมาให้ม้าดู ตอบม้ามาก่อนสิว่านั่นใช่แฟนลูกไหม”
“ม้าครับ คือ...”
“พี มีอะไรก็บอกม้ามาตรง ๆ ลูกเป็นเกย์ใช่ไหม….”
พีร์ร้องไห้สะอึกสะอื้น ความเป็นเกย์นี้คือสิ่งที่เขาพยายามปกปิดกับที่บ้านมานานตั้งแต่เล็กจนโต เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เขาสองจิตสองใจที่จะบอกที่ให้ครอบครัวรับรู้  แต่เด็กหนุ่มก็เลือกที่จะปิดบังมาโดยตลอด การปิดบังนี้เหมือนใจของเขามีหินก้อนใหญ่กดทับอยู่เวลาอยู่กับครอบครัว แต่ว่าวันนี้สิ่งที่เขากลัวมานานก็เกิดขึ้นแล้ว พ่อแม่ของเขารับรู้จนได้ว่าเขาเป็นเกย์ พีร์ถือโทรศัพท์ค้างเติ่ง ปลายสายที่เป็นบุพการีคงจะได้ยินเพียงแต่เสียงร่ำไห้ของคนเป็นลูกเท่านั้น
“ฮัลโหล พี ๆๆๆๆๆ พีได้ยินม้าไหมลูก”
“ฮือ ๆๆๆ”
“ป๊า ๆๆๆ ลูกเป็นอะไรไปอ่ะ” เธอส่งโทรศัพท์ให้สามีที่ตื่นตระหนกไม่แพ้กัน
“ฮัลโหล พี  นี่ป๊าเองนะลูก” ชายวัยกลางคนเริ่มสะอื้น เขาเองก็ไม่อยากเห็นลูกเจ็บปวดเหมือนกัน
“พี ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไร ป๊ากับม้าก็ยังรักลูกนะ บอกป๊ามาสิลูกว่าแกเป็นเกย์หรือเปล่า”
“ฮือ ๆๆๆๆๆ”
“พี ไม่เอาลูก อย่าร้องไห้” คนเป็นแม่แย่งไปพูด
“ม้า พีชอบผู้ชาย ฮือ ๆๆๆๆ” พีร์พูดได้เพียงแค่นั้น ก็ปล่อยโฮออกมาอีกระลอกใหญ่ ส่วนคนเป็นพ่อแม่ประจักษ์แก่ตัวเองแล้วว่า ลูกชายคนเดียวนั้นเบี่ยงเบนอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด
ใช่ว่าคนเป็นพ่อแม่จะไม่รู้ เพราะตั้งแต่เล็กจนโต พีร์ก็ไม่ค่อยเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไปเสียเท่าไหร่ ทั้งอุปนิสัยใจคอ รสนิยม คนทั้งสองรู้จักลูกตัวเองดีพอ แต่ก็อดตกใจและเสียใจไม่ได้ที่ลูกชายคนเดียวของบ้านจะไม่มีสิทธิมีหลานให้อุ้มอีกต่อไป
“พี ฟังม้านะลูก อย่างที่ป๊าบอก ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไร ลูกก็ยังเป็นลูกของม้ากับป๊าเสมอ นะลูกนะ”
“ม้า..”
“ป๊ากับม้ารักลูกนะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว เอาล่ะ ไปพักผ่อนซะ แล้วค่อยคุยกันใหม่นะลูก จำไว้นะ ม้ากับป๊ารักลูกเสมอ”
“ครับ มาม้า ฮือ ๆๆๆ”
“นะ แค่นี้นะลูก ม้ารักพีนะ”
“ครับ” เขารอจนคนเป็นแม่วางสาย และก็ปล่อยโฮออกมา อย่างสุดจะกลั้น

“น้องพี!” ศิลาที่เดินตามหาพีร์ในสวนสาธารณะนี้หันมาเจอพีร์ที่กำลังร้องไห้อยู่
“ฮือ ๆๆๆ” ศิลาเห็นอย่างนั้นเลยเข้าไปกอดปลอบคนรักไว้ในอกอย่างเป็นกังวล เขาไม่รู้ว่าพีร์ร้องไห้ด้วยเรื่องอะไรอีก
“น้องพี เป็นอะไร ใครทำอะไรน้องพีหึ”
“พี่หยก พ่อกับแม่พีรู้แล้วว่าพีเป็นเกย์ ฮือ ๆๆๆๆ” หนุ่มน้อยตัวสั่นในอ้อมอกของศิลาที่กำลังจะมาบอกข่าวเรื่องศิริพจน์  เห็นอย่างนี้แล้วเขาก็ไม่อยากบอกข่าวร้ายเพื่อตอกย้ำจิตใจของหนุ่มน้อยเลย
“ทำไมล่ะครับ หืมม์”
“พี่ไม่อยากให้ป๊ากับม้ารู้ว่าพีเป็นเกย์ ฮือ ๆๆ พีกลัวเค้าเสียใจ”
“แล้วเค้าว่าอะไรน้องพีมาหรือเปล่า” ชายหนุ่มลูบหัวเบา ๆ
“เปล่าครับ”
“น้องพี พี่จะบอกอะไรให้ฟังนะครับ น้องพียังโชคดีกว่าพี่มากเลยรู้ไหม ถ้าเป็นพ่อแม่พี่ เค้าคงฆ่าพี่ตายคามือแน่ ๆ”
“พี่หยก”
“น้องพี่ครับ พ่อแม่น้องพีเค้าคงเข้าใจน้องพีมาก ๆ หน่ะ ไม่เอานะครับ ไม่มีใครว่าอะไรน้องพีแล้วนะ” เขากอดร่างอวบปลอบใจ นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ทำหน้าที่นี้กับร่างอวบเลย
เมื่อพีร์นั้นสงบลง เขาก็รู้สึกตัวได้ถึงผละออกจากศิลา ศิลานั้นเสียดายเล็กน้อย แต่ก็ไม่ลืมบอกเรื่องสำคัญของเขาในวันนี้
“น้องพี อย่าไปสิงคโปร์ได้ไหม” เขาพูดด้วยเสียงขอร้อง
“ทำไมล่ะครับ”
“พจ กำลังจะหมั้นกับผู้หญิงที่ทางบ้านหามาให้ที่สิงคโปร์” คำพูดนั้นทำเอาพีร์ช็อกแทบลมจับ
“หะ...อะ..อะไรนะครับ”
“พจเค้ากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงสิงคโปร์”
เท่านั้นหล่ะ ถึงกับทำให้พีร์เองล้มทั้งยืน ร่างอวบทรุดตัวลงร้องไห้อย่างอ่อนแรง เขาคิดว่า จุดจบของเรื่องของเขากับศิริพจน์ก็ต้องเป็นไปในรูปแบบนี้เข้าสักวัน แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะมาถึงโดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้
“ทำไม..ทำไมพจไม่บอกพีก่อนล่ะ” เขาที่ทรุดลงร้องไห้ ถามขึ้นมาเบา ๆ
“พจเค้าคงไม่รู้เหมือนกันหรอกว่าจะต้องเจออะไรที่นู่น”
“พี่หยกมาบอกพีแค่นี้ใช่ไหมครับ”
“น้องพี...”
“กลับไปเถอะครับ พีขอร้อง” เขาอยากอยู่คนเดียวจริง ๆ เพราะปัญหาทั้งหลายรุมเร้าเขาในเวลาเดียวกัน เขาเลยอยากใช้เวลาอยู่คนเดียวบ้าง
“น้องพี..”
“นะครับ ขอพีอยู่คนเดียวก่อนนะครับ” หนุ่มน้อยขอร้องคนรัก ศิลาเห็นอย่างนั้นจึงปลีกตัวออกไป ปล่อยให้หนุ่มน้อยอยู่คนเดียวตามที่ขอ แต่พีร์ค่อย ๆ เดินไปที่หน้าที่พักของเขา
เมื่อศิลาไม่อยู่ พีร์ก็กดโทรศัพท์ข้ามประเทศหาศิริพจน์ทันที
“ฮัลโหลพี...” ศิริพจน์รับสายเสียงเศร้า ๆ
“พจ..พจกำลังจะแต่งงานใช่ไหม”
“พี...”
“ใช่ไหมพจ”
“คับ ใช่ ที่พ่อกับแม่ผมมาด้วยเพราะว่าจะพาผมมาดูตัว แล้วเค้าก็กำหนดวันหมั้นไว้แล้วด้วย”
“พจ....ฮือๆๆๆๆ”
“ผมไม่รู้ว่าพ่อกับแม่นัดหมายอะไรไว้ ผมขอโทษที่พาคุณไปเสี่ยงกับความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ของผม”
“พจ พจไม่ต้องขอโทษพีร์หรอก” เขาร้องไห้อย่างจนใจเช่นกัน เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของชายหนุ่มเลย
“พีเข้าใจว่าเรื่องของเรามันต้องจบลงแบบนี้เข้าสักวัน ใครจะยอมเสียลูกชายอนาคตไกลอย่างพจให้คนเป็นเกย์อย่างพีล่ะ”
“พี ....”
“แล้วใครจะดูแลคุณล่ะ คุณจะรับมือกับเรื่องพี่หยกไหวเหรอ ถ้าเค้ามาทำอะไรคุณอีกล่ะ” ชายหนุ่มหมายถึงการที่ศิลากลับมาอยู่กับพีร์ก็เท่ากับว่า พีร์ก็ต้องถูกขังไว้ในเงาเหมือนเดิมหน่ะหรือ
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะพจ ต่อไปนี้จะไม่มีใครทำอะไรพีร์ได้ทั้งนั้น” เขาทำเสียงเข้มแข็ง
“พี...”
“ที่ผ่านมา พีร์ทำให้พจลำบากมาเยอะแล้ว ถ้าชีวิตของพีร์มันเป็นของพี่หยกจริง ๆ พี่ก็คงเลี่ยงไม่ได้หล่ะ”
“พี.....” เขาได้ยินอย่างนั้นก็รู้ทันทีว่า พีร์ก็คงก้มหน้ายอมรับชะตากรรมของคนในเงาบางส่วนไว้แล้ว
“ผมจะคุยกับคุณพ่อ ผมไม่อยากแต่งงาน”
“ไม่ได้นะพจ อย่าให้ผมทำให้คุณเดือดร้อนอีกเลยนะ” เขาร้องขอ “ถือซะว่าที่คุณแต่งงานออกไป คุณทำเพื่อผมแล้วกัน นะครับ”
“....”
“รับปากนะครับพจ อย่าเสียใจที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างที่หวังเอาไว้ ผมยังรักคุณ เราจะยังรักกันได้ไม่ใช่เหรอ”
“ครับ” น้ำตาลูกผู้ชายของศิริพจน์ไหลออกมาช้า ๆ เรื่องของเขากับพีร์มาด้วยกันสุดทางแล้วจริง ๆ
“ขอให้คุณมีความสุขนะครับ” พีร์อวยพรศิริพจน์ทั้งน้ำตา เขาพยายามเก็บเสียงร้องไห้ แต่ก็เหมือนทุกอย่างบุบเบลอ พีร์หมดสติลงทันทีจากการร้องไห้อย่างหนักหน่วง
“ติ๊ด ๆๆๆๆ” ปลายสายส่งเสียงสัญญาณขาด
“พี ๆๆๆ!!!” เขาเป็นห่วงคนรัก ที่ตัดสายไป
   “น้องพี”  พลกฤษณ์ที่ตามมาดูเพราะเป็นห่วงพีร์เห็นเหตุการณ์ จึงเข้ามาประคองทันที เขาเห็นพีร์หมดสติลงไป ศิลาที่แอบดูอยู่อีกมุมหนึ่งก็ออกมาดู พวกขาจึงตัดสินใจพาพีร์ส่งโรงพยาบาลทันที

“คุณหมอครับ เอ่อ คนไข้เป็นไงมั่งครับ” ศิลาถามนายแพทย์ที่มาตรวจอย่างเป็นห่วง พลางมองดูพีร์หลับหมดสติให้น้ำเกลืออยู่บนเตียงนอน
“คนไข้หมดสติเพราะช๊อกหน่ะครับ ให้น้ำเกลือวันสองวันก็คงดีขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่กับกำลังใจของคนไข้ด้วยหน่ะครับ”
“ครับ ขอบคุณมากครับ” ศิลากับพลกฤษณ์ยกมือไหว้นายแพทย์ที่ขอตัวออกไป พวกเขาคิดว่าเขาตัดสินใจกันถูกแล้วที่พาพีร์ส่งโรงพยาบาล เพราะตอนแรกระหว่างทางมาโรงพยาบาลศิลาจะขอไปดูแลพีร์เอง แต่พลกฤษณ์คัดค้านเพราะอาการของพีร์นั้นสมควรเข้าโรงพยาบาลได้แล้ว
“โถ น้องพี...” ศิลาลูบหน้าผากคนรักเบา ๆ อย่างเป็นห่วงเป็นและสงสาร
“นี่ไงล่ะ พอใจหรือยังไอ้หยก..” พลกฤษณ์เดือดขึ้นมาอีก
“แจ๊ค...”
“ทำไมแกไม่เคยคิดบ้าง ว่าน้องเค้าจะรับได้ไหม แกเป็นคนรักภาษาอะไรวะ รู้ก็รู้ว่าน้องเขาบอบบางแค่ไหน แกยังจะทำอย่างนี้อีก”
“ถึงชั้นไม่บอกสักวันน้องพีก็รู้ว่าไอ้พจต้องแต่งงาน”
“แล้วไง ถ้าไม่มีแกสักคนไอ้พจมันก็คงไม่ต้องแต่งงานกับญาติแกหรอก”
“ทำไมหะ ทำไมแกเดือดร้อนแทนสองคนนี้นัก ไอ้แจ๊ค”
“ก็ชั้นทนไม่ได้ที่เห็นเพื่อนตัวเองไปทำร้ายคนอื่นหน่ะสิ!!” เขาพูดใส่หน้าเพื่อนตัวเอง “โดยเฉพาะน้องพี..”
“ไอ้แจ๊ค”
“ชั้นไม่เคยทำอะไรเลว ๆ แบบนี้ใส่คนอื่น ใช่! ชั้นมันเก้งตัวพ่อ! ชั้นมันคนเจ้าชู้ แต่ชั้นก็ไม่เคยไปทำให้ใครเสียใจขนาดนี้” เขาชี้ไปที่ร่างที่หลับสนิท
“แกทนเห็นน้องพีเค้าเสียใจได้ไงวะหะ!” พลกฤษณ์สะเทือนใจแทนเด็กหนุ่ม
ศิลาเห็นท่าว่าคุยกับเพื่อนต่อไม่ได้แล้ว เลยต้องออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ พลกฤษณ์ร้องไห้ออกมาอย่างสงสารในตัวพีร์ สักพักก็มีโทรศัพท์ดัง เขามองดูก็พบว่าเป็นของพีร์ที่แม่ของพีร์โทรมาอีกครั้ง

“สวัสดีครับ” เขารับสาย แม่ของพีร์ตกใจเมื่อได้ยินเสียงหล่อ ๆ นั้นก็รู้ว่าไม่ใช่ลูกตัวเองแน่นอน
“เอ่อ ฮาโหล ขอสายพีหน่อยค่ะ” เธอเกร็ง ๆ เพราะเดาว่าผู้ชายที่รับสายนี้คงจะเป็นผู้ชายที่เป็นข่าวกับลูกของเธอ
“พี เอ่อ พีหลับไปแล้วครับ” เขาตอบเลี่ยง ๆ ไม่ให้คนที่บ้านหนุ่มน้อยเป็นห่วง
“อ่าวเหรอคะ เพิ่งจะสองทุ่มเอง” เธอเป็นห่วง
“เมื่อกี๊พีร้องไห้จนหลับไปหน่ะครับ คุณน้ามีอะไรหรือเปล่าครับ”
“อ่อ ค่ะ ว่าแต่คุณเป็นผู้ชายที่เอ่อ....ที่เป็นข่าวกับลูกน้าหรือเปล่าคะ” เธอตามตรง ๆ ตามนิสัยคนใต้
“ครับ ใช่ครับ” พลกฤษณ์ยอมรับ
คนเป็นแม่ตกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าสัญชาติญาณจะถูกต้องตรงประเด็น “เอ่อ แล้วนี่คุณกับพีอยู่ไหนกันคะ”
“อยู่ที่ห้องพีครับ ผมมาดูเค้า” ชายหนุ่มจำต้องโกหกไป
คนเป็นแม่ค่อยโล่งใจ เพราะลูกชายไม่ได้ออกไปไหนและที่สำคัญก็มีคนมาดูแล
“ค่ะ แล้วพีเล่าอะไรให้ฟังไหมคะ”
“เปล่าครับ มีอะไรกันเหรอครับคุณน้า” เขาลองเชิง เพราะศิลาเล่าให้ฟังในรถแล้วว่าพ่อแม่ของพีร์รู้เรื่องลูกชายตัวเองเป็นเกย์เพราะมีข่าวกับเขา
แม่ของพีร์เลยเล่าเรื่องให้พลกฤษณ์ฟัง และถามเรื่องของพลกฤษณ์บ้าง
“แล้วนี่ เออ พ่อแม่ของคุณว่ายังไงคะ ตอนรู้ว่าคุณเป็นแบบนี้”
“อ่อ ครับ คุณน้าครับ อย่าเรียกผมว่าคุณเลยนะครับ เรียกผมว่าแจ๊คเฉย ๆ ดีกว่า นะครับ”
“อ่า ค่ะ เอ่อ แจ๊ค แล้วพ่อแม่ของแจ๊คเป็นไงมั่ง”
“ก็ปกติหนิครับ พ่อแม่ผมรับได้ เพราะพ่อกับแม่ผมแนวฝรั่ง ๆ ปล่อยให้ลูกคิดเองหน่ะครับ”
“แล้วพ่อแม่คุณ เอ่อ พ่อแม่แจ๊ครู้เรื่องของพีหรือเปล่าคะ”
“รู้สิครับ” เขาตอบตามจริง “แต่ก็เฉย ๆ หน่ะครับ ไม่ได้ว่าอะไรผม เพราะตอนนี้ผมยังไม่ได้พาพีร์ไปไหว้พ่อแม่ผมเลย”
“อ่อ ค่ะ”
“เอาอย่างนี้นะครับ สุดสัปดาห์หน้าผมจะลงไปสวัสดีคุณน้าทั้งสองกับพีถึงบ้านเลย นะครับ”
“ค่ะ ก็ดีค่ะ”
“ครับ ผม เอ่อ ผมขอโทษนะครับ ที่ทำให้พีต้องมาเดือดร้อนเพราะผม”
“ค่ะ น้ารู้ว่าพีมีคนดูแลก็ดีแล้วค่ะ น้าฝากลูกน้าด้วยนะคะ”
“ครับ ไม่ต้องกังวลนะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับคุณน้า ไม่ต้องกังวลนะครับ”
“ค่ะ สวัสดีค่ะ”
“ครับ สวัสดีครับ”  เขากดวางสาย และนึกสงสารพีร์ยิ่งขึ้นที่ต้องเผชิญเรื่องที่ไม่ได้ตั้งตัวถึงสองเรื่อง เขาโทรศัพท์ไปบอกให้เด็กที่บ้านจัดเสื้อผ้ามาให้ แต่สักพัก กลายเป็นพ่อกับแม่ของเขาที่เอาของที่เขาสั่งมาให้เองกับมือ
“แจ๊ค หนูคนนี้ใช่ไหมที่เราไปง้อเค้า” คุณเจนนิเฟอร์ผู้เป็นแม่ที่มีเชื้อสายอังกฤษถามทันทีเมื่อเห็นว่าพลกฤษณ์มาเฝ้าใคร
“ครับ”
“ปกติลูกป๊าไม่เคยตามง้อใครนี่หว่า” คุณกำชัยแซวลูกชายตัวเองที่ดูจริงจังกับเด็กหนุ่มคนนี้มาก
“ไม่รู้สิครับป๊า แล้วป๊าว่าไง”
“อ่า ป๊าก็ไม่รู้ว่ะ แล้วแต่แก ว่าไงเจนนี่” เขาหันไปถามภรรยาของเขา
“ไม่รู้สิ เรื่องนี้เป็นเรื่องของลูกนะ แต่ม้าก็ดีใจนะ ที่เราจริงจังซะที”
“โธ่ ม้าครับ” เขาพูดอะไรไม่ออก เพราะเหมือนกลายเป็นว่าตอนนี้เขากับพีร์กลายเป็นอย่างที่ข่าวเสนอ เพราะเขาเองก็เล่าเรื่องของพีร์กับศิริพจน์และศิลาให้พ่อแม่ฟังไม่ได้เหมือนกัน
 แต่ก็ดีเหมือนกัน ที่ทุกคนเข้าใจว่าพีร์เป็นของเขา พีร์จะได้ปลอดภัยมากขึ้น เขาคิดอย่างนั้น
“น่า อย่าปฎิเสธตัวเองเลยแจ๊ค ถ้าชอบหนูคนนี้และอยากให้ป๊ากับม้าชอบด้วย ก็ลองให้มาอยู่บ้านเราซะเลย จะได้รู้กันว่าเป็นไร” คนเป็นแม่เสนอ
“เออ ดี เหมือนกันนะลูก ป๊าเห็นด้วย”
“ครับ ก็ได้ครับ แต่ต้องรอให้พีหายก่อนนะครับ”
คนเป็นพ่อแม่ยิ้มตกลง พลกฤษณ์ยิ้มกับพ่อแม่เช่นกัน เขามองพีร์ที่นอนอยู่บนเตียงอย่างมีความหวัง แต่พีร์จะรู้สึกยังไงบ้างหนอที่ต้องตกกระไดพลอยโจนไปกับเขาด้วย
"ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่ตุ๊กตาของใคร แต่ที่ผมทำไปเพราะว่าผมเป็นห่วงคุณ" เขาคิดในใจ พลางมองไปที่พีร์อย่างต้องการปกป้อง

คนของเธอ - แมว จิระศักดิ์

http://www.youtube.com/v/Ky1XlVr8oow
  
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 22-05-2010 22:22:48
รู้สึกเหมือนมีแต่คนคอยตัดสินแทนพีร์ตลอดเวลาเลยอะ
จากวันที่เป็นแค่นิสิตเดินเข้าไปฝึกงานจนวันนี้ โชคชะตาเล่นตลก(ร้าย)กับหนุ่มน้อยพีร์น่าดูเลย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 22-05-2010 22:25:16
กรี๊ดหรือว่านี่จะตัวจริง

การทดลองครั้ง(คน)ที่3 พอดี
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 22-05-2010 22:40:18
พีร์ผู้แสนบอบบาง ถ้าวันนั้นกลับหาดใหญ่ตอนฝึกงานจบทันก่อนศิลามารั้งไว้ นิยายคงไม่เดินมาถึงตรงสินะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: wowhaha ที่ 22-05-2010 22:54:15
"ตาอยู่"
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 23-05-2010 00:54:40
น้องพีร์ขอสาม   คนแต่งจัดให้แล้วค่ะ   อิอิ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 23-05-2010 10:06:32
ไม่ค่อยมีคนคิดถึงจิตใจพีร์เลยอ่ะ เอาแต่คิดถึงแต่ตัวเอง ไม่มีใครสู้เพื่อน้องพีร์จริงๆซักที แม้กระทั่งพจน์ที่คิดว่าน่าจะเป็นตัวจริงแล้วก็ยังไม่ใช่ หวังว่่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่พีร์จะได้พบกับความสุขจริงๆถึงแม้มันอาจจะให้เวลามากหน่อยในการเปิดใจนะ...เฮ้ออออออออ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 23-05-2010 14:13:54
ตาอินกับตานา หาปลาเอากินกัน ตาอยู่มาเดี๋ยวเดียวคว้าพุงเพียวเพียวไปกิน
มันชั่งเข้ากันเสียยิ่งกะไรเลยนิ
หัวข้อ: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 24-05-2010 16:48:14
ภาคต่อ ตอนที่ 23

“พจ เป็นอะไรไปเหรอ” แคทเธอรีนถามศิริพจน์ที่มีท่าทางเศร้าลง ขณะรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน
“แฟนผมที่เมืองไทยหน่ะครับ ช็อกเรื่องผมจะแต่งงานจนเข้าโรงพยาบาล” ชายหนุ่มตอบซึม ๆ ไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรอีกต่อไปแล้ว
แคทเธอรีนเองก็ตกใจเหมือนกันเมื่อได้ยินอย่างนั้น เธอถามต่อว่า “แล้วมีคนดูแลเค้าอยู่ทางโน้นหรือเปล่าคะ”
“มีครับ เป็นพี่ชายอีกคนที่ผมเคารพ” เขาพูดถึงพลกฤษณ์ที่เป็นคนโทรมารายงานเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด
“ค่ะ ก็ดีแล้วค่ะ”
“เมื่อวานที่ผมโทรคุยกับเค้า..เอ่อ แฟนผมหน่ะฮะ ผมคิดว่าเค้าคงเป็นลมไปหลังจากที่วางสาย”
ศิริพจน์พูดต่ออย่างคับแค้น “ผมรู้สึกผิดมากเลยแคท ที่รับปากพาเค้ามาตามความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ของผม”
“อย่าคิดมาเลยค่ะพจ ชั้นว่าทุกคนมีสิทธิที่จะฝันและมีความรัก และก็ใช้ความรักนำทางความฝันของตัวเอง” เขาพูดต่อ “อย่างน้อยเค้าก็ปลอดภัยแล้วนะคะ คุณน่าจะหมดกังวลได้บ้าง หรือไม่อย่างนั้น เสาร์อาทิตย์นี้ก็กลับไปเยี่ยมเค้าที่เมืองไทยก็ได้นนี่คะ”
แคทเธอรีนพูดให้สติ ศิริพจน์ยิ้มรับเพราะคิดได้ตามที่หญิงสายพูด หญิงสาวยิ้มสดใสก่อนจะบอกว่า
“แล้วคุณคิดว่าบ่ายนี้นักลงทุนจากยุโรปจะเทขายมาให้เราเท่าไหร่คะ”
ศิริพจน์เองก็ยิ้มกว้างอย่างสดใส แคทเธอรีนช่างเป็นผู้หญิงที่เข้าใจเขาจริง ๆ

  ทันทีที่ถึงเมืองไทย นลพรรณก็รุดไปเยี่ยมพีร์ที่โรงพยาบาลทันทีอย่างเป็นห่วง เธอไม่ลืมชวนปกรณ์ไปด้วยเพราะเด็กหนุ่มก็เป็นคนที่ทั้งสองเป็นห่วงเป็นใยในเรื่องนี้อยู่เช่นกัน
   เมื่อเธอเปิดประตูห้องก็พบกับพลกฤษณ์ที่กำลังนั่งข้าง ๆ เตียงมองดูพีร์อย่างเป็นห่วง เธอรู้สึกสะเทือนใจที่เห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าต้องมาล้มหมอนนอนเสื่อเพราะเสียใจมาก ๆ  ใบหน้าจิ้มลื้มที่เคยสดใสของพีร์ดูซีดเซียวถึงแม้จะได้รับการให้น้ำเกลือแล้วก็ตาม ส่วนปกรณ์เองที่ชอบสร้างบรรยากาศครึกครื้น เมื่อเห็นอย่างนี้ก็ถึงกับทำอะไรไม่ออกเหมือนกันนอกจากเริ่มร้องไห้ออกมา
  นลพรรณที่ร้องไห้ออกมาเบา ๆ มองหน้าพลกฤษณ์เหมือนจะบอกเขาว่าเธอสงสารพีร์มากเพียงใด
“น้องพี...” หญิงสาวเรียกชื่อพีร์เบา ๆ ทำให้พีร์ที่รู้สึกตัวได้หน่อย ๆ หันมามองตามเสียง พลกฤษณ์หยิบแว่นตาของเขาที่ถอดอยู่ข้างเตียงสวมให้เขาทันที    พลกฤษณ์เห็นว่าเป็นนลพรรณกับปกรณ์ จึงพยายามยกมือไหว้สวัสดี
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ อยู่เฉย ๆ เถอะ เธอเข้าไปจับมือหนุ่มหน่อยไว้ และกำเบา ๆ อย่างให้กำลังใจเพราะเธอไม่รู้จะพูดอะไรออกมาให้พีร์รู้สึกดีขึ้น
ชายหนุ่มที่ดูแลพีร์มองหน้านลพรรณที่ทำหน้าเหมือนขอเวลาอยู่กันส่วนตัว เขาจึงลุกออกไปข้างนอก

“นี่นายดูแลนังหนูคนเดียวเหรอแจ๊ค” ปกรณ์เดินตามพลกฤษณ์ที่ลุกออกไปข้างนอกเพื่อสอบถาม
 “อืม..ตอนแรกไอ้หยกมันจะขอมานอนด้วย แต่เราด่ามันไปเมื่อวานหน่ะ”
“ยังไง อย่าบอกนะว่าเพราะนังหนู” เขากระซิบถามอย่างตกใจ
“อืม..”
“ยังไงล่ะ เล่าให้เราฟังได้ไหม”
“เราทนไม่ได้ที่เห็นไอ้หยกมันเป็นคนทำให้พจกับน้องพีต้องเป็นอย่างนี้” เขาถอนหายใจ “นายรู้หรือเปล่าว่าน้องพีเข้าโรงบาลเพราะอะไร”
“อืม น้องเค้าช็อกมากที่รู้ว่าพจจะแต่งงาน”
“ใช่ นั่นมันก็เรื่องนึง แต่อีกเรื่องที่เราต้องรับผิดชอบน้องเขาก็เพราะว่าพ่อแม่น้องเขารู้ว่าน้องพีเป็นเกย์จากข่าวเรา”
“คุณพระช่วย!!” ปกรณ์ตกใจ
“เมื่อวานเราคุยกับแม่ของน้องเค้าแล้วนะ เค้าบอกว่านี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่ที่เค้าเปิดใจคุยเรื่องนี้กับลูกตัวเอง เขารู้หล่ะว่าลูกเค้าปิดบังเรื่องนี้มาตลอด แต่น้องพีหน่ะสิเค้ายังรับการเปลี่ยนแปลงของการเปิดเผยไม่ได้ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น”
“เฮ้อออ..”
“เราไม่นึกเลยนะว่าน้องพีเค้าจะต้องทนทุกข์กับเรื่องนี้คนเดียว และไหนจะเรื่องที่ไอ้หยกมันทำไว้อีก”
ปกรณ์ตบไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ “เฮ้ออ ถ้านังหนูไม่มีน้องพจน์แล้ว นายคงจะเข้ามาดูแลนังหนู หรือเปล่า?”


“น้องพี...” เธอจับมือหนุ่มน้อยไว้อย่างเป็นห่วง “พี่..พี่ขอโทษ”
“พี่แพรว”
“พี่ขอโทษที่ขัดขวางพ่อกับแม่เรื่องพจไม่ได้ ฮือ ๆๆ”
“พี่แพรวครับ…”
“พี่รู้ว่าพจกับน้องพีรักกันแค่ไหน แต่พี่มันไม่ดีเองที่ช่วยอะไรพวกเราไม่ได้ พี่ขอโทษจริง ๆ นะ ฮือ ๆๆ”
“พี่แพรวครับ อย่าโทษตัวเองเลย...ผมต่างหากล่ะ ที่เข้ามาในชีวิตของพจ ถ้าพจไม่รู้จักผม เค้าก็คงไม่ต้องเสียใจแบบนี้”
“น้องพีอย่าโทษตัวเองอีกเลย พี่ขอโทษแทนพ่อแม่พี่ด้วยที่ทำให้น้องพีเป็นแบบนี้”
“อย่าเลยครับ พวกท่านไม่ได้ทำผิดอะไรหรอก ผมเข้าใจครับว่าพ่อแม่ทุกคนย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกตัวเอง”
หญิงสาวมองหน้าเด็กหนุ่มอย่างสะเทือนใจ พีร์พูดต่อ “ผมรู้สึกผิดตั้งแต่ผมเข้ามาในชีวิตของพี่หยกแล้ว ผมขอล่ะครับ ผมจะไม่ทำให้เรื่องของพจกับผมเป็นเหมือนเรื่องของพี่หยกแน่ ๆ”
“น้องพี..น้องพียังรักหยกอยู่ไหม”
เด็กหนุ่มไม่ตอบอะไรนอกจากพยักหน้าช้า ๆ และปล่อยให้น้ำตาไหลออกมากับคำตอบจากใจของเขา
“แต่พี่แพรวเลิกกังวลได้เลยนะครับ รักของผมมันคงเป็นไปไม่ได้อย่างที่เคยเป็นหรอกครับ ผมรู้ว่านอกจากพี่หยกจะเป็นสามีของพี่แพรวแล้ว เขายังต้องเป็นพ่อของลูก”
“ผมคงไม่ทำให้ครอบครัวของคนที่ผมรักและเคารพอย่างพี่หยกกับพี่แพรวต้องแตกแยกกันหรอกครับ”
นลพรรณได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกสะท้อนใจไม่ได้ เด็กหนุ่มนั้นถึงแม้จะรักศิลาแค่ไหน แค่ก็ไม่เห็นแก่ตัวเพื่อที่จะกักขังคนรักไว้เหมือนที่ศิลาทำ
“น้องพี พี่ต้องขอโทษแทนหยกด้วยนะที่ทำให้พจกับน้องพีต้องจากกัน”
“หะ..” เด็กหนุ่มแปลกใจเพราะไม่รู้เรื่องนี้ นลพรรณเห็นอย่างนั้นก็นึกรู้ว่าเด็กหนุ่มไม่รู้จึงเงียบไป พีร์จ้องหน้าหญิงสาวอย่างสงสัยและคาดคั้น
“พี่แพรวครับ มีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีจ้ะ ไม่มี” เธอกลบเกลื่อน
“พี่แพรวครับ พี่หยกเกี่ยวอะไรกับการแต่งงานของพจเหรอครับ”
“เอ่อ..ไม่จ้ะ”
“พี่แพรวครับ เล่ามาเถอะครับ..”
“น้องพี..”
“นะครับ ผมอยากรู้” เด็กหนุ่มถามด้วยความอยากรู้เต็มแก่ “นะครับ เล่าความจริงให้ผมฟังเถอะ”
 เธอเห็นอย่างนั้นก็หมดปัญญา จึงพูดออกไป
“ความจริง ที่ตาพจแต่งงานก็เพราะว่าหยกเป็นแนะนำพ่อแม่พี่เองหน่ะ” เธอพูดเศร้า ๆ เพราะอยากให้เด็กหนุ่มรับรู้ที่มาของเรื่องจริง ๆ
พีร์พูดอะไม่ออกด้วยความช๊อก หญิงสาวปล่อยโฮออกมาอย่างเจ็บปวด พีร์ค่อยร้องไห้ออกมาอย่าเจ็บปวดเช่นกัน เขาเอามืออุดปากกันเสียงกรีดร้องของเขา นลพรรณเห็นเด็กหนุ่มร้องไห้หนักขึ้นจึงโทรเรียกปกรณ์และพลกฤษณ์ให้กลับมาดู พอวางสาย สองคนดังกล่าวก็รีบเข้ามาหาพีร์ทันที
“พี....” พลกฤษณ์เข้าไปจับแขนพีร์ที่ใช้มือกุมใบหน้าที่น้ำตานองอยู่ “เกิดอะไรขึ้นแพรว” 
“แพรวเผลอบอกกับน้องพีว่าหยกเป็นคนทำให้พจต้องแต่งงาน ฮือ ๆๆ”
พลกฤษณ์มองหน้าหญิงสาวแบบตกตะลึง และหันไปมองพีร์ที่ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดหนักขึ้น พีร์ที่ร่างกายและจิตใจอ่อนเพลียอยู่แล้วจึงสลบไปอย่างง่ายดาย ปกรณ์จึงกดกริ่งเรียกพยาบาลทันที
“แจ๊ค... แพรวขอโทษ” หญิงสาวรู้สึกผิดมาก ๆ ที่ทำให้เด็กหนุ่มเป็นลมไปอีก
“ไม่หรอก สักวันเค้าก็ต้องรู้ ให้รู้ซะตอนนี้หล่ะดีแล้ว” เขาพูดตามความเป็นจริง “ให้พีเค้าร้องไห้ซะตั้งแต่วันนี้ วันต่อไปจะได้ไม่ร้องไห้อีก”
พยาบาลเคาะประตูและรีบเข้ามาทันที พวกเธอกุลีกุจอวัดความดัน และทำอะไรต่าง ๆ นานา สักพักหมอก็เข้ามาตรวจอาการของพีร์ คุณหมอปลดหูฟัง แล้วบอกกับทุกคนว่า
“คนไข้มีอาการเหมือนเดิมหน่ะครับ คือตกใจมากจนหมดสติ” เขาหันไปมองทุกคน “มีใครทำอะให้คนไข้สะเทือนใจหรือเปล่าครับ”
ทั้งสามคนมองหน้ากันแหย ๆ นายแพทย์เลยพูดต่อ
“หมอจะบอกให้นะครับ อาการของคนไข้ไม่ได้ดีขึ้นเพราะยาหรือการรักษาของหมอ แต่มันขึ้นอยู่กับกำลังใจของคนไข้ด้วยนะครับ”
   คำพูดของนายแพทย์ทำให้คนทั้งสามรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ “วันนี้หมอฉีดยาคลายเครียดให้คนไข้แล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับพวกคุณนะครับว่าจะให้กำลังใจคนไข้ดีแค่ไหน หมอขอตัวก่อนนะครับ”
  หลังจากนายแพทย์ออกไป ปกรณ์ก็หันมาแหวใส่เพื่อนตัวเองทันที
“นังแพรว เกือบไปแล้วไหมล่ะ นี่ถ้านังหนูช็อกหนักกว่านี้จะเกิดอะไรขึ้น”
“เอาน่าเป้ อย่าไปว่าแพรวเค้าเลย” พลกฤษณ์ตัดบท “ยังไงช่วงนี้ก็ช่วยกันดูแลน้องพีให้ดี ๆ ละกัน” เขาหันไปบอกนลพรรณโดยเฉพาะ “แล้วบอกไอ้หยกมันด้วยว่า อย่าเพิ่งไปเยี่ยมน้องพี เล่าให้มันฟังด้วยละกันนะแพรวว่าเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่มันทำลงไป”
“อืม ได้สิ” เธอหันไปลูบแขนพีร์เบา ๆ “พี่กลับก่อนนะจ๊ะ” ก่อนจะออกไปพร้อมกับปกรณ์

“ฮัลโหล หยก” เธอโทรหาสามีทันทีหลังจากขึ้นรถ
“ว่าไงแพรว คุณอยู่ไหนเนี่ยะ”
“แพรวเพิ่งออกจาโรงพยาบาลหน่ะ คือ แพรวเพิ่งไปเยี่ยมน้องพีมา”
“เหรอ...เนี่ยผมก็กะว่าจะไปเหมือนกัน”
“หยก หยกอย่าเพิ่งไปเยี่ยมน้องพีตอนนี้ได้ไหม”
“หะ ทำไมล่ะแพรว” เขาสังสัย เพราะนลพรรณพูดด้วยน้ำเสียงสะเทือนใจ จึงทำให้เขาไม่ได้โกรธเคืองอะไร
“คือ แพรวไม่รู้ว่าน้องพี ไม่รู้เรื่องที่ตาพจต้องแต่งงานเพราะคุณหน่ะ แพรวพลั้งปากบอกแกไป”
“หา....”
“อืม แล้วน้องพีก็ร้องไห้จนหมดสติไปอีกรอบทันทีที่รู้”
ศิลาเงียบ ไม่นึกว่าสิ่งที่เขาทำลงไป จะเป็นการทำร้ายจิตใจของคนรักได้ถึงเพียงนี้
“ฮัลโหล ๆ หยก”
“โอเค งั้นขอบใจนะแพรวที่โทรมาบอก  แค่นี้ใช่ไหม”
“อืม จ้ะ”
“โอเค บาย”

   ศิลากดวางสาย เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนรักที่เลวร้ายที่สุดในโลก เขาลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานแล้วหันกลับไปมองนอกบานกระจกอย่างทุกข์ใจยิ่ง  ฉับพลันคำพูดของพลกฤษณ์ก็หลั่งไหลลอยเข้าหัวมา
“แกหนเห็นน้องพีเสียใจได้ไงวะ หะ!”
“แกมันเป็นคนรักภาษาอะไรวะ”
“แกมันเห็นแก่ตัว คิดหรือเปล่าว่าที่ทำไปมันจะทำลายชีวิตคนอื่น”
“ทำไมแกไม่ปล่อยน้องเขาให้ไปอยู่กับคนที่พร้อมดูแลว่าล่ะ”
เขาหลับตายอมรับความผิดที่เขาลงไป ถึงแม้เขาจะคิดว่า ที่ทำไปก็เพราะว่าเขารักพีร์มากเพียงใดก็ตาม

วันนี้ศิริพจน์มารับประทานอาหารเย็นที่บ้านแคทเธอรีน คุณโรเบริ์ตและคุณลิซ่าผู้เป็นพ่อแม่ต่างก็ให้การต้อนรับอย่างดี เพราะรู้สึกถึงความสัมพันธ์ของลูกสาวและว่าที่คู่หมั้นเป็นไปได้ด้วยดี แคทเธอรีนพาศิริพจน์มานั่งเล่นในมุมระเบียงสวนของบ้านเพื่อผ่อนคลายความตรึงเครียดจากการทำงานและไม่ลืมที่จะเปิดโน๊ตบุ๊คสำหรับประเมินข้อมูลในวันต่อไป  ศิริพจน์เองเหลือบไปเห็นนกกรงหัวจุกตัวน้อยที่อยู่ในกรงไม้ลายวิจิตร เขาจึงถามแคทเธอรีนขึ้นมา
“แคท ผมเพิ่งเห็นว่าที่สิงคโปร์เองก็เลี้ยงนกกรงด้วยเหรอครับเนี่ยะ”
“ค่ะ ใช่” เธอเดินนำชายหนุ่มไปยังกรงนก ก็พบนกน้อยที่เกาะกิ่งไม้ในกรงนิ่ง เมื่อศิริพจน์เห็นนกน้อยที่ถูกขังไว้ในกรงอย่างนี้ก็อดขึ้นถึงพีร์ไม่ได้ เขาพูดออกมาว่า
“ผมไม่เข้าใจคนที่เลี้ยงนกเลย ว่าทำไมต้องขังมันไว้ในกรงด้วย เรารักอะไรเราก็ต้องทำให้มันมีความสุขไม่ใช่เหรอ ในเมื่อนกมันชอบบิน ทำไมต้องจับมันมาขังไว้แต่ในกรงด้วยล่ะ”
 แคทเธอรีนหันมาตอบ “ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าเพราะอะไร” เธอเปิดกรงนกออก ทำให้นกน้อยปินปรื๊อออกไป ศิริพจน์ตกใจเมื่อเห็นหญิงสาวทำแบบนั้น เขามองแคทเธอรีนที่มีท่าทีนิ่งเฉยต่อไป
“แต่สำหรับนกบางตัว มันอาจจะยินดีที่จะถูกขัง เพราะว่ามันคงจะมีความสุขที่ได้อยู่ในกรงมากกว่าออกบินไปข้างนอกหน่ะค่ะ”
“ผมไม่เข้าใจ”
“คุณเห็นนกกรงตัวนี้ไหมคะ”  เธอลูบกรงนกอย่างพินิจเบา ๆ “มันสวยงามและบอบบางเกินกว่าจะไปสู้กับนกตัวอื่นบนท้องฟ้าได้ ดังนั้นการมีเจ้าของมาคอยดูและมัน ให้ที่อยู่มัน และเห็นความสำคัญของมัน มันอาจจะไม่มีอิสรภาพเหมือนนกตัวอื่นก็จริง แต่ชั้นเชื่อว่ามันคงจะมีความสุขที่มันถูกขังอยู่ในกรงนะคะ”
ทันทีที่เธอพูดจบ นกน้อยก็บินกลับเข้ามาในกรงอย่างรู้เวลา
  ศิริพจน์เขาใจทันที เมื่อเห็นอย่างนั้น สิ่งที่หญิงสาวพูดเป็นเรื่องที่เขาสามารถเห็นภาพตามทั้งหมด
คนก็เหมือนกัน ทุกคนย่อมมีความต้องการไม่เหมือนกัน การจะเอาตัวเองไปตัดสินคนอื่นก็เป็นเรื่องที่ไม่ดีนัก
บางทีพีร์อาจจะเหมือนนกกรงอย่างที่หญิงสาวว่าก็ได้ ที่มีความสุขจากการถูกขังด้วยความรักของศิลา

  เพราะเขาสังเกตได้ว่า ถึงแม้พีร์จะมีความสุขเมื่ออยู่กับเขา แต่บางครั้งแววตาของพีร์ก็เศร้าหมองเหมือนคนที่อยู่ห่างจากคนรักเหมือนกัน
  เอาเถอะ ถ้าพีร์จะเลือกกลับไปเป็นนกน้อยในกรงทองของศิลาตามเดิม เขาก็เข้าใจ ถึงแม้ว่าเขาจะรับไม่ได้กับวิธีการกักขังพีร์ไว้ในเงาของศิลา ถ้าเป็นไปได้ เขาก็ไม่อยากให้นกน้อยนั้นขาดซึ่งอิสรภาพตามธรรมชาติของมัน
   แต่ถ้ามันเป็นความสุขของพีร์จริง ๆ  เขาก็ต้องทำใจยอมรับ
ถึงแม้ความฝันที่จะอยู่ร่วมกันจะสลายไปเหมือนน้ำค้างกลางแดดกล้า แต่เขาก็ไม่เคยเสียใจเลย ที่ได้รักและได้รับความรักจากพีร์
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 24-05-2010 17:05:41
รันทดไอ้อีกนะค่ะ นังหนูพีร์
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 24-05-2010 17:16:39
 :เฮ้อ:อยากจะถอนหายใจสักสิบเฮือก

น้องพีร์เอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 24-05-2010 17:17:49
ทำมั้ย คุณพี่แพรวไปพูดแบบนั้นเนี้ย แล้วน้องพีคงจะเกลียดหยกแน่ๆเลยนิ เราเชีรย์หยกอยู่น่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: wowhaha ที่ 24-05-2010 18:27:39
เราว่าคนที่ร้ายที่สุดก้อคือแพรวนะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 24-05-2010 20:35:13
ความรู้สึก
ไปๆมาๆ เหมือนพีร์โดนเอาเปรียบเลย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Lucio ที่ 24-05-2010 22:50:25
รู้สัึกความรักของพีร์ จะมีแต่เรื่องโหดร้ายนะ

สงสารน้องพีร์อ่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 25-05-2010 16:17:57
มาล่ะค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ สำหรับการติดตาม



ภาคต่อ ตอนที่ 24

“ฮัลโหล คุณแจ๊ค คุณแจ็คอยู่ไหนเนี่ยะ” หนึ่งในบรรดาเด็กหนุ่มของพลกฤษณ์โทรมา
“อ่อ อยู่โรงบาลหน่ะ”
“ตายแล้ว เป็นอะไรไปเหรอคุณแจ๊ค”
“เปล่า ผมไม่ได้เป็นอะไร”
“แล้วไปโรงบาลทำไมอ่ะ”
“อ่อ ผมมาเฝ้าแฟน”
“แฟน!!!” เด็กหนุ่มปลายสายตกใจเพราะถึงแม้พลกฤษณ์จะคบใครหลากหลาย แต่ก็ไม่เคยมีใครถูกเขาเรียกว่าแฟนเลยสักครั้ง
“ใช่แฟนผมป่วย ผมก็ต้องมาดูแล”
“ได้ไงอ่ะ คุณแจ๊ค….อ่อนี่แสดงว่านังอ้วนที่เห็นในหนังสือนี่ใช่มั๊ยที่คุณแจ็คเรียกว่าแฟน”
“ใช่ แล้วไง อ่อ แต่อย่าเรียกแฟนผมว่านังอ้วน เพราะยังไง เค้าก็เป็นแฟนผม”
“อ๊ายยย บ้าที่สุด!” ปลายสายวางไปอย่าหัวเสีย พลกฤษณ์เองไม่สนใจ เพราะเขารู้ว่าบรรดาเด็กหนุ่มที่รายล้อมเขาอยู่ใช่จะจริงจังและจริงใจกับเขาเสียเมื่อไหร่
  ตั้งแต่ชีวินเสียชีวิตไป เขาก็ไม่เคยรู้สึกดีและมีความสุขอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับชีวินอีกเลย
แต่เมื่อเขาได้รู้จักหนุ่มน้อยผู้บอบบางอย่างพีร์ ความรู้สึกที่เขาเคยมีกับชีวินก็กำลังค่อย ๆ กลับมาหาเขาอีกครั้ง
เขารู้สึกอยากรับผิดชอบในเรื่องที่พีร์มีข่าวกับเขา เขาไม่คิดจะปฎิเสธเหมือนแต่ก่อน
หรือเป็นเพราะว่าเขาอยากจะรับผิดชอบชีวิตหมองเศร้าของหนุ่มน้อยด้วยตัวเขาเอง…

“พจคะ คุณโอเคมั๊ย” แคทเธอรีนที่มากับศิริพจน์ถามชายหนุ่มขณะจะเคาะประตูห้องพักผู้ป่วยของพีร์ เพราะคนทั้งสองตัดสินใจเดินทางมากรุงเทพฯเพื่อเยี่ยมพีร์โดยเฉพาะ
“ครับ” เขาตอบไป แต่หัวใจก็สั่น ๆ เพราะความตื่นเต้นที่จะได้เจอคนที่เขาเป็นห่วง
“เดี๋ยวชั้นรอข้างนอกนะคะ” เธอยิ้มให้กำลังใจชายหนุ่ม เขายิ้มรับและเคาะประตู
 พลกฤษณ์ที่เห็นว่าเป็นศิริพจน์ก็เดินออกมาเปิดประตูให้ ชายหนุ่มยกมือไหว้พี่ชายอีกคนของเขาที่เข้ามาตบไหล่ชายหนุ่มอย่างเป็นห่วง
“คุณ ดูสิว่าใครมา” เขาบอกพีร์ที่นอนหันหลังให้ประตูอยู่ พีร์รู้สึกตัวจึงหันหลังกลับไป
“พจจจจจ...” เขาตกใจและดีใจที่สุด ศิริพจน์เองไม่รอช้าที่จะเข้าไปหาพีร์ ส่วนเองพีร์ประคองตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง และคนทั้งสองก็โผเข้าหากันอย่างคิดถึงที่สุด
  พลกฤษณ์เห็นอย่างนั้น ก็ยิ้มให้กับภาพตรงหน้าของคนทั้งสอง เขาพาตัวเองออกไปเพื่อยกพื้นที่ตรงนี้ให้พีร์และศิริพจน์ได้ใช้เวลาร่วมกัน
  ชายหนุ่มคิดว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในการอยู่ด้วยกันฉันท์คนรักของคนทั้งสองก็เป็นได้
เขายิ้มเศร้าให้กับชะตากรรมของคนทั้งสอง และปิดประตูเดินออกมา

ศิริพจน์กอดร่างอวบที่สั่นเทิ้มจากการร้องไห้อย่างหนัก เนื้อตัวของพีร์เย็นเฉียบเพราะอาการความดันต่ำ ทำให้เขากอดรัดพีร์แน่นขึ้นเพื่อแบ่งบันไออุ่นให้เหมือนอย่างเคย เขากอดพีร์ด้วยความรู้สึกหลายอย่างปนกัน ทั้งโหยหา ปลอบโยน และขอโทษ
ไม่มีคำพูดใด ๆ จากคนทั้งสองที่กอดกันแน่นอยู่ในห้อง
เหมือนภาษากายของทั้งคู่มันคงจะพาใจของทั้งคู่ให้ปลอบโยนกันและกัน

แคทเธอรีนกับพลกฤษณ์เองก็มองผ่านบานกระจกที่ประตูอย่างรับรู้ความรู้สึกของคนที่อยู่ในห้อง เธอรู้สึกเศร้าใจเช่นกันที่เห็นการเจอกันของคนรักทั้งคู่

ศิริพจน์กระซิบข้างหูพีร์ที่เริ่มหยุดร้องไห้เบา ๆ “ผมขอโทษ”
พีร์ส่ายหน้าไปมาในอ้อมอก “พจไม่ผิดหรอก อย่าทำแบบนี้เลย”
“พี..”
“พจ พีรู้นะว่าพจก็คงรู้สึกไม่ต่างจากพีหรอก” เขาจับมืออีกฝ่าย “พจ พีว่ามันคงถึงเวลาแล้วหล่ะ ที่เราจะต้องจากกันจริง ๆ”
“พีคับ ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย...มันเร็วเกินไปจริง ๆ”
“พีก็คิดมาตลอดเลยนะว่าสักวันมันต้องเป็นแบบนี้ แต่พีก็แค่รับไม่ได้ว่ามันเร็วเกินไปจริง ๆ หน่ะแหล่ะ”
เขาพูดต่อ “พีดีใจที่พจจะได้เดินทางไปตามเป้าหมายกับคนที่คู่ควรกับพจจริง ๆ พจอย่าเสียใจเลยนะที่พีจะไม่ได้ไปกับพจ”
ศิริพจน์ยิ้มให้พีรัทั้งน้ำตา แล้วโผกอดกันอีกครั้ง พีร์บอกต่ออีกว่า
“ถ้าพจจะมีครอบครัว พีขอล่ะนะ พี่ไม่อยากเป็นเหมือนที่เคยเป็นกับพี่หยกอีกแล้วนะพจ”
ศิริพจน์พยักหน้าเข้าใจ  คนอย่างศิริพจน์ไม่อยากให้ตัวเองกับพีร์ต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกับศิลา ในเมื่อหน้าที่ของลูกมันยิ่งใหญ่นัก เขาก็คงต้องทำตาม
 “ผมพยายามให้คุณมาอยู่กับผม เพราะว่าคุณจะต้องเป็นคนในเงาของพี่หยก แต่เมื่อผมจะแต่งงานแล้ว ผมก็คงต้องเลือกให้คุณจากผมไปเพื่อความถูกต้อง” เขาลูบหน้าพีร์เบา ๆ อย่างถะนุถนอมเช่นเคย
“พีขอบคุณพจมากนะ ที่ดูแลพีและรักพีมาตลอด” เขาโผซบอกชายหนุ่มอีกครั้ง “ชีวิตนี้พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีใครรักและดูแลพีอย่างนี้ได้อีกหรือเปล่า พีขอบคุณมากนะครับ” เขามองหน้าชายหนุ่มแล้วยิ้มยินดีทั้งน้ำตา
“ลาก่อนนะครับ คนดีของผม”
ศิริพจน์กอดพีร์เช่นกัน พีร์ซบอกอีกผ่านเพื่อฟังเสียงหัวใจของศิริพจน์เต้น เขามองหน้าชายหนุ่มอีกครั้งเพื่อปิดฉากช่วงเวลาของเขากับศิริพจน์ไว้เป็นความทรงจำที่สวยงาม

   สองคนที่มองอยู่ข้างนอกรู้สึกร่วมไปด้วยกับการร่ำลา แคทเธอรีนนั้นน้ำตาซึมด้วยความซาบซึ้ง ส่วนพลกฤษณ์ก็ได้แต่มองตามอย่างเป็นห่วงความรู้สึกของคนทั้งสองยิ่งนัก เขาพลางมองดูแคทเธอรีนที่กำลังร้องไห้อย่างสำรวจ ว่าเด็กสาวคนนี้ใช่ไหมคือว่าที่คู่หมั้นของศิริพจน์ เขาคิดว่าเธอดูอ่อนเยาว์เหมือนเด็กสาววัย 17 ปีมากกว่าคนทำงานแล้ว แต่เธอคงเข้ากับศิริพจน์ได้เพราะจากการที่มองเข้าไปดูชายหนุ่ม เหมือนเธอรับรู้เรื่องของพีร์กับศิริพจน์ และเข้าใจศิริพจน์ดี
“ถ้าเจ้าพจมีคนเข้าใจมันอย่างนี้อยู่ด้วย ไม่นานมันคงจะหายเศร้า” เขาคิดอย่างนั้น

“แล้วนี่พจมากับใครเนี่ยะ” พีร์ที่หายเศร้าแล้วถามศิริพจน์ด้วยความกระตือรือร้น
“เอ่อ พจมากับ..” ศิริพจน์ไม่อยากพูดคำว่าว่าที่คู่หมั้นออกไป
“มากับผู้หญิงสิงค์โปร์คนนั้นใช่ไหม”
“อืมใช่” เขาพยักหน้ายอมรับ
“พจ พามาให้พีรู้จักหน่อยสิ”
“ได้สิ” เขายินดีและลุกไปเรียกสองคนที่อยู่ข้างนอกให้เข้ามาได้แล้ว
“พี่แจ๊คครับ แคทครับ เขามาข้างในเถอะครับ” เธอเดินไปหาเขาภายในสายตาตกใจของพลกฤษณ์ที่งงว่าหญิงสาวฟังภาษาไทยออก
พีร์ลุ้นกับคนที่ศิริพจน์พามาให้รู้จัก พอประตูเปิดออกศิริพจน์ก็พาสาวผมสั้นร่างเล็กผิวขาวใสเหมือนเด็กสาวตัวน้อยที่แฝงท่าทีมั่นใจและแววตาฉลาดเฉลียวแบบผู้ใหญ่เข้ามา พีร์เห็นหญิงสาวก็มองเขาด้วยสายตาที่อยากจะทำความรู้จักเช่นกัน
“พี่แจ๊คครับ พีคับ นี่แคท….แคท นี่พี่แจ๊ค กับพี” เขาแนะนำให้แต่ละคนรู้จักกัน
หญิงสาวทักทายเป็นภาษาไทยชัดเจน “สวัสดีค่ะ” และก็หันไปยกมือไหว้พลกฤษณ์
พีร์ตกใจเหมือนกันที่แคทเธอรีนพูดภาษาไทยกับเขา เขาตอบกลับไปอย่างเป็นมิตรเช่นกัน “สวัสดีครับ”

พลกฤษณ์ยิ้มกับภาพตรงหน้า เพราะปัญหาของพีร์มีแนวโน้มว่าจะหมดไปอีกหนึ่งอย่าง แต่ทันทีที่เขาได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของเขากัง จึงออกไปรับข้างนอก
“ฮัลโหล”
“ฮัลโหล ก๊อ” เสียงของศุภกฤษณ์ น้องชายคนถัดมาของเขาที่เป็นผู้ช่วยผู้จัดการบริษัทนำเข้ารถยนต์ของเขาโทรมาอย่างร้อนรน
“อะไรวะจิม โทรมามีอะไร”
“นักข่าวมาเต็มโชว์รูมเลยก๊อ”
“มีอะไรวะ วันนี้ไม่ได้มีแถลงข่าวรถตัวไหนหนิ”
“แต่ผมว่าก๊อนั่นหล่ะที่จ้องมาแถลงข่าว”
“ข่าวอะไรวะ” เขางง
“ก็ที่ก๊อไปขับรถตามเด็กนั่นไง ไม่รู้ใครหน้าไหนมันบอกว่าเด็กที่ก๊อตามหน่ะเป็นตัวจริงของก๊อ นักข่าวเลยตามมาถามไง”
“เฮ้ยย!!” เขาตกใจ เพราะความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรกซะแล้ว
“มาเลยก๊อ เนี่ยผมไม่บอกพวกนั้นแล้วนะว่าก๊ออยู่ที่โรงพยาบาลไหน เพราะนักข่าวทุกคนรู้มาว่าก๊อตามไปเฝ้าเด็กคนนั้น”
พลกฤษณ์ตบหน้าผากตัวเองผ่าง เขารู้เลยทันทีว่าใครกันที่คาบข่าวไปบอกสื่อทั้งหลาย
คงกะจะทำให้เขาอาย หรือ ออกมาปฎิเสธล่ะสิ...เขารู้ทัน
“เออ ๆ ก๊อจะไปเดี๋ยวนี้” เขาวางสายและรีบไปกวักมือเรียกศิริพจน์ออกมาคุยข้างนอก
“มีอะไรครับพี่”
“คือ พี่มีงานเข้าว่ะ ด่วนเลย”
“งานอะไรเหรอครับ”
“เดี๋ยวกลับมาพี่เล่าให้ฟังนะ ตอนนี้ฝากแกกับน้องแคท ดูแลพีด้วย แกจะพาพีไปนั่งรถเข็นเล่นรอบโรงบาลก็ได้นะ”
“โอเคครับ” เขายิ้มรับ
“อืม พี่ไปล่ะ” เขารีบเดินออกไป ศิริพจน์มองพลกฤษณ์งง ๆ แต่ก็เข้ามาในห้องต่อ
“พีครับ อยากไปข้างล่างกันไหม”
พีร์ดวงตาเป็นประกายอย่างดีใจ “ไปสิ พีนอนมาสองวันแล้วนะ เบื่อจะแย่ อยากออกไปข้างนอกบ้างอ่ะ”
“งั้นไปกัน” เขากันไปยิ้มให้พีร์กับแคทเธอรีน คนทั้งสามมองหน้ากันอย่างสดชื่นเพราะทุกอย่างจบลงสวยงามด้วยความเข้าใจ

“นั่นไง คุณแจ๊คมาแล้ว” นักข่าวตาไวคนหนึ่งเรียกให้ทุกคนที่รอคอยอยู่ตื่นตัวเมื่อเห็น Porsche สีควันบุหรี่ของพลกฤษณ์ขับมาจอดเทียบข้างหน้าโชว์รูม
  ทุกคนลุกฮือเมื่อเห็นอย่างนั้น  ทันทีที่พลกฤษณ์ก้าวเข้าประตูกองทัพนักข่าวทั้งหลายก็รุมเข้ามาทันที
งานนี้เห็นทีจะต้องเป็นข่าวใหญ่แน่นอน เพราะชายหนุ่มที่เปิดเผยชัดเจนว่าเป็นเกย์อันพ่วงไปด้วยภาพลักษณ์ที่เปี่ยมเสน่ห์และความไม่แน่นอนในการสานสัมพันธ์ จู่ ๆ จะประกาศต่อคนทั้งประเทศว่า เขาเจอตัวจริงแล้ว
  แถมตัวจริงที่ว่ายังเป็นหนุ่มน้อยแสนธรรมดา ไม่ได้ฉูดฉาดจากการปรุงแต่งเหมือนที่เจ้าตัวเคยนิยมชมชอบและควงคู่ด้วย
“คุณแจ๊คค่ะ จริงหรือเปล่าคะที่ตอนนี้คุณแจ๊คมีแฟนแล้ว” นักสาวปืนไวคนหนึ่งชิงสัมภาสน์เป็นคนแรก
“ครับ จริงครับ” เขายอมรับ ทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นแซ่ เขาค่อยปรามทุกคน ก่อนจะให้ถามคำถามต่อมา
“แล้วพอจะบอกได้ไหมครับว่าคบกันกี่เดือนแล้ว”
ชายหนุ่มเริ่มสร้างข้อมูล “เดือนนึงครับ” เขาตอบโดยไม่ลังเล
“แล้วน้องคนนี้เป็นใครคะ”
“คำถามนี้ผมไม่ตอบนะครับ” เขายิ้มเฉียบ ทำให้นักข่าวคนที่ถามหลบตาเขาด้วยความเข็ด
“แล้วเจอกันได้ยังไงคะ”
“เจอกันที่ร้านหนังสือครับ ผมเข้าไปจีบเค้าเอง” เขาตอบเสร็จสรรพแบบมั่นใจ เรียกเสียงฮิ้วจากบรรดานักข่าวทั้งหลาย
“เอ่อ แล้วภาพ ที่มีปาปารัสซี่ถ่ายได้ว่าคุณแจ๊คตามไปง้อน้องเค้าที่โรงแรมนี่ เป็นมายังไงคะ”
“สำหรับรูปนั้นเหรอครับ ก็ วันนั้นพาไปกินข้าวหน่ะครับ ก็มีงอนกันเล็กน้อย แต่ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วครับ”
“เอ่อ แล้วจริงไหมคะ ที่บอกว่าตอนนี้แฟนคุณแจ๊คเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล”
“จริงครับจริง คือ ที่ผมมานี่เพราะพวกคุณโดยเฉพาะเลยนะครับ ปกติผมไปอยู่กับเค้าที่โรงพยาบาล”
“เอ่อ แล้วจริงไหมคะ ที่บอกว่า น้องเค้าเข้าโรงพยาบาลเพราะ เอ่อ....” นักข่าวสาวทำหน้าบอกไม่ถูกเพราะแหล่งข่าวใส่สีมาว่า แฟนของพลกฤษณ์ที่ว่านี้มีอาการฟ้าเหลืองจากภารกิจรักจนต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล
ประกอบกับกิติศัพท์ของวงในจากบรรดาคู่ขาเก่า ๆ ที่ร่ำลือกันว่าพลกฤษณ์นอกจากจะเพียบพร้อมไปด้วยเครื่องเพศและลีลากามรสแล้ว เขาเป็นหนุ่มพลังร้อยแรงม้าตัวจริงอีกด้วย ครั้งหนึ่งมีข่าวหน้าหนึ่งของพระเอกวัยรุ่นหน้าใสเข้าโรงพยาบาลเพราะไม่สบายจากอาการดังกล่าว ก็เป็นที่รู้กันเฉพาะวงในกันว่าเป็นฝีมือชายหนุ่ม ทำให้ต้องปิดข่าวเรื่องนี้กันให้วุ่น
   “อะไรครับ มีอะไรเหรอ”
“เอ่อ เข้าโรงพยาบาลเพราะคุณแจ๊ค เอ่อ..ไม่ยั้งหน่ะค่ะ” หญิงสาวที่ถือเครื่องอัดเสียงอยู่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบากเพราะเรียบเรียงคำพูดออกมาไม่ถูก
“อะไรไม่ยั้งนะครับ” เขาคลับคล้ายคลับคลา แต่ก็อยากถามนักข่าวเพื่อความแน่ใจ
“เอ่อ คุณแจ๊คจัดชุดใหญ่ให้น้องเค้าบนเตียงหน่ะค่ะ” นักข่าวอีกคนช่วยเรียงคำพูดออกมาอย่างยากเย็น “จริงหรือเปล่าคะ ที่ชุดใหญ่ที่ว่าทำให้น้องเค้าเข้าโรงพยาบาล”
“ไม่ใช่ครับ จะบ้าเหรอ! ผมยังไม่ได้อยู่ด้วยกัน” เขาปฎิเสธ เรียกเสียงอ้าวจากทุกคนถ้วนหน้า
“นี่พวกคุณให้เกียรติแฟนผมบ้างนะครับ ถึงเราจะเป็นอย่างนี้ แต่ก็ไม่ได้ใจง่ายกันซะทุกคนนะครับ แฟนผมเค้าเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะครับ คุณเห็นใจเค้าบ้างสิ”
พลกฤษณ์ฉุนแทน เพราะชักจะมากเกินไปแล้วสำหรับคำถามที่ล้ำเส้นส่วนตัวและเหยียบย่ำศักดิ์ศรี
“ผมไม่เคยเห็นพวกคุณถามคนอื่นเรื่องส่วนตัวแนวนี้เลย ทำไมถึงต้องถามเฉพาะเจาะจงกับเกย์อย่างผมจังเลยครับ”
นักข่าวทั้งหลายหน้าเจื่อนลง แต่มีอีกคนที่ถามคำถามนี้เพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น
“แล้วคุณแจ๊คพาน้องคนนี้ไปเจอที่บ้านหรือยังครับ”
“เจอแล้วครั้งนึงครับ และผมก็เคยคุยกับแม่ของน้องเค้าแล้วด้วย ในฐานะ แฟนของลูกเค้า”
“แสดงว่าน้องคนนี้คือตัวจริงของคุณแจ๊คอย่างที่บอกมาหน่ะสิครับ”
“ครับใช่ครับ” เขายอมรับ ท่ามกลางเสียงฮือฮาในความเป็นคนตรงไปตรงมาของพลกฤษณ์
“โอเคคับ หมดเรื่องแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ” เขาเดินออกไปจากโชว์รูมอย่างรวดเร็วเพื่อกลับไปตั้งหลักที่บ้านเพื่อเปลี่ยนรถอีกคันไปโรงพยาบาลเป็นการป้องกันนักข่าวตามประกบ

ศิริพจน์กับแคทเธอรีนพาพีร์ที่นั่งรถเข็นไปเปลี่ยนบรรยากาศข้างล่างกลับขึ้นมาที่ห้องอย่างสดใส พีร์คอยสังเกตว่าคนทั้งสองเป็นอย่างไร และก็พบว่าทั้งสองเข้ากันได้ดีมากเพราะชอบคุยกันในเรื่องที่เขาไม่รู้เรื่องเหมือนกัน และแคทเธอรีนก็ดูเหมาะสมกับศิริพจน์มาก ๆ ในสายตาเขา ก็ทำให้เขาวางใจที่จะเห็นศิริพจน์มีความสุขในชีวิตข้างหน้า

  “ขอดูทีวีหน่อยนะ” ศิริพจน์เปิดทีวี ขณะที่แคทเธอรีนช่วยพยุงพีร์ให้นั่งบนเตียง
เขาเปิดไปเจอข่าวบันเทิงรอบเย็นพอดี ผู้ประกาศบอกว่า
“มีข่าวด่วนล่าสุดค่ะ แจ๊คตัวพ่อออกมารับแล้วนะคะว่าหนุ่มน้อยปริศนาที่ปาปารัสซี่ถ่ายรูปได้เป็นแฟนตัวจริงค่ะ”
“เฮ้ย !พี่แจ๊ค” ศิริพจน์ตกใจ ไม่เชื่อว่าจะเรื่องที่พลกฤษณ์เคยเล่าให้ฟังจะใหญ่โตขนาดนี้  ในโทรทัศน์ปรากฎภาพการสัมภาสน์ของพลกฤษณ์ในการตอบคำถามเรื่องนี้ พีร์เองรู้สึกงง และก็แอบโกรธคนในทีวีนิด ๆ ส่วนแคทเธอรีนนั้นงงที่เห็นพลกฤษณ์หายไปเพื่อไปออกทีวี ศิริพจน์ตั้งใจดูการสัมภาสน์นั้นและยิ้มนิด ๆ อย่างชื่นชมชายหนุ่มรุ่นพี่

“แสดงว่าน้องคนนี้คือตัวจริงของคุณแจ๊คอย่างที่บอกมาหน่ะสิครับ”
“ครับใช่ครับ”

พีร์ดูทีวีด้วยสีหน้าบึ้งตึงอย่างหมั่นไส้ เขาคิดว่า “ขี้ตู่นี่นา ผมไปเป็นแฟนคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ โกหกชัด ๆ”
 เขาคิดว่าถ้าชายหนุ่มกลับมา เขาคงต้องมีถามบ้างหล่ะว่าทำไมพลกฤษณ์ถึงตอบอย่างนั้น

ปล. ก๊อ แปลว่าพี่ชาย ในการเรียกแบบจีนกวางตุ้งค่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 25-05-2010 17:44:26
ม้ามืดตัวจริงเสียงจริงมาเเล้วค้า

ขอคนนี้สุดท้ายเเล้วนะคะ สงสารน้องพีเหลือเกิน ซิกๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: wowhaha ที่ 25-05-2010 18:19:37
นั่น...ว่าแล้วงัย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 25-05-2010 18:27:02
เมื่อไหร่ชีวิตน้องพีจะสงบสุขสักทีน้า

ปล. อยากฆ่าอิพี่หยกว้อยยยยยยยยย  :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 25-05-2010 18:47:37
เย้........ไม่ต้องเหงาเศร้าอ้างว้างอีกแล้วมั้งค่ะ นังหนูพีร์ แต่อีป้าแก่ๆ ว่า

อนาคตก็ต้องปล่อยให้กาลเวลาชักนำกันไปละค่ะ มีอะไรก็ค่อยๆคุยกันดีไหมค่ะ 555

ป.ล. หนูพีร์นี่ เหมือนอีป้าแก่ๆจัง สวยเลือกได้ 555 +1
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: jantaro ที่ 25-05-2010 19:33:57
ซับซ้อนจิงๆๆเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 25-05-2010 23:13:41
ดูเหมือนพจน์จะโอเคแล้ว   แต่น้องพีร์ยังเหมือนตุ๊กตาของเล่นที่่ใครก็โยนกันไปมา
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Lucio ที่ 25-05-2010 23:57:28
โอ๊วว พี่แจ๊คม้ามืด 55+
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 26-05-2010 00:51:01
ลองของ "3"

อิอิ

ตัวจริง มาแล้นนนน
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 26-05-2010 01:19:03
เป็นของเล่นหรือไม่ก็อยู่ที่ตัวพีร์นินา ถ้าทำตัวอ่อนปวกเปียก ไม่ยืนหยัดเชิดหน้าเลือกทางเดินชีวิต ก็คงต้องโดนคนนู้นคนนี้ลากไปลากมาอย่างนี้แหละ

ปล . เริ่มเชียร์แจ๊คซะงั้น  :laugh: เปิดเผยดี ไม่มีลับคมใน ไม่แคร์สื่อ ชีวิตเป็นของชั้นไม่มีใครบงการ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 26-05-2010 11:39:13
อ้าวๆๆๆ ตาอยู่ทำท่าทางจะโผล่มาซะงั้น  :interest:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 26-05-2010 15:34:21
พจน์นี่แบบว่า บทจะปล่อยมือจากพีร์ง่ายๆก็ง่ายเหลือเกิน...เฮ้ออออ....

อิพี่หยก..ไม่เชียร์แกแล้ว..ทำไว้เยอะเกิน...

ขอให้พลกฤษณ์เป็นรักแท้จริงๆของน้องพีร์
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: JAROEN ที่ 26-05-2010 17:16:53
 :call:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 26-05-2010 21:10:23
ภาคต่อ ตอนที่ 25


  ศิลาเองที่เพิ่งดูข่าวบันเทิงเมื่อครู่จบ เขาก็รู้สึกสับสนใจตัวเพื่อนอย่างบอกไม่ถูก
การที่พลกฤษณ์ออกมาให้สัมภาสน์ว่าพีร์เป็นคนรัก มันทำให้เขารู้สึกตกใจและขัดเคืองเพื่อนตามมา
และจากการที่เพื่อนเขาชอบพูดทำนองว่าเขาไม่เคยสนใจจิตใจของพีร์บ่อย ๆ บวกกับเรื่องที่ไม่ให้เขาไปเยี่ยมพีร์ที่โรงพยาบาล มันยิ่งทำให้เขาแน่ใจแล้วว่า พลกฤษณ์นั้นมีใจให้พีร์อย่างแน่นอน
  เขากำหมัดแน่น พยายามสงบสติอารมณ์ เรื่องนี้ยังไงเขาก็ต้องพูดกับเพื่อนตัวเองให้รู้เรื่อง

    พลกฤษณ์กลับมาที่โรงพยาบาลก็พบว่าศิริพจน์และแคทเธอรีนนั้นยังคงอยู่เป็นเพื่อนพีร์ พอคนทั้งสองเห็นว่าชายหนุ่มกลับมาแล้วก็ยิ้มให้อย่างชื่นชม ต่างจากพีร์ที่มองหน้าพลกฤษณ์แบบเหวี่ยง ๆ  พลกฤษณ์พอจะเดาได้ว่า ทุกคนคงจะได้ดูข่าวบันเทิงที่เขาได้ให้สัมภาสน์กันเรียบร้อยแล้ว เขายิ้มให้ทุกคนแบบเสียไม่ได้
“ป่ะ แคท พี่แจ็คกลับมาแล้ว พวกเราก็ กลับกันดีกว่า” ศิริพจน์ชักชวนแคทเธอรีนกลับ เพราะพลกฤษณ์กับพีร์จะได้ปรับความเข้าใจกัน
“ค่ะ ใช่”
“เอ่อ เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ” เพราะเขาอยากจะคุยอะไรกับศิริพจน์อีก ชายหนุ่มจึงขอตามไปส่ง
“อ่อ ครับ” เขารับคำ “พี ผมไปก่อนนะ” ศิริพจน์เข้าไปลูบผมพีร์เบา ๆ “ดูแลตัวเองดี ๆ นะ ถ้าว่างผมจะมาหาใหม่นะ”
“อืม ๆ” เขายิ้มรับ พร้อมมองไปที่แคทเธอรีนอย่างขอฝากศิริพจน์ด้วย เธอรับรู้และพยักหน้ายินดี
“ถ้าไม่รังเกียจ เอ่อ ก็มางานหมั้น..นะคะ” เธอชวนพีร์อย่างกล้า ๆ กลัวๆ เพราะถึงแม้เรื่องของเขาสองคนจะจบลงไปแล้ว แต่เธอก็ไม่อยากพูดอะไรกระทบกระเทือนใจพีร์
“ครับ” เขารับคำ และคนทั้งสองก็ขอตัวออกไปโดยที่พลกฤษณ์เป็นคนไปส่ง

“พี่แจ๊ค โหเมื่อกี๊สุดยอดมากเลยพี่” ศิริพจน์พูดถึงเมื่อครู่ที่เขาเห็นในโทรทัศน์ ขณะที่เดินมากับชายหนุ่ม
“ทำไมวะ”
“ก็แบบ พี่แมนมากเลยอ่ะคับ ที่ออกมาปกป้องพีแบบนี้” เขายิ้มชื่นชม “ผมดีใจนะครับที่ต่อไปนี้พีจะมีพี่คอยปกป้อง”
“เฮ้ย ไม่ถึงขนาดนั้น น้องเขาก็มีพ่อมีแม่จริง ๆ ไหมล่ะ ไหน ๆ เขารู้ว่าลูกเป็นเกย์แล้ว รู้ว่าเป็นแฟนพี่อีกอย่างก็คงจะรู้สึกดีขึ้นมั๊ง เออ ว่าแต่ไม่โกรธพี่มั่งหรือไงหะ ที่พี่พูดอย่างนั้น”
ชายหนุ่มรุ่นน้องส่ายหน้า “ไม่ครับ ผมดีใจซะอีก ที่ต่อไปนี้พีจะคนดี ๆ อย่างพีดูแลต่อจากผม”
พลกฤษณ์มองหน้างง ๆ “เฮ้ย ไอ้พจ พี่ก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้น พี่ไม่ได้คิดจะจีบน้องเขาเลยนะ” เขาสมทบต่อ “อีกอย่าง น้องพีไม่ใช่ตุ๊กตานะเว้ย ที่จะมาโยนให้คนอื่นไปมาอย่างนี้ น้องเขาก็มีสิทธิที่จะไม่อยู่กับพี่ก็ได้”
“ก็ครับ พีไม่ใช่ตุ๊กตาไง ถึงต้องมีคนมาดูแล” เขาพูดต่ออย่างเป็นห่วง “ที่ผ่านมา ผมยอมรับว่าผมชอบเค้า พอผมรู้เรื่องของเค้ากับพี่หยก ผมก็รู้สึกสงสารที่เค้าต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ แต่ผมก็ทนไม่ได้จริง ๆ ตรงที่พี่หยกทำรุนแรงกับเค้า”
เขาถอนหายใจ “ผมก็เลยเดินหน้าเข้าไปหาเค้าเพราะเค้าจะได้ไม่ต้องอยู่กับคนใจร้ายอย่างพี่หยกอีกต่อไป เพราะว่าผมรักเค้ามากไงครับ ทั้ง ๆ ที่ผมก็รู้ว่าเค้ายังรักพี่หยกก็ตาม แต่ผมดีใจนะครับที่เค้าก็เลือกผมให้เป็นคนดูแล และก็รักผมบ้างเหมือนกัน”
พลกฤษณ์ส่งสายตาว่าเข้าใจ “อืม แต่ทำไมแกถึงไว้ใจพี่ล่ะ ไม่รู้เหรอว่าคนอื่นเค้าว่าพี่เป็นคนยังไง”
“ผมว่าก็ดีกว่าอยู่กับพี่หยกนะครับ”
“แล้วถ้าน้องเค้ารักของเค้าล่ะ”
ศิริพจน์ตอบมาอย่างจนใจ “สุดแท้แต่ใจของเค้าแล้วหล่ะครับทีนี้ แต่ยังไงผมก็ขอบคุณพี่แจ๊คนะครับสำหรับทุกเรื่อง” เขายกมือไหว้รุ่นพี่
พลกฤษณ์ตบไหล่เบา ๆ “เออ ไม่เป็นไร ๆ แล้วนี่ไปไหนกันต่อล่ะสองคน”
“เดี๋ยวคงกลับไปทานข้าวกับคุณพ่อคุณแม่ของพจหน่ะค่ะ” แคทเธอรีนตอบไป
“อืม โอเค มีอะไรก็โทรหาพี่ได้นะทั้งสองคนเลย”
“ครับ ขอบคุณมากนะครับพี่แจ๊ค”
“อืม ๆ” เขาพยักหน้าให้รุ่นน้องพี่ยกมือไหว้ ก่อนจะขึ้นไปห้องพักของพีร์

เมื่อเขาขึ้นไปก็พบว่าศิลานั้นอยู่กับพีร์ในห้องพัก พีร์นั้นมองพลกฤษณ์แบบขอความช่วยเหลือ พลกฤษณ์เข้าไปหาพีร์ทันทีอย่างเป็นห่วงเพราะกลัวว่าพีร์จะร้องไห้จนหมดสติไปอีกครั้ง
“คุณแจ๊ค...”
“ไอ้หยก ชั้นบอกแล้วไงว่าอย่าเพิ่งมาตอนนี้”
“อย่าเพิ่งมาตอนนี้หรือไม่ต้องมาอีกเลยหะไอ้แจ๊ค” ศิลาถามอย่างขุ่นเคือง พลกฤษณ์จึงต้องลากตัวเพื่อนออกไปคุยกันข้างนอก
“แกมานานยัง” เขาถามศิลาอย่างนี้เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรให้พีร์เสียใจเข้าไปอีก
“ทำไมวะ ชั้นจะทำอะไรแกเกี่ยวอะไรด้วย”
“เกี่ยวสิวะ” เขาตอบทันควัน ทำให้ศิลามองหน้าเพื่อนอย่าง หาคำตอบ “น้องพีอาการดีขึ้นแล้ว ถ้าเค้าเป็นอะไรไปอีกแกช่วยได้ไหม”
“ไอ้แจ๊ค ชั้นถามแกตรง ๆ และแกก็ตอบชั้นตรง ๆ ที่แกบอกนักข่าวว่าน้องพีเป็นตัวจริงของแก แกทำไปเพื่ออะไรวะ”
“ก็เพื่อน้องพีไง” ศิลาชะงัก ไม่คิดว่าเพื่อนจะตอบแบบนี้
“ไหน ๆ  แม่เค้าก็รู้แล้วว่าลูกเป็นเกย์เพราะใคร ชั้นก็ควรรับผิดชอบในสิ่งที่ชั้นทำ”
เขาพูดต่อ “เอาสิ ถ้าแกอยากจะด่าอะไรชั้นเรื่องนี้แกก็เอาเลย”
ศิลาไม่รู้จะเถียงอะไรต่อเพราะจนด้วยเหตุผล เขาจึงเดินออกไปทันที
พลกฤษณ์ส่ายหน้ากับเพื่อน เพราะตั้งแต่ศิลามีพีร์ ทำให้ชายหนุ่มผู้แสนเงียบขรึมและเก็บอารมณ์เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาเปิดประตูเข้าไปในห้องพักของพีร์ เพื่อดูอาการ
“คุณแจ๊ค พี่หยกกลับไปแล้วเหรอ...” พีร์ถามเศร้า ๆ
“อืม...” เขาตอบรับ “แล้วตอนมันเข้ามาหาคุณหน่ะ มันพูดอะไรกับคุณมั่ง”
“เปล่า..คือเค้าก็เข้ามาถามว่าผมเป็นยังไงมั่งตามเคย”
“ดีใจไหมที่มันมาเยี่ยม”
พีร์พยักหน้าเศร้า ๆ “ก็ไม่รู้สิ มันก็ดีใจนะ แต่ก็รู้สึกแย่ตรงที่...” พีร์ทำหน้าเหมือนไม่อยากพูดออกมาตรงที่ทำให้ความหวังและชีวิตที่เขาฝันไว้มันพังลง
“เอาน่า...ผมเข้าใจ” เขาพูดปลอบพีร์
“ว่าแต่ คุณแจ๊ค”
“หึ?”
“ทำไมคุณบอกกับนักข่าวอย่างนั้นล่ะ เรื่องของผมอ่ะ” พีร์ถามด้วยความไม่พอใจเล็ก ๆ เพราะจากการที่พลกฤษณ์เป็นห่วงเขา เลยทำให้เขาลดความเหวี่ยงเมื่อสักครู่ของเขาลงได้
“แล้วจะให้ผมบอกว่า อ่อ ไม่ใช่ครับ น้องคนนั้นเป็นเด็กเพื่อนผม งั้นเหรอ”
พีร์เงียบเมื่อได้ยินอย่างนี้
“แล้วพ่อแม่ผมล่ะ”
“อ่อ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้น เพราะผมคุยกับพ่อแม่คุณเรียบร้อยแล้ว”
พีร์หันควับทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น “หะ! อะไรนะ คุณคุยกับพ่อแม่ผมว่าไง”
“แม่คุณเค้าถามผมว่า ผมเป็นแฟนคุณใช่ไหม ผมก็บอกว่าใช่”
พีร์อึ้งไป พลกฤษณ์พูดต่อ “ผมบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงคุณนะ เพราะผมดูแลอยู่”
“ได้ไงอ่ะ!” หนุ่มน้อยแหวขึ้นมาทันที  “แล้วคุณพูดอะไรกับแม่ผมอีก บอกมาให้หมดนะ”
“ก็บอกว่า วันศุกร์หน้าผมกับคุณจะลงไปหาที่หาดใหญ่”
“โอ๊ยยยย ตายล่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“คุณแจ็ค ไม่คิดมั่งเหรอว่าพ่อแม่ผมจะทำใจได้ไหม คุณไม่รับผิดชอบมั่งเลยนะ”
เขาตอบทันที “ก็นี่ไง ผมกำลังรับผิดชอบคุณอยู่”
“พอเถอะ ไม่คิดจะถามผมมั่งเหรอว่าผมเต็มใจไหม”
“ไม่รู้ล่ะ ผมต้องรับผิดชอบคุณ” เขาพูดเด็ดขาด ทำให้พีร์เลิกเถียงแต่ก็ทำหน้าบึงตึงใส่เขาแบบขัดใจ “พรุ่งนี้คุณออกจากโรงพยาบาล พ่อกับแม่ผมบอกว่าให้คุณไปอยู่บ้านผมก่อนนะ”
“ไม่ ผมจะไปหางานใหม่ หาหอใหม่อยู่ก็ได้”
“นี่คุณ แล้วชอบเหรอที่ไปไหนมีแต่คนมอง มีแต่คนรู้ว่าเป็นแฟนผม”
“ใครเป็นแฟนคุณ พูดเองเออเองคนเดียวชัด ๆ”
“ก็ตามสบาย แต่อย่ามาน้ำตาร่วงตอนเจอพวกปากหมามันถากถางเข้าละกัน”
พีร์ถอนหายใจอย่างขัดใจคนตรงหน้า พลางคิดในใจ “เชอะ คิดว่าเราดูแลตัวเองไม่ได้หรือไง”


และวันที่เขาต้องออกจากโรงพยาบาลก็มาถึง เขาจำต้องไปอยู่กับพลกฤษณ์ตามที่เจ้าตัวขอร้องแกมบังคับ เมื่อไปถึงที่บ้านก็พบว่าพ่อกับแม่ของเขาคอยต้อนรับอยู่อย่างใจดี
“สวัสดีครับ” พีร์ยกมือไหว้คนทั้งสองอย่างนอบน้อมตามเดิม
“สวัสดีจ้ะ มาอยู่กับลุงกับป้าก่อนนะหนู” หญิงวัยกลางคนใบหน้าลูกครึ่งฝรั่งผู้เป็นแม่ของพลกฤษณ์บอกกับเขาอย่างใจดี
“เอ่อ....”
“น่าลูก อย่าคิดอะไรมากเลย ไหน ๆ ลูกลุงมันก็จริงจังกับเราแล้ว มาอยู่กับลุงกับป้านี่หล่ะ” ผู้เป็นพ่อสมทบ
“ป๊าม้าครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ” พลกฤษณ์รีบร้อนออกไป
“อ่าได้ ๆ เดี๋ยวทางนี้ป๊าม้าดูเอง” คนเป็นพ่อรับคำ ก่อนจะหันมาพูดกับพี “ตามสบายนะลูก บ้านลุงอยู่กันหลายคน เดี๋ยวเย็น ๆ ลุงกับป้าจะแนะนำให้รู้จักทีเดียวเลยนะ”
“ครับ ขอบคุณครับ” เขายกมือไหว้อีกครั้ง ทำให้คนทั้งสองมองเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดู
ท่าทางที่เรียบร้อย มีสัมมาคารวะ ทำให้ได้ใจคนเป็นพ่อแม่ของพลกฤษณ์ไปส่วนหนึ่ง
“คุณหนูคะ !รอพี่เฮียงก่อน...” เสียงแม่บ้านเหมือนจะเรียกตามใครสักกัน พีร์มองตามก็พบหนูน้อยวันสามขวบวิ่งร้องไห้จ้าออกมา
“ไม่เอา  ผมจะหาป่าป๊า..ป่าป๊าปายหนายยยยย” เด็กน้อยร้องไห้งอแง ทำให้ผู้เป็นปู่กับย่าต้องเข้าไปดู
“โอ๋ ๆ ไม่เอานะครับพอล คนเก่งของย่า” เธออุ้มหลานที่ร้องไห้จ้าขึ้นแล้วโยนเบา ๆ
“ใช่ ๆ เดี๋ยวป๊าป่าก็มา”
“ไม่มา ป่าป๊าทิ้งพอลไปแล้ว ฮือ ๆๆๆ”
“โอ๋ ๆๆ ใครทิ้งพอลของย่าไปหะ ไม่มี ๆๆ”
“ฮือ ๆๆ ป่าป๊าใจร้าย..” เด็กน้อยยังร้องไห้ต่อ พีร์เห็นอย่างนั้นจึงพูดว่า
“เอ๊ะ นี่หมีน้อยของใครเอ่ย..” เขาชี้ไปยังตุ๊กตาหมีที่เด็กชายถืออยู่
“ของโผมมม” เด็กน้อยตอบทันที
“แล้วหมีน้อยของน้องพอลชื่ออะไรครับเนี่ยะ”
“ชื่อบีโบ้” เด็กน้อยตอบใส ๆ แบบลืมความเศร้า
“เหรอ...ไหนขอน้าพีคุยกับบีโบ้หน่อยได้ไหม” เขาหยิบตุ๊กตาหมีขึ้นมาคุยด้วย “สวัสดีคับบีโบ้ นี่น้าพีเองนะ บีโบ้สบายดีไหม”
เด็กน้อยเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มหายเศร้า คนเป็นปู่ย่าด้วยเช่นกัน เธอค่อยปล่อยหลานชายลงพื้น พีร์คุกเข่าลงคุยกับเด็กน้อยอย่างเป็นมิตร
“น้องพอลคับ น้าพีขอเป็นเพื่อนกับบีโบ้ด้วยคนได้ไหม”
เด็กน้อยพยักหน้าอย่างดีใจ ท่ามกลางสายตายิ้มปลื้มของปู่กับย่า

  หลังจากที่เด็กน้อยหลับไปจากการเล่น พีร์ค่อยออกมาจากห้องของพอล คุณกำชัยและคุณเจนนีเฟอร์ก็ได้ชวนหนุ่มน้อยมากินข้าวกลางวันด้วยกัน
“ตาพอลเป็นไงมั่งล่ะพี”
“หลับไปแล้วครับ แล้วน้องพอลเป็นลูกของใครเหรอครับ”
“อ่อ เป็นลูกของตาโจหน่ะ พี่ชายคนที่สองของแจ็ค”
“อ่าครับ”
“ตาพอลแกน่าสงสารนะลูก แกขาดแม่หน่ะ”
“หะ..อะไรนะครับ”
“เมียของโจเสียชีวิตไปเมื่อปีก่อนหน่ะ เพราะรถชน”
“เสียใจด้วยนะครับ”
“อืม น่าสงสารจริง ๆ ยังไงลุงกับป้าก็ฝากน้องพีดูด้วยนะลูก”
“ครับ ๆ” เขารับคำ และนึกถึงแววตาสดใสของเด็กน้อยเมื่อครู่ขึ้นมา

“ว่าไง คุณ วันนี้เป็นไงมั่ง” พลกฤษณ์ถามขณะอยู่กับพีร์สองคนในห้องนั่งเล่น
“ก็ดีหน่ะ ผมเจอหลานคุณด้วยนะ แกน่ารักดี”
“เหรอ...”
“วันนี้แกเล่นกับผมทั้งวันเลยหล่ะ”
“อืม..” เขาตอบรับ คิดไว้ไม่ผิดว่าพีร์ต้องเป็นคนเข้ากับเด็กได้ พ่อกับแม่เขาบอกว่า หลานชายของเขา คิดพีร์แจตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมออกไปหางานทำนะ อย่ามาห้ามผม”
“อืม แล้วไม่กลัวตาพอลเสียใจเหรอ ที่คุณไม่อยู่กับแก”
พีร์แหวกลับ “นี่คุณอย่าเอาเด็กมาอ้างนะ”
“เปล่า ผมแค่เป็นห่วงหลานผม แกน่าสงสารนะ หยีก๊อออกไปทำงานทุกวัน ส่วนอาซ๊อก็ตายไปแล้ว หลานผมก็กลายเป็นเด็กขาดแม่ เฮ้ออ น่าสงสารจริง ๆ”
เขาพูดจบก็บอกพีว่า “ผมไปนอนก่อนนะ มีงานแต่เช้า อืม ห้องนอนของคุณอยู่ชั้นสองเลี้ยวซ้ายริมสุดนะ เจอกันล่ะ ฮ้าวววว” เขาไม่วายยียวนก่อนจาก ทิ้งให้พีร์ต้องนั่งลำบากใจกับคำพูดของเขา
“จะเอาหลานตัวเองมาอ้างล่ะสิ ไม่มีทาง!” เขานึกหมั่นไส้อาของน้องพอล ก่อนจะทำหน้าลำบากใจเมื่อนึกถึงเด็กชายตัวน้อย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 26-05-2010 21:20:39
เอิ่มๆๆๆ

พ่อน้องพอล(โจ) คงไม่มีส่วนร่วมในรักนี้นะครับ

แหะๆๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 26-05-2010 22:03:09
เอิ่มๆๆๆ

พ่อน้องพอล(โจ) คงไม่มีส่วนร่วมในรักนี้นะครับ

แหะๆๆ
ไม่มีหรอกค่า แต่น้องพอลนี่หล่ะค่ะจะเป็นผู้ช่วยอาแจ๊ค หุหุ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: JAROEN ที่ 27-05-2010 00:18:49
มาต่ออีกนะครับ   :call: :call: :call: :call: :call:

รออยู่นะครับ  :man1: :man1: :man1: :man1:

น้องพีร์จะทำอย่างไงต่อไปดีน๊า 

อยากเกิดเป็นน้องพีร์จัง มีแต่คนรักเต็มไปหมด
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 27-05-2010 00:46:28
เอิ่มๆๆๆ

พ่อน้องพอล(โจ) คงไม่มีส่วนร่วมในรักนี้นะครับ

แหะๆๆ
ไม่มีหรอกค่า แต่น้องพอลนี่หล่ะค่ะจะเป็นผู้ช่วยอาแจ๊ค หุหุ
พอเเล้วค้า สงสารหนูพีเหอะ แค่ผ่านมาก็สุดทนเเล้ว
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: tawornfung ที่ 27-05-2010 01:14:42
เรื่องท่าจะยาวนะเนี่ย ตอนเป็นเรื่องสั้น เราว่าอบอุ่นดี
แต่พอมีตอนต่อ ก็แสดงถึงธาตุแท้ของแต่ละคนอ่ะ
แบบว่าสุดท้ายเลยมองไม่ออกว่าจะจบยังไง
เป็นกำลังใจให้น้องพีร์แล้วกัน
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 27-05-2010 03:01:31
หวังว่าน้องพีร์จะเจอคนสุดท้ายแล้วน้า คนอ่านเศร้ามาเยอะแล้ว  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 27-05-2010 15:14:15
น้องพอลเป็นกามเทพตัวน้อยเหรอเนี่ย...คิกคิก น่ารักจัง
อาแจ็คเลยได้ทีเอาหลานมาอ้างเลย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 27-05-2010 15:26:26
ภาคต่อ ตอนที่ 26

 พีร์นั้นตื่นนอนขึ้นมาในห้องที่พลกฤษณ์จัดให้อย่างงัวเงีย เพราะเมื่อคืนเขานอนคิดอยู่ทั้งคืนเรื่องที่เขาจะไปหางานทำ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอม และประกอบกับว่าหลานชายตัวน้อยของเขานั้นมีท่าทางว่าจะติดเขาแทนพี่เลี้ยง
 เขาส่องกระจกมองตัวเอง และตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะไปหางานใหม่ทำในวันนี้
“ก๊อก ๆๆๆ” เสียงเคาะประตูคังขึ้น พีร์คิดว่าต้องเป็นพลกฤษณ์แน่ ๆ แต่ก็รู้ว่าคิดผิดเมื่อเสียงที่เรียกเขาเป็นพี่เลี้ยงของพอล
“คุณพีคะ คุณพีคะ”
“ครับ ๆ” เขาตอบรับและรีบเปิดประตู “ครับ มีอะไรเหรอครับพี่เฮียง”
“คุณหนูค่ะ คุณหนูไม่สบาย ไม่ยอมไปหาหมอค่ะ”
พีร์ตกใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาจึงรุดไปหาเด็กน้อยทันที
“น้องพอล..”
“น้าพีค๊าบบบ..” พอเด็กน้อยเห็นพีร์ก็ดีใจและร้องเรียกด้วยเสียงแหบแห้ง
เขาเข้าไปเอามืออังหน้าผากเด็กน้อยอย่างเป็นกังวล เมื่อเขารู้ว่าเด็กน้อยนั้นดื้อ ไม่ยอมไปโรงพยาบาล เขาจึงพูดว่า
“น้องพอลจะละลายแล้วนะคับ ไปเติมน้ำเย็นกันดีกว่า”
เด็กน้อยมองหน้างง ๆ แล้วบอกว่า “ละลาย ละลายยังไงคับ”
“ก็ น้องพอลจะค่อย ๆ หายไปเหมือนไปติมไงคับ เดี๋ยวน้าพีกับมาไม่เจอน้องพอล น้องพอลไม่เสียใจเหรอ”
“น้าพีจะไปไหนคับ” เด็กน้อยถามด้วยเสียงกังวล เพราะกลัวว่าพีร์จะทิ้งเขาไปอีกคน
“เอ่อ...” พีร์กลัวทำให้เด็กน้อยเศร้า จึงบอกว่า “อ๋อ น้าพีกลัวว่าน้องพอลจะลายลายไปตอนนี้ไง ถ้าไม่ไปเติมน้ำเย็นกับน้าพี”
“ถ้าน้องพอลละลายไปก็จะไม่ได้อยู่กับน้าพีใช่มั๊ยคับ”
พีร์พยักหน้าแบบเศร้า ๆ ทำให้เด็กน้อยตัดสินใจได้ “ไปคับ น้องพอลจะไปเติมน้ำเย็น น้องพอลอยากอยู่กับน้าพี”
พีร์ยิ้มดีใจและอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา เขานึกได้ว่าเช้าขนาดนี้พลกฤษณ์คงจะยังไม่ไปทำงาน เขาถึงถามแม่บ้านเบา ๆ
“เอ่อ พี่เฮียงครับ คุณแจ็คออกไปทำงานหรือยังคับ”
“ออ ออกไปทำงานกันหมดแล้วค่ะ เหลือแต่พี่กับป้าเง็กสองคนค่ะ”
หนุ่มน้อยถอยหายใจ นี่หล่ะหนา ชีวิตคนมีเงิน สนใจเรื่องนอกบ้านแต่ไม่มีเวลามาสนใจลูกหลาน เขาตัดสินใจเรียกแท็กซี่พาพอลไปหาหมอเด็กที่โรงพยาบาลที่พลกฤษณ์เคยพาเขาไป
 ตลอดทางพอลกอดร่างอวบของพีร์แน่นอย่างหาที่พึ่ง เด็กน้อยรู้สึกว่าพีร์มีความอารีกับเขาคล้ายแม่ที่จากไป ปกติพอลก็ติดพลกฤษณ์ผู้เป็นอามากกว่าบรรดาอาทุกคนอยู่แล้ว แต่เด็กน้อยรู้สึกว่าสมาชิกใหม่ในบ้านเขานั้นให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปจากอา ๆ ทั้งหลาย
“ไม่ต้องกลัวนะครับคนเก่ง” พีร์บอกเด็กน้อยที่กอดเขาแน่น เด็กน้อยพยักหน้าพลางนึกถึงสัมผัสของผู้เป็นแม่ที่จากไป

  เมื่อถึงโรงพยาบาล เขาก็ส่งต่อให้เจ้าหน้าที่แต่ก็ไม่ลืมเกาะติดไปกับเด็กน้อยด้วยความเป็นห่วง เขาโทรหาพลกฤษณ์เพื่อบอกว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น
“ฮัลโหล คุณแจ๊ค..”
“ว่าไง...” พลกฤษณ์รับสายด้วยเสียงยียวน เขาคิดว่าพีร์คงจะเจอปัญหาในการหางานเข้าซะแล้ว
“คุณ น้องพอลตัวร้อนจี๋เลยอ่ะ”
“หะ...” เขาใจหล่นไปอยู่ที่เท้าเมื่อได้ฟังว่าหลานชายสุดที่รักของเขาเป็นอย่างไร
“แล้ว ตอนนี้คุณอยู่ไหนเนี่ยะ”
“อ่อ ผมพาน้องพอลมาที่โรงพยาบาลแล้ว โรงพยาบาลที่คุณพาผมไปอ่ะ”
“โอเค ผมจะไปเดี๋ยวนี้” เขารีบออกไปทันที ไม่ว่าเขาจะยุ่งเรื่องงานแค่ไหน แต่สำหรับหลานชายของเขาแล้ว เขาก็พร้อมที่จะทำให้ทุกอย่าง

เมื่อเขาไปถึงโรงพยาบาล เขาก็พบว่าพีร์นั้นกำลังอุ้มหลานชายตัวน้อยของเขาไว้บนตัก เขาจึงรีบเข้าไปหาคนทั้งสองอย่างเป็นห่วง
“อาแจ๊ค....” เด็กน้อยร้องหาผู้เป็นอา พีร์จึงส่งตัวไปให้อีกฝ่ายอุ้ม
“น้องพอล..” เขากอดหลานชายอย่างคลายกังวล แล้วหันไปถามพีร์ “น้องพอลเป็นไงมั่งคุณ”
“เป็นไข้ธรรมดาหน่ะ แต่แกไม่ยอมกินข้าวไง ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น”
“ทำไมน้องพอลไม่ยอมกินข้าวล่ะครับ”
“น้องพอลอยากกินกับป่าป๊า” เด็กน้อยตอบไปอย่างใสซื่อ ทำให้คนทั้งสองก็จนใจอยู่เหมือนกัน

“คุณแจ๊ค พ่อน้องพอลเค้ายังอยู่เมืองไทยหรือเปล่าครับ” พีร์ถามขณะที่พลกฤษณ์ขับรถมาส่งพวกเขา
“อืม ใช่ แต่หยีก๊อ เอ่อ พี่โจหน่ะ เค้าเป็นสถาปนิก เค้าเลยย้ายออกไปอยู่คนเดียว และก็เอาหลานมาให้ป๊ากับม้าและพวกผมเลี้ยง”
พีร์ตอบรับ พร้อมกับลูบผมหลานชายตัวน้อยที่นอนหลับอยู่ในอก
เขาพูดต่อ “บ้านผมหน่ะ คนเยอะก็จริง น่าจะดูแลพอลดี ถูกไหม แต่ผมว่าสำหรับพอลแล้ว เค้าก็คงไม่ต้องการใครนอกจากพ่อของเค้าหรอก”
“พีคับ คุณอยู่กับหลานผมได้ไหม” พลกฤษณ์ขอร้องจากใจ เพราะ ณ ตอนนี้คงไม่มีใครช่วยหลานเขาได้นอกจากเขากับพีร์แล้ว
“นะครับ”
พีร์นั้นลืมเรื่องที่ตั้งแง่กับพลกฤษณ์ไปเสียสิ้น เขาตอบรับอย่างง่ายดาย “ครับ ผมจะอยู่กับน้องพอล”
พลกฤษณ์ยิ้มให้เขาอย่างขอบคุณ เขาเชื่อแล้วหล่ะว่า พีร์นั้นเริ่มเป็นห่วงหลานชายเขาอย่างที่เขาคิดไว้จริง ๆ

แต่พีร์ก็อยู่ดูแลเด็กน้อยได้สองวัน เพราะพอลอาการดีขึ้นจึงต้องไปโรงเรียน เขาไม่อยากไปโรงเรียนเพราะต้องอยู่ไกลจากพีร์ แต่พอพีร์สัญญาว่าจะไปรับทุกเย็น ทำให้เด็กน้อยดีใจเป็นที่สุด
  เพราะหน้าที่ไปรับเขาตอนไปโรงเรียนนั้นเป็นของพลกฤษณ์ แต่เด็กน้อยก็อยากให้พีร์ไปรับเขากับผู้เป็นอาเช่นกัน
เพราะมันทำให้เด็กน้อยรู้สึกว่าตัวเองไม่ขาดครอบครัวอีกต่อไป หลังจากที่เขาเห็นพีร์กับอาของเขาอยู่กับเขาที่โรงพยาบาลในตอนนั้น
   แต่เมื่อเด็กน้อยไปโรงเรียน พีร์ก็รู้สึกเหงาขึ้นมาทันที เพราะที่บ้านของพลกฤษณ์ก็มีคนทำงานบ้านอยู่แล้ว แถมพ่อแม่ของพลกฤษณ์ยังกำชับคนรับใช้เหล่านั้นว่าอย่าให้พีร์ต้องลำบากในแต่ละเรื่อง พีร์จึงต้องอยู่กับความเซ็งเพราะไม่มีอะไรทำ นอกเสียจากตอนเย็นที่เขาต้องนั่งรถเมล์หรือแท็กซี่ไปรับพอล โดยมีพลกฤษณ์มารับเด็กน้อยกับเขาอีกที เพื่อจะมาส่งที่บ้านก่อนที่เขาจะไปทำงานต่อที่โชว์รูม
“ทำงานเป็นด้วยเหรอ นึกว่าดีแต่ไปหาเด็ก” เขาหมั่นไส้พลกฤษณ์นัก เพราะเขาไม่เคยคิดว่า พลกฤษณ์จะเป็นคนจริงจังกับงาน นอกจากจะสนุกไปวัน ๆ

   จนวันที่สามเขาถึงกับทนไม่ได้ เขาออกปากขอร้องพลกฤษณ์ว่าเขาไม่อยากอยู่บ้านชายหนุ่มฟรี ๆ จึงขอไปทำงานกับเขาด้วย พลกฤษณ์ไม่อยากให้ไปเพราะกลัวพีร์จะไม่ชอบ เพราะท่าทางพีร์จะไม่ชอบเครื่องยนต์กลไกลอะไรเลย แต่ก็ทนเสียงรบเร้าจากพีร์ไม่ได้ เขาจึงพาพีร์ไปทำงานด้วยในวันต่อมา
“แล้วให้ผมทำอะไรมั่งเนี่ยะ” เขาถามอย่างกระตือรือร้น
“อืม คอยรับโทรศัพท์ให้ผมก็ละกัน”
“หะ รับโทรศัพท์เหรอ”
“ใช่ สำคัญนะ ตำแหน่งนี้” เขาดันตัวพีร์ให้มานั่งที่โต๊ะฝ่ายติดต่อ “อ่ะ นั่งนี่” แล้วหันบอกพนักงานสาวทุกคนอย่างกันเองว่า
“แฟนผมเอง เค้าอยากมาช่วย รบกวนพวกคุณสอนเค้าหน่อยนะครับ” เขากล่าวยิ้ม ๆ พนักงานทุกคนก็ตอบรับเขาอย่างจริงใจ แต่พีร์นึกหมั่นไส้คนช่างพูด
“ไม่ต้องบอกว่าเป็นแฟนก็ได้..” เขามองค้อน ๆ ทำให้คนรอบข้างยิ้มขำกับแฟนเจ้านายตัวเอง

“อ้าว จิมเป็นอะไรมาวะเนี่ยะ” พลกฤษณ์หันไปถามน้องชายตัวเองที่เดินกุมศรีษะที่เหมือนถูกตีเข้ามาในที่ทำงาน
“ก็เจอคนตีกันสิก๊อ ผมนัดลูกค้าไว้บ่ายโมง แต่รถติดมาก ไม่ทันแน่ ๆ เลยต่อมอไซค์ ขากลับก็นั่งมอไซค์มามาบุญครอง แต่ก็โดนลูกหลงเข้าซะได้”
“เออ ไอ้นี่ เจ็บแล้วทำไมไม่ไปโรงบาลวะ”
“อ่อ พอดีว่า ต้องเอาเรื่องด่วนของลูกค้ามาส่งฝ่ายชั่งหน่ะ เลยกลับมาทิ้งไว้ก่อนค่อยไป”
“ไอ้บ้า ทีหลังไปก่อนเลย แล้วให้เด็กตามไปเอาก็ได้” เขาตำหนิน้องตัวเอง “เออ ไปทำแผลก่อนไป เดี๋ยวก๊อให้พีทำให้”
“พี...อ่อ แฟนก๊อหน่ะหรอ”
“เออ ๆ ไอ้นี่ เดี๋ยวปั๊ด..” เขาพาน้องตัวเองไปหาพีที่ทำงานอยู่ในห้อง ก่อนจะออกมาทำงานของตัวเองต่อ
“พี คุณทำแผลให้ไอ้จิมหน่อยสิ” พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็รีบลุกมาดู
“ตายแล้ว..” เขามองเห็นศุภกฤษณ์ที่เลือดอาบ เพราะบริเวณหน้าผากโดนตีเป็นแผล พนักงานที่เหลือเห็นอย่างนั้นก็รีบไปเอากล่องปฐมพยาบาลมาให้
พีร์ค่อยใช้แอลกอฮอล์เช็ดแผลอย่างเบามือ และทายาฆ่าเชื้อตามลงไปและใช้ผ้าปิดแผลเป็นขั้นตอนสุดท้าย
“เสร็จแล้วคับ” เขาพูดกับอีกฝ่ายที่ทำหน้ากังวลอยู่
“คับ ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณ ก่อนจะออกไปจากห้อง

“เฮ้ยย จิม เป็นไงมั่งวะ” พลกฤษณ์เข้ามาถามน้องตัวเองทันที
“อ่อ เจ็บสิก๊อ”
“ไม่ใช่ ๆ ก๊อจะถามว่า พีเค้าทำแผลให้แกเป็นไงมั่ง มือหนักไหม”
เขาทำหน้าแบบเพิ่งนึกออก “แหม นึกว่าอะไร ผมก็นึกว่าก๊อเป็นห่วงผม”
“ก็เป็นห่วง แต่ชั้นรู้ว่าแกไม่ตายเพราะเรื่องแค่นี้หรอก ชั้นก็อยากรู้ว่าพีเค้ามือหนักไหมเวลาทำแผล”
“สบายใจได้ก๊อ แฟนก๊อมือเบามาก เบาจนผมนึกว่าเป็นผู้หญิงมาทำแผลให้ นี่ถ้าหลับตานะผมก็คิดว่าต้องเป็นพยาบาลสวย ๆ มาทำให้แน่ ๆ”
“เออ ๆ แหมไอ้นี่ คิดไปไกลเลยนะเอ็ง”
“อ่า แน่นอน แต่ก๊อก็สบายใจได้ เวลาเค้าตบก๊อคงไม่เท่าไหร่ เพราะมือเค้าเบามาก ฮ่ะ ๆๆ”
“แล้วอยากโดนตีนหนัก ๆ ของชั้นไปก่อนไหมล่ะ” พลกฤษณ์ตอบกลับน้องชายแบบแสบคัน
“โอ๊ย กล้วแล้ว ๆๆ ฮ่ะ ๆๆๆ” เขาหัวเราร่า ก่อนจะปลีกตัวออกไป ที่ให้หลังนั้นพลกฤษณ์ยิ้มออกมาอย่างปลื้มในตัวพีร์  ทั้งเข้ากับพ่อแม่เขาได้ หลานเขายอมรับและติดแจ และอย่างอื่นไม่ผิดที่เขาคาดเดาไว้เกี่ยวกับตัวพีร์
แต่เขาก็ต้องถามใจของพีร์เหมือนกันว่า พร้อมจะยอมมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเขาหรือเปล่า

“น้าพีค๊าบบ น้องพอลอยากกินไอติมมม” เด็กน้อยที่อยู่บนตักอ้อนพีร์ ขณะที่พีร์กับพลกฤษณ์มารับที่โรงเรียน
“ได้ไงครับ น้องพอลเพิ่งไม่สบายนะ กินไอติมเดี๋ยวก็ละลายหรอก”
พลกฤษณ์งงว่ากินไอติมแล้วจะละลายได้อย่างไร เขาส่งสายตาส่งสัย แต่พีร์ก็มองเขาแบบอย่าเพิ่งถามอะไรมากในตอนนี้
“งั้นอาแจ๊คกับน้าพีพาน้องพอลไปดูปลาหน่อยได้ไหมค๊าบบบ” เด็กน้อยเรียกร้อง เพราะเขาอยากให้ผู้ใหญ่สองคนพาเขาไปไหนด้วยกันเสียมากกว่า
“อ่อ ได้สิน้องพอล งั้นไปดูปลากันนะ” เขาตอบรับหลานชายอย่างใจดี

      MINI Cooper S สีดำของพลกฤษณ์จอดเทียบหน้าประตูห้างดังให้พีร์กับพอลลงไปก่อน พีร์อุ้มพอลไว้ให้ข้างตัวเด็กน้อยเกาะไหล่  แต่พอเขาหันเข้าไปก็พบว่า ศิลานั้นก็พาลูกสาวทั้งสองกำลังเดินออกมาเช่นกัน
พีร์ตกใจ แต่ก็พยายามเก็บอาการไม่ให้เด็กน้อยสงสัย ศิลาเห็นพีร์อุ้มเด็กมาด้วย บวกกับครั้งนี้ที่เขามากับลูก จึงทำให้เขาได้แต่มองตามพีร์ ที่พยายามหลบสายตาเขาอยู่อย่างตั้งตัวไม่ทันเช่นกัน
  
        พีร์อุ้มเด็กน้อยเดินออกมาอย่างรวดเร็ว และจากแววตาที่ประหม่าอย่างปิดไม่มิด ทำให้เด็กน้อยถามว่า “น้าพีหนีใครเหรอครับ”
“ป่ะ ป่าวครับน้องพอล น้าพีกลัวว่าอาแจ๊คจะมาถึงก่อนหน่ะ” เขาพูดต่อ “ป่ะ เราไปรออาแจ๊คข้างล่างกันดีกว่า”

    เด็กน้อยพยักหน้ารับ เขาจึงพาพอลลไปซื้อบัตรเข้าชมรอพลกฤษณ์เมื่อพลกฤษณ์มาถึงพีร์ก็ปล่อยให้อีกฝ่ายอุ้มหลานบ้าง คนทั้งสามเดินดูสัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ กันอย่างมีความสุข เด็กน้อยเองก็รู้สึกอบอุ่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน  เพราะว่าวันนี้เขาได้รู้สึกเหมือนตัวเอง ได้กลับไปมีพ่อแม่เหมือนที่เขาเคยมีและเสียไป จากปกติที่เขาเองแทบจะคิดว่าพลกฤษณ์เป็นพ่ออยู่แล้วแต่เมื่อได้รับความรักจากพีร์ ก็เหมือนว่าแม่ที่เขารอคอยก็ได้มาเติมเต็มความเป็นครอบครัวของเด็กน้อยให้สมบูรณ์


ขอบคุณสำหรับการติดตามค่า...
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 27-05-2010 19:39:57
พีคงจะมีความสุขแล้วนะทีนี้

ชีวิตที่ผ่านมาของพี ทำเอาอิคนอ่านนี่น้ำตาร่วงเลย

อยากให้ชีวิตพีมีความสุขสักที แล้วก็ขอให้มารผจญทั้งหลายหายไปด้วย จะดีมากเลยค่ะ

รอตอนต่อไปนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 27-05-2010 20:04:31
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด
เพิ่งจะตามอ่านวันนี้เลยน๊า ตอนอ่านภาคแรกรู้สึกสงสารพี
 :monkeysad:พออ่านภาคพิเศษเริ่มสงสารพี่หยกหน่อย อ่านไปอ่านมากลับมาสงสารพจ
อ่านอีกทีสงสารทั้งหยก พจ พี
แต่มาถึงตอนนี้รักอาแจ๊คหมดใจเลยค๊าบบบบบบบบ :impress2: อยากจิ้ม +1 ติดๆกันสักสองสามที
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 27-05-2010 20:14:48
นี้แสดงว่า หยก ไม่ใช่พระเอกใช่ม่ะ ทำมัยล่ะเค้าเชีรย์ หยกง่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: wowhaha ที่ 27-05-2010 20:20:45
เฮ้อมีเรื่องดีๆเกิดกับพี ถึงไม่มากก็เป็นกำลังใจนะ :L2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 27-05-2010 20:21:49
มีคนรักคนชอบก็ดีกว่ามีคนเกลียดละคะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 27-05-2010 22:08:03
นึกว่าจะพ้นแล้วยังมาเจอะพี่หยกอีก..เฮ้อ....น้องพีร์อย่าหวั่นไหวนะ..คุณแจ๊คก็เร่งมือจืบน้องพีร์ได้แล้ว...

น้องพอลน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Lucio ที่ 27-05-2010 22:16:15
อ่านแล้วลุ้นไปด้วยอย่างแรงเลยอ่ะ

คนรักพีแต่ละคนก็ยอมเสียพีไปทั้งนั้น พีเลยเจอแต่ความช้ำใจ

เล่นเอาคนอ่านคนนี้น้ำตาแทบไหล T^T

พี่แจครีบๆลงมือจีบพีแบบจริงๆจังๆได้แล้วนะฮะ เดี๋ยวคุณศิลาเค้าอาศัยความเจ้าเล่ห์เอาตัวพีไปแล้วจะหาว่าไม่เตือน - -*
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 27-05-2010 22:32:43
พี่แจ๊คจะเป็นตาอยู่จริงๆด้วยอ๊า กีสสสส :o8:
ลุ้นอ่า ว่าพีร์จะตกลงปลงใจกะใคร แอร๊ยย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 27-05-2010 23:05:08
กรี๊ดดดด  


พ่อแจ็ค แม่พีร์
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 28-05-2010 14:06:27
มารอลุ้นอาแจ็คกะอาพีร์ :L2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: abacus ที่ 28-05-2010 15:47:43
สนุกมากๆเลยครับ

ยังรอลุ้นอยู่นะครับว่าจะเป็นยังไงต่อไป
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 28-05-2010 16:57:43
ขอขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะสำหรับการติดตามอย่างเหนียวแน่นและล้นหลามนี้  :pig4:

ดีใจและปลื้มใจมากเลยค่ะ ที่ผู้อ่านทุกท่านรักเรื่องของน้องพีนี้

ขอบคุณสำหรับทุก ๆ คะแนนโหวต และกำลังใจจากคุณผู้อ่านขาประจำหลาย ๆ ท่าน,คุณผู้อ่านที่มาโพสใหม่และคุณผู้อ่านที่ไม่ค่อยมาโพสและ คุณผู้อ่านที่เข้ามาเปิดอ่านอย่าเดียว มากนะคะ ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ :pig4:

ภาคต่อ ตอนที่ 27

   ครอบครัวของพลกฤษณ์ประกอบไปด้วยพ่อแม่ของเขา และพี่ชายกับน้องชายอย่างละ 2 คน เขาเองเป็นลูกคนกลางในบรรดาพี่น้องผู้ชายทั้ง 5 คน แต่สำหรับที่ยังอยู่กับพ่อแม่เขาที่บ้านนี้มีเพียงเขาและศุภกฤษณ์น้องชายคนถัดมาจากเขาและลูกชายของสุกฤษณ์หรือโจ พี่ชายคนที่สองของพลกฤษณ์นั่นเอง จักกฤษณ์พี่ชายคนโตของเค้าอยู่กับตายายที่ฮ่องกงพร้อมครอบครัว ส่วนจุลกฤษณ์น้องชายคนเล็กที่เป็นเพื่อนกับศิริพจน์นั้น นาน ๆ จะกลับมาที่บ้านสักครั้ง เพราะเขาเป็นนักศึกษาแพทย์ปีที่ห้าของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งเขานั้นเลือกที่จะอยู่หอพักเพื่อง่ายต่อการไปเรียนที่คณะตัวเองที่ตั้งอยู่ในโรงพยาบาลย่านวังหลัง
  เช่นเดียวกับวันนี้ที่เป็นวันธรรมดา บ้านของเขาจึงมีแต่พ่อแม่ ตัวเขา และน้องชายเพียงเท่านั้นที่รับประทานอาหารเย็นด้วยกัน พอลนั้นอ้อนให้พีร์พาไปเดินเล่นข้างนอกจึงยังไม่กลับมา
“แจ๊ค กับหนูพีเป็นไงมั่งลูก” คนเป็นแม่ถามขึ้นมา
“ก็เรื่อย ๆ หน่ะครับม้า
“งั้นเหรอลูก” เธอทำหน้าคิดตาม เพราะว่าก็เรื่อย ๆ ของลูกชายที่ว่านี่คงหมายความเป็นอย่างอื่นแน่
“โห แต่ดูก๊อจริงจังมากเลยนะครับป๊าม้า” ศุภกฤษณ์ออกความเห็น “ปกติเคยพาใครมาให้รู้จักซะที่ไหน แต่คนนี้นอกจากจะพามาให้รู้จักแล้วยังพามาอยู่บ้านด้วยเลย”
“ก็ใช่หน่ะสิ” คนเป็นพ่อตอบรับ เรื่องนี้เขารู้จักลูกชายตัวเองดีพอว่าพลกฤษณ์มีการเปิดรับและปิดกั้นเรื่องความชิดใกล้กับคนอื่นอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องของคนรู้ใจด้วย ลูกชายเขาถึงแม้จะเจ้าชู้ไปสักหน่อย แต่ก็ไม่เคยทุ่มเทหรือจริงจังกับใครขนาดนี้
“แถมก๊อยังให้น้องคนนั้นนอนคนละห้องกันด้วย มันหมายความว่าไงเนี่ยะ”
“เฮ้ย ไอ้นี่ ทำไมวะ ชั้นก็แค่ไม่อยากให้น้องเค้าเสียหาย” พลกฤษณ์ตอบน้องชายแล้วหันมาสมทกับคนเป็นพ่อ    “จริง ๆ นะครับป๊า ผมรู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของน้องเค้ามากเลย พีเค้าก็มีพ่อแม่นะครับ ให้มานอนบ้านเราอย่างเดียวก็เสียหายพอแล้ว”
“แหม ก๊อ พูดยังกับน้องเค้าเป็นผู้หญิงเลย”
“อ่าว ไอ้นี่” เขาหันไปดุน้อง “ทำไมวะ คนเป็นเกย์อย่างพวกก็มีหัวใจนะเว้ย ใช่ว่าจะคิดกันแต่เรื่องนั้นแต่อย่างเดียว”
“นั่นแน่....แสดงว่าคนนี้จริงจังใช่มั๊ยลูก” คนเป็นแม่ร่วมฟันธง
“อืม ก็ไม่รู้อ่ะครับม้า ผมไม่อยากติดสินอะไรที่ตัวเอง ถ้าพีเค้าตกลง ผมก็ยินดี”
“โห นี่ก๊อเป็นขนาดนี้เลยเหรอเนี่ยะ” เขาแปลกที่ที่พี่ชายทุ่มเทให้เด็กหนุ่มขนาดนี้
“ไม่รู้ว่ะจิม ตอบไม่ถูก”
“แต่ป๊ากับม้าก็ชอบน้องพีนะ ป๊าว่าเค้าเข้ากับบ้านเราได้ดี และพอลก็รักเค้ามากด้วย”
“อืม ๆ ใช่ก๊อ”
 พลกฤษณ์คิดตาม เขานึกถึงบรรดาอดีตคู่ขาที่เคยเห็นเขาพาหลานชายไปเดินเที่ยวตามห้างสรรพสินค้า พวกนั้นพยายามทำดีและตีสนิทหลานชายเขา เพื่อหวังจะเอาใจ แต่ก็ไม่มีเลยสักคนที่พอลจะญาติดีด้วย มีเพียงพีร์ที่เป็นคนแรกและคนเดียวที่หลานเขาดีด้วยและเกาะติดแจ
“นี่เห็นบอกว่าจะลงไปคุยกับพ่อแม่ของน้องพีด้วยใช่ไหมหะแจ๊ค” คนเป็นพ่อถาม
“ครับ วันศุกร์หน้าครับ”
“อืม ป๊ากับม้าพอรู้ว่ามันลำบากใจแค่ไหนที่อยู่ดี ๆ ลูกชายจะควงผู้ชายเค้าบ้านในฐานะแฟน แต่ก็ เราบริสุทธิ์ใจซะอย่าง ใครจะทำอะไรลูกป๊าได้วะ”
“ใช่ ๆ” คนเป็นแม่สมทบ”
“โห ป๊าครับ พูดยังกับผมจะลงไปพรุ่งนี้”
“เฮ่ยย เตรียมตัวไว้ก่อนก็ดีนะ เผื่อจะเจออะไร แกจะได้ช่วยน้องเค้าได้ เข้าใจไหม”
“ครับป๊า” เขารับคำ และคิดถึงความเป็นจริงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตซึ่งเขายังไม่แน่ใจเลยว่าพ่อแม่ของพีร์จะเข้าใจและยอมรับในความเป็นพีร์จริง ๆ หรือเปล่า

“สวัสดีครับ” พีร์ซึ่งทำหน้าที่รับโทรศัพท์เฉพาะสายของพลกฤษณ์รับโทรศัพท์สายหนึ่งตามปกติ
“Hello, this is Lukewid from Germany.  May I speak to Jackie please.
“Yes, please wait a minute. เขาตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษก่อนจะให้คนออกไปตามพลกฤษณ์ที่ทำงานอยู่กับฝ่ายช่างมารับโทรศัพท์ และพลกฤษณ์ก็เข้ามาหาอย่างรีบเร่ง
“อ่ะนี่ คุณลุควิด จากเยอรมัน”
พลกฤษณ์ทำหน้ากวน ๆ ก่อนจะหยิบมารับสาย พีร์มองอีกฝ่ายอย่างหมั่นไส้ เขานั้นจับผิดและลุ้นว่าพลกฤษณ์จะพูดภาษาอังกฤษออกมาเป็นแบบใด

“Hallo, mein Freund” พลกฤษณ์ตอบกลับปลายสายเป็นภาษาเยอรมันชัดเป๊ะ ทำให้พีร์ถึงกับมองหน้าชายหนุ่มอย่างคิดไม่ถึง และก็ไม่ใช่แค่ประโยคเดียว พลกฤษณ์นั้นใช้ภาษาเยอรมันในการสนทนากับปลายสายราวกับเป็นเจ้าของภาษา พีร์คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าชายหนุ่มภาพลักษณ์แบดบอยอย่างพลกฤษณ์จะมีความสามารถขนาดนี้
พอเขาคุยเสร็จก็ส่งโทรศัพท์ให้พีร์และยิ้มกวน ๆ เขาว่าแล้วว่าพีร์ต้องตะลึง
“ตกใจล่ะสิว่าผมคุยภาษาอื่นได้” เขาพูดถูกจุด และชิงพูดอะไรอย่างอื่นก่อนที่พีร์จะยอกย้อน เขาจึงพูดถึงการเรียนปริญญาตรีและโทด้านวิศวะกรรมยานยนต์ของเขาที่เยอรมันนีที่หลังเรียนจบและฝึกงาน พลกฤษณ์เคยทำงานในบริษัทรถยนต์ดัง ๆ มาแล้วหลายที่เพื่อหาประสบการณ์และไต่เต้าไปตามความสามารถ แต่เขาพูดถึงบริษัทสุดท้ายก่อนที่เขาจะกลับมาช่วยงานพ่อแม่ที่เมืองไทย
“แสดงว่าคุณไม่รู้ล่ะสิว่า ผมเคยเรียนและทำงานที่เยอรมันตั้ง 9 ปี แหน่ะ นี่ถ้าผมไม่คิดว่าป๊าเรียกกลับมาก่อนนะ ป่านนี้ผมคงยังทำงานที่โรงงาน BMW อยู่แน่ ๆ”
“ก็ผมไม่ได้สนใจคุณหนิ” พีร์พูดเชิด ๆ พลกฤษณ์ยิ้ม รับรู้ดีว่าเด็กหนุ่มคิดยังไงกับเขา
“อืม ก็นั่นหล่ะ ผมมันไม่ใช่ลูกชายคนเดียวของนักธุรกิจใหญ่ที่เพียบพร้อมเป็นเพอร์เฟ็กต์แมนหนิ” เขาพูดท้าทาย
พีร์รู้ว่าพลกฤษณ์หมายถึงศิลา เขารู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที เด็กหนุ่มเงียบลงและเดินออกไปอย่างพยายามสงบสติ
  พลกฤษณ์รู้ตัวว่าพูดแรงไป อาจจะเพราะความหมั่นไส้ที่เด็กหนุ่มไม่เคยมองเขาในด้านดีบ้างเลย ทำให้หลุดพูดออกไปด้วยความคับแค้น เขารู้สึกผิดมากที่ทำให้พีร์เสียใจ
  เขาไปห้องน้ำ ซึ่งคิดว่าพีร์คงต้องแอบไปร้องไห้คนเดียวอยู่แน่  และก็ไม่ผิดที่คิดไว้ เขาจัดการล็อกประตูใหญ่แล้วเข้าไปในห้องน้ำที่มีสองห้องน้ำเล็กย่อย เขาได้ยินเสียงสะอื้นจากห้องน้ำเล็กทางซ้ายมือ ซึ่งฟังจากเสียงเขาก็พอจะรู้ว่าเป็นใคร
“พี ผมขอโทษ” เขาพูดออกไปทันที แต่เหมือนว่าพีร์จะร้องไห้ไม่หยุด เขากุมขมับตัวเองอย่างปวดกบาลทันที เพราะไม่เคยมีใครเจ้าแง่แสนงอนได้เท่าพีร์อีกแล้ว
“ผมขอโทษไง หยุดร้องไห้เถอะนะ”
“อ่ะ ผมผิดก็ได้ ที่เหน็บคุณ แต่คุณอ่ะ คุณเคยมองผมในแง่ดีกับเค้าบ้างมั๊ย” พลฤษณ์พูดออกไปด้วยความเป็นคนตรง ๆ ทำให้พีร์ชะงัก
“แล้วผมเคยว่าอะไรคุณไหม ที่คุณชอบคิดว่าผมเป็นอย่างโน้นอย่างนี้อ่ะ” พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็หยุดร้องไห้ทันที เขาจึงค่อยเปิดกลอนประตูห้องน้ำเพื่อจะออกมา แต่ก็ช้ากว่าพลกฤษณ์ที่บุกเข้ามาประชิดตัวร่างอวบให้ติดผนังทันที พีร์ตกใจและเอามือดันอกล่ำของร่างสูงใหญ่ แต่ก็ต้านแรงชายของอีกฝ่ายไม่ได้ พลกฤษณ์ค่อยโน้มลงเข้าใกล้ใบหน้าของพีร์มากขึ้น เขาพิจารณาหน้าใสภายใต้แว่นกรอบดำครู่หนึ่ง แล้วลูบบนติ่งหูซ้ายที่มีต่างหูแบบเสียบติดอยู่เบา ๆ เขาเข้าใกล้ใบหน้าของพีร์มากขึ้น จนเขาเห็นว่าอีกฝ่ายหลับตาปี๋ด้วยความกลัวปนตื่นเต้นเพราะเขาได้ยินเสียงหัวใจของเด็กหนุ่มเต้นระรัว เขาจึงค่อยออกห่างและหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ขำอะไร” พีร์ถามเคือง ๆ เก้อ ๆ  เพราะเห็นอีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรอย่างที่เขาคิดไว้
“เปล่า” เขาตอบยิ้ม ๆ “ถ้าหายโกรธแล้วก็ออกไปทำงานกันต่อดีกว่า” เขาจูงมือพีร์ออกมาด้วย ทำให้พนักงานที่รอเข้าห้องน้ำและบริเวณรอบข้างถึงกับตกใจ เมื่อเห็นพลกฤษณ์กับพีร์ออกมาพร้อมกัน
  พีร์นั้นอายอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นสายตาจากคนรอบข้าง แต่พลกฤษณ์กลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทำให้พนักงานนั้นยิ่งแน่ใจใหญ่เลยว่า เจ้านายพวกเขากับแฟนเด็กคงไปทำอะไรกันมากกว่าเข้าห้องน้ำแน่ ๆ

“โหย ก๊อ อะไรกันไม่รอกลับไปทำที่บ้านเหรอ” น้องชายเห็นอย่างนั้นก็แซว ขณะที่อยู่ห้องทำงานของคนเป็นน้องที่เป็นประธานฝ่ายการขาย
“อะไร ก็แค่เข้าห้องน้ำด้วยกัน” เขาตอบเรียบ ๆ
“ก๊อ..อย่ามา ปกติก๊อไม่เคยพลาดไม่ใช่เหรอ แหม อยู่บ้านทำเป็นแยกห้องกันนอน ที่แท้ก็..”
“เฮ้ยย ไปกันใหญ่แล้วไอ้จิม ชั้นไม่ได้ทำอะไรกันจริง ๆ แกฟังนะ ชั้นกับน้องพียังไม่เคยมีอะไรกันจริง ๆ”
ศุภกฤษณ์มองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อ
“จริงนะ ขนาดมือเค้ายังไม่ยอมให้ชั้นจับเลย จะเอาอะไรกับทำอย่างอื่น”
เขาเห็นน้องชายทำหน้าไม่เชื่อเขาก็หมดปัญญาพูดต่อ “เออ ไม่เชื่อก็ตามใจ”
“โธ่ก๊อ..” คนเป็นน้องปราม “เชื่อก็เชื่อ ว่าแต่ทำไมไปคุยอะไรกันในห้องน้ำล่ะ”
“ก็นิดหน่อยว่ะ” เขาถอนหายใจ “พีเค้าไม่เคยมองก๊อเป็นคนดีเลยหน่ะสิ ก๊อก็บอกกับเค้าว่าใช่หน่ะสิ ก๊อมันไม่ได้ ไม่เหมือนแฟนเก่าเค้าไง ก็เท่านั้นหล่ะ...” เขาเว้นวรรค และพูดต่อ “เค้าก็หนีก๊อไปร้องไห้ในห้องน้ำเลย”
“โห..แฟนก๊อนี่อาร์ตตัวแม่มากเลยนะเนี่ยะ”
“เออ ก็คิดอยู่”
“น่า แต่ผมว่าดีนะ ก๊อเป็นคนไม่ง้อคน มีแฟนขี้งอนตัวแม่แบบนี้ ก๊อจะได้ง้อคนอื่นเป็นบ้างไง”
“อย่างอนไปมากกว่านี้เลยว่ะ แค่นี้ก็ปวดหัวจะตาย” เขาถอนหายใจเซ็ง ๆ แต่ก็รู้สึกผิดและเป็นห่วงพีร์ที่พูดกับพีร์อย่างนั้น

   ตลอดทางที่เขาขับรถกลับบ้านพร้อมกับพีร์ในวันนี้ เขารู้สึกว่าพีร์ยังคงตึงกับเขานิด ๆ แต่ก็ยังดีที่พีร์ทำตัวปกติไม่ให้พอลสังเกตอะไรมาก จนเมื่อเขาถึงบ้าน พลก็ลงมาจากรถและวิ่งตื๋อไปหาคนคนนึงที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้านทันที
“ป่าป๊า....” เด็กน้อยวิ่งเข้าหาชายวัยใกล้ 40 ในชุดหนุ่มออฟฟิศอย่างคิดถึง พีร์คิดว่านี่คงจะเป็นพ่อของน้องพอลที่กลับบ้าน
“ไงก๊อ” พลกฤษณ์ทักทายพี่ชายตัวเอง “หายไปนานจนเจ้าพอลคิดว่าผมเป็นพ่อไปแล้วนะ”
คนเป็นพี่ชายหน้าเสียเมื่อได้ยินน้องชายพูดตรง ๆ อย่างนั้น พลกฤษณ์ไม่ลืมแนะนำพีร์ให้พี่ชายเขารู้จัก
“อืม ก๊อรู้แล้วว่าน้องคนนี้เป็นแฟนแก” เขาพูดกับพีร์ “ขอบคุณน้องมากนะครับ ที่ช่วยดูแลพอล”
“ไม่เป็นไรครับ” พีร์ตอบรับ
“น้าพีใจดีที่สุดเลยครับป่าป๊า” พอลบอกกับสุกฤษณ์ที่กอดเขาอย่างคิดถึง
“เหรอ แล้วนี้พอลลืมป๊าแล้วเหรอ”
“ยัง ๆๆ พอลรักป่าป๊า” เด็กน้อยกอดตอบคนเป็นพ่อเช่นกัน
พลกฤษณ์กับพีร์ยิ้มให้กับภาพตรงหน้า เขาเข้าใจจริง ๆ แล้วหล่ะว่าไม่ว่าใครก็คงแทนที่พ่อแม่ตัวจริงของคนเป็นลูกไปไม่ได้ ไม่ว่าทั้งสองอาจจะมีช่วงที่ห่างเหินกันแค่ไหนก็ตาม

“นี่คุณแจ๊ค อย่าดื่มเยอะนะ” พีร์ปรามพลกฤษณ์ขณะมาพักผ่อนที่ร้านเหล้าแนวมีดนตรีเล่นสดแห่งหนึ่งที่เอกมัย เพราะว่าวันนี้น้องพอลได้อยู่กับพ่อตัวจริงแล้ว พ่อแม่จำเป็นอย่างพวกเขาจึงขอมาเที่ยวแบบผู้ใหญ่บ้าง
“อืม ๆ คุณกลัวผมเมาเหรอ เหล้าแค่นี้” เขาคิดอะไรออกมาได้จึงกระซิบพีร์ต่อ “เหอะน่า ผมไม่ทำอะไรคุณตอนเมาหรอก” พร้อมส่งสายตากรุ้มกริ่มไปยังเด็กหนุ่ม
พีร์หน้างอทันทีเมื่อเห็นอย่างนั้น “นี่ผมยังไม่หายโกรธคุณนะ”
  พอพีร์พูดจบประโยค พลกฤษณ์ก็ลุกหายไปจากโต๊ะทันที พีร์ตกใจที่เป็นอย่างนั้น เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจให้ชายหนุ่มโกรธเลย แต่ก็คิดได้แบบไว้ตัว “จะไปไหนก็ช่างสิ”
“เอาล่ะครับ วันนี้เรามีรีเควสจากโต๊ะนึงเขอเข้ามาร้องเพลงเองนะครับ ผมเห็นว่าพี่เค้าหล่อดีเลยจัดให้” เสียงจากเวทีประกาศอย่างนั้นแต่พีร์ก็ไม่สนใจ ยังคงมองตามพลกฤษณ์ไปรอบ ๆ
“อ่ะ พี่เค้ามาแล้วขอเสียงหน่อยเร้วววว” MC ของเวทีช่วยสร้างบรรยากาศครึกครื้น “สวัสดีค๊าบบ” เขาทักทายร่างสูงของพลกฤษณ์ที่สะพายกีตาร์สีดำขึ้นมาด้วย “โอ้วว วันนี้พี่แจ๊คมาขอร้องเพลงเองเลย จะร้องเพลงอะไรให้ใครครับเนี๊ย”
พีร์ได้ยินบนเวทีเรียกคนที่มาขอร้องเพลงว่าพี่แจ๊ค เขาจึงหันกลับไปดูบนเวทีทันที เขาสงสัยว่าชายหนุ่มกำลังจะทำอะไรนี่?
“ฮัลโหล ๆ เทส สวัสดีครับ” เขาพูดแค่เพียงเท่านั้นก็เรียกเสียงกรี๊ดล้นหลามจากทุกโต๊ะ ถึงแม้ทุกคนจะรู้ว่าเขาเป็นอะไร แต่สาว ๆ ก็ยังแพ้ใจในความหล่อขั้นเทพของเขาอยู่ดี
“ วันนี้ผมขอมาร้องเพลงบนเวทีนี้นะครับ ผมขอมอบเพลงนี้ให้กับคนที่มากับผมครับ” เขาไม่ได้ใช้คำว่าแฟน เพราะกลัวว่าพีร์จะอายและคนรอบข้างจะหมั่นไส้พวกเขาไปใหญ่  
“เพลงอะไรอ่ะครับพี่” MC ถามต่อ ส่วนพีร์เองที่นั่งที่โต๊ะก็สงสัยเหมือนกันว่าชายหนุ่มจะร้องเพลงอะไรให้
“เดี๋ยวลองไปฟังกันเลยนะครับ” เขาพูดจบ เสียงกรี๊ดก็ดังกระหึ่มอีกครั้ง เขาค่อยพรมนิ้วคอร์ทแรกลงไปบนกีตาร์ก่อนจะร้องออกมา
“ก็รู้ว่าฉันไม่มีความหมาย
ก็พอจะรู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้
ยิ่งนานเท่าไหร่...ยิ่งหมดหวัง
   เสียงกรี๊ดนั้นดังไม่ขาดสายจากทุกคนในร้าน เพราะว่าพลกฤษณ์ร้องเพลง Unlovable นี้ สด ๆ กับกีตาร์เพียงตัวเดียว เสียงหล่อทุ้ม ๆ ของเขานั้นเข้ากันได้ดีกับเพลงที่มีความหมายดี ๆ นี้ และคนในร้านก็คงจะกรี๊ดในใจเป็นแน่แท้เพราะเนื้อหาของเพลงนี้มันเป็นเพลงขอความรักชัด ๆ
  นี่พวกเขากำลังเห็นเพลย์บอยตัวพ่อมาร้องเพลงขอความรักเหรอเนี่ยะ?
พลกฤษณ์นั้นส่งสายตาไปหาพีร์ที่กำลังมองเขาอยู่เมื่อถึงท่อนนี้
“เมื่อเธอไม่เคยจะหันมองที่ฉัน
ไม่ว่าจะทำเช่นไรเธอคงจะไม่รักกัน
และก็รู้ไม่นานความฝันที่มีก็คงจบไป”
  พีร์เองก็รู้สึกสะดุดกับท่อนที่นี้ที่พลกฤษณ์ร้องเช่นกัน เขามองชายหนุ่มและส่งยิ้มตอบรับไปให้  ส่วนคนอื่นในร้านก็เริ่มเคลิ้มกับพลกฤษณ์ไปแล้ว
“แต่ตอนนี้ยังมีเวลา ให้ฉันจะหาเหตุผลดีๆ
มาฉุดรั้งเธอตอนนี้แต่ก็รู้ดีไม่มีหวัง”  

“ต่อให้ฉันจะรักเธอมากเท่าไหร่
แต่ก็รู้ว่าเธอคงจะไม่สนใจ
ก็ยังฝันไปและยังคงหวังเอาไว้ข้างในจิตใจ
ว่าซักวันเธอจะมีฉัน แต่ก็รู้เป็นไปไม่ได้
เมื่อเธอคิดว่าฉันไม่ใช่ แต่ก็ไม่เป็นไร
ก็อยากจะขอมีเธอเรื่อยไปในใจไปอีกแสนนาน “
   จบครึ่งแรกของเพลงไปอย่างสวยงาม เรียกเสียงกรี๊ดจากคนทั้งร้านได้จมหู ส่วนพีร์เองนั้นสะท้อนใจเหลือเกินจากเนื้อเพลงที่ชายหนุ่มเลือกมาร้องให้เขาฟัง  และวงดนตรีก็รับช่วงต่อช่วยเล่นให้ชายหนุ่มในครึ่งหลังเพื่อเพิ่มความไพเราะให้คนฟังและเป้าหมายของลูกค้าที่ขอขึ้นมาร้องได้ประทับใจยิ่งขึ้น

“และแม้สิ่งที่ฉันทำวันนี้ อาจไม่ทำให้เธอได้รู้สึกดี
สิ่งที่ใจเธอพอจะมีก็เพียงแต่ความรำคาญ
ก็อยากจะขอให้เธอได้ฟังเอาไว้
บทเพลงสุดท้ายที่ฉันตั้งใจจะมอบให้ไป
ที่กลั่นออกมาจากใจ และมีให้เธอผู้เดียวเท่านั้น”

“อ่ะช่วยร้องหน่อยคร๊าบบ....” เขายื่นไมค์ไปในหมู่นักเที่ยวเพื่อให้มีส่วนร่วมในท่อนถัดไป
“ก็เพราะว่าตอนนี้นี้ยังมีเวลา ให้ฉันจะหาเหตุผลดีๆ
มาฉุดรั้งเธอตอนนี้แต่ก็รู้ดีไม่มีหวัง”  
คนดูทั้งหลายนั้นให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนพลกฤษณ์เองก็หยิบไมค์ขึ้นมาเดินไปที่โต๊ะต่าง ๆ เพื่อจะได้เป็นไปตามแผนว่าท่อนสุดท้ายนั้นจะต้องจบลงของเขาที่มีพีร์นั่งอยู่ เพื่อที่เขาจะไปร้องท่อนนั้นให้หนุ่มน้อยฟัง
“ต่อให้ฉันจะรักเธอมากเท่าไหร่
แต่ก็รู้ว่าเธอคงจะไม่สนใจ
ก็ยังฝันไปและยังคงหวังเอาไว้ข้างในจิตใจ
ว่าซักวันเธอจะมีฉัน แต่ก็รู้เป็นไปไม่ได้
เมื่อเธอคิดว่าฉันไม่ใช่ แต่ก็ไม่เป็นไร
ก็อยากจะขอมีเธอเรื่อยไปในใจไปอีกแสนนาน “


“ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ กว่าที่ฉันจะลบเธอจากใจ
กว่าที่ความทรงจำดี ๆ มันจะเลือนหาย
กว่าจะได้รักใครอีกครั้ง... “
  เขาเดินมาจนถึงโต๊ะของตัวเองที่มีพีร์มองอย่างตื่นเต้นไม่หาย เขาคุกเข่าลงตรงหน้าหนุ่มน้อย และก็ร้องท่อนนั้นออกมา
“เมื่อเธอคิดว่าชั้น ไม่ใช่
ก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่ฉันจะยังหายใจ
จะรักเธอไปตลอดกาล.. “
  เสียงกรี๊ดจากทุกโต๊ะในร้านดังจนกระจกทุกบานแทบแตกเมื่อเห็นภาพของพลกฤษณ์คุกเข่าขอความรักจากหนุ่มน้อย เพราะทุกคนรับทราบแล้วว่าพลกฤษณ์นั้นออกมายอมรับว่าคบหากับหนุ่มน้อยจริงจังเพียงใด ยิ่งเห็นอย่างนี้แล้วก็ยิ่งทำให้ทุกคนชื่นชมในความสัมพันธ์ของเขากับหนุ่มน้อยผู้โชคดีไปเสียไม่ได้ โดยเฉพาะสาว ๆ ทั้งหลายที่กรี๊ดออกมาด้วยความชื่นชมปนอิจฉา
  พีร์เองที่ตอนนี้เขินจนทำอะไรไม่ถูก พลกฤษณ์เห็นอย่างนั้นจึงพูดอะไรผ่านไมค์ออกไป
“พีคับ หายโกรธผมหรือยัง” สิ้นเสียงหล่อ ๆ นั้นก็ทำเอาคนทั้งร้านกรี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง ส่วนพีร์เองก็นึกแหวในใจ “ตาบ้า ทำขนาดนี้เพื่อง้อเราเหรอเนี่ยะ”
“ดีกัน ๆ” MC เจ้าเก่าช่วยพูดออกไมค์ เพื่อให้พลกฤษณ์สำเร็จในการร้องเพลงง้อคนรัก ทำให้คนทั้งร้านช่วยกันลุ้นและตะโกนออกมา
“ดีกัน ดีกัน ดีกัน ดีกัน”
โต๊ะข้าง ๆ ก็เข้ามาบอกว่า “เลิกงอนเถอะนะคะ เป็นชั้นจะดีใจมากเลยถ้าแฟนมาทำแบบนี้ให้”
พีร์พยักหน้าแบบตอบรับไปก่อน เขามองหน้าพลกฤษณ์ที่ยังคุกเข่าอยู่ สายตาของพลกฤษณ์นั้นบ่งบอกว่าเขาตั้งใจที่จะทำให้พีร์หายงอนจริง ๆ
พีร์ตัดสินใจหยิบไมค์ลอยที่พลกฤษณ์ถืออยู่มาบอกว่า “โอเคคับ ไม่โกรธแล้วก็ได้”
 พลกฤษณ์นั้นยิ้มออกทันที ท่ามกลางคนทั้งร้านที่ปรบมือยินดีและโห่ร้องออกมาอย่างถูกใจ พีร์มองพลกฤษณ์แบบงอนนิด ๆ ที่ทำอะไรใหญ่โตแบบนี้ แต่เขาก็ชอบนะที่ชายหนุ่มมีอะไรให้เขาได้ประหลาดใจอยู่เสมอ

“พี ที่ผมร้องเพลงนั้นให้ร้านให้คุณฟังหน่ะ” พลกฤษณ์บอกขณะมาส่งชายหนุ่มที่ห้องนอน “ผมพูดจริงนะ”
“หะ พูดจริง..?” เขาสงสัย
“ก็อย่างที่เพลงร้องมานั่นหล่ะ ผมรู้ว่ายังไงผมก็คงไม่ดีพอกับคุณ”
พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็หน้าเสีย เขาไม่ได้เป็นเจ้าหญิงสูงศักดิ์ที่ไหนหนิ ถึงจะได้มีใครดีพอกับเขา
“เพลงมันจบเศร้าไปหน่อยนะ ว่าไหม  ที่คนในเพลงไม่รับรัก” พลกฤษณ์พูดต่อ ตัดบทรวบรัด
“ผมว่าคุณน่าจะรู้นะว่าผมคิดอะไรกับคุณ แต่ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วนะว่าคุณจะโอเคกับผมมั๊ย”
 “ผมไม่อยากบังคับจิตใจคุณนะ คิดดูดี ๆ ละกันว่าคุณรักใคร” เขาพูดประโยคสุดท้ายออกมาก่อนไปนอน
“แต่ไม่ว่าคุณจะรักใคร จำเอาไว้นะ ว่าผมรักคุณ”
พีร์อึ้งเมื่อได้ยินอย่างนั้น นี่เป็นการสารภาพรักที่ดิบ ๆ ห้วน ๆ แต่ก็ไพเราะมากสำหรับเขา ชายหนุ่มไม่พูดอะไรกับเขาต่อนอกจาก คำว่า “กู๊ดไนท์” และก็หันหลังกลับไปห้องนอนของเขา

เหตุผล - Blackhead

http://www.youtube.com/v/QuLk53y52OE


พีร์นั้นหันหลังกลับเข้าห้องไปอย่าง งง ๆ เขาไม่คิดเลยว่า พลกฤษณ์ซึ่งเป็นผู้ชายแบบที่เขาไม่ชอบจะมาพัวพันกับชีวิตเขา ก่อนนั้นเด็กหนุ่มนั้นไม่ชอบผู้ชายท่าทางเจ้าชู้และมีข่าวคราวครึกโครมบ่อย ๆ อย่างพลกฤษณ์เอาเสียเลย
เขาคิดว่า พลกฤษณ์ทำตัวไม่เหมาะสมกับความเป็นผู้ใหญ่และคงไม่มีความรับผิดชอบอะไรมากและคงจะบ้ากามน่าดู แต่จากการที่เขาได้มาใช้ชีวิตกับชายหนุ่มทำให้เขารู้ว่าพลกฤษณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดไว้เสียทีเดียว เขาตกใจมากเมื่อหลายครั้งที่เขาพบว่าตัวเองประเมินพลกฤษณ์ผิดพลาดไปจากความเป็นจริงมากมายตามภาพลักษณ์ที่เขาเห็นชายหนุ่มจากภายนอก
   เขางงกับการบอกรักของอีกฝ่ายเสียมากกว่า แต่ก็รู้สึกดีที่ได้รู้ชัดเจนว่านายเพลย์บอยนั้นคิดอะไรกับเขา
แต่ในเมื่อฝ่ายนั้นอยากรู้ว่าเขาจะเลือกทางไหน เขาขอเวลาสักพักเพื่อประเมินและค้นหาคำตอบ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: abacus ที่ 28-05-2010 17:16:15
จิ้มไปก่อนนะคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 28-05-2010 17:30:52
อีป้าแก่ๆ ตอบโอเคไปแบบไม่ต้องใช้เวลาคิดคะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 28-05-2010 18:13:34
เรื่องนี้มีอะไรให้แปลกใจตลอดเวลาเลย  o13
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 28-05-2010 19:49:09
พีจ๋า หาอยากน้าแบบนี้

เป็นอิชั้นคนนี้ ตอบตกลงไปอย่างเร็วไว  :laugh:

พีจะมีความสุขแล้วใช่มั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 28-05-2010 20:45:31
อิจฉาน้องพีร์นะ  ถ้าเป็นป้าขวัญก็จะค่อยก้มลงไปพยุงพี่พลขึ้นมา
แล้วก็ส่งสายตาหวานฉ่ำให้  แล้วก็บอกว่า"ตกลงค่ะ"
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 28-05-2010 21:03:56
อีป้าแก่ๆ ตอบโอเคไปแบบไม่ต้องใช้เวลาคิดค่ะ
ถูกค่ะป้า...ตอบตกลงไปเลยจ้ะพีร์ :laugh:
แต่เขินง่ะ พี่แจ๊คโรแมนติคมากมาย น่ารักอ่ะ :-[
แต่ยังอึ้งไม่หายที่พี่แจ๊คจะมาวินนะนี่ :a5: แต่ไงก็ชอบอ่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Lucio ที่ 28-05-2010 23:16:55
อ๊ากกก พี่แจค

พอบทจะหวาน ก็หวานซะจนเิขินแทนพีเลยอ่ะ

อิจฉาสุดๆๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 28-05-2010 23:50:14
กรี๊ด อิจฉา

ทำไมตอนเรางอลแบบนี้ มันสาปส่งเราเลยว่ะ

อิจฉาาาาาพีร์

+1 For JACQUE
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: viky_mama ที่ 28-05-2010 23:57:10
ใจจริงชอบหยกมากกว่า แค่คิดว่าถ้าคบกับแจ็คพีร์ชีวิตน่าจะมีความสุขมากกว่า
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 29-05-2010 00:12:05
 :-[
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 29-05-2010 00:25:45
โห..พี่แจ็ค....ได้ใจไปเลยดีกว่า....แอร๊ยยยยย :-[ ชอบๆๆ

น้องพี...ไม่ต้องคิดนานหรอก...เหอเหอ..เชียร์พี่แจ็คแล้ว...คิกคิก
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: JAROEN ที่ 29-05-2010 01:53:16
 :call: อิจฉา  อยากได้ อยากได้
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 29-05-2010 03:25:16
คิดว่าสวยเลือกได้รึย่ะหล่อน :fcuk:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 29-05-2010 03:48:45
 :o8:แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

เฮียแจ็คทำซึ้งอ่ะ

เชียร์เฮียสุดพลังเลย 555
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ash ที่ 29-05-2010 10:24:22
ใครทำน้ำตาลหกไว้แถวนี้เนี้ย!!!
มดมันขึ้นหมดแล้ววววววว
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 29-05-2010 17:18:28
ภาคต่อ ตอนที่ 28

“ฮัลโหลพี” ศิริพจน์รับสายของพีร์ด้วยความตื่นเต้น เพราะนี่เป็นการโทรมาหาเขาครั้งแรกของพีร์หลังจากที่อีกฝ่ายออกจากโรงพยาบาล
 “มีอะไรหรือเปล่าครับ โทรมาตอนนี้เนี่ยะ”
“ฮัลโหล พจ พจเป็นไงมั่งอ่ะ ขอโทษนะที่โทรมาดึก ๆ แบบนี้”
“ไม่เป็นไร คุณโทรหาผมได้เสมอนะ ผมก็สบายดี แล้วพีล่ะ พีเป็นไงมั่ง ผมดีใจมากเลยนะที่คุณโทรมา”  ศิริพจน์คิดว่าพีร์คงจะดีขึ้นจากอาการเสียใจในครั้งนั้นแล้ว
“พีก็ดีขึ้นหน่ะ”
“อืม ดีแล้วหล่ะพี แล้วนี่คุณอยู่ที่ไหนเนี่ยะ”
“อ่อ อยู่ที่บ้านคุณแจ๊คอ่ะ”
ศิริพจน์ไม่แปลกใจเท่าไหร่ แต่ก็ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น เพราะพลกฤษณ์เป็นพี่ชายอีกคนที่เขาไว้ใจว่าจะดูแลพีร์ได้ดี
“เหรอ แล้วพี่แจ๊คเค้าดูแลคุณดีไหม”
“ดีมากเลยหล่ะ ผมเกรงใจเค้ามากเลย ผมก็เลยขอไปทำงานให้เค้าบ้าง”
“อืม..”
“แล้วคุณล่ะพจ กับคุณแคทเป็นยังไงมั่ง”
“กับแคทเหรอ ก็เรื่อย ๆ หน่ะ เค้าเป็นเพื่อนที่ดีของผมมากเลยนะ”
“เหรอ....” พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจนิดนึง เพราะคิดว่าเรื่องของศิริพจน์กับแคทเธอรีนจะยังไม่คืบหน้า
“ค่อย ๆ คบกันไปหน่ะ แต่ผมกับเค้าเข้ากันได้ดีนะในทุกเรื่อง นี่พรุ่งนี้ครอบครัวเค้าชวนผมไปเที่ยวลังกาวีด้วยกันเนี่ยะ”
“ดีแล้วหล่ะพจ...พจมีคนที่เหมาะสมและคู่ควรอย่างคุณแคทอยู่ พีก็ดีใจแล้วหล่ะ”
“อืม...ผมว่าผมก็ดีนะที่อย่างน้อยแคทกับผมก็เข้ากันได้ดี”  ชายหนุ่มพูดจากใจจริง
“เออ พจ พีมีเรื่องจะปรึกษาหน่ะ”
“หะ เรื่องอะไรเหรอ” เขาตกใจเพราะกลัวว่าพีร์จะพูดถึงศิลา
“เอ่อ ก็เรื่องของคุณแจ๊คอ่ะ”
“ทำไม พี่แจ๊คเค้ามีอะไรเหรอ”
“ก็...”   พีร์จึงเล่าเรื่องที่พลกฤษณ์ให้เขามาอยู่ที่บ้านด้วย และก็พูดถึงครอบครัวของชายหนุ่มที่เอ็นดูเขาเป็นอย่างดี เรื่องที่เขาช่วยอีกฝ่ายเลี้ยงหลาน และก็เรื่องที่เกิดขึ้นในผับเมื่อครู่นี้
   ศิริพจน์ได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกตกใจ แต่ก็เป็นการตกใจที่รู้สึกดีมากกว่าที่พลกฤษณ์จะเป็นคนที่เข้ามาปกป้องดูแลคนที่เขารักแทนตัวเขา
“จริง ๆ นะพจ พียัง งงๆ อยู่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น”
“อืม...” ศิริพจน์เงียบไปอย่างใช้ความคิด เขาย้อนคิดดูว่าพลกฤษณ์นั้นเริ่มรักพีร์ตั้งแต่ตอนไหน แต่เขาก็คิดไม่ออก คิดได้แต่ว่าอย่างนี้คงต้องไปถามชายหนุ่มเองจะดีกว่า
“ทำไมอ่ะพจ”
“อ่อ เปล่า ไม่มีอะไร แล้วที่พี่แจ็คบอกว่าให้คุณไปคิดดูคุณว่ายังไงอ่ะ”
“ก็ เดี๋ยววันศุกร์หน้าจะลงไปหาป๊ากับม้าที่หาดใหญ่กันอ่ะ ก็ต้องรอดูป๊ากับม้าก่อนว่าโอเคมั๊ย”
“เอางั้นเหรอ โห พี่แจ๊คนี่สุดยอดเลยเนอะ”
“อะไรกัน ทำให้ผมต้องกล้า ๆ กลัว ๆ สู้หน้าป๊าม้าเนี่ยนะสุดยอด” พีร์เริ่มเหวี่ยงเมื่อพูดถึงตรงนี้
“จริงนะพี ผมก็อยากจะเป็นแบบพี่แจ๊คเหมือนกันที่กล้าออกมายอมรับอะไรแบบนี้”  เขาพูดต่อ “อีกอย่างพี่แจ๊คก็แคร์คุณมาก ๆ ด้วยนะ”
“ยังไงอ่ะ แคร์ผม?” เขานึกไม่ออก เพราะพลกฤษณ์เป็นผู้ชายที่พูดจาตรงไปตรงมาและเป็นอีกคนที่เขาไม่เคยเถียงได้ทันเลย
“ก็ที่เค้าจะไปหาพ่อกับแม่คุณไง พี่แจ๊คเค้าคงอยากให้พ่อแม่คุณสบายใจว่า เค้าจะรับผิดชอบคุณหน่ะสิ”
“อย่างงั้นเหรอ”
“อื้มม..”
“แหม รู้สึกว่าพจจะเชียร์พี่แจ๊คจังเลยนะ” พีร์เริ่มเหวี่ยงศิริพจน์แทนเพราะเขาชื่นชมพลกฤษณ์อย่างออกนอกหน้า
“ก็ ไม่รู้สิพี ผมรู้สึกว่าพี่แจ๊คเค้าเป็นคนดีอีกคนนะเท่าที่ผมรู้จักมา” เขาตอบตามความจริงที่เขาคิด
“จ้ะ ๆ เชื่อแล้ว ๆ” พีร์ตอบไปแบบเสียไม่ได้
“อืม นะ ผมก็อยากให้คุณคิดดูดี ๆ ละกันว่าผู้ชายที่รักคุณได้ขนาดนี้และพร้อมที่จะบอกกับใคร ๆ ว่าคุณเป็นอะไรกับเค้าอย่างมีเกียรติ มันคงไม่มีอีกแล้วหล่ะ”
พีร์เงียบไปเมื่อได้ยินอย่างนั้น ศิริพจน์เลยสมทบต่อ
“ผมอยากเห็นคุณมีความสุขนะครับ”
“ครับ ขอบคุณมากนะพจ”
“อืม ผมขอตัวไปนอนก่อนนะ ที่นี่จะตีสองแล้ว”
“โหยย ผมขอโทษ ผมลืมไปว่าเวลาที่นู่นเร็วกว่าเมืองไทย”
“อืมไม่เป็นไร ๆ มีอะไรก็โทรมาหาผมได้นะพี”
“ครับ ขอบคุณมากนะพจ”
“ครับ บะบายนะ”
“ครับ ๆ” เขากดวางสายไปอย่างกรุ่นคิด กับประโยคที่ศิริพจน์บอกกับเขาก่อนจะวาง พีร์รู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นสนับสนุนให้เขากับพลกฤษณ์ได้ลงเอยกัน เขาสับสนเหลือเกินว่าทำไมทุกคนอยากให้เขาต้องรับรักจากนายเพลย์บอยคนนี้
แต่เขาก็ไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนแต่ก่อนกับศิลาอีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่ในใจของเขานั้นยังรักศิลาไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้ศิลาจะทำร้ายจิตใจของเขามามากแค่ไหนก็ตาม
อย่างไรก็แล้วแต่ ด่านสุดท้ายของพลกฤษณ์จริง ๆ ก็คงจะเป็นพ่อแม่ของเขาที่รับได้หรือเปล่ากับชีวิตอีกด้านของเขาที่ถูกเปิดเผยออกมา

  ศิลานั้นยังคงให้นักสืบติดตามความเคลื่อนไหวของพีร์อยู่ไม่ขาด เมื่อเขาพบว่าพีร์นั้นไปอยู่บ้านของพลกฤษณ์เขาก็ยิ่งต้องจับตามากขึ้น
 เพราะจากสายตาของพลกฤษณ์ที่มองพีร์ในครั้งแรกตอนที่เจอกัน เขาก็เริ่มไม่ไว้ใจเพื่อนเท่าไหร่ ประกอบกับอาการเป็นห่วงเป็นใยอีกฝ่ายอย่างออกนอกหน้า มันยิ่งทำให้เขาแน่ใจชัดเลยว่าเพื่อนเขานั้นรักพีร์อย่างไม่ต้องสงสัย
โทรศัพท์มือถือของเขาสั่นเพราะมีสายเข้า เขามองดูก็พบว่าเป็นนักสืบที่เขาจ้างมา เขาจึงกดรับทันที
“ฮัลโหล ว่าไง”
“คุณครับ เอ่อ...” อีกฝ่ายกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะว่าเวลานี้เขาถูกพลกฤษณ์จับคอเสื้ออยู่อย่างเอาเรื่องเพราะชายหนุ่มจับได้ว่าศิลาจ้างให้ตามมาสืบ
“ทำไม มีอะไร ปลายสายร้อนใจ”
พลกฤษณ์กระซิบ “บอกมัน เดี๋ยวให้ไปเจอกันบนดาดฟ้าที่ทำงานมัน”
ศิลาได้ยินเสียงเหมือนใครสักคน เขาจึงพูดออกไป “มีอะไร เกิดอะไรขึ้น”
“เอ่อ เดี๋ยวผมไปเจอคุณบนดาดฟ้าที่บริษัทนะครับ”
“หะ ทำไม มีอะไร...” เขาชักสงสัยมากขึ้น
“ก็เพราะว่าชั้นจับได้หน่ะสิไอ้หยก!” พลกฤษณ์แย่งโทรศัพท์ไปพูดแล้วกดวางสายทันที เขามองหน้านักสืบที่หน้าเสีย ๆ แล้วตบไหล่อีกฝ่ายบอกว่า
 “ไม่ต้องกลัว งานนี้เป็นเรื่องของชั้นกับเพื่อน มีอะไรเกิดขึ้นชั้นรับรองความปลอดภัย”
“ครับ” นักสืบยกมือไหว้ชายหนุ่มปลก ๆ อย่างขอบคุณจริง ๆ

  เมื่อถึงตึกที่ทำการบริษัทของศิลา พลกฤษณ์ก็ไม่รอช้าที่จะขึ้นไปหาศิลาตามที่นัดหมายพร้อมกับนักสืบ เมื่อไปถึงก็พบกับร่างสูงโปร่งของอีกฝ่ายยืนรอเขาอย่างคร่ำเครียด
  ศิลาเห็นว่าพลกฤษณ์มากับนักสืบที่จ้างไว้ก็ตกใจที่เพื่อนของเขาจับได้แล้วจริง ๆ ว่าเขาทำอะไร พลกฤษณ์หยิบสมุดเช็กขึ้นมาเซ็นเป็นตัวเลขหกหลัก แล้วยื่นให้นักสืบ
“แค่นี้น่าจะพอกับค่าปิดปากนะ”
นักสืบมองตัวเลขในเช็คก็พยักหน้าอย่างหวาดกลัวชายหนุ่มทั้งสอง “ครับ ๆ ผมจะเก็บเงียบเรื่องนี้”
“ดี งั้นก็ไปได้”
“ครับ ขอบคุณครับ” เขายกมือไหว้พลกฤษณ์ก่อนจะวิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว เหลือแต่ชายหนุ่มทั้งสองที่ยืนประจันหน้ากันบนดาดฟ้ายามเย็น
“ฉลาดดีหนิ จับได้ว่าชั้นจ้างนักสืบ” ศิลายิ้มเยาะอีกฝ่าย
“แน่นอน ชั้นเป็นคนเปิดเผยว่ะหยก ไม่เคยทำอะไรลับหลัง”
“เหรอ แล้วที่ชั้นเอาไอ้พจออกไปได้ แกคิดว่าชั้นไม่รู้เหรอว่าแกคิดยังไงกับน้องพี”
พลกฤษณ์ยิ้มให้เพื่อนอย่างท้าทายแทนคำพูด
“แล้วอย่างนี้มันเรียกว่าลับหลังมั๊ยวะหะ!” ศิลาคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว พร้อมเข้ามาคว้าคอเสื้อยืดของพลกฤษณ์
“ทำไม แล้วชั้นไปทำอะไรให้น้องเค้าเดือดร้อนเหมือนแกมั๊ย!” เขาก็คว้าคอเสื้อสูทของเพื่อนมาเช่นกัน  “ใช่ ชั้นยอมรับว่าชั้นแอบชอบน้องเค้าตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้ว แต่ชั้นก็ไม่ยุ่ง เพราะชั้นรู้ว่าน้องเค้าเป็นของแก และพอรู้ว่าเค้าเป็นของไอ้พจ ชั้นก็ก็ยินดีที่น้องเค้าเจอคนที่ดีกว่าแก แต่คราวนี้ชั้นทนไม่ได้ที่เห็นว่าแกทำให้น้องเค้าใจสลายขนาดนี้”
พูดจบ ศิลาก็ชกหน้าเพื่อนไปอย่างโกรธแค้น  “ไอ้แจ๊ค!! ไอ้ตีท้ายครัว!!ไอ้หมาลอบกัด!!”
พลกฤษณ์เองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เขาจัดการประเคนหมัดกลับไปให้ศิลาอย่างไม่ปราณี
“ใครกันแน่ที่ลอบกัดหะไอ้หยก!! พูดดี ๆ นะ อย่างน้อยชั้นก็ออกมายอมรับละว่าชั้นเป็นอะไรให้คนที่ชั้นรักเค้าได้สบายใจและเชื่อใจในตัวชั้น”
ศิลาเริ่มมองตามความเป็นจริง ว่าเขานั่นหล่ะคือคนที่ใช้วิธีลับหลังในการทำทุกอย่าง และก็เขาไม่เคยทำอะไรอย่างที่เพื่อนเขาทำให้พีร์ได้เลย
“ไอ้แจ๊ค...” เขาค่อย ๆ แกะมือเพื่อนที่กำคอเสื้อเขาออกอย่างยอมแพ้ต่อความจริง เขาค่อย ๆ หันหลังออกมาอีกทางเพื่อไม่ให้เพื่อนเห็นว่าเขาเริ่มเศร้า
“ชั้นรู้ว่าแกรักน้องพีแค่ไหน แต่แกก็อย่าลืมความเป็นจริงของแกด้วยล่ะหยก ว่าแกมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ และหลายอย่างในความเป็นพ่อของแกที่ต้องรับผิดชอบ”
“แล้วทำไมชั้นต้องปล่อยน้องพีไปให้แกด้วย” เขาถามออกมาตรง ๆ
“ถ้าแกไม่เห็นแก่ตัวพอที่จะทำลายชีวิตของคนที่แกรักมากไปกว่านี้ไงล่ะ”
พลกฤษณ์พูดจบก็หันหลังเดินลงไปจากดาดฟ้า ปล่อยให้เพื่อนของเขาได้ใช้ความคิดในเรื่องนี้ ชายหนุ่มหวังว่าศิลาคงจะเข้าใจได้สักทีว่าการยอมให้คนที่เขารักไปเจอคนที่พร้อมกว่า มันย่อมดีกับตัวเขาและพีร์เองด้วย

“คุณแจ๊ค! ไปทำอะไรมาหน่ะ”  พีร์ที่อุ้มพอลอยู่ตกใจเมื่อเห็นพลกฤษณ์ที่ลงมาจากแท็กซี่ขณะที่กลับมาบ้านในสภาพใบหน้าเขียวช้ำบางส่วน นี่ไปมีเรื่องกับใครมานี่ เขาคิดอย่างนั้น
“อาแจ๊คเป็นอารายค๊าบบ” เด็กน้อยถาม
“ไม่มีอะไรหรอกคับน้องพอล” แต่เขาหันไปกระซิบพีร์แทน
“อืม มีเรื่องนิดหน่อยอ่ะ” เขาตอบร่างอวบตรง ๆ “เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังข้างในดีกว่านะ”
พีร์เดินตามเขาไป เขาส่งพอลให้พี่เลี้ยงและพูดกับเด็กน้อยว่า
“น้องพอลคับ น้าพีไปทำแผลให้อาแจ๊คก่อนนะคับ”
“อ๊า น้องพอลจะไปกับน้าพี”
“เอ่อ ไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวอาแจ๊คเลือดออกมานะ น้องพอลกลัวเลือดไม่ใช่เหรอ”
“เหวอออ..” เด็กน้อยอุทานออกมาด้วยความกลัวจริง ๆ
“พี่เฮียงครับ ฝากด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะ คุณพี ป่ะค่ะ คุณหนู เราไปดูการ์ตูนกันกว่า” หญิงรับใช้ชักชวนพอลและอุ้มออกไป

  พีร์รับหน้าที่เป็นคนทำแผลเหมือนเดิม เขาถามขณะใส่ยาให้อีกฝ่ายว่า “คุณแจ๊ค คุณไปมีเรื่องกับใครมา” เขาคาดเดาไป “พี่หยกใช่มั๊ย”
พลกฤษณ์มองหน้าอีกฝ่ายแบบตอบรับ พีร์หน้าเสียทันทีเมื่อรู้อย่างนั้น
“มีอะไรกันหรือเปล่าคุณแจ๊ค”
“มีสิ” เขาเล่าต่อ “ผมเพิ่งจับได้ว่าไอ้หยกส่งคนมาตามดูคุณ ผมเลยลากตัวไอ้นั่นไปเจอไอ้หยก แล้วผมกับไอ้หยกก็ทะเลาะกันนิดหน่อย ซี๊ดด!!”
“เป็นอะไร แสบเหรอ..” เขาตกใจเรื่องที่ได้ยิน แต่ก็เป็นห่วงชายหนุ่มที่แสบเพราะฤทธิ์ยามากกว่า
“นิดหน่อยหน่ะ” เขายิ้มให้ ถึงแม้พีร์จะมือเบาอย่างที่น้องชายเขาเคยบอกแค่ไหน แต่ฤทธ์ของยาก็ยังคงทำงานอยู่ดี
“ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องลงไม้ลงมือกันด้วย” เขาถอนหายใจ “คุยกันดี ๆ ไม่ได้หรือไงนะ”
“ผมก็ไม่รู้ คุณก็พอรู้หนิว่าไอ้หยกหึงร้ายแค่ไหน”
พีร์ทำหน้าเศร้าเมื่อได้ยินอย่างนั้น นิสัยตรงนี้ของศิลาเขารู้ดี “ผมขอโทษนะ คุณมาเดือดร้อนเพราะผมอีกจนได้”
“ไม่เป็นไรหรอก” เขายิ้มรับ และจับมือของพีร์ขึ้นมา “ผมทำเพื่อคุณได้ทุกอย่าง”
พีร์มองหน้าพลกฤษณ์ก็พบสายตาของเขา ที่ไม่เจ้าชู้กรุ้มกริ่มอีกต่อไป สายตาของชายหนุ่มนั้น บ่งบอกว่าเขาจริงจังและมั่นคงต่อสิ่งที่พูดออกมา
“ไป ๆ ใส่ยาแล้วก็ไปกินข้าวซะ แล้วมากินยา” พีร์ไม่รู้จะทำอะไรเลยไล่ชายหนุ่มไปกินข้าวแก้เก้อ
“ได้ไงอ่ะ เจ็บขนาดนี้แล้วให้ผมกินข้าวเนี่ยะอ่ะนะ”
“ก็ กินข้าวแล้วกินยาไงล่ะ”
“โอเค ๆ ผมไปกินข้าวก็ได้” เขายอมแล้วจริง ๆ ชายหนุ่มดีใจที่พีร์ก็เป็นห่วงเขาบ้าง  เขาคลำหน้าเบา ๆ นึกถึงมือนุ่ม ๆ ของอีกฝ่ายที่ทำแผลให้แล้วก็รู้สึกหัวใจพองฟูขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
หรือว่าความรักที่เคยจากไปของเขา จะกลับมาแล้วจริง ๆ

หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 29-05-2010 17:37:44

ถึงเวลาที่พี่หยกต้องตัดใจแล้วใช่มั้ย  :monkeysad: ใจนึงเชียร์หยกนะ เพราะคิดว่าพีร์น่าจะรักหยกมากที่สุด แต่อีกใจก็ เค้ามีครอบครัวต้องดูแล จะไปอยู่แบบหลบๆซ่อนประหนึ่งเมียน้อยอย่างนั้นหรอ ถ้างั้นก็เลือกแจ๊คดีกว่ามั้ย คนที่สามารถจับมือแล้วเดินไปด้วยกันได้อย่างเปิดเผย เฮ้อ ชีวิตที่ไม่สมบูรณ์แบบ   :z3:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 29-05-2010 18:21:03
 :m31: อ๊ากกกกก เมื่อไรพีจะตัดใจจากหยกได้สักที
แต่อย่างว่าล่ะนะ รักแรกนิน่า
หยกก็มีครอบครัวแล้ว หย่าก็ไม่ได้ ถึงจะกลับไปคบกันอีก คงเป็นรักที่ปนขมสุดๆ
คบด้วยความไม่สบายใจ...ยังไงก็เชียร์เฮียแจ็คสุดพลังเหมือนเดิม
รอๆๆ อยากอ่านตอนต่อไปจังเลยคุณน้ำพริกแมงดา :z1:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: abacus ที่ 29-05-2010 22:34:39
ความรักที่แจ๊กรอคอย

น่ารักมากๆเลยยยยยย แอบเชียร์ แจ๊ก สู้ๆ

แต่ก็ยังเชียร์ หยก เล็กๆ -*-

ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป ลุ้นๆๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 29-05-2010 22:53:02
น้องพี น้องลืมพี่หยกจริงๆแล้วหรือเนี้ย ถ้าเป็นอย่างนี้คงต้องรอให้มีปาฏิหาร์ยซะแล้วล่ะมั่ง
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 29-05-2010 23:10:00
มันถึงเวลาที่ศิลาต้องยอมปล่อยมือจากน้องพีร์แล้วแหล่ะ...

คุณแจ็คสู้ๆๆๆ รุกอีกนิด หยอดบ่อยๆหน่อย...
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Lucio ที่ 29-05-2010 23:25:43
พีควรจะตัดสินใจได้แล้วนะ
ระหว่างพี่หยกที่พียังรักอยู่ แต่เป็นความรักที่อยู่ในเงาไม่มีทางได้เห็นแสง
กับ แจค ที่เดินจับมือเคียงค้างกันใต้แสงตะวัน

เอาใจช่วยพีและคนแต่งคับ ^^
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: wisa ที่ 30-05-2010 15:01:08
 :o8: :impress2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 30-05-2010 21:50:09
อิจฉาพีร์อ่ะ

เห้ออออ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 30-05-2010 21:53:26
นึกถึงคำว่า คู่กันแล้วคงไม่แคล้วกันหรอก ถ้าแจ๊คคือคนที่ใช่ ของพีร์ อย่างไงมันก็ใช่อยู่ดี
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 30-05-2010 22:06:27
มารอเฮียแจ็คสุดที่เลิฟ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 31-05-2010 14:06:33
มารอเฮียแจ็คสุดที่เลิฟ :L2: :L2:
มาแล้วค่ะ คุณ Nilirin ขอบคุณนะคะที่มารอเชียร์เฮียแจ๊คของเรา (ชอบที่คุณ Nolirin เรียกว่า เฮียแจ๊คจังเลย ฟังดูเหมาะกับตัวของแจ๊คดี)  

และก็ขอบคุณทุก ๆ คนมากนะคะ

ภาคต่อ ตอนที่ 29


  พีร์ที่เห็นพลกฤษณ์ยืนเหมือนลังเลอะไรอยู่ในโรงรถก่อนไปทำงาน เขาจึงถามอีกฝ่ายขึ้นมาว่า
“เป็นอะไรไปอ่ะคุณแจ๊ค”
พลกฤษณ์พลางกวาดตามองไปรอบ ๆ รถทุกคันที่จอดเรียงรายอยู่  ก่อนจะตอบแบบกรุ่นคิดจริงจังว่า
“ผมกำลังเลือกอยู่ว่าวันนี้จะขับคันไหนไปหน่ะสิ”  
พีร์มองหน้าชายหนุ่มอย่างหมั่นไส้ เพราะส่วนตัวเขาก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องยวดยานเท่าไหร่อยู่แล้ว และยิ่งมาเจออาการแบบนี้จากการที่มีรถเยอะ เลยทำให้ยิ่งหมั่นไส้ชายหนุ่มเข้าไปใหญ่
“ขับ ๆ ไปเถอะน่า คันไหนมันก็ไปถึงเหมือนกัน”
พลกฤษณ์มองหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะบอกว่า “ไม่หรอก มันไม่เหมือนกันหรอก รถแต่ละคันมันต่างกันนะ”
“งั้นก็เชิญเลือกไปเถอะ ผมนั่งแท็กซี่ไปเองก็ได้..” พีร์สะบัดออกไป ทำให้พลกฤษณ์รีบขึ้นMercedes Benz S class สีน้ำเงินคันที่อยู่ตรงหน้าแล้วขับตามร่างอวบออกไปทันที
“เฮ้!..คุณ..” เขาเรียกตามพีร์ที่กำลังจะเดินออกไปจากบ้านพร้อมกับบีบแตรตาม
“คุณ..ขึ้นมาเถอะน่า..” พลกฤษณ์ชะลอรถตาม เขาคิดในใจ  “เอาล่ะเว้ย งานเข้าแต่เช้าเชียว”
“น่าจะงอนอะไรผมแต่เช้า”
พีร์มองหน้าอีกฝ่ายเหวี่ยง ๆ ด้วยความขัดใจ
“มาเถอะน่า นั่งแท็กซี่ไปก็เปลืองเปล่า ๆ นะ เลิกงอนแล้วขึ้นมาได้แล้ว เดี๋ยวไปทำงานสายนะ”
พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็หันมามองพลกฤษณ์ที่ส่งสายตาขอร้อง “น่า ขึ้นมาเถอะ” เขากวักมือเรียกเด็กหนุ่มขึ้นมา พีร์เห็นอย่างนั้นก็เดินอ้อมรถเปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างหน้ากับเขาจนได้
พลกฤษณ์ทำหน้าโล่งใจ ที่คนแสนงอนขึ้นมานั่งกับเขาจนได้ เขาจึงขับรถออกไปจากประตูบ้านทันที

“นี่คุณแจ๊ค”  อยู่ดี ๆ พีร์ก็ถามขึ้นมาขณะอยู่ในรถ
“หืมม มีอะไร”
“ผมไม่เข้าใจจริง ๆ เลย คุณจะมีรถเยอะ ๆ ไว้ทำไมให้ปวดหัว”
 พลกฤษณ์ทำหน้ายิ้มรับ เขาคิดในใจ “ว่าแล้วว่าต้องถามอะไร”
“รถมันก็เหมือน ๆ กันไม่ใช่เหรอ ขับได้ถึงที่หมายก็น่าจะพอแล้ว”
“มันไม่เหมือนกันหรอก” เขาตอบนิ่ง ๆ “รถแต่ละรุ่นแต่ละคันมันแตกต่างกันนะ เครื่องยนต์กลไกของ แต่ละยี่ห้อก็แตกต่างกัน”
“แล้วมันขับไปถึงที่หมายเหมือนกันป่ะล่ะ” ร่างอวบไม่ยอมแพ้
“มันก็ใช่..แต่ว่าระหว่างทางหน่ะ รถแต่ละคันมันให้ความรู้สึกที่ต่างกันในการขับขี่เพราะสมรรถนะและองค์ประกอบของเครื่องยนต์มันไม่เหมือนกัน  คุณไม่ชอบเรื่องนี้คุณไม่รู้หรอก”
พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็จับโยงทันที
 “อ๋อ ที่คุณชอบคบหลาย ๆ คนนี่ก็คงเป็นเหตุผลเดียวกันใช่มั๊ย”
พลกฤษณ์ทำหน้าปวดหัว ที่เด็กหนุ่มพูดมามันก็ใช่ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องมาพูดอะไรกันตอนนี้
พีร์มองหน้าเขาอย่างคาดคั้น ส่วนพลกฤษณ์หมดความพยายามที่จะต่อเถียง เขากรอกตาไปมาอย่างปวดหัวกับความเจ้าแง่แสนงอนของคนข้าง ๆ เสียจริง
“อ่าว ก๊อเป็นอะไร ทำหน้ายังกับไปโดนใครต่อยซ้ำมางั้นหล่ะ” ศุภกฤษณ์ถามพี่ชายที่เพิ่งลงมาจากรถ
“มีเรื่องนิดหน่อยว่ะ”
“อะไรอ่ะ อย่าบอกนะว่า แฟนก๊อตัวแม่แต่เช้าเลย”
“เออ..”
“โห เรื่องอะไรอ่ะ”
“ก็เถียงกันเรื่องรถนี่หล่ะ แต่เค้าพาเข้าเรื่องของก๊อจนได้”
“ยังไงก๊อ”
“ก็เค้าบอกว่าที่ก๊อมีรถเยอะ ๆ ก็เหมือนที่ก๊อชอบมีเด็กเยอะ ๆ ใช่ไหมไง”
“แล้วมันจริงอย่างที่เค้าว่าป่ะล่ะ”
พลกฤษณ์ลูบหัวตอบเก้อ ๆ “เอ่อ...จริง”
“ฮ่ะ ๆๆๆๆ” คนเป็นน้องชายหัวเราะออกมาอย่างตลกพี่ตัวเอง
“นั่นมันก็เมื่อก่อน แต่รถกับคนมันต่างกันนะโว้ย  รถมันผลิตออกมาสนองความต้องการของคน แต่แฟนเนี่ยะเค้าไม่ได้มีไว้ตอบสนองเราอย่างเดียวเหมือนรถหรอก”
“อืม ก็ใช่ ว่าแต่น้องเค้าไปไหนแล้วหล่ะ”
“งอนก๊อไปทำงานแล้ว”
“แล้วก๊อจะทำไงเนี่ยะ”
“ทำงานก่อนว่ะ เดี๋ยวลูกค้ามารับรถตอนเก้าโมง ก๊อต้องไปดูก่อนล่ะ ที่เหลือค่อยคุยกันทีหลัง”
“อ่าครับ ฮ่ะ ๆๆ”
“ไปทำงานไป มายืนขำ เดี๊ยะ!” เขาผลักน้องชายตัวเองเบา ๆ เพื่อไล่ให้ไปทำงาน ชายหนุ่มก็หวังว่าพีร์เองก็คงจะหายงอนเขาเร็ว ๆ เพราะเขาเองก็คงไม่มีเวลาไปง้อในตอนทำงานเหมือนกัน

“น้าพีค๊าบบ น้าพีงอนอะไรอาแจ๊คหรือเปล่าคับเนี่ยะ” เด็กน้อยสังเกตุเห็นร่างอวบนั้นไม่ค่อยพูดกับพลกฤษณ์ขณะที่มารับหลานชายด้วยกัน ด้วยความเป็นเด็กช่างสังเกต
พลกฤษณ์มองหน้าหลานชายแบบขอบใจ พีร์เองก็มองพลกฤษณ์ก่อนจะตอบไปว่า
“ไม่มีอะไรหรอกคับน้องพอล น้าพีแค่เหนื่อย ๆ นิดหน่อย”
“เหรอคับ อาแจ๊คทำอะไรน้าพีเหรอครับถึงได้เหนื่อย”
เด็กน้อยถามแบบซื่อ ๆ ออกไปทำให้พลกฤษณ์หลุดขำออกมาไม่ได้ ส่วนก็พีร์มองคนที่ขับรถอยู่ดุ ๆ
“เปล่าคับ แจ๊คจะทำอะไรน้าพีได้ล่ะ น้าพีเค้าไม่ยอมหรอก ใช่ไหมน้าพี”
พีร์หน้าตึงทันทีเมื่ออีกฝ่ายหยอกล้อเรื่องนี้ ส่วนพอลก็มองพีร์อย่างสงสัยว่าพีร์หน้าตึงเพราะอะไร
“น้าพีเป็นอะไรไปเหรอคับ”
“ปะ เปล่าครับ ไม่มีอะไรนะน้องพอล” เขาตอบหลานตัวน้อยอย่างใจดี แต่ใจใจนี่สิก็อดหมั่นไส้คนเป็นอาไม่ได้

คืนนี้พอลไม่รบเร้าให้เขาเล่านิทานให้ฟังเหมือนทุกวัน เขานึกแปลกใจอยู่นิดหน่อย แต่ก็คิดว่าอาแจ๊คของอีกฝ่ายคงจะทำหน้าที่นี้แทนแล้ว เขาจะปิดไฟนอนแต่ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูเบา ๆ จึงรีบออกไปเปิดทันที ก็พบว่าพลกฤษณ์นั้นมากับหลานชายตัวน้อยที่เหมือนจะมาอ้อนอะไรเขา
“น้องพอล...” พีร์คุกเข่าลงคุยกับหลานชายตัวน้อย  “มีอะไรหรือเปล่าคับ”
“น้าพีคับ คืนนี้น้าพีไปนอนกับพอลได้มั๊ยครับ”
“ได้สิครับ แล้วอาแจ๊คให้น้องพอลนอนคนเดียวเหรอ” เขาถามอย่างนั้นพลางมองไปที่คนเป็นอาอย่างสงสัย เพราะว่าเห็นชายหนุ่มบอกว่าคืนนี้จะนอนเป็นเพื่อนหลานชาย
“เปล่าคับน้าพี คือ น้องพอลอยากให้น้าพีมานอนกับพอลด้วย”
“หืม นอนกับน้องพอล ยังไงคับ”
“น้องพอลอยากให้น้าพีกับอาแจ๊คนอนเป็นเพื่อนน้องพอลอ่าคับบ”
พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกตกใจและประหม่าเล็กน้อย ส่วนคนเป็นอานั้นก็ยิ้มขำกับหลานชายตัวเล็ก พีร์มองหน้าเขาแบบคาดคั้น ส่วนพลกฤษณ์เองทำหน้าแบบไม่รู้เรื่องกับความต้องการของหลานชายนี้
“น้องพอลอยากให้น้าพีไปนอนด้วยจริงเหรอคับ” เขามองเข้าไปในดวงตาของเด็กน้อยอย่างพิสูจน์
“จริงคับ” เด็กน้อยตอบใสซื่อออกมา
“น่า ไปนอนกันเถอะ อย่ามัวแต่ซักไซ้อะไรพอลเลย” คนเป็นอาได้ทีสมทบ
“นะคับน้าพี” หลานชายตัวน้อยเข้ามากอดร่างอวบแบบอ้อน ๆ
“โอเคคับน้องพอล น้าพีไปนอนกับน้องพอลก็ได้”
“เย้ ๆๆ” เด็กน้อยเข้าไปกอดพีร์ และให้พีร์อุ้มพายังห้องนอนของพลกฤษณ์
พีร์นั้นรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันที่อยู่ดี ๆ จะไปนอนห้องเดียวกับนายเพลย์บอย แต่เขาก็คงคิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะว่างานนี้มีพอลอยู่ด้วยทั้งคน
“อ่ะ เข้ามาสิ” พลกฤษณ์เปิดประตูให้พีร์นั้นอุ้มเด็กชายตัวน้อยเข้ามา  เขาค่อยวางพอลลงบนกลางเตียงขนาด 6 ฟุต แล้วก็จะเตรียมตัวนอน แต่เด็กน้อยพูดอะไรออกมาก่อน
“น้าพีคับ ลืมอารายรึเปล่า”
“ครับ มีอะไรเหรอน้องพอล”
เด็กน้อยเอียงแก้มให้พีร์หอม พีร์เห็นอย่างนั้นก็เข้าไปหอมแก้มเด็กน้อยทั้งสองข้าง เด็กน้อยเองก็หอมแก้มนุ่มของพีร์เช่นกัน ทำให้คนเป็นอาที่มองอยู่แอบมองด้วยความอิจฉา
“น้องพอล ไม่หอมอาแจ๊คมั่งเหรอ”
“ไม่เอาอ่าคับ อาแจ๊คมีหนวด จักจี๊”
“โอเค ๆ งั้นมานอนกันได้แล้ว” เขารวบรัดตัดความ ก่อนละล้มตัวลงนอนทางด้านซ้ายของเตียงซึ่งมีพอลนอนตรงกลาง และพีร์นอนทางด้านขวา
  พอลนั้นรู้สึกอบอุ่นที่สุด เพราะตามความรู้สึกของเด็ก การได้นอนโดยที่มีพ่อแม่เคียงข้างเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เมื่อพอลคิดว่าคนทั้งสองเป็นเหมือนพ่อแม่ของเขา เขาจึงอยากให้พีร์กับพลกฤษณ์นั้นมาอยู่ใกล้ ๆ เขาในยามนิทรานี้
   สักพักพีร์และพอลก็หลับไป ส่วนพลกฤษณ์ที่ยังไม่หลับนั้นมองสองน้าหลานอย่างมีความหมาย
เขารู้สึกดีใจเหลือเกินที่ได้นอนร่วมเตียงกับพีร์เป็นครั้งแรก ชายหนุ่มมองใบหน้าของพีร์ยามหลับอย่างเอ็นดู พลกฤษณ์นั้นรู้สึกถะนุถนอมร่างอวบ เขาไม่กล้าที่จะแตะต้องพีร์เลยแม้กระทั่งยามหลับ
  ตามปกติในด้านความสัมพันธ์ของเขากับคู่ขาคนอื่นแล้ว ก็ต้องมี “เรื่องอย่างว่า” ตามมาในหัวอยู่เสมอ
แต่กับพีร์นี้เขาไม่เคยคิดอะไรในด้านนั้นเลย เขารู้สึกว่าพีร์ช่างน่าถะนุถนอม น่าดูแลเอาใจใส่มากกว่า
เขาหลับตาลงพร้อมใบหน้าที่ระบายยิ้มอย่างมีความสุขไม่แพ้น้องพอลเช่นกัน

และวันเดินทางไปบ้านของพีร์ก็มาถึง พีร์นั้นเลือกเดินทางโดยรถไฟ แต่เป็นรถไฟชั้น 3 โดยพีร์นั้นอยากจะรู้ว่าชายหนุ่มผู้มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายอย่างพลกฤษณ์จะอดทนกับความลำบากในรถไฟชั้น 3 นี้อย่างไรบ้าง
  แถมระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ เสียด้วย เขาอยากจะรู้นักว่าพลกฤษณ์จะเป็นอย่างไรกับการเดินทางในครั้งนี้

เขาเลือกเดินทางตอนเย็นเพื่อจะได้ถึงปลายทางที่ชุมทางรถไฟหาดใหญ่ในเช้าวันรุ่งขึ้น หัวค่ำนี้ก็เพิ่งเข้าเขตประจวบคีรีขันธ์เอง พีร์ที่นั่งมองนอกหน้าต่างอยู่รู้สึกตัวว่าพลกฤษณ์ที่นั่งอยู่ด้านตรงข้ามนั้นมองเขาอยู่ เขาจึงค่อย ๆ หันมาคุยกับชายหนุ่มที่แอบมองเขาอยู่
“มีอะไรเหรอครับคุณแจ๊ค”
“เปล่าหน่ะ”
“แล้วมองผมอ่ะ มีอะไรเหรอ”
“เปล่า...ผมก็แค่อยากรู้ว่าคุณกลัวมั๊ย”
พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็มีสีหน้ากังวลอย่างที่ชายหนุ่มถามมาเล็กน้อย พลกฤษณ์เห็นอย่างนั้นเลยย้ายไปนั่งข้าง ๆ พีร์
“ไม่ต้องกลัวนะ...” ชายหนุ่มจับมือพีร์ขึ้นมาพร้อมบอกกับพีร์ด้วยเสียงอบอุ่นและแววตาอ่อนโยน
“ยังไงซะผมก็เชื่อว่าพ่อแม่คุณก็คงไม่ทำอะไรคุณมากเท่าผมหรอก”
“อืม..” พีร์ตอบรับ แต่ก็รู้สึกดีขึ้นจากคำพูดของชายหนุ่มที่ให้กำลังใจ
คำว่า “ไม่ต้องกลัวนะ” ที่พลกฤษณ์บอกมานั้น ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเชื่อมั่นในตัวเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“คุณแจ๊ค ๆๆ” พีร์ปลุกชายหนุ่มที่หลับอยู่ “คุณแจ๊ค ถึงหาดใหญ่แล้วนะ”
พลกฤษณ์ลืมตาขึ้นมองหน้าพีร์ทันที เขามองไปรอบตัวก็พบว่าเป็นสายของวันใหม่แล้ว เขาจึงหยิบหมากฝรั่งที่เขาพกไว้ระงับกลิ่นปากขึ้นมาเคี้ยว ก่อนจะไปหยิบสัมภาระที่อยู่ชั้นข้างบนตามพีร์ลงไปที่ชานชาลา

“อืม..” เขาเหลียวมองดูรอบตัว นี่เป็นครั้งแรกของเขาจริง ๆ ที่ได้เดินทางมาที่นี่โดยรถไฟ
แต่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของเขาสำหรับรถไฟชั้น 3 อย่างแน่นอน
“เป็นไงมั่งคุณแจ๊ค” พีร์ถามยิ้ม ๆ พลกฤษณ์รู้ทันทีเลยว่าหนุ่มน้อยหมายถึงอะไร
“การเดินทางอะเหรอ” เขาหันไปถามและตอบยิ้ม ๆ “ก็โอเคหนิ ทำไมเหรอ”
“เปล่า ๆ คือ..”
“คิดว่าผมจะทนไม่ได้ล่ะสิ” พลกฤษณ์ตอบแทนอย่างเสร็จสรรพ ทำให้พีร์หน้าตึงทันที เพราะชายหนุ่มรู้ทันเขาอีกแล้ว  เขาทำหน้าแบบไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะถามเข้าเรื่อง
“นี่..แล้วไปบ้านคุณยังไงเนี่ยะ”
“อืม นั่งสองแถวไป”
“อืม ไปสิ” เขาตอบรับและเดินตามพีร์ไปขึ้นรถสองแถวเพื่อต่อเข้าไปในตัวตลาดเพื่อจะไปบ้านของพีร์

  เมื่อคนทั้งสองลงจากรถ พีร์นั้นยืนอยู่หน้าบ้านตัวเองอย่างกล้า ๆ กลัว โดยมีพลกฤษณ์มองเขาอย่างให้กำลังใจ เขาเข้าใจดีว่า สำหรับคนเป็นลูกอย่างเขาและพีร์เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ลำบากใจกันทั้งสองฝ่าย เขาเคยผ่านเรื่องนี้มาแล้วใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันลำบากใจเพียงไหนที่ต้องเผชิญหน้า
  “คุณโอเคมั๊ย” เขาถามพีร์อย่างเป็นห่วง
พีร์พยักหน้าช้า ๆ ก่อนถอนหายใจออกมาอย่างเตรียมตัว และก็ก้าวเข้าไปในบ้านที่เขาคุ้นเคย
ที่ซึ่งวันนี้เป็นที่ที่ลำบากใจมากที่สุดสำหรับเขา
“อ้าว น้องพี” ลูกจ้างคนหนึ่งในร้านออกมาต้อนรับ
“สวัสดีครับพี่ป๋อง ป๊ากับม้าอยู่ไหนอ่ะคับ” ถึงจะเป็นลูกจ้างของพ่อกับแม่ แต่หนุ่มน้อยก็ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“อ่อ เสี่ยกับซ๊ออยู่ในครัวหน่ะ เดี๋ยวพี่ไปเรียกให้นะ” ลูกจ้างหนุ่มรับคำ แต่ก็ช้ากว่าพีร์ที่บอกว่า
“ไม่เป็นไรคับ เดี๋ยวผมไปเรียกเองดีกว่า”
“อ่าได้ ๆ” เขามองไปยังพลกฤษณ์อย่างวางตัวลำบาก “เอ่อ น้อง น้องเป็นแฟน น้องพีใช่มั๊ย”
“ครับพี่ สวัสดีครับ” พลกฤษณ์เองก็ยกมือไหว้ลูกจ้างหนุ่มเช่นกัน
“โหย ไม่ต้องยกมือไหว้พี่หรอกน้อง” เขาเกรงใจ “มา ๆ เดี๋ยวเสี่ยกับซ๊อก็ลงมาแล้ว นั่งรอก่อนนะ”
“ขอบคุณครับพี่”

พีร์นั้นเข้าไปในครัวเพื่อหาพ่อกับแม่ของเขา และเมื่อคนทั้งสองมองเห็นลูกชายคนเล็กกลับมาบ้าน ความรู้สึกต่าง ๆ นา ๆ ก็หลั่งไหลเข้ามาอย่างท่วมท้นทันที
“ป๊ากับม้าสวัสดีครับ” พีร์ยกมือไหว้พ่อแม่ตัวเองอย่างกลัว ๆ กล้า ๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกของเขาจริง ๆ ที่เจอหน้าพ่อกับแม่หลังจากที่พ่อกับแม่เขารู้เรื่อง
เหมือนเขาเองเป็นคนใหม่ที่ต้องแนะนำตัวเองให้พ่อกับแม่รู้จัก
คนทั้งสองรับไหว้ลูกตัวเองพร้อมยิ้มเศร้า ๆ เพราะก็ไม่รู้จะทำยังไงเช่นกัน
“เอ่อ ป๊ากับม้ากินข้าวอยู่เหรอคับ”
“ใช่จ้ะ พีเพิ่งมาใช่มั๊ยหะ กินข้าวมาหรือยังล่ะลูก มาเหนื่อย ๆ เนี่ย แล้วนี่....” คนเป็นแม่ตอบรับ พร้อมกับทำหน้ามองหาพลกฤษณ์ที่บอกจะมาด้วย
“แล้วแจ๊คล่ะลูก” เธอตามลูกชายออกไปตรง ๆ
“อ่อ อยู่ข้างนอกอ่ะคับม้า”
คนเป็นแม่ทำหน้าโล่งใจ เพราะอย่างน้อยชายหนุ่มคนนี้ก็พูดจริงทำจริงในระดับหนึ่ง ส่วนคนเป็นพ่อนั้นเงียบอย่างกรุ่นคิด
“มา กินข้าวกัน เรียกแจ๊คเค้ามาด้วยนะ” เธอยิ้มรับ และนึกอยากเจอตัวจริงของชายหนุ่มที่เธอเคยคุยด้วยทางโทรศัพท์หลายครั้ง ทำให้คนเป็นพ่อหันมามองอย่างสงสัย
หลังจากครั้งแรกที่คุยกันกับพลกฤษณ์ ด้วยความเป็นห่วงลูกชาย เธอจึงขอเบอร์ของชายหนุ่มไว้เพราะเธอคิดว่าชายหนุ่มคงจะอยู่กับลูกชายเธอเกือบตลอดเวลาอย่างแน่นอน เธอพบว่าชายหนุ่มที่มีภาพลักษณ์โฉบเฉี่ยวและดูเป็นคนเจ้าชู้ประตูดินตามที่สื่อเสนอนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่เธอเคยเห็นในข่าวเลย พลกฤษณ์นั้นดูเป็นผู้ใหญ่มาก ๆ และมีความรับผิดชอบสูงในสายตาของเธอ
 เมื่อลูกออกไปเธอจึงบอกกับสามีว่า “จำไม่ได้เหรอป๊า ที่เราเคยคุยกับเค้าไง”
“เราที่ไหน หงีคนเดียวที่คุยต่างหาก”
“เอาน่า ๆ ไหงเชื่อใจเค้าละกัน คิดดูสิ ไม่งั้นเค้าจะกล้ามาหาเราเหรอ”
คนเป็นพ่อพยักหน้า และอยากจะพิสูจน์เหมือนกันว่าชายหนุ่มคนรักของลูกจะเป็นยังไง
แล้วพีร์ก็พาพลกฤษณ์เข้ามาในครัว เขายกมือไหว้พ่อกับแม่ของพีร์อย่างนอบน้อม คนเป็นแม่นั้นลุกไปหาชายหนุ่มอย่างดีใจที่เห็น
“หวัดดีจ้ะ ได้เจอตัวจริงซะทีนะ” เธอยิ้ม ๆ และเข้าไปจับไหล่ของร่างสูงใหญ่อย่างดีใจ
“ครับ คุณน้า ผมก็ดีใจครับ” เขายิ้มรับ
“มา กินข้าวกันก่อนนะจ๊ะ” เธอเชิญชายหนุ่มนั่งกินข้าวด้วยอย่างใจดี ส่วนคนเป็นพ่อนั้นยังพิจารณาชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้าด้วยสายตา
“แล้วนี่มาบ้านพีนี่ลางานมาหรือยัง” คนเป็นพ่อถามขึ้นมา  
“ลาเรียบร้อยแล้วครับ”
“ดี มาอยู่บ้านนี่ใช่ว่าผมจะให้อยู่เฉย ๆ นะ มีอะไรช่วยได้ก็ช่วย ทำอะไรได้ก็ทำ”
“ครับ” พลกฤษณ์ตอบรับอย่างไม่ย่อท้อ ส่วนพีร์กับแม่นั้นมองหน้ากันอย่างเป็นห่วงชายหนุ่ม
“บ้านผมเป็นร้านขายของนะ ห้องหับมันก็ไม่เยอะ จะมาอยู่รวมกับลูกผมหน่ะไม่ได้ คืนนี้คุณนอนกับไอ้ป๋องก็ละกัน”
“ครับ” พลกฤษณ์ก็ตอบรับแบบไม่คิดมากเช่นเคย  
“กินข้าวเถอะจ้ะ” เธอเร่งให้ชายหนุ่มกิน ก่อนจะหันไปดุสามี “ป๊า บอกกับกีทีหลังก็ได้นี่นา”
“บอกไว้ก่อน จะอยู่บ้านเรา มานอนสบาย ๆ ไม่ได้ก็เท่านั้น”
คนเป็นแม่ส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ ส่วนพีร์เองได้แต่ก้มหน้ากินข้าวเงียบ ๆ รู้สึกเห็นใจพลกฤษณ์ขึ้นทันที
เขาคิดว่า นี่เขากำลังพาชายหนุ่มมาลำบากด้วยแท้ ๆ เลย...

ปล. หงี แปลว่า เธอ ในภาษาจีนฮักกา ค่ะ
     ไหง แปลว่า ฉัน ในภาษาจีนฮักกา เช่นกันค่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 31-05-2010 14:12:52
มาขอจิ้ม :z13: คนเขียนก่อน
อิอิ
--------------------------------

 :laugh: โดนว่าที่พ่อตาทดสอบเอาแล้วไงเฮียแจ็ค
แล้วที่พีร์พูดเรื่องรถกะคนเนี้ย
 เฮียก็ไม่รู้ซะเล๊ยยยยย  :m16:ว่าพีร์เค้าบอกเปงนัยๆว่าให้เลิกซะ ไอ่มีหลายๆคนเนี้ย

ปล.“ยังไงซะผมก็เชื่อว่าพ่อแม่คุณก็คงไมทำอะไรคุณมากเท่าผมหรอก”มันหมานความว่าไงอ่ะคุงน้ำพริก
     คนอ่านคิดมากไปเอง :haun4: หรือคนเขียนๆให้คิดละเนี้ย

หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 31-05-2010 14:30:40
ว่าที่พ่อตา กะ ว่าที่ลูกเขย เริ่มแล้วเว้ย  :laugh: โช้งเช้งๆๆๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 31-05-2010 14:43:59
มาขอจิ้ม :z13: คนเขียนก่อน
อิอิ
--------------------------------

 :laugh: โดนว่าที่พ่อตาทดสอบเอาแล้วไงเฮียแจ็ค
แล้วที่พีร์พูดเรื่องรถกะคนเนี้ย
 เฮียก็ไม่รู้ซะเล๊ยยยยย  :m16:ว่าพีร์เค้าบอกเปงนัยๆว่าให้เลิกซะ ไอ่มีหลายๆคนเนี้ย

ปล.“ยังไงซะผมก็เชื่อว่าพ่อแม่คุณก็คงไมทำอะไรคุณมากเท่าผมหรอก”มันหมานความว่าไงอ่ะคุงน้ำพริก
     คนอ่านคิดมากไปเอง :haun4: หรือคนเขียนๆให้คิดละเนี้ย



หมายถึงว่า พลกฤษณ์จะบอกว่า พีร์ก็คงไม่ถูกพ่อแม่ของตัวเองตั้งป้อมรังเกียจและทดสอบแบบทรหดอย่างที่ตัวเฮียแจ๊คจะเจอ ไงคะ (คนเขียนเขียนซับซ้อนไปหรือเปล่าเอ่ย เหอะๆๆ)
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 31-05-2010 15:09:47
พี่แจ๊ครักจริงหวังแต่ง อย่าได้เปลี่ยนใจทำน้องพีร์ช้ำนะตัวเอง
+ 1 ให้คนเขียน
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 31-05-2010 16:13:18
เพ่แจ้คลงทุนยอมฝ่าด่านพ่อตา  จะสำเร็จหรือเปล่านะ 
แต่ดูเหมือนแม่ยายจะแอบช่วยนิดๆ   5555555
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 31-05-2010 17:22:57
วันนี้ลงสองตอนค่ะ เนื่องจากว่าเมื่อวานไม่ได้มาลง แฮ่ะ ๆๆ

มีเนื้อเรื่องตอนนึงเข้ากับวันงดสูบบุหรี่โลกพอดีเลยค่ะ ก็เลยเอามาลงให้เข้ากับวันนี้ที่เป็นวันงดสูบบุรุษ เอ๊ย บุหรี่โลก ค่ะ

ขอบคุณทุกคนนะคะ
ภาคต่อ ตอนที่ 30

“น้องแจ๊ค เป็นไงมั่ง” ลูกจ้างที่ชื่อป๋องเข้ามาถามขณะที่เสร็จจากการทำงานในวันแรกที่พลกฤษณ์มาบ้านพีร์ตามเงื่อนไขของคนเป็นพ่อที่ให้เขาช่วยทำงานที่ร้าน โดยเขานั้นต้องมาพักอาศัยอยู่กับห้องเช่าเล็ก ๆ ของลูกจ้างหนุ่มไม่ไกลจากร้านของพ่อพีร์ ซึ่งก็เป็นแหล่งที่พักของบรรดาลูกจ้างคนงานในหาดใหญ่  เขาจัดวางกระเป๋าสัมภาระก่อนจะตอบว่า
“ก็ดีคับพี่”
“โหย ตอบมาตามตรงดีกว่า พี่ไม่เชื่อเลยว่าหนุ่ม ๆ สำอาง ๆ อย่างเราจะทำงานแบบนี้ได้” เขาพูดตามตรง แต่ก็อดทึ่งไม่ได้ที่เห็นพลกฤษณ์จะหนักเอาเบาสู้ขนาดนี้ เพราะเห็นเถ้าแก่ใช้งานชายหนุ่มไม่หยุดหย่อนเลยตั้งแต่กินข้าวเสร็จ
“ก็ไม่มีอะไรหรอกคับ ผมก็เข้าใจเสี่ยเค้า” ชายหนุ่มตอบไปทำให้ลูกจ้างหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ
“ก็อย่างงี้หล่ะนะ พี่ก็เห็นใจเสี่ยเค้าเหมือนกัน ว่าแต่น้องนี่ หน่วยก้านไม่เบานะ ว่าแต่น้องจบช่างกลมาเหรอ” เขาถามไปซื่อ ๆ
“ก็ ครับ ทำนองนั้น” พลกฤษณ์ยิ้มรับ ไม่ถือสา เพราะงานหนักขนาดนี้เขาก็เคยผ่านมาแล้วมากมาย นับประสาอะไรกับแค่เรื่องดูแลอะไหล่รถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์แค่นี้
“เออ มิน่าล่ะ แหม ๆ น้องพีนี่โชคดีจริง ๆ ที่ได้น้องเป็นแฟน” เขาชื่นชม “เออ แล้วว่าแต่ ไปเจอกันได้ยังไงล่ะเนี่ยะ”
“ก็ เรื่องมันยาวหน่ะครับพี่ เอาไว้ผมเล่าให้ฟังทีหลังนะคับ” เขาผัดผ่อนเพราะเริ่มง่วงนอนแล้ว เขาหยิบเสื่อที่วางไว้มุมห้องมากางแล้วก็ตามด้วยหมอนกับผ้าห่ม
“เฮ้ยย ๆ ไอ้น้อง มานอนข้างบนก็ได้” คนเป็นลูกจ้างตกใจ
“ไม่เป็นไรครับพี่ ห้องพี่หนิครับ ผมนอนข้างล่างดีกว่า”  
ป๋องทำหน้าคิดได้ตามที่ชายหนุ่มบอก “เออ เอางั้นก็ได้ น้องนี่ช่างคิดจริง ๆ”
พลกฤษณ์ล้มตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้าจากการเดินทางเมื่อคืน และประกอบกับการทำงานหนักในวันนี้ แต่เขาก็อดเป็นห่วงพีร์ไม่ได้ที่จะต้องเผชิญหน้ากับพ่อและแม่หลังจากที่คนทั้งสองนั้นได้รับรู้ตัวตนที่แท้จริงของลูกตัวเอง
 
“พี เล่าให้ม้าฟังได้มั๊ยลูกว่าเจอกับแจ๊คได้ยังไง” เธอถามลูกชายเพื่อให้แน่ในว่าสิ่งที่พลกฤษณ์ให้สัมภาสน์มาเป็นความจริงหรือเปล่า ขณะที่เธอกับสามีนั้นจับเข่าคุยกับลูกเรื่องนี้โดยเฉพาะ
“ก็เจอกันตอนพีร์ไปเดินห้างหล่ะม้า เค้าเข้ามาถามพีเรื่องหนังสือนู่นนี่ แต่พีร์ก็ไม่สนใจนะตอนแรก” พีร์ตอบไปอย่างที่ชายหนุ่มเตี๊ยมไว้ให้เขา
“เหรอ...แล้วยังไงต่อล่ะ”
“ก็ เค้าก็ตามมาดักรอพีที่บริษัท พีก็รำคาญนะแรก ๆ ก็เลยคุยกับเค้าดูอ่ะ”
“อืม..แล้ว พีมีแฟนมาก่อนจะเจอกับแจ๊คหรือเปล่า” คนเป็นแม่ถามออกมาอย่างยากลำบาก “ม้าหมายถึง แฟนที่เป็นผู้ชายนะ”
พีร์ทำหน้าไม่กล้าเมื่อได้ยินอย่างนี้ “ไม่ต้องกลัวนะ ม้าไม่ว่าอะไรพีหรอก”
“ก็..เคย” เขาตอบออกไปเพื่อไม่ให้พลกฤษณ์ต้องเข้าสู่ข้อหาชักจูงให้เขามาทางนี้  
“พจใช่มั๊ยลูก” เธอนิกถึงศิริพจน์ ที่เคยพามาแนะนำให้รู้จัก
“ไม่ใช่นะม้า” เขาปฎิเสธทันทีเพื่อไม่ให้ชายหนุ่มเดือดร้อน “พจเค้าเป็นเพื่อนพีจริง ๆ เนี่ยะ ปลายเดือนนี้เค้าจะหมั้นแล้ว เค้ายังชวนพีไปเลย”
“เหรอ ที่ไหนล่ะลูก” คนเป็นแม่ตื่นเต้นเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“สิงคโปรคับม้า พจไปทำงานและมีแฟนเป็นผู้หญิงสิงคโปร์”
“เหรอ แล้วเพื่อนแกรู้มั๊ยว่าแกชอบผู้ชาย” คนเป็นพ่อถามขึ้นมา
“รู้คับ”
“แล้วเค้าไม่ว่าอะไรแกมั่งเลยเหรอ”
“ก็ไม่หนิคับ”
“อืม คนสมัยนี้หน่ะใจกว้างจริง ๆ เลย” เขารำพึงออกมา
 “แล้วนี่แกเคยนอนกับผู้ชายหรือยังหะ” คนเป็นพ่อถามไปตรง ๆ แต่จากที่เห็นกับพลกฤษณ์แล้ว เขาแน่ใจว่าลูกเขากับชายหนุ่มยังไม่มีอะไรกันแน่นอน
“ยังคับ พีก็กลัวเหมือนกันนะ”
“กลัวอะไรล่ะพี” คนเป็นแม่ถาม
“ก็ พีก็ไม่อยากจะเป็นอย่างนี้หรอกนะคับป๊าม้า ป๊ากับม้ารู้มั๊ยว่าพีเสียใจที่สุดเลยที่เป็นอย่างนี้” เขาเริ่มร้องไห้ออกมา “พีไม่อยากให้ป๊ากับม้าต้องผิดหวัง”
คนเป็นแม่เห็นอย่างนั้นก็เข้ามากอดลูกไว้อย่างปลอบโยน ส่วนคนเป็นพ่อก็พูดออกมาอย่างยากลำบาก
“พี ป๊าจะบอกอะไรให้นะ ไม่ใช่ว่าป๊ากับม้าไม่รู้ว่าลูกเป็นอะไร” เขามองหน้าลูกตรง ๆ แล้วพูดต่อ “ป๊าก็คิดอยู่ว่าสักวันเราต้องคุยกันเรื่องนี้ เพราะบางทีป๊าก็คิดนะว่า เฮ้ย กูคิดไปเองป่าววะ ลูกเรามันเป็นเด็กผู้ชายนี่นา”
คนเป็นแม่สมทบขึ้นมา
 “ใช่ลูก แต่ตั้งแต่ลูกเข้ามหาลัย ม้าก็แน่ใจแล้วหล่ะว่าลูกของม้าไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นแน่นอน”
เขาร้องไห้ออกมาทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น “พีขอโทษ ฮือ ๆๆๆ”
คนเป็นแม่ลูบหัวปลอบโยน “ไม่เอาน่าลูก คนเราเลือกเกิดไม่ได้ ลูกก็ไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย นะ”
“ใช่ ม้าพูดถูก อย่าคิดมากเลยนะพี ป๊ากับม้าดีใจนะที่เราคุยเรื่องนี้กันตรง ๆ” คนเป็นพ่อเข้ามลูบหัวลูกชายเช่นกัน เขาสมทบต่อ
“ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไร ป๊ากับม้าก็รักลูกเหมือนเดิมนะ”
“ป๊ากับม้าไม่โกรธพีเหรอ”
“ตอนแรกก็นิดหน่อย แต่พอม้าคุยกับแจ๊คแล้วม้าก็เข้าใจอะไรมากขึ้น” คนเป็นแม่พูดออกมา “เมื่อข้าวสารมันกลายเป็นข้าวสุกไปซะแล้วจะให้ทำยังไงได้ล่ะ”
“อีกอย่างนะ แจ๊คเค้าก็บอกว่าเค้าจะรับผิดชอบในตัวลูก ม้าก็รู้สึกว่าสิ่งที่ลูกเป็นมันไม่ได้แย่อะไรมากมาย”
“ม้า..”
“เลิกเศร้านะลูก กลับมาเป็นพีคนเดิมของป๊ากับม้านะลูกนะ” คนเป็นแม่บอกลูกอย่างนั้น ทำให้ลูกชายกอดแม่แน่นด้วยความรัก คนเป็นพ่อกับแม่มองหน้ากันอย่างเข้าใจในกันและกันมากขึ้น  

   พลกฤษณ์มาทำงานที่บ้านพีร์พร้อมกับป๋องในเช้าวันใหม่ เขาเหมือนรู้หน้าที่ของตัวเองคือทำงานอย่างขันแข็ง ในยามนี้เขาสวมเสื้อผ้าที่เก่าด้วยคราบเขม่าและน้ำมันเครื่อง แต่ก็ไม่ได้ทำให้รัศมีความหล่อของเขานั้นลดลงไปได้เลย ลูกค้าบางคนเหมือนจะรู้ว่าเขาเป็นใครก็อดตื่นเต้นไม่ได้ที่ได้เห็นคนดังอยู่ในร้านนี้
 การทำงานทั้งหลายของพลกฤษณ์นั้นอยู่ในสายตาของพ่อพีร์เสมอ บางครั้งที่เขาเห็นชายหนุ่มโดนลูกค้าต่อว่า เขาก็คิดว่าชายหนุ่มจะไม่อดทน แต่ที่ไหนได้ พลกฤษณ์นั้นกลับอดทนและขอโทษขอโพยลูกค้าเป็นการใหญ่ แถมพลกฤษณ์เองก็ไม่ย่อท้อกับการซ่อมแซมอะไหล่ต่าง ๆ อย่างไม่ห่วงหล่อ  แต่คนเป็นพ่อก็ยังไม่ใจอ่อนให้พลกฤษณ์มาพักอาศัยด้วยกันที่บ้าน ยกเว้นให้กินข้าวเย็นร่วมโต๊ะก็เท่านั้น

“พี่ป๋อง ๆๆ” เสียงร้องเรียกจากผู้หญิงคนหนึ่งที่เคาะประตูห้องเช่าอย่างร้อนรนในเช้าวันต่อมา ทำให้พลกฤษณ์นั้นออกไปเปิดรับทันที
“มีอะไรหรือครับ” เขาถามหญิงผิวคล้ำสวมฮิญาบวัยเดียวกับเขาตรงหน้า ที่เหมือนจะมาขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
“พี่ป๋องไปไหนเหรอคะ”
“อ่อ ไปซื้อกับข้าวที่ตลาดหน่ะฮะ มีอะไรเหรอครับ”
“คือ โต๊ะเป็นลมค่ะ คุณคะ! ช่วยโต๊ะด้วยนะคะ”
“ครับ ๆๆ” ถึงแม้เขาไม่เข้าใจคำว่าโต๊ะหมายถึงอะไรแต่ก็ตามผู้หญิงที่มาขอความช่วยเหลือเขาออกไปทันที
เธอพาเขามาที่ห้องเช่าใกล้ ๆ กัน ก็พบร่างหมดสติของหญิงชราที่สวมผ้าคลุมผมนอนอยู่บนพื้น เขาจับชีพจรบนข้อมือและลำคอก่อนจะหันมาบอกกับหญิงที่พาเข้ามาว่า
“ตอนนี้คุณยายหมดสติไปเพราะความดันต่ำนะครับ เดี๋ยวผมพาคุณยายไปส่งโรงพยาบาลเอง”
“คือ..” เธอทำหน้าลังเล เพราะเกรงใจคนแปลกหน้าคนนี้
“นะครับ เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง ตอนนี้ไปเรียกรถรับจ้างหรืออะไรก็ได้มาก่อนนะครับ”
เธอรับคำและวิ่งหายไปเรียกรถรับจ้างมาพาหญิงชราไปที่โรงพยาบาล พอรถมาเขาก็อุ้มหญิงชราขึ้นไปและคอยดูแลอย่างเป็นห่วง สักพักก็มีคนโทรหาพลกฤษณ์
“ฮัสโหล น้องแจ๊ค หายไปไหนเนี่ยะ ทิ้งห้องไว้ได้ไง”
“ขอโทษพี่ คือ คนข้างห้องเค้ามาขอความช่วยเหลือ หน่ะครับ คุณยายเค้าเป็นลม ผมกำลังพาคุณยายไปส่งโรงพยาบาลอยู่เนี่ยะ”
“เหรอ โต๊ะฮะห์เป็นอะไรไปอีกแล้วเหรอ”
“เอ่อ ผมไม่ทราบว่าคุณยายคนนี้ชื่ออะไรอ่ะครับ แต่ตอนนี้คุณยายความดันต่ำมาก ถ้าไม่ถึงมือหมอผมก็ไม่รับรอง”
“เออ ๆ ดีมากน้องแจ๊ค อยู่ดูยายแกไปก่อน เดี๋ยวทางนี้พี่บอกเสี่ยให้”
“ครับ ๆ ขอบคุณครับ” เขาวางสายและมองดูหญิงชราอย่างเป็นห่วง

“อ่าว ไอ้ป๋อง วันนี้ไงมาคนเดียวล่ะนี่” พ่อของพีร์ทักทายลูกน้องอย่างนั้นเพราะไม่เห็นพลกฤษณ์มาด้วย “แล้วไอ้หนุ่มนั่นล่ะ”
“อ่อ น้องแจ๊คพายายข้างห้องไปส่งโรงพยาบาลหน่ะครับเสี่ย เดี๋ยวคงตามมา”
“งั้นเหรอ” พ่อของพีร์ตกใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น เพราะคิดไม่ถึงว่าพลกฤษณ์จะมีจิตใจดีขนาดนี้ เขาไม่ตอบอะไรนอกจากเดินออกไปทำงานของเขาต่อ

รถรับจ้างพาพวกเขามาถึงโรงพยาบาล พนักงานที่อยู่ฝ่ายฉุกเฉินนั้นออกมารับช่วงต่อโดยการพาหญิงชราไปยังห้องฉุกเฉินอย่างทันท่วงที  คนเป็นหลานมองตามเข้าไปอย่างเป็นห่วง พลกฤษณ์เห็นว่าสายมากแล้ว จึงจะขอตัวไปก่อน ก่อนไปเขาไม่ลืมที่จะไปกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มมาให้หญิงสาวผู้เป็นหลานไว้
“ผมคงต้องไปก่อนนะครับ” เขาบอกอย่างนั้น “อ่ะ นี่ครับ สำหรับค่ารักษาของคุณยาย”
เธอทำหน้าตกใจ จะไม่รับธนบัตรสีเทาสามใบที่ชายหนุ่มยื่นให้
“นะครับ ถือซะว่าผมช่วย รับไว้ก่อนนะครับ” เขาเห็นอย่างนั้นจึงจับใส่มือของเธอเอง
“ขอบคุณคุณมากเลยนะคะ อัลเลาะหฺคุ้มครองนะคะ” เธอยกมือไหว้ชายหนุ่มอย่างซาบซึ้ง
“ครับ ผมขอตัวนะครับ เย็น ๆ ผมจะมาเยี่ยมใหม่” เขาพูดจบและก็วิ่งออกไปขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้างทันที

พลกฤษณ์มาถึงที่บ้านของพีร์อย่างหืดหอบจากการรีบมาทำงาน เพราะว่าเขาเองอยู่ที่เยอรมันนีหลายปี การตรงต่อเวลาสำหรับเขานั้นถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ ในจิตสำนึก เมื่อมาถึงผู้เป็นเจ้าของร้านก็ออกมาหาเขา ไม่ทันที่จะพูดอะไร พลกฤษณ์ก็บอกว่า
“ผมขอโทษครับ” พร้อมกับยกมือไหว้และเดินออกไปช่วยลูกจ้างคนอื่นทำงานอย่างขันแข็งตามเดิม เพราะเขากะจะถามชายหนุ่มว่ากินข้าวเช้ามาหรือยัง แต่ดูเหมือนว่าพลกฤษณ์จะพุ่งตรงไปที่หน้าที่ของเขาจริงจัง ผู้เป็นพ่อของพีร์มองตามชายหนุ่มอย่างทึ่ง ๆ ใครจะไปเชื่อล่ะว่าท่าทางสำอางโฉบเฉี่ยวอย่างนี้จะมีความรับผิดชอบสูงเกินคาด  
 “มีอะไรเหรอป๊า” พีร์ที่ช่วยคนเป็นแม่ทำเรื่องการเงินอยู่ในร้านออกมาถามพ่อตัวเอง เพราะเขาก็เห็นว่าพลกฤษณ์นั้นมาทำงานสายเช่นกัน
“เปล่า ๆ ไม่อะไร” คนเป็นพ่อตอบได้แค่นั้นก่อนจะขอตัวไปทำงาน ทิ้งให้พีร์งงกับพ่อตัวเอง

“ม้า ม้าว่าป๊าจะชอบคุณแจ๊คมั๊ยอ่ะ” พีร์เข้ามาถามคนเป็นแม่ที่กำลังดีดลูกคิดอยู่
“ทำไมล่ะพี”
“ก็ มะกี๊พีเห็นคุณแจ๊คมาทำงานสาย แล้วเหมือนป๊าคุยอะไรกับเค้าไม่รู้”
“เหรอ อันนี้ม้าก็ไม่รู้นะ แต่เท่าที่ม้าดูแล้ว สองวันมานี้แจ๊คเค้าก็ใช้ได้นะ”
“จริงเหรอม้า”
“อืม ม้าดูคนไม่ผิดหรอก” เธอตอบยิ้ม ๆ พร้อมกับมองทะลุกระจกไปนอกร้านเพื่อดูพลกฤษณ์ที่กำลังขะมักเขม่นซ่อมมอเตอร์ไชค์อยู่ ส่วนพีร์เองก็งง กับท่าทีของพ่อกับแม่ตัวเอง

เลิกงานในเย็นวันนี้ พลกฤษณ์ขอตัวไม่อยู่กินข้าวเย็นกับครอบครัวของพีร์ เขาไม่ได้บอกอะไร ชายหนุ่มกลับชวนป๋องไปเยี่ยมอาการของหญิงชราที่เขาพาไปส่งโรงพยาบาลเมื่อเช้าด้วยกัน
“โต๊ะ ๆ มีคนมาเยี่ยมหน่ะ” หลานสาวคนเดิมบอกคุณยายที่นอนอยู่บนเตียงในห้องรวมของโรงพยาบาล
หญิงชราลืมตาขึ้นมาก็พบชายหนุ่มแปลกหน้าผิวพรรณขาวสะอาดยกมือไหว้เขาอยู่ เธอเองงง ๆ หลานสาวจึงบอกว่า
“ก็คุณคนนี้เค้าพาโต๊ะมาส่งโรงบาลเมื่อเช้าไง”
หญิงชราทำท่าจะยกมือไหว้ แต่พลกฤษณ์บอกว่า
“อย่าเลยครับคุณยาย เดี๋ยวผมอายุสั้นกันพอดี”
“ขอบคุณมากนะจ๊ะ ขออัลเลาะหฺคุ้มครองนะลูก” หญิงชรากล่าวอย่างนั้น
“อ่า นี่อุสนา น้องแจ๊คเค้าซื้อของมาเยี่ยมโต๊ะหน่ะ” ป๋องพูดพร้อมหยิบกล่องเครื่องดื่มรังนกแบบขวดให้หญิงสาว
“โห คุณ ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องเกรงใจ แล้วนี่คุณยายทานข้าวหรือยังครับ”
“แล้วจ้ะ พ่อหนุ่มล่ะ”
“เดี๋ยวจะไปหาร้านแถวนี้ทานหน่ะครับ”
“เหรอจ๊ะ แล้วพ่อหนุ่มเป็นใครล่ะเนี่ยะ เป็นญาติเจ้าป๋องมันเหรอ”
“โต๊ะ คุณเค้า เอ่อ..” หญิงสาวพอรู้เรื่องมาบ้างจึงจะบอกคนเป็นยาย “เค้าเป็น เอ่อ..”
พลกฤษณ์ชิงตอบ “เป็นลูกจ้างของเสี่ยกวงหน่ะครับ”
“อ่อ จ้ะ แต่ก็ขอบคุณมาก ๆ เลยนะจ๊ะที่ช่วยกี”
“ครับ ไม่เป็นไรครับ” เขารับคำก่อนจะหันไปมองคนทั้งสองที่มองเขาด้วยสายตาแบบมีคำถาม

“น้องแจ๊ค ทำไมน้องแจ๊ค บอกโต๊ะไปอย่างนั้น” ป๋องถามชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ
“ใช่สิ คุณแจ๊ค คุณก็จะมาเป็นญาติกับเค้าจริง ๆ ไม่ใช่เหรอ”
พลกฤษณ์ได้ยินอย่างนั้นก็บอกว่า “ อย่าเลยครับ เสี่ยเค้าคงไม่อยากนับญาติกับผมหรอก” เขาตอบไปตรง ๆ อย่างเข้าใจ “บอกไปอย่างนั้นเดี๋ยวเค้าก็หาว่าผมแอบอ้างพอดี”
“อืม ๆ พี่เข้าใจล่ะ” ป๋องพยักหน้าเออออ ก่อนจะขอตัวลาหญิงสาวที่มาส่งเพื่อไปหามื้อเย็นกินกันและกลับที่พัก

“น้องแจ๊ค ยังไม่นอนอีกเหรอ” ป๋องออกมาตามพลกฤษณ์ที่นั่งคนเดียวอยู่ที่โต๊ะม้าหินข้างนอกห้อง
“ยังครับพี่”
ป๋องมานั่งข้าง ๆ และยื่นบุหรี่ให้ชายหนุ่ม “สักตัวมั๊ย”
พลกฤษณ์ส่ายหน้าฎิเสธ “ไม่ล่ะครับพี่”
“นี่มาจากมาเลย์เลยนะ นุ่มใช้ได้ หอมดีเหมือนกัน ไม่ลองหน่อยเหรอ ”
“ไม่ล่ะครับ ผมเลิกนานแล้ว” เขาตอบยิ้ม ๆ
“หะ น้องแจ๊คทำได้ไงเนี่ยะ” ป๋องถามชายหนุ่มอึ้ง ๆ
“ก็คิดว่าจะไม่สูบ ผมก็ไม่สูบหน่ะครับพี่” เขาเล่าขยายความกลัวป๋องงง “คือ เมื่อก่อนผมก็ยอมรับนะว่าติด และก็สูบจัดตอนที่อยู่เยอรมัน”
“หะ น้องแจ๊ค เคยไปอยู่เยอรมันมาเหรอเนี่ยะ” ป๋องอึ้ง
“ครับ อยู่เกือบ 10 ปี หน่ะครับ ก็ผมสูบมาตั้งแต่อยู่มัธยม ก็ไม่ได้ติดอะไรมากอ่ะครับตอนวัยรุ่น แต่ไปเรียนที่นู่นใคร ๆ ก็สูบกันเป็นเรื่องปกติ และบ้านเขาก็เป็นเมืองหนาวด้วย ต่อให้สูบโหดยังไงก็เลยไม่ค่อยเป็นอะไร  จนผมกลับมาเมืองไทย ก็เริ่มเจ็บหน้าอกหน่อย ๆ ผมเลยคิดได้ว่า อยู่เมืองร้อนถ้าขืนยังสูบบุหรี่จัดผมคงต้องตายเร็วแน่ ๆ ผมบอกกับตัวเองว่า “กูจะไม่สูบบุหรี่อีกแล้ว” และก็โยนซอง,ไฟแช็ก และก็ที่เขี่ยบุหรีทิ้งซะแค่นั้นหล่ะครับ”  
“จริงนะพี่ ตั้งแต่วันนั้นมาผมก็ไม่กลับไปสูบอีกเลย”
“เจ๋งว่ะ!” ป๋องชื่นชมหนุ่มรุ่นน้องจากใจ “นับถือว่ะน้องแจ๊ค”
“อย่าเลยครับ” เขายิ้ม ๆ
“เออ แล้วนี่ น้องแจ๊คคิดว่าเสี่ยเค้าจะทำไงต่อไป”
“เรื่องของผมอ่ะเหรอฮะ”
“ใช่”
“ไม่รู้ล่ะฮะ ผมก็เป็นของผมอย่างนี้ เค้าจะคิดว่าผมโอเคพอกับลูกเค้าไหม ผมก็ไปคิดแทนเค้าไม่ได้”
“อืม ๆ พี่ก็อยากให้เสี่ยเค้าโอเคซะทีนะ น้องแจ๊คเป็นคนดี พี่ไม่อยากให้เสี่ยมองข้าม”
“ครับ ขอบคุณพี่ป๋องนะครับ”
“อืม ๆ” เขาพยักหน้ากับชายหนุ่ม และก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเมื่อไหร่เถ้าแก่ของเขาจะยอมรับในตัวพลกฤษณ์

“ป๊า วันนี้ มีอะไรกันเหรอคับ” พีร์ถามคนเป็นพ่อ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวัน
“เรื่องอะไรเหรอ”
“ก็ที่ เอ่อ แจ๊คเค้ามาสายอ่ะ มีอะไรกันเหรอคับ”
“อ่อ ไม่มีอะไร เห็นป๋องมันบอกว่าแจ๊คพาคนข้างห้องเจ้าป๋องไปส่งโรงพยาบาลเลยมาสายหน่ะ”
“แล้วป๊าพูดอะไรกับเค้าเหรอ” พีร์เห็นพลกฤษณ์ทำหน้าตาเหมือนรู้สึกผิดมาก และยกมือไหว้คนเป็นพ่อเขา
“อ่อ ป๊าไม่ได้พูดอะไรเลย จะเข้าไปถามว่ากินข้าวมาหรือยัง แต่แจ๊คเค้าก็ขอโทษป๊าที่มาทำงานสาย”
“เหรอคับ”
“อืม...เออ พี แจ๊คนี่เค้าทำงานทำการอะไรเหรอลูก”
“อ่อ คุณแจ๊คทำธุรกิจโชว์รูมรถนำเข้าหน่ะป๊า”
“เหรอ อายุแค่นี้อ่ะนะ” เขาถามอย่างไม่เชื่อ
“ครับป๊า”
“เออ แล้วกีเรียนจบอะไรมาล่ะ”
“อ่อ เค้าจบวิศวะจากเยอรมันครับ”
“จบวิศวะเลยเหรอ”คนเป็นพ่อถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินอย่างนั้น เพราะเขาคิดว่าจะชายหนุ่มจะไม่เรียนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนลูกคนรวยทั่ว ๆไป
“ครับป๊า ทั้งตรีและโท"
“ไอ่หยา...” เขาอุทานออกมาอย่างตกใจ “กีจบปริญญาโทเลยเหรอ”
“ครับป๊า” พีร์ตอบไป เพราะเขาเคยเห็นรูปและใบปริญญาของพลกฤษณ์มาแล้ว “กีเคยทำงานที่เยอรมันก่อนจะกลับมาเมืองไทยด้วยนะป๊า”
“มิน่าหล่ะ กีถึงขอโทษป๊าใหญ่ตอนที่มาสาย” คนเป็นพ่อพูดออกไป
“ทำไมล่ะป๊า”
“อ่าว ก็คนเยอรมันหน่ะ เข้มงวดเรื่องเวลาจะตายไป”  เขามองหน้าลูกชาย “โอเค งั้นป๊าก็ไม่แปลกใจแล้วหล่ะ ไปนอนได้แล้วไปพี พรุ่งนี้ต้องตื่นมาทำงานแต่เช้าอีก”
“ครับป๊า”
คนเป็นพ่อกรุ่นคิด ถึงชายหนุ่มของลูกชายตัวเอง เขาพยักหน้ายอมรับเหมือนจะได้คำตอบในเรื่องนี้แล้ว


ปล. โต๊ะ เป็นคำเรียกแปลว่าย่ายาย แบบมุสลิมหน่ะค่ะ
ส่วน กี ที่พีร์กับครอบครัวใช้คุยกัน หมายถึงสรรพนามบุรุษที่ 3 ในภาษาจีนฮักกาหน่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: JAROEN ที่ 31-05-2010 18:40:59
มาต่ออีกนะครับ

กำลังสนุกเลย

คุณพ่อใกล้ยอมรับแล้ว

ว่าแต่ตกลงคุณแจ็คไม่ได้กินข้าวเช้านะ

คงหิวแย่เลยนะครับ :impress3:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 31-05-2010 20:28:56
พี่แจ๊คสุดยอด o13
ใกล้แล้วน้าาา  ใกล้ชนะใจคุณป๊าแระ อิอิ
รออ่านตอนต่อไปเน่อ :กอด1:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 31-05-2010 22:11:58
คุรแจ็คอย่าเพิ่งท้อเน้อ...ท่าทางอาป๊าก็พอจะเข้าใจและยอมรับแล้ว...
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 01-06-2010 00:12:03
อาแจ็ค สู้ๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: abacus ที่ 01-06-2010 01:11:48
ว้าว...  การทดสอบโหดของพ่อตาน่าจะผ่านไปได้ด้วยดีนะครับเนี๊ย

อยากมีอย่างนี้ที่บ้านซักคนจัง  เหอะๆ!!

เอาใจเชียร์แจ๊ก สู้ๆ      วู้วู้วู้
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ash ที่ 01-06-2010 14:23:46
พ่อตาลูกเขย ก็ต้องมีทดสอบบ้าง
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 01-06-2010 15:00:26
ภาคต่อ ตอนที่ 31

“ฮัลโหล คุณแจ๊ค” พีร์นึกเป็นห่วงชายหนุ่มเลยโทรหา
“ว่าไง” ถึงแม้เขาจะเริ่มง่วงแล้วแต่ก็ดีใจเมื่อรู้ว่าพีร์โทรมา
“คุณแจ๊ค เป็นไงมั่งอ่ะ ผมขอโทษที่ไปหาคุณไม่ได้เลย”
“ไม่เป็นไรหรอก..”
“แล้วนี่ คุณอยู่ได้ใช่ไหม” พีร์รู้สึกแย่ที่ต้องพาชายหนุ่มมาลำบาก เขาคิดว่าลำบากแค่ตอนเดินทางก็น่าจะพอแล้วกับชายหนุ่ม
“อืม ไม่มีปัญหา”  
“จริงเหรอ”
“จริงสิ ธรรมดาน่าเรื่องแค่นี้”
“คุณแจ๊ค ผมต้องขอโทษแทนป๊าด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ท่านก็ไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย ผมเข้าใจพ่อคุณน่า”
“อืม..”
“แล้วว่าแต่คุณเถอะ เป็นไงมั่ง ป๊ากับม้าคุณโอเคมั๊ย”
“อืม ๆ ก็เปิดใจคุยกันหน่ะ” พีร์เว้นวรรค แล้วพูดต่อ “ป๊าม้าผมบอกว่าเค้ารู้มาตั้งนานแล้วหล่ะว่าผมไม่ค่อยเหมือนคนอื่น”
“อืม ดีแล้วหล่ะ เรื่องของผมมันเล็กน้อย แต่ผมเป็นห่วงคุณมากกว่าหน่ะ”
พีร์แอบดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น “ขอบคุณนะที่เป็นห่วงผม”
“อืม ๆ เออ ผมขอนอนก่อนละกัน ง่วงแล้วหล่ะ ก็ เจอกันนะคับ”
“คับ”
พีร์กดวางสายไปอย่างอดเป็นห่วงพลกฤษณ์ไม่ได้ เขารู้สึกเห็นใจชายหนุ่มที่ต้องมารับเคราะห์เพราะเขาในเรื่องนี้
ถึงแม้ตอนแรกเขาจะแกล้งให้พลกฤษณ์มาเจอความลำบากระหว่างเดินทาง แต่ในตอนนี้เขาก็คิดว่าพลกฤษณ์ไม่ควรจะมาเจออะไรลำบาก ๆ อย่างนี้เลย

  วันต่อมาในขณะที่ใกล้จะพักเที่ยง พ่อของพีร์เห็นหญิงสาวสวมฮิญาบที่ประคองหญิงชรามาด้อม ๆ มอง ๆ ที่หน้าร้านจึงออกไปดู
“มีอะไรเหรอครับ”  
หญิงสาวคนเป็นหลานตอบเถ้าแก่ “เอ่อ คุณแจ๊คอยู่มั๊ยจ๊ะ”
“แจ๊คเหรอ..มีอะไรรึเปล่า”
“อ่อ ชั้นให้อุสนาพามาขอบคุณเค้าหน่ะ เด็กคนนี้พาชั้นไปส่งโรงพยาบาลเมื่อวาน” หญิงชราตอบไป
“ใช่ ๆ เถ้าแก่ เมื่อวานคุณแจ๊คพาโต๊ะไปส่งโรงพยาบาล วันนี้โต๊ะแข็งแรงแล้วเลยให้ชั้นพามาขอบคุณเค้าที่นี่ แล้วเค้าอยู่หรือเปล่าจ๊ะ”
“อ่อ แป๊บนึงนะ เดี๋ยวผมไปเรียกให้”

“แจ๊ค ๆ”
“ครับ” พลกฤษณ์ที่กำลังถ่ายน้ำมันเครื่องมอเตอร์ไชค์อยู่รามือเมื่อได้ยินพ่อพีร์เรียก
“มีคนมาหาหน้าร้านหน่ะ” คนเป็นพ่อบอกด้วยเสียงที่อ่อนลงกว่าวันแรก ๆ
“ครับ ๆ” เขารับคำและเช็ดมือก่อนจะรีบออกไป ก็พบหญิงสาวกับหญิงชรายิ้มรอเขาอยู่ ส่วนคนเป็นเจ้าของร้านนั้นยืนดูอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“สวัสดีครับ” พลกฤษณ์ยกมือไหว้หญิงชรา และหันไปถามหลานสาว “โต๊ะหายแล้วเหรอครับคุณอุสนา”
“ค่ะ พอออกจากโรงพยาบาลปุ๊บ โต๊ะก็ขอให้ชั้นพามาหาคุณที่นี่เลย”
“โต๊ะจะมาขอบคุณพ่อหนุ่มหน่ะจ้ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ มีอะไรเราก็ช่วย ๆ กันดีกว่านะครับนะ อย่าเกรงใจเลย” เขาถ่อมตัว
หญิงสาวยิ้มรับ และหยิบเงินสามพันบาทที่เขาให้ไว้เมื่อวาน
“ชั้นคงรับเงินคุณมาไม่ได้หรอกค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถือว่าผมช่วย”
“ไม่ได้หรอกค่ะ เงินตั้งเยอะขนาดนี้ชั้นไม่อยากรับไว้หน่ะค่ะ แค่คุณช่วยโต๊ะเมื่อวานชั้นก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว”
หญิงชราจับมือเขาแล้วคืนเงินที่หลานสาวถือไว้ให้
“โต๊ะขอร้องนะพ่อหนุ่ม อย่าให้โต๊ะต้องเกรงใจไปมากกว่านี้เลย”
“ครับ ๆ” เขารับคำอย่างเสียไม่ได้ “ถ้ามันทำให้โต๊ะสบายใจผมก็ยินดี”
คนทั้งสามยิ้มให้กันและกัน หญิงชรานั้นจับมือชายหนุ่มและกล่าวเบา ๆ “ขออัลเลาะหฺคุ้มครองนะลูก”
“ขอบคุณครับ” ถึงแม้พลกฤษณ์จะเป็นคริสต์ชน แต่เขาก็ยิ้มรับความปรารถนาดีจากคนต่างศาสนาเสมอ ส่วนคนเป็นพ่อของพีร์นั้นยิ้มน้อย ๆ กับภาพที่เห็นตรงหน้า

“พี ไปบอกแจ๊คด้วยว่าเย็นนี้ให้อยู่กินข้าวกันก่อน” คนเป็นพ่อเอ่ยเข้ามาบอกกับลูกชายที่ช่วยคนเป็นแม่ทำบัญชีอยู่ในห้อง  พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็มองหน้ากับคนเป็นแม่อย่างดีใจ  
“แล้วทำไมป๊าไม่บอกเองล่ะ” แม่ของพีร์ถาม
“เรื่องอะไร มันเป็นแฟนลูกเราก็ให้ลูกเราคุยกันเองสิ”  คนเป็นพ่อพูดได้แค่นั้นก็ออกไปทำงานต่อ ทิ้งให้พีร์กับแม่หัวเราะกันคิกคัก
“ในที่สุดป๊าเราก็ยอมรับแจ๊คเค้าได้ซะทีนะลูก”
“อืม..แล้วม้าว่าไงอ่ะ”
“ก็ ต้องดูกันต่อไปว่าป๊าเค้าจะทำยังไงล่ะ” เธอมองไปที่ชายหนุ่มข้างนอก “เฮ้ออ มาอยู่ที่นี่มอมแมมจนแทบจำไม่ได้เลย พ่อแม่เค้าเห็นเข้าจะว่าไงเนี่ยะ เหอะๆๆ”
“อืม ก็ไม่ต่างกับตอนอยู่อู่ที่โชว์รูมหรอกม้า แต่นั่นก็ไม่ได้ดูแย่ขนาดนี้” พีร์สมทบและหันมายิ้มกับแม่ ก่อนจะออกไปบอกข่าวดีกับชายหนุ่มด้วยตัวเอง

พลกฤษณ์ที่กำลังหันหลังซ่อมอะไหล่อยู่ตกใจเมื่อรู้สึกตัวว่ามีมือกำลังสะกิดเขาอยู่ข้างหลัง เขาจึงหันไปมองก็พบว่าเป็นพีร์ที่ยืนส่งยิ้มให้เขาอยู่
นี่เป็นการเห็นหน้ากันครั้งแรกของเขาและพีร์ตั้งแต่มาที่นี่
ชายหนุ่มดีใจอย่างบอกไม่ถูก ส่วนคนงานคนอื่นได้แต่แอบยิ้มและย้ายตัวเองออกไปเพื่อให้คนทั้งสองได้คุยกันอย่างสะดวก
“คุณแจ๊ค ป๊าบอกว่า เย็นนี้อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนนะ” พีร์มองชายหนุ่มด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ทั้งเห็นใจ ทั้งนับถือในตัวชายหนุ่มและทั้งขบขันที่ตอนนี้เนื้อตัวขาวสะอาดของเขานั้นมอมแมมไปด้วยคราบดำ ๆ จากน้ำมันเครื่อง และจาระบี
“อืม ได้สิ” เขายิ้มรับ และมองพีร์ด้วยความคิดถึงเช่นกัน
“ผมไปก่อนนะ”
พลกฤษณ์พยักหน้าและยิ้มให้ พีร์ค่อย ๆ หันหลังกลับไปอย่างตื่นเต้น เหมือนว่าเขาคงรู้สึกดีกับพลกฤษณ์มากขึ้นด้วยตัวเองแล้ว

“อืม แจ๊ค มานั่งด้วยกันสิ” คนเป็นพ่อเรียกพลกฤษณ์ที่เพิ่งล้างหน้าล้างมือก่อนกินข้าวมานั่งข้าง ๆ เขาในโต๊ะกลมที่ใช้เป็นโต๊ะกินข้าวของบ้าน คนเป็นแม่มองหน้ากับพีร์อย่างมีลุ้น
“ครับ ขอบคุณครับ” เขารับคำและนั่งลงตามที่พ่อของพีร์บอก
บรรยากาศตลอดมื้ออาหารนั้นไม่ตึงเครียดเหมือนวันแรกที่ชายหนุ่มมา คนเป็นพ่อคุยกับพลกฤษณ์ดีขึ้นในเรื่องของงานที่เขาทำ และเรื่องที่เขาเคยเรียนและทำงานที่ต่างประเทศ คนเป็นพ่อพบว่าพลกฤษณ์ไม่ได้อวดอ้างในความเป็นนักเรียนนอกหรือความเป็นคนมีฐานะของเขาเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งคนเป็นพ่อถามขึ้นมา
“แจ๊ค คุณรักลูกผมจริงหรือเปล่า” คำถามนี้ทำเอาสองแม่ลูกถึงกับตกตะลึงใน แต่ก็รอฟัง โดยเฉพาะพีร์
“ครับ ผมรักพี”
“คุณกล้ารับปากผมมั๊ยว่าคุณจะไม่ทิ้งลูกผม และจะดูแลลูกของผมไปตลอดชีวิต”
“ครับ ผมรับปาก”
“ดี งั้นบอกพ่อแม่คุณมาคุยกับผมได้เลย” คนเป็นพ่อรวบรัดตัดความ เพราะเขาก็อยากจะรู้จักครอบครัวของชายหนุ่มเหมือนกัน
“ครับ ขอบคุณครับ” พลกฤษณ์ยกมือไหว้คนเป็นพ่อของพีร์ ส่วนพีร์นั้นนั่งเขินอยู่โดยมีแม่เขานั่งยิ้มข้าง ๆ ที่สามีของเธอก็ยอมรับและมองเห็นความดีใจตัวชายหนุ่มเหมือนที่เธอมองเห็น  
ส่วนพลกฤษณ์เองก็ดีใจที่คนเป็นพ่อของพีร์ยอมรับในชีวิตของลูกชายที่จะมีเขาเป็นคนคอยดูแลนับจากนี้ไป...

“ฮัลโหล ป๊าครับ”
“ว่าไงแจ๊ค เป็นไงมั่ง” คนเป็นพ่อรับสายและถามลูกชายอย่างเป็นห่วงเล็ก ๆ โดยเปิดระบบลำโพงให้คนเป็นแม่ฟังด้วย
“ก็ดีครับป๊า”
“อืม บ้านน้องพีเค้าเป็นไงกับลูกมั่ง”  คนเป็นแม่ถามมา
“ก็ เป็นไปตามคาดครับ แต่ก็มีอะไรเกินคาดหลายอย่าง”
“ยังไงล่ะ”
“คือ..” เขาจึงเล่าเรื่องตั้งแต่มาถึงบ้านพีร์วันแรกให้พ่อของเขาฟัง พ่อของเขาฟังจบก็ถามต่อ
“เหรอ เออ แล้วตอนนี้เป็นไงมั่งล่ะ”
“ก็ ป๊าของพีบอกว่า ให้ป๊ากับม้าลงมาคุยกับเค้าอ่ะคับ”
“เฮ้ยยย อย่างนี้ก็ดีล่ะสิ” เขาหันไปพูดกับภรรยา “เจนนี่ เธอได้ยินมั๊ยว่าลูกบอกว่าบ้านของพีให้เราลงไปคุยกับเค้าเลย”
“จริงเหรอ ดีเลย งั้นไปพรุ่งนี้เลยดีมั๊ย” คนเป็นแม่ของพลกฤษณ์ตอบมาตามสไตล์วัยรุ่นใจร้อน
“เอางั้นเลยเหรอครับม้า”
“เอางี้เลยแหล่ะลูก เดี๋ยวเค้าเปลี่ยนใจไม่คุยกับป๊าม้าขึ้นมาล่ะก็แย่เลย”
“อืม ป๊าก็ว่างั้น เอาอย่างนี้ เดี๋ยวป๊าจะจองตั๋วเครื่องบินไปหาดใหญ่คืนนี้เลย แล้วพรุ่งนี้ป๊าถึงแล้วจะโทรหา โอเคป่ะ”
“ครับ ๆ” เขาตอบรับยิ้ม ๆ ส่วนป๋องเองเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็หันมาบอกกับชายหนุ่มอย่างดีใจด้วย
“ดีใจด้วยนะน้องแจ๊ค ในที่สุดเสี่ยก็ยอมรับน้องแจ๊คแล้ว”
“ไม่หรอกครับ ต้องรอพ่อแม่ผมมาคุยกันก่อน”
“ขนาดนี้แล้วยังจะมาพูดอีก เดี๋ยวคืนพรุ่งนี้น้องแจ๊คก็คงไปนอนที่บ้านเสี่ยได้แล้วมั๊ง”
พลกฤษณ์ยิ้มรับลูกจ้างหนุ่มอย่างขอบคุณ เขานึกขึ้นได้จึงกดโทรศัพท์ไปหาอีกคนที่เขาอยากจะบอกเรื่องนี้

“ฮัลโหลเจ้าพจ”
“อ่าว พี่แจ๊ค” ชายหนุ่มรับโทรศัทพ์ด้วยน้ำเสียงดีใจ “มาบ้านพีหรือยังคับ”
“มาแล้ว เนี่ยอยู่มาสี่วันแล้วว่ะ”
“เหรอครับเป็นไงมั่ง”
“ก็...” เขาเล่าเรื่องทั้งหมดอีกครั้งให้ชายหนุ่มฟัง ศิริพจน์ก็ตอบมาว่า
“โห พี่แจ๊ค พี่เจ๋งมากเลยนะครับเนี่ยะ”
“ไม่หรอก เราบริสุทธิ์ใจซะอย่าง ไม่ได้อวดอ้างหรือทำอะไรมากซะหน่อย”
“ก็นั่นหล่ะครับ พี่สุดยอดไปเลยรู้ป่ะ”
“อืม ไม่ต้องชมมากไอ้พจ ฮ่ะ ๆๆ เออ แล้วนี่แกเป็นไงมั่ง งานหมั้นของแกนี่ว่าไง”
“วันศุกร์นี้แล้วพี่ ผมกับแคทบอกกับผู้ใหญ่แล้วว่าไม่อยากให้มีอะไรมากอ่ะครับ”
“ยังไงวะ”
“ก็แค่ จัดเล็ก ๆ ก็พอ”
“เออ ก็ดีแล้ว งานนี้พี่ก็ดีใจนะที่แกกับน้องแคทมีส่วนร่วมบ้าง”
“ก็ครับ..แล้วพี่จะมามั๊ยครับเนี่ยะ”
“อืม ตอนนี้ดูก่อนละกันนะ พี่ก็อยากไป แต่ก็ดูก่อนละกันนะพจ เดี๋ยวพี่โทรบอกอีกที”
“ครับ”
“เออ งั้นแค่นี้ก่อนละกันนะพจ พี่ง่วงว่ะ ทำงานมาทั้งวัน”
“ครับ ๆ ผมดีใจกับพี่จริง ๆ นะครับ”
“ขอบใจแกนะที่ไว้ใจพี่”
“ครับ ผมดีใจนะครับที่พีจะได้อยู่กับพี่จริงๆ”
“อืม นะ โอเค งั้นแค่นี้ก่อนละกัน”
“ครับ สวัสดีครับ”
เขาวางสายไปด้วยความสบายใจ ที่ให้ศิริพจน์ได้รับรู้ในทุกสิ่งที่เขาทำ ให้สมกับที่หนุ่มรุ่นน้องคนนี้ ไว้ใจเขาที่จะดูแลพีร์ต่อไป
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Lucio ที่ 01-06-2010 15:08:25
รักพี่แจคที่สุดดดดด

มาให้จุ๊บทีนึงงง   :กอด1:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 01-06-2010 15:16:15
ดีใจด้วย......ในที่สุดป๊าน้องพีก็ยอมรับคุณแจ็คซักที
ป๊าม้าคุณแจ๊คนี่วัยรุ่นใจร้อนจริงๆแหล่ะ..หุหุ น้องพีจะมีความสุขจริงๆแล้วชิมิ ดีใจๆๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 01-06-2010 17:12:23
มาขอจิ้ม :z13: คนเขียนก่อน
อิอิ
--------------------------------

 :laugh: โดนว่าที่พ่อตาทดสอบเอาแล้วไงเฮียแจ็ค
แล้วที่พีร์พูดเรื่องรถกะคนเนี้ย
 เฮียก็ไม่รู้ซะเล๊ยยยยย  :m16:ว่าพีร์เค้าบอกเปงนัยๆว่าให้เลิกซะ ไอ่มีหลายๆคนเนี้ย

ปล.“ยังไงซะผมก็เชื่อว่าพ่อแม่คุณก็คงไมทำอะไรคุณมากเท่าผมหรอก”มันหมานความว่าไงอ่ะคุงน้ำพริก
     คนอ่านคิดมากไปเอง :haun4: หรือคนเขียนๆให้คิดละเนี้ย



หมายถึงว่า พลกฤษณ์จะบอกว่า พีร์ก็คงไม่ถูกพ่อแม่ของตัวเองตั้งป้อมรังเกียจและทดสอบแบบทรหดอย่างที่ตัวเฮียแจ๊คจะเจอ ไงคะ (คนเขียนเขียนซับซ้อนไปหรือเปล่าเอ่ย เหอะๆๆ)

ไม่ซับซ้อนหรอกจ้า คนอ่านพาหื่นไปเอง เอ๊กๆๆ :laugh:
ป๊ากะม๊าเฮียแจ็คใจร้อนเปงวัยรุ่ยเลย น่ารักที่ซู๊ดดดดดด

ปล.คุณน้ำพริกเปงเด็กใต้รึป่าวเอ๋ย??
  +1 กะความพยายามของเฮียแจ็คสุดที่เลิฟ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 01-06-2010 21:36:01
โย่วๆๆๆ ฝ่าด่านอรหันต์ทองคำได้แล้วเว้ย  :mc4:  :mc4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: JAROEN ที่ 02-06-2010 03:14:57
น่ารักมากเลย :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 02-06-2010 11:39:33
หาเเบบนี้ได้ที่ไหนบ้างคะ จะเดินหาให้ได้สักคน

เฮ้อๆ

อิจฉาพีร์เสียจริง
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 02-06-2010 13:28:12
อ่านๆไปชักไม่ชอบพีร์  :angry2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: sodium_lows ที่ 02-06-2010 14:25:47
       555555555555

       กดไม่ติดล่ะ ขอซักนิด

         สงสัยรีบนอิจฉาพีร์ ที่เจอแต่ผู้ชายดีๆอย่างในนิยาย  :m20:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 02-06-2010 16:30:35
ภาคต่อ ตอนที่ 32

  คุณกำชัยและคุณเจนนิเฟอร์ผู้เป็นพ่อกับแม่ของพลกฤษณ์เดินทางมาถึงสนามบินหาดใหญ่ในเวลาแปดโมงครึ่งเพราะคนทั้งสองหาตั๋วเครื่องบินได้ทันในเที่ยวแรกของวันตามที่ต้องการ เมื่อถึงแล้วพวกเขาจึงโทรหาลูกชายทันที
“ฮัลโหล แจ๊ค ตอนนี้ป๊ากับม้าถึงสนามบินแล้วนะลูก”
“เหรอครับ” เขาดีใจ “เอาอย่างนี้ เดี๋ยวผมไปรับนะครับ”
“อ่าดี เดี๋ยวป๊ากับม้าไปเช่ารถรอเราเลยนะ” คนเป็นพ่อตอบกลับ
“ครับ ๆ ได้ครับ เจอกันนะฮะป๊าม้า”
เขาแต่งตัวด้วยชุดที่ไม่ได้ไปทำงานที่ร้านของพ่อกับแม่พีร์เพราะกลัวว่าพ่อกับแม่เขาจะตกใจไปเสียก่อน ป๋องเห็นชายหนุ่มแต่งตัวด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนส์เหมือนที่เขาเคยเห็นในรูปตามข่าวจึงร้องทัก
“โอ้โห น้องแจ๊ค แต่งตัวหล่ออย่างนี้จะไปไหนเนี่ยะ”
พลกฤษณ์ตอบรับ “พ่อกับแม่ผมมาถึงหาดใหญ่แล้วหน่ะครับ เดี๋ยวผมจะไปรับ”
“เหรอ โห รวดเร็วทันใจจริง ๆ”
“ผมไปก่อนนะครับพี่ป๋อง ขอบคุณมากนะครับ”
“เออ ๆ โชคดีน้องแจ๊ค เดี๋ยวพี่บอกเสี่ยให้”
เขาออกไปจากห้อง ก็เจอกับอุสนาที่กำลังจะออกไปทำงานพอดี
“คุณแจ๊ค วันนี้จะไปไหนเหรอคะ”
“อ่อ ไปรับพ่อกับแม่ที่สนามบินครับ”
“ค่ะ โชคดีนะคะ” เธออวยพรให้ชายหนุ่มพร้อมส่งยิ้มจริงใจ พลกฤษณ์ยิ้มรับแล้วรีบซ้อนท้ายมอเตอร์ไชค์รับจ้างไปยังสนามบินเพื่อไม่ให้พ่อกับแม่ของเขารอนาน

เมื่อไปถึงสนามบิน เขาก็ไปยังส่วนของรถเช่าตามที่นัดหมายกับพ่อแม่ไว้ เมื่อคนทั้งสามเจอกันก็เข้ามากอดกันอย่างคิดถึงและเป็นห่วงซึ่งกันและกันอย่างอบอุ่น
“แจ๊ค ลูกผอมไปหรือเปล่าเนี่ยะ” คนเป็นแม่ถาม
“ก็ นิดหน่อยครับ”
“ป๊าเช่ารถเรียบร้อยแล้ว งั้นเราไปกันเลย ป่ะ”
“โห นี่คุณไม่คิดจะไปเช็กอินที่โรงแรมก่อนเหรอ” คนเป็นแม่ท้วงขึ้น
“มาถึงแล้ว จะรออีกทำไมให้ตื่นเต้น ใช่มั๊ยแจ๊ค”
“อ่าครับ” เขายิ้มกับคนเป็นพ่อ และช่วยเก็บสัมภาระของพ่อกับแม่ใส่ท้าย Toyota Camry สีขาวที่เช่าไว้  เมื่อพนักงานส่งกุญแจรถมาให้ พลกฤษณ์ก็ขึ้นนั่งในตำแหน่งคนขับ เพื่อที่จะพาพ่อกับแม่ของตัวเองไปที่บ้านของพีร์ อย่างอดตื่นเต้นไม่ได้
เพราะเกิดมาเขาก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะต้องให้พ่อกับแม่มาคุยกับครอบครัวของคนรักแบบนี้
ยังกับว่าเขาจะไปขอผู้หญิงอย่างนั้นแหล่ะ ชายหนุ่มคิด

  รถซีดานหรูสีขาวจอดเทียบหน้าบ้านของพีร์อย่างรู้ที่ทาง พ่อกับแม่ของพีร์นึกรู้ว่าใครมาตามที่ป๋องบอกไว้ พวกเขาพร้อมกับพีร์จึงออกไปต้อนรับผู้มาเยือนอย่างตื่นเต้นไม่แพ้กัน
  พ่อกับแม่ของพลกฤษณ์ เปิดประตูรถลงมา และก็เดินตามลูกชายเข้าไป ก็พบว่าพ่อกับแม่ของพีร์ยืนรออยู่แล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายยกมือไหว้กันและกันตามมารยาท แต่พ่อของพลกฤษณ์และพ่อของพีร์มองหน้ากันอย่างสงสัยในตัวแต่ละฝ่าย
“เอ หน้าคุ้น ๆ นะ” พ่อของพีร์มองพ่อของพลกฤษณ์อย่างสังเกตุเช่นเดียวกัน
“เอ่อ ขอโทษนะครับ นี่ใช่กวงหรือเปล่าครับ” พ่อของพลกฤษณ์ถามออกไป
“ใช่ครับ แล้วนี่ใช่อากิมหรือเปล่าครับ” พ่อของพีร์ก็ถามไปเพื่อความแน่ใจเหมือนกัน
“ใช่ ๆๆ เฮ้ยย อย่าบอกนะว่า แกเป็นพ่อของหนูพี”
“เออ แล้วแกก็อย่าบอกนะว่าพ่อเจ้าแจ๊คก็คือแกเองเหรอ”  
 ผู้เป็นพ่อทั้งสองตกใจในตัวแต่ะละคน เช่นเดียวกับคนรอบข้างที่ก็งงไม่แพ้กันในตอนนี้ คนเป็นพ่อทั้งสองกอดคอกันตามประสาเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน
“เข้ามานั่งคุยกันข้างในดีกว่านะคะ” แม่ของพีร์เชิญให้ทุกคนเข้ามาในส่วนที่เป็นห้องแอร์ก่อนจะชวนลูกชายไปนำน้ำมาต้อนรับ
“นี่มันยังไงอ่ะครับป๊า ผมงงไปหมดแล้ว” พลกฤษณ์ถามขึ้น
“ก็ พ่อของหนูพีเนี่ยะ เป็นไอ้กวง เพื่อนสมัยเรียนช่างกลของป๊าเอง ฮ่ะ ๆๆ”
“จริงเหรอครับ”
“อื้ม ใช่แล้ว ผมกับพ่อคุณเป็นเพื่อนกันมาก่อน” พ่อของพีร์สมทบ
“แล้ว นี่มันยังไงวะกวง เรียนจบแล้วแกกลับมาปักษ์ใต้เลยเหรอ”
“เออ ใช่ พ่อกับแม่ของชั้นให้กลับมาเลย เพื่อมาแต่งงานกับแม่ของพีนี่หล่ะ แล้วแกล่ะ หายหน้าหายตาไปเลย ได้ข่าวว่าไปเมืองจีนแล้วไม่ส่งข่าวมามั่งเลยนะ”
“เฮ่ยย มันยุ่ง ๆ ว่ะช่วงนั้น ก็ ไปเรียนต่อที่ฮ่องกง ไม่ได้ไปแผ่นดินใหญ่หรอก ก็เนี่ยะ เรียนไปเรียนมาก็เจอเจนนี่นี่หล่ะ” เขาพูดถึงภรรยาใบหน้าลูกครึ่งฝรั่งที่นั่งข้าง ๆ
“อ่าวเหรอ แล้วแกกลับมาอยู่เมืองไทยเมื่อไหร่ล่ะ”
“ก็ลูกคนเล็กสามขวบก็กลับเมืองไทย และก็ไป ๆ มาๆ อย่างงี้แหล่ะ”
“เหรอ...”  พ่อของพีร์ตอบรับ พอดีที่คนเป็นแม่ของพีร์ยกน้ำเข้ามาพอดี
“อ่านี่ หงีมาพอดี จะแนะนำให้รู้จัก” เขาพูดกับพ่อของพลกฤษณ์
  “อากิม นี่ อาฟุง แม่ของพี อาฟุง นี่อากิม เพื่อนสมัยเรียนช่างกลของไหง กับ คุณเจนนี่”
“สวัสดีค่ะ” คนเป็นแม่ของพีร์ยกมือไหว้คนทั้งสองที่รับไหว้ทันที
“ไม่ต้องหรอกครับคุณฟุง คนกันเองทั้งน้านนน”  
“เอ่อ แจ๊คกับน้องพีจ๊ะ ช่วยออกไปก่อนได้มั๊ย คือ เดี๋ยวขอพวกเราคุยกันก่อนนะจ๊ะ” แม่ของพลกฤษณ์บอกอย่างนั้นทำให้คนเป็นลูกต้องลุกออกไปข้างนอกตามที่ขอร้อง

“คุณแจ๊ค คุณลุงคุณป้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ” พีร์ได้โอกาสถามทันทีขณะที่ออกมาอยู่ในครัวด้วยกัน เพราะเขาก็ตกใจเหมือนกัน ที่พ่อแม่ของพลกฤษณ์จะมาได้รวดเร็วอย่างนี้
“ลงเครื่องปุ๊บก็มาเลยเนี่ยะ”
“โห ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“อืม ป๊ากับม้าเค้ากลัวพ่อแม่คุณเปลี่ยนใจหน่ะเลยรีบมา”
 เขาตอบยิ้ม ๆ ทำให้พีร์เองก็เขินไปเหมือนกัน
“คุณว่าไงอ่ะ ป๊ากับม้าพวกเราคุยกันอย่างนี้แล้ว” พลกฤษณ์หันมาถามพีร์อย่างอยากรู้
“ผมก็เดาไม่ได้เหมือนกันอ่ะ”
“แล้วคุณอยากให้มันเป็นแบบไหนล่ะ”
“ก็ ไม่รู้อ่ะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” พีร์ตอบไม่ถูก พร้อมกับมองไปที่พวกผุ้ใหญ่คุยกันอย่างครุ่นคิด

“อากวง เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ชั้นก็เจนนี่ก็จะมาคุยกับแกตรง ๆ ละกันนะ”
“อืม ที่ชั้นให้แจ๊คเรียกพ่อกับแม่มาคุยนี่ก็จะคุยกันเรื่องของพีเหมือนกันหล่ะ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นแกไปได้”
“อืม แล้วแกโอเคมั๊ยกับลูกชายชั้น”
“ก็ ดีนะ เด็กคนนี้อดทนดี ตอนแรกชั้นก็จะนึกว่าเค้าจะหนีกลับไปตั้งแต่วันแรกแล้ว แต่ที่ไหนได้ อยู่ทำงานทุกวันโดยไม่ปริปากพูดอะไรซักคำเลย”
“แล้วลูกแกล่ะ”
“เฮ่ยยย ตอนแรกชั้นก็รับไม่ได้เหมือนกัน แต่พอมาคิด ๆ ดู ลูกก็ลูกเรา มันก็เป็นเด็กดีมาตลอด เออ ว่าแต่ ตอนแกรู้เรื่องเจ้าแจ๊คเป็นอย่างนี้นี่ แกเป็นไงมั่งวะ”
“เป็นไงเหรอ” เขาหัวเราะออกมา “ก็เฉย ๆ หน่ะ เพราะแจ๊คมันฉายแววตั้งแต่อยูอนุบาลแล้ว”
“หะ ยังไงวะ”
“ก็ ครูมันตอนอนุบาลมาฟ้องทุกเย็นเลยว่าเจ้าแจ๊คชอบไปไล่หอมแก้มเด็กผู้ชายตัวเล็กคนนึงที่ตัวเล็ก ๆ อ่ะ เจนนี่ เธอจำได้มั๊ย”
“จำได้สิ ตอนนั้นชั้นก็ไม่คิดอะไรมากหรอกนะคะ จนแจ๊คเป็นวัยรุ่นเค้าก็เริ่มคบผู้ชายด้วยกัน ตอนแรกเค้าก็ไม่อยากบอกพวกเราหรอก แต่ชั้นก็เข้าไปคุยกับลูกดี ๆ ก็เป็นอันว่าเข้าใจกัน”
“แล้วไม่ตกใจกันมั่งเหรอคะ”
แม่ของพลกฤษณ์ส่ายหน้า “ไม่หรอกค่ะ แต่ชั้นก็บอกลูกเสมอนะว่าเป็นอย่างนี้แล้วอย่าทำให้ใครเดือดร้อน ทำอะไรก็ต้องรู้จักดูแลตัวเองมากขึ้น”
พ่อกับแม่ของพีร์มองหน้ากันอย่างกรุ่นคิด
“แต่แจ๊คหน่ะ ดูภายนอกเป็นคนเจ้าชู้ก็จริง แต่จริง ๆ แล้วเค้าไม่เคยพาใครมาให้ชั้นกับกิมรู้จักเลยนะคะ นอกจากหนูพี”
“จริงๆ นะ หนูพีก็เป็นเด็กน่ารัก พวกชั้นก็ชอบเค้ามากเลย”
“ถ้าพวกคุณไม่รังเกียจลูกของเรา ก็อยากจะขอ....”
“ตกลงค่ะ” คนเป็นแม่ของพีร์ที่นั่งเงียบ ๆ มาตลอดตอบตกลงโดยที่แม่ของพลกฤษณ์ยังพูดไม่จบ ทำให้พ่อของพีร์หันไปมองภรรยาตัวเองอย่างตกใจ
“อ่าว หงี...”
“ค่ะ ชั้นเห็นว่าแจ๊คเป็นคนดี ดูแลพีได้ ชั้นในฐานะคนเป็นแม่ก็ดีใจนะคะที่ลูกของชั้นจะมีคนที่ดีมาดูแลอย่างนี้”
“เป็นอันว่าตกลงใช่ไหมครับคุณฟุง ใช่มั๊ย ไอ้กวง” พ่อของพลกฤษณ์ถามเพื่อความแน่ใจ
“เออ..” พ่อของพีร์พยักหน้าไปอย่างเสียไม่ได้ เขาแอบเคืองภรรยาเล็กน้อยที่แย่งชีนสำคัญของเขาไป
“งั้นเป็นอันว่าตกลงนะ แล้วทางชั้นจะลงมาทำให้ถูกต้องตามธรรมเนียมอีกที”
“หะ ยังไงวะ”
“ก็ ไหน ๆ ก็ไปมาหาสู่กันอย่างถูกต้องอย่างนี้ ชั้นก็อยากให้ลูก ๆ มายกน้ำชาและก็ส่งตัวให้มันถูกต้องไปเลยแกว่าไง”
“เอางั้นเลยเหรอวะ”
“ดีค่ะ ดี ชั้นเห็นด้วย” แม่ของพีร์ตอบรับ “ไม่ดีเหรอป๊า เค้าให้เกียรติเราขนาดนี้”
“อืม ก็ดีนะ แต่อย่าเอิกเกริกมากได้มั๊ยวะ”
“ได้สิ จัดกันเล็ก ๆ ให้เป็นพิธีก็พอ”
“อืม ดี ๆ งั้นชั้นตกลงเรื่องของพีกับเจ้าแจ๊ค ให้เป็นไปตามนี้ละกัน” คนเป็นพ่อของพีร์เอ่ยออกมาอย่างเชื่อใจคนเป็นเพื่อน และเริ่มเชื่อมั่นในตัวของพลกฤษณ์

 หลังจากคุยธุระกันเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อตอนกลางวัน ตกเย็นเมื่อพลกฤษณ์ช่วยงานที่ร้านของพ่อพีร์เสร็จแล้วเขาจึงก็ได้ขออนุญาตพ่อแม่ของพีร์ ให้พีร์พาเขาออกมาเที่ยวรอบ ๆ ตัวเมืองหาดใหญ่ เพราะเขาเองก็ยังไม่เคยมาและไม่เคยได้ออกไปเที่ยวที่ไหนเลยตั้งแต่มาถึง
“พี่ คุณว่าไงอ่ะ เรื่องที่ป๊าผมบอกว่าจะให้เราแต่งงานกัน”  พลกฤษณ์ถามขณะที่อยู่กับอีกฝ่ายในห้องพักของเขาที่โรงแรมขณะที่พีร์มาส่ง  
“ก็ ไม่รู้สิ”
“ทำไมล่ะ ไม่อยากอยู่กับผมเหรอ”
“คือ มันเร็วไปหน่ะ ผมก็ยัง งง ๆ อยู่เหมือนกัน” พีร์ตอบไปออกไปโดยที่ไม่ได้สบตาอีกฝ่าย
เขาจับแขนพีร์ทั้งสองข้างเบา ๆ  พร้อมกับมองหน้าพีร์อย่างจริงจัง “หรือว่า คุณยังรักไอ้หยก”
พีร์มองหน้าอีกฝ่ายอย่างตกตะลึง เขาไม่เคยปิดบังอะไรพลกฤษณ์มิดจริง ๆ น้ำตาของพีร์ค่อย ๆ ไหลออกมาเมื่อนึกถึงตรงนี้
“โอเค ผมเข้าใจแล้ว” พลกฤษณ์ปล่อยมือ และถอนหายใจออกมาอย่างรับรู้และยอมรับ เขาค่อย ๆ พาตัวเองออกไปจากห้อง ปล่อยให้พีร์ได้อยู่คนเดียวกับความจริงในใจของตัวเอง


http://www.youtube.com/v/IHRgM3M_oJM
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 02-06-2010 16:46:23
มาขอจิ้ม :z13: คนเขียนก่อน
อิอิ
--------------------------------

 :laugh: โดนว่าที่พ่อตาทดสอบเอาแล้วไงเฮียแจ็ค
แล้วที่พีร์พูดเรื่องรถกะคนเนี้ย
 เฮียก็ไม่รู้ซะเล๊ยยยยย  :m16:ว่าพีร์เค้าบอกเปงนัยๆว่าให้เลิกซะ ไอ่มีหลายๆคนเนี้ย

ปล.“ยังไงซะผมก็เชื่อว่าพ่อแม่คุณก็คงไมทำอะไรคุณมากเท่าผมหรอก”มันหมานความว่าไงอ่ะคุงน้ำพริก
     คนอ่านคิดมากไปเอง :haun4: หรือคนเขียนๆให้คิดละเนี้ย



หมายถึงว่า พลกฤษณ์จะบอกว่า พีร์ก็คงไม่ถูกพ่อแม่ของตัวเองตั้งป้อมรังเกียจและทดสอบแบบทรหดอย่างที่ตัวเฮียแจ๊คจะเจอ ไงคะ (คนเขียนเขียนซับซ้อนไปหรือเปล่าเอ่ย เหอะๆๆ)

ไม่ซับซ้อนหรอกจ้า คนอ่านพาหื่นไปเอง เอ๊กๆๆ :laugh:
ป๊ากะม๊าเฮียแจ็คใจร้อนเปงวัยรุ่ยเลย น่ารักที่ซู๊ดดดดดด

ปล.คุณน้ำพริกเปงเด็กใต้รึป่าวเอ๋ย??
  +1 กะความพยายามของเฮียแจ็คสุดที่เลิฟ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจให้เฮียแจ๊คค่ะ
อ่อ ไม่ใช่คนใต้ค่ะ แต่ส่วนตัวไปภาคใต้บ่อย ๆ หน่ะค่ะ  เหอะ ๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 02-06-2010 17:32:22
 :z13: :z13:
คนแต่งลงใต้บ่อยเพราะว่ามีใครรออยู่หรือเปล่า  อิอิ
ให้กำลังใจน้องพีร์  เชียร์พี่แจ้คแบบออกหน้า  อิอิ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 02-06-2010 17:36:16
อีป้าแก่ๆ บอกแล้วให้โอเค ทำไม่ไม่เชื่อค่ะ คนแก่อาบน้ำร้อนมาก่อนนะค่ะ เชื่อสิค่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 02-06-2010 17:47:31
อืมมม...รักแรกมันฝังใจ แถมยังเป็นผู้ชายคนแรกอีก :z3:
แต่ก็นะ พีร์ต้องอยู่กับปัจจุบันที่เป็นพี่แจ๊คที่แสนดี :กอด1:
+1 ขอบคุณค่ะ รออ่านตอนต่อไปน้าาา
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: JAROEN ที่ 02-06-2010 18:11:34
 :L3: :L3: :L3: :L3: :L3: :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: wowhaha ที่ 02-06-2010 19:08:31
อย่ามีเรื่องเศร้าอีกเลย นะครับ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 02-06-2010 19:55:27
ลืมค่ะ โพสหน้าตอนจบนะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 02-06-2010 20:01:26
กลัวเหลือเกินว่า ไรเตอร์จะจบแบบน้องพีร์ต้องสมรักกับแจ๊คแน่ๆเลยนิ ไม่ง่ะ เราเชีรย์หยกง่ะถึงหยกมันจะมีเมียแล้วมีลูกแล้วก้อตามง่ะก้อหัวใจมันห้ามรักไม่ได้นี้

หยกนายก้อเลิกกับเมียซะซิแล้วมาขอน้องพีร์แต่งงานเลย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: maicy ที่ 02-06-2010 20:50:30
รักพี่เเจ๊คเขาไปเหอะ ไม่มีพันธะ โรเเมนติกมากๆ
ปล.อ่านมานานเเต่ไม่ค่อยได้เม้นเลย เเต่เป็นเรื่องที่ต้องเปิดเข้ามาอ่านทุกวัน  คนเเต่งน่ารักมากมาอัพให้ทุกวันเลยค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 02-06-2010 21:20:34
เฮ้อ เรื่องของจิตใจห้ามกันยาก แต่คิดว่า พีร์ คงรู้แหละว่าใครที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขได้จริงๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: หนูจะเอ้า ที่ 02-06-2010 21:39:21
 ความเป็นจริง คุณแพรว คงจะเป็นอีกย่าง ไม่ มากก็ น้อย ...
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 02-06-2010 22:22:14
พีร์ หยกมีไรดีอ่ะ

คุณแจ๊คเถอะๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Lucio ที่ 02-06-2010 22:48:31
พอพ่อแม่โอเคคนลูกกลับมีปัญหาซะงั้น

เชียร์พี่แจคสุดใจ  o13
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 02-06-2010 23:20:07
หยกมีดีที่ตรงนั้น..................

















ตรงความมีเสน่ห์และเอาใจใส่  :laugh:

สงสารเฮียแจ๊คเรา แต่ก่อนเป็นเพลย์บอยตัวพ่อไม่ต้องทำไรมาก ก็มีหนุ่มน้อยเยอะแยะเสนอตัว มาคราวนี้ได้แต่เศร้าในอกเพราะไปหลงรักคนที่เค้าตัดใจจากรักแรกไม่ลง  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: JAROEN ที่ 03-06-2010 00:48:26
 :call: :call: :call: :call: :call:ขอให้โลกมีความสุข
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 03-06-2010 09:56:19
คุณแจ็คตรูใจแป้วเลย....เฮ้อง.แต่มันก็พูดอยากเนอะเพราะเหมือนคุณหยกเป็นคนแรกของพีด้วยมั้ง  สู้ๆๆคุณแจ็คอย่าน้อยใจไปเลย น้องพีก็พยายามลืมไอ่พี่หยกเหอะ...

รออ่านต่อจ้า


ปล. แอบใจหาย ต่อไปตอนจบแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 03-06-2010 14:36:10
จบไม่เศร้าใช่มั้ย ไม่เศร้านะคุณน้ำพริก
ขอละ
อยากอ่านตอนส่งตัวเข้าหออ่ะ  :z1:เด่วจะไปแอบอยู่ใต้เตียง
555
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 03-06-2010 14:49:05
ภาคต่อ ตอนที่ 33

   ถึงแม้พลกฤษณ์จะรับรู้จากพีร์ว่าในใจของเขายังคงรักศิลาอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้ตกใจที่เป็นอย่างนั้นซะเท่าไหร่ เพราะเขารู้ดีว่าเด็กหนุ่มนั้นคงจะไม่มีใจให้เขาเลยแม้แต่น้อย
   ที่พีร์มีให้เขา คงเป็นเพียงความเห็นอกเห็นใจ มากกว่าจะเป็นความรัก
“ไอ้หยกมันคงจะดีใจน่าดู ที่น้องพียังรักมันอยู่” เขานึกถึงเพื่อนขึ้นมา และก็นึกถึงตัวเองที่ก็รักพีร์เหมือนกัน
เขายิ้มเยาะตัวเอง ว่าใครรู้เข้าคงหัวเราะเยาะ ว่าแจ๊คตัวพ่อไม่มีปัญญาเอาชนะใจของเด็กหนุ่มธรรมดา ๆ อย่างพีร์ได้สำเร็จ ทั้ง ๆ ที่มีคนเป็นร้อยยอมศิโรราบให้กับเขา โดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรมาก
แต่ก็คงไม่ใช่พีร์ คนที่เขารักคนนี้เป็นแน่แท้
แต่ไม่ว่ายังไง งานแต่งงานของเขาที่พ่อแม่ตั้งใจจัดให้ คงจะไม่เป็นหมันอย่างแน่นอน

  วันต่อมาที่เขากับพีร์ได้พาพ่อกับแม่ของเขาท่องเที่ยวไปในหลาย ๆ ที่ ทั้งเกาะยอ ตัวเมืองสงขลา และในเวลาเย็นนี้ที่หาดสมิหลา ชายหาดที่เป็นสัญลักษณ์ของสงขลา คนเป็นพ่อกับแม่นั้นปล่อยให้คู่รักได้อยู่กันตามลำพังหลังจากที่ไปเที่ยวกับพวกเขามาทั้งวัน
 พีร์นั้นเดินเอื่อย ๆ  นำหน้าร่างสูงใหญ่ริมชายหาด ลมเย็น ๆ ที่พัดมาไม่ได้ทำให้พีร์รู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อเช้าเลย เขารู้สึกอึดอัดใจเหลือเกินที่ทำให้พลกฤษณ์ต้องมาเสียใจเพราะเขา แถมชายหนุ่มก็ยังไม่มีท่าทีโกรธเคืองอะไรออกมาให้เขาเห็นแม้แต่น้อย
  พลกฤษณ์รู้ดีว่าพีร์รู้สึกอย่างไร แต่เขาก็มีวิธีของเขาที่จะทำให้คนที่เขารักนั้นไม่ต้องกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป
 ถึงแม้พีร์จะไม่เต็มใจนัก แต่เขาก็เชื่อว่าเขาจะทำให้พีร์มีความสุขที่สุด
“พีครับ” เขาเอ่ยขึ้นมา พีร์หันหลังมองร่างสูงที่ตามเขาอยู่ “ผมรู้นะว่าคุณรู้สึกยังไง”
พีร์เงียบ ไม่ตอบอะไรออกมา
“แต่ผมมีเรื่องอะไรจะขอคุณเรื่องนึง”
พีร์หยุดนิ่ง พร้อมกับหันไปฟังร่างสูงพูดอย่างตั้งใจ
“แต่งงานกับผมนะ” พลกฤษณ์คุกเข่าลงตรงหน้าพีร์ที่ตกใจเมื่อได้ยินประโยคนี้
เขารู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก เพราะในชีวิตที่เขาเลือกนี้ เขาก็ไม่คิดฝันเลยว่าจะมีชายหนุ่มคนไหนจะขอเขาแต่งงานอย่างนี้
“ไม่ว่าคุณจะรักใคร หรือ คุณจะไม่รักผมเลยก็ตาม แต่ผมขอล่ะ แต่งงานกับผมเถอะนะ”
สายตาอ้อนวอนจากใจของชายหนุ่ม ทำให้พีร์นั้นอ่อนลง เขาค่อย ๆ ร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตัน
พลกฤษณ์ค่อย หยิบแหวนทองคำขาวแบบเกลี้ยงที่เตรียมไว้ออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ต เขามองหน้าพีร์อย่างขอคำตอบ
  พีร์ที่ตอนนี้น้ำตานองหน้าอย่างตื้นตัน พยักหน้าออกมาอย่างตอบรับ เพราะเขานั้นเห็นคุณค่าในสิ่งที่ชายหนุ่มทุ่มเทให้เขามาโดยตลอด พลกฤษณ์ค่อย ๆ จับมือซ้ายของพีร์ออกมาแล้วบรรจงสวมแหวนที่นิ้วทาง เมื่อสวมเสร็จพีร์ก็ดึงให้ชายหนุ่มลุกขึ้น
  ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มตั้งตัว พีร์ก็เข้าไปกอดเขาอย่างขอบคุณ เขาซบที่อกของชายหนุ่มแล้วร้องไห้หนักขึ้น พลกฤษณ์นั้นลูบผมนุ่มเบา ๆ อย่างปลอบโยน
    ทันใดนั้นเสียงเฮก็ดังมาจากทิวสนอย่างชอบใจ พวกเขาหันไปก็พบว่า พ่อกับแม่ของพวกเขาและบรรดาคนอื่นที่อยู่แถวนั้นคงรอลุ้นกับภาพเมื่อสักครู่เป็นแน่แท้ พีร์นั้นอายมาก ส่วนพลกฤษณ์ยิ้มกับพ่อแม่และยกนิ้วโป้งให้อย่างมั่นใจ
และเมื่อถึงวันกลับ พลกฤษณ์นั้นกลับมากรุงเทพฯกับครอบครัว เพื่อทำงานและเตรียมสำหรับการไปสู่ขอพีร์ตามที่พ่อเขาบอก ส่วนพีร์นั้นพ่อกับแม่ของเขาอยากให้อยู่ที่บ้านและรอให้อีกฝ่ายมารับตัวเขาไปอย่างถูกต้อง                    
    วันนี้พลกฤษณ์ก็ได้มาออกรายการโทรทัศน์ชื่อดังที่มักจะเชิญแขกรับเชิญเป็นคนดังจากวงสังคมมาเปิดเผยชีวิตและประเด็นร้อน พิธีกรสาวถามคำถามทั่วไปกับเขาตามปกติ จนเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของรายการเธอก็ไม่พลาดที่จะเจาะลึกเรื่องความรักของชายหนุ่มให้ผู้ชมฟัง
“มาถึงเรื่องนี้กันบ้างค่ะ คุณผู้ชม จัดว่าเป็น Talk of the town เลยก็ว่าได้สำหรับข่าวคราวด้านความรักครั้งล่าสุดของชายหนุ่มคนนี้” เธอหันมาถามพลกฤษณ์ “เป็นไงมั่งคะคุณแจ๊ค ภายหลังที่ข่าวออกไป มีผลอะไรออกมาบ้าง คุณพี เป็นยังไงมั่งคะ”
“ก็ มีคนรู้จักพีเค้าเยอะขึ้นหน่ะครับ ผมก็พยายามให้เค้าเข้าใจในตรงนี้”
“แล้ว พี่ขอถามนะคะ ไปรู้จักกันได้ยังไง”
“ก็ คือ วันนั้นผมไปซื้อหนังสือหน่ะครับ แล้วก็หันไปเห็นเค้ายืนอยู่ก็เลยทำฟอร์มเข้าไปถามนู่นนี่”
พิธีกรสาวตั้งใจฟัง ส่วนคนในห้องส่งฮิ้วลั่นอย่างถูกใจ
“ตอนที่เจอกัน เค้าก็ไม่สนใจผมเท่าไหร่หรอกนะครับ”
“แต่นั้นก็ทำให้คุณแจ๊คยิ่งเข้าไปหาใช่มั๊ยคะ”
“ครับ” เขาตอบรับยิ้ม ๆ
“แล้วชอบเค้าที่ตรงไหนคะ”
“พูดไม่ถูกอ่ะครับ ก็คงที่เค้าเป็นตัวเค้านั่นหล่ะครับ”
“แล้ว ทางบ้านคุณแจ๊คว่ายังไงมั่งคะ”
“ที่บ้านชอบพีมากเลยครับ ก็ผมกับทางพ่อแม่ของพีก็คุยกันเรียบร้อยแล้วครับ”
“จริงเหรอคะ!” เธอตื่นเต้น
“ใช่ครับ” พลกฤษณ์มั่นใจ
“แล้ว อย่างนี้จะมีข่าวดีมั๊ยคะ”
“ก็ นี่หล่ะครับเป็นข่าวดีแล้ว เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้ ก็เท่ากับว่าครอบครัวของพวกเรายอมรับแล้ว”
“อุ๊ยย ดีจังเลยอ่า”
คนดูในห้องส่งฮิ้วอีกรอบ พิธีกรสาวเลยถามต่อ
“แล้วคุณแจ๊คคิดยังไงบ้างคะกับความรักครั้งนี้ มีการวางแผนอะไรมั๊ยคะ”
“ไม่ครับ ผมคิดว่า ที่ผมเจอพี และพ่อแม่ผมก็ยอมรับได้ ก็นับว่าผมโชดดีพอแล้ว ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ความรักแบบผมมันไม่มีอะไรเป็นหลักประกันและข้อผูกมัด แต่ผมขอสัญญากับทุกคนว่า ผมจะรักและดูแลพีไปตลอดครับ”
คนทั้งห้องส่งกรี๊ดและลุกขึ้นปรบมืออย่างประทับใจที่สุด พิธีกรสาวเองก็เช่นกัน เธอกล่าวปิดรายการตามแบบฉบับ เพื่อทิ้งท้ายให้คนดูทางบ้านประทับใจในเทปนี้มากขึ้น และรับรองว่าการให้สัมภาสน์ออกโทรทัศน์ของพลกฤษณ์ในครั้งนี้จะเป็นที่ฮือฮาในสังคมวงกว้างอย่างแน่นอน

“ปิดตำนานเก้งตัวพ่อ แจ๊คลั่น คนนี้รักจริง”
“เสื้อสิ้นลาย ตัวพ่อประกาศ แต่งหนุ่มน้อยแน่”
“แจ๊คตัวพ่อเอ่ย หยุดตรงนี้ที่เธอ”

บรรดาพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ฉบับต่าง ๆ ทยอยวางออกมาบนโต๊ะทำงานของศิลา เขามองพาดหัวตัวใหญ่บนหน้าหนังสือพิมพ์นั้นอย่างเจ็บช้ำ เขาอ่านสัมภาสน์ของเพื่อนอย่างกล้ำกลืน ถึงแม้ว่าถ้อยคำของพลกฤษณ์จะไม่ได้หวานเลี่ยนหรือเกินความจริง แต่นั้นก็ทำให้เขาเจ็บช้ำอยู่ดีเมื่อเขาต้องพบว่า ต่อจากนี้ไป เขาจะไม่มีสิทธิ์ไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้พีร์อีกต่อไปแล้ว
  คงเป็นเพราะความหึงหวงในคราวนั้นสินะ ที่ได้ทำลายความรักของเขากับพีร์ไปเสียสิ้น
ศิลายิ้มเยาะตัวเอง เขานึกย้อนไปยังวันวานของความรักที่เขาไม่คิดว่าจะเจอ แต่เหมือนว่าเขาคงรู้จักความรักน้อยเกินไปแค่ด้านเดียว ทุกวันนี้เขาจึงได้มาสัมผัสอีกด้านของอานุภาพรักอย่างถ่องแท้
 เหมือนรักของเขาเป็นไฟร้อนที่ให้ความอบอุ่น แต่ก็เผาทั้งเขาและพีร์จนมอดไหม้ไปอย่างที่เห็น
ศิลาสะดุ้งทันทีเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ เขามองดูก็พบว่าเป็นเบอร์ของพลกฤษณ์ เขาคิดอยู่สักพักจึงกดรับ
“ฮัลโหล” ศิลาทักปลายสายเรียบ ๆ
“ฮัลโหล หยก”
“ว่าไง”
“อืม ชั้นมีเรื่องจะคุยกับแก”

ศิลานั้นมาที่ร้านกาแฟหรูตามที่พลกฤษณ์นัดหมายไว้ เขาเดินตรงไปหาเพื่อนที่นั่งรอเขาอยู่ทันที
พลกฤษณ์ยิ้มให้เพื่อนที่เพิ่งมาถึง เขาค่อย ๆ คนกาแฟอย่างกรุ่นคิด จนศิลาต้องถามขึ้นมาก่อน
“มีอะไรวะแจ๊ค”
“คือ อีกสองวัน ชั้นจะลงไปบ้านน้องพีที่หาดใหญ่”
ศิลาพยักหน้ารับรู้ ในเวลานี้เขารู้ตัวดีว่าทำอะไรลงไปไม่ได้แล้ว
“ป๊าชั้นให้ชั้นกับน้องพีแต่งงานกันให้ถูกต้อง”
ศิลามองหน้าเพื่อนอย่างตกตะลึง
“ก็ ไม่มีอะไรมากหรอกว่ะ แค่ไหว้เจ้า ยกน้ำชา และก็รับตัวเค้าให้ถูกต้องก็เท่านั้น”
“แล้วแกมาบอกชั้นทำไม” ศิลาถามขึ้นมาอย่างเจ็บปวด
“มันคงจะดีนะ ถ้างานนี้พีเค้ารักชั้น”
ศิลามองหน้าเพื่อน แทบไม่เชื่อหูของตัวเองเหมือนกัน
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา เค้าไม่เคยลืมแกได้เลยว่ะ หยก แกเชื่อมั๊ยว่าน้องเค้าไม่เคยรักใครมากกว่าแกเลย” พลกฤษณ์บอกอย่างเจ็บช้ำไม่แพ้กัน
ศิลาเองรู้สึกดีที่ได้ยินอย่างนั้น เขาหยักหน้าตอบรับเพื่อนและยิ้มน้อย ๆ พลกฤษณ์พูดต่อ
“แต่ชั้นเองก็รักน้องเค้าไม่น้อยกว่าแกเท่าไหร่ แกคงเข้าใจนะ”
ศิลายิ้มมุมปากให้เพื่อน
“หยก แกยังรักน้องพีอยู่ใช่มั๊ย”
ศิลาพยักหน้าเบา ๆ แล้วตอบเพื่อนไป “รักสิ”
“ถ้าอย่างนั้น แกช่วยชั้นอย่างนึงได้มั๊ย..” เขาบอกออกไปถึงสิ่งที่เขาคิดในหัวให้ศิลาฟัง ศิลานั้นยิ้มรับ และตอบตกลงอย่างง่ายดาย
พลกฤษณ์นั้นยิ้มเศร้า แต่เขาก็ดีใจที่ทำให้คนที่ตัวเองรักจะได้มีความสุขจริง ๆ

  ส่วนพีร์ที่อยู่ต่างจังหวัด เมื่อได้ดูรายการโทรทัศน์และอ่านหนังสือพิมพ์ เขาไม่ได้รู้สึกอายหรือรำคาญกับอะไรดังกล่าวอีกต่อไป
  พ่อกับแม่ของเขานั้นดูภูมิใจในตัวพลกฤษณ์มาก ที่แสดงออกอย่างเปิดเผยว่าคบหาเขาด้วยความจริงใจ และบริสุทธิ์ใจกับครอบครัวเขามากเพียงใด การที่เขาตกลงแต่งงานกับพลกฤษณ์ในตอนนั้น อาจจะเป็นเพราะความเห็นใจในตัวชายหนุ่มและเพื่อไม่ให้เสียทางผู้ใหญ่ที่คุยกันไว้ แต่เวลานี้เขาก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าชายหนุ่มรักเขามากเพียงใดเมื่อนึกย้อนไปตั้งแต่คราวที่พลกฤษณ์มาช่วยเขาได้ทันท่วงทีในหลาย ๆ เรื่อง และปกป้องเขาอย่างดีจากการดูถูกเหยียดหยามจากสังคมภายนอก
   ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองก็มีพื้นที่ราคาแพงในสังคมเช่นกัน จากการที่พลกฤษณ์สอนให้เขารู้จักเข้มแข็งและอย่าได้สนใจใคร
   เขายิ้มออกมาอย่างคิดได้ เพราะรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่มีคนรักอย่างพลกฤษณ์คอยเคียงข้าง
   พีร์ยินดีกับการส่งตัวที่บุพการีจัดให้ด้วยความเต็มใจอย่างแท้จริง

  และวันสำคัญของคนทั้งคู่ก็มาถึง โดยพิธีการต่าง ๆ ดำเนินไปตามฤกษ์ยามที่กำหนดไว้ พิธียกน้ำชาของพลกฤษณ์และพีร์เป็นไปด้วยความชื่นมื่นของบุพการีทั้งสองฝ่าย วันนี้ทุกคนแต่งกายสวยงามดูดีโดยเฉพาะพีร์ที่ดูดีด้วยสูทสีขาวที่ตัดเย็บตามสไตล์เกาหลีคลุมทับเชิ้ตสีชมพูข้างในและแม่ของพีร์นั้นให้ทัดใบทับทิมตามธรรมเนียมด้วย งานนี้ก็มีแต่คนที่สนิทชิดเชื้อของสองครอบครัวมาร่วมงานเพียงเท่านั้นและไม่ได้บอกนักข่าวหรือคนอื่นแต่อย่างใด  นลพรรณกับปกรณ์ที่มาตามคำเชิญของพลกฤษณ์และศิริพจน์กับแคทเธอรีนที่มาจากสิงคโปร์เพื่อร่วมยินดีกับคนทั้งสอง
  ศิริพจน์ดีใจเหลือเกินที่เห็นพีร์จะมีความสุขกับพลกฤษณ์ ผู้ชายที่รักในตัวพีร์ไม่น้อยไปกว่าเขา หรือ ศิลา
แต่สิ่งที่เขาและศิลาให้ไม่ได้ ก็คือการอยู่กลางแสงตะวันอย่างที่เป็นนี้
เขาและพี่น้องจากรุงเทพ ฯ ยิ้มยินดีกับพีร์จากใจจริงที่ต่อไปนี้ พีร์คงจะไม่เศร้าหมองเพราะรักที่ซ่อนแอบที่ต่อไป
   พิธีการทั้งหมดเริ่มจากเมื่อพลกฤษณ์ที่หล่อเนี้ยบด้วยสูทหรูแบนด์ยุโรปสีน้ำงินกรมท่า มาถึงบ้านพีร์ในเวลาเช้าตรู่ตามฤกษ์ยาม โดยเขานั้นต้องฝ่าด่านประตูต่าง ๆ จากญาติ ๆ และคนรู้จักที่มาช่วยกั้นเพื่อจะได้เจอพีร์ เสร็จแล้วเขากับพีร์นั้นก็ตระเวนไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในบ้าน ถึงแม้ครอบครัวเขาจะเป็นคริสเตียน แต่เรื่องประเพณีดั้งเดิมนี้เขาก็ไม่ละทิ้งเช่นกัน ต่อด้วยการไหว้บรรพบุรุษและการยกน้ำชาคารวะ ผู้เป็นบุพการี และปิดท้ายการกินขนมอี๋ตามธรรมเนียม
“ดูแลน้องให้ดี ๆ นะแจ๊ค ป๊ากับม้าดีใจนะที่เรามีวันนี้” คุณกำชัยผู้เป็นพ่อของพลกฤษณ์อวยพรขณะรับน้ำชาจากคนทั้งสอง
“ครับป๊า” เขาตอบรับ และเดินเข่ามาหาบุพการีของพีร์ที่อยู่ถัดมา
“ฝากพีด้วยนะลูก อย่าทำให้ป๊าต้องผิดหวังนะ” คนเป็นพ่อของพีร์กล่าวออกมาอย่างใจดีขณะรับถ้วยน้ำชา
“ครับป๊า” พลกฤษณ์ตอบรับ พร้อมกับมองหน้าพีร์อย่างดีใจ
“พีก็อย่าไปแสนงอนกับพี่เค้ามากนะลูก ส่วนแจ๊คก็หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันนะจ๊ะ”
“ครับม้า” พลกฤษณ์ตอบรับ พีร์นั้นยิ้มน้อย ๆ อย่างมีความสุขเช่นกัน

  
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 03-06-2010 14:50:17
ภาคต่อ ตอนที่ 33 (ต่อ)

และเมื่อเวลาส่งตัวก็มาถึง พีร์นั้นเกาะแขนคนเป็นพ่อไปหน้าบ้าน โดยที่มีญาติผู้ชายคนนึงของพีร์เป็นคนถือตะเกียงนำทางตามธรรมเนียม  ในการมารับตัวพีร์ครั้งนี้ ทางครอบครัวของพลกฤษณ์นำ Maserati Quattroporte สีน้ำเงินป้ายแดง ที่ ผูกโบว์สีชมพูเข้มมารอรับตัวพีร์ถึงหน้าบ้านตามธรรมเนียม  เขากับพลกฤษณ์ขึ้นนั่งบนรถที่มีคนขับรถรออยู่เพื่อไปยังโรงแรมสำหรับการเข้าหอเพื่อจะได้บรรลุขั้นตอนตามธรรมเนียม
    คนเป็นพ่อและแม่มองตามรถหรูที่มารับตัวพีร์ไปอย่างยินดี และอดคิดถึงลูกไม่ได้ที่ต้องออกไปเป็นคนของครอบครัวอื่น แต่ก็ยินดีที่ชีวิตของลูกจะมีคนดี ๆ อย่างพลกฤษณ์มาดูแล
   พลกฤษณ์นั้นมองหน้ากับพีร์อย่างมีความสุข พีร์ยิ้มรับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มแบบเดียวกัน หนุ่มน้อยไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเขาจะมีวันนี้และมีผู้ชายที่รักเขาขนาดนี้อยู่เคียงข้าง
   พลกฤษณ์นั้นยิ้มให้พีร์เช่นกัน เขายิ้มเศร้าเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าพีร์ก็คงไม่ได้รักเขาเท่าไหร่เลย

เมื่อถึงโรงแรมที่พัก ก็ต้องเป็นไปตามธรรมเนียมเล็กน้อยที่คู่แต่งงงานต้องไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของโรงแรมที่ต่างว่าเป็นที่พักของเจ้าบ่าว ก่อนจะขึ้นมาที่ห้องพักของพ่อกับแม่พลกฤษณ์เพื่อพิธีไหว้และกินขนมอี๋กันอีกครั้ง จนถึงการเข้าหอ ซึ่งเป็นของสวีทของโรงแรมห้าดาวแห่งนี้ พีร์นั้นต้องอยู่คนเดียวสักพักตามธรรมเนียมเพื่อให้เจ้าบ่าวเข้ามาในห้อง
  ในการนี้ พลกฤษณ์นั้นสวมผ้าคลุมหน้าสีแดงให้พีร์ตามธรรมเนียม พีร์หงุดงิดในใจเพราะไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะทำอะไรให้เขาได้ประหลาดใจอีก เพราะความจริงเขาไม่ต้องทำอย่างนี้ก็ได้ พีร์อยากรู้เหมือนกันว่าพลกฤษณ์นึกสนุกอะไรอีก
 สักพักเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น พีร์นั่งนิ่ง ๆ อย่างตื่นเต้นเพราะรู้ว่าพลกฤษณ์มาแล้ว เขามองลอดผ้าที่พอจะเห็นได้ก็เห็นว่าชายหนุ่มเดินตรงมาที่เขา พร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ ก่อนจะเปิดผ้าคลุมหน้าของเขาออกตามธรรมเนียม
พีร์มองพลกฤษณ์อย่างสงสัยว่าเขานึกสนุกอะไร ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรออกจากยิ้มให้เฉย ๆ พีร์มองหน้าชายหนุ่มอย่างสงสัยว่ารอยยิ้มนี้มันดูเศร้าเหลือเกิน พลกฤษณ์นั้นลุกออกไปก็ทำให้เห็นคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา
 “พี่หยก.....” พีร์ตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าพลกฤษณ์จะพาศิลามาตรงนี้ได้ เขามองหน้าชายหนุ่มอย่างสงสัย
พลกฤษณ์ไม่ตอบอะไร เขาเพียงแต่ยิ้มให้ และเดินไปตบไหล่ศิลาก่อนจะออกไปข้างนอก
พีร์มองตามฝ่ายนั้นอย่างสงสัย แต่ก็มองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างประหลาดใจเช่นกัน

  พลกฤษณ์เดินออกมาด้วยความรู้สึกหลากหลายปนกัน เขากดลิฟท์และลงมานั่งเงียบ ๆ คนเดียวในล็อบบี้ของโรงแรมเพื่อปล่อยให้คนทั้งสองได้อยู่ด้วยกันข้างบนห้อง
   ชายหนุ่มยินดีที่จะได้เห็นคนที่เขารักมีความสุขจริง ๆ กับคนที่รัก แต่ในอกก็รู้สึกปวดร้าวเหลือเกินที่ต้องให้คนที่รักเป็นของอีกคนอื่นอีกครั้ง
   เมื่อก่อนพลกฤษณ์นั้นมองว่าการที่มีใครแค่คนเดียวข้างกายนั้นเป็นเรื่องน่าเบื่อบางครั้งเขาก็เคยแลกแฟนหรือคู่นอนกับคนอื่นบ้างเพื่อเปลี่ยนอรรถรส ตอนนั้นเขาไม่เข้าใจว่าแค่ใช้แฟนร่วมกันมันจะรู้สึกแย่ตรงไหน
    ถึงแม้เมื่อครู่เขาจะแสดงความเป็นเจ้าของที่แท้จริงตามธรรมเนียมโดยการเป็นคนเปิดผ้าคลุมหน้าให้พีร์แล้ว แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกที่ว่าพีร์ไม่ได้เป็นของเขาจริง ๆ นั้นดีขึ้นมาเลย
       วันนี้ชายหนุ่มเข้าใจถ่องแท้แล้วว่าความรู้สึกเจ็บปวดที่ต้องให้คนรักเป็นของคนอื่นมันเป็นอย่างไร

“พี่หยก พี่หยกมาได้ยังไงครับ”
“แจ๊คมันบอกกับพี่ว่าวันนี้คุณลุงคุณป้าจะมารับตัวน้องพีอย่างถูกต้องที่นี่ แล้วมันบอกว่ามันอยากให้น้องพี มีความสุขจริง ๆ” เขาตอบแบบยิ้มเศร้า ส่วนพีร์เองก็ยิ่งงงเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“เค้าบอกกับพี่หยกเองเหรอครับ ว่าให้ทำแบบนี้”
ศิลาพยักหน้า ส่วนพีร์เองก็ตกใจมากเมื่อได้ยินอย่างนั้น ศิลาพูดต่อออกมาอย่างเรียบ ๆ
“น้องพีครับ เรื่องของเรา มันคงจะจบลงจริง ๆ แล้วสินะ”
พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็ตอบรับ “ครับ”
“พี่เข้าใจว่าไอ้แจ๊คมันทำแบบนี้เพราะอะไร แต่พี่ก็ไม่เลวพอที่จะทำลายชีวิตของน้องพีได้ต่อไปอีก”
เขาถอนหายใจและพูดต่อ “พจมันพูดถูก ว่าพี่ควรจะปล่อยมือจากน้องพี ให้อยู่กับคนที่พร้อมกว่า รักก็รักน้องพีเหมือนกัน”
พีร์รับฟังเงียบ ๆ ศิลาจับมือนุ่มที่คุ้นเคยนั้นขึ้นมาแล้วบอกว่า “พี่ยินดีด้วยนะครับ ที่น้องพีจะได้มีความสุขจริง ๆ ซะที”
“ขอบคุณครับ” พีร์ตอบรับเรียบ ๆ
“ถึงแม้ว่าเราจะรักกันไม่ต่างจากวันแรก แต่ถ้าความรักของเรามันทำร้ายน้องพี เราก็จากกันเสียดีกว่า ดีมั๊ยครับ”
“ครับ”
“พี่จะไม่ลืมเลยนะครับว่าครั้งนึงพี่ก็เคยมีความรัก และมีคนรักอย่างน้องพี” เขาจับมือพีร์แน่นเป็นครั้งสุดท้าย
“ครับ พีก็เหมือนกัน”
ศิลานั้นหยิบต่างหูเพชรที่เขาเคยให้พีร์ และถูกเด็กหนุ่มส่งคืนมาแล้วสองครั้งออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท พีร์ตกใจที่เห็นศิลาหยิบสิ่งนี้ออกมา
“ของสิ่งนี้ พี่มอบให้น้องพีร์ มันเป็นของน้องพีร์แล้ว อย่าปฎิเสธอีกเลยนะครับ”
“พี่หยก...”
“ถือซะว่าพี่ให้ เป็นของขวัญแต่งงานก็แล้วกัน”
   พีร์พยักหน้าอย่างยินดี ศิลาถอดต่างหูทองคำขาวเล็ก ๆ ที่ประดับอยู่ก่อนหน้าบนรูล่างสุด แล้วค่อยสวมต่างหูเพชรของเขาให้อย่างเบามือบนหูซ้ายของเด็กหนุ่ม เขาลูบเบา ๆ และยิ้มให้อย่างมีความหมาย
  คนทั้งสองมองหน้ากันอย่างเข้าใจพร้อมสวมกอดกันเป็นครั้งสุดท้าย ศิลานั้นยอมรับความเป็นจริงของชีวิตด้วยความยินดีและเข้าใจในคำว่า “รัก” มากขึ้น
  หนุ่มน้อยของเขาพูดถูก คนรักกันไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน แต่ก็ใช่ว่าจะรักกันไม่ได้
และวันนี้ความรักอันร้อนแรงของเขา ก็แปรเปลี่ยนไปเป็นความรักที่มีความเข้าใจมาช่วยดับไฟนั้นให้เย็นลง

ศิลานั้นมองหาพลกฤษณ์ในล็อบบี้ของโรงแรม เขาตั้งใจว่าถ้าไม่เจอเขาก็คงจะโทรหาเพื่อนแล้วค่อยบอกกล่าวกันต่อหน้า
“วันสำคัญแท้ ๆ เจ้าบ่าวปล่อยให้เจ้าสาวอยู่กับคนอื่นได้ยังไง” เขานึกในใจ และก็เห็นร่างสูงใหญ่ของพลกฤษณ์นั้นนั่งหันหลังอยู่ เขาจึงเข้าไปสะกิดเพื่อนเบา ๆ
“อ่าว หยก” เขาประหลาดใจที่เห็นศิลาลงมาเร็วนัก เขาคิดว่าคนทั้งสองจะให้เวลาร่วมกันเสียอีก
“แกทิ้งเจ้าสาวให้อยู่กับคนอื่นตอนเข้าหอได้ไงวะ” ศิลายิ้มล้อเพื่อนตัวเอง พลกฤษณ์มองหน้าเพื่อนอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“ไอ้หยก..”
ศิลานั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้า แล้วพูดต่อ “วันนี้เป็นวันของแกและน้องพี ชั้นยินดีกับแกด้วยนะแจ๊ค และก็ดีใจกับน้องพีเค้าด้วย ที่จะมีแกคอยดูแลต่อไป”
“แล้ว...”
“น้องพีเค้าไม่ได้ดีใจเลยนะที่เห็นชั้นมา” เขายิ้ม ๆ “เค้าคงจะงงล่ะว่าเจ้าบ่าวทิ้งเค้าไปได้ไง แต่ก็ร้ายนะ บอกให้ชั้นมาอยู่กับน้องพี แต่แกก็เป็นคนเปิดผ้าคลุมนี่หว่า ฮ่ะๆ”
“ก็มันงานชั้นนี่หว่า” พลกฤษณ์ค่อยยิ้มออกมา แล้วถามต่อ “ทำไมเค้าไม่ดีใจวะ”
“ก็เค้าไม่ได้รักชั้นแล้วหน่ะสิ”
“หะ..”
“ถึงเค้าจะรักชั้น แต่เค้าก็คงตัดใจเพราะว่ามันคงเป็นไปไม่ได้อย่างที่แกหรือไอ้พจมันบอก” ศิลาเว้นวรรค “เรื่องของชั้นกับน้องพีก็คงจบแล้วหล่ะว่ะ”
พลกฤษณ์ได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจ แต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่คนรักของเขาไม่ได้เป็นของคนอื่น
“ไป ขึ้นไปข้างบนได้แล้ว ทิ้งเจ้าสาวมาอย่างงี้ได้ไงวะ” ศิลาฉุดเพื่อนให้ขึ้นมา
“ขอบใจมากนะ หยก”
“ไม่เป็นไร ชั้นต่างหากที่ต้องขอบใจ” เขาตบไหล่กันและกันและมองหน้ากันอย่างเข้าใจ พลกฤษณ์ไม่รอช้าที่จะกลับไปยังที่ของเขา ส่วนศิลานั้นก็ได้แต่มองตามเพื่อนไปอย่างยินดี

  พลกฤษณ์เปิดประตูห้องอย่างร้อนรน เขาตื่นเต้นและดีใจเป็นที่สุดที่ได้เข้ามาอยู่กับพีร์จริง ๆ เมื่อเปิดประตูห้องเขาก็ไม่พบตัวพีร์ เขาจึงมองหาและร้องเรียกอย่างร้อนรน
“พี! พี! คุณอยู่ไหน!!”
พลกฤษณ์ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำ ก็หายร้อนใจ เมื่อพบว่าพีร์เดินออกมา เขายิ้มอย่างโล่งใจและเข้าไปหาร่างอวบทันที
“ตกใจแทบแย่”
“แล้วไม่คิดเหรอว่าผมจะตกใจ ที่คุณทิ้งผมไปเมื่อกี๊” พีร์ตอบงอน ๆ
พลกฤษณ์อมยิ้ม เมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาเลยจูงมือพีร์มานั่งคุยกันบนเตียง พีร์นั้นก้มหน้าเดินตามมาเขิน ๆ และนั่งพร้อมกับชายหนุ่ม
  “ผมขอโทษ ผมแค่อยากให้คุณมีความสุขหน่ะ”
“จะบ้าเหรอ นี่มันเป็นวันของเรานะ” พีร์แหวคนข้าง ๆ “ผมจะมีความสุขได้ไงล่ะ ถ้าไม่ได้อยู่กับคุณ”
พีร์ตอบเขิน ๆ ทำให้พลกฤษณ์หันมามองหน้าเด็กหนุ่มอย่างไม่เชื่อหู
“นี่คุณพูดจริงเหรอ”
“โกหกมั๊ง” พีร์เขินมาก เลยตอบอย่างอื่นแก้เก้อ “ก็ป๊ากับม้าอุตส่าห์รับคุณแล้วนะ อย่าทิ้งผมไปแบบเมื่อกี๊อีกนะ”
“อืม” เขาพยักหน้าแล้วยิ้มให้พีร์อย่างอบอุ่น “ผมดีใจที่สุดเลยนะพี่คุณยอมรับผมด้วยตัวคุณเอง”
“อืม” พีร์พูดได้แค่นั้น และคนทั้งสองก็สวมกอดกันอย่างได้เวลา พลกฤษณ์กอดร่างอวบที่นุ่มนิ่มของพีร์ไว้อย่างแสนรัก ในใจเขาตอนนี้มีความสุขเสียเหลือเกิน เนื้อตัวนุ่มนิ่มและกลิ่นกายหอมอ่อน ๆ ของพีร์นี่หล่ะที่เขาไม่เคยได้แตะต้องแม้แต่น้อย แต่วันนี้เป็นวันของเขาแล้ว พลกฤษณ์จึงจะกระซิบข้างหูหนุ่มน้อยเบา ๆกับเรื่องที่เขาคิดอยู่ แต่เขาก็เหลือบไปเห็นว่าที่ติ่งหูซ้ายนั้นเป็นตุ้มหูเพชร แทนที่ตุ้มหูที่เด็กหนุ่มเคยใส่
“นี่อะไรเนี่ยะ” เขาถามพีร์ด้วยความสังสัย
“อ่อ พี่หยกเค้าให้ผมมะกี๊อ่ะ”
“ของไอ้หยกเหรอ”
“ทำม่ะ” พีร์ถามออกไป
“เปล่า ๆ แต่กลับกรุงเทพฯ คุณถอดได้มั๊ย”
“ทำไมล่ะ”
“ก็ ผมจะซื้อให้ใหม่ไง”
“หือ..”
“นะ ได้ไงอ่ะ ผมเป็นสามีนะ ก็ต้องซื้อของขวัญให้ภรรยาสิ”
“น้อย ๆ หน่อยคุณแจ๊ค เราแค่ทำให้ป๊ากับม้าสบายใจนะ จะจริงจังอะไรขนาดนั้น”
“ก็จริงจังหน่อยไม่ได้เหรอ” เขาบอกอ้อน ๆ ก่อนกระซิบคนในอ้อมกอดออกไปแบบกรุ่มกริ่ม “เมื่อกี๊ที่คุณไปเข้าห้องน้ำมาเนี่ยะ ไปเตรียมตัวสำหรับทำหน้าที่ตอนเข้าหอเหรอ หะ”
“บ้า! ลามก” พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็แหวออกมาพร้อมกับทุบอกล่ำอย่างขัดใจ “ผมแต่งงานกับคุณใช่ว่าผมจะยอมคุณวันนี้นะ”
พลกฤษณ์ยิ้ม ๆ ไม่ได้ผิดหวังหรืออะไรมากมาย “แต่วันหน้ายอมใช่มั๊ย”
“เงียบเลย” เขาตอบงอน ๆ และล้มตัวลงนอน “ผมของีบก่อนนะ เมื่อเช้าเหนื่อยมากเลย”
“อืม ๆ” พลกฤษณ์ตอบรับและล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เด็กหนุ่ม เขารู้สึกมีความสุขเหลือเกินที่ได้นอนเคียงข้างพีร์ ถึงแม้พีร์จะยังไม่ยอมเขาตามที่เขาออกปากแซว แต่แค่เขาได้อยู่ใกล้ ๆ พีร์อย่างนี้ เขาก็มีความสุขเหนือสิ่งอื่นใดและสุขยิ่งกว่าที่เคยผ่านมาเสียอีก

.....................................
7 เดือนต่อมา

“คุณแจ๊คคะ ขอถ่ายรูปด้วยหน่อยนะคะ” บรรดาหญิงสาวในชุดนักศึกษาและชุดครุยเข้ามาขอพลกฤษณ์ถ่ายรูปด้วย เพราะเจ้าตัวนั้นมาร่วมแสดงความยินดีกับพีร์ในวันพระราชทานปริญญาบัตรที่มหาวิทยาลัยแถวท่าพระจันทร์  แม้อากาศจะร้อนอบอ้าวสักเพียงใด เขาในฐานะคนรักของพีร์ก็ไม่ย่อท้อที่จะมาดูแลพีร์และครอบครัวที่ขึ้นมาจากหาดใหญ่เพื่องานนี้โดยเฉพาะ แต่นี่กลับกลายเป็นว่าเขากลายเป็นจุดสนใจของคนรอบข้างและบรรดาบัณทิตทั้งหลายที่แทนที่จะถ่ายรูปกับซุ้มดอกไม้ แต่กลับกลายเป็นว่ามาถ่ายกับตัวเขาแทน เขายืนรอรอพีร์ที่เข้าหอประชุมในรอบบ่าย ป่านนี้ก็คงใกล้เวลาจะออกมาแล้ว เขาคิดอย่างนั้น
  บรรดาสาว ๆ ขอบคุณเขาอย่างระรี้ระริก เขาตอบรับตามมารยาท แต่ก็มีสาว ๆ กลุ่มใหม่เข้ามา แต่เขาก็รู้สึกว่าพีร์กำลังมองเขาอยู่อย่างไม่พอใจ เมื่อเขาหันไปก็พบร่างอวบในชุดครุยสีดำที่มีแถบผ้าสีฟ้าขาวพาดที่ไหล่มองเขาอย่างเหวี่ยง ๆ และงอน ๆ
  “เอ่อ ขอตัวก่อนนะครับ” เขาพูดกับบรรดาแม่สาวพวกนั้น และเข้ามาหาพีร์ที่ยืนงอนอยู่อย่างเอาใจ
“เป็นอะไร หึงเหรอ” เขาถามยิ้ม ๆ
“ใครหึงคุณ”
“ไม่เอาน่า อย่าเหวี่ยงสิ” เขาค่อยใช้ทิชชู่เช็ดหน้าที่เต็มใบด้วยเหงื่อของพีร์ “เพิ่งจะออกมาจากหอประชุมแท้ ๆ ทำไมเหงื่อเยอะจัง”
“ก็ยืนรอคุณถ่ายรูปกับชะนีพวกนั้นอยู่ไงล่ะ”
“โอ๋ ๆๆ ไม่เอาน่า ก็พวกเค้ามาขอผมถ่ายรูปหน่ะ” เขาพูดต่อ
“ก็อาทิตย์ที่แล้วตอนไปรังสิต ที่ผมไปถ่ายรูปให้ไม่เห็นเหรอว่าน้อง ๆ คนอื่นเค้าก็มาขอผมถ่ายรูป”
  เขาพูดถึงตอนที่เขาไปเป็นตากล้องส่วนตัวให้พีร์ ที่วิทยาเขตรังสิตของมหาวิทยาลัย ถึงแม้คนรอบข้างจะอดอิจฉาพีร์ไม่ได้ที่มีหนุ่มหล่อขับรถหรูมาเป็นตากล้องส่วนตัวให้  แต่ก็ชื่นชมในความรักของคนทั้งสองเป็นอย่างดี และก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปถ่ายรูปกับคนดัง
พีร์หน้างอไม่ตอบอะไร ได้แต่เดินไปหาพ่อกับแม่แทน พลกฤษณ์มองตามและเดินตามพีร์ไป
“ป๊า ม้า นี่ครับ” เขายื่นปริญญาบัตริให้คนเป็นพ่อกับแม่ได้ภูมิใจ
“เก่งมาก ลูกของป๊า”
“ม้าภูมิใจและดีใจกับพีด้วยนะ” คนเป็นพ่อกับแม่มองหน้าลูกชายอย่างภูมิใจ
“มาแจ๊คมาลูก มาถ่ายรูปกัน” คนเป็นพ่อเรียกพลกฤษณ์ที่เดินตามพีร์มา
“ครับป๊า”
  ทุกคนใบหน้ายิ้มแย้มและจัดท่าทางกับบัณทิตใหม่อย่างตื่นเต้น ตากล้องให้สัญญาณเริ่มยิ้ม คนในครอบครัวทั้งหมดยิ้มออกมาจากใจอย่างมีความสุข

จบ จ้ะ

ขอบคุณมาก ๆ นะคะ สำหรับการติดตามอย่างเหนียวแน่น

ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบคุณคุณผู้อ่านขาประจำที่เป็นกำลังใจอาทิเช่นคุณ PEENAT 1972,คุณbbyuqin ,คุณj4c9y  คุณLucio, คุณ andy_kwan,  คุณdahlia ,คุณ silverspoon ,คุณnolirin,คุณyunjaejoong,คุณ yoursister ที่หลังไมค์มาคุยกันบ่อย ๆ ค่ะ และก็อีกมากมายค่ะ ที่อยากจะขอบคุณ เพราะถ้าไม่มีคุณผู้อ่านเป็นกำลังใจ คนเขียนคงไม่ฮึดมาลงและเขียนต่อเนื่องทุกวันหรอกค่ะ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ

และต้องขอโทษสำหรับกองเชียร์พี่หยกด้วยนะคะ ที่ต้องจบแบบในรูปแบบนี้ เพราะอยากให้เรื่องของน้องพีจบลงด้วยดีจริง ๆ

ก็ใจหายเหมือนกันค่ะ ที่จะจบไป เพราะบอกตรง ๆ ว่าก็ติดคุณผู้อ่านเหมือนกัน 555

เอ่อ ผู้อ่านที่รักคะ อยากจะรู้มั๊ยว่าน้องพีจะยอมเฮียแจ๊คตอนไหน ถ้าอยากอ่านก็ขอเสียงหน่อยค่า....
(เป็นคอนเสริ์ตเลย เหอะ ๆ)
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: piyakorn ที่ 03-06-2010 15:45:33
 :L1: จะมีตอนพิเศษบ้างไหมครับ 
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 03-06-2010 15:55:51
ทำไมไม่มี NC เฮียแจ๊คกกะพีร์อ่ะ  :m16: ถือว่าจบไม่บริบูรณ์นะเนี่ย

จัดมาหน่อยดิค้า  :laugh: ตอนพิเศษ อีกซักห้าสิบตอน  :jul3:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 03-06-2010 16:14:47
ทำไมไม่มี NC เฮียแจ๊คกกะพีร์อ่ะ  :m16: ถือว่าจบไม่บริบูรณ์นะเนี่ย

จัดมาหน่อยดิค้า  :laugh: ตอนพิเศษ อีกซักห้าสิบตอน  :jul3:
นั่นสิๆ ทำไมไม่มี NC ละจ๊ะคุณน้ำพริก
ขอหน่อยน๊า ขอตอนพิเศษหวานหน่อย :-[
เปงกำลังใจให้คนอ่าน  :monkeysad:ที่ใจหายแว๊บบบบบ ตอนเฮียแจ๊คไปขอร้องไอ่คุณหยกอ่ะ

+1 เปงกำลังใจเช่นเคยค๊าบบบบ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 03-06-2010 16:27:51
อ้างถึง
เอ่อ ผู้อ่านที่รักคะ อยากจะรู้มั๊ยว่าน้องพีจะยอมเฮียแจ๊คตอนไหน ถ้าอยากอ่านก็ขอเสียงหน่อยค่า....
จัดมาเลย โย่วๆๆๆๆ แล้วก็เห็นด้วยทุกประการกับ คุณ silverspoon  :laugh:

แอบชมว่า ตอนจบจบได้โอเคมากเลยนะ เสียอย่างเดียวขาด NC นี่แหละอุตส่าห์ส่งตัวเข้าหอแล้วนะนั่น ตาอยู่แจ๊คนี่ไม่ไหวเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Lucio ที่ 03-06-2010 16:28:34
ม่ายยย จบแล้วหรอเนี่ย กำลังติดลมเลย
ถ้าไม่มีภาคต่อ เค้าไม่ยอมจิงๆด้วยย ~~
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 03-06-2010 16:30:01
ขอตอนพิเศษของเฮียแจ้คกับน้องพีร์   อิอิ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 03-06-2010 19:36:33
ขอตอนพิเศษเฮียแจ้คกับน้องพีร์ค่ะ

อยากอ่านๆ

เป็นกำลังใจให้คนแต่งต่อไปจ้  แต่งเรื่องใหม่มาให้อ่านกันอีกนะคะ

หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 03-06-2010 19:44:29
อยากรู้ใจจะขาดว่าพีร์จะยอมพี่แจ๊คตอนไหน :haun4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 03-06-2010 20:03:55
 :z13: อิหนูเบียร์ 555

อีป้าแก่ๆ ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกัน สำหรับความสนุกสนาน เศร้าเคล้าน้ำตา ครบรส

ที่ตามติดอ่านเรื่องนี้มาตลอดก็เพราะความชอบไงค่ะ ความรักเป้นสิ่งสวยงาม

ไม่มีใครทำให้ความรักแปรเปลี่ยนเป็นอื่นได้นอกจากตัวเราเองไงค่ะ

หวังว่าจะมี ตอนพิเศษมาฝากเพิ่มอีกนะคะ รักค่ะ +1
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: mayamay ที่ 03-06-2010 20:27:30
อยากรู้ค่า สุดๆเลยด้วย :-[
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: maicy ที่ 03-06-2010 20:37:58
ตั้งเเต่รู้จักพี่เเจ๊คนี่ พีกลายเป็นคนเเสนงอนไปเเละ  555  ตอนกับหยกกับพจน์ยังไม่เป็นเลย  ขอตอนพิเศษด้วยนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 03-06-2010 22:25:16
ตอนสุดท้ายนี่น่ารักมากๆเลย  ศิลาเคลียร์ตัวเอง และน้องพี่ก็รับคุณแจ็คจริงๆและเห็นว่าพีร์ก็มีความสุขในระดับนึงทีเดียว
จะมีตอนพิเศษมั้ยอ่ะจ๊ะ...มาเรื่อยๆก้อได้ แบบว่า อยากเห็นคุณแจ็คกับพีร์มุมอื่นๆ บ้าง หลังจากแต่งงานไปแล้ว หรือคู่อื่นๆอ่ะจ้ะ


เป็นกำลังใจให้น๊าาา.....รอติดตามเรื่องใหม่ๆด้วย o13 :L2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 04-06-2010 17:01:03
มารอตอนพิเศษอ่ะคุณน้ำพริกผู้ใจดี
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 04-06-2010 17:05:40
โอ้ มีเสียงตอบรับล้นหลามมากมายเลยทีเดียวสำหรับตอนพิเศษ

เห็นอย่างนี้แล้วต้องรีบเขียนเลยหล่ะค่ะ

อดใจรอไม่นานค่ะ สัญญา

คุณผู้อ่านคะ บอกตรง ๆ ว่า ณ จุด ๆ นี้ติดคุณผู้อ่านมาก ๆ

รู้สึกเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันไปซะแล้วที่ต้องมานั่งหน้าคอม ฯ รอเจอคุณผู้อ่านทุกวัน

ขอบคุณคุณผู้อ่านทุกคนจากใจนะคะ

อ่อ อันนี้อยากรู้เป็นการส่วนตัวค่ะ คุณผู้อ่านคะ ถ้าเรื่องไม่สั้นแล้ว ของน้องพี นี้ทำเป็นละคอน คนเขียนอยากทราบความคิด+ ความต้องการของคุณผู้อ่านว่า อยากให้ใครเป็นตัวละคอนไหนอ่ะค่ะ (อันนี้อยากรู้จริง ๆ มากมาย) ถ้าคุยประเด็นนี้ในกระทู้นี้จะโอเคมั๊ยคะ? อย่างไงก็อยากรู้ความคิดเห็น+จินตนาการของคุณผู้อ่านหน่ะค่ะ อิอิ

หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-06-2010 22:09:54
เออ คนอ่านก็ติดเหมือนกันนะ ได้อ่านกันอยู่ทุกวัน ถ้ามีเวลาว่างๆ ลองแต่งเรื่องใหม่สิค่ะ  :-[
ส่วนเรื่องที่ถาม
อ้างถึง
อยากให้ใครเป็นตัวละคอนไหนอ่ะค่ะ

คือหมายถึงว่า หยก พีร์ แจ๊ค พจน์ เหมาะจะเป็นดาราคนไหนอะไรแบบนี้หรือเปล่าค่ะ
ถ้าเป็นแบบนี้ละก็ต้องขอบอกตรงๆ ว่า เป็นคำถามที่ตอบยากอะ นึกไม่ออกเลย เพราะเลิกดูละครไปนานมากแล้ว :m23:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 04-06-2010 23:50:37
ไม่เข้าใจคำถามเหมือนกันค่ะ งง แหะๆ หมายถึง ตัวละครในเรื่องนี้ จิ้นว่าเป็นใคนดังคนไหนในสังคมรึป่าวคะ

ปกติเราอ่านนิยายเราไม่จิ้นเทียบกับคนดังค่ะ (แปลกกว่าชาวบ้านเค้าเลย) นึกภาพตามค่ะ แต่ไม่ได้วางให้ตรงกะดารานักร้อง

หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 05-06-2010 00:05:27
ไม่เข้าใจคำถามเหมือนกันค่ะ งง แหะๆ หมายถึง ตัวละครในเรื่องนี้ จิ้นว่าเป็นใคนดังคนไหนในสังคมรึป่าวคะ


ใช่ค่ะ อารมถ้าสร้างเปนละครอะค่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: JAROEN ที่ 05-06-2010 00:44:01
ตอนพิเศษจงมา  :call:ตอนพิเศษจงมา :call:ตอนพิเศษจงมา  :call:ตอนพิเศษจงมา :call:ตอนพิเศษจงมา :call:ตอนพิเศษจงมา :call:ตอนพิเศษจงมา :call: ตอนพิเศษจงมา :call:ตอนพิเศษจงมา :call:ตอนพิเศษจงมา :call:ตอนพิเศษจงมา :call:ตอนพิเศษจงมา :call:ตอนพิเศษจงมา :call:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 05-06-2010 01:51:36
เอ่....เป็นดารายังนึกไม่ค่อยออกอ่ะ
แต่ปกติจะจิ้นว่านู๋พีร์เนี้ย เหมือนรุ่นพี่คนหนึ่งที่รู้จัก
ตัวเล็กๆมีเนื้อหน่อยๆ เอ็นเทอร์เทนคนรอบข้างเสมอ
ขนาดตัวเองยังรู้สึกว่าน่าฟัดน่ากอดเลยอ่ะ :-[

 :กอด1:นึกออกแล้วจะมาช่วยจิ้นให้นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 05-06-2010 15:44:52
เป็นคำถามที่ตอบยากนะเนี่ย,,,รอผู้รู้มาตอบ ดีก่า ขอเป็นฝ่ายรอจิ้นละกัน ไม่ว่ากันนะ,,,เอิ๊กกกกกก
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 05-06-2010 15:48:54
ตอนพิเศษมาแล้วค่า

อ่อ คุณผู้อ่านคะ ที่ถามไปอย่างนั้นเพราะว่าเห็นคุณผู้อ่านในเรื่องอื่นและในบางบอร์ดเค้าจิ้นมาให้เสร็จสรรพเลยค่ะ อันนี้ก็อยากรู้เป็นการส่วนตัวด้วยว่าแล้วสำหรับคุณผู้อ่านที่อ่านเรื่องของเราล่ะจะเป็นอย่างไร ก็เลยนำมาถามกันค่ะ

แต่ดีใจนะคะ ที่คุณผู้อ่านจินตนาการตามที่เขียนจริง ๆ แสดงว่าเชื่อในตัวเรื่องที่เขียนมาก ๆ ขอบคุณมากค่ะ

ตอนพิเศษ 1

   ชีวิตคู่ของพีร์กับพลกฤษณ์ดำเนินไปด้วยความปกติสุขดี แปดเดือนที่อยู่ด้วยกันมานี้ คนทั้งสองยังปฎิบัติซึ่งกันและกันไม่ต่างจากเดิม เหมือนกับว่าพลกฤษณ์นั้นแค่ไปรับตัวพีร์มาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเขาอย่างถูกต้องเพื่อให้ผู้ใหญ่สบายใจเสียมากกว่าเพิ่มความรู้สึกแบบคู่รักที่มีการแต่งงานมาเป็นข้อผูกมัด 
 แต่พวกเขาก็รู้สึกดีที่เป็นอย่างนั้น เพราะคนทั้งสองต่างก็มีความสุขกับชีวิตที่เป็นส่วนหนึ่งของคำว่า “ครอบครัว” มากกว่า “คู่รัก”
   ถึงแม้คนทั้งสองจะไม่ค่อยมีความหวาน เหมือนที่ผ่านมากับคนอื่น ๆ แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยการดูแลเอาใจใส่กันและกันในทุกเวลา
   พีร์นั้นเข้าอกเข้าใจในตัวของพลกฤษณ์ในด้านต่าง ๆ มากขึ้น เด็กหนุ่มพบว่า ผู้ชายที่รักเขาคนนี้มีดีกว่าที่เขาคิดในหลาย ๆ ด้าน
   ส่วนพลกฤษณ์เองก็ดูแลเอาใจใส่พีร์ไม่ขาด
   แต่ก็ใช่ว่าจะชวนฝัน เหมือนคู่รักทั่วไปเสียทีเดียว
     “ความรัก” ที่อยู่กันด้วย “ความเข้าใจและการดูแลกันและกัน” มันจะยืนยาวกว่า “ความรัก” ที่อยู่กันด้วย “ความต้องการ” เพียงอย่างเดียว
พีร์กับพลกฤษณ์ก็คงเข้าใจแล้วกับคำว่า “รักน้อย ๆ แต่รักนาน ๆ” มันเป็นเช่นไร

 “คุณแจ๊คคะ คุณพีคะ มีแขกมาหาหน่ะค่ะ” แม่บ้านของพลกฤษณ์เข้ามาบอกกล่าวพีร์กับพลกฤษณ์ที่กำลังดูทีวีด้วยกันที่ห้องนั่งเล่นพร้อมกับน้องพอลในเย็นวันหนึ่ง
“ใครหน่ะครับพี่เฮียง” พลกฤษณ์ถาม
“อ่อ คุณศิริพจน์ค่ะ มากับแฟน”
คนทั้งสองได้ยินอย่างนั้นก็ดีใจ พวกเขาจึงรีบออกไปต้อนรับชายหนุ่มทันที

“พจ” พลกฤษณ์ร้องทัก
“อ่าว พี่แจ๊ค หวัดดีครับ” ศิริพจน์กับแคทเธอรีนยกมือไหว้ชายหนุ่มรุ่นพี่ ส่วนพีร์ที่อุ้มพอลอยู่ก็เดินตามออกมาติด ๆ
“พจจ”
“พี” ชายหนุ่มดีใจที่เห็นพีร์อีกครั้ง แคทเธอรีนเองก็ยิ้มให้พีร์อย่างเป็นมิตรเช่นกัน
“อ่ะ มานั่งคุยกันก่อนดีกว่า” พลกฤษณ์เชิญผู้มาเยือนนั่ง “เป็นไงมาไงมาเยี่ยมพี่ได้ล่ะเนี่ยะ ได้ข่าวว่าไม่ค่อยว่างกันทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ”
“ก็ พวกเราลาออกแล้วค่ะ”
“หะ ลาออก” พลกฤษณ์ตกใจ
“ก็คือว่า ผมกับแคทจะไปเรียนต่อที่อังกฤษกันหน่ะครับ ที่เพิ่งลาออกเพราะว่าผมรอมหาลัยทางนู้นตอบรับ แล้วนี่เค้าเพิ่งตอบรับมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เองครับพี่”
“อืม ๆ ดีแล้วหล่ะ ไปเรียนด้วยกัน” พีร์ออกความเห็น
“ใช่ค่ะคุณพี โชคดีมากเลยที่ได้มหาวิทยาลัยเดียวกัน เพราะจะได้มีคนเรียนเป็นเพื่อน”
“อืม พี่เห็นด้วยกับพีนะ ไปอยู่นู่นด้วยกันจะได้ไม่เหงา”
“ครับ” ศิริพจน์รับคำและหันมายิ้มกับแคทเธอรีน
“ว่าแต่ พี่แจ๊คนี่ไวนะครับ อยู่ด้วยกันไม่ทันไรมีลูกออกมาวิ่งเล่นซะแล้ว” ศิริพจน์ออกปากแซวเมื่อเห็นเด็กน้อยที่พีร์อุ้มอยู่
พลกฤษณ์ยิ้มรับ “เจ๋งป่ะล่ะ ฮ่ะ ๆๆ”
พีร์มองหน้าคนรักดุ ๆ เขาเขินเล็ก ๆ ที่เวลามีคนแซวเรื่องพ่อแม่ลูกอย่างนี้
พลกฤษณ์คิดได้ว่า ศิริพจน์กับเขาคงต้องคุยกันอีกหลายเรื่อง และบางเรื่องพอลก็ยังไม่ควรรับรู้ เขาจึงเรียกแม่บ้านคนเดิมมาพาพอลออกไป
“น้องพอลครับ ไปเล่นกับพี่เฮียงก่อนนะครับ เดี๋ยวอาแจ๊คกับน้าพีตามไป”
“ค๊าบบบ” เด็กน้อยตอบรับอย่างว่าง่าย และเดินตามพี่เลี้ยงไปอย่างรู้หน้าที่
“แล้วนี่พจกับน้องแคทกลับมาเมืองไทยนี่ มาเยี่ยมพวกพี่โดยตรงเลยเหรอ”
“ก็ ทำนองนั้นอ่ะครับพี่ มากราบลาคุณพ่อคุณแม่ พี่แพรว และก็ พีกับพี่แจ๊ค”
“น่าเสียดายวันนี้เจย์ไม่อยู่บ้านด้วย” พลกฤษณ์ตอบรับ
“โหย ปล่อยคุณหมอเค้าไปเถอะครับ รายนั้นคงหนัก”
“อืม พี่เห็นไอ้เจย์แล้วพี่รู้สึกโชคดีที่ไม่ได้ตัดสินใจเรียนหมอ”
“ผมว่าคนไข้โชคดีมากกว่าที่ไม่ได้เจอหมออย่างคุณ” พีร์ออกปากแซว
“ทำไมเหรอ คุณกลัวผมไปทำอะไรคนไข้เหรอ ฮะ” เขาตอบกลับด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
“ก็...” พีร์ไปไม่เป็นเหมือนกันเมื่อได้ยินอย่างนี้
ศิริพจน์มองคนทั้งสองอย่างขบขัน เขารู้สึกดีใจที่เห็นพีร์กลับมาสดใสเหมือนเดิม

“พี่แจ๊คครับ พีเป็นไงมั่งครับ” ศิริพจน์ถามพลกฤษณ์ ขณะที่พีร์ชวนแคทเธอรีนไปช่วยเตรียมอาหารเย็นในครัว
“อ่าว ไมถามแบบนี้กับพี่ล่ะเนี่ยะ เพิ่งเจอกันทำไมไม่ถาม”
“ก็ถ้าถามพี ผมก็ไม่ได้รู้สิครับว่าจริง ๆ แล้ว เค้ากับพี่มีความสุขดีมั๊ย”
“อืม” พลกฤษณ์เห็นด้วย เขาเชื่อแล้วหล่ะว่าศิริพจน์เป็นอีกคนที่รู้จักพีร์ดีจริง ๆ
“ตอบตามตรงนะ ก็ดีนะ เค้าก็ดูเต็มใจที่จะอยู่กับพี่มากขึ้นกว่าตอนแรก”
“เหรอครับ” เขาดีใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“อืม ถึงแม้บางทีจะขี้น้อยใจไปบ้าง แต่ก็ดี พี่ไม่อยากให้เค้าประดิษฐ์อะไรกับพี่มาก ก็เค้าก็เป็นตัวเองอย่างนี้หล่ะดีแล้ว”
“อาฮะ แล้ว..” ศิริพจน์พยายามเลียบเคียงถามถึงเรื่องนั้น เพราะเท่าที่เขาดู พีร์กับพลกฤษณ์เหมือนยังไม่มีความคืบหน้าอะไรออกมาเลย
“ทำไมวะ”
“เอ่อ พี่กับพี เอ่อ...”
“อ่อ เรื่องนั้นหน่ะเหรอ” พลกฤษณ์ทำหน้านึกออกว่าศิริพจน์ต้องการจะถามอะไร จึงเข้ามานั่งใกล้ ๆ ชายหนุ่มมากขึ้น
“แกคิดว่าไงล่ะ”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันหน่ะครับ เหมือนว่า พี่แจ๊คกับพีจะยังไม่เคย เอ่อ..”
“ก็ไม่เคยเลยหน่ะสิ” เขาตอบตามความจริงออกมาอย่างสุดปัญญา
“หะ” ศิริพจน์ตกใจไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน เพราะมันผิดวิสัยของพลกฤษณ์ที่เขารู้จักมาก ๆ “เป็นไปได้ไงครับพี่”
“ก็ บอกไม่ถูกว่ะ”
“ทำไมอ่ะครับ”
“ก็ไม่รู้ว่ะ ตอนแรก ๆ พี่ก็ไม่คิดอะไรเรื่องนี้ออกนอกหน้ากับเค้าเลยนะ”
ศิริพจน์มองหน้า รับฟัง
“พี่พูดจริงนะ เค้าเป็นไม่กี่คนที่พี่ไม่ได้คิดอะไรกับเค้าเลยตอนที่รู้ตัวว่าชอบ”
“ครับ”
“จริง ๆ นะ แต่พอมาอยู่ด้วยกัน หลังๆ นี่ ก็ยอมรับว่า...มีบ้าง”
“อ่าครับ”
“แต่ก็ อย่างที่บอกไปหน่ะ โห ไอ้พจ แกคิดดู แค่หอมแก้มกันยังไม่เคย แล้วนับประสาอะไรกับอย่างอื่นล่ะวะ”
  พลกฤษณ์พูดออกไปอย่างทำอะไรไม่ได้กับเรื่องบนเตียงของเขากับพีร์ เพราะอยู่ด้วยกันมานี่ เขากับพีร์ยังไม่เคยทำตามหน้าที่ตรงนี้กันแม้แต่ครั้งเดียว
“อืม พีเค้าไม่ยอมพี่เหรอครับ”
“ก็ ส่วนนึง” เขาพยักหน้า “อีกอย่าง ตั้งแต่พีมาอยู่บ้านนี่ เจ้าพอลมันติดพียังกับอะไร ถึงแม้พีจะย้ายมานอนห้องเดียวกับพี่ก็จริงนะ แต่มีเจ้าพอลมานอนคั่นตรงกลางทุกคืนจะให้พี่ทำอะไรได้วะพจ”
“ฮ่ะ ๆๆๆๆ” ศิริพจน์หัวเราะขำ โถ เล่าให้ใครฟังใครจะเชื่อว่าคนอย่างพลกฤษณ์จะไม่สามารถกับเรื่องที่เชี่ยวชาญหนักหนา
“อ่าวแล้วพี่โจเค้าไปไหนล่ะครับ ไม่กลับบ้านมามั่งเหรอ”
“นั่นหล่ะตัวดีเลย” เขาเล่าต่อ “หยีก๊อได้งานใหม่ที่จีน เค้าก็เลยย้ายไปทำงานที่นู่นเลย นาน ๆ กลับมาที แต่ก็ยังไม่เห็นกลับมาเลย สงสัยจะคิดว่าได้คนเลี้ยงลูกให้แล้วหล่ะมั๊ง”
“เอาน่าครับ เพื่อน้องพอลนะพี่แจ๊ค น่าเห็นใจแกออก”
“อืม ๆ” พลกฤษณ์รับคำ แต่เขาคิดไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าเขากับพีร์จะได้ลงเอยกันจริง ๆ ตอนไหน

  และเวลานอนของครอบครัวก็มาถึง ช่วงเวลานี้ทำให้พลกฤษณ์นั้นต้องพยายามระงับอารมณ์ของตัวเองทุกครั้ง เพราะเขาก็ยังไมลืมว่า มีพอลที่เป็นเด็กน้อยนอนอยู่ด้วยข้างกาย เขาจึงเลือกหันหลังให้คนทั้งสอง เพื่อจะได้ไม่เผลอไปแตะเนื้อต้องตัวของพีร์ให้อารมณ์คลุกกรุ่นขึ้นมาอีก
  คืนนี้ก็เช่นกัน เขาเลือกที่จะนอนหันหลังให้หลังจากพอลหลับ แต่ก็แพ้ความเมื่อยจากการนอนไม่ได้ จึงหันกลับมาก็พบว่าพีร์ก็นอนหันหลังให้เขาเช่นกัน
  ชายหนุ่มเห็นอย่างนั้นก็มองพีร์อย่างพิจารณา ร่างอวบที่นอนหันหลังตะแคงข้างให้ทำให้ความเป็นชายของเขาตื่นตัว เขาอดใจไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบแผ่นหลังและลงมายังสะโพกอวบอิ่มอย่างต้องการ
  พีร์ที่ยังหลับไม่สนิทรู้สึกตัว จึงตีเข้าที่มือซนนั้นแล้วเหลียวมามองดู ก็พบว่าตอนนี้ชายหนุ่มของเขามีสีหน้าต้องการเสียเต็มประดากำลังกุมเป้ากางเกงด้วยความรู้สึกปวดร้าวอยากปลดปล่อย พีร์ส่งสายตาดุ ๆ แล้วชี้ให้เห็นว่ายังมีพอลอยู่ แต่พลกฤษณ์นั้นชี้ไปข้างนอกเพื่อหมายความถึงห้องอื่นในบ้าน พีร์ถลึงตาใส่ชายหนุ่ม เขาส่ายหน้าไม่ยอม พร้อมกับชี้ให้พลกฤษณ์ไปห้องน้ำ
พลกฤษณ์ทำหน้าร้องขออย่างน่าสงสาร แต่พีร์ทำเป็นไม่สนใจ พร้อมกับหันหลังนอนต่อ เขาทำหน้าผิดหวังและพร้อมกับลุกไปสำเร็จโทษตัวเองที่ห้องน้ำอย่างทันที

  พีร์เองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าพลกฤษณ์ต้องการอะไร อาการของชายหนุ่มสังเกตได้ไม่ยาก จากความรู้สึกตามสัญชาติญาณของคนทั้งสองที่สื่อสารกันได้ดี แต่เขาก็ยังไม่พร้อมกับเรื่องนั้นเลยจริง ๆ
  จากข่าวคราวข่าวเมาท์ทั้งหลายของบรรดาชาวสีม่วงที่พีร์ไม่เคยพลาดถึงแม้พีร์จะไม่เคยสนใจพลกฤษณ์แม้แต่น้อย แต่ทำให้พอจะรู้ผ่าน ๆ มาว่า  พลกฤษณ์ขึ้นชื่อในเรื่องอย่างว่าแบบไหน ทั้งขนาดและลีลารัก ซึ่งเรื่องนี้จากการสังเกตุของตัวเขาแล้วก็มีแนวโน้มว่าเป็นความจริง
จากการสังเกตขนาดผ่าน ๆ ของอีกฝ่าย พีร์นั้นก็พบว่า พลกฤษณ์คงจะไม่ธรรมดาอย่างที่ว่าจริง ๆ
 จากข่าวดังที่ว่าชายหนุ่มเคยทำใครฟ้าเหลืองจนต้องให้น้ำเกลือ ก็ทำให้เขาแอบกลัวเหมือนกัน
พีร์คิดว่าตัวเองคงนั้นยังไม่พร้อมกับกับการตกลงปลงใจให้พลกฤษณ์ แต่เขาก็เห็นใจพลกฤษณ์เหมือนกัน ที่ต้องทำหน้าเศร้าทุกครั้งเวลาที่เขาปฎิเสธ
เอาเถอะ ถ้ามีโอกาส สักวันเขาก็คงทำให้ชายหนุ่มที่รักเขามากคนนี้ มีความสุขเพราะเขาบ้าง

หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 05-06-2010 16:36:02
^
^
^
^

เย้ๆๆๆๆ ได้อ่านตอนพิเศษ แถมได้จิ้มคุณน้ำพริกแมงดาด้วย  :-[

โหหห...นี่อยู่กันมาแปดเดือน คุณแจ็คยังไม่ได้แม้แต่จะหอมแก้มน้องพีร์เหรอเนี่ย...สิ้นชื่อแล้วจริงๆกับคาสโนว่าเก้งตัวพ่อ  แต่ก็สงสารเหมือนกันนะเนี่ย ทั้งที่รักเค้ามากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

น้องพีร์จะกลัวอะไรขนาดนั้น คุณแจ็คคงไม่ทรมาณหรือรุนแรงจนน้องพีร์จนต้องเข้าโรงพยาบาลหรอก

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษจ้า  รออ่านต่ออีกน๊าาาา
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 05-06-2010 16:38:35
ไม่ต้องมีฉากNCของน้องพีร์กับคุณแจ๊คก้อได้ ไม่ใช่ไรเราอ่ะทำจัยไม่ค่อยได้เลยง่ะ

แต่เราจะเป็นกำลังใจให้กับไรเตอร์ต่อไปน่ะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 05-06-2010 17:04:39
8  เดือน ยังไม่ได้เจิม 555 กร้ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อีป้าแก่ๆ ละขำซะมากมาย

เก้งตัวพ่อ อดอยากปากแห้งมานาน กรรมสนองเวรค่ะ 555
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 05-06-2010 18:06:40
ทำไมไม่มี NC เฮียแจ๊คกกะพีร์อ่ะ  :m16: ถือว่าจบไม่บริบูรณ์นะเนี่ย

จัดมาหน่อยดิค้า  :laugh: ตอนพิเศษ อีกซักห้าสิบตอน  :jul3:


50 ตอนเลยเหรอคะ

ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องเปลี่ยนแนวในภาคต่อแล้วหล่ะค่ะ สำหรับเรื่องของน้องพีกับเฮียแจ๊ค คือถ้าความยาวขนาดนี้ น้องพีคงต้องไปปลูกถ่ายมดลูกจนตั้งท้อง กลายเป็นนิยายเชิงวิทยาศาสตร์ไปเลย 5555

ขอบคุณนะคะที่ติดตามมาตลอด
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 05-06-2010 20:34:37
อ้างถึง
ถ้ามีโอกาส สักวันเขาก็คงทำให้ชายหนุ่มที่รักเขามากคนนี้ มีความสุขเพราะเขาบ้าง
:m16: :m16: :m16:
โอ๊ยยยยยย อย่าจะดิ้นให้ตาย
แล้วเมื่อไรละจ๊ะคุณพีร์ สงสารเฮียแจ็คจะแย่
ไม่สงสารบ้างรึไงฮะ งอนแทนเฮียแล้วเนี้ย :z3:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 05-06-2010 22:16:46
คุณแจ้คอดทนอย่างไม่น่าเชื่อ  ถึงเวลาเมื่อไร"ชุดใหญ่"แน่ๆ
หรือไม่ก็อาจจะทำไม่เป็นแล้ว    อิอิ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: maicy ที่ 05-06-2010 22:33:14
อ้อนมากๆ เข้าเดี๋ยวก็ได้เอง รอตอนพิเศษ 2 นะคะ รักษาสุขภาพค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 05-06-2010 23:04:53
บอกได้คำเดียว ว่า แจ๊คเก่งมากเลยอะ โห นับถือๆๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 05-06-2010 23:36:22
พี่แจ๊คสุโค่ย o13 ทนได้ขนาดนี้อึดมาก 55+
รอวันพีร์ใจอ่อนให้พี่แจ๊ค แต่ไปเชื่อข่าวลือได้ไง เรื่องอย่างนี้มันต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองสิ :haun4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 06-06-2010 04:43:30
ถ้าต่ออีก 50 ตอนจริงๆ สงาัยจะมีตอนที่พี่เเจ๊กแอบไปมีอะไรกับคนอื่น

เพราะทนไม่ได้ที่น้องพีร์ไม่ยอมให้ 555
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 06-06-2010 13:35:39
โอ้ใจเย็น ๆ กันค่ะ คุณผู้อ่าน มาต่อแล้วค่ะ

คำเตือน : ตอนพิเศษตอนต่อไปนี้ อาจมีเรื่องราว ความรุนแรง เพศ การใช้ภาษาที่อาจไม่เหมาะอายุกับผู้อ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ผู้ปกครองโปรดให้คำแนะนำ

ตอนพิเศษ 2(NC18+)

“ก๊อ เป็นอะไรไปเนี่ยะ หน้าตาอ่อนแรงมาเชียว” ศุภกฤษณ์ทักพี่ชายขณะมาทำงาน ชายหนุ่มคิดได้ก็ทำหน้าตกใจก่อนจะพูดว่า “หรือว่า เมื่อคืนน้องเค้ายอมก๊อแล้ว”
“เออ ยอม” เขาตอบอย่างไม่สบอารมณ์
“จริงอ่ะ!”
“ยอมให้ชั้นอดอยากต่อไปหน่ะสิ”
“งั้นก็แปลว่า ก๊อกับน้องเค้ายังไม่ได้ทำอะไรกันเลยใช่มั๊ย”
“เออ..”
“กรั๊ก ๆๆๆๆๆๆๆ โอ๊ย ขำ”
พลกฤษณ์ด่าน้องชายทางสายตา จนเจ้าตัวรู้และเงียบลง จึงถามต่อ “แล้วก๊อทำไงอ่ะเมื่อคืน”
เขาไม่ตอบอะไรเพียงแต่โชว์มือซ้ายที่เขาถนัดขึ้นมาอย่างจะบอกอะไร คนเป็นน้องเห็นอย่างนั้นก็ถามออกไปอย่างประหลาดใจทันที
“นี่ก๊อต้องซักมือเหรอ”
“เออสิวะ”
“โห ก๊อ นี่ก๊อต้องอดอยากขนาดนี้เลยเหรอ แล้วเด็ก ๆ คนอื่นของก๊อล่ะ”
“อ่าวไอ้นี่ มีสักคนมั๊ยล่ะตอนนี้ เลิกไปหมดตั้งแต่พาน้องพีเข้าบ้านแล้ว” เขาพูดต่ออย่างเข่นเขี้ยว “รู้งี้เลี้ยงไว้สักสองสามคนก็ดี”
“งั้นก็กลับไปหาพวกนั้นเลยสิ ใครง้อ” เสียงใส ๆ ของพีร์ดังขึ้นมาจากข้างหลัง พลกฤษณ์ทำเหมือนโลกจะแตก “ซวยแล้วมั๊ยล่ะกู” เขาคิดในใจ และหันไปมองพีร์ที่ทำหน้าบึ้งตึงใส่เขา ส่วนศุภกฤษณ์นั้นปลีกตัวออกไปอย่างเนียน ๆ เพราะงานนี้มีไฟใต้ปะทุแน่ ๆ
  ปล่อยให้พี่ชายเขาเคลียร์กันเองจะดีที่สุด
พีร์สะบัดหน้าเดินออกไปอย่างไม่สนใจ “คนอย่างนายนี่ไม่ไหวจริง ๆ ในหัวคิดแต่เรื่องแบบนี้ตลอดเลยใช่มั๊ย” พีร์กรุ่นคิดและก็ไม่สบอารมณ์กับคำพูดที่เขาได้ยินจากชายหนุ่ม 
พลกฤษณ์เดินตามไปง้ออย่างรวดเร็ว เขามองชายหนุ่ม และเชิดใส่อย่างไม่สนใจ
“พี! เดี๋ยวก่อน...”
“ไม่ต้องมาพูดเลย อยากไปหาเด็ก ๆ ของคุณก็ไปสิ มาอยู่กับผมทำไม”
“นี่ผมก็แค่พูดเล่น”
“ถ้าคุณไม่คิดคุณก็พูดออกมาไม่ได้หรอก”
“ก็คุณก็ต้องเข้าใจผู้ชายอย่างผมมั่งสิ”
“ผมเข้าใจดี คุณหน่ะบ้ากาม”
“โธ่ พี ฟังผมก่อนสิ”
“ไม่ ผมจะไปทำงาน”
พลกฤษณ์ฉวยแขนของพีร์แล้วลากมาคุยกันในห้องน้ำ เขาจัดการล็อกประตูแล้วลากคนแสนงอนมาคุยกันในห้องน้ำเล็ก
“นี่คุณแจ๊คปล่อยผม! อะไรเนี่ยะ ผมจะไปทำงาน”
“ฟังนะ ที่ผมพูดไป เพราะว่าผมก็แค่พูดเล่น” เขาจ้องหน้าพีร์จริงจัง “ผมรู้ว่าคุณก็ยังไม่ไว้ใจผมเรื่องนี้ แต่ผมอยากให้คุณรู้ว่าตั้งแต่ผมเจอคุณ ผมก็ไม่จำเป็นต้องมีใครเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป”
พีร์มองหน้าเขา ก็พบสายตาที่บอกว่าเขาพูดจริง ชายหนุ่มเลื่อนมือมาจับที่ไหล่ทั้งสองข้างของพีร์ “ผมรู้นะว่าคุณยังไม่พร้อม แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะทำให้ผมรักคุณน้อยลงเลยนะ”
พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็เขิน เขาจะอ้าปากพูดอะไรออกไป แต่ก็ช้ากว่าพลกฤษณ์ที่ประกบจูบในทันที
พีร์ตกใจแต่ก็รับสัมผัสลึกซึ้งแรกจากชายหนุ่มอย่างดี พลกฤษณ์มอบจูบอ่อนหวานนั้นให้แทนคำสัญญาที่บอกกับเด็กหนุ่ม ก่อนจะถอนปากออกมาอย่างพอใจ
 เขามองพีร์ที่ก้มหน้านิ่งด้วยความเขินอาย เขาลูบแก้มนิ่มเบา ๆ แล้วจรดจมูกหอมแก้มเป็นการทิ้งท้าย
“อะไรอ่ะ จูบอย่างเดียวไม่พอหรือไง” พีร์ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปเลยเหวี่ยงแก้เก้อ
“ไม่ได้เหรอ หรือ คุณจะให้ผมทำในนี้เลย”
“บ้าน่า!” เขาทุบอกร่างสูงใหญ่ แล้วผละออกไป พลกฤษณ์ยิ้มให้พีร์ที่ออกไปก่อนพร้อมกับเดินออกไปตามเด็กหนุ่ม
“ก๊อ แหม เคลียร์กันได้แล้วใช่มั๊ย” ศุภกฤษณ์เข้ามาถามหลังแอบดูอยู่นาน
“เออ..” พลกฤษณ์ตอบรับเขิน ๆ
“อ่า เป็นอะไรอ่ะก๊อ เขินหน้าแดงเชียว” คนเป็นน้องตกใจเพราะไม่เคยเห็นพี่ชายตัวเองแสดงอาการแบบนี้เท่าไหร่
“เออ น่า ทำไมวะ คนอย่างชั้นจะเขินมั่งไม่ได้หรือไงหะ”
“นั่นแน่...งานนี้มีข่าวดีแน่นอน ฮ่ะๆๆ”
“เออ ๆ ไปทำงานไป” เขาดันหลังน้องชายไปทำงาน เพราะก็อย่างที่น้องเขาแซว ว่าเขาเขินอายจากการจู่โจมพีร์เมื่อสักครู่เป็นอย่างมาก
  ยังกับเขาเพิ่งหัดจูบอย่างนั้นหล่ะ เขาคิดถึงตัวเอง เพราะอาการเขินอายที่ว่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นกันเขาเลยถึงแม้จะมีประสบการณ์มากมายแค่ไหนก็ตาม
“บ้าเอ๊ย เป็นอะไรไปวะ” เขาสบถในใจแล้วหันกลับไปทำงานต่อ

   ในความเป็นคนดนดังที่รักการขับขี่รถยนต์ของพลกฤษณ์นี้ เขาก็ไม่พลาดที่จะได้รับเชิญจากค่ายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นชื่อดังให้ร่วมลงแข่งขันการขับรถยนต์ทางเรียบ ชายหนุ่มตอบตกลงเข้าร่วมการแข่งขันเพราะเขาก็พอมีฝีมือทางด้านการแข่งรถอยู่บ้าง พีร์เองก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะส่วนตัวของเด็กหนุ่มไม่ชอบกีฬาประเภทนี้อยู่แล้ว แต่ถ้าพลกฤษณ์มีความสุขเขาก็ไม่ห้าม
   งานนี้ในวันแข่งขันจริง พีร์กับน้องพอลก็ได้ไปเชียร์ชายหนุ่มถึงขอบสนาม บรรดาสื่อมวลชนก็ไม่พลาดจับตาถ่ายรูปการปรากฏตัวของคนรักของพลกฤษณ์ พีร์นั้นวางตัวเฉยแต่ก็ไม่ได้เย่อหยิ่งต่อบรรดาช่างภาพสื่อมวลชนที่เข้ามาถ่ายรูปและขอสัมภาสน์เล็ก ๆ น้อย ๆ เลย ก่อนแข่งกัน พลกฤษณ์นั้นขอให้เขามาพบในห้องแต่งเตรียมตัวตามลำพัง
“ผมจะลงแข่งแล้วนะ ขอกำลังใจหน่อยสิ”
“อืม หลับตานะ” พีร์บอกอย่างนั้น เขาก็ทำตามทันที
พีร์เห็นอย่างนั้นก็ยิ้มเขิน และเขย่งตัวขึ้นไปหอมแก้มชายหนุ่มทันที
พลกฤษณ์ลืมตาขึ้นมาอย่างตกใจ พีร์ยิ้ม และพูดออกมากับชายหนุ่ม “สู้ ๆนะ” ก่อนจะเดินออกไปข้างนอกทันที
เขาคลำแก้มซ้ายที่เด็กหนุ่มหอมอย่างดีใจที่สุด เขาไม่อยากแข่งรถเสียแล้ว เพราะเขารู้สึกว่าได้รางวัลใหญ่มากกว่าถ้วยสีเงินสำหรับแชมป์เสียอีก
 
  การแข่งขับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น บรรดานักขับในสนามต่างก็ไม่มีใครยอมใคร จนสุดท้าย พลกฤษณ์ก็ไม่เสียชื่อนักเรียนวิศวะยานยนต์ เขาคว้ารางวัลที่ 3 มาครองในการแข่งขันท่ามกลางความยินดีของทุกคนโดยเฉพาะพีร์ที่เห็นชายหนุ่มประสบความสำเร็จในสิ่งที่รักอีกด้านหนึ่ง

“อาแจ๊ค อาแจ๊คเก่งที่สุดเลยค๊าบบ” เด็กน้อยเข้ามาหาผู้เป็นอาอย่างดีใจ เขารับจากพีร์มาอุ้มไว้แล้วบอกว่า “เหรอค๊าบน้องพอล”
เด็กน้อยพยักหน้าพร้อมยิ้มชื่นชมคนเป็นอา
พลกฤษณ์หันมาบอกกับพีร์ “ป่ะคุณ กลับบ้านกันดีกว่า”
พีร์พยักหน้ารับ เพราะเขารู้สึกว่าเหนียวตัวไปหมดแล้วกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวในวันนี้ เขาเชื่อแล้วหล่ะว่า พลกฤษณ์รักในยานยนต์จริง ๆ
ถึงแม้เขากับพลกฤษณ์จะชอบอะไรไม่เหมือนกันเลยเกือบทุกอย่าง แต่เขาก็ยอมรับในความต่างนี้มากขึ้น
เพราะเขารับรู้แล้ว ว่าตัวเขาสำคัญกับชายหนุ่มเพียงใด และตอนนี้ชายหนุ่มก็สำคัญกับเขามากเพียงใด

  สำหรับศิลานั้น ตั้งแต่เขาปล่อยวางเรื่องของพีร์ได้แล้ว เขาก็รู้สึกว่าชีวิตเขามีความสุขมากขึ้น เพราะอย่างน้อยเขาก็เข้าใจแล้วว่าความสุขที่เกิดจากการให้อย่างที่หลายคนว่ามันเป็นอย่างไร  วันนี้หลังจากที่เขากับนลพรรณไปช๊อปปิ้งในห้างหรูเสร็จแล้ว คนทั้งสองก็ออกมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะข้าง ๆ ด้วยกัน
“หยก คุณคิดอะไรอยู่เหรอคะ” เธอหันไปถามสามีที่มองไปรอบตัวอย่างสดชื่น
“อืม ก็คิดว่า เราไม่เคยไปไหนมาไหนกันสองคนแบบนี้เลยหน่ะสิ”
หญิงสาวทำหน้าคิดตาม ศิลาพูดต่อ
“คุณรู้สึกแย่มั๊ย ที่ต้องมาเป็นภรรยาผู้ชายอย่างผม”
นลพรรณส่ายหน้า “ไม่หรอกหยก ทำไมล่ะ”
“ก็ผมไม่เคยเอาใจใส่คุณ ไม่เคยให้เวลากับคุณ เลยไง”
“คิดมากน่าหยก” เธอบอกกับร่างสูงข้าง ๆ “บางครั้งไอ้ที่หยกพูดมามันก็ไม่จำเป็นเสมอไปหรอกนะ สำหรับแพรว ตั้งแต่มีลูก แพรวไม่เคยคิดถึงอะไรอย่างนั้นเลยนะ แพรวรู้สึกว่าแพรวทำได้ทุกอย่างเพื่อลูก”
“งั้น ผมคงเป็นพ่อที่แย่มากหน่ะสินะ”
“ไม่หรอก คุณก็เป็นพ่อที่ดีคนนึง ไม่เห็นเหรอว่าลูก ๆ รักคุณมากแค่ไหน”
“อืม แต่บางครั้งผมก็รู้สึกผิดเหมือนกันนะ ที่เป็นแบบนี้”
“เอาน่าหยก อะไรที่หยกไม่สบายใจในอดีต ก็คิดซะว่ามันผ่านมาแล้ว เรามาเริ่มต้นกันใหม่ก็ยังไม่สายนะ”
ศิลามองหน้าหญิงสาวอย่างขอบคุณ เขาเชื่อแล้วว่าภรรยาของเขาเป็นคนที่เข้าใจในตัวเขาดีที่สุดเสมอ
“ขอบคุณมากนะครับ แพรว”
“ค่ะ” เธอตอบรับ และมองหน้าศิลาอย่างรับรู้และเข้าใจ ศิลาเองก็ยิ้มให้เธอจากใจเช่นเดียวกัน
"แพรวครับ"
"คะ"
"พรุ่งนี้เราไปไหว้พระจันทร์กันนะครับ" เขานึกขึ้นได้ว่าขณะนี้กำลังอยู่ในเทศกาลไหว้พระจันทร์ ปกติแล้วเขาไม่เคยสนใจเทศกาลพวกนี้ แต่สำหรับปีนี้เขารู้สึกแปลกไป เหมือนกับว่าเขาอยากใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้นกว่าก่อน
"ค่ะ" เธอตอบรับอย่างยินดี



  แต่สำหรับพลกฤษณ์นั้น เขาดีใจมากที่อย่างน้อยหลายวันมานี้ พีร์นั้นเปิดโอกาสให้เขาได้ใกล้ชิดมากขึ้น จากการที่หอมแก้มเขาก่อนลงแข่งขันในครั้งนั้น แต่ก็มีเพียงแค่นั้น พอกลับมาถึงบ้าน เด็กหนุ่มก็กลับมาเป็นคนปกติเช่นเดิม หลายคืนมาแล้วที่พลกฤษณ์ยังคงสะกิดอีกฝ่าย และต้องจบลงที่เขาต้องนอนปวดร้าวคนเดียวอย่างระงับอารมณ์ 
    พีร์เองก็พยายามบอกให้เลิกกินวิตามินบำรุงร่างกายต่าง ๆ เพื่ออาจจะช่วยลดความต้องการไปบ้าง แต่เขาก็ไม่ฟัง เพราะรู้สึกขาดพลังในเรื่องอื่นไปด้วย ดังนั้นเขาจึงต้องนอนปวดร้าวแบบนี้เกือบทุกคืน และลุกออกไปสำเร็จโทษตัวเองในบางคืน
    คืนนี้เองก็เช่นกัน หลังจากที่เด็กน้อยหลับไปแล้ว เขาก็พบว่าพีร์นอนหันหน้าให้เขา มันยิ่งยั่วต่ออารมณ์ความต้องการของชายหนุ่มนัก เขาสะกิดร่างอวบยิก ๆ อย่างอดรนทนไม่ไหว พีร์ลืมตาก็พบว่าพลกฤษณ์ทำหน้าเหมือนกำลังจะขาดใจอยู่ต่อหน้า พีร์มองเขาดุ ๆ แต่ชายหนุ่มก็ยิ่งส่งสีหน้าออดอ้อนอย่างขอความเห็นใจ ทำให้พีร์มีสีหน้าอ่อนลงแ ละลุกขึ้นมากระซิบชายหนุ่มเบา ๆ ว่า
“ไปห้องน้ำกัน..”
พีร์ยิ้มยั่ว เพราะเขาทนไม่ได้เหมือนกันที่เห็นคนรักต้องมาทรมานอย่างนี้เกือบทุกวัน เด็กหนุ่มรู้สึกเห็นใจคนรักเหลือเกิน อีกอย่างถ้าเขาไม่ทำในวันนี้ มีหวังพลกฤษณ์ก็คงต้องเปลี่ยนใจจากเขาแน่ ๆ  เขาเดินนำพลกฤษณ์เข้าไปในห้องน้ำ ร่างสูงแทบกระโดดตัวลอยและรีบตามไปอย่างทันทีอย่างดีใจที่สุด เมื่อถึงห้องน้ำเขากดล๊อกประตู และปราดเข้าหาร่างอวบอย่างโหยหา
 พลกฤษณ์มอบจูบร้อนแรงให้พีร์ ก่อนจะซุกไซร้ซอกคอด้วยริมฝีปาก ปลายคางและกรอบหน้าที่มีหนวดแข็ง ๆ ขึ้นเป็นตอทำให้พีร์รู้สึกเคลิ้มตามกับความร้อนแรง เขาจะถอดเสื้อพีร์ออก แต่ก็ช้ากว่ามือนุ่มของพีร์ที่ชิงเข้าไปทักทายตัวแสบของพลกฤษณ์ในกางเกง
  มือน้อยนั้นค่อย ๆ บีบจับสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ในมืออย่างช่ำชอง เขารู้แล้วล่ะว่าพลกฤษณ์ใหญ่โตไม่ผิดอย่างที่ลือกันจริง ด้วยความเป็นลูกเสี้ยวตะวันตกของเขากระมังที่ช่วยเพิ่มความพิเศษในตรงนี้ของเขา เสียงหล่อทุ้มของพลกฤษณ์ร้องครางออกมาด้วยความเสียวจนทำอะไรต่อไม่ได้
 พีร์เห็นอย่างนั้นก็ยิ้มได้ใจ เขาค่อยใช้มือน้อยของเขาปั่นป่วนไอ้ตัวแสบอย่างหมั่นเขี้ยว พลกฤษณ์ครางหนักขึ้นเมื่อรับสัมผัสเบา ๆ จากนิ้วโป้งของพีร์ที่ลูบบนส่วนปลาย พีร์ค่อย ๆ จูบระเรื่อยลงมาจากคอ แผ่นอกล่ำ หน้าท้องซิกแพ็ค ตรงลงมายังสะดือที่มีขนรำไรปกคลุมอยู่ เขาค่อยใช้ลิ้นทักทายรูกลมบนหน้าท้องแข็งแรงอย่างหยอกล้อและสูดดมกลิ่นอายชายจากไรขนบนหน้าท้องอย่างยั่วเย้า พลกฤษณ์ก้มลงมองดูก็แทบอดใจไม่ได้กับภาพตรงหน้า เขาหลับตาลงด้วยความเสียวซ่าน และใช้มือกดหัวพีร์ให้ลงไปจัดการกับไอ้ตัวดีของเขาโดยเร็ว
 พีร์ยิ้มร้ายอย่างท้าทาย เขาค่อย ๆ ใช้มือคลึงโรงงานผลิตทรงกลมที่ตอนนี้ตื่นตัวไม่แพ้กันอย่างช้า ๆ ยิ่งทำให้พลกฤษณ์แทบคลั่งกับฝีมือของหนุ่มน้อย มือที่คุมไอ้ตัวดีอยู่ก็ทำงานต่อไป จนเขาเห็นว่ามีน้ำใส ๆ เยิ้มออกมาอย่างขอความเห็นใจจากเขาแล้ว เขาก็ค่อยบีบจับมันช้าลงอย่างเป็นจังหวะแล้วใช้ปากบางของเขาสัมผัสมันข้างนอกกางเกงอย่างไม่ยอมจัดการให้ชายหนุ่มง่าย ๆ
  พลกฤษณ์ครางลั่น เพราะพีร์เล่นกับอารมณ์ดิบของเขาไม่หยุดจริง ๆ ปากฉ่ำ ๆ นุ่ม ๆ ของพีร์กับไอ้ตัวดีของเขานั้นมีความยั่วเย้าจากเนื้อผ้ากั้นอยู่ เขาปล่อยให้พีร์งับเบา ๆ ตลอดตัวสักพัก แล้วดึงกางเกงนอนของเขาลงอย่างร้อนรน
 พีร์แหงนหน้าส่งยิ้มท้าทายให้พลกฤษณ์ เขามองพีร์อย่างขอร้องให้จัดการกับตัวแสบที่พองโตโดยไว พีร์ส่งสายตาบ้องแบ๊วกลับไปให้กับพลกฤษณ์ที่มองอยู่ พร้อมกับจับไอ้ตัวดีมาแนบแก้มนุ่มและค่อย ๆ ใช้ปากจูบและขบเบา ๆ เล่นกับช่วงตัวอย่างหยอกล้อ
สายตาบ้องแบ๊วไร้เดียงสากับการกระทำสุดแสนจะยั่วยวนของพีร์ทำให้เขาแทบคลั่ง  พลกฤษณ์เงยหน้าขึ้นเพราะความเสียว เท้าของเขาแทบไม่ติดพิ้น นี่พีร์ตั้งใจจะยั่วเขาไปถึงไหนเนี่ยะ
 พีร์รับรู้ได้ว่าพลกฤษณ์นั้นแทบจะไม่ไหวแล้วเพราะอาการสั่นเสียวของเขา เขาจึงใช้ลิ้นไปทักทายตรงส่วนปลาย ก่อนจะครอบปากฉ่ำไปยังไอ้ตัวดีของชายหนุ่มอย่างรู้งาน พลกฤษณ์ก้มมองดูคนรักที่กำลังปฎิบัติกามโอฐให้เขา เวลานี้ไอ้ตัวดีของเขาอยู่ภายใต้การรบเร้ากับปากฉ่ำ ๆ และลิ้นนุ่ม ๆ ของพีร์ที่จัดการกับมันอย่างชำนาญโดยมือมือข้างหนึ่งช่วย เขาครางออกมาอย่างปลดปล่อย  พีร์เองถึงแม้จะไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมดเพราะขนาดไม่ยอมแพ้เหมือนกัน มือที่ว่างอีกข้างก็หันไปจัดการกับลูกสมุนทั้งสองอย่างปลุกอารมณ์ ชายหนุ่มจับหัวคนรักพร้อมกับส่งแรงไปข้างหน้าตามธรรมชาติที่มีปากบาง ๆ ของพีร์ควบคุมอยู่  ด้วยมนเพลงชิวหาของเด็กหนุ่มร่างอวบที่บรรเลงอยู่เนิ่นนาน ในสุดท้ายแล้วร่างกายของเขาก็สั่นสะท้าน ไอ้ตัวดีนั้นพองจนแทบระเบิดในปากหนุ่มน้อยเหมือนจะประกาศศักดา เขาคำรามออกมาเป็นรอบสุดท้ายก่อนจะปลดปล่อยผลผลิตออกมาในปากของเด็กหนุ่ม
  พีร์ที่กลืนกินคงคาพยพจากชายหนุ่ม ยังไม่หยุดจัดการกับไอ้ตัวดีที่หมดฤทธิ์ เขาค่อยดูดดุนมันเหมือนอย่างปลอบโยนและทำความสะอาดด้วยลิ้น พลกฤษณ์ก้มลงมองหน้าคนรักที่จัดการกับไอ้ตัวดีอย่างพึงใจ เขาค่อยฉุดให้ชายหนุ่มลุกขึ้นมาเพื่อมอบรางวัลเป็นจูบร้อนแรงอีกครั้ง
   คราวนี้พีร์เองก็สู้ตายเหมือนกันกับลิ้นร้อนที่พลกฤษณ์มอบให้ เขาแลกลิ้นกันอย่างนั้นสักพัก เขาดันตัวชายหนุ่มออกเพื่อจะบอกว่าคืนนี้พอแล้วสำหรับเกมรักของพวกเขา พลกฤษณ์ยิ้มมีความสุขถึงแม้จะไม่ใช่ชุดใหญ่ แต่ก็ถือว่าทำเอาเขาแทบคลั่งไปเหมือนกัน
  “มิน่าหล่ะ ไอ้พวกนั้นถึงหลงน้องเค้าหัวปักหัวปำ” เขาคิดในใจก่อนจะหอมแก้มพีร์อีกครั้งอย่างมีความสุข
พีร์เปิดประตูห้องน้ำออกไปก็พบว่าพอลยังหลับอยู่ เขาโล่งใจและเข้าไปนอนที่เดิม ไปทำเพื่ออามาแล้ว ถึงคราวที่จะต้องกลับมาทำดูแลหลานบ้าง พอเขาล้มตัวนอน พอลก็ตื่นขึ้นมาทันที พีร์เห็นว่าหลานตื่นก็ตกใจเล็ก ๆ แต่ก็พยายามเก็บอาการไว้
“น้าพี น้าพีไปไหนมาครับ” หลานชายตัวน้อยถามอย่างงัวเงีย
“เอ่อ คือ น้าพี” ชายหนุ่มตอบไม่ถูก พลกฤษณ์ที่ตามมานอนอีกข้างจึงตอบแทน
“น้าพีไปกินไอติมมาครับ”
พีร์ถลึงตาใส่คนรัก พลกฤษณ์เองยิ้มกริ่ม ส่วนพอลถามคนเป็นอาอย่างสงสัย
“น้าพีไปกินอายติมอารายเหรอฮับ”
“ไอติมของผู้ใหญ่หน่ะครับ อย่าไปสนใจเลยนะน้องพอล”
“แล้ว ทำไมต้องกินตอนดึก ๆ ล่ะครับ” เด็กน้อยถามต่อ
“ก็ มันน่ากลัวไงครับ” เขาทำเสียงหลอน ๆ บอกกับหลานชายไม่ให้ถามต่อ
“อ๊า…” เด็กน้อยเข้ากอดพีร์อย่างหาที่พึ่ง
“คุณหนิ” เขาตำหนิคนรักที่ทำให้เด็กน้อยขวัญเสีย
“อืม นอนได้แล้ว คืนนี้ผมฝันดีจัง กู๊ดไนท์นะครับ”
“อืม กู๊ดไนท์ครับ” พีร์ตอบรับ และมองหน้ากับชายหนุ่มอย่างมีความหมาย ก่อนจะหลับตาลงนอนอย่างไร้ข้อกังวลใด ๆ ด้วยกันทั้งคู่
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: wowhaha ที่ 06-06-2010 14:08:48
อายจัง
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 06-06-2010 14:25:32
 :haun4: นี่ขนาดชุดเล็กนะเนี่ย....เหอเหอ
อย่างน้อยคุณแจ็คก็ได้ก้าวไปอีกขั้นนึงแล้ว.... o13

เป็นกำลังใจให้ได้ชุดใหญ่ไวๆๆ  :z1:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: torto ที่ 06-06-2010 16:17:44
เรารอลุ้นมาตั้งแต่ก่อนจบ  จนตอนจบก็ยังอดอยู่นั่นแหละพระเอกเอ๋ย

คนแต่งใจร้ายไปแล้วนะเพราะไม่ว่าจะคนที่ 1 คนที่2  จนมาตัวจริงคนสุดท้าย  เหลืออยู่คนเดียวที่ไม่ได้น้องพีร์เนี่ยนะ :serius2:


หวังว่าจบตอนพิเศษ  เขาจะสมหวังนะ  คนอ่านก็รออยู่
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 06-06-2010 16:34:41
ไม่มีคำบรรยาย  :jul1:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 06-06-2010 17:18:33
ต่อๆๆๆ

เสียววววว
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: piyakorn ที่ 06-06-2010 17:29:14
รออ่านชุดใญ่อยู่นะครับ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 06-06-2010 17:34:51
น้องพีร์ ไอติมอร่อยมั้ย  :z1: 
แล้วเมื่อไรจะจัดชุดใหญ่ซะทีอะ   :-[
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 06-06-2010 18:00:15
 :m25: :m25:โหยนึกว่าจะเปนชุดใหญ่เสียอีกอ่ะ
แต่ถึงเปนชุดเล็กก้............ :haun4: :haun4:
งี้ต้องรอชุดใหญ่ต่อไป :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 06-06-2010 18:46:01
แค่ชุดเล็กก็เสียเลือดแทบหมดตัว ขอไปกาชาดเพิ่มเลือดกรุ๊ปวายก่อนนะ :jul1:
พีร์นี่เก่งจริงอะไรจริง :m20: ลุ้นให้พี่แจ๊คเจอชุดใหญ่เร็วๆ กร๊ากกก
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 06-06-2010 21:30:00
อีป้าแก่ๆ รอของใหญ่เอ้ย ชุดใหญ่555
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Lucio ที่ 06-06-2010 22:46:58
เฮือกก !!

ชุดเล็กเรียกเลือดได้ใจ


ตายอย่างสงบแล้ววันนี้ T^T
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 07-06-2010 13:37:38
ตอนพิเศษ 3

  และเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ก็มาถึง ในวันนี้แม่ของพลกฤษณ์กับหญิงรับใช้ที่บ้านต่างก็ช่วยกันจัดของไหว้ ซึ่งประกอบไปด้วย ผลไม้ ผ้า เครื่องสำอาง ขนมโก๋และขนมไหว้พระจันทร์ที่เธอทำเองโดยจะตั้งโต๊ะไหว้ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน โดยผู้หญิงทั้งหมดในบ้านจะเป็นคนมาไหว้ก่อนเพราะประเพณีนี้จัดเป็นประเพณีของผู้หญิงโดยเฉพาะแล้วผู้ชายในบ้านค่อยไหว้ทีหลัง พอไหว้เสร็จแล้วถึงจะแจกจ่ายให้ผู้ชายในบ้านได้ร่วมรับประทานขนมร่วมกัน
  วันนี้ถือเป็นวันครอบครัวอีกวันของชาวไทยเชื้อสายจีน ครอบครัวของพลกฤษณ์เองก็เช่นกัน วันนี้น้องชายคนเล็กของเขาก็กลับมาไหว้พระจันทร์ด้วย ทุกคนในครอบครัวต่างก็มีสีหน้ายิ้มแย้มขณะพูดคุย พลางจิบน้ำชาและกินขนมไหว้พระจันทร์ด้วยกันอย่างอบอุ่น
  “วันนี้บ้านเราคึกคักจังเลยนะครับป๊าม้า” ศุภกฤษณ์เปิดประเด็น “ถึงแม้ไต่ก่อ กับหยีก๊อจะไม่ได้กลับมา แต่เจย์กลับมาก็ถือว่าโอเคแล้วหล่ะ”
“อืม  ๆ เค้าทำงานกัน และอีกอย่างไต่ก๊อของเราก็ต้องอยู่กับอากงอาม่าที่ฮ่องกงด้วยหนิ ป๊าว่าก็ดีนะ กระจาย ๆ ไปให้ดูแลคนแก่มั่ง”
“เออ แล้วเจย์กลับเมื่อไหร่อ่ะลูก” คนเป็นแม่ถามลูกชายคนเล็กที่ใส่แว่นกรอบใส
“คิดว่า พรุ่งนี้เช้าก็กลับเลยอ่ะครับ”
“อืม ม้าก็ลืมไป พรุ่งนี้ยังไม่ใช่เสาร์อาทิตย์”
“ผมก็ต้องโทษม้ากับป๊านะครับที่ไม่ค่อยกลับมาตอนเสาร์อาทิตย์เลย”
“เฮ่ย ไม่เป็นไร ป๊าเข้าใจ เดี๋ยวจบไปเราก็ต้องไปทำงานโรงบาลต่างจังหวัดอีก ซ้อม ๆ ไม่เจอกันไว้หน่ะดีแล้ว ฮ่ะๆๆ”
  บรรดาพี่ชายของเขายิ้มเข้าใจ พีร์สังเกตบรรยากาศในครอบครัว เขาคิดว่าที่พ่อกับแม่ของพลกฤษณ์ยังดูอ่อนกว่าวัยมากมาย อาจจะเป็นเพราะว่าคนทั้งสองนั้นมองโลกในแง่ดีและเข้าใจทุกอย่างตามความเป็นจริง เลยทำให้ไม่เครียดและยังดูสดใสเหมือนเป็นหนุ่มสาวตลอดเวลา
  เขารู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้
“น้าพีค๊าบบ ป้อนน้องพอลหน่อยได้มั๊ยค๊าบบ” เด็กน้อยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อ้อน
พีร์เห็นอย่างนั้นก็บอกว่า “ได้สิครับ” แล้วก็ตักขนมไหว้พระจันทร์ขนาดพอดีคำให้เด็กน้อย
พลกฤษณ์เห็นอย่างนั้นก็อ้อนมั่ง
“ป้อนพอลแล้ว ป้อนเค้ามั่งดิ” ชายหนุ่มลอยหน้าลอยตาออดอ้อน ทำให้คนรอบข้างหัวเราะขำออกมา
“คุณแจ๊ค โตแล้วกินเองก็ได้นี่นา”
“ไม่อาววว ป้อนเค้าหน่อยไม่ได้เหยอออ”
“ป๊ากับม้าดูสิครับ ก๊อทำตัวเป็นเด็กโข่งอีกแล้ว” น้องชายคนเล็กพูดขึ้นมา
“น่า มันก็อ้อนเฉพาะกับพีเค้าหล่ะ ป๊าว่ามันคงอิจฉาพอลมากกว่าหน่ะ ฮ่ะ ๆๆๆ”
พีเห็นอย่างนั้นก็หมั่นไส้คนรัก เขาไม่สนใจผู้เป็นอา จึงหันไปดูแลเด็กน้อยต่อไป
“น้าพีทำมายไม่ป้อนอาแจ๊คล่ะค๊าบ”
พีร์มองหลานอย่างตกละลึง ไม่คิดว่าพอลจะพูดอย่างนี้ พลกฤษณ์ยิ้มชอบใจหลานชาย
“ดีมากน้องพอล อย่างงี้สิครับ ถึงจะน่ารัก” เขาหันมาพูดกับพีร์ “นะ ที่รักนะ ป้อนเค้าหน่อย”
คนรอบข้างเองก็ลุ้นกับพีร์เหมือนกัน พีร์เห็นอย่างนั้นจึงต้องป้อนขนมให้คนขี้อ้อนของเขา
“อ่ะ อ้าปากนะ”
พลกฤษณ์ทำตามอย่างว่าง่าย พีร์ก็ตักขนมให้เขาอย่างเขินคนรอบข้างเช่นกัน คนเป็นน้องคนเล็กเลยถามขึ้นมา
“โหย หวานมั๊ยก๊อ”
พลกฤษณ์เคี้ยวขนมตุ้ย ๆ แล้วตอบว่า “มาก”
“ฮ่ะ ๆๆๆ ให้มันได้อย่างนี้สิ ก๊อเรา ฮ่ะๆๆๆ”  
คนทั้งครอบครัวยิ้มให้ภาพตรงหน้า ตั้งแต่พีร์มาอยู่ที่บ้านพวกเขาก็รู้สึกว่าครอบครัวได้รับการเติมเต็มอีกส่วนหนึ่ง

“ที่ร๊ากกกก” พลกฤษณ์เข้ามากอดร่างอวบของพีร์จากทางข้างหลังขณะอยู่ในครัวด้วยกัน
 เขากระซิบ “คืนนี้เหมาะนะที่เราจะ...”
“หืมม์ อะไร เมื่อคืนช่วยแล้วยังไม่พออีกเหรอ”
“แค่นั้นมันจะไปพออะไรล่ะ” ชายหนุ่มออดอ้อน “นะครับนะ ไม่เห็นเหรอว่าผมต้องการคุณจะแย่แล้ว”พลกฤษณ์ไม่พูดเปล่า แต่จูบเบา ๆ และใช้ปลายคางสีไปมาที่ต้นคอ
พีร์รู้สึกได้ว่ามีอะไรยุ่น ๆ อยู่ตรงบั้นท้าย จึงหันไปแหวใส่ “คุณแจ๊ค ไม่เอาน่า ไม่เห็นเหรอว่า คนอยู่กันเต็มบ้าน และน้องพอลก็อยู่ด้วยนะ”
ชายหนุ่มชะงักทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขายิ้มกริ่มคิดอะไรออกมาได้ จึงกระซิบถาม
“งั้นถ้าแปลว่า ไม่มีใครอยู่บ้านแล้วคุณจะยอมผมใช่มั๊ย”
“ลามกอ่ะ ไม่คุยด้วยแล้ว..” พีร์เขินจัดจนต้องขอตัวออกไป พลกฤษณ์พยักหน้าเข้าใจแล้วลอบยิ้มออกมาอย่างมีแผน

“ฮัลโหล หยีก๊อ”
“อ่าว แจ๊คเหรอ มีอะไรหรือเปล่า” สุกฤษณ์ผู้เป็นพี่ชายรับสายน้องชายคนกลางที่โทรทางไกลจากเมืองไทย
“อืม ทำงานที่โน่นเป็นไงมั่งก๊อ”
“งานหนักว่ะ ลูกค้าที่นี่ไม่เหมือนเมืองไทย เขี้ยวกว่าเห็น ๆ”
“เหรอ..”
“อืม แล้วนี่มีอะไรเหรอวะ มีอะไรเกี่ยวกับพอลหรือเปล่าแจ๊ค”
“โห ยังจำลูกตัวเองได้เหรอก๊อ ไอ้ผมก็นึกว่าก๊อยกให้เป็นลูกของผมกับพีซะอีก”
“ไอ้นี่ ลูกทั้งคนนะเว้ย ลืมได้ไง” เขาพูดต่อ “แล้วมีอะไรหรือเปล่าวะ ถามจริง”
“ก็มีนิดหน่อยหน่ะ เจ้าพอลมันติดแฟนผมยังกับอะไรดี”
“เหรอ แล้วไม่ดีเหรอวะที่พอลเค้าจะได้ไม่เหงา”
“มันก็ดี แต่ก๊ออย่าลืมสิว่า พีเค้าเป็นแฟนผม”
“ยังไงวะ”
“คือ ตั้งแต่ผมกับพีอยู่ด้วยกันมาเนี่ยะ ผมก็นอนห้องเดียวกันก็จริงนะ แต่ก็ไม่เคย..เอ่อ...กันเลย”
“หะ เป็นไปได้ไงวะ”
“ก็เป็นไปแล้วหล่ะก๊อ คือจะบอกว่า ผมทำไม่ได้เพราะว่าในห้องผมนอกจากจะมีพีร์แล้วยังมีเจ้าพอลมานอนด้วยอีกคน”
คนเป็นพี่ชายได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา “เหอะ ๆๆๆ”
“เออ ขำกันเข้าไป”
“นี่แกจะบอกว่าลูกชั้นเป็นก้างขวางคอแกกับเมียงั้นสิ”
“ก็ ทำนองนั้น ผมก็รักหลานจะก๊อ แต่ก๊อคิดดู ผมอยู่ด้วยกันมาแปดเดือนแล้วยังไม่เคยได้ทำอะไรกันเลยเนี่ยะ”
“เออ ไอ้นี่ ฮ่ะๆๆ” เขานึกขำน้องชาย ที่ลงทุนโทรทางไกลมาบอกเรื่องนี้ จึงถามออกไป
“แล้วจะให้ก๊อช่วยอะไรล่ะ”
“ง่าย ๆ เลยก๊อ มารับเจ้าพอลไปอยู่ด้วยสักพัก หรือไม่ก็ ชวนป๊ากับม้าไปเที่ยวด้วยเลย”
“เอางั้นเลยเหรอวะ”
“เอางั้นสิก๊อ”
“เออ ๆ ได้ นี่เจ้าพอลก็ใกล้จะปิดเทอมแล้วพอดี ชั้นให้ป๊ากับม้ามาด้วยก็แล้วนะ ดีมั๊ย”
“ครับ ขอบคุณมากครับก๊อ”
“เออ ไม่เป็นไร ก็ต้องขอโทษละกันที่ก๊อไม่ดูแลลูก แต่ก็ขอบคุณแกกับน้องพีนะที่รักเจ้าพอลมันมาก ๆ อย่างนี้”
“ไม่เป็นไรก๊อ หลานผมทั้งคน”
“อืม”
“งั้นแค่นี้นะก๊อ อย่าลืมละมารับเจ้าพอลเร็ว ๆ”
“เออ ๆ”
“ครับ หวัดดีครับ”

“ไอ้จิม ชั้นมีอะไรจะขอร้องแก” พลกฤษณ์มาคุยกับน้องชายที่ห้อง
“ต้นเดือนตุลาฯ แกช่วยไม่อยู่บ้านสักอาทิตย์ได้มั๊ยวะ”
“ทำไมอ่ะก๊อ”
“ก็..ชั้นจะ” เขาเล่าเรื่องที่โทรไปหาสุกฤษณ์ให้ฟัง ทำให้คนเป็นน้องหลุดขำ
“ฮ่ะ ๆๆ”
“ขำอะไรวะ”
“ก็ขำก๊อหน่ะสิ โห ลงทุนเพื่อจะได้แอ้มน้องเขาขนาดนี้เลยเหรอเนี่ยะ”
“เออสิวะ ไม่ทำอย่างนี้ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว นี่กะว่าจะจัดชุดใหญ่ให้เป็นของขวัญวันเกิดนะ อีกสองวันก็วันเกิดเค้าแล้วไง แต่เจ้าพอลมันปิดเทอมตุลาพอดี ก็อดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่าว่ะ”
“แล้วแน่ใจได้ไงว่าน้องเค้ายอม”
พลกฤษณ์ยิ้มอย่างมีความหมาย “เหอะน่า งานนี้ชั้นไม่พลาดแน่”


ตอนหน้ามีชุดใหญ่แน่นอนค่ะ...
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Lucio ที่ 07-06-2010 13:41:08
โอ๊ยย 55
งานนี้น้องพีไม่รอดเฮียแจ๊คแน่
เฮียเขาอุตส่าห์วางแผนซะดิบดี ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 07-06-2010 14:16:48
 :haun4: แค่ชุดเล็ก
รอชุดใหญ่ต่อไป
ดีนะน้องพอลไม่ร้องกินไอติมไปด้วย 555
สงสัยความรักของพีร์จะได้เป็นนิยายไตรภาคซะแล้วมั้งงงงง
+1ไอติมยามดึก
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 07-06-2010 16:52:22
มาต่อแล้วค่ะ เตรียมผ้าเช็ดเลือดไว้ให้พร้อมนะคะ


ตอนพิเศษ 4 (NC18+)

  วันเกิดของพีร์ก็มาถึงอีกปี เขาตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำบุญตักบาตรก่อนจะไปทำงานกับพลกฤษณ์ตามปกติ เขาได้รับข้อความอวยพรวันเกิดจากศิริพจน์และศิลาทางอีเมลล์ และเขาก็ไม่ลืมที่จะตอบกลับไปอย่างขอบคุณเช่นกัน
  เย็นนี้ เขาไม่ได้ไปฉลองที่ไหน เขาก็รับประทานอาหารเย็นกับครอบครัวพลกฤษณ์อย่างเคย แต่วันนี้แม่ของพลกฤษณ์ทำกับข้าวพิเศษจำพวกอาหารมงคลในวันเกิดและขนมเค้กให้พีร์  และก็อวยพรเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดู
  
   ส่วนพลกฤษณ์เองก็มีของขวัญให้พีร์เช่นกัน เขาจึงเรียกพีร์มาคุยกันสองคนก่อนนอน
“พีครับ ผมมีอะไรจะให้คุณ”
พีร์สงสัยและแอบลุ้นเล็ก ๆ ว่าชายหนุ่มจะมอบอะไรให้เขา  
“หลับตานะ”
พีร์หลับตาลงอย่างว่าง่าย สักพักก็รู้สึกได้ว่าพลกฤษณ์เข้ามาถอดต่างหูคู่เก่าออกแล้วสวมที่สิ่งที่เขาจะให้แทน
“อ่ะ อืมตา”
พีร์วิ่งไปที่ห้องน้ำเพื่อจะดูกระจกทันที เขาส่องกระจกอย่างพอใจกับต่างหูเพชรน้ำงามที่เจียระไนแบบกลม
พลกฤษณ์เค้ามากอดเขาทางด้านหลังแบบเอาใจ “สวยมั๊ย”
“อืม สวยสิ”
“สวยก็ใส่บ่อย ๆ นะ”
“ขอบคุณมากนะครับ”
“อืม” เขาเอียงแก้มให้พีร์หอม พีร์เห็นอย่างนั้นก็ตอบรับโดยการหอมแก้มชายหนุ่มทั้งสองข้างทันที
“แต่คืนนี้ขอถอดก่อนนะ จะนอนแล้วอ่ะ”
“อืม แต่พรุ่งนี้ต้องใส่นะ”
“ได้สิครับ”  เขารับคำอีกครั้ง “ขอบคุณนะครับ” แล้วขอตัวไปนอนข้าง ๆ หลานชายตัวน้อย พลกฤษณ์เองก็ยิ้มให้กับพีร์อย่างมีความสุขเช่นกัน  ชายหนุ่มค่อยล้มตัวลงนอนแล้วขยับตัวไปกอดน้องพอลและพีร์อย่างแสนรัก


“เอ...วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเลยเหรอเนี่ยะ”  พีร์นึกแปลกใจขณะกลับบ้านกับพลกฤษณ์ในเย็นวันหนึ่ง
“คุณแจ๊ค ป๊ากับม้าและน้องพอลไปไหนกันเหรอ”
“อ่อ ป๊าพาม้ากับน้องพอลไปเยี่ยมหยีก๊อหน่ะ”
“อืม เหรอ” เขารับคำแต่ก็ไม่นึกแปลกใจอะไร จึงเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะมาช่วยแม่บ้านเตรียมอาหารเย็นตามปกติ แต่เมื่อเขามาถึงที่ห้องครัวก็ไม่พบใครอยู่เลย เขาจึงเดินไปดูที่ห้องพักแม่บ้านและคนสวนปรากฎว่าไม่เจอใครตามเคย
   พีร์ร้อนใจเพราะอยากจะรู้ว่าทุกคนในบ้านไปไหนกันหมด  จึงออกไปถามพลกฤษณ์ที่เขาเห็นว่ากำลังว่ายน้ำอยู่ในสระ  เขาเห็นชายหนุ่มกำลังตั้งใจกับการว่ายน้ำในสระ เมื่อเขาเห็นอีกฝ่ายแตะขอบสระแล้วจึงร้องเรียก
“คุณแจ๊ค ป้าเง็ก ลุงชัย พี่เฮียง เค้าไปไหนกันเหรอ”
พลกฤษณ์ได้ยินอย่างนั้นก็ลอบยิ้ม จึงว่ายน้ำเข้ามาใกล้ ๆขอบสระด้านที่เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างบน
“หืมม์ มีอะไร”
“ก็ พวกลูกจ้างเค้าไปไหนกันหมด คุณรู้มั๊ย”
“อ่อ ผมให้พวกเค้าไปพักร้อนหน่ะ”
“พักร้อนเหรอ” พีร์ตกใจ
“อืม”
“นี่หมายความว่าคุณกับผมอยู่บ้านกันสองคนงั้นเหรอ”
“อืม..”
พีร์ตกละลึง ไม่คิดว่าเขาจะได้อยู่บ้านกันชายหนุ่มตามลำพัง
“นี่คุณแจ๊ค คิดอะไรอยู่อย่าคิดนะว่าผมไม่รู้”
“รู้ก็ดีแล้วหนิ” พลกฤษณ์ตอบกรุ่มกริ้ม ทำให้พีร์อดหมั่นไส้ไม่ได้
พีร์ไม่พูดอะไรต่อ เขาจะเดินไป แต่ชายหนุ่มก็เรียกไว้
“พี หยิบแว่นตาบนโต๊ะให้ผมหน่อยสิ” เขาส่งสายตาไปยังแว่นตาสำหรับว่ายน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะ พีร์เดินไปหยิบให้เพราะชายหนุ่มคงจะว่ายน้ำต่อ
 เขาหยิบแว่นตานั้นส่งให้ชายหนุ่ม พลกฤษณ์ยิ้มรับและยื่นมือไปหยิบ จังหวะนั้นเอง เขาอาศัยความไวคว้าข้อมือพีร์แล้วฉุดให้เด็กหนุ่มตกลงมาในสระด้วยกัน
“คุณแจ๊ค ทำอะไรเนี่ยะ!” เขาดิ้นไปมาในอ้อมกอดของพลกฤษณ์ที่ตอนนี้มีแค่กางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋ว เขาพยายามจะดันตัวออกมาแต่ก็แพ้ความแข็งแรงของอีกฝ่ายไม่ได้
“มาเล่นน้ำกันน่า” สายตากรุ้มกริ่มของชายหนุ่มทำให้พีร์หมั่นไส้
“ไม่ ปล่อย!” เขาพยายามดิ้นแต่ก็ยิ่งดิ้นเหมือนยิ่งทำให้เขากับพลกฤษณ์แนบเนื้อกันมากขึ้น พลกฤษณ์ลูบไล้ไปตามตัวพีร์ที่ตอนนี้สวมเพียงเสื้อยืดสีขาวเนื้อบางอย่างเสน่หา เขามองดูคนรักในอ้อมกอดอย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความต้องการ แล้วไม่รอช้าที่จะมอบจูบร้อนแรงให้
   พีร์เองที่ตอนนี้เริ่มเมาในรสจูบปัดป่ายมือน้อยขอตัวเองไปตามร่างกายที่มีแต่กล้ามเนื้อของพลกฤษณ์เช่นกัน พลกฤษณ์ค่อยซุกไชร้ไปตามซอกคอมือของเขาหยุดลงที่สะโพกอวบอิ่มและล้วงเข้าไปลูบคลำอย่างสนุกมือ
  พีร์รู้สึกตัวได้ว่ากำลังจะไปในทิศทางใด เขารีบคว้ามือชายหนุ่มกันที ก่อนจะบอกว่า
“อาบน้ำก่อนแล้วค่อยว่ากันได้มั๊ย”
พลกฤษณ์พยักหน้าดีใจ นี่คงจะหมายความว่าเขากับพีร์จะได้เป็นของกันและกันจริง ๆ แล้วใช่ไหมนี่
เขาก็อยากจะรู้นักว่าเมื่อเขากับพีร์มีชุดใหญ่กันจริง ๆ จะเหมือนชุดเล็กที่พีร์กับเขาทำกันคืนนั้นหรือเปล่า
“เห็นเรียบร้อย ๆ อย่างนี้ก็ไม่ใช่ย่อยเลย” เขาคิดในใจถึงคืนนั้นที่พีร์มอบความสุขให้เขา ลีลารักของอีกฝ่ายนั้นทำเอาเขาแทบคลั่งกับความร้อนแรงที่แฝงความไร้เดียงสาของพีร์
อีกไม่กี่อึดใจล่ะ เขาจะได้รู้ว่าคนรักของเขาจะร้อนแรงจริงอย่างเคยเห็นหรือเปล่า

“คุณแจ๊ค ปิดบ้านเรียบร้อยแล้วหรือยังอ่ะ” พีร์ถามขณะที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ
“เรียบร้อยแล้ว” เขาตอบรับและเข้าไปหาเด็กหนุ่มอย่างตื่นเต้น ถึงแม้ตัวเขาเองจะผ่านกามรสมาหลากหลาย แต่ครั้งนี้เขารู้สึกว่าตื่นเต้นกว่าทุกครั้งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงกับร่างอวบที่เขารอคอยตรงหน้า พลกฤษณ์ค่อยมอบจูบอ่อนหวานให้กับพีร์
เด็กหนุ่มตอบรับสัมผัสจากอีกฝ่ายเช่นกัน พลกฤษณ์ค่อยย้ายไปจูบหน้าผากโหนก ไล่มายังจมูกโด่งและกลับมาที่ริมฝีปากสวยเช่นเคย ในขณะที่มือนั้นยังไม่หยุดกับการโลมไล้ไปตามตัว และค่อยถอดเสื้อผ้าของกันและกัน
  ไม่ช้าร่างของเขากับเด็กหนุ่มก็เปลือยเปล่า  พลกฤษณ์ไม่รอช้าที่จะลงไปซุกไซร้ซอกคอหอมละมุน ก่อนจะหาอกอิ่มและดูดดุดเหมือนเด็กน้อยที่หิวนมแม่ พีร์เริ่มครางออกมาด้วยความสุขสมข้างใน เขาเล่นกับปทุมถันอยู่สักพักก่อนจะลงต่ำมายังจุดอ่อนของผู้ชายทุกคน เขาครอบปากจัดการกับส่วนนั้นอย่างอ่อนโยนพร้อมกับใช้นิ้วมือทักทายจุดยุทธศาสตร์ของเกมรักอย่างปลุกอารมณ์ จนพีร์เองแทบคลั่งกับความหวามไหวที่มอบให้นี้ เขามองหน้าหล่อเหลาของคนรักที่ง่วนอยู่ตรงหว่างขาก่อนจะจิกผ้าปูที่นอนอย่างสะกดกลั่น พลกฤษณ์ลอบยิ้มขณะที่สู้กับอารมณ์ที่จะออกมาของหนุ่มน้อยอยู่เขาบรรเลงเพลงชิวหาอย่างช่ำชอง พีร์กรีดเสียงออกมาอย่างมีความสุข รู้สึกเหมือนตัวเองเบาเป็นขนนกที่ลอยในอากาศ สักพักเขาก็ครางออกมาอย่างสุดกลั้นเพราะพลกฤษณ์ได้ทำให้เขาถึงจุดสุดยอดของอารมณ์และก็ปลดปล่อยออกมาให้พลกฤษณ์ให้ลิ้มลอง
 พีร์ครางอย่างมีความสุข แล้วค่อยลุกไปจัดการกับไอ้ตัวดีของพลกฤษณ์เช่นกัน พลกฤษณ์ยืนเข่าแอ่นให้ร่างอวบก้มลงมาจัดการ เขาค่อยครางออกมาเช่นกัน ฝีปากของหนุ่มน้อยช่างทำให้เขามีความสุขมากขึ้น เขาพลางลูบไปตามแผ่นหลังแล้วใช้นิ้วมือบุกเบิกตามประสามืออาชีพ จนเขารู้สึกว่าตัวเองได้ที่แล้วจึงให้พีร์นอนลง แล้วเขาก็ค่อยมอบความเป็นตัวเองในเกมรักนี้ให้หนุ่มน้อยได้มีความสุขร่วมกับเขา และการปลดปล่อยอันแสนหวานในครั้งแรกของเขากับพีร์ก็ผ่านไปอย่างสุขสม
   จนสักพักคนทั้งสองก็เริ่มจูบไซร้กันใหม่ พลกฤษณ์ค่อยจูบไปทุกส่วนของพีร์อย่างต้องการจนทำให้พีร์ต้องแทบคลั่งอีกครั้งหนึ่ง เขาเริ่มต้นด้วยตำแหน่งท่าเดิมแต่คราวนี้จากที่เขาอยู่ข้างบนนาน ๆ  พีร์ก็ส่งสัญญาณขอเป็นคนคุมเกมบ้าง หนุ่มน้อยหนีบขาและยกตัวเองให้อยู่บนหน้าตักของชายหนุ่มที่ค่อยประคองรับตัวเขาอยู่ ถึงแม้พีร์จะมีรูปร่างอวบอ้วน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ของพลกฤษณ์ เขาค่อยใช้ปากขบเม้มตามตัวพีร์อย่างหิวโหยในเนื้อนุ่ม มือของเขาก็บีบจับเนื้อตัวที่เต็มไม้เต็ปมือไปทุกส่วนของพีร์ที่เริ่มสร้างจังหวะหรรษา แขนของพีร์คล้องคอพลกฤษณ์อยู่อย่างเย้ายวน และช่วงล่างก็หาความสุขให้ตัวเองอย่างเร่าร้อน
 พลกฤษณ์ยิ้มให้กับร่างอวบที่ส่งสายตาต้องการมาให้เขา เขาจึงมอบจูบลึกล้ำนั้นให้ ก่อนจะเป็นฝ่ายทนไม่ไหวที่พให้พีร์กลับไปนอนหงายรอรับความต้องการอันร้อนแรงจากเขาในยกที่สองนี้ พลกฤษณ์มอบความเร่าร้อนให้กับพีร์สักพัก แล้วก็ซบตัวลงที่ร่างอวบก่อนจะมอบจูบหวานล้ำให้ปิดท้ายกิจกรรมก่อนนอน

   เช้าวันใหม่ของคู่รักก็มาถึง พีร์ตื่นนอนก็ไม่พบร่างสูงใหญ่ที่นอนกอดเมื่อคืน เขาจึงสวมเสื้อนอนกับกางเกงและลุกจากเตียงเพื่อไปดูว่าชายหนุ่มอยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า เมื่อไม่เจอชายหนุ่มในห้องน้ำพีร์จึงแปรงฟันและออกไปตามหาชายหนุ่มในครัว
   เมื่อเข้าไปในครัวก็พบว่าพลกฤษณ์อยู่ที่นั่นจริง ๆ ร่างสูงที่สวมเพียงกางเกงนอนตัวเดียวกำลังอยู่หน้าตาเตาเพื่อทำอาหารเช้าให้คนรัก กะจะไปเซอร์ไพรส์เป็น Breakfast on bed แต่ก็ช้ากว่าพีร์ที่ยืนยิ้มอยู่และเข้ามาในครัว
  “ทำอะไรอ่ะ หอมเชียว” เขาเข้ามายืนข้าง ๆ พลกฤษณ์
“ทำอาหารเช้าให้คุณไงล่ะ เป็นไง”
“น่ากินอ่ะ” พีร์มองมันฝรั่งผัดเครื่องเทศในกะทะทึ่ง ๆ ไม่เชื่อว่าชายหนุ่มจะทำอาหารเป็น
“อืม กะจะยกไปให้กินในห้องหน่ะ”
“ไม่ต้องหรอก กินกันที่นี่ก็ได้” พีร์ยิ้ม ๆ ปลื้มใจที่ชายหนุ่มดูแลเขา
  
  พลกฤษณ์ปิดเตาแก็ส และหันมามองพีร์ที่ยืนอยู่ เขาเข้าใจแล้วว่า เช้าแรกหลังจากการได้ใช้เวลากับคนรักบนเตียงมันมีความสุขเช่นไร
  ชายหนุ่มมองดูพีร์ก็เริ่มรู้สึกไม่พอกับสองยกเมื่อคืน  เขาเข้าไปกระซิบกับพีร์เบา ๆ “แต่ตอนนี้ผมอยากกินนมมากกว่านะ”
  พีร์มองหน้าชายหนุ่มที่ยิ้มกริ่มเขิน ๆ  พลกฤษณ์ไม่รอช้าที่จะดันตัวให้พีร์ติดโต๊ะพร้อมกับถอดเสื้อนอนของพีร์ออก เขาค่อยก้มลงหาหน้าอกอิ่มอย่างที่ต้องการ เมื่อพีร์เริ่มอ่อนตามเขา ชายหนุ่มจึงหันไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบกระปุกนมข้นหวานออกมา
 พีร์เขินมากเพราะรู้ว่าชายหนุ่มจะทำอะไร พลกฤษณ์ยิ้มกริ่มและเทนมข้นหวานจากกระป๋องลงบนหน้าอกข้างซ้ายของพีร์ ก่อนที่จะละเลงลิ้นโลมเลียและดุดดุนอย่างออกรสชาต
  ร่างอวบครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน ทำให้พลกฤษณ์ยิ่งได้ใจ เขาเทราดนมข้นหวานที่หน้าอกอีกข้างแล้วทำแบบเดิม มือข้างหนึ่งของเขายังคงเล่นกับอกข้างที่เพิ่งผ่านปากไป ส่วนมือข้างซ้ายที่เขาถนัดนั้นก็เข้าไปสร้างความสุขในกางเกงนอนให้พีร์ เขาค่อยถอดกางเกงนอนของพีร์ออก แล้วเทนมข้นหวานจากหน้าอกให้ไหลลงมาสู่หน้าท้องช้า ๆ ชายหนุ่มค่อยตามเก็บด้วยริมฝีปากอย่างเร่าร้อน ก่อนจะเทนมข้นหวานลงบนเนินหน่าวให้ไหลลงมายังจุดสำคัญเขาก็ตามโลมเลียเช่นเคยและก็จัดการกับส่วนนั้นให้พีร์ได้สุขสมรับอรุณ เมื่อพีร์ปลดปล่อยออกมาแล้ว เขาค่อยดันตัวให้พีร์ไปนอนห้อยขาบนโต๊ะ ก่อนจะก้มลงไปแลกลิ้นกับพีร์ มือของเขาก็ยังไม่หยุดที่จะปลุกปั่นช่วงล่างของพีร์ทั้งหน้าและหลัง พีร์ครางออกมาอย่างต้องการจากความร่านร้อนพลกฤษณ์เห็นอย่างนั้นก็ถอดกางเกงและลับคมอาวุธก่อนจะจัดไปให้พีร์ได้สุขสมอีกรอบ
    ถึงแม้มื้อเช้านี้พลกฤษณ์จะตั้งใจทำมันฝรั่งผัดเครื่องเทศให้เป็นอาหารเช้า แต่พีร์ก็ต้องนอนรับ ”ไส้กรอก” ก่อนหน้าอาหารมังสวิรัติที่จะต้องกินลงท้องจริง ๆเสียแล้ว
   พีร์คิดว่าตัวเองจะโชคดีที่พลกฤษณ์ไม่ทำให้เขาหมดแรงจนฟ้าเหลือง แต่ตอนนี้เขาค้นพบว่า ตัวเองคิดผิดถนัด...
    แต่ใช่ว่าหนุ่มน้อยจะไม่ชอบเสียเมื่อไหร่
   อีกใจหนึ่งเขาก็อยากจะรู้นักว่าเมื่อไหร่คนอื่น ๆ จะกลับมาซะที เพราะขืนอยู่อย่างนี้นาน ๆ เขามีหวังคงต้องเข้าโรงพยาบาลอีกรอบแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 07-06-2010 16:58:27
โอ้ย โอ้ย เลือดแถวนี้หมดแล้วง่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 07-06-2010 17:35:18
 :m25: อ๊ากกกกก ไม่ต้องเกริ่นให้เยิ่นเย้อ
"นมข้นหวาน"
ใครก็ได้ขอเลือดกรุ๊ปบีด่วน
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: piyakorn ที่ 07-06-2010 20:16:52
ขอบคุณนะครับ สำหรับตอน ่combo. Set
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 07-06-2010 21:06:29
อยากกินนมบ้างเลยอ่าาา :haun4:
พีร์แอบร้อนแรงตลอดอ่ะ แอร๊ยยย เขินนนน :-[
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: maicy ที่ 07-06-2010 21:13:17
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษ  อยากให้มีอีก น้องพีกับเฮียเเจ๊คน่ารักมากเลย  รักษาสุขภาพค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 07-06-2010 22:13:56
โอ้ยยยย

อยากกินนม

ไปหานมกินดีกว่าาาา
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 07-06-2010 22:28:10
 :mc4: มาฉลองชุดใหญ่ให้คุณแจ็ค...
คราวนี้น้องพีร์ได้ฟ้าเหลืองแหงๆๆๆ หุหุ

น่ารักมากมายอ่ะสองคนนี้ ดีใจที่น้องพีร์มีความสุขกับคนที่ดีขนาดนี้...

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ......   มีอีกอ๊ะป่ะ...แบบว่าชอบเรื่องนี้อ่ะ...หุหุ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 07-06-2010 22:33:50
กาแฟคืนนี้ต้องมี"นมข้นหวาน"    อิอิ
น้องพีจะรับ"ชุดใหญ่"ไหวหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 08-06-2010 03:19:06
 :pighaun:
แหมเจ้าเล่ห์จริงๆนะคุนแจ๊คเนี่ย
ในที่สุดชุดใหญ่ก้มา ใหญ่จริงๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 08-06-2010 18:16:45
ตอนพิเศษ 5

  กว่าพลกฤษณ์เข้ามาทำงานในตอนบ่ายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสดชื่นเหมือนต้นไม้ที่ได้น้ำรด เหตุผลที่เขาไม่ไปใช้เวลากับพีร์ที่อื่นก็เพราะว่านอกจากเขาจะรู้สึกอบอุ่นเมื่ออยู่ที่บ้านแล้วชายหนุ่มก็ยังไม่อยากขาดงานในฐานะผู้บริหารอีกคนของที่นี่
  เขารักงานที่เขาจบมาตรงสายนี้มาก ถึงแม้เขาจะไม่ได้ทำงานเป็นวิศวะกรโดยตรงตามที่ต้องการในตอนแรก แต่เขาก็มีความสุขทุกครั้งที่มาทำงาน
  แต่ตอนนี้พลกฤษณ์มีความสุขยิ่งกว่าเพราะว่าเขามีพีร์เป็นคนรักอยู่ข้างกาย และยิ่งตอนนี้เขาก็ได้ชื่นใจกับคนรักของเขาจากการเติมเต็มความต้องการ

ศุภกฤษณ์ที่เห็นพี่ชายเพิ่งมาถึงก็ไม่รอช้าจะมาแซว  “โหย ก๊อ หน้าตาอย่างนี้ มาทำงานบ่าย นั่นแน่...”
“เออ รู้แล้วยังจะต้องมาถาม” เขาตอบรับห้วน ๆ กลบเกลื่อนความเขิน
“เป็นไงมั่งก๊อ”
“อ่าว ไอ้นี่ ถามทำไมวะ จะต้องให้เล่าหมดเลยเรอะ”
“เปล่า ๆ ผมก็แค่อยากรู้ว่าน้องเค้ายอมก๊อจริงเหรอ”
พลกฤษณ์ยิ้มเขินไม่ตอบอะไร
“ฮั่นแน่ เขินเลย แสดงว่าเรียบร้อยโรงเรียนแจ๊คแล้วใช่มั๊ย”
“ไอ้บ้า ไม่ต้องพูดมากก็ได้”
“ฮ่ะ ๆๆ เออ แล้วนี้ซ้อผมไม่มาด้วยเหรอ”
“อยู่บ้าน เค้าบอกจะทำความสะอาดหน่ะ”
“อ่าวทำไมล่ะ”
“ก็ ก๊อให้พวกลูกจ้างในบ้านไปพักร้อน”
“โห ก๊อ ใจคอจะอยู่กันสองคนจริง ๆ เหรอเนี่ยะ แล้วก๊อ บ้านเราหลังใหญ่อย่างนั้น ไม่คิดมั่งเหรอปล่อยให้น้องเค้าทำความสะอาดบ้านคนเดียว ตกกลางคืนเค้าก็เหนื่อยจะมาจ้ำจี้กับก๊อได้เหรอ”
“เออ ว่ะ” พลกฤษณ์เพิ่งคิดได้
“ก๊อ ผมอุตส่าห์ออกมานอนหอไอ้เจย์เพื่องานนี้โดยเฉพาะเลยนะ ก๊ออย่าให้เสียเปล่าดิ” คนเป็นน้องยุ
“เออ ๆ ขอบใจที่บอก” เขารับคำและกรุ่นคิดอยู่
“ไปทำงานก่อนเลยก๊อ เอกสารของก๊อที่ต้องเซ็นอีกบานเลย ไปเลย”
“เออ ๆ ไปเดี๋ยวนี้หล่ะ” พลกฤษณ์รับคำ ก่อนจะสลัดเรื่องนั้นจากหัวแล้วไปทำงานอย่างที่น้องชายบอก แต่เขาก็อดคิดแทนไม่ได้ว่าเมื่อคืนเขาก็ให้พีร์พักผ่อนไม่เต็มที่และจะเมื่อเช้าอีก ถ้าเป็นไปได้เขาก็แทบอยากจะกลับไปที่บ้านตอนนี้เสียเลย
 เพราะกลัวว่าถ้ากลับบ้านไปตามเวลาปกติเขาจะเห็นพีร์นอนหลับไปก่อนแล้ว

  แต่งานก็ต้องเป็นงาน เพราะว่าพลกฤษณ์นั้นเป็นคนรับผิดชอบต่อหน้าที่ และเมื่อถึงเวลาเลิกงานตอนห้าโมงครึ่งเขาก็ตรงดิ่งกลับไปที่บ้านทันทีอย่างร้อนรน
  พลกฤษณ์หวังว่าพีร์คงจะไม่เหนื่อยอ่อนนอนหลับไปเสียก่อนเพราะว่าเขาเองก็ไม่อยากไปรบกวรการนอนของคนรักเหมือนกัน
  เขาถึงบ้านในเวลาหนึ่งทุ่มกว่า ๆเพราะรถติด เมื่อเขากลับถึงบ้านก็พบว่าพีร์นั้นนอนหลับไปเรียบร้อยแล้ว เขาเห็นอย่างนั้นก็ไม่ผิดหวังอะไรมาก เพราะว่าเวลาของเขากับพีร์ยังมีอีกหลายวัน
 แต่พรุ่งนี้เห็นทีเขาคงต้องขอร้องให้พีร์ไม่ต้องลงแรงทำความสะอาดบ้านมาก ๆ เหมือนวันนี้
พลกฤษณ์มองหน้าพีร์ที่หลับสนิทอย่างเอ็นดู เขาก้มลงไปหอมหน้าผากเบา ๆ ด้วยกลัวพีร์ตื่น และค่อยออกไปหาข้าวเย็นในครัวกิน ก่อนจะกลับมาไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวนอน

“อ่าว ตื่นแล้วเหรอ” พลกฤษณ์ที่ตอนนี้นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกจากห้องน้ำเห็นพีร์ที่ลุกตื่นขึ้นมา
“อืม..” พีร์ตอบแบบงัวเงีย เขาลุกขึ้นมาดื่มน้ำเปล่าในตู้เย็นเล็ก แล้วกลับมานั่งลงบนเตียง เขามองพลกฤษณ์ที่กำลังเช็ดผมอยู่
“คุณแจ๊ค ไปทำงานมาเป็นไงมั่ง”
“ก็ เหมือนทุกวันหน่ะ”
“อืม เปล่า ผมเบื่อ ๆ อ่ะ อยู่บ้านทั้งวันเลย”
“เหรอ” พลกฤษณ์หันมาตอบ แล้วถามต่อ “เหนื่อยมั๊ย”
“ก็นิดหน่อยหน่ะ” พีร์ยิ้ม ๆ พลกฤษณ์เช็ดผมเสร็จพอดีจึงเข้ามานั่งด้วย “แล้วนอนพักมานานหรือยังล่ะเนี่ยะ”
“ก็ทำงานเสร็จตอนประมาณสี่โมงอ่ะ มีอะไรเหรอ” พีร์ถามซื่อ ๆ
“เปล่าผมก็แค่ถามดู” เขาตอบยิ้ม ๆ และโอบพีร์หลวม ๆ จากทางด้านหลัง พลกฤษณ์ค่อยกระซิบ “แล้วอยู่คนเดียวเนี่ยคิดถึงผมบ้างมั๊ย”
พีร์หันไปมองแบบไม่ไว้ใจ เพราะพลกฤษณ์เริ่มลูบไล้ไปตามตัวของเขาอย่างต้องการ พร้อมกับซุกไซร้ที่ท้ายทอยไปด้วย
“คุณแจ๊คอ่ะ อีกแล้วนะ”
พีร์ว่าให้แบบเขิน ๆ แต่พลกฤษณ์ก็ไม่สนใจ เขาจับมือของพีร์มาวางไว้บนลูกชายตัวดีของเขา
“ไม่สงสารมันหน่อยเหรอ”  ชายหนุ่มกระซิบอ้อน ๆ ขณะที่พีร์ยิ้มร้ายเพราะจุดอ่อนของชายหนุ่มมาอยู่ในมือเขาแล้ว เด็กหนุ่มหันหน้าเข้าหาชายหนุ่มที่นั่งแผ่อยู่บนเตียง พีร์ค่อย ๆ สัมผัสทักทายท่อนเอ็นที่อยู่ใต้ผ้าขนหนู พลกฤษณ์หลับตาพริ้ม พีร์ค่อย ๆ เพิ่มน้ำหนักในการปลุกอารมณ์ก่อนจะสอดมือเข้าไปกระชับพิ้นที่ความเสียวซ่านของชายหนุ่ม พลกฤษณ์ครางถูกใจพร้อมกับถอดผ้าเช็ดตัวออกอย่างรวดเร็ว
  ไอ้ตัวแสบชี้หน้าพีร์อย่างท้าทาย พีร์เห็นอย่างนั้นก็ไม่รอช้าที่จะกำมันที่ลำตัว พลกฤษณ์ครางใหญ่ พร้อม ๆ กับน้ำเย้มใส ๆ ของไอ้ตัวดีที่ออกมาเรียกร้องการปลดปล่อยจากพีร์
 “พีคับ ผม..โอยย” พลกฤษณ์พูดออกมาไม่เป็นประโยคเพราะอารมณ์คลุกกรุ่นข้างใน พีร์ยิ้มยั่วก่อนจะเล่นกับไอ้ตัวดีด้วยมือตัวเองอย่างหมั่นเขี้ยว สลับกับพลกฤษณ์ที่คำรามออกมาจากความเสียว
“โอ๊ย ที่รัก..” เขาทรมานเล็กน้อยเพราะพีร์ยังไม่ยอมมอบความชุ่มฉ่ำให้สักที พีร์เห็นอย่างนั้นก็ไม่รอช้าที่จะจัดการ เท่านั้นหล่ะพลกฤษณ์ก็ครางออกมาเสียงดังมากขึ้น เขากดหัวพีร์ให้อมให้สุดโคน เพราะในลำคอของพีร์นั้นดูดส่วนปลายของเขาเหลือเกิน
  พลกฤษณ์นั้นส่งแรงเข้าไปในปากพีร์อย่างเสียวซ่านจนพีร์เองก็จุกคอไปเหมือนกัน เขาจึงค่อย ๆ ปล่อยมันออกมา แล้วหยิบถุงยางอนามัยแบบผิวไม่เรียบมาสวมให้ไอ้ตัวดีแทน
 เพราะร่างกายของพลกฤษณ์และตัวเขาบอกว่าเวลาจริง ๆ ของเกมรักมาถึงแล้ว พีร์ค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าตัวเองออกช้า ๆ อย่างยั่วยวน ถึงแม้เขาจะอวบอ้วนแต่เขาก็มั่นใจในตัวเองมากขึ้นจากการที่พลกฤษณ์ต้องการเขาอย่างล้นเหลือ และพีร์ก็ไม่ลืมที่จะทาเจลหล่อลื่นให้ตัวเองกับไอ้ตัวดี เพราะว่าเกมรักในคืนนี้ คงจะอีกยาวนาน
  พีร์ส่งยื้มท้าทายให้ชายหนุ่มที่ร้องขอตัวเขา เขาไม่รอช้าที่จะสำแหรกตัวเองเข้าไปในท่านั่งบนตักชายหนุ่ม พลกฤษณ์ยิ้มถูกใจ คนรักของเขาช่างร้อนแรงและสวยงามสำหรับเขาจริง ๆ
 ชายหนุ่มร้อยแรงม้านอนมองจ๊อกกี้ร่างอวบที่ควบเขาอยู่ด้วยความเสียวซ่านอย่างถูกใจ เสียงใส ๆ ของพีร์ที่ครางออกมาทำให้เขายิ่งได้อารมณ์ ถึงแม้พีร์จะอวบอ้วนแต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคในการทำรักของเขาเลย กลับกัน เขาชักชอบเนื้อหนั่นนุ่มนิ่มของพีร์มากขึ้น เขาจับมือพีร์สองข้างที่วางบนอกเขา และก็ส่งแรงสวนตัวขึ้นไปด้วยความต้องการเช่นกัน
  เมื่อเขาทนไม่ไหว เขาก็ค่อยกลับตัวให้พีร์ไปอยู่ข้างล่างบ้าง หลากหลายลีลาที่เขาช่ำช่องผ่านไปยกแล้วยกเล่า เขาจัดการเติมรักให้สมที่เขารอคอย ทั้งในวันนี้และหลายเดือนที่ผ่านมา เขาไม่รู้ว่าพีร์กับเขามีความสุขกันนานแค่ไหน แต่เมื่อเขาเห็นพีร์เริ่มอ่อนแรงนั้นเป็นเวลาย่ำค่ำรุ่งเช้า ชายหนุ่มจึงหยุดไว้ เพื่อให้คนรักไม่บอบช้ำอย่างที่กลัว
   
  “มอนี่งครับที่รัก” ชายหนุ่มนั่งลงข้าง ๆ เตียงเพราะยกอาหารเช้ามาให้พีร์ ที่ยังนอนไม่ตื่น
“อืม..” พีร์งัวเงียตื่นขึ้นมา เขาจะลุกขึ้น แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นเบาโหวงชอบกล “กี่โมงแล้วเนี่ยะคุณแจ๊ค”
“จะเจ็ดโมงแล้ว”
“อืม ๆ....แล้วนี่คุณจะไปไหนอ่ะ” เขาถามเพราะเห็นชายหนุ่มหันหลังจะไปอาบน้ำ
“ก็ไปทำงานไง”
“หะ..คุณแจ๊ค ไปทำงานไหวเหรอ เมื่อคืนคุณไม่ได้นอนเลยนะ ไม่ง่วงมั่งหรือไง”
พลกฤษณ์อมยิ้มปราดเข้ามากระซิบหนุ่มน้อย “ไม่ง่วงหรอก แต่อย่างอื่นมากกว่า”
พีร์มองหน้าเหวี่ยง ๆ “เค้าถามเพราะเป็นห่วงนะ”
“น่า ผมไหว” เขาเว้นวรรคและพูดต่อ “เอ หรือว่าคุณไม่อยากให้ผมไปไหนกันแน่หะ”
“พอเลย จะไปไหนก็ไปป่ะ ผมจะนอนก่อนล่ะ อ่อ ขอบคุณมากนะครับสำหรับอาหารเช้า”
“ครับ” พลกฤษณ์รับคำ และหันไปอาบน้ำ พีร์ยิ้มและลุกขึ้นมากินอาหารเช้า เพราะเขากะว่าจะไปส่งชายหนุ่มก่อนทำงาน
“ก็แค่อยากทำอะไรน่ารัก ๆ ให้บ้าง” พีร์คิดอย่างนั้นแล้วก็กินอาหารต่อไป

“ไหนบอกจะนอนต่อไงพี” พลกฤษณ์แปลกใจเมื่อเห็นพีร์ลุกมากินอาหารเช้า
“ก็ตื่นมาอยู่กับคุณก่อนดีกว่า”
  พลกฤษณ์ยิ้มเมื่อได้ยินอย่างนั้น  เขาไม่คิดเลยว่าชีวิตคู่ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยไม่ต้องการ จะให้เขามีความรู้สึกดี ๆ จากเรื่องเล็ก ๆ นี้
  พีร์เข้าไปล้างหน้าแปรงฟัน เพื่อให้จะได้ทันชายหนุ่มที่แต่งตัวเสร็จ เขาเดินไปกับพลกฤษณ์เพื่อไปส่งชายหนุ่มที่โรงรถ ขณะที่เขายืนอยู่นั้น พลกฤษณ์ก็เข้ามากอดเขาจากทางด้านหลัง
“คุณแจ๊ค มีอะไรเหรอ”
“เปล่า ๆ ผมก็แค่อยากกอดคุณเฉย ๆ อ่ะ” เขาตอบซื่อ ๆ พีร์ยิ้มดีใจและหันไปกอดตอบชายหนุ่มอย่างอบอุ่น
“ไปทำงานได้แล้ว” พีร์บอกกับเขา ชายหนุ่มเลยก้มลงมาหอมแก้มพีร์ พีร์เองก็หอมแก้มชายหนุ่มเช่นกัน พลกฤษณ์เห็นอย่างนั้นก็รู้สึกไม่พอ เขาเข้าไปจูบร่างอวบอีกครั้งอย่างดูดดื่ม พีร์เองก็จูบตอบเช่นกัน พลกฤษณ์ในตอนนี้รู้ตัวว่าเครื่องติดแล้ว เขาจึงดันตัวพีร์ให้อยู่บนกระโปรง Ferrari คันหรู เพื่อจัดการปฎิบัติกิจยามเช้าเพื่อตอกย้ำความรักของเขาตามขั้นตอนให้พีร์สุขสมอีกรอบ  พลกฤษณ์ปลดกางกางยีนส์ลงแล้วถอดปราการด่านสุดท้ายเพื่อจะได้ทำหน้าที่อีกครั้งบนรถสปอร์ตอย่างเร่าร้อน เขาจับขาอวบ ๆ ของพีร์พาดบ่าแล้วโหมแรงกระแทกกระทั้นอย่างไม่ปราณี
  พีร์ก็ส่งเสียงร้องครางปลดปล่อยออกมาอย่างสุขสม เขามองหน้าชายคนรักที่มีสีหน้าสุขสมในเกมรัก เขาเองก็เช่นกันที่ก็รู้สึกเพลิดเพลินกับการปฎิบัติกิจนอกสถานที่อย่างนี้

 จนเมื่อลุล่วงใจของสองคนแล้ว พลกฤษณ์ก็ขอตัวไปทำงานเขาไม่ลืมมอบจูบดูดดื่มให้กับคนรักก่อนไปเพื่อตอกย้ำความหวานมันของพวกเขา 
 พีร์ที่เดินกลับมาที่ตัวบ้านก็รู้สึกอิ่มใจแต่ก็แอบเขินอายไม่น้อยที่ผ่านผ้นฉากรักบนกระโปรงรถมา เพราะเด็กหนุ่มก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะทำไปได้


โพสหน้าตอนจบจ้ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 08-06-2010 18:22:16
ขอจิ้มคนแต่งก่อน :z13:

--------------------------

 :haun4:แอร๊ยยยยยยย โรงรถก็ไม่เว้น
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: mayamay ที่ 08-06-2010 19:44:15
อ๊ายยยยยยยยยย  outdoor outdoor

เสียเลือดแบบต่อเนื่องเลยค่า
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 08-06-2010 20:40:30
 :m25: :pighaun: :haun4: :jul1:
 :oo1: :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 08-06-2010 20:45:22
จบชุดใหญ่เมื่อไร   น้องพีร์คงจะเป็นงานมากขึ้นเยอะ    อิอิ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 08-06-2010 21:10:14
แบบว่าอดทนมานาน...คราวนี้คุณแจ็คขอแบบถอนทุนคือ พร้อมคิดกำไรนอกสถานที่ด้วย....คิกคิก

ว๊าาาา จะจบแล้ว

แต่อยากบอกว่าชอบเรื่องนี้มากเลยนะคะ o13
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 08-06-2010 21:22:53
พี่แจ๊คกะพีร์ และโรงรถ มัน.... :jul1:
ตอนจบก็ขอแบบนี้อีกน้าาา  :haun4: (หื่นไปไหน 55+)
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 09-06-2010 03:39:39
แหมเอากันตรงโรงรถเลยเนาะ :m25:
ยังไม่อยากให้จบเลยอ่ะ
อยากให้มีต่ออ่ะ แล้วอยากให้มีตอนที่พีร์หึงแจ็คหรือไม่ก้เจอคู่ขาเก่าแจ็คบ้างอ่ะ
อยากรู้ว่าจะเปนยังงัยอ่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 09-06-2010 13:05:06
พี่แจ๊คกะพีร์ และโรงรถ มัน.... :jul1:
ตอนจบก็ขอแบบนี้อีกน้าาา  :haun4: (หื่นไปไหน 55+)

ขอแบบนี้ด้วยคน แต่เราไม่หื่นนะ  :laugh:

หมดแรงเม้นท์ต่อแหละ  :m25:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 09-06-2010 19:55:29
ตอนพิเศษ 6 (ตอนจบ)

   ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน 7 วัน เขากับพลกฤษณ์ก็แทบไม่ได้ว่างเว้นซึ่งเกมรักกันเลย แต่เข้าวันที่ 3 เขาก็ขอร้องให้เพลา ๆ บ้างเพราะเขาจะไปทำงานกับชายหนุ่มตามปกติเช่นกัน พีร์ไม่ได้เข้าโรงพยาบาลเพราะฟ้าเหลืองอย่างที่กลัว เขาก็มีเหนื่อยอ่อนบ้างจากกิจกรรมรักของเขา  
   บางคืนที่คนทั้งคู่ไม่ได้เติมเต็มความต้องการในเรื่องแบบนั้นกัน พวกเขาแค่นอนกอดกันก็รู้สึกว่ามีความสุขมากมายแล้ว
   พีร์เคยกลัวว่าชายหนุ่มจะเบื่อเร็ว แต่เพราะชายหนุ่มบอกกับเขาว่ากามรสของคู่รักเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต และก็มีโรยร่วงไปตามเวลา แต่ชายหนุ่มบอกว่า ความรู้สึกที่เขามีให้พีร์มันมากกว่าเรื่องแค่นี้
หนุ่มน้อยก็ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น เพราะเขาก็รู้สึกดีและเห็นด้วยกับการหลักการของผู้ชายที่เขารัก
   และวันที่พ่อแม่ของพลกฤษณ์กลับมาบ้านก็มาถึง คนทั้งสองเล่าให้ฟังว่าไปทำอะไรมาบ้างที่ต่างประเทศ พีร์สังเกตว่าพอลไม่ได้กลับมาด้วยถึงถามไป
“อ่าว แล้วน้องพอลล่ะครับม้า”
“อ่อ พอลเหรอลูก” เธอตอบยิ้ม ๆ “ตาพอลติดเล่นกับลูก ๆ ของพี่คนโตแจ๊คจนไม่อยากกลับมา ม้าเห็นว่าให้แกไปอยู่นู่นจนกว่าจะเปิดเทอมก็ดีเหมือนกัน แกจะได้มีเพื่อนเล่น”
“ระ ...เหรอครับ” พีร์ตกใจเช่นกัน เพราะเขาเองก็คิดถึงเด็กน้อยไม่ใช่เล่น
ส่วนพลกฤษณ์ยิ้มดีใจ เพราะว่าพระเจ้าคงจะขยายเวลาหรรษาของเขาไปอีกหนึ่งเดือนเลยทีเดียว เขาโอบไหล์พีร์แล้วยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาอย่างมีความหวัง
  
   เมื่อพอลไม่อยู่ ทำให้คนเป็นพ่อแม่จำเป็นที่เมืองไทยสามารถใช้ชีวิตในด้านที่เป็นผู้ใหญ่ได้ในเวลากลางคืน คืนนี้เองก็เช่นกันที่พลกฤษณ์กับพีร์ออกท่องราตรีในผับดังย่านสุขุมวิท ในครั้งนี้พลกฤษณ์ก็นัดเจอเพื่อนอีกหลายคนเพื่อพบปะกันตามปกติ
 “เดี๋ยวนี้ออกเที่ยวได้นะไอ้แจ๊ค” เพื่อนคนนึงแซวเพราะช่วงหลัง ๆ มานี้เขาไม่ค่อยออกไปไหนเท่าไหร่
“แหม แกก็ไปแซวมัน ก็คนเค้ามีแฟนอยู่บ้านจะให้ออกมาหาเด็กเหมือนพวกเราเหรอวะ” เพื่อนอีกคนสมทบ พลกฤษณ์ยิ้ม ๆ ไม่พูดอะไร นอกจากบอกว่า
“ก็หา ๆ สิวะ คนอย่างชั้นยังหาได้ แล้วพวกแกไม่คิดจะมีลูกมีเมียกันไงวะ แก่ ๆ กันแล้ว”
“โห ใครจะเหมือนคุณล่ะครับไอ้คุณแจ๊ค ไม่ต้องทำอะไรมากก็มีแต่คนเข้ามาหา แล้วว่าแต่น้องพีนี่คิดยังไงมาอยู่กับมันครับ ไม่กลัวมันไปมีกิ๊กที่ไหนเหรอ”
“ก็ ช่างเค้าสิครับ” พีร์ตอบเชิด ๆ และมองชายหนุ่มที่โอบไหล่ตัวเองอยู่อย่างงอน ๆ
“ไอ้นี่ ถามเรื่องอื่นได้มั๊ยเนี่ยะ” พลกฤษณ์บอกกับเพื่อนตัวเอง
“ก็ ไม่เห็นเหรอว่าโต๊ะนู้นหน่ะ มีคนมองแกอยู่”
“หะ” พลกฤษณ์แอบตกใจ ส่วนพีร์เองก็มองตามทันที
พลกฤษณ์จำได้นั่นมัน แกสบี้ นายแบบหน้าเกาหลีที่เคยเป็นคู่ควงเขาช่วงนึงนี่นา พีร์มองพลกฤษณ์กับแกสบี้สลับกันอย่างคาดคั้นเพราะเมื่อก่อนเขาเองก็รู้ข่าวนี้เหมือนกัน
“เฮ้ย นั่นมันน้องแกสบี้ที่แกเคยควงไม่ใช่เหรอวะแจ๊ค” เพื่อนคนนึงพูดขึ้นมา เพราะนึกออก พลกฤษณ์ยิ่งทำหน้าเซ็งโลกเข้าไปใหญ่
 แต่อตีดคู่ขาของชายหนุ่มไม่รอช้า เด็กหนุ่มรีบเข้ามาขอนั่งด้วยอย่างไม่แยแสว่าพลกฤษณ์มากับใคร นายแบบหนุ่มแทรกร่างบางของตัวเองมาขอนั่งข้าง ๆ พลกฤษณ์ด้วยอย่างมั่นใจ
 “หวัดดีครับป่าปี๊” แกสบี้ทักทายพลกฤษณ์ที่ตอนนี้เริ่มหวั่นใจคนข้าง ๆ เขามองพีร์ที่นั่งนิ่ง ๆ เก็บความรู้สึกอย่างเป็นห่วง
“โหย น้องแกสบี้นี่ยังไม่ลืมไอ้แจ๊คอีกเหรอครับ” เพื่อนอีกคนพยายามช่วยเพราะเห็นบรรยากาศเริ่มเงียบลงจากการเย็นชาของพีร์ที่นั่งอยู่อีกข้างหนึ่งของพลกฤษณ์
“แหม ใครจะลืมป่าปี๊ได้ลงละครับ ก็ป่าปี๊หน่ะ ฮอท ขนาดไหน” แกสบี้ทำเสียงน่าหมั่นไส้เพื่อยั่วยุให้คนรักต้องแตกกัน
“ก็ดีแล้วหนิที่ไม่ลืมผม อ่อ แกสบี้ครับ วันนี้นึกไงออกมาเที่ยวล่ะ” พลกฤษณ์ถามเรียบ ๆ
“ก็แหม เค้าเที่ยวประจำหล่ะ ป่าปี๊จำไม่ได้เหรอเมื่อก่อนที่เราเที่ยวกันทุกคืนเลยนะ แต่ก็ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าวันนี้เค้าจะมาเจอป่าปี๊ที่นี่อีก”
    แกสบี้ส่งสายตาแบบมืออาชีพจิกข้ามหน้าข้ามตาพีร์อย่างไม่ยี่หร่ะ พีร์รู้สึกอึดอัดมากแต่ก็ยังนิ่งไว้
“ก็นั่นมันเมื่อก่อน ไม่เห็นเหรอว่านี่ผมมากับแฟน”
“อุ๊ย แฟน” นายแบบหนุ่มทาบอกตกใจอย่างดัดจริต
“ต๊ายย ตายแระ ขอโทษนะ พอดีไม่เห็นว่าเธอนั่งอยู่ตรงนี้ ว่าแต่ในผับนี้เค้าให้ถังแก็สเข้ามาได้ด้วยเหรอเนี่ยะ”
พีร์ส่งสายตาด่าแกสบี้อย่างไม่พอใจ ส่วนเจ้าตัวลอยหน้าลอยตาไม่รับรู้ เพื่อน ๆ ของพลกฤษณ์เห็นอย่างนั้นก็อยากจะออกปากไล่เด็กหนุ่มช่างยุไปเสียตอนนี้เหมือนกัน ส่วนพลกฤษณ์เองก็ตกใจและเป็นห่วงพีร์ขึ้นมาทันทีเพราะเจ้าตัวไม่ชอบให้ใครมาจิกกัดเรื่องความอ้วนของตัวเอง
“นี่ ๆ พูดอะไรเกรงใจแฟนผมมั่ง มีอะไรก็คุยกันดี ๆ” พลกฤษณ์ไม่สบอารมณ์
“แหม คำก็เกรงใจ สองคำก็เกรงใจ เมื่อก่อนไม่เห็นว่าป่าปี๊จะ “เกรงใจ” เค้ามั่งเลย”
 ร่างบางเน้นคำว่าเกรงใจไปในทางนั้น พีร์แทบหมดความอดทนลงตรงหน้า แต่ก็ยังนิ่ง
“พอเลย มาทักทายแค่นี้ก็กลับไปได้แล้ว บรรยากาศเสียหมดเลยรู้มั๊ย”
“แหม ป่าปี๊อ่า” เด็กหนุ่มข้ามไปนั่งตักอีกฝ่ายอย่างยั่วยวน “อย่าพูดอย่างนี้สิ ไม่เบื่อรสชาติเดิม ๆ บ้างเหรอ กินแต่อะไรอืด ๆ ทุกวันอย่างนี้ไม่ดีนะ”
พีร์เห็นอย่างนั้นก็หมดความอดทน เขาลุกพรวดขึ้นมาพูดใส่หน้านางอิจฉาในวันนี้ว่า
“ถึงผมจะอ้วนยังไงก็ไม่ได้เดือดร้อนคุณ” เขาพูดจบพร้อมกับสาดเหล้าใส่หน้านายแบบหนุ่มอย่างไม่พอใจ และก็วิ่งออกไปจากในร้านทันที
พลกฤษณ์เห็นอย่างนั้นลุกให้ร่างบางที่นั่งตักร่วงลงพื้น เขาบอกเฉียบขาดก่อนไปว่า “อย่ามายุ่งชีวิตของผมอีก!” แล้วรีบวิ่งตามพีร์ออกไปทันที

 เขามองไปหน้าร้านก็เห็นว่าพีร์กำลังเรียกแท็กซี่อยู่ เขาไม่รอช้าที่จะคว้าแขนพีร์และบอกให้แท็กซี่ไป
“ปล่อย! อย่ามายุ่ง”
“ได้ไงอ่ะ ผมทำอะไรผิด”
พีร์ไม่ตอบแต่อยากจะร้องไห้ออกมาเพราะว่ารู้สึกโกรธมากที่เจอแกสบี้มาหยามเขาเมื่อสักครู่นี้และรู้สึกหมั่นไส้ที่อีกฝ่ายพยายามทวงความเป็นเจ้าของในตัวพลกฤษณ์ให้เขารู้
“คุณจะไปกับเค้าก็ไป”
“พีคุณฟังผมบ้างสิ”
พีร์มองหน้าชายหนุ่มนิ่ง ๆ อย่างขัดเคือง
“เค้าอิจฉาคุณที่คุณ เอ่อ เป็นคนที่ผมรัก นี่คุณไม่เลยดูละครเหรอที่นางอิจฉามันชอบมาทำแบบนี้อ่ะ”
“แล้วคุณเห็นมั๊ยว่าผมทำอะไรกับเค้ารึยัง”
เขาบอกให้พีร์คิด พีร์นิ่งเงียบเพราะคิดได้
“นี่ เรื่องรูปร่างของคุณหน่ะ ใครจะว่าไงก็ช่างมันสิ คุณไปยืนบนหัวเค้าหรือไงล่ะ”
พีร์สีหน้าดีขึ้น พลกฤษณ์เลยกระซิบเบา ๆ สมทบ “หัดมั่นใจเหมือนตอนที่แก้ผ้าให้ผมดูหน่ะ”
พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็ทุบชายหนุ่มด้วยความเขิน “ให้มันได้อย่างนี้สิคุณแจ๊ค” เขาคิดในใจ
“เฮ้ออ หมดสนุกเลย เอางี้ เดี๋ยวผมพาไปต่อที่อื่นนะ”
“ไปไหนอีกล่ะ” พีร์ถามต่อเพราะอยากกลับแล้ว
“เอาน่า รับรองว่าคุณต้องชอบ”
     ชายหนุ่มขับ Ferrari California สีดำ พาพีร์ออกนอกตัวเมืองเข้าสู่พัทยา ตั้งแต่ออกมอเตอร์เวย์ได้ เขาก็เปิดประทุนรับลม และมาถึงถนนเลียบชายหาดในเวลาไม่ช้า
   เขาค่อย ๆ ชะลอเครื่องรับลมทะเลและพลางมองหน้าคนข้าง ๆ ที่ดูมีความสุขอย่างเป็นสุขไปด้วย เวลาเข้าสู่เที่ยงคืนกว่าแล้วคนทั้งสองก็จึงตัดสินใจกลับกัน
  ระหว่างทางพลกฤษณ์กระซิบบอกกับพีร์อย่างขอความเห็น
“พีร์ คืนนี้คุณอยากเปลี่ยนบรรยากาศมั๊ย”
“เปลี่ยนบรรยากาศ?”
“อืม ใช่ แบบว่า เราไปลองไปนอนที่ม่านรูดกันมั่งมั๊ย”
“จะบ้าเหรอคุณแจ๊ค” พีร์แหวขึ้นมา “ทำไมล่ะ”
“ก็ น่าตื่นเต้นดีออกไมสนใจเหรอ”
พีร์ยิ้มยั่วทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น เพราะเขาก็เคยได้ยินมาว่าบรรยากาศในโรงแรมม่านรูดนั้นช่างปลุกเร้าอารมณ์เพียงใด เขาเองก็อยากลองดูเหมือนกัน  
“ว่าไง”
“ก็เอาสิ” พีร์ตอบยิ้ม ๆ ทำให้พลกฤษณ์ต้องให้พีร์ใช้โปรแกรมในมือถือช่วยเสริชหาโรงแรมม่านรูดในตัวเมืองพัทยาทันที
 และคนทั้งสองก็ได้พักสมใจ พลกฤษณ์ไม่รอช้าที่จะเลี้ยวเข้าไปตามคำบอก และก็ให้ทิปพนักงานตามธรรมเนียม เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ไม่ผิดหวัง เมื่อพบที่นอนทรงกลมและกระจกเงาที่ติดไว้โดยรอบ เมื่อเปิดไฟก็เห็นว่าแสงไฟในห้องนั้นจัดไว้สำหรับภารกิจของคู่รักและคู่นอนโดยเฉพาะ
    พีร์เองที่เพิ่งเข้าม่านรูดเป็นครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นกับภาพที่เห็นตรงหน้า เขาจึงมองไปรอบ ๆ อย่างสำรวจ
พลกฤษณ์ที่เพิ่งรับกุญแจจากพนักงาน จัดการล็อกประตูห้องทันที เขาโอบไหล่ของพีร์ที่มองไปในกระจกแล้วมองกระจกเช่นกัน
“เราเหมาะสมกันมากเลยเนอะ” พลกฤษณ์พูดขึ้นมา พีร์หันไปยิ้มให้และพยักหน้าตอบรับอย่างเสียไม่ได้
  “ไปอาบน้ำก่อนนะ” พีร์บอกอย่างนั้น พลกฤษณ์ก็ยิ้มแล้วบอกว่า
“ไปด้วยสิ”
พีร์ยิ้มรับ รู้แล้วว่าชายหนุ่มหมายถึงอะไร  พวกเขาก็ไม่รอช้าทันที่จะไปชำระล้างร่างกายกันในห้องน้ำ
     สายน้ำเย็นฉ่ำจากฝักบัวทำให้พีร์และพลกฤษณ์ต่างก็ลูบไล้กันและกันไปมาอย่างต้องการ พีร์มองดูผิวขาวสะอาดไร้รอยใด ๆ ของชายหนุ่มอย่างพึงใจ ก่อนจะฝังจูบลงบนอกหนานั้นตามความต้องการข้างใน
 ชายหนุ่มครางอืออย่างพึงใจและก็ย้ายมือไปโลมไล้สะโพกอวบอิ่มของพีร์ตอบแทน สักพักเขาก็สบู่เหลวลงบนตัวพีร์และเขาเพื่อจะอาบน้ำกันจริง ๆ
   พวกเขาออกจากห้องน้ำมาต่อที่เตียงนอนในสภาพเปลือยเปล่าทั้งคู่ พลกฤษณ์ไม่รอช้าที่จะมอบความหรรษานอกสถานที่ให้กับพีร์ คนทั้งคู่ต่างโลมเล้ากันและกันอีกรอบ และประกอบกายเข้ากันตามความต้องการในเวลาต่อมา
  พีร์ที่ตอนนี้อยู่ในท่าคลานเข่ามองตัวเองกับพลกฤษณ์ในกระจกที่กำลังเติมรักอย่างเร่าร้อน เขารู้สึกร้อนร่านขึ้นเมื่อเห็นเงาของตัวเองกับคนรัก จึงตอบสนองความต้องการของคนรักมากขึ้นโดยการเด้งสะโพกสวน พลกฤษณ์เห็นอย่างนั้นก็โน้มตัวลงมาคว้าคางคนรักเพื่อมอบจูบเย้ายวนให้ พีร์ค่อยคลายขาลงเพื่อให้ตัวแนบที่นอนและค่อยประคองหน้าชายหนุ่มรับจูบเช่นกัน
   พีร์รู้สึกว่าตัวเขาตั้งแต่ตกลงปลงใจกับพลกฤษณ์นี่ช่างร้อนแรงขึ้นทุกวัน ๆ จริง ๆ

   พีร์กับพลกฤษณ์ใช้ชีวิตด้วยกันมาร่วมปี ทำให้เป็นที่จับตาของสังคมวงกว้างว่าคู่รักที่เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่จะเป็นอย่างไรหลังตกลงปลงใจกันจริงจัง  วันนี้เขาได้รับการติดต่อจากพิธีกรปากกล้ามาดเด็กนอกคนดังที่ขอมาซอกแซกชีวิตของเขาและสัมภาสน์แบบเจาะลึกถึงบ้านตามสไตล์
  พลกฤษณ์กับพีร์ยินดีที่ได้รับเชิญ พลกฤษณ์พาพิธีกรหนุ่มหัวนอกเดินดูบ้านและโรงรถ และให้พิธีกรหนุ่มลองขับรถบางคัน จนเข้าสู่การสัมภาสน์ที่วันนี้คนทั้งประเทศจะได้เห็นหน้าพีร์เป็นครั้งแรกจริง ๆ .

“พวกคุณอยู่ด้วยกันมากี่เดือนแล้วครับ” ชายหนุ่มสัมภาสน์
“เข้าเดือนที่ 9 แล้วครับ” พลกฤษณ์ตอบ
“เป็นไงมั่ง ชีวิตพวกคุณแฮ๊ปปี้ดีมั๊ย คุณพีว่าไงครับ”
“ก็เรื่อย ๆ หน่ะครับ” พีร์ตอบเรียบ ๆ
“เรื่อย ๆ นี่คือยังไงฮะ”
“ก็ปกติเหมือนตอนที่เราอยู่ด้วยกันเดือนแรก มีทะเลาะกันบ้างนิดหน่อย แต่ก็เรื่อย ๆ อ่ะครับ”
“คุณแจ๊คเป็นคนหวานมั่งมั๊ย” เขาถามพีร์ต่อ
“ก็ ครับ หวานบ้าง”
“ไหนลองยกความหวานมามั่งสิ ไอ้ที่ผมเห็นในยูทูปที่คุณแจ๊คไปร้องเพลงง้อคุณในผับนี่ใช่มั๊ย”
“ก็ ครับ” พีร์ตอบเขิน ๆ
“แล้วไม่กลัวความเจ้าชู้ของคุณแจ๊คมั่งเหรอ”
พีร์คิดสักพักแล้วตอบไป “ก็ เมื่อก่อนก็กลัวนะครับ ตอนนี้ไม่แล้ว”
“ทำไมล่ะ เค้าทำอะไรให้คุณรู้สึกว่าเค้าหยุดที่คุณ”
“ไม่รู้อ่ะครับ ความรู้สึกของผมมันบอก”
“คุณแจ๊ค แล้วอะไรทำให้คุณหยุดกับคนคนนี้”
“ความเป็นตัวเค้าครับ ผมคิดว่า ตั้งแต่ผมรู้จักกับพี ชีวิตบางส่วนที่ผมขาดก็มีเค้ามาเติมเต็ม”
“ยังไง”
“ก็ความเป็นตัวเค้านี่หล่ะครับ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าการที่ผมกล้าที่จะรักใครจริง ๆ มันไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป”
“แล้วแต่ก่อนคุณมีมุมมองต่อความรักยังไงล่ะ”
“ก็อย่างที่เห็นหน่ะครับ คือ จริง ๆ ผมไม่มีเลยนะ ผมไม่เชื่อในความรักใด ๆ ทั้งสิ้น ผมคิดแค่ว่าผมเป็นอย่างนี้ผมใช้ชีวิตให้คุ้มค่าตามความพอใจที่จะเจอคนใหม่เรื่อย ๆ สั้น ๆ ก็พอแล้ว”
“คือคุณพีเค้ามาทำให้คุณเปลี่ยนไปว่างั้น”
“ครับ ใช่ครับ”
“โอเค เรื่องของชีวิตคู่ทั่ว ๆ ไปเนี่ยะเราก็ต้องยอมรับกันว่า เซ็กส์ ก็เป็นเรื่องสำคัญอีกอย่าง แล้วคู่รักผู้ชาย ผู้ชายอย่างพวกคุณเนี่ยะ มันสำคัญมากมั๊ย”
“สำคัญครับ แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด” พลกฤษณ์ตอบ
“ยังไงครับ ไหนผมอยากให้คุณพีร์ได้อธิบาย”
“ก็ อย่างที่คุณแจ๊คว่าหน่ะครับ แต่เหนือสิ่งอื่นใดผมเชื่อว่า เราสองคนอยู่กันแบบนี้เพราะว่าเราพยายามทำความเข้าใจกันมากกว่า”
“แล้วอยู่ด้วยกันมาจะ 9 เดือนนี่ ผมไม่ถามนะว่าคุณคาดหวังอะไร แต่ผมอยากรู้ว่า  ตอนนี้พวกคุณมีความสุขกันดีใช่หรือไม่”
คนทั้งสองมองหน้ากันแล้วพยักหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะตอบว่า “ครับ ใช่ครับ”
“โอเค สุดท้ายนี้ในฐานะที่พวกคุณเป็นคู่รักชายชายที่เป็นที่รู้จักของทุกคน คุณมีอะไรอยากจะบอกผู้ชมทางบ้านที่กำลังดูอยู่ตอนนี้มั๊ย”
“ครับ” พลกฤษณ์รับคำก่อนจะหันมาบอกว่า “ผมรู้ดีว่าพวกผมเป็นเหมือนตัวประหลาดของสังคม แต่ผมอยากให้สังคมยอมรับพวกผมที่คุณค่าในความสามารถมากกว่าการที่พวกผมมีชีวิตที่หรูหราอย่างที่เห็น ผมมั่นใจนะครับว่าชาวเราหลายคนเป็นคนดี แต่ขาดโอกาสในสังคม ก็ผมเป็นแค่คนเล็ก ๆ ที่อยากจะบอกกับทุกคนว่า ชาวเราอย่างพวกผม ก็มีคุณค่าในตัวเองไม่ต่างจากชายหญิงทั่วไป ครับ”

“วันนี้ ผมได้มีโอกาสมารู้จักกับ “แจ๊คตัวพ่อ” ผู้ชายที่เป็นตัวของตัวเอง....ผู้ชายที่รักความเร็ว...ผู้ชายที่รักครอบครัว แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้น ผู้ชายคนนี้ก็รักผู้ชายอีกคนอย่างแท้จริง...ราตรีสวัสครับพี่น้องชาวไทย”

“โหยย” พีร์อุทานออกมาหลังดูรายการที่ออกอากาศจบ “คุณแจ๊คในทีวีดูดีมากเลยอ่ะ”
“จริงเหรอ”
“อืม ๆ” พีร์สมทบต่อ“เดี๋ยวรอดูเหอะพรุ่งนี้นะ คนมาเต็มโชว์รูมแน่”
“มาจีบผมเหรอ”
“เอาเลย” พีร์งอนขึ้นมาเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“หน่ะ หึงผมเลยใช่มั๊ยล่ะ”
“ใครหึง”
“น่า ผมดีใจนะที่คุณหึงผมอ่ะ”
พีร์เขินไม่ตอบอะไร พลกฤษณ์เข้ามากอดร่างอวบหลวม ๆ อย่างแสนรัก
“ที่รักคับ”
“หืม”
“ผมดีใจอย่างที่บอกในรายการนะว่าได้เจอคุณ” เขาเว้นวรรค “จริง ๆ นะ”
“ผมก็เหมือนกัน”
   คนทั้งสองนอนมองหน้ากันอย่างเข้าใจและสวมกอดกันอย่างอบอุ่น ความรู้สึกเปี่ยมสุขอบอวลขึ้นมาจากความรู้สึกข้างในที่สื่อออกมาของคู่รักโดยไม่สามารถกลั่นเป็นคำพูดใด ๆ ออกมาได้แต่คนทั้งสองก็รับรู้จากใจที่สื่อสารกัน

จบจริง ๆ จ้ะ


ขอบคุณมาก ๆ สำหรับการติดตามค่ะ

คุณ BeeRY  และคุณ railay คะ ขอบคุณมากค่ะ ที่ยังคิดตามกันเหนียวแน่น  และก็ผู้อ่าน ทุก ๆ คนมากเลยนะคะ

คุณ bbyuqin  คะ เรื่องของน้องพีร์คงจะยืดไปไม่ได้แล้วหล่ะค่ะ เดี๋ยวเป็นละคร ช่อง 7 ยืดเรียกเรตติ้งพอดี ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะสำหรับการติดตามที่เหนียวแน่นและชอบเรื่องของน้องพีร์นี้

เจอกันใหม่เรื่องหน้าค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 09-06-2010 20:13:47
สุขใจ เหมือนได้กลับไปเป็นสาวๆ อีกครั้งนึง

เอาใจช่วยในทุกเรื่องค่ะ จะตามไปอ่านนะค่ะ ด้วยความรัก จากอีป้าแก่ๆ ค่ะ +1
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 09-06-2010 20:16:36
จบแล้ววววว  :pig4:
เฮียแจ็คกะนู๋พีร์มีความสุข คนอ่านก็มีความสุข

+1 ให้เปงกำลังใจนะคะคุณน้ำพริก
ว่างๆก็อย่างลืมแต่งเรื่องใหม่ให้ได้อ่านอีกน๊า
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 09-06-2010 20:17:57
จบได้สวยงามมากๆค่ะ  o13

น้องพีร์เนี่ยยิ่งอยู่กับคุณแจ็ค ยิ่งร้อนแรงไม่พอ คุณแจ็คก็หื่นมากกว่าเดิมด้วยด้วยมั้ง เหอเหอ...ไปเปลี่ยนบรรยากาศกันนอกสถานที่ ร้อนแรงจริงๆ :haun4:

ขอบคุณไรท์เตอร์สำหรับเรื่องดีๆเรื่องนี้นะคะ..ชอบมากๆๆๆ แบบว่าเหมือนชีวิตคนคนนึงอ่ะ อินไปกับตัวละครของน้องพีร์ ที่ต้องไปเผชิญ อะไรมากมาย ไม่ใช่หนุ่มบริสุทธิ์ ไม่ได้ตัวเล็ก บอบบางปากแดง ดูคิกขุ ออดอ้อนเหมือนเรื่องอื่นไที่อ่านมา แต่อย่างน้อยในสุดท้ายคนดีๆอย่างน้องพีร์ ก็ได้เจอคนที่ใช่มาดูแล ...
พออ่านแล้วก็ทำให้มีกำลังใจนะเนี่ย คึคึ ... แบบว่า ไม่ได้หุ่นดี สวยเด้ง แอ๊บ แบ๊ว แบบสาวเกาหลี แต่ซักวันคนที่ใช่ก็จะมาเอง....

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ....รอติดตามเรื่องใหม่นะคะ  :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 09-06-2010 21:58:40
ว้า..........จบแล้วอ่ะ ใจจริงไม่อยากให้จบเลยอ่ะ
แต่ในที่สุดพีร์ก้มีความสุขกะเค้าเสียทีนะ
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 09-06-2010 22:26:47
ดีใจกับพีร์ด้วย ในที่สุดก็มีวันที่ออกมาจากเงา มาอยู่ในที่สว่างและมีคนเคียงข้าง

ชอบนิยายเรื่องนี้จัง ตัวละครไม่ flat มี เหลี่ยมมีมุม มีมิติดี
 :pig4:เป็นกำลังใจให้และรอเรื่องต่อไปนะคะ
 :mc4:

ปล. ขออภัยก่อนหน้านั้นไม่ได้คอมเม้นท์เลย เพราะมัวแต่ไปติดเกาะอยู่ กับมาอีกที บร๊ะเจ้า!! ร้อนแรงกันมาก  :haun4: คึคึ
 

หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 09-06-2010 22:33:32
โชว์รูมอยู่ที่ไหน

หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: maicy ที่ 09-06-2010 22:36:44
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษ เเละเขียนเรื่องให้ได้อ่านกันค่ะ  รอติดตามผลงานนะคะ ช่วงเทศกาลก็มีตอนพิเศษของพี่เเจ๊คกับน้องพีได้นะคะ อิอิ 
ปล. รักษาสุขภาพค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Lucio ที่ 10-06-2010 00:25:54
จบแล้วหรอ - -

ม่ายยยย


รอเรื่องต่อไปอยู่นะค้าบบ เอาใจช่วยเสมอ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 10-06-2010 10:21:09
เข้ามาขอบคุณทุก ๆ คนอีกครั้งนึงค่ะ

ขอบคุณจากใจจริง ๆ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 10-06-2010 10:43:35
โย่วๆๆ จบลงอย่างสวยงามมีความสุขกันทุกคน  :mc4:
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ และการมาต่อเรื่องอย่างสม่ำเสมอนะคะ ถ้ามีผลงานใหม่เมื่อไรเอามาแบ่งให้อ่านกันบ้างนะคะ  :-[
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 10-06-2010 15:19:07
พีร์มีความสุข เราก็มีความสุขไปด้วย อิอิ :-[
ตอนจบตามที่รีเควสท์ 55+ เลือดกำเดาแตกหลายลิตร :haun4:
ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายสนุกให้อ่าน รออ่านเรื่องใหม่น้าาาา :กอด1:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: rinnirrin ที่ 13-06-2010 04:01:55
ชอบมากมาก ลุ้นสุด ชวนติดตามมากมาก
อ่านๆไปแล้วอยากให้มีมาทำเป็นซีรี่จังเลย
อ่านไปแล้วอารมณ์เหมือนได้ดู Gossip Girl ยังไงอย่างนั้นเลย
มีเหตุการณ์ให้ลุ้นตลอด ชอบมากมาก

จะรอติดตามผลงานของไรท์เตอร์อันอื่นๆต่อด้วย
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 19-06-2010 23:51:21
เรื่องราวสนุกมากจ้า หน้าเทศกาลก็แอบแต่งตอนพิเศษมาบ้างน้า^^
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 20-06-2010 01:13:56
 :z1: ได้อีกอ่ะ เฮ่อในที่สุดก็สมหวังน้าพีร์จัง และ คุรแจ็ค เหอๆ




แอบชอบตอนสัมภาษณ์อ่ะ แบบว่าอารมณ์เหมือนวูดดี้มาถามจริงๆ 555555 เป็นแบบเฉพาะตัวที่เป็นคนอื่นไปไม่ได้ 66666


ขอบคุรนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 20-06-2010 21:35:03
 o18จบแล้วววววววววววววววววววววววววววว o13
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: MrTeddy ที่ 23-06-2010 20:16:28
 o13 เยี่ยมยอดมาก
Happy Ending  :L2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: shogun chai ที่ 25-06-2010 22:34:18
นิยายชิ้นเอกชัดๆ เป็นหนึ่งเรื่องที่ประทับใจมาก   :o8:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: pidoma ที่ 30-06-2010 01:12:14
 o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: pupuzaa ที่ 30-06-2010 20:18:03
 :m15:จบแล้วเหรอ

ชอบมากๆอ่ะ :impress2:

 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: the_pupae ที่ 09-07-2010 10:41:31
อ่านรวดเดียวเลยคร้า ประทับใจมากลุ้นๆว่าใครจะเป้นตัวจริงของน้องพีร์

วะ ฮะ ฮ่า แล้วเราก้อไม่ผิดหวัง

คุณแจ๊คน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 07-08-2010 18:59:45
สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านที่รักทุก ๆ คน

ขอบคุณค่ะ สำหรับการติดตามที่เหนียวแน่น

และจากการเรียกร้องของคุณผู้อ่านที่บอกว่า" ถ้ามีโอกาศพิเศษ ก็อย่าลืมเขียนตอนพิเศษมาบ้าง"

และโอกาศพิเศษนั้นก็มาแล้วค่ะ

เพราะว่าอีก 1 เดือนกับ 5 วัน จะเป็นวันเกิดของคนแต่งค่ะ ก็เลยอยากมอบของขวัญให้ผู้อ่านในโอกาศพิเศษนี้บ้างอ่าค่ะ


..เตรียมตัวพบกับ เฮียแจ๊คกับน้องพีร์ ได้ที่นี่ เร็ว ๆ นี้ค่ะ ..
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 07-08-2010 19:10:46
จะอดใจรอตอนพิเศษค่ะ ขอแบบพิเศษหลาย ๆ ตอนเลยนะคะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 07-08-2010 19:44:12
กรี๊ด!!!!! ตอนพิเศษ
รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 09-08-2010 22:44:57
รอๆๆๆตอนพิเศษ...อยากอ่านค่ะ  :mc4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 10-08-2010 14:18:53
อ่า ในที่สุดก็แฮปปี้

อิจฉาพีร์จังน้า

มีคนรักมากมายขนาดนี้
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 12-08-2010 02:24:46
ประทับใจมากปิดฉากได้สวยงามจริง ช๊อบชอบ  แต่อยากได้ เอนซีอ่า มาต่อด่วน
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 16-08-2010 18:11:06
ตามมาที่กระทู้นี้เลยนะคะ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17736.msg1065289#msg1065289

ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 16-08-2010 20:26:58
ตามไปทันทีค่ะ....ขอไปเม้นท์ให้ทู้นู้นน๊าาาา
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: kokikung ที่ 18-08-2010 03:49:54
อ่าเรื่องนี้แล้วแบบรักและยกย่องแพรวเลยอ่า

ผู้หญิงอะไรใจกว้างเท่ามหาสมุทร

แบบพีก็น่ารักแต่เรื่องความรักอย่างว่าห้ามกันไม่ได้แต่ดีนะสุดท้ายมาเจอแจ๊ค

ไม่งั้นไม่รู้จะเป็นไง

แอบอิจฉาพีนะ 5555++

โชคดีจริงๆๆเลยนะเนี่ย

อ่านตอนพี่หยกเรียกว่าน้องพีแล้วจะร้องไห้มันแบบ

ตอนแรกอ่านพี่หยกกับพีแล้วรู้สึกดีมากๆๆๆๆ

ถึงจะผิดแต่ชอบนะช่วงนั้น

แต่ยอมรับเลยพี่หยกนี้รักพีจริงๆๆรักแบบในฉบับคนไม่เคยมีรักอ่านะ 555++

ตามไปอ่านพาทต่อไป

คึคึ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: thehackzzi ที่ 15-09-2010 16:56:06
ขอบคุณท่าน น้ำพริก มากๆ เลยนะครับ ที่ได้แต่งเรื่องนี้มาให้อ่าน

ยอมรับนะครับว่า เรื่องนี้ แปลก แหวกแนวมาก จากที่ผมเคยอ่านมา

เพราะมันเหมือนกับชีวิตจริงเลยก็ว่าได้ อ่านไปลุ้นไป แอบหงุดหงิดไปเป็นครั้งคราว

พีร์ หนุ่มน้อยร่างอวบ เป็นเรื่องแรกจริงๆ ที่ผมอ่านมาว่านายเอกเราจะมีรูปร่างแบบนี้ ซึ่งเพิ่มอรรถรถในการอ่านเป็นอย่างมาก

ศิลา หนุ่มใหญ่ ใจแข็ง สมชื่อ แต่มุ่งมั่นที่จะรักหน่มน้อยที่ชื่อพีร์

และอื่นๆ อีกมากมาย

แอบถาม จขกท หน่อยครับ ไม่แน่ใจว่าเป็นคนใต้หรือเปล่าครับ และเป็นคนเชื้อสายจีนด้วยหรอ

ทำไมถึงเก่งภาษาจีนจัง หรือว่าเก่งเป็นอย่างนี้จริงๆอยู่แล้ว(ของชีวิตนักเขียนจริงๆ)

เอาเป็นว่า ขอบคุณมากมายนะครับ

ที่จริงอยากที่ระบายความรู้สึกของเรื่องนี้ให้ยาวกว่านี้

แต่มันพูดได้คำเดียวเท่านั้น เกินคำบรรยายครับ

จบ

ปล. ชอบแนวการเขียนของท่านมากนะครับ เรียบๆ สบายๆ คำพูดอ่านแล้วเข้าใจง่าย ไม่สำบัดสำนวนเกินไป ดีเยี่ยมครับ(อย่าลอยนะครับ อิอิ)
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dragonnine ที่ 19-09-2010 21:05:51
ขอบอกคำเดียวสั้นๆ นะครับ ว่าเรื่องนี้สุดยอดจริงๆ

ชอบเนื้อเรื่องที่บอกความรู้สึกของตัวละคร ทุกคน ต่างจากเรื่องอื่นๆ ที่เราจะรู้ความรู้สึกเพียงแค่สองคน
ผมชอบเนื้อหาและการเล่าเรื่องที่ทำให้น่าติดตามตลอด แถมจบแบบ Happy มากกก แต่ก็พอเดาออกตอนกลางๆ เรื่องนะว่า พีร์ คงไม่จบกับศิลาแน่นอน
แต่ม่ายคิดว่าจะเป็น แจ๊ค ม่ายน่าเชื่อ ถ้าชีวิตจริงมีอย่างในนิยาย ทุกคู่ ทุกคน และผมคงมีความสุข กันล้นหลามทีเดียว

ท้ายนี้ ขอบคุร ไรท์เตอร์นะครับ ที่เขียนเรื่องดีๆ ให้ได้อ่านกัน ขอบคุณมากกก ครับ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nbom_pkai ที่ 19-09-2010 22:52:10
ขอเม้นแรงๆละกันนะครับ หวังว่าคงไม่ว่ากัน แค่อินมากๆๆๆ
พูดตรงๆเลย หมั่นไส้น้องพีมากๆๆๆๆๆๆๆ :angry2:
เขา โลเล ใจง่าย แถมอารมณ์อ่อนไหวเกินไป
ไม่ยอมฟังเหตุผลใดๆทั้งสิ้น คิดเรื่องที่ทำกับคุณหยก เป็นผมผมก็โกรธ
ที่คนที่ตนรักทำอะไรแบบปิดบัง บอกสักหน่อยก็ดีถึงจะโกรธกันแต่มันคงไม่มากเท่าตอนที่มารู้ทีหลัง
ตัวพีเองทำผิดหลายครั้ง(แว่วๆมาว่าขัดใจคุณหยกบ่อย) แต่คุณหยกก็ยังพยายามเข้าใจทุกครั้ง
แต่พอถึงคราวคุณหยก พีกลับไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น เหมือนกับว่าพีรักคุณหยกตรงความสมบูรณ์แบบ
พอสิ่งที่วาดฝันพังทลายก็สะบัดหนีจากไปในทันที ซึ่งมันเห็นได้ชัดมากตรงที่พีไม่ฟังอะไรและใดๆทั้งสิ้น
แถมตอนแรกที่คุณหยกคบกับคุณพี คุณหยกรักจากหัวใจ แต่พีรักจากตรงไหนกัน
ตรงที่เคยฝันว่าจะมีผู้ชายสักคนมาดูแลตนได้ และพอใครผ่านเข้ามาก็คว้าไว้ใช่ไหม :monkeysad:
ในกรณีของคุณพจ คุณพีก็หวั่นไหวง่ายเกินไปอีก แค่เขามาทำดีด้วยเล็กๆน้อยก็หลงไหลได้ปลื้ม
แถมตอนที่คบกับคุณพจ ก็ยังรักคุณหยกอยู่ด้วย เรียกว่าหลายใจจริงๆ แถมดูๆแล้วคุณพีไม่ได้รักคุณพจเลย
เหมือนกับกรณีเดียวกับคุณหยก ที่ตัวเองเหงา เหว่ว้าก็แค่คว้าเอาใครสักคน
ตอนที่สลบเพราะรู้ว่าคุณพจจะแต่งงาน น่าจะเป็นเพราะกรณีเดียวกับคุณหยก ที่ฝันสลายอีกครั้ง
แต่ก็ยังดีที่จบด้วยความเข้าใจ แม้จะอ่านๆดูแล้ว คุณพจกับคุณพีเหมือนจะไม่ค่อยรักกันก็เหอะ(อันนี้ผมอาจคิดไปเอง)
ส่วนคุณแจ๊ค โครตม้ามืดที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ คว้าเอาบทพระเอกไปเฉยเลย อันนี้อ่านดูแล้ว
เหมือนคุณแจ๊ครักพีที่คล้ายใครอีกคน(แต่ไม่น่าจะใช่) ตอนแรกแค่อยากช่วยเหลือ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นรัก
ดีใจด้วยสุดๆๆๆๆๆ อยากได้แฟนแบบนี้ๆๆๆๆๆๆๆ :impress2:
คุณแพรว ต้นเหตุเกือบทั้งหมดมาจากคนนี้ทั้งนั้น ถ้าไม่แนะนำคุณพจน์ให้รู้จักพีก็คงไม่เกิดเรื่องขึ้น
อีกเรื่องที่อยากแนะนำคุณแพรวมากๆ คือ ช่วยปล่อยคนที่รักกันให้อยู่อย่างสงบสุขได้ไหม
และ ช่วยมีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นลูกผู้หญิงที การที่ต้องไปถ่วงแข้งขาไม่ให้ผู้ชายจากไปนี่มันน่าอายมากๆ :m16:
ถึงจะมีลูกก็เหอะ แต่ผมคิดๆดูแล้วการที่คุณแพรวจะหย่ากับคุณหยก เป็นเรื่องที่ดีที่สุดแน่นอน
ถึงจะไม่รู้ก็เหอะว่าหลังจากหย่าแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น แต่น่าจะฟันฝ่าไปได้
ป.ลถึงคุณแพรวหน่อย ลึกๆแล้วคุณแพรวก็รักคุณหยก ไม่งั้นไม่ถ่วงไว้หรอก จริงปะ o13
ถึงคุณพีที่เป็นนายเอกที่แสนดีในเรื่อง แต่กลับเลวร้ายทีสุดในสายตาผม  :m31:
อ่านดูดีๆเหมือนคุณพีไม่รักใครเลย
ถ้าผมเข้าไปในเรื่องได้ สิ่งแรกที่ผมจะทำคือ เข้าไปตบหน้าคุณพีแล้วตะโกนใส่หน้าว่า
"หัดรักคนอื่นด้วยหัวใจได้แล้ว แล้วก็เลิก........สักที" :angry2:
เอาเหอะถือว่าชาติก่อนเขาทำบุญมาดี ชาตินี้เลยได้สิ่งดีๆ
ถึงตอนจบจะไม่เป็นอย่างที่คาด แต่ถ้ามันแฮปปี้ก็โอเค :เฮ้อ:
ขอบคุณคนแต่งมากครับ :pig4: :pig4:
และผมหวังว่าคงจะไม่โกรธนะครับกับคอมเม้นของผม แฮ่ๆ แค่อินไปหน่อย :bye2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 21-09-2010 11:36:19
 :pig4: ขอบคุณนะค่ะ
สำหรับเรื่องราวดี ๆ
ตอนแรกก็เชียร์พี่หยก
แต่พออ่านไปอ่านมาคิดว่าพี่แจ็คอะดีที่สุดแระจร้า
ส่วนพี่พจก็คงเป็นอารมณ์แบบว่าผู้ชายอบอุ่นที่มาดูแล

 :o8: :-[ ยังไงก็อิจฉาคุณพีร์อยู่ดีแหละจร้า
อ่านเรื่องนี้ตอนแรกบอกได้คำเดียวว่าปวดตับมากมาย
แต่พออ่านไปอ่านมา เลือดก็แทบจะหมดตัว  :haun4: :z1: :oo1:

 :L3: เห้อเมื่อไหร่ จะเจอคน ๆ นั้นซะที
ก็ได้แต่รอต่อไป  :z2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 24-09-2010 22:19:12
ขอสารภาพว่าตอนแรกที่อ่าน หมั่นไส้พีร์มากๆ เพราะพีร์ดูเป็นคนโลเล ทำไมไม่เลือกไปซะคน รักคนโน้นแต่ผูกพันคนนี้อยู่ได้  แต่พออ่านๆไป  กลับกลายเป็นสงสารพีร์ซะงั้น  มีแต่คนอยากใ้ห้พีร์เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ ไม่มีใครที่รักพีร์มากพอที่จะรักกันแบบเปิดเผยได้สักคน  ดีใจที่พีร์ได้เจอคนที่จริงใจอย่างเฮียแจ๊ค ขอบคุณที่ทำให้อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่า เฮ้ย..นี่มันจับต้องได้ มันไม่มีแต่ด้านดีด้านเดียว มันมีทุกรสชาิิติ มีหลากอารมณ์มาก ขอบคุณคนแต่งมากๆนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: FunnYtooN ที่ 26-09-2010 23:08:18
โอ๊ย อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ สนุกมากมายอ่า

ตอนแรกแอบเชียร์พี่หยก แต่จบได้พี่แจ๊คนี้น่ารักมากเลยค่ะ

ขอบคุณมากๆ นะค่ะ สำหรับเรื่องดีๆ ^^
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: mumumama55 ที่ 28-09-2010 22:06:22
 :-[ ขอบคุณนะคะ ที่สุดก็หวานกันได้..อย่างมาก :o8:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ณยฎา ที่ 29-09-2010 00:52:02
ตอนแรกคลิกเข้ามาเพราะคำว่า เรื่องสั้น อ่านไปอ่านมา ก็ยาวได้ใจอยู่
ลุ้นมากนึกว่าน้องพีจะรักพีีหยกคนเดียวซะแล้ว แต่ดีใจนะที่สุดท้ายก็มาลงเอยกับแจ๊คได้อ่ะ เหมาะสมลงตัว พลิกลอคสุดๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 18-12-2010 19:41:16
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย สนุกมากเลยค่ะ ลุ้นมากๆ อ่านไปร้องไห้ไปอ่ะแบบว่าไม่รู้จะสงสารใครดีเลยอ่ะ เฮ่อสนุกมากๆเลยค่ะ

ขอบคุณนะคะแล้วะจติดตามต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 07-02-2011 23:34:09
ตามมาจากตอนพิเศษ ขี้โกงเล็กน้อย อ่านข้ามๆมาเน้นอ่านตอนพีร์เป็นแฟนกับแจ๊คเลย  :laugh:เราไม่เน้นเศร้าอะ หุๆ ไว้กลับไปอ่านตอนพิเศษต่อจ้ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: angelTT ที่ 17-02-2011 15:30:56
แรกสุดต้องขอขอบคุณ รคุณน้ำพริกมากๆนะคะที่แต่งนิยายสนุกมากๆมาให้อ่านกัน ชอบเรื่องนี้มากคะ ทั้งเนื้อเรื่องที่สมจริง สามารถแสดงด้านมืดและด้านสว่างของมนุษย์ปุตุชนธรรมดาได้อย่างชัดเจน ทำให้คนอ่านอินกับเรื่องมากค่า เพราะมีครบทุกรส ทั้งสุข เศร้า ตลก และอิ่มเอมใจ

คุณน้ำพริกแต่งเรื่องอื่น ๆ อีกนะคะ จะติดตามอ่านและเป็นกำลังในให้ค่ะ

ปล.ชอบบทบาทของคุณแพรวเป็นพิเศษ เพราะในมุมมองของเรา เธอเป้นผู้หญิงที่ดี และเห็นแก่ความสุขของคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ และทำทุกอย่างเพื่อลูก

ขอบคุณอีกครั้งนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ไฉไล ที่ 18-02-2011 00:27:16
ชอบค่ะ รอติดตามผลงานอีกนะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 30-03-2011 17:37:01
ชอบจัง น่ารัก ในที่สุดพีร์ก็เจอคนที่ใช่จริงๆซะทีเน้อออ  :L2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: kazama ที่ 30-03-2011 23:25:20
เรื่องราวมันวุ่นวายจริงๆเลย

ช่วงแรกบอกตรงๆเลยว่าไม่ชอบที่น้องพีร์ทำตัวแบบนี้เลย ปากก็บอกว่ารักหยก ก็แค่ทะเลาะกันแรงๆแค่ครั้งเดียว ถึงกับต้องเลิกแบบไม่เคลียร์ แล้วก็สานสัมพันธ์ต่อกับพจน์ต่อเลย  ตอนนี้อ่านแล้วสงสารหยกมากๆเลย ไม่มีโอกาสได้แก้ตัว แก้ไขในสิ่งที่ตัวเองทำผิดเลย ถ้าน้องพีร์ให้โอกาสเรื่องแย่ๆมันคงไม่เกิดขึ้น  (แฟนคลับน้องพีร์อย่าว่าเรานะ อิอิ  เพราะว่าเราอ่านแล้ว รู้สึกแย่จริงๆ)

ไปๆมาๆมีตาอยู่อย่างพี่แจ๊คเอาไปกินซะงั้น - -"  แห้วทั้งพจน์ทั้งหยกเลย

แต่ก็ดีแล้วล่ะที่ลงเอยกับแจ๊ค เพราะกับหยกถึงจะรักมากแค่ไหนมันก็เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะเขามีครอบครัวอยู่แล้ว


ขอบคุณมากๆ



หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: MS SASA ที่ 23-10-2011 20:30:06
อ่านกี่รอบกี่รอบก้อไม่เคยเบื่อ
ขอบคุณน่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 26-10-2011 20:00:56
อ่านกี่รอบกี่รอบก้อไม่เคยเบื่อ
ขอบคุณน่ะค่ะ

ขอบคุณมาก ๆ เช่นกันค่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 28-10-2011 10:00:59
ชอบอ่ะ :-[ :-[
กว่าจะพีย์จะมีความสุขได้ ลุ้นซะเหนื่อย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: heaven13 ที่ 31-10-2011 14:43:25
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
มีครบทุกรสจริงๆ
ชอบๆ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nishiauey ที่ 28-11-2011 12:04:07
 เฮ้อ อ่านไปลุ้นไป แต่ในที่สุดพีร์ก้มีความสุขกะเค้าเสียทีนะ
ขอบคุณนะค๊าบบบบ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำพริกแมงดา ที่ 17-05-2012 17:25:47
สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน...

  ตอนนี้คนเขียนมีความคิดอยากจะ RE-write นิยายเรื่องนี้ให้ดีและสมบูรณ์แบบที่สุดในทุก ๆ อย่างแล้วตีพิมพ์เป็นหนังสือ คุณผู้อ่านคิดว่าอย่างไรบ้างคะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน -- มีข่าวดีมาบอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 18-05-2012 00:13:12
ดีใจที่พีร์มีความสุขซะทีเนอะ

 :mc4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน -- มีข่าวดีมาบอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: FanJKi ที่ 19-05-2012 14:28:34
 o13  ดีค่ะ ขอแบบ พีร์+หยก Happy ๆ เน้อ  :3123:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน -- มีข่าวดีมาบอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: obab ที่ 23-05-2012 00:07:19
o13  ดีค่ะ ขอแบบ พีร์+หยก Happy ๆ เน้อ  :3123:

อยากอ่านเหมือนกันค่ะ ทำเป็นตอนจบอีกแบบก็ดีนะคะ กรี๊ดดด!
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน -- มีข่าวดีมาบอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 26-08-2012 12:54:05
อ่านจบแล้วค่ะ น่ารักมากๆเลย
ชอบนายเอกร่างอวบเต็มกอดอย่างน้องพีร์มาก
คุณแจ็คเลยกอดเพลินทุกคืนเลย

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน -- มีข่าวดีมาบอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 27-08-2012 04:17:59
คุณแจ๊คมาแรงแซงทางโค้งจริง ๆ นะคะ
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมาก ๆ ^^
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน -- มีข่าวดีมาบอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 30-08-2012 19:30:49
นิยายเรื่องนี้ต่างจากที่ผมอ่านมามากๆเลยหล่ะครับ

ความเห็นของผมนะ ผมว่าผู้ชายทั้งสามคนของแม่มาลัยสามชายผู้นี้นั้นแสนดีทุกคนเลย  :laugh:

ผมไม่ได้จะว่านายเอกเลวร้ายหรือว่าอะไรนะ แต่ว่าผมไม่ค่อยเข้าใจความคิดของเค้าเท่าไหร่

เหมือนเค้าไม่ได้รักใครจริงๆเลยสักคน อย่างพี่หยกที่บอกว่ารักนักหนาเค้าก็โกรธเพราะพี่หยกรุนแรง

แต่ภายใต้ความรุนแรงนั้นเพราะพี่หยกรักไม่ใช่หรอ? แล้วตัวเองไม่ผิดสักนิดเลยหรอที่ลากผู้ชายคนอื่นไปนอนด้วย

แม้จะไม่ได้คิดอะไรก็เหอะ แต่กรณีพี่หยกเค้าก็มีลูกมีเมียแล้วก็นะ ถอยออกมามันก็ดี

ส่วนเรื่องพจน์ ผมอ่านยังไงเค้าก็เหมือนแค่เพื่อน ที่พิเศษคือเค้าได้นอนด้วยกันด้วยหน่ะนะ

ส่วนคุณแจ็ค อันนี้โอเคนะ ลงตัวดี แต่นะ สงสารคุณแจ๊คเหมือนกันในบางที เหมือนพีไม่เปิดใจให้

แต่ก็นะ ชีวิตคนเราไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ถ้านิยายทุกเรื่องเขียนทุกตัวละครให้สมบูรณ์แบบ

มันก็คงไม่น่าค้นหาเท่าไหร่ เพราะในชีวิตจริงๆใครจะมาดีพร้อม มันหาได้ยากจริงๆ

ผมดีใจนะครับที่ได้อ่านเรื่องนี้ ขอบคุณมากๆนะครับที่เขียนเรื่องนี้มาให้ได้อ่าน

ขอบคุณมากครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน -- มีข่าวดีมาบอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: nutjisub ที่ 05-08-2013 16:33:18
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน สนุกมาก ๆๆ นี่ถ้าตามมาตั้งแต่แรก แล้วต้องรอตอนต่อไปนี่จะต้องเครียดและลุ้นมากๆ ๆ แน่ ๆๆ เลย สนุกมากคะ อยากจะบอกว่าอ่านที่แรก รู้สึกไม่พอใจกับความรักที่ผิดศีลธรรมของ หยกกับพีร์ พอต่อๆๆ ไปรู้สึก พีร์ไม่หนักแน่นจะไปคบกับพจน์  แต่ที่ surprise สุด ๆๆ คือแจคได้เป็นพระเอก และพร้อมในทุก ๆๆ ด้านที่จะรักพีร์ พีร์โชคดีมาก ๆๆ  สรุปอ่านแล้วสนุกมากๆๆๆ เสียดายมาช้านิยายจบไปนานเลยค่ะ  :mew1: :katai2-1: :3123:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน -- มีข่าวดีมาบอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 05-08-2013 19:21:25
บ่องตง รักพี่แพรวจังง

ผู้หญิงแบบนี้หายากมากกกกกก

ชอบบบ >///<

 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน -- มีข่าวดีมาบอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 06-08-2013 10:09:43
อ่านจบแล้ว เย้ๆๆๆ เรื่องราวมันพลิกกลับไปหมดเลย
แต่ก็ดีแล้วที่จบแบบมีความสุขกัน
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน -- มีข่าวดีมาบอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 20-08-2013 23:00:25
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน -- มีข่าวดีมาบอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 22-08-2013 19:03:49
รักแจ็คที่สุดเลย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน -- มีข่าวดีมาบอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 26-08-2013 00:07:39
สนุกมากค่ะ มาลัยสามชายมากมาย
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน -- มีข่าวดีมาบอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 15-05-2015 19:23:08
เพิ่งมีโอกาสได้มาอ่าน
ลุ้นทั้งเรื่องอะค่ะ. ลุ้นว่าใครจะเป็นพระเอกเรื่องนี้
แอบโมโหน้องพีเบาๆ ดูน้องใจง่ายไปนิด อ่อนไหวไปหน่อย  :z6:
คือตอนที่หยกโกรธแล้วทำรุนแรงอะค่ะ. เราว่าพีก็ผิดนะที่ปิดบังก่อน
พอมาคราวพจ ก็ดูเหมือนพีไม่ค่อยอะไนเท่าไหร่ พจเหมือนเพื่อน. เหมืองฟางเส้นสุดท้ายที่พียึดไว้ตอนโกรธหยกมากกว่า
แต่พี่พระเอกของเรานี่จิ.  ม้ามืดมาก มาแรงแซงโค้งเลยนะคะ แต่ก็น่ารักดีนะคะ ดูรักพีมากๆอะ  :-[
แต่ยังไงก็แล้วแต่ เรื่องนี้สนุกมากค่ะ อ่านรวดเดียวเลย. ขอบคุณมากนะคะ.  :hao3:
หัวข้อ: Re: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน -- มีข่าวดีมาบอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Baruda ที่ 08-08-2015 22:17:31
 :pig4: :pig4: